,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}  (อ่าน 30532 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แหมๆๆๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ความคิดคนอื่นถึงจะหื่นจะร้อนแรงแค่ไหนกระวานก็ทนได้สบาย แต่ทนกับความคิดบอสไม่ได้สินะกระวานเพราะมันเกี่ยวกับตัวเองละสิ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮือออ มาแล้ว ช่วงนี้มาบ่อยดีต่อจายย สนุกมากค่ะ เอาอีกๆๆ  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เดินหน้าเขียวหน้าบวมไปหาแขก  :laugh: :laugh: :laugh: กระวานเอ้ยไม่แปลกหรอกถ้าเขาจะวิ่งหนี 
ว่าแต่บอสเนี่ยก็บอกอยู่ว่าให้จับกดๆ มัวแต่เนียนอยู่นั่นแหละ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[

นี่คือบอสตัวจริงใช่ไหม
บอสกับน้องอวบระยะสุดท้าย

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พอเป็นเรื่องตัวเองล่ะไปไม่เป็นเลย  :m20:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถึงหน้าจะเขียว แต่บอสก็ชอบนะ  :laugh:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ช่วงนี้บอสกะกระวานออกอากาศถี่นะ

สงสัยต้องรีบปิดคดีเหมือนพี่ใบไธม์

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บอสรุกหนักมากกกก
 :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เฮียหนึ่งเนี่ย เขามีของเหมือนกันนะ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ๊ะ พี่หนึ่ง ไปหลงน้องตอนไหนคะ ไวเหลือเกิน
นี่ก็แอบเนียนพาน้องกลับบ้านเรามากค่ะ
ไม่รู้ที่รถตามน่ะ แกล้งน้องหรือเปล่า
แล้วคืออะไร เนียนกอด เนียนจับแก้ม นุ่มงี้หรอ

กระวานก็เด๋อไปเหอะ ขนาดรู้ว่าผิดปกติ
แต่ก็ยังไม่คิดไรมาก ระวังถูกจับกินนะ
ถึงตอนนั้นจะห้ามก็ไม่ทันแล้วด้วย
ตลกกระวาน ขอให้เค้าคิดถึงแบบผู้ใหญ่ 55555

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-12-





        จากคิดที่ว่าจะอาศัยอยู่แค่วันสองวัน ตอนนี้ผ่านมาแล้วเป็นอาทิตย์จนหน้าตาของผมกลับมาเป็นปกติ แม้จะยังมีรอยเขียวหลงเหลือแต่ก็แทบมองไม่เห็น ตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่มีเสื้อผ้าขนาดไซส์ของผมแขวนอยู่ค่อนตู้ เพิ่งรู้ว่ามันเยอะ ทั้งที่ปฏิเสธแทบทุกครั้ง แต่สุดท้าย ชุดที่ถูกนำมาให้เลือกก็จะแขวนอยู่ในตู้เสมอ

   สายเปย์ตัวจริงนะ

   วันนี้ก็เป็นอย่างเช่นทุกวันที่ผมนั่งรถคนสวยไปทำงานกับเจ้าของคลับ นายจักรพรรดิที่ตอนนี้ผมเรียกติดปากว่าบอส แม้จะถูกบังคับให้เรียกพี่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ชินปาก สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

   การทำงานของผม จากวันแรกที่รู้สึกเคอะเขินบ้าง ตอนนี้แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบพุ่งไปรอหน้าประตูแล้ว เสียงที่เคยรำคาญในตอนแรก ก็เปลี่ยนไป คงเพราะผมได้ยินทุกวันจนมันชินชาไปแล้ว หูฟังที่คล้องคออยู่ก็ไม่ได้ใช้งานมันอีกเลย

   “กระวานไปหยิบของที่รถเจ๊ให้หน่อยสิ” เจ๊พิมพ์เดินเข้ามาสะกิดผมยิกๆ พลางส่งกุญแจรถให้ เห็นแบบนี้แกขับรถสปอร์ตราคาหลายล้านเชียวนะครับ “รองเท้าคู่นี้มันกัดทนไม่ไหว ถ้าเดินไปได้เจ๊คงไม่ขอร้อง”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” ยิ้มอย่างจริงใจส่งให้คนที่ผมเคารพและรัก รู้สึกเหมือนได้พี่สาวเพิ่ม จากเดิมมีแค่พี่ชาย น้องชายและน้องสาว ตอนนี้ได้พี่สาวเพิ่มมาอีกคน รู้สึกดีไปอีกแบบ

   ผมเดินออกจากคลับไปที่รถสวยสีแดงเพลิง หลังรถหรูมีกล่องรองเท้าจำนวนมาก จังหวะที่หยิบกล่องที่ต้องการออกมาพลางเงยหน้า จังหวะนั้นมีรถลีมูซีนคันยาววิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูคลับ ผมยืดคอมองอย่างสนใจ ไม่แน่ ลูกค้ารายนี้อาจเป็นเศรษฐีระดังพันล้าน มารถแพงขนาดนี้

   ประตูด้านหลังเปิดออก คนลงจากรถทำให้ผมตกใจจนกล่องรองเท้าในมือร่วง รอยยิ้มหวานที่น่ามองถูกส่งไปให้คนที่ยังนั่งอยู่ในรถเป็นรอยยิ้มที่ผมมองว่าสวยมาก พอรถคันนั้นวิ่งออกไป ผมก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างที่สุด

   “หอม” เรียกปุ๊บ เจ้าของชื่อก็หันมายิ้มแย้ม “ทำไมถึง...” ผมชี้ไปยังรถคันเมื่อกี้ และดูหอมจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะถาม
 
   “คุณกันน่ะ” ผมรู้ว่าเขาชื่อกัน แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่านั้นคือ... “มาด้วยกันได้ยังไง จะถามแบบนี้ใช่ไหม” ว่าแล้วก็รีบพยักหน้ารัวๆ จนหอมหัวเราะออกมา “ก็แบบว่า”

   “คบกันเหรอ” พูดจบ หน้าขาวเนียนของหอมก็ขึ้นสีระเรื่อ “เรื่องจริงเหรอเนี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่” นี่ผมตกข่าวไปหรือนี่ จะว่าไปก็ไม่ค่อยได้เจอหอม พักเที่ยงก็ไม่เจอ ผมยังคิดว่าตึกอีกฝั่งลูกค้าคงแน่นมากจนหาเวลาออกมาข้างนอกไม่ได้ ที่ไหนได้... “หอมแน่ใจคุณกันอะไรนั่นแล้วเหรอ”

   “ไม่รู้สิ แค่เขาไม่รังเกียจหอม ก็พอแล้ว” ใบหน้าหวานยิ้มอ่อน แต่แววตาช่างดูมีความสุข “กระวานก็รู้ว่าหอมทำงานอะไร หาคนจริงใจก็แทบไม่มี แต่คุณกันเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เขาให้เกียรติหอมมาก”

   “ดีจริง” ผมพูดออกไปจากใจจริง ตอนนี้ความคิดของหอมกำลังลอยมาเข้าหูของผม ให้เกียรติที่ว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องการวางตัวอย่างเดียว “ถ้าเขาทำให้หอมมีความสุขได้ กระวานก็ดีใจด้วยนะ” การที่เราจะมีอะไรกับใคร ยิ่งเป็นคนที่เรารัก ความสุขก็จะเกิดขึ้นจนแทบไม่ต้องเอื้อนเอ่ยออกมา

   “ว่าแต่กระวานเถอะ มีความสุขเหมือนกันใช่ไหมล่า” อยู่ๆ ผมก็กลายเป็นประเด็นเฉย พอตีหน้างง หอมก็กระแซะใหญ่ “กับบอสน่ะ”

   “อะไรกับบอส หอมพูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ”

   “ก็แหม ตอนนี้เขารู้กันทั้งคลับแล้ว ว่ากระวานกับบอสคบกันอยู่” แทบสะดุดน้ำลายตัวเองหลังจากได้ยิน แม้จะส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ แต่หอมก็ยังไม่หยุดพูด “รู้ไหม คนทั้งตึกอิจฉากระวานกันหมด”

   “อิจฉาเรื่องอะไร แล้วหอมก็กำลังเข้าใจผิด เรากับบอสน่ะ...เดี๋ยวนะ หรือเพราะเรื่องนี้ทุกคนเลยมองเราแปลกๆ แถมไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย”

        จะว่าไป ตอนนี้แทบไม่มีพนักงานคนไหนกล้าคุยกับผม หรือหากจะคุยก็ก้มหน้าก้มตาไม่มีท่าทางกระโชกโฮกฮากอย่างแน่ก่อน กอดคอตบหัวก็ยิ่งไม่มี แถมเวลาลูกค้ามาหากผมเดินเข้าไปหา พนักงานคนอื่นๆ ก็จะถอยกันหมด

   ต้นเหตุมาจากเรื่องเข้าใจผิดเรื่องนี้สินะ

   “กระวานกับบอสยังไม่ได้ลึกซึ้งกันเหรอ” คำถามของหอมเรียกสติของผมให้กลับมา “ไม่อยากจะเชื่อ”

   “ไม่อยากจะเชื่ออะไร”

   “กระวานทนความร้อนแรงของบอสได้ยังไง”

   “มันไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “แหม”

   “ไม่ต้องมาแหม รีบๆ ไปทำงานเลย”

   “สั่งอย่างกับเป็นเมียเจ้าของ เอ้ หรือเป็นแล้ว”

   ผมจัดการคนพูดมากด้วยการตีแขน หากเป็นคนอื่นคงถีบไปแล้ว แต่นี่เพราะเป็นหอม เป็นคนที่น่าทะนุถนอมเลยทำเพียงแค่นั้น เสียงหัวเราะยังดังเข้ามาให้ได้ยิน แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าสิ่งที่ผมกำลังวิตก


   ทุกคนกำลังเข้าใจผมผิด! ไอ้กระวานอยากทึ้งหัวจนผมร่วงให้หมดหัว


   เมื่อต้องกลับเข้าไปในสถานที่เดิมๆ แต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมคอยสังเกตท่าทางของทุกคนที่ดูจะเกรงใจผมมาก แต่ยังดีที่เจ๊พิมพ์กับดีนยังทำตัวเป็นปกติกับผมอยู่ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

   ความอึดอัดในช่วงเช้ากำลังหมดไปจนพักเที่ยง ผมแยกออกมาด้านหลังเพราะอยากสูดอากาศที่สวนหย่อมเล็กๆ ตรงทางเชื่อม แต่แล้วผมก็คิดผิด เมื่อปัญหาใหญ่ที่ผมกลัวกำลังเกิดขึ้น ทันทีที่ผมเงยหน้าจากเท้าตัวเองสบตาเข้ากับคนรู้จักที่กำลังนั่งอยู่บนรถตู้เต่าสีชมพู ด้านข้างตัวรถติดสติ๊กเกอร์รูปปิ่นโตสีชมพูดังชื่อของร้าน

   “พี่กระวาน!”

   “กอล์ฟ?”


   ฉิบหายแล้ว


   “พี่มาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมถึงแต่งตัวเหมือนพนักงานอาบอบนวด ไหนเถ้าแก่บอกพี่ไปทำงานบริษัทเอเจนซี่อะไรนั่นไง”
 
   “เรื่องมันยาว ลงมาคุยกันก่อน” ตอนนี้มือและขาผมสั่นไปหมด คนที่ผมเรียกก็ไม่ยอมลงจากรถ แถมสตาร์ทเครื่องไว้อีก “กอล์ฟ ลงมาตกลงกันก่อน”

   “ไม่ เรื่องนี้ต้องรู้ถึงหูเถ้าแก่ พี่จะมาทำงานที่อาบอบนวดได้ยังไง มันไม่ถูกต้อง”

   “ก็รู้ แต่มาคุยกันก่อน”

   พูดยังไม่ทันจบ รถของร้านก็วิ่งฉิวออกไปโดยที่ผมวิ่งตามไม่ทัน ตายแน่ไอ้กระวาน ตายอย่างเขียดโดนรถทับแน่ โดนพ่อกับแม่กระทืบไส้แตกแน่ ไม่อยากจะนึกสภาพตัวเองเลยให้ตายสิ และสิ่งที่กลัวก็ไม่รอช้า ไม่ถึงห้านาทีก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น พอกดรับคำสั่งเฉียบขาดให้กลับบ้านก็กระแทกเข้ารูหูก่อนจะวางสายไปโดยไม่รอคำตอบใดๆ

   จบสิ้นแล้วกระวานเอ๋ย

   ผมเดินคอตกไปขอกลับบ้านก่อน เจ๊พิมพ์พยักหน้าเมื่อรู้ถึงสาเหตุว่าทำไมผมต้องกลับบ้านก่อนจะหยิบพระที่วางอยู่บนหลังตู้มาให้ผมองค์หนึ่งพร้อมประโยคอวยพร

   “ขอให้พระรอดคุ้มครองให้รอดปลอดภัยนะกระวาน”

   ผมควรรู้สึกดีใช่ไหมเนี่ย

   เดินเข้าห้องล็อกเกอร์เพื่อเปลี่ยนชุด มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ความลับมันไม่มีในโลก ถึงไม่รู้วันนี้ วันหน้าก็ต้องรู้ ให้กำลังใจตัวเองเสร็จก็ดึงประตูเปิดแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีคนยืนอยู่

   “บอส มีอะไรกลับผมหรือเปล่า”

   “โดนเรียกกลับบ้านเหรอ” พยักหน้าแทนคำตอบ รู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากตอนนี้ เพราะยังนึกภาพไม่ออกว่าจะโดนอะไรบ้าง ไม่อยากทะเลาะกับคนในครอบครัวเลย “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

   “ไม่เป็นไร ผมกลับเอง”

   แล้วเคยฟังผมซะทีไหน ข้อมือถูกจับแล้วดึงให้เดินตาม ท่ามกลางสายตานับสิบๆ คู่ที่มองมา บ้างก็กระซิบกระซาบคุยกัน แน่นอนว่าต้องคุยเรื่องผม แต่หากมีเวลามากกว่านี้ ผมคงจะหยุดอธิบายในสิ่งที่พวกเขาคิดกัน


   ผมยังไม่ได้ฟิชเชอริ่งกับบอสเว้ย อย่าคิดท่าทางลีลาไปก่อน


   ตลอดทางที่นั่งรถมา มือของผมถูกมือใหญ่กุมมาตลอด หลายครั้งที่ผมถอนหายใจ มือใหญ่นั่นจะบีบเบาๆ ให้รู้สึกว่ายังอยู่ข้างๆ แม้มันจะรู้สึกดีมาก แต่ก็สลัดความเครียดออกไม่ได้ จนรถคันแพงจอดนิ่งที่หน้าร้าน ผมก็เริ่มกระสับกระส่าย

   “ให้เข้าไปด้วยไหม” น้ำเสียงทุ้มมาพร้อมสายตาเป็นห่วงเป็นใย แต่ผมเลือกจะส่ายหน้าตอบกลับ “จะรออยู่ตรงนี้นะ”

   “ครับ”

   ทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้า ผมจะนับเลขอยู่ตลอดเพื่อให้มีสติ จนเหยียบพื้นของร้านผมก็เงยหน้าขึ้น เจอสายตาที่จ้องมองด้วยความโกรธ พ่อปรี่เข้ามาหา ผมรีบยกแขนขึ้นกันหน้าตัวเองไว้เผื่อโดนต่อย แต่เปล่าเลย พ่อเดินเข้ามาหาแล้วดึงให้ผมเข้าไปนั่ง แอบเห็นเพกาอยู่หลังร้าน พ่อคงสั่งไม่ให้ออกมาแน่

   “มีความจริงอะไรจะบอกพ่อไหมกระวาน” พ่อยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า เยื้องๆ ไปคือไนท์ แล้วก็ไอ้คนขี้ฟ้องอย่างกอล์ฟ ที่หลบอยู่หลังซัน “กระวาน” พ่อเรียกอีกทีจนผมหันกลับมามอง “บอกความจริงพ่อ ว่าทำไมกระวานต้องไปทำงานที่นั่น ทำไมต้องโกหกพ่อกับแม่ว่าไปทำงานกับเพื่อน ทำไมกระวาน”

   “กระวานทำแหวนเขาหาย” โพล่งออกไป พ่อดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนเซไปด้านหลัง โชคดีที่ซันขยับเข้ามารับ ไม่งั้นอาจล้มก็ได้ “แหวนที่แม่เขาให้ ไม่มีขายที่ไหน กระวานทำของเขาหาย”

   “ก็เลยต้องทำงานใช้หนี้เหรอ” พ่อถามอย่างไร้เรี่ยวแรง ยิ่งพอผมพยักหน้ารับ พ่อก็ทรุดนั่งกับเก้าอี้ “ทำไมกระวานไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อ หรือกระวานเห็นว่าพ่อกับแม่ไม่สำคัญ”

   “ไม่ใช่นะ กระวานรักพ่อกับแม่ รักพี่ไธม์ โป๊ยกั๊กแล้วก็เพกามาก”

   “ก็แล้วทำไมไม่บอกเรื่องสำคัญแบบนี้ เราทุกคนจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา”

   “ก็กระวานไม่อยากให้ทุกคนมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ กระวานทำเองก็ต้องชดใช้ มันถูกแล้ว”

   “แหวนนั่นมันวงเท่าไหร่ เดี๋ยวพ่อจะใช้คืนให้ เงินในบัญชีพ่อก็มี”

   “สิบล้าน”

   “สิบล้าน!!”

   เสียงตะโกนออกมาหลายเสียงจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครสูงหรือต่ำกว่า รู้แค่ว่าพ่อร้องหายาดมแล้วตอนนี้

   “กระวานขอโทษนะพ่อ”

   “จะเป็นลม” ไนท์รีบเอาพัดมาพัดให้พ่อผม ก่อนที่จะได้ยาดมจากซัน “แหวนอะไรราคาตั้งสิบล้านน่ะกระวาน”

   “มันเป็นแหวนที่พ่อทำให้แม่ของเขา เป็นแหวนที่มีวงเดียวในโลก หัวแหวนเป็นไพลินเม็ดใหญ่ ตัวแหวนแกะสลักเป็นรูปเกลียว” ก่อนจะบรรยายมากกว่านี้ พ่อก็รีบยกมือขึ้นให้หยุดพูด “กระวานก็ไม่รู้ว่าไปทำหายไว้ที่ไหน แต่มันหาไม่เจอจริงๆ กระวานเลยต้องทำงานใช้หนี้”

   พูดไม่ทันจบ พ่อก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าหลังร้านไป ไม่นานก็ออกมาพร้อมซองเอกสารบางอย่าง

   “โฉนดของร้านนี้ ถ้าขายคงได้มากพอที่จะใช้หนี้”

        ทุกคนได้ยินต่างก็สบถกันจนเสียงหลงรวมทั้งผม และก่อนที่จะมีใครพูดต่อ หน้าร้านก็มีคนมายืนจังก้า ทำให้ทุกสายตาหันไปมองอย่างสนใจ นายจักรพรรดิไม่รู้สึกรู้สากับการถูกจ้อง เขายังก้าวขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ เป็นผมซะอีกที่เหงื่อตกแทน

   “บอสจะเข้ามาทำไม” กระซิบถามเมื่อคนมาใหม่หยุดอยู่ข้างๆ
 
   “ผมคงรับโฉนดของที่นี่ไม่ได้หรอกครับ” นายจักรพรรดิไม่ได้สนใจคำถามผมเลย สายตาคมจ้องพ่อผม หากริมฝีปากไม่ติดรอยยิ้มไว้ ผมคงคิดว่าเขากำลังหาเรื่องพ่อผมอยู่แน่ เล่นจ้องชนิดที่ไม่วางตาขนาดนั้น

   พ่อผมหน้าตาน่ารักล่ะสิ มีหลายคนที่ติดใจทั้งฝีมือและหน้าตาพ่อผมมามาก

   “ทำไมจะรับไม่ได้ กระวานเป็นลูกผมๆ ก็ต้องช่วย” พ่อยังไม่ยอม แถมตอนนี้ขยับมายืนประชันหน้ากันอีก “นี่โฉนด”

   “บ้านคุณสอนลูกให้ไม่มีความรับผิดชอบหรือ” แทบจะทันทีที่ประโยคนั้นจบลง ผมรวมถึงทุกคนในร้านพากันเบิกตาโต

   “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

   “ผมแค่คิดว่า ปัญหาที่กระวานก่อขึ้น เขาควรเป็นคนแก้เอง” ผมกลืนน้ำลายเมื่อถูกหันมามองหน้า “หรือคุณพ่อว่าไงครับ” น้ำลายที่กลืนเมื่อกี้แทบพ่นออกมาหลังจากได้ยินคำเรียก

   “มันก็...” พ่อผมอึกอักพูดไม่ออก

   “แล้วผมก็ไม่ได้ใช้งานอะไรกระวานหนักเลย เขาแค่มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการก็แค่นั้น”

   “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ จะให้กระวานทนอยู่ในสถานที่ๆ มีแต่คนคิดเรื่องอย่างว่าได้ยังไง” พ่อทำหน้าเครียดพลางหันมามองผม “กระวานทนฟังได้เหรอ ไหนเคยบอกพ่อว่า ไม่อยากไปอยู่ในที่คนเยอะๆ ที่ๆ มีแต่คนคิดเรื่องพรรค์นั้นไง”

   “ตอนแรกกระวานก็คิดแบบนั้น แต่พออยู่ๆ ไปมันก็ชิน” พูดเสียงอ่อย “กระวานขอโทษนะพ่อ แต่กระวานจะรับผิดชอบเอง” ผมเดินเข้าไปกอดพ่อ “กระวานขอโทษ”

   “เอาเถอะ ถ้ากระวานตัดสินใจแล้ว พ่อก็จะไม่ยุ่ง เหมือนที่เคยบอกไป แต่ถ้าปัญหามันหนักเกินที่จะแบกไหว กระวานต้องบอกนะ ห้ามเก็บเงียบแบบนี้อีก ไม่งั้นพ่อจะตัดออกจากกองมรดก”

   “พ่อละก็”

   จากความตึงเครียด ตอนนี้ภายในร้านเริ่มมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาบ้าง

   “แต่พ่อต้องบอกแม่นะ กระวานจะถูกแม่ลงโทษยังไงพ่อก็จะไม่ยุ่ง”

   “ครับ” ก้มหน้ายอมรับผิด “แต่พ่อกับทุกคนอย่าบอกโป๊ยกั๊กนะ กระวานไม่อยากให้เกิดเรื่อง นิสัยมันเป็นยังไงทุกคนน่าจะรู้ดี” แล้วทุกคนก็พยักหน้ารับรวมทั้งเพกาที่แอบฟังอยู่ห่างๆ ด้วย

   จบแล้ว รอดซะที

   “คุณเป็นเจ้าของอาบอบนวดใช่ไหม” อยู่ๆ พ่อก็ถามขึ้น สายตาดุที่ผมแทบไม่เคยเห็นพุ่งตรงไปยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างผม “ผมขอฝากลูกผมด้วยนะ กระวานดูภายนอกอาจเหมือนคนปกติ แต่เขา...”

   “คุณพ่อจะบอกว่าเขา...ไม่ปกติเหรอครับ”

   “บอส”

   ผมรีบขัดกลางปล้องเมื่อถูกกล่าวหาว่าสติไม่ดี นายจักรพรรดิฟังพ่อผมยังไม่จบดีก็สรุปเอาเอง แถมพ่อผมชี้หู แต่เขาดันชี้ไปที่ขมับตัวเอง แต่นั่นมันก็ทำให้ทุกคนหลุดหัวเราะ รวมทั้งพ่อและคนพูดด้วย มีเพียงผมที่หน้าบูดเป็นตูด

   “เรื่องบางเรื่อง ผมก็ไม่สามารถบอกได้”

   “ผมไม่เร่งรีบอยู่แล้ว”

   “ก็ดี”

   นี่พ่อกับนายจักรพรรดิคุยกันเรื่องอะไรอยู่ ทำไมผมถึงไม่รู้

   ปัญหาหนักหัวไปในทางที่ดี พ่อผมเลยโชว์ฝีมือทำกับข้าวเลี้ยงทุกคนซะเลย ได้ยินไอ้คนขี้ฟ้องบอกลาภปาก ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่กระทืบมันข้อหาปากมาก แต่มันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นที่ไม่ต้องปิดบังอีก ผมรู้สึกผิดทุกครั้งที่ต้องโกหกเวลาออกไปทำงานและเวลากลับดึก ตอนนี้โล่งอย่างที่สุด





***


   แล้วมื้อเที่ยงที่ค่อนไปทางบ่ายแก่ก็จบลง พ่อยืนส่งผมไปทำงานโดยมีเพกาโบกมือหยอยๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน เมื่อกี้สั่งไปแล้วเชียวว่าห้ามยิ้มให้นายจักรพรรดิ เกิดหลงชอบน้องสาวที่น่ารักของผมจะทำยังไง แล้ววันนี้โรงเรียนก็ดันหยุดอีก ได้เจอเรื่องดีเลย

   “พ่อนายน่ารักดีนะ น้องสาวก็ด้วย”

   “ชมพ่อได้ แต่ห้ามชมน้องผม” ขู่ฟ่อๆ ด้วยสายตาจนถูกขำ “ห้ามแม้แต่จะคิดมิดีมิร้าย” ลองคิดให้ผมได้ยินดูสิ มาเฟียก็มาเฟียเถอะ

   “ว่าแต่ คนที่ชื่อโป๊ย...เซียน ใช่ไหม เขาเป็นใคร เป็นแฟนนายเหรอถึงกลัวไม่อยากให้รู้” ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหัวเราะจนน้ำตาไหล น้องผมกลายเป็นยาดมไปแล้ว “หัวเราะทำไม ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”

   “อื่อ” พยักหน้าทั้งที่ยังขำ

   “อะไรที่มันผิดล่ะ” คนไม่รู้ตัวยังทำหน้างง “กระวาน บอกมาสิ”

   “ชื่อมันผิด”

   “ชื่อผิด? โป๊ยเซียนน่ะเหรอ แล้วเขาไม่ได้ชื่อนี้เหรอ”

   “โป๊ยกั๊กต่างหาก โป๊ยเซียนนั่นมันยาดมแล้ว” ว่าแล้วก็หัวเราะอีกรอบ คราวนี้คนพูดชื่อผิดก็หลุดขำออกมาด้วย “ถ้ามันรู้ว่าถูกเรียกว่าโป๊ยเซียน คงควันออกหูแน่”

   “แฟนเหรอ” ทำไมถึงรู้สึกเสียงเข้มแปลกๆ จากที่ยิ้มเมื่อกี้ ตอนนี้หน้าตึงพอสมควร ผมแกล้งทำนิ่งจนถูกมือใหญ่ยื่นมาบีบปาก “จะตอบไม่ตอบ”

   “ตอบๆ” เสียงอู้อี้เพราะปากเหมือนปลาบู่

   “ตอบว่า?”

   “บอสถามว่าอะไรนะ”

   มีเสียงจิ๊จ๊ะมาให้ได้ยินก่อนจะพูด “ถามว่าเป็นแฟนเหรอ คนที่ชื่อโป๊ย...กั๊ก” นายจักรพรรดิดูไม่มั่นใจเท่าไหร่ในการเรียกชื่อน้องผม ตลกดี แต่ชื่อมันก็เรียกยากจริงๆ นั่นแหละ

   “น้องชายแท้ๆ คลานตามผมมาเลย” บอกไปปุ๊บ ก็ได้เห็นรอยยิ้มจากคนถามทันที “ที่ผมไม่อยากให้รู้ ก็เพราะน้องผมมันคนเลือดร้อน กลัวว่าจะมาหาเรื่องที่คลับ”

   “เหรอ” ดูเป็นคำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ “โป๊ยกั๊กนี่ ชื่อมาจากไหน แปลกดี”

   “เครื่องเทศชนิดหนึ่ง”

   “กระวานก็ใช่ โป๊ยกั๊กก็ใช่ ยังมีอีกไหม”

   “พี่ชายคนโตผมชื่อใบไธม์”

   “ชื่อนี้ฉันรู้จัก ใส่อาหารอร่อยดี แล้วน้องสาวที่น่ารักเมื่อกี้ล่ะ ชื่ออะไร”

   “เพกา แต่บอสห้ามยุ่งเด็ดขาด น้องผมยังเด็ก ไม่เหมาะกับมาเฟียด้วย” เหล่ตามองคนที่ดูไม่น่าไว้ใจ เวลาพูดถึงเพกา นายจักรพรรดิจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกที ยังดีที่เขาไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นด้วย แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ น้องเพกายิ่งเป็นคนน่ารัก จิตใจดีแถมยิ้มสวยอยู่ด้วย

   “แล้วใครล่ะที่เหมาะกับมาเฟีย”

   “จะไปรู้ได้ไงเล่า บอสอยากได้คนไหนก็จิ้มสิ หล่อ รวย ใครๆ ก็อยากได้”

   “กระวานล่ะ”

        “อะไร”

   “ไม่อยากได้เหรอ”

   “อยากได้อะไร”

   “ไม่อยากเป็นคนของมาเฟียเหรอ”

   สะบัดหน้าไปมองจนคอแทบจะหลุดออกจากบ่า รอยยิ้มที่ส่งมากับแววตาที่จ้องมองมันดูจริงจังไม่มีความตลกหรือล้อเล่นแม้แต่น้อย ผมเจอผู้ชายหล่อระดับพระเอกมาเป็นร้อย ใจเต้นนับครั้งไม่ถ้วนเวลาอยู่ใกล้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนที่เขย่าหัวใจผมได้มากขนาดนี้ มากซะจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นที่ชัดเจน

   “ว่าไง”

   “บอสพูดเป็นเล่น” แกล้งเฉไฉและให้ดูเป็นเรื่องน่าขบขัน แต่คนที่นั่งหลังพวงมาลัยยังนิ่ง “บอสมองถนนสิ เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”

   “ติดไฟแดงอยู่ไม่เห็นหรือไง”

   ถ้าเป็นละครละก็ คงมีเสียงแป่วดังแทรกขึ้นมากับฉากเมื่อกี้แน่ ผมได้แต่หันไปมองนอกหน้าต่าง โดยที่ดวงตากระพริบถี่เกินความจำเป็น

   “ผมลางานแล้วๆ ทำไมต้องมากับบอสด้วยเนี่ย”

   “เปลี่ยนเรื่องตลอด” พอดีกับสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว สายตาที่มองตาเลยต้องหันไปสนใจทางข้างหน้า “ไปเอารถไง หรือจะทิ้งไว้ที่นั่น”

   “แล้วบอสจะโมโหทำไมเนี่ย” ใส่อารมณ์ด้วย

   “ไม่บอก”

   “เอ๊า” นี่ผมกำลังคุยกับนายจักรพรรดิ เจ้าของอาบอบนวดที่มีแต่คนเกรงขาม หรือผมกำลังคุยกับเด็กประถมที่แสนขี้งอนอยู่กันแน่ “ถ้าบอสได้รู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับผม บอสอาจจะถอยห่างจากผมก็ได้” เมื่ออีกคนดูจริงจัง ผมก็เลยจริงจังบ้าง ประโยคที่ผมบอก ฟังดูเหมือนจะงงๆ แต่เพราะมันคือเรื่องที่ผมกำลังซ่อนอยู่ ความลับที่ไม่อยากให้ใครได้รู้ เป็นสิ่งที่ทำให้คนสนิทตีห่างผมมาแล้ว และผมก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก เพราะผมคงทนไม่ได้หากคนที่ผมเผลอรู้สึกดีด้วยทำร้ายจิตใจ

   “อย่าตัดสินกันจากสิ่งที่นายเคยผ่านมา จำไว้”


...TBC

เมื่อวานไม่ได้ลง ต้องขออภัยจริงๆ ค่าา

ยังไงแล้ว ขอฝากคู่กระวานด้วยนะคะ หากขาดๆ เกินๆ ขออภัยจริงๆ ค่า จะพยายามพัฒนาให้มากกว่าเดิม

แล้วพบกันตอนหน้าค่าา (-/l\-)~~

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-13-


[จักรพรรดิ]



       ในชีวิตของผม เจอเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ จังๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกที่ผมจำฝังใจไม่เคยลืม นั่นคือวันที่รู้ว่าพ่อกับแม่ถูกพวกเมายาเสพติดขับรถฝ่าไฟแดงมาชน วันนั้นเหมือนโลกทั้งโลกของผมผังครืนลงมาจนไม่อยากอยู่ต่อ ผมร้องไห้ทุกวันจนวันหนึ่งปู่คงรำคาญ เลยพาผมไปอยู่ด้วย และนั่น มันทำให้ผมเจอเรื่องตกใจเป็นหนที่สอง

   ความตายใกล้เพียงนิด หากปู่ไม่ดึงผมเข้าอ้อมกอด ผมอาจตายไปแล้ว รถคันสวยของปู่ที่ผมอยากขับถูกกระสุนเจาะจนเป็นรูรอบคัน คนขับเป็นบอร์ดี้การ์ดที่มีฝีมือกำลังพาผมกับปู่ลัดเลาะไปตามถนนเพื่อหลบหนี ความกลัวมันทำให้ผมร้องไห้ออกมามาก พอรอดจากวันนั้น ปู่บอกว่าผมยังเด็ก พอโตมาจะรู้จักอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ ก็ตาม

   จากที่คิดว่า ชีวิตที่ผ่านมาเจอเรื่องมามากพอแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าผมจะต้องมาเจอเรื่องที่น่าตกใจเป็นหนที่สาม มันทั้งตกใจ แปลกใจ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อและไม่น่าจะมีอยู่บนโลก ใครจะไปคิดว่า ละครหรือหนังเกี่ยวกับไสยศาสตร์ พลังจิต พลังวิเศษนั่นจะมีจริง ซึ่งผมคนหนึ่งที่ไม่เคยเชื่ออะไรพวกนี้ จนได้มาเจอคนๆ หนึ่ง คนที่ทำให้ผมต้องคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลาคล้ายกับถูกมนต์สะกด

   หรือเขาจะเล่นคุณไสยใส่ผม?

   ครั้งแรกที่เจอก็ดูเป็นเด็กปากเสีย ทำตัวอวดเก่ง แต่พอเจอของจริงเข้าไปก็กลายเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผมยังจำได้ดี สีหน้าและแววตาตอนกระวานเห็นผมถูกยิง แววตาของเขาดูกลัวกับเหตุการณ์ถูกลอบยิง และความกังวลที่ผมต้องมาถูกยิงเพราะช่วยเขา

   ช่างเป็นเด็กที่น้อยเสียจริง

   ช่วงที่กระวานดูแลผมขณะผมเจ็บ ในตอนนั้นสติผมค่อยข้างเลือนราง อาจเพราะเสียเลือดมากไปเลยจำเรื่องราวไม่ค่อยได้ จนสติกลับมาเต็มร้อยหลังจากผ่านวันนั้นมาสองวัน ผมนอนไม่ได้สติมาสองวันเต็ม ลืมตาตื่นมาก็เจอแฟ้มรายงานจากดีนกองเป็นภูเขา ถึงป่วยก็ไม่มีหยุดหรอกนะครับ ธุรกิจของผม หยุดไปแค่วันเดียวก็เหมือนถูกคู่แข่งล้ำหน้าไปเป็นปี ซึ่งผมยอมไม่ได้

   หลังจากหายดีผมถึงกลับไปทำงานอีกครั้ง และผมก็ได้เจอหน้าคนที่ไม่เจอกันนาน คำทักทายแรกที่เจอเล่นเอาผมยิ้มออกมา คงจะห่วงผมล่ะสิ และจากที่คิดว่าเคลียร์งานหมด กลับเข้าคลับยังต้องมาเจองานหนักกว่าเดิม แต่ที่ผมต้องสนใจมากกว่างาน คือผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับกระวาน

   แหวนผมหายไป

   เป็นแหวนที่พ่อทำให้แม่ผมด้วยความตั้งใจ พ่อลงทุนไปเรียนทำแหวนที่ร้านของเพื่อนตัวเอง โดยหลอกถามแม่ว่าอยากได้แบบไหนให้วาดออกมา พ่อตั้งใจทำอยู่นานจนได้แหวนถูกใจ แต่แม่กลับได้สวมมันเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากครอบรอบวันแต่งงาน ทั้งคู่พากันไปกินข้าวข้างนอก ก่อนจะกลับบ้านด้วยความสุข แต่ระหว่างทางกลับเจออุบัติเหตุซะก่อน ผมไปหาแม่ทันก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ แม่มอบแหวนวงนั้นให้ผม และบอกให้ผมเก็บรักษาไว้ให้ดีๆ เพราะมันเป็นความรักของพ่อและแม่

   แต่ตอนนี้มันกลับหายไป

   คนที่จับแหวนผมเป็นคนสุดท้ายกำลังนั่งคิดย้อนไปถึงวันนั้น แต่แล้วก็คิดไม่ออก จนดีน ผู้ช่วยและบอร์ดี้การ์ดของผมเสนอให้มาทำงาน ซึ่งผมก็เห็นด้วย แม้ผมจะเสียดายแหวนนั่น แต่หากพ่อกับแม่เป็นคนรักษาไว้ ท่านจะต้องพามันกลับมาหาผม


 

   กระวาน เป็นชื่อของเครื่องเทศชนิดหนึ่งเจ้าของชื่อบอกมา ผมเฝ้าสังเกตเด็กคนนี้มาหลายวัน เหมือนเขาจะมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ อย่างเช่นตอนนี้ เขากำลังพาเด็กตึกสองซึ่งเป็นผู้ชายเข้ามาในห้องประชุม ขณะที่ผมกำลังเคร่งเครียดเรื่องการเจรจาสัญญาคู่ค้ากับอีกฝั่ง ซึ่งดูเคี่ยวจริงๆ จากที่นึกโมโหก็กลับกลายเป็นว่า กระวานสามารถช่วยให้คลับของผมมีลูกค้าเพิ่มอย่างง่ายดาย ในขณะที่ผมให้ดีนค้นข้อมูลก็ไม่เคยเจอ

   แล้วแบบนี้จะไม่ให้จับตามองได้ยังไง

   ผมลงไปดูเขาทำงานแทบทุกครั้งหากว่าง จะเรียกได้ว่าจับผิดก็คงได้อยู่ แม้ปกติแล้วหน้าที่นี้ผมจะให้ผู้ช่วยอย่างพิมพ์เป็นคนทำ แต่คราวนี้ผมเลือกที่จะทำหน้าที่นี้เอง ซึ่งทุกครั้งที่ลงไปดู ผมก็จะเห็นกระวานเลือกหมอนวดในคลับให้ลูกค้าได้อย่างฉับไว ราวกับรู้ใจ รู้ความคิดอย่างนั้น หลายครั้งที่ผมแอบเห็นเขาเอาหูฟังอันใหญ่ขึ้นครอบหูดูเหมือนขี้เกียจ แต่พอลูกค้ามาเขาก็จะเอาลง มันแปลกจริงๆ หูฟังนั่นมีอะไรพิเศษหรือเปล่า

   แล้วอยู่ๆ คนที่ผมจับตามองอย่างกระวาน กลับกล้าถามเรื่องสมรรถภาพทางเพศของผม แถมกล่าวหาว่าของๆ ผมเสื่อมอีก ที่จริงแล้วของๆ ผมก็ปกติดีทุกอย่าง เพียงแต่ผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน ใช่ว่าเห็นพนักงานนุ้งน้อยห่มน้อยผมจะไม่มีความรู้สึกอะไร แต่ความรู้สึกเหล่านั้น มันหายไปนานมากหลังจากปู่ของผมเสีย ผมต้องบริหารที่นี่ให้ดีอย่างที่ปู่เคยทำ ดังนั้น สมองผมแทบไม่ได้คิดเรื่องสวาทเลยแม้แต่น้อย เวลาทั้งหมดผมยกให้กับงาน

   ฟังแล้วอาจจะหาว่าผมพูดให้ตัวเองดูดี แต่เปล่าเลย มันคือเรื่องจริง เพราะถ้าหากคลับนี้ ไม่มีคู่แข่งที่พร้อมจะล้มเราได้ทุกเมื่อละก็ ผมคงไม่ต้องมานั่งเครียด ก้มหน้าก้มตาทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้หรอก อีกทั้งคำสอนที่ปู่พร่ำบอกมันยังก้องอยู่ในสมองตลอดเวลา

   หากเราช้าไปแค่หนึ่งชั่วโมง ก็เหมือนถูกล้ำหน้าไปสองปี

   ดังนั้น ผมต้องแอคทีฟตัวเองเสมอ แม้จะมีผู้ช่วยอย่างดีน แต่บางเรื่องผมก็ต้องทำเอง

   อย่างเช่น การมีนักเลงยกพวกมาหาเรื่อง นานมากแล้วที่ไม่เคยเกิดแบบนี้หลังจากผมนั่งตำแหน่งประธาน Wonder Land ในช่วงแรกๆ และตอนนี้ พวกที่จ้างมาคงทนแรงกดดันจากผมไม่ไหว ก็นะ คนทำผิดกฎหมาย ก็ต้องให้กฎของบ้านเมืองลงโทษ ผมแค่ให้ดีนแฮกข้อมูลเข้าคลับนั้นพร้อมดึงข้อมูลทุกอย่างออกมา คงต้องบอกว่าพวกนั้นประมาทเองด้วยที่ไม่จ้างโปรแกรมเมอร์เก่งๆ ดูแลระบบ แต่ถึงแม้จะมีคนเก่งสักเท่าไร ก็คงไม่เกินฝีมือของอดีตตำรวจนอกอย่างดีนไปได้

   สงสัยสิ้นปีต้องเพิ่มทั้งเงินเดือนและโบนัสให้สักหน่อยแล้ว

   ตอนนักเลงเข้ามาหาเรื่องในคลับ ผมอยู่ชั้นบนและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เพราะอยากลงมาจับผิดคนเลยมาเจอเหตุการณ์เข้า สิ่งที่เห็นคือพวกนักเลงปลายแถวกำลังกระทืบคนของผม โดยเฉพาะกระวานที่ห้าวเป้งไปต่อสู้ หากผมไม่เข้าไปขวาง อาจเจ็บหนักมากกว่าหน้าช้ำไปแล้ว

   ชอบทำอะไรเกินตัวอยู่เรื่อย

   ผมสั่งให้ดีนที่มาช่วยทีหลังเก็บกวาดพวกหาเรื่องไปให้หมด ไม่ได้ให้ฆ่าหั่นศพหรอกนะครับ ผมไม่ได้โหดแบบที่กระวานบอก แค่ลงโทษให้หลาบจำก็แค่นั้น ถึงแม้เรื่องในคลับผมจะจบ แต่สำหรับผมไม่จบแน่ หากเราไม่ไปหาคนจ้างตามคำเชิญ ใช่ ผมคิดว่าการมาหาเรื่องแบบนี้คือคำเชิญ ซึ่งผมไม่พลาด

   ใจจริงผมอยากถล่มคลับคู่แข่งซะด้วยซ้ำ หากติดที่ว่า ผมไม่ใช่มาเฟียที่กำกฎหมายในมือ ดังนั้นเราต้องให้คนที่ถือกฎหมายเป็นคนจัดการ ผมก็แค่ไปเตือนนิดๆ หน่อยๆ พอให้คนจ้างวานได้คิด วิเคราะห์ แล้วก็แยกแยะให้ออก ว่าอย่ามาเล่นกับผม

   และอีกอย่าง เรื่องที่จบโดยไวก็เพราะผมลากกระวานกลับห้องด้วย จะให้นอนที่หอพักพนักงานก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะพากลับห้องส่วนตัวของผม ซึ่งผมคิดว่า กระวานคงไม่คิดจะฆ่าผมหรอก ผมไม่เคยไว้ใจใคร ไม่เคยให้ใครเหยียบห้องส่วนตัวนาน จะมีแค่ดีนเท่านั้นที่เข้านอกออกในได้ แต่ก็มีเวลากำหนดแน่ชัด ซึ่งคนเข้าออกเป็นเวลาเอ่ยถามผมหลายครั้งเรื่องให้กระวานไปนอนในห้องด้วย ซึ่งผมก็จะตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า

   ผมไว้ใจ

   มันเป็นความไว้ใจที่เกิดขึ้นเอง ไม่รู้สิ ตั้งแต่ผมตัวคนเดียว ความรู้สึกนี้มันค่อนข้างเกิดขึ้นน้อยมาก แต่กับคนนี้ ผมรู้สึกแบบนั้น ผมอยากหัวเราะเสียงดังบ้าง อยากเลิกตีหน้าขรึม อยากนอนพักอย่างใครเขาสักสี่หรือห้าชั่วโมง ผมไม่อยากนอนหลับตาแล้วคิดถึงแต่เรื่องงานจนต้องลุกมานั่งทำ ผมอยากพักจริงๆ

   สิ่งแรกที่กระวานเข้าห้องของผมคือพุ่งเข้าห้องน้ำ คงไม่ได้ปวดท้องแน่ แต่น่าจะเข้าไปหาแหวนของผมที่ตัวเองจำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน และก็คงจะไม่เจอ ใบหน้าที่มีรอยช้ำที่โหนกแก้มทำง้ำงอออกมาอย่างเด็กน้อยจนผมหลุดขำออกมา

   “เดี๋ยวก็เมาหรอก” ทำหน้างอไม่พอ ยังทำตัวตลกอีก กระวานยืนเก้ๆ กังๆ สำรวจผมที่กำลังจิบไวน์อยู่ และคงจะรู้ว่าผมมองอยู่เลยรีบปรับสีหน้า “บอสไปอาบน้ำสิ”

   “อยู่นอกเวลางานไม่ต้องเรียกฉันว่าบอสหรอก” ผมบอกเรียบๆ “เดี๋ยวรอรับอาหารด้วย กำลังขึ้นมา” ยกไวน์จนหมดแก้วก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวไปหมด ตั้งแต่ออกแรงกระทืบพวกนักเลงปลายแถวแล้ว

        “เดี๋ยวบอส แล้วจะให้ผมเรียกว่ายังไง คุณจักรพรรดิเหมือนเดิม?” ก้าวขาไม่กี่ก้าวก็ถูกเรียก ผมหันไปกลับมองกระวานที่ทำหน้ายุ่ง ดูแล้วน่าแกล้งดี

   “เรียกว่าอะไรดีน้า” แกล้งทำเป็นคิดหนัก ทำเอาคนรอลุ้นใบหน้าบิดเบี้ยวและคงทนไม่ไหวเลยส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา ผมขำบางๆ ก่อนบอกไป “เรียกพี่หนึ่งดีไหม” อยากจะขำคนอ้าปากค้าง “ก็นายอายุน้อยกว่าฉันนี่”

   “ผมต้องเรียกว่าพี่หนึ่งไปทำไม คือเราสนิทกันถึงขั้นเรียกกันแบบนั้นได้เหรอครับ” กระวานกระพริบตาปริบๆ มองผม คงจะงงๆ ปนมึนๆ เลยทำหน้าเอ๋อ ตลกมาก

   “ถ้าใจเราสนิท มันก็สนิทเอง” พูดเสร็จก็ขยิบตาให้ไปที

   “งั้นเอาตามที่บอสสบายใจเลย ผมยังไงก็ได้” การขยิบตาของผมดูจะมีผลกับคนหน้าเขียวครึ่งซีก กระวานเม้มริมฝีปากทันทีพลางหันหน้าหนี

   “อย่าลืมเรียกพี่หนึ่งล่ะ บอสน่ะ เก็บไว้ตอนอยู่ที่ทำงานก็พอ” ทิ้งท้ายก่อนเดินเข้าห้องน้ำ รู้สึกสนุกที่ได้แกล้ง และชอบที่เห็นคนหน้าเขียวๆ หงุดหงิด

   นานแค่ไหนที่ผมไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้

   ใช้เวลาอาบน้ำอยู่นาน ออกมาก็ได้ยินคำนินทา คนพูดรีบทำหน้าตื่นตกใจไม่คิดว่าผมจะออกมาพอดี กล้านักนะที่กล้าพูดถึงผม ส่วนดีนที่ยืนอยู่ในห้องรีบโค้งศีรษะแล้วออกจากห้องไป เขารู้ดีว่านี่คือเวลาส่วนตัวของผม พอไม่มีคนอื่นแล้ว ผมก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาพร้อมคนถือถุงมื้อเย็นไม่ยอมปล่อย

   คงจะหิวมากสินะ เสียงโครกครากดังจนเจ้าตัวหน้าแดง 
 
   “หาแหวนเจอไหม” ถามขณะกระวานกัดพิซซ่าคำใหญ่ คนเคี้ยวตุ้ยๆ ส่ายหัวตอบ “แล้วจำไม่ได้เหรอ ว่าวางไว้ที่ไหน”

   “จำลองเหตุการณ์เหมือนวันนั้นแต่ก็นึกไม่ออก” หลังกลืนแล้วก็รีบพูด ทั้งซอสและชีสเลอะมุมปากทั้งสองข้างโดยที่เจ้าตัวก็คงไม่ใส่ใจจะเช็ด พอเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ คนอะไรกินพิซซ่าทีละสามชิ้น แม้จะเป็นแป้งบางกรอบก็เถอะ ขนาดผมมากสุดก็แค่สองแผ่นประกบกัน   

   “นายตลกดี”

   “หน้าตาก็ดีด้วย”

   มื้อเย็นมื้อนี้คงจะอร่อยจริง ดูจากกระวานกินจนไม่เหลือ แถมดูดนิ้วตัวเองที่เลอะครบทั้งสิบนิ้ว นี่ถ้าถาดที่ใส่กินได้ ผมว่าก็คงไม่เหลือ

   “เออ” พออิ่มก็เลอออกมาซะเสียงดัง ก่อนจะส่งยิ้มแห้งให้ผม คงเพิ่งนึกได้ว่าผมยังนั่งหัวโด่อยู่ข้างๆ ดวงตากลมโตจ้องหน้าผมไล่ลงไปตามตัว แล้วหยุดอยู่ที่รอยสาบเสื้อระหว่างขา

   “มองอะไร แอบดูเหรอ” พอถามปุ๊บ ใบหน้าที่มีรอยเขียวม่วงก็หันหนี ถึงอย่างนั้นอีกด้านก็เป็นสีแดงระเรื่อ “อยากดูก็บอก จะเปิดให้ดู” ลองขยับสาบเสื้อไปมา กระวานหันหน้าหนีไปหนีมาอย่างตลก

   ถึงตลกแต่ก็น่ารักดี ผมชอบ

    คืนนี้แม้ผมจะอยากพักผ่อน แต่ก็ดันหยิบงานติดมือมาด้วย เลยต้องอยู่เคลียร์สักหน่อย ระหว่างนั้น กระวานก็เดินเรียบๆ เคียงๆ มาที่เตียง พอผมตบที่ว่างด้านข้าง ตัวอวบๆ ก็คลานขึ้นมาก้นโด่ง ตลกดี และก่อนที่ผมจะสนใจงาน คำถามบางอย่างก็ถูกร้องขอ เป็นคำขอร้องที่น่าแปลกใจอย่างมาก มันมากกว่าที่หาว่าผมเสื่อมมรรถภาพอีก

        “ผมแค่อยากให้บอสลองคิดเรื่องอย่างว่าดู”

   “ทำไมฉันต้องคิดด้วย”

   ผมมองหน้ากระวานโดยไม่หลบสายตาไปไหน ต่างจากอีกคนที่เสหน้าไปมาราวกับไม่กล้าจ้องตากลับคืน

   “ก็แบบว่า อยากให้ลองคิดสักนิดนึงก็ได้ ผมไหว้ล่ะ นะ” ไม่พูดเปล่า มืออวบยกขึ้นไหว้ผมด้วย ทำเอาแปลกใจหนักกว่าเดิมอีก “บอสช่วยคิดหน่อยได้ไหม สักนิดก็พอ เอางี้ บอสลองนึกภาพผู้หญิงรูปร่างดี หน้าอกใหญ่ สะโพกผาย”

   ถูกบังคับให้นึกภาพตามซะงั้น กระวานทำมือทำไม้เป็นรูปทรงของรูปร่างผู้หญิง แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ พอไม่นึกภาพตามก็ทำหน้าง้ำงอนิดๆ คงติดเป็นนิสัย เดาเอาว่า ที่บ้านน่าจะตามใจพอสมควร

   “แล้ว?”

        “ก็ลองคิดดูว่าถ้าเจอ บอสจะคิดยังไง” คนร้องขอส่งสายตาออดอ้อนมาให้ เกือบใจอ่อนอยู่แล้ว หากไม่ถูกตัดบทจบเอาดื้อ

   “อ่าว งอนไปอีก งอนพี่เหรอ” รีบสะกิดกระวานที่ซุกตัวนอนใต้ผ้าห่ม

   “ไม่ได้งอน” เสียงตอบกลับห้วนขนาดนี้ยังบอกไม่ได้งอน 

   “หันมาคุยกันดีๆ เดี๋ยวจะลองคิดให้ เร็วๆ” ปกติผมไม่เคยต้องง้อใครมาก่อน “กระวาน หันมาคุยกันก่อน” พอเห็นว่าง้อยังไงก็คงไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจทิ้งงานทุกอย่างแล้วล้มนอนตะแคงข้างๆ ใช้มือหนุนรองศีรษะรอดูคนงอนว่าจะหันมาเมื่อไหร่ จนแล้วจนเล่าก็ไม่ยอมหันมา ผมเลยยกขาดพาด 

   “...”

   “หน้าช้ำขนาดนี้ กี่วันถึงจะหาย” ผมถามออกมาหลังจากคนงอนหันมาส่งค้อนวงใหญ่ ระยะใกล้ของใบหน้าทำให้ผมสังเกตรอยช้ำบนหน้าขาวได้ชัดเจนจนต้องเอื้อมมือไปแตะเบาๆ “ต่อไปก็ระวังตัวให้มากกว่านี้ อย่าทำให้ตัวเองเจ็บ เข้าใจไหม”

   “ไม่มีใครอยากเจ็บหรอก แต่บอสเข้าไปในคลับนั้น ไม่ได้ไปฆ่าใครใช่ไหม”

   “ฉันไม่ได้โหดขนาดนั้น แค่เข้าไปคุยดีๆ”

   ทำไมชอบเห็นว่าผมโหดร้ายนักนะ ผมไม่ใช่มาเฟียสักหน่อย

   “บอส...”

   ตอนนี้ผมยังไม่อยากได้ยินอะไร ในเมื่อลมหายใจอ่อนๆ ของกระวานที่กระทบใบหน้ากำลังทำให้ผมสับสน จนความรู้สึกบางอย่างมันชัดเจน ความรู้สึกที่เคยถูกคะยั้นคะยอให้คิดแต่กลับคิดไม่ได้ แต่ตอนนี้ มันกลับเด่นชัดจนมังกรที่สงบกำลังขยับคล้ายอยากจะตื่นเต็มแก่

   ตัวหอมอ่อนๆ ของกระวาน กับความนุ่มนิ่มจับแล้วถนัดมือไปทุกส่วน แล้วอยู่ๆ กระวานก็หน้าแดงออกมา มือผลักขาผมออกจากต้นขาตัวเอง ปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันราวกับไม่อยากให้ผมมอง มือดึงผ้าห่มขึ้นปิดคอซะมิดอย่างกับรู้ว่าผมอยากงับ อยากกัดให้จมเขี้ยว ก่อนคนตัวนิ่มจะรีบหันหลังตอนผมคิดอยากจะถอดชุดนอนของผมที่กระวานใส่ออก หรือจะรู้ความคิดของผมจริงๆ ความอยากรู้ทำให้ผมลองคิดจะคลุกวงใน แต่คนนอนหันหลังรีบหันกลับมาสั่งแล้วยกผ้าห่มคลุมมิดทั้งหัว 

   นี่กระวานได้ยินความคิดของผมอย่างงั้นเหรอ หรือจะเป็นเซ้นส์อย่างที่เคยบอกไปคราวนั้นนะ แต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็น่าตกใจอยู่ดี คนที่มีพลังพิเศษแบบนั้นจะมีอยู่จริงและยังมีชีวิตอยู่บนโลกยุคดิจิตอลแบบนี้นะหรือ น่าขำสิ้นดี แต่พอมองคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ ก็ไม่แน่ เรื่องมหัศจรรย์ที่คนน้อยนักจะมีอาจอยู่ในตัวเขาก็ได้

        แล้วคืนนี้ ผมจะนอนหลับลงไหม ผมว่า ผมควรกลับไปทำงานเพื่อกลบความฟุ้งซ่านนี้แล้วล่ะ

   “ฝันดีนะ” ก้มจูบหน้าผากแม้เจ้าตัวจะหลบสนิทไปแล้ว หัวถึงหมอนก็นอนได้เลย อิจฉาเสียจริง



****

   จากวันแรก ลากยาวมาถึงอาทิตย์ที่ผมให้กระวานเข้ามาในที่ส่วนตัว ซึ่งผมไม่ได้สนใจใครจะพูดจะมองยังไง เพราะรู้ดี คำนินทามันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ผมจะไม่เคยได้ยินกับหูก็เถอะ แต่ก็มีเรื่องเล่าจากผู้ช่วยอย่างพิมพ์ ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้กับผม
 
   อย่างเช่นตอนบ่ายที่พิมพ์รีบโทรขึ้นมาหา บอกว่ากระวานเกิดปัญหากับที่บ้านผมเลยทิ้งงานบนโต๊ะทุกอย่างเพื่อลงไปหา ใบหน้าที่เคยมีแต่รอยยิ้มดูเศร้าซึมจนผมไม่อาจอยู่เฉย ความเป็นห่วงผมเลยเป็นคนอาสาพากระวานกลับบ้าน แต่กระวานบอกให้ไปที่ร้านอาหารของพ่อตัวเอง

   พอถึงหน้าร้าน คนถอนหายใจมาตลอดทางก็เบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้จนผมต้องบีบมือเป็นกำลังใจ พอจะเข้าไปด้วยก็ถูกปฏิเสธ ผมก็เลยนั่งรออยู่ในรถมองกระวานเดินคอตกเข้าร้านไป แต่พอนั่งรอเฉยๆ ใจมันก็กระวนกระวาย แล้วมือกับขาก็ช่างสัมพันธ์กันโดยมือเปิดประตู ขาก็ก้าวลงจากรถพลางเดินไปหน้าร้าน สาวเท้าจนเกือบถึงประตู ได้ยินพูดเรื่องจะเอาโฉนดมาให้ผมเป็นค่าแหวน   

    “ผมคงรับโฉนดของที่นี่ไม่ได้หรอกครับ” โพล่งออกไปโดยไม่สนสายตาที่จ้องมา ผมมองคนที่ถือโฉนดในมืออย่างพิจารณา ด้วยใบหน้าและรูปร่าง ค่อนข้างต่างจากกระวานพอสมควร แต่ก็ยังมีโครงหน้าที่คล้ายกัน

   “ทำไมจะรับไม่ได้ กระวานเป็นลูกผมๆ ก็ต้องช่วย นี่โฉนด” พ่อของกระวานเดินเอาใบโฉนดที่ดินของร้านมายื่นให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้รับมา ดวงตากลมโตมองผมอย่างหาเรื่องจนผมต้องลอบยิ้ม

   เหมือนกันที่ตรงนี้นี่เอง พ่อกับลูก

   ผมไม่รับอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน พลางยืนยันว่ากระวานไม่ได้ทำงานแบบนั้น แต่พ่อของกระวานก็ยังทำหน้าเครียดหนักพลางหันไปถามลูกชายตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนฟังเงียบๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย จนถูกถามคำถาม ผมถึงหันไปมอง
 
   “คุณเป็นเจ้าของอาบอบนวดใช่ไหม ผมขอฝากลูกผมด้วยนะ กระวานดูภายนอกอาจเหมือนคนปกติ แต่เขา...”

   “คุณพ่อจะบอกว่าเขา...ไม่ปกติเหรอครับ”

   ต่อท้ายประโยคให้ หลังจากยืนฟังมานานก็พอจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ เป็นเรื่องที่ผมคาใจมาตั้งแต่คืนแรกที่พากระวานไปนอนที่ห้อง และผมต้องได้รู้เรื่องวันนี้ พอผมพูดไป พ่อของกระวานก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่คิ้วขมวดกันเป็นปม คล้ายกับจะยืนยันเรื่องที่ผมคิดไว้ตั้งแต่แรก เรื่องการได้ยินความคิดของคนอื่น

   “เรื่องบางเรื่อง ผมก็ไม่สามารถบอกได้” แววตาความหนักใจ ปนความห่วงส่งมายังผม ซึ่งผมรู้ดีว่าคงเพราะกระวานไม่เหมือนคนอื่นแน่นอน ผมคลี่ยิ้มบางๆ ส่งให้ เป็นการตอบว่าผมเข้าใจ และจะรอให้ถึงวันที่ได้รู้ตัวตนจริงๆ ของกระวานให้มากกว่านี้ และมันต้องออกจากปากเจ้าตัวเอง

   ซึ่งผมรอได้ ไม่รีบอยู่แล้ว


...TBC

พาบอสมาบ้างค่า ฝากบอสจักรพรรดิด้วยนะคะ (ก้มกราบ)

แล้วพบกันค่าาาา

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บอสสงสัยนานแล้วล่ะเราว่า อิอิ ชอบมากๆ มาต่อทุกวันนะคะ มีความโลภ  :hao6: :hao6:

ปล. รบกวนใครก็ได้บอกหน่อยว่าเรื่องที่เหลือชื่ออะไรกันบ้าง เหมือนจะเคยอ่านแต่จำไม่ได้ค่ะ พลีสส  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 22:06:23 โดย cheezett »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่คนโตปิดจ็อบไปแล้ว

พี่คนรองเริ่มออกอากาศถี่ขึ้น 

แต่ดูท่าทางแล้วเนี่ย  อิตาบอสน่าจะหลงคนอวบอั๋นเป็นอันมาก

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บอสช่างสังเกต

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณบอส ตัวตนจริงๆเป็นคนอบอุ่นจนร้อนนะเนี่ย  :hao3: ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
บอสสงสัยนานแล้วล่ะเราว่า อิอิ ชอบมากๆ มาต่อทุกวันนะคะ มีความโลภ  :hao6: :hao6:

ปล. รบกวนใครก็ได้บอกหน่อยว่าเรื่องที่เหลือชื่ออะไรกันบ้าง เหมือนจะเคยอ่านแต่จำไม่ได้ค่ะ พลีสส  :hao5:

สืบลับเชื่อมใจรัก by nicedog พี่คนโต จบแล้ว
คนนี้ต้องลับ by sine น้องชายคนเล็กค่ะ


ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
หูยยยย บอสฉลาดมากเว่อร์แค่สังเกตุพฤติกรรมก็เดาได้ลางๆแล้วเหรอ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แหวนอยู่ที่ไหน หรือผีบังตาไว้นะ  :ling3:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นึกว่าจักรพรรดิแอบเก็บแหวนไว้อ้างซะอีก / รู้สึกผิดเลย 555
แล้วแหวนไปไหนล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-14-




        หลังจากที่บ้านได้รู้ถึงความลับของการทำงานผมแล้ว มันก็รู้สึกดีขึ้น แม้จะถูกแม่ลงโทษด้วยการให้ล้างจานทุกวันหลังจากงานก็ตาม แต่ก็รู้สึกดี ผมไม่อยากโกหกใครจริงๆ และตอนนี้ผมก็ได้กลับบ้านก่อนสามทุ่มทุกวัน โดยพนักงานคนอื่นๆ นินทาว่าไงบ้างก็ไม่รู้ ต้องโทษเจ้าของอาบอบนวดที่สั่งให้ผมเลิกเวลานั้น

   เหมือนจะช่วยนะ ช่วยทำให้ผมถูกเกลียดมากกว่าเดิม

   และการทำโทษของแม่ก็สร้างความสงสัยให้แก่น้องชายของผม โป๊ยกั๊กพยายามหว่านล้อมถามเรื่องจากทุกคน แต่ก็ไม่มีใครปริปากบอก ขนาดยอมลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเพกา แต่น้องสาวที่น่ารักก็ไม่ยอมพูด พวกที่ร้านของพ่ออีก แต่ละคนก็พยายามทำตัวให้ยุ่งเพื่อไม่ให้ว่างพอที่โป๊ยกั๊กจะถามได้

   แทบอยากลงไปกราบทุกคนจริงๆ

   ทุกวันนี้ผมมาทำงานโดยที่พ่อขับรถมาส่ง ครั้งแรกที่มาด้วย พ่อขอเข้าไปดูด้านในก็ถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะบรรดาลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการยังมาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ทำให้พ่อประหลาดใจคือ อาบอบนวดที่นี่ดูหรูหรา พนักงานทุกคนก็ยิ้มแย้มเป็นกันเอง รวมถึงการ์ดที่เฝ้าก็ไม่ได้ดูน่ากลัว พ่อยังให้ผมพาขึ้นไปดูทุกชั้น และชั้นที่พ่อชอบคงจะเป็นชั้นสามห้องคาราโอเกะ เห็นแบบนี้ พ่อผมก็ชอบร้องเพลงนะครับ เสียงเพราะมาก

   อย่างเช่นวันนี้ หลังจากพ่อส่งผมแล้วก็กลับไปที่ร้านต่อ ส่วนผมก็เริ่มเข้างานทันที แม้จะถูกเขม่นบ้างก็เถอะ ก็ไหนจะเลิกก่อนเอย กินข้าวโซนวีไอพีเอย บางวันขึ้นไปกินบนห้องนายจักรพรรดิเอย ไม่โดนจ้องก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่การทำงานมันก็ต้องดำเนินต่อ ในเมื่อผมยังเป็นหนี้ก้อนมหาศาล จะไม่ให้ทำงานเลยก็ไม่ได้ ผมยิ้มแย้มทักทายลูกค้า บางคนเจอหน้าบ่อยกว่าคนในครอบครัวซะอีก

   ระหว่างทำงานตามปกติ เสียงโวยวายก็ดังหน้าประตูเรียกความสนใจจากบรรดาแขกรวมทั้งพนักงานทุกคน แต่ที่ทำให้ผมตกใจคงจะเป็นเสียงเรียกชื่อที่ดังลั่นห้อง นั่นมัน...

   มัวแต่ตกใจกับคนที่มาจนลืมว่าต้องเข้าไปห้าม เมื่อโป๊ยกั๊กกำลังจะหาเรื่องกับการ์ด ถ้าสู้กันตัวต่อตัวผมไม่ห่วงหรอกนะ แต่นี่มันถิ่นเขา จะมากร่างไม่ได้ พอเห็นสองฝั่งจะพุ่งเข้าใส่กัน ผมก็รีบเข้าไปห้าม วิ่งเข้าไปยืนตรงกลางพร้อมหลับตาเผื่อมีลูกหลง

   “นี่น้องชายผมเอง” หรี่ตาข้างหนึ่งมองการ์ดเฝ้าหน้าประตู พอเห็นทุกอย่างสงบผมก็ลืมตาทั้งสองข้างก่อนยิ้มแห้งๆ ส่งให้ แต่แล้วก็ถูกโป๊ยกั๊กดึงแขน “คือ...”

   “ไม่ต้องพูดมากแล้ว” ท่าทางของโป๊ยกั๊กพร้อมพุ่งเข้าใส่ตลอดเวลา จนผมกลัวว่าจะไม่ได้ออกจากที่นี่แบบร่างกายสมบูรณ์ และดูท่าเพื่อนที่มาด้วยของน้องผมก็คงคิดแบบเดียวกัน ทุกคนหันรีหันขวางมองการ์ดที่เข้ามาเพิ่มและยืนล้อมเอาไว้ “กลับบ้าน!”

   “เฮ้ย ไม่ได้” รีบรั้งตัวเองไม่ให้ไปตามแรงฉุด โป๊ยกั๊กขมวดคิ้วไม่พอใจที่ผมขัดขืน

   “ทำไมไม่ได้ ก็...”

   “คุณกระวานเป็นพนักงานของเรา คุณมากระชากลากถูแบบนี้ไม่ได้นะครับ” พี่การ์ดพูดออกมา ขณะขยับเข้ามาขวาง

   “แต่ผมเป็นน้องของเขา และตอนนี้ผมมารับเขากลับบ้าน” โป๊ยกั๊กยังดื้อรั้นจะพาผมกลับให้ได้ แม้คนที่ยืนประชันหน้าจะตัวใหญ่กว่าสักแค่ไหน แถมมีปืนซ่อนอยู่ใต้สูทสีดำด้วย

   “ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคุณกระวานครับ” พี่การ์ดมองหน้าผมแล้วพูดออกมา ซึ่งผมทำได้แค่ยืนกระสับกระส่ายกลัวจะมีเรื่อง แถมตอนนี้คนมองกันหมดแล้ว

   “ก็ไม่ต้องรอให้เลิก เพราะกระวานจะไม่ทำงานที่นี่อีก” จบประโยคของโป๊ยกั๊ก ผมก็ตาโตทันที ใครจะไม่ทำงานที่นี่นะ ผมเหรอ ความใจร้อนของโป๊ยกั๊กขนาดเพื่อนที่มาด้วยยังปรามไม่ได้ ผมรู้ว่าน้องชายผมคนนี้เป็นคนขี้หวง ขนาดตัวผมที่ไม่ได้น่ารักมันก็ยังหวง แต่ลึกๆ แล้วคงจะห่วงมากกว่า

   “เรื่องนี้ คุณต้องไปคุยกับคุณจักรพรรดิเอง” พี่การ์ดลังเลนิดๆ เพราะไม่สามารถอนุญาตให้ผมกลับได้ ขนาดเจ๊พิมพ์ยังไม่มีอำนาจพอ หลังจากมีคำสั่งลงมาว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไร ไปไหนก็ต้องผ่านการอนุมัติเห็นชอบจากนายจักรพรรดิซะก่อน เพราะแบบนี้พี่การ์ดเลยขวางไม่ให้ผมกลับบ้าน แต่มีคนไม่เข้าใจ แถมยังทำเป็นตลกกับชื่อเจ้าของที่นี่อีก จนผมต้องดุ โป๊ยกั๊กถึงยอมสงบปากลง

   จะทำยังไงดีละทีนี้ น้องผมจะรอดกลับบ้านไหม

   เพียงแค่พี่การ์ดติดต่อไป ดีนก็รีบลงมารับ ตอนแรกโป๊ยกั๊กก็ทำท่าทางอึกอักไม่อยากไป แต่พอคิดว่าจะพาผมกลับบ้าน มันก็รีบตามหลังดีนไปติด สายตาก็มองนั่นมองนี่อย่างสนใจ ที่สำคัญ ความคิดยามมองบรรดาหมอนวดนุ้งน้อยห่มน้อยนั้นก็ปิดไม่มิด ยังดีที่พยายามข่มใจตัวเองได้อยู่



   จากคนที่พร้อมชนเมื่อกี้ พอมานั่งอยู่ต่อหน้าเจ้าของอาบอบนวดก็ดูหงอยไปนิด แต่ก็ยังวางท่าทางให้ดูเป็นปกติ ต่างจากนายจักรพรรดิที่นั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายๆ สายตาคมจ้องมองน้องชายผมโดยไม่ปริปากพูดหรือถามอะไร จนเป็นโป๊ยกั๊กเองที่ทนไม่ไหวพูดออกมาก่อน

   “ผมมารับพี่ชายกลับบ้าน” เสียงแข็งของโป๊ยกั๊กทำเอาผมตกใจ แต่นายจักรพรรดิทำเพียงแค่ปรายตามามองผมก่อนจะหันไปมองโป๊ยกั๊กตามเดิม

   “คนของผม น่าจะบอกคุณแล้ว ว่ายังไม่ถึงเวลาเลิกงานของเขา”

   “ใช่ แต่ผมก็บอกแล้วเหมือนกัน ว่าผมไม่ยอมให้พี่ชายมาทำงานที่ร้านนี้” โป๊ยกั๊กยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมให้ผมทำงานต่อ

   “คุณไม่ได้บอกคนที่บ้านหรือไงว่าทำงานที่นี่”

   “หา?”

   เล่นเอาพูดไม่ออก ทั้งที่เขาก็ไปกับผมตอนถูกพ่อจับได้ แล้วไหงมาทำตัวเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ล่ะ คิดจะทำอะไรของเขากันแน่

   “ว่ายังไง ไม่ได้บอกเหรอ” น้ำเสียงดุกว่าครั้งไหนจนผมแปลกใจ แต่ก็ยอมตามน้ำไป

   “บอกนะ”

   “บอกว่ายังไง”

   “ก็บอกว่าทำงานที่บริษัทเอเจนซี่” พูดเสร็จผมก็ยกมือเกาศีรษะตัวเอง รู้สึกมึนงงแบบเดาอารมณ์ไม่ถูกด้วย ตอนนี้นายจักรพรรดิปั้นหน้าดุ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม

   “ก็เพราะแบบนี้ไง ทุกคนเลยไม่ได้สงสัยอะไร ใครจะไปคิดว่ากระวานจะมาทำอาบอบนวดทั้งที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ” โป๊ยกั๊กชี้ที่หูตัวเองอย่างที่พ่อผมเคยผม “เขาไม่ควรมาอยู่ในที่แบบนี้ ไม่งั้นเขาจะไม่สบาย”

   “ไม่ๆ โป๊ยกั๊ก ตอนนี้ฉันสบายดี” ผมขัดขึ้น พลางหันไปมองหน้านายจักรพรรดิที่ตอนนี้คงเริ่มสงสัยจริงๆ เรื่องปัญหาของหูของผม ทั้งพ่อและโป๊ยกั๊กต่างก็พากันบอกว่าผมมีปัญหาเกี่ยวกับหู แต่เขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนจะพูดต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องทำงานที่นี่

   “ผมจะยอมให้คุณพาพี่ชายกลับบ้านก็ได้นะ ถ้าคุณยอมชดใช้หนี้ที่พี่คุณก่อ”

   “หนี้? หนี้อะไร”

   “แหวนมูลค่าสิบล้าน”

   “ก็แค่แหวน หา? สิบล้าน!” โป๊ยกั๊กตกใจแทบหงายหลัง ตาโตก็ยิ่งเบิกให้โตมากขึ้น ก่อนจะหันมาโวยวายใส่แถมกล่าวหาว่าผมไปขโมยแหวนอีก พี่แกไม่ได้ขี้ขโมยนะเว้ย ดูท่าโป๊ยกั๊กจะไม่ค่อยเชื่อ แต่มันคือความจริงยืนยันได้จากท่าทางของผมที่นั่งคอตกอยู่

       กว่าสติของน้องผมจะกลับมาก็ตอนที่เพื่อนมันสะกิดบอกให้รับโทรศัพท์ เดาจากเสียงที่เล็ดลอดออกมาคงจะเป็นพี่ไธม์ นี่คงจะมีใครโทรบอกพี่ไธม์ล่ะสิ ถึงได้โทรมาตามให้โป๊ยกั๊กกลับ จากตอนแรกที่ค้านหัวชนฝาจะพาผมกลับด้วย พอเจอพี่ไธม์เสียงนิ่งใส่เลยต้องยอมกลับก่อน ก็ไม่ได้โล่งใจมากหรอกที่โป๊ยกั๊กกลับไป เพราะปัญหาใหญ่คือพี่ไธม์ต่างหาก ไม่รู้จะทำยังไงกับผม


   เครียดคูณสอง คูณสามอีกแล้ว



   “ทำไมทำหน้าตลก” น้ำเสียงเจือขำดังขึ้น ผมรีบตวัดสายตามอง เมื่อกี้ทำดุดัน ตอนนี้อ่อนลง

   “บอสกำลังทำอะไร” ถามออกไปตรงๆ คนตรงหน้ายักไหล่พลางยิ้มมุมปาก

   “ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่บอกความจริง” ผมนั่งนิ่ง ไม่ได้สนใจว่านายจักรพรรดิจะลุกจากโต๊ะแล้วเดินมาหาผม มือใหญ่ตบที่บ่าผมเบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน”

   “บอสก็พูดได้สิ” เพราะคนที่เจอปัญหาคือผมไงเล่า

   “ขนาดพ่อนายฉันยังเจอมาแล้ว น้องชายที่ว่าดุก็ยังไม่เห็นเป็นอะไร พี่ชายนายก็คงไม่ฆ่าฉันทิ้งหรอกมั้ง”

   “ไม่ตลกนะบอส” เสียงเข้มใส่คนที่ทำเป็นเรื่องตลก “ผมเครียดจนไมเกรนจะขึ้นแล้วเนี่ย” พูดไม่ทันจบก็มีความอุ่นวาบสัมผัสที่กลางศีรษะ ไม่ใช่มือ แต่เป็นริมฝีปาก

   “สระผมบ้างนะ”

   “บอส”

   ทำไมชอบทำเป็นเรื่องตลกทุกเรื่องเลยวะ ว่าแต่ ผมเหม็นจริงๆ เหรอ เพิ่งสระเมื่อสองวันที่แล้วเองนะ

   “ฉันไม่ชอบเห็นนายเครียดเลย ยิ้มหน่อยสิ” ว่าแล้วแก้มผมก็ถูกมือดึงให้ยืด พอทำเองก็ขำเอง ส่วนผมได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ

   ก่อนที่แก้มผมจะถูกยืดจนย้วย ประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะ เจ๊พิมพ์ทำหน้าบูดบึ้งเข้ามาพลางสะดุ้งเมื่อเห็นแก้มผมอยู่ในมือของนายจักรพรรดิ

   “พิมพ์เข้ามาขัดจังหวะใช่ไหมคะ” ผมรีบส่ายหน้าทันที แต่กลับมีมือใหญ่จับให้นิ่งแล้วบังคับให้พยักหน้า คราวนี้คนมาใหม่ถึงกับหัวเราะ “บอสทำอย่างกับกระวานเป็นตุ๊กตาหมีเลยนะคะ”

   ก็ยังดีที่เจ๊แกไม่พูดตุ๊กตายางแบบในความคิดที่ลอยมาเข้าหู

   “มีอะไร” แล้วคนทำเป็นเล่นก็ลุกกลับไปนั่งประจำที่ ส่วนผมขยับตัวลุกขึ้น จะออกจากห้องก็ไม่ได้ ในเมื่อถูกชี้นิ้วบังคับให้ไปนั่งรอที่โซฟา

   “ก็เรื่องคนตึกสองขาด” ว่าแล้วเจ๊พิมพ์ก็วางแฟ้มเล่มบางลงบนโต๊ะ ด้วยความอยากรู้ผมก็แอบชะโงกดูแต่ก็ไม่เห็นอะไร เลยจับสังเกตสีหน้าและคำพูดแทน “พิมพ์คิดว่าจะหาคนใหม่”

   “เอาตามที่คุณว่า แต่คัดดีๆ หน่อย ผมกลัวนกรู้จะเข้ามา” เสียงเข้มที่ดูเป็นคนละคนกับที่คุยกับผม นัยน์ตาดุดันกับท่าทางดูมีอำนาจอย่างกับวันที่ผมเคยหลงเข้าห้องคราวนั้น

   “ส่วนเรื่องของหอม...” พอได้ยินชื่อของคนรู้จักออกจากปากเจ๊พิมพ์ หูผมก็ผึ่งทันที “บอสจะว่ายังไงคะ”

   “กฎของคลับเราก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว”

   “ค่ะ”

   แฟ้มที่วางถูกเซ็นต์เสร็จ เจ๊พิมพ์ก็เดินยิ้มออกไป ผมคิดจะตามออกไปด้วยก็ถูกชี้นิ้วสั่งอีกรอบ

   “ผมจะไปทำงาน”

   “ปวดไหล่ มานวดให้หน่อย”

   “นวดไม่เป็น”

   “ก็หัดไว้”

   ลังเลว่าจะเดินออกไปเลยหรือเดินเข้าไปหาดี สุดท้ายก็เลือกอย่างที่สอง ผมทอดน่องเข้าไปหาแบบช้าๆ จนไปยืนอยู่ด้านหลัง พอยื่นมือออกไปกลับถูกมือใหญ่กว่ายึดที่ข้อมือ ชั่วพริบตาตัวผมก็ลอยหวือขึ้นมานั่งบนตัก ด้วยความตกใจเลยไม่มีการดิ้นรนใดๆ นอกจากเบิกตาโตจนแทบถลนออกจากเบ้า

   “บอสทำอะไร” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ ก็ถูกรัดเอวด้วยแขนสองข้าง แถมหน้าเข้มเมื่อกี้ยังแนบชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจเป่ารดแก้ม

   “แค่อยากรู้ว่าหนักหรือเปล่า” ผมคงอยากจะเชื่อหากไม่ได้ยินความคิดที่ลอยเข้ามา “ทำหน้าแบบนี้ รู้เหรอว่าฉันคิดอะไร” ผมพยายามตีเนียนแกล้งไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็หยุดคิ้วของตัวเองไม่ให้ขมวดไม่ได้ ก็ในเมื่อความคิดมันเด่นชัดขนาดนี้ “ชักอยากรู้แล้วสิ ปัญหาที่หูของนายคืออะไร”

   “ก็...ไม่มีอะไรนี่ครับ”

   “แต่นายทำเหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร”

   “คิดอะไร? บอสคิดอะไรผมจะไปรู้ได้ยังไง”

   นั่นสิ ใครจะไปรู้ ว่านายจักรพรรดิกำลังคิดจะจูบผม

   “ไม่รู้จริงเหรอ” รีบพยักหน้ายืนยัน “งั้นเหรอ”

   “บอส...” เรียกเสียงอ่อย เพราะตอนนี้สิ่งที่เข้ามากระทบโสตประสาท มันมีแต่เรื่องผมทั้งนั้น “หยุดคิดเถอะนะ ผมขอร้อง” ถ้ายกมือไหว้ได้ผมทำไปแล้ว ก่อนคนคิดหื่นๆ กับร่างกายผมจะหยุดทุกอย่าง รวมทั้งมือที่กำลังขยำก้นผมอยู่

   “นาย...”

   นายจักรพรรดิพูดยังไม่ถึงคำ ประตูห้องก็เปิดอีกรอบ คราวนี้เป็นดีนที่เข้ามาได้ถูกจังหวะ ผมรีบเด้งตัวเองให้ลงจากตักพลางสับขาออกจากห้องอย่างไว อายมากบอกเลย เห็นสีหน้าดีนเมื่อกี้แล้วก็แทบอยากมุดลงดิน ไม่รู้คิดไปถึงไหนต่อไหน


   ออกจากห้องมาผมก็กลับลงไปทำงานใหม่ แม้ห้องด้านล่างจะมีอีกร้อยความคิดที่แล่นเข้ามาให้ได้ยิน แต่ก็ไม่มีเสียงไหนที่ก้องสะท้อนอยู่ภายในสมองได้เท่ากับเสียงทุ้มของนายจักรพรรดิ แม้ผมพยายามสะบัดหัวเพื่อให้ความคิดหลุดออกไป แต่มันกลับยิ่งสะท้อนดังกว่าเดิม หูฟังที่เป็นตัวช่วยกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย


   นี่หูผมกำลังจะเพี้ยนใช่ไหมเนี่ย ทำไมได้ยินแค่เสียงเดียว





*****
   
   จากวันที่นั้นผมก็ไม่ได้เจอหน้าดีนอีก ก็รู้สึกดีอยู่หรอก เพราะขืนเจอก็ไม่รู้จะต้องทำสีหน้ายังไง แต่ที่มันแปลกกว่านั้น เจ้านายของดีนผมก็ไม่เจอ ปกติต้องเห็นเขาเข้าคลับมาทุกวัน แต่นี่สามวันแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงา

   “เจ๊ ช่วงนี้ทำไม...”

   “จะถามหาบอสล่ะสิ” โดนคนรู้ทันแย่งพูด ผมแกล้งทำเป็นหงุดหงิดเมื่อถูกยิ้มล้อ “พอดีวันก่อน ดีนจับนกรู้ได้”

   “นกรู้? หน้าตามันเป็นยังไงเหรอเจ๊” อยากรู้ว่ามันมีขนสีอะไร จะสวยเหมือนนกแก้วไหม

   “หน้าตาก็เหมือนคนนี่ล่ะ” คำตอบที่ทำเอาผมต้องกระพริบตาถี่ด้วยความสงสัย “นกรู้ก็คือสายของคลับอื่นน่ะ” ร้องอ๋อออกมาเมื่อคำอธิบายชัดเจนพอ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมีชื่อหนึ่งลอยเข้ามาในความคิด

   “แล้วหอมเกี่ยวอะไร”

   “หอมอะไร?”

   “ก็วันนั้นผมได้ยินเจ๊พูดชื่อหอมในห้องบอส”

   “ใส่ใจเก่งนะเรา”

   “เจ๊ ผมจริงจัง”

   “โอ๊ย ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ก็แค่...บอส”

   “หา? บอสอะไร”

   ตอนแรกก็งง อยู่ๆ เจ๊พิมพ์ก็เรียกชื่อนายจักรพรรดิ แต่พอหันกลับไปมองด้านหลังก็เจอคนที่ผมบ่นหาในความคิด ที่ตอนนี้มายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง สีหน้าเรียบเฉยเช่นแต่ก่อนมักจะได้เห็นตอนอยู่กับพนักงาน

   “เรียบร้อยแล้วเหรอคะ” เจ๊พิมพ์รีบปรี่เข้าไปหาพร้อมทั้งถามในเรื่องที่ผมก็ไม่รู้ ยิ่งพอได้การพยักหน้าตอบกลับ รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นทันที “โชคดีนะคะเนี่ยที่ไหวตัวทัน แบบนี้บอสต้องให้โบนัสพิมพ์กับดีนเยอะกว่าคนอื่นนะคะ”

   “ปกติคุณกับดีนก็ได้เยอะอยู่แล้วนี่”

   “บอสก็”

   ผมยืนดูเจ้านายลูกน้องคุยกันแบบเงียบๆ ไม่ใช่ไม่อยากพูดอะไร แต่เพราะกำลังระงับความโมโหของตัวเองที่ก็ไม่รู้ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร พอสายตาคมเลื่อนมามองผม แทบจะทันทีที่ผมเดินหนี นี่ก็ไม่รู้เพราะอะไร ผมกำลังพยายามหาเหตุผลให้กับอารมณ์ตัวเองในตอนนี้อยู่

   โกรธ?

   โมโห?

   น้อยใจ?

   ผมแทบไม่รู้เลยว่าที่เป็นอยู่มันคืออันไหน จะว่าโกรธมันก็ไม่ใช่ โมโหที่เขาหายไปไม่บอก ก็อาจมีส่วน...แต่บทสุดท้ายคงจะเป็นอย่างหลังสุด

   เพราะแบบนี้ ผมถึงไม่อยากเริ่มต้นความรู้สึกกับใคร หากเลือกได้ ผมก็ขออยู่ให้ห่างซะดีกว่า

   “กระวาน” เสียงเรียกจากด้านหลังที่ไม่ทำให้ผมหยุดเดิน “หยุดคุยกันก่อน”

   ผมจ้ำอ้าวออกมาด้านหลังจนมาโผล่ที่สวนข้างทางเชื่อมตึก ก่อนจะหยุดนิ่งพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอดเยอะๆ เพื่อจะทำให้สมองโล่ง จนได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตามมาหยุดอยู่ด้านหลัง ผมเลือกที่จะหันไปหา

   “บอส!”

   คิดจะหันไปหาเรื่อง แต่กลับต้องตกใจเมื่อร่างใหญ่ทรุดตัวลงที่พื้นจนผมพุ่งเข้าไปพยุงแทบไม่ทัน ผมพยายามจับไปทั่วตัวกลัวว่าจะถูกยิงเหมือนคราวที่แล้ว แต่ก็ไม่มีส่วนไหนที่มีเลือด หรือจะถูกซ้อม?

   “เป็นห่วงฉันมากไหม” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถาม ผมก็รีบพยักหน้า ตอนนี้ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะพาเขาไปโรงพยาบาลยังไง “ดีใจจัง”

   “อย่าเพิ่งพูดได้ไหม บอสโดนยิงมาเหรอ หรือโดนซ้อม” เพราะอุณหภูมิร่างกายที่สัมผัสไม่มีความร้อนพุ่งสูง ดังนั้นตัดเรื่องการป่วยออกไปก็จะเหลือแค่พวกนี้ “ไปโรงพยาบาลกัน” พยายามจะพยุงให้ตัวเองและคนในอ้อมแขนลุก แต่ดูคนเจ็บจะไม่ให้ความร่วมมือ "บอส ลุกสิ ไปโรงพยาบาลกัน”

   “หิว”

   “หา?”

   “ไม่ได้เจ็บ แค่หิว”

   หมดกัน ความห่วงที่ยอมรับออกไป ผมผลักคนในอ้อมแขนออกแล้วจะเดินหนี แต่ข้อมือก็ถูกฉุดให้ลงมานั่งใหม่อีกรอบ

   “บอสเห็นผมเป็นตัวตลกเหรอ”

   “ไม่ได้เห็นเป็นตัวตลก แต่เป็นคนที่...”

   ไม่รู้หรอกว่าคำพูดสุดท้ายจะพูดว่าอะไร เพราะผมรีบยกมือขึ้นปิดปากแดงเอาไว้ซะก่อน ตอนนี้ผมยังไม่อยากได้ยินเพิ่มความสับสน

   “บอสหิวไม่ใช่เหรอ ไปกินข้าวสิ” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีจนถูกขำ

   “ไปกินด้วยกันสิ ฉันซื้อของโปรดนายมาด้วยนะ”

   “รู้ได้ไงว่าผมชอบกินอะไร”

   “ถามพ่อนายมา”

   “บอส!”

   ตกใจยิ่งกว่าเห็นคนล้มเมื่อกี้เสียอีก นี่บอสไปแอบคุยกับพ่อผมมาเหรอเนี่ย

   “ปะ ไปกินกัน”

   “กินข้าว ไม่ใช่กินกัน”

   “ฉันก็หมายถึงข้าวไง” ตอบพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “อ่อ ลืมไป นายได้ยินความคิดฉันนี่ น่าสนใจดีนะ เล่าให้ฟังบ้างสิ”

   “เล่าอะไร”

   “เรื่องของกระวาน...ทุกเรื่อง”

   “มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก บอสอย่าสนเลย”

   “สนสิ ต้องสน เพราะฉันอยากรู้เรื่องของคนที่...”

   เสียงกระซิบแผ่วเบาชิดใบหู คำบางเบาแต่มันกลับดังอย่างชัดเจน ผมรีบลุกหนีเข้าตึกไปดื้อๆ ไม่สนว่าคนข้างหลังจะทำหน้ายังไงหรือลุกตามมาไหม ขอแค่ตอนนี้ เวลานี้ ผมไม่พร้อมมองหน้าใคร

   เพราะคำว่า “ชอบ” คำเดียวแท้ๆ เลย



...TBC

ไม่ได้ตั้งใจหายค่าา คอมรวน ชอบปิดเอง ค้างเก่งมาก T^T

ขอบพระคุณทุกๆ คนที่ชื่นชอบและสนใจกระวานกับบอสค่าาา ปลื้มม

แล้วพบกันตอนหน้าค่าา

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว มาไว เคลมไว จบไว >w<

ปล. กระวานไม่ได้โง่นะคะ แค่แอบซื่อๆ คิดว่าเขาไม่รู้เรื่องปัญหาที่หูตัวเอง (ขำแห้ง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2018 20:53:39 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
โห่บอสไรอะ จีบแบบเนียนๆแค่แป๊บเดียวเองบอกชอบกระวานซะและ  :z1: :z1: :z1:  แต่สงสารโป๊ยกั๊กอะถึงกับคุกเข่าขอร้องน้องสาวเลยเหรอ  :laugh: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด