ตอนที่ 10 : หมอก & ตือ Part 1 [Full Version with NC]
- หมอก -
สวัสดีครับผม ”หมอก กรวิทย์ กุลเดช” พี่ใหญ่ประจำกลุ่ม ตอนนี้ศึกษาอยู่ทีมหาลัยx คณะวิศวะปี 1 งงกันสิครับว่าเป็นพี่ใหญ่ทำไมยังอยู่ปี1 ผมซิ่วมาจากอีกมหาลัยครับ เนื่องจากตอนนั้นผมยังไม่มีคณะที่ชอบ ด้วยคะแนนที่ดีผมจึงสามารถเลือกคณะไหนก็ได้ ผมเลยเลือกคณะนิติศาสตร์ตามสายอาชีพของพ่อผม ที่มหาลัยแถวชลบุรี แต่เรียนสักพักมันไม่ใช่ตัวผม ผมขี้เกียจเกินกว่าจะจดจำมาตราต่างๆ ได้หมด ผมจึงซิ่วมาเข้าวิศวะใหม่ที่นี่ มันดูเป็นตัวผมมากกว่า ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แซวสาวไปเรื่อยๆ แบบเพื่อนคนอื่น แต่เราก็เข้ากันได้ดีครับ อาจจะด้วยนิสัยใจคอต่างๆ การเจอเพื่อนดีเป็นลาภอันประเสริฐครับ ผมมีแฟนแล้วครับ ผมสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เธอชื่อ “กิ๊ป” ครับ แม้เธอจะไม่สวยระดับดาวมหาลัย แต่เธอก็สวยมากในสายตาผม ผมตามจีบเธอเกือบสามเดือนกว่าจะได้เป็นแฟนกัน ผมรักและให้เกียรติเธอเสมอ ค่อยเป็นค่อยไป ผมรักเธอมากครับเธอเอาใจใส่เป็นคนขี้อ้อน แม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่กันคนล่ะมหาลัย แต่ผมจะไปหาเธอทุกอาทิตย์ครับ เรียกว่าระยะทางไม่เป็นอุปสรรคต่อความรัก ไงครับเสียดายผมล่ะสิ
---------------------------
- ตือ -
สวัสดีครับ ผม "ตือ สุดที่รัก กันตนกุล" งงละซิว่าทำไมชื่อสุดที่รัก มันเป็นเพราะกว่าพ่อแม่ผมจะมีลูกนั้นแสนยากลำบาก จนพ่อแม่ผมตัดใจเรื่องการมีลูกแล้ว ผมจึงหลงมาเกิด ผมชอบชื่อนี้น่ะครับ อาจเป็นชื่อนี้ก็ได้ที่ทำให้ผมเป็นที่รักต่อเพื่อนและครอบครัว ผมโตมาโดยที่มีความรักความอบอุ่นของคนรอบข้างห้อมล้อม ผมขี้อ่อนและใส่ใจเอาใจใส่ทุกคน จนบางครั้ง หวานกับหนึ่งมันก็บอกว่าผมเสือก อาจจะเป็นเพราะผมใส่ใจมากเกินไปหรือเพราะผมเสือกจริงๆ ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน ผมยังไม่มีแฟนครับ และคิดว่าคงไม่สามารถรักใครได้อีก
ความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผมเกิดขึ้นตอนม. 1 ผมหลงรักรุ่นพี่ผู้ชายคนนึงที่ช่วยผมจากแก็งค์รีดไถหลังโรงเรียน ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าอาการตกหลุมรักเป็นยังไง และผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับผู้ชาย ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มมองหาพี่เค้าในแถวหรือเวลาพักเที่ยง ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรผมจึงแอบไปนั่งรอที่หน้าสนามบาสทุกวันเพียงต้องการเห็นพี่เค้าเดินผ่าน และเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นพี่เค้าเดินมากับแฟน บางครั้งผมก็ชอบเอาของกินแอบไปให้พี่เค้าใต้เกะโต๊ะเรียนพี่เค้า โดยที่ไม่ได้หวังอะไร กว่าจะรู้ว่าทุกๆ อย่างที่ผมทำมันเรียกว่าความรัก มันก็จมลึกในจิตใจจนถอนตัวไม่ขึ้น เวลาผ่านไปเป็นวัน เป็นเดือนเป็นปีมันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กลับหยั่งรากลึกเกินกว่าจะถอนตัว แม้พี่เค้าจะไม่รู้จักผม แต่ผมก็ดีใจที่ได้ทำทุกๆ อย่างเพื่อเค้า จนผ่านเวลาผ่านมาเนิ่นนานจนเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในระดับมัธยมต้น สามปีที่เฝ้ามองดูพี่เค้าห่างๆ วันนี้ผมจะสารภาพรักกับพี่เค้า ผมไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง แต่มันเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว ผมส่งขนมไปให้เหมือนเดิมในช่วงเช้าอย่างที่เคยทำ พร้อมกับเขียนโน๊ตนัดสถานที่นัดเจอช่วงหลังเลิกเรียน แม้พี่เค้าจะมาตามนัด แต่ทุกๆ อย่างก็ไม่เป็นอย่างที่ผมหวัง แม้ผมจะเสียใจ แต่พี่เค้าก็ปฎิเสธอย่างรักษาน้ำใจไม่รังเกียจที่ผมชอบพี่เค้า แต่พี่เค้ายังยืนยันว่าเรายังสามารถเป็นพี่เป็นน้องกันได้ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อความรู้สึกที่ผมมีมันมากกว่านั้น
ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อที่โรงเรียนเดิมในช่วงม. ปลาย เพื่อจะตัดใจได้ง่ายขึ้น และไม่อยากให้พี่เค้าลำบากใจทุกครั้งที่เจอผม ออกมาเจอสังคมใหม่เพื่อให้ลืม แต่ควมจริงกลับตรงกันข้าม ผมกับยิ่งโหยหา ผมยังคงถามเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเรื่องของพี่เค้ายังคงแอบส่องเฟสบุ๊คพี่เค้าประจำ ยังคงยินดีทุกครั้งที่พี่เค้ามีความสุข และเสียใจทุกครั้งที่พี่เค้าทุกข์ใจ จนพี่เค้าจบไปต่อมหาลัย ผมทราบแค่ว่าพี่เค้าไปเรียนมหาลัยแถวภาคตะวันออก ผมจึงเลิกติดตามพี่เค้า เพราะพี่เค้าห่างไกลจนเกินกว่าจะคว้า ผมเลือกเข้ามหาลัยที่ใกล้บ้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่คณะแพทย์ และคิดว่าจะเริ่มต้นมองหาความรักครั้งใหม่ แต่ใครจะคิดว่าผมจะเจอพี่เค้าอีกครั้งในมหาลัยเดี๋ยวกับผม หลังจากที่ให้เพื่อนต่างคณะไปสืบเรื่องคนที่มาจูบหนึ่ง ผมดีใจที่เจอพี่เค้าอีกครั้ง แต่ไม่กล้าไปเจอหรือนัดพบ กลัวพี่เค้าจะลำบากใจ จนวันนี้ที่ดูเหมือนว่าเพื่อนเราสองคนจะลงเอยกัน จนต้องมีการเลี้ยงเพื่อกระชับมิตร ใจหนึ่งผมก็กลับ แต่อีกใจนึงก็อยากลองดูสักตั้ง ผมเคยเสียใจมาแล้วครั้งนึง ถ้าจะเจ็บอีกครั้งก็คงไม่หนักหนาอะไรหรอก จริงไหมครับ
------------------------------------------------
- หมอก -
เฮ้อออออ ผมไม่รู้จะอธิบายหรือระบายความรู้สึกนี้ยังไง มันเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ทุกๆ อาทิตย์ผมจะไปหาแฟนผมที่มหาลัยเก่าผมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ด้วยวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของกิ๊ปแฟนผม ผมจึงโดดเรียนวันนั้นเพื่อไปเตรียมซื้อเค้กและของขวัญไปเซอร์ไฟร์เธอที่หอพัก เนื่องจากเป็นปีแรกที่เราได้ฉลองด้วยกัน ผมจึงอยากให้มันพิเศษหน่อย ซึ่งกิ๊ปโทรมาอ้อนให้ผมไปฉลองวันเกิดกับเธอ แต่ผมก็แกล้งบอกเธอว่าลาไม่ได้เพราะติดสอบ ผมใช้เวลาในการเลือกเค็กและของขวัญที่เธอชอบนานมาก เลือกแล้วเลือกอีก จนเรียกว่าเดินครบทั้งห้างกว่าจะเลือกได้ ผมเลือกเค้กรสวนิลาที่เธอชอบ และของขวัญที่เธอบ่นหนักหนาว่าอยากได้ จนเวลาล่วงเลยไปจนสองทุ่ม
ผมจอดรถพร้อมควงกุญแจห้องอย่างอารมณ์ดี นึกถึงหน้าแฟนตอนดีใจ เธอคงถึงห้องล่ะครับ ผมเห็นไฟเปิดอยู่ ผมขึ้นลิฟท์และย่องเข้าไปเปิดอย่างใจเย็น เปิดประตูพร้อมจะเซอร์ไฟร์แฟน แต่ผมกลับต้องเซอร์ไฟร์มากกว่าที่เห็นเธอกำลังมีอะไรกับชายอื่น ผมอึ้งจนทำเค้กตกลงพื้น สมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ถูก อยากจะเข้าไปต่อยกระทืบให้มันตายคาตีน แต่ขาก็ไม่ยอมขยับ ความไว้ใจที่ผมมีให้มันศูนย์เปล่า ไม่ต้องมีคำแก้ตัวใดๆ เกิดขึ้น หลักฐานแน่นเกินกว่าจะปฎิเสธ ผมรักเธอมากเกินกว่าจะตัดใจ แม้คนอื่นจะมองว่าผมโง่ แต่ผมก็พร้อมให้อภัย ผมไม่โกรธแต่ผมอยากให้เธอเลิกกับผู้ชายคนอื่น ผมให้เธอเลือกว่าเธอจะอยู่กับใคร คนเราจะรักคนสองคนพร้อมกันไม่ได้ มันต้องได้แค่คนใดคนนึง แต่สุดท้ายผมก็ไม่เป็นคนที่ถูกเลือก ความจริงใจและความรักอย่างที่เต็มเปี่ยมที่ผมทำลงไปไม่มีค่า ไม่มีค่าพอให้เธอเลือกผม ผมกลับออกมาอย่างผู้แพ้ กระอักเจียนตายทั้งที่ไม่มีเลือด สมองว่างเปล่า รู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ร้ายชาบูกับไอ้แทน กัน โจ๊ก กับน้องหนึ่งแล้ว เนื่องจากผมเป็นพี่ใหญ่สุด ผมจึงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่อย่างน้อยการได้อยู่กับพวกมันก็น่าจะให้ผมลืมความเจ็บช้ำในใจได้ ตอนนี้เรากำลังนั่งรอหวานกับเพื่อนน้องหนึ่งอีกคนที่ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ประกอบกับไม่ได้ใส่ใจ
“สวัสดีค่ะ หวานค่ะ นี่ตือ ชื่ออะไรกันบ้างค่ะ นี่เป็นการเจอเพื่อนต่างคณะครั้งแรก หวานอาจจะเขินๆ อายๆ หน่อยน่ะคะ หวานกลัว”
ผมหันไปตามเสียง น้องหวานสวยอย่างที่ไอ้แทนมันการันตรีครับ แต่ผมไปสะดุดตากับน้องตือ ผมยังจำได้ดีที่น้องมาสารภาพรักกับผมตอนก่อนปิดเทอมม. 4 ผมปฎิเสธน้องเค้าไปและไม่เจอน้องหลังจากนั้นอีกเลย อาจเป็นเพราะน้องย้ายโรงเรียนหรืออะไรก็แล้วแต่ผมไม่ใส่ใจมากนัก
“สวัสดีครับพี่หมอก สบายดีหรือครับ”
มันพูดเสร็จแล้วก้มหน้ามองพื้น ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้ ผมคงต้องทำตัวเป็นปกติ ลืมเรื่องเก่าๆ ไป ไอ้แทนดูมันจริงจังกับน้องหนึ่งมาก ไม่งั้นผมคงเข้าหน้าน้องไม่ติด
“สบายดีครับ น้องตือสบายดีไหมครับ ไม่เจอกันนานเลย”
“สบายดีครับ”
มันพูดเสร็จ พร้อมลงนั่งข้างผม เพราะหวานแทบจะไปนั่งบนตักไอ้กันล่ะครับ ท่าทางน้องหวานจะสนใจไอ้กัน เสร็จประโยคนั้นมันก็นั่งเงียบ ผมกลัวบรรยากาศมันกร่อย เลยชวนคุยเรื่องสับเพเหระทั่วไป ดูท่าน้องยังเขินอายผมอยู่แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากครับ แผลผมยังสดอยู่เกินกว่าจะสนใจอะไรทั้งนั้น
เสร็จจากร้านอาหารเราก็ไปต่อที่ผับแถวหน้ามหาลัยต่อ มาถึงก็ไม่ต้องพูดอะไรครับ ผมนี่ยกอย่างเดียว ผมเป็นพวกคอแข็ง แดกทั้งลังยังไม่มีอาการเมา ตือมันยังคงยืนอยู่ข้างผม แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้วครับ อยากกินเหล้า น้องมันมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมชนแก้วกับไอ้โจ๊กทั้งคืน จนรู้ตัวอีกที ไอ้แทนกับน้องหนึ่งก็ขอตัวกลับแล้ว เพราะน้องหนึ่งเมามาก หวานตือก็ขอตัวกลับตามๆ กัน อ้าวแล้วผมจะกลับยังไง หันไปหาไอ้โจ๊ก ก็หายไปกับฝูงชนล่ะครับ ร้านนี้ถิ่นมัน จนตอนนี้เหลือผมอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“พี่หมอก เมามากแล้ว กลับเถอะครับเดี๋ยวตือไปส่ง” อ้าว ลืมเหลือมันอีกคน
“อืม” ผมพยักหน้าตกลง เดินออกแต่ ทำไมทางมันเบี้ยวอย่างนี้
“พี่หมอก เดี๋ยวตือประคอง”
มันพูดเสร็จพร้อมแบกปีกผมไปขึ้นรถมัน หลังจากผมขึ้นรถโดนแอร์เย็นๆ ก็เริ่มง่วง รู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าหอซะละ
ผมอาศัยอยู่หอด้านนอกมหาลัยครับ เนื่องจากบ้านผมค่อนข้างเดินไกลและผมขี้เกียจตื่นเช้า หอนี้เงียบเป็นส่วนตัวดีครับ หอนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาอยู่เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง ส่วนมากจะเป็นพนักงานออฟฟิตซะมากกว่า แต่สะอาดและเงียบ การรักษาความปลอดภัยห่างห่วง ของครบเรียกว่าเอามาแต่เสื้อผ้าเข้าอยู่ได้เลย ว่าแต่ทำไมมันมาถูกทั้งๆ ที่ผมไม่ได้บอก
“พี่หมอก ขึ้นห้องไหวไหมครับ เดี๋ยวตือช่วยพยุง”
ผมประคองตัวเองพร้อมการช่วยเหลือของตือจนถึงที่ประตูทางเข้าหอ พร้อมยื่นกุญแจกับกระเป๋าตังให้ตือ เพื่อหาคีย์การ์ดเข้าหอ ตือแบกผมขึ้นลิฟท์กดชั้นและไขประตูห้องถูกโดยที่ผมไม่ต้องบอก จนผมนึกสงสัย แต่รู้ตัวอีกทีผมก็โดนเหวี่ยงลงบนเตียงแล้ว
“พี่หมอกไหวไหมครับ อยากได้อะไรอีกไหมครับ” น้องตือ เปิดแอร์ ห่มผ้าให้เรียบร้อย เหลือนอนตบตูดกล่อมเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ
“อืม… จะอ๊วก ตือพาพี่ไปห้องน้ำหน่อย”
ผมคงทำให้น้องตือประทับใจแล้วครับกับผู้ชายที่เค้าแอบชอบได้นั่งกอดชักโครกอ๊วก ช่างเป็นภาพที่หน้าประทับใจจริงๆ ผมอ๊วกเสร็จพร้อมโดนหิ้วมาที่เตียงหลับๆ ตื่นๆ มารู้ตัวอีกทีเมื่อมีผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว
“อ้าว… ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมพยายามตั้งสติ ถ่างตามามองมันที่กำลังนั่งเช็ดตัวให้อยู่
“ยังครับ ตือเป็นห่วง เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้ครับ”
ผมยังคงอดสังสัยไม่ได้ แต่เมื่อแอลกอฮอล์เข้าปากก็กล้าพูดทุกอย่าง
“ตือยังชอบพี่อยู่เหรอ” ตืออึ้งไปหลังจากผมพูดจบ แต่ก็ยังเช็ดตัวตามแขนผมอยู่
“คือ…. ตือ”
“พี่ไม่ว่าอะไรหรอก ตอบพี่ตรงๆ”
“ครับ” ตือก้มหน้า หน้ามันแดงยันหู
“พี่ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมตือรู้จักห้องพี่ ตือเคยแอบตามพี่มาที่ห้องรึ”
ตือไม่ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าเช็ดตัวอย่างเดียว
“รู้สึกยังไงที่รักคนที่เค้าไม่รักเรา ไม่เสียใจเหรอที่เค้าไปกับคนอื่น ทำดีไปก็ไม่เห็นค่าจะทำไปทำไม”
ตือมองหน้า อ้ำอึ้ง จนหน้าเสีย
“พี่ไม่ว่าอะไรหรอกแค่อยากรู้ ในเมื่อสิ่งที่เราทำมันศูนย์เปล่าแล้วจะทำไปทำไม”
“ตือ….. อยากเห็นพี่มีความสุข ความสุขของพี่มันทำให้ตือมีความสุข แม้ไม่ได้ครอบครองก็ตาม”
ตือหันไปมองรูปของผมกับอดีตแฟนสดๆ ร้อนๆ
“แฟนพี่หมอกสวยดีนะครับ ท่าทางพี่จะรักเค้ามาก”
ผมถอนหายใจ ทำหน้าเหนื่อยหน่าย พร้อมมองหน้ามาทางตือ
“พี่เลิกกับเค้าแล้ว ตอนนี้พี่โสด ตือสนใจเป็นแฟนกับพี่ไหม”
ตือและทุกๆ คนฟังไม่ผิดครับ ผมกำลังขอตือเป็นแฟน ในเมื่อเป็นฝ่ายรักเค้าแล้วมันไม่ได้รับรักตอบ ผมก็จะเลือกคนที่รักผมดีกว่าเพราะผมจะได้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกใครอีก อยากเป็นผ่ายที่ตักตวงความรักบ้าง อย่าว่าผมเห็นแก่ตัวน่ะครับ
“หืม ตือว่าพี่หมอกเมามากแล้ว เดี๋ยวตือกลับก่อนดีกว่า” ตือลุกขึ้นจากขอบเตียง แต่ผมลุกและดึงมือตือไว้
“ตือพี่พูดจริง พี่ไม่ได้พูดเพราะพี่เมา มาเป็นแฟนกับพี่น่ะ” ตือก้มหน้าหูแดง พร้อมพยักหน้า
“ตกลงครับ” ตือหันมายิ้มพร้อมพยักหน้า
“ตือเป็นแฟนพี่แล้วน่ะ”
ผมพูดเสร็จพร้อมก้มลงไปจูบพี่ปากของตือ แบบปากสัมผัสแตะปากสองสามครั้งแล้วปล่อย ก่อนจะแทรกลิ้นอุ่นพร้อมโอบกอบตือจากด้านหลัง รสจูบช่างหอมหวานและเมื่อเมา อารมณ์ทางเพศผมก็พุ่งสูงเกินต้านทาน ผมล้วงมือเข้าไปในใต้เสื้อตือลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน ตือตาโตพร้อมเอ่ยถาม
“พี่หมอก จะทำอะไรน่ะ”
“ก็ทำแบบที่คนเค้าเป็นแฟนทำกันไง”
ผมพูดเสร็จพร้อมไซร้ที่ซอกคอ ไม่ลืมที่จะประดับรอยจูบแสดงควมเป็นเจ้าของจนตือร้องครางในลำคอ
ผมไม่สนใจในความถูกต้อง ไม่สนความเป็นจริง ว่าผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน ผมไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องรักคนอื่น ผมอยากแค่เป็นผ่ายที่ได้บ้าง แต่ถ้าคนหนึ่งแบกรักไว้เต็มบ่า แต่อีกคนไม่แคร์ความรู้สึกอีกคนมันจะเป็นยังไง ผมอยากจะรู้ถึงความรู้สึกนั้น ผมจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม แรกๆ ดูตือจะไม่เป็นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ตือกลับตอบรับผมอย่างดี
“ถอดเสื้อน่ะ”
ผมกระซิบข้างหูตือ พร้อมขึ้นค่อมไปปลดกระดุมเสื้อของตือ มองคนข้างล่างที่เขินอาย ผมไม่ลืมที่จะถอดเสื้อของตัวเอง พร้อมก้มลงไปกระซิบข้างหู
“ไม่ต้องกลัวน่ะครับ”
พร้อมจูบที่ดูดดื่ม สักพักผมก็ก้มลงมาไซร์ที่ซอกคออย่างแผ่วเบา พร้อมเอามือคลึงเม็ดเล็กๆ ที่หน้าอกของตืออย่างเบามือ จนได้ยืนเสียงครางผ่านลำคอ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ผมพุ่งขึ้น ผมก้มลงดูดหน้าอกของตือพร้อมทั้งใช้มืออีกข้างปลดกางเกงทั้งนอกในในคราเดียว ดูเหมือนตือจะอาย จนเอามือปิดส่วนตรงกลางไว้
“ไม่ต้องอายน่ะครับ ตือโป๊แล้ว เดี๋ยวพี่โป๊เป็นเพื่อน ตือถอดให้พี่หน่อยน่ะครับ”
ผมก้มลงไปนอน เอามือสอดใต้หัว พร้อมมองดูตือที่กำลังถอดกางเกงให้ผมอยู่ ตือค่อยถอดกางเกงผมออกอย่างช้าๆ และเขินอาย ดูตือจะตกใจกับขนาดของมันเล้กน้อย และลังเลที่จะทำยังไงต่อ
“ตือ ช่วยพี่หน่อย ใช้ปากให้พี่หน่อย”
ดูตือลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะก้มลงใช้ปากครอบลงตรงส่วนปลายของผม แม้จะไม่ชำนาญแต่ ดูตือก็ตั้งใจทำจนทำให้ผมเสียวสะท้านไปทั้งตัว จนผมต้องครางออกมา
“อ้า…. ดีครับ ดี ลึกหน่อยครับ”
ผมเสียวจนจะไม่ไหว สักพักจึงจับตือกดลงบนเตียงพร้อมลุกขึ้นมาแทนที่
“พี่หมอก ตือ…. เบาๆ น่ะครับ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตือไม่เคยครับ ผมรู้ผมเตรียมความพร้อมด้วยการใส่นิ้วแทรกซอนเค้าไปก่อนหนึ่งนิ้ว ตือสะดุ้งตัวเล็กน้อย ผมค้างไว้สักพัก จนแน่ใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วให้เท่ากับขนาดของผม
“อืม…. พี่หมอก”
“เป็นไรครับคนดี บอกพี่สิ”
“อืม…พี่หมอกตือเสียว”
ความเขินอายคงหมดไปแล้ว ตอนนี้ตือกล้าพูดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมา ตือพี่ก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“พี่จะใส่แล้วน่ะครับ อย่าเกร็งน่ะคนดี”
“เฮือก! อ๊า!!! พี่หมอก...อูย...อะ...อึ้ก...เสียว...สะ...เสียวตือเสียว...”
ตือร้องไม่ได้สับหลังจากผมกดลงไปทั้งหมดในคราเดียว
ผมแช่ค้างไว้จนเริ่มแน่ใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วจึงค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับแกนกลางของตือขยับไปพร้อมกัน มันรัดแน่นจนผมแทบจะเสร็จทุกครั้งที่ขยับตัว ทั้งห้องไม่มีเสียงพูดใดๆ มีแต่เสียงกระแทกและครางของตือที่เป็นจังหวะเดียวกัน
“อะอึ้ก...มะ...ไม่ไหว...พี่หมอก ตือจะ..จะแตก...แตก...แล้ว...จะ...”
“พร้อมกันน่ะครับ”
ผมขยับตัวอย่างรุนแรง ผมยอมรับครับผมก็เสียวจนจะไม่ไหว
“ฮ้า!!!! แตก...แตกแล้ว อื้ออออออ!”
สิ้นเสียง ผมก็เสร็จพร้อมตือ ปล่อยของเหลวอุ่นๆ ใส่ทางด้านหลังของตือ ผมก้มลงจูบตือก่อนโน้มตัวลงกอด ใช่ครับ ผมไม่ได้ใส่ถุงหรืออะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่าตือไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน อีกอย่างผู้ชายด้วยกันก็คงไม่ท้องอยู่ดี ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมอยากรู้เหมือนกันว่าความรักที่ตือมีให้ผมจะมากสักแค่ไหน และตือจะยังรักผมไปอีกนานเท่าไหร่ มันมีจริงหรือครับความรักที่ไม่หวังให้อีกคนมารัก
อืมมมมมม ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวอย่างหนัก น่าแปลกที่วันนี้ผมได้กลิ่นอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวสองที่
“พี่หมอก ตื่นแล้วเหรอมากินข้าว แล้วกินยาก่อนจะได้ไม่ปวดหัว หรือพี่หมอกจะอาบน้ำก่อน ตือรีดชุดนักศึกษาแขวนไว้ให้แล้วน่ะ”
การที่เป็นคนได้รับความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง มันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความห่วงใยจากอีกคนที่ส่งให้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้จากใคร
“ตือ… ย้ายมาอยู่กับพี่ไหม”** **
**---------------------------------------- **
มาแนะนำ Facebook ของนักเขียนค่ะ น้องเปิดบ้านน้องต้องพาลูกๆ มาแนะนำตัวก่อนค่ะ
น้อง: แทน หนึ่งมาแนะนำตัวกับแม่ๆ เค้าหน่อยลูก
แทน: แทน สัตยาครับ ฝากตัวด้วยครับ
หนึ่ง: หนึ่ง หนึ่งนที แพทศาสตร์ปีหนึ่ง สวัสดีทุกคนครับ
น้อง: มาทำไรกันค่ะวันนี้
แทน: มาเปิดตัวแฟนครับ ล่าสุดเราเป็นแฟนกันแล้วครับ
หนึ่ง: เฮ้ย ไอ้แทนมึงไม่ใช่ล่ะ มาฝากเพจนักเขียนครับ
น้อง: คิดยังไงกับอนาคตของเรื่องเราสองคนค่ะ
แทน: อีกสักพักก็คงได้กันแล้วครับ
หนึ่ง: ไอ้เหี้ยแทนหยุด ก็หวังแม่ๆ จะติดตามกันต่อไปน่ะครับ
น้อง: สุดท้าย อยากฝากอะไรไว้ไหมค่ะ
แทน: ขอได้กันในรถได้ไหมครับ นี่อยากลองมานานแล้ว
หนึ่ง: ไอ้เหี้ยแทน พอเลย กูกลับล่ะ ลาล่ะครับ
แทน: โหย เมียครับจะเขินทำไม อีกไม่กี่ตอนเราก็ได้กันแล้ว โอเคครับ เอาในห้องบนเตียงก็ได้ครับ
หนึ่ง: มันใช่ไหมมึง อย่าเข้ามาใกล้กู ออกไปเลยมึง
แทน: อะไรน่ะครับเมีย งอนทำไมล่ะครับ
น้อง: (อะกูเองล่ะกัน) ยังไงฝากเพจด้วยน่ะคะ ขอบคุณค่ะ
----------------------------------------
มาคลายปมครบทุกคู่แล้วน่ะคะ หวังว่าคงจะชอบกัน
Aemmilicious
----------------------------------------
รบกวนแจ้งรายละเอียดและช่องทางการติดต่อน่ะคะ
แฮชแท็กของเรื่อง: #คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด #แทนหนึ่ง #หวานกัน #ตือหมอก
ช่องทางการติดต่อพูดคุยน่ะคะ
Facebook:
https://www.facebook.com/Aemmilicious/ หรือค้นหาคำว่า Aemmilicious ค่ะ