แวะกินข้าวก่อนจะเข้ามาที่มหาวิทยาลัยของอีกคน เมดนัดเพื่อนไว้ช่วงบ่าย เห็นบอกว่าเป็นรายงานที่ทำไม่ยากแค่ห้าชั่วโมงแบบไม่คุยอะไรกันเลยก็น่าจะเสร็จ แล้วมันเองก็ไม่อยากจะอยู่นานหลายวัน เลยตัดสินใจขอผมเลิกงานเร็วตั้งแต่เมื่อคืน กลับมานอนให้เต็มอิ่มแล้วตื่นมาทำรายงานนี้ให้เสร็จไปเสียที
เรานั่งลงที่โต๊ะตัวที่ว่างตรงหน้าคณะ เมดเปิดคอมตัวเอง ผมก็นั่งลงข้างๆมัน เพื่อนมันยังไม่มา ผมมองไปรอบๆที่วันนี้ดูมีนักศึกษามาน้อยกว่าหลายๆครั้งที่มานั่งรอรับมัน
“ วันนี้คนมันน้อยเพราะส่วนใหญ่คลาสวันเสาร์จะไม่ค่อยมีอะไร “ เมดบอกผมก็หันไปมองหน้ามัน
“ ฉลาดจัง กินแพคดีกรีหรือวิสกัสวะ “ เอื้อมมือไปเกาคางมันอีกคนก็ปัดหลบพร้อมด้วยหน้าตาหงุดหงิดตามฉบับ
“ กูเป็นคนไอ้สัด “
“ เห็นขนนุ่มคิดว่าใช่ “
“ ชมกูอ๋ออารยะ “ อีกคนหันมายกยิ้มมองผมก่อนจะยักคิ้วให้ “ ชมว่าผมกูนิ่มนี่ ชอบดมอะดิ ตอนกลางคืนรู้นะว่าชอบมาแอบหอม “
“ กวนตีนกูจังมิณทร์ จากหมาแมว อยากจะลองเปลี่ยนเป็นเหี้ยมั้ย ยังไงดีครับ “
“ สัด “ มันสถบก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันมาทำหน้าจริงจังกับผมเพื่อสอนวิธีเป็นแฟนที่ดีให้กันเหมือนทุกครั้ง “ จริงๆมึงควรพูดว่า ใช่ครับ อารยะชมมิณทร์ไง แบบนี้ “
“ รำคาญ “ ผมบอกมันอีกคนก็จ้องตากลับมาเหมือนกำลังรอให้ผมพูดจาหวานๆกับมันแบบทุกทีที่ชอบทำ แต่ทว่าตอนนี้เพื่อนมันที่นัดไว้กลับเดินเข้ามาก่อน
“ มานานแล้วเหรอวะ “ ถ้าจำไม่ผิดคนที่ชื่อจิงจะเป็นคนเอ่ยทักมันขึ้นมาก่อน ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มอย่างใจดีนั่นหันมาทางผมก่อนจะก้มหน้าทักทาย “ สวัสดีครับ “
“ สวัสดีครับ “ ตอบรับกลับไปตามมารยาทแต่พอหันไปข้างๆผมก็เห็นคนข้างตัวปั้นหน้าหงุดหงิดแบบไม่ชอบใจอยู่ แปลจากสายตาคงจะบอกกันว่า ‘ มึงไม่ต้องไปทักมัน ’
“ สวัสดีครับ “ เพื่อนอีกคนมันเอ่ยทัก ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่หย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม คนนี้คงชื่อยีนส์ โจกย์เก่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนคนที่แย่งแฟนไปจากมัน หน้าตาก็จัดว่าน่ารักดีแต่คนละสไตส์กับคนข้างๆผม เมดออกแนวน่ารัก มีเสน่ห์ในแบบเด็กๆ ที่ดูหวาน น่ารัก น่าเอ็นดู ชวนให้หมั่นเขี้ยว แต่คนตรงหน้าจะดูน่ารักแบบมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่มากกว่า ถ้าพูดง่ายๆก็คงบอกว่า ‘ ดูร้ายกว่า ’ ก็คงจะไม่ผิดนัก “ ชื่อยีนส์นะ เมื่อก่อนเป็นเพื่อนเมดแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วละ “
“ ไอ้ยีนส์ “ เมื่อคนที่มาด้วยออกปากเตือนแต่อีกคนที่กำลังมองหน้าผมก็แค่ยิ้มแบบไม่สนใจ
“ ส่วนคนที่กำลังบ่นอยู่นี่ ชื่อจิง เป็นอดีตเพื่อนเมดแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วเหมือนกัน “ ผมยกยิ้มกับการแนะนำตัวนั้นอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างมาให้ “ แล้วชื่ออะไรเหรอ “
“ เสือก “ ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นคุณมิณทร์ที่กำลังจ้องเพื่อนมันอย่างไม่พอใจ มือขาวของมันยกขึ้นมาปิดตาผมไว้ ท่าทางที่ชวนให้ยิ้มกว้างกับความหึงหวงแบบน่ารักของมัน เมดพูดกับผมเบาๆ “ กูไม่ให้มอง มึงไม่ต้องไปพูดกับมันนะ “
“ ขี้หวง “ ผมตอบกลับก่อนจะดึงมือมันลง แล้วตอบคนตรงหน้า “ ชื่ออาฟ “
“ เจ้าของผับ throw up “
“ รู้แล้วถามทำไมวะ “ ผมถามกลับคนที่ถามก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ ตามมารยาทไง “ เลิกคิ้วกับคำพูดนั้นผมยิ้มตอบกลับไปให้ก่อนจะเลิกคิ้วไม่ค่อยเข้าใจที่อีกคนพูดเท่าไหร่
“ งั้นเหรอ แต่เท่าที่รู้มา ดูเหมือนไม่ใช่คนมีมารยาทอย่างงั้นเลยวะ “
“ จริงของมึง “ เมดพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วหันไปมองเพื่อนมันด้วยสีหน้านิ่งๆ
แววตาที่ดูไม่ชอบใจของมัน จะว่าไปนี่ก็อาจจะเป็นครั้งแรกของมันที่ผมได้เห็นอีกมุมมองนึงที่ไม่เคยเห็น มุมที่ไม่ใช่เด็กขี้หึงขี้หวง มุมที่ไม่ใช่คนน่ารักแสนใจดีที่ใครๆชอบยกให้มันเป็น คนใจดีของ throw up แต่เป็นคนคนนึงที่มีเขี้ยวเล็บ และพร้อมจะร้ายกับสองคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
“ ไม่รู้ว่าอาฟจะได้ฟังอะไรมา แต่บางทีนะมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะ ทุกอย่างก็ต้องมีหตุผลของมัน “ ยีนส์ยิ้มให้ผมในแววตาที่กำลังเชิญชวนกันนั้น “ ของแบบนี้ บางทีมันต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ “
“ พอเถอะไอ้ยีนส์ “ จิงพูดขึ้นก่อนจะคว้าแขนเพื่อนตัวเองไว้ ส่งแววตาห้ามปรามไปให้คนที่กำลังพูดกับผม ยีนส์ถอนหายใจออกมาแล้วหัวไปทางอื่น “ เรามาเริ่มทำงานกันดีกว่า จะได้เสร็จๆแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน “
ไม่มีเสียงตอบรับอะไร ผมหันไปมองเมดที่กำลังมองเพื่อนมันด้วยสายตาไม่ชอบใจเอามากๆ มือที่วางอยู่บนตักของมันกำกันแน่นเหมือนกำลังอดทนอย่างถึงที่สุด กับคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ทั้งๆที่ปกติถ้าเป็นคนอื่นคงสวนกลับคำพูดนั้นแบบเผ็ดร้อน แต่กลับไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างผม เมดคงอยากจะพูดผมรู้ แต่มันแค่ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ
เพราะเมดไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร เป็นแค่มือใหม่ที่เพิ่งหัดทำตัวให้ร้าย เพราะอีกฝ่ายร้ายกับมันก่อน เหมือนแมวบ้านที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี แต่สุดท้ายเจ้าของเอามาปล่อยทิ้ง มันที่ต้องหัดฉีกเล็บที่เคยถูกตัดอย่างดีเพื่อสู้กลับเพราะแค่ไม่อยากจะให้ใครมาทำร้ายมันอีก และผมเชื่อว่าเมดจะทำงานของมันนิ่งๆ ถ้าอีกฝ่ายนิ่ง แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่ใช่ คนบางคนต่ำตมทางความคิดมากเกินกว่าจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น
เอื้อมมือไปจับมือที่กำลังกำแน่นอยู่นั้น สอดมือเข้าไปจับมันไว้แน่น เมดหันมามองผมก่อนจะออกแรงบีบมือผมกลับเช่นกัน แค่อยากจะบอกให้มันรู้ว่าไม่ต้องหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น ผมยังอยู่กับมันตรงนี้ ไม่ได้อยากจะไปไหน คว้ามือถือขึ้นมาสแกนหน้าจอปลดล็อค ก่อนจะพิมพ์เข้าไปในไลน์มัน
[ อย่าทำหน้าเหี้ยอย่างงั้น อยากจะให้เพื่อนสมเพชมึงรึไง อยากให้เพื่อนรู้เหรอว่ามึงเป็นคนปั่นหัวได้ง่ายเพราะเรื่องกลัวใครจะแย่งผัว ]
[ แฟนพอมั้ง ] มันพิมพ์กลับมายิ้มๆ ก่อนจะบีบมือผมไว้แน่นกว่าเดิมแทนความรู้สึกที่ปกติมันจะส่งสติกเกอร์ให้กัน
[ แล้วอย่าลืมเซฟงานที่ทำกันไว้ด้วย เซฟมาให้ครบ เข้าใจมั้ย ]
[ ครับพ่อ ]
กดล็อคมือถือตัวเองแล้วฝากไว้บนมือของคนที่นั่งข้างๆ ผมหยิบไอแพตตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดเข้าเกมส์ออนไลน์ที่เล่นอยู่ประจำ ผมได้ยินเสียงการแบ่งงานแบบนิ่งๆ ไม่มีการถกเถียงอะไรมากมาย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะทำงานของตัวเองไป
“ กินน้ำอะไรหน่อยมั้ย หิวยัง “ เมดหันมาถามผมที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองมันเลย เวลาผ่านไปสักพักใหญ่แล้วแต่มือกับตาของผมก็ยังโฟกัสอยู่กับการเล่นเกมส์ ผมส่ายหน้าก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างๆยิ้ม เมดยกมือขึ้นจับที่แก้มผมเหมือนแกล้ง แต่คงทำให้เพื่อนรู้มากกว่า ว่าเราสวีทกันมากเหมือนกัน ทั้งๆที่ความจริงคือถ้ามันหวานมาผมก็แค่กวนตีนกลับ ไร้ความโรแมนติกใดๆ แต่หนนี้คิดว่าควรจะนิ่งไปแล้วกัน ไว้หน้ามันสักหน่อย
“ พูดถึงก็หิวน้ำ ใครเอาอะไรบ้างกูไปซื้อให้ “ จิงผละหน้าออกจากจอคอมของตัวเอง ก่อนจะหันมาถามทุกคน
“ กูเอาโกโก้แก้วนึง “ ยีนส์บอกเพื่อนตัวเอง คนที่กำลังจะลุกก็พยักหน้ารับก่อนจะหันมาหาเมด
“ มึงเอาน้ำอะไรมั้ยเมด “ คนโดนถามส่ายหน้าแบบไม่สนใจอะไรก่อนจะพูดในขณะที่มือก็พิมพ์งานของตัวเองไปเรื่อย
“ ไม่เอาอะ กลัวตาย “
“ งั้นเดี๋ยวกูมา “ พูดออกมาแค่นั้น คนที่เดินไปทิ้งท้ายไว้ด้วยการถอนหายใจเซ็งๆ ผมก้มลงเล่นเกมส์ต่อจนชนะก่อนจะเงยขึ้นมาขยับคอไปมาเพราะความปวดกับการที่ต้องก้มนานเกินไป
“ ปวดคอเหรอ “ ไม่พูดเปล่า เมดเอื้อมมือมานวดเบาๆที่คอให้ มันถามย้ำอีกครั้ง “ มึงจะกินอะไรหน่อยมั้ย คาราเมลมัคคิอาโต้สักแก้วเป็นไง ขนมสักชิ้น “
“ มึงนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะ “ เสียงของยีนส์ที่คงมองดูผมกับเมดอยู่นานแล้วเอ่ยถามขึ้น “ ชอบดูแลคนอื่นยังไงก็ชอบดูแลแบบนั้น “
“ แล้วเสือกอะไรมึงด้วยวะ “
“ มึงจะขี้ยั๊วะ ขี้หวงไปถึงไหนวะ กูก็แค่ชวนคุย “ อีกคนย้ำเหมือนว่าคนฟังเป็นคนปัญญาอ่อน ไม่ก็พวกแยกแยะไม่ออกสิ่งที่อีกคนพูดเป็นเพียงคำถามหรือการปั่นหัวให้เสียอารมณ์
“ กูไม่ได้อยากจะคุยกับมึง “ อีกฝ่ายยกยิ้ม
“ เหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็แค่อยากจะเตือน “ ยีนส์บอกก่อนยกยิ้ม “ มึงรู้มั้ยบางทีการดูแลของมึงมันก็มากไปนะ เคยมีคนคนนึงมาบ่นให้กูฟังว่า มึงแม่งเป็นคนเยอะ เยอะจนเค้ารู้สึกรำคาญอะเมด “ สองสายตาที่สบกันถ้าเป็นการ์ตูนสักเรื่องที่ผมเคยอ่านตอนม.ปลาย เหตุการณ์ตอนนี้คงถูกวาดให้มีสายฟ้าฟาดลงมาระหว่างคนทั้งสองคน
“ กูไม่ได้อยากรู้ “
“ แค่เตือน “ ยีนส์ย้ำจุดประสงค์ไม่จริงของตัวเอง “ ถามจริงไม่กลัวแฟนใหม่รำคาญบ้างเหรอวะ ปรับปรุงตัวเองได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ซ้ำรอยเดิมหรอก “
“ กูไม่รำคาญนะ “ ผมพูดตอบอีกคน ตอนที่หันไปมองเมดที่กำลังโกรธจนตาแดง ผมยิ้มให้มันก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่อยู่ตรงหน้า
สายตาที่ดูมั่นใจของยีนส์ มันคงคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรกับไอ้เมดก็ได้ จะปล่อยนิ่งเฉยไม่ทำอะไรก็ได้ หรือจะทำให้อีกคนแค้นแบบสุดๆ หรือเสียใจแบบสุดๆ มันก็ทำได้ และนั่นก็ไม่ผิดหรอก เมดกำลังเป็นแบบนั้น กำลังแค้นแบบสุดๆ เพราะมันยังคงหวั่นไหวและเจ็บปวดกับเรื่องพวกนั้นอยู่ แล้วเพื่อนที่รู้จักกันมานานแบบยีนส์ก็คงรู้ว่าสิ่งที่เมดเป็นก็แค่คนที่พยายามจะเข้มแข็งก็เท่านั้น
การทำศึก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าคู่ต่อสีรู้จุดอ่อน ก็มีแค่แพ้กับแพ้
“ ไม่รำคาญจริงอะ “ อีกฝ่ายถามย้ำ ผมก็พยักหน้ารับแล้วหันไปมองคนข้างๆอีกครั้ง
“ กูชอบกาแฟที่มึงชงให้กินทุกเช้าเลยนะ “ ผมยิ้มบอกมัน “ ขนมปังที่มึงปิ้งแล้วทาแยมก็อร่อยทุกแผ่น กูชอบเวลามึงเช็ดตะเกียบกับช้อนให้ ชอบวันที่มึงยืนเลือกแก้วใส่กาแฟของเราที่ต้องมีลายคู่กันเป็นชั่วโมงเพราะไม่รู้ว่ากูชอบสีโทนไหน ชอบแปรงสีฟันที่มึงบีบยาสีฟันทิ้งเอาไว้ให้ในห้องน้ำ ชอบเวลามึงคิดหนักกับเสื้อผ้าของกูที่เวลาต้องเลือกให้ “ เอื้อมมือขึ้นลูบหัวมัน
คนที่กำลังพูดความจริงออกมาตรงๆแบบนี้ดูไม่เหมือนคนอย่างผมสักเท่าไหร่เลย การกระทำที่แสดงอยู่ตอนนี้ก็ด้วย เพราะถนัดมากกว่ากับการกวนตีนมัน แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้คงเพราผมแค่อยากจะปกป้องมันเอาไว้ ปกป้องความรู้สึกของมันที่กำลังโดยทำร้ายโดยคนที่รู้จักจุดอ่อนของมันดี ว่าเมดอ่อนไหวกับเรื่องไหน “ กูไม่รู้ว่าคนอื่นมองยังไง แต่สำหรับกู กูชอบนะ มึงแคร์แค่คนที่มึงทำให้แบบกูก็พอ ถ้ากูชอบ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน “
“ โคตรเท่ห์เลยวะ “ ยีนส์บอกก่อนจะยิ้มกว้างแล้วจ้องผมอยู่แบบนั้น ผมที่จ้องมันกลับอีกฝ่ายก็พูดออกมาสั้นๆตอนที่เราสบตากัน “ ชอบ “
“ คุยอะไรกันอยู่วะ “ จิงที่เดินออกไปซื้อน้ำเดินมาถึงพอดี มันที่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไรและยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ แต่โกโก้เย็นแก้วที่ถือมากลับถูกแย่งไปด้วยฝีมือเมดที่ยืนขึ้นด้วยความโกรธแบบทนไม่ไหวและด้วยความรวดเร็วแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แก้วนั้นถูกเปิดฝาออกก่อนจะสาดใส่ยีนส์แบบเต็มๆหน้า
ทั้งน้ำแข็งทั้งน้ำปะทะใบหน้าของอีกคนอย่างจัง ไม่มีเสียงโวยวาย เงียบอยู่สักพักด้วยซ้ำก่อนที่ยีนส์จะได้สติมันลุกขึ้นยืนมองหน้าอดีตเพื่อนตัวองที่ก็คงไม่คิดว่าจะกล้าทำอะไรแบบนั้น เมดยืนมองเพื่อนมันนิ่งๆ หายใจเข้าออกเร็วๆแบบคนไม่เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตนึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ มือที่กำแก้วจนบิดงอไร้รูปร่าง ก่อนจะถามเสียงนิ่ง
“ ได้สติขึ้นมาบ้างมั้ย “
“ มึงเกินไปแล้วนะไอ้เมด “ ยีนส์พูดแบบนั้นก่อนจะปัดมือไปตามเสื้อของตัวเอง
“ มึงจะเอายังไงกับกูว่ามาเลยดีกว่า กูนิ่งแล้วนะยีนส์ เงียบแล้วด้วย แต่มึงพยายามจะหาเรื่องกูเองนะ “
“ คิดไปเองรึเปล่า มึงดูร้อนๆนะกูวะ “
“ อะไรกันวะเนี้ย “ จิงถามเพื่อนทั้งสองคน มันมองทั้งคู่สลับกันไปมา เมดหายใจเร็วขึ้นมันมองยีนส์ไม่วางตาด้วยความโกรธ และอีกฝ่ายก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่แค่ชั่วโมงบินของยีนส์กับเรื่องแบบนี้คงสูงกว่าก็เลยตั้งสติได้เร็วกว่า
“ มึงร้อนตัวมากไปมั้ย คิดว่ากูต้องอยากจะได้ผัวมึงทุกคนจนตัวสั่นเลยรึไง “ ยีนส์ถามก่อนจะยกยิ้ม “ จะบอกอะไรให้มึงรู้ไว้นะ ผัวมึงตังหากที่อยากได้กูเพราะว่ามึงมันจืดชืดแล้วก็ไร้อารมณ์ไง มึงแม่งน่าเบื่ออะเมดจำไว้ “ คำสุดท้ายที่ถูกย้ำทำให้แววตาของเมดเปลี่ยนไปเหมือนความเสียใจวิ่งเข้ามาแทนที่ความโกรธสำหรับสิ่งที่ได้ยินจากปากเพื่อน
“ ไอ้เชี้ยยีนส์! หยุด!”
“ กูไม่หยุด! กูจะพูดให้หมดเลยวันนี้ “ คนที่โดนสาดน้ำหันไปบอกเพื่อนตัวเองก่อนจะหันมามองเมดที่ยืนอยู่นิ่งๆอีกครั้ง “ มึงจำคำกูไว้นะเมด บางทีความแสนดีมันก็น่าเบื่อ บินทิ้งมึงมาหากูก็เพราะเรื่องนี้แหละ มึงมันน่าเบื่อเกินไป ตอนแรกกูก็จะไม่พูดแล้ว ไม่อยากจะทำร้ายมึง ไอ้จิงเองก็ขอไว้เหมือนกัน ก็เลยไม่อยากซ้ำเติมมึง “
“ ยีนส์..” จิงส่ายหน้า มันที่พยายามหยุดเพื่อนแต่ทว่าคนที่จะพูดก็แค่สะบัดตัวออกห่าง
“ มึงแม่งน่าหมั่นไส้มากอะเมด รู้ตัวบ้างมั้ย ยิ่งตอนที่รู้ว่ากูนอนกับไอ้บิน มึงหายหัวไปก่อนจะกลับมาด้วยท่าทางแบบทำหน้าเชิดไม่สนใจอะไร ควงผัวใหม่ที่ภาษีดีกว่า แสร้งทำเป็นรักกันมาก ทั้งๆที่ในใจก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว มึงเห็นพวกกูเหมือนอากาศ คิดว่าตัวเองอยู่สูงมากนักรึไงวะ คิดว่าชนะแล้วงั้นสิ “ อีกคนเอียงหน้าถาม “ ตอนคบบิน มึงรู้ว่ามันมีเล็กมีน้อยแต่ก็ยังทำเริ่ดทำเชิด หน้าชื่นอกตม มึงคิดว่าตัวเองดีเฟอเฟ็ค หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง นิสัยดี ชอบดูแลแฟน มึงคงสินะว่าตัวเองดีขนาดนี้แฟนจะทิ้งไปเลือกคนอื่นได้ยังไง แต่จำไว้นะ มึงแม่งได้ชูคออยู่แค่นั้นแหละ แล้วก็เป็นได้แค่นั้นด้วย ไม่มีวันจะได้มากกว่านั้น “
“ ไอ้ยีนส์พอเถอะ มึงจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ “
“ ให้มันตาสว่างไง ให้มันได้รู้ว่าที่มันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวมันนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะคนอื่นเลย มันที่เป็นคนน่าเบื่อ มันที่เหมือนของใช้การไม่ได้ ดูเหมือนมีค่านะ แต่ก็ไร้ค่า บินมองมึงเป็นแค่ของน่าเบื่อไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้นจำไว้ “ ยักคิ้วให้อีกคนที่ยืนฟังแบบไม่โต้เถียงอะไร ผมหันไปมองเมด คิดว่ามันคงพูดออะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ ราวกับว่าตัวมันก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นแบบนั้น แบบที่เพื่อนมันพูด
“ แล้วกูถามจริงเถอะ ที่มึงหวงกูกับไอ้อาฟแฟนใหม่มึงเนี้ย มันเพราะอะไรกันแน่วะ หรือเพราะว่ามึงก็รู้ตัวดีว่ามึงน่ะมันน่าเบื่อ เจ้ากี้เจ้าการ มึงเองก็คงคิดสินะว่าสักวันไอ้อาฟแม่งก็ต้องเหมือนไอ้บินที่ทิ้งมึงไปนั่นแหละ ทิ้งไปไปเจอใครสักคนที่ดีกว่า คนที่ไม่ทำให้มันเบื่อเหมือนมึง ให้กูเดาตอนนี้มึงก็คงไม่กล้าทำอะไรที่เคยทำกับไอ้บินให้ไอ้อาฟ เพราะกลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม ”
“ ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นมั้ย “ ผมยืนขึ้นก่อนบิดขี้เกียจ หันไปถามเมดที่หันมามองผมด้วยสายตางงๆ “ โตเกียว เครป หรืออยากจะกินโรตี “ ไม่มีเสียงตอบรับของคนที่หันมามองกัน หันไปมองยีนส์ที่ขมวดคิ้วกับสิ่งที่ผมพูดเหมือนอยู่ๆก็เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน ผมยกยิ้มให้มันก่อนจะดึงตัวเองไปกระซิบข้างหูของอีกคน “ ยังไงก็ต้องขอบคุณที่เอาไอ้เหี้ยนั่นออกไปจากชีวิตไอ้เมดนะ แต่ว่ากูอยากเตือนอะไรมึงสักอย่าง ตัวเหี้ยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มึงครอบครองไว้คนเดียวไม่ได้นะ จำไว้ “
“ คิดว่าไอ้เมดมันรักมึงรึไง “ ยีนส์ถามผมตอนที่ดึงตัวเองออกห่างมัน สายตาที่กำลังโกรธของมัน ผมยกยิ้ม “ แต่ก็คงไม่ได้รักหรอก เพราะถ้ารัก เมดก็คงมั่นใจในตัวแฟนตัวเองมากกว่านี้ แต่นี่ดูไม่มั่นใจอะไรเลย “ อีกฝ่ายยกยิ้มให้ผมกลับ ก่อนจะหันไปมองเมดอีกครั้ง “ ได้ข่าวว่าแค่คบกันดามใจไม่ใช่เหรอ ยังไงตอนนี้มึงก็รักไอ้บินอยู่ดีนั่นแหละ เพราะแม้แต่ วินาทีนี้มึงก็ยังเจ็บปวดกับเรื่องของมัน มึงก็ยังคิดถึงมันอยู่ ในหัวใจมึงก็มีแค่มัน แค่ไอ้บินเท่านั้น ไม่มีไอ้อาฟสักนิด แต่ว่าเสียใจด้วยนะเมด บินมันรักกูว่ะ “
“ ถ้ามึงคิดว่าขี้มีค่า ก็เอาไปเถอะยีนส์ กูยกให้ “
ก้มลงปิดหน้าจอคอมของตัวเองมันดึงเอาทุกอย่างขึ้นมาถือก่อนจะคว้าข้อมือผมแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น หัวใจของเมดคงแตกยับ ถ้าเป็นแผลตอนนี้ก็คงโดนเพื่อนสนิทคนเดิมขูดย้ำซ้ำแผลนั้นจนเลือดซิบอีกครั้ง
ผมเปิดประตูออก เอาของที่ถือมาใส่ไว้เบาะหลังคนขับเมดเองก็ด้วย เราเข้าไปนั่งในรถพร้อมกันแบบเงียบๆ ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมา ราวกับว่าคนข้างผมกำลังจมอยู่กับคำพูดของเพื่อนที่ตะโกนด่ามันเมื่อครู่
เมดคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แบบที่เพื่อนของมันพูดทั้งหมด ทั้งน่าเบื่อและใช้การอะไรไม่ได้เป็นของไร้ค่าสักชิ้น ที่มีไว้แค่ประดับแต่ไม่ได้มีไว้ให้ความรัก
ขับรถออกมาจากมหาลัยของมัน บรรยากาศเงียบเชียบภายในรถแต่ผมกลับไม่ได้อยากจะเปิดเพลง พยายามหันไปมองมันเป็นระยะ แต่อีกฝ่ายกลับแค่มองออกไปนอกหน้าต่างเพียงท่านั้น เมดกำลังเศร้า เศร้าในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับผม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรักของเรา มันเศร้าเพราะเรื่องในอดีต อดีตที่มันยังรักและยังเสียใจ
“ กูว่ามันก็จริงนะที่ยีนส์พูด “ เมดพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในตอนที่เรากำลังติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่ง “ กูเป็นคนน่าเบื่อ ไม่ชอบออกไปไหน เมื่อก่อนเวลาบินชวนกูไปไหนกูจะแค่ปล่อยให้มันไปแล้วตัวกูก็กลับมาที่ห้อง กลับมาดูหนังลาโรงบ้าง ทำความสะอาดบ้าง สิ่งที่กูชอบคือกูชอบดูแลแฟน มันมีหลายๆคำพูดที่กูชอบบอกกับบิน ผมยาวแล้วนะไปตัดผมสิ เสื้อตัวนี้สวยนะใส่แล้วคงเท่ห์มึงลองใส่สิ อาหารอันนี้น่าจะอร่อยนะไปลองกินกันมั้ย “ เมดเว้นเสียงไปมันร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ตัวเองก็พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะกลั้นมันไว้
“ ทุกเช้ากูชอบตื่นนอนก่อน ชอบตื่นขึ้นมาทำนู้นทำนี่เตรียมไว้ให้มัน เหมือนในหนังรักที่กูชอบดู หนังรักที่คนมีความรักดีๆเค้าทำให้กัน ..กูคิด คิดว่าตัวกูดีแล้ว แต่ก็อย่างที่ยีนส์บอก กูมันน่าเบื่อ บินไม่ชอบอยู่บ้านแบบกู มันชอบออกไปสังสรรค์แล้วก็มีเพื่อนเยอะๆ เราไม่เหมือนกันก็จริง แต่กูคิดมาตลอดว่า ถ้ากูเป็นคนดี บินก็ต้องไม่ไปไหน แต่มันไม่ใช่เลย “ เมดยิ้มทั้งน้ำตา “ ทั้งๆที่กูเป็นห่วงแต่มันกลับกลายเป็นว่ากูจุ้นจ้านมากเกินไป มันคงน่าเบื่อเนอะมึง ที่พอตื่นขึ้นมาก็จะเห็นอาหารที่กูจัดไว้ให้ แบบไม่ได้ถาม คงรู้สึกแย่น่าดูที่ทั้งๆอยากจะใส่เสื้อสีขาวแต่กูกลับจัดเสื้อสีดำไว้ให้ มันคงหงุดหงิดมากๆเลยในตอนนั้น จะว่าไปกูแม่งไม่มีอะไรดีเลยว่ะ เป็นแค่คนที่ทั้งน่ารำคาญแล้วก็น่าเบื่อเลยมึงว่ามั้ย “
“ ไม่รู้สิ “ ผมตอบอีกคนเบาๆในตอนที่บีบพวงมาลัยรถที่ขับไว้แน่น มันเจ็บที่เห็นเค้าร้องไห้เพราะคนในอดีต ทั้งๆที่ก็มีเราเป็นปัจจุบัน และมันก็ยิ่งเจ็บที่ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนเค้าก็ยังเสียใจกับเรื่องนั้น
ถ้าหัวใจของเมดเป็นแก้ว ก็คงมีน้ำหลงเหลืออยู่เกือบเต็มแก้วนั้น และไม่ว่าผมจะพยายามใส่อะไรลงไปเท่าไหร่ ทำดีแค่ไหน น้ำที่มีอยู่เดิม ความเสียใจที่มีอยู่เดิมในแก้วนั้น มันก็หลอมละลายสิ่งที่ตัวผมเติมไปให้หายไปอยู่ดี และไม่ว่าจะพยายามใส่เท่าไหร่ก็เป็นแบบนั้น ตราบใดที่ยังมีน้ำเก่าอยู่เกือบเต็มแก้ว ทุกอย่างที่เติมไปมันก็เท่ากับศูนย์อยู่ดี
ถอนหายใจออกมา ผมหันไปเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมานั้นไว้ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าอีกครั้ง บนเส้นถนนในช่วงบ่ายที่รถติด
มันไม่มีรถคันไหนได้เคลื่อนตัวไปหรอก เราทุกคนก็ติดอยู่ด้วยกันตรงนี้ เหมือนกับเมดที่ติดอยู่ในความรู้สึกเสียใจของอดีตที่เคยทั้งรักทุ่มเท ส่วนผมเองไม่ว่าจะพยายามดึงมันออกมาจากตรงนั้นสักเท่าไหร่ เมดก็ยังติดอยู่กับมันไม่ยอมไปไหน จนบางทีผมก็คิดว่า ไม่รู้ที่บอกว่าจะพยายามลืม.. อีกฝ่ายพยายามแต่ปากรึเปล่า
“ กูรู้แค่ว่า กูยิ้มทุกเช้าตอนที่หันมาเห็นหน้ามึงนอนอยู่ข้างๆ แล้วกูจะยิ้มกว้างขึ้นไปอีกก็ตอนที่เห็นมึงยืนอยู่ในครัวแล้วกำลังชงกาแฟกับทำขนมปังให้กูกิน กูหยุดยิ้มไม่ได้กับยาสีฟันที่ถูกบีบไว้บนแปรงสีฟันของกู แล้วกูก็ชอบชุดทุกชุดที่มึงเลือกให้กูใส่ กูอยากจะให้มึงจัดให้กูทุกวันเหมือนกับชุดนี้ที่กูใส่อยู่ตอนนี้ กูชอบเวลาที่มึงสั่งกาแฟให้กูโดยไม่ต้องถาม ชอบเวลาที่มึงเช็ดตะเกียบกับช้อนมาให้เวลาที่เราไปกินบะหมี่หมูตุ๋นด้วยกัน กูชอบเวลาที่มึงหันมามองกูแล้วคิดอยู่ตลอดว่ามีอะไรบ้างที่มึงต้องทำให้กู มีอะไรบ้างที่กูชอบ แล้วก็มีอะไรบ้างที่กูไม่ชอบ กูชอบที่มึงจดจำทุกอย่างของกูได้ ชอบทุกวินาทีที่มึงคิดถึงแค่กู “
‘ ทุกอย่างต้องใช้เวลา เค้าเพิ่งเลิกกับแฟนมาเราต้องเข้าใจ ’ คำพูดที่กรอกหูผมอยู่ตลอดเวลา ผมพูดกับตัวเองด้วยคำนี้ซ้ำไปมาราวกับกดเครื่องเล่นเพลงให้เล่นมาซ้ำๆ
แต่บางที
ใครจะรู้บ้างว่าผมไม่ได้อยากจะเข้าใจมันหรอก .. คนเราแม่งต้องยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ทำให้เราต้องเจ็บปวดด้วยเหรอวะ
“ อาฟ “
“ กูก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงไม่ชอบมึง กูไม่รู้ว่าทำไมเค้าเบื่อมึง เพราะกูมีความสุขกับสิ่งที่มึงทำให้ทุกวัน และไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้น “
ผมถอนหายใจออกมา ก้มหน้าลงกับพวงมาลัยรถยนต์ที่อยู่เบื้องหน้า
ผมเจ็บ แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันตัวเองทนเอาไว้ แล้วพูดสิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่า นั่นความจริงที่ทั้งผมทั้งเมดก็รู้ดี “ แต่ว่ามึงคงไม่ได้สนใจหรอกมั้ง ว่ากูชอบในสิ่งที่มึงทำให้กูมากแค่ไหน เพราะว่าไม่ว่ายังไงในหัวใจมึงก็ยังสนใจแค่เค้าคนนั้น เค้าที่ไม่ได้ชอบอะไรในสิ่งที่มึงทำให้เลยสักอย่าง แต่มึงก็ยังคิดถึงเค้า “ ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจ
“ มึงยังเจ็บอยู่กับอดีตเมด กูเข้าใจ แต่กูก็เจ็บอยู่กับปัจจุบันเหมือนกัน ปัจจุบันที่กูรู้สึกว่า มึงไม่ได้มีกูอยู่ในหัวใจเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมี “
มันน่าเจ็บปวด ที่กูไม่ได้เป็นแม้แต่คนที่ควบคุมความรู้สึกของมึง
ไม่ว่าจะทั้งความสุขหรือความทุกข์ .. กูที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับความรู้สึกของมึงเลยสักอย่างเดียว
..........................................................
เป็นตอนที่เขียนยากมากกกกกกก ยากแบบ คือ ต้องเขียนอาฟที่เข้าใจว่าตัวเองต้องเจ็บปวด ทั้งๆที่ไม่อยากจะเข้าใจ ขัดกับนิสัยของตัวพี่อาฟมาก ปากบอกกูจะไม่ทนนะ แต่ตัดพ้อเมดเต็มที่มากด้วยความเจ็บปวดที่ตัวเองยังรักอีกคน เป็นความรักที่ทำอะไรไม่เลย ยกเว้นจะต้องเข้าใจ มันเท่านั้น #เอามือจับอกสงสารพี่อาฟ แต่ก็สงสารเมดด้วย คือเมดก็ไม่ผิดไง มันต้องเจ็บปวดอะ โดนซ้ำแผลไปอีก แต่นั่นแหละ ความรู้สึกที่ยังเจ็บกับอดีต บางทีก็ทำร้ายปัจจุบันไง
เจอกันตอนหน้า ขอไปตั้งสติต่อสู้กับตอนต่อไป
และสำหรับตอนนี้ ฝากเม้นท์และ แท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า