ตอนที่ 29
“ เต้าฮวยนมสดร้านนี้อร่อยดีนะพี่เมด ปกติเห็นแต่แบบเค้าทำเป็นถ้วยให้ตัก นี่ทำเป็นแบบดูดอะ สะดวกดี “ คนข้างๆผมเอ่ยบอกในตอนที่เรายกแก้วในมือขึ้นมาดูดพร้อมกัน พยักหน้ารับเห็นด้วยกับน้องอัยย์ที่วันนี้ชวนผมออกมากินข้าวเร็วกว่าปกติ เพราะน้องยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็น
“ หมูตุ๋นวันนี้ก็อร่อยสุดๆไปเลย ป้าให้ตรงกระดูกอ่อนมาทั้งนั้น “ ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ
“ ก็แน่ละ ลูกค้าประจำ มันต้องซื้อใจกันหน่อย “ ยกมือทำท่าเก็กหล่อส่งไปให้น้องอัยย์ที่ก็เอาแต่ยิ้ม เราเดินลัดเข้าไปทางด้านหลังของผับเหมือนทุกที ก่อนที่เสียงสนทนาที่คุ้นชินจะทำให้ผมหันไปมอง
ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่กับเสียงของอาฟกับเจ ที่เหมือนกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนไม่ก็เด็กเสิร์ฟสักคน แต่ว่าไม่ใช่ เพราะเสียงตอบรับกลับมานั้นเป็นเสียงของน้องชายผม
“ ทำไมวิวมายืนอยู่ตรงนั้นวะ “ หันไปถามคนข้างๆที่ก็ผละปากออกจากหลอดก่อนจะให้ไปมองด้วยท่าทางตกใจ ผมที่ทำทีจะเดินเข้าไปใกล้แต่ทว่าก็โดนน้องอัยย์ดึงมือไว้ก่อน
“ พี่เมดจะไปไหน “
“ จะไปเข้าไปถามว่าทำไมวิวมาอยู่ที่นี่ “ หันไปบอกน้องที่ก็มีท่าทางอึดอัด “ รู้อะไรมารึเปล่าวะน้องอัยย์ “
“ ไม่มี ไม่มีเลย “ อีกคนส่ายหน้าไปมา “ แต่แค่ไม่อยากจะให้พี่เมดเข้าไปก่อน เผื่อเค้าคุยเรื่องสำคัญกัน “
“ เรื่องสำคัญอะไร มันมีอะไรให้สำคัญวะ ไอ้อาฟคุยกับวิวตั้งแต่เจอกันไม่ถึงสามสิบประโยคเลย เจก็ด้วย “
“ นับตอนที่พี่เมดไม่เห็นด้วยสิครับ “ เสียงเบาๆที่พูดคนเดียวอยู่ข้างกันทำให้ผมหันไปมอง น้องอัยย์ยิ้มกว้าง “ เอาน่าๆ เรายืนฟังตรงนี้แหละ เชื่อน้องอัยย์เถอะ อย่าเข้าไปเลยบางทีเค้าคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่มันเสียมารยาทนะถ้าเข้าไปขัดน่ะ “
“ รู้จักอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ “
“ ต่อยกันหน่อยมั้ยพี่เมด “ ประโยคที่ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะหันไปมองคนสามคนที่กำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยได้ยินเลยวะ “ บอกกับตัวเองก่อนจะขยับตัวเองเข้าไปใกล้อีกหน่อย
ลานจอดรถด้านหลังของ throw up จะเป็นลานจอดแบบสองฝั่ง ฝั่งที่ติดกับหลังร้านส่วนใหญ่จะเป็นรถของพวกเราที่จอดกันไว้นั่นก็คือฝั่งที่คนทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ ส่วนฝั่งที่ผมยืนอยู่จะเป็นฝั่งที่ให้แขกในร้านมาจอด ขยับตัวไปยืนเบียดกับกระจกมองข้างของรถผมบ่นเบาๆด้วยความสงสัย
“ แล้วทำไมวิวมันมาอยู่ที่นี่วะ ตอนนั้นก็ไปส่งที่คอนโดแล้วนี่หว่า แล้วทำไมตอนนี้มันมากับอาฟแล้วก็เจ ไหนบอกมันไปผับกัน หรือว่ามันเจอวิวที่ผับเหรอวะ “ ขมวดคิ้วกับการตั้งคำถามของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้คิดหาคำตอบอะไร เสียงของบทสนานั่นก็ชวนให้ผมหันไปสนใจเสียก่อน
“ สิ่งที่มึงพูดคือมึงกำลังพยายามบอกกู แล้วก็บอกไอ้เจว่า ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะไอ้เมดมีแฟน ไอ้เมดทิ้งมึงที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดไปมีแฟน มึงก็เลยเหงาแล้วก็ต้องลุกมาทำอะไรแบบนี้ เพื่อคลายความเหงา ”
ดึงตัวเองขึ้นจากความสนใจตรงหน้าตอนที่ได้ยินประโยคนั้น ผมที่นิ่งไปรู้สึกเหมือนใครเอาท่อนไม้หนักๆมาทุบลงที่หลังอย่างแรง เผลอสถบกับตัวเองว่า ‘ นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ’ ก่อนคำตอบกลับของน้องชายจะทำให้ผมนิ่งค้างไป
“ หรือว่ามันไม่จริงละ ถ้าวันนั้นไอ้บินมันเห็นกูสำคัญ แล้วเอ็นดูในฐานะน้องพี่เมดบ้าง วันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะมันนั่นแหละที่มาแย่งพี่เมดจากกูไป มันที่คอยแต่ผลักกูแล้วดึงให้พี่เมดออกห่างกู ทั้งๆที่กูพยายามทุกอย่างที่จะเข้ากับมันให้ได้ กูพยายามที่จะเป็นเด็กดีให้มันรู้สึกรักกูบ้างในฐานะน้องของแฟนมัน แต่มันก็ยังรังเกียจคนอย่างกู ใครแม่งจะมาเข้าใจวะ พวกมึงไม่ได้มาเป็นกูในตอนนั้นสักหน่อย ไม่มีใครเข้าใจหรอก ขนาดพี่กูยังไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักนิดว่ากูเหงาแล้วอยากจะอยู่กับเค้ามากแค่ไหน ตอนนั้นพี่กูไม่เข้าใจกูเลยสักนิด “
ผมไม่รู้ว่าวิวเป็นอะไร ผมไม่รู้ว่าในสิ่งที่อาฟพูดก่อนหน้านี้คืออะไร ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผมรู้คือวิวกำลังเจ็บปวด และที่มันต้องเป็นแบบนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมตามคำบอกเล่าของมัน
วิวที่เป็นแบบนั้นเพราะผม
ช่างเป็นคำที่ทำให้ความรู้สึกชาแล่นไปทั่วร่างจนไม่สามารถเคลื่อนไหว ผมตระหนักได้ดีว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เสียงของน้องชายที่กำลังเจ็บปวดกับทุกคำพูดที่มันพูดออกมาด้วยอารมณ์นั้นเป็นความเสียใจอย่างที่สุดของมัน
“ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเมด แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้บิน ฟังกูนะวิว เลิกโทษคนอื่น ทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกัน มึงบอกว่าไอ้เมดมีแฟนมึงเลยเหงา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มึงต้องไปเที่ยวผับแล้วมานอนกับผู้ชาย มึงแก้ปัญหานี้ด้วยการดูหนัง หรือว่าทำอะไรที่มันมีสาระไม่ได้เหรอ ทำไมมึงต้องแก้ปัญหาด้วยการทำอะไรเหี้ยๆแบบคนสิ้นคิดอย่างงั้น “
เรื่องทั้งหมดที่ผมสงสัยถูกไขกระจ่างไปด้วยคำพูดของอาฟที่เอ่ยตอบอีกคน หัวใจของผมเต้นแรง ‘ น้องกูนอนกับผู้ชาย ไปเที่ยวผับ เพราะกูมีแฟนแล้วทิ้งให้มันอยู่คนเดียวอย่างงั้นเหรอวะ ‘ มันก็จริงอยู่ที่อาฟพูดว่าผมไม่เกี่ยว วิวเลือกทางของตัวเอง แต่อาฟเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนั้นเด็กคนนั้นเป็นยังไง
บางทีความผิดเดียวของผมอาจจะเป็นเพราะ ผมไม่เคยหันมามองดูมัน ตอนที่มีความรักครั้งแรก สำหรับผมทุกอย่างมันสดใสไปหมด ราวกับว่า แค่มีเราสองคนก็พอไม่อยากจะมีใครอีก ฟังแล้วก็อาจจะเห็นแก่ตัวแต่ทุกอย่างก็คือเรื่องจริง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงใครอื่น ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่บินจะรับผมได้มั้ย หรือคนในครอบครับผมจะรับได้มั้ย ผมไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้น เพราะสิ่งเดียวที่ผมคิดคือ ผมรักเขาเรารักกันเท่านั้นพอ นั่นคือความคิดของเด็กคนนึงที่เพิ่งมีความรักอย่างผม จนวันนี้ผมโตขึ้น ผมก็ได้รู้ว่า เท่านั้นไม่พอหรอก แล้วนี่คือคำตอบว่าทำไม มันถึงไม่พอ
ผมยังจำวันนั้นได้ดี ตอนนั้นวิวยังอยู่แค่ม.สอง สำหรับบางคนอาจจะโตแล้ว แต่ไม่ใช่กับวิว มันยังเป็นเด็กที่ติดพี่อย่างผม แล้วคำพูดในวันที่รู้ว่าผมมีแฟน เด็กคนนั้นก็แค่พูดว่า ‘ พี่เมดรักใครวิวก็จะรักคนนั้นด้วย ’ ทั้งที่มันพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม แล้วก็พยายามทำทุกอย่างแล้วแท้ๆ ที่จะเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น แต่สุดท้ายก็ถูกผลักออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วตอนนั้นผมทำอะไรอยู่กันวะ ทำไมยังคิดจะรักผู้ชายคนนั้นอยู่ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็พอดูออกว่ามันไม่ชอบวิว แต่ผมก็ทำได้แค่พยายามดึงคนสองคนให้ออกห่างกัน แบ่งเวลาให้ทั้งคู่ที่สำคัญกับผมเพราะไม่อยากจะเสียใครไปทั้งนั้น
“ พี่เมด “ เสียงของน้องอัยย์ที่เอ่ยทัก คงเห็นว่าผมเงียบไปนานแล้วหลังจากได้ยินประโยคนั้นของอีกคน หันไปยิ้มให้อีกคนสายตาเป็นห่วงเป็นใยนั่นก็ส่งมาให้ผม
“ ไม่ต้องห่วง พี่เมดโอเค “
“ งั้นเหรอครับ “ ถามย้ำกันแบบไม่เชื่อ แต่เพราะผมไม่อยากจะโกหกเลยไม่ได้พูดอะไรตอบออกไปอีก ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก ที่มาได้ยินคนในครอบครัวตัวเองพูดว่า ที่ทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะเรา
เราที่ตอนนั้นหลงรักแฟนและมีความสุขอยู่กับชีวิตรัก จนไม่ได้หันมามองเลยว่าข้างหลังเป็นยังไง วิวไม่ใช่คนที่พูดอะไรอยู่แล้ว ข้อนั้นผมรู้ดีที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตมันไม่ใช่คนเงียบก็จริง มันสดใสร่าเริงมากก็จริง แต่วิวก็เป็นคิดมาก ขี้กังวล แถมยังขี้เหงา ทั้งๆผมรู้ดีที่สุด แต่ก็ยังละเลย ผมละเลยทุกความรู้สึกของเด็กคนนั้น คนที่ผมควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด ให้เหมือนกับที่วิวให้ความสำคัญกับผมเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร น้องก็จะรับฟังผมเสมอ
“ แต่เฮียพูดโดนใจมากเลยวะ “ น้องอัยย์บอกผมก็มองหน้าน้อง “ น้องอัยย์คิดเหมือนกับที่เฮียพูดนะพี่เมด มันไม่ใช่ความผิดของพี่เมดหรอก การที่พี่เมดมีใครสักคนมันไม่ผิดหรอก มันมีอีกตั้งหลายทางที่คนเราจะทำได้เพื่อกำจัดความเหงา ไม่งั้นเด็กที่ไม่โดนใส่ใจมันก็เที่ยวผับ มั่วผู้ชายกันหมดทั้งโลกแล้วอะดิ จริงมั้ยละ “
“ ความรู้สึกของคนเรามันละเอียดอ่อนนะน้องอัยย์ ไม่รู้สิ แต่พี่เมดเข้าใจความรู้สึกของวิวนะ “ ผมก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ “ มันอาจจะผิดที่เค้าเลือกทางเดินนั้น แต่ว่าบางทีในช่วงเวลาที่เราแย่มากๆ ใครยื่นมือลงมาถึงเราก่อน เราก็จับมันไว้ทั้งนั้นแหละ โดยที่เราไม่ทันได้คิดหรอกว่ามันจะดีหรือไม่ดี “
“ โทษตัวเองอยู่รึเปล่า ที่ทำให้วิวต้องเป็นแบบนั้น “
“ แค่นิดนึงน่ะ แต่ไม่ทั้งหมดหรอก เพราะบางเรื่องวิวเองก็ผิดเหมือนกัน “
“ ดีแล้วที่คิดอะไรได้แบบนั้น “
“ แต่พี่อาฟไม่บอกพี่เมดได้มั้ย วิวไม่อยากให้พี่เมดรู้ ว่าวิวเป็นแบบนี้ วิวยอมรับผิดแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเพราะวิวที่เลือกจะเป็นแบบนี้เอง แต่ไม่บอกพี่เมดได้มั้ย วิวไม่อยากจะให้พี่เมดเสียใจ “
คำพูดของวิวชวนให้ผมหันไปมองมันที่กำลังอ้อนวอนอย่างสุดกำลังกับคนตรงหน้าที่กุมความลับนั่นอยู่ แววตาคมมองอีกคนด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ผมเข้าใจอาฟดี ใครคนนั้นไม่ชอบอะไรทั้งนั้นที่ทำให้ตัวผมรู้สึกไม่ดี แต่เพราะเรื่องวิวคือเรื่องของครอบครัวที่ไม่ว่ายังไงถ้าเกิดว่าผมรู้ ผมก็ต้องเสียใจอยู่แล้วแบบไม่มีทางแก้อื่น
“ ทำไมไอ้เชี้ยนั่น ถึงได้รักกูขนาดนั้นวะ “ ผมพูดกับตัวเอง น้องอัยย์ก็ยิ้มกว้างออกมา ท่าทางของอาฟที่กำลังหนักใจผมคิดอะไรไม่ออกตอนที่ได้แต่มองหน้าของมันที่กำลังสับสนนั้น มันหนักแน่นก็จริง แต่มันก็มีเรื่องกังวลเต็มไปหมดทั้งๆที่พูดออกไปเต็มปากเต็มคำว่า ‘ กูจะไม่โกหกเมด ’
‘ ถ้าพูดออกไปแล้ว เมดก็คงเสียใจมาก แต่ถ้าไม่พูด ถ้าโกหกเมดก็ต้องเสียใจมากเหมือนกัน เคยโดนโกหกมาเยอะขนาดนั้นแล้ว ไม่อยากจะโกหกเลย แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่อยากจะให้เสียใจ ’ ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังคิดแบบนี้แน่นอนผมมั่นใจ และเพราะอาฟที่เป็นแบบนั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้อย่างนึงในตอนนี้ ‘ ในช่วงเวลานี้จะเสียใจมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีใครบางคนกำลังพยายามเป็นความสบายใจให้เราอยู่ ’
“ เท่มากเลย ตอนที่พูดว่า กูจะไม่โกหกเมด “
“ เอาใจพี่เมดไปเลย “
“ ไม่ได้เอาไปตั้งแต่แรกแล้วเหรอพี่เมด “ หันไปมองคำแซวของน้อง ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ
“ นั่นสิ ลืมไปเลยว่าเอาไปนานแล้ว “
“ ขนาดใจยังลืมว่าอยู่กับเค้า งั้นตอนที่รักเค้าก็ไม่รู้ตัวน่ะสิว่าตอนไหน “
“ เหนื่อยกับเด็ก throw up วะ “ ผมพูดกับอีกคนก่อนจะหันไปมองวิวที่กำลังอ้อนวอนข้อร้องกับอาฟอยู่ วิวที่ไม่อยากจะให้ผมเสียใจ มันที่กำลังยกมือไหว้อาฟแบบขอร้องเพื่อปกป้องความรู้สึกของผม ทั้งๆที่ตัวมันก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น วิวไม่ใช่คนขอร้องและอ้อนวอนใคร “ ไปจบเรื่องนี้กันเถอะน้องอัยย์ “
“ พี่เมด เดี๋ยว..” มือที่จะคว้ามือผมไว้ แต่ไม่ทัน น้องอัยย์เดินตามผมมา ตอนอนที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ผมสบสายตากับเจที่หันมาเห็นก่อนเป็นคนแรก อีกคนเอ่ยเรียกผมด้วยท่าทางตกใจ
“ เมด “
“ พี่เมด “ วิวหันมาเรียกชื่อผมทั้งน้ำตา แววตาที่ผมเคยชอบเด็กช่างอ้อนคนนั้น ตอนนี้มันหน้าแดงไปหมด ตัวของมันสั่น มือที่จับชายเสื้อของตัวเองไว้แน่นเหมือนตอนเด็กๆเวลาที่วิ่งออกไปเล่นแล้วโดนแม่เล็กดุ
“ บอกกูหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ “
ผมไม่ได้รับคำตอบในคำถามที่เอ่ยถามออกไปนั้น ไม่ว่าจะมองไปที่อาฟ เจ หรือแม้แต่วิวก็ไม่มีใครพูดอะไรอออกมาทั้งนั้น มันที่ก้มหน้าลงน้ำตาหยดใสไหลลงมาเรื่อยๆ ความเสียใจเกาะกินหัวใจของมันจนไม่แม้จะสู้หน้าผม วิวคงคิดถึงคำพูดของอาฟที่พูดกับมัน ความรู้สึกที่กำลังถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กๆนั่น ตอนนั้นผมเดินเข้าไปกอดน้องชายผมไว้แน่น
“ พี่เมด “ เสียงเครือที่เอ่ยออกมาเบาๆ เอื้อมมือลูบหลังอีกคนเบาๆเหมือนตอนเด็กๆที่ผมชอบปลอบมันเวลาที่มันโดนตี ไม่ก็โดนดุจนร้องไห้ต้องงอแง “ วิว ขอโทษ “
“ ไม่เป็นไร “ นั่นคือคำตอบจากผม “ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่เมดเข้าใจวิวดี หยุดร้องไห้เถอะนะ “
เหลือบมองอาฟ เจ แล้วก็น้องอัยย์ที่ยืนมองเราอยู่ก่อนที่คนเหล่านั้นจะถอนหายใจออกมาในตอนที่ผมยิ้มให้ สีหน้าที่บอกกับคนพวกนั้นว่า ‘ ผมไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องกังวลใจขนาดนั้น ’ แล้วตอนนั้นอาฟก็หันไปบอกเจ
“ คืนนี้ฝากร้านด้วยนะมึง กูจะพาเมดกับวิวกลับบ้าน “
“ อื้ม ตามสบาย “ เจตอบรับสั้นๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วเหลือบมองวิวที่ก็เอาแต่ร้องไห้ มันถอนหายใจออกมายิ้มๆก่อนจะเดินออกไปกอดคอน้องอัยย์ที่ยืนอยู่คนเดียว “ ไปกันมึง มายืนอู้อยู่ได้ “
“ อู้เหี้ยไร กูทำหน้าที่ดูแลพี่เมดอยู่ “
“ อัยย์ “ อาฟเรียกอีกคนก็หยุดเดินทันที
“ ครับเฮีย “
“ ฝากบอกไอ้เดย์ด้วยว่าวันนี้ไม่ต้องกลับคอนโด “
“ เอ๊ะ ? “ ทั้งน้องอัยย์กับเจหันมองหน้ากันก่อนจะสถบคำนั้นออกมา มันหันมาเหลือบมองอาฟที่ก็ถอนหายใจออกมาเหมือนรู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
“ รีบไปก่อนที่ตีนกูจะยันลงบนหน้าพวกมึง “
“ สั่งไม่ให้น้องเดย์กลับบ้านทำไมวะ “ ผมหันไปถามอีกคนก็เดินวนไปที่ฝั่งคนขับ อาฟปลดล็อครถก่อนจะเปิดประตู
“ คืนนี้วิวจะได้นอนห้องไอ้เดย์ไง “
“ ก็คิดว่ามึงจะไปส่งพวกกูที่คอนโดกู “
“ แฟนมึงไม่ได้ผลิตน้ำมันใช้เองนะครับ “
“ โอเคจ้า “ ผมเผลอยิ้มกับคำตอบกวนๆของมัน แต่เอาจริงถึงมันไปส่งให้ผมก็คงขอบอกปัดว่าให้ไปส่งแค่ที่คอนโดของอาฟก็พอ ช่วงเวลานี้ทางกลับคอนโดเราคงรถติดบรรลัย ไม่ต้องคิดเลยว่า เดินทางไปกลับจะใช้เวลาขนาดไหน แล้วถ้าให้เดาก็คงสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำแน่นอน “ วิว เข้าไปในรถนะ “
“ พี่เมด “
“ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว “ บอกแบบนั้นผมยิ้มให้มันตอนที่ดึงอีกคนออกมาจากตัว เช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มนั้นก่อนจะหยิกแก้มไปทีนึง “ เรากลับไปคุยกันที่บ้านโอเคมั้ย ”
“ อื้ม “
ขับรถกลับมาถึงคอนโดของอาฟ เปิดประตูเข้าไปในห้องของน้องเดย์ที่ไม่ได้รกอย่างที่ผมคิดไว้เท่าไหร่นัก อาจเพราะเจ้าของห้องไม่ค่อยอยู่ด้วยส่วนนึง มากสุดก็แค่กลับมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกไปเรียนก็เท่านั้น
“ คืนนี้มึงนอนห้องพี่เดย์นะวิว “ ผมบอกน้องที่ก็พยักหน้ารับ วิวเดินเข้าไปในห้องผมก็จัดการเดินไปหยิบผ้าขนหนูกับของใช้จำเป็นที่ห้องมาให้ “ ผ้าขนหนูชุดนอนแล้วก็ชุดวันพรุ่งนี้ “
“ งั้นวิวไปอาบน้ำก่อนนะ “
“ อื้ม “
เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลง ผมเองก็เดินกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของอีกคน แล้วหย่นตัวเองนั่งลงบนเตียงก่อนที่เสียงประตูถูกเลื่อนจะดึงความสนใจให้หันไปมอง วิวที่ใส่ชุดนอนหัวเปียกๆของมันมีหยดน้ำเกาะอยู่บนผมนั้น
“ พี่เมด “
“ เช็ดหัวให้แห้งก่อนสิวะ ห้องน้องเดย์ไม่มีไดร์ทเป่าผมเหรอ “ ผมถามก่อนจะเอื้อมมือไปจับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตั้งอยู่บนหัวของอีกฝ่าย ขยี้ไปมาวิวก็เอาแต่มองผม มันมองอยู่แบบนั้นเงียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมดึงลงมากุมไว้บนตักของมัน
“ พี่เมด วิวขอโทษนะ “ เสียงเบาๆที่เอ่ยบอกกัน สบแววตาของอีกคนก็ก่อนจะถาม
“ ก่อนที่มึงจะขอโทษกู มึงต้องบอกกูก่อน ว่ามึงน่ะทำผิดอะไรกับกู ถึงต้องมาขอโทษกูด้วย “
“ วิวเป็นเด็กไม่ดี “ มันบอกก่อนจะก้มหน้าลง “ วิวไปเที่ยวผับทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง พี่อาฟกับพี่เจไปเจอวิวที่ผับเลโก้วันนี้ ก็เลยพาวิวมาที่นี่ แล้ววิวก็เกือบโดนตำรวจจับ แต่พี่เจก็ช่วยวิวได้ทัน “
“ อื้ม แล้วเรื่องที่อาฟพูดละ เรื่องที่มึงนอนกับผู้ชาย “ เอียงหน้าถามน้องยิ้มๆ ผมไม่อยากให้มันรู้สึกว่า นี่คือการสารภาพ ผมอยากจะให้วิวเล่าผม เล่าเหมือนเรื่องทั่วๆไปที่เราเคยเล่ากัน เหมือนผมที่เล่าเรื่องของอาฟให้มันฟัง “ เล่ากูมาได้เลย กูอยากฟัง “
“ ไม่ใช่เรื่องน่าฟังสักหน่อย “
“ ตอนกูโดนไอ้บินนอกใจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าฟัง มึงยังฟังเลย “
“ มันไม่เหมือนกันมั้ยพี่เมด “
“ ก็ทำให้มันเหมือนกันสิวะ “ ผมเถียงมันกลับอีกคนก็ถอนหายใจออกมาเตรียมตัวที่จะเล่าเรื่องทั้งหมด “ เล่าตั้งแต่ต้นเลยนะ “
“ วิวเริ่มไปกินเหล้ากับเพื่อนตอนม.สี่ “
“ ตอนที่พี่เริ่มย้ายไปอยู่กับบิน “
“ อื้ม “
“ ตอนนั้นมันแค่เหงาน่ะ แบบว่าเมื่อก่อนเราชอบดูหนังอะไรกันแบบนี้ ทำนู้นทำนี้ด้วยกัน พอไม่ได้ทำมันก็เบื่อๆ แต่แรกๆวิวก็หาอะไรทำคนเดียวนะ แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินเหล้าที่คอนโดวิวก็แบบ ไปสักหน่อยเบื่อๆ แต่พอไปก็รู้สึกว่า สนุกดี มันก็ได้คุย ได้เม้าส์กันอะไรแบบนี้ ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย พอเป็นแบบนั้นรู้ตัวอีกทีนึงก็เหมือนชอบอะไรแบบนั้นไปแล้ว จนลองไปเข้าผับครั้งแรก “
“ แล้วมึงไม่กลัวเหรอ แบบ กลัวโดนจับอะไรแบบนี้ “
“ ไม่กลัวหรอก ก็เพื่อนวิวมันเส้นใหญ่อะ เลยพาเข้าไปได้ จ่ายเงินยามนิดหน่อยก็เข้าได้แล้ว เพื่อนจ่ายให้ด้วยไปครั้งแรกน่ะก็เลย แบบเออ ไปก็ไป “
“ แล้วความรู้สึกเป็นไงไปผับครั้งแรก “
“ สนุกดี โคตรตื่นตาตื่นใจ ได้ลองกินค๊อกเทลแบบแปลกๆอะพี่เมด จำได้ว่าแพงมากต้องแบ่งๆกับเพื่อนกิน “
“ พี่เมดก็เคยกินนะ แต่อันนั้นฟรี มันก็อร่อยดีนะ “
“ แล้วพี่เมดกินอะไร “
“ ไม่รู้วะ น้องอัยย์ชงให้กิน ก็กินไปตามนั้น “ ผมบอกก่อนจะยิ้มให้อีกคน “ แล้วยังไงอีก “
“ ก็นั่นแหละครั้งแรกที่ไปผับ แล้วคราวนี้ช่วงนั้นวิวก็เลิกกับแฟนพอดี “
“ ไม่เคยเล่ากูเลยน้า เรื่องมีแฟนน่ะ “ ผมแซวอีกคนก็ส่ายหน้าไปมา
“ ไม่ใช่แฟนแบบที่อยากจะพามาอวดพี่เมดหรอก “
“ ถ้าเป็นแฟนมึงจะเป็นยังไงกูก็อยากรู้จักนะ “
“ ไว้รอบหน้านะ มีแฟนใหม่เมื่อไหร่จะแนะนำให้รู้จักโอเคมั้ย “ พยักหน้ารับวิวก็เล่าต่อด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป “ ตอนนั้นพอเลิกกับแฟนวิวก็เที่ยวผับปกตินี่แหละ แล้วก็ไปเจอกับผู้ชายคนนึง เค้าหล่อมากเลยพี่เมด เราได้คุยกัน มันจะพูดว่าไงดีวะแบบที่ใครๆเค้าชอบพูดกัน “
“ พูดคุยกันถูกคอ “
“ อื้ม “ น้องชายผมพยักหน้ารับ “ ประมานนั้น คือพูดคุยกันแล้วถูกคอ คุยไปคุยมามันมีความรู้สึกบางอย่างน่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอะไร คงอารมณ์พาไปมั้ง อะไรแบบนั้น ตอนนั้นก็เลยเป็นครั้งแรกที่วิวมีอะไรกับคนอื่นแบบวันไนท์ “
“ วันไนท์คือ มีอะไรกันคืนเดียวไม่ผูกมัดถูกมั้ย แค่มีเซ็กส์ด้วยกัน “ พยักหน้ารับคำพูดของผม วิวเงียบไปสักพัก “ แล้วไงต่อ “
“ แล้วต่อจากนั้นวิวก็ กินเหล้ามาเรื่อยๆ จนเมื่ออาทิตย์ก่อน วิวไปเจอกับพี่เจที่ผับ “
“ เจ ? “
“ ก็พี่เจเพื่อนที่อาฟนั้นแหละ “ อีกคนบอก ผมก็ได้แต่นิ่งไป เริ่มจับใจความอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา ผมคิดถึงวันนั้น วันที่ทั้งผมน้องเดย์แล้วเจคุยกันเรื่องของวิว จำไว้ว่าก่อนหน้านั้นเจหยุดงานแล้วไปเที่ยวผับอื่นมาและดูท่าทางวันหยุดนั้นจะเป็นวันที่ทั้งสองคนเจอกัน แบบนั้นพอผมพาวิวมาที่นี่เจก็เลยทักวิวเหมือนจะรู้จักกันมาก่อน
“ วิวมีอะไรกับพี่เจ “
“ ห๊ะ !? “ ความตกใจที่ชวนให้อ้างปากค้าง ผมหุบปากตัวเองลงตอนที่เห็นสีหน้าของน้องที่ดูไม่ดี “ อะ เล่าต่อๆ “
“ คือตอนนั้นวิวก็ไม่ได้รู้จักพี่เจหรอกเค้ามากับกลุ่มเพื่อน เราเจอกันหลังผับแล้วเราก็คุยกัน วิวกำลังเซ็งๆอยู่พอดี แล้ววิวก็ถูกใจเค้าด้วย แบบว่าตอนนั้นมัน ทั้งคำพูด ท่าทางของเค้า มันดูเท่ดี จะว่าไงดีละ “
“ กูเข้าใจ “ ผมบอกออกไปก่อนจะพยักหน้ารับ “ เรื่องอะไรแบบนั้น มันพูดไม่ถูกจริงๆว่า เป็นความรู้สึกยังไงกันแน่ มีหลายๆอย่างรวมกันอยู่ ท่าทางเท่ๆ คำพูดตรงใจ ช่วงเวลาตอนนั้น ความรู้สึกของเรา คือทุกอย่างมันรวมกันจนกลายเป็นคำว่า แม่ง ชอบมันวะ “
“ อื้ม นั่นแหละ วิวมีอะไรกับเค้าที่คอนโดเรา “
“ มึงแม่ง “ ส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบยิ้มๆ
“ แล้วคราวนี้ตอนเช้าที่วิวออกมาจากห้อง วิวก็เจอเข้ากับกระเป๋าเงินพี่เจ ตอนนั้นมันมีความคิดที่ว่า ถ้าขโมยเงินอีกคนไปก็คงไม่เป็นอะไรหรอก วิวอยากได้เงินเยอะๆไปเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ้าง เพราะมีแต่เพื่อนที่เลี้ยงเหล้าวิวตลอดเลย ตอนนั้นก็เลยหยิบเงินออกจากระเป๋าเงินพี่เจไปห้าพัน “
“ ถามจริงทำไมถึงกล้าขโมยของของคนอื่นวะ รู้มั้ยว่าทำแบบนั้น มึงเหมือนขายตัวเลยนะ “
“ ขอโทษครับ “ อีกคนก้มหน้าลงตอนที่ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงจริงจัง “ ตอนนั้นวิวไม่คิดว่าจะต้องมาเจอพี่เจอีก ไม่รู้ด้วยว่าพี่เจเป็นเพื่อนพี่อาฟแล้วก็เพื่อนพี่เมด “
“ ต่อให้มึงจะไม่เจอเจอีก แล้วต่อให้เจไม่ใช่คนที่กูกับอาฟรู้จัก มึงก็ขโมยเงินเค้าไปไม่ได้วิว “ ผมบอกน้องก่อนจะถอนหายใจออกมา “ โอเค กูเข้าใจทั้งหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่กูอยากจะบอกมึงเลยนะวิว กูไม่โกรธที่มึงไปเข้าผับทั้งๆที่อายุไม่ถึง ไม่ได้โกรธที่มึงจะไปวันไนท์กับใคร ก็จริงอยู่ที่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เด็กน่ารักๆเค้าทำกันแล้วกูก็ไม่คิดว่ามึงจะทำ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงทำ งั้นกูขอได้มั้ย จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่เข้าผับได้มั้ย รอให้อายุถึงแล้วค่อยเข้าไปได้รึเปล่า “
“ ได้ “ วิวพยักหน้ารับแบบแข็งขัน มันเอานิ้วก้อยตัวเองมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม “ วิวสัญญา วิวจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะไม่ทำแบบนั้นจนกว่าจะได้เข้ามหาลัย แล้วจนกว่าอายุจะถึง “
“ ส่วนเรื่องที่รู้สึกไม่โอเค คือเรื่องที่มึงขโมยเงินเจ ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีก เงินไม่พออยากเลี้ยงข้าวเพื่อน บอกกูสิ กูให้มึงได้นะ ทำไมต้องไปขโมยวะวิว มึงมีกูไปทำไม ทำไมไม่มาขอกู กูเป็นพี่ชายมึงนะ “
“ ขอโทษ วิวขอโทษพี่เมด “
“ แล้วนี่คืนเงินพี่เจยัง “ ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า
“ พี่เจบอกว่าไม่ต้องคืน “
“ งั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง เพราะยังไงก็ต้องคืน ส่วนมึงไปขอโทษพี่เจซะเข้าใจมั้ย “
“ ครับ “ พยักหน้ารับกับผม ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเงียบไปสองมือของวิวที่เอื้อมมาจับมือผมไว้แน่น “ ขอโทษนะพี่เมด ขอโทษที่วิวโกหกพี่เมดมาตลอดเลย ขอโทษที่เป็นเด็กไม่ดี ขอโทษที่วิวทำตัวแบบนั้น ขอโทษที่ทั้งๆที่ตัวเองเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง แต่วิวกลับโยนความผิดไปให้พี่เมด วิวบอกกับตัวเองว่า วิวเหงาเพราะพี่เมดมีแฟน ทั้งๆที่จริงแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เมดเลย วิวเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง ทั้งๆที่มันมีหลายวิธีให้เลือก วิวขอโทษนะ อึก ขอโทษนะพี่เมด ฮือๆ วิว ขอ โทษ “ ร่างบางดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้ สองแขนที่กอดกันไว้แน่น ผมพยักหน้ารับก่อนจะลูบหลังของคนเป็นน้อง
“ มันก็เป็นความผิดของกูด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามึงผิดคนเดียวหรอกวิว “
“ ไม่ วิวผิดคนเดียว วิวเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดีเอง มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เมดเลยจริงๆนะ “ ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกคน ผมยิ้มให้มันก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ ตอนนั้นมึงเองยังเด็ก เราอยู่ด้วยกันมาตลอด มันก็ไม่แปลกหรอกที่มึงจะเหงา ถ้าวันนั้นกูใช้วิธีค่อยๆดึงตัวเองออกมาจากมึง เห็นความสำคัญบ้าง บางทีมันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าวันนั้นกูคอยอยู่เป็นที่ปรึกษาให้มึง หรือสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องชายกูสักนิด วันนี้มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้กูได้ กูเองก็ขอโทษนะ แต่ว่า กูเองก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จริงๆก็ทั้งมึงทั้งกูนั่นแหละที่ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นกูยกโทษให้มึง กูไม่โกรธ ไม่เสียใจ แล้วก็ไม่เสียความรู้สึกที่มึงเป็นแบบนั้น มึงยังเป็นน้องชายที่น่ารักของกูเหมือนเดิม ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยน แต่มึงยกโทษให้กูด้วยได้มั้ย ขอโทษนะวิว ที่ครั้งนึงกูเคยทำให้มึงต้องเหงา เคยทำให้มึงเจ็บปวดที่กูไม่สนใจ กูโทษนะนะ ให้อภัยกูได้มั้ย “
“ ให้อภัยอะไร พี่เมดไม่ผิดเลย ไม่ผิดเลยสักนิด “
“ เราผิดกันคนละครึ่ง “ ยังคงย้ำมันแบบนั้น เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราผิดกันคนละครึ่ง มันมีส่วนของวิวที่ตัดสินใจผิด ส่วนผมก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของอีกคนจนเรื่องทั้งหมดต้องกลายมาเป็นแบบนี้ “ เรายกโทษกันนะ กูยกโทษให้มึง มึงยกโทษให้กู ต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ อดีตแก้ไขไม่ได้ปล่อยมันไปเถอะ คิดว่าเป็นบทเรียนแล้วกัน มึงก็อย่าทำอะไรแบบนั้นอีก “
วิวดึงเข้ามากอดไว้แน่นหลังจากที่พูดประโยคนั้นจบด้วยรอยยิ้ม เสียงร้องไห้โยเยของมันคงโล่งใจไม่น้อยที่ผลตอบรับมันไม่ได้แย่อย่างมันที่คิดไปเองคนเดียว แล้วผมก็คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ไม่พูดทุกอย่างด้วยความตึงเครียด เพราะไม่ว่ายังไงก็ยังอยากจะเป็นครอบครัวที่มันรู้สึกสบายใจเสมอในตอนที่มันรู้สึกแย่ที่สุด
ก็ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ผมคิดอย่างที่ตัวเองพูดออกไปกับมัน เพราะถึงผมจะรู้สึกผิดมากแค่ไหน ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว วิวเองก็เหมือนกันต่อให้รู้สึกผิดแค่ไหนกับเรื่องที่มันทำทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เราทำอะไรไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะงั้นมีทางเดียวก็คือ เริ่มต้นใหม่ โดยเอาอดีตที่เกิดขึ้นนั้น มาเป็นบทเรียนว่าจะไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง