[จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)  (อ่าน 68994 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารสมิทมากกกกก :o12:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
มาต่อไวๆน้าาา

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ลุค!! อิพี่ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้น้องบ้างเลยรึไง

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อยากจะตายก็ตายไม่ได้...โถ่สมิท

ปอลิง.เห็นนังลุคมันใจจะขาดแล้วฉันสะใจ...อิลุคแกทำฉันเป็นโรคจิตนะนี้!!/ผิด เอ๊ะ หรือถูก?

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ลุคไม่ปรับตัวเองบ้างเลย

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 15.2

หลังจากเหตุการณ์ที่สมิธพยายามฆ่าตัวตาย ลูคัสค่อนข้างเฝ้าระวังจับตาดูสมิธเป็นพิเศษ เขาสั่งให้ลูกน้องคอยดูกล้องวงจรปิดในห้องของสมิธทุกครั้งที่เด็กหนุ่มอยู่คนเดียว

ของมีคมก็ห้ามให้สมิธแตะ ของใช้หลายๆ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

ลูกน้องในบ้านต่างรู้ดี ถ้าคราวนี้คนของนายเป็นอะไรขึ้นมาอีกพวกเขาเตรียมกลับบ้านเก่าได้เลย

สมิธใช้เวลารักษาแผลที่ข้อมืออยู่เกือบหนึ่งเดือน แผลจึงแห้งสนิท คงเหลือไว้เพียงรอยเย็บบางๆ

ถือว่าหมอที่รักษามีฝีมือมากเพราะแผลบนข้อมือสมิธค่อนข้างสาหัส แต่หมอกลับเย็บได้เนียนและสวย

ส่วนเรื่องแผลเป็นคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณหมอวัยกลางคนก็ค่อนข้างหวั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลูคัสก็พยักหน้ารับทราบแล้วไม่พูดอะไรอีก ทำให้เขาวางใจได้

ตัวสมิธเองนอกจากจะไม่ยี่ระกับบาดแผลตัวเองแล้ว เขายังแผงฤทธิ์ไม่เว้นในแต่ละ จากเด็กที่ร่าเริงและเกรงใจผู้อื่นอยู่เสมอ กลายเป็นเด็กก้าวร้าวและโมโหร้าย

ในเมื่อไม่ให้เขาตาย...ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบ

ลูคัสก็ทำเป็นปิดหูปิดตากับพฤติกรรมนี้ของสมิธเพราะเขาไม่อยากกดดันมากเกินไปจนสมิธคิดสั้นอีก แต่มีปรามบ้างเมื่อเห็นว่าชักเกินเลย บางครั้งหนักๆ เข้าถ้าเขาพูดไม่ฟังก็ต้องมีลงมือกันบ้าง

ทุกครั้งที่ลูคัสลงโทษสมิธด้วยเซ็กส์ที่หนักหน่วง เด็กหนุ่มจะสงบปากสงบคำขึ้น แต่ไม่กี่วันต่อมาก็กลับมาแผงฤทธิ์เดชได้เหมือนเดิม

สมิธไม่มีพี่เลี้ยงประจำตัวเหมือนก่อนหน้านี้ซึ่งคือ จิมมี่และเซน ลูคัสไม่อนุญาตให้ลูกน้องทำตัวสนิทสนมกับสมิธอีกแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้

ส่วนหนึ่งเขาไม่ต้องการให้สมิธมีความรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาใครได้นอกจากเขา และอีกเหตุผลหนึ่งที่แม้จะไม่อยากยอมรับแต่มันคือเรื่องจริง

เขาหวงสมิธมาก...มากจนเขายังตกใจ

ลูคัสไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกนี้ได้ จึงได้แต่ทำเป็นมองข้าม กลบความรู้สึกนั้นทิ้งไป

แม้สมิธจะดูเป็นเด็กร้ายกาจขึ้น แต่เวลาครูที่ลูคัสจ้างมาสอนที่บ้านมาสอน สมิธจะเป็นเด็กเรียบร้อยและตั้งอกตั้งใจเรียน

เด็กหนุ่มไม่ใช่คนหัวดีเท่าไหร่นัก ระดับมันสมองอยู่ในระดับธรรมดาปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ที่เขาตั้งใจเรียนเพราะความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเขาสิ่งเดียวในบ้านหลังนี้

ลูคัสไม่ได้มีเวลาอยู่กับสมิธตลอด เขามีงานต้องทำ ธุรกิจคาสิโนบนเรือสำราญที่กำลังเติบโตของเขาทำให้ต้องเดินทางบ่อยขึ้น ตลอดทั้งฤดูใบไม้ร่วงเขาไม่มีเวลาไปหาสมิธด้วยซ้ำ

ลูคัสพยายามชดเชยให้สมิธหลายอย่างเท่าที่จะให้ได้ ไม่ว่าสมิธจะต้องการอะไรแค่เอ่ยปากหรือชี้นิ้วสั่ง ไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้สิ่งเหล่านั้นจะมากองอยู่ตรงหน้าสมิธถึงที่ เพียงแต่สิ่งเดียวที่เขายังให้สมิธไม่ได้...คืออิสระภาพนั่นเอง

เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ความร้ายกาจของสมิธลดลงกว่าช่วงแรกๆ มากเพราะไม่ค่อยได้เจอหน้าลูคัสให้เสียอารมณ์ เด็กหนุ่มถูกประคบประงมดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ภายในปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระง่านกลางพื้นที่กว่าแปดร้อยไร่เท่านั้น

ที่นี่ฝนตกไม่บ่อยเหมือนที่ลอนดอน อากาศก็บริสุทธิ์กว่า ถ้าไม่ติดว่าเขาถูกกักขังอยู่ สมิธก็คงมีความสุขมากกว่านี้

เอาเข้าจริงสมิธก็ใช่ว่าจะมีความสุขอะไรนักหนา เขาแค่พยายามมีความสุขก็เท่านั้น...แต่บางทีมันก็เหนื่อยที่จะหลอกตัวเอง

ตัวเขาจะทนไปได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ?

ช่างแม่งเถอะ! ขี้เกียจจะคิดแล้ว

"มิทตี้ตื่นเถอะ สายแล้วนะ ฟอด! " สมิธหันหน้าหนีพร้อมปัดริมฝีปากอีกคนที่ก่อกวนแก้มอยู่ให้พ้นจากตัวเอง

"ถ้าไม่ตื่นพี่จะทำให้หมดแรงแล้วหลับไปอีกรอบ"ลูคัสพูดด้วยรอยยิ้มแต่น้ำเสียงมีความเอาจริงเจืออยู่

เด็กหนุ่มฝืนลืมตาขึ้นแทบจะทันที ใบหน้าเล็กหงิกงอเนื่องจากถูกขัดจากการนอน ริมฝีปากอวบอิ่มเบ้อย่างเป็นธรรมชาติทำให้ลูคัสอดหมั่นเขี้ยวไม่ไหวก้มหน้าลงไปดูดซ้ำๆ หลายที

"อื้อออ"สมิธดันอกอีกคนออกด้วยความหงุดหงิด ลูคัสก็ยอมผละออกแต่โดยดีพร้อมหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

"อาบน้ำเถอะ วันนี้ในเมืองมีงานเทศกาลพี่จะพาไปเที่ยว"สมิธดวงตาลุกวาวแทบจะหายง่วงเป็นปริดทิ้งเมื่อได้ยินคำว่าไปเที่ยว

"มึงพูดจริงเหรอ"

"จริงสิ แต่ถ้ามิทตี้ยังมัวโอ้เอ้อยู่พี่ก็จะพาทำอย่างอื่นในห้องแทน"ลูคัสฉีกยิ้มมีเลศนัย สมิธสะดุ้งและรีบลุกออกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

"ระวังจะล้ม! "ลูคัสบอกเสียงดุก่อนประตูห้องน้ำจะปิดลง

ชายหนุ่มส่ายหัวหน่อยๆ กับท่าทางตื่นเต้นเกินพอดีของสมิธ ก็อย่างว่า สมิธอยู่ที่นี่ไม่ได้ออกไปไหนมาสี่เดือนกว่าแล้ว มันย่อมน่าเบื่อเป็นธรรมดา

แม้จะเสี่ยงที่ต้องพาสมิธออกไปข้างนอก แต่เขาคิดว่าสมิธเป็นเด็กที่มีหัวคิด สมิธไม่โง่พอที่จะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางหนีเขาไปไหนได้อีกแล้ว

ในเมื่อมิเชลยังอยู่ในมือเขาอยู่

+++++++++++

ลูคัสพาสมิธออกจากคฤหาสน์ในช่วงบ่าย ทำให้สมิธได้เห็นวิวนอกรั้วบ้านเป็นครั้งแรก (ตอนมาหลับ) มีแต่ป่าเต็มไปหมดเลย รถขับไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงจึงจะเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่กี่ร้อยหลังคาเรือน

ถัดๆ จากนั้นไปก็เป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่งรถก็แล่นเข้าสู่เขตตัวเมือง ทำให้สมิธรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ในเมืองๆ หนึ่งทางภาคตะวันออกของอังกฤษ

ภายในตัวเมืองบ้านและร้านค้ามีการตกแต่งอย่างสวยงามเข้ากับงานเทศกาลที่กำลังเฉลิมฉลอง ส่วนงานเทศกาลที่รัฐจัดขึ้นตั้งอยู่ที่ปาร์คขนาดใหญ่ของเมือง ลูคัสพาสมิธลงไปเดินเที่ยวงานเทศกาลพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน

สมิธรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด เขาไม่เคยได้เที่ยวงานเทศกาลเลยสักครั้งนอกจากที่โรงเรียน เพราะมิเชลไม่มีเวลาพาเขาไป สมิธแทบจะพุ่งไปทางสวนสนุกที่ตั้งอยู่อีกด้าน ถ้าไม่ติดว่าลูคัสจับมือไว้เด็กหนุ่มคงพุ่งไปถึงม้าหมุนนานแล้ว

"จะเล่นเหรอ? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กที่จูงมือนำหน้าเขามาที่ม้าหมุน สมิธพยักหน้าดวงตามีแววประกายสดใส

"ก็ได้ แต่พี่ต้องเล่นด้วย"เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองคนข้างๆ อย่างมันนี่น่าจะเลยวัยที่อยากเล่นม้าหมุนแล้วป่ะวะ

"แล้วแต่มึงดิ แต่ซื้อตั๋วให้กูด้วย"

"หึๆ ลองอ้อนขอพี่ดีๆ ก่อนดิ"

"ฝัน! "

"งั้นไม่ต้องเล่น"

"..."สมิธกอดอกไม่พอใจแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมเอ่ยปากพูดขึ้นอีกแม้แต่คำเดียว

"เฮ้อ โอเคๆ พี่ซื้อให้แล้วไม่ต้องงอน"ลูคัสสั่งให้ลูกน้องไปซื้อตั๋ว ส่วนตัวเขาอยู่ง้อเด็ก สมิธปรายหางตามองลูคัสนิดๆ แต่ยังไม่ยอมพูดด้วย จนกระทั่งมีการเรียกคิวขึ้นม้าหมุน สมิธจึงได้แบมือขอตั๋วกับชายหนุ่ม

ลูคัสไม่ยอมให้ตั๋วเด็กแต่กลับโอบไหล่บางพาไปยื่นตั๋วแทน

"สองคนนะครับ"พนักงานกล่าว ลูคัสพยักหน้า ส่วนสมิธเดินโร่ปีนขึ้นม้าตัวที่หมายตาไว้อย่างรวดเร็ว ลูคัสยังไม่เดินตามสมิธไปในทันทีแต่กลับเอ่ยคำถามกับพนักงานก่อน

"ม้าตัวนั้นถ้าผมขึ้นไปนั่งอีกคนจะเป็นไรไหม"นิ้วเรียวยาวชี้ไปทางเด็กหนุ่มหน้าขาวตัวเล็กนั่งอยู่

"เอ่อ...น่าจะได้นะครับ"พนักงานมองลูคัสนิดๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ขอบคุณ"ลูคัสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะยอมเดินขึ้นตัวเครื่องเล่น

"เอ๊ะ! ทำบ้าอะไรวะ? "สมิธสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีคนมานั่งซ้อนม้าตัวเดียวกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก็ถามออกไปด้วยความหงุดหงิดทันที

"พี่นั่งด้วย"

"ก็ไปนั่งตัวอื่นดิ"

"ไม่เอา พี่กลัว"

"กลัวบ้าอะไรวะ"

"พี่ไม่เคยเล่น ขอพี่นั่งด้วยนะจะได้อุ่นใจ"

"ไม่เอา! "สมิธปฏิเสธเสียงแข็ง แต่อีกคนก็ยังหน้ามึนกอดเอวเล็กเด็กไว้แน่น อีกมือก็จับเสาไว้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

"ไม่ทันแล้ว"ลูคัสพูดยิ้มๆ เมื่อม้าเริ่มขยับโยกขึ้นลงเบาๆ และหมุนไปช้าๆ สมิธได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นเบาๆ ไม่ไกลหู พอกวาดสายตามองก็เห็นว่ามีหลายคนเลยที่มองมาทางพวกเขา เด็กหนุ่มก้มหน้างุด อายแทบแทรกแผ่นดินหนี

"แม่ง...เพราะมึงเลย"ลูคัสหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกดคางตัวเองใส่กลางศีรษะเล็กไม่เบานัก

"พูดเพราะๆ "

สมิธไม่กล้าเถียงตอบแม้น้ำเสียงลูคัสจะดูเหมือนอารมณ์ดีแต่ก็คือการตักเตือนเขาเป็นนัยๆ

กว่าจะครบรอบสมิธแทบกระอักเลือด เป็นการเล่นม้าหมุนครั้งแรกที่โคตรจะไม่ประทับใจเลย

"จะเล่นอะไรอีกไหม? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งใส่เขาไม่หยุด

"..."

"งั้นกลับ"

"ไม่กลับ! "

"ก็ถามไม่ยอมตอบ"

"จะเล่นอันนั้น"สมิธชี้ไปที่ชิงช้าสวรรค์

"อันนั้นค่อยเล่นช่วงค่ำๆ น่าจะดีกว่า ไปเล่นอันนั้นก่อนแล้วกัน"ลูคัสชี้ไปที่เครื่องเล่นอีกอันซึ่งสมิธก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะอยากจะลองเล่นอยู่แล้ว คราวนี้ลูคัสไม่ได้ไปเล่นกับสมิธอีกแล้วเครื่องเล่นถัดจากนั้นเขาก็เพียงยืนดู รอเงียบๆ เท่านั้น

สมิธใช้เวลาไปกับเครื่องเล่นในสวนสนุกขนาดย่อมไปเกือบสามชั่วโมง เด็กหนุ่มเล่นแทบทุกอย่างอย่างสุดเหวี่ยง เหนื่อยจนแทบจะเดินต่อไม่ไหว

สมิธหิวจนท้องร้องเสียงดัง ลูคัสก็พาไปเดินซื้ออาหารกับร้านค้าในงาน ทั้งของกินและของเล่นเต็มไม้เต็มมือทั้งสมิธและลูกน้องสองคนที่เดินตามหลัง

เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว แม้หิมะจะไม่ตกแต่อากาศก็เย็นมาก ท้องฟ้าตอนหกโมงเย็นก็มืดสนิทแล้ว

สมิธกระชับเสื้อโค้ทเข้ากับตัวให้อุ่นขึ้น หลังจากกินอาหารเข้าไปเยอะมากก็ชักรู้สึกง่วงขึ้นมานิดๆ

"จะยังเล่นอยู่ไหม? "ลูคัสชี้ไปทางชิงช้าสวรรค์ สมิธพยักหน้าเออออ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองสักหน่อยก็ไม่เสียหาย

คราวนี้ลูคัสขึ้นไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์กับสมิธด้วย เด็กหนุ่มก็ไม่ได้โวยวายเพราะเห็นคนอื่นๆ เขาก็ทำกัน

ตัวชิงช้าค่อยๆ เคลื่อนที่ขึ้นสูงอย่างช้าๆ ทั้งสองต่างนั่งกันอย่างเงียบๆ ไร้คำพูดจาจนกระทั่งชิงช้าที่พวกเขานั่งอยู่หยุดอยู่ที่จุดสูงสุดพอดี

คนหนึ่งมองวิวด้านล่าง อีกคนนั่งมองหน้าคนที่มองวิว

"วันนี้สนุกไหม? "ลูคัสเอ่ยทำลายความเงียบ เนิ่นนานกว่าสมิธจะละสายตาจากวิวด้านนอกหันมาตอบอีกคนตรงๆ

"ก็ดี"

"นายสนุกพี่ก็ดีใจ"

"หึ! มึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะลุค เพราะไม่ว่าอย่างไรอะไรๆ มันก็คงไม่เหมือนเดิม"

"พี่แค่อยากชดเชยให้นาย"

"คิดว่าแค่นี้มันจะชดเชยได้เหรอ? มึงนี่เห็นแก่ตัวจังนะ"

"จะให้พี่ทำยังไง...นายก็รู้ว่าพี่ปล่อยนายไปไม่ได้"ลูคัสเอ่ยอย่างจริงจัง

"เพราะอะไร? รักมึงก็ไม่รัก แล้วทำไมถึงไม่ยอมปล่อยกูไปสักที"

"พี่ไม่ปล่อย"

" หรือมึงจะบอกว่ามึงรัก? "

"..."

"เหอะ! "

ชิงช้าเคลื่อนตัวอีกครั้ง ลูกคัสและสมิธต่างก็ไม่พูดอะไรอีก ทั้งสองออกจากชิงช้าเงียบๆ ลูกน้องที่เห็นบรรยากาศอึมครึม ก็ไม่กล้าพูดอะไร

ช่วงที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถ ประชาสัมพันธ์ของงาน ก็ประกาศว่าจะมีโชว์การแสดงพิเศษขึ้น สมิธชะงักและรู้สึกสนใจ จึงหันไปบอกลูคัส

"กูจะดู" ลูคัสเลิกคิ้วมอง แต่ก็ยอมพาสมิธเดินกลับไปที่งาน ตามตารางการแสดงจะเริ่มขึ้นในอีก 10 นาทีแต่สมิธรู้สึกง่วงมาก มือบางพยายามหยิกแขนตัวเองไว้เพื่อไม่ให้หลับ ลูคัสที่เห็นอย่างนั้น ก็ได้แต่ส่ายหัว จับมือบางออกให้เลิกหยิกแขนตัวเอง

สมิธสัปหงกหลายครั้ง ลูคัสที่เห็นดังนั้นก็กลัวอีกคนจะล้มจึงอุ้มร่างเล็กขึ้น จับขาบางเกี่ยวกับสะโพกของตัวเอง สมิธดิ้น แต่ก็ถูกชายหนุ่มมองดุๆ แขนเล็กเผลอเกี่ยวคอชายหนุ่มไว้อย่างเคยชิน

"ถ้าไม่ฟังพี่จะพากลับ" เด็กหนุ่มเงียบไม่ยอมพูดตอบโต้ รอไปรอมาสุดท้ายก็เผลอวางศีรษะลงกับบ่ากว้าง สัมผัสที่ลูบบนหลังเบาๆ ทำให้เขากำลังจะหลับ

"อุ๊ย! พาลูกชายมาเที่ยวเหรอคะ" หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยทักลูคัส ชายหนุ่มหันไปมองพร้อมระบายยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

"น้องชายน่ะครับ"

"น่ารักจังเลยนะคะ"

"ครับ" ลูคัสคิ้วกระตุกเมื่อคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้ว จิกเล็บลงบนหลังคอเขา

ไม่นานพิธีกรก็ประกาศเปิดการแสดง สมิธผละศีรษะออกจากบ่าของชายหนุ่ม เหลือบสายตามองหญิงสาวที่ยืนข้างๆ เล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตาหันไปมองการแสดง เมื่อการแสดงจบลง หญิงสาวคนดังกล่าว ก็พยายามชวนลูคัสคุยอีกครั้ง ลูคัสกำลังจะเอ่ยลาอย่างสุภาพ แต่กลับมีเด็กอีกคนพูดสวนขึ้นมาก่อน

"ง่วง"

"อ่า...น้องชายผมง่วงแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ" ลูคัสยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะรีบอุ้มพาสมิธออกไปทันที

"หึงเหรอ? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กยิ้มๆ เมื่ออุ้มเข้าไปวางในรถแล้ว

สมิธไม่ตอบแต่หลับตาเอนหัวพิงกระจกรถแทน ลูคัสก็มองเด็กขี้งอนยิ้มๆ แล้วโน้มตัวไปจูบขมับเล็กเสียงดังอย่างเอ็นดู

+++++++++++

วันเวลาผ่านไปสามปีที่สมิธได้ใช้ชีวิตในฐานะ 'คนโปรด' ของลูคัส ซึ่งถือว่านานมากในความรู้สึกของใครหลายๆ คนรอบตัวลูคัส

สมิธเติบโตขึ้นกว่าเมื่อก่อน เด็กหนุ่มที่กำลังจะอายุ15ปีในวันนี้ มีรูปร่างสูงโปร่ง 170เซนติเมตร แต่ยังคงผอมบางเพราะไม่ได้ออกกำลังกายนัก จะมีที่ทำบ่อยๆ ก็ออกกำลังกายบนเตียงกับไอ้จิ้งจอกนั่นนั้นแหละ แต่มันไม่ได้ทำให้เขามีกล้ามเนื้อสักหน่อย กลับกันยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งผิวเนียนละเอียด เอวก็คอดนิดๆ แต่ไม่ถึงกับเล็กคอดกิ่วเป็นทรงเหมือนผู้หญิงหรอก แล้วไหนจะออร่าบางอย่างที่มักจะทำให้ผู้ชายชอบมองเขาแปลกๆ อีกล่ะ

ซึ่งผู้ชายที่ว่าก็คือบอดีการ์ดคนหนึ่งในคฤหาสน์ที่สมิธอยู่ การ์ดคนนั้นเผลอมองสมิธตาละห้อย (วันนั้นใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น) ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่เรื่องไปถึงหูไอ้คนนั้นได้ไงก็ไม่รู้ แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นหายไปจากบ้านโดยที่สมิธไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

พอไอ้คนนั้นมาถึงก็จัดการลากสมิธเข้าห้อง ข่มเหงเขาข้ามวันข้ามคืนแบบฟ้าเหลืองเลยล่ะ งงมาก (?) เป็นเชี่ยไรของมันก็ไม่รู้

หลังจากนั้นทุกครั้งที่สมิธออกจากห้องนั้นบอดี้การ์ดแทบทุกคนจะก้มมองพื้นตลอด ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองเขาเลยสักคนเดียว ยกเว้นพวกโย กับจิมมี่ อ่ะนะ

สามปีมานี้ จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสมิธและลูคัสแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ปีหลังๆ ลูคัสกลับไม่ได้มาหาสมิธบ่อยอย่างช่วงแรกๆ

อาจจะติดงานหรือติดอย่างอื่น สมิธไม่ได้ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกทุกทาง เขายังได้ดูทีวีและอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง

ลูคัสเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาถูกเชิญไปสัมภาษณ์ที่นิตยาสารธุรกิจชื่อดังระดับโลกหลายฉบับในรอบสามปีมานี้ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้จะเริ่มมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับวงกรบันเทิงถี่เหมือนกัน

อาจเพราะเขากำลังควงอยู่กับเซเลบหรือดารานางแบบที่มีชื่อเสียง

สมิธมองข่าวพวกนั้นอย่างชาชิน เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก

วันนี้เป็นวันเกิดเขา เขาจะต้องคิดแต่สิ่งดีๆ เจริญหูเจริญตาดีกว่า เลิกนึกถึงเรื่องขยะสักทีเถอะสมิธ!

แม้จะไม่เคยคาดหวัง แต่งานวันเกิดเขาไม่ว่าจะกี่ปีก็จะมีมันอยู่ด้วยเสมอ เพียงแต่ปีนี้สมิธกลับรู้สึกต่างออกไป

"ของขวัญวันเกิดจากนายครับ"โยยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กตามให้สมิธ เด็กหนุ่มรับมาถือไว้นิ่งๆ จากนั้นก็โยนใส่ถังอย่างแม่นยำ

โยฮันเนสไม่ตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของสมิธ ถ้าไม่พอใจเมื่อไหร่ก็จะมาแนวๆ นี้แหละ

"ปีนี้นายงานยุ่ง กลับมาฉลองด้วยไม่ได้ แต่นายจะพาไปฉลองย้อนหลังนะครับ"

"เหรอ? โยก็ดูว่างดีนี่ ไม่เห็นจะงานยุ่งอะไร"โยฮันเนสสะอึกกับคำพูดที่เหมือนรู้ทันของสมิธ รู้จักกันมานานขนาดนี้สมิธย่อมมองออกเป็นธรรมดา ถ้าเจ้านายเขาไม่ว่างแล้วตัวเขาจะว่างได้อย่างไร

"เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วช่วยทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยแล้วกัน"สมิธเอ่ยชวนพร้อมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทานอาหารตัวประจำของเขา

โยฮันเนสเดินไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับสมิธ คนอายุน้อยเริ่มลงมือทานก่อนจากนั้นโยจึงได้เริ่มรับประทาน ทั้งคู่นั่งทานอาหารกันเงียบๆ เมื่อทานอาหารคาวเสร็จ เค้กสิบปอนด์ขนาดใหญ่ก็ถูกเข็นออกมาให้สมิธเป่า เด็กหนุ่มไม่อธิฐานแต่เขาก้มลงเป่าเทียนเลย

เขาเลิกอธิฐานไปนานแล้ว ปาฏิหารย์ไม่มีจริงหรอก

หลังจากตัดเค้กแจกจ่ายให้ทุกแล้ว สมิธก็นั่งทานเค้กชิ้นเล็กๆ โดยมีโยฮันเนสนั่งดื่มชาเป็นเพื่อนเงียบๆ สมิธกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีเมื่อรายการสารคดีที่เขาชอบจบ เด็กหนุ่มกดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ก็หยุดชะงักที่ช่องข่าวบันเทิงช่องหนึ่ง

เขาจำผู้หญิงที่อยู่ในจอคนนั้นได้ ช่วงนี้ไอ้คนนั้นกำลังเป็นข่าวกับเธออยู่

อยู่ๆ โยฮันเนสก็กระสับกระส่ายลุกลี้ลุกลนผิดนิสัย

"เปลี่ยนช่องเถอะครับ"โยเอ่ยบอกกับสมิธตรงๆ

"ทำไม? " ยังไม่ทันที่โยฮันเนสจะได้ตอบคำถามสมิธ เสียงนักข่าวในทีวีก็วิ่งเข้าหูมาได้ยิน

'ข่าววงในบอกว่าคุณคาร่ากำลังจะหมั้นจริงหรือเปล่าคะ? '

'แหม ไปสืบกันมาจากไหนคะเนี่ย' คาร่าหัวเราะอย่างมีจริต

'แล้วสรุปจริงหรือเปล่าคะ? '

'ก็มีคุยๆ กันไว้แล้วค่ะ'คาร่าตอบยิ้มๆ

'จริงเหรอคะเนี่ย จะจัดงานเมื่อไหร่คะ? '

'ไปถามลูคัสเองเถอะนะคะ คาร่าไม่พูดแล้ว'

'โถ่! ถ้าคุณฮาล์นยอมให้สัมภาษณ์กับนักข่าวง่ายๆ ฉันก็ไปถามแล้วล่ะค่ะ'

ลูคัส? ฮาล์น?

ชื่อมันไม่เหรอ?

หลังจากได้ยินชื่อว่าที่คู่หมั้นคาร่าแล้ว สมองสมิธก็แทบไม่รับรู้อะไรอีก รสหวานของเค้กในปากพลันขมฝาดขึ้นมาเดี๋ยวนั้น

สมิธไม่ได้พูดอะไร เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบจากโยหรอก

แค่นี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ

นี่ไงคือสิ่งที่เขารอคอยมาหลายปี เขากำลังจะโดนเขี่ยทิ้งแล้ว

มันน่าดีใจไม่ใช่เหรอสมิธ

++++++++++

ทำไมมันยาวนักก็ไม่รู้ เฮ้ออ ช่วงนี้ชีวิตเปรมก็มีปัญหานิดหน่อยเนื้อเรื่องอาจจะฝืดๆ บ้างนะคะ เอาเป็นว่าจบภาคตอนที่16นะคะ เดี๋ยวตอนเย็นตื่นขึ้นมาแต่งต่อคงลงในวันนี้ ไม่รอนานหรอก อีกนิดเดียวแล้ว☺

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
สมิธพูดไม่เพราะเลย
ตาลูคก็ใจร้าย
ติดตามค้าบบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารหนูมิทตี้ :ling1:

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
อิพี่..........แกไม่ควรได้หัวใจน้องอีกต่อไป
เกลียดอิลุค ว้อยยยยยย!!!!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยักษ์ทศอยู่ไหน  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
« ตอบ #129 เมื่อ: 01-06-2018 13:13:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
สมิธอิสระใกล้ได้มาแล้ว นี่ถ้าสมิธได้ยินข่าวแล้วยกมือไชโยคงฮาน่าดู

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารมิทตี้ :sad4:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
ค้างงงง
มาต่อไวๆน้าาา

ออฟไลน์ SuwaNNa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :ling1:รอคอยเสมอ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เอาแล้วๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1


คนโปรด 16

LUCAS's part

ผมชื่อ ลูคัส ฮาล์น เกิดที่อังกฤษแต่โตที่รัสเซีย แม่ผมเสียตั้งผมอายุ4ขวบด้วยอุบัติเหตุและพ่อมีเมียใหม่ตอนผมอายุ7ขวบ

ตอน8ขวบผมมีน้องชายต่างแม่ชื่อ อาร์มันโด้ ฮาล์น แต่เขามีชื่อเล่นว่าทศกัณฐ์

ผมไม่เคยแอนตี้น้าบุหงา(เมียใหม่พ่อ)หรืออาร์น(ทศกัณฐ์) กลับกันผมมีความรู้สึกว่าผมรักพวกเขาในระดับหนึ่ง

น้าบุหงาใจดี เธอคอยดูแลห่วงใยผมตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้เธอต้องจากไป

คนที่ทำให้เป็นแบบนั้นคือปู่ของผมเอง

เขาเป็นทหารยศใหญ่ของรัสเซีย มีอำนาจอยู่ในมือในระดับต้นๆของประเทศ ทำงานรับใช้ชาติไม่ว่าในทางสว่างหรือทางมืดเขาก็ทำได้

เป็นพวกที่รักอุดมการณ์ยิ่งชีพ

ปู่มีลูก2คน คือพ่อผมและก็ลุง ลุงผมเดินตามรอยปู่ แต่ตายในหน้าที่ตั้งแต่ยังหนุ่ม ส่วนพ่อก็ไปคนละทางกับปู่เลย

ความซวยจึงตกมาอยู่ที่รุ่นหลาน ผมไม่ได้เป็นตัวเลือกของปู่หรอกนะ เขาบอกว่าผมอ่อนแอเหมือนพ่อ ไม่ได้เชื้อทางแม่มาเลยสักนิด

อ้อ ลืมบอกไป แม่ผมเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้มีอิทธิพลใต้ดินของรัสเซีย

พ่อกับแม่ถูกคลุมถุงชน เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองของปู่กับตา

ก็นั่นแหละ ในเมื่อผมไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ทศกัณฐ์ที่เพิ่งเกิดมาคือความหวังของปู่

ผมปกป้องน้องไม่ได้เพราะในตอนนั้นผมไม่มีกำลังมากพอ

แต่ถึงกระนั้นปู่ก็พยายามจะปั้นผมเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานของเขา

ผมถูกส่งไปอยู่ที่บ่อนการพนันผิดกฎหมายแถบชายแดนของประเทศ มันค่อนข้างเลวร้ายสำหรับเด็กอายุ11ที่สบายมาทั้งชีวิต แต่อยู่ๆชีวิตก็เหมือนตกจากเหวสู่นรก

ช่วงปีแรกผมถูกกดขี่และใช้แรงงานในบ่อนอย่างหนัก หลายครั้งผมเกือบจะตายเพราะหิวและอากาศที่หนาวจนติดลบ

ตกเย็นในทุกวันผมถูกส่งขึ้นไปสู้บนสังเวียนเถื่อน ที่นั่นไม่มีกติกาเพียงแค่ทำยังไงก็ได้ให้คู่ต่อสู้ล้มลง

คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมว่าสภาพผมในวันแรกเป็นอย่างไร

ผมถูกซ้อมจนสลบทุกวัน ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด ที่นั่นเป็นโลกที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ มันโหดร้ายต่อเด็กอายุ11ปีอย่างแสนสาหัส ที่ผมยังไม่ตายในวันแรกๆก็อาจเพราะเบื้องบนสั่งไว้ก็ได้ แต่ถ้าวันไหนผมไม่สู้และคิดยอมแพ้ วันนั้นคงเป็นวันตายของผมจริงๆ

ทุกครั้งที่ผมหลับและลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันหัวใจผมกลับไร้ความรู้สึกลงไปทุกที

ผมจึงเรียนรู้ที่จะยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่อยู่ภายในใจของผม ซึ่งศัตรูส่วนมากก็มักจะตายใจและคิดว่าผมอ่อนแอ

กว่าพวกมันจะรู้ตัว ตอนนั้นมันก็คงไปอยู่ในนรกแล้ว

ผมใช้ชีวิตในสถานที่นรกนั่น6ปีเต็ม กลายเป็นคนคุมบ่อน บนศึกวังเวียนผมขึ้นแท่นเป็นที่หนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นผมตอนอายุ17 ปี ผมก็ถูกคนของตามารับตัวกลับไปที่บ้านของตา

ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาเพิ่งจะมารับผมเอาป่านนี้

คงพิสูจน์ผมจนพอใจแล้ว

ถามว่าผมไม่ผิดหวังเหรอ?ที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นหัวผม

ไม่เลย...เพราะผมไม่เคยหวังอะไรจากพวกเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ตาให้ผมเลือกว่าจะอยู่ที่เดิม...หรือเลือกเส้นทางเดียวกับเขา

แม้ไม่อยากเลือกแต่ผมก็หันหลังให้กับสถานที่ที่สร้างปีศาจในตัวผม

ถ้าผมไม่เดินออกมาจากที่นั่น ชีวิตผมคงไม่มีอะไรดีขึ้น

ที่เลือกจะไปกับตาเพราะผมอยากจะทำในสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้ทำ

อย่างน้อยก็เรื่องของน้องผม

ในตอนนั้นผมเข้าไปช่วยพ่อบริหารธุรกิจโรงแรมในรัสเซียที่กำลังจะล้ม ผมไม่ได้เรียนบริหารอะไรเทือกนั้นหรอก แต่คนรอบข้างบอกว่าผมเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ผมเรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์และนำมาคิดกลั่นกรองเอาไปต่อยอดได้ หนึ่งปีต่อมาโรงแรมพ่อฟื้นตัวขึ้น

ผมคิดจะทำอะไรที่มากกว่านี้ และสิ่งที่ผมถนัดที่สุดคือสิ่งที่ผมเห็นมันมาตลอดเวลา6ปี การพนันคือสิ่งที่ล่อลวงจิตใจคนได้ง่ายและได้กำไรมหาศาล

ถ้าผมบอกว่าผมไม่เชื่อเรื่องดวงคุณจะเชื่อไหม?

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำมันออกมาได้ดี เรื่องพวกนี้ใช้สมองเยอะๆหน่อยก็เอาชนะดวงได้

ผมสร้างคาสิโนในนามของพ่อด้วยทุนจากตา เพราะผมยังอายุน้อยเกินไปที่จะกิจการในนามของตัวเอง

คาสิโนที่ผมสร้างมีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย มันเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นจึงทำให้ผมเริ่มขยายกิจการไปหลายประเทศในแถบยุโรป

โดยเฉพาะอังกฤษที่ผมจะเดินทางมาบ่อยๆเพราะเป็นบ้านเกิดย่าและสถานที่ๆผมเกิด

ย่าผมเสียชีวิตตอนผมอายุได้19ปี ผมกับทศกัณฐ์เป็นคนที่ย่ายกมรดกทั้งหมดให้

มันเยอะกว่าที่ผมมีในตอนนี้มาก แต่มรดกส่วนนี้ผมไม่คิดจะแตะต้องเพราะผมอยากให้น้องรับไปคนเดียว

ทศกัณฐ์ไม่เหมือนผม เขาไม่ใช่คนทะเยอทะยาน อยู่แบบไหนก็ได้ซึ่งนั่นทำให้ผมเป็นห่วงเขา

อย่างน้อยมรดกพวกนี้ก็พอจะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหลังจากที่เขาหลุดพ้นจากปู่แล้ว

วันหนึ่งตอนผมอายุ20ปี ผมก็เดินทางไปดูคาสิโนที่อังกฤษตามปกติ เสร็จจากนั้นก็ไปนั่งดื่มในคลับที่หนึ่งในลอนดอน

ผมเจอกับมิเชล สาวนักเต้นของคลับ ผมถูกใจเธอตามประสาผู้ชายทั่วไป มิเชลก็ดูสนใจผมหลังจากนั้นเราก็จบกันบนเตียง

ผมชอบเซ็กส์มิเชลและชอบที่เธอเป็นคนพูดรู้เรื่อง มีสมองและไม่ทำตัวน่ารำคาญ

ผมติดพันธุ์มิเชลได้เกือบสัปดาห์ วันนั้นที่ผมคิดว่าเราจะไปกันต่อหลังเลิกงานของเธอ เราจูบกันสักพักที่หลังร้าน อยู่ๆก็มีเด็กผู้ชายเอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น

นั่นทำให้ผมได้รู้จักกับ 'สมิธ'

ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเขาไม่ชอบหน้าผมตั้งแต่แรกเห็น ก็แน่ล่ะเขาเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้านี่นา

แต่ผมก็เฉยๆไม่คิดจะถือสาเด็กหรอก

แต่เมื่อได้พบกับสมิธอีกครั้ง ผมกลับมีความรู้สึกสนใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

มันมากขึ้นจนผมอยากจะครอบครองเขา

ผมไม่เคยมีรสนิยมชอบกินเด็ก คนที่มีเซ็กส์ด้วยต้องอายุไม่ต่ำกว่า18ปี แม้ผมจะมีเซ็กส์ครั้งแรกตอนอายุ14ปีก็ตาม

สมิธเป็นเด็กคนแรกที่ผมอยากลอง แต่เมื่อได้ลิ้มลองผมกลับติดใจ

จากติดใจเป็นเสพติดและลุ่มหลง

ผมพยายามเก็บอาการ แต่กระนั้นลูกน้องที่ทำงานกับผมมาหลายปีอย่างโยก็จับสังเกตุได้

ตอนนั้นผมยังรู้สึกตัวและควบคุมได้ ผมพยายามหลอกตัวเองว่าผมแค่ถูกใจสมิธในระดับที่มากเกินปกติ

แต่ผมจะไม่ยอมให้มันกลายเป็นความรักเด็ดขาด

ผมเห็นมานักต่อนักไอ้ความรักที่ว่า หากเมื่อใดที่ความรู้สึกรักมันไม่เท่ากัน คนที่รักมากก็ยิ่งเสียใจมาก

หลายคนจะเป็นจะตายก็เพราะความรัก

ผมไม่อยากให้ใครมามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกและความคิดผม มันยากต่อการควบคุมมากเกินไป ผมจึงไม่เคยคิดที่จะมีความรักเชิงชู้สาวกับใครเลย

ผมสามารถเอ่ยคำว่ารักกับใครก็ได้ง่ายๆเพราะผมไม่ได้มีความศรัทธาต่อคำๆนั้น

มันไม่มีค่ากับผมเลยสักนิด

แต่ยิ่งนานวันเข้าสมิธคือคนที่ทำให้ผมโกหกคำว่ารักไม่ออก

ผมกลัวว่าถ้าผมพูดออกมันจะกลายเป็นความรู้สึกจริงๆของผม

ความสัมพันธ์ของเราเริ่มระหองระแหงเพราะความเจ้าชู้ของผมเอง(รู้ตัวดี)

ผมยังไม่อยากหยุดและดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในขณะเดียวกันผมก็ไม่สามารถปล่อยมือจากสมิธได้

ทุกครั้งที่เขาหายไปจากการควบคุม ในอกผมเหมือนมีรูโหว่ขนาดใหญ่ มันวูบโหวงและทรมานแปลกๆ พอเขากลับมาความรู้สึกนั้นมันก็จะหายไป

ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะฉุดรั้งเด็กคนนั้นไว้กับผมไม่ว่าจะด้วยวิธีการเลวทรามแค่ไหนก็ตาม

แม้ผมจะไม่ได้ให้เขามายืนเคียงข้างแต่ทุกครั้งที่ผมมองกลับไป พอมีเขาอยู่ผมก็รู้สึกสบายใจ

ผมรู้ว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัวและเลวมาก

แต่แล้วไงล่ะ?

ผมสนใจซะเมื่อไหร่

ผมกักขังสมิธไว้ให้อยู่ในกรงที่ผมสร้างขึ้น รวมระยะเวลาที่รู้จักกันมาก็เลยสี่ปีเข้าไปแล้ว

สำหรับผมเวลาเท่านี้มันนานนะที่สมิธยังอยู่ในสายตาผมอยู่

ผมคิดว่าสักวันหนึ่งที่ผมเบื่อเขาแล้ว ผมคงให้เงินเขาสักก้อนแล้วปล่ยเขาไป

แต่ตอนนี้สมิธยังเป็นคนที่ผมโปรดปรานที่สุดอยู่ดี

สัปดาห์ที่แล้วโยโทรมาหาผมว่าสมิธรู้เรื่องผมกับคาร่าแล้ว

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะไม่คิดว่าสมิธจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้

ความสัมพันธ์ของผมและคาร่ามันมีเรื่องของธุรกิจที่มาเอี่ยวด้วย ผมก็แค่หมั้นไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธอสักหน่อย

อาจจะได้ของแถมเป็นตัวเธอมาให้ชิมเล่น ซึ่งผมก็คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว

ผมกำลังเดินทางไปคฤหาสน์ที่ซื้อไว้ให้สมิธอยู่ พอถึงบ้านลูกน้องก็บอกว่าสมิธออกไปขี่ม้าเล่นที่ป่าหลังบ้าน

ผมไม่กลัวเขาหายหรอกเพราะมันอยู่ในเขตรั้วบ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่

ผมขึ้นไปอาบน้ำในห้องของตัวเอง เมื่ออาบเสร็จก็ลงมาชั้นล่างปรากฏว่าสมิธกำลังเดินเข้าบ้านมาพอดี

ผมฉีกยิ้มนิดๆและกำลังจะเอ่ยทักทายเขาก่อนแต่สมิธกลับทำหน้าเฉยแล้วเดินผ่านหน้าผมไป ผมขมวดคิ้วแล้วจับแขนเขาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะเดินพ้นตัว

สมิธเซถลาปะทะอกผมเพราะไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ได้ตัวเล็กบอบบางเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน แต่ตัวสูงโปร่งหุ่นน่าฟัดน่าขย้ำกว่าเมื่อก่อนซะอีก(บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ชอบกินเด็ก)

สมิธตวัดสายตาขุ่มมัวใส่และพยายามบิดแขนออกจากมือผม

"ผัวมาไม่รู้จักทักทาย?"ผมเลิกคิ้วแกล้งพูดยั่วโมโหเขา และก็ได้ผลเมื่อสมิธถลึงตาใส่ดุๆ

"ใครเมียมึง!"

"อยากให้เป็นใครล่ะ?"ผมยิ้มบางๆ

"เมียดาราคนนั้นของมึงมั้ง"เขาตอบเสียงแข็ง ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะก้มโฉบริมฝีปากจูบสมิธเร็วๆ

"เวลาหึงก็น่ารักดี" สมิธหน้าบึ้ง ขมวดคิ้วจนแทบผูกกันได้

"กูไม่ได้หึง แต่กูไม่พอใจ"ผมขมวดคิ้วบ้าง

"ไม่พอใจเรื่องอะไร?"

"มึงจะแต่งงานทั้งๆที่มีกูอยู่แบบนี้น่ะเหรอ"เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ผมกลับยักไหล่แล้วตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

"แล้วไม่ได้เหรอ?"

ผลั๊วะ! มืออีกข้างที่ว่างของสมิธต่อยผมเต็มแรง แก้มและมุมปากซ้ายผมชาเลยล่ะ

"ไอ้ชั่ว!มึงแม่งโคตรเห็นแก่ตัว...ปล่อยกูไปสักที!แล้วมึงจะไปทำอะไรกับใครก็เชิญ!"สมิธตะคอกเสียงดังลั่น ผมตวัดสายตามองเขาดุดัน มือกำเข้าที่ลำคอเล็กแล้วบีบไม่เบานัก

"หุบปาก!พี่จะปล่อยนายไปตอนไหนก็เรื่องของพี่ จัไม่ปล่อยนายไปชั่วชีวิตเลยก็ยังได้!"ผมตะคอกคืนเสียงดัง

"อึก!ถ้ากูไม่มาเจอมึง!ชีวิตกูคงมีความสุขมากกว่านี้ คงได้เจอได้เจอคนอื่นที่ทำให้กูมีความสุขได้ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะไม่มีใครจะเลวร้ายได้เท่ามึงอีกแล้วไง!!!"สมิธโต้ตอบกับมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้สติผมขาดผึง

คนอื่นที่ทำให้มีความสุขได้?

อย่าฝันว่าผมจะยอม

ผมลากสมิธไปที่ห้องเขา ผลักเขาลงบนเตียงแล้วบังคับเขาจูบอย่างรุนแรง ผมได้กลิ่นเลือดในโพรงปากที่ไม่รู้ว่ามากผมหรือสมิธ

ผมกระชากเสื้อผ้าเสื้อสมิธจนขาดวิ่น ขบกัดแรงๆไปทั่วทั้งตัวขาวๆ

ร่างโปร่งบางทั้งร้องด่าและดิ้นรนขัดขืน ผมใช้เข็มขัดมัดมือเขาเข้าด้วยกัน ผลิกร่างบางให้คว่ำหน้า ยกสะโพกขาวขึ้น ผมถ่างขาเขาออกจากกันก่อนจะปลดกางเกงของตัวเองลงและยัดตัวตนของผมใส่ช่องทางสมิธพรวดเดียวสุดทาง

สมิธร้องลั่น ขาสั่นระริกจนแทบค้ำร่างไว้ไม่อยู่ ข้างในของสมิธทั้งร้อนและรัดแน่นจนผมแทบเสร็จ

ผมฝืนขยับสะโพก สมิธครางด้วยความเจ็บแสบ ผมขยับสะโพกด้วยจังหวะดุดันป่าเถื่อน มือบีบขยำไปตามร่างกายขาวๆอย่างเมามัน ริมฝีปากผมพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังเนียน แก่นกายขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วงแม้จะฝืดฝืนเท่าไรก็ตาม

ราวๆครึ่งชั่วโมงที่ผมเสร็จน้ำแรก ผมถอนกายออกมีเลือดเคลือบติดแก่นกายผมออกมาด้วย ผมไม่ได้สนใจ พักได้ไม่กี่นาทีผมก็จับเขาพลิกท่ายัดแก่นกายใส่ช่องทางที่เริ่มช้ำอีกครั้ง

ผมย่ำยีสมิธซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนับจำนวนน้ำที่เสร็จไม่ถูก

ผมข่มขืนเขาแบบนี้ติดกันทุกวันเป็นสัปดาห์ก็ไม่สามารถระบายความโกรธที่อัดอยู่ในอกนี้ได้

เขาคิดที่จะมีคนอื่นนอกจากผม

ถ้าอย่างน้ำผมก็จะย่ำยีบดขยี้เขาไม่ให้ใครกล้าเอาเขาไปจากผม ผมจะทำให้เขารู้สึกไม่กล้าไปกับใคร

แม้ใจผมจะเจ็บแค่ไหนผมก็จะยังทำอยู่ดี

สมิธร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดนิดเขามองผมด้วยสายตาหวาดกลัวและทุกข์ทรมาน

วันที่เจ็ดที่ผมข่มขืนเขาเสร็จ สมิธก็ไข้ขึ้นอย่างหนัก ผมตามหมอมาดูอาการเขาเช่นเคย เขาเพ้อและร่องไห้ออกมา

ผมคิดว่าคราวนี้เขาน่าจะหลาบจำและไม่คิดเรื่องที่จะไปจากผมอีก

ปมปล่อยให้สมิธพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ส่วนผมก็ไปเคลียร์งานที่ห้องทำงาน พรุ่งนี้ทศกัณฐ์จะเอาของสำคัญมาให้ผม

แต่ใครจะรู้ว่าเขากำลังจะพรากสิ่งสำคัญอีกอย่างของผมไป

++++++++++++

ผมเผลอหลับบนโต๊ะทำงานจนเช้า ก่อนจะสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งร้อนของโย

"มีอะไรโย?"ผมเปิดประตูออกไปถามมือขวาคนสนิท หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว

"คุณทศกัณฐ์มาแล้วครับ"

"แล้ว?"

"คุณสมิธเธอก็อยู่กับคุณทศกัณฐ์ด้วย แถมยังร้องไห้ขอให้คุณทศกัณฐ์ฆ่าตัวเอง"

"ว่าไง!พวกเขาอยู่ที่ไหน!"

"ห้องโถงด้านล่างครับ"

ผมรีบร้อนลงไปด้านล่าง ไม่คิดว่าสมิธจะลุกเดินไหวด้วยซ้ำ แล้วยังบังเอิญไปเจอกับทศกัณฐ์อีก

"ทำอะไรกัน!!!"ผมตะคอกเสียงดังเมื่อเห็นภาพที่สมิธใส่เชิ๊ตตัวเดียวยืนจับชายเสื้อน้องผมไว้แน่น สมิธสะดุ้งสุดตัวผวาขยับเข้าไปใกล้ทศกัณฐ์อีก

นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก

"ใจเย็นลุค"ทศกัณฐ์เอ่ยนิ่งๆตามนิสัยเขา มือเรียวจับมือสมิธออกจากชายเสื้อตัวเองก่อนที่เขาจะก้าวมายืนบังสมิธไว้

"เด็กคนนี้เป็นใครเหรอ?"

"คนของพี่"

"พี่บังคับเขาเหรอลุค?"ทศกัณฐ์มองผมนิ่งๆแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ส่งเขามาให้พี่"ผมเอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง

"เขาเป็นอะไรกับพี่"นอกจากทศกัณฐ์จะไม่ยอมทำตามที่ผมบอกแล้วเขายังถามผมต่ออีก

"เด็ก-พี่"ผมย้ำด้วยใบหน้าเครียดขมึง

"พี่กำลังจะหมั้นนี่ ปล่อยเด็กคนนี้ไปได้ไหม?"เขายังรักษาระดับน้ำเสียงได้ราบเรียบดังเดิม ในขณะที่ผมใกล้จะระเบิดไปทุกที

"ไม่!"ผมเอ่ยปฏิเสธแทบทันที

"ถ้าอย่างนั้นผม 'ขอ' " เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะเมื่อได้ยินคำขอของน้อง

"ไม่ใช่คนนี้อาร์น"

"แค่เด็กคนเดียวพี่ให้ผมไม่ได้เหรอ ไหนบอกว่าผมขออะไรก็จะให้ไงล่ะลุค"ทศกัณฐ์ในวัย15ย่าง16 เอ่ยกดดันผมเป็นครั้งแรก ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกเหมือนคนหายใจไม่ออก

ผมเคยสัญญากับทศกัณฐ์ไว้ ในฐานะพี่ชายผมคิดว่าผมให้เขาได้ทุกอย่าง

แต่มาวันนี้ผมอยากกลับคำชะมัด

"พี่เคยสัญญากับผม ถ้าอย่างนั้นผมขอใช้มันตอนนี้เลยแล้วกัน"

"คนนี้พี่ขอ"ผมเอ่ยขอเขาบ้าง

"ผมขอก่อน"ทศกัณฐ์ไม่มีท่าทีว่าจะยอมเลยสักนิด

"ทำไมอาร์น ทำไมต้องเป็นคนนี้!"

"...ไม่มีเหตุผล"

"อาร์น!"

"พี่คงไม่อยากเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาหรอกใช่ไหม"ทศกัณฐ์ยกปืนชี้ไปทางสมิธ ลมหายใจผมสะดุดขาดห้วงทันที

"นานแค่ไหน"ผมฝืนเอ่ยถามน้อง อย่างน้อยผมก็ปล่อยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทศกัณฐ์นิ่งไปเหมือนใช้ความคิด

"จนกว่าเขาจะเรียนจบมหาลัยห้ามต่อรอง และผมจะไม่แตะต้องเขาเด็ดขาด"ทศกัณฐ์พูดเสียงหนักแน่น ถ้าผมไม่ยอมปล่อยสมิธตอนนี้ เขาจะต้องทำตามที่สมิธเอ่ยขอแน่ๆ

"ก็ได้...พี่จะยอมปล่อยเขาตามที่นายต้องการ ครบสัญญาเมื่อไหร่พี่ต้องได้เขาคืน"ผมยอมจำนนในที่สุด ทศกัณฐ์พยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยต่อ

"นับจากนี้พี่ต้องไม่โผล่หน้าหรือแม้แต่ปลายเส้นผมไปให้สมิธเห็นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมจะพาเขาไปจากพี่ตลอดชีวิต"

"ฮ่ะๆมันจะไม่มากไปหน่อยเหรอไง?"เป็นครั้งแรกที่ผมหัวเราะแห้งๆเหมือนจะพูดไม่ออก

"ผมทำจริง"ทศกัณฐ์พูดสั้นๆแต่เหมือนมีดที่กรีดลงกลางอกผม

"ดี!ถ้าอย่างนั้นก็สัญญามา ถ้าสมิธได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกเมื่อไหร่ สัญญาที่เราตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะ พี่จะไปรับเขาคืนเพราะนี่ถือว่าเป็นการที่นายดูแลเขาได้ไม่ดีพอ"

"คงไม่มีใครทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่าพี่"ผมแสยะยิ้มกับถ้อยคำยอกย้อนที่เจ็บแสบของน้อง

"พี่ทำได้คนเดียว...น้องชาย"ผมย้ำคำว่าน้องชายกับทศกัณฐ์ให้เขารู้ว่าเขาอยู่ในฐานะไหน

ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่น้อง

มันตายนานแล้ว

"ตกลง"

"ขอพี่คุยกับเขาหน่อย"ผมเอ่ย ทศกัณฐ์ก็เบี่ยงกายที่บังสมิธอยู่ไปยืนด้านข้าง

ผมก้าวตรงเข้าไปหาสมิธ เว้นระยะไว้หนึ่งช่วงตัว เขาตัวสั่นและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองผม

"วันนี้นายอาจหลุดมือพี่ไป แต่จำไว้ว่าสักวันนายก็ต้องกลับมาอยู่ในมือพี่อยู่ดี"

"..."

"ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน"พูดจบผมก็หันหลังให้เขาเพราะไม่แน่ใจว่าถ้ายืนนานกว่านี้ผมจะตัดใจปล่อยเขาไปได้ไหม

ผมเดินขึ้นห้องทั้งๆที่หัวมึนๆหนักๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หัวใจผมเหมือนมีมือมาบีบแรงๆแล้วคลายออกก่อนจะบีบแรงๆอีกครั้งให้ทรมานเล่น

สิ่งที่สมองผมรับรู้อย่างเดียวคือ...

ผมสูญเสียสมิธไปแล้ว

ผมบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ถูก

แต่ที่ผมรู้คือผมโคตรทรมานเลยว่ะ

เพราะแบบนั้นผมถึงเฝ้ารอวันที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง...

ความทรมานนี้มันจะหายไปรึเปล่านะ

ที่ผมเจ็บขนาดนี้...บางทีผมอาจจะรักสมิธไปแล้วก็ได้

+++++++++++++

จบ(ภาค)...จ้า นี่เป็นแค่ความรู้สึกเล็กๆน้อยๆที่เฮียเพิ่งจะได้รับเท่านั้น จากนี้จะไปไทม์ไลน์สมัยที่มิทตี้อยู่มหาลัยแล้วนะคะ บอกไว้ก่อนว่าต่อให้อิพี่มันรักยังไงมันก็เหี้_อยู่ดีจ้ะ อิอิ เนื้อเรื่องถัดจากนี้ก็จะไม่หน่วงแล้วล่ะค่ะ ออกแนวสดใสๆตามสไตล์มิทตี้คนใหม่ เดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดและตอบคำถามคาใจหลายคนก่อนขึ้นภาคใหม่ด้วย ติดตามด้วยนะ❤

ออฟไลน์ Super Mario

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ติดตามอย่างต่อเนื่องค่ะ :o12: :o12:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอเจอสมิธที่มหาลัย  :hao3:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สนุกครับ
รออ่านตอนต่อไป

            :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :pig4:
 OMG ในที่สุดโลกก็ไม่ได้หมุนไปตามนายลูคัสคนเดียวอีกแล้ว
  ก็ไม่เชิงว่าเกลียดอะไรนะ แต่ขัดใจกับการกระทำของลูคัส บ่อยครั้งทำความเ หี้ ยแล้วดันมีเหตุผลเข้าข้างตัวเองตลอด ..นี่ก็อดชังน้ำหน้าไม่ได้
 จากนี้ก็จะรอดูการใช้ชีวิตแบบสมิธจริงๆสักที 

ส่วนทศกัณฐ์นี่พ่อพระมาโปรดใช่ไหม ยังไง

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
โอ้ยยยติดตามค่ะะะะ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ตายเสียเถอะนุงลุค!! วะฮ่าๆๆๆ กลับมาครั้งหน้าลูกฉันจะแข็งแกร่งขึ้น!(เราเชื่องั้นนะ)

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
เย๊...!!!! ในที่สุดก็ได้เวลาของน้อง

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
รอจร้าาาาา ลุ้นๆๆๆๆๆ :z2:

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่รู้ไหมคะว่าพี่แต่งดีมาก ดีโคตรๆเลยพี่ คือร้องไห้ทุกตอนจริงๆ อยากจะนัดพี่มานั่งคุยเลยอ่ะ ว่าพี่ทำไงให้แต่งดีขนาดนี้ น้องรักพี่นะคะ รักนิยายเรื่องนี้ด้วย มาต่อไวๆนะคะ น้องรอเสมอ รักส์ :กอด1:

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
รออ่านค่ะ  สู้ๆค่ะ  มิทตี้มีอิสระแล้ว (ชั่วคราว)

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 17.1

"วันนี้แดกอะไรดี? "ผมถามเอ่ยขึ้นขณะที่เรากำลังเดินออกจากห้องเรียน

"อะไรก็ได้"นั่นไง คำตอบกวนส้นตีนที่กูไม่อยากได้ยิน เดี๋ยวมึงๆ

"ขรี้ไหมงั้น"ผมหันไปเลิกคิ้วถามมันกวนๆ

"ขรี้พ่อมึงสิ! "ไอ้ตี๋เถียง (ด่า) ทันที

"เอ้า! อยากแดกของพ่อกูก็ไม่บอก"ผมก็ยังกวนมันไม่เลิก

"ไอ้สมิธ! ดี! ช่วยกูด้วย! "มันสะบัดหน้าใส่ผมแล้วหันไปฟ้องคนข้างๆ อีกคนแทน

"โห่ เถียงไม่สู้ก็ฟ้องผัว"ผมล็อคคอไอ้ตี๋เตี้ยแน่นแล้วยีหัวมันแรงๆ เพื่อแกล้ง มันก็โวยวายใหญ่เลยทีนี้

"ไอ้เหี้ยสมิธ! ไอ้คนนิสัยไม่ดี! ปล่อยกูเลยนะ...ดี๊! "

"พอๆ แดกก๋วยเตี๋ยวเรือหน้ามอละกัน"ไอ้ดี หรือ 'ใจดี' ห้ามทัพในที่สุดและด้วยสายตาดุๆ ที่มันตวัดมองรอบคอไอ้ตี๋ทำให้ผมเสียวสันหลังวูบ ผมเลยยอมปล่อยแขนออกจากคอไอ้ตี๋ หรือ 'เซนท์'

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ผมคบด้วย และยังมีอีกคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังหายหัว ชื่อ 'ทศกัณฐ์' เราเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ภาคอินเตอร์สาขาเดียวกัน เลยได้มาเป็นเพื่อนกันนี่แหละครับ ยกเว้นทศกัณฐ์ที่ผมรู้จักก่อนจะมาเจอเซนท์และใจดี

"ก็แค่เนี้ย! "ผมยักไหล่ทั้งสองข้าง ไอ้เซนท์เห็นท่าทางแบบนั้นของผมก็แยกเขี้ยวใส่

"มึงแม่งทำไมไม่คิดเองวะ เป็นคนชวนแดกแท้ๆ "ไอ้ตี๋เตี้ยยังโวยวายไม่เลิก

"ถ้ากูคิดออกกูจะถามพวกมึงเหรอ? "ผมกอดอกเหลือบสายตามองมันแล้วส่ายหัวเหมือนอ่อนใจซะเต็มประดา

"ฟายเอ้ย เดี๋ยวกูไม่ไปแดกด้วยละมึงจะหนาว"

"กรุงเทพฯ สามสิบหกองศาเซลเซียส บ้านมึงเรียกหนาวเหรอ? "

"ไอ้บ้า กูขู่หรอกเว้ย"

"อ๋อเหรอออ กลัวจังเลยครับน้องเซนท์"ผมทำหน้าทำตาใส่มัน

"จิ๊! ไม่อยากคุยกับมึงแล้ว"งอนไปแล้วครับ แต่ผมไม่ง้อหรอก เดี๋ยวมันก็ลืม...

"หึๆ "เสียงหัวเราะไอ้ดีดังขึ้นเบาๆ ทำให้ไอ้เซนท์หน้างอกว่าเดิม ไม่ต้องแปลกใจที่มันไม่ค่อยมีบทนะครับ เพราะมันไม่มีสคริปต์ไงล่ะ แฮร่! ขำอ่ะดิๆ (ขำมาก-_-)

อ้อ! ลืมบอกไป ผมชื่อสมิธครับ อายุ21ขวบ วัยกำลังน่าเคี้ยว (เอื้อง?) เป็นนิสิตคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยY ชั้นปีที่3 ครับ!!!

รายงานอย่างกับเป็นทหารเลยกู...ถ้าบอกรหัสนิสิตด้วยนี่ก็ครบองค์เข้าห้องเชียร์ได้เลยนะ

เอาล่ะ! หยุดเวิ่นเว้อก่อนนะสมิธ!

หลังจากที่ตกลงจะไปแดก เอ้ย! ทานข้าวเย็นที่ไหนแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปรถคนละคัน ไอ้เซนท์ไปรถไอ้ดี ส่วนผมก็เดินมาที่แลมโบกินี สีดำด้านของตัวเอง

ในทุกๆ วันเพื่อนในกลุ่มอย่างน้อยหนึ่งคนจะต้องไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนผม

แล้วพวกมันไปไหม? ...ก็ไปนะครับ

เพราะผมบังคับไง

ผมไม่มีเหตุผลจะอธิบายว่าทำไมถึงทำตัวเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ แต่ไอ้ทศมันก็ยอมไปนะไม่เคยขัดผมเลยสักครั้ง แรกไเซนท์กับไอ้ดีก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง เมื่อนานๆ ไปสนิทกันแล้วทั้งไอ้เซนท์และไอ้ดีก็จะไปกินข้าวเย็นกับผมตลอด ยกเว้นว่าวันไหนที่พวกมันไม่ว่างจริงๆ

อย่างช่วงนี้ที่ไอ้ทศไม่อยู่ ไม่ว่างไปด้วย หน้าที่หลักเลยตกอยู่ที่ไอ้เซนท์กับไอ้ดีนี่แหละ

ถ้าถามว่าทั้งไอ้ดีกับเซนท์เต็มใจไหม? ผมกล้าพูดได้ว่าพวกมันเต็มใจนะ

ไม่รู้สิ...ก็เป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา

ถ้าพวกมันไม่พอใจก็คงปฏิเสธตั้งแต่แรกหรือไม่ก็เลิกคบกับผมไปแล้วล่ะ คงไม่ทนคบกันมาตั้งสองสามปีหรอกมั้ง

หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวเรือจนอิ่มหนำเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็แวะคอนโดเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน จากนั้นจึงกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น40 ชั้นที่ไอ้ทศอยู่

กริ่งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ผมกดออดห้องมันซ้ำอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนมาเปิด แสดงว่ามันยังไม่กลับห้อง

โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดอีก เฮ้อออ

ผมถอนหายใจก่อนจะเดินลงบันไดกลับห้องเพื่อออกกำลังกาย

เป็นห่วงเพื่อนว่ะ รู้ว่ามันเอาตัวรอดเก่งแต่ก็อดจะห่วงมันไม่ได้

แหนะๆ อย่ามา...ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิทยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป~ ของพี่ดานะครับ

กูนี่ขนลุกพรึ่บๆ ๆ เลย

ไอ้ทศมันเป็นเพื่อนสนิทผม และก็เป็นผู้มีพระคุณของผมด้วย

ถ้าผมไม่มีมันผมคงไม่มีโอกาสได้มาลั้ลลาแบบนี้หรอก ฮี่ๆ

ผมเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปเล่นฟิตเนส ช่วงนี้กำลังบ้ากล้าม

แต่ผมไม่ได้ได้อยากกล้ามใหญ่เบอเริ้มแต่หัวเล็กหรอกนะครับ

เอาแค่พอสูสีไอ้เชรี่ยทศ (หยาบเพราะอิจฉา) ก็พอ

สาวจะกรี๊ด ถึงผมจะหล่ออยู่แล้วก็เถอะ

หลังจากที่ผมกลับจากฟิตเนส ผมก็ตรงดิ่งกลับห้องเลย ไม่ได้ออกไปไหนต่อ

ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จิบไวน์ไปเกือบครึ่งขวด (นี่เรียกจิบ?) ก็พอ จะได้หลับสบายๆ

ผมล้มตัวลงนอน กอดก่ายหมอนข้างไว้แน่นแล้วหลับตาลง

พูดตามความจริงแบบไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป แทบทุกคืนผมไม่เคยขาดคนนอนด้วย จริงๆ นะครับไม่กับเพื่อนก็ผู้หญิงสักคน ผมรู้ว่าการทำตัวแบบนี้มันไม่ดี

แต่ผมไม่สามารถนอนหลับโดยไม่มีใครอยู่ข้างๆ ไม่ได้...ผมมักจะฝันร้ายบ่อยๆ

เพียงแต่วันนี้ผมเป็นห่วงไอ้ทศมากเลยไม่มีอารมณ์ไปนอนกับผู้หญิงคนไหน ไอ้เซนท์กับไอ้ดีก็ต้องกลับไปนอนบ้านใหญ่ ไอ้ทศก็เสือกไม่อยู่ห้องอีก

ผมเลยต้องมานอนกอดหมอนข้างเน่าๆ แบบนี้ไง

เฮ้อ หวังว่าจะมีใครสักคนช่วยพาไอ้ทศกลับมาได้นะ

ผมจะได้มีอารมณ์ไปปี้สาวสักที! (?)

+++++++++++++


เหี้ย!!! ...ขอโทษที่หยาบครับ

ก็คนมันตกใจนี่ ไอ้ทศถูกแทงแหละ กูว่าแล้วกูเป็นห่วงมันผิดปกติ

ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ (แต่ก็ไม่เคยซื้อ) ดีนะมันหนังเหนียวยิ่งกว่าหนังควายตากแห้งเลยรอดมาได้

เห็นเจฟ (ผู้ช่วยไอ้ทศ) เล่าว่าเป็นเด็กผู้ชายช่วยไอ้ทศเอาไว้

"มึงไม่ดูแลตัวเองวะไอ้สัส"ผมด่ามันทันทีที่เจอหน้า

แล้วคุณรู้ไหมว่าตอบกลับผมด้วยวิธไหน?

มองหน้าผมนิ่งๆ โดยไม่สำนึกผิดอะไร ก่อนจะโยนหมอนอัดใส่หน้าผมเต็มแรง จากนั้นมันก็หันหลังคลุมโปงให้

ไอ้สาสสสส ถ้าไม่เห็นว่ามึงเจ็บอยู่นะ กูกระโดดถีบไปแล้ว

" กูโกรธจริงๆ นะทศ" ผมพูดเสียงนิ่งออกไปทางจริงจัง ได้ยินเสียงมันถอนหายใจแล้วเปิดผ้าห่มออกมามองหน้าผมตรงๆ

" มึงหายไปโดยไม่บอกอะไรกับกูเลยแล้วกูยังเป็นเพื่อนกับมึงอยู่ไหมวะ"

" กูขอโทษ "

" เออ! ช่างมันเถอะ มึงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ถ้าหายแล้วก็ไปเรียนด้วยนะมึง ขาดเรียนไปไม่ใช่เป็นเดือนแล้วเรอะ"

"คิดดูก่อน"ดูมันตอบ

"ไอ้นี่ ถ้างั้นกูก็จะขาดเรียนไปช่วยมึงตามหาน้าบุหงาด้วย" ผมว่าอยากเอาแต่ใจ

" ไม่ต้องเสือกเลยมึง "มันว่าดุๆ เพราะไม่อยากให้ผมเสียการเรียนไง แต่ตัวเองเสือกไม่ไปเรียน (อย่าเอาแบบอน่างมันนะครับ)

" ทีมึงยังขาดได้" ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

"เฮ้อ เออๆ "มันยอมรับปากในที่สุด

" เออเหี้ยอะไร? "

" ถามมากเดี๋ยวกูถีบ อยู่กับมึงแล้วเปลืองพลังงานชีวิตกูฉิบหาย"มันทำท่าจะยกเท้าถีบผมจริงๆ อ่าครับ

"โห่ ถ้าไม่มีกูแล้วมึงจะเหงา"

"ปล่อยให้กูเหงาสักทีเถอะ"คือต้องมองกูด้วยสายตาเหยียดหยามขนาดนี้เลย?

ในกลุ่ม ถ้าถามว่าไอ้ดีแพ้ทางใคร? =ไอ้เซนท์

ไอ้เซนท์แพ้ทางใคร? =ผม

ผมแพ้ทางใคร? =ไอ้เหี้ยทศกัณฐ์นี่ไง

"กูไม่คุยกับมึงละ ไปเรียนดีกว่า"ผมขี้เกียจเถียงกับมัน เลยตัดบทซะเลย

"กูรอคำนี้มานานแล้ว รีบๆ ไปสักที"มีปัดมือไล่กูอย่างกับแบคทีเรีย

"ไอ้สัสสสส"อดจะด่าไม่ไหวจริงๆ ครับ

"ขอเป็นเสือชีต้าร์"มึงยังมาตบมุกอีก

ใครว่ามันนิ่งผมขอเถียง มันไม่ได้นิ่ง! แต่มันโคตรกวนตีนหน้าตายเลยโว้ย!!!

ผมเดินออกจากห้องนอนไอ้เหี้ยทศ (เพิ่มยศให้) ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยที่เถียงสู้มันไม่ชนะ

ไปถึงมหาวิทยาลัยเลยได้กวนตีนไอ้เซนท์แกล้งมันได้นิดหน่อยเพราะไอ้ดีคุมไว้อยู่ ผมเลยพอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง หึๆ

เอ้อ! อย่าว่าผมนิสัยเสียอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ถ้าจะว่าก็ไปด่าไอ้ทศกัณฐ์นู่น มันนั่นแหละที่ขัดเกลาให้ผมเป็นแบบนี้

จริงๆ ผมออกจะเป็นผู้ชายสุภาพเรียบร้อย ใช่ไหมครับ :D

+++++++++++++

ในที่สุดไอ้ทศก็ยอมมาเรียนในสองวันต่อมา แล้วแม่งเสือกกดกริ่งหน้าห้องปลุกผมตั้งแต่เช้าด้วยนะครับ จริงๆ วันนี้ก็มีเรียนเช้าแหละ แต่ว่าอาจารย์งดคลาสก็เลยมีเรียนแค่ตอนบ่าย ผมบอกมันไปแล้วด้วย แล้วมันเสือกมาปลุกผมแต่เช้าทำเพื่อ?

พอมันมาผมก็ชวนมันไปแดกเหล้าฉลองการกลับมาเรียนทันที (ดูยิ่งใหญ่เนอะ) ก็ไปกันทั้งกลุ่มนั่นแหละครับ นัดกันเย็นวันศุกร์ที่ร้านไอ้ดี

แผลเพื่อนก็ยังไม่หายดีหรอก คิดว่าคงไม่เป็นไรมั้ง เจ้าตัวก็ไม่เห็นว่าอะไรเลยนี่นา

และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง ดึกๆ เราก็นัดกันไปกินเหล้าเคล้านารีกันปกติ แต๊!

มันดันเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นน่ะสิครับ อยู่ๆ มีเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้พรวดพราดเข้ามาในห้องที่พวกผมกำลังดื่มอยู่

มันเป็นเด็กผู้ชายร่างสูงผอม ผมมองหน้ามันไม่ค่อยชัดเพราะห้องมันมืด แต่ใส่แว่นน่าจะเด็กเนิร์ดๆ เอ๋อๆ มั้ง...น่าแกล้งดี

ไอ้เด็กนี่บอกว่ามาตามไอ้ทศกลับ

มันเป็นใครวะครับ? ผมเลยแกล้งเรียกไอ้เด็กนี่ว่าเมียไอ้ทศเพื่อดูปฏิกริยาเพื่อน ไอ้ทศเอ่ยปฏิเสธนิ่งๆ ไม่มีพิรุธ

แต่ต่อมเสือกผมมันสั่นกึกๆ 9.8ริกเตอร์ไปแล้ว

เถียงกันไปได้ไม่กี่คำ ไอ้เด็กแว่นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดจึกๆ แล้วยื่นจอใส่หน้าไอ้ทศ

"สัด!!! ไอ้สตอว์เบอร์รี่บอย มึงอยากตายจริงๆ ใช่ไหม! "อยู่ๆ ไอ้ทศก็ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อไอ้เด็กแว่นพร้อมกับตะคอกเสียงดัง

ไอ้เชรี่ยยย รู้จักไอ้ทศมา5-6ปี ไอ้เด็กนี่คนแรกเลยว่ะที่ทำให้ไอ้ทศแสดงความเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้

" กลับไหมครับ? "ไอ้เด็กแว่นพูดแล้วฉีกยิ้มเยือกเย็นให้ไอ้ทศ

ผมรู้สึกกลัวรอยยิ้มมันขึ้นมาแปลกๆ มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา

ผมได้ยินเสียงไอ้ทศกัดฟันกรอด คิดว่ามันต่อยแน่ แต่ที่ไหนได้มันกลับสะบัดตัวไอ้เด็กแว่นออก หยิบกุญแจรถและเดินปึงปังออกจากห้องไปโดยไม่ร่ำลา ใครเลย

"เหี้ย..."ผมกับไอ้ดีอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมเบนสายตาไปมองไอ้เด็กนี่อย่างอึ้งๆ ทำไอ้ทศโกรธยังว่าน่าตกใจแล้ว

นี่สั่งได้โดยไม่โดนต่อย ผมนี่ช็อคเลยครับ

เด็กนั่นยิ้มให้พวกผมแล้วก้มหัวลาก่อนจะเดินตามไอ้ทศออกไป ผมกับไอ้ดีก็มองหน้ากันงงๆ เลย

"กูว่าเรากลับไหม? "ไอ้ดีถามพร้อมโบกมือไล่สาวๆ ออกไปจากห้องด้วย

"ก็ดีนะ แต่กูอยากเสือกว่ะ"บอกจุดประสงค์เพื่อนออกไปตรงๆ เพื่อหาแนวร่วม

"เซนท์เมาแล้ว"ไอ้ดีอ้างเหมือนไม่อยากร่วมเท่าไหร่

"กูจะไม่แกล้งไอ้เซนท์สองวัน"ต่อรองกันไปครับ

"สามวันละกัน"

"โอเค"ผมตกลง จับมือเป็นพันธมิตรกับไอ้ดี ไอ้เหี้ยนี่ก็หลงเมียเว่อร์กูแตะนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เลย

ไอ้ดีแบกไอ้เซนท์ขึ้นพาดบ่าพากันออกไปก่อน ส่วนผมเดินรั้งท้าย

อ่า...คุณคงจะคิดว่าผมเป็นคนขี้เสือกอ่ะดิ

ใช่ครับ...ผมขี้เสือก แต่ก็เสือกเฉพาะเรื่องของเพื่อนสนิทอ่ะ แล้วก็เสือกอย่างมีจรรยาบรรณด้วย ถึงบางครั้งจะเผลอลืมๆ ไอ้จรรยาบรรณที่ว่านั้นบ้างก็ตาม

แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมไม่สนิทผมไม่ยุ่งเรื่องของเขาเด็ดขาด ไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลยด้วยซ้ำ

เรื่องของไอ้ทศนี่มันมีกลิ่นแปลกๆ อย่างนี้มันต้องสืบ

มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำอีกแล้วสิ :)

++++++++++++

อิพี่สมิธคนเกรียนcome back นิสัยนางดูน่ารำคาญก็จริง แต่เขามีเสน่ห์นะ งื้อๆ ช่วงแรกๆ ก็จะเป็นการเล่าชีวิตปัจจุบันของฮีและเหล่าเพื่อนชายก่อนนะคะ (เรื่องของตัวเองพักไว้ก่อน) ก็จะเรื่อยๆ ไม่หวือหวาเท่าไหร่จ้ะ :katai5:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ลัลลาดีจังเลย มิทตี้  :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด