“ ไปกินโรตีกันดีกว่า “ คำพูดสั้นๆของคนที่นั่งข้างๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดค้นหาอะไรสักอย่างตรงหน้าจอ ผมคิดว่าคงจะเป็นร้านโรตีอร่อยๆที่อีกคนอยากจะกิน “ กินแค่โรตีพอนะมึง กินอะไรเบาๆ แล้วค่อยไปกินมื้อเย็นอีกทีที่ซอยข้างผับ ”
พยักหน้ารับไปแบบนั้น แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘ เบาๆ ’ ของอีกคนสักเท่าไหร่ เพราะทั้ง โรตีฝอยทอง โรตีไม่ใส่ไข่ โรตีใส่ไข่ ที่ถูกสั่งออกไปจากปากคนตรงหน้า สามจานนี่จัดว่าเบาเหรอวะ เครื่องดื่มมีกาแฟเย็นที่คงเป็นของผม ส่วนโกโก้เย็นคงเป็นของมัน
“ มึง กินกาแฟเย็นได้มั้ย แต่มันไม่มีคาราเมลมัคคิอาโต้วะ กูก็ลืมถาม “ แววตาเรียวที่จ้องหน้าผม เหมือนรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำอะไรพละการแบบนั้นโดยไม่ได้ถามกันเสียก่อน
“ กูกินได้ทั้งนั้น “
“ คราวหลังเดี๋ยวสั่งชามะนาวมาให้ “ มันพูดแหย่ผมก่อนจะยักคิ้วให้ แต่ถึงอย่างงั้นสายตาที่เอาแต่มองไปรอบๆก็เอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมา “ ไม่รู้เค้าจะชงกาแฟเย็นให้มึงเข้มเกินไปรึเปล่า กูไปบอกให้เค้าชงไม่เข้มหน่อยดีกว่า ปกติมึงกินไม่ค่อยเข้ม “ เผลอยิ้มออกมาตอนที่อีกคนเดินออกไป ด้วยท่าทางยิ้มๆที่เอ่ยพูดกับพนักงานร้าน ผมว่า ผมชอบความใส่ใจเล็กๆนี่มากเลยว่ะ
มื้อกลางวันแบบเบาๆ ในความคิดของอีกคนจบลง แล้วตอนนี้เราก็กลับมาที่คอนโดเรียบร้อย เมดเดินเข้าไปกินน้ำในครัวเป็นอย่างแรกก่อนจะล้างแก้วแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ผมเองก็นั่งลงบนเตียงไม่เคยรู้สึกอยากจะนอนมากขนาดนี้ จัดการหยิบมือถือกับกระเป๋ามาตั้งไว้บนโต๊ะลิ้นชักข้างๆ ก่อนจะเอนตัวนอนลงตักของอีกคนที่นั่งเล่นมือถืออยู่
“ ไปนอนดีๆ “ เมดบอกตอนที่ผละหน้าออกจากมือถือแล้วก้มลงมองผมที่ก็หลับตาลงแล้วกอดอกตัวเองนอนแบบนิ่งๆ “ อาฟ กูรู้ว่ามึงยังไม่หลับ อย่ามาทำเงียบกลบเกลื่อน “
โดนเจ้าของตักจิ้มแก้มไปทีนึง ก่อนที่นิ้วนั้นจะเลื่อนมาจิ้มนิ้วลงไปอีกสามครั้งในจุดที่ใกล้กัน ถ้าให้เดาคงกำลังเอานิ้วจิ้มไฝสามจุดของผมที่อยู่บนหน้า
“ มึงมีไฝบนหน้าตรงนี้เหมือนกลุ่มดาวเลย “ อีกคนที่พูดขึ้นแต่ผมก็ยังเงียบ “ แปลกดี แต่ก็เท่ห์เหมือนกันนะ “
“ ยังไงกันแน่ “ ผมเอ่ยถามมันตอนที่ลืมตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าอีกคนในระยะประชิด เมดดึงตัวเองขึ้น มันชะงักนิดหน่อยก่อนจะดันผมให้ลงไปจากตักของมัน “ ตกลงยังไงกันแน่ “
“ อะไรยังไง “ อีกคนถามพลางทำทีเป็นล้มตัวลงนอนเพื่อที่จะหลบเลี่ยงการตอบคำถามของผม
“ ไฝสามจุดบนหน้ากู มันเป็นยังไง “ เอ่ยถามมันตรงๆ ตอนที่พลิกตัวเองหันไปสบสายตากับมัน เมดก็หลับตาลงมันพลิกตัวไปอีกทางแต่ผมก็แค่เอื้อมมือไปดึงเอวมันมากอดประชิดตัวไว้
“ ถ้ากอดไว้แบบนี้กูจะไม่บอกนะสัดอาฟ “
“ คิดว่าจะกลัว “ ถามมันแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้าใช้ริมฝีปากขบใบหูของมันเบาๆ อีกคนก็หดตัวเกร็ง
“ ไอ้เชี้ยย ทำเหี้ยอะไรวะ “
“ มาดูกันว่ามึงกับกูใครจะแน่กว่ากัน “
“ ไอ้สัด มึงแม่ง “ มันสถบเหมือนรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าต้องแพ้ เมดนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผมเงียบๆ ศีรษะของเราหนุนอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ผมก้มลงสูดกลิ่นแชมพูเด็กตรงเรือนผมของอีกคนเข้าไปเต็มปอด รู้สึกว่าบางทีกลิ่นแชมพูเด็กก็หอมดีเหมือนกันแต่ไม่รู้เพราะมันอยู่บนร่างขงคนในอ้อมกอดด้วยรึเปล่า “ ก็ดูแปลกดีแต่ก็เท่ห์ ไม่เหมือนใคร “
“ ชอบมั้ย “ ถามมันออกไปสั้นๆเหมือนไม่ใช่ตัวผมที่ตั้งคำถามพวกนั้น ก็รู้ว่าเมดคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร แต่มันก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อบ่ายเบี่ยงสิ่งที่ผมถามอยู่ดี
“ หมายถึงอะไร “
“ ไฝสามจุดบนหน้ากู “ ผมขยายความก่อนย้ำ “ มึงชอบมั้ย “
“ นิดหน่อย “
“ แล้วเมื่อไหร่จะมาก “
“ ก็ต้องดูจากการกระทำก่อน “ อีกคนบอกแค่นั้นผมก็กอดมันไว้แน่นขึ้น “ ถ้าทำดีก็มากขึ้น ถ้าทำเหี้ยก็ลดลง “
“ ท่าทางว่าน่าจะลด “ ผมบ่นกับตัวเองเบาๆอีกฝ่ายก็หัวเราะ
“ ทำไมมึงชอบบอกว่าตัวเองไม่ดีนักวะ “ เมดถาม “ เอาจริงๆนะ มึงคิดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีจริงๆ หรือว่า มึงฟังจากคนอื่นมา คนอื่นที่บอกว่ามึงนิสัยไม่ดี มึงเลยคิดว่าตัวมึงเองนิสัยไม่ดี “
“ คงอย่างหลัง “
“ แล้วใครบอก “
“ สาวคนก่อน “ ได้ยินเสียงถอนหายใจเซ็งๆของคนที่ฟังคำตอบ ผมเผลอยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดแบบฉับพลันของมันไอ้เด็กขี้หึง “ ไอ้เจ ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ก็บอกแบบนั้น “
“ กูมองว่านิสัยเหี้ยๆของคนคนนึง มันอาจจะไม่แย่ขนาดนั้น เพราะคนบางคนเค้ารับได้แต่บางคนเค้าก็รับไม่ได้มันก็แค่นั้น กูไม่ค่อยชอบตัดสินว่าคนคนนึงเหี้ยหรือไม่เหี้ยจากคำพูดของคนอื่น “
“ งั้นเหรอ “
“ ก็บางทีที่เค้าว่าเหี้ย กูอาจจะมองว่ากูรับได้แล้วมันก็ดีกับกูก็ได้นะ “
“ ยกตัวอย่างเช่น “
“ ก็อาจจะเช่น กูเป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการชอบทำอะไรให้แฟนเยอะแยะไปหมด แบบกูชอบดูแลเค้า ทำเหมือนรู้ดีไปหมดว่าแฟนต้องการอะไร จัดแจงให้แบบไม่ต้องบอกให้ทำ แต่สำหรับบางคนมันก็มากเกินไปจนกลายเป็นว่า เสือก จุ้นจ้าน แล้วก็น่ารำคาญ “
“ กูชอบให้คนดูแล “
“ หึ “ เมดหลุดหัวเราะ “ ลองดูก่อน บางทีมึงอาจจะไม่ชอบก็ได้ กูเยอะจริงนะ มีคนเคยเกลียดมันมากเลยที่กูเป็นแบบนี้ “ ท้ายประโยคที่ดูเศร้าของมัน ผมเผลอกอดอีกคนไว้แน่นขึ้นตามความรู้สึก ผมรู้ดีว่าเมดหมายถึงใคร ก็มีอยู่แค่คนเดียวไม่ต้องไปคิดถึงใครอื่น เหมือนกับว่าในหัวใจของมันก็มีแค่เค้าคนนั้น คนที่เคยเป็นทั้งความรักและความเสียใจ
เริ่มเข้าใจคำพูดของไอ้เจที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ‘ ก็มันเพิ่งเลิกกับแฟน มันที่กำลังเสียใจ ถ้ามึงทำดีกับมันมากๆ มันก็อาจจะสนใจมึงได้ง่าย แต่ว่าจะเหี้ยหน่อย ก็ตรงที่มึงคงจะได้เป็นแค่ตัวแทนคนเก่าละนะ แบบว่าคบมึงเพื่อลืมใครอีกคน ’
“ หันมานี่มา “ ดึงคนที่นอนหันหลังให้ผมเข้ามาเผชิญหน้ากัน เมดก้มหน้าลงมันพลิกตัวมากอดผมแบบว่าง่าย ซุกตัวเข้ามาในอกเหมือนเด็กเล็กๆที่มักจะกอดแน่นเวลาโดนโอ๋ แขนข้างนึงของมันกอดผมไว้
“ ขอโทษ “ อีกคนพูดเสียงเบาๆ
“ เรื่อง “
“ ไม่รู้คำพูดกูเมื่อกี้จะทำให้มึงคิดมากรึเปล่า “ เมดกอดผมแน่นขึ้น “ กลัวมึงคิดว่ากูเอาคนเก่ามาเป็นบรรทัดฐานให้มึง “
“ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น “ โกหกอีกคนไปเพื่อความสบายใจ ยอมรับว่าผมก็คิดแบบที่คนในอ้อมกอดบอก ผมรู้สึกว่าเมดกำลังเอารักครั้งเก่าที่เคยเหี้ยของมัน มาเป็นบรรทัดฐานให้กับรักของเรา “ สำหรับกู มึงแค่เป็นตัวเอง ถ้ามีอะไรที่มากเกินไป กูจะบอก ว่ากูไม่ชอบ เพราะกูไม่ใช่คนที่ทนอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ “
“ เหรอ “
“ อื้ม “
ทุกอย่างเงียบไปคล้ายกับต่างฝ่ายต่างจมลงไปในความคิดของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าเมดคิดอะไรอยู่ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ดี บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ร้าย แต่ไม่ว่าอะไรก็ช่างมันเถอะ อยู่กับวันนี้ก็พอ บอกตัวเองแบบนั้น ก่อนหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้า ในช่วงเวลาที่สมองกำลังปล่อยวางความง่วงงุนก็เข้ามาแทนที่ ผมหลับไปหลังจากนั้น
................................................................
ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วสิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากได้สติทั้งหมดกลับมานั่นคือ ‘ ปวดแขน ’ เมดยังคงอยู่ในอ้อมกอดผม และตอนนี้ก็กำลังเอาแก้มกลมๆของมันมานอนบี้กับท่อนแขนของผมอยู่
“ พบเจ้าตัวการที่ทำให้ปวดแขนแล้ว “ ผมบอกกับตัวเองตอนที่ก้มลงมองหน้าอีกคนที่ยังหลับอยู่แบบนั้น แก้มขาวตัดกับสีแขนของผมแบบชัดเจนเป็นภาพน่ารักที่ชวนให้หลุดยิ้มออกมาจนลืมความรู้สึกปวดแขนไปเลย ก้มลงจูบเบาๆที่แก้ม อยากจะฝังจมูกให้แรงกว่านี้สักหน่อยเพราะรู้สึกหมั่นเขี้ยวเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าใครอีกคนจะตื่น ผมผละออกจากแก้มก่อนจะจูบที่ริมฝีปากนุ่มนั่นเบาๆ
“ อื้อ “ เสียงครางเบาๆที่อีกคนประท้วงขึ้น เมดขยับตัวเข้ามากอดผมไว้แน่นขึ้น ใช้จังหวะนั้นค่อยๆดึงแขนที่อีกคนหนุนอยู่ออก ผมใช้เวลาหลายนาทีเพื่อรอให้มันหายจากอาการเหน็บชา สะบัดมือไปมาแล้วดึงตัวเองขึ้นพิงกับหัวเตียงช้าๆเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ก่อนจะหยิบมือถือที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา ที่กำลังเข้าสู่ช่วงห้าโมงเย็น
‘ ค่อยปลุกตอนหกโมงแล้วกัน ’ สงสารเด็กไม่ได้นอนมาทั้งวัน พูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะกึ่งนั่งกึ่งนอนมองคนที่หลับอยู่แบบนั้น เผลอคิดถึงคำพูดของไอ้เจที่เคยพูดไว้ขึ้นมาอีกครั้ง สลับกับคำพูดของคนที่นอนอยู่
รู้สึกแย่ว่ะ .. รู้สึกแย่ที่ต้องเห็นคนที่เรารัก รักคนอื่นและเจ็บปวดเพราะคนอื่นอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้ดีว่าทุกอย่างที่เป็น มันก็สมควรแล้วที่เป็นแบบนั้น ไม่แปลกที่เมดจะยังรู้สึก ไม่รู้สึกสิแปลก แต่ถึงจะรู้อย่างงั้นผมก็ห้ามความรู้สึกหงุดหงิดใจนั่นไว้ไม่ได้
ถ้าทำได้ ตอนนี้กูอยากจะครอบครองมึงไว้ทั้งหมด ทั้งร่างกายและความรู้สึกนึกคิดนั่น อยากเป็นคนที่อยู่ภายในหัวใจของมึงทั้งหมด คนที่จะควบคุมความรู้สึกของมึงได้ เป็นทั้งคนที่ทำให้มึงมีความสุขแม้แต่เรื่องเล็กๆและเช่นกันกูอยากจะเป็นคนที่ทำให้มึงเสียใจแม้แต่เรื่องเล็กๆด้วย มันน่าหงุดหงิดที่ตอนนี้ตัวผมไม่ใช่คนที่ควบคุมทุกพื้นที่อยู่ในนั้น เป็นแค่คนคนนึงที่อาจจะอยู่ในนั้นก็จริง แต่อีกเสี้ยวนึงเล็กๆ ก็ยังมีใครอีกคนอยู่ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไป
[ ทำอะไรอยู่วะ ] ผมส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทอย่างไอ้เจ ไม่ลืมปิดเสียงเพื่อกันการรบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆ หน้าจอตรงข้อความที่ขึ้นว่าอ่าน ไม่นานไอ้เจก็ส่งข้อความกลับมา
[ เดี๋ยวนี้ใช้ไลน์บ่อยจังเลยนะครับ ] ผมไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนกับเพื่อน การที่บอกออกไปตรงๆว่าจะมาปรึกษาปัญหาหัวใจดูไม่ใช่ทางสักเท่าไหร่ [ แล้วก็เงียบไป ... มีอะไรไอ้สัด อย่าลีลา ]
[ ถ้าแฟนมึงยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่จะทำยังไง ]
[ เมดคิดถึงไอ้บินอยู่ทำไงดี ] เพื่อนผมถามกลับ [ หรือจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของมึงอีก แบบเรื่องของเพื่อน แล้วมึงชื่อ เพื่อนงี้ ]
[ ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมากวนตีน ]
[ ฮ่าๆๆ ] ไอ้เจหัวเราะ มันเงียบไปสักพักก่อนจะส่งข้อความตอบกลับมา [ มันก็ปกติเปล่าวะ ไม่รู้สึกเหี้ยไรสิแปลก ]
[ เหรอวะ ]
[ เข้าไปจีบเค้า มึงก็รู้อยู่แล้วว่าเค้ายังเจ็บกับเรื่องแฟนเก่า มึงอยู่กับไอ้เมดตลอดเวลาตั้งแต่เจอมัน มึงจะบอกกูว่าไม่รู้เหรอวะ ] ผมเถียงไม่ออก ก็เป็นอย่างที่เพื่อนพูดผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันรู้สึกยังไงกับรักครั้งเก่า รู้ด้วยซ้ำว่าแม้แต่ตอนนี้มันก็ยังเจ็บปวดอยู่ แค่เลือกที่จะไม่พูดและแสดงออกมาให้เห็น [ เลือกแล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ มึงก็ต้องยอมรับ ]
[ อื้ม ] ไม่รู้จะตอบอะไรก็เลยตอบออกไปแค่สั้นๆ
[ กูเข้าใจมึงนะ มึงคงอยากจะให้ไอ้เมดไม่คิดถึงไอ้บินอีก อยากจะให้ไอ้เมดมันมองมึงคนเดียว เป็นของมึงคนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็ต้องใช้เวลาเปล่าวะสัดอาฟ มึงเลือกที่จะรักเค้าในตอนนี้เอง มึงก็ต้องทำใจว่ะ ]
[ มีทางลัดมั้ย ] ผมถอนหายใจออกมา อยากจะบอกเพื่อนออกไปตรงๆในสิ่งที่รู้สึกว่า กูไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนเป็นรองตอนนี้เลย มันเหมือนกูได้ครอบครองเค้าแค่ตัว กูมีตำแหน่งเป็นแฟน แต่นอกจากนั้นกูไม่มีอะไรเลย เค้าอาจจะหึงกูบ้าง เค้าอาจจะมีความสุขเพราะกู แต่ถ้าไอ้เหี้ยนั่นโผล่หน้าขึ้นมาเมื่อไหร่ แม้แต่ในความคิด ตัวกูก็จะหายไปทันที ต่อให้กูทำให้เค้ามีความสุขแค่ไหน มันก็หายไป นั่นเพราะไอ้เหี้ยนั่น ยังเป็นคนที่สำคัญ คนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ กูจะได้เข้าไปแทนที่สักที
[ มึงอย่าใจร้อน มันไม่มีทางลัดอะไรทั้งนั้นแหละ ]
[ แล้วกูต้องทำไง ]
[ ช่างหัวแม่ง ] เจบอกผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้น [ มึงต้องเข้าใจก่อนนะว่าไอ้บินอยู่กับไอ้เมดมาสี่ปี มันมีทั้งเรื่องดีๆ เรื่องเหี้ยๆ กันเยอะแยะ มันพิ่งเลิกกันไม่นาน มึงจะให้เมดลืมไอ้บินหมดใจแล้วมีแต่มึงที่สารภาพรักมันเมื่อวานแถมยังรู้จักกันไม่ถึงสองอาทิตย์ในใจทั้งดวงมันก็ไม่ใช่ไงสัด ]
[ อื้ม ]
[ กูถามจริง มึงอื้มนี่เข้าใจเปล่าวะ ]
[ เข้าใจ แต่ไม่อยากจะเข้าใจ ]
[ มึงต้องให้เวลาไอ้เมดมัน เสือกอยากจะจีบตอนเค้าเพิ่งอกหักมาก็แบบนี้แหละ มันหวั่นไหวง่ายก็จริง แต่มันจะเหี้ยหน่อยก็ตรงที่มันจะคาบกึ่งระหว่างคนใหม่กับคนเก่า ] เจบอก [ แต่มึงจะไปแคร์อะไรวะ เมดมันยังเจ็บกับไอ้เชี้ยบินก็เรื่องของมันดิวะ ถ้ามึงดีกับมันมากๆ มันก็ลืมไอ้เชี้ยนั่นไปได้เองนั่นแหละ คบกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอะไรมันก็เปลื่ยนไป ]
[ มันมีมั้ยวะ ที่จะไม่เปลี่ยน ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านและอีกฝ่ายกลับเงียบ [ กูหมายถึงเมดที่ยังรักไอ้เชี้ยนั่นไปตลอด แล้วไม่ว่ากูจะทำยังไงก็ไม่มีวันที่มันจะรักกูได้เท่าไอ้บิน ยังไงก็ยังรักไอ้บินอยู่ ]
[ มันก็คงมี ] เพื่อนผมบอก [ แต่มึงจะไปคิดถึงผลลัพธ์แย่ๆทำไมวะ ทำไมไม่คิดถึงอะไรดีๆ มั่นใจในตัวเองหน่อยสัด ว่าตัวเองจะดีจนชนะใจเค้าได้ในสักวัน ]
[ ช่วยพูดให้สมกับที่รู้จักกูมานานหน่อย ]
[ ถูกแล้ว นั่นแหละคำพูดของเพื่อนอย่างกูที่รู้จักมึงมานาน แต่ถ้ามึงทนไม่ไหวมึงก็แค่พูดออกไปอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ อย่าฝืนความเป็นตัวเองมาก เดี๋ยวพอคบกันไปนานๆ มึงเผยความเป็นตัวเองขึ้นมาเมดมันจะรับไม่ได้ ]
[ เรื่องเยอะชิบหาย ] ความรักแม่งละเอียดอ่อนจนรู้สึกน่าเบื่อ ราวกับแก้วบางที่ถ้าบีบแรงก็แตกและถ้าถือเบาไปก็คงไหลหลุดมือ
[ เป็นคนดี แต่ก็ดีในแบบที่มึงเป็นตัวเอง เข้าใจมั้ย ]
[ ไม่เข้าใจ ]
[ ฮ่าๆ เพราะความรักมึงตอนนี้มันคือการยอมเว้ยอาฟ ]
[ ยอมอะไร ]
[ ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ทั้งมึงแล้วก็เมดนั่นแหละ ]
กดปิดหน้าจอมือถือผมวางมันลงข้างตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าบุหรี่ในลิ้นชักตรงหัวเตียงมาจุดสูบ ไม่ลืมเปิดเครื่องดูดกลิ่น ได้เวลาปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นไปทำงานแล้ว ผมบอกตัวเองแบบนั้นตอนที่สูดควันจากก้นบุหรี่เข้าไปในปอดก่อนจะพ่นควันออกมาจากทางปากและจมูก นั่งมองดูควันที่ลอยสูงขึ้นไปพลางนึกทบทวนในสิ่งที่เพื่อนพูด
ก็เป็นอย่างที่อีกคนบอก ไม่มีอะไรผิดแปลกไปมากกว่านั้น หัวใจของเมดต้องใช้เวลาในการรักษา ส่วนผมเองต้องยอมรับกับจุดนั้นให้ได้ ก็ตัดสินใจเลือกเองว่าจะไม่ขอรออะไรอีก เพราะงั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ไม่มีทางเลือกอื่น
“ อื้มมม “ เสียงของคนที่ตื่นขึ้นจากที่นอน ผมก้มลงมองแววตาเรียวที่ขมวดคิ้วก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้คับคล้ายว่าจะหนีกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่น
“ ตื่นได้แล้ว “ ผมบอกมัน อีกคนก็พูดอู้อี้ผ่านออกจากใต้ผ้าห่มผืนนั้น
“ กูเหม็น ไอ้เชี้ยอาฟ สูบทำไมไม่มีมารยาทเลย คนนอนอยู่แท้ๆไอ้สัด “ ผมบ่นยาวๆที่ทำให้ผมหลุดหัวเราะ ก่อนที่คนหัวเสียจะแค่โผล่ตาออกมาจากใต้ผ้าห่มผืนนั้น “ กลิ่นติดตัว ติดหมอนไปอีก “
“ เปิดเครื่องดูดกลิ่นแล้ว “
“ มันไม่หายไปหมดหรอกสัด ยังไงก็ต้องติด “ ใบหน้างอง้ำของมัน รู้สึกหงุดหงิดจริงๆที่เห็นผมถือบุหรี่มวนนี้อยู่ในมือ มันจ้องผมส่วนผมเองก็จ้องมัน “ ยังอีก “ เมดบอกเสียงนิ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “ ยังไม่เลิกสูบอีก “
“ บ่นเหมือนแม่เลยวะ “ ว่าแบบนั้นผมก็สูดควันจากมวนบุหรี่เข้าไปครั้งสุดท้ายก่อนจะดับ แต่เหมือนเมดมันจะไม่เข้าใจ มือเล็กเลื่อนมาหมายจะจับบุหรี่ แต่ผมก็เบี่ยงหลบ
“ อาฟ “
“ อย่าเอามือมาจับ เดี๋ยวมือโดนขี้บุหรี่แล้วจะเจ็บ “ ใช้มือข้างนึงจับมือมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ดับบุหรี่เข้ากับกล่องเก็บของมัน หันมามองมันที่ถอนหายใจออกมาเซ็งๆกับกลิ่นที่ตัวเองไม่ชอบ
“ คืนนี้กูจะไปนอนห้องตัวเอง “
“ ใครให้ไป “
“ กูนี่แหละอนุญาตตัวเอง ขืนให้กลับมานอนห้องมึงกูนอนไม่หลับพอดี กลิ่นมันคงคลุ้งติดผ้าไปหมด “
“ เดี๋ยวเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ เปลี่ยนหมดตั้งแต่ผ้าปูเตียงยันผ้าม่านยังได้ “ ยักคิ้วให้อีกคน เมดที่ถอนหายใจออกมา มันไม่ได้พูดอะไรมีเพียงสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่านั้นที่มองผมก่อนจะพลิกตัวเองไปหยิบมือถือที่ตั้งไว้ตรงหัวเตียงอีกฝั่งก่อนจะบ่นๆเบาๆ
“ ทำไมชีวิตแม่งหนีคนชอบสูบบุหรี่ในห้องนอนไม่พ้นสักทีวะ “ มันว่าแบบนั้นแบบไม่คิดอะไรคล้ายกับบ่น แต่ก็คงไม่ใช่กับคนที่ฟังอยู่แบบผม “ ไอ้เชี้ยบินก็คนนึงละ มาเจอไอ้เชี้ยอาฟอีก แล้วนี่ก็...“
ประโยคที่เหลือถูกกลืนหายไปในตอนที่ผมดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ สองแขนของผมกอดเอวมันไว้ ตอนที่บดเบียดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย มันไม่ใช่จูบที่อบอุ่นแบบที่ผมเคยทำ เป็นจูบที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นแรงๆของบุหรี่ที่ก็คลุ้งอยู่ในปากของเรา ริมฝีปากแห้งที่สัมผัสกันทุกอย่างมันแตกต่างจากครั้งแรก แถมยังดูห่างจากความโรแมนติกไปไกล
เมดจะรู้รึเปล่าว่าทำให้ผมหงุดหงิดแค่ไหน แต่คงไม่..มันคงไม่ตั้งใจจะพูดชื่อของใครคนนั้นออกมาตั้งแต่แรกหรอก และก็คงไม่คิดว่านี่คือการเปรียบเทียบอะไร มันก็แค่บ่นไปเซ็งๆตามประสาเท่านั้น ผมเข้าใจมันอยู่แต่เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจ และถูกพูดออกมาจากใจจริงๆที่ไม่ผ่านการไต่ตรองนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บ...เจ็บแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังกดคางของอีกฝ่ายให้เปิดริมฝีปากออกเพื่อต้อนรับลิ้นชื้นของผมที่ต้องการจะเข้าไปกวาดทุกความรู้สึกภายในนั้น และถ้าทำได้ก็จะกวาดเอาความรู้สึกที่มันมีต่อใครอีกคนออกไปให้หมด
“ อยู่กับกูก็พูดแค่ชื่อกู “ ผละริมฝีปากออกเพื่อบอกมัน ก่อนจะจูบลงไปอีกครั้งโดยไม่รับฟังคำตอบใด เมดควรเรียนรู้ว่าผมไม่ใช่คนใจดี แต่เป็นแค่คนนึงที่จะดีกับมันอย่างที่สุด และเช่นกันถ้ามันทำให้ผมเจ็บผมก็ร้ายกับมันได้เหมือนกัน เพราะทุกอารมณ์ของผมขึ้นอยู่กับการทำตัวของมันแทบทั้งสิ้น
“ อะ อาฟ พะ พอก่อน “ เมดดึงตัวเองออกมันหอบใจน้อยๆ แต่ผมก็ไมได้ฟังอะไรทั้งนั้น จูบมันอีกครั้ง จูบแบบดูดดื่มที่แทบไม่มีช่วงเวลาเว้นว่างให้มันได้หายใจ
อารมณ์ของผมเริ่มคลายตัวลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านเวลาไปหลายนาที มือที่วางไว้นิ่งเริ่มเลื่อนตัวเองเข้าไปลูบภายในเสื้อของอีกคน ผิวขาวนุ่มลื่นมือยามที่ได้สัมผัส ผมลูบมันสูงขึ้นไปเรื่อยจนถึงยอดอกของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดมันเบาๆ เมดก็งอตัวหลบพลางออกแรงผลักผมเสียเต็มแรง
“ ไอ้เชี้ย!”
“ ไรวะ “ ผมเผลอสบถออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะหันไปอีกทางตอนที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายขมวดคิ้วมองด้วยความไม่ชอบใจอยู่แบบนั้น มือมันเลื่อนมาจับคอเสื้อตัวเองแล้วกำไว้ เป็นท่าทางน่ารักที่ชวนให้อารมณ์ผมดีขึ้นอย่างฉับพลัน
“ มึงแม่ง คิดจะทำอะไร “
“ คิดว่าถ้ามึงยอมวันนี้ก็ไม่ต้องไปผับ “
“ ไม่ยอมเว้ย!” เมดตะโกนออกมาจนผมต้องเขย่าหูตัวเองเพราะกลัวว่ามันจะอื้อไปเสียก่อน หันไปจ้องใบหน้าน่ารักที่กำลังมองผมอยู่ด้วยสายตาไม่ชอบใจอยู่แบบนั้น
“ โทษทีคร๊าบ คราวหลังจะไม่ทำแล้วคร๊าบ “ ยกมือขึ้นสองข้างเหนือหัว เหมือนพวกผู้ร้ายในทีวีตอนโดนคุณตำรวจจับกุมได้ “ ก็มันเพลินไปหน่อย “
“ มึงควรรู้ไว้ว่ากูไม่ชอบให้จูบตอนที่ปากมึงมีกลิ่นบุหรี่ กูไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ กูหายใจไม่ออกเวลาได้กลิ่น แล้วกูก็ไม่ชอบที่มีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ในห้อง เพราะแค่มีติดมากับเสื้อผ้ามึงใส่ตอนสูบแม่งก็เต็มกลืนแล้ว แล้วก็ถ้าอยากจะให้กูมานอนด้วย มึงก็ต้องห้ามสูบในห้องเด็ดขาด จะไปสูบที่ริมระเบียงหรืออะไรก็ได้แล้วแต่เรื่องของมึง เพราะมะเร็งปอดมันจะเป็นกับมึงไม่ได้เป็นกับกู “
“ คร๊าบบ “ ลากเสียงยานๆบอกอีกคนเหมือนไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่สั่งเท่าไหร่ เป็นท่าทางกวนตีนที่อีกฝ่ายทำได้แค่ถอดหายใจ
“ แล้วก็ขอโทษ “ สบสายตาคนที่เอ่ยพูดคำนั้นออกมา แววที่รู้สึกเศร้าของมันเมดเม้มริมปากตัวเอง “ ขอโทษที่พูดชื่อที่มึงไม่อยากได้ยินขึ้นมา ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงรู้สึกไม่ดีนะ “ ลดมือที่อยู่เหนือตัวตัวเองลง เมดก้มหน้าลงก่อนจะดึงตัวเองมากอดผมไว้ “ ขอโทษนะมึง “ มันว่าแบบนั้นก่อนจะซบลงที่ไหล่
สองมือที่กอดเอวผมไว้แน่นนั้น มีหลายความรู้สึกแล่นเข้ามาอยู่ในสมอง ก็ยังคงหงุดหงิดอยู่แต่เบาบางจนแทบจะหายไป แต่ความรู้สึกหนึ่งที่แจ่มชัดอยู่ในขณะนี้ ตอนที่สองมือของผมเอื้อมไปกอดอีกคนไว้แน่นเช่นเดียวกัน
‘ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แล้วตอนนี้เมดก็กำลังพยายามอย่างที่สุด เพื่อลืมมัน ’
“ คืนนี้นอนนี้นะ “ ผมบอกอีกคนสั้นๆ ตอนที่เรายังกอดกันไว้อยู่แบบนั้น เมดเงียบไปสักพักก่อนจะถามผมเสียงอู้อี้มาจากไหล่
“ ขอเหตุผล “
“ ขี้เกียจขับรถ “
“ ส่งที่บีทีเอสเดี๋ยวกลับเอง “ มันตอบกลับ ผมก็ถอนหายใจ ได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจเบาๆผมก็ยกยิ้มในความช่างแกล้งของมัน “ ขอเหตุผลที่มากกว่านี้ “
“ อยากให้ในห้องมีกลิ่นแป้งเด็ก “
“ ก็เอามาทาที่ตัวหลังอาบน้ำ “
“ ไม่ชอบทาเอง อยากให้มึงเป็นคนทาแล้วมานอนข้างๆกัน “ เมดมันเงียบไปก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น
“ มีเหตุผลที่ดีกว่านี้มั้ย “
“ ไม่มี “
“ เหตุผลนี้ดีที่สุดแล้ว “
“ คงไม่ “ ผมบอกมันไปตามตรง “ แค่เป็นความจริง “
“ แต่ยังไงกูก็ต้องกลับคอนโดกู “ เมดย้ำแบบนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงตัวเองออกมาจากมัน ใบหน้าน่ารักที่กำลังยิ้มกว้าง
“ มึงนี่เหมือนจะวอนตีนกูนะเมด“
“ มึงก็อย่าเกรี้ยวกราดไปสิวะอารยะ ฟังกูให้จบก่อน “ อีกคนว่า “ กูหมายถึงว่ายังไงก็ต้องพากูกลับคอนโด กูต้องไปเอาเสื้อผ้า หนังสือเรียนอะไรอีก กูไม่มีใส่แล้วเว้ย “
“ อื้ม “ ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะแบะปากแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม มันยิ้มล้อๆ
“ จะยิ้มดีใจก็ยิ้ม ขี้เก็ก “
“ รำคาญ “ บอกแบบนั้นก่อนจะดึงอีกคนมากอดไว้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ‘ อยากเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจมึงว่ะ เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นสักทีวะ ช่วงเร่งเวลาหน่อยได้มั้ย ’ แล้วนี่ก็คือความต้องการที่ออกมาจากใจของผม ในตอนที่กำลังกอดมันไว้ครับ
..................................................................
พี่อารยะของน้อง มันหม่นนิดหน่อยก็ตรงที่ว่า คือมันไม่มีใครผิด เมดก็ไม่ผิดที่ยังติดค้าง ยังรักลึกๆ เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนมา แผลยังไม่หายดี มันก็ไม่แปลกที่น้องยังรู้สึก และพี่อาฟก็ไม่ผิดที่คิดครอบครองหัวใจคนที่ตัวเองรักทั้งดวง
สุดท้ายนี้ ... พี่ว่าน้องเดย์ควรมาเป็นของพี่นะคะ #กดจองน้องเดย เอ็นดูความซื่อใส
และนี่คือทางไปนิยายแชท จอยลดา
http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าจ้า