,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}  (อ่าน 30528 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอสจะเข้ามาทำไม เลยไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหอม  o12

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ใครเป็นสาย หอมหรอ?  :serius2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมบอสจึงฉลาด รู้ด้วยว่ากระวานได้ยินความคิด

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
บอสรุกหนักมากค่ะ ยังไม่ทันจียก็ถึงเนื้อถึงตัวตลอด น่าหมั่นไส้จริงๆ แต่เราก็สงสัยแบบกระวานนะว่านกรู้คือใครจะเกี่ยวกับหอมด้วยรึเปล่า แล้วเรื่องหอมที่ความผิดกฎคลับนี่คือยังไง หรือกฎที่ว่าห้ามมีสัมพันธ์กับลูกค้าน่ะเหรอ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-15-





        จากที่เจอคำว่าชอบแอคแทคไป ผมก็ไม่กล้าสู้หน้านายจักรพรรดิได้อีก เจอทีไรก็ต้องคอยหลบสายตาที่มองมา ไม่อยากจะเชื่อว่าในช่วงเวลาไม่นาน แต่มันกลับทำให้ความสัมผัสก้าวข้ามกระโดดออกนอกกำแพงไปไกล

   “บอสไม่เข้าอีกแล้ว”

         หลังจากส่งลูกค้าขึ้นชั้นบนเสร็จ เสียงบ่นก็ลอยเข้าหูมา คนบ่นกำลังนั่งตีหน้าเซ็งอยู่ที่เคาน์เตอร์กาแฟ ผมลองเดินเข้าไปหา เจ๊พิมพ์ก็ยิ้มบางๆ ส่งให้

   “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ หน้าเครียดเชียว”

   “ก็บอสไม่เข้าอีกแล้ว”

   “นั่นสิ ผมก็ไม่เห็นมาหลายวัน”

   “นายไม่รู้เหรอ ว่าบอสไปไหน”

   “เห็นบอสบอกว่า ต้องไปเคลียร์เรื่องอะไรบางอย่าง ผมก็ไม่รู้อะไรมาก”

   “อย่าบอกว่าปัญหาเดิมๆ” ผมรีบหันไปมองเมื่อได้ยินประโยคที่น่าสนใจ แต่คนพูดทำเป็นเฉย แฟ้มตรงหน้าเจ๊พิมพ์ถูกเปิดช้าๆ โดยที่เจ้าตัวแทบไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ

   “แฟ้มอะไรเหรอครับ” ถามเมื่อเห็นรูปถ่ายพร้อมใบประวัติ

   “พวกพนักงานเดิมๆ น่ะ ทั้งหมอนวด โฮสต์ แล้วก็พนักงานต้อนรับลูกค้า” เจ๊พิมพ์บอกเรียบๆ มือก็ยังพลิกใบประวัติอยู่เรื่อยๆ ก่อนที่ผมจะสะดุดตาอยู่ที่รูปหนึ่งจนถึงขั้นยื่นมือไปคั้นไว้ “อะไร”

   “ขอโทษครับ” รีบโค้งศีรษะเมื่อทำให้ตกใจ “ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ คล้ายว่าจะเจอคนรู้จัก”

   “ตามสบาย”

   ได้รับคำอนุญาต ผมก็รีบดึงแฟ้มมาดู แล้วใบประวัติกับรูปถ่ายที่ผมเห็นก็ทำเอาหัวผมหนักอึ้ง ตอนนี้ความรู้สึกมันบรรยายแทบไม่ถูก

   “คนนี้...” ชี้ไปที่รูปด้านใน เจ๊พิมพ์ปรายตามองนิดเดียวก่อนจะยิ้มเหยียด

   “ดาราน่ะ นายน่าจะเคยเห็นอยู่มั้ง”

   “ทำไมเขามีใบประวัติที่นี่ละครับ”

   ถามเสร็จ เจ๊พิมพ์ก็หันซ้ายทีขวาทีก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบชิดหูผม

   “อย่าไปบอกใครนะ แม่เนี่ย เคยทำงานให้ที่นี่”

   “ครับ?” ตกใจจนมือไม้สั่นไปหมด

   “แต่ก็นานแล้วล่ะ ตั้งแต่นางยังเรียนมหาลัย ก็แบบนี้แหละนะ คนใช้เงินมือเติบ อยากได้ของแพงๆ เลยมาทำงาน” ประโยคยาวๆ ของเจ๊พิมพ์เหมือนถูกกรอกลับไปมาในหูของผม “ทำตัวเป็นคุณหนูไฮโซถือกระเป๋าใบเป็นล้าน เบื้องหลังไม่ได้สวยหรูสักนิด”

   “แล้วตอนนี้ล่ะครับ ยังทำอยู่ไหม” ถามแบบตะกุกตะกัก เพราะยังอึ้งไม่หายเมื่อได้รู้ความจริง

   “จับได้เสี่ยพันล้านก็ออกจากที่นี่ไป เห็นว่าเสี่ยปั้นให้เป็นดารา แต่ก็นะ เจ๊ได้ยินมาว่า นางกลับมาทำงานอีก แต่ไม่รู้ทำที่ไหน” ผมมองรูปของเพื่อนในมืออย่างเคร่งเครียด “ขออย่างเดียว อย่าไปทำที่คลับคู่แข่ง ไม่งั้น จบไม่สวยแน่”

   “ทำไมเหรอครับ”

   “คลับนั้นที่จริงก็เหมือนเรานี่แหละ แต่เด็กส่วนใหญ่จะถูกหักเงินเยอะ บางคนส่งออกด้วยนะ ทำเหมือนกับค้าผู้หญิงน่ะ ดีนเคยช่วยหมอนวดของที่นั่นก่อนจะถูกกระทืบตาย เจ๊เห็นแล้วก็สังเวชใจ”

   ได้แต่ภาวนาให้จินนี่ไม่ไปทำงานที่นั่น   

   จังหวะที่กำลังจะถามต่อ โทรศัพท์เจ๊พิมพ์ก็ดังขัด ทันทีที่รับ เสียงสบถหยาบคายก็ดังอย่างต่อเนื่องจนผมตกใจ พอวางสายมือที่มีเล็บสีแดงสดก็เกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิงเสียทรง

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามด้วยความเป็นห่วงปนอยากรู้นิดๆ เจ๊พิมพ์มองหน้าผมก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ติดๆ กัน “ปัญหาหนักเลยเหรอครับ”

   “มาก” เน้นเสียงซะไม่กล้าถามต่อ จนเจ๊แกสบถออกมาเอง “ตึกนู้นคนขาด แล้วฉันจะหาคนที่ไหนไปแทนเนี่ย”

   “คนขาดเหรอครับ” ได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ “ให้ผมช่วยไหมครับ” แล้วผมก็ถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “ก็ได้อยู่หรอก แต่ติดปัญหาน่ะสิ”

   “ปัญหาอะไรเหรอครับ”

   “ต้องถามบอสก่อน”

   “ปกติผมก็เห็นเจ๊ดูแลพนักงานทุกอย่างนี่ครับ”

   “มันก็ใช่ แต่นายมันกรณีพิเศษ”

   โดนนิ้วจิ้มหน้าผากไปหลายจึก แล้วคนจิ้มก็ถอนหายใจออกมา

   “ให้ผมช่วยเถอะ ที่นี่ก็ไม่น่ามีอะไรวุ่นวาย” อีกอย่างพนักงานที่นี่เขาจะได้ทำงานสะดวก มีผมอยู่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปหาลูกค้าที่มาใหม่ “ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”





***

   เสื้อกั๊กสีดำที่ผมใส่เป็นประจำถูกเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู เจ๊พิมพ์เดินนำผมไปอีกตึก ระหว่างทางก็บอกรายละเอียดแบบเร่งรีบให้ งานที่ผมต้องทำคือต้อนรับลูกค้าเหมือนเดิม เพียงแต่อีกตึกจะไม่มีห้องกระจก ตึกนั้นจะมีบรรยากาศคล้ายๆ ผับกึ่งเรสเทอรอง จะมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ หากเป็นช่วงเช้า จะเน้นอาหารจานหรู ส่วนผับจะเปิดในช่วงเย็น

   ภาพตึกสองที่คิดไว้ในหัวค่อยๆ ถูกปรับเปลี่ยนเมื่อได้เข้ามาจริงๆ ทันทีที่ประตูเปิดห้อง ภาพห้องอาหารตามโรงแรมหรูต้องถูกปิดลง เพราะในห้องโถงนี้ ด้านขวาเต็มไปด้วยชุดโซฟาขนาดกลางวางเป็นระเบียบ ส่วนด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ มีแก้วไวน์หลายแบบห้อยหัวลงมา ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นตู้แอลกอฮอล์หลากหลายชนิด ทั้งเหล้า ไวน์ บรั่นดี และอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก

   “อ่าวกระวาน” ช่วงที่ผมกำลังสอดสายตามองไปทั่วร้าน แขนผมถูกแตะพร้อมกับเสียงเรียกชื่อ “เจ๊หาคนได้หรือยัง”

   “นี่ไง” คำว่านี่ไงของเจ๊พิมพ์มาพร้อมนิ้วชี้มาทางผม “ฝากด้วยนะหอม อ้อ เสิร์ฟอย่างเดียวนะ งดทอล์ก”

   “ได้ครับ”

   งดทอล์ก? จะไม่ให้ผมพูดกับใครเลยเหรอ แล้วแบบนี้จะรับออร์เดอร์ได้ไง มัวแต่สงสัยกว่าจะถาม เจ๊พิมพ์ก็เดินออกไปแล้ว ปล่อยผมยืนทำหน้างงข้างกับหอม

   “พร้อมไหมกระวาน” หอมถามพร้อมรอยยิ้ม ผมก็พยักหน้าทั้งที่ยังมีสภาพไม่เต็มร้อย “หน้าที่ของกระวานนะ คือไปรับออร์เดอร์ที่โต๊ะลูกค้า แล้วก็...”

   “แต่เมื่อกี้เจ๊บอกห้ามเราพูด งดทอล์ก” ปลายประโยคผมแกล้งออกแอคเซ็นสำเนียงฝรั่งจนหอมขำออกมา “แล้วแบบนี้เราจะคุยกับลูกค้าได้เหรอ”

   “ที่บอกงดทอล์ก ไม่ใช่ให้งดพูด” หอมว่าพลางขำออกมามากกว่าเดิมจนผมหน้ามุ่ย “งดทอล์กของตึกนี้ คือไม่ให้นั่งคุยกับลูกค้าน่ะ”

   “นั่งคุยกับลูกค้าเหรอ?” ผมเหลือบมองไปยังโต๊ะต่างๆ เห็นพนักงานเสื้อกั๊กชมพูหน้าตาจิ้มลิ้มคุยกับลูกค้าที่ใช้บริการอย่างออกรส “ก็แค่นั่งคุยเอง ทำไมถึงห้ามด้วย”

   “ก็เพราะ...” หอมยังไม่ทันจะได้ตอบ ก็มีพนักงานมาสะกิดบอกลูกค้าเรียก และผมก็เห็นว่า คนที่เรียกหอม คือคนๆ เดียวกับลูกค้าวีไอพีตึกนู้น สงสัยจะชอบหอมจริงๆ ถึงกับตามมาเฝ้าขนาดนี้ “ขอโทษนะกระวาน”

   “ไม่เป็นไร เราทำได้ สบาย” พูดอย่างมั่นใจ แม้จะแอบหวั่นๆ อยู่ก็เถอะ “จะรอดไหมวะกู”

   “รับลูกค้าใหม่ด้วยครับ” เสียงตะโกนบอกจากพนักงานเปิดประตู ผมก็รีบปรี่เข้าไปหา “พนักงานใหม่ของเราครับ” คนหน้าประตูแนะนำก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้ผมพาลูกค้าเข้าไป

   “เอ่อ เชิญครับ” เดินนำแบบเก้ๆ กังๆ “ไม่ทราบว่าจองไว้หรือเปล่าครับ” ถามแบบมั่วๆ เพราะไม่รู้ต้องพูดยังไง ลูกค้ารายนี้ดูจากหน้าตาแล้ว อายุคงไม่น่าเกิดสี่สิบ แต่งกายก็ดูภูมิฐานดี หน้าตาก็พอใช้ได้ เสียอยู่อย่างเดียว คิดเรื่องอย่างว่ามากไปหน่อย ผมก็พยายามยิ้มสู้ แม้สายตาของเขาจะมองไปที่อื่น “คุณลูกค้าสะดวกนั่งตรงนี้ไหมครับ”

   “ตรงไหนก็ได้” เสียงตอบกลับมาฟังดูทุ้มและกังวานดี “ดาวเด่นของที่นี่ไม่อยู่เหรอ”

   ดาวเด่นของที่นี่คือใครวะ

   “ผมเพิ่งมา ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ตอบไปตามความจริง จนถูกสายตาตวัดมอง “สนใจรับอาหารอะไรดีครับ ที่นี่อร่อยทุกอย่าง”

   “กำลังอ่านอยู่นี่ไง”

   หน้าตึงเลยผม พยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ภายในแทบอยากกระโดดเตะขาคู่ ตอนนี้ความคิดของเขาค่อยๆ ลดความเข้มข้นลงเพราะกำลังเลือกอาหาร ก่อนที่บางอย่างจะผ่านเข้ามาทำให้ผมขมวดคิ้ว

   “คุณลูกค้าเพิ่งมาครั้งแรกสินะครับ” ลองถามไป แล้วก็ได้คำตอบคือการพยักหน้า “แล้วรู้จักดาวเด่นของที่นี่ด้วยเหรอครับ”
 
   “เพื่อนบอกมา ก็เลยอยากลองมาดู เอาสเต็กเนื้อนะ ขอสุกแบบพอดีๆ”

   “ได้ครับ กรุณารอสักครู่”

   เดินรับรายการไปที่เคาน์เตอร์บาร์ แต่จุดนั้นไม่รับรายการอาหาร ผมเลยต้องเดินเข้าไปด้านใน พอวางเสร็จก็ถอนหายใจออกมา มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ก็เหมือนผมทำงานที่ร้านนั่นแหละ แถมสบายกว่าตึกแรกอีกด้วย เพราะเสียงเพลงกลบเสียงความคิดไปเยอะ

   “มาใหม่เหรอ” เสียงทักทำให้หันไปมอง พนักงานสวมเสื้อกั๊กสีชมพู หน้าตาสวยหวานคนละแบบกับหอม คนนี้ดูเฉี่ยวกว่าด้วยดวงตาที่เรียว “ต้องลดน้ำหนักหน่อยนะ เพราะที่นี่ เขาจะดูรูปร่างด้วย”

   “เราก็ไม่ได้อ้วนนะ” นี่คือความมั่นใจอย่างหนึ่ง “แค่อวบ...ระยะเกือบสุดท้าย”

   “นายนี่ตลกดี” พูดจบก็ขำออกมาเลย “เราจะแนะนำเคล็ดลับให้ เวลาพูดกับลูกค้าน่ะ ให้ยั่วทางสายตาให้มาก”

   “ยั่วทางสายตาเหรอ?” ที่ถามก็เพราะความคิดในสมองของคนตรงหน้าไปไกลมากกว่านั้น

   “ใช่ พอเขาหลงเสน่ห์ก็จะเทคเราเอง”

   “เทค?”

   “นี่นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ ตอนจะทำงานเจ๊พิมพ์ไม่บอกรายละเอียดงานให้ฟังเลยหรือไง” แล้วผมก็ถูกหงุดหงิดใส่ “จะบอกให้นะ ถึงแม้เราจะรับลูกค้าได้ แต่ก็ใช่จะเป็นงานง่าย เพราะการแข่งขันมันสูง อีกทั้งต้องสู้กับดาวเด่นของที่นี่ ที่เพียงแค่เดินผ่านลูกค้าที่นายคุยอยู่ก็อาจจะขอเปลี่ยน ซึ่งนั่น เงินที่นายควรได้ก็จะหายวับไปกับตา”

   “ไม่เข้าใจ” ก็แค่นั่งคุยกับลูกค้าเอง ทำไมต้องแข่งขันกันด้วย ถ้าเราคุยไม่สนุก เขาอยากเปลี่ยน มันก็ต้องได้สิ เงินของเขานี่

   “เอาเถอะ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวจะรู้เอง ขอให้นายได้ลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยคุยกับดาวเด่นแล้วกัน โชคดีนะ”

   แล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับสเต็กปลาหอมๆ ผมพยายามย้อนคำพูดของเขาแต่ก็ยังฟังไม่เข้าใจเหมือนเดิม พอได้สเต็กเนื้อ ผมก็เลิกคิดแล้วเดินออกไปหาลูกค้า

   “ขอโทษที่ให้รอนะครับ” จานสเต็กเนื้อสุกแบบพอดีถูกจัดวางอย่างสวยงาม ผมโค้งเพื่อจะเดินไปที่อื่นกลับถูกดันให้นั่งจากพนักงานที่เพิ่งเดินผ่าน หางตาเหลือบไปมองก็เห็นคนที่แนะนำผมเมื่อกี้นั่นแหละที่ใช้ก้นดันให้ผมนั่งโซฟา “เอ่อ ขอโทษครับ”

   “ที่จริง...” พอขึ้นต้นประโยคมาแบบไม่ค่อยมั่นใจ จากที่ผมยันตัวลุกขึ้น ก็กลับลงไปนั่งใหม่ ลูกค้าตรงหน้าไม่ได้มองผม มือของเขากำลังหั่นเนื้อชิ้นพอดีคำอยู่ “ที่จริงผมเพิ่งแต่งงาน”

   “ครับ”

   “แต่ผมไม่รู้ว่า ภรรยาของผมเขาจะชอบไหม...”

   “เรื่องบนเตียงน่ะเหรอครับ” ได้รับคำตอบคือการพยักหน้า “แล้วคุณลูกค้าได้ถามภรรยาไหมครับ”

   “ไม่กล้าหรอก ผมเป็นพวกคนคิดมาก เพื่อนๆ ก็แนะนำคลิปโป้ให้ดู มันก็ดีอยู่นะครับ”

   “อ่า ครับ” ลีลาเด็ดทีเดียว ท่าทางก็ใช้ได้อยู่ อยากพูดแบบนี้แต่ก็คงไม่เหมาะ ตอนนี้สิ่งที่ผมได้ยิน คงจะเป็นภาพวีดีโอที่เขาดูอยู่ “เรื่องแบบนี้ต้องคุยกันนะครับ จะได้ปรับตัวกันได้”

   “ผมไม่กล้า”

   “แล้วทำไมถึงมาที่นี่ละครับ อยากลองเฉยๆ หรืออยากรู้ด้วย”

   “ผมอยากรู้ว่าลีลาผมใช้ได้แค่ไหน” แล้วลูกค้าตรงหน้าผมก็ขำออกมา “ถ้าเกิดใช้ได้ ภรรยาผมก็อาจคิดแบบนี้”

   “ไม่หรอกนะผมว่า” ท้วงออกมาจนถูกจ้องมองอย่างสงสัย “ภรรยาของคุณกับคนที่คุณอยากลองเขาไม่เหมือนกัน และถ้าหากภรรยาของคุณรู้ว่าคุณทำแบบนี้ ผมว่า เรื่องมันอาจจะจบแบบไม่สวยงามด้วยนะ ไม่มีใครอยากถูกนอกใจเพียงเพราะข้ออ้างว่าอยากลอง” พูดตามความคิด หากเป็นผมถูกคนรักทำแบบนี้ ผมคงไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วย

   “นี่คุณไม่คิดจะโน้มน้าวผมเลยเหรอ” ลูกค้าคนตรงหน้าถามพร้อมรอยยิ้ม

   “โน้มน้าวยังไง ผมก็พูดตามความจริง เป็นคุณเถอะ ภรรยาคุณอยากลองบ้าง จะคิดยังไง จะยิ้มแล้วบอกขอบคุณที่ไปลอง แบบนั้นเหรอ”

   “คุณนี่ตลกดี”

   “ผมไม่ได้พูดให้ขำเลยนะ ผมกำลังจริงจัง” ปั้นหน้าเข้มจนโดนหัวเราะชุดใหญ่ “ว่าแต่ ภรรยาของคุณเป็นผู้ชายสินะครับ”

   “คุณรู้ได้ยังไง” อยากตอบว่า เพราะได้ยินก็คงไม่ใช่ ผมเลยเลือกที่จะยิ้มแทน “ใช่ครับ เขาเป็นคนที่น่ารักมาก เราคบกันมานาน จนผมมั่นใจว่าอยากอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต”

   “คนรักคุณโชคดีจัง”

   “นั่นสิครับ”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมา ความรัก ไม่มีแบ่งเพศหรืออายุ ขอแค่เรามีความสุขโดนไม่ไปเบียดเบียนใคร ผมว่า มันก็สุขใจสุดๆ แล้ว

   “เรื่องพวกนี้ ผมว่า ลองคุยกันจะดีที่สุด ไม่แน่ คนรักของคุณอาจจะชอบลีลาของคุณก็ได้” นี่ถ้าผมได้เจอภรรยาเขาละก็ อาจจะบอกได้นะ ว่าชอบหรือไม่ชอบ “สู้ๆ นะครับ” ที่น่าตกใจคือ เขาคบกันมาแบบไม่เคยมีอะไรกันเลยเหรอ หายากมากจริงๆ เพราะส่วนใหญ่ เจอปุ๊บ สปาร์คปั๊บ ลากไปขยี้เลย

   “นี่ถ้าไม่ติดว่าผมไม่อยากนอกคนรักแล้วละก็ ผมจะเทคคุณเลย” แอบคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยินคำว่าเทค ไม่รู้หรอกว่ามันหมายถึงอะไร แต่คิ้วขวามันกระตุกยิกๆ “ไม่คิดว่าจะเจอคนที่คุยสนุก สมแล้วที่เพื่อนผมแนะนำ ว่าที่นี่พนักงานคุยสนุก”

   “ก็ประมาณหนึ่งครับ” จะไม่รับเดี๋ยวก็หาว่าหยิ่ง ผมยืดตัวนั่งหลังตรงจนถูกขำ

   “ที่นี่มีนวดกดเส้นด้วยใช่ไหมครับ” คำถามที่ผมก็ไม่รู้คำตอบ ถ้าเป็นตึกนั่นก็ใช่ หรือผมจะแนะนำไปอีกตึกดี “ราคาอยู่ที่ฝีมือซะด้วย” มัวแต่ลังเล เห็นอีกทีในมือเขามีการ์ดใบเล็กที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาค่าใช้บริการต่างๆ “ถ้าผมจะให้คุณนวด”

   “ผมนวดไม่เป็น”

   “อ่าว” พนักงานตึกนี้ต้องนวดเป็นด้วยเหรอ “ก็เพื่อนผมบอก พนักงานที่นี่นวดเก่งทุกคน”

   “ตึกด้านหน้าหรือเปล่าครับ”

   “ตึกนี่แหละครับ”

        แล้วการ์ดใบเล็กก็ถูกยื่นมา บนการ์ดมีรายละเอียดเรทราคาต่างๆ ทั้งการทอล์ก เทค หรือนวด ผมคิ้วมองอ่านอย่างไม่เข้าใจ พอดีกับมีพนักงานตึกนี้เดินมา ผมเลยรีบคว้าเข้าไว้ พลางให้อธิบายให้ฟัง ซึ่ง พนักงานตึกนี้ก็ต้องเทรนการนวดเหมือนหมอนวดตึกแรก ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อน ก็แน่ละ ถ้ารู้ก็แปลกแล้ว

   “ผมก็อยากนวดนะ แต่นวดไม่เป็น”

   “นวดไม่เป็นก็ไม่ต้องนวด”

   เสียงลูกค้าทำไมฟังดูแข้งกระด้าง แถมปากยังไม่ขยับอีก หรือมันจะมาจากความคิด นี่ผมอ่านความคิดอย่างอื่นนอกจากเรื่องบนเตียงได้แล้วเหรอ

   “ไว้ผมจะฝึกนวดนะครับ” พูดพร้อมรอยยิ้ม ก็ราคาเรทบนการ์ด ขนาดขั้นต่ำยังชั่วโมงละหลายพัน “ไว้คราวหน้าผมจะลองนวดให้นะครับ ผมจะทำให้สุดฝีมือเลย รับรองถูกเส้นเน้นๆ”

   “เก่งจังนะ ชักอยากลองซะแล้วสิ”

   “ก็ต้องรอผม...เชี่ย”

   ท้ายประโยคนั่นเป็นคำสบถที่แสนเบา เมื่อคนอยากลองกลับไม่ใช่ลูกค้าตรงหน้า แต่เป็นคนด้านหลังที่ยืนจังก้าปั้นหน้าดุเหมือนยักษ์ นายจักรพรรดิยืนล้วงกระเป๋ากางเกงทำคิ้วขมวดจ้องผมตาไม่กระพริบ แม้พนักงานคนอื่นๆ จะรีบเข้ามายกมือไหว้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจหันไปมอง

   มิน่าล่ะ ลูกค้าไม่อ้าปากพูด ไอ้เราก็คิดว่าฟังความคิดอื่นได้ซะอีก ดีใจเก้อเลย

   “อ่าว บอส ไม่เจอซะนานเลย” พอถูกจ้องมากๆ ก็พูดไม่ออก เลยทักทายมันซะเลย คนถูกทักไม่ขำ ไม่แม้แต่เผยอรอยยิ้มออกมา ผมเลยหันกลับมาสนใจลูกค้าแทน “คุณลูกค้า เอ่อ”

   “ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีคนของผมเขาติดธุระ เดี๋ยวจะให้คนอื่นมานั่งทอล์กแทน” คิ้วกระตุกถี่ๆ ตรงคำว่าคนของผมที่เน้นหนักแน่นทุกคำ นายจักรพรรดิกระดิกนิ้วเรียกดีนให้เข้ามาหาพลางกระซิบกระซาบ พอดีนรับคำก็เดินหายเข้าไปด้านใน “รอสักครู่นะครับ”

   ที่บอกให้รอคงจะหมายถึงลูกค้าสินะ แต่ไม่ใช่ผม เพราะผมถูกดึงออกมาจากตึกแล้ว แรงที่ฉุดเกือบทำให้ขาผมลอยจากพื้น เผลอๆ คิดว่าลอยอยู่ด้วยซ้ำ

   “บอสจะพาผมไปไหนเนี่ย ช้าๆ หน่อย” ลากอย่างกับผมเป็นวัวเป็นควาย แถมไม่พูดไม่จา “บอส เดี๋ยว” พยายามรั้วตัวเองไว้แต่ก็ไม่ไหว พอเข้าตึกแรกมา เห็นเจ๊พิมพ์ยืนหันรีหันขวางทำหน้าตื่นตระหนกแปลกๆ

   “บอสคะ” พอเห็นผมมากับนายจักรพรรดิ เจ๊แกก็ปรี่เข้ามาหา ใบหน้าที่เคยประโคมเครื่องสำอางจนหนา ตอนนี้ซีดอย่างเห็นได้ชัด “คือพิมพ์อธิบายได้นะคะ”

   “ขึ้นไปคุยข้างบน” คำสั่งเฉียบขาดพร้อมแรงดึงผมเข้าลิฟต์ แอบได้ยินเสียงโอดครวญของคนถูกสั่งว่าตายแน่แล้วด้วย ไม่รู้คนที่ตายจะเป็นเจ๊พิมพ์หรือผมกันแน่ กระดูกข้อมือผมจะแหลกคามือนายจักรพรรดิอยู่แล้ว




***

   ภายในห้องที่แอร์เย็นเฉียบ แต่คงไม่ทำให้ขนลุกเท่ากับสีหน้าและแววตาของคนที่นั่งหลังโต๊ะได้ ผมยืนอยู่ข้างเจ๊พิมพ์ที่เอาแต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนประตูห้องจะเปิดพร้อมกับดีนเดินเข้ามา

   “เรียบร้อยแล้วครับ” ดีนรายงาน ขายาวก้าวเข้ามาหาผม “นี่ค่าทอล์กที่ลูกค้าคนนั้นให้มาครับ”

   “ให้ผมเหรอ” ถามกลับอย่างงงๆ แบงค์สีเทาในมือคาดว่าน่าจะเกิดห้าใบถูกยื่นมาตรงหน้า พอจะยื่นมือไปรับ กลับถูกคำสั่งให้เอาไปให้เฉย “บอส นั่นมันเงินผม”

   “ใครให้นายไปทำงานที่นั่นฮะ!” เสียงตะคอกดังลั่นจนพากันสะดุ้ง “ผมสั่งคุณแล้วว่าถ้าจะให้กระวานทำอะไร ต้องรายงานผมก่อน คำสั่งของผมมันไม่เข้าหัวคุณเลยเหรอ”

   “พิมพ์ขอโทษค่ะบอส”

   “แล้วงานที่ตึกนั่น ผมสั่งให้คุณรับสมัครคนใหม่ แล้วทำไมยังเอากระวานไปทำ หรือคุณอยากให้ผมรับคนใหม่มาทำแทนคุณ”

   “บอสคะ พิมพ์ขอโทษ คนใหม่ที่พิมพ์รับมา กำลังเทรนนวดอยู่เลยยังไม่พร้อมทำงาน แล้วพนักงานตึกสองก็ขาด พิมพ์ก็เลย...”

   “คุณก็เลยเอาคนของผมไปทำแทน แบบนั้นใช่ไหม!”

   เสียงตบโต๊ะที่ดังสนั่นสร้างความตกใจให้ผมจนแทบล้มทั้งยืน นี่นายจักรพรรดิโมโหอะไรถึงมาลงกับลูกน้องเนี่ย แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย

   “ผมขอไปทำเอง บอสด่าผมสิ ไปด่าเจ๊พิมพ์ทำไม” พูดแทรกออกไปเมื่อคนข้างๆ ผมเริ่มร้องไห้ “อีกอย่าง ผมเป็นพนักงาน จะไปทำงานตึกไหน บอสก็ไม่เห็นต้องโกรธอะไรขนาดนี้ หรือที่นี่มีกฎห้ามพนักงานทำงานสองตึกเหรอ” เริ่มโมโหหน่อยๆ ผมไม่ชอบคนไม่มีเหตุผลเลยให้ตาย เหมือนตอนเป็นผู้จัดการจินนี่ ผมก็โคตรเบื่อ

   “คนอื่นใช่ แต่นายไม่ใช่”

   “ที่จริง ถ้าผมทำสองตึก อาจได้เงินเยอะกว่าเดิม บอสจะได้หักเงินเยอะขึ้น หนี้ผมก็หมดไว”

   “อยากไปจากที่นี่มากเลยเหรอ” เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบให้ ผมเม้มริมฝีปากไม่สบตาที่จ้องมา “ออกไปให้หมด” สั่งเสร็จก็หมุนเก้าอี้หันไปด้านหลังทันที

   ผมประคองเจ๊พิมพ์ที่ร้องไห้ออกจากห้อง แต่ดีนกลับจับต้นแขนผมไว้ พลางประคองคนร้องไห้ไปแทน แล้วผมจะทำไงล่ะ เพราะเสียงกระซิบจากดีนมันทำให้ผมลังเล ระหว่างเดินหนี กับเดินกลับเข้าไป แต่มือก็ผลักเข้าไปก่อนที่สมองจะตัดสินใจ ผมมองคนที่นั่งหันหลังให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนประโยคของดีนจะวนซ้ำขึ้นมาอีกรอบ

   “บอสเหนื่อยเหรอ” ถามพร้อมหย่อนก้นนั่งบนตัก ไม่รู้เอาความบ้าบิ่นนี้มาจากไหน แต่ก็อยากลองทำดู ผลที่ได้คือหน้าผากหนักๆ วางลงบนบ่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”

   “ครับ” พอได้คำตอบกลับเสียงปกติ ใจผมก็ชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อกี้สารภาพเลยว่าผมทั้งกลัว ทั้งตกใจ ก็เคยเห็นอยู่หรอกตอนนายจักรพรรดิโมโห แต่ไม่เคยเห็นแบบรุนแรงขนาดเมื่อกี้ “เหนื่อยมาก”

   “เหนื่อยแล้วทำไมไม่ไปพัก มาทำงานทำไม” ดูเหมือนคนถูกถามจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ เมื่อสิ่งที่เขาสนใจดูจะเป็นซอกคอผมมากกว่า เอาซะขนลุก “บอส ไม่เอา” ยกมือดันหน้าหล่อๆ ให้ออกห่าง แถมตอนนี้ผมก็ลงจากตักไม่ได้ด้วย เพราะมือที่รัดเอวไม่ยอมปล่อย

   “ฉันอยากจูบนาย” ไม่รู้เป็นคำขอหรือคำบอกเล่าเฉยๆ แต่มันก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมา

   “ไม่ใช่อยากมากกว่าจูบเหรอ” พูดตามความคิดที่ได้ยิน คนอยากจูบถึงกับขำ “บอสก็รู้ ว่าผมได้ยินเสียงความคิดหื่นๆ น่ะ” เดาได้จากการชอบแกล้งคิดเรื่องลามกกับผม

   “ก็มันอดคิดไม่ได้จริงๆ หรือจะให้พูดออกมา กระวานว่าดีไหม อย่างเช่น ฉันอยากปล้ำนายซะตอนนี้ ตรงโต๊ะนี้ แบบนี้ดีไหม”

   “ไม่ดี”

         ส่ายหัว ส่ายหน้าเป็นพัลวัน แต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนไม่เห็น เพราะตอนนี้ปากของผม กำลังถูกรุกเร้าจูบอย่างหนักหน่วง แทบไม่เว้นวรรคให้หายใจ ร่างกายที่ว่าอวบอ้วนถูกยกลอยขึ้นจากตักมาวางบนโต๊ะทำงานที่เจ้าของห้องกวาดแฟ้มลงพื้นอย่างไม่ใยดี มือสองข้างของผมถูกดึงให้ขึ้นไปเกาะที่บ่ากว้าง ความนึกคิดตอนนี้กำลังต่อต้านกับความต้องการของร่างกาย แม้อยากหยุด แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ตอบสนอง

   ลิ้นร้อนรุกไล่เข้ามาในโพรงปากของผม กวาดต้อนจนผมแพ้กระจุย จากที่คิดว่าตัวเองก็น่าจะจูบเก่ง พอเจอของจริงถึงกับไปไม่เป็น ความเย็นของแอร์กระทบกับหน้าอกที่สาบเสื้อถูกเปิดออก นี่ผมถูกปลดกระดุมตอนไหนวะเนี่ย ลิ้นร้อนไล่เล็มตามริมฝีปาก ไล้ลงตามซอกคอจนมาถึงหน้าอก ทางผ่านที่เปียกชื้นจากน้ำลายสร้างความยะเยือกสลับกับเร้าร้อนที่ยังเกิดอย่างต่อเนื่อง

   หน้าอกที่แบนราบของตัวเองถูกดูดคลึงจนสับสนไปหมด ความรู้สึกแปลกที่ไม่เคยเกิดกำลังประดังประเดเข้ามา แต่สิ่งที่เด่นชัดมากที่สุดคือความต้องการ ยิ่งหลังแนบไปกลับโต๊ะพร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาแนบชิด บ่งบอกได้ดีว่าอีกคนก็รู้สึกไม่ต่างกัน

   “กระวาน” ลมจากปากแผ่วเบากระทบกับสะดือทำเอาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ผมผงกศีรษะขึ้นดู เห็นมือใหญ่กำลังปลดกระดุมกางเกง แค่นั้นตาก็ถลนทันที

   “บอส ไม่เอา” แม้ปากจะห้าม แต่มือผมกลับจับมือนายจักรพรรดิไว้โดยไม่ได้ออกแรงอะไรเลยแม้แต่น้อย เรี่ยวแรงหดหาย แต่บางอย่างกับขยายขึ้นมาแทน “อาบน้ำก่อนได้ไหม” เป็นคำขอที่ดูไม่เข้าท่าเพราะความต้องการกำลังจะปะทุ

   “ตามนั้น” คำตอบตกลงที่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างกายเกือบเปลือยเปล่าของผมถูกรวบขึ้นบ่าแล้วถูกพาเข้าห้องน้ำทันที



 
   สายน้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างของผม มันไม่ช่วยให้ดับความร้อนรุ่มได้เลยแม้แต่น้อย เสียงครางกระเส่าสลับกับเสียงเนื้อกระทบกัน ยิ่งเพิ่มความต้องการมากขึ้นกว่าเดิม ของอันตรายกำลังจะทำให้ผมขาดใจ เจ้าของๆ มันก็ดูจะชอบ พอผมไม่ไหวก็ยิ่งขยับ หากไม่ถูกแขนรัดเอวไว้ละก็ ตัวผมคงทรุดลงไปอยู่ที่พื้น

   ย้อนไปในวินาทีแรกที่ความรุ่มร้อนแทรกเข้ามา แม้จะมีสิ่งหล่อลื่นเคลือบเอาไว้มาก แต่ก็สร้างความเจ็บทรมานจนแทบทนไม่ไหว หากคนนำยังใจเย็นค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่งั้นผมก็คงไม่มีทางยอม กว่าอารมณ์เชี่ยวกรากของนายจักรพรรดิจะจบลง ผมก็ถูกแกล้งแล้วแกล้งอีก ยิ่งช่วงสุดท้าย เอวผมแทบจะหัก มีแรงเท่าไหร่ เล่นใส่มาหมด ไม่ถงไม่ถามสุขภาพผมสักคำ

   “กระวาน” ริมฝีปากแดงยังคลอเคลียอยู่แถวซอกคอของผม พร้อมกับเสียงกระเส่าเบาๆ ชวนซาบซ่านเวลาฟัง ส่วนผมตอนนี้ยังหาเสียงไม่เจอ “สุดยอดจริงๆ”

   “สุดยอดแล้วก็ไม่ต้องขยับ” รีบพูดเมื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติได้แล้ว แต่เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งยุ เอวที่หยุดเริ่มคลอนอีก ผมจะขยับหนีก็ทำไม่ได้ ในเมื่อท่อนเนื้อร้อนยังไม่ยอมถอนออกไป “บอส บอกว่าอย่า...ไงเล่า” พูดไป กัดริมฝีปากไป กระแทกทีถึงกับจุก

   “อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ พี่ยังไหวอยู่นะ” พูดไม่พอ ยังขยับโชว์อีก แถมยังสงฝ่ามือร้ายๆ มาบิ้วอารมณ์ผมอีก “ดูสิ ของกระวานก็ยังสู้มือพี่นะ”

   “ก็ใครใช้ให้จับเล่า”

         โวยวายไปก็แค่นั้น ตอนนี้สงครามที่แสนจะดุเดือดรอบสองกำลังเกิดขึ้นแล้ว และไม่รู้จะจบตอนไหน แล้วใครกันที่บ่นว่าเหนื่อยจนไม่อยากขยับ เท่าที่เห็น ขยับไม่มีหยุด 

   ...หวังว่าเราทั้งคู่จะไม่เป็นปอดบวมตาย ก่อนที่สงครามจะจบลง



...TBC

กระวานคือคนปลุกความหื่นในตัวบอสเองนะ รับกรรมไปแล้วกันเน้อออ >w<

เจอกันตอนหน้าค่าาาา



ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
รอค่าาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ว้ายกระวานโดนกินซะและ  :haun4: :haun4: :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
หืมมมม รู้สึกว่าเรื่องดำเนินเร็วแบบข้ามช็อตไปเยอะพอสมควรเลยนะคะ เข้าใจว่าใกล้จบแล้วแต่บางทีมันก็เหมือนเดินเรื่องเร็วแบบไม่มีที่มาที่ไป อย่างตอนที่แล้วกระวานเพิ่งเดินหนีที่บอสบอกชอบไปเองนะถึงจะเพราะเขินก็เถอะแต่มันก็ไม่ควรข้ามมายอมเสียตัวเร็วแบบนี้ อีกอย่างเรื่องความสามารถของกระวานตอนที่แล้วกระวานยังทำไขสือแกล้งทำไ๋ก๋อยู่เลยนะคะตอนที่บอสถามค่ะแต่พอมาตอนนี้กระวานกลับยอมรับกับบอสหน้าตาเฉยว่าตัวเองมีความพลังพิเศษมันเลยดูย้อนแย้งกันนิดๆ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ๊ายยยยย กระวานโดนพี่หนึ่งกินแล้ว :hao7: พี่หนึ่งก็นะเหนื่อยแต่ขยับไหว อิอิ ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอ้ย เดี๋ยวๆ อะไรจะข้ามช็อตข้ามตอนไวขนาดน้านนนนน เดี๋ยวเห้ยเสียตัวให้กันละ แล้วบอกกันโต้งๆ เลยว่าได้ยินความคิดหื่นๆ เขาไปต้อนกันตอนไหนที่บอกรู้อยู่แล้ว ฉันพลาดอะไรไป!!?

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เดินเร็วข้ามขั้นไวจนตกใจมากค่ะ 55555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แค่นั่งตัก จูบเล็กน้อย  แล้วก็พาวาร์ปไปสู่บทฟีเจอริ่งเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กระวานคือยาแก้ความเหนื่อยล้าของพี่หนึ่ง  :laugh:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ว้ายยย ไหนบอกเหนื่อยไงคะพี่ หึหึ  :-[

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 ยังไม่ได้อ่านนะคะ แต่เข้ามากด+ ให้ก่อนค

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ต้องขอบคุณเจ๊พิมนะเนี่ยที่ทำให้บอสได้กินกระวาน

 :pig4:

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
น้องงงงงง น้องโดนกินเรียบร้อยเลยจ้าาา
มาเร็วเวอร์ 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กระวานไม่ได้บื้อ แอบซื่อไปนิดเดียว
เป็นไงล่ะ ไม่รู้ตัวว่าเป็นคนต้องห้าม
แล้วเอาตัวเองไปวางตักเค้าเฉย
เจอสงครามดุเดือด สาดกระเซ็นเป็นสายน้ำเลย

คุณหนึ่งคะ กระวานแค่ถามเอง ทำไมคิดไปโน่นได้
แล้วหายไปไหนมาน่ะ อยากรู้ด้วยแล้วค่ะ

หอมทำไมหรอ คุณกันมาจับจองไว้หรอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-16-





         สงครามของผมกับนายจักรพรรดิจบลงไปแล้ว แต่สงครามกับครอบครัวผมยังไม่จบ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อผมกำลังถูกกดดันด้วยสายตา เพียงเพราะเมื่อคืนไม่ได้กลับมานอนบ้าน อีกทั้งตอนเช้าตรู่ยังมีคนมาส่ง แถมยังมานั่งอยู่ข้างผมซะอีก ไล่กลับก็ไม่ยอมไป

   “บอสจะมานั่งอยู่ทำไม กลับไปได้แล้ว” กัดฟันไล่ แต่อีกคนกลับไม่ยอม แถมยังตีหน้าดุใส่ผมอีก “บอส”

   “พี่หนึ่งสิ”

   นี่มันใช่เวลามาเรียกร้องไหมเนี่ย

   “พี่หนึ่งก็ได้ รีบกลับไปได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าพ่อกับแม่ผมมอง”

   “เลิกกระซิบกระซาบได้แล้ว” แม่ขัดขึ้นมา พร้อมกับเดินมายืนตรงหน้าผม มือขาวเชยคางนายจักรพรรดิขึ้นมาพลางหันซ้ายหันขวา “หล่ออย่างกับพระเอกละคร”

   “แม่มานี่” แล้วคนชมก็ถูกพ่อลากให้กลับไปยืนที่เดิม “กระวานทำผิดอีกแล้วรู้ตัวไหม”

   “ครับ” ตอบรับเสียงอ่อย

   “เมื่อคืนทำไมไม่กลับบ้าน พ่อก็ถามไปตรงๆ เลยสิ จะพูดอ้อมโลกทำไม” แม่ผมยังฮาร์ดคอได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ อยากรู้ว่าตอนคุยกับคนไข้ที่โรงพยาบาลจะฮาร์ดคอแบบนี้ไหม “ว่าไงกระวาน ไปนอนที่ไหนมา”

   “กระวานไปนอน...”

   “นอนกับผมครับ”

   ฉิบหายแล้ว อยู่ๆ นายจักรพรรดิก็รับออกมาหน้าตาเฉย ไม่คิดจะปรึกษาผมก่อนสักคำ

   “นอนกับผมที่ว่า นอนแบบไหน” แม่เค้นถามไม่หยุด แต่ผมว่า คำถามนี้ไม่ควรมีต่อ

   “ก็นอนแบบ...” ก่อนที่จะมีอะไรออกไป ผมก็รีบยกมือปิดปากคนข้างๆ แม้จะยังเขินความคิดของเขาก็เถอะ ภาพผมกับเขายังฉายซ้ำไปมา แถมยังดังคลออยู่ในหูอยู่ตลอด ยิ่งเสียงครางกระเส่าของคนข้างๆ ผมนั้นโคตรจะเซ็กซี่เลยให้ตาย

   ผมไม่ควรหมกมุ่นกับเรื่องบนเตียงตอนนี้

   “ปิดปากเขาทำไม มีพิรุธนะกระวานเนี่ย”

   “จริง มีพิรุธ”

   “มันไม่มีอะไรหรอก พ่อกับแม่คิดมาก” พยายามฉีกยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ แต่เหมือนปากกระตุกแค่นั้น ก่อนที่มือผมจะถูกดึงออก ยังดีที่ไม่มีน้ำลายติดมือออกมาด้วย “พ่อไม่รีบไปร้านเหรอ เลยเวลาเปิดร้านแล้วนะ”

   “อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะกระวาน เมื่อคืนทำไมถึงไปนอนบ้านคนอื่น” พ่อไล่บี้จนสมองแทบหาคำตอบไม่ได้ “ห้ามโกหกด้วย” แถมยังโดนปิดทางหนีอีก เอาไงดีวะ

   “พอดีเมื่อคืนผมเพลียมากเลยมาส่งกระวานไม่ได้ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ” เป็นคำตอบที่ผมไม่ได้ขอร้องให้ตอบเลย เพราะมันกลับทำให้พ่อกับแม่อยากรู้ไปกันใหญ่ ถลึงตาใส่ก็แล้ว นายจักรพรรดิก็ไม่ยอมหยุด

   “ที่ว่าเพลียๆ นี่คือทำงานหนักใช่ไหม ไหนบอกไม่ใช้งานลูกผมหนักไง แต่ถึงคุณจะเพลีย กระวานก็มีรถนี่ ทำไมไม่ขับกลับมาเอง”

   “ไม่ได้เพลียเรื่องงานครับ”

   นี่ก็ยังตอบไม่หยุด

   “แล้วเพลียเรื่องอะไร”

   นี่ก็ยังถามไม่หยุด

   “เพราะเราสองคน...”

   ผมละสายตาจากพ่อหันมาสบสายตาคมที่ปรายมามองผมพร้อมรอยยิ้ม เพียงแค่นั้น ก็คล้ายกับเป็นคำตอบในทุกสิ่ง แล้วร่างของพ่อผมค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งที่พื้น ส่วนแม่ยังคงยืนกระพริบตาปริบๆ

   “จะบอกว่า คุณกับกระวาน....” พ่อมองหน้าผมสลับกับนายจักรพรรดิ พลางกลืนน้ำลายลงคอ “ฟิชเชอริ่งกันจนเพลียอย่างงั้นเหรอ” ดูช่างเป็นการใช้คำที่เข้ากับยุคสมัย “เขาปล้ำแกเหรอกระวาน!”

   “พ่อ!” ตกใจตาเกือบถลนออกจากเบ้า เมื่อพ่อตะโกนถามออกมาเสียงดัง ผมมองหน้าพ่ออย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

   “ตายๆ” แล้วพ่อก็ร้องเรียกหายาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่อง

   “คุณไม่ได้ใช้กระวานเป็นตัวขัดดอกใช่ไหม” พอแม่ถามออกมาโดยท่าทางทีเรียบเฉย ไม่ได้ตกใจจนเป็นลมเหมือนคนรัก และคำถามนั่นก็เหมือนมีไฟฟ้าช็อตเข้าที่อกจนต้องยกมือขึ้นมาจับ นั่นสินะ ผมเป็นหนี้เขานี่หว่า “กับหนี้เป็นล้านๆ นั่น”

   “ผมไม่ได้คิดแบบนั้นครับ” เป็นคำตอบและคำยืนยันที่หนักแน่น มือใหญ่ยื่นมาบีบมือผมก่อนส่งยิ้มบางๆ มาให้ คงเพราะผมทำหน้าซีดมองเขาอยู่ “ผมตั้งใจทำ”

   “ตั้งใจทำด้วย ตายๆ” พ่อเด้งตัวขึ้นมาพูดแทรก แล้วก็ล้มพับลงไปอีก

   จะเครียดหรือฮา นาทีนี้พ่อต้องเลือกแล้ว

   “แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไง ว่าคุณไม่ได้ใช้ลูกฉันขัดหนี้”

   จังหวะที่รอคำตอบ ทำไมใจผมเต้นแรงแบบนี้ล่ะ แล้วสิ่งที่ผมอยากฟัง มันจะออกมารูปแบบไหน

   “เพราะกระวานไม่ได้เป็นหนี้ผมอีกแล้ว”

   “หา?”

   ตอนนี้ทั้งผม ทั้งแม่และพ่อที่นอนดมยาดมต่างพากันฉงนกับสิ่งที่ได้ยิน

   “พี่หนึ่งหมายความว่ายังไง”

   “พี่เจอแหวนนั่นแล้ว”

   “เจอแล้ว? เมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมไม่เห็นบอก” ผมถามรัวๆ รู้สึกสับสนไปหมด

   “พอดีแม่บ้านเจอสูทที่พี่ใส่วันนั้นในตู้ใต้อ่างล้างหน้า เลยเอาไปซัก ก็เลยเจอแหวนอยู่ในกระเป๋า”

   “แหวนอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทเหรอ?”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนพูด เพราะสมองกำลังทบทวนและย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อวันนั้นอีกครั้ง ภาพที่เกิดขึ้นกำลังถูกรีเพลย์กลับมา เริ่มต้นตั้งแต่ผมถอดแหวนออกจากนิ้วนายจักรพรรดิ แล้วหันรีหันขวางไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหนเพราะกลัวหาย เลยหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อสูทที่วางไว้ข้างๆ พอเช็ดตัวเสร็จผมก็เอาผ้าขนหนูรวมทั้งเสื้อสูทนั่นขยำๆ แล้วโยนในตู้ใต้อ่างล้างหน้า นี่ละ ภาพที่ขาดหายไป ทำไมตอนนั้นผมถึงจำไม่ได้ล่ะ

   “แสดงว่า กระวานก็ไม่ได้เป็นหนี้คุณแล้ว งั้นก็ไม่ต้องไปทำงานที่อาบอบนวดคุณอีก แบบนั้นถูกต้องไหม” พ่อผมถามรัวๆ จนแทบฟังไม่ทัน เมื่อกี้ยังเป็นลมอยู่แท้ๆ

   “กระวานไม่เป็นหนี้ใช่ครับ แต่ก็ต้องไปทำงานต่อ”

   “ทำไมล่ะ ก็ลูกผมไม่ต้องทำงานใช้หนี้คุณแล้วไง”

   “ก็เพราะ ผมอยากให้กระวานอยู่ใกล้ๆ”

   คำตอบหวานเลี่ยนทำเอาพ่อไปต่อไม่ได้ ส่วนแม่ก็ขำอย่างเดียว

   “พูดได้ดีทีเดียว”

   “แม่ไปชมทำไม”

   “พ่อจะให้แม่ด่าเหรอ” เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ตอนนี้พ่อทำหน้างอออกบ้านไปแล้ว ส่วนแม่ก็เดินเข้ามาตบบ่านายจักรพรรดิเบาๆ “ถึงฉันไม่ด่าคุณ แต่ก็ไม่ได้ชื่นชม คุณเข้าใจใช่ไหม”

   “ผมเข้าใจดีครับ แต่เรื่องกระวาน ผมจะดูแลและรับผิดชอบทุกอย่าง คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถ้าผมได้พูดแล้ว ผมก็จะไม่มีวันผิดคำพูด”

   “ลูกผู้ชายดี แบบนี้แหละถึงจะเอาไอ้อ้วนนี่อยู่”

   “กระวานไม่ได้อ้วนนะแม่ แค่อวบ” รีบเถียงทันที แม้ปากจะยิ้มอยู่ก็เถอะ

   “คิดว่าตัวเองอวบมาตั้งแต่เด็ก นี่ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ ระวังเถอะ เขาจะอุ้มลูกไม่ไหว อุ้มทีหลังหัก”

   “แม่!”

   “เอาล่ะ หมดเรื่องแล้วแม่ต้องไปทำงาน คนไข้รออยู่ แถมมีเคสยากติดมาด้วย” แม่ขยิบตาให้ผมก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านใน ไม่นานก็ออกมาพร้อมด้วยเสื้อหนังสีดำ มือถือหมวกกันน็อคใบโต ด้านหลังสะพายกระเป๋าที่คงจะมีชุดทำงานเปลี่ยน “จะออกไปไหนล็อกบ้านด้วยนะกระวาน ไปนะคุณ”

   แม่ผมเดินไปควบมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ พลางสตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่มคล้ายกับสิงโตคำราม ก่อนจะขี่ออกจากบ้านไป โดยที่คนข้างผมยังคงมองตามอย่างงงๆ

   “พ่อขับรถสีชมพู? แม่ขี่บิ๊กไบท์?”

   “แปลกเหรอ?”

   “ก็นิดหน่อย...ว่าแต่ พ่อกระวานเปิดร้านอาหาร แล้วแม่ล่ะ ทำงานอะไร”

   “เป็นหมอ” ที่มักจะได้รักษาผีมากกว่าคน

   “หมอ?”

   “เห็นห้าวๆ แบบนั้น แต่แม่รักษาคนเก่งมากเลยนะ ถ้าวันไหนพี่หนึ่งถูกยิงอีก ผมจะพาไปหาแม่”

   “แช่งกันได้ลงคอนะเรา” ถูกจิ้มหัวอยู่หลายรอบจนต้องปัดมือคนทำออก “แต่มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ แม่กระวานดูทะมัดทะแมงกว่าพ่อเยอะ”

   ผมหยักไหล่เพราะได้ยินคนพูดประโยคแบบนี้มาเป็นร้อยเป็นพัน ตอนแรกก็แอบโกรธที่ใครหลายคนบอกว่าพ่อผมดูอ่อนแอ แถมชอบทำงานของผู้หญิง แต่สำหรับผม พ่อคือไอดอลเลยนะครับ หายากมากที่จะเจอคนแบบนี้ ที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา นิสัยและฝีมือ ติดอยู่อย่างเดียว ชอบมีพวกหลงเสน่ห์มาติดพันอยู่เรื่อย แต่ก็โดนโป๊ยกั๊กไล่ตะเพิดจนแตกกระเจิงไปทุกคน

   ความดีมันก็มีนะครับ น้องผมน่ะ






   หลังจากคุยเสร็จ ผมก็ขอตัวขึ้นห้องเพราะอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ตัวเดิมของเมื่อวานแล้วมันคันๆ คงเพราะถูกโยนทิ้งไว้ที่พื้นแน่ ถอดแล้วเอาวางบนโต๊ะหน่อยก็ไม่ได้

   “พี่หนึ่งจะตามขึ้นมาทำไม” หันไปถามคนที่กำลังเดินสำรวจห้องของผม

   คนที่ถูกถามไม่ยอมตอบ แต่กลับเดินสำรวจห้องผมแทน “ปิดกระจกไว้ทำไม”

   “ก็แค่ปิดไว้เฉยๆ” ไม่อยากบอกว่าปิดกันเจอกานพลูตอนดึกๆ เผื่อเข้าห้องน้ำมาละสะดุ้งฉี่แตก ที่บอกแบบนี้เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดนพ่อด่าหูชา แถมยังต้องเช็ดถี่ตัวเองตามพื้นอีก ดังนั้น ปิดไว้จะดีที่สุด “พี่หนึ่งอย่าเปิดนั่นเปิดนี่เองได้ไหม”

   “ของเมียทำไมจะเปิดไม่ได้” ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายแรงมากกว่าละก็ จะกระโดดตบปากฉีกเลย “ห้องนี้เล็กกว่าห้องครัวที่บ้านพี่ซะอีก”

   “ก็บ้านผมไม่ได้รวยนี่”

   “แล้วทำไมห้องกระวานถึงมีสองเตียง” ขี้สงสัยซะจริง

   “ห้องนี้เป็นห้องของผมกับน้อง เรานอนด้วยกัน” ตอบปุ๊บ คนถามก็หันมามอง คิ้วเข้มขมวดเป็นปม “นั่นเตียงของโป๊ยกั๊ก ส่วนนี่เตียงของผม”

   “โป๊ยกั๊ก...เด็กเลือดร้อนที่พี่เจอวันนั้นใช่ไหม” รีบพยักหน้าหลังจากสวมเสื้อยืดเสร็จ “ต่อไปเขาอาจจะได้อยู่ห้องนี้คนเดียว”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็เพราะกระวานจะไปอยู่กับพี่ไง”

   “พูดตอนไหน อย่ามามั่ว” ถอดกางเกงตัวเก่าลง เอาแบบอล่างฉ่างนี่แหละ ยางอายหมดไปตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งคนที่ยังสำรวจห้องผมทำเพียงแค่ปรายหางตามอง ดูไม่ได้สนใจอะไร คงกำลังห้ามตัวเองไม่ให้โผเข้ามาจับผมขย้ำแบบที่กำลังคิดอยู่ “ผมยังต้องไปทำงานที่คลับอีกเหรอ แหวนก็เจอแล้ว” หน้างอเมื่อนึกถึงเรื่องแหวน “พี่หนึ่งไม่คิดจะบอกผมเลยเหรอ กะจะให้ผมทำงานใช้หนี้ไปตลอดชีวิตหรือไง”

   “พี่ก็กะจะบอกวันนี้นี่แหละ ดีนเพิ่งได้แหวนจากแม่บ้านเมื่อเช้านี้”

   “เขาเจอเมื่อไหร่เหรอ”

   “ก็คงหลังเกิดเรื่อง พี่ให้เขามาทำความสะอาด” ตาผมแทบถลนเมื่อได้ยิน “จะถามใช่ไหม ว่าทำไมเพิ่งเอามาคืน” ผมรีบพยักหน้ารัวๆ รอฟังคำตอบ “หลังจากพี่ถามกระวานไปก็เลยสงสัยอะไรบางอย่าง เลยให้ดีนลองเช็คกล้องย้อนหลังทั้งชั้นดู เห็นแม่บ้านออกจากห้องดูมีพิรุธ พี่เลยให้ดีนไปตามตัว”

   “เขาตั้งใจขโมยเหรอ”

   “คงงั้น แต่กว่าจะเจอก็ต้องใช้เวลาเพราะหนีออกชายแดนไป”

   อยากเห็นหน้าแม่บ้านคนนี้มาก เพราะเขาทำให้ผมเดือดร้อนขนาดนี้

   “แล้วพี่หนึ่งจัดการเขายังไง ไม่ได้ฆ่าทิ้งใช่ไหม”

   “พี่ไม่ใช่มาเฟียนะ ก็แค่ส่งให้ตำรวจจัดการปกตินั่นแหละ”

   ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็เพราะแหวนนั่นมันสำคัญขนาดนั้น ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องแหวน เจ้าของแหวนกลับไม่สนใจ แถมยังทิ้งตัวลงนอนบนเตียงผมอีก   

   “เตียงนี่แข็งนะ น่าจะนุ่มๆ หน่อย นอนปวดหลังพอดี”

   “แล้วพี่หนึ่งจะนอนทำไมเล่า”

   “ก็แค่ลองดูว่านุ่มเหมือนตัวกระวานไหม มามะ” ผมหรี่ตามองนายจักรพรรดิที่นอนเหยียดยาว มือก็ตบตรงที่ว่างตรงหน้าเพื่อให้ผมเดินไปหา

   “เรียกอย่างกับหมา” ว่าไปนั่น แต่ก็เดินเข้าไป หย่อนก้นนั่งปุ๊บ ตักก็ถูกหนุนแทนฝ่ามือ “พี่จริงจังกับผมจริงๆ เหรอ” ถามอย่างจริงจัง อย่างที่เคยบอกไป มันดูเร็วเกินจนจะคิดว่ามันคือเรื่องจริงหรือหลอก

   “ห้องของพี่ไม่เคยให้ใครเข้า กระวานรู้ใช่ไหม”

   “อืม”

   “แล้วเพราะอะไรพี่ถึงให้กระวานเข้าไป”

   “ไม่รู้” ตอบปุ๊บ ถูกมือยื่นมาบีบจมูกปั๊บ นี่ถ้าผมทำจมูกละก็ ได้กลับไปหาหมอใหม่แน่ บีบซะบี้เลย “มันเร็วเกินไป พี่ไม่คิดแบบนั้นเหรอ”

   “จะช้าจะเร็วก็ไม่เห็นเกี่ยว พี่เคยคิดนะ ว่าจะทำอะไรก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่พอพ่อกับแม่พี่เสียไป พี่ถึงรู้ว่ามันผิด หากจะทำอะไรก็ต้องรีบๆ ทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”

   ผมก้มมองใบหน้าขาวที่อยู่บนตัก ไรหนวดขึ้นที่คางจนมือที่สัมผัสรู้สึก พอเลื่อนมือขึ้นมา แก้มสากก็ถูมือผมคล้ายกับอ้อน
 
   “กระวานขอถามได้ไหม ว่าพ่อกับแม่พี่เสียเพราะอะไร” รู้ว่าไม่ควร แต่ผมก็อยากรู้เรื่องราวในชีวิตเขาบ้าง การที่จะเป็นคนรักกัน เราจะต้องแบ่งปันทุกอย่าง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอันใกล้และไกล

   “คนเมายาบ้าขับรถฝ่าไฟแดงมาชน มันทำให้พี่เสียทั้งพ่อ ทั้งแม่แล้วก็น้องที่อยู่ในท้องของแม่ไป” น้ำเสียงที่เล่าฟังดูเรียบเฉย แต่ผมรู้ดีว่ามันซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ “หากวันนั้นพี่ไปด้วย ก็คงตายเหมือนกัน แต่ถึงไม่ได้ไปก็เหมือนตาย ครอบครัวที่เป็นทุกอย่างของพี่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ”

   “พี่คงเจ็บปวดมากสินะ” ผมพยายามกลั้นน้ำตาที่คลอหน่วยตา แม้ไม่ใช่เหตุการณ์ของตัวเอง แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

   “ตอนนั้นพี่ยังเรียนชั้นประถม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนพี่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ ไม่รู้ว่าต้องอยู่ยังไง จากคนที่คิดแต่เรื่องสนุกกลับนั่งร้องไห้ทุกวัน จนปู่กลัวว่าพี่จะเป็นโรคซึมเศร้าเลยพามาทำงานด้วย”

   “ทำงาน? งานที่ไหน” เด็กแบบนั้นจะให้ทำงานอะไรได้

   “ก็ที่คลับนั่นแหละ ปู่ให้พี่ทำงาน ตั้งแต่ล้างห้องน้ำ ล้างจาน กวาดพื้น แม้แต่ผู้ช่วยยามพี่ก็เคยทำ”

   “พูดจริงเหรอ” ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่น้ำเสียงและแววตามันดูหนักแน่นจริงๆ “ปู่พี่เป็นเจ้าของอาบอบนวด แต่ให้หลานแท้ๆ ที่อายุสิบกว่าไปทำงานแบบนั้นเนี่ยนะ ทำไมล่ะ”

   “ตอนแรกพี่ก็ไม่เข้าใจ แต่ปู่บอกว่า ความเศร้ามีได้แต่อย่ามาก และงานทุกอย่าง มันต้องเป็นไปตามขั้นบันได จากขั้นแรกนั่นคือต้องเริ่มจากศูนย์ แล้วค่อยๆ เรียนรู้ มันจะทำให้เราก้าวขึ้นไปอย่างมั่นคงและไม่มีวันถอยหลังลงมา”

   “ปู่พี่สอนดีจัง แล้วตอนนี้ปู่พี่ล่ะ”

   “ท่านเสียไปหลายปีแล้วล่ะ เสียพร้อมพ่อของดีน” อึ้งจนพูดไม่ออก พ่อของดีนมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ “ทั้งคู่ถูกลอบทำร้าย ถูกยิงเสียชีวิต”

   “ฮะ!” สะดุ้งตกใจจนต้องเรียกขวัญตัวเอง นี่มันอย่างกับละคร ชีวิตจริงก็มีแบบนี้ด้วยเหรอ “แล้วจับคนร้ายได้ไหม ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้”

   “จับมือปืนได้ แต่คนจ้างวานมันยังอยู่” นัยน์สั่นไหวเมื่อกี้กลับมาแข็งกร้าว และคราวนี้ดูดุดันมากขึ้น ยิ่งกรามที่นูนขึ้นมา รู้ได้เลยว่ากำลังโกรธ “แต่พี่จะไม่ยอมให้มันมีความสุขหรอก”

   “พี่จะทำยังไง จะไปฆ่ามันเหรอ”

   “ไม่หรอก พี่ไม่ทำแบบนั้น เพราะมันจะไม่ได้ชดใช้กรรมที่มันก่อไว้”

   “อ่าว แล้วพี่ทำยังไง”

   “อีกเดี๋ยว อาบอบนวดของมันก็จะถูกปิด โดนฟ้องล้มละลาย และยังจะถูกดำเนินคดีค้ายา ขายอาวุธเถื่อน นำเข้าของหนีภาษี แถมข้อหาจ้างวานฆ่าอีก ไม่รอดคุกแน่”

   “คนที่ช่วยล่ะ”

   “ไม่มีใครกล้ายื่นมือมาช่วยหรอก เพราะแต่ละคนก็มีคดีเหมือนกัน ลองออกหน้าก็จะถูกเปิดโปงไปด้วย”

   “พี่เอาหลักฐานมาจากที่ไหนมาเหรอ”

   “เห็นแบบนี้ พี่มือแฮกเกอร์มือดีนะ”

   “ใครเหรอ” อยากรู้ขึ้นมาทันที แต่ถ้าให้ผมเดา ข้อมูลขนาดนี้แถมเป็นความลับอีก ต้องเป็นคนสนิทมากๆ แน่ “ดีนเหรอ” ลองพูดชื่อไป แต่ก็ได้การพยักหน้าแทนคำตอบ

   “ดีนเคยเป็นตำรวจสากล แต่พ่อเสียเลยกลับมา”

   “ไม่อยากจะเชื่อ”

   “พี่เล่าเรื่องของพี่แล้ว กระวานเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังบ้างสิ ว่านอกจากกระวานแล้ว มีใครฟังเสียงความคิดได้อีกไหม” เปลี่ยนทั้งเรื่อง เปลี่ยนทั้งอารมณ์จนตามแทบไม่ถูก

   “ไม่มีหรอก” ตอบพร้อมส่ายหน้ารัวๆ “มีแค่กระวานที่ได้ยิน”

   “แล้วพี่น้องคนอื่นๆ ล่ะ มีอะไรพิเศษเหมือนกระวานไหม” ผมเม้มริมฝีปาก ลังเลที่จะเล่า เพราะเรื่องพวกนี้เป็นความลับของครอบครัว “ถ้ากระวานไม่ไว้ใจพี่ ไม่ต้องเล่าก็ได้”

   “ไม่ใช่ แค่มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอธิบายลำบาก” ผมยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง ก่อนตัดสินใจบอกคร่าวๆ สำหรับพี่น้องคนอื่น “พี่ไธม์ พี่ชายคนโตของผม เวลาจับสัตว์ตัวไหนก็จะกลายเป็นตัวนั้นแทบจะทันที”

   “หา?” แล้วคนที่นอนหนุนตักผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง “จับสัตว์ก็จะกลายเป็นสัตว์ตัวนั้น?”

   “อืม ดูเหลือเชื่อเนอะ แต่มันคือเรื่องจริง ส่วนโป๊ยกั๊ก เด็กเลือดร้อนที่พี่ว่านั้น เวลาส่องกระจก เงาที่สะท้อนจะเป็นอีกคนที่นิสัยต่างสุดขั้ว จากที่ตัวจริงบ้าดีเดือด เงาในกระจกกลับอ่อนหวาน น่ารัก”

   “แล้วน้องสาวกระวานล่ะ”

   “เพกาเปรียบเสมือนเทพีพฤกษา ต้นไม้ที่น้องปลูกจะเติบโตไวราวกับเสกได้”

   “ครอบครัวกระวานคล้ายกับนิยายแฟนตาซีเลย”

   “ก็เพราะแบบนี้ ผมถึงบอกว่าอธิบายลำบาก กลัวเล่าไปแล้วพี่จะพาผมไปฝากโรงพยาบาลบ้า” ก็ใครหน้าไหนจะมาเชื่อเรื่องพวกนี้กัน

   “ถ้าพี่ไม่รู้จักกระวานทุกซอกทุกมุมก็อาจจะใช่” ไม่ต้องเน้นทุกซอกทุกมุมก็ได้ ปั๊ดโธ่ “ถึงมันจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ แต่พี่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ทุกเรื่องราวมักมีเหตุผลของมัน”

   “พี่เชื่อที่กระวานพูดเหรอ” ลองหยั่งเชิงถามดู แต่แล้วก็ได้คำตอบคือการโน้มเข้ามาจุ๊บปาก “เนี่ย คนเราชอบลวนลาม”

   “ไม่ได้ยินความคิดพี่เหรอว่าอยากทำมากกว่าลวนลามอีก”

   ผมรีบเดินออกจากห้อง ไม่อยู่รอให้นายจักรพรรดิทำตามความคิดตัวเองหรอก คนอะไรคิดกามมากกว่าชาวบ้านชาวช่อง สมแล้วที่เป็นเจ้าของอาบอบนวด

   “คิดว่าเดินหนีมาแบบนี้จะรอดจากพี่หรือไง” นั่นไง เดินตามมาติดๆ แต่ความคิดก็เบาบางลงจนแทบไม่มีเสียงลอยออกมา คงแกล้งผมแน่ๆ เมื่อกี้นี้ “ทำหน้างอเหมือนตะขอแบบนี้ยังน่ารักเลย”

   ศัพท์คำใหม่ หน้างอเหมือนตะขอนั้นคือขั้นกว่าของปลาทูซินะ

   “ชมเอาซะผมเขินเลย”

   “ถ้ากระวานสบายใจที่จะคิดแบบนี้พี่ก็ไม่ว่า”

   “ปากดี”

   “จูบเก่งด้วย”

   ไม่มีคำโต้เถียงใดๆ ต่ออีก เมื่อปากผมถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากคนตัวใหญ่ เป็นจูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งอย่างคืนที่ผ่านมา แต่ก็รู้สึกซู่ซ่ายิ่งกว่ากินน้ำอัดลม ผสมวาซาบิ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่จูบต่อหน้าแมวสีดำตาเหลืองที่นั่งจ้องไม่ยอมไปไหน สงสัยเจ้าหญิงมันจะอิจฉาผมอยู่แน่ๆ รีบๆ ออกไปหาแฟนสิ ไอ้แมวหน้านิ่ง

         เจ้าหญิงคือแมวตัวผู้นะครับ ที่มาของชื่อก็มาจากพ่อคิดว่ามันเป็นตัวเมีย ตอนแรกหน้าตาน่าเอ็นดู โตมากลับทำหน้าเบื่อโลกซะงั้น ตัวสีดำแต่ขากลับเป็นสีขาวคล้ายสวมถุงเท้าทั้งสี่ข้าง ดวงตาสีเหลืองอำพันเวลาถูกจ้องคล้ายกับโดนมนต์สะกดให้เดินมาหา แต่หากใครหลงยื่นมือไปสัมผัส โดนงับแน่นอน กระวานฟันธง



...TBC

ใกล้จะจบแล้วค่าาาา เย้ๆ

ขอบคุณทุกๆ คอมเม้น ทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ การคลิกเข้ามาดู เป็นกำลังใจมากๆ เลยค่าาา
 
แล้วพบกันตอนหน้าค่าา จ๊วฟฟฟ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ภารกิจพาลูกเขยกลับบ้านผ่านไปด้วยดี

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พี่หนึ่งเหมือนจะออกตัวช้าหึหึแต่เคลมเร็วดีจริงๆ  :z1: แป๊บๆได้เมียซะและ  o18 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...อิพ่ออิแม่เนี่ย  รู้ว่าลูกเสร็จ...ไปแล้วก็ยังเฉยไม่เห็นทำไรเลยอ่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ได้พบพ่อกับแม่แล้ว เหลือเจอกับพี่น้องแบบรวมกลุ่ม  :katai2-1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-17-





        เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเป็นอิสระในการเข้ามาในห้องโถงนี้ บรรดาพนักงานเชียร์แขกยังคงทำงานของตัวเอง พอหันมาเห็นผมต่างก็ชะงัก แต่ผมฉีกยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปด้านในแทน เห็นเจ๊พิมพ์ยังคงง่วนอยู่กับเอกสารบางอย่าง ใบหน้าขาวตียุ่งจนผมขำ

   “ก๊อกๆ”

   “อ่าว กระวาน”    

   เงยหน้ามาทัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปต่อ

   “เจ๊ทำอะไรเหรอ”

   “ดูเอกสารเด็กใหม่น่ะสิ”

   “อ่าว แล้วคนที่เพิ่งมาล่ะ”

   “โดนเสี่ยตกไปแล้ว เพิ่งมาไม่กี่วันก็ลาออก เจ๊เครียด” แล้วคนเครียดก็ขยี้ผมตัวเองซะฟูฟ่อง “หอมก็มาลาออกอีก เจ๊ก็เครียด”

   “หอมลาออกเหรอครับ” ตาโตกับข่าวที่รู้ เจ๊พิมพ์เงยหน้ามามองผม “อย่าบอกว่า...”

   “ตามนั้น ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมคนที่ฉันเทรนมากับมือต้องถูกคนตกไปตลอด แล้วคนเทรนอย่างฉันทำไมถึงไม่มีใครมาตกบ้าง โอ๊ย เครียดมาก ไมเกรนจะขึ้น”

   ได้ยินปุ๊บ ผมก็ขำออกมา นี่คือประเด็นหลักสินะครับ “ขึ้นคานอย่างมีคุณค่านะครับ”

   “ย่ะ”

   ไม่อยากกวนเวลาคนยุ่ง ผมเลยเดินออกมาด้านนอก ซึ่งยังมีลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ผมมองบรรยากาศรอบๆ พลางลูบหัวแหวนไพลินที่สวมอยู่บนนิ้ว แหวนที่ทำให้ผมต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมาย ทำให้ผมชินชากับเสียงที่ได้ยินวันละเป็นร้อยเป็นพันความคิด ได้ยินจนกระทั่งเขียนบทสวาทออกมาได้เป็นตอนไม่รู้จักจบ ผมว่า ผมไปเอาดีทางด้านงานเขียนสายวาบหวิวน่าจะรุ่ง

   จากที่เคยคิดว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่แสนสกปรก เป็นที่รวมของพวกตัณหากลับลามก ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นมีการตบตี แย่งชิงแบบในละคร ทุกอย่างที่นี่มีกฎระเบียบควบคุมไว้อย่างชัดเจน หากใครผิดกฎก็มีบทลงโทษตั้งแต่เบาสุดจนถึงหนักสุด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า หนักสุดที่ว่า แค่ไล่ออกหรืออะไร เพราะคนคิดกฎไม่ยอมบอก รู้แต่ว่า นายจักรพรรดิเปลี่ยนกฎให้เบาขึ้นมาก จากของปู่ตัวเอง
 
   เป็นคนเนี๊ยบเรื่องงาน แต่ลูกน้องกลับรักมาก ผู้นำที่ดีสินะ

   “มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ดีนฉีกยิ้มมาให้ ในมือมีปิ่นโตสีชมพูที่มองยังไงก็มาจากร้านของผมแน่ “อ้อ ปิ่นโต” และดีนคงรู้ว่าผมจ้องอยู่เลยยกของในมือขึ้นมา

   “ของที่ร้านผมใช่ไหม” ถามด้วยความสงสัย ปกติร้านผมจะใส่กล่อง ไม่ก็ห่อกระดาษ เคยคิดจะห่อใบตอง แต่มันยุ่งยากเพราะใบมักจะแตก

   “ครับ” ดีนรับคำแล้วก็ไม่ยอมพูดต่อ กลับสาวเท้าหนีออกจากหน้าประตูไป ปล่อยให้ผมยืนสงสัยอยู่คนเดียว    ทำไมเป็นคนนิสัยไม่ดี

   “กระวาน บอสเรียกให้ขึ้นไปหาน่ะ” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าห้องเจ๊พิมพ์ คนตะโกนบอกเสร็จก็กลับเข้าไปทำงานต่อ ผมกวาดสายตาส่งยิ้มให้กับพนักงานทุกคนที่หันมาสนใจ ก็นะ เสียงตะโกนใช่จะดังน้อยซะเมื่อไหร่

   ผมปลีกตัวขึ้นลิฟต์ มือก็ปิดยิกๆ เพราะทนสายตากับความคิดของทุกคนที่มีต่อผมไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นผมรับไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ เล่นคิดมาได้ยังไงว่าผมใช้ร่างกายอ้วนๆ หลอกล่อให้เจ้าของที่นี่ติดกับ อ้วนแล้วไง ไม่ได้ไปขอยืมไขมันใครมาสักหน่อย...จะด่าตัวเองทำไมเนี่ย

   เดินมาถึงห้องเจ้าของอาณาจักรอาบอบนวด ผมเคาะห้องสองทีด้านในก็ส่งเสียงให้เข้าไป เปิดประตูไปก็เจอคนนั่งเคร่งเครียดก้มหน้าสนใจเอกสารบนโต๊ะ ขนาดผมไปยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่คิดจะเงยขึ้นมามอง

   “นั่งรอพี่ก่อน ขอเคลียร์งานแป๊บหนึ่ง”

   บอกทั้งๆ ที่ตายังเลื่อนดูข้อความบนกระดาษ ผมหย่อยก้นนั่งเก้าอี้ตรงข้าม พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมส์ ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบเล่นเกมส์สักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าเล่นไปแล้วจะได้อะไรนอกจากปวดตา ปวดคอ ปวดหัว แต่พอได้ลองเล่นแบบจริงๆ จังๆ มันก็สนุกไปอีกแบบ เหมือนการรับรู้ทุกอย่างถูกตัดออกไปหมด กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกมือเชยคางให้เงยหน้าขึ้น พร้อมๆ กับปากที่ประกบลงมา

   “พี่หนึ่งทำอะไรเนี่ย” รีบยกมือปิดปกตัวเองหลังจากถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน คนทำมายืนข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “มาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ตั้งนานแล้ว”

   “ทำไมกระวานไม่เห็นรู้เลย”

   “ก็มัวแต่สนใจโทรศัพท์” ว่าแล้วโทรศัพท์ในมือผมก็ถูกดึงออกไป จะคว้าก็ไม่ทัน “ถ้าไม่สนใจกันอีก พี่จะยึดโทรศัพท์”

   “เป็นครูฝ่ายปกครองหรือเปล่าเนี่ย” เพราะผมโดนประจำสมัยเรียน ส่วนใหญ่ของที่โดนยึดจะเป็นไอพอตซะมากกว่า ผมต้องใช้เสียงเพลงกลบความคิดที่ได้ยิน

   “ไม่ได้เป็นครูฝ่ายปกครอง แต่เป็น...”

   “พี่หนึ่ง!”

   ถลึงตาใส่คนที่กระซิบคำตอบมาเต็มสองรูหู คนพูดขำไม่หยุด แต่พอหยุดก็เปลี่ยนมาดึงแขนผมให้เดินตามไปนั่งตักที่เก้าอี้ทำงานตัวเอง แขนยาวสองข้างรัดช่วงเอวผมไว้ หน้าขาววางเข้าที่บ่า

   “คิดถึงจัง” แอบจั๊กจี้เวลาคางแหลมขยับไปมา

   “เพิ่งเจอกันเนี่ยนะ” เอี้ยวทั้งหัวและตัวไปถาม แต่คำตอบที่ได้คือการหอมแก้ม ชอบตอดเล็กตอดน้อยกับร่างกายผมอยู่เรื่อย “ทำไมพี่ถึงมาชอบกระวานได้ล่ะ หรือกระวานตรงสเปคเหรอ” แอบเข้าข้างตัวเองนิดๆ แล้วความมั่นใจก็หดหายเมื่อถูกหัวเราะชิดใบหู

   “พี่ไม่เคยมีสเปคหรอก แต่ที่มาชอบกระวานก็เพราะ...”

   “เพราะอะไร”

   “กระวานเหมือนหมอน”

   หมอน? ด่าผมอ้วนหรือเปล่าวะ

   “ยังไง ดีหรือไม่ดี”

   “หมอนที่พี่หนุนแล้วสามารถนอนหลับได้อย่างสนิทโดยไม่ต้องคิดเรื่องอะไร กระวานทำให้พี่สบายใจเวลาอยู่ด้วย แม้บางทีจะกวนตีนมากไปหน่อย แต่ทุกครั้งก็ทำให้พี่หัวเราะ”

   “ปกติพี่ไม่หัวเราะเหรอ”

   “ก็หัวเราะ แต่ไม่ได้ออกมาจากความสุข” ผมจ้องนัยน์ตาคนด้านหลังที่สั่นระริก “กระวานเป็นคนแรกที่ทำให้พี่อยากแกล้ง ไม่รู้ทำไม”

   “เพราะกระวานน่ารักก็พูดเถอะ หลักฐานมัดตัวกระวานไม่เถียงหรอก” ไม่รู้พูดชมตัวเองมากไปหรือเปล่า ถึงถูกงับจมูกได้ ดีที่งับเล่นๆ ลองกัดจริงมีแหว่ง “กระวานมักจะได้ยินเรื่องอย่างว่าตั้งแต่เด็ก จนกระวานรู้สึกเกลียด ทุกครั้งที่ได้ยินก็จะคอยถามตัวเองมาตลอด ว่าทำไมต้องเป็นกระวานที่ได้ยินเรื่องพวกนี้อยู่คนเดียว หรือถูกสวรรค์สาป มันทำให้กระวานชอบการอยู่คนเดียวมากกว่า จนกระวานได้มาอยู่ที่นี่ ได้ใช้ความสามารถที่ตัวเองมีในการทำงาน เพิ่งรู้ว่ามันก็มีประโยชน์”

   ผมเหม่อมองอย่างเลื่อนลอยพลางบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่เด็กให้นายจักรพรรดิฟัง ตอนนี้ผมไม่มีเรื่องที่จะต้องปิดบังอีก ผมไม่อยากจะซ่อนความลับของตัวเอง อยากเปิดเผยตัวตนจริงๆ ให้คนที่รักผมและคนที่ผมรักได้รับรู้

   “ตอนที่รู้ว่าต้องมาทำงานที่นี่ กระวานคงจะไม่ชอบเลยสินะ” คำถามที่ทำให้ผมยิ้มก่อนพยักหน้าลง “รวมทั้งไม่ชอบพี่ด้วยสินะ”

   “ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แต่หมั่นไส้ คนอะไรขี้เก๊ก ชอบยืนล้วงกระเป๋ากางเกง คิดว่าเท่แล้วเหรอ” พูดออกไปด้วยความหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็หลุดขำออกมาเมื่อคนที่ผมนั่งตักทำหน้ามุ่ย “ตอนที่ถูกลอบยิง หากไม่ได้พี่หนึ่งช่วย กระวานก็คงตายไปแล้ว ตอนนั้นแหละ กระวานคิดว่าพี่เท่จริงๆ ไม่ได้โม้”

   “พี่เห็นหน้ากระวานดูเป็นห่วงพี่จริงๆ”

   “แน่ล่ะสิ คนใกล้ตายอยู่ตรงหน้าทั้งคน”

   “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพี่มาหลายครั้ง” ผมเอียงคอมองอย่างสงสัย ว่าไปช่วยชีวิตอะไรหลายครั้ง คนถูกมองคงรู้เลยรีบอธิบายต่อ “ครั้งแรกช่วยให้พี่รอด ครั้งที่สองช่วยให้พี่หัวเราะ ครั้งที่สาม ช่วยให้พี่รู้สึกอยากกลับมามีครอบครัวอีกครั้ง ครั้งที่สี่ ช่วยให้พี่อยากมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ และช่วยครั้งสุดท้าย ช่วยให้พี่มีความรัก”

   เอาซะผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว

   “พี่หนึ่งล่ะก็ ชอบพูดความจริงอยู่เรื่อย” พยายามสร้างความขบขันกลบความเขินอายให้ตัวเอง แต่พอถูกจับคางแล้วบิดให้หันไปมา เพียงแค่นั้น ความร้อนของใบหน้าก็พุ่งทันทีจนอยากหลบสายตาที่มีแต่ความปรารถนาอันแรงกล้า

   “ได้ยินความคิดพี่ล่ะสิ หน้าแดงเชียว”

   “ใครใช้ให้พี่คิดเล่า”

   “ไม่แฟร์เลย กระวานได้ยินของพี่ แต่พี่ไม่ได้ยินของกระวาน”

   “ถ้าพลังพิเศษสามารถโอนให้กันง่ายๆ อย่างกับเงิน ผมคงโอนให้ไปแล้ว ให้แล้วไม่รับคืนด้วย”

     “พี่ไม่คืนทุกอย่างนั่นแหละ พุงนี่ก็ไม่คืน” พูดไปมือก็ลูบพุงผมไป “แก้มก็ไม่คืน จมูก ตา ปากพี่รับทุกอย่างและก็ไม่คืนง่ายๆ ด้วย”

   ผมไม่โต้ตอบเพราะกำลังพยายามจะลุกออกจากตัก แต่แขนที่รัดเอวไม่สามารถทำให้ผมขยับหนีได้อย่างใจคิด แถมเรี่ยวแรงต่อต้านก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อถูกจู่โจมอย่างหนัก

   “นี่มันกลางวันแสกๆ เลยนะ แล้วห้องก็ไม่ได้ล็อก” รีบบอกก่อนสติจะหลุดหายจากการถูกกอด จูบ ลูบ คลำ เค้นไปทั่วร่าง

   “ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก” เสียงกระเส่านิดๆ ดังชิดใบหู

   “ทำไม”

   “เพราะพี่สั่งไว้ ใครเข้ามาจะถูกไล่ออก”

   “นิสัยไม่ดี เอาเรื่องส่วนตัวไปปนกับเรื่องงานได้ไง”
 
   “ก็พี่เป็นเจ้าของที่นี่” พูดทีก็จูบปากผมที แต่เหมือนดูดมากกว่า ไม่รู้ชาติที่แล้วเกิดเป็นปลาดูดหรือเปล่า “เป็นเจ้าของกระวานด้วย ดังนั้นกระวานต้องเชื่อฟัง รู้ไหม”

   “ไม่รู้ และไม่อยากรู้ด้วย อื้อ”

   คราวนี้ปากผมแทบหายเข้าไปในปากนายจักรพรรดิจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
 
   หวังว่า มื้อเที่ยงผมคงจะได้กินข้าวตรงเวลาอย่างเช่นทุกวัน





****

   เป็นอาทิตย์แล้วที่คนชอบมาๆ หายๆ เริ่มอยู่คลับตลอดเวลา พอผมถามถึงเรื่องที่เป็นปัญหาก็ไม่เคยจะได้คำตอบจริงๆ จังๆ สุดท้ายคำตอบที่อยากรู้ ก็ได้รู้จากการแพร่ภาพผ่านข่าวโทรทัศน์เกือบทุกช่องแทน ภาพการทลายอาบอบนวดชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากคลับที่ผมอยู่ ผมจำได้ดีว่ามันเป็นอาบอบนวดที่เจ้าของเคยจ้างนักเลงมาทำร้ายผมกับคนในนี้
 
   ภาพเคลื่อนไหวขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมคล้ายคลึงกับละครที่ผมเคยดู การบุกชาร์ตผู้กระทำความผิดที่มีคนหนุนหลังเป็นคนใหญ่คนโตมักจะด่ากราด ชี้หน้าคนจับว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

   “ดูสิ เดี๋ยวก็ออกมาเหมือนเดิม” ผมทำหน้ามุ่ยชี้นิ้วไปที่โทรทัศน์ ทำให้นายจักรพรรดิเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมาดู “พี่หนึ่งว่า ไอ้นี่จะติดคุกกี่วัน”

   “น่าจะตลอดชีวิต” เสียงเข้มตอบกลับมา ผมรีบหันกลับไปจ้องพลางทำตาโต

   “จริงอะ ทำไม”

   “ก็หลักฐานที่พี่กับตำรวจหาได้ มันมากพอที่จะขังลืม” ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “บ่อนเคลื่อนที่ หวยเถื่อน โต๊ะบอล ค้ายา ค้าอาวุธ นำเข้าของหนีภาษี อีกอย่าง อาบอบนวดนั่นก็มาจากเงินที่พวกอยู่เบื้องหลังส่งมาฟอก”

   “โห พี่รู้ได้ไงอะ โคตรเทพ” ไม่พูดเปล่า ผมลุกยืนพลางปรบมือให้เลย “หรือที่พี่เคยบอกว่าให้ดีนแฮกข้อมูลมันออกมาเหรอ” แบบนี้ผมต้องไปปรบมือชมเชยให้กับดีนอีกสินะ

   “ก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็ได้มาจากปู่ของพี่นั่นละ ท่านเก็บไว้นานแล้ว”

   “เพราะงี้หรือเปล่า ไอ้พวกนั้นถึงตามฆ่าปู่ของพี่”

   ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงการพยักหน้าช้าๆ เท่านั้น ผมรู้ว่ามันคงสะเทือนใจไม่น้อยกับการย้อนนึกถึงวันอันแสนเศร้า ใบหน้าหล่อดูซึมจนผมเคาะโต๊ะเรียกให้มอง

   “มีอะไร”

   “ก็ไม่อยากเห็นพี่เศร้า”

   “พี่เศร้าแล้วมันทำไม”

   “รู้สึกหดหู่พิกล” พูดจบปุ๊บ ความคิดแสนชั่วร้ายก็พุ่งเข้ามาสู่โสตประสาทจนผมต้องรีบขอตัวลงไปหาเจ๊พิมพ์ แต่ก็ไม่รอด เมื่อข้อมือถูกมือใหญ่ดึงเอาไว้ซะก่อน แถมตอนนี้ตัวผมก็นอนเกยบนโต๊ะ

   เพิ่งรู้สึกเหมือนพะยูนเกยตื้นก็คราวนี้

   “เดี๋ยวพี่ทำให้หายหดหู่เอง ดีไหม”

   “ไม่ดีเลย ไม่ดีสักนิด ไม่ดีเอามากๆ”

   แต่คิดเหรอ ว่าคนหื่นกามตรงหน้าผมจะเชื่อ ใครหน้าไหนบอกว่านายจักรพรรดิเสื่อมสมรรถภาพวะ ถ้าเจอหน้าจะเตะก้นให้ดู

   โชคดีที่ผมเตะก้นตัวเองไม่ถึง (ขาสั้นนั่นเอง)






****

   หลายเดือนผ่านไปไวอย่างกับละคร ผมถูกปรับขึ้นตำแหน่ง จากการเป็นพนักงานต้อนรับแขกกลายมาเป็นดูแลส่วนกลางทั้งหมด เจ๊พิมพ์ถึงกับออกปากว่าดูผมไม่ผิด ว่าไม่ใช่พนักงานต๊อกต๋อยธรรมดา และก็เป็นจริงจนผมต้องเลี้ยงกาแฟอย่างไม่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องเลี้ยง

   แต่ถึงผมจะต้องไปดูแลอาบอบนวด ผมก็ยังคงแบ่งเวลามาดูแลร้านของพ่อบ้าง เพื่อไม่ให้ถูกตัดออกจากกองมรดก และจากการกลับมาช่วยที่ร้าน ทำให้ผมได้รู้ว่า ร้านหิ้วปิ่นโตของพ่อผม มีขาประจำที่มักจะมานั่งกินข้าวเป็นชั่วโมงๆ บางครั้งมาทั้งสามเวลาเลยก็มี อย่างวันนี้ผมเห็นขาประจำคนนั้นกำลังนั่งกินข้าวไปยิ้มไปดูมีความสุข คงเพราะคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยละมั้ง

   “พนันกันไหมพี่” แรงสะกิดแขนทำให้ผมหันไปมอง เจอไนท์ที่มองไปยังโต๊ะเดียวกับผมมอง “คบกันแล้วชัวร์”

   “ฉันก็ว่าคบกัน” ผมว่าออกไป ก็นะ ดูสนิทกันถึงขั้นไปนั่งเป็นเพื่อนกินข้าวขนาดนั้น “แกว่าไงกอล์ฟ”

   “พี่ว่าไงผมก็ว่างั้นแหละครับ” ไอ้คนปากมากที่บอกเรื่องผมให้กับครอบครัวเก็บจานเดินผ่านพอดี “แต่จะดีกว่านี้ ถ้าไอ้ไนท์กับพี่ช่วยผมเก็บโต๊ะนะครับ”

   “บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ไม่รู้สึกยินดีเหรอ ที่ซันกำลังจะมีแฟนน่ะ”

   “กับบอร์ดี้การ์ดแฟนพี่น่ะนะ”

   “อืม ดูเหมาะกันดี”

   “แบบแปลกๆ น่ะสิ”

   “ไอ้กอล์ฟ”

   “ซันมันเคยมีแฟนซะที่ไหน อยู่ๆ จะให้มันมีแฟน แถมเป็นผู้ชายด้วย พี่ว่ามันไม่แปลกเหรอ”

   ก็จริงของมัน

   “ฉันก็ไม่เคยมีแฟน แต่พอมีก็ผู้ชายเหมือนกัน ไม่เห็นแปลก”

   “นั่นมันพี่ไง”

   “นี่แกจะด่าฉันใช่ไหม”

   “ผมไม่ได้ว่านะ พี่ว่าตัวเอง”

   ไม่มีคำตอบใดๆ ให้อีก นอกจากขาท่อนใหญ่เตะเข้าที่น่องไอ้คนปากมาก ผมรู้ว่าซันไม่เคยคบใคร แต่ที่ผมไม่ห้ามก็เพราะอยากให้ได้ลองรู้จักด้วยตัวเอง ถ้าคนมันไม่ใช่ บังคับให้ตายก็ไม่เอา แต่ถ้ามันใช่ ต่อให้ปฏิเสธยังไงมันก็หนีใจตัวเองไม่พ้น

   พอมีความรัก มักจะทำให้เรามีคำคมมากขึ้น

   ระหว่างที่ผมกำลังจัดการเด็กในร้าน เสียงข่าวประจำวันจากหน้าจอทีวีก็ดังแทรกเข้ามา มันอาจไม่น่าสนใจถ้าไม่มีชื่อของนักแสดงสาวที่ผมสนิทและภาพตอนถูกจับตั้งแต่อยู่ที่กองถ่ายละครไปจนถึงสถานีตำรวจ ใบหน้าสวยที่เจ้าตัวดูภูมิใจในฝีมือหมอ ตอนนี้มีผ้าคลุมอยู่ ข้อมือที่มักมีกำไลแพงๆ กลายเป็นกุญแจมือ

   “จินนี่คนนี้ ที่พี่กระวานเคยดูแลใช่ไหม” ไนท์ถามขณะเดินไปดูข่าวใกล้ๆ “ถูกจับข้อหาเล่นยาเสพติด พี่รู้มาก่อนหรือเปล่าเนี่ย”

   “จะไปรู้ได้ไงเล่า” บอกไปแบบนั้นทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ผมรู้ว่าจินนี่เคยเสพยาเสพติด แต่คิดว่าแค่อยากลอง ไม่คิดว่าจะติดหนักแบบนี้ คงเพราะช่วงนี้มีละครน้อย งานอื่นๆ ก็หดหาย แม้รู้ว่ามันเครียด แต่การหาทางออกโดยการเล่นยามันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยสักนิด ทั้งที่ผมเคยเตือนไปก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ เพราะยานั่น มันทำร้ายทั้งตัวเอง รวมทั้งทำลายอนาคตที่ดีอีกด้วย

   ข่าวของจินนี่ยังคงถูกพูดถึงอีกหลายประเด็น อย่างเช่น ทำงานขายบริการในอาบอบนวด ผลพวงมาจากการทลายอาบอบนวดคู่แข่งของ wonder land คราวนั้น ทำให้ตำรวจได้สมุดรายชื่อพนักงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อจินนี่อยู่ และยังมีข่าวจากวงในเล่าวีรกรรมเรื่องจินนี่เที่ยวไปเสนอตัวให้กับเจ้าของนิตยสารบ้าง ผู้กำกับบ้างเพื่อจะได้มีงาน แถมเคยถูกภรรยาของผู้กำกับคนหนึ่งบุกไปเอาเรื่องถึงในกองถ่ายละครจนต้องถอนตัวออกมา แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนมีความสามารถอนาคตไกลต้องมาจบลง เพราะความทะเยอทะยานที่มีมากเกินไป มากซะจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี

   “หมดกันอนาคต เสียดายความสวย”

   “สวยแต่ไม่มีสมองก็ไม่ดีหรอกนะ”

   “ก็จริงของพี่ อนาคตจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ตัวเองทั้งนั้น”

   “นี่แกพูดแบบนี้เป็นด้วยเหรอไนท์”

   “ผมก็มีสมองนะพี่กระวาน ชอบกินปลา”

   ส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคนชอบกินปลา ไนท์ยิ้มแป้นแล้นก่อนเดินไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเช็กบิลออกไปแล้ว ส่วนผมยังคงจ้องหน้าจอทีวี ใบหน้าที่เคยเชิ่ดตลอดเวลาของจินนี่ ตอนนี้ก้มจนคางแทบชิดอก รู้สึกสงสาร แต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ มิน่า ตอนที่มีข่าวเจ้าของคลับคู่แข่งถูกจับ นายจักรพรรดิถึงบอกผมว่า ยังจะมีคนดังและเครือข่ายอีกมากที่กำลังถูกตามจับ

        ไม่นึกว่า หนึ่งในนั้น จะเป็นเพื่อนที่เคยสนิทกันอย่างจินนี่ 

   “กระวาน”

       เสียงทุ้มที่เรียกดังมาจากหน้าประตู ทำให้ผมละความสนใจจากเรื่องหม่นหมองกลับมายิ้มสดใสอีกทั้ง   

   “มาแล้วเหรอ”

   ผมหันไปยิ้มให้ผู้ชายที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของผม จากเด็กกระวานที่เอาแต่งอแง เบื่อง่าย ตอนนี้ผมกลายเป็นนิวกระวาน เพราะผมต้องดูแลคนมากมาย ทั้งที่ร้านและคลับ หากผมโตช้าก็คงจะถูกสอนงานไม่รู้จักจบ ซึ่งคนสอนก็ดูจะชอบใจมากกว่าหงุดหงิดเสียอีกที่ได้แกล้งผม คนอะไรนิสัยไม่ดีขัดกับหน้าตา

   “กลับบ้านกัน” รอยยิ้มนิดๆ แต่กลับเท่จนสาวๆ ในร้านคิดไม่ซื่อด้วย ผมรีบทิ้งผ้ากันเปื้อนแล้วลากนายจักรพรรดิออกจากร้าน แม้คนถูกลากกำลังจะเดินเข้าไปหาลูกน้องตัวเองที่เข้าออกร้านผมทุกเที่ยงวัน

         ไนท์แอบกระซิบผมว่า เวลาดีนมาที่ร้านจะระบุตัวคนทำอาหารทุกครั้ง ไม่รู้เกิดหลงใหลรสมือของซันตั้งแต่ตอนไหน หรือจะตั้งแต่ที่ถูกเจ้านายตัวเองสั่งให้มารับข้าวผัดพริกเผาทะเลคราวนั้นก็ไม่รู้ มันต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่างแน่นอน ส่วนซันก็ด้วย ไม่รู้บ้ายอหรือเปล่าถึงเอาแต่ทำหน้าแดงเวลาถูกชมว่าอาหารอร่อย ถ้าชมว่าคนทำหน้าตาน่ารักก็ว่าไปอย่าง นี่ชมอาหารไง แล้วหน้าแดงทำไม

   “จะลากพี่ไปไหนเนี่ย”

   “กลับบ้าน ทำไมชอบอ่อยนักนะ”

   “พี่ไปอ่อยตอนไหน”

   “ทุกตอน พี่ไม่รู้หรอกว่าคนในร้านแทบอยากจะข่มขืนพี่ด้วยซ้ำ” พูดจบ คนถูกลากก็รั้งตัวเองจนผมเกือบล้ม พอหันไปมองก็เจอรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่กำลังจ้องมา “อะไร” ถามพร้อมทำหน้าเลิกลั่ก

   “ไม่รู้จริงเหรอ”

   “ไม่รู้”

   “โกหก หน้าแดงขนาดนี้ยังบอกไม่รู้”

   ผมรีบเสหน้ามองไปทางอื่น ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วหันกลับไปเผชิญหน้าใหม่อีกรอบ

   “ถ้าอยากขย้ำผมละก็ รีบๆ กลับห้องได้แล้ว มัวยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ขย้ำพอดี”

   “นี่คือข้อดีที่กระวานได้ยินความคิดใช่ไหม”

   “ข้อเสียต่างหาก พูดมากจริงจะกลับบ้านไหม หรือไม่อยากทำให้ผมเป็นลูกแมวแล้ว?”

   “เก็บทุกความคิดแบบนี้เลย แต่ไม่ต้องถึงบ้านพี่ก็ทำกระวานเป็นลูกแมวได้นะ ลองไหม”

   “ลองเลิงอะไร พี่หนึ่งอย่ามาคิดหื่นกามในสวนของพ่อกระวานนะ จะกลับก็รีบกลับ”

   “พูดขนาดนี้แล้ว ไม่รีบกลับได้ยังไง” ไม่พูดเปล่า แขนยาวยังยื่นมารัดเอวผมแน่น “ได้เป็นแมวทั้งคืนแน่ เอ...หรือเป็นกระต่ายดี”

   “ทำไมต้องเป็นกระต่าย...พี่หนึ่ง อย่าหื่นให้มากได้ไหม แค่นี้กระวานก็จะตายอยู่แล้ว”

   ไม่มีคำตอบกลับนอกจากเสียงหัวเราะของคนเจ้าเล่ห์ เพราะอะไรผมถึงพูดแบบนั้นน่ะเหรอ ก็ความคิดของคนกึ่งลากผมไปที่รถนี่น่ะสิ มันแบบอื่อหือ บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แค่ว่า หนังโป๊ หนังเอวียังต้องชิดซ้าย ...

        ต้องขอบคุณเพกาที่ชอบดูสารคดีสัตว์โลกน่ารัก มันทำให้ผมได้รู้ ได้เห็นอีกมุมของกระต่าย เห็นหน้าตาน่ารัก น่ากอดแบบนั้น มันเป็นสัตว์ที่หื่นที่สุดในโลก กระต่ายตัวผู้สามารถผสมพันธ์กับตัวเมียได้ตลอดทั้งปี ทุกวัน ทุกเวลา เท่านั้นไม่พอ มันจะไล่ปล้ำตัวเมียแม้แต่ตอนหลับ จะหยุดก็ต่อเมื่อเหนื่อย ง่วง แม้จะเป็นตัวผู้ด้วยกันก็เถอะ มันก็จะฟิชเชอริ่งกันเองไม่มีหยุดหย่อน น่ารักแต่แรงปรารถนามันช่างมากเหลือเกิน คงคล้ายๆ คนที่กำลังทำหน้าตาระรื่นอยู่ข้างผมนี่แหละ

 
   ส่วนความลับเรื่องพลังพิเศษของผม ก็ยังคงต้องซ่อนจากผู้คน ยกเว้นคนที่ผม...รัก



---- THE END ----


ในที่สุด กระวานก็จบแล้ว เย้ๆๆๆๆ ขอบคุณสำหรับทุกคนเลยที่เข้ามาให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้น กดหัวใจ หรือแม้แต่เข้ามาอ่าน ทุกสิ่งอย่างคือกำลังใจมากๆ เลยค่ะ เพราะเหมือนทำให้รู้ว่า ต้องห้ามหยุดพัฒนาตัวเองมากกว่านี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่าาา

เรื่องนี้เป็นชุดนิยายของ สำนักพิมพ์ MAZE NOVELS ร่วมกับ นักเขียนอีก 2 ท่าน ซึ่งเรื่องของกระวานนั้น เป็นลูกชายคนรอง ยังมีพี่คนโต อย่างพี่ใบไธม์ แต่งโดย คุณ Nicedog คนเล็ก อย่างโป๊ยกั๊ก แต่งโดย  คุณ sine ยังไงก็ตาม ขอฝากนิยายชุด My Family นี้ด้วยนะคะ

ปล. เรื่องของดีนกับซัน จะมีหนึ่งตอนในตอนพิเศษที่จะลงค่า ไม่ได้ตั้งใจลืมหรือปล่อยเลยไปแต่อย่างใด

แล้วพบกันตอนพิเศษค่าาา

ยังรักและคิดถึงเหมือนเดิมค่าาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2018 20:39:48 โดย aiaea83 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด