,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก,,[ตอนพิเศษ ตึก2ต้องห้าม][P.6] /{02/03/62}  (อ่าน 30533 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




My Family : Hidden Secret ลับซ่อนรัก




*****

สำหรับเรื่องนี้เป็นนิยายใหม่ที่ทำเป็นโปรเจ็คร่วมกับกับสำนักพิมพ์ MAZE Novel ร่วมกับนักเขียนอีก 2 ท่านคือ Nicedog และ Sine นะคะ โดยตัวหลักของทั้ง 3 เรื่องเป็นพี่น้องกัน จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 คู่นะคะ

โปรเจ็ค My Family จะประกอบด้วย 3 คู่คือ

พี่คนโต 彡§ Secrets Ground §彡สืบลับเชื่อมใจรัก by nicedog

น้องชายคนรอง "Hidden Secret ลับซ่อนรัก" by AiaeaAiaea

น้องชายคนเล็ก "Secret Me คนนี้ต้องลับ!" by Sine

สามารถตามเข้าไปอ่านอีก2คู่ได้นะคะ

ฝากผลงานโปรเจ็คร่วมครั้งแรกของเราด้วยน้าาา

****










*หมายเหตุ เนื้อเรื่อง ตัวละครและสถานที่ทั้งหมดในเรื่อง เกิดจากการจินตนาการของผู้เขียนทั้งหมด*
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2019 21:09:14 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
 
บทนำ






        คนส่วนใหญ่จะเชื่อกันว่า ผู้ที่มีพลังพิเศษจะอยู่แค่ในหน้าหนังสือนิยาย หรือบนฟิล์มภาพยนตร์เท่านั้น คนพิเศษเหล่านั้นไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้หรอก ผมว่า มันก็น่าเชื่อแบบนั้นนะ ใครหน้าไหนละ จะมีพลังพิเศษเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างในละคร ถ้ามีป่านนี้ตัวคงเต็มไปด้วยแป้ง มีผ้าเจ็ดสีพันรอบตัวคล้ายมัมมี่ แถมฮือฮาในโลกโซเชียลไปแล้ว

   ผมพูดไปงั้นแหละครับ เพราะครอบครัวผมเป็นคนส่วนน้อยของโลก ไม่สิ ของจักรวาลเลยก็ว่าได้ที่มีพลังแบบนั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าเริ่มต้นมาจากไหน หรือจากใคร เพราะผมเกิดมามันก็ติดตัวมาแล้ว และปฏิเสธมันไม่ได้เลย

   พลังพิเศษที่ติดตัวผมมาตั้งเกิดนั้น เป็นพลังเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่ส่งมาจากสายเลือดของฝั่งแม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มี ยังมีพี่น้องร่วมสายเลือดของผมอีกสามคน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีพลังพิเศษในแบบของตัวเอง

   อย่างพี่ชายผม ชื่อใบไธม์ เขามีพลังพิเศษที่จะแปลงร่างกลายเป็นสัตว์ชนิดนั้นๆ ทันทีเมื่อได้สัมผัสเพียงแค่ห้าวินาที ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวสำหรับคนกลัวแมลงอย่างผม พี่ไธม์แยกออกไปอยู่คอนโดคนเดียวหลังเรียนจบ เพราะงานของพี่เขานั้นไปกลับไม่เป็นเวลา หากออกไปอยู่คนเดียวจะสะดวกกว่ามาก 

   มาที่น้องชายคนรองของผม ชื่อโป๊ยกั๊ก อยู่มอปลายปีสุดท้าย เราสองสนิทกันมากกว่าพี่น้องคนอื่น คงเพราะต้องนอนห้องเดียวกัน พลังพิเศษของโป๊ยกั๊กค่อนข้างทำให้ผมหัวเสีย ไม่ใช่เพราะแปลงร่างเป็นสัตว์แบบพี่ไธม์หรอกนะครับ แต่เพราะฝาแฝดในกระจกของมันนั่นแหละ น้องชายของผมหากได้ส่องกระจกทีไร เงาที่สะท้อนกลับมาจะกลายเป็นอีกคนทันที และแฝดในกระจกนั้นทุกคนจะเรียกว่ากานพลู โป๊ยกั๊กดูไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะกานพลูมีบุคลิกที่ต่างจากตัวตนจริงๆ แถมขี้แยก็ปานนั้น เคยมีครั้งหนึ่งผมเกือบช็อกตาย ก็ดึกดื่นค่อนคืนมีเสียงร้องไห้ระงมจนผมสะดุ้งตื่นด้วยความหลอน คิดว่าแม่พาแขกตัวเองกลับบ้าน ที่ไหนได้ โป๊ยกั๊กนั่งหลับหน้ากระจก กานพลูเลยร้องไห้ออกมา


       ไอ้กระวานคนนี้แทบบ้าครับ


   คนต่อมา น้องสาวคนสุดท้องที่อายุห่างกับผมเกินหนึ่งรอบ น้องเพกาสุดน่ารัก ยอดดวงใจของบ้าน ผมว่า พลังพิเศษของน้องคงเบาบางสุดแล้วล่ะ แถมเป็นพลังที่ดีต่อโลกด้วย มือขาวๆ ของน้องผมนั้นสามารถปลูกพืช ผัก ผลไม้ หรือดอกไม้นานาพันธุ์ให้เจริญงอกงามไม่ต้องใช้สารเร่งแต่อย่างใด ช่างเป็นพลังที่บริสุทธิ์เหลือเกิน พี่กระวานคนนี้จะปกป้องน้องจากพวกคนชั่วเอง

   สุดท้ายแล้วก็ตัวผมเอง ผมชื่อกระวาน เป็นลูกชายคนรองของบ้าน พลังพิเศษจะว่าดีก็คงดี จะว่าไม่ดีก็คงใช่ มันระบุสถานะที่แน่ชัดไม่ได้ พลังที่ว่า นั่นคือการได้ยินความนึกคิดเรื่องใต้เข็มขัด เรื่องหื่น ลามกทุกๆ อย่างของทุกคน ไอ้กระวานคนนี้เหมาหมดคนเดียว มันช่างเป็นเรื่องที่ดี...ไม่หรอก ถ้าใครมาได้ยินแบบผม คุณจะเกลียดจนกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกทุกอย่าง ที่สำคัญ มันทำให้คุณถูกมองว่าเป็นบ้า หากต้องไปอยู่รวมกับคนมากๆ


         แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คงต้องเอ่ยไปถึงคุณตาที่ท่านถ่ายทอดพลังพิเศษสู่แม่ของผม พลังที่แม่ได้นั้น เข้มข้นจนผมต้องขอโบกมือลาและไม่ขออยู่ใกล้ การกลัวผีไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ ก็นั่นแหละ พลังของแม่ผม ท่านสามารถมองเห็นวิญญาณได้ทุกดวง และจะคอยช่วยเหลือหากใครมีเรื่องร้องขอ จะดีกว่านี้หากแม่ไม่พาลูกค้ากลับบ้าน จนผมต้องกอดตุ๊กตากระต่ายที่แม่บอกว่าสามารถกันผีได้ในทุกๆ คืน

   ส่วนพลังพิเศษของผมนั้นเท่าที่จำความได้ก็เริ่มจากสมัยอนุบาลแพนด้าน้อย ด้วยความเป็นเด็กใสๆ ไม่ประสีประสาอะไร ได้ยินอะไรก็พูดออกมา ผมจำได้ว่า มีลุงแก่ๆ คนหนึ่งไปส่งลูกหรือหลานหน้าโรงเรียนพร้อมกับผมและพ่อ มันจะไม่มีอะไรหากผมไม่ได้ยินเสียงที่แว่วเข้ามาในหูแล้วปากดันพูดตาม


   “นมครูใหญ่จัง” ผมพูดแบบนี้ออกมาด้วยแววตาใสซื่อ แต่คนที่อยู่แถวนั้นต่างสะดุ้งตกใจ โดยเฉพาะครูที่ยืนรับนักเรียนรีบยกมือปิดหน้าอกตัวเองทันที

   “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะกระวาน พ่อไม่เคยสอนเลยนะ” เสียงพ่อดุผมเสียงเข้ม ก่อนจะหันไปขอโทษครูสาวคนนั้น

   “พ่อไม่ได้สอน แต่กระวานได้ยินลุงคนนี้พูดก็เลยพูดตาม" ผมในวัยเด็กชี้ไปที่ลุงแก่ๆ นั่น พอได้ยิน แกก็รีบปฏิเสธทันที “ลุงพูด กระวานได้ยิน แม่บอกว่าเด็กห้ามพูดโกหกเพราะจะนิสัยไม่ดี

   “คุณสอนลูกยังไงกัน

   ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าจะถูกมองยังไง เพราะสายตาของผมมองแค่พ่อที่โค้งศีรษะขอโทษทุกคน นั่นคือครั้งแรกสำหรับการรับรู้พลังพิเศษของตัวเอง ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่ว่าไหมครับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่จะกำชับไม่ให้ผมพูดเรื่องไม่ดี แม้ผมจะไม่ค่อยรู้ว่าไอ้เรื่องไม่ดีมันหน้าตายังไง ก็เด็กที่ไหนจะแยกออกละครับ

   กว่าจะโตมาได้ขนาดนี้ ผมก็ผ่านเรื่องราวมากมายหลายแสนล้านเรื่องที่ไม่น่าจดจำ ทำให้ทุกวันนี้เพื่อนสนิทไม่มีสักคน ก็ใครละจะมาทนอยู่กับคนที่สวมหูฟังอยู่ตลอด ไม่สนใจคนรอบข้าง หรือแม้แต่ฟังคนอื่น ก็ใครจะอยากสนใจพวกคนที่มีความคิดพรรค์นั้นผ่านไปมาอยู่ในสมองตลอดได้

   ผมว่า ถ้าผมเป็นนักเขียนได้ คงเขียนหนังโป๊ได้สักพันเรื่อง ไม่ใช่เกิดจากประสบการณ์นะครับ เกิดจากความคิดของผู้คนนั่นแหละที่เอามาเรียงร้อยเป็นเรื่องราว คงสนุกพิลึกเชียวล่ะ กับพลังพิเศษของผม



****

ขอฝากนิยายเรื่องใหม่นี้ด้วยนะคะ เป็นโปรเจครวมแรกของเราเลย สามารถติได้ ชมได้ (แล้วแต่จะกรุณา) หากติดขัด บกพร่องตรงไหน ต้องขออภัยด้วยค่าา

ขอบคุณนะคะ (ก้มกราบ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2018 22:58:49 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
  :z1:เปอดเรื่องได้น่าติดตามมากๆ...หุ..หุ... :z1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mc4:  :mc4:  :mc4: ตามมมมค่ะ  :mew3:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mc4: รอติดตามจ้า อยากรู้ว่าจะเจออะไร

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ตอนอ่านชื่อเรื่องนี่หัวคิดไปแล้วว่าต้องเป็นแนวฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนแน่ๆ แต่พอมาอ่านบทนำ เอ๊!? ไม่ใช่แฮะ งั้นคงต้องรอติดตามแล้วแหละว่าพลังพิเศษนี้จะนำเรื่องอะไรมาให้ชีวิตกระวาน ซึ่งดูจากพลังแล้ว อาจจะฮาก็ได้

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นเซตรวมที่น่าติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณมากค่ะ :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตาม ๆ ต่อด่วนนนนนนนนนนนนนนนนน  :กอด1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-1-




      “วันนี้ฉันมีงานที่ไหนบ้าง..กระวาน!” แรงกระฉากหูฟังออกจากหูทำให้ผมสะดุ้งโหยง เสียงเพลงที่กำลังขับกล่อมให้มีสมาธิก็หลุดไปด้วย ผมมองหน้าเพื่อนร่วมรุ่นที่ยืนเท้าเอวจ้องหน้าด้วยแววตาขุ่นเคือง “ฉันถามว่างานวันนี้ฉันมีอะไรบ้าง ไม่เข้าใจทำไมถึงต้องใส่หูฟังตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วนะ”

   “เข้าออฟฟิศไปคุยเรื่องบทละครใหม่ แล้วตอนเย็นก็ต้องไปถ่ายละครซ่อมฉากที่เสียงไม่ชัด” ผมร่ายคิวของวันนี้ให้เพื่อนสาวที่กลายมาเป็นนักแสดงดัง ไม่รู้หรอกทำไมถึงให้ผมมาเป็นผู้จัดการ หรือความสงสารที่ผมไม่มีคนคบก็ไม่รู้

   “ทำไมรับเยอะล่ะ ฉันเหนื่อย” พูดจบก็ทิ้งร่างผอมแห้งลงบนโซฟาราคาแพง “ตอนเย็นแคนเซิลได้ไหม”

   “ไม่ได้ คิวทุกคนว่างวันนี้วันเดียว” อาการงอแงแบบนี้เกิดอีกแล้ว ทำไมดาราดังๆ ถึงชอบเรื่องมาก ตอนมีงานก็บ่น ไม่มีงานก็บ่น

   “น่าเบื่อที่สุด แล้วรู้อะไรไหม ฉันไม่ชอบตัวรองของเรื่องนั้นเลย ทำเป็นเชิ่ด สวยก็ไม่สวย” ส่ายหน้าระอาให้กับคำนินทาของเพื่อน

   “ชอบไม่ชอบก็ต้องไปทำงานนะ” พอได้ยินผมพูด แววตาหญิงสาวก็กร้าวขึ้นมา “อะไร”

   “นายเป็นแค่ผู้จัดการ ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง โอเค๊” คิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อได้ยิน “แล้วก็นะ หน้าที่หลักของนายคือฟังที่ฉันระบาย อย่าขัด”


   เห็นผมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์สินะ


   “ก็ไม่อยากขัดหรอก แต่บางทีมันก็ต้องขัดนะจิน”

   “จินนี่ย่ะ เรียกให้ถูกด้วย คราวที่แล้วต่อหน้านักข่าวด้วย นายเผลอเรียกฉันแค่จินเฉยๆ”

   “เออๆ ต่อไปจะระวัง” ผมไม่เข้าใจจริงๆ แค่เข้าวงวารจำเป็นต้องเพิ่มชื่อห้อยท้ายทำไม “พรุ่งนี้มีอีเว้นท์นะ ตอนบ่ายมีคุยเรื่องปกนิตยสารวัยรุ่น”

   “พูดถึงนิตยสาร...ทำไมนายถึงปฏิเสธปกคุณมีชัย” เสียงเข้มทำให้ผมรีบเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดคิวงาน เจอจินนี่กำลังจ้องมองด้วยแววตาหาเรื่อง “นายรู้ไหม ว่าเขาให้ค่าตัวฉันเท่าไหร่”

   “เจ็ดหลัก”

   “แปดย่ะ แปดหลัก รู้ไหม ว่านายทำให้ฉันสูญเงินกี่สิบล้าน เมื่อก่อนฉันก็พอเข้าใจว่าต้องรักษาภาพพจน์ แต่นี่ ปกคุณมีชัยเชียวนะ เขาเอาแต่ดารา นักแสดงดังๆ ทั้งนั้น”

   “ก็เพราะเขาอยากเอาน่ะสิ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

   “นายแย่มากรู้ไหม ครั้งนี้ฉันจะตัดเงินเดือนนาย โอ๊ย กี่เดือนถึงจะพอวะ” สะดุ้งโหยงเมื่อถูกเสียงแหลมเล็กตวาด “โทรไปตกลงเขาใหม่ บอกว่าฉันจะถ่าย”

   “ไม่ดีหรอก เขาไม่ใช่คนดีนะ” พยายามเลี่ยงคำว่าเฒ่าหัวงู ทุกคนเขาก็รู้กันหมดว่าอีตาเจ้าของหนังสือชอบเคลมสาวๆ โดยเฉพาะสาวสมองมีน้อยแบบคนที่นั่งโวยวายตรงหน้าผม

   “ไม่ใช่คนดีแล้วยังไง มันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย โทรไปเลยนะ อย่าให้ฉันต้องอารมณ์เสีย แค่นี้ตีนกาก็ขึ้นแล้ว” ผมเบ้ปากมองคนที่บอกว่าตีนกาจะขึ้น ทั้งที่ทั้งหน้ามีแต่น้ำยาโบท็อกซ์ ขึ้นได้ก็คงเป็นซุปเปอร์ตีนกาแล้วล่ะ

   “แต่ฉันยังยืนยัน ว่าเขาไม่ใช่คนดี เขาอยากได้เธอนะจินนี่”

   “เอ๊ะ ก็ฉันจะถ่าย เงินแปดหลักไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เทียบกับเงินเดือนของนาย อีกกี่ร้อยปีถึงจะได้ฮะ”


   ดูถูกกันเกินไปแล้ว


   “ฉันทำงานด้วยความสามารถ แม้เงินที่ได้จะมากไม่เท่าเธอ แต่มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรง มาจากสมองที่คิดแทนเธออยู่นี่ไง” บางทีความอดทนของคนก็มีจำกัด โดยเฉพาะไอ้กระวานผู้ซึ่งมีความจำกัดเลเวลต่ำสุด พอผมว่าเข้าให้ จินนี่ก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ของที่วางตรงหน้าถูกขว้างไปคนละทิศละทาง ผมรู้หรอก ว่าเธอก็อยากใช้เต้าไต่เหมือนกัน ความคิดต่ำตมจากสมองของเธอ ผมได้ยินจนชิน แต่เสียงที่เกลียดรองมาจากความคิดพวกนั้นก็คือ เสียงกรีดร้องอย่างกับคนบ้าแบบที่จินนี่เป็นอยู่ตอนนี้ “หุบปากสักที ปวดหูโว้ย”

   “กล้าด่าฉันเหรอวะ กล้าขึ้นโว๊ยกับฉันเหรอ ไอ้กระวาน ไอ้บ้า ไอ้สติไม่เต็ม”

   เป็นคำด่าที่ผมควรเจ็บใช่ไหม แต่ไม่หรอก มันชินแล้วต่างหาก

   “ถ้าฉันสติไม่เต็ม เธอคงไม่มีสมองแล้วล่ะ”

   “ไอ้บ้า ฉันไล่แกออก!!”

   ผมหลับตานับหนึ่งถึงสามในใจ พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ลุกไปต่อยหน้าผู้หญิง แม้จะเป็นเพื่อนก็เถอะ

   “โอเค ฉันลาออกเอง เบื่อเหมือนกันที่ต้องทนฟังเธอฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องใต้สะดือตลอดเวลา รู้ไหม พระเอกที่เธอเฝ้าอยากจะถวายตัวให้ เขาไม่สนเธอเลยสักนิด เขาไม่เคยพิศวาสนมของเธอที่หกต่อหน้าเขาหรอกนะ” พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหอบข้าวของตัวเองออกจากห้อง ยังโชคดีที่ปิดประตูทัน ไม่งั้น หมอนคงปลิวมาโดนหัวแล้ว

   เป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้จริงๆ

   ผมเดินปึงปังมารอลิฟต์ที่ยังแช่นิ่งอยู่ชั้นล่าง กดย้ำๆ ก็ไม่ยอมขึ้นมา สงสัยจะมีคนกดค้างไว้ กระเป๋าผ้าที่พ่อผมเย็บให้พร้อมปักรูปดอกไม้มีข้าวของจำเป็น รวมทั้งยาดมที่ผมเริ่มใช้บ่อยตั้งแต่มาเป็นผู้จัดการให้กับเพื่อนสนิท ยาดมยี่ห้อธรรมดาแต่ทำให้อารมณ์ดี ผมยัดมันเข้ารูจมูกเพื่อคลายความเครียด


   ผมกลายเป็นคนตกงานแล้วตอนนี้


   “ทำไมไม่ขึ้นมาสักทีวะ” สบถอย่างอารมณ์เสียพลางเขย่าขาคลายความโมโห

   ติ๊ง เสียงลิฟต์หยุดพร้อมประตูเปิดออก ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงัก เมื่อคนที่เดินออกมาเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดี ในอ้อมแขนเขามีสาวสวยหุ่นอวบอั๋นเดินออดอ้อน ช่วงที่ผมขยับหลีกทางให้ เสียงดัดแหลมก็ลอยมาเข้าหู มันคือความคิดของสาวหุ่นดีที่กำลังจิตนาการท่าทางและลีลาที่จะใช้ยั่วยวนผู้ชายให้หลงใหล แม่คุณร้อยท่าช่างเร้าร้อนเหมือนชุดเดรสสีแดงเพลิงที่สวมใส่ซะจริงๆ แต่ก็น่าแปลก ที่ผมไม่มีเสียงของผู้ชายแทรกเข้ามาเลย ทั้งๆ ที่มือของเขาก็ลูบไล้ก้นงอนอยู่ตลอดเวลา

   แล้วนี่ ผมจะสนใจเรื่องคนอื่นทำไม ควรคิดเรื่องจะบอกคนที่บ้านว่าตกงานยังไงไม่ให้ถูกด่ามากกว่า พอนึกถึงก็เครียดเลยให้ตาย

   ลงลิฟต์มาชั้นล่างสุดก่อนมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถของคอนโด ยังจำสมัยตอนเพื่อนเพิ่งเข้าวงการเป็นนางเอกหน้าใหม่ที่ดังจนมีแฟนคลับจำนวนมาก แม้เธอจะโด่งดังขนาดไหน แต่กลับหาคนดูแลยาก ไม่ใช่ไม่มีใครอยากเป็น แต่เพราะความเรื่องเยอะเลยไม่มีใครทนได้ ช่างบังเอิญที่มีคนสั่งปิ่นโตที่ร้าน ผมเลยได้ไปส่งอาหารที่กองถ่าย ทันทีที่เธอเห็นผม เธอก็รีบเข้ามาชวนคุยนั่นนี่ ก่อนจะชวนผมมาทำงานเป็นผู้จัดการให้ ด้วยความที่คิดว่าทำงานให้เพื่อน อีกทั้งยังเป็นงานสบาย แค่จัดตารางงานงาน แถมได้เจอดารามากหน้าหลายตา ผมเลยตกลงรับปาก จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกือบๆ สองปี

   เป็นสองปีที่ผมนับหนึ่งถึงล้านมาตลอด ตอนนี้คงไม่มีแบบนั้นแล้ว โล่งใจไหม ก็ใช่ แต่ตกงานไหม ก็ใช่อีก 

   รถโฟล์คเต่าสีชมพูที่ได้รับตกทอดมาจากพ่ออีกทีจอดโดดเด่นอยู่ที่ลาน แม้สภาพจะดูหวานน่ารัก แต่เครื่องมันแรงนะครับ เห็นแบบนี้ผมเปลี่ยนเครื่องใหม่ยกคัน รถฟอร์มูล่าวันยังต้องยกนิ้วให้ ล้วงกุญแจรถที่มีตุ๊กตากระต่ายสีชมพูห้อยติดอยู่ มันเป็นตุ๊กตาที่แม่ให้ผมมา ด้านในของมัน มีของขลังที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่แม่บอกมันกันสิ่งเร้นลับได้
เห็นผมมีพลังพิเศษแบบนี้ ผมก็กลัวผีมากนะครับ

   เสียงเครื่องยนต์เวลาสตาร์ทช่างนิ่มนวลจนต้องยิ้มออกมา เข้าเกียร์เดินหน้าเตรียมกลับไปร้านของพ่อที่อยู่แถวชานเมือง คันเร่งที่เหยียบนิดเดียวก็ทะยานออกไปด้านนอก แต่ไปได้ไม่ไกลก็ต้องเหยียบเบรกจนหน้าเกือบทิ่มกระจก

   “เชี่ยเอ๊ย ซื้อใบขับขี่มาหรือเปล่าวะ” สบถอย่างหัวเสียเมื่อถูกรถคันแพงปาดหน้าทางออกคอนโด แถมยังเฉี่ยวกันชนผมด้วย รู้อยู่หรอกว่ารถผมกับรถคู่กรณีราคาต่างกันมาก แต่ผมก็รักพี่ชมพูมันนะครับ

   “ขับรถยังไงวะ” ไอ้คนขับรถเก๋งลงมาโวยวาย ผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนสวมสูทดูดีย่อตัวนั่งลงดูด้านหน้ารถตัวเองที่จูบกับรถผมอยู่

   “คุณนั่นแหละขับยังไง ไม่เห็นเหรอว่ารถผมกำลังออกมา”

   “โหยคุณ ผมขับมาทางตรง คุณควรหยุดดูรถก่อน ไม่ใช่พุ่งออกมาดื้อๆ ซื้อใบขับขี่มาหรือเปล่า”

   “อ่าว พูดแบบนี้หาเรื่องกันนี่หว่า”

   เงยหน้า ยืดคอหาเรื่อง แม้เขาจะตัวสูงใหญ่กว่าแต่ผมก็ไม่กลัวนะเออ ศิลปะการป้องกันตัวก็พอมีอยู่บ้าง
 
   “ผมพูดดีด้วยนะ...”

   “เสร็จหรือยัง”

   เสียงที่แทรกขัดขึ้นดังมาจากด้านในตัวรถเก๋ง ผมหรี่ตามองทะลุกระจกสีดำเห็นเพียงเงาลางๆ ของคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง

   “ยังครับ” คนที่มีเรื่องกับผมตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะหันมาหาเรื่องผมอีกรอบ “จะเอายังไงล่ะคุณ รถคุณมีประกันหรือเปล่า”

   “ถึงรถผมจะเก่า แต่ประกันไม่เคยขาดนะ”

   “ประกันไม่ขาด แต่ภาษีขาดต่อนะ” ผมมองตามนิ้วที่ชี้พุ่งมาทางป้ายภาษีที่ติดตรงหน้ากระจก แล้วเกิดอาการเถียงไม่ออกขึ้นมา เมื่อมันหมดอายุตามที่เขาบอกจริงๆ “เถียงต่อไม่ได้เลยสินะครับ”

   “จะยังไงก็แล้วแต่ รถคุณชนรถผม ต้องจ่ายเงินค่าซ่อม” ว่าแล้วก็แบมือไปตรงหน้า

   “สติไม่ดีหรือเปล่า ก็ผมบอกไปแล้วว่าคุณเป็นฝ่ายผิด”

   “นายสิผิด” ไม่มีความสุภาพอีกต่อไป กว่าจะปรับอารมณ์จากจินนี่มาได้ไม่ใช่ง่ายๆ “เห็นๆ กันอยู่ว่านายพุ่งมาตัดหน้าทำให้รถชน นายนั่นแหละผิด”

   “พูดไม่รู้เรื่อง...”

   “ดีน เสร็จหรือยัง ฉันรีบ!” เสียงตะโกนออกมาจากในรถ คราวนี้ดังกว่าเดิมจนเจ้าของชื่อจิ๊ปากอย่างขัดใจ “ดีน!”

   “ฝากไว้ก่อนเถอะ” คนชื่อดีนชี้นิ้วใส่หน้าผมก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถ


   แต่เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้เงินค่าซ่อมรถเลยนะเว้ย


   “เดี๋ยวๆ เงินล่ะ ค่าซ่อมรถฉันยังไม่ได้เลยนะ” รีบวิ่งไปเคาะกระจกข้างคนขับ เงาของคนด้านในดูไม่ได้สนใจ แถมเลี้ยวรถออกไปเฉย “เฮ้ยๆ”

   ผมวิ่งตามรถคันหรูนั่น ต้องบอกว่าโชคดีที่การจราจรติดขัดหนักมากทำให้รถวิ่งไปอย่างช้าๆ ผมเลยวิ่งตามทัน มือก็คอยทุบกระจกให้รถจอด แล้วเหมือนโชคจะช่วยรอบสอง เมื่อสัญญาณไฟจราจรด้านหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงรถเลยต้องหยุด จังหวะนั้นผมก็รีบเคาะกระจกรัว ก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อประตูด้านหลังเปิดออก รองเท้าหนังสีดำมันปราบคือสิ่งแรกที่ผมเห็น ก่อนเจ้าตัวจะออกจากรถมายืนเต็มความสูง ใบหน้าเรียบเฉยแต่นัยน์ดุจ้องมองหน้าผมอย่างตำหนิ

   ทำไมผมต้องรู้สึกกดดันยามถูกจ้องด้วยวะ

   “มีปัญหาอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ดวงตาคมจ้องกดดันจนผมพูดไม่ออก “รู้ไหมว่าการเคาะกระจกรถคนอื่น มันไม่มีมารยาท”
 
   “รู้สิ”

   “รู้แต่ก็ยังทำ คนดีๆ เขาไม่ทำกันหรอกนะ”

   หน้าชาเลยผม

   “ก็...เพื่อนของคุณไม่ยอมตกลงกับผมก่อน”

   พอผมพูดจบ คนตรงหน้าก็ปรายตามองคนที่นั่งอยู่ในรถ ก่อนมือที่กอดคอจะเปิดเสื้อสูทหยิบกระเป๋าหนังใบเล็กๆ ออกมา ตอนเขาล้วงเข้าไปในสูทก็แอบสั่นเหมือน กลัวที่หยิบออกมาจะเป็นปืนแบบในละครที่เคยเห็นตอนไปเฝ้าจินนี่ถ่ายทำ

   “วันนี้ผมรีบ มีอะไรก็ติดต่อมา” บัตรแข็งเล็กๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า พอผมยื่นมือไปรับบัตรนั่นกลับถูกชักกลับ “แต่ดูเหมือนรถสีชมพูนั่นจะไม่มีรอยอะไรเลยนะ รถผมต่างหากที่น่าจะเป็นรอยน่ะ”

   ก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละครับ เพราะกันชนเหล็กด้านหน้าของรถผมยังมีสีดำของรถคันนี้ติดอยู่

   “เอ่อ...”

   “คุณหนึ่งครับ” เสียงตะโกนดังมาจากในตัวรถ เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว

   “ติดต่อมาแล้วกัน ถ้าคิดว่ารถสมควรไปซ่อม”

   หน้าชาอีกรอบ พร้อมๆ กับนามบัตรใบเล็กถูกยัดใส่มือ ก่อนเจ้าของบัตรจะรีบกลับขึ้นไปนั่งแล้วรถก็ขับออกไป ทิ้งให้ผมได้ตามท้ายรถตาปริบๆ

   “จักรพรรดิ บริบรรณ” ชื่อเจ้าของนามบัตร และตรงมุมบนด้านซ้ายมีชื่อตึกที่เหมือนผมเคยขับรถผ่านอยู่บ่อยๆ “วันเดอร์ฟลูแลนด์...อาบอบนวดไฮโซนี่หว่า”

   มัวแต่ตะลึงชื่อเจ้าของนามบัตรจนลืมสังเกตว่าตอนนี้ผมยืนอยู่กลางถนน พอถูกรถบีบแตรไล่ถึงมีสติรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนฟุตบาท ผมก้มมองนามบัตรในมืออีกรอบ นี่ไอ้กระวานกำลังหาเรื่องเจ้าของอาบอบนวดไฮโซหรือนี่ เคยได้ข่าวว่าคนพวกนี้มีลูกน้อง มีมือปืนมาก ดีไม่ดีส่งมือปืนมาเก็บผมจะทำไง


   ว่าแต่ เขาไม่รู้จักผมหรือบ้านผมนี่น่า จะกลัวล่วงหน้าไปทำไม ไร้สาระ


   ผมเดินย้อนกลับไปที่รถของตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังถูกรปภ.ใช้แม่แรงยกออกจากหน้าคอนโดเพราะจอดขวางทางเข้าออกของคนอื่น ผมต้องยกมือขอโทษขอโพยน้อมรับคำด่าจนปั้นสีหน้าแทบไม่ถูก กว่าจะขึ้นรถได้ก็หน้าชาจนด้านไปเลย ตกงานยังไม่พอ ยังมามีเรื่องกับเจ้าของอาบอบนวด แถมยังโดนคนด่าอีก อะไรมันจะซวยซ้ำซ้อนได้ขนาดนี้ สงสัยต้องไปทำบุญสักหน่อยแล้ว ผมว่าปีนี้ผมต้องเป็นปีชงแน่ๆ






   ขับพี่ชมพูมาจนถึงร้านอาหารที่มีป้ายร้านขนาดใหญ่ชื่อว่าร้าน หิ้วปิ่นโต มีโลโก้เป็นรูปปิ่นโตสีชมพู จากเดิมร้านนี้คุณตากับคุณยายทำแต่อาหารไทยแท้ พอเปลี่ยนมือให้พ่อผมเข้ามาดูแล พ่อก็ปรับปรุง เพิ่มเมนูให้หลากหลายมากขึ้น มีการผสมผสานเมนูไทยในรูปแบบต่างๆ หรือที่เรียกว่า อาหารไทยฟิวชั่น แม้ร้านเราจะอยู่แถวๆ ชานเมือง แต่ด้วยความอร่อยกับร้านที่ตกแต่งน่ารักทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาใช้บริการอยู่ไม่ขาดสาย และที่ดีไปกว่านั้นคือ ร้านพ่อของผมมีบริการส่งถึงบ้านด้วย หากไม่ไกลมากนะครับ

   ตอนนี้ในร้านลูกค้าเริ่มบางตา คงเพราะเลยช่วงเที่ยงมาเป็นชั่วโมงแล้ว ผมเดินเอื่อยๆ เข้าไป ก่อนทิ้งตัวนั่งแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะตรงข้ามกับพ่อที่กำลังเคร่งเครียดกับบัญชีของร้าน

   “เป็นอะไรกระวาน ทำไมวันนี้กลับเร็ว” คำถามของพ่อทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง   

   “เซ็งๆ” ตอบแบบไปทีแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกรอบ

   “โดนไล่ออกมาแน่ๆ ท่าทางแบบนี้” เสียงกวนโอ๊ยแทรกเข้ามา ผมรีบเงยหน้ามองคนพูด โป๊ยกั๊ก น้องชายคนรองจากผมกำลังยิ้มเยาะมา “มองแบบนี้ แสดงว่าผมพูดถูกใช่ไหมพี่กระวาน”

   “ฉันลาออกเองเว้ย” 

   “แหม เสียงแข็งเชียว”

   “ไอ้โป๊ยกั๊ก”

   “พอเลยทั้งคู่” พ่อรีบปรามพร้อมตวัดสายตาดุมองผมกับน้องสลับไปมา “เจอหน้ากันทีไรก็ชอบว่าให้กันอยู่เรื่อย”

   “ก็โป๊ยกั๊กมันจ้องหาเรื่องผมนี่”

   “อ่าว พูดแบบนี้ได้ไง ก็...”

   “หยุดทั้งคู่นั่นแหละ พ่อละปวดหัวจริงๆ” พ่อใช้ปากกาชี้หน้าผมกับน้อง “เดี๋ยวพ่อจะไปรับเพกา อยู่กันดีๆ ล่ะ อย่าทะเลาะกัน”

   “ครับ” ผมยิ้มรับแต่ก็ถูกปากกาเคาะหัว

   “เรานั่นแหละ ปากดีให้มันน้อยๆ ลงหน่อย”

   พอพ่อพูดจบ โป๊ยกั๊กก็แลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนผมทันที เห็นไหมว่ามันน่าคุยดีได้ที่ไหน

   ที่จริงเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวหรอกนะครับ เห็นกวนๆ ผมแบบนี้ ถ้ามีเรื่องโป๊ยกั๊กก็พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือผมเสมอ แม้ปากจะดีมากไปหน่อยก็เถอะ

   พอพ่อออกจากร้านไปแล้ว โป๊ยกั๊กก็กลับเข้าหลังร้านปล่อยให้ผมนั่งฟุบหน้าหลับอยู่คนเดียว ผมกะจะพักสายตาแต่ดันผล็อยหลับไปจริงๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่ชายคนโตมาสะกิด พี่ใบไธม์ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

   “ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ” พี่ไธม์กวาดสายตามองไปทั่วร้าน “แล้วพ่อไปไหน”

   “พ่อไปรับน้องเพกา พี่มานานแล้วเหรอ” ถามพร้อมอ้าปากหาววอดๆ “พี่อยู่รอก็ได้นะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”

   “ไม่ล่ะ พอดีพี่แค่มาขอของเพิ่ม”

   “ได้ เดี๋ยวกระวานบอกให้” ผมมองพี่ชายคนโตด้วยความสงสัย เพราะท่าทีเหมือนกำลังระแวงอะไรบางอย่าง “โป๊ยกั๊กอยู่ในร้านนะ”

   “อืม พี่คงไม่ได้เข้าไปทักหรอก ต้องรีบไป ฝากด้วยนะ เดี๋ยวพี่มาเอาวันหลัง” พี่ไธม์พูดรัวๆ ก่อนจะรีบออกจากร้านไป ผมก็พอรู้มาบ้าง ว่างานที่พี่เขาทำมันอันตราย แต่ไม่รู้ว่าขนาดไหน ถ้าให้เดาจากท่าทางแล้วคงจะอันตรายมากทีเดียว

   คล้อยหลังพี่ไธม์ไม่นาน โป๊ยกั๊กก็เดินออกมา มันรีบชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง คงจะเห็นหลังพี่ไธม์แวบๆ สินะ ถึงได้รีบออกมาทั้งที่มือยังถือฟองน้ำล้างจานอยู่

   “พี่ไธม์มาเหรอ”

   “อืม กลับไปแล้ว”

   “ทำไมกลับไวล่ะ ไม่เห็นไปทักด้วย” หลุดขำกับสีหน้างอแงของน้องชายตัวโต “ห้ามขำกันนะกระวาน”

   “ไอ้โป๊ยกั๊ก!” โวยวายลั่นร้านตอนถูกฟองของน้ำยาล้างจานกระเด็นใส่ เพราะโป๊ยกั๊กบีบจนฟองเยอะแล้วเป่ามาหา ไอ้นี่ชอบทำให้ผมโมโหอยู่เรื่อย

   การโวยวายของผมค่อยๆ ลดลงเมื่อมีลูกค้าเดินเข้าร้าน ด้วยความที่ผมว่างอยู่เลยออกไปรับออเดอร์ซะเอง ชายหญิงสองคู่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผมขณะวางเมนู

   “เราตามร้านมาจากในอินเตอร์เน็ตค่ะ ร้านจริงน่ารักมากเลย” หญิงสาวผมสั้นพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อกี้ผมเห็นเธอถ่ายรูปกับรูปปั้นปิ่นโตสีชมพูหน้าร้านด้วย

   “ขอบคุณครับ” รีบยิ้มตอบกลับ ก่อนจะถูกสายตาข่มขู่จากคนข้างตัวของเธอ “เดี๋ยวจะมารับออเดอร์นะครับ” รีบชิ่งก่อนจะเกิดเรื่อง ผมไม่ชอบมีเรื่องอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะถอยดีกว่า เกิดมีอะไรขึ้นมาถึงขั้นลงไม้ลงมือ ร้านคงพังพอดี แถมอาจเจ็บตัวอีก ไม่ใช่ผมที่จะเจ็บตัวหรอกนะครับ แต่ลูกค้านั่นแหละ อย่าลืมว่าตอนนี้หลังร้านมีโป๊ยกั๊กอยู่ ขืนรู้เรื่องมีหวังพุ่งออกมาหาเรื่องแน่ ผมเดินเลี่ยงมายืนข้างๆ พนักงานของร้านที่ยืนเรียงกันอยู่

   “เป็นอะไรเหรอพี่ เกิดอะไรขึ้น”

   “เจอคนหวงเมียน่ะสิ คิดได้ไงวะ” พูดจบ ไอ้เด็กข้างๆ ก็เลิกคิ้วมองหน้าผม “มองกูแบบนั้นหมายความว่ายังไงไอ้ไนท์” ไอ้นี่หน้าตาหล่อดีใช้ได้เลยนะครับ

   “แค่สงสัย แบบพี่นี่ทำให้สาวอ่อยได้ด้วยเหรอ”

   “ไอ้!”

   เกือบจะด่าอยู่แล้วหากโต๊ะเมื่อครู่ไม่ยกมือเรียก ผมชี้หน้าพนักงานในร้านก่อนจะเดินไปรับออเดอร์ มาถึงก็ถูกสายตาเขม่นจากผู้ชายคนเดิม ผมรู้ว่ามันข่มขู่ทางสายตาอยู่ตลอด แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ก็นะ ในหัวมันมีแต่เรื่องอย่างว่ากับสาวคนข้างๆ สงสัยจะคบกันไม่นานถึงหวงก้างขนาดนี้ คงยังไม่หนำใจล่ะสิ

   “ขอผัดไทกุ้งสดห่อไข่นะคะ แล้วก็.....”

   ผมรีบจดรายการอาหารตามที่ลูกค้าบอก จดเสร็จก็ยิ้มส่งท้ายแล้วรีบเดินกลับมาหาซัน ผู้ช่วยเชฟอันดับหนึ่งของพ่อ หมอนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกัน จะว่าไป ร้านผมมีแต่พนักงานหน้าตาหล่อ เวลามีการโปรโมทอะไรก็ใช้พวกนี้นั่นแหละครับ ประหยัดเงินดี

   “ทำไมทำหน้างั้นล่ะพี่” ซันเลิกคิ้วมองหลังจากรับใบรายการอาหารไปแล้ว

   “เบื่อ” บอกไปสั้นๆ ทำให้ซันมันขำ

   “ก็งานที่นี่ไม่ตื่นเต้นเหมือนที่พี่เคยทำนี่ ดาราก็ไม่เจอ”

   “ดาราเจอจนเบื่อแล้วว่ะ บางคนหน้ากล้องดี ลับหลังอย่าได้พูดถึง”

   เบ้ปากเมื่อนึกถึงหน้าคนที่ผมเพิ่งจากมาเมื่อเช้า ป่านนี้คงวิ่งวุ่นหาผู้จัดการคนใหม่แน่ๆ ไม่มีหรอกที่จะแคร์หรือกลับมาง้อผม แต่จะให้ผมไปง้อก่อนก็ไม่มีทางซะหรอก

   ผมเดินเลี่ยงมานั่งอยู่ที่โต๊ะมุมเดิม มานั่งคิดทบทวนเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นผู้จัดการดารา แรกๆ จะตื่นเต้นแทบทุกครั้งที่ได้ไปงานต่างๆ ได้พบปะดารา นักร้องที่ชื่นชอบ หลังๆ เจอบ่อยก็ทำให้ชินตาไปซะงั้น แต่สิ่งที่ดูน่าตื่นเต้นแทนคงจะเป็นข่าวสารเบื้องหลังของคนดังๆ ละมั้ง มัวคิดอะไรเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไนท์ พนักงานของร้านเดินมาสะกิด

   “อะไร”

   “อาหารเสร็จแล้วพี่”

   “อ่อ ขอบใจ”

   รีบลุกจากเก้าอี้ไปคว้าถาดอาหาร ที่จริงจะใช้ไนท์มันก็ได้ ในเมื่อเป็นพนักงานของร้าน แต่เพราะผมต้องรับผิดชอบโต๊ะของตัวเอง ดังนั้น ต่อให้ได้ยินอะไรก็ต้องทน

   “ผัดไทกุ้งสดห่อไข่กับพะแนงหมูไข่เจียวดาวได้แล้วครับ” วางจานลงบนโต๊ะพร้อมโปรยยิ้ม เซอร์วิสมายนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับการทำงานบริการ “ส่วนอีกสองท่านกรุณารอสักครู่ครับ” บอกอย่างสุขภาพแล้วรีบเดินกลับมายกอีกถาด

   “พี่มองหาอะไร” จังหวะที่จะยก เด็กในร้านที่ชื่อกอล์ฟก็เอ่ยถาม คงเห็นผมชะเง้อคอมองหาของ

   “หูฟังน่ะสิ เห็นของพี่ไหม”

   “ไม่นะ ผมไม่เห็นตั้งแต่พี่เข้าร้านมาแล้ว”

   สงสัยผมจะลืมไว้ในรถแน่ๆ จะไปเอาตอนนี้ก็คงเสียเวลา เลยต้องไปเสิร์ฟอาหารทั้งแบบนั้น

   เพราะอะไรผมถึงชะเง้อหาหูฟังน่ะเหรอครับ ก็เพราะภาพความคิดของไอ้คนที่ข่มขู่ทางสายตาน่ะสิ มันแบบว่า...เอ่อ เกินบรรยายออกมาได้เลยเชียวล่ะ ไม่รู้ผู้หญิงคนสวยนี้ทนได้ยังไง แต่ละท่านะ พูดได้แค่สองคำคือคำว่า โอ้โห

   กลั้นใจเสิร์ฟอาหารจนเสร็จแล้วสับขากลับมุมตัวเองอย่างไว ซอยเท้าจนก้นส่ายดิกๆ เหมือนหมา เสียงที่ได้ยินมันทำให้ผมเหมือนนอนหลับตาฟังหนังโป๊น่ะครับ พอนึกออกกันไหม ไม่เห็นภาพแต่ได้ยินเสียง ว่าแล้วก็ขนลุกเลย

   “กระวาน” แรงสะกิดที่แขนทำให้ผมลืมตาแล้วหันไปมอง โป๊ยกั๊กยืนเลิกคิ้วมองผมอยู่ “อย่าบอกว่าได้ยินเสียงนั่นอีกแล้ว”

   “เออสิ ทำไมพวกนี้ถึงชอบคิดเรื่องพรรณนั้นอยู่เรื่อย” ขยี้รูหูซ้ำไปซ้ำมาจนแก้วหูจะทะลุ

   “ไม่ชินอีกหรือไง” โป๊ยกั๊กว่าขำๆ

   ที่จริงจะว่าชินมันก็ใช่ ไม่ว่าจะไปอยู่ไหน ทำงานอะไรเสียงพวกนี้ก็จะผ่านเข้าหูอยู่ตลอด ยังดีที่มีหูฟังสามารถกั้นเสียงพวกนี้ได้ ไม่งั้นผมคงบ้าไปแล้ว

   “ว่าแต่ โรงเรียนหยุดให้อ่านหนังสือไม่ใช่เหรอ อ่านได้กี่ตัวแล้วล่ะ” เหล่ตามองน้องชายที่อายุห่างกับผมเยอะพอดู เด็กมอปลายอะไรสูงกว่าผมอีก แม่ต้องเก็บแคลเซียมไว้ให้โป๊ยกั๊กแน่ๆ

   “อ่านเสร็จแล้วสิ ไม่ได้ขี้เกียจ”

   “โม้”

   ส่ายหน้าให้กับน้องชายคนรองจากผม โป๊ยกั๊กเดินกลับเข้าไปหลังร้าน เห็นหรอกว่าอ่านหนังสือการ์ตูนน่ะ แล้วแบบนี้จะสอบได้ไหมเนี่ย ผมละเป็นห่วงจริงๆ แม้จะทำตัวให้ดูโตสักเพียง แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ...

   “อ่านหนังสือเรียน อย่าอ่านหนังสือการ์ตูน”

   “ยุ่งจังวะ ก็อ่านอยู่นี่ไง”

   โป๊ยกั๊กตะโกนออกมาทำเอาผมหัวเราะ ก่อนหันกลับมาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เมื่อไหร่พลังพิเศษของผม จะทำให้ผมเจอเรื่องดีๆ บ้าง ทุกวันนี้ไปที่ไหนก็มีแต่เรื่องอย่างว่า อยากได้เรื่องดีๆ บ้างน่ะมีไหม!

   ...ไม่มี



...TBC

ตอนที่ 1 มาแล้ววววว นิยายเรื่องนี้จะลงอาทิตย์ละตอนนะคะ และเรื่องของกระวานลงช้าสุด (น้ำตาไหล) ต้องขอโทษด้วย เพราะอีกสองเรื่องลงไปตั้งแต่เสาร์ อาทิตย์แล้ว (ทรุดลงพื้น) ต้องกราบขออภัยจริงๆ ค่าาาา

หากมีตรงไหนขัดข้องสามารถติเข้ามาได้นะคะ จะทำการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนค่าาา

กราบขอบพระคุณค่าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2018 22:44:24 โดย aiaea83 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โหยยยยตอนที่กระวานโดนยัยเพื่อนดารานั่นเหวี่ยงนี่อยากจะตอกให้หน้าหงายมาก กดขี่กันขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้วนิสัยเลวมากจริงๆ ส่วนพระเอกของเรื่องนี่ตอนแรกคิดว่าเป็นคนที่เดินออกมาจากลิฟท์พร้อมผู้หญิง แต่พอเจอฉากรถชนแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นคุณจักรพรรดินี่แหละ แต่ก็ยังแอบคิดว่าคนเดียวกับผู้ชายที่ลิฟท์รึเปล่าเพราะถ้าใช่แล้วทำไมกระวานถึงจำไม่ได้ล่ะ

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอติดตามนะค้า

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กระวานจะคู่ใครนะ หรือจะเป็นเจ้าพ่ออาบอบนวดคนนั้น  :hao3:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-2-





        แกร๊ก เสียงช้อนส้อมร่วงกระทบกับจานเซรามิคชั้นดี คนทำตกเบิกตาโต อ้าปากกว้างจ้องมองมายังผมที่นั่งยิ้มยิงฟันขาวให้
 
   “กระวานว่าไงนะ พ่อได้ยินไม่ถนัด”

   “ผมบอกว่า ผมจะช่วยงานที่ร้านพ่อ นะครับนะ” ส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่จนแม่ขำออกมาเสียงดัง “กระวานสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน...”

   “แต่จะทำร้านพังน่ะสิ” เสียงแทรกเข้ามาทำให้ต้องหันไปถลึงตาใส่

   “เงียบไปเลยโป๊ยกั๊ก” คนถูกว่ายักไหล่ตักข้าวเข้าปากทำเป็นไม่สนใจ “นะครับพ่อ เนี่ยวันนี้กระวานก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย ไม่เชื่อไปถามกอล์ฟไมค์ดูสิ”

   “พี่เขาชื่อพี่กอล์ฟกับพี่ไนท์ไม่ใช่หรือคะ” เพกาน้องสาวสุดน่ารักแย้งพร้อมหน้ายู่

   “ก็นั่นแหละ” ปกติผมก็เรียกแบบนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าเจ้าของชื่อก็ด้วย จนไนท์มันปลงและยอมรับว่าตัวเองชื่อไมค์ไปแล้ว “พ่อครับ”

   “ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ แม่ดูสิ” พ่อรีบหาพวกทันที

   “ไม่เห็นเป็นไรนี่คะพ่อ ให้กระวานไปช่วยก็ได้ ดีเสียอีกพ่อจะได้เบาแรงไง” แม่พูดเข้าข้างผมแถมขยิบตาให้ด้วย ช่างเป็นคนน่ารักซะจริง

   “พ่อกลัวงานจะหนักกว่าเดิมน่ะสิ” พ่อพูดไม่ไว้หน้าผมเลยจนทุกคนต้องขำออกมา “แม่จำไม่ได้เหรอ เมื่อตอนพ่อรับช่วงร้านต่อจากคุณพ่อตาใหม่ๆ”


   ย้อนกลับไปในความทรงจำที่พ่อว่า นั่นคือเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเกือบจะติดคุก ก็จะให้ผมทำยังไง ในเมื่อมีลูกค้าผู้ชายคิดเรื่องอุบาทๆ กับลูกค้าสุภาพสตรีที่นั่งอยู่ในร้าน ผมก็แค่เข้าไปเตือน มันผิดตรงไหน ผมยังจำความคิดบ้าๆ พวกนั่นได้อยู่เลย ที่บอกว่าหน้าอกใหญ่น่าสัมผัส อยากเห็นนมขาวที่เจ้าตัวสวมเสื้อคอกว้างก้มลงบ่อยๆ ก็เพราะความคิดบ้าๆ นี่แหละ ที่ทำให้ผมทนไม่ไหวออกปากเตือนให้ลูกค้าสาวหาอะไรปิดหน้าอกตัวเอง ป้องกันการก้มๆ เงยๆ แต่เจ้าสาวดันคิดว่าผมเป็นไอ้โรคจิตมองหน้าอก เลยโดนฝ่ามือเข้าเต็มแก้ม กินน้ำพริกไม่ได้ไปหลายวัน แถมยังจะโทรเรียกตำรวจมาจับผมอีก พ่อออกมาเคลียร์ มายกมือไหว้ขอโทษก็แล้วแต่ก็ไม่ยอมความอยู่ดี สุดท้ายหายโกรธเพราะอะไรรู้ไหมครับ หายเพราะผู้ช่วยเชฟอย่างซันเข้ามายิ้มอ้อน พูดจาหวานหูแม่คุณถึงยอม แถมทำตาเชื่อม พูดอ้อล้อขอเบอร์ผู้ช่วยเซฟอีก

 
   บ้าคนหล่อแบบนี้ ไม่เตือนซะก็ดี


   “พ่อฝังใจเกินไปหรือเปล่า” แม่พูดเข้าข้างผมจนพ่อจิ๊ปากขัดใจ จนถูกมือเล็กยื่นไปจับพร้อมแววตาอ่อนโยน “พ่อก็กระวานทดลองงานก่อนก็ได้นี่คะ ถ้าไม่ผ่านก็ค่อยไล่ออกทีหลัง”

   “อ่าวแม่” หน้าตึงเลยผม แต่กลับสร้างเสียงหัวเราะดังรอบวง เหมือนไม่เคยเครียดมาก่อนหน้า “กระวานสัญญาเลยว่า...”

   “อย่าสัญญาอะไรมั่วๆ ถ้าทำไม่ได้นะกระวาน” แม่ขัดเสียงเข้มจนผมต้องรีบงับปาก 

   “ขอโทษครับ แล้วพ่อจะให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่เหรอ”

   “พรุ่งนี้” กำลังจะดีใจหากไม่โดนประโยคถัดมาขัดซะก่อน “แต่ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟนะ พ่อจะให้กระวานเป็นคนส่งอาหาร”

   “ปกติร้านเราก็จ้างคนส่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ถามกลับแบบงงๆ

   “ก็ใช่ แต่ถ้ากระวานมาช่วย เราก็จะส่งได้มากขึ้น”

   “แต่ผมไม่รู้ที่อยู่ของใครเลยนะ”

   “ปากมีก็ถามทางเขาสิ”

   เสียงดังแทรกเข้ามาจนต้องหันไปถลึงตาใส่ โป๊ยกั๊กตักไข่เจียวเข้าปากอย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่แอบเห็นว่าเหล่ตามองผมอยู่เมื่อกี้

   “แต่เพกาเชื่อนะคะ ว่าพี่กระวานของเพกาต้องทำได้”

   ก่อนผมจะฆ่าน้องชายด้วยสายตา น้องสาวคนสวยก็รีบส่งเสียงอ้อนพร้อมสายตาวิ้งวับมาให้ ผมยื่อนมือลูบศีรษะน้องสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู ต่างจากอีกคนที่พยายามใช้เท้าถีบแต่ไม่ถึงสักทีเพราะขาสั้น

   แค่ส่งอาหารเอง ผมทำได้อยู่แล้ว ดีซะอีก จะได้ไม่ต้องทนฟังความคิดหื่นๆ ของคนอื่น งานง่ายๆ แบบนี้ สบาย...






****


   ซะเมื่อไหร่ แค่งานแรกของวันแรกก็ทำเอาผมเหงื่อแตก ตอนนี้ผมมาจอดอยู่หน้าตึกที่สั่งอาหาร พ่อบอกเป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน สั่งอาหารทุกวันสำหรับมื้อเที่ยง มันก็ดีอยู่หรอกเพราะยอดสั่งมันเยอะมาก แต่ที่ไม่ดีคือป้ายตัวหนังสือใหญ่กว่าช้างติดอยู่กลางตึก ชื่อมันช่างคุ้นตายิ่งนัก มันเหมือนชื่อในนามบัตรที่นอนแอ้งแม่งอยู่คอนโซลหน้ารถผม

   Wonder Land

   ถ้าไม่ตายวันนี้ ก็ไม่รู้จะตายวันไหน

   ผมลังเลไม่กล้าขยับรถเลยถูกพี่ยามหน้าตึกเป่านกหวีดไล่ แต่ผมก็ยังไม่ไปเลยเดินมาเคาะกระจก

   “ผมเอาข้าวมาส่งครับ”

   “อ๋อ ร้านหิ้วปิ่นโตเหรอ ทุกทีไม่ใช่รถคันนี้นี่”

   ใช่ครับ ปกติแล้วถ้าส่งข้าวจำนวนเยอะ รถที่จะมาส่งนั้นจะเป็นรถตู้โฟล์คเต่าสีชมพู ข้างตัวรถจะมีโลโก้ของร้านแปะอยู่ทั้งสองด้าน แต่ถ้าหากสั่งไม่มากก็จะใช้มอเตอร์ไซค์เพื่อความสะดวก เมื่อเช้าพ่อก็บอกให้ผมขับรถของร้านมา แต่ผมไม่ชอบไง เลยพี่เต่าพูมาแทน

   เต่าพูชื่อรถผมเองครับ ตั้งโดยน้องเพกาสุดน่ารัก

   พี่ยามโบกให้ผมเข้าไปจอดลานหน้าตึกด้านใน ผมเลิกคิ้วมองรถที่จอดอยู่ในลานด้วยกัน แม้จะเช้า แต่ที่แห่งนี้ก็เริ่มมีลูกค้าแล้ว ไม่รู้คนพวกนี้ไปปวดเมื่อยมาจากที่ไหน ถึงต้องมานวดกันแต่หัววันเช่นนี้

   “เอ่อ ผมต้องเอาไปส่งที่ไหนเหรอครับ”

   “มาส่งครั้งแรกเหรอ ต้องเอาไปส่งที่ครัวด้านหลังนะ มา เดี๋ยวพี่ช่วย”

   ยกมือไหว้ขอบคุณพี่ยาม ก่อนจะส่งถุงห่อข้าวครึ่งหนึ่งให้พี่แกถือ ระหว่างทางไปห้องครัว แกคงกลัวผมเหงาเลยชวนคุยซะเหมือนรู้จักมาชาติหนึ่ง แถมบ่นฟ้า บ่นอากาศอีก

   พี่ยามเดินนำผมอ้อมมาด้านข้างตึก เพิ่งเห็นว่ามีทางเชื่อมไปยังอีกตึก มองจากด้านหน้าเห็นแค่ตึกเดียวไม่คิดว่าจะซ่อนอีกตึกด้วย คงเพราะรูปทรงโมเดิร์นด้านหน้าดูใหญ่โตเลยบดบังด้านหลังเสียหมด พี่ยามเปิดประตูด้านข้างเข้าไปในทางเชื่อม ผนังทางเชื่อมถูกพ่นเป็นตัวหนังสือกราฟิคดูสวยแปลก หากคนชอบถ่ายรูปคงจะชอบ

   “เอ่อ ตึกด้านหลังนั่นตึกอะไรเหรอครับ” ถามด้วยความสอดรู้

   “ตึกนวดนั่นแหละ” ตอบสั้นๆ โดยไม่มีการขยายความแต่อย่างไร พี่ยามก้าวขายาวๆ มาอีกฝั่งจนเจอประตู พอเปิดออกก็เห็นตึกเล็กๆ ตั้งอยู่ “นั่นตึกครัวของที่นี่นะ จำทางได้ใช่ไหม คราวหน้าจะได้มาเองถูก นี่ถ้าเจ้านายรู้ว่าพี่โดดงานมาช่วยต้องโดนตำหนิแน่ แต่เห็นว่าน้องเพิ่งมาหรอกนะเนี่ย”

   “ขอบคุณครับ”

   ตอนนี้พี่ยามเดินกลับไปแล้ว แต่ผมยังอยู่ พวกคนในครัวต่างก็รีบมายกถุงข้าว เข้าไปด้านในโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วเงินค่าข้าวล่ะ

   “พี่ครับ” รีบรั้งแขนพี่คนหนึ่งที่กำลังจะหิ้วถุงสุดท้ายเดินหนี “แล้วเงินค่าข้าวล่ะครับ”

   “ก็ไปเอาที่ห้องการเงินอย่างทุกทีไง” ตอบเสร็จก็เดินลิ่วๆ ไป ไม่สนว่าผมจะตีหน้าโง่มากสักเพียงไหน

   ห้องการเงินมันอยู่ตรงไหนวะ

   ยืนหันรีหันขวางอยู่หลายนาที ก่อนจะโดนสายตาทุกคนในห้องไล่ เลยจำเป็นต้องเดินออกมา จำได้ว่าเปิดประตูเข้าไปเป็นทางเชื่อมสองตึก แล้วการเงินอยู่ตึกไหนวะ ขยับซ้ายทีขวาทีเพราะเลือกไม่ได้ แถมไม่มีคนผ่านมาให้ถาม เลยลองเสี่ยงดวงดู ผมเลือกจะเดินมาทางตึกใหญ่ด้านหน้า เพราะตึกนี้ดูน่าจะมีอะไรมากกว่าตึกหลัง

   เดินตามทางเชื่อมมาเจอประตูเข้าตึก เข้าตึกมาแล้วก็เดินตามทางจนเจอทางแยกซ้ายขวาอีกแล้ว ผมลองจิ้มแบบเด็กประถมดูก่อนเลือกจะไปทางขวามือ เดินมาเรื่อยๆ จนเห็นแสงสว่างของทางออก นี่ผมมาผิดทางแน่ๆ แต่ระหว่างนั้นด้านซ้ายมือมีประตูทางเข้าที่เหมือนจะมีแรงดึงดูดความสนใจของผม เข้าไปดูสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เผื่อเจอพนักงานจะได้ถามเรื่องห้องการเงิน

   ผมลองชะโงกหน้าเข้าไปดูลาดเลาก่อน แต่สิ่งที่เห็นกลับมีเพียงห้องโล่งๆ ข้างผนังมีเก้าอี้ชุดวางอยู่ แต่พอมองตรงเข้าไปด้านในนั้น ยังมีประตูไม้อีกบานที่ปิดเอาไว้ ผมว่าที่นี่มันซับซ้อนเกินไป อยากรู้ว่าใครเป็นคนคิดและออกแบบ มันต้องมีคนหลงทางกันมั่งแหละวะ

        อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งนี่แหละ

   ผมเดินตรงไปยังประตูด้านใน คราวนี้ก็ลองแง้มบานประตูนิดๆ เห็นด้านในมีคนเดินไปมา มันต้องสักคนแหละวะที่ผมจะถามได้ พอคิดแบบนั้นเลยผลักบานประตูเข้าไป

   เชี่ย นี่มัน...

   ห้องกระจกที่ดูโอ่อ่ากว้างขวางคือสิ่งที่สะดุดตาที่สุด ด้านในมีสาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มหวานนั่งเรียงกันอยู่ แต่ละคนสวมชุดเดรสสั้นเกาะอกดูละลานตากับสีสันของชุดไปหมด หน้าห้องกระจกมีผู้ชายหลากหลายอายุกำลังมอง บ้างก็กำลังฟังผู้ชายสวมเสื้อกั๊กสีดำพูด ปกติแล้วภาพแบบนี้ผมเคยเห็นในละครอยู่บ่อยๆ แต่นี่มันไม่ใช่ เพราะนี่มัน...อาบอบนวดของจริง

   ความตกใจที่เกิดค่อยๆ ลดลงเมื่อเสียงที่แทรกเข้ามาให้ได้ยินนั้นฟังแทบไม่ออก ประโยคมากมายดังอื้ออึงมั่วกันไปหมด ผมตบกระเป๋ากางเกงหาหูฟังประจำตัวแต่กลับไม่เจอ สงสัยจะลืมไว้ในรถอีกแล้ว ตายๆ ไอ้กระวานจะตายเพราะเสียงพวกนี้นี่แหละ

   ‘นมใหญ่ฉิบหาย วันนี้จะจัดให้หนักสมราคาเลยแม่คุณเอ๊ย’

   ประโยคนี้ดังขึ้นหลังจากมีลุงแก่ๆ โอบไหล่สาวสวยเดินผ่านหน้าผมไป ไม่รู้ไปฟิตมาจากไหน อยากจะเตือนเหลือเกินว่าระวังดับคาอกที่ลุงชอบ แต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ก่อนจะหันหลังเพื่อกลับ

   แต่มานึกดูอีกที ในนี้ก็ไม่ได้เข้ามาได้ง่าย ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ลองสำรวจดูสักหน่อย อยากรู้ว่ามันจะเหมือนในละครที่เคยเห็นไหม เรื่องเสียงที่ได้ยินช่างมันก่อน เพราะยังไงแล้วก็ฟังไม่เป็นประโยคอยู่ดี ผมสูดเอาลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มก้าวขา

   เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้องกระจก ผมมองเข้าไปด้านในมีสาวสวยนับสิบนั่งอยู่บนขั้นบันได บ้างก็อ่อยอย่างเปิดเผย บ้างก็เหนียมอายบิดม้วนไปมา แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่หน้าดีมาก ขนาดดาราบางคนที่ผมเคยเจอยังไม่สวยเท่า

   “คนนี้เลยครับคุณลูกค้า ดาวเด่นของคลับเราเลย” เสียงเชียร์แขกดังแว่วเรียกให้ผมมอง ผู้ชายสวมเสื้อกั๊กสีดำตัดกับเสื้อเชิ๊ตสีขาวด้านในยืนหันหลังให้ผม มือของเขาถือแท็บเล็ตเครื่องใหญ่ มันคงจะมีข้อมูลของสาวสวยด้านในแน่ๆ ส่วนลูกค้าที่เขาเรียกเป็นชายหนุ่มวัยทำงาน สายตาเขามองหน้าจอแท็บเล็ตสลับกับสาวในห้องกระจก “หรือจะเป็นคนนี้ครับ มือหนักมาก นวดปุ๊บเส้นหายตึงแน่นอน”

   ‘อยากเปิดซิงฉิบหาย’ นี่คือสิ่งที่ผมได้ยิน รู้หรอกว่าอาบอบนวดมักจะมีบริการแฝง แต่สาวบริสุทธิ์มันอยู่รอดมาถึงตอนนี้เหรอ ‘คนนั้นสะโพกใช้ได้นี่หว่า’ ความคิดนี้ทำให้ผมต้องหันไปมองสาวในตู้ คนที่เขาหมายตาเป็นสาวร่างอวบนิดๆ แต่ดูจะไม่ใช่คนที่พนักงานแนะนำสักคน แล้วแบบนี้มันจะใจตรงกันตอนไหนวะ

   ละความสนใจจากคู่ตรงหน้าแล้วมองไปรอบๆ แทน เห็นคนที่ได้สาวถูกใจเดินหายเข้าไปในลิฟต์หลายคู่ ความอยากรู้ทำให้ขามันเดินตามไปโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าผมเข้าไปในลิฟต์ด้วยอาจถูกเขม่นได้ เลยเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดข้างลิฟต์แทน พื้นบันไดปูด้วยพรมสีแดง มีไฟส่องตามขั้นดูเหมือนโรงหนัง เดินวนขึ้นมาจนถึงชั้นสอง ลองชะโงกหน้าไปดู ชั้นนี้เป็นห้องอาหาร มีกระจกแบ่งสองโซน คงแยกระหว่างแขกกับพนักงาน  แอบเห็นข้าวกล่องของร้านวางอยู่ห้องด้านในด้วย เมื่อชั้นนี้ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปชั้นสาม ชั้นนี้แสงสีจัดเต็มมาก มีห้องคาราโอเกะนับสิบห้อง แต่ละห้องคงจะเก็บเสียงอย่างดีเพราะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลย ขนาดมีคนกำลังเต้นเหยงๆ อยู่ด้านในแท้ๆ มิน่าล่ะ ถึงบอกเป็นคลับที่ครบวงจร

   ชั้นคาราโอเกะก็ดูน่าสนใจ ผมกำลังจะก้าวขาเข้าไป พอดีกับชายสวมสูทดำเดินออกมาจากลิฟต์ ทำให้ผมรีบหลบ ไม่รู้เพราะอะไรถึงต้องหลบ แต่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตตัวเอง พอชายชุดดำเดินเข้าไปในห้องกินข้าว ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นที่สี่ ทั้งชั้นดูเงียบสงบมาก ชั้นนี้เหมือนโรงแรม มีห้องทั้งสองฝั่ง ด้วยความอยากรู้ทำให้ขาผมก้าวออกไปก่อนที่สมองจะสั่งซะอีก
 
   ห้องสองฝั่งแยกด้วยการแบ่งเลขคู่คี่ ประตูไม้ดูหนาแน่นไม่มีแม้แต่ช่องตาแมวด้วยซ้ำ หรือจะเป็นห้องพักผ่อนของแขก ผมเดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นประตูห้องหนึ่งแง้มเอาไว้นิดๆ ยื่นมือจะปิดให้ด้วยความเป็นคนดี แต่ความเลวในตัวก็สั่งให้ลองเปิดเข้าไปดู

   “มีอะไรในนี้วะ”

   มุดหัวเข้าไปดู สิ่งแรกที่เห็นคือตู้เย็นติดกับผนัง ที่เห็นแค่นั้นเพราะมีผนังกั้นไว้ ผมกำลังจะถอย แต่ดันมีเสียงเหมือนคนคุยกันเบาๆ อยู่ข้างในเรียกความสอดรู้เพิ่มมากขึ้น จนต้องคลานเข่าเข้าไปดู

   “อ๊า!”

   เสียงดังไปทั่วห้องกับภาพที่ทำให้ผมเบิกตาโต

   “เชี่ย!!”

   ตะโกนแข่งกับเสียงดังนั่น เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น ภาพผู้หญิงเปลือยกายกำลังคร่อมร่างลุงแก่ๆ ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว แต่พอทั้งคู่หันมาเห็นผมเข้าก็ร้องโวยวายหาอะไรมาปิดบังร่างกายเปลือยเปล่า ส่วนผมถูกสาบเป็นหินขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ เพราะภาพตรงหน้านั้น มันยิ่งกว่าหนังโฟร์ดีในโรงหนังซะอีก
 
   “มึงเข้ามาได้ยังไงวะ” ลุงแก่ๆ นั่นเอาผ้าเช็ดตัวปิดของสงวนตัวเอง ก่อนจะเอื้อมไปกดปุ่มอะไรสักอย่างข้างเตียง ผมเริ่มหันรีหันขวางหาทางหนี แต่เหมือนจะช้าไปเมื่อประตูถูกเปิดออกพร้อมกับมีชายสวมสูทสีดำวิ่งเข้ามา “ทำไมปล่อยให้คนนอกเข้ามาในห้องแขก ไหนบอกระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม แบบนี้เขาเรียกว่าโคตรห่วย”

   “ขอโทษครับคุณลูกค้า เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ครับ” ชายชุดสูทสีดำรีบโค้งขอโทษ ก่อนจะสั่งให้อีกสองคนด้านหลังหิ้วผมออกมา “คุณเป็นใคร แล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไง หรือมีใครสั่งให้เข้ามา” โดนเค้นถามระหว่างถูกหิ้ว ผมพยายามดิ้นแต่ไม่เป็นผล มือที่จับแน่นมาก แถมบีบซะเจ็บ

   “ผมไม่รู้เรื่อง” ปฏิเสธลูกเดียวสิครับ เพราะความสอดรู้แท้ๆ “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ นะครับ”

   คนเดินนำหน้าไม่พูดอะไรอีกนอกจากเดินหน้านิ่งเข้าลิฟต์ เลขที่กดคือชั้นหก เป็นชั้นสุดท้ายที่อยู่บนแป้น นี่จะพาผมไปฆ่าหรือเปล่าเนี่ย เวลานี้ชักอยากได้ความสามารถพิเศษของพี่ไธม์จะได้จับมดแล้วกลายร่างหายออกจากที่นี่

   เสียงประตูลิฟต์เปิดเหมือนเสียงเปิดประตูนรก ขืนตัวไม่ยอมเดินตามก็ถูกดึงให้ออกมาอยู่ดี นี่ผมจะมาตายเพราะความขี้เสือกไม่ได้นะ ผมถูกพาเข้ามาในห้องโล่งๆ ที่ไม่มีฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกจากเก้าอี้นวมตัวเดียวที่วางอยู่ ความเย็นของแอร์มันช่างหนาวเหน็บจนต้องลูบแขนตัวเองไปมา และตอนนี้ในห้องมีเพียงผมคนเดียวที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เพราะคนพามาออกไปด้านนอกแล้ว

   นี่ผมจะถูกฆ่าหมกส้วมจริงๆ ใช่ไหม แล้วถ้าลงส้วม ท่าไหนถึงจะสวยวะ

   จังหวะคิดท่าตายสวยๆ ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออก ผมรีบก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามอง จนเห็นรองเท้าหนังสีดำมันปราบมาอยู่ตรงหน้าเลยค่อยๆ ช้อนตาไล่มองขึ้นไป กางเกงสแลคสีเทาสีเดียวกับเสื้อสูท เชิ๊ตด้านในเป็นสีขาวมีเนคไทด์สีดำผูกไว้ มองไล่ขึ้นไปอีกจนเห็นลำคอขาวโผล่พ้นปกเสื้อ

   “เชี่ย”

   อุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเผลอสบตาคมที่จ้องมองผมอยู่ เป็นคนที่ผมหาเรื่องเมื่อวานจริงๆ ด้วย เขาจะจำผมได้หรือเปล่าวะ

   “คนนี้นะเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่หิ้วผมมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมตรงหน้า ขายาวข้างหนึ่งยกขึ้นไขว้ห้าง แขนสองข้างวางไว้บนที่พักแขน ภาพที่เห็นนี้เหมือนเขาหลุดออกมาจากหนังเจ้าพ่อมาเฟียที่ผมชอบดู ผมจ้องอีกครู่หนึ่งก็ต้องก้มหน้าลง สายตาที่จ้องมาดูนิ่งเฉยก็จริง แต่มุมปากที่ยกยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝง

   “ครับบอส”

   “แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

   แม้น้ำเสียงจะฟังดูธรรมดาแต่ผมกลับรู้สึกกดดัน จนอดไม่ได้ที่จะลองเงยหน้าขึ้นดู ทันทีที่ช้อนตาขึ้นก็ยังเจอดวงตาคมจ้อง จะก้มหน้าหลบอีกก็ไม่กล้าเลยจำใจจ้องตอบไป

   “มีลูกค้ากดเรียกฉุกเฉิน พอผมเข้าไปก็เจอผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ในห้อง ลูกค้าบอกเขาแอบเข้าไปครับ”

   “แอบเข้าไป? เป็นสปายงั้นเหรอ” ผมรีบส่ายหน้าทันทีที่ถูกกล่าวหา “ถ้าไม่ใช่สปาย แล้วเข้าไปอยู่ในห้องลูกค้าของเราได้ยังไง”

   “คือผม...ผมแค่มาส่งข้าว” ทำไมผมต้องพูดเสียงเบาขนาดนี้ ผมไม่ได้กลัวเลยนะ เอ่อ นิดหนึ่งละมั้ง

   “ส่งข้าว?” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ ว่าเขาไม่เชื่อผมอย่างแน่นอน แต่ผมก็ยังยืนยันด้วยการพยักหน้า “ไหนล่ะหลักฐาน”

   “ก็ข้าวกล่องที่อยู่ชั้นสองไง” รีบปิดปากเมื่อหลุดบอกเรื่องการสอดรู้ของตัวเอง

   “ไม่ใช่สปาย แต่รู้เรื่องดีจังนะ” ท่าทางสบายนั่นขัดกับการพูดประชดเสียจริง “คุณทำให้ลูกค้าคอมเพลนทางคลับเพราะความอยากรู้ มันสมควรแล้วเหรอ”

   “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ไปไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะสายตาที่จ้องกดดันนั่นแท้ๆ สะกดหมาในปากของผมไม่ให้เพ่นพ่าน “ขอโทษครับ”

   “แล้วลูกค้าเขาว่ายังไงอีกบ้าง” เจ้าของคลับละสายตาจากผมไปถามลูกน้องตัวเองที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม 

   “เขาโวยวายจะเอาเรื่องในตอนแรก แต่พอคุณดีนเข้าไปเจรจาก็ดีขึ้น ตอนนี้ลูกค้ากลับไปแล้วครับ” ผมเอี้ยวคอมองคนบอกรายละเอียดด้านหลัง ใบหน้าเขาจริงจังมากเวลาพูด มันมากซะจนผมต้องเม้มปากที่สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคน “ส่วนเรื่องค่าเสียหายตามที่เขาเรียกร้องนั้น คุณดีนได้ให้กิ๊ฟวอชเชอร์สำหรับใช้บริการฟรีหนึ่งเดือนแทนครับ”

   “อืม” คำตอบรับสั้นๆ แต่ไม่ทำให้ผมคลายความเครียดลงได้ ไม่รู้หรอกว่าไอ้กิ๊ฟวอชเชอร์นั่นจะราคาเท่าไหร่ แต่มันน่าจะมากพอที่จะทำให้ลูกค้าคนนั้นยอมความไม่เอาเรื่อง “ถ้าเขายังเรียกร้องอะไรต่อจากนี้ ก็ให้ไปเรียกกับคนที่สร้างเรื่องเอาแล้วกัน”

   “หมายถึงผมเหรอ” ปากไวก่อนสมองอีกแล้ว ผมยกมือตบปากตัวเองเบาๆ ที่เผลอพูดขัดออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงขำในลำคอจากคนที่นั่งบนเก้าอี้นวม

   “ถ้าไม่ใช่คุณจะเป็นใครล่ะ เป็นผมหรือไง แล้วถ้า...”

   “บอสครับ บอส”

   เจ้าของคลับยังพูดไม่จบประโยคดี ประตูด้านหลังก็ถูกกระชากออก คนที่วิ่งเข้ามาทำหน้าตาตื่นอย่างกับเจอผีตอนกลางวัน

   “ทำไมวิ่งเข้ามาแบบนั้น ไม่เห็นเหรอ ว่าฉันกำลังทำธุระอยู่” คนมีท่าทีสบายเริ่มหน้าตึงแถมปรับน้ำเสียงให้ดูเข้มขึ้น “ว่ายังไง!”

   ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ เจ้าของคลับก็ตวาดลูกน้องที่กำลังหอบหนักไม่พูดไม่จา ก็คนมันวิ่งมาไกลก็ต้องเหนื่อย จะให้พูดเลยก็คงทำไม่ได้หรอก คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ ประโยคเหล่านี้ผมได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่กล้าพูดออกไปหรอก ขืนพูดมีหวังได้กินลูกตะกั่วแทนข้าวแน่นอน

   “มีคนส่งสปายเข้ามาครับ คุณดีนกำลังตามล่าตัวอยู่”

   พอคนหอบพูดได้ก็รีบรายงาน และสิ่งที่พูดออกมา ทำให้คนที่นั่งด้วยท่าทางสบายก็รีบผุดลุกขึ้น ใบหน้าเรียบเฉยดูดุดันจนผมรู้สึกกลัว นัยน์ตาคมเหมือนมีไฟลุกโชนพร้อมแผดเผาคนที่กล้าเข้ามาล้วงคองูเห่า 

   “สั่งทุกคนปิดทางเข้าออกให้หมด ตามล่าหาตัวมันมาให้ได้!!” สิ้นคำสั่งปุ๊บ ทุกคนก็รีบออกจากห้องไปทันทีรวมทั้งคนสั่งที่ก้าวขายาวๆ ออกไปไม่แม้แต่จะหันมามองผม

   ไปกันหมดแบบนี้ แล้วผมล่ะ???

   ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่ผมคนเดียว ผมกลับได้แล้วใช่ไหมหรือยังไง เมื่อหาคนถามไม่ได้ผมก็รีบลุกออกมาจากห้อง เหลียวซ้ายแลขวาอยู่หน้าประตู พอไม่เห็นใครก็วิ่งไปที่บันไดทันที ไอ้กระวานรอดตายแล้วโว้ย

   วิ่งลงบันไดแบบไม่คิดชีวิตและไม่หยุดพัก ในใจคิดแค่ว่าต้องกลับบ้าน เมื่อวิ่งใกล้ถึงชั้นล่างสุด ผมก็วางแผนในใจที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายพุ่งออกจากที่นี่ แต่กลับผิดคาด ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นชั้นหนึ่ง ผมก็ถูกชนอย่างจัง จนต่างคนต่างล้มคว่ำ อีกฝ่ายไม่ได้ล้มเพียงคนเดียว ยังมีสาวสวยนั่งพับอยู่ข้างๆ

       “ไม่มีตาหรือยังไงวะ” ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบแต่ปากก็ยังด่าได้ ผมตวัดสายตาจ้องคู่กรณีที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่รู้จะรีบไปไหน แต่ก็แปลกอีกฝ่ายไม่สนใจคำด่าของผม ผู้ชายสูงโปร่งหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง แถมท่าทางดูลุกลี้ลุกลน “เฮ้ย ได้ยินที่ด่าป่ะ ว่าเดินยังไงของ...”

   “มึงนั่นแหละ วิ่งลงมาชนกูเอง เชี่ยเอ๊ย กูยิ่งรีบอยู่ไอ้สัด”

   ถูกด่ากลับเป็นชุดจนคำพูดในหัวหายไปหมด 

   “อ่าว พูดแบบนี้หาเรื่องกันนี่หว่า”

   ผมรีบลุกขึ้นยืนไปประชันหน้าคนหาเรื่อง เขาดูรีบร้อนอย่างที่พูด ไม่รู้จะรีบไปนวดหรือไปไหน เพราะความคิดเรื่องหื่นกามไม่เห็นผ่านมาให้ได้ยิน

        “พอๆ กูไม่อยากหาเรื่องคน” พูดจบก็จะเดินหนีเฉย แถมยังลืมสาวสวยที่ควงมาด้วยอีก อะไรของเขาวะ

   “เดี๋ยวสิ ไม่คิดจะขอโทษกันเลยเหรอ”

   “มึงวิ่งมาชนกูเอง กูไม่เอาเรื่องก็บุญแล้ว”

   “อ่าวไอ้นี่”

   “ปล่อยกู”

   ผมจับแขนของคู่กรณีไม่ยอมให้เดินหนี แม้อีกฝ่ายจะพยายามสะบัดยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อย ที่น่าสงสัยคือทางที่เขาจะไปไม่ใช่ลิฟต์ที่ใช้สำหรับขึ้นชั้นบน แต่เป็นประตูทางออก

        “สปาย” เผลอหลุดพูดออกมา และนั่นก็ทำให้คนที่ผมจับแขนอยู่ตาโต “ใช่ไหม สปายใช่ไหม”

   “จะแหกปากหาพ่อมึงเหรอ”

   “พ่อกูอยู่ที่นี่เหรอ? ...ไอ้เชี่ย พ่อกูอยู่บ้านเว้ย ไอ้สปาย!”

   ผมแหกปากจนคนทั้งชั้นมอง หางตาเหลือบเห็นพวกชุดสูทก็รีบตะโกนเรียก ไอ้สปายนั่นก็จะวิ่งหนีท่าเดียว ด้วยแรงกับส่วนต่างของร่างกายที่มากกว่าทำเอาผมแทบล้มตอนถูกสะบัดแรง แต่ดีที่ผมยื่นขาขัดไว้ทัน จนคนออกตัวแรงล้มจูบกับพื้น พอดีกับลูกน้องเจ้าของคลับที่กรูเข้ามาจับ

   “สมน้ำหน้า” ทำหน้าเยาะเย้ยใส่ไอ้คนที่ชนผม ที่กล้าทำเพราะตอนนี้เขาถูกชายชุดสูทจับมัดมือไพล่หลังไว้ ช่วงที่ขยับปากไร้เสียงด่า หางตาเหลือบเห็นคนที่หน้าคุ้นๆ พอหันไปดูเต็มตาถึงกับตกใจจนร้องเสียงหลง “อ่าว”

   “เด็กเต่าสีชมพู?” คงจะหมายถึงรถของผม “คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ถามเสียงเขียวพร้อมใบหน้าโหด

   “ผมมาส่งข้าว กำลังจะกลับ”

   “ส่งข้าว?”

   ก่อนจะถูกถามไปมากกว่านี้ หนึ่งในชายชุดสูทก็รีบสะกิดเรียก คนขับรถที่เคยหาเรื่องผมเลยเงียบไม่ต่อปากต่อคำอีก ก่อนทั้งหมดจะหิ้วผู้ชายสายสืบเดินหนีเข้าลิฟต์ไป โดยที่ผมได้แต่ยืนมองตาปริบๆ จบแล้วสินะ แล้วทำไมผมต้องช่วยเขาจับคนร้ายด้วยเนี่ย ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย แถมเมื่อกี้เกือบโดนทำร้ายด้วย ได้ไม่คุ้มเสียเลยให้ตาย

   ผมเดินออกจากตึกด้วยความมึนๆ ทำงานวันแรกก็เกือบโดนจับเพราะความสอดรู้สอดเห็นของตัวเอง แถมต้องเห็นภาพอุจาดตาที่ชัดยิ่งกว่าหนังสามมิติซะอีก คิดภาพแล้วขนลุก ได้ยินเสียงอย่างเดียวก็เต็มทนแล้ว นี่เห็นเต็มสองตา คืนนี้นอนไม่หลับแน่นอน นี่ผมมาส่งข้าวหรือมาทำอะไรที่นี่กันแน่เนี่ย

   เดี๋ยวนะ ส่งข้าวเหรอ?

   เงินล่ะ ฉิบหาย ผมลืมเก็บเงิน โดนพ่อด่าหูหลุดแน่ไอ้กระวาน รอดจากอาบอบนวดมาได้ แต่กับพ่อ ไม่รอด ไม่รอดแน่ๆ หูมึงเปื่อยแน่ๆ



...TBC

กระวานอาจจะเกรียนพอๆ กลอย และอาจจะมากกว่า ได้โปรดให้อภัยในความบ้าของกระวานด้วยนะคะ (ก้มกราบ)

....

มาช้าไปมาก ขออภัยด้วยค่าาาาาาาา มาช้าทุกรอบอยากตบหัวตัวเองให้ปักลงบนดินเช่นตะไคร้ T^T

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สนุกคร่า ชอบความหัวไวของกระวานมากๆ
จับสปายได้แบบนี้
คุณบอสน่าจะยอมละเว้นค่าเสียหายให้แล้วเนอะ
รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
กระวานเสือกจนจะนำความซวยมาให้ตัวเองแล้วไหมละ ส่วนคุณบอสนี่อมยิ้มอะไรคะแล้วตกลงคุณบอสนี่ใช่พระเอกใช่ไหม ถ้าต่อไปกระวานคู่กับคุณบอสไม่ต้องมาทนฟังสิ่งนี้ทั้งวันเลยเหรอ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะได้ทำงานที่ร้านต่อไหมเนี่ย แล้วค่าข้าวจะทวงมาให้พ่อได้หรือป่าวหนอ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
งานไหนจะเหมาะกับกระวานหนอ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-3-




        บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสำหรับมื้อค่ำคึกคักอย่างทุกที มีทั้งเสียงหัวเราะ เสียงบ่น เสียงด่าของครอบครัว ผมนั่งหัวเราะเมื่อโป๊ยกั๊กถูกแม่บิดเข้าที่แขนหลังจากจับได้ว่าไปหาเรื่องคนอื่นที่โรงเรียน

   “พวกนั้นมันหาเรื่องผมก่อนนี่” โป๊ยกั๊กลูบแขนตัวเองป้อยๆ ใบหน้าบูดเบี้ยวอย่างงอแง

   “จริงค่ะ” เสียงใสพูดเสริม เพกาขยิบตาส่งให้พี่ชายคนที่สามคล้ายกับจะช่วย แต่คงจะโจ่งแจ้งเกินไปเพราะคนทั้งโต๊ะเห็นกันหมด โป๊ยกั๊กเลยถูกแม่หยิกเข้าแขนอีกรอบ

   “แม่อะ”

   “ไม่ต้องเลยนะ”

   ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องชายตัวเองอย่างสนุกสนาน ก่อนประโยคคำถามจากพ่อจะทำให้ช้อนในมือผมร่วง เรียกสายตาของทุกคนให้หันมาสนใจ

   “เงินค่าข้าวที่กระวานไปส่งที่คลับ กระวานยังไม่ได้ให้พ่อใช่ไหม”

   “เงิน...”

   เหมือนทุกคนจะลุ้นในคำตอบจนผมต้องเม้มปากตัวเอง จะบอกพ่อดีไหม แต่ถ้าบอกแล้วจะโดนด่าหรือเปล่า เอาไงดีวะ นี่อุตส่าห์ทำตัวเนียนๆ แล้วแท้ๆ

   “กระวานจะให้พ่อตอนไหน พ่อจะได้เอาไปลงบัญชีของร้าน...”

   “ผมลืม”

   กลั้นใจตอบออกไป เพราะไม่อยากปิดบัง ยังไงแล้วพ่อก็ต้องรู้อยู่ดีในเมื่อผมไม่มีเงินให้

   “ลืม?”

   “พอดีมันมีเรื่องนิดหน่อย ผมเลยลืมเก็บเงินเขา”
 
   “มีเรื่อง เรื่องอะไร ใครหาเรื่องกระวาน บอกมาเลยเดี๋ยวจะไปจัดการให้”

   โป๊ยกั๊กแทรกขึ้นมา มันลุกขึ้นชกมัดเข้าที่ฝ่ามือตัวเองพร้อมแสยะยิ้ม ก่อนความกร่างจะถูกมือนุ่มยื่นไปบิดริ้วเข้าที่แขน ทำให้คนซ่าต้องย่อตัวนั่งลงตามเดิม

   “เกิดเรื่องอะไร กระวานไปหาเรื่องอะไรเขา” พ่อไม่สนใจโป๊ยกั๊ก แต่มาเค้นผมแทน ผมได้แต่กรอกตาไปมาด้วยความที่กำลังคิดหาคำพูดที่จะไม่โดนด่า “กระวาน อย่าโกหกนะ”

   “คือว่า...” ทำไมทุกคนต้องกดดันผมแบบนี้ด้วย “คือแบบว่ามัน...”

   “ถ้าคือว่าอีกที คืนนี้เพกาจะไปขโมยพี่กระต่ายชมพูในห้อง” น้องสาวสุดน่ารักกำลังข่มขู่ผม แม้เสียงจะใสแต่แววตาไม่ใช่ ทำไมน้องเพกาแสนดีของพี่กระวานถึงทำกับพี่แบบนี้

   “พอดีในนั้นมีเรื่อง มีคนส่งสปายเข้ามา มันก็เลยวุ่นวายกัน” ไม่บอกหรอกว่าผมเกือบถูกจับเพราะสอดรู้ ดีนะที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้มีข้ออ้าง “กระวานช่วยเขาจับด้วยนะ ก็เลยลืมเก็บเงิน”

   “เรื่องจริงหรือโกหกน่ะ กระวานเนี่ยนะ” พ่อเลิกคิ้วมองอย่างไม่เชื่อ พร้อมๆ กับทุกคนที่ย่นคิ้ว

   “จริงๆ ผมไม่โกหกหรอก ไม่เชื่อพ่อไปถามได้เลยว่าใครจับสปายให้” ฉีกยิ้มเท่าที่ปากจะทำได้ แต่ทุกกลับหันไปตักข้าวเข้าปาก บ้างก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

   นี่พวกเขาเชื่อผมแล้วใช่ไหม

   “พรุ่งนี้ไปส่งข้าวแล้วเก็บเงินมาด้วยนะ”

        จังหวะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก พ่อก็พูดลอยๆ ออกมา เล่นเอาผมพ่นของในปากออกมากระจายเต็มโต๊ะจนทุกคนโวยวาย

   “กระวาน!!”

   เสียงเรียกชื่อดังจนแก้วหูสั่นสะเทือนแปดริกเตอร์ พร้อมๆ กับสารพัดผักต้มถูกขว้างใส่ ตัวนำคือโป๊ยกั๊กผมเห็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยปล่อยไปก่อน รอจัดการเก็บทีหลัง

   ว่าแต่ พรุ่งนี้ผมต้องกลับไปที่นั่นอีกเหรอ อุตส่าห์หนีรอดมาได้ จะไหวไหมวะไอ้กระวาน





*****


   ถอนหายใจรอบที่สิบอยู่หลังพวงมาลัย สายตาก็ช้อนมองตึกที่อยู่ไม่ห่างด้วยความหนักใจ ไม่อยากเข้าไปเลยอะ แต่เพราะตื่นมาพ่อก็รีบกรอกหู ขับรถไปที่ร้านก็พูดตลอดทาง เปิดร้านก็พูด กวาดพื้นก็พูด ขนาดผมเข้าห้องน้ำพ่อยังตามไปพูดอยู่หน้าประตู แล้วคิดดู ถ้าผมไม่ออกมาคำว่าเก็บเงินมันจะตามหลอกหลอนผมไปนานแค่ไหน

   เป็นไอ้กระวานช่างลำบากจริงๆ

   “เฮ้อ”

   ช่วงที่ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย เสียงเคาะกระจกก็ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว พอเห็นว่าใครเคาะก็รู้สึกเบาใจมาหน่อย นึกว่าเป็นพวกคนร้ายหรือตำรวจซะอีก

   “น้องมาส่งข้าวไม่ใช่เหรอ ทำไมมาจอดตรงนี้ล่ะ”

         มองหน้าพี่ยามคนเดียวกับเมื่อวาน ก่อนความคิดบางอย่างของผมจะผุดขึ้น ผมว่า ผมมีทางรอดแล้วล่ะ กระจกถูกหมุนลงอย่างไวเพื่อเตรียมจะบอกในสิ่งที่คิด แต่ดันมีรถสีดำวิ่งเข้ามาจอดรอที่หน้าประตูก่อน ทำให้พี่ยามต้องวิ่งไปลากที่กั้นออก รถคันนั้นผมจำได้ดี เพราะกันชนด้านหน้ายังมีสีชมพูติดอยู่นิดๆ ผมก็รีบก้มหน้าลง หวังว่าคนในรถจะมองไม่เห็นหรือจำไม่ได้
   
   ผมฟุบหน้ากับพวงมาลัยอยู่นานไม่กล้ามอง จนมีเสียงเคาะรถผมถึงรีบเงยหน้าขึ้น อุตส่าห์ยิ้มเพราะคิดว่าจะเป็นพี่ยาม แต่ดันผิดคาด คนที่มาเคาะกลายเป็นผู้ชายสวมสูท เขายืนเท้ามือไว้กับรถ สายตาดุจ้องมองนิ่ง

   “เอ่อ” พอเจอสายตาแบบนั้นไปทำให้คำพูดหายไปหมด เพราะภาพที่เขานั่งสอบสวนผมในห้องนั้นยังติดตาอยู่เลย ความนิ่ง เฉยชาแต่กดดันจนปวดมวลในท้องนั่น “มีอะไรหรือเปล่าครับ” 

   “ผมต่างหากที่ต้องถาม ว่าคุณมาทำอะไรที่ตรงนี้” ช่วงที่ถาม สายตาดุตวัดมองเข้ามาในรถของผม “มาส่งข้าวแล้วทำไมไม่เข้าไปข้างใน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมา ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวจ้องผมอย่างไม่วางตา “หรือว่ากลัวถูกจับเพราะความสอดรู้อีก?”

   เขากำลังด่าผมทางอ้อมใช่ไหม   

        “เปล่า ผมแค่...” แค่อะไรดีว่า

   “แค่?”

   “ผมแค่ยังไม่อยากเข้าไป ตรงนี้ลมมันเย็นดี” เป็นข้ออ้างที่คิดได้อย่างเดียวในตอนนี้ พอพูดจบก็ได้ยินเสียงขำในลำคอจากคนยืนด้านนอกทันที ก็นะ ลมเย็นอะไรเหงื่อผุดเต็มหน้าขนาดนี้

   “คงเย็นชุ่มช่ำมากสินะ ถ้าเย็นจนพอใจแล้วก็เอาข้าวเข้าไปส่งด้วย เพราะคุณกำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน”

   ไปไม่เป็นเลยผม และหลังจากพูดจบ เจ้าของคลับก็เดินย้อนกลับเข้าไป โดยที่ผมรีบขับรถตาม นี่ถ้าไม่กลัวถูกกระทืบจากลูกน้องเขาละก็ ผมอาจแกล้งๆ ขับรถเฉี่ยวไปแล้ว คนอะไร เดินซะเท่เชียว จังหวะที่เจ้าของคลับจะเดินเข้าตึก ผมก็รีบขับรถมาจอดเทียบข้างพลางตะโกนให้หยุดเดิน ดีที่เขาให้ลูกน้องเข้าตึกไปก่อน ไม่งั้นผมอาจถูกกระทืบได้ที่เรียกเจ้านายของพวกเขาเสียงดัง

   “คือ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ไม่ได้สนใจใบหน้ายุ่งๆ นั่น เพียงแค่ต้องการรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถามมาก เสียงแข็งพร้อมกับความบึ้งตึงของใบหน้าก็ทำให้ผมต้องรีบเม้มริมฝีปาก

   “มันสมควรแล้วหรือที่คุณตะโกนเรียกผมด้วยท่าทางแบบนี้” แบบนี้ที่เขาว่า คงจะหมายถึงผมนั่งอยู่บนรถอยู่ละมั้ง ซึ่งผมก็รู้ว่ามันผิด...

        “ขอโทษครับ”

   “แล้วมีอะไร”

   “คือแบบว่า...คุณเป็นเจ้าของใช่ไหม”

   “ก็คงใช่”

   ตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำสุดๆ

   “พอดีผมอยากขอถามอะไรสักหน่อย ผมอยากรู้ว่า ห้องการเงินของที่นี่อยู่ตรงไหน”

   “ห้องการเงิน? จะไปทำไม”

   อ่าว ถามไม่คิดเลยว่ะ ถ้ายั้งปากไม่ทันผมอาจตอบกลับด้วยคำกวนๆ ไปแล้ว

   “เมื่อวานผมลืมเก็บเงินค่าข้าว...” 

        พูดเสียงอู้อี้เพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะในความสะเพร่า แต่คนที่ยืนอยู่ไม่แม้แต่จะยิ้มเยาะ คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ คล้ายกับแปลกใจเท่านั้น “ที่จริงเมื่อวานที่ผมหลงขึ้นไปบนห้อง เพราะหาห้องการเงินไม่เจอ”

   “แล้วคิดว่าห้องการเงินจะอยู่ชั้นสี่หรือ” เป็นคำยอกย้อนที่ทำเอาเถียงไม่ออก เจ้าของคลับเป็นคนแปลกหน้าคนแรกๆ เลยล่ะมั้งที่ทำให้ผมเถียงไม่ออก

   “ก็มันแบบว่า...” กำลังจะอธิบาย เจ้าของคลับกลับเดินหนี แต่ก็ไม่ยอมเดินเข้าไปด้านในตึก เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางเข้าจนผมสงสัย “ครับ?” 

   “จะไปห้องการเงินไม่ใช่หรือ ลงมาสิ” คล้ายกับสั่งนิดๆ แต่ผมไม่ยอมทำตามหรอก ขืนลงไปตามที่บอกอาจถูกอุ้มไปฆ่าใครจะไปรู้ “เร็วๆ ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะให้คุณผลาญเล่นหรอกนะ”

   วาจาร้ายกาจจริงๆ คนๆ นี้ ผมก็ส่งค้อนทางสายตาไปทีหนึ่ง แต่ก็ยอมเปิดประตูรถลงมา พอก้าวขาลงจากรถปุ๊บ ก็ถูกสายตาคมนั่นกวาดมองการแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าปั๊บ เล่นเอาความมั่นใจหดหายไปเลยทีเดียวเชียว

   “ไปได้หรือยังครับ?” รีบพูดเพราะจะได้กลับไวๆ อีกอย่าง วันนี้ผมสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมา ถ้าพ่อรู้ว่าแต่งตัวไม่สุภาพละก็ โดนตัดเงินค่าขนมแน่ “เดี๋ยวคุณ แล้วรถผมล่ะ จอดไว้หน้าตึกแบบนี้มันจะดีเหรอ” พอก้าวขาเข้าไปด้านในก็เพิ่งนึกได้ รถผมจอดขวางประตูคลับเลย ออกมามันจะไม่ถูกกรีดรอบคันใช่ไหม

   “ก็แล้วทำไมไม่ขับเข้าไปจอดที่ลานจอดตั้งแต่แรก” เจ้าของที่นี่ตีหน้ายุ่ง ก่อนจะแบมือมาตรงหน้า ทำเอาผมขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย “ผมดูดวงลายมือไม่เป็น”

   “คิดว่าตัวเองเป็นคนตลกไหม? กุญแจ”

   “อ่อ”

   แม้ผมไม่ใช่คนตลก แต่ก็ทำให้คนหน้าบึ้งอมยิ้มได้เหมือนกันนั่นแหละ ทำมาเป็นว่า โธ่

   เจ้าของคลับถือกุญแจรถผมเดินย้อนออกไปด้านนอก ผมเห็นเขากวักมือเรียกพี่ยามพร้อมโยนกุญแจให้ คงคิดจะให้พี่ยามย้ายรถผมเข้าลานจอดแน่ นี่พี่เขาจะขับรถผมเป็นเหรอ จะทะนุถนอมรถผมไหม จะทำรถผมเป็นรอยหรือเปล่า แค่คิดก็อยากวิ่งกลับไปที่รถของตัวเอง พี่ชมพูยิ่งบอบบางอยู่ด้วย

   “คุณๆ คือ ผมขอไปย้ายรถเองได้ไหม” รีบก้าวขาฉับๆ ตาม เมื่อเจ้าของคลับสั่งงานพี่ยามเสร็จก็เดินนำเข้าตึกลิ่วเหมือนรีบไปตามหาอะไรสักอย่างที่หายไป การรีบเดินเพื่อให้ทันคนขายาวเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก “คุณ เดี๋ยว”

   “อย่าเรื่องมากน่า รถสีชมพูนั่นไม่เป็นอะไรหรอก” ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ผมเช็ดๆ ขัดๆ รถตัวเองทุกวันนะเออ กว่าจะโมดิฟายได้ขนาดนี้ “อีกอย่าง กับข้าวก็อยู่ในรถไม่ใช่หรือไง เขาจะได้เอาไปไว้ในครัวด้วย”

   “มันก็ใช่อยู่หรอกแต่...เฮ้ย เดี๋ยวๆ”

   คงเพราะผมพูดมากแถมชักช้า เจ้าของคลับก็เลยรำคาญ เขาคว้าข้อมือผมแล้วฉุดให้รีบเดิน ขาสั้นๆ อย่างผมจะเดินให้ทันมันก็ต้องซอยยิกๆ จนตูดบิด    

       “จำทางไว้ ต่อไปจะได้ไม่หลงขึ้นชั้นสี่อีก”

   ประโยคที่ทำเอาผมเลิกสนใจมือใหญ่ที่จับมือตัวเอง คนเดินนำหน้าพูดประชดผมเต็มๆ เอาซะหน้าชา แค่ขึ้นไปครั้งเดียวเอง ทำอย่างกับผมเป็นสปายอย่างงั้นแหละ

   “ผมจะจำทางไว้ครับ จะจำใส่สมองเลยด้วย” ดัดเสียงให้ดูกวน คนถูกตีรวนรีบหันมามองหน้าตึง แต่ก่อนที่ปากบางนั่นจะขยับ เสียงทักก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน เจ้าของคลับเลยต้องหันไปมองพร้อมยกยิ้มที่มุมปากให้

   ผมย่นคิ้วเม้มริมฝีปากยามต้องยืนรอคนนำทางทักทายลูกน้องตัวเองที่ยกมือไหว้ขณะกวาดพื้นบริเวณทางเดิน หนุ่มหน้าใสดูเจี๋ยมเจี้ยมไร้พิษสงใดๆ แต่ใครเลยจะรู้ ว่าความคิดของเขานั้นช่างเร้าร้อนดุจลาวาภูเขาไฟ ภาพที่ออกมาจากห้วงการนึกคิดนั้น มันยิ่งกว่าหนังโป้ที่เห็นซะอีก หวังว่าคนที่เขาคิดนั้นจะเป็นแฟนจริงๆ ไม่ใช่ดาราตามเว็บแล้วเก็บเอามามโนภาพ

   “ตั้งใจทำงานนะ”

   “ขอบคุณครับบอส”
 
   “จะไปไหน”

   ผมไม่รู้ว่า เจ้าของคลับพูดกับใคร เพราะผมยกมือปิดหูแล้วเดินหนีมาไกล ทนฟังไม่ได้จริงๆ ขนาดไม่สนใจ แต่ภาพมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนผมอยากจะอ้วก พูดกับเจ้านายแท้ๆ แต่สมองดันมีแต่เรื่องลามก เมื่อกี้ก่อนลงจากรถ ผมก็ลืมเอาหูฟังในรถติดมาด้วย จะรอดกลับบ้านไหมวะเนี่ย

   “เดี๋ยว”

   แรงฉุดข้อศอกจากด้านหลังทำให้ผมหมุนติ้วจนเกือบล้ม ดีที่ได้ตัวของคนดึงรับเอาไว้ จะว่าไป อกเขาก็แน่นเหมือนกันนะเนี่ย แน่นซะจนอิจฉา แต่นี่มันใช่เวลาคิดเรื่องแบบนี้ไหมเล่า ผมรีบเด้งตัวออกจากอกอุ่นนั่น พร้อมเงยหน้าสบตากับคนที่อุกอาจดึง

   “ทำอะไรของคุณเนี่ย คุณเจ้าของคลับ” ถามเสียงเขียว แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนก็เถอะ แต่ถ้าเมื่อกี้ปลิวไปอีกทางผมอาจชนกับผนังจนหัวแตกได้

   “ก็ผมเรียก” เขาพูดสั้นๆ ผมเลยขมวดคิ้ว “คุณจะเดินหนีทำไม รู้เหรอว่าห้องการเงินต้องไปทางไหน”

   “ไม่รู้” ตอบแทบจะทันที

   “ไม่รู้แล้วเดินมาก่อนเนี่ยนะ” เจ้าของคลับยังรุกไล่ต้อนไม่ปล่อย

   “เดินมารอต่างหาก ผมไม่ชอบอยู่ตรงนั้น” ไม่บอกหรอกว่าทำไมถึงไม่ชอบ ก็ใครจะกล้าบอกว่าได้ยินลูกน้องเขาคิดเรื่องเซ็กซ์บนเตียงกับแฟนล่ะ เจ้าของคลับคงสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ ผมเลยรีบเร่งให้เขานำทาง อยากกลับเต็มแก่แล้วเนี่ย “รีบๆ เดินสิคุณเจ้าของคลับ โอ๊ย” อยู่ๆ คนเดินนำก็หยุดเดินกะทันหัน ทำให้ผมที่เดินตามทนเข้ากับหลังกว้างนั่นเต็มๆ

   “ผมมีชื่อ” เขาบอกนิ่งๆ

   “ชื่อ? ชื่อคุณน่ะเหรอ” จะว่าไปชื่อบนนามบัตรผมก็เห็นผ่านๆ ไม่ได้สนใจมากด้วย “คุณชื่ออะไรนะ”

   คล้ายกับว่าผมกำลังถามเรื่องการเมือง เจ้าของคลับดึงหน้าจนตึง ก่อนมือใหญ่นั่นจะล้วงเข้าไปในสูท ผมที่ระวังก็รีบขยับหนี กลัวเขาชักปืนมายิง แต่ผิดคาด เขากลับดึงนามบัตรที่เคยให้ผมออกมา แล้วยื่นมาตรงหน้า

   “นามบัตร”

   “ผมเคยได้แล้ว”

   “แต่คุณจำชื่อผมไม่ได้”

   “เราไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อกันก็ได้ ผมก็แค่พนักงานส่งข้าวเองนะ”

   “แต่ผมไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น”

   “งั้นเรียกว่าบอสแบบพนักงานคนเมื่อกี้ไหม”

   “คุณไม่ใช่พนักงานของที่นี่”

   “โว๊ะ เรื่องมาก”

   “ก็รับไปสิ”

   สรุปคือผมต้องรับนามบัตรเล็กๆ มาอีกรอบ พอจะยัดใส่กางเกงกลับถูกมือใหญ่คว้าจนสะดุ้ง

   “อะไรของคุณเนี่ย” ใจหายหมดเลย

   “อ่านสิ แล้วก็จำชื่อด้วย” ผมจ้องหน้าคนบังคับ แต่เขากลับพยักพเยิดให้ผมมองชื่อบนบัตร “อ่านแล้วก็จำ”

   “ขี้บังคับจังวะ” บ่นเบาๆ แต่คนที่ยืนติดกันคงได้ยิน แถมมีปฏิกิริยาด้วยการถลึงตาใส่อีก

   กลัวแล้วครับ

   “ไปได้แล้ว”

   “ครับคุณจักรพรรดิ” ผมก็อ่านชื่อตามนามบัตร แล้วทำไมเขายังตีหน้าบึ้งอยู่ “อะไรอีกครับคุณจักรพรรดิ”

   “ไม่มี”

   อ่าว แล้วมองหน้าผมทำไมวะ เหมือนผมทำอะไรไม่ถูกใจพี่แกอย่างนั้นล่ะ ผมเดินตามหลังเจ้าของคลับมาเรื่อยๆ จำได้ว่าทางนี้เคยเดินมาแล้ว จนมาถึงประตูทางเข้าของทางเชื่อม

   “เมื่อวานถ้ามาจากด้านนอก คุณต้องไปทางซ้าย” น้ำเสียงนิ่งๆ บอก ผมก็พยักหน้าเออออไป “แต่เมื่อวานคุณไปทางขวา”

   “ก็ใช่”

   พอผมตอบ คนเดินนำก็หยุด

   “จำให้แม่นด้วยล่ะ”

   “รู้แล้วๆ ย้ำจริง”

   พอเดินไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางติดอยู่ ป้ายเล็กนิดเดียวแบบนี้ผมถึงไม่เห็น เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องกระจก ตรงประตูมีป้ายสีทองติดไว้ว่าห้องการเงิน และทันทีที่เจ้าของคลับแตะกล่องอลูมิเนียมหน้าห้อง ประตูก็เลื่อนเปิดอัตโนมัติ

   “อุ้ย บอส สวัสดีค่ะ” เสียงแหลมทักทายอย่างเซ็งแซ่เมื่อเจ้าของคลับย่างกรายเข้าไป บ้างก็ตกใจลนลานทำตัวไม่ถูก สงสัยเจ้าของคลับจะไม่ค่อยได้เข้ามา “บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ”

   “พอดีพาคนมาส่ง”

   และแล้วทุกสายตาก็พุ่งมาที่ผมอย่างอัตโนมัติ สายตาทุกคู่ที่มองมานั้นดูเคลือบแคลงสงสัยว่าไอ้นี่เป็นใครและยิ่งใหญ่มาจากไหนถึงให้เจ้าของที่นี่พามา ผมชักอยากได้ความสามารถพิเศษที่ผมทำให้อ่านใจคนทุกคนได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

   “พามาส่ง? ยังไงหรือคะ แล้วคุณเป็นใคร?”

   “ผมมาส่งข้าวเมื่อวานแล้วลืมเก็บเงินครับ”

   เป็นผมที่รีบบอก สีหน้าแบบนั้นต้องคิดว่าผมเล่นเส้นแน่ เพราะมองกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่พอรู้ว่าจุดประสงค์ของผม คุณป้าใส่แว่นก็ปรับสีหน้าเป็นปกติและดีกว่าเดิม

   “อ๋อ พี่ก็ยังคิดอยู่ว่าทำไมคนส่งข้าวไม่เข้ามาเอา พี่เตรียมไว้แล้วจ้ะ”

   “ขอโทษด้วยครับ” รีบยกมือไหว้ขอโทษพร้อมรอยยิ้มหวาน “พอดีผมเพิ่งมาส่งครั้งแรกเลยไม่รู้ว่าห้องการเงินอยู่ที่ไหน...”
 
   “ผมก็เลยต้องมาส่ง”

   พูดไม่จบดีก็มีเสียงแทรกเข้ามา คุณป้าการเงินแอบขำทั้งที่ก้มหยิบซองเงินในลิ้นชัก

   “นี่จ้ะ เงินค่าข้าวของเมื่อวานแล้วก็วันนี้ น้องลองนับดูนะ ว่าครบหรือเปล่า เพราะถ้าขาดยังไงจะได้รีบให้เลย น้องจะได้ไม่ไปรบกวนบอสให้พามาอีก”

   แรกๆ ของประโยคดูจะไม่เป็นอะไร แต่ทำไมท้ายประโยคเหมือนจะแขวะผมเลยวะ แต่ผมก็ไม่ได้ต่อความยาวอะไร เปิดซองมาก็นับๆ พอครบก็ผมก็รีบยกมือไหว้ลา คนของที่นี่ดูไม่น่าคบสักคน

   ผมจ้ำพรวดออกจากห้องโดยไม่รอคนพามาที่เดินตามมาห่างๆ จังหวะที่สมองกำลังคิดว่าจะหันไปขอบคุณเขาดีไหมผมก็หยุดเดิน เป็นจังหวะที่คนด้านหลังเดินมาถึงพอดีผมเลยชนเข้าอย่างจัง แต่หากหวังว่าจะเป็นแบบในละครที่มีมือยื่นมาช่วยละก็ คงคิดผิด ตอนนี้ผมลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้น โดยคนชนยืนขำ

   “ซุ่มซ่ามนะ” หัวเราะผมแล้ว ยังพูดแบบนี้อีก ผมส่องค้อนทางสายตาไปหนึ่งที พร้อมๆ กับมีฝ่ามือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า “เดี๋ยวผมช่วย”

   “ขอบคุณ” ผมหรี่ตามองฝ่ามือนั่นก่อนจะยื่นมือไปจับ จังหวะที่ดึงตัวเองลุกก็คิดอะไรออก ผมใช้แรงที่มีดึงคนตัวใหญ่ให้ล้ม แต่ดันเป็นผมเองที่ล้มลงไปนั่งอีกรอบเพราะเขาปล่อยมือ ความแรงที่ร่วงลงไปเล่นเอาก้นกบแทบร้าว “ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”

   “ทำตัวเองแท้ๆ ยังจะมาโทษคนอื่นอีกนะ” ก่อนที่เขาจะเดินไป ช่วงที่ผ่านตัวผม เขาโน้มตัวลงมากระซิบชิดใบหู เป็นคำพูดที่ผมต้องกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโมโห “อ่อนหัด”

   “หนอย” ได้แต่มองตามหลังคนพูดไปด้วยความเคืองขุ่น มาว่าผมอ่อนหัดได้ไง เดี๋ยวเถอะ จะไปฝึกวิทยายุทธ์กับโป๊ยกั๊กให้เก่งแล้วผมจะมาเอาคืน

   ดั่งที่หนังจีนเคยว่าไว้...แค้นนี้ สิบปีก็ยังไม่สายถ้าจะกลับมาแก้แค้น สำหรับผม ไม่ต้องรอสิบปี อีกสิบวันเจอได้เลย โดนไอ้กระวานจิ้มตาแน่ หนอย กว่าว่าผมอ่อนหัด

   แล้วผมจะมานั่งบ่นกับตัวเองทำไม ประสาทจริงไอ้กระวาน



...TBC

พระเอกของเราต้องร้าย ไม่งั้นสู้กระวานไม่ได้แน่นอน
ฝากเรื่องลับซ่อนรักด้วยนะคะ อาจจะหายไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้จะรีบอัพตามให้ทันอีกสองเรื่องค่าาา (ก้มกราบ)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ชอบทั้งสองเรื่องเลยค่า เอาอีกๆๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อย่าไปแค้นเฮียเขาเลย กระวาน อย่างน้อยเฮียเขาก็ไม่ได้คิดทะลึ่ง ๆ ให้หนวกหูกระวานนะ  o18

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ซีรีส์นี้พล็อตอาจไม่ได้แตกต่างจากนิยายชายหญิงทั่วไป แค่เปลี่ยนเป็นชายชาย แต่นักเขียนก็เขียนได้สนุกและชวนติดตามดีทีเดียว อ่านของนักเขียนท่านนี้หลังจากอ่านน้องคนที่สามและจะไปตาทพี่คนโต ยังไงก็มาค่อให้จบนะคะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
รอติดตามนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด