คนโปรด 9
"เขาเป็นยังไงบ้าง"
(หลังทานอาหารทานยาเสร็จก็นอนต่อเลยครับ)จิมมี่รายงานเจ้านายผ่านสายโทรศัพท์
"เขาได้พูดอะไรไหม?...ได้ถามหาผมรึเปล่า"
(ไม่ได้พูดอะไรเลยครับนาย ผมถามอาการก็พูดคำตอบคำครับ)
"เหรอ...ช่างเถอะ ดูแลเขาให้ดีๆก็แล้วกัน...สัปดาห์นี้ยังไม่ต้องให้เขาไปเรียน"ลูคัสถอนหายใจหนัก ก่อนจะเอ่ยย้ำลูกน้องให้ดูแลคนของเขาให้ดี
"ครับนาย"จิมมี่รับคำแล้วรอให้เจ้านายกดวางสายไปก่อน
"ถ้าห่วงขนาดนั้นก็ไม่น่ารีบจากมาเลยนะครับ"โยฮันเนสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูคัสเงียบไปพักใหญ่ๆหลังจากวางสายจากจิมมี่
"ก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก"ลูคัสเสยผมสีบลอนด์ทองที่ยาวประบ่าของตนเองอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่ต้องมาจัดการไอ้คนที่ต้องการลองของกล้าโกงการเล่นพนันในคาสิโนของเขา ลูคัสคงไม่ต้องถ่อจากอังกฤษมาอเมริกาในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ระหว่างเขากับสมิธแบบนี้หรอก
"คุณสมิธเธอยังเด็ก ถ้าง้อสักหน่อยเธออาจจะหายโกรธก็ได้นะครับ"โยฮันเนสเอ่ยแนะเจ้านาย ในสถานการณ์ที่โดนกระทำแบบนี้ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว...หรือแค่คำว่าโกรธอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ
"ง้ออะไร? ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ...มิทตี้เป็นคนของผม คนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง และเขาผิดที่ไม่รู้จักสงวนร่างกายตัวเอง...มองผมแบบนั้นหมายความว่าไงโย?"ลูคัสเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทมองตนเองอย่างแปลกใจ
โยฮันเนสเหมือนได้สติคืนมาจึงเอ่ยถามเจ้านายด้วยน้ำเสียงไม่เป็นธรรมชาติ
"เอ่อ...ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับนาย"
"อืม"
"ตอนที่นายเห็นคุณสมิธอยู่กับคนอื่น นายรู้สึกไม่ชอบใจหรือหงุดหงิดใช่ไหมครับ"
"ใช่"ลูคัสยอมรับออกไปตามตรง
"บ่อยครั้งที่นายมองไปยังสิ่งต่างๆแล้วจะคิดถึงคุณสมิธขึ้นมาใช่ไหมครับ" ลูคัสนิ่งคิดไปก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้อง
"และตอนนี้ที่คุณสมิธไม่สบาย นายท่านก็รู้สึกเป็นห่วง และกระวนกระวายอยากกลับไปหาคุณสมิธที่อังกฤษใช่ไหมครับ"
"คุณจะสื่ออะไรกันแน่โย?"
"ถ้าผมพูดอะไรบางอย่างออกไป นายจะไม่ชักปืนมายิงผมใช่ไหมครับ"โยฮันเนสยิ้มมุมปากนิดๆ แต่ในน้ำเสียงก็มีความหวาดกลัวว่าจะนายจะทำอย่างที่เขาพูดรึเปล่า
"พูดมา"
"ผมคิดว่านายอาจจะ...ชอบคุณสมิธ"
"..."
"..."
จบประโยคของโย ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบลงในทันใด เงียบชนิดที่โยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นถี่ขึ้นด้วยความหวั่นเกรงอารมณ์จากเจ้านาย
"ไม่มีทาง"ลูคัสพูดเสียงเครียดราวกับจะยืนยันในคำพูดของตัวเอง
คำว่าชอบของเขาและโยฮันเนสไม่เหมือนกัน หากลูคัสชอบหรือถูกใจใคร นั่นหมายความว่าเขาต้องการคนๆนั้นมาอยู่ในความสัมพันธ์ที่ผิวเผิน
กลับกันกับคำว่าชอบของโยฮันเนส ที่สื่อความหมายคำว่าชอบในลักษณะลึกซึ้งกับคนๆหนึ่ง
"ผมอาจจะแค่หลงเขาไปชั่วขณะ สมิธยังสดใหม่นะโย" ลูคัสหาเหตุผลมาขัดแย้งในสิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับ
"ความหลงก็แปรเปลี่ยนเป็นความชอบหรือรัดได้ทั้งนั้นแหละครับ...อีกอย่าง ผมหาคู่นอนที่บริสุทธิ์มาให้นายก็ตั้งหลายคน ไม่เห็นนายจะ 'หลง' เป็นพิเศษเหมือนคนนี้" ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเถียงไม่ออก
"โย!!!"โยฮันเนสรีบหุบปากลงทันที เมื่อเห็นว่าอารมณ์เจ้านายจวนเจียนจะระเบิดเต็มทีอย่างที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนักสำหรับคนเก็บอาการเก่งอย่างลูคัส
"ผมขอโทษครับ"โยฮันเนสเอ่ยอย่างสำนึกผิดเมื่อเห็นว่าตัวเองชักจะพูดลามปามเจ้านายเกินไป
"ไปหามา"อยู่ๆลูคัสก็เอ่ยห้วนๆทะลุกลางปล้อง
"ครับ?"โยฮันเนสรับคำอย่างสงสัยแต่ไม่กล้าถามออกไปให้เจ้านายเป่าหัวทิ้ง ณ อารมณ์นี้ของลูคัส เขาไม่กล้าตอแยด้วยจริงๆ
"หาคนที่เหมือนสมิธ เอาให้เหมือนที่สุด...ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่ามันไม่จริงอย่างที่คุณว่า"
"ครับนาย"โยฮันเนสก้มหัวรับคำสั่ง ในใจพลางคิดอย่างสงสัยว่า...แล้วถ้านายเกิดรู้สึกอย่างที่เขาพูดขึ้นมาจริงๆล่ะ...ท่านจะทำยังไงต่อไป?
ถึงเวลานั้นหวังว่ามันคงจะไม่สายไปหรอกนะ...
+++++++++++++
"สมิธนายโอเครึเปล่า ช่วงนี้ดูผอมๆแล้วก็ซึมไปเยอะเลยนะ"เดวิดเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง หลังจากที่สมิธหยุดเรียนไปทั้งสัปดาห์ เจอกันอีกทีสมิธก็เซื่องซึมและเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ความสดใสและรอยยิ้มร่าเริงที่มีติดบนใบหน้าเล็กเสมอก็หายไป
"หืม?ฉันโอเค" สมิธบอกขณะเปลี่ยนชุดลำลองเป็นชุดพละเตรียมเข้าวิชาถัดไป เพื่อนๆคนอื่นเดินออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเดวิดที่รั้งอยู่รอสมิธที่เปลี่ยนชุดอย่างเชื่องช้า
"แน่ใจนะ?...นายบอกฉันได้ทุกเรื่องนะสมิธ"เดวิดจับไหล่เพื่อนแล้วพลิกมาเผชิญหน้ากับตนเองก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง
"เดวิด...บางทีฉันอาจจะไม่ได้ไปเรียนต่อที่เดียวกับนายแล้วก็ได้นะ"สมิธเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
"เกิดอะไรขึ้น!? นายมีปัญหาอะไร...หรือว่าทะเลาะกับพี่ชาย?"
"ก็มีนิดหน่อย"สมิธก้มหน้านิดๆอย่างไม่อยากจะนึกถึง
"เพราะเรื่องวันนั้นนั้นหรอ?"เดวิดคาดเดาสาเหตุ วันที่เขากับสมิธเดินไปที่รถวันนั้น ดูท่าพี่ชายสมิธจะไม่พอใจอยู่พอสมควร
"หลายๆเรื่องน่ะ...นี่เดวิด ถ้านายโดนคนที่รักมากๆทำร้ายร่างกายแล-...หรือจิตใจ นายจะยังสามารถรักเขาต่อไปได้ไหม?"
"ฉัน...ไม่รู้ แต่ว่าความรักมันจะเลิกได้ง่ายๆอย่างนั้นหรอ"เดวิดตอบไม่ถูก เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน
"นั่นสิ ถ้าเลิกรักได้ง่ายๆอย่างที่อยากให้เป็นโลกนี้ก็คงไม่มีคนอกหักแล้วล่ะ...ไปกันเถอะเรากำลังจะสายแล้ว"สมิธเดินนำเพื่อนชายออกจากห้อง โดยไม่ได้ไขความกระจ่างให้อีกคนที่เดินตามหลัง
++++++++++++
"วันนี้ทานน้อยอีกแล้วนะครับ"จิมมี่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสมิธทานอาหารได้ไม่เกินสิบคำก็วางช้อนส้อมลงแล้วดื่มน้ำตาม แม้อาหารแต่ละอย่างที่เขาสั่งซื้อมาจะเป็นของโปรดของร่างเล็กตรงหน้าก็ตามที
"ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ"สมิธฉีกยิ้มนิดๆอย่างไม่ต้องการให้จิมมี่คะยั้นคะยอให้เขาทานเพิ่มอีก เขาฟังประโยคพวกนี้มาเป็นสิบๆครั้งในรอบสัปดาห์แล้ว
"คุณสมิธผอมลงไปมาก ถ้านายมาเห็นสภาพคุณตอนนี้ ท่านเอาผมตายแน่"จิมมี่พูดทีเล่นทีจริง แต่เวลาที่เขาพูดถึงเจ้านายทีไรเด็กคนนี้ก็จะเงียบลงไปถนัดตา
"ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมาดูผมเลยนี่"สมิธพูดเสียงขื่น ดวงตาคู่สวยสีฟ้ามหาสมุทรฉายแววความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ เศร้า และโหยหาในเวลาเดียว
"นายดูคุณอยู่ตลอดนะครับ"จิมมี่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปล้วนเป็นความจริง ในทุกๆวันนอกจากหน้าที่ดูแลสมิธแล้ว เขายังมีหน้าที่ถ่ายภาพอริยบทต่างๆประจำของเด็กคนนี้ส่งให้เจ้านายเขาอีกด้วย
เรียกว่าจับตาดูอยู่ทุกวันก็ว่าได้
"เขาเบื่อผมแล้วรึเปล่าจิม"น้ำเสียงเศร้าๆของสมิธทำให้จิมมี่อดรู้สึกเวทนาไม่ได้ แต่จิมมี่เป็นแค่ลูกน้อง เขาไม่มีสิทธิ์คิดหรือตอบคำถามแทนเจ้านาย
"ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรผิด แต่ถ้าเขาบอกว่าผมผิดผมก็จะยอมผิด...ฮึก ต่อให้เขาทำร้ายผมมากแค่ไหนผมก็ยังให้อภัย ฮึกๆ หรือต่อให้เขาไม่รักผมแล้ว ผมก็ยังรักเขาอยู่ดี"สมิธพูดทั้งนั้นตาอย่างอัดอั้นตันใจฟันขาวกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นสะอื้น
ทั้งๆที่พยายามจะเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายเมื่อความเจ็บปวดมันกัดกินหัวใจลงทุกวัน ความเหงา ความโดดเดี่ยว และความบอบช้ำทางด้านจิตใจ ทำให้สมิธรู้สึกแย่ลงในทุกๆวัน...ทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ
"ฝากบอกเขาได้ไหม ฮึก ผมจะเป็นเด็กดีฮึกๆจะไม่ดื้อเลย ไม่โกรธแล้วด้วย กลับมาหาผมได้ไหม ฮือออ"สมิธขอร้องจิมมี่ทั้งน้ำตา
"อย่าร้องเลยนะครับ"จิมมี่เดินอ้อมไปหาสมิธ นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กชายที่นั่งร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ มือหนาหยิบทิชชู่เช็ดน้ำตาให้ร่างบางอย่างสงสาร
"ฮือออออ"สมิธกัดริมฝีปากร้องไห้โฮ ยิ่งจิมมี่ปลอบ เด็กหนุ่มก็ยิ่งหลั่งน้ำตาหนักขึ้นกว่าเดิม จิมมี่จึงทำเพียงเช็ดน้ำตาให้อีกคนเงียบๆ ได้แต่หวังว่าร่างบางจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง...
อีกด้านหนึ่ง...ลูกน้องของลูคัสอีกคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของจิมมี่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรออกรายงานผู้เป็นนาย
+++++++++++++
วันต่อมา...
"คุณสมิธ!ผมมีข่าวดีจะบอกล่ะครับ"จิมมี่เอ่ยขึ้นอย่างดีใจจนลืมกล่าวทักทายเด็กหนุ่มหลังจากขึ้นมานั่งบนรถ
"อะไรหรอครับ?"สมิธถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ใบหน้ายังคงดูหม่นหมองหลังจากเสียน้ำตาอย่างหนักไปเมื่อวาน
"สัปดาห์หน้า วันที่คุณสมิธรับวุฒิจบการศึกษา...นายท่านจะมาดูด้วยนะครับ!"
"จ จริงหรอ?"สมิธถามย้ำอีกครั้งอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ
"จริงครับ ท่านโทรมาบอกผมเมื่อเช้านี้หลังจากที่ผมมาส่งคุณสมิธนี่แหละครับ"
"แล้วลุค ได้พูดอะไรอีกไหม?" สมิธสบดวงตาจิมมี่ผ่านกระจกมองหลังด้วยความรู้สึกคาดหวัง
"ท่านฝากบอกให้คุณสมิธดูแลตัวเองให้ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์...ท่านเป็นห่วง" สมิธฉีกยิ้มกว้างในรอบสองสัปดาห์ แค่ลูคัสบอกว่าจะมาหาแค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว
ความโกรธ ความน้อยที่มีอยู่ก่อนหน้านี้มลายหายไปแทบจะหมด
เพราะสมิธไม่เคยเกลียดใครเป็นจริงเป็นจังได้สักที เป็นประเภทที่โกรธง่ายหายเร็ว แค่ทำดีด้วยหน่อยเขาก็แทบจะลืมความโกรธเหล่านั้นไปง่ายๆ
"ผมดีใจมากเลยจิม"สมิธยิ้มตาหยี แทบนับวันรอที่ลูคัสจะมาหาเขาไม่ไหวแล้ว
++++++++++++++
"สมิธนายมองหาอะไร?" จอนห์นนี่ถามขึ้นอย่างอดความสงสัยไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กชะเง้อคอมองไปทางที่ผู้ปกครองนั่งหลายทีแล้ว
"ฉันหาพี่ชายฉันอยู่ พวกนายเห็นไหม?ใกล้จะได้ขึ้นไปรับใบประกาศแล้ว ฉันอยากให้ลุคเห็น"สมิธพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
"เดี๋ยวฉันช่วยดูให้"ไรอันที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มก็ยืดตัวมองหาช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่เห็น
"พี่ชายนายไม่มาแล้วรึเปล่า"เดวิดพูดขึ้น ทำให้สมิธหน้าเศร้าไปในทันทีจนเดวิดรู้สึกผิด
"ฉันขอโทษ...บางทีเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้"เดวิดเอ่ยขอโทษและปลอบใจสมิธออกไป
"ไม่เป็นไร บางทีเขาอาจไม่มาแล้วอย่างที่นายพูดก็ได้"สมิธพูดเสียงเศร้าแต่ก็ยังฝืนส่งยิ้มให้เพื่อน
ไม่นานหลังจากนั้นคุณครูก็เอ่ยชื่อนักเรียนที่จบเกรดหกขึ้นไปรับวุฒิเป็นแถวหน้ากระดาน จวบจนกระทั่งจบพิธีการ คนที่สมิธหวังว่าจะได้เห็นหน้าก็ยังไม่มา...
+++++++++++
"นายท่านอาจจะติดธุระด่วนอยู่ก็ได้นะครับ คุณสมิธอย่าโกรธท่านเลย"เป็นจิมมี่อีกครั้งที่ทำหน้าที่ปลอบใจสมิธ
"ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมผิดหวังและเสียใจ"แม้สมิธจะไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านสีหน้า แต่น้ำเสียงสั่นๆของเด็กหนุ่มทำให้จิมมี่รู้ว่าสมิธต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการอดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้น บอดี้การ์ดหนุ่มจึงไม่ได้เซ้าซี้ในเรื่องนี้ต่ออีก
"นี่ก็เลยเวลาทารอาหารกลางวันมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผมพาไปหาอะไรกินนะครับ"
"ผมไม่หิว"สมิธมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยสายตาเหม่อลอย
"ไม่หิวก็ต้องทานครับ ร้านTD ที่คุณสมิธชอบเป็นไงครับ?"จิมมี่เสนอร้านอาหารอิตาเลียนที่สมิธชอบ และเจ้านายเขามักจะพาเด็กคนนี้ไปทานบ่อยๆ
"อืม"สมิธตอบรับแบบขอไปทีอย่างไร้อารมณ์เพราะไม่อยากฟังจิมมี่คะยั้นคะยอให้มากความอีก
.
.
.
.
"สวัสดีครับคุณสมิธ"ผู้จัดการร้านTDสุดหรูแห่งนี้ก้มหัวเล็กน้อยให้เด็กชายที่สูงเลยเอวเขามาไม่มากแล้วยื่นมือไปเช็คแฮนด์ทักทายอย่างนอบน้อม สมิธเป็นลูกค้าVIPอีกคนที่ทางร้านทำการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะเด็กคนนี้มักจะมากับลูกค้าVIPกระเป๋าหนักอย่างลูคัส ฮาล์น เสมอ
"สวัสดีครับผู้จัดการ"สมิธทักทายกลับอย่างมีมารยาท
"เดี๋ยวผมจะนำทางไปโต๊ะคุณลูคัสให้นะครับ"ผู้จัดการร้านเอ่ยบริการสมิธด้วยตนเอง
"เอ๊ะ?หมายความว่าไงครับ?"สมิธถามอย่างไม่เข้าใจ ผู้จัดการร้านทำเหมือนกับว่าลูคัสอยู่ที่นี่
"คุณไม่ได้นัดกับท่านไว้หรือครับ? ท่านนั่งอยู่โซนAกับแขกอีกท่านหนึ่งน่ะครับ"
"ผมไม่ได้นัดไว้ แต่คุณช่วยพาผมไปที่โต๊ะเขาที"สมิธพูดเสียงเรียบ
"เอ่อ..."ผู้จัดการร้านมีสีหน้าลำบากใจและไปต่อไม่ถูก เขารู้สึกว่าตัวเองทำงานพลาดไปเสียแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเอง"พูดจบสมิธก็วิ่งฉับๆไปยังโซนโต๊ะที่เขาคุ้นเคยทันที เขามาที่นี่บ่อย ทำไมจะไม่รู้ว่าโซนAโต๊ะVIPที่เขานั่งประจำอยู่ตรงไหน จิมมี่และผู้จัดการร้านรีบก้าวตามเด็กหนุ่มไปทันที
สมิธเดินดุ่มๆเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ยิ่งเห็นแผ่นหลังกว้างคุ้นตาและผมสีบลอนด์ทองยาวประบ่านั่นใกล้เท่าไหร่ ใจเขาก็ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองคนที่นั่งตรงข้ามกลับลูคัสที่หัวเราะและยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับอะไรสักอย่าง...และผู้ชายคนนี้รูปร่างหน้าตาทำไมมันดูคุ้นๆบอกไม่ถูก
"ลุค!"สมิธเดินไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะและเอ่ยเรียกชื่อคนที่ทำให้เขารอมาค่อนเดือน
ลูคัสหันไปตามเสียงเรียก ตอนแรกเขานึกว่าบริกรจะเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารซะอีก
แต่เมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียกตรงๆแวบแรกชายหนุ่มเผลอมองร่างเล็กด้วยความประหลาดใจแต่ก็กักเก็บเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"มิทตี้? มีอะไร?"ลูคัสเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ยืนค้ำหัวเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำถามของลูคัสมันช่างทิ่มแทงจิตใจคนถูกถามซะจริง
"มีอะไรงั้นหรอ? วันนี้พี่บอกว่าจะไปดูผมที่โรงเรียนไม่ใช่หรือไง"
"พี่มีธุระ"
"ธุระอะไร? มากินข้าวสบายใจเฉิบเนี่ยหรอ!"สมิธขึ้นเสียงด้วยโกรธ ลูคัสขมวดคิ้วไม่ชอบใจแล้วกดเสียงต่ำบอกอีกคน
"มันไม่ใช่เรื่องของนาย"
"เหอะ!"สมิธเงยหน้าพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยความเจ็บใจ
"เอ่อ...ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ"เสียงหวานใสดังขึ้นอีกด้านของสมิธ
"ไม่ต้องมาเสือก!!"สมิธหันไประบายโทสะใส่ผู้ชายหน้าหวานคนนั้นทันที
"สมิธ!อย่าทำตัวไร้มารยาท"ลูคัสลุกขึ้นกระชากแขนเล็กของสมิธอย่างแรงด้วยความโกรธ เขาเกลียดนักพวกชอบโวยวายเสียงดังไม่รู้จักกาลเทศะ
"แล้วยังไงพี่ดีนักหรอ?มึงดีนักหรอ!"ประโยคแรกร่างบางพูดใส่ลูคัส ส่วนประโยคสุดท้ายสมิธหันไปตะคอกเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ รายนั้นผงะสะดุ้งนิดๆเพราะเสียงตะคอกจากสมิธ ยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
"อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าเด็กที่สั่งสอนไม่จำอย่างนาย!"ลูคัสพูดเสียงต่ำลอดไรฟันอย่างระงับอารมณ์ เขาบีบแขนเล็กจนสมิธนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
"ก็เพราะพี่พรากแม่ไปจากผมไม่ใช่หรือไงผมถึงได้สันดานต่ำแบบนี้ มันเป็นเพราะพี่ เพราะพี่คนเดียว!!!" เพียะ! ลูคัสฟาดปากเล็กอย่างหมดความอดทน รอบตัวพวกเขาเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกลับหน้าซีดตัวสั่น ดีที่โซนAค่อนข้างเป็นส่วนตัวและตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นนอกจากลูคัส ส่วนโซนอื่นๆเขาก็ให้ลูกน้องไปกันไว้ไม่ให้เข้ามาในโซนนี้ได้ ถ้าลูคัสรู้ว่าเขาเป็นคนบอกสมิธว่าชายหนุ่มอยู่ที่นี่ล่ะ...ไม่อยากจะคิดสภาพเลย
สมิธน้ำตาร่วงเผาะเป็นเม็ดๆก่อนจะไหลเป็นสายอาบแก้มนวล มุมปากเล็กที่บวมจากแรงตบมีเลือดซึมออกมาเป็นทางจนลูคัสยังตกใจ เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนที่ตนรักทั้งนั้นตา
"ผมไม่น่ารักคุณเลย ผมน่าจะรู้ตัวว่าคุณไม่มีทางรักผมอยู่แล้ว...ฮึก คุณใจร้ายมากจริงๆ คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง! ผมทำอะไรผิดครับ ทำไมต้องมาทำร้ายผมด้วยวิธีการนี้!"เด็กหนุ่มตัดพ้อร้องไห้เสียงดังจนแทบขาดใจ ร่างเล็กทรุดนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"จิม...พาสมิธกลับห้องไปก่อน"ลูคัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นติดลบ จิมมี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะก้าวเข้าไปพยุงตัวสมิธขึ้น เด็กหนุ่มขัดขืนดิ้นรนแต่ก็สู้แรงบอดี้การ์ดที่ตัวโตกว่ามากไม่ไหว
"ปล่อย!ผมไม่อยากกลับไป!!!"
"คุณสมิธใจเย็นๆก่อนนะครับ"จิมมี่เอ่ยปลอบร่างเล็ก
"ผมต้องเย็นมากแค่ไหน!เย็นจนไม่รู้สึกอะไรเลยไหมถึงจะพอใจพวกคุณ!!!"สมิธตะคอกทั้งน้ำตา ในใจปวดร้าวจนยากจะบรรยาย
"ขออนุญาตนะครับนาย"จิมมี่หันไปก้มหัวขออนุญาตลูคัสก่อนจะก้มลงอุ้มสมิธขึ้นพาดบ่าทันที ลูคัสหัวคิ้วกระตุกด้วยความขุ่นมัวในใจกับภาพนั้น แต่ก็เห็นด้วยที่จิมมี่ทำแบบนี้ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถพาสมิธออกไปได้ง่ายๆ...แต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี
"ปล่อยยยย!!!"สมิธดิ้นและทุบตีจิมมี่อย่างเสียสติ
"กลับไปสงบจิตสงบใจที่ห้องซะสมิธ"ลูคัสสั่งเสียงเข้ม ร่างบางของสมิธที่ดิ้นไปมาอยู่ๆก็หยุดลงอย่างกระทันหัน ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเล็กๆที่ดังลอดออกมา
"อย่ามาสั่ง...ฮึก จากนี้ไปผมจะไม่เชื่ออะไรคุณอีกแล้ว คนหลอกลวงอย่างคุณ...ผม-เกลียด-ที่สุด" จิมมี่อุ้มสมิธออกไปแล้ว แต่คำว่าเกลียดของสมิธกลับฝังอยู่ในหัวลูคัสซ้ำไปซ้ำมา...มันหนักแน่นและจริงจังที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
++++++++++++
จิมมี่วางร่างสมิธบนเบาะหนังของรถอย่างเบามือ...แปลก ที่สมิธไม่ได้โววายเหมือนอยู่ในร้านเลยสักนิด
เด็กคนนี้ดูนิ่งเงียบและไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะอื้น มีเพียงน้ำตาที่ยังไหลอาบหน้าย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้าคือความจริง
จิมมี่ก้าวขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนรถออกจากบริเวณ จิมมี่ขับรถออกจากร้านอาหารได้ไม่ถึงห้านาที คนที่นั่งร้องไห้เงียบๆอยู่เบาะหลังรถก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ช่วยขับช้ากว่านี้ได้ไหมจิม...ผมยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ ที่ๆมีเขาผมยังไม่อยากไป"เด็กหนุ่มส่ายหน้าขอร้องทั้งน้ำตา
"แต่..."จิมมี่ลำบากใจที่จะตอบรับ ใจหนึ่งก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่อีกใจก็สงสารสมิธเหลือเกิน
"ผมขอร้อง ขอเวลาให้ผมได้ทำใจสักนิด...ฮึก ผมทรมานจนจะไม่ไหวแล้วจริงๆ"น้ำเสียงสั่นเครือที่ดูไร้เรี่ยวแรงของสมิธทำให้จิมมี่ตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวรถไปถนนอีกเส้นที่การจราจรติดขัดและค่อนข้างอ้อมกว่าจะถึงเพ้นท์เฮ้าส์ของลูคัส
"ขอบคุณ"
สมิธเอ่ยขอบคุณจิมมี่เบาๆก่อนจะซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองแล้วปล่อยโฮเสียงดังอย่างกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไป...
+++++++++++
สงสารมิทตี้เนอะ เข้มแข็งนะ ฮึบๆ...ความเจ็บปวดจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเอง❤
*เรื่องเด็กเกรด6ที่เมืองนอกรับวุฒิเหมือนไฮสคูลไหมเปรมไม่แน่ใจนะคะ(ลืมถามพี่)แต่สมมติว่ามันมีแล้วกัน ฮ่าาา
ป.ล.ใกล้สงกรานต์แล้ว นักอ่านบางคนอาจเดินทางไปต่างจังหวัด เปรมขอให้เดินทางปลอดภัยโดยสวัสดิภาพนะคะ เป็นห่วงนะะ...มว๊วฟ