เสียงคีย์บอร์ดดังเป็นจังหวะภายในห้องที่กำลังเปิดเพลงคลอเบาๆไประหว่างการทำงาน ผมกับเมดฟังเพลงคนละแนวกัน ผมเน้นเพลงที่มีจังหวะที่ค่อนข้างหนัก เสียงกลอง เสียงเบส ต่างกับเมดที่ชอบฟังเพลงสบายๆ ที่มีความหมายลึกซึ้ง เพลงที่เคยน่าเบื่อสำหรับผมแต่มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่า มันก็เพราะดีเหมือนกัน เพราะบางเพลงซึ้งกินใจเสียจนอยากจะเดินไปกอดคนที่นั่งด้วยกันเอาไว้ หอมแก้มมันสักฟอด แต่ก็ได้แค่ยิ้มเยาะกับตัวเองในตอนที่หันไปมองใบหน้าน่ารักนั่นเพราะไม่กล้า
เมดร้องเพลงคลอไปตามจังหวะเพลงนั้นเบาๆตอนที่ถึงช่วงฮุกของเนื้อร้อง บ่อยๆที่มันจะร้องเพลงออกมาให้ผมฟังโดยไม่รู้ตัว แล้วนั่นก็ทำให้ผมรู้ ‘ เมดก็เป็นคนนึงที่ร้องเพลงเพราะ ’
“ มองอะไรวะ “ คนโดนแอบมองเม้มริมฝีปากตัวเองทันทีตอนที่เห็นว่าผมมองมันอยู่ “ จะแซวว่ากูร้องเพลงเหี้ยก็พูดมา “
“ ยังไม่ได้พูด “ ส่งยิ้มล้อให้มัน ผมส่ายหน้า “ ร้อนตัว “
“ ไม่ได้ร้อนตัว เค้าเรียกรู้ทันเว้ย “ อีกฝ่ายเถียงก่อนจะทำหน้าติดงอนนิดหน่อย เมดก้มลงทำงานของตัวเองต่อผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง
วันนี้รู้สึกเบื่อกับเกมส์ที่เล่นจนไม่อยากจะทำอะไรและดูเหมือนสิ่งน่าสนใจกว่าเกมส์ก็คือการแกล้งใครคนที่อยู่ด้วยกันมากกว่า ก้าวออกมายืนข้างตัวของร่างขาว ผมก้มตัวลงแนบแก้มเข้าไปแก้มของอีกคน เลื่อนมือจากแขนเนียนลงไปประสานมือของเมดแล้วกระชับมันไว้แบบนั้น จูบลงข้างแก้มอีกคนก่อนจะถอนหายใจเบาๆเป่ารดบริเวนคอจนอีกฝ่ายเกร็ง
“ รู้มั้ยครับ เสียงตอนร้องเพลงของเมดน่ะนะ มันช่าง.. “ ผมเว้นเสียงไปก่อนจะกระซิบคนที่เอาแต่แก้มแดงจัดด้วยความเขิน “ ดังเหมือนแม่เป็ดออกไข่เลย “
“ ไอ้สัด “ ดึงตัวเองออกห่างก่อนจะด่าผม แก้มแดงๆนั่นหายไป เหลือไว้แค่ใบหน้าติดเซ็งของอีกคนที่ดึงมือข้างที่ผมจับออก เปลี่ยนมาหมุนสกอร์บาร์ของโน๊ตบุ๊คเล่นๆแทนด้วยความเซ็ง
“ เพราะงั้นทีหลัง.. “
“ เออ ไม่ต้องพูด ทีหลังไม่ร้องให้ฟังแล้ว “ อีกคนบอกก่อนจะยกมือค้ำหน้าตัวเอง เผลอยกยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดที่ไม่เป็นไปดั่งใจที่คิดว่า ทุกอย่างจะออกมาโรแมนติก ผมกระซิบที่ข้างหูมัน
“ เพราะงั้นทีหลัง อย่าไปร้องให้ใครฟัง ร้องให้ผมฟังแค่คนเดียวก็พอ เข้าใจมั้ยครับ “ จูบลงที่ข้างแก้มนั้น เมดที่เบิกตาขึ้นเล็กเล็กน้อย ส่วนผมก็ดึงตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้คนขี้เขินได้หน้าแดงมากที่สุดเท่าที่ใจต้องการอยู่ในห้องนั้นเพียงแค่คนเดียว
ชั้นล่างของผับวันนี้มีแขกเยอะมากเป็นพิเศษ อาจเพราะผับเลโก้ที่ต้องปิดแบบไม่มีกำหนด เสียงเพลงเพราะๆบนเวทีของนักร้องจากค่ายดังชวนให้ผมยืนนิ่งฟังอยู่นานตรงท่อนนึงของเพลงที่ถูกร้องมันชวนให้ผมยิ้ม
‘ ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงหัวใจฉันไป ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ที่ฉันไม่เคยพบเจอ เพราะสำหรับฉันแต่ก่อน ความรักคือการคว้ามาแต่ในวันนี้ฉันเปลี่ยน ความรักคือการให้ไป เพิ่งจะรู้และเข้าใจเมื่อฉันได้มาพบเธอ ’
“ อ้าว ไอ้อาฟ “ เสียงไม่คุ้นที่เอ่ยเรียกชวนให้ตัวผมที่ยืนนิ่งหันไปมอง ความรู้สึกสุขใจลดฮวบลงตอนที่เห็นหน้ามันแต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที
“ อ้าว มึงมาจริงๆสินะ “
“ หมายความว่าไงวะ “ คนถามขมวดคิ้วยิ้มๆก่อนจะเข้าใจได้เองโดยที่มีต้องพูดอะไร “ เข้าใจละ น้องชายมึงคงบอกมึงแล้ว ว่ากูจะมา “
“ แฟนกูบอก “ ผมบอกมันอีกคนก็พยักหน้ารับยิ้มๆ
“ เมดสินะ “
“ แฟนกูมีคนเดียว อย่าพูดเหมือนแฟนกูมีหลายคนแบบนั้นสิวะ “ ยักคิ้วให้ไอ้บิน ผมยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากจุดที่ยืน อยากจะหาพื้นที่เหมาะสมในการคุยกันมากกว่าการยืนอยู่ริมทางเดินแบบนั้น เพราะผมรู้สึกได้ว่าการที่มันมาถึงที่นี่ คงไม่ได้ตั้งใจมาพูดเรื่องที่ดีเกี่ยวกับคนที่ผมรักอยู่แล้ว
“ รักกันดีเลยสินะมึงกับแฟนเก่ากู “ ยิ้มรับคำพูดข่มนั้น ผมพยักหน้ารับกับคนตรงหน้าที่นอกจากเรื่องของที่ตัวเองเคยเป็นแฟนคนแรกของเมดแล้ว มันก็เหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรอีกที่เหนือกว่าผมและเอามาข่มกันได้
“ แน่นอนอยู่แล้ว “ ตอบแบบนั้นก่อนจะถามกลับ “ แล้วมึงมาที่นี่ทำไม “
“ อะไรกันวะ ขนาดเจ้าของผับยังพูดแบบนี้ เสียความรู้สึกชิบหาย กูแขกนะเว้ย “
“ ไม่เอาน่า “ ผมยิ้มกว้างที่ก็ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่กำลังยกยิ้มมองกันอยู่ “ มึงไม่เลือกมาที่นี่ เพราะแค่อยากจะเมาหรอก ถ้าไม่อยากเห็นหน้าแฟนกู ก็คงอยากจะคุยกับแฟนกู ถามจริง นี่มึงยังคิดถึงโอกาสที่จะได้คืนดีกันอยู่อีกเหรอวะ “
“ ไม่เอาน่า อย่าคิดอะไรในแง่ร้ายอย่างงั้น บางทีกูอาจจะแค่อยากจะมาคุยกับมึง ตามประสาของคนที่เคยมีประสบการณ์การคบกับเมดมาก่อน “
“ งั้นเหรอ “ พยักหน้ารับอีกคน ก่อนจะเรียกพี่ซองผู้จัดการร้านที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ให้ตรงเข้ามาหา
“ ครับ คุณอาฟ “
“ โซนโซฟาชั้นล่าง พอมีโต๊ะว่างสักโต๊ะมั้ยพี่ซอง “ คนโดนถามหันไปมองชุดโต๊ะโซฟาตามที่ผมบอก พี่ซองผู้จัดการร้านกวาดสายตาไปโดยรอบก่อนจะเห็นการจัดเก็บของโต๊ะตัวนึงที่อยู่ด้านในสุด
“ ว่างพอดีเลยครับ “
“ จัดแบล็คมาชุดนึง “ ผมบอกบอกก่อนจะเชิดหน้าไปที่คนตรงหน้า “ มึงกินมิกซ์อะไร “
“ กูชอบไม่ผสม “
“ ไม่เอามิกซ์เสิร์ฟที่โต๊ะนั้นนะ “
“ ครับ คุณอาฟ “
“ จะเลี้ยงเหล้ากูเหรอวะ “ พยักหน้ารับคำถามของไอ้บิน ผมเดินนำไปที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงบนโซฟา เราเลือกนั่งคนละฝั่งกัน บินมองไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาใครบางคนที่อยากจะเจอ “ แล้วนี่เมดอยู่ไหนวะ “
“ มึงไม่จำเป็นต้องรู้หรอก “ เหล้าถูกยกมาเสิร์ฟ แก้วที่ถูกวางลงตรงหน้าเราคนละใบ น้ำแข็งถูกจัดใส่โดยพนักงานที่เมื่อรินเหล้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกไป เหลือไว้แค่ผมกับไอ้บินที่ตอนนี้อีกคนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาหมุนเบาๆก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ โชคดีเป็นของกูจริงๆ มาถึงผับดังขนาดนี้ แถมเจ้าของผับยังเลี้ยงเหล้าอีก “
“ กูเลี้ยงขอบคุณมึงน่ะ “
“ เรื่อง ? “ แก้วที่กำลังจะเอาเข้าปากชะงักลง ผมยกยิ้ม
“ เรื่องที่มึงไปเอากับเพื่อนเมดจนต้องเลิกกัน แล้วเมดก็ได้มาเป็นแฟนกู ” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกินบ้าง “ ตอนแรกคิดว่ากว่าจะลืมแฟนเก่าแบบมึงได้ เมดคงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ผิดคาด มึงแม่งเหี้ยมาก เมดก็เลยตัดใจได้เร็วจนกูคิดอยากจะขอบคุณมึงเลย แล้ววันนี้ก็ได้เลี้ยงเหล้าขอบคุณมึงจริงๆ “ วางแก้วเหล้าลง สบสายตากับอีกคน ผมยิ้มจางๆ “ ขอบคุณที่เหี้ยขนาดนั้นนะ “
“ ถามจริง คิดยังไงมาเอาไอ้เมด “
“ คงเป็นคำตอบเดียวกับมึง ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะปล่อยมันไปละมั้ง “ พิงตัวเองลงกับพนักพิงของโซฟา ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ จากคำพูด แววตา หรือแม้แต่ตัวมันที่มายืนอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้ว่า เหตุผลเดียวที่อีกคนยังคงดึงดัน ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน นั่นก็แค่เพราะเมดคือคนที่มันขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ยังอยากได้คืน
สำหรับความรัก บางคนก็เลือกที่ปล่อยให้คนรักไปเจอคนที่ดีกว่า และยอมจำนนต่อความรู้สึกผิดที่พลาดเอง แต่สำหรับบางคนทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิด แต่ก็ยังเสียดาย แล้วไม่ว่ายังไงก็ยังอยากได้กลับไปอยู่แบบนั้น แล้วบินก็เป็นแบบนั้น เป็นแบบข้อหลังที่ผมพูดไป
“ ใครว่า “ มันยิ้มเยาะพลางส่ายหน้า “ กูถามมึงจริงๆเถอะ ไม่รำคาญมันบ้างรึไง กูเดาได้เลยว่า มันต้องคอยจัดการนู้นนี่ให้มึงจนมึงต้องรู้สึกเบื่อ “
“ กูไม่รำคาญนะ “
“ มันแค่เพิ่งเริ่มต้นไง เดี๋ยวมึงจะค่อยๆรู้สึกรำคาญมันไปเรื่อยๆ เพราะมันจะดูแลมึง จนมึงอึดอัดแทบอ้วกเลยกูจะบอกไว้ ” ผมยิ้ม ตอนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นกินบินที่มองอยู่ก็ถาม คำถามที่ทำให้แววตาของมันเปลี่ยนไป เป็นคำถามที่มันอยากรู้ “ หรือว่ามันไม่ทำอะไรแบบนั้นให้มึงเลย “
“ ทำไมคิดงั้น “ บินยักไหล่
“ ก็มันทำให้แค่เฉพาะกูคนเดียว คนที่มันรัก “
“ อย่าเอาอดีตมาช่มกูบิน มึงแค่อดีต เพราะปัจจุบันกูคือคนที่มันรัก “ ผมบอกก่อนจะยิ้มกว้าง “ กูเป็นคนที่เมดจะจูบก่อนจะลุกจากเตียง คนที่เค้าตื่นไปชงกาแฟอร่อยๆให้กิน เตรียมอาหารเช้าที่กูชอบไว้ให้ จัดเสื้อผ้าในชุดที่ต้องใส่ หรือแม้แต่บีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำ ถ้ามึงบอกว่าเมดทำให้แค่คนที่รัก งั้นมึงก็ควรรู้เอาไว้ว่าอดีตไม่สำคัญมันย้อนคืนไปไม่ได้ แล้วปัจจุบันมันทำให้แค่กู ”
“ นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่กูชอบหรอก ไร้สาระ “
“ งั้นเหรอ “ ผมพยักหน้ารับกับอีกคนก่อนจะเปิดฝาเหล้าเพื่อเติมเหล้าที่พร่องลงไปในแก้วของตัวเอง “ กูคิดว่ามึงจะแอบดีใจซะอีก ถ้ายินได้กูพูดว่า เมดไม่เคยทำอะไรแบบนั้นให้กู “
“ ทำไมกูต้องดีใจกับอะไรแบบนั้น “
“ ก็มึงยังคิดไม่ใช่รึไง ว่าเมดยังรักมึง ไม่งั้นมึงจะมาที่นี่ทำไม จริงมั้ย “ สบสายตาพลางยิ้มให้บินที่หลบตาไปทางอื่น ผมถอนหายใจออกมา “ ทำไมวะ เบื่อแล้วเหรอ เพื่อนไอ้เมดน่ะ ลองหาคนใหม่สิ มึงชอบไม่ใช่เหรอไง แบบมีให้กินหลายๆคน “
“ บังเอิญว่า ถ้าเป็นความสัมพันธ์นี้กูอยากให้มันเป็นแค่เมดวะ “
“ เหี้ยดี “ ผมชมมัน “ เหมือนมึงจะพูดว่า อยากให้เป็นแค่ไอ้เมดคนเดียวที่ต้องมาเสียใจกับเรื่องแบบนี้ “
“ ก็ใครมันเสือกมากำหนดว่า คนเรามันต้องมีแฟนอยู่คนเดียว กูมันก็แค่คนที่เลือกไม่ได้ กูก็รักมันทั้งคู่ เมดมีอะไรหลายอย่างที่กูชอบ แต่บางอย่างก็ไม่มี ส่วนยีนส์ก็มาทดแทนในส่วนนั้น ส่วนที่เมดมันไม่มี แล้วนั่นคือเหตุผลที่กูต้องมีมันทั้งสองคน ”
“ จะด่ามึงว่าเหี้ย กูยังเหี้ยเลยรู้มั้ย ”
“ กูแค่กล้าที่จะพูดความจริง “ บินบอกแบบไม่รู้ผิด ผมก็ได้แต่ยิ้ม “ เมดมีอีกหลายอย่างที่น่าเบื่อ ”
“ ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยมีความรู้สึกนี้ “
“ มึงยังคบกับเมดไม่นาน มันยังมีข้อเสียอีกเยอะที่มึงไม่รู้ ตอนนี้มึงยังหลงมัน เพราะมันทั้งน่ารักแล้วก็ใส่ใจ แต่พอนานไปมึงก็จะรู้สึกเบื่อ ”
“ มึงรู้สึกอย่างงั้น “
“ ใช่ “
“ เบื่อแล้วทำไมตอนนั้นมึงไม่เลิก “ ผมถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้ “ มึงบอกว่ามึงเบื่อ มันน่ารำคาญ ใส่ใจมึงมากเกินไป แล้วตอนนั้นทำไมไม่บอกเลิก นอกใจมันทำไม มึงเก็บมันไว้ทำไม ถ้ามึงรำคาญมันถึงขนาดนั้นก็บอกเลิกมันเลยสิ “
“ ก็แค่ยังรัก มันน่ารำคาญ แต่กูก็ยังรักมัน “
“ ไม่ใช่เพราะว่า เวลามึงเบื่อที่จะมีอะไรกับเพื่อนมันแล้ว มึงก็จะได้มาเอามันต่อหรอกเหรอวะ “
“ อาฟ เซ็กส์ของเมดไม่ได้ทำให้กูติดใจขนาดนั้น “ มันว่าพลางชะงักแก้วเหล้าที่กินอยู่ในตอนนั้น ก่อนมองผมนิ่งๆแล้วยิ้ม “ อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่มีอะไรกับเมด “
“ ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้น “
“ ถ้ามึงมีอะไรกับเมดแล้ว มึงจะไม่มาพูดกับกูแบบนี้ “ อีกคนส่ายหน้า “ มันทั้งเสร็จช้า ชอบปฎิเสธ แถมยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมอีก เป็นเหี้ยอะไรที่น่าเบื่ออย่างที่สุด “
“ มึงไม่เก่งรึเปล่า “ ผมถามอีกคนก็ขมวดคิ้ว
“ แล้วมึงรู้รึเปล่าว่าจุดอ่อนไหวที่สุดของเมดคือตรงไหน ”
“ โทษทีนะ เรื่องแบบนั้นของแฟน มันไม่ใช่เรื่องที่กูจะเอามาอวดใคร “ ยักคิ้วให้มันกลับอีกคนก็แบะปากใส่ผม ก่อนจะทำทีเป็นยกเหล้าขึ้นกินตอนที่วางแก้วลงผมก็บอก “ มึงรู้เอาไว้ก็พอว่า เวลาที่เราจูบกันไม่เคยมีสักครั้งที่เมดไม่ชอบใจ ไม่มีเคยมีสักครั้งที่มันจะบอกว่า ไม่ แล้วทุกครั้งเวลาที่เรามีอะไรกัน เวลาที่กูจูบลงบนต้นคอ หน้าอก หรือแม้แต่ขา เมดจะแค่จะครางชื่อกูออกมาเบาๆ พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยด้วยความตื่นเต้น แล้วตอนที่มือกูลูบไล้ไปบนขาของมัน หรือแม้แต่ตอนที่ขยำก้นกลมนั้น เค้าก็เอาแต่ยิ้ม ยังไม่นับรวมตอนที่กูสอดใส่เค้าก็ทำได้แค่กอดกูไว้แน่น แล้วก็เอาแต่บอกว่าเค้า รัก และมีความสุขกับเซ็กส์ของกูขนาดไหน นี่ยังไม่นับรวมถึงตอนที่ครางเรียกแต่ชื่อกูอีกนะ “ ผมยิ้มให้มัน “ ความรู้สึกตอนนั้น มัน... แน่นมากเลย “
“ มึงก็แค่คนที่เพิ่งคบ “ เสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้าทำให้ผมยิ้ม
“ ส่วนมึงก็แค่คนที่ยังอยากได้มันคืนไป แต่ยิ่งพูดข่มกูเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ผล “ เว้นเสียงที่พูดกับอีกฝ่าย ผมนั่งมองมันอยู่ “ ที่มึงมาวันนี้ คงคิดว่าถ้าได้เจอเมดก็คงขอคุยอะไรสักอย่าง คำพูดที่มึงเตรียมมา คำว่าขอโทษ ผิดไปแล้ว หรือแม้แต่คำพูดที่ว่า กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย มึงขาดมันไม่ได้ แต่ที่กูอยากจะบอกมึงก็คือ มึงจะไม่มีวันได้เมดกลับไปอีก เพราะกูจะไม่มีวันปล่อยเค้าไปไหนเด็ดขาด ต่อให้อดีตมันจะเป็นของมึง แต่จำไว้ ปัจจุบันและอนาคต เมดคือคนของกู “
“ อย่ามั่นใจให้มาก มึงเพิ่งคบกับมันแค่สองเดือน “
“ แต่ถ้ามึงจะบอกว่า มึงคบมาสี่ปี ยังเลิกเพราะทนเมดไม่ได้อันนั้นกูคิดว่าไม่จริง “ ยักคิ้วบอกมัน อีกคนก็ทำทีเป็นสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บินกำลังโกรธ “ มึงแค่ยังรักแฟนกูบิน มึงยังเสียดายที่วันนั้นเมดเลือกที่จะไปจากมึง ไม่เหมือนอย่างทุกทีที่เค้าทน มึงคิดถึงเวลาที่มันดูแลมึง มึงคิดถึงทุกอย่างแล้วอยากจะได้เมดกลับไป แต่วันนี้มึงไม่มีโอกาสแล้ว มึงก็เลยเลือกที่จะเอาอดีตมาพูดข่มกู ทั้งๆที่มึงก็คงลืมไปว่า มึงมันอดีต ส่วนกูมันปัจจุบัน “ พิงหลังตัวเองลงกับโซฟาผมจ้องหน้ามัน
“ มันไม่เกี่ยวหรอกว่ามึงจะคบมันมานานแค่ไหน ไม่ต้องเอามันมาช่มกู การที่มึงนอกใจมันไปเอากับเพื่อนมัน นอนกับมันไปพร้อมกับเพื่อนของมัน อะไรแบบนั้นไม่ได้ทำให้กูรู้สึกว่า มึงแม่งเจ๋ง ไม่มีใครมองมึงเจ๋ง เค้ามองมึงเป็นแค่ไอ้เหี้ยตัวนึงเท่านั้น และถ้าจะมีอะไรที่ทำให้กูอิจฉาได้ นั่นก็คือ มึงเป็นคนดีที่รักอยู่กับเมดคนที่กูรัก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เมดเป็นของกู แล้วนั่นก็ไม่มีอะไรที่กูต้องอิจฉา เพราะถ้าให้กูเลือกอิจฉาใครสักคน กูตอบได้เลยว่า กูอิจฉาตัวเอง อิจฉาที่ตัวเองมีคนน่ารักๆแบบเมดเป็นแฟน คนในแบบที่มึงอยากมี แต่ว่ามีไม่ได้แล้ว หึ ฮ่าๆ “ หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง “ กูสมเพชมึงจังเลยวะ มึงแม่งเหมือนคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากหมาตัวที่เคยเลี้ยง ทั้งๆที่มึงแม่งก็เลือกที่ทิ้งมันไปเอง “
“ มึง.. ไอ้สัดอาฟ “ เสียงลอดไรฟันของอีกคน มือคู่นั้นคว้าเอาขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธที่กำลังประทุมันหมายจะฟาดมาทางตัวผม แต่มันคงลืมไปว่าผมยืนอยู่แล้วจากมุมที่ยืนก็เร็วกว่าที่จะยกเท้าขึ้นถีบมันไปเต็มแรง จนอีกฝ่ายล้มลงไปนั่งลงบนโซฟาตามเดิม ก่อนที่ผมจะใช้เท้าข้างนั้นเหยียบลงที่คอของมัน ความหนักของรองเท้าหนังกดแรงทั้งหมดลงที่ร่างของอีกคนจนต้องกัดฟันทนด้วยความเจ็บปวด
“ มึงอยากจะเข้าเผือกคอหรืออยากจะนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลดีละ “ ผมถามก่อนจะยกยิ้มมองมันที่ได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น บินคงกำลังรู้สึกแพ้และโกรธในเวลาเดียวกัน
ผม เหลือบมองไปทางบาร์สบตาเข้ากับเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะเชิดหน้าไปทางด้านนอกของผับ เป็นการบอกใบ้กับมันว่าให้เรียกการ์ดที่อยู่ด้านนอกมาจัดการคนตรงหน้านี้ให้หน่อย
“ คุณอาฟครับ “ หัวหน้าการ์ดของผับอย่างพี่แบล็คเดินเข้ามาทัก ผมปล่อยเท้าออกจากคอของไอ้บินก่อนจะหันไปบอก
“ จัดการให้หน่อย แล้วอย่าปล่อยให้หลุดเข้าผับมาอีก ”
“ ได้ครับ “ สิ้นคำตอบรับนั้น คนที่อยู่ตรงหน้าผมก็ถูกดึงขึ้นจากโซฟามันมองผมด้วยหางตา ต่างจากผมที่แค่ยิ้มมองมัน
“ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง “
“ กูไม่รับฝาก ” บอกอีกคนแบบนั้น ท่ามกลางสายตาของคนในผับที่หันมามองทางเรา ร่างสูงถูกนำตัวออกไปทางด้านหลังของผับ แล้วในตอนที่กำลังจะก้าวเดินไป ประตูสต๊าฟของทางขึ้นชั้นสามก็ถูกเปิดออก เมดเดินลงมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะชะงักไปตอนที่เห็นบินถูกจับกุมอยู่โดยหัวหน้าการ์ดของผับ
“ เมด “ เสียงเบาๆของบินที่เรียกอีกคนฟังดูน่าสมเพชจนทำให้ผมแค่ยกยิ้ม มันทำหน้าตาน่าสงสารใส่อีกคนเหมือนจะบอกผ่านทางแววตาว่ามันโดยทำร้ายจากผม
“ เกิดอะไรขึ้นวะ “ คำถามของคนมาใหม่เอ่ยถามขึ้น ผมไม่ได้ตอบอะไรแม้ว่าอีกฝ่ายจะมองมาแต่กลับก้าวขาเดินไปนั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวเองที่นั่งอยู่บาร์แทน แต่ถึงอย่างงั้นเมดก็ยังเดินมายืนอยู่ใกล้ๆผม ก่อนจะหันมองไปทางบินที่ก็ตอบแทนผมทุกอย่าง
“ กูก็แค่มากินเหล้า แต่ไอ้อาฟมันกลับถีบกูแล้วก็เสือกเรียกการ์ดมาจับกูอีก “
“ เหรอ ? “ เมดหันมาถามผมก่อนจะขมวดคิ้ว “ แล้วมึงกวนตีนอาฟด้วยมั้ยละ “
“ หมายความว่าไง “ คำถามของบินที่มองเมดแบบหาเรื่อง ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งข้างๆ ไม่ต่างอะไรจากไอ้เจไอ้เดย์อัยย์ที่ก็หันมองมันเหมือนกัน
“ ก็อาฟไม่ใช่คนที่ทำใครก่อน เป็นไปไม่ได้เลยที่อาฟจะเดินไปต่อยมึงทั้งๆที่มึงไม่ได้ทำอะไรมัน เพราะงั้นมึงก็ต้องทำมันก่อน ไม่ก็พูดจากวนตีนมันก่อน ใช่มั้ยเจ “ เมดถามเพื่อนผมที่มันก็คงคิดว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วยแน่นอน
“ คงงั้นมั้ง “ เพื่อนผมตอบก่อนจะยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นกิน
“ มึงคิดว่าตัวเองรู้จักมันดีมากรึไง ไอ้อาฟน่ะ ” เมดหันไปมองบินอีกครั้งตอนที่อีกฝ่ายถามออกมาแบบนั้น มันมองอยู่สักพักก่อนจะยิ้มจางๆ
“ คิดว่าน่าจะรู้จักดีกว่ามึง เพราะกูไม่เคยรู้จักตัวตนจริงๆของมึงบิน ไม่เคยรู้เลยว่ามึงเป็นคนนิสัยแบบนี้ทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งนาน “
“ งั้นก็อย่าลืมเตรียมใจไว้ตอนโดนคนที่มึงรู้จักดีทิ้งก็แล้วกัน “ คำพูดทิ้งท้ายทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างผมนิ่งไป เมดหันมามองผมแล้วยิ้มเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ในตอนที่มันเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่
“ วันนี้กูอนุมัติให้มึงกลับบ้านเร็ววันนึง ”
“ กูไม่ได้อยากกลับบ้านเร็วสักหน่อย “ คนที่ยืนอยู่พูดก่อนจะเหล่มองผมแบบยิ้มๆ ทั้งๆที่ในใจมีคำถามที่อยากจะถามอีกเป็นร้อยเป็นพัน “ มึงอยากกลับเร็วก็บอก แล้วเอากูมาอ้าง “
“ หรือว่ามึงไม่อยากรู้ ว่าไอ้บินมันพูดอะไรถึงมึงให้กูฟังบ้าง ”
..............................................................................
ใจจริงอยากจะเขียนให้ยาวกว่านี้ แต่เราลองเขียนออกมาแล้ว มันไม่ได้ตามเป้าหมายที่เราคิดไว้
คือเขียนออกมาไม่ดี เราเลยลบมันออกไปทั้งหมด แล้วก็ยกยอดออกไปในตอนที่ 32 เพื่อเขียนใหม่ ขอโทษด้วยนะคะ
เดี๋ยวมาอ่านกันต่อในศุกร์หน้านะ รวมถึง พี่อาฟจะอธิบายเมดยังไง ต้องมาติดตามอ่านกัน
และในส่วนของพาสนี้คือ เขียนยากเหมือนเดิม เพราะด้วยคำจำกัดความที่มันต้องเป็น อาฟเตอร์ อารยะด้วยละ คือไม่ว่าจะเขียนอะไร พึงระลึกไว้ว่านี่คือ พี่อาฟ ด่ายังต้องมีสติในการด่าเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หวังว่าจะเป้นอีกตอนที่ทุกคนชอบนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า