[จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ]You're my fav person•คนโปรด•[Special Talk : HNY](01/01/2562)  (อ่าน 69042 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: ลุคมีความน่ารักฟรุ๊งฟริ๊ง อ้อนเมีย

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักกกก :-[

ออฟไลน์ Occava

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ตัดจบแค่นี้เลยได้ไหม จะได้ไม่ต้องเตรียมผ้าเช็ดน้ำตา
 o18 o18 o18

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ย ละมุนละไม

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ตอนนี้ น่ารักมากครับ


             :กอด1:

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ่อนโยนกับน้องบ่อยๆนะ อย่ามาทำหวานให้ตายใจจจ :ซูโม่:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 23.2
"มิทตี้...มิทตี้ตื่นเถอะ จะสายแล้วนะ"แรงสะกิดเบาๆ ที่ต้นแขนปลุกผมให้รู้สึกตัวจากการหลับไหล ผมงัวเงียด้วยความหงุดหงิดเพราะรู้สึกนอนไม่พอเลยหลับตาลงอีกรอบ
"อื้ม ง่วง! "
"เพื่อนรออยู่นะ"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างอ่อนใจ
"ก็ให้รอไปดิ"ผมบอกอย่างหงุดหงิดแล้วพลิกตัวไปอีกทาง
"ถ้าไม่ตื่นตอนนี้พี่จะโทรบอกให้เพื่อนมิทตี้กลับเมืองไทยไปก่อน"
"ไม่เอา! "ผมพลิกตัวกลับมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ลูคัส แต่มันกลับยื่นมือมาขยี้ศีรษะผมเบาๆ
"งั้นก็ตื่นได้แล้วครับ"
"เพราะมึงคนเดียวเลยทำให้กูนอนไม่พอ"ผมบ่นๆแต่ก็ยอมฝืนสังขารลุกขึ้นจากเตียงดูดวิญญาณ
"ก็พี่คิดถึง"
"คิดถึงบ้าอะไร ไม่เจอกันแค่4-5วันเอง"ผมผลักอกมันเบาๆ ให้พ้นทาง แต่ลูคัสกลับสอดมือโอบเอวผมไว้หลวมๆ แล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากผมเร็วๆ หนึ่งที
"เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันอีกตั้งหลายวัน พี่ก็ต้องกักตุนความน่ารักของมิทตี้ไว้ก่อนสิ"มันเอาตาข้างไหนมองว่าผมน่ารักวะครับ?
"พูดเหมือนกูเป็นอาหารแห้งเลยเนอะที่ต้องกักตุนเนี่ย ปล่อยยย! "ผมดิ้นและพยายามแกะมือมันออกจากตัวเอง ตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่กว่าผมมากมายอ่ะ ทำไมแรงเยอะนักวะ
"มิทตี้น่าสดเสมอสำหรับพี่"มันว่ายิ้มๆ ผมเลยชกแขนมันไปทีกับคำพูดส่อลามกของมัน ลูคัสจึงดูดริมฝีปากผมแรงๆ เป็นการเอาคืนก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระได้
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในเวลา15นาที จากนั้นมันก็พาผมไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ผมซัดแหลกเหมือนคนอดอยาก มันให้ลูกน้องไปตักอาหารมาให้ผมเรื่อยๆ พอมันอิ่มมันก็ลุกไปตักให้ผมเอง
ผมกินอิ่มมากชนิดที่ว่าเรอออกมาไม่เบานักอย่างไม่เกรงใจใคร ลูคัสมองผมนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร
"ยังพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย มิทตี้อยากได้อะไรหรือไปไหนไหม? "ลูคัสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยถาม
"อืม อยากได้รองเท้า"ผมนิ่งคิดแล้วนึกได้ว่ามีรองเท้าที่อยากได้เพิ่งวางขายที่อังกฤษวันนี้
"โอเค ช็อปอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ เดินย่อยไปก็แล้วกัน"ผมพยักหน้าตอบรับคำพูดลูคัส คือกินอิ่มจนจุกมากจริงๆ สมควรที่จะเดินย่อยสักหน่อยก่อนขึ้นเครื่องดีกว่า
ลูคัสคว้ามือผมไปจับแล้วพาเดินออกจากโรงแรม ผมดึงออกแต่มันไม่ยอม
"จับทำไมเนี่ย! "ผมโวย
"เดี๋ยวหลง"
"กูโตแล้วนะ-_-"
"พี่เป็นห่วง ไปเถอะ"มันบอกแล้วกระชับฝ่ามือแน่นขึ้น ผมขี้เกียจโวยวายเลยยอมเดินตามมันไปเงียบๆ
"ช้าหน่อย"ผมกระตุกมือมันนิดๆ เมื่อเดินตามไม่ทัน คือผมจุกไงถ้าเดินเร็วไปมากกว่านี้คืออ้วกอ่ะ
"เข้าร้านนี้กัน"มันลดฝีเท้าลงแล้วพาผมเดินเข้าช็อปนาฬิกาชื่อดังก่อนจะถึงช็อปรองเท้าผม ไปๆ มาๆ ผมเลยได้นาฬิกาเรือนละเป็นล้านมาใส่เล่น
จริงๆ ผมไม่อยากรับหรอกแต่มันทำท่าจะจูบผมกลางร้านนี่สิ ไปไม่เป็นเลยกู...ก็เลยยอมๆ ใส่ไปก่อน (ไม่อยากได้จริงๆ นะ!) หลังจากนั้นมันก็พาผมไปซื้อรองเท้าที่อยากได้ ระหว่างที่นั่งรอพนักงานเอารองเท้าไซส์ผมมาให้ลอง ผมเลยถ่ายรูปนาฬิกาบนข้อมืออัพลงไอจี

Smith_jaja บอกว่าไม่เอายังจะบังคับ : (
Zent_LJD เอามาให้กูถ้าไม่อยากได้ -*-
Kevin_Midnight มึงอยู่ไหนไอ้สาสสส พวกกูรออยู่สนามบินจนรากจะงอกอยู่ละ
Manee นาฬิกาสวยมากเลยค่า รุ่นนี้กี่ล้านคะสมิธ
Jomtup_Ch โอโห! มึงเล่นรุ่นนี้เลย! อิจฉาเว้ย อยากได้ๆ ๆ
Smith_jaja @ Zent_LJD ถ้ามึงกล้าเอาไปใช้ก็ได้อยู่
Smith_jaja @ Kevin_Midnight กูอยู่ช็อปรองเท้าไอ้ฟาย รอแปปกำลังไปละๆ
Smith_jaja ไปงอแงกับพ่อมึงไป๊! @Jomtup_Ch
Zent_LJD @ Smith_jaja มึงอย่าหาเรื่องให้กู! เฮียยิ่งน่ากลัวๆ อยู่ แล้วก็ฝากซื้อรองเท้ารุ่นG สีขาวมาให้กูด้วย เคนะ!
Primmz สวยมากเลยค่ะพี่สมิธ :)
Smith_jaja @ Primmz ไม่สวยเท่าปริมหรอก -_<
JAIDee.LZ อยู่ช็อปรองเท้าแต่เสือกได้นาฬิกา มึงนี่ยังไงแน่? @Smith_jaja
Zent_LJD @ JAIDee.LZ นั่นสิๆ
Thossakan บอกพี่กูว่าฝากซื้อรุ่น CC เรือนหนึ่ง
Smith_jaja โว้ยยยย! พวกมึงเลิกเสือก แยกๆ
Smith_jaja ไปบอกมันเอง! ขี้เกียจพูดด้วยแล้ว @Thossakan
“เป็นอะไร? ” ไอ้คนที่นั่งข้างๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านจากผม
“เปล่า เมื่อไหร่จะได้เนี่ย เพื่อนตามแล้ว”ผมเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วบ่นแบบขอไปที
“อืม เดี๋ยวพี่ให้โยไปตามให้” มันกำลังจะบอกให้โยไปตามพนักงาน แต่ผู้จัดการร้าน (ดูป้ายชื่อ) ก็รับกุลีกุจอหอบรองเท้ามาให้ผมลองไซส์ทั้งสองสี ผมลองแล้วชอบมากแต่เลือกสีไม่ถูก ถ้ามากับเพื่อนก็จะได้ถามความเห็นพวกมันได้ สุดท้ายลูคัสก็จ่ายให้ผมสามคู่ ของผมสองเป็นรุ่นเดียวกันแต่คนละสีน่ะ ส่วนอีกคู่ให้ไอ้ตี๋เซนท์ค่าปิดปากมันกับตอบแทนที่มันเก็บเสื้อผ้าที่โรงแรมให้
เมื่อออกจากช็อปรองเท้าเราก็รีบขึ้นรถไปที่สนามบิน ใช้ระยะเวลาระมาณ20นาทีก็ถึง
“วันศุกร์พี่ไปหา”ลูคัสเอ่ยบอกเมื่อรถหยุดนิ่ง ผมก็พยักหน้าให่มันเนือยๆ เพราะรู้สึกง่วงนิดๆ เลยโดนมันขโมยจูบไปแบบไม่รู้ตัว พอมันถอนจูบออกผมถึงลืมตาสบกับนัยน์ตาสีเขียวเข้มชัด ผมเผลอมองนานมากเหมือนสติกำลังถูกดูดไปหามัน แต่เมื่อมืออุ่นๆ ของลูคัสสัมผัสเข้าที่แก้มผมถึงได้รู้สึกตัว
“เอ่อ ไปนะ”ผมบอกแล้วยื่นมือจะเปิดลงจากรถแต่มือเรียวแข็งแรงของลูคัสก็ยื่นมาจับไว้ก่อน
“เดี๋ยว การ์ดที่พี่ให้ไปใช้เมื่อคราวก่อนยังอยู่ไหม? ”แบล็คการ์ดมันน่ะเหรอ? เออว่ะ! ลืมไปเลยว่ายังไม่คืนมัน
“อยู่ในกระเป๋าเดินทางอ่ะ จะไปเอาไหม? ”ผมกลัวทำหายไม่ใช่อะไรหรอก
“ไม่ต้องคืน เก็บไว้ใช้ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย ถ้าบัตรนั่นรูดไม่ได้ก็บอกพี่ พี่จะหามาให้มิทตี้เอง”มันลูกหัวผมไปด้วยและพูดไปด้วยน้ำเสียงวบายๆ แต่หัวใจผมนี่ไม่สบายด้วยเลยสักนิด
“ไม่กลัวกูรูดบัตรจนวงเงินเต็มหรือไง”ผมส่งยิ้มท้าทายให้ลูคัส แม้จะไม่รู้ว่าแบล็คการ์ดมันวงเงินเต็มได้รึเปล่า
“ถ้าคิดว่าทำให้มันเต็มได้ มิทตี้ก็ลองดู”กูเกลียดรอยยิ้มมั่นใจของมันมากเลยครับ
“เออ ใช้แน่”จะผลาญเล่นให้มันป๋าไม่ออกเลยคอยดู!
“หึๆ ไปได้แล้วเด็กดี ตกเครื่องขึ้นมาจะโทษพี่ไม่ได้นะ”มันว่ายิ้มๆ แล้วกระชับเสื้อโค๊ทให้ผม
“โทษมึงแหละ”มึงผิด ผิดทุกอย่าง เพราะมึงคนเดียวเลย!
ผมทำหน้าบึ้งๆ ถือของลงจากรถ จริงๆ ลูคัสจะให้ลูกน้องถือของไปส่งแต่ผมไม่ยอมมันเลยต้องเป็นคนยอมแทน
พอไปเจอเพื่อนที่รออยู่ก็เจอพวกมันบ่นกันยับ แต่พอผมยื่นของที่ซื้อมาให้มันถึงได้พากันสงบลงบ้าง ไอ้เซนท์กับไอ้ดีไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ไอ้เหี้ยวินกับไอ้เหี้ยเต๋อนี่แหละที่สงสัยผมหนักทั้งเรื่องไม่กลับห้องแล้วก็เรื่องนาฬิกา ผมก็แถๆ ว่าไปหาพี่ (ที่เป็นผัว) นี่ผมยอมปวดตูดนั่งเครื่องกลับพร้อมพวกมันเลยนะ เกิดกลับด้วยเครื่องบินส่วนตัวของลูคัสตามที่มันเสนอให้ตอนแรก ไอ้เควินกับไอ้เต๋อได้สงสัยยิ่งกว่านี้แน่ว่าพี่ที่ว่าเป็นใคร
ผมขี้เกียจอธิบาย…ให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้วล่ะ
+++++++++++
4 ปีต่อมา
กาลเวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอปรับเดียวเวลาก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว เหมือนหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง
ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทปีสุดท้ายแล้วครับ ก็เรียนที่ไทยนี่แหละครับ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ไอ้ทศไปทำงานที่อังกฤษ (แต่เมียยังอยู่ไทย) ไอ้เซนท์กับไอ้ดีไปเรียนต่ออเมริกา ปีนี้น่าจะจบแล้วกลับไทยในปีหน้า ส่วนผมมีแผนจะเรียนต่อปริญญาเอก คืออยากเรียนไปเรื่อยๆ ล่ะนะ
แทบไม่น่าเชื่อว่าคนที่โง่ที่สุดในกลุ่มอย่างผมจะดั้นด้นเรียนมาได้ถึงขนาดนี้ บอกตรงๆ ว่าผมก็มีเหตุผมที่อยากเรียนไปเรื่อยๆ แบบนี้
ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากทำและอีกส่วนหนึ่งคือผมยังไม่อยากไปอยู่กับมัน
ความสัมพันธ์ระหว่างผมและลูคัสแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น...ไม่สิ ต้องบอกว่ายิ่งนานวัน ลูคัสยิ่งใจดี
ผมคิดว่าผมรู้ว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไรต่อตัวผมเพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าที่มันรู้สึกนั้นจะมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
“พี่สมิธเย็นนี้ว่างไหมคะ? ”เสียงหวานใสดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันหลังไปยิ้มให้เธอก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่ว่างเลย ปริมมีอะไรรึเปล่าคะ? ”
“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะๆ ปริมแค่อยากชวนพี่สมิธไปหาอะไรกินด้วยกัน”
“วันนี้พี่ไม่ว่าง เอาไว้วันหลังนะคะ”
“โอเคค่า”
ผมบอกลาปริมแล้วเดินแยกไปที่รถตัวเอง อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่แม้ผมจะมาเรียนต่อ ป.โท อีกมหาวิทยาลัย ปริมก็ยังมาเป็นรุ่นน้อง ป.โท ผมที่นี่อีก เราค่อนข้างได้คุยกันมากกว่าเดิม สนิทกันมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับปริมไปมากกว่าเดิมนัก ผมรู้สึกว่าเป็นแบบนี้มันโอเคกว่า อีกอย่างผมไม่กล้าด้วย กลัวใจลูคัสมาก มันใจดีกับผมก็จริง แต่กับคนอื่นนี่ไม่รู้ว่ะ
Rrr Rrr Rrr
ผมเสียบบลูทูธใส่หูเพราะกำลังขับรถอยู่ และกดรับสายไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมไปทานข้าวกับปริมเย็นนี้ไม่ได้
(อยู่ไหน?)
“บนรถ กำลังขับกลับคอนโดฯ ”
(อยากกินอะไร?)
“ปิ้งย่าง”ผมตอบออกไปทันที เพราะอยากกินมา2-3วันแล้วแต่ไม่มีเพื่อนไปกิน
(อืม เลือกร้านไว้ อีกสักประมาณชั่วโมงครึ่งพี่คงถึง)
“มึงอยู่ไหน? ”
(ถนน R)
“รถติดอะดิ”
(มาก ย้ายไปเรียนอังกฤษเถอะ อเมริกาก็ได้) น้ำเสียงมันแสดงออกว่าเซ็งอย่างชัดเจน คนที่เวลาทุกวินาที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำอย่างมันจะรู้สึกไม่โอเคก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันก็ทนมาได้ถึงสี่ปีแล้วอ่ะนะ
“พูดมาก รีบมากูหิวแล้ววว” ผมทำเป็นไม่สนใจคำพูดของลูคัส มันบ่นเบาๆ อีกไม่กี่คำก็วางสายไป
ผมกลับถึงคอนโดฯ (ของลูคัส) ในอีก20นาทีต่อมา จากนั้นจึงไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นขึ้นหลังจากที่ออกไปผจญภัยมลพิษมาทั้งวัน
ขณะทีกำลังเช็ดผมตัวเองให้แห้งเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อมันมาเร็วก็ที่บอก และปกติมันไม่เคยกดออด
ถึงอย่างนั้นผมก็เดินไปเปิดประตูห้องเพื่อเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่…
คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้ผมตกใจมากนัก เพราะผมก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าสักวันอาจจะต้องเผชิญหน้ากัน
คาร่า เกร็นเดล...คู่หมั้นของลูคัส
เธอใช้สายตาคมสวยมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ผมไม่เคยถูกมองแย่ขนาดนี้มาก่อน ขาเรียวสวยก้าวเข้าห้องกระแทกไหล่ผมเข้าไปโดยที่ผมไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ชายชุดดำสามคนที่ตามเธอมาก้าวเข้าไปในห้องสองคนโดยมีอีกคนรออยู่ข้างนอก
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปิดประตูก่อนจะเดินตามเธอเข้าไป
คาร่ากวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่ไม่ได้เสียมารยาทในการเดินค้นห้องอย่างที่ผมคาดไว้ เธอทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวโปรดของผม ขาเรียวยาวยกขึ้นไขว่ห้างแล้วกอดอกเชิดหน้าเหมือนนางพญา แล้วเหลือบสายตากดข่มผมอีกรอบ
“นั่งสิ”เธอเอ่ยสั่ง แต่ผมไม่นั่งเพราะผมไม่ใช่ลูกน้องเธอ คาร่าจึงส่งสายตาให้ลูกน้อง การ์ดร่างยักษ์สองคนพุ่งเข้าชาร์ตตัวผมแล้วกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันได้ขัดขืน ยิ่งผมดิ้นพวกมันยิ่งใช้แรงกดผมลงกับพื้นมากกว่าเดิม คาร่าลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาใกล้จนรองเท้าส้นสูงสีมุกแทบจะชิดหน้าผมอยู่แล้ว
“อย่าคิดลองดีกับฉัน”พูดเธอก็ยกเท้าเหยียบลงมาที่ศีรษะผมแล้วขยี้แรงๆ ผมโกรธจนตัวสั่น ทั้งคำรามในลำคออย่างดุร้ายและดิ้นรนขัดขืนสุดแรง
เจ็บที่ตัวยังไม่ถึงเศษเสี้ยวในใจผมตอนนี้เลย
“นี่เป็นบทเรียนสั่งสอนขั้นแรกที่แกกล้าเป็นชู้กับคนของฉัน”คาร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบทั้งๆ ที่รองเท้ายังเหยียบอยู่บนศีรษะผมอยู่
ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะสถานะผมตอนนี้มันก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ ผมมัวแต่หลงระเริงอยู่ในความฝันเพราะมันมอมเมาผมไว้ โดยที่ผมไม่ทันได้ฉุกนึกถึงโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ฝันไม่มีทางเป็นจริง
“ถ้ายังไม่ยอมหยุด แกไม่ตายดีแน่”เธอยกเท้าออกแล้วสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวผม
คาร่าไปแล้ว เหลือบาดแผลในใจที่ไม่มีทางลบได้ไว้ให้...ตั้งแต่โตมานี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้หนักขนาดนี้ เสียใจมากซะจนหาเหตุผมมาอธิบายไม่ถูก
หยดน้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่พรั่งพรูออกมา ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล เหมือนความรู้สึกที่พยายามลืมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจำมากขึ้นเท่านั้น
“ฮึก ฮือ”
ผมไม่รู้ตัวเลยว่านั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมนานแค่ไหน จนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
“มิทตี้...เป็นอะไร! ”
++++++++++++++
อย่าเพิ่งโกรธเปรมที่อาจจะจบค้างไปสักนิดแต่เค้าจะรีบมาน้า><
ป.ล.เรื่องราวอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตามให้ทันนะๆ มาดูกันว่าอิพี่จะจัดการยังไงต่อปาย

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารมิทตี้ :sad4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: เฮียปล่อยให้ชะนีมาทำแบบนี้กับมิทตี้ได้ไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีลูปล่อยน้องไปเถอะ ชะนีของแกท่าทางจะแรงใช่เล่น  :katai1:

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 24.1

Lucas's part

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมก็ได้ยินเสียงร่ำไห้เบาๆคลอมากระทบโสตประสาท ขายาวรีบก้าวพรวดเข้าไปในห้องโดยไม่เสียเวลาคิด ผมเอ่ยเรียกหาสมิธแต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างเขาที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างโซฟาทำให้ร่างกายผมไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ

"มิทตี้...เป็นอะไร!"ผมขยับเข้าไปใกล้สมิธแล้วเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ

"ฮึก!"สมิธไม่ตอบและเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นพลอยทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกไปด้วย

"มิทตี้ เป็นอะไรบอกพี่สิ"ผมทรุดเข่านั่งลงข้างๆสมิธ มือจะคว้าเขามากอดไว้แต่สมิธกลับปัดออกด้วยท่าทีที่รังเกียจ เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาแดงช้ำจากการร้องไห้มองผมด้วยสีหน้าที่ทั้งผิดหวังและเสียใจ

"อย่ามาจับตัวกู"สมิธเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นพยายามกลั้นสะอื้น

"มิทตี้..."ผมพูดไม่ออกเพราะไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้กับเขานานมากแล้ว

"เพราะมึง...ฮึก ทำให้กู อึก!กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้!ฮือ..."ยิ่งเขาเอ่ยคำพูดออกมามากเท่าไหร่ น้ำตาเขาก็ยิ่งไหลทะลักออกมามากเท่านั้น น้ำเสียงเขาไม่ได้เอ่ยโทษผมเลยสักนิดแต่มันกลับเต็มไปด้วยความขมขื่นราวกับว่าเขากำลังโทษตัวเองอยู่ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับสมิธมากขึ้นไปอีก

"นายครับ...ดูนี่ก่อน"โยเดินมาจากด้านหลังและยื่นไอแพดในมือมาให้ผมดู เมื่อผมเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่โยนำมาให้ดู มือผมที่จับไอแพดเกร็งแน่นขึ้นจนสั่นระริกด้วยความโกรธ ผมขว้างไอแพดทิ้งลงกับพื้นจนแตกกระจายระบายโทสะที่ประทุขึ้นมาไม่หยุดก่อนจะก้มลงไปคว้าร่างสมิธมากอดไว้แน่นโดยไม่สนว่าเขาจะดิ้นรนปัดป้องยังไง

"พี่ขอโทษมิทตี้ พี่ขอโทษครับ"ผมกดจูบข้างขมับเขาทั้งสองข้างโดยไม่นึกรังเกียจ สมิธที่หยุดขัดขืนแล้วกำชายเสื้อผมแน่น ใบหน้าฝังลงกับบ่าผมแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

"ฮือออ"

"พี่ไม่ดีเองที่ปกป้องมิทตี้ไม่ได้ พี่ขอโทษครับที่รัก"ผมกอดเขาแน่นขึ้น กระซิบบอกอยู่ข้างหูเขาซ้ำๆนานจนกระทั่งเสียงสะอื้นเงียบลงในที่สุด

ผมคลายอ้อมกอดออก มือค่อยๆประคองหน้าสมิธด้วยความทะนุถนอมให้เงยขึ้นอยู่ในระดับเดียวกัน ผมใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาออกให้เขาอย่างเบามือก่อนจะกดจูบที่หน้าผากเขาแผ่วเบา

"เขาพูดอะไรกับมิทตี้"ผมเอ่ยถ่มน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้

"..."

"พี่อยู่ข้างมิทตี้นะ บอกพี่มาเถอะ" สมิธหลุบสายตาลงต่ำ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นราวกับกำลังตัดสินใจ นานหลายนาทีที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าที่สมิธจะยอมขยับปากอีกครั้ง

"...เขาพูดความจริง"

"..."

"กูเป็นชู้กับคู่หมั้นเขา"สมิธช้อนดวงตากลมโตสีฟ้าเข้มขึ้นมองผมด้วยความเศร้าสร้อย ผมกัดกรามแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์

"มิทตี้ฟังพี่ให้ดีนะ"

"..."

"มิทตี้ไม่ใช่ชู้ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ในชีวิตพี่ ไม่ว่าใครจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่เคยสำคัญกับพี่เหมือนมิทตี้...มิทตี้มาก่อนใครทั้งหมดและเป็นคนพิเศษของพี่เพียงคนเดียว"

"คนโปรดน่ะเหรอ"

"..."

"คนโปรดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารักใช่ไหม"น้ำเสียงสมิธแผ่วเบาราวกับจะกลืนหายไปกับอากาศ ผมจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้นและประทับจูบกับกลีบปากสีสดแทนความรู้สึกทุกอย่าง สมิธหลับตาลงพร้อมๆกับน้ำเม็ดเล็กที่หล่นลงข้างหางตา ผมบดจูบเข้ากับริมฝีปากอิ่มหลายนาทีก่อนจะถอนจูบออกอย่างเสียดายแล้วเอ่ยตอบเขาชัดๆ

"แต่คนโปรดก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่รักมิทตี้"ผมฉีกยิ้มบางๆ สมิธนิ่งคิดไปกับคำพูดผมก่อนดวงตากลมโตคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นราวกับไม่เชื่อที่ได้ยิน

"ตอนนี้พี่อาจจะพูดอย่างชัดเจนกับมิทตี้ไม่ได้เพราะพี่มีพันธะผูกมัดบางอย่างทางธุรกิจ พี่ไม่อยากเอาเปรียบมิทตี้...แต่พี่อยากให้มิทตี้เชื่อพี่"

"กูจะเชื่ออะไรมึงได้"เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

"4ปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมีใครนอกจากมิทตี้...มิทตี้รู้ดีใช่ไหม?"ผมพูดยิ้มๆ เพราะสายสืบที่ส่งข่าวให้เมียผม วงในของวงในขนาดนี้...โย เกรย์ ไอ้คู่ผัวเมียนรก

"..."

"พี่จะทำให้ปัญหาพวกนั้นจบให้เร็วที่สุด...และผู้หญิงคนนั้นจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมที่ทำกับเมียพี่แบบนี้"ผมฉกหอมแก้มขาวๆของมิทตี้ไปฟอดใหญ่ เขาไม่ได้สนใจแต่หันมาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

"จะทำอะไร?"

"มิทตี้อยากให้พี่ทำยังไงกับเขา"น้ำเสียงผมเย็นชาขึ้นจนอีกคนมองอย่างเกรงๆผมจึงส่งยิ้มปลอบโยนให้เขา สมิธถึงได้ผ่อนคลายขึ้น

"กูไม่รู้...ไม่ต้องทำอะไรก็ได้"พอได้ยินคำตอบของเขา ผมก็ยิ่งแค้นผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น...เมียผมจิตใจบริสุทธิ์ขนาดนี้มันกล้าทำได้ยังไง ผมจะทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดแม้จะต้องถูกตราหน้าว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายก็ตาม

"พี่จัดการเอง"

ผมปลอบขวัญมิทตี้อยู่สักพักก็ให้เขาไปอาบน้ำใหม่ ระหว่างที่รอผมก็ต้องจัดการสิ่งที่ควรทำ

"โย"

"ครับนาย"

"หาเรื่องคาวๆที่ผู้หญิงแพศยาคนนั้นทำลับหลังผมแล้วเผยแพร่ออกไป อ้อ!อย่าลืมประกาศถอนหมั้นคาร่าในนามของผมออกสื่อสาธารณะให้เรียบร้อยภายในวันนี้"

"ครับนาย...แล้วท่านฮาเกน"

"ถ้าเขามีปัญหานัก ก็จะไม่ต้องเกรงใจ จัดการตามที่เห็นสมควร"ผมเอ่ยด้วยสีหน้าดุดันที่น้อยครั้งจะแสดงออกมาให้ใครเห็น

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำผมโกรธจัดที่สุดในชีวิตก็ไม่เกินไปนัก

"ทราบแล้วครับ"โยค้อมศีรษะให้แล้วไปจัดการงานที่ผมสั่ง

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคนๆหนึ่ง ผมรอสายอยู่นานจนสายเกือบจะตัดเขาก็กดรับ ผมไม่รีรอพูดอ้อมค้อมให้มากความ แค่เพียงคำพูดสั้นๆไม่กี่คำแต่จะทำให้ใครอีกคนต้องจดจำไว้ว่าเขาได้ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งแล้ว

"ผมจะส่งของให้พรุ่งนี้"

หลังกดวางสายผมก็นั่งลงบนโซฟา หยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิด รัวนิ้วลงบนแป้นและเริ่มทำการ 'สั่งสอน' ทุกคนที่กล้าทำร้ายคนของผม

เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่สมิธจะเดินออกจากห้องนอนมาในชุดใหม่ ผมคลิกเมาส์ครั้งสุดท้ายแล้วพับฝาโน๊ตบุ๊คลง

"มานี่มา"ผมกวักมือเรียกสมิธให้มาหา เขาขยับเท้าเอื่อยๆหน้าตาซึมๆไม่สมกับเป็นเขาเข้ามาใกล้ ผมกระตุกมือสมิธให้เขานั่งลงข้างๆกันแล้วหอมแก้มเขาไปอีกสองฟอด

"หิวรึยัง?"

"อือ"

"ร่าเริงหน่อยสิ"ผมแกล้งกัดคอขาวๆเมียเล่นให้เขาโวยวายอย่างปกติ แต่สมิธทำเพียงกอดคอผมไว้หลวมๆ

"ไม่มีอารมณ์"

"แล้วอยากมีอารมณ์ไหม?"ผมกดเขาลงกับโซฟาก่อนจะเท้าแขนกักร่างเขาไว้จากด้านบนพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเหมือนเสือหิว สมิธหน้าแดงขึ้นนิดๆไม่รู้เพราะเพิ่งอาบเสร็จหรืออะไรกันแน่

"อื้ออ!ลุคไม่เอา"มิทตี้ครางงึมงำเมื่อผมก้มดูดลำคอขาวๆเขาอย่างหมั่นเขี้ยว

"ไม่เอาอะไร?"ถามเสร็จผมก็ดูดไปอีกรอย...น่าโดนจริงๆ

"ไม่เอากันดิ"เขาทำหน้างอเวลาไม่พอใจผมออกมา ผมยิ้มอย่างพอใจจึงแนบริมฝีปากลงกับกลีบปากอิ่มสมิธ ขบเม้มอย่างเร่าร้อนอยู่ครู่หนึ่งแล้วผละออกพร้อมดึงเด็กหน้างอให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ

"ทำหน้าดีๆเดี๋ยวพาไปกินช็อคโกแลตฟองดูว์"

"คิดจะซื้อกูด้วยของกินอ๋อ?"เขาทำหน้าขึงขังท่าทางเอาเรื่อง แต่มันดูน่ารักมากๆสำหรับผม

"ไม่ได้เหรอ?"

"ไม่ได้...ถ้าไม่มีบิงซูด้วย"

"หึๆเจ้าเด็กอ้วน"ผมขยี้ผมเขาแกล้งๆฟัดแก้มเขาไปอีกหลายทีแล้วกอดคอพาเด็กออกไปหาของกินอย่างที่เจ้าตัวเขาต้องการ

+++++++++++

วันต่อมา

วันนี้สมิธตื่นแต่เช้าไปเรียนตามปกติ อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะเรียนจบแล้ว ผมจะได้พาเขาไปอยู่ด้วยอย่างจริงจัง แต่ถ้าเขาไม่ยอมผมก็คงต้องตามใจเขาอยู่ดี

ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนสมิธ ก่อนเขาออกไปผมก็ฟัดเขาต่ออีกนิดหน่อยเลยได้เสียงบ่นงึมงำมาเป็นระลอก

สมิธดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังมีซึมๆอยู่บ้างเป็นบางครั้ง เสร็จจากเรื่องนี้ผมคงต้องพาเขาไปเยียวยาจิตใจ

ผมไม่ได้กลับไปนอนต่อเพราะไม่มีอาการJet lagแต่อย่างใด ปกติผมก็เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว

ผมนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเปิดเครื่องมือถือ มีสายโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าร้อยสาย ผมไม่ได้โทรกลับหาใครเพราะไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องให้ความสำคัญกับคนพวกนั้น

ผมเปิดช่องข่าวเศรษฐกิจ มีการรายงานข่าวว่าหุ้นของบริษัทในเครือของเกร็นเดลกำลังร่วงลงอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าแกร็ก เกร็นเดล(พ่อของคาร่า) ยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ภายใน2-3ชั่วโมงนับจากนี้ เขาจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายชั่วข้ามคืน

ผมนั่งฟังข่าวนิ่งๆเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้...ผมทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาขนาดนี้ได้ผมก็สามารถทำให้เขาไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนได้เช่นกัน

นี่เป็นเพียงการสั่งสอนขั้นแรก

โยเข้ามารายงานว่างานที่ผมสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีนักข่าวหลายสำนักขอติดต่อสัมภาษณ์แต่ถูกผมปฏิเสธไป

นักข่าวเขียนข่าววิภากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุที่ผมถอนหมั้นคาร่าว่ามาจากการที่เธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มหลายคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลับหลังผม

ตอนนี้เธอยังเงียบหายไปแต่ผมว่าอีกไม่นานเธอต้องออกมาให้ข่าวโต้ตอบผมและอาจจะลามไปถึงสมิธได้ เพราะฉะนั้นผมต้องรีบตัดไปตั้งแต่ต้นลม

Rrr Rrr Rrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อคนที่ผมคาดไว้ ผมปล่อยให้ทางนั้นรอสายอยู่นานก่อนที่จะกดรับสาย

(ลูคัส ฮาล์น!)

"..."

(แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!)

"ผมทำอะไร?"

(เรื่องคาร่าและเรื่องที่แกส่งอาวุธไปที่ประเทศC แกคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนั้นลงไป!!!)ปลายสายตะคอกกลับมาอย่างโกรธจัด

"อ้อ...ผมกำลังคิดว่าจะเอาคืนคนที่กล้ามายุ่งกับคนของผมยังไงน่ะสิ"ผมตอบเขาออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆซึ่งนั่นน่าจะยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขา

(ไอ้หลานเนรคุณ!!!)

"หึ!เนรคุณงั้นเหรอ?10กว่าปีที่ผ่านมาคุณยังขูดเลือดเนื้อผมไปไม่พอใช่ไหม? ผมว่าตอบแทนคุณมามากพอแล้วฮาเกน...สัญญาเรื่องคาร่ามันครบ10ปีแล้ว ผมถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"

(...ได้!เรื่องคาร่าจบไป แล้วเรื่องอาวุธที่แกส่งไปจะอธิบายว่ายังไง!?)

"ทำไมต้องอธิบาย ตาก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าผมส่งไปให้ท่านอาบัน"

(ไอ้ลุค!!!)

"ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับคนของผม แต่ตาก็ยังไม่ฟัง ผมทำแค่นี้ถือว่ายังน้อยไป"

(แกจะลองดีกับฉันใช่ไหม!คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกใช่ไหม!)

"แล้วคิดว่าผมไม่กล้าเหรอ!ตาซ่อนอะไรไว้อย่าคิดว่าผมไม่รู้...ถ้าตาคิดว่าทำใจกับการสูญเสียได้จะลองวัดใจผมดูก็ได้"

(ลูคัส!!!แค่กๆๆ!...ฉันสร้างแกให้ยิ่งใหญ่มาได้ถึงขนาดนี้ทำไมถึงไม่คิดบ้าง!)

"ผมสร้างตัวของผมเอง!พวกคุณต่างหากที่คอยแต่จะผลักผมลงนรก แค่ใช้เงินกับอำนาจช่วยผมนิดหน่อยไม่ต้องมาอ้างเยอะ"

(ในเมื่อแกพูดแบบนี้...นับแต่นี้แกกับฉันเราขาดกัน!)

"ได้!ขาดก็ขาดและอย่ามาแตะต้องสมิธอีก ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นชีวิตตาผมก็จะไม่ปราณี"ติ้ด!ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัวแล้วถอนหายใจหนักๆพร้อมกับใช้มือนวดคลึงระหว่างคิ้วคลายความตึงเครียด

ฮาเกน ค็อกซ์ เป็นตาแท้ๆของผม เขาเป็นคนพาผมออกจากบ่อนนรกแถบชายแดนรัสเซีย อาจเรียกว่าให้ชีวิตใหม่แก่ผม แต่ที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อผมประโยชน์ต่อตัวเขาเอง

ถึงอย่างนั้นเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อผม เขาบอกอะไรผมก็จะฟัง เขาต้องการอะไรผมก็จะทำให้ แม้กระทั่งใช้ให้ผมไปหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง...ผมรู้สึกแย่ที่สุด มันดูไร้ศักดิ์ศรีจนน่าขยะแขยง...และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะตอบแทนบุญคุณเขา

คาร่าเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-อาหรับประเทศC พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจอเมริกัน ส่วนแม่ของเธอมีเชื้อสายขุนนางชั้นสูงของประเศC ซึ่งจุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้

ฮาเกนทำธุรกิจใต้ดินหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการค้าอาวุธ เข้าต้องการเส้นทางเพื่อส่งอาวุธไปในประเทศแถบทะเลทราย รวมทั้งประเทศที่การก่อการร้ายกำลังหนักหน่วงขึ้นอย่างประเทศC

ตาผมต้องการส่งอาวุธไปขายให้พวกผู้ก่อการบางกลุ่ม แต่เขาก็ต้องการความสะดวกในการส่งของไม่ให้มีการปล้นชิงเกิดขึ้น สืบไปสืบมาแม่ของคาร่าคือตัวเลือกที่ดี นำพาไปสู่การหมั้นหมายของผมและคาร่า

ผมไม่ได้ประโยชน์อะไรกับการหมั้นหมายในครั้งนี้ กลับกันผมดันเป็นคนที่เสียผมประโยชน์มากกว่าใคร บริษัพ่อของคาร่าก็ได้เงินผมไปลงทุนหลายพันล้านในระยะเวลา10ปีที่ผ่านมา ผมต้องผลักดันเธอให้โด่งดังในฮอลลีวู้ดโดยใช้เงินไปไม่น้อย และที่สำคัญมันทำให้ผมต้องสูญเสียสมิธไป

ผมรับปากกับตาว่าแค่10ปีเท่านั้นที่ผมจะยอมทุกอย่าง หลังจากนั้นผมจะทำตามใจตัวเองบ้างซึ่งเขาก็รับปากผมเป็นหมั่นเป็นเหมาะ

ระหว่างที่หมั้นกันผมบอกกับคาร่าอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของเราอยู่ในรูปแบบไหน ต่างคนจะไปมีใครก็ได้ซึ่งเธอก็ดูโอเคกับข้อตกลงนี้

จนกระทั่งเมื่อ2เดือนก่อน ผมบอกคาร่าว่าจะถอนหมั้น แต่จะให้เธอเป็นคนประกาศและบอกเหตุผลกับสื่อออกไปเองเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเธอ

เธอดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมรับปากและเธอขอเวลาอีก2เดือนในการจัดการเรื่องนี้โดยมีเงื่อนไขว่าผมต้องลงทุนในบริษัทลูกที่อังกฤษของพ่อเธอเพิ่มในราคาที่มากเกินพอดีอยู่สักหน่อย...ผมยอมตกลงเพื่อให้เรื่องมันจบ

ทุกคนรับรู้ข้อตกลงนี้...แต่มาวันนี้พวกเขาจงใจผิดคำพูดกับผมและกล้าทำร้ายสมิธ

แน่นอนว่าตาผมมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ อย่างคาร่าจะรู้ถึงตัวตนสมิธที่ผมปกป้องไว้อย่างดีได้ยังไงถ้าไม่ใช่ตาผมบอกข้อมูลให้

เพราะฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครอีกต่อไป

การที่เขากล้ายุ่งกับสมิธสำหรับผมนั่นก็ถือเป็นการหักหลังผมเช่นกัน

ผมอ่านสถานการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่าพวกเขาอาจตุกติกกับผม ผมถึงได้ติดต่อท่านอาบันผู้นำประเทศCไว้ ผมจะบอกทุกเส้นทางการส่งอาวุธระหว่างตากับพวกผู้ร้ายให้ท่านอาบันรู้ ยอมใช้ทุนทรัพย์และเส้นสายมากมายเพื่อสืบหาฐานที่ตั้งของพวกมัน และสุดท้ายผมยังจะส่งอาวุธที่ดีที่สุดให้ท่านอาบันฟรีๆเพื่อแลกกับการกำจัดพวกมัน และผมก็ทำจริงๆเมื่อพวกเขากล้าแตะต้องสมิธ

ผมได้อะไรจากการลงทุนในครั้งนี้?...ก็แค่ได้ตัดแหล่งสร้างเงินที่เปรียบเสมือนแขนขวาฮาเกนและตักเตือนเขาเล็กๆน้อยๆ เท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว

Rrr Rrr Rrr เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปลายสายเป็นคนที่ผมเฝ้ารอ ผมรีบกดรับและกรอกเสียงลงไปอย่างอารมณ์ดี

"ว่าไง?"

(ทำอะไรอยู่)

"ทำงานครับ มิทตี้โทรหาพี่มีอะไร?คิดถึง?"

(เปล่าซะหน่อย)

"หึๆแล้วทำไมถึงว่างโทรหาพี่ได้ ไม่มีเรียน?"

(อาจารย์ให้พัก15นาที)

"อือฮึ"

(เห็นข่าวแล้ว)อยู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมาทื่อๆ

"ครับ"

(เรื่องจริงเหรอที่ถอนหมั้นกับเขา)น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ

"เป็นเรื่องที่พี่ควรจะทำตั้งนานแล้ว"

(...)

"มิทตี้ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องสนใจคนอื่น สนใจแค่ตัวเองกับพี่ก็พอ"

(บ้า!แค่นี้นะจะไปเรียนแล้ว)

"ครับๆตั้งใจเรียนนะ"

(อื้อ)ติ้ด!

ผมนั่งมองโทรศัพท์ยิ้มๆ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ความตึงเครียดเมื่อกี้นี้แทบจะหายไปในพริบตา

สมิธคือความสุขเดียวของผมในตอนนี้

ชั่วชีวิตผมมีแต่ให้ผู้อื่นมาโดยตลอด สมิธเป็นเพียงคนเดียวที่มอบความรักให้แก่ผม...แต่ผมกลับเห็นค่ามันเมื่อสายเกินไป ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมารักผมได้อีกเหมือนเดิมไหม แต่นับจากวันที่ผมรู้ใจตัวเอง ผมก็เลือกจะปกป้องสมิธไว้อย่างสุดกำลัง

+++++++++++++

เฮียรักและหลงเมียมากมาย หลัวในอุมคติเลย...ส่วนนังคาบ้า แกต้องเจ็บปวดที่สุด(อินจัด)

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
โอ้โห ฟังความในใจเฮียแล้ว แบบรักมิทตี้มากกกก เวอร์ หมันไส้ อิจฉา 5555 :กอด1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao7: เฮียยยหลงเมียมาก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วนังชะนี มันจะหยุดด้วยไหมนะ  :hao4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิจฉาคนมีความรักแฮะ

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
หูยยยย จับมันมาให้มิทตี้เหยียบหน้าให้ดั้งหักไปเลย!
อิพี่รักเมียขนาดนี้ ทำไมมันยังจะมีดราม่า?!! ไม่อยากให้ถึงตอนนั้นนนนน

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
​คนโปรด 24.2

หลังจากที่วางสายจากลูคัส ผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องฟังอาจารย์บรรยายตามปกติ บอกตรงๆว่าตอนแรกที่เห็นข่าวเรื่องลูคัสจากพี่ที่เรียนปริญญาโทด้วยกันผมก็ไม่อยากจะเชื่อนิดหน่อย

10ปีเชียวนะที่มันหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นมา ผมคิดว่ามันคงจะต้องแต่งงานกับเธอในสักวันด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าอยู่ๆมันก็ประกาศถอนหมั้นออกไป

แวบแรกที่เห็นข่าวนี้ผมก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเพราะเรื่องเมื่อวานรึเปล่า? แต่ผมก็ไม่อยากสำคัญตัวเองมากเกินไปก็เลยออกไปโทรหามัน ยังไม่ทันที่จะได้ถามเหตุผลเลยมันก็ดันพูดประโยคที่ทำให้ผมไปต่อไม่ถูก ผมเลยกดวางสายจากมันแบบงงๆ

ผมเรียนเสร็จตอนเที่ยง ช่วงบ่ายก็ไปปรึกษาอาจารย์เรื่องวิทยานิพนธ์ที่ใกล้จะเสร็จแล้วของผม

เหลืออีกแค่2เดือนกว่าๆผมก็จะเรียนจบ ผมมีแพลนอยากเรียนต่อปริญญาเอกเลยเพราะไม่ได้ทำงานอะไรอยู่แล้ว ผมอยากจะไปต่อที่อเมริกามากกว่าที่ไทยก็มองๆไว้แล้วว่าที่ไหนเหลือแค่บอกลูคัสเท่านั้น(แค่บอกนะไม่ได้ขอ)

ผมกลับถึงห้องในช่วงบ่ายแก่ๆ ลูคัสกำลังทำงานอยู่อีกเช่นเคย ผมเห็นมันยุ่งกับการทำงานแทบจะตลอดเวลาแต่เกรย์เคยบอกว่าเมื่อไหร่ที่ผมโผล่เข้าไปในสายตามัน ลูคัสก็จะหยุดทำงานแล้วหันมาสนใจผมแทน ผมลองสังเกตดูมันก็เป็นอย่างที่เกรย์ว่าจริงๆ

สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้ดีใจนัก แต่สำหรับสถานะของคนอย่างผมมันก็ค่อนข้างพิเศษนะ ผมรู้สึกดีมากกว่าที่มันซื้อของให้ซะอีก

มันวางไอแพดลง กวักมือเรียกผมเข้าไปหา พอถึงระยะมือเอื้อมถึงมันก็ดึงผมเข้าไปกอดไปหอมตามปกติ

ปีแรกๆผมก็ขัดขืนเป็นปกติ แต่เดี๋ยวนี้ทำพอเป็นพิธีไม่ได้เยอะมากเพราะรำคาญตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้จะสะดีดสะดิ้งไปทำไมยังไงก็ขัดขืนมันไม่ได้อยู่ดีป่ะ

ตั้งแต่เรียนปริญญาโทผมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนเพราะตั้งใจเอาไว้มากว่าอยากเรียนให้ได้ความรู้มากที่สุด เวลาออกกำลังกายผมจึงลดน้อยลงไปด้วย แทบจะไม่ได้เข้ายิมไปเล่นเวตเลย ได้แต่ตื่นไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆคอนโดฯแทน ตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมาผมผอมลงไปเป็นสิบกิโลกรัมแต่รูปร่างก็ยังดูดีอยู่นะไม่ได้ผอมบางเหมือนไอ้น้องรันต์หรอก ผมเฉยๆไม่ได้เฟลเท่าไหร่ แต่ก็มีบางคนที่พยายามเก็บความพอใจไว้แทบมิด(แต่ก็ไม่มิดอยู่ดี)

"พรุ่งนี้มีเรียนไหม?"ลูคัสถามขึ้นหลังจากที่จูบปากผมจนพอใจแล้ว ผมส่ายหน้าแล้วตอบ

"ไม่มี เรียนอีกทีวันอังคาร"

"ดี!"

"ทำไม?"

"พี่จะพามิทตี้ไปเที่ยว"มันพูดยิ้มๆพร้อมเสยผมไปข้างหลังให้ผมด้วย

"ที่ไหน?"ผมถามอย่างสนใจเพราะก็อยากจะไปเที่ยวพักผ่อนอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะำปที่ไหนดี

"มิทตี้มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษไหม?"

"ไม่รู้ คิดไม่ออกแต่ไม่อยากไปไกลเหนื่อยเดินทาง เอาใกล้ๆพอ"

"อืม ไปสวิสฯไหม"กูเพิ่งบอกไปหยกๆเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากไปไกล-_-

"มันใกล้ตรงไหนอ่ะ"ผมทำหน้าเซ็งๆส่งให้มัน ลูคัสหัวเราะเบาๆแล้วเกี่ยวคอผมเข้าไปหอมแก้มหลายฟอดใหญ่

"ไม่ใกล้ แต่พี่อยากพามิทตี้ไปที่ๆหนึ่ง"น้ำเสียงลูคัสเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มันดูอยากพาผมไปมากๆ

"ค่อยไป หยุดแค่3วันเอง ไปใกล้ๆในประเทศพอ"ผมเอ่ยขัด มันหน้าเจื่อนลงนิดๆแต่ยังคงรอยยิ้มไว้ให้อยู่

"ก็ได้ งั้นไปที่ไหนดี"ลูคัสเอ่ยถามอย่างตามใจ

"หัวหินก็ได้ ใกล้ๆ"

"โอเค"ลูคัสรับปาก ก่อนจะเรียกโยให้ไปจัดการเรื่องที่พัก

หลังจากนั้นมันก็ถามผมว่าตอนเย็นจะกินอะไร ผมอยากกินสเต็ก มันก็เสนอชื่อร้านอาหารฝรั่งเศษชื่อดังร้านหนึ่งขึ้นมาให้ผมแทบจะทันที บอกตรงว่าคนอยู่เมืองไทยมานานกว่าอย่างผมยังรู้จักร้านของกินไม่เยอะเท่ามันเลยเว้ย

ระหว่างที่เรากำลังนั่งรถไปร้านอาหารเสียงโทรศัพท์มือถือของลูคัสก็ดังขึ้น มันกดตัดสายทิ้ง แต่ปลายสายก็ยังกระหน่ำโทรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลูคัสกดปิดเครื่องอย่างไม่แยแสแล้วหันมาชวนผมคุยเรื่องที่จะไปเที่ยวแทน เพียงไม่นานที่โทรศัพท์มือถือของโยก็ดังขึ้น เขากดรับและกรอกเสียงลงไปเรียบๆ ผมไม่ได้สนใจที่เขาพูดนักเพราะมัวแต่เปิดเว็บไซต์หาดูว่าที่หัวหินมีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง

ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงร้านอาหารที่จะมาทานในค่ำคืนนี้ ผมสั่งวากิวริบอายส์ไปหนึ่งที่ก่อนเรียกน้ำย่อย พอหมดแล้วก็สั่งอย่างอื่น ทั้งพิซซ่าล็อปเตอร์ ออมเล็ตคาเวีย บลาๆหลายอย่างอ่ะกว่าผมจะอิ่ม ส่วนลูคัสทานแค่สเต็กเหมือนผม สปาเก็ตตี้ผัดซอสไวน์แล้วก็พิซซ่าที่ผมสั่งอีกชิ้นแค่นั้น ถึงอย่างนั้นมื้อมันก็จ่ายค่าอาหารไปร่วมๆครึ่งแสนได้(รวมของลูกน้องด้วย)

ปกติผมไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เมื่อมีคนจ่ายให้มันก็อีกเรื่องใช่ไหมครับ?

มันชอบพาผมไปกินร้านแพงๆ ผมก็ค้านมันหลายทีแล้วนะแต่มันก็ชอบยกเหตุผลมาพูดทำให้ผมเถียงไม่ออก

'พี่อยากให้มิทตี้ได้ทานของดีๆอร่อยๆได้เห็นมิทตี้มีความสุขแพงแค่ไหนพี่ก็ยอมจ่าย'

เป็นคุณ คุณจะเถียงออกไหม?ไม่ต้องไปพูดเรื่องเปลืองตังค์กับมันนะ มันไม่เข้าใจหรอก เหอะๆ

นอกจากเหล้ากับบอล ก็มีเรื่องกินนี่แหละที่ผมชอบมากๆ



หลังทานอาหารเสร็จลูคัสก็ถามผมว่ามีที่ที่อยากไปไหม ผมส่ายหน้าเพราะอิ่มแล้วแม่งเริ่มง่วงว่ะ

ระหว่างทางกลับผมก็เคลิ้มๆจะหลับ สับผงกไปครั้ง จนอีกคนทนไม่ไหวจับหัวผมไปซบบ่าตัวเองแทน ผมเอียงศีรษะหาองศาเหมาะๆให้นอนสบายๆ บวกกับเสื้อคลุมที่มันห่มให้ด้วยทำให้ผมหลับลงไปอย่างรวดเร็ว

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะะเทือนเล็กๆ ก่อนจะพบว่าผมกำลังอยู่บนหลังของลูคัส

"ทำไมไม่ปลุก"ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดจะงัวเงีย

"ไม่อยากปลุก"

"แล้วไม่หนักหรือไง?"ผมหนักเกือบ70กิโลฯเลยนะ เพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆด้วย

"หนักสิ"มันตอบออกมาแทบจะทันที คิดหน่อยก็ดีนะ...

"เหอะ!งั้นมึงก็แบกกูต่อไปแบบนี้แหละ"ผมใช้ขาเกี่ยวเอวมันไว้แล้วกอดคอขาวๆของมันแน่น มันหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วแบกผมเดินเข้าลิฟท์ไปอย่างสบายๆ

เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นที่เราอยู่ ลูคัสก็แบกผมออกจากลิฟท์แล้วมันแกล้งเดินเซครับ ผมเกือบตกจากหลังมันอ่ะคิดดู แล้วมันยังมาหัวเราะสะใจใส่ผมอีก จังหวะที่ผมจะด่าออกไปก็มีเสียแหลมๆตวาดแหวขึ้นจากทางลิฟท์อีกตัวที่เพิ่งเปิดออก

"มีความสุขกันดีนี่!!!"ผมเอี้ยวตัวหันไปมองตามต้นเสียงที่คุ้นหู...คาร่า

ผมสะกิดลูคัสแต่ร่างสูงกลับไม่ยอมหยุดฝีเท้าเลยสักนิด มันก้าวเท้าต่อเพื่อไปยังห้อง บรรยากาศรอบตัวมันกดดันขึ้นจนผมรู้สึกได้

"ลูคัส!!!หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ปล่อย!!!แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร!ไอ้พวกขี้ข้า!!!"ผมไม่กล้าหันกลับไปมองแต่ฟังจากประโยคที่เธอพูดคาดว่าลูกน้องลูคัสจะจับตัวเอาไว้อยู่

"ไม่ต้องไปสนใจ"ลูคัสเอ่ยนิ่งๆ ผมก็พยักหน้าแล้วเผลอกอดคอมันแน่นขึ้น

"แน่จริงแกก็มาเจอกับฉันตรงๆสิ เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังคอยให้ผู้ชายอีกคนปกป้อง! นี่คงเป็นสันดาน*ไอ้ตัวอย่างแกสินะสมิธ!!!"คำพูดผู้หญิงคนนั้นที่เสียดแทงเข้ามาในหู ทำให้ความคุกรุ่นที่ผมพยายามกดมันไว้กำลังป่ะทุขึ้นมา

ผมเผลอกำคอเสื้อลูคัสสุดแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตัวสั่นขึ้นมานิดๆและแล้วฝีเท้าของลูคัสก็หยุดขยับ

มันย่อตัวลงวางผมลงจากหลังก่อนจะหันไปทางผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าที่ผมต้องจับมือมันไว้แน่น...ราวกับมัจจุราชที่กำลังจะปลิดวิญญาณใครก็ได้

"เมื่อกี้...มึงว่าใคร"น้ำเสียงนิ่งๆทุ้มต่ำบวกกับสีหน้าของมันตอนนี้ แม้แต่ผมที่รู้จักกันมาครึ่งชีวิตก็ไม่เคยเห็น

"ก็ด่าไอ้ตัวร่านๆที่ยืนอยู่ข้างคุณยังไงล่ะ!"มือข้างที่ว่างผมกำหมัดแน่น ไม่ใช่ว่าผมไม่โกรธ ไม่ใช่ว่าผมจะเป็นคนดีโลกสวยอะไรนักหนา เพียงแต่ผมไม่อยากถือสา ไม่อยากจะทำร้ายผู้หญิง เพราะผมโตมากับแม่ ผมจึงจะให้เกียรติผู้หญิงเสมอ

แต่คำพูดและการกระทำของผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมชักจะไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไร ผู้ชายที่ผมยืนจับมือไว้ก็เอ่ยปากออกไปด้วยเสียงเย็นชาสุดขีด

"ตบปากมันให้ฟันร่วงจนกว่ากูจะบอกให้หยุด"ลูกน้องลูคัสที่ยืนจับผู้หญิงคนนั้นอยู่สี่คนทำตามคำสั่งเจ้านายทันที

เพี๊ยะๆๆๆ

"กรี๊ดๆๆๆ"เลือดกลบปากคาร่าตั้งแต่ครั้งแรกที่โดนตบ ไม่กี่ครั้งฟันเธอก็กระเด็นหลุดออกมาถึง2ซี่พร้อมเลือดสดๆ ผมหันหน้าหนีภาพนั้นแล้วกระตุกมือลูคัสไม่หยุด

"ลุค พอแล้ว"ผมพูดเสียงสั่นเพราะรู้สึกกลัวขึ้นมา เคยบอกไปแล้วไงว่าผมไม่ชอบการใช้ความรุนแรง

"มันด่ามิทตี้"ลูคัสพูดเสียงนิ่งโดยมีเสียงกรี๊ดและร้องไห้ของผู้หญิงคนนั้นแทรกเข้ามาเป็นระยะ

"ช่างเขา ถ้าจะลงโทษก็เอาวิธีอื่น อย่าทำแบบนี้เลยนะ"ผมเอ่ยขอลูคัสเสียงอ่อน เสียงผู้หญิงคนนั้นเงียบไปแล้วแต่เสียงเนื้อกับฝ่ามือกระทบกันยังดังอยู่

ไม่ใช่ว่าสลบไปแล้วหรอกนะ?ผมไม่กล้าหันไปดูจริงๆ

"พอ!"ในที่สุดลูคัสก็เอ่ยสั่งให้ลูกน้องหยุด ผมได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆลอยมา ในระยะเวลาไม่ถึง2นาที เธอถูกตบไปไม่รู้กี่สิบครั้ง ทนมาได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าเก่งแล้ว

"ไม่ต้องสงสาร มันสมควรโดนแล้ว"

"เขาเป็นผู้หญิงนะ"ผมท้วงเสียงเบา

"จะหญิงจะชายพี่ไม่สนใจหรอก ใครที่มันทำมิทตี้ พี่ไม่ยอม!"น้ำเสียงที่ดูเย็นชาอยู่แล้วเมื่อมันตะคอกขึ้นยิ่งดูดุดันอย่างน่ากลัว

"อืมๆแค่นี้ก็พอนะ"ผมกอดแขนมันไว้ทั้งๆที่ยังหันหลังให้ภาพที่ไม่อยากจะมองนั้นอยู่ ลำแขนที่เกร็งแน่นของลูคัสค่อยๆผ่อนคลายลง มันคว้าตัวผมเข้าไปกอดไปแน่นท่ามกลางสายตาของหลายคน ผมเอาคางเกยบ่ากว้างมันไว้ แล้วลูบแผ่นหลังกว้างให้คลายความตึงเครียดลง นานก็ที่ลูคัสจะยอมขยับปากพูดอีกครั้ง

"มึงจำเอาไว้ว่าคนนี้เมียกู! ถ้าไม่ได้เขาขอให้แม้แต่ชีวิตมึงก็จะไม่มีไว้หายใจ"

++++++++++++
*ไอ้ตัว เป็นคำเรียกแทนผู้ชายความหมายคล้ายอีตัวที่แปลว่าโสเภณี หรือผู้ที่ขายบริการทางเพศ
อิพี่โหดจุง รักเมียมากหรอ?ส่วนมิทตี้เห็นเป็นงี้ฮีอ่อนโยนมากนะ งื้ออ ตอนหน้าจะพาไปฟินเจอกันวันศุกร์ดึกๆนะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2018 00:39:43 โดย YINGPREM »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คาร่า รนหาที่เองนะจ๊ะ สมควรแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดว่านังชะนีมันคงไม่หยุดหรอก ตราบใดที่ปาก แขน ขา ยังเคลื่อนไหวได้ คงจะมีวันที่มิทตี้พลาดท่าโดนมันทำแน่ ๆ นังลูค แกควรจะจัดการขั้นเด็ดขาดในตอนนี้ไปเลยนะ  :fire:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: เฮียโหด แต่ก็เพราะรักเมีย

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ลุคนี่โหดสุดๆ ผู้หญิงคนนี้จะเลิกลาหรอ คงแค้นหนักกว่าเดิม

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหด!!!! o13

ออฟไลน์ YINGPREM

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คนโปรด 25

ผมชะงักไปกับคำพูดของลูคัส คงต้องยอมรับว่าหัวใจของผมมันเต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

"ฮึกๆฮือ"เสียงร้องไห้ของคาร่าดังขึ้นเบาๆด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บที่กายหรือว่าใจกันแน่...

"สิ่งที่มึงทำกับเมียกู ต่อให้มึงมีอีกสิบชีวิตก็ยังชดใช้ไม่พอ เพราะอย่างนั้นกูจะลากทุกคนที่มึงรักมาชดใช้ไปพร้อมกับมึง!"น้ำเสียงดุดันกดต่ำของลูคัสแสดงถึงความจริงจังในคำพูดตัวเอง เสียงคาร่าร้องไห้คร่ำครวญหนักมากขึ้นกว่าเดิมทำเอาผมรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย

"อะ อ่า...อำ อ๊ะ(อย่าทำนะ)"คาร่าร้องออกมาไม่เป็นคำเพราะเจ็บปาก คิดว่าเธอน่าจะเอ่ยห้าม

"มึงเตรียมใจคอยรับผลที่จะตามมาจากนี้ก็แล้วกัน"

"พอได้แล้วลุค!"ผมผละออกจากอกลูคัสแล้วเอ่ยห้ามปรามมันอย่างจริงจัง

"ทำไม?"ลูคัสมองผมอย่างไม่เข้าใจ

"คนเรามันก็ทำผิดกันได้ สั่งสอนให้พอประมาณ ไม่ต้องมากถึงกับจะทำลายชีวิตกันขนาดนี้"

"แล้วมิทตี้ไม่แค้นที่มันทำแบบนั้นกับมิทตี้หรือว่าพูดจาดูถูกแบบนี้เลยหรือไง"ลูคัสเอ่ยอย่างเจ็บแค้นจนผมชักงงว่าใครคือผู้ถูกกระทำกันแน่

"ถ้าจะให้กูแค้นเขา ก็หมายความว่ากูต้องแค้นมึงด้วยใช่ไหม!?เพราะไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำที่มึงเคยทำกับกู มันก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลย"ลูคัสสบตาผมนิ่งๆไม่ได้พูดตอบโต้อะไรมาอยู่นับนาที ความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านดวงตาสีเขียวออกมาเจือไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างมันสั่นไหวซะจนผมรู้สึกใจหาย บรรยากาศรอบๆตัวกดดันจนแทบหายใจไม่ออก แม้แต่คาร่าเองก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆทั้งสิ้น

"ตามใจ"ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆจบก็หันหลังให้แล้วเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...มาอีหรอบนี้ ผมโดนโกรธแล้วแน่ๆ

ผมฝืนหันกลับไปมองทางคาร่า เธอทรุดหมอบก้มหน้าอยู่กับพื้นพรม ไหล่บางสวยที่โผล่พ้นเดรสสายเดี่ยวสั่นระริกดูน่าสงสาร

"หลังจากนี้อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ถ้าคุณไม่หยุดผมก็จะไม่ยอมแล้วเหมือนกัน เรื่องที่ผ่านไปแล้วผมจะไม่ถือสาคุณเพราะคุณไม่รู้ว่าผมมาก่อน...คุณต่างหากที่มาทีหลัง"

"ฮึกๆฮือๆๆ"

"พาเขาไปให้พ้นหน้าผม"ผมเอ่ยบอก

"ครับ"

ผมเดินกลับเข้าห้องด้วยความว้าวุ่นใจ ละล้าละลังอยู่หน้าประตูห้องนอนมันอยู่นานว่าจะเปิดเข้าไปดีไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจไปนอนอีกห้องแทน

ตี2กว่า...ทำไมมันยังไม่มาตามผมไปนอนด้วยอีกวะ!

เออ!อยากงอนก็งอนไปเลย กูไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย

ตี3 ครึ่ง...โอเค ผมอาจจะพูดแรงเกินไปหน่อย แต่มันจะจิตใจอ่อนไหวเกินไปไหมวะ

เอาไงดี...

โทรหาไอ้เหี้ยเซนท์ละกัน...มันคนมีผัวนี่เนอะ

(อืม)

"เหี้ยเซนท์ ตื่นยังวะ?"

(กูตื่นเป็นชาติละสัส โทรมาเวลานี้ไม่หลับไม่นอนหรือไง?)

"กูมีเรื่องจะถามนิดหน่อย"

(อะไร?ถ้าให้เดาคงทะเลาะกับผัวมาอีกล่ะสิ)

"ผัวบ้านป้ามึงดิ! แล้วอย่ามาพูดเหมือนกูโทรหามึงเพราะเรื่องนี้บ่อยนักได้ป่ะ"

(เออๆ งั้นเรื่องอะไรล่ะ)น้ำเสียไอ้ตี๋ดูเอือมๆเหมือนไม่ค่อยเชื่อมาตามสาย

"ก็เรื่องมันเป็นแบบนี้..."ผมเริ่มเล่าตั้งแต่คาร่ามาหาเรื่องผมจนถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ผมนอนไม่หลับในตอนนี้ ไอ้เหี้ยเซนท์ได้โอกาสพูดก็กรอกเสียงเถียงผมกลับมา

(ก็เรื่องผัวไม่ใช่หรือไงวะ!)

"ก็ไม่ได้ทะเลาะกันน่ะ แต่มันโกรธกู"

(มึงก็ไปขอโทษเฮียดิ)

"กูไม่กล้า ไม่รู้อ่ะมันพูดไม่ถูกเว้ย"ผมขยี้ผมตัวเองแรงๆเพราะความยุ่งยากใจ

(ทำผิดก็ขอโทษ มันจะไปยากอะไรล่ะ)

"กูต้องขอโทษเหรอ?ที่กูพูดไปมันก็เรื่องจริงไม่ใช่หรือไงวะ"

(งั้นมึงก็ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องทำอะไรเลยถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำไปมันถูกแล้ว)

"มันก็เชิงว่าไม่ผิด...แต่กูก็ไม่อยากขอโทษอ่ะ ทำไมวะ"

(เหอะๆให้กูพูดตรงๆไหม?)

"เออ ว่ามา"

(มึงมันสันดานเสีย ผัวตามใจจนเคยตัว ทำผิดอะไรเขาก็ไม่เคยว่า แดกเก่ง ใช้เงินเปลือง...)

"เดี๋ยวๆ หลังๆกูว่านอกเรื่องละไอ้เหี้ย"

(ฮ่าๆๆ นั่นแหละ เพราะเขาสปอยมึงมากเกินไปบวกกับมึงเป็นคนทิฐิสูงด้วย มึงเลยปากหนัก ยอมลงให้เขาไม่ได้เพราะในใจมึงคิดว่ายังไงเฮียก็ต้องยอมมึงอยู่ดี ถูกป่ะ?)

"งั้นมั้ง"จริงๆก็ถูกอย่างที่ไอ้เซนท์ว่านั่นแหละ

(เหอะๆ)

"แล้วกูต้องทำไง?"

(มึงก็ไม่ต้องทำอะไรให้ฝืนใจตัวเลยเว้ย คอยดูพรุ่งนี้เดี๋ยวเฮียก็คุยกับมึงเองแหละ)

"ไม่ได้ประชดกูใช่ไหม?"

(กูประชด)

"อ้าว!ไอ้สัสเซนท์"

(แต่ที่กูบอกมึงอ่ะเรื่องจริง เพราะไม่ว่ามึงจะผิดหรือไม่ผิด อยากจะขอโทษเขาหรือไม่ขอโทษ เฮียก็จะง้อมึงก่อนอยู่ดี)

"ทำไมวะ?"ผมถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจจริงๆ

(กูไม่บอก...ทีเรื่องคนอื่นน่ะฉลาด ทีเรื่องของตัวเองน่ะทำไมโง่จังวะ แค่นี้นะผัวกูเรียกละ)

"เออสัสเดี๋ยวนี้ผัวเต็มปากเต็มคำ จะไปไหนก็ไปเลย!"

เมื่อกดวางสายผมก็โยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัวอย่างหงุดหงิด มาลองคิดดูดีๆอย่างที่ไอ้เซนท์ว่าแล้วผมก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆว่ะ

ทำไมกูถึงมีนิสัยงี่เง่าแบบนี้วะ โคตรไม่ชอบตัวเองที่เป็นอย่างนี้เลย

คิดไปคิดมาผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปโดยไม่รู้ตัว...

+++++++++++++++


"...ตี้ มิทตี้ตื่นเถอะ"ผมเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆด้วยความง่วง เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ก็เห็นใบหน้าลูคัสห่างออกไปไม่ถึงคืบ

"...ลุค"

"วันนี้เราจะไปหัวหินกัน จำได้ไหม?"มันเกลี่ยเส้นผมออกจากกรอบหน้าให้

"ง่วง"ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ ขี้เกียจตื่นชะมัด

"จะไม่ไปเหรอ?"น้ำเสียงโมโนโทนที่เอ่ยถามออกมาทำให้ผมเดาไม่ออกว่ามันอยู่ในอารมณ์ใด

"ไป!แต่ง่วง"

"ค่อยไปนอนต่อบนรถนะ พี่เก็บกระเป๋าให้แล้ว มิทตี้แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็ได้"

"ขี้เกียจจริง"ผมบ่นแต่ก็พยายามฝืนพาตัวเองออกจากเตียงให้ได้

"พี่แปรงให้ไหม?"ลูคัสจับผมให้ยืนดีๆแล้วเอ่ยถาม ผมพยักหน้ารับข้อเสนอมันทันทีแบบไม่ต้องคิด

ก่อนหน้านี้มันเคยทำให้ผมบ่อยเพราะบางครั้งมันชอบมีอะไรกับผมจนดึก พอผมนอนไม่พอผมก็จะตื่นไปเรียนสายแล้วผมก็จะไม่ให้มันทำอีก ลูคัสจึงแก้ปัญหาด้วยการจัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างให้แทนตัวผม ผมจะได้สติจริงๆก็ตอนรถจอดหน้าตึกเรียนนู้นแหละ

หลังจากที่แปรงฟันล้างหน้าเสร็จผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง สามารถตักอาหารเช้ากินเองได้ไม่ถึงกับต้องประเคนให้ถึงปาก

เราออกจากกรุงเทพฯในเวลา8โมงเช้าซึ่งผมก็หลับไปตลอดทางและถึงหัวหินเวลาประมาณ11โมงเศษๆ

ผมหิวมากลูคัสจึงพาผมแวะร้านอาหารทะเลบรรยากาศดีร้านหนึ่ง ผมสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ส่วนพวกลูกน้องลูคัสก็แยกไปกินอีกโต๊ะหนึ่ง

ข้าวผัดปูของร้านนี้อร่อยมากๆเนื้อปูเป็นชิ้นเน้นๆเต็มคำ ผมทานหมดไปครึ่งจานใหญ่ กุ้งเผาหมดไปหลายกิโลฯผมแกะกินเองบ้าง ลูคัสแกะให้บ้างเมื่อผมแกะเองไม่ทันใจ แต่ส่วนมากมันก็จะแกะให้นั่นแหละ

เมื่อเริ่มอิ่มผมก็ตักอาหารให้คนที่นั่งตรงข้ามบ้าง ดูเหมือนว่ามันจะชอบหมึกเป็นพิเศษ ลูคัสทานได้น้อยกว่าผมเช่นเคยแต่มันก็กินเข้าไปไม่น้อยเหมือนกัน

ประมาณบ่ายโมงกว่าๆเราก็เช็คอินเข้าที่พักที่เป็นแบบวิลล่าเป็นหลังๆห่างกันออกไปแบบส่วนตัวสุดๆแถมมีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย เดินออกจากรีสอร์ทไปไม่ถึงสิบเมตรก็เป็นชายหาดส่วนตัว ค่อนข้างสงบและนักท่องเที่ยวน้อย

ผมค่อนข้างชอบบรรยากาศแบบนี้เลยทีเดียว ถือว่าโยเลือกได้ดี

ผมเลือกที่จะไปอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรกหลังเข้าที่พัก ออกมาก็เห็นลูคัสกับโยนั่งจิบเบียร์คุยกันอยู่ริมสระว่ายน้ำ

แน่นอนว่าผมก็ต้องเข้าไปแจมอยู่แล้ว ผมทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ริมสระข้างลูคัสพร้อมยื่นเหยือกใส่เบียร์ใบใหญ่ไปตรงหน้ามัน

"ขอกินด้วย"

"ไม่ให้"มันเลิกคิ้วกวนตีนผม ผมเลยแย่งแก้วจากมือมันมากระดกเบียร์เข้าปากอึกใหญ่ ก็รู้หรอกว่าทำแบบนี้มันไม่มีมารยาทแต่ผมก็ทำกับลูคัสคนเดียวอ่ะ มันไม่เห็นจะว่าอะไรผมเลยนี่นา

"ค่อยๆดื่มเดี๋ยวสำลัก"มันเตือนไม่จริงจังนัก แต่ผมก็ยอมลดความตะกละของตัวเองลง

"มึงจะกวนทำไมล่ะ"ผมตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นเคย

"พี่หยอก"มันว่ายิ้มๆแล้วฉกหอมแก้มผมเร็วๆโดยไม่อายโยเลยสักนิด

"ไม่ต้องมาพูดเลย"ผมดันหน้ามันออกแล้วดื่มเบียร์ต่อ(ยึดแก้วลูคัสแล้ว)

จากนั้นเราสามคนก็ดื่มเบียร์ไปด้วยกันเรื่อยๆโดยมีผมเป็นคนพูดซะส่วนใหญ่ ดื่มไปจนกระทั่งบ่ายแก่ๆผมก็รู้สึกกรึ่มๆขึ้นมาบ้างแล้ว(จริงๆคือเมา)

"ลุค"ผมเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งข้างๆ ลูคัสก็ขานรับผมเช่นเคย

"หืม?"

"เมื่อวานนี้"

"อืม"

"โกรธรึเปล่า?"

"ไม่"

"จริงหรอ?"ผมเอียงคอถามมันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ครับ"

"ทำไมล่ะ"

"โกรธเมียไม่ลง"ลูคัสพูดยิ้มๆ

"แล้วทำไมไม่ไปหาที่ห้อง"น้ำเสียงผมตัดพ้อออกไปโดยไม่รู้ตัว

"พี่ไม่อยากกวน"

"หึ!"

"ทำไมถึงคิดว่าพี่จะโกรธล่ะ"มันย้อนถามกลับมา

"ไม่รู้ แต่ไม่อยากให้โกรธ"ผมตอบออกไปอย่างที่ใจคิด

"แคร์พี่ด้วย?"

"อืม"ผมพยักหน้า

"ดีใจชะมัด"มันพึมพำในลำคออย่างอารมณ์ดี

"..."ผมมองหน้ามันนิ่งๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ก็แค่อยากมองเท่านั้น

"มานั่งกับพี่มา"มันตบที่นั่งตรงหว่างขาของตัวเองให้ผมไปนั่งด้วย

"ไม่เอา มันแคบ"ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ตัวกูไม่ใช่เล็กๆ

"มาเถอะ พี่อยากกอด"

"ก็ได้"ใจง่ายไปไหมนะกู ผมลุกจากเก้าอี้ตัวเองไปทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกับลูคัส ดีนพที่เป็นเก้าอี้แบบใหญ่พิเศษเราเลยไม่ได้เบียดกันนักแต่ก็ตัวชิดกันอยู่ดี

มันสอดแขนกอดเอวผมจากด้านหลัง จมูกโด่งกดดมไปทั่วหลังคอจนผมรู้สึกสยิวขึ้นมาแปลกๆ

"มิทตี้เมาเบียร์เหรอ?"

"อืม"ผมยอมรับออกไปตรงๆเพราะมึนมากแต่สมองยังรู้เรื่องอยู่แม้จะควบคุมได้ยากก็ตามที ผมจึงเอนหลังพิงกับอกลูคัสเพราะชักจะนั่งตรงๆไม่อยู่

ฟอด!

"จะทำให้พี่หลงไปถึงไหนหืม?"

"ไม่รู้...ตลอดไปเลยได้ไหม?"ผมเอ่ยถามเขาเสียงอ่อนลงไปโดยไม่รู้ตัว

"...แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่ได้แล้วครับ"

++++++++++++

เปรมง่วงแล้ว ขอลงเท่านี้ก่อนนะคะ ฉากต่อไปก็เตรียมทิชชู่ไว้ด้วยนะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2018 02:10:09 โดย YINGPREM »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ้าก!!!! ทำไมไรท์ทำร้ายกันได้ลงคอ  กำลังฟินจิกหมอนอยู่เลยอ่ะ :hao5:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอความหวานในตอนหน้า  :hao6:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z3: ค้างงงงงง

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวานนนนนน :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด