-15-
จากที่เจอคำว่าชอบแอคแทคไป ผมก็ไม่กล้าสู้หน้านายจักรพรรดิได้อีก เจอทีไรก็ต้องคอยหลบสายตาที่มองมา ไม่อยากจะเชื่อว่าในช่วงเวลาไม่นาน แต่มันกลับทำให้ความสัมผัสก้าวข้ามกระโดดออกนอกกำแพงไปไกล
“บอสไม่เข้าอีกแล้ว”
หลังจากส่งลูกค้าขึ้นชั้นบนเสร็จ เสียงบ่นก็ลอยเข้าหูมา คนบ่นกำลังนั่งตีหน้าเซ็งอยู่ที่เคาน์เตอร์กาแฟ ผมลองเดินเข้าไปหา เจ๊พิมพ์ก็ยิ้มบางๆ ส่งให้
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ หน้าเครียดเชียว”
“ก็บอสไม่เข้าอีกแล้ว”
“นั่นสิ ผมก็ไม่เห็นมาหลายวัน”
“นายไม่รู้เหรอ ว่าบอสไปไหน”
“เห็นบอสบอกว่า ต้องไปเคลียร์เรื่องอะไรบางอย่าง ผมก็ไม่รู้อะไรมาก”
“อย่าบอกว่าปัญหาเดิมๆ” ผมรีบหันไปมองเมื่อได้ยินประโยคที่น่าสนใจ แต่คนพูดทำเป็นเฉย แฟ้มตรงหน้าเจ๊พิมพ์ถูกเปิดช้าๆ โดยที่เจ้าตัวแทบไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ
“แฟ้มอะไรเหรอครับ” ถามเมื่อเห็นรูปถ่ายพร้อมใบประวัติ
“พวกพนักงานเดิมๆ น่ะ ทั้งหมอนวด โฮสต์ แล้วก็พนักงานต้อนรับลูกค้า” เจ๊พิมพ์บอกเรียบๆ มือก็ยังพลิกใบประวัติอยู่เรื่อยๆ ก่อนที่ผมจะสะดุดตาอยู่ที่รูปหนึ่งจนถึงขั้นยื่นมือไปคั้นไว้ “อะไร”
“ขอโทษครับ” รีบโค้งศีรษะเมื่อทำให้ตกใจ “ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ คล้ายว่าจะเจอคนรู้จัก”
“ตามสบาย”
ได้รับคำอนุญาต ผมก็รีบดึงแฟ้มมาดู แล้วใบประวัติกับรูปถ่ายที่ผมเห็นก็ทำเอาหัวผมหนักอึ้ง ตอนนี้ความรู้สึกมันบรรยายแทบไม่ถูก
“คนนี้...” ชี้ไปที่รูปด้านใน เจ๊พิมพ์ปรายตามองนิดเดียวก่อนจะยิ้มเหยียด
“ดาราน่ะ นายน่าจะเคยเห็นอยู่มั้ง”
“ทำไมเขามีใบประวัติที่นี่ละครับ”
ถามเสร็จ เจ๊พิมพ์ก็หันซ้ายทีขวาทีก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบชิดหูผม
“อย่าไปบอกใครนะ แม่เนี่ย เคยทำงานให้ที่นี่”
“ครับ?” ตกใจจนมือไม้สั่นไปหมด
“แต่ก็นานแล้วล่ะ ตั้งแต่นางยังเรียนมหาลัย ก็แบบนี้แหละนะ คนใช้เงินมือเติบ อยากได้ของแพงๆ เลยมาทำงาน” ประโยคยาวๆ ของเจ๊พิมพ์เหมือนถูกกรอกลับไปมาในหูของผม “ทำตัวเป็นคุณหนูไฮโซถือกระเป๋าใบเป็นล้าน เบื้องหลังไม่ได้สวยหรูสักนิด”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ ยังทำอยู่ไหม” ถามแบบตะกุกตะกัก เพราะยังอึ้งไม่หายเมื่อได้รู้ความจริง
“จับได้เสี่ยพันล้านก็ออกจากที่นี่ไป เห็นว่าเสี่ยปั้นให้เป็นดารา แต่ก็นะ เจ๊ได้ยินมาว่า นางกลับมาทำงานอีก แต่ไม่รู้ทำที่ไหน” ผมมองรูปของเพื่อนในมืออย่างเคร่งเครียด “ขออย่างเดียว อย่าไปทำที่คลับคู่แข่ง ไม่งั้น จบไม่สวยแน่”
“ทำไมเหรอครับ”
“คลับนั้นที่จริงก็เหมือนเรานี่แหละ แต่เด็กส่วนใหญ่จะถูกหักเงินเยอะ บางคนส่งออกด้วยนะ ทำเหมือนกับค้าผู้หญิงน่ะ ดีนเคยช่วยหมอนวดของที่นั่นก่อนจะถูกกระทืบตาย เจ๊เห็นแล้วก็สังเวชใจ”
ได้แต่ภาวนาให้จินนี่ไม่ไปทำงานที่นั่น
จังหวะที่กำลังจะถามต่อ โทรศัพท์เจ๊พิมพ์ก็ดังขัด ทันทีที่รับ เสียงสบถหยาบคายก็ดังอย่างต่อเนื่องจนผมตกใจ พอวางสายมือที่มีเล็บสีแดงสดก็เกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิงเสียทรง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามด้วยความเป็นห่วงปนอยากรู้นิดๆ เจ๊พิมพ์มองหน้าผมก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ติดๆ กัน “ปัญหาหนักเลยเหรอครับ”
“มาก” เน้นเสียงซะไม่กล้าถามต่อ จนเจ๊แกสบถออกมาเอง “ตึกนู้นคนขาด แล้วฉันจะหาคนที่ไหนไปแทนเนี่ย”
“คนขาดเหรอครับ” ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ “ให้ผมช่วยไหมครับ” แล้วผมก็ถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็ได้อยู่หรอก แต่ติดปัญหาน่ะสิ”
“ปัญหาอะไรเหรอครับ”
“ต้องถามบอสก่อน”
“ปกติผมก็เห็นเจ๊ดูแลพนักงานทุกอย่างนี่ครับ”
“มันก็ใช่ แต่นายมันกรณีพิเศษ”
โดนนิ้วจิ้มหน้าผากไปหลายจึก แล้วคนจิ้มก็ถอนหายใจออกมา
“ให้ผมช่วยเถอะ ที่นี่ก็ไม่น่ามีอะไรวุ่นวาย” อีกอย่างพนักงานที่นี่เขาจะได้ทำงานสะดวก มีผมอยู่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปหาลูกค้าที่มาใหม่ “ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
***
เสื้อกั๊กสีดำที่ผมใส่เป็นประจำถูกเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู เจ๊พิมพ์เดินนำผมไปอีกตึก ระหว่างทางก็บอกรายละเอียดแบบเร่งรีบให้ งานที่ผมต้องทำคือต้อนรับลูกค้าเหมือนเดิม เพียงแต่อีกตึกจะไม่มีห้องกระจก ตึกนั้นจะมีบรรยากาศคล้ายๆ ผับกึ่งเรสเทอรอง จะมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ หากเป็นช่วงเช้า จะเน้นอาหารจานหรู ส่วนผับจะเปิดในช่วงเย็น
ภาพตึกสองที่คิดไว้ในหัวค่อยๆ ถูกปรับเปลี่ยนเมื่อได้เข้ามาจริงๆ ทันทีที่ประตูเปิดห้อง ภาพห้องอาหารตามโรงแรมหรูต้องถูกปิดลง เพราะในห้องโถงนี้ ด้านขวาเต็มไปด้วยชุดโซฟาขนาดกลางวางเป็นระเบียบ ส่วนด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ มีแก้วไวน์หลายแบบห้อยหัวลงมา ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นตู้แอลกอฮอล์หลากหลายชนิด ทั้งเหล้า ไวน์ บรั่นดี และอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก
“อ่าวกระวาน” ช่วงที่ผมกำลังสอดสายตามองไปทั่วร้าน แขนผมถูกแตะพร้อมกับเสียงเรียกชื่อ “เจ๊หาคนได้หรือยัง”
“นี่ไง” คำว่านี่ไงของเจ๊พิมพ์มาพร้อมนิ้วชี้มาทางผม “ฝากด้วยนะหอม อ้อ เสิร์ฟอย่างเดียวนะ งดทอล์ก”
“ได้ครับ”
งดทอล์ก? จะไม่ให้ผมพูดกับใครเลยเหรอ แล้วแบบนี้จะรับออร์เดอร์ได้ไง มัวแต่สงสัยกว่าจะถาม เจ๊พิมพ์ก็เดินออกไปแล้ว ปล่อยผมยืนทำหน้างงข้างกับหอม
“พร้อมไหมกระวาน” หอมถามพร้อมรอยยิ้ม ผมก็พยักหน้าทั้งที่ยังมีสภาพไม่เต็มร้อย “หน้าที่ของกระวานนะ คือไปรับออร์เดอร์ที่โต๊ะลูกค้า แล้วก็...”
“แต่เมื่อกี้เจ๊บอกห้ามเราพูด งดทอล์ก” ปลายประโยคผมแกล้งออกแอคเซ็นสำเนียงฝรั่งจนหอมขำออกมา “แล้วแบบนี้เราจะคุยกับลูกค้าได้เหรอ”
“ที่บอกงดทอล์ก ไม่ใช่ให้งดพูด” หอมว่าพลางขำออกมามากกว่าเดิมจนผมหน้ามุ่ย “งดทอล์กของตึกนี้ คือไม่ให้นั่งคุยกับลูกค้าน่ะ”
“นั่งคุยกับลูกค้าเหรอ?” ผมเหลือบมองไปยังโต๊ะต่างๆ เห็นพนักงานเสื้อกั๊กชมพูหน้าตาจิ้มลิ้มคุยกับลูกค้าที่ใช้บริการอย่างออกรส “ก็แค่นั่งคุยเอง ทำไมถึงห้ามด้วย”
“ก็เพราะ...” หอมยังไม่ทันจะได้ตอบ ก็มีพนักงานมาสะกิดบอกลูกค้าเรียก และผมก็เห็นว่า คนที่เรียกหอม คือคนๆ เดียวกับลูกค้าวีไอพีตึกนู้น สงสัยจะชอบหอมจริงๆ ถึงกับตามมาเฝ้าขนาดนี้ “ขอโทษนะกระวาน”
“ไม่เป็นไร เราทำได้ สบาย” พูดอย่างมั่นใจ แม้จะแอบหวั่นๆ อยู่ก็เถอะ “จะรอดไหมวะกู”
“รับลูกค้าใหม่ด้วยครับ” เสียงตะโกนบอกจากพนักงานเปิดประตู ผมก็รีบปรี่เข้าไปหา “พนักงานใหม่ของเราครับ” คนหน้าประตูแนะนำก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้ผมพาลูกค้าเข้าไป
“เอ่อ เชิญครับ” เดินนำแบบเก้ๆ กังๆ “ไม่ทราบว่าจองไว้หรือเปล่าครับ” ถามแบบมั่วๆ เพราะไม่รู้ต้องพูดยังไง ลูกค้ารายนี้ดูจากหน้าตาแล้ว อายุคงไม่น่าเกิดสี่สิบ แต่งกายก็ดูภูมิฐานดี หน้าตาก็พอใช้ได้ เสียอยู่อย่างเดียว คิดเรื่องอย่างว่ามากไปหน่อย ผมก็พยายามยิ้มสู้ แม้สายตาของเขาจะมองไปที่อื่น “คุณลูกค้าสะดวกนั่งตรงนี้ไหมครับ”
“ตรงไหนก็ได้” เสียงตอบกลับมาฟังดูทุ้มและกังวานดี “ดาวเด่นของที่นี่ไม่อยู่เหรอ”
ดาวเด่นของที่นี่คือใครวะ
“ผมเพิ่งมา ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ตอบไปตามความจริง จนถูกสายตาตวัดมอง “สนใจรับอาหารอะไรดีครับ ที่นี่อร่อยทุกอย่าง”
“กำลังอ่านอยู่นี่ไง”
หน้าตึงเลยผม พยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ภายในแทบอยากกระโดดเตะขาคู่ ตอนนี้ความคิดของเขาค่อยๆ ลดความเข้มข้นลงเพราะกำลังเลือกอาหาร ก่อนที่บางอย่างจะผ่านเข้ามาทำให้ผมขมวดคิ้ว
“คุณลูกค้าเพิ่งมาครั้งแรกสินะครับ” ลองถามไป แล้วก็ได้คำตอบคือการพยักหน้า “แล้วรู้จักดาวเด่นของที่นี่ด้วยเหรอครับ”
“เพื่อนบอกมา ก็เลยอยากลองมาดู เอาสเต็กเนื้อนะ ขอสุกแบบพอดีๆ”
“ได้ครับ กรุณารอสักครู่”
เดินรับรายการไปที่เคาน์เตอร์บาร์ แต่จุดนั้นไม่รับรายการอาหาร ผมเลยต้องเดินเข้าไปด้านใน พอวางเสร็จก็ถอนหายใจออกมา มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ก็เหมือนผมทำงานที่ร้านนั่นแหละ แถมสบายกว่าตึกแรกอีกด้วย เพราะเสียงเพลงกลบเสียงความคิดไปเยอะ
“มาใหม่เหรอ” เสียงทักทำให้หันไปมอง พนักงานสวมเสื้อกั๊กสีชมพู หน้าตาสวยหวานคนละแบบกับหอม คนนี้ดูเฉี่ยวกว่าด้วยดวงตาที่เรียว “ต้องลดน้ำหนักหน่อยนะ เพราะที่นี่ เขาจะดูรูปร่างด้วย”
“เราก็ไม่ได้อ้วนนะ” นี่คือความมั่นใจอย่างหนึ่ง “แค่อวบ...ระยะเกือบสุดท้าย”
“นายนี่ตลกดี” พูดจบก็ขำออกมาเลย “เราจะแนะนำเคล็ดลับให้ เวลาพูดกับลูกค้าน่ะ ให้ยั่วทางสายตาให้มาก”
“ยั่วทางสายตาเหรอ?” ที่ถามก็เพราะความคิดในสมองของคนตรงหน้าไปไกลมากกว่านั้น
“ใช่ พอเขาหลงเสน่ห์ก็จะเทคเราเอง”
“เทค?”
“นี่นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ ตอนจะทำงานเจ๊พิมพ์ไม่บอกรายละเอียดงานให้ฟังเลยหรือไง” แล้วผมก็ถูกหงุดหงิดใส่ “จะบอกให้นะ ถึงแม้เราจะรับลูกค้าได้ แต่ก็ใช่จะเป็นงานง่าย เพราะการแข่งขันมันสูง อีกทั้งต้องสู้กับดาวเด่นของที่นี่ ที่เพียงแค่เดินผ่านลูกค้าที่นายคุยอยู่ก็อาจจะขอเปลี่ยน ซึ่งนั่น เงินที่นายควรได้ก็จะหายวับไปกับตา”
“ไม่เข้าใจ” ก็แค่นั่งคุยกับลูกค้าเอง ทำไมต้องแข่งขันกันด้วย ถ้าเราคุยไม่สนุก เขาอยากเปลี่ยน มันก็ต้องได้สิ เงินของเขานี่
“เอาเถอะ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวจะรู้เอง ขอให้นายได้ลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยคุยกับดาวเด่นแล้วกัน โชคดีนะ”
แล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับสเต็กปลาหอมๆ ผมพยายามย้อนคำพูดของเขาแต่ก็ยังฟังไม่เข้าใจเหมือนเดิม พอได้สเต็กเนื้อ ผมก็เลิกคิดแล้วเดินออกไปหาลูกค้า
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” จานสเต็กเนื้อสุกแบบพอดีถูกจัดวางอย่างสวยงาม ผมโค้งเพื่อจะเดินไปที่อื่นกลับถูกดันให้นั่งจากพนักงานที่เพิ่งเดินผ่าน หางตาเหลือบไปมองก็เห็นคนที่แนะนำผมเมื่อกี้นั่นแหละที่ใช้ก้นดันให้ผมนั่งโซฟา “เอ่อ ขอโทษครับ”
“ที่จริง...” พอขึ้นต้นประโยคมาแบบไม่ค่อยมั่นใจ จากที่ผมยันตัวลุกขึ้น ก็กลับลงไปนั่งใหม่ ลูกค้าตรงหน้าไม่ได้มองผม มือของเขากำลังหั่นเนื้อชิ้นพอดีคำอยู่ “ที่จริงผมเพิ่งแต่งงาน”
“ครับ”
“แต่ผมไม่รู้ว่า ภรรยาของผมเขาจะชอบไหม...”
“เรื่องบนเตียงน่ะเหรอครับ” ได้รับคำตอบคือการพยักหน้า “แล้วคุณลูกค้าได้ถามภรรยาไหมครับ”
“ไม่กล้าหรอก ผมเป็นพวกคนคิดมาก เพื่อนๆ ก็แนะนำคลิปโป้ให้ดู มันก็ดีอยู่นะครับ”
“อ่า ครับ” ลีลาเด็ดทีเดียว ท่าทางก็ใช้ได้อยู่ อยากพูดแบบนี้แต่ก็คงไม่เหมาะ ตอนนี้สิ่งที่ผมได้ยิน คงจะเป็นภาพวีดีโอที่เขาดูอยู่ “เรื่องแบบนี้ต้องคุยกันนะครับ จะได้ปรับตัวกันได้”
“ผมไม่กล้า”
“แล้วทำไมถึงมาที่นี่ละครับ อยากลองเฉยๆ หรืออยากรู้ด้วย”
“ผมอยากรู้ว่าลีลาผมใช้ได้แค่ไหน” แล้วลูกค้าตรงหน้าผมก็ขำออกมา “ถ้าเกิดใช้ได้ ภรรยาผมก็อาจคิดแบบนี้”
“ไม่หรอกนะผมว่า” ท้วงออกมาจนถูกจ้องมองอย่างสงสัย “ภรรยาของคุณกับคนที่คุณอยากลองเขาไม่เหมือนกัน และถ้าหากภรรยาของคุณรู้ว่าคุณทำแบบนี้ ผมว่า เรื่องมันอาจจะจบแบบไม่สวยงามด้วยนะ ไม่มีใครอยากถูกนอกใจเพียงเพราะข้ออ้างว่าอยากลอง” พูดตามความคิด หากเป็นผมถูกคนรักทำแบบนี้ ผมคงไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วย
“นี่คุณไม่คิดจะโน้มน้าวผมเลยเหรอ” ลูกค้าคนตรงหน้าถามพร้อมรอยยิ้ม
“โน้มน้าวยังไง ผมก็พูดตามความจริง เป็นคุณเถอะ ภรรยาคุณอยากลองบ้าง จะคิดยังไง จะยิ้มแล้วบอกขอบคุณที่ไปลอง แบบนั้นเหรอ”
“คุณนี่ตลกดี”
“ผมไม่ได้พูดให้ขำเลยนะ ผมกำลังจริงจัง” ปั้นหน้าเข้มจนโดนหัวเราะชุดใหญ่ “ว่าแต่ ภรรยาของคุณเป็นผู้ชายสินะครับ”
“คุณรู้ได้ยังไง” อยากตอบว่า เพราะได้ยินก็คงไม่ใช่ ผมเลยเลือกที่จะยิ้มแทน “ใช่ครับ เขาเป็นคนที่น่ารักมาก เราคบกันมานาน จนผมมั่นใจว่าอยากอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต”
“คนรักคุณโชคดีจัง”
“นั่นสิครับ”
แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมา ความรัก ไม่มีแบ่งเพศหรืออายุ ขอแค่เรามีความสุขโดนไม่ไปเบียดเบียนใคร ผมว่า มันก็สุขใจสุดๆ แล้ว
“เรื่องพวกนี้ ผมว่า ลองคุยกันจะดีที่สุด ไม่แน่ คนรักของคุณอาจจะชอบลีลาของคุณก็ได้” นี่ถ้าผมได้เจอภรรยาเขาละก็ อาจจะบอกได้นะ ว่าชอบหรือไม่ชอบ “สู้ๆ นะครับ” ที่น่าตกใจคือ เขาคบกันมาแบบไม่เคยมีอะไรกันเลยเหรอ หายากมากจริงๆ เพราะส่วนใหญ่ เจอปุ๊บ สปาร์คปั๊บ ลากไปขยี้เลย
“นี่ถ้าไม่ติดว่าผมไม่อยากนอกคนรักแล้วละก็ ผมจะเทคคุณเลย” แอบคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยินคำว่าเทค ไม่รู้หรอกว่ามันหมายถึงอะไร แต่คิ้วขวามันกระตุกยิกๆ “ไม่คิดว่าจะเจอคนที่คุยสนุก สมแล้วที่เพื่อนผมแนะนำ ว่าที่นี่พนักงานคุยสนุก”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ” จะไม่รับเดี๋ยวก็หาว่าหยิ่ง ผมยืดตัวนั่งหลังตรงจนถูกขำ
“ที่นี่มีนวดกดเส้นด้วยใช่ไหมครับ” คำถามที่ผมก็ไม่รู้คำตอบ ถ้าเป็นตึกนั่นก็ใช่ หรือผมจะแนะนำไปอีกตึกดี “ราคาอยู่ที่ฝีมือซะด้วย” มัวแต่ลังเล เห็นอีกทีในมือเขามีการ์ดใบเล็กที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาค่าใช้บริการต่างๆ “ถ้าผมจะให้คุณนวด”
“ผมนวดไม่เป็น”
“อ่าว” พนักงานตึกนี้ต้องนวดเป็นด้วยเหรอ “ก็เพื่อนผมบอก พนักงานที่นี่นวดเก่งทุกคน”
“ตึกด้านหน้าหรือเปล่าครับ”
“ตึกนี่แหละครับ”
แล้วการ์ดใบเล็กก็ถูกยื่นมา บนการ์ดมีรายละเอียดเรทราคาต่างๆ ทั้งการทอล์ก เทค หรือนวด ผมคิ้วมองอ่านอย่างไม่เข้าใจ พอดีกับมีพนักงานตึกนี้เดินมา ผมเลยรีบคว้าเข้าไว้ พลางให้อธิบายให้ฟัง ซึ่ง พนักงานตึกนี้ก็ต้องเทรนการนวดเหมือนหมอนวดตึกแรก ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อน ก็แน่ละ ถ้ารู้ก็แปลกแล้ว
“ผมก็อยากนวดนะ แต่นวดไม่เป็น”
“นวดไม่เป็นก็ไม่ต้องนวด”
เสียงลูกค้าทำไมฟังดูแข้งกระด้าง แถมปากยังไม่ขยับอีก หรือมันจะมาจากความคิด นี่ผมอ่านความคิดอย่างอื่นนอกจากเรื่องบนเตียงได้แล้วเหรอ
“ไว้ผมจะฝึกนวดนะครับ” พูดพร้อมรอยยิ้ม ก็ราคาเรทบนการ์ด ขนาดขั้นต่ำยังชั่วโมงละหลายพัน “ไว้คราวหน้าผมจะลองนวดให้นะครับ ผมจะทำให้สุดฝีมือเลย รับรองถูกเส้นเน้นๆ”
“เก่งจังนะ ชักอยากลองซะแล้วสิ”
“ก็ต้องรอผม...เชี่ย”
ท้ายประโยคนั่นเป็นคำสบถที่แสนเบา เมื่อคนอยากลองกลับไม่ใช่ลูกค้าตรงหน้า แต่เป็นคนด้านหลังที่ยืนจังก้าปั้นหน้าดุเหมือนยักษ์ นายจักรพรรดิยืนล้วงกระเป๋ากางเกงทำคิ้วขมวดจ้องผมตาไม่กระพริบ แม้พนักงานคนอื่นๆ จะรีบเข้ามายกมือไหว้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหันไปมอง
มิน่าล่ะ ลูกค้าไม่อ้าปากพูด ไอ้เราก็คิดว่าฟังความคิดอื่นได้ซะอีก ดีใจเก้อเลย
“อ่าว บอส ไม่เจอซะนานเลย” พอถูกจ้องมากๆ ก็พูดไม่ออก เลยทักทายมันซะเลย คนถูกทักไม่ขำ ไม่แม้แต่เผยอรอยยิ้มออกมา ผมเลยหันกลับมาสนใจลูกค้าแทน “คุณลูกค้า เอ่อ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีคนของผมเขาติดธุระ เดี๋ยวจะให้คนอื่นมานั่งทอล์กแทน” คิ้วกระตุกถี่ๆ ตรงคำว่าคนของผมที่เน้นหนักแน่นทุกคำ นายจักรพรรดิกระดิกนิ้วเรียกดีนให้เข้ามาหาพลางกระซิบกระซาบ พอดีนรับคำก็เดินหายเข้าไปด้านใน “รอสักครู่นะครับ”
ที่บอกให้รอคงจะหมายถึงลูกค้าสินะ แต่ไม่ใช่ผม เพราะผมถูกดึงออกมาจากตึกแล้ว แรงที่ฉุดเกือบทำให้ขาผมลอยจากพื้น เผลอๆ คิดว่าลอยอยู่ด้วยซ้ำ
“บอสจะพาผมไปไหนเนี่ย ช้าๆ หน่อย” ลากอย่างกับผมเป็นวัวเป็นควาย แถมไม่พูดไม่จา “บอส เดี๋ยว” พยายามรั้วตัวเองไว้แต่ก็ไม่ไหว พอเข้าตึกแรกมา เห็นเจ๊พิมพ์ยืนหันรีหันขวางทำหน้าตื่นตระหนกแปลกๆ
“บอสคะ” พอเห็นผมมากับนายจักรพรรดิ เจ๊แกก็ปรี่เข้ามาหา ใบหน้าที่เคยประโคมเครื่องสำอางจนหนา ตอนนี้ซีดอย่างเห็นได้ชัด “คือพิมพ์อธิบายได้นะคะ”
“ขึ้นไปคุยข้างบน” คำสั่งเฉียบขาดพร้อมแรงดึงผมเข้าลิฟต์ แอบได้ยินเสียงโอดครวญของคนถูกสั่งว่าตายแน่แล้วด้วย ไม่รู้คนที่ตายจะเป็นเจ๊พิมพ์หรือผมกันแน่ กระดูกข้อมือผมจะแหลกคามือนายจักรพรรดิอยู่แล้ว
***
ภายในห้องที่แอร์เย็นเฉียบ แต่คงไม่ทำให้ขนลุกเท่ากับสีหน้าและแววตาของคนที่นั่งหลังโต๊ะได้ ผมยืนอยู่ข้างเจ๊พิมพ์ที่เอาแต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนประตูห้องจะเปิดพร้อมกับดีนเดินเข้ามา
“เรียบร้อยแล้วครับ” ดีนรายงาน ขายาวก้าวเข้ามาหาผม “นี่ค่าทอล์กที่ลูกค้าคนนั้นให้มาครับ”
“ให้ผมเหรอ” ถามกลับอย่างงงๆ แบงค์สีเทาในมือคาดว่าน่าจะเกิดห้าใบถูกยื่นมาตรงหน้า พอจะยื่นมือไปรับ กลับถูกคำสั่งให้เอาไปให้เฉย “บอส นั่นมันเงินผม”
“ใครให้นายไปทำงานที่นั่นฮะ!” เสียงตะคอกดังลั่นจนพากันสะดุ้ง “ผมสั่งคุณแล้วว่าถ้าจะให้กระวานทำอะไร ต้องรายงานผมก่อน คำสั่งของผมมันไม่เข้าหัวคุณเลยเหรอ”
“พิมพ์ขอโทษค่ะบอส”
“แล้วงานที่ตึกนั่น ผมสั่งให้คุณรับสมัครคนใหม่ แล้วทำไมยังเอากระวานไปทำ หรือคุณอยากให้ผมรับคนใหม่มาทำแทนคุณ”
“บอสคะ พิมพ์ขอโทษ คนใหม่ที่พิมพ์รับมา กำลังเทรนนวดอยู่เลยยังไม่พร้อมทำงาน แล้วพนักงานตึกสองก็ขาด พิมพ์ก็เลย...”
“คุณก็เลยเอาคนของผมไปทำแทน แบบนั้นใช่ไหม!”
เสียงตบโต๊ะที่ดังสนั่นสร้างความตกใจให้ผมจนแทบล้มทั้งยืน นี่นายจักรพรรดิโมโหอะไรถึงมาลงกับลูกน้องเนี่ย แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย
“ผมขอไปทำเอง บอสด่าผมสิ ไปด่าเจ๊พิมพ์ทำไม” พูดแทรกออกไปเมื่อคนข้างๆ ผมเริ่มร้องไห้ “อีกอย่าง ผมเป็นพนักงาน จะไปทำงานตึกไหน บอสก็ไม่เห็นต้องโกรธอะไรขนาดนี้ หรือที่นี่มีกฎห้ามพนักงานทำงานสองตึกเหรอ” เริ่มโมโหหน่อยๆ ผมไม่ชอบคนไม่มีเหตุผลเลยให้ตาย เหมือนตอนเป็นผู้จัดการจินนี่ ผมก็โคตรเบื่อ
“คนอื่นใช่ แต่นายไม่ใช่”
“ที่จริง ถ้าผมทำสองตึก อาจได้เงินเยอะกว่าเดิม บอสจะได้หักเงินเยอะขึ้น หนี้ผมก็หมดไว”
“อยากไปจากที่นี่มากเลยเหรอ” เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบให้ ผมเม้มริมฝีปากไม่สบตาที่จ้องมา “ออกไปให้หมด” สั่งเสร็จก็หมุนเก้าอี้หันไปด้านหลังทันที
ผมประคองเจ๊พิมพ์ที่ร้องไห้ออกจากห้อง แต่ดีนกลับจับต้นแขนผมไว้ พลางประคองคนร้องไห้ไปแทน แล้วผมจะทำไงล่ะ เพราะเสียงกระซิบจากดีนมันทำให้ผมลังเล ระหว่างเดินหนี กับเดินกลับเข้าไป แต่มือก็ผลักเข้าไปก่อนที่สมองจะตัดสินใจ ผมมองคนที่นั่งหันหลังให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนประโยคของดีนจะวนซ้ำขึ้นมาอีกรอบ
“บอสเหนื่อยเหรอ” ถามพร้อมหย่อนก้นนั่งบนตัก ไม่รู้เอาความบ้าบิ่นนี้มาจากไหน แต่ก็อยากลองทำดู ผลที่ได้คือหน้าผากหนักๆ วางลงบนบ่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ครับ” พอได้คำตอบกลับเสียงปกติ ใจผมก็ชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อกี้สารภาพเลยว่าผมทั้งกลัว ทั้งตกใจ ก็เคยเห็นอยู่หรอกตอนนายจักรพรรดิโมโห แต่ไม่เคยเห็นแบบรุนแรงขนาดเมื่อกี้ “เหนื่อยมาก”
“เหนื่อยแล้วทำไมไม่ไปพัก มาทำงานทำไม” ดูเหมือนคนถูกถามจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ เมื่อสิ่งที่เขาสนใจดูจะเป็นซอกคอผมมากกว่า เอาซะขนลุก “บอส ไม่เอา” ยกมือดันหน้าหล่อๆ ให้ออกห่าง แถมตอนนี้ผมก็ลงจากตักไม่ได้ด้วย เพราะมือที่รัดเอวไม่ยอมปล่อย
“ฉันอยากจูบนาย” ไม่รู้เป็นคำขอหรือคำบอกเล่าเฉยๆ แต่มันก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมา
“ไม่ใช่อยากมากกว่าจูบเหรอ” พูดตามความคิดที่ได้ยิน คนอยากจูบถึงกับขำ “บอสก็รู้ ว่าผมได้ยินเสียงความคิดหื่นๆ น่ะ” เดาได้จากการชอบแกล้งคิดเรื่องลามกกับผม
“ก็มันอดคิดไม่ได้จริงๆ หรือจะให้พูดออกมา กระวานว่าดีไหม อย่างเช่น ฉันอยากปล้ำนายซะตอนนี้ ตรงโต๊ะนี้ แบบนี้ดีไหม”
“ไม่ดี”
ส่ายหัว ส่ายหน้าเป็นพัลวัน แต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนไม่เห็น เพราะตอนนี้ปากของผม กำลังถูกรุกเร้าจูบอย่างหนักหน่วง แทบไม่เว้นวรรคให้หายใจ ร่างกายที่ว่าอวบอ้วนถูกยกลอยขึ้นจากตักมาวางบนโต๊ะทำงานที่เจ้าของห้องกวาดแฟ้มลงพื้นอย่างไม่ใยดี มือสองข้างของผมถูกดึงให้ขึ้นไปเกาะที่บ่ากว้าง ความนึกคิดตอนนี้กำลังต่อต้านกับความต้องการของร่างกาย แม้อยากหยุด แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ตอบสนอง
ลิ้นร้อนรุกไล่เข้ามาในโพรงปากของผม กวาดต้อนจนผมแพ้กระจุย จากที่คิดว่าตัวเองก็น่าจะจูบเก่ง พอเจอของจริงถึงกับไปไม่เป็น ความเย็นของแอร์กระทบกับหน้าอกที่สาบเสื้อถูกเปิดออก นี่ผมถูกปลดกระดุมตอนไหนวะเนี่ย ลิ้นร้อนไล่เล็มตามริมฝีปาก ไล้ลงตามซอกคอจนมาถึงหน้าอก ทางผ่านที่เปียกชื้นจากน้ำลายสร้างความยะเยือกสลับกับเร้าร้อนที่ยังเกิดอย่างต่อเนื่อง
หน้าอกที่แบนราบของตัวเองถูกดูดคลึงจนสับสนไปหมด ความรู้สึกแปลกที่ไม่เคยเกิดกำลังประดังประเดเข้ามา แต่สิ่งที่เด่นชัดมากที่สุดคือความต้องการ ยิ่งหลังแนบไปกลับโต๊ะพร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาแนบชิด บ่งบอกได้ดีว่าอีกคนก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“กระวาน” ลมจากปากแผ่วเบากระทบกับสะดือทำเอาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ผมผงกศีรษะขึ้นดู เห็นมือใหญ่กำลังปลดกระดุมกางเกง แค่นั้นตาก็ถลนทันที
“บอส ไม่เอา” แม้ปากจะห้าม แต่มือผมกลับจับมือนายจักรพรรดิไว้โดยไม่ได้ออกแรงอะไรเลยแม้แต่น้อย เรี่ยวแรงหดหาย แต่บางอย่างกับขยายขึ้นมาแทน “อาบน้ำก่อนได้ไหม” เป็นคำขอที่ดูไม่เข้าท่าเพราะความต้องการกำลังจะปะทุ
“ตามนั้น” คำตอบตกลงที่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างกายเกือบเปลือยเปล่าของผมถูกรวบขึ้นบ่าแล้วถูกพาเข้าห้องน้ำทันที
สายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างของผม มันไม่ช่วยให้ดับความร้อนรุ่มได้เลยแม้แต่น้อย เสียงครางกระเส่าสลับกับเสียงเนื้อกระทบกัน ยิ่งเพิ่มความต้องการมากขึ้นกว่าเดิม ของอันตรายกำลังจะทำให้ผมขาดใจ เจ้าของๆ มันก็ดูจะชอบ พอผมไม่ไหวก็ยิ่งขยับ หากไม่ถูกแขนรัดเอวไว้ละก็ ตัวผมคงทรุดลงไปอยู่ที่พื้น
ย้อนไปในวินาทีแรกที่ความรุ่มร้อนแทรกเข้ามา แม้จะมีสิ่งหล่อลื่นเคลือบเอาไว้มาก แต่ก็สร้างความเจ็บทรมานจนแทบทนไม่ไหว หากคนนำยังใจเย็นค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่งั้นผมก็คงไม่มีทางยอม กว่าอารมณ์เชี่ยวกรากของนายจักรพรรดิจะจบลง ผมก็ถูกแกล้งแล้วแกล้งอีก ยิ่งช่วงสุดท้าย เอวผมแทบจะหัก มีแรงเท่าไหร่ เล่นใส่มาหมด ไม่ถงไม่ถามสุขภาพผมสักคำ
“กระวาน” ริมฝีปากแดงยังคลอเคลียอยู่แถวซอกคอของผม พร้อมกับเสียงกระเส่าเบาๆ ชวนซาบซ่านเวลาฟัง ส่วนผมตอนนี้ยังหาเสียงไม่เจอ “สุดยอดจริงๆ”
“สุดยอดแล้วก็ไม่ต้องขยับ” รีบพูดเมื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติได้แล้ว แต่เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งยุ เอวที่หยุดเริ่มคลอนอีก ผมจะขยับหนีก็ทำไม่ได้ ในเมื่อท่อนเนื้อร้อนยังไม่ยอมถอนออกไป “บอส บอกว่าอย่า...ไงเล่า” พูดไป กัดริมฝีปากไป กระแทกทีถึงกับจุก
“อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ พี่ยังไหวอยู่นะ” พูดไม่พอ ยังขยับโชว์อีก แถมยังสงฝ่ามือร้ายๆ มาบิ้วอารมณ์ผมอีก “ดูสิ ของกระวานก็ยังสู้มือพี่นะ”
“ก็ใครใช้ให้จับเล่า”
โวยวายไปก็แค่นั้น ตอนนี้สงครามที่แสนจะดุเดือดรอบสองกำลังเกิดขึ้นแล้ว และไม่รู้จะจบตอนไหน แล้วใครกันที่บ่นว่าเหนื่อยจนไม่อยากขยับ เท่าที่เห็น ขยับไม่มีหยุด
...หวังว่าเราทั้งคู่จะไม่เป็นปอดบวมตาย ก่อนที่สงครามจะจบลง
...TBC
กระวานคือคนปลุกความหื่นในตัวบอสเองนะ รับกรรมไปแล้วกันเน้อออ >w<
เจอกันตอนหน้าค่าาาา