พิมพ์หน้านี้ - [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: YINGPREM ที่ 21-02-2018 21:16:45

หัวข้อ: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 21-02-2018 21:16:45
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

+++++++++++++++
คนโปรด ก็แค่คนที่ชอบหรือถูกใจเป็นพิเศษ...แต่ไม่ได้หมายความว่ารัก

++++++++++++++
คำเตือน!!!

นิยายเรื่องนี้มีฉากการร่วมเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เนื้อหามีความรุนแรงขัดต่อกฎหมายและหลักศีลธรรม หากไม่ชอบแนะนำให้กดปิด...ถ้าชอบเชิญกดอ่านและโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะจ๊ะ!

****************

คำชี้แจง

นิยายเรื่อง'คนโปรด' ตัวเอกจะมี2part คือ ภาคเด็กและภาคที่โตแล้ว อาจมีช่วงเวลาเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง 'ใจยักษ์' บ้าง แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ...และเนื้อหานิยายมีคำหยาบคายมากมาย สาระหาได้น้อย แต่มีประโยชน์หากต้องการหาความฟิน :mew1:
***************
หัวข้อ: Re: You're my fav person +คนโปรด+(Drama,SM) :บทนำ[21/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 21-02-2018 21:22:05
บทนำ

ช่วงฤดูใบไม้ผลิในประเทศอังกฤษมักจะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน แต่เช้าวันนี้บรรยากาศค่อนข้างอบอุ่นทำให้เขาอยากออกไปเดินเล่นสักเล็กน้อยเพียงแต่ว่าไม่สามารถออกไปได้ด้วยเหตุผลที่น่าชัง

เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่ามองต้นไม้สีเขียวชอุ่มผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ดวงหน้าเรียวรูปหัวใจ จมูกเชิดโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูกระจับ ดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงิน ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลเข้ม และผิวขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะถูกแสงแดดจากดวงอาทิตย์ทอส่องลงมากระทบร่างดูงดงามราวกับเทวดาตัวน้อยบนสวรรค์

ก็อกๆๆแก็ก!

เสียงเปิดประตูและการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มละความสนใจจากวิวด้านนอกได้ เขายังคงนิ่งเฉยและทอดสายตาออกไปไกลแสนไกล...

“ขอโทษที่กวนเวลาพักผ่อนครับ...นายท่านเรียกหาคุณสมิธครับ” ร่างบางเจ้าของชื่อตัวสั่นขึ้นนิดๆ หันมามองผู้มาเยือนด้วยสายตาแข็งกร้าว

“กูไม่ไป!” จบประโยคหนังสือที่อยู่ข้างตัวก็ถูกมือบางขว้างออกไปแทบจะในทันที บอดี้การ์ดหนุ่มรีบขยับตัวหลบอย่างรู้ทัน

เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกสักหน่อย

เมื่อครั้งแรกไม่โดน ครั้งที่สอง สามก็ตามมาติดๆ จากนั้นก็เกิดตามมาอย่างต่อเนื่อง บอดี้การ์ดหนุ่มร่างใหญ่ทำได้เพียงหลบและปัดป้องเป็นพัลวัน ไม่กล้าที่จะเข้าไปหยุดหรือเอ่ยปากปากห้ามเด็กตัวเล็กๆคนนี้ด้วยซ้ำ

ใครจะไปกล้า...ทุกคนที่นี่ต่างรู้ดี

คนนี้คนโปรดของนาย....

ตึง!เสียงกระแทกที่หน้าประตู ทำให้สงครามฝ่ายเดียวของสมิธหยุดชะงัก เขาหันไปมองการปรากฏของใครอีกคน เมื่อร่างนั้นปรากฏแก่สายตา ขาเรียวจึงเผลอขยับก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว

“เป็นอะไรอีกมิทตี้?” ชายหนุ่มหรี่ตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องออกไปแล้วหันไปถามผู้ลงมือโดยไม่ต้องสงสัย หลักฐานคามือซะขนาดนี้

“เรื่องของกู มึงไม่ต้องมาเสือก!” ดวงตาสีเขียวเข้มวาวขึ้นจนสมิธขนลุกไปทั้งตัว ขายาวก้าวจากประตูถึงอีกคนในเวลาไม่กี่วินาที มือเรียวยาวแต่แข็งแกร่งคว้าหมับเข้าที่กรามของคนตัวเล็กกว่าอย่างแรง

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปากดีนัก” ชายหนุ่มตัวสูงกดเสียงเข้ม กดหน้าลงไปใกล้คนที่ตัวเล็กกว่าเขามากนัก

“กูก็บอกแล้วใช่ไหมว่ามึงมันเลว อึก!” แรงบีบที่มือเพิ่มขึ้นจนเด็กชายเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหน้า แต่เขาก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอร้อง ไม่เคยยอมลงให้อีกคนเลยสักครั้ง

ชายหนุ่มมองท่าทางของคนตัวเล็กแล้วก็ยิ่งโกรธ เขาคลายแรงบีบลงเล็กน้อยแล้วกระแทกริมฝีปากบางกับกลีบปากเล็กของอีกคนอย่างแรง ชายหนุ่มบดจูบใส่อีกคนอย่างรุนแรงและกรุ่นโกรธ โพรงปากสมิธคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจากรสจูบที่รุนแรง มือเล็กกำแน่นทุบอีกคนอย่างไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ถูกมือแกร่งรวบไว้ในมือเดียว

สมิธถูกลงโทษจนปากแตกไปหลายแผล จนกระทั่งเด็กหนุ่มหายใจไม่ทันแล้วเกิดการสำลังลมหายใจอีกคนจึงดูดริมฝีปากอิ่มแรงๆส่งท้ายก่อนจะยอมถอนจูบออกมา

ชายหนุ่มใช้นิ้วลูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่มของเด็กหนุ่มที่แดงช้ำจากการลงทัณฑ์ของเขา สมิธหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกเกลียดชัง ถ้ามันสอดลิ้นเข้ามาครั้งนี้เขาจะกัดมันให้ขาดจริงๆ

“จิมบอกพี่ว่ามิทตี้ไม่กินผัก จริงรึเปล่า?” ชายหนุ่มเลือกที่จะถามเปลี่ยนเรื่อง ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เด็กน้อยทำลงไปก่อนหน้านี้ ให้ได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดี ของพวกนั้นหาซื้อเมื่อไหร่ก็ได้

“…”

“สมิธ พี่ถามก็ตอบ” เขากดเสียงเข้มขึ้น เชยคางเล็กให้เขาสามารถมองสบดวงตาสีมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน

“กูไม่อยากกิน...ไม่ชอบ”

“ผักมีประโยชน์ มิทตี้กำลังโตต้องได้รับสารหารให้ครบถ้วน”

“มึงจะบังคับอะไรกูนักหนา แค่นี้ยังไม่พออีกใช่ไหม!” เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์อย่างสุดจะทน แต่อีกคนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบลื่นพร้อมรอยยิ้มน่ารังเกียจที่เขาชิงชังอยู่ตลอดเวลา

“เอาอย่างนี้ ถ้ามิทตี้ยอมกินผักจะขออะไรพี่ก็ได้หนึ่งอย่าง ดีไหม?”

“อะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ” ดวงตาของสมิธทอประกายอย่างมีความหวัง

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นกูขอ...” สมิธกำลังจะเอ่ยต่อแต่คนตัวโตก็ดับฝันเขาด้วยประโยคที่เขาไม่อยากได้ยิน

“ยกเว้นอิสระ...ยังไม่ใช่ตอนนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแววตาสีเขียวเย็นชาขึ้นชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปราบเรียบดังเดิม

“แล้วมันเมื่อไหร่! ทำไมต้องทำแบบนี้ลูคัส...ทำไมต้องเป็นกู” สมิธเอ่ยถามด้วยความสับสนไม่เข้าใจ เขาทำอะไรผิด เข้าไปก้าวพลาดตอนไหน ทำไมชีวิตเขาถึงเป็นอย่างนี้…

ต้องมาติดอยู่ในขุมนรกที่หาทางออกไม่เจอ

+++++++++++++++++++++

บทนำเราจะมาเบาๆก่อนนะจ๊ะ ไม่ม่ามากเราเน้นหื่น หึหึ เอาล่ะคุณอยู่ทีมไหน :กอด1:
#มิทตี้  #ลูคัส  #คนโปรด
หัวข้อ: Re: You're my fav person +คนโปรด+(Drama,SM) :บทนำ[21/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-02-2018 02:41:31
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่ทีมไหน ขอเป็นคนกลางไปก่อนแล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person+คนโปรด+(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-02-2018 17:41:14
คนโปรด 1

ในมหานครใหญ่อย่างกรุงลอนดอน สำหรับช่วงเวลายามค่ำคืน สถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบไปก็จะเป็นไนท์คลับต่างๆ ตั้งแต่ไนท์คลับสุดหรูเกรดAลงไปจนถึงเกรดC ต่างก็ได้รับความนิยมไม่น้อย

ไนท์คลับเกรดAแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวของกรุงลอนดอน ในมุมหนึ่งทางด้านหลังคลับมีคนสองคนต่างวัยกำลังยืนถกเถียงกันอย่างไม่สนใจอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาวโชคดีที่วันนี้หิมะหยุดตกไปแล้ว

“แกจะแอบตามฉันมาทำไมสมิธ ฉันบอกให้แกนอนรออยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือไง!” หญิงสาวหน้าสวยอายุสามสิบต้นๆผลักศีรษะเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าอมน้ำเงินอย่างแรงจนเขาเซถลาแทบจะทรงตัวไม่อยู่

“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมกลัวนี่” เด็กชายเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้แม้ในน้ำเสียงจะสั่นอยู่มากก็ตาม

“แกจะกลัวอะไรกันนักกันหนา กับอีเรื่องแค่นี้”

“ไอ้สารเลวนั้นมันจะข่มขืนผม แม่ยังบอกว่าเรื่องแค่นี้หรอ” เด็กชายวัยสิบสองปีจ้องมองผู้เป็นแม่น้ำตาคลอ คิดไปถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขานอนอยู่ในห้องคนเดียว แล้วถูกไอ้ไมเคิลชายผิวสีขี้ยาที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์เดียวกันงัดห้องเข้ามาหวังจะข่มขืน ดีที่เขาไหวตัวทันคว้าขวดแก้วฟาดใส่หัวมันจนล้มแล้ววิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากห้องข้างๆเขาถึงรอดมาได้ แล้ววันนี้ไอ้ชั่วนั่นก็พ้นคุกออกมาแล้ว สมิธจึงกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีก

“แล้วมันทำหรือยัง!”

“แม่จะปล่อยให้มันมาทำผมก่อนหรือไงถึงจะห่วงผมได้” เด็กชายตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ที่ผู้หญิงที่เขารักที่สุดทำเหมือนไม่ไยดีเขาเลยสักนิด

ไม่สิ มารดาเขาคนนี้ไม่เคยสนใจไยดีเขาตั้งแต่จำความได้แล้ว เพียงแต่ให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูเขาพอถูไถไปวันๆ แต่ถึงอย่างนั้นสมิธก็รักผู้หญิงคนนี้มากๆ เขารู้ว่าแม่เหนื่อยและลำบากมากแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงเขามาโดยลำพัง ยังดีที่รัฐบาลที่นี่ช่วยเหลือเรื่องการศึกษาและเงินค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเล็กๆน้อยๆ เขาถึงสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยที่แม่ไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันสะเทือนใจเขามากเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสองปีคนหนึ่งจะรับไหว เขาอยากให้แม่ปลอบโยนเขาบ้างสักนิด ห่วงใยเขาสักหน่อย...ก็ยังดี

“เฮ้อ!แกนี่มันตัวปัญหาของฉันจริงๆ ไป!เข้าไปในร้าน” มิเชลเสยผมตัวเองอย่างรำคาญแล้วตัดบทสมิธด้วยการเดินนำไปทางประตูหลังร้าน เธอทำงานเป็นนักเต้นที่ไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้  แต่งตัวน้อยชิ้นเต้นยั่วยวนให้ถูกใจแขกเล็กๆน้อยๆก็ได้ทิปเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเพราะเธอยังสวยและสาวทำให้เธอเป็นตัวท็อปของที่นี่ เวลาที่ออกไปเต้นก็จะเป็นทีมละสามคนผลัดกันออกไป หนึ่งคืนเธอเต้นแค่สองช่วงเวลาเท่านั้น

“อ้าวมิเชลวันนี้พาเด็กที่ไหนมาด้วย” นาตาลีที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่เอ่ยถามเพื่อนที่เดินเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่เดิมตามมาข้างหลัง

“นี่สมิธน้องชายฉันน่ะ วันนี้เขาไม่ค่อยสบายเลยพามาด้วย” สมิธเหลือบมองมิเชลที่พูดออกไปได้อย่างคล่องแคล่วว่าเขาคือน้องชาย ซึ่งเขาก็ชินเสียแล้วเพราะปกติเธอก็บอกแบบนั้นกับทุกคนที่ถาม เขานั่งลงตรงโซฟาเงียบๆตามที่มิเชลชี้บอก

“ว้าว!เธอไม่เห็นเคยบอกว่ามีน้องชายหน้าตาน่ารักขนาดนี้” นาตาลีหันมาให้ความสนใจกับสมิธอย่างออกนอกหน้า

“หรอ ฉันคิดว่าฉันเคยบอกเธอไปแล้วซะอีก” มิเชลพูดพลางเริ่มลงมือแต่งหน้าให้ตนเอง

“ไม่เคยย่ะ เออนี่เธอจำเรื่องยัยโรสที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนได้ไหม ยัยนั่นน่ะ...” หลังจากนั้นนาตาลีก็เริ่มหมดความสนใจในตัวสมิธเพราะดูท่าทางมิเชลไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ เธอเลยเปลี่ยนเรื่องไปเม้าท์ผู้หญิงอีกคนที่ทำงานที่นี่เหมือนกันกับพวกเธอแทน

สมิธนั่งนิ่งๆไม่ได้สนใจสิ่งที่สาวสวยทั้งคู่กำลังพูดกัน แต่เขากำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้มิเชลกลับห้องช้ามาก บางวันก็กลับมาตอนที่เขากำลังจะออกไปโรงเรียน และเขาคงจะตามมิเชลมาอย่างนี้บ่อยๆไม่ได้เพราะมิเชลคงไม่ยอมแน่ จะย้ายที่อยู่ก็รู้ดีว่าแม่คงไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาจะทำยังไงดี

สมิธนั่งขบคิดไปมาจนสมองอ่อนล้า ในที่สุดก็หลับไปด้วยความง่วงงุน มิเชลที่แต่งตัวเสร็จแล้วเหลือบมองดูลูกชายที่ขดตัวนอนบนโซฟานิดๆด้วยสายตาอ่านยาก เธอหยิบเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ห่มให้เด็กชายก่อนจะออกไปเตรียมตัวสำหรับการทำงานโดยไม่หันไปมองเด็กน้อยอีก

สมิธคือความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอ

++++++++++++++++++++

สมิธสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ เด็กชายมองไปรอบๆห้องก็พบใคร เขาก้มมองเสื้อโค๊ทที่อยู่บนตัวเขาแล้วยิ้มออกมา จริงๆแล้วมิเชลก็คงห่วงเขาอยู่เหมือนกัน

สมิธได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆคล้ายว่าจะเป็นเสียงของมิเชลมาจากทางด้านหลังร้านที่อยู่ติดกับห้องที่เขานอนอยู่ เด็กชายขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปตามเสียงจนกระทั่งออกมาจากประตูหลังร้าน

ภาพที่สมิธเห็นทำให้นัยน์ตาสีมหาสมุทรเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดในเวลาต่อมา สมิธเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจูบกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม แม้จะไม่เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่เขาก็จำแผ่นหลังที่เขาเห็นมาเป็นสิบปีได้ เขามองคนทั้งคู่นิ่งแต่จู่ๆผู้ชายหัวทองคนนั้นกลับเหลือบสายตามาทางเขา ทำให้เด็กหนุ่มสบตากับนัยน์ตาสีเขียวเข้มนั่นเข้าอย่างจัง มันเป็นสายตาที่ทำให้เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น

สมิธกำหมัดแน่นเมื่อเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นสอดมือเข้าไปในเสื้อมิเชลทั้งๆที่สายตาก็ยังมองสบเขาอยู่ คล้ายๆว่ามันจะยั่วยุให้เขาโกรธอย่างไรอย่างนั้น อีกอย่างมิเชลก็ไม่ได้มีท่าทีจะขัดขืนมันเลยสักนิดนั่นยิ่งทำให้สมิธรู้สึกเจ็บใจเข้าไปใหญ่

ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าผลีผลามทำอะไรเพราะจุดที่มิเชลกับไอ้บ้าคนนั้นยืนอยู่ต่างรายล้อมไปด้วยชายชุดดำหลายคน แต่พอเห็นมันสอดมือไปในเสื้อมิเชลเท่านั้นแหละทำให้การยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดของสมิธหมดลงในทันที

“มิเชล!!!” สมิธตะโกนเสียงดังลั่น มิเชลถึงกลับสะดุ้งจนตัวโยนผละออกห่างกับคนที่เธอพึ่งจูบอย่างดูดดื่มทันที หญิงสาวหันไปมองตามต้นเสียงเป็นสมิธอย่างที่คิดและเธอคิดว่าเขาก็คงเห็นอะไรๆไปพอสมควร

สมิธโกรธจัดที่มิเชลปรายตามาทางเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไร เขาโตพอที่จะรู้เรื่องความสัมพันธ์แบบชายหญิงแล้วแต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นแม่ตัวเองทำคาตาแบบนี้ มิเชลหันไปพูดกับไอ้ผู้ชายคนนั้นสองสามคำก่อนจะเดินตรงมาทางสมิธเนิบนาบ เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสมิธในระยะหนึ่งช่วงแขนก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่หน้าเด็กน้อยเข้าอย่างจัง

สมิธหน้าหันไปตามแรงตบเขาเอามือกุมแก้มแล้วหันไปมองหน้าแม่ตัวเองช้าๆ ไม่บ่อยนักที่มิเชลจะตบเขาถ้าหากสมิธไม่ผิดร้ายแรงหรือดื้อมากจนไม่ฟังเธอ

น้ำตาเด็กชายคลอหน่วยตาไม่ยอมให้มันไหล เขารู้ว่าถ้ามิเชลตบเขาแสดงว่าเขาทำความผิด แต่เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร สุดท้ายน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลพราก มิเชลเดินผ่านตัวเขาเข้าไปในร้านโดยไม่พูดอะไร

เด็กชายยืนนิ่งแล้วรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเพราะนึกขึ้นได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สมิธมองไปยังฝั่งตรงข้ามตัวเองที่ห่างไปไม่กี่เมตร มันมองเขาอยู่จริงๆ

ใบหน้าเรียวหวานดูหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี ดวงตาสีเขียวแพรวระยับสะท้อนแสงไฟยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดแปลกๆ มันขยับตัวลูกน้องชุดดำที่อยู่ข้างๆก็รีบเปิดประตูรถคันหรูแทบจะทันที

ก่อนมันจะเข้าไปนั่งในรถเขาเห็นมันเหลือบมามองเขาครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่ดู...น่าขนลุก

ไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับออกไป

เด็กชายยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองที่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

เพราะมัน มิเชลถึงได้โกรธเขา

สายตาและรอยยิ้มนั่น

คนอย่างมัน สมิธเกลียดที่สุด!

+++++++++++++++++++

อิพี่ลุคมึงโรคจิตป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ มิทตี้น้อยระวังตัวด้วย

//ช่วงแรกๆอาจจะมาสั้นหน่อยนะคะจะพยายามปรับ และช่วงสมิธวัยเด็กคนแต่งเป็นผู้บรรยายเง้อ :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person+คนโปรด+(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 22-02-2018 21:37:55
 กรี๊ดดดด มิทตี้มาแล้นนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: You're my fav person+คนโปรด+(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-02-2018 23:43:01
เรื่องราวของสมิธจากเรื่องใจยักษ์ซินะ
ติดตามซิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person+คนโปรด+(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 01:52:19
เห็นใจสมิธเนอะ แม่ไม่รักเลยอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person+คนโปรด+(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-02-2018 14:19:54
 :m16: เริ่มมาก็น่าจับอีพี่ลูมาฟาดๆๆ
แก้เเค้นให้มิทตี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 24-02-2018 13:57:59
 :m15:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด1 [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 24-02-2018 14:05:07

ความรุนแรงนี้มันอะไรกัน! สมิธน้อยของป้า :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด2 [01/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 01-03-2018 17:09:06
คนโปรด 2

“แกนอนเลยนะ วันนี้ฉันไม่กลับ” มิเชลเอ่ยบอกลูกชายที่นั่งมองเธอตาแป๋วในขณะที่เธอกำลังใช้เครื่องม้วนผมทำทรงเส้นผมของตัวเองอยู่

“แม่จะไปไหน?”สมิธขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่มิเชลบอกล่วงหน้าว่าจะไม่กลับห้อง

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“แต่ว่า...”

“แกจะกลัวอะไรอีก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเหมือนตอนนั้นอีกแกก็โทรหาเจสซิก้าได้เลย...เราคุยกันแล้วนะสมิธ”มิเชลพูดเสียงเข้มจนเด็กชายไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นมาอีก เจสซิก้าคือหญิงผิวสีวัยกลางคนที่อาศัยอยู่กับสามีที่ห้องข้างๆ และเป็นคนที่ช่วยเหลือสมิธจากไมเคิลในครั้งก่อน มิเชลจึงต้องจำใจไปฝากฝังสมิธกับเพื่อนบ้านคนนี้อย่างช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นไอ้ลูกดื้อคนนี้คงได้ตามก้นเธอไปแทบทุกที่แน่ๆ

ตอนแรกเจสซิก้าก็ดูแปลกใจเพราะตั้งแต่ที่มิเชลย้ายเข้ามาอาศัยอยู่อพาร์ทเม้นแห่งนี้เกือบ5ปี มิเชลไม่เคยมาพูดคุยสุงสิงกับเพื่อนบ้านเลยแม้แต่น้อย แต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องของสมิธ เจสซิก้าก็รับปากจะช่วยดูแลให้เพราะเธอก็ค่อนข้างเอ็นดูเด็กชายสมิธในระดับหนึ่ง

“รีบนอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไปโรงเรียนไม่ทันล่ะน่าดู”มิเชลคาดโทษสำทับสมิธเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบกระเป๋าใบใหม่ที่เธอพึ่งได้มาสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้ออกไปด้วย

สมิธมองตามหลังผู้เป็นแม่ออกไปจนลับสายตาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปเข้ายังห้องนอนของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง

เด็กชายยังไม่หลับในทันทีแม้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าซึ่งได้เวลาเข้านอนของเขาแล้ว สมิธได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าอะไรที่ทำให้แม่ของเขาดูแปลกไปจากเดิม

มิเชลดูอารมณ์ดีขึ้นไม่ค่อยเหวี่ยงหรือดุด่าเขาเท่าเมื่อก่อน มีเสื้อผ้า กระเป๋า และของใช้ที่ดูท่าจะแพงเพิ่มขึ้นมาหลายชิ้น เมื่อสงสัยสมิธก็ถามแต่กลายเป็นว่าไปทำให้มิเชลเริ่มอารมณ์เสียซะอย่างนั้น สมิธจึงไม่กล้าถามต่อและเก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจต่อไป

เด็กชายตาสีมหาสมุทรสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วขดตัวเข้ากับผ้าห่มผืนเก่าที่เขาติดมากยิ่งกว่าเดิม ในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ฮีตเตอร์ตัวเก่าในห้องก็ไม่ช่วยให้อุ่นขึ้นเท่าไรนักแต่เด็กชายตัวน้อยก็นอนหลับไปด้วยความเคยชิน...

++++++++++++++++++
เช้าวันรุ่งขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ครับเจสซี่” เด็กชายสมิธเอ่ยทักทายเพื่อนบ้านที่ช่วงนี้เขาเริ่มสนิทด้วยพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าจิ้มลิ้มขณะที่กำลังเดินสวนทางกันที่ประตูทางขึ้นอพาร์ทเม้นท์

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ กำลังจะไปเรียนเหรอสมิธ” เจสซิก้ายิ้มตอบทักทายเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู

“ใชครับ อ๊ะ!ใกล้เวลารถบัสมาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับเจสซี่” สมิธยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่รถบัสจะมาเขาก็รีบเอ่ยลาเพื่อนต่างวัย โบกมือลาให้เล็กน้อยก่อนจะรีบตรงออกจากอพาร์ทเม้นท์อย่างรีบๆ

“โอเค แล้วเจอกันจ้ะ” เจสซิก้าโบกมือส่งท้ายให้สมิธก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

สมิธไม่กล้าวิ่งเร็วนักเพราะพื้นถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งค่อนข้างจะลื่นอยู่พอสมควร เด็กชายวัยกำลังโตก้าวเท้าไปจนเกือบถึงป้ายจอดรถบัสก่อนถึงเวลาที่รถจะมาอยู่ห้านาที ปกติเวลานี้จะไม่ค่อยมีคนใช้บริการรถบัสนักเพราะคนในแถบนี้ไม่ค่อยมีเด็กอยู่ในช่วงวัยเรียนเหมือนสมิธเท่าไหร่ ถ้าเป็นพวกวัยทำงานก็จะออกกันแต่เช้ากว่านี้ สมิธจึงไม่แปลกใจที่จะไม่เจอคนนั่งรอบัสเลย

แต่วันนี้กลับต่างออกไป เลยป้ายจอดบัสไปไม่กี่เมตรมีรถหรูสัญชาติอิตาลี่สีดำจอดติดเครื่องอยู่อยู่ เด็กชายไม่ได้สนใจนัก เขาทำเพียงเดินไปนั่งรอบัสบนเก้าอี้เงียบๆกระชับเสื้อโค๊ทเข้าหาตัวเองมากกว่าเดิมเพราะอากาศหนาวจัดจนลมหายใจมีไอสีขาวพรูออกมาทุกครั้งที่พูดหรือหายใจออก

แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากสมิธได้คือการที่ชายฉกรรจ์ตัวสูงใหญ่ใส่สูทสีดำเปิดประตูหน้ารถลงมา สมิธหันไปมองนิดๆอย่างสงสัย ชายคนดังกล่าวเดินไปเปิดประตูหลังรถไว้รอ ก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆยื่นออกมานอกรถก่อนจะตามด้วยการปรากฏตัวของคนที่ทำให้เขานึกห่วงอยู่ทั้งคืน

แม่...

มิเชลยังไม่เห็นสมิธ เธอก้มตัวโบกมือส่งยิ้มให้คนในรถส่งท้าย ก่อนจะหันกายไปทางกลับอพาร์ทเม้นท์ที่พักอยู่ มิเชลชะงักนิ่งเมื่อดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอสบเข้ากับนัยน์ตาสีมหาสมุทรนั้น

เธอหยุดยืนนิ่งมองสมิธ และสมิธก็มองเธออยู่ ท้ายที่สุดมิเชลก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ไปโรงเรียน? แกจะเหลวไหลเกินไปแล้วนะ”

“ยังไม่สายสักหน่อย ถ้าขึ้นบัสรอบนี้ทันก็ไปถึงโรงเรียนทันแน่นอน”

“ยังจะเถียง! นี่มันเลยเวลาบัสมากี่นาทีแล้วห๊ะ!” สมิธก้มมองดูนาฬิกา ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเพราะเลยเวลาที่บัสจะจอดป้ายนี้ไปเกือบสิบนาทีเข้าให้แล้ว แสดงว่าเขานั่งรอให้บัสมาจอดถึงสิบห้านาที แต่ว่าเขายังไม่เห็นบัสผ่านมาเลยนี่

“ก็ถนนมันลื่นหรืออาจมีอุบัติเหตุ...เขาก็อาจจะเลทบ้างก็ได้” สมิธก้มหน้าพูดเสียงอ่อยๆ เพราะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเข้าเรียนที่โรงเรียนแล้ว ถ้าบัสยังไม่มาในอีกห้านาทีสมิธก็จะไปถึงโรงเรียนสายและเขาก็จะถูกลงโทษเพราะครั้งนี้ครบกำหนดเข้าเรียนสายห้าครั้งแล้ว

“เหรอ งั้นแกตอบฉันซิว่าแกจะได้ไปโรงเรียนตอนไหนไม่ทราบ ฉันลำบากทำงานหาเงินมาให้แกใช้แล้วแกยังทำตัวแบบนี้หรอสมิธ แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกสายไปกี่ครั้งแล้ว!” มิเชลก้าวเข้าไปกระชากแขนสมิธด้วยความโมโหอย่างแรงจนเด็กชายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

สมิธรู้ว่าตัวเองก็ผิดที่บางครั้งก็ตื่นสายจากการนอนดึกและเขาก็ไม่มีใครมาคอยปลุก บางทีก็ไม่ได้กินข้าวเช้า ทำให้ไปโรงเรียนสายอยู่บ่อยๆ

“มันไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย รถบัสมาช้าเองถ้ามาตรงเวลายังไงผมก็ไปถึงโรงเรียนก่อนเวลาเข้าเรียนแน่นอน” ด้วยความนิสัยไม่ชอบให้ใครมาว่าตนเองโดยไม่มีเหตุผลของสมิธ ทำให้เขาแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไม่ยอมจำนนในข้อกล่าวหาของมิเชล ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอโมโหสมิธหนักขึ้นไปอีก มิเชลเงื้อมือขึ้นสูงเตรียมจะฟาดใส่สมิธ เด็กชายหลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่ก่อนที่มือบางจะฟาดใส่ร่างเล็กเสียงทุ้มก็ดังขึ้นที่ด้านหลังชะงักการลงมือของมิเชล

“มีอะไรรึเปล่ามิเชล”

“คุณลูคัส”มิเชลรีบลดมือลงแต่มืออีกข้างยังไม่ยอมปล่อยแขนสมิธ เธอหันไปมองคนด้านหลังอย่างตกใจเพราะคิดว่าเขาไปแล้วซะอีก

“ปล่อยแขนเด็กก่อนเถอะ ถ้าใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีต่อคุณนะ” ลูคัสระบายยิ้มบางๆเอ่ยเตือนมิเชลอย่างหวังดี มิเชลก็ยอมปล่อยง่ายๆคามที่ลูคัสบอกแทบจะทันที สมิธขมวดคิ้วมุ่น แต่ก่อนเขาอ้อนวอนมิเชลแทบตายเธอยังไม่ยอมง่ายขนาดนี้

“ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก” มิเชลหันไปพูดเสียงอ่อนหวานกับลูคัส

“ผมเห็นคุณยังไม่เดินสักทีเลยไม่ให้คนออกรถน่ะ” มิเชลยิ้มแก้มปริอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินประโยคที่แสดงความเป็นห่วงเธอจากลูคัส

“ฉันเจอน้องชายน่ะค่ะ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังไปโรงเรียนสายและถูกครูทำโทษ” มิเชลหันมาตวัดสายตาเย็นๆใส่สมิธที่ยืนเงียบอยู่

“อ้อ เรื่องแค่นี้เอง ผมไปส่งให้ก็ได้ทางผ่านพอดี”ลูคัสขันอาสาอย่างใจดี มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าเธออย่างลำบากใจ

“แต่...”

“ผมไม่ไป!”สมิธปฏิเสธเสียงกร้าว สายตาเด็กน้อยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง เขาไม่มีวันยอมไปกับไอ้คนที่ทำให้แม่ตีเขาแน่ๆ...และความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มคนนี้อยู่ลึกๆ

“สมิธ!แกอย่าเสียมารยาท”มิเชลหันไปปรามลูกชายเสียงเข้ม

“ไม่เป็นไรหรอกมิเชล เขาอาจจะหวงพี่สาว”ลูคัสโบกมือให้อย่างไม่ถือสา ดวงตาสีเขียวเข้มยังจับจ้องไปที่เด็กชายตัวน้อยด้วยความสนใจ

“ขอโทษคุณลูคัสเดี๋ยวนี้”มิเชลสั่งลูกชายเสียงเข้ม

“…”สมิธเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษคนที่เขาเกลียดขี้หน้า

“สมิธ!”

“ขอโทษ!”สมิธเอ่ยขอโทษห้วนสั้นใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่เต็มใจ

“หึๆ จะรับคำขอโทษก็ได้ถ้าให้ไปส่ง” ลูคัสระบายยิ้มใส่เด็กชายสมิธ

“ก็บอกว่าไม่...”

“มิเชล”ลูคัสไม่สนใจคำปฏิเสธเด็กน้อย แต่หันไปเรียกมิเชลด้วยเสียงราบเรียบแม้จะมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าก็ตาม มิเชลอึกอักเธอไม่เข้าใจว่าทำไมลูคัสถึงได้นึกใจดีจะไปส่งสมิธให้ได้ สุดท้ายเธแก็ได้แต่จำยอมเพราะกลัวสายตาที่เริ่มไม่ยิ้มตามริมฝีปากของเขาแล้ว

“ก็ได้ค่ะ คงต้องรบกวนคุณแล้ว”

“มะ”สมิธกำลังจะหลุดปากเรียกมิเชลว่าแม่แต่ก็กลับลำเปลี่ยนคำเรียกทัน “มิเชล!ผมไม่ไป”

“แกอย่าเรื่องมาก ถ้าวันนี้แกยังไปโรงเรียนสายแกก็ไม่ต้องไปโรงเรียนอีก!” สมิธสะอึกไม่กล้าเอ่ยปากอะไรอีก เพราะเขายังอยากไปเรียน ไปเล่นกับพวกเดวิดที่โรงเรียน

ลูคัสหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง หนึ่งในสองชายชุดดำรีบเปิดประตูหลังรถให้อย่างรู้หน้าที่ ลูคัสจึงหันไปส่งสายตาให้สมิธขึ้นรถ เด็กชายกัดริมฝีปากอย่างจำใจก่อนจะย่ำเท้าหนักๆเดินขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์

ลูคัสขมวดคิ้วนิดๆมองตามหลังเด็กน้อยไป เด็กคนนี้แปลกแค่เขาส่งสายตาเป็นนัยก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขาหมายความว่าอะไร นี่เป็นครั้งที่สองที่เจอกันและเด็กคนนี้ก็อ่านสายตาเขาได้ทุกครั้ง

ลูคัสระบายยิ้มอย่างอารมณ์ มาอังกฤษคราวนี้เขาเจอคนน่าสนใจเข้าแล้วสิ

มิเชลทำท่าจะก้าวเท้าตามสมิธขึ้นรถแต่ไหล่บอบบางของเธอก็ถูกมือแกร่งของลูคัสจับไว้ก่อน

“คะ?”

“คุณไม่ต้องไปหรอก เพราะเดี๋ยวก็ต้องก็ต้องวนรถมาส่งคุณอีก...ผมอยากให้คุณกลับห้องไปพักผ่อนมากกว่า”

“เอ่อคือ...”

“ไม่ไว้ใจผมหรือไง?” ลูคัสเลิกคิ้วถามมิเชลยิ้มยิ้มๆ หญิงสาวส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“เปล่าค่ะ...ถ้าอย่างนั้นฉันฝากสมิธด้วยนะคะ” ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เธอกล้าฝากลูกชายให้กับคนที่รู้จักได้แค่สองสัปดาห์ แถมความสัมพันธ์ยังเป็นแค่คู่นอนไร้สถานะใดๆ

“อืม คุณไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเย็นนี้ผมมารับไปดินเนอร์”ลูคัสลูบผมหญิงสาวเบาๆแล้วฉีกยิ้มมุมปากให้ ทำเอามิเชลแทบระทวยไปกับพื้น

ลูคัสหันหลังให้มิเชลแล้วก้าวขึ้นรถทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูทำให้สมิธที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอีกด้านหันมาผู้โดยสารร่วมกับตนเองทันที

เด็กชายขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นแม่อยู่บนรถ ปากเล็กๆจิ้มลิ้มขยับถามแทบทันที

“มิเชลล่ะ?”

“มิเชลก็กลับไปนอนพักที่ห้องสิ ฉันจะไปส่งนายเอง”

“จอดรถเลยนะ!ผมไม่ไปกับคุณ!”แม้จะไม่ชอบขี้หน้าแต่เด็กชายก็ไม่กล้าพูดหยาบคายกับผู้ชายคนนี้ เกิดมันเอาไปฟ้องมิเชลเขาก็แย่สิ แต่ลูคัสกลับทำหูทวนลม

“อายุกี่ขวบแล้วสมิธ”

“ห๊ะ!”สมิธชะงักเพราะตั้งตัวไม่ทันกับการอยู่ๆก็ถามขึ้นของคนที่นั่งข้างๆ “ไม่บอกหรอก”

“ตัวเล็กๆแบบนี้เก้าหรือสิบขวบ?”

“จะสิบสองแล้วเถอะ” เด็กผู้ชายใครๆก็อยากโตไม่ชอบให้ใครมาว่าเป็นเด็กสักเท่าไหร่ ซึ่งลูคัสก็ฉลาดจี้ถูกจุด

“จะสิบสองแสดงว่ายังไม่ถึงเดือนเกิด...อืมขอทายว่าเป็นเดือนพฤษภาคม”

“ฮึ!”สมิธกอดอกแสยะยิ้มเยาะๆ รู้สึกสะใจตามประสาเด็กที่คนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าตอบผิด

“ผิดงั้นหรอ อืม...งั้นนายลองทายเดือนเกิดพี่ซิ”

“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยไม่ทราบ”

“ก็...ถ้านายตอบถูกพี่จะซื้อรองเท้ายี่ห้อXXลายเบนเท็นรุ่นลิมิเต็ดให้นายเป็นไง” สมิธตาวาว เพราะมันเป็นรองเท้าที่เขาอยากได้มาก แต่มิเชลไม่ยอมซื้อให้เพราะว่ามันแพงกว่าเงินที่มิเชลหาได้ทั้งเดือนซะอีก

“...ไม่เอา”แม้จะลังเลแต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะแม่สั่งไว้ว่าห้ามรับของจากคนแปลกหน้า

“พี่ไม่ได้ให้นายฟรีๆสักหน่อย ก็แค่นายลองทายมาถ้าถูกก็ได้ของไป ไม่ถูกก็ไม่เป็นไร”

“ผมทายโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลยงั้นหรอ”

“ใช่”

“ง่ายจัง”

“ง่ายสิถ้าพี่อยากทำให้ง่าย”ลูคัสยิ้ม นัยน์ตาสีเขียวมีแววประกายบางอย่างที่สมิธไม่ทันสังเกตเห็น

“อืม...ผมขอทายว่าคุณเกิดเดือนพฤศจิกายน”เด็กชายทำท่าครุ่นคิด เผลอรู้สึกสนุกไปกับเกมส์ที่ชายหนุ่มอีกคนสร้างขึ้น

“…”

“ถูกรึเปล่า?”

“ถูก”

“จริงหรอ?”เด็กชายเบิกตากว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ จะบังเอิญเกินไปแล้วที่เขาทายถูกได้ในครั้งเดียว

“จริงสิ เพราะฉะนั้นนายก็จะได้ของตามที่เราตกลงกันไว้”ลูคัสฉีกยิ้มกว้าง

“คุณพูดจริงใช่ไหม อย่ามาเก็บเงินกับผมทีหลังนะ ผมไม่มีให้หรอก”

“ไม่เก็บหรอกน่า พี่พูดคำไหนคำนั้น”

“อือ”

“ถ้าไม่เชื่อจะทำสัญญากันไว้ก่อนก็ได้”

“สัญญายังไง?”

“สัญญาแบบนี้ไง” ลูคัสเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเรียวเด็กชายอย่างรวดเร็ว มือแกร่งตรึงท้ายทอยเล็กไว้ไม่ให้ขยับ จมูกโด่งของลูคัสกดลงที่แก้มใสและริมฝีปากบางของเขาก็ประทับลงที่มุมปากเล็กของเด็กน้อยแผ่วเบา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที สมิธตั้งสติได้ก็ตอนลูคัสถอนใบหน้าออกไปแล้ว

ดวงตาสีมหาสมุทรเบิกกว้าง ชี้หน้าลูคัสด้วยความตกใจ

“ทำบ้าอะไรของคุณ!”

“ก็สัญญาไง”ลูคัศยังคงยิ้มด้วยใบหน้าเบิกบาน กลิ่นหอมละมุนไม่เหมือนใครยังติดอยู่ที่ปลายจมูกเขา

“เป็นโรคจิตหรอวะ”สมิธธมองคนตรงหน้าหวาดๆ เกิดมาตั้งแต่จำความได้เขายังไม่เคยถูกใครหอมหรือจูบแม้กระทั่งกับแม่แท้ๆของตัวเองก็ตาม มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก แต่ไอ้คนที่หอมเขาดันเป็นผู้ชายน่ะสิ มันปกติหรือไงนะ เขายังไม่เคยเห็น

“ก็ปกตินี่”ลูคัสยักไหล่พูดยิ้มๆ

“ไม่เอาแล้วรองเท้า”สมิธพูดพลางใช้เสื้อเช็ดแก้มตัวเองจนแดง

“ได้ไง?สัญญาไปแล้วนะ”

“ก็บอกว่าไม่เอา!”

“สมิธ”แค่ลูคัสเอ่ยชื่อสมิธนิ่งๆเด็กชายก็ชะงักแล้วขยับตัวห่างจนหลังเกือบชิดประตู

“…”

“ผู้ใหญ่ให้ของก็รู้จักรับไว้...มันเป็นมารยาท และพี่ไม่ได้ให้ฟรีๆเราเดิมพันกันแล้วนายชนะ นายก็ต้องได้ของไป เข้าใจไหม?”

สมิธพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว

“ดีมากเด็กดี”ลูคัสยิ้มอย่างพอใจนิ้วเรียวยาวของเขายื่นไปสางผมนุ่มให้เด็กน้อยแผ่วเบา นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสที่แดงจากแรงเสียดสีไปมาเบาๆ จนกระทั่งรถหยุดและลูกน้องของลูคัสเดินมาเปิดประตูรถฝั่งสมิธ มือแกร่งของลูคัสจึงผละออก

“ถึงโรงเรียนแล้ว รีบไปสิเดี๋ยวจะสายเอานะ”

สมิธที่ได้ยินเสียงลูคัสเอ่ยเตือนก็เหมือนจะได้สติ เด็กน้อยรีบก้าวขาลงจากรถแล้วสาวเท้าวิ่งเข้าโรงเรียนโดยไม่เอ่ยคำลาหรือแม้แต่คำขอบคุณสักคำเดียว แต่ลูคัสก็ไม่ได้ถือสาเพราะเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

ลูกน้องเขาปิดประตูและรถเคลื่อนออก จุดหมายปลายทางคือช็อปรองเท้าขนาดใหญ่ในใจกลางกรุงลอนดอน ไหนๆวันนี้เขาก็ว่างทั้งวันจะไปเลือกรองเท้าให้เด็กน้อยสักหน่อยก็แล้วกัน

++++++++++++++++
มีใครได้กลิ่นล่อลวงเด็กเหมือนเปรมไหม หึๆ ช่วงนี้อาจมาช้าบ้างนะคะ สัปดาห์หน้าเปรมสอบมิดเทอม ฮือ NBน้องก็ยืมไปใช้ ที่แต่งไว้ก็ลบแก้ทิ้งไปซะเยอะ เอาเป็นว่าจะมาลงสัปดาห์ละ2ตอนเนาะ แต่สัปดาห์หน้ารอๆกันหน่อยเน้อ จุ๊ฟ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด2 [01/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 02-03-2018 00:48:11
ลูคัสนิสัยไม่ดีเลยยย น้องเพิ่งจะ 12 นะนั้น :hao7: รอดั่ยค่าาา มาต่อก็ดีใจแล้ววว :katai3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด2 [01/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-03-2018 01:17:04
เฮียทำอะไร สงสารน้องเขาหน่อยเถอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด3 [04/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 04-03-2018 18:40:20
คนโปรด 3

“กลับมาแล้วครับ”

“สมิธมานี่ซิ”มิเชลเอ่ยเรียกเด็กชายแก้มใสเมื่อรู้ว่าเด็กน้อยกลับถึงห้องแล้ว สมิธถอดบูทแล้วเดินตามเสียงเรียกของมิเชลที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเก่าในห้องนั่งเล่นแคบๆแห่งนี้

“แม่มีอะไรรึเปล่า?”

“นี่มันหมายความว่ายังไง!แกไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรองเท้า”มิเชลกอดอกสอบสวนสมิธเสียงเข้ม ชี้มือไปที่กล่องรองเท้ายี่ห้อดัง เด็กชายขมวดคิ้วอย่างงุนงงมองตามมือผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ใช่ของผม”

“มันจะไม่ใช่ได้ยังไง ชื่อแกมันเด่นหราขนาดนี้” เด็กชายก้าวเท้าเข้าไปดูของชิ้นนั้นใกล้ๆด้านบนกล่องมีการ์ดเล็กๆแนบว่าสำหรับ ‘สมิธ เกรย์เยอร์’

“ใครเอามาส่งอ่ะ”

“เมสเซนเจอร์”

สมิธหยิบกล่องรองเท้าออกจากถุง พอเห็นยี่ห้อเด็กชายก็ถึงกับหลุดอุทานไม่เบา

“อะไร?”มิเชลถามอย่างสงสัยกับท่าทางของลูกชาย

“ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าใครส่งมา”

“ใคร?”

“เพื่อนแม่ไง...ลูคัส”

“คุณลูคัสงั้นหรอ แกไปพูดอะไรให้เขาซื้อให้ล่ะ”มิเชลเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ

“ผม...ไม่ได้ทำอะไร แค่...”

“แค่อะไร!?แกเลิกเล่นเกมถามคำตอบคำกับฉันได้แล้ว อธิบายมาให้หมดเดี๋ยวนี้!”

“เอ่อ...ระหว่างที่อยู่ในรถเขาก็ถาม...”สมิธเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังแต่ไม่ได้พูดถึงฉากที่ไอ้โรคจิตนั่นหอมแก้มสัญญา สมิธไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถามพวกเดวิดแล้วมันคือเรื่องปกติ

“แกแน่ใจนะว่าไม่ได้เอ่ยปากขอเขาเอง”

“ครับ”

“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าแกชอบเบนเท็น?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”เด็กชายยกมือขึ้นเกาศีรษะงงๆ มิเชลที่เห็นนาฬิกาบนข้อมือลูกชายก็พอจะเดาออกว่าทำไมลูคัสถึงรู้ว่าลูกชายเธอชอบเบนเท็น แต่เธอก็ขี้เกียจอธิบายอะไรจึงเลือกจะพูดปัดไปเรื่องอื่น

“ช่างเถอะ เขาอาจจะเอ็นดูแก...แสดงว่าเขาก็ชอบฉันพอสมควรเลยสินะ”มิเชลยิ้มอย่างได้ใจ ถ้าเธอจับผู้ชายคนนี้ได้ ยังไงเธอก็จะสบายไปทั้งชีวิตอยู่แล้ว

“แม่หมายความว่าไง”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ถ้าเขาให้อะไรอีกก็รับไว้ ทำตัวดีๆว่านอนสอนง่ายห้ามดื้อห้ามซนเข้าใจไหม”

“แต่...”

“ถ้าแกอยากสบายก็ทำตามที่ฉันบอก...ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งแกไว้คนเดียว!”สมิธสะดุ้งเฮือก รีบผวาไปกอดเอวผู้เป็นแม่แน่นแล้วส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา อย่าทิ้งผม ฮึก!” เด็กชายน้ำตาไหล สะอื้นฮักจนน่าสงสารเพราะฝังใจเรื่องถูกทิ้งไว้คนเดียวเมื่อก่อน

“ฉันจะไม่ทิ้งถ้าแกทำตามที่ฉันบอก ตกลงไหม?”มิเชลขู่เด็กชาย ทั้งๆถ้าจะทิ้งสมิธจริงๆกลับทำไม่ได้ง่ายๆอย่างนั้น แต่เพราะสมิธยังเด็กและเธอก็ปิดกั้น เรื่องกฎหมายเด็กชายจึงไม่มีความรู้

“อื้อ”

+++++++++++++++++

“มิเชล ผมว่าคุณเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ดีไหม”ลูคัสว่าพลางสวมเสื้อคลุมหลังเสร็จภารกิจกับมิเชลรอบที่สอง

“เอ๊ะ?ทำไมล่ะค่ะ?”

“ผมว่าที่นั่นดูอันตรายไปหน่อย...ผมเป็นห่วง”ลูคัสว่ายิ้มๆแล้วจิบไวน์แดงราคาเหยียบหมื่นปอนด์ด้วยท่าทีสบายๆบนโซฟาสีเลือดหมู มองมิเชลด้วยสายตาร้อนแรงจนเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

“ฉันก็อยากจะทำอย่างนั้นค่ะเมื่อเดือนที่แล้วสมิธก็เกือบโดนไอ้สารเลวคนหนึ่งในอพาร์ทเม้นท์ข่มขืน...แต่ว่า”มิเชลพยายามเรียกคะแนนสงสารจากชายหนุ่ม และก็ได้ผลเมื่อลูคัสขมวดคิ้วเครียด รอยยิ้มที่ติดบนใบหน้าจางๆก็ไม่มีอีกแล้ว

“เกิดเรื่องแบบนี้คุณต้องย้ายแล้วล่ะ...ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะจัดการให้เอง”

“จะดีหรอคะ”สีหน้ามิเชลแสดงออกถึงความเกรงใจ แต่ในใจเธอกลับสั่นระริกอย่างดีใจ

“ดีสิ คุณทำให้ผมพอใจได้นี่”ร่างสูงของชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวไปหาหญิงสาวที่นอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าหล่อเหลาติดหวานโน้มไปจูบหน้าผากหญิงสาวแผ่วเบา มิเชลกัดริมฝีปากเย้ายวน สองแขนเล็กคล้องคอชายหนุ่มไว้ไม่ให้ยืดตัวขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นให้มิเชลทำให้คุณพอใจยิ่งกว่านี้นะคะ”ลูคัสยิ้มบางๆตอบรับคำเชิญชวนของหญิงสาวด้วยการประทับจูบบนริมฝีปากอิ่มแทน

+++++++++++++++

ร่วมสัปดาห์แล้วที่สมิธได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ เด็กชายเริ่มปรับตัวได้และรู้สึกมีความสุขกว่าอยู่ที่อพาร์ทเมนท์เดิมมาก มิเชลพาสมิธย้ายเข้ามาอยู่ในโซนหนึ่งของลอนดอนซึ่งดีกว่าที่อยู่เก่าที่อยู่โซนสี่แบบเทียบไม่ติด บ้านที่สมิธย้ายเข้ามาอยู่ตั้งอยู่ในอาคารแบบจอเจียร์ ถนนหน้าบ้านแม้จะคนพลุกพล่านแต่ก็สงบเพราะคุณภาพชีวิตที่นี่ต่างจากที่สมิธเคยอยู่อย่างสิ้นเชิง

ภายในบ้านตกแต่งอย่างที่สมิธชอบมากๆ เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสิคและโมเดิร์นอย่างลงตัว สมิธมีห้องนอนกว้างและห้องน้ำในห้องเป็นของตัวเอง ฮีตเตอร์ในห้องก็ทำงานได้ดีเต็มประสิทธิภาพ เวลาที่จะไปโรงเรียนแค่เดินออกจากบ้านไม่ถึงห้านาทีก็เป็นป้ายจอดบัส ใกล้ๆกันก็เป็นสถานีรถไฟ เวลากลางคืนก็ไม่น่ากลัวเหมือนเก่า

เด็กชายชอบที่นี่มาก มันเป็นสิ่งที่สมิธเฝ้าถวิลหามาโดยตลอด เขาอยากใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขโดยไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีคนมาดักปล้นหรือทำร้าย สมิธขอบคุณมิเชลไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง

แม้จะไม่รู้ว่ามิเชลไปหาเงินมาจากไหนมากมายพอจะเช่าบ้านหลังนี้ แต่มิเชลบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กชายตัวเล็กจึงไม่กล้าปริปากพูดให้มากความอีก

เพราะแค่นี้สมิธก็พอใจมากๆแล้ว

วันนี้เด็กชายสมิธไปเล่นเกมส์บ้านเด็กชายเดวิดจนเกือบจะมืดเขาถึงได้กลับถึงบ้าน แต่สมิธไม่กลัวมิเชลดุเพราะเขายืมโทรศัพท์ที่บ้านเดวิดโทรบอกมิเชลแล้ว และมิเชลก็อนุญาต สมิธมีความสุขมากที่ช่วงนี้มิเชลใจดีกับเขากว่าแต่ก่อนถึงจะไม่สนใจเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ค่อยดุด่าซึ่งถือว่าดีมากแล้ว

เด็กชายไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไป ในบ้านนั้นมืดสนิทแสดงว่ามิเชลออกไปทำงานแล้ว มือเล็กๆเอื้อมไปเปิดไฟแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อปรากฎภาพคนที่สมิธไม่เห็นหน้ามาสัปดาห์กว่าๆกอดอกมองเขาอยู่ทางเข้าห้องนั่งเล่น

“ไปไหนมา?”เด็กชายไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม แต่รู้สึกว่าน้ำเสียงลูคัสดูน่ากลัวชอบกล

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ...อีกอย่างคุณเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง”ด้วยความเป็นเด็กที่ไม่ว่าจะดื้อยังไงก็ยังดื้ออยู่อย่างนั้น ไม่สามารถลดทอนความดื้อลงได้ง่ายๆอย่างที่ผู้ใหญ่บางคนต้องการ ซึ่งตัวสมิธเองก็เป็นอย่างนั้นซะด้วย และนั่นก็ไปกระตุกต่อมหงุดหงิดของใครบางคนเข้า

“พี่ถามดีๆนะสมิธ” ลูคัสสาวเท้าเข้าไปใกล้เด็กชายช้าๆ สมิธก็ก้าวถอยหลังช้าๆจนแผ่นหลังเล็กชิดติดกับประตู และตัวลูคัสเองก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวสมิธได้แล้ว

“อะ..อะไรเล่า!ผมแค่ไปเล่นเกมส์บ้านเดวิดเองนะ”เพราะเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าเข้มรู้สึกว่าโดนกดดันอย่างหนัก ทำให้เขาไม่กล้าดื้อกับลูคัสมากนัก

“แล้วทำไมไม่เล่นที่บ้าน”ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยที่สูงเพียงใต้ราวนมเขา

“มันมีซะที่ไหนล่ะ”สมิธทำหน้ายุ่ง เงยหน้าโต้ตอบลูคัสได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ถ้ามีก็จะไม่ไปที่อื่นใช่ไหม”

“ก็...ถ้าเล่นคนเดียวคงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่”เด็กชายทำท่าหงอยๆลง เพราะกลัวลูคัสจะพูดไม่ให้มิเชลอนุญาตเขาไปเล่นบ้านเดวิดอีก

ลูคัสยิ้มขำ เขาไม่เคยเจอเด็กคนไหนเหมือนสมิธมาก่อน บางทีก็ดูเป็นเด็กดื้อธรรมดาๆคนหนึ่งแต่บางทีก็ดูเฉลียวฉลาดเกินวัย เขาชอบพูดคุยกับสมิธอยากแกล้งให้แสดงสีหน้าหลายๆด้าน ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ที่อังกฤษมันทำให้เขาหายเบื่อไปได้เยอะ

แต่ลูคัสกลับไม่รู้ตัวเลย ว่าแค่การพูดคุยกันหรือหยอกเล่นแบบธรรมดาจะไม่เพียงพอสำหรับเขาอีกต่อไป

“ก็ชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้านสิ”ลูคัสพูดยิ้มๆ

“มิเชลคงไม่อนุญาต”สมิธที่รู้จักนิสัยแม่ของตัวเองดีก็เดาคำตอบได้ไม่ยาก

“พี่จะซื้อเครื่องเล่นเกมให้แล้วก็จะพูดให้มิเชลอนุญาตให้เพื่อนสมิธมาเล่นที่บ้านด้วยดีไหม?”ความจริงแล้วลูคัสไม่จำเป็นต้องขอมิเชลด้วยซ้ำ แค่เขาเอ่ยปากยังไงมิเชลก็ต้องยอม ในเมื่อบ้านหลังนี้เขาเป็นคนซื้อนี่

“จริงหรอ”ดวงตาเด็กชายเป็นประกายยิ่งกว่าตอนที่ลูคัสบอกจะซื้อรองเท้าให้ซะอีก

“จริงแน่นอน...แต่ว่า”

“แต่ว่าอะไร?”คนตัวเล็กเอียงคอถามคนตัวโตกว่า โดยที่สมิธไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นทำให้อีกคนอยากฟัดแก้มเขามากแค่ไหน

“เวลาพี่มาหา สมิธต้องเป็นเด็กดี ทำตัวน่ารักเชื่อฟังพี่...แล้วพี่จะให้ทุกอย่างที่สมิธต้องการ”สมิธไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่ลูคัสพูดนัก แต่มิเชลบอกให้เชื่อฟังลูคัส แล้วลูคัสก็บอกว่าจะตามใจ เพราะฉะนั้นสมิธก็จะเชื่อฟังลูคัส

“อื้อ...ตกลง”สมิธพยักหน้ารับ

“ดี...ถ้าอย่างนั้นเรามาทำสัญญากันเหมือนเดิม”ลูคัสกระตุกยิ้ม

“แบบตอนบนรถน่ะหรอ”

“ใช่ แต่คราวนี้มิทตี้เป็นคนทำนะ”ลูคัสย่อขาลงนั่งยองๆ ทำให้ส่วนสูงของสมิธเลยหัวชายหนุ่มไปเล็กน้อย เขาเอียงใบหน้าให้สมิธข้างหนึ่ง ส่งสายตาเร่งเร้าให้เด็กน้อยลงมือ

สมิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่จริงเด็กชายก็ชอบที่มีคนมาแสดงความรักความเอ็นดูให้เขาเหมือนกัน

จมูกโด่งและริมฝีปากเล็กแนบลงบนแก้มชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ลูคัสหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี มือเรียวยาวประคองใบหน้าเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสบ้าง เขาสูดหายใจหนักรับเอาความหอมไม่เหมือนใครเข้าเต็มปอด ในใจอยากกัดแก้มกลมๆนี่ด้วยซ้ำแต่เดี๋ยวเด็กจะหาว่าเขาโรคจิตเหมือนครั้งแรกได้

สมิธหลับตาปี๋ ยอมให้ลูคัสหอมจนพอใจ ครั้งแรกที่ถูกหอมเขาค่อนข้างตกใจ แต่การถูกสัมผัสครั้งนี้กลับต่างออกไป หัวใจของเด็กชายเต้นเร็วผิดจังหวะ ไม่เคยมีใครสัมผัสเขาแบบนี้และไม่เคยมีใครใจดีกับเขามากเท่าลูคัสอีกเช่นกัน

สมิธลืมความบาดหมางกับลูคัสในคราแรกไปหมดสิ้น ตอนนี้ในสายตาเด็กน้อย ลูคัสเปรียบเสมือนที่พึ่ง เป็นคนที่สมิธโหยหามานานและไม่เคยได้สัมผัส...พ่อ

เด็กชายโน้มตัวไปกอดคอลูคัสแน่นจนชายหนุ่มยังนึกแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองเขาเปลี่ยนไปของสมิธก็ทำให้เขาพอเข้าใจอะไรได้ลางๆ

เด็กนี่คิดว่าเขาอยากเป็นพ่อคนตอนอายุยี่สิบรึไงนะ

ลูคัสอุ้มสมิธน้อยขึ้นทั้งๆที่ร่างเล็กยังกอดคอเขาไว้อยู่ ชายหนุ่มพาเด็กน้อยเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็พาสมิธออกไปกินข้าวนอกบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกมิเชลไว้

สมิธทานอาหารค่ำได้มากกว่าปกติ เขาไม่เคยทานพาสต้าที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน หลังจากนั้นลูคัสยังพาเขาไปซื้อเครื่องเล่นเกมส์ที่เหมือนของเดวิดอีกด้วย

เด็กชายนั่งชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนในลอนดอนอย่างอารมณ์ดี สมิธหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆพบว่าลูคัสมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม”ลูคัสยื่นมือไปลูบเส้นผมนิ่มของสมิธไปมา สายตาเผลอจับจ้องที่ริมฝีปากเล็กนานกว่าปกติ ลำคอเขาแห้งผากไปหมด ความรู้สึกอยากประทับริมฝีปากและดูดปากเล็กๆนั่นมันคืออะไรกัน

หรือว่าเขาจะเริ่มโรคจิตจริงๆ แต่กลับเด็กคนอื่นลูคัสไม่เคยเป็น น่ารักกว่าสมิธเขาก็ไม่รู้สึกอะไรติดจะรำคาญซะด้วยซ้ำ ลูคัสหายใจเข้าออกแรงอย่างพยายามสงบอารมณ์

“ลุค เป็นอะไรไป?”เด็กชายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ยื่นใบหน้าเรียวเล็กเข้าไปดูชายหนุ่มใกล้ๆ ลูคัสหน้าเครียดยิ่งทำให้สมิธเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก

“มิทตี้ หลับตาซิ”

“ทำไม?พี่เป็นอะไร!?”เด็กชายเอ่ยถามอย่างตระหนก

“หลับตาสิ เดี๋ยวพี่ก็หาย”

“อื้อ”สมิธหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มจึงโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูสมิธ

“ถ้าพี่ทำอะไร ไม่ต้องตกใจหลับตาไว้เข้าใจไหม”เด็กชายพยักหน้า จากนั้นริมฝีปากเขาก็ถูกสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง มันนุ่มหยุ่นและอุ่นร้อน ริมฝีปากเล็กๆถูกอีกคนขบเม้มและดูดดึงอย่าเร่าร้อน ลูคัสบดเบียดริมฝีปากตนเองเข้ากับกลีบปากเล็กของเด็กน้อย มันหวานล้ำจนเขาไม่อาจหยุดยั้งจูบนี้ได้ง่ายๆ ลิ้นร้อนเริ่มเลาะเล็มไปตามแนวฟัน แยกริมฝีปากเล็กให้เปิดออกแล้วกวาดต้อนลิ้นไปทั่วโพลงปากเล็กอย่างสำรวจ เขาดูดลิ้นเล็กๆสมิธด้วยความหมั่นเขี้ยว ใจอยากจะทำให้มากกว่านี้แต่เด็กน้อยเริ่มหอบหายใจไม่ทันแล้ว เขาจึงได้ถอนริมฝีปากออกมา

สมิธหอบหายใจแรงทั้งๆที่หลับตาปี๋ มือกำขากางเกงแน่นอย่างนึกกลัวตอนที่หายใจไม่ออกแต่ก็ไม่กล้าลืมตา

“ลืมตาได้เด็กดี”เปลือกตาเล็กเปิดออก นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองลูคัสอย่างมึนงง

“ลุค พี่หายแล้วรึยัง?”เมื่อปรับลมหายใจได้แล้วเด็กชายก็ไม่ลืมที่จะถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”ลูคัสพูดยิ้มๆ เผลอเลียริมฝีปากตัวเองที่มีรสไอศกรีมติดอยู่จางๆ

“แล้วต่อไปพี่จะเป็นอีกรึเปล่า”

“ก็อาจจะ แต่ถ้ามิทตี้ช่วยก็หายดีเลยล่ะ”

“แบบเมื่อกี้น่ะหรอ”

“ใช่ มิทตี้จะช่วยพี่ไหม”ลูคัสมองเด็กตรงหน้าด้วยสายตาอ่านยาก มือเรียวยื่นไปเกลี่ยริมฝีปากเล็กเบาๆ

“ก็...ก็ได้ แต่ว่าเมื่อกี้ผมหายใจไม่ออก”เด็กชายมีความลังเลอยู่บ้างเพราะการรักษาลูคัสค่อนข้างจะลำบากมากสำหรับเขา

“ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินเอง แล้วเรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับที่รู้แค่เรา ตกลงไหม?”

“อื้อ...ผมจะไม่ตายใช่ไหม?”เด็กชายรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เพราะหลับตาเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

“ไม่ตายหรอก พี่อยู่ทั้งคนใครก็ทำอะไรมิทตี้ไม่ได้ทั้งนั้น”

“ผมจะอยู่กับลุค”เด็กชายตัวน้อยตอบรับด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ทำให้ลูคัสกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

คล้อยหลังจากไปส่งสมิธที่บ้าน ลูคัสก็เดินทางกลับเพนท์เฮาส์ทันทีโดยไม่อยู่รอมิเชลกลับจากที่ทำงาน ท่ามกลางความเงียบภายในรถ โยฮันเนสลูกน้องคนสนิทของลูคัสที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยขึ้นถึงเหตุการณ์ที่เขากับเพื่อนอีกคนร่วมกันเป็นพยานในการชำเราผู้เยาว์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“นายครับ...”

“ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่โย”

“ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นนำปัญหามาสู่นายทีหลัง”โยฮันเนสเอ่ยเตือนด้วยความเป็นกังวล กฎหมายที่นี่แรงมาก ถ้าเรื่องที่นายเขาทำอยู่แดงออกไป ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหนก็ใช่ว่าจะจบเรื่องได้ง่ายๆ

“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมอยากได้เขา” เพราะเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในจุดต่ำสุดมาก่อน กว่าเขาจะได้สิ่งที่อยากได้มาแต่ละอย่างก็ยากเย็นจนเลือดตาแทบกระเด็น มาในวันที่เขาอยู่ในจุดสูงสุด จุดที่เขามีทุกอย่างอยู่ในกำมือ

แค่เด็กผู้ชายคนเดียวทำไมเขาจะเอามาไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นนายก็รอก่อน วางแผนให้รอบคอบดีไหมครับ”

“อืม ผมคิดเอาไว้แล้ว” ลูคัสวางแผนอยู่ในใจตั้งแต่จูบเด็กน้อยไปแล้ว ยอมรับว่าติดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แต่เขาเป็นพวกเบื่อง่าย คิดว่าไม่นานก็คงเบื่อไปเอง

เขาไม่สนใจว่ากำลังจะทำให้เด็กคนหนึ่งเสียอนาคต หรือชีวิตพังอะไรก็แล้วแต่

ตอนนี้ลูคัสอยากได้ เขาก็ต้องได้

ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ต้องเอาสมิธมาเป็นคนของเขาให้ได้

++++++++++++++++++++
อิพี่ก็จะหลงๆเด็กหน่อย ตอนหน้าความชั่วที่เก็บไว้ก็จะโผล่แล้วเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด3 [04/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-03-2018 03:29:13
ไม่น่าจะเรียกว่า "หลงเด็ก" นะ น่าจะ "หื่น" มากกว่า  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด3 [04/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 06-03-2018 12:35:59
รอวันที่น้องโต  :pighaun:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด4++50%++ [08/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 08-03-2018 22:03:39
คนโปรด 4.1

ในทุกๆวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ของสัปดาห์จะเป็นวันที่ลูคัสแวะมาหาเด็กน้อยที่เขาหมายปองอยู่ลอนดอน เพราะวันอื่นๆเขาต้องเดินทางไปดูแลสาขาคาสิโนต่างๆในประเทศแถบโซนยุโรปจึงไม่มีเวลาว่างไปหาสมิธได้ทุกวัน

แต่ถ้าไม่แวะไปหาเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวเด็กดื้อจะลืมหน้าเขาได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูคัสชอบใจนัก

ลูคัสกระทำเช่นนี้อยู่นานนับเดือน จนเหมือนเด็กน้อยจะเริ่มติดชายหนุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะทุกครั้งที่เจอหน้ากันลูคัสก็มักจะมีของฝากจากประเทศที่เขาเดินทางมาให้สมิธเสมอและเด็กน้อยก็ดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เปิดถุงออกดู ส่วนมิเชลเขาก็ให้บ้างและความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเขากับเธอก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ

มิเชลดูไม่ชอบใจนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะลูคัสได้ให้เธอออกจากที่ทำงานและส่งเสียเลี้ยงดูมิเชลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ช่วงแรกๆเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามที่เคยวาดฝันไว้ ได้ช็อปปิ้งไปกับของแบรนด์เนม เที่ยวเล่นไปวันๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เงินก็มีคนโอนให้ใช้ เพียงแต่นานวันไปเธอก็เริ่มจะเบื่อเพราะไม่รู้จะเอาไปอวดใคร ตัวมิเชลเป็นคนสังคมแคบ จึงไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักและเธอไม่มีเพื่อนสนิทเลย ส่วนลูคัสก็ไม่มีเวลาให้กับเธอมีแค่ตามจ่ายสิ่งที่เธออยากได้ก็แค่นั้น นานๆครั้งถึงเรียกเธอไปนอนด้วยสักที

แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือเขามีเวลามาหาลูกชายเธอทุกสัปดาห์ต่างหาก มิเชลสงสัยและรู้สึกว่าการกระทำของลูคัสดูแปลกๆ แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นตราบใดที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับสมิธและยังให้เงินปรนเปอความสุขแก่เธออยู่

ลูคัสเห็นมิเชลดูว่างๆจึงชวนหญิงสาวไปเล่นสนุกที่คาสิโนของเขาที่อยู่ในแมนเชสเตอร์ เริ่มแรกหญิงสาวก็ลองเล่นบาคาร่า เธอแทงด้วยชิพหลักร้อย ปรากฏว่าหญิงสาวแทงถูกเกือบทุกรอบ ภายในวันนั้นเธอได้เงินมาหลายพันปอนด์

มิเชลเริ่มชอบและรู้สึกสนุกไปกับการพนันชนิดนี้วันต่อๆมาเธอก็ขอลูคัสมาเล่นอีก และแทงหนักขึ้นเรื่อยๆ มิเชลยังคงดวงดีเธอได้มากกว่าเสีย แต่เมื่อนานวันไปเธอก็เริ่มเสียมากกว่าได้ มิเชลพยายามจะถอนทุนคืนทำให้ลงหนักมือขึ้นเรื่อยๆ และก็เสียเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

จนหญิงสาวไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่ปอนด์เดียว ก็เป็นลูคัสอีกที่หยิบยื่นเงินให้หญิงสาวเรื่อยๆ

“เดือนนี้ผมให้คุณไปแสนกว่าแล้วนะมิเชล”

“ลูคัสคะ ฉันขอโอกาสหน่อยให้ฉันแก้มือเถอะนะคะ”หญิงสาวเข้าไปออดอ้อนคลอเคลียเจ้าของคาสิโนชื่อดัง

“ก็ได้ แต่ครั้งนี้ผมให้คุณ ‘ยืม’นะ” ลูคัสเป็นนักธุรกิจ อะไรที่ขาดทุนเขาไม่มีทางยอมอยู่แล้ว

“ขอบคุณนะคะ”มิเชลดีใจจนเนื้อเต้น หญิงสาวหอมแก้มชายหนุ่มอย่างเอาใจ

“จะเอาเท่าไหร่”

“หนึ่งแสนค่ะ ฉันจะถอนทุนคืนให้ได้”

“อืม” ลูคัสลอบยิ้ม อีกไม่นานเขาก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ

++++++++++++++++++

“วันนี้ผมมีงานที่ไหนอีกรึเปล่า” ลูคัสเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทขณะนั่งอยู่บนรถ วันนี้เขามาตรวจคาสิโนที่เบอร์ลิน

“ไม่มีแล้วครับ”

“อืม...ตอนนี้มิเชลอยู่ไหน”ลูคัสนั่งเคาะนิ้วเรียวกับเข่าตัวเองอย่างใช้ความคิด

“ในบ่อนเราที่แมนเชสเตอร์ครับ”

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”

“สัปดาห์นี้เธอเสียไปเกือบห้าหมื่นปอนด์แล้วครับ”

“ดี ถ้าเธอขออีกก็ให้ไปอีกสักสองแสน...แล้วอย่าลืมให้เธอเซ็นชื่อไว้ด้วยล่ะ”

“ครับนาย แล้วนาย...”

“ไปส่งผมที่บล็อกD”

“นายจะไปหาคุณสมิธหรอครับ”โยฮันเนสเอ่ยถามทั้งๆที่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“อืม”แม้จะตอบเรียบๆแต่มุมปากของชายหนุ่มกลับฉีกยิ้มนิดๆอย่างอารมณ์ดีโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย

+++++++++++++++++

ลูคัสก้าวลงจากรถเมื่อถึงที่หมาย เขาเดินเนิบนาบไปไขประตูบ้านเลขที่72/3อย่างคุ้นเคย เสียงเด็กหัวเราะจากภายในบ้านแว่วเข้ามาในหู คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าเล็กน้อย

ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปข้างในตามด้วยเกเบียลลูกน้องอีกคนที่ถือถุงของฝากของเด็กน้อย ลูคัสย่างเท้าไปตามต้นเสียซึ่งก็คือห้องนั่งเล่น ภาพเด็กผู้ชายวัยกำลังโตสองคนนั่งเล่นเกมส์เพลย์แข่งกันอย่างสนุกสนานอยู่หน้าทีวี ส่วนอีกสองคนนั่งกอดคอเชียร์เพื่อนอยู่บนโซฟา

และตนที่ถูกกอดคออย่างแนบชิดดันเป็นเด็กของเขา...

“มิทตี้”คัสไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอใช้น้ำเสียงแบบใด แต่เกเบียลที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้านายถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว

เด็กชายนัยน์ตาสีมหาสมุทรเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก็รีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที ริมฝีปากเล็กสีชมพูฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าอีกคนชัดๆ สมิธผละออกจากเพื่อนที่กอดคอเขาอยู่วิ่งเข้าหาลูคัสทันที

หมับ!เด็กชายตัวเล็กวาดแขนกอดเอวสอบของชายหนุ่มแน่น ใบหน้าเล็กๆซุกเข้ากับหน้าท้องแกร่ง

“อ้อนอยากได้อะไรหืม?”มือเรียวยาวของลูคัสลูบหัวทุยเด็กชายเบามือ น้ำเสียงอ่อนลงจนเกเบียลเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ไม่ได้อยากได้อะไร แค่คิดถึง”สมิธนึกว่าสัปดาห์นี้ลูคัสจะไม่มาเล่นกับเขาแล้วซะอีก เพราะว่าวันนี้คือวันอาทิตย์ วันพฤหัสบดีกับศุกร์ลูคัสก็ไม่ได้แวะมา มิเชลก็ไม่อยู่บ้านเลยสักวัน สมิธเหงาจะแย่

“หึๆเด็กดี”ชายหนุ่มก้มลงไปหอมหัวเล็กเบาๆอย่างพอใจ

“ใครน่ะ สมิธ”เสียงแหบที่เริ่มแตกหนุ่มดังขึ้นจากอีกฟาก สมิธจึงคลายกอดออกจากลูคัส ทำให้ชายหนุ่มตวัดสายตาดุไปมองทางคนพูด เด็กชายที่นั่งอยู่บนโซฟานามว่าเดวิดรีบก้มหน้าหลบสายตาน่ากลัวจากลูคัสทันที

“อ้อ พวกนายมานี่กันหน่อย ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก” สมิธเอ่ยเรียกเพื่อนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าทีวีลุกมาตามที่สมิธบอก ตบท้ายด้วยเดวิดที่เดินตามมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

“นี่พี่ชายฉัน ชื่อลูคัส...ลุค นี่จอนห์นี่ ไรอัน และเดวิด เพื่อนผมเอง”สมิธแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

ไรอันและจอนห์นี่ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับลูคัสตามมารยาท พอถึงคราวเดวิด ชายหนุ่มก็เผลอออกแรงบีบมากกว่าปกติเล็กน้อยแต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เดวิดสะดุ้งแล้วชักมืออกด้วยความเจ็บทันที

“เอ่อ ฉันกลับก่อนนะสมิธ”เดวิดหันไปบอกเพื่อนตัวเล็กเลิ่กลั่ก

“พึ่งมาเอง ทำไมกลับเร็วนักล่ะ”

“ฉันยังไม่ทำการบ้านเลย ไปก่อนนะ”เดวิดไม่ได้อะไรอธิบายเพื่อนเพิ่มเติมอีก เขาเดินไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกจากบ้านไปเลย

“เป็นอะไรของเขา”สมิธเกาศีรษะงงๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับด้วยดีกว่า พี่ชายนายมาพวกฉันไม่อยากอยู่รบกวนเท่าไหร่” ไรอันบอกกับสมิธบ้าง เพราะเดวิดไม่อยู่แล้วดูท่าว่าอยู่ต่อคงจะไม่สนุกเท่าไหร่

“ไม่หรอก”สมิธพยายามรั้งเพื่อนให้อยู่กลับตน

“ให้เพื่อนกลับไปเถอะ พี่อยากอยู่กับมิทตี้แค่สองคน”เป็นลูคัสเองที่พูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไม่วายหันไปยิ้มไล่เด็กอีกสองคนที่เหลืออีก

“เอ่อ เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ”

“อืม บายๆ”

หลังจากส่งเด็กทั้งสองคนออกจากบ้านไป ลูคัสก็รับถุงจากลูกน้องแล้วพาเด็กชายตัวน้อยที่ทำหน้าหงอยๆไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“นี่ พี่ซื้อมาฝากจากเยอรมัน...เปิดดูสิ”ลูคัสยื่นถุงขนาดใหญ่ให้กับสมิธ เด็กชายรับมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหยิบกล่องขนาดใหญ่ออกจากถุง เด็กชายค่อยๆแกะกล่องอย่างตั้งใจ ก่อนจะตาลุกวาวแล้วโถมไปกอดคอคนตัวโตแน่น

“ลุคคคคคคค”

“ชอบไหม?”ลูคัสเอ่ยถามเด็กน้อยหอมหอมขมับเล็กไปด้วยอย่างเนียนๆ

“ชอบมากๆขอบคุณครับ”สมิธแทบจะหายนอยด์เรื่องเพื่อนเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นหุ่นยนต์บังคับรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ในมือ

“ดีแล้วเด็กดี...ไหนขอรางวัลพี่บ้าง” ลูคัสเริ่มทวงสิ่งที่ควรจะได้จากร่างเล็ก

เด็กน้อยก็ว่าง่าย กดริมฝีปากเล็กๆลงกับแก้มเนียนไร้หนวดของชายหนุ่มทั้งสองข้าง เด็กน้อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อลุคหอมเขาคืน จมูกโด่งเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอจนสมิธจักจี้ไปหมด

“มิทตี้...พี่จูบได้รึเปล่า”ชายหนุ่มถามเสียงแหบพร่า เมื่อความปรารถนาเริ่มเข้าครอบงำ มือเรียวไล้ไปตามสะโพกเล็กที่นั่งอยู่บนตักเขา

“แบบนี้หรอ”ถามเสร็จเด็กหนุ่มก็จุ๊บเบาๆลงบนปากบางของชายหนุ่มก่อนจะผละออก สมิธขมวดคิ้วนิดๆเมื่อสัมผัสเมื่อกี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

“ไม่ใช่ แบบนี้ต่างหาก”

“อื้อ!”ลูคัสประกบจูบใส่ริมฝีปากเล็กทันทีที่พูดจบ สมิธครางอู้อี้ในลำคอเพราะความตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เขาปล่อยให้คนตัวโตกว่าขบเม้มริมฝีปากของตนอย่างหิวกระหาย ริมฝีปากเล็กถูกขบแล้วดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนชาหนึบไปหมด สมิธไม่ค่อยเข้าใจ ตามทฤษฎีคนจูบกันต้องรักกันและเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ แต่ว่าเขากับลูคัสไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย

ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ไม่กล้าขัดขืนลูคัส แต่สมิธเริ่มหายใจไม่ทันจึงทำให้จังหวะหายใจสะดุดและขาดเป็นห้วงๆ มันทรมานแต่ก็วาบหวามอย่างน่าประหลาด

ลูคัสยอมถอนจูบออกมา เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มจะไม่ไหว

“ทำไม แฮ่กๆ”สมิธเอ่ยถามทั้งๆที่ยังหอบหายใจ

“อะไร?”

“จูบทำไม แฮ่ก พี่รักผมหรอ” สมิธไม่เข้าใจเรื่องความรู้สึกมากนัก เขาจึงถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้ออกไป ลูคัสชะงักไป ก่อนจะระบายยิ้มบางๆให้เด็กน้อย

“ใช่!พี่รักนาย”ลูคัสตอบอีกคนด้วยรอยยิ้ม...ก็แค่คำๆเดียว ไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิตเขาเลยสักนิด

“จริงหรอ?”

“อือ งั้นขอจูบอีกทีนะ”

“อ๊ะอื้อ”แล้วเด็กน้อยก็โดนคนตัวโตปล้นจูบไปอีกหลายที จนปากเล็กบวมช้ำดูน่าดูดยิ่งกว่าเดิมในความรู้สึกของลูคัส

ก็อย่างที่บอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจ อย่างไรก็ไม่มีทางยอมขาดทุน...ไม่สนวิธีการที่จะได้มาใดๆทั้งสิ้น

++++++50%++++++++

ระวังเฮียจะเสียใจที่พูดคำนี้ออกมาง่ายๆนะจ๊ะ //ขอลงก่อนครึ่งหนึ่ง พรุ่งนี้สอบไม่ไหวล้าววววว :z3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด4++50%++ [08/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-03-2018 03:32:28
อีลู คนกินเด็ก  :hao6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด4++50%++ [08/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2018 05:22:21
ลุค ก็แค่อยากครอบครองเท่าน้านนนนนน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด4.2++100%++ [12/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-03-2018 00:47:50
คนโปรด 4.2

“มิทตี้ มื้อเย็นอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”ลูคัสเอ่ยถามพลางลูบหัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆเขาหลังจากจบศึกการช่วงชิงลมหายใจเด็ก แม้แก้มเล็กๆจะยังซับสีเลือดอยู่จนน่าขย้ำอีกสักรอบก็ตาม

“พิซซ่า!”สมิธยิ้มตาหยี แต่ลูคัสกลับนิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่คอยชอบทานอาหารประเภทนี้สักเท่าไหร่ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพและเป็นอาหารที่เขานึกรังเกียจทุกครั้งที่พูดถึง

“สเต็กดีไหม พี่มีร้านเจ้าประจำอร่อยมาก” รอยยิ้มเด็กชายเจื่อนลงนิดหน่อยแต่ก็ยังคงยิ้มบางๆให้กับชายหนุ่มเหมือนเดิม

“อื้อ ตามใจลุค”

“เด็กดี”ชายหนุ่มกดจมูกหอมกระหม่อมเล็กอย่างปลอบใจ

ลูคัสนั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนเด็กชายจนกระทั่งเย็น จึงให้สมิธไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปทานอาหารค่ำร้านที่เขาบอกไว้ เด็กชายจิ้มเนื้อสันในเข้าปากคำแล้วคำเล่า เขารู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่แต่ก็ไม่กล้าบอกลูคัสเพราะนานๆได้เจอกันทีเขาจึงไม่อยากขัดใจ

สมิธหั่นเนื้ออย่างเก้ๆกังๆตามที่ชายหนุ่มสอน เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารมิเชลไม่เคยสอนเลย สมิธทำได้แค่เรียนรู้เอาจากผู้อื่นเท่านั้น ลูคัสก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับเด็กชาย เขาอยากให้สมิธทำอะไรได้ด้วยตัวเอง

“มิเชลไม่กลับบ้านมากี่วันแล้วมิทตี้?”ชายหนุ่มเอ่ยปากหลังทานอาหารเสร็จและกำลังรอของหวานของเด็กน้อย สมิธเอียงคอทำท่านึกก่อนจะยกนิ้วขึ้นมานับ

“สี่วันครับ”

“อยู่คนเดียวสี่วันเลยงั้นหรอ? แล้วทานอาหารยังไง”

“ตอนเช้ากินซีเรียล ตอนกลางกินอาหารของโรงเรียน ส่วนตอนเย็นก็ซื้ออาหารแช่แข็งมาเวฟกิน” สมิธทำอาหารไม่เป็นเพราะแต่ก่อนมิเชลก็เป็นคนทำให้เขากิน แต่เด็กชายก็พอเวฟอาหารง่ายๆกินเองได้ จึงไม่ลำบากมากนักเวลามิเชลไม่อยู่

“มิเชลได้บอกไหมว่าไปไหน”ชายหนุ่มถามคำตอบที่รู้ดีอยู่แล้วกับอีกคน

“มิเชลบอกจะไปหาเพื่อน สองสามวันก็กลับ” สมิธเล่าให้ลูคัสฟังอย่างไม่ปิดบัง ความจริงมิเชลต้องกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่ได้เห็นหน้ามิเชลเลย ชักจะเป็นห่วงแล้วสิ

“งั้นหรอ...ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งมิเชลไม่ได้อยู่ด้วยแล้วมิทตี้จะว่าไง?”

“เอ๋?มิเชลจะไปไหนอ่ะ”

“ที่ไกลๆ”

“ผมก็จะไปด้วย”

“ไม่ได้!”สมิธสะดุ้งกับเสียงแข็งๆที่ถูกเปล่งออกมาจากร่างสูง

“พี่หมายความว่าบางครั้งถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วมันจำเป็นจริงๆล่ะ”สมิธก็ยังมองลูคัสอย่างไม่เข้าใจ

“ทั้งชีวิตผมมีแค่มิเชลคนเดียว ถ้าไม่ได้อยู่กับมิเชลผมจะไปอยู่กับใคร?”ดวงตากลมโตสีฟ้าอมน้ำเงินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวั่นไหว เด็กน้อยไม่เคยนึกถึงวันที่จะไม่มีแม่ แม้จะเคยถูกทิ้งไว้ในห้องแคบๆคนเดียว แต่ไม่นานมิเชลก็จะกลับมาเสมอ

เด็กชายมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดกลัว...หรือว่าลูคัสจะพามิเชลไปจากเขา เด็กชายลุกชึ้นจากเก้าอี้ราวกลับอยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่ขาเล็กเล็กๆกลับก้าวไม่ออกเพราะสายตากดดันจากอีกคน

“นั่งลงมิทตี้ ของหวานมาแล้ว”แม้น้ำเสียงลูคัสจะเรียบเรื่อยแต่ก็สามารถสร้างความกดดันให้ทุกคนที่ได้ยิน เด็กชายตัวสั่นแต่ก็ยังไม่นั่งตามที่ลูคัสบอก

“ตอนนี้มิเชลอยู่ที่บ้าน รีบกินสิจะได้รีบกลับไปหาแม่ไง”เพราะน้ำเสียงที่อ่อนลงและคำบอกเล่าของลูคัส ทำให้เด็กชายยอมนั่งลงที่เดิม หยิบช้อนแล้วตักของหวานรสนุ่มเข้าปากในที่สุด

โดยที่เด็กน้อยไม่ทันฉุกคิดเลยว่าลูคัสบอกว่ามิเชลเป็นแม่เขา...

+++++++++++++++++++

“เป็นอะไรนั่งเงียบเชียว”ลูคัสเอ่ยปากถามเด็กน้อยที่นั่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถจวบจนตอนนี้ที่รถแล่นมาได้ครึ่งทางก็ยังไม่มีเสียงใสๆหลุดออกจากปากสมิธ เด็กชายนั่งก้มหน้าบีบมือไปมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปากพูดกับอีกคน

“ผมกลัว...อย่าพามิเชลไปจากผมเลยนะ”ไม่รู้ว่าดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หรือน้ำเสียงออดอ้อนแกมน่าสงสารที่ทำให้ลูคัสเลือกที่จะก้มหน้ากดริมฝีปากตนเองเข้ากับปากอิ่มเล็กของอีกคนแทนคำพูด ลูคัสจูบสมิธเคล้ากับน้ำตาเด็กน้อยที่ไหลอาบแก้ม มันทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจจนสุดท้ายก็ถอนจูบออกมาด้วยความหงุดหงุด ชายหนุ่มเสยผมสีทองที่ยาวประบ่าของตนอย่างพยายามระงับอารมณ์บางอย่าง

“ไม่มีมิเชลก็อยู่กับพี่ไง พี่ให้ทุกอย่างมิทตี้ได้มากกว่ามิเชลหลายเท่า”

“ผมไม่อยากได้อะไร...ฮึก! แค่อยากอยู่กับมิเชล แล้วก็ลุค”เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาอย่างน่าสงสาร สมิธไม่อยากเลือกคนใดคนหนึ่ง ชีวิตเขาที่มีทั้งลุคและมิเชลตอนนี้ก็มีความสุขแล้ว

“โอเค เลิกร้องได้แล้วเด็กดี...พี่ไม่ได้บอกว่าจะพามิเชลไปจากนายสักหน่อย...ก็แค่สมมติ”ร่างสูงใช้ทิชชู่เช็ดน้ำตาออกใจใบหน้าเรียวสวยแล้วรั้งร่างเล็กเข้าสู่อกตัวเอง มือเรียวตบหลังเล็กเบาๆปลอบใจ

สมิธกอดเอวลูคัสแน่น ใบหน้าเล็กซุกเข้ากับอกแกร่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องร้องไห้ แต่ในใจลึกๆสมิธก็รู้ดีว่านั่นคือสิ่งที่เขากลัวที่สุด...กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในเร็วๆนี้

ลูคัสใช้คูลเจลประคบดวงตากลมโตที่บวมแดงจากการร้องไห้จนดีขึ้นแล้ว ถึงได้จูงมือเด็กน้อยพาเข้าไปในบ้านที่เขาซื้อทิ้งไว้ให้สองแม่ลูกอยู่

“ไปไหนกันมาหรอคะ”มิเชลลุกขึ้นถามทันทีที่เห็นหนึ่งหนุ่มหนึ่งเด็กเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น แต่เพราะน้ำเสียงที่เหมือนไม่พอใจมากของเธอทำให้สมิธสะดุ้ง ลูคัสที่เจ็บมือเด็กน้อยอยู่จึงตวัดสายตามองมิเชลด้วยสายตาดุๆจนหญิงสาวนึกกลัวขึ้นมาจับใจ

“ผมพาสมิธไปทานอาหารเย็นมาเพราะมีแม่บางคนทิ้งลูกให้อยู่คนเดียวเกือบสัปดาห์” มิเชลตาเบิกกว้างอย่างหมดสวย เพราะคำพูดของลูคัสที่พูดเหมือนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสมิธ เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูคัสอย่างไม่ตั้งใจโดยไม่ทันได้สังเกตว่าดวงตาของมิเชลถลึงมองเขาอย่างน่ากลัว

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”หญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านพยายามจะหาข้อแก้ตัว แต่ลูคัสเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“โอเค เราค่อยคุยกันทีหลัง...มิทตี้ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรอ” ลูคัสปล่อยมือจากแขนเล็กแล้วดุนหลังเด็กหนุ่มตัวเล็กให้เข้าห้องตัวเอง เด็กชายมองหน้าแม่ตนเองสลับกับลูคัสนิดๆก่อนจะยอมตัดใจเดินเข้าห้องตามที่ลูคัสบอกในที่สุด...มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก สายตาของทุกคนบอกกับเขาแบบนี้

ลูคัสเดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ มิเชลจึงตามชายหนุ่มไปหวังจะทิ้งสะโพกลงพนังแขนหวังออดอ้อนเอาใจชายหนุ่ม แต่เสียงเย็นๆของลูคัสที่เบรกไว้ก็ทำให้เธอหน้าชาไปหลายวินาที

“ไม่ต้อง...ไปนั่งตรงนู้น”

มิเชลจึงขยับตัวไปนั่งโซฟาอีกตัวตามที่ชายหนุ่มบอก เธอคิดหาข้อแก้ตัวเป็นร้อยพันอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะโยนความผิดให้อีกคน

“เด็กนั่นบอกอะไรคุณคะ...เขาหวงฉัน เขาไม่อยากให้ฉันกับคุณใกล้ชิดกัน”

“หรอ”

“สมิธเป็นเด็กก้าวร้าวและโกหกเก่งมาแต่ไหนแต่ไร แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น...คุณต้องเชื่อฉันนะคะ”

“พูดพอรึยัง” อยู่ๆลูคัสก็นึกรังเกียจผู้หญิงอย่างมิเชลขึ้นมา...นี่คือคนที่เป็นแม่เด็กชายคนนั้นจริงๆหรอ

“...ลูคัส”

“คุณคิดว่าผมโง่นักหรอ แค่ประวัติผู้หญิงที่ผมพัวพันด้วยแค่นี้ยังไม่รู้ ผมจะไปทำอะไรกินได้”ลูคัสยิ้มเย็น รู้สึกสมเพชผู้หญิงหน้าโง่คนนี้เหลือเกิน “ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเคยมีลูกหรือผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน...แต่ผมไม่ชอบให้คนของผมปิดบังเหมือนผมเป็นคนโง่!”

“ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ”มิเชลหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด

“คุณหมดคุณสมบัติที่ทำให้ผมต้องการแล้วมิเชล”ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบไร้เยื่อใย หญิงสาวนึกฉุนขึ้นมาทันทีที่เขาตัดเธอทิ้งได้ง่ายๆ

“เหอะ!ไม่ต้องการฉันแต่ต้องการลูกชายฉันแทนสินะ!!!”มิเชลลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มด้วยความกราดเกรี้ยว ทำให้เกเบียลแทบจะถลาเข้าไปหักแขนหญิงสาวแต่ลูคัสกลับยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน

“ขึ้นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน...นั่งลงก่อนสิ” มิเชลยังคงดื้อดึงมองชายหนุ่มอย่างกับจะเข้าไปถลกหน้าหล่อๆนั่นให้ได้

“ผมบอกว่าให้นั่งลง!”มิเชลแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นเพราะเสียงตวาดต่ำของชายหนุ่ม เมื่อลูคัสเห็นหญิงสาวยอมนั่งตามที่บอกแล้ว เขาจึงเริ่มขยับปากบางเอ่ยสิ่งที่ต้องการจะพูดจริงๆนับจากนี้

“ยกสมิธให้ผมได้ไหมมิเชล”

+++++++++++++++++++

จบตอนแบบค้างๆ ตอนหน้าเตรียมทิชชู่และเลือดไว้ด้วยจ้า :bye2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด4.2++100%++ [12/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-03-2018 01:37:29
ตอนหน้า อีลูจะแปลงร่างเป็นซาตานหื่นแม่นก่อ  :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.1 [15/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-03-2018 23:30:36
คนโปรด 5.1

“ไม่มีทาง!”มิเชลเอ่ยปฏิเสธทันทีแบบไม่คิดอะไร แต่ลูคัสกลับระบายยิ้มออกมาราวกับว่าเธอตอบตกลงเขา

“ฟังข้อเสนอผมก่อนสิ...แล้วค่อยตัดสินใจ”

“ข้อเสนออะไร!”มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง

“ผมจะเซ็นเช็คให้คุณตอนนี้ 5 ล้านปอนด์...แลกกับเด็กชายที่อยู่บนห้องนั่น” ลูคัสปรายหางตาไปทางบันไดเล็กน้อย เขาไม่ได้กลัวว่าเด็กน้อยจะได้ยินเขาคุยกับมิเชล เพราะห้องในบ้านนี้เก็บเสียงและกันเสียงจากภายนอก อีกทั้งเขาก็ให้เกเบียลคอยดูเด็กชายเอาไว้อีกทาง

คนอย่างลูคัสทำอะไรรอบคอบเสมอ! ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเธอพึ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ

“หะ ห้าล้านปอนด์งั้นหรอ”มิเชลพึมพำราวกับละเมอ คนอย่างเธอที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้จับเงินล้าน แต่กลับมีคนเสนอให้เธอถึงห้าล้านเชียวนะ! พระเจ้า!ลูคัสต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

“แล้วถ้าฉันไม่ตกลง”มิเชลถามหยั่งเชิงชายหนุ่มกลับไป

“คุณก็เตรียมตัวติดคุกได้เลย”

“หมายความว่ายังไง!?”

“มิเชล...ตลอดระยะเวลาที่สมิธเติบโตขึ้นมาคุณเลี้ยงดูเขาแบบไหน?...คุณปล่อยให้สมิธอยู่บ้านตามลำพังตั้งแต่ยังเล็ก ปล่อยให้อดมื้อกินมื้อ เงินส่วนที่รัฐบาลจ่ายให้ก็เก็บเอาไว้ปล่อยให้ลูกลำบากอยู่เหมือนเดิม ทำร้ายร่างการด้วยการตบตีบ้าง แต่หยิกตามเนื้อตัวคงมีประจำเพราะมีรอยใหม่ตลอด...ทั้งหมดที่ผมว่ามานี้ผมมีหลักฐานและพยานทั้งหมด”ลูคัสกล่าวเนิบนาบอย่างใจเย็นพร้อมๆกับมองปฏิกิริยาจากหญิงสาวตรงหน้านี้ด้วย มิเชลดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ลูคัสพูด...

“คุณรู้ได้ยังไง...อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ!”มิเชลตวาดกลับอย่างไม่ยอมรับ ถึงแม้เรื่องที่ลูคัสพูดมาทั้งหมดจะจริงก็ตาม

“ไม่เชื่อก็ตามใจ...แต่ไม่เกินสัปดาห์หน้าคุณก็เตรียมตัวขึ้นศาลได้เลย ผมจะส่งหลักฐานให้องค์การคุ้มครองเด็กของอังกฤษ เมื่อคุณถูกตัดสินว่าผิดตัวคุณก็จะหมดสิทธิ์ในการเลี้ยงดูสมิธต่อ พอสมิธถูกส่งไปสถานสงเคราะห์ผมค่อยไปรับตัวเขามาเลี้ยงไว้ก็ยังไม่สาย...โดยที่ผมก็ไม่ต้องเสียเงินสักปอนด์เดียว!”

“อ้อ ที่สำคัญคุณยังติดหนี้ผมอีกราวๆสามแสน สัญญาก็มีนะจะดูไหมล่ะ?”

“คุณให้หลอกให้ฉันเล่นพนัน และให้เงินนั่นกับฉันเอง!”

“ผมก็ให้คุณจริงๆ...แต่สามแสนที่พึ่งให้ไปผมไม่เคยบอกว่าให้ ผมให้คุณยืม ‘ยืมก็คือต้องคืน’”

“แกมันชั่ว!”หญิงสาวลุกขึ้นถลาจะไปตบหน้าลูคัสอย่างเจ็บแค้น แต่ก่อนที่มือบางจะกระทบใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม มือแกร่งก็คว้าข้อมือของหญิงสาวไว้แล้วบิดอย่างแรงจนกระดูกเล็กแทบหัก

“โอ๊ย!!!...ปล่อยนะ!”

“อย่ามาใช้อารมณ์กับผม เลือกมาจะยอมเสี่ยงติดคุก หรือจะรับเงินห้าล้านไปดีๆ”ชายหนุ่มสะบัดข้อมือหญิงสาวออกอย่างแรงราวกับรังเกียจ ร่างบางของมิเชลจึงทรุดกระแทกลงกับพื้น

“เฮอะ!การกระทำของคุณมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก!สิ่งที่คุณจะทำมันเลวร้ายกว่าที่ฉันทำตั้งไม่รู้กี่เท่า!”ทำไมมิเชลจะดูไม่ออกว่าลูคัสจะเอาตัวสมิธไปทำไม เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องรสนิยมแปลกๆของพวกเศรษฐีเท่าไหร่ จนมาได้เห็นกับตาก็วันนี้

“แล้วยังไง?คุณคิดจะงัดข้อกับผมงั้นเหรอ น้ำหน้าอย่างคุณจะทำอะไรผมได้”ลูคัสใช้สายตามองมิเชลอย่างดูถูก หญิงสาวเลือดขึ้นหน้า ก่นด่าชายหนุ่มอย่างเหลืออด

“ไอ้ชาติชั่ว!เลวระยำแล้วยังวิปริต!!!”

เพี๊ยะ! ใบหน้างามสะบัดหันไปตามแรงตบอย่างแรง ใบหน้าซีกซ้ายมิเชลแดงเถือกและเจ็บชาจนไร้ความรู้สึก ฌพรงปากเค็มปร่าและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด หญิงสาวตัวสั่นไปด้วยความเจ็บและหวาดกลัวคนๆนี้ขึ้นมา

“ลากตัวมันออกไป”สิ้นเสียงเข้มของลูคัส เกเบียลก็รีบเดินมาปิดปากมิเชลก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ จากนั้นก็ลากตัวหญิงสาวออกไปขึ้นรถที่เตียมรอท่าไว้ด้านนอกอยู่แล้ว

รถหรูขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น...

+++++++++++++++

มิเชลถูกพามาไว้ในห้องโล่งทึบแห่งหนึ่ง มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆไม่มีแม้แต่หน้าต่าง อากาศที่ใช้หายใจมีน้อยจนอึดอัด ทางเข้า-ออกมีเพียงประตูบานเดียว ร่างกายบอบบางตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เธอถูกปิดปากและมัดมือทั้งสองข้างไขว้หลังไว้

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึกของมิเชล ในที่สุดปีศาจในคราบมนุษย์ก็ก้าวเข้ามาในห้อง...

“ไง”

“อื้อออ อ่อยอั่น!” หญิงสาวร้องประท้วงในลำคอให้ปล่อยเธอ แต่ลูคัสเพียงแสยะยิ้มแล้วย่างเท้าเข้าหาเธอช้าๆ

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง...แก้ผ้าปิดปากออก”หนึ่งในลูกน้องของลูคัสเดินมาแก้ผ้าปิดปากให้มิเชลตามคำสั่งของเจ้านาย

“แฮ่ก...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แกจะทำอะไรฉัน!”

“ทำอะไรงั้นหรอ? อืม...ตัดลิ้นเธอทิ้งล่ะมั้ง”แม้ใบหน้าของชายหนุ่มจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับเหี้ยมเกรียมจนคนที่ได้ยินตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอีกรอบ ร่างกายมิเชลเย็นเฉียบไร้สีเลือด เธอกลัวอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน

“แกไม่กล้าหรอก...ถ้าแกทำฉันจะแจ้งความ”มิเชลยังทำใจดีสู้เสือ คิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอถึงขั้นนั้น

“ฮ่าๆๆๆ”อยู่ๆลูคัสก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นห้อง มิเชลมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาขำอะไร

“แค่สาวบาร์ไร้ญาติ กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง คิดว่าผมกำจัดออกจากแผนที่อังกฤษไม่ได้หรอ?...ผมพยายามเสนอทางเลือกที่มันง่ายกับทุกฝ่ายแล้วนะมิเชล แต่คุณกำลังทำให้ผมไม่มีทางเลือก”

ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้สนหลังลูคัส หยิบปืนออกมาถือไว้ราวกับเตรียมพร้อมจะทำอะไรสักอย่าง มิเชลตัวสั่น น้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว ยิ่งลูคัสก้าวเข้ามาใกล้เธอเท่าไหร่ หญิงสาวยิ่งปล่อยโฮหนักกว่าเดิมราวกับว่าเขาคือยมทูตที่กำลังจพคร่าจิตวิญญาณไปจากเธอ

“ว่ายังไง...จะรับเงินห้าล้านไปฟรีๆโดยไม่หักหนี้...หรือจะหายไปจากโลกนี้”สิ้นคำขู่ของลูคัส มิเชลก็ฉี่แตกราดกางเกงตัวเองทันที ชายหนุ่มมองด้วยตารังเกียจและขยับตัวออกห่างเธอเล็กน้อย

“ฉันยอมรับแล้ว อย่าฆ่าฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลย!”มิเชลคลานเข่าฟุบหน้าลงกับปลายรองเท้าชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน ถ้าไม่ติดว่าเขามัดแขนเธอไว้ เธอก็คงกอดเข่าขอร้องเขาไปแล้ว

ลูคัสชักปลายเท้าขยับออกห่างจากมิเชล ส่งสัญญาณให้ลูกน้องแกะเชือกที่มัดเธออยู่ออก โยฮันเนสจับหญิงสาวลุกขึ้นแล้วผลักไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

“เซ็นซะ แล้วชีวิตคุณจะปลอดภัยขึ้น”โยฮันเนสยื่นเอกสารมาตรงหน้าหญิงสาวหลังเธอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ในสัญญาเป็นการโอนสิทธิการเลี้ยงดูเด็กชายสมิธ เกรย์เยอร์ ให้ ลูคัส ฮาล์น ด้วยเหตุผลที่เธอไม่สามารถฟ้องหรือเล่นงานเขาคืนทีหลังได้ สัญญานี้ครอบคลุมและป้องกันทุกทาง

ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจมากจริงๆ

มิเชลกัดริมฝีปากแน่นแต่ในที่สุดก็ยอมจับปากกาเซ็นลงไป...เธอรักชีวิตของเธอมากกว่าเด็กคนนั้น

“ทีนี้ก็ปล่อยฉันไปได้แล้วใช่ไหม”

“ยัง นั่นแค่สัญญาที่ป้องกันกฎหมายเล่นงานผม...สิ่งที่ผมต้องการจากคุณจริงๆมีอยู่4ข้อ”

“อะไร”

“ข้อแรก ห้ามมาเจอสมิธโดยที่ผมไม่อนุญาต”

“หึ!อย่างกับฉันจะทำได้ง่ายๆ”ลูคัสเพียงยิ้มให้กับหญิงสาว

“ข้อสอง ทุกครั้งที่ผมเรียกคุณมาเจอสมิธ คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่าคุณรักเขา ทำดีกับกับเขาอะไรทำนองนั้น แต่ก็อย่าเสแสร้งมากเกินไปล่ะ”

“ทำไม?”มิเชลเอ่ยถามเหตุผลข้อนี้อย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาจงใจกันเธอออกจากสมิธ

“ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ...ข้อสามห้ามให้สมิธรู้ว่าคุณ...เด็ดขาด” มิเชลเบิกตากว้างกับคำนั้นที่ลูคัสเอ่ยออกมา คนที่รู้เรื่องนี้ตายจากโลกนี้ไปหมดแล้ว มีเพียงเธอเท่านั้นที่กุมความลับนี้ไว้อยู่

“คุณรู้ได้ยังไง?”

“เงินและอำนาจเสกได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ”

“และข้อสุดท้าย อย่าให้สมิธรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างผมกับคุณในวันนี้ ถ้าเขารู้ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆก็แล้วแต่...คุณตาย!”

“จะบ้าหรอ ถ้าคุณหรือลูกน้องคุณพูดขึ้นมาล่ะ มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลยสักนิด”หญิงสาวโวยอย่างเอาเรื่อง

“ผมไม่พูดอยู่แล้ว และถ้าใครหน้าไหนมันพูด ผมก็ไม่เก็บมันเอาไว้เหมือนกัน และคุณก็ต้องร่วมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย”ลูกน้องของลูคัสสองคนที่อยู่ในห้อง คือเกเบียลและโยฮันเนส ไม่แม้แต่จะสะดุ้งกับคำขู่ของเจ้านาย พวกเขารู้ว่าลูคัสทำจริง เพียงแต่พวกเขาไม่มีอะไรให้ต้องกลัวเพราะถึงตายก็ไม่กล้าปริปากพูดอยู่แล้ว กลับเป็นมิเชลเองที่ร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง

“วางใจเถอะ แค่คุณระวังคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน” สุดท้ายมิเชลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างทำอะไรไม่ได้

“แล้วคุณจะพาสมิธไปวันไหน”

“สัปดาห์หน้า ผมให้เวลาคุณกล่อมเขาเจ็ดวัน จะทำยังไงก็ได้ให้เขายอมไปกับผมโดยไม่ขัดขืน”

“สมิธติดฉันมาก ฉันไม่มั่นใจ...”

“มันเป็นสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้”ลูคัสตัดบทหญิงสาวทันที

“อืม”มิเชลจึงรับคำอย่างจำยอม

“ดีมาก มิเชลที่รัก”ลูคัสพูดยิ้มๆแล้วเดินออกจากห้องไป

มิเชลรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรังเกียจลูคัสเรียกชื่อเธอมากเท่าครั้งนี้มาก่อน!

++++++++++++++++

“แม่ ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับแม่”สมิธกอดเอวผู้เป็นแม่แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มใสเป็นทางจนน่าสงสาร

“พูดให้มันรู้เรื่องนะสมิธ ฉันต้องไปทำงาน!”

“ผมก็จะไปกับแม่ด้วย”

“ไม่ได้!ไปอยู่กับลูคัสนั่นแหละ แกก็สนิทกับเขาอยู่ไม่ใช่หรอ” มิเชลถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้ลูคัสจะมาพาตัวสมิธไปแล้ว แต่เธอยังไม่สามารถทำให้สมิธยอมได้เลย ดื้อจริงๆไอ้ลูกคนนี้

“สนิทแล้วไง ผมรักแม่มากกว่า ฮึก ผมจะอยู่กับแม่!”

“ฟังนะสมิธ แม่ต้องไปทำงาน อย่าทำให้แม่ลำบากใจได้ไหม อยากเห็นแม่ตรอมใจตายหรอ”มิเชลพูดเสียงอ่อนกับเด็กชาย ทำให้เธอรู้ว่าสมิธฟังเธอมากขึ้น

“ไม่เอา ไม่ให้แม่ตายนะ”

“ถ้าอย่างนั้นไปอยู่กับลูคัส แม่ฝากเขาเลี้ยงแกเฉยๆแม่เป็นห่วงแกนะ”

“ฮึก แต่ผมต้องคิดถึงแม่มากๆเลย”

“ถ้าแม่ว่าง แม่จะไปเยี่ยม ตกลงไหม?”

“อืม แม่ต้องมาหาผมบ่อยๆนะ” เด็กชายพยายามทำใจยอมรับ แม้ว่าจะเริ่มเข้าใจและกำลังทำใจอยู่ แต่มันก็อดเสียใจมากๆไม่ได้อยู่ดี

“ดีมาก แม่เก็บของให้แกแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวลูคัสก็จะมารับแล้ว”

“วันนี้หรอครับ?”เด็กชายถามอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าจะต้องจากแม่เร็วขนาดนี้

“แม่ต้องไปทำงานด่วน อย่าดื้อนะสมิธเข้าใจไหม?”

“ครับ”เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าเศร้าๆจนมิเชลยังสงสารขึ้นมาจับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวโอบกอดเด็กชายแน่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนจนสมิธยังอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

“แม่ขอโทษนะสมิธ”

“ผมรักแม่นะ”เด็กชายกอดตอบมิเชลแน่นพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ร้องโวยวายเหมือนเดิม นี่เป็นสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด ความอบอุ่นของอ้อมกอดแม่ แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว

+++++++++++++++
***5ล้านปอนด์ ประมาณ 2 ร้อยล้านบาทไทย
อิพี่รวย เพื่อน้องอิพี่เปย์ไหว ฮ่าๆ ครึ่งแรกเรียกน้ำตาไปก่อนนะ ส่วนครึ่งหลังค่ำๆวันศุกร์จ้า
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.1 [15/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 01:50:32
ตอนไปความสุขของสมิธคงจะไม่มีแล้วสินะ แต่ความโหดร้ายจะเพิ่มมากขึ้น   :o12:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.2[16/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 16-03-2018 21:33:09
คนโปรด 5.2

“ดูแลตัวเองดีๆนะสมิธ”มิเชลลูบหัวเด็กชายเบาๆ เอ่ยคำลาเป็นครั้งสุดท้าย

“ครับ แม่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ...อย่าลืมมาหาผมบ่อยๆด้วย”สมิธกอดมิเชลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วผละออกมา เด็กชายหันไปมองลูคัสที่ยืนรออยู่ด้านหลัง สมิธหันมามองหน้ามิเชลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถไป

ลูคัสเอื้อมมือไปปิดประตูรถไว้แล้วเดินเข้าไปหามิเชล

“นี่เช็คของคุณ...แล้วอย่าลืมที่ผมบอก”ชายหนุ่มยื่นเช็คมูลค่าห้าล้านปอนด์ถ้วนส่งให้หญิงสาวพร้อมกล่าวย้ำ

“รู้แล้วแหละน่า”มิเชลยื่นมือไปรับเช็คด้วยความหงุดหงิด

“ก็ดี” ลูคัสว่าแล้วหันหลังจะเดินขึ้นรถ แต่ก็ถูกมิเชลเรียกเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยว!”ลูคัสหันกลับมาเลิกคิ้วมองหญิงสาว

“ไม่ว่าคุณจะเอาเขาไปทำอะไร แต่ช่วยอย่าทิ้งขว้างเขา ช่วยดูแลเขาจนกว่าเขาจะเดินด้วยตัวเองได้เถอะ ขอร้องล่ะ”

“เกิดสำนึกเป็นแม่ที่ดีอะไรตอนนี้…ผมะทำยังไงกับเขามันก็เรื่องของผม ไม่ต้องให้คุณมาคอยบอกหรอก”ลูคัสเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา มิเชลยิ่งหน้าเสียลงไปอีก ถ้าเธอรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้เธอไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้เจอสมิธโดยเด็ดขาด

“สมิธไม่เหมือนคนอื่นที่คุณเคยเจอมาหรอกนะ...แล้วสักวันคุณจะนึกเสียใจที่ทำแบบนี้”

“หรอ ผมก็อยากรู้นะว่าผมจะเสียใจสักแค่ไหน...ขอให้ถึงวันนั้นเร็วๆก็แล้วกัน”ว่าจบชายหนุ่มก็หันหลังเปิดประตูก้าวขึ้นรถโดยไม่หันกลับมามองเธออีก มิเชลมองท้ายรถคันหรูที่เคลื่อนออกไปจนสุดสายตา

อดทนไว้นะสมิธ...แม่รู้ว่าแกทำได้

แกต้องให้บทเรียนแก่เขา!

++++++++++++++++++++

“เป็นไง...ชอบไหม?”ชายหนุ่มเอ่ยถามเด็กชายตัวเล็กเมื่อเขาพามายังที่อยู่ใหม่ สมิธพยักหน้าทื่อๆไม่ได้ตอบอะไร เพราะเด็กชายยังอยู่ในช่วงอารมณ์เศร้าอยู่

“มาพี่จะพาไปดูห้อง”ชายหนุ่มจับแขนเด็กชายให้เดินไปตามทาง เขาซื้อที่นี่ไว้นานแล้ว มันเป็นเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรูอยู่ย่านที่ดินแพงที่สุดในลอนดอน บ่อยครั้งที่เขาแวะมาพักที่นี่ แต่ส่วนมากเขาจะพักที่คาสิโนของตัวเองมากกว่า

ช่วงนี้เขากำลังสนใจสมิธ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทุ่มเทสิ่งต่างๆให้เด็กน้อย ลูคัสพาสมิธเดินมายังห้องหนึ่ง ภายในห้องเป็นการตกแต่งในแบบที่เด็กผู้ชายชอบ มีโมเดลหุ่นยนต์ เครื่องเล่นเกมส์ต่างๆครบครับ สมิธมองด้วยความตื่นตาตื่นใจจนเผลอลืมเรื่องเสียใจไปชั่วขณะ

“นี่ห้องผมจริงๆหรอ”เด็กชายพึมพำในลำคอ แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตัวก็ยังได้ยินอยู่ดี

“ใช่”

“ขอบคุณครับ”

“อืม...อีกสามเดือนก็จะจบเกรด6แล้วใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“เกรด7อยากเรียนที่ไหนเป็นพิเศษไหม?”

“ผม...ไม่รู้”เด็กชายส่ายหน้าเพราะไม่เคยคิดมาก่อน มิเชลให้เขาเรียนที่ไหนเขาก็เรียนที่นั่น แต่โรงเรียนปัจจุบันของเขาสอนถึงแค่เกรด6เท่านั้น จบจากที่นี่เขาก็ต้องย้ายโรงเรียน

“พี่จะจัดการให้เอง ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน”

“อื้ม”

“พักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนมิทตี้แล้ว”

“แล้วลุคจะไปไหน?”

“ก็กลับไง พี่ไม่ได้พักที่นี่กับมิทตี้หรอกนะ”เพราะลูคัสเป็นพวกหวงพื้นที่ส่วนตัว เขาจึงไม่คิดจะพักที่นี่และยกให้สมิธอยู่แทน ยกเว้นว่าเขาจะมีเรื่องให้ทำจนต้องค้างล่ะนะ

“วันนี้...พี่ค้างกับผมที่นี่ได้ไหม”เด็กชายเอ่ยถามอย่างเกรงใจ แต่เพราะเป็นคนไม่ชินที่ง่ายๆ คืนแรกเขาจะนอนไม่ค่อยหลับ ลูคัสมองเด็กชายนิดๆ ก่อนจะย่อเข่าลงให้ความสูงเสมอกับเด็กชาย

“ฟังนะมิทตี้ นายโตแล้วไม่ว่าจะเพราะรู้สึกกลัวหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นายต้องเผชิญหน้ากับมันให้ได้ หัดเข้มแข็งสิครับ เข้าใจไหม?” สมิธเหลือบดวงตาสีมหาสมุทรมองลูคัสตรงๆ ที่คนตรงหน้าพูดแบบนี้หมายความว่าคืนนี้เขาต้องนอนที่นี่คนเดียวสินะ แต่สุดท้ายสมิธก็เลือกที่จะพยักหน้าให้กับลูคัส ชายหนุ่มยิ้มบางๆอย่างพอใจก่อนจะยื่นหน้าประทับจูบปากเล็กแผ่วเบาแล้วผละออก ชายหนุ่มเอ่ยลาเด็กน้อยไม่กี่คำแล้วออกจากห้องไป

เด็กน้อยมองไปรอบห้องด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เป็นแบบนี้แล้วมันต่างจากตอนอยู่กับมิเชลตรงไหน

เด็กชายยิ้มเศร้านิดๆเมื่อคิดว่าตอนที่ยังอยู่กับมิเชล แม้ว่าเขาจะต้องอยู่คนเดียวแต่เขาก็รู้ว่ามิเชลจะกลับมาหาเขาเสมอมันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ แต่ในขณะเดียวกันเด็กชายไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปจะกลับมาหาเขาเมื่อไหร่กัน...

+++++++++++++

สมิธใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวนานนับเดือนก็เริ่มจะชิน ทุกๆเช้าจะมีคนนำอาหารมาส่งให้ถึงครัว ทำให้เด็กชายไม่ต้องทนกินซีเรียลจืดๆเหมือนเคย ตกเย็นก็มีอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงที่เหมือนเดิม และเขาสามารถสั่งได้ว่าวันต่อไปเขาอยากกินอะไร ส่วนเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนเด็กชายก็นั่งบัสเหมือนเดิม อาจจะใช้เวลามากกว่าเดิมหน่อยแต่สมิธก็ตื่นไหวไม่เคยขาด แต่สิ่งที่เด็กชายตกใจสุดๆเลยก็คือเงินที่ลูคัสให้เขาใช้ในแต่ละสัปดาห์ ตอนแรกเขาคิดว่าให้เป็นรายเดือน แต่ที่ไหนได้สัปดาห์ต่อมาเงินจำนวนเท่าเดิมก็ถูกส่งมาให้สมิธอีก

เด็กชายพยายามปฏิเสธเงินผ่านลูกน้องของชายหนุ่มเพราะลูคัสไม่ได้แวะมาหาเขาเลย แต่นอกจากลูกน้องของลูคัสจะไม่รับคืนแล้ว วันต่อมายังนำเงินมาเพิ่มให้เขาอีกพร้อมคำกำชับจากลูคัส ทำให้เด็กชายไม่กล้าปฏิเสธอะไรอีก

แม้จะรู้สึกเหงาอยู่บ้างแต่สมิธก็พยายามทำใจและเลือกที่จะทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เด็กชายไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนมากขึ้นหลังเลิกเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเล่นบ้านเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานโดยผ่านการอนุญาตจากลูคัสแล้ว

วันนี้เป็นวันเกิดเด็กชายสมิธที่จะอายุครบ 12ปีเต็ม เขาไม่เคยจัดปาร์ตี้วันเกิดเพราะมิเชลไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานและเลี้ยงอาหารเพื่อนๆของเขา ถึงแม้ว่าปีนี้สมิธจะมีเงินมากพอแต่เมื่อไม่มีมิเชลอยู่ด้วยเขาก็ไม่มีอารมณ์จะฉลองเหมือนกัน

เด็กชายเปิดประตูเข้าห้องไป เห็นแสงไฟเปิดไว้อยู่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร บางทีลูกน้องของลูคัสอาจมาเปิดไว้ให้ แต่เมื่อเดินมาถึงโซนห้องนั่งเล่นกลับพบชายหนุ่มที่เขาไม่ได้เห็นหน้าเลยตลอดเดือนนี้

“ไง”เป็นลูคัสที่เอ่ยขึ้นทักเด็กหนุ่มก่อน

“สวัสดีครับ”เมื่อได้สติสมิธจึงเอ่ยทักทายอีกคนบ้าง เด็กชายเดินไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันโหยหา คิดถึง และน้อยใจปะปนกันไป

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นหืม?”ลูคัสดึงแขนเด็กชายให้นั่งพาดบนตักตัวเอง ก่อนจะถอดกระเป๋านักเรียนออกให้โดยที่สมิธก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เด็กชายเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงๆโดยไม่พูดอะไรอยู่หลายวินาที ก่อนจะเริ่มขยับปากเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในใจเขามาโดยตลอด

“หายไปไหนมา...”ลูคัสยิ้มเมื่อได้ฟังประโยคนี้จากเด็กน้อย แสดงว่าสิ่งที่เขาทำกำลังจะสำเร็จ

“พี่ไปทำงานน่ะสิ...คิดถึงหรอ”ชายหนุ่มถามเย้า

“แล้ว...ไม่โทรมาบ้าง”เด็กชายถามอย่างน้อยใจ ทั้งมิเชลทั้งลูคัสไม่มีใครคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงเลยหรือไง เมื่อมวลความเสียใจอัดแน่นรวมกัน หยาดน้ำใสๆก็เริ่มทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ แม้เด็กชายจะร้องไห้แต่ลูคัสกลับระบายยิ้มแทน ชายหนุ่มโอบกอดร่างเล็กไว้แนบอก โยกตัวเด็กชายไปมาอย่างปลอบใจ

“มิเชลยุ่งมาก...พี่ก็ทำงานจนไม่มีเวลากินข้าวเลย พอว่างก็มาหามิทตี้แล้วนี้ไง”ชายหนุ่มปลอบใจเด็กน้อยด้วยคำลวง มิเชลไปเที่ยวเล่นอยู่ฝรั่งเศส ส่วนเขาบินกลับลาสเวกัสไปทำงาน พอว่างก็ไปสนุกกับคนที่เขาเลี้ยงไว้ที่นั่น แต่ที่เขาเลือกที่จะขาดการติดต่อจากเด็กชายเพราะเขาอยากให้สมิธโหยหาเขาให้มากๆ และเขารอรวบยอดวันนี้

“แล้ววันนี้พี่กินรึยัง ฮึก”เด็กชายเช็ดน้ำตาและคลายสะอื้น ก่อนจะเอ่ยถามคนที่เป็นเบาะให้เขานั่งด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลย รอมากินวันเกิดมิทตี้”

“เอ๊ะ?”เด็กชายดูจะงุนงงเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรู้

“สุขสันต์วันเกิดนะเด็กดีของพี่...เป็นเด็กดีของพี่ตลอดไป”ลูคัสอวยพรเสร็จก็หอมแก้มใสเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวไปฟอดใหญ่ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้สมิธ เด็กชายรับมามองอย่างไม่เข้าใจ บนแผ่นกระดาษมันเป็นศัพท์ยากๆที่เขาไม่ค่อยรู้ความหมายของมันนัก

“อะไรหรอ?”

“พี่ให้เป็นของขวัญชดเชยวันข้างหน้า อย่างน้อยถ้ามิทตี้ไม่รู้จะไปไหน มิทตี้ก็สามารถกลับมาที่นี่ได้ตลอดเลยนะ”สมิธก็ยังมองลูคัสอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี ชายหนุ่มเพียงยิ้มคืนให้เท่านั้น ก่อนจะหยิบเกมส์กดรุ่นใหม่ล่าสุดให้เด็กชาย เมื่อเห็นของขวัญชิ้นที่สองสมิธกลับตาลุกวาวรีบรับไว้แล้วจูบแก้มขอบคุณชายหนุ่มด้วยความดีใจ

ลูคัสส่ายหน้า มูลค่าของขวัญชิ้นที่สองเทียบชิ้นแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็นะเด็กก็ยังเป็นเด็ก เมื่อโตขึ้นสมิธก็จะรู้เองว่าสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน

โดยที่ลูคัสไม่รู้เลยว่าต่อไปอีกสิบปีข้างหน้า สิ่งที่เขาคิดไว้จะผิดมหันต์

“เราไปทานอาหารกันดีกว่าวันนี้มีเค้กช็อกโกแลต พิซซ่า แล้วก็อาหารอิตาเลี่ยนที่มิตตี้ชอบทั้งนั้นเลย”

“เย้!”เด็กชายลุกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะดึงมือลูคัสให้ลุกขึ้นตามตนเองเข้าไปในห้องครัว เด็กชายรับประทานอาการอย่างเอร็ดอร่อย แต่ชายหนุ่มเพียงจิบไวน์รอเวลาเงียบๆเท่านั้น

+++++++++++++++

“อ้าวลุค ผมนึกว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”สมิธเอ่ยถามเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอคนที่คิดว่ากลับไปแล้วนั่งอยู่บนเตียงของเขา

“ยัง พี่รอของขวัญอยู่”

“หืม?วันนี้ก็วันเกิดพี่หรอ?”

“เปล่า มาหาพี่ซิมิทตี้”ชายหนุ่มกวักมือเรียกสมิธด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ผมขอแต่งตัวก่อนนะ แป็บเดียว”เด็กชายที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวทำท่าจะเดินไปทางห้องแต่งตัว แต่ก็โดนคนตัวโตกว่าขัดด้วยเสียงเข้ม

“ไม่ต้อง!มาหาพี่เดี๋ยวนี้”สมิธช้อนสายตามองลูคัสด้วยสายตาหวาดๆแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาตามคำสั่งของชายหนุ่ม เมื่อเด็กชายขยับตัวเข้าไปใกล้ในระยะแขนเอื้อมถึง ลูคัสก็จัดการคว้าแขนเล็กแรงกว่าปกตินิดหน่อย เด็กชายที่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงเซล้มลงบนเตียง

“ละลุค พี่จะทำอะไร”สมิธถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ เมื่อลูคัสกระชากผ้าเช็ดตัวเขาออกจากร่างกายแล้วตามลงมาคร่อมทับร่างเล็กไว้อย่างรวดเร็ว

“มิทตี้ โตแล้วนะ...พี่ขอได้ไหม”ลูคัสเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า พร้อมๆกับจมูกโด่งที่ซุกไซ้กับซอกคอเล็กอย่างหื่นกระหาย

“เดี๋ยวลุค...อย่าทำนะ! ฮึก!”สมิธดันอกแกร่งภายใต้เสื้อของอีกคนไว้ ร่างเล็กตัวสั่นน้อยๆด้วยความหวาดกลัว ภาพเหตุการณ์ที่ไมเคิลบุกเข้ามาในห้องผุดวาบขึ้นมาในหัว ร่างกายเด็กหนุ่มสั่นสะท้านและเหงื่อซึมเป็นเม็ดๆจนลูคัสยังรู้สึกได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเล็กน่ารักที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย ลูคัสถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโน้มตัวไปจูบเปลือกตาเล็กเบาๆ

“ทำไมต้องร้องไห้ล่ะ?”

“ฮึก ผมกลัว ฮืออออ”ลูคัสนิ่งไปและนึกขึ้นได้ว่ามิเชลเคยเล่าให้ฟังว่าสมิธเคยเกือบโดนข่มขืน คิ้วหนากระตุกเล็กน้อย มันน่าฆ่าไอ้เวรนั่นทิ้งจริงๆ

“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่เหมือนไอ้เวรนั่น”ชายหนุ่มจูบซับไปตามใบหน้าเล็กอย่างปลอบใจ ทั้งที่ภายในเขาพลุ่งพล่านอยากปลดปล่อยเต็มที

“ไม่!ไม่เอา! ฮือออออ”สมิธดิ้นรนเหมือนสติแตกไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

“มิทตี้มองหน้าพี่...มิทตี้...สมิธฟังพี่!”ชายหนุ่มตวาดเสียงเข้มอย่างที่ไม่เคยใช้กับสมิธ ร่างเล็กหยุดชะงักค้างด้วยความตกใจในทันใด

“มองหน้าพี่แล้วตอบมา...พี่หน้าเหมือนไอ้สารเลวนั่นไหม”เด็กชายมองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่ม ลูคัสเครื่องหน้าครบจัดว่าหล่อหยิ่งๆดูไว้ตัวอย่างที่สมิธไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เหมือน”

“แล้วถ้าพี่ทำแบบนี้ ฟอด! ชอบไหม?”ชายหนุ่มก้มหอมแก้มเล็ก สมิธก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ

“แล้วแบบนี้ล่ะ...”ริมฝีปากบางของลูคัสแนบสนิทลงกับกลีบปากเล็ก ขบเม้มบางเบาอ่อนโยนจนเด็กชายเคลิบเคลิ้มตาม

“ชอบใช่ไหม”ลูคัสผละจูบออกแล้วถาม สมิธก็พยักหน้าให้พร้อมแก้มใสที่แดงระเรื่อยขึ้น

“รักพี่รึเปล่า?” เด็กชายนิ่งคิดไปนานก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แต่ลูคัสกลับขมวดคิ้วไม่พอใจในคำตอบ

“พูดออกมาสิ”

“รัก”

“ถ้าอย่างนั้นจะยอมเป็นของพี่ไหม จะทำแบบที่คนรักกันทำรึเปล่า”ลูคัสพูดเหมือนถาม แต่จริงๆเป็นการกดดันคนตัวเล็กมากกว่า

“ถ้าไม่ทำได้ไหม?”เด็กชายถามอ้อนๆเพราะยังรู้สึกกลัวอยู่ดี

“ได้สิ แต่พี่จะไม่มาเจอมิทตี้อีก...มิเชลก็จะไม่มา”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา สมิธสะดุ้งเฮือกกอดคอลูคัสไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหายไป

“ไม่เอานะ อย่าหายไป...ฮึก...ผมยอมแล้ว”น้ำตาเด็กชายทะลักออกมาอีกรอบ เขายอมทุกอย่างแล้ว อย่าทิ้งเขาไปเลย

“เด็กดีของพี่”ลูคัสจูบซับไปตามใบหน้าเล็ก เขาปลดแขนเล็กที่คล้องคอตัวเองออก มองใบหน้าเล็กที่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่มากกว่านั้นคือ

อยากบดขยี้แรงๆให้สมิธร้องมากกว่านี้

หรือว่าเขาจะวิปริตอย่างที่มิเชลว่าจริงๆ

ช่างหัวมันเถอะ...

ลูคัสแตะริมฝีปากเข้ากับปากเล็กๆแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆบดเบียดริมฝีปากให้แนบแน่นและร้อนแรงยิ่งขึ้นตามอารมณ์ มือเรียวลากไล้ไปตามสัดส่วนลื่นมือของร่างบาง เขาเค้นคลึงหน้าอกเล็กทั้งสองข้างอย่างหนักหน่วงจนคนใต้ร่างร้องประท้วงในลำคอด้วยความเจ็บปวด

ชายหนุ่มสอดลิ้นเข้าไปเชยชิมน้ำหวานในปากอีกคน กวาดต้อนเกี่ยวพันลิ้นเล็กไปมาอย่างดุเดือด ในขณะที่นิ้วมือยังขยับบดขยี้เม็ดบัวเล็กๆทั้งสองข้างจนสมิธความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

มันเสียวมวนตรงท้องน้อยวูบวาบไปมา พร้อมๆกับแก่นกายเล็กที่เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาเป็นครั้งแรก ลูคัสละริมฝีปากออกจากปากที่บวมเจ่อของเด็กน้อย เขาจูบซับไล่ลงมาตั้งแต่งพวงแก้ม สันกราม ก่อนจะหยุดริมฝีปากดูดซอกคอระหงอย่างมัวเมาไปหลายรอบ เด็กชายรู้สึกเจ็บแสบทุกครั้งที่ลูคัสลากริมฝีปากผ่านต้นคอ รอยแดงผุดขึ้นมารอยแล้วรอยเล่าจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้เห็นผิวขาวๆ

เมื่อสร้างความเป็นเจ้าของบนลำคอเล็กจนพอใจ ชายหนุ่มจึงจู่โจมเป้าหมายต่อไปที่แดงเป็นปื้นจากการบีบของเขา ลูคัสลงลิ้นหนักกับเม็ดบัวเล็กๆของสมิธ เขาขบไม่เบานักแล้วดูดแรงๆหลายทีจนแก้มตอบ เด็กชายทั้งเจ็บและเสียวเสียดทรมานไม่หยุด

“อ๊า...อ๊ะ ลุค มัน...อ๊า”สมิธพยายามจะผลักหัวชายหนุ่มออกจากหน้าอกตัวเองเพราะรู้สึกแปลกๆ แต่ลูคัสกลับตรึงมือเด็กน้อยไว้แล้วดูดดึงหน้าอกบางต่อจนพอใจ สมิธทรมานไปด้วยอารมณ์แปลกๆจนน้ำตาไหล เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“เสียวไหมเด็กดี”

“อ๊า!”สมิธพูดไม่เป็นภาษา ได้แต่ครางออกมาแทนคำตอบ

ลูคัสเหลือบมองแก่นกายเล็กที่กำลังโต มันเริ่มตั้งขึ้นมานิดๆ คงต้องปลุกมากกว่านี้หน่อย คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เลื่อนมือไปจับสมิธน้อยอย่างรวดเร็ว เด็กชายตาเหลือกสะดุ้งด้วยความตกใจ

“หนังยังหุ้มอยู่เลย เคยช่วยตัวเองไหม?”ลูคัสเอ่ยถามพร้อมกับรูดสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองไปมา สมิธหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกบางอย่าง

“อ๊ะ..มะไม่เคย...อื้อ ลุค...ผมจะฉี่”เด็กชายหนีบขาเข้าเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังจะปลดปล่อยบางอย่างออกมา

“ปล่อยออกมาเลย”ลูคัสรูดชักแก่นกายเล็กหนักมือขึ้น หัวเล็กๆสีชมพูผลุบขึ้นผลุบลงผ่านหนังหุ้มตามจังหวะมือเขา

“อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊า!!”หยาดน้ำสีใสออกขุ่นพุ่งพวยออกจากสมิธน้อย ลูคัสกระตุกยิ้มก่อนจะรูดแรงๆอีกสองสามทีให้น้ำออกมาให้หมดแล้วหยุดมือ สมิธหายใจหอบถี่มองลูคัสอย่างล่องลอย ชายหนุ่มลงจากเตียงก่อนหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาถอดเสื้อและกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ออกหมดจนร่างกายเปลือยเปล่า ลูคัสฉีกซองที่อยู่ในมือแล้วสวมเข้ากับอาวุธอันแข็งแกร่งที่ตั้งตรงพร้อมรบของเขา

ลูคัสก้าวขึ้นเตียง จับขาเล็กถ่างออกกว้างจนเห็นรอยจีบเล็กสีชมพูน่าสัมผัส เขาบีบเจลหล่อลื่นใส่นิ้วจนชุ่ม ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งคลึงรอยจีบนั้นให้ผ่อนคลาย ก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วกลางเรียวยาวเข้าไปอย่างรวดเร็ว สมิธสะดุ้งเฮือกด้านหลังตอดรัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายทันที

“อื้อ!ลุค!ผมเจ็บ…”เด็กชายกระถดสะโพกถอย แต่มืออีกข้างของลูคัสก็จับเอวบางไว้แน่นไม่ให้ขยับ

“อดทนหน่อยมิทตี้ เดี๋ยวก็ชินนะครับ”ชายหนุ่มโน้มตัวไปจูบปากเล็กอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะสอดนิ้วชี้เพิ่มเข้าไปอีกนิ้วอย่างรวดเร็ว

“อึก!เจ็บแล้วลุค ไม่เอาได้ไหม”เด็กชายอ้อนวอนอีกฝ่ายทั้งน้ำตา แต่ลูคัสกลับขยับนิ้วยาวๆเข้าออกราวกับไม่ไยดีน้ำตาของอีกคน ชายหนุ่มบีบเจลหล่อลื่นใส่ช่องทางเล็กมากกว่าเดิม นิ้วที่สามถูกสอดเข้าไปอีกเพิ่มความอึดอัดให้เด็กชายมากยิ่งขึ้น สมิธเจ็บมากจนช่องทางรักแทบไร้ความรู้สึก

ลูคัสชักนิ้วเข้าออกจนช่องทางเล็กๆเริ่มขยายและรับสิ่งแปลกปลอมได้ ชายหนุ่มชักรูดรั้งแก่นกายใหญ่โตของตัวเองสามสี่ครั้งก่อนจะจ่อส่วนหัวไปที่ทางรักสีชมพูของสมิธ แม้จะเข้าได้เกือบทั้งหัวแต่สมิธก็ร้องลั่นปานจะขาดใจ

“อ๊ากกก เจ็บบบบบ”

“ซี๊ด…อดทนอีกนิดนะเด็กดี จุ๊บ…”ลูคัสจูบไปทั่วใบหน้าเล็ก พร้อมๆกับดันแก่นกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้จะดันเข้าไปจนสุดช่องทางแต่ความยาวมังกรลูคัสกลับเข้าไปได้แค่สองในสามเท่านั้น

“ฮือออ มันเจ็บ”

“อ่าห์…เข้าได้แล้วเด็กดี ต่อไปครั้งหน้าต้องรับของพี่ให้ได้ทั้งหมดนะ” ลูคัสขยับแก่นกายช้าๆ แม้ทางรักของสมิธจะรับตัวตนของเขาได้ไม่หมด แต่ก็สร้างความรู้สึกดีให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มสาวสะโพกเข้าออกหนักหน่วง ริมฝีปากดูดหน้าอกเล็กอย่างมัวเมาราวกับเสพติด เด็กชายกัดริมฝีปาก มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างอดทน เสียงครางต่ำของลูคัสดังเข้าหูอยู่ตลอดเวลา

เด็กชายได้แต่ภาวนา…ขอให้มันจบลงเร็วๆสักที

ลูคัสย้ายริมฝีปากไปดูดชิมริมฝีปากเล็กอย่างเร่าร้อน ช่วงล่างก็ขยับเข้าออกรัวเร็วจนสมิธจุกไปทั่วช่องท้อง ไม่กี่นาทีออกต่อมาชายหนุ่มก็ตัวกระตุกปลดปล่อยออกมาอย่างสุขสม

ร่างสูงถอนตัวออกจากช่องทางเล็ก มีเลือดติดถุงยางออกมาประปราย ในขณะที่สมิธร้องไห้จนหลับไป ลูคัสใช้ทิชชู่รูดถุงยางทิ้งถังขยะ ชายหนุ่มขยับแต่งตัวอย่างไม่รีบร้อน มือเรียวหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรพลางเหลือบสายตามองร่างเล็กที่หลับอยู่บนเตียง

(ครับนาย)

“ตามพ่อบ้านแจ็คสันมาดูแลมิทตี้”

(ครับ)

ลูคัสเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองสมิธด้วยสายตาอ่านไม่ออก ร่างสูงหยิบผ้าห่มคลุมให้ร่างเล็ก ก้มจูบหน้าผากมนหนักๆอีกทีก่อนจะออกจากห้องไป…

++++++++++++

เฮียอย่าฟันแล้วทิ้งน้องน้าาา nc มึนๆเมาๆตามสภาพคนเขียนค่ะไม่ดียังไงก็อภัยด้วย :L1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.2[16/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 16-03-2018 22:57:49
อื้อหืออ โดนลุคจับกินเรียบร้อยย ดูแลน้องดี ๆ นะ / แต่งดีจ้า ชอบๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.2[16/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-03-2018 00:43:49
อีลู หื่น โหด มากไปไหม สงสารน้องบ้างซิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด5.2[16/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 17-03-2018 21:39:30
 :-[รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 24-03-2018 16:48:39
คนโปรด 6

“ขอบคุณ คุณพ่อบ้านมากนะครับ”เด็กชายหันไปเอ่ยคำขอบคุณกับพ่อบ้านวัยห้าสิบปีด้วยใบหน้าอิดโรยเล็กน้อยหลังจากที่พ่อบ้านเช็ดตัวให้เด็กชายเสร็จ แจ็คสันมองเด็กชายบนเตียงอย่างครุ่นคิด เขาถูกคุณหนูใหญ่เรียกให้มาดูแลเด็กคนนี้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว ด้วยสภาพ…ไม่น่าดูนัก

“ไม่เป็นไรครับคุณหนู เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”พ่อบ้านวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อม

ยอมรับตรงๆว่าทำงานรับใช้ตระกูลเดรทไพรส์มาเกือบ30ปี รู้จักคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่ท่านเกิด คอยดูแลทุกครั้งที่ท่านมาอยู่ที่อังกฤษ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องมาดูแลคนนอกตระกูลเช่น

แจ็คสันไม่ได้รังเกียจที่ได้มาดูแลเด็กคนนี้ แค่อดจะแปลกใจไม่ได้ เพราะตระกูลเดรทไพรส์เป็นตระกูลเก่าแก่ของอังกฤษ มีความสนิทชิดเชื้อกับเหล่าราชวงศ์ เหล่าลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจึงมีนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่างและทะนงตนแทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คุณหนูใหญ่ลูคัส

พวกเขารังเกียจที่จะใช้ของหรือคนร่วมกับคนอื่น แจ็คสันจึงแปลกใจว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่…คุณหนูใหญ่ถึงให้ความสำคัญถึงเพียงนี้

แต่นั่นเป็นเรื่องของเจ้านาย คนรับใช้อย่างเขาไม่มีสิทธิ์รู้

“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ถ้าไม่ได้คุณพ่อบ้านผมคงไม่ดีขึ้นเร็วขนาดนี้”

“ดีขึ้นก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”เสียงของผู้มาใหม่ ทำให้สองคนต่างวัยหันไปมองแทบจะพร้อมๆกัน แจ็คสันค้อมหัวให้เจ้านายเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่พร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย

“ไง ยังเจ็บอยู่ไหม?”ลูคัสทรุดตัวนั่งบนเตียงที่สมิธนอนพักอยู่ ชายหนุ่มลูบหัวเล็กเบาๆอย่างทะนุทะนอม สมิธมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าเขาอย่างพิจารณา เด็กชายพบว่าจังหวะหัวใจเต้นแปลกไปจากเดิม…มันช่างอ่อนไหวหนักกว่าเก่า ความรู้สึกหลายๆอย่างที่มีต่อผู้ชายคนนี้ก็รุนแรงขึ้นอีกเช่นกัน

“ยังเจ็บอยู่หรอ ทำไมเงียบไปล่ะ หืม?”ชายหนุ่มโน้มหน้าลงไปถามใกล้ๆเด็กชายก่อนจะกดจูบที่ขมับเล็กหนักๆไปหนึ่งที แก้มป่องที่ซีดๆแดงระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด

“ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”

“จริงหรอ?ไหนมาให้พี่ดูหน่อยสิ”ลูคัสว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มที่บังกายเล็กออก แต่มือบางก็ยื้อยุดผ้าห่มเอาไว้อย่างเขินอาย

“ไม่เอาลุค ผมหายเจ็บแล้วจริงๆ”

“ถ้าหายเจ็บแล้วก็ต้องพิสูจน์ดูหน่อยเร็ว”ลูคัสยังคงหยอกเย้าคนตัวเล็กกว่า สุดท้ายแรงเด็กหรือจะชนะแรงผู้ใหญ่ได้ ชายหมุ่มปัดผ้าห่มไปไว้ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวเข้มมองสำรวจร่างตรงหน้าที่ไร้เกาะป้องกัน ร่างเรียวบางที่สูงไม่น่าจะเกิน160เซนติเมตร ผิวขาวเนียนละเอียดไร้กระตามชาติพันธุ์อยู่ภายใต้เสื้อเชิ๊ตสีขาวเพียงตัวเดียว ขาเรียวเล็กหุบเข้าหากันทันทีที่เขาเลื่อนสายตาลงต่ำ ใบหน้าหวานสวยแดงปลั่งอย่างอายๆ

ลูคัสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มือเรียวจับขาเล็กๆแยกออกจากกัน สมิธที่ไร้แรงขัดขืนได้แต่ปิดหน้าด้วยความกระดากอาย ลูคัสกระตุกยิ้มนิ้ดๆอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า

กะไว้แล้วว่าต้องไม่ได้ใส่…

นิ้วเรียวยาวยื่นไปสัมผัสรอยจีบสีชมพูช้ำที่ไม่บวมเท่าวันแรกเบาๆ สมิธสะดุ้งนิดๆเมื่อส่วนที่เจ็บที่สุดของเขาตอนนี้ถูกสัมผัส ก่อนที่วินาทีต่อมาลูคัสจะทำให้เด็กน้อยตัวแดงแทบระเบิดเพราะสัมผัสนุ่มหยุ่นแต่ร้อนผ่าวถูกประทับที่ซอกขาด้านในอย่างดุดัน ชายหนุ่มจูบไล้ไปตามขาอ่อนเล็กอย่างหิวกระหาย สมิธหนีบขาเข้าหากันจนแทบจะหนีบหัวลูคัสเพราะความรู้สึกแปลกที่เกิดขึ้น ที่เด็กหนุ่มพึ่งจะเจ้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกทางเพศนั่นเอง

“อื้ออออ…ลุค อ๊ะ!....พอเถอะ”สมิธครางงึมงำในลำคอเบาๆด้วยความเสียว นี่ลูคัสทำอะไรกับร่างกายเขา มันไม่เคยรู้สึกง่ายแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งลูคัสก็ไม่ได้สนใจเสียงร้องห้ามปรามของเด็กน้อย เขายังคงลากริมฝีปากขบและเลียขาเนียนของเด็กชายจนเกิดรอยแดงเต็มไปหมด แก่นกายเล็กๆเริ่มตั้งชูขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ถูกโหมกระหน่ำ

มือเรียวยาวขยับไปจับสมิธน้อยที่เริ่มตื่นตัว ลูคัสชักคลึงไปมาให้อีกคนจนมันตื่นเต็มที่ ดวงตาสีเขียวจับจ้องที่หัวเห็ดเล็กสีชมพูโพล่พ้นหนังหุ้มออกมา

“อ๊ะ!...ซี๊ดดดด…ลุค ระเร็วหน่อย”เด็กหนุ่มร้องขอโดยไม่รู้ตัว ลูคัสฉีกยิ้มมุมปากสาวมือให้อีกคนเร็วขึ้น สมิธที่โดนถอกอย่างแรงทั้งเจ็บและเสียวไปพร้อมๆกัน ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างเล็กก็กระตุกปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา

สมิธหอบหายใจถี่รัวก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วเย็นๆที่เต็มไปด้วยเจลของอีกคนสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเขา เด็กชายเหลือบสายตามองชายหนุ่มที่ขยับตัวมาคร่อมเขาเอาไว้แล้ว

“ไหนๆมิทตี้ก็หายเจ็บแล้ว ขอพี่ชิมอีกสักยกหน่อยก็แล้วกันนะ” สมิธเบิกตากว้าง จริงๆแล้วเขานังไม่หายเจ็บดี แค่ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ที่บอกลูคัสไปแบบนั้นก็เพราะว่ากลัวอีกฝ่ายจะเป็นห่วงต่างหาก

“ไม่…ยังจะ…อื้อออ”สมิธยังไม่ทันได้บอกความจริงว่าเขาเจ็บอยู่ก็โดนอีกคนประกบริมฝีปากจูบไม่ให้พูดเสียแล้ว ชายหนุ่มบดริมฝีปากจูบคนใต้ร่างอย่างเร่าร้อนเสียจนเด็กหนุ่มอ่อนระทวยพูดไม่ออก ได้แต่ครางรับสิ่งที่ดำนินอยู่แทน…

+++++++++++++++

“ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นายหายไปไหนมาน่ะสมิธ ไหนบอกว่าจะมาเล่นเกมส์ที่บ้านฉันไง”เดวิดเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นสมิธเดินเพลียๆมานั่งโต๊ะเรียนข้างๆกัน

“เอ่อ…พอดีฉันไม่ค่อยสบายน่ะ”เด็กชายนัยน์ตาสีมหาสมุทรยิ้มแห้งๆตอบเพื่อนไป

“แล้วเป็นไรมากรึเปล่ามิน่าหน้าตานายดูเพลียๆ นายไม่โทรมาบอกฉันล่ะพวกฉันจะได้ไปเยี่ยม”เดวิดจับหน้าสมิธดูไปมาอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไรมากหรอก ดีขึ้นเยอะแล้ว”แม้จะเจ็บๆตรงนั้นอยู่ก็ตาม

“อีกสองเดือนเราก็จะจบการศึกษาแล้วนะ นายคิดไว้แล้วรึยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน”

“ฉันยังไม่ได้คิดเลย ต้องแล้วแต่ลุค…เอ่อพี่ชายฉันน่ะ แล้วนายล่ะคิดไว้แล้วหรอว่าจะไปเรียนที่ไหน”

“ฉันกับไรอันและจอห์นนี่จะไปที่โรงเรียนRน่ะ”สมิธพยักหน้ารับรู้ โรงเรียนRเป็นโรงเรียนชื่อดังอันดับต้นๆของอังกฤษเลยทีเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าค่าเทอมต้องแพงมากแน่ๆ

“เยี่ยมไปเลย!”

“นายก็ไปเรียนกับพวกฉันสิ ลองขอพี่ชายนายดู”สมิธมองสีหน้าเดวิดที่ดูแปลกไปเมื่อพูดถึงลูคัส

“อืม ฉันจะลองขอดู”เด็กชายว่ายิ้มๆแล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นต่อ

หลังกริ๊งเวลาเลิกเรียนดังขึ้นเดวิดก็ชวนสมิธไปเล่นที่บ้านตัวเองเหมือนเดิม เขารู้สึกได้ว่าช่วงนี้สมิธดูเหงาและเกาะติดพวกเขามากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้หลังเลิกเรียนสมิธจะไปต่อกับพวกเขาเสมอ แต่วันนี้เพื่อนตัวเล็กของเขากลับแสดงสีหน้าอึกอักอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันยังเพลียๆอยู่เลย”สมิธบอกเพื่อนไปตามความจริง แม้อาการเพลียของเจ้าตัวจะมาจากที่โดนอีกคนจับกินไปสองรอบก็ตาม

ลุคบอกว่าเรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ สมิธถึงได้เลือกที่จะโกหกทุกคน

เพราะเขากลัวว่าถ้าไม่ทำตามที่ลุคบอก ลุคจะหายไป….

“เอาอย่างนั้นหรอ ถ้างั้นนายก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”

“อืมเอาไว้วันหลังนะ”

“ตกลง กลับดีๆล่ะ บายๆ”ไรอันและจอห์นนี่ก็โบกมือลาสมิธพร้อมเดวิด

เด็กชายเลือกนั่งแท็กซี่กลับเพ้นท์เฮ้าส์เพราะยังรู้สึกระบมส่วนนั้นเป็นอย่างมาก เมื่อเช้าลูคัสก็ให้โยแวะมาส่งเขาที่โรงเรียนก่อนจะไปทำงาน

โดนจูบบนรถไปตั้งหลายทีแหนะ-////-

เมื่อเด็กชายกลับถึงห้องก็พบโยฮันเนสนั่งอ่านเอกสารที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับโย”สมิธเอ่ยทักทางมือซ้ายลูคัสที่เขาเริ่มสนิทกันมากขึ้น

“สวัสดีครับคุณสมิธ ทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนักล่ะครับ”ชายหนุ่มวางเอกสารแล้วหันไปพูดกับเด็กน้อยที่เดินมานั่งโซฟาอีกตัว

“เลิกเรียนผมก็กลับเลยน่ะครับ ไม่ได้ไปเล่นต่อกับพวกเดวิด”

“อ่อ ดีแล้วล่ะครับ เพราะจากนี้คุณจะไปเล่นกับพวกเดวิดตลอดเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”

“ทำไมล่ะครับ?”เด็กชายเอียงคอถามด้วยความงุนงง

“เวลาของนายท่านมีค่า ถ้าท่านมาที่อังกฤษคุณควรเอาเวลาส่วนนั้นมาอยู่กับท่านจะดีกว่านะครับ”โยฮันเนสแนะนำเด็กน้อยหน้าใสด้วยความหวังดี เพราะเขากลัวว่าอีกไม่นานเด็กคนนี้อาจไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้วก็ได้

“อ่า…ครับ แล้วตอนนี้ลุคอยู่ไหนหรอครับ?”

“นายท่านนอนพักผ่อนอยู่อีกห้องหนึ่งครับ”สายต่ของสมิธเหลือบมองอีกห้องที่ไม่ใช่ของเขา

“ผมไปหาลุคได้รึเปล่า?”เด็กชายถามเชิงขออนุญาต โยฮันเนสนิ่งไปนิดอย่างตริตรองถึงความสำคัญของเด็กคนนี้ วันนั้นเขาแปลกใจจนเกือบตกเก้าอี้ที่เจ้านายโทรตามให้เขาเรียกคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลอย่างพ่อบ้านแจ็คสันให้มาดูแลเด็กคนนี้ แม้แต่ตัวคุณพ่อบ้านเองยังอดแปลกใจไม่ได้เลย โยฮันเนสจึงคิดว่าเด็กคนนี้ก็คงจะถูกใจเจ้านายเขามากในระดับหนึ่งล่ะนะ เพราะท่านดูทะนุถนอมเป็นพิเศษ แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ไม่นอนนักหรอก

เมื่อความคิดตกตะกอนโยหันเนสจึงเอ่ยบอกเด็กตรงหน้า

“น่าจะได้นะครับ…แต่อย่าไปรบกวนให้ท่านตื่นเลยนะครับ”

“ผมแค่เข้าไปดูลุคเฉยๆ ไม่กวนแน่นอน”เด็กชายบอกด้วยรอยยิ้มจริงใจ โยฮันเนสก็เผลอยิ้มตอบเด็กน้อยบางๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเถอะครับ” คงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ

สมิธเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บในห้องตัวเองก่อน จากนั้นจึงเดินไปหาอีกคน เด็กชายค่อยๆเปิดและปิดประตูห้องลูคัสเบาๆ ก่อนจะค่อยๆก้าวที่ละก้าวอย่างเชื่องช้าราวกับว่ากลัวจะเกิดเสียงแม้แต่นิดแล้วทำให้อีกคนตื่นได้

เด็กชายเห็นชายหนุ่มนอนหงายหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงหลังใหญ่ เมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ก็ได้สำรวจหน้าคนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ ลูคัสที่หลับตาอยู่ดูหล่อเหลายิ่งกว่าเจ้าชายในเทพนิยายที่สมิธเคยอ่าน เด็กชายปีนขึ้นเตียงเพื่อขยับเข้าไปใกล้ใบหน้านั้นโดยไม่รู้ตัว

สมิธเผลอโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกคน ทันใดนั้นคนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาพรึ่บขึ้นมา สมิธตกใจจนแทบผงะแต่แรงบีบที่คออย่างแรงต่างหากที่ไม่ทำให้เขาตกเตียง

เด็กชายตกใจสุดขีดจนน้ำตาไหล มือเล็กเจ็บมือที่บีบคอตัวเองอยู่แน่น ลูคัสที่พึ่งได้สติรีบปล่อยมือจากคอเล็กแล้วรั้งร่างบางที่กำลังเสียขวัญอยู่มากอดทันที

เมื่อกี้เขาเผลอไป ร่างกายมันป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณที่ฝึกมา ชายหนุ่มถอนหายใจนิดๆมือลูบหลังคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นบนอกเขา

“เงียบซะ…นายไม่เป็นอะไรแล้ว”ชายหนุ่มว่าเรียบๆพร้อมตบหลังเบาๆปลอบเด็ก เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเวลาที่ตัวเองนอนก็เพราะแบบนี้ เพราะแบบนั้นหลังเสร็จกิจลูคัสจึงไม่เคยนอนค้างกับคู่นอนตัวเองเลยสักคน

โยฮะนเนสก็รู้เรื่องนี้ดี ยังกล้าปล่อยให้สมิธเข้ามา…มันน่าโดนนัก!

“ฮึก…ผมขอโทษ ฮึก…ผมกลัวแล้ว ฮืออออ”ช่วงนี้สมิธค่อนข้างจะอ่อนไหวและตกใจง่ายขึ้นโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“ชู่…พี่ไม่ทำอะไรแล้ว เงียบนะเด็กดี”ลูคัสดึกคนที่น้ำหูน้ำตาไหลจนชุ่มเสื้อเขาออกจากอก ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยๆให้พร้อมกดจูบหน้าผากมนหลายๆทีอย่างปลอบประโลม เด็กชายเริ่มคลายสะอื้นก่อนจะยืดตัวกอดคอชายหนุ่มเอาไว้แน่น ใบหน้าเล็กฝังกับซอกคออุ่นอย่างออดอ้อน ไม่นานสมอิธก็หยุดร้องและหลับไปทั้งๆท่านั้น

ลูคัสแกะตัวเด็กน้อยออกจากตัวเอง เขาค่อยวางร่างเล็กลงบนที่นอนข้างๆแล้วห่มผ้าให้ ชายหนุ่มเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าถมึงทึง เจอโยฮันเนสที่ยืนก้มหน้าสำนึกรออยู่ก่อนแล้ว

“ผมเป็นยังไงก็รู้ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมยังกล้าให้สมิธเข้าไปตอนที่ผมหลับ!!”

“ผมขอโทษครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นคุณสมิธนายจะไม่…ผลั๊วะ!!!”โยฮันเนสที่พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนหมัดลูคัวพุ่งใส่จนล้มลงกับพื้น

“ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น! ผมไม่เคยไว้ใจใคร!!!...อย่าให้มีแบบนี้อีก” น้ำเสียงเย็นเยียบของลูคัสทำให้โยฮันเนสขนลุกไปทั้งกาย

“ครับนาย”

++++++++++++++

ช่วงนี้อาจจะมาช้าหน่อยนะคะ เปรมต้องไปทำกิจกรรมคณะ :mew6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 24-03-2018 17:08:03
สงสารน้อง ฮื้ออออ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-03-2018 20:12:10
โธ่ สมิธน่าสงสารอ่ะ เกี๋ยวลูคัสมันก็เบื่อแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 24-03-2018 22:53:32
รอเลยค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 25-03-2018 00:51:26
สงสารสมิธ   :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-03-2018 00:57:01
น้องต้องโดนกระทำแบบนี้จนโตเลยใช่ไหม อีลู่ ขอทีเถอะ  :fcuk:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-03-2018 13:00:37
อิลุค....พรากผู้เย๊าาาาว์
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 27-03-2018 14:39:55
อยากรู้ความลับ ^^
ที่แน่ๆแม่รู้อะไรสิน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด7[29/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 29-03-2018 15:13:46
คนโปรด 7

“ตรงนั้นมันอักเสบ ทำให้มีไข้อ่อนๆด้วย เด็กมึงก็เลยงอแงนั่นแหละ กูฉีดยาให้แล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนผละออกจากการตรวจร่างกายเล็กที่หลับอยู่บนเตียงหลังใหญ่แล้วเอ่ยบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมจ้องเขาเขม็ง

“เออ ขอบใจ”ลูคัสเอ่ยสั้นๆก่อนจะเดินมาดูร่างเล็กที่หลับตาขมวดคิ้วนิดๆอย่างไม่สบายตัวเพราะพิษไข้ ชายหนุ่มเรียกเพื่อนคนเดียวที่เขาสนิทใจมาดูอาการเด็กตรงหน้า เพราะตอนที่สมิธกอดลูคัส ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิจากร่างกายเด็กน้อยมันสูงกว่าปกตินิดหน่อย ลูคัสไม่คิดจะพาสมิธส่งโรงพยาบาลให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงเรียก ‘เกรย์ แอนเดอร์สัน’ ว่าที่จิตแพทย์ที่เป็นเพื่อนสนิทเขามาดูอาการแทน

“จะว่ากูเสือกหรืออะไรก็แล้วแต่เพราะกูอยากเสือกจริงๆ แต่กูถามจริงมึงคิดยังไงถึงกล้าเอาเด็กตัวแค่นี้วะ ขนาดตัวไม่เท่าไหร่นะนี่อายุถึง10ขวบรึเปล่าวะลุค” เกรย์เอ่ยถามเพื่อนออกไปอย่างใคร่รู้ รู้จักกันมาก็เกือบจะสิบปี ไม่เคยเห็นมันมีรสนิยมแนวนี้มาก่อน

“ก็ไม่คิดยังไง อยากเอาก็เอา อีกอย่างมิทตี้ก็12แล้ว ไม่ถือว่าเด็กเท่าไหร่…คนอย่างมึงที่อึ๊บสาวครั้งแรกตอน11ไม่น่าถามเลยนะ”

“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ กูเป็นผู้กระทำแต่เด็กมึงเป็นผู้ถูกกระทำ สมยอมหรือไม่ก็ผิดกฎหมายนะโว้ย”เกรย์เอ่ยเตือนเพื่อนที่ยืนหน้านิ่งด้วยความหวังดี แม้ว่าจะรู้ว่าลูคัสไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน มันเป็นพวกเชื่อมั่นในความคิดตัวเองตั้งแต่ไหนแต่ไร

“กูไม่สน…หมดธุระมึงก็กลับไปได้แล้ว”

“เฮ้อ…ยังไงก็เพลาๆมือหน่อยละกัน ให้เด็กมันหายก่อนไม่งั้นอาการมันจะหนักกว่าเดิม”

“เออ”

“ค่าปิดปากกู พรุ่งนี้ร้านไอ้จอร์ชสี่ทุ่มนะมึง”เกรย์เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะก้าวออกจากห้อง เขาแค่ต้องการชวนไอ้หยิ่งนี่ไปดื่มด้วยกันเท่านั้นเอง

“ขอคิดดูก่อน”ร่างสูงใหญ่ของเกรย์ชะงักไปก่อนจะหันหน้ากลับมามองเพื่อนตนเอง ปกติถ้านัดกันมันแทบไม่เคยปฏิเสธคำชวนเขาเลย

“ติดเด็กแล้วสินะมึงน่ะ…พาไปด้วยสิ ระดับมึงยังไงก็เข้าได้อยู่แล้ว”เกรย์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี ไม่เคยเห็นมันห่วงใครขนาดนี้มาก่อน

“ไม่ต้องเสือก ไสหัวมึงไปได้แล้ว…ไปก็เจอไม่ไปก็ไม่เจอ”ลูคัสตัดบทไล่เกรย์อย่างรำคาญ เกรย์หัวเราะหึๆในลำคอกวนเส้นประสาทเพื่อนก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก

+++++++++++++

"มิทตี้ ตื่นเถอะค่ำแล้วนะ"ชายหนุ่มสะกิดร่างบางบนเตียงพร้อมเอ่ยเรียก เมื่อเขาเห็นว่าสมิธหลับไปนานพอสมควรแล้ว ควรจะตื่นมาทานอาหารค่ำเสียที

เด็กชายค่อยๆขยับตัวจากแรงปลุก เปลือกตาเล็กค่อยๆลืมขึ้นอย่างหนักอึ้ง เมื่อเห็นภาพคนที่ยืนอยู่เหนือศีรษะก็ถึงกับผงะไป ลูคัสขมวดคิ้วนิดๆอย่างไม่ค่อยพอใจกับปฏิกิริยาที่เด็กชายแสดงออกนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเด็กชาย

"รู้สึกดีขึ้นไหม?" ลูคัสยื่นน้ำพร้อมหลอดดูดให้เด็กชาย สมิธรับแก้วมาดูดน้ำจนหมด พร้อมสำรวจตัวเองว่าตรงนั้นมีมันเจ็บๆหน่วงๆไม่ค่อยเจ็บมากแล้ว ร่างกายที่อ่อนเพลียก็รู้สึกดีขึ้น ดวงตาสีมหาสมุทรกวาดมองไปทั่วห้อง พบว่าเขาถูกย้ายมาอยู่ที่ห้องตนเองแล้ว

"ผมดีขึ้นมากแล้วล่ะครับแต่ยังรู้สึกเพลียๆง่วงๆ"

"เจ็บแล้วทำไมไม่บอกพี่หืม?"ชายหนุ่มทรุดนั่งบนเตียงพร้อมยื่นมือไปลูบหัวเล็กเบาๆอย่างไม่สนใจอาการเกร็งที่เกิดขึ้นจากเด็กชาย

"ก็...ไม่อยากให้ลุคเป็นห่วง"เด็กชายอ้อมแอ้มตอบ เขาคิดว่าแค่ทายาที่ลุคเตรียมไว้ให้เดี๋ยวก็หาย

"ยิ่งมิทตี้เจ็บพี่ก็ยิ่งห่วง คราวหลังเป็นอะไรก็บอกพี่ เข้าใจรึเปล่า"สมิธพยักหน้ารับ หัวใจเต้นแรงเมื่อคนข้างๆโน้มหน้ามาจูบริมฝีปากเขาอ่อนหวานแผ่วเบาราวกับปุยเมฆ จนเด็กชายลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น

"ลุกขึ้นมาทานอะไรหน่อยเถอะ แล้วค่อยกลับมาตอนต่อ"ชายหนุ่มผละริมฝีปากแล้วกระซิบบอกชิดใบหูเล็กพร้อมกดจมูกบนแก้มใสอีกฟอดใหญ่ สมิธหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

"อื้อ"เด็กชายตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะถูกให้รางวัลจากคนตัวโตกว่าเป็นจูบหวานๆไปอีกที กว่าลูคัสจะตัดใจถอนริมฝีปากออกจากร่างเล็กได้ก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที สมิธได้แต่ก้มหน้างุดๆอย่างเขินอายซ่อนริมฝีปากเจ่อแดงของตัวเองแล้วเดินตามแรงจูงชายหนุ่มออกจากห้องไปทานอาหาร

+++++++++++++++

​​

"ทำไมยังไม่ไปนอนอีก"ลูคัสเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารเอ่ยถามเด็กที่เดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆเขา

"ไม่ง่วงแล้ว"สมิธเอ่ยบอกชายหนุ่มไปตามความจริง แม้ช่วงแรกๆที่ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกงัวเงียอยู่บ้างแต่พอได้ตื่นเต็มตาแล้วจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด

"พักผ่อนให้มากๆจะได้หายเร็วๆ"

"ครับ"สมิธรับคำเสียงอ่อน

"เอาเถอะ อีกสักพักค่อยไปนอนก็แล้วกัน ดูทีวีเล่นไปก่อน"เพราะตรงที่พวกเจานั่งคือห้องนั่งเล่น ลูคัสก็ไม่อยากจะดุอะไรเด็กชายนักจึงอนุญาตให้อยู่ได้

สมิธรับคำแล้วกดรีโมทเปิดดูช่องโปรด เขาหลี่เสียงลงเพื่อไม่ให้รบกวนลูคัสจนเกินไป นั่งดูไปได้สักพักปากเล็กก็เริ่มอ้าหาวถี่ขึ้นเรื่อยๆจนลูคัสเองยังสงเกตได้

"มิทตี้ ง่วงก็เข้าไปนอนสิ"น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นนิดๆอย่างตักเตือน แม้เวลานี้จะพึ่งสามทุ่ม แต่เด็กชายก็ควรจะพักผ่อนได้แล้ว

"อ่ะ ผมยังไม่ง่วง...เท่าไหร่"สมิธพยายามเก็บอาการแม้จะรู้สึกง่วงมากสักเพียงใดแต่ก็ยังไม่อยากเข้านอนในตอนนี้ ลูคัสที่ตอนแรกตั้งท่าจะดุเด็กชายที่ดื้อดึง แต่พอเห็นสายตาเหงาหงอยและคาดหวังบางอย่างก็ทำเอาเขาดุไม่ลงเหมือนเหมือนกัน เหมือนใจมันยวบลงไปซะเฉยๆ

ลูคัสวางแฟ้มในมือลงบนโต๊ะ แล้วดึงเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆมานั่งบนตักแกร่งของตนเองแทน สมิธรีบหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม กอดคอแล้วซุกหน้ากับอกอุ่นๆนั่นทันที ซึ่งกลายเป็นท่าประจำที่เด็กชายชอบทำไปซะแล้ว

ลูคัสหัวเราะในลำคอเบาๆ มือวางบนสะโพกมนขนาดพอดีมือ เผลอลูบไล้ไปมาอย่างหยุดมือไม่ได้

"ช่วงนี้ขี้อ้อนนะเราน่ะ"ลูคัสกดจูบบนจอมกลางศีรษะเล็กของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว

"ไม่ได้หรอ?"สมิธเงยหน้าขึ้นมองอีกคนอย่างอ้อนๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากไปจูบปลายคางคนตัวโตอย่างไม่เกรงกลัว

"อยากเจ็บหนักกว่าเดิมรึไง หืม?"ลูคัสอดไม่ได้ที่จะขบแก้มป่องนิดๆนั่นไปที แต่คงขบแรงไปหน่อยเด็กเลยมองซะตาเขียวเลย

"ลุคชอบทำแรง"พอปากเล็กๆยื่นออกมา ก็ถูกริมฝีปากอีกคนดูดจ๊วบเข้าให้

"ก็ไม่เห็นบ่น นึกว่าไหวชอบให้ทำแรงๆ"สมิธหน้าแดงแปร๊ดรู้สึกว่าลูคัสจะคุยไปคนละเรื่องกับตน เขาหมายถึงเวลาจูบหรือหอมหรอก แต่ไม่ว่าลุคจะทำเบาหรือแรงเขาก็ยอมหมดนั่นแหละ...แค่เป็นผู้ชายคนนี้เท่านั้น

"งื้อ...ไม่อยากคุยกับพี่แล้ว"เด็กชายซุกหน้าลงกับซอกคอแกร่งเพื่อหนีอาย

"เวลาพี่ไม่อยู่ระวังจะคิดถึง"จบประโยคจากลูคัส เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นมองเขาตื่นๆ

"พี่จะไปแล้วหรอ"น้ำเสียงเศร้าๆของเด็กชายทำให้หัวใจของอีกคนกระตุกไปจังหวะหนึ่ง

"เปล่า เดือนนี้พี่จะอยู่อังกฤษทั้งเดือน อาจเดินทางไปประเทศใกล้ๆแถบนี้บ้างแต่พี่จะพยายามกลับมาหามิทตี้เร็วๆแล้วกัน"ชายหนุ่มพูดเหมือนเอาใจเด็กชาย แต่ความจริงแล้วเขากำลังทำตามใจตัวเองอยู่ต่างหาก ช่วงนี้คาสิโนที่ลาสเวกัสก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาจึงว่างมากกกอดเด็กได้นานหน่อย

"อื้ม"สมิธฉีกยิ้มอย่างดีใจ กอดคอชายหนุ่มแน่นขึ้นไปอีก ลูคัสคิดว่าเด็กอาจจะมีนิสัยน่ารำคาญให้เขาอารมณ์เสียไม่น้อย       



แต่สมิธกลับรู้จักวางตัวและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง รู้ว่าสถานการณ์ไหนควรเข้าใกล้หรือถอยห่าง เรียกร้องเท่าทีเขาให้ได้

เพราะแบบนี้สมิธจึงเป็นคนที่เขาโปรดปราณมากคนหนึ่ง

"เด็กดีของพี่"ลูคัสลูบหัวเด็กชายเบาๆ

"เอ่อ...ลุคเรื่องโรงเรียน"เด็กชายเกริ่นขึ้นเมื่อนึกเรื่องโรงเรียนที่คุยกับเดวิดเมื่อกลางวันออก

"อ้อ พี่ให้โยหามาให้แล้ว โรงเรียนAก็น่าสนใจนะ" สมิธได้ฟังชื่อโรงเรียนก็ภึงกับตาลุก ที่นั่นเป็นโรงเรียนที่มีเชื่อเสียงเป็นอันดับ1ในอังกฤษ พวกเจ้าชายหรือเชื้อพระวงศ์ของอังกฤษก็เรียนแต่ที่นี่ เจ้าชายหรือเศรษฐีจากประเทศอื่นก็พากันมาเรียนที่นี่ เรียกว่าเป็นโรงเรียนเจ้าชายเลยก็ว่าได้...แม้จะอยู่ในระดับนั้น แต่สมิธก็ไม่อยากไปเรียนเลยสักนิด มันคนละโลกกันเกินไป

"ผม...ไม่อยากไปเรียนที่นั่น"เด็กชายบอกอีกคนอย่างที่ใจคิด

"ทำไมล่ะ"ลูคัสเชยคางอีกคนให้สบตาเขาอย่างหาคำตอบ

"มันไม่ใช่สังคมที่ผมเคยอยู่ ผมคนละระดับกับคนที่นั่น"

"มิทตี้ก็ต้องรู้จักปรับตัวสิ นายมีพี่อยู่ไม่ต้องกลัวจะน้อยหน้าใคร"ลูคัสเอ่ยอย่างมั่นใจในอำนาจและเงินตราของตัวเอง เขาไม่มีทางยอมให้ใครก็ตามมาดูถูกคนของเขาได้แน่

"ลุค ไปโรงเรียนRได้ไหม ที่นั่นก็ดีเหมือนกันนะ"ลูคัสหรี่ตาลงนิดๆมองร่างเล็กตรงหน้า โรงเรียนRก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ที่นั่นดันเป็นโรงเรียนประจำ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้สมิธห่างหูห่างตาเขาขนาดนั้น

"ทำไมถึงอยากไปที่นั่น โรงเรียนประจำต้องนอนหอนะ...มิทตี้ไม่อยากอยู่ดับพี่หรือไง?" สมิธนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่นจะค่อยๆอธิบายเหตุผลให้ชายหนุ่มฟัง

"โรงเรียนRมีเด็กจากหลายชนชั้น หลักสูตรก็ดี เพื่อนผมจากที่โรงเรียนก็คิดจะไปต่อที่นั่นหลายคน ได้ฝึกระเบียบวินัยและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น...และถ้าลุคมาอังกฤษผมก็แวะออกมาหาได้แค่ต้องกลับหอให้ทันเวลาที่เขากำหนด อีกอย่างลุคก็ไม่คิดจะค้างกับผมอยู่แล้ว นอนที่ไหนก็เหมือนกัน"ชายหนุ่มสะอึกกับประโยคสุดท้ายของเด็กชาย สมิธรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนและรู้ว่าให้เขาให้ได้แค่ไหน เพราะฉะนั้นน้ำเสียงของเด็กชายจึงเรียบเรื่อยไม่มีแววประชดประชันออกมาเลยสักนิด

"พี่...ขอคิดดูอีกทีก็แล้วกัน"เขายังไม่รับปากในทันที ก็อยากจะตามใจอยู่หรอก แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับเขาโดยตรง คงต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้

"นะลุค...ให้เรียนที่นี่เถอะนะ ยอมทุกอย่างเลย" สมิธไถจมูกเล็กๆกับซอกคอแกร่งไปมาอย่างออดอ้อน โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอีกคนขนลุกเกรียวขึ้นมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง

"มิทตี้ นั่งดีๆ...อืม"ลูคัสพยายามจะห้ามปรามอีกคนเพราะถ้าเขาทนไม่ไหวขึ้นมา คราวนี้สมิธได้เข้าโรงพยาบาลจริงๆแน่

"รับปากก่อน...นะครับ"เด็กชายกดจูบไปตามสันกรามอีกคนอย่างเอาใจ ชายหนุ่มก็เริ่มเคลิ้มกับสิ่งที่อีกคนคอยเอาใจ

"อืม"เพราะทนแรงตื้อกับดวงตากลมโตออดอ้อนนั้นไม่ไหว ในที่สุดชายหนุ่มก็ตกปากรับคำเด็กจนได้

"เย้!รักลุคที่สุด"สมิธชูมืออย่างดีใจก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากบางลูคัสเร็วๆแล้วกอดชายหนุ่มแน่น

"พี่รับปากแล้ว ทีนี้มิทตี้ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำแล้วล่ะ"สมิธเงยหน้ามองชายหนุ่มงงๆ ลูคัสแสยะยิ้มแล้วจับมือเล็กไปกุมเป้าตัวเองที่บางสิ่งมันตื่นขึ้นมาแล้ว

สมิธมองอึ้งๆก่อนจะยิ้มแห้งๆออกมา

"ผมทำไม่เป็น"

"ก็ฝึกสิครับ ตอนนี้เลย"ลูคัสยิ้ม...นั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มคิดว่ารอยยิ้มของคนตรงหน้าดูชั่วร้ายแปลกๆ

+++++++++++++

น้องน่ารักจัง อยากเขียนพาร์แบบนี้ไปอีกหลายๆตอนTT

-อาจมีคนสงสัยเรื่องนามสกุลลูคัส// ชื่อลูคัส ฮาล์น นะคะ แต่เดรทไพรส์ เป็นตระกูลของย่าที่อยู่อังกฤษ ซึ่งทายาทปัจจุบันเหลือแค่สองคน คือ ลูคัส กับ ทศกัณฐ์ แม้ไม่ได้ใช้นามสกุลแต่ก็เป็นคุณชายประจำตระกูล ซึ่งในตอนหลังจากที่ทศกัณฐ์โต เขาก็เพิ่มสกุลของย่าเป็นชื่อกลางเข้าไปเพราะเป็นผู้รับมรดกนะคะ(เฮียลุคไม่เอา ฮีรวยแล้ว)

-ถ้าเปรมจะอัพวันไหน เปรมจะบอกวันล่วงหน้าไว้ในเพจในเฟซบุ๊คนะคะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด7[29/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-03-2018 17:28:47
รอบนี้ ใครจะหลงกลใครกันนะ   :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด7[29/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 29-03-2018 18:47:00
มิทตี้ขี้อ้อนจัง อิพี่หลงแย่เลย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด7[29/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 29-03-2018 22:24:45
ถ้าเป็นคนธรรมดาไอเป็นคุกๆไปแล้ว อห  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.1[01/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 01-04-2018 21:55:42
​​คนโปรด 8.1


สมิธช้อนดวงตาสีฟ้าเข้มมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประหม่า เขายังไม่ประสาในเรื่องแบบนี้เท่าไรนักและยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็เคยเห็นผ่านๆตาที่เวลาที่เพื่อนดูAVกัน

เซ็กส์...คือเรื่องปกติสำหรับคนที่นี่ พวกเขาถูกสอนเรื่องเพศตั้งแต่เด็กๆด้วยซ้ำ เพื่อนเขาหลายคนก็เริ่มมีแฟน เพราะร่างกายวัยนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นหนุ่มเป็นสาวกันมากขึ้น

สมิธมองว่าสิ่งที่ลูคัสทำกับเขามันคือเรื่องปกติของคนรักกัน...อาจจะแปลกที่เขาทั้งคู่เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ซึ่งสมิธก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ความรักมันไม่มีขอบเขตของคำว่าเพศหรอก

"ขยับตัวลงไปนั่งข้างล่างสิเด็กดี"ลูคัสที่เห็นท่าทางเด็กชายดูเก้ๆกังๆก็หอมผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆแล้วเอ่ยบอก สมิธขยับตัวลงจากตักแกร่งอย่างว่าง่าย เขานั่งคุกเข่าลงที่พรมเปอร์เซียเนื้อนุ่มตรงหว่างขาที่อ้าออกนิดๆของชายหนุ่มพอดี

ลูคัสอ้าขาออกอีกเล็กน้อยแล้วกระดิกนิ้วเรียกให้เด็กชายขยับเข้ามาใกล้อีกนิด สมิธก็ทำตามอย่างว่าง่าย

"รูดซิปแล้วเอามันออกมา"ลูคัสส่งสายตาบอกเด็กชายว่ามันที่เขาหมายถึงอะไร และเด็กชายก็ไม่เคยทำเขาผิดหวัง มือเล็กเอื้อมมาปลดหัวเข็มขัดให้เขาช้าๆ ค่อยๆปลดตะขอกางเกงและรูดซิปลง ไรขนอ่อนๆตั้งแต่ใต้สะดือลากลงไปภายใต้อันเดอร์แวร์ทำให้สมิธมองว่าลูคัสช่างเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่มากจริงๆ เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ปกปิดไว้ด้วยอันเดอร์แวร์สีขาวโป่งนูนขึ้นมาจนแทบจะชีหน้าสมิธ เด็กชายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะค่อยเกี่ยวขอบอันเดอร์แวร์ลงช้าๆ มังกรที่อยู่ภายในดีดขึ้นมา แม้จะกึ่งแข็งกึ่งอ่อนตัว แต่เมื่อเด็กชายประเมินด้วยสายตาแล้ว เกรงว่ามือเดียวของเขาจะกำไม่รอบ

"ลองจับสิ ทำเหมือนที่พี่เคยทำให้นาย"ลูคัสเอนตัวพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางผ่อนคลาย ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองเด็กน้อยที่เคลื่อนมือมาจับมังกรเขาช้าๆ ทันทีที่มือสมิธสัมผัส ลูคัสน้อยก็ผงาดขึ้นแทบทันที

สมิธขยับรูดชักสิ่งที่อยู่ในมือตนเองอย่างกล้าๆกลัวๆ พยายามนึกภาพเมื่อตอนที่ลูคัสเคยทำให้แล้วก็ทำตาม ไม่นานมังกรสีแดงคล้ำหัวบานใหญ่ก็ขยายตัวขึ้นจนมือเล็กกำข้างเดียวไม่รอบจริงๆ

"อึก...อมเข้าไป...ดูด แล้วก็รูดเข้าออกเหมือนตอนกินไอศรีมแท่ง ระวังอย่าให้โดนฟัน"ลูคัสกัดฟันข่มความเสียวบอกเด็กน้อย สมิธทำตามที่ชายหนุ่มบอกอย่างไม่อิดออด

ปากเล็กอ้าออกกว้าง ก่อนจะค่อยๆครอบสิ่งที่อยู่ในมือเข้ามาในปาก กลิ่นความเป็นชายลอยคลุ้งอยู่ในปากและจมูกให้ความรู้สึกแปลกใหม่เด็กชาย สมิธอมไปได้เพียงครึ่งท่อนก็หยุดเพราะมันลึกเกินจะรับไหว ทั้งยังใหญ่คับปากเล็ก สมิธช้อนสายตามองลูคัสทั้งน้ำตาคลอ ขืนเข้าไปลึกกว่านี้ได้มีอ้วกแน่ๆ ลูคัสเพียงกระตุกยิ้มพร้อมลูบหัวเด็กชายเบาๆ

"เด็กน้อย ทำได้เท่านี้เองหรอ" สมิธตาลุกวาวนิดๆรู้สึกไม่ชอบใจที่ลูคัสทำเหมือนผิดหวังในตัวเขา เด็กชายฝืนครอบริมฝีปากเล็กให้ลึกขึ้น ก่อนจะห่อปากแล้วขยับปากรูดขึ้นลงตามที่ชายหนุ่มบอก

"อ่ะ...อืมมมห์"สมิธที่เห็นลูคัสครางในลำคอด้วยความสุขสมก็ยิ่งได้ใจ ตั้งหน้าตั้งตาขยับริมฝีปากไม่หยุด แม้เขี้ยวเล็กๆของสมิธจะเกี่ยวเนื้ออ่อนนั้นจนลูคัสสะดุ้งในบางครา การตั้งใจทำมห้เขาอย่างไม่ประสาของเด็กน้อยก็ทำให้เขาเกิดอารมณ์มากขึ้น แต่ทำไปนานหลายสิบนาทีลูคัสก็ยังไม่เสร็จสักที ทำเด็กน้อยชักจะเมื่อยปาก สมิธทำท่าจะผละออกอย่างทนไม่ไหว แต่ชายหนุ่มก็รั้งหัวเล็กเอาไว้แล้วเด้งเอวสวนไปซะเอง สมิธห่อปากเก็บฟัน ทุกครั้งที่ลูคัสไถลตัวตนเข้ามา มันลึกมากจนเด็กชายน้ำตาคลอ ลูคัสผ่อนแรงเมื่อเห็นเด็กตั้งท่าจะร้อง เขาใกล้จะถึงแล้วและจะไม่ยอมให้สวรรค์ล่มเด็ดขาด

"ดูดตรงปลายแรงๆมิทตี้ พี่จะเสร็จแล้ว..ซี๊ด"เด็กชายยอมทำตามอย่างว่าง่าย ดูดหัวเห็ดสีชมพูเข้มแรงๆอย่างที่ลูคัสบอก ลิ้นเล็กกรีดไปตามร่องอย่างไม้รู้ตัว...ลูคัสกระตุกปลดปล่อยออกมาแทบจะทันที สมิธสำลักเพราะไม่รู้จังหวะ น้ำรักพุ่งทะยานไหลสู่ลำคอบางส่วน อีกส่วนเลอะออกมาตามริมฝีปากและคอ

หลังจากที่สมิธถอนปากออก ลูคัสก็ขยับมือกับมังกรของตัวเองให้ปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาให้สุด มันพ่นออกมาป็นระลอกเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของเด็กที่ยังไปค็อกแค็กและดวงตาคู่สวยยังคลอไปด้วยน้ำตาอยู่

ลูคัสที่เห็นสมิธสภาพนี้แล้วอยากจับมาขย้ำหนักๆ มังกรยักษ์ที่น่าจะสงบกลับตื่นตัวจึ้นมาอีกเล็กน้อย ชายหนุ่มสูดลดหายใจระงับอารมณ์ หยิบทิชชู่ใกล้มาเช็ดทำความสะอาดน้องชายแล้วเก็บเข้ากางเกง

ชายหนุ่มหันไปสนใจเด็กน้อยที่พึ่งหยุดไอ เขาโน้มตัวไปอุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งบนตักดังเดิม มือเรียวหยิบทิชชู่เช็ดหน้าให้เด็กชายด้วยความอ่อนโยน สมิธที่เขินกับสายตาร้อนแรงของชายหนุ่มจึงกอดคอแกร่งซุกหน้าลงกับอกกว้าง

"เป็นไร?เขินหรอเรา หึๆ"ลูคัสกดจมูกหอมผมสีเข้มของอีกคนไปหลายที

สมิธยิ่งเขินหนักเข้าไปอีกได้แต่บี้หน้าสวยกับอกกว้างไปมาแก้อาย

"ไม่เอาน่า เดี๋ยวหน้ายับหมด"ลูคัสดึงหน้าเรียวเล็กออกจากอกตนเอง ก่อนจะก้มหน้าจูบปากสีกระจับของอีกคน กลิ่นคาวเล็กๆของน้ำเขายังหลงเหลืออยู่ในปากของเด็กน้อย

มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มบดจูบริมฝีปากเล็กๆของอีกคนแนบแน่นร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม สมิธที่แม้จะตกใจในคราแรก แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามการชักนำของคนตัวโตกว่า ริมฝีปากอิ่มขยับจูบตอบตามอารมณ์วาบหวาม นานหลายนาทีกว่าลูคัสจะยอมถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งเพราะไม่อยากให้อารมณ์ตัวเองเตลิดไปมากกว่านี้...ถึงกระนั้นมือเรียวก็ซุกอยู่ในหางเกงของคนตัวเล็ก เผลอบีบเคล้นสะโพกมนไปหลายที

"ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ไม่เขินแล้ว"ชายหนุ่มยังแซวต่อ ก่อนจะหอมแก้มใสที่แดงระเรื่ออย่างหมั่นเขี้ยว

"บ้า"สมิธทำปากยื่นนิดๆ รู้สึกเถียงไม่ค่อยออก เพราะถ้าลูคัสจะทำจริงๆ ยังไงเขาก็ยอม...

"เอ้า!ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปเรียนแต่เช้า...อ้อ แล้วก็ไม่ต้องไปเองแล้วนะ พี่คนขับรถจะให้คนคอยรับส่งมิทตี้"

"ทำไมล่ะครับ"สมิธถามอย่างสงสัย ปกติเขาเดินทางไปเรียนเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

"พี่มีเหตุผลของพี่ก็แล้วกัน...เอาล่ะเดี๋ยวกระผม จะอุ้มเจ้าชายน้อยไปส่งนะครับ"ชายหนุ่มจับเด็กน้อยอุ้มในท่าเจ้าหญิงแล้วลุกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาก้มหอมเจ้าชายน้อยหลายทีในขณะที่เดินไปตามทาง เรียกเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากเด็กชายไปหลายยก

คล้อยหลังหนึ่งหนุ่มหนึ่งเด็ก ยังมีสายตาของอีกคนที่มองตาหลังคนทั้งคู่เงียบๆ

โยฮันเนสเป็นมือซ้ายของลูคัส เขาติดตามชายหนุ่มคนนั้นไปแทบทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ครั้งนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นโยฮันเนสล้วนรับรู้ เพียงแต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะอยู่อีกมุม...แต่ก็ยังได้ยินเสียงอยู่ดี

ลูคัสดูอารมณ์ดีมากอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น...เหมือนยิ้มและหัวเราะออกมาจากใจชายคนนั้นจริงๆ

 ในวงการธุรกิจเจ้านายเขาคนนี้แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็ไม่สามารถเคี้ยวเขาได้ง่ายๆ ฝีมือและชั้นเชิงต่างๆถูกเขี้ยวกรำมาอย่างหนัก ผู้ชายคนนี้จึงแข็งแกร่งยากที่ใครจะล้มเขาได้ง่ายๆ นั่นจริงหล่อหลอมให้คนผู้นี้มีจิตใจที่ซับซ้อนยากจะหยั่งถึง ใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้มสุภาพนั้น แท้จริงใครจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อกี้ทำเอาใจหายวาบอยู่หลายส่วน ผู้ชายที่เก่งกาจและหยิ่งยโสในศักดิ์ศรีอย่าง ลูคัส ฮาล์น คนนั้นยอมเรียกแทนตัวเองให้ดูต่ำศักดิ์กว่าอีกคน แม้จะเป็นแค่การหยอกล้อเอาใจกันเล่นๆ

แต่ถ้ารู้จักลูคัสมานานมากพออย่างเขา เรื่องแบบนี้แทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย

สมิธ เกรย์เยอร์ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ

++++++++++++

"สมิธ นายมีแฟนรึเปล่า" อยู่ๆเดวิดก็เอ่ยถามเพื่อนที่นั่งทานอาหารข้างๆกันขึ้น สมิธแทบสำลักสปาเกตตี้ที่กินเข้าไปเลยทีเดียว

"ทำไมถามแบบนั้นล่ะ"สมิธกระพริบดวงตากลมโตมองเพื่อนปริบๆ เดวิดที่นั่งใกล้ๆเหมือนโดนดาเมจอย่างรุนแรงจากดวงตาคู่นั้น ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสมิธดูมีเสน่ห์น่ามองขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆเลย

"เอ่อ ก็ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้นายดูอารมณ์ดี น่าตาก็สดใส อย่างกับคนมีความรักแหนะ"เดวิดเกาแก้มนิดๆแก้เก้อสายตาสมิธที่มองตัวเองอยู่

"ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยหรอ ฉันก็ปกติน่า อาจจะอารมณ์ดีที่จะได้เรียนต่อที่เดียวกับพวกนายไง"สมิธเลือกที่จะตอบปัดไป

"นายอารมณ์ดีได้ทุกวันเป็นเดือนเลยเนี่ยนะ อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น"จอนห์นนี่ที่นั่งทานเบอร์เกอร์อยู่อีกฝั่งถามขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่วันที่สมิธมาบอกพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่าจะไปเรียนต่อที่เดียวกันจนวันนี้ก็ผ่านมานับเดือนแล้ว

"บอกมาเถอะน่าว่ามีแฟนใช่ไหม ไม่ต้องอาย ช่วงนี้ไรอันก็ยังคุยกับเจนนี่เลย"จอห์นนี่ยังไล่ต้อนสมิธไม่หยุด หยิบไรอันหนุ่มผมทองตาสีฟ้าหนุ่มหล่อประจำกลุ่มขึ้นมาอ้างบ้าง

"อ่า ก็ไม่ใช่แฟนหรอก"สมิธเกาหลังคอแก้เขิน รอยยิ้มบนใบหน้าเดวิดหุบลงโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่เขาเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ แต่พอได้คำตอบจากอีกคนก็ทำเอาใจเดวิดแกว่งแปลกๆ

"แสดงว่าดูๆกันอยู่หรอ หรือว่าไม่มีสถานะ"ไรอันถามบ้างด้วยความอยากรู้

"ก็ไม่รู้สิ อย่ามาถามเลยน่า กินๆไปเลย"สมิธตัดบทเพื่อน เหลือบเห็นเดวิดดูเงียบๆไปก็จิ้มพายแอปเปิ้ลชิ้นพอดีคำจ่อปากเพื่อน เดวิดเดิมทีที่นอยด์ๆไปเห็นคนข้างๆเอาอกเอาใจก็อารมณ์ดีขึ้นมา จึงอ้าปากรับพายเข้าปาก สมิธก็มองขำๆไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นว่าเพื่อนคุยกันไปเรื่องอื่นแล้วก็เริ่มทานอาหารกลางวันของตัวเองต่อ

ในใจก็คิดไปถึงคำถามของเพื่อนก่อนหน้านี้

แฟนอย่างนั้นหรอ...

ไม่ใช่ว่าสมิธไม่เคยถามลูคัส แต่คำตอบที่ได้รับจากอีกคนทำให้เด็กชายไม่กล้าพูดคำๆนี้อีก

'แฟนงั้นหรอ เรื่องไร้สาระพรรค์นั้นพี่ไม่อยากมีหรอกนะ'ลูคัสพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

'ทำไมล่ะ'

'พี่ไม่คิดจะผูกตัวเองไว้กับใคร...มิทตี้นายก็รู้ว่าพี่ให้นายได้แค่ไหน...เลือกเอาว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไป หรือจะเป็นแฟนอะไรนั่นที่พี่ไม่รู้จัก'

'แต่พี่บอกว่ารัก'

'ก็รักไง แบบที่มิทตี้ต้องการ'

เพราะคำตอบนั้นลึกๆแล้วสมิธก็รู้สึกปวดหน่วงในใจอย่างน่าประหลาด

คำว่ารักของลุคช่างดูล่องลอยไร้ความหมาย

แต่สมิธจะทำอะไรได้...ในเมื่อหัวใจดวงน้อยๆนี้มันรักไปแล้ว

ก็ได้แต่กดส่วนที่เจ็บไว้ให้ลึกสุดในหัวใจ และเลือกที่จะมีความสุขในทุกๆวันกับเขาคนนั้นก่อนจะหมดเวลาของตัวเอง...

+++++++++

สมิธนางเป็นเด็กฉลาดนะเพียงแต่อาจจะแสดงด้านที่เป็นเด็กกับลูคัสมากกว่าปกติเลยไม่ค่อยเห็นมุมความคิดความอ่านนางเท่าไหร่...แต่อย่าลืมว่าแม้จะเด็ก แต่ก็มีหัวใจนะเออ

//เปรมขอมาลงครึ่งแรกก่อน ตอนนี้ค่อนข้างยาว เลยปาดมาลงก่อนครึ่งหนึ่ง ไม่อยากให้รอนาน ❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.1[01/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 01-04-2018 22:03:32
พี่สมิธธธธ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.1[01/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-04-2018 02:14:52
สงสารสมิธจังเลย ไอ้พี่ลู  :3125:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.1[01/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-04-2018 06:44:50
สงสารสมิท รอสมิทโต
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.1[01/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 02-04-2018 11:05:26
ต้องเตรียมผ้าไว้เช็ดน้ำตาแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.2[05/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-04-2018 04:25:46
​​คนโปรด 8.2


"ซัมเมอร์นี้อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า"ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเล่นเกมส์เพลย์จบไปอีกรอบ สมิธวางจอยเกมส์ลงแล้วนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะส่ายหัวให้ชายหนุ่ม

"ไม่มีหรอก ปกติก็ไม่เคยไปที่ไหน"เด็กชายบอกด้วยความซื่อ ทั้งชีวิตมิเชลพาเขาไปเที่ยวไม่เกินสองเมืองจากลอนดอนสักที แล้วเขาก็ไปจนเบื่อแล้วเลยไม่อยากจะไปเท่าไหร่ ถึงคาดหวังว่ามิเชลจะพาไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปอยู่ดี

"ไม่มีเลยจริงๆหรอ"ลูคัสถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปกติเด็กวัยนี้ต้องอยากไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ตามวัยสิ เขาถามโยฮันเนส รายนั้นก็บอกว่าเด็กๆส่วนใหญ่ถ้าถึงช่วงปิดเทอมหน้าร้อนพ่อแม่ก็จะพาไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศบ้าง พักร้อนที่บ้านตากอากาศบ้าง...แต่สมิธนี่สิ

"อื้ม ก็ไม่รู้จะไปไหนนี่นา...แต่ว่า"

"แต่ว่าอะไร?"ลูคัสถามอย่างตั้งใจ

"ผมอยากเจอมิเชล"สมิธมองชายหนุ่มด้วยสายตาคาดหวัง  ลูคัสชะงักไปนิดก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

"ไปทะเลก็แล้วกัน พี่ว่างหนึ่งสัปดาห์พอดี" ชายหนุ่มลูบผมนิ่มเด็กชายเบาๆ สมิธหลุบสายตาลงต่ำก่อนจะพยักหน้าให้อีกคน

"เด็กดีของพี่"ลูคัสรั้งใบหน้าเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะจุมพิตหนักๆบนหน้าผากมน

+++++++++++

"แฮ่กๆ สมิธรับ!"ลูกหนังสีส้มถูกส่งใส่มือเล็กเจ้าของชื่อ สมิธรับลูกมาจากไรอันแล้วเลี้ยงลูกหลบฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

ด้วยเพราะสมิธ เกรย์เยอร์เป็นผู้เล่นที่ตัวเล็กที่สุดในสนาม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้อมร่างบางไว้เพียงสองคนก็บังร่างผอมๆได้จนมิดแล้ว

ถึงแม้จะตัวเล็ก แต่ก็มีความคล่องตัวอยู่มาก ร่างบางขยับเท้ายึกยักไปมาขณะเลี้ยงลูก หลอกล่ออีกฝ่ายโดยการจะขว้างลูกไปอีกทาง ฝ่ายตรงข้ามมองตามแต่กลับไม่เห็นลูก รู้ตัวอีกที่ร่างเล็กก็เลี้ยงลูกอ้อมผ่านพวกเขาไปกระโดดชู๊ตได้สองแต้มมาอย่างสวยงาม

ข้างสนามที่นั่งเชียร์อยู่ถึงกับลุกขึ้นโห่ร้องให้กับสมิธกันสนั่น แม้ไม่ใช่ลูกตัดสิน แต่ฟอร์มการเล่นของเพื่อนร่างเล็กก็โชว์เทพจนไม่น่าเชื่อว่าฝึกเล่นได้แค่สามเดือน

หลังจากจบการแข่งขัน แม้ทีมสมิธจะพ่ายแพ้ไปด้วยคะแนนฉิวเฉียด แต่สมิธก็เป็นหัวข้อที่น่าสนใจของเพื่อนที่เล่นบาสเกตบอลด้วยกันมากกว่า เด็กหนุ่มโดนเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังตั้งแต่ห้องเปลี่ยนชุดยันหน้าโรงเรียน

"เฮ้!สมิธ นั่นใช่รถของที่บ้านนายรึเปล่า"จอห์นนี่ชี้ไปที่รถสีดำคันหรูที่จำได้ว่าช่วงเดือนหลังๆมานี้จะคอยมารับส่งเพื่อนเขาคนนี้ตลอดซึ่งสมิธก็บอกว่าเป็นคนที่พี่ชายให้มาดูแลตอนที่ไม่อยู่

รถคนดังกล่าวที่จอดติดเครื่องอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องหน้าโรงเรียนเรียกดวงตาสีมหาสมุทรให้หันมองตามและขมวดคิ้วนิดๆเมื่อเห็นว่าใช่รถที่เขานั่งอยู่ประจำจริงๆ แต่วันนี้เขาแจ้งจิมมี่ว่าจะกลับเองเพราะคิดจะอยู่เล่นบาสและกะจะไปเดินเล่นต่อกลับเพื่อนหลังจากนั้น

จิมมี่เป็นคนที่ลูคัสส่งมาคอยดูแลหลายๆเรื่องของสมิธทั้งขับรถตามรับตามส่งหรือแม้แต่อาหารการกิน ชายหนุ่มชาวอเมริกันคนนี้เป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด

มือขาวเรียวปลดแขนของเดวิดที่พาดอยู่บนบ่าของตัวเองลงช้าๆ

"ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับเลยก็แล้วกัน"สมิธเอ่ยลาเพื่อน ไหนๆจิมก็อุตส่าห์มารอรับ สมิธก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรอเก้อ

"อ้าว ไหนว่าจะไปย่านGกับพวกฉันล่ะ"ไมเคิลท้วงขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย เขาเป็นเพื่อนคนละห้องกับพวกสมิธ แต่เริ่มมาสนิทกันเพราะการเล่นกีฬาบาส

"ขอโทษนะ...เอาไว้ฉันชดเชยวันหลังนะไมค์"สมิธมีสีหน้าลำบากใจนิดๆทั้งๆที่นัดเพื่อนไว้แล้วแท้ๆเชียว

"เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันพานายไปบอกให้ที่บ้านนายกลับไปก่อนดีไหม ถ้าดึกฉันจะไปส่งนายเอง" เดวิดเอ่ยหาทางออกให้ สมิธก็นิ่งคิดตามเพื่อนก่อนจะพยักหน้าตกลง

เดวิดจับมือสมิธข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่งโดยให้เพื่อนๆที่เหลือยืนรออยู่ที่หน้าโรงเรียน เดวิดจูงมือสมิธพาสมิธจนถึงรถ ร่างเล็กดึงเพื่อนให้อยู่ด้านหลังแล้วชี้มือเข้าหาตัวเองว่าเขาจะเป็นคนพูดเอง ซึ่งเดวิดก็ยอมแต่โดยดี

มือเล็กเคาะกระจกด้านคนขับเบาๆไม่กี่ที กระจกก็เลื่อนลงมาครึ่งหนึ่ง ทำให้เห็นใบหน้าของจิมมี่ได้ชัดเจน

"สวัสดีครับจิม"

"สวัสดีครับคุณสมิธ"แม้จิมมี่จะทักทายเด็กหนุ่มกลับมา แต่ก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนจนสมิธสังเกตได้

"วันนี้ผมบอกจิมไปแล้วนี่นาว่าจะกลับเอง ทำไมจิมถึงมาได้ล่ะครับ มีอะไรรึเปล่า?"เด็กชายเอ่ยถามอย่างสงสัย

"ก็...ไม่มีอะไรหรอกครับ"เขาไม่มี แต่อีกคนนี่สิ

"ถ้าอย่างนั้นจิมกลับไปก่อนเถอะครับ ผมจะไปเดินเล่นต่อกับเพื่อนๆสักพักแล้วค่อยกลับ ถ้าค่ำเกินไปเดี๋ยวเดวิดไปส่ง" สมิธชี้ไปทางเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน ซึ่งเดวิดก็พยักหน้ายืนยัน

"เอ่อ..." จิมมี่ไม่รู้จะพูดให้เด็กหนุ่มเข้าใจยังไง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านี้ เสียงเรียบเย็นก็ดังขึ้นราวกับฟ้าผ่า

"ไม่ต้องไป มาขึ้นรถได้แล้วมิทตี้"สมิธสะดุ้งกับเสียงที่สามที่ดังแทรกขึ้นมาเหมือนหมดความอดทน จิมมี่เลื่อนกระจกลงจนสุดทำให้สมิธสามารถมองเข้าไปในรถได้อย่างชัดเจน เห็นลูคัสที่นั่งอยู่เบาะหลังจ้องมาทางเขาไม่วางตา

"ลุค...พี่ไม่เห็นบอกว่าจะมา"เมื่อหายตกใจเด็กหนุ่มก็เอ่ยถามชายหนุ่มเจ้าของชื่อด้วยความแปลกใจ

"พี่มีหน้าที่ต้องคอยรายงานนายตั้งแต่เมื่อไหร่" ลูคัสยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างดังเดิม ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีรอยยิ้มแต้มอยู่อย่างเคย

เพราะสีหน้าและน้ำเสียงของลูคัสก่อให้เกิดมวลความรู้สึกบางอย่างวูบวาบขึ้นมาสมิธรู้สึกแน่นไปทั้งอกจนรู้สึกหายใจไม่ถนัด เหมือนหัวใจมันถูกของมีคมกรีดบางๆจนเลือดซิบ

สมิธหลับตาข่มความรู้สึกกลั้นบางสิ่งไม่ให้ไหลออกจากดวงตาคู่สวย

ร่างเล็กหันหลังกลับไปหาเพื่อนก่อนจะเอ่ยลาเสียงแผ่ว

"วันนี้ไปด้วยไม่ได้แล้ว ขอโทษนะเดวิด"

"สมิธ!นาย..."เดวิดที่เห็นใบหน้าซีดๆและดวงตาแดงๆของเพื่อนก็เอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจ เขาทำท่าจะหันไปเอาเรื่องอีกคนที่ทำให้เพื่อนเขาเป็นแบบนี้อย่างไม่สนว่าตัวเองจะเคยกลัวผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน แต่สมิธกลับจับแขนเขาไว้แน่น และส่งสายตาขอร้องที่ดูน่าสงสารจนอยากจะดึงอีกฝ่ายมากอดปลอบแน่นๆ แต่สายตาผู้ชายคนนั้นที่มองมาก็แทบจะฆ่าเขาให้ตายอยู่รอมร่อ

"ไว้คราวหลังนะ ฝากขอโทษทุกคนด้วย บาย" สมิธฝืนยิ้มให้เพื่อนก่อนจะโบกมือลาแล้วหันหลังก้าวขึ้นรถไป

เดวิดมองตามท้ายรถคันหรูไปจนสุดสายตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกเป็นห่วงสมิธมากเหลือเกิน

++++++++++++

หลังจากที่สมิธก้าวขึ้นรถและรถออกตัวมาได้สักพัก ภายในรถกลับเงียบสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ลูคัสนั่งหน้าตึงแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมาเป็นระยะ หางตาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่อีกมุม หัวคิ้วชายหนุ่มกระตุก ความรู้สึกหงุดหงิดใจก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ

เขาหงุดหงิดตั้งแต่เห็นสมิธเดินออกจากโรงเรียนกับเพื่อนที่กอดคอเกี่ยวแขนอย่างถึงเนื้อถึงตัว ทั้งที่รู้ว่ามันเรื่องปกติของเด็กผู้ชาย

หงุดหงิดที่ไอ้เด็กนั่นกล้าจับมือคนของเขาเดินมาหาเขาถึงที่

และโคตรหงุดหงิดที่รู้สึกว่ามันอาลัยอาวรณ์กันเหลือเกิน กว่าจะล่ำลากันได้

แล้วนี่ยังมาเงียบใส่เขาอีก...เขาคงใจดีเกินไปใช่ไหม สมิธถึงได้กล้าออกนอกลู่นอกทางขนาดนี้

เห็นทีต้องกำราบให้เข็ดหลาบ...

ทางด้านสมิธที่เอาแต่นั่งเงียบเพราะยังรู้สึกหน่วงๆในใจไม่หายกับคำพูดของลูคัสอยู่

เขากลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปแล้วไม่ถูกใจอีกคนจะถูกเย็นชาใส่ยิ่งกว่าเดิม เพราะแค่นี้ก็กลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ไหวแล้ว

หลังจากถึงเพ้นท์เฮาส์ต่างคนต่างก้าวเข้าลิฟท์โดยไม่มีใครปริปากออกมาก่อนจนกระทั่งถึงห้อง ลูคัสก็ใช้สายตาไล่ลูกน้องเงียบๆ จิมมี่จึงรีบหลบไปอีกด้านของห้องทันที

"เอาของไปเก็บแล้วไปหาพี่ที่ห้อง"พูดจบชายหนุ่มก็เดินแยกไปที่ห้องตัวเองทันที สมิธเม้มปากนิดๆอย่างอึดอัด

ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ

เด็กหนุ่มนำกระเป๋าไปเก็บอย่างว่าง่าย เขาล้างหน้า ล้างมือและล้างเท้าให้สะอาดก่อนไปหาลูคัส เพราะรู้ว่าอีกคนรักความสะอาดแค่ไหน

สมิธเคาะประตูห้องลูคัสสองสามครั้ง ก็ได้ยินเสียงคนในห้องอนุญาตให้เข้าไป มือบางโยกคันโยกประตูก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตาม

เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบลูคัสนั่งหน้านิ่งรออยู่ที่ปลายเตียงแล้ว

"มานี่สิ" เมื่อลูคัสเห็นเด็กน้อยยืนนิ่งอยู่หน้าประตูจึงเอ่ยเรียกอีกคนให้ขยับเข้ามาใกล้ๆตนเอง เด็กชายมีท่าทีลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็ได้แต่ขยับเท้าเดินไปหาคนสั่ง

เมื่อก้าวไปถึงระยะห่างกันประมาณหนึ่งช่วงแขนชายหนุ่ม สมิธก็ลอบมองสีหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่เคยเจอกับลูคัสที่เป็นแบบนี้มาก่อน

"พี่เรียกผมมา มีอะไรรึเปล่า"น้ำเสียงที่เคยออดอ้อนของสมิธ แปรเปลี่ยนเป็นราบเรียบโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว

ลูคัสใช้ลิ้นดุนแก้มเหมือนทุกครั้งที่เขาพยายามกลั้นความหงุดหงิดแต่สุดท้ายก็สะกดเอาไว้แทบไม่อยู่ ชายหนุ่มจึงกระชากร่างเล็กเข้าหาตัวอย่างแรง ก่อนจะกดกายบางลงจากเตียงแล้วเขาก็ตามคร่อมทับอีกคนไว้อย่างรวดเร็ว

"อ๊ะ...ลุค!พี่จะทำอะไร"เด็กหนุ่มถามด้วยความตกใจปนหวาดหวั่น ขยับแขนทั้งสองข้างให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่อีกฝ่ายตรึงไว้ด้วยมือเดียว

"วันนี้รู้ตัวไหมว่านายทำพี่หงุดหงิดมากแค่ไหน"

"ผมทำอะไร?" สมิธถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจว่าเขาไปทำให้อีกฝ่ายโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่

"ทำไมเลิกเรียนแล้วไม่กลับบ้าน?ทำไมปล่อยให้ไอ้เด็กผมทองนั่นนัวเนียขนาดนั้น ชอบมันนักรึไง!"

"ลุค!เดวิดเป็นเพื่อนผม!เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยต่อกัน"

"เพื่อนที่เอากันด้วยรึเปล่า!"ลูคัสว่าอย่างใส่อารมณ์ ไม่ฟังเหตุผลที่อีกคนอธิบายใดๆทั้งสิ้น

"พี่อย่ามายัดเยียดความคิดต่ำๆของพี่ให้ผม!"

เพียะ! ใบหน้างามหันไปตามแรงตบ แก้มซ้ายชาไปทั้งแถบก่อนที่ความเจ็บจะค่อยๆตีตื้นขึ้นมา น้ำตาเม็ดโตร่วงผล็อยออกมาจากดวงตาคู่สวย

สมิธหันหน้ากลับมามองอีกคนทั้งน้ำตา ลูคัสก็มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลยสักนิด

"ผมเกลียดพี่"สมิธพูดเสียงแผ่วทั้งน้ำตา "ได้ยินไหมว่าผมเกลียดพี่!! อื้ออ!"ลูคัสที่ได้ยินคำว่าเกลียดคำแรกก็รู้สึกจี๊ดๆที่อก แต่พอสมิธเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกรอบก็ทำเส้นความอดทนเขาขาดสะบั้นลงทันที

ริมฝีปากบางชายหนุ่มกระแทกจูบปิดปากอีกคนไม่ให้เอ่ยประโยคใดๆออกมาได้อีก ลูคัสขบเม้มริมฝีปากอิ่มของสมิธอย่างดุดัน  

มือเรียวบีบกรามอีกคนจนร่างเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ชายหนุ่มได้โอกาสส่งลิ้นเข้าไปซอกซอนโพรงปากหวาน ลิ้นร้อนพยายามไล่ต้อนเกี่ยวพันลิ้นเล็กที่หลบหนีลิ้นเขาราวกลับรังเกียจ นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มบดจูบระบายโทสะกับปากอิ่มเล็กมากยิ่งขึ้นไปอีก สมิธร้องไห้และขัดขืนแต่ก็สู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้เลยสักนิด รสเค็มปร่าในปากทำให้เขารู้ว่าตัวเองปากแตกแล้วเป็นแน่

แก้มก็เจ็บ ปากก็เจ็บ...หัวใจยังเจ็บ

ลูคัสทั้งดูดและกัดปากเล็กจนริมฝีปากอีกคนบวมเจ่อแต่เขาก็ไม่ได้หยุดยั้งการกระทำของตัวเองเลยสักนิด

กลับกันชายหนุ่มยังใช้มือข้างเดียวถอดเข็มขัดตัวเองออกก่อนจะนำมามัดมือทั้งสองข้างของสมิธจนแน่น

ลูคัสจูบปากอีกคนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ให้พักหายใจ มือที่ว่างฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่ติดกายสมิธออกอย่างหยาบคายไร้ความอ่อนโยน

ริมฝีปากบางของลูคัสเคลื่อนห่างออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำมาทีต้นคอระหงแทน

เขากัดลงไปเต็มแรงจนเด็กชายร้องลั่น ลูคัสทั้งกัดแล้วดูดแรงๆจนห้อเลือด ลำคอขาวๆเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กที่แดงช้ำจนน่ากลัว

ชายหนุ่มเหลือบสายตามองใบหน้าเล็กที่ยังร้องไห้ไม่หยุด คราวนี้เขาไม่คิดจะผ่อนแรง เพราะเขาตั้งใจทำเพื่อลงโทษอีกคนให้หลาบจำ

ลูคัสอ้าขาเรียวออกกว้าง สมิธที่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรกับตนก็ดิ้นรนขัดขืนอย่างไม่ยอม ขาเล็กปัดป่ายไปมาจนลูคัสต้องใช้ขาตัวเองกดขาสมิธไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างก็ใช้มือจับให้อ้าออกกว้าง

"จำครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน ให้รู้ไว้ว่าที่พี่ทำกับนายแบบนี้เพราะนายทำตัวเอง"พูดจบชายหนุ่มก็สอดนิ้วเรียวยาวที่ไร้ตัวช่วยหล่อลื่นใดๆทั้งสองนิ้วยัดพรวดเข้าสู่ช่องทางสีหวานของสมิธทันที

"อ๊ากกกก"สมิธร้องด้วยความเจ็บ ช่องทางด้านหลังตอดรัดสิ่งแปลกปลอมโดยอัตโนมัติ แต่ลูคัสก็ยังฝืนขยับนิ้วไม่สนใจเสียงขอร้องอ้อนวอนจากอีกคนเลยสักนิด

"พอแล้วลุค ฮืออออ เจ็บแล้วๆ ฮึก"ลูคัสสอดนิ้วที่สามเข้าไปแล้วขยับนิ้วชักเข้าออกรัว

"จำรึยังมิทตี้"เขาเอ่ยถามขณะที่กำลังขยับนิ้วเข้าออกไม่หยุด

"จำแล้วครับ พอแล้ว ฮือออ"สมิธเจ็บยิ่งกว่าครั้งแรกที่ลูคัสทำซะอีก ครั้งนี้เขาไม่เต็มใจและลูคัสป่าเถื่อนจนเขาเจ็บไปทั้งกาย

"เด็กดีของพี่ไหนบอกมาซิ ว่าควรจะทำยังไงให้พี่พอใจ" รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม

"ฮึก...ผมไม่รู้...ฮือออ"

"นายต้องรู้!"ลูคัสขยับกดนิ้วเข้าไปด้านในแรงขึ้นกว่าเดิมจนร่างบางร้องเสียงหลง

"ผมยอมคุณแล้ว ฮึก ยอมทุกอย่างจริงๆ"

"ดี! จำคำของตัวเองไว้ให้ขึ้นใจ นายเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น อย่าให้พี่เห็นเหตุการณ์แบบวันนี้อีก ถ้ามีพี่จะทำยิ่งกว่านี้...และนายจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีก จำไว้!"จบประโยคของชายหนุ่ม สมิธก็สัมผัสได้ว่านิ้วมือที่อยู่ช่องทางนั้นถูกถอดออกไปและถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นเข้ามาแทนโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

"อ๊าา ลุค..."สมิธพูดไม่ออก มันเจ็บจนแทบจะสลบไป

"ถึงนายจะรู้ว่าผิด แต่การลงโทษก็จะยังมีต่อไป"ลูคัสขยับสะโพกแต่ก็ขยับไม่ได้ดังที่ต้องการ เพราะแรงรัดจากอีกคน

"ถ้านายเกร็ง นายจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้นเลยนะ"ลูคัสโน้มตัวไปกระซิบข้างใบหูเล็กก่อนจะกดจมูกลงกับแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

สมิธส่ายหน้าไปมาเพราะไม่สามารถรู้สึกผ่อนคลายได้เลย แม้ลูคัสจะช่วยสาวแก่นกายเล็กขนาดพอดีของเขาแต่สมิธก็ไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมได้จริงๆ

สุดท้ายลูคัสก็ฝืนขยับ ไม่ได้สนใจเสียงร้องที่ดังระงมเพราะความเจ็บปวดของสมิธเลยสักนิด เสียงเฉอะแฉะที่ช่องทางนั้น และเสียงกายเนื้อที่กระทบกันพั่บๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมๆความเจ็บปวดของร่างเล็ก ชายหนุ่มยังคงขยับเอวเป็นจังหวะคงที่ จับร่างบางที่เลิกขัดขืนเพราะไร้เรี่ยวแรงแล้วพลิกตัวเปลี่ยนท่าไปมาตามอารมณ์ที่เขาต้องการ

.

.

.

ลูคัสขยับสะโพกสอบรัวเร็วในจังหวะสุดท้ายใส่ช่องทางที่บวมช้ำอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะกระตุกปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาเป็นรอบที่สาม น้ำสีขาวขุ่นจางๆไหลทะลักออกมาเต็มถุงยาง เขาสาวสะโพกต่ออีกสามสีทีแล้วค่อยถอนตัวออกมา

สมิธสลบไปเป็นรอบที่สอง ชายหนุ่มกวาดสายตามองร่างเล็กที่เต็มไปด้วยรอยจูบที่บางแห่งม่วงช้ำจนน่ากลัว ดวงหน้าเล็กๆที่หลับสนิทไปมีคราบน้ำตาเกาะอยู่ไม่น้อย ช่องทางสีหวานที่แดงช้ำและบวมขึ้นเพราะโดนเขาทรมานร่วมสามชั่วโมง

ครั้งนี้เขารุนแรงมากจริๆ ยอมรับว่าโมโหมากแต่ทุกอย่างที่ทำไปลูคัสล้วนมีสติอยู่ตลอดเวลา

อาจจะโดนเกลียดอย่างที่ปากเล็กๆนี่พึมพำด่าทอ แต่เขามั่นใจว่ายังไงสมิธก็ยังรักเขาอยู่ดี

ความรักมักทำให้เราแพ้เสมอ

และเขาจะไม่มีวันเป็นผู้แพ้

+++++++++++++

​ตอนนี้แต่งจนเกือบโต้รุ่ง ฮ่า กราบใจความชั่วของอิพี่ เขียนเองเกลียดเองคิดดูเอา :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.2[05/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 04:33:22
บอกตรง ๆ ตอนนี้เมนต์ไม่ออกอ่ะ ทำได้เพียง  :beat: :z6: :13223: :โป้ก1: :pigangry2: :z4: :fcuk: :fire: :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.2[05/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 05-04-2018 10:35:42
คนแต่งสู้ๆนะคะ  :pig4: :3123: :กอด1:
สิ่งที่นางทำนางยังคิดว่ายังเป็นการอยากเอาชนะอยู่หรอ ใครกันแน่ที่จะแพ้ในอนาคต ฮึ่ยยยย น้องออกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทำร้ายน้องทำไม :beat: :angry2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.2[05/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaratree2528 ที่ 07-04-2018 23:31:37
 :z3: :z3: :katai1: สงสารสมิทจัง รอๆมาไวไวนะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด8.2[05/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-04-2018 16:45:28
 โอ้โห!ดูนสงทำ ขอ :z6: :z6: แล้วก็ :beat: ปิดท้าย :z6: :z6: สักหน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด9[12/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-04-2018 01:51:37
​​คนโปรด 9



"เขาเป็นยังไงบ้าง"

(หลังทานอาหารทานยาเสร็จก็นอนต่อเลยครับ)จิมมี่รายงานเจ้านายผ่านสายโทรศัพท์

"เขาได้พูดอะไรไหม?...ได้ถามหาผมรึเปล่า"

(ไม่ได้พูดอะไรเลยครับนาย ผมถามอาการก็พูดคำตอบคำครับ)

"เหรอ...ช่างเถอะ ดูแลเขาให้ดีๆก็แล้วกัน...สัปดาห์นี้ยังไม่ต้องให้เขาไปเรียน"ลูคัสถอนหายใจหนัก ก่อนจะเอ่ยย้ำลูกน้องให้ดูแลคนของเขาให้ดี

"ครับนาย"จิมมี่รับคำแล้วรอให้เจ้านายกดวางสายไปก่อน

"ถ้าห่วงขนาดนั้นก็ไม่น่ารีบจากมาเลยนะครับ"โยฮันเนสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูคัสเงียบไปพักใหญ่ๆหลังจากวางสายจากจิมมี่

"ก็ไม่ได้อยากจะมานักหรอก"ลูคัสเสยผมสีบลอนด์ทองที่ยาวประบ่าของตนเองอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่ต้องมาจัดการไอ้คนที่ต้องการลองของกล้าโกงการเล่นพนันในคาสิโนของเขา ลูคัสคงไม่ต้องถ่อจากอังกฤษมาอเมริกาในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ระหว่างเขากับสมิธแบบนี้หรอก

"คุณสมิธเธอยังเด็ก ถ้าง้อสักหน่อยเธออาจจะหายโกรธก็ได้นะครับ"โยฮันเนสเอ่ยแนะเจ้านาย ในสถานการณ์ที่โดนกระทำแบบนี้ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว...หรือแค่คำว่าโกรธอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ

"ง้ออะไร? ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ...มิทตี้เป็นคนของผม คนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง และเขาผิดที่ไม่รู้จักสงวนร่างกายตัวเอง...มองผมแบบนั้นหมายความว่าไงโย?"ลูคัสเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทมองตนเองอย่างแปลกใจ

โยฮันเนสเหมือนได้สติคืนมาจึงเอ่ยถามเจ้านายด้วยน้ำเสียงไม่เป็นธรรมชาติ

"เอ่อ...ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับนาย"

"อืม"

"ตอนที่นายเห็นคุณสมิธอยู่กับคนอื่น นายรู้สึกไม่ชอบใจหรือหงุดหงิดใช่ไหมครับ"

"ใช่"ลูคัสยอมรับออกไปตามตรง

"บ่อยครั้งที่นายมองไปยังสิ่งต่างๆแล้วจะคิดถึงคุณสมิธขึ้นมาใช่ไหมครับ" ลูคัสนิ่งคิดไปก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้อง

"และตอนนี้ที่คุณสมิธไม่สบาย นายท่านก็รู้สึกเป็นห่วง และกระวนกระวายอยากกลับไปหาคุณสมิธที่อังกฤษใช่ไหมครับ"

"คุณจะสื่ออะไรกันแน่โย?"

"ถ้าผมพูดอะไรบางอย่างออกไป นายจะไม่ชักปืนมายิงผมใช่ไหมครับ"โยฮันเนสยิ้มมุมปากนิดๆ แต่ในน้ำเสียงก็มีความหวาดกลัวว่าจะนายจะทำอย่างที่เขาพูดรึเปล่า

"พูดมา"

"ผมคิดว่านายอาจจะ...ชอบคุณสมิธ"

"..."

"..."

จบประโยคของโย ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบลงในทันใด เงียบชนิดที่โยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นถี่ขึ้นด้วยความหวั่นเกรงอารมณ์จากเจ้านาย

"ไม่มีทาง"ลูคัสพูดเสียงเครียดราวกับจะยืนยันในคำพูดของตัวเอง

คำว่าชอบของเขาและโยฮันเนสไม่เหมือนกัน หากลูคัสชอบหรือถูกใจใคร นั่นหมายความว่าเขาต้องการคนๆนั้นมาอยู่ในความสัมพันธ์ที่ผิวเผิน

กลับกันกับคำว่าชอบของโยฮันเนส ที่สื่อความหมายคำว่าชอบในลักษณะลึกซึ้งกับคนๆหนึ่ง

"ผมอาจจะแค่หลงเขาไปชั่วขณะ สมิธยังสดใหม่นะโย" ลูคัสหาเหตุผลมาขัดแย้งในสิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับ

"ความหลงก็แปรเปลี่ยนเป็นความชอบหรือรัดได้ทั้งนั้นแหละครับ...อีกอย่าง ผมหาคู่นอนที่บริสุทธิ์มาให้นายก็ตั้งหลายคน ไม่เห็นนายจะ 'หลง' เป็นพิเศษเหมือนคนนี้" ลูคัสกัดฟันกรอดอย่างเถียงไม่ออก

"โย!!!"โยฮันเนสรีบหุบปากลงทันที เมื่อเห็นว่าอารมณ์เจ้านายจวนเจียนจะระเบิดเต็มทีอย่างที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนักสำหรับคนเก็บอาการเก่งอย่างลูคัส

"ผมขอโทษครับ"โยฮันเนสเอ่ยอย่างสำนึกผิดเมื่อเห็นว่าตัวเองชักจะพูดลามปามเจ้านายเกินไป

"ไปหามา"อยู่ๆลูคัสก็เอ่ยห้วนๆทะลุกลางปล้อง

"ครับ?"โยฮันเนสรับคำอย่างสงสัยแต่ไม่กล้าถามออกไปให้เจ้านายเป่าหัวทิ้ง ณ อารมณ์นี้ของลูคัส เขาไม่กล้าตอแยด้วยจริงๆ

"หาคนที่เหมือนสมิธ เอาให้เหมือนที่สุด...ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่ามันไม่จริงอย่างที่คุณว่า"

"ครับนาย"โยฮันเนสก้มหัวรับคำสั่ง ในใจพลางคิดอย่างสงสัยว่า...แล้วถ้านายเกิดรู้สึกอย่างที่เขาพูดขึ้นมาจริงๆล่ะ...ท่านจะทำยังไงต่อไป?

ถึงเวลานั้นหวังว่ามันคงจะไม่สายไปหรอกนะ...

+++++++++++++

"สมิธนายโอเครึเปล่า ช่วงนี้ดูผอมๆแล้วก็ซึมไปเยอะเลยนะ"เดวิดเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง หลังจากที่สมิธหยุดเรียนไปทั้งสัปดาห์ เจอกันอีกทีสมิธก็เซื่องซึมและเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ความสดใสและรอยยิ้มร่าเริงที่มีติดบนใบหน้าเล็กเสมอก็หายไป

"หืม?ฉันโอเค" สมิธบอกขณะเปลี่ยนชุดลำลองเป็นชุดพละเตรียมเข้าวิชาถัดไป เพื่อนๆคนอื่นเดินออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเดวิดที่รั้งอยู่รอสมิธที่เปลี่ยนชุดอย่างเชื่องช้า

"แน่ใจนะ?...นายบอกฉันได้ทุกเรื่องนะสมิธ"เดวิดจับไหล่เพื่อนแล้วพลิกมาเผชิญหน้ากับตนเองก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง

"เดวิด...บางทีฉันอาจจะไม่ได้ไปเรียนต่อที่เดียวกับนายแล้วก็ได้นะ"สมิธเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ

"เกิดอะไรขึ้น!? นายมีปัญหาอะไร...หรือว่าทะเลาะกับพี่ชาย?"

"ก็มีนิดหน่อย"สมิธก้มหน้านิดๆอย่างไม่อยากจะนึกถึง

"เพราะเรื่องวันนั้นนั้นหรอ?"เดวิดคาดเดาสาเหตุ วันที่เขากับสมิธเดินไปที่รถวันนั้น ดูท่าพี่ชายสมิธจะไม่พอใจอยู่พอสมควร

"หลายๆเรื่องน่ะ...นี่เดวิด ถ้านายโดนคนที่รักมากๆทำร้ายร่างกายแล-...หรือจิตใจ นายจะยังสามารถรักเขาต่อไปได้ไหม?"



"ฉัน...ไม่รู้ แต่ว่าความรักมันจะเลิกได้ง่ายๆอย่างนั้นหรอ"เดวิดตอบไม่ถูก เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน

"นั่นสิ ถ้าเลิกรักได้ง่ายๆอย่างที่อยากให้เป็นโลกนี้ก็คงไม่มีคนอกหักแล้วล่ะ...ไปกันเถอะเรากำลังจะสายแล้ว"สมิธเดินนำเพื่อนชายออกจากห้อง โดยไม่ได้ไขความกระจ่างให้อีกคนที่เดินตามหลัง

++++++++++++

"วันนี้ทานน้อยอีกแล้วนะครับ"จิมมี่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสมิธทานอาหารได้ไม่เกินสิบคำก็วางช้อนส้อมลงแล้วดื่มน้ำตาม แม้อาหารแต่ละอย่างที่เขาสั่งซื้อมาจะเป็นของโปรดของร่างเล็กตรงหน้าก็ตามที

"ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ"สมิธฉีกยิ้มนิดๆอย่างไม่ต้องการให้จิมมี่คะยั้นคะยอให้เขาทานเพิ่มอีก เขาฟังประโยคพวกนี้มาเป็นสิบๆครั้งในรอบสัปดาห์แล้ว

"คุณสมิธผอมลงไปมาก ถ้านายมาเห็นสภาพคุณตอนนี้ ท่านเอาผมตายแน่"จิมมี่พูดทีเล่นทีจริง แต่เวลาที่เขาพูดถึงเจ้านายทีไรเด็กคนนี้ก็จะเงียบลงไปถนัดตา

"ก็ไม่เห็นว่าเขาจะมาดูผมเลยนี่"สมิธพูดเสียงขื่น ดวงตาคู่สวยสีฟ้ามหาสมุทรฉายแววความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ เศร้า และโหยหาในเวลาเดียว

"นายดูคุณอยู่ตลอดนะครับ"จิมมี่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปล้วนเป็นความจริง ในทุกๆวันนอกจากหน้าที่ดูแลสมิธแล้ว เขายังมีหน้าที่ถ่ายภาพอริยบทต่างๆประจำของเด็กคนนี้ส่งให้เจ้านายเขาอีกด้วย

เรียกว่าจับตาดูอยู่ทุกวันก็ว่าได้

"เขาเบื่อผมแล้วรึเปล่าจิม"น้ำเสียงเศร้าๆของสมิธทำให้จิมมี่อดรู้สึกเวทนาไม่ได้ แต่จิมมี่เป็นแค่ลูกน้อง เขาไม่มีสิทธิ์คิดหรือตอบคำถามแทนเจ้านาย

"ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรผิด แต่ถ้าเขาบอกว่าผมผิดผมก็จะยอมผิด...ฮึก ต่อให้เขาทำร้ายผมมากแค่ไหนผมก็ยังให้อภัย ฮึกๆ หรือต่อให้เขาไม่รักผมแล้ว ผมก็ยังรักเขาอยู่ดี"สมิธพูดทั้งนั้นตาอย่างอัดอั้นตันใจฟันขาวกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นสะอื้น

ทั้งๆที่พยายามจะเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายเมื่อความเจ็บปวดมันกัดกินหัวใจลงทุกวัน ความเหงา ความโดดเดี่ยว และความบอบช้ำทางด้านจิตใจ ทำให้สมิธรู้สึกแย่ลงในทุกๆวัน...ทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้นะ

"ฝากบอกเขาได้ไหม ฮึก ผมจะเป็นเด็กดีฮึกๆจะไม่ดื้อเลย ไม่โกรธแล้วด้วย กลับมาหาผมได้ไหม ฮือออ"สมิธขอร้องจิมมี่ทั้งน้ำตา

"อย่าร้องเลยนะครับ"จิมมี่เดินอ้อมไปหาสมิธ นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กชายที่นั่งร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ มือหนาหยิบทิชชู่เช็ดน้ำตาให้ร่างบางอย่างสงสาร

"ฮือออออ"สมิธกัดริมฝีปากร้องไห้โฮ ยิ่งจิมมี่ปลอบ เด็กหนุ่มก็ยิ่งหลั่งน้ำตาหนักขึ้นกว่าเดิม จิมมี่จึงทำเพียงเช็ดน้ำตาให้อีกคนเงียบๆ ได้แต่หวังว่าร่างบางจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง...

อีกด้านหนึ่ง...ลูกน้องของลูคัสอีกคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของจิมมี่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรออกรายงานผู้เป็นนาย

+++++++++++++

วันต่อมา...

"คุณสมิธ!ผมมีข่าวดีจะบอกล่ะครับ"จิมมี่เอ่ยขึ้นอย่างดีใจจนลืมกล่าวทักทายเด็กหนุ่มหลังจากขึ้นมานั่งบนรถ

"อะไรหรอครับ?"สมิธถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ใบหน้ายังคงดูหม่นหมองหลังจากเสียน้ำตาอย่างหนักไปเมื่อวาน

"สัปดาห์หน้า วันที่คุณสมิธรับวุฒิจบการศึกษา...นายท่านจะมาดูด้วยนะครับ!"

"จ จริงหรอ?"สมิธถามย้ำอีกครั้งอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ

"จริงครับ ท่านโทรมาบอกผมเมื่อเช้านี้หลังจากที่ผมมาส่งคุณสมิธนี่แหละครับ"

"แล้วลุค ได้พูดอะไรอีกไหม?" สมิธสบดวงตาจิมมี่ผ่านกระจกมองหลังด้วยความรู้สึกคาดหวัง

"ท่านฝากบอกให้คุณสมิธดูแลตัวเองให้ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์...ท่านเป็นห่วง" สมิธฉีกยิ้มกว้างในรอบสองสัปดาห์ แค่ลูคัสบอกว่าจะมาหาแค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว

ความโกรธ ความน้อยที่มีอยู่ก่อนหน้านี้มลายหายไปแทบจะหมด

เพราะสมิธไม่เคยเกลียดใครเป็นจริงเป็นจังได้สักที เป็นประเภทที่โกรธง่ายหายเร็ว แค่ทำดีด้วยหน่อยเขาก็แทบจะลืมความโกรธเหล่านั้นไปง่ายๆ

"ผมดีใจมากเลยจิม"สมิธยิ้มตาหยี แทบนับวันรอที่ลูคัสจะมาหาเขาไม่ไหวแล้ว

++++++++++++++

"สมิธนายมองหาอะไร?" จอนห์นนี่ถามขึ้นอย่างอดความสงสัยไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กชะเง้อคอมองไปทางที่ผู้ปกครองนั่งหลายทีแล้ว

"ฉันหาพี่ชายฉันอยู่ พวกนายเห็นไหม?ใกล้จะได้ขึ้นไปรับใบประกาศแล้ว ฉันอยากให้ลุคเห็น"สมิธพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

"เดี๋ยวฉันช่วยดูให้"ไรอันที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มก็ยืดตัวมองหาช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่เห็น

"พี่ชายนายไม่มาแล้วรึเปล่า"เดวิดพูดขึ้น ทำให้สมิธหน้าเศร้าไปในทันทีจนเดวิดรู้สึกผิด

"ฉันขอโทษ...บางทีเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้"เดวิดเอ่ยขอโทษและปลอบใจสมิธออกไป

"ไม่เป็นไร บางทีเขาอาจไม่มาแล้วอย่างที่นายพูดก็ได้"สมิธพูดเสียงเศร้าแต่ก็ยังฝืนส่งยิ้มให้เพื่อน

ไม่นานหลังจากนั้นคุณครูก็เอ่ยชื่อนักเรียนที่จบเกรดหกขึ้นไปรับวุฒิเป็นแถวหน้ากระดาน จวบจนกระทั่งจบพิธีการ คนที่สมิธหวังว่าจะได้เห็นหน้าก็ยังไม่มา...

+++++++++++

"นายท่านอาจจะติดธุระด่วนอยู่ก็ได้นะครับ คุณสมิธอย่าโกรธท่านเลย"เป็นจิมมี่อีกครั้งที่ทำหน้าที่ปลอบใจสมิธ

"ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมผิดหวังและเสียใจ"แม้สมิธจะไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านสีหน้า แต่น้ำเสียงสั่นๆของเด็กหนุ่มทำให้จิมมี่รู้ว่าสมิธต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการอดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้น บอดี้การ์ดหนุ่มจึงไม่ได้เซ้าซี้ในเรื่องนี้ต่ออีก

"นี่ก็เลยเวลาทารอาหารกลางวันมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผมพาไปหาอะไรกินนะครับ"

"ผมไม่หิว"สมิธมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยสายตาเหม่อลอย

"ไม่หิวก็ต้องทานครับ ร้านTD ที่คุณสมิธชอบเป็นไงครับ?"จิมมี่เสนอร้านอาหารอิตาเลียนที่สมิธชอบ และเจ้านายเขามักจะพาเด็กคนนี้ไปทานบ่อยๆ

"อืม"สมิธตอบรับแบบขอไปทีอย่างไร้อารมณ์เพราะไม่อยากฟังจิมมี่คะยั้นคะยอให้มากความอีก

.

.

.

.

"สวัสดีครับคุณสมิธ"ผู้จัดการร้านTDสุดหรูแห่งนี้ก้มหัวเล็กน้อยให้เด็กชายที่สูงเลยเอวเขามาไม่มากแล้วยื่นมือไปเช็คแฮนด์ทักทายอย่างนอบน้อม สมิธเป็นลูกค้าVIPอีกคนที่ทางร้านทำการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะเด็กคนนี้มักจะมากับลูกค้าVIPกระเป๋าหนักอย่างลูคัส ฮาล์น เสมอ

"สวัสดีครับผู้จัดการ"สมิธทักทายกลับอย่างมีมารยาท

"เดี๋ยวผมจะนำทางไปโต๊ะคุณลูคัสให้นะครับ"ผู้จัดการร้านเอ่ยบริการสมิธด้วยตนเอง

"เอ๊ะ?หมายความว่าไงครับ?"สมิธถามอย่างไม่เข้าใจ ผู้จัดการร้านทำเหมือนกับว่าลูคัสอยู่ที่นี่

"คุณไม่ได้นัดกับท่านไว้หรือครับ? ท่านนั่งอยู่โซนAกับแขกอีกท่านหนึ่งน่ะครับ"

"ผมไม่ได้นัดไว้ แต่คุณช่วยพาผมไปที่โต๊ะเขาที"สมิธพูดเสียงเรียบ

"เอ่อ..."ผู้จัดการร้านมีสีหน้าลำบากใจและไปต่อไม่ถูก เขารู้สึกว่าตัวเองทำงานพลาดไปเสียแล้ว

"ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเอง"พูดจบสมิธก็วิ่งฉับๆไปยังโซนโต๊ะที่เขาคุ้นเคยทันที เขามาที่นี่บ่อย ทำไมจะไม่รู้ว่าโซนAโต๊ะVIPที่เขานั่งประจำอยู่ตรงไหน จิมมี่และผู้จัดการร้านรีบก้าวตามเด็กหนุ่มไปทันที

สมิธเดินดุ่มๆเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ยิ่งเห็นแผ่นหลังกว้างคุ้นตาและผมสีบลอนด์ทองยาวประบ่านั่นใกล้เท่าไหร่ ใจเขาก็ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองคนที่นั่งตรงข้ามกลับลูคัสที่หัวเราะและยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับอะไรสักอย่าง...และผู้ชายคนนี้รูปร่างหน้าตาทำไมมันดูคุ้นๆบอกไม่ถูก

"ลุค!"สมิธเดินไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะและเอ่ยเรียกชื่อคนที่ทำให้เขารอมาค่อนเดือน

ลูคัสหันไปตามเสียงเรียก ตอนแรกเขานึกว่าบริกรจะเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารซะอีก

แต่เมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียกตรงๆแวบแรกชายหนุ่มเผลอมองร่างเล็กด้วยความประหลาดใจแต่ก็กักเก็บเอาไว้อย่างรวดเร็ว

"มิทตี้? มีอะไร?"ลูคัสเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ยืนค้ำหัวเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำถามของลูคัสมันช่างทิ่มแทงจิตใจคนถูกถามซะจริง

"มีอะไรงั้นหรอ? วันนี้พี่บอกว่าจะไปดูผมที่โรงเรียนไม่ใช่หรือไง"

"พี่มีธุระ"

"ธุระอะไร? มากินข้าวสบายใจเฉิบเนี่ยหรอ!"สมิธขึ้นเสียงด้วยโกรธ ลูคัสขมวดคิ้วไม่ชอบใจแล้วกดเสียงต่ำบอกอีกคน

"มันไม่ใช่เรื่องของนาย"

"เหอะ!"สมิธเงยหน้าพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยความเจ็บใจ

"เอ่อ...ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ"เสียงหวานใสดังขึ้นอีกด้านของสมิธ

"ไม่ต้องมาเสือก!!"สมิธหันไประบายโทสะใส่ผู้ชายหน้าหวานคนนั้นทันที

"สมิธ!อย่าทำตัวไร้มารยาท"ลูคัสลุกขึ้นกระชากแขนเล็กของสมิธอย่างแรงด้วยความโกรธ เขาเกลียดนักพวกชอบโวยวายเสียงดังไม่รู้จักกาลเทศะ

"แล้วยังไงพี่ดีนักหรอ?มึงดีนักหรอ!"ประโยคแรกร่างบางพูดใส่ลูคัส ส่วนประโยคสุดท้ายสมิธหันไปตะคอกเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ รายนั้นผงะสะดุ้งนิดๆเพราะเสียงตะคอกจากสมิธ ยิ่งทำให้ร่างบางรู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก

"อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าเด็กที่สั่งสอนไม่จำอย่างนาย!"ลูคัสพูดเสียงต่ำลอดไรฟันอย่างระงับอารมณ์ เขาบีบแขนเล็กจนสมิธนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

"ก็เพราะพี่พรากแม่ไปจากผมไม่ใช่หรือไงผมถึงได้สันดานต่ำแบบนี้ มันเป็นเพราะพี่ เพราะพี่คนเดียว!!!" เพียะ! ลูคัสฟาดปากเล็กอย่างหมดความอดทน รอบตัวพวกเขาเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกลับหน้าซีดตัวสั่น ดีที่โซนAค่อนข้างเป็นส่วนตัวและตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นนอกจากลูคัส ส่วนโซนอื่นๆเขาก็ให้ลูกน้องไปกันไว้ไม่ให้เข้ามาในโซนนี้ได้ ถ้าลูคัสรู้ว่าเขาเป็นคนบอกสมิธว่าชายหนุ่มอยู่ที่นี่ล่ะ...ไม่อยากจะคิดสภาพเลย

สมิธน้ำตาร่วงเผาะเป็นเม็ดๆก่อนจะไหลเป็นสายอาบแก้มนวล มุมปากเล็กที่บวมจากแรงตบมีเลือดซึมออกมาเป็นทางจนลูคัสยังตกใจ เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนที่ตนรักทั้งนั้นตา

"ผมไม่น่ารักคุณเลย ผมน่าจะรู้ตัวว่าคุณไม่มีทางรักผมอยู่แล้ว...ฮึก คุณใจร้ายมากจริงๆ คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง! ผมทำอะไรผิดครับ ทำไมต้องมาทำร้ายผมด้วยวิธีการนี้!"เด็กหนุ่มตัดพ้อร้องไห้เสียงดังจนแทบขาดใจ ร่างเล็กทรุดนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

"จิม...พาสมิธกลับห้องไปก่อน"ลูคัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นติดลบ จิมมี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะก้าวเข้าไปพยุงตัวสมิธขึ้น เด็กหนุ่มขัดขืนดิ้นรนแต่ก็สู้แรงบอดี้การ์ดที่ตัวโตกว่ามากไม่ไหว

"ปล่อย!ผมไม่อยากกลับไป!!!"

"คุณสมิธใจเย็นๆก่อนนะครับ"จิมมี่เอ่ยปลอบร่างเล็ก

"ผมต้องเย็นมากแค่ไหน!เย็นจนไม่รู้สึกอะไรเลยไหมถึงจะพอใจพวกคุณ!!!"สมิธตะคอกทั้งน้ำตา ในใจปวดร้าวจนยากจะบรรยาย

"ขออนุญาตนะครับนาย"จิมมี่หันไปก้มหัวขออนุญาตลูคัสก่อนจะก้มลงอุ้มสมิธขึ้นพาดบ่าทันที ลูคัสหัวคิ้วกระตุกด้วยความขุ่นมัวในใจกับภาพนั้น แต่ก็เห็นด้วยที่จิมมี่ทำแบบนี้ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถพาสมิธออกไปได้ง่ายๆ...แต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี

"ปล่อยยยย!!!"สมิธดิ้นและทุบตีจิมมี่อย่างเสียสติ

"กลับไปสงบจิตสงบใจที่ห้องซะสมิธ"ลูคัสสั่งเสียงเข้ม ร่างบางของสมิธที่ดิ้นไปมาอยู่ๆก็หยุดลงอย่างกระทันหัน ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเล็กๆที่ดังลอดออกมา

"อย่ามาสั่ง...ฮึก จากนี้ไปผมจะไม่เชื่ออะไรคุณอีกแล้ว คนหลอกลวงอย่างคุณ...ผม-เกลียด-ที่สุด" จิมมี่อุ้มสมิธออกไปแล้ว แต่คำว่าเกลียดของสมิธกลับฝังอยู่ในหัวลูคัสซ้ำไปซ้ำมา...มันหนักแน่นและจริงจังที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา

++++++++++++

จิมมี่วางร่างสมิธบนเบาะหนังของรถอย่างเบามือ...แปลก ที่สมิธไม่ได้โววายเหมือนอยู่ในร้านเลยสักนิด

เด็กคนนี้ดูนิ่งเงียบและไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะอื้น มีเพียงน้ำตาที่ยังไหลอาบหน้าย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้าคือความจริง

จิมมี่ก้าวขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนรถออกจากบริเวณ จิมมี่ขับรถออกจากร้านอาหารได้ไม่ถึงห้านาที คนที่นั่งร้องไห้เงียบๆอยู่เบาะหลังรถก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"ช่วยขับช้ากว่านี้ได้ไหมจิม...ผมยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ ที่ๆมีเขาผมยังไม่อยากไป"เด็กหนุ่มส่ายหน้าขอร้องทั้งน้ำตา

"แต่..."จิมมี่ลำบากใจที่จะตอบรับ ใจหนึ่งก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่อีกใจก็สงสารสมิธเหลือเกิน

"ผมขอร้อง ขอเวลาให้ผมได้ทำใจสักนิด...ฮึก ผมทรมานจนจะไม่ไหวแล้วจริงๆ"น้ำเสียงสั่นเครือที่ดูไร้เรี่ยวแรงของสมิธทำให้จิมมี่ตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวรถไปถนนอีกเส้นที่การจราจรติดขัดและค่อนข้างอ้อมกว่าจะถึงเพ้นท์เฮ้าส์ของลูคัส

"ขอบคุณ"

สมิธเอ่ยขอบคุณจิมมี่เบาๆก่อนจะซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองแล้วปล่อยโฮเสียงดังอย่างกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไป...

+++++++++++

สงสารมิทตี้เนอะ เข้มแข็งนะ ฮึบๆ...ความเจ็บปวดจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเอง❤

*เรื่องเด็กเกรด6ที่เมืองนอกรับวุฒิเหมือนไฮสคูลไหมเปรมไม่แน่ใจนะคะ(ลืมถามพี่)แต่สมมติว่ามันมีแล้วกัน ฮ่าาา

ป.ล.ใกล้สงกรานต์แล้ว นักอ่านบางคนอาจเดินทางไปต่างจังหวัด เปรมขอให้เดินทางปลอดภัยโดยสวัสดิภาพนะคะ เป็นห่วงนะะ...มว๊วฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด9[12/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-04-2018 02:23:26
อีพี่ลู ทำน้องเสียใจอีกแล้ว   :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด9[12/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 12-04-2018 10:46:05
สงสารสมิธ รีบๆโตนะลูก  แล้วค่อยหาทางไปจากลูคัส
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.1[16/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 16-04-2018 22:21:15
คนโปรด 10.1

"หิวรึเปล่าครับ"จิมมี่เอ่ยถามเด็กหนุ่มที่เดินอยู่เคียงข้าง สมิธส่ยหัวแทนคำตอบ ดวงตากลมโตที่บวมแดงจากการร้องไห้เป็นเวลานานปรือเล็กๆเพราะความอ่อนเพลีย ริมฝีปากรูปกระจับเจ่อช้ำจากการถูกลงมือสั่งสอน สมิธเดินเซนิดๆเหมือนทรงตัวไม่อยู่ จิมมี่ที่คอยสังเกตอยู่เห็นจึงจับร่างบางเอาไว้ได้ทัน

"คุณสมิธเดินไหวไหมครับ?"

"ไหว"สมิธดึงแขนออกจากการพยุงของบอดี้การ์ดหนุ่ม เขาพยายามจะเดินให้ได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง

จิมมี่เป็นผู้กดลิฟท์ไว้ให้สมิธ ขณะอยู่ในลิฟท์ก็ไม่มีผู้ใดเปล่งเสียงออกมาสักคำ ด้านสมิธเขาหมดอารมณ์จะพูดคุยกับใคร มันไร้เรี่ยวแรงไปหมด ส่วนจิมมี่ที่จับอารมณ์ของสมิธได้ก็ไม่กล้ารบกวนอีกคน

"ผม...ไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว"อยู่ๆเด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นกลางความเงียบ ลมหายใจของจิมมี่สะดุดไปหนึ่งจังหวะที่ได้ยินประโยคนั้น

"คุณสมิธค่อยคุยกับท่านเองดีกว่านะครับ...อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้"

"อยากหลอกผมก็หลอกไปเถอะ...ผมมีตาใช่ว่าจะดูไม่ออก"

จิมมี่เงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เพราะสิ่งที่สมิธพูดก็ใช่ว่าจะผิดซะทีเดียว

เมื่อถึงเพ้นเฮ้าส์ กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากสมิธและจิมมี่

เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มมุมปากเยาะหยันก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าห้องตนเองทันที

สมิธเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเป้ของตนในลิ้นชักออกมา มือบางกำลังจะหยิบเสื้อผ้าออกจากไม้แขวนแต่ก็ชะงักไปเพราะนึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้ไม่มีตัวไหนที่เป็นของเขาเลย มีแต่ของที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นซื้อมาประเคนให้

ของดูมีค่าแต่ไร้ความหมาย

เด็กหนุ่มเงยหน้ากระพริบตาไล่น้ำตาไม่ให้ไหล เขาเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดหยิบเอาเสื้อผ้าของตนเองก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ยัดใส่เป้แทนและไม่ลืมหยิบเอกสารที่มิเชลให้มาติดตัวไปด้วย

เด็กชายเม้มปากมองไปทั่วห้องอีกครั้ง แม้จะรู้สึกใจหายแต่เขาก็ตัดสินใจดีแล้ว

ไม่อยู่คงจะดีกว่า จะได้ไม่เจ็บปวดที่ใจอีก

เด็กหนุ่มเปิดประตูออกไปนอกห้อง ไม่เห็นจิมมี่อยู่ในห้องโถงแสดงว่าอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในห้องครัวหรือไม่ก็ห้องน้ำ สมิธล็อคห้องนอนของตัวเองจากด้านในก่อนจะรีบเดินย่องเร็วๆไปที่หน้าประตูและสวมรองเท้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบเปิดปนะตูออกจากห้องให้เร็วที่สุด

หัวใจเด็กหนุ่มเต้นถี่เร็วจนได้ยินในหัว รีบกดลิฟท์ให้เปิดเร็วๆ สายตามองสอดส่ายต้นทางอยู่ตลอดเวลา

ติ้ง!เสียงลิฟท์มาถึง เด็กหนุ่มรีบถลาตัวเข้าไปและกดปิดอย่างรงดเร็ว มือบางบีบเข้าหากันแน่น สมิธรู้ว่าบางทีเขาอาจไม่ต้องหนี ลูคัสก็คงปล่อยตนเองไปง่ายๆอยู่แล้ว...เพราะสมิธถูกเบื่อแล้วยังไงล่ะ

แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะจากไปก่อนเพราะเขาทนให้อีกฝ่ายเอ่ยไล่ไม่ไหวจริงๆ

แค่นี้ก็เจ็บจนไม่มีแรงแล้ว

สมิธออกจากเพ้นท์เฮ้าส์ เดินเตร่ไปตามทางอย่างไม่รู้จะไปที่ไหน ถ้าจะไปบ้านเพื่อนก็รู้สึกเกรงใจ แต่เงินในกระเป๋าก็มีอยู่เพียงน้อยนิด คงพอใช้จ่ายได้แค่ไม่ถึงสัปดาห์

เป็นครั้งแรกที่สมิธรู้สึกสิ้นหวังไร้หนทาง...ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี

สมิธก้าวเดินอย่างเหม่อลอยท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่ อยู่ๆหยดน้ำก็หยดแหมะลงมาบนใบหน้าเล็กก่อนจะค่อยๆร่วงรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย ฝนในช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นเรื่องปกติ หลายคนจึงหยิบร่มขึ้นมากางบังฝน บ้างก็เดินไปหลบตามที่ต่างๆ แต่สมิธกลับยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้นราวกับไม่รู้สึก

แต่ใครจะรู้ว่าสายฝนที่พร่างพรมลงมาจะค่อยๆชะล้างหยาดน้ำตาให้กลืนหายไป

++++++++++++

ผลั๊วะ!!!ตุบ! ร่างของจิมมี่ล้มลงกับพื้นทันทีเพราะทรงตัวไม่อยู่หลังโดนลูคัสใช้ด้ามปืนตบระบายโทสะอย่างแรง จิมมี่ไอแค่กครั้งเดียวก็มีเลือดพุ่มออกจากปากพร้อมฟันกรามของเขาสองซีกหลุดออกมา จิมมี่ตัวสั่นสะท้านเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายเดือดขนาดนี้มาก่อน

"กูให้มึงดูแลคนของกูให้ดี แต่มึงกลับปล่อยให้เด็กกูหนีไปได้...กูจะทำยังไงกับมึงดีห๊ะ!!!จิมมี่!!"ลูคัสตะคอกเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด ลูน้องที่อยู่ภายในห้องแห่งนี้ราวสิบกว่าคนพากันก้มหน้านิ่งยกเว้นโยฮันเนสและเกเบียล

มีอยู่สองสถานการณ์ที่ลูคัส ฮาล์น คนนี้จะใช้คำพูดหยาบคายต่อคนอื่น

หนึ่ง...คือคนๆนั้นเขาสนิทด้วยมาก และ

สอง...เขาโกรธจัดจนใกล้ถึงขีดสุดแล้ว

และตอนนี้จิมมี่กำลังเผชิญกับลูคัสในห้วงอารมณ์ที่น่ากลัวที่สุด...แม้กระทั่งลูกน้องคนอื่นๆยังเกรงว่าจะโดนลูกหลงไปตามๆกัน

"ผมขอโทษครับนาย-..."

ปัง!!อึก! จิมมี่กัดฟันครางในลำคอกลั้นความเจ็บปวด แขนซ้ายสะบัดอย่างแรงเพราะถูกปืนมาคารอฟสัญชาติรัสเซียในมือลูคัสเหนี่ยวไกลในระยะประชิด

"กูไม่อยากได้ยิน!"ลูคัสก้าวไปใกล้จิมมี่ แนบปลายมาคารอฟที่ยังมีควันลอยกรุ่นออกมาบางเบากับหน้าผากกว้างของจิมมี่

"มึงจะชดใช้ให้กูยังไงจิมมี่...ชีวิตเดียวของมึงยังไม่พอเลย"ลูคัสพูดเสียงเหี้ยม นิ้วเรียวยาวกำลังจะกดเหนี่ยวไกล จิมมี่ตัวสั่นหลับตายอมรับชะตากรรม

"เดี๋ยวครับนาย"เป็นโยฮันเนสที่เอ่ยขึ้นยืดเวลาตายของจิมมี่ไปได้อีกหลายวินาที

"มีอะไร"ลูคัสหันกลับไปถามโยฮันเนส

"เวลานี้อย่าเพิ่งมาสนใจลงโทษจิมเลยนะครับ ผมว่าเขาอาจจะมีประโยชน์ในการตามหาคุณสมิธ"ลูคัสขมวดคิ้วนิ่งคิด

เขามาถึงเพ้นท์เฮ้าส์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ด้วยหวังว่าจะมาจัดการกับสมิธ พอประตูลิฟท์เปิดออกก็กำลังสวนกับจิมมี่ทั่รีบร้อนจะเข้ามาในลิฟท์โดยไม่ทันได้ดูว่าใครอยู่ในลิฟท์

ลูคัสเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อจิมมี่เอ่ยปากบอกว่าสมิธหายตัวไป หมัดหนักๆของลูคัสก็ประทับลงที่หน้าลูกน้องอย่างไม่ทันที่อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

เขาสั่งให้ลูกน้องครึ่งหนึ่งออกตามหาสมิธทันที ส่วนที่เหลือให้ลากตัวจิมมี่เข้าไปสอบสวนในห้องอย่างละเอียด เมื่อจิมมี่เล่าจบ เหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่เห็น

ทั้งที่เด็กคนนั้นเอ่ยปากว่าไม่อยากอยู่กับเขา มันยังกล้าคลาดสายตา แถมมารู้ตัวว่าเด็กคนนั้นไม่อยู่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว!

ลูคัสกัดฟันกรอด ยิ่งคิดยิ่งโมโห

"กูจะให้โอกาสมึงครั้งเดียว ภายในวันนี้ไม่ว่ายังไงมึงต้องไปตามสมิธกลับมาให้ได้...ไม่อย่างนั้นมึงจะไม่เหลือชีวิตไว้หายใจอีก!"ว่าจบ ลูคัสก็หันหลังเดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปอย่างฉุนเฉียว โยฮันเนสพยักหน้าให้ลูกน้องอีกคนมาช่วยเหลือจิมมี่ก่อนจะเอ่ยทิางท้ายแล้วเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องทำงาน

"รีบทำแผลซะ...เวลาชีวิตของนายขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของเด็กคนนั้น"

++++++++++++

สมิธตัวสั่นนิดๆด้วยความหนาว ตอนนี้สมิธนั่งหลบอยู่มุมหนึ่งของสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเขตนอกเมืองลอนดอน เด็กหนุ่มขึ้นรถไฟจากสถานีใกล้เพ้นท์เฮ้าส์มาลงที่นี่เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน อย่างน้อยก็ขอให้อยู่ให้ไกลจากผู้ชายคนนั้น

สมิธเปลี่ยนชุดไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้มันเปียกไปหมด ได้แต่ยืนให้เสื้อผ้าแห้งเอง

เด็กหนุ่มนั่งกอดเขาตัวเอง คนที่เดินผ่านบางคนเห็นก็เดินผ่านไป บ้างก็มองด้วยสายตาสงสารแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร บ้างก็มองด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะคงคิดว่าเขาเป็นเด็กใจแตกหนีออกจากบ้าน

พวกผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้...ไม่เคยมีใครเข้าใจเขาเลย คิดแต่ว่าตัวเองถูกที่สุด

แล้วเด็กอย่างเขาจะพูดอะไรได้...พูดไปเขาก็ไม่เคยใส่ใจจะฟังอยู่ดี

เหมือนกับที่ผู้ชายคนนั้นทำ...เหยียบย่ำหัวใจสมิธจนไม่เหลือชิ้นดี

แม้ว่าช่วงกลางวันผู้คนที่ใช้บริการรถไฟของชานชลานี้จะพลุกพล่าน แต่เมื่อตกดึกคนก็เริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะที่นี่ไม่ใช่เขตท่องเที่ยว และสมิธก็ไม่อยากเสี่ยงเดินออกไปข้างนั่น เพราะเป็นไม่คุ้นเคยสถานที

แต่อันตรายมันก็มีอยู่ทุกที่...

"เฮ้ย!ไอ้หนู มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียววะ"ชายผิวขาวซีดสูงกระหร่องอายุราว25-30ปี ใช้เท้าเตะร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าไม่เบานัก

สมิธสะดุ้งด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเหลือบมองคนตรงหน้าหวาดๆ ด้านหลังผู้ชายที่เตะเขายังมีผู้ชายลักษณะเดียวกันกับผู้ชายคนนี้อีกสองคน

สมิธตัวสั่นแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามออกไป

"มีอะไรกับผมงั้นเหรอครับ"

"มีอะไรงั้นหรอ?ไปคุยกันหน่อยไหม"ชายที่เตะสมิธชี้มือออกไปด้านนอกสถานี สมิธส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"พี่ชายมีอะไรก็คุยกันตรงนี้เถอะ"อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นก็น่าจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หรือคนรอบๆได้ทัน

"มึงอย่าพูดไม่รู้เรื่อง กูบอกให้ไปก็ไปสิวะ!" ช่ยคนดังกล่าวพยักหน้าให้สัญญาณเพื่อนที่อยู่ด้านหลัง สมิธที่เห็นท่าไม่ดีลุกขึ้นจะวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกด้าน แต่ความยาวขาเด็กหรือจะสู้ผู้ใหญ่ ร่างบางวิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกคว้าตัวปิดปากเอาไว้ ร่างเล็กดิ้นหนีสุดกำลัง ฟันเล็กกัดเข้าที่มือสกปรกจนได้เลือด มันร้องและสะบัดมืออก ปากอิ่มขยับจะร้องแต่ชายหัวโจกก็รู้ทันชกกำปั้นซัดใส่ท้องเล็กสมิธอย่างแรก

เด็กหนุ่มจุกจนร้องไม่ออก พวกมันช่วยกันหามสมิธออกจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว

สมิธน้ำตาไหลอย่างขมขื่น หรือชีวิตเขาจะจบอยู่แค่ตรงนี้แล้ว

ใครจะมาช่วยเขาได้

สมิธไม่กล้าหวังเลย

พระเจ้า...ท่านใจร้ายกับผมเกินไปแล้ว

+++++++++++++

เอามาให้ชิมก่อนครึ่งแรก ครึ่งหลังน่าจะเสร็จทันพรุ่งนี้ดึกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.1[16/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-04-2018 01:20:58
ตำรวจอยู่ไหน ช่วยหนูมิทตี้ด้วยจ้า  :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.1[16/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 17-04-2018 20:12:18


ฮือออออ สมิทน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 18-04-2018 00:03:29
คนโปรด 10.2

"ปล่อย!"สมิธตวาดเสียงแผ่วเนื่องจากจุกที่ท้อง พวกมันพากันฉุดเด็กหนุ่มมาหยุดที่ตรอกเปลี่ยวแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ

ตุบ!คนที่แบกสมิธออกมาโยนเด็กหนุ่มลงใส่กองถุงขยะบริเวณนั้นอย่างไม่ปราณี สมิธกัดฟันกรอดเพราะจุกเสียดจนหายใจไม่ทั่วท้อง เขาตวัดสายตากรุ่นโกรธมองพวกมันทีละคนอย่างไม่กลัวตาย

"มองหน้าพวกฉันแบบนั้นหมายความว่าไงไอ้หนู?"ชายที่แบกสมิธขึ้นบ่าเอ่ยถามเด็กหนุ่มอย่างเอาเรื่อง รู้สึกไม่สบอารมณ์กับสายตาคู่นั้นที่มองมาที่พวกเขาสุดๆ

"ผมทำอะไรให้พวกคุณ ทำไมต้องมารังแกกันแบบนี้ด้วย"

"ฮ่าๆๆๆๆ"ชายหนุ่มทั้งสามคนพากันหัวเราลั่นกับคำถามของเด็กน้อย

"โลกสวยซะจริงนะ...นายไม่ได้ทำอะไรพวกฉันเลยเด็กน้อย แต่พวกฉันอยากรังแกนายโคตรๆเลยว่ะ ฮ่าๆๆ"ชายที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นพร้อมสายตาแปลกๆที่ไล่มองไปตามร่างกายสมิธ

เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้าน...ขนลุกชันไปทั้งกาย สายตาแบบนี้เขาเคยเห็นไอ้ไมเคิลมองตอนที่มันบุกจะเข้าไปข่มขืนเขา

"ยะ อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ...นี่ของมีค่าทั้งหมดของผม คุณเอาไปได้เลย"สมิธหยิบกระเป๋าเป้ยื่นให้ชายแปลกหน้าอย่างยินยอม ยังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดก่อน แต่ชายที่ยืนอยู่หน้าสุดกลับปัดกระเป๋าสมิธทิ้งไปอีกทาง พร้อมสาวเท้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่สมิธก็กระถดตัวหนีเข้ากำแพงเรื่อยๆจนแผ่นหลังบางชิดกับกำแพงชื้นโดยไม่รู้ตัว

"ไอ้ของน่ะพวกฉันเอาแน่ แต่ตอนนี้ขอเอาเธอก่อนว่ะ น่าเย็_ฉิบหาย"ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดจาหยาบคายโลมเลียสมิธ เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนน้ำตาไหลอาบแก้ม

"อย่าทำผมเลยนะครับ ได้โปรด ฮึก"สมิธหวาดกลัวขอร้องคนพวกนั้นทั้งน้ำตา แต่เงาดำทั้งสามก็คืบคลานเข้าใกล้ร่างเล็กเรื่อยๆ ส่างร่างพุ่งไปจับแขนเล็กของสมิธคนละข้างแล้วกดลงกับพื้น สมิธดิ้นและกรีดร้องได้ไม่ถึงครึ่งเสียงก็โดนชกท้องเข้าที่จุดเดิมอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่จุก แต่มันปวดแน่นจนกระทั่งหายใจยังลำบาก

"ยอมดีๆแปบเดียวก็เสร็จแล้วน่า"ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าสมิธพูดกับร่างบางด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย

"กูขอเอาต่อมึงมึงนะอเล็กซ์"ชายที่อยู่ฝั่งซ้ายสมิธเอ่ยขอเพื่อนเพราะมีรสนิยมเดียวกัน ส่วนอีกคนเพียงแค่ช่วยเพื่อนเท่านั้น

"ได้!"ชายเจ้าของชื่อตอบรับเพื่อนก่อนจะก้มลงเพื่อจะจัดการกับเด็กหนุ่มหน้าสวย แต่ในจังหวะที่อเล็กซ์กำลังจะก้มตัวขึ้นคร่อมร่างเล็ก สมิธก็รวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายถีบเข้าที่อกชายคนนั้นจนล้มก้นจ้ำเบ้า

อเล็กซ์กัดฟันกรอดอย่างโมโห เนื่องจากรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าเพื่อน เขาขยับกายขึ้นคร่อมสมิธอย่างรวดเร็วแล้วตบแก้มใสจนหน้าหัน

ดวงหน้าเล็กชาไปทั้งแถบ ก่อนจะรู้สึกปวดตุบๆราวกับแก้มจะระเบิดตามมา

ความเจ็บขนาดนี้เขาไม่เคยสัมผัส ขนาดที่ว่าลูคัสตบยังไม่เจ็บเท่านี้

"กูว่าจะถนอมมึงแล้วนะ แต่มึงแส่หาเรื่องเองว่ะไอ้เด็กเปรต!!"อเล็กซ์ตะคอกด้วยความโมโห มือผอมซีดกระชากเสื้อสมิธอยู่หลายนาทีกว่าจะขาด เขาก้มลงดูดกัดไปตามซอกคอขาวของสมิธทันที ร่างบางดิ้นรนและย่นคอหนีด้วยความรังเกียจปนขยะแขยง อเล็กซ์ล้วงมือเข้าไปในเป้ากางเกงตัวเองแล้วเค้นคลึงแก่นกายที่กำลังตื่นตัวให้แข็งขึ้น

แค่ได้ดมร่างกายหอมๆของเด็กนี่เขาก็มีอารมณ์แล้ว

"อย่า ฮือ อย่าทำผม"สมิธไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนเพราะร่างกายบอบช้ำจากการถูกทำร้ายอย่างหนัก เขาอยากตายๆไปซะจะได้ไม่ต้องมาเผชิญกับเรื่องน่ากลัวน่ารังเกียจแบบนี้

และในจังหวะที่อล็กซ์เลื่อนมือไปรั้งกางเกงสมิธลง ร่างบางตกใจจนแทบสิ้นสติเขากรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับเสียงดัง

ปุ! ดังขึ้นใกล้ๆหูก่อนที่ร่างของอเล็กซ์จะร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดแล้วทรุดตัวล้มทับร่างเล็ก

เพื่อนอเล็กซ์ทั้งสองเห็นสภาพเพื่อนแล้วปล่อยมือจากสมิธอย่างแตกตื่น

หูเล็กๆได้ยินเสียงฝีเท้าหลายสิบวิ่งเข้ามาใกล้ ก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นบนศีรษะ

"อย่าขยับ...ถ้าไม่อยากตาย"เสียงของโยฮันเนสเอ่ยบอกกับชายทั้งสาม พวกเขานิ่งไม่กล้าขยับก่อนจะถูกเหล่าชายชุดดำจับตรึงตัวไว้ให้ห่างจากร่างบาง

โยฮันเนสเดินไปช่วยพยุงสมิธขึ้นพร้อมๆกับจิมมี่ ร่างบางที่เห็นจิมมี่จึงโผเข้ากอดร่างสูงอย่างต้องการหาที่พึ่ง

"จิม...ฮือออออ ผมกลัว"ร่างเล็กสั่นสะท้านอย่างน่าสงสารในความรู้สึกของจิมมี่ ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง จิมมี่เหลือบสายตาไปยังต้นตอของรังสีนั้น

ลูคัส กำลังจ้องเขม็งมาทางจิมมี่ราวกับมีดที่กำลังแล่เนื้อเขาช้าๆ

"เอ่อ คุณสมิธปล่อยผมก่อนนะครับ"ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ้านายมาก เขาคงยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับด้วยความกดดัน

สมิธนิ่ง มือบางกำเสื้อเชิ๊ตของจิมมี่แน่น ใบหน้าเล็กยังคงร้องไห้ซบกับอกจิมมี่

"พาสมิธไปขึ้นรถ...เซน ตามจิมมี่ไปด้วย"ลูคัสสั่งเสียงนิ่ง จิมมี่และเซนรีบพยุงสมิธไปขึ้นรถตามคำสั่ง แม้ร่างบางจะเจ็บจนแทบเดินไม่ไหวก็ไม่มีใครกล้าอุ้ม เพราะกลัวมาคารอฟในมือเจ้านายจะลั่นเจาะกระโหลกพวกเขาซะก่อน

"ปลอดภัยแล้วนะครับ"จิมมี่ลูบหลังเล็กอย่างปลอบโยน สมิธแม้จะยังตัวสั่นนิดๆแต่เขาก็ยอมเงยหน้าออกจากอกจิมมี่

จิมมี่และเซนพาสมิธเข้าไปนั่งในรถเจ้านายที่ลูกน้องอีกคนขับมาจอดไว้คอยท่า

"ขอบคุณนะจิม"

"ไปขอบคุณนายท่านเถอะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"

"..."สมิธเงียบ ก่อนที่ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นแขนซ้ายของจิมมี่ที่แขนเสื้อถูกตัดออกและมีผ้าพันแผลพันไว้ที่ต้นแขน

"แขนเป็นอะไร?"สมิธถามจิมมี่ด้วยความเป็นห่วง

"..."

"จิมมี่!"

"ถูกยิงครับ"

"ใครทำ"

"..."จิมมี่เงียบอีกครั้ง ซึ่งสมิธก็เข้าใจได้ทันที

"เขาใช่ไหม?"

"ท่านทำถูกต้องแล้วครับ ผมทำหน้าที่ได้ไม่ดี ก็ต้องรับผิดชอบสิ่งนั้น"

"เพราะ...ผมสินะ"สมิธพูดเสียงเศร้าๆ ก็จิมมี่ทำหน้าที่เป็นคนดูแลเขาไม่ใช่หรือไง

จิมมี่ไม่ได้ตอบอะไรสมิธกับไป เพราะถ้าเขาบอกว่าไม่เป็นไรสมิธก็คงจะคิดหนีไปอีก แต่ถ้าจะให้จิมมี่โทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของสมิธก็ไม่ได้หรอก

เด็กคนนี้ถูกบีบให้ต้องทำต่างหาก

"ผมขอโทษนะจิม...แต่ผมไม่ยอมรับผิดหรอกนะ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้คือเขา เขานั่นแหละเป็นคนผิด!" สมิธพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาดูเปลี่ยนไปจนจิมมี่ยังรู้สึกใจหาย

ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงได้เปลี่ยนเด็กคนนี้ไปตลอดกาล...

+++++++++++++++

อีกด้านหนึ่ง...ขณะเดียวกัน

"อึก! อ๊ากกกกกก!!!" เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกจากปากที่มีถุงขยะพลาสติกอัดแน่นอยู่เต็มปากของอเล็กซ์ เขาถูกผู้ชายผมทองดูมีอำนาจคนนี้ใช้เท้าบดขยี้ปากแผลจากการถูกยิงเมื่อครู่ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ทุกครั้งที่อเล็กซ์ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มคนนี้จะแสยะยิ้มมุมปากที่ทำให้อเล็กซ์หนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ

"อื้อๆๆๆ"พวกเพื่อนอเล็กซ์ที่อยู่ในสถาพถูกมัดและโดนอุดปากเหมือนกันส่งเสียงร้องจนแทบสิ้นสติเมื่อเห็นสิ่งที่เพื่อนถูกกระทำ

"คุณเกือบจะล่วงเกินคนของผม...ไม่สิ คุณทำร้ายเขาไปแล้ว รู้รึเปล่า?"ลูคัสเอ่ยถามชายที่อยู่ใต้รองเท้าตนเองด้วยรอยยิ้มเย็น อเล็กซ์ส่ายหน้าทั้งน้ำตา เขากลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตนี้

"ทำอะไรเขาไปแล้วบ้าง?"ลูคัสยังถามต่อ แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะไม่ว่าจะตอบยังไงบทลงโทษที่เขามอบให้อีกฝ่ายก็มีอยู่สถานเดียว

"คนของผม ผมทำได้คนเดียว" ปุ!ลูคัสยิงปืนเก็บเสียงอีกหนึ่งนัดใส่ต้นขาอเล็กซ์

"อ๊ากกกกก"อเล็กซ์ร้องหนักขึ้นเมื่อลูคัสขึ้นไปเหยียบบนตนขาเขาที่ถูกยิง

"ไอ้นี่รึเปล่าที่ริอยากลองไม่ถูกที่"ลูคัสใช้เท้าอีกข้างกระอย่างแรงตรงกลางกายของอเล็กซ์ เขาพยายามดิ้นหนีด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ถูกลูน้องของลูคัสตรึงร่างไว้แน่นจนขยับไม่ได้

เหตุการณ์ราวกับเดจาวูเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เพียงแต่ผู้ถูกกระทำเปลี่ยนจากเด็กคนนั้นเป็นอเล็กซ์แทน

"จำเอาไว้ คิดจะทำเรื่องชั่วต้องมั่นใจว่าจะทำสำเร็จ ไม่อย่างนั้นคุณต้องชดใช้มัน...ด้วยชีวิต"ลูคัสก้มหน้ากระซิบข้างหูอเล็กซ์ก่อนจะขยับลงจากตัวชายคนดังกล่าว

เขาถอดรองเท้าคู่เก่าทิ้งราวกับรังเกียจก่อนจะสวนคู่ใหม่ที่ลูกน้องนำมาเปลี่ยนให้ ลูคัสหันหลังเตรียมจะเดินจากไปพร้อมคำสั่งหนักแน่นหนึ่งประโยคที่ทำเอาชายทั้งสามที่ถูกจับมัดร้องไห้ฉี่ราดด้วยความหวาดกลัว

"ส่งพวกมันไปสารภาพบาปกับพระเจ้าซะ"

+++++++++++++++

ลูคัสเดินมาถึงรถของตนก็พบจิมมี่และเซนยืนเฝ้าอยู่นอกรถ

ชายหนุ่มขยับเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าจิมมี่ที่ยืนก้มหน้าอยู่

"สนิทกันดีนี่?"เสียงเย็นๆของลูคัสทำเอาจิมมี่ตัวสั่นขึ้นมานิดๆ เขาที่ยิ่งมีคดีก่อนหน้าอยู่แล้วเจอเหตุการณ์เมื่อกี้เข้าไปอีกแทบจะหาโอกาสรอดชีวิตไม่เจอ

"ผมไม่มีโอกาสให้คนทำงานพลาดเป็นครั้งที่สอง...อย่าให้มีแบบวันนี้อีก ไม่ว่าจะเหตุการณ์ไหนก็ตาม"

"ครับนาย" จิมมี่รับคำเสียงเข้ม

ลูคัสเบี่ยงตัวออกเดินไปทางประตูที่เซนเปิดไว้คอย ภายในรถสตาร์ทเครื่องไว้อยู่แล้ว ดวงตาคมสีเขียวเข้มหรี่มองร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่บนเบาะหลัง มีเสื้อโค้ทของบางคนห่มร่างไว้ให้

ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปนั่ง ก่อนจะกระชากโค้ทออกจากร่างบางลงบนพื้นรถ

สมิธตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหนาว ลูคัสมองสำรวจร่างเล็กที่เสื้อยืดถูกฉีกจนแทบขาดออกจากกัน ชายหนุ่มถอดเสื้อโค้ทขนนุ่มราคาแพงของตนห่มให้ร่างบาง ก่อนจะอุ้มร่างผอมปวกเปียกขึ้นมานั่งบนตักตนเอง ชายหนุ่มจับขาสมิธทั้งของสมิธให้พาดอยู่บนเบาะแล้วจับตัวเด็กหนุ่มซบลงกับอกตนเอง ลมหายใจอุ่นๆของเด็กน้อยเป่ารดต้นคอแกร่ง ทำให้ความรู้สึกอัดแน่นในอกเบาบางลง

"ออกรถ"ลูคัสเอ่ยสั่งลูกน้องที่นั่งประจำคนขับ



สมิธขยับตัวตื่นด้วยความเจ็บเพราะร่างกายที่บอบช้ำถูกขยับ ดวงตาเห็นต้นคอแกร่งเป็นสิ่งแรก แต่กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้สมิธมีปฏิกิริยาต่อต้านทันที

"อยู่นิ่งๆ"แขนแกร่งโอบกระชับร่างเล็กแน่นขึ้นเนื่องจากคนตัวเล็กขยับตัวดิ้นไปมา

"ไม่!ปล่อยนะ!!"

"มิทตี้อย่าดื้อ!!"ลูคัสกดเสียงดุ แต่สมิธกลับเชิดหน้าสบตาคนตัวโตกว่าอย่างไม่ยอมแพ้

"แล้ว จะตบอีกไหมล่ะ?"ร่างเล็กแสยะยิ้มอย่างท้าทาย ลูคัสกัดฟันกรอด สภาพหน้าข้างหนึ่งบวมเป่ง มุมปากก็ช้ำ ขืนเขาตบอีกคงได้เจ็บหนัก แม้ลูคัสจะเคยตบสมิธแต่เขาก็ทำเพื่อสั่งสอน ยั้งแรงและรู้ลิมิตว่าควรทำในสภาพไหน

"จะตบก็ตบเลย ผมมันไร้ค่าอยู่แล้ว...อื้อออ!!"สมิธเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหยันก็ยิ่งยั่วโมโหอีกคนโดยไม่รู้ตัว ลูคัสจึงประกบปากร่างบางให้หยุดพูดยั่วยุเขาสักที สมิธร้องด้วยความตกใจเมื่อปากเล็กถูกอีกคนขบเม้มครอบครองโดยที่เขาไม่ทันได้ต้องตัว เด็กหนุ่มพยามเม้มปากและขัดขืน แต่ก็ทำได้ยากเพราะเจ็บตัวเจ็บหน้าไปหมด ลูคัสบดเบียดริมฝีปากเล็กด้วยหลายๆความรู้สึก เขาขบดูดกลีบปากอีกคนซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่ยอมผละออกห่างแม้แต่มิลเดียว แม้การจูบนี้จะไม่ได้สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากเล็กแต่ก็เหน็ดเหนื่อยจนร่างเล็กหายใจแทบไม่ทัน

สมิธไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน เขาถูกลูคัสจูบไปตลอดทางจนหมดทางต่อต้าน เมื่อถูกถอนจูบออกก็รู้แค่ว่าปากตัวเองชาจนแทบไร้ความรู้สึก หัวหนักตาปรือ ศีรษะเล็กตกลงกับบ่าแกร่ง สัมผัสสุดท้ายก่อนจะหลับไปคือความหนุ่มหยุ่นอุ่นๆที่ข้างขมับ

+++++++++++++

อิเฮียน่ากลัวจัง อย่างกับฆาตรกรโรคจิตเลย...แต่มีบางคนถูกเมียเมินแล้วไงทีนี้ หึๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2018 01:14:35
 :z6: ขอทีเถอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 18-04-2018 03:06:32
ยังไงต่อๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 18-04-2018 10:24:41
มิตตี้กำลังจะเอาคืนอิพี่!! เราจะสมน้ำหน้าแกลูคัส
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-04-2018 11:36:42
 :z6:  สำหรับอีลู
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-04-2018 12:21:51
ลูคัสสายซึนกว่าจะรู้ตัวเค้าก็เมินตัวเองแล้ว งานนี้จิมมี่ได้ใจมิตตี้ไปเต็ม ๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-04-2018 13:14:27
โห กว่าจะมาเจอคนนั้น สมิธต้องตายไปอีกกี่รอบเนี่ย เตรียมน้ำตารอเลย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด10.2[18/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-04-2018 00:13:47
แกเดินหมากผิดแล้วแหละลุค แกจะได้เจอกับมิตตี้ที่ไม่ยอมแกแน่นอน5555สะใจ อิพี่ลุคนี่มันชั่วช้าได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 24-04-2018 00:52:40
คนโปรด 11.1

"แล้วนี่เมียเด็กมึงไม่งอแงหรือไง?ถึงออกมากินเหล้ากับกูได้"เกรย์เอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มกระเซ้า

"...."

"โห่ เล่นกับกูหน่อยดิวะ"

"อย่าเสือก"ลูคัสตวัดสายตาดุๆใส่เพื่อนพร้อมยกแก้ววิสกี้ดีกรีแรงเข้าปากรวดเดียวหมด

"แสดงว่าเด็กยังงอนไม่หาย หึๆ"

"มึงอยากโดนตีนกูมากใช่ไหมเกรย์"น้ำเสียงของลูคัสเข้มขึ้นด้วยความหงุดหงิด คุณหมอหนุ่มจึงเลิกแหย่เพื่อนได้

"กูบอกมึงแล้วว่าอย่า มึงก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะทีนี้" เกรย์ แอนเดอร์สันหยิบแก้วเหล้าตนเองขึ้นกระดกบ้าง

"กูจัดการได้"

"จัดการได้?แต่เด็กไม่ยอมคุยด้วยมาสี่วันแล้วเนี่ยนะ"ลูคัสหรี่สายตาสีมรกตเข้มมองเพื่อนนิดๆ

"รู้ดีนักนะ"

"ฮ่าๆๆ สายกูเยอะ...ให้กูช่วยเปล่า? มึงก็รู้ว่ากูกำลังเรียนต่อด้านจิตวิทยา ไม่ลองปรึกษากูบ้างล่ะ?"เกรย์เสนอตัวช่วยเพื่อนสนิทด้วยท่าทีสนุกสนาน ขัดกับอีกคนที่นั่งหน้าขรึมตั้งแต่มาถึงคลับ

"มึงช่วยกูไม่ได้หรอก"ลูคัสสบตาเพื่อนนิ่งๆอย่างที่เกรย์คาดเดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออก คุณหมอหนุ่มถอนหายใจยาวออกมาเฮือกใหญ่

"ถ้าสายเกินไป ระวังจะเอากลับคืนมาไม่ได้"เกรย์เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งลูคัสก็พยักหน้ารับคำก่อนจะยกวิสกี้เข้าปากอีกรอบจนหมดแก้ว

"ว่าแต่เด็กใหม่มึงชื่ออะไรนะ?"

"ไนซ์"

"เด็กอีกรึเปล่าวะ?"

"ไม่ใช่ โยบอกว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว"

"อ้อ...เรียกมาดูหน่อยดิวะ"เกรย์พูดยิ้มๆ

"เรียนหมอว่างนักหรือไง?ถึงได้มีเวลาเสือกเรื่องของกูเก่งนัก"

"ฮ่าๆๆ ขอบคุณที่ชม พามาให้เจอหน่อย อยากรู้ว่าเหมือนจริงไหม"ลูคัสไม่ได้ตอบรับคำเกรย์แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

"อย่าทำหน้าเครียดนักเลยน่า ดูไม่สมกับเป็นมึงเลย"

"ปกติกูก็หน้าแบบนี้"เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิท น้อยครั้งมากที่ลูคัสจะยิ้มออกมาเพราะนิสัยส่วนตัวจริงๆของลูคัสนั้นค่อนข้างนิ่งและเย็นชา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ชายหนุ่มมักจะมีรอยยิ้มประจำตัวที่ทำให้คนอื่นมองไม่ออกว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่

"เด็กหนีออกจากบ้านมันก็เรื่องปกติ เขากำลังอยู่ในวัยต่อต้าน มึงก็อย่าไปทำให้น้องมันเสียใจนักสิ เอาใจเขาเยอะๆ"

"กูก็ตามใจสมิธตลอดนะ อยากได้อะไรกูก็หามาให้ทุกอย่าง ทำไมดื้อนักก็ไม่รู้"ลูคัสเล่าอย่างไม่เข้าใจแต่เกรย์กลับหัวเราะหึๆ

"ไม่ดื้อได้ยังไงมึงดูสิ่งที่มึงทำกับน้องดิ แล้วการที่มึงบอกว่าตามใจ น้องมันไม่ได้ต้องการมากเท่ากับการเอาใจใส่หรอก"คำพูดของเกรย์สะกิดแผ่วๆที่หัวใจลูคัส แต่แค่ครู่เดียวชายหนุ่มก็ก็กลบความรู้สึกนั้นไว้ในใจแล้วหรี่ตามองเพื่อนนิ่งๆจนเกรย์ทนกับสายตานั้นไม่ไหวจึงถามออกไป

"มองกูแบบนั้นหมายความว่าไง?"

"มึงสนิทกับเด็กกูนักหรือไงถึงเรียกน้องได้"เกรย์อ้าปากเหวอเมื่ออยู่ๆก็โดนหาเรื่อง

"เอ้า!ไอ้นี่ แม้กระทั่งคำเรียกก็หวง ไม่ชอบเขาไม่ใช่หรือไง กูขอเรียกละกัน"

"ไอ้เหี้ยเกรย์!"ลูคัสกัดฟันด่าเพื่อนไปหนึ่งหยาบ

"ฮ่าๆๆๆ ถ้ามึงเบื่อน้องสมิธแล้วกูขอนะ เด็กนี่คงมีอะไรดีสักอย่างแหละที่ทำให้มึงเป็นได้ขนาดนี้"เกรย์ยังอำลูคัสต่อโดยไม่สนสายตาดุๆที่เชือดเขาจนเนื้อแทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ

"มึงไปรอในนรกก่อนแล้วกัน"หมอหนุ่มแกล้งกอดตัวเองด้วยท่าทางหวาดกลัวเพื่อกวนโมโหเพื่อนสักพักก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งอย่างจริงจัง

"แล้วตอนนี้มึงรู้แล้วหรือยังว่าตัวมึงต้องการแบบไหน"

"กูไม่รู้ พูดกันตรงๆกูก็ไม่ได้รู้สึกอยากอยู่กับสมิธตลอดเวลา มีบ้างที่คิดถึง กูรู้ตัวนะว่าไม่ได้รู้สึกคลั่งไคล้สมิธมากขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้กูปล่อยเขาไปกูก็ทำไม่ได้ว่ะ...กูคิดว่ากูชอบร่างกายสมิธ และพอไนซ์เข้ามาก็ตอบโจทย์ที่กูกำลังหาคำตอบ...รูปร่างไนซ์ดีกว่าสมิธซะอีก ไม่แตกหักง่าย เป็นงาน ไม่ต้องระวังมากเหมือนสมิธและควบคุมได้ง่ายกว่า"

"แสดงว่ามึงพอใจไนซ์มากกว่า"

"เปล่า กูพอใจในทั้งสองคนละแบบ เพราะ

สมิธก็มีสิ่งที่ไนซ์ไม่มี"

"เหอะ!ไอ้คนหล่อเลือกได้"เกรย์เหน็บเพื่อนไปหนึ่งทีแม้จะเป็นความจริงก็ตาม "สรุป มึงจะควบกี่คนครับ สมิธ ไนซ์ แล้วก็ดีนเด็กมึงที่อยู่ลาสเวกัสอีก นี่ยังไม่รวมที่มึงคั่วชั่วคราวนะ นับรวมนิ้วตีนกูด้วยยังไม่ถึงครึ่ง!"

"กูก็ให้ความสำคัญเท่าๆกัน พวกเขารู้จุดยืนของตัวเองดี ไม่น่ามีปัญหา ถ้าจะมีก็คงเป็น..."

"สมิธ! น้องไม่มีทางยอมให้มึงมีคนอื่นแน่ๆ ดูจากเหตุการณ์วันนั้นที่ร้านอาหารดิ เอาเรื่องอยู่นะ ฮ่าๆๆๆ"เกรย์หัวเราะอย่างสะใจ

"ไม่ยอมกูก็จะทำให้ยอม" ลูคัสเหยียดยิ้ม ราชสีห์อย่างเขาชอบความท้าทายอยู่แล้ว

"กูจะรอดู!"สิ้นคำของเกรย์สองชายหนุ่มก็ชนแก้วกันก่อนจะยกเครื่องดื่มเข้าปากพร้อมกันทันที

เมื่อนั่งดื่มกันสักพักจนกรึ่มๆ เกรย์ก็วกกลับมาถามคำถามที่ลูคัสไม่เคยคิดมาก่อน

"แล้วด้านความรู้สึกที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง มึงอยากอยู่กับใครมากกว่ากัน"

"...กู"เกรย์ยกมือเบรคเพื่อนไม่ให้ตอบ

"ไม่ต้องตอบกูหรอก เก็บไว้ตอบตัวเองแล้วก็รักษาเขาไว้ให้ดี ตอนนี้มึงอาจจะยังไม่รัก แต่เรื่องอนาคตก็ไม่แน่" ลูคัสชนแก้วกับเพื่อนอีกครั้งแทนคำตอบ

"สวัสดีครับ คุณลูคัส" เสียงหวานใสเอ่ยทักทายขึ้นทำให้ลูคัสหันไปมองตามต้นเสียง คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งนิดๆอย่างแปลกใจที่เห็นผู้มาใหม่ เขาอยู่ในชุดทันสมัยเข้ากับแฟชั่นในช่วงนี้ และเป็นชุดที่ลูคัสพาไปซื้อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"ไนซ์"

"ผมขอนั่งด้วยได้ไหมครับ"หนุ่มหน้าหวานเอ่ยขออย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มบางๆ

"อืม"ลูคัสพยักหน้ารับคำ ไนซ์จึงยิ้มกว้างเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่ม

"สวัสดีครับ ผมชื่อเกรย์นะครับ"คุณหมอหนุ่มเอ่ยทักทายและแนะนำตัวพร้อมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ทำความรู้จักกับไนซ์ หนุ่มร่างบางยิ้มรับแล้วจับมือเกรย์เบาๆพอเป็นพิธี

"สวัสดีครับ ผมไนซ์ครับ"เกรย์ยกยิ้มพูดถึงไก่ ไก่ก็มา หมอหนุ่มมองสำรวจหนุ่มหน้าหวานที่นั่งข้างลูคัสอย่างเปิดเผยถึงแม้จะมีแค่ดวงไฟสลัวๆให้เห็น แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหา คนๆนี้เหมือนกับสมิธราวๆ70%เลยทีเดียว ผมสีน้ำตาลเฮเซลนัทที่แม้เหมือนย้อมแต่ก็ดูเข้ากันกับหน้าหวานๆนั่น ดวงตาสีฟ้า ปากบางได้รูป ผิวข่าวเปล่งออร่าแม้จะอยู่ในที่มืด

อยู่ในระดับเกรดAเลยทีเดียว

แต่ด้านบรรยากาศกับต่างจากสมิธอย่างสิ้นเชิง เกรย์พอจะเข้าใจที่ลูคัสพูดแล้วว่าสมิธก็มีส่วนที่ไนซ์ไม่มี...บางสิ่งมันก็ทดแทนกันไม่ได้

"มาครับ เดี๋ยวไนซ์ชงให้"ไนซ์อาสาเมื่อเห็นว่าลูคัสกำลังเทวิสกี้ลงแก้วตนเอง ลูคัสจึงส่งขวดเหล้าให้ไนซ์จัดการให้ ชายหนุ่มนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องสัพเพเหระต่ออีกสักพักไนซ์ก็นั่งฟังเงียบๆอยู่ข้างลูคัสมีออกความคิดเห็นบ้างเมื่อถูกเกรย์ถาม จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นวันใหม่คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวกลับ

"ชวนกูออกมาแต่กลับก่อน?"

"เออน่าเอาไว้วันหลังกูจะนั่งกับมึงยันสว่างเลย แต่พรุ่งนี้นัดศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดไว้แล้วไง เดี๋ยวไม่ไหว กูเริ่มเมาๆแล้วเนี่ย"เกรย์พูดลิ้นพันกันนิดๆแต่ก็ยังครองสติไว้ได้อยู่

"อืม เดี๋ยวให้เด็กไปส่ง"ลูคัสพยักหน้าไปทางลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่เกรย์กลับโบกมือปฏิเสธ

"ไม่ต้องๆกูกลับเองได้"

"กูจะให้โยไปส่ง"เกรย์กระตุกยิ้มมุมปาก ตาวาวขึ้นนิดๆ

"ดีเหมือนกัน เดี๋ยวตำรวจจับกู"เกรย์กลับคำอย่างรวดเร็ว ลูคัสจึงพยักหน้าเป็นอันตกลงแล้วเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามาหา

"โยคุณช่วยไปส่งเกรย์ทีนะ"โยฮันเนสที่ได้ยินคำสั่งนายก็คิ้วกระตุกไปเล็กน้อยเหลือบสายตามองคนที่จะให้เขาไปส่งนิดๆแต่ก็รับคำสั่งผู้เป็นนายอย่างว่าง่าย

"ได้ครับ"

"อืม"

"เชิญครับ"โยฮันเนสหันไปผายมือให้คุณหมอรูปหล่อนิ่งๆ เกรย์เอ่ยลาเพื่อนและไนซ์สองสามคำก่อนจะเดินนำโยฮันเนสออกไป

"เกเบียล"ลูคัสเรียกลูกน้องและยื่นบัตรเครดิตให้นำไปชำระค่าเครื่องดื่ม

"คุณลูคัสจะกลับแล้วหรอครับ"ไนซ์คล้องแขนลูคัส เอนศรีษะซบกับไหล่แกร่งภายใต้เชิ๊ตของชายหนุ่ม

"อืม"

"ผมกลับด้วยนะครับ"น้ำเสียงแหบปนหวานเอ่ยออดอ้อนอย่างเอาใจ

"ได้"ไนซ์ยกยิ้มเมื่อลูคัสรับปาก หนุ่มหน้าหวานยืดตัวขึ้นก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบใกล้หูอีกคน

"คืนนี้ค้างกับผมที่ห้องนะครับ"

"..."

+++++++++++++++

สองชั่วโมงต่อมา

ลูคัสกลับถึงเพนท์เฮ้าส์ใจกลางลอนดอนที่ตอนนี้มีอีกคนอาศัยอยู่ เมื่อไล่ลูกน้องให้กลับไปพักผ่อนแล้วชายหนุ่มจึงเปิดประตูเดินเข้าห้องเงียบๆโดยไม่ได้เปิดไฟ จังหวะที่กำลังเดินผ่านห้องครัว เขาเห็นแสงไฟเปิดอยู่หนึ่งดวง พร้อมเงาตะคุ่มของใครบางคนอยู่หน้าตู้เย็น

"แหวะ!จะบูดแล้วนี่"สมิธยกขวดนมออกจากปากแล้วบ่นเบาๆเมื่อลิ้นสัมผัสได้ถึงรสเปรี้ยวนิดจากนมจืด เด็กหนุ่มเอาขวดนมไปทิ้งถังขยะ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมากินล้างปาก

เมื่อดื่มเสร็จก็เก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็นไว้เหมือนเดิม จังหวะที่หมุนตัวจะเดินออกจากครัวกลับห้องนอนร่างเล็กก็ชนเข้ากับบางสิ่งที่ยืนขวางทางออก

"เชี่ย!"สมิธเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำให้คนที่ได้ยินขมวดคิ้วนิดๆด้วยความไม่ชอบใจ

"พูดไม่เพราะเลยนะมิทตี้"น้ำเสียงตำหนิที่เข้มขึ้นกว่าปกติของลูคัส ทำให้สติสมิธกลับเข้าร่าง

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงข้ามตนเองด้วยสายตานิ่งๆโดยไม่พูดอะไรแล้วเบี่ยงตัวจะเดินหนีไปอีกด้าน แต่ก็ถูกมือแกร่งคว้าแขนเล็กไว้ไม่ให้ผ่านไปได้ง่ายๆ

"อ๊ะ!"

"พี่พูดได้ยินไหม!"

"..."ยิ่งเห็นสมิธเงียบใส่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา ลาวาในอกของลูคัสก็กำลังเดือดขึ้นๆทุกวินาที

"มิทตี้!!"มือแกร่งบีบแขนเล็กแรงขึ้นแล้วกระชากร่างเล็กเข้ามาชิดกับร่างกายตน สมิธเจ็บจนนิ่วหน้า

"ไม่ได้หูหนวก!ปล่อย!"สมิธดิ้นพยายามจะบิดแขนของตัวเองออกจากพันธนาการอีกคน

"พูดกับพี่ให้มันดีๆได้ไหม งอนบ้าอะไรนักหนาวะ!"ลูคัสเริ่มขึ้นเสียงและใส่อารมณ์

"ไม่ได้งอนแม่งไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาเสือก!"

"สมิธ!!"ลูคัสตะคอกเสียงดัง มือข้างหนึ่งยกขึ้นจะตบร่างเล็กแต่ก็ยั้งมือตัวเองไว้ได้ทัน

"ไม่ตบล่ะ ตบแล้วก็ปล่อยกูไปสักที!"ลูคัสตวัดสายตามองสมิธดุดันขึ้นทันที ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อเด็กน้อยชักจะลามปามมากเกินไปแล้ว

"อย่าพูดแบบนั้นให้พี่ได้ยินอีก"ลูคัสสูดหายใจหนักพยายามระงับอารมณ์

"กูจะพูด!อะไรที่มึงไม่ชอบกูจะทำให้หมด มึงได้ยินไหม!!"

เพี๊ยะ!! ใบหน้าเล็กหันไปตามแรงตบ มุมปากเล็กยิ้มเยาะราวกับพอใจที่ถูกกระทำ

"มึงมันก็ดีแต่ใช้ความรุนแรง กูไม่อยากอยู่กับมึงอีกแล้ว แค่เห็นหน้าก็อยากจะอ้วก!!!อึก!"ลูคัสใช้มือข้างหนึ่งบีบคอเล็กด้วยความโมโห

"พูดว่าไงนะ! ลองพูดใหม่อีกทีสิถ้าไม่อยากเจอดี"

"มึงมันชั่ว!ระยำ!!!"สมิธตะคอกใส่ลูคัสอย่างไม่เกรงกลัวมือที่กำรอบคอตนเองอยู่

"ระยำแค่ไหนก็ผัวมึงไหม!!!"ลูคัสตะคอกสวนอย่างหมดความอดทน

"กูไม่เคยมีผัว ก็แค่ประสบการณ์ระบายความอยากกับหมาชั่วคราว"สมิธเหยียดยิ้ม นึกตกใจกับคำพูดที่ตัวเองสรรหามาด่าอยู่เหมือนกัน

"ดี!วันนี้มึงได้เอากับหมาจนฟ้าเหลืองแน่"ลูคัสพูดเสียงเหี้ยมก่อนจะคว้าตัวสมิธขึ้นพาดบ่าแล้วเดินไปทางห้องนอนตัวเองทันที

"ปล่อยกูนะ!ไอ้ชั่ว!สารเลว!กูเกลียดมึง!!!"สมิธดิ้นและร้องโววายบนตัวร่างสูง แต่ลูคัสก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ก้าวขายาวจนถึงห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ตุบ!ลูคัสโยร่างเล็กลงบนเตียงสปริงขนาดคิงไซส์อย่างไม่ปรานี สมิธจุกจนพูดไม่ออกไปหลายวินาที

ลูคัสอาศัยจังหวะนั้นกระชากเสื้อเชิ๊ตตนเองออกจนกระดุมหลุดไปทั้งแผง แผ่นอกตึงแน่นและกล้ามท้องเป็นลอนปรากฎต่อสายตา

ชายหนุ่มขึ้นไปบนเตียงโน้มตัวคร่อมและกดแขนขาเล็กของสมิธไม่ให้ดิ้นได้อย่างรวดเร็ว

"มึงอย่ามาทำเรื่องต่ำๆพรรค์นั้นกับกูนะ!"สมิธพูดเสียงขู่ ทั้งที่ในใจกลับสั่นไปหมดเพราะความกลัว

"แล้วจะทำไม?ของมันก็เคยๆอยู่แล้วนี่ ระบายกับผัวหมาหน่อยจะเป็นไรไป"ลูคัสแสยะยิ้มร้าย

"กูขยะแขยงคนสกปรกอย่างมึง!เหมือนหมาที่มันเอาไม่เลือก!"

"มาทำเป็นสะดีดสะดิ้งรังเกียจอะไรตอนนี้ ก่อนที่นายจะรู้ก็ใช่ว่าพี่ไม่เคยทำ"สมิธกัดฟันกรอด รู้สึกปวดใจที่ถูกทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้เคยจริงใจกับเขาบ้างไหม

"กูเกลียดมึง!"

"เออ!อยากเกลียดนักก็เชิญ แต่อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้ไปจากกูเลย"พูดจบลูคัสก็ลงมือกระชากเสื้อออกจากร่างบางทันที

ใบหน้าหล่อหวานซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวที่เบี่ยงหนี ริมฝีปากชายหนุ่มไล่ขบกัดทั่วลำคอระหงจนขึ้นสีม่วงช้ำดูน่ากลัว

"กรี๊ดดดด ปล่อย"สมิธกรีดร้องโวยวายอย่างไม่ยินยอม แต่ลูคัสก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มยังไล่ริมฝีปากสร้างรอยรังแกไปทั่วท่อนบนสมิธสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างบางไม่น้อย

"ช่วยด้วย! แม่ช่วยผมที ใครก็ได้ ฮือออ จิมช่วยผมที!"

กึก!ลูคัสหยุดชะงักไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสมิธด้วยสายตาที่ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

"เมื่อกี้เรียกใครนะ...จิมงั้นหรอ? หึ!ดี!ดีมาก! ผัวอยู่ตรงนี้แต่กลับเรียกหาผู้ชายคนอื่น...นายคนแรกเลยสมิธที่ทำฉันอยากลากคอลูกน้องมายิงทิ้งซะเดี๋ยวนี้...ลับหลังกูพวกมึงไปถึงไหนกันแล้ว!!!"ลูคัสตะคอกอย่างโกรธจัด เพราะแอลกอฮอลล์ในร่างกายทำให้ลำดับการคิดและการระงับอารมณ์ของชายหนุ่มลดลง

"พูดบ้าอะไร!ใครจะไปทำเรื่องต่ำๆอย่างมึง!"สมิธตะคอกกลับอย่างลืมกลัว

"แล้วจะเรียกหามันทำไม!"ลูคัสตะคอกถามอย่างงี่เง่าในความรู้สึกของสมิธ

"ก็เขาดีกับกู อย่างน้อยก็จริงใจมากกว่ามึง!"

"เคยได้ยินไหมว่าคนดีมักอยู่ได้ไม่นาน?"ลูคัสกระตุกยิ้มร้ายอีกคนั้ง ซึ่งสมิธก็เข้าใจความหมายคำพูดของชายหนุ่มทันที

"ถ้ามึงทำอะไรเขา กูจะไม่ให้อภัยมึงไปตลอดชีวิต!"

"ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อนเถอะ"ว่าจบลูคัสก็ก้มหน้าลงจูบปิดปากร่างเล็กทันที

"อื้อออ!!!"

++++++++++++++

ดราม่าไหม?สำหรับเปรมคิดว่าไม่นะ เหมือนผัวเมียทะเลาะกันปกติ(หรอ?) ครึ่งหลังก็จะเป็นฉากที่เรารู้กันนั่นแหละจ่ะ...

และขอโทษนักอ่านทุกคนมากๆที่เปรมหายไปหลายวัน ช่วงนี้ใกล้ไฟนอลแล้ว งานล้นมือมาก ควิซต่างๆนานา แต่พออ่านคอมเม้นแล้วเหนื่อยแค่ไหนเปรมก็พยายามปั่นสุดกำลังเลยนะ!ขอบคุณทุกคนเลยค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 24-04-2018 02:01:31
มาเชียร์ให้มิทตี้หนีไปพร้อมจิมค่ะ
หึ  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-04-2018 02:48:58
ทำอะไรอีลูมันไม่ได้ ต้องใช้ไม้ตาย กัดมันเลยยยยยยยย  o12
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-04-2018 09:57:24
อยากให้มิทตี้แก้แค้นลุคแบบสาสม :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 24-04-2018 13:43:15
 :angry2: เอาคืนๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 24-04-2018 16:53:41
มิทตี้ แม่เชียร์หนูให้เอาคืนนะลูก!!
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 24-04-2018 18:35:03
 :katai1:  สมิธนิ่งไว้  รอเวลาโตอีกนิดตอนนี้สู้ไปก็มีแต่แพ้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 24-04-2018 19:30:21
ทำไปเลย เลวให้มากๆ จะได้รู้สึกเวลาเขาหายไป ไม่มีคนให้ทำชั่วใส่
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.1[24/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 25-04-2018 19:11:47
สมิทสู้ๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.2[26/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-04-2018 21:03:24
​คนโปรด 11.2
​​

ลูคัสลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วลำตัวเนียนนุ่มของสมิธ บีบเค้นลงน้ำหนักมือไปบางจังหวะทำให้ร่างเล็กร้องอู้อี้ในลำคอด้วยความเจ็บ ริมฝีปากร้อนยังแนบประกบจูบปากอิ่มอย่างดุดันโดยไม่เปิดช่องว่าง รสแอลกอฮอลล์จากลูคัสที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในปากสมิธทำให้ร่างเล็กมึนเบลอไปชั่วขณะ

มือข้างหนึ่งของลูคัสรวบแขนเล็กทั้งสองของสมิธไว้เพื่อไม่ให้ขัดขืนเขาได้ ส่วนมืออีกข้างก็กระชากกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ออกจากร่างเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว

ลูคัสผละริมฝีปากออกจากปากอิ่มที่บวมเจ่อก่อนจะจูบซับไปตามลำคอขาวที่ขึ้นรอยอีกครั้ง ชายหนุ่มดูดซ้ำไปที่รอยรักเดิมที่ทำไว้จนสมิธต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

"อ๊ะ!โอ้ย!กูเจ็บ!"สมิธน้ำตาปริ่มที่หางตา

"เจ็บสิดี มิทตี้จะได้จำ...เลิกดื้อกับพี่สักที"ลูคัสเอ่ยโต้ขณะลากริมฝีปากจากที่หนึ่งไปทำรอยไว้อีกที่หนึ่ง

"กูจำแน่ล่ะ ว่ามึงทำชั่วอะไรกับกูไว้ อ๊ะ! อื้อ!"ประโยคสุดท้ายสมิธต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงไว้ไม่ให้ตัวเองครางออกมาเพราะความเสียวซ่านตรงยอดอกจากโจมตีกระทันหันด้วยปากจากลูคัส

ชายหนุ่มลงลิ้นหนักลากเลียไปตามปานนมเล็กก่อนจะดูดแรงๆหลายที มืออีกข้างของเขาก็เลื่อนไปกอบกุมสมิธน้อยไว้แล้วคลึงชักเน้นๆ ทำให้สมิธต้องกัดริมฝีปากตัวเองไว้จนขึ้นห้อเลือดเพราะความเสียวสยิวถาโถมใส่ไม่ยั้ง

"อ๊ะ...อ่าห์"

"เป็นเด็กดีของพี่นะมิทตี้"ลูคัสเคลื่อนริมฝีปากไปที่ใบหูเล็กของอีกฝ่าย ขบติ่งหูขาวเบาๆก่อนจะลากลิ้นเลียไปตามซอกหูแล้วเอ่ยกับเด็กดื้อด้วยเสียงทุ้มพร่า

"อื้ออ อ๊ะ...แล้วมึงมีกูคนเดียวได้ไหมล่ะ"

"..."ลูคัสไม่ตอบ

"หึ!"

"พี่จะให้ความสำคัญกับมิทตี้มากกว่าคนอื่น"ลูคัสพยายามระงับอารมณ์เดือดในใจลงไปแล้วใช้ไม้อ่อนเกลี่ยกล่อมเด็ก เขาขบติ่งหูเล็กอีกครั้งก่อนจะยื่นจมูกไปหอมแก้มเนียนหนักๆอย่างที่ชอบทำ

"กูไม่ต้องการ!โอ๊ย!"ทันทีที่สมิธเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่ไยดี มือที่ขยับกลางกายเล็กของสมิธอยู่ก็ชักรูดขึ้นอย่างแรงจนหนังหุ้มส่วนนั้นเลิกสูงขึ้นทำให้มีเลือดซิบออกมาด้วย

"พี่ไม่ได้ให้มิทตี้เลือก แค่บอกให้รู้เท่านั้น"

"มึงมันเห็นแก่ตัว!อ๊ะ..."

ลูคัสไม่ได้สนใจโต้ตอบสมิธอีก เขาจับสมิธพลิกตัวนอนคว่ำแล้วสอดแขนเข้ากับใต้ท้องบางรั้งสะโพกมนเปลือยเปล่าให้ลอยเด่นขึ้นสู่สายตา

ชายหนุ่มแยกขาสมิธให้ห่างออกจากกันก่อนจะแทรกตัวนั่งคุกเข่าตรงหว่างขาเล็กอย่างรวดเร็วโดยที่สมิธก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

"มึงจะทำอะไร!"สมิธเอี้ยวตัวหันไปถามลูคัสด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่ไม่สามารถขยับตัวขัดขืนได้เพราะถูกลูคัสตรึงสะโพกไว้แน่น

"แก้ผ้าขนาดนี้แล้วยังจะถาม? พี่จะเอามิทตี้ไงครับ"ลูคัสฉีกยิ้มยั่วโมโหอีกฝ่าย

"ไม่ให้เอา!"

"จะเอา"

"กูจะแจ้งตำรวจ!"รอยยิ้มลูคัสชะงักไปเสี้ยวหนึ่งก่อนจะยิ้มร้ายแล้วเริ่มไล้นิ้วกลางไปตามรอยแยกระหว่างบั้นท้ายกลมกลึง

"กล้าแจ้งตำรวจจับผัว?ก็ลองดูสิ!ถ้าคิดว่าทำได้"ชายหนุ่มพูดจบก็สอดนิ้วกลางเรียวยาวไร้สิ่งหล่อลื่นของตนเข้าสู่ช่องทางสีสดของเด็กน้อยทันที

"อ่ะ!อึก!อย่านะ!"ช่องทางภายในของสมิธบีบรัดนิ้วของลูคัสจนขยับแทบไม่ได้ แม้สมิธจะรู้สึกเสียดๆอึดอัดแต่มันก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่กลัว

"ตอดขนาดนี้ยังจะห้ามอีกหรอ?"ลูคัสก้มหน้าคายน้ำลายตัวเองใส่ช่องทางรักของสมิธแทนเจลหล่อลื่นแล้วสอดนิ้วนางเข้าไปอีกนิ้วพร้อมกับขยับนิ้วทั้งสองชักเข้าออกทันที

"อ๊ะ!ไม่เอา ไม่ทำ...อ๊าาา"สมิธร้องห้ามส่ายหน้าลงกับหมอนด้วยความเจ็บใจที่ขัดขืนอีกคนไม่ได้เลยสักนิด ลูคัสสอดนิ้วเพิ่มเข้าไปอีกเป็นนิ้วที่สามและเริ่มขยับนิ้วถี่เร็วขึ้น สมิธกัดหมอนกลั้นเสียงครางน่าอายของตน เสียงเฉอะแฉะจากด้านหลังลอยเข้าหูอย่างอายจนสมิธทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นมาปิดหู แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของลูคัสลอยมาให้ได้ยิน

หนุ่มน้อยได้ยินเสียงสวบสาบแต่ไม่ได้หันไปมอง ก่อนความอึดอัดในช่องทางด้านหลังจะหายไปและถูกเติมเต็มด้วยสิ่งที่ใหญ่โตกว่าแทน

ลูคัสขยับกายเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ขยับไปต่อไม่ได้เพราะสมิธเกร็งและขมิบรัดไว้จนลูคัสปวดน้องชายไปหมด

"ซี๊ด...มิทตี้อย่าเกร็ง!"ชายหนุ่มกัดฟันบอกเสียงเข้ม

"อึก...กูไม่ได้เกร็ง กูเจ็บ!"

"ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน"ลูคัสใช้ฝ่ามือขยำไปที่ซาลาเปาทั้งสองข้างของสมิธ บีบเค้นจนขึ้นรอยนิ้วเป็นปื้นก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่ความนุ่มเด้งนั้นอย่างไม่ปราณี

เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!

"โอ๊ย...อื๊ออ" เมื่อสมิธผ่อนคลายด้านหลังเพราะตกใจขากการถูกตีก้น ชายหนุ่มก็รีบเสือกกายเข้าไปจนสุดช่องทางของสมิธ ส่วนหัวมังกรลูคัสชนผนังด้านในสมิธดังกึก ความรัดแน่นและอุ่นร้อนผ่านถุงยางบางเฉียบสร้างความเสียวที่กลางกลายให้ชายหนุ่มตลอดเวลา

"อ่าาห์...ตรงนี้นายยังน่ารักเหมือนเดิม"ลูคัสครางต่ำในลำคอและเริ่มขยับกายอีกครั้ง สองมือเปลี่ยนจากบีบเค้นเป็นจับเอวบางของอีกคนไว้แน่น ลูคัสขยับเอวช้าๆเน้นหนักให้สมิธคุ้นชินกับของๆเขาก่อน

"อ๊าาห์"ชายหนุ่มขยับยิ้มเมื่อขยับไปเจอกับจุดกระสันภายในของร่างเล็ก ลูคัสขยับสะโพกเร็วขึ้นอีกนิดแต่เน้นเข้าเข้าแรงๆไปที่จุดนั้นของสมิธอย่างต่อเนื่อง ร่างบางที่โดนกระตุ้นจุดเสียวครั้งแล้วครั้งเล่าถึงกับหลุดครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้จะกัดปากตัวเองไว้แน่นแค่ไหนก็ตาม

"อื้อออ...อ๊าาาา...อ๊ะ...อ๊ะ"

"หึๆ รู้ไหมท่านี้เรียกท่าอะไร?"ลูคัสเอ่ยถามอีกคนอย่างอารมณ์ดีในขณะที่สะโพกเขาก็สาวน้องชายเข้าออกช่องทางสีหวานไม่หยุด สมิธเงียบไม่ยอมตอบมีเพียงเสียงครางแผ่วๆเล็ดรอดออกมากจากริมฝีปากอิ่ม

"เขาเรียกว่าด็อกกี้สไตล์...หมาอย่างที่นายบอกเลยไง"ลูคัสโน้มตัวลงไปหาสมิธใช้ลิ้นเลียไปตามใบหูเล็กก่อนจะดูดแรงๆที่หลังคอขาวไปอีกหลายรอย ลูคัสยังสาวสะโพกอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักสลับเบาบ้างเพื่อยืดเวลาเสร็จออกไปเรื่อยๆ

แม้จะทรมานตัวเอง แต่เขาก็ต้องการลงโทษสมิธเช่นเดียวกัน ท่านี้ทำไปนานๆก็ใช่ว่าจะไม่เมื่อย

"มึงรีบๆ อ๊ะ! ทำ...รีบๆเสร็จ อ๊ะ...อ๊า สักทีได้ไหม กูเมื่อย!อื้ออ!"

"พูดกับพี่ดีๆก่อน...อืมมห์"

"อ๊าา มะไม่!"

"หรอ...งั้นก็อยู่อย่างนี้มันทั้งคืนละกัน"ลูคัสกระแทกสะโพกหนักขึ้นด้วยอารมณ์คุกรุ่น ร่างเล็กตัวสั่นคลอนไปมาตามแรงขยับ เสียงดังพั่บๆๆหยาบโลนดังไปทั่วห้อง สมิธถูกกระแทกโดนจุดกระสันภายในครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกร้อนไปทั้งร่างการ มวลความเสียวก่อตัวอยู่ที่ปลายแก่นกายเล็กก่อนจะประทุและปลดปล่อยออกมาในที่สุด

เมื่อสมิธกระตุกตัวปลดปล่อย ช่องทางด้านหลังก็ขมิบบีบรัดตัวตนของลูคัส ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเพราะความเสียวอย่างหนัก เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มทีจึงขยับสะโพกถี่เร็วไม่ยั้งแรง ริมฝีปากบางก็จูบไปตามแผ่นหลังเนียนด้วยความปรารถนา ไม่กี่นาทีต่อมาลูคัสก็เสร็จสมภายในตัวของเด็กน้อย ชายหนุ่มสาวสะโพกอีกสี่ห้าครั้งให้ปลดปล่อยทุกหยาดหยด เมื่อแก่นกายอ่อนตัวลงจึงถอนร่างดายออกมารูดถุงยางออกแล้วมัดปาก ก่อนจะโยนไปที่ถังขยะมุมห้องอย่างแม่นยำ

สมิธตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง ทั้งง่วงและเหนื่อย ร่างบางทำท่าจะฟุบได้ทุกขณะ แต่มือเรียวของอีกคนยังรั้งสะโพกบางไว้ไม่ให้นอนได้ง่ายๆ

"อย่าคิดว่าจะจบแค่รอบเดียว" สมิธดวงตาเบิกกว้าง เมื่อหัวมังกรบานใหญ่ถูกยัดเข้ามาภายในอีกครั้ง...เมื่อกี้มันแค่เปลี่ยนถุงยางสินะ

.

.

.

.

.

.

.

"อ๊าาา...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะะ พอแล้ว อ๊า ไม่ไหวแล้ว อื้อออ"สมิธใช้มือจิกบ่าและหลังกว้างของอีกคนระบายความเสียว เมื่อลูคัสยอมเปลี่ยนจากท่าด็อกกี้มาเป็นท่าเบสิคในรอบที่สี่ ชายหนุ่มโน้มตัวลงจูบปากร่างเล็กอย่างดูดดื่มแลกลิ้นกันไปมาขณะที่ส่วนล่างยังขยับเข้าออกถี่รัว

สมิธทั้งแสบและเสียวไปทั่วส่วนล่าง แม้ลูคัสจะไม่ได้ทำอะไรรุนแรงนัก แต่ส่วนล่างสมิธถูกทรมานเกินสามชั่วโมงเข้าไปแล้ว มันบวมแดงและมีเลือดไหลซิบออกมาจนร่างบางยังรับรู้

สมิธไม่มีแรงจะขัดขืนลูคัสจึงกล้าจูบปากแลกลิ้นกับสมิธได้อย่างที่ใจอยาก เพราะถ้าเป็นเวลาปกติไม่แน่ว่าสมิธอาจกัดลิ้นเขาขาดก็ได้

ชายหนุ่มถ่างขาเล็กออกกว้างขึ้นและขยับสะโพกตอกความเป็นชายใส่ช่องทางแดงช้ำของสมิธหนักรัว ซิคแพ็คที่เสียดสีกับแก่นกายเล็กก็ทำเอาสมิธเสียวอีกครั้งหลังปลดปล่อยรอบที่ห้าไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

หยาดเหงื่อของชายหนุ่มไหลลงไปตามแนวสันจมูกแล้วหยดลงบนใบหน้าเล็กไปหลายเม็ด

ลูคัสยังตะโบมจูบปากเด็กน้อยราวเสพติด เขาขบเม้มดูดปากเล็กเหมือนจะกลืนกืนให้ได้ ลิ้นร้อนเกี่ยวพันดูดดึงลิ้นเล็กจนชาหนึบ

มันไปเก็บกดมาจากที่ไหน...สมิธได้แต่คิดในใจ

สมิธก็ได้แต่จำยอมให้ลูคัสกระทำ สิ่งที่ร่างเล็กพอจะเอาคืนได้เล็กๆน้อยๆก็คือการจิกเล็กข่วนไปทั่วแผ่นหลังและลำคอแกร่งจนเลือดซิบเป็นทาง

ลูคัสสาวสะโพกหนักและถี่เร็วขึ้นทำให้สมิธรับรู้ว่าอีกคนใกล้จะเสร็จสมแล้ว

แรงเสียดสีที่แก่นกายเล็กทำให้สมิธร่างกายกระตุกถี่รัว ช่องทางด้านหลังตอดขมิบและเสร็จสมไปก่อน ต่อด้วยลูคัสที่กระแทกหนักแล้วกระตุกเกร็งปลดปล่อยตามมาติดๆ

เปรี๊ยะ ลูคัสขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ขณะนั้นเป็นช่วงที่ชายหนุ่มกระแทกตัวสุดแรงและปลดปล่อยใส่ช่องทางรักสมิธพอดี ลูสโยกเอวสองสามครั้งก่อนจะทางตัวออกมา พอจับถุงยางจะรูดออกจากมังกร ชายหนุ่มก็อึ้งไปทันที

ถุงยางแตก...

ด้านสมิธที่เหนื่อยล้าจนแทบจะสลบอยู่รอมร่อก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่ถูกฉีดเข้ามาภายใน มันทะลักไปถึงในท้องน้อย ช่องทางนั้นก็รู้สึกเหนอะหนะมากกว่าปกติ แต่ร่างบางก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะอยากจะพักผ่อนเต็มที อยู่ๆลูคัสก็สอดนิ้วเข้าไปภายในอีกของสมิธอีกครั้ง ร่างบางตกใจจนผวาเฮือก ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งเจ็บและแสบ เขาทรมานจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว

"พอสักที!"สมิธเอ่ยห้ามด้วยเสียงแหบแห้ง แต่ลูคัสก็ยังไม่หยุดมือ เขากำลังคว้านไปทั้วช่องทางภายในแล้วไล่กวาดบางสิ่งให้ไหลย้อยออกมา

"ขอโทษที พี่ทำถุงยางแตก"

"อะไรนะ!"

"ถุงยางแตก แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่แลอดภัยดี" ลูคัสกล้าพูดได้เต็มปากเพราะเขาตรวจเลือดทุกเดือน คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยก็ต้องได้รับการตรวจเลือดทุกคนไม่เว้นแม้แต่สมิธ ชายหนุ่มใส่ถุงยางมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งไม่ว่ากับชายหรือหญิง ซึ่งในชีวิตนี้เขาไม่เคยทำถุงยางแตกเลยสักครั้ง

ครั้งนี้ครั้งแรก...

"มึงมันมั่ว...สกปรก!"สมิธพูดขึ้นด้วยความโกรธ

"ว่าไงนะ!"ลูคัสกัดฟันกรอด ตอนแรกก็ว่าจะพอแล้ว แต่พอได้ยินสมิธพูดแบบนี้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

"กูบอกว่ามึงสกะ...โอ๊ยย"สมิธเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกลูคัสสวนแก่นกายอันใหญ่โตเข้ามาที่ช่องทางรักตัวเองอย่างแรง

"ดี!ถ้าอย่างนั้นก็มาสกปรกไปด้วยกัน!"ลูคัสขยับตัวอีกครั้ง ความรู้สึกเวลาไม่ได้ใส่ถุงยางมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ลูคัสมีอารมณ์มากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาขยับสะโพกใส่ช่องทางเล็กที่มีเลือดซึมออกมาไม่ยั้ง สมิธน้ำตาปริ่มและร้องโวยวายด่าทอลูคัสตลอดเวลา ช่วงสุดท้ายที่ลูคัสใกล้จะเสร็จสมิธก็สลบไปกลางคัน ร่างสูงขยับตัวหนักหน่วงใส่สมิธแล้วปลดปล่อยทุกหยาดหยดจนเอ่อล้นออกมาภายนอกแม้จะเสร็จไปก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้วก็ตาม

ลูคัสไม่ได้ถอนตัวออกจากร่างกายสมิธ เขาทรุดตัวลงนอนข้างๆร่างเล็ก กอดซ้อนจากด้านหลังอีกฝ่ายแน่นและเข้าสู่นิทราตามเด็กน้อยไปอย่างรวดเร็ว

+++++++++++++

"อื้อออ"สมิธขยับตัวตื่นและครางออกมาด้วยความเมื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาสีฟ้ามหาสมุทรกวาดมองไปทั่วห้อง บนเตียงใหญ่ยับยู่ยี่มีเขานอนอยู่คนเดียว

ยังอยู่ที่ห้องมันอีกหรอ

สมิธไม่มีแรงแม้แต่จะขยับกาย แขนขาหนักอึ้งราวกับเป็นอัมพาต แต่สุดท้ายร่างเล็กก็ต้องรวบรวมเรี่ยวแรงฝืนลุกขึ้นเพื่อไปเข้าห้องน้ำเพราะรู้สึกมวนท้องแปลก

สมิธแทบจะต้องคลานกว่าจะถึงห้องน้ำและทำธุระให้เสร็จ ร่างบางอยากจะร้องไห้ตะโกนดังๆด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ดีที่ทั้งตัวมีแค่เสื้อเชิ๊ตผ้านุ่มที่ยาวคลุมไปถึงขาอ่อน ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเวลาทำธุระให้รู้สึกทรมานยิ่งกว่าเดิม

ยิ่งคิดว่าใครเป็นต้นเหตุก็ยิ่งเจ็บอยู่ในอก

ร่างบางกลับมานอนที่เตียงอีกครั้งเพราะรู้สึกเพลียๆ แต่ช่วงเคลิ้มๆกำลังจะหลับก็มีเสียงเปิดประตูห้องขึ้นมาก่อน

"มิทตี้ตื่นได้แล้ว ออกไปทานอาหารทานยาก่อน"ลูคัสทรุดนั่งบนเตียงแล้วสะกิดปลุกร่างบาง

สมิธขมวดคิ้ว ใช้ผ้าห่มคลุมหัวหนีด้วยความรำคาญ

"มิทตี้ ออกไปกินข้าฝก่อนแล้วค่อยมานอน"ลูคัสกดเสียงเข้ม

"ไม่!กูจะนอน...อ๊ะ"ลูคัสไม่ยอมให้ร่างเล็ดได้ปฏิเสธ เขาตวัดผ้าห่มออกจากตัวสมิธแล้วช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มเดินออกจากห้องทันที

"ปล่อยยย"สมิธทุบอกชายหนุ่มไปหลายที แต่ดูเหมือนว่าลูคัสจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

ลูคัสวางสมิธบนเก้าอี้ที่มีเบาะนุ่มรองไว้หลายใบแล้วย้ายตัวเองไปนั่งตรงหัวโต๊ะอาหาร ตรงหน้าสมิธมีอาหารหลายอย่างเรียงรายทั้งแนวอเมริกัน อังกฤษและอิตาเลี่ยนให้เลือกกินได้อย่างเต็มที่

"กินสิ"ลูคัสเอ่ยปากบอกเมื่อเห็นสมิธไม่ยอมกินสักที ทั้งๆที่เวลานี้ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว

"จิมอยู่ไหน?"ลูคัสหน้าตึงทันทีที่ได้ยินคำถามสมิธ แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วตักอาหารเข้าปากต่อไปอย่างช้าๆ

"ถามว่าจิมอยู่ไหน!"สมิธกอดอกถามอีกคนอย่างเอาเรื่อง

"จะถามหามันทำไม?ที่โดนเมื่อคืนยังไม่เข็ดใช่ไหม"สมิธถลึงตาใส่ลูคัส ไล่สายตามองไปรอบห้องมีลูกน้องลูคัสอยู่สองสามคนแต่ไม่มีจิมมี่อยู่ในนั้นเขาจึงสงสัยและเป็นห่วงเท่านั้นเอง

"เรียกเขามา"สมิธเอ่ยเหมือนสั่ง

"ถ้าไม่ล่ะ?"ชายหนุ่มแสยะยิ้มบ้าง สมิธทำหน้านิ่งแล้วขยับมือขว้างจานอาหารตรงทิ้งทันที

เพล้ง!

"สมิธ!"ลูคัสปรามเสียงดุ แต่สมิธกลับเริ่มทำลายอาหารบนโต๊ะทิ้งเรื่อยๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปกระชากแขนเล็กอย่างแรงให้หยุดอาระวาด

"มึงมันงี่เง่า แค่ทำให้กูสบายใจสักเรื่องมันจะตายไหม!"สมิธตาแดงๆ ลูคัสกัดฟันกรอด ตะคอกสั่งลูกน้องเสียงดัง

"ไปตามไอ้จิมมี่มา!"

"ทีหลังอย่าทิ้งขว้างอาหารอีก มีคนอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่ที่ต้องอดอยาก มันไม่ดี เข้าใจไหมมิทตี้"ลูคัสเอ่ยสั่งสอนถึงพฤติกรรมที่สมิธพึ่งทำไปเพราะไม่อยากให้สมิธเคยตัวจนติดเป็นนิสัย เด็กหนุ่มหน้าเศร้าลงทันทีเพราะสำนึกผิด ลูคัสจูงสมิธไปนั่งอีกที่แล้วเรียกลูกน้องมาเก็บเศษซากที่สมิธทำลายไว้

ไม่ถึง10นาทีต่อมา จิมมี่จึงปรากฎกายขึ้นภายในห้อง ลูคัสนั่งกอดอกมองเขานิ่งๆ ส่วนสมิธที่นั่งข้างลูคัสเป็นคนฉีกยิ้ม

"นายเรียกผมมามีอะไรรึเปล่าครับ?"จิมมี่ทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามลูคัสที่นั่งทำหน้าถมึงทึงอยู่

"เมียกูเขาอยากเจอมึง"สมิธหันไปตวัดสายตามองลูคัสอย่างไม่ชอบใจกับคำเรียกเหมือนประชดของชายหนุ่ม

"ผมอยากเจอจิมเฉยๆ อยากเล่นเกมส์"สมิธพูดยิ้มๆแต่ความจริงแล้วแค่อยากจะเช็คเฉยๆว่าจิมมี่ปลอดภัยดี เพราะจิมมี่ก็ดีกับสมิธหลายอย่าง สมิธไม่ยอมให้ลูคัสทำอะไรจิมมี่เพราะเขาแน่ๆ

"ไม่ได้"ลูคัสเอ่ยห้ามทันที

"จะเล่น!"สมิธดื้อดึงทั้งๆที่สังขารก็ไม่ค่อยจะไหว แต่เด็กหนุ่มแค่อยากจะสวนทางลูคัสเท่านั้น

"จะดื้อให้ได้ใช่ไหม...ถ้าไม่ฟังพี่จะยิงจิมมี่ทิ้ง"ลูคัสก้มกระซิบสมิธเสียงขู่ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะยอมโอนอ่อนในที่สุด

"ก็ได้ แต่พรุ่งนี้จิมต้องมาเล่นเป็นเพื่อนผมนะ"ประโยคหลังสมิธหันไปพูดกับจิมมี่ ซึ่งบอดี้การ์ดหนุ่มก็ไม่กล้าตอบรับได้แต่มองเจ้านายอึกอัก ลูคัสถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าให้จิมมี่

"ได้ครับ"เมื่อจิมมี่รับคำ สมิธยิ้มออกมาในที่สุด

"งั้นทานข้าวได้แล้วจะได้ทานยาแล้วพักผ่อน"ลูคัสเอ่ยบอกแม้สมิธจะไม่มีไข้แต่ก็ตัวรุมๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็สอดยาใส่ช่องทางรักของสมิธไว้ให้แล้ว

สมิธเริ่มลงมือทานอาหารที่เหลือไม่กี่อย่างบนโต๊ะอย่างไม่อิดออดเพราะท้องร้องประท้วงตั้งแต่ตื่นนอน

ลูคัสนั่งมองเด็กน้อยทานอาหารเงียบๆจนกระทั่งสมิธอิ่มจึงยื่นยาให้สมิธสองเม็ด เด็กหนุ่มก็รับมาทานอย่างว่าง่าย

เมื่ออิ่มแล้วความง่วงก็เริ่มจู่โจมร่างบาง สมิธตาปรือลงนิดๆ ปากอิ่มเล็กหาวกว้าง

"นั่งสักพักก่อนแล้วค่อยไปนอน"ลูคัสเอ่ยบอกเพราะกลัวสมิธจะเป็นกรดไหลย้อน

"ง่วงแล้ว"สมิธขยี้ตานิดๆไม่ให้ตัวเองหลับ

"ทนไว้ก่อน"แม้จะพูดแบบนั้นแต่ลูคัสก็รั้งร่างเล็กมานั่งเบี่ยงข้างบนตักของตัวเองโดยที่สมิธไม่ทันได้ตั้งตัว เด็กหนุ่มดิ้นอย่างไม่ยอมแต่กูถูกลูคัสจับไว้ไม่ให้ขยับ สมิธจึงนั่งหน้าบูดปนง่วงอยู่บนตักแกร่งนิ่งๆ ลูคัสกดศีรษะสมิธให้พิงอกแกร่งของตัวเองแต่ร่างเล็กก็ฝืนตัวไว้อย่างไม่ยินยอม

"หลับก็ได้ อีกสักพักพี่จะอุ้มไปส่ง"

"ไม่!"

ฟอด!ลูคัสอดใจไม่ไหวเพราะหมั่นเขี้ยวหน้าบูดๆของสมิธเหลือเกิน จึงหอมแก้มเนียนไปฟอดใหญ่ แล้วย้ายริมฝีปากมาจูบขมับเล็กอีกที

"เป็นเด็กดี สัปดาห์หน้าพี่จะพาไปเที่ยว"

สมิธไม่ได้ตอบกลับชายหนุ่มออกไป แต่มาดมั่นไว้ในใจว่าจะไม่ยอมใจอ่อนหลงเชื่อไปกับคำพูดและการกระทำของลูคัสง่ายๆอีก!
+++++++++++

เขียนncไม่เก่งนะเตง :hao5:

แต่พยายามมาเร็วเพราะคอมเม้นเลยนะ อีกประมาณ2-3ตอนก็จะจบภาคเด็กแล้วนะคะ

ตอนนี้ยังไม่ใช่จุดที่ทำให้สมิธกลัวลูคัสเท่าไหร่แต่ความเกลียดนั้น... ซึ่งตอนจบภาคจะเป็นจุดที่พีคสุดในภาคนี้

ส่วนเรื่องการพูดจาหยาบคายของมิทตี้ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้สมิธโตมาในสภาพสังคมแบบไหน มันก็มีซึมซับมาบ้าง อยู่ที่ว่านางจะพูดหรือไม่พูดก็แค่นั้น

ป.ล.เปรมอยากมาลงทุกวันเลยนะถ้าทำได้ แต่นี่ควิซทุกวันจริงๆ วันอาทิตย์นี้ก็ต้องไปสอบแลปภาคสนามที่ตจว. ตอนหน้าอาจจะมาลงอีกทีหลังกลับมานะคะ รอกันหน่อยน้าเบบ :L1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.2[26/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 26-04-2018 21:50:04
ห๊ะ....นี่ยังไม่พีคอีกเหรอค่ะ!!!! แค่นี้ก็เกลียดอิพี่จะแย่แล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.2[26/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-04-2018 00:07:42
นี่ยังมีที่ร้ายกว่านี้อีกหรอ  :katai1:
จะทำไว้ให้ขึ้นใจ ต่อไปถ้าอยากกินหมูกรอบให้อ่านเรื่องนี้ อ่านไป มือก็ใช้ส้อมทิ่มหนังหมูไป เอาหมูไปทอด คงได้หนังหมูที่ขึ้นฟูกรอบอร่อยแน่ ๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด11.2[26/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: pantita Anova ที่ 27-04-2018 23:13:01
 :hao5: ฮือออออออน้องงงงง อิพี่ทำไมทำงี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.1[01/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 01-05-2018 12:18:13
​คนโปรด 12.1

​​​

"อ๊ะๆๆๆ...อื้ออ"ร่างเล็กตัวสั่นคลอนตามแรงโยกของกายแกร่งที่อยู่ด้านล่าง สะโพกเล็กถูกมือเรียวของชายหนุ่มจับให้ขยับขึ้นลงรับเป็นจังหวะที่มังกรใหญ่เสือกไสเข้าไปในช่องทางแดงฉ่ำ

พั่บ!ๆๆๆ

"อ่าาห์ เร็วอีกมิทตี้"ลูคัสครางต่ำในลำคอ แม้ปากจะบอกอีกคนแต่เขากลับเป็นคนขยับสะโพกตัวเองให้เร็วถี่ยิ่งกว่าเดิม

"อื้อออ...อ๊ะ...อ๊าาา"สมิธร้องครางดังลั่นก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักออกมาเป็นรอบที่สอง น้ำขาวขุ่นพุ่งกระเด็นเปรอะเปื้อนไปถึงหน้าอกแน่นของลูคัส

"ซี๊ด..พี่จะเสร็จแล้ว"ลูคัสกระหน่ำแทงสวนสะโพกใส่ทางสีหวานรัวเร็ว แรงตอดขมิบจากช่องทางรักสมิธทำให้ชายหนุ่มอดทนต่อความเสียวซ่านไม่ไหว เอวสอบเกร็งแน่นเมื่อถึงจุดนั้นก่อนที่มังกรยักษ์จะฉีดพ่นพิษอัดเต็มถ้ำของเด็กน้อย

ลูคัสรั้งคอเล็กให้ก้มลงมารับจูบอันเร่าร้อนจากตัวเอง สมิธที่เหน็ดเหนื่อยจากการถูกรีดน้ำออกมานับชั่วโมงก็ตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีแรงขัดขืนเหมือนตอนแรกๆ จึงถูกลูคัสดูดชิมปากหวานจนเต็มอิ่ม

ชายหนุ่มพลิกสมิธให้นอนหงาย แล้วตัวเขาขึ้นคร่อมอยู่ด้านบนแทน ลูคัสค่อยๆดึงแก่นกายออกจากช่องทางด้านหลังของสมิธ ของเหลวสีขาวขุ่นก็ไหลย้อนตามออกมาด้วย

ลูคัสมองภาพนั้นด้วยสายตาเร่าร้อน สมิธที่นอนตาปรือ ปากเจ่อ หอบเบาๆ พร้อมกับน้ำของเขาที่ไหลออกมาจากจีบสีช้ำที่ยังหุบไม่ลง

มันเซ็กซี่จนลูคัสอยากขย้ำสมิธแรงๆอีกหลายๆรอบ

นับตั้งแต่วันที่ได้ทำสดกับสมิธ ลูคัสก็ไม่เคยใช้ถุงยางดับสมิธอีกเลย

ลูคัสมีเซ็กส์กับสมิธทุกวันจนถึงวันนี้ก็เกือบสองสัปดาห์แล้ว ลูคัสทำอย่างต่ำคือวันละหนึ่งรอบ และแน่นอนว่าไม่มีสักครั้งที่สมิธจะเต็มใจ

ชายหนุ่มพาสมิธมาเที่ยวที่เกาะลาดีกประเทศเซเชลส์เมื่อสามวันก่อน แต่เท้าสมิธยังไม่ทันได้แตะน้ำทะเลก็ถูกลูคัสลากเข้าสวีทในโรงแรมที่ดีที่สุดในเกาะ จับรีดน้ำลงโทษเพราะเถียงคำไม่ตกฟากตั้งแต่บนเครื่องบิน ส่วนวันอื่นๆก็ด่าลูคัสบ้างทำลายข้าวของบ้าง สมิธจึงถูกลงโทษทุกวันจนแทบไม่มีแรงจะเดินพ้นบันไดของโรงแรมเพื่อชมความงามของทะเลเลยสักวัน

แต่บางวันก็ได้ดูวิวจากทางระเบียง...

ลูคัสก้มลงจูบหนักๆกับหน้าผากมนที่ชื้นเหงื่อของสมิธแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

"วันนี้เป็นเด็กดี ตอนเย็นพี่จะพาไปเดินเล่นริมชายหาด...แต่ถ้าดื้อก็จะโดนพี่จับกินจนไม่ได้ออกไปเที่ยวแบบนี้แหละ"สมิธมองหน้าหล่อที่อยู่ห่างจากหน้าตัวเองไม่ถึงคืบด้วยสายตาขวางๆ

เขาหมดแรงอยู่แต่ในห้องมาสามวันแล้ว...ยังไงวันนี้ก็ต้องเหยียบทรายกัยน้ำทะเลให้ได้!

"แล้ววันนี้กูดื้อตอนไหน!"ร่างเล็กถามติดจะเหวี่ยงเล็กน้อย ยอมรับว่าสามวันก่อนเขาค่อนข้างแข็งข้อและดื้อเป็นพิเศษ แต่วันนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ...ไหงโดนจับสูบจนไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ล่ะ!

"มิทตี้ไม่ให้พี่จูบ"ลูคัสฉีกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆเมื่อเห็นใบหน้าเล็กหงิกงออย่างไม่สบอารมณ์

"ก็กูรังกะ-..."สมิธยังพูดคำว่ารังเกียจไม่ทันจบคำดีก็ถูกลูคัสชี้หน้าพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมก่อน

"จะพูดอะไรคิดดีๆ พี่อยู่กับมิทตี้ในห้องจนจบทริปเลยก็ยังได้...แต่พี่ไม่อยู่เฉยๆหรอกนะ"สมิธกัดฟันกรอด เพราะเชื่อว่าลูคัสทำได้อย่างที่ปากว่าจริงๆ

"ลุกออกไปดิ๊ จะนอนพัก"สมิธเปลี่ยนเรื่องเอาตัวรอดทันที

"ไปอาบน้ำก่อน"

"เหนื่อย!ค่อยอาบตอนเย็นทีเดียว"

"แล้วจะไม่เอาน้ำพี่ออกหรือไง?"ลูคัสเลื่อนสายตาลงต่ำ ทำให้สมิธนึกได้ว่าเขาโป๊เปลือยต่อหน้าชายหนุ่มอยู่

ช่างเถอะ...โดนจับแก้ผ้าทุกวันขนาดนี้ สมิธหมดความอายไปตั้งนานแล้ว

แต่ไอ้น้ำที่ค้างอยู่ข้างในช่องทางนั้นคงต้องเอาออกไม่อย่างนั้นสมิธจะรู้สึกไม่สบายท้อง และลูคัสไม่ยอมเอาออกให้สมิธเหมือนตอนแรกด้วยเหตุผลที่สมิธอยากจะอาเจียนที่ได้ยิน

'ตอนที่มันไหลออกมาจากตัวมิทตี้มันสวยมาก เหมาะกับมิทตี้สุดๆ พี่ไม่อยากทำลายมัน'

แหวะ!โรคจิตโคตรๆเลย

สมิธหน้าบึ้งดันอกลูคัสให้ถอยออกห่าง คนตัวโตกว่าก็ยอมขยับให้แต่โดยดี

เด็กหนุ่มค่อยๆขยับตัวลุกจากเตียงด้วยความลำบาก รู้สึกเสียดไปทั้งช่องทาง อีกทั้งสะโพกยังปวดตุบๆไม่หยุดๆ

ลูคัสกอดอกมองเด็กน้อยที่อวดดีไม่ยอมเรียกเขาให้ช่วยเลยสักครั้ง...ซึ่งมันน่าหงุดหงิดมากจริงๆ

สมิธเดินเข้าห้องน้ำทั้งตัวเปลือยเปล่าเพื่อเอาน้ำของอีกคนออกจากร่างกาย เมื่ออกมาอีกทีก็พบว่าผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่เรียบร้อยและลูคัสก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว

ก็ดี...

สมิธล้มตัวนอนบนเตียงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

++++++++++++

"ปล่อย!"สมิธพยายามกระชากมือตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของลูคัส แต่ชายหนุ่มกลับกระชับฝ่ามือแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

"พี่บอกว่ายังไง?อยากกลับโรงแรมตอนนี้เลยไหมมิทตี้?"

"จิ๊!"สมิธสบถในลำคอแต่ก็ไม่ได้ดื้อใส่ชายหนุ่มอีก

ลูคัสจูงมือสมิธพาเดินเล่นรอบชายหาดไม่ไกลจากโรงแรมนัก ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตก หาดทรายสีขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส และท้องฟ้าสีส้มแก่ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติคมากจริงๆ

สมิธเลิกสนใจลูคัส เด็กหนุ่มหันไปดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้าที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน



"จะทำอะไร"ลูคัสเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสมิธถอดรองเท้าแล้วหยิบขึ้นมาถือแทน

"ตาก็ไม่บอดนี่ ดูไม่ออกหรอว่าถอดรองเท้า"สมิธตอบกวนๆแต่ก็โดนชายหนุ่มบีบมือเล็กจนต้องเบ้หน้า

"อย่าลามปามพี่!"ลูคัสปรามเสียงดุ สมิธจึงได้แต่สบถเบาๆในลำคออีกรอบ

"ระวังจะเหยียบเปลือกหอย ถ้าเท้าบาดขึ้นมาพี่จะไม่ให้เล่นน้ำจริงๆ" ลูคัสเอ่ยเตือนขึ้นอีกรอบเมื่อเห็นว่าดุไปสมิธก็คงไม่ฟังอยู่ดี เด็กหนุ่มพยักหน้าส่งๆก่อนจะย่ำเท้าเดินเลียบไปตามหาด คลื่นเล็กๆที่สาดซัดขึ้นมาบนหาดสัมผัสกับเท้าเล็กทำให้สมิธยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

เด็กหนุ่มเดินย่ำชายหาดออกนำลูคัสโดยที่ไม่ได้สนใจมือที่กอบกุมกันอยู่จนแขนแทบจะเหยียดตึงในบางทีที่สมิธก้าวนำออกไปไกล

จนกระทั่งตะวันลาลับขอบฟ้า ชายหนุ่มจึงได้พาเด็กน้อยไปยังร้านอาหารทะเลเลียบชายหาดบรรยากาศดีร้านหนึ่ง

ในเมนูพาสต้าผัดทะเลของสมิธ เด็กหนุ่มเขี่ยผักในอาหารไว้ขอบจานให่หมดก่อนจะลงมือทาน ลูคัสขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็ไม่อยากขัดใจเด็กน้อยให้เสียบรรยากาศ

"อร่อยไหม?"ชายหนุ่มเอ่ยถามสมิธที่ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจรอบข้าง ในทีแรกสมิธไม่ตอบแต่เมื่อถูกลูคัสถามย้ำอีกครั้งจึงยอมพยักหน้าตอบ

"อื้อ"

"พรุ่งนี้พี่จะพาไปดำน้ำดูประการังอีกเกาะหนึ่ง"สมิธวาวขึ้น กักปากเพื่อกลั้นยิ้มอย่างดีใจ

ลูคัสยื่นจานหมึกตุ๋นสูตรพิเศษของทางร้านที่เขาเห็นว่าอร่อยดีไปทางสมิธ เด็กหนุ่มก็รับมาทานอย่างไม่อิดออด เคี้ยวจนแก้มตุ่ยเต็มปากอย่างน่ารัก

เมื่อทานอาหารคาวหวานจนเต็มอิ่มลูคัสจึงจูงมือพาสมิธกลับโรงแรมรับลมเย็นๆจากทะเลโดยมีลูกน้องที่อิ่มหนำได้รับผลบุญจากการติดตามครั้งนี้เดินตามหลังทั้งคู่อยู่ห่างๆ

เดินกันเกือบถึงโรงแรมที่พัก อยู่ๆลูคัสก็รั้งแขนเล็กให้หยุดเดิน

เด็กหนุ่มหันมามองร่างสูงด้วยความมึนงง มือแกร่งคว้าเอวบางเข้ามาใกล้ร่างก่อนจะรั้งต้นคอเล็กให้เชิดขึ้นแล้วก้มหน้าประกบจูบปากอิ่มทันที สมิธนิ่งอึ้งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวเผลอเปิดปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาเกี่ยวพันเล่าชิมความหวานของรสพุดดิ้งที่ยังติดอยู่ในปาก ลูคัสขบเม้มปากอิ่มอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่สนว่ากำลังยืนทำประเจิดประเจ้ออยู่ที่หน้าหาด ไม่สนว่าใครจะผ่านมาเห็น

ตอนนี้ลูคัสสนใจแค่สมิธและริมฝีปากหวานๆนี่เท่านั้น

สมิธกำชายเสื้อร่างสูงแน่น คอก็ปวด ปากก็เจ็บ แล้วไหนจะหัวใจที่เต้นถี่เร็วเสียงดังจนเขานึกกลัวนี่อีกล่ะ

ลูคัสถอนริมฝีปากออกช้าๆ ลากลิ้นเลียรอบกลีบปากอิ่มเล็กก่อนจะหอมแก้มแก้มนุ่มอีกสองฟอดใหญ่

"แฮ่กๆ"สมิธหอบหายใจเบาๆ ตวัดสายตามองร่างสูงด้วยความขุ่นมัว

"เดินไหวไหม หรือจะให้อุ้ม?"ลูคัสแกล้งถามสมิธยิ้มๆ

"ไหว!" เด็กหนุ่มสะบัดตัวออกจากชายหนุ่มแล้วเดินนำออกตัวกลับโรงแรมไปก่อน ลูคัสส่ายหัวมองร่างเล็กยิ้มๆแล้วเดินตามไปติดๆ

ส่วนพวกลูกน้องที่เหลือก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเจ้านายอยู่ห่างๆเหมือนเดิม

.

.

.

.

"อื้ออ ลุค! ไม่ทำ!"สมิธเบี่ยงหน้าหนีดันอกชายหนุ่มออกห่างจากตัว

"รอบเดียว"ลูคัสบอกพลางขบติ่งหูเล็กที่เป็นจุดอ่อนของสมิธ

"ไม่!มึงอย่าบ้ากามนักได้ไหม กูเหนื่อย"สมิธตีหน้ายุ่ง

"รอบเดียวจริงๆ"

"ถ้าจะเอาก็พากูกลับอังกฤษ กูไม่อยากเล่นน้ำทั้งๆที่ปวดไปทั้งตัว!"สมิธพูดเสียงเด็ดขาดด้วยสีหน้าจริงจัง

"โอเค นอนนะเด็กดี"ลูคัสก้มจูบหน้าผากมนหนักๆแล้วผละออก

สมิธตวัดผ้าห่มหันหน้าหนีจากร่างสูง ส่วนลูคัสก็ได้แต่เดินออกจากห้องสมิธด้วยสีหน้าเซ็งๆ โยฮันเนสที่รั้งอยู่รอเห็นเข้าจึงเอ่ยแซวด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"เด็กไล่ เอ้ย เด็กนอนแล้วหรือครับ"

"เออ!"ลูคัสกระแทกเสียงห้วนแล้วเดินหนีเข้าห้องตัวเองทันที

+++++++++++++

​อิพี่พาเมียมาเที่ยวชิลๆก่อนนะจ๊ะ

เปรมติดทำงานเตรียมพรีเซนท์ เลยสั้นๆไปหน่อยนะคะ ส่วนครึ่งหลังจะรีบมาในวันสองวันนี้ค่ะ

ป.ล.ขอบคุณทุกคอมเม้นท์❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.1[01/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-05-2018 12:37:32
แค้นนี้ รอการชำระ  :fire:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.1[01/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-05-2018 21:03:49
หวายยย เด็กไม่ยอม 5555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.1[01/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 04-05-2018 20:38:36
ฮูยยยยย สมน้ำหน้าลูคัส
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-05-2018 05:40:29
คนโปรด 12.2

"ไปเปลี่ยนเสื้อ กางเกงด้วย"ลูคัสพูดเสียงดุๆเมื่อเห็นสมิธใส่กล้ามสีดำและกางเกงขาสั้นเลยเข่าสีครีมเดินออกจากห้อง

สมิธขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เดินกลับไปเปลี่ยนตามที่ลูคัสบอก

"ทำไม?"

มันน่ารักเกินไป...

"พี่ไม่ชอบ"

"กูไม่เปลี่ยน มึงจะทำไม?"สมิธแสยะยิ้มยียวน ลูคัสกัดฟันกรอดเดินตรงไปกระชากแขนเด็กหนุ่มเข้าห้อง

"ปล่อย!!มึงอย่ามาบังคับกูจะได้ไหม!"สมิธพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

"ก็ฟังที่พี่พูดบ้างสิ!"

"ไม่!!!"

"มิทตี้!"

"มาเที่ยวทะเลมึงจะให้กูใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อโค๊ทเล่นน้ำหรอห๊า!"

"อย่ามาประชดพี่"ลูคัสกดเสียงเข้ม จ้องตาสมิธอย่างดุดัน เด็กหนุ่มตัวสั่นนิดๆแต่ก็ยังดื้อดึงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

"กูใส่ชุดนี้มันผิดตรงไหน?ใครๆเขาก็ใส่กัน ทีมึงยังใส่ได้เลย!"สมิธมองลูคัสที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเชิ๊ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนและกางเกงขาสั้นเนื้อดีประมาณเข่า

"มันโป๊ เป็นผู้ชายโชว์เนื้อหนังมันน่าเกลียด"

"ไม่มีใครเขาคิดเหมือนมึงหรอก"สมิธกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่ถูกลูคัสว่าด้วยคำพูดแบบนั้น

"พี่ไม่สน เปลี่ยนเดี๋ยวนี้"ลูคัสลากสมิธไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อแขนยาวตัวบางและกางเกงขาสามส่วนให้สมิธ "ใส่!"ลูคัสสั่ง

"ไม่!"

"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไป!"ลูคัสสะบัดแขนสมิธออกอย่างแรงจนร่างบางแทบล้ม เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากอิ่มตัวเองแน่นเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกน้อยใจที่ตีตื้นขึ้นมา

"แล้วแต่มึง"สมิธเอ่ยเสียงเรียบ ขยับตัวขึ้นนอนบนเตียงเงียบๆแล้วหันหลังให้ชายหนุ่ม

ลูคัสถอนหายใจหนักเมื่อเห็นท่าทางสมิธก็รู้สึกผิดขึ้นมา ชายหนุ่มยืนเก้กังอย่างไม่รู้จะขยับตัวไปทางไหน สุดท้ายชายหนุ่มจึงทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เอื้อมมือไปจับแขนเล็กแต่ก็ถูกอีกคนปัดออก ลูคัสจึงโน้มตัวลงไปกอดร่างบางไว้ทั้งตัว ริมฝีปากได้รูปจูบขมับเล็กและพวงแก้มใสราวกับจะขอโทษ

"พี่หวง ไม่อยากให้ใครเห็น"น้ำเสียงลูคัสอ่อนลงกว่าเดิม

"..."สมิธเงียบ

"เปลี่ยนแค่เสื้อก็ได้...นะ"ฟอดดด ลูคัสหอมแก้มเนียนอีกฟอดใหญ่

"..."

"มิทตี้"

"ก็ลุกออกไปสิ กูจะได้เปลี่ยน"สมิธพูดห้วนๆ ลูคัสยิ้ม ดึงตัวสมิธให้ลุกขึ้นตามก่อนจะกดจูบริมฝีปากอิ่มของอีกคนเร็วๆ สมิธหน้าบึ้งขึ้นไปอีก ลูคัสจึงเดินไปหยิบเสื้อยืดแขนยาวคอกลมอีกตัวในตู้เสื้อผ้ายื่นให้สมิธ สมิธรับมาแต่ยังไม่ยอมขยับตัวเปลี่ยนเสื้อ ชายหนุ่มจึงเลิกคิ้วถามสมิธอย่างไม่เข้าใจ

"มึงออกไปดิ๊ กูจะเปลี่ยนเสื้อ"

"หึ จะอายอะไร?พี่เห็นจนจำได้ทุกส่วน"ลูคัสกระตุกยิ้มหล่อ

"กูไม่ได้หน้าหนาเหมือนมึง"

"อยากเดินขาถ่างก่อนไปดูปะการังไหม?"ลูคัสถามยิ้มๆ แต่แววตาที่ฉายออกมาทำให้สมิธกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

"กูหิวแล้ว"

"ไม่เนียน"ลูคัสพูดอย่างลูทันที่สมิธเปลี่ยนเรื่อง สมิธกัดปากตัวเองนิดๆแล้วถอดเสื้อกล้ามบนตัวออกเปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนยาวอย่างรีบๆ

"ก็แค่เนี้ย"

"จิ๊!"สมิธสบถในลำคอเบาๆด้วยความขัดใจก่อนจะเดินลงจากเตียงด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆที่แทบจะเป็นสีหน้าประจำของสมิธในช่วงนี้แล้ว

จังหวะที่สมิธเดินผ่านชายหนุ่ม ลูคัสก็คว้าเอวบางไว้ แล้วกดจมูกหอมแก้มใสแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

ฟอดดด

สมิธถลึงตามองลูคัสอย่างไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างอดทนปล่อยให้มือแกร่งจับจูงเดินออกจากห้อง

ขืนดื้อเกินไป...วันนี้ได้นอนซมคาเตียงอีกแน่ๆ

+++++++++++++++

"มิทตี้เวียนหัวรึเปล่า?"ลูคัสเอ่ยถามเด็กด้วยความเป็นห่วง สมิธส่ายศีรษะปฏิเสธทั้งๆที่หน้าตาย่ำแย่เข้าไปทุกที

อยากอาเจียนมากๆ แต่กลัวถูกพากลับ

"เมาเรือใช่ไหม?...จิมไปเอายามา"ลูคัสวางแก้วไวน์ลงแล้วขยับตัวไปนั่งใกล้ๆร่างเล็ก

"กูไหวน่ะ"เด็กหนุ่มพยายามทำเก่ง ปัดมือเรียวที่ลูบผมตัวเองออก

"ถ้าไม่ดีขึ้นก็อด"ลูคัสชี้หน้าสมิธดุๆ

"ไม่เอา! อุ๊บ!"สมิธรีบเอามือปิดปากเพราะรู้สึกอาหารเช้าที่พึ่งทานไปก่อนหน้านี้กำลังจะขย้อนออกมา

ลูคัสรีบหยิบถังขยะที่อยู่ใกล้ๆมาให้สมิธทันที

อึ่ก!อ้วก!

"ยาได้แล้วครับนาย"ลูคัสรับจากจากจิมมี่ไว้ รอจนสมิธอาเจียนจนเสร็จเขาก็ให้เด็กน้อยบ้วนปากแล้วกินยา

สมิธรับยามากินอย่างไม่อิดออด อาการเวียนหัวยังไม่ทุเลาลงเท่าไหร่ ลูคัสจึงอุ้มสมิธขึ้นย้ายเด็กน้อยจากห้องรับรองไปนอนพักผ่อนในมาสเตอร์รูมสุดหรูภายในเรือยอร์ชลำนี้

ลูคัสวางสมิธที่ไร้การขัดขืนลงบนเตียงหลังใหญ่ ชายหนุ่มเกลี่ยปอยผมออกจากหน้าผากมนแล้วก้มจูบปากเล็กเบาๆ

"นอนพักก่อน ดีขึ้นแล้วค่อยไปเล่น"ลูคัสเอ่ยบอกเมื่อเห็นหน้าที่พยายามฝืนไว้ของสมิธ

ชายหนุ่มพาสมิธขึ้นเรือยอร์ชจากลาดีกเพื่อมาดูประการังน้ำตื่นอีกเกาะหนึ่งของเซเชลส์ อีกสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง ให้นอนพักสักหน่อยอาการคงจะดีขึ้น

"ถึงแล้วปลุกด้วยนะ"สมิธเอ่ยย้ำเพราะกลัวจะไม่ได้ดูปะการังอย่างที่ตั้งใจไว้

"ครับๆที่รัก"ลูคัสเอ่ยยิ้มๆ

สมิธที่ได้ยินคำเรียกนั้นก็ใจสั่นขึ้นมารีบหลับตาหนีอีกคนทันที

.

.

.



"คุณสมิธลองฝึกหายใจทางปากดูก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวผมต่อท่อให้ลองหายใจ ส่วนวิธีเอาน้ำออกถ้าน้ำเข้าหน้ากากต้องทำแบบนี้..."ลูคัสนั่งมองสมิธที่ตั้งหน้าตั้งตาฟังเจ้าหน้าที่สอนใช้อุปกรณ์ดำน้ำด้วยความตั้งใจ

ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเงียบๆ พร้อมนั่งมองสมิธไปเพลินๆ สมิธที่รู้สึกว่ามีใครจ้องพาหันไปมองว่าเป็นใครก็ได้แต่ถลึงตาดุๆใส่

"ข้อควรระวังคือต้องหายใจเข้าออกยาวๆด้วยนะครับ...ที่สำคัญอาจมีเม่นทะเล ตัวดำๆมีหนามแหลมๆตามแนวปะการังบ้าง ระวังอย่าให้หนามมันโดนตัวเชียวนะครับ ไม่อย่างนั้นจะปวดมาก"สมิธพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่อีกคนที่ฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้วทันที

"อันตรายมากรึเปล่า ผมไม่ต้องการให้คนของผมเสี่ยงแม้แต่นิดเดียว"ลูคัสพูดเสียงเข้ม สมิธหน้าซีดลงในทันใด เพราะกลัวลูคัสจะไม่ให้ไป

"แถวนี้มีน้อยจนแทบไม่มีครับแต่ผมเตือนให้คุณสมิธระวังไว้ถ้าเจอจะได้ระวัง"เจ้าหน้าที่เอ่ยอธิบาย แต่ลูคัสก็ยังไม่คลายปมคิ้วที่ขมวดไว้เลย

"มึงอย่าเยอะ กูดูแลตัวเองได้"สมิธเอ่ยขึ้นบ้าง

"พี่เป็นห่วง"

"กูดูแลตัวเองได้"

"มิทตี้เป็นอะไรไปพี่จะหาจากไหนได้อีกอีก หืม?"

"ก็มีอยู่ไม่ใช่หรอ?"สมิธพูดเสียงหยันจ้องตาลูคัสอย่างไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่าสมิธจะรู้สึกตัวเร็วขนาดนี้

"..."

"กูอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน"

"มิทตี้!"ลูคัสปรามเสียงเข้ม เสียงรอบๆตัวเงียบลงทันใด

"อืม ผมว่านี่ก็สายมากแล้ว ถ้าไม่รีบลงตอนนี้แดดจะแรงเอานะครับ"โยฮันเนสที่เห็นบรรยากาศมาคุระหว่างเจ้านายและเด็กกิตติมศักดิ์จึงเอ่ยขัดขึ้น สมิธร้องหึในลำคอก่อนจะหันไปให้จิมช่วยใส่ชูชีพโดยไม่สนใจลูคัสอีก

ลูคัสตีหน้าขรึมทำเอาลูกน้องเข้าหน้าไม่ติดไปใหญ่

"จิมตามเขาลงไปด้วย ดูแลให้ดี"ลูคัสเอ่ยสั่งนิ่งๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในเคบินเรือโดยไม่พูดอะไรอีก

"นายโกรธแล้วนะครับ คุณสมิธไม่น่าไปพูดอย่างนั้นเลย"จิมมี่เอ่ยขึ้นขณะเช็คความเรียบร้อยชูชีพของสมิธ

"เรื่องของมันดิ หรือที่ผมพูดมันไม่จริง?คนที่โกรธควรเป็นผมด้วยซ้ำ"สมิธเอ่ยอย่างไม่แยแสความรู้สึกของอีกคน ในใจของเด็กหนุ่มมันเจ็บแปลบทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้

สมิธเพิ่งมาคิดได้เมื่อส่องกระจกดูตัวเองชัดๆ

ไม่รู้หรอกว่าใครเหมือนใคร...แต่โคตรไม่ชอบเลย ให้ตายสิ!

"ผมว่านายโกรธที่คุณสมิธพูดเรื่องตายมากกว่า"

"ไม่รู้สิ ก็ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"เด็กน้อยพูดเสียงเศร้า หัวใจดวงน้อยๆปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

++++++++++++++

"จิมไปทางนั้นกัน"สมิธเลิกหน้ากากดำน้ำขึ้นเพื่อเอ่ยเรียกจิมมี่

"แต่ตรงนั้นเม่นทะเลเยอะนะครับอย่าไปเลย"จิมมี่เอ่ยห้ามเมื่อว่ายน้ำเข้าไปใกล้สมิธ เจ้าหน้าที่ที่ว่ายอยู่ใกล้ๆก็พยักหน้าเห็นด้วยกับบอดี้การ์ดหนุ่ม

"ก็ปะการังตรงนั้นมันสวยนี่ ปลาก็เยอะ"สมิธพูดอย่างเอาแต่ใจ แต่จิมมี่ก็ส่ายหน้าห้ามอย่างเดียว

"ถ้าไม่ไปผมไปเอง"พูดจบสมิธก็ใสหน้ากากและคาบท่อหายใจว่ายน้ำไปทางที่ตนเองต้องการทันที

จิมมี่เอ่ยห้ามก็ไม่ทันแล้ว เลยได้แต่ว่ายน้ำไปด้วยความเป็นห่วง

ขออย่าให้เกิดเรื่องเลย

"โอ๊ย!"

...และมันก็เกิดเรื่องจริงๆ

จิมมี่และเจ้าหน้าที่ที่ลูคัสจ้างมารีบตรงปรี่ไปหาสมิธทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของสมิธ เด็กหนุ่มมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างชัดเจน

"คุณสมิธเป็นอะไรครับ?"จิมมี่เอ่ยถามด้วยความร้อนรน

"ไม่รู้ เมื่อกี้เผลอปล่อยเท้าแปบเดียวอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มแล้วมันก็ปวดขึ้นมาเลย"สมิธพูดเสียงสั่นเพราะความปวดที่หลังเท้า เจ้าหน้าที่รีบมุดหน้าลงไปดูเท้าของสมิธ เห็นจุดดำๆที่หลังเท้าเด็กหนุ่มก็รู้สาเหตุได้ทันที

"โดนหนามเม่นทะเลน่ะครับ ผมว่าขึ่นเรือกันเถอะ"จิมมี่พยักหน้ารับเจ้าหน้าที่ บอดี้การ์ดหนุ่มให้สมิธเกาะคอตัวเองไว้แล้วพาว่ายกลับขึ้นเรือ

"เกิดอะไรขึ้น?"ลูคัสเดินออกมาที่ท้ายเรือเมื่อได้ยินเสียงเอะอะจากลูกน้อง

"คุณสมิธโดนหนามเม่นทะเลตำเท้าครับนาย"โยฮันเนสเอ่ยรายงาน ขณะที่เกเบียลกำลังรับสมิธขึ้นเรือจากจิมมี่

สีหน้าลูคัสทะมึนยิ่งกว่าพายุเข้าทันทีที่ได้ยิน

"ผมบอกว่าให้ดูแลคนของผมให้ดีไม่ใช่หรือไง!"เสียงลูคัสตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาลราวกับฟ้าฝ่า สมิธตัวสั่นในอ้อมแขนเกเบียล รู้สึกว่าเขาจะนำความซวยมาสู่จิมอีกแล้ว

"ผมผิดเองครับนาย"จิมมี่ที่ขึ้นเรือมาก้มหน้ายอมรับความผิดกับผู้เป็นนาย

"สองครั้งแล้วจิม กูไม่มีครั้งที่สามสำหรับคนที่ทำงานพลาด"ลูคัสเอ่ยเสียงเย็นจนติดลบ

"โอ้ย!"สมิธร้องออกมาด้วยความเจ็บทำให้ลูคัสละความสนใจจากจิมมี่ไปหาสมิธทันที

ชายหนุ่มรับตัวสมิธมาอุ้มไว้เอง เขาสั่งออกเรือกลับที่พักแล้วเอ่ยเรียกเจ้าหน้าที่ ก่อนจะรีบพาร่างบางเดินเข้าเคบินเรือไปโซนรับรองทันที

"ปฐมพยาบาลเบื้องต้นยังไง?"ลูคัสเอ่ยถามเจ้าหน้าที่

"คุณสมิธโดนหนามใหญ่ ไม่มีพิษแต่ทำให้ปวดครับ รอให้หนามสลายไปเองก็หายปวดแล้ว แต่ถ้าอยากหายปวดเร็วก็ต้องทุบตรงที่โดนทิ่ม"

"ไม่เอา"สมิธงอแงส่ายหน้ากับอกลูคัสทันที(ตอนนี้กำลังนั่งบนตักลูคัสอยู่)



"ไม่ทุบ"ลูคัสยืนยันเสียงแข็ง เขาจะยอมให้คนอื่นมาทำรุนแรงขนาดนั้นกับสมิธได้ยังไง

"ถ้าอย่างนั้นก็มะนาว ไม่ก็น้ำส้มสายชูก็ได้ครับ พอบรรเทาไปได้บ้าง"เจ้าหน้าที่เอ่ยบอกอย่างเกรงๆ

ลูคัสเอ่ยเรียกลูกน้องให้ไปหาตามที่เจ้าหน้าที่บอกทันที โชคดีที่มีมะนาวติดครัว อาการปวดของสมิธจึงเบาเทาขึ้นบ้าง แต่เท้าเล็กๆก็ยังบวมแดงอยู่

"ไปเรียกจิมมี่เข้ามา"สมิธตัวเกร็งขึ้นทันทีที่ลูคัสเอ่ยตามจิมมี่

"ครับนาย"

ไม่นานจิมมี่ก็ปรากฏกายต่อหน้าลูคัสและสมิธ ส่วนเจ้าหน้าที่ขอออกไปรอด้านนอก

"คุณรู้ความผิดดีนะจิม"

"ครับ"

"สิ่งที่คุณพลาดมันไม่น่าอภัยได้เลยสักครั้ง ถ้าคนของผมเป็นอะไรขึ้นมาคุณจะชดใช้ให้ผมได้ไหม?"

"ไม่ครับ"จิมมี่ก้มหน้าลงนิดๆอย่างสำนึกผิด

"คุณซื่อสัตย์และภักดีนั่นคือข้อดีของคุณ เพราะฉะนั้นจบทริปนี้คุณก็ไปตามทางของคุณซะ"

"ไม่นะ!"สมิธประท้วงขึ้นมาทันที

"ครั้งนี้พี่ไม่ตามใจนายอีกแล้วสมิธ"ลูคัสเอ่ยเรียกชื่อจริงของสมิธเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเขายังโกรธอยู่

"จิมมี่ไม่ผิด กูไม่ฟังจิมเอง...กูดื้อ"ท้ายประโยคสมิธพูดเสียงแผ่วแต่ลูคัสก็ยังได้ยิน

"รู้ตัวด้วยหรอ? เห็นรึยังว่าการที่นายดื้อนอกจากนายจะเจ็บตัวแล้วยังทำคนอื่นเขาเดือดร้อนตามไปด้วย"

สมิธกัดปากอย่างไม่สบอารมณ์เพราะเถียงไม่ออก

"ก็ยอมรับผิดแล้วไง อย่าไล่จิมออกนะ"แม้ประโยคจะดูเหมือนขอร้องแต่น้ำเสียงขอสมิธก็ยังดูห้วนกระด้างอยู่ดี

"ไม่ได้หรอก พี่พูดออกไปแล้ว กลับคำไปมาก็เสียการปกครองสิ"

"จะอะไรนักหนา ทีกับกูมึงยังกลับกรอกไม่หยุด"

"มิทตี้!"ลูคัสบีบเอวเล็กอย่างแรงด้วยควสมไม่รู้ตัว สมิธเบ้หน้านิดๆด้วยความเจ็บแต่ไม่ยอมร้อง

"มึงต้องการอะไรว่ามาเลย แลกกับไม่ต้องไล่จิมออก"

"ที่พูดออกมาคิดว่าตัวเองจะให้ได้หรือไง?"

"ก็พูดมาก่อนสิ"

"ได้!ถ้านายยอมออรัลให้พี่ด้วยตรงนี้ของนาย จุ๊บ! พี่จะยอมละเว้นจิมมี่สักครั้งก็ได้"ลูคัสกระซิบข้างหูขาวแล้วย้ายริมฝีปากไปดูดปากอิ่มแรงๆหนึ่งทีอย่างสื่อความหมายว่า 'ตรงนี้' ของเขาคืออะไร

สมิธอ้าปากค้างแก้มใสแดงเป็นริ้วบางๆ แม้จะเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งแต่มันก็นานมาแล้ว และตอนนั้นสมิธก็เต็มใจทำด้วยความรัก

"มะ...ก็ได้"คราแรกสมิธอยากเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นหน้าจิมมี่แล้วก็รู้สึกผิด กลั้นใจยอมๆทำให้มันซะจะได้จบๆไป

ลูคัสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่สมิธยอมตอบตกลงง่ายๆ แต่ในวินาทีต่อมาชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าสมิธยอมทำเพื่อใคร ความโกรธ ไม่พอใจ และหลายๆอย่างตีรวนอยู่ในอกแกร่ง

เห็นคนอื่นดีกว่าผัวอีกแล้ว!

ลูคัสรั้งท้ายทอยเล็กไว้แน่น ก่อนจะก้มลงประกบปากจูบริมฝีปากอิ่มทันที สมิธก็ยังงงๆเพราะอยู่ๆก็ถูกจับจูบซะอย่างนั้น ต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว!

ชายหนุ่มยังตะโบมละเลงริมฝีปากขบเม้มดูดดึงปากอิ่มไม่หยุดเล่นเอาซะเด็กน้อยเริ่มหายใจไม่ทัน ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวชิมน้ำหวานไม่รู้พอ

กว่าริมฝีปากได้รูปจะยอมผละออกก็เล่นเอากลีบปากเล็กเจ่อบวมน่าขยี้อีกรอบ สมิธหอบหายใจแฮ่กๆไม่มีแรงจะด่า

"มึงไปได้แล้วจิม ครั้งนี้มึงรอดตัวไปเพราะเมียกูเขายอมออกหน้าแทนหรอกนะ" ลูคัสพูดเสียงเรียบ แต่สายตาเข้มจัดราวกับจะยิงจิมมี่ให้ตายตรงนั้น

"ขอบคุณครับนาย" จิมมี่ขอบคุณเจ้านายแล้วก็รีบเผ่นออกจากบริเวณนั้นทันที

รู้สึกว่าเขาจะโดนหมายหัวอีกแล้ว...คุณสมิธอย่าทรมานผมด้วยวิธีนี้เลยนะครับ!

++++++++++++

ขอโทษที่ให้รอนานน้าาา หลังพรีเซนต์เสร็จเปรมต้องแก้รายงาน กระซิกTT

เรื่องนี้เปรมสงสารจิมมี่ที่สุดแล้ว ฮ่าาา ตอนหน้าคุณพร้อมรึยัง?...อย่าสาปแช่งพระเอกเปรมมากนะ ขี้เกียจหาผัวใหม่ให้มิทตี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2018 06:04:47
จิมมี่ อดทนไว้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-05-2018 07:15:12
เหนื่อยใจกับผัวของมิทตี้ 5555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-05-2018 10:28:11
สงสารจิมนะ เหมือนโดนสมิธลากลงมาให้ซวยตลอด
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 07-05-2018 22:23:39
สงสารจิมมี่ เหมือนเหยื่ออารมณ์ของทั้งสองคน 5555555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด12.2[06/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 12-05-2018 22:20:52
มารอค่าาาาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 14-05-2018 04:39:22
คนโปรด 13.1

"เป็นไร?ช่วงนี้นัดกูแดกเหล้าทีไรอารมณ์เสียทุกที"

"กูปกติ"

"กูรู้จักมึงมาเกือบ10ปี ทำไมจะไม่รู้ว่ามึงเป็นคนยังไง...ว่าไง เรื่องเมียเด็กหรอ?"

"..."

"บอกกูมาเถอะน่า"เกรย์ แอนเดอร์สันคะยั้นคะยอเพื่อน

"...ช่วงนี้มิทตี้ดูซึมๆ ทั้งๆที่กูเพิ่งพาไปเที่ยวมาเมื่อสัปดาห์ก่อน"ลูคัสยอมเปิดปากเล่า

"มึงทำการบ้านหนักไปรึเปล่าวะ?"

"ก็...เรื่อยๆ"

"เรื่อยๆมึงน่ะ ถี่แค่ไหนครับ?"

"เกือบทุกวัน"

"ไอ้สัส!เยอะไปละ นั่นเด็กนะ"

"ช่วงนี้กูก็เพลาๆแล้วนะ"

"เหรอออ เดี๋ยวนี้หลงเขาหนักเลยนะมึง"เกรย์เอ่ยอย่างรู้ทัน

"..."ลูคัสไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองหลงเด็กหนักอย่างที่เพื่อนว่าจริงๆ

"กูว่าบางทีน้องอาจจะเหงา"

"?"

"มึงก็ปล่อยให้น้องไปหาเพื่อนบ้างสิ"

"ไม่!"ลูคัสเอ่ยปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด

"ทำไมวะ?มึงให้เขาอยู่แต่ในห้องเฉยๆ เล่นเกมส์กับบอดี้การ์ด อ่านหนังสือ ดูการ์ตูนซ้ำๆกันทุกวันแบบนั้นมันก็น่าเบื่อไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ยังโดนผัวจัดหนักทุกคืนอีก เป็นใครก็ไม่ไหวเปล่สวะ"

"กูปล่อยสมิธไปหาใครไม่ได้ เขาจะหนีกู"

"ใครบอกมึงทำสันดานชั่วไว้ล่ะ"

"สัส! กูจะรู้ไหมว่ามันจะเป็นแบบนี้"ลูคัสเอ่ยด้วยเสียงติดจะเข้มขึ้นพร้อมกระดกวิสกี้ดีกรีแรงเข้าปากอีกรอบ

ลูคัสคิดไม่ถึงว่าสมิธจะกล้าตัดเขาได้ง่ายขนาดนี้ทั้งๆที่เด็กคนนั้นก็ไม่เหลือใครนอกจากเขาแท้ๆ

กล้าหนีไปจากเขา...ยอมตัดใจจาก

ใครมันจะไปยอมกัน!

"สมน้ำหน้า!...งั้นมึงก็หาสัตว์เลี้ยงให้น้องมันสักตัวสิ เผื่อจะคลายเหงาไปได้บ้าง"

"กูเกลียดสัตว์"ลูคัสเอ่ยออกมาแบบไม่ต้องคิด

"เกลียดไม่เกลียดมึงก็ต้องยอม เพื่อเมียน่ะทำได้ไหมวะ!"

"ถ้าไม่เวิร์คกูจะสั่งให้โยกระทืบมึง"

"โอ๊ะ!อย่าเอาจุดอ่อนกูมาเล่นสิครับ"เกรย์เอ่ยยิ้มๆเหลือบสายตามองลูกน้องคนสนิทของลูคัสที่นั่งห่างพวกเขาออกไปไม่ไกล

+++++++++++

"ชอบตัวไหน?ชี้เลย"ลูคัสพาสมิธออกจากเพ้นท์เฮ้าส์ในรอบสัปดาห์มาที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง

สมิธขมวดคิ้วมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างตัวเองนิดๆอย่างแปลกใจ...นึกยังไงถึงพามาซื้อสัตว์เลี้ยง

เด็กหนุ่มกวาดมองไปทั่วร้านด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนจะขยับปากสีชมพูกระจับบอกกับอีกคน

"กูไม่เอา" ลูคัสเลิกคิ้วนิดๆอย่างแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าเด็กร่าเริงอย่างสมิธจะไม่ชอบสัตว์เล็กๆพวกนี้

"ไม่ชอบหรอ?"

"อืม" สมิธพยักหน้าเนือยๆให้ จริงๆก็ไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่สมิธไม่อยากมีภาระต่างหาก

ขนาดตัวเองยังต้องพึ่งคนอื่น เขาจะดูแลสัตว์พวกนี้ให้ดีได้ยังไง

ทั้งๆที่ชอบมากแท้ๆ

"ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ"ลูคัสจูงมือสมิธเดินออกจากร้าน ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มหม่นแสงลงเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองร้านนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามลูคัสไปด้วยความรู้สึกเสียดาย

++++++++++

หลังจากที่ออกจากร้านขายสัตว์เลี้ยงลูคัสก็พาสมิธไปทานอาหารจีนที่ภัตราคารชื่อดังในลอนดอน เสร็จจากนั้นชายหนุ่มก็พาเด็กน้อยไปเดินเล่นซื้อของต่อจนเต็มมือทั้งสองข้างของบอดี้การ์ดทั้งห้าคน

สมิธชี้มั่วๆไม่คิดว่ามันขะซื้อให้จริงๆ

ขณะที่กำลังนั่งรถกลับเพ้นท์เฮ้าส์ฝนในหน้าร้อนก็ตกลงมาอย่างหนัก เด็กหนุ่มนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกรถ หางตาเหลือบเห็นบางสิ่งก่อนจะตะโกนให้หยุดรถทันที

"จอด!หยุดรถเดี๋ยวนี้!" เซนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับรีบตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเพราะคำสั่งของสมิธโดยไม่รู้ตัว

"จะไปไหน"ลูคัสถามเสียงเข้มพร้อมคว้าแขนเรียวไว้เพราะสมิธทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป

"ไอ้นั่น ต้องไปช่วย"สมิธชี้มือไปด้านหลังที่รถขับเลยมาแล้ว

"ไม่ต้องลงไป"ชายหนุ่มจับแขนเล็กไว้แน่นอย่างไม่ยินยอม

"แต่ว่า..."

"โยลงไปดู"ลูคัสหันไปสั่งลูกน้องแทน โยฮันเนสคว้าร่มแล้วเปิดประตูลงจากรถเดินไปตามทิศทางที่สมิธชี้บอก ไม่ถึงห้านาทีต่อมาโยก็อุ้มลูกสุนัขตัวเล็กสีน้ำตาลอ่อนอายุราวๆ2-3เดือนที่ตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนคนอุ้ม โยเคาะกระจกด้านหลัง เมื่อกระจกเลื่อนลงสมิธก็ทำท่าจะคว้าลูกสุนัขเอาไว้ทันที แต่โยฮันเนสกลับเบี่ยงแขนออกไม่ให้สมิธได้แตะแล้วเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายแทน

"เอาไงดีครับนาย"

"จะเอา!"สมิธพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ

"พี่ว่าไปซื้อที่ร้านจะดีกว่า..."

"จะเอาตัวนี้เท่านั้น"สมิธหันไปจ้องตาลูคัสอย่างไม่ยอมแพ้ ฟันขาวขบริมฝีปากตังเองจนแดงช้ำอย่างดื้อดึง ลูคัสถอนหายใจอย่างยอมแพ้ รู้สึกว่าช่วงนี้จะแพ้ทางสมิธไปซะหมด

"เอาขึ้นรถมา"จบคำสั่งลูคัส โยฮันเนสก็พาเจ้าลูกหมาตัวน้อยขึ้นมานั่งบนรถคันหรูด้วย ชายหนุ่มรีบหาผ้ามาคลุมตัวเจ้าลูกหมาขนปุยเพื่อให้ความอบอุ่น

"โย ผมอยากอุ้ม"สมิธชะเง้อหน้ายื่นไประหว่างเบาะหน้ารถ เอ่ยขอโยฮันเนสตาปริบๆ

"ไม่ได้"เป็นลูคัสเองที่เอ่ยห้าม สมิธจึงตวัดสายตาขวางๆมองคนนั่งข้างๆอย่างไม่พอใจ

"ทำไม"

"หมาที่ไหนก็ไม่รู้ ต้องพาไปฉีดยาก่อน ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ"

"กลัวทำไม แค่มึงคนเดียวก็บ้าพอแล้ว อื้อ!" ปากเล็กๆแสนยั่วโมโหนั่นโดนอีกคนจูบปิดปากสั่งสอนทันที

สมิธดิ้นขลุกขลัก เล็บคมๆที่เพิ่งงอกจิกลงกับต้นคอแกร่ง ลูคัสครางต่ำในลำคอแล้วดูดริมฝีปากอิ่มแรงๆจนแทบหลุดติดปากตัวเองออกมา

"อย่าปากดีกับผัว"ลูคัสกระซิบบอกพร้อมใช้นิ้วเคาะหน้าผากมนเบาๆ

"จิ๊"สมิธสบถในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจแล้วยกแขนเสื้อเช็ดปากตัวเองแรงๆพร้อมส่งสายตาขุ่นมัวให้อีกคนด้วย

ลูคัสสั่งให้ลูกน้องพาเจ้าลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังจากที่เจ้าลูกสุนัขขนสีน้ำตาลอ่อนฉีดวัคซีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็สามารถอยู่ในอ้อมกอดของสมิธได้แล้วในตอนนี้

สมิธกอด'แคท'(ชื่อหมา)ไว้แนบอก มือบางยกขึ้นมาลูบหัวมันเบาๆอย่างเอ็นดู แคทหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มอย่างมีความสุข

สมิธหอบแคทขึ้นเพ้นท์เฮ้าส์ วางเจ้าลูกหมาตัวเล็กลงบนเบาะนอนที่เซนถือตามมาให้ที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

"อาบน้ำแล้วก็นอนนะมิทตี้ อย่ามัวแต่เล่นกับหมา"

"อืม"สมิธพยักหน้ารับ ลูคัสจึงหอมหัวทุยฟอดใหญ่แล้วเดินออกจากห้อง

สมิธใช้ชีวิตแต่ละวันในเพ้นท์เฮ้าส์ร่วมกับแคทเกือบๆเดือน แคทเป็นเพื่อนเล่นคลายเหงาให้สมิธได้จริงๆ เจ้าหมาน้อยลูกผสมวัย3เดือน วิ่งเล่นหยอกล้อกับสมิธแทบทั้งวัน

เด็กหนุ่มเริ่มมีรอยยิ้มผุดขึ้นประดับใบหน้าเรียว เสียงหัวเราะใสๆพลอยให้คนรอบข้างสบายใจขึ้น

อารมณ์ดีชนิดที่ลูคัสทั้งกอดทั้งหอมก็ไม่ปริปากด่าสักคำ หลังมีอะไรกับชายหนุ่มทั้งคืนก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเปิดประตูระเบียงให้แคทออกไปทำธุระส่วนตัว

บางครั้งก็เอ่ยปากขออนุญาตลูคัสเพื่อพาแคทออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ลูคัสอนุญาตให้สมิธพาแคทออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆเพ้นท์เฮ้าส์ได้โดยมีเซนคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง

"แคท อย่าไปทางนั้นสิ"สมิธกระตุกสายจูงไว้เพราะแคทชักจะวิ่งออกนอกเส้นทาง

"บ็อกๆๆ" สมิธทำเป็นย่นจมูกใส่แคท

ยังจะเถียง ไอ้หมาน้อยนี่

"วันนี้จิมไปไหน?"สมิธหันไปเอ่ยถามเซนที่เดินตามอยู่ใกล้ๆแทน

"ไปรับเจ้านายครับ"เซนเอ่ยบอก สมิธก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ผู้ชายคนนั้นหายไปจากชีวิตสมิธร่วมสัปดาห์

พอรู้ว่าอีกคนกำลังมา อารมณ์ที่ยังดีๆอยู่ของสมิธก็หม่นหมองลงทันใด

"ผมหิวน้ำอ่ะ"สมิธบอกเซนขณะเดินเข้าไปในล็อบบี้ของคอนโด

"ทานร้านนี้ได้ไหมครับ"เซนชี้ไปทางร้านคอฟฟี่ชื่อดังใต้คอนโด

"อืม"สมิธพยักหน้ารับและเดินตรงไปทางร้านนั้น แต่ป้ายที่เขียนบอกห้ามนำสัตว์เข้าร้านนั้นทำให้ขาเรียวหยุดชะงักที่หน้าประตูพอดี

"เขาห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้า"สมิธหันไปบอกเซน บอดี้การ์ดหนุ่มขมวดคิ้วมองแล้วเริ่มคิดหนัก

"คุณเข้าไปซื้อให้ผมเถอะ เอาโกโก้ปั่นนะ"สมิธเอ่ยบอก

"เอ่อ..."เซนมีสีหน้าลำบากใจทันที

"ทำไม?ผมไม่หนีหรอก จะนั่งรอตรงนี้แหละ จะมัดไว้ด้วยเลยไหม?"สมิธชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ยาวหน้าร้าน แล้วเลิกคิ้วถามเซน

"ก็ได้ครับ แต่คุณสมิธอย่าไปไหนเด็ดขาดนะครับ"เซนเอ่ยย้ำอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตัวเด็กหนุ่มสักเท่าใดนัก

"อืม รู้แล้วๆรีบไปซื้อเถอะ หิว!"

"ครับๆ"

สมิธทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้นิ่งพลางเล่นกับแคทไปด้วยอย่างไม่คิดที่จะไปไหนตามที่บอกกับเซน

ไม่ถึงห้านสทีต่อมา ก็มีรองเท้าคู่สวยมาหยุดอยู่ตรงหน้าสมิธ เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าเล่นกับเจ้าสุนัขตัววุ่นอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมองเพราะคิดว่าเป็นเซน

แต่ที่ไหนได้...

"นาย!"

"สวัสดีครับ ใช่คุณสมิธรึเปล่า?"ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยถามยิ้มๆ ขณะยกมือที่จับแก้วเครื่องดื่มอยู่ดูดเบาๆ

"..."สมิธเงียบเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักชื่อของตัวเอง

"จำผมได้รึเปล่าครับ?ที่เจอกันที่ร้านอาหาร...กับคุณลูคัสไง" ไนซ์ฉีกยิ้มหวานในขณะที่สมิธหน้าบึ้งขึ้นทุกที

"มีธุระอะไร?"สมิธเอ่ยถามเสียงห้วนอย่างไม่ค่อยจะอยากเสวนาด้วย จับแคทขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดไว้

"ไม่มีอะไรหรอกครับ เผอิญว่าผมเห็นคุณจากในร้าน แล้วรู้สึกคุ้นๆก็เลยลองมาทักดูน่ะครับ อย่างน้อยก็เคยรู้จักกันผ่านๆ...คุณลูคัส" สมิธกำหมัดแน่น โกรธจนตัวสั่นกับน้ำเสียงและรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ที่เหมือนเยาะเย้ยเขา

"กูไม่รู้จักมึง!"

"ว้า เสียดายจัง คุณลูคัสไม่เคยเล่าเกี่ยวกับผมให้คุณฟังเลยหรอครับ"

"ใช่เรื่อง?อย่ามาสำคัญตัวผิด กูไม่เคยอยากรู้เรื่องของมึง"รอยยิ้มบางๆที่ใบหน้าหวานของไนซ์หุบลงทันที

"แล้วไม่อยากรู้ว่าใครมาก่อน หรือว่าคุณลูคัสเลือกใครบางคนให้เหมือนผมเหรอครับ"

สายตาที่ไอ้หมอนี่มองเหยียดลงมามันหมายถึงเขาไม่ใช่หรอ

กรอดดด สมิธกัดฟันแน่นจนเจ็บกราม

"เอ๊ แล้ววันนี้คุณลูคัสเรียกผมมาทำไมกันนะ"

"มันเรียกมึงมาที่นี่?"สมิธเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"เขาไม่ได้บอกคุณไว้เหรอครับ?"ไนซ์เอียงคอถามซื่อๆ

"..."

"มีอะไรกันหรือเปล่าครับสมิธ?"เซนที่เดินออกจากร้านมาเห็นสมิธหน้าบึ้งจัดจึงเอ่ยถาม พร้อมกับหันไปเห็นใครอีกคนที่เขาไม่คิดว่าจะเจอที่นี่

"เอ่อ..."เซนพูดไม่ออก ส่วนไนซ์ยังคงยิ้มอยู่

"ถามมันเอาเองสิ"สมิธลุกขึ้นและคว้าแก้วน้ำจากมือเซนมาดูดทันที แคทที่ถูกสมิธอุ้มด้วยมือข้างเดียวส่งเสียงร้องหงิงๆอยากกินด้วย แต่ก็ถูกสมิธส่งสายตาดุๆให้ว่ากินไม่ได้นะ​

"คุณลูคัสนัดผม แต่อาจจะสื่อสารกันผิดพลาดนิดหน่อยน่ะครับ"ไนซ์เอ่ยบอกเซนยิ้มๆ

"นายน่ะเหรอครับจะนัดคุณมาที่นี่"แม้แต่เซนก็ยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าสมิธก็รีบปิดปากฉับลงทันที

"ถึงได้บอกว่าน่าจะสื่อสารผิดพลาดไงครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อน อึ่ก!"

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"

"คือผมปวดฉี่น่ะครับ มากๆเลย แถวนี้ก็ไม่มีห้องน้ำด้วยสิ ผมขอขึ้นไปใช้ห้องน้ำที่ห้องคุณสมิธได้ไหมครับ"ไนซ์เอ่ยขออย่างไม่เกรงใจ แต่สีหน้าเหมือนอดกลั้นนั้นถ้าแสดงก็นับว่าแนบเนียน

"..."สมิธนิ่งไม่หือไม่อือ

"นะครับ"ไนซ์เอ่ยขอ สมิธถอนหายใจหนักก่อนจะเอ่ยปกอนุญาต

"ตามใจ ยังไงก็ไม่ใช่ห้องของกูอยู่แล้วนี่"เด็กหนุ่มเอ่ยอนุญาตแต่ประโยคสุดท้ายสมิธพึมพำพูดกับตัวเองเสียงเบา

สามคนกับอีกหนึ่งตัวเข้าลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นเพ้นท์เฮ้าส์ของลูคัส ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ทุกคนต่างเงียบ มีเพียงเจ้าแคทที่ขยันเลียคอเลียมือสมิธไม่หยุด

"พอแล้วน่าแคท จะเลียอะไรนักหืม"สมิธกดคางตัวเองกับหัวที่เต็มไปด้วยขนนุ่มๆของแคทอย่างหยอกล้อ ก่อนจะจูบหัวมันไปอีกหลายทีด้วยความเอ็นดู

เด็กหนุ่มกอดเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนและแกว่งไปมาเบาๆอย่างที่แคทชอบ เจ้าตัวเล็กเห่าหลายครั้งอย่างชอบใจในขณะที่สมิธหัวเราะเบาๆกับความแสนรู้ของมัน

"เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อแคทเหรอครับ"ไนซ์เอ่ยถามยิ้มๆ

"..."สมิธเฉยชาไร้คำตอบ ไนซ์จึงแกล้งยื่นนิ้วทำท่าจะลูบหัวแคท แต่เจ้าตัวเล็กกลับึรางขู่อย่างไม่เป็นมิตรแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

กรรรร!

"อย่าน่าแคท"สมิธตบหัวเล็กของแคทเบาๆ จึงยอมสงบลง แต่แคทกลับจ้องไนซ์ด้วยท่าทีหวาดระแวง

"หึ"สมิธเหยียดยิ้มออกมาอย่างพอใจกับท่าทีของแคทต่อไนซ์

ค่อยสมกับเป็นหมาเขาหน่อย

ไนซ์หน้าเสีย เลิกคิดจะตีสนิทเจ้าหมาน้อย แต่พอเห็นรอยยิ้มเยาะๆของสมิธกลับรู้สึกแค้นใจขึ้นมา

เมื่อถึงชั้นบนสุด ทั้งหมดก็เดินออกจากลิฟท์ เซนเดินนำไปเปิดประตูก่อนตามด้วยสมิธและไนซ์ที่เดินตามหลัง

และในจังหวะที่สมิธกำลังก้าวเท้าเข้าห้อง ความเย็นจัดก็ราดลงที่ตรงหลังคอสมิธไหลลงไปยังแผ่นหลังขาวๆจนชื้นไปหมด

"มึง!"สมิธหันไปด้านหลังมองหน้าเจ้าของน้ำที่ราดใส่หลังเขาอย่างเอาเรื่อง

"โอ้ ขอโทษครับพอดีผมสะดุด...ขาตัวเองน่ะ"แม้ว่าไนซ์จะเอ่ยขอโทษแต่สายตากลับไม่ได้รู้สึกผิดตามไปด้วยเลยสักนิด

สมิธสูดหายใจลึกอย่างพยายามระงับอารมณ์และก้าวขาเดินเข้าห้องโดยไม่พูดอะไร

"ให้เขาทำธุระให้เสร็จแล้วรีบส่งแขกนะเซน"สมิธเอ่ยบอกเซนด้วยระดับเสียงที่ทำให้ได้ยินกันทุกคน

ก็เหมือนไล่ไนซ์ให้ไปทำธุระให้เสร็จแล้วไสหัวไปซะ!

"อ่าครับ"เซนรับปาก แล้วหันไปยิ้มเจื่อนๆให้ไนซ์ที่เพิ่งเดินเข้าห้องมา

"รออยู่นี่นะแคท เดี๋ยวเราไปอาบน้ำเแลี่ยนเสื้อผ้าแปบหนึ่งแล้วจะออกมาเล่นด้วย"สมิธก้มจูบแคทอีกหลายทีแล้ววางลงพื้น

หงิงๆๆ แคทครางเล็กๆแล้วทำท่าจะตามสมิธเข้าห้องไปด้วย

"ไม่ได้ รออยู่นี่แหละ"สมิธเอ่ยห้าม เพราะกลัวลูคัสว่าเอาหมาเข้าไปนอนในห้อง เพราะสมิธมักจะแอบทำแบบนั้นบ่อยๆ ลูคัสที่เวลาเข้าไปนอนกับสมิธรู้สึกไม่ชอบใจนักจึงเอ่ยห้าม

หงิงๆ แคทครางรับเสียงหงอยแล้วเดินตรงไปนอนที่เบาะนอนของตัวเองโดยไม่ดื้อไม่ซนอีก

"เอ่อ คือผมมีเรื่องจะรบกวนคุณเซนสักเรื่องจะได้ไหมครับ"ไนซ์เอ่ยปากขึ้นเมื่อเห็นสมิธเดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเองแล้ว

"อะไรหรืครับ"

"ช่วยลงไปสั่งน้ำที่มันหกเมื่อกี้ให้ผมทีได้ไหมครับ"

"คือว่า...ต้องคอยดูแลคุณสมิธน่ะครับ"เซนลำบากใจอีกครั้ง คนหนึ่งก็ต้องเฝ้า อีกคนหนึ่งก็เป็นคนใหม่

ไอ้เซนอยากแยกร่างได้โว้ย

"นะครับแปบเดียวเอง เดี๋ยวผมช่วยดูสมิธให้ก่อนก็ได้ ยังไงร้านก็อยู่ใต้คอนโดแค่นี้เอง คุณเซนก็เห็นอยู่แล้วว่าใครเข้าออกบ้าง"ไนซ์พูดเพื่อให้เซนตัดกังวล

"ถ้าอย่างนั้นผมฝากดูคุณสมิธด้วยนะครับ ผมไปแปบเดียวเดี๋ยวมา...ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะครับ"เซนชี้มือไปทางประตูห้องน้ำแล้ว โดยไม่ทันฉุกคิดว่าทำไมไนซ์ถึงรู้ว่าเขาต้องคอยจับตาดูสมิธไว้

"ขอบคุณครับ"

หลังจากเซนออกจากห้องไป รอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็จางลงไปอย่างรวดเร็ว ไนซ์กวาดสายตาไปทั่วห้องด้วยความรู้สึกริษยา ร่างบางเดินตรงดิ่งไปทางห้องของสมิธอย่างมีแผนการ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น กลับมีบางสิ่งดึงขากางเกงของไนซ์เอาไว้

ปรากฏว่าคือแคทที่คาบขากางเกงราคาแพงไว้อย่างไม่ยินยอมให้ไนซ์เข้าไปได้ง่ายๆ

ไอ้หมาระยำ!

ไนซ์พยายามสะบัดขาแต่สะบัดเท่าไรก็ไม่หลุด จนแคทกัดถูกเนื้อของไนซ์ร่างบางจึงซี๊ดปากเตะแคทจนกระเด็นไปอีกด้าน

เอ๋ง! เสียงหมาเล็กร้องไม่ดังนักจึงทำให้สมิธที่กำลังอาบน้ำอยู่ไม่ได้ยิน

"มึงกล้ากัดกูเหรอ หาเรื่องตายเองนะมึง!"ไนซ์ย่างเท้าไปทางแคทที่กำลังลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเจ็บๆขา ชายหนุ่มหน้าสวยตรงเข้าไปจับปากเล็กของแคทไว้ไม่ให้กัดเขาได้ จากนั้นก็อุ้มล็อคตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

+++++++++++++++

"แคท...แคทอยู่ไหน? ออกมาหาเราหน่อย" สมิธที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้องมาก็เรียกหาแคททันที



สมิธขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกระดิ่งจากแคท ปกติไอ้จอมยุ่งนั่นแค่ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูก็วิ่งมาดักที่หน้าห้องแล้ว

แอ๊ด

เสียงเปิดประตูห้องน้ำอีกฟากเปิดออกและไนซ์ก็เดินออกมาจากห้องนั้น สมิธไม่ได้สนใจไนซ์แต่เขาเลือกที่จะเดินหาแคทและเรียกไปด้วย

"แคท ออกมาเถอะ อย่ามางอนเรานะ"สมิธเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ รู้สึกเป็นกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก สมิธเดินหาไปทั่วทั้งห้องไม่เว้นแม้แต่ในห้องของลูคัสก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของแคท

เด็กหนุ่มเริ่มร้อนรนด้วยความรู้สึกกังวลใจ สมิธเดินผ่านโซฟาที่ไนซ์นั่งอยู่โดยไม่คิดถาม เขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องเห็นประตูเปิดอยู่ก็ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เท้าเล็กรีบเดินออกจากห้องอย่างไม่ลังเลพลางตะโตเรียกเจ้าสุนัขตัวน้อยไปด้วย

"แคท...แคท"สมิธมองหาไปทั่วโถงทางเดิน เท้าน้อยๆเดินสั่นๆไปทางบันไดลงจากชั้น

สมิธหยุดเท้านิ่ง สายตาจับจ้องไปที่ร่างแคทนอนแน่นิ่งอยู่ตรงที่พักบันไดก่อนจะถึงชั้นที่เขาอยู่

"แคท..."สมิธแทบไม่มีเสียงออกจากหลอดลม ส่วนแคทยังนอนนิ่งไม่ยอมไหวติง

ราวกับว่าไม่หายใจ...

หยาดน้ำก่อขึ้นเต็มกระบอกตาก่อนจะไหลรินออกมาไม่ขาดสาย สมิธวิ่งตรงเข้าไปหาแคท ยกร่างของมันที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมาช้าๆอย่างระมัดระวัง

"แคทฟื้นสิ ฮึก...อย่าทิ้งเราแคท ได้โปรดอย่าทิ้งเรา ฮือออ"หูเล็กแนบลงกับอกของแคท ไม่ได้ยินเสียงหายใจ ไม่เห็นว่าท้องขยับขึ้นลงเมื่อยังหายใจอยู่ เลือดไหลออกมาทางปากไม่ขาดสาย

ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเล่นกับเขาอีกแล้ว...

"แคท...ฮืออออ เรา ฮึก เราไม่มีใครแล้วแคท อย่าทิ้งเราไป เราไม่เหลือใครแล้ว ฮือ..."สมิธอุ้มร่างแคทกอดแนบอกทั้งน้ำตา ร้องไห้เสียงดังราวกับจะขาดใจ

"คุณสมิธ เกิดอะไรขึ้นครับ" เซนที่เพิ่งขึ้นลิฟท์มาได้ยินเสียงร้องไห้ของสมิธจึงรีบวิ่งมาดู แต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เขาพูดไม่ออก

"ฮึกๆเซน ช่วย ฮึก แคทด้วย ฮือออ ช่วยแคททีได้ไหม ฮึก อย่าให้เขาไปจากผมได้ไหม ฮืออ"สมิธหันมาขอร้องเซนด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต

"ผมจะพาไปหาหมอเองครับ"เซนรีบวิ่งไปหาสมิธ อุ้มแคทขึ้น เมื่อสัมผัสร่างกายที่อ่อนยวบของแคทก็ทำให้รู้ว่าคำขอร้องของสมิธแทบไม่มีหวัง

"ไป รพ.กันเถอะครับ"

+++++++++++

"คุณสมิธ..." เซนเอ่ยเรียกคนที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล

พวกเขามาไม่ทัน...

"ชีวิตผม มีอะไรดีบ้าง"

"..."

"ผมเคยมีความสุขกับอะไรได้นานๆบ้าง ฮึก ทำไม ฮึก ผมถึงได้มีแต่สูญเสีย ฮือ"สมิธกอดห่อศพแคทเอาไว้แน่น

น้ำตาเม็ดโตร่วงผล็อยใส่ผ้าสีขาวเป็นวง

"ขอโทษ ฮึก นะแคท ฮึก ที่เราดูแลเธอได้ไม่ดี...เธอต้องจากไปอย่างเจ็บปวด ฮึก เราขอโทษ"สมิธกอดร่างแคทเอาไว้แน่นเป็นครั้งสุดท้าย

เขาไม่อยากเชื่อเลย...ทั้งๆที่เพิ่งกอดจูบเพิ่งเล่นกันไปแท้ๆ แต่เวลาไม่กี่สิบนาทีมันกลับต้องจากเขาไปตลอดกาล

ถ้าเขาให้มันเข้าไปในห้องด้วย ถ้าเขาอยู่เล่นกับมันนานกว่านี้อีกสักนิด...ถ้าเขาไม่รักมัน

ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดมากมายเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาขนาดนี้

สมิธหลุบสายตามองร่างในแขนตัวเองนิ่งแล้วปิดเปลือกตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆแทนคำเอ่ยลา

+++++++++++

มาแย้ว คิดถึงเค้าป่าว ฮี่ๆ ขอโทษที่ทำให้รอกันนานเลยน้า คือเปรมสอบไฟนอลค่ะ (แจ้งไปในเพจแล้วว่าจะช้า) ยังสอบไม่เสร็จแต่ก็ทิ้งช่วงวันสอบเยอะแล้วทำให้พอมีเวลาแต่งได้บ้าง เปรมอยากให้คนอ่านเข้าใจเปรมนะถ้าอัพช้าไปคือไม่ค่อยว่างจริงๆ แต่ก็จะพยายามมาเร็วๆอย่างสุดความสามารถนะคะ

ตอนนี้เป็นอีกตอนที่บีบหัวใจและไม่อยากจะเขียนเลย(แต่ก็เขียนไปแล้ว) อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเปรมก็รู้สึกเขียนไม่ค่อยออกเหมือนกัน เฮือก! ตอนหน้าจะเป็นไงต่อรอติดตามนะจ๊ะ><
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 14-05-2018 05:43:16
สงสารหมาน้อย นังโรคจิตฆ่าหมา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-05-2018 06:10:52
อีลู่ เมียอีกคนของแก มาระรานน้อง แถมแกล้งน้อง ฆ่าหมาน้อง และใช้คนที่ดูแลน้อง แกจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-05-2018 10:09:30
อิไนซ์ หล่อนมันวอนโดนตบ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-05-2018 14:15:24
เลวมากอะ หมาตัวเล็กแท้ๆ
สงสารสมิทตี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.1[14/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 15-05-2018 16:46:56
ไนซ์มันจะแกล้งอะไรมิทตี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 20-05-2018 00:27:11
​​คนโปรด 13.2


"เซน"สมิธเอ่ยเรียกคนข้างตัวด้วยน้ำเสียงนิ่งๆหลังจากที่ฝังศพแคทเสร็จเรียบร้อยแล้ว

"ครับ?"

"คุณเปิดประตูห้องทิ้งไว้หรอ"

"เอ๊ะ เปล่านะครับ ผมปิดประตูสนิทดีทุกครั้ง ก่อนเข้าลิฟท์ผมก็มองเช็คอีกรอบก็เห็นยังปิดอยู่" เซนอุทานก่อนจะรีบอธิบายด้วยความแปลกใจ

"แล้วประตูมันจะเปิดเองได้ยังไง"

"?"เซนมองหน้าสมิธอย่างมีคำถาม แม้จะตงิดใจกับการตายของแคทแต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดขึ้นมา

"หมาผมจะกระโดดบันไดเป็นสิบขั้นลงไปตายเองได้ยังไง"

"ผมว่า..."

"มันนั่นแหละทำ"สมิธพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาที่เศร้าสร้อยจากการสูญเสียแปรเปลี่ยนเป็นเพลิงโทสะอย่างที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน

"เรื่องนี้คงต้องแจ้งให้นายทราบ"เซนเข้าใจว่าคนที่สมิธพูดถึงคือใคร พวกเขาอยู่ในเหตุการณ์สามคน เขาไม่ได้ทำ สมิธไม่มีทางทำ...ก็เหลือแค่ไนซ์ ที่มาปุ๊บก็เกิดเรื่องเลย จะให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง

"แล้วยังไง?คิดว่าเขาจะช่วยผมเหรอ หึ!"

"ผมว่ายังไงนายก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้แก่คุณสมิธแน่นอน"เซนเอ่ยอย่างมั่นใจ เพราะเชื่อว่าอย่างไรลูคัสก็เลือกสมิธแน่ๆ...ทุ่มเทให้ซะขนาดนี้

Rrr Rrr Rrr

ยังไม่นที่สมิธจะตอบกลับอะไรไปเสียงโทรศัพท์มือถือของเซนก็ดังขึ้นซะก่อน บอดี้การ์ดหนุ่มรีบกดรับเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์คนสนิทของเจ้านายและเป็นเจ้านายของเขาอีกทอดด้วย

"ครับโย...ฝังแล้วครับ...ครับ...จะรีบกลับครับ" เซนกดวางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันไปพูดกับสมิธที่ยืนเหม่อมองหลุมศพของแคทอยู่

"เรากลับกันเถอะครับสมิธ นายถึงห้องแล้ว...และไนซ์ก็อยู่ด้วย" ดวงตาสมิธแข็งกร้าวขึ้นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากเซน

"ไปสิ ผมก็อยากจะเคลียร์อะไรๆเหมือนกัน"สมิธก้าวนำเซนไปขึ้นรถก่อน มือบางกำหมัดแน่นอย่างข่มใจ

+++++++++++

เซนพาสมิธกลับถึงห้องในระยะเวลาไม่เกินสิบนาที เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วยช่วงขาที่มั่นคง ทันทีที่ดวงตาสีมหาสมุทรคู่สวยเหลือบเห็นใบหน้าของไนซ์นั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่รู้สึกรู้สา

มวลความโกรธในอกสมิธเดือดปุดๆเหมือนลาวาก่อนจะระเบิดออกมาทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหันมาแสยะยิ้มเยาะเย้ยให้

ร่างบางของสมิธพุ่งเข้าหาไนซ์อย่างเร็วโดยที่ใครก็ไม่ทันได้ตั้งตัว มือบางขยุ้มเข้าไปที่ผมสีอ่อนของไนซ์เต็มกำมือ ก่อนจะกระชากผมอีกฝ่ายอย่างแรงจนไนซ์ตกจากโซฟา

"โอ๊ย!!!"ไนซ์โอครวญด้วยความเจ็บพยายามจะแกะมือสมิธออกจากผมของตนเอง แต่นอกจากสมิธจะไม่ปล่อยแล้ว เขายังตามไปนั่งทับบนร่างไนซ์ปล่อยมืออีกอีกข้างแล้วกระหน่ำหมัดใส่หน้าและตัวอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งแรง

"โอ๊ยย!ช่วยด้วย!!คุณลูคัสช่วยผมด้วย!"ไนซ์ตะโกนขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะแรงของเด็กที่กำลังเลือดขึ้นหน้าได้

ลูคัสที่เพิ่งได้สติช้าไปสักเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วเข้มอย่างไม่ชอบใจก่อนจะตรงเข้าไปหาทั้งคู่ มือแกร่งจับแขนเรียวของสมิธไว้แน่นเพื่อให้ร่างบางหยุดประทุษร้ายคนที่ล้มอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็คว้าเอวบางไว้หมายจะอุ้มร่างเล็กที่คร่อมร่างไนซ์อยู่ออก แต่ชายหนุ่มคงลืมว่ามืออีกข้างของสมิธกำอะไรไว้อยู่ เมื่อจังหวะที่เขายกสมิธขึ้น ไนซ์ก็แหกปากร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด

"โอ๊ย!!!"

"มิทตี้ปล่อยมือ"ลูคัสปรามสมิธเสียงเข้ม

"ไม่!!!มันฆ่าหมากู!"เด็กหนุ่มตะคอกสวนคนตัวโตกว่าอย่างไม่ยอม

"ผมเปล่าทำนะครับ...โอ๊ย"ทันทีที่ไนซ์เอ่ยปฏิเสธมือเล็กๆที่ขยุ้มผมเขาอยู่ก็กระชากอย่างแรงจนหนังศีรษะเขาชาไปหมด

"ตอแหล!!มึงไม่ทำแล้วใครจะทำไอ้ชาติชั่ว!"สมิธสบถด่าคำหยาบอย่างอดไม่อยู่

"มิทตี้ปล่อยก่อน"ลูคัสพูดเสียงอ่อนลง พยักหน้าให้โยฮันเนสมาช่วยแกะมือเด็กน้อยออกจากผมของไนซ์

"มันฆ่าหมากู...มันฆ่าแคทลุค"ดวงตากลมโตแดงก่ำอย่างพยายามกลั้นน้ำตาเหลือบสบตาคมสีเขียวเข้มของลูคัส

ชายหนุ่มยกมือลูบผมนิ่มเบาๆแล้วกดจูบลงที่ข้างขมับเล็ก

"พี่รู้แล้ว ไม่ร้องนะเด็กดี...เดี๋ยวพี่จัดการเอง" สมิธยอมปล่อยมือออกจากผมของไนซ์เอง ซึ่งมีผมของไนซ์ติดมือมาอีกกระจุกไม่น้อยเลย

ไนซ์ลุกขึ้นจากการถูกช่วยพยุงจากโยฮันเนสด้วยท่าทางเซเล็กๆอย่างอ่อนแรง ดวงตาสีอ่อนคู่สวยเหลือบมองลูคัสที่อุ้มสมิธเข้าไปอีกห้องด้วยความริษยา

"นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ"โยฮันเนสพยุงไนซ์ไปนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เขาเพิ่งนั่งไปก่อนหน้านี้

ไม่นานลูคัสก็เดินออกจากห้องสมิธมาหาไนซ์ด้วยสีหน้าเย็นชาดุดันอย่างที่ไนซ์ไม่เคยเห็นมาก่อน

"เอาล่ะ จะแก้ตัวอะไรก็รีบพูดมา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก"ลูคัสกอดอกทรุดนั่งลงโซฟาตรงข้ามไนซ์พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น

ไนซ์ตัวสั่นนิดๆกับท่าทางและบรรยากาศกดดันจากลูคัส แต่ชายหนุ่มหน้าสวยกลับยกยิ้มและเงยหน้าสบสายตาคมดุของลูคัสมองร่างสูงอย่างเหนือกว่า

"ผมไม่ได้ทำและคุณต้องเชื่อผม"

"..."

++++++++++++++

หลังจากเหตุการณ์ที่สมิธอาระวาดใส่ไนซ์ เวลาก็ล่วงเลยมานับสัปดาห์ โดยที่ไม่มีใครพูดถึงไนซ์อีก และสมิธก็ไม่อยากถามถึง เพราะลูคัสบอกเขาแล้วว่าจะลงโทษไนซ์อย่างสาสม สมิธก็จะลองเชื่อลูคัสดูอีกสักครั้ง

แต่อย่าให้เขาเจอมันอีก...ถ้าเจอมันต้องเจ็บตัวกันไปข้าง

และเมื่อวันก่อนหลังจากที่ลูคัสเข้ามานอนกับสมิธตามปกติ เด็กหนุ่มก็ยังไม่หลับในทันที เขาเอ่ยถามเรื่องไปโรงเรียนกับลูคัสเพราะถึงช่วงเวลาเปิดเรียนของเด็กที่นี่แล้ว แต่คำตอบที่ได้จากลูคัสก็ทำเอาร่างเล็กน้ำตาคลอ โกรธแบบไม่ยอมคุยกับลูคัสจนถึงวันนี้

'พี่จะให้มิทตี้เรียนแบบโฮมสคูล...จะจ้างครูที่เก่งๆมาสอนไม่ต้องกลัวว่าจะด้อยกว่าคนอื่น'

'ใจคอมึงจะขังกูไว้ไม่ให้กูออกไปเจอใครเลยหรือไง'

ลูคัสไม่ปฏิเสธเพราะเขาต้องการให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่สมิธว่า

'กูเป็นคนนะลุค ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง'

'พี่ไม่เคยมองมิทตี้เป็นสัตว์เลี้ยง มิทตี้เป็นคนโปรดของพี่ พี่จึงถนอมนายไว้ไม่ให้ใครก็เท่านั้น'

'มึงมันชั่ว!'

สิ้นคำด่าสมิธก็ถูกอีกคนลงโทษจมเตียง ร่างเล็กได้แต่กัดปากแน่นบังคับเสียงร้อง เมื่ออีกคนห่มเหงร่างกายเล็กจนพอใจก็ผละออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิดที่เห็นน้ำตาหยดซึมออกมาแต่มือบางก็รีบปาดทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว

จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่สมิธมึนตึงใส่ลูคัสไม่ยอมพูดคุยด้วยแม้ชายหนุ่มจะพยายามไถ่โทษอย่างไรก็ตาม ที่สมิธต้องการคืออิสระภาพ สิ่งของอย่างอื่นที่ลูคัสหามาประเคนให้เขาไม่ได้แยแส

ตั้งแต่แคทตาย สมิธก็ทานอาหารได้น้อยลง บางวันเขาทานแค่บิสกิตเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งลูคัสก็รู้แต่บังคับสมิธไม่ค่อยได้เท่าไหร่

"คุณสมิธไม่สบายหรือเปล่าครับ?หน้าซีดๆ"จิมมี่เอ่ยทักขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของสมิธไร้สีเลือดตั้งแต่เมื่อวาน

"เปล่า"สมิธส่ายหน้าแล้วดูทีวีต่อ แต่ก็ต้องนิ่วหน้าจนผิดรูป มือบางกุมท้องตัวเองไว้แน่น

"สมิธเป็นอะไรครับ?"จิมมี่ถลันตัวเข้ามาดูอาการสมิธใกล้ๆ เด็กหนุ่มกัดปากแน่น เหงื่อชื้นไหลหยดลงมาตามข้างขมับ

"ปวดท้องนิดหน่อย"

"ให้หมอมาตรวจดูดีไหมครับ?"จิมมี่พูดด้วยความเป็นห่วง

"ไม่ต้อง สงสัยจะเป็นกระเพาะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินข้าว ไปเอายามาให้ผมที"จิมมี่แม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของสมิธแต่ก็อดจะกังวลไม่ได้ เซนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำมาเห็นสีหน้าของเพื่อนและอาการของสมิธก็รีบเดินเข้ามาดูอีกคน

"เป็นอะไรกัน?"เซนเอ่ยถามเพื่อนบอดี้การ์ดด้วยกัน

"สมิธปวดท้อง"จิมมี่เป็นคนเอ่ยบอก

"เรียกหมอไหมครับ"เซนเอ่ยถามคำถามเดียวกับจิมมี่ สมิธที่ปวดท้องอยู่ก็ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่สองหนุ่มด้วยความรำคาญช่างเซ้าซี้

"ไม่ต้อง!ผมบอกให้ไปเอายามาไงล่ะจิม"ได้ยินเสียงตะคอกจากเจ้านายตัวเล็กจิมมี่จึงรีบไปหยิบยาแก้โรคกระเพาะอาหารมาให้สมิธ เด็กหนุ่มรับยามาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามทันที

"ผมจะเข้าไปนอนพักแล้ว ไม่ต้องปลุกนะ"สมิธเอ่ยบอกบอดี้การ์ดทั้งสองคนแล้วลุกขึ้นจากโซฟา

"แล้วอาหารเย็นล่ะครับ?"

"ไม่กิน ถ้าหิวจะออกมากินเอง"

"แต่..."

ปัง!สมิธไม่อยู่รอฟังอีกสองคนเซ้าซี้ เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงแต่ก็ปวดหน่วงที่ท้องขึ้นมาอีกระลอก เด็กหนึ่งสูดหายใจเข้าออกลึกพยายามระงับอาการทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น สมิธข่มตาตัวเองให้หลับจากหลายๆความรู้สึกในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้จนผล็อยหลับไปในที่สุด

+++++++++++

เช้าวันต่อมา

สมิธตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดที่หน้าท้องอีกครั้ง ร่างบางคลื่นไส้อย่างหนัก จึงวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำหลายรอบ มือบางเผลอกดไปที่ท้องด้านขวา มันปวดมากชนิดที่แทบทรุดไปกับพื้น

สมิธไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกวิงเวียนไปอีก ตัวก็รุมๆเหมือนจะมีไข้ยังไงก็ไม่รู้

ร่างบางตัดสินใจฝืนสังขารออกไปจากห้องนอนของตัวเอง ทรมานจนเหงื่อหยดเป็นเม็ดๆ ริมฝีปากสีซีดที่เคยแดงระเรื่อเอ่ยเรียกจิมมี่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหลายครั้งกว่าบอดี้การ์ดหนุ่มจะได้ยิน

"...จิม"จิมมี่และเซนหันไปมองตามต้นเสียง เห็นท่าทางซวนเซจะล้มของสมิธ ทำให้ทั้งคู่ก็รีบพุ่งไปประคองร่างสมิธราวกับของล้ำค่ำทันที

"สมิธไหวไหมครับ"เซนเอ่ยถาม ส่วนจิมช้อนขาสมิธอุ้มขึ้น พาร่างบางวางลงที่โซฟาตัวยาว ส่วนเซนรีบต่อสายตรงถึงโยฮันเนสคนสนิทของเจ้านายทันที

"โย คุณสมิธไม่สบายครับ...ครับ...โอเคครับ"

"เดี๋ยวโยจะเรียกคุณหมอมาดูอาการคุณสมิธ อดทนรอหน่อยนะครับ"เซนเอ่ยให้กำลังใจเด็กหนุ่มที่นอนหน้าซีดอยู่ สมิธพยักหน้ารับคำและกัดฟันแน่นรอคอยหมอมาอย่างอดทน

เกือบหนึ่งชั่วโมง ที่เกรย์ แอนเดอร์สัน จะถึงเพ้นท์เฮ้าส์ที่สมิธพักอยู่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูอาการของเด็กน้อยหลังจากจิมมี่ลงไปรับด้านล่าง เขาทรุดลงนั่งข้างๆร่างเล็กที่นอนซมอยู่บนเตียง สมิธยังมีสติดีอยู่แต่ก็ดูทรมานมากอย่างเห็นได้ชัด

"สวัสดี ผมเกรย์ แอนเดอร์สัน เป็นหมอนะ อาการคุณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"เกรย์เอ่ยแนะนำตัวเพื่อสร้างความรู้จักกับร่างเล็กพร้อมเอ่ยซักถามอาการโดยไม่อ้อมค้อม

"ผมปวดท้อง" เกรย์ขมวดคิ้วเหลือบมองหน้าซีดหนักของอีกฝ่าย

"ขออนุญาตนะ"ชายหนุ่มเลิกชายเสื้อขึ้นพร้อมกดน้ำหนักมือลงไปที่ท้องน้อยของสมิธแล้วเอ่ยถาม

"เจ็บไหม?"

"เจ็บ" สมิธตอบเพราะรู้สึกเจ็บไปทั่วท้อง เกรย์เลื่อนมือไปกดที่ท้องด้านขวาของสมิธและกำลังจะเอ่ยถาม แต่เด็กหนุ่มดันร้องเสียงหลงขึ้นมาก่อน

"โอ้ยยย เจ็บบบ"สมิธเจ็บมากจนน้ำตาซึมที่หางตา เกรย์รีบปล่อยมือออกจากหน้าท้องขาวแล้วหันไปบอกบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งคู่ทันที

"เตรียมรถออก สมิธน่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องไปโรงพยาบาลด่วน"

เกรย์รีบช้อนร่างบางขึ้นอุ้มอย่างระมัดระวัง ส่วนจิมมี่เดินนำไปคอยเปิดประตูให้ก่อน และเซนยกมือถือขึ้นโทรรายงานเจ้านาย

"ผมจะตายไหมทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้"สมิธเอ่ยถามเกรย์อย่างอ่อนแรงขณะที่นั่งอยู่บนรถกำลังจะไปโรงพยาบาล

"ไม่ตายหรอก ผ่าเอาออกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว"เกรย์เอ่ยปลอบใจเมียเพื่อนอยู่ห่างๆ เหลือบมองร่างบางที่เขาเจอทีไรไม่เคยอยู่ในสภาพที่น่าดูเลยสักครั้ง

ไอ้เพื่อนเหี้ยก็เสือกหายหัว...เมียเจ็บขนาดนี้ เกรย์ด่าลูคัสในใจแม้ว่าเซนจะบอกเขาว่าเดี๋ยวลูคัสจะตามไปที่โรงพยาบาลก็ตาม

"เหรอ..."ในจังหวะที่รถติดไฟแดงอยู่ สมิธเหลือบสายตาออกไปนอกกระจกรถอย่างเคยชิน เสี้ยววินาทีที่หางตาเหลือบไปเห็นบางสิ่ง ลมหายใจเขาสะดุดจนแทบลืมหายใจ

สมิธจ้องอยู่นานมากในความรู้สึกจนแน่ใจว่าที่เห็นไม่ได้ตาฝาด

คนที่เขามองอยู่เบนสายตาหันมาสบตากัน ดวงตาสีเขียวมองอย่างตกตะลึงคาดไม่ถึง แต่ดวงตาสีมหาสมุทรกลับเลื่อนไปมองที่แขนแกร่งที่มีมือของคนที่เขาคิดว่าถูกลงโทษคล้องอยู่

สมิธหันไปสบตาลูคัสนิ่งๆอีกครั้งพร้อมๆกับรถที่ขับเคลื่อนออกไป

สมิธหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาหยดใหญ่ เขาเลื่อนมือที่กุมท้องมาขยุ้มหัวใจตัวเองที่มันทรมานหนักกว่า

กูเคยสำคัญกับมึงบ้างไหม

หัวใจมึงเคยมีกูบ้างหรือเปล่า

"ถ้าผมไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็คงดี"เกรย์มองสมิธอย่างไม่เข้าใจแต่ก็คิดว่าเด็กหนุ่มคงปวดไส้ติ่ง

ในขณะที่สมิธนั้นชาไปทั้งร่าง เจ็บสุดคือที่หัวใจ

เหมือนจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

++++++++++++++

ช้าอีกแล้ว งื้อๆ อีกตอนจะชดเชยให้วันอาทิตย์ตอนดึกๆแต่อาจจะไม่ยาวมากนะ(ต้องอ่านหนังสือสอบ) ตอนแรกกะให้ตอนหน้าเป็นตอนจบภาค แต่คงต้องยืดไปอีกตอนมั้ง อย่าเพิ่งเบื่อน้าาาา❤

สงสารมิทตี้สุด เกลียดอีไนซ์ชิบเป๋ง แกต้องตายยยย ส่วนเฮีย...(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

​*edit คำผิด
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-05-2018 03:09:11
อย่าบอกนะว่าลูคัสแอบไปหาไนซ์ แบบนี้จะโกรธมาด
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Super Mario ที่ 20-05-2018 03:47:25
หน่วงๆ จะร้องไห้เเต่ร้องไม่ออก :m15: :mew4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 20-05-2018 07:36:25
อื้อหือ มาต่อเหอะ มาม่าดี บีบคั้นน้องมิตตี้เหลือเกิน มีพระรองมาช่วยนางบ้างได้ไหมเนี่ย ขอแบบทัดเทียมลูศัสทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-05-2018 12:18:19
เมื่อไหร่ทศจะมา สงสารน้อง  :m16:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 20-05-2018 16:06:25
อิพี่เลว!! เมื่อไหร่มิทตี้จะไปจากอิพี่มันซะที สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 20-05-2018 20:25:12
หนีไปปปปปลูก หนีไปเลย
แค้นแทน  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด13.2[20/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 20-05-2018 22:53:41
สงสารสมิทททททท
 :serius2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.1[21/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 21-05-2018 00:03:07
​คนโปรด 14.1

สมิธถูกพาตัวส่งเข้าห้องผ่าตัดในทันที ส่วนลูคัสตามมาที่โรงพยาบาลในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

"มึงจัดการได้รึยัง?"เกรย์เอ่ยถามเพื่อนขณะที่พวกเขากำลังนั่งรอสมิธผ่าตัดอยู่

"ยัง"

"ทำไมมันนานนักวะ"

"ใกล้แล้ว...เมื่อกี้มิทตี้เห็นกูอยู่กับไนซ์ว่ะ"ลูคัสเอ่ยบอกเพื่อนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"ห๊ะ!เห็นได้ยังไงวะ!?"

"ตอนที่พวกมึงขี่รถผ่านมาที่นี่แหละ รถมันติดไฟแดงแล้วกูเดินออกมาจากร้านอาหารกับไนซ์พอดี"ลูคัสเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เกรย์ฟัง

"ฉิบหาย!"

"เออ"

"มิน่า เมียมึงถึงพูดแปลกๆ"

"พูดว่า?"

"ก็ 'ถ้าไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็คงดี' ประมาณนี้ล่ะมั้ง"พอฟังที่เพื่อนบอกจบ ลูคัสยิ่งหน้าเครียดหนักขึ้นไปอีก

"กูไม่ให้ไป!ถ้ากูไม่อนุญาตมันก็ตายไม่ได้"

"มึงจะเฝ้าเขาไว้ได้ตลอดหรือไง"

"เฝ้าไม่ได้กูก็จะขัง"ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำจริงจัง เกรย์ได้แต่ส่ายหัวปลงกับความยึดติดของเพื่อน

ไม่เคยเห็นมันเป็นขนาดนี้มาก่อน เด็กคนนั้นทำอะไรกับลูคัสกันนะ

"แล้วนี่มึงจะไปไหน?"เกรย์เอ่ยถามลูคัสเมื่อเห็นเพื่อนขยับตัวลุกขึ้น

"ไปจัดการปัญหาให้จบ มิทตี้ผ่าเสร็จแล้วโทรหากูด้วย เดี๋ยวกูจะทิ้งคนไว้"ลูคัสพูดจบก็หันหลังเดินออกไป

+++++++++++++++

สมิธฟื้นขึ้นมาก็พบคนที่ชื่อ เกรย์ นั่งอ่านหนังสือบนโซฟาในห้องพักฟื้น ร่างเล็กขยับตัวพบว่าหน้าท้องปวดตึงนิดๆแต่ไม่เจ็บมากอย่างที่คิดไว้

เกรย์ได้ยินเสียงคนขยับจากบนเตียงก็เงินหน้าจากหนังสือและยิ้มให้คนที่มองเขาอยู่ก่อน ชายหนุ่มร่างสูงลุกจากโซฟาเข้าไปหาสมิธพร้อมถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วง

"เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากรึเปล่า?"

"ไม่ค่อยเจ็บ"สมิธส่ายหัวยืนยันคำตอบ

"ดีแล้วล่ะ แผลเล็กนิดเดียวไม่เกินสัปดาห์ก็หาย...ถ้าลุกขึ้นเดินได้ก็ควรเดินนะ"เกรย์เอ่ยแนะนำ

"อืม"

"เดี๋ยวผมขอไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ"

"ครับ"

เกรย์ออกไปโทรศัพท์หาลูคัสสักพัก กลับเข้ามาก็เห็นสมิธเปิดทีวีดูอยู่เงียบๆ

เขารู้สึกสงสารใบหน้าเศร้าสร้อยนั้นเหลือเกิน ดูเปราะบางพร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา

เกรย์เดินเข้าไปใกล้สมิธแล้ววางมือใหญ่ลงบนผมสีอ่อนพร้อมยีเบาๆอย่างเอ็นดู สมิธหันกลับมามองด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าหรือผลักมือเกรย์ออกไปจากศีรษะตัวเอง เด็กหนุ่มมองสบตาของเกรย์นิ่งๆก่อนจะขยับปากอิ่มเอ่ยคำถามออกมา

"คุณเป็นเพื่อนกับมันหรอ"

"มัน?ไอ้ลุคน่ะเหรอ?"

"อืม"

"ใช่แล้ว พี่กับมันเป็นเพื่อนกัน"

"แล้วรู้รึเปล่าว่ามันทำอะไรกับผมไว้บ้าง"สมิธเอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่งเรียบ แต่ดวงตากลับแฝงไปด้วยความทุกข์ระทมอย่างปิดไม่มิด เกรย์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกลำบากใจที่จะตอบคำถามเด็กน้อย

"คือ...มันอาจจะมีเหตุผลของมันของมันก็ได้ พี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำมันเท่าไหร่"เกรย์ตอบเลี่ยงๆปนความคิดของตัวเอง

"ผมก็ไม่เข้าใจ ฮึก ทำไมมันต้องทำกับผมแบบนี้ ฮึก ไม่ได้รักแล้วทำไมไม่ปล่อยผมไปสักที"สมิธพยายามอย่างหนักที่จะกลืนก้อนสะอื้นลงไป แต่เขากลับไม่สามารถกลั้นหยดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสายได้เลย

"มันอาจจะรักสมิธก็ได้"...แค่ไม่รู้ตัว

"ฮึก คนรักกันที่ไหนเขาทำแบบนี้? มันทำให้ผมเสียใจกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง!?จะเหยียบย่ำความรู้สึกผมไปถึงไหน! ฮึก ฮือ...เพราะผมรักมันก่อนเหรอหรือเพราะผมไม่มีใคร มันถึงได้ทำยังไงกับผมก็ได้ ฮึก ผมเหนื่อย!ผมเสียใจ!ได้ยินไหมว่าผมเสียใจ!"สมิธระเบิดอารมณ์ความรู้สึกที่กักเก็บมานานใส่หน้าเกรย์

คุณหมอหนุ่มพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพที่สมิธร้องไห้กอดเข่าปานจะขาดใจ

"พี่ขอโทษ"...ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

"ฮึกๆฮือ...ช่วยผมที...ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ฮือ"

สมิธนั่งร้องให้อยู่หลายนาที ส่วนเกรย์ได้แต่มองนิ่งๆแล้วได้ตัดสินใจบางอย่างอยู่ในใจ

+++++++++++++

ลูคัสเดินทางมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในเช้าวันต่อมาหลังจากเคลียร์ปัญหาที่คาราคาซังมานับสัปดาห์จบสักที

ปัญหาที่ว่าก็คือ...ไนซ์

วันนั้นที่เกิดเรื่องแคทตาย เหตุการณ์นั้นไนซ์ทำลูคัสโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขากลับเพ้นม์เฮ้าส์ไปเจอไนซ์ในขณะที่เซนโทรมาแจ้งเรื่องทั้งหมดแล้ว ชายหนุ่มรั้งไนซ์ให้รออยู่ก่อน ฝ่ายนั้นก็เชื่อฟังและอยู่รอแต่โดยดี

ลูคัสไปเปิดกล้องวงจรปิดดูในห้องทำงาน...และภาพที่เห็นก็เป็นไนซ์ที่ลงมือ เขาไม่อยากพูดถึงวินาทีที่ไนซ์ทำร้ายแคทเพราะมันสะเทือนใจเกินไปแม้เขาจะไม่ชอบสัตว์แต่แคทก็เป็นส่วนหนึ่งที่เรียกรอยยิ้มสมิธกลับมาได้ ยอมรับว่าตอนนั้นก็โกรธแต่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรไนซ์ ลูคัสรอให้สมิธกลับมาเพื่อที่จะได้จัดการทีเดียวให้จบ

แต่ใครจะไปนึกว่าสมิธจะเกรี้ยวกราดขนาดที่พุ่งไปทำร้ายไนซ์ก่อน เอาตรงๆเขาก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามในทันที เขาปล่อยให้สมิธได้ระบายความโกรธสักพักแล้วถึงเข้าไปห้ามปรามไว้

แต่เมื่อเห็นสมิธยอมสงบลงง่ายๆเมื่อเขารับปากว่าจะจัดการให้ ลูคัสจึงคิดว่าควรพาสมิธไปพักผ่อนน่าจะดีกว่า ร่างบางดูอิดโรยและบอบช้ำจากการร้องไห้มากเกินไป

มื่อลูคัสกลับออกมาจากห้องสมิธก็หมายมั่นว่าจะลงโทษไนซ์แล้วตัดหางปล่อยไป แต่คำพูดของไนซ์ในวันนั้นมันไม่สามารถทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนั้นได้ในทันที

'เอาล่ะ จะแก้ตัวอะไรก็รีบพูดมา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก'

'ผมไม่ได้ทำและคุณต้องเชื่อผม'

'...'

'ผมพูดจริงนะ'

'ฉันมีหลักฐานว่านายทำ ยังจะแก้ตัวอะไรอีก'

'อ้อหรอ แล้วไง?คุณจะยอมแลกหมาตัวเดียวกับเด็กที่อยู่ในห้องนั่นไหมล่ะ?'

'ที่พูดหมายความว่าไง'

'ก็หมายความว่าต่อให้ผมทำจริงๆคุณก็ไม่ควรจะลงโทษผม เพราะถ้าผมเป็นอะไรไป ผมไม่รับรองว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคนจะยังราบรื่นแยู่ไหม'ไนซ์เอ่ยยิ้มๆ

'...'

'ผมเขียนอีเมลล์ฉับหนึ่ง ตั้งเวลาส่งถึงองค์การคุ้มครองเด็กของที่นี่ เรื่องการที่นักธุรกิจมีชื่อเสียงคนหนึ่งพรากผู้เยาว์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี...ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่แต่ก็ถือว่าผิดกฎหมาย คุณอาจหลุดคดีเพราะอิทธิพลของคุณ แต่เด็กคนนั้นคุณจะไม่ได้เขามาอยู่ในมือง่ายๆอีก...ก็นั่นแหละ ถ้าผมเป็นอะไรไป อีเมลล์นั้นก็รอเวลาส่งเท่านั้น แต่ถ้าผมยังอยู่ ผมก็จะยังเลื่อนวันส่งอีเมลล์ออกไปอีก'

'นายขู่ฉัน?' ลูคัสกดเสียงเข้ม

'เปล่านะครับ ผมแค่ทีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยเท่านั้นเอง' ไนซ์พูดหน้าระรื่น

'ต้องการอะไร' ไนซ์ยกยิ้ม ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงเข้าไปหาลูคัส แขนเรียวคล้องเข้าที่คอลูคัสแล้วทรุดนั่งบนตักแกร่ง

'ใส่ใจผมบ้างมีเวลาให้ผมสักหน่อย อย่าทิ้งขว้างผมเหมือนก่อนหน้านี้' ไนซ์ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าของลูคัสอย่างเย้ายวน

ลูคัสมองสบตากับไนซ์ตรงๆ มุมปากกระตุกยิ้มกว้างอย่างที่โยฮันเนสนึกขนลุกที่ได้เห็น

โกรธจัดเลย...

'ตกลง' ลูคัสรับคำ เขาไม่ได้ยิ่งใหญ่คับฟ้าที่จะได้ไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายที่นี่ แต่กับแค่คนๆเดียว ถ้าเขาคิดจะกำจัด...ก็ไม่ยากเลย

และหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ตามเอาใจไนซ์ยิ่งกว่าที่ผ่านมา แต่ลับหลังหลังเขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบและหาอีเมลล์ฉบับนั้นให้เจอ

เวลายืดเยื้อมาเกือบสัปดาห์และสมิธดันมาทะเลาะกับลูคัสเรื่องโรงเรียนซึ่งชายหนุ่มแม้ไม่อยากบอกแต่ก็ต้องพูดให้อีกคนเข้าใจ

สมิธโกรธอย่างที่คิด และลูคัสยังไม่มีเวลาไปง้องอนเมียเด็กเพราะต้องการจัดการไนซ์ให้จบก่อน

วันที่สมิธไม่สบายหนักจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาลลูคัสร้อนใจมากอยากจะตามไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนั้นแต่ติดที่ไนซ์ยังอยู่ด้วยและไม่ถึงสิบนาทีต่อมาลูกน้องของลูคัสมารายงานว่าหาอีเมลล์ฉบับนั้นเจอแล้วและจัดการลบแอคเค้าท์ของไนซ์ทิ้งทั้งหมดเรียบร้อย

ลูคัสหลุดยิ้มซึ่งในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่ ชายหนุ่มรีบออกจากร้านอาหารที่มาทานกับไนซ์ทันทีเพราะเขาไม่จำเป็นต้องแสร้งดีกับอีกฝ่ายอีกต่อไป

เพียงแต่ความซวยมักไม่ปรานีใคร จังหวะที่เขาออกจากร้านและไนซ์มายืนประกบอยู่ข้างๆเขาอย่างไม่รู้เรื่อง รถที่สมิธนั่งอยู่จอดติดไฟแดงตรงกับหน่าร้านที่เขายืนรอรถ

เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกระวนกระวายกับสายตาแบบนั้นของสมิธ

เขารู้สึกผิด แต่เรื่องแบบนี้มันอธิบายยากเพราะส่วนหนึ่งที่ทำก็มาจากการพยายามปกปิดความผิดของตัวเอง

ชายหนุ่มก้าวย่างอย่างมั่นคงเพื่อไปยังห้องพักฟื้นของสมิธ แต่ยังไม่ทันที่ลูคัสจะก้าวเข้าไปในห้อง เกรย์ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาจากอีกทางซะก่อน

"มีอะไร?"ลูคัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทั้งที่ในใจกลับรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

"กูขอโทษว่ะ..."เกรย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

"มึงไม่ต้องอ้อมค้อม พูดมา!"ลูคัสขึ้นเสียง ในใจขอให้ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

"...สมิธหายตัวไป"

"..."ราวกับว่าใครเอาลูกตุ้มทุ่มใส่หัว มันหนักไปทั้งร่าง นับนาทีกว่าชายหนุ่มจะเปล่งเสียงเย็นเยียบเค้นเพื่อนอย่างเอาเรื่อง

"หายไปได้ยังไง"

"กูให้หมอพาสมิธไปเอ็กซเรย์ปอดดูเพราะเห็นเขาดูหายใจลำบากแล้วก็ไอ อาจเกิดผลข้างเคียงหลังผ่าตัด พาเห็นเขากำลังจะเข้าห้องไปกับหมอกูก็วางใจเลยไปเข้าห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีหมอก็หาสมิธกันให้วุ่นแล้ว" เกรย์เอ่ยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลูคัสฟัง

เข้าของนัยน์ตาสีเขียวเข้มสูดหายใจลึกอย่างระงับอารมณ์พลุ่งพล่านในอก

"โย!"

"ครับนาย"

"ให้คนออกไปตามหาสมิธหรือยัง"ลูคัสเอ่ยถามโยฮันเนสเสียงเย็น

"ให้ออกตามหาแล้วครับ"

"หาให้เจอ!แม้แต่ในท่อระบายน้ำก็ต้องหา ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามตัวกลับมาให้ได้!"

"ครับ!"

+++++++++++++

"เฮ้ย!ต้องสูบเลยหรอวะ"เกรย์ทรุดนั่งลงข้างเพื่อนแล้วเอ่ยถามอย่างตกใจเพราะรู้ว่าลูคัสเป็นพวกสูบบุหรี่จัดมากและเพื่อนเขาคนนี้เพิ่งจะเลิกบุหรี่ไปได้เกือบสองปีแล้ว ไม่คิดว่ามันจะล้มเลิกความตั้งใจตัวเองเพราะเด็กผู้ชายที่หายไปคนนั้น

"อืม กูไม่ไหวว่ะ"ลูคัสเอ่ยบอกเพื่อนพร้อมยกมวนบุหรี่ขึ้นสูบทีเดียวสองมวนอย่างเครียดจัด

"ถ้าเกิดมึงหาสมิธไม่เจอล่ะวะ"เกรย์เอ่ยถามพร้อมจุดบุหรี่ขึ้นสูบเป็นเพื่อนลูคัสบ้าง

"ยังไงก็ต้องเจอ กูไม่ยอมให้มันไปจากกูง่ายๆหรอก"

ลูคัสพูดเสียงเข้มปนกรุ่นโกรธ ได้แต่คิดว่าสมิธจะไปที่ไหนได้มาสองวันแล้ว เด็กคนนั้นชักจะเก่งกล้าเกินไป

ถ้าจับได้เมื่อไหร่...เขาจะเด็ดปีกใส่กรงไว้ให้ขยับไปไหนไม่ได้เลยคอยดู!

เกรย์กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพรูควันบุหรี่ออกทางจมูกอย่างเครียดๆไม่แพ้เพื่อน

ขอให้หนีมันพ้นทีเถอะ...ถ้าสมิธถูกเพื่อนเขาจับได้

ไม่อยากจะนึกสภาพสมิธเลยจริงๆ

++++++++++

ค้างไหม?นี่เปรมมักจะโดนเพื่อนด่าอยู่บ่อยๆ ฮ่า (แต่ก็ไม่รู้จะตัดจบตรงไหนนี่)

เฮียโกรธแบบจริงจังแล้วนะ...มาลุ้นกันว่ามิทตี้จะหนีพ้นรึเปล่า หึๆ

ป.ล.เปรมจะหายไปสอบอีกแล้วนะ อาจจะ3-4วันจากนี้ถึงจะโผล่เง้ออ❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.1[21/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-05-2018 00:11:01
มิทตี้จะหนีรอดไหมเนี่ย :sad4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.1[21/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Super Mario ที่ 21-05-2018 00:36:53
จะรออย่างใจจดใจจ่อเรยค่ะ :katai4: :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.1[21/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 01:03:28
เก็บไนท์แล้วหรือยัง นังลู  :m16:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.1[21/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 22-05-2018 00:39:10
FCป๋าเกรย์ค่ะ บอกเลย

หนีไปลูกมิทตี้ ซ่อนดีๆ ช่างหัวอิลูมัน :katai3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-05-2018 02:03:46
คนโปรด 14.2

"นายครับ"โยฮันเนสเดินเข้าไปเรียกลูคัสเบาๆขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งสูบบุหรี่คุยกับเกรย์อยู่

"ว่าไง?"ลูคัสเลิกคิ้วมองลูกน้องคนสนิท โยเหลือบมองเกรย์เล็กน้อยเพื่อสื่อกับลูคัสว่าจะให้เขาพูดตรงนี้หรือไม่

"พูดมาเถอะ"ลูคัสเอ่ย

"ไนซ์ฟื้นแล้วครับ"สิ้นคำบอกเล่าของโย นัยน์ตาสีเขียวเข้มก็วาววับขึ้นด้วยความดุดัน ลูคัสแสยะยิ้มพร้อมลุกขึ้นเต็มความสูง

"ดี!...มึงจะไปกับกูไหม?"ลูคัสหันไปถามเกรย์และคุณหมอหนุ่มก็พยักหน้าตอบตกลง

สถานที่ที่ลูคัสเดินทางมาหาไนซ์ไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างที่หลายๆคนคิด แต่เป็นห้องว่างๆห้องหนึ่งที่มีเพียงเก้าอี้หนึ่งตัวในชั้นใต้ดิน ลูคัส เกรย์ โยฮันเนสและการ์ดอีกสองคน ลงลิฟท์และมุ่งหน้าไปทางห้องนั้นที่เป็นเขตห้ามเข้า มีลูกน้องชุดดำของลูคัสยืนเฝ้าประตูอยู่อีกสองคน

ประตูถูกผลักออก ข้างในมืดมิดจนมองแทบไม่เห็นแม้จะมีแสงสว่างจากภายนอกสาดเข้าไป ลูคัสพยักหน้าให้ลูกน้องเปิดไฟ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปช้าๆ หันไปสบตาคนที่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

"ไง"ลูคัสฉีกยิ้มเอ่ยทักทายร่างบางที่ตัวเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยแดงช้ำจนม่วง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปากบวมแตก และคราบน้ำกามเกาะเต็มตัว กลิ่นยังคงคละคลุ้งไปทั่วห้อง

ใช่!เขาสั่งให้ลูกน้องสิบกว่าคนรุมโทรมมันนั่นแหละ ร่านอยากได้ค_ยดีนัก

"ไอ้สารเลว!!!"ไนซ์ตะคอกด่าลูคัสด้วยความโกรธแค้น ถ้าไม่ติดว่าคอถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เส้นหนา เขาคงกระโจนเข้าไปตะบันหน้ามันแล้ว!

"หึ!อึดดีเหมือนกันนี่ เป็นไง?หายคันขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?"ลูคัสยังคงระบายยิ้มเอ่ยกับไนซ์ด้วยสีหน้าปกติของเขา

"ไอ้คนมันระยำ!ทำแบบนี้กับกูได้ยังไง!!!"

"เหอะ!ทำไมกูจะทำไม่ได้?มึงคิดว่ามึงเป็นใคร!?ถึงกล้ามาขู่กู!!!"ลูคัสตะคอกกลับบ้าง ขายาวก้าวเข้าไปใกล้กับไนซ์แล้วถีบอกบางจนหงายหลังไปกับพื้น รองเท้าหนังราคาแพงเหยียบบนอกไนซ์ไม่ให้กายบางลูกขึ้นมาได้

"ผลของการกระทำมึงสร้างความยุ่งยากให้กูแค่ไหนรู้บ้างไหม?มึงคิดว่าโดนแค่นี้จะพอเหรอ?"

"แล้วยังไง!มึงฆ่ากูเลยสิ ถ้ามึงแน่ก็ฆ่ากูเลย!"ไนซ์เอ่ยอย่างท้าทายไม่กลัวตาย สิ่งที่เขาโดนกระทำมันทรมานเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขามั่นใจว่าอย่างน้อยถ้าเขาตายไปพี่สาวของเขาจะต้องไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่

ลูคัสยิ้มเย็นแล้วพูดกับไนซ์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องขนลุกเกรียว

"หึ!มึงตายจะไปสนุกอะไร กูจะทำให้มึงรู้สึกว่าอยู่ไม่สู้ตาย ไม่ดีกว่าเหรอ? สะใจกูกว่าเยอะ"

ไนซ์ตัวสั่น ยิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาสีมรกตเข้มของลูคัสยิ่งมีแต่ความว่างเปล่า ร่างบางน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวขึ้นมาจับใจ

ลูคัสพยักหน้าให้ลูกน้อง การ์ดร่างใหญ่สองคนเดินไปล็อคตัวไนซ์ไว้จนร่างยางขยับไม่ได้แม้แต่มิลฯเดียว

"ดึงลิ้นมันออกมา"ลูคัสเอ่ยสั่งพร้อมรับมีดพกเล่มบางมาจากโยฮันเนส ลูกน้องคนหนึ่งของลูคัสเดินอ้อมไปข้างหลังร่างบางและบีบกรามเล็กจนไนซ์ร้องเสียงหลง มือหนารีบดึงลิ้นไนซ์ออกมา

"อ่ายยย อ่าอ๊ะ(ไม่ อย่านะ)"ไนซ์น้ำตาไหลหนักพยายามเอ่ยขอร้องเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

"ลิ้นนี่ใช่ไหมที่ใช่ขู่คนอื่น กูจะตัดออกให้จะได้ไม่ต้องมีไว้ขู่ใครอีก"ลูคัสกดมีดเฉือนลิ้นไนซ์ทิ้งทันที ร่างบางแหกปากร้องลั่น เลือดไหลเป็นสาย ชายหนุ่มขยับตัวออกห่าง ยืนมองไนซ์ที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

"เรียกหมอมารักษามัน ถ้าหายแล้วก็ตัดมือมันทิ้งจะได้ไม่ต้องเอาไว้พิมพ์อีเมลล์โง่ๆขู่ใครอีก ระวังอย่าให้มันตายล่ะ รักษามันให้หายแล้วส่งมันไปซ่องแถวชายแดน ระหว่างที่มันรักษาตัว พวกมึงจะทำอะไรมันก็เชิญ กูอนุญาต" ลูคัสเอ่ยสั่งยาวเหยียด มองไนซ์นิ่งๆเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมเกรย์และโย

"รีบตามหาสมิธให้เจอนะโย ก่อนที่คนอื่นๆจะเป็นเหมือนไนซ์"เกรย์ลดระดับฝีเท้าให้เท่ากับโยฮันเนสแล้วกระซิบบอกข้างหู

โยฮันเนสทำสีหน้ายุ่งยากใจเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบชายหนุ่มในระดับเสียงปกติ

"คนที่จะโดนก่อนก็คุณนั่นแหละครับ"

"อย่ามาแช่งกันสิ ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมาโยจะเป็นม่ายนะ"โยฮันเนสถอนหายใจอย่างปลงๆกับความกระล่อนแกมเจ้าชู้ของเพื่อนสนิทเจ้านาย กี่ปีๆผ่านไปก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม้นานๆจะเจอกันทีก็เถอะ

"หยุดพูดจาไร้สาระเถอะครับ"และโยก็เอ่ยประโยคแบบนี้กับเกรย์แทบจะทุกครั้งเหมือนกัน

"โถ่ววว"

"เกรย์ ถ้ามึงไม่หยุดกวนตีนโย กูจะไม่ห้ามเขายิงมึงแล้วนะ"ลูคัสที่เดินนำหน้าอยู่เอ่ยขึ้นบ้าง

"อะไรวะ รังแกกูทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องเลย"เกรย์กรอกตาเซ็งๆแต่ก็ยอมสงบปากสงบคำขึ้น

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังอยู่ในลิฟท์ เสียงโทรศัพท์มือถือของโยฮันเนสก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบขึ้นมารับแต่บอกให้ปลายสายรอก่อนเพราะในลิฟท์ค่อนข้างสัญญาณอ่อน

เมื่อออกจากลิฟท์มาถึงคาสิโนชั้นแรก ลูคัสก็ยิ้มแย้มพูดคุยกับลูค้าตามปกตอของเขา ส่วนเกรย์แยกไปรอที่รถ

โยฮันเนสวางสายจากลูกน้องแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสูท เขามองเจ้านายที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าVIPอย่างออกรสชาติก็ไม่กล้าขัด

จนเกือบสิบนาทีที่ลูคัสเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพและลูค้าระดับบิ๊กอีกคนที่กำลังเดินเข้าไปคุยกับชายหนุ่ม แต่โยก็ตัดสินใจเดินไปถึงตัวเจ้าและกระซิบบอกเรื่องสำคัญที่เขาได้รับรายงานทาข้างหูลูคัสสั้นๆได้ใจความ

"เจอตัวสมิธแล้วครับ"

รอยยิ้มที่กำลังส่งให้ลูค้าชะงักไปเล็กน้อย ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ให้โยก่อนที่จะส่งยิ้มแล้วกล่าวทักทายลูกค้าตามเดิม โยฮันเนสยืนรออยู่ด้านหลังลูคัสเงียบๆ มองแผ่นหลังกว้างที่ตึงผายอย่างอ่านความคิดคนๆนี้ไม่ออก

ไม่ถึงห้านาทีลูคัสก็เอ่ยขอตัวกลับลูกค้าโดยอ้างว่ามีงานเร่งด่วนเข้ามา พ้นคาสิโนออกมารอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมติดหวานดูหล่อเหลาก็หุบลงทันที

"ตอนนี้สมิธอยู่ที่ไหน"

"บ้านเพื่อนเขาที่ชื่อเดวิด โซน2บล็อคC ถนน XX ครับ"

"หึ!"

"จะให้จับตัวกลับมาเลยไหมครับ?"

"ไม่ต้อง ผมจะไปรับเขาเอง" ลูคัสก้าวขึ้นรถที่ลูกน้องเปิดไว้ให้ เขากลับไปอาบน้ำที่เพ้นท์เฮ้ส์อย่างใจเย็น สั่งให้ลูกน้องเก็บของสมิธทั้งหมด แล้วขนย้ายไปไว้ที่ๆหนึ่งที่เขาเตรียมไว้ให้สมิธโดยเฉพาะ

ราวหนุ่มทุ่มที่เป็นเวลาปกติสำหรับการทานอาหารค่ำ ร่างสูงของลูคัสก็ปรากฎตัวที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง นิ้วเรียวยื่นไปกดกริ่งหนึ่งครั้ง รอไม่นานก็มีชายหนุ่มอายุราวๆสามสิบกลางๆเดินออกมาเปิดประตู

"สวัสดีครับ"ลูคัสเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

"สวัสดีครับ มาหาใครครับ?"

"ผมมาหาน้องชาย เขาชื่อ สมิธ "

+++++++++++++++

"ทานเยอะๆนะสมิธ"เดวิดตักเนื้ออบชีสใส่จานให้สมิธ เด็กหนุ่มเอ่ยขอบคุณเพื่อนเบาๆแล้วตักอาหารเข้าปาก

สองวันก่อนสมิธเจอเดวิดที่หน้าโรงพยาบาลด้วยความบังเอิญ เด็กหนุ่มมองเพื่อนด้วยท่าทางเหนื่อยหอบและตื่นตระหนกจากการหนีออกจากโรงพยาบาลด้วยการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากคุณหมอหนุ่มคนนั้น โชคดีที่ในห้องพักมีเสื้อผ้าสำรองของสมิธและเขาฉวยหยิบออกมาด้วยได้ ทำให้คนทั่วไปไม่รู้ว่าเขาหนีออกจากโรงพยาบาล

เดวิดเห็นท่าทางของสมิธที่เอามือกุมท้องตัวเองไว้ตลอดแล้วรู้สึกเป็นห่วงจึงพาเพื่อนกลับมาที่บ้านของตัวเอง

สมิธเล่าเรื่องบางส่วนให้เดวิดฟังว่าเขาผ่าตัดไส้ติ่งและทะเลาะกับพี่ชายเลยหนีออกจากโรงพยาบาล

เดวิดจึงให้สมิธพักอยู่กับตนเองก่อนและบอกพ่อแม่ตัวเองไปตามตรง ซึ่งพ่อแม่เดวิดไม่เห็นด้วยที่สมิธหนีออกมาแบบนี้

แต่สมิธโกหกว่าจะกลับบ้านแน่นอนแต่ขอเวลาอีกสักพัก ถ้าไม่สะดวกใจเขาจะไปนอนที่อื่น แต่เดวิดไม่ยอม พ่อกับแม่ของเดวิดก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

สมิธไม่มีที่จะไป ถ้าไปนอนโรงแรมก็ฝันไปเถอะเพราะอายุเขาไม่ถึงไม่สามารถเปิดห้องได้แม้จะมีเงินก็ตาม สมิธติดต่อมิเชล จึงจะไปขอให้ตำรวจช่วยส่งไปบ้านเด็กกำพร้าหรือที่ไหนก็ได้ที่เขาไม่ต้องอยู่กับไอ้คนใจร้ายนั่น แต่ดันมาเจอเดวิดซะก่อนเลยยังไม่ได้ไปเพราะตลอดสองวันมานี้เดวิดตัวติดกับสมิธแทบจะตลอดเวลา

แต่วันพรุ่งนี้เดวิดต้องไปโรงเรียน นั่นจึงเป็นโอกาสที่จะออกไปหาตำรวจ เพื่อเขาจะได้หลุดพ้นจากเรื่องร้ายๆพวกนี้สักที

ติ๊งต่อง~

เสียงออดหน้าประตูบ้านดังขึ้น พ่อของเดวิดอาสาออกไปดู เกือบสิบนาทีนาทีต่อมาก็กลับเข้ามาที่ห้องทานอาหารอีกครั้ง

"สมิธมีคนมาหาแหนะ รออยู่ที่ห้องรับแขก"

"ครับ?" สมิธรับคำด้วยความมึนงง ใครจะมาใครตอนนี้ และใครจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่...

"ไงสมิธ"เสียงทุ้มต่ำปนความนุ่มนวลเอ่ยทักทายสมิธด้วยรอยยิ้ม สมิธผงะลุกขึ้น ดวงตาเบิกกว้างมองร่างสูงที่ส่งยิ้มให้เขาอยู่หน้าห้องทานอาหาร

"ใครน่ะ?"แม่ของเดวิดเอ่ยถาม

"เห็นบอกว่าเป็นพี่ชายสมิธ"พ่อของเดวิดเอ่ยตอบ

สมิธตัวสั่น เดวิดที่เห็นท่าทางเพื่อนไม่ดีเท่าไหร่จึงลุกขึ้นไปจับมือบางไว้อย่างให้กำลังใจ ลูคัสเหลือบมองสองมือที่จับกุมกันแน่นด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่บนใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มประดับไว้จางๆ

"คุยกันหน่อยไหมสมิธ"ลูคัสเอ่ยถามสมิธยิ้มๆเช่นเคย

"ไม่!"สมิธเสียงแข็ง มืออีกข้างเกาะแขนเดวิดแน่นอย่างไม่รู้ตัว ทำให้อีกคนที่มองอยู่เกือบเลือดขึ้นหน้าคุมสติตัวเองไม่อยู่

"น้าว่าสมิธลองไปคุยปรับความเข้าใจกับพี่เขาดูดีไหม พี่เขาอุตส่าห์มาง้อแล้วนะ"

ง้อเหรอ?ให้บอกว่ามันมาฆ่าเขายังจะเชื่อซะมากกว่า

"แต่ว่า..."

"ไม่ต้องกลัวนะสมิธ ฉันอยู่ข้างนาย"เดวิดลูบมือสมิธข้างที่เกาะแขนตัวเองอยู่อย่างให้กำลังใจ ลูคัสที่มองภาพบาดตานั้นได้แต่กำหมัดแน่น

"ใช่! ออกไปคุยกับพี่หน่อย คนอยู่เยอะแยะจะกลัวอะไร"ลูคัสเอ่ยอย่างเก็บอารมณ์ สมิธเหลือบมองหน้าทุกคนก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ลูคัสเป็นคนสุดท้าย

"ก็นำไปสิ"

"ไม่ นายเดินไปก่อน" ลูคัสมองหน้าสมิธนิ่งๆอย่างไม่ยอมทำตาม เด็กหนุ่มทำท่าฟึดฟัด ยอมปล่อยมือจากเพื่อนแล้วเดินนำลูคัสออกไปคุยกันที่สวนหน้าบ้านเดวิด...สมิธไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูคัส

ไม่ได้กลัวว่ามันจะถูกจับอะไรหรอกนะ

"มีอะไร"เด็กเปิดปากถามเสียงห้วน

"ยังจะถาม?กลับบ้านกลับพี่เดี๋ยวนี้"ลูคัสบอกเสียงดุ ซึ่งสมิธก็ไม่ได้หวั่นเกรงเลยสักนิด

"กูไม่กลับ นี่กูยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอว่าไม่อยากอยู่กับมึง!"

"เรื่องไนซ์ มันเป็นการเข้าใจผิดกัน พี่อธิบายได้"

"มึงไม่ต้องมาอธิบาย กูไม่อยากรู้! แค่ปล่อยกูไปมันยากนักเหรอ!"

"แล้วจะไปอยู่ที่ไหน?"

"ที่ไหนก็ได้...ที่ไม่มีมึง"ในน้ำเสียงที่แข็งกร้าวของสมิธกลับเจือปนไปด้วยความขมขื่น

"พี่ไม่ให้ไป พูดให้มันรู้เรื่อง อย่าดื้อนักได้ไหม!"ลูคัสพยายามข่มอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน

"กูไม่ไป มึงจะทำไม!ตอนนี้มึงบังคับกูไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นกูจะร้องให้คนช่วย"

"แน่ใจนะว่าจะเล่นแบบนี้?ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องมีคนเสียสละกันบ้าง"ลูคัสแสยะยิ้มร้ายที่ทำให้สมิธกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

"มึงจะทำอะไร!?" ลูคัสไม่ตอบ แต่ลูกน้องหลายคนของชายหนุ่มกลับเดินเข้ามาภายในบริเวณรั้วบ้าน เปิดเสื้อสูทนิดๆให้สมิธเห็นสิ่งที่เหน็บอยู่บนเอวพวกเขา

"มึงบ้าไปแล้วเหรอ!"สมิธตะคอกใส่ร่างสูงทั้งๆที่ตัวสั่น

"พี่บ้าได้มากกว่านี้ พี่กลัาแลกนะมิทตี้ อย่างมากก็แค่กลับเข้าอังกฤษไม่ได้ แต่จำไว้เพื่อนนายคนนั้นจะกำพร้าพ่อแม่เพราะนาย ถ้ายังคิดจะดื้อกับพี่อยู่"

"มึงมันชั่วลุค ฮึก ทำต้องทำแบบนี้ด้วย"สมิธร้องไห้ เขาไม่น่ามากับเดวิดเลย เขากำลังจะนำหายนะมาสู่ครอบครัวเพื่อน

"ว่าไง?"ลูคัสเอ่ยกดดันอีกคนที่เอาแต่ร้องไห้

ในอกเขาเหมือนมีไฟลุกจนแทบแผดเผาไปทั้งร่าง

ห่วงมันนักหรือไงวะ...ไอ้เด็กนั่น

"ฮึก อย่าทำพวกเขา กูยอมแล้ว"

"ดี!ถ้าอย่างนั้นก็ไปขึ้นรถ"

"อย่าเพิ่ง!ให้กูไปลาพวกเขาก่อนสิ"

"ทำไมต้องลา!"ลูคัสตะคอกอย่างใส่อารมณ์ จะอาลัยอาวรณ์กันนักหนา ชักจะมากไปแล้วนะ

"กูมาอยู่บ้านเขาต้องสองวัน พ่อแม่เดวิดก็เป็นผู้ใหญ่ มึงจะให้กูไปเฉยๆโดยไม่บอกอะไรเลยหรือไง!"สมิธเถียงทั้งน้ำตา มือบางพยายามให้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาออกจากหน้า

"ถ้าจะไปลาก็เงียบ!"

"ฮึก"สมิธกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคอ มือบางเช็ดน้ำตาอีกรอบจนลูคัสทนไม่ไหว รั้งร่างบางมาใกล้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยเสียเอง

"ว่าไงจ๊ะสมิธ"แม่ของเดวิดเปิดประตูบ้านออกมาเมื่อสมิธกดออดเรียก

"ผมจะกลับแล้วครับ ขอบคุณมากๆเลยนะครับที่ดูแลผมตลอดสองวันมานี้"

"ไม่เป็นไรจ้ะ น้าเต็มใจ สมิธคืนดีกับพี่แล้วน้าก็ดีใจด้วย"แม่เดวิดยิ้มหวานเผื่อแผ่ไปถึงลูคัสที่ยืนอยู่ด้านหลังสมิธ

"ผมก็ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลน้องชายผมให้ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากผม ช่วยรับไว้ด้วยนะครับ"ลูคัสยื่นเช็คมูลค่าสองหมื่นปอนด์พี้อมกับนามบัติให้แม่เดวิด หญิงสาวทั่เห็นจำนวนเงินแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไป"

"รับไว้เถอะครับ เผื่อสมิธมารบกวนที่นี่อีก ผมจะได้ฝากให้คุณช่วยดูแล"ลูคัสยิ้มกดดัน แม่ของเดวิดจึงยอมรับเช็คไว้ในที่สุด

"สมิธจะกลับเหรอ"เดวิดที่มุดออกมาจากด้านหลังแม่ได้รีบเอ่ยถามสมิธทันที

"อืม"สมิธตอบทั้งหน้าเศร้าๆ

"แน่ใจนะ?"เดวิดถามย้ำอีกรอบไม่เกรงกลัวสายตาลูคัสที่มองมายังตัวเอง วันนี้เขามีพ่อแม่อยู่ กลัวซะที่ไหนล่ะ

"เดวิดพูดอะไรแบบนั้น"แม่เดวิดเอ็ดลูกเบาๆ

"หึ!"ลูคัสส่งเสียงในลำคอแล้วสะกิดเข้าที่เอวคอดสมิธเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาแล้ว

"แน่ใจ ขอบใจมากนะเดวิด"สมิธฝืนยิ้มให้เพื่อนสบายใจ และในจังหวะนั้นเดวิดก็คว้าร่างที่บางกว่าตนเข้าไปกอดทันที ลูคัสคิ้วกระตุกแทบจะตรงไปกระชากไอ้เด็กเวรนี่ออกถ้าไม่ติดว่าแม่มันยืนอยู่

"นายยังมีฉันเสมอสมิธ"

"อืม"

"ไปได้แล้ว"ลูคัสเอ่ยนิ่งๆคว้าร่างบางออกจากแขนเดวิด แล้วตรงไปขึ้นรถทันที

ลืมแม้แต่มารยาทที่ดีที่เคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้

ทันที่ที่ประตูรถปิด ลูคัสก็กระชากร่างบางเข้าหาตัวแล้วบดจูบใส่สมิธอย่างรุนแรง

"อื้อออ"ร่างบางครางขัดขืนอยู่ในลำคอ รู้สึกเจ็บไปทั้งริมฝีปาก แต่ลูคัสก็ตรึงท้ายทอยเล็กไว้แน่นและบดขยี้ระบายโทสะที่เขากักเก็บมาหลายวันใส่สมิธอย่างไม่ปรานี ร่างบางดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอม แผลที่หน้าท้องกำลังจะแห้งมันตึงและเจ็บขึ้นมา สมิธน้ำตาคลอแต่ไม่ยอมร้อง ได้แต่ทุบและข่วนใส่ร่างสูงเท่าที่มีกำลัง

"จะดิ้นทำไม!"ลูคัสผละริมฝีปากออกตะคอกใส่ร่างบางอย่างหงุดหงิด

"แล้วมึงทำบ้าอะไร คนเต็มรถ!"

"จะอายทำไม ทียืนกอดกับผู้ชายคนอื่นยังไม่เห็นอาย!"

"ประสาท!"

"เออ กูกำลังจะเป็นประสาทตายเพราะมึงนั่นแหละ"

"ทำไม่ตายไปซะล่ะ"

"กูไม่ยอมตายให้มึงไปมีผัวใหม่ง่ายๆหรอก!"

เพี๊ยะ!สมิธตบลุคจนหน้าหัน ชายหนุมกัดฟันกรอด หันกลับไปมองหน้าสมิธด้วยสายตาเย็นเยียบ

ลูคัสคว้าหัวเล็กของสมิธคว่ำลงกับกับเบาะรถ กระชากกางเกงและอันเดอร์แวร์ของสมิธลงไปถึงเข่า จากนั้นจึงปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงลงก่อนจะควักท่อนเนื้อที่มีเส้นเแฝอ็นปูดโปนสีชมพูเข้มออกมาโดยไม่อายลูกน้องสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าเลยสักนิด

"มึงอย่าทำอะไรบ้าๆนะ!"สมิธร้องห้าม เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

"ทีกูห้ามแล้วทำไมมึงไม่ฟัง!แล้วเวลานี้จะมาห้ามอะไรกู!" ลูกน้องลูคัสสะดุ้งกันเป็นแถว เพราะไม่บ่อยที่ชายหนุ่มจะระเบิดอารมณ์มากขนาดนี้

"กูเกลียดมึง!"

"เชิญ เกลียดให้เยอะๆเกลียดจนลืมไม่ได้เลยนะ" ลูคัสก้มไปดูดหลังคอสมิธแรงๆหลายรอย

ก่อนจะกดความใหญ่โตใส่ช่องทางเล็กโดยไม่เบิกทางใดๆทั้งสิ้น สมิธร้องลั่นรถเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ของเหลวหนืดไหลลงออกจากปากทางเข้า กลิ่นสนิมเหล็กคาวๆทำให้รู้ว่ามีได้เลือดกันแล้ว

ลูคัสที่กำลังโกรธจัดกระแทกกระทั้นสะโพกใส่ร่างบางไม่ยั้ง มือหนึ่งกดหัวสมิธแนบเบาะ อีกมือขยำตูดกลมมนของสมิธอย่างแรงและฟาดหนักๆจนขึ้นรอยมือ ริมฝีปากร้อนของลูคัสทั้งจูบและกัดไปทั่วลำคอขาว บางจังหวะที่รำคาญเสียงร้องสมิธมากๆ ชายหนุ่มก็กัดปากอิ่มเล็กดูดแรงๆจนสมิธร้องไม่ออกไปพักใหญ่

ลูคัสเสือกไสความใหญ่โตใส่ร่างสมิธอย่างหนักหน่วงไม่แม้แต่จะผ่อนแรง ในจังหวะสุดท้ายเขากระแทกกายถี่ยิบจนสมิธตัวสั่นคลอนและเอวบางๆแทบจะหักคามือลูคัส ชายหนุ่มกระตุกเกร็งและปลดปล่อยน้ำคาวขุ่นออกจนเต็มช่องทางบวมช้ำ ก่อนจะกระแทกกายใส่ย้ำๆอีกสี่ห้าทีความใหญ่โตจึงเริ่มสงบลง

สมิธไม่เสร็จสมเพราะเขาถูกกระทำอย่างรุนแรงและป่าเถื่อน มันไม่มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด

ร่างบางร้องลั่นจนแทบไม่มีเสียง แต่รถก็ยังขับเคลื่อนต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลูคัสถอนกายออก ใช้ทิชชู่เช็ดแก่นกายแล้วเก็บเข้ากางเกงของตัวเองก่อนจะขยับไปนั่งลงอีกฝั่งของเบาะโดยไม่ไยดีร่างที่ฟุบคว่ำอยู่ของสมิธเลยสักนิด

สมิธพยายามดึงกางเกงขึ้นมาสวมอยู่หลายนาทีก็สำเร็จ ร่างบางขดตัวอยู่อีกฝั่งของเบาะแล้วร้องไห้เบาๆ

ทั้งทรมรมานและก็กลัวขึ้นมาจับใจ

+++++++++++++

เฮียก็ชอบใจร้ายอยู่เรื่อย ตอนหน้าจบภาคเด็กแล้วนะคะ เนื้อหาอาจจะดูรวบรัดไปบ้างเพราะเปรมขี้เกียจยืดละ ฮ่าาา ตอนหน้าสามีจะออกด้วย><(โดนไอ้น้องรันต์ตบ) รอติดตามน้าาา❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-05-2018 02:14:56
ลูคัสใจร้าย~ :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-05-2018 02:30:33
มาเลย ๆ มาช่วยสมิธด่วนเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 26-05-2018 11:20:38
ลูคัสน่ากลัวมากกกกก
สมิทสู้หน้าาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 26-05-2018 11:24:57
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-05-2018 15:20:25
มันข่มขืนกันเลยนะนี้...ถึงหนูมิทตี้จะรักอิลุค แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้องงงง แกไม่มีสิทธิทำแบบนี้นะลุคนะ :z6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 26-05-2018 15:30:58
นี่มันผัวบ้าชัด ๆ แผลไม่แตกก็แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 26-05-2018 19:46:55
พี่ยักษ์มาเร็วๆ สงสารมิทตี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[26/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 26-05-2018 20:49:54
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารน้อง
อิพี่ก็ช่าง...ฮึ่มมมม
บังคับ ข่มเหง ขืนใจ น้องช้ำไปหมดทั้งร่างกายและหัวใจ
อยากจะเอาน้องมาเก็บไว้ให้ห่าง คนที่ร้ายที่สุดในเรื่องนี้ ก็แกนั่นแหละ นังลูคัสสสส
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[28/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 29-05-2018 00:18:51
คนโปรด 15.1

"อ๊ะ! แฮ่กๆ มะไม่ไหวแล้ว อึก!พอสักทีลุค อื้อ!"มือเล็กของสมิธพยายามดันหน้าท้องแกร่งที่กำลังกระแทกกายเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ลูคัสกลับกระทำสวนทางคำพูดสมิธ ชายหนุ่มรัวสะโพกหนักหน่วงขึ้น ดันมังกรยักษ์ใหญ่แทงพรวดใส่ช่องทางสมิธจนสุดทาง เด็กน้อยร้องครางแทบไม่เป็นภาษา ทั้งแสบทั้งจุกและเสียวซ่านปนเปกันไปหมด

"พอทำไม? นายก็ดูเสียวดีนี่...จุ๊บ"ลูคัสเอ่ยคำหยาบโลนพร้อมกับก้มลงจูบกลีบปากอิ่มบวมๆเสียงดัง

"อึก!กูไม่เต็มใจ มึงพอสักที อ๊าา"สมิธร้องเสียงหลง เมื่อลูคัสแทงย้ำกายเข้าที่ปุ่มกระสันภายในร่างเล็กถี่รัว สมิธตัวสั่นสะท้านเพราะความเสียวมันแล่นปลาบไปทั้งตัว กึ่งกลางกายเล็กมีน้ำใสๆปริ่มไหลออกมาเหมือนใกล้จะปลดปล่อยเต็มที

แต่ลูคัสกลับผ่อนแรงและสาวสะโพกเนิบๆเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ทรมานเด็กตัวขาวที่ตอนนี้แดงไปทั้งตัว

สมิธพยายามจะสาวชักช่วยเหลือตัวเองแต่กลับโดนลูคัสปัดมือออกเสียทุกครั้งไป

"อยากเสร็จเหรอ?ขอพี่สิครับเด็กดี" ลูคัสโน้มกายไปจูบตามหลังหูเล็ก ขบดูดและไล้เลียอย่างหื่นกระหาย

"มึง อ๊ะ ฝันเอาเถอะ!"สมิธข่วนหลังขาวๆของลูคัสอย่างเอาคืน ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะจับขาเรียวของสมิธดังออกกว้างเป็นเส้นตรงแล้ว ก่อนจะกระแทกมังกรใส่ช่องทางสีหวานจนแทบมิดด้าม ชักออกและใส่เข้าไปใหม่แรงๆจนเลือดซึมออกจากปากทางคับแคบ สมิธทั้งแสบและจุกจนพูดไม่ออก

ตั้งแต่ถูกข่มขืนบนรถวันนั้น ลูคัสก็มีเซ็กส์กับสมิธเรื่อยมานับเดือน และลูคัสจะทำแบบนี้ทุกครั้งที่สมิธปากดีใส่ แม้เด็กหนุ่มจะน้ำตาไหลเป็นทาง นอกจากลูคัสจะไม่หยุดแล้วมันยังทำรุนแรงกว่าเดิมพร้อมกับสายตาเย็นชาที่ดูไร้หัวใจนั่น

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สมิธปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ เจ็บกายไม่เท่าไหร่แต่โคตรเจ็บใจเลย

สมิธรู้สึกสมเพชตัวเองที่ร่างกายไม่รักดีนี้สามารถตอบสนองความต้องการของมันได้หมด แม้จะเจ็บแทบตายแต่ก็ไม่ตายสักที

มันลงโทษเขา เย็นชาใส่เขา แม้จะทำเป็นพูดดีด้วยแต่สมิธก็รับรู้ได้ว่าลูคัสไม่เหมือนเดิม

ลูคัสเมื่อเห็นเด็กร้องไห้เขาก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเสือกไสแก่นกายเข้าไปในช่องทางที่ตอดรัดของๆเขาทุกวันตามความต้องกายของตัวเองต่อ เมื่อถึงจุดที่ใกล้ถึงฝั่งฝันชายหนุ่มก็กระแทกกายรัวเร็วจนร่างเล็กตัวสั่นคลอนทั้งน้ำตา ลูคัสกระตุกร่างปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทางเล็ก

สิ้นสุดการลงโทษของวันนี้

ชายหนุ่มรอให้มังกรอ่อนตัวก่อนจะถอนกายออก ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดของตัวเองแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นสวม เขาเหลือบมองร่างเล็กที่นอนสะอื้นแทบสลบอย่างเย็นชาก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

สมิธกัดปากแน่น มือแทบไม่มีแรงยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาด้วยซ้ำ ไม่นานร่างบางก็หลับไปเพราะความทรมานของร่างกาย

++++++++++++

สมิธตื่นขึ้นมาอีกที คือเกือบสองทุ่ม เขาย้ายร่างพังๆของตัวเองไปชำระร่างกาย แช่น้ำอุ่นพอให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นบ้าง

ดวงตาคู่สวยยังแดงช้ำจากการร้องไห้ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องน้ำ เป็นทิวทัศน์ที่เป็นเนินเขาเล็กๆสลับกันไปมา มีป่าสนทึบๆอยู่ไกลลิบ

ไม่รู้ว่ามันพาเขามาขังไว้ที่ไหน แต่คิดว่าคงไกลจากลอนดอนมาก เพราะเดินทางบนรถยนต์เป็นสิบชั่วโมง

ครั้งแรกที่เขาเหยียบย่างเข้าบ้านหลังนี้...ไม่สิ ต้องเรียกว่าปราสาทจึงจะถูกกว่า

มันเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ปราสาทอังกฤษยุคกลาง มีความคลาสสิคหรูหราแต่ก็แฝงความโมเดิร์นเข้าไปแบบเนียนๆไม่ให้กลบมนต์เสน่ห์แห่งความคลาสสิค

สมิธถูกพามายังชั้นสองของบ้านฝั่งตะวันตก ซึ่งจะเห็นทิวทัศน์ด้านหลังที่เป็นเนินเขา มีป่า และทะเลสาบสีเขียว

มันสวยมากๆเวลาแดดส่องกระทบ

สมิธคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าไม่ถูกกระทำราวกับไม่ใช่คน มันทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตายางที่ใช้ระบายความใคร่

ปากก็บอกว่าเป็นคนโปรด ถ้าเป็นแล้วถูกทำแบบนี้สู้ฆ่าเขาให้ตายไปเลยยังดีซะกว่า

เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างเจ็บปวด ตามเนื้อตัวมีแต่รอยแดงจากปาก จากมือมัน ไม่มีว่างเว้น รอยใกล้จะหายเมื่อไหร่ก็จะโดนมันทำอีก

น้ำตาเม็ดเล็กๆไหลซึมลงมาอีกรอบ มือบางรีบยกขึ้นมาปาดทิ้งอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ไม่อยากร้องไห้ให้คนอย่างมันแท้ๆ

แต่ไอ้หัวใจเจ้ากรรมมันดันทรมาน เจ็บแล้วเจ็บอีกไม่ยอมเข้มแข็งสักที

ตอนรักมันก็รักง่ายๆ แต่พอจะเลิกรักทำไมมันยากเย็นเหลือเกิน

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องน้ำทำให้สมิธสะดุ้งด้วยความตกใจ

"รีบๆอาบจะได้ออกมาทานข้าว"เสียงเข้มของลูคัสเอ่ย

"..."สมิธเงียบไม่ยอมตอบ

"ได้ยินไหมมิทตี้?"เสียงเข้มกดต่ำลง มันเริ่มโกรธแล้ว

"ได้ยิน"เด็กหนุ่มตอบกลับออกไปเรียบๆ

"พี่ให้อีกห้านาที อย่าให้ต้องเข้าไปตาม รู้ใช่ไหมว่าจะโดนอะไร?" สมิธตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากตอบ แต่ก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องทำให้เด็กหนุ่มหยุดสั่นได้

สมิธรีบชำระร่างกายแล้วขึ้นจากอ่าง เวลามองอ่างบางครั้งก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาบ้างเพราะเคยโดนมันทำในนี้เหมือนกัน

ร่างเล็กฝืนแต่งตัวอย่างรวดเร็วแม้จะรู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง มือบางเปิดประตูออกจากห้อง

การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องสมิธ เมื่อเห็นร่างบางออกมาก็รีบนำทางไปห้องอาหารตามคำสั่งของเจ้านาย

สมิธเดินตามบอดี้การ์ดร่างยักษ์สองคนเงียบ เพราะไม่ใช่คนคุ้นเคยที่เขารู้จัก อยู่ที่นี่มาเกือบสองเดือนสมิธคุยกับคนอื่นนอกจากลูคัสนับครั้งได้ เพราะแทบไม่ได้ออกจากห้องด้วยซ้ำ จะได้ออกมาเฉพาะตอนถูกเรียกไปทานอาหาร

เรียกว่าเขากลายเป็นนายบำเรอกามน่าจะเหมาะกว่า

ร่างบางยิ้มเยาะๆตัวเองขณะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ราวๆห้านาทีสมิธก็ถึงห้องอาหารสุดหรูหรา โต๊ะสไตล์คลาสสิคสีทองลวดลายวิจิตรตัวยาวที่นั่งทานได้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบ ขณะนี้มีลูคัสนั่งรอที่หัวโต๊ะอยู่คนเดียว สมิธถูกพาไปนั่งด้านซ้ายมือลูคัส อาหารอังกฤษแท้ๆราว7-8อย่าง วางเรียงอย่างสวยงามอยู่ตรงน้ำ

สมิธถูกเมดวางผ้าเช็ดปากที่พับอย่างสวยงามไว้บนตัก ก่อนจะเริ่มทานอาหารโดยไม่พูดอะไรกับลูคัส

ชายหนุ่มก็เริ่มทานบ้างโดยไม่ได้สนใจอะไรร่างบางมากนัก แต่เมื่อเห็นร่างบางเขี่ยผักออกเต็มข้างจานก็เริ่มขมวดคิ้วเข้ม

"ทำไมไม่ทานผัก?"

"..."สมิธจิ้มไก่เข้าปากโดยไม่สนใจตอบคำถามจากอีกคน

"มิทตี้ พี่ถาม!"สมิธกัดฟันกรอด มือบางกำมีดกับส้อมแน่นจนมือใส่

"กูไม่ชอบ"

"ไม่ชอบก็ต้องทาน มันมีประโยชน์"

"กูไม่กิน"

"กินเดี๋ยวนี้!"ลูคัสเอ่ยเสียงเข้มบังคับ แต่สมิธหลับมองหน้าชายหนุ่มนิ่งๆแล้วเอ่ยถ้อยคำเจ็บแสบ

"ไม่ต้องมาเสือก!มึงไม่ใช่พ่อกู!"

เพี๊ยะ! สมิธหน้าหันตามแรงตบจากชายหนุ่ม ลูคัสลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อเล็กขึ้นจนเท้าลอย เขาก้มหน้าลงกระซิบเสียงเข้ม

"กูไม่ใช่พ่อ แต่เป็นผัวมึง! เป็นเจ้าของชีวิตมึง จำไว้!"ลูคัสเหวี่ยงกายเล็กลงกับพื้น ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องล็อคร่างสมิธไว้

ลูคัสหยิบผักในจานที่สมิธเขี่ยไว้ในมือ มือแกร่งบีบแก้มเล็กจนสมิธยอมเปิดปากด้วยความเจ็บปวด จากนั้นชายหนุ่มก็ยัดผักในมือใส่ปากเล็กทันที เขาปิดปากอิ่มไว้ไม่ให้คาย มืออีกข้างก็บีบจมูกโด่งเชิดไว้บังคับให้กลืน

สมิธจำใจเคี้ยวผักและฝืนกลืนจนสำลักไอ ลูคัสจึงยอมละมือออก

"กูบอกก็ฟัง! อย่ามาปากดีกับพี่ไม่อย่างนั้นนายนั่นแหละที่จะเจ็บตัว"ลูคัสบอกสมิธด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่สมิธก็เงยหน้ามองตาสีเขียวเข้มนั้นอย่างไม่ยอมแพ้ มุมปากช้ำเหยียดยิ้มให้กับชายหนึ่งโดยไม่เกรงกลัว

"ถ้ายุ่งยากนัก ทำไมไม่ฆ่ากูทิ้งซะล่ะ? อย่างมึงคงทำได้ไม่ยาก"สมิธเอ่ยด้วยน้ำเสียงอวดเก่งพยายามข่มความเจ็บปวดไว้ในใจ

"แล้วทำไมพี่ต้องทำตามที่นายต้องการ...พี่ยังไม่เบื่อนายเลย"ลูคัสแสยะยิ้มเย็นชาคืนบาง

สมิธชะงักกับคำพูดนั้น

เบื่อ?

ต้องรอมันเบื่อสินะถึงจะตายได้

ดูไร้ค่าชะมัด

สมิธหลุดหัวเราะฝืดๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออก

"แล้วแต่เลยลุค ทำร้ายกูให้พอเอาให้สมใจมึง แล้วอย่าให้ถึงทีกูบ้างละกัน...กูจะทำให้มึงเจ็บจนกระอักเลือดเลย"

"คงไม่มีวันนั้น"ลูคัสเอ่ยอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหารไป

++++++++++++

ตกดึก สมิธลุกขึ้นจากที่เตียงคิงไซส์หลังใหญ่ หยิบสิ่งที่ซ่อนจากใต้หมอนมาถือไว้แน่น

มีดหั่นสเต็ก เขาแอบหยิบซ่อนไว้ในช่วงชุลมุน

เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ไร้น้ำ พระจันทร์เต็มดวงที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้มองเห็นแม้ไม่ไดเปิด

ดวงตาคู่ตาสีฟ้ามหาสมุทรเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่ไร้ดาวอย่างเศร้าสร้อย

มือบางกดมีดที่ข้อมือและเฉือนอย่างแรง ด้วยความคมของมีดแบบใบเลื่อยทำให้สมิธต้องกัดฟันกั้นเสียงร้องเอาไว้จนฟันแทบแตก

เขาเจ็บเหลือเกิน...ทรมานกับความรู้สึกนี้มากพอแล้ว

เขาแบกรับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

น้ำตาเม็ดโตหยดแล้วหยดเล่าไหลแข่งกับเลือดที่ข้อมือที่เริ่มเจิ่งนอง

มิเชล...สมิธคิดถึงแม่

ผมอ่อนแอ

ผมขอโทษนะ

ผมจะไปรอแม่ในที่ที่ไกลแสนไกล แต่ผมอาจมีความสุขมากกว่านี้

ดีกว่าอยู่ที่ตรงนี้ให้เขาทำร้ายหัวใจ

+++++++++++

ลูคัสตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชายหนุ่มเหลือบมองพระจันทร์เต็มดวงด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ในใจเขารู้สึกทรมานกระวนกระวายแปลกๆ

ลูคัสสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปและรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เขาเดินออกจากห้องน้ำแล้วกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง

พลิกตัวไปมาหลายครั้งก็ไม่ยอมหลับ จึงตัดสินใจลุกไปห้องทำงานเพื่อเคลียร์เอกสารต่างๆฆ่าๆเวลา ในห้องทำงานของลูคัสมีจอทีวีจอใหญ่สำหรับดูกล้องวงจรปิดในบ้าน เขาไล่มองผ่านๆแต่ไปสะดุดตากับภาพช่องหนึ่ง

มันเป็นกล้องตัวที่อยู่ในห้องน้ำในห้องสมิธ แม้จะปิดไฟแต่เขาก็พอมองออกเพราะแสงจันทร์สาดเข้าไป

สมิธไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น?

ลูคัสพยายามเพ่งมองเพราะเห็นสมิธนอนนิ่งอยู่หลายนาที จนในที่สุดดวงตาเรียวสวยก็เห็นบางอย่างตกอยู่ข้างมือสมิธ

บ้าเอ้ย!!!

ชายหนุ่มรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ ขณะวิ่งไปห้องสมิธก็กดเบอร์โทรหมอทั้งมือสั่นๆ นานเกือบสายหลุดคุณหมอก็กดรับสาย

(ครับคุณลูคัส)

"รีบมาที่บ้านผม"

(ตอนนี้เหรอครับ)

"กูบอกให้มาตอนนี้!!!ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบมา!!!"ลูคัสตะคอกเสียงดังลั่นราวเสียสติ

ชายหนุ่มวิ่งตรงดิ่งไปทางห้องสมิธอย่างรีบร้อนจนลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องสมิธมองอย่างตกใจ

"พวกมึงเฝ้าเมียกูยังไง!! ถึงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้!"ลูคัสตะคอกอย่างโกรธจัด แต่เขาไม่มีเวลามาชำระความกับลูกน้องตอนนี้ เขารีบเปิดประตูพุ่งเข้าห้องสมิธ ก้าวขายาวๆไปยังห้องน้ำ เมื่อเปิดไฟก็เห็นภาพสมิธนอนจมกองเลือดอยู่ในอ่างเต็มตา

เหงื่อชายหนุ่มหยดเป็นเม็ดๆทั้งๆที่อากาศเย็นชื้น หัวใจเขาทั้งเต้นและสั่นอย่างรุนแรง

ลูคัสถอดเสื้อตัวเองออกก่อนจะนำไปพันแผลห้ามเลือดสมิธไว้

ร่างบางหน้าซีดเผือดเลือดก็ยังซึมออกมาไม่หยุดเพราะปากแผลใหญ่มาก

ชายหนุ่มอุ้มร่างบางออกจากอ่าง ขายาวก้าวตรงไปยังเตียงหลังใหญ่ วางร่างเล็กบนเตียงอย่างเบามือ

เขาจับชีพจรที่ต้นคอขาว มันยังเต้นอยู่ แต่ก็อ่อนลงทุกทีๆ

"อย่าตายมิทตี้ ห้ามตาย!"ลูคัสแนบหน้าผากกับหน้าผากเล็กเอ่ยสั่งเสียงเข้มดุ เขากำลังร้อนรนและทำอะไรไม่ถูก

โยฮันเนสวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นสมิธก็ตกใจกับสภาพร่างบาง

"หมอมารึยัง!!!"ลูคัสตะคอกด้วยความเดือดดาล

"อีกไม่เกินห้านาทีครับ"

"ถ้าไม่ทัน มันตาย!"

"ย้ายสมิธไปห้องพยาบาลเถอะครับนาย หมอมาจะได้พร้อมรักษา"โยฮันเนสเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเจ้านายเอาแต่กอดร่างบางไว้แน่น

ลูคัสอุ้มสมิธไปห้องพยาบาลที่สร้างไว้เหมือนเป็นห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์รักษาครบครัน

เมื่อหมอมาพร้อมผู้ช่วยทุกคนก็ถูกกันให้ออกจากห้องปลอดเชื้อ

เกือบหนึ่งชั่วโมงที่หมอออกมาจากห้องพยาบาลด้วยสีหน้าโล่งอกพร้อมบอกข่าวดีว่าสมิธปลอดภัยแล้ว ทำให้ทุกคนพลอยให้ใจคล่องคอได้บ้าง

เพียงแต่ลูคัสที่เปลือยท่อนบนยังคงใบหน้าถมึงทึงไว้ไม่คลาย เขากลับห้องนอนด้วยสีหน้าคิดหนัก

ส่วนสมิธต้องนอนในห้องปลอดเชื้อต่อจนกว่าจะฟื้น

เกือบสองวันที่สมิธฟื้นขึ้นคืนสติ คนที่เขาคิดว่าหนีพ้นแล้วกับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

สมิธหลับตาลงอย่างหนีความจริงเมื่ออาการเจ็บแปลบที่ข้อมือบอกได้ว่าเขายังไม่ตาย

"ไง ถึงกับหลับหนีความจริงหรือไง"ลูคัสเอ่ยปากขึ้นก่อน

"..."

"อย่าคิดว่าการฆ่าตัวตายจะหนีพี่พ้น ถ้าพี่ไม่ยอมก็อย่าหวัง!"สมิธลืมตามองลูคัสด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะตอบลูคัสด้วยเสียแหบแห้ง

"ครั้งนี้ไม่ตาย ก็ใช่ว่าจะไม่มีครั้งหน้า"

"ก็ลองสิ ถ้านายอยากให้แม่นายตายตามไปด้วย"ลูคัสชูรูปที่มิเชลกำลังนอนอาบแดดที่ฮาวายให้สมิธดู

"มึง!"

"จำเอาไว้ ถ้านายคิดจะฆ่าตัวตายอีกเมื่อไหร่ พี่จะส่งมิเชลตามนายไปด้วยวิธีที่ทรมานและเจ็บปวดที่สุด ถ้าไม่อยากให้แม่ตายก็จงอยู่และดูแลตัวเองให้ดีซะ"ลูคัสกล่าวอย่างเย็นชา สมิธกำแน่นด้วยควาทโกรธ

"มึงมันเลวร้ายที่สุดเท่าที่ชีวิตกูเคยเจอมา!"

"ก็ไม่หวังจะเป็นคนดีอยู่แล้ว แต่ชั่วชีวิตของมิทตี้ต้องอยู่กับคนเลวๆอย่างพี่นี่แหละ"

สมิธจ้องลูคัสด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะหลับตาไม่ตอบโต้อะไรอีก

เถียงไปก็เท่านั้น ยังไงก็แพ้มันอยู่ดี

แม้แต่ความตายของเขามันยังเอาชนะได้เลย!

+++++++++++

เป็นตอนที่เขียนไปแล้วก็น้ำตาซึม สงสารสมิธโว้ยยยย

ป.ล.ตอนหน้าจะพยายามปั่นให้เร็วขึ้น รออีกนิสน้าาา❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-05-2018 00:47:53
ยักษ์ทศอยู่ไหน มาไหว ๆ ด่วน ๆๆๆๆๆๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 01:09:43
สงสารน้อง  ต้องมาเจออิพี่ลุคที่แสนโรคจิต :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Super Mario ที่ 29-05-2018 02:28:19
สงสารน้องTT
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด14.2[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-05-2018 03:12:33
 :a5: มันรักน้องยังไงของมันวะ ทำงี้แล้วน้องจะรู้ไม๋ว่ารัก :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 29-05-2018 06:35:54
โอ๊ย ใครก็ได้มาช่วยน้องที
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 29-05-2018 08:14:27
สงสารสมิทมากกกกก :o12:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 29-05-2018 09:18:21
มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 29-05-2018 09:21:42
ลุค!! อิพี่ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้น้องบ้างเลยรึไง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 30-05-2018 02:08:15
อยากจะตายก็ตายไม่ได้...โถ่สมิท

ปอลิง.เห็นนังลุคมันใจจะขาดแล้วฉันสะใจ...อิลุคแกทำฉันเป็นโรคจิตนะนี้!!/ผิด เอ๊ะ หรือถูก?
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.1[29/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 30-05-2018 07:31:24
ลุคไม่ปรับตัวเองบ้างเลย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 01-06-2018 04:53:53
คนโปรด 15.2

หลังจากเหตุการณ์ที่สมิธพยายามฆ่าตัวตาย ลูคัสค่อนข้างเฝ้าระวังจับตาดูสมิธเป็นพิเศษ เขาสั่งให้ลูกน้องคอยดูกล้องวงจรปิดในห้องของสมิธทุกครั้งที่เด็กหนุ่มอยู่คนเดียว

ของมีคมก็ห้ามให้สมิธแตะ ของใช้หลายๆ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

ลูกน้องในบ้านต่างรู้ดี ถ้าคราวนี้คนของนายเป็นอะไรขึ้นมาอีกพวกเขาเตรียมกลับบ้านเก่าได้เลย

สมิธใช้เวลารักษาแผลที่ข้อมืออยู่เกือบหนึ่งเดือน แผลจึงแห้งสนิท คงเหลือไว้เพียงรอยเย็บบางๆ

ถือว่าหมอที่รักษามีฝีมือมากเพราะแผลบนข้อมือสมิธค่อนข้างสาหัส แต่หมอกลับเย็บได้เนียนและสวย

ส่วนเรื่องแผลเป็นคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณหมอวัยกลางคนก็ค่อนข้างหวั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ลูคัสก็พยักหน้ารับทราบแล้วไม่พูดอะไรอีก ทำให้เขาวางใจได้

ตัวสมิธเองนอกจากจะไม่ยี่ระกับบาดแผลตัวเองแล้ว เขายังแผงฤทธิ์ไม่เว้นในแต่ละ จากเด็กที่ร่าเริงและเกรงใจผู้อื่นอยู่เสมอ กลายเป็นเด็กก้าวร้าวและโมโหร้าย

ในเมื่อไม่ให้เขาตาย...ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบ

ลูคัสก็ทำเป็นปิดหูปิดตากับพฤติกรรมนี้ของสมิธเพราะเขาไม่อยากกดดันมากเกินไปจนสมิธคิดสั้นอีก แต่มีปรามบ้างเมื่อเห็นว่าชักเกินเลย บางครั้งหนักๆ เข้าถ้าเขาพูดไม่ฟังก็ต้องมีลงมือกันบ้าง

ทุกครั้งที่ลูคัสลงโทษสมิธด้วยเซ็กส์ที่หนักหน่วง เด็กหนุ่มจะสงบปากสงบคำขึ้น แต่ไม่กี่วันต่อมาก็กลับมาแผงฤทธิ์เดชได้เหมือนเดิม

สมิธไม่มีพี่เลี้ยงประจำตัวเหมือนก่อนหน้านี้ซึ่งคือ จิมมี่และเซน ลูคัสไม่อนุญาตให้ลูกน้องทำตัวสนิทสนมกับสมิธอีกแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้

ส่วนหนึ่งเขาไม่ต้องการให้สมิธมีความรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาใครได้นอกจากเขา และอีกเหตุผลหนึ่งที่แม้จะไม่อยากยอมรับแต่มันคือเรื่องจริง

เขาหวงสมิธมาก...มากจนเขายังตกใจ

ลูคัสไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกนี้ได้ จึงได้แต่ทำเป็นมองข้าม กลบความรู้สึกนั้นทิ้งไป

แม้สมิธจะดูเป็นเด็กร้ายกาจขึ้น แต่เวลาครูที่ลูคัสจ้างมาสอนที่บ้านมาสอน สมิธจะเป็นเด็กเรียบร้อยและตั้งอกตั้งใจเรียน

เด็กหนุ่มไม่ใช่คนหัวดีเท่าไหร่นัก ระดับมันสมองอยู่ในระดับธรรมดาปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ที่เขาตั้งใจเรียนเพราะความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเขาสิ่งเดียวในบ้านหลังนี้

ลูคัสไม่ได้มีเวลาอยู่กับสมิธตลอด เขามีงานต้องทำ ธุรกิจคาสิโนบนเรือสำราญที่กำลังเติบโตของเขาทำให้ต้องเดินทางบ่อยขึ้น ตลอดทั้งฤดูใบไม้ร่วงเขาไม่มีเวลาไปหาสมิธด้วยซ้ำ

ลูคัสพยายามชดเชยให้สมิธหลายอย่างเท่าที่จะให้ได้ ไม่ว่าสมิธจะต้องการอะไรแค่เอ่ยปากหรือชี้นิ้วสั่ง ไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้สิ่งเหล่านั้นจะมากองอยู่ตรงหน้าสมิธถึงที่ เพียงแต่สิ่งเดียวที่เขายังให้สมิธไม่ได้...คืออิสระภาพนั่นเอง

เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ความร้ายกาจของสมิธลดลงกว่าช่วงแรกๆ มากเพราะไม่ค่อยได้เจอหน้าลูคัสให้เสียอารมณ์ เด็กหนุ่มถูกประคบประงมดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ภายในปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระง่านกลางพื้นที่กว่าแปดร้อยไร่เท่านั้น

ที่นี่ฝนตกไม่บ่อยเหมือนที่ลอนดอน อากาศก็บริสุทธิ์กว่า ถ้าไม่ติดว่าเขาถูกกักขังอยู่ สมิธก็คงมีความสุขมากกว่านี้

เอาเข้าจริงสมิธก็ใช่ว่าจะมีความสุขอะไรนักหนา เขาแค่พยายามมีความสุขก็เท่านั้น...แต่บางทีมันก็เหนื่อยที่จะหลอกตัวเอง

ตัวเขาจะทนไปได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ?

ช่างแม่งเถอะ! ขี้เกียจจะคิดแล้ว

"มิทตี้ตื่นเถอะ สายแล้วนะ ฟอด! " สมิธหันหน้าหนีพร้อมปัดริมฝีปากอีกคนที่ก่อกวนแก้มอยู่ให้พ้นจากตัวเอง

"ถ้าไม่ตื่นพี่จะทำให้หมดแรงแล้วหลับไปอีกรอบ"ลูคัสพูดด้วยรอยยิ้มแต่น้ำเสียงมีความเอาจริงเจืออยู่

เด็กหนุ่มฝืนลืมตาขึ้นแทบจะทันที ใบหน้าเล็กหงิกงอเนื่องจากถูกขัดจากการนอน ริมฝีปากอวบอิ่มเบ้อย่างเป็นธรรมชาติทำให้ลูคัสอดหมั่นเขี้ยวไม่ไหวก้มหน้าลงไปดูดซ้ำๆ หลายที

"อื้อออ"สมิธดันอกอีกคนออกด้วยความหงุดหงิด ลูคัสก็ยอมผละออกแต่โดยดีพร้อมหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

"อาบน้ำเถอะ วันนี้ในเมืองมีงานเทศกาลพี่จะพาไปเที่ยว"สมิธดวงตาลุกวาวแทบจะหายง่วงเป็นปริดทิ้งเมื่อได้ยินคำว่าไปเที่ยว

"มึงพูดจริงเหรอ"

"จริงสิ แต่ถ้ามิทตี้ยังมัวโอ้เอ้อยู่พี่ก็จะพาทำอย่างอื่นในห้องแทน"ลูคัสฉีกยิ้มมีเลศนัย สมิธสะดุ้งและรีบลุกออกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

"ระวังจะล้ม! "ลูคัสบอกเสียงดุก่อนประตูห้องน้ำจะปิดลง

ชายหนุ่มส่ายหัวหน่อยๆ กับท่าทางตื่นเต้นเกินพอดีของสมิธ ก็อย่างว่า สมิธอยู่ที่นี่ไม่ได้ออกไปไหนมาสี่เดือนกว่าแล้ว มันย่อมน่าเบื่อเป็นธรรมดา

แม้จะเสี่ยงที่ต้องพาสมิธออกไปข้างนอก แต่เขาคิดว่าสมิธเป็นเด็กที่มีหัวคิด สมิธไม่โง่พอที่จะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางหนีเขาไปไหนได้อีกแล้ว

ในเมื่อมิเชลยังอยู่ในมือเขาอยู่

+++++++++++

ลูคัสพาสมิธออกจากคฤหาสน์ในช่วงบ่าย ทำให้สมิธได้เห็นวิวนอกรั้วบ้านเป็นครั้งแรก (ตอนมาหลับ) มีแต่ป่าเต็มไปหมดเลย รถขับไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงจึงจะเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่กี่ร้อยหลังคาเรือน

ถัดๆ จากนั้นไปก็เป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่งรถก็แล่นเข้าสู่เขตตัวเมือง ทำให้สมิธรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ในเมืองๆ หนึ่งทางภาคตะวันออกของอังกฤษ

ภายในตัวเมืองบ้านและร้านค้ามีการตกแต่งอย่างสวยงามเข้ากับงานเทศกาลที่กำลังเฉลิมฉลอง ส่วนงานเทศกาลที่รัฐจัดขึ้นตั้งอยู่ที่ปาร์คขนาดใหญ่ของเมือง ลูคัสพาสมิธลงไปเดินเที่ยวงานเทศกาลพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน

สมิธรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด เขาไม่เคยได้เที่ยวงานเทศกาลเลยสักครั้งนอกจากที่โรงเรียน เพราะมิเชลไม่มีเวลาพาเขาไป สมิธแทบจะพุ่งไปทางสวนสนุกที่ตั้งอยู่อีกด้าน ถ้าไม่ติดว่าลูคัสจับมือไว้เด็กหนุ่มคงพุ่งไปถึงม้าหมุนนานแล้ว

"จะเล่นเหรอ? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กที่จูงมือนำหน้าเขามาที่ม้าหมุน สมิธพยักหน้าดวงตามีแววประกายสดใส

"ก็ได้ แต่พี่ต้องเล่นด้วย"เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองคนข้างๆ อย่างมันนี่น่าจะเลยวัยที่อยากเล่นม้าหมุนแล้วป่ะวะ

"แล้วแต่มึงดิ แต่ซื้อตั๋วให้กูด้วย"

"หึๆ ลองอ้อนขอพี่ดีๆ ก่อนดิ"

"ฝัน! "

"งั้นไม่ต้องเล่น"

"..."สมิธกอดอกไม่พอใจแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมเอ่ยปากพูดขึ้นอีกแม้แต่คำเดียว

"เฮ้อ โอเคๆ พี่ซื้อให้แล้วไม่ต้องงอน"ลูคัสสั่งให้ลูกน้องไปซื้อตั๋ว ส่วนตัวเขาอยู่ง้อเด็ก สมิธปรายหางตามองลูคัสนิดๆ แต่ยังไม่ยอมพูดด้วย จนกระทั่งมีการเรียกคิวขึ้นม้าหมุน สมิธจึงได้แบมือขอตั๋วกับชายหนุ่ม

ลูคัสไม่ยอมให้ตั๋วเด็กแต่กลับโอบไหล่บางพาไปยื่นตั๋วแทน

"สองคนนะครับ"พนักงานกล่าว ลูคัสพยักหน้า ส่วนสมิธเดินโร่ปีนขึ้นม้าตัวที่หมายตาไว้อย่างรวดเร็ว ลูคัสยังไม่เดินตามสมิธไปในทันทีแต่กลับเอ่ยคำถามกับพนักงานก่อน

"ม้าตัวนั้นถ้าผมขึ้นไปนั่งอีกคนจะเป็นไรไหม"นิ้วเรียวยาวชี้ไปทางเด็กหนุ่มหน้าขาวตัวเล็กนั่งอยู่

"เอ่อ...น่าจะได้นะครับ"พนักงานมองลูคัสนิดๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ขอบคุณ"ลูคัสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะยอมเดินขึ้นตัวเครื่องเล่น

"เอ๊ะ! ทำบ้าอะไรวะ? "สมิธสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีคนมานั่งซ้อนม้าตัวเดียวกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก็ถามออกไปด้วยความหงุดหงิดทันที

"พี่นั่งด้วย"

"ก็ไปนั่งตัวอื่นดิ"

"ไม่เอา พี่กลัว"

"กลัวบ้าอะไรวะ"

"พี่ไม่เคยเล่น ขอพี่นั่งด้วยนะจะได้อุ่นใจ"

"ไม่เอา! "สมิธปฏิเสธเสียงแข็ง แต่อีกคนก็ยังหน้ามึนกอดเอวเล็กเด็กไว้แน่น อีกมือก็จับเสาไว้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

"ไม่ทันแล้ว"ลูคัสพูดยิ้มๆ เมื่อม้าเริ่มขยับโยกขึ้นลงเบาๆ และหมุนไปช้าๆ สมิธได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นเบาๆ ไม่ไกลหู พอกวาดสายตามองก็เห็นว่ามีหลายคนเลยที่มองมาทางพวกเขา เด็กหนุ่มก้มหน้างุด อายแทบแทรกแผ่นดินหนี

"แม่ง...เพราะมึงเลย"ลูคัสหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกดคางตัวเองใส่กลางศีรษะเล็กไม่เบานัก

"พูดเพราะๆ "

สมิธไม่กล้าเถียงตอบแม้น้ำเสียงลูคัสจะดูเหมือนอารมณ์ดีแต่ก็คือการตักเตือนเขาเป็นนัยๆ

กว่าจะครบรอบสมิธแทบกระอักเลือด เป็นการเล่นม้าหมุนครั้งแรกที่โคตรจะไม่ประทับใจเลย

"จะเล่นอะไรอีกไหม? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งใส่เขาไม่หยุด

"..."

"งั้นกลับ"

"ไม่กลับ! "

"ก็ถามไม่ยอมตอบ"

"จะเล่นอันนั้น"สมิธชี้ไปที่ชิงช้าสวรรค์

"อันนั้นค่อยเล่นช่วงค่ำๆ น่าจะดีกว่า ไปเล่นอันนั้นก่อนแล้วกัน"ลูคัสชี้ไปที่เครื่องเล่นอีกอันซึ่งสมิธก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะอยากจะลองเล่นอยู่แล้ว คราวนี้ลูคัสไม่ได้ไปเล่นกับสมิธอีกแล้วเครื่องเล่นถัดจากนั้นเขาก็เพียงยืนดู รอเงียบๆ เท่านั้น

สมิธใช้เวลาไปกับเครื่องเล่นในสวนสนุกขนาดย่อมไปเกือบสามชั่วโมง เด็กหนุ่มเล่นแทบทุกอย่างอย่างสุดเหวี่ยง เหนื่อยจนแทบจะเดินต่อไม่ไหว

สมิธหิวจนท้องร้องเสียงดัง ลูคัสก็พาไปเดินซื้ออาหารกับร้านค้าในงาน ทั้งของกินและของเล่นเต็มไม้เต็มมือทั้งสมิธและลูกน้องสองคนที่เดินตามหลัง

เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว แม้หิมะจะไม่ตกแต่อากาศก็เย็นมาก ท้องฟ้าตอนหกโมงเย็นก็มืดสนิทแล้ว

สมิธกระชับเสื้อโค้ทเข้ากับตัวให้อุ่นขึ้น หลังจากกินอาหารเข้าไปเยอะมากก็ชักรู้สึกง่วงขึ้นมานิดๆ

"จะยังเล่นอยู่ไหม? "ลูคัสชี้ไปทางชิงช้าสวรรค์ สมิธพยักหน้าเออออ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองสักหน่อยก็ไม่เสียหาย

คราวนี้ลูคัสขึ้นไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์กับสมิธด้วย เด็กหนุ่มก็ไม่ได้โวยวายเพราะเห็นคนอื่นๆ เขาก็ทำกัน

ตัวชิงช้าค่อยๆ เคลื่อนที่ขึ้นสูงอย่างช้าๆ ทั้งสองต่างนั่งกันอย่างเงียบๆ ไร้คำพูดจาจนกระทั่งชิงช้าที่พวกเขานั่งอยู่หยุดอยู่ที่จุดสูงสุดพอดี

คนหนึ่งมองวิวด้านล่าง อีกคนนั่งมองหน้าคนที่มองวิว

"วันนี้สนุกไหม? "ลูคัสเอ่ยทำลายความเงียบ เนิ่นนานกว่าสมิธจะละสายตาจากวิวด้านนอกหันมาตอบอีกคนตรงๆ

"ก็ดี"

"นายสนุกพี่ก็ดีใจ"

"หึ! มึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะลุค เพราะไม่ว่าอย่างไรอะไรๆ มันก็คงไม่เหมือนเดิม"

"พี่แค่อยากชดเชยให้นาย"

"คิดว่าแค่นี้มันจะชดเชยได้เหรอ? มึงนี่เห็นแก่ตัวจังนะ"

"จะให้พี่ทำยังไง...นายก็รู้ว่าพี่ปล่อยนายไปไม่ได้"ลูคัสเอ่ยอย่างจริงจัง

"เพราะอะไร? รักมึงก็ไม่รัก แล้วทำไมถึงไม่ยอมปล่อยกูไปสักที"

"พี่ไม่ปล่อย"

" หรือมึงจะบอกว่ามึงรัก? "

"..."

"เหอะ! "

ชิงช้าเคลื่อนตัวอีกครั้ง ลูกคัสและสมิธต่างก็ไม่พูดอะไรอีก ทั้งสองออกจากชิงช้าเงียบๆ ลูกน้องที่เห็นบรรยากาศอึมครึม ก็ไม่กล้าพูดอะไร

ช่วงที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถ ประชาสัมพันธ์ของงาน ก็ประกาศว่าจะมีโชว์การแสดงพิเศษขึ้น สมิธชะงักและรู้สึกสนใจ จึงหันไปบอกลูคัส

"กูจะดู" ลูคัสเลิกคิ้วมอง แต่ก็ยอมพาสมิธเดินกลับไปที่งาน ตามตารางการแสดงจะเริ่มขึ้นในอีก 10 นาทีแต่สมิธรู้สึกง่วงมาก มือบางพยายามหยิกแขนตัวเองไว้เพื่อไม่ให้หลับ ลูคัสที่เห็นอย่างนั้น ก็ได้แต่ส่ายหัว จับมือบางออกให้เลิกหยิกแขนตัวเอง

สมิธสัปหงกหลายครั้ง ลูคัสที่เห็นดังนั้นก็กลัวอีกคนจะล้มจึงอุ้มร่างเล็กขึ้น จับขาบางเกี่ยวกับสะโพกของตัวเอง สมิธดิ้น แต่ก็ถูกชายหนุ่มมองดุๆ แขนเล็กเผลอเกี่ยวคอชายหนุ่มไว้อย่างเคยชิน

"ถ้าไม่ฟังพี่จะพากลับ" เด็กหนุ่มเงียบไม่ยอมพูดตอบโต้ รอไปรอมาสุดท้ายก็เผลอวางศีรษะลงกับบ่ากว้าง สัมผัสที่ลูบบนหลังเบาๆ ทำให้เขากำลังจะหลับ

"อุ๊ย! พาลูกชายมาเที่ยวเหรอคะ" หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยทักลูคัส ชายหนุ่มหันไปมองพร้อมระบายยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

"น้องชายน่ะครับ"

"น่ารักจังเลยนะคะ"

"ครับ" ลูคัสคิ้วกระตุกเมื่อคนที่เขาคิดว่าหลับไปแล้ว จิกเล็บลงบนหลังคอเขา

ไม่นานพิธีกรก็ประกาศเปิดการแสดง สมิธผละศีรษะออกจากบ่าของชายหนุ่ม เหลือบสายตามองหญิงสาวที่ยืนข้างๆ เล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตาหันไปมองการแสดง เมื่อการแสดงจบลง หญิงสาวคนดังกล่าว ก็พยายามชวนลูคัสคุยอีกครั้ง ลูคัสกำลังจะเอ่ยลาอย่างสุภาพ แต่กลับมีเด็กอีกคนพูดสวนขึ้นมาก่อน

"ง่วง"

"อ่า...น้องชายผมง่วงแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ" ลูคัสยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะรีบอุ้มพาสมิธออกไปทันที

"หึงเหรอ? "ลูคัสเอ่ยถามเด็กยิ้มๆ เมื่ออุ้มเข้าไปวางในรถแล้ว

สมิธไม่ตอบแต่หลับตาเอนหัวพิงกระจกรถแทน ลูคัสก็มองเด็กขี้งอนยิ้มๆ แล้วโน้มตัวไปจูบขมับเล็กเสียงดังอย่างเอ็นดู

+++++++++++

วันเวลาผ่านไปสามปีที่สมิธได้ใช้ชีวิตในฐานะ 'คนโปรด' ของลูคัส ซึ่งถือว่านานมากในความรู้สึกของใครหลายๆ คนรอบตัวลูคัส

สมิธเติบโตขึ้นกว่าเมื่อก่อน เด็กหนุ่มที่กำลังจะอายุ15ปีในวันนี้ มีรูปร่างสูงโปร่ง 170เซนติเมตร แต่ยังคงผอมบางเพราะไม่ได้ออกกำลังกายนัก จะมีที่ทำบ่อยๆ ก็ออกกำลังกายบนเตียงกับไอ้จิ้งจอกนั่นนั้นแหละ แต่มันไม่ได้ทำให้เขามีกล้ามเนื้อสักหน่อย กลับกันยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งผิวเนียนละเอียด เอวก็คอดนิดๆ แต่ไม่ถึงกับเล็กคอดกิ่วเป็นทรงเหมือนผู้หญิงหรอก แล้วไหนจะออร่าบางอย่างที่มักจะทำให้ผู้ชายชอบมองเขาแปลกๆ อีกล่ะ

ซึ่งผู้ชายที่ว่าก็คือบอดีการ์ดคนหนึ่งในคฤหาสน์ที่สมิธอยู่ การ์ดคนนั้นเผลอมองสมิธตาละห้อย (วันนั้นใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น) ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่เรื่องไปถึงหูไอ้คนนั้นได้ไงก็ไม่รู้ แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นหายไปจากบ้านโดยที่สมิธไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

พอไอ้คนนั้นมาถึงก็จัดการลากสมิธเข้าห้อง ข่มเหงเขาข้ามวันข้ามคืนแบบฟ้าเหลืองเลยล่ะ งงมาก (?) เป็นเชี่ยไรของมันก็ไม่รู้

หลังจากนั้นทุกครั้งที่สมิธออกจากห้องนั้นบอดี้การ์ดแทบทุกคนจะก้มมองพื้นตลอด ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองเขาเลยสักคนเดียว ยกเว้นพวกโย กับจิมมี่ อ่ะนะ

สามปีมานี้ จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสมิธและลูคัสแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ปีหลังๆ ลูคัสกลับไม่ได้มาหาสมิธบ่อยอย่างช่วงแรกๆ

อาจจะติดงานหรือติดอย่างอื่น สมิธไม่ได้ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกทุกทาง เขายังได้ดูทีวีและอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง

ลูคัสเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาถูกเชิญไปสัมภาษณ์ที่นิตยาสารธุรกิจชื่อดังระดับโลกหลายฉบับในรอบสามปีมานี้ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้จะเริ่มมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับวงกรบันเทิงถี่เหมือนกัน

อาจเพราะเขากำลังควงอยู่กับเซเลบหรือดารานางแบบที่มีชื่อเสียง

สมิธมองข่าวพวกนั้นอย่างชาชิน เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก

วันนี้เป็นวันเกิดเขา เขาจะต้องคิดแต่สิ่งดีๆ เจริญหูเจริญตาดีกว่า เลิกนึกถึงเรื่องขยะสักทีเถอะสมิธ!

แม้จะไม่เคยคาดหวัง แต่งานวันเกิดเขาไม่ว่าจะกี่ปีก็จะมีมันอยู่ด้วยเสมอ เพียงแต่ปีนี้สมิธกลับรู้สึกต่างออกไป

"ของขวัญวันเกิดจากนายครับ"โยยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กตามให้สมิธ เด็กหนุ่มรับมาถือไว้นิ่งๆ จากนั้นก็โยนใส่ถังอย่างแม่นยำ

โยฮันเนสไม่ตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของสมิธ ถ้าไม่พอใจเมื่อไหร่ก็จะมาแนวๆ นี้แหละ

"ปีนี้นายงานยุ่ง กลับมาฉลองด้วยไม่ได้ แต่นายจะพาไปฉลองย้อนหลังนะครับ"

"เหรอ? โยก็ดูว่างดีนี่ ไม่เห็นจะงานยุ่งอะไร"โยฮันเนสสะอึกกับคำพูดที่เหมือนรู้ทันของสมิธ รู้จักกันมานานขนาดนี้สมิธย่อมมองออกเป็นธรรมดา ถ้าเจ้านายเขาไม่ว่างแล้วตัวเขาจะว่างได้อย่างไร

"เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วช่วยทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยแล้วกัน"สมิธเอ่ยชวนพร้อมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทานอาหารตัวประจำของเขา

โยฮันเนสเดินไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับสมิธ คนอายุน้อยเริ่มลงมือทานก่อนจากนั้นโยจึงได้เริ่มรับประทาน ทั้งคู่นั่งทานอาหารกันเงียบๆ เมื่อทานอาหารคาวเสร็จ เค้กสิบปอนด์ขนาดใหญ่ก็ถูกเข็นออกมาให้สมิธเป่า เด็กหนุ่มไม่อธิฐานแต่เขาก้มลงเป่าเทียนเลย

เขาเลิกอธิฐานไปนานแล้ว ปาฏิหารย์ไม่มีจริงหรอก

หลังจากตัดเค้กแจกจ่ายให้ทุกแล้ว สมิธก็นั่งทานเค้กชิ้นเล็กๆ โดยมีโยฮันเนสนั่งดื่มชาเป็นเพื่อนเงียบๆ สมิธกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีเมื่อรายการสารคดีที่เขาชอบจบ เด็กหนุ่มกดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ก็หยุดชะงักที่ช่องข่าวบันเทิงช่องหนึ่ง

เขาจำผู้หญิงที่อยู่ในจอคนนั้นได้ ช่วงนี้ไอ้คนนั้นกำลังเป็นข่าวกับเธออยู่

อยู่ๆ โยฮันเนสก็กระสับกระส่ายลุกลี้ลุกลนผิดนิสัย

"เปลี่ยนช่องเถอะครับ"โยเอ่ยบอกกับสมิธตรงๆ

"ทำไม? " ยังไม่ทันที่โยฮันเนสจะได้ตอบคำถามสมิธ เสียงนักข่าวในทีวีก็วิ่งเข้าหูมาได้ยิน

'ข่าววงในบอกว่าคุณคาร่ากำลังจะหมั้นจริงหรือเปล่าคะ? '

'แหม ไปสืบกันมาจากไหนคะเนี่ย' คาร่าหัวเราะอย่างมีจริต

'แล้วสรุปจริงหรือเปล่าคะ? '

'ก็มีคุยๆ กันไว้แล้วค่ะ'คาร่าตอบยิ้มๆ

'จริงเหรอคะเนี่ย จะจัดงานเมื่อไหร่คะ? '

'ไปถามลูคัสเองเถอะนะคะ คาร่าไม่พูดแล้ว'

'โถ่! ถ้าคุณฮาล์นยอมให้สัมภาษณ์กับนักข่าวง่ายๆ ฉันก็ไปถามแล้วล่ะค่ะ'

ลูคัส? ฮาล์น?

ชื่อมันไม่เหรอ?

หลังจากได้ยินชื่อว่าที่คู่หมั้นคาร่าแล้ว สมองสมิธก็แทบไม่รับรู้อะไรอีก รสหวานของเค้กในปากพลันขมฝาดขึ้นมาเดี๋ยวนั้น

สมิธไม่ได้พูดอะไร เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบจากโยหรอก

แค่นี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ

นี่ไงคือสิ่งที่เขารอคอยมาหลายปี เขากำลังจะโดนเขี่ยทิ้งแล้ว

มันน่าดีใจไม่ใช่เหรอสมิธ

++++++++++

ทำไมมันยาวนักก็ไม่รู้ เฮ้ออ ช่วงนี้ชีวิตเปรมก็มีปัญหานิดหน่อยเนื้อเรื่องอาจจะฝืดๆ บ้างนะคะ เอาเป็นว่าจบภาคตอนที่16นะคะ เดี๋ยวตอนเย็นตื่นขึ้นมาแต่งต่อคงลงในวันนี้ ไม่รอนานหรอก อีกนิดเดียวแล้ว☺
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 01-06-2018 08:41:33
สมิธพูดไม่เพราะเลย
ตาลูคก็ใจร้าย
ติดตามค้าบบ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 09:55:25
สงสารหนูมิทตี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 01-06-2018 11:13:01
อิพี่..........แกไม่ควรได้หัวใจน้องอีกต่อไป
เกลียดอิลุค ว้อยยยยยย!!!!
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-06-2018 13:13:38
ยักษ์ทศอยู่ไหน  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 01-06-2018 13:46:31
สมิธอิสระใกล้ได้มาแล้ว นี่ถ้าสมิธได้ยินข่าวแล้วยกมือไชโยคงฮาน่าดู
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 01-06-2018 18:26:28
สงสารมิทตี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 01-06-2018 18:29:44
ค้างงงง
มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: SuwaNNa ที่ 01-06-2018 22:25:42
 :ling1:รอคอยเสมอ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:15.2[01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 01-06-2018 22:54:53
เอาแล้วๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-06-2018 00:59:00


คนโปรด 16

LUCAS's part

ผมชื่อ ลูคัส ฮาล์น เกิดที่อังกฤษแต่โตที่รัสเซีย แม่ผมเสียตั้งผมอายุ4ขวบด้วยอุบัติเหตุและพ่อมีเมียใหม่ตอนผมอายุ7ขวบ

ตอน8ขวบผมมีน้องชายต่างแม่ชื่อ อาร์มันโด้ ฮาล์น แต่เขามีชื่อเล่นว่าทศกัณฐ์

ผมไม่เคยแอนตี้น้าบุหงา(เมียใหม่พ่อ)หรืออาร์น(ทศกัณฐ์) กลับกันผมมีความรู้สึกว่าผมรักพวกเขาในระดับหนึ่ง

น้าบุหงาใจดี เธอคอยดูแลห่วงใยผมตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้เธอต้องจากไป

คนที่ทำให้เป็นแบบนั้นคือปู่ของผมเอง

เขาเป็นทหารยศใหญ่ของรัสเซีย มีอำนาจอยู่ในมือในระดับต้นๆของประเทศ ทำงานรับใช้ชาติไม่ว่าในทางสว่างหรือทางมืดเขาก็ทำได้

เป็นพวกที่รักอุดมการณ์ยิ่งชีพ

ปู่มีลูก2คน คือพ่อผมและก็ลุง ลุงผมเดินตามรอยปู่ แต่ตายในหน้าที่ตั้งแต่ยังหนุ่ม ส่วนพ่อก็ไปคนละทางกับปู่เลย

ความซวยจึงตกมาอยู่ที่รุ่นหลาน ผมไม่ได้เป็นตัวเลือกของปู่หรอกนะ เขาบอกว่าผมอ่อนแอเหมือนพ่อ ไม่ได้เชื้อทางแม่มาเลยสักนิด

อ้อ ลืมบอกไป แม่ผมเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้มีอิทธิพลใต้ดินของรัสเซีย

พ่อกับแม่ถูกคลุมถุงชน เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองของปู่กับตา

ก็นั่นแหละ ในเมื่อผมไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ทศกัณฐ์ที่เพิ่งเกิดมาคือความหวังของปู่

ผมปกป้องน้องไม่ได้เพราะในตอนนั้นผมไม่มีกำลังมากพอ

แต่ถึงกระนั้นปู่ก็พยายามจะปั้นผมเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานของเขา

ผมถูกส่งไปอยู่ที่บ่อนการพนันผิดกฎหมายแถบชายแดนของประเทศ มันค่อนข้างเลวร้ายสำหรับเด็กอายุ11ที่สบายมาทั้งชีวิต แต่อยู่ๆชีวิตก็เหมือนตกจากเหวสู่นรก

ช่วงปีแรกผมถูกกดขี่และใช้แรงงานในบ่อนอย่างหนัก หลายครั้งผมเกือบจะตายเพราะหิวและอากาศที่หนาวจนติดลบ

ตกเย็นในทุกวันผมถูกส่งขึ้นไปสู้บนสังเวียนเถื่อน ที่นั่นไม่มีกติกาเพียงแค่ทำยังไงก็ได้ให้คู่ต่อสู้ล้มลง

คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมว่าสภาพผมในวันแรกเป็นอย่างไร

ผมถูกซ้อมจนสลบทุกวัน ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด ที่นั่นเป็นโลกที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ มันโหดร้ายต่อเด็กอายุ11ปีอย่างแสนสาหัส ที่ผมยังไม่ตายในวันแรกๆก็อาจเพราะเบื้องบนสั่งไว้ก็ได้ แต่ถ้าวันไหนผมไม่สู้และคิดยอมแพ้ วันนั้นคงเป็นวันตายของผมจริงๆ

ทุกครั้งที่ผมหลับและลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันหัวใจผมกลับไร้ความรู้สึกลงไปทุกที

ผมจึงเรียนรู้ที่จะยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่อยู่ภายในใจของผม ซึ่งศัตรูส่วนมากก็มักจะตายใจและคิดว่าผมอ่อนแอ

กว่าพวกมันจะรู้ตัว ตอนนั้นมันก็คงไปอยู่ในนรกแล้ว

ผมใช้ชีวิตในสถานที่นรกนั่น6ปีเต็ม กลายเป็นคนคุมบ่อน บนศึกวังเวียนผมขึ้นแท่นเป็นที่หนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นผมตอนอายุ17 ปี ผมก็ถูกคนของตามารับตัวกลับไปที่บ้านของตา

ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาเพิ่งจะมารับผมเอาป่านนี้

คงพิสูจน์ผมจนพอใจแล้ว

ถามว่าผมไม่ผิดหวังเหรอ?ที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นหัวผม

ไม่เลย...เพราะผมไม่เคยหวังอะไรจากพวกเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ตาให้ผมเลือกว่าจะอยู่ที่เดิม...หรือเลือกเส้นทางเดียวกับเขา

แม้ไม่อยากเลือกแต่ผมก็หันหลังให้กับสถานที่ที่สร้างปีศาจในตัวผม

ถ้าผมไม่เดินออกมาจากที่นั่น ชีวิตผมคงไม่มีอะไรดีขึ้น

ที่เลือกจะไปกับตาเพราะผมอยากจะทำในสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้ทำ

อย่างน้อยก็เรื่องของน้องผม

ในตอนนั้นผมเข้าไปช่วยพ่อบริหารธุรกิจโรงแรมในรัสเซียที่กำลังจะล้ม ผมไม่ได้เรียนบริหารอะไรเทือกนั้นหรอก แต่คนรอบข้างบอกว่าผมเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ผมเรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์และนำมาคิดกลั่นกรองเอาไปต่อยอดได้ หนึ่งปีต่อมาโรงแรมพ่อฟื้นตัวขึ้น

ผมคิดจะทำอะไรที่มากกว่านี้ และสิ่งที่ผมถนัดที่สุดคือสิ่งที่ผมเห็นมันมาตลอดเวลา6ปี การพนันคือสิ่งที่ล่อลวงจิตใจคนได้ง่ายและได้กำไรมหาศาล

ถ้าผมบอกว่าผมไม่เชื่อเรื่องดวงคุณจะเชื่อไหม?

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำมันออกมาได้ดี เรื่องพวกนี้ใช้สมองเยอะๆหน่อยก็เอาชนะดวงได้

ผมสร้างคาสิโนในนามของพ่อด้วยทุนจากตา เพราะผมยังอายุน้อยเกินไปที่จะกิจการในนามของตัวเอง

คาสิโนที่ผมสร้างมีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย มันเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นจึงทำให้ผมเริ่มขยายกิจการไปหลายประเทศในแถบยุโรป

โดยเฉพาะอังกฤษที่ผมจะเดินทางมาบ่อยๆเพราะเป็นบ้านเกิดย่าและสถานที่ๆผมเกิด

ย่าผมเสียชีวิตตอนผมอายุได้19ปี ผมกับทศกัณฐ์เป็นคนที่ย่ายกมรดกทั้งหมดให้

มันเยอะกว่าที่ผมมีในตอนนี้มาก แต่มรดกส่วนนี้ผมไม่คิดจะแตะต้องเพราะผมอยากให้น้องรับไปคนเดียว

ทศกัณฐ์ไม่เหมือนผม เขาไม่ใช่คนทะเยอทะยาน อยู่แบบไหนก็ได้ซึ่งนั่นทำให้ผมเป็นห่วงเขา

อย่างน้อยมรดกพวกนี้ก็พอจะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายหลังจากที่เขาหลุดพ้นจากปู่แล้ว

วันหนึ่งตอนผมอายุ20ปี ผมก็เดินทางไปดูคาสิโนที่อังกฤษตามปกติ เสร็จจากนั้นก็ไปนั่งดื่มในคลับที่หนึ่งในลอนดอน

ผมเจอกับมิเชล สาวนักเต้นของคลับ ผมถูกใจเธอตามประสาผู้ชายทั่วไป มิเชลก็ดูสนใจผมหลังจากนั้นเราก็จบกันบนเตียง

ผมชอบเซ็กส์มิเชลและชอบที่เธอเป็นคนพูดรู้เรื่อง มีสมองและไม่ทำตัวน่ารำคาญ

ผมติดพันธุ์มิเชลได้เกือบสัปดาห์ วันนั้นที่ผมคิดว่าเราจะไปกันต่อหลังเลิกงานของเธอ เราจูบกันสักพักที่หลังร้าน อยู่ๆก็มีเด็กผู้ชายเอ่ยเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น

นั่นทำให้ผมได้รู้จักกับ 'สมิธ'

ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเขาไม่ชอบหน้าผมตั้งแต่แรกเห็น ก็แน่ล่ะเขาเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นเข้านี่นา

แต่ผมก็เฉยๆไม่คิดจะถือสาเด็กหรอก

แต่เมื่อได้พบกับสมิธอีกครั้ง ผมกลับมีความรู้สึกสนใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

มันมากขึ้นจนผมอยากจะครอบครองเขา

ผมไม่เคยมีรสนิยมชอบกินเด็ก คนที่มีเซ็กส์ด้วยต้องอายุไม่ต่ำกว่า18ปี แม้ผมจะมีเซ็กส์ครั้งแรกตอนอายุ14ปีก็ตาม

สมิธเป็นเด็กคนแรกที่ผมอยากลอง แต่เมื่อได้ลิ้มลองผมกลับติดใจ

จากติดใจเป็นเสพติดและลุ่มหลง

ผมพยายามเก็บอาการ แต่กระนั้นลูกน้องที่ทำงานกับผมมาหลายปีอย่างโยก็จับสังเกตุได้

ตอนนั้นผมยังรู้สึกตัวและควบคุมได้ ผมพยายามหลอกตัวเองว่าผมแค่ถูกใจสมิธในระดับที่มากเกินปกติ

แต่ผมจะไม่ยอมให้มันกลายเป็นความรักเด็ดขาด

ผมเห็นมานักต่อนักไอ้ความรักที่ว่า หากเมื่อใดที่ความรู้สึกรักมันไม่เท่ากัน คนที่รักมากก็ยิ่งเสียใจมาก

หลายคนจะเป็นจะตายก็เพราะความรัก

ผมไม่อยากให้ใครมามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกและความคิดผม มันยากต่อการควบคุมมากเกินไป ผมจึงไม่เคยคิดที่จะมีความรักเชิงชู้สาวกับใครเลย

ผมสามารถเอ่ยคำว่ารักกับใครก็ได้ง่ายๆเพราะผมไม่ได้มีความศรัทธาต่อคำๆนั้น

มันไม่มีค่ากับผมเลยสักนิด

แต่ยิ่งนานวันเข้าสมิธคือคนที่ทำให้ผมโกหกคำว่ารักไม่ออก

ผมกลัวว่าถ้าผมพูดออกมันจะกลายเป็นความรู้สึกจริงๆของผม

ความสัมพันธ์ของเราเริ่มระหองระแหงเพราะความเจ้าชู้ของผมเอง(รู้ตัวดี)

ผมยังไม่อยากหยุดและดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในขณะเดียวกันผมก็ไม่สามารถปล่อยมือจากสมิธได้

ทุกครั้งที่เขาหายไปจากการควบคุม ในอกผมเหมือนมีรูโหว่ขนาดใหญ่ มันวูบโหวงและทรมานแปลกๆ พอเขากลับมาความรู้สึกนั้นมันก็จะหายไป

ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะฉุดรั้งเด็กคนนั้นไว้กับผมไม่ว่าจะด้วยวิธีการเลวทรามแค่ไหนก็ตาม

แม้ผมจะไม่ได้ให้เขามายืนเคียงข้างแต่ทุกครั้งที่ผมมองกลับไป พอมีเขาอยู่ผมก็รู้สึกสบายใจ

ผมรู้ว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัวและเลวมาก

แต่แล้วไงล่ะ?

ผมสนใจซะเมื่อไหร่

ผมกักขังสมิธไว้ให้อยู่ในกรงที่ผมสร้างขึ้น รวมระยะเวลาที่รู้จักกันมาก็เลยสี่ปีเข้าไปแล้ว

สำหรับผมเวลาเท่านี้มันนานนะที่สมิธยังอยู่ในสายตาผมอยู่

ผมคิดว่าสักวันหนึ่งที่ผมเบื่อเขาแล้ว ผมคงให้เงินเขาสักก้อนแล้วปล่ยเขาไป

แต่ตอนนี้สมิธยังเป็นคนที่ผมโปรดปรานที่สุดอยู่ดี

สัปดาห์ที่แล้วโยโทรมาหาผมว่าสมิธรู้เรื่องผมกับคาร่าแล้ว

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะไม่คิดว่าสมิธจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้

ความสัมพันธ์ของผมและคาร่ามันมีเรื่องของธุรกิจที่มาเอี่ยวด้วย ผมก็แค่หมั้นไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธอสักหน่อย

อาจจะได้ของแถมเป็นตัวเธอมาให้ชิมเล่น ซึ่งผมก็คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว

ผมกำลังเดินทางไปคฤหาสน์ที่ซื้อไว้ให้สมิธอยู่ พอถึงบ้านลูกน้องก็บอกว่าสมิธออกไปขี่ม้าเล่นที่ป่าหลังบ้าน

ผมไม่กลัวเขาหายหรอกเพราะมันอยู่ในเขตรั้วบ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่

ผมขึ้นไปอาบน้ำในห้องของตัวเอง เมื่ออาบเสร็จก็ลงมาชั้นล่างปรากฏว่าสมิธกำลังเดินเข้าบ้านมาพอดี

ผมฉีกยิ้มนิดๆและกำลังจะเอ่ยทักทายเขาก่อนแต่สมิธกลับทำหน้าเฉยแล้วเดินผ่านหน้าผมไป ผมขมวดคิ้วแล้วจับแขนเขาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะเดินพ้นตัว

สมิธเซถลาปะทะอกผมเพราะไม่ทันตั้งตัว เขาไม่ได้ตัวเล็กบอบบางเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน แต่ตัวสูงโปร่งหุ่นน่าฟัดน่าขย้ำกว่าเมื่อก่อนซะอีก(บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ชอบกินเด็ก)

สมิธตวัดสายตาขุ่มมัวใส่และพยายามบิดแขนออกจากมือผม

"ผัวมาไม่รู้จักทักทาย?"ผมเลิกคิ้วแกล้งพูดยั่วโมโหเขา และก็ได้ผลเมื่อสมิธถลึงตาใส่ดุๆ

"ใครเมียมึง!"

"อยากให้เป็นใครล่ะ?"ผมยิ้มบางๆ

"เมียดาราคนนั้นของมึงมั้ง"เขาตอบเสียงแข็ง ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะก้มโฉบริมฝีปากจูบสมิธเร็วๆ

"เวลาหึงก็น่ารักดี" สมิธหน้าบึ้ง ขมวดคิ้วจนแทบผูกกันได้

"กูไม่ได้หึง แต่กูไม่พอใจ"ผมขมวดคิ้วบ้าง

"ไม่พอใจเรื่องอะไร?"

"มึงจะแต่งงานทั้งๆที่มีกูอยู่แบบนี้น่ะเหรอ"เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ผมกลับยักไหล่แล้วตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

"แล้วไม่ได้เหรอ?"

ผลั๊วะ! มืออีกข้างที่ว่างของสมิธต่อยผมเต็มแรง แก้มและมุมปากซ้ายผมชาเลยล่ะ

"ไอ้ชั่ว!มึงแม่งโคตรเห็นแก่ตัว...ปล่อยกูไปสักที!แล้วมึงจะไปทำอะไรกับใครก็เชิญ!"สมิธตะคอกเสียงดังลั่น ผมตวัดสายตามองเขาดุดัน มือกำเข้าที่ลำคอเล็กแล้วบีบไม่เบานัก

"หุบปาก!พี่จะปล่อยนายไปตอนไหนก็เรื่องของพี่ จัไม่ปล่อยนายไปชั่วชีวิตเลยก็ยังได้!"ผมตะคอกคืนเสียงดัง

"อึก!ถ้ากูไม่มาเจอมึง!ชีวิตกูคงมีความสุขมากกว่านี้ คงได้เจอได้เจอคนอื่นที่ทำให้กูมีความสุขได้ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะไม่มีใครจะเลวร้ายได้เท่ามึงอีกแล้วไง!!!"สมิธโต้ตอบกับมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้สติผมขาดผึง

คนอื่นที่ทำให้มีความสุขได้?

อย่าฝันว่าผมจะยอม

ผมลากสมิธไปที่ห้องเขา ผลักเขาลงบนเตียงแล้วบังคับเขาจูบอย่างรุนแรง ผมได้กลิ่นเลือดในโพรงปากที่ไม่รู้ว่ามากผมหรือสมิธ

ผมกระชากเสื้อผ้าเสื้อสมิธจนขาดวิ่น ขบกัดแรงๆไปทั่วทั้งตัวขาวๆ

ร่างโปร่งบางทั้งร้องด่าและดิ้นรนขัดขืน ผมใช้เข็มขัดมัดมือเขาเข้าด้วยกัน ผลิกร่างบางให้คว่ำหน้า ยกสะโพกขาวขึ้น ผมถ่างขาเขาออกจากกันก่อนจะปลดกางเกงของตัวเองลงและยัดตัวตนของผมใส่ช่องทางสมิธพรวดเดียวสุดทาง

สมิธร้องลั่น ขาสั่นระริกจนแทบค้ำร่างไว้ไม่อยู่ ข้างในของสมิธทั้งร้อนและรัดแน่นจนผมแทบเสร็จ

ผมฝืนขยับสะโพก สมิธครางด้วยความเจ็บแสบ ผมขยับสะโพกด้วยจังหวะดุดันป่าเถื่อน มือบีบขยำไปตามร่างกายขาวๆอย่างเมามัน ริมฝีปากผมพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังเนียน แก่นกายขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วงแม้จะฝืดฝืนเท่าไรก็ตาม

ราวๆครึ่งชั่วโมงที่ผมเสร็จน้ำแรก ผมถอนกายออกมีเลือดเคลือบติดแก่นกายผมออกมาด้วย ผมไม่ได้สนใจ พักได้ไม่กี่นาทีผมก็จับเขาพลิกท่ายัดแก่นกายใส่ช่องทางที่เริ่มช้ำอีกครั้ง

ผมย่ำยีสมิธซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนับจำนวนน้ำที่เสร็จไม่ถูก

ผมข่มขืนเขาแบบนี้ติดกันทุกวันเป็นสัปดาห์ก็ไม่สามารถระบายความโกรธที่อัดอยู่ในอกนี้ได้

เขาคิดที่จะมีคนอื่นนอกจากผม

ถ้าอย่างน้ำผมก็จะย่ำยีบดขยี้เขาไม่ให้ใครกล้าเอาเขาไปจากผม ผมจะทำให้เขารู้สึกไม่กล้าไปกับใคร

แม้ใจผมจะเจ็บแค่ไหนผมก็จะยังทำอยู่ดี

สมิธร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดนิดเขามองผมด้วยสายตาหวาดกลัวและทุกข์ทรมาน

วันที่เจ็ดที่ผมข่มขืนเขาเสร็จ สมิธก็ไข้ขึ้นอย่างหนัก ผมตามหมอมาดูอาการเขาเช่นเคย เขาเพ้อและร่องไห้ออกมา

ผมคิดว่าคราวนี้เขาน่าจะหลาบจำและไม่คิดเรื่องที่จะไปจากผมอีก

ปมปล่อยให้สมิธพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ส่วนผมก็ไปเคลียร์งานที่ห้องทำงาน พรุ่งนี้ทศกัณฐ์จะเอาของสำคัญมาให้ผม

แต่ใครจะรู้ว่าเขากำลังจะพรากสิ่งสำคัญอีกอย่างของผมไป

++++++++++++

ผมเผลอหลับบนโต๊ะทำงานจนเช้า ก่อนจะสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งร้อนของโย

"มีอะไรโย?"ผมเปิดประตูออกไปถามมือขวาคนสนิท หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว

"คุณทศกัณฐ์มาแล้วครับ"

"แล้ว?"

"คุณสมิธเธอก็อยู่กับคุณทศกัณฐ์ด้วย แถมยังร้องไห้ขอให้คุณทศกัณฐ์ฆ่าตัวเอง"

"ว่าไง!พวกเขาอยู่ที่ไหน!"

"ห้องโถงด้านล่างครับ"

ผมรีบร้อนลงไปด้านล่าง ไม่คิดว่าสมิธจะลุกเดินไหวด้วยซ้ำ แล้วยังบังเอิญไปเจอกับทศกัณฐ์อีก

"ทำอะไรกัน!!!"ผมตะคอกเสียงดังเมื่อเห็นภาพที่สมิธใส่เชิ๊ตตัวเดียวยืนจับชายเสื้อน้องผมไว้แน่น สมิธสะดุ้งสุดตัวผวาขยับเข้าไปใกล้ทศกัณฐ์อีก

นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก

"ใจเย็นลุค"ทศกัณฐ์เอ่ยนิ่งๆตามนิสัยเขา มือเรียวจับมือสมิธออกจากชายเสื้อตัวเองก่อนที่เขาจะก้าวมายืนบังสมิธไว้

"เด็กคนนี้เป็นใครเหรอ?"

"คนของพี่"

"พี่บังคับเขาเหรอลุค?"ทศกัณฐ์มองผมนิ่งๆแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ส่งเขามาให้พี่"ผมเอ่ยเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง

"เขาเป็นอะไรกับพี่"นอกจากทศกัณฐ์จะไม่ยอมทำตามที่ผมบอกแล้วเขายังถามผมต่ออีก

"เด็ก-พี่"ผมย้ำด้วยใบหน้าเครียดขมึง

"พี่กำลังจะหมั้นนี่ ปล่อยเด็กคนนี้ไปได้ไหม?"เขายังรักษาระดับน้ำเสียงได้ราบเรียบดังเดิม ในขณะที่ผมใกล้จะระเบิดไปทุกที

"ไม่!"ผมเอ่ยปฏิเสธแทบทันที

"ถ้าอย่างนั้นผม 'ขอ' " เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะเมื่อได้ยินคำขอของน้อง

"ไม่ใช่คนนี้อาร์น"

"แค่เด็กคนเดียวพี่ให้ผมไม่ได้เหรอ ไหนบอกว่าผมขออะไรก็จะให้ไงล่ะลุค"ทศกัณฐ์ในวัย15ย่าง16 เอ่ยกดดันผมเป็นครั้งแรก ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกเหมือนคนหายใจไม่ออก

ผมเคยสัญญากับทศกัณฐ์ไว้ ในฐานะพี่ชายผมคิดว่าผมให้เขาได้ทุกอย่าง

แต่มาวันนี้ผมอยากกลับคำชะมัด

"พี่เคยสัญญากับผม ถ้าอย่างนั้นผมขอใช้มันตอนนี้เลยแล้วกัน"

"คนนี้พี่ขอ"ผมเอ่ยขอเขาบ้าง

"ผมขอก่อน"ทศกัณฐ์ไม่มีท่าทีว่าจะยอมเลยสักนิด

"ทำไมอาร์น ทำไมต้องเป็นคนนี้!"

"...ไม่มีเหตุผล"

"อาร์น!"

"พี่คงไม่อยากเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาหรอกใช่ไหม"ทศกัณฐ์ยกปืนชี้ไปทางสมิธ ลมหายใจผมสะดุดขาดห้วงทันที

"นานแค่ไหน"ผมฝืนเอ่ยถามน้อง อย่างน้อยผมก็ปล่อยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทศกัณฐ์นิ่งไปเหมือนใช้ความคิด

"จนกว่าเขาจะเรียนจบมหาลัยห้ามต่อรอง และผมจะไม่แตะต้องเขาเด็ดขาด"ทศกัณฐ์พูดเสียงหนักแน่น ถ้าผมไม่ยอมปล่อยสมิธตอนนี้ เขาจะต้องทำตามที่สมิธเอ่ยขอแน่ๆ

"ก็ได้...พี่จะยอมปล่อยเขาตามที่นายต้องการ ครบสัญญาเมื่อไหร่พี่ต้องได้เขาคืน"ผมยอมจำนนในที่สุด ทศกัณฐ์พยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยต่อ

"นับจากนี้พี่ต้องไม่โผล่หน้าหรือแม้แต่ปลายเส้นผมไปให้สมิธเห็นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมจะพาเขาไปจากพี่ตลอดชีวิต"

"ฮ่ะๆมันจะไม่มากไปหน่อยเหรอไง?"เป็นครั้งแรกที่ผมหัวเราะแห้งๆเหมือนจะพูดไม่ออก

"ผมทำจริง"ทศกัณฐ์พูดสั้นๆแต่เหมือนมีดที่กรีดลงกลางอกผม

"ดี!ถ้าอย่างนั้นก็สัญญามา ถ้าสมิธได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกเมื่อไหร่ สัญญาที่เราตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะ พี่จะไปรับเขาคืนเพราะนี่ถือว่าเป็นการที่นายดูแลเขาได้ไม่ดีพอ"

"คงไม่มีใครทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่าพี่"ผมแสยะยิ้มกับถ้อยคำยอกย้อนที่เจ็บแสบของน้อง

"พี่ทำได้คนเดียว...น้องชาย"ผมย้ำคำว่าน้องชายกับทศกัณฐ์ให้เขารู้ว่าเขาอยู่ในฐานะไหน

ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่น้อง

มันตายนานแล้ว

"ตกลง"

"ขอพี่คุยกับเขาหน่อย"ผมเอ่ย ทศกัณฐ์ก็เบี่ยงกายที่บังสมิธอยู่ไปยืนด้านข้าง

ผมก้าวตรงเข้าไปหาสมิธ เว้นระยะไว้หนึ่งช่วงตัว เขาตัวสั่นและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองผม

"วันนี้นายอาจหลุดมือพี่ไป แต่จำไว้ว่าสักวันนายก็ต้องกลับมาอยู่ในมือพี่อยู่ดี"

"..."

"ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน"พูดจบผมก็หันหลังให้เขาเพราะไม่แน่ใจว่าถ้ายืนนานกว่านี้ผมจะตัดใจปล่อยเขาไปได้ไหม

ผมเดินขึ้นห้องทั้งๆที่หัวมึนๆหนักๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หัวใจผมเหมือนมีมือมาบีบแรงๆแล้วคลายออกก่อนจะบีบแรงๆอีกครั้งให้ทรมานเล่น

สิ่งที่สมองผมรับรู้อย่างเดียวคือ...

ผมสูญเสียสมิธไปแล้ว

ผมบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ถูก

แต่ที่ผมรู้คือผมโคตรทรมานเลยว่ะ

เพราะแบบนั้นผมถึงเฝ้ารอวันที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง...

ความทรมานนี้มันจะหายไปรึเปล่านะ

ที่ผมเจ็บขนาดนี้...บางทีผมอาจจะรักสมิธไปแล้วก็ได้

+++++++++++++

จบ(ภาค)...จ้า นี่เป็นแค่ความรู้สึกเล็กๆน้อยๆที่เฮียเพิ่งจะได้รับเท่านั้น จากนี้จะไปไทม์ไลน์สมัยที่มิทตี้อยู่มหาลัยแล้วนะคะ บอกไว้ก่อนว่าต่อให้อิพี่มันรักยังไงมันก็เหี้_อยู่ดีจ้ะ อิอิ เนื้อเรื่องถัดจากนี้ก็จะไม่หน่วงแล้วล่ะค่ะ ออกแนวสดใสๆตามสไตล์มิทตี้คนใหม่ เดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดและตอบคำถามคาใจหลายคนก่อนขึ้นภาคใหม่ด้วย ติดตามด้วยนะ❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Super Mario ที่ 02-06-2018 01:18:08
ติดตามอย่างต่อเนื่องค่ะ :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-06-2018 01:22:34
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-06-2018 02:02:53
รอเจอสมิธที่มหาลัย  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 02-06-2018 03:06:28
สนุกครับ
รออ่านตอนต่อไป

            :really2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 02-06-2018 11:23:35
  :pig4:
 OMG ในที่สุดโลกก็ไม่ได้หมุนไปตามนายลูคัสคนเดียวอีกแล้ว
  ก็ไม่เชิงว่าเกลียดอะไรนะ แต่ขัดใจกับการกระทำของลูคัส บ่อยครั้งทำความเ หี้ ยแล้วดันมีเหตุผลเข้าข้างตัวเองตลอด ..นี่ก็อดชังน้ำหน้าไม่ได้
 จากนี้ก็จะรอดูการใช้ชีวิตแบบสมิธจริงๆสักที 

ส่วนทศกัณฐ์นี่พ่อพระมาโปรดใช่ไหม ยังไง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 02-06-2018 14:10:40
โอ้ยยยติดตามค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 02-06-2018 15:33:43
ตายเสียเถอะนุงลุค!! วะฮ่าๆๆๆ กลับมาครั้งหน้าลูกฉันจะแข็งแกร่งขึ้น!(เราเชื่องั้นนะ)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 02-06-2018 16:59:57
 o13 o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 03-06-2018 00:30:35
เย๊...!!!! ในที่สุดก็ได้เวลาของน้อง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 03-06-2018 02:36:13
รอจร้าาาาา ลุ้นๆๆๆๆๆ :z2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 03-06-2018 04:40:32
พี่รู้ไหมคะว่าพี่แต่งดีมาก ดีโคตรๆเลยพี่ คือร้องไห้ทุกตอนจริงๆ อยากจะนัดพี่มานั่งคุยเลยอ่ะ ว่าพี่ทำไงให้แต่งดีขนาดนี้ น้องรักพี่นะคะ รักนิยายเรื่องนี้ด้วย มาต่อไวๆนะคะ น้องรอเสมอ รักส์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปร:16(จบภาคเด็ก)[02/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 04-06-2018 15:52:53
รออ่านค่ะ  สู้ๆค่ะ  มิทตี้มีอิสระแล้ว (ชั่วคราว)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-06-2018 04:50:05
คนโปรด 17.1

"วันนี้แดกอะไรดี? "ผมถามเอ่ยขึ้นขณะที่เรากำลังเดินออกจากห้องเรียน

"อะไรก็ได้"นั่นไง คำตอบกวนส้นตีนที่กูไม่อยากได้ยิน เดี๋ยวมึงๆ

"ขรี้ไหมงั้น"ผมหันไปเลิกคิ้วถามมันกวนๆ

"ขรี้พ่อมึงสิ! "ไอ้ตี๋เถียง (ด่า) ทันที

"เอ้า! อยากแดกของพ่อกูก็ไม่บอก"ผมก็ยังกวนมันไม่เลิก

"ไอ้สมิธ! ดี! ช่วยกูด้วย! "มันสะบัดหน้าใส่ผมแล้วหันไปฟ้องคนข้างๆ อีกคนแทน

"โห่ เถียงไม่สู้ก็ฟ้องผัว"ผมล็อคคอไอ้ตี๋เตี้ยแน่นแล้วยีหัวมันแรงๆ เพื่อแกล้ง มันก็โวยวายใหญ่เลยทีนี้

"ไอ้เหี้ยสมิธ! ไอ้คนนิสัยไม่ดี! ปล่อยกูเลยนะ...ดี๊! "

"พอๆ แดกก๋วยเตี๋ยวเรือหน้ามอละกัน"ไอ้ดี หรือ 'ใจดี' ห้ามทัพในที่สุดและด้วยสายตาดุๆ ที่มันตวัดมองรอบคอไอ้ตี๋ทำให้ผมเสียวสันหลังวูบ ผมเลยยอมปล่อยแขนออกจากคอไอ้ตี๋ หรือ 'เซนท์'

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ผมคบด้วย และยังมีอีกคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังหายหัว ชื่อ 'ทศกัณฐ์' เราเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ภาคอินเตอร์สาขาเดียวกัน เลยได้มาเป็นเพื่อนกันนี่แหละครับ ยกเว้นทศกัณฐ์ที่ผมรู้จักก่อนจะมาเจอเซนท์และใจดี

"ก็แค่เนี้ย! "ผมยักไหล่ทั้งสองข้าง ไอ้เซนท์เห็นท่าทางแบบนั้นของผมก็แยกเขี้ยวใส่

"มึงแม่งทำไมไม่คิดเองวะ เป็นคนชวนแดกแท้ๆ "ไอ้ตี๋เตี้ยยังโวยวายไม่เลิก

"ถ้ากูคิดออกกูจะถามพวกมึงเหรอ? "ผมกอดอกเหลือบสายตามองมันแล้วส่ายหัวเหมือนอ่อนใจซะเต็มประดา

"ฟายเอ้ย เดี๋ยวกูไม่ไปแดกด้วยละมึงจะหนาว"

"กรุงเทพฯ สามสิบหกองศาเซลเซียส บ้านมึงเรียกหนาวเหรอ? "

"ไอ้บ้า กูขู่หรอกเว้ย"

"อ๋อเหรอออ กลัวจังเลยครับน้องเซนท์"ผมทำหน้าทำตาใส่มัน

"จิ๊! ไม่อยากคุยกับมึงแล้ว"งอนไปแล้วครับ แต่ผมไม่ง้อหรอก เดี๋ยวมันก็ลืม...

"หึๆ "เสียงหัวเราะไอ้ดีดังขึ้นเบาๆ ทำให้ไอ้เซนท์หน้างอกว่าเดิม ไม่ต้องแปลกใจที่มันไม่ค่อยมีบทนะครับ เพราะมันไม่มีสคริปต์ไงล่ะ แฮร่! ขำอ่ะดิๆ (ขำมาก-_-)

อ้อ! ลืมบอกไป ผมชื่อสมิธครับ อายุ21ขวบ วัยกำลังน่าเคี้ยว (เอื้อง?) เป็นนิสิตคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยY ชั้นปีที่3 ครับ!!!

รายงานอย่างกับเป็นทหารเลยกู...ถ้าบอกรหัสนิสิตด้วยนี่ก็ครบองค์เข้าห้องเชียร์ได้เลยนะ

เอาล่ะ! หยุดเวิ่นเว้อก่อนนะสมิธ!

หลังจากที่ตกลงจะไปแดก เอ้ย! ทานข้าวเย็นที่ไหนแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปรถคนละคัน ไอ้เซนท์ไปรถไอ้ดี ส่วนผมก็เดินมาที่แลมโบกินี สีดำด้านของตัวเอง

ในทุกๆ วันเพื่อนในกลุ่มอย่างน้อยหนึ่งคนจะต้องไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนผม

แล้วพวกมันไปไหม? ...ก็ไปนะครับ

เพราะผมบังคับไง

ผมไม่มีเหตุผลจะอธิบายว่าทำไมถึงทำตัวเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ แต่ไอ้ทศมันก็ยอมไปนะไม่เคยขัดผมเลยสักครั้ง แรกไเซนท์กับไอ้ดีก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง เมื่อนานๆ ไปสนิทกันแล้วทั้งไอ้เซนท์และไอ้ดีก็จะไปกินข้าวเย็นกับผมตลอด ยกเว้นว่าวันไหนที่พวกมันไม่ว่างจริงๆ

อย่างช่วงนี้ที่ไอ้ทศไม่อยู่ ไม่ว่างไปด้วย หน้าที่หลักเลยตกอยู่ที่ไอ้เซนท์กับไอ้ดีนี่แหละ

ถ้าถามว่าทั้งไอ้ดีกับเซนท์เต็มใจไหม? ผมกล้าพูดได้ว่าพวกมันเต็มใจนะ

ไม่รู้สิ...ก็เป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา

ถ้าพวกมันไม่พอใจก็คงปฏิเสธตั้งแต่แรกหรือไม่ก็เลิกคบกับผมไปแล้วล่ะ คงไม่ทนคบกันมาตั้งสองสามปีหรอกมั้ง

หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวเรือจนอิ่มหนำเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็แวะคอนโดเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน จากนั้นจึงกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น40 ชั้นที่ไอ้ทศอยู่

กริ่งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ผมกดออดห้องมันซ้ำอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนมาเปิด แสดงว่ามันยังไม่กลับห้อง

โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดอีก เฮ้อออ

ผมถอนหายใจก่อนจะเดินลงบันไดกลับห้องเพื่อออกกำลังกาย

เป็นห่วงเพื่อนว่ะ รู้ว่ามันเอาตัวรอดเก่งแต่ก็อดจะห่วงมันไม่ได้

แหนะๆ อย่ามา...ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันก็แสนไกล ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิทยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป~ ของพี่ดานะครับ

กูนี่ขนลุกพรึ่บๆ ๆ เลย

ไอ้ทศมันเป็นเพื่อนสนิทผม และก็เป็นผู้มีพระคุณของผมด้วย

ถ้าผมไม่มีมันผมคงไม่มีโอกาสได้มาลั้ลลาแบบนี้หรอก ฮี่ๆ

ผมเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปเล่นฟิตเนส ช่วงนี้กำลังบ้ากล้าม

แต่ผมไม่ได้ได้อยากกล้ามใหญ่เบอเริ้มแต่หัวเล็กหรอกนะครับ

เอาแค่พอสูสีไอ้เชรี่ยทศ (หยาบเพราะอิจฉา) ก็พอ

สาวจะกรี๊ด ถึงผมจะหล่ออยู่แล้วก็เถอะ

หลังจากที่ผมกลับจากฟิตเนส ผมก็ตรงดิ่งกลับห้องเลย ไม่ได้ออกไปไหนต่อ

ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จิบไวน์ไปเกือบครึ่งขวด (นี่เรียกจิบ?) ก็พอ จะได้หลับสบายๆ

ผมล้มตัวลงนอน กอดก่ายหมอนข้างไว้แน่นแล้วหลับตาลง

พูดตามความจริงแบบไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป แทบทุกคืนผมไม่เคยขาดคนนอนด้วย จริงๆ นะครับไม่กับเพื่อนก็ผู้หญิงสักคน ผมรู้ว่าการทำตัวแบบนี้มันไม่ดี

แต่ผมไม่สามารถนอนหลับโดยไม่มีใครอยู่ข้างๆ ไม่ได้...ผมมักจะฝันร้ายบ่อยๆ

เพียงแต่วันนี้ผมเป็นห่วงไอ้ทศมากเลยไม่มีอารมณ์ไปนอนกับผู้หญิงคนไหน ไอ้เซนท์กับไอ้ดีก็ต้องกลับไปนอนบ้านใหญ่ ไอ้ทศก็เสือกไม่อยู่ห้องอีก

ผมเลยต้องมานอนกอดหมอนข้างเน่าๆ แบบนี้ไง

เฮ้อ หวังว่าจะมีใครสักคนช่วยพาไอ้ทศกลับมาได้นะ

ผมจะได้มีอารมณ์ไปปี้สาวสักที! (?)

+++++++++++++


เหี้ย!!! ...ขอโทษที่หยาบครับ

ก็คนมันตกใจนี่ ไอ้ทศถูกแทงแหละ กูว่าแล้วกูเป็นห่วงมันผิดปกติ

ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ (แต่ก็ไม่เคยซื้อ) ดีนะมันหนังเหนียวยิ่งกว่าหนังควายตากแห้งเลยรอดมาได้

เห็นเจฟ (ผู้ช่วยไอ้ทศ) เล่าว่าเป็นเด็กผู้ชายช่วยไอ้ทศเอาไว้

"มึงไม่ดูแลตัวเองวะไอ้สัส"ผมด่ามันทันทีที่เจอหน้า

แล้วคุณรู้ไหมว่าตอบกลับผมด้วยวิธไหน?

มองหน้าผมนิ่งๆ โดยไม่สำนึกผิดอะไร ก่อนจะโยนหมอนอัดใส่หน้าผมเต็มแรง จากนั้นมันก็หันหลังคลุมโปงให้

ไอ้สาสสสส ถ้าไม่เห็นว่ามึงเจ็บอยู่นะ กูกระโดดถีบไปแล้ว

" กูโกรธจริงๆ นะทศ" ผมพูดเสียงนิ่งออกไปทางจริงจัง ได้ยินเสียงมันถอนหายใจแล้วเปิดผ้าห่มออกมามองหน้าผมตรงๆ

" มึงหายไปโดยไม่บอกอะไรกับกูเลยแล้วกูยังเป็นเพื่อนกับมึงอยู่ไหมวะ"

" กูขอโทษ "

" เออ! ช่างมันเถอะ มึงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ถ้าหายแล้วก็ไปเรียนด้วยนะมึง ขาดเรียนไปไม่ใช่เป็นเดือนแล้วเรอะ"

"คิดดูก่อน"ดูมันตอบ

"ไอ้นี่ ถ้างั้นกูก็จะขาดเรียนไปช่วยมึงตามหาน้าบุหงาด้วย" ผมว่าอยากเอาแต่ใจ

" ไม่ต้องเสือกเลยมึง "มันว่าดุๆ เพราะไม่อยากให้ผมเสียการเรียนไง แต่ตัวเองเสือกไม่ไปเรียน (อย่าเอาแบบอน่างมันนะครับ)

" ทีมึงยังขาดได้" ผมเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

"เฮ้อ เออๆ "มันยอมรับปากในที่สุด

" เออเหี้ยอะไร? "

" ถามมากเดี๋ยวกูถีบ อยู่กับมึงแล้วเปลืองพลังงานชีวิตกูฉิบหาย"มันทำท่าจะยกเท้าถีบผมจริงๆ อ่าครับ

"โห่ ถ้าไม่มีกูแล้วมึงจะเหงา"

"ปล่อยให้กูเหงาสักทีเถอะ"คือต้องมองกูด้วยสายตาเหยียดหยามขนาดนี้เลย?

ในกลุ่ม ถ้าถามว่าไอ้ดีแพ้ทางใคร? =ไอ้เซนท์

ไอ้เซนท์แพ้ทางใคร? =ผม

ผมแพ้ทางใคร? =ไอ้เหี้ยทศกัณฐ์นี่ไง

"กูไม่คุยกับมึงละ ไปเรียนดีกว่า"ผมขี้เกียจเถียงกับมัน เลยตัดบทซะเลย

"กูรอคำนี้มานานแล้ว รีบๆ ไปสักที"มีปัดมือไล่กูอย่างกับแบคทีเรีย

"ไอ้สัสสสส"อดจะด่าไม่ไหวจริงๆ ครับ

"ขอเป็นเสือชีต้าร์"มึงยังมาตบมุกอีก

ใครว่ามันนิ่งผมขอเถียง มันไม่ได้นิ่ง! แต่มันโคตรกวนตีนหน้าตายเลยโว้ย!!!

ผมเดินออกจากห้องนอนไอ้เหี้ยทศ (เพิ่มยศให้) ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยที่เถียงสู้มันไม่ชนะ

ไปถึงมหาวิทยาลัยเลยได้กวนตีนไอ้เซนท์แกล้งมันได้นิดหน่อยเพราะไอ้ดีคุมไว้อยู่ ผมเลยพอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง หึๆ

เอ้อ! อย่าว่าผมนิสัยเสียอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ถ้าจะว่าก็ไปด่าไอ้ทศกัณฐ์นู่น มันนั่นแหละที่ขัดเกลาให้ผมเป็นแบบนี้

จริงๆ ผมออกจะเป็นผู้ชายสุภาพเรียบร้อย ใช่ไหมครับ :D

+++++++++++++

ในที่สุดไอ้ทศก็ยอมมาเรียนในสองวันต่อมา แล้วแม่งเสือกกดกริ่งหน้าห้องปลุกผมตั้งแต่เช้าด้วยนะครับ จริงๆ วันนี้ก็มีเรียนเช้าแหละ แต่ว่าอาจารย์งดคลาสก็เลยมีเรียนแค่ตอนบ่าย ผมบอกมันไปแล้วด้วย แล้วมันเสือกมาปลุกผมแต่เช้าทำเพื่อ?

พอมันมาผมก็ชวนมันไปแดกเหล้าฉลองการกลับมาเรียนทันที (ดูยิ่งใหญ่เนอะ) ก็ไปกันทั้งกลุ่มนั่นแหละครับ นัดกันเย็นวันศุกร์ที่ร้านไอ้ดี

แผลเพื่อนก็ยังไม่หายดีหรอก คิดว่าคงไม่เป็นไรมั้ง เจ้าตัวก็ไม่เห็นว่าอะไรเลยนี่นา

และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง ดึกๆ เราก็นัดกันไปกินเหล้าเคล้านารีกันปกติ แต๊!

มันดันเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นน่ะสิครับ อยู่ๆ มีเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้พรวดพราดเข้ามาในห้องที่พวกผมกำลังดื่มอยู่

มันเป็นเด็กผู้ชายร่างสูงผอม ผมมองหน้ามันไม่ค่อยชัดเพราะห้องมันมืด แต่ใส่แว่นน่าจะเด็กเนิร์ดๆ เอ๋อๆ มั้ง...น่าแกล้งดี

ไอ้เด็กนี่บอกว่ามาตามไอ้ทศกลับ

มันเป็นใครวะครับ? ผมเลยแกล้งเรียกไอ้เด็กนี่ว่าเมียไอ้ทศเพื่อดูปฏิกริยาเพื่อน ไอ้ทศเอ่ยปฏิเสธนิ่งๆ ไม่มีพิรุธ

แต่ต่อมเสือกผมมันสั่นกึกๆ 9.8ริกเตอร์ไปแล้ว

เถียงกันไปได้ไม่กี่คำ ไอ้เด็กแว่นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดจึกๆ แล้วยื่นจอใส่หน้าไอ้ทศ

"สัด!!! ไอ้สตอว์เบอร์รี่บอย มึงอยากตายจริงๆ ใช่ไหม! "อยู่ๆ ไอ้ทศก็ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อไอ้เด็กแว่นพร้อมกับตะคอกเสียงดัง

ไอ้เชรี่ยยย รู้จักไอ้ทศมา5-6ปี ไอ้เด็กนี่คนแรกเลยว่ะที่ทำให้ไอ้ทศแสดงความเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้

" กลับไหมครับ? "ไอ้เด็กแว่นพูดแล้วฉีกยิ้มเยือกเย็นให้ไอ้ทศ

ผมรู้สึกกลัวรอยยิ้มมันขึ้นมาแปลกๆ มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา

ผมได้ยินเสียงไอ้ทศกัดฟันกรอด คิดว่ามันต่อยแน่ แต่ที่ไหนได้มันกลับสะบัดตัวไอ้เด็กแว่นออก หยิบกุญแจรถและเดินปึงปังออกจากห้องไปโดยไม่ร่ำลา ใครเลย

"เหี้ย..."ผมกับไอ้ดีอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมเบนสายตาไปมองไอ้เด็กนี่อย่างอึ้งๆ ทำไอ้ทศโกรธยังว่าน่าตกใจแล้ว

นี่สั่งได้โดยไม่โดนต่อย ผมนี่ช็อคเลยครับ

เด็กนั่นยิ้มให้พวกผมแล้วก้มหัวลาก่อนจะเดินตามไอ้ทศออกไป ผมกับไอ้ดีก็มองหน้ากันงงๆ เลย

"กูว่าเรากลับไหม? "ไอ้ดีถามพร้อมโบกมือไล่สาวๆ ออกไปจากห้องด้วย

"ก็ดีนะ แต่กูอยากเสือกว่ะ"บอกจุดประสงค์เพื่อนออกไปตรงๆ เพื่อหาแนวร่วม

"เซนท์เมาแล้ว"ไอ้ดีอ้างเหมือนไม่อยากร่วมเท่าไหร่

"กูจะไม่แกล้งไอ้เซนท์สองวัน"ต่อรองกันไปครับ

"สามวันละกัน"

"โอเค"ผมตกลง จับมือเป็นพันธมิตรกับไอ้ดี ไอ้เหี้ยนี่ก็หลงเมียเว่อร์กูแตะนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เลย

ไอ้ดีแบกไอ้เซนท์ขึ้นพาดบ่าพากันออกไปก่อน ส่วนผมเดินรั้งท้าย

อ่า...คุณคงจะคิดว่าผมเป็นคนขี้เสือกอ่ะดิ

ใช่ครับ...ผมขี้เสือก แต่ก็เสือกเฉพาะเรื่องของเพื่อนสนิทอ่ะ แล้วก็เสือกอย่างมีจรรยาบรรณด้วย ถึงบางครั้งจะเผลอลืมๆ ไอ้จรรยาบรรณที่ว่านั้นบ้างก็ตาม

แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ผมไม่สนิทผมไม่ยุ่งเรื่องของเขาเด็ดขาด ไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลยด้วยซ้ำ

เรื่องของไอ้ทศนี่มันมีกลิ่นแปลกๆ อย่างนี้มันต้องสืบ

มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำอีกแล้วสิ :)

++++++++++++

อิพี่สมิธคนเกรียนcome back นิสัยนางดูน่ารำคาญก็จริง แต่เขามีเสน่ห์นะ งื้อๆ ช่วงแรกๆ ก็จะเป็นการเล่าชีวิตปัจจุบันของฮีและเหล่าเพื่อนชายก่อนนะคะ (เรื่องของตัวเองพักไว้ก่อน) ก็จะเรื่อยๆ ไม่หวือหวาเท่าไหร่จ้ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-06-2018 13:49:48
ลัลลาดีจังเลย มิทตี้  :z2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 05-06-2018 14:36:30
โอ้โห สมิธ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก นึกว่าจะรักษาตัวให้พี่ลุคคนเดียวซะอีก 555++
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 05-06-2018 17:08:37
ชีวิตวัยรุ่น~
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 05-06-2018 17:13:30
เอาคืนอิลุคให้เต็มที่ไปเลย........
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-06-2018 17:52:12
อิพี่ลุคขาดใจตายยัง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.1[05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 05-06-2018 19:02:11
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 09-06-2018 18:31:23
คนโปรด 17.2

ผมกับไอ้ดีตามมาเผือกถึงคอนโดฯไอ้ทศ โดยเอาซากไอ้เซนท์ไปเก็บไว้ที่ห้องผมก่อน เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการก่อกวนผมก็รีบตรงดิ่งไปห้องไอ้ทศที่ชั้น40ทันที(ผมอยู่ชั้น38คอนโดฯเดียวกัน)

จริงอยู่ที่มันยอมให้ผมเข้าห้อง แต่ผมก็จับพิรุธอะไรมันไม่ได้เลยสักอย่าง ไอ้ทศบอกว่าไอ้น้องรันต์เป็นคนที่พ่อมันส่งมาดูแลมัน ผมสะดุดใจก็ตรงนี้ พ่อมันเนี่ยนะ!

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่วะ

แล้วที่สำคัญทำไมมันถึงยอมง่ายๆ ผมรู้สึกได้ว่าไอ้น้องรันต์ต้องพิเศษไม่เหมือนคนอื่น

ผมยอมล่าถอย และเฝ้าสังเกตพฤติกรรมไอ้ทศเรื่อยๆ จนวันหนึ่งพวกผมก็ยกก๊วนจะไปดื่มและดูบอลที่ห้องไอ้ทศตามปกติ พอไปถึงก็กำลังจะสวนทางกับไอ้น้องรันต์ที่กำลังจะกลับพอดี

ผมพยายามรั้งมันไว้ทุกวิธีทางเพื่อที่จะล้วงความลับจากมันให้ได้ บอกตรงว่าผมไม่ไว้ใจมันเท่าไหร่ อยู่ๆก็โผล่มาแบบงงๆไร้ที่มาที่ไป ไอ้เหี้ยทศยิ่งไม่ยอมบอกอะไรผมเลย

สุดท้ายผมก็รั้งมันไว้สำเร็จ(โดยการเอากระเป๋ามันไปซ่อน)ผมกะจะมอมเหล้ามันให้เผยไต๋ หน้าอ่อนๆอย่างไอ้รันต์ไม่เกินสองช็อตก็จอด ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ

ไอ้รันต์เมาแล้วขี้อ้อน จิตใต้สำนึกมันเป็นเด็กน่ารักไม่มีพิษมีภัย ผมสัมผัสได้ว่ามันเป็นคนดี จึงวางใจกับว่าที่เมียเพื่อน(?)

แต่ระหว่างเล่นเกมส์หมุนขวด(ถ้าปากปวดชี้ไปที่ใครจะต้องตอบความจริง หรือ ยอมดื่ม) ปากขวดชี้มาทางผมพอดี และไอ้เหี้ยเซนท์เป็นคนถาม

“หึๆ บอกกูมามึงเสียครั้งแรกให้ใครไอ้สมิธ”คำถามของมันทำให้ผมสะอึกจนพูดไม่ออก รอยยิ้มบนใบหน้าผมเจื่อนลงทันที ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแทน ทั้งๆที่เหล้าดีกรีแรงมากแต่ลิ้นผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติใดๆเลยทั้งสิ้น

ไอ้เซนท์โวยวายนิดหน่อยคิดว่าผมโกรธมัน แต่ผมก็แกล้งแกล้งยิ้มกลบความรู้สึกบางอย่างแล้วสนุกกับเพื่อนๆต่อ เมื่อดูบอลจบตอนตีสอง พวกเราก็แยกย้าย

อย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบนอนคนเดียว การที่จะโทรตามบรรดากิ๊กทั้งหลายของผมมานอนด้วยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ผมรู้สึกอยากเมาต่อไม่ได้อยากจะซั่มกับใคร

อยากให้หัวที่มันหนักๆอยู่นี้โล่งขึ้นบ้าง ผมไปเที่ยวผับต่อโดยไม่ได้ชวนเพื่อนคนไหน นั่งดื่มคนเดียวเงียบๆจนใกล้ถึงขีดจำกัด อยู่ๆก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในคืนนี้หรอกนะครับ

“สวัสดีค่ะ มาคนเดียวเหรอคะ?”เธอถามยิ้มๆ

“อ่า ใช่ครับ”ผมยิ้มคืน นัยน์ตามองกันอย่างสื่อความหมาย

“คืนนี้ไปไหนต่อหรือเปล่าครับ?”ผมเอ่ยสานต่อ เพื่อไม่ให้ดูหน้าเกลียดเกินไปนัก

“ก็แล้วแต่ว่า คนชวนจะชวนไปไหน”เธอไล้เล็บแหลมที่เพ้นท์อย่างสวยงามไปตามกรอบหน้าผม

“มีแฟนรึยัง?”ผมถามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง

“ไม่มีค่ะ”

โอเค! คืนนี้ผมดีลคนนี้แหละ!

ไม่นานผมก็เรียกเช็คบิล และพาเธอเดินออกจากผับไปที่ลานจอดรถเพื่อที่เราจะได้ไปกันต่อ

“เก๋!!!มึงจะไปไหน!”เสียงเรียกเข้มๆดังขึ้นที่ด้านหลังเรา ผู้หญิงที่ยืนกอดแขนผมอยู่สะดุ้งสุดตัว พวกเราหันไปมองตามต้นเสียง พบชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านเรา

“พี่ชาติ!”หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆผมร้องขึ้นอย่างตกใจ เธอรีบปล่อยมือจากแขนผมทันที

กูว่ากูได้กลิ่นความซวยทะแม่งๆ

“ไหนมึงบอกจะกลับไปนอนบ้านแม่ กูเผลอแปบเดียวมึงแอบมาเที่ยวแล้วยังระริกระรี้จะไปกับคนอื่น!”คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่ม และน่าจะเป็นผัวยัยคนที่อยู่ข้างๆผมตะคอกออกมาอีกครั้ง

แม่งเอ้ย!แฟนไม่มี มีแต่ผัวล่ะสิ

แถมท่าทางจะเป็นนักเลยซะด้วย

“เก๋ขอโทษพี่ชาติ แต่เก๋ขัดขืนไม่ได้ไอ้ฝรั่งนี่มันมอมเหล้าเก๋”

มอมป้ามึงน่ะสิ มึงเดินมาหากูเองเลยนะเฮ้ย

“เก๋มานี่...ไอ้ฝรั่งขี้นกมึงกล้าดียังไงมามอมเหล้าเมียกู”โอโห ไอ้นักเลงนี่โคตรปัญญาอ่อนเลยว่ะ เมียมึงพูดยังไงก็เชื่อเนอะ คนถูกมอมเหล้าที่ไหนจะพูดได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้วะ แล้วยังเดินตรงลิ่วไปหาผัวแบบไม่มีเซล้มนั่นอีก

“ไอ้ปัญญาอ่อน! ดูไม่ออกเหรอว่าเมียมึงสมยอมกู กูจะบอกเอาบุญให้รอยหยักในสมองมึงเพิ่มขึ้นมาบ้างนะ เมียมึงเดินมาอ่อยกูเอง”จะด่าควายก็สงสาร โง่กว่าควายก็ไอ้เหี้ยนี่แหละครับ

“ปากดีนักเหรอมึง เฮ้ยพวกเราถวายตีนให้มันดิ๊!”แล้วลูกน้องที่อยู่ด้านหลังมันก็วิ่งกรูเข้าใส่ผมทันที ตัวผมจะยืนนิ่งให้โง่เหรอครับ ผมวิ่งตั้งแต่มันสั่งให้ลูกน้องมากระทืบผมแล้ว

ผมพยายามสาวเท้าวิ่งสุดชีวิต แต่เพราะแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในตัวผมมีมากเกินไปทำให้สมรรถภาพร่างกายผมไม่ปกติ ไม่นานผมก็โดนกระโดดถีบจากด้านหลังจนล้มลงกับพื้น ดีที่เอาแขนกันหน้าไว้ได้(ยังจะห่วงหล่อ) พวกมันกระทืบผมไม่ว่างเว้นไม่รู้กี่สิบตีน ผมได้แต่ปัดป้องอย่างไร้ทางสู้

“เฮ้ยพอ เดี๋ยวมันตายก่อน”ไอ้เหี้ยที่เป็นหัวหน้า เดินตามหลังมาสั่งให้ลูกน้องมันหยุด พวกมันก็ไม่ได้หยุดทันทีนะ เตะผมเพิ่มอีกคนละทีสองทีถึงค่อยพอใจหยุด

“จำเอาไว้ไอ้ฝรั่ง อย่าได้สะเออะมาปากดีแล้วยุ่งกับเมียชาวบ้านอีก”ไอ้ชาติพูดจบมันก็เตะอัดเสยปลายคางผมจนเลือดกบปาก ผมมึนแทบสลบ แต่ก็ยังฝืนปากเก่งออกไปตามสันดานที่แก้ไม่ได้

“คนระยำอย่างพวกมึงก็ดีแต่หมาหมู่นั่นแหละ ไอ้ชาติชั่ว! ถุ้ย!”ผมถ่มเลือดปนน้ำลายใส่เท้ามัน(ถ้าถ่มใส่หน้าได้ทำไปแล้ว) ไอ้ชาติกำหมัดแน่น ล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ไอ้สัส กูว่าจะปล่อยมึงแล้วนะ แต่ปากดีแบบนี้ก็อย่าอยู่เลยมึง!” ไอ้ชาติก้มตัวลงมาจะแทงผม

“เฮ้ยทำอะไรกันน่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเมื่อมีพลเมืองดีมาเห็นแล้วร้องขึ้น พวกไอ้ชาติรีบสลายตัวในทันที

ผู้ชายคนนั้นวิ่งมาดูอาการผมแล้วไถ่ถาม

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?”

“ผมไม่เป็นไร” ทั้งๆที่อากาศเย็นสบายแต่เหงื่อผมกลับไหลซึมเป็นเม็ดๆ

“คุณแน่ใจนะครับ เฮ้ย!คุณเลือดออก!”ทำไมไอ้ผู้ชายคนนี้มันขี้โวยวายจังวะ

“เล็กน้อยน่า”

“เล็กน้อยบ้าอะไร คุณดูที่ท้องคุณก่อน”สายตาผมเหลือบมองตามที่เขาบอก เสื้อสีเทาผมชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย

นี่ผมถูกแทงเหรอวะ

ผมเอามือกุมท้องห้ามเลือดไว้ ตอนแรกมันหนึบๆชาๆไม่รู้สึกอะไร แต่พอเห็นแผลเท่านั้นแหละ ความเจ็บปวดมหาศาลก็กระแทกใส่ตัวผมเต็มๆ

“งั้นช่วยโทรเรียกรถโรงพยาบาลให้ผมที”หลังจากนั้นผมก็แทบไม่มีสติรับรู้อะไรอีก

++++++++++++++++++++++++

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในเช้าวันต่อมา แม้แผลจะไม่ใหญ่แต่ก็รู้สึกอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมากไปหน่อย ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นผมก็เห็นเพดานสีขาวและหลอดไฟดวงเล็ก(?)

ผมรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ หันไปก็เจอกับไอ้ทศกำลังนั่งจ้องผมด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก

“ไง”ผมเอ่ยทักมันก่อนทั้งๆที่เสียงแหบแห้ง ทศกัณฐ์จึงเดินมาเทน้ำรินใส่แก้วให้ผม ผมรับมาดื่มจนหมดแก้วอย่างกระหาย

“ไปไหนทำไมไม่บอก?”มันนั่งลงข้างเตียงแล้วเอ่ยถามทั้งหน้านิ่งๆ

“ก็...ลืม”

“ดีที่รอดมาได้...แต่กูไม่แน่ใจว่ามึงจะรอดจากเขา”ทศกัณฐ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ ส่วนผมร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว

ผมลืมเรื่องข้อตกลงระหว่างมันกับทศกัณฐ์ไปซะสนิท แต่นี่มันก็ผ่านมาเกือบ6ปีแล้ว มันไม่น่าจะยังยึดติดกับผมอยู่อีก

“มันคงไม่ได้สนใจกูแล้วมั้ง”เพราะเห็นในข่าวมันก็ควงใครไม่ซ้ำเดือน ทั้งๆที่มีคู่หมั้นอยู่

“กูก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”

ผมหลับตาลงด้วยความหนักใจ หวังว่าฝันร้ายของผมจะไม่เกิดขึ้นอีก

หลังจากนั้นตอนเย็นไอ้ทศก็พาไอ้น้องรันต์มาเยี่ยมผม ไอ้เซนท์ก็มา โดยเฉพาะไอ้ตี๋ที่บ่นผมใหญ่เลยล่ะ หลังจากที่ไอ้เซนท์กับผมกวนตีนกันไปมาหนึ่งยก ภายในห้องพักผู้ป่วยก็อยู่ในสภาวะสงบ ผมเปิดทีวีทิ้งไว้ ไอ้เซนท์ดันเปิดวนไปช่องหนึ่งที่มีข่าวด่วนแทรกขึ้นมา

‘รายงานความคืบหน้า พบศพวัยรุ่นชายเสียชีวิตบริเวณxxx มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือที่เดินตัดทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดปมทะเลาะวิวะ-…ติ๊ด!’

ก่อนที่นักข่าวจะรายงานจบ หน้าจอทีวีก็ดับไปซะก่อน คนที่กดรีโมทปิดคือไอ้ทศเอง ผมเผลอสบตากับมันในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะผลุนผลันออกจากห้องไปอย่างเร่งร้อน

แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมเข้าใจ

ศพในข่าวนั่นเป็นไอ้ชาติคนที่แทงผมเมื่อวานไม่ผิดแน่ แม้จะเบลอศพไว้ แต่เสื้อผ้ามันผมก็จำได้แม่นยำเพราะความแค้น

ไอ้ทศไม่ได้ทำแน่นอน

แล้วใครทำ?...

ตอนนี้มีอยู่ชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวผม...ผมอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ กลัวว่าไอ้รันต์หรือไอ้เซนท์จะเห็นจึงทำได้เพียงแกล้งมองออกไปนอกระเบียง

ผมคิดผิด...ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่เคยปล่อยผมเลย

หลังจากที่ไอ้ดีกับไอ้เซนท์ออกไปจากห้อง ผมก็ไม่วายพูดกวนประสาทไล่หลังไอ้เซนท์ แต่ไอ้เด็กเอ๋อที่นั่งเฝ้าผมอยู่เงียบๆกับพูดประโยคที่ทำให้ผมสะอึกขึ้นมาแทน

“เฮ้อ เหงาก็บอกไปตรงๆ สิครับ”แม้ผมจะมองมันอย่างไม่เข้าใจแต่ผมก็รู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร

“นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า คนที่ชอบหัวเราะบ่อยๆ ลึกๆ คือคนที่มีเรื่องเศร้าอยู่ในใจ พี่ว่าจริงไหมครับ” ไอ้รันต์พูดเนิบๆ เหมือนคุยเรื่องทั่วไป

“มึงเคยมีตราบาปไหมรันต์ มันจะติดตัวแล้วอยู่ในใจมึงไปตลอดชีวิต อยากลืมก็ลืมไม่ได้ถึงตายก็ไม่รู้จะลืมได้ไหม” ผมขยุ้มผ้าห่มแน่น ข่าววันนี้ทำให้ผมนึกถึงมัน

“ถึงลืมไม่ได้ แต่ถ้าเวลาผ่านไปมันน่าจะดีขึ้นนะครับ”

“เวลาไม่ได้ช่วยอะไรเลยรันต์ ไม่ช่วยจริงๆ” ผมพูดพึมพำ ถ้าเวลาช่วยได้ 6 ปีที่ผ่านมาทำไมผมถึงลืมมันไม่ได้เลย?

แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้น แต่หลายวันต่อมาผมก็เล่นเกมส์แล้วบังคับให้ไอ้รันต์มาเป็นน้องรักผมโดยที่มันยังงงๆ

‘ที่เมืองไทยการเกี่ยวก้อยนี่คือการสัญญากันใช่ไหมวะ’

‘ไม่เอาาาา จะให้ทำอะไรก็บอกมา ไม่สัญญาโว้ย’ไอ้น้องรันต์โวยวาย แต่ผมก็ใช้นิ้วก้อยผมเกี่ยวนิ้วก้อยมันไว้แน่น

‘นับจากนี้มึงมาเป็นน้องรักกู สัญญากัน!’

‘ห๊ะ!’ ไอ้รันต์เหมือนตั้งสติไม่ทัน

‘ตามนั้น’

‘เฮ้ย! ไม่เอา’

‘ไม่สน ไม่แก้’

‘ผมลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่น้อง ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับคนเป็นพี่ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังอะไรจากผมมากนะครับ’ ไอ้รันต์ที่จู่ๆเงียบไปนานก็พูดขึ้นมา ความรู้สึกบางอย่างเหมือนประทุขึ้นมาในใจ

ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจผม

‘ขอบคุณ’

+++++++++++++++++++

หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลผมสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของไอ้ทศกับไอ้น้องรันต์เลวร้ายลง ผมเป็นห่วงไอ้น้องรันต์มากกว่าไอ้ทศซะอีก แต่อีกหนึ่งสัปดาห์กว่าๆต่อมาที่เจอกัน

ผมกลับพบว่าความสัมพันธ์ของพวกมันสองคนดีขึ้น หน้าตาของไอ้น้องรันต์ก็ดูสดใสเปล่งปลั่งเหมือนได้น้ำดี(ไว้ล้างหน้าๆ) เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็เบาใจ

เพื่อนมีความสุขผมก็ย่อมมีความสุขอยู่แล้ว

แม้ไอ้ทศจะไม่พูดว่าความสัมพันธ์ของมันกับไอ้น้องรันต์เป็นยังไง แต่ทุกคนที่ผมล้อว่าไอ้น้องรันต์เป็นเมียมัน ผมก็ไม่เห็นมันปฏิเสธ

นิสัยไอ้ทศไม่ชอบโกหก ผมถึงได้มั่นใจยังไงล่ะ

หลังจากที่เหล่าเดอะแก๊งค์ของผมคว้าชัยชนะมาได้อย่าสวยงาม(งานกีฬาระหว่างคณะ) พวกเราก็ตกลงจะพาเด็กๆนักกีฬาเศรษฐศาสตร์ไปเลี้ยงฉลองกัน

เราดื่มกันไปหลายกรม ปาร์ตี้กันอย่างเมามันส์ ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามกับที่ผมนั่งอยู่ ไอ้น้องรันต์จอมคออ่อนยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ไปแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตาก็เริ่มปรือแล้วด้วยสิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงนัก เพราะไอ้น้องรันต์ไม่ว่าจะทำอะไรหรือขยับตัวไปไหนก็จะอยู่ในสายตาของเพื่อนผมตลอด

ตั้งแต่ที่ผมเป็นเพื่อนกับทศกัณฐ์มายังไม่เคยเห็นมันสนใจใครเท่านี้มาก่อน อย่าว่าแต่กับคนอื่นเลย ขนาดเพื่อนมันก็ยังมีกำแพงของมัน แต่พอเขาได้เห็นทศกัณฐ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นผมก็ดีใจมากแล้ว อยากให้เพื่อนได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขาสักที

“ไปไหนอ่ะพี่” เมฆหันมาทักท้วงผมที่ลุกขึ้นยืน กำลังลุกจะออกจากโต๊ะ

“ห้องน้ำ” ผมตอบรุ่นน้องมันเป็นเพื่อนสนิทไอ้น้องรันต์ ตอบเสร็จผมก็เดินแยกตัวออกมา ยิ่งดึกผู้คนในคลับยิ่งเยอะเบียดเสียด กว่าจะผ่านฝูงชนมาถึงห้องน้ำได้ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

วูบ! ผมหันไปมองรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ร่างกายผมขนลุกซู่อยู่ตลอดเวลา ผมบีบมือตัวเองที่สั่นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ปฏิกิริยาแบบนี้ของร่างกายไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก

หรือว่าผมจะดื่มมากไป?

ผมรีบเดินเข้าไปยังโถด้านในสุด จัดการรูดซิปแล้วควักน้องชายออกมาทำธุระให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการเสร็จก็ตรงดิ่งไปยังอ่างล้างมือ กวักน้ำใส่หน้าตนเองจนเริ่มสร่าง

บางทีจะเมาจนคิดไปเอง

“หึๆ” เสียงปริศนาดังขึ้น ทำให้ผมที่เพิ่งจะสร่างหมาดๆ รีบหันไปทางต้นเสียงที่หน้าทางเข้าห้องน้ำชาย เห็นเพียงเสี้ยวแวบๆ เดินออกไป ใครมันกล้ามากวนประสาทกูวะ!

ถ้าจับได้แม่งจะกระทืบให้ คิดได้ดังนั้น ผมก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆ มองเห็นแผ่นหลังที่คาดว่าจะเป็นของบุคคลปริศนา

“หยุดนะเว้ย!” ผมตะโกนสั่งอีกคนให้หยุด แต่ไอ้คนนั้นก็ยังเดินต่อไปด้วยท่าทีสบายๆ โชคดีที่เสียงเพลงค่อนข้างดังเลยไม่มีใครหันมาสนใจผมมากนัก ผมวิ่งตามมันจนกระทั่งทะลุหลังร้าน ร่างปริศนาจึงได้หยุดยืนอยู่นิ่งๆ

ผมหยุดฝีเท้า แสงไฟจากลานจอดรถสาดส่องเข้ามา ทำให้เขาเห็นแผ่นหลังกว้างของบุคคลที่ผมเดินตามได้เต็มสองตา เส้นผมยาวสลวยสีบลอนด์ทองถูกมัดขึ้นลวกๆ แต่กระนั้นก็ยังยาวมาถึงกลางแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตา

“ตามกูทำไม มึงเป็นใครกันแน่!” ไม่รู้เพราะอะไรดลใจให้ผมถามออกไปแบบนั้น แม้ตอนนี้สัญชาตญาณเขากำลังร้องเตือนอย่างหนักว่าให้รีบถอยห่างจากคนๆ นี้ หัวใจผมเต้นถี่ด้วยอาการบางอย่าง

“จะให้หันไปจริงๆ น่ะหรอ” เสียงทุ้มแหบเอื้อนเอ่ยภาษาอังกฤษออกมาไม่กี่คำ เพียงเท่านั้นก็ทำให้อาหารที่ผมเพิ่งกินไปแทบจะขย้อนออกมาให้ได้

ผมสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงมองร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจอยากหนีไปให้ไกลจากตรงนี้แต่ร่างกายผมตอนนี้ราวกับมีโซ่จากทุกทิศทางมาตรึงไว้จนขยับไม่ได้ ระยะห่างราวห้าเมตรไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

ในตอนนั้นเองร่างสูงตรงหน้าผมกำลังจะขยับกายหันมา ผมร้องห้ามเสียงหลง

“อย่าแม้แต่จะหันมาเด็ดขาด” ตัวผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำ ในหูของมันอื้ออึงไปหมด แต่อย่างน้อยบุคคลตรงหน้าก็ไม่ได้ขยับหันมาอย่างที่คิด

“หึๆ ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยด้วยโทนเสียงสบายๆ เหมือนถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป

“มึงฝันกลางวันอยู่รึไง!” ผมกัดฟันตอบโต้อีกคนอย่างสุดจะทน แม้จะทำปากเก่งแต่เท้าของผมก็ก้าวถอยหลังเรื่อยๆ

“ก็คงจะฝันต่อไปอีกไม่นานหรอก” มันตอบกลับออกมาปนหัวเราะเบาๆ ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่างนั้น

“อย่ามาผิดสัญญา มึงต้องไม่โผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก” ผมท้วงติงถึงพันธะสัญญาในอดีตทั้งเสียงสั่นๆ ความทรงจำอันเลวร้ายกำลังจะกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง

“พี่ไม่เคยผิดสัญญา แต่จะเป็นนายต่างหาก ที่จะเดินเข้ามาหาพี่เอง” ผมไม่อยากอยู่รอฟังมันพล่ามอีกจึงรวบรวมเรี่ยวแรงหันหลังออกวิ่งกลับเข้าไปในร้านทันที แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายได้ยินเสียงของไอ้ปีศาจลอยเข้ามาในอากาศ

“มาหาพี่ได้ทุกเมื่อนะ มิตตี้”

ผมวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาตรงดิ่งไปยังห้องน้ำข้างใน จากนั้นก็ขย้อนสิ่งที่เพิ่งกินไปออกมาอย่างกักเก็บไว้ไม่ไหว ผมโก่งคออ้วกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลืออะไรจะหลุดออกจากกระเพาะได้อีก

ผมทรุดตัวนั่งอยู่ข้างชักโครกอย่างความอ่อนแรง

มันมาแล้ว...ไอ้สัตว์นรกนั่นกำลังคืบคลานเข้าใกล้ผมมากขึ้นทุกทีแล้ว!!!

++++++++++++++++++

(ต่อด้านล่างจ้า)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 09-06-2018 18:32:06
คนโปรด 17.2 (ต่อ)

เหตุการณ์นั้นทำให้ผมอยากรีบกลับคอนโดฯ แต่ผมก็ยังนั่งดื่มต่อเพื่อไม่ให้ใครเห็นความผิดปกตินี้ ผมดื่มไม่หยุด ทั้งๆที่รู้สึกตัวแล้วว่าเริ่มเมาแต่ก็ไม่สามารถลบความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เลย

ทำไมวะ!!!

เมื่อถึงเวลาเลิกงานผมก็กลับ ไม่กล้าไปไหนคนเดียวต่ออีก ผมถึงคอนโดฯก็อาบน้ำเปลี่ยนชุด ทั้งที่ง่วงแต่มันกลับหลับไม่ลง ผมลุกขึ้นไปค้นตัวเสื้อผ้าก่อนจะค้นหาของที่ผมไม่ได้ใช้หลายปีออกมา

มันเป็นยาคลายเครียดชนิดรุนแรง ผมเคาะออกมา2เม็ดแล้วโยนใส่ปากทันที

คุณอาจไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้หลังจากที่เจอมัน

หลังจากผมออกมากับไอ้ทศเมื่อห้าปีก่อน ไม่กี่สัปดาห์ต่อมามันก็เริ่มสังเกตความผิดปกติของผม

ผมหวาดกลัวผู้คน โดยเฉพาะผู้ชาย

ใจมันสั่น ไร้เรี่ยวแรง กลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ไอ้ทศมันไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเรียกเกรย์มาดูอาการผม เขาวิเคาะห์อาการคร่าวๆของผมว่าอาจเป็นอาการของโรคPTSD เป็นอาการความเครียดหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง

ผมใช้เวลารักษาเป็นปีถึงจะสามารถกลับเข้าสังคมไปใช้ชีวิตตามปกติได้

แต่ถึงกระนั้น ผู้ชายที่แตะต้องตัวผมได้ก็มีอยู่น้อยมาก ต้องเป็นคนที่ผมสนิทและวางใจด้วยเท่านั้น

เกรย์ก็บอกว่าผมยังไม่หายสนิทจากโรคนี้

ผมไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้มันใช่โรคเดิมไหม แต่ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆเลยล่ะ

ผมพยายามข่มตานอนทั้งๆที่กินยาไปแล้วตั้งสองเม็ด มันมีฤทธิ์ทำให้ง่วงแต่ผมกลับไม่หลับ

ผมตัดสินใจออกจากห้อง ดิ่งไปที่ลิฟท์แล้วกดชั้น40

หวังว่าไอ้ทศจะยังไม่นอนนะ

รอไม่นานมันก็มาเปิด มันดูแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ให้ผมเข้าไปในห้อง

ผมขอนอนห้องเล็กมัน อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจว่ามีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ

ไอ้ทศปฏิเสธและให้ผมไปนอนที่ห้องใหญ่กับมันและไอ้รันต์

ไอ้รันต์เมาหลับไปแล้ว ผมล้มตัวนอนอีกฝั่ง ไอ้ทศก็นอนอีกฝั่งโดยมีไอ้รันต์นอนคั่นกลางไว้ ล้มตัวนอนได้ไม่ทันไรไอ้น้องรันต์มันก็กลิ้งตัวมากอดผมเฉย

“เชี่ย! ไอ้น้องรันต์มึงมากอดกูทำไมเนี่ย กูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย”ผมสบถ อีกอย่างคือผัวมึงมองกูตาเขม็งเลย กูเพื่อนมึงนะสัส สุดท้ายไอ้ทศก็ตัดสินใจนอนคั่นตรงกลางแทน

“หึๆ หวงเมียเว่อร์สัส”ผมเอ่ยแซวมันเบาๆ มันไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เงียบไปสักพักจนผมนึกว่ามันหลับไปแล้ว อยู่มันก็เอ่ยถามขึ้น

“เขามาใช่ไหม?”

“…”

“กูขอโทษที่ดูแลมึงได้ไม่ดีพอ” ทศกัณฐ์พูดสั้นๆ

“ไม่ใช่ความผิดมึงซะหน่อย ถ้าจะมีคนผิด คนนั้นๆ คือมัน ไม่ใช่มึง” ผมยกแขนก่ายหน้าผาก เหม่อมองผ่านความมืดออกไป

 

“กูจะช่วยมึงให้ถึงที่สุด มึงอย่าคิดมากเลย ถ้ามีอาการเหมือนช่วงนั้นให้รีบกินยา รู้รึเปล่า” เสียงทศกัณฐ์ดึงผมออกจากภวังค์

“อือ มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ นี่สมิธคนใหม่ไง” ผมพูดเสียงสดใส แม้เสียงหัวเราะจะดูขมขื่นอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่

เพราะผมจะไม่ยอมให้ไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นข่มเหงผมฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป

+++++++++++++++++++

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ไอ้ทศทะเลาะกับไอ้รันต์หนัก มันพลั้งไปข่มขืนไอ้รันต์อีก ผมโกรธมาก ชกหน้าเพื่อนจนมือแตก แต่ก็เข้าใจเหตุผมของมัน

ไอ้ทศป่วยหนัก ช่วงที่ร่างกายมันผิดปกติมันจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ช่วงนั้นแม้แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดมันมากๆก็ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ผมไม่รู้จะด่าหรือตีมันต่อได้ยังไง สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องมันสองคน

แต่ในเช้าวันต่อมาคนที่ผมไม่คิดว่าจะปรากฏตัวที่นี่ก็ได้ปรากฏขึ้น

เกรย์ แอนเดอร์สัน

ผมกระโดดกอดเขาทั้งที่โตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก

เขาก็เป็นอีกคนที่ช่วยเหลือผมไว้หลายอย่างทั้งๆที่เป็นเพื่อนกับไอ้เหี้ยนั่น

เกรย์ถามเรื่องไอ้ทศนิดหน่อยก่อนจะวกมาเข้าเรื่องผมแบบงงๆ

เกรย์กดไหล่ผมให้นั่งลงที่โซฟาตัวเดี่ยว ส่วนเขาเดินไปลากเก้าอี้แล้วนั่งไขว่ห้างมือประสานกันไว้ที่ตักเผชิญหน้ากับผม

“กินข้าวหรือยัง?” เขาถามเรียบๆสบายๆ

“ยัง เดี๋ยวค่อยกิน”

“ทำไมไม่กิน มันสายแล้วไม่ใช่หรอ” น้ำเสียงของเกรย์ยังคงสบายๆอยู่

“ก็...ก็ยังไม่หิวเท่าไหร่” ผมกวาดสายตาล่อกแล่ก แต่ก็ตอบทุกอย่างไปตามความจริง

“อ่อ...แล้วเรียนเป็นยังไงบ้าง เครียดรึเปล่า?”

“ก็เรื่อยๆ ไม่เครียดอ่ะ โง่อยู่แล้ว บางทีก็ลอกไอ้ทศ ถูไถให้เกรดมันผ่านโปรฯ”

“อือฮึ...นอนกับผู้หญิงครั้งล่าสุดตอนไหน”

“เมื่อคืนก่อน” ผมตอบ สบตากับนัยน์ตาสีอ่อนของเกรย์ตรงๆ

“ผู้ชายล่ะ?”

“เกรย์!!! ผมไม่ใช่เกย์เว้ย!”ผมสวนกลับอย่างหัวเสีย แต่เกรย์กลับยิ้มให้บางๆ แล้วถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันของผมไปเรื่อยๆ

“...มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม?” เกรย์พูดเสียงนุ่ม มือลูบผมสีเข้มของผมอย่างอ่อนโยน ผมหลุบสายตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด

“ผม...เจอมัน” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบ จากนั้นก็ก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองบีบเข้าหาตัวเองจนแน่น

“อาการตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” เกรย์ถามเสียงเรียบ ไร้คำปลอบโยนใดๆจากปากเขา

“มันคลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดและผม...กลัว”ผมกัดปากตัวเอง ตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนนั้น

“ใจเย็นๆ มันทำอะไรสมิธไม่ได้หรอก” เกรย์นวดหลังมือผมให้ผ่อนคลาย ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นตัวหยุดสั่นแล้วเกรย์จึงพูดต่อ

“รู้อะไรไหม จริงๆสมิธก็ปกติเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ยังติดอยู่แค่นิดเดียว”

“อะไรหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“สมิธ คุณกำลังยึดติดอะไรไว้อยู่รึเปล่า?” เกรย์พูดยิ้มๆพร้อมนวดมือให้ ผมกำมือแน่นแววตาฉายชัดถึงความเจ็บปวดเมื่อนึกถึง

“ผมกลัว กลัวมัน...แค่ได้ยินเสียงก็สั่นไปหมดแล้ว”

“แล้วไม่อยากหายกลัวเหรอ” เกรย์เอ่ยเสียงทุ้มฉีกยิ้มให้ผมด้วยความอ่อนโยน

“อยากดิ!” ผมรีบโพล่ง ทำไมผมจะไม่อยากลืมคนเลวๆพรรค์นั้น มันทำให้ผมต้องตกนรกทั้งเป็น แม้อยากตาย...ก็ตายไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็เผชิญหน้ากับความกลัวแล้วเอาชนะมันซะ”

“ไม่เอา!”ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันใด เผลอชักมือกลับจากมือเกรย์ สายตามองเกรย์อย่างหวาดหวั่น ถ้าให้ผมต้องไปเผชิญหน้ากับมันตอนนี้อีก ฆ่าผมให้ตายซะยังจะดีกว่า

“งั้นก็หนีมันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”เกรย์ไหวไหล่พูดเรียบๆ เขามันโหดเหี้ยมก็ตรงนี้ชอบบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ฝืนใจสุดๆ

“เกรย์...ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วหรอ”ผมถามเสียง

“ไม่มี...ฟังนะสมิธ ผมไม่ได้บอกให้คุณเผชิญหน้ากับมันคนเดียวสักหน่อย ตอนนี้คุณมีคนที่พร้อมจะอยู่ข้างคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ หรือรุ่นน้อง ใช่ไหม?” ผมพยักหน้ารับ “ห้าปีมานี้มันได้ก้าวล้ำมาหาคุณรึเปล่า?ได้เดินเข้ามาเฉียดใกล้ให้คุณรู้สึกอะไรไหม? คุณสามารถนอนกลับใครก็ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนอื่นมีสิทธ์มองได้แค่ปลายเท้าคุณเท่านั้น จะแตะเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถูกต้องไหม?” ผมเงียบ

นึกถึงช่วงเวลานั้นก็ถูกอย่างที่เกรย์บอกทุกอย่าง มันรักษาสัญญา ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เขาอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าตัวเขาเองอยู่ในสายตามันตลอด ทศกัณฐ์ก็ไม่เคยปิดบังผมเรื่องนี้มันบอกว่าเรื่องนี้มันอยู่เหนือข้อตกลง

ตัวผมอยู่ในกรงเหมือนเดิมเพียงแต่มันขยายใหญ่ขึ้น หลอกให้ตายใจว่าได้อิสระกลับคืนมา ผมรู้แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องอยู่แบบเดิม ชีวิตที่เป็นได้เพียงทาสอารมณ์ของมัน

เป็นคนโปรดอะไรนั่น ที่ไม่เคยมีค่าเลย

“คุณไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม” ผมถามอย่างหวาดระแวงก่อนที่เกรย์กระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ตลอดห้าปีกว่าที่ผ่านมายังทำให้คุณเชื่อใจผมไม่ได้อีกหรอ ถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทแต่สิ่งที่มันทำกับคุณก็ค่อนข้างจะเลวร้ายเกินไป ผมไม่อยากพูดเพื่อให้คุณให้อภัยมัน แต่การที่คุณโกรธเกลียดมันไปก็เท่านั้น คุณจะไม่สามารถลืมมันได้เลย”

“แล้วผม...ต้องทำอย่างไรบ้าง” ผมเอ่ยถามอย่างลังเล

“เริ่มจากดูรูปก่อนเป็นไง?” เกรย์ฉีกยิ้มอย่างกระตือรือร้น หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเสิร์ชหารูปเพื่อนเขา มันหาไม่อยากหรอก ในเมื่อมันคือนักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งรัสเซีย-อังกฤษ วัย29 ปี เป็นนักธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

เกรย์ยื่นรูปผู้ชายตัวสูง ผมยาวสลวยสีทองถูกมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง มันอยู่ในชุดสูททรงทันสมัย ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกต พร้อมร้อยยิ้มที่มุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กรอบหน้าเรียวออกคม ดูยังไงมันก็แค่ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อออกหวานท่าทางใจดีคนหนึ่ง ใครจะคิดว่ามันคือปีศาจในคราบมนุษย์

ผมเบ้ปากใส่รูปที่เห็นเหยียดๆ

“เฮ้ยๆ โทรศัพท์พี่” เกรย์รีบห้ามเมื่อเห็นคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วทำท่าจะขว้างทิ้ง ผมจึงทำท่าโก่งคออ้วกใส่โทรศัพท์แล้วคืนให้เกรย์ที่หัวเราะลั่นห้อง

“ขำอะไรเล่า” หน้ายุ่งชกไหล่หมอประจำตัวเบาๆ

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ด่านแรกผ่าน มาขั้นตอนต่อไปกัน” กว่าเกรย์จะหยุดหัวเราะได้ก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้วเข้าสู่โหมดจริงจัง

“อะไรอีก” ผมมองเกรย์อย่างหวาดระแวง จริงอยู่ที่เห็นรูปแล้วผมไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวชัดเจนอะไร แม้ในใจจะกระตุกนิดๆแต่ความขยะแขยงเมื่อครั้นเห็นหน้าก็ยังมากมายไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นเพียงรูปภาพจึงกล้าต่างหาก

ในรูปมันทำอะไรผมไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนจริงๆลองคิดดูเล่นๆว่าผมจะโดนอะไร?

 

“ฟังเสียง”เกรย์ตอบกลับมา

 

“ไม่เอา!” ผมแย้งรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะหนีไปแต่ก็โดนเกรย์จับแขนเอาไว้ก่อน

“จะหนีหรือ? เข้มแข็งหน่อยสิ ไหนทศกัณฐ์บอกว่าไม่เหมือนเดิมแล้วไง” เกรย์พูดเรียบๆ แววตาเขามีแต่ความเย็นชา ผมไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ผมกำหมัดแน่นแต่ก็ยอมในที่สุด

“เก่งมากเด็กดี” เกรย์ลูบหัวพร้อมยิ้มให้บางๆ มือแกร่งกดหมายเลขต่อสายถึงอีกคน เกรย์จัดการเปิดลำโพงโทรศัพท์ รอสายนานจนเกือบจะตัด แต่ก็มีสัญญาณกดรับพร้อมเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

“ว่าไง” เสียงทุ้มโทนต่ำ ทำลมหายใจผมติดขัดขึ้น เกรย์ลูบมือผมเบาๆก่อนจะกรอกเสียงคุยกับปลายสาย

“ทำอะไรอยู่วะ” ปลายสายเงียบไปนิดก่อนจะเอ่ยตอบ

“...ทำงาน ถามแปลกนะมึง” น้ำเสียงมันมีความแคลงใจเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆ กูก็ถามไปงั้นแหละ” เกรย์พูดสบายๆ

“เหรอ แล้วมึงล่ะ ทำอะไรอยู่”

“กูก็พักผ่อนอ่ะ ไม่ได้ทำงานจนเงินทับตายเหมือนมึง”

“มึงอยู่กับมิทตี้ใช่ไหม” ปลายสายโพล่งออกมาโดยที่คนฟังไม่ทันตั้งตัว ผมตาเบิกกว้างอย่างตกใจมือกำเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม มันรู้ได้ยังไง?

 

“…”

“อยู่จริงๆสินะ ไงมิทตี้” มันพูดย้ำความคิดตัวเองน้ำเสียงที่เอ่ยกับผมเปลี่ยนเป็นอีกโทน ผมที่ได้ยินแทบจะอาเจียนออกมา ดวงตาแดงก่ำด้วยความกลัว เขา

ผมเกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดก็ตรงที่มันรู้ทันคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง ฉลาดมากจนน่ากลัว

“เชี่ยไรของมึง กูไม่ได้อยู่กับน้อง” เกรย์ทำเป็นแก้ตัวกลบเกลื่อน แต่ท่าทางมันจะไม่เชื่อ

“หึๆ ให้มันโทรหาพี่ คิดถึงกันหรือไง?” มันไม่สนใจเสียงท้วงจากเกรย์ แต่บทสทนาเหมือนส่งถึงผมแทนอย่างมั่นใจ

 เกรย์อ้าปากพูดไม่ออกเสียงว่า ‘อดทนไว้’ ผมกัดฟันแน่นอย่างอดทน

“…”ผมอดทนเงียบอย่างที่เกรย์บอก ทั้งที่ใจเต้นเร่าอยากด่ามันสักคำด้วยความเกลียด

“เอ...หรือจะให้พี่ไปหาดี พี่ก็เริ่มคิดถึงมิทตี้แล้วแฮะ” มันยังยั่วยุผมไม่เลิก เกรย์เห็นท่าไม่ดีก็เตรียมจะตัดสายแต่ผมเร็วกว่ากลับคว้าโทรศัพท์จากมือเขามาจ่อปากแล้วตะคอกสุดเสียง

“มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป!!! ไม่ต้องมาเสือกคิดถึงกู! กูขยะแขยง...มึงได้ยินไหมว่ากูเกลียดและขยะแขยงมึง!!” ผมหอบแฮ่ก เพราะใส่อารณ์ไปมากจนเหนื่อย

“หึๆ ปากดีจริงๆ อย่างนี้มันน่าจับจูบให้หายซ่า” แม้มันจะยังมีเสียงหัวเราะติดอยู่ แต่น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็เรียบเย็นจนน่าขนลุก

มันเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“มึงอย่าคิดว่ากูจะกลัว กูไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” ผมพูดเสียงเข้มลอดไรฟัน พยายามข่มใจไม่ใช้อารมณ์จะได้ไม่บ้าหลงเดิมตามเกมส์มันอีก

ถึงแม้ในใจผมจะหวาดหวั่นเพียงใดแต่ผมจะไม่มีทางเผยมันออกมาให้ไอ้ชั่วนั่นได้เห็นความอ่อนแอของผมอีก

“แล้วพี่จะคอยดูว่านายจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน...แต่รู้อะไรไหมสมิธต่อให้นายเปลี่ยนไปสักแค่ไหนนายก็ไม่มีทางหนีพี่พ้น...ดูจากชื่อนายเป็นตัวอย่างสิ ติ๊ด!” มันพูดยังไม่ทันจบประโยคดีผมก็รีบชิงตัดทิ้งสายทันที

ผมส่งโทรศัพท์ให้เกรย์ เดินลิ่วไปห้องน้ำเปิดก๊อกแล้วกวักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองหลายๆทีเพื่อเรียกสติ เงยหน้าขึ้นมองเงาตัวเองในกระจกแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างสมเพชในโชคชะตาตัวเอง

นั่นสินะ...ผมจะหนีจากมันได้ยังไงกัน เพราะตอนนี้คือ สมิธ ฮาล์น

ต่อให้ตาย ผมก็ยังเป็นสมบัติของมันอยู่ดี

++++++++++++++++++++

อ่า ตอนหน้ามาดูเฉลยว่ามิทตี้เป็นฮาล์นได้ยังไง สำหรับตอนนี้อาจคุ้นๆเพราะเป็นช่วงไทม์ไลน์ที่ซ้อนทับกับเรื่องใจยักษ์นะคะ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นมุมมองของสมิธและเพิ่มรายละเอียดจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-06-2018 20:06:40
แด่นังลู  :z6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 09-06-2018 20:29:04
สมิทสู้ๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 10-06-2018 10:47:46
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่17.2[09/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-06-2018 16:09:24
เรื่องนี้เคยเปิดมาอ่านบทนำแล้วรู้สึกไม่ชอบเลยปิดไป แต่วันนี้เห็นว่าอัพเยอะแล้วเลยเขามาลองอ่านบทที่หนึ่งดู โอ้โหหหหอ่านเพลินมาก สนุกสุดๆถึงแม้จะเกลียดนิสัยพระเอกและรำคาญความดื้อดึงของมิทตี้นิดๆก็เถอะ แต่โดยรวมก็น่าติดตามดี มีความดราม่าให้หน่วงๆเล็กๆ อ่านไปก็รอลุ้นไปว่าน้องจะเอาคืนยังไง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 12-06-2018 16:20:35
คนโปรด 18.1

ช่วงที่ผมอายุ 18 ปี ผมกำลังเรียนไฮสคูลปี2ที่อังกฤษ ไอ้ทศที่ไม่ได้เข้าศึกษาต่อที่ไหน อยู่ๆก็มาบอกผมว่าจะไม่มาอังกฤษสักพักใหญ่ เพราะมันจะไปตามหาแม่ที่ประเทศไทย

ผมรู้สึกเคว้งทันที เพราะไอ้ทศเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผม  แม้มันจะไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนผม แต่ไอ้ทศก็จะคอยวนเวียนอยู่ใกล้ตัวผมเสมอตั้งแต่มันพาผมออกมาจากไอ้เหี้ยนั่นแล้ว พอมันบอกจะไปผมก็ตัดสินใจได้ว่าจะตามมันไปด้วย

‘ไม่ได้’ ทศกัณฐ์เอ่ยปฏิเสธเสียงนิ่ง

‘ทำไม!?’

‘พี่กูเขายอมที่ไหนล่ะ’มันตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

‘กูจะไป’ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ ไอ้ทศถอนหายใจออกมาทันที

‘เรื่องนี้สำคัญกับกูมาก ถ้ากูเอามึงไปด้วย กูว่าเราก้าวขาออกจากลอนดอนไม่ได้ด้วยซ้ำ’

‘แล้วกูต้องทำยังไง?’ผมรู้สึกสงสารเพื่อนขึ้นมาทันที

‘เขา...ยื่นข้อเสนอ’ไอ้ทศพูดเหมือนเรื่องนี้ถูกเตรียมการไว้ก่อนแล้ว

‘ข้อเสนออะไรวะ?’

‘ถ้ามึงยอมเซ็นเป็นฮาล์น’ผมใจหายวาบ ถ้าผมเซ็นเชือกที่มันคล้องคอผมไว้จะยิ่งขยับรัดแน่นกว่าเดิม

‘กู...’

‘อย่าฝืนเลย มึงอยู่ที่นี่แหละ กูจะพยายามกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ’

‘กูจะเซ็น’ผมตอบมันอย่างเด็ดเดี่ยว ไอ้ทศมองผมเหมือนไม่เชื่อที่ตัวเองได้ยิน

‘แน่ใจนะ?’มันถามย้ำอีกรอบ

‘อืม กูเป็นอะไรก็ได้ แค่มึงอย่าทิ้งกูไว้ที่นี่คนเดียวก็พอ’ ผมตวัดปากกาเซ็นชื่อลงไปแบบไม่ลังเล หลังจากนั้นไม่กี่วันไอ้ทศก็สามารถพาผมออกนอกประเทศได้ พอมาอยู่ไทยผมก็เรียนปรับพื้นฐานนิดหน่อย ภาษาไทยผมฟังและพูดได้ในระดับหนึ่งเพราะไอ้ทศสอน แต่ถ้าให้เขียนผมเขียนไม่เป็น ผมเข้าศึกษามหาวิทยาลัยต่อในภาคอินเตอร์เพราะใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนเป็นหลัก แม้วุฒิการศึกษาการจบไฮสคูลผมมันจะไม่สมบูรณ์ตามหลักสูตร แต่ก็มีคนทำให้มันสมบูรณ์ได้

ไอ้ทศบอกกึ่งปลอบใจผมทีหลังว่าที่ผมเซ็นไป ก็แค่เปลี่ยนนามสกุล ชื่อถูกยัดเข้าผังตระกูลในฐานะลูกชายบุญธรรมของพ่อมัน มีสิทธิ์ในฮาล์นอย่างเต็มที่ แถมยังได้เป็นพี่น้องกับมันด้วย

ผมก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้เป็นพี่น้องกับไอ้ทศ แต่พอนึกถึงอีกคนที่มีฐานะเป็นพี่ผมก็รู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมา ก็นั่นแหละครับมาถึงตรงนี้ผมก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว การที่ผมได้มาไทยผมมีความสุขมากกว่าอยู่ที่อังกฤษเสียอีก

ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองได้ไม่นาน ไอ้ทศก็วิ่งอุ้มไอ้รันต์ลงมาจากชั้นสองด้วยความตื่นตระหนกพร้อมร้องเรียกชื่อผมไปด้วย ผมรีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำไปหาเพื่อน ไอ้ทศบอกว่าไอ้น้องรันต์ช็อคเพราะพิษไข้ เรารีบไปโรงพยาบาลกันอย่างเร่งด่วน

โชคดีที่มาทัน อาการของไอ้รันต์ปลอดภัยแล้วแต่ไม่รู้สภาพจิตใจมันจะเป็นอย่างไร เพื่อนผมยิ่งรู้สึกผิดหนัก พอไอ้รันต์ฟื้นคืนสติก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ มันโกรธไอ้ทศหนักมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าถึงขั้นเกลียดไหม แต่พวกมันรักกันผมไม่อยากให้ต้องเลิกกันเลย

ผมเข้าใจความรู้สึกของไอ้รันต์นะ ใครบ้างที่ถูกข่มขืนแล้วจะรู้สึกดี? ใครบ้างไม่โกรธ? ผมว่าไม่มีหรอก ถ้ามีอันนั้นคงเป็นรสนิยมส่วนตัวเขา

ไอ้ทศไม่คิดแก้ตัวกับไอ้รันต์เพราะไม่ใช่นิสัยที่มันชอบทำ ผมจริงเป็นคนพูดแทนเพื่อนเอง ผมพูดในสิ่งที่ควรพูดทั้งหมดออกไป ไม่ได้คะยั้นคะยอให้น้องยกโทษให้เพื่อนหรอก แต่อยากให้มันได้รับรู้เรื่องราวก่อนจะตัดสินใจทำอะไร

ไอ้รันต์เหมือนดื้อก็จริงแต่ภายในมันเป็นคนขี้ใจอ่อน มันรับฟังเหตุผลไม่ได้งี่เง่าไปทุกอย่าง แต่โกรธก็ส่วนโกรธไม่ใช่ว่าความรู้สึกนั้นจะหายไปได้ง่ายๆ

หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่ามันสองคนตกลงกันยังไง แต่ไอ้ทศต้องกลับอังกฤษไปรักษาตัว ส่วนไอ้รันต์จะยังอยู่ที่คอนโดฯไอ้ทศเหมือนเดิมเพื่อความปลอดภัย เพราะศัตรูในอดีตของมันเริ่มเคลื่อนไหว ระหว่างนั้นผมก็แทบจะตัวติดกับไอ้น้องรันต์ตลอดเวลาส่วนหนึ่งคือไอ้ทศฝากให้ช่วยดูแลเมียมันด้วยเพราะกลัวไอ้รันต์จะไปทำอะไรแผลงๆอันตรายขึ้นมาแล้วมันใจจะขาด อีกส่วนหนึ่งผมก็เหงาๆไม่รู้จะไปไหนเพราะต้องกินยา เกรย์เลยสั่งงดแอลกอฮอลล์

วันหยุดสุดสัปดาห์ อยู่ๆไอ้รันต์ก็ชวนผมไปดูหนังผิดวิสัยคนชอบติดห้องอย่างมัน แต่ผมก็ตอบตกลงไปเพราะเบื่อๆอยากดูพอดี วันที่ไปไอ้รันต์แม่งเปลี่ยนลุคใหม่ โคตรน่ารัก ไอ้ทศเห็นคงไม่ยอมให้ออกจากห้อง เราไปดูหนังโดยชวนไอ้เซนท์กับไอ้ดีมาด้วย เราเลือกที่นั่งแบบโซฟาซึ่งนั่งได้สองคน

แหม่ ไม่จำเป็นคู่รักก็นั่งได้นะ ขอแค่มันสบายก็พอ ดูหนังไปได้สักพักไอ้รันต์ก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปนั้นมันยังถามผมด้วยคำถามแปลกๆ

“พี่สมิธผมปวดท้อง ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“ปวดขี้อะไรตอนนี้วะ หนังกำลังมันส์ รีบไปรีบมาเลย” ผมกระซิบบอกมันเสียงเบาเพราะกลัวมันจะพลาดช็อตเด็ด

“อื้อ พี่...ถ้าผมเป็นอันตราย พี่จะช่วยผมไหมครับ” มันถามออกมา ผมหันไปมองหน้าไอ้รันต์ท่ามกลางความมืดแปบหนึ่งแล้วหันไปดูหนังต่อ

“ก็ต้องช่วยเดะ มึงน้องกู”

“ผมก็เหมือนกัน...ขอบคุณนะครับ”พูดจบมันก็ลุกออกไป ผมหันไปมองตามมันจนสุดสายตา

คือไอ้น้องรันต์มึงขี้นานไปป่ะวะ ออกไปตั้งแต่หนังเล่นได้ครึ่งเรื่องจนตอนนี้หนังจบแล้วมันก็ยังไม่กลับมา ไฟในโรงหนังเปิดสว่างโร่ ไอ้เซนท์พร้อมๆกับไอ้ดีลุกจากโซฟาข้างผม หน้าแดง ปากแดงบวมเจ่อดูก็รู้ว่าโดนอะไร ไอ้เหี้ยดีนอกสถานที่ก็ไม่เว้น

“น้องรันต์ล่ะ” ไอ้เซนท์ถามกลบเกลื่อนสายตาผมเมื่อไม่เห็นเงาของไอ้เด็กแสบที่ควรจะอยู่ตรงนี้

“ไอ้รันต์ไปขี้ยังไม่กลับมาเลย ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง กูไปตามมันก่อนนะ พวกมึงไปรอที่ข้างหน้าก่อนเลย” ผมบอกสองคนนั้นด้วยน้ำเสียงปกติแกมล้อเล่นแล้วรีบสาวเท้าออกมา ทั้งๆที่ในใจผมมันกลับร้อนรนและรู้สึกไม่ดีสุดๆ เมื่อถึงห้องน้ำผมก็รอคนที่เข้าอยู่ให้ออกไปให้หมดก่อน ผมไล่ดูห้องน้ำทุกบานที่เปิด แม้แต่บานที่ปิดก็เคาะเรียก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผมตามหา

จนกระผมเปิดห้องน้ำบานหนึ่งไปเป้สีแดงคุ้นตาวางที่พักของในห้องน้ำ ผมถือวิสาสะเปิดเป้นั้นดูเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดของไอ้เด็กที่ผมพามาด้วยเมื่อตอนเย็น ใจผมหายวาบ หยิบโทรศัพท์กดโทรหามันเมื่อนึกขึ้นได้

ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...

ติดแต่ว่าไม่มีคนรับ!

“Shit!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย มันไปแล้ว...แอบไปทำอะไรอันตรายๆคนเดียวแน่ๆ ทำไมมันต้องทำ

“คุณสมิธ! เจอคุณรันต์ไหมครับ” สตีฟวิ่งหน้าตาตื่นเจอกับผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาเขาหยุดมองเป้ในมือผมพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเดิมของไอ้รันต์ คนฉลาดอย่างสตีฟก็เข้าใจทุกอย่างได้แทบจะทันที เขารีบกดมือถือโทรหาลูกน้องให้ออกตามหาไอ้รันต์ให้ทั่วห้าง

“คุณรันต์ออกไปนานรึยังครับ” สตีฟถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป

“ชั่วโมงหนึ่งได้” ผมพูดเรียบๆ เหมือนสติหลุดออกจากร่างโกรธก็โกรธที่มันทำอะไรเองไม่บอกคนอื่น แต่ความห่วงมันมีมากกว่า จนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วตอนนี้

“กรินเจอโทรศัพท์ตกอยู่ที่ลานจอดรถ คาดว่าน่าจะเป็นของคุณรันต์ครับ” สตีฟวางกูโทรศัพท์เป็นรอบที่ห้าหันมาบอกกับผม ตอนนี้เราอยู่บนรถสตีฟกลับมาส่งผมที่คอนโดฯก่อน ส่วนไอ้เซนท์และไอ้ดีผมให้พวกมันกลับไปก่อน ไอ้ดีเป็นคนที่รู้เรื่องแล้วจะให้คนของแม่ช่วยตามหาอีกแรง ส่วนไอ้เซนท์ก็ยังมึนๆต่อไป

“งั้นหรอ อย่าพึ่งผลีผลามทำอะไร ซุ่มดูไว้ก่อน” สตีฟวางสายรอบที่หกจากลูกน้อง ดูเหมือนจะมีความคืบหน้าแล้ว

“ได้ความแล้วหรอ” ผมหันไปถามสตีฟ เหงื่อชื้นมือไปหมด

“ครับ ลูกน้องที่ซุ่มดูบ้านพักแถวชานเมืองอีกหลังของนายหริรักษ์บอกว่ามีรถตู้น่าสงสัยที่ไม่ใช่รถประจำบ้านของนายหริรักษ์ขี่เข้าบ้านไปเมื่อกี้ครับ คิดว่าน่าจะเป็นของกลุ่มที่จับตัวคุณรันต์ไป อีกอย่างหนึ่งชั่วโมงก่อนนายหริรักษ์ยกเลิกประชุมด่วน คาดว่ากำลังเดินทางไปที่บ้านหลังนั้นครับ”

“แล้วรออะไรล่ะ ไปเลยสิ ผมไปด้วย” ผมพูดขึ้นอย่างดีใจเมื่อรู้ว่ารันต์อยู่ที่ไหน ถ้ารีบไปช่วยตอนนี้ก็น่าจะทัน แต่สตีฟกลับส่ายหัวให้กับผม

“ผมพาคุณสมิธไปด้วยไม่ได้ครับ มันอันตรายมาก ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาด้วยอีกคนผมอาจไม่ได้หายใจบนโลกนี้อีกแล้วก็ได้ แค่คุณรัต์ผมทำหน้าที่บกพร่องยังไม่รู้จะโดนอะไรบ้างเลย” สตีฟบอกด้วยน้ำเสียงหนักใจ เขาคงไม่กล้าเอาชีวิตผมไปเสี่ยงด้วยนั่นแหละ ผมรู้ว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แต่ผมแค่อยากไปช่วยไม่ได้อยากไปเพิ่มภาระสักหน่อย

“แล้วจะเอายังไงต่อ”

“ผมจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้ก่อน ติดต่อนายไม่ได้แต่อีกสองชั่วโมงเจฟจะถึงเมืองไทยแล้วกำลังเสริมคงจะตามไปสมทบ ตอนนี้เราไม่มีกำลังคนมากขนาดที่จะบุกเข้าไปชิงตัวคุณรันต์ออกมาได้ ถ้าไม่สำเร็จมันจะกลายเป็นช่องโหว่ให้ฝั่งนั้นจัดการเรา” สตีฟเอ่ยเครียดๆ ถ้าเขาจะเข้าไปถ่วงเวลาไว้เพียงลำพัง นั่นก็หมายความว่าเขายอมสละชีวิตตัวเองแล้ว

“ไปคอนโดฯ G” ผมพูดเสียงนิ่ง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่มีทางเลือก สตีฟมองหน้าผมราวกับกลัวหูฝาด

“ว่าไงนะครับ” เขาอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“ไปคอนโดฯG อยากได้กำลังสนับสนุนไม่ใช่หรือไง” ผมพูดเสียงนิ่ง บังคับจิตใจตัวเองให้เข้มแข็ง มือกำเข้าหากันแน่น ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมจะยอมรับและสู้กับมัน

“แน่ใจแล้วนะครับ” สตีฟถามย้ำอีกรอบกับผม

“อืม” สตีฟหันไปพยักหน้าให้คนขับรถ พวงมาลัยถูกหักเลี้ยวเปลี่ยนไปอีกเส้นทาง

ไปในที่ๆผมจะไม่สามารถก้าวออกมาจากมันได้อีก

++++++++++++++++

ผมเดินทางมาถึงคอนโดGอย่างรวดเร็ว สามารถเดินเข้าไปในล็อบบี้คอนโดฯได้อย่างง่ายดาย และผมเห็นโยนั่งรออยู่ที่โซฟาในล็อบบี้ ทันทีที่เขาเห็นผม ร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตกก็ลุกขึ้นเดินมาหาผม เขาฉีกยิ้มให้ผมนิดๆแล้วก้าวนำไปที่ลิฟท์

ชั้น37 คือชั้นสูงสุดของตึกนี้และมันก็อยู่บนชั้นนี้ ผมยืนอยู่ในลิฟท์ด้วยหัวใจเต้นรัว เมื่อคิดว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับใครเหงื่อยิ่งไหลพลั่กไม่หยุด

ติ้ง!เสียงลิฟท์ร้องและเปิดออก เหมือนเป็นประกาศเตือนว่าผมอยู่ปากทางนรกแล้ว ผมเวียนหัวเกือบวูบแต่สตีฟที่เดินอยู่ตามหลังประคองผมไม้ได้ก่อน

“ไหวแน่นะครับ?”เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ผมจึงพยักหน้าให้ ทั้งชั้นมีแค่สองห้างแยกเป็นฝั่งซ้ายและขวา โยเดินนำผมมาหยุดที่หน้าห้องฝั่งซ้าย เขาสแกนนิ้วแล้วกดรหัสก่อนจะผลักประตูออกกว้าง

“เชิญครับ”คำกล่าวของโยในความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนกับบอกว่า ‘ไปลงนรกซะ’อย่างไรอย่างนั้น

ผมนิ่งอยู่เป็นนาทีไม่ยอมขยับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเร่งผม ผมสูดหายใจเข้าลึก กำหมัดแน่นก่อนจะขยับเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้อง ภายในตกแต่งเรียบๆแต่ของใช้บางชิ้นดูก็รู้ว่าเป็นสไตล์ที่มันชอบ

ผมถอดรองเท้าเมื่อลูกน้องมันนำมาเปลี่ยนให้ถึงที่ ก้าวเดินเอื่อยๆไปจนถึงห้องโถงนั่งเล่นขนาดใหญ่ บนโซฟาบุหนาตัวใหญ่มีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งอ่านเอกสารเงียบๆอย่างสงบ

ราวกับมันรู้ว่าผมกำลังจ้องอยู่ มันวางเอกสารลงพร้อมหันหน้ามาทางผมก่อนจะส่งยิ้มให้

“ไง”

“…”ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะแค่มายืนอยู่ตรงนี้ก็ใช้ความอดทนประมาณครึ่งชีวิตแล้ว หน้าตามันแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตลอดเกือบ6ปีที่ผ่านมา แต่มันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น(แน่ล่ะอายุมันจะแตะเลขสามอยู่แล้ว) ผมยาวสีบอนด์ทองที่มัดไว้ลวกๆไม่ได้ทำให้มันดูเหมือนตุ๊ด แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดได้ทั้งชายอละหญิงอย่างน่าอัศจรรย์ รูปร่างมันก็สูงใหญ่สมชายชาตรี

เอ๊ะ!แล้วนี่ผมจะมาพรรณาชื่นชมมันทำหอกเหวอะไรวะ

“มานั่งนี่สิ ยืนอยู่ไม่เมื่อยหรือไง?”มันเคาะนิ้วที่นั่งข้างตัวเอง ผมก็ยังไม่ขยับขาแต่ขยับริมฝีปากแทน

“แฟนไอ้ทศถูกจับตัวไป”

“แล้ว?”มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเหมือนไม่เข้าใจ

“มึงควรไปช่วย เพราะตอนนี้ไอ้ทศอยู่ที่อังกฤษ”

“ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้น”มันเอ่ยยิ้มๆ ผมกัดฟันกรอดรู้สึกโกรธขึ้นมา จึงเผลอตะคอกใส่มันอย่างลืมกลัว

“นั่นเมียน้องมึงนะ!”

“ก็แค่เมียน้อง ถ้าเป็นเมียพี่ก็ว่าไปอย่าง”มันยิ้มและมองผมแบบที่ที่ให้ผมอยากจะอ้วกใส่หน้ามัน

“แล้วต้องทำยังไงถึงจะยอมไปช่วยไอ้รันต์”ถามเอ่ยถามอย่างไม่มีทางเลือก ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นห่วงไอ้รันต์มากขึ้นเท่านั้น

“เอ๋? เด็กนั่นสำคัญขนาดนั้นเชียว?”มันถามเหมือนเล่นแต่น้ำเสียงกลับดูเย็นเยียบขึ้น ตอนแรก็ว่าจะตอบกลับมันเจ็บๆสักประโยคแต่ก็กลัวว่านอกจากมันจะไม่ช่วยไอ้รันต์แล้วผมนี่แหละจะเจ็บตัว

“หยุดเล่นลิ้นสักที!”

“ฮ่ะๆก็ได้ ในฐานะที่พี่เป็นผู้ใหญ่กว่า มิทตี้ลองเสนอข้อแลกเปลี่ยนมาสิเผื่อพี่จะลองพิจารณาดู”ผมกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้จะคิดอะไร คนระดับมันมีสิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้ด้วยเหรอวะ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะให้มันหรอก ถ้าบอกจะให้เงินหรือสิ่งของก็จะเป็นการโชว์โง่ตัวเองซะเปล่าๆ มันมีมากกว่าผมตั้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า

“มึงบอกมาเลยดีกว่าต้องการอะไร เลิกพูดมากอ้อมค้อมสักที!”มันลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาทางผม เท้าผมเผลอก้าวถอยหลังมาตามจังหวะที่มันย่างก้าว มันหยุดผมก็หยุด

“จะเดินหนีพี่ทำไม?”

“แล้วมึงจะเดินมาทำไม”มันไม่ตอบแต่ขยับเดินอีกครั้งก่อนจะพูด

“ถ้าขยับหนีอีก พี่จะไม่ช่วย”รอยยิ้มพร้อมกับคำพูดของมันราวกับหินถ่วงอยู่ที่ขา ผมหยุดยับเท้าทันที ทำให้มันก้าวเข้ามาประชิดตัวผมได้ในที่สุด ผมก้มหน้าเพราะไม่อยากสบตามัน เนื่องจากความสูงไล่เลี่ยกัน ผมน่าจะน้อยกว่ามันไม่กี่เซนติเมตร รูปร่างก็แทบจะพอๆกัน

“สิ่งที่พี่อยากได้จากมิทตี้ แน่นอนว่ามิทตี้มีและพี่ว่านายรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” ผมกำหมัดพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นเพราะความกลัว ยังดีที่มันไม่ได้ใช้น้ำเสียงคุกคามหรือเย็นเยียบเหมือนเมื่อก่อน

“…”

“ถ้าจะให้พูดตรงๆคือพี่ต้องการมิทตี้ จะยอมไหมล่ะ?” อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากร้องไห้ ชีวิตแม่งต้องมาวนลูปอยู่กับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

“พี่จะทะนุถนอมมิทตี้มากกว่าเดิม จะให้อิสระบ้างที่มิทตี้ต้องการ โอเคไหม?”มันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเหมือนปลอบใจเด็ก สุดท้ายเมื่อผมคิดทบทวนหลายๆสิ่งเข้าด้วยกันแล้ว ผมมีแต่ต้องเลือกทางนี้เท่านั้น เอาไว้ค่อยหาวิธีการหนีจากมันอีกที

“กูมีทำเลือกอื่นด้วยเหรอ”ผมพูดเสียงแผ่ว ยอมจำนนมันในที่สุด

“หึๆ เด็กดีของพี่”เสียงมันกระซิบอยู่ใกล้ๆหูก่อนจะดึงตัวผมไปกอดแน่นจนผมเจ็บนิด ตัวผมแข็งเกร็งไม่กล้ากระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว หลับตาข่มใจปล่อยให้มันหอมหัวไปหลายที

++++++++++++++++++

มันยอมส่งลูกน้องไปช่วยไอ้รันต์ตามความต้องการผม ไอ้ทศติดต่อมาว่าให้ดูสถานการณ์รอมันไปสมทบ แต่ถ้าเกิดอะไรให้ลูกน้องพี่มันลงมือได้เลย

ผมอยากตามไปช่วยด้วยอีกแรง แต่ไอ้เหี้ยลุคไม่ยอม

“เรื่องที่ถูกแทงยังไม่ได้ชำระความ อย่าหาเรื่อง”มันชี้หน้าเตือนผมดุๆ ผมได้แต่หน้าบึ้งเถียงอะไรไม่ออก ผมรอฟังข่าวทั้งคืน ในที่สุดก็ช่วยไอ้รันต์ออกมาได้ แต่ไอ้ทศโดนยิง สตีฟบอกว่าสาหัสมาก

ผมใจหล่นวูบ โคตรเป็นห่วงเพื่อน อยู่ๆแม่งก็อยากร้องไห้เพราะกลัวมันตาย ไอ้เหี้ยลุคก็พูดอะไรไม่ออกเพราะมันก็รักน้องมันมากเหมือนกัน มันรีบไปโรงพยาบาลซึ่งผมก็ตามไปด้วยถึงไม่ให้ไปผมก็ไม่ยอมอยู่ดี กว่าไอ้ทศจะผ่าตัดเสร็จท้องฟ้าก็เกือบสว่างแล้ว อาการมันยังทรงๆอยู่ผมหวังว่ามันจะปลอดภัย

ทศตื่นมาในช่วงสายๆ ถามหาเมียก่อนเป็นอันดับแรก ผมเลยบอกว่าไอ้รันต์กลับห้องไปแล้ว มันเลยบอกว่าถ้ารันต์มาให้ปลุกมันด้วยเผื่อมันหลับ(ไอ้นี่ติดเมียฉิบ) ผมจะกลับห้องผมจะไปพักผ่อนเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่ไอ้เหี้ยที่เดินอยู่ข้างๆผมมันไม่ยอมจะให้ผมกลับไปนอนที่ห้องมันให้ได้

“อย่ามาทำลืมที่คุยกัน”มันพูดเสียงเข้มอย่างไม่ยอมอ่อนข้อใดๆให้ผมทั้งสิ้น ผมจึงต้องจำทนกลับไปกับมัน อาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดใหม่(มันเตรียมมาไว้ให้)แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที

เอาตรงๆผมก็ยังกลัวมันอยู่ แต่นอกจากกอดและหอมผมเมื่อวานนี้มันก็ไม่ได้แตะต้องตัวผมอีก แม้จะเบาใจว่ามันไม่ได้มีท่าทีคุกคามหนัก แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจมันหรอก ผมหลับลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลียก่อน ตื่นมาถึงกลับต้องผงะแทบตกเตียง

ไอ้เหี้ยลุคนอนกอดผม! โอเค!มันอาจไม่ใช่ภาพที่น่าดูนักเมื่อผู้ชายตัวโตสองคนนอนกอดกันกลมดิก(ผมก็เผลอกอดมันด้วย) แต่หน้ามันที่ซุกอยู่ซอกคอกูนี่เอาไงดีวะ?

ถ้าตบหัวมัน ผมโดนตบคืนแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้กลัวมันหรอกนะแค่คิดว่าเป็นเด็กไม่ควรตบหัวผู้ใหญ่(อยู่ไทยนานเลยได้รับอิทธิพลเรื่องนี้มาด้วย) ผมเลยผลักหน้ามันออกจากซอกคอแรงๆให้มันรู้สึกตัวนั่นแหละ

มันปรือตาลืมขึ้นอย่างหงุดหงิด ดวงตาสีเขียวมรกตของมันก็ยังคงสวยงามอยู่เหมือนเดิม ผมเผลอจ้องตามันนานไปหน่อยจนกระทั่งมันเรียกก็ไม่ได้ยิน

“...ตี้ มิทตี้”

“อะ..อะไร!”ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมืออุ่นๆของมันไล้กับแก้มผมเบาๆ

“ทำไมรีบตื่น พี่ยังง่วงอยู่เลย”ว่าจบมันก็ทำท่าจะซุกลงกับคอผมอีกรอบ

“มึงหยุดเลย!ปล่อยกูด้วยกูจะไปหาไอ้ทศ!”ผมรีบเอามือดันหน้ามันไว้ไม่ให้มันทำในสิ่งที่ต้องการ

“ค่ำๆค่อยไป พี่ง่วง”

“มึงจะไปตอนไหนก็เรื่องของมึง แต่กูจะไปตอนนี้”

“เฮ้อ ดื้อจริงๆเด็กคนนี้”มันส่ายหัวนิดๆเหมือนบ่นเด็ก ควันผมแทบออกจากหู 21นี่เด็กเหรอวะ

“ปล่อยยยย”คราวนี้ผมดิ้นและถีบมันใต้ผ้าห่ม(ก็ว่าทำไมกูร้อน)

“มิทตี้!”มันขึ้นเสียงปรามดุๆ

“ไหนบอกจะให้อิสระ กับเรื่องแค่นี้มึงก็ผิดคำพูดแล้ว”ผมโวยบ้าง มันถอนหายใจหนักในที่สุดก็ยอมปล่อยมือจากตัวผม

“ให้โยตามไปด้วย เยี่ยมเสร็จแล้วให้รีบกลับ พี่ไม่อนุญาตให้ค้าง”

“อย่ามาทำตัวเหมือนพ่อ!”ผมเถียงกลับไปตามนิสัยไม่ยอมคน

“ต้องให้บอกไหมว่าเป็นผะ-อึก”ผมรีบเอามือปิดปากมันไว้ก่อนที่มันจะพูดคำนั้นออกมา

“กูจะไปอาบน้ำแล้ว”ผมพูดลิ้นรัวแล้วลุกออกจากเตียงทันที ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอเหมือนพอใจอะไรสักอย่างด้วยด้วย

“หึ!”

++++++++++++++++++++

ตอนนี้น่ารัก เฮียเริ่มง้อเมียแล้ว งื้อออ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 18:10:42
อีลู เลวได้คงที่เหมือนเดิม  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 12-06-2018 19:18:53
ชอบ ชอบ ชอบ

          :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 12-06-2018 20:00:46
 :-[
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 21:27:29
เฮียเริ่มง้อเมียแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-06-2018 00:12:44
นี่ง้อแล้วเหรอมีความรู้สึกว่ายังกวน...เหมือนเดิมแล้วดูเหมือนจะยังมีเด็กๆเลี้ยงไว้อีกนะ มิทตี้เอาคืนได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.1[12/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 14-06-2018 18:22:44
อิพี่มันจะทำให้มิทตี้เสียใจอีกไหม!
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-06-2018 01:20:02
คนโปรด 18.2
ผมรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว เดินออกมาก็เห็นไอ้เหี้ยลุคหลับซุกหมอนผมขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ผมเบ้ปากนิดๆให้กับความขี้หนาวสำออยไม่เข้ากับหน้าของมัน เลยเดินไปเร่งแอร์เหลือสิบหกองศาเซลเซียสเพื่อเอาคืนมันเล็กๆน้อยๆ เมื่อแกล้งมันสบายใจแล้วก็ออกจากห้องโดยมีโยและลูกน้องมันอีกคนพาไปโรงพยาบาล

ผมเข้าไปเยี่ยมไอ้ทศ มันกำลังคุยกับตำรวจเรื่องคดีอยู่ ไม่นานก็คุยเสร็จเขาก็ขอตัวออกไป แต่ก่อนไปตำหนวด เอ้ย ตำรวจคนนั้นก็บอกว่าไอ้รันต์พักอยู่อีกห้องบนชั้นเดียวกัน กำลังเตรียมเข้าผ่าตัด ผมได้ยินก็จำชื่อห้องไว้เพราะมีเรื่องจะคุยกับมันอยู่เหมือน

“เป็นไงบ้าง?”เมื่อตำรวจออกไปแล้วผมก็เอ่ยถามอาการเพื่อน พร้อมทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา

“เจ็บนิดหน่อย”ดูคำพูดไอ้คนเกือบไม่ได้มานั่งโม้อยู่ตรงนี้

“ปากดีไอ้สัส”ไอ้ทศยิ้มขำๆให้ เห็นสีหน้ามันผ่อนคลายแบบนี้ผมก็เบาใจ

“หึๆขอบใจมากที่ดูแลรันต์แทนกู แล้วก็ขอโทษเรื่องที่ทำให้มึงต้องกลับไปหาเขา”สีหน้าไอ้ทศราบเรียบก็จริง แต่น้ำเสียงมันแสดงความรู้สึกผิดต่อผมอย่างชัดเจน

“เรื่องไอ้รันต์กูเต็มใจ เพราะกูรักมันเหมือนน้องไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นเมียมึง ส่วนเรื่องไอ้เหี้ยนั่นกูคิดว่ายังไงสักวันกูก็ต้องเผชิญหน้ากับมันไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี กูกลัวก็จริง แต่เกรย์บอกว่ากูเอาชนะมันได้เพียงแต่กูต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน”

“...”ไอ้ทศเงียบเพื่อตั้งใจฟังผมเล่า

“ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับมันจริงๆ กูกลัวมาก แต่พอคิดว่ามีพวกมึงคอยอยู่ข้างๆความกลัวพวกนั้นก็ค่อยๆลดลงไป กูรู้สึกมีความกล้าและเข้มแข็งขึ้น หรือต่อให้มันจะทำให้กูเจ็บปวดแค่ไหน...แต่อย่างน้อย...”เสียงผมสั่นนิดๆเพราะผมพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“มาหากูดิ๊”ไอ้ทศที่กึ่งนั่งกึ่งนอนกวักมือเรียกผมจากบนเตียง ผมลุกจากโซฟาไปหามันอย่างว่าง่าย เมื่อผมขยับเข้าไปใกล้มันก็คว้าคอผมเข้าไปกอดปลอบเหมือนครั้งแรกที่มันพาผมออกมาจากที่นั่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ผมปล่อยให้น้ำตาไหลรินเพราะอ่อนไหว ขยุ้มเสื้อมันไว้แน่น

“มึงยังมีกู”มันเอ่ยเสียงไม่ดังแต่ทว่าหนักแน่นอยู่ในคำพูด มือตบไหล่ผมเบาๆ ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมเพียงแต่ว่าไม่ได้ส่งเสียงร้อง แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ

คำๆนี้ไอ้ทศก็เคยพูดกับผมไว้เมื่อนานมาแล้ว และผมยังจำวันนั้นได้ดี

‘จะร้องไห้ทำไมนักหนา ให้กลับไปส่งไหม?’เด็กหนุ่มวัยรุ่นนัยน์ตาสีเขียวซีดเอ่ยถามอย่างดุดันผิดวัย สายตาเหลือบมองร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้อย่างหนักมาตลอดทาง

‘ฮึก!ไม่ไป’ร่างบางของสมิธส่ายหน้ารัว กลัวเหลือเกินว่าคนที่นั่งข้างๆจะบอกให้คนขับรถพากลับไปส่ง

‘หยุดร้องได้แล้ว รำคาญ’ทศกัณฐ์พูดห้วนๆบอกออกไปตามตรง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ช่วยไอ้ตัวเล็กนี่ออกมา

‘ทำไมถึงช่วยผมล่ะ ทำไมถึงไม่ฆ่าผมให้จบๆไป ฮึก’

‘แล้วทำไมกูต้องฆ่า?’ทศกัณฐ์กอดอกเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กกว่า(และคิดว่าอายุน้อยกว่า)

‘ฮึกๆ ก็คุณมีปืน’ทศกัณฐ์นิ่งเงียบไปพักใหญ่กับความคิดของไอ้เด็กคนนี้

‘อยากตายจริงๆเหรอ ถ้าอย่างนั้นกูจะสงเคราะห์ให้’ทศกัณฐ์เอ่ยกับสมิธด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก สมิธที่กำลังร้องไห้อยู่ลมหายใจสะดุดไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะยอมพยักหน้าให้ทศกัณฐ์ทำตามที่พูด

‘ฆ่าผมเถอะ ฮึก ผมอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย ผมไม่เหลือใครแล้ว ฮือ’สมิธสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ทศกัณฐ์ก็เงียบไปนานจนสมิธหยุดร้องและกำลังจะหมดสติไปด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้และการร้องไห้อย่างหนัก อยู่ๆคนข้างตัวเด็กหนุ่มร่างบางก็เอ่ยขึ้น

‘แล้วที่นั่งอยู่ข้างๆมึงตอนนี้ไม่ใช่คนหรือไง?’สมิธปรือตาที่หนักอึ้งมองคนที่นั่งข้างๆ สมองที่มึนงงอยู่กำลังประมวลผลคำพูดของทศกัณฐ์ช้าๆ ก่อนเด็กหนุ่มจะปล่อยโฮระลอกใหม่ออกมาเสียงดังเมื่อเข้าใจความหมายคำพูดทศกัณฐ์

‘คุณ อึก!จะอยู่ข้างๆผมจริงเหรอ ฮึกฮืออ’สมิธถามย้ำสิ่งที่คิด ทั้งที่ในใจแทบจะฝากทั้งชีวิตไว้กับทศกัณฐ์ไปแล้ว

‘เออ กูพามึงมาแล้วก็ต้องดูแลสิ แล้วมึงจะร้องทำไมอีก?’ทศกัณฐ์พยักหน้ารับคำ แล้วถามสมิธอย่างไม่เข้าใจที่ร้องไห้หนักกว่าเดิม

‘ผม ฮึก! ดีใจ ฮือออ’ มือเรียวยกมือขึ้นปาดน้ำตาทั้งรอยยิ้ม เป็นสิ่งดีๆครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่ทำให้สมิธยิ้มออก ‘ขอกอดได้ไหม ฮึก’สมิธเอ่ยขออีกคนทั้งๆสะอื้น ทศกัณฐ์มองสมิธอย่างรำคาญจนร่างบางมองคนตัวโตกว่าแบบเหงาหงอยคิดว่าคงไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มตัวโตกว่ากลับเกี่ยวต้นคอสมิธเข้าไปกอดไว้เอง ฝ่ามือตบแผ่นหลังบางเบาๆ

‘ตอนนึ้มึงมีกูอยู่’สมิธกอดทศกัณฐ์แน่นอย่างหาที่พึ่งพิงพร้อมซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง

‘ขอบคุณ’

‘ครั้งนี้ครั้งเดียวนะมึง กูรับปากพี่ไว้ว่าจะไม่แตะต้องมึง’ สมิธพยักหน้าเข้าใจ แล้วกอดทศกัณฐ์แน่นขึ้นไปอีก

วันนั้นทำให้ผมได้ได้เรียนรู้หลายอย่าง อย่างน้อยผมก็ยังมีความหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องโดดเดี่ยว ทศกัณฐ์คือคนที่ผมกล้าตายแทนได้อย่างไม่มีข้อแม้ มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผม

ก็อย่าที่ทศกัณฐ์บอกอย่างน้อยผมยังมีมัน มีเพื่อน มีน้อง ทุกคนล้วนเป็นคนที่ผมรัก...ผมไม่ได้ไม่เหลือใครเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ตอนนี้ถ้าถามว่าผมกลัวอะไรในตัวลูคัสมากที่สุด...ผมกลัวว่ามันจะพรากทุกคนไปจากผม

หลังจากที่ผมหยุดร้องไห้ไปสักพัก เราก็คุยกันเรื่องอื่นโดยไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้อีก

“แล้วนี่ไอ้น้องรันต์มาหามึงรึยัง?”ผมวกมาถามเรื่องไอ้เด็กเอ๋อ

“ยัง...และกูคิดว่าคงไม่มา”

“ทำไมวะ?”

“รันต์คงรู้สึกผิดและอาจจะกำลังโทษตัวเองว่าเป็นคนที่ทำให้กูต้องเป็นแบบนี้”ไอ้ทศทำหน้าซึมๆลงไป

“เดี๋ยวกูไปตามมันเอง”

“อย่าบังคับน้องนะ”

“เออน่ะ ห่วงกันจริงพวกมึงนิ”ผมบ่นนิดๆก่อนจะเดินออกจากห้องไอ้ทศ ตรงไปทางห้องไอ้รันต์(ที่ท่องไว้ในใจประมาณ10รอบกันลืม) ระหว่างทางผมเดินสวนกับตำรวจที่คุยกับไอ้ทศในห้อง เรายิ้มให้กันตามมารยาท ก่อนที่ผมจะเบี่ยงตัวเดินเลี้ยวไปทางหน้าห้องไอ้รันต์ ผมเปิดประตูดัง

ปัง!โดยไม่ได้สนมารยาทที่ควรทำอีก

“ว่างป่ะ ขอคุยด้วยหน่อยดิ”ผมโพล่งออกไปตรงๆ น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ใด ไอ้รันต์หันมามองผมก่อนจะเอ่ยปากบอกให้เพื่อนมันที่นั่งอยู่ข้างเตียงกลับไปก่อน

“เจคมึงกลับไปก่อน ขอบใจมากที่มา”ไอ้คนชื่อเจคมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนจะยอมออกจากห้องไปตามที่ไอ้รันต์บอก ผมเดินเข้าไปประชิดเตียงไอ้น้อง จังหวะที่มันเอ่ยถามผมก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้ามัน

“พี่มีอะไรรึปะ-…เพี๊ยะ!”ไอ้รันต์หน้าหันไปตามแรงตบผม แก้มขึ้นสีแต่ไม่มีเลือดออกเพราะผมไม่ได้ตบมันแรงเท่าไหร่ แค่จะสั่งสอนให้มันรู้สึกตัวเท่านั้น

“มึงยังเห็นกูเป็นพี่มึงอยู่ไหม ไหนบอกว่าไว้ใจกู กูมีอะไรก็เล่าให้มึงฟังหมด แล้วทำไมเวลาที่มึงมีปัญหาถึงไม่พูด! มึงเคยเห็นหัวกูบ้างไหม!”ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปด้วยความรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจ

“ผมขอโทษ”ไอ้รันต์เอ่ยเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้าผม สภาพนี้ถ้าเป็นไอ้ทศคงใจอ่อนไปแล้ว แต่ผมกับไอ้ทศมันคนละคนกัน

“มึงพูดเป็นแต่คำนี้เหรอ มึงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วใช่ไหม...ถ้ามึงไม่พูด เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”ผมเอ่ยบีบมัน เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่ใช่ทำทุกอย่างไปเพื่อมันโดยที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมันอีกผมจะได้ช่วยเหลือได้ทัน

“ไม่เอา” ไอ้รันต์พูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ มือเรียวกำเสื้อผมไว้แน่น

“ไม่เอาก็พูดมาให้หมด เรื่องราวทั้งหมด...ทุกเรื่อง” ผมนั่งลงข้างเตียงเพื่อให้โอกาสน้องได้พูด ไอ้รันต์ยอมเปิดปากเล่าปัญหาชีวิตมันตั้งแต่เด็ก ยอมรับว่ามันเป็นเด็กที่แข็งแกร่งมาก ชีวิตมันก็มีมุมที่น่าสงสารไม่น้อยไปกว่าผม ซึ่งปัญหาที่ว่ามันก็ทุกข์กันคนละแบบ แต่สุดท้ายก็ทำให้เราเสียใจไม่ต่างกัน จนเมื่อมันเล่ามาถึงแผนการสุดท้ายถึงวิธีการจับกุมไอ้รัฐมนตรีเหี้ยนั่น

“...มีคนโทรหาผม เขาบอกว่าหริรักษ์รู้ตัวตนของผมแล้ว มีคนคอยจับตาดูผม และพี่อยู่ พอผมลองสังเกตดูดีๆก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ” สิ่งที่ไอ้รันต์เล่าทำให้ผมรุ้สึกแปลกใจขึ้นมา จึงเอ่ยถามมันไปแบบงงๆ

“กูด้วยเหรอ?”

“อื้อ เขาบอกผมกำลังจะทำให้พี่สมิธเป็นอันตรายกับเรื่องของผมไปด้วย...ผมก็เลยตัดสินใจกันทุกคนออกไป” บอกตรงๆว่าตอนไอ้รันต์เล่ามาถึงจุดนี้ผมมั่นใจไปแล้ว90%ว่าเป็นใครที่โทรไปหาไอ้รันต์...มันมีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่ตามติดชีวิตผมยิ่งกว่าเงาจนรู้ว่ามีคนตามดูผมกับไอ้น้องรันต์

“คนที่โทรคุยกับมึงเขาพูดภาษาอะไร”ผมถามอีกคำถามเพื่อความชัวร์

“ภาษาอังกฤษ”

“สำเนียงผู้ดี พูดสุภาพแบบกระแดะๆป่ะ”

“ครับ แต่ก็ไม่กระแดะนะ”ไอ้รันต์พยักหน้า แถมแก้ต่างให้ไอ้สารเลวนั่นด้วย ผมกัดกรามกรอด ฝ่ามือกำแน่นด้วยความโกรธจนแทบระเบิด

“ไอ้เหี้ยนั่น กล้าดียังไงมาหลอกใช้มึงบีบกู…มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วกูว่ากูพอเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว ทีหลังมีอะไรพูดกับกูได้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”ผมพยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง เรื่องนี้ค่อยไปจัดการทีหลัง จึงเอ่ยบอกไอ้รันต์ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงพร้อมยกมือขยี้หัวมันไปด้วย

“อื้อ ไม่ทิ้งแล้วใช่ไหม”ไอ้เด็กเอ๋อถามผมตาแป๋ว

“ไม่ทิ้ง ถ้ามึงไม่ดื้อ” ผมพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มๆหล่อๆให้มันไปหนึ่งดอก

“ไม่ดื้อเหอะ”ไอ้รันต์เบะปากใส่ ผมเลยแกล้งดึงปากมันด้วยความหมั่นไส้ มันก็โวยวายว่าเจ็บใหญ่เลย เหอๆ

“แล้วนี่ใจคอมึงจะไม่ไปดูผัวมึงเลยหรือไง มันแทบจะกระชากน้ำเกลือมาหามึงถึงที่ถ้ากูไม่ห้ามไว้ก่อน”หลังจากแกล้งน้องจนพอใจแล้ว ผมก็เข้าเรื่องไอ้ทศ แกล้งพูดเว่อร์ๆไว้ด้วย เผื่อไอ้รันต์จะเห็นใจผัวมัน

“ทำไมถึงรู้กันล่ะครับว่าผมอยู่ที่นี่”ไอ้รันต์ดันถามไปคนละเรื่องเหมือนตั้งใจกลบเกลื่อนไม่ให้พูดถึงไอ้ทศ แต่ผมน่ะคือเทพสมิธ เดี๋ยวจะเป็นกามเทพแผลงให้เอง ฮ่าๆๆ(?)

“ไอ้คุณตำหนวดบอกมาอ่ะ มันเข้าไปคุยเรื่องไอ้เหี้ยนั่นกับไอ้ทศอ่ะดิ...น่าไปดูมันหน่อย ป่านนี้มันหลับไปแล้วมั้ง หมอพึ่งให้ยามันอีกรอบ ไปเถอะน่า” ไอ้เชี่ยทศยังไม่หลับหรอกเพราะมันเพิ่งตื่นเอง แต่ผมจำใจต้องตอแหลไอ้น้องรันต์อย่างช่วยไม่ได้(ผมฝืนใจจริงๆนะ) ไอ้รันต์ก็คิดชั่งใจอยู่นาน แต่สุดท้ายมันก็ทนลูกตื้อผมไม่ไหว ยอมเดินตามต้อยๆไปห้องไอ้ทศกับผมง่ายๆ

“เออมึงเข้าไปก่อน เดี๋ยวกูคุยโทรศัพท์อยู่นี่แปบ”พอถึงหน้าห้องไอ้ทศ ผมก็ผลักให้ไอ้รันต์เข้าไปในห้องพร้อมเอ่ยหาข้ออ้างปลีกตัวทันที ก็อยากให้พวกมันได้ปรับความเข้าใจกันสองคนมากกว่า มีผมอยู่ด้วยมันคงทำอะไรๆไม่สะดวก(?) ผมเหลือบมองดูแก้มไอ้รันต์ข้างที่ผมตบมันก่อนจะปิดประตูลง คือมันยังแดงๆอยู่เลยว่ะ หวังว่าไอ้ทศคงไม่มาฆ่าผมทีหลังนะ(กูทำความดีความชอบให้มึงนะเว้ยเพื่อน)

พอไอ้รันต์เข้าห้องไป ผมก็หยิบโทรศัพท์กดโทรหาโยว่าผมจะกลับแล้ว ไม่ต้องระบุก็คงจะรู้กันนะว่าโยพาผมไปส่งที่ไหน...ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงคอนโดฯG พอถึงห้องผมก็ก้าวฉับๆไปห้องที่ผมนอนก่อนออกไป บนเตียงว่างเปล่าไม่มีวี่แววของเหี้ยนอนอยู่

ผมจึงนั่งลงบนเตียงรอ นั่งไปได้สักพักไอ้เหี้ยลุคก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว มันเห็นผมก็เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยทัก

“ทำไมหน้าบึ้ง?เป็นอะไร?”มันยื่นมือมาทำท่าจะจับผมของผม แต่ผมก็ปัดมือมันออกเสียงดังก่อนจะทันแตะโดน

เพี๊ยะ! ทั้งห้องเงียบกริบ ไอ้ลุคจากหน้ายิ้มๆนี่นิ่งไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ตวัดสายตาแข็งกร้าวมองตอบมันอย่างไม่เกรงกลัว

“ใครให้มึงยุ่งกับไอ้รันต์!”ผมพูดขึ้นด้วยความโมโห มันกระตุกยิ้มเหี้ยมขยับตัวเข้ามาชิดผมมากขึ้น

“พี่ยุ่งเอง เพราะเขาอาจทำให้มิทตี้ได้รับอันตราย พี่ต้องกันไว้ก่อน”

“ตัวมึงรู้ดีว่าไม่มีใครทำอะไรกูได้หรอก แต่มึงบีบให้ไอ้รันต์ต้องทำอะไรเสี่ยงๆคนเดียว!บีบทางเลือกให้กูต้องมาหามึง!ทุกอย่างมันเป็นแผนมึง!!!”ผมกระชากคอเสื้อมันแน่นอย่างเอาเรื่อง มันบิดมือผมออกจากคอเสื้อตัวเอง ผมเจ็บแต่ไม่ยอมส่งเสียง

“ใช่!แล้วยังไง?”

“สารเลว!มึงทำได้ยังไงวะ ไม่เห็นแก่ใครมึงก็ควรเห็นแก่น้องมึงบ้าง!”

“พี่ยอมมามากพอแล้วมิทตี้ เพราะเห็นแก่น้องไม่ใช่หรือไงพี่ถึงได้เสียนาย!”

“อย่าโทษคนอื่น ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนั่นแหละ!”ผมเถียงคืนอย่างมีอารมณ์

“อืม พี่ผิดทุกอย่างนั่นแหละ”
 
“เรื่องที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ถือเป็นโมฆะ โอ้ย!”มันบีบข้อมือผมอย่างแรงจนผมร้องเสียงหลง

“ไม่มีทาง! อย่าหวังว่าครั้งนี้พี่จะยอมอีก!”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามันดุดันขึ้นทันที ผมพยายามบิดข้อมือออกจากมือมัน ทั้งๆที่แขนทบพอๆกันแต่ทำไมมันแรงเยอะนักวะ

“ปล่อย!”

“ไม่!”

“กูเกลียดมึง”

“รู้”เสี้ยววินาทีผมเห็นสายตามันสั่นไปวูบหนึ่ง

“เกลียดมาก อยากไปให้ไกลจากมึง”

“อย่าบังคับให้พี่ต้องขังนาย ต่อให้มีอีกสิบทศกัณฐ์ที่ก็ไม่ยอมอีกแล้ว”มันเอ่ยเสียงเข้ม ผมกัดฟันกรอด ตัวสั่นขึ้นมานิดๆเมื่อมันขู่จะขัง

“…”

“แต่พี่จะไม่ขังหรอกถ้ามิทตี้ไม่ดื้อกับพี่”มันคงสัมผัสได้ว่าผมตัวสั่นเลยพูดเสียงอ่อนลงอีกนิด

“กูหิวแล้ว”ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อคิดว่าต่อให้พูดอะไรต่อไปก็คงไปจากมันตอนนี้ไม่ได้อยู่ดี

“พี่จะพาออกไปกินข้างนอก”มันยิ้ม เปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่งกว่าผมซะอีก

++++++++++++++++

ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไอ้ทศยังไม่ได้มาเรียนเพราะอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนผมมีตัวเหี้ยคอยคุมแทบทุกเวลา ตามรับตามส่งเวลาไปเรียนทุกวัน เหล้าก็ไม่ได้กิน(?) สาวก็ไม่ได้อึ๊บ แทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ นี่มันไม่ได้ขังผมจริงๆใช่ไหมวะ ดีนะที่เวลานอนมันไม่ได้นอนห้องเดียวกับผม แต่บางคืนที่ผมหลับไม่ค่อยสนิทรู้สึกเหมือนมีคนกอดยังไงไม่รู้

“สี่โมงเย็นพี่มารับ”มันพูดขึ้นก่อนที่ผมจะเปิดประตูลงจากรถ

“ห๊ะ!”คือได้ยินนะ แต่ก็อุทานอย่างไม่เชื่อหู

“วันนี้จะกลับเอง”ผมพูดขึ้นอย่างสุดจะทน คือมันไม่ไหวแล้วอ่ะ วันนี้ยังไงผมก็ต้องได้ออก

“พี่จะมารับ”มันพูดเสียงนิ่งไม่ยอมง่ายๆ

“มันจะมากไปแล้วนะ ใจคอมึงจะไม่ให้กูไปไหนกับเพื่อนบ้างเลยหรือไง!”ผมหน้าบึ้ง พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

“อยากให้ทำมากกว่านี้ไหมล่ะ?”มันเลิกคิ้วถาม แต่สายตามองร่างกายผมพราวระยับจนผมนึกกลัว

“อยากไปเที่ยวกับเพื่อน”ผมเอ่ยขอมันตรงๆอย่างจนใจ

“วันหลังละกัน”มันตอบปัดแบบขอไปที ซึ่งนั่นทำให้ผมเดือดแล้วล่ะครับ

“พรุ่งนี้พี่จะไปดูงานที่มาเก๊าคงไม่มีคนคอยคุมอีกหลายวัน แค่อยู่กับผัวอีกสักวันคงไม่ขาดใจตายเดี๋ยวนี้หรอกมั้ง”คือมันกำลังพูดเหน็บผมใช่ไหมวะครับ

“มึงไม่ใช่ผัว!”ผมเถียงคอขึ้นเอ็น

“จะให้ย้ำตรงนี้เลยไหม”มันทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้ ผมเหลือบมองลูกน้องมันสองคนที่นั่งนิ่งอยู่เบาะหน้าราวหุ่น ความทรงจำที่โดนทำในรถผุดขึ้นมาในหัว

“ไอ้! ฮึ่ย!”สรรหาคำจะด่ามันไม่ออกเลยครับ

สุดท้ายผมก็เลิกต่อปากต่อคำกับมันแล้วเดินลงจากรถมันด้วยใบหน้าหงุดหงิดเต็มสูบ ใครกวนตีนกูตอนนี้ มึงคิดผิดสุดๆละ ขนาดไอ้ศาสตร์หมาประจำคณะเดินผ่านหน้า ผมยังไม่แวะเล่นกับมันอ่ะคิดดู

ผมเดินไม่กี่สิบก้าวก็ถึงใต้ตึกเรียนเจอไอ้เซนท์กับไอ้ดีนั่งรออยู่ม้าหินอ่อน แต่ประโยคแรกที่ไอ้เหี้ยตี๋เอ่ยทักผม กลับทำให้ผมอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม

"คนที่มาส่งมึงนั่นใครวะ?"ไอ้ตี๋เตี้ยถามด้วยความเสือกสุดๆแบบไม่มีกั๊กเลยนะมึง

"คนรู้จัก"ผมตอบปัดแบบห้วนๆ แต่ไอ้เชี่ยเซนท์แม่งก็ยังไม่เลิกราความเสือก

"คนรู้จักเหี้ยไรเทียวรับเทียวส่งมึงบ่อยขนาดนี้ แฟนก็บอกมาตรงๆไอ้สัส"ผมกรอกตาไปมาเซ็งๆ ก่อนจะเอ่ยตัดบทมันอย่างรำคาญ

"ผัวเก่ากู จบนะ!" ไอ้ตี๋เหมือนช็อคค้างไปเลย ผมจึงเดินลิ่วขึ้นตึกเรียนมาก่อน พยายามปรับอารมณ์ให้เย็น พอมาคิดได้อีกทีคือกูไม่ควรพูดคำนั้นเลย แต่เสือกพูดไปด้วยอารมณ์ล้วนๆไงที่มีตี่คนขยี้แล้วขยี้อีก

“ไอ้เหี้ยสมิธ ที่พูดเมื่อกี้จริงเหรอวะ!!?”ไอ้เตี้ยวิ่งตะโกนมาตั้งแต่ไกลๆ ผมจึงหยุดเดินรอมันจนกระทั่งมันวิ่งมาถึงตัว โดยมีไอ้ดีหอบกระเป๋ามันตามหลังมา

“แฮ่กๆไอ้สัสเดินเร็วชิบ”มันบ่นทั้งๆที่หอบ

“มึงขาสั้นเองอ่ะตี๋”

“ขาสั้นพ่อง...เอ๊ะ!อย่ามาเนียนเปลี่ยนเรื่องนะมึง ที่พูดเมื่อกี้จริงหรือเปล่า?”

“ไม่จริง”

“เออกูก็ว่า ตัวเท่าควายอย่างมึงจะมีผัวได้ไง”เหอๆแต่ก่อนกูน่ารักกว่ามึงอีก(?)

“แล้วสรุปคนที่มาส่งมึงอ่ะใคร?”

“เสือก!”ผมจิ้มหน้าผากมันแรงๆไปที

“เอ้อ!จำไว้เลย ทีเรื่องของกูมึงอย่ามาเสือกนะ!”มันเบ้ปากทำหน้างอน

“เรื่องของมึงมีไรให้เสือก?กูรู้เรื่องของมึงหมดไส้หมดพุงละ เหลือแค่ยังไม่รู้ว่ามึงกับไอ้ดีเอากันท่าไหนเท่านั้นแหละ”

“ไอ้สัสสมิธ!มึงหุบปากไปเลย!”มันชี้หน้าผมทั้งหน้าแดงก่ำ อันนี้ไม่รู้โกรธหรืออาย แต่คิดว่าน่าจะพอๆกันเพราะมันเดินสะบัดตูดหนีผมเข้าลิฟท์ไปแล้ว

“มึงก็อำมันแรงไป”ไอ้ดีที่เดินตามมาพูดขึ้นบ้าง

“อำอะไร?หรือที่กูพูดไม่จริง?”ผมทำหน้ากวนตีน ไอ้ดียิ้มก่อนจะเอ่ยทิ้งระเบิดไว้แล้วเดินตามเมียมันที่เอ่ยเร่งให้เข้าลิฟท์แล้วทิ้งผมไว้ให้เดินไปที่ห้องเรียนเอง

“หรือจะให้กูบอกมันว่ามึงมีผัวเป็นเรื่องจริง”ฉิบหาย!ที่ไอ้เหี้ยดีพูดนี่มันรู้ หรือมันอำผมวะ? แม่งเอ้ยยย

ทำไมเรื่องเหี้ยๆถึงเกิดขึ้นกับกูไม่หยุดเลยวะ!แล้วไอ้สองผัวเมียนั่นเสือกทิ้งผมให้เดินไปชั้น7จริงๆด้วยโว้ย ไอ้เพื่อนชั่ว!

++++++++++++++++
ถ้าอ่านไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลก็คิดว่ามันคือนิยายนะเพราะนี่คือนิยาย อิอิ
ป.ล.ถ้าการบ้านเสร็จเร็วตอนหน้าก็เจอกันวันอาทิตย์จ้า^^
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 05:13:17
ความเกลียดนังลู่ คงเส้นคงวาดีแฮะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-06-2018 09:17:45
มาคราวนี้อิพี่ลุคมันยอมเมียจ้า~ :laugh:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 17-06-2018 10:30:50
รู้ตัวว่าตัวเองผิดด้วยเหรอลุค? เชอระ!!
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-06-2018 14:12:02
อิพี่ลุคมันจะเอายังไงแน่ คือถ้ารักมิทตี้จริงก็ควรจะบอกน้องไปตรงๆได้แล้วไม่ใช่มากั๊กแล้วขู่น้องแบบนี้ เราว่าเหตุผลที่มิทตี้ไม่อยากอยู่ด้วยสาเหตุนึงคือกลัวและอีกสาเหตุคือความจริงใจที่สัมผัสไม่ได้จากอิพี่ลุคมันนี่แหละ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่18.2[15/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 17-06-2018 18:50:16
 :mew3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 18-06-2018 00:40:21
คนโปรด 19.1

ผมเข้าห้องเรียนเลทไป5นาที เพราะรอลิฟท์โดยไม่ยอมเดินขึ้นชั้น7อย่างที่ไอ้เซนท์ตั้งใจไว้และผมก็ไม่โดนอาจารย์ด่าด้วยเพราะวิชานี้เลทได้15นาที ก็นะ...ผมฉลาดกว่ามันเยอะ แผนแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก หึๆ ซึ่งหลังจากผมเข้าห้องเรียนได้ไม่กี่นาที ไอ้ทศก็เดินชิลๆเข้าห้องมา ออร่าแห่งความรักนี่ฟุ้งเชียว แหวะ!

เมื่อการเรียนช่วงเช้าจบลงเหล่านิสิตก็พากันแยกย้ายออกจากห้อง เห็นไอ้เซนท์เดินออกจากห้องไวๆผมจึงรีบเดินตามมัน ไปพร้อมเอาแขนไปเกี่ยวคอไอ้เตี้ยไว้ด้วย

“เฮ้ย!ตี๋ วันนี้แดกข้าวกับอะไร?”ไอ้เซนท์หันมาหน้าผมนิดๆ แล้วสะบัดหน้างอนใส่

“เสือก!”โห นี่มันโกรธกูจริงจังขนาดนี้เชียว? สงสัยคงต้องง้อมันหน่อย

“ชื่อพี่สมิธมีสอเสือ เสือกได้จ้ะ”ผมดึงแก้มป่องๆมันด้วยอีกทีหนึ่ง

“โอ้ย!ไอ้สัสสมิธ”ไอ้เซนท์โดยวายพร้อมผลักผมออกจากตัวเป็นการใหญ่ แต่สู้แรงผมไม่ได้ไง

“ขอเป็นกระต่าย เมี้ยว!”

“กระต่ายร้องเหมียวบ้านป้ามึงดิ! โง่!”ไอ้เซนท์หลุดยิ้ม

“โห่ มาว่าเค้าโง่ ตัวเองน่ะฉลาดนักเหรอ?”

“ฉลาดกว่ามึงแล้วกัน กระต่ายมันร้องบ้อกๆต่างหาก” ครับไอ้คนฉลาด ไปหมดละสมงสมองเพื่อนกู

“อ๋อเหรอ”

“อือฮึ เห็นแก่ว่ามึงโง่กว่า ครั้งนี้จะยอมให้อภัยก็แล้วกัน” ไอ้ตี๋ยืดแขนลูบหัวผมปลกๆ แล้วก็พยายามกอดคอผมเดินไปที่โรงอาหารคณะ

เฮ้อออ ไอ้เซนท์มันไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกันนะ อ้อ!คงเพราะไอ้เหี้ยดีตามใจมันมากเกินไป อะไรก็เห็นดีเห็นงามกับไอ้เซนท์ไปหมดด้วยความหลงเมีย สรุปแล้วไอ้เซนท์ปัญญาอ่อนเพราะไอ้ดี อืมๆเข้าใจแล้ว!

“กระต่ายบ้านพวกมึงร้องบ้อกๆเหรอวะ?”ไอ้ทศที่เดินคู่กับไอ้ดีเอ่ยถามไอ้ดีด้วยความสนใจ

“มึงมีเมียแล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”เสียงไอ้ดีถามย้อนคืน ไอ้ทศเงียบไปแปบเดียวก็เอ่ยขึ้นเหมือนบรรลุข้อสงสัย

“อ้อ กูเข้าใจละ”...อย่าบอกนะว่ามึงก็จะเข้าลัทธิหลงเมียไปด้วยอีกคน ไปหมดแล้วเพื่อนกู ผมส่ายหน้าให้กับความไม่เอาไหนของพวกมัน ถ้าผมมีรับรองว่าไม่มีทางเป็นแบบไอ้พวกนี้แน่ๆ

ช่วงเวลาพักกลางวันแบบนี้นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างหนาแน่นอยู่บ้าง แต่โรงอาหารของคณะก็สามารถรองรับนิสิตได้ทั้งคณะ ระหว่างที่ผมกำลังซดก๋วยเตี๋ยวต้มยำด้วยความเอร็ดอร่อย อยู่ๆไอ้เซนท์ที่แดกข้าวมันไก่หมดไปจานที่สอง(?)ก็เอ่ยขึ้นกลางวง

“วันนี้ออกไหม?”ออกในที่นี้คือออกเที่ยวนะครับ

“กูตามใจมึง”ไอ้ดีแม่งออกตัวแรงตลอดๆ

“กูยังไงก็ได้”ไอ้ทศบอกแต่ยกโทรศัพท์กดข้อความส่งไปขอเมียอย่างเร็ว

“โอเคงั้นไป”ไอ้เซนท์พยักสรุป อ้าว!?แล้วมันจะไม่ให้ผมตอบหน่อยเหรอวะ?

“มึงไม่ฟังคำตอบกูก่อนอ่ะ”ผมท้วงขึ้น

“ฟังทำไม ปกติมึงก็ไปทุกที ไข้ขึ้นจะตายยังไปแดกเหล้าได้เฉยเลยมึงน่ะ”อย่ามาประจานกูดิ

“วันนี้กูออกไม่ได้”ไม่ใช่ว่าไม่อยากออกนะ

“จริงจัง!?มึงไม่สบายหรือเปล่าเพื่อน?”ไอ้เซนท์ทำท่าตกใจแบบเว่อร์มาก เอาหลังมือมาแตะหน้าผากวัดไข้ผมอีก

“จริง วันนี้ไปไม่ได้”ผมทำหน้าเซ็งๆหมดอารมณ์จะกินก๋วยเตี๋ยวต่อเลย

“ทำไม?”ไอ้ดีถามขึ้นบ้างอย่างสนใจ

“มีธุระ”ผมตอบเพื่อนแบบขอไปที
“น้ำหน้าอย่างมึงน่ะเหรอจะมีธุระเป็นกับเขา โดนเด็กคุมก็บอก”พระเจ้าท่านช่วยส่งไอ้เซนท์คนโง่คนเดิมก่อนหน้านี้มาให้ผมที ร้านข้าวมันไก่ใส่ผงฉลาดให้มันแดกหรือไงวะ!

“เออน่ะ เป็นพรุ่งนี้แล้วกัน”ผมทำเป็นยอมรับไปพอให้มันจบๆ ไอ้เหี้ยเซนท์เบ้ปากใส่แรงมาก

“มีเมียแล้วลืมเพื่อน”ไอ้เซนท์

“เหอะๆ”ไอ้ดี

“หึๆ”ไอ้ทศ

เดี๋ยวๆสองคนหลังน่ะคืออะไรครับ? ไอ้ทศผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่มันจะรู้ แต่ไอ้ดีน่ะสิ! ตกลงมึงรู้เรื่องกูจริงๆเหรอวะ!?

“เอ่อ ขอโทษนะคะ”เสียงหวานใสที่ดังขึ้นข้างตัวเรียกผมออกจากห้วงภวังค์

“ครับ?”ผมขานรับคำน้องผู้หญิงสองคนที่ยืนข้างโต๊ะที่ผมนั่งอยู่

“ชื่อฟ้านะคะ นี่เพื่อนฟ้าชื่อปริม”น้องที่เอ่ยทักผมแนะนำตัวเองและเพื่อนที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเหมือนเขินอาย

“สมิธครับ”

“รู้จักค่ะ ถ้าฟ้าจะขอไอดีไลน์พี่สมิธจะให้ไหมคะ?”

“ขอให้ตัวเองหรือขอให้คนที่อยู่ด้านหลังล่ะ”ผมเท้าคางถามฟ้ายิ้มๆแต่สายตามองไปที่ปริมที่ยืนหลบอยู่หลังเพื่อน เธอสะดุ้งเมื่อเผลอเงยหน้าสบตากับผม ตลกดี

“คิกๆ ขอให้ปริมน่ะค่ะ ยัยนี่ขี้อาย”ฟ้าสารภาพออกมาตามตรง

“ยัยฟ้า!”ปริมแหวเพื่อนอย่างอายๆ

“หึๆเอาโทรศัพท์มาสิครับ”ฟ้ารีบล้วงโทรศัพท์ของเธอส่งให้ผมแต่ผมกลับส่ายหน้าเบาๆแล้วบอก “ของปริมสิ”พอผมพูดจบสาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปใหญ่

“เร็วสิปริมๆ”ฟ้ารีบไปสะกิดเร่งเพื่อนเป็นการใหญ่ ปริมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อครหัสแล้วส่งให้ผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ผมรับมาแล้วกรอกไอดีตัวเองลงไปอย่างรวดเร็วแล้วส่งคืนให้น้อง

“ถ้าว่างก็ทักหาพี่ได้นะ”ผมยิ้มแล้วขยิบตาให้เธอหนึ่งที

“ขอบคุณค่ะ...ไปเถอะยัยฟ้า”ปริมก้มหัวให้ผมนิดๆแล้วรีบลากเพื่อนตัวเองจากไป

“โอโห!พ่อคนเสน่ห์แรง มีสาววิ่งมาเสิร์ฟถึงที่”ได้ทีไอ้เหี้ยเซนท์ก็กระแนะกระแหนผมเลย

“หึ!ของมันแน่อยู่แล้ว”ผมกระตุกยิ้มอวดๆใส่มัน

“แล้วมึงไม่กลัวผู้คุมมึงรู้เหรอ ท่าจะดุ”ได้ยินไอ้เซนท์พูดถึงมัน ยิ้มผมก็หุบทันที

“กูกลัวตายแหละ”ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่ระ

“อ๋อเหรอ ไม่กลัวเลยเนอะดีเนอะทศ ที่ไม่ได้ออกเป็นเพราะไม่กลัวเขาเล้ย”ไอ้เหี้ยเซนท์...

“หึๆๆ”ไอ้เหี้ยดีกับไอ้เหี้ยทศขำในลำคอพร้อมกัน

“ได้!คืนนี้เจอกันเวลาเดิม คนอย่างสมิธไม่มีคำว่ากลัวอยู่ในหัว”ฆ่าได้หยามไม่ได้ครับ

“กูจะรอ!”

++++++++++++++

“กินเสร็จแล้วไปส่งกูที่ C Club นะ”ผมเอ่ยขึ้นหลังทานของหวานเสร็จแล้ว วันนี้มันพาผมออกมากินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมอ่ะครับ มือเรียวที่กำลังยกแก้วไวน์จิบชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะดื่มต่อราวกับไม่ได้ยินที่ผมพูด

“มึงได้ยินไหมเนี่ย”ผมถามย้ำ

“ได้ยินแต่ไม่ทำตาม”มันตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

“กูรับปากเพื่อนไว้แล้ว!”ผมทำหน้ายุ่ง

“พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไป”

“มึงขังกูมาเป็นสัปดาห์แล้วนะ!”ผมเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ

“อยากโดนขังจริงๆไหมล่ะ?”มันวางแก้วไวน์ลงแล้วเอ่ยถามเสียงดุ ผมกัดปากนิดๆเพราะเถียงอะไรไม่ออก

“ไปแปบเดียวก็ได้”ผมพูดเสียงอ่อนลงนิด มันก็เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

“ถ้าพี่ให้ไปแล้วพี่จะได้อะไร?”มาอีกละ ไอ้ข้อแลกเปลี่ยนเหี้ยๆพวกนี้ แล้วมันยังเป็นคนบีบให้ผมต้องพูดเองด้วยนะ

“พรุ่งนี้ไปส่งที่สนามบิน”ผมหน้าหงิก คือนี่ยอมสุดๆแล้วนะ

“น่าสนใจ แต่ยังไม่มากพอ”มันกระตุกยิ้ม

“เอ๊ะ!มึงนี่!”ผมเริ่มจะโวย ชักเรียกร้องมากไปแล้วนะโว้ย

“ไปมาเก๊ากับพี่ไหม?”มันถามแต่สายตาบังคับไปมากกว่าครึ่ง

“ไม่ไป!”ผมปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด

“งั้นมิทตี้ก็ไม่ต้องไป”ผมกัดปากอย่างใช้ความคิด สุดท้ายก็เลือกหยิบโทรทัพท์ขึ้นโทรไปยกเลิกนัดกับไอ้เซนท์ ให้อยู่กับไอ้เหี้ยลุคตลอดเวลานี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ

(เออว่าไง)ไอ้เซนท์รับสาย เสียงเพลงสอดแทรกเข้ามาบอกว่ามันถึงคลับแล้ว

“ที่นัดคืนนี้...”ผมชั่งใจว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี แต่ไอ้สัสเซนท์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

(จะยกเลิกอ๋อ? เฮ้ย!พวกมึงไอ้สมิธมันกลัวเมียว่ะ!)เสียงอะเซนท์เหมือนตะโกนคุยกับคนอื่น ซึ่งน่าจะเป็นไอ้ดีกับไอ้ทศนั่นแหละ

“ไอ้สัส!ไม่ได้กลัวโว้ย!!!กูจะบอกว่าเดี๋ยวกูรีบไป แค่นี้นะ!”ติ๊ด! กูพูดออกไปแล้ว!ไอ้ปากเหี้ยเอ้ย!

“หึ!”เสียงมาจากไอ้คนนั่งตรงข้าม

“กูยอมไปก็ได้”ผมพูดทั้งหน้าบึ้งๆ ยังไงก็ยอมให้ไอ้เหี้ยเซนท์หยามไม่ได้จริงๆว่ะ ทนๆไปกับมันสักวันแล้วค่อยหาข้ออ้างกลับก่อนก็ได้วะ

“ยอมคนอื่นไม่เป็นจริงๆนะเราน่ะ”มันส่ายหัวยิ้มๆแล้วเรียกคิดเงิน ผมไม่ได้พูดโต้อะไรกลับไปแค่นั่งกอดอกนิ่งๆอย่างไม่สบอารมณ์เท่านั้น

ใครว่ากูยอมใครไม่เป็น อย่างน้อยคนที่กูเคยยอมก็คือมึงไง...

+++++++++++++

“พี่ให้ไม่เกินเที่ยงคืน”มันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะเอ่ยสั่งผม

“ห๊า!นี่มันสี่ทุ่มกว่าแล้วนะ!”

“ก็รีบกิน”

“ตี2เดี๋ยวให้ไอ้ทศไปส่ง”ผมต่อรอง

“ถึงห้องไม่เกินตีหนึ่งครึ่ง ต่อรองอีกไม่ต้องไป”มันยื่นคำขาด ผมจึงถอนหายใจใส่มันแรงๆอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดหน้าคลับ จังหวะที่ผมกำลังจะลงจากรถมันก็คว้าแขนผมไว้ก่อน

“อะไรอีก”

“ตังค์พอใช้ไหม?เอาของพี่ไปใช้ไป”มันยื่นแบล็คการ์ดสีดำให้ง่ายๆราวกับไอ้บัตรนี่ราคาร้อยเดียว

“กูมี!ไม่ต้องมาทำเป็นสายเปย์ให้กูเลย”ไอ้ลุคทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจศัพท์วัยรุ่นไทยเท่าไหร่

“โอเค”มันทำท่าจะเก็บบัตรใส่กระเป๋าเสื้อแต่ผมก็รีบคว้าบัตรจากมือมันได้ก่อน

“กูเปลี่ยนใจแล้ว จะเอาไปเลี้ยงเพื่อนดีกว่า”ผมกระตุกยิ้มเมื่อคิดอะไรดีๆออก

“ตามใจ ปลอมลายเซ็นท์พี่เป็นอยู่ใช่ไหม?”ผมพยักหน้ารับ หึๆเดี๋ยวรู้กัน

หลังจากนั้นผมก็ลงจากรถแล้วก็เดินเข้าคลับไอ้ดีไปด้วยความสบายใจ แต่ก่อนที่จะเดินขึ้นชั้น3ที่พวกไอ้ทศรออยู่ ผมก็แวะไปข้างเวทีก่อน

“พี่โจ้หวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เป็นนักร้องประจำร้าน ตอนนี้พวกเขาคงกำลังเตรียมขึ้นเวที

“อ้าวสมิธ หวัดดีมึงๆ พวกไอ้ดีอยู่ด้านบนนะ”

“รู้พี่ แต่ผมขอยืมเวทีแปบหนึ่งดิ”

“ทำไมวะ?”

“เดี๋ยวพี่ก็รู้”ผมพูดยิ้มๆ

“เออไปๆเร็วเลยนะมึงใกล้เวลาพวกกูจะต้องขึ้นแล้ว”ผมยกนิ้วโอเคให้แกก่อนจะเดินไปขึ้นเวที ดีเจที่เห็นสัญญาณจากผมก็ปิดเพลง ทำให้เหล่านักท่องราตรีที่กำลังเต้นอยู่หยุดชะงักไปอย่างเสียอารมณ์

“อะแฮ่มๆ สวัสดีครับเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลาย ต้องขอโทษจริงๆที่ผมมาขัดจังหวะความสุขของทุกท่าน”ผมพูดใส่ไมค์ แทบจะทั้งร้านที่หันมามองผม รวมทั้งไอ้พวกเพื่อนเหี้ยที่(น่าจะ)มองลงมาจากในห้องชั้นสามด้วย หลายๆคนพึมพำด่า บางคนก็ตะโกนใส่ แต่ผมก็พยายามระงับอารมณ์เพราะอยากทำเป้าหมายให้สำเร็จก่อน

“ช่วยหยุดด่าผมก่อนๆผมมีข่าวดีจะมาบอก สำหรับทุกคนที่มาคลับในวันนี้ คืนนี้กินฟรีไม่อั้น!ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท ผมเลี้ยงเอง!”

“เฮ้!!!!”เสียงโห่ร้องดังขึ้นคับร้าน บางคนก็ตะโกนถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ผมชื่อสมิธ ถ้าคืนนี้ใครโดนเก็บตังค์มากระทืบผมได้เลย ขอบคุณครับ!”พูดจบก็เดินลงจากเวที ขนาดพี่โจ้ยังเดินเข้ามาถามผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ที่มึงพูดจริงเหรอวะ?”

“จริงดิพี่ ผมจะล้อเล่นให้คนมากระทืบผมเล่นหรือไง”

“มึงไปรวยมาจากไหนวะ”

“มีคนอยากเปย์ ผมเลยจัดให้มันซะหน่อย ไปล่ะ”ผมไม่ได้พูดคลายสงสัยให้กับพี่โจ้มากนักก็รีบเดินเบียดผู้คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังขึ้นไปยังชั้นสาม และทันทีที่เปิดประตูไปห้องประจำที่ชอบมานั่งดื่ม ไอ้เซนท์ก็รีบพุ่งเข้ามาหาผมทันที

“ไอ้เหี้ยสมิธธธธธ มึงรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป!”

“รู้ดิ นี่ยังไม่ได้แดกเหล้าสักแอะ”

“มึงคิดว่ามึงต้องจ่ายเท่าไหร่ห๊ะ!”ไอ้เซนท์ทึ้งผมตัวเองอย่างเสียดายเม็ดเงินที่ผมจะสูญเสียในคืนนี้

“เท่าไหร่วะไอ้ดี?”ผมหันไปถามไอ้เจ้าของร้าน

“ปกติวันศุกร์คนเยอะก็4-5แสน แต่ถ้ามึงบอกเลี้ยงก็อาจจะเหยียบล้าน”ไอ้ดีตีค่าเงินกว้างๆให้ ผมก็พยักหน้ารับรู้

“คิดว่าจะเยอะกว่านี้ซะอีก”ผมอยากผลาญมันให้หมดบัญชีธนาคารเลย

“มึงถูกลอตเตอรี่มาหรือไง?”ไอ้เซนท์ถามอย่างสงสัย

“เปล่านี่ กูแค่เก็บบัตรได้”ผมชูบัตรในมือให้ไอ้เซนท์ดู

“ไอ้เหี้ย!เดี๋ยวเขาก็แจ้งตำรวจจับมึงหรอก”

“ก็ลองแจ้งดูสิ ถ้ามันกล้าพออ่ะนะ”ผมกระตุกยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะรั้งคอไอ้ตี๋ไปนั่งที่โซฟา แล้วยัดเหล้าใส่ปากมันให้หุบปากซะที

ผมดื่มไปเยอะมากเพราะเก็บกดไปหลายวัน ซัดเอาๆหมดไปสามกรมแล้ว หลายโต๊ะที่เช็คบิลไปผมก็ให้ลงบัญชีผมไว้จริงๆนะครับ เท่าที่ทราบครั้งสุดท้ายก็เกือบห้าแสนเข้าไปแล้ว

“งืมๆกี่โมงล้าววว”ผมเอ่ยถามเพื่อนเสียงยานคางเล็กน้อย(?)ภาพเริ่มเบลอซ้อนๆหัวก็มึนแบบเต็มที่แล้วครับ

“ตี1ละ”เสียงใครสักคนในกลุ่มพูดขึ้น

“ง่ะ เรวววจางงง ไอ้ทศพากูกลาบหย่อย”ผมคว้ามือสะเปะสะปะไปหาไอ้ทศ

“ไอ้เหี้ยสมิธเมาฉิบหายวันนี้”กูได้ยินนะ

“ก็แดกให้มาววว แดกเหล้าไม่มาววมึงจาแดกทะมายยย”

“เหอะๆ”

“อ้ายดี กูจาจ่ายตางงง เท่าหร่ายย”ผมชูแบล็คการ์ดร่อนไปร่อนมา

“ตอนนี้หกแสนกว่า”

“มึงอาวไปเลยล้านนึง เผื่อๆเพ่รวยยย”

“พี่น่ะมึง หรือผัว?”เอ๊?มีใครหลอกถามอะไรผมรึเปล่านะ

“ผัวก็คือผัว ม่ายช่ายเพ่”กูน่าจะเมามากจริงๆตอนนี้ พูดอะไรไปแม่งไม่รู้ตัวเลย

“หึๆ ไอ้ทศมึงพามันกลับเถอะ”

“เออ เดี๋ยวกูให้ผัวมัน...พี่กูมาจ่ายทีหลัง”

“อืมๆไม่รีบ อยากเห็นหน้าอยู่เหมือนกัน”

จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีคนพยุงเดิน ความรู้สึกเหมือนเดิมอยู่บนเชือกเส้นเดียวอ่ะ อยากอ้วกฉิบหาย

“กูจะอ้วกกกกก”

“ไปอ้วกที่ห้องพี่กู”เสียงไอ้ทศนี่

“กูอ้วกส่ายหน้ามานด้ายป่าววว”

“ตามใจมึงดิ”

“งืมๆเจอมานแล้วปลุกกูด้วยจาด้ายอ้วกส่ายมาน”

“เออ ระวังอย่างอื่นจะรดใส่ตัวมึงแทน”

++++++++++++++++++

อื้อ!ผมเอามือปัดสิ่งรบกวนที่เอาแต่กัดคอผมออกจากตัว แต่ไอ้ตัวนี้มันหน้าด้านมาก กัดคอผมที่หนึ่งเสร็จมันก็ย้ายไปกัดอีกที่หนึ่ง แถมยังมาเลียๆอีก

“มิทตี้ไหนว่าจะไปมาเก๊าด้วยกันไง?”เสียงนั่นกระซิบชิดใบหู ผมกับแก้มผมที่ยวบลงหลายที

“ง่วงงงง”ผมบอกออกไปตามความรู้สึกแล้วพลิกหน้าหนี แต่ไอ้ตัวนี่ยังตามมารบกวนผมอย่างไม่ลดละ ล่าสุดมันกัดปากผมแล้ว แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่แฮะ นุ่มๆหอมๆดี

“พี่ไม่อยู่อย่าออกนอกลู่นอกทางนะ”

“อื้อ”

“เมื่อคืนผลาญเงินพี่เล่นพอใจไหมดื้อ?”ฟอด! ขมับถูกหอมไปอีกที

“จิ๊!รำคาญ”ผมบ่นเมื่อได้ยินเสียงงุ้งงิ้งรบกวนข้างหูไม่หยุด

“เฮ้อ มาจูบทีดิ๊ จุ๊บ!”จากนั้นผมก็สัมผัสได้ว่าริมฝีปากถูกครอบงำไปหลายนาที ผมก็เคลิ้มนะ อยากลืมตาขึ้นดูเหมือนกันแต่ไม่ไหวว่ะ หัวหนักชิบเป๋งเลย

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายๆ ลูกน้องมันบอกว่ามันออกไปแล้วตั้งแต่เช้า ผมยิ้มดีใจอย่างลิงโลดที่ไม่ต้องไปกับมัน ผมกินยาแก้แฮงค์ อาบน้ำแล้วออไปกินข้าวข้างนอกกับไอ้ทศแล้วก็ไอ้น้องรันต์ ไปดูหนังก็ไปดูกันสามคน อย่าถามว่ารู้สึกเป็นส่วนเกินไหม? ผมเลยคำนั้นมานานแล้วครับ ฮ่าๆๆ

ตกเย็นผมกลับห้องไอ้เหี้ยลุคเพราะยังแฮงค์ไม่หาย ตอนแรกว่าจะไปต่อกับน้องจ๋าที่ไลน์มาชวนแต่ไอ้เหี้ยทศมองแรงมาก พร้อมบ่นๆๆเรื่องผมแฮงค์แล้วยังจะไปอีกนู่นนี่นั่น

เออ กูไม่ไปก็ได้วะ!

นั่งๆนอนๆดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย เสียงไลน์ก็ดังขึ้น

Primmi : *สติกเกอร์เด็กกระโดดมาสวัสดี*

เห...ใครวะ ถ้าเป็นหญิงที่ผมคุยด้วยผมปิดแจ้งเตือนไว้ทุกคนนะ

สะมุดสะมิด : *สติกเกอร์หมางง*

Primmi : พี่สมิธจำปริมได้ไหมคะ?

สะมิดสะมิด : ปริมที่มาขอไลน์พี่วันศุกร์ป่ะ?

Primmi : ช่ายยยยย
Primmi : ดีใจที่จำได้
Primmi : *สติกเกอร์เด็กกระโดดดีใจ*

ผมหลุดขำนิดๆก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

สะมุดสมิธ : ลืมได้ไง เราน่ารักขนาดนี้

Primmi : ...ไม่แซวดิ
Primmi : เขิน

สะมุดสะมิด : ได้ไอดีไปตั้งแต่เมื่อวานทำไมเพิ่งทักมา

Primmi : ก็ไม่กล้า...

ผมไม่ได้ตอบปริมในทันที แต่เลือกเปิดแชทของคนอื่นขึ้นมาตอบสลับกันไป เธอคงเห็นผมยังไม่ตอบอะไรเลยไม่ได้ส่งมาหาอีก ปกติผมก็คุยทีละหลายคนนะไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนหรอก สาวๆส่วนใหญ่ที่ผมคบด้วยจะเข้าใจตรงกันว่าเราคบกันแค่สนุกๆ แต่กับปริมดูท่าแล้วเธอคงไม่ได้คิดแค่ฉาบฉวย

คนแบบปริมผมก็เจอมาเยอะ แต่ส่วนมากผมจะตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เป็นการให้ความหวังพวกเธอ ตอนนี้ผมยังไม่อยากมีใครน่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้ปริมก้าวล้ำเส้นมานิดหน่อย

ดูๆไปอีกนิดก็แล้วกัน

++++++++++++++++
ชีปริมโผล่แล้วจ้ะ แต่ก็ไม่ต้องไปโฟกัสมาก เรื่องนี้นางแค่ตัวประกอบแต่ก็สำคัญ(?) ตอนนี้เฮียก็ยังใจเย็นอยู่ แต่ตอนหน้าจะมีคนเจ็บตัว หึๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-06-2018 01:29:04
หรือชะนีน้อยตัวนี้ จะเป็นตัวเดียวที่ได้เป็นแฟนสมิธ  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 18-06-2018 08:36:54
ง่อว ตอนหน้าจะมีคนเจ็บตัวล่ะ ใครน่อ? :katai3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-06-2018 10:17:06
มิทตี้หาเรื่องเจ็บตัวนะเรา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 18-06-2018 14:28:44
ชอบครับ
รอตอนต่อไป


        :mc1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 18-06-2018 14:57:38
ถ้าพี่จะยังอ้อล้อน้อง ทั้งๆที่เพิ่งเสียเงินล้านไปเมื้อคืนแบบเน้.............
สงสัยกลับมามิทตี้มีเปลืองตัว  :mew4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 18-06-2018 15:45:46
คนนี้ป่าวที่ว่าแฟน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-06-2018 22:29:48
อิพี่ลุคบางทีก็ดีบางทีก็น่าตบนั ส่วนมิทตี้ก็ดื้อเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-06-2018 02:20:44
ออกนอกลู่นอกทางระวังเด้อ คึคึ!!! //อหหหหหหห.รวดเดียว 19ตอน อ่านทั้งวันจนจะไม่จะมีแรงเม้นท์แล้วค่ะ 555 สนุกกกมากกกกก ลูคัสโหดชิบสมกะSM ตอนยังไม่รู้ใจตัวเองช่วงทดลองคบเด็กนี้หมั่นไส้ ทำให้มิทตี้เสียใจ แต่พอรู้ใจ เขาดันไม่ยอมสยบ เริ่มพยศ ต่อต้าน จนกลัวกลายเป็นอีกคนไปเลยซะงั้น ร้ายปะทะแรง ละมันจะบาลานซ์กันได้ยังไงละเนี้ย ความรักของสองคนนี้จะเป็นแบบไหนว่ะ 5555  คนนึงต้องการกักขัง อีกคนต้องการอิสรภาพ  ก็นะลูคัสต้องยอมลง ทำให้เชื่อว่ารักเขาจริง มิทตี้อาจจะอ่อนลงบ้างก็ได้นะ ไม่พยศเยอะเหมือนเดิม เพราะไม่เคยมีความรักงั้นสิ  เลยไม่รู้วิธีแสดงออก ก็หน๊าคุณพี่มาเฟีย ถึงจะร้าย เขาชอบนะ 5555 ชอบที่แบบยอมให้มิทตี้คนเดียวอ่ะ ทำร้ายก็ทำร้ายด้วยมือตัวเอง แต่เพลาๆบ้างก็ดีนะลูคัสรักเขาชอบเขาก็อย่าทำร้ายอีก คราวนี้อาจจะเตลิดไปไกลนะเว้ย 555 รอดูจะปราบพยศยังไงจะเอาอยู่ไหม มิทตี้จะทำไรบ้างอีก นี้รอดูเลย ชอบบบบบบบ รอตอนต่อไปนะคะ มาต่อๆฮึบๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 19-06-2018 18:39:48
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.1[18/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 21-06-2018 19:22:31
 :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-06-2018 02:34:06
คนโปรด 19.2

ผมคุยกับปริมต่อ3-4ประโยค จากนั้นจึงส่งสติ๊กเกอร์ฝันดีให้เธอเพื่อเป็นการตัดบทและปริมเองก็คงจะรู้ว่าผมไม่อยากคุยต่อเลยส่งสติกเกอร์ฝันดีคืนมาให้ทั้งๆที่ยังหัวค่ำอยู่เลย ก็นะ...ผมก็ไม่อยากให้ความหวังเธอมากเกินไปนัก

ผมดูทีวีไปได้แปบๆก็ชักง่วง แต่ก่อนที่จะเผลอหลับไปจริงๆลูกน้องของไอ้เหี้ยลุคก็เดินมาสะกิดผมเบาๆ

“อะไร?”ผมถามทั้งๆที่สะลึมสะลืออยู่นิดหน่อย

“นายอยากคุยด้วยครับ”

“ไม่คุย ง่วง”ผมบอกอย่างเอาแต่ใจแล้วซุกหน้าลงกับหมอนอิง

“นายบอกว่าถ้าไม่ยอมคุย กลับมาจะไมให้ออกจากห้องทั้งเดือน”ดูมันขู่ คิดว่ากูจะกลัวนักรึไงวะ

“เอามาสิ!”ผมลุกขึ้นนั่งดีๆแล้วรับโทรศัพท์มาทั้งหน้ามุ่ยๆ มันวิดีโอคอลมาอีกต่างหากเลยเห็นหน้าผมเต็มๆ

(เพิ่งสามทุ่ม ง่วงแล้วเหรอเรา)คิดว่ามันน่าจะได้ยินที่ผมคุยกับลูกน้องมัน

“ก็ได้ยินนี่ แล้วจะกวนกูทำไม”ผมทำหน้าบึ้งใส่กล้อง

(พี่แค่คิดถึง อยากคุยด้วย)มันฉีกยิ้มบางๆ คิดว่าหล่อตายแหละ

“เหรอ?กูนึกว่าโทรมาเช็คว่าอยู่รึเปล่าซะอีก”

(ก็ด้วย)

“เหอะ!”

(อยากได้อะไรรึเปล่า?)

“ที่มาเก๊ามันมีอะไรที่เอามาฝากกูได้บ้างล่ะ?”ผมย้อนถามมันกวนๆ

(อืม...ไม่รู้สิ)มันทำท่านึกสุดท้ายก็บอกไม่รู้ คิดว่ามันคงไปที่นั่นเพื่อทำงานโดยเฉพาะ (แล้วมิทตี้ทานข้าวรึยัง?)

“แดกแล้ว”ผมไม่ได้มองกล้องเพราะมัวแต่กดเปลี่ยนช่องทีวีเลยไม่รู้ว่ามันทำหน้าแบบไหน เพียงแต่ได้ยินเสียงดุๆตอบกลับมา

(พูให้มันเพราะกว่านี้หน่อย)

“กูก็เป็นของกูแบบนี้มึงอย่ามาบังคับนักจะได้ไหม”ผมโต้มันอย่างไม่พอใจทันที

(ที่พี่บังคับเพราะหวังดี)มันพยายามบอกอย่างใจเย็น แต่ผมขึ้นแล้วไง

“มึงเก็บไว้ใช้เองเถอะ เพราะมันเป็นความหวังดีที่กูไม่ต้องการ!” ผมเหวี่ยงโทรศัพท์บนโซฟาแล้วยืนขึ้นเดินเข้าห้องนอนไม่สนใจเสียงที่มันเอ่ยเรียกผมอีก

ผมไม่เคยทำตัวงี่เง่าแบบนี้ใส่ใคร แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาสั่งมาบังคับไง แค่ที่ต้องทนอยู่กับมันผมก็อึดอัดมากพออยู่แล้ว ผมยอมกลับเข้ามาอยู่ในกรงของมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องยอมกลับไปเป็นของเล่นให้มันเหมือนเดิม ผมเป็นรองมันหลายๆเรื่องจนน่าหงุดหงิดจนบางทีก็เผลอทำนิสัยเสียๆออกไปเยอะเลย แต่ที่ผมแสดงออกไปแบบนั้นก็เพื่อให้มันรู้ว่าผมไม่เต็มใจ

แม้ว่ามันยากที่จะขัดขืน แต่ผมก็จะดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

หรือสุดท้ายถ้าผมต้องกลับไปเจ็บอีก ผมก็จะลากมันให้ทุกข์ทรมานไปด้วยกัน!

สี่วันแล้ว ไอ้เหี้ยลุคไม่โทรหาผมอีกเลย ซึ่งนั่นก็ดีมากๆ สบายหู สบายตา และสบายใจ ผมออกไปดื่มกับเพื่อนและหิ้วสาวเข้าโรงแรมทุกวัน ใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่เคยทำมา ไม่มีลูกน้องมันมาคอยห้ามหรือตามให้ผมกลับห้องมันด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันแปลกๆอยู่นิดหน่อยเพราะก่อนหน้านี้มันไม่ยอมให้ผมได้กระดิกตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองนะแต่มันไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวผม ซึ่งผมคิดว่ามันโรคจิต

แต่ที่ไม่ตามก็ดีแล้วแหละ ผมจะได้ลั๊นลาได้อย่างสบายใจ  ผมกลับถึงห้องตัวเองเกือบๆตี5 วันนี้มีเรียนบ่ายยังมีเวลานอนอีกเหลือเฟือ เมื่อเปิดประตูเข้าไปไฟในห้องก็สว่างโร่เหมือนมีคนเปิดไว้(ผมไม่ได้ตั้งค่าเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ) พอเดินเข้าไปถึงในห้องนั่งเล่น ผมหายใจผมก็ติดขัดขึ้นทันที แล้วจังหวะที่มันหันหน้ามาสบตาด้วยผมรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ

ผมไม่แปลกใจหรอกที่มันเข้าห้องผมได้(มันเป็นใครก็รู้ๆกันอยู่) แต่ตอนนี้คือตกใจมากๆเลยครับ มันนิ่งจนผมกลัวเลย

“ไปไหนมา”

“…”ผมเงียบ

“พี่ถามก็ตอบ!”ผมสะดุ้งเมื่อมันขึ้นเสียง

“ข้างนอก”

“ที่ไหน?”

“...”ผมไม่กล้าตอบว่ะ กลัวมันตอนนี้สัสๆ

“ที่ไหนมิทตี้!”

“ร้านเหล้า! โรงแรม!”ผมตะโกนตอบไปตามความจริง หน้าตามันเรียบตึงยิ่งกว่าเดิมอีก

“พี่ห้ามอะไรเคยฟังกันบ้างรึเปล่า? อะไรที่พี่ไม่ชอบทำไมถึงได้ดื้อดึงทำนัก!”

“ชีวิตกู!กูจะทำอะไรก็ได้!”

“แต่ชีวิตนายเป็นของพี่!” ผมแทบจะเถียงอะไรมันไม่ออก ได้แต่กำหมัดแน่นอย่างเจ็บแค้น “เรื่องผู้หญิงอย่าให้มีแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน”มันลุกขึ้นจากโซฟาเดินผ่านหน้าผมออกไปพร้อมลูกน้อง แต่ก่อนที่ร่างมันจะพ้นประตูมันก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค ตอกย้ำความรู้สึกเลวร้ายของผมเข้าไปอีก

“อย่าคิดว่าพี่ไม่ทำอะไรเพราะพี่ทำไม่ได้ แต่เพราะพี่ยังไม่อยากทำต่างหาก”

มันไปแล้วแต่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอยู่หลายนาทีเหมือนทำอะไรไม่ถูก ในหัวมีอยู่สามคำลอยเต็มไปหมด

ผมเกลียดมัน เกลียดมากจริงๆ

++++++++++++++++++++

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบเที่ยงเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ผมโกรธจนนอนแทบไม่หลับ มาหลับอีกทีตอนสายๆเลยรู้สึกนอนไม่พออย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องฝืนสังขารอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน

ขณะที่รถติดไฟแดง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คไลน์ซะหน่อย ปรากฏว่ารายชื่อเพื่อนในไลน์ผมเป็นร้อยๆเหลืออยู่แค่ไม่ถึงหนึ่งร้อย รายชื่อเพื่อนสนิทและเพื่อนในคณะยังอยู่ครบ แต่ไอ้ที่หายไปคือบรรดาสาวๆที่ผมคุยด้วยทุกคน! หายสนิทไม่เหลือแม้แต่แชท! ผมปิดไลน์แล้วเปิดเข้าไปดูรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ แม่งหายเหมือนกัน!

ผมโกรธจนตัวสั่น รู้เลยล่ะว่าไอ้เหี้ยคนไหนทำ ตอนนี้ได้แต่พยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็นเดี๋ยวจะขับรถไม่ถึงมหาลัย

พอถึงที่จอดรถคณะ ผมก็ใส่เบรกมือแล้วรีบกดโทรออกหาโยทันที ต่อสายไม่กี่วินาทีโยก็กดรับ

(ครับ)

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะโย!”

(ครับ?)

“เรื่องเบอร์กับไลน์ ‘เพื่อน’ผมที่หายไปฝีมือเจ้านายคุณใช่ไหม!”

(นายไม่ได้ทำนะครับ เป็นลูกน้องอีกคนหนึ่งทำ)คือเขาจะกวนตีนผมเหรอวะ?

“ก็นั่นแหละ! คำสั่งมันใช่ไหม!”

(ใช่ครับ)

กรอดดด ถ้ามือผมแข็งแรงกว่านี้สักหน่อยโทรศัพท์คงเละคามือผมแล้ว

“มันมากเกินไปแล้วนะ!นี่มันพื้นที่ส่วนตัวของผม!”

(ครับ) ดูเขาตอบผมสิ สำนึกสักนิดก็ไม่มี

“ผมโกรธนะโย”

(แต่นายท่านโกรธกว่า...ผมขออนุญาตแนะนำว่าอย่าทำให้ท่านโกรธมากกว่านี้เลยนะครับ)

“ก็ดีสิ!ผมจะทำให้มันโกรธจนกระอักเลือดตายไปเลย!”

(ผมเตือนแล้วนะครับ อ้อ เย็นนี้นายจะไปรับคุณสมิธนะครับ อย่าเพิ่งกลับก่อน)

“เหอะ!”ติ๊ด! ผมแค่ยเสียงไปคำเดียวแล้วกดวางสายโย อยู่รอให้โง่อ่ะดิ

+++++++++++++++++++++

บ้าเอ้ย!รถผมหาย! หายไปแบบไร้ร่องรอยเลย แล้วรถที่จอดอยู่แทนที่รถผมก็เป็นรถเบนซ์สีขาวคันหรูแทน และคนที่ออกมายืนรอรับก็คือโยนั่นเอง

“รถผมไปไหน!?”ผมถามโยอย่างเอาเรื่อง รถคันนี้ผมรักมากนะกว่าจะสั่งเข้ามาได้

“ที่จอดรถคอนโดฯGครับ”พอได้ยินคำตอบผมก็เตรียมหันหลังกลับไปโบกแท็กซี่ แต่เสียงจากโยก็ดังขึ้นขัดไว้ก่อน

“ขึ้นรถเถอะครับ ถ้ายังอยากได้รถคืน”

“ทำไมพวกคุณชอบขู่ผมนักวะ!”

“ก็ถ้าคุณสมิธยอมดีๆก็คงไม่ต้องขู่กัน”ผมกัดริมฝีปากข่มความโกรธ เลยเดินไปเปิดประตูรถแล้วยัดตัวเองเข้าไปนั่งแทน แม่งโกรธจนไม่รู้จะพูดยังไง ที่สำคัญคือโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยโว้ย!!!

“จะกินอะไร” เสียงทุ้มโมโนโทนเอ่ยถามเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยได้สักพัก

“กูไม่กิน” ผมเอ่ยเสียงห้วนแข็งๆตอบกลับมันไป สายตามองออกไปนอกรถ จราจรในกรุงเทพช่วงเวลาห้าโมงเย็นนี่เป็นอะไรที่ผมโคตรจะเกลียด แต่ก็เกลียดได้ไม่ถึงเสี้ยวของอะไรคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมหรอก

“กัซเซปเปสไหม อาหารอิตาเลี่ยนที่นายชอบ” มันเอ่ยชื่อร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมชอบไปกินอย่างไม่สนใจคำปฏิเสธ ผมจิ๊ปากอย่างรำคาญมันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่หวังว่ามันจะเลิกพล่ามไปเอง

“ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ หืม?” มือหนายื่นมาเชยคางผมให้หันไปมองหน้ามัน ผมปัดมือมันออกจากหน้าด้วยความรังเกียจ สายตาตวัดมองมันเหมือนสัตว์ตัวหนึ่ง

“กูเลือกตอบเฉพาะกับคน สัตว์กูไม่อยากพูดด้วย”ผมพูดเน้นคำใส่หน้ามันเต็มๆ ใบหน้าคมออกหวานเหยียดยิ้มนิดๆอย่างที่ผมรู้คือมันเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“ปากนี่มันทำจากอะไร เวลาจูบก็นิ่มดีอยู่หรอก แต่ทำไมเวลาพูดมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้” มันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม สายตาแพรวระยับที่ผมโคตรขยะแขยงจ้องมองริมฝีปากผม ผมกัดฟันกรอด

“ไม่ต้องมาพล่ามมาก กูไม่เคยจูบกับเหี้ย”คิ้วไอ้นรกนี่กระตุกข้างหนึ่ง

“พูดให้มันดีๆกว่านี้สมิธ อย่าทำให้พี่โมโห” มันกดเสียงต่ำลง

“ก็เอาดิ เชิญมึงโมโหได้ตามสบาย แล้วไง? จะฆ่ากูเลยไหมล่ะ” ผมเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวแม้ในใจจะหวั่นมากแค่ไหนก็ตาม

“ก็ไม่ฆ่าหรอก แต่จะทำอย่างอื่นแทน...กลับคอนโดฯ”ท้ายประโยคมันสั่งลูกน้องมันเสียงนิ่ง ลมหายใจผมสะดุดทันที

“มึงคิดจะทำอะไร” ผมขยับตัวชิดกับประตูรถ

“ก็จะทำให้นายเห็นไงว่าเวลาที่พี่โมโหนายจะเป็นยังไง...จำได้ไหม” มันแสยะยิ้มที่ทำให้ขนทั้งตัวผมลุกเกรียว

“มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไหนว่าสัญญาแล้วไง” ผมเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว มันน่ากลัวเกินกว่าผมจะรับไหวได้อีกแล้ว ผมทวงสัญญาแม้ว่าจะรู้ว่ามันสิ้นสุดตั้งแต่ผมเดินเข้าไปหามันในวันนั้นแล้ว แต่ผมก็หวังว่ารูปร่างผมเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้วมันคงไม่อยากแตะต้องอะไรผมอีก

“ทีตอนนี้ทำมาทวงสัญญา...แต่พี่จะบอกอะไรให้นะ สัญญามันขาดลงตั้งนานแล้ว ที่พี่ยังปล่อยให้นายอิสระก็เพราะพี่อยากตามใจนาย แต่เห็นทีความใจดีของพี่จะไม่เป็นผล ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมนั่นแหละง่ายดี” มันพล่ามยาวเหยียด คำพูดของมันแทบจะไม่เข้าหูผมด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีเมื่อรถเบนซ์เลี้ยวเข้าคอนโดฯที่ถึงเร็วกว่าที่คาด

ผมเหมือนเห็นประตูนรกกำลังจะเปิดออก

ผมจะทำยังไงดี

.

.

.

“ปล่อยกูนะเว้ย!” ผมถูกลากลงจากรถแม้จะดิ้นรนหรือขัดขืนมากแค่ไหนแต่การ์ดสองคนของไอ้สัตว์นรกนั่นก็แข็งแรงกว่าผมมาก ผมแหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง แต่เหมือนสวรรค์จะนึกชังหน้าผมเพราะไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยผมเลยสักคน ไอ้เหี้ยลูคัสเดินนำด้วยฝีเท้ามั่นคงไม่สนใจเสียงร้องโวยวายจากผมเลยสักนิด เป็นไปได้ผมอยากกระโจนไปบีบคอมันให้ตายจริงๆ

“พาไปไว้ในห้องเล็ก...มัดไว้ด้วย” มันเอ่ยเสียงนิ่งทันทีที่พวกเราเดินเข้าไปในห้อง แล้วมันก็ทำท่าจะเดินแยกไปอีกทาง

“ไม่!ลูคัสไม่! ปล่อยกู ขอร้องล่ะ” ผมตะโกนไล่หลัง แต่ปีศาจมันก็คือปีศาจ มันไม่เคยมีความเมตตาให้กับใครอยู่แล้ว

ผมโดนลากมาอีกห้องโดนการ์ดจับแขนกดลงกับเตียง โยฮันเนสเดินตามหลังเข้ามาในห้องแล้วเดินไปหยิบเชือกสีฟ้าจากลิ้นชักมามัดแขนผมไว้กับหัวเตียง  ผมดิ้นจนเจ็บแม้เชือกจะนุ่มและเหนียวแต่ก็ทำแขนผมแดนเป็นปื้นเลยทีเดียว

“โย...ปล่อยผมนะ” ผมเอ่ยขอร้องโยหลังจากที่เขามัดแขนผมเสร็จแล้ว เขามองผมด้วยสีหน้าหนักใจแต่สายตาก็สะท้อนออกมาว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยตามที่ผมขอแน่ๆ

“คุณไม่ควรไปท้าทายนายท่าน ตอนนี้ท่านเริ่มโกรธแล้ว อย่าดื้อเลยนะครับจะได้ไม่เจ็บตัวมาก” คำพูดของโยทำให้ผมชาวาบไปทั้งตัว ความสิ้นหวัง หวาดกลัวคืบคลานกัดกินหัวใจผมอีกครั้ง

“ออกไปให้หมด” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นที่หน้าประตูห้อง ไม่รู้ว่ามันโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ชุดเสื้อคลุมสีกรมที่มันใส่อยู่ตัวเดียวตอนนี้ก็ทำผมสั่นสะท้านไปหมดแล้ว

โยและลูกน้องอีกสองคนรีบเดินก้มหน้าออกจากห้องตามคำสั่งของเจ้านาย มิวายช่วยปิดประตูให้อีกต่างหาก

“ไง ไม่ปากดีแล้วหรอ” มันเดินกอดอกมาหยุดที่ปลายเตียง ริมฝีปากเรียวบางแสยะยิ้ม ผมสีบลอนด์ทองปล่อยยาวแผ่กลางหลัง เครื่องหน้าที่ใครๆก็บอกว่าหล่อออกสวยเหมือนเทพบุตรจากสวรรค์  แต่สำหรับผมมันคือปีศาจจากนรกดีๆนี่เอง

“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”

“พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง”

“แน่จริงมึงมาสู้กับกูอย่างลูกผู้ชาย จับกูมัดแบบนี้มันพวกหน้าตัวเมีย”

“หึ!ก็ได้อยู่หรอก สู้กันตัวต่อตัว เสื้อผ้าไม่ต้อง” พูดจบมันก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมกระชากขาทั้งสองข้างผมเข้าไปใกล้ตัวเองจนแขนผมที่ถูกพันธนาการไว้เหยียดตึงจนเจ็บ

“ไอ้เหี้ย! หยุดทำเรื่องทุเรศวิปริตกับกูสักที เด็กมึงมีเยอะแยะทำไมไม่ไปทำห๊า!!!” ผมตะคอกด่ามันสุดเสียง สองขาก็ทั้งเตะทั้งถีบมันไปมาเมื่อมันพยายามจะปลดตะขอและถอดกางเกงนักศึกษาผมออก จนในที่สุดไอ้สัตว์นรกลูคัสก็กระชากกางเกงและอันเดอร์แวร์หลุดจากขาผมจนได้

“เพราะนายคือคนโปรดที่พี่เล่นได้ด้วยไม่เคยเบื่อ ภูมิใจซะสิเด็กน้อย”มันพูดยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี ตอแหลได้ออสการ์เลยมึง

ภูมิใจพ่อมึงสิไอ้สัตว์!

“เมื่อไหร่มึงจะเบื่อ ช่วยเบื่อกูสักที!ปล่อยกูไปไม่ได้หรอลุค” ผมพูดเสียงอ่อนในท้ายประโยค

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” น้ำเสียงเย็นเยียบถูกเปล่งออกมาจากอีกฝ่าย

มันขยับขึ้นมานั่งทับหน้าขาผมไว้ไม่ให้ดิ้น ก่อนจะสอดมือเรียวยาวเข้ามาในเสื้อผมช้าๆ ลากไล้ไปมาเบาๆจนขนลุกไปทั่วทั้งกาย ส่วนมืออีกข้างก็ปลดกระดุมเสื้อผมออกช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ในขณะที่ตัวผมดิ้นจะเป็นจะตายกลับขัดขืนอะไรไม่ได้เลยสักนิด

“พอเถอะลุค กะ...ผมขอโทษถ้าพูดอะไรไม่ดีออกไปให้คุณไม่พอใจ แต่ได้โปรดเถอะอย่าลงโทษผมอย่างนี้...คุณเห็นร่างกายผมตอนนี้ไหม แขนขาผมไม่ได้เรียวเล็กเหมือนอย่างแต่ก่อน เอวก็ไม่ได้บางแม้แต่นิดซิกแพ็คเป็นลูกๆ ผมล่ำพอๆกับคุณด้วยซ้ำ คุณไม่ขยะแขยงบ้างหรือไง” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมมันดีๆเลิกถือศักดิ์ศรีและเอ่ยขอร้องมันแทน ผมยอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ถูกกระทำเหมือนเมื่อก่อน 

สิ่งที่ผมพูดไปเป็นความจริงทุกอย่าง ผมไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารักอีกแล้ว ผิวยังขาวสู้มันไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งหน้าตาอย่าไปพูดถึง ไม่ใช่สเป็คมันเลยสักนิด ของเล่นของมันถ้าเป็นผู้ชายต้องตัวเล็ก หุ่นบางเหมือนผู้หญิง หน้าตาแต่ละคนก็สวยเด็ดกันทั้งนั้น กับผู้หญิงมีบ้างแต่มันไม่ค่อยเลี้ยงไว้ด้วยเหตุผลไม่ทนไม้ทนมือเหมือนผู้ชายไงล่ะ(รู้มาจากเกรย์)

“ใช่ ไม่เห็นน่ารักเท่าเมื่อก่อนเลย” ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย่างเข้าคอนโดฯมีความหวังว่ามันคงจะไม่ได้ทำอะไรๆอย่างที่ผมคิด

“แต่...คิดว่ามีแค่ร่างกายหรอที่ทำให้พี่โปรดนายเป็นพิเศษ ถึงตอนนี้จะตัวใหญ่ไปหน่อยแต่ก็น่าลองไปอีกแบบ หึ!” ริมฝีปากผมหุบฉับ หน้าซีดลงเรื่อยๆความหวังที่มีอยู่เลือนรางดับวูบ มารู้ตัวอีกทีมันก็ปลดกระดุมผมออกหมดแล้ว มือเรียวสวยยื่นมาขยี้ยอดอกผมแรงๆทันที

“อ๊ะ...มึงมันชาติสัตว์ สันดานเดรัจฉาน ผิดสัญญากับกูซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!” ผมข่มความรู้สึกแปลกๆของร่างกายแล้วตะคอกด่ามันอย่างสุดจะทน สมองเค้นหาคำด่าที่จะด่ามันให้เจ็บที่สุด ให้ได้สักเศษเสี้ยวที่ผมรู้สึกบ้างก็ยังดี

“พี่ไม่เคยผิดสัญญา นายเป็นคนเดินเข้ามาหาพี่เอง!” มันขึ้นเสียงบ้างแต่ยังรักษาสีหน้าตอแหลไว้ได้อย่างแนบเนียน(?)

“มึงบีบกู หลอกใช้ไอ้รันต์ วางแผนเอาไว้แล้วทุกอย่าง มึงยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรอ มึงใช่ลูกผู้ชายไหมลุค มึงยังมีความเป็นคนอยู่ไหม!!!”

“แล้วไง? พี่ไม่ได้อยากเป็นคนดีในสายตาใครอยู่แล้ว แค่ได้สิ่งที่ต้องการจะสนวิธีการไปทำไม” มันเหยียดยิ้มชั่วช้าออกมา นี่แหละสีหน้าจริงๆของมันที่คนอื่นไม่เคยได้เห็น ผมโกรธจนแค่นหัวเราะออกมา

“เหอะ! เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงกูถึงได้เกลียดมึงทุกลมหายใจเข้าออก”

“ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เกลียดเข้าไปเยอะๆให้ในหัวนายมีแต่พี่คนเดียว” มันพูดจบก็กระแทกริมฝีปากใส่ริมฝีปากผมอย่างแรง ย้ำ!นะครับว่ากระแทกจนได้เลือด มันทั้งดูดทั้งขบเม้มปากผมแรงๆจนริมฝีปากบวมเจ่อ ตอนมันสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากผมพยายามจะกัดลิ้นมันจนโดนปลายๆลิ้นมัน เลยโดนมันตบจนเลือดกบปากอีกรอบ ดวงหน้าคมหวานเคลื่อนไปกัดตามลำคอและไหปลาร้าจนแดงช้ำแทบไม่เหลือพื้นที่ผิวปกติ

“อ๊าก!!!เจ็บ!” ผมร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อสองนิ้วเรียวยาวแทงพรวดเข้ามาในช่องทางด้านหลังอย่างทื่อๆไร้ตัวช่วย มันขยับเข้าออกแรงๆแล้วเพิ่มนิ้วที่สามเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่เจ็บๆก็ชาไปหมดแล้ว

ผมหลับตายิ้มสมเพชรับความทรมานขั้นแรก ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านไปให้เร็วที่สุดไม่ก็ขาดใจตายๆไปซะ

แล้วอย่าให้ถึงทีผมบ้าง ถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ผมจะทำให้มันเจ็บจนมีสภาพแย่ยิ่งกว่าหมาข้างถนนเลย!

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-06-2018 02:35:19
[ต่อ]

 . 



.

 “แฮ่กๆ อื้อ!!!”ผมกัดริมฝีปากข่มกลั้นเสียงไว้ทุกครั้งเมื่อมันกระแทกตัวเข้าใส่ช่องทางผมอย่างดุดัน  มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนไว้เพื่อระบายความเจ็บแสบของช่องทางด้านหลังรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้ก็ไม่รู้ มันพรมจูบไปตามแผ่นหลังผมพร้อมขบกัดแรงๆอย่างไม่ปรานี  จมูกโด่งซุกดมไปทั่วทำให้ผมรู้สึกรังเกียจมากกว่ารู้สึกดี

“นายโตขึ้นก็ดีเหมือนกัน เพราะตรงนี้ของนายมันรับตัวตนของพี่ได้พอดี...อ่าห์”มันพูดจาหยาบโลนชิดใบหูผม ริมฝีปากก็พรมจูบไปตามขมับและแก้มผมไม่หยุด พอผมสะบัดหน้าหนี มันก็ใช้มืออีกข้างล็อคหน้าผมไว้แล้วกระแทกจูบใส่แรงๆจนปากแตกเหมือนลงโทษกันมากกว่า ผมแทบไม่มีเสียงจะด่ามันเพราะเหนื่อยจากการถูกใช้ร่างกายหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง

จากนั้นมันก็จับผมนอนหงาย ถอนตัวออกแล้วถ่างขาผมออกกว้างจนน่าอาย ก่อนที่มือเรียวจะจับมังกรของตัวเองกดเข้าใส่ช่องทางผมอีกครั้ง มันแสบมากแต่ผมก็รู้สึกเสียวมากเช่นกัน

ไอ้เหี้ยลุคก้มลงจูบปากผมอีกครั้ง มันดูดเอาๆจนรีฝีปากผมชาหนึบและเลือดออกอีกรอบ ส่วนล่างก็กระแทกย้ำถี่ลงมาดังตั่บๆๆ  ผมตัวสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก เล็บทู่ๆของผมจิกอย่างแรงไปที่แขนกับหลังมันโดยไม่รู้ตัว มันยิ่งกระแทกสะโพกใส่ผมหนังหน่วง ตรงส่วนนั้นของผมทั้งแสบและร้อนผ่าว แต่ทุกครั้งที่มันกระแทกมังกรยักษ์ไปโดนจุดนั้นมันก็มีความรู้สึกเสียวซ่านปะปนมา

ผมรู้สึกเสียวมากเหมือนจะเสร็จแต่มันเหมือนยังไม่ถึงสักที ลูคัสจึงใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับเอวผมมาสาวรูดชักแก่นกายให้แรงๆ บวกกับที่มันกระแทกกายใส่ทางด้านหลังผมย้ำๆไม่หยุดทำให้ผมเหมือนเห็นสวรรค์อยู่ปลายทาง ด้านหลังผมบีบรัดนัดจนไอ้เหี้ยลุคซี๊ดปาก ตัวผมเกร็งแล้วกระตุกปลดปล่อยคามือมัน หยาดน้ำคาวสีขุ่นพุ่งเปรอะเปื้อนจนถึงหน้าอกของตัวเอง ผมหอบหายใจแฮ่กๆ

ไม่นานไอ้ชั่วที่ข่มขืนผมอยู่ด้านบนก็จับเอวผมตรึงไว้แน่น มันสอดกระแทกลำตัวยาวใหญ่ของมันเข้ามาแรงเร็วจนผมรู้สึกว่าช่องทางด้านหลังแทบจะชาแล้วด้วยซ้ำ มันโน้มตัวลงมาจูบผมอีกรอบ ผมเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามาให้มันทำจนพอใจจะได้จบๆไป ถ้าผมยังขัดขืนมากกว่านี้มีแต่จะเจ็บตัวเพิ่มซะเปล่าๆ

มันย้ำกายใส่อีกแค่ไม่กี่ทีก็กระตุกปลดปล่อยหยาดน้ำออกมาเต็มช่องทาง มันขยับตัวย้ำอีกสามสี่ครั้งเพื่อฉีดพ่นน้ำออกมาให้หมด

“พอแล้ว”ผมห้ามมันเมื่อมันถอนจูบออกแล้วดูดคอช้ำๆของผมต่อ ไอ้เหี้ยลุคไม่ตอบแต่เคลื่อนริมฝีปากไปจูบที่ยอดอกผมอีกครั้ง มือมันก็ขยับไปรูดแก่นกายผมที่สงบให้ตื่นอีกรอบ มันเล้าโลมผมจนมังกรมันที่แช่คาในช่องทางนั้นขยายใหญ่ขึ้นมาอีกรอบ ผมเริ่มน้ำตาปริ่มเพราะเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ทำไมกูไม่สลบไปเลยเหมือนตอนเด็กๆวะ

“ต่อให้ร้องไห้พี่ก็จะไม่อ่อนข้อให้หรอกนะ มิทตี้ดื้อกับพี่ก่อนเอง ครั้งนี้พี่จะลงโทษ”

“แล้วมึงจะลงโทษอะไรนักหนา จะทำให้กูตายคาคว_มึงเลยไหม!”ผมตะคอกอย่างโมโห เหนื่อย!เจ็บ!ง่วง!

“พี่รู้ลิมิตนายดี ไม่ทำให้ตายง่ายๆหรอกไอ้เด็กดื้อ ฟอด!”เหมือนมันจะอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วเพราะก่อนหน้านี้ที่ทำมันไม่ยอมคุยกับผมดีๆเลย

“กูไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนด้วย”ผมเสียงอ่อนลงเพราะมันเริ่มขยับสะโพกอีกแล้วไง

“ถ้ามิทตี้เป็นเด็กดี จบรอบนี้จะคิดดูอีกที”มันโน้มหน้าลงมาหอมแก้มผมอีกรอบ แล้วเริ่มขยับกายเนิบๆกระทำชำเราผมต่อทันที! 

+++++++++++++++++

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสี่ ปวดเมื่อยตั้งแต่หัวจรดตีนแต่ก็ต้องฝืนสังขารที่หนักอึ้งไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและส่วนที่ตกค้างจากข้างในออกให้หมดไม่อย่างนั้นผมจะปวดท้องมาก ผมอ้วกไปรอบหนึ่ง ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้วลากสังขารเอื่อยๆมาที่เตียง

พอเห็นสภาพที่นอนที่มีแต่คราบน้ำกามและเลือดก็ทำผมอดหันหน้าหนีไม่ได้ ผมผะอืดผะอมขึ้นมาอีกรอบจนสุดท้ายก็วิ่งไปอ้วกอย่างกลั้นไม่ไหว พอกลับมาที่เตียงก็กลั้นใจดึงผ้าปูที่นอนออกเอาไปโยนทิ้งไว้ไกลๆสายตาแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนอีกครั้งทั้งๆที่ตัวสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ

เป็นปอดบวมตายก็ช่างแม่งเหอะ เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว

ผมปิดไฟแล้ว ร่างกายทรมานมากแต่ผมไม่อาจข่มตาหลับได้เลย

จริงอยู่ที่ว่าผมกลัว...แต่ที่มีมากกว่านั้นคือผมขยะแขยงร่างกายตัวเอง ทั้งๆที่โดนมันทำไปตั้งขนาดนั้นไอ้ร่างกายนี่ยังเสือกเสร็จสมไปกับมัน มันน่าเจ็บใจจริงๆ

ผมจึงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าผมเป็นผู้ชายและมีอารมณ์ทางเพศสูง โดนชักนำไปแบบนั้นมันก็ต้องรู้สึกเป็นธรรมดานั่นแหละ! 



.

 . 

“พรุ่งนี้พี่จะกลับไปดูงานที่ลาสเวกัส”ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยบอกขณะที่ผมกำลังตักเส้นพาสต้าเข้าปากอย่างหิวโหย อ่อลืมบอกว่าตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วครับ ผมอยู่ที่ร้านกัซเซปเปซและกำลังโซ้ยพาสต้าครีมซอสที่ผมชื่นชอบเป็นจานที่สาม ผมยิ้มลิงโล้ดอยู่ในใจที่มันจะไปให้พ้นหน้าผมตั้งหนึ่งสัปดาห์ แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะของกินเต็มปากและไม่อยากพูดกับมัน  หิวมากจริงๆครับไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเมื่อวานอ่ะคิดดู อีกอย่างต้องรีบทำเวลาเพราะบ่ายสองมีเรียนวิชาเมเจอร์น่ะสิครับ

ถามว่าทำไมผมถึงลุกมาเรียนไหวบอกได้คำเดียวครับว่า...ผมเก่ง!

เอาเป็นว่าตอนนี้ร่างกายผมแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงโดนทำไปขนาดนั้นก็สาหัสอยู่ดีครับ

“หึ! ดีใจจนออกนอกหน้าเลยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ได้หมายความว่าจะเกเรได้หรอกนะ”มันยื่นมือมายีหัวผมเบาๆแต่ผมก็ปัดออกด้วยความรำคาญก่อนจะยกมือขึ้นเรียกบริกรเพื่อจะสั่งเมนูต่อไป มันก็ไม่ได้ว่าอะไรกับท่าทางของผมเพียงแค่ยื่นมือไปหยิบแก้วแชมเปญมาจิบดูผมกินเงียบๆ

เหอะ!คิดว่าห้ามกูได้ก็เชิญ อ้อ...อย่าคิดว่าผมจะกลัว ภารกิจผมคือทำให้มันอยู่ไม่สุขคือเป้าหมาย!

ผมใช้เวลาจัดการอาหารที่เพิ่มมาอีกสี่อย่างภายในเวลายี่สิบนาทีนิดๆเท่านั้น...อิ่มครับ

จากนั้นไอ้สัตว์นรกมันก็พาผมเดินย่อยอาหารโดยการเลือกซื้อของที่อยากได้อะไรก็ได้กี่อย่างก็ไม่ว่าตามต้องการ เหมือนเป็นธรรมเนียมหลังจากมีเซ็กส์แล้วมันก็จะให้ของรางวัลปลอบใจให้ของเล่นเสมอแหละ แต่ก่อนถึงแม้ผมจะไม่ได้ไปเลือกด้วยตัวเองแต่ก็จะมีของส่งตรงถึงห้องตลอด

แล้วผมรับไหมน่ะเหรอ?...แน่นอนว่าจำเป็นต้องรับครับ

ผมเคยหัวแข็งไม่รับเลยโดนทำแบบ...ไปสี่น้ำ หรือว่าเคยรับแล้วโยนใส่หน้ามันก็มี ครั้งนั้นโดนตบจนฟันแทบร่วงแถมยังโดนทำจนสลบอีก

ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่กล้าทำแบบนั้นใส่มันอีกเลย

ผมเดินเข้าเดินออกช็อปนั่นนี่เป็นว่าเล่น ผมไม่มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษแต่เลือกซื้อให้คนอื่นๆเพื่อผลาญเงินมันเล่น แม้ว่าจะใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีก็เถอะ

จนกระทั่งผมเมื่อยขาและปวดตูดจนแทบจะฝืนเดินต่อไม่ไหวแล้วนั่นแหละถึงได้หยุด(ทำอะไรไม่ดูสังขารอีกแล้วกู) หันไปมองด้านหลังก็เห็นโยกับลูกน้องอีกคนหิ้วถุงแบรนด์เนมต่างๆจนล้นมือ 

มีคนมองพวกเราอย่างสนใจที่เห็นฝรั่งร่างใหญ่สี่คนแถมหล่อมาก(ผมเอง)เดินไปเดินมาทั่วห้างดัง นี่ขนาดไอ้พวกนี้ไม่ได้ใส่สูทสีเข้มน่ากลัวอะไรพวกนั้นนะ คนยังสนใจมองขนาดนี้ ผมไหวไหล่นิดๆแล้วเอ่ยขึ้นลอยๆว่าพอแล้วแต่หิวน้ำ

มันก็พาผมไปซื้อโกโก้ปั่นใส่วิปชาเขียวที่ร้านคาเฟ่ชื่อดังในห้าง จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ควรไปเรียนของผมสักทีนั่นแหละถึงได้พากันออกจากห้าง

ดูเหมือนมันจะตามใจผมนะ แต่เชื่อสิ ผมไม่เคยต้องการเลยสักนิด

จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หลังตึกคณะ ผมหันไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่กลางเบาะแต่ข้อมือก็ถูกคว้าไว้ก่อน

“ตอนเย็นพี่มารับที่นี่” ไม่ใช่คำบอกเล่าแต่เป็นคำสั่ง ผมชักสีหน้าหงุดหงิด

“กูมีโปรเจ็คกลุ่ม ต้องช่วยเพื่อนทำก่อนเดี๋ยวกลับเอง” ผมโกหก ใครบอกว่ามันตอแหลเป็นคนเดียวล่ะ

“สี่ทุ่มพี่ต้องเห็นหน้านายที่ห้อง ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียว” มันพูดเสียงเรียบๆจ้องหน้าผมนิ่งๆจนผมใจกระตุกกลัวมันจับได้

ผมจึงพยักหน้ารับแบบขอไปที แล้วเตรียมจะลงจากรถแต่ก็โดนมันดึงไว้อีก ผมกำลังจะหันไปด่าด้วยความปากไว แต่พอหันไปกลับถูกไอ้เหี้ยลูคัสประกบจูบเข้าเต็มๆ มันบดจูบอ้อยอิ่งวาบหวามแต่ไม่ได้สอดลิ้นเข้ามา

ผมกำสายกระเป๋าแน่น...อดทนไว้สมิธ!

มันจูบผมนานหลายนาทีก่อนจะถอนจูบออก และในจังหวะที่มันถอนริมฝีปากออกไปมันก็ตวัดลิ้นเลียเหนือริมฝีปากผมเบาๆ ผมเห็นวิปปิ้งครีมติดปลายลิ้นเข้าไปในปากมัน

“กินเหมือนเด็ก” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยืดตัวกลับไปนั่งพิงเบาะหลังตรงสายตามองไปอีกทางเหมือนไม่ใคร่จะสนใจผมนัก ผมยกมือเช็ดปากลวกๆ โยลงมาเปิดประตูรถให้ผม การ์ดอีกคนหนึ่งก็ยื่นถุงของมาให้

ผมคว้าถุงมาถือไว้อย่างหงุดหงิดแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวขึ้นตึกทันที

มันก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำเหมือนคนอื่นเป็นแค่ของเล่น

นึกอยากจะใส่ใจก็ทำ นึกจะทิ้งก็ทำได้อย่างเลือดเย็น

ถึงพังก็ซื้อใหม่หรือไม่ก็แค่ซ่อมมัน

แต่มันคงลืมไป ว่าของเล่นก็พังจนซ่อมไม่ได้เป็นเหมือกัน 

+++++++++++++++++++

 แอบหยิบบางส่วนมาจากอีกเรื่องเพิ่มเติมคือnc ที่หายไป เฮียนี่ก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆ คิดจะเลี้ยงเด็กต้องใจเย็นนะคะ อิอิ และแจ้งข่าวร้าย(นิดๆ) สำหรับเดือนนี้(มิ.ย)เปรมมีภารกิจที่ต้องทำหลายอย่างทั้งสอบ(เรียนซัมเมอร์)และปั่นตอนพิเศษของอีกเรื่องส่งสนพ.(เดดไลน์สิ้นเดือนนี้) เปรมอาจจะมาช้ามากแต่จะมาตอนเต็มยาวโดยไม่หั่นตอนนะคะ รู้สึกเห็นใจทุกคนที่รอมาก แต่อยากให้เข้าใจเปรมแล้วอดทนรอกันอีกนิดนะคะ เปรมจะพยายามมาลงให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ ระนะทู้กคนนนน <3
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 03:55:05
เลวได้เสมอต้น เสมอปลายได้ดีมาก นังลู  o12
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-06-2018 06:55:58
อิลุคแกควรถนอมๆเมียแกนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 22-06-2018 11:54:34
เมือไหร่มันจะยอมรับใจตัวเองซักทีว่ารักมิทตี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 22-06-2018 14:26:05
รอติดตาม
ตอนต่อไปครับ


        :110011:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่19.2[22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 22-06-2018 16:46:25
เจ็บปวดแทนสมิธ  อยากเห็นบทลงโทษของลู่ อยากให้ลู่เจ็บปวดเหมือนที่สมิธเจ็บ

และไม่อยากให้สมิธใจอ่อนเลย  ถึงแม้จะชอบนิยายแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
แต่พอเรื่องนี้อยากให้จบแบบแบดเอ็นมาก เกลียดลู่   
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-06-2018 14:26:33
คนโปรด 20

“โห!นี่มึงหอบอะไรมาเยอะแยะเลยเนี่ย”ไอ้ตี๋ทักขึ้นเสียงดีงเมื่อเห็นผมหอบถุงพะรุงพะรังเข้าห้องเรียน

“เครื่องซักผ้ามั้งสัส ก็เห็นอยู่”ผมก็ตอบมันไปตามนิสัย

“ไอ้เหี้ยนี่ กูถามดีๆเสือกมากวนตีน มึงไม่กวนตีนกูสักวันมันจะตายป่ะ”

“ไม่ตาย แต่เหมือนจะขาดใจ”ผมวางถุงของลงข้างโต๊ะเลคเชอร์ของตัวเองก่อนจะหันไปยักคิ้วกวนตีนไอ้ตี๋น้อย ไอ้เซนท์พุ่งเข้ามาบีบคอผมด้วยความหมั่นไส้เหมือนที่มันชอบทำประจำ แต่คราวนี้ขาผมไม่ค่อยมีแรงบวกกับเจ็บสะโพกด้วยเลยรับแรงไอ้ตี๋ไว้ไม่อยู่ ล้มโครมไปตามๆกันทั้งสองคน

“โอ้ย!”ผมอุทานไอ้คำเดียวเท่านั้นแหละครับ เจ็บจนพูดไม่ออกเลย ที่เจ็บสุดก็ก้นกูนี่แหละสาดดด แถมผมยังเป็นเบาะรองรับไอ้เชี่ยเซนท์อีก

“เฮ้ย!ขอโทษ มึงเป็นไรมากไหมวะ”ไอ้ตี๋ถามลนๆเพราะหน้าผมคงแสดงทุกอย่างออกหมดแล้ว

“เออ เอากูขึ้นก่อน”ไอ้ทศที่นั่งอยู่ใกล้ๆเป็นคนดึงมือผมให้ลุกขึ้นแทน ส่วนไอ้เซนท์มันลุกขึ้นเองได้เพราะไม่ได้เจ็บอะไร

“กูไม่ได้ตั้งใจนะมึง ก็ปกติมึงไม่เคยล้มอ่ะ”วันนี้กูไม่ปกติไงครับ

“เออไม่เป็นไร กูตั้งตัวไม่ทันเฉยๆ”

“แต่เมื่อกี้มึงร้องดังมากเลยนะ อย่างกับควายถูกเชือดคอ”ผมผลักหัวไอ้ตี๋แรงๆไปทีเพราะหมั่นไส้คำพูดของมัน

“ควายมันถูกเชือดคอจะร้องได้ไงไอ้โง่ ว้ายๆๆ”ผมแลบลิ้นล้อเลียนมัน เลยถูกกำปั้น(ไม่เล็ก)ฟาดใส่ตัวไปหลายที

“เมื่อกี้กูน่าจะกระทืบมึงซ้ำอีกที”มันเบะปากให้อย่างงอนๆ

“ฮ่าๆๆ ไม่งอนพี่นะน้องโอ๋ๆ นี่กูอุตส่าห์ซื้อของมาฝาก”

“อะไร?”แหนะ!หูผึ่งเชียว ผมหยิบถุงใบหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้ไอ้เซนท์ มันรับไปแล้วเปิดดูก่อนจะทำตาโต(ที่ไม่ค่อยโตเท่าไหร่)มาทางผม

“ของแพงเลยนี่หว่า”มันหยิบกล่องนาฬิกาออกมา พอเห็นว่าเป็นรุ่นที่ตัวเองอยากได้ก็ตาวาวใส่ผมทันที

“ถามจริงมึงไปรวยมาจากไหนวะ ช่วงนี้เปย์เพื่อนบ่อยเกิ๊น”มีคนเปย์กูมาอีกทีไง

“กูไม่ได้รวย แต่มีคนอวดรวยกับกู กูเลยผลาญเล่นแม่ง”ผมยักคิ้วตอบไอ้ตี๋กวนๆ มันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่ผมก็เนียนไง มันจับไม่ได้หรอก

“คนที่ให้แบล็คการ์ดมึงคราวก่อนอ่ะนะ?”ผมไม่ตอบแต่ยิ้มแทน ไอ้ตี๋ก็ขี้เกียจเซ้าซี้มันเอ่ยขอบคุณผมแล้วหันไปชื่นชมกับนาฬิกาต่อ คือบ้านมันรวยมากนะครับไอ้เซนท์เนี่ย แต่มันเป็นคนใช้เงินเป็นไงกว่าจะซื้อของได้แต่ละอย่างนี่คิดแล้วคิดอีกไม่ค่อยใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอย่างผมหรอก ของแพงๆบนตัวมันก็มีแต่ไอ้ดีเปย์ให้ มีอยู่เรื่องเดียวที่ไอ้ตี๋ยอมเสียเงินอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังคือเรื่องแดกครับ มันถึงได้อ้วนไง(แค่อวบเถอะ!)

ผมหยิบถุงของให้ไอ้ทศกับไอ้ดีคนละถุง ก็เป็นพวกเข็มขัด นาฬิกา อะไรเทือกๆนั้น เพราะผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้พวกมันจริงๆอ่ะครับ ที่เหลือก็เป็นของไอ้น้องรันต์3-4ถุง พวกเสื้อผ้ารองเท้า อยากเห็นมันเลิกแต่งตัวเฉิ่มๆสักที- -

ตอนเที่ยงพวกผมก็ไปทานอาหารที่โรงอาหารคณะเพราะไอ้ทศอยากไปหาเมียแล้วผมก็จะเอาของไปให้มันด้วย ตอนแรกไอ้น้องรันต์ทำท่าจะไม่รับของจากผมเพราะเกรงใจแต่ผมก็บังคับมันไงครับ น้องมันเลยรับไปทั้งหน้างอนๆเลยโดนผมล็อคคอไปที

ระหว่างเดินขึ้นตึกไปเรียนช่วงบ่าย เสียงมือถือผมก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์ใครโทรมาผมก็ให้เพื่อนเข้าห้องไปก่อนแล้วกดรับสาย

“มีไร?”ผมถามปลายสายกวนๆ

(โห่!พูดแบบนี้มันน่าโทรหาไหมเนี่ย)

“ไม่อยากโทรก็ไม่ต้องโทรดิ”ผมแกล้งพูดเหมือนไม่แยแส ทำเอาอีกคนเกือบงอนทั้งๆที่ตัวโตยิ่งกว่าควายไบซัน(?)

(เหอะ!)

“แล้วมีไรถึงโทรหาผมแต่เช้า”ที่นี่เกือบบ่ายที่นั่นน่าจะเช้าตรู่

(โทรหาเพราะคิดถึงไม่ได้รึไง?)เสียงเขากระเซ้าเย้าหยอกมาเหมือนลืมเรื่องที่งอนก่อนหน้านี้ไปแล้ว

“ไม่เชื่อหรอก”

(จริงจริ๊ง...แล้วอาการเราน่ะเป็นไงบ้าง)

“ก็เรื่อยๆแต่ผมไม่ได้กินยาทุกวันเหมือนตอนแรก”ผมอัพเดตอาการล่าสุดให้หมอประจำตัวฟัง

(เห...ดีนี่ ว่าแต่เสร็จมันรึยัง)เขาถามเสียงเบาเหมือนระมัดระวังปฏิกิริยาจากผม

“...จะเหลือเหรอ”ผมตอบเกรย์ไปตามความจริง

(ฮ้า!กูว่าแล้วไง!แล้วอาการเป็นไงบ้าง)

“ก็กลัวอ่ะดิถามแปลก ตัวสั่นหน่อยๆแต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน ไม่รู้สิเกรย์ผมรู้สึกว่ามันยั้งแรงนิดๆแต่ถ้าโดนแบบนี้บ่อยๆก็ไม่ไหวหรอก”

(มันคงพยายามยั้งอารมณ์สุดๆแล้วมั้ง)เกรย์พึมพำเสียงเบาทำให้ผมได้ยินไม่ชัด

“ห๊ะ!เมื่อกี้พูดอะไรวะเกรย์”

(เปล่าๆ เอาเป็นว่านายก็อย่าไปยั่วโมโหมันบ่อยนักล่ะ)

“ก็มันอดไม่ได้”

(ระวังจะเจ็บตัวหนักกว่าเดิม)เกรย์เอ่ยเตือนเสียงจริงจัง เพราะยังไงก็ไม่มีใครห้ามมันได้อยู่แล้ว

“เฮ้อ...นี่มีวิธีที่จะทำให้มันคลั่งโดยที่ผมไม่เจ็บตัวไหมอ่ะ”ผมโยนหินถามทาง คือโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวมันไม่ใช่ผมเว้ยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาคืนมันยังไงนี่สิ และถ้าจะให้ผมไปใช้กำลังต่อยตีมันซึ่งนอกจากจะเป็นวิธีที่ผมไม่ชอบแล้วผมก็ไม่ถนัดด้านนี้สุดๆ ถึงผมไปเรียนมายังไงก็สู้มันไม่ได้อยู่ดีแหละ ขนาดไอ้ทศทักษะการต่อสู้อย่างเทพมันไม่ยังไม่กล้าพูดว่าตัวเองจะล้มพี่มันได้เลย แล้วผมอ่ะเป็นใคร?จะไปล้มมันได้

ผมโตแต่ตัวนะ แต่หัวใจผมบอบบาง(แหวะ!จะอ้วกตัวเอง)

(ไอ้มีก็มีอยู่หรอก แต่นายจะกล้าทำรึเปล่าล่ะ?)เกรย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราวกับทำเรื่องสนุก

“ยังไง?”

+++++++++++++++++
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมชวนเพื่อนในแก็งค์ไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านนั่งชิลไม่ไกลจากมหาลัยนัก ผมกะกินข้าวนั่งฟังดนตรีสดพร้อมดื่มเบียร์เย็นๆสัก2-3ทาวเวอร์แล้วค่อยกลับ คงไม่เกินสี่ทุ่มหรอกมั้ง ถึงเกิน...ก็ช่างหัวมันดิ

ผมไม่ได้เอารถมาเรียนเองเลยกะติดรถไปกับไอ้ทศ มันก็โอเคแต่บอกว่าจะไปรับเมียอีกตึกก่อนซึ่งผมก็ตามไปด้วย ส่วนไอ้ดีกับไอ้เซนท์ก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยไปเจอกันที่ร้านทีเดียว

เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นไปได้ด้วยดี แต่พอไอ้ทศเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนกอดเมียตัวเองเท่านั้นแหละ ความบรรลัยก็บังเกิด!

มันตรงเข้าไปกระชากไอ้รันต์ออกแล้วกอดไว้ พวกมันคุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค แต่ที่รู้ๆคือไอ้เวนที่กอดไอ้น้องรันต์กวนตีนมาก สงสัยว้อนจะกินตีนไอ้ทศซะให้ไอ้ แล้วก็จะเป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อไอ้ทศถลาจะพุ่งเข้าไปชกมัน ไอ้รันต์ที่กอดแขนผัวไว้ก็แทบจะเอาไม่อยู่ มันจึงร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครกล้าจับไอ้ทศแล้วไงตอนนี้ ผมที่เพิ่งเดินตามมาทันจึงช่วยมันจับแขนไอ้ทศไว้อีกข้าง แต่ไอ้เหี้ยผมทองที่กอดไอ้รันต์(เปลี่ยนสรรพนามเร็วมาก)ก็ยังยั่วมือยั่วตีนเพื่อนผมไม่หยุด

“เหอะ!ใช้แต่กำลัง คนแบบนี้หรอจะดูแลพี่รันต์ได้”

“หยุดพูดนะริว!”ไอ้น้องรันต์พยายามห้ามปรามไอ้เด็กนั่น แต่เพื่อนกูมันไปแล้วไงครับ และคนที่ซวยตามไปติดๆก็ผมนี่แหละ!

ไอ้ทศปลดแขนไอ้รันต์ออก ส่วนผมมันสะบัดออกอย่างแรง(ไอ้เพื่อนเหี้ยที่โคตรสองมาตรฐาน)มันพุ่งเข้าไปชกไอ้หัวขี้นั่น ส่วนผมล้มก้นกระแทกพื้นเต็มๆเลย

“โอ๊ย!เชี่ยทศ สะโพกกูไปหมดแล้ว คนยิ่งเจ็บๆตูดอยู่”ผมพึมพำโอดครวญอย่างเจ็บปวด ไอ้รันต์ที่เห็นผมล้มลงก็ละล้าละลังไม่รู้ว่าจะเข้ามาช่วยผมก่อนหรือไปห้ามคนชกกันก่อนดี ผมจึงโบกมือให้มันว่าไม่เป็นไร ให้มันไปดูผัวมันเถอะก่อนที่ไอ้เชี่ยทศจะเผลอฆ่าคนตายในมหาลัยแล้วแม่งจะเป็นเรื่องอีก

“ลุกไหวป่ะ?”ไอ้เด็กที่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทไอ้รันต์เลิกคิ้วถามผมเหมือนไม่มีตา ก็เห็นๆอยู่ไหมว่ากูเจ็บ!

“ไม่ไหวไอ้สัส ช่วยกูดิ๊”ผมยื่นมือให้มัน มันก็จับมือผมแล้วฉุดให้ลุกขึ้น

“หนัก”มันบ่น

“หุ่นกูนี่เหมือนคนผอมมั้ง”ผมโต้คืน มันจึงไหวไหล่แล้วหันไปสนใจคนชกกันต่อ ไม่สิ…ไอ้ทศชกเขาฝ่ายเดียวต่างหาก

ไม่นานศึกก็สงบลงอย่างรวดเร็วเมื่อไอ้น้องรันต์ยื่นคำขาดห้ามทัพได้ ที่น่าแปลกใจคือไอ้น้องรันต์ทิ้งผัวแล้วไปกับไอ้หัวสีขี้นั่นอ่ะดิ

อารมณ์ไอ้ทศตอนนี้แม่งน่ากลัวมาก เย็นยะเยือกจนกูขนลุกไปหมด ที่สำคัญเลยคือเราไม่มีรถกลับเพราะมันเอารถให้เมียไปส่งคนอื่นแล้ว เจริญล่ะเพื่อนกู

“แล้วกลับไง?”ผมถามเพราะต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดฯกันก่อน

“แท็กซี่มั้ง”มันตอบแบบขอไปที

“ขี้เกียจเดิน หน้ามออยู่ตั้งไกล”

“’งั้นโทรเรียกพี่กูมารับ”มันพูดนิ่งๆ

“หน้ามอก็ไม่ไกลมาก เดินไปแปบเดียวก็ถึงเนอะ” แม่งพาลใส่กูชัดๆ

++++++++++++++++++++

สุดท้ายก็มาจบอยู่ที่ร้านไอ้ดีเพราะมันไม่มีอารมณ์จะไปนั่งชิลกับผม ผมก็ตามใจเพื่อนอ่ะครับ เห็นมันดูซึมๆคงน้อยใจเมีย แต่กูไม่สงสารสารมึงหรอก จะหึงใครไม่หึงเสือกหึงน้องเมียตัวเอง(ผมถามมันทีหลัง) แม่งเป็นไปเยอะแล้วเพื่อนผม

แต่เห็นอาการเพื่อนแล้วก็สงสารครับ สงสัยกามเทพตัวน้อยๆอย่างผม(?)คงต้องแผลงฤทธิ์ซะแล้ว ผมจึงเริ่มปฏิบัติการโทรไปอำไอ้น้องรันต์เล็กๆน้อยๆ

(ครับพี่)
“มึงอยู่ไหนวะ?”
(คอนโดฯครับ)
“มึงว่างไหมอ่ะ”
(ว่างครับ ทำไมหรอพี่)
“มารับผัวมึงหน่อย มันแย่แล้วเนี่ย!”
(...ที่ไหนครับ)

ไม่นานเกินรอไอ้น้องก็มาถึงห้องที่พวกผมดื่มกัน พอมันเห็นไอ้ทศไม่ได้เป็นอะไรสายตามันก็เหมือนเข้าใจบางอย่าง มันเหลือบมองผมนิดๆแล้วก้มหน้าลงเหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อ ผมจึงเอ่ยชวนให้มันมานั่งด้วยกัน

“เอ้า! มาแล้วเสือกยืนเอ๋ออยู่ได้นะมึง ไปนั่งดิ”

“มาๆน้องรันต์ มานั่งกับพี่นี่มา ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”ไอ้เซนท์กวักมือเรียกไอ้น้องรันต์ให้ไปนั่งกับตัวเอง

“น้องรันต์จะดื่มหรืออยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่กดสั่งให้”

“ไม่ล่ะครับ ผมอาบน้ำแปรงฟันแล้ว”

“สักหน่อยเถอะน่า เดี๋ยวกูสั่งให้เอง”ผมกดสั่งของกินและเบียร์ให้น้อง พอพนักงานนำมาเสิร์ฟมันก็ทำท่าไม่ค่อยอยากดื่มแต่ผมก็พยายามคะยั้นคะยอมัน “แดกๆไปเลยมึง กลับไปค่อยแปรงฟัน”

“ผมขับรถมา”

“แก้วเดียวไม่เมาหรอก แสรดดด” สุดท้ายไอ้น้องรันต์ก็ยอมยกเบียร์ขึ้นดื่ม ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกสิบนาทีจะสี่ทุ่ม...ช่างแม่ม

เรานั่งดื่มกินกันไปเรื่อยๆ พอเบียร์ในแก้วไอ้น้องรันต์หมดอยู่ๆมันก็ลุกขึ้นจะออกจากห้องเหมือนเริ่มจะงอนผัว แต่ไอ้เชี่ยทศก็คว้าตัวไว้ได้ก่อน แต่ง้อกันงุ้งงิ้งไปตามประสาแถมยังมาดูดปากกันแบบไม่เกรงใจพวกกูเลย...ระหว่างนั้นผมก็ใช้เท้าสะกอดแขนไอ้เซนท์

“ไอ้เหี้ยสมิธ มึงเรียกกูดีๆก็ได้”มันทำหน้ายุ่งใส่ผม เหอะๆ

“กูกลัวมึงไม่รู้สึกตัว กูว่าตอนนี้พวกเราควรกลับเถอะว่ะ”

“กลับก็กลับ”

“มึงเรียกไอ้สองคนนั้นดิ๊ กูขี้เกียจขัดพวกมันละ กูขัดบ่อยจนไอ้เหี้ยทศจะถวายตีนให้อยู่แล้ว”

“ไม่เอา”ไอ้เซนท์ไม่กล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงด้วย

“เหอะน่ามันไม่ทำไรมึงหรอก กูขัดพวกมันบ่อยแค่กลัวกรรมตามสนอง”กรรมจากตีนไอ้ทศนั่นแหละ

“เออก็ได้”

“เอ่อคือ...กูว่าเรากลับกันเลยดีไหม”ไอ้เซนท์โพล่งขึ้นแบบโคตรไม่มีเซนท์ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะไอ้น้องรันต์ดีดตัวออกจากไอ้ทศทันที มันหน้าแดงแต่ไอ้เหี้ยทศที่ตาเขียวอยู่แล้วกลับเรืองเข้มยิ่งกว่าเดิมเพราะความหงุดหงิด

“อย่ามองกูแบบนั้น กูไม่ได้อยากขัด แต่ไอ้สมิธมันบอกให้กูทำอ่า มันว่ามันขัดบ่อยแล้วเดี๋ยวกรรมตามสนองมัน”โหไอ้เพื่อนกตัญญูเอาตัวรอดก่อนเชียว

“อ้าวไอ้เชี่ยเซนท์ โยนขี้มาให้กูเฉยเลย”

“ก็มึงบอกกูจริงๆนี่”

“เหรออออ”

“เอออออ”ผมหมั่นไส้กับท่าทางลอยหน้าลอยตาของมันมากเลยลุกขึ้นไปล็อคคอมันไว้แล้วตบหัวมันเบาๆ เราทะเลาะกันอยู่สักพักโดยที่ไอ้ดีก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่เป็นไอ้เหี้ยทศเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

“กูกลับแล้วนะ วันนี้ลงบิลกูไว้”แม่งชิ่งก่อนพวกกูอีก แต่ก็โชคดีที่มันเลี้ยงอีกแล้ว(แอบงก)

ไอ้ดีเรียกลูกน้องมาเคลียร์โต๊ะ แล้วก็สั่งงานนิดหน่อยก่อนจะพากันกลับ แต่ผมเพิ่งจะนึกได้ว่าจะขอให้ได้ทศไปส่งผมหน่อย เพราะถ้าให้ไอ้ดีไปส่งที่คอนโดฯไอ้ปีศาจนั่น ไอ้เซนท์คงถามนู่นนี่นั่นไม่หยุดอีก

ผมรีบเดินไปยังลานจอดรถเผื่อพวกมันยังไม่ออกไปก็ ถามเด็กโบกรถมันก็บอกว่าไอ้ทศเดินไปบล็อกนี้ พอผมเดินตามไปก็เห็นมันกับเมียกอดกันอยู่

“นี่พวกมึงมายืนซึ้งกอดอะไรกันอยู่ตรงนี้ กูคิดว่ากลับไปนานแล้วนะเนี่ย”ผมเอ่ยทักขึ้น ไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะจริงๆนะครับ พวกมันผละออกจากกันแถมไอ้น้องรันต์ยังตาแดงๆเหมือนคนร้องไห้อีก

“น้องรันต์ร้องไห้หรอ! ทะเลาะอะไรกันอีกอ่ะ”ไอ้เซนท์เป็นคนทักขึ้นแทน

“เปล่าทะเลาะนะครับ เราคุยอะไรกันนิดหน่อย ผมบ่อน้ำตาตื้นเอง”ไอ้น้องรันต์บอกยิ้มๆ

“จริงหรอวะ?”ไอ้ดีถามย้ำไอ้ทศ ลึกๆแล้วมันก็คงเอ็นดูไอ้รันต์เหมือนกัน ไอ้ทศก็พยักหน้ารับ

“เออๆ ไม่มีอะไรก็ดีละ พอดีเลยไอ้ทศกูกลับกลับมึงนะ ไอ้ดีจะได้ไม่ต้องอ้อมไปส่ง”ผมบอกไอ้ทศไปตรงๆ

“ไม่ได้ รันต์ขี่มอเตอร์ไซต์มา”

“อ้าว งั้นมึงไปส่งกูไอ้ดี” ผมหันไปฉีกยิ้มให้ไอ้ดีแทน

“กูคนขับรถมึงหรอสัส”โดนมันด่าไปหนึ่งดอก แต่ยังไงมันก็คงไปส่งผมนั่นแหละ

“ทีไอ้เซนท์มึงยังอ้อมโลกไปส่งได้ อย่ามาสองมาตรฐาน แสรดดด”ผมเหน็บมันหน่อยๆ ในกลุ่มมีแต่คนสองมาตรฐานกับกูตั้งแต่ไอ้เหี้ยทศเมื่อตอนเย็นละ

เอี๊ยด!เสียงจอดรถดังขึ้นไม่เบาหน้าทางเข้าลานจอดรถ รถเมอซิเดสสีขาวที่คุ้นตาจอดอยู่ พร้อมกับโทรศัพท์ผมที่ดังขึ้น...

“เชี่ยสมิธ รับดิโทรศัพท์มึงดังอ่ะ”ไอ้เซนท์บอกเพราะมันจำเสียงริงโทนผมได้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่เคยเมมเบอร์ไว้หรอก แต่สมองเสือกจำได้ว่าเป็นเบอร์ใคร ผมหน้าซีดลงเรื่อยๆและไม่กล้ากดรับโทรศัพท์ แม้จะคาดการณ์ไว้ว่ามันน่าจะรู้ว่าผมอยู่ไหน แต่เอาจริงๆก็ยังรู้สึกกลัวๆมันอยู่ดี

มันอารมณ์เหมือนมนุษย์ปกติเขาที่ไหนล่ะ ดีก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ดีมันก็เลวได้สุดเหวี่ยงเลยล่ะ

“มึงรับสักทีดิ ไม่รับเดี๋ยวกูรับให้เอง มา!”ไอ้เซนท์ทำท่าจะฉวยโทรศัพท์จากมือผมไปรับให้แทนเพราะเห็นมันดังขึ้นและดับลงไปหลายครั้ง แต่ผมก็เบี่ยงตัวหลบมันได้ทันและกดรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกรอบ

“ไม่ต้อง!! กูรับเอง”ติ๊ด!

(มาขึ้นรถ)มันเอ่ยสั้นๆแต่น้ำเสียงกำลังหงุดหงิดได้ที่เลย

“อืมรู้แล้ว จิ๊!”ผมก็ตอบกลับมันไปอย่างหงุดหงิดเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปลาเพื่อน“กูกลับล่ะ”

“ไม่ให้กูไปส่งแล้วหรอ”ไอ้ดีถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่

“ไม่อ่ะมีคน(เหี้ย)มารับกูแล้ว ไปล่ะ”ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนแล้วเดินตรงไปที่รถมันจอดอยู่ คือถ้ามันมาหงุดหงิดขนาดนี้ไม่รู้ว่าคืนนี้ผมจะโดนหนักมากแค่ไหน พรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนไหวไหมวะ มีเช็คชื่อตอนเช้าด้วยนี่สิ คิดได้ดังนั้นผมจึงหันไปบอกเพื่อนเอาไว้ก่อน

“อ่อ ถ้าพรุ่งนี้ไม่เห็นกูไปเรียน อย่าลืมเซ็นชื่อให้กูด้วยนะ”พูดจบผมก็รีบเดินต่อ กลัวไอ้เหี้ยเซนท์ถามว่าเพราะอะไรแล้วจะหาคำตอบให้มันไม่ได้

+++++++++++++++++
“จะไม่พูดอะไรเลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบกันอยู่นานตั้งแต่ผมขึ้นรถจนเข้ามาในลิฟท์

“...”

“สมิธ” ระดับเสียงเย็นขึ้นทันที บรรยากาศภายในลิฟท์อึดอัดขึ้นทันตา การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหน้าสองคนก้มตัวเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติเพราะน้ำเสียงกดดันจากมัน

“จะให้กูพูดอะไร มึงเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” ผมเหยียดริมฝีปากยิ้มเยาะอย่างกวนตีน คิดว่ามันคงเห็นเพราะลิฟท์เป็นกระจกเงาทั้งตัว

“คำพูดพี่ ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม”

“เหอะ! มึงคิดว่ามึงเป็นใคร อย่ามาสำคัญตัวผะ...อึ่ก!” คอผมถูกมือเรียวบีบเข้าที่คอดันติดกับผนังลิฟท์อย่างแรงจนพูดไม่ออก ผมใช้สองมือแกะมือมันมือเดียวไม่ออก ยิ่งทำมันก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบ มันบีบแรงชนิดที่ว่าลมหายใจผมขาดเป็นช่วงๆ

“อย่า-ปาก-ดี” ดวงตาสีเขียวเข้มต่างจากน้องชายวาวโรจน์ขึ้นอย่างดุดัน

“...” ผมไม่ตอบอะไร แม้จะรู้สึกทรมานแทบตาย แต่สายตาก็มองตอบมันอย่างไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งสายตาผมเริ่มพร่ามัวแทบบังคับสติตัวเองไว้ไม่ไหว เพราะสมองได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป แรงบีบรักที่คอจึงคลายออก ผมหมดแรงทรุดฮวบลงกับพื้นทันที

ติ๊ง! ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี

“ลากมันไป” พูดจบมันก็ก้าวเดินนำออกจากลิฟท์ การ์ดสองคนรีบเข้ามาหิ้วปีกแขนทั้งสองข้างให้ตามออกไปทันที ผมถูกพาตัวมาไว้ห้องที่ใช้นอนประจำ ไม่ได้ขัดขืนดิ้นรนแต่อย่างใด แม่งรู้สึกไม่ค่อยมีแรง ถึงผมจะไม่เมามากแต่ก็กรึ่มๆไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเชี่ยทศตั้งแต่หัวค่ำ ไอ้ดีไอ้เซนท์น่ะตามมาทีหลัง

“ถอดเสื้อผ้ามันออก” ผมหันควับไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ โยและการ์ดอีกคนหันไปมองมันอย่างไม่เชื่อหูทันที  ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อย่างที่เคยบอกว่ามันไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวผมโดยไม่จำเป็น อย่าว่าแต่ถอดเสื้อผ้าเลย ตอนเด็กแค่มีการ์ดคนหนึ่งเห็นผมเปลือยท่อนบนโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนั้นผมไม่เห็นหน้าคนนั้นอีกเลย

“นายหมายถึง ถอดแค่เสื้อใช่ไหมครับ”โยเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

“ถอดทั้งหมด ทุกชิ้น” โยคร่อมหัวรับคำสั่ง แล้วเดินมาหาผมที่เตียง

“ไม่ต้อง! ผมถอดเอง!” กับอีแค่ถอดเสื้อผ้า ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นจะเป็นไร แม้ตามตัวผมจะพร่างไปด้วยรอยสีกุหลาบจากความระยำของมันก็ตาม ผมกระดากเล็กน้อยจากสายตาทั้งสามคู่เมื่อเปลือยไปทั้งตัว

เหอะ! แล้วมาดูกันว่าใครจะทนไม่ได้ก่อน โยและลูกน้องรีบก้มหน้าไม่กล้ามองทันที

“พวกนายเงยหน้าขึ้นแล้วดู...อ้าขาด้วยสิ อ้าออกกว้างๆ” มันมันสั่งเสียงเข้ม ผมกัดฟันจนกรามนูนขึ้นด้วยความโกรธ

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!” ผมสบถแต่ก็ยอมอ้าขาออก คิดจะทำให้ผมอายเหรอ แผนตื้นๆ ผมยอมเสียศักดิ์ศรีดีกว่าก้มหัวให้มัน

“สอดนิ้วเข้าไป แล้วช่วยตัวเอง”

“ไอ้ระยำ!!!” ผมตะโกนเสียงดังแทบหมดความอดทน เกิดมาผมยังไม่เคยทำเรื่องน่าขยะแขยะแบบนี้มาก่อน  ผมไม่เคยช่วยตัวเองจากด้านหลังและไม่คิดจะทำเลยสักนิด

“หรือจะให้โยทำ” มันฉีกยิ้มอย่างไม่ยี่ระ เหมือนท้าทายผมเป็นนัยๆ

“มึงมันวิปริต สารเลว นรกส่งมาเกิด!” ผมตะคอกอย่างโมโหสุดจะกลั้น กะไว้ว่ายังไงจะไม่เต้นไปตามเกมส์มันแต่สุดท้ายมันก็ทำความอดทนผมขาดได้อยู่ดี

“ก็ไอ้วิปริตสารเลวคนนี้ไงล่ะ ที่ปล่อยน้ำในตัวนายไปเป็นร้อยๆรอบ” มันแสยะยิ้มกอดอก ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันกำลังลงโทษผมอยู่ ไม่คิดว่ามันจะใช้วิธีทำลายศักดิ์ศรีผมมากขนาดนี้

ผมเกลียดมัน...โมโหจนตัวสั่น แต่ผมก็เลือกที่จะสอดนิ้วกลางเข้าไปที่ช่องทางบวมช้ำ มันเข้าง่ายแต่เจ็บแปลบไปหมด ก็มันเพิ่งจะผ่านสมรภูมิมานี่ มืออีกข้างผมสาวแก่นกายตัวเองใช้เวลาอยู่นานกว่ามันจะสู้มือเพราะเมื่อวานผมปล่อยไปเป็นสิบน้ำ  นิ้วกลางสอดล้วงเข้าออกเป็นจังหวะรับกับมือที่รูดขึ้นลงแก่นแกน

อาการเจ็บแปลบๆในตอนแรกถูกแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บแปลบปนเสียวซ่าน ผมกัดปากกลั้นเสียง แต่คิดไปคิดมาผมควรจะทำอย่างที่ ‘เขา’ แนะนำมาดีกว่า

“อ๊ะ...อื้อออ แฮ่ก อ๊ะ อ๊า” กูเกลียดเสียงตัวเองจริงๆ ทำไมมันดูกระเส่าอารมณ์ขนาดนี้วะ แต่ช่างแม่งเถอะมันเรื่องธรรมชาตินี่หว่า เป็นผู้ชายจะไปดัดจริตอะไรมากมาย

“อึก!” ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย เอาเถอะจะใครก็ช่างแต่ผมจะปล่อยท่าไม้ตายแล้วล่ะ

“อ๊า...ลุค อื้อ ลุค มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ” ผมช้อนสายตามองคนที่ผมเรียกชื่อ ส่งสายตาเยิ้มๆให้มันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มันมองผมอึ้งๆอย่างไม่คาดคิด ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด

“ออกไปให้หมด! ปิดประตูแล้วลืมภาพเมื่อกี้ซะ ใครหน้าไหนกล้าจำผมจะไม่ให้มีตาไว้มองอีก” ลูกน้อยมันก้มหน้ารับคำเสียงเข้มแล้วรีบกุลีกุจอออกจากห้องทันที ผมดึงนิ้วตัวเองออกและหยุดมือช่วยตัวเอง

หึๆ ผมชนะ...คิดจะทำให้ผมอับอายเสียศักดิ์ศรีจะทำให้ผมยอมร้องไห้อ้อนวอนอย่างนั้นหรอ?

รอไปอีกสิบชาติตอนดึกๆเถอะ


(ต่อreply ถัดไป)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 26-06-2018 14:27:28
[ต่อจ้า]

“หึ!กล้าไม่เบา ไปหัดทำแบบนี้มาจากใคร?” มันก้าวขึ้นเตียง สายตาวาวโรจน์ดูน่ากลัว

“จะกับใครแล้วไง?สนใจหรอ?ใครจะดูก็ได้นี่” ผมแสยะยิ้มเหมือนไม่แคร์ ทั้งๆที่ในใจผมก็โคตรแย่ โคตรเสียศักดิ์ศรีเลยว่ะ แต่ที่ยอมทำก็เพราะอยากเอาชนะมันล้วนๆ

พรวด! อึ่ก! ไอ้เหี้ยลุคอาศัยจังหวะที่ผมเผลอ อ้าขาผมออกแล้วใช้เข่ากดไว้แล้วสอดนิ้วยาวแทงพรวดเข้ามาในช่องทางผมพร้อมกันสองนิ้ว

“จะบอกดีๆไหม” มันยิ้มเหี้ยม งอนิ้วแล้วครูดกับผนังนุ่มข้างในขยับนิ้วชักเข้าออกแรงๆที่ทำให้ผมเจ็บจนดิ้นพล่าน

“อ๊ะ!เจ็บบบบ ปล่อยกู!!” ผมปัดป่ายมือไปมาจนมันจับไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว

“ก็ตอบมาสิ” มันเร่งความเร็วและแรงขึ้น ผมเจ็บมากๆจนน้ำตาแทบไหลเพราะมันไปซ้ำกับแผลเก่าด้วย

“ไม่มี! ไม่เคยทำกับใคร พอใจรึยัง!!!”ผมตะคอกออกไปอย่างทนไม่ไหว เกลียดมันจริงๆ

“บอกพี่ดีๆตั้งแต่แรกก็จะไม่เจ็บตัวแล้วแท้ๆ มิทตี้” มันโน้มหน้ามาจูบปากผมเบาเหมือนให้รางวัล ผมเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง กัดกรามจนเจ็บไปหมด ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอเบาๆ

“มา พี่ช่วยให้เสร็จดีกว่า” มันปล่อยมือที่จับผมไว้แล้วไปจัดการกับน้องชายผมที่หดตัวจากความเจ็บไปแล้วแทน ไม่ถึงนาทีมันก็ตั้งขึ้นสู้มือไอ้สารนี่จนผมอยากจะมุดดินหนีไปซะให้แม่งรู้แล้วรู้รอด ผมพยายามดึงมือมันออกแต่ก็อย่างที่รู้คือผมสู้แรงมันไม่ไหวโว้ย

“ไม่ต้อง! อ๊า...” แม่งเอ้ย กูเกลียดมึงไอ้เหี้ยๆๆๆลูคัส

และเกลียดไอ้ร่างกายไม่รักดีนี่ด้วย!

“เอามือมึงออกไปเดี๋ยวนี้!” ผมผลักอกคนที่กำลังคุกคามส่วนสงวนของตัวเองออกอย่างแรง ไอ้เหี้ยลุคผงะถอยห่างเล็กน้อยตามแรงผลัก มือที่สาวแก่นกายให้อยู่ก็หยุดชะงักแต่สองนิ้วเรียวของมันยังไม่หลุดออกจากช่องทางรัดนุ่ม

“อย่าดื้อน่า แต่ก่อนยังพูดง่ายกว่านี้นี่มิทตี้” มันฉีกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี แล้วขยับตัวไปจูบซับใบหูผมแทน ถึงแม้ผมจะใช้มือทั้งสองข้างยันอกกว้างมันไว้ แต่แรงของผมก็ต้านทานการกระทำมันไม่ได้อยู่ดี

“กูไม่ได้พูดง่ายแต่กูโดนมึงบังคับต่างหาก แล้วก็เลิกเรียกกูด้วยชื่อทุเรศๆแบบนั้นสักที!” ผมทำหน้ายุ่ง เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากบางที่กำลังขบเม้นไปตามใบหูผมอย่างไม่ลดละ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ว่าตอนนี้แขนขาผมชักเริ่มอ่อนแรง เสียววูบไปทั่วท้องน้อยไม่หยุด

ไอ้ปีศาจนี่เล่นจู่โจมจุดอ่อนไหวที่สุดของผมน่ะสิ!

“ไม่เลิก น่ารักดีออก...พี่ชอบ” ลูคัสกระซิบเย้าชิดใบหูจนผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว พอมันอารมณ์ดีแล้วก็จะเป็นแบบนี้แหละ ผมล่ะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

“ถ้าอย่างนั้นกูเรียกมึงว่า‘ไอ้นรก’ เพราะ ‘กูชอบ’ ได้ไหมล่ะ” ผมเน้นเสียงชื่อเรียกใหม่ของมันด้วยน้ำเสียงหยัน ผมสบตากับดวงตาสีเขียวเข้มตรงๆแบบท้าทายที่มักจะทำให้มันตบะแตกทนไม่ไหวก่อนเสมอ คิดไว้ว่าน่าจะโดนตบสักทีสองที

“ก็ได้นะ” คำตอบง่ายๆและรอยยิ้มบนหน้าคมหวานของมันทำให้ผมชะงักอย่างไม่น่าเชื่อ คือไม่คิดว่ามันจะยอมรับง่ายๆขนาดนี้แม้ตอนแรกจะเห็นหัวคิ้วเข้มกระตุกแล้วก็ตาม แต่ประโยคต่อมาจากมันก็ทำเอาผมเม้มริมฝีปากแน่นอย่างพยายามเก็บอารมณ์ คิดถูกจริงๆนั่นแหละว่ายอมง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่ตัวมันเลย

“เรียกได้ แต่ว่า...หนึ่งคำต่อสิบน้ำนะ เพราะพี่จะถือว่านั่นเป็นคำเรียกแสดงความรักจากนาย” มันฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แลเวก้มลงดูดต้นคอผมอย่างแรงจนต้องซี๊ดปากเพราะเจ็บ

“ฝันไปเถอะ! อึก!...แล้วมึงจะขยับทำเหี้ยไรเนี่ย! เอานิ้วออกไป!” ผมขยับตัวหนีจากการรุกรานของนิ้วมัน แต่แทนที่มันจะทำตามคำพูดขอผม มันกลับสอดนิ้วที่สามเข้ามาอีกนิ้วยิ่งสร้างความเจ็บปวดที่ช่องทางมากขึ้น

นิ้วเรียวยาวทั้งสามขยับเข้าออกช้าๆสลับหมุนควงกระแทกจุดกระสันเป็นระยะสอดรับกับจังหวะการสาวชักแก่นกาย ชั้นเชิงมันโปรมากผมถึงกับหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาน แอลกอฮอลล์ในเลือดยิ่งทำให้รู้สึกตื่นตัวเร็วเป็นพิเศษ

“เป็นเด็กดีของพี่ แล้วพี่จะไม่ทำอะไร” จบประโยคลูคัสก็ทาบทับริมฝีปากบางลงสัมผัสกับริมฝีปากของผม ผมเม้มริมฝีปากแน่นไม่อยากให้มันได้เชยชิมง่ายๆ แต่เหมือนมันรู้อยู่แล้วว่าผมต้องไม่ยอมให้ง่ายๆ มือเรียวที่ชักรูดแก่นกายให้อยู่เปลี่ยนไปลูบวนส่วนปลายพร้อมใช้นิ้วโป้งขยี้ตามรอยแยกหยักด้วยน้ำหนักพอดีมือ ผมถึงกับเผลอหลุดร้องครางด้วยความเสียวอย่างทนไม่ไหว

มันอาศัยจังหวะนั้นรีบสอดลิ้นเข้ามาเชยชิมความหวานในริมฝีปากผมทันที ลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามากระหวัดเกี่ยวพันลิ้นผมที่กำลังหลีกหนีแต่มันก็ตามไล่ต้อนเกาะเกี่ยวแล้วดูดแรงๆได้ทุกครั้งไป  ริมฝีปากบางขบเม้มอย่างเร่าร้อนหื่นกระหายสลับกับดูดดึงอย่างดูดดื่ม มือทั้งสองข้างยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมจู่โจมทั้งส่วนหน้าและข้างหลังผมอย่างหนัก ไม่นานสมิธน้อยก็พรั่งพรูหยาดน้ำไปถึงฝั่งฝันคามือมัน

“แฮ่กๆๆ” ผมหอบหนักหลังมันถอนจูบออกจากปากรู้สึกว่าด้านหลังมีของเหลวเหนียวๆซึมออกมา...นี่ขนาดโดนแค่นิ้วนะ ถ้ามันทำจริงๆกูกลายเป็นศพแน่เลยครับ

ชึบ! เสียงมันถอนนิ้วที่เปียกชื้นออกจากช่องทางนุ่มช้าๆ มันยืดตัวแล้วลุกออกจากเตียงส่งเสียงทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป

“พักผ่อนซะ สัปดาห์หน้าเจอกัน”
+++++++++++++++++++++++
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์เป็นอะไรที่ผมมีความสุขมาก เพราะไอ้เหี้ยลุคไม่อยู่ ผมกลับไปนอนคอนโดฯตัวเอง ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนบ้างในบางวัน แต่เสียอย่างเดียวคือผมไม่ได้อึ๊บหญิง ไม่ใช่ว่าผมจะกลัวมันจนหัวหดจนไม่กล้ารอกนะ แต่พอผมจะไปต่อทีไรลูกน้องมันเป็นต้องโผล่เข้ามาขวางทุกที เฮ้ออออ ผมพอนอนคนเดียวได้นะอาจจะหลับยากนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ฝันร้ายอะไร

คิดไปคิดมาเมื่อไหร่มันจะทิ้งผมสักทีวะ นี่ก็พยายามทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ให้มันเอือมสุดๆแล้วนะเว้ย! ถ้าเป็นคนอื่นนี่เผ่นแนบไปนานแล้ว ขนาดผมลองทำตัวเอาแต่ใจใส่ไอ้เซนท์แบบสุดๆแค่ชั่วโมงเดียวมันก็วิ่งหนีไปฟ้องผัวและไม่กล้าเข้าใกล้ผมอีกทั้งวัน(มึงมันโรคจิต//เซนท์)

วันนี้เป็นวันหยุด ผมจึงนอนเน่าๆอยู่ที่ห้องอย่างไม่รู้จะไปไหน ตอนเย็นว่าจะขึ้นไปทานข้าวกับไอ้สองผัวเมียทศรันต์ที่ชั้นบน ส่วนตอนนี้ได้แต่เขี่ยนิ้วดูไอจีสาวๆไปเรื่อย แต่มาสะดุดอยู่ที่รูปๆหนึ่งที่นักบอลคนโปรดที่ผมติดตามโพสต์ลงแล้วทำเอาผมแทบกรี๊ด(เกือบสาวแตกเลยกู)

“ไอ้เชรี่ยยยย”ผมร้องแบบมือไม้สั่น อิจฉาสุดฤทธิ์ มันคือรูปเป็นนักเตะทั้งสโมสรฟุตบอลที่ผมชอบมากๆๆ ผมจะไม่อะไรเลยนะถ้าไม่เห็นไอ้เหี้ยลุคนั่งทานอาหารถ่ายรูปร่วมเฟรมกับพวกเขา

แล้วนักเตะคนที่โพสต์รูปผมชอบมากเขาค่อนข้างเก็บตัวอย่าว่าแต่รูปเลย ลายเซ็นต์กูยังไม่มีทั้งๆที่กูบินไปเชียร์ถึงขอบสนาม ฮื่อ(ชักงอแง)

“เอาไงดีวะ นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้ลายเซ็นต์เลยนะ”ผมเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น อยากให้ไอ้เหี้ยลุคขอลายเซ็นให้มากมาย แต่ไม่อยากขอร้องมันเดี๋ยวเสียศักดิ์ศรี แต่ก็อยากได้จจริงๆนะ

“โทรก็โทรวะ”ผมตัดสินใจกดเบอร์โทรหาไอ้ปีศาจลูคัส รอนานมากจนสายเกือบตัดมันถึงรับ

“ว่าไงครับ”เสียงมันไม่ได้ดูงัวเงียอย่างที่คิด ทั้งๆที่ผมคิดว่าที่นั่นน่าจะยังเช้าอยู่

“มึงอยู่ไหน?”

“บนเรือ...ทำไม?”

“มึงไปถ่ายรูปกับโลเวลได้ไงวะ”

“โลเวลไหน?พี่ไม่รู้จัก”เอ้าก็นักเตะที่มึงถ่ายรูปด้วยไงไอ้ฟาย แต่ผมไม่พูดหรอก

“ก็ที่มึงถ่ายรูปกับนักเตะสโมสรGGอ่า”

“อ้อ ที่ถ่ายเมื่อวานนี้รึเปล่า?”

“อือฮึ”ผมพยักหน้า เพราะรูปที่ลงเป็นเมื่อวาน

“แล้วไง?”

“กูอยากได้ลายเซ็นต์พวกเขา”

“ก็ไปขอดิ”ดูมันตอบครับ

“กูขอได้แล้วจะมาบอกมึงไหม!?”

“แล้วทำไมถึงคิดว่าพี่จะขอให้ได้”

“ก็...มึงได้ถ่ายรูปกับเขาอ่ะ”ผมด้นเหตุผลแบบโคตรจะไม่มีเหตุผลเลย

“เขาเป็นลูกค้าพี่นะมิทตี้ ตอนนี้พวกเขามาเที่ยวพักผ่อนบนเรือของพี่ จะให้พี่ไปขอลายเซ็นต์อะไรแบบนั้นให้มันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่มั้ง”

“เออ!ไม่ได้ก็ไม่ได้ดิ ทำไมต้องพูดเยอะ!”ผมกระแทกเสียงใส่มันอย่างหงุดหงิด ก็รู้ว่างี่เง่าแต่ไม่สน มันยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อผมก็ชิงวางสายเลย เหอะ!

ตอนเย็นผมก็ขึ้นไปกินข้าวกับไอ้ทศอย่างที่บอก มันเห็นท่าทางผมที่ยังหงุดหงิดไม่หายก็ถาม ผมเลยเล่าให้มันฟังเป็นชุดบวกความหงุดหงิดเข้าไปอีกสิบระดับ สุดท้ายมันก็พูดออกมาแค่ประโยคเดียวพร้อมผลักหัวผมเกือบหงายหลัง

“เอาแต่ใจไปแล้วนะมึงน่ะ”ผมไม่เถียงมันหรอก เพราะมันเป็นเรื่องจริง โดยส่วนตัวทุกคนชอบบอกว่านิสัยผมน่ารำคาญและโคตรเอาแต่ใจตัวเองแต่พวกมันก็ยังพอทนได้เพราะผมยังพอยั้งๆความเอาแต่ใจไว้อยู่ แต่กับไอ้เหี้ยลุคผมปล่อยหมด ทนได้ก็ลองดูดิ

วันต่อมาผมได้มานั่งร้านชิลอย่างที่อยากมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแต่ไม่ได้มาเพราะติดนู่นนี่นั่นหลายอย่าง ผมดื่มเบียร์สดคนเดียวหมดไปหนึ่งทาวเวอร์อ่ะคิดดู เดินเข้าห้องน้ำโคตรจะบ่อย นี่แค่นั่งชิลๆกะไม่เมานะครับ ฮ่า

ห้าทุ่มนิดๆผมก็กลับห้องตัวเอง จากนั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน แต่เสียงเปิดประตูห้องนอนผมดังขึ้นซะก่อน ผมสะดุ้งนิดๆเพราะคิดว่าเป็นโจร แต่พอเห็นหน้าไอ้คนที่โผล่เข้ามาก็เผลอถอนหายใจโล่งอก

“มาไม?”

“คิดถึงเมีย”

“ใครเมียมึง!”

“มิทตี้นั่นแหละ”

“เหอะ”ผมสะบัดเสียงใส่มันอย่างไม่อยากจะคุยด้วย

“นอนด้วยดิ”ไม่พูดเฉยๆนะ แต่ล้มตัวลงนอนบนเตียงผมเลย

“ไม่!กลับห้องมึงไปเลย”ผมไล่พร้อมกับไปดึงแขนให้มันลุกขึ้น

“พี่เหนื่อย อยากกอด”ผมชะงักแล้วเบ้ปากใส่มัน

“ไปกอดเด็กมึงสิ”

“เด็กพี่ก็อยู่นี่แล้วไง”

“ตกลงมึงจะให้กูเป็นอะไรกันแน่?คำพูดมึงมีอะไรที่เชื่อได้สักอย่างป่ะ!”ผมกอดอกมองมันนิ่งๆ กลับกรอกไปมาที่สุดผมล่ะเกลียด...โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าคำพูดมันจะเป็นกับดักเล่นงานผมทีหลัง

“มิทตี้ก็เมียเด็กของพี่ไง...ว่าแต่ยอมรับแล้วเหรอว่าเป็นเมียพี่”มันฉีกยิ้มดวงตาพราวระยับขึ้นอย่างสมใจ แต่ผมนี่สิที่พูดไม่ออก

“ไม่ได้ยอมรับอะไรทั้งนั้นแหละ มึงไม่ต้องหลอกให้กูพูดเลย!”ผมทำเสียงเหวี่ยงใส่มัน

“หึๆ เห็นว่ามิทตี้น่ารักพี่ก็มีของฝากจะให้”

“อะไร?”ผมถามอย่างสนใจ มันไม่ตอบแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆแล้วยกหน้าจอให้ผมดู

“อยู่ไหน!?”ผมถามหาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มันเป็นเสื้อบอลเบอร์ของโรเวลที่มีลายเซ็นเขาอยู่(รู้เพราะเคยเห็น)

“ห้องพี่”

“ป่ะไปเอา”ผมชวนมันทันที ไม่นงไม่นอนมันละ

“พรุ่งนี้ค่อยไปเอา วันนี้นอนก่อน”

“ก็ได้”

“โอเค มานอนสิ”มันล้มตัวนอนบนเตียงผมอีกครั้ง

“เดี๋ยว!นี่มึงอาบน้ำรึยังเนี่ยถึงมานอนเตียงกู”

“ยัง”มันตอบพร้อมกับซุกหน้าซุกลงกับหมอน

“ไปอาบเลย สกปรก!”

“อาบให้หน่อย”

“พิการเหรอ”ผมบอกพร้อมกับดึงมือแขนมันให้ลุกขึ้น ซึ่งมันก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเสือกกอดเอวกูไว้แทน - -

“อาบให้หน่อยนะครับ”มันซุกหน้าบี้กับท้องผมจนรู้สึกจักจี้นิดๆ ผมจึงผลักหน้ามันออก แต่มันยังไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบรอบเอวผมไว้

“ไม่เอา”

“พี่อุตส่าห์ไปขอให้เลยนะ ระดับพี่ต้องไปขออะไรแบบนี้ที่ไหนล่ะ”ดูมันอ้างครับ

“เหอะ!ทวงบุญคุณ?”

“เปล่า แค่อยากได้ค่าเหนื่อยบ้าง”มันเหนื่อยอะไรนักหนากับอีแค่ขอลายเซ็น

“เออๆครั้งนี้ครั้งเดียวนะมึง รำคาญจริง!”

“มิทตี้น่ารักที่สุด”มันปล่อยมือออกจากเอวผมแล้วลุกขึ้น ก่อนจะฉุดแขนผมให้เดินตามเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

++++++++++++++++++
มิทตี้น่ารัก เฮียยิ่งน่ารัก :D
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2018 15:03:27
รับไม่ได้กับพฤติกรรมการอ้อนของนังลุค  o22
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-06-2018 15:33:00
นึกถึงความน่ารักของพี่ลุค แล้ววว ขนลุกอ่ะ :a5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-06-2018 17:56:39
 :a5: ลุคอ้อนมิทตี้  :mew5: มิทตี้จะมีหวั่นไหวมะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 26-06-2018 22:48:28
เฮียลุคเริ่มน่ารักแล้วววว :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-06-2018 00:29:18
เมื่อไหร่อิพี่ลุคมันจะรู้ตัวสักทีว่าทำน้องมีอาการทางจิตจนต้องพึ่งยาน่ะหา ต้องให้มิทแตกสลายไปก่อนใช่มะ เกลียดโว้ย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 27-06-2018 08:24:42
ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก ยังไม่รู้สึกว่า ลุคจะมีความรู้สึกเสียใจหรืออะไรก็ตามที่ทำร้ายสมิธ

ตั้งแต่แรกที่เจอกันลุคทำร้ายสมิธมาตลอด ทั้งร่างกายและจิตใจ สมิธรักลุคแน่นอน  แต่ก็เก็บมันเอาไว้เพราะโดนทำร้ายมากเกินไป

แม้สมิธจะดื้อดึงทำตัวน่ารำคาญ แต่เหตุผลของสมิธมีพอ ที่ลุคทำร้ายสมิธจนเกือบตายหลายครั้ง กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายจิตใจ

ทั้งหมดนี่ก้เพียงพอจะเกลียดเข้าไส้แล้ว

แต่ลูกมีเหตุผลอะไรที่ทำร้ายสมิธล่ะ  แค่ไม่รู้ใจตัวเองว่ารักแต่ทำไมต้องทำร้าย กันขนาดนั้น  ทั้งทำร้ายร่างกายทั้งทำลายศักดิ์ศรี

ลุคต้องได้รับบทเรียนแบบสาหัสมากๆ ถึงจะสาสมกับทุกอย่างที่ทำกับสมิธ  :z6: :beat: :beat: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 27-06-2018 14:28:15
ทำไมตอนท้ายเขาแลดูมุ้งมิ่งๆ มีอาบนงอาบน้ำให้กัน อรั๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่20[26/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 01-07-2018 01:32:09
อืม การอ้อนแค่นั้น(?) ไม่ได้ลบล้างสิ่งเลวร้ายที่นายทำกับสมิธไปได้หรอกนะ!
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 07-07-2018 02:56:52


คนโปรด 21.1

"นี่จะถอดหมดเหรอ!"ผมท้วงเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะถอดอันเดอร์แวร์ชื่อดังออกจากตัว

"จะอาบน้ำก็ต้องถอดหมดสิ"

"ไม่ต้องถอด อุจาดลูกตา!"

"ทำอย่างกับไม่คยเห็น"มันเลิกคิ้วมองผมนิดๆ

"งั้นมึงอาบเอง"ผมขี้เกียจจะเถรยงกับมันต่อ เลยหมุนตัวหันหลังกลับจะออกไป แต่มันก็ตรงมาคว้าแขนผมไว้ได้ก่อน

"โอเคๆ ไม่ถอดก็ไม่ถอด"

"มึงอาบฝักบัวนะ กว่าน้ำจะเต็มอ่างมันนาน"ผมบอกแกมบังคับมันเพราะง่วงแล้ว ลูคัสก็พยักหน้าแล้วเข้าไปในส่วนของเรนชาวเวอร์ มันกดเปิดน้ำให้ไหลตั้งแต่ศีรษะลงมา พอผมและตัวเปียกได้ที่ก็กระดิกนิ้วเรียกผมเข้าไปหา

"สระผมให้ด้วย"

"เยอะไปละ"ผมบ่น แต่มือก็กดแชมพูใส่มือสองปั๊มเพราะผมมันยาว ลูค้สก้มหัวลงให้นิดๆเพื่อให้ผมยีเส้นผมมันกับแชมพูได้ถนัด ปกติผมสระเองลวกๆรอบเดียวก็จบ แต่ผมไอ้เหี้ยนี่ยาวต้องใช้เวลาสักหน่อย

"โตยิ่งกว่าควายยังให้กูมาอาบน้ำสระผมให้อีก"ผมทำไปบ่นไป มันก็ยืนนิ่งๆให้ผมว่าไม่มีตอบโต้สักนิด

"พี่อยากให้มิทตี้ทำให้"

"เหอะ!เสร็จละ ไปล้างออกดิ"ผมบอกแล้วก้าวออกจากกระจกกั้นไม่ให้ตัวเองโดนน้ำ

"ไม่ถูสบู่ให้พี่ด้วยเลยล่ะ"

"ไม่ล้างแชมพูออกก่อนเหรอ?"ปกติผมชอบล้างแชมพูออกก่อนแล้วค่อยอาบน้ำน่ะ

"ไม่ต้อง" พอมันบอกแบบนั้นผมก็เดินกลับเข้าไปได้ใน มองหาฟองน้ำจะถูตัวให้มันแต่ก็ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้ใช้ ผมเลยกดครีมอาบน้ำใส่มือแทน

มือผมที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ถูไปตามหน้าอกกว้างที่ตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของมันลวกๆ ตัวมันขนาดอาบน้ำยังมีอุณหภูมิอุ่นๆส่งผ่านฝ่ามือผม ผมจับมันหันหลังแล้วถูสบู่ให้มันไม่กี่วินาทีก็เสร็จ

"เสร็จแล้ว"ผมบอกและทำท่าจะเดินหนี แต่มันเสือกจับแขนผมไว้(อีกแล้ว)

"ข้างล่างยังไม่ได้ถูเลย"

"มึงก็ถูเองสิวะ!"ผมพยายามดึงแขนออกจากมือมัน แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน

"ทำให้เสร็จ"ทำไมผมรู้สึกว่าคำพูดมันกำกวมแปลกๆ

"กูง่วงแล้ว"ผมทำหน้าบึ้งๆแกล้วหาวไปอีกที

"หาข้ออ้างตลอด"

"ฮื่อ จะนอน!"ผมเริ่มโวยและเอาแต่ใจตัวเองมากกว่าเดิม

"เฮ้อ ตามใจ"มันถอนหายใจใส่ผมเหมือนปลงๆแล้วปล่อยมือออกจากแขนผม

ผมรีบเดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าแล้วรีบออกจากห้องน้ำทันทีเมื่อได้โอกาสพลางขบคิดในใจไปด้วย

ช่วงนี้ไอ้เหี้ยลุคดูใจดีแปลกๆ ไอ้เรื่องตามใจผมมันก็ทำเป็นปกติผมไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ แต่เรื่องที่มันยอมลงให้ผมนี่สิแปลก...คือมันน่ากลัวกว่าตอนที่มันร้ายใส่อีกนะครับ

ผมล้มตัวลงนอน พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ที่แปลกไปไม่ใช่แค่มัน แม้แต่ตัวผมก็ยังแปลกใจตัวเอง...ทำไมผมถึงรู้สึกกลัวมันน้อยลงกว่าครั้งแรกที่เจอหน้ากันอีกครั้งมาก และครั้งนี้ผมยังยอมให้มันมานอนในห้องง่ายๆอีก เพราะอะไรกันวะ?

อ้อ! เพราะผมเมาแน่ๆและก็เพราะมันทำความดีความชอบนิดหน่อย ผมเลยยอมใจดีกับมันไง ยังไงผมก็เป็นคนจิตใจดีอยู่แล้ว

ใช่ๆ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

พอหาเหตุผลให้ตัวเองได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ความง่วงก็เริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อผมใกล้ๆจะหลับเตียงข้างที่ว่างก็ยวบลงเหมือนมีคนนั่ง

"จะหลับแล้วเหรอเรา?"ผมพยักหน้าตอบไปอย่างไม่รู้ตัวเพราะความง่วง สัมผัสได้ว่ามีคนลูบศีรษะเบาๆ...รู้สึกดีสุดๆ

"เวลาไม่ดื้อก็น่ารักไปอีกแบบ"ผมจับใจความไม่ได้เพราะกำลังล่องลอยเข้าสู่นิทรา แต่ก่อนจะเข้าสู่ห้วงความฝันผมก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปาก มันวาบหวิวและล่องลอยแผ่วเบาอยู่นาน...จนผมหลับไปในที่สุด

+++++++++++++++

ผมตื่นมาอีกทีก็ไม่เจอลูคัสแล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ผมยังไม่ได้เสื้อที่มีลายเซ็นต์โรเวลเลยนะ!

ผมเข้าไปทำธุระในห้องน้ำให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็หยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้องทั้งหน้าบึ้งๆไม่สบอารมณ์ กะว่าจะโทรไปด่ามันที่ผิดสัญญาสักหลายๆคำ

แต่พอได้ยินเสียงทีวีที่ห้องนั่งเล่น มือที่กำลังจะกดโทรออกเบอร์มันก็ชะงักไป ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ เห็นมันนั่งไขว้ขาก้มลงขีดเขียนอะไรบางอย่างที่แฟ้มงานอยู่

ลูคัสเงยหน้าขึ้นมองผมเหมือนรู้(ประสาทสัมผัสมันเทพมาก) มันฉีกยิ้มมุมปากให้ผมแล้วนบโซฟาข้างๆตัวเอง

"อรุณสวัสดิ์"

"ไหนเสื้อ?"ผมเมินคำทักทายมันแล้วถามหาของที่อยากได้แทน

"ที่ห้องพี่ไง"

"ไปเอามา"

"สั่งผัว?"

"ผัวพ่อมึงสิ!"ผมด่าคำหยาบมากออกไปด้วยความลืมตัว มันตวัดสายตาทองดุๆทันที

"มิทตี้!จะด่าอะไรก็ด่าไป แต่อย่าลามปามถึงพ่อพี่ ให้รู้จักกาละเทศะบ้าง"มันดุผมเสียงเข้มเลย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจไหมล่ะก็เคยชินเวลาด่ากันกับไอ้เซนท์แล้วมันติดปาก

"..."ผมไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกผิด อย่างน้อยพ่อมันก็พ่อไอ้ทศอ่ะ แล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

"ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย"มันว่า...คือกูทำหน้าแบบไหนวะครับ

"ก็ปกติ"ผมพูดเสียงแข็งนิดๆโดยที่ไม่รู้ตัว

"เอาเถอะ ทีหลังอย่าพูดอีก"มันลอบถอนหายใจนิดๆ

"มึงก็อย่าพูดคำนั้นเหมือนกัน กู-ไม่-อยาก-ได้ยิน"ผมเน้นคำในประโยคสุดท้าย

"พี่พูดความจริง"

"มึงเป็นผัวให้กับอีกกี่สิบคนล่ะ อย่าพูดให้กูรู้สึกขยะแขยงไปมากกว่านี้เลย"มันลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าผมตรงๆ

"พี่พูดแค่กับมิทตี้"

"กูไม่เชื่อ...ไม่เชื่ออะไรมึงอีกแล้ว"

"มิทตี้พี่ไม่ได้อยากมาทะเลาะนะ"มันทำหน้าอ่อนใจ เสียงก็ไม่ได้เข้มเหมือนตอนแรกแล้ว

"ไม่อยากมาก็อย่ามะ-อื้อ!"มันล็อคท้ายทอยผมไว้แล้วดันเข้าหาตัวพร้อมกับประกบจูบผมลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ผมดิ้นและผลักไสมันออก แต่ไอ้เหี้ยลุคกลับล็อคตัวผมไว้แน่นแล้วบดริมฝีปากใส่กันอย่างเผ็ดร้อน ผมพยายามหลีกหนีสัมผัสจากมันแต่ยิ่งหนีมันก็ยิ่งตามมารุกราน สุดท้ายผมก็โต้ตอบมันด้วยการจูบกลับคืนไปอย่างไม่ยอมแพ้

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานเท่าไหร่ แต่ลิ้นกับริมฝีปากนี่ชาไปหมด เมื่อยกรามอีกต่างหาก ไปๆมาๆหลังผมก็แนบกับโซฟา ส่วนล่างโล่งเย็นเหมือนกางเกงถูกถอดออก

ก่อนที่ความใหญ่โตบางอย่างจะแทงพรวดเข้ามาที่ตรงนั้นจนผมจุกท้องน้อยไม่เบา มันไม่ได้ทำรุนแรง แต่จังหวะกระแทกกระทั้นลงมาไม่ขาดช่วงให้ผมได้พักหยุดหายใจเลย

ร่างกายผมโยกคลอนไปตามจังหวะกระขยับสะโพกของมัน มันดูดคอผมแรงมากจนผมต้องจิกผมมันหลายทีให้หยุด

แล้วคิดว่ามันจะหยุดไหม?...ถ้าหยุดก็ไม่ใช่มันแล้วล่ะ

หัวมังกรยักษ์ของมันกระแทกโดนจุดกระสันภายในผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเสียวมากจนกลั้นเสียงครางไว้แทบไม่อยู่ แต่เหมือนมันจะรู้ สะโพกสอบยิ่งขยับรัวย้ำๆใส่ไม่หยุด

มันเสียวมากเหมือนแขนขาจะอ่อนแรงไปเฉยๆ หัวสมองผมว่างเปล่า ความรู้สึกสุดท้ายคือเหมือนไฟฟ้ากำลังอ่อนช็อตไปทั้งร่าง ผมกระตุกปลดปล่อยออกมาโดยที่ไม่ได้ชักน้องชายเลย

ลูคัสก้มลงจูบผมอีกรอบ ผมก็จูบตอบมันไปแบบมึนๆ รู้สึกว่าช่องทางตรงนั้นร้อนผ่าวขึ้นมากกว่าเดิมเหมือนลูคัสจะเร่งจังหวะ ไม่นานของเหลวข้นๆจากมันก็พุ่งอัดเต็มช่องทางนั้นทะลักเข้าถึงท้องน้อยผมด้วยซ้ำ มันขยับอีกสองสามทีแล้วแช่ไว้ก่อนจะค่อยๆถอนกายออก

ใบหน้าคมออกหวานก้มลงมาจูบหน้าผากผมแรงๆไปหลายฟอด ผมมองมันตาขวางแล้วใช้มือ(จริงๆอยากใช้เท้า)ยันหน้ามันไว้ไม่ให้ก้มลงมาจูบอีก

"มึงแตกในอีกแล้ว!"ผมเหวี่ยงเพราะเพลียแล้วก็เหนื่อย

"อืม พี่ตั้งใจ"มีใครยอมรับได้อย่างหน้าด้านๆเท่ามันไหม?

"ไอ้เหี้ย!มึงจะเอาโรคมาติดกูไหมเนี่ย!"ผมด่ามันอย่างโมโห

"โดนไปตั้งหลายน้ำแล้วจะมาบ่นอะไรตอนนี้"

"กูด่า ไม่ได้บ่น"ผมเถียงคืนอย่างไม่ยอมแพ้ มันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ดึงกางเกงขึ้นแล้วก็หันไปหยิบทิชชู่มาถือไว้ในมือ

"มึงจะทำอะไรอีก!"ผมตาโตร้องออกไปด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆมันก็จับขาผมแยกออกจากกัน

"ก็เห็นบ่น เลยจะเอาออกให้หรือว่าอยากให้ทำต่ออีกรอบ?"มันเลิกคิ้วถามแบบกวนประสาทผมสุดๆ

"ไม่ต้อง!กูจะทำเอง อ๊ะ!"แม่งไม่เคยฟังกูเลย นิ้วเรียวยาวของมันสอดเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็วแล้วคว้านเอาของเหลวออกมาใส่ทิชชู่ที่รองอยู่

"เสร็จแล้ว"มันพูดยิ้มๆแล้วยื่นหน้ามาดูดปากผมแรงๆเหมือนหมั่นเขี้ยว

"ชำนาญขนาดนี้ ทำให้เด็กบ่อยล่ะสิ"ผมเหน็บมันไปพลางหยิบกางเกงมาใส่

"พี่ทำให้มิทตี้คนเดียว"

"หึ!"ผมส่งเสียงในลำคอแบบไม่เชื่อมัน

"ไปอาบน้ำไป สายแล้วเดี๋ยวพี่พาไปทานข้าว"

ผมไม่ปฏิเสธเพราะรู้สึกหิวมากจริงๆจึงลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ผมเซนิดหน่อยเกือบจะล้ม ไอ้เหี้ยลุคทำท่าจะเข้ามาประคองแต่ผมก็ปัดมือมันออกพร้อมตวัดสายตามองมันอย่างไม่ชอบใจ

ไม่ต้องมาทำเหมือนกูอ่อนแอบอบบางหรอก ถ้ามันเข้ามาผมจะต่อยมันจริงๆอ่ะ(แม่จะไม่ชอบทำก็เถอะ)

แต่เหมือนมันจะรู้ความหมายสายตาผม จึงหยุดยืนอยู่กับที่ไม่เข้ามายุ่ง

เมื่อยืนได้อย่างมั่นคงแล้วผมจึงค่อยๆเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ

++++++++++++++

ผมถูกปลุกขณะที่กำลังหลับสบายบนรถเพราะถึงโรงแรมที่จะมาทานข้าวแล้ว รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยพอประมาณ

ระหว่างเดินเข้าโรงแรมก็มีพนักงานมาบริการเทคแคร์เราเป็นอย่างดี ผมรู้สึกคุ้นๆกับโรงแรมนี้มากแต่นึกไม่ออกเพราะมัวแต่ตีกันกับไอ้เหี้ยลุคที่จับมือพาผมเดินเหมือนเป็นเด็ก

จนกระทั่งถึงห้องห้องอาหารไทยชื่อดังผมถึงได้นึกออกจนอยากตบกบาลตัวเองแรงๆสักที(แต่ไม่ทำหรอก กลัวเจ็บ)

ที่นี่มันโรงแรมในเครือธุรกิจบ้านไอ้เซนท์!

ห้องอาหารของโรงแรมในกรุงเทพฯมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่ไป เสือกพากูมาโรงแรมนี้ กูจะบ้า!

แล้วช่วงนี้ไอ้เซนท์ก็เริ่มไปช่วยงานที่โรงแรมบ้างแล้วด้วย

หวังว่าโลกคงไม่เสือกกลมเหี้ยๆให้ไอ้เซนท์มาเจอผมกับไอ้เหี้ยลุคที่นี่หรอกนะ

ลูคัสพาผมมานั่งโต๊ะที่วิวดี มองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้อย่างสวยงาม

แต่ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์มาเสพสุขอะไรทั้งยั้น มีแต่ความหวาดระแวงล้วนๆ นี่กวาดสายตามองไปทั่วจนตาจะเหล่อยู่แล้ว

"เป็นอะไร?"ไอ้เหี้ยลุคคงสงสัยกับท่าทางของผมที่ดูไม่ปกติ ทั้งๆที่ผมพยายามให้ปกติที่สุดแล้วนะ!ป

"เปล่า"ผมตอบมันไปทื่อๆ แล้วก้มหน้าจิ้มเมนูที่อยากทานไป3-4รายการ

"หลบใครอยู่งั้นเหรอ?"มันเท้าคางถามผมยิ้มๆ

"หลบอะไร?ไม่มี๊"แล้วกูจะเสียงสูงทำไมวะ!

"หึๆ"

รอประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ พอเห็นกับข้าวตรงหน้าแล้วท้องร้องหนักมาก หิวจนลืมทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ผมลงมือทานอย่างรวดเร็ว แม้แต่ไอ้เหี้ยลุคยังทึ่งกับสกิลการกินเร็วของผมแต่มันก็ไม่ได้อะไร

ผมกินไปได้ประมาณครึ่งกระเพาะ แต่เสียงๆหนึ่งที่เอ่ยทักขึ้นกลับทำให้ปลากระพงสามรสแทบพุ่งออกจากปากผม

"ไอ้สมิธ?"ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร

ไอ้เหี้ย!โลกกลมสัสๆเลยโว้ย!!!

"ว่าไงมึง"ผมบังคับตัวเองกลืนเนื้อปลาลงคอ แล้วหันไปส่งยิ้มฝืดๆให้มันที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะผมเลย

"มานี่ไม่เห็นบอกกู"ถ้ารู้ว่ามาที่นี่กูคงไม่มาหรอก

"ก็...คิดว่ามึงยุ่งไง"

"เหรอ...อ๊ะ!สวัสดีครับ ผมชื่อเซนท์นะครับเป็นเพื่อนสมิธ ขอโทษที่อยู่ๆก็เสียมารยาทเดินเข้ามา"ไอ้เซนท์พึมพำเหมือนไม่ค่ยเชื่อผม แล้วหันไปพูดกับไอ้เหี้ยลุคแทนเหมือนเพิ่งนึกได้

"สวัสดี ผมลูคัส ยินดีที่ได้รู้จัก"มันยิ้มแล้วยื่นมือไปเชคแฮนด์กับไอ้เซนท์เบาๆ

ไอ้เซนท์ลอบมองสำรวจไอ้เหี้ยลุคแปบเดียวแบบเนียนๆไม่ให้เสียมารยาท ก่อนจะหันมามองผมแปลกๆ

"ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้ว...กูไปแล้วนะ วันจันทร์เจอกัน คงมีเรื่องให้คุยกันเยอะเลย"มันไปพูดลาไอ้ลุค โบกมือให้ผมแล้วเดินจากไป

วันนี้มันใส่สูท คงแวะมาทานข้าวก่อนไปดูงาน จริงๆไอ้เซนท์จะทำอะไรก็เรื่องของมัน เพียงแต่สายแต่เมื่อกี้ของไอ้เชี่ยเซนท์เหมือนมองทะลุเข้ามาในตัวผมได้เลย ยิ่งสายตามันจดๆจ้องๆอยู่ที่คอผมเป็นพิเศษด้วย

มันจะรู้ไหมวะ?

"กลัวเพื่อนรู้เหรอ?"ไอ้คนนั่งตรงๆอยู่ๆก็ถามขึ้น

"ใช่"ผมบอกมันไปตามตรง ตอนนี้เครียดจนแดกอะไรไม่ลงแล้ว

"บอกเพื่อนไปสิ จะกลัวอะไร"

"ไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากบอกไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศ"ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มัน

"คบกับพี่ไม่ดีตรงไหน?"มันถามหน้างงเหมือนหาข้อบกพร่องตัวเองไม่เจอ

"ตรงที่เป็นมึงนั่นแหละ"

"มิทตี้"มันปรามเสียงเข้ม

"แล้วจะให้กูบอกเพื่อนว่ายังไง?กูเป็นอะไรกับมึงไม่ทราบ!?"ผมชะงักตกใจตัวเองที่เผลอถามคำถามที่ไม่ควรถามแบบนี้

"..."

"..."มันเงียบผมก็เงียบ ก่อนที่มันจะค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

"จะไปคิดให้มากความทำไม ก็บอกไปสิว่าเป็น...เมียพี่"

++++++++++++++
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-07-2018 03:43:08
ตกลงลายเซ็นต์ไม่ได้แล้วใช่ป่ะ  o12
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 07-07-2018 04:15:34
ชอบเรื่องนี้จังครับ
มาลงต่อบ่อยๆนะครับ

           :man1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 07-07-2018 09:41:46
อีพี่ลุคนี่มันซึน หรือทันรู้ใจตัวเองกันแน่ :ling2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-07-2018 09:54:24
แหมมม  จะให้เขาเป็นเมียเคยขอเป็นแฟนเขารึยัง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-07-2018 13:37:51
อิลุคมันน่าจะรู้ได้อล้วนะว่าคำพูดมันสำคัญกว่าการกระทำน่ะ แล้วจะให้มิทบอกเพื่อนว่าเป็นเมียทั้วๆที่แกไม่เคยเคลียร์ตัวเองกับมิทเลยน่ะเหรอ เป็นใครๆจะไปบอกอะ ความรู้สึกของมิทตอนนี้คือมันมีแต่คำว่าเป็นบำเรอให้มิทไปวันๆอะ อยากหนีก็หนีไม่พ้นสักที แกนั่นแหละอิลุคที่ควรจะทำอะไรให้ชัดเจนบ้าง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 07-07-2018 17:37:20
ค่าลายเซ็นต์ของอิพี่นี่คุ้มเนาะ! :katai3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.1[07/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-07-2018 10:03:41
ตะเอง เสื้อพร้อมลายเซนต์อย่าลืมทวงนะ เดี๋ยวที่เสียไปมันจะไม่คุ้ม ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 10-07-2018 23:21:25
คนโปรด 21.2

"ทำกูต้องพูดแบบนั้นด้วย?"ใจผมกระตุกไปเล็กน้อยกับคำพูดของมัน แต่ก็ยังถามมันกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวน

"ก็มันเป็นความจริง...แล้วมิทตี้อยากบอกเพื่อนว่าไงล่ะ"

"ไม่อยากบอก เพราะกูไม่อยากให้ใครรู้ว่ากูเป็นแค่คนโปรด...หรือเมียน้อยของคนอื่น"มุมปากผมกระตุกยิ้มหยัน แต่สีหน้าของลูคัสมืดครึ้มลงเรื่อยๆ

"อย่าพูดแบบนี้ มิทตี้ไม่ใช่เมียน้อย"มันเอ่ยเสียงเข้มลึก

"หึ! กูไม่ได้โง่นะ"ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย นี่มันยังคิดว่าผมใสซื่อเหมือนตอนอายุสิบสองหรือไง

"กับคนอื่นพี่ไม่เคยสนใจ"

"แล้วคู่หมั้นมึงล่ะ มึงเอาเขาไปไว้ไหน? เลิกเห็นแก่ตัวสักทีเถอะลุค"ผมพูดออกไปอย่างสุดจะทน

"กับคาร่าพี่มีเหตุผลในการหมั้น พี่ขอเวลาอีกหน่อยแล้วพี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย"

"มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง ไม่ต้องมาบอกกู"ว่าจบผมก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ แต่มันกลับยื่นมือเรียวมาขยี้เส้นผมของผมเบาๆ

"ไม่ใช่ว่ากำลังหึงพี่อยู่หรือไง?"

"อย่าฝัน!"ผมเงยหน้าตอบโต้ทั้งๆที่มีข้าวอยู่ในปาก เลยถูกมันมองดุๆเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร

ลืมไปว่ามันคุณชาย เรื่องเยอะที่หนึ่ง

หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างทานอาหารไปเงียบๆ มันชวนคุยบ้างเป็นบางครั้ง ผมก็ตอบมันบ้างไม่ตอบบ้างแล้วแต่อารมณ์

จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ ในที่สุดมันก็จะพาผมไปเอาเสื้อพร้อมลายเซ็นต์ของโรเวลสักที

ผมอารมณ์ดีมาก รู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าสาวน้อยจะออกเดทครั้งแรกซะอีก

ไอ้เหี้ยลุคก็เหลือบสายตามองท่าทางผมนิดๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อถึงห้องมัน ผมก็เดินนำลิ่วเจ้าของห้องเข้าไปก่อน สายตาสอดส่องหาของไปทั่ว

"อยู่ไหนอ่ะ"ผมถามหาเสื้อ มันไม่ตอบแต่เดินนำเข้าไปในห้องนอนตัวเองแทน

ผมเดินตามลูคัสเข้าไปติดๆเห็นมันหยิบถุงที่วางโดดใบเดียวขึ้นมาแล้ฝยื่นให้ผม

ผมรับมาถืออย่างรวดเร็ว เปิดถุงดูด้านในมีเสื้อกีฬาสีฟ้าครามประจำสโมสร ผมหยิบมันออกมาอย่างตื่นเต้นแล้วคลี่เสื้อออก

มันเป็นเสื้อเบอร์ของโรเวลด้วยมีลายเซ็นต์ที่โคตรหายากของเขาตวัดอยู่ตรงอกด้านขวาของเสื้อ อย่างเท่เลยโว้ย!

"เจ้าของลายเซ็นต์เขาบอกว่าถ้าไม่รังเกียจว่าเป็นเสื้อที่เขาเคยใส่แล้ว..."

"ไม่รังเกียจ!กูชอบมากๆ จะหาได้จากไหนอีก นี่เป็นเสื้อที่เขาเคยใส่เชียวนะ!"

"อืม"

"กูใส่แล้วถ่ายรูปอัพลงไอจีดีกว่า"เอาจริงๆคือโคตรอยากอวดเพื่อนเลยตอนนี้

ผมทำท่าจะถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกเพื่อเปลี่ยนมาใส่เสื้อของนักบอลที่ชอบ แต่ไอ้คนที่ไปขอมาให้กลับเอ่ยขัดเสียงเข้ม

"อย่าเพิ่งใส่เลย เดี๋ยวพี่ให้คนเอาไปซักให้ก่อน"

"มันไม่สกปรกหรอก นี่ยังหอมๆอยู่เลย"ผมยกเสื้อขึ้นมาดมพิสูจน์ให้มันดู แต่หน้ามันกลับตึงยิ่งกว่าเดิมซะอีก สายตาที่มองเสื้อเหมือนพร้อมจะจุดไฟเผาได้ทุกเมื่อถ้าผมเผลอ ทำให้ผมเผลอกอดเสื้อแน่นด้วยความหวงเข้าไปอีก

"อย่าให้มันเยอะไปนัก ทีเสื้อพี่ไม่เห็นเคยหอม"ประโยคหลังมันพูดเสียงพึมพำในลำคอทำให้ผมได้ยินไม่ชัด

"เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ?"

"ไม่มีอะไร แต่อย่าเพิ่งใส่เลยเอาไปซักลบกลิ่-...ทำความสะอาดก่อนดีกว่า"เหมือนว่ามันจะเปลี่ยนคำพูดกระทันหันนะ

"ใส่ถ่ายรูปแปบเดียวเอง"มันไม่พูดแต่มองผมนิ่งๆแบบกดดันแทน ผมถอนหายใจเบาๆแล้วก้าวขยับตัวเข้าไปใกล้มัน ก่อนยื่นหน้าไปทำจมูกฟุดฟิดดมแถวคอเสื้อเชิ๊ตมัน

"จริงๆเสื้อมึงหอมกว่าของโรเวลอีก"ดมเสร็จผมจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับมัน ลูคัสยังคงทำหน้านิ่งๆต่อไปไม่กี่วินาที มันก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะเหนี่ยวต้นคอผมเข้าไปกอดแล้วจูบปากกันอีกเป็นนาที

"อ่ะ ถ่ายรูปให้หน่อย"ผมยื่นโทรศัพท์ให้มันหลังจากที่ริมฝีปากได้รูปถอนจูบออกไปแล้ว มันรับไปถือไว้แบบไม่อิดออด

ผมถอดเสื้อตัวเองออกแล้วใส่เสื้อบอลของโรเวลแทน แอ็คท่าทางที่คิดว่าเท่ห์  ที่สุดให้มันถ่ายให้ พามันเดินไปทั่วห้องเพื่อหาฉากสวยๆถ่ายรูปให้ตัวเองด้วย

เวลาผ่านไปสิบห้านาทีผมก็ได้รูปไปประมาณ7หมื่น4พันรูป(เว่อร์)

ก่อนที่ไอ้ลุคจะคืนโทรศัพท์คืนให้ ผมก็เห็นมันกดโทรศัพท์ยุกยิกอยู่นาน

"ทำไร?"

"ส่งรูปมิทตี้เข้าเครื่องพี่"มันตอบแบบหน้าตาเฉยมาก ผมชะโงกหน้าเข้าไปดูคือมันเอาทุกรูปอ่ะ ขนาดรูปมัวๆไม่ชัดมันยังเอา

"รูปละ5000"ผมแกล้งว่า

"อืม เดี๋ยวพี่โอนให้"มันพยักหน้ารับโดยไม่ต่อรองสักบาท

"เหอะ"ผมแค่นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วทิ้งตัวนอนลงโซฟารอมัน ไอ้หัวทองก็หย่อนก้นจะนั่งลงโซฟาตัวเดียวกับผมแต่โซฟามันไม่ได้ยาวพออยู่แล้วไง มันเลยยกขาผมขึ้นก่อนจะนั่งลงแล้วเอาขาผมพาดตักตัวเองไว้แทน

"มานั่งเบียดกูทำไมเนี่ย"ผมบ่น มันไม่ตอบแต่หันมายักคิ้วซ้ายให้

คิดว่าหล่อมากมั้ง...นิดนึงเท่านั้นแหละ

โยที่เดินมาจากไหนไม่รู้ก้มกระซิบพูดกับมันและยื่นโทรศัพท์ให้ ไอ้ลุคก็รับไปคุยแล้วยื่นโทรศัพท์ผมคืนให้

ผมรับโทรศัพท์ตัวเองมากดเลือกรูปจะอัพลงไอ้จี ไอ้หัวทองก็นั่งคุยงานอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกออกไปไหน

ผมกดเลือกรูปที่ถ่ายอยู่ริมสระน้ำ ในรูปผมฉีกยิ้มกว้างแล้วทำมือชี้ไปที่ลายเซ็นต์บนอกเสื้อแบบไม่ค่อยจะอวดเลยครับ

ผมเขียนแคปชั่นใต้รูปพอให้คนหมั่นไส้เล็กน้อย

Smith_jaja เสื้อของคุณผมจะเก็บไว้อย่างดีเลยคร้าบโรเวล <3

ไม่กี่วินาทีหลังอัพก็มีคนมากดหัวใจให้ผมหลักร้อยแล้ว ไอ้เซนท์ก็เข้ามาเสือกอย่างไว

Zent_LJD จริง?

Napamont44 พี่สมิธหล่อมากค่า

KOY.panna พี่ยิ้มทีไร ใจหนูละลายทุกที

Jomtup_Ch ของโรเวลนักเตะสโมสรGG คนนั้นหรอพี่

Smith_jaja @ Zent_LJD คนอย่างกูตอแหลเป็น?

Smith_jaja @ Jomtup_Ch จะโรเวลคนไหนอีกวะไอ้เหี้ยทัพ

Jomtup_Ch @ Smith_jaja โห่!!!โคตรอิจฉาเลยเว้ย คืนนี้เลี้ยงเหล้าปลอบใจผมเลย

Zent_LJD @ Smith_jaja ถ้ามึงตอแหลไม่เป็นคนทั้งโลกคงใบ้แดกอ่ะ

Kevin_Midnight ไอ้เหี้ยสมิธมึงไปหามาได้ไงไอ้สาสสส

Smith_jaja @ Kevin_Midnight กูเก่งไงไอ้เหี้ยขาดวิ่น

ตอนนี้ทั้งหัวใจและคอมเม้นท์ก็หลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะไอ้พวกผู้ชายที่คอมเมนท์ด่าผมบ้าง อิจฉาผมบ้างกันอย่างถ้วนหน้า(บรรลุจุดประสงค์) แต่ผมก็เลือกตอบบางคนที่สนิทๆกัน

"ดูอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่?"ไอ้ลุคที่วางโทรศัพท์ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยถาม

"ไอจี เพื่อนกูอิจฉาเรื่องเสื้อกันใหญ่ ฮ่าๆๆ"ผมหัวเราะตอบมันไปอย่างอารมณ์ดี

"ขนาดนั้นเลย"

"ใช่! มึงไม่รู้หรอกว่ามันหายากแค่ไหน"

"ก็ไม่เห็นยากเท่าไหร่นี่"มันยักไหล่ประกอบคำพูดตัว

"หึ!"ผมแค่นเสียงใส่มันแต่ไม่เถียง มันก็ก้มอ่านเอกสารที่โยเอามาให้ต่อ มืออีกข้างก็นวดขาให้ผมไปด้วย

เออดี...ถึงยังไงเมื่อเช้ามันก็ทำผมเมื่อยไม่น้อย

เราต่างจมอยู่ในโลกของใครของมัน ผมเล่นโซเชียลมีเดีย ส่วนมันก็ทำงานอ่านเอกสาร มีบ้างที่ผมจะชี้บอกว่าเมื่อยตรงไหน มันก็จะย้ายมือเรียวสวยไปนวดให้

ผมทักไอ้ดีกับไอ้เซนต์ไปเข้าเกม เล่นกันอยู่นานจนกระทั่งไอ้คนที่นั่งให้ผมพาดขาอยู่เริ่มขยับตัวและยกขาผมออกจากตัก ผมเลิกคิ้วมองมันนิดหน่อยแล้วเบนสายตากลับมาที่หน้าจอต่อ

"พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน"ผมพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร ไม่นานมันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์สั่งงานสลับกับอ่านเอกสารไม่หยุด ดูมันงานยุ่งมากแต่ชอบทำตัวเหมือนว่างไง

"หิว"ผมบอก มันยกโทรศัพท์ออกจากหูก่อนจะเรียกลูกน้องให้เอาน้ำกับขนมมาให้ผมทานแล้วกลับไปคุยงานต่อ

ผมนอนเล่นเกมไปกินขนมไปอย่างกับพระราชา โดยมีทาสผมสีทองคอยรับใช้อยู่ข้างตัว ฮ่าๆๆ(หัวเราะแบบสะใจ)

จนกระทั่งประมาณ6โมงเย็น มันก็ถามผมว่าอยากกินอะไร ผมก็นั่งนึกอยู่นานก็คิดไม่ออก มันเลยลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำรอผมคิด จังหวะนั้นไอ้เซนท์ก็ทักแชทผมมาพอดี

Z_zent : ไปแดกบุฟเฟ่ต์ไหม?

สะมุดสะมิด : บุฟเฟ่ต์ไร

Z_zent : อาหารญี่ปุ่น

สะมุดสะมิด : ไม่อยากแดก

Z_zent : แล้วจะกินอะไร?

สะมุดสะมิด : ไม่รู้ คิดม่ายออก

Z_zent : งั้นไม่ต้องแดก!!!

สะมุดสะมิด : เกรี้ยวกราดนะมึง

สะมุดสะมิด : ผัวไม่ตามใจอ๋อ?

Z_zent : มันกวนตีนกู

Z_zent : กูเลยไม่อยากไปแดกข้าวด้วยแล้ว

สะมุดสะมิด : อ้ออออ

สะมุดสะมิด : งอนผัวละเห็นหัวเพื่อน

Z_zent : ไอ้สัส!!!จะไปไม่ไป

Z_zent : กูเลี้ยง!

พอเห็นข้อความสุดท้ายจากมันผม ผมก็รีบกดข้อความตอบไปแบบไม่ต้องคิด

สะมุดสะมิด : ไป!

คนงกอย่างไอ้เหี้ยเซนท์เนี่ยนะจะยอมเลี้ยงใครง่ายๆ แสดงว่ามันงอนผัวจริงจัง

Z_zent : ทุ่มครึ่งเจอกันแถว nn

สะมุดสะมิด : K

"สรุปคิดออกรึยังว่าจะทานอะไรมิทตี้?"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำผมสะดุ้งนิดๆ แต่ยังไม่เท่าประโยคที่มันถามผมเมื่อกี้

ฉิบหาย!แล้วไอ้ตัวบงการชีวิตผมคนนี้จะเอาไงดีวะครับ

"กูจะไปกินกับเพื่อน...ได้ไหมอ่ะ"ผมลุกขึ้นนั่งคุยกับมันดีๆแล้วขอออกไปตรงๆ มันก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม

"แล้วพี่ล่ะ?"ผมจับอารมณ์ในน้ำเสียงมันไม่ได้ แต่มันก็จ้องผมอย่างไม่วางตา

"ก็ค่อยกินด้วยกันวันหลัง"

"กับเพื่อนก็ค่อยทานด้วยกันวันหลังก็ได้"มันย้อนเสียงเรียบ

"ก็วันนี้มันทะเลาะกับผัว"

"มิทตี้ก็เลยทิ้งผัวไปหาเพื่อน?"มันยกมือขึ้นลูบผมของผมเบาๆผมไม่ได้ปัดมือมันออกแต่ทำหน้าหงิก

"มึงก็อยู่อีกตั้งหลายวันป่ะ ค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้ กูหนีมึงไม่ได้อยู่แล้ว"

"แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่อีกหลายวัน"

เออนั่นสิ มันก็ไม่ได้บอก

"ไม่รู้แหละ เย็นนี้กูจะไปกินกับเพื่อน"ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ

"ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปด้วย"

"ไม่ได้!!!"

"ทำไม"มันเลิกคิ้วถาม

"ก็ไม่ได้อ่ะ"ผมตอบแบบกำปั้นทุบดิน

"งั้นพี่ยิ่งต้องไป"

"ลุค!"

"ครับ?"

"Shit! มึงไม่เคยตามใจกูเลย"

"แน่ใจนะที่บอกว่าพี่ไม่ตามใจ?"มันหรี่ตาลงนิดๆแล้วย้อนถาม

"..."ผมไม่ตอบเพราะเถียงไม่ออกเลยหันหน้าหนีมันแล้วก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความส่งไปหาไอ้เซนท์แทน

สะมุดสะมิด : กูไปไม่ได้ละ

Z_zent : ได้ไงวะสมิธ

Z_zent : กูออกจากบ้านแล้วเนี่ย

Z_zent : *สติกเกอร์โกรธ

สะมุดสะมิด : กูขอโทษว่ะ ไปไม่ได้แล้วจริงๆ

Z_zent : มึงแม่ง!

Z_zent : เออ ตามใจ

ผมเห็นข้อความไอ้เซนท์ก็รู้ว่ามันคงนอยด์ไปแล้ว โคตรรู้สึกผิดเลยตอนนี้และผมก็เริ่มพาลโกรธไอ้เหี้ยลุคแล้วด้วย

​​​

"ช่างเถอะ ถ้าอยากไปเดี๋ยวพี่ให้คนไปส่งก็แล้วกัน"มันขยี้ผมสีเข้มผมเบาๆแล้วลุกขึ้นก่อนจะเรียกโยให้หาคนไปส่งผมแล้วมันก็เดินเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรกับผมสักคำ

ผมมองตามลูคัสเดินเข้าห้องตาปริบๆ นี่มันคงไม่ได้กำลังงอนผมอยู่หรอกใช่ไหมครับ?

แต่ถึงจะงอนหรือโกรธหรืออะไรก็เรื่องของมันอ่ะ ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว

"จะไปเลยไหมครับสมิธ?"โยเอ่ยถาม ผมจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วพยักหน้า

"อืม"

ผมกดส่งข้อความไปบอกไอ้เซนท์ว่าไปได้แล้ว มันก็ส่งสติกเกอร์ดีใจกลับมา

+++++++++++

"ค่อยๆแดกก็ได้มั้ง"ผมเตือนไอ้คนที่นั่งจ้วงซาชิมิเอาๆ แถมยังมาแย่งฟัวกราส์ของผมไปอีกตั้งหลายคำ

"ก็กูหิว"มันพูดทั้งๆที่แซลมอนยังเต็มปาก

"หิวมึงก็แดก อารมณ์ดีก็แดก งอนผัวมึงก็แดกไอ้อ้วนนน"ผมแกล้งยื่นมือไปดึงแก้มมันแกล้งๆ เลยโดนมันตวัดสายตาใส่ทันที

"หึ!ใช่สิกูมันอ้วน ใครจะมารักกู"พูดจบก็คีบโอโทโร่เข้าปากไปอีกคำ

"พวกมึงทะเลาะอะไรกัน?"

"ไม่ได้ทะเลาะ"

"ไม่ได้ทะเลาะมึงจะเสนอหน้าออกมาหากูคนเดียวไหม?"

"เฮ้อ จริงๆกูก็คงงี่เง่าไปหน่อย"มันยอมวางตะเกียบแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

"ยังไง?"

"มันไปดูตัว"มันของไอ้เซนท์ก็หมายถึงไอ้ดีนะครับ

"แล้วไง?นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนี่"

"ก็ใช่ แต่ครั้งนี้มันไม่ยอมบอกกู"

"อือฮึ แค่เนี้ย? แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันไปดูตัวมา"

"อืม เจ้กูเห็นแล้วถ่ายรูปส่งมาให้ดู"

"มันไม่อยากให้มึงคิดมากรึเปล่า ไอ้ดีคงไม่ได้คิดอะไรหรอกมั้ง"ผมบอกไปตามคิด

"มั้ง แต่กูว่าผู้หญิงคนนี้มันอาจจะต้องแต่งงานด้วยก็ได้"

"เฮ้ย!ไม่มั้ง"ผมร้องอย่างตกใจ

"กูไปสืบดูแล้ว คนนี้แม่มันหมายมั่นจะเอามาเป็นสะใภ้ให้ได้เลยว่ะ"ไอ้เซนท์พูดเสียงซึมๆแล้วคีบซูชิใส่ปาก(เศร้าแค่ไหนก็แดกได้จริงๆ)

"มึงอย่าเพิ่งคิดไปเองดิวะ มันไม่ทิ้งมึงหรอก แล้วมึงคุยกับไอ้ดีรึยัง?" เซนท์ส่ายหน้า

"คุยกันก่อนเถอะ เฮ้ยๆอย่าร้องนะมึง"ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อไอ้เซนท์ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้(ผมทำตัวไม่ถูก)

"ไม่ร้องๆ"มันยกมือขยี้ตาแดงๆของตัวเองแล้วฉีกยิ้มเหมือนพยายามทำตัวเข้มแข็ง แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารบนโต๊ะต่อ

ผมก็มองเพื่อนและเริ่มลงมือกินอาหารตัวเองไปเงียบๆ คือผมเข้าใจนะว่าตอนนี้มันรู้สึกยังไง โคตรสงสารเพื่อนเลยว่ะ

แต่ผมไม่รู้จะพูดยังไงผมปลอบใจคนไม่เก่ง สิ่งที่ผมทำได้คงมีเพียงอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจมัน

หลังจากที่กินไปได้สักพัก ไอ้เซนท์ก็เอ่ยถามทำลายความเงียบขึ้น แต่มันเป็นคำถามที่ผมไม่อยากจะตอบเลยจริงๆ

"ว่าแต่มึงเถอะ ก่อนหน้านี้บอกว่าออกมาไม่ได้ แต่อยู่ๆก็บอกว่ามาได้ แสดงว่าต้องมีคนไม่ยอมให้มึงออกมาแต่สุดท้ายก็ยอมให้ถูกมะ?" ไอ้เซนท์เดาเกือบจะถูกหมด แร่ที่ไม่ยอมออกมาเป็นผมไม่อยากออกมาพร้อมกับลูคัส

"..."

"ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร"ไอ้เซนท์ยักไหล่นิดๆแล้วก้มหน้าลงกินต่อ เพียงแต่ผมจะไม่รู้สึกผิดเลยถ้าไม่ได้ยินน้ำเสียงและเห็นใบหน้าเศร้าๆของมัน

"เออก็มีปัญหานิดหน่อย"ผมตอบแบบไม่เจาะจง

"ใช่คนเดียวกับที่มาคอยรับคอยส่งมึงไหม?"ผมพยักบอกว่าใช่

"คนเดียวกับที่ให้แบล็กการ์ดมึงใช้?"ผมพยักหน้าให้มันอีกรอบ

"เป็นคนที่ทำรอยบนคอมึง"นิ้วเรียวชี้มาที่ต้นคอผมแถวๆที่ไอ้เหี้ยนั่นทำรอยไว้จริงๆ ผมจึงพยักหน้าให้เพื่อนไปอย่างเถียงไม่ได้

"และคนๆนั้นก็คือลูคัส คนที่กูเจอเมื่อตอนกลางวัน"ประโยคนี้ของมันน็อคเอาท์ผมแล้ว

"..."

"..."

"ใช่"ผมยอมรับออกไปในที่สุด

"มึงเป็นอะไรกับเขา"ดวงตาตี่ๆของมันเบิกกว้างขึ้นแล้วเอ่ยคาดคั้นผมเสียงเข้ม

"กูไม่รู้"

"ห๊ะ!?"

"เออ"

"ไอ้เหี้ย!กูนึกว่ามึงเกลียดเกย์ มึงดูไม่ชอบใจทุกครั้งที่ผู้ชายเข้าใกล้ตัวมึง"มันสบถเสียงดังลั่น

"กูไม่ได้เกลียด แต่ที่กูไม่ชอบอ่ะมันมีสาเหตุเรื่องมันยาว"

"ยาวแค่ไหนกูก็จะฟัง กูมีเวลาให้มึงทั้งคืนเลยเพื่อน"ความเสือกนี่ทำให้ลืมเศร้าได้เหรอครับ?

"มึงนี่มัน...เออๆเล่าก็เล่า..."ตอาแรกว่าจะด่า แต่พอเห็นหน้ามันแล้วด่าไม่ลง ก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูคัสให้มันฟังตั้งแต่ต้นแบบคร่าวๆ(แต่กินเวลาไปเป็นชั่วโมง)

" Oh my gosh!"ไอ้เหี้ยเซนท์อุทานออกมารอบที่ล้าน

"ก็ประมาณนั้นแหละ"ผมยักไหล่นิดๆ

"กูโคตรไม่อยากเชื่อว่าหุ่นอย่างมึงจะถูกกดลงได้"

"แล้วมึงจะให้กูทำไง มันเป็นไปแล้ว อีกอย่างแต่ก่อนก็ก็ตัวเล็กๆน่ารักจะตาย"ผมแสยะยิ้ม ไอ้เซนท์นี่ทำหน้าเหมือนเห็นผี

"กูขนลึกพรึ่บเลยอ่ะมึงดู นึกภาพมึงตอนนั้นแล้วสยอง"มันยื่นแขนที่ขนมันตั้งจริงๆ

"ไอ้สัส"ผมถีบขามันใต้โต๊ะอย่างหมั่นไส้

"งั้นที่มึงเคยบอกกูว่าผัวเก่านี่ก็เรื่องจริงดิ"

"กูเคยพูดเหรอ?"ผมเลิกคิ้วถามมันเหมือนจำไม่ได้

"เหอะ!ตอนนั้นผัวเก่าแต่ตอนนี้ผัวเก่ามาเป็นผัวปัจจุบันเลยสิมึง"ไอ้เซนท์เบ้ปากใส่ผมแบบเยาะๆที่เห็นหน้าหงุดหงิดจากผม

"อย่าเรียกผัว ให้เรียกคนแก้เงี่ย_ชั่วคราว"ผมส่ายหน้าตอบมันไป

"เหอๆอยู่ต่อหน้าเฮียก็พูดให้มันได้อย่างนี้ละกัน"

"มึงจะไปเรียกมันเฮียทำไม"ผมถามเพื่อนอย่างไม่ชอบใจ



"ก็เขาแก่กว่าแล้วยังเป็นผัวมึงด้วย"

"กูบอกว่าไม่ใช่ไง!"

"หรา กูจะรอดู"

"ไม่มีอะไรให้มึงดูทั้งนั้นแหละ"

"ขากที่มึงเล่าอนนี้มึงก็ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนอย่างที่เฮียชอบแล้วนี่ ทำไมเขายังเอามึงอยู่วะ"

"กูจะไปรู้กับมันหรอ"ผมทำหน้าเซ็งๆ ไอ้เซนท์ก็เงียบไปก่อนจะพูดขึ้น

"บอกตรงๆว่าพอได้ฟังเรื่องของมึงแล้ว เรื่องกูดูเล็กน้อยไปเลย"

"แต่ละคนก็มีเรื่องราวในชีวิตไม่เหมือนกัน เรื่องความรู้สึกมันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกว่ะ ว่าเรื่องของใครเล็กหรือว่าใหญ่กว่ากัน"

"อือ ก็จริงอย่างที่มึงว่า"

"ถ้าเสือกสบายใจแล้วก็รีบแดกให้อิ่มซะ"ผมยื่มือข้ามโต๊ะไปยีผมไอ้ต๋ปลอบๆ

"ขอบใจนะมึง"

"เออ กูเพื่อนมึงนิ"

เวลาผ่านไปอีกเกือบๆหนึ่งชั่วโมง ไอ้เซนท์ก็แดกอิ่มสักที ผมรู้สึกสงสารเจ้าของร้านเหมือนกันนะ ไอ้เซนท์เขมือบเจ้าท้องไปเยอะมากและผมก็กินไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

"แล้วนี่มึงกลับไง"ผมเอ่ยถามขณะที่เรากำลังเดินออกจากร้าน

"ให้มึงไปส่ง"

"ละตอนมามึงมาไง?"

"คนขับรถที่บ้านมาส่ง"

"อ้อ งั้นมึงก็ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อน"

"ทำไมวะ?"ไอ้เซนท์ทำหน้างงๆอย่างไม่เข้าใจ

ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากตอบมัน รถสปอร์ตสัญชาติอิตาลีสีดำก็ขับมาเทียบที่พวกผมยืนอยู่พอดี ไอ้เซนท์มองรถคันนั้นอึ้งๆเพราะจำได้ว่าเป็นรถใคร

ไม่กี่วินาทีต่อมาไอ้ดีก็เปิดประตูลงจากรถเดินตรงเข้ามาทางเราด้วยสีหน้าเย็นชาดูน่ากลัวกว่าปกติ

"โทรหาทำไมไม่รับ?"มันถามไอ้เซนท์เสียงกดต่ำ ฟังดูก็รู้ว่าพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นมากแค่ไหน

"ไม่อยากรับ"ไอ้เซนท์ก็ตอบนิ่งๆหน้าตึงไม่แพ้กัน

"เซนท์!"

"ป่ะมึงกลับ"ไอ้เซนท์หันมาหาผมแล้วพยายามดึงมือผมให้เดินไปอีกทาง แต่ไอ้ดีก็จับแขนไอ้ตี๋ไว้ก่อนไม่ให้ขยับไปไหนได้

"ปล่อย!"ไอ้เซนท์พยายามสะบัดแขนให้หลุดจากไอ้ดี แต่อีกคนก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

"อย่าให้ดีโมโหนะป่อง"พอได้ยินชื่อที่ไอ้ดีเรียกไอ้เซนท์กันสองคนแล้วกูออกล้วงคออ้วกมากถ้าไม่ติดว่าเสียดายข้าวที่เพิ่งกินเข้าไปนะมึง

"มึงโมโหได้คนเดียวหรือไงล่ะ!"ไอ้เซนท์เริ่มเดือดขึ้นบ้างแล้ว

"เอ่อ กูว่ามึงกลับไปเคลียร์กับมันตรงๆเหอะว่ะ"ผมเอ่ยห้ามทัพออกมาเมื่อรู้สึดว่ามันชักไปกันใหซ่ บางคนที่เดินออกจากร้านมาก็พากันมองเราด้วย

"ไม่ใช่ตอนนี้!"

"จริงๆกูเป็นคนเรียกไอ้ดีมาเองแหละ"ผมสารภาพออกไป

"ไอ้เหี้ยสมิธ มึงไม่ใช่เพื่อนกู"ไอ้เซนท์ตาแดงก่ำเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที และคงกำลังโกรธผมไปแล้ว

แต่ผมทนเห็นเพื่อนทุกข์ใจไม่ได้จริงๆว่ะ

"กูก็เพื่อนมึงทั้งคู่นั่นแหละ ไปๆไปคุยกัน"ผมช่วยไอ้ดีพาไอ้เซนท์ขึ้นเพราะมันดิ้นมาก ยังดีที่มันตัวเล็กกว่าพวกผมอยู่

"ใช้เหตุผลคุยกันล่ะ อย่างี่เง่าให้มันมากนะมึง"ผมชี้หน้าบอกไอ้เซนท์ มันไม่ตอบแต่เช็ดน้ำตาแล้วทำหน้างอนใส่

"กูก็อย่าทำอะไรมันรุนแรงล่ะ ไม่อย่างนั้นกูไม่ยอมแน่"ผมหันไปบอกไอ้ดีก่อนมันจะขึ้นรถ

"กูจะไปทำอะไรทันได้ล่ะ ไปละขอบใจมากมึง"มันโบกมือให้แล้วเข้าไปในรถจากนั้นก็ขับรถออกไป

ผมถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมๆกับที่รถคันหรูมาหยุดจอดอยู่ตรงหน้า

ผมก้าวขึ้นรถอย่างรู้หน้าที่ น่าแปลกที่ครั้งนี้มันไม่ได้นั่งมารับผมด้วยตัวเอง

ทั้งๆที่คิดว่าดีแล้วล่ะ แต่ในใจมันกลับวูบโหวงแปลกๆ

+++++++++++++

เอ๊ะ!มีคนกล้างอนเมียด้วย จะเป็นยังไงต้องติดตามกันต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-07-2018 23:41:51
อิลุคมันดูแปลกๆไปนะ ไม่น่าใว้วางใจ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-07-2018 02:37:52
 :laugh:  มิทตี้ พี่มันก็ยอมเราอยู่นา
ดื้อมากเดี๋ยวก็โดนปราบอีกร้อก :mew5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-07-2018 03:11:17
ทำไมครั้งนี้นังลุคยอมง่ายจังฟ่ะ มีแผนแน่ ๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 11-07-2018 12:55:53
 :hao3:น่าร๊๊๊๊๊ากกก
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 11-07-2018 21:17:57
ความงอนเมียนี้ อิพี่ก็มีโมเม้นนี้น่ะ

หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่21.2[10/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-07-2018 23:08:00
เออ เรื่องตัวเองก็ยังไม่เคลียร์สักอย่างแล้วจะมาให้มิทยอมรับว่าเป็นอะไรกัน มันใช่เหรอ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 17-07-2018 08:40:00
คนโปรด 22.1

ผมกลับถึงห้องลูคัสก็ประมาณสี่ทุ่มนิดๆ เห็นโยนั่งทำงานอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนไอ้เจ้าของห้องนี่ไม่เจอแฮะ

“ไงโย ดึกขนาดนี้แล้วยังทำงานอยู่เหรอ? เจ้านายใช้คุ้มดีจริงๆ”ผมเอ่ยทักโยพร้อมเหน็บอีกคนไปด้วย โยเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์แล้วส่งยิ้มให้ผม

“ไม่ใช่งานหนักหนาอะไรครับ อีกอย่างเวลาที่นี่กับทางนู้นไม่ตรงกันก็มีบ้างที่ต้องทำนอกเวลาปกติ”

“เหอะๆแก้ตัวแทนกันดีจริงๆ”ผมบ่นอย่างไม่จริงจัง ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่แล้ว

“สมิธก็อย่ามองนายท่านในแง่ร้ายนักสิครับ”

“มันทำอะไรดีให้มองล่ะ...ว่าแต่คุณทานข้าวแล้วรึยัง?”โยหน้าเจื่อนลงทันทีที่ผมตอบกลับ ผมเลยเปลี่ยนไปถามเขาอีกเรื่องแทน

“ผมทานเรียบร้อยแล้วครับ แต่ว่านาย...”

“ดีแล้ว งั้นผมไปอาบน้ำนอนก่อนละกัน กู๊ดไนท์”ผมเอ่ยตัดบทโยก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค จากนั้นก็เดินเข้าห้องของตัวเองโดยไม่พูดอะไรกับใครอีก

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ผมก็นอนเล่นเกมส์ในโทรศัพท์จนดึกดื่ม พอเริ่มจะง่วงแต่ดันรู้สึกหิวขึ้นมาซะได้ เลยฝืนลุกออกจากเตียงเพื่อออกไปหาอะไรกินรองท้องก่อนอน

“ไปโรงพยาบาลเถอะครับนาย”ผมชะลอฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงโยเอ่ยขึ้นจากทานห้องครัว

“ไม่ต้อง ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”เสียงไอ้ผมทองปฏิเสธลูกน้องนิ่งๆ มันเป็นอะไรวะ?

“ถ้าอย่างนั้นทานอาหารสักหน่อยเถอะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นหนักอย่างคราวที่แล้วก็ได้”น้ำเสียงของโยเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล

“ผมรู้ตัวเองดีโย”

“แต่ว่า...”

“เลิกพูดแล้วเอายามา”ลูคัสสั่งเสียงเข้มตัดบทโยทำให้โยไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก ผมจึงขยับเท้าเดินเข้าไปหาพวกเขา ทั้งลุคและโยต่างก็หันมามองผมทันที่ที่ผมปรากฎตัว

“สมิธมีอะไรรึเปล่าครับ?”โยเป็นคนเอ่ยพูดกับผมก่อน

“หิวอ่ะ เลยว่าจะมาหาอะไรรองท้อง”ผมบอกโยออกไปตามตรง ลูคัสที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วนิดๆแต่ยังไม่ยอมพูดอะไรกับผม เหอะ!

“ให้ผมโทรสั่งอาหารให้ไหมครับ?”โยส่งสายตาอ้อนวอนบางอย่างกลับมา แต่ผมกลับส่ายหน้าตอบเขาไป

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมหาอะไรเบาๆในตู้เย็นกินดีกว่า”

“เอ่อ…”เหมือนโยพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงทุ้มเข้มของคนที่ไม่คุยกับผมก็ดังขึ้นซะก่อน

“ไปทานมาเมื่อหัวค่ำไม่อิ่มหรือไง”ผมหันหน้าไปมองมันแล้วเลิกคิ้วมองนิดๆ ตอนแรกว่าจะทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อกวนตีนมันสักหน่อย แต่เห็นหน้านิ่งๆเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีของมันทำให้ผมต้องเจียมตัวสักเล็กน้อย

“ตอนนั้นก็อิ่ม แต่ตอนนี้หิว” มันพยักหน้ารับรู้ไม่พูดอะไร จากนั้นก็ตบยาในมือใส่ปากพร้อมกระดกน้ำดื่มจนหมดขวดแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไปเงียบๆ...โดยไม่ได้สนใจผมอีก

โอเค...ตอนนี้ผมคิดว่ามันน่าจะโกรธผมแล้วล่ะ

“นี่มันโกรธผมรึเปล่าอ่ะโย?”ผมหันไปถามความคิดเห็นจากโยเพื่อความชัวร์

“ไม่น่าโกรธนครับ อาจจะแค่...เอ่อ”

“อาจจะแค่อะไร?”

“’...แค่น้อยใจมั้งครับ ผมก็ไม่แน่ใจ ท่านไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”

“ห๋า?อย่าพูดให้ผมขนลุกดิ”ผมอุทานออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ หน้าอย่างไอ้เหี้ยลุคเนี่ยนะจะมาน้อยจงน้อยใจผม บอกว่ามันระบำฮาวายผมยังจะเชื่อมากกว่า

“แต่ว่านายไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่สมิธออกไปข้างนอก โรคกระเพาะก็กำเริบถึงต้องกินยาอย่างที่เห็นเมื่อกี้แหละครับ”

“ปัญญาอ่อน ทำตัวเหมือนเด็กไปนะเจ้านายโย เรียกร้องความสนใจอ๋อ”

“ผมไม่ทราบความคิดนาย แต่คิดว่าท่านคงไม่มีอารมณ์จะทานอะไรจริงๆ สมิธช่วนบอกให้นายทานอะไรสักหน่อยเถอะครับ ผมกลัวว่าจะเป็นหนักเหมือนครั้งก่อนที่อาเจียนเป็นเลือด”

“หนักขนาดนั้นเลย?”โยพยักหน้าแล้วเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง

“ครับ ท่านเป็นเรื้อรังมาหลายปี คงตั้งแต่ที่คุณ...ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่าค่อนข้างจะรุนแรงมาก”โยเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูดออกมา

“อย่างผมจะไปพูดอะไรได้ อีกอย่างนี่ไม่ใช้ธุระกงการอะไรของผมนี่ มันจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของมัน”นี่ผมดูใจร้ายไปรึเปล่านะ?

“คุณสมิธเป็นคนสำคัญของนายนะครับ ถือว่าผมขอร้องช่วยพูดกับท่านให้ยอมทานอะไรสักหน่อยเถอะครับ”โยแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนผมอยู่แล้ว จะรักเจ้านายอะไรขนาดนั้นวะ

“ก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันนะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมเดินออกจากห้องครัว พร้อมกวาดสายตาหาเป้าหมาย เห็นผมสีทองๆเลยพ้นโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ผมก็เดินตรงเข้ามาหามันทันที เมื่อขยับเข้าไปใกล้กลับพบว่ามันกำลังหลับตานั่งนิ่งๆอยู่ มือทั้งสองข้างก็ประสานกันวางไว้ที่หน้าท้องอย่างสงบ

ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มันอีกนิด กำลังชั่งใจคิดว่าจะปลุกมันดีไหม แต่เปลือกตาของลูคัสก็เปิดขึ้นกะทันหัน ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองผมอย่างไม่วางตา

“เอ่อ ทำไมไม่กินข้าว”ผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี เลยตัดสินใจนั่งลงข้างๆมันแล้วถามสาเหตุไปแทน

“พี่ไม่ค่อยหิว”มันยอมตอบผมแต่โดยดี เพียงแต่น้ำเสียงติดจะเรียบเย็นไปสักหน่อย

“ไม่หิวก็ต้องกิน!รู้ว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะแท้ๆยังจะอดอาหารอีก”

“มิทตี้เป็นห่วงพี่เหรอ?”น้ำเสียงมันดูอ่อนลงหลายระดับ แต่ผมก็ต้องเอ่ยดับฝันมันไปเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

“เปล่า กูสงสารโยที่ต้องคอยมาเก็บศพมึงทีหลัง”

“อืม”ลูคัสรับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง จากนั้นต่างคนก็ต่างแข่งกันเงียบ กระทั่งผมรู้สึกว่ามันชักจะอึดอัดเกินไปนั่นแหละ ถึงได้ยอมเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง

“กินข้าวสักนิดเถอะลุค”

“…”

“นะ”

อยู่ๆลูคัสก็ทำหน้าเหมือนอดกลั้นบางอย่างไม่ไหว มือเรียวยื่นมาจับท้ายทอยผมแล้วล็อคไว้แน่นก่อนจะประทับจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ผมงุนงงนิดๆเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็จูบตอบมันกับไปอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ลิ้นเราเกี่ยวพันดูดรัดกันแทบไม่มีช่องว่าง ริมฝีปากสัมผัสดูดเม้มกันอย่างต่อเนื่อง

มือเรียวอีกข้างของมันสอดเข้ามาในเสื้อผมพร้อมขยี้ไปที่ยอดอกผมแรงๆจนเสียวแปลบขึ้นมา ส่วนมือผมข้างหนึ่งก็ขยำเส้นผมอ่อนนุ่มของมันระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็เกี่ยวต้นคอมันให้ขยับมาใกล้โดยไม่รู้ตัว

เราจูบกันอยู่นานมากจนกระทั่งริมฝีปากผมมันชานิดๆมันถึงได้ถอนจุมพิตออกไป แต่ริมฝีปากได้รูปของของมันกลับไม่ยอมผละห่างออกจากร่างกายผม มันลูบไซร้ลงไปที่ลำคอแล้วดูดแรงๆทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา มันจับขาผมแยกออกแล้วแทรกตัวเข้าระหว่างกลาง ผมตกใจเกือบสะดุ้งเมื่อกางเกงนอนกำลังจะถูกเกี่ยวลง

“ลุคพอ”ผมพยายามเค้นเสียงเอ่ยห้าม มือก็ฉุดรั้งกางเกงตัวเองไว้แน่น ลูคัสไม่ตอบและก็ไม่ยอมหยุด ทำให้ผมชักเริ่มโมโห

“มึงไม่หยุดกูโกรธ”มันชะงักแต่ยังไม่ยอมผละออกห่าง

“กูจะทำกับข้าวให้กิน จะกินไหม?”

“มิทตี้จะทำเอง?”มันยอมเงยหน้าออกจากต้นคอขึ้นคุยกับผมดีๆ ในแววตามีความแปลกใจปนอยู่ไม่น้อย

“ใช่”

“ให้พี่ทานคนเดียว?”

“อือฮึ ถ้ามึงไม่คิดจะแบ่งใครกิน”

“พี่ไม่ให้ใครกินอยู่แล้ว”มันพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ถอยออกไป”ผมผลักหน้าอกมันเบาๆ

“ก็ได้”มันรับปากก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่และลุกออกไป ไม่ลืมดึงกางเกงขึ้นให้ผมอีกต่างหาก

ผมเดินเข้าครัวโดนมีลูคัสเดินตามหลังมาติดๆ โยนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของบาร์ที่ติดกับห้องครัว เขายิ้มให้ผมนิดๆแล้วก้มหน้ากดไอแพดเพื่อทำงานต่อ

“จะกินไร?กูทำอาหารไม่เป็นนะ”แม้ผมจะบอกมันว่าจะทำอะไรให้กิน แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ทำเป็นอยู่แค่ไม่กี่อย่าง อย่างมากก็ทอดไข่ดาวอ่ะครับ เผลอๆตอกไข่ก็คงแตกด้วยมั้ง

“พี่กินไรก็ได้”มันบอกอย่างอารมณ์ดี ผมก็เปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบที่น่าจะเอามาทำให้มันกินได้ ที่แน่ๆก็มีไข่ ผมเลยหยิบออกมาไว้ข้างนอกก่อน

“ไข่เจียวไหม?เคยกินป่ะ”ผมหันไปถามมันเพราะคิดเมนูอื่นไม่ออก ถ้าจะเอาไข่ดาวก็ดูจะกระจอกไปหน่อย ผมคือเทพสมิธจะทำอะไรมันต้องไม่ธรรมดาดิ

“เคย...มั้ง”คล้ายว่ามันจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตัวเองเคยกินเมนูพื้นๆแบบนี้ไหม

“โอเค ว่าแต่มึงกินผักไหม?”แล้วมันใส่ผักอะไรลงไปในไข่เจียวบ้างวะ เคยกินที่ไอ้น้องรันต์ทำโคตรอร่อยแต่ไม่รู้ว่ามันใส่อะไรลงไปบ้างน่ะสิ

“พี่ทานได้”ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วหยิบไอ้ผักที่เป็นก้านๆสีเขียวๆเรียกอะไรไม่รู้(หน่อไม้ฝรั่ง)กับผักชีที่ผมโคตรเกลียดออกมา

“เนื้อสัตว์ใส่อะไร?”ผมถามมันพร้อมกับเปิดช่องฟรีซดูว่ามีอะไรบ้าง

“กุ้ง”ผมหยิบแพ็คกุ้งที่แกะแล้วออกมา หางตาเหลือบเห็นห่อชีสเลยหยิบติดมือออกมาด้วย

“เอาล่ะ รอสักครู่เดี๋ยวเชฟสมิธจะแสดงฝีมือให้ทานเอง”ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดๆที่จะได้ลงมือทำอาหารแบบจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี บอกตรงๆว่าไม่มั่นใจแต่น่าจะสนุก หึๆ

“อืม”ลูคัสก็นั่งดูผมทำใกล้ๆอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้ผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ผมหยิบชามแก้วขนาดกลางออกมาพร้อมที่ตีไข่ ผมตอกไข่ใบแรกกับขอบชามด้วยมือเดียวอย่างที่ไอ้น้องรันต์ทำ แต่เพราะผมไม่ใช่ไอ้น้อง ไข่ที่ตอกเลยเละคามือและเลอะเทอะเต็มเคาน์เตอร์

“เอ่อ ผิดพลาดนิดหน่อยเอาใหม่ๆ”ผมเอ่ยแก้ตัวแล้วปัดเศษเปลือกไข่ออกจากชามลวกๆ จากนั้นก็ตอกไข่อีกรอบแล้วใช้สอมมือแยกเปลือกออกจากกัน ครั้งนี้ดูดีขึ้นหน่อยแม้ว่าไข่แดงจะแตกและมีเปลือกไข่ตกลงไปด้วยบ้าง ผมคิดว่าไม่น่าเป็นไร(?)

จากนั้นผมก็ตอกไข่ลงไปอีกสองฟอง เอาไอ้แท่งผักที่ไม่รู้จักชื่อมาสับ หยิบกุ้งตัวใหญ่ใส่ลงไปทั้งตัว แล้วก็เด็ดผักชีใส่ไปทั้งก้าน มีกลิ่นเหม็นเขียวโชยมานิดหน่อย ผมเลยดับกลิ่นด้วยพริกไท ปรุงด้วยเกลือที่ไม่รู้ใส่เท่าไหร่เลยกะๆเอาแล้วก็ใส่น้ำตาลลงไปตัดเผื่อว่ามันจะเค็มเกิน สุดท้ายผมก็ใส่ชีสลงไปอีกครึ่งห่อ ตีๆคนๆให้มันเข้ากันก็ดูน่ากินดีนะ...

ผมตั้งกระทะ แต่ไม่รู้ว่าจะใส่เนยหรือน้ำมันดี อืม...ผมเคยเห็นไอ้น้องรันต์ใส่น้ำมันงั้นก็ใส่น้ำมันก็แล้วกัน ผมหยิบขวดน้ำมันมะกอกเทลงไปเต็มกระทะเพราะกะไม่ค่อยถูก แต่คิดว่ามันน่าจะโอเคอ่ะนะ

จากนั้นก็เทไข่ลงไปจนหมดชาม เพียงแต่มันไม่เห็นจะฟูๆเหมือนที่คนอื่นทำเลยน่ะสิ

“ทำไมมันไม่ฟูวะ”ผมเกาหัวนิดๆอย่างไม่เข้าใจ

“รอน้ำมันร้อนก่อน”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง

“ก็กูอยากให้มึงได้กินเร็วๆไง”ผมแก้ตัวไปเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม ไม่นานไข่ก็เริ่มฟูนิดๆผมเลยรอต่อไปอีกสักหน่อยแต่กลิ่นไหม้ที่โชยออกมาแตะจมูก ผมจึงใช้ตะหลิวเขี่ยดูด้านใต้ แล้วก็พบว่ามันดันไหม้ไปแล้ว

“เหี้ยเอ้ย!”ผมอุทานอย่างหัวเสียแล้วรีบพลิกไข่กลับด้าน แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเท่าไหร่ ไข่เลยหกออกจากกระทะไปเกือบครึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับลูคัสที่มองอยู่ มันไม่ได้พูดอะไรแต่ยิ้มให้นิดๆเหมือนให้กำลังใจ คราวนี้ผมระวังเป็นพิเศษคอยเขี่ยดูไข่ตลอดว่าจะไหม้ไหม สุดท้ายเมื่อเห็นว่าไหม้ตรงกลางแล้วนิดหน่อยผมก็รีบตักใส่จานทันที

น้ำมันค่อนข้างชุ่มได้ที่ดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ ผมเลยเดินไปหยิบกระดาษทิชชู่มาซับๆน้ำมันออกหน่อย แล้วยกไปเสิร์ฟให้คุณชายเขาถึงที่

“เสร็จแล้ว แต่ไม่มีข้าวนะ”แต่ผมคิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะปกติมันก็ไม่ค่อยได้ทานข้าวเป็นมื้อหลักเหมือนคนไทย

“ไม่เป็นไร”มันหยิบมีดและซ้อมขึ้น ค่อยๆบรรจงหั่นตามสไตล์ผู้ดีของมัน ทันทีที่มันจิ้มไข่เข้าปากและเคี้ยวผมก็นั่งมองลุ้นรสชาติ เกร็งจนตระคิวแดกไปทั้งร่าง

“รสชาติเป็นไง?”

“อร่อยดี”มันตอบออกมาอย่างไม่ติดขัด มือก็จิ้มไข่เข้าปากอย่างต่อเนื่อง

“หึๆ กูว่าแล้วว่ามันต้องอร่อย”ผมแสยะยิ้มอย่างภูมิใจในฝีมือตัวเอง จากนั้นก็ไปหยิบนมและซีเรียลเทใส่ถ้วยก่อนจะมานั่งทานตรงข้ามลูคัส ผมเหลือบมองไข่เขียวด้านในยังเป็นแฉะๆเหมือนสุกไม่หมด แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร อาจจะคิดว่าเป็นไข่เจียวแบบมีเดียวแรร์ก็ได้

“มิทตี้ทำไข่เจียวครั้งแรกเหรอ?”

“ใช่!เคยทำไข่ดาว แต่ไข่เจียวนี่ครั้งแรก บางทีกูอาจมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ก็ได้”

“แค่ก!อืม...ค่อยๆฝึกไปอาจจะอร่อยยิ่งกว่านี้”อยู่ๆมันก็สำลักออกมา และแสดงความคิดเห็นถึงความเทพด้านการทำอาหารของผม

“ว่างๆกูลองทำเมนูใหม่ๆ มึงก็ล้างปากเตรียมท้องไว้ได้เลย”ผมบอกอย่างอารมณ์ดี

“ได้”มันรับปาก

“เออ สัปดาห์หน้ากูจะไปอังกฤษกับเพื่อนนะ”ผมบอกมันไว้ก่อน เดี๋ยวใกล้ๆวันมันรู้เรื่องแล้วจะไม่ให้ไป

“ไปทำไม?”

“ไปดูบอลสโมสรGGไปเยือนสโมสรVVที่เมืองZ ศึกล้างตาเลยนะ”ผมเล่าอย่างตื่นเต้น อยากให้ถึงวันแข่งเร็วๆ

“ชอบขนาดนั้นเลย”

“แน่น๊อน สรุปให้ไปป่ะ?”

“อืม”มันอนุญาตแล้วก้มหน้ากินไข่เจียวต่อเหมือนอร่อยมาก

“แล้วถ้าพี่ซื้อสโมสรGGให้ มิทตี้จะรู้สึกยังไง?”อยู่ๆมันก็ถามสิ่งที่เป็นไปได้ยากขึ้น การซื้อสโมสรฟุตบอลสักสโมสรมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแต่ถ้ามีเงินมากพอก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าสโมสรGGใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวจะซื้อได้น่ะสิ ผมเห็นเศรษฐีที่อยากได้สโมสรนี้ล้มเหลวมาหลายคนแล้ว ใช่ว่าลูคัสจะเป็นคนแรกที่คิดอยากทำ

“คงรู้สึกดีใจมากจนพูดไม่ออก จะกระโดดจูบมึงหลายๆทีแล้วยอมทุกอย่างเลย ฮ่าๆๆ”ก็แค่พูดเล่นๆล่ะนะ ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี

“งั้นเหรอ...อย่าลืมจำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน”มันเท้าคางมองผมแล้วยิ้ม รู้สึกมันมีเสน่ห์มากอย่างบอกไม่ถูก ดีนะที่ผมก็ค่อนข้างมีภูมิต้านทาน

“เหอะๆถ้าทำได้จริงกูก็กล้าอยู่แล้ว”ผมแสยะยิ้มท้าทายอีกคน จานนั้นเราก็นั่งทานอาหารของตัวเองไปพลางฟังผมพูดไปเรื่อยพลาง จนกระทั่งอาหารของเราทั้งคู่หมดเกลี้ยงไม่เหลือ ผมหยิบชามไปเก็บแต่ไม่ต้องล้างเพราะมีคนคอยทำให้แล้ว ลูคัสบอกให้ผมเข้าไปนอนในห้องมัน(คงเพราะหายงอนแล้ว) ผมก็ทำตามที่มันสั่งอยู่ ขัดขืนไปก็มีแต่จะเจ็บตัว ผมเป็นคนฉลาดผมไม่อยากเจ็บตัว

ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากเงื้อมือมันคืนนี้คือชิงหลับไปก่อนที่มันจะเข้ามา...ก็หวังว่ามันคงไม่ลักหลับผมนะ ผมยิ่งน่ารักๆซะด้วยสิ!(แหวะ!)

+++++++++++++++

“โย”ลูคัสเอ่ยเรียกลูน้องคนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา

“ครับ”

“ติดต่อไปที่สโมสรGG ผมต้องการเซ็นต์สัญญาซื้อขายสโมสรของพวกเขา”

“เอ่อ...”โยฮันเนสพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แม้จะได้ยินเจ้านายตัวเองคุยกับเด็กคนโปรดแล้วก็ตาม

“ให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้”

“ถึงเราจะจ่ายให้มากแค่ไหน ก็ไม่แน่ว่าท่านลอร์ดจะยอม”โยฮันเนสแสดงสีหน้าคิดไม่ตก

“ถ้าเงินซื้อไม่ได้...ไม่ว่าต้องใช้อำนาจด้านไหนก็ต้องเอามาให้ได้”ลูคัสเอ่ยนิ่งๆแต่น้ำเสียงแผงไปด้วยความจริงจัง นัยน์ตาสีมรกตนิ่งลึกยากจะคาดเดาอารมณ์ออก

“ทราบแล้วครับนาย ผมจะรีบดำเนินการให้เรียบร้อย”โยฮันเนสก้มศีรษะรับคำสั่ง

“ดี”

“ว่าแต่ไข่เจียวฝีมือคุณสมิธอร่อยมากไหมครับ”โยฮันเนสถามยิ้มๆกับไข่เจียวจานวิเศษที่กำลังจะเสกสโมสรฟุตบอลระดับโลกได้

“เขาทำด้วยความตั้งใจ ย่อมต้องอร่อยมาก”ลูคัสเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าทางตั้งอกตั้งใจทำของเด็กที่เข้าห้องไปนอนแล้ว

“ถึงกับซื้อสโมสรให้ได้ แสดงว่าคงอร่อยมากจริงๆ”โยแซวเจ้านายยิ้มๆ

“อืม แต่ถ้ากินทุกวันลิ้นผมอาจจะพังหรือเบาหวานอาจจะขึ้น ไม่ก็ไตหายไปสักข้างก็ได้”ลูคัสเอ่ยยิ้มๆแล้วยืนขึ้นเพื่อกลับเข้าห้องนอน โยฮันจึงเนสกล่าวลาเจ้านายแล้วกลับห้องตัวเองไปพักผ่อน

ความหลงเด็กของนายช่างมีพลังอำนาจสูงมากจริงๆ

+++++++++++++++++

คนจริงเขาทำทุกอย่างได้เพื่อเมีย อิอิ //ช่วงนี้เปรมอาจจะมาช้าสักหน่อยนะคะ กำลังปั่นงานอีกเรื่องอยู่ รออีกนิดนะเบ๊บ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-07-2018 17:49:51
ฝีมือเมีย อร่อยเสมอ  :laugh:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 17-07-2018 20:33:32
 o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 01:26:57
ไข่เจียวที่แสนจะอนาถา กุ้งไม่แกะเปลือก และอาจจะไม่เปลือกไข่ปนๆอยู่ 555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 18-07-2018 07:06:33
ชอบตอนนี้มากเลยครับ
คนแต่งน่ารัก


        :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[17/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 18-07-2018 21:02:35
นี่ขนาดทอดไข่เจียวให้ยังได้สโมสร
ถ้าวันไหนสมิธทำข้าวผัดขึ้นมาพี่แกไม่ซื้อดาวอังคารให้เลยหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-07-2018 12:55:12
คนโปรด 22.2

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสายๆ ข้างเตียงว่างเปล่าแต่มีรอยยับนิดๆบ่งบอกว่าเมื่อคืนมีคนนอนข้างผม

ผมลุกออกจากเตียงไปล้างหน่าแปรงฟันและทำธุระตอนเช้าในห้องน้ำ จากนั้นก็ออกไปเปลี่ยนชุดออกกำลังกายอีกห้องหนึ่ง

วันนี้ผมจะเข้ายิมไปออกกำลังกายหลังจากที่ห่างหายไปนาน เริ่มรู้สึกว่ากล้ามลีบลงหน่อยๆ(คิดไปเอง) เมื่อผมออกจากห้องนอนมาก็เจอลุคนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มันทักทายผมยิ้มๆแล้วถามว่าจะไหน

"ไปยิม ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันละ"

"หุ่นก็ดีอยู่แล้วนี่"

"มันยังไม่พอ กูอยากกล้ามใหญ่มากกว่านี้"ผมแสยะยิ้มออกมาเมื่อเห็นมันชะงักไปนิดๆ

ถ้าผมฟิตกล้ามมากว่านี้อีกหน่อย รับรองว่าผมล่ำกว่ามันแน่ และมันคงจะไม่ชอบใจนัก

"ทานอาหารสักนิดก่อนออกไปก็แล้วกัน"ผมพยักหน้ารับเพราะรู้สึกหิว แต่คงทานไม่เยอะเดี๋ยวไปออกกำลังกายแล้วจุก

"มึงยังไม่กิน?"ผมถามเมื่อเห็นมันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกัน

"ยัง"มันส่ายหน้ายืนยันคำพูด

"สายแล้วเนี่ยนะ?"ปกติลุคเป็นคนที่ตรงเวลามาก คนระเบียบจัดอย่างมันตารางชีวิตแทบจะตรงเป๊ะๆเลยทีเดียว

"พี่รอทานพร้อมมิทตี้"ผมชะงักมีดที่กำลังจะหั่นไก่อบ เหลือบสายตามองมันนิดๆแต่สีหน้ามันคือเรียบเฉยมาก ผมก็ไม่พูดอะไรอีกก้มหน้าก้มตาทานอาหารของผมเงียบๆ

หลังจากนั้นผมก็ออกมายิม เล่นเครื่องออกกำลังกายอยู่หลายชั่วโมงก็พอใจ จึงไปอาบน้ำแล้วจะแวะไปหาไอ้ตี๋ก่อน เงียบหายไปเลยตั้งแต่เมื่อคืน สงสัยสลบคาเตียงไปแล้วมั้ง

ระหว่างทางผมรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาอีกรอบ เลยแวะห้างที่เป็นทางผ่านหาอะไรกินก่อน อย่างท่บอกว่าผมไม่ชอบทานข้าวคนเดียวอ่ะนะ แต่บางทีเพื่อนก็คงไม่ว่างไปไหนมาไหนกับเราได้ตลอดป่ะวะ ผมก็ต้องหัดพึ่งพาตัวเองบ้าง

ผมตัดสินใจเดินเข้าร้านภัตตาคารอาหารจีนระดับกลางที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้าเพราะขี้เกียจเดินหา จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านก็เกิดสตอร์รี่ดั่งละครหลังข่าวเมื่อมีอีกคนเดินเข้าร้านพร้อมผมและเราชนกัน ผมรีบคว้าจับตัวคนที่กำลังจะล้มลงตามสัญชาตญาณของตัวเอง  เราเผลอจ้องตากันประมาณห้าวินาทีได้

"ปริม"ผมเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆเมื่อเห็นหน้าว่าคือใคร ปริมสะดุ้งเหมือนเพิ่งได้สติ

"เอ่อ สวัสดีค่ะพี่สมิธ...บังเอิญจังเลยนะคะ"เธอกว่าวทักทายผมแล้วค่อยๆพยุงตัวเองยืนให้มั่นคง

"อืม บังเอิญมากๆ แล้วนี่จะเข้าร้านนี้เหรอ?"ผมชี้ไปที่ร้านอาหารที่กำลังจะเข้าไปทาน

"ก็...ใช่ค่ะ"

"เหมือนกันเลย ปริมมาทานกับใครครับ"

"...ปริมมาคนเดียวค่ะ"

"พี่ก็มาคนเดียว ไปทานด้วยกันไหม?"ผมชวนเธออย่างเป็นกันเอง ปริมเม้มปากนิดๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

ผมเดินนำปริมเข้ามาในร้าน รู้สึกพอใจที่ภายในไม่ได้เสียงดังโช้งเช้งอย่างที่คาดไว้ เมื่อถึงโต๊ะเราก็สั่งอาหารคนละ2-3อย่าง ระหว่างที่รออาหารผมก็ชวนปริมคุยบ้างและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความหาทั้งไอ้ดีและไอ้เซนท์ว่าจะไปหาพวกมัน เมื่อผมวางโทรศัพท์ปริมก็เอ่ยถามขึ้น

"พี่สมิธบล็อคไลน์ปริมเหรอคะ?"ผมขมวดคิ้วกำลังจะปฏิเสธออกไปแต่ก็นึกได้ว่าก่อนหน้านี้ไอ้หัวทองทำอะไรกับโทรศัพท์ผมไปบ้าง แต่ผมก็ไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่เพราะช่วงนี้ผมติดเกมส์ สาวๆที่คุยกับผมทางำลน์ไม่ได้ก็ทักแชทไอจีผมมาแทน แต่ผมไม่ค่อยได้ไปเปิดอ่านไง

"โทรศัพท์พี่มีปัญหานิดหน่อย ปริมทักไอจีพี่มาแทนก็แล้วกัน"ผมบอกยิ้มๆไม่ติดขัด

"ปริมทักไปหลายวันแล้ว แต่พี่สมิธก็ยังไม่ตอบสักที"ปริมเอ่ยทั้งใบหน้าเศร้าๆทำให้ผมสะอึกจนเกือบแก้ตัวไม่ออก

"มันอาจจะไม่แจ้งเตือน เดี๋ยวพี่เข้าไปดูให้นะคะ"ผมขยิบตาข้างหนึ่งแล้วฉีกยิ้มให้เธอ ปริมหน้าแดงซับสีเลือดขึ้นมาทันที

ผมชวนเธอคุยเรื่องอื่นไม่กี่คำอาหารที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟ อยู่ต่อหน้าผู้หญิงผมจะกินค่อนข้างมีมารยาทออกไปทางผู้ดีเหมือนไอ้ลุคเลยแหละ แต่พออยู่ต่อหน้ามันหรือเพื่อนผมก็จะแสดงความสถุนและตระกละของตัวเองออกมาย่างไม่ปิดบังไว้สักนิด

หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็อาสาไปส่งปริมที่หอพักเมื่อรู้ว่าเธอไม่มีรถ

"ขอบคุณนะคะพี่สมิธ"ปริมหันมายกมือไหว้ผมก่อนจะลงจากรถ

"ด้วยความยินดีครับ"

ผมใช้เวลาเดินทางจากหอปริมไปคอนโดไอ้ดีประมาณหนึ่งชั่วโมงเพราะรถโคตรติด...ก็วันอาทิตย์นี่เนอะ

พอเข้าไปเห็นสภาพไอ้เซนท์ในห้องไอ้ดี...สภาพอย่างกับศพ ส่วนไอ้ดีหน้าตาสดใสเปล่งปลั่งเพราะปล่อยน้ำจนเบาตัว

"โดนไปกี่ยกล่ะมึง"ผมแสยะยิ้มสะใจใส่ไอ้ตี๋ เลยโดนมันแยกเขี้ยวใส่โถมตัวมาบีบคอผมอย่างไม่เจียมสังขาร พอถูกผมถีบตกโซฟาก็ร้องงอแงน่ะสิครับ

"ไอ้เหี้ยสมิธ มึงจำไว้เลยนะ!เมื่อคืนยังไม่ทันชำระความวันนี้ก็มาทำกูเจ็บอีก ฮึก"อ่า มีเด็กร้องแล้วครับ

"มึงทำกูก่อนนะตี๋ จะโทษกูไม่ได้"ผมก็ยักไหล่ใส่มันอย่างไม่สำนึก ไอ้ดีที่เดินออกจากห้องนอนเห็นเมียนั่งร้องไห้อยู่ข้างโซฟาก็เดินไปอุ้มมันขึ้นมานั่งโซฟาดีๆ แต่ก็ไม่ได้ด่าผมหรอกครับ มันชินกับภาพแบบนี้แล้ว

"มึงแม่ง! กูโกรธแล้ว ฮือ"จากนั้นก็ร้องไห้ซบอกผัวไม่หยุด

"มึงทำมันหนักไปนะ ถึงได้งอแงขนาดนี้"ผมบ่น พลางต่อเกมเข้ากับทีวีจอใหญ่

​​

"มึงก็ไม่น่าไปซ้ำมัน"ไอ้ดีพูดหน้าตายพร้อมยกมือลูบหัวปลอบเมียไปด้วย

"เหอะๆกูเสือกผิดอีก"ผมเบ้ปากใส่พวกมันนิดๆ นี่กูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ(?)

"กูพามันไปนอนก่อน เดี๋ยวออกมาเล่นด้วย"ไอ้ดีบอกพลางอุ้มไอ้ตี๋ที่สะอื้นจนเกือบหลับขึ้น

"เออๆรีบมานะมึง ไม่ใช่มัวไปกกกันอยู่"ผมโบกมือไล่มัน แล้วกดเลือกเกมไว้รอ

ผมนั่งเล่นเกมกับไอ้ดีที่ห้องมันจนถึงตอนเย็น ไอ้เซนท์ก็ตื่นความงอแงจากสิบลดเหลือห้าตามประสามันเหมืนเดิม

อ้อ ผมโดนไอ้ตี๋งอนด้วย มันไม่ยอมคุยกับผมเลยล่ะครับ แต่พอผมไปซื้อไอติมแท่งละห้าสิบบาทมาให้กินนี่พูดกับกูเหมือนลืมงอนอ่ะครับ

"แดกข้าวที่ไหนอ่า กูหิวแล้ว"ปากว่างไม่ได้เลย ไม่พูดก็แดก มีอยู่สองอย่าง

"พวกมึงไปหาแดกกันเลยนะ กูต้องกลับละ"ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ใกล้ถึงเวลาที่มันนัดแล้วครับ

"มึงจะไปไหน?...อ้อ กูรู้ละ"ไอ้เซนท์หรี่ตามองผมอย่างมีเลศนัย

"รู้ดีนักเหรอสาสส เป็นขี้ไคลบนตัวกูหรือไง?"ผมรัดคอไอ้ตี๋แน่นอย่างกวนตีน โดนมันร้องโวยวายไปตามระเบียบ

"กูรู้ละกัน มึงจะรีบกลับไปหาผัว"มันกอดอกเชิดหน้าใส่ผมอย่างคนที่เหนือกว่า ไอ้ดีหันมาเลิกคิ้วถามผมเหมือนแปลกใจที่ไอ้เซนท์พูดแบบนี้

"เรื่องมันยาววว"ผมลากเสียงอย่างขี้เกียจเล่า

"กูรู้นานแล้ว แต่ไม่คิดว่าป่องจะรู้"ไอ้ดีไขความกระจ่าง

"อ้าว/ห๊า"ผมกับไอ้เซนท์อุทานออกมาพร้อมกัน

"มึงรู้เรื่องมันแล้วไม่เห็นบอกกูอ่ะ"ไอ้ตี๋โวยขึ้นก่อนเป็นคนแรก

"ก็มันเป็นเรื่องส่วนตัว ดีไม่อยากยุ่ง"

"มึงรู้ได้ไงอ่ะ"ผมถามหน้างง

"กูไม่ได้รู้เรื่องมึงกับเขาเป็นมายังไง แต่สังเกตว่ามีคนคอยตามดูแลมึงอยู่ตลอด เลยพอเดาๆได้บ้าง"

"อ้อ"ฉลาดสมเป็นนักศึกษาอันดับหนึ่งของคณะ

"แต่มันไม่ได้เป็นผัวกูหรอกนะ"ผมเอ่ยบอกเพื่อนไป ไอ้เหี้ยตี๋เบ้ปากทันที

"รอยเต็มคอมึงขนาดนั้น มึงจะบอกว่าเขาเป็นเมียมึงอ๋อ"

"ไม่เยอะเท่ามึงหรอกสัส...แล้วก็ไม่ได้เป็นทั้งผัวทั้งเมียกูด้วย"ผมเถียงไอ้เหี้ยตี๋คืนอย่างไม่ยอม

"จ้าๆเชื่อมากเลย"เห็นหน้มมันละหมั่นไใเลยบีบแก้มป่องๆมันแรงๆจนไอ้ตี๋กำลังจะร้องอีกรอบ

"พอๆ"ผัวมันห้ามทัพ

"มึงดูมัน!/มันวอนโดน!"ผมกับไอ้ตี๋เถียงขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ทะเลาะกันอีกสักพักถึงเข้าโหมดแยกย้าย

"แล้วมึงขอม๊ายังเรื่องไปอังกฤษ"ผมถามก่อนจะเตรียมตัวกลับ

"ขอละๆ แล้วไอ้ทศล่ะไปมะ?"

"ไม่รู้ ช่วงนี้ติดเมียฉิบหาย กูขี้เกียจไปเป็นก้างพวกมัน"

"ว่าแต่มัน มึงก็ติดเหมือนกันแหละไม่ค่อยไปแดกข้าวกับกู"ไอ้เซนท์พองลมจนแก้มป่องน่าบีบจริงๆ

"มันติดกูเหอะ!มาไทยทีกูกระดิกตัวไปไหนได้ซะที่ไหนล่ะ"ผมบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดโดยไม่ปิดบังเพื่อนอีก

"โว้ๆมีคนเอาเสือสมิธอยู่ว่ะ เฮียนี่แน่จริงๆ"ไอ้เซนท์ตบมือแปะๆอย่างพอใจ

"เหี้ยน่ะสิ!"

"ไปๆรีบไปก่อนเขาจะมาลากคอมึงถึงที่"ไอ้ดีไล่ผมเหมือนเป็นห่วงสวัสดิภาพร่างกายกู

"จิ๊!เออไปละ"

+++++++++++

ผมอยู่อังกฤษแล้ว! หลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายปีก็รู้สึกคิดถึงบรรยายกาศอยู่นิดหน่อยแต่ไม่มาก(ปกติไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว)

ผมมาถึงอังกฤษตั้งแต่เมื่อวาน และเดินทางต่อมาถึงเมืองZที่ตั้งสโมสรVVและมีนัดการแข่งขันซึ่งก็คือวันนี้ ผมและเพื่อนๆกำลังจะเดินเข้าไปในสเตเดี้ยมด้วยความตื่นเต้น เหล่าผู้คนที่เดินเข้าออกกันอย่างขวักไขว่เพราะเป็นการเจอกันของคู่ปรับตลอดกาล

นัดที่สโมสรGGเป็นเจ้าบ้านผมไม่ได้มาดูเพราะติดสอบ แต่วันนี้ยังไงก็จะไม่พลาดเพราะผมจะมาให้กำลังใจโรเวลของผม

"ไอ้เหี้ยเคลมึงซื้ออะไรมาแดกนักหนาเนี่ย"ไม่ถามอย่างเดียวแต่ผมตกหัวไอ้เหี้ยเควินไปด้วย

"ไอ้สัส!ก็น้ำกับป็อปคอร์นมาเผื่อให้พวกมึงแดกด้วยไง"มันยกเท้าถีบผมเพื่อเอาคืน ผมไม่ได้ตอบโต้มันกลับเพราะคนเยอะและเราไม่ควรมาแสดงนิสัยเสียๆต่อหน้าสาธารณะชนเกินไปนัก

ลืมบอกไป!ว่าทริปดูบอลครั้งนี้ประกอบไปด้วยกระผมนายสมิธสุดหล่อ ไอ้ตี๋เซนท์ ไอ้ดี ไอ้เควิน(เพื่อนร่วมสาขา)และไอ้เต๋อ(เพื่อนร่วมสาขา) ส่วนไอ้ทศไม่มาเพราะไอ้น้องรันต์ไม่สบาย จบข่าว.

"ไหนๆเอาตั๋วออกมาดูดิ๊ ที่นั่งเราอยู่โซนไหน"ไอ้ตี๋หันไปถามผัว ไอ้ดีเป็นคนนำทางไปเพราะเคยมาแล้ว

สนามที่นี่ใหญ่มากไม่แพ้เมืองGgของสโมสรGGเลย

เมื่อเดินมาถึงที่นั่งของตัวเองแล้วมองลงไปที่สนาม วิวดีใช้ได้เลย ผมเพิ่งเคยได้มาดูบอลสดๆที่สนามแบบนี้ครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นชะมัด

ไม่นานเกินรอเหล่านักเตะก็เดินลงสนาม มีพิธีเปิดตัวบลาๆหลายอย่าง จากนั้นจึงเริ่มการแข่งขันขึ้น

ผมตะโกนร้องเชียร์เหล่านักเตะทีมโปรดอย่างเมามันส์ ทุกครั้งที่ทีมGGได้ประตูลุงคนข้างๆก็ลุกขึ้นเฮก่อนผมซะอีก

เกมหมดเวลาและจบด้วยสกอร์4-3 ทีมGGเป็นฝ่ายชนะไปในนัดนี้

"โรเวลฟอร์มดีขึ้นเยอะเลย สงสัยอาการบาดเจ็บจะดีขึ้นแล้วจริงๆ"ไอ้เต๋อวิเคราะห์ขึ้นขณะที่เรากำลังจะลุกออกจากที่นั่ง

"ใช่ๆ แต่ฟอร์มโจเอลดูตกไปหน่อย ปีนี้จะได้แชมป์รึเปล่าก็ไม่รู้"ไอ้เซนท์ก็พูดสัมทับขึ้นอีกคน

"รอดูกันต่อไป"ผมว่าบ้าง แต่จังหวะที่สายตามองลงไปยังสนาม ผมสะดุดตาที่คนๆหนึ่งกำลังยืนคุยกับโค้ชของทีมGGอยู่



ผมสีทองบลอนด์ที่มัดรวบตึง รูปร่างสูงใหญ่ภายใต้โค๊ทตัวยาวขนสัตว์ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มดูเป็นมิตรอยู่เสมอ

นั่นมัน...ลูคัสไม่ใช่เหรอ?

"กูได้ยินข่าวมาว่าสโมสรGGเพิ่งเปลี่ยนมือเจ้าของสโมสรเมื่อเร็วๆนี้ว่ะ"ไอ้เควินพูดขึ้น ทำให้ผมหันกลับมาสนใจพวกมันอีกครั้ง

"ห๊า!จริงเหรอวะ!?"ไอ้เต๋ออุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"อืม กูก็ได้ข่าวว่าซื้อหุ้นไปเหยียบพันล้านปอนด์เลยนะ"ไอ้ดีว่าบ้าง กูว่าน่าจะมีเค้าความจริงบ้างแล้วล่ะ แต่ผมก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่อยู่ดี

"รอฟังข่าวอีกทีดีกว่า"ผมว่าพร้อมหันกลับไปมองสนามที่เดิมก็ไม่เห็นมันแล้ว

พวกผมกลับที่พักในเมืองZ จากนั้นก็ไปเดินเที่ยวเล่นตามสถาปัตยกรรมต่างๆในเมืองนี้ ตกเย็นก็ไปทานดินเนอร์ที่ร้านอาหารชื่อดังของเมือง

พวกเรามีแพลนจะกลับเมืองไทยวันพรุ่งนี้เพราะจะได้กลับไปเรียนทันวันจันทร์(วันนี้วันเสาร์)

ขณะที่เรากำลังจะเดินกลับที่พัก ผมได้เดินผ่านจัตุรัสของเมือง หน้าตึกอะไรสักอย่างมีการติดจอLEDขนาดยักษ์กำลังฉายข่าวด้านกีฬา

ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าไม่ใช่ข่าวการเปลี่ยนมือเจ้าของสโมสรGGอย่างที่เพื่อนว่าไว้เมื่อตอนกลางวัน และเจ้าของคนใหม่นั่นไม่ใช่ ลูคัส ฮาล์น

แต่ความจริง คือลูคัสเป็นเจ้าของสโมสรGGอย่างเป็นทางการแล้ว

ผมช็อคจนพูดไม่ออก ไม่คิดว่ามันจะทำจริงๆ

"นี่ไงๆที่กูบอก ใช่จริงๆด้วย"ไอ้เควินชี้ไปที่หน้าจอ

"โห ต้องรวยขนาดไหนวะถึงซื้อได้เนี่ย"ไอ้เต๋ออ้าปากค้างกับมูลค่าหุ้นสโมสรที่ลูคัสซื้อไป

"เหมือนลูคัสคนนี้จะทำธุรกิจหลายอย่างเลยนะ แล้วก็เป็นนักลงทุนตัวฉกาจที่เก่งมากๆเลย กูเคยอ่านข่าวเจอว่าเขาทำเงินจากการเทขายหุ้นได้หลายพันล้านในเวลาไม่กี่ชั่วโมง"ไอ้เซนท์ลูบคางนึก

"มึงแน่ใจนะ?"ผมถามเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ผมรู้ว่าลูคัสพอมีฐานะอยู่บ้างอ่ะนะ แต่ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ และไม่คิดว่ามันจะเก่งอะไรขนาดนั้นด้วย(ไม่ค่อยได้ตามข่าว)

"กูจำได้แม่นเลย!ทั้งหล่อและเก่งขนาดนี้จะมีอยู่สักกี่คนกัน"

"เออ กูก็เคยได้ยิน"ไอ้ดีพยักหน้ายืนยัน

"เจ๋งเป็นบ้า กูอยากรวยได้สักครึ่งของเขา แล้วซื้อสโมสรไว้ดูเล่นสักสองสามทีม"ไอ้เต๋อทำหน้าเพ้อฝัน

"เหอะๆ ฝันยาวๆไปถึงชาติหน้าเถอะสัส ไม่สิ...อีกสิบชาติมึงก็ยังต้องฝันต่อไป"ไอ้เคลตบหัวไอ้เต๋อเรียกสติ

"ไอ้ห่า กูเกลียดมึง"

"กูรักมึงตายล่ะ"

Rrr Rrr  ขณะที่พวกมันกำลังเถียงกันอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมากดรับโดยที่เพื่อนก็ไม่ได้หันมาสนใจ

"ว่า?"

(มาหาหน่อย)เสียงทุ้มน่าฟังดังขึ้น

"ไม่"ปากผมเอ่ยปฏิเสธออกไปอย่างไม่ต้องคิด

(หรือจะให้พี่ไปหาเอง?)

"ไม่ต้องมา!"ผมเผลอขึ้นเสียงนิดหน่อยจึงทำให้เพื่อนหันมามอง จึงลดระดับเสียงลงแล้วทำสัญญาณให้เพื่อนรู้ว่าจะเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์

(ทำไมไม่ให้ไป ซุกใครไว้?)เสียงมันเข้มขึ้นนิดๆแต่ยังไม่ถึงขนาดน่ากลัว

"อย่ามาหาเรื่องนะ กูมีเพื่อนนอกกลุ่มมาด้วย"ผมบอกออกไปอย่างหงุดหงิด ถ้ามันมาก็ฉิบหายดิ มีแค่ไอ้เซนท์กับไอ้ดีผมไม่อะไรหรอกเพราะพวกมันรู้เรื่องแล้ว แต่ไอ้เคลกับไอ้เต๋อผมขี้เกียจพูดมากมาย ผมไม่สนิทใจที่จะเล่าเรื่องพรรค์นั้นให้ฟังสักเท่าไหร่

(งั้นออกมาหาพี่)

"ที่ไหน?"

(พี่จะให้คนไปรับ รออยู่ที่พักนั่นแหละ)

"ไม่ได้อยู่ที่พัก อยู่โซนbจัตุรัสเมือง"ผมบอกเพราะขี้เกียจเดินย้อนไปย้อนมา รออยู่นี่แล้วไล่เพื่อนกลับน่าจะง่ายกว่า

(โอเค ไม่เกินสิบนาที)มันพูดจบผมก็กดวางสายโดยไม่ได้ร่ำลาอะไรอีก

"พวกมึงกลับไปก่อนเลยนะ กูมีธุระต้องไปทำต่อ"เมื่อเดินกลับไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ ผมก็หาข้ออ้างไล่พวกมันทันที

"มึงจะไปไหนอ่ะ"ไอ้เซนท์เสือกอย่างไม่ต้องสงสัย

"ก็ธุระไง"

"มึงมาดูบอล จะมีธุระอะไรที่นี่"ไอ้ตั๋หนั่ตามองจับ มานึกฉลาดอะไรเอาตอนนี้วะ

"กูมีละกัน ไปๆกลับได้ละ"ผมดันหลังไล่พวกมันกลับไป ทุกคนก็พากันร่ำลาผมพอเป็นพิธี แต่ไอ้เหี้ยตี๋ดูเหมือนจะไม่ยอมร่ำลา ผมเลยยกนิ้วกลางให้มันไปหนึ่งนิ้ว มันเลยชูกลับมาให้สองข้างแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป

รถมาผมในสิบนาทีเป๊ะ และจอดส่งให้ที่หน้าคลับหรูแห่งหนึ่งของเมือง

โยที่รออยู่หน้าคลับเป็นคนมาเปิดประตูรถให้ผม ยอกตรงๆว่าไม่ค่อยอยากให้ทำให้เท่าไหร่ เดี๋ยวจะเคยตัวจนง่อยแดกไม่อยากทำอะไรเอง

โยนำทางผมเข้ามาในคลับ มันเป็นคลับหรูๆหน่อย ภายในร้านเน้นความหรูหราถูกใจพวกเศรษฐีทั้งหลาย ไฟด้านในจะออกโทนสีส้มมัวๆหน่อยและมีเพลงสบายๆเปิดคลออยู่เข้ากับบรรยากาศอย่างลงตัว อีกโต๊ะนั่งดื่มแบ่งเป็นสัดส่วนคนละเรื่องกับคลับทั่วไปที่เมืองไทย คนไม่เยอะมากแต่นั่งเต็มทุกโต๊ะ เสียงไม่ดังแต่ก็ไม่ได้เงียบอะไร ถือว่าดีใช้ได้เลย

โยนำผมไปหยุดอยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่ง ที่นั่งเป็นโซฟาหนังแบบวงกลม(แต่เปิดช่องให้เดินเข้าได้)ล้อมรอบโต๊ะเอาไว้



บนโซฟามีผู้ชายสามคนนั่งอยู่ คนแรกคือไอ้หัวทองที่บีบบังคับผมออกมา คนถัดไปเป็นคนคุ้นเคยที่ผมรู้จักดี ซึ่งนั่นก็คือเกรย์ คนสุดท้ายผมไม่รู้จัก ผมสีน้ำตาลแซมทอง ดวงตาสีฟ้า หน้าตาออกเหมือนชาวอิตาเลี่ยน ตัวสูงพอๆกับลูคัสแต่น่าจะล่ำกว่า บรรยากาศรอบตัวผู้ชายคนนี้ดูไม่ปกติ

ดูน่ากลัว...อย่างกับพวกมาเฟียเลย

"ไงเกรย์"ผมเอ่ยทักเกรย์ก่อนโดยข้ามหัวอีกคนไป

"ไงสมิธ นั่งลงก่อนสิ"เกรโย์บกมือทักทายแล้วชี้ให้ผมนั่งข้างไอ้จอมเผด็จการ ผมก็ไม่อยากจะนั่งหรอก แต่อีกด้านเป็นผู้ชายท่าทางน่ากลัวคนนั้น...ใครมันจะไปกล้านั่งตรงนั้นฟระ

ผมจึงจำใจต้องนั่งข้างลูคัสแทน

"มิทตี้ นั่นเพื่อนพี่"ลูคัสพยักหน้ไปทางผู้ชายน่ากลัวคนนั้น

"สวัสดีครับ สมิธครับ"ต่อหน้าคนๆนี้ สมบัติผู้ดีอันน้อยนิดของผมถูกขุดมาใช้ทุกอย่าง

"สวัสดี ผมคาลว์ดิโอ เรียกดิโอก็ได้"เขายื่นมือมาด้านหน้า ผมลังเลนิดหน่อยแต่ก็ยื่นมือไปจับตอบอย่างเกร็งๆ

"ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้สมิธ"เกรย์หลุดหัวเราะเสียงดังกับท่าทางไม่เป็นตัวของตัวเองของผม

"กลัวอะไร?"ไอ้บ้าลุคถามอย่างไม่เข้าใจ

"เปล่า...เพราะมึงนั่นแหละ!"ผมทำอะไรไม่ถูกเลยเหวี่ยงมันซะเลย

"หึๆ ไม่ต้องกลัวผมหรอก ถ้าคุณไม่กลัวคนที่นั่งข้างคุณ ผมก็ไม่มีอะไรให้คุณกลัว"ดิโอพูดขึ้นแล้วจิบไวน์ด้วยท่าทางสบายๆ

"ใช่ๆ คนที่นั่งข้างสมิธน่ากลัวที่สุดแล้ว"เกรย์พยักหน้ายืนยันคำพูดดิโอ ผมหันไปมองไอ้คนที่เพื่อนมันพูดถึง มันยิ้มให้ผมบางๆแล้วยื่นมือมายีศีรษะผมเบาๆ

"ดูบอลวันนี้สนุกไหม?" ผมพยักหน้า และนึกถึงเรื่องช็อคที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ได้ ขึงเอ่ยถามมันออกไป

"มึงซื้อสโมสรGGจริงเหรอ"

"ใช่! ซื้อให้มิทตี้ไง"

"..."ยิ่งพอได้ยินมันยืนยันแบบนี้ผมยิ่งพูดไม่ออก แต่ก็รู้สึกดีใจมากๆอย่างบอกไม่ถูก

"ตามที่ตกลงกันไว้ พี่ทำตามสัญญาแล้ว มิทตี้ก็ต้องทำตามสัญญาบ้าง"มันยิ้มแล้วขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น สมองผมนึกไปถึงเหตุการณ์ไม่ถึงสัปดาห์ก่อน

'แล้วถ้าพี่ซื้อสโมสรGGให้ มิทตี้จะรู้สึกยังไง?'

'คงรู้สึกดีใจมากจนพูดไม่ออก จะกระโดดจูบมึงหลายๆทีแล้วยอมทุกอย่างเลย ฮ่าๆๆ'

กูอยากตบปากมึงเลยทีจริงๆสมิธ ไอ้ควายเอ้ย!!!

"ตอนนั้นกูไม่ได้คิดจริงจัง"ผมติบมันเสียงเบา

"ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นสิ"

"เอ๊ะ!แล้วมึงจะให้กูทำต่อหน้าเพื่อนมึงเหรอไง!"ผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด เห็นทีจะเลี่ยงยากแล้ว

"ทำอะไรเหรอ?"เกรย์แทรกถามด้วยความอยากรู้

"เสือก/ไม่บอก"ลูคัสกับผมพูดขึ้นพร้อมกัน

"แหม สามัคคีกันดีจริงเชียว...จะทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่แอบดูหรอก"เกรย์ยกมือขึ้นปิดตา แต่นิ้วห่างกันซะขนาดนี้ไม่ต้องปิดก็ได้นะ เมื่อยมือเปล่าๆ-_-

"ไม่เอา!ชงเหล้ามาเลยเกรย์ ผมจะดื่ม!"ลูคัสเลิกคิ้วมองผมนิดๆแต่ไม่ได้ห้ามปามอะไร มันดื่มไวน์กับดิโอสองคน ส่วนผมกับเกรย์ผลัดกันเทวิสกี้ให้กัน เวลาผ่านไปเหล้าก็หมดไปหลายขวด ผมไม่เมาเท่าไหร่แต่เริ่มออกลาย(?)

"ดิโอ พี่เป็นมาเฟียเหรอวะ"ผมถามออกไปด้วยความปากกล้าอย่างไม่กลัวตายเลยสักนิด

"แล้วคิดว่าไง?"

"โผมดูก็รู๊ หน้าพี่มันได้เว้ย"

"โหด?"เสียงใครสักคนถามขึ้น แต่ผมส่ายหน้าแรงๆ

"หึ!หล่อ!"ผมยกนิ้วโป้งสองข้างให้ดิโอ

"ฮ่าๆๆๆ"ดิโอหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจแล้วชนแก้วกับผม

"บางเรื่องเราก็พูดออกมาตรงๆไม่ได้ แต่เซนส์นายแรงดีสมิธ สมกับที่เป็นเมียมัน"

"เมียครายวะเพ่?"

"ไม่ใช่คนที่นั่งข้างๆนายเหรอ?"

"เอ๋?คนนี้เมียผมคร้าบ ใช่มะ?"ผมเกี่ยวคอลูคัสที่คุยกับเกรย์อยู่ให้เข้ามาใกล้ตัวเองก่อนจะเอียงคอถามมัน

"...ตามใจ"มันก้มมาหอมแก้มผมแรงๆ

"WTF!ความหลงเมียอะไรนี่"เสียงเกรย์แว่วๆมาเข้าหู

"หึๆหลงเมียหรือกลัวเมีย?"ดิโอแซวขึ้นบ้าง

"กูไม่เคยกลัว"

"อ้อ กูจะรอดู"ผมหน้าร้อนขึ้นนิดๆ แม่งพูดเชี่ยไรไม่รู้ ปากไม่น่าหาเรื่องเลยกู เข้าตัวเองหมด

"ปวดฉี่ ไปเข้าห้องน้ำแปบ"ผมบอกมันแล้วลุกขึ้น ชักเมาเกินไปแล้ว อยากไปล้างหน้าล้างตาด้วย

"พี่ไปเป็นเพื่อน"มันลุกขึ้นตาม

"ไม่ต้อง!"

"มิทตี้"มันกดเสียงเข้มลงอีกระดับ ผมเลยทำหน้าบึ่งใส่มันแล้วก้ามออกมาก่อน

"ที่เดินๆไปนั่นรู้เหรอห้องน้ำไปทางไหน?"เสียงไอ้เชี่ยลุคดังตามหลังมา ทำให้ผมหยุดก้าวเท้าต่อ

"มึงก็นำไปดิ!"ผมทำหน้าบึ้งอย่างขัดใจ มันส่ายหน้าหน่อยๆก่อนจะกอดคอพาผมเดินไปทางที่ผมกำลังจะตรงไปเมื่อกี้

กูก็ไปถูกแล้วป่ะวะ?

ผมเดินตรงไปฉี่ที่โถหนึ่ง ในห้องน้ำไม่มีคนเลยเว้ย แปลกจริง เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปล้างมือที่อ่างล้างมือ จังหวะนั้นอยู่ๆก็มีคนสวมกอดผมจากด้านหลัง ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบที่หลังคอผม ผมสะดุ้งนิดๆแต่ไม่ได้โวยวาย เพราะเห็นไอ้โจรบ้ากามผ่านทางกระจก

แต่พอจะหันกลับไปด่าสักยกก็ถูกประกบจูบริมฝีปากซะก่อน ผมบ่นอู้อี้ในลำคอ มันจึงสอดลิ้นเข้ามาดูพันกับลิ้นผมไม่ให้พูดอะไรได้อีก

ผมถูกชักนำจุมพิตอย่างมัวเมา ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกยกขึ้นไปนั่งบนเคาร์เตอร์อ่างล่างมือ ไม่รู้เลยว่าเผลอยกแขนขึ้นคล้องคอมันและเป็นผมที่เป็นฝ่ายรุกเร้าริมฝีปากเข้าหามันเอง



เราจูบกันอย่างดุเดือดอยู่หลายนาทีจนผมชักหายใจไม่ทัน ถึงได้เบี่ยงริมฝีปากหลบออก แต่ริมฝีปากบางน่าจูบของมันก็ตามมาประจูบอีกอย่างไม่ลดละ

"อื้อ!หายใจ อึก!ไม่ออก...จุ๊บ!"ผมพยายามส่งเสียงบอกอีกคน มันจึงยอมผละออกอย่างเสียดาย

"วันนี้ไปนอนกับพี่นะ"ริมฝีปากมันคลอเคลียจูบอยู่แถวใบหู ผมจึ้งผลักหน้ามันออกอย่างรำคาญ

"นอนแบบไหน?นอนเฉยๆหรือเอากัน"ผมเอ่ยถามออกไปตรงๆ ตามันเยิ้มขนาดนี้กูจะเหลือเหรอ

"เอากันเสร็จก็นอนด้วยกัน"

"ไม่เอา พรุ่งจะบินกลับไทย"ปฏิเสธทั้งที่รู้ดีว่าไม่น่ารอด

"เดี๋ยวไปส่ง"

"มันทรมานป่ะ นั่งเครื่องตั้งหลายชั่วโมง"ผมทำหน้าเซ็งๆไม่อยากจะคิดสภาพตัวเอง ถึงจะเป็นที่นั่งแบบเฟิร์สคลาสก็เถอะ

"พี่ให้นั่งเครื่องบินส่วนตัวพี่กลับ สบายๆไม่ทรมาน"ดูมันหว่านล้อมผมดิ

"เพื่อนกูล่ะ?"ผมถามเพราะไม่อยากทิ้งเพื่อน

"ให้เพื่อนไปด้วยก็ได้ ฟอด!"มันบอกอย่างใจกว้าง

"แต่ว่า..."ผมกำลังจะคิดหาข้ออ้าง แต่มันก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

"ไม่มีแต่...ให้กำลังใจพี่บ้างนะครับ"แล้วมันก็กดริมฝีปากจูบข้างขมับผม กูชักจะใจสั่นเข้าไปทุกที ทำไมต้องมาพูเพราะๆกับกูด้วยเนี่ย!

"นี่จะคิดค่าที่ซื้อสโมสรเหรอ?"ผมถามอย่างหาเรื่อง

"ไม่นี่ พี่ซื้อให้มิทตี้มีความสุขเฉยๆ เดี๋ยวสักพักพี่โอนให้เป็นชื่อมิทตี้ ดีใจไหม?"

"...ก็ดีใจอยู่หรอก แต่กูจะเอาเงินที่ไหนไปคอยสนับสนุนทีม จ่ายเงินเดือนให้พวกเขาอีกล่ะ ค่าตัวแต่ละคนไม่ใช่น้อยๆ"

"พี่จะจ่ายให้"

"ไม่เอา งี้ก็เอาเปรียบมึงดิ"ผมปฏิเสธเพราะทำตัวเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้

"พี่เต็มใจ"

"ก็บอกว่าไม่ไง!"ผมเริ่มหงุดหงิด

"โอเคๆไว้มิทตี้พร้อมเมื่อไหร่ มิทตี้ก็บอกพี่ ระหว่างนี้มิทตี้จะมาดูพวกเขาซ้อม ขอถ่ายรูปหรืออะไรก็ตามแต่ใจมิทตี้เลย ดีไหม?"มันลูบแก้มผมเบาๆให้คลายความโกรธลง ผมก็พยักหน้าให้มันแล้วบ่นพึมพำออกมา

"ชาติกูจะพร้อมได้ไหมเนี่ย"และเพราะมันอยู่ใกล้ผมในระยะประชิดเลยได้ยินคำที่ผมพูด มันหัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยขึ้น

"พี่มีทางลัดนะ"

"อะไร?"ผมถามอย่างสนใจ

"แต่งงานกับพี่สิ สมบัติพี่จะยกให้มิทตี้หมดเลย"มันยิ้มบางๆแต่สายตาไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด

"..."

ผมช็อคไปแล้วครับ นี่มันกำลังขอผมแต่งงานเหรอ?

ในห้องน้ำด้วยนะ...

++++++++++++

ขอโทษจริงๆที่ทำให้รอนาน โน๊ตบุ๊คเปรมพังง่ะ ไฟล์อะไรที่พิมพ์ไว้ก็หายหม๊ดTT ช่วงนี้จะจัดให้เสพหวานยาวๆก่อน ก่อนที่จะ...
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-07-2018 14:17:09
ซึ้งมาก ขอแต่งงานในห้องน้ำ555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-07-2018 14:46:08
โอ้โหหหหหหความรวยนี้ถึงกับซื้อสโมสรได้เลย หลงเมียขั้นสุดจริงๆ แต่จะให้มิทตี้แต่งงานด้วยเคยขอคบแบบจริงจังรึยัง เคลียร์ตัวเองหมดแล้วใช่มั้ย หา ว่าแต่ที่นักเขียนบอกเอาหวานๆมาเสิร์ฟก่อนที่จะ.....จะอะไรอีกค้าาา เท่าที่ผ่านมายังดราม่าไม่พอใช่ม้ายยยย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-07-2018 15:03:04
 o22 เสี่่ยลุคเปย์รัวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 22-07-2018 16:26:46
โว้วววว ขอแต่งงานในห้องน้ำ  :mew4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 22-07-2018 17:41:36
อ่านแล้วยิ้มเฉยเลย แต่งๆไปเถอะมิตตี้ ยังไงพี่ลูก็ไม่ปล่อยให้หนีไปไหนหรอก :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2018 18:51:23
จะมีอะไรทีปริมมาเกี่ยวด้วยในอนาคตไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 23-07-2018 06:42:18
ได้ใจ จ๊ะ ลูคัส 
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 23-07-2018 19:58:27
เป็นตอนที่น่ารัก
อีกตอนครับ



        :กอด1:


หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิมะลิ ที่ 23-07-2018 20:39:19
หึ..ยังไม่สาสมกับความเหี้ยของมึงหรอกลุค
สมิทอย่ายอมง่ายๆนะลูก อยากเห็นลุคเจ็บปวดบ้าง
ทำน้องไว้เยอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 24-07-2018 19:27:21
เปย์เมียอะไรอย่างน้านนนนนนนนน อิพี่มันจะใจดีได้นานแค่ไหน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 24-07-2018 20:30:59
อะไรรรรรรรรลูคัสเธอไปเคลียกับคู่หมั้นเธอแล้วหรอ
มาขอสมิธแต่งงาน ในห้องน้ำด้วย โอ้วแม่เจ้า5555555
อย่าลืมกระโดดจูบลูคัสหลายๆทีเลยนะได้สโมสรมาแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่22.1[22/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 27-07-2018 08:21:25
ลุค เปย์เมียสุด
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 28-07-2018 21:03:05
คนโปรด 23.1

โอเค!ตั้งสติก่อนสมิธ

วันนี้กูช็อคไปกี่รอบแล้ววะเนี่ย ถ้านี่เป็นโรคหัวใจผมว่าผมตายไปละ...หัวใจแม่มทำงานหนักเกินไป

"ว่าไง?"มันเลิกคิ้วถามแล้วขยับหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะจูบปากกันอีกรอบ

"ไม่แต่ง ขี้เกียจไปตามถีบเมียน้อยมึง"ใครจะไปตามจิกตามตบก็ทำไป แต่ถ้าผมเจอนะ กูจะกระโดดถีบก่อนเลย

"ไม่มี"มันฉีกยิ้มบางๆ

"กูไม่เชื่อ!"ผมเถียงทั้งหน้าบึ้งๆ ไม่ต้องสืบก็รู้ป่ะว่าเด็กเยอะ มันเจ้าชู้จะตาย

"พี่ไม่เคยให้ใครเป็นเมียนอกจากมิทตี้"

"..."เจอหมัดฮุกเข้าอีกรอบทำเอาพูดไม่ออกอีกละ วันนี้มันไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าวะ หรือว่ามันจะไปทำขนมไทยขาย

หยอดแล้วหยอดอีก

"ทำไมนิ่งไปอย่างนั้นล่ะ?"มันยื่นหน้ามาจูบริมฝีปากผมเร็วๆแล้วผละออก ผมถลึงตาใส่มันเมื่อได้สติกลับมา

"จะแต่งได้ไง คู่หมั้นดารามึงก็ยังอยู่"

"ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ถ้ามิทตี้ตกลงทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา"มันพูดพลางยกมือเรียวเกลี่ยผิวแก้มผมเล่นไปมาแต่ผมก็ปัดออกอย่างหงุดหงิด

"มึงพูดจาเห็นแก่ตัวอีกแล้วนะลุค"ผมจ้องมันเขม็งอย่างไม่ค่อยพอใจ ลูคัสจึงถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

"พี่ไม่ใช่คนดี มิทตี้ก็รู้ใช่ไหม?"ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดของมัน จริงๆอยากพูดว่ามันชั่วมากๆเลยต่างหาก...แต่กลัวโดนตบไง

"พี่จะดีเฉพาะกับคนพิเศษของพี่ พี่สามารถทุ่มเทให้เขาได้ทุกอย่าง...ถ้าเพื่อเขาแล้วต่อให้ต้องเลวกับคนอื่นแค่ไหน พี่ก็ไม่สนใจหรอก"

"หึ!"

"มิทตี้อยากรู้ไหมว่าคนพิเศษของพี่คือใคร?"มันดึงผมให้ลงมายืนก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างค้ำกับเคาน์เตอร์กักขังผมไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

"ไม่"ผมหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะรู้สึกว่าหน้ามันอยู่ใกล้จนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกันทุกครั้งเวลาพูด

"เด็กดื้อของพี่ ไม่อยากรู้จริงๆเหรอ?"ลูคัสแนบริมฝีปากจูบซับไปที่หลังใบหูผมเบาๆ ร่างกายผมร้อนขึ้นราวกับไปยืนแช่อยู่ในหม้อน้ำเดือด ผมผลักมันออกแต่ร่างกายแข็งแรงของมันกลับไม่ยอมขยับเลยสักนิด

"ล..ลุค อย่า"ผมเอ่ยห้ามมันเสียงสั่น มันรู้ทั้งรู้ว่าหูคือจุดอ่อนของผมแล้วยังจะแกล้ง!

"ลองทายมาสิ ถ้าทายถูกพี่จะยอมหยุด"มันพูดไปพลางขบติ่งหูผมไปด้วย ผมตัวสั่นนิดๆแต่กลางกายนี่เสือกเสียววูบวาบๆขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

"อะไอ้ทศเหรอ"ลูคัสส่ายหน้า

"คู่หมั้นดาราของมึง"

"ไม่ใช่"มันว่าก่อนจะเลียไปตามซอกหูผม

"กูไม่...อ๊ะ!...รู้!"ผมหลุดเสียงน่าอายออกมา

"ลองทายดูดีๆ"

"กะ...ก็กูไม่รู้แล้ว!"

"ทำไมไม่ลองทายตัวเองดูบ้าง!"น้ำเสียงทุ้มต่ำของมันเจือไปด้วยความหงุดหงิด

"..."

"พี่ทำให้ขนาดนี้ มิทตี้ไม่รู้จริงๆเหรอ?"

"ง่วงแล้ว กลับเถอะ"ผมเอนศีรษะพิงไหล่มัน ใช้จมูกบี้ไปมากับเสื้อตัวสวยของมัน(ตัวมันหอมจังวะ) มือผมก็สอดกอดเอวสอบเอาไว้หลวมๆ ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจออกมาเบาๆ

"พอไม่อยากตอบก็เป็นอย่างนี้ทุกที"มันเอ่ยอย่างอ่อนใจก่อนจะก้มหอมหัวผมแรงๆ

ลูคัสกอดคอพาผมออกจากห้องน้ำแต่ปากก็ยังคลอเคลียหน้ากูไม่ห่าง-_-

ผมเหลือบสายตาเห็นลูกน้องมันยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำอยู่...ถึงว่าทำไมถึงไม่มีคน

จังหวะที่เรากำลังจะเลี้ยวออกจากทางเข้าห้องน้ำ อยู่ๆก็มีคนเดินตรงทางนี้ ผมได้ยินเสียงโวยวายที่คุ้นหูและรู้สึกคุ้นเคยกับคนรูปร่างลักษณะแบบนี้มาก ยิ่งขยับเท้าเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

จังหวะที่ผมกับเขาประสานสายตากัน เท้าที่กำลังก้าวเดินกลับหยุดชะงักไปซะดื้อๆ เสียงที่โวยวายก่อนหน้าก็เงียบเสียงลงโดยสิ้นเชิง

"สมิธ...มึงมาอยู่ที่นี่ได่ยังไงวะ"นอกจากปากมันจะเอ่ยถามผมแล้ว สายตาตี่ๆก็เหลือบมองคนที่ยืนกอดคอผมอย่างมีคำถาม

"ก็...ธุระที่กูบอกไง"ผมทำหน้าปั้นยากก่อนจะเอ่ยบอกเพื่อนไป

"มึง...มาคุยกับกูแปบดิ๊"ไอ้เซนท์บอกแต่ไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้ เพราะการ์ดชุดดำห้อมล้อมรอบตัวผมอย่างกับกำแพง

"กูไปคุยกับเพื่อนแปบนะ"ผมหันไปบอกไอ้คนที่ยืนข้างๆ จับแขนมันออกจากคอ แต่ไอ้เหี้ยลุคดันไม่ยอมปล่อย

"คุยตรงนี้"ไอ้เซนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้ดีถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลูคัส

"มึง...คุยตรงนี้ได้ไหมวะ"ผมหันไปทำเสียงอ่อนใส่ไอ้เซนท์ คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนก็...ช่างเถอะ

"ไว้ค่อยกับไปคุยกันที่ห้องก็ได้"ไอ้เซนท์ยอมถอยให้ก่อน มันก็คงไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าลูคัสเท่าไหร่

"คือ...คืนนี้กูคงไม่ได้กลับ"มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ

"ว่าไงนะ!แล้วมึงจะไปนอนไหน..."คำพูดสุดท้ายของไอ้เซนท์แผ่วลงฉับพลันเมื่อสายตายมันเหลือบมามองไอ้คนที่ยืนกอดคอผมอยู่

"กูก็อยู่แถวๆนี้แหละ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน"ผมส่งสายตาให้เพื่อนอย่างรู้กัน

"เออๆ...ว่าแต่ คนนี้เฮียใช่ไหม?"

"อืม"ผมพยักหน้าเบาๆ ไอ้เซนท์กับไอ้ดียกมือไว้ลูคัสทันที

"เฮียสวัสดีครับ"ลูคัสพยักหน้าพร้อมหันมามองผมอย่างมีคำถาม

"เฮียเป็นคำเรียกพี่ชาย"ผมอธิบาย มันก็พยักหน้ารับรู้

"พวกคุณนั่งโต๊ะไหน?"ลูคัสเอ่ยถามเพื่อนผมและไอ้ดีเป็นคนตอบว่ามันนั่งอยู่ตรงไหนกับเพื่อนอีกสองคน

"เต็มที่เลยนะ วันนี้ผมเลี้ยงต้อนรับในฐานะที่เป็นเพื่อนมิทตี้"

​​

"เอ่อ...ขอบคุณครับ"ไอ้ดีทำท่าจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ผมขยิบตาให้มันยิกๆจนตาแทบจะบอด มันถึงได้เอ่ยตอบรับ

"ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง มิทตี้ง่วงแล้วผมคงต้องพากลับก่อน"

"แค่กๆ"ไอ้เหี้ยเซนท์อยู่ๆก็สำลักอากาศแต่ผมก็รู้แหละว่าเพราะอะไร...ชื่อกับหน้ากูเข้ากันซะที่ไหนล่ะ

"เจอกันพรุ่งนี้ ตามเวลานัดนะ"ผมนัดแนะกับเพื่อนเสร็จก็เอ่ยลา พร้อมลากไอ้หัวทองออกมาด้วย

"ไปบอกลาเพื่อนพี่ก่อนแล้วค่อยกลับ"มันเกี่ยวแขนผมไว้ เมื่อเห็นผมทำท่าจะตรงดิ่งไปทางออก ลูคัสพาผมไปลาดิโอและเกรย์ โดนแซวนิดหน่อยแต่ผมด้านแล้วอ่ะ ไม่รู้สึก

ลูคัสพาผมมาพักโรงแรมระดับห้าดาวครึ่งของเมืองที่มันพักอยู่

ทันทีที่เห็นเตียงนอน ผมก็ถลาล้มตัวลงใส่เหมือนคนไร้กระดูก ไอ้เตียงบ้านี่ก็ไม่รู้จะนุ่มอะไรนักหนา นอนสบายทำสติผมแทบจะดับอยู่รอมร่อ

"ไม่อาบน้ำก่อนเหรอ?"ผมได้ยินเสียงแว่วๆอยู่ข้างหู แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

"..."

"เนียนเลย สัญญากับพี่ไว้ว่าไงครับ ฟอด!"

"ง่วงแล้ว"ผมบอกมันด้วยความงัวเงียขั้นสุดท้าย นี่ไม่ได้จะแผนบ่ายเบี่ยงอะไรเลยนะครับ

"งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องกลับ"เสียงทุ้มต่ำลงอีกระดับ ทำให้ผมฝืนลืมตามองมันอย่างหงุดหงิด

"ลุค!"

"พี่ตามใจมิทตี้มากแล้วนะ มิทตี้ต้องตามใจพี่บ้าง"

"มึงอยากนักก็ไปเอากับคนอื่นดิ!"

"ถ้าพี่อยากได้คนอื่นพี่จะมาขอมิทตี้ไหม?"

"กูเจ็บอ่ะไม่อยากทำ...มึงให้กูทำมึงแทนไหมล่ะ"

"มิทตี้จะออนท็อปให้พี่?"

"บ้า!ใครจะไปทำ"

"หึๆ"

"รอบเดียว ใส่ถุงด้วย"

"สามรอบ ขอแตกใน"

"มากไปแล้ว!"ผมใช้มือขยุ้มผมมันขณะที่มันกำลังก้มลงหอมแก้มผม

"หรือจะโดนจนกว่าพี่จะอยากพอ"โอโห!กูคงไม่ได้ออกจากห้องเป็นอาทิตย์

"มึงแม่ง!"

"มิทตี้!"

"เออ!ถอยออกไปเลย กูจะไปล้างตัว!"ผมผลักมันออก แล้วลุกขึ้นจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ คือนอกจากจะถูกเอาแล้วผมยังต้องมาคอยล้างตู้เย็นอีกนะ ลำบากกูทั้งขึ้นทั้งล่องเลยโว้ย!!!

ผมใช้เวลาอาบน้ำล้างตัวทั้งข้างนอกข้างในประมาณ20นาที ออกมาจากห้องน้ำก็เจอมันนั่งใส่เสื้อคลุมเช็คโทรศัพท์ผมอยู่

"ทำไร?"

"เช็คความประพฤติเมีย"

"เหอะ!"ผมพูดได้แค่นั้นแหละครับ รับรองว่าพอผมเปิดโทรศัพท์ดูอีกทีคือแชทสาวๆกูหายหมด

"มีเหล้าไหม?"ผมถามหาน้ำเมามาย้อมใจสักหน่อยเพราะตอนนี้มันสร่างแล้ว ทำใจยอมมันไม่ค่อยลงจริงๆว่ะ

"ไม่มี ถึงมีพี่ก็ไม่ให้"ตุ้บ! ลูคัสโยนโทรศัพท์ผมทิ้งไปอีกทางแล้วกระชากแขนผมให้ล้มลงบนเตียงกว้างก่อนที่มันจะตามมาคร่อมร่างผมไว้

"พี่จะอ่อนโยน"

"ไปหลอกคนอื่นไป อื้อ!"มันก้มลงมาจูบปิดปากไม่ให้ผมพูดอะไรได้อีก

มือเรียวแกะปมเชือกเสื้อคลุมผมออกเหมือนรีบ นิ้วโป้งมันไล้วนเค้นคลึงตุ่มไตบนอกผมจนร่างกายสั่นสะท้าน ริมฝีปากร้อนๆจูบดูดบนกลีบปากผมอย่างหื่นกระหายจนพอใจก่อนจะเคลื่อนสัมผัสไปที่คอและฝากรอยแดงช้ำไว้หลายรอย

มือเรียวข้างหนึ่งของลูคัสเริ่มขยับลงล่างไปสัมผัสกับน้องชายผม มันกอบกุมไว้จนเต็มมือก่อนจะลงน้ำหนักแล้วรูดชักให้แรงๆเพื่อปลุกความกระสันแห่งอารมณ์ผมขึ้นมา

"อ๊ะ...อื้อ!...อึก!"ผมหลุดเสียงออกมาทั้งๆที่กัดปากกลั้นสุดชีวิต แต่เพราะความเสียวซ่านที่โจมตีกลางกลายผมอย่างหนักทำให้มันกลั้นไม่ไหวจริงๆว่ะ

"เสียวก็ร้อง จะกลั้นทำไม?"มันขยับปากมาจูบแก้มผมแรงๆ ผมจึงทึ้งผมมันเบาๆ(ไม่กล้าทำแรง)พร้อมถลคงตาใส่

"ใครจะ อึก!ไปร้อง...อ๊า!"แม่งโกง!มันขยี้ปลายหัวตรงนั้นผมอ่ะ

"หึๆ"มันหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงขบติ่งบนยอดอกผมอย่างแรง ผมสะดุ้งเฮือกเพราะเสียวอย่างหนักบวกกับช่วงล่างที่โดนขยับอย่างต่อเนื่องทำให้ผมทนไม่ไหวพรั่งพรูหยาดน้ำสีขุ่นออกมาเลอะเต็มหน้าท้องเลยมาเลอะปลายคางมันที่กำลังนัวเนียอยู่ที่อกผมด้วย

ผมหอบหายใจหนัก โดยไม่ทันได้ตั้งตัวสองขาก็ถูกถ่างออกจากกันแทบเป็นเส้นตรงพร้อมๆกับที่สัมผัสนิ่มๆเปียกชื้นไล้เลียอยู่ที่ปากทางด้านหลัง

ผมแทบสำลักอากาศตายเมื่อรู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ จีบรอบตรงนั้นถูกมือเรียวคลี่ออก ลิ้นร้อนๆสอดแยงเข้ามาให้ความรู้สึกแปลกใหม่

มันขนลุกแต่ก็เสียวไปพร้อมๆกัน

"อ๊ะ..อ๊ะ อื้อออ"ผมหลุดร้องเสียงหลง เมื่อลูคัสขยับลิ้นเข้าออกช่องทางนั้นรัวเร็ว

แม่งเสียวเหี้ยๆ แล้วมันยังยื่นมือมาสาวแก่นกายผมที่กำลังตั้งสู้มืออยู่อีก

ทนได้ก็ไม่ใช่คนแล้วครับ...ผมเสร็จน้ำที่สองภายในระยะเวลาแค่สิบนาที

มันใช้มือป้ายน้ำผมที่เลอะเทอะเต็มตัวสอดไปที่ช่องทางด้านหลัง สองนิ้วแรกก็อึดอัดปนๆเสียว แต่พอมันสอดนิ้วที่สามแล้วกระแทกเข้าออกสลับกับครูดผนังนุ่มด้านใน มันโดนจุดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำเอาผมหลุดครางไปหลายต่อหลายครั้ง...แต่ครั้งนี้ผมยังไม่เสร็จง่ายๆเพราะเพิ่งจะเสร็จสองน้ำไปติดๆกัน

ลูคัสถอนนิ้วออก ผมเห็นมันบีบเจลใส่มือก่อนจะนำไปชักแก่นกายสีแดงคล้ำที่ผงกหัวรอจนชุ่ม

ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ มันแตกต่างจากเมื่อตอนผมเด็กมากจริงๆ

"ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บ"

"มึงไม่เจ็บ!แต่กูเจ็บ!"ผมขยับตัวหนีแต่ก็โดนมันยึดเอวไว้แน่น

"หึๆเจ็บแปบเดียวเดี๋ยวก็เสียวแล้ว ผ่อนคลายนะเด็กดี"มันยืดตัวโน้มหน้ามาจูบปากผมปลอบๆ ไม่กี่วินาทีต่อมาความอึดอัดปนเจ็บก็ถูกแทรกเข้าสู่ช่องทางนั้นของผม

แม้ไม่เท่าครั้งแรก แต่ก็เจ็บอยู่ดีป่ะวะ

ผมพยายามผ่อนคลายให้ตัวเองเจ็บน้อยลง มือก็แขนกับหลังคอมันสุดแรงระบายความรู้สึก

ลูคัสทำหน้าเหยเกเพราะช่องทางนั้นตอดรัดมันจนแทบขยับไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็ฝืนดันเข้ามาได้จนสุดอยู่ดี

"เด็กดีของพี่"มันจูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อผมหลายๆที สะโพกสอบก็เริ่มขยับโดยไม่ให้เสียเวลา

มังกรยักษ์หัวแดงขยับเข้าออกช้าๆเนิบๆแต่ก็กระแทกเข้าจนสุดทุกครั้งเล่นเอาผมจุกท้องน้อยไปหมด

มันโน้มหน้ามาจูบปากผมอย่างดูดดื่มด้วยกามอารมณ์ขณะเดียวกันสะโพกสอบก็เริ่มขยับถี่เร็วขึ้น

ลูคัสจับขาข้างหนึ่งของผมพาดกับบ่ามัน อีกข้างถ่างเหยียดกว้างไปกับที่นอน แขนแกร่งค้ำอยู่บนเตียงแล้วกระแทกสะโพกแทงสวนเอวเข้ามาไม่ยั้ง

ผมร้องครางไม่เป็นภาษา ทั้งเจ็บ ทั้งเสียวและจุกปนๆกันไป

ช่วงใกล้ถึงปลายอารมณ์ มันกดจมูกจูบขาอ่อนผมที่พาดอยู่บนตัวมันอย่างมัวเมา

แล้วไม่รู้เพราะอะไรที่พอผมเห็นแบบนั้นผมยิ่งเสียวมากขึ้นไปอีก ลูคัสขยับสะโพกถี่เร็วดังตับๆๆปนเสียงเฉอะแฉะในช่วงสุดท้ายก่อนจะฉีดพ่นน้ำอุ่นร้อนเข้ามาเต็มช่องทางผมจนแทบเลอะออกมา

ช่องทางนั้นบีบกระตุกรีดน้ำของมันและตัวผมก็กำลังจะเสร็จตามมันไปติดๆ ลูคัสสาวแก่นกายให้ผมเร็วๆไม่กี่ครั้ง สมิธน้อยก็ฉีดพ่นน้ำคาวๆที่เริ่มจางออกมา

ผมหอบหายใจเข้าออกลึก ในขณะเดียวกันไอ้ผมทองก็ก้มลงมาไซร้คออีกรอบ

"ใจคอมึงก็ให้กูพักหน่อยเถอะ"ผมบ่นหน่ายๆ มันเพียงผงกหัวมาหอมแก้มผมแรงๆแล้ววกกลับไปดูดคอกูต่อ-_-

"พี่กำลังทำเวลาให้มิทตี้อยู่นะที่รัก"

"มึงไม่ทำแต่รอบก็สิ้นเรื่อง!"

"ไม่งอแงนะครับ"จุ๊บ!

"ไม่ได้งอแง อ๊ะ!"มันเริ่มขยับสะโพกอีกแล้วโว้ย!!!

หลังจากนั้นผมก็โดนล่อยาวๆไปอีกสองชั่วโมงกว่าที่มัาจะยอมเสร็จให้

มันพาผมมาล้างตัวอีกรอบ จับผมนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำแล้วถ่างขากูอีกรอบ

สองนิ้วเรียวถูกสอดเข้ามากวาดต้อนน้ำของมันที่อยู่ภายในออกไป ผมซี้ดปากนิดๆเพราะแสบปนๆเสียว แต่ไม่มีน้ำจะออกแล้วไง...

พาออกจากห้องน้ำมา ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนใหม่ปูเรียบตึงน่านอนมาก

ผมล้มตัวลงนอนหลับตาพร้อมจะหลับทุกเมื่ออย่างหมดแรงทั้งๆที่ใส่แค่เสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น

ผมรู้สึกว่ามีคนยุ่มย่ามจัดการกับเสื้อผมบนตัวผมและถูกดึงตัวอยู่นิดหน่อย

ก่อนจะหลับร่างกายผมก็ถูกสัมผัสอบอุ่นเข้าแทรกซึมเหมือนมีคนโอบกอด ผมเกี่ยวขาพาดสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดแล้วกอดไว้แน่นเพราะรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ห้วงความคิดสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราผมได้ยินเสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาที่จับใจความไม่ได้แต่น้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความอ่อนโยนที่ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาบางๆ

"ฝันดีครับที่รักของพี่"

+++++++++++++

อิพี่ชักจะเป็นผัวทาสไปทุกที ยอมกว่านี้ก็ชีวิตแล้วจ้า...ที่สำคัญปริมไม่ใช่ตอนจบของเรื่องนี้นะคะทุกคนไม่ต้องกลัวนะ ฮี่ๆ

ป.ล.ช่วงนี้เปรมไม่ซาบาย ช้าหน่อยนะคะ ชุ้บๆ❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 28-07-2018 22:43:19
โห้มันละมุนใจมากเลยค่ะไรท์หายป่วยไวๆนะคะ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 02:07:50
มันจะหวานไปได้สักกี่ตอนหว่า  :katai3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2018 09:37:01
กลายเป็นคนกลัวเมียไปซะละ555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 29-07-2018 13:40:23
 :hao3: ลุคมีความน่ารักฟรุ๊งฟริ๊ง อ้อนเมีย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 29-07-2018 15:49:19
น่ารักกกก :-[
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Occava ที่ 29-07-2018 16:29:47
 o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 29-07-2018 16:50:44
ตัดจบแค่นี้เลยได้ไหม จะได้ไม่ต้องเตรียมผ้าเช็ดน้ำตา
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 29-07-2018 20:21:33
โอ้ย ละมุนละไม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 30-07-2018 00:01:32
ตอนนี้ น่ารักมากครับ


             :กอด1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[28/07/61]
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 31-07-2018 14:24:59
อ่อนโยนกับน้องบ่อยๆนะ อย่ามาทำหวานให้ตายใจจจ :ซูโม่:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[01/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-08-2018 11:49:22
คนโปรด 23.2
"มิทตี้...มิทตี้ตื่นเถอะ จะสายแล้วนะ"แรงสะกิดเบาๆ ที่ต้นแขนปลุกผมให้รู้สึกตัวจากการหลับไหล ผมงัวเงียด้วยความหงุดหงิดเพราะรู้สึกนอนไม่พอเลยหลับตาลงอีกรอบ
"อื้ม ง่วง! "
"เพื่อนรออยู่นะ"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างอ่อนใจ
"ก็ให้รอไปดิ"ผมบอกอย่างหงุดหงิดแล้วพลิกตัวไปอีกทาง
"ถ้าไม่ตื่นตอนนี้พี่จะโทรบอกให้เพื่อนมิทตี้กลับเมืองไทยไปก่อน"
"ไม่เอา! "ผมพลิกตัวกลับมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ลูคัส แต่มันกลับยื่นมือมาขยี้ศีรษะผมเบาๆ
"งั้นก็ตื่นได้แล้วครับ"
"เพราะมึงคนเดียวเลยทำให้กูนอนไม่พอ"ผมบ่นๆแต่ก็ยอมฝืนสังขารลุกขึ้นจากเตียงดูดวิญญาณ
"ก็พี่คิดถึง"
"คิดถึงบ้าอะไร ไม่เจอกันแค่4-5วันเอง"ผมผลักอกมันเบาๆ ให้พ้นทาง แต่ลูคัสกลับสอดมือโอบเอวผมไว้หลวมๆ แล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากผมเร็วๆ หนึ่งที
"เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันอีกตั้งหลายวัน พี่ก็ต้องกักตุนความน่ารักของมิทตี้ไว้ก่อนสิ"มันเอาตาข้างไหนมองว่าผมน่ารักวะครับ?
"พูดเหมือนกูเป็นอาหารแห้งเลยเนอะที่ต้องกักตุนเนี่ย ปล่อยยย! "ผมดิ้นและพยายามแกะมือมันออกจากตัวเอง ตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่กว่าผมมากมายอ่ะ ทำไมแรงเยอะนักวะ
"มิทตี้น่าสดเสมอสำหรับพี่"มันว่ายิ้มๆ ผมเลยชกแขนมันไปทีกับคำพูดส่อลามกของมัน ลูคัสจึงดูดริมฝีปากผมแรงๆ เป็นการเอาคืนก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระได้
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในเวลา15นาที จากนั้นมันก็พาผมไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ผมซัดแหลกเหมือนคนอดอยาก มันให้ลูกน้องไปตักอาหารมาให้ผมเรื่อยๆ พอมันอิ่มมันก็ลุกไปตักให้ผมเอง
ผมกินอิ่มมากชนิดที่ว่าเรอออกมาไม่เบานักอย่างไม่เกรงใจใคร ลูคัสมองผมนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร
"ยังพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย มิทตี้อยากได้อะไรหรือไปไหนไหม? "ลูคัสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถาม
"อืม อยากได้รองเท้า"ผมนิ่งคิดแล้วนึกได้ว่ามีรองเท้าที่อยากได้เพิ่งวางขายที่อังกฤษวันนี้
"โอเค ช็อปอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ เดินย่อยไปก็แล้วกัน"ผมพยักหน้าตอบรับคำพูดลูคัส คือกินอิ่มจนจุกมากจริงๆ สมควรที่จะเดินย่อยสักหน่อยก่อนขึ้นเครื่องดีกว่า
ลูคัสคว้ามือผมไปจับแล้วพาเดินออกจากโรงแรม ผมดึงออกแต่มันไม่ยอม
"จับทำไมเนี่ย! "ผมโวย
"เดี๋ยวหลง"
"กูโตแล้วนะ-_-"
"พี่เป็นห่วง ไปเถอะ"มันบอกแล้วกระชับฝ่ามือแน่นขึ้น ผมขี้เกียจโวยวายเลยยอมเดินตามมันไปเงียบๆ
"ช้าหน่อย"ผมกระตุกมือมันนิดๆ เมื่อเดินตามไม่ทัน คือผมจุกไงถ้าเดินเร็วไปมากกว่านี้คืออ้วกอ่ะ
"เข้าร้านนี้กัน"มันลดฝีเท้าลงแล้วพาผมเดินเข้าช็อปนาฬิกาชื่อดังก่อนจะถึงช็อปรองเท้าผม ไปๆ มาๆ ผมเลยได้นาฬิกาเรือนละเป็นล้านมาใส่เล่น
จริงๆ ผมไม่อยากรับหรอกแต่มันทำท่าจะจูบผมกลางร้านนี่สิ ไปไม่เป็นเลยกู...ก็เลยยอมๆ ใส่ไปก่อน (ไม่อยากได้จริงๆ นะ!) หลังจากนั้นมันก็พาผมไปซื้อรองเท้าที่อยากได้ ระหว่างที่นั่งรอพนักงานเอารองเท้าไซส์ผมมาให้ลอง ผมเลยถ่ายรูปนาฬิกาบนข้อมืออัพลงไอจี

Smith_jaja บอกว่าไม่เอายังจะบังคับ : (
Zent_LJD เอามาให้กูถ้าไม่อยากได้ -*-
Kevin_Midnight มึงอยู่ไหนไอ้สาสสส พวกกูรออยู่สนามบินจนรากจะงอกอยู่ละ
Manee นาฬิกาสวยมากเลยค่า รุ่นนี้กี่ล้านคะสมิธ
Jomtup_Ch โอโห! มึงเล่นรุ่นนี้เลย! อิจฉาเว้ย อยากได้ๆ ๆ
Smith_jaja @ Zent_LJD ถ้ามึงกล้าเอาไปใช้ก็ได้อยู่
Smith_jaja @ Kevin_Midnight กูอยู่ช็อปรองเท้าไอ้ฟาย รอแปปกำลังไปละๆ
Smith_jaja ไปงอแงกับพ่อมึงไป๊! @Jomtup_Ch
Zent_LJD @ Smith_jaja มึงอย่าหาเรื่องให้กู! เฮียยิ่งน่ากลัวๆ อยู่ แล้วก็ฝากซื้อรองเท้ารุ่นG สีขาวมาให้กูด้วย เคนะ!
Primmz สวยมากเลยค่ะพี่สมิธ :)
Smith_jaja @ Primmz ไม่สวยเท่าปริมหรอก -_<
JAIDee.LZ อยู่ช็อปรองเท้าแต่เสือกได้นาฬิกา มึงนี่ยังไงแน่? @Smith_jaja
Zent_LJD @ JAIDee.LZ นั่นสิๆ
Thossakan บอกพี่กูว่าฝากซื้อรุ่น CC เรือนหนึ่ง
Smith_jaja โว้ยยยย! พวกมึงเลิกเสือก แยกๆ
Smith_jaja ไปบอกมันเอง! ขี้เกียจพูดด้วยแล้ว @Thossakan
“เป็นอะไร? ” ไอ้คนที่นั่งข้างๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านจากผม
“เปล่า เมื่อไหร่จะได้เนี่ย เพื่อนตามแล้ว”ผมเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วบ่นแบบขอไปที
“อืม เดี๋ยวพี่ให้โยไปตามให้” มันกำลังจะบอกให้โยไปตามพนักงาน แต่ผู้จัดการร้าน (ดูป้ายชื่อ) ก็รับกุลีกุจอหอบรองเท้ามาให้ผมลองไซส์ทั้งสองสี ผมลองแล้วชอบมากแต่เลือกสีไม่ถูก ถ้ามากับเพื่อนก็จะได้ถามความเห็นพวกมันได้ สุดท้ายลูคัสก็จ่ายให้ผมสามคู่ ของผมสองเป็นรุ่นเดียวกันแต่คนละสีน่ะ ส่วนอีกคู่ให้ไอ้ตี๋เซนท์ค่าปิดปากมันกับตอบแทนที่มันเก็บเสื้อผ้าที่โรงแรมให้
เมื่อออกจากช็อปรองเท้าเราก็รีบขึ้นรถไปที่สนามบิน ใช้ระยะเวลาระมาณ20นาทีก็ถึง
“วันศุกร์พี่ไปหา”ลูคัสเอ่ยบอกเมื่อรถหยุดนิ่ง ผมก็พยักหน้าให่มันเนือยๆ เพราะรู้สึกง่วงนิดๆ เลยโดนมันขโมยจูบไปแบบไม่รู้ตัว พอมันถอนจูบออกผมถึงลืมตาสบกับนัยน์ตาสีเขียวเข้มชัด ผมเผลอมองนานมากเหมือนสติกำลังถูกดูดไปหามัน แต่เมื่อมืออุ่นๆ ของลูคัสสัมผัสเข้าที่แก้มผมถึงได้รู้สึกตัว
“เอ่อ ไปนะ”ผมบอกแล้วยื่นมือจะเปิดลงจากรถแต่มือเรียวแข็งแรงของลูคัสก็ยื่นมาจับไว้ก่อน
“เดี๋ยว การ์ดที่พี่ให้ไปใช้เมื่อคราวก่อนยังอยู่ไหม? ”แบล็คการ์ดมันน่ะเหรอ? เออว่ะ! ลืมไปเลยว่ายังไม่คืนมัน
“อยู่ในกระเป๋าเดินทางอ่ะ จะไปเอาไหม? ”ผมกลัวทำหายไม่ใช่อะไรหรอก
“ไม่ต้องคืน เก็บไว้ใช้ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย ถ้าบัตรนั่นรูดไม่ได้ก็บอกพี่ พี่จะหามาให้มิทตี้เอง”มันลูกหัวผมไปด้วยและพูดไปด้วยน้ำเสียงวบายๆ แต่หัวใจผมนี่ไม่สบายด้วยเลยสักนิด
“ไม่กลัวกูรูดบัตรจนวงเงินเต็มหรือไง”ผมส่งยิ้มท้าทายให้ลูคัส แม้จะไม่รู้ว่าแบล็คการ์ดมันวงเงินเต็มได้รึเปล่า
“ถ้าคิดว่าทำให้มันเต็มได้ มิทตี้ก็ลองดู”กูเกลียดรอยยิ้มมั่นใจของมันมากเลยครับ
“เออ ใช้แน่”จะผลาญเล่นให้มันป๋าไม่ออกเลยคอยดู!
“หึๆ ไปได้แล้วเด็กดี ตกเครื่องขึ้นมาจะโทษพี่ไม่ได้นะ”มันว่ายิ้มๆ แล้วกระชับเสื้อโค๊ทให้ผม
“โทษมึงแหละ”มึงผิด ผิดทุกอย่าง เพราะมึงคนเดียวเลย!
ผมทำหน้าบึ้งๆ ถือของลงจากรถ จริงๆ ลูคัสจะให้ลูกน้องถือของไปส่งแต่ผมไม่ยอมมันเลยต้องเป็นคนยอมแทน
พอไปเจอเพื่อนที่รออยู่ก็เจอพวกมันบ่นกันยับ แต่พอผมยื่นของที่ซื้อมาให้มันถึงได้พากันสงบลงบ้าง ไอ้เซนท์กับไอ้ดีไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ไอ้เหี้ยวินกับไอ้เหี้ยเต๋อนี่แหละที่สงสัยผมหนักทั้งเรื่องไม่กลับห้องแล้วก็เรื่องนาฬิกา ผมก็แถๆ ว่าไปหาพี่ (ที่เป็นผัว) นี่ผมยอมปวดตูดนั่งเครื่องกลับพร้อมพวกมันเลยนะ เกิดกลับด้วยเครื่องบินส่วนตัวของลูคัสตามที่มันเสนอให้ตอนแรก ไอ้เควินกับไอ้เต๋อได้สงสัยยิ่งกว่านี้แน่ว่าพี่ที่ว่าเป็นใคร
ผมขี้เกียจอธิบาย…ให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้วล่ะ
+++++++++++
4 ปีต่อมา
กาลเวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอปรับเดียวเวลาก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว เหมือนหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง
ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทปีสุดท้ายแล้วครับ ก็เรียนที่ไทยนี่แหละครับ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ไอ้ทศไปทำงานที่อังกฤษ (แต่เมียยังอยู่ไทย) ไอ้เซนท์กับไอ้ดีไปเรียนต่ออเมริกา ปีนี้น่าจะจบแล้วกลับไทยในปีหน้า ส่วนผมมีแผนจะเรียนต่อปริญญาเอก คืออยากเรียนไปเรื่อยๆ ล่ะนะ
แทบไม่น่าเชื่อว่าคนที่โง่ที่สุดในกลุ่มอย่างผมจะดั้นด้นเรียนมาได้ถึงขนาดนี้ บอกตรงๆ ว่าผมก็มีเหตุผมที่อยากเรียนไปเรื่อยๆ แบบนี้
ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากทำและอีกส่วนหนึ่งคือผมยังไม่อยากไปอยู่กับมัน
ความสัมพันธ์ระหว่างผมและลูคัสแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น...ไม่สิ ต้องบอกว่ายิ่งนานวัน ลูคัสยิ่งใจดี
ผมคิดว่าผมรู้ว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไรต่อตัวผมเพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าที่มันรู้สึกนั้นจะมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
“พี่สมิธเย็นนี้ว่างไหมคะ? ”เสียงหวานใสดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันหลังไปยิ้มให้เธอก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่ว่างเลย ปริมมีอะไรรึเปล่าคะ? ”
“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะๆ ปริมแค่อยากชวนพี่สมิธไปหาอะไรกินด้วยกัน”
“วันนี้พี่ไม่ว่าง เอาไว้วันหลังนะคะ”
“โอเคค่า”
ผมบอกลาปริมแล้วเดินแยกไปที่รถตัวเอง อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่แม้ผมจะมาเรียนต่อ ป.โท อีกมหาวิทยาลัย ปริมก็ยังมาเป็นรุ่นน้อง ป.โท ผมที่นี่อีก เราค่อนข้างได้คุยกันมากกว่าเดิม สนิทกันมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับปริมไปมากกว่าเดิมนัก ผมรู้สึกว่าเป็นแบบนี้มันโอเคกว่า อีกอย่างผมไม่กล้าด้วย กลัวใจลูคัสมาก มันใจดีกับผมก็จริง แต่กับคนอื่นนี่ไม่รู้ว่ะ
Rrr Rrr Rrr
ผมเสียบบลูทูธใส่หูเพราะกำลังขับรถอยู่ และกดรับสายไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมไปทานข้าวกับปริมเย็นนี้ไม่ได้
(อยู่ไหน?)
“บนรถ กำลังขับกลับคอนโดฯ ”
(อยากกินอะไร?)
“ปิ้งย่าง”ผมตอบออกไปทันที เพราะอยากกินมา2-3วันแล้วแต่ไม่มีเพื่อนไปกิน
(อืม เลือกร้านไว้ อีกสักประมาณชั่วโมงครึ่งพี่คงถึง)
“มึงอยู่ไหน? ”
(ถนน R)
“รถติดอะดิ”
(มาก ย้ายไปเรียนอังกฤษเถอะ อเมริกาก็ได้) น้ำเสียงมันแสดงออกว่าเซ็งอย่างชัดเจน คนที่เวลาทุกวินาที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำอย่างมันจะรู้สึกไม่โอเคก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันก็ทนมาได้ถึงสี่ปีแล้วอ่ะนะ
“พูดมาก รีบมากูหิวแล้ววว” ผมทำเป็นไม่สนใจคำพูดของลูคัส มันบ่นเบาๆ อีกไม่กี่คำก็วางสายไป
ผมกลับถึงคอนโดฯ (ของลูคัส) ในอีก20นาทีต่อมา จากนั้นจึงไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นขึ้นหลังจากที่ออกไปผจญภัยมลพิษมาทั้งวัน
ขณะทีกำลังเช็ดผมตัวเองให้แห้งเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อมันมาเร็วก็ที่บอก และปกติมันไม่เคยกดออด
ถึงอย่างนั้นผมก็เดินไปเปิดประตูห้องเพื่อเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่…
คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้ผมตกใจมากนัก เพราะผมก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าสักวันอาจจะต้องเผชิญหน้ากัน
คาร่า เกร็นเดล...คู่หมั้นของลูคัส
เธอใช้สายตาคมสวยมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ผมไม่เคยถูกมองแย่ขนาดนี้มาก่อน ขาเรียวสวยก้าวเข้าห้องกระแทกไหล่ผมเข้าไปโดยที่ผมไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ชายชุดดำสามคนที่ตามเธอมาก้าวเข้าไปในห้องสองคนโดยมีอีกคนรออยู่ข้างนอก
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปิดประตูก่อนจะเดินตามเธอเข้าไป
คาร่ากวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่ไม่ได้เสียมารยาทในการเดินค้นห้องอย่างที่ผมคาดไว้ เธอทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวโปรดของผม ขาเรียวยาวยกขึ้นไขว่ห้างแล้วกอดอกเชิดหน้าเหมือนนางพญา แล้วเหลือบสายตากดข่มผมอีกรอบ
“นั่งสิ”เธอเอ่ยสั่ง แต่ผมไม่นั่งเพราะผมไม่ใช่ลูกน้องเธอ คาร่าจึงส่งสายตาให้ลูกน้อง การ์ดร่างยักษ์สองคนพุ่งเข้าชาร์ตตัวผมแล้วกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันได้ขัดขืน ยิ่งผมดิ้นพวกมันยิ่งใช้แรงกดผมลงกับพื้นมากกว่าเดิม คาร่าลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาใกล้จนรองเท้าส้นสูงสีมุกแทบจะชิดหน้าผมอยู่แล้ว
“อย่าคิดลองดีกับฉัน”พูดเธอก็ยกเท้าเหยียบลงมาที่ศีรษะผมแล้วขยี้แรงๆ ผมโกรธจนตัวสั่น ทั้งคำรามในลำคออย่างดุร้ายและดิ้นรนขัดขืนสุดแรง
เจ็บที่ตัวยังไม่ถึงเศษเสี้ยวในใจผมตอนนี้เลย
“นี่เป็นบทเรียนสั่งสอนขั้นแรกที่แกกล้าเป็นชู้กับคนของฉัน”คาร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบทั้งๆ ที่รองเท้ายังเหยียบอยู่บนศีรษะผมอยู่
ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะสถานะผมตอนนี้มันก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ ผมมัวแต่หลงระเริงอยู่ในความฝันเพราะมันมอมเมาผมไว้ โดยที่ผมไม่ทันได้ฉุกนึกถึงโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ฝันไม่มีทางเป็นจริง
“ถ้ายังไม่ยอมหยุด แกไม่ตายดีแน่”เธอยกเท้าออกแล้วสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวผม
คาร่าไปแล้ว เหลือบาดแผลในใจที่ไม่มีทางลบได้ไว้ให้...ตั้งแต่โตมานี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้หนักขนาดนี้ เสียใจมากซะจนหาเหตุผมมาอธิบายไม่ถูก
หยดน้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่พรั่งพรูออกมา ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล เหมือนความรู้สึกที่พยายามลืมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจำมากขึ้นเท่านั้น
“ฮึก ฮือ”
ผมไม่รู้ตัวเลยว่านั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมนานแค่ไหน จนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
“มิทตี้...เป็นอะไร! ”
++++++++++++++
อย่าเพิ่งโกรธเปรมที่อาจจะจบค้างไปสักนิดแต่เค้าจะรีบมาน้า><
ป.ล.เรื่องราวอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตามให้ทันนะๆ มาดูกันว่าอิพี่จะจัดการยังไงต่อปาย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[01/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 02-08-2018 16:00:29
สงสารมิทตี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[01/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-08-2018 17:21:51
 :katai1: เฮียปล่อยให้ชะนีมาทำแบบนี้กับมิทตี้ได้ไง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที่23.2[01/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-08-2018 03:41:46
อีลูปล่อยน้องไปเถอะ ชะนีของแกท่าทางจะแรงใช่เล่น  :katai1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-08-2018 11:02:58
คนโปรด 24.1

Lucas's part

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็ได้ยินเสียงร่ำไห้เบาๆคลอมากระทบโสตประสาท ขายาวรีบก้าวพรวดเข้าไปในห้องโดยไม่เสียเวลาคิด ผมเอ่ยเรียกหาสมิธแต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างเขาที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างโซฟาทำให้ร่างกายผมไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ

"มิทตี้...เป็นอะไร!"ผมขยับเข้าไปใกล้สมิธแล้วเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ

"ฮึก!"สมิธไม่ตอบและเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นพลอยทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกไปด้วย

"มิทตี้ เป็นอะไรบอกพี่สิ"ผมทรุดเข่านั่งลงข้างๆสมิธ มือจะคว้าเขามากอดไว้แต่สมิธกลับปัดออกด้วยท่าทีที่รังเกียจ เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาแดงช้ำจากการร้องไห้มองผมด้วยสีหน้าที่ทั้งผิดหวังและเสียใจ

"อย่ามาจับตัวกู"สมิธเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นพยายามกลั้นสะอื้น

"มิทตี้..."ผมพูดไม่ออกเพราะไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้กับเขานานมากแล้ว

"เพราะมึง...ฮึก ทำให้กู อึก!กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้!ฮือ..."ยิ่งเขาเอ่ยคำพูดออกมามากเท่าไหร่ น้ำตาเขาก็ยิ่งไหลทะลักออกมามากเท่านั้น น้ำเสียงเขาไม่ได้เอ่ยโทษผมเลยสักนิดแต่มันกลับเต็มไปด้วยความขมขื่นราวกับว่าเขากำลังโทษตัวเองอยู่ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับสมิธมากขึ้นไปอีก

"นายครับ...ดูนี่ก่อน"โยเดินมาจากด้านหลังและยื่นไอแพดในมือมาให้ผมดู เมื่อผมเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่โยนำมาให้ดู มือผมที่จับไอแพดเกร็งแน่นขึ้นจนสั่นระริกด้วยความโกรธ ผมขว้างไอแพดทิ้งลงกับพื้นจนแตกกระจายระบายโทสะที่ประทุขึ้นมาไม่หยุดก่อนจะก้มลงไปคว้าร่างสมิธมากอดไว้แน่นโดยไม่สนว่าเขาจะดิ้นรนปัดป้องยังไง

"พี่ขอโทษมิทตี้ พี่ขอโทษครับ"ผมกดจูบข้างขมับเขาทั้งสองข้างโดยไม่นึกรังเกียจ สมิธที่หยุดขัดขืนแล้วกำชายเสื้อผมแน่น ใบหน้าฝังลงกับบ่าผมแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

"ฮือออ"

"พี่ไม่ดีเองที่ปกป้องมิทตี้ไม่ได้ พี่ขอโทษครับที่รัก"ผมกอดเขาแน่นขึ้น กระซิบบอกอยู่ข้างหูเขาซ้ำๆนานจนกระทั่งเสียงสะอื้นเงียบลงในที่สุด

ผมคลายอ้อมกอดออก มือค่อยๆประคองหน้าสมิธด้วยความทะนุถนอมให้เงยขึ้นอยู่ในระดับเดียวกัน ผมใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาออกให้เขาอย่างเบามือก่อนจะกดจูบที่หน้าผากเขาแผ่วเบา

"เขาพูดอะไรกับมิทตี้"ผมเอ่ยถ่มน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้

"..."

"พี่อยู่ข้างมิทตี้นะ บอกพี่มาเถอะ" สมิธหลุบสายตาลงต่ำ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นราวกับกำลังตัดสินใจ นานหลายนาทีที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าที่สมิธจะยอมขยับปากอีกครั้ง

"...เขาพูดความจริง"

"..."

"กูเป็นชู้กับคู่หมั้นเขา"สมิธช้อนดวงตากลมโตสีฟ้าเข้มขึ้นมองผมด้วยความเศร้าสร้อย ผมกัดกรามแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์

"มิทตี้ฟังพี่ให้ดีนะ"

"..."

"มิทตี้ไม่ใช่ชู้ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ในชีวิตพี่ ไม่ว่าใครจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่เคยสำคัญกับพี่เหมือนมิทตี้...มิทตี้มาก่อนใครทั้งหมดและเป็นคนพิเศษของพี่เพียงคนเดียว"

"คนโปรดน่ะเหรอ"

"..."

"คนโปรดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารักใช่ไหม"น้ำเสียงสมิธแผ่วเบาราวกับจะกลืนหายไปกับอากาศ ผมจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้นและประทับจูบกับกลีบปากสีสดแทนความรู้สึกทุกอย่าง สมิธหลับตาลงพร้อมๆกับน้ำเม็ดเล็กที่หล่นลงข้างหางตา ผมบดจูบเข้ากับริมฝีปากอิ่มหลายนาทีก่อนจะถอนจูบออกอย่างเสียดายแล้วเอ่ยตอบเขาชัดๆ

"แต่คนโปรดก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่รักมิทตี้"ผมฉีกยิ้มบางๆ สมิธนิ่งคิดไปกับคำพูดผมก่อนดวงตากลมโตคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นราวกับไม่เชื่อที่ได้ยิน

"ตอนนี้พี่อาจจะพูดอย่างชัดเจนกับมิทตี้ไม่ได้เพราะพี่มีพันธะผูกมัดบางอย่างทางธุรกิจ พี่ไม่อยากเอาเปรียบมิทตี้...แต่พี่อยากให้มิทตี้เชื่อพี่"

"กูจะเชื่ออะไรมึงได้"เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

"4ปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมีใครนอกจากมิทตี้...มิทตี้รู้ดีใช่ไหม?"ผมพูดยิ้มๆ เพราะสายสืบที่ส่งข่าวให้เมียผม วงในของวงในขนาดนี้...โย เกรย์ ไอ้คู่ผัวเมียนรก

"..."

"พี่จะทำให้ปัญหาพวกนั้นจบให้เร็วที่สุด...และผู้หญิงคนนั้นจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมที่ทำกับเมียพี่แบบนี้"ผมฉกหอมแก้มขาวๆของมิทตี้ไปฟอดใหญ่ เขาไม่ได้สนใจแต่หันมาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

"จะทำอะไร?"

"มิทตี้อยากให้พี่ทำยังไงกับเขา"น้ำเสียงผมเย็นชาขึ้นจนอีกคนมองอย่างเกรงๆผมจึงส่งยิ้มปลอบโยนให้เขา สมิธถึงได้ผ่อนคลายขึ้น

"กูไม่รู้...ไม่ต้องทำอะไรก็ได้"พอได้ยินคำตอบของเขา ผมก็ยิ่งแค้นผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น...เมียผมจิตใจบริสุทธิ์ขนาดนี้มันกล้าทำได้ยังไง ผมจะทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดแม้จะต้องถูกตราหน้าว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายก็ตาม

"พี่จัดการเอง"

ผมปลอบขวัญมิทตี้อยู่สักพักก็ให้เขาไปอาบน้ำใหม่ ระหว่างที่รอผมก็ต้องจัดการสิ่งที่ควรทำ

"โย"

"ครับนาย"

"หาเรื่องคาวๆที่ผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำลับหลังผมแล้วเผยแพร่ออกไป อ้อ!อย่าลืมประกาศถอนหมั้นคาร่าในนามของผมออกสื่อสาธารณะให้เรียบร้อยภายในวันนี้"

"ครับนาย...แล้วท่านฮาเกน"

"ถ้าเขามีปัญหานัก ก็จะไม่ต้องเกรงใจ จัดการตามที่เห็นสมควร"ผมเอ่ยด้วยสีหน้าดุดันที่น้อยครั้งจะแสดงออกมาให้ใครเห็น

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำผมโกรธจัดที่สุดในชีวิตก็ไม่เกินไปนัก

"ทราบแล้วครับ"โยค้อมศีรษะให้แล้วไปจัดการงานที่ผมสั่ง

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคนๆหนึ่ง ผมรอสายอยู่นานจนสายเกือบจะตัดเขาก็กดรับ ผมไม่รีรอพูดอ้อมค้อมให้มากความ แค่เพียงคำพูดสั้นๆไม่กี่คำแต่จะทำให้ใครอีกคนต้องจดจำไว้ว่าเขาได้ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งแล้ว

"ผมจะส่งของให้พรุ่งนี้"

หลังกดวางสายผมก็นั่งลงบนโซฟา หยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิด รัวนิ้วลงบนแป้นและเริ่มทำการ 'สั่งสอน' ทุกคนที่กล้าทำร้ายคนของผม

เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่สมิธจะเดินออกจากห้องนอนมาในชุดใหม่ ผมคลิกเมาส์ครั้งสุดท้ายแล้วพับฝาโน๊ตบุ๊คลง

"มานี่มา"ผมกวักมือเรียกสมิธให้มาหา เขาขยับเท้าเอื่อยๆหน้าตาซึมๆไม่สมกับเป็นเขาเข้ามาใกล้ ผมกระตุกมือสมิธให้เขานั่งลงข้างๆกันแล้วหอมแก้มเขาไปอีกสองฟอด

"หิวรึยัง?"

"อือ"

"ร่าเริงหน่อยสิ"ผมแกล้งกัดคอขาวๆเมียเล่นให้เขาโวยวายอย่างปกติ แต่สมิธทำเพียงกอดคอผมไว้หลวมๆ

"ไม่มีอารมณ์"

"แล้วอยากมีอารมณ์ไหม?"ผมกดเขาลงกับโซฟาก่อนจะเท้าแขนกักร่างเขาไว้จากด้านบนพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเหมือนเสือหิว สมิธหน้าแดงขึ้นนิดๆไม่รู้เพราะเพิ่งอาบเสร็จหรืออะไรกันแน่

"อื้ออ!ลุคไม่เอา"มิทตี้ครางงึมงำเมื่อผมก้มดูดลำคอขาวๆเขาอย่างหมั่นเขี้ยว

"ไม่เอาอะไร?"ถามเสร็จผมก็ดูดไปอีกรอย...น่าโดนจริงๆ

"ไม่เอากันดิ"เขาทำหน้างอเวลาไม่พอใจผมออกมา ผมยิ้มอย่างพอใจจึงแนบริมฝีปากลงกับกลีบปากอิ่มสมิธ ขบเม้มอย่างเร่าร้อนอยู่ครู่หนึ่งแล้วผละออกพร้อมดึงเด็กหน้างอให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ

"ทำหน้าดีๆเดี๋ยวพาไปกินช็อคโกแลตฟองดูว์"

"คิดจะซื้อกูด้วยของกินอ๋อ?"เขาทำหน้าขึงขังท่าทางเอาเรื่อง แต่มันดูน่ารักมากๆสำหรับผม

"ไม่ได้เหรอ?"

"ไม่ได้...ถ้าไม่มีบิงซูด้วย"

"หึๆเจ้าเด็กอ้วน"ผมขยี้ผมเขาแกล้งๆฟัดแก้มเขาไปอีกหลายทีแล้วกอดคอพาเด็กออกไปหาของกินอย่างที่เจ้าตัวเขาต้องการ

+++++++++++

วันต่อมา

วันนี้สมิธตื่นแต่เช้าไปเรียนตามปกติ อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะเรียนจบแล้ว ผมจะได้พาเขาไปอยู่ด้วยอย่างจริงจัง แต่ถ้าเขาไม่ยอมผมก็คงต้องตามใจเขาอยู่ดี

ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนสมิธ ก่อนเขาออกไปผมก็ฟัดเขาต่ออีกนิดหน่อยเลยได้เสียงบ่นงึมงำมาเป็นระลอก

สมิธดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังมีซึมๆอยู่บ้างเป็นบางครั้ง เสร็จจากเรื่องนี้ผมคงต้องพาเขาไปเยียวยาจิตใจ

ผมไม่ได้กลับไปนอนต่อเพราะไม่มีอาการJet lagแต่อย่างใด ปกติผมก็เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว

ผมนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเปิดเครื่องมือถือ มีสายโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าร้อยสาย ผมไม่ได้โทรกลับหาใครเพราะไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องให้ความสำคัญกับคนพวกนั้น

ผมเปิดช่องข่าวเศรษฐกิจ มีการรายงานข่าวว่าหุ้นของบริษัทในเครือของเกร็นเดลกำลังร่วงลงอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าแกร็ก เกร็นเดล(พ่อของคาร่า) ยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ภายใน2-3ชั่วโมงนับจากนี้ เขาจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายชั่วข้ามคืน

ผมนั่งฟังข่าวนิ่งๆเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้...ผมทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาขนาดนี้ได้ผมก็สามารถทำให้เขาไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนได้เช่นกัน

นี่เป็นเพียงการสั่งสอนขั้นแรก

โยเข้ามารายงานว่างานที่ผมสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีนักข่าวหลายสำนักขอติดต่อสัมภาษณ์แต่ถูกผมปฏิเสธไป

นักข่าวเขียนข่าววิภากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุที่ผมถอนหมั้นคาร่าว่ามาจากการที่เธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลับหลังผม

ตอนนี้เธอยังเงียบหายไปแต่ผมว่าอีกไม่นานเธอต้องออกมาให้ข่าวโต้ตอบผมและอาจจะลามไปถึงสมิธได้ เพราะฉะนั้นผมต้องรีบตัดไปตั้งแต่ต้นลม

Rrr Rrr Rrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อคนที่ผมคาดไว้ ผมปล่อยให้ทางนั้นรอสายอยู่นานก่อนที่จะกดรับสาย

(ลูคัส ฮาล์น!)

"..."

(แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!)

"ผมทำอะไร?"

(เรื่องคาร่าและเรื่องที่แกส่งอาวุธไปที่ประเทศC แกคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนั้นลงไป!!!)ปลายสายตะคอกกลับมาอย่างโกรธจัด

"อ้อ...ผมกำลังคิดว่าจะเอาคืนคนที่กล้ามายุ่งกับคนของผมยังไงน่ะสิ"ผมตอบเขาออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆซึ่งนั่นน่าจะยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขา

(ไอ้หลานเนรคุณ!!!)

"หึ!เนรคุณงั้นเหรอ?10กว่าปีที่ผ่านมาคุณยังขูดเลือดเนื้อผมไปไม่พอใช่ไหม? ผมว่าตอบแทนคุณมามากพอแล้วฮาเกน...สัญญาเรื่องคาร่ามันครบ10ปีแล้ว ผมถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"

(...ได้!เรื่องคาร่าจบไป แล้วเรื่องอาวุธที่แกส่งไปจะอธิบายว่ายังไง!?)

"ทำไมต้องอธิบาย ตาก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าผมส่งไปให้ท่านอาบัน"

(ไอ้ลุค!!!)

"ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับคนของผม แต่ตาก็ยังไม่ฟัง ผมทำแค่นี้ถือว่ายังน้อยไป"

(แกจะลองดีกับฉันใช่ไหม!คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกใช่ไหม!)

"แล้วคิดว่าผมไม่กล้าเหรอ!ตาซ่อนอะไรไว้อย่าคิดว่าผมไม่รู้...ถ้าตาคิดว่าทำใจกับการสูญเสียได้จะลองวัดใจผมดูก็ได้"

(ลูคัส!!!แค่กๆๆ!...ฉันสร้างแกให้ยิ่งใหญ่มาได้ถึงขนาดนี้ทำไมถึงไม่คิดบ้าง!)

"ผมสร้างตัวของผมเอง!พวกคุณต่างหากที่คอยแต่จะผลักผมลงนรก แค่ใช้เงินกับอำนาจช่วยผมนิดหน่อยไม่ต้องมาอ้างเยอะ"

(ในเมื่อแกพูดแบบนี้...นับแต่นี้แกกับฉันเราขาดกัน!)

"ได้!ขาดก็ขาดและอย่ามาแตะต้องสมิธอีก ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นชีวิตตาผมก็จะไม่ปราณี"ติ้ด!ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัวแล้วถอนหายใจหนักๆพร้อมกับใช้มือนวดคลึงระหว่างคิ้วคลายความตึงเครียด

ฮาเกน ค็อกซ์ เป็นตาแท้ๆของผม เขาเป็นคนพาผมออกจากบ่อนนรกแถบชายแดนรัสเซีย อาจเรียกว่าให้ชีวิตใหม่แก่ผม แต่ที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อผมประโยชน์ต่อตัวเขาเอง

ถึงอย่างนั้นเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อผม เขาบอกอะไรผมก็จะฟัง เขาต้องการอะไรผมก็จะทำให้ แม้กระทั่งใช้ให้ผมไปหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง...ผมรู้สึกแย่ที่สุด มันดูไร้ศักดิ์ศรีจนน่าขยะแขยง...และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะตอบแทนบุญคุณเขา

คาร่าเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-อาหรับประเทศC พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจอเมริกัน ส่วนแม่ของเธอมีเชื้อสายขุนนางชั้นสูงของประเศC ซึ่งจุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้

ฮาเกนทำธุรกิจใต้ดินหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการค้าอาวุธ เข้าต้องการเส้นทางเพื่อส่งอาวุธไปในประเทศแถบทะเลทราย รวมทั้งประเทศที่การก่อการร้ายกำลังหนักหน่วงขึ้นอย่างประเทศC

ตาผมต้องการส่งอาวุธไปขายให้พวกผู้ก่อการบางกลุ่ม แต่เขาก็ต้องการความสะดวกในการส่งของไม่ให้มีการปล้นชิงเกิดขึ้น สืบไปสืบมาแม่ของคาร่าคือตัวเลือกที่ดี นำพาไปสู่การหมั้นหมายของผมและคาร่า

ผมไม่ได้ประโยชน์อะไรกับการหมั้นหมายในครั้งนี้ กลับกันผมดันเป็นคนที่เสียผมประโยชน์มากกว่าใคร บริษัพ่อของคาร่าก็ได้เงินผมไปลงทุนหลายพันล้านในระยะเวลา10ปีที่ผ่านมา ผมต้องผลักดันเธอให้โด่งดังในฮอลลีวู้ดโดยใช้เงินไปไม่น้อย และที่สำคัญมันทำให้ผมต้องสูญเสียสมิธไป

ผมรับปากกับตาว่าแค่10ปีเท่านั้นที่ผมจะยอมทุกอย่าง หลังจากนั้นผมจะทำตามใจตัวเองบ้างซึ่งเขาก็รับปากผมเป็นหมั่นเป็นเหมาะ

ระหว่างที่หมั้นกันผมบอกกับคาร่าอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของเราอยู่ในรูปแบบไหน ต่างคนจะไปมีใครก็ได้ซึ่งเธอก็ดูโอเคกับข้อตกลงนี้

จนกระทั่งเมื่อ2เดือนก่อน ผมบอกคาร่าว่าจะถอนหมั้น แต่จะให้เธอเป็นคนประกาศและบอกเหตุผลกับสื่อออกไปเองเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเธอ

เธอดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมรับปากและเธอขอเวลาอีก2เดือนในการจัดการเรื่องนี้โดยมีเงื่อนไขว่าผมต้องลงทุนในบริษัทลูกที่อังกฤษของพ่อเธอเพิ่มในราคาที่มากเกินพอดีอยู่สักหน่อย...ผมยอมตกลงเพื่อให้เรื่องมันจบ

ทุกคนรับรู้ข้อตกลงนี้...แต่มาวันนี้พวกเขาจงใจผิดคำพูดกับผมและกล้าทำร้ายสมิธ

แน่นอนว่าตาผมมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ อย่างคาร่าจะรู้ถึงตัวตนสมิธที่ผมปกป้องไว้อย่างดีได้ยังไงถ้าไม่ใช่ตาผมบอกข้อมูลให้

เพราะฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีกต่อไป

การที่เขากล้ายุ่งกับสมิธสำหรับผมนั่นก็ถือเป็นการหักหลังผมเช่นกัน

ผมอ่านสถานการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่าพวกเขาอาจตุกติกกับผม ผมถึงได้ติดต่อท่านอาบันผู้นำประเทศCไว้ ผมจะบอกทุกเส้นทางการส่งอาวุธระหว่างตากับพวกผู้ร้ายให้ท่านอาบันรู้ ยอมใช้ทุนทรัพย์และเส้นสายมากมายเพื่อสืบหาฐานที่ตั้งของพวกมัน และสุดท้ายผมยังจะส่งอาวุธที่ดีที่สุดให้ท่านอาบันฟรีๆเพื่อแลกกับการกำจัดพวกมัน และผมก็ทำจริงๆเมื่อพวกเขากล้าแตะต้องสมิธ

ผมได้อะไรจากการลงทุนในครั้งนี้?...ก็แค่ได้ตัดแหล่งสร้างเงินที่เปรียบเสมือนแขนขวาฮาเกนและตักเตือนเขาเล็กๆน้อยๆ เท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว

Rrr Rrr Rrr เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปลายสายเป็นคนที่ผมเฝ้ารอ ผมรีบกดรับและกรอกเสียงลงไปอย่างอารมณ์ดี

"ว่าไง?"

(ทำอะไรอยู่)

"ทำงานครับ มิทตี้โทรหาพี่มีอะไร?คิดถึง?"

(เปล่าซะหน่อย)

"หึๆแล้วทำไมถึงว่างโทรหาพี่ได้ ไม่มีเรียน?"

(อาจารย์ให้พัก15นาที)

"อือฮึ"

(เห็นข่าวแล้ว)อยู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมาทื่อๆ

"ครับ"

(เรื่องจริงเหรอที่ถอนหมั้นกับเขา)น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ

"เป็นเรื่องที่พี่ควรจะทำตั้งนานแล้ว"

(...)

"มิทตี้ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องสนใจคนอื่น สนใจแค่ตัวเองกับพี่ก็พอ"

(บ้า!แค่นี้นะจะไปเรียนแล้ว)

"ครับๆตั้งใจเรียนนะ"

(อื้อ)ติ้ด!

ผมนั่งมองโทรศัพท์ยิ้มๆ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ความตึงเครียดเมื่อกี้นี้แทบจะหายไปในพริบตา

สมิธคือความสุขเดียวของผมในตอนนี้

ชั่วชีวิตผมมีแต่ให้ผู้อื่นมาโดยตลอด สมิธเป็นเพียงคนเดียวที่มอบความรักให้แก่ผม...แต่ผมกลับเห็นค่ามันเมื่อสายเกินไป ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมารักผมได้อีกเหมือนเดิมไหม แต่นับจากวันที่ผมรู้ใจตัวเอง ผมก็เลือกจะปกป้องสมิธไว้อย่างสุดกำลัง

+++++++++++++

เฮียรักและหลงเมียมากมาย หลัวในอุมคติเลย...ส่วนนังคาบ้า แกต้องเจ็บปวดที่สุด(อินจัด)
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 03-08-2018 12:41:20
โอ้โห ฟังความในใจเฮียแล้ว แบบรักมิทตี้มากกกก เวอร์ หมันไส้ อิจฉา 5555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-08-2018 13:31:39
 :hao7: เฮียยยหลงเมียมาก
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-08-2018 19:22:40
แล้วนังชะนี มันจะหยุดด้วยไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-08-2018 23:20:52
อิจฉาคนมีความรักแฮะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 03-08-2018 23:35:19
หูยยยย จับมันมาให้มิทตี้เหยียบหน้าให้ดั้งหักไปเลย!
อิพี่รักเมียขนาดนี้ ทำไมมันยังจะมีดราม่า?!! ไม่อยากให้ถึงตอนนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 07-08-2018 17:08:40
 o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.1[03/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 16-08-2018 19:14:17
 o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 17-08-2018 00:10:38
​คนโปรด 24.2

หลังจากที่วางสายจากลูคัส ผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องฟังอาจารย์บรรยายตามปกติ บอกตรงๆว่าตอนแรกที่เห็นข่าวเรื่องลูคัสจากพี่ที่เรียนปริญญาโทด้วยกันผมก็ไม่อยากจะเชื่อนิดหน่อย

10ปีเชียวนะที่มันหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นมา ผมคิดว่ามันคงจะต้องแต่งงานกับเธอในสักวันด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าอยู่ๆมันก็ประกาศถอนหมั้นออกไป

แวบแรกที่เห็นข่าวนี้ผมก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเพราะเรื่องเมื่อวานรึเปล่า? แต่ผมก็ไม่อยากสำคัญตัวเองมากเกินไปก็เลยออกไปโทรหามัน ยังไม่ทันที่จะได้ถามเหตุผลเลยมันก็ดันพูดประโยคที่ทำให้ผมไปต่อไม่ถูก ผมเลยกดวางสายจากมันแบบงงๆ

ผมเรียนเสร็จตอนเที่ยง ช่วงบ่ายก็ไปปรึกษาอาจารย์เรื่องวิทยานิพนธ์ที่ใกล้จะเสร็จแล้วของผม

เหลืออีกแค่2เดือนกว่าๆผมก็จะเรียนจบ ผมมีแพลนอยากเรียนต่อปริญญาเอกเลยเพราะไม่ได้ทำงานอะไรอยู่แล้ว ผมอยากจะไปต่อที่อเมริกามากกว่าที่ไทยก็มองๆไว้แล้วว่าที่ไหนเหลือแค่บอกลูคัสเท่านั้น(แค่บอกนะไม่ได้ขอ)

ผมกลับถึงห้องในช่วงบ่ายแก่ๆ ลูคัสกำลังทำงานอยู่อีกเช่นเคย ผมเห็นมันยุ่งกับการทำงานแทบจะตลอดเวลาแต่เกรย์เคยบอกว่าเมื่อไหร่ที่ผมโผล่เข้าไปในสายตามัน ลูคัสก็จะหยุดทำงานแล้วหันมาสนใจผมแทน ผมลองสังเกตดูมันก็เป็นอย่างที่เกรย์ว่าจริงๆ

สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้ดีใจนัก แต่สำหรับสถานะของคนอย่างผมมันก็ค่อนข้างพิเศษนะ ผมรู้สึกดีมากกว่าที่มันซื้อของให้ซะอีก

มันวางไอแพดลง กวักมือเรียกผมเข้าไปหา พอถึงระยะมือเอื้อมถึงมันก็ดึงผมเข้าไปกอดไปหอมตามปกติ

ปีแรกๆผมก็ขัดขืนเป็นปกติ แต่เดี๋ยวนี้ทำพอเป็นพิธีไม่ได้เยอะมากเพราะรำคาญตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้จะสะดีดสะดิ้งไปทำไมยังไงก็ขัดขืนมันไม่ได้อยู่ดีป่ะ

ตั้งแต่เรียนปริญญาโทผมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนเพราะตั้งใจเอาไว้มากว่าอยากเรียนให้ได้ความรู้มากที่สุด เวลาออกกำลังกายผมจึงลดน้อยลงไปด้วย แทบจะไม่ได้เข้ายิมไปเล่นเวตเลย ได้แต่ตื่นไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆคอนโดฯแทน ตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมาผมผอมลงไปเป็นสิบกิโลกรัมแต่รูปร่างก็ยังดูดีอยู่นะไม่ได้ผอมบางเหมือนไอ้น้องรันต์หรอก ผมเฉยๆไม่ได้เฟลเท่าไหร่ แต่ก็มีบางคนที่พยายามเก็บความพอใจไว้แทบมิด(แต่ก็ไม่มิดอยู่ดี)

"พรุ่งนี้มีเรียนไหม?"ลูคัสถามขึ้นหลังจากที่จูบปากผมจนพอใจแล้ว ผมส่ายหน้าแล้วตอบ

"ไม่มี เรียนอีกทีวันอังคาร"

"ดี!"

"ทำไม?"

"พี่จะพามิทตี้ไปเที่ยว"มันพูดยิ้มๆพร้อมเสยผมไปข้างหลังให้ผมด้วย

"ที่ไหน?"ผมถามอย่างสนใจเพราะก็อยากจะไปเที่ยวพักผ่อนอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะำปที่ไหนดี

"มิทตี้มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษไหม?"

"ไม่รู้ คิดไม่ออกแต่ไม่อยากไปไกลเหนื่อยเดินทาง เอาใกล้ๆพอ"

"อืม ไปสวิสฯไหม"กูเพิ่งบอกไปหยกๆเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากไปไกล-_-

"มันใกล้ตรงไหนอ่ะ"ผมทำหน้าเซ็งๆส่งให้มัน ลูคัสหัวเราะเบาๆแล้วเกี่ยวคอผมเข้าไปหอมแก้มหลายฟอดใหญ่

"ไม่ใกล้ แต่พี่อยากพามิทตี้ไปที่ๆหนึ่ง"น้ำเสียงลูคัสเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มันดูอยากพาผมไปมากๆ

"ค่อยไป หยุดแค่3วันเอง ไปใกล้ๆในประเทศพอ"ผมเอ่ยขัด มันหน้าเจื่อนลงนิดๆแต่ยังคงรอยยิ้มไว้ให้อยู่

"ก็ได้ งั้นไปที่ไหนดี"ลูคัสเอ่ยถามอย่างตามใจ

"หัวหินก็ได้ ใกล้ๆ"

"โอเค"ลูคัสรับปาก ก่อนจะเรียกโยให้ไปจัดการเรื่องที่พัก

หลังจากนั้นมันก็ถามผมว่าตอนเย็นจะกินอะไร ผมอยากกินสเต็ก มันก็เสนอชื่อร้านอาหารฝรั่งเศษชื่อดังร้านหนึ่งขึ้นมาให้ผมแทบจะทันที บอกตรงว่าคนอยู่เมืองไทยมานานกว่าอย่างผมยังรู้จักร้านของกินไม่เยอะเท่ามันเลยเว้ย

ระหว่างที่เรากำลังนั่งรถไปร้านอาหารเสียงโทรศัพท์มือถือของลูคัสก็ดังขึ้น มันกดตัดสายทิ้ง แต่ปลายสายก็ยังกระหน่ำโทรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลูคัสกดปิดเครื่องอย่างไม่แยแสแล้วหันมาชวนผมคุยเรื่องที่จะไปเที่ยวแทน เพียงไม่นานที่โทรศัพท์มือถือของโยก็ดังขึ้น เขากดรับและกรอกเสียงลงไปเรียบๆ ผมไม่ได้สนใจที่เขาพูดนักเพราะมัวแต่เปิดเว็บไซต์หาดูว่าที่หัวหินมีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง

ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงร้านอาหารที่จะมาทานในค่ำคืนนี้ ผมสั่งวากิวริบอายส์ไปหนึ่งที่ก่อนเรียกน้ำย่อย พอหมดแล้วก็สั่งอย่างอื่น ทั้งพิซซ่าล็อปเตอร์ ออมเล็ตคาเวีย บลาๆหลายอย่างอ่ะกว่าผมจะอิ่ม ส่วนลูคัสทานแค่สเต็กเหมือนผม สปาเก็ตตี้ผัดซอสไวน์แล้วก็พิซซ่าที่ผมสั่งอีกชิ้นแค่นั้น ถึงอย่างนั้นมื้อมันก็จ่ายค่าอาหารไปร่วมๆครึ่งแสนได้(รวมของลูกน้องด้วย)

ปกติผมไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เมื่อมีคนจ่ายให้มันก็อีกเรื่องใช่ไหมครับ?

มันชอบพาผมไปกินร้านแพงๆ ผมก็ค้านมันหลายทีแล้วนะแต่มันก็ชอบยกเหตุผลมาพูดทำให้ผมเถียงไม่ออก

'พี่อยากให้มิทตี้ได้ทานของดีๆอร่อยๆได้เห็นมิทตี้มีความสุขแพงแค่ไหนพี่ก็ยอมจ่าย'

เป็นคุณ คุณจะเถียงออกไหม?ไม่ต้องไปพูดเรื่องเปลืองตังค์กับมันนะ มันไม่เข้าใจหรอก เหอะๆ

นอกจากเหล้ากับบอล ก็มีเรื่องกินนี่แหละที่ผมชอบมากๆ



หลังทานอาหารเสร็จลูคัสก็ถามผมว่ามีที่ที่อยากไปไหม ผมส่ายหน้าเพราะอิ่มแล้วแม่งเริ่มง่วงว่ะ

ระหว่างทางกลับผมก็เคลิ้มๆจะหลับ สับผงกไปครั้ง จนอีกคนทนไม่ไหวจับหัวผมไปซบบ่าตัวเองแทน ผมเอียงศีรษะหาองศาเหมาะๆให้นอนสบายๆ บวกกับเสื้อคลุมที่มันห่มให้ด้วยทำให้ผมหลับลงไปอย่างรวดเร็ว

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะะเทือนเล็กๆ ก่อนจะพบว่าผมกำลังอยู่บนหลังของลูคัส

"ทำไมไม่ปลุก"ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย

"ไม่อยากปลุก"

"แล้วไม่หนักหรือไง?"ผมหนักเกือบ70กิโลฯเลยนะ เพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆด้วย

"หนักสิ"มันตอบออกมาแทบจะทันที คิดหน่อยก็ดีนะ...

"เหอะ!งั้นมึงก็แบกกูต่อไปแบบนี้แหละ"ผมใช้ขาเกี่ยวเอวมันไว้แล้วกอดคอขาวๆของมันแน่น มันหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วแบกผมเดินเข้าลิฟท์ไปอย่างสบายๆ

เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นที่เราอยู่ ลูคัสก็แบกผมออกจากลิฟท์แล้วมันแกล้งเดินเซครับ ผมเกือบตกจากหลังมันอ่ะคิดดู แล้วมันยังมาหัวเราะสะใจใส่ผมอีก จังหวะที่ผมจะด่าออกไปก็มีเสียแหลมๆตวาดแหวขึ้นจากทางลิฟท์อีกตัวที่เพิ่งเปิดออก

"มีความสุขกันดีนี่!!!"ผมเอี้ยวตัวหันไปมองตามต้นเสียงที่คุ้นหู...คาร่า

ผมสะกิดลูคัสแต่ร่างสูงกลับไม่ยอมหยุดฝีเท้าเลยสักนิด มันก้าวเท้าต่อเพื่อไปยังห้อง บรรยากาศรอบตัวมันกดดันขึ้นจนผมรู้สึกได้

"ลูคัส!!!หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ปล่อย!!!แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร!ไอ้พวกขี้ข้า!!!"ผมไม่กล้าหันกลับไปมองแต่ฟังจากประโยคที่เธอพูดคาดว่าลูกน้องลูคัสจะจับตัวเอาไว้อยู่

"ไม่ต้องไปสนใจ"ลูคัสเอ่ยนิ่งๆ ผมก็พยักหน้าแล้วเผลอกอดคอมันแน่นขึ้น

"แน่จริงแกก็มาเจอกับฉันตรงๆสิ เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังคอยให้ผู้ชายอีกคนปกป้อง! นี่คงเป็นสันดาน*ไอ้ตัวอย่างแกสินะสมิธ!!!"คำพูดผู้หญิงคนนั้นที่เสียดแทงเข้ามาในหู ทำให้ความคุกรุ่นที่ผมพยายามกดมันไว้กำลังป่ะทุขึ้นมา

ผมเผลอกำคอเสื้อลูคัสสุดแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตัวสั่นขึ้นมานิดๆและแล้วฝีเท้าของลูคัสก็หยุดขยับ

มันย่อตัวลงวางผมลงจากหลังก่อนจะหันไปทางผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าที่ผมต้องจับมือมันไว้แน่น...ราวกับมัจจุราชที่กำลังจะปลิดวิญญาณใครก็ได้

"เมื่อกี้...มึงว่าใคร"น้ำเสียงนิ่งๆทุ้มต่ำบวกกับสีหน้าของมันตอนนี้ แม้แต่ผมที่รู้จักกันมาครึ่งชีวิตก็ไม่เคยเห็น

"ก็ด่าไอ้ตัวร่านๆที่ยืนอยู่ข้างคุณยังไงล่ะ!"มือข้างที่ว่างผมกำหมัดแน่น ไม่ใช่ว่าผมไม่โกรธ ไม่ใช่ว่าผมจะเป็นคนดีโลกสวยอะไรนักหนา เพียงแต่ผมไม่อยากถือสา ไม่อยากจะทำร้ายผู้หญิง เพราะผมโตมากับแม่ ผมจึงจะให้เกียรติผู้หญิงเสมอ

แต่คำพูดและการกระทำของผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมชักจะไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร ผู้ชายที่ผมยืนจับมือไว้ก็เอ่ยปากออกไปด้วยเสียงเย็นชาสุดขีด

"ตบปากมันให้ฟันร่วงจนกว่ากูจะบอกให้หยุด"ลูกน้องลูคัสที่ยืนจับผู้หญิงคนนั้นอยู่สี่คนทำตามคำสั่งเจ้านายทันที

เพี๊ยะๆๆๆ

"กรี๊ดๆๆๆ"เลือดกลบปากคาร่าตั้งแต่ครั้งแรกที่โดนตบ ไม่กี่ครั้งฟันเธอก็กระเด็นหลุดออกมาถึง2ซี่พร้อมเลือดสดๆ ผมหันหน้าหนีภาพนั้นแล้วกระตุกมือลูคัสไม่หยุด

"ลุค พอแล้ว"ผมพูดเสียงสั่นเพราะรู้สึกกลัวขึ้นมา เคยบอกไปแล้วไงว่าผมไม่ชอบการใช้ความรุนแรง

"มันด่ามิทตี้"ลูคัสพูดเสียงนิ่งโดยมีเสียงกรี๊ดและร้องไห้ของผู้หญิงคนนั้นแทรกเข้ามาเป็นระยะ

"ช่างเขา ถ้าจะลงโทษก็เอาวิธีอื่น อย่าทำแบบนี้เลยนะ"ผมเอ่ยขอลูคัสเสียงอ่อน เสียงผู้หญิงคนนั้นเงียบไปแล้วแต่เสียงเนื้อกับฝ่ามือกระทบกันยังดังอยู่

ไม่ใช่ว่าสลบไปแล้วหรอกนะ?ผมไม่กล้าหันไปดูจริงๆ

"พอ!"ในที่สุดลูคัสก็เอ่ยสั่งให้ลูกน้องหยุด ผมได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆลอยมา ในระยะเวลาไม่ถึง2นาที เธอถูกตบไปไม่รู้กี่สิบครั้ง ทนมาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าเก่งแล้ว

"ไม่ต้องสงสาร มันสมควรโดนแล้ว"

"เขาเป็นผู้หญิงนะ"ผมท้วงเสียงเบา

"จะหญิงจะชายพี่ไม่สนใจหรอก ใครที่มันทำมิทตี้ พี่ไม่ยอม!"น้ำเสียงที่ดูเย็นชาอยู่แล้วเมื่อมันตะคอกขึ้นยิ่งดูดุดันอย่างน่ากลัว

"อืมๆแค่นี้ก็พอนะ"ผมกอดแขนมันไว้ทั้งๆที่ยังหันหลังให้ภาพที่ไม่อยากจะมองนั้นอยู่ ลำแขนที่เกร็งแน่นของลูคัสค่อยๆผ่อนคลายลง มันคว้าตัวผมเข้าไปกอดไปแน่นท่ามกลางสายตาของหลายคน ผมเอาคางเกยบ่ากว้างมันไว้ แล้วลูบแผ่นหลังกว้างให้คลายความตึงเครียดลง นานก็ที่ลูคัสจะยอมขยับปากพูดอีกครั้ง

"มึงจำเอาไว้ว่าคนนี้เมียกู! ถ้าไม่ได้เขาขอให้แม้แต่ชีวิตมึงก็จะไม่มีไว้หายใจ"

++++++++++++
*ไอ้ตัว เป็นคำเรียกแทนผู้ชายความหมายคล้ายอีตัวที่แปลว่าโสเภณี หรือผู้ที่ขายบริการทางเพศ
อิพี่โหดจุง รักเมียมากหรอ?ส่วนมิทตี้เห็นเป็นงี้ฮีอ่อนโยนมากนะ งื้ออ ตอนหน้าจะพาไปฟินเจอกันวันศุกร์ดึกๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-08-2018 00:45:24
คาร่า รนหาที่เองนะจ๊ะ สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-08-2018 00:55:56
คิดว่านังชะนีมันคงไม่หยุดหรอก ตราบใดที่ปาก แขน ขา ยังเคลื่อนไหวได้ คงจะมีวันที่มิทตี้พลาดท่าโดนมันทำแน่ ๆ นังลูค แกควรจะจัดการขั้นเด็ดขาดในตอนนี้ไปเลยนะ  :fire:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-08-2018 02:21:09
 :mew5: เฮียโหด แต่ก็เพราะรักเมีย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 17-08-2018 17:02:38
ลุคนี่โหดสุดๆ ผู้หญิงคนนี้จะเลิกลาหรอ คงแค้นหนักกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที24.2[17/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 17-08-2018 17:28:40
โหด!!!! o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 18-08-2018 01:44:09
คนโปรด 25

ผมชะงักไปกับคำพูดของลูคัส คงต้องยอมรับว่าหัวใจของผมมันเต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

"ฮึกๆฮือ"เสียงร้องไห้ของคาร่าดังขึ้นเบาๆด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บที่กายหรือว่าใจกันแน่...

"สิ่งที่มึงทำกับเมียกู ต่อให้มึงมีอีกสิบชีวิตก็ยังชดใช้ไม่พอ เพราะอย่างนั้นกูจะลากทุกคนที่มึงรักมาชดใช้ไปพร้อมกับมึง!"น้ำเสียงดุดันกดต่ำของลูคัสแสดงถึงความจริงจังในคำพูดตัวเอง เสียงคาร่าร้องไห้คร่ำครวญหนักมากขึ้นกว่าเดิมทำเอาผมรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย

"อะ อ่า...อำ อ๊ะ(อย่าทำนะ)"คาร่าร้องออกมาไม่เป็นคำเพราะเจ็บปาก คิดว่าเธอน่าจะเอ่ยห้าม

"มึงเตรียมใจคอยรับผลที่จะตามมาจากนี้ก็แล้วกัน"

"พอได้แล้วลุค!"ผมผละออกจากอกลูคัสแล้วเอ่ยห้ามปรามมันอย่างจริงจัง

"ทำไม?"ลูคัสมองผมอย่างไม่เข้าใจ

"คนเรามันก็ทำผิดกันได้ สั่งสอนให้พอประมาณ ไม่ต้องมากถึงกับจะทำลายชีวิตกันขนาดนี้"

"แล้วมิทตี้ไม่แค้นที่มันทำแบบนั้นกับมิทตี้หรือว่าพูดจาดูถูกแบบนี้เลยหรือไง"ลูคัสเอ่ยอย่างเจ็บแค้นจนผมชักงงว่าใครคือผู้ถูกกระทำกันแน่

"ถ้าจะให้กูแค้นเขา ก็หมายความว่ากูต้องแค้นมึงด้วยใช่ไหม!?เพราะไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำที่มึงเคยทำกับกู มันก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลย"ลูคัสสบตาผมนิ่งๆไม่ได้พูดตอบโต้อะไรมาอยู่นับนาที ความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านดวงตาสีเขียวออกมาเจือไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างมันสั่นไหวซะจนผมรู้สึกใจหาย บรรยากาศรอบๆตัวกดดันจนแทบหายใจไม่ออก แม้แต่คาร่าเองก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆทั้งสิ้น

"ตามใจ"ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆจบก็หันหลังให้แล้วเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...มาอีหรอบนี้ ผมโดนโกรธแล้วแน่ๆ

ผมฝืนหันกลับไปมองทางคาร่า เธอทรุดหมอบก้มหน้าอยู่กับพื้นพรม ไหล่บางสวยที่โผล่พ้นเดรสสายเดี่ยวสั่นระริกดูน่าสงสาร

"หลังจากนี้อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ถ้าคุณไม่หยุดผมก็จะไม่ยอมแล้วเหมือนกัน เรื่องที่ผ่านไปแล้วผมจะไม่ถือสาคุณเพราะคุณไม่รู้ว่าผมมาก่อน...คุณต่างหากที่มาทีหลัง"

"ฮึกๆฮือๆๆ"

"พาเขาไปให้พ้นหน้าผม"ผมเอ่ยบอก

"ครับ"

ผมเดินกลับเข้าห้องด้วยความว้าวุ่นใจ ละล้าละลังอยู่หน้าประตูห้องนอนมันอยู่นานว่าจะเปิดเข้าไปดีไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจไปนอนอีกห้องแทน

ตี2กว่า...ทำไมมันยังไม่มาตามผมไปนอนด้วยอีกวะ!

เออ!อยากงอนก็งอนไปเลย กูไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย

ตี3 ครึ่ง...โอเค ผมอาจจะพูดแรงเกินไปหน่อย แต่มันจะจิตใจอ่อนไหวเกินไปไหมวะ

เอาไงดี...

โทรหาไอ้เหี้ยเซนท์ละกัน...มันคนมีผัวนี่เนอะ

(อืม)

"เหี้ยเซนท์ ตื่นยังวะ?"

(กูตื่นเป็นชาติละสัส โทรมาเวลานี้ไม่หลับไม่นอนหรือไง?)

"กูมีเรื่องจะถามนิดหน่อย"

(อะไร?ถ้าให้เดาคงทะเลาะกับผัวมาอีกล่ะสิ)

"ผัวบ้านป้ามึงดิ! แล้วอย่ามาพูดเหมือนกูโทรหามึงเพราะเรื่องนี้บ่อยนักได้ป่ะ"

(เออๆ งั้นเรื่องอะไรล่ะ)น้ำเสียไอ้ตี๋ดูเอือมๆเหมือนไม่ค่อยเชื่อมาตามสาย

"ก็เรื่องมันเป็นแบบนี้..."ผมเริ่มเล่าตั้งแต่คาร่ามาหาเรื่องผมจนถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ผมนอนไม่หลับในตอนนี้ ไอ้เหี้ยเซนท์ได้โอกาสพูดก็กรอกเสียงเถียงผมกลับมา

(ก็เรื่องผัวไม่ใช่หรือไงวะ!)

"ก็ไม่ได้ทะเลาะกันน่ะ แต่มันโกรธกู"

(มึงก็ไปขอโทษเฮียดิ)

"กูไม่กล้า ไม่รู้อ่ะมันพูดไม่ถูกเว้ย"ผมขยี้ผมตัวเองแรงๆเพราะความยุ่งยากใจ

(ทำผิดก็ขอโทษ มันจะไปยากอะไรล่ะ)

"กูต้องขอโทษเหรอ?ที่กูพูดไปมันก็เรื่องจริงไม่ใช่หรือไงวะ"

(งั้นมึงก็ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องทำอะไรเลยถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำไปมันถูกแล้ว)

"มันก็เชิงว่าไม่ผิด...แต่กูก็ไม่อยากขอโทษอ่ะ ทำไมวะ"

(เหอะๆให้กูพูดตรงๆไหม?)

"เออ ว่ามา"

(มึงมันสันดานเสีย ผัวตามใจจนเคยตัว ทำผิดอะไรเขาก็ไม่เคยว่า แดกเก่ง ใช้เงินเปลือง...)

"เดี๋ยวๆ หลังๆกูว่านอกเรื่องละไอ้เหี้ย"

(ฮ่าๆๆ นั่นแหละ เพราะเขาสปอยมึงมากเกินไปบวกกับมึงเป็นคนทิฐิสูงด้วย มึงเลยปากหนัก ยอมลงให้เขาไม่ได้เพราะในใจมึงคิดว่ายังไงเฮียก็ต้องยอมมึงอยู่ดี ถูกป่ะ?)

"งั้นมั้ง"จริงๆก็ถูกอย่างที่ไอ้เซนท์ว่านั่นแหละ

(เหอะๆ)

"แล้วกูต้องทำไง?"

(มึงก็ไม่ต้องทำอะไรให้ฝืนใจตัวเลยเว้ย คอยดูพรุ่งนี้เดี๋ยวเฮียก็คุยกับมึงเองแหละ)

"ไม่ได้ประชดกูใช่ไหม?"

(กูประชด)

"อ้าว!ไอ้สัสเซนท์"

(แต่ที่กูบอกมึงอ่ะเรื่องจริง เพราะไม่ว่ามึงจะผิดหรือไม่ผิด อยากจะขอโทษเขาหรือไม่ขอโทษ เฮียก็จะง้อมึงก่อนอยู่ดี)

"ทำไมวะ?"ผมถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจจริงๆ

(กูไม่บอก...ทีเรื่องคนอื่นน่ะฉลาด ทีเรื่องของตัวเองน่ะทำไมโง่จังวะ แค่นี้นะผัวกูเรียกละ)

"เออสัสเดี๋ยวนี้ผัวเต็มปากเต็มคำ จะไปไหนก็ไปเลย!"

เมื่อกดวางสายผมก็โยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัวอย่างหงุดหงิด มาลองคิดดูดีๆอย่างที่ไอ้เซนท์ว่าแล้วผมก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆว่ะ

ทำไมกูถึงมีนิสัยงี่เง่าแบบนี้วะ โคตรไม่ชอบตัวเองที่เป็นอย่างนี้เลย

คิดไปคิดมาผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปโดยไม่รู้ตัว...

+++++++++++++++


"...ตี้ มิทตี้ตื่นเถอะ"ผมเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆด้วยความง่วง เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ก็เห็นใบหน้าลูคัสห่างออกไปไม่ถึงคืบ

"...ลุค"

"วันนี้เราจะไปหัวหินกัน จำได้ไหม?"มันเกลี่ยเส้นผมออกจากกรอบหน้าให้

"ง่วง"ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ ขี้เกียจตื่นชะมัด

"จะไม่ไปเหรอ?"น้ำเสียงโมโนโทนที่เอ่ยถามออกมาทำให้ผมเดาไม่ออกว่ามันอยู่ในอารมณ์ใด

"ไป!แต่ง่วง"

"ค่อยไปนอนต่อบนรถนะ พี่เก็บกระเป๋าให้แล้ว มิทตี้แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็ได้"

"ขี้เกียจจริง"ผมบ่นแต่ก็พยายามฝืนพาตัวเองออกจากเตียงให้ได้

"พี่แปรงให้ไหม?"ลูคัสจับผมให้ยืนดีๆแล้วเอ่ยถาม ผมพยักหน้ารับข้อเสนอมันทันทีแบบไม่ต้องคิด

ก่อนหน้านี้มันเคยทำให้ผมบ่อยเพราะบางครั้งมันชอบมีอะไรกับผมจนดึก พอผมนอนไม่พอผมก็จะตื่นไปเรียนสายแล้วผมก็จะไม่ให้มันทำอีก ลูคัสจึงแก้ปัญหาด้วยการจัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างให้แทนตัวผม ผมจะได้สติจริงๆก็ตอนรถจอดหน้าตึกเรียนนู้นแหละ

หลังจากที่แปรงฟันล้างหน้าเสร็จผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง สามารถตักอาหารเช้ากินเองได้ไม่ถึงกับต้องประเคนให้ถึงปาก

เราออกจากกรุงเทพฯในเวลา8โมงเช้าซึ่งผมก็หลับไปตลอดทางและถึงหัวหินเวลาประมาณ11โมงเศษๆ

ผมหิวมากลูคัสจึงพาผมแวะร้านอาหารทะเลบรรยากาศดีร้านหนึ่ง ผมสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ส่วนพวกลูกน้องลูคัสก็แยกไปกินอีกโต๊ะหนึ่ง

ข้าวผัดปูของร้านนี้อร่อยมากๆเนื้อปูเป็นชิ้นเน้นๆเต็มคำ ผมทานหมดไปครึ่งจานใหญ่ กุ้งเผาหมดไปหลายกิโลฯผมแกะกินเองบ้าง ลูคัสแกะให้บ้างเมื่อผมแกะเองไม่ทันใจ แต่ส่วนมากมันก็จะแกะให้นั่นแหละ

เมื่อเริ่มอิ่มผมก็ตักอาหารให้คนที่นั่งตรงข้ามบ้าง ดูเหมือนว่ามันจะชอบหมึกเป็นพิเศษ ลูคัสทานได้น้อยกว่าผมเช่นเคยแต่มันก็กินเข้าไปไม่น้อยเหมือนกัน

ประมาณบ่ายโมงกว่าๆเราก็เช็คอินเข้าที่พักที่เป็นแบบวิลล่าเป็นหลังๆห่างกันออกไปแบบส่วนตัวสุดๆแถมมีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย เดินออกจากรีสอร์ทไปไม่ถึงสิบเมตรก็เป็นชายหาดส่วนตัว ค่อนข้างสงบและนักท่องเที่ยวน้อย

ผมค่อนข้างชอบบรรยากาศแบบนี้เลยทีเดียว ถือว่าโยเลือกได้ดี

ผมเลือกที่จะไปอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรกหลังเข้าที่พัก ออกมาก็เห็นลูคัสกับโยนั่งจิบเบียร์คุยกันอยู่ริมสระว่ายน้ำ

แน่นอนว่าผมก็ต้องเข้าไปแจมอยู่แล้ว ผมทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ริมสระข้างลูคัสพร้อมยื่นเหยือกใส่เบียร์ใบใหญ่ไปตรงหน้ามัน

"ขอกินด้วย"

"ไม่ให้"มันเลิกคิ้วกวนตีนผม ผมเลยแย่งแก้วจากมือมันมากระดกเบียร์เข้าปากอึกใหญ่ ก็รู้หรอกว่าทำแบบนี้มันไม่มีมารยาทแต่ผมก็ทำกับลูคัสคนเดียวอ่ะ มันไม่เห็นจะว่าอะไรผมเลยนี่นา

"ค่อยๆดื่มเดี๋ยวสำลัก"มันเตือนไม่จริงจังนัก แต่ผมก็ยอมลดความตะกละของตัวเองลง

"มึงจะกวนทำไมล่ะ"ผมตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นเคย

"พี่หยอก"มันว่ายิ้มๆแล้วฉกหอมแก้มผมเร็วๆโดยไม่อายโยเลยสักนิด

"ไม่ต้องมาพูดเลย"ผมดันหน้ามันออกแล้วดื่มเบียร์ต่อ(ยึดแก้วลูคัสแล้ว)

จากนั้นเราสามคนก็ดื่มเบียร์ไปด้วยกันเรื่อยๆโดยมีผมเป็นคนพูดซะส่วนใหญ่ ดื่มไปจนกระทั่งบ่ายแก่ๆผมก็รู้สึกกรึ่มๆขึ้นมาบ้างแล้ว(จริงๆคือเมา)

"ลุค"ผมเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งข้างๆ ลูคัสก็ขานรับผมเช่นเคย

"หืม?"

"เมื่อวานนี้"

"อืม"

"โกรธรึเปล่า?"

"ไม่"

"จริงหรอ?"ผมเอียงคอถามมันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ครับ"

"ทำไมล่ะ"

"โกรธเมียไม่ลง"ลูคัสพูดยิ้มๆ

"แล้วทำไมไม่ไปหาที่ห้อง"น้ำเสียงผมตัดพ้อออกไปโดยไม่รู้ตัว

"พี่ไม่อยากกวน"

"หึ!"

"ทำไมถึงคิดว่าพี่จะโกรธล่ะ"มันย้อนถามกลับมา

"ไม่รู้ แต่ไม่อยากให้โกรธ"ผมตอบออกไปอย่างที่ใจคิด

"แคร์พี่ด้วย?"

"อืม"ผมพยักหน้า

"ดีใจชะมัด"มันพึมพำในลำคออย่างอารมณ์ดี

"..."ผมมองหน้ามันนิ่งๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ก็แค่อยากมองเท่านั้น

"มานั่งกับพี่มา"มันตบที่นั่งตรงหว่างขาของตัวเองให้ผมไปนั่งด้วย

"ไม่เอา มันแคบ"ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ตัวกูไม่ใช่เล็กๆ

"มาเถอะ พี่อยากกอด"

"ก็ได้"ใจง่ายไปไหมนะกู ผมลุกจากเก้าอี้ตัวเองไปทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกับลูคัส ดีนพที่เป็นเก้าอี้แบบใหญ่พิเศษเราเลยไม่ได้เบียดกันนักแต่ก็ตัวชิดกันอยู่ดี

มันสอดแขนกอดเอวผมจากด้านหลัง จมูกโด่งกดดมไปทั่วหลังคอจนผมรู้สึกสยิวขึ้นมาแปลกๆ

"มิทตี้เมาเบียร์เหรอ?"

"อืม"ผมยอมรับออกไปตรงๆเพราะมึนมากแต่สมองยังรู้เรื่องอยู่แม้จะควบคุมได้ยากก็ตามที ผมจึงเอนหลังพิงกับอกลูคัสเพราะชักจะนั่งตรงๆไม่อยู่

ฟอด!

"จะทำให้พี่หลงไปถึงไหนหืม?"

"ไม่รู้...ตลอดไปเลยได้ไหม?"ผมเอ่ยถามเขาเสียงอ่อนลงไปโดยไม่รู้ตัว

"...แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่ได้แล้วครับ"

++++++++++++

เปรมง่วงแล้ว ขอลงเท่านี้ก่อนนะคะ ฉากต่อไปก็เตรียมทิชชู่ไว้ด้วยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-08-2018 02:09:51
อ้าก!!!! ทำไมไรท์ทำร้ายกันได้ลงคอ  กำลังฟินจิกหมอนอยู่เลยอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2018 03:31:38
รอความหวานในตอนหน้า  :hao6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-08-2018 03:38:10
 :z3: ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 18-08-2018 10:40:59
หวานนนนนน :hao6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.1[18/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-08-2018 09:09:57
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 22-08-2018 00:09:13
คนโปรด 25.2

"จะไปไหน?ไม่ให้ไป!"หางเสียงผมเหวี่ยงใส่เขาไม่รู้ตัว

"ไม่ไปๆอยู่กับมิทตี้นี่แหละ"ท่อนแขนแกร่งกอดกระชับเอวผมแน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากร้อนกดจูบอยู่ข้างขมับผมซ้ำๆ

"ขอโทษนะครับนาย ผมขอตัวก่อนนะครับ"เสียงโยดังขึ้นเบาๆ

"อืม"ลูคัสรับคำในลำคอ

"โยไปไหน? นั่งดื่มด้วยกันต่อก่อนซี่~"ผมรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นโยลุกออกจากเก้าอี้

"ผม...จะไปรับคุณหมอที่สนามบินครับ"

"หืม?เกรย์เหรอ?"

"ครับ"

"อื้มๆไปรับแล้วพามาหาผมด้วยน้า~"

"ไม่ต้องพามันมา"เสียงคนที่กอดผมไว้อยู่พูดแทรกขึ้นนิ่งๆออกไปทางไม่สบอารมณ์

"ลุค!ทำไมเป็นคนแบบเน้อ่า"(ภาษาคนเมา)

"มิทตี้ไม่อยากอยู่กับพี่สองคนหรอ?"น้ำเสียงลูคัสเอ่ยถามอย่างคาดหวังแต่ผมก็เอ่ยทำลายหวังนั้นด้วยคำๆเดียว

"ไม่!"ลูคัสถึงกับชะงักแต่ไม่นานเขาก็เอ่ยกับผมด้วยรอยยิ้มประจำตัวที่เหมือนเอาชนะทุกอย่างได้นั่น

"ถ้ายอมอยู่กับพี่แค่สองคนพี่จะซื้อแลมโบฯให้...เอารุ่นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มิทตี้อยากได้ดีไหม?"เอ๋?มันรู้ได้ไงอ่ะว่าผมเล็งๆรุ่นนั้นไว้อยู่ ผมไม่เคยพูดซะหน่อย...คิดว่าเงินซื้อผมได้หรอวะ!?

"โอเค!อยู่กันสองน่าจะดีกว่าเนอะๆ"ผมพยักหน้าตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เปลืองสมอง!เงินซื้อผมไม่ได้ แต่รถซื้อผมได้ครับ!

"หึๆเด็กดีของพี่"แล้วลูคัสก็ฟัดแก้มผมไปอีกหลายฟอด ส่วนโยก็ย้ายตัวเองออกไปจากสายตาพวกผมเงียบๆ

"ฮื่อ! โตแล้วไม่เด็ก"ผมส่ายหัวปฏิเสธคำพูดลูคัส เอี้ยวตัวไปกอดเอวมันไว้หลวมๆ...เอาใจมันสักหน่อย กลัวมันไม่ซื้อรถให้เฉยๆหรอก

"งั้นพิสูจน์หน่อยว่าโตแล้วจริงไหม"ปากพูดยิ้มๆ แต่มือมันล้วงเข้ามาใต้เสื้อสะกิดหัวนมผมแล้วครับ

"อ๊ะ!ลุค...อย่า อื้อ...จับ"มืออีกข้างของลูคัสล้วงเข้ามาคลึงน้องชายผมเล่น ผมเอ่ยห้ามมันด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นที่ยากจะทนไหวต่อความเสียวซ่านที่ถูกปลุกขึ้น นอกจากลูคัสจะไม่สนใจเสียงห้ามปรามจากผม มันยังหน้ามึนขอออกมาโต้งๆอีก

"มิทตี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ"มันพูดพึมพำขณะไซร้คอผมไปด้วย...นี่มันจะเล่นผมกลางแจ้งข้างสระน้ำเลยหรอ?

"อึ่ก!ดะเดี๋ยวมีคนมาเห็น"ผมพยายามจะห้ามอย่างสุดกำลัง(?)

"พี่ให้ลูกน้องดูไว้ให้แล้ว ถึงยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเห็นร่างกายมิทตี้ของพี่ได้หรอก"ลูคัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้ผมวางใจไปได้เปราะหนึ่งกับความรอบคอบของมันที่เหมือนรู้อนาคตว่าเรากำลังจะทำอะไรกัน

ว่าแต่ว่า...ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคำพูดลูคัสเหมือนมีอะไรสักอย่างที่ไม่ถูกต้องกันนะ?เพียงแต่ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออกนี่สิ และขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเหม่อๆในหัวอยู่นั้น ร่างกายผมกลับถูกจับพลิกให้หันหน้าเข้าหาลูคัส มันยกผมขึ้นไปนั่งคร่อมตักตัวเองแล้วตรึงท้ายทอยผมให้โน้มหน้าไปจูบปากกัน

"อ๊ะอื้อออ"เมื่อริมฝีปากเราสัมผัมกันผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ผมไม่สามารถห้ามสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้อีกแล้ว

ผมเอียงองศาหน้าให้พอเหมาะกับบทจูบแสนเร่าร้อนที่กำลังดำเนินไป โดยไม่ทันได้รู้ตัวว่าเราจูบกับนานมากแค่ไหน ตอนนี้ทั้งตัวผมก็เปลือเปล่าไร้เสื้อผ้าอยู่บนตักลูคัสแล้ว

"อ๊ะ! ลุค...อย่าเพิ่ง อื้อ!"ลูคัสไม่ได้สนใจฟังเสียงทักท้วงจากผมเลยสักนิด มันสอดนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายของเราสองคนเข้าสู่ช่องทางด้านหลังของผมแล้วคว้านไปมาสร้างความคุ้นชิน

มันขมิบตอดรัดนิ้วของลูคัสแน่นโดยที่ผมไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้เลย ผมซบหน้าลงกับบ่ากว้างด้วยความกระดากอายเมื่อนิ้วที่สามของมันแทงเข้ามาแล้วเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ

"ตรงนี้ของมิทตี้น่ารักตลอดเลย"น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์หยาบโลน ผมกัดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางเมื่อนิ้วยาวๆของมันกระแทกไปโดนจุดกระสันภายในผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับรู้

"อ๊ะ!ห้ามพูด อึ่ก อ๊า นะ!"ผมยกมือขึ้นปิดปากมันไว้ไม่ให้พูดออกมาเพราะรู้สึกหน้าร้อนเกินจะรับไหว

"เอาอ่างอื่นอาอิดอากอี้แอน"มันพูดอะไรของมันวะ ผมไม่เข้าใจ

"พูดอะไร?"ผมเอามือที่ปิดปากลูคัสออกแล้วถามด้วยความสงสัย

"เอาอย่างอื่นมาปิดปากพี่แทน อย่าใช้มือ"มันยิ้มให้แบบเจ้าเล่ห์สุดๆ ในขณะที่ผมก็เสียวซ่านมากจนแทบประคองสติไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว

"เอาอะไร"ยอมรับว่าตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ ลูคัสไม่ตอบแต่โน้มหน้ามาดูดยอดอกผมแรงๆเล่นเอาเสียวแปลกขึ้นมากระทันหัน

"อื้ออ...ลุค...อ่ะเค้าจะไม่...อึ่ก...ไหวแล้ว"

"ปล่อยออกมาเลยครับที่รัก"มันผละใบหน้าออกจากอกผมแล้วตอบก่อนจะก้มไปดูดชิมต่ออีกรอบ นิ้วทั้งสามของเขากระแทกใส่ช่องทางผมถี่รัว ส่วนมืออีกข้างก็ชักรูดแก่นกายให้ผมอย่างหนักหน่วง ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ปลดปล่อยหยาดน้ำสีขุ่นเปรอะเปื้อนทั้งมือลูคัสและหน้าท้องของตัวเอง

"แฮ่กๆ"ผมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ไม่รู้ตัวเลยว่ากอดคออีกคนไว้แน่นแค่ไหน

ชึ้บ!เสียงถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังผมดังขึ้นเบาๆ มันใช้นิ้วป้ายเอาน้ำรักที่หน้าท้องผมกับที่มือตัวเองไปชักรูดกับมังกรยักษ์หัวแดงคล้ำที่ผงกหัวหงึกๆรอออกรบ ของเหลวสีขุ่นที่เอ่อล้นออกมาจากส่วนหัวทำให้ผมรู้เลยว่ามันมีความต้องการมากขนาดไหน

ลูคัสชักรูดแก่นกายตัวเองไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยปากขอบางสิ่งที่ผมไม่เคยให้มันเลยสักครั้ง

"มิทตี้ยกสะโพกให้พี่หน่อยครับ"

"ไม่เอา!"ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

"นิดเดียว เดียวพี่ทำเองนะ...นะครับ"

"..."

"ไม่เจ็บ"

"ขยับไม่เป็น ไม่อยากทำ"ผมหน้างอ บอกตามตรงว่าที่ยอมมันขนาดนี้ก็สุดๆแล้วนะ

"แค่ยกสะโพกขึ้นพอ...เชื่อพี่นะ"ฟอด!มันหอมขมับผมแรงๆอย่างปลอบใจ

"..."ผมนิ่งอยู่เป็นนาทีแล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปจับบ่ามันไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆยกสะโพกขึ้นพร้อมๆกับหลับตาปี๋เพราะไม่กล้าสู้สายตาอีกคน ลูคัสจับผมจูบแลกลิ้นกันอีกครั้ง

พร้อมๆกับที่ผมสัมผัสได้ว่ามันจับไอ้มังกรหัวแดงมาเขี่ยปากทางตรงนั้นผมไปมาก่อนจะกดส่วนหัวเข้ามาช้าๆ

"ไม่ต้องเกร็ง"

ผมพยายามไม่เกร็งอย่างสุดความสามารถแต่มันก็ยังเข้ามาได้ยากอยู่ดีป่ะวะ(เริ่มหงุดหงิด)

เป็นลูคัสเองที่จับสะโพกผมค่อยๆกดลงทับหัวมังกรมันจนสุดความยาวอย่างใจเย็น

"ซี๊ด...ลึกฉิบ!"คนใต้ร่างผมสบถออกมาเบาๆและผมก็รู้สุกอย่างที่มันพูดเหมือนกัน

มันทั้งแน่น ทั้งลึกจนจุกแม้ว่าเราจะเคยผ่านการมีเซ็กส์กันมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันจะลุกล้ำเข้ามาได้ลึกจนสุดขนาดนี้มาก่อน

"อ๊ะ!เบา"ผมหลุดร้องออกมาเมื่อมันโอบกอดร่างผมไว้แล้วเริ่มขยับสะโพกตัวเอง

"มิทตี้ของพี่น่ารักที่สุด พี่จะพยายามห้ามใจไม่ให้ทำแรงเกินไป"คือมันจะทำเบาหรือแรงวะ?

ผมมองหน้ามันแบบชักเริ่มโมโห มันก็ยิ้มๆแล้วจับผมไปจูบแบบหนีความผิดเห็นๆ

ส่วนล่างของลูคัสเริ่มขยับอีกครั้ง ผมแทบไม่ต้องออกแรงทำอะไรด้วยซ้ำ มันจับสะโพกผมขยับเองและสวนแก่นกายเข้ามาเองอย่างหื่นกระหาย ทำไปทำมากลับเป็นผมที่เป็นฝ่ยขยับสะโพกเองเพราะไม่ทันใจ

คงต้องยอมรับว่าท่นี้มันเสียวและถึงอารมณ์สุดๆ

"ลุค...อ๊ะ พี่ทำเร็วๆ อ๊า"ผมไม่รู้ตัวเลยว่าอารมณ์ ณ ตอนนั้นผมพูดและทำอะไรออกไปบ้าง ผมรู้แค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้เสร็จเร็วๆ แม่งทั้งเสียวทั้งทรมาน

ลูคัสหยุดชะงักไปในเสี้ยววินาที ซึ่งมันทำให้อารมณ์ผมค้างเติ่งอยู่บนยอด ผมเผลอจิกคอมันอย่างหงุดหงิดกว่าจะรู้ตัวคือคอมันเลือดซิบเป็นรอยเล็บผมแล้วอ่ะ ผมจะโดนตบรึเปล่านะ(เริ่มกลังเพราะไม่โดนมานาน)

แต่นอกจากลูคัสจะไม่ตบผมแล้ว มันยังคว้ามือผมไปจูบแรงๆอีกหลายที

ผมงงๆนิดหน่อยแต่ก็ดีแล้วที่มันไม่โกรธเพราะมันก็ยังยิ้มให้ทั้งปากและตา

จากนั้นลูคัสก็ขยับสะโพกกระแทกมังกรใส่ถ้ำผมอย่างหนักหน่วง มันสาวเอวรัวเร็วไม่ยั้ง ท่อนเอ็นยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกถี่ๆจนผมรู้สึกว่าช่องทางนั้นร้อนขึ้นเหมือนกำลังโดนแผดเผา

ร่างกายผมกระตุกเกร็งช่องทางด้านหลังขมิบรัดไม่หยุดเพราะทนต่อขีดสุดแห่งความเสียวไม่ไหว ผมถูกกระแทกใส่อีกเพียงไม่กี่ครั้งจึงได้ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้ง

"รัดชะมัด...อ่าห์"เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอ มันขยับสะโพกรัวเป็นครั้งสุดท้าย รั้งผมเข้าไปจูบนัวเนียอีกไม่ถึงนาทีก็กระตุกร่างกายฉีดพ่นหยาดน้ำออกมาเต็มช่องทางของผม...



มันจูบผมต่ออีกสักพักก่อนจะยอมถอนริมฝีปากออกแล้วหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่ ผมกอดคอมันไว้แล้วหลับตาซบหน้ากับไหล่มันเพราะทั้งรู้สึกง่วงและเพลียเอามากๆ

"ง่วง?"มันถาม ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน

"เดี๋ยวพาไปอาบน้ำนอน ค่ำๆจะได้ตื่นมากินข้าว"ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

"อาบน้ำอุ่นเนอะ"ผมพยักหน้าอีกสองครั้ง

"อยากแช่ตัวไหม?"ผมส่ายหน้าเบาๆ

"ตอนเย็นไปกินกุ้งเผาตัวโตๆอย่างที่มิทตี้ชอบกัน"ผมพยักหน้าอีกรอบ สติก็ใกล้จะเลือนลางไปทุกที

"ชอบทะเลไหม"ผมพยักหน้าหนึ่งครั้งแบบใกล้หมดแรงแล้วจริงๆ

"แล้วรักพี่ไหม?"และก็เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้าให้มันไปโดยไม่รู้ตัว...

++++++++++++

เอ้า!สรุปเอาทิชชู่มาซับอะไร?รีดใจบางจัง ฮี่ๆ ว่าแต่ฉากเรทเยอะไปไหมอ่ะ?นี่ไม่อยากให้เป็นนิยายที่หมกหมุ่นด้านเพศมากเกินไป แต่ผัวมิทตี้เขาหื่นอ่ะไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-08-2018 01:02:40
มิทตี้เมาแล้วเผยไต๋หมดเลย555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-08-2018 01:30:18
เสร็จนังลูจนได้นะมิทตี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-08-2018 15:41:06
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 22-08-2018 15:45:59
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 22-08-2018 17:22:28
ป๋าจ๋าาาาาา เค้าก็อยากได้แลมโบฯ เหมือนก๊านนนนนนน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 22-08-2018 20:51:49
ผลัวสายเปย์  เปย์ได้เปย์ดี อิจฉามิทตี้จริงๆ
นังคาร่าต้องแค้นอิพี่มากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-08-2018 00:57:26
มิทตี้เผลอตอบรับไปแบบนี้อิพี่ลุคคงฟินไปสามวันแปดวัน แบบนี้ขอดาวได้ดาวขอเดือนได้เดือนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 23-08-2018 22:14:17
เฮลโลเบบ~...วันนี้เปรมไม่ได้มาอัพ​นิยายนะคะ เข้ามาแจ้งข่าวว่าจะหายไปสักพัก(อีกแล้ว) แต่อย่าเพิ่งงอนเปรมนะ~ เค้าจะหายไปแต่งนิยายให้จบนี่แหละน่าจะใช้เวลาประมาณ1-2สัปดาห์ไม่เกินนี้ เพราะมันเป็นช่วงสุดท้ายของเรื่องแย้ว><ปัญหาทุกอย่างต้องได้รับการสะสางสักที อิอิ คือ เปรมกลัวว่าถ้าแต่งสดแล้วมาอัพทีละตอนมันจะค้างมากๆ(ซึ่งมันก็ค้างจริงๆนั่นแหละ)ถ้าเปรมยังแต่งตอนต่อไปไม่เสร็จมันก็จะเป็นการทรมานคนอ่านเปล่าๆ สู้ไปแต่งให้จบแล้วได้อัพลงทุกวันจนจบน่าจะโอเคกว่าเนอะ นิยายเรื่องนี้จะจบที่บท29 ซึ่ง4บทสุดท้ายนี้เปรมจะไม่แบ่งครึ่งแล้วนะคะ ดราม่าอยู่แล้วอย่างที่เปรมเคยบอกแต่ทุกอย่างมันก็มีเหตุผลของมัน และก็ไม่ใช่ว่าจะดราม่าไปซะทุกตอน ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น เมื่อผ่านปัญหานี้ไปได้มันจะจบแฮปปี้อย่างแท้จริง 

สุดท้ายแล้วเปรมต้องขอโทษทุกคนที่ทำให้รอนานเสมอ แปบเดียวแต่ก็6เดือนแล้วสำหรับเรื่องนี้...เปรมอยากเขียนมันออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรักเรื่องนี้มากและคนโปรดอาจเป็นนิยายเรื่องสุดท้ายที่เปรมจะแต่งในปีนี้ ปีหน้าหรือปีต่อๆไปก็ต้องดูอีกทีว่าจะมีเวลาไหม(ขอดูตารางเรียนก่อน) เปรมขอบคุณมากๆที่ยังรอ❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-08-2018 23:06:53
 รอได้จ้ะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 23-08-2018 23:24:14
รอๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-08-2018 00:07:56
 :man1: สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 24-08-2018 02:05:53
 :ruready จะรอนะค่ะสู้ๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-08-2018 02:47:00
จากแถลงการณ์ที่กล่าวมา เห็นสมควรให้ลาได้
จึงอนุมัติการลาได้ตามกำหนดที่กล่าวมา  :katai4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 24-08-2018 21:43:14
 มาให้กำลังใจจ :mew1: :mew1:ร้าาาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 24-08-2018 23:24:24
เฮ้อมมมมมมสุดท้ายก็โดนคนพี่หลอกให้บอกรักจนได้
พี่แกคงฟินหลายวันน้องบอกรักแม้จะโดนล่อก็ตาม
เป็นกำลังใจให้นะคะ ยังรออยู่นะคะ พร้อมสนับสนุนเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 25-08-2018 16:07:01
สู้ๆนะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-09-2018 00:17:08
จริงๆช่วงไทม์สกิ๊ปปุ๊บแป๊บสี่ปีมันก็เหมือนจะดูข้ามๆไปนิดนะคะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าช่วงนั้นคงไม่มีอะไรนอกจากอิลุคเดินหน้าง้อเมียอย่างเดียว อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วก็ไม่แน่ใจว่าปมหมดรึยัง ว่าแต่ที่ผ่านมามิทตี้ไม่อยากพบแม่บ้างเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 07-09-2018 23:47:17
เข้ามารอด้วยคนนนน :mew3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)*แจ้งจ้า*[23/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 12-09-2018 22:46:37
เข้ามารอตอนใหม่งับ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 15-09-2018 17:41:32


คนโปรด 26

"มึงปลุกน้องดิ๊"

"ทำไมกูต้องทำแบบนั้น?"

"กูหิวข้าวแล้ว"

"หิวก็ไปแดก ปากมึงติดกับปากเมียกูหรือไง!?"

"ทำไมมึงต้องขึ้นเสียงด้วยวะ กูแค่ไม่ได้เจอสมิธนานเลยอยากกินข้าวกับน้อง มึงจะหวงอะไรนักหนาเนี่ย!"

"มึงหุบปากไปเลยเดี๋ยวมิทตี้ตื่น ไม่อย่างนั้นกูจะให้โยลากมึงไปฆ่าในทะเล"

"แหม เห็นกูเกรงใจโยนิดหน่อยก็ขู่กูจัง"

"อื้อ~" ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงบางอย่างดังรบกวนอยู่ไม่ไกลหูและขยับตัวเล็กน้อยเพราะความเมื่อยขบของร่างกาย

"มิทตี้ตื่นแล้วปวดหัวหรือเปล่า?" เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ข้างหูพร้อมกับมือที่ลูบศีรษะผมเบาๆ ผมส่ายหน้าแล้วเอียงแก้มถูไถกับฝ่ามือนุ่มๆของเขาโดยไม่รู้ตัว

"เกรย์มาแล้วเหรอ?"ผมเอ่ยถามออกไปทั้งๆที่ยังหลับตา

"พี่มาแล้วน้องรัก" พอได้ยินเสียงเกรย์ผมก็พยายามฝืนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองแต่กลับพบเพียงชายคนหนึ่งแสนคุ้นเคยที่ปรากฏอยู่ในสายตา

"ลุค"ผมเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ

"หืม?"ลูคัสเอ่ยขานรับพร้อมโน้มหน้าลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่สองครั้งติด

"สมิธแฮงค์ไหม ตื่นไหวรึเปล่า?"เสียงเกรย์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงจากอีกฟากหนึ่งของเตียง ผมหันไปมองเขานิดๆก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบ

"ไม่แฮงค์ๆผมไหวน่า"ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยมีลูคัสคอยช่วยพยุงอีกแรง

"งั้นมิทตี้ไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนแล้วเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน"

"อืม"ผมรับคำ จากนั้นก็เข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย พอออกมาก็เห็นเพียงลูคัสที่รออยู่ในห้องนอน

"เกรย์ล่ะ?"ผมถามแต่อีกคนกลับขมวดคิ้วหน้าตึงขึ้นมาอย่งเห็นได้ชัด

"มันออกไปรอข้างนอก"ลูคัสตอบออกมาแบบเสียงแข็งหน่อยๆ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้เขาที่นั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่

"เป็นอะไร?"ผมถามด้วยคงามสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ ลูคัสไม่ตอบแต่กลับฉุดมือผมให้นั่งบนตักตัวเองแทน วงแขนแข็งกอดรัดเอวผมไว้แน่นราวกับกลัวจะหนีหายไป

แม้มันจะไม่ใช่ภาพที่น่าดูนักที่ผู้ชายสองคนตัวเกือบจะพอๆกันมานั่งตักกอดก่ายกัน ถ้ามีคนอื่นผมคงไม่ยอมแต่นี่มีแค่ผมกับเขาเพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจสายตาใคร

"อย่าสนิทกับมันมากได้ไหม...พี่ไม่ชอบ"ลูคัสเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อนริมฝีปากได้รูปจะกดจูบแล้วดูดเข้าที่กระดูกไหปลาร้าผมจนรู้สึกเจ็บจี๊ดๆคาดว่าคงแดงช้ำแน่ๆ

"เกรย์น่ะเหรอ?เขาเป็นเพื่อนมึงไม่ใช่หรือไง"

"เพื่อนก็เพื่อนสิ ทำไมมันต้องมาวอแวกับมิทตี้ด้วย"วงแขนแกร่งรัดแน่นขึ้นไปอีกจนผมแทบจะหายใจไม่ถนัดใบหน้าหล่อเหลาติดหวานยู่ยี่ทำเอาผมหลุดหัวเราะ ผมลูบผมยาวสลวยสีทองของลูคัสอย่างเพลินมือกาอนจะโน้มตัวไปกอดคอเขาไว้หลวมๆ

"ไม่งี่เง่าดิ"ผมเอ่ยบอกอีกคน

"พี่ไม่ได้งี่เง่า แต่พี่หวง"

"..."ไปไม่ถูกเลยกู

"นอกจากพี่ก็อย่าสนิทกับคนอื่นจนเกินพอดี พี่ใจร้ายได้มากกว่าที่มิทตี้คิด"

"ใจร้ายกับกู?"

"อยากลองให้พี่ใจร้ายดูไหมล่ะ?"ลูคัสถามทำให้ผมนึกถึงเรื่องคาร่าขึ้นมาทันที ผมจึงส่ายหัวรัวๆให้มันไป

"ชอบทำตัวโหดจังวะ"ผมบ่นพึมพำแต่อีกคนคงได้ยินเลยหัวเราะในลำคอเบาๆ

"หึๆ"

"หิวแล้ว"ผมบอกพร้อมผละกอดออกจากลูคัส เขาพยักหน้าแล้วปล่อยตัวผมให้ยืนขึ้น จากนั้นก็จับมือพาผมเดินออกจากห้องโดยมีเกรย์นั่งหน้าหงิกรออยู่ข้างนอก บ่นให้พวกผมได้ไม่กี่คำพอเจอสายตาพิฆาตจากโยก็หุบปากลงได้ทันที

++++++++++++

วันต่อมา

เมื่อคืนหลังจากที่พวกเราออกไปทานข้าวที่ร้านนอกโรงแรม เกรย์ก็ชวนผมดื่มต่อ ผมตกลงแบบไม่ต้องคิด แต่ตัวมารที่อยู่ข้างกายกลับปฏิเสธแทนผมซะงั้น ผมขี้เกียจเถียงเลยยอม แต่เกรย์นี่ทำงอนตุ๊บป่องสาวแตกดูน่าเกลียดมากๆ

ตอนเช้าลูคัสพาผมออกมาเดินเล่นเลียบชายหาดและเรามาทันตอนที่พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า โยจัดแจงถ่ายรูปคู่ให้ผมกับลูคัสโดยไม่ได้ถามความเห็นกันเลยสักนิด

"ขยับชิดๆกันหน่อยสิครับ"โยเอ่ยบอกพร้อมกดชัตเตอร์

"ชิดกว่านี้ก็ต้องขี่คอแล้วล่ะโย-_-"ผมบอกพร้อมทำหน้าเอือมๆแต่ก็ยอมขยับไปชิดลูคัสมากกว่าเดิม มือเรียวแต่แข็งแกร่งก็สอดโอบเอวผมไว้หลวมๆ

"สมิธยิ้มหน่อยครับ" อ่ะกูยิ้มจนปากจะฉีกอยู่ล่ะ

"นายหอมแก้มสมิธหน่อยครับ" ฟอด!ไอ้คนข้างๆฉกจมูกมาหอมแก้มผมทันที บอกง่ายเหลือเกิน

แชะ!!ๆๆๆๆๆ

"เฮ้ย!"ผมร้องเพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงตั้งตัวได้กูก็ไม่ให้หอมอยู่ดีป่ะวะ คนเยอะแยะ

"เรียบร้อยครับ"โยยกนิ้วโป้งมาให้ แล้วเดินสะพายกล้องลั้นลาไปอีกทาง ลืมบอกว่าเกรย์ยังไม่ตื่น...

โยนี่จริงๆก็เป็นคนที่ร้ายอยู่เหมือนกันนะ พอทำอะไรโยไม่ได้ผมจึงหันไปเอาเรื่องกับไอ้หัวทองแทน

"ใครให้หอม!"

"โยไง"

"แต่กูยังไม่ได้อนุญาตเลยนะ"

"พี่ขออนุญาตจูบ"

"ไม่!...อื้อออ!"เคยฟังกูบ้างไหมเนี่ย! ริมฝีปากร้อนบดจูบกับริมฝีปากผมโดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ นานอยู่เกือบนาทีมันถึงยิมถอนริมฝีปากออก

"ลุค!"แล้วผมพูดอะไรได้บ้างวะ!(เริ่มโกรธนะเว้ยไม่ได้งอน)

"โอเคๆพี่พาไปหาอะไรกิน"มันยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ก่อนจะเกี่ยวคอผมเข้าไปกอดแล้วพาออกเดิน โดยมีลูกน้องมันเดินตามอยู่ข้างหลังเงียบๆ

"คิดว่าของกินจะซื้อกูได้หรือไง"ผมขมวดคิ้วถามลูคัสเสียงเข้ม

"ของหวานด้วยเป็นไง?"มันหันมายิ้มกว้างโชว์ฟันให้ผม รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ

"กูยอมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ!"สุดท้ายเลยยอมๆลงให้ก่อน ขี้เกียจงี่เง่าเว้ย(?)

"ครับๆ"

ลูคัสพาผมมาทานอาหารร้านบรรยากาศดีร้านหนึ่ง โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นชาวต่างชาติ

เราสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะเผื่อๆเกรย์ที่กำลังเดินทางมา ระหว่างรอนั้นผมก็ทานไอศกรีมกระทิลอดช่องและน้ำมะพร้าวปั่นนมสดรอไปพลางๆ

กึก! อยู่ๆลูคัสก็วางแก้วน้ำลงกับโต๊ะเสียงดังผิดนิสัย นัยน์ตาคมกริบดุจเหยี่ยวตวัดมองไปที่โต๊ะข้างๆด้านขวามือผม ผมหันหน้ามองตามสายตาลูคัสแล้วก็ไปประสานสายตากับชายชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว เขาฉีกยิ้มให้ผมอย่างเปิดเผย ผมก็ยิ้มตอบกลับไปนิดๆเป็นมารยาท แต่...

เพล้ง! ชายแปลกหน้าคนนั้นสะดุ้งแล้วเสหน้าหลบสายตาผมไปอีกทาง

ผมหันกลับมามองต้นเสียงที่ดังขึ้น พบแก้วแตกอยู่ข้างๆเท้าลูคัส ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึง นัยน์ตาสีเขียวเข้มแวววาวไปด้วยความหงุดหงิด

ผมหายใจติดขัดขึ้นมานิดๆ รู้ว่าถ้ามันหงุดหงิดคนที่จะโดนก่อนใครก็กูนี่แหละ

"ลุคพี่ชิมน้ำมะพร้าวปั่นกูไหม อร่อยนะ"ผมยื่นลูกมะพร้าวที่มีน้ำมะพร้าวปั่นอยู่ข้างในให้ลูคัส นอกจากมันจะไม่รับแล้วยังเอ่ยบอกกับผมเสียงเข้ม

"มานั่งด้านนี้กับพี่"

"แต่ว่า..."

"เดี๋ยวนี้"จบคำสั่งมัน ผมก็ลุกขึ้นปึงปังอย่างไม่พอใจเดินไปนั่งด้านเดียวกับมัน แล้วยังทำตัวยุ่งยากให้ผมเข้าไปนั่งด้านในอีกนะ ดีที่มีวิวทะเลสวยๆให้ดู

"น่าจะสั่งปิดทั้งร้านซะก็สิ้นเรื่อง"มันบ่นพึมพำในลำคอทำให้ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

ผมหงุดหงิดขึ้นมานิดๆแต่ก็พยายามกดไว้ เลยจ้วงตักไอศกรีมกินดับร้อนในอกอย่างเอาเป็นเอาตาย

ไม่ถึง5นาทีต่อมาเกรย์ก็เดินทางมาถึงร้านพร้อมๆกับที่อาหารเสิร์ฟครบพอดี

"เป็นอะไรกันวะ คนหนึ่งก็หน้ายับ อีกคนก็หน้าตึง"เกรย์เอ่ยถามออกมาอย่างงงๆ เขากับโยนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม

ผมไม่ตอบแต่ลงมือทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าแทน ลูคัสเองก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจให้แก่เพื่อนสนิท เขาแกะกุ้งกับปูให้ผมอีกเช่นเคย ผมทานไปได้สักพักก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้น(สงสัยเมื่อกี้จะโมโหหิว)ก็เลยชวนบุคคลร่วมโต๊ะคุยเล่นไปตามนิสัย คุยไปคุยมาก็นึกบางเรื่องขึ้นมาได้

"เกรย์ผมอยากเล่นเจ็ทสกี ไปเล่นด้วยกันนะ"

"ได้สิ แต่สมิธต้องขอคุณพ่อของน้องก่อนนะครับ"เกรย์บอกยิ้มๆทำให้ผมหน้าบึ้งขึ้นนิดๆแล้วหันไปขอ 'คุณพ่อ' คนที่โยหมายถึง

"เล่นนะ"

"มันอันตราย"

"ไม่อันตรายหรอก โตแล้วดูแลตัวเองได้"

"พี่เป็นห่วงอยู่ดี"

"เว่อร์ละมึง มันไม่อันตรายขนาดนั้นหรอก"เกรย์ช่วยสนับสนุนผมอีกแรง

"ไม่เสือก"แต่ก็โดนลูคัสตอกหน้าทำเอาเจ็บหนัก

"เออๆแล้วแต่เลยครับ"เกรย์ยักไหล่ให้แล้วกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ

"อยากเล่นอ่ะ เกิดมาไม่เคยเล่นเลย"ผมเอ่ยขอลูคัสเสียงอ่อน มันเงียบคิดไปนิดก่อนจะยอมพยักหน้า

"ก็ได้แต่ต้องให้พี่สอนเล่นก่อน"

"อื้ม!"ผมพยักหน้ารับรัวๆด้วยความดีใจ และ

"เหอะๆ"มีเสียงหัวเราะแห้งๆของเกรย์ประกอบฉาก

++++++++++++++

ลูคัสพาผมกลับวิลล่ามาเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวรัดรูปก่อนจะสวมชูชีพสำหรับเล่นเจ็ทสกีโดยเฉพาะให้ผม

"แน่นไปไหม?"

"ไม่ พอดีแล้ว"ลูคัสพยักหน้าก่อนจะครีมหลอดสีส้มในกระเป๋ามาทาหน้าให้ผมก่อนแล้วจึงพาผมเดินออกจากวิลล่า ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดๆกับประสบการณ์ครั้งแรกที่จะได้เล่นกีฬาชนิดนี้

จุดที่เจ็ทสกีจอดอยู่ห่างจากวิลล่าที่เราพักไม่ไกลนัก ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่านี่เป็นหาดส่วนตัวของทางโรมแรมที่เราพัก เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงไม่พลุกพล่านน้อย ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนที่ออกมาเล่นน้ำแล้วอาบแดด บรรยากาศดูเป็นส่วนตัวสุดๆ

ผมเห็นเกรย์ขี่เจ็ทสกีเล่นอยู่กลางทะเลไหวๆแล้วรู้สึกอิจฉา อยากขี่ไปเล่นแบบนั้น

เมื่อเดินมาถึงจุดที่เจ็ทสกีจอดอยู่  ลูคัสก็พาผมลงน้ำแล้วปีนขึ้นเครื่อง มันลำบากนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรในที่สุดผมก็สามารถขึ้นมานั่งบนตัวเจ็ทสกีได้สำเร็จ

และไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมาลูคัสก็ขึ้นมานั่งซ้อนได้หลังผมอย่างรวดเร็ว

"เอ๊ะ!?"

"พี่จะสอนมิทตี้เล่นก่อนไง"

"อ้อ"ผมพยักหน้าเข้าใจ ลูคัสขยับตัวเข้ามาชิดผมมากขึ้น แผ่นอกกว้างแนบชิดกับแผ่นหลังผม แขนเรียวแข็งแกร่งสอดเข้าใต้รักแร้ผมไปจับแฮนด์เครื่อง

"บิดกุญแจ แล้วกดสตาร์ทตรงนี้ จากนั้น..."ลูคัสเริ่มสอนแล้วสาธิตให้ดูไปด้วย มันพาผมขี่ไปรอบๆไม่เร็วนัก ก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นคนจับแฮนด์บิดบ้างโดนมีคัสนั่งซ้อนหลังกอดเอวผมไว้ไม่คลาย ผมขับมอเตอร์ไซต์เป็นจึงเรียนรู้ได้ไม่ยาก แปบเดียวเท่านั้นผมก็เริ่มขี่คล่อง

"โห แปบเดียวก็เล่นเป็นแล้วนี่หว่า"เกรย์ที่ขี่เจ็ทสกีมาใกล้ๆแล้วตะโกนแซว ผมจึงตะโกนกลับไปบ้างเพราะเสียงเครื่องมันดัง

"คนมันเก่ง"

"เก่งจริงเปล่า? มาแข่งกันไหมน้องๆ"

"มาเดะ"ผมรับคำท้าให้ว่อง คนอย่างสมิธฆ่าได้หยามได้ แต่แพ้ไม่ได้โว้ยยยย

"โอเค ไปเจอกันที่ริมหาดตรงโยยืนอยู่ก่อนละกัน"

"มิทตี้อย่าดีกว่า"ลูคัสเอ่ยห้ามอย่างเป็นห่วง

"คิดว่ากูจะแพ้เกรย์หรือไง?"

"อืม ถึงจะดูโง่ๆอย่างนั้นแต่มันเก่งกว่าที่เห็นนะ"คือกำลังชมหรือด่าเพื่อนตัวเองวะ

"ไม่สนใจอ่ะ รับคำท้ายเกรย์ไปแล้ว"ผมบอกอย่างเอาแต่ใจแต่ครั้งนี้ลูคัสนี่เงียบไปเลย

"..."

"ไม่เป็นไรหรอก เชื่อใจกันหน่อยดิ"ผมใช้มืออีกข้างลูบมือมันที่กอดเอวผมอยู่เบาๆ ลูคัสถอนหายใจหนักๆแล้วกดจูบที่หลังคอผมแรงก่อนจะยอมเอ่ยปากอนุญาต

"ระวังตัวด้วยนะ"

"อืม"

เมื่อผมขี่เจ็ทสกีมาถึงจุดที่เกรย์บอก ลูคัสก็ยอมลงจากเครื่องโดยให้ผมขี่คนเดียวอย่างอิสระ

กติกาการแข่งขันก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่ใครขี่กลับมาถึงจุดสตาร์ทก่อนเป็นฝ่ายชนะ โดยจุดที่เราต้องไปอ้อมกลับมา เกรย์ใช้ให้ลูกน้องของลูคัสำปทำจุดมาร์กเอาไว้แล้ว

"แล้วคนชนะจะได้อะไร?"การแข่งขันถ้าไม่มีรางวัลก็ไม่สนุกสิ

"นั่นสิ แต่ตอนนี้พี่ยังคิดรางวัลไม่ออกว่ะ"เกรย์ครุ่นคิดอย่างเห็นด้วย

"งั้นผู้ชนะขออะไรจากผู้แพ้ก็ได้หนึ่งอย่างแล้วกัน"ผมบอกออกไป

"โอเค ดีล!"ผมกับเกรย์จับมือกันทำข้อตกลงก่อนที่เราจะขึ้นเจ็ทสกีประจำตำแหน่ง เมื่อได้ยินสัญญาณจากลูกน้องลูคัส เราก็เริ่มออกตัวทันที

เจ็ทสกีเกรย์ขี่นำผมอยู่ประมาณหนึ่งช่วงตัว ทำให้ผมเร่งเครื่องตามเขาอย่างไม่ลดละ จังหวะหนึ่งที่ผมตามเกรย์ทันเพราะเขาชะลอเพื่อเลี้ยวอ้อมหลัก แต่ผมขี่เลยมาไกลเพราะลืมไง!

ผมจึงหักเลี้ยวเจ็ทสกีกระทันหันด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวตามเกรย์ไม่ทัน แต่ด้วยความที่ผมยังไม่ชำนาญเท่าไหร่ เลยกะความเร็วและบังคับไม่แฮนด์ไม่แข็งพอ เจ็ทสกีที่ผมขี่จึงพลิกคว่ำ หน้าผมฟาดเข้ากับส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเครื่องแล้วพลัดตกทะเลทันที

ผมสำลักน้ำหลายครั้ง พยายามจะว่ายขึ้นเหนือผิวน้ำให้ได้แต่ก็ยากเต็มทีเพราะหัวผมเจ็บและมึนเบลอเอามากๆ

ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่สติผมจะล่องลอยออกไปคือผมอยากเห็นหน้ามัน...

++++++++++++++++

Lucas's part

ผมขว้างกล้องส่องทางไกลในมือทิ้งทันทีที่เห็นเจ็ทสกีสมิธกำลังเสียหลักจะคว่ำ ร่างกายผมไปไวยิ่งกว่าความคิด ผมตรงดิ่งไปที่เจ็ทสกีอีกเครื่องแล้วบิดออกไปสุดมือด้วยความร้อนรน กว่าที่ผมจะไปถึงจุดที่เจ็ทสกีคว่ำผมก็เห็นร่างๆหนึ่งนอนคว่ำหน้าลอยคลออยู่ไม่ไกลจากเจ็มสกี

ผมกระโดดลงจากเจ็ทสกีตัวเองไปหาร่างนั้นโดยไม่ต้องคิด พลิกตัวเขาให้โผล่พ้นผิวน้ำ เลือดไหลออกมาทางจมูกสมิธไม่หลุด

"ลุค รีบพาสมิธขึ้นฝั่งไปปฐมพยาบาลเร็ว"เสียงเกรย์ที่เร่งเครื่องมาทางนี้เอ่ยบอก มันช่วยผมเอาตัวสมิธขึ้นเจ็ทสกีอย่างทุลักทุเล ผมรีบขี่พาสมิธขึ้นฝั่งโดยมีเกรย์ขี่ตามมาติดๆ

"เตรียมเอารถออก"ผมสั่งลูกน้องทันทีที่มาช่วยผมอุ้มสมิธลงจากเครื่อง

"อย่าเพิ่งไป กูขอดูอาการสมิธก่อนที่จะไม่ทัน"

"มึงอย่าพูดเหี้ยๆ!"ผมตะคอกใส่เพื่อนด้วยความโกรธจัด กอดร่างของอีกคนไว้แนบอก...สมิธต้องไม่เป็นอะไร

"เชื่อกูหน่อย!วางน้องลงก่อน!"เกรย์ตะคอกผมกลับมาดุดันไม่แพ้กัน

ผมยอมวางสมิธลงบนหาด เกรย์เข้ามาจับชีพจร ถอดชูชีพสมิธออกแล้วแนบหูชิดอกซ้ายสมิธ

"แย่แล้ว"เกรย์พึมพำ แล้วเริ่มใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวาดตรงหน้าอกสมิธ

"เกิดอะไรขึ้น"ผมถามเสียงแข็ง

"กูจะทำCPR สมิธไม่หายใจ" เกรย์เอ่ยบอกพร้อมกับทำการนวดหัวใจให้สมิธทันทีที่หาจุดได้ ผมตังแข็งทื่อ มองดูเพื่อนทำCPRให้เมียโดยที่ผมนั่งอยู่ข้างๆทำอะไรไม่ถูก

"มึงอย่านิ่ง ถ้ากูนวดครบให้ผายปอดให้น้องเร็ว!"ผมได้สติกลับมา นับจำนวนครั้งที่มันนวดหัวใจให้สมิธ พอมันหยุดผมก็รีบผายปอดตามหลักการให้สมิธทันที ผมผายปอดให้สมิธสลับกับที่เกรย์นวดหัวใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน เมื่อผมผายปอดให้สมิธครั้งที่สาม เขาก็เริ่มสำลักน้ำออกมา พวกผมCPR ช่วยสมิธอยู่อีกห้านาที สมิธก็สำลักน้ำออกมาจนหมดและเริ่มหายใจเอง พร้อมกับที่หน่วยพยาบาลจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาถึงจึดที่พวกเราอยู่

ผมรีบให้พวกเขาพาสมิธไปที่โรงพยาบาลโดยที่ผมก็ขึ้นรถพยาบาลตามไปด้วย

ผมจับมือขาวซีดของเขาไว้ตลอด รู้สึกเหมือนหายใจติดขัดอยู่ตลอดเวลา

เมื่อกี้ตอนที่เกรย์บอกว่าสมิธไม่หายใจ

หัวใจผมตอนนั้นเหมือนมันหยุดเต้นตามเขาไปอีกคน....

++++++++++++++++

สมิธอาการปลอดภัยแล้ว เลยทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผมกลับสู่สภาวะปกติ ตอนนี้ผมกำลังนั่งปรับอารมณ์อยู่ที่สวนพักผ่อนของโรงพยาบาล

ครั้งนี้ผมไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเอง ถ้าผมระวังมากกว่านี้ เขาคงจะไม่เป็นอันตราย

ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นกับสมิธ ผมจะกลับมานั่งทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าแค่เมียคนเดียวผมยังดูแลให้เขาอยู่ดีมีสุขไม่ได้เลยหรือ

เรื่องที่เขาเคยถูกแทงก็เพราะความประมาทของผม เรื่องคาร่าก็มีต้นเหตุมาจากผม หรือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้จนผมเกือบจะสูญเสียเขาไปก็เพราะความเลินเล่อของผมเอง

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ผมถึงจะปกป้องเขาได้จากอันตรายทุกอย่าง...ในความเป็นจริงคงทำไม่ได้อย่างนั้น...นอกซะจากขังเขาเอาไว้ซะ

แต่ผมทำไม่ได้เพราะนั่นจะทำให้เขาไม่มีความสุข และนั่นก็จะทำให้ผมไม่มีความสุขเช่นกัน

ยิ่งรักมากก็ยิ่งห่วงมากเหลือเกิน...ถ้าวันหนึ่งไม่มีเขา ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง

"มึง...โอเคไหมวะ"เกรย์ทรุดนั่งลงข้างๆพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้มวนหนึ่ง

"อืม"ผมตอบรับมาแล้วจุดสูบ ดูดนิโคตินเข้าปอดลึกๆแล้วปล่อยควันออกไปในอากาศ

"กูขอโทษนะเว้ย ถ้ากูไม่ชวนสมิธ..."

"ไม่ใช่ความผิดมึงทั้งหมดหรอก ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น"ผมตบไหล่เพื่อนปลอบๆ แม้ในใจจะยังหน่วงไม่หายดี

"ถึงยังไงกูก็มีส่วนผิดอยู่ดีว่ะ"

"แต่ถ้าไม่มีมึงสมิธอาจไม่..."ผมไม่พูดต่อเพราะตัวสั่นขึ้นมาด้วยความวิตก

"น้องไม่เป็นไรหรอก มันหัวแข็งจะตาย"เกรย์พูดยิ้มๆแล้วดูดบุหรี่เข้าปอดบ้าง

"กูห่วงสมิธว่ะ ตอนนี้กูไม่อยากให้สมิธคลาดสายตามาแต่นาทีเดียว"

"มึงจะตามห่วงน้องมันตลอดเวลาเหมือนเป็นเด็กไม่ได้หรอกนะเว้ย เด็กมันจะอึดอัดเปล่าๆ"

"ก็กูรักของกู"

"กูรู้ๆ แต่บางทีมึงก็ต้องปล่อยวางบ้าง"

"กูทำไม่ได้"

"มึงต้องทำ เผื่อใจไว้บ้างเถอะว่ะ ถ้าวันหนึ่งน้องไม่ได้อยู่กับมะ-"

"ไม่มีวัน!กูจะไม่ยอมปล่อยให้เขาไปจากกู"

+++++++++++++++++

"มิทตี้เป็นไงบ้าง"ผมเอ่ยถามสมิธยิ้มๆแล้วเดินเข้าไปจับมือเขา หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากโยว่าสมิธฟื้นแล้วผมก็รีบขึ้นมาที่ห้องพักทันที

"เจ็บจมูก แล้วก็ปวดหัว"สมิธตอบทั้งหน้าตายุ่งๆด้วยหงุดหงิด แต่ถึงกระนั้นก็ดูน่ารักมากในสายตาผม

"เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว"ผมลูบหลังมือพร้อมเอ่ยปลอบเขา

"อื้อ อดเล่นน้ำต่อเลยใช่ไหม?เพราะเดี๋ยวก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว"ปากอวบอิ่มสีชมพูงอนขึ้นหน่อยๆเพราะรู้สึกเสียดาย

"เอาไว้คราวหลังเราค่อยมาเที่ยวกันใหม่"

"ก็ได้"สมิธหันมายิ้มตาหยีให้ผม เล่นเอาผมอดใจไม่ไหวจนต้องก้มลงหอมแก้มและริมฝีปากเขาหนักๆให้หายหมั่นเขี้ยว

"เป็นไงไอ้น้อง ซ่าไม่ออกเลยสิ"เสียงเกรย์เอ่ยแซวสมิธขึ้นบ้าง เขาตีหน้ายุ่งใส่ไอ้หมอแล้วเอ่ยเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

"ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย คราวหน้ามาแข่งกันใหม่"

"ไม่ล่ะ คุณพ่อน้องจะแดกหัวพี่อยู่แล้ว"เกรย์ยกมือส่ายหัวปฏิเสธทันที

"โห่ อ่อนว่ะ"

"จ้าๆ รีบๆหายเร็วๆล่ะ"

ตกดึกคืนนั้นผมให้ลูกน้องกลับไปพัก ส่วนผมจะนอนโซฟาเฝ้าสมิธเอง

ปกติผมเป็นคนหลับยาก ยิ่งได้ยินเสียงกุกกักมาจากทางเตียงสมิธก็ยิ่งทำให้ผมประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเงามาหยุดอยู่ข้างโซฟาที่ผมนอน

"ลุคหลับยัง?"

"ยัง"ผมกำลังจะลุกขึ้นหยิบรีโมทเปิดไฟ แต่สมิธกลับทรุเตัวลงนอนโซฟาตัวเเยวกับผมแทน

"ขอนอนด้วยนะ"เพียงแค่ประโยคเดียวของเขาก็ทำเอาใจผมอ่อนยวบ ผมจึงสอดแขนโอบรัดเขาไว้แทน

"มีอะไรรึเปล่า ทำไมอ้อนจังเลยเรา"ผมเกลี่ยแก้มเขาเบาๆพร้อมกดจูบไปที่หน้าผากมนอีกที

"ตอนนั้น...ที่จมน้ำมันเหมือนกำลังจะตายเลย"

"พี่ไม่ยอมให้มิทตี้ตายหรอก"ผมบอกเขาเสียงเข้มพร้อมกอดกระชับร่างเขามากขึ้น

"อืม...ตอนนั้นน่ะรู้ไหมว่าผมนึกถึงอะไร?"

"ไม่รู้"

"ผมนึกถึงมิเชล...แล้วก็พี่"

"..."

"ผมลืมตาขึ้นมา มีโอกาสได้เจอพี่ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับไม่รู้ว่าแม่ผมไปอยู่ที่ไหน เป็นอยู่ยังไง"

"มิทตี้..."

"ชีวิตคนเราไม่แน่นอนเนอะลุค เราไม่รู้หรอกว่าจะจากโลกใบนี้ไปตอนไหน"

"พี่บอกแล้วไงว่ามิทตี้ต้องไม่เป็นอะไร!"ผมเผลอขึ้นเสียงกลบความกลัวในจิตใจ สมิธเพียงแค่ลูบหลังผมปลอบๆจนผมสงบสติอารมณ์ได้

"ผมรู้ๆ แต่พี่ไม่ใช่พระเจ้านะลุค พี่ปกป้องผมตลอดไปไม่ได้..."ผมอยากเถียงว่ายิ่งกว่าพระเจ้าผมก็เป็นให้ได้ถ้าเขาต้องการ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป

"..."

"วันเกิดผมปีนี้...ผมอยากเจอแม่ ผมขอร้องได้ไหมลุค"สมิธกอดผมแน่นพร้อมซุกหน้าลงกับอกผม ตัวเขาสั่นน้อยๆด้วยน่าสงสาร

"..."

"แค่ครั้งนี้ จะได้ไหมครับ?"น้ำเสียงสมิธฟังแล้วสั่นเครือเหมทอนกำลังจะร้องไห้ สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ใจแข็งต่อไปไม่ไหว

"ได้ พี่จะพามิเชลมาเจอนาย"

"ขอบคุณครับ"เขาผงกหัวกดจูบที่ปลายคางผมก่อนจะซุกหน้าลงกลับอกผมแล้วค่อยๆหลับไแในที่สุด

ในขณะเดียวกันผมกลับไม่สามารถหลับตานอนได้ เพราะในใจได้แต่หวั่นวิตกถึงสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไป

มิเชลคือความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดที่จะทำให้สมิธจากผมไป

ผมไม่กล้าคาดเดาว่าการที่เขาสองคนจะเจอกันในครั้งนี้ ชีวิตผมจะเป็นอย่างไรต่อไป....

+++++++++++++++++++

อาจจะมาวันเว้นวันถ้าเปรมไม่ลืม...
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 18:55:46
มิเชลจะดีกว่าเดิมไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-09-2018 23:43:22
รอพบกับการกลับมาของมิเชล
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-09-2018 13:47:50
ลุคก็ใจดีกับมิตตี้บ่อยๆดิ

น้องจะได้ไม่จากไปใหน
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-09-2018 16:07:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-09-2018 22:26:10
ซนจนเจ็บตัวจนได้นะสมิธ เรื่องมิเชลการที่ลุคกลัวก็แสดงว่ามิเชลต้องมีชีวิตที่ดีแน่ๆเพราะถ้ามิเชลยังเป็นแบบเดิมโอกาสที่จะเอาสมิธกลับไปมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 26][15/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-09-2018 22:54:18
้น้องก็คงอยากจะเจอแม่บ้าง เพราะห่างกันมาหลายปี
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 19-09-2018 21:07:38
คนโปรด 27

หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล ลูคัสก็พาผมกลับกรุงเทพฯทันที

ร่างกายผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะปกติผมเป็นคนแข็งแรงอยู่แล้วทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

แต่ที่ไม่ปกติก็คงเป็นผู้ชายที่ชื่อ ลูคัส ฮาล์น นี่แหละครับ ปกติมันจะไปๆมาๆระหว่างไทยกับต่างประเทศเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อ4ปีที่แล้ว หรือจะพูดก็ได้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่ไหนนานเป็นพิเศษ คือเป็นคนที่ต้องเดินทางไปประเทศนั่นนี่อยู่ตลอดเพื่อทำงานนั่นแหละ

นี่เป็นครั้งแรกที่ลูคัสไม่ได้เดินทางไปไหน เขาอาจไม่ได้ตัวติดกับผมตลอดเวลา แต่ก็นับว่าเราได้อยู่ด้วยกันมากที่สุดในช่วงชีวิตที่รู้จักกันแล้ว

ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอะไร เพียงแค่แปลกใจเท่านั้น

จนถึงวันนี้ก็เกือบ3เดือนแล้วที่ลูคัสไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยเลย

ผมถามมันแล้วนะ แต่มันก็บ่ายเบี่ยงพาผมเปลี่ยนเรื่องทุกที หนักๆเข้าแม่งก็ลากผมขึ้นเตียงเฉยเลย!

ตอนนี้ผมเรียนจบได้เกือบเดือนแล้ว ก็เป็นช่วงพักผ่อนที่เที่ยวเล่นไปวันๆ มีออกไปต่างจังหวัดบ้างและลูคัสก็ติดห้อยสอยตามผมไปด้วยทุกที่นั่นแหละ

ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาผมก็ค่อนข้างเซฟตัวเองขึ้นเยอะ อะไรๆที่ผาดโผนเกินไปก็จะไม่ค่อยทำ(ถ้ายั้งใจได้) ภาพวันนั้นมันยังติดตาก็ส่วนหนึ่งเลยทำให้กลัวๆอยู่บ้าง และอีกส่วนก็คงจะเป็นเพราะดวงตาสีเขียวเข้มที่คอยจับจ้องมองผมอย่างเป็นห่วงอยู่เสมอ

ถึงมันไม่บอกว่าอยู่ไทยทำไมนานขนาดนี้ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้เลยหรอกนะ ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย!

เอาเถอะ!เรื่องนี้เอาไว้ก่อน...ว่าแต่ตอนนี้ทำไมไอ่เหี้ยเซนท์กับไอ้เหี้ยดีถึงยังไม่มาอีกวะ!

อ้อ!ผมคงลืมบอกไปว่าไอ้สองผัวเมียนั่นมันเพิ่งกลับถึงไทยเมื่อวาน วันนี้ผมจึงนัดพวกมันมาทานข้าวเที่ยงด้วยกันเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ(ว่าง่ายๆก็เสือกนั่นแหละ) ละนี่เลทมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วไง กูเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ!

"โทษทีมึง รถติด"พูดถึงผีผีก็มา

"ตอแหล จะโกหกก็คิดข้อแก้ตัวใหม่ๆหน่อยมุกนี้เก่าไปละ"ผมทำหน้าหงิกส่งให้หลังพวกมันนั่งลงแล้ว ไอ้เหี้ยเซนท์เบ้ปากให้ผมนิดๆแล้วยักไหล่

"เออพวกกูตื่นสาย"

"สัส"

"ขอบคุณ"ไอ้เหี้ยดีบอกหน้าตาย

"กูด่า!"

"สั่งไรยังอ่ะ? กูหิวละ"ไอ้ตี๋เอียงคอถาม มันผอมลงนิดหน่อย แม้จะอายุมากขึ้นแต่มันก็ยังดูแบ๊วๆน่ารักเหมือนเด็กมหาลัยอยู่

"ยัง รอพวกมึงมานี่แหละ"

"เออๆงั้นเรียกพนักงานมาสั่ง"หลังจากสั่งเมนูอาหารกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่รอไอ้ตี๋ก็เริ่มเสือกความเป็นไปของผมก่อนเลย

"ทำไมมึงมาคนเดียววะ?"

"แล้วมึงจะให้กูมากับใคร?"ผมเลิกคิ้วถามมันคืน

"อ้าว!ก็เฮียลูคัสผัวมึงไง"โอ้โหผัวเต็มปากเต็มคำมาก เกือบพูดไม่ออกเลยกู

"เดี๋ยวกูถีบหงายหลัง! ผัวเหี้ยไรล่ะไม่มีเว้ย"

"หรา"กูเหลียดน้ำเสียงจีบปากจีบคอของมึงจริงๆไอ้เหี้ยตี๋

"แล้วพวกมึงกลับมานี่จะแต่งกันเลยไหม?"ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมไม่ถามชีวิตความเป็นอยู่พวกมันนะ 3ปีมานี้คอลคุยกันจนเอียนแล้วครับ

"ไม่แต่ง"ไอ้เซนท์

"ทำไม!"ผัวไอ้ตี๋ถามเสียงเข้มก่อนผมอีก

"เราอยู่กันแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ ดีก็รู้ว่าเราไม่มีทางแต่งกันได้หรอก"ไอ้เซนท์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ไอ้ดีนี่หน้าเคร่งเครียดขึ้นมาถนัดตา

"ถ้าป่องอยากแต่งทำไมจะแต่งไม่ได้"

"เราคุยกันแล้วนะดี"น้ำเสียงไอ้เซนท์เริ่มกดต่ำ

"เฮ้ยๆอย่าทะเลาะกันนะเว้ย"ผมรีบห้ามทัพไม่น่าถามเลยกู

"ช่างเถอะ"ไอ้ดีบอกปัดแล้วเสหน้ามองไปทางอื่น แต่ไอ้เซนท์จับหน้าผัวมันให้หันมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มไอ้ดีจนยุบไปข้าง ยังดีที่เราเลือกทานเป็นห้องส่วนตัว

"แต่งก็ได้ ขี้งอนจริงนะเรา"ไอ้เซนท์ง้อผัวโดนการบี้หน้าไปกับแขนล่ำๆของไอ้ดี(ชักอยากมีเหมือนมัน)

"อืม"

"แค่กๆๆๆๆๆ"ผมแกล้งกระแอมทำลายโมเม้นท์หวานๆของพวกมัน

"ส้นตีนกูติดคอมึงเหรอ?"ไอ้ดีด่า แต่ผมเพียงยักไหล่ไม่สำนึกให้มัน ด่าเท่าไหร่กูก็ไม่สำนึกหรอก เรื่องเหี้ยๆงานถนัดกู

"รำคาญไอ้พวกมีความรักจริงๆ"ผมทำบ่น

"อิจฉาก็โทรเรียกผัวมา"

"ก็บอกไม่มี"

"ถ้าเขาอยู่ต่อหน้ามึงจะกล้าปฏิเสธไหมกูถามจริง?"

"กูไม่...."

"คิดดีๆก่อนตอบ"ไอ้ดีพูดขึ้นมาอีกคน

"..."ผมกัดปากนิดๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

"เห็นมะมึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจ"

"แล้วพวกมึงจะมาเซ้าซี้กูทำไมเนี่ย"

"กูอยากให้มึงซื่อสัตย์ต่อตัวเองไง"

"กูไม่มีคำตอบให้พวกมึงหรอก ตัวกูเองยังไม่รู้เลย"

"ถ้าอย่างนั้นมึงยิ่งต้องหาคำตอบ มึงจะเป็นคนไม่มีสถานะไปอย่างนี้เรื่อยๆหรือไง?"

"มึงก็รู้ว่าสถานะกูคืออะไร"

"ถ้ามึงเป็นแค่คนโปรดป่านนี้มึงโดนเฮียเฉดหัวคนเหี้ยๆอย่างมึงทิ้งไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่รักคงไม่มาตามหลงตามเฝ้ามึงเป็นสิบปีขนาดนี้หรอก"แรงไปไหมพ่อ

"กูไม่แน่ใจนี่"

"ไม่ใช่ว่าเขาเคยพูดแต่มึงไม่สนใจเองหรือไง?"ไอ้ดีเริ่มต้อนกูอีกคนละ

"ก็...ก็มันชอบพูดตอนกูไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่"

"ยกตัวอย่างเช่น?"

"ตอนกูเมาและก็ตอน..."ตอนมีอะไรกัน แต่ใครมันจะไปกล้าพูดล่ะวะ!

"และก็ตอน?"ไอ้เซนท์ทำหน้าสงสัย

"หมดแล้วแค่นั้นแหละ"ผมตอบปัดๆไปให้เรื่องมันพ้นจากตัว ถึงจะเป็นคนหน้าด้านแต่เรื่องนี้ด้านไม่ไหวจริงๆว่ะ

"กูไม่เชื่อ"

"วุ้ย!ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง"ไอ้เซนท์หรี่ตามองผมนิดๆก่อนจะแสยะยิ้มออกมา

"กูว่ากูรู้ละ"อย่าบอกนะว่าองค์ไอสไตน์ลงร่างมันอีกแล้วน่ะ รู้ไปซะทุกเรื่องเลย!

"รู้ไม่รู้ก็เรื่องมึง กูไปเยี่ยวละ"ว่าจบผมก็รีบลุกออกไปเข้าห้องน้องหนีมันทันที

หลังจากที่แดก เอ้ย ทานข้าวกันจนพุงจะแตกอยู่รอมร่อ ไอ้เซนท์กับไอ้ดีก็เดินมาส่งผมที่รถ

"คืนนี้มึงว่างป่ะ"ไอ้เซนท์ถาม

"ก็น่าจะว่างแหละ ทำไม"

"คืนนี้มึงออกมาเจอกันที่ร้านดี สัก3ทุ่ม แดกเร็วหน่อยจะได้มอมง่าย"ไอ้เซนท์นัด แต่ประโยคหลังมันพูดพึมในลำคอ

"ประโยคหลัง3ทุ่มมึงพูดใหม่ดิ๊ กูไม่ได้ยิน"

"มาเร็วๆหน่อยก็ดีกูคิดถึงกูนัดพวกไอ้เคลวินไว้ด้วย"

"เออๆ"

"พาเฮียมาด้วยก็ดีนะ"

"มันไม่ไปหรอก"

"มึงชวนแล้วหรอไอ้สัส"

"เอ้า!มึงนิกูก็เดาได้ไง"

"ชวนก่อนเหอะน่า"

"มึงเลิกกลัวมันแล้ว?"แต่ก่อนไอ้เซนท์เจอลูคัสตรงๆไม่กี่ครั้งหรอกครับ แต่ที่เจอทุกครั้งมันก็สั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้าทุกที ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา

"จะพยายามไม่กลัว"หน้ามันซีดลงนิดๆด้วยแหละครับ

"กูว่ามันจะกร่อยพวกมึงกันเปล่าๆ อย่าหาเรื่องเลย"

"เออน่า พามาก่อนค่อยว่ากัน"

"เออแต่กูไม่รับปากนะ"

"เค"มันยกมือขึ้นทำนิ้วโอเค

"บาย"

"บาย"

หลังจากล่ำลาพวกมันเสร็จผมก็ขับรถกลับคอนโดฯ อาจจะแปลกใจกันที่ลูคัสยอมปล่อยให้ผมขับรถเอง ไปไหนมาไหนเองโดยไม่มีการ์ดคอยตาม (หรืออาจจะมีตามแต่ผมไม่รู้ก็ได้) ซึ่งผมเป็นคนขอลูคัสเองตอนที่เรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ ผมไม่อยากให้มันทำเหมือนผมเป็นเด็ก ผมโตแล้วและดูแลตัวเองได้ มันก็ดูไม่ค่อยอยากยอมเท่าไหร่ แต่พอผมเอาแต่ใจหนักมากๆเข้าสุดท้ายมันก็ยอมอยู่ดี

ผมคงไม่ต้องเล่าฉากที่ผมต้องนอนซมเตียงกระดูกสะโพกครากไปหลายวันเพราะมันอยากให้ปลอบใจหรอกใช่ไหม?

แกร็ก! ผมปิดประตูหลังเดินเข้าห้อง ก่อนจะเดินตรงเข้าครัวไปหาน้ำดื่ม ได้ยินเสียงลูคัสคุยโทรศัพท์แว่วๆมาจากทางห้องนั่งเล่น

หมับ! อ๊ะ!

ผมดื่มๆน้ำไปได้ไม่กี่อึก อยู่ๆก็มีแรงกอดรัดมาจากทางด้านหลัง ผมเกือบจะหลุดเสียงโวยวายถ้าไม่ติดว่ามันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

"โยกไปลงทุนของเครือเนลสันสัก2พัน"สองพันล้านเหรียญน่ะครับ

"อื้อ!"แม่งคุยอย่างเดียวไม่เป็นหรือไงนะ ทำไมต้องมาดูดคอกูด้วยเนี่ย

"อืม แวะไปลาสเวกัสด้วยนะ"ติ้ด!

"ปล่อยเลยลุค!"ฟอด! คือนอกจากจะไม่ฟังผมแล้วมันยังยื่นหน้ามาหอมแก้มผมอีก ผมหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับลูคัส ทำหน้าบึ้งๆใส่มัน

"งอนอะไรอีก?"มันถามยิ้มๆ

"ไม่ได้งอนเหอะ"

"หึๆ"

"กินข้าวยัง?"ผมถามพลางลูบผมให้มันไปด้วย

"กินแล้วครับ"

"กับอะไร?"

"ผัดกระเพราหมูสับ"

"กินได้?"ลูคัสเป็นพวกทานเผ็ดไม่ค่อยได้อ่ะครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมสั่งผัดกระเพรามากินในระดับเผ็ดปกติขิงผม มันลองชิมด้วยคำเดียวเผ็ดจนน้ำตาเกือบไหล ทั้งหน้าทั้งปากนี่แดงไปหมด

"สั่งแบบไม่ใส่พริก"จะน่าสงสารอะไรขนาดนั้นวะ

"แล้วมันอร่อยหรือไงนั่น"

"ไม่ค่อยอร่อยเท่าตอนที่กินกับมิทตี้ แต่อันนั้นมันเผ็ดเกิน"

"สั่งเผ็ดน้อยสิ"

"เขาก็ทำเผ็ดอยู่ดี"ก็จริง มันเคยสั่งต้มยำปลากระพงน้ำข้นแบบเผ็ดน้อย แต่ก็ยังเผ็ดมากสำหรับลูคัส

"อืม"

"มิทตี้ก็ทำให้พี่กินเองสิ"มันยิ้มแล้วยื่นมือมาเกลี่ยแก้มผมบางๆ

"ก็ได้"ฟอด!

"เมียพี่น่ารักที่สุด"

"บ้า กูหล่อเหอะ"

"สำหรับพี่ยังไงมิทตี้ก็น่ารักเสมอ"คิดว่าหน้ากูหนาจนไม่รู้สึกอะไรเลยหรอวะ ตัวเท่าควายขนาดนี้พูดได้ไงว่ากูน่ารัก

แต่ก็อดจะรู้สึกเขินๆไม่ได้อยู่ดีว่ะ

"เออๆแล้วแต่พี่เลยครับ"

"หึๆ"มันเกี่ยวคอผมไปหอมแก้มอีกรอบก่อนจะพาเดินออกไปห้องนั่งเล่น

เรานั่งๆนอนๆดูหนังด้วยกันจบไปหลายเรื่อง จนกระทั่งเย็นๆผมก็เริ่มหิว ลูคัสจึงพาผมออกไปทานข้าวนอกบ้าน เราทานอาหารเสร็จประมาณ3ทุ่มกว่าๆ ระหว่างที่ผมกำลังทานสละลอยแก้วอยู่ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นไอ้เหี้ยเซนท์นีทเอง

Rrr Rrr Rrr ติ๊ด!

"เออว่า?"

(เมื่อไหร่มึงจะมาวะ)

"สักหน่อยนี่แหละ"

(มึงทำเหี้ยไรอยู่วะ กว่าจะถึง)

"แดกของหวานอยู่ไอ้สัส กูอยู่ข้างนอกแปบเดียวก็ถึงโว้ย"

(อยู่กับผัว?)

"เออ!"ขี้เกียจเถียงแม่งละ

(ดี พาเฮียมาด้วยนะ)

"ดูก่อน แค่นี้นะเดี๋ยวไป"

(เค) ติ๊ด!

"จะไปไหน?"ทันทีที่ผมวางสาย เสียงทุ้มจากฝั่งตรงข้ามก็ดังขึ้นทันที

"ไอ้เซนท์นัดไปหาที่ร้านไอ้ดี"

"อ้อ"

"กินเสร็จแล้วไปส่งหน่อยนะ"

"..."

"นะครับ"

"อย่ากลับดึกนะ กินเสร็จแล้วโทรมาพี่จะไปรับ"

"อื้อ"

++++++++++++

เราใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากร้านอาหารมาถึงร้านไอ้ดี เมื่อรถจอดสนิทที่ลานจอดรถ ฟินน์ลูกน้องของลูคัสก็ลงมาเปิดประตูรถให้ผม

"กินอย่าให้เมามาก เมาแล้วโทรหาพี่ อย่าไปใกล้คนอื่น อย่าให้คนอื่นมานัวเนีย แล้วก็..."

"สั่งขนาดนี้ลงไปเฝ้าเลยไหม?"ผมเลิกคิ้วถามอีกคนที่สั่งห้ามนู่นนี่นั่นไม่หยุด

"ได้ไหมล่ะ?"

"ก็มาดิ"

"หึ!ไปเถอะเดี๋ยวเพื่อนมิทตี้จะไม่สนุกกัน"มันยิ้มพร้อมขยี้หัวผมเบาๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับความใจดีแบบนี้ของมันเลยวะ รู้สึกเหมือนมันกันตัวเองออกไปเพื่อความสบายใจของผม

ผมจับมือลูคัสออกจากศีรษะตัวเองพร้อมดึงมันลงจากรถด้วยกัน มันมองหน้าผมงงๆนิดหน่อย

"ไปด้วยกันนะ เพื่อนกูชวนพี่ให้มาด้วยกัน"ลูคัสเลิกคิ้วนิดๆก่อนจะยิ้มแล้วยื่นหน้ามาจูบผมหนักๆหลายวินาที

"อื้อ!พอแล้วเดี๋ยวมีคนมาเห็น"ผมดันหน้าลูคัสออก มันยิ้มอารมณ์ดีแล้วจับมือผมเดินเข้าร้าน

ผมเปิดแชทอ่าน ไอ้เซนท์ส่งมาบอกว่าอยู่ชั้น3ห้องใหญ่พร้อมคาราโอเกะขนาด ผมเป็นคนเดินนำมันขึ้นไปแต่เรายังจับมือกันไว้อยู่ ลูกน้องลูคัสเดินตามหลังมาแค่สองคน อีกคนรออยู่ที่รถ

ผมเปิดประตูเข้าไป ข้างในมีเพื่อนสมัยที่เรียนมหาลัยด้วยกันหลายคน นอกจากไอ้ดีกับไอ้เซนท์แล้ว ก็มีไอ้เคลวิน ไอ้เต๋อ ไอ้ฉัตร ไอ้กาย ไอ้แม็ก ไอ้ทัพ แล้วก็รุ่นน้องที่สนิทกับพวกผมอีกหลายคน รวมแล้วก็สิบกว่าคนได้ รู้สึกว่ากำลังจะได้ที่เลย

"ไอ้เหี้ยสมิธมาแล้วโว้ย มาๆหมดแก้วเลยมึง"ไอ้เหี้ยเต๋อจับเหล้ากรอกปากผมตั้งแต่หน้าประตู ผมดื่มอึกๆตามที่มันยกเกือบสำลังอ่ะคิดดู

"กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง"เสียงใครสักคนดังขึ้น

"เสือก!"ผมด่าออกไปบ้าง

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"แล้วพวกมันก็พากันหัวเราะเฮฮากัน แต่อยู่ๆเสียงก็เงียบกริบลงเมื่อลูคัสก้าวเข้ามาในห้องตามหลังผม บรรยากาศที่กำลังครึกครื้นก็หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง

พวกผมเรียนด้านนี้มา บุคคลที่มีผลงานโด่งดังในเศรษฐกิจโลกก็ต้องผ่านตาพวกผมมาบ้าง หนึ่งในนั้นก็มีลูคัส ฮาล์น คนนี้

เพื่อนผมบางคนถลึงตามองลูคัสอย่างไม่เชื่อ บางคนก็ขยี้ตาหนักๆเข้าก็ทรุดตัวนั่งพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อหู

"ใช่ลูคัส ฮาล์น คนนั้นรึเปล่าวะ"สิ้นคำพูดของไอ้กายทั้งท้องก็ดังขึ้นราวกับนกกระจอกแตกรัง

"จะใช่ได้ไงวะ คนนั้นๆจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"

"แต่เหมือนมากเลยนะเว้ยมึง"

"เออ กูก็ว่าเหมือน"

"เจ้าของสโมสรฟุตบอลGGด้วยอ่ะมึง

"แต่เขามากับไอ้สมิธนะเว้ยไม่น่าเป็นไปได้ไหมวะ"

เอิ่ม...นินทาอะไรเกรงใจไอ้คนถูกนินทาที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกมึงนิดนึง

"พอๆไม่ต้องเถียงกัน พวกมึงนี่เสียมารยาทจริงๆ...สวัสดีครับเฮีย"ไอ้เซนท์พูดเป็นภาษาอังกฤษแต่ยกมือไหว้ลูคัสพร้อมส่งยิ้มแห้งๆประจบ

"สวัสดีเซนท์ สบายดีนะ"ยังดีหน่อยที่มันเรียกชื่อเล่นเพื่อนผมแล้ว เมื่อก่อนเรียกมิสเตอร์ก้องเกียรติสิริ ออกเสียงยากขนาดไหนก็พูดอ่ะครับ

"สบายดีครับ เฮียมานั่งก่อนๆ"ลูคัสเดินไปนั่งโซฟาตามที่ไอ้เซนท์บอก ผมกำลังจะเดินตามไปแต่ถูกไอ้พวกเพื่อนเหี้ยดึงตัวไว้ก่อน แม่งอย่างกับเปรตรุมขอส่วนบุญ

"ไอ้เหี้ยสมิธมึงอย่าเพิ่งไป"

"อะไรของพวกมึงเนี่ย"

"คนที่มากับมึงใช่คนที่พวกกูคิดไหมวะ?"

"ใคร?"ผมแกล้งถามคืนทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ จะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะเนี่ย

"เอ๊ะมึงนี่!ก็ลูคัส ฮาล์น ไงวะ"ผมกรอกตานิดหน่อยแล้วเอ่ยบอกพวกมันไป

"เออ!"

"เออนี่คือใช่หรือไม่ใช่ไอ้สัส"

"ก็ใช่สิวะ!"

"เหี้ย!!!"พวกมันร้องเรียกลูกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ผมชักสีหน้านิดๆเพราะรำคาญพวกมัน เลยตบหัวไอ้ทัพที่อยู่ใกล้มือที่สุดระบายความหงุดหงิด

"โอ้ย!พี่ตบผมทำไมเนี่ย"ไอ้จอมทัพร้องทำท่ากุมหัวอย่างเว่อร์

"ตบเฉยๆกูหมั่นไส้ พวกมึงถอยไปได้ละ กูจะไปแดกเหล้า"ผมแทรกตัวออกจากวงเสือกไปหาไอ้เซนท์กับไอ้ดีที่นั่งคุยกับลูคัสอยู่

"ไงล่ะมึงหน้าหงิกมาเชียว"ไอ้เซนท์เอ่ยทัก

"เพื่อนมึงนี่เสือกเก่ง"ผมเหน็บดังๆจงใจให้พวกมันได้ยิน




ขณะเดียวกันพวกมันก็แยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเอง บางคนก็ไปเลือกเพลงจะร้องคาราโอเกะ

"สวัสดีครับพี่ ผมเคลวินนะครับ"ไอ้เคลไม่สนใจเสียงเหน็บผม แต่ยื่นมือมาทำความรู้จักกับลูคัสแทน คนข้างๆผมก็ยืนมือไปจับตอบ

"สวัสดี เรียกผมลุคเหมือนสมิธก็ได้"มันบอกอย่างใจกว้าง ผมหันไปมองมันเผอิญกับที่มันก็มองมาทางผมแล้วยิ้มมุมปากให้พอดี

แล้วกูจะทนดาเมจนี้ไหวเหรอ หันหน้าหนีสิครับ...

หลังจากนั้นภายในห้องก็กลับเข้าสู่ความเฮฮากันเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จักลูคัสเหมือนไอ้เหี้ยเคลอีก

กินๆเล่นๆกันจนล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ผมก็เริ่มกรึ่มๆ(ความจริงคือเมา)

"ลุคคคคค"

"หืม?"

"ซาหนุกป่าวววว"

"ก็ดี"

"มาเจอเพื่อนเค้าเป็นงายบ้าง"

"เป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้"

"โผมดีจาย ที่เพ้มาเจอเพื่อนผมมม"

"ทำไมล่ะ?"

"เพราะเพื่อนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตโผม และเพ้ก้อออเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมเช่นกานนน"

"พี่เป็นมากกว่าส่วนหนึ่งได้ไหม"เสียงอีกคนกระซิบเข้ามาใกล้หูมากขึ้น

"ด้ายซี่ ถ้าพี่เป็นเด็กดี ผมห้ายเป็นท้างชีวิตเลยยย"

"หึๆเด็กดีของพี่"ฟอด!พอหอมแก้มแล้วริมฝีปากมันก็เริ่มลามมาขบปากผม ร่างกายผมเร็วยิ่งกว่าความคิด ขยับริมฝีปากจูบตอบอีกคนอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ผมขยับเบียดชิดริมฝีปากเข้าหาลูคัสมากขึ้น บดจุมพิตใส่ปากซึ่งกันและกันโดยลืมว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน เมื่อมือลูคัสสอดเข้าไปใต้เสื้อและบีบเค้นหน้าอกผมอย่างได้อารมณ์ สติผมที่มีอยู่น้อยนิดก็เริ่มกลับคืนสู่ร่าง

"อ๊ะ!ลุค มีเพื่อน อื้อ"เหมือนอารมณ์ปรารถนาลูคัสจะกู่ไม่กลับง่าย ผมจึงกัดปลายลิ้นอีกคนที่สอดแทรกอยู่ในโพรงปากผมเบาๆ แต่เพียงเท่านี้ก็เรียกเลือดได้แล้ว

ลูคัสชะงัก แต่สุดท้ายก็ยอมถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

"เอ่อ กูว่าจะถามตั้งแต่แรกว่ามึงเป็นอะไรกับคุณลูคัส...แต่ตอนนี้คงไม่ต้องละ"เสียงใครสักคนพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของห้องที่ผมก็ไม่รู้ว่าเงียบกันตั้งแต่เมื่อไหร่

"ได้ไงกูว่าถามเอาจากปากมันตรงๆเลยดีกว่า...ว่าไงสมิธ มึงกับเฮียลุคเป็นอะไรกัน"ไอ้เหี้ยตี๋เซนท์ ผมเม้มริมฝีปากก่อนจะช้อนตามองอีกคนโดยไม่รู้ตัว มันยิ้มพร้อมไล้แก้มผมเบาๆ

"บอกเพื่อนไปสิ อย่างที่มิทตี้อยากให้เป็น"ไม่รู้ว่าเพราะผมเมาหรืออะไรแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูคัสมองผมอย่างคาดหวัง

"..."

"..."

.

.

.

.

.

"ลูคัส ฮาล์น เป็นคนพิเศษของกู"

+++++++++++

ขอโทษที่มาช้าน้าาา ใกล้สอบแล้วเปรมยุ่งมากมายไม่มีเวลาเข้าเว็บอัพนิยายเลยยยย อีก2ตอนจบนะคะ เปรมขออัพตอนต่อไปหลังจากลงขายe-bookก่อนนะคะที่รัก(ขออนุญาตขายของ)❤
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-09-2018 22:48:53
น้องพูดแบบนี้อิพี่ลุคดีใจหางสั่นแน่ๆ555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 19-09-2018 23:14:29
ติดห้อยสอยตามคือไรคะ
ติดสอยห้อยตามหรือป่าวเอ่ย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-09-2018 23:41:45
ต้องให้มอม  :hao3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2018 03:24:05
คนพิเศษแบบไหนหว่า แบบลูกชิ้นเยอะ ๆ ป่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-09-2018 10:41:07
 :mew1: ลุคคงยิิ้มแก้มปริ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-09-2018 01:58:43
โอ้ยยยยสมิธตอบแบบนี้อิพี่ลุคคงยิ้มจนตีนกาขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 02-10-2018 07:58:30
รอไมาไหวแล้ววววว มาต่อ นะๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด : 27][19/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-10-2018 13:55:53
กรีีดดด เป็นคนพิเศษของกู :o8:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[03/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 04-11-2018 14:28:15
อ่านนนน :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 05-11-2018 08:51:20
สวัสดีค่ะทุกคน อย่าเพิ่งปารองเท้าใส่เปรมน้าาา ขอโทษจริงๆที่หายแล้วหายอีก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแต่เปรมเรียนหนักมากจริงๆทั้งโปรเจ็คภาคสนามที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปหมาดๆ การบ้าน สอบ และรายงานที่ต้องส่งทุกสัปดาห์! เป็นนักศึกษาที่ไม่มีวันหยุด ส.-อา. วันธรรมดาไม่เคยได้นอนก่อนตี2 มันเหนื่อยมากจริงๆนะไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำนิยายได้เลย และที่สำคัญคอมเปรมก็พังแม้แต่จะหาเวลาไปซ่อมก็ไม่มีอ่ะ ซึ่งมันทำให้เปรมตรวจนิยายไม่ได้ แต่ตอนนี้โครงการซื้อเครื่องใหม่ได้รับการอนุมัติจากพ่อแล้ว สัปดาห์หน้าก็ถึงจะมีเวลาไปซื้อซึ่งนิยายก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยได้สักที เปรมต้องขอโทษนักอ่านทุกคนมากๆที่ปล่อยให้รอนานขนาดนี้ ถ้าจะโกรธจะทิ้งหรือไม่รอก็ได้เพราะเปรมผิดเอง และขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 05-11-2018 14:30:49
ไม่เป็นไรค่ะ เรายังรออยู่เสมอนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-11-2018 15:44:00
รอจ้ะ เดี๋ยวกลับไปอ่านตั้งแต่แรกรอ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-11-2018 18:35:14
รับทราบจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-11-2018 08:40:19
โอเคครัับ รับแซ่บบบ ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 07-11-2018 00:34:45
รอ แน่น้อนนนน ไม่ทิ้ง คิคิคิคิคิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด :แจ้งข่าวค่ะ[05/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 11-11-2018 17:35:12
ัเข้ามารอน้าาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 25-11-2018 02:45:37
​คนโปรด 28

“ฮิ้วววววว” เสียงโห่แซวดังขึ้นคับห้องจากไอ้เพื่อนๆตัวเหี้ยของผม ลูคัสยิ้มๆไม่พูดอะไรแต่รับชนแก้วเพื่อนๆผมทุกคน ไม่นานทุกคนก็หันไปเฮฮาร้องคาราโอเกะดื่มกินกันต่อ

“อวดผัวเก่ง”ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ตี๋พร้อมชูนิ้วกลางให้มันทั้งสองข้าง

“มึงยิ่งกว่ากูอีก แรดฉิบหาย”ด่ามันคืนไปเล็กน้อย

“กูก็ไม่ได้ว่ากูเรียบร้อยนี่”มันยักไหล่ให้ ผมกำลังจะอ้าปากเถียงมันต่อแต่ลูคัสก็สะกิดแขนเรียกผมไว้ก่อน

“มิทตี้ พี่ออกไปคุยโทรศัพท์แปบหนึ่งนะ”

“อืมๆ”ผมพยักหน้ารับ ลูคัสยิ้มๆแล้วลุกออกไป

“ปกติมึงเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรอ?”ไอ้ตี๋เซนท์ถามขึ้น

“อะไร?”

“ก็เวลาเฮียคุยโทรศัพท์มึงไม่เคยถาม ไม่เคยสงสัยเลยหรอว่าเขาคุยกับใคร”

“มันคุยงาน”ผมตอบออกไปตามที่คิดแทบจะทันที

“ทุกครั้งเลยนะหรอ?มึงจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้คุยอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน นี่กูไม่ได้เสี้ยมนะเว้ย”

“มึงกำลังเสี้ยมกูเลยสัส!!”ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลยนะ แต่ตอนนี้กูเริ่มคิดละ!

“ฮ่าๆๆ มึงไม่คิดอะไรก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องคิดมากไง”ไม่ทันแล้วเพื่อน

“ต่อให้กูคิดกูก็ทำไรแม่งไม่ได้อยู่ดี เคยเช็คโทรศัพท์มันซะที่ไหนล่ะ”ผมเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด เพราะเสียงโหยหวนจากการร้องคาราโอเกะของไอ้เคลวิน

“ลองขอดูดิ ถ้าเขารักมึงยังไงเขาก็ยอมเชื่อกูๆ”ผมละเกลียดจริงกับไอ้คำว่าเชื่อกูๆของมันเนี่ย ทำกูเจ็บตัวมาหลายทีละ

“มิทตี้เป็นอะไร?ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้น”ลูคัสเดินกลับมานั่งข้างผมเมื่อไหร่ไม่รู้ เอ่ยทักผมคิ้วขมวด

“เปล่าๆเวียนหัวนิดหน่อย”

“ไหวไหม?”

“อืม ลุค...ผมขอยืมมือถือหน่อยดิ”

“ของตัวเองล่ะครับ?”

“ไม่อยากใช้ ขอยืมของพี่ไม่ได้หรอ?”ผมเลิกคิ้วถามอย่างใจกล้า ลูคัสเหลือบสายตามองไปทางไอ้ตี๋นิดๆแล้วกระตุกยิ้มมุมปากให้ผมก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือยื่นให้ผม

“รหัสปลดล็อคคือวันเดือนปีเกิดมิทตี้”ผมรับโทรศัพท์ลูคัสมาปลดล็อคตามที่เขาบอก ครั้งก่อนที่ยืมมาถ่ายรูปผมก็ไม่ได้ค้นอะไร แต่คราวนี้ผมค้นทุกอย่างแล้วคือไม่มีแอปพลิเคชั่นที่เป็นโซเชี่ยลมีเดียเลย มีแต่แอปเช็คหุ้นหรืออะไรเกี่ยวกับการงานเขาซะส่วนใหญ่ ประวัติโทรออกมีชื่อผมซะส่วนใหญ่มีบ้างที่เป็นเบอร์โย ส่วนประวัติการโทรเป็นชื่อที่ผมไม่รู้จัก

“ที่โทรมาล่าสุดคือคุณนิโค จากบริษัทอสังหาฯในอังกฤษ ส่วนเบอร์นี้เป็นสายจากบริษัทเนลสัน แล้วก็เบอร์นี้เป็นชื่อย่อของเจ้าของสัมปทานก๊าซธรรมชาติใน...”ลูคัสเอียงตัวมาชิดผมก่อนจะจิ้มนิ้วบนหน้าจอไล่บอกทีละชื่อๆ ผมรีบกดปิดโทรศัพท์คืนให้เขาทันที แล้วยังรู้สึกเขินๆแปลกๆที่ผมทำตัวแม่งอย่างกะผู้หญิงที่ต้องคอยเช็คโทรศัพท์ผัว...ไม่น่าเชื่อไอ้เหี้ยเซนท์เลยจริงๆ

“อ้าว ไม่ดูต่อแล้วหรอ?”

“ไม่เอา พอแล้ว”ผมหันหน้าหนีพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“เช็คได้ ถ้ามันจะทำให้มิทตี้สบายใจพี่ยินดี”ลูคัสเอื้อมมือมาขยี้ศีรษะผมเบาๆ

“ก็บอกว่าไม่เช็คแล้วไง!”ผมเหวี่ยงเสียงใส่ลูคัสกลบเกลื่อนเรื่องน่าอาย

“โอเคครับๆไม่เช็คก็ไม่เช็ค”

“ทีพี่ก็ยังเคยเช็คของผมเหมือนกันนั่นแหละ”ผมจำได้ว่ามันลบไลน์รายชื่อสาวๆที่ผมคุยด้วยทิ้งหมดเลย

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไง...ฟอด!”ลูคัสดึงไหล่ผมไปพิงอกตัวเองก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเร็วๆทีหนึ่งแล้วกอดคอผมไว้หลวมๆ ผมเงยหน้ามองลูคัสนิดๆแต่ก็ไม่ได้ปัดมือมันออก เพียงขยับตัวเอนหลังพิงอกแกร่งให้ถนัดขึ้น

“แฮ่มๆ ขอโทษที่ขัดจังหวะสวีทนะครับ แต่กูขออนุญาตถามว่าวันเกิดมึงที่จะถึงนี้จะจัดที่ไหนครับ”ไอ้ตี๋ถามขึ้นเสียงไม่เบานัก ทำให้คนอื่นๆในห้องหันมาสนใจผมบ้าง

“ยังไม่รู้เหมือนกัน”

“จัดที่นี่ไหมล่ะ?”ไอ้ตี๋เสนอ

“ที่นี่ของมึงหรา ถามผัวมึงละยัง?”

“ของๆกูก็เหมือนของๆป่องนั่นแหละ”ไอ้ดีสปอยเมียสุดจริง

“จบนะ ตามที่ผัวกูบอกเลย”

“กูเกลียดความลอยหน้าลอยตาของมึงฉิบหายไอ้ตี๋”ผมโน้มตัวไปดีดหน้าผากมันด้วยความหมั่นไส้

“โอ้ย!ดีดูมันแกล้งกู”

“สมิธ!มึงอย่าแกล้งมัน”ไอ้ดีปรามผมดุๆ ดีนะไม่ลุกมาต่อยปากกู

“สำออยเกินไปละไอ้ตี๋”

“ก็กูอ่อนแอ”มันทำท่าบิดตัวไปมา

“เดี๋ยวกูถีบ เลิกทำเหอะกูจะอ้วก”

“ฮ่าๆๆ ตลกว่าไงครับเฮีย”ไอ้เซนท์หันหน้าไปถามลูคัสแทน

“อ้าว!ไม่ถามกูแล้วอ่ะ?”

“ถามเฮียอ่ะถูกแล้ว ถ้าเฮียไม่ให้มึงคิดว่ามึงจะได้มาเหรอ”

“ทำไมกูจะมาไม่ได้”

“แน่ใจ?”เสียงลูคัสกระซิบถามข้างหู

“ไหนบอกจะตามใจ”

“พี่ก็ตามใจมิทตี้ตลอด”ลูคัสบีบจมูกผมเบาๆเหมือนหมั่นเขี้ยว

“หึ!ให้มันจริง”

“สรุปจัดที่นี่นะ เดี๋ยวกูจัดการให้มึงเอง”

“เออ เต็มที่เลย”

“ว้าวๆป๋ามิทก็มาว่ะ”เสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น

“ผัวมันจ่ายเหอะ”

“ไอ้เหี้ย”อวยพรมันไปอีกคำ

“หรือไม่จริง?”

“…”แล้วทำไมทุกคนต้องเงียบเพื่อฟังกูด้วยเนี่ย

“เอออออ แดกได้เต็มที่ผัวกูจ่าย พอใจยัง!!!”

“เฮ้ๆๆวันเกิดไอ้สมิธเฮียเลี้ยงว่ะ”

“ผัวทุ่มชะมัดเลยว่ะ วู้ๆๆ”

“ได้แดกเหล้าฟรีอีกแล้วโว้ย!!”

...และอีกหลายสารพัดประโยคไม่น่าออกอากาศจากไอ้พวกเพื่อนหลายยำ!!!

+++++++++++++++++++++

ผมกลับถึงห้องประมาณตี 3 กว่าๆในสภาพมึนเมาเล็กน้อย...ลูคัสกำลังลากผมเข้าห้องนอนอย่างทุลักทุเล คือพอรู้เรื่องบ้างนะแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยว่ะ!

“มิทตี้นิ่งๆก่อนอย่าเพิ่งนัวเนียครับ”

“อื้มมม ง่วงงงงงง”

“เดี๋ยวจะไม่ได้นอนเพราะเลื้อยนะที่รัก”

“จะทำอะไรเค้าอ๋ออออ?”

“คิดว่าเราควรทำอะไรกันดีล่ะหื้ม?ฟอด!!”ข้างขมับผมถูกหอมหนักๆจากอีกคน ไวเท่าความคิดผมก็เกี่ยวคอเขเข้ามาใกล้แล้วแนบริมฝีปากชิดกับปากบางอีกคน ราวกับสติของลูคัสได้ขาดลงในวินาทีนั้น เขาอุ้มผมขึ้นขณะที่เรายังบดจูบใส่กันสองขาผมเกี่ยวเข้าที่เอวสอบโดยอัตโนมัติ ขายาวของลูคัสนำพาผมเข้าสู่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว

ผมไม่รู้ตัวเลยว่าอีกคนปลดเปลื้องเสื้อผ้าเราสองคนออกจากตัวตอนไหน แต่สติเริ่มกลับมาก็ตอนที่อีกคนขยับกายเข้าออกในตัวผม ความเสียวกระสันแล่นปราดไปทั่วร่างยันสมองเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง

“อ๊ะ อื้อ ลุค พี่ลักหลับกูหรอ อ๊า!”

“มิทตี้ยังไม่หลับ พี่ไม่ถือว่าลักหลับนะครับเด็กดื้อ จุ๊บ!”แล้วมันก็โน้มตัวมาจุ๊บเหม่งผมก่อนจะสอดกายเข้ามาลึกยิ่งกว่าเดิมจนผมเผลอร้องครางระงมออกมาอย่างน่าอาย

“แต่ผมยัง อ๊ะ! ไม่อนุญาต อื้อออ!”

“งั้นพี่ไม่ทำต่อดีไหมเพราะมิทตี้ไม่อนุญาตให้ทำ”ผมเผลอชักสีหน้าใส่ลูคัสโดยไม่รู้ตัว แม่งมาเสือกจะหยุดอะไรตอนนี้วะเนี่ย

“อย่ามากวนได้ป่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องทำอีกตลอดไปเลย!”

“โอ๋ๆไม่งอนนะ พี่ขยับแล้วนะครับ”ลูคัสขยับสะโพกอีกครั้ง ทำให้ความเสียวซ่านที่ค้างเติ่งเมื่อกี้เริ่มวิ่งวนไปทั่วกายอีกครั้ง เลือดผมสูบฉีดหนักขึ้น หัวใจก็เต้นรัวเร็ว จังหวะที่ลูคัสกระแทกลงมาถี่รัวราวกับร่างกายถูกไฟฟ้าอ่อนๆช็อตเป็นระลอกๆ ผมเสียวซ่านจนถึงขีดสุดจนกระทั่งปลดปล่อยออกมาโดยที่มือไม่ได้แตะต้องกลางกายเลยแม้แต่น้อย

“แฮ่กๆ อื้อออ”

“ไม่รอพี่เลย”

“ก็มันเสียว”ผมตอบออกไปตามตรงด้วยความเหนื่อยหอบ

“น่ารักอีกแล้ว จะให้พี่หลงไปถึงไหนหื้ม?”ลูคัสโน้กายมาหอมข้างขมับผมทั้งสองข้าง ผมจึงใช้แขนเหนี่ยวต้นคอเขาไว้แล้วรั้งมาจูบปากกันอย่างดูดดื่ม ผมเป็นคนเริ่มสอดลิ้นเข้าไปในโพรางปากลูคัสก่อน ลิ้นเราเกี่ยวพันสลับกันอย่างเร่าร้อน ริมฝีปากผมถูกอีกคนจูบดูดแรงๆด้วยความหื่นกระหายตามอารมณ์ดิบเถื่อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนล่างของลูคัสก็ขยับเข้าออกหนักหน่วงเล่นเอาผมจุกท้องน้อยไปหมด

พั่บๆๆๆๆ

“อื้อ! ลุคเบาๆ อ๊ะ!จุก!”

“พี่ขอโทษ ทนอีกนิดนะเด็กดี ใกล้แล้ว...ฮืม!”ลูคัสครางต่ำในลำคอ เขาเคลื่อนริมฝีปากมาดูดต้นคอผมแรงๆจนเจ็บจี๊ดนิดๆ ลูคัสจับขาผมข้างหนึ่งพาดบ่ตัวเอง ส่วนอีกข้างเกี่ยวเอวสอบเขาไว้ ลูคัสกระแทกหนักๆรัวเร็วขณะเดียวกันมือเรียวก็กอบกุมน้องชายผมที่เริ่มแข็ง ชักรูดรัวเร็วไม่แพ้กัน ผมตาพร่าเบลอร้องครางออกมาเพราะรู้สึกจะเสร็จอีกครั้ง  ไม่นานผมก็รับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ถูกฉีดพ่นออกมาอัดแน่นเต็มช่องทางและผมจึงตัวกระตุกเสร็จตามลูคัสไปติดๆ

“มิทตี้ของพี่น่ารักที่สุด จุ๊บ!”ลูคัสก้มมาจูบผมหนักๆอีกรอบ

“อื้ม พอแล้วลุกออกไปเลย จะนอน!”ผมเริ่มกลับมาเหวี่ยงอีกครั้งเพราะง่วงและเหนื่อยมาก รู้ตัวนะว่าทำนิสัยไม่ดี แต่อีกคนก็ตามใจอ่ะ จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้นะเว้ย

“โอเค จะอาบน้ำไหม?”

“ไม่ไหวแล้ว ง่วงมากๆ”ผมพูดขณะที่ตาหลับลงไปแล้ว สติก็ใกล้จะหลุดเต็มทีทั้งๆที่เหนียวตัวมาก

“พี่จะเช็ดตัวทำความสะอาดข้างในให้จะได้หลับสบายไม่ปวดท้องด้วย มิทตี้หลับเลยก็ได้”

“อืม ขอบคุณ”

“ฝันดีครับที่รักของพี่”

++++++++++++++++++++++

คิดถึงงงงงงง ขอโทษทุกคนมากๆนะคะที่หายไปนาน ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเอาเป็นว่าก็คำตอบเดิมๆคือเปรมเรียนหนักมากกกก และงานเยอะมากกว่า ฮ่าๆๆ ตอนแรกว่าจะมาลงหลังจากที่ลงอีบุ๊คแล้ว แต่อีกบุ๊คเปรมไม่เสร็จสักทีแบบว่าอยากเปลี่ยนหลายอย่างเพราะเป็นคนหลายใจอยากใส่ทุกอย่างที่คิดออกแต่ไม่ค่อยมีเวลาไงเลยเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนน่าจะไปจบที่สิ้นเดือนแทน เปรมก็ไม่อยากให้คนอ่านรอแล้วแหละค่ะ และเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช้า เปรมจะลงตอนพิเศษให้อ่านกันฟรีอีก1ตอนหลังตอนจบนะคะ อยากอ่านช่วงเวลาแบบไหน คู่ใครก็ได้ สามารถเม้นบอกเปรมได้นะคะ...รัก...เปรม
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-11-2018 03:07:50
มิทตี้ คนอวดปัว  :mew4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2018 03:30:56
มีหลัวใจป้ำมันดีแบบนี้นี่เอง555
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-11-2018 03:40:26
 :mew1: เฮียกับมิทตี้มาแล้ว สมาชิกคนอวดผัว-อวดเมีย มาครบค่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-11-2018 07:42:28
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-11-2018 11:18:09
ยอมความรวย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:28][25/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 26-11-2018 13:06:25
ความหลงเมียนี้คืออัลไลลลลล
เอาความโฉดคืนมาาาา5555
.
กราบเช้ากราบเย็นเมียก็ดีนะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 30-11-2018 04:34:21
​คนโปรด 29

“อื้อ!ลุค เบาแรงหน่อย อ๊ะ!ผมเจ็บ”ผมดันหน้าท้องแกร่งที่กำลังขยับเข้าออกในตัวผมอย่างดุดันให้เบาแรงลง ลูคัสผละออกจากการดูดต้นคอผมมาจูบลงที่หน้าผากผมหนักๆแทน เขาขยับสะโพกช้าลงก่อนจะพลิกตัวลงนอนข้างล่างแล้วจับผมให้ขึ้นนั่งทับบนตัวเขาแทนโดยที่ส่วนนั้นของเราก็ยังเชื่อมกันอยู่

“อ๊า!” ผมครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อส่วนกลางกายของลูคัสไถลลึกเข้ามาจนสุดช่องทาง

“ขยับให้พี่ทีเด็กดี” เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า มือเรียวบีบเค้นไปตามสะโพกและบั้นท้ายผมอย่างได้อารมณ์ ผมส่ายหน้าที่แดงซ่านปฏิเสธเพราะไม่กล้าและรู้สึกอาย

“ทำไม่เป็น”

“ขยับเหมือนที่มิทตี้เคยทำกับพี่ตอนเด็กไงครับ” ผมตวัดสายตาเหวี่ยงๆใส่ลูคัสพร้อมฟาดมือใส่หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอนๆของเขาไม่เบานัก

“ไม่เอา จำไม่ได้แล้ว” ผมว่าพลางขยับจะถอนตัวออกแต่อีกคนกลับจับสะโพกผมตรึงไว้แน่น

“พี่ช่วยสอน”ว่าจบมือเรียวก็จับสะโพกผมยกขึ้นสูงจนท่อนเนื้อแข็งแกร่งเกือบจหลุดออกจากตัวผม ก่อนจะจับตัวผมกดลงเร็วๆจนสุดทาง

“อื้ออออ!”ผมกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงน่าอายไม่ให้หลุดออกมา

“เสียวไหม?”ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าให้เขาแทน “ลองขยับเองดูนะเด็กดี” ลูคัสเกลี่ยแก้มผมไปมาพร้อมยิ้มให้บางๆ ราวกับตัวผมถูกมนต์สะกดจากเขา มือทั้งสองข้างผมค้างไว้ที่หน้าท้องแกร่งเขา สะโพกเริ่มขยับขึ้นลงเองโดยที่อีกคนไม่ได้นำพา เร่งจังหวะจากช้าๆเป็นรัวเร็วขึ้นตามพายุอารมณ์ที่พัดโหม บางจังหวะผมถึงกับหมุนควงสะโพกใส่แท่งเนื้ออวบใหญ่ของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ผมทิ้งตัวลงครั้งสุดท้ายพร้อมปลดปล่อยออกมา

ลูคัสใช้นิ้วปาดน้ำรักผมที่เปรอะเปื้อนไปทั้งแผ่นออกของเขาเข้าปากตัวเองด้วยท่าทางที่ดู...เซ็กซี่มากๆ ร่างสูงยกตัวผมออกจากกายแกร่งที่ยังแข็งค้างอยู่ เขาจับผมนอนคว่ำก่อนจะรั้งสะโพกผมขึ้นสูงจับขาผมถ่างออกจากกันแล้วแทรกตัวเองคั่นกลาง ไม่นานสัมผัสเปียกชื้นนุ่มนวลก็แตะวนบริเวณรอยจีบทางเข้า ผมขมิบด้วยความเสียวสยิวเมื่อลงลิ้นหนักขึ้น ผมสั่นจนแทบทรงตัวไม่อยู่แต่ยังมีแขนแกร่งรองใต้ท้องไว้ไม่ให้ผมทรุดลงไป

เนิ่นนานจนผมแทบจะเสร็จสมอีกรอบ เขาถึงได้เลื่อนริมฝีปากไปจูบดูดเนื้อซาลาเปาทั้งสองข้าง โดยที่ผมกำลังเคลิ้มๆอยู่นั่นเองลูคัสก็สอดใส่มังกรยักษ์ของเขาเข้ามาพร้อมกระแทกเข้าออกหนักจนผมร้องครางลั่นเพราะเสียวสุดๆ มันกระแทกโดนจุดกระสันผมเน้นๆ มือเรียวของลูคัสก็ชักสาวน้องชายผมไม่หยุด ช่องทางด้านหลังตอดรัดขมิบสิ่งที่กำลังสอดเข้าออกไม่หยุด ผมกระตุกตัวปลดปล่อยออกมารดเต็มที่นอนเป็นรอบที่สี่ของค่ำคืนนี้ ไม่นานคนที่ทาบทับผมไว้ก็ครางต่ำในลำคอริมฝีปากที่กำลังดูดหลังคอผมอยู่ก็ดูดแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บจี๊ดก่อนของเหลวอุ่นร้อนจะพุ่งทะลักเข้ามาเต็มช่องทางของผม สะโพกแกร่งขยับอีกสี่ห้าครั้งแล้วถอนตัวออก ผมทรุดตัวลงกับเตียงทันทีสัมผัสได้ว่ามีของเหลวไหลลงตามง่ามขาเป็นทาง

ลูคัสโน้มตัวมาจูบผมอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ลิ้นร้อนซอกซอนไปทุกที่ในโพรงปากก่อนจะวกกลับมาดูดดึงกับลิ้นผมอีกครั้ง ริมฝีปากบางขบดูดกับริมฝีปากอิ่มจนพอใจก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาหอมแก้มผมแรงๆแล้วกระซิบข้างหู

“สุขสันต์วันเกิดครับที่รักของพี่”ผมปรือตามองนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียง เราทำกันตั้งแต่สี่ทุ่มจนตอนนี้เข้าสู่วันใหม่แล้วและวันนี้ก็เป็นวันเกิดของผม

“ขอบคุณครับ”ผมพึมพำขอบคุณเขาในลำคอด้วยความเพลียจัด ช่วงนี้มีอะไรกันทุกวันเลย ย้ำนะว่าทุกวัน!ผมก็ดันบ้าจี้ยอมมันด้วยไงประเด็น ตั้งแต่วันที่กลับจากเลี้ยงต้อนรับไอ้เซนท์ไอ้ดี ลูคัสก็ตัวติดกับผมเหลือเกิน นัวเนียล่ะที่หนึ่ง พอร่างกายผมโดนเล้าโลมมากๆเข้ามันก็เกิดอารมณ์อ่ะดิ จะห้ามก็ห้ามได้ไม่สุดเพราะผมก็รู้สึกได้ว่าช่วงนี้ลูคัสดูเครียดๆกว่าปกติ พอมีอะไรกันเสร็จมันก็จะออกไปสูบบุหรี่ทีละสองสามมวน สูบเสร็จก็กลับมาทำความสะอาดร่างกายให้ผมทุกครั้ง ผมอาจดูเหมือนไม่สนใจลูคัสก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจนะ พอมันเครียดก็เลยอยากตามใจบ้างแค่นั้นเอง

หลังจากที่ลูคัสเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าให้ผมเสร็จเขาก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอีกรอบ เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ทรุดตัวลงนอนข้างๆพร้อมกอดผมไว้หลวมๆ ผมวาดแขนไปกอดเอวอีกฝ่ายแล้วขยับเข้าไปซุกตัวอุ่นๆของเขา

“ยังไม่นอนอีกหรอหืม?”จมูกโด่งกดหอมกลางกระหม่อมผม

“ยัง”ผมเปล่งเสียงที่ติดจะงัวเงียบอก เพราะง่วงมากแต่ฝืนเอาไว้เพราะมีเรื่องสำคัญที่อยากจะพูดกับเขา

“มีอะไรรึเปล่า?”

“วันนี้วันเกิดผม”

“พี่รู้”

“ของขวัญที่ผมอยากจะขอครั้งแรกจากพี่”

“…”ลูคัสเงียบและผมก็สัมผัสได้ว่าร่างกายเขาเกร็งขึ้นจากปกติ

“ผมเคยบอกพี่ไปแล้วครั้งหนึ่ง”

“ถ้าพี่ไม่ให้”ลูคัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ผมจะถือว่าผมไม่มีความหมาย ไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญกับพะ- อื้อ!”ลูคัสจูบปิดปากผมก่อนที่จะได้พูดจบประโยค จูบนี้เต็มไปด้วยการตัดพ้อและโกรธขึ้ง เขาขบริมฝีปากผมแรงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“นายคือคนที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ อย่าพูดแบบนี้อีก”

“ถ้าอย่างนั้น...”

“ได้ นายจะได้เจอมิเชลตามที่ต้องการ”

“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยบอกเขาด้วยความดีใจพร้อมกอดเขาแน่นขึ้น เมื่อสบายใจแล้วความง่วงก็เริ่มคืบคลานแต่ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราลูคัสก็ได้พูดประโยคหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก...จนกระทั่งได้เจอกับมิเชล

“ไม่ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น พี่อยากให้มิทตี้รู้ไว้ว่าพี่ทำทุกอย่างเพราะรักนาย”

++++++++++++++++

“เอ้า! ชน!!!” เคร้ง!

“สุขสันต์วันเกิดนะมึง มีความสุขมากๆ”

“เบิร์ดเดย์ครับมึง หล่อๆรวยๆยิ่งๆขึ้นไป”

“มีความสุขมากๆนะพี่ สมปรารถนาทุกสิ่ง”

“สมิธมีความสุขมากๆนะขอให้...” ผมรับแก้วที่เข้ามาชนอย่างต่อเนื่องและเอ่ยขอบคุณไปเป็นสิบๆครั้งให้กับทุกคนที่เข้ามาอวยพร ตอนนี้ผมอยู่ที่คลับไอ้ดีที่ปิดเลี้ยงฉลองให้ผมโดยเฉพาะ ผมชนทุกแก้วแต่ไม่ได้ดื่ม ถึงดื่มก็ไม่เมาเพราะผมชงอ่อนมาก วันนี้ผมจะไม่เมาเพราะผมจะได้เจอคนสำคัญที่ผมตั้งตารอ

“สุขสันต์วันเกิดครับพี่สมิธ น้องรันต์ขอให้พี่สมิธมีความสุขมากๆ”ไอ้รันต์ที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้าเดินเข้ามาอวยพรผมพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดเท่าฝ่ามือมาให้ โดยที่มีผัวมันไอ้ทศกัณฐ์ยืนประกบอยู่ข้างๆแบบหวงเมียสุดๆ

“เออขอบใจมากไอ้น้อง...ไงมึง ไม่อวยพรกูหน่อยล่ะ”

“ตามที่เมียกูบอกนั่นแหละ”

“ขี้ลอก”ไอ้น้องรันต์เบ้ปากใส่ผัว เลยโดนไอ้ทศบีบปากไปทีหนึ่ง

“โอ๊ย! พี่สมิธช่วยน้องรันต์ด้วย ยักษ์ทำเจ็บ”ไอ้รันต์หันมาฟ้องผม ผมเลยดึงมันมากอดคอแล้วหันไปด่าไอ้ทศ

“มึงจะทำน้องมันแรงไปนะไอ้เหี้ยทศ”

“กูทำเบาๆเถอะ มึงจะสปอยกันก็ให้มันน้อยๆหน่อย”

“ช่างดิ ไปไอ้น้องมึงไปหาศิษย์พี่มึงกับกูดีกว่า”

“พี่เซนท์จะจำน้องรันต์ได้รึเปล่าอ่ะ?”มันเอียงคอถามแล้วน่ารักมากเลยครับ

“เว่อร์แล้วมึง รูปร่างหน้าตามึงแทบไม่เปลี่ยนไปเลยเถอะ”

“ฮ่าๆๆ งั้นเหรอครับ” ไอ้น้องรันต์หัวเราะเสียงสดใส ผมจึงกอดคอมันเดินไปหาไอ้เซนท์กับไอ้ดีโดยมีไอ้ทศเดินตามหลังมาติดๆ

วันนี้ผมรู้สึกดีใจมากที่เพื่อนสนิทของผมได้กลับมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเราไม่ได้ดื่มกันหนักจนเมามาย ส่วนมากจะคุยเรื่องวันวานหรือไม่ก็เล่าถึงช่วงเวลาที่แยกย้ายกันไปหลังเรียนจบ เมื่อเวลาใกล้ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ไอ้น้องรันต์ก็ถือเค้กเข้ามาและทุกคนก็ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับผม ผมเอ่ยขอบคุณทุกคนอย่างมีความสุขก่อนจะเอ่ยให้ทุกคนปาร์ตี้ดื่มกินกันได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น เวลาที่ผมรอคอยที่สุดก็มาถึง ผมรับโทรศัพท์เอ่ยคุยกับปลายสายไม่กี่คำแล้วหันไปเอ่ยบอกลาเพื่อนสนิทก่อนจะเดินออกจากร้านเงียบๆไปที่หน้าร้านที่มีรถสีดำคันหรูจอดรออยู่ โยยืนรอผมอยู่นอกรถเมื่อผมเดินเขาไปใกล้เขาก็เอ่ยอวยพรผมสั้นๆพร้อมเปิดประตูเบาะหลังให้ ผมแทรกตัวเข้าไปนั่งโดยที่มีอีกคนนั่งรออยู่

ลูคัสดึงผมเข้าไปกอดแน่นพร้อมฝังใบหน้าลงกับซอกคอผมโดยไม่พูดอะไรอยู่นานหลายนาที ผมสอดแขนโอบกอดเขาคืน มือตบแผ่นหลังเขาเบาๆ ลูคัสค่อยๆถอนกอดออกและรถยนต์ก็เริ่มเคลื่อนตัว

“มิทตี้ ก่อนที่จะไปเจอเขาพี่อยากจะขออะไรนายสักอย่างได้รึเปล่า”นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปตามผิวแก้มผมบางๆจนรู้สึกจักจี้ นัยน์ตาสีเขียวเข้มทรงพลังในวันนี้ดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

“อะไร”

“มิทตี้...รักพี่ไหม”

“…”

“ไม่ว่าคำตอบของมิทตี้คืออะไรนายก็ยังจะได้รับของขวัญที่ต้องการเหมือนเดิม...พี่แค่อยากได้ยินความรู้สึกจริงๆของนาย”

“ขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ”ลูคัสทำตามที่ผมบอก เขาขยับหน้ามาชิดจนจมูกเราชนกัน ผมยกแขนโอบรอบคอแกร่งก่อนขยับริมฝีปากไปชิดใบหูเขาแล้วเอ่ยกระซิบไม่ดังไม่เบา

“ผมไม่เคยเลิกรักพี่ เคยรักมากยังไงวันนี้ก็รักมากอย่างนั้น” ร่างสูงกอดกระชับผมแน่นมากกว่าเดิม เอ่ยกระซิบข้างหูผมซ้ำๆย้ำๆ

“พี่ก็รักมิทตี้ รักมากเหลือเกิน”

++++++++++++++++++

ลูคัสพาผมมาที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงในเครือกิจการบ้านไอ้เซนท์ เขาพาผมขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นยี่สิบสาม โดยตลอดทางที่เดินเข้าห้องลูคัสจับมือผมไว้ตลอด

“พี่จะรออยู่ข้างนอก ถ้าเกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ให้เรียกพี่ โอเคไหม?” ผมมองลูคัสอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกแต่ก็ยอมพยักหน้าให้ ลูกน้องลูคัสเปิดประตูไว้รอผมแล้ว เขารั้งผมไปจูบหน้าผากก่อนจะยอมปล่อยให้ผมเดินเข้าห้อง

ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม ผมกวาดสายตามองไปทั่วห้องโถงจนสายตาไปหยุดอยู่ที่หลังโซฟาหนังตัวหนึ่งที่มีศีรษะของผู้หญิงโพล่พ้นขึ้นมา

ผมค่อยก้าวเดินตรงไปหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรงจำต้องกำเสื้อเชิ้ตตัวเองไว้แน่น ทันทีที่สายตาเราประสานกันกลับเป็นผมเองที่พูดอะไรไม่ออก คำพูดมากมายที่อยากจะพูดกลับตื้อไปหมด

นี่ใช่...มิเชลจริงๆงั้นเหรอ?

ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ดูแก่กว่าวัยสี่สิบต้นๆ ผมที่เคยเป็นสีทองสวยกลับขาวโพลนทุกเส้น ร่างกายที่ผอมจนหนังติดกระดูก ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวยิ่งทำให้ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มดูโทรมและป่วยยิ่งกว่าเดิม

“ไง จำฉันไม่ได้งั้นเหรอลูกชาย”เป็นมิเชลที่เอ่ยทักผมขึ้นมาก่อน ริมฝีปากสีซีดของเธอฉีกยิ้มให้ผม

“มิเชล...เกิดอะไรขึ้นกับแม่” นานกว่าที่ผมจะเค้นเสียงตัวเองเจอ มิเชลค่อยๆลุกขึ้นประจันหน้ากับผมก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทิ่มแทงหัวใจผมเหลือเกิน

“แกเคยห่วงฉันด้วยหรอ?”

“ทำไมผมจะไม่ห่วงแม่”

“ห่วงมากเลยสินะ ในขณะที่ฉันต้องกัดฟันดิ้นรนเพื่อมีชีวิตต่อ แต่แกแค่หายใจอยู่เฉยๆก็สุขสบายไปทั้งชีวิต!”

“แม่ป่วยเป็นอะไร”ผมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูจากสภาพร่างกายมิเชลตอนนี้น่าจะป่วยเป็นอะไรสักอย่าง ไม่ได้เก็บคำพูดแดกดันเธอมาน้อยใจ

“ฉันเป็นมะเร็ง ฉันกำลังจะตาย แกได้ยินไหมว่าฉันกำลังจะตาย!!!”มิเชลตรงเข้ามาเขย่าแขนผมอย่างแรงพร้อมร้องตะโกนออกมาสุดเสียง เธอร้องไห้...ผมก็ร้องไห้

“แม่ต้องรักษาได้สิ แม่ต้องหาย ฮึก...แม่จะไม่ตายหรอก”

“ขนาดผู้ชายคนนั้นหาหมอที่เก่งที่สุดในโลกมารักษาให้ฉัน หมอก็ยังรักษาฉันให้หายไม่ได้เลย!! แค่กๆ”

“ทำไมลูคัสไม่บอกผม ฮึก!”

“เพราะเขากลัวว่าแกจะสนใจฉันมากกว่าเขาน่ะสิ เขาไม่อยากให้ใครสำคัญกับแกนอกจากเขา...เขามันสารเลว เห็นแก่ตัว!”มิเชลสบถด่าลูคัสด้วยความแค้นเคือง

“ผมจะคุยกับเขาเอง”

“คุยแล้วยังไง สุดท้ายพอฉันตายพวกแกก็ไปเสวยด้วยกันอยู่ดี!”มิเชลพูดทั้งน้ำตา  ผมเห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจจนพูดไม่ออก

“ไม่ว่าจะเป็นแม่แกหรือแก พวกแกก็ได้มีความสุขกับคนที่แย่งไปจากฉัน ในขณะที่ฉันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและทุกข์ทรมาน ฮ่าๆๆ”มิเชลหัวเราะเสียงดังทั้งๆที่น้ำตายังไหลพราก ผมก็ได้แต่อึ้งและร้องไห้

“มิเชล ผมไม่เข้าใจที่แม่พูด ฮือ”

“แกไม่ต้องมาทำเป็นใสซื่อ ฮึกๆ แกรู้ดีอยู่แกใจสมิธว่าฉันไม่ใช่แม่แท้ๆของแก เคยเห็นชื่อในใบเกิดไม่ใช่หรอ นั่นแหละคือชื่อของแม่แก พี่สาวแท้ๆที่แย่งแฟนฉันไป ส่วนพ่อแท้ๆของแกก็คือคนรักของฉันที่แม่แกแย่งไปไง!!!” ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ปล่อยให้มิเชลทุบตีระบายอารมณ์ใส่ร่างกายผม

“พอพวกมันเกิดอุบัติเหตุตายก็เหลือแกไว้เป็นมารหัวใจฉัน ฉันเลี้ยงแกเองเพื่อให้พวกมันได้รู้ว่าดวงใจของพวกมันอยู่ในกำมือฉัน ฉันจะทำยังไงกับแกก็ได้!”

“ฮึก ฮืออออ พอแล้วผมไม่อยากฟัง”

“ฉันจะพูด!ฉันยอมลำบากอดทนเลี้ยงแกตั้งแต่สองขวบ สุดท้าย...แกโตมาได้ไม่ทันไรก็แย่งผู้ชายที่ฉันหมายปองไป แพศยาเหมือนแม่แกไม่มีผิด แค่กๆ”

“แม่ยกผมให้ลูคัสเอง ฮือ”

“เขาบีบบังคับฉันต่างหาก แกไปใช้มารยาอะไรตอนที่ฉันไม่อยู่ใส่เขา!เขาถึงได้หลงแกหัวปักหัวปรำ ยอมเสียเงินเป็นสิบๆล้านซื้อแกจากฉัน”

“แม่...ขายผมให้เขาหรอ”ผมเสียใจมากจนแทบเปล่งเสียงไม่ออก ได้แต่ยืนสะอึกสะอื้นร้องไห้เหมือนเด็ก

“ใช่ เพราะถ้าขืนฉันยังดันทุรังต่อไป ตอนนี้ฉันคงไม่มีลมหายใจบนโลกนี้หรอก”

“ฮือออ”

“แม้กระทั่งฉันขายแกให้เขาแล้ว เขาก็ยังห้ามไม่ให้ฉันหายไปจากแก แต่ก็ยังไม่ยอมให้เจอ เรื่องพ่อแม่แกเขาก็ไม่ให้ฉันบอกเพราะกลัวเด็กหน้าโง่อย่างแกจะเสียใจ!!!” มิเชลตัดพ้อออกมาทั้งน้ำตา ผมไม่โกรธเธอเลยสักนิดที่เธอต่อว่าผม ผมได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแต่มิเชลกลับไม่เหลือใครต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

“ทำไมถึงเป็นแกที่ได้เขาไป ทั้งที่ฉันเจอเขาก่อน ฉันรักเขาก่อน!” ผมไม่กล้าพูดว่าผมก็รักเขาไม่แพ้ใคร

“ผมขอโทษ ฮึก”

“ฉันไม่มีวันให้อภัยทั้งแกและก็แม่ของแก พวกแกทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันเกลียดพวกแก! ฮือออ ชีวิตฉันพังก็เพราะพวกแก ฮึกฮือ”มิเชลทรุดลงร้องไห้กับพื้น ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอ กอดร่างบางของเธอไว้ เสียงร้องไห้ของเราดังระงมไปทั้งห้อง

“ผมขอโทษผมยอมทุกอย่างแล้ว ฮึก ไม่ต้องอภัยให้ผมก็ได้แต่อภัยให้มิเกลแม่ผมเถอะนะ”

“ฮึกฮือๆๆ ฉันเกลียดพวกแกที่สุด ฮือออ”

“ผมรักแม่นะมิเชล ถึงแม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆแต่ผมก็รักแม่นะ” ผมร้องไห้กอดมิเชลไว้แน่น เธอกอดผมพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมปวดใจที่สุดในชีวิต

“เลิกรักลูคัส ตัดขาดกับเขาซะ”

++++++++++++++++++++++

ผมอุ้มมิเชลไปนอนที่เตียงหลังจากที่เธอร้องไห้จนสลบ ผมไม่ได้พูดอะไรกับเธอหลังจากนั้น ได้แต่ยกมือปาดน้ำตาลวกๆสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อตัดสินใจได้ว่าควรทำอะไร

 ผมเปิดประตูออกจากห้อง เจอเข้ากับลูคัสที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาเดินมากอดผมแน่นโดยไม่พูดอะไรและผมก็ไม่พูดอะไร เพราะสิ่งที่ผมต้องพูดต่อจากนี้ ผมไม่อยากจะพูดเลย ผมกอดเขาและร้องไห้ไห้ออกมาอีกรอบ

ลูคัสไม่ถามอะไรสักคำ พาผมกลับคอนโดฯ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม พาผมเข้านอน ผมนอนลืมตานิ่งๆบนเตียง ลูคัสนอนกอดผมแน่น สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเปิดปากพูดออกมา

“ลุค”

“มิทตี้ พี่ขอร้อง”น้ำเสียงเขาทั้งเว้าวอนและสั่นเครือ

“ปล่อยผมไปได้ไหม”ผมพูดในขณะที่น้ำตาผมก็ไหลลงมาเงียบๆ

“ไม่!”เขากอดผมแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม

“เราจบกันแค่นี้เถอะนะ”ผมพูดขณะที่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด

“เราจะไม่จบอะไรกันทั้งนั้นทิตี้ พี่ไม่จบ!”

“ผมรักพี่ไม่ได้แล้ว ฮืออ”

“ไม่ต้องสนใจคนอื่น มีแค่มิทตี้กับพี่ก็พอแล้ว”

“ฮึกฮือ ผมเห็นแก่ตัวไม่ได้จริงๆลุค ผมทำร้ายมิเชลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฮืออ”

“มิทตี้ไม่ผิด พี่ผิดเอง พี่เลวเองอย่าโทษตัวเองเลยนะ”เขาจูบขมับผมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ผมผลักเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยได้แต่ร้องไห้จนหลับไป...

+++++++++++++++++

“จะไปไหน”เสียงเข้มของลูคัสดังขัดขึ้นขณะที่ผมกำลังเดินไปทางประตูออกจากห้อง

“ไปหามิเชล”

“มิเชลกลับอเมริกาไปแล้ว”

“พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง มิเชลกำลังไม่สบายอยู่นะ!”

“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหรือตายก็อยู่ที่พี่”เขากำลังขู่ผม

“มึงมันเลวที่สุด!” ผมด่าเขาออกไปด้วยความโกรธ

“ด่าพอใจแล้วก็กลับเข้าห้องไป พี่ไม่อนุญาตให้นายออกจากห้อง”

“ไม่!กูบอกแล้วไงว่าเราจบกัน ปล่อยกูไปไม่ได้หรอ!”

“เลิกพูดจาไร้สาระแล้วกลับเข้าห้องไป!” ผมไม่ฟังเขาแต่หมุนตัวหันไปกระชากประตูห้องให้เปิดออก ยังไม่ทันที่จะได้ย่างเท้าออกจากห้องลูคัสก็ตรงมากระชากให้ผมกลับเข้าไปและปิดประตูเสียงดัง

“พี่พูดให้มันรู้เรื่อง อย่าให้ต้องใช้กำลังลัง”ลูคัสบีบแขนผมแน่นจนรู้สึกปวด ผมกัดฟันแน่นไม่ร้องพยายามแกะมือเขาออกจากตัว

“มึงก็ดีแต่บังคับแล้วก็ใช่กำลัง กูไม่อยากอยู่กับมึงแล้ว มึงทำลายชีวิตกู ทำลายชีวิตแม่กู กูเกลียดมึง!ได้ยินไหมว่ากูเกลียดมึง!!!”

เพี๊ยะ!!!

แก้มผมสะบัดไปตามแรงมือ หน้าซีกขวาชาไปทั้งแถบ รสเค็มปร่าจากเลือดคละคลุ้งอยู่เต็มปาก ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ พยายามคิดหาคำด่าทอมากมายมาด่าอีกคน เขาจะได้เกลียดผม จะได้ปล่อยผมไปจากชีวิตเขาสักที

“กูไม่น่ารักมึงเลย”ลูคัสกัดกรามแน่นไม่ได้ตอบโต้อะไรผมกลับมา เขาลากผมไปขังไว้ในห้องนอน ผมตะโกนด่าทอเขาด้วยคำหยาบสารพัด อาระวาดจนห้องนอนพังพินาศไปหมด สุดท้ายก็ร้องไห้ และเป็นแบบนี้ซ้ำๆอยู่ทุกวัน

ทุกครั้งที่เขาเอาอาหารมาให้ผมทานผมก็จะทำลายทิ้งอย่างไม่ไยดี หนักๆเข้าเขาก็บังคับกรอกปากผม ผมอาระวาดหนักทุกวัน เมื่อไหร่มันจะเบื่อผมสักที

“พี่รักนายมากแค่ไหนรู้บ้างไหม ทำไมถึงมองไม่เห็นความรู้สึกที่พี่ทุ่มเทให้บ้าง!”

“กูไม่สนว่ามึงจะรู้สึกยังไง...กูไม่ไหวแล้ว ปล่อยกูไปสักที!”ผมตะโกนใส่อีกคนทั้งๆที่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด มันเจ็บเหลือเกิน

“พี่ไม่ยอม!...นายไม่มีสิทธิ์ไปจากพี่!ไม่มีวัน!!!”ลูคัสตะคอกผมกลับมาทั้งที่ตาแดงก่ำไม่แพ้กัน เราทะเลาะกันทุกวัน แต่ทุกวันเขาก็จะเข้ามานอนกับผมเสมอทั้งๆที่ผมไม่ยอมนั่นแหละ

วันหนึ่งไอ้ทศกับไอ้รันต์ได้เข้ามาหาผมในห้อง ผมขอร้องไอ้ทศให้ช่วยผมแต่มันก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าปฎิเสธ ผมร้องไห้เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ผมเหนื่อยผมเสียใจและเป็นห่วงมิเชล แต่ก่อนไปไอ้น้องรันต์ก็ทิ้งประโยคหนึ่งให้กับผม

“พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าเขารักพี่มากพอเขาจะทนไม่ได้ที่เห็นพี่เจ็บปวด”

นั่งขบคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจความหมายที่ไอ้รันต์ต้องการจะสื่อ ผมเหนื่อยที่จะพยายามทำทุกอย่างหลังจากนั้นผมก็หยุดอาระวาด หยุดทำลายข้าวของ หยุดด่าทอ กินข้าวที่มันเอามาให้ ยอมให้มันนอนกอด

แต่นับวันผมก็แทบไม่เปิดปากพูดสิ่งใด กินข้าวได้น้อยลงทุกวันเพราะใจมันไม่ไหวร่างกายมันก็เริ่มต่อต้าน กระทั่งแรงจะลุกขึ้นนั่งก็ไม่มี ลูคัสหาสารพัดหมอมาช่วยรักษาผม ฉีดยาให้ผมก็แล้ว อาหารสายยางก็แล้ว ร่างกายผมก็ทรงๆทรุดๆและผอมลงทุกวัน

วันหนึ่งที่ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่เราไม่คุยกัน ลูคัสก็เดินมานั่งข้างเตียงผม ผมในตอนนั้นแม้แต่แรงจะหายใจยังแทบไม่พอ เขาจับมือผมไปจูบ...และก็ร้องไห้เงียบๆอยู่นาน

“อยู่กับพี่ไม่มีความสุขเลยใช่ไหมเด็กดื้อ?”เขายิ้มให้ผมแต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด

“พี่ทรมานเหลือเกินที่ทำให้นายเป็นแบบนี้”เสียงเขาสั่นจนพูดแทบไม่เป็นคำ

“ยิ่งนายเจ็บปวดเท่าไหร่พี่ยิ่งเจ็บปวดมากกว่านั้น ถ้าการที่พี่ปล่อยนายไปจะทำให้นายมีความสุขมากกว่านี้พี่จะทำ...พี่ยอมแล้วมิทตี้ ฮึก พี่ยอมแล้ว”

“นับจากนี้มีความสุขให้มากๆ ดูแลตัวเองและคนที่รักให้ดี” เขาเลื่อนริมฝีปากมาจูบข้างขมับผม “ส่วนพี่จะรักรักนายอยู่ตรงนี้...ตลอดไป”

น้ำตาผมร่วงหล่นจากหางตา เจ็บปวดไม่แพ้เขาเช่นกัน

+++++++++++++++++++

5 ปีต่อมา

“พี่สมิธทานร้านนี้ดีไหมคะ?” ผู้หญิงที่กอดแขนผมอยู่ชี้ไปทางร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งในห้าง ผมชะงักไปนิดเพราะนึกถึงความทรงจำบางอย่าง

“ได้ครับ”

“แฟนปริมใจดีที่สุดเลย><”

“หึๆยัยเด็กบ๊องจะดีใจอะไรขนาดนั้น”ผมขยี้ผมคนที่เดินข้างกันจนอีกฝ่ายทำหน้ายุ่ง เราได้ที่นั่งและสั่งอาหารไปสามสี่อย่าง

“ก็นานๆทีพี่สมิธจะมีเวลาให้ปริมนี่นา”

“ก็พี่งานยุ่งนี่นา”

“เด็กหาลัยพวกนี้ใช้งานอาจารย์สมิธหนักขนาดนั้นเลยหรอคะเนี่ย”

“ปริมก็รู้นี่คะว่าพี่ทำงานอย่างอื่นด้วย”

“รู้ค่ะๆก็ไม่เข้าใจว่าคุณแฟนจะขยันอะไรขนาดนั้น”

“พี่ขยันก็ดีแล้ว จะได้มีเงินพาใครบางคนมาทานอาหารแพงๆแบบนี้บ่อยๆไง”

“ฮึ!เหตุผลฟังขึ้นจะยอมยกผมประโยชน์ให้จำเลยก็ได้”

“จ้าๆทานได้แล้ว อาหารเย็นหมดแล้วคุณ”

ผมบอกปริมยิ้มๆแล้วเราก็เริ่มทานอาหารกัน ปริมหรือปริมประภาเป็นแฟนสาวที่ผมคบมาได้เกือบสองปีแล้วครับ อืม...รู้สึกว่าสกิปไทม์ไลน์ตัวเองไปเยอะเหมือนกัน เอาเป็นว่าผมจะเล่าสั้นๆเลยละกัน

ตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาคนนั้นปล่อยผมออกจากชีวิตเขาแล้ว เขาก็ไม่ยอมโผล่มาให้ผมเห็นแม้แต่เงา ขนาดชื่อก็ยัไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ผมรักษาตัวอยู่นานนับเดือนถึงได้แข็งแรงขึ้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผมได้ข้อมูลของมิเชลมาจากไอ้ทศ ไปตามหาเธอที่อเมริกาและตัดสินใจดูแลเธอในช่วงบั้นปลายสุดท้ายของมิเชล และมิเชลได้จากผมไปเมื่อสามปีก่อน ช่วงนั้นผมเรียนปริญญาโทอีกใบที่อเมริกา พอมิเชลเสียผมก็บินกลับมาหาเพื่อนที่ไทย และได้มีโอกาสกลับมาสอนคณะเดิมที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดิมด้วย ผมเจอปริมในงานอะไรสักอย่างของคณะ เธอเข้ามาจีบผมก่อน ตอนแรกผมยังไม่อยากมีใคร แต่เพื่อนหลายๆคนก็อยากให้ผมลองเปิดใจดู...เพราะผมก็อยู่คนเดียวมานานแล้ว ควรจะมีใครสักคนเข้ามาเติมเต็มในชีวิค

ปริมเป็นผู้หญิงที่ดีมาก เธอดีกับผมจากใจจริงตั้งแต่เมื่อก่อน เธอรู้ด้วยซ้ำว่าผมเคยคบกับผู้ชายและยังมีบาดแผลที่ใจ เธอไม่เคยมองอดีตผม ไม่เคยพูดถึงมันและพยายามจะเข้ามาในหัวใจผมจากใจจริง มันทำให้ผมอยากจะลองรักและเปิดใจให้เธอจริงๆ จนตอนนี้เราก็คบกันมาได้นานกว่าที่คาด และผมคิดว่าอีกไม่นานผมจะสามารถรักเธอได้ด้วยหัวใจจริง

“ปาร์ตี้สละโสดพี่ทศกัณฐ์กับพี่รันต์ปริมคงไม่ได้ไปนะคะ”

“อ้าว!ทำไมล่ะตอนแรกปริมก็รับปากพี่แล้วนี่นา”

“ปริมเพิ่งรู้ว่าคุณหมอนัดตรวจแม่ปริมช่วงนั้นพอดีน่ะสิคะ”แม่ปริมเป็นโรคหัวใจครับ

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม แล้วเราค่อยตามไปทีหลัง”

“ไม่ต้องค่ะๆ พี่สมิธไปสนุกกับเพื่อนเถอะ”

“แน่ใจนะ?”

“แน่ใจที่สุด”

“โอเคครับ”

+++++++++++++++++++++++

1 สัปดาห์ต่อมา

ปาร์ตี้สละโสดไอ้ทศไอ้น้องรันต์จัดขึ้นที่เกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งของไอ้ดีในภาคใต้ของประเทศไทย ก็คือว่าพวกมันสองคนจะแต่งงานกันเดือนหน้าอ่ะครับ เพื่อนๆก็ว้อนท์หาเรื่องเจอหน้าแดกเหล้ากันตามปกติ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ปาร์ตี้นี้มีคนมาร่วมประมาณ30คนเพราะเอาแค่ที่สนิทกับสองคนนั้นจริงๆ เราดื่มกินกันตามปกติ ผมลุกออกไปคุยโทรศัพท์หาปริมในช่วงดึกๆ ตอนที่กำลังจะกลับเข้าไปในปาร์ตี้ต่อ ผมเห็นไอ้ทศยืนกอดไอ้รันต์แน่นอยู่ใต้ต้นไม้ ก็คิดว่ามันมาสวีทกันปกติ ถ้าไม่ติดว่าไหล่ของไอ้ทศกำลังสั่นเทิ้มอย่างหนักและไอ้รันต์ก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมลูบหลังปลอบไอ้ทศไปมา

ผมรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติก็ตอนได้ยินเสียงมันพูดกับไอ้รันต์

“เขาจากพี่ไปแล้ว...เขาไม่อยู่กับพี่แล้ว” ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ทั้งคู่ และไอ้รันต์ตาเบิกกว้างอย่างตกใจที่เห็นผม ผมกระชากไอ้ทศให้หันกลับมาเผชิญหน้า มันตาแดงก่ำเพราะร้องไห้จริงๆ

“ที่มึงพูดหมายถึงอะไร”

“…”

“ไอ้ทศกูถาม!”

“พี่สมิธน้องรันต์ว่า-”

“ไอ้รันต์มึงเงียบ!”

“มึงอย่าพาลใส่เมียกู!”ไอ้ทศกระชากเสื้อผมอย่างแรง

“ยักษ์!อย่าพาล!”ไอ้รันต์ร้องห้ามและพยายามแกะมือไอ้ทศออกจากเสื้อผม

“ถ้ามึงยังอยากเป็นเพื่อนกู อย่าถามกูเรื่องนี้อีก”ไอ้ทศปล่อยคอเสื้อผมออกและกำลังจะหมุนตัวเดินจากไป

“กูยอมขาดกับมึง...บอกกูมาว่าที่มึงร้องไห้เป็นเพราะอะไร”ผมกำหมัดแน่นเอ่ยกับมันด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดไม่แพ้กัน ไอ้ทศเงียบไปนานมาก ก่อนมันจะหันหน้ากลับมาบอกผมทั้งๆที่ตาแดงก่ำ

“เขาห้ามกูบอก แต่ถ้ามึงอยากรู้นักกูจะบอกก็ได้”

“…”

“พี่กู...ตายแล้ว”

สิ้นคำพูดไอ้ทศร่างกายผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ราวกับว่าสมองมันปิดสวิซไปซะเฉยๆ พี่ไอ้ทศงั้นหรอ...ไม่จริงใช่ไหม เขาจากไปแล้วงั้นหรอ ทำไมผมถึงได้เสียใจขนาดนี้ล่ะ ทำไมผมถึงได้ปวดใจมากมายขนาดนี้กันนะ...ผมจะหายใจต่อไปได้ยังไงกัน

+++++++++++++++++++

ตอนหน้าจบ มาวัดใจคนอ่านกับเปรมกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 30-11-2018 09:01:47
เอาตรงๆเลย มิทงี่เง่ามากกก เอาแต่ใจสุด
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-11-2018 09:39:03
 :m15: คิอถือลุคตายจริง คนที่น่าสงสารที่สุดคือลุค ตายโดยที่คนรักไม่เข้าใจ
ส่วนสมิทก้ทรมานต่อไปเถอะ สะใจดี :z6:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-11-2018 10:44:14
ทำไมกลายเป็นลูคัสผิดทุกอย่างอ่ะ TT
ที่ผู้หญิงคนนั้นทำก็ผิดอ่ะ
ทำไมไม่คิดก่อนทำอะไรอ่ะมิทตี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 30-11-2018 12:31:07
อ่าว ทำไมมิตตี้ทำตัวแบบนั้นล่ะ ไร้เหตุผลไร้แก่นสารเกินไปรึเปล่า เฮียน่าสงสารเลย
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 30-11-2018 14:45:22
 :a5: :a5: :a5:


อะไร ยังไง ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-11-2018 15:44:46
อารมณ์ของคนทำได้ถึงเพียงนี้เลยหรือนี้  :ling1:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-11-2018 17:44:00
ไม่น๊าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 30-11-2018 22:15:47
เดี๋ยววววววววววววววว   :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 01-12-2018 15:20:08
แงงงงงงง ไม่จริงงงงงงง ไรต์โกหก  :o12: :sad4: :z3:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-12-2018 19:28:17
ทำไม ทำไม  :o12:  :mew6:  :mew4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 01-12-2018 20:45:56
กรอกตาเป็นวงกลมใส่สมิธเลย บ้าบอแท้ๆ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 02-12-2018 00:31:27


*เปรมขออนุญาตแก้ไขช่วงเวลาตอนที่แล้วจาก4ปีเป็น5ปีนะคะ ขอโทษในความผิดพลาดด้วยฮับTT



​[คนโปรด : สุดท้าย]

Lucas’s part

“อาการมิเชลเป็นยังไงบ้าง” ผมเอ่ยถามโยหลังจากที่เพิ่งตรวจงานเสร็จ

“ทรงๆทรุดๆครับ เธอไม่ยอมทำตามที่หมอบอกเท่าไหร่”

“อืม”

“...นายจะยอมให้เธอมาเจอคุณสมิธจริงๆงั้นเหรอครับ”

“ผมปิดตาเขาไม่ได้ตลอดไปหรอกโย อีกอย่างผมอยากเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบและเริ่มต้นกับสมิธใหม่”

“ผมกลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่นายหวัง”

“...ผมจะลองศรัทธาในความรักสักครั้ง”

ในคืนวันเกิดปีที่ 26 ของสมิธ ผมพาตัวมิเชลมายังเมืองไทยเพื่อพบกับสมิธตามคำขอของเขา เธอไม่ยอมพูดอะไรกับผมสักคำและผมก็ไม่มีถ้อยคำจะเอ่ยกับเธอเช่นกัน ผมพาสมิธมาพบกับมิเชลหลังจากที่เขาฉลองกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ทุกภาพทุกถ้อยคำภาพในห้องระหว่างที่สมิธสนทนากับมิเชลผมได้รับรู้ทุกอย่าง สิ่งที่มิเชลพูดออกมาไม่มีสิ่งใดที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่ผมไม่คิดจะเลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งพอได้ยินสิ่งที่มิเชลเอ่ยขอสมิธก็ยิ่งทำให้ผมหวาดหวั่นจนแทบยืนไม่ติดที่

ผมรู้จักสมิธดี ผมเลี้ยงเขามาเองทำไมจะไม่รู้ว่าเขาจะเลือกทำอย่างไรต่อจากนี้ สมิธจิตใจอ่อนโยนเขาจะรู้สึกผิดต่อมิเชลมากจนไม่สามารถปฏิเสธคำขอของมิเชลได้...และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเมื่อกลับมาถึงคอนโดฯเขาก็เอ่ยปากขอเลิกกับผม ใจผมแทบจะขาดลงตรงนั้น มันเจ็บที่ใจมากที่สุดในชีวิต ทั้งๆที่เรารักกันแต่ว่าไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างนั้นเหรอ?

ผมเข้าใจแต่ไม่ยอมรับและยังดันทุรังที่จะยื้อเขาไว้ทุกวิถีทาง แต่ยิ่งนับวันความเห็นแก่ตัวของผมก็ยิ่งทำร้ายจิตใจสมิธขึ้นเรื่อยๆและร่างกายก็คือผลกระทบทางจิตใจ สมิธตรอมใจและร่างกายทรุดอย่างหนักถึงขนาดที่ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ผมพยายามจะรักษาเขาไว้อย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ไม่ว่าจะมองเขาอีกสักกี่ครั้งมันก็ทั้งรักและทรมาน รักของเราคงสุดจะยื้อแล้วจริงๆ ผมจึงเลือกที่จะปล่อยเขาให้ไปทำในสิ่งที่ต้องการ ผมทำร้ายเขาต่อไปไม่ได้และผมก็ไม่สามารถมองเขาตายลงต่อหน้าได้ สิ่งที่ผมทำได้คือจำใจต้องปล่อยมือจากเขา...ต่อให้ผมเจ็บแทบตายdH9k,

ในชีวิตผมร้องไห้ครั้งเดียวคือตอนที่แม่เสียและอีกครั้งก็ตอนที่ต้องปล่อยมือจากคนที่รักมากที่สุดในชีวิต ผมไม่โกรธสมิธที่เขาไม่เลือกผม แต่ผมเสียใจที่ในสายตาเขาผมไม่ได้สำคัญสำหรับเขาที่สุด

ผมผิดเองที่แย่งเขามาจากมิเชลอย่างไม่ถูกต้อง ผิดเองที่ตอนแรกดูแลความรักที่เขามอบให้ได้ไม่ดีและตอบแทนกลับไปอย่างเลวร้าย ผมทำผิดกับเขาซ้ำซากในเรื่องเดิมๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้อภัยและรักผมอยู่เสมอ

เป็นผมเองที่มารักเขาทีหลัง...แต่ผมก็รักเขามากไม่แพ้ใคร

ผมพยายามจะชดเชยให้เขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้...แต่วันนี้มันคงไม่ทันแล้ว

เมื่ออาการของสมิธดีขึ้นผมก็ตัดใจบินกลับรัสเซียไปทำหน้าที่ของตัวเอง ส่งข้อมูลของมิเชลผ่านทศกัณฐ์ไปให้เขา...หวังในใจอยู่ลึกๆว่าเมื่อเขาสามารถปลดพันธะสัญญาต่อมิเชลได้แล้วเขาจะกลับมาหาผม แม้จะเป็นไปได้ยากมากก็ตาม

สองปีหลังจากนั้นมิเชลสิ้นใจด้วยโรคร้าย สมิธบินกลับไปอยู่ที่เมืองไทย ได้ทำงานอยู่ที่นั่นและในปีถัดมาเขาคบจริงจังกับผู้หญิงคนหนึ่ง

ผมไม่แปลกใจที่เขาเลือกเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนแทนที่จะกลับมาหาผม แต่ถามว่าเสียใจไหมก็ต้องบอกว่าเสียใจมาก และผมอาจจะเสียใจมากเกินไปจนทำให้ความเจ็บปวดภายในเริ่มกัดกินจิตใจผม

ผมพยายามจะข่มความคิดร้ายๆที่จะแย่งชิงเขากลับมา ผมไม่อยากให้ความรักที่เขามีให้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง หัวใจผมรับไม่ไหวแล้วจริงๆ

สิ่งที่ผมทำได้คงยินดีให้กับเขาและเฝ้ามองอยู่เงียบๆตรงนี้ ทั้งที่ควรเป็นอย่างนั้นแต่หัวใจผมกลับไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจนึกนัก มันทรมานขึ้นทุกวันและเริ่มขยับช้าลงทุกวัน

ผมไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้เหมือนปกติ เก็บตัวทำงานอยู่ในห้อง วันไหนที่คิดถึงเขามากจนปวดใจจะไม่ไหวก็ได้แต่ดื่มเหล้าแรงๆย้อมใจให้หลับไป ผมเริ่มทำงานได้น้อยลงจนสุดท้ายก็ไม่สามารถทำงานได้เลย

ผมย้ายมาพักผ่อนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บ้านหลังนี้ผมตั้งใจจะชวนสมิธมาอยู่ด้วยกันหลังจากที่เขาเรียนจบ...แต่จนวันนี้เขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นมัน

ผมรู้ตัวว่าผมกำลังป่วยเป็นโรคทางจิตใจ แต่ก็ไม่รู้จะรักษาไปทำไมในเมื่อยาที่จะรักษาผมได้มันไม่มีอีกแล้ว ผมเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ผมยังเป็นห่วงทศกัณฐ์และไอเดนลูกชายบุญธรรมของผม ไอเดนเป็นลูกแท้ๆของคุณตาผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง สามปีก่อนคุณตาติดต่อมาหาผมและฝากให้ผมดูแลไอเดนวัยสองขวบต่อจากเขาด้วย ไม่เกินสามเดือนคุณตาผมก็จากไปด้วยโรคร้าย ผมจึงรับไอเดนมาดูแลต่อ ตอนนี้เขาห้าขวบแล้วและกำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษ ผมพยายามอดทนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานสักแค่ไหน ผมทรมานเหลือเกิน

ในที่สุดวันที่ผมรอคอยก็มาถึง ทศกัณฐ์กำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารัก ผมรู้สึกยินดีกับน้องด้วยหัวใจ เขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อมผมจึงสั่งให้โยเรียกทนายมาหา และเริ่มร่างพินัยกรรมด้วยสติที่ครบถ้วนที่สุด ผมไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ทศกัณฐ์มีคนที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต ส่วนไอเดนเขาต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกสิ่งที่ผมเตรียมไว้ให้เขาจะทำให้เขามีชีวิตที่สุขสบายไปทั้งชีวิต

“นาย...อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”โยเอ่ยกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับจะร้องไห้

“ผมคิดดีแล้วโย”

“ผมขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้แต่นายกำลังป่วยอยู่นะครับ”

“ผมรู้”

“แล้วทำไม...”

“ผมรักเขามากนะโยและเขาก็รักผม ชีวิตคนอย่างผมจะมีสักกี่คนที่จะมารัก ผมอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้และตายไปพร้อมๆกับมันโย”

“…”

“อย่าร้องไห้เพราะผมเลยโย”

“ฮึก”

“ขอบใจมากที่คุณอยู่เคียงข้างผมมาตลอด คุณดีกับผมมากจริงๆ ถ้าผมไม่อยู่ก็จงใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะโยอย่าใจแข็งกับไอ้เกรย์มากนัก หึๆ”

“…”

“จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม อย่าให้เรื่องผมไปถึงหูเขาเด็ดขาด ผมไม่อยากให้เรื่องของผมไปทำให้เขาต้องรู้สึกแย่ อย่าทำให้เขาต้องรู้สึกผิดเพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย”

“นายครับ...ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ ฮึก”

“กลับไปพักผ่อนซะโย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาถึงแล้ว”

“ผมรักและเคารพในการตัดสินใจของนายเสมอ ไม่ว่ายังไงผมก็หวังจะให้นายมีความสุขเสมอ”

“ขอบคุณนะพี่ชาย”โยยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา เขาก้มหัวให้ผมก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

ผมหยิบรูปคู่ที่เคยถ่ายกับสมิธตั้งแต่เขาเด็กจนกระทั่งโต นึกไปถึงช่วงเวลานั้นแล้วมันมีความสุขมากเลย ผมคิดถึงช่วงเวลานั้นอยู่ในใจแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่ผอมแห้งกว่าเมื่อก่อนเลื่อนไปหยิบวัตถุอันตรายในลิ้นชักออกมากำไว้แน่น

“มิทตี้ พี่จะรักนายตลอดไป”

ปัง!

Lucas’s part : end

++++++++++++++++++

หลังจากที่ช็อคจนสลบไป ผมตื่นขึ้นมาในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังในห้องพักของตัวเอง ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักอยู่นานนับชั่วโมง อยู่ๆไอ้ทศก็เปิดประตูเข้ามาในห้องผมเสียงดังพร้อมด้วยไอ้รันต์ ไอ้เซนท์และไอ้ดีที่เดินเข้ามาตามหลัง

“มึงจะร้องไห้คร่ำครวญให้ได้อะไรขึ้นมา”ไอ้ทศจ้องเขม็งมาที่ผมและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ทิ่มแทงหัวใจผมไม่มีชิ้นดี

“ยักษ์!/ไอ้ทศ!”ไอ้รันต์กับไอ้เซนท์ร้องปรามไอ้ทศเสียงดัง

“มันไม่ใช่ความผิดไอ้สมิธคนเดียวนะเว้ย พี่มึงตายแต่มึงจะมาพาลมันไม่ได้”ไอ้เซนท์เดินมาบังผมที่กำลังร้องไห้อยู่และโต้ตอบไอ้ทศกลับไป

“มึงบอกไม่ให้กูพาล แล้วมึงดูเพื่อนมึง!...มันจะมานั่งร้องไห้ทำไมกับสิ่งที่มันเลือกเอง!”ทศกัณฐ์ตอนนี้ดูน่ากลัวอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น แต่สิ่งที่มันพูดก็ถูกต้องแล้ว ผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปร้องไห้หาเขาในเมื่อผมเลือกที่จะทิ้งเขาเอง

“ฮึกๆ”

“ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเอง พี่ไม่ต้องรื้อฟื้นขึ้นมา”เสียงไอ้รันต์ดังขึ้น

“ถ้าเลือกแล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะสิ่งที่ตัดสินใจทำไปแล้วมันเรียกกลับคืนมาไม่ได้...พี่กูไม่อยู่แล้วก็ถือว่าจบกันไป มึงก็ใช้ชีวิตของมึงไปซะ”พูดจบไอ้ทศก็เดินออกไปจากห้อง ไอ้ดีก็ตามไอ้ทศไปติดๆ

“ไอ้ทศมันกำลังเสียใจเลยพาลมึงก็อย่าคิดมาก...ส่วนเรื่องเฮียก็ทำใจเถอะเพื่อน พักผ่อนซะ”ไอ้เซนท์ตบบ่าผมแล้วเดินออกจากห้องไป ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ไม่สามารถทำใจได้ตอนนี้หรอก

“อันที่จริง...คุณลูคัสก็ยังไม่ถือว่าตายซะทีเดียว”เสียงไอ้รันต์ดังขึ้นขัดกับเสียงร้องไห้ของผม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองมันอย่างไม่อยากเชื่อทีได้ยินเท่าไหร่

“มึงหมายความว่ายังไง?”

“ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรามาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ตอนนี้เขาหายใจเองไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและหมอก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกไหม โยเลยโทรมาหาทศกัณฐ์ให้ตัดสินใจว่าจะให้ถอดเครื่องหายใจแล้วให้คุณลูคัสไปสบายหรือจะใส่เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตเขาต่อไปเรื่อยๆ”

“แล้ว...ไอ้ทศว่ายังไง”

“…เขาจะให้ถอดเพราะนั่นเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณลูคัส” ไอ้รันต์เดินมาจับมือผมก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พรุ่งนี้ทศกัณฐ์จะเดินทางไปสวิตฯ พี่ยังพอมีเวลาคิดว่าจะทำยังไงต่อไป...ครั้งนี้ถ้าพี่ตัดสินใจพลาดอีกพี่จะไม่มีวันได้เขาคืนอีกแล้วนะครับ”

ไอ้รันต์ออกจากห้องผมไปนานแล้วแต่คำพูดสุดท้ายของเหรันต์ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา ผมตัดสินใจผิดพลาดงั้นเหรอ?...ก็คงใช่ ทั้งที่คิดและทำใจไว้แล้วแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด

ที่ผมตัดสินใจทิ้งลูคัสเมื่อห้าปีก่อน ไม่มีใครเห็นด้วยกับผมสักคนแต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิผม การที่ผมที่เขาไม่ได้แปลว่าผมไม่รักเขา และถ้าจะบอกว่าผมเห็นมิเชลสำคัญกว่าเขามันก็ไม่ถูกซะทั้งหมด

มิเชลคือคนที่เลี้ยงผมมา ไม่ว่าจะเลี้ยงมาแบบไหนแต่เธอก็คือคนที่มีบุญคุณต่อผม และเช่นเดียวกันลูคัสก็เลี้ยงผมให้เติบใหญ่และสุขสบายแต่ลูคัสก็ไม่ได้เลี้ยงผมฟรีๆอย่างน้อยเขาก็ใช้ร่างกายผมตอบแทนเขาแม้ว่าเขาจะรักผมจริงๆในตอนหลังก็ตาม

มิเชลทำให้ผมเจ็บแต่ลูคัสคือคนที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต...ผมรักพวกเขาทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เกลียด สิ่งที่เขาทำกับผมที่ผ่านมามันเป็นความรู้สึกที่ฝังใจผมไม่มีวันลืมเลือน

ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าผมเป็นคนที่รักฝังใจมากแต่ยิ่งรักมากถ้าทำให้เกลียดผมก็เกลียดไม่ลืม

ผมไม่ได้อยากจะแก้แค้นลูคัส แต่ผมอยากให้บทเรียนกับเขาหลังจากที่รู้ความจริงจากปากมิเชลทุกอย่าง ผมจะไม่มีวันรักเขาได้อย่างสนิทใจถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้ความรู้สึกร้ายๆในใจผมหายไปซะก่อน การปล่อยมือจากกันทั้งที่ยังรักนั่นคือสิ่งที่ผมลงโทษเขาเบาที่สุดแล้ว เขาเจ็บผมก็เจ็บไม่ต่างกัน

การที่ผมเลือกที่จะกลับไปดูแลมิเชลก็ไม่ได้หมายความว่าผมรักเธอมากมายไปกว่าลูคัส กลับกันความรักที่ผมมีให้เธอกลับจืดจางจนแทบมองไม่เห็น...ผมไม่อยากมีอะไรที่ติดค้างกับเธออีก การดูแลมิเชลในช่วงชีวิตสุดท้ายของเธอคือสิ่งที่ผมจะตอบแทนบุญคุณเธอที่เลี้ยงดูผมมาและชดเชยให้กับเรื่องที่พ่อกับแม่ผมติดค้างเธอ ให้ทุกอย่างมันจบลงไปพร้อมๆกับชีวิตของเธอ

วันที่มิเชลจากไปผมก็ไม่ได้เสียน้ำตาสักหยด แต่วันที่ได้ยินว่าอีกคนจากไปผมกลับไม่สามารถหยุดน้ำตาแห่งความเสียใจพวกนี้ไปได้เลย

พอมิเชลจากไปแล้วถามว่าทำไมผมถึงไม่กลับไปหาลูคัสทั้งที่ยังรักเขาอยู่...ผมจะกลับไปได้ยังไงในเมื่อผมไม่ใช่มิทตี้คนที่เขารู้จัก จิตใจผมมืดดำและเน่าเฟะไปหมดแล้ว ผมละอายใจที่จะกลับไปขอความรักจากเขา

ลูคัสรักผมมากผมรู้ และผมรู้ตัวดีว่าเขาอภัยให้ผมได้เสมอ...เพียงแต่ผมขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวเกินไป ผมในตอนนี้ไม่คู่ควรกับความรักที่เขามอบให้

ผมคิดว่าสักวันเขาจะตัดใจจากผมได้และรักคนใหม่ที่ดีกว่าผม คนที่จะรักและดูแลเขาไม่เหยียบย่ำความรักที่เขามอบให้เหมือนที่ผมทำ

ผมพยายามที่จะเริ่มต้นใหม่เพื่อลืมลูคัส แม้มันจะเป็นการทำร้ายอีกคนผมก็ยังทำ เพราะความรักมันทำให้เราทำได้ทุกอย่าง ไม่สนผิดถูกชั่วดี...ผมกลายเป็นคนที่น่าขยะแขยง

ผมไม่คิดว่าการตัดสินใจของผมในวันนั้นจะทำร้ายเขามากมายขนาดนี้ แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อเวลามันย้อนกลับไม่ได้

Rrr Rrr

เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นกระชากผมออกจากภวังค์ความคิด ผมเช็ดน้ำตาและพยายามปรับน้ำเสียงให้สดใสมราสุด

“ว่ายังไงปริม”

(พี่สมิธ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ) แต่อีกคนก็ยังจับสังเกตได้

“...เปล่า”

(ถ้าพี่ยังสงสารปริมอยู่ก็บอกปริมมาเถอะนะคะ) ปริมเอ่ยขอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกลับจะร้องไห้

“ปริม...ฮึก...พี่ขอโทษ”

(เรื่องเขาเหรอคะ) เสียงปริมตอนนี้เธอคงร้องไห้ไปแล้ว

“พี่ลืมเขาไม่ได้ เขากำลังจะจากพี่ไปแล้วปริม ฮึกๆ พี่เสียใจ พี่เห็นแก่ตัวกับปริม...พี่ขอโทษ”

(พี่อยากไปหาเขาไหม ฮึก!)

“…”ผมไม่อยากตอบคำถามที่จะทำร้ายเธอเลย

(พี่สมิธไปเถอะนะ...ไปดูแลเขา ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการ ปริมอยากให้พี่มีความสุข ฮึก!)

“แล้วปริมล่ะ พี่จะทิ้งปริมได้ยังไง”

(ตอนนี้ปริมเสียใจปริมยอมรับ แต่ปริมจะเสียใจมากกว่านี้ถ้าปริมรั้งพี่ไว้...หัวใจของพี่ไม่เคยเปิดให้ใครเข้าไปนอกจากเขา ปริมไม่อยากดันทุรังต่อ)

“พี่รักปริมนะ”

(รักแบบพี่น้องน่ะสิ ไม่อย่างนั้นสองปีที่ผ่านมาเสืออย่างพี่คงไม่แค่จับมือปริมหรอก)

“พี่ขอบคุณปริมมากนะ...และขอโทษจริงๆ”ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย

(ฮึก! จะไม่ให้อภัยถ้ากลับมาให้เห็นครั้งหน้าไม่พาเขามาด้วย) ปริมเอ่ยบอกเสียงเง้างอนแต่ก็สั่นเครือจากการร้องไห้

“อื้ม”

ผมมทำร้ายหัวใจคนอื่นไปอีกดวงแล้ว แต่เพื่อรักษาหัวใจอีกดวงผมยอมเลวเอง

++++++++++++++++++++

7 เดือนต่อมา

“สมิธสอนการบ้านเราที”

“เอาไว้ก่อนนะไอเดน เดี๋ยวอาจะไปเช็ดตัวให้ลุคก่อน”ผมหันไปบอกเด็กชายวัยห้าขวบที่ยื่นสมุดมาตรงหน้า

“เราอยากเล่นกับป๊ะป๋า เมื่อไหร่ป๊ะป๋าจะตื่น”

“...อาก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“อยากให้ป๊ะป๋าตื่นเร็วๆจังเลยเนอะ จะได้พาเรากับสมิธไปเที่ยวด้วยกัน”เด็กชายผมสีทองอมน้ำตาลดวงตาสีเขียวสดเหมือนเขาฉีกยิ้มให้ผมกว้างๆ

“อืม” ผมยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยพร้อมขยี้ผมสีอ่อนด้วยความเอ็นดู

ผมขึ้นมาบนชั้นสอง เดินตรงมายังห้องคุ้นเคยที่เดินเข้าออกประจำตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา วันนั้นหลังจากที่คุยโทรศัพท์กับปริมเสร็จผมก็ตัดสินใจไปหาทศกัณฐ์และบอกสิ่งที่ตั้งใจไว้กับมัน

‘ชีวิตลูคัสต่อจากนี้ กูขอดูแลได้ไหม’

‘แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกเลยน่ะเหรอ’

‘อืม’

‘ถ้ามึงทำเพราะรู้สึกผิด พี่กูไม่ต้องการหรอกนะ’

‘เปล่า กูทำเพราะกูเห็นแก่ตัว กูรักและอยากอยู่กับเขา...จนถึงลมหายใจสุดท้าย’

‘แน่ใจ’

‘กูแน่ใจที่สุดในชีวิต’

จากนั้นทศกัณฐ์ก็พาผมมาบ้านของลูคัสในประเทศสวิตฯที่ผมมารู้ในตอนหลังว่าคือสถานที่ที่เขาอยากพาผมมา วินาทีแรกที่เห็นเขาน้ำตาผมก็หล่นลงมาจากหางตาอีกรอบ เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ

ผมตัดสินใจจะอยู่ดูแลเขาไม่ไปไหน...จนกว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเอ่ยปากไล่ผมเอง

“วันนี้หมอกไม่ค่อยลงแล้ว อากาศดีมากผมว่าจะพาไอเดนไปทำการบ้านที่สวนด้านนอก เขาบ่นคิดถึงพี่อยากให้พี่ตื่นมาพาเที่ยวด้วย”ผมเอ่ยพูดให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงฟัง ขณะเดียวกันก็พลิกตัวเขาอย่างระมัดระวังให้หันมาทางตัวเองเพื่อเช็ดส่วนหลังให้เขา ผมดีใจมากที่อาการเขาดีขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วเขาได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออกด้วย

“สัปดาห์หน้าไอ้ทศมันจะมาหาพี่ด้วยนะ”ผมเอ่ยเล่าพร้อมๆกับที่ใส่เสื้อให้เขาเสร็จ

“หนวดเริ่มยาวแล้วเดี๋ยวผมโกนให้นะ”พูดจบผมก็จัดการไปหาอุปกรณ์มาโกนหนวดให้เขาทันที

“เรียบร้อย! ลูคัส ฮาล์น นี่หล่อจริงๆ”ผมเอ่ยชมเขาเสร็จก็หันหลังไปเก็บอุปกรณ์ แต่อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มแหบๆถามสวนขึ้นมา

“หล่อแล้ว...รักพี่ไหม” ผมหันกลับไปมองตามต้นเสียงด้วยหัวใจเต้นรัว คนที่ผมคิดว่าหลับไม่ได้สติกำลังใช้ดวงตาสีเขียวสดจ้องมองมาทางผม ขาผมขยับเดินไปชิดกับเตียงที่เขานอนอยู่โดยไม่รู้ตัว พร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นที่ไหลอาบเต็มสองแก้ม

“อภัยให้พี่แล้วใช่ไหมครับ” แม้เสียงเขาจะทุ้มติดแหบแต่ก็สดใสไม่เหมือนคนเพิ่งฟื้นคืนสติ

“…”ผมยังยืนกัดปากร้องไห้เงียบๆอยู่นาน

“เรามาเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”เขายิ้ม ผมไม่ได้เอ่ยให้คำตอบใดๆแก่เขา เพียงแค่เช็ดน้ำตาและก้มลงประทับริมฝีปากกับเขาเนิ่นนาน

ผมคิดว่าแม้ผมจะไม่ได้พูดคำใดออกไป แต่การกระทำผมก็ได้ตอบคำถามเขาไปหมดแล้ว

ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนเป็นบทเรียนให้เราก้าวผ่าน...เรื่องความรักก็เช่นกัน

The End

+++++++++++++++++++++++

ความในใจจากคนเขียน

ดีใจมากที่ส่งพวกเขาไปถึงฝั่งได้สักที มันอาจไม่ใช่ตอนจบที่ดีที่สุดแต่มันคือบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้  ขอบคุณที่ติดตามและเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน ขอบคุณที่รักพวกเขาและขอบคุณมากๆที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน อาจจะมีหลายๆอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผลนัก เปรมยอมรับว่าเปรมก็ไม่ใช่นักเขียนที่เก่งอะไร เปรมเพิ่งหัดขีดเขียนได้ไม่กี่ปี อาจจะมีตกหล่นหรือทำให้หลายคนไม่พอใจบ้าง แต่จุดประสงค์ที่เปรมแต่งนิยายขึ้นมาก็เพื่อความบันเทิง เปรมอยากให้คนอ่านมีความสุขมากกว่าความไม่พอใจ หรือถ้าไม่พอใจเปรมก็ขอโทษด้วยเพราะเปรมไม่สามารถเขียนนิยายเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนได้เปรมอยากให้เข้าใจเปรมนะ...เปรมแคร์และรักทุกคน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เจอกันในเรื่องต่อไป รัก...YINGPREM

ป.ล.ตอนพิเศษที่จะลงเว็บ เดี๋ยวเปรมเอาชื่อตอนมาให้โหวตกันนะคะว่าอยากอ่านตอนไหน
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-12-2018 00:58:55
ใจหายใจคว่ำ TT
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 02-12-2018 01:02:33
มาตามอ่านก็ตอนท้ายๆแล้ว สมิธนายอ่ะโชคดีมากๆเลยรู้ไหม ลุคเค้ารักนายมากๆเลยนะ ดีใจค่ะที่จบแบบมีความสุข ลุคควรมีความสุขกับคนที่เค้ารักซะที
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-12-2018 01:12:13
 o18 เราถือว่าบทสรุปโอเคค่ะ ดีใจที่จะมีตอนพิเศษ เพราะรู้สึกว่าตอนจบมันดูรวบรัดไปนิด
รอตอนะิเศษนะคะ  :mc4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 02-12-2018 01:35:39
ตอนพิเศษๆๆๆๆๆๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2018 03:11:36
รอตอนพิเศษน๊าาา
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 02-12-2018 10:16:56
อยากบอกไรต์ ว่าเป็นไปได้ไหมแบบมาลงตอนชีวิตหวานๆ ของลูคสมิท ทุกสัปดาห์   คือตกหลุมรักแล้วววว งื้อออออ ไม่อยากให้จบ ไม่อยากให้หาย  ต่อ ภาค2 ก็ได้  :katai4: :ling2: :katai1:   รักไรต์
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 02-12-2018 10:29:54
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 02-12-2018 12:09:32
รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-12-2018 13:50:21
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:สุดท้าย][02/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-12-2018 18:41:11
รอตอนพิเศษจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 03-12-2018 16:39:56


ร่วมโหวตตอนพิเศษ

สำหรับตอนพิเศษที่เปรมจะลงให้อ่านนี้เป็น 1ใน6ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในอีบุ๊คคนโปรดเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการปลอบใจที่ตอนจบอาจจะตัดจบเร็วไปบ้างและเป็นการไถ่โทษที่เปรมมาลงช้ามากกกก และระหว่างที่รอปกอีบุ๊คเสร็จเปรมจึงจะลงเว็บให้อ่านฟรี1ตอนเต็ม โดยให้ทุกคนร่วมโหวตว่าอยากอ่านตอนไหนมากที่สุดจาก 3 ตอนนี้ *สามารถพิมพ์อักษรภาษาอังกฤษหน้าตอนสั้นๆได้ค่ะและเลือกได้เพียงคำตอบเดียวนะคะที่รัก

A.ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้(ลูคัส&สมิธ)

B.ครอบครัว(เหมือนจะ)สุขสันต์ (ลูคัสxสมิธ & ไอเดน)

C.ใจอ่อนแล้วรึยัง? (เกรย์&โยฮันเนส)

(เปรมจะปิดโหวตเวลา 23.59 น.ของวันที่ 4/12/61 และลงตอนพิเศษผลที่ชนะผลโหวตในวันถัดไปนะคะ)

+++++++++++++++++++

Q&A

นิยายเรื่องคนโปรดได้จบลงไปแล้วแต่มีนักอ่านหลายคนที่ยังมีบางสิ่งที่สงสัยในเนื้อเรื่องอยู่ เปรมก็จะตอบในนี้เลยนะคะ

Q : ตอนจบลูคัสและสมิธอายุเท่าไหร่

A : ถ้าเปรมนับไม่ผิด ลูคัสจะอายุ 39 ปี และ สมิธ อายุ31 ปีค่ะ



Q : ลูคัสกับสมิธจะแต่งงานกันไหม

A : ติดตามได้ในตอนพิเศษค่ะ(แอบขายของ อิอิ)



Q : นิยายเรื่องคนโปรดจะมีภาค2รึเปล่า

A : อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ เพราะมีเรื่องอื่นที่เปรมรู้สึกอยากแต่งมากกว่า ถ้ามีโอกาสก็อาจจะมีค่ะ แต่ไม่ใช่ในเร็วๆนี้^^



Q : ตอนจบคือจบแค่นี้จริงๆใช่ไหม

A : ใช่ค่ะ ไม่มีเพิ่มหรือลดไปมากกว่านี้ สำหรับตอนพิเศษจะเป็นตอนแยกชีวิตช่วงเวลาหนึ่งๆของพวกเขา มีทั้งก่อนตอนจบ(ช่วงภาคเด็ก)และหลังตอนจบค่ะ



Q : นิยายคนโปรดจะมีออกเป็นรูปเล่มไหม

A : ตอนนี้เปรมยังไม่มีเวลาทำค่ะ และก็ยังไม่รู้ว่าจะทำตอนไหนเลยไม่อยากรับปากให้รอ อาจจะทำถ้ามีเวลาและโอกาสแต่ก็คงยังไม่ใช่เร็วๆนี้อีกเช่นเคย



Q : มีอีบุ๊คไหม จะออกตอนไหน

A : เปรมจะทำอีบุ๊คค่ะ จริงๆก็เสร็จไปประมาณ80%แล้ว แต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจอยากทำปกใหม่ ตอนนี้กำลังเร่งคนวาดอยู่ น่าจะได้ออกประมาณกลางเดือน ธ.ค.ปีนี้ ถ้าลงขายแล้วจะแจ้งอีกทีนะคะ

+++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 03-12-2018 16:58:34
A ค่าาา
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2018 17:47:09
B จ้า
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 03-12-2018 17:49:44
A ค่าาาา
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 03-12-2018 21:52:36
 :hao5: :hao5: อยากเลือกทั้งสองอันอ่ะ  :z3: แต่เราเลือก A ก็ได้ เชอะ!!!
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-12-2018 22:14:17
A
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-12-2018 23:29:51
B ค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-12-2018 23:51:08

เสียน้ำตาไปหลายปี๊บ

ปาดน้ำตาอีกรอบ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 04-12-2018 01:25:05
B จ้าาา
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•ร่วมโหวตตอนพิเศษและQ&A[03/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 04-12-2018 01:36:18
เรื่องนี้ชอบมากจริงๆอยู่ไม่กี่คน  ลูคัส โย กับบอดี้การ์ดช่วงแรกๆชื่อจิมมี่รึเปล่า   คือกลุ่มนี้อ่านแล้วเห็นถึงความจริงใจ ซื่อสัตย์  จะดิบหรือเถื่อนก็ไม่ตอแหลหรือหักหลังเจ้านาย
คือหลายครั้งที่อ่านเจอในเรื่องนี้ เป็นพฤติกรรมหักหลังเพื่อน อย่างเกรย์ที่ช่วยสมิธหนีช่วงผ่าตัดไส้ติ่งแล้วยังระรื่น หรือแม้แต่ทศที่ขู่พี่ชายเพื่อช่วยเหลือคนแปลกหน้า ....

ที่ไม่ชอบมากคือพฤติกรรมของนายเอกหลังหลุดออกจากกรงไปได้  หลายพฤติกรรมหลายคำพูดคำอ้างก็สมเหตุสมผลอยู่นะ แต่อ่านแล้วให้บรรยากาศตอแหล  โดยเฉพาะบทที่เกี่ยวกับมิเชล  มิเชลเป็นหญิงขายตัวที่เลี้ยงสมิธแบบทิ้งๆขว้างมา12ปี ถ้าไม่ได้ลูคัสที่เกิดอาการลุ่มหลงจนต้องพยายามหาทางเอาสมิธมาเลี้ยงต้อย  สมิธอาจถูกขี้เมาแถวๆบ้านรุมโทรมข่มขืน ป่านนี้อาจตายไปแล้วก็ได้  ไม่ได้มาใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในเมืองไทย  หรือไม่ก็อาจถูกมิเชลขายให้ชายคนอื่น...  และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมิธเหมือนถูกตบตีและข่มขืนเพราะปากและนิสัยของสมิธเอง  เพราะช่วงก่อนหน้านั้นลูคัสไม่เคยรุนแรงกับเด็ก  เลยกลายเป็นขิงก็ราข่าก็แรงใส่กัน


อ่านแล้ว  ไม่มีใครรักลูคัสจริงเท่าโยเลยสักคน
ไม่อยากยกโยให้เกรย์  ให้โยได้กับจิมมี่ยังดีกว่าซะอีก
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-12-2018 03:37:23


ตอนพิเศษ : ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้

หลังจากที่ลูคัส ฮาล์น ฟื้นจากความตาย ช่วงเวลา2-3 ปีให้หลัง ชายหนุ่มชาวรัสเซียเสี้ยวอังกฤษก็กลับมาผงาดในวงการธุรกิจอีกครั้ง เคยมีคนตั้งฉายาให้ลูคัสว่าเขาคือพระเจ้าแห่งวงการธุรกิจ แต่หลังจากที่เขากลับมาหลังจากที่เงียบหายไปหลายปี ตอนนี้เขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นพระเจ้าของพระเจ้าแห่งวงการธุรกิจไปแล้ว ชายหนุ่มอยู่ในยุคเฟื่องฟูจนถึงขีดสุด ในวงการธุรกิจโลกไม่มีใครไม่รู้จักเขา มีหลายคนสงสัยว่า5-6ปีที่เขาหายไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเทพเจ้าคนนี้ บ้างก็ว่าเขาเบื่อหน่ายกับการทำงาน บ้างก็เชื่อว่าเขาตายไปแล้ว...แต่ข่าววงในสุดๆที่ทุกคนรู้กันเพียงแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงออกมาตรงๆ คือเขาอกหักจากผู้ชายคนหนึ่ง...

ผู้ชายที่กล้าทำให้Godเป็นได้ขนาดนั้น เป็นใครกันนะ...

“ลุค พรุ่งนี้ผมจะบินไปรัสเซียรอพี่ก่อนนะ” สมิธเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเป่าผมยาวสีทองให้กับคนรัก ชายที่กำลังถูกปรนนิบัติขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันเล็กๆอย่างไม่ชอบใจ

“ทำไมไม่รอไปพร้อมพี่?”

“ผมอยากพาไอเดนไปเที่ยวรอพี่ก่อนไง ลูกใกล้จะเปิดเทอมแล้วยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย” สมิธเอ่ยบอกอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มๆ ขัดกับลูคัสที่หน้าบึ้งลงไปถนัดตา

“ไอเดนอีกแล้ว”

“แหนะ!ไม่หึงลูกสิ”ฟอด!สมิธก้มลงหอมแก้มคนหน้าบึ้งปลอบใจฟอดใหญ่ อีกคนจึงค่อยคลายคิ้วที่ขมวดออกไป

“ช่วงนี้มิทตี้ติดไอเดนเกินไป ไม่ค่อยมีเวลาให้พี่เลย” คนแก่กว่าเริ่มจะงอน

“ก็ไอเดนปิดเทอมนานๆทีลูกจะได้กลับบ้านมาหาผมก็ต้องให้เวลาเขาหน่อย พอเขาเปิดเทอมก็ต้องกลับไปอยู่โรงเรียนประจำ เวลาของผมก็จะกลายเป็นของพี่คนเดียวอยู่แล้ว”

“พี่เหงา”ลูคัสหันกลับไปกอดเอวคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วซุกหน้าเข้ากับท้องแบนเรียบพลางเอ่ยอ้อนๆ สมิธยิ้มเล็กๆกับท่าทางแบบนั้นของคนรักก่อนจะก้มลงจูบกลุ่มผมสีทองสวยลูคัสหนักๆอย่างให้กำลังใจ

“อดทนนะครับ”

“เฮ้อ!เห็นทีพี่ต้องหาน้องให้ไอเดนจริงๆจังๆสักที”

“ก็ดีนะ ไอเดนจะได้ไม่เหงา”สมิธตอบกลับอีกคนไปด้วยความใสซื่อ หารู้ไม่ว่าลูคัสกำลังคิดจะกันไอเดนออกจากเขาต่างหาก

“อืม แต่ก่อนอื่นเราก็ต้องมาเริ่มปั๊มน้องให้ไอเดนก่อนแล้วกัน” ลูคัสแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ลุกขึ้นรวบคนรักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“อื้อ ไม่เอา อ๊ะ!ลุค!พรุ่งนี้จะเดินทาง”สมิธพยายามเบี่ยงตัวหนีจากริมฝีปากและมือปลาหมึกของอีกคน

“พี่ยังไม่อนุญาตว่าให้ไปสักหน่อย แต่ถ้าพรุ่งนี้ลุกไหวก็จะให้ไป”

“พี่อ่ะ!ขี้โกงที่สุด!เอ๊ะ!”สมิธบ่นพร้อมๆกับที่อีกคนอุ้มเขามาถึงเตียงแล้ว

“ถอนตัวไม่ทันแล้วครับที่รัก หึๆ”เอ่ยจบลูคัสก็ประกบริมฝีปากจูบคนใต้ร่างที่ไร้การขัดขืนทันที

+++++++++++++++++

“สมิธไหวรึเปล่า?นอนพักก่อนไหมเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปเที่ยวกันก็ได้”เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่สูงถึงเอวสมิธเดินมาจับมือเขาเขย่าเบาๆด้วยความเป็นห่วงที่เห็นคุณอาสุดที่รักหน้าซีดๆตั้งแต่เดินทางจากอังกฤษมาจนถึงรัสเซีย

“ไม่เป็นไรครับ อาไหว”สมิธฝืนยิ้มบอกเด็กน้อยไปทั้งๆที่ตัวเขาเองปวดเมื่อยตามร่างกายสุดๆ ลุคนะลุค!

“ถ้าการที่เราไปเที่ยวแล้วทำให้สมิธลำบาก เรายอมนอนอยู่ที่ห้องเฉยๆยังดีกว่า”เด็กชายไอเดนเอ่ยบอกสมิธด้วยสีหน้าจริงจัง สมิธหลุดยิ้มด้วยความใจอ่อนระทวยในความน่ารักฉบับเด็กชายไอเดน

“ไอเดนเป็นห่วงอาเหรอ?”สมิธเอ่ยถามเด็กยิ้มๆ

“ถ้าเราไม่รักเราจะไม่พูด”ฟอด!สมิธทนไม่ไหวกับความน่ารักนี้แล้วจริงๆจึงได้ก้มลงหอมแก้มเด็กชายตัวน้อยทั้งสองข้างด้วยความหมั่นเขี้ยว

“น่ารักจริงๆเชียวเด็กคนนี้ อาพักก่อนก็ได้ไว้ตอนเย็นเราค่อยไปหาอะไรอร่อยๆกินกันเนอะ”

“อืม”ไอเดนพยักหน้าตกลง

ช่วงเย็นหลังจากที่สมิธได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่เขาก็พาไอเดนและบอดี้การ์ดที่ลูคัสส่งมา(เฝ้า)ดูแลอีกสี่คนไปทานอาหารที่นอกโรงแรม สมิธเคยตามลูคัสมาทำธุรกิจที่เมืองนี้ของรัสเซียบ่อยๆ เขาจึงคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี

“อร่อยไหม?”สมิธถามไอเดนที่นั่งตรงข้ามตัวเอง หลังจากเด็กชายทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

“ใช้ได้ แต่ไม่เท่าที่คุณวิลทำ” คำตอบของไอเดนทำให้สมิธยิ้มแห้งๆ ก็แน่สิ คุณวิลหรือ วิลเลี่ยม คูเปอร์ เป็นเชฟระดับโลกที่ลูคัสจ้างมาไว้ที่ห้องครัวประจำบ้านที่อังกฤษ ไอเดนจึงกลายเป็นเด็กลิ้นทองไปโดยปริยาย ถ้าทำอร่อยไม่ถึงลิ้นเขาอย่าหวังเลยว่าเขาจะกลืนลงคอ นี่ยอมกินอาหารพวกนี้ได้หลายคำก็บุญเขาแล้วล่ะ

“โอเค เดี๋ยวเราทานเสร็จแล้วอาจะพาไอเดนไปเดินเล่นก่อนกลับโรงแรม”

“ครับ”

++++++++++++++++++

เช้าวันต่อมา

“สมิธ วันนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันครับ?”

“วันนี้อาจะพาไปเล่นไอซ์สเก็ต”

“สมิธเล่นเป็นหรอ?ครั้งที่แล้วก็ล้มบ่อยจนป๊ะป๋าต้องพาเล่น”สมิธหน้าชาไปนิดกับความไม่เอาไหนของตัวเอง

“เป็นสิ และตอนนี้อาก็พอเล่นเก่งขึ้นแล้ว”

“ไปเล่นอย่างอื่นไหม เกิดสมิธล้มขึ้นมาอีกเราพยุงไม่ไหว ยิ่งถ้าเป็นแผลป๊ะป๋าโกรธเราแน่”

“ไม่โกรธหรอก”

“โกรธ ป๊ะป๋าหวงสมิธที่สุดแค่เราหอมแก้มสมิธคืนยังมองเหมือนจะโกรธเราเลย”สมิธหน้าแดง แม้แต่ลูกก็ยังรู้เลยหรอเนี่ย แต่ลูคัสจะทำกับไอเดนน่าสงสารไปแล้ว เห็นทีคงต้องคุยเรื่องหึงเขากับลูกอย่างจริงจังสักที

“เอ่อ...แต่ป๊ะป๋าก็รักไอเดนมากๆเลยนะ”

“อืมเรารู้ เราถึงไม่น้อยใจป๊ะป๋าไง”

“ดีแล้วเด็กดี”สมิธลูบหัวให้กำลังใจเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะพาออกเดินทางไปยังลานไอซ์สเก็ตประจำเมือง ครั้งนี้เขาเล่นได้ดีกว่าครั้งที่แล้วอย่างที่โม้กับไอเดนไว้ แต่ก็ต้องคอยเล่นอย่างช้าๆระมัดระวัง ผิดกับไอเดนที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติแม้แต่หมุนตัวเร็วๆก็ไม่มีล้ม เล่นกันไปประมาณสองชั่วโมงนิดๆก็เริ่มเหนื่อย ไอเดนที่เห็นสมิธเริ่มไม่ไหวก็ยอมเอ่ยปากขอหยุดเล่นเอง

สมิธพาไอเดนไปทานอาหารพื้นเมืองร้านดังประจำเมือง ไอเดนทานได้เยอะกว่าเมื่อวาน อาจจะรู้สึกชอบหรือหิวมากเพราะเหนื่อยเขาก็ไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็พาไอเดนไปชมพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะ และโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของเมือง

ไอเดนมาที่รัสเซียเป็นครั้งแรก เขาสนใจทุกที่ที่สมิธพาไปในแบบของเขาคือการมองดูทุกอย่างเงียบๆอย่างตั้งใจ สมิธเมื่อเห็นว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้วจึงพาไปทานร้านอาหารสไตล์อังกฤษที่ไอเดนคุ้นเคย เด็กชายทานได้ไม่มากเหมือนมื้อกลางวันหลังจากนั้นสมิธจึงพาไอเดนไปต่อแถวซื้อไอศกรีมร้านอร่อย

เมื่อได้ชิมไอศกรีมรสชาติดี ไอเดนก็ก้มหน้าก้มตากินตามประสาเด็กทั่วไป สมิธจึงเดินจูงมือเด็กชายจะข้ามถนนไปหาเหล่าบอดี้การ์ดที่เขาสั่งให้ยืนรออยู่อีกฝั่ง

แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อมีชายกลุ่มใหญ่เดินมาจากอีกด้านและกำลังจะชนเข้ากับไอเดนที่ทานไอศกรีมอยู่ สมิธที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบอุ้มเด็กชายหลบได้ทันท่วงที แต่ไอศกรีมในมือเด็กชายก็กระเด็นไปโดนเสื้อของชายที่น่าจะเป็น...หัวหน้ากลุ่ม

“เวรเอ้ย!ทำบ้าอะไรของพวกแกวะ!!!”ชายที่เสื้อเปื้อนเพียงเล็กน้อยตะคอกขึ้นอย่างโมโหพร้อมจ้องสมิธและไอเดนอย่างเอาเรื่อง

“เอ่อ ขอโทษด้วยครับ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ”สมิธยอมเอ่ยขอโทษไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

“ขอโทษแต่ปากแล้วเสื้อฉันมันจะหาเปื้อนไหมวะ!”ชายคนนั้นยังมีท่าทีจะเอาเรื่องอยู่เช่นเดิม

“งั้นผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้นะครับ”

“แกคิดว่าเสื้อตัวนี้มันราคาถูกอย่างที่พวกแกใส่หรือไง”หนึ่งในลูกน้องของชายคนนั้นมองไอเดนและสมิธอย่างเหยียดหยาม ลูกพี่เขามีเสื้อผ้าแบรนด์ดังทั่วโลกทุกยี่ห้อ แต่เสื้อผ้าดีไซน์ที่สมิธและไอเดนใส่เขาไม่เคยเห็นมีวางขายมาก่อน

“เท่าไหร่”เสียงเรียบเย็นเอ่ยถามนิ่งๆเพียงแต่ไม่ใช่เสียงของสมิธแต่เป็นเสียงของไอเดนต่างหาก

“เด็กอย่างแกจะมีปัญญาจ่ายหรือไง?”ลูกสมุนอีกคนเอ่ยเหยียดใส่บ้าง

“ก็บอกมาสิว่าเท่าไหร่”ไอเดนยังเอ่ยถามเสียงเรียบอย่างไม่เกรงกลัว

“10000ดอลล่า มีปัญญาจ่ายไหม?”ชายที่เป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะ

“ก็ถูกๆเองนี่ ยังไม่พอถุงเท้าข้างหนึ่งของเราด้วยซ้ำ ใช่ไหมสมิธ”ไอเดนเหยียดยิ้มกลับไปพร้อมหันหน้ากลับไปถามสมิธที่อุ้มเขาไว้อยู่ สมิธพยักหน้าช้าๆตามที่ไอเดนพูด ถุงเท้าไอ้เดนน่าจะคู่ละสามหมื่นได้

“เหอะ!นี่โกหกเก่งตั้งแต่เด็กเลยนะไอ้เด็กเวรนี่”ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสบถด่าไอเดนและทำท่าจะใช้นิ้วจิ้มหัวเล็กของเด็กน้อย แต่สมิธก็รีบปัดมือนั้นออกอย่างแรง

เพี๊ยะ!

“นี่แกกล้าทำฉันหรอ!”ชายที่ถูกปัดมือโกรธขึ้น เขาผลักไหล่สมิธจนเซไปหลายก้าว ก่อนจะขยับตามไปจะเขาเรื่องต่อ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีกำแพงยักษ์สี่คนมากันตัวสมิธกับไอเดนไว้

“คิดจะทำอะไร” ไมเคิลหัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ยถามชายกลุ่มนั้นเสียงเข้ม

“นี่พวกแกเป็นใคร ถ้าไม่อยากมีปัญหากับฉันก็ถอยไป!”ชายคนนั้นเอ่ยอย่างวางมาด ผู้คนที่เดินไปมาแถวนั้นก็รีบเดินเลี่ยงไปห่างๆเพราะรู้จักคนที่พูดเป็นอย่างดี เซท คาราปาส ลูกชายคนเดียว คาซัส คาราปาส เจ้าพ่อในคราบนักธุรกิจ คนดังของเมืองนี้

“เราเป็นใครไม่สำคัญ แต่ถ้าคุณไม่เอ่ยขอโทษเขา คุณจะได้มีปัญหาจริงๆแน่”ไมเคิลเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่เกรงกลัวท่าทางวางอำนาจจากเซท

“ถ้าฉันไม่พูดแล้วจะทำไม พวกแกต่างหากที่ต้องมาขอโทษแทบเท้าฉัน ถ้าไม่อยากหายไปจากโลกนี้”เซทเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่าพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่เกรงกลัว แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับเข้ามาใกล้มากว่านี้ เซทก็ล้มลงนอนกับพื้นในชั่วพริบตาจากฝีมือไมเคิล

“โอ้ย!แกกล้ามากนะ พวกแกไปจัดการมันสิวะ!”เซทสั่งลูกน้องหกคนให้เข้าจัดการกับกลุ่มไมเคิล ภายในเวลาไม่กี่นาทีลูกน้องของเซทก็ถูกเหล่าบอดี้การ์ดของสมิธจัดการจนต้องทรุดตัวลงกับพื้นทุกคน โดยที่สมิธได้แต่ปิดตาไอเดนมองดูเหตุการณ์เงียบๆ

ทั้งที่มีการทะเลาะวิวาทกันกลางเมืองแท้ๆแต่กลับไม่มีตำรวจเข้ามาดูแลสักนาย แสดงว่าคนพวกนี้คงมีอำนาจในเมืองนี้มากพอสมควร

“พวกแกกล้าทำกับฉันอย่างนี้ ได้มีปัญหากับพ่อฉันแน่!”เซทกล่าวคาดโทษ

“ถ้าอย่างนั้นก็บอกชื่อพ่อคุณมา ผมจะไปเคลียร์กับเขาเอง”สมิธก้าวมายืนตรงเซทพร้อมเอ่ยนิ่งๆ

“คาซัส คาราปาส”

“โอเค ผมชื่อ สมิธ เกรย์เยอร์ ค่าเสียหายผมจะจัดการให้ทีหลัง ส่วนเรื่องที่คุณถูกทำวันนี้ผมถือว่าสมควรแล้ว คุณคิดจะทำร้ายไอเดน ซึ่งผมยอมไม่ได้”

“แก!”

“กลับ”สมิธเอ่ยสั่งเหล่าบอดี้การ์ดแล้วอุ้มไอเดนเดินไปอีกทาง

++++++++++++++++

“ไมค์ เดี๋ยวช่วยหาเบอร์ของคาซัส คาราปาสให้ผมทีนะครับ”สมิธเอ่ยบอกไมเคิลหลังจากที่ส่งไอเดนเข้านอนเรียบร้อยแล้ว

“ให้นายจัดการน่าจะดีกว่านะครับสมิธ”

“ผมไม่อยากรบกวนเขา เรื่องแค่นี้เอง”

“เขา ‘กล้า’ผลักสมิธเลยนะครับ ถึงยังไงผมก็ต้องรายงานนาย”

“ค่อยบอกวันพรุ่งนี้หลังจากที่ผมลองคุยกับคุณคาซัสก่อนก็แล้วกัน”

“ได้ครับ”ไมเคิลรับคำอย่างเชื่อฟัง เพราะสมิธก็ถือเป็นนายเหนือหัวอีกคนของเขา

เช้าวันต่อมา

วันนี้อยู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้สมิธไม่สามารถพาไอเดนออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้ เขาจึงให้ไอเดนเล่นอยู่ที่ห้องภายในโรงแรม สายๆสมิธจึงโทรสายตรงไปหาคาซัส คาราปาส นานจนสายเกือบจะตัดไปปลายสายถึงได้กดรับ

(คาซัสพูด)การเอ่ยรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสั้นห้วนไม่ได้ทำให้สมิธอารมณ์เสียแต่อย่างใด

“สวัสดีครับ คุณคาซัส”

(คุณเป็นใคร ทำไมถึงมีเบอร์ส่วนตัวของผม)

“ผมคือคนที่ถูกลูกชายของคุณกับพวกล่วงเกินเมื่อวาน”

(อ้อ แกนี่เองที่ทำให้ลูกชายฉันมีสภาพแบบนั้น)

“ผมไม่ได้ทำ”

(ถ้าแกไม่ได้ทำแล้วลูกฉันจะสะบักสะบอมขนาดนี้ได้ยังไงกัน!)

“ผมไม่ได้ทำแต่บอดี้การ์ดผมทำน่ะครับ”

(หึ!ที่โทรมาหาฉันนี่เตรียมตัวตายไว้แล้วใช่ไหม)

“ทำไมผมต้องตายด้วย”

(เพราะแกทำให้ลูกของฉันเจ็บ)

“อ้อ ผมก็รู้สึกเจ็บไหล่นิดๆเหมือนกันนะครับ”

(แกเจ็บแล้วจะทำไม)

“แฟนผม...อาจจะโกรธ”

(แล้วยังไง?)

“ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรเหมือนกัน เอาเป็นว่าปัญหาระหว่างผมกับลูกชายคุณขอให้จบกันที่ตรงนี้ ค่าเสียหายผมจะให้คนจัดการให้ก็แล้วกันนะครับ”

(แกคิดว่าแกอยากจะจบก็จะจบได้หรือไง ฉันจะให้โอกาสแกมาหาฉันที่ตรอก cc ภายในวันนี้หรือจะให้ฉันส่งคนไปลากคอแกก็เลือกเอา)

“ถ้าอย่างนั้นเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ลาก่อนครับ” สมิธถอนหายใจเบาๆแล้วกดวางสาย

“เขาไม่ฟังสินะครับ”ไมเคิลที่ยืนอยู่ข้างๆสมิธเอ่ยขึ้นหลังจากที่สมิธจบบทสนทนากับคาซัส

“อืม เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะบอกลุคเองก็แล้วกัน”สมิธพูดก้วยน้ำเสียงเนือยๆ ถ้าเขาบอกเองลูคัสอาจจะพอฟังบ้าง ไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ล่ะนะ

“ไม่ทันแล้วครับ นายรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้คงกำลังใกล้จะลงเครื่องมาที่นี่แล้ว”

“คุณบอกเขา?”

“ผมไม่ได้บอกครับ แต่คุณคิดว่าลูกน้องนายที่เฝ้าดูคุณจะมีแค่พวกผมสี่คนเหรอครับ”

“นั่นสินะ...เอาเถอะเดี๋ยวผมจะเข้าไปนอนพักสักหน่อย ฝนตกแล้วรู้สึกง่วงๆชอบกล ฝากดูไอเดนด้วยนะครับ”

“ได้ครับ”

+++++++++++++++

ลูคัสเดินทางมาถึงโรมแรมที่สมิธและไอเดนพักหลังจากที่สมิธเข้าไปนอนพักได้ราวๆยี่สินาที ชายหนุ่มตวัดสายตามองไมค์นิ่งๆแต่ไม่ได้ต่อว่าอะไรนอกจากนั้น เขาถามหาสมิธและไอเดน เมื่อรู้ว่เมียหลับอยู่จึงเข้าไปหาลูกชายที่ดูการ์ตูนอยู่อีกห้อง

“ป๊ะป๋า!”ไอเดนวิ่งเข้าไปกอดพ่ออ้อนๆ

“ว่าไง?สนุกไหม?”ลูคัสอุ้มไอเดนขึ้นพลางเอ่ยถาม

“สนุก แต่เมื่อวานเจอคนนิสัยไม่ดี”

“พ่อรู้แล้ว”

“เขาจะทำร้ายไอเดน แต่สมิธปกป้องไอเดนไว้ เขาผลักสมิธด้วยนะๆ”เด็กชายได้ทีก็รีบเอ่ยฟ้องคนเป็นพ่อ

“มันทำแรงรึเปล่า?”ลูคัสถามเสียงเข้มขึ้นถึงแม้เขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ตาม เขาอยากได้ยินจากปากคนที่อยู่ในเหตุการณ์มากกว่า

“แรง!สมิธเซไปตั้งหลายก้าว”

“อืม...ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ลูคัสมองสำรวจลูกชายด้วยความเป็นห่วง ไอเดนส่ายหน้าให้พ่อ

“ไม่ครับ แต่ไอเดนเสียใจที่ปกป้องสมิธไม่ได้”เด็กน้อยทำหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรเด็กดี หน้าที่นั้นเป็นของพ่ออยู่แล้ว”ลูคัสลูบหัวลูกชายอย่างปลอบโยนก่อนจะวางเด็กน้อยลงให้กลับไปดูการ์ตูนตามเดิม ส่วนเขาก็ออกจากห้องของลูกตรงไปยังห้องหนึ่งที่สมิธหลับพักผ่อนอยู่

ชายหนุ่มวัย 42 ปีมองภรรยาที่เขาทั้งรักและถนุถนอมนอนหลับอยู่ด้วยสายตารักใคร่ไม่เปลี่ยนแปลง เขาก้มลงจูบหน้าผากสมิธที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะไล้ลงจูบที่ข้างแก้มหอมวนเวียนซ้ำๆแล้วจึงรุกรานริมฝีปากอิ่มของอีกคนอย่างคิดถึง

"อื้อ!" สมิธขยับตัวตื่นเพราะรู้สึกว่ามีคนกำลังรบกวนการหลับของเขา แต่ก็ไม่ได้ตกใจนักเพราะคุ้นเคยกับสัมผัสแบบนี้อยู่บ่อยๆ

"หลับต่อเถอะ"ลูคัสจูบหน้าผากคนรักหนักๆพร้อมเอ่ยบอก สมิธปรือตาขึ้นมองพร้อมเอ่ยกับอีกคนเสียงยานคาง

"นอนด้วยกันนะครับ"

"ชวนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนเฉยๆหรอก"ลูคัสลูบผมคนขี้เซายิ้มๆ ก่อนจะถอดเสื้อโค๊ทแล้วแทรกตัวลงนอนผ้าห่มตัวเดียวกันกับสมิธ ลูคัสสอดแขนรองใต้คอสมิธก่อนจะจับหัวทุยคนรักให้มานอนซบอกตัวเอง สมิธขยับหัวสองสามครั้งให้ได้ท่าที่ถนัดแล้วกอดเอวลูคัสก่อนจะหลับไปอีกรอบ

สมิธตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนบ่ายๆ หรี่ตามองคนข้างๆที่กำลังหลับอยู่แล้วจึงหลุดยิ้มออกมา เขาก้มลงจูบมุมปากลูคัสเบาๆแต่อีกคนกลับลืมตาตื่นขึ้นทันทีพร้อมตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อน ลูคัสขบดูดริมฝีปากสมิธแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะสอดลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปาก กวาดต้อนลิ้มชิมความหวานจากอีกคนไม่รู้เบื่อ

เนิ่นนานกว่าที่พวกเขาจะถอนจูบออกจากกัน แต่ถึงกระนั้นลูคัสก็ยังใช้ริมฝีปาดคลอเคลียแถวซอกคอหอมๆของสมิธอยู่

"ลุคพอก่อน เดี๋ยวไอเดนเข้ามาเห็น"สมิธพยายามห้ามปรามคนรักที่จูบตรงนั้นตรงนี้บนร่างกายเขาไม่เลิกรา เกิดไอเดนเข้ามาเห็นเหมือนครั้งที่แล้วที่พวกเขากำลังสวีทกันอยู่ มิหวังต้องคิดหาคำแก้ตัวอีก

"พี่ล็อคประตูน่า"

“ล็อคประตูก็ไม่ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาทำ”สมิธเอ่ยห้ามก่อนจะหอมแก้มคนรักปลอบใจ

“พี่คิดถึงมิทตี้จะแย่”ลูคัสซบหน้าลงกับไหล่สมิธ

“พี่มาเร็วกว่ากำหนดอีกนี่”

“มีคนกล้ารังแกลูกกับเมียพี่ พี่จะไม่รีบมาได้ยังไง”ลูคัสเงยหน้าขึ้นจากไหล่สมิธพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสมิธแอบรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้

“ก็...ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“งั้นเหรอ?”ลูคัสเลิกคิ้วหรี่ตามองสมิธนิดๆ

“ไม่เอาน่าลุค ช่างเขาเถอะ ผมเป็นฝ่ายผิดก่อนด้วย”

“สำหรับพี่มิทตี้ไม่เคยผิด”ลูคัสกดจูบข้างขมับสมิธหนักๆยืนยันคำพูดตัวเอง

“ฮื่ออ พูดจาน่ารักอีกแล้ว”สมิธเขินหนักจนข้างแก้มแดง

“แล้วรักไหม?”

“ที่สุด”คนตอบยิ้มจนตาหยี ลูคัสทนดาเมจนี้ไม่ไหวจึงจับอีกคนฟัดจูบอีกหลายนาที

“เรื่องสวะพวกนั้นพี่จะจัดการเอง มิทตี้ไม่ต้องกลัว”ลูคัสเอ่ยบอกคนน้องหลังจากที่จับจูบจนพอใจแล้ว

“ไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่ไม่อยากให้พี่ไปเกลือกกลั้วด้วยต่างหาก” สมิธยักไหล่นิดๆประกอบคำพูดตนเอง คนพวกนั้นไม่ได้มีค่าพอให้เขาเป็นห่วงขนาดนั้น

“ปากร้ายนะเรา”ลูคัสแซวสมิธยิ้มๆอย่างถูกใจ สมิธได้แต่หัวเราะให้กับความร้ายกาจของตัวเอง

“ฮิๆ เอาเป็นว่าปล่อยๆเขาไปเถอะ”

“อืม”ลูคัสรับคำ เขาปล่อยแน่ แต่คงหลังจากที่เขาสั่งสอนพวกมันก่อนก็แล้วกันนะ

+++++++++++++++

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 06-12-2018 03:38:21
(ต่อ)

วันต่อมา

เพล้ง!

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!? ทำไมพวกตำรวจมันถึงได้บุกจับสินค้าของเราได้!”คาซัสโยนแก้วลงพื้นด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดถึงขีดสุด สินค้าผิดกฎหมายที่รอจำหน่ายมูลค่าเป็นร้อยล้านของเขาถูกพวกตำรวจบุกจับเมื่อคืนนี้ ทั้งๆที่เขาก็รู้จักสนิทสนมกับพวกตำรวจและจ่ายให้ไปไม่น้อย แต่ตอนนี้ราวกับว่ามีคนกำลังเล่นตลกกับเขา ธุรกิจที่เขาทำบังหน้าก็ถูกทางการตรวจค้นและสั่งปิดในตอนเช้าตรู่ แย่ไปกว่านั้นคือตำรวจออกหมายจับเขาในหลายข้อหาหนัก...อาจถึงขั้นต้องโทษประหารชีวิต ทุกอย่างที่เลวร้ายสำหรับเขาเกิดขึ้นติดๆกันภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงราวกับเรื่องโกหก

“พ่อ!!นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมโกดังสินค้าเราถึงถูกตรวจ ร้านก็ถูกสั่งปิดแล้วบัตรเครดิตผมก็รูดไม่ได้ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือพ่อกับผมก็ยังโดนหมายจับอีก!!!”เซทพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานคาซัสด้วยสีหน้าตื่นตกใจ คาซัสตวัดสายตามองลูกชายที่ไม่ได้เรื่องนักก่อนจะตะคอกตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เซทที่เห็นท่าทีของบิดาอย่างนั้นก็สงบปากไม่กล้าพูดอะไรต่อ

คาซัสในวัย 57 ปี หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาบุคคลที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น โทรติดต่อไปหลายสายอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ จนสายที่สามสิบฝ่ายนั้นจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์จากคาซัส

(มีอะไร)

“ท่าน!นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านถึงให้คนไปบุกจับสินค้าผม”

(ฉันทำตามหน้าที่)

“ท่านพูดอย่างนี้กับผมได้ยังไง เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ!”

(ตกลงได้ก็ยกเลิกได้คาซัส)

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านช่วยผมหน่อยเถอะครั้งนี้มันเลวร้ายถึงชีวิตผมกับลูกเลยนะ”

(ครั้งนี้ฉันช่วยไม่ได้จริงๆคาซัส คนที่ใหญ่กว่าฉันมากๆท่านลงมาเองถ้าฉันสอดมือเข้าไปยุ่ง ฉันก็จะเดือดร้อนไปกับนายด้วย) คาซัสเข่าอ่อนจนทรุดลงไปกับพื้น ถ้าคนๆนี้ช่วยเขาไม่ได้คนอื่นก็อย่าได้คิด...ชีวิตเขาก็สิ้นหวังแล้ว

“เพราะอะไร!ท่านบอกผมมาว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้!”คาซัสตะคอกอย่างไม่เข้าใจ เขายืนหยัดในวงการนี้มาเกือบ30ปี เพียงแค่คืนเดียวทุกอย่างกลับพังพินาศลงไปชั่วพริบตา

(นายไปทำอะไรให้เขาคนนั้นโกรธ)

“ท่านหมายถึงใคร!?”

(ในวงการของนาย นายกลัวใครมากที่สุดก็คนนั้นนั่นแหละ)

“…”คาซัสอึ้งและนิ่งคิดไป อย่าบอกนะว่าเป็นชายคนนั้น

(เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเพราะอะไร)

“ผมไม่เข้าใจ!...ช่วงที่ผ่านมาผมไม่ได้เจอกับ ลูคัส ฮาล์น ด้วยซ้ำ”

(...อย่าบอกนะว่านายมีปัญหากับคนที่ไม่ควรแตะต้องน่ะ!)ปลายสายตอบกลับมาอย่างตื่นตระหนก คาซัสนิ่งอึ้งไปยิ่งกว่าเดิม ได้ยินว่าคนๆนั้นชอบมาเที่ยวรัสเซียโดยที่ไม่มีลูคัสอยู่บ่อยๆ

“…”คาซัสสูดหายใจหนักราวกับคนจมน้ำ

(สถานการณ์นายแย่มากๆ หนีไปกลบดานที่ไหนสักแห่งซะ แต่นายต้องทำใจที่จะลำบากไปตลอดชีวิตสักหน่อยนะ เพราะถ้ามีปัญหากับเขาตรงๆก็ยังพอมีทางต่อรองได้ แต่ถ้ามีปัญหากับคนของเขา ฉันไม่เคยได้ยินว่าเขาอภัยให้ใครสักราย...แล้วไม่ต้องโทรหาฉันอีก ลาก่อน) ติ๊ด!

ปลายสายวางไปนานแล้ว แต่คาซัสยังนิ่งอึ้งอยู่หลายนาที เซทที่เห็นว่าพ่อตัวเองนิ่งไปก็ขยับตัวไปสะกิดคาซัส แต่สิ่งที่คนเป็นพ่อตอบกลับให้คือหมัดหนักปะทะใส่หน้าเซทจนสันจมูกหัก แรงปะทะทำให้เขาถึงกับล้มลงไปกองที่พื้น

“โอ๊ย!พ่อต่อยผมทำไมเนี่ย!”

“กูต่อยมึงแค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่มึงทำระยำไว้!!!”

“ผมทำอะไรวะ!”เซทตะโกนถามอย่างไม่เข้าใจ แต่คาซัสกลับตรงเข้าไปต่อยที่หน้าลูกชายแรงๆอีกทีทำเอาเซทถึงกับมึงตาลายไปชั่วขณะ

“เมื่อวานนี้มึงไปมีเรื่องกับใคร!!”คาซัสกระชากคอเสื้อตะคอกถามลูกชายราวกับเสียสติ เซทสะบัดหัวนิดๆก่อนจะเอ่ยตอบ

“ก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่งกับไอ้เด็กเปรตอีกคน”

พลั่ว! คาซัสต่อไปที่ท้องลูกชายอีกหมัด

“มึงไม่น่าเกิดมาเป็นลูกกูเลย มึงบอกกูมาชัดๆซิว่าคนที่มึงไปหาเรื่องเขาชื่ออะไร”

“สมิธ...สมิธ เกรย์เยอร์” พลั่ว!พลั่ว! เซทโดนพ่อแท้ๆต่อยอีกไม่ยั้งจนฟันร่วงออกมาเกือบสิบซี่

“เวรเอ้ย!!!ทำไมแกไม่บอกชื่อจริงเขากับฉันให้เร็วกว่านี้ ไอ้ลูกชั่ว!”

“อึ่ก! พ่อจะอะไรนักหนากับอีแค่คนๆเดียว”

“ก็ไอ้แค่คนๆเดียวของแกคนนั้นคือคนที่ทำให้แกกับฉันกำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน แม้แต่ลมหายใจแกก็กำลังจะไม่มี!!!”คาซัสเตะระบายอารมณ์ใส่ลูกชายจนเซทบอบช้ำไปทั้งร่าง

“มะ...มันเป็น คะ ใคร”

“มันที่แกว่าคือ สมิธ เกรย์เยอร์ ผู้ชายคนนี้ใครก็ห้ามแตะต้องให้ระเคืองเด็ดขาด! ไม่อย่างนั้นพญามัจจุราชในวงการเราอย่าง ลูคัส ฮาล์น จะตื่นมาลากคอแกไปลงนรก จำใส่สมองกลวงๆของแกไว้ซะไอ้ลูกโง่!”

“ละแล้วเราจะทำ แค่กๆยังไงกันต่อไปดีพ่อ” เซทเอ่ยถามพ่อด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ลูคัส ฮาล์น เป็นคนที่เหล่ามาเฟียในรัสเซียรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าแห่งวงการธุรกิจ แต่ในวงการมาเฟียเขาเป็นดั่งพญามัจจุราช ไม่มีใครกล้าลองดีเป็นศัตรูกับเขาถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ตอนนี้แม้ว่าเขาจะรามือไปแล้ว เบื้องหลังของเขาก็ยังน่ากลัวอยู่เสมอ

“ฉัน...ก็ไม่รู้เหมือนกัน”คาซัสเอ่ยอย่างสิ้นหวัง

++++++++++++++++++

เมื่อวานหลังจากที่ฝนตกทั้งวัน ทำให้ลูคัสไม่ได้พาสมิธและไอเดนออกไปเที่ยวที่ไหน วันนี้อากาศแจ่มใสเขาจึงจะพาลูกและเมียออกไปเที่ยวเล่นที่เมืองข้างๆ

“ไหนว่ามาทำงานทำไมมีเวลาว่างพามาเที่ยว?”สมิธเอ่ยถามขณะที่เขาและลูคัสกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ ปกติเขาจะไม่พูดกันบนโต๊ะอาหารถ้ายังทานไม่เสร็จ แต่เมื่อตอนนี้ไอเดนอิ่มและลุกออกไปกับไมเคิลแล้ว เขาจึงละทิ้งมารยาทนั้นลงทันที

“งานทำเมื่อไหร่ก็ได้ คนพวกนั้นไม่ได้สำคัญกับพี่เท่ามิทตี้กับไอเดนหรอก”

“หืมม ปากหวานอีกแล้ว”สมิธเม้มปากกลั้นยิ้มจากคำหยอดของอีกคน

“รู้ได้ไงว่าหวาน ชิมดูแล้วหรอ?”ลูคัสแกล้งแซวสมิธต่อ แต่ก็ไม่คิดว่าคนน้องจะยอมรับหน้าตาย

“อืม ก็ชิมอยู่เกือบทุกวัน”

“เล่นมากๆเดี๋ยวพี่ก็ทนไม่ไหวลากกลับห้อง”ลูคัสแกล้งปรามเสียงขรึม ทั้งที่ในใจเขาเริ่มจะอยากทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ สมิธเบ้ปากให้นิดๆ

“ก็พี่เริ่มก่อนเอง ทนไม่ไหวก็ต้องทน!”

“เก่งกับผัวตลอด”ลูคัสยื่นมือไปบีบจมูกสมิธอย่างหมั่นเขี้ยว

“ไม่เก่งกับผัวแล้วจะให้ไปเก่งกับใคร?”สมิธเอียงคอถามยิ้มๆ

“หึๆ”ลูคัสหัวเราะในลำคอไม่ปฏิเสธ ทำไงได้ในเมื่อเขายอมเอง

“แล้วเรื่องสองพ่อลูกนั่นพี่ไม่ได้ไปทำอะไรเขาเพิ่มใช่ไหม?”สมิธเอ่ยถามเพราะเมื่อเช้าเขาเห็นข่าวจากในโทรทัศน์ เขารู้ทันทีว่าความฉิบหายชั่วข้ามคืนที่เกิดกัยสองพ่อลูกนั่นเกิดจากฝีมือลูคัสแน่ๆ

“มิทตี้อยากให้พี่ทำอีกไหมล่ะ?”

“ไม่เอาพอแล้ว แค่นี้เขาก็แย่พอแล้ว”สมิธส่ายหัวปฎิเสธแล้วบอกลูคัส รู้สึกว่าคนรักทำเกินไปนิดหน่อย

“จริงๆพี่โกรธมากนะที่มันกล้าทำกับมิทตี้และก็ไอเดนขนาดนี้ ไม่ใช่แค่การกระทำแต่รวมถึงคำพูดของพวกมันด้วย”ลูคัสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ถ้าไม่ติดว่าสมิธขอไว้ พวกมันไม่มีโอกาสได้หายใจจนถึงตอนนี้หรอก

“อืม ปล่อยเขาเถอะน่าๆ”สมิธยื่นมือไปลูบหลังมือคนรักให้ใจเย็นลง แถมเขาฉีกยิ้มกว้างส่งให้ลูคัสด้วย ลูคัสที่เห็นสมิธยิ้มให้ก็ใจเย็นลงไปกว่าครึ่ง เพราะเป็นแบบนี้ไงเขาถึงลดความหวงอีกคนลงไม่ได้เลย

ลูคัสพยักหน้าให้สมิธทานอาหารต่อ ขณะนั้นนัยน์ตาสีเขียวคมกล้าก็ตวัดไปเห็นชายคนหนึ่งที่เอาแต่จ้องมองสมิธอย่างสนใจจนออกนอกหน้า ลูคัสขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบ อยากจะกำจัดไอ้คนๆนั้นไปให้พ้นๆหน้าแต่ก็กลัวสมิธจะโกรธว่าทำเกินไป จึงได้แต่ใช่วิธีแสดงความเป็นเจ้าของบอกให้รู้แทน

“มิทตี้ ลุกมาหาพี่หน่อยครับ”ลูคัสเอ่ยเรียกสมิธที่นั่งทานอาหารตรงข้ามให้มาหาตนเอง

“อะไรหรอ?”สมิธถามอย่างไม่เข้าใจ

“ปากเปื้อน”

“ตรงไหนอ่ะ?”สมิธหยิบทิชชู่จะเช็ดปากให้ตัวเอง

“พี่จะเช็ดให้ ลุกมานี่”สมิธขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมลุกไปหาลูคัสตามที่อีกคนต้องการ

“เหวอ!พี่ทำอะไรเนี่ย”สมิธอุทานเสียงดังเมื่อลูคัสฉุดมือเขาให้นั่งลงบนตักพร้อมกับกอดเอวไว้แน่น

“ก้มหน้ามาพี่จะเช็ดปากให้”ลูคัสเอ่ยบอกและจ้องมองสมิธอย่างสื่อความหมาย สมิธมองแวบเดียวก็ดูออกว่าอีกคนเป็นอะไร

“เฮ้อ!เกลียดความหน้าตาดีของตัวเอง ทำผัวหึงอีกแล้ว”สมิธยกแขนขึ้นคล้องคอลูคัสพร้อมกับเอ่ยทีเล่นทีจริงหยอกเย้าคนที่กำลังหึงเขาได้ที่

“หึๆรีบมาให้ผัวเช็ดปากให้ก่อนที่ผัวจะหึงโหด”ลูคัสเองก็ยอมเล่นตบมุขไปกับสมิธ

“ง่า น้องกลัวแล้วๆ”สมิธเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับก้มลงประทับริมฝีปากกับลูคัส อีกคนที่รออยู่แล้วก็ขยับริมฝีปากบดเบียดเข้าหากันอย่างดูดดื่ม

ชายคนที่มองสมิธอยู่แต่แรกรีบหันหน้าหนีภาพจูบเร่าร้อนนั้นทันที ลูคัสส่งเสียงพอใจในลำคอก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบตามลำคอขาวเนียนจนขึ้นรอยแดง แสดงให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว

ใครก็แตะต้องไม่ได้ นอกจากเขาคนนี้!

+++++++++++++++++++++

อิอิ อาจจะไม่หวานมาก แต่หวงและหลงเมียมากเว่อร์><
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-12-2018 04:12:13
หวานจนน้ำตาลเรียกพี่ เริ่มที่ A แล้วจะต่อด้วย B เลยไหมจ๊ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-12-2018 04:30:28
คนขี้หวงมันเป็นแบบนี้นี่เอง555
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-12-2018 09:38:43
น่ากลัวที่สุดเลยจ้ะพ่อ
รักเมียที่สุดในโลก ฮือออออออออออ น่ารัก
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-12-2018 10:00:08
 :hao7:  ลุคหลงเมียจนฉุดไม่อยู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 06-12-2018 10:10:58
ขี้หวงเมียมากเว่อร์
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-12-2018 10:35:58
จบแบบหวานน........... อย่างที่หวังไว้  ชอบบบบบ  :mew1:
ลืมตอนที่ลุคเลวไปเลย   :really2:

ผลของการที่สมิธ ดูแลลุคอย่างเอาใจใส่ด้วยความรัก ทำให้ลุคฟื้นมาได้   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลุค รักสมิธ แบบรักมาก  หึงมาก  หวงมาก   :o8:   :-[  :impress2:

ลูคัส สมิธ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 06-12-2018 10:52:30
เชื่อแล้วจ้าาาาว่าหวงจริงหวงจัง หวานเวอร์  :katai5:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[ตอนพิเศษ:ผู้ชายคนนี้ใครก็แตะต้องไม่ได้]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 06-12-2018 12:27:39
รักเมียที่สุดในโลก  :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: YINGPREM ที่ 01-01-2019 00:54:56
เซนท์ : จะปีใหม่แล้วพวกมึงมีความในใจอะไรอยากบอกกูไหมวะ?

สมิธ : แรดให้มันน้อยๆลงหน่อย

เซนท์ : สัส!มึงก็ไปแรดกับกูทุกครั้งนั่นแหละ

สมิธ : เหอะๆ กูเบากว่ามึงแล้วกัน

ทศกัณฐ์ : ฟังผัวมึงบ้าง

สมิธ : หมายถึงกูหรือไอ้เซนท์?

ทศกัณฐ์ : ทั้งคู่

เซนท์ : กูฟังเถอะ

สมิธ : กูก็เชื่อฟังผัวกูตลอดแหละ ใช่ไหมเบ๊บ?

ลูคัส : หึๆ!

สมิธ : ทำเสียงงั้นหมายความว่าไง?

ลูคัส : หมายความว่าที่รักพูดถูก มิทตี้เชื่อฟังพี่มากเลยครับ

เซนท์ : เหี้ยสมิธใช้อำนาจมืดนี่หว่า ข่มเฮียชิบหาย เฮียอย่าไปยอมมันนะ!

สมิธ : มึงอย่ามาเสี้ยม ผัวกูยอมกูมันถูกแล้ว!

ทศกัณฐ์ : หึ!

สมิธ : อะไรของมึง มึงจะเถียงว่ามึงไม่หงอกับไอ้น้องรันต์งั้นสิ?

เหรันต์ : จริงหรอครับ?...สำหรับน้องรันต์พี่เซนท์เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วครับ

ทศกัณฐ์ : น้องอย่าไปฟังไอ้สมิธมาก มันชอบไร้สาระ

สมิธ : ไอ้!...แล้วมึงล่ะไอ้ดี ไม่บอกความในใจมึงกับเมียมึงบ้างรึไง?

ใจดี : จะให้กูบอกอะไร อยู่ด้วยกันทุกวันอยากบอกอะไรก็บอกไปหมดแล้ว

สมิธ : หืมมมม...งั้นพวกมึงบอกความในใจกับกูมาบ้าง

เซนท์ : หยุดแรด หยุดแอบผัวเที่ยว หยุดติดเกมส์ หลี่สาว หยุด...

สมิธ : พอเลยสัส!มึงจะพูดออกมาให้ผัวกูรู้หมดเลยไหม เบ๊บอย่าไปฟังไอ้เซนท์มันมากนะ(หันไปทำหน้าอ้อนใส่ลูคัส)

ลูคัส : ...คืนนี้มาสารภาพให้หมด

เซนท์ : หึๆตายคาเตียงแน่มึงไอ้สมิธ

สมิธ : สัสเซนท์เพื่อนทรยศ!!!

ทศกัณฐ์ : มึงก็อย่าดื้อกับพี่กูนัก

สมิธ : ครับๆกูจะพยายาม

เหรันต์ : น้องรันต์ให้คำตอบเหมือนยักษ์

สมิธ : ไอ้น้อง!มึงอย่าไปฟังผัวมึงมาก

เหรันต์ : ทีพี่สมิธยังอยากให้พี่ลุคฟังตัวเองเลยนี่นา

สมิธ : แน่นอน!

ใจดี : อย่าพาเมียกูเถลไถลนัก

สมิธ : มึงบอกเมียมึงก่อนเถอะ

เซนท์ : แล้วเฮียล่ะ มีความในใจอะไรจะพูดกับเมียเฮียไหม?

ลูคัส : อืม...ไม่ว่ามิทตี้จะเป็นคนแบบไหน หรือทำอะไรพี่ก็ยังรักมิทตี้เหมือนเดิม จะปีนี้หรือปีไหนพี่ก็อยากให้เราอยู่เคาน์ดาวน์ด้วยกันไปทุกๆปี พี่ไม่รู้ว่าต้องขอพรจากใครเพราะพี่ไม่ได้นับถือศาสนา แต่ถ้าขอพรได้พี่ก็อยากขอให้มิทตี้กับพี่สุขภาพแข็งแรงจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ และก็อยากให้มิทตี้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข เพราะความสุขของมิทตี้ก็คือความสุขของพี่เช่นกัน

ทุกคน : เฉียบ!!!

เหรันต์ : ทำไมน้องรันต์ถึงเขินแทนพี่สมิธนะ

สมิธ : ...

เซนท์ : ไอ้คุณสมิธคนผัวหลงมีอะไรจะพูดไหมครับ

สมิธ : เบ๊บ เราไม่ต้องเคาน์ดาวน์หรอก เข้าห้องกับผมไปเอารางวัลที่พูดถูกใจผมดีกว่า

ลูคัส : ที่พูดไม่ได้อยากได้รางวัลหรอกนะ แต่ถ้าที่รักจะให้พี่ก็ปฏิเสธไม่เป็นด้วยสิ :)

เซนท์ : เฮ้ๆอย่าเพิ่งลากกันเข้าห้อง วันนี้มาทำภารกิจให้สำเร็จก่อน

สมิธ : โอเคเร็วๆเลยสามีกูรอละ

ใจดี : งั้นพร้อมกันนะ

สมิธ/ลูคัส/เซนท์/ใจดี/เหรันต์/ทศกัณฐ์ : สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวันทั้งในปีนี้และปีต่อๆไปเลยนะครับ!!!

+++++++++++
พาหนุ่มๆมาสวัสดีปีใหม่ เปรมก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนค่ะ มีความสุขมากๆนะคะขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ รัก❤
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 01-01-2019 13:12:35
ไรต์ ใจดียยยยยยยย สวัสดีปีใหม่ค้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: firnlolo ที่ 15-01-2019 00:37:20
 :z1: :pig4: :pig4:สนุกมากกกกก แม้จะขัดใจนิสัยบางช่วงบางตอนของตัวละครก็เถอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-02-2019 20:25:17
อ่านจบแล่ววววว คือแบบบบ อ่านไปหน่วงใจมากเลยอ่ะ สงสารน้องมิตตี้  :katai1:

ดราม่าที่สองก็ยกให้เฮียลุคของเรา ที่ร้องไห้ตอนปล่อยน้องมิตตี้ไป สงสารเฮียมาก ทั้งตอนที่ตรอมใจตัวเองยิงตัวตายจนโยร้องไห้ตาม :hao5: :hao5:

แต่ตอนจบฟื้นขึ้นมาได้รักกัน คือมันแบบ ดีมากกกกกอ่ะ ยิ่งในตอนพิเศษยิ่งรู้เลยว่าทั้งคู่รักกันมากจิงๆ เพราะผ่านช่วงเวลาที่ทั้งทรมาน สุขและทุกข์ด้วยกัน  :heaven

ปล.จิมมี่ของเราหายไปไหนอ่ะ เจอแต่โย 55555
 
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 28-02-2019 18:19:52
 :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-03-2019 13:04:04
หลงเมียจริงเว้ยยย
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 02-06-2019 19:49:34
สนุกๆๆๆ  ถึงช่วงเเรกๆลูคัสจะทำร้ายร่างกายและจิตใจสมิธก็ตาม
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:20:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Drama,SM):คนโปรด6[24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 06-09-2020 15:02:56

แจ็คสันไม่ได้รังเกียจที่ได้มาดูแลเด็กคนนี้ แค่อดจะแปลกใจไม่ได้ เพราะตระกูลเดรทไพรส์เป็นตระกูลเก่าแก่ของอังกฤษ มีความสนิทชิดเชื้อกับเหล่าราชวงศ์ เหล่าลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจึงมีนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่างและทะนงตนแทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คุณหนูใหญ่ลูคัส

พวกเขารังเกียจที่จะใช้ของหรือคนร่วมกับคนอื่น แจ็คสันจึงแปลกใจว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่…คุณหนูใหญ่ถึงให้ความสำคัญถึงเพียงนี้

 
รังเกียจแล้วไปนอนกับแม่ของสมิธที่เป็นผู้หญิงอย่างว่าได้ไง
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)ตอนที25.2[22/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 07-09-2020 01:10:28

ชึ้บ!เสียงถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังผมดังขึ้นเบาๆ มันใช้นิ้วป้ายเอาน้ำรักที่หน้าท้องผมกับที่มือตัวเองไปชักรูดกับมังกรยักษ์หัวแดงคล้ำที่ผงกหัวหงึกๆรอออกรบ ของเหลวสีขุ่นที่เอ่อล้นออกมาจากส่วนหัวทำให้ผมรู้เลยว่ามันมีความต้องการมากขนาดไหน

 
เข้าใจผิดแล้ว น้ำอยากจะใสๆเหนียวๆ ส่วนน้ำเสร็จถึงจะขุ่น
หัวข้อ: Re: You're my fav person•คนโปรด•(Shota,Drama,SM)[คนโปรด:29][30/11/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 07-09-2020 01:55:52

“พี่กู...ตายแล้ว”

สิ้นคำพูดไอ้ทศร่างกายผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ราวกับว่าสมองมันปิดสวิซไปซะเฉยๆ พี่ไอ้ทศงั้นหรอ...ไม่จริงใช่ไหม เขาจากไปแล้วงั้นหรอ ทำไมผมถึงได้เสียใจขนาดนี้ล่ะ ทำไมผมถึงได้ปวดใจมากมายขนาดนี้กันนะ...ผมจะหายใจต่อไปได้ยังไงกัน

 
สมน้ำหน้าสมิธ เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เกิดเรื่อง สาแก่ใจแล้วสินะสมิธ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 09-09-2020 22:54:25

สนุกมาก อ่านต่อเนื่อง หยุดไม่ได้ เป็นความฟิน ในความรักที่ พี่ลุค มีให้กับ มิตตี้ แม้ตอนแรกจะยังไม่หวาน เพราะอีพี่ ยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตอนหลัง ก็มีความดี ที่พอจะชดเชยกันได้ แต่ อีน้อง เป็นอะไร ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ลำใยมากกกก

แต่ให้อภัยในตอนพิเศษ  ที่ดูจะรักผัวมากพอ  เลยฟินไป

ขอคุณนักเขียน YINGPREM มาก  จะเป็นกำลังใจให้ต่อไป สู้ๆๆ

 :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 11-09-2020 15:12:09
สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้
อ่านแล้ววางไม่ลง
ตอนพิเศษน่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 14-09-2020 20:07:59
เรื่องนี้สุดปังเด้ออ 
ใครเลวสุด >> ลูคัส (หมั่นไส้นางมาก)
ใครน่าสงสารสุด >> มิทตี้ +ไนซ์ (แต่ก็ทำตัวเองละนะ  ตอนอ่านตือภาพแวบเข้ามาในหัวเลย )
ใครหลงเมียสุด >> ลูคัสต้องเป็นเธอแล้วละ 55
เรื่องนี้คือ ความรักที่รักมากเกินไป เหมือนแบบรักมาก เลยไม่ยอมปล่อย เหมือนลูกไก่ในกำมืออะ  บีบแรงก็ตาย ถ้าปล่อยก็กลัวหาย ต้องกลายเป็นนกในกรงทอง  แสดงออกว่ารักในแบบผิดๆ มาตั้งแต่แรก คือคนทำต้องการอีกอย่าง แต่คนถูกกระทำคิดอีกอย่าง  ยังดีที่นางกลับตัวกลับใจได้ แต่ชอบประโยคของรันต์มากตราตรึงใจ
“พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าเขารักพี่มากพอเขาจะทนไม่ได้ที่เห็นพี่เจ็บปวด”

ขอบคุณนิยายดีๆแบบนี้นะคะ เกือบพลาดไปอีกเรื่องสนุกมาก  น่าติดตามทุกตอน ฉากNC คือจุใจมาก อิอิ
หัวข้อ: Re: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 19-09-2020 21:40:23
สนุกมากกกกกกกก