Secret Me คนนี้ต้องลับ!
ตอนที่3
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพวกพี่ชายไม่อนุญาตเพกาให้ไม่ได้จริงๆ” ผมชะงักเท้าแนบตัวกับผนังตึกค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปดูว่าน้องสาวคนสวยกำลังคุยอะไรกับใคร
“ทำไมเพกาต้องขอพี่ๆ ด้วยล่ะคะ พี่จีบเพกาไม่ได้ชอบพี่ชายของเราเสียหน่อย” โอ้โห ชัดเต็มสองรูหู!
“เฮ้ย มายุ่งอะไรกับน้องสาวกูวะ?” ผมออกจากที่ซ่อนเดินไปดึงให้เพกามาอยู่ข้างหลังพร้อมเชิดคางมองไอ้หน้าจืดที่กล้ามาขอเบอร์น้องสาว
“ไม่เกี่ยวกับมึงป่ะวะ?”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เนี่ย น้องสาวกู ส่วนกู..”
“....” มันขมวดคิ้วมอง
“กูเป็นพี่ชาย”
“พี่ชายแล้วไง? กูจะจีบเพกาไม่ได้จะจีบมึง”
“ก็กูไม่ให้จีบ”
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู”
“สิทธิ์ของความเป็นพี่ไง”
“มึงจะมาหวงน้องแบบนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อกูเป็นพี่ แล้วมึงน่ะเป็นใคร”
“กูชื่อนวพล ห้องสอง”
“มึงคิดว่ากูถามจริงๆ เหรอ?”
“อ้าว?”
“กูหมายถึงมึงเป็นใครกูไม่รู้จัก อย่ามาสะเออะจีบน้องกู!”
“กูแนะนำตัวไปแล้วไง คราวนี้รู้จักแล้ว จีบได้แล้วใช่ป้ะ?” ยิ้มแป้นมาอีก ไอ้หน้าจืด!
“ไม่!”
“อ้าว แบบนี้มึงกวนตีนกูเล่นเหรอ?”
“มึงน่ะซิกวนตีน ไอ้เหี้-!” ผมเข้าไปกระชากคอเสื้อมันด้วยความโมโห
“ไอ้เน่า! ครูเรียก!” ผมชะงักหมัดที่เงื้อขึ้น หรี่ตามองไอ้คนที่เข้ามาขัดจังหวะ
ไอ้ครับ?
“เออๆ งั้นกูไปก่อนนะ แล้วมึงอย่าลืมทำความรู้จักกูด้วยล่ะ วันหลังจะมาจีบเพกาใหม่”
“ไอ้!” ไอ้หน้าจืดแงะคอเสื้อออกจากมือผมแล้ววิ่งไปหาเพื่อนมัน ไอ้ครับเหลือบมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อนมันออกไป
“ถ้ามันมาหาอีกอย่าไปคุยกับมัน หรือไม่เพกาก็มาหาพี่พี่จะไปจัดการมัน” ผมหันไปบอกน้องสาวที่ยืนยิ้มสวยอารมณ์ดี
“ทำไมหนูต้องไปบอกให้พี่โป๊ยกั๊กมาจัดการเขาด้วยล่ะคะ เขามาจีบหนูนะไม่ได้มาหาเรื่องเสียหน่อย”
“แต่มันหาเรื่องพี่!”
“ฮื่อ!”
“ไม่ต้องมาฮื่อ บังอาจมาจีบน้องสาวพี่แบบนี้มันวอนซะแล้ว” เพกาส่ายหัว ไม่รู้ว่าเหนื่อยใจกับผมหรือเบื่อคนมาจีบ ก็ใครใช้ให้นางฟ้าของบ้านเราน่ารักกันล่ะ พวกเราเหล่าพี่ชายเลยหวงมากแบบนี้!
**********
“มึงนี่ก็หวงน้องมากไปป่าวว้า ทำแบบนี้ชาตินี้น้องมึงจะมีแฟนไหม?”
“ก็ไม่ต้องมี”
“อ้าว มึงนี่ยังไง มึงมาหวงน้องแบบนี้มันไม่ถูกต้อง”
“นี่มึงกำลังพูดความในใจของตัวเองตอนโดนกูเตะที่มาจีบเพกาตอนนั้นใช่ไหม?” ผมชี้หน้าภูธเรศ
“แหม่ มันก็มีบ้างนิดหน่อย”
“ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ดเตะซ้ำ!”
“นี่มึงยังคิดจะจีบเพกาอยู่อีกเหรอ?” เสียงเย็นๆ ของบดินทร์ดังมาเหนือหัว ไอ้คนที่เคยคิดจีบเพกาหน้าซีด
“เปล๊า! คือกูพูดแทนไอ้เน่ามันเฉยๆ” เสียงสูงเชียวนะมึง!
“ไอ้เน่าไหน?” ไอ้ดินหยุดมือที่กำลังกวาดพื้นหันมาถาม วันนี้เพื่อนสนิทของผมทั้งสองคนมาช่วยทำความสะอาดร้าน ตอบแทนค่าข้าวค่าน้ำที่พวกมันมาถลุงพ่อผมไปเมื่อวาน
“ไอ้เน่า นวพลห้องสอง เพื่อนไอ้ครับ คำนับนั่นไง”
“มึงนี่ก็รู้จักเขาไปทั่วเนอะ” บดินทร์หรี่ตามอง
“นี่มึงชมกูใช่ป้ะ?” ไอ้ภูยิ้มกว้าง
“ใช่ ชมว่ามึงขี้เสือกเก่งมาก”
“ไอ้ดินนน” ภูธเรศร้องโวยวาย ผมไม่อยากสนใจพวกมันแล้ว คนหนึ่งก็โง่คนหนึ่งก็ซื่อบื้อ แม่งโคตรเหมาะสมกันฉิบหาย
“โป๊ยกั๊ก”
“ครับ?” ผมหันไปหาพ่อที่ตอนนี้ถือกล่องอาหารออกมาจากในครัวเพื่อใส่กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ
“เอาอาหารไปให้ใบไธม์หน่อยได้ไหม พ่อโทรศัพท์ไปเมื่อกี้บอกว่าเข้ามากินข้าวที่บ้านไม่ได้แล้วเพราะต้องเคลียร์งานให้เสร็จคืนนี้”
“ได้ครับ” ผมละมือจากผ้าเช็ดโต๊ะ ภูธเรศก็วิ่งแซงหน้าไปก่อน
“พ่อครับ ผมเอาข้าวไปส่งพี่ไธม์ให้ไหมครับ ขอค่าตอบแทนเป็นปิ่นโตกลางวันสักอาทิตย์หนึ่ง” ไอ้ภูประสานมือไว้ตรงอกแบบสาวน้อย เพกาถือกระเป๋านมสดแบบเก็บอุณหภูมิอีกใบยื่นส่งให้ พอเห็นท่าทางนั้นของภูธเรศถึงกับหัวเราะเสียงดัง
“พี่ภูทำท่าอะไรคะนั่น ตลกจัง”
“ก็ท่าขอความสงสารไงคะน้องเพกา ดูซิ พี่น่าสงสารออก” ไอ้ภูกะพริบตารัวเร็ว
“อืม น่าสงสารมาก” ไอ้ดินมาหยุดเกาคางอยู่ข้างๆ
“ใช่ม้า?”
“น่าสงสารเพกาที่ต้องมาเห็นอะไรทุเรศตาแบบนี้”
“ไอ้ดินนนนน”
โอ๊ย จะบ้าตาย! ผมทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านหลังแล้วหยิบกล่องอาหารกับกระเป๋านมออกจากร้าน ช่วงนี้งานพี่ไธม์ยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ พวกเราสามพี่น้องเลยผลัดกันไปส่งอาหารถ้าพี่ไธม์อยู่ห้องเพื่อจะได้เจอหน้ากันบ้าง
ผมขึ้นรถไฟฟ้า ลงเดินอีกหน่อยก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังห้องของพี่ไธม์ ผมไม่ได้โทรศัพท์มาบอกก่อนเพราะคิดว่าพ่อคงโทร.มาแล้ว พอถึงก็เคาะประตูห้อง ครู่เดียวบานประตูก็เปิดออก
ผู้ชายไม่คุ้นตาโผล่หน้าออกมาจากหลังบานประตู ผมขมวดคิ้วก่อนจะใช้เท้ายันประตูเต็มแรง หมอนั่นไม่ทันระวังตัวจึงเซถอยหลัง ผมตามเข้าประชิด ยกขาวาดเตะรวดเร็วแต่อีกฝ่ายก็พลิกตัวหลบว่องไว ผมอาศัยช่วงจังหวะที่ฝ่ายนั้นถอยห่างวางกล่องอาหารแล้วพุ่งเข้าไปเสยหมัด ร่างสูงโย่งนั่นพลิกตัวหลบครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า ในระยะที่กระชั้นที่สุดผมพลิกตัวล็อกคออีกฝ่ายจากด้านหลังรวดเร็ว หากเขาก็ไวพอกันถึงเอามือมารองคอตัวเองแล้วเบี่ยงตัวหลุดรอดจากแขนของผมไปได้ ไอ้หมอนี่เป็นแมวหรือไง!
“เฮ้ๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันซิ คนกันเองทั้งนั้น”
“ฉันไม่รู้จักนาย!” ขณะตอบโต้กันผมยังไม่หยุดส่งหมัดส่งเท้าเข้าหาอีกฝ่าย
“อะไรกัน เพิ่งจะเจอกันไปเมื่อเดือนก่อนเองนะ” พูดไปก็ยิ้มไปด้วย ผมไม่ชอบผู้ชายคนนี้ รอยยิ้มมันคล้ายคนที่กำลังกุมความลับของเราอยู่ และถือไพ่เหนือกว่า
“ฉันไม่เคยเจอนาย!”
“จุ๊ๆ ไม่เอาน่า” ไอ้แมวยักษ์นั่นหลบไปหลังโซฟา
“แกเป็นใคร มาอยู่ในห้องพี่ชายฉันได้ยังไง”
“เอ้า ก็บอกว่าคนรู้จัก”
“อย่ามาโกหก!” ผมถีบโซฟาเต็มแรงจนกระแทกหมอนั่นไปด้วย เพราะไม่ทันระวังตัวโซฟาจึงกระแทกเข่าฝ่ายนั้นล้มหงายหลัง ผมไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ดีดเท้ากระโจนเข้าไปคร่อมคนบนพื้นรวดเร็ว เงื้อหมัดขึ้นสูงเตรียมปล่อยสุดแรง
“โป๊ยกั๊ก!”
“?” ผมชะงักหมัดค้างกลางอากาศ พี่ไธม์เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ดูก็รู้ว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ทำอะไรน่ะ?” พี่ไธม์ขมวดคิ้ว
“จับแมวขโมย”
“เฮ้ย ก็บอกว่าไม่ใช่ไง” คนบนพื้นโวยวาย
“หมอนั่นชื่อเบซิล โป๊ยกั๊ก”
“...” ผมหรี่ตามองพี่ชาย มือยังกำคอเสื้อนายเบซิลไม่คลาย “แล้วมาทำอะไรในห้องพี่?”
“มาทำงาน” พี่ไธม์ถอนหายใจ เท้าเอวมองดูเราสองคนโดยไม่เข้ามาใกล้
“ทีมเดียวกับพี่เหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้า อย่าลืมว่าผมรู้จักคนในหน่วยพี่ทุกคน” เบซิลคนนี้มีเรือนผมสีเทา ดวงตาสีเขียวมรกต เป็นสีเขียวที่สวยมาก มีแววระยิบระยับในดวงตาคู่นั้น แต่ผมกลับไม่ชอบเพราะมันดูเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ เบซิลมีรูปร่างสูงพอๆ กับผม จากการสู้กันเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าหมอนี่ต่อสู้ไม่เก่งแต่ทักษะการทรงตัวดีเยี่ยมเพราะหลบการโจมตีของผมได้หมด ทั้งที่ผมมั่นใจว่าตัวเองเร็วพอแล้วแท้ๆ
“โป๊ยกั๊ก” พี่ไธม์ถอนหายใจอีกครั้ง “พี่จะพูดอีกแค่ครั้งเดียว เบซิลกำลังช่วยงานพี่อยู่ เราทำงานร่วมกัน”
“แล้วทำไมต้องอยู่ที่นี่?” ผมกวาดสายตาทั่วห้อง แค่รอบเดียวก็รู้ว่าข้าวของในห้องพี่ไธม์ไม่เหมือนเดิม มีบางอย่างเพิ่มเข้ามาเหมือนไม่ได้อาศัยอยู่คนเดียว ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้มานอนห้องพี่ชายเท่าไหร่เลยเพิ่งรู้ถึงความผิดปกตินี้
“สายตากับความจำดีเป็นบ้า!” เบซิลร้องอุทานอย่างตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นกับการถูกผมจับกดอยู่กับพื้นแม้แต่น้อย
“ความจำดีแต่ฉันก็จำไม่ได้ว่ารู้จักนาย” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ เบซิลลุกขึ้นยืนแล้วยักไหล่
“ฉันก็เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”
“?”
“เอาล่ะ ทั้งสองคน พอได้แล้ว” พี่ไธม์ห้ามทัพ
“หมอนี่ไม่มีบ้านให้กลับหรือยังไง ทำไมต้องมานอนที่นี่?”
“ก็ยังกลับไม่ได้”
“หืม?” ผมหรี่ตามองทั้งสองคน
“เอาเป็นว่าเบซิลยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้และเขาต้องช่วยงานพี่” พี่ไธม์เดินไปหยิบกล่องอาหารมาเปิดดูก่อนจะเดินเข้าห้องครัวเพื่อจัดอาหารใส่จาน เบซิลรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
พวกเรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยเจอและรู้จักเบซิลมาก่อน พอเห็นหมอนี่ทำท่าดีใจกับอาหารตรงหน้าแล้วอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
“อาหารฝีมือพ่อคุณอร่อยมาก ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะลองไปกินที่ร้านดูบ้าง”
“พวกนี้เป็นของพี่ไธม์ ห้ามนายกิน!” ผมแย่งจานข้าวที่พี่ไธม์วางตรงหน้าเบซิลออกมา
“โป๊ยกั๊ก สุภาพหน่อย เบซิลแก่กว่าเราหลายปีนะ” พี่ชายขมวดคิ้วดุผม
“แล้วไง ก็ผมไม่ชอบหน้าหมอนี่”
“โป๊ยกั๊ก!”
“ก็ได้ๆ ก็ผมไม่ชอบหน้าเขา”
“แต่ผมชอบคุณนะ แบบ...พวกคุณทั้งบ้านเลย” เบซิลยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ชอบอีกแล้ว
“อย่ามายุ่งกับน้องๆ ของผม” พี่ไธม์พูดเสียงเรียบ ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยชอบใจนัก เบซิลยักไหล่คล้ายไม่ยี่หระกับคำพูดนั้น ผมหรี่ตามองพี่ไธม์และผู้ชายข้างๆ พวกเขาดูไม่ใช่เพื่อนคู่หู แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกัน เหมือนมีบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกระหว่างพวกเขา เหมือนมีความระแวดระวังขณะเดียวกันก็เชื่อใจในตัวอีกฝ่ายด้วย
“คืนนี้ผมจะนอนนี่” ผมเอ่ยทะลุกลางปล้อง พี่ไธม์เลิกคิ้วแปลกใจ ส่วนเบซิลทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก
“อ้อ ได้ซิ โป๊ยกั๊กนอนที่เตียงเหมือนเดิมแล้วกัน คืนนี้พี่คงทำงานโต้รุ่ง”
“พี่ไธม์นั่งทำใกล้ๆ ผม ส่วนเบซิลอยู่ตรงโน้นเลยไป” พี่ไธม์ส่ายหัวให้กับอาการขี้หวงของผม
“พี่ชายคุณก็ต้องอยู่กับผมด้วย ส่วนคุณน่ะรีบดื่มนมแล้วไปนอนซะ”
“หุบปาก!”
“โป๊ยกั๊ก” พี่ไธม์ดุเสียงเข้มที่เห็นผมหยาบคาย ช่วยไม่ได้ บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบหน้าหมอนี่มากๆ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีและไม่ชอบใจเวลาผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้ๆ พี่ไธม์ “เลิกแหย่น้องชายผมสักที!” เบซิลยักไหล่เมื่อพี่ไธม์หันไปดุเขาอีกคน
“งั้นผมจะนอนที่โซฟา พวกพี่ก็นั่งทำงานไปแล้วกัน” นอนบนเตียงเดี๋ยวส่องไม่ถนัด
“แต่พรุ่งนี้โป๊ยกั๊กต้องไปโรงเรียน”
“ก็ใช่ แต่ผมไม่ไว้ใจเขา” ผมกอดอก ยื่นนิ้วชี้ชี้ไปยังเบซิล อีกฝ่ายหัวเราะลงคอกับคำพูดของผม
“ตามใจ” พี่ไธม์ที่ไม่เคยขัดใจน้องๆ ได้เลยสักครั้งถอนหายใจ
ผมอาบน้ำแล้วค้นเสื้อผ้าที่เอามาทิ้งไว้ในห้องพี่ไธม์มาใส่ พลางเดินสำรวจรอบห้อง รวมถึงห้องน้ำด้วยว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในห้องนี้หรือไม่ มีของแปลกปลอมขึ้นมานิดหน่อย พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงสภาพเดิมอยู่
โอเค ปลอดภัย
ผมนอนกอดผ้าห่มอยู่บนโซฟา มองแผ่นหลังของพี่ชายที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอโน๊ตบุ้ค โดยมีเบซิลอยู่อีกฝั่ง ผมไม่รู้ว่าเบซิลช่วยงานพี่ไธม์ยังไงบ้าง เห็นแต่ว่าตรงหน้าเขามีโน๊ตบุ้ควางเรียงกันหลายตัว บางครั้งเขาจะเรียกให้พี่ไธม์ไปดูข้อมูลบางอย่าง พวกเขาคุยกันในเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ ผมรู้ว่าตอนนี้งานของพี่ไธม์คงยุ่งยากมากเพราะคิ้วของพี่ไธม์ขมวดมุ่นตลอดเวลา
พี่ใบไธม์เป็นพี่ชายคนโตของบ้าน อายุห่างจากผมค่อนข้างมาก ตอนเด็กๆ พี่ไธม์จะคอยช่วยพ่อกับแม่เลี้ยงผมและกระวาน ดังนั้นบางครั้งผมจึงรู้สึกว่าพี่ไธม์เหมือนพ่อมากกว่าพี่ ไม่ว่าเวลาไหนพี่ชายของเราก็จะปกป้องเราเสมอ คนในครอบครัวสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ตอนมอ.ต้นผมเคยมีเรื่องชกต่อย พี่ไธม์ที่งานรัดตัวยังวิ่งไปหาผมก่อนใคร
มองใบหน้าเคร่งเครียดของพี่ชายแล้วอดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ ผมไม่ค่อยไว้ใจเบซิลสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ความเป็นมาของเขา แต่ผมก็มาเฝ้าพี่ทุกวันไม่ได้ อีกอย่างถ้าผมดื้อดึงมาตามเฝ้าอาจทำให้พี่ไธม์ลำบากใจ
ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาของเบซิลที่มองพี่ไธม์เวลาพี่ไธม์เผลอ มันไม่ได้แฝงเจตนาร้าย มันวิบวับแปลกๆ บางครั้งยังเจือความอ่อนโยนด้วย
อ่อนโยน?
ไม่มั้ง?
ผมลองแอบสังเกตอยู่พักใหญ่ๆ ก็เห็นความผิดแปลก สีหน้าพี่ไธม์เวลาคุยเบซิล...
ผมไม่รู้ว่าพี่ไธม์รู้ตัวไหม ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหน มันผ่อนคลายสบายใจ ผมเห็นริมฝีปากพี่ไธม์วาดโค้งขึ้นเล็กน้อย แทบมองไม่ออกว่ากำลังยิ้มอยู่ แต่...มันก็คือรอยยิ้ม
ทำไมรู้สึกใจหวิวๆ ชอบกลว้า?
.
.
.
“โป๊ยกั๊ก ตื่นได้แล้ว จะให้พี่ไปส่งที่โรงเรียนไหม?” ผมขยี้ตาลุกขึ้นนั่งงัวเงีย เห็นเงาคนเดินผ่านด้านหลังพี่ไธม์ไปแล้วต้องเบิกตากว้าง เบซิล! แล้วนี่ผมหลับไปตอนไหนวะ?
“งานพี่เสร็จแล้วเหรอ?”
“เหลือเก็บความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย เดี๋ยวให้เบซิลทำต่อได้ พี่จะไปส่งเราก่อน จะกลับบ้านหรือให้พี่ไปส่งที่โรงเรียนเลย” ผมสามารถตรงไปโรงเรียนได้เลยเพราะเอาชุดนักเรียนมาทิ้งไว้ที่นี่หนึ่งชุด ผมหยุดคิดก่อนจะบอกให้พี่ไธม์ไปส่งบ้าน เพราะอย่างน้อยให้เพกากับพ่อเจอหน้าพี่ไธม์สักสองนาทีก็ยังดี
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันผมรีบโทร.ไปบอกพ่อให้เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ สำหรับพี่ไธม์ด้วย ไว้ให้พี่ไธม์เอากลับมากิน เอ แล้วจะบอกให้พ่อทำเผื่อเบซิลด้วยดีไหมนะ?
ช่างเถอะๆ เดี๋ยวจะหาว่าคนบ้านเราใจร้าย สุดท้ายจึงบอกพ่อไปว่าให้ทำอาหารเผื่อเพื่อนพี่ไธม์ด้วยอีกชุดหนึ่ง
*********
“พี่โป๊ยๆ” ผมเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดเมื่อได้ยินเสียงของน้องสาว
“มีอะไร?”
“พี่ดินกับพี่ภูแย่แล้ว!”
“อะไรนะ?”
“พี่ดินกับพี่ภูกำลังโดนยำค่ะ!” หน้าตาเพกาดูแตกตื่นตกใจมาก ผมผุดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปตามแรงฉุดดึงของน้องสาว
ภาพที่ผมเห็นเมื่อไปถึงหลังตึกเรียนคือภูธเรศกับบดินทร์ถูกไอ้เน่า นวพลกับไอ้ครับ คำนับห้องสองรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง เห็นท่าทางต่อยลมมั่วๆ ของไอ้ภูแล้วปวดหัวขึ้นมาทันที ผมวิ่งเข้าไปแทรกกลางระหว่างพวกมันสี่คน ยกขาขึ้นยันท้องไอ้เน่าจนมันกระเด็นถอยหลัง ก่อนจะพลิกตัวจับคอเสื้อไอ้ครับไว้มั่นแล้วทุ่มกลับหลัง ผมได้ยินเสียงดังแอ้ก ตามมาด้วยเสียงครางในคอเพราะจุกจากแรงกระแทก
ไอ้ครับนอนตัวงอลุกไม่ขึ้น ขณะที่ไอ้เน่ากระเด็นหงายหลังลุกขึ้นนั่งมองมาทางผมด้วยท่าทางงุนงง ผมกำลังจะเข้าไปซ้ำไอ้ดินที่เพิ่งตั้งสติได้วิ่งเข้ามากอดเอวแน่น ร้องห้ามเสียงหลง
“หยุดก่อนไอ้กั๊ก!”
“ห้ามทำไม มันต่อยมึงปากแตกขนาดนี้แล้วนะ!” กำลังโมโหครับ มาห้ามแบบนี้พี่ห้าวหยุดไม่อยู่ครับเพื่อน
“ไม่ๆ มึงอย่าต่อยไอ้ครับ ต่อยแค่ไอ้เน่าคนเดียวพอ”
“อะไรของมึง?” ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาไอ้สองคนที่ผมไม่ถูกชะตานั่น
“พวกเธอทำอะไรกัน!” ผมสบถหัวเสียเมื่อได้ยินเสียงครูฝ่ายปกครองดังขึ้น รีบเก็บหมัดเก็บเท้ารวดเร็วแล้วหันไปดึงไอ้ครับให้ลุกขึ้นยืน แต่มันยักจุกอยู่เข่าถึงได้อ่อนยืนไม่ไหว ผมคว้าไหล่มันมากอดเอาไว้แน่นเพื่อพยุงไม่ให้มันล้มลงไป
.
.
“เราแค่เข้าใจผิดกันครับครู อีกอย่างไอ้ครับ เอ้ย คำนับไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” ภูธเรศแจกแจงให้ครูฝ่ายปกครองฟัง
“เอ้า?” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อน ไม่เข้าใจว่ามันจะปกป้องไอ้ครับไปทำไม
“จริงครับครู นายคำนับแค่เข้ามาห้าม เอ่อ เหมือนผม” บดินทร์ยกมือขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติม
“แล้วเธอล่ะ เตวิส เข้าไปชกต่อยกับเขาทำไม?”
“ผมนึกว่าเพื่อนผมโดนรุม”
“สองต่อสองนี่ไม่เรียกว่าโดนรุมมั่ง เอ้ย ไม่ใช่ หมายถึงแค่กูกับไอ้ภูสองคน จะเรียกว่ารุมได้ไง ถีบซะกูกระเด็น” ไอ้เน่า หรือนวพลเถียงทันควันที่ได้ยินผมพูดตอบคุณครู
“พอๆ ใครก็ได้อธิบายมาให้ครูฟังเดี๋ยวนี้!”
“คือผมกับนวพลมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ไอ้ภูอธิบาย
“เราก็เลยต่อยกัน” ไอ้เน่าเสริม
“แล้วบดินทร์กับคำนับล่ะ?”
“พวกเขาสองคนเข้ามาห้ามครับ ห้ามไปห้ามมาก็...” ไอ้ภูยิ้มแหย
“โดนลูกหลงครับ” ไอ้เน่าต่อประโยคให้
“ใช่ๆ นายคำนับแค่ป้องกันตัวครับ” ไอ้ครับกับไอ้เน่าหันไปมองไอ้ภูเป็นตาเดียว รวมถึงผมด้วย ครูฝ่ายปกครองคลึงขมับเหลือบตามองไอ้คำนับทีหนึ่งแล้วโบกมือไล่พวกผมออกจากห้อง
ผมยืนนิ่งหลังออกมาจากห้อง สรุปนี่กูเสือกเอง?
“มึง” ไอ้ภูสะกิดแขนผมเบาๆ
“อะไร!”
“แงงง มึงอย่าดุดิ” มันเขยิบไปหลบหลังไอ้ดิน นี่คิดว่าไอ้ดินจะช่วยมึงได้เหรอ? ทำกูเสียหน้าขนาดนี้ต้องเอาเลือดหัวมันออก!
“มึงอธิบายมาเดี๋ยวนี้!” โมโหครับ ผมทำเปลืองแรงโดยใช่เหตุ แบบนี้มันน่าเตะอัดกำแพงนัก
“คือว่ากูกับไอ้เน่าตีกัน” ผมเหลือบตามองไอ้นวพลที่พยักหน้าหงึกหงักตามคำพูดไอ้ภู ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังอีกคนที่ยืนนิ่งหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ
“ไอ้ดินมาห้ามไอ้ภู ส่วนไอ้ครับมาห้ามกู แต่ตีไปตีมาโดนลูกหลงคนละหมัดสองหมัด ทั้งไอ้ดินไอ้ครับโมโหเลยสวนพวกกูกลับ”
“อือ ตามนั้น”
“แล้วพวกมึงตีกันเรื่องอะไร?”
“.....” พร้อมใจกันเงียบ ผมหรี่ตามองพวกมันทีละคนอย่างจับผิด
“ตอบ!” ไอ้ภูสะดุ้งเฮือก เผลอตอบออกมาอย่างลืมตัว
“ไอ้เน่ามันได้เบอร์เพกามาจากไหนไม่รู้!”
“ไอ้เน่า!” ผมหันขวับไปหาไอ้ตัวต้นเหตุทันที ไอ้คำนับที่เห็นผมโมโหพุ่งเอาตัวมาบังเพื่อนมันไว้ “มึงถอยไปเดี๋ยวนี้!”
“....” ไอ้ครับไม่ตอบ มันจ้องตากับผมไม่ลดละ หน้าตาไม่แสดงอารมณ์คางเชิดสูง ดูก็รู้ว่าเป็นพวกไม่ยอมคนและเอาเรื่องน่าดู
“มึงกล้า?” ผมแสยะยิ้ม ขยับเท้าเข้าใกล้คนตรงหน้ามากขึ้นอีกนิด ปลายจมูกเราห่างกันแค่นิดเดียว
“ก็ไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว” ผมเพิ่งเคยได้ยินเสียงมัน เสียงไอ้ครับกังวานเสนาะหู แต่ในอารมณ์นี้ผมคิดแต่เพียงว่ามันดูยียวนเหลือเกิน
“เฮ้ย ไอ้กั๊ก อย่า” ไอ้ภูก้าวเข้ามาดึงข้อศอกผมไว้แน่น “กูขอ”
“แต่ไอ้เน่ามันได้เบอร์น้องกูไป ส่วนไอ้นี่!” ผมจ้องไอ้คำนับตาไม่กะพริบ “มันก็แส่หาเรื่อง”
“ได้ไปแล้วยังไง ถ้ามันโทร.ไปแล้วเพกาไม่รับเสียอย่าง”
“....” ทั้งผมทั้งไอ้เน่ายืนนิ่ง
ผมลืมไปได้ไงว่าเพกาไม่ชอบรับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ ถึงไอ้เน่าจะได้เบอร์ไปแล้วยังไง มันโทรไป.เพกาก็ไม่รับอยู่ดี ไอ้เน่าขมวดคิ้วขบริมฝีปากแน่น
“เอ้า กูอุตส่าห์ไปขอมาจากเพื่อนในห้องน้องเพกา”
“ไอ้เน่า! นี่มึงจะเอาจริงๆ ใช่ไหม?” มันเขยิบไปแอบอยู่หลังเพื่อนมัน แต่ไม่วายโผล่หน้ามาพูดกับผม
“โป๊ยกั๊ก กูขออนุญาตจีบน้องมึงได้ไหม?”
“มึงควรจะทำแบบนี้แต่แรก ไม่ใช่ไปแอบหาเบอร์น้องกูลับหลังแบบนี้!”
“ก็มึงโหด”
“ถ้ามึงกลัวก็อย่าคิดมาจีบน้องกู”
“ไอ้เน่ากล้า”
“ไอ้ครับ!” ไอ้เน่าเบิกตามองเพื่อนมันอย่างตกใจ
“ถ้ามึงชอบน้องเพกาจริงๆ มึงควรจะกล้าเข้ามาพูดกับ...พี่ชายเขาตรงๆ” อื้อหือ ใจกล้ากว่าเพื่อนมันเยอะ
“แต่...”
“ถ้ามึงไม่ทำให้มันถูกต้องกูจะไม่ช่วยมึงอีกแล้ว”
“มึงอ่า” ไอ้เน่าเกาะบ่าเพื่อนมันพลางออดอ้อน มึงควรกลัวกูมากกว่าเพื่อนมึงไหม ไอ้หน้าจืด!
ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นนายคำนับกับนวพลมันจะไปคุยอะไรกันต่อ ผมไม่ยอมให้มันมาจีบน้องผมง่ายๆ แน่ แต่ก่อนอื่นต้องจัดการกับเพื่อนทรยศนี่
หมับ!
“อื้อ!” ภูธเรศดิ้นแด่วๆ เมื่อผมคว้าคอมันเอาไว้ ผมตัวสูง มือก็ใหญ่พอจะกำคอขาวๆ ของไอ้ภูได้รอบเพียงใช้แค่มือเดียว
“บอกมา ว่ามึงห้ามไม่ให้กูต่อยไอ้ครับทำไม”
“ปะ ปล่อย แค่ก กูก่อน!” ผมปล่อยมันเป็นอิสระ ไอ้ภูวิ่งไปหลบหลังไอ้ดิน พลางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่งสายตาตัดพ้อมาให้
“อย่ามามองอย่างนี้ มันต่อยมึงปากแตก กูจะอัดมันคืนเสือกมาห้ามทำไม!”
“ไอ้ครับมันเด็กทุน!” ภูธเรศตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า นี่กำลังซึ้งใจที่กูอยากปกป้องมึงใช่ไหม
“แล้วไง?”
“ถ้ามันมีเรื่องชกต่อย หรือเข้าห้องปกครองมึงคิดว่ามันจะยังได้ทุนเรียนต่อไหม”
“....” ผมขมวดคิ้วคิดตาม
“กูไม่ใจร้ายขนาดทำให้มันไม่ได้เรียนต่อหรอกนะ”
“ก็เลยยอมให้มันต่อย?”
“เอ้า ไอ้นี่ ก็บอกแล้วไงว่ากูต่อยกับไอ้เน่า ไอ้ดินมาห้ามกู ส่วนไอ้ครับมาห้ามเพื่อนมัน เลยโดนลูกหลง”
“กูเจ็บ โมโห เลยผสมโรงด้วย” บดินทร์ยักไหล่เอ่ยต่อ
หมดคำพูดกับพวกมันจริงๆ คราวหน้าถ้ามีเรื่องจะปล่อยให้พวกมันโดนยำจนเละ ไม่ขอร้องจะไม่ยอมช่วยพวกมันเด็ด ไอ้พวกบ้าเอ้ย!
แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่ชอบหน้าไอ้ครับนั่นอยู่ดี !
โปรดติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่า พาโป๊ยกั๊กมาส่งแล้ว คาดว่าตอนต่อไปจะมาส่งอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนะคะเนื่องจากต้องห่างคอมพ์สักระยะค่ะ อย่าเพิ่งลืมโป๊ยกั๊กเสียก่อนนะคะ แฮ่
ปล.ในตอนที่หนึ่งที่ล้อเจ้าภูว่าตีนเท่าฝาไห นั่นมุกฮาๆ เฉยๆค่ะ
อ่านให้สนุกนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ^^