พิมพ์หน้านี้ - โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 00:56:13

หัวข้อ: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 00:56:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 00:57:42
ตอนที่ 1 : บทนำ

"ทำไมขี้แยจังวะ แค่กูขู่ก็ตัวสั่นล่ะ" เสียงจากนักเลงขาใหญ่ประจำโรงเรียนอนุบาล

โธ่! ชีวิตนี่มันวันอะไรของกูกันนี่ ผมนั่งคิดอยู่ในใจ

แต่ก่อนอื่นใดผมคงต้องแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ "หนึ่งนที" เรียกผมว่า "หนึ่ง" ก็ได้ครับ นักเรียนใหม่ประจำอนุบาลห้องตองคิง ห้องคิงที่ว่าแน่แล้ว เจอห้องตองคิงอย่างพวกผมไปคงจะเงียบเป็นหมาเหงา ผมกับเพื่อนในห้องเข้ากันได้ดีครับ เพราะเป็นเด็กเรียนเหมือนกัน เรียนเสร็จก็ไปติวด้วยกันตลอด อย่าดูหมิ่นเด็กอนุบาลอย่างพวกผวกผมน่ะครับ บางคนนี่สอบเทียบจนจะเข้ามหาลัยอยู่ล่ะ เรื่องมันเกิดตอนผมออกมาเข้าห้องน้ำแวบเดียวนี่แหละครับ ว่าแต่เด็กอนุบาลเค้ามีนักเลงกันแล้วรึครับ ผมงงมาก ผมขยับแว่นถามพวกนักเลงแก็งค์หมีป่า ชื่อกลุ่มพวกมึงน่ากลัวสัด กูกลัว

"มึงดูตรงไหนว่ากูตัวสั่น สมองมีแค่นี้รึไงมึง สรุปมาไถเงินใช่ไหม กูไม่ได้เอากระเป๋าตังก์มา ขอกูไปขี้แวบเดี๋ยวกูออกมา" ผมพูดจบพร้อมแหวกวงแก็งหมีป่าจะเดินออกไป

"พวกมึงนี่มันนิสัยไม่ดี พวกมึงต้องเจอคนอย่างกู" ผมหันหลังไปตามเสียงที่ได้ยิน เห็นไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มายืนกอดอกเหยียบโต๊ะ ท่ามึงอย่างกับ Superman จะออกบิน บนหน้ามันมีพาสเตอร์ลาย Superman ติดอยู่ ผมมองมันพร้อมคิดในใจ มึงคนเดียวจะไปสู้มันห้าคนได้ยังไง ไอ้นี่แม่งบ้า ผมนึกในใจแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้พวกมันตีกันให้เสร็จแล้วค่อยมาเก็บศพ ว่าแต่ไอ้ Superman นั่นมันเป็นใครว่ะ เฮ้อ เดี๋ยวกูค่อยคิดละกันตอนนี้กูจะไม่ไหวล่ะ ห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหนพี่มาแล้ว

10 นาทีผ่านไป

โล่งล่ะกู ผมยืนล้างมือ พลางคิดเรื่องสอบอีกสามเดือนข้างหน้าว่ามันใกล้ตัวจนกลัวอ่านไม่ทัน จนลืมว่าผมต้องออกไปเก็บศพไอ้ Superman นั่นนี่หว่า

ผมเดินไปก็ยังเห็นมันยืนเก็กอยู่ท่าเดิม หน้ามันมีรอยช้ำเลือดออกนิดหน่อย เยด แก็งค์หมีป่ากูนี่แทบหมดสภาพนั่งร้องไห้ไม่ต่างกับเด็ก เออมันกับผมก็เด็กอนุบาลนี่หว่า ผมบ่นพลางนึกในใจ พอมันเห็นผมมันก็กระโดดลงมาหาผม ผมมองหน้ามันงงๆ ก่อนมันจะพูดออกมา

"มึงเป็นหนี้กูน่ะ" Superman กระหยิ่งยิ้มชื่นชมในความสามารถของตัวเอง

"หนี้อะไรของมึง" ผมถามมันด้วยความสงสัย

"อ้าวไอ้นี่ กูอุตสาห์ช่วยมึงน่ะ มันตั้งห้าคนตัวอย่างกับควาย มึงจะสู้มันได้ยังไง" มันพูดพร้อมกอดอกยกหน้าชื่นชมตัวเอง

"จริงๆ กูให้เงินไปนิดๆ หน่อยมันก็จบน่ะ ไม่ต้องเจ็บตัวแบบมึงด้วย"

"เออ จริงด้วยทำไมกูคิดไม่ได้" มันทำหน้าครุ่นคิดและตกใจเมื่อคิดได้

"........"

"เออ ไม่รู้แหละ มึงติดหนี้กูล่ะ เดี๋ยวกูไปคิดก่อนว่าจะให้มึงตอบแทนบุญคุณกูยังไง กูต้องไปก่อน กูมีนัดต่อยกับโรงเรียนข้างๆ แม่งแย่งขนมน้องกู กูชื่อ "สัตยา" น่ะ เรียกกู 'แทน' ก็ได้ เรียก'สัต' กูต่อย ไม่ต้องรั้งกูน่ะ กูรีบ บาย" มันพูดพร้อมโบกมือไหวๆ ใส่ตีนหมาวิ่งออกไป

โธ่ ไอ้สัต เอ๊ย สัตยา การเตรียมสอบของกูคงจะไม่ยุ่งเท่ามึง แม่งมีนัดตีโรงเรียนข้างๆ มึงเป็นเด็กอนุบาลที่พีกมากสัตยา กูนับถือมึงเลย........


...


บทนำมาแล้ว จะมีคนตามอ่านไหมนี่ ลุ้น ลุ้น               

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 00:58:47
ตอนที่ 2 : จูบแรก

"หนึ่งงงงงง แต่งตัวเสร็จยังลูก มาทานเข้าเร็วววววววว"               

เสียงเรียกสุดรื่นเริงเช้านี้ของแม่ผม

ก่อนอื่นผมขอแนะนำครอบครัวผมก่อนครับ ผมอยู่กับแม่สองคนครับ เนื่องจากพ่อไปทำงานต่างประเทศสองสามเดือนถึงกลับมาที แต่อย่าคิดว่าผมเหงาหรือขาดความอบอุ่นนะครับ เพราะแม่ผมเลี้ยงดูผมอย่างเต็มที่ ผมค่อนข้างสนิทกับแม่ครับ แม่เลี้ยงดูเหมือนเพื่อนคุยกันได้ทุกอย่าง แม่เป็นคนรักสวยรักงาม หุ่นแม่ผมนี่เด็กสาววัยรุ่นยังอาย แม่รักหุ่นยิ่งกว่าอะไร น้ำหนักขึ้นมาขีดนึงแม่กรี๊ดแทบบ้านแตก พร้อมเข้าฟิตเนตอย่างบ้าคลั่ง การแต่งตัวนี่อย่าให้ผมพูดถึง พูดตรงๆ น่ะครับ ดาราบางคนยังต้องแต่งตามแม่ผมเลย แม่มีความสุขทุกครั้งที่มีคนชมว่าสวยครับ อยากได้อะไรชมแม่ผมสองสามทีแม่ผมก็ทุ่มไม่อั้นล่ะ

แต่ที่พีคที่สุดของแม่ผม คือแม่ผมเป็นสาววายครับ ตอนเด็กผมก็ไม่เข้าใจพึ่งมาเข้าใจตอนโตนี่แหละครับ แม่บอกว่าผู้ชายเกิดมาเพื่อคู่กัน ผู้หญิงเกิดมาเพื่อตามกรี๊ดผู้ชายที่คู่กันอีกที เฮ้ออออออ ผมเคยถามแม่นะครับ แม่ทำไมแต่งงานกับพ่อ แม่ตอบผมอย่างไม่ลังเล แม่อยากปกป้องพ่อ พ่อเป็นผู้ชายที่อ่อนแอที่ต้องการผู้ชายปกป้อง เมื่อพ่อไม่มีผู้ชายที่ปกป้องแม่ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเป็นสาววายที่แข็งแกร่งมาปกป้องพ่ออีกที วันนี้แม่ผมแต่งตัวจัดเต็มกว่าทุกวัน อาจเพราะวันนี้แม่ผมจะไปส่งผมที่โรงเรียนเองครับ

ระหว่างทางแม่ก็นั่งบ่นเรื่องซีรี่ย์วายเรื่องล่าสุดที่ดูให้ฟังตลอดทาง แต่ไม่น่าเบื่อนะ แม่ผมเป็นคนตลกคุยสนุกสักพักก็ถึงโรงเรียนล่ะครับ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ

"แม่หนึ่งไปล่ะครับ หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้ พร้อมจะเปิดประตูรถพร้อมจะวิ่งเข้าโรงเรียน

"เดี๋ยว!" 

"........" ผมหันกลับมาทำหน้าสงสัย

"ทำไมลูกเป็นคนแบบนี้ ลูกไม่รักแม่หรือทำไมเป็นคนแบบนี้" แม่ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาพูดเสียงสั่นเคลือ ผมทำหน้างงพร้อมนึกในใจว่ากูทำอะไรผิดว่ะแม่กูดราม่าเชียว           

"ลูกดูชุดการแต่งตัวของแม่วันนี้ ลูกคิดว่าแม่มาส่งลูกแค่ในรถรึ คนอื่นจะเสียใจแค่ไหนที่ไม่เห็นแฟชั่นของแม่ในวันนี้ แม่รู้ว่าแม่สวย แต่ลูกจะมาหวงแม่ไว้ดูคนเดียวไม่ได้ ป่ะ! แม่จะไปส่งที่ห้อง" 

นี่คือปกติของแม่ผมครับ ขอทุกคนเข้าใจด้วย

ทุกๆที่คือรันเวย์ เต็มที่ครับแม่ แม่ผมเดินอย่างมั่นใจทุกสายตาต่างจ้องมอง ผมชินล่ะครับ ผมเดินไปจนจะถึงห้องล่ะ แต่มีคนมายืนขวางข้างหน้าแม่ผมจน แม่ผมดึงมือผมที่เดินเหม่อถาม

"หนึ่ง เพื่อนลูกรึเปล่าลูก" ยังไม่ทันจะตอบมันก็ตอบแล้วครับ                           

"ใช่ฮะ ผมแทนฮะ หวัดดีฮะคุณแม่"

"ชื่อแทนรึลูก น่ารักจังไปค้างบ้านแม่ไหมลูก" เดี๋ยวนะครับแม่ แม่สนิมกับมันแล้วรึครับ

"แม่สวยจังเลยฮะ" อะ มึงมาถูกจุดล่ะ ไอ้สัตแทน

"ผมมองแวบแรกนึกว่านางฟ้านะฮะ" อืม คงสนิทกันล่ะกูว่า

"แม่มาส่งหนึ่งทุกวันรึเปล่าฮะ" เอ๊ะ! รึมึงจะเต๊าะแม่กู

"บางวันจ๊ะ ทำไมรึจ๊ะ" แม่ก้มลงนั่งพร้อมจับแก้มมันอย่างเอ็นดู มึงดูเชื่องไปล่ะไอ้แทน

"ถ้าผมคิดถึงคุณแม่จะทำยังไงล่ะฮะ" สรุปมึงเต๊าะแม่กูสินะ

"งั้นแม่ให้เบอร์โทร ไลน์ เฟส ไอจี แม่ไปดีไหม เอาที่อยู่ด้วยไหมลูก" ครบทุกช่องทางการติดต่อดีครับแม่

"จะดีรึครับ เดี๋ยวผมให้พี่ศักดิ์ เมมให้น่ะฮะ" มันหันไปพยักหน้าให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างข้างหลัง น่าจะเป็นคนขับรถน่ะ

"แม่งั้นผมไปเรียนก่อนน่ะครับ" ผมโบกมือให้แม่ก่อนเดินไปห้องเรียน

"เดี๋ยวรอกูด้วยดิ แม่ฮะผมไปน่ะฮะ แม่คือผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลยฮะ"             

 

ผมมองหน้ามันแบบหมั่นไส้ แต่มันกลับยักคิ้วส่งมาให้ทีนึง แม่งน่ามั่นไส้สัด

"มึงจะจีบแม่กูรึ มึงเห็นกูยืนอยู่ข้างๆไหมถ้ามึงเห็นแสดงว่าแม่กูมีแฟนแล้วไม่งั้นจะมีกูออกมารึ"                   

"มึงจะบ้ารึ แม่มึงสวยขนาดนั้นใครจะกล้าจีบ" อ่ะแล้วแต่มึงเลยว่ะแทน

"ว่าแต่มึงจะเดินตามกูทำไมนี่ ไม่ไปเข้าห้องเรียนมึงล่ะ"

"อ้อ กูย้ายแล้ว กูอยู่ห้องเดียวกับมึง นั่งข้างมึงด้วยแหละ"

"ตลกล่ะมึง" ผมนึกขำในใจ ห้องตองคิงของกูไม่ใช่ใครจะเข้าได้ง่ายๆ ขนาดอัฉริยะอย่างกูยังยากเลย แล้วมึงจะเข้าไปได้ไง** **

ในห้องเรียน                ชิบหายล่ะแม่งเรียนห้องเดียวกับกูจริงๆ นั่งข้างกูด้วย ผมนึกบ่นในใจ

"หวัดดีเราชื่อแทน สัตยา นายชื่ออะไรล่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"               

มันพูดแบบขำสบายอารมณ์ 

"ไม่ตลกล่ะสัตแทน(กูตั้งชื่อใหม่ให้มึงล่ะ ชื่อเล่นชื่อจริงครบ) มึงบอกกูได้ไหม ว่ามึงทำยังไงถึงได้ย้ายห้อง"

"อ้อ กูไปบอกป๊าน่ะว่ากูอยากเรียนห้องเดียวกับมึง นั่งข้างมึง กูบอกป๊าว่าถ้าทำได้กูจะไปเรียนทุกวันไม่ไปตีกับใคร ป๊ากูเลยซื้อให้"

"ซื้อให้" ผมขมวดคิ้วเป็นเลขแปด คืออะไรของมึงว่ะแทน

"เออ ป๊าบอกเงินซื้อได้ทุกอย่างยกเว้นความรู้สึกคน กูต้องสร้างเอง แต่กูไม่รู้ว่าความฉลาดซื้อได้ด้วย กูย้ายมาอยู่ห้องตองคิง กูดูฉลาดขึ้นไหมว่ะหนึ่ง"  เจริญล่ะอนาคคบ้านเมืองกู     

"แล้วทำไมต้องมานั่งข้างกูด้วยล่ะ" "อ้าวก็มึงเป็นเพื่อนสนิทกู ทำไมกูต้องแยกจากมึงล่ะ” ตอนไหนมึง ตอนไหนที่มึงกับกูเรียกกันว่าสนิท อ่ะสัตแทนกูแล้วแต่มึงล่ะ กูไม่ยุ่งกับมึงล่ะ

ตั้งแต่วันนั้นโลกของผมแทบจะหมุนกลับหัว ทุกๆที่ที่มีผมก็ต้องมีมันจนเป็นเหงาตามตัว ผมต้องได้ยินคำพูดเดิมๆ จากมันทุกวัน

"หนึ่งไปไหนกูไปด้วย หนึ่งกินข้าวกัน หนึ่งไปฉี่ด้วย หนึ่งกินหนมไหม หนึ่ง หนึ่ง หนึ่ง หนึ่งงงงงง" โอยยยยย! กูจะบ้าและเป็นปกติทุกวันที่มันต้องเต๊าะแม่ผมหลังเลิกเรียน

"แม่ฮะแม่สวยจัง แม่เคยเป็นนางแบบไหมฮะ แม่คล้ายๆ ดาราในทีวีจังฮะ แม่กินอะไรถึงได้สวย ผมกินตามจะหน้าตาดีเหมือนแม่ไหมฮะ" ชมแม่กูแต่ละวันไม่มีซ้ำ นี่ถัาแม่มีลูกสาวคงจะยกให้มึงล่ะ แต่แม่บอกมึงจะขอกูแม่ก็จะยกให้ แม่กูบอกแค่คิดก็ฟินตามอารมณ์สาววายล่ะ

แทนในสายตาผมทีแรกผมคิดว่ามันเป็นพวกนักเลงหัวไม้ไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้ แต่เท่าที่สัมผัสมันมามันเป็นคนดีครับ เพื่อนฝูงรักใคร่ รักมันทุกคน มันชอบช่วยเหลือคนอื่นรักเพื่อนฝูง ที่มันมีเรื่องส่วนมากก็ช่วยเหลือคนอื่นทั้งนั้น ผมไม่ได้รังเกียจมันนะ แค่รำคาญมันนิดหน่อยที่คอยเกาะติดผมไม่ห่างเหมือนเงาตามตัว จนคนติดเรียกชื่อ "แทนหนึ่ง" ติดกันคนเรียกทีต้องหันทั้งสองคนเพราะตัวติดกันตลอด แต่มันยังไม่ทวนบุญคุณที่จะให้ใช้หนี้มันนี่สงสัยลืม กูเนียนๆ ไปเลยน่ะแทน ไหนๆ มึงก็ลืมล่ะ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทอมครับ ในที่สุดผมก็จบชั้นอนุบาลล่ะ

"แทนวันนี้มึงเงียบๆ ไปน่ะเป็นไรไปว่ะ" ผมนั่งรอแม่มารับหลังเลิกเรียน แทนมันบอกจะมานั่งเป็นเพื่อนเผื่อใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า

"วันนี้มึงเป็นไรว่ะนั่งหน้าเศร้าทั้งวัน มึงมีอะไรปรึกษากูได้น่ะสัตแทน" มันร้องไห้ ร้องแบบสะอึกสะอื้นเลยครับ เหี้ยล่ะมึงอาการหนัก

"หนึ่งกูจะไม่เจอมึงแล้ว กูจะต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ ป๊ากูให้ไปกูปฎิเสธไม่ได้กูยังเด็ก กูควรทำไงดี" มันพูดออกมาทั้งน้ำตา ไอ้แทนนี่เด็กชิบหาย ผมนึกในใจ

"บ้า ไอ้แทนดีจะตาย ได้เที่ยวด้วยเรียนด้วย กูยังอยากไปเลย" ผมปลอบใจมัน

"กูรู้ กูก็อยากไป"

"อ้าว! แล้วมึงจะร้องไห้ทำไมว่ะ"

"กู.... กูไม่อยากห่างมึง"

"................"

"มึงยังจำได้ไหม มึงยังติดหนี้บุญคุณกูอยู่ตอนที่กูช่วยมึงน่ะ" อ่ะ มันยังจำได้ กูนึกว่ามึงลืมล่ะ

"ได้สิมึง กูเห็นมึงไม่ทวง กูนึกว่ามึงลืมไปล่ะ ขอมาถือว่ากูให้ของขวัญมึงก่อนจาก อยากได้อะไรล่ะ เงินกูไม่มีนะ นอกนั้นอยากได้ไรว่ามาเลยมึง" เพื่อนจะจากผมก็ใจหาย ต้องตามใจมันหน่อย

"ทุกอย่างจริงๆน่ะ" มันถามย้ำ

"เอออออออออออ"

"งั้นกูขอมึงไว้ก่อนน่ะ ตอนนี้กูยังเด็ก กูสัญญากูจะกลับมารับสิ่งที่กูขอกับมึง"

"เออ ทำไมมันยากเย็นจังวะขอไรวะ" มันเลื่อนมากุมมือผม มึงจะขออะไรเนี่ยแทนมันยากเย็นจนต้องรวมความกล้าขนาดนี้เลยหรือว่ะ รีบขอกูลุ้นจนเยี่ยวจะราดล่ะ

"กูขอให้กูเป็นคนแรกสำหรับมึงทุกๆ อย่างได้ไหม"

"คนแรก อะไรคือคนแรกว่ะมึง"

"กูขอให้กูเป็นคนแรกที่มึงนึกถึง ไม่ว่ามึงทุกข์หรือสุขลำบากแค่ไหนกูจะอยู่เคียงข้างมึง แน่นอนกูอาจต้องห่างมึงไปสักพัก แต่กูสัญญากูจะกลับมาและอยู่ข้างมึงไม่ห่างไปไหน แม้มึงไล่กูก็ไม่ไป"

"อืมได้สิ" ผมรับปากอย่างงงๆ แม้คำขอมันจะแปลกๆ ตกลงกับมันไปก่อนล่ะกัน ไหนๆ มันจะไปล่ะ ว่าแต่แสงแฟลตรัวๆ ที่ไหนใครถ่ายรูปรึ

“แน่นอน กูจะเป็นคนรักคนแรกของมึง คนแรกที่กอดมึง จูบมึง มีอะไรกับมึง มึงเป็นของกูทุกอย่างน่ะ ตอนนี้กูยังเด็กเอาไว้กูโต กูจะมาเอาจากมึงน่ะ”

มันพูดจบพร้อมเอาปากมาประกบปากผมอย่างเขินอาย ไอ้สัตแทนกูช็อก กูงง กูทำอะไรไม่ถูก กูนั่งอึ้งแดกตาไม่กระพริบ มันเขินพร้อมวิ่งไปไม่ลืมหันมาตะโกนบอกก่อนไป

“รอกูน่ะ ไอ้หนึ่งกูจะกลับมา เมื่อกี้กูไม่จูบมึงน่ะ จูบมันต้องใส่ลิ้น กูแค่ทักทายตามแบบฝรั่งน่ะ กลับมากูจะสอนมึงจูบอีกที อย่าลืมกูน่ะ” ไอ้เหี้ยแทนกูช็อกกูค้าง มึงเด็กอนุบาลใช่ไหมมึง อีกอย่างกูมึงเด็กผู้ชายเหมือนกันมึงคิดอะไรอยู่

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก

"หนึ่งงงงงง แต่งตัวเสร็จยังลูก มาทานเข้าเร็วววววววว"

เสียงเรียกสุดรื่นเริงอีกเช้านึงของแม่ผม วันนี้เป็นวันที่ผมภูมิใจอีกวันนึงครับ วันนี้เป็นวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของผม ในที่สุดผมก็ได้เป็นนักศึกษาแพทย์อย่างที่หวัง แม้จะต้องนั่งเรียนนั่งติวจนแทบแดกชีทแทนข้าว แต่มันก็คุ้ม แต่คนที่ภูมิใจกว่าผมน่าจะเป็นแม่ผม เพราะแม่ผมแทบจะปิดซอยเลี้ยง เพราะแม่ผมยื่นคำขาดว่าผมต้องสอบติดมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้น คณะอะไรก็ได้ถือว่าแม่ขอ แม่ผมไม่เคยขออะไรจากผมแค่เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำให้ไม่ได้ ดีซะอีกเพราะมหาลัยนี้ใกล้บ้านและผมยังมีไอ้หวานกับไอ้ตือเพื่อนซี้เรียนด้วยกันอีก เรียกว่าไม่เหงากันเลยทีเดียว ผมแต่งตัวพร้อมลงมาอย่างไว วันนี้แม่จะไปส่งผมที่มอ.เอาฤกษ์เอาชัย ครับ

“โห! แม่วันนี้แม่จัดเต็มไปน่ะผมว่า”

แม่ผมอยู่ในชุดราตรียาวสีดำแนบเนื้อ อวดหุ่นสวยที่แม่ผมรักยิ่งชีพ ถามแม่ผมยังเหมือนเดิมไหม เหมือนเดิมทุกอย่างครับ หน้าตึงเป๊ะ วิทยาศาสตร์ช่วยแม่ผมไว้ได้ โบท็อกแน่นมากครับ

“แหมลูก วันนี้วันดีแม่ต้องเต็มที่ มาลูกมาให้แม่ถ่ายรูปหน่อย”

แม่เดินวนรอบตัวผม รัวแสงแฟลตอย่างกับปาปารัซซี่ ผมชินล่ะครับ แม่ทำอย่างนี้ทุกวันจนไม่รู้สึกอะไรล่ะ แรกๆ ก็เขินๆ คิดไปคิดมาก็ความสุขแม่อย่าไปขัดดีกว่า อีกอย่างผมหล่อ แม่ผมจับขัดสีฉะหวีวันซะจนลืมแว่นหนาๆ ของผมไปได้เลย แม้ผมจะไม่ได้หล่อเตะตา แต่ก็ชวนมองครับ พูดไปก็เหมือนอวยตัวเอง แต่ก็จริงนะครับ ผมถึงมอ. อย่างปลอดภัยกว่าจะขึ้นห้องได้ก็เกือบจะถึงเวลาเรียนคาบแรก ผมต้องเสียเวลาพาแม่เดินวนรอบคณะหนึ่งรอบกว่าจะขึ้นมาได้

“ไอ้เชี่ยหนึ่งทางนี้”

ไอ้ตือเพื่อนผมโบกมือไหวๆ อยู่ในห้อง ผมรีบไปนั่งข้างมันทันที ไม่ลืมมองหาไอ้หวานหญิงสาวคนเดียวของกลุ่ม

“หาไอ้หวานรึ มีรุ่นพี่เรียกมันไปน่ะ สงสัยแม่งเนื้อหอมตั้งแต่วันแรก”

เพื่อนสนิทผมมีอยู่สองคนครับ คนแรกคือไอ้ “ตือ” ครับ มันคืออัจฉริยะของผม มันสอบเข้ามาด้วยคะแนนอันดับหนึ่งครับ ไม่รู้มันทำได้ยังไง วันๆ ผมก็เห็นมันนั่งเล่นแต่เกมส์ กับเสือกเรื่องชาวบ้าน แม่งเรียนๆ หลับๆ ยังได้เต็ม เวลาสอบทีไรผมต้องให้มันติวทุกที กูอิฉามันสมองมึงมากไอ้ตือ

“ไอ้หนึ่งกว่าจะมาได้น่ะมึง กูว่าจะชวนแดกข้าวเหี้ยจริงๆ มึงสายแต่วันแรก อดแดกเลยแม่งเอ๊ย แล้วรุ่นพี่นั่นเรียกกูไปขอเบอร์ไม่ดูเบ้าหน้าตัวเองเลย กูสวยขนาดนี้จะคบมันรึ กูเก็บไว้ฉี่ดีกว่าป่ะ”

หญิงสาวหน้าสวยปากโคตรหมาคนนี้คือ “หวาน” ครับ สาวน้อยสวยระดับดาวมหาลัย ที่ไม่ได้ประกวดเพราะมันอ้างว่า พ่อแม่หวงค่อนข้างเคร่ง ร้องไห้กระสิกกระสิกจนรุ่นพี่ใจอ่อนไม่ต้องประกวด มันอ่อนหวานอ่อนโยนกับทุกคนครับ ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นแม่ง ใสซื่อ บอบบาง น่าทะนุทะนอม อยู่ต่อหน้าพวกผมแม่งเหี้ยปากหมาเหมือนเลี้ยงหมาเป็นฟาร์มในปาก กูละงงกับบุคลิกมึงจริงๆ หวานเอ๊ย ห่างกันไปนานเมาท์กันมันจนจะเข้าเรียนแล้วครับ ไลน์ผมก็ดังเป็นชื่อแปลกๆ ที่ผมไม่คุ้น

Tan:****เจอกันที่โรงอาหาร เดี๋ยวกูไปหา

“ใครว่ะ!”

ผมนั่งงงอยู่สักพัก อาจารย์เข้าพอดี ผมจึงปรับโหมดเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ดี ผมต้องตั้งใจเรียนน่ะครับ คณะนี้ยากกกก สู้โว๊ยยยย

พักเที่ยงพอดี พวกผมไปกินข้าวกันที่โรงอาหารคณะ ด้านหน้าตึก โรงอาหารที่นี่จะแยกเป็นสองที่ครับ ด้านหน้าตึกผมจะเป็นของคณะแพทย์ วิทยากับอักษรครับ ส่วนด้านหลังจะเป็นของวิศวะ บริหารกับนิเทศศาสตร์ แยกตามทำเลที่ตั้งคณะ ขณะที่ผมกำลังเพลินเพลินกับข้าวมันไก่ ไอ้หวานอ้าปากค้างตำปูปลาร้าคาปาก

“เชดดดด หล่อเหี้ยๆ มดลูกกูสั่นเลย” หญิงเดียวในกลุ่มถึงกับร้องคราง ผมหันมองอย่างงงๆ

ภาพที่ผมเห็นคือ เด็กวิศวะใส่ช็อปเดินมากันสามคน ไอ้คนแรกมันก็หน้าตาดีน่ะ หล่ออย่างกับดารา ท่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่ม เออ มันก็หล่อน่ะแต่มึงก็กรี๊ดกันเวอร์ไป โต๊ะโน่นกรี๊ดกันเหมือนน้ำร้อนลวก เดินมาทีคนแม่งหันมองกันทั้งโรงอาหาร แม่งปอป ผมไม่สนใจอะไรหันมาแดกข้าวมันไก่ต่อ สักพักสามคนนั้นก็มาหยุดที่โต๊ะผม ผมเงยหน้ามองอ้าปากจะยัดข้าวมันไก่เข้าปาก ยังไม่ทันจะ…..

ไอ้หล่อแม่งก็เอาปากมาจูบกับปากผมแถมยังสอดลิ้นมาควงต่อหน้าคนทั้งโรงอาหารให้ร้องฮือเป็นเสียงเดียวกัน ระหว่างที่ผมอึ้งแดกจนมันจูบจนหนำใจแล้วมันก็มากระซิบข้างหู
         “คิดถึงน่ะ”

........................................................

มาล่ะคะ ตอนแรกนั่งคิดพล็อตเรื่องอยู่สองวัน พยายามเขียนให้เนื้อเรื่องสมูทเข้ากันที่สุด ชอบไหม ติชมหน่อย เขียนนิยายไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 00:59:55
ตอนที่ 3 : ลองเป็นแฟนคนแรก

ผลั๊ก!

เสียงชกจากมือของผมกระแทรกหน้าไอ้หล่อที่ขโมยจูบแรกผมไป แม่งเอ๊ย ยิ่งพูดยิ่งแค้น เงียบกริบทั้งโรงอาหาร ในใจผมคิดซวยล่ะกู

"กรี๊ดดดดด" เสียงไอ้หวานกรีดร้องอย่างโหยหวน ท่าทางมันจะตกใจน่ะครับ แต่เอ๊ะอย่างไอ้หวานรึจะตกใจ

"อีเหี้ย สลบแล้วมึง กูเอา กูเอา ตือ หนึ่ง มึงลากไปแถวนี้หน่อย มีป่าไหมว่ะ ลากไปหลังตึกก็ได้มึง กูอยากได้" หวานพูดพร้อมลุกขึ้นมาทำท่าจะลากไอ้บ้านี่ไปทำมิดีมิร้าย จนเพื่อนวิศวะมันหันมองหน้ากันเด๋อด่า จนไอ้ตือต้องเตือนสติหวาน

"หวาน หวานมึง คนเยอะ" ไอตือมันพูดแบบไม่มองหน้าหวาน ปากขมุบขมิบให้มันตั้งสติได้

"เหี้ยละกู" หวานอุทานเบาๆ พร้อมเล่นละครฉากใหญ่

"คุณพระ เลือดออก กรี๊ดดดด กรี๊ดดดด หวานกลัวเลือดจะเป็นลม รีบพาพี่เค้าไปห้องพยาบาลดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหวานช่วยนำทาง" เพื่อนวิศวะมันช่วยกันพยุงออกไปพร้อมหวานที่นำทางออกไป มันสลบในหมัดเดียว หมัดผมก็หนักใช้ได้นี่หว่า

ผมไม่มีอารมณ์กินข้าวล่ะเลยเดินคอตกออกมาเรียนคาบบ่ายกับไอ้ตือสองคน แม่งวันแรกก็มีเรื่องล่ะ พลางบ่นกับไอ้ตือ

"เหี้ยล่ะกู เสือกไปมีเรื่องกับเด็กวิศวะ เกิดมันแค้นขึ้นมาดักตีกูทำไงว่ะ"

"มึงใจเย็นก่อน กูมีเพื่อนอยู่วิศวะ เดี๋ยวกูโทรถามให้ว่าเป็นใคร ถ้ามันจะหาเรื่องมึงก็เดี๋ยวให้มันช่วยเคลียร์ให้ ใจเย็นมึงกูรู้มึงตกใจเลยชกไป แต่ไอ้นั่นก็ผิด มันก็ผิดทั้งคู่ ดูๆ ไปก่อนมึง ถ้ายังไงเดี๋ยวเย็นนี้กูไปส่งมึงเอง"

"เออ ขอบใจว่ะเพื่อน" การมีเพื่อนแท้มันดีอย่างนี้นี่เองครับ ผมดีใจที่เพื่อนมันไม่ทิ้งยามที่เราคับขัน

ผมนั่งสงบจิตสงบใจในห้องสักพักก่อนเริ่มคาบบ่าย หวานก็ตามเข้ามาด้วยหน้าตาท่าทางอารมณ์เสียสุดๆ จะอ้าปากถามไอ้ตือแม่งก็ตัดหน้าไปล่ะ

"เป็นไรว่ะหวานน่าเครียดเชียว มันจะเอาเรื่องหรือว่ะ"

"เออ พวกนั้นแม่งเขี้ยวว่ะ"

"ยังไงว่ะ" ผมตือประสานเสียงด้วยความอยากรู้

"ก็แม่งกูเห็นมันสลบอยู่ กูก็ไม่ได้คิดอะไร กูก็ไหนๆ ล่ะกูลูบไข่มันก็ยังดีว่ะ กูเลยบอกให้เพื่อนมันไปเรียนก่อนเดี๋ยวกูเฝ้าให้ เพื่อนมันก็ไม่ยอมบอกไม่ไว้ใจ กูสวยบอบบางขนาดนี้กูไม่ปล้ำเพื่อนมันหรอก อย่างมากก็แค่อมป่ะ"

อะหวาน สรุปกูไม่ได้สาระอะไรจากมึง ขอโทษที่กูถามไปล่ะกัน ผมเลยทิ้งเรื่องอื่นนั่งเรียนต่ออย่างตั้งใจต่อไป เฮ้อออออ มันจะทำไรได้ ผมก็ชกมันไปแล้ว แต่ถ้าย้อนกับไปผมก็ทำอย่างนั้นอยู่ดี ปากผู้หญิงก็ยังไม่เคยสัมผัส ดันเสือกมีจูบแรกกับผู้ชายด้วยกัน ช่างเป็นความทรงจำที่ไม่น่าจำกับผู้ชายแบบผมซะเลย

"หนึ่งกูได้เรื่องล่ะ" ไอ้ตือพูดหน้าเครียดหลักเลิกเรียน

"ไอ้คนที่มึงต่อยน่ะเป็นเดือนวิศวะปีนี้ ชื่อ "แทน ศัตยา" อยู่ปีหนึ่ง เสือผู้หญิงตัวยง ฟันหญิงเรียบแทบจะเรียงตามตัวอักษรเลยมึง ไม่เคยคบใครเกินข้ามวัน หน้ามันดีคนเลยรู้จักมันเยอะ สาวๆ พร้อมถวายตัวให้ แต่มันไม่เคยมีเรื่องกับใครน่ะ มีมึงคนแรก แต่มึงไม่ต้องกลัวหรอกพวกแม่งเยอะ มันมาหาเรื่องก็นอนจมกองตีนมันได้เลยมึง ไม่ต้องคิดหนี"

สรุปมึงปลอบใจกูหรือยังไงว่ะตือ กูงง ชีวิตหนึ่งนที คงจะหาความสุขไม่ได้หลังจากนี้ คงต้องอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะโดนกระทืบสักวัน โธ่ ชีวิตนักศึกษาแพทย์ของกู แต่วันนี้กูก็รอดล่ะ ผมนั่งพูดกับตัวเองกระยิ่งยิ้มอยู่ในใจ เพราะวันนี้ไอ้ตือจะมาส่งบ้าน พลางนึกในใจอย่างน้อยวันนี้มึงก็ปลอดภัยล่ะหนึ่งนที แม้จะมีผวาบ้างเวลามีรถมอไซค์มาขนาบข้างบ้างแต่ไม่ได้กลัวน่ะ ครับแค่ขวัญอ่อน

ผมขับรถไม่เป็นครับ ต้องอาศัยคนอื่นขับให้ ว่าจะหัดหลายทีล่ะ แต่แม่ก็บอกเป็นห่วงเพราะผมชอบหลงทางอยู่บ่อยๆ แม่เลยให้นั่งแท็กซี่หรือให้เพื่อนมาส่งจะสะดวกกว่า ผมก็ยังไงก็ได้ครับวันนี้ตือเลยอาสามาส่ง ตือส่งผมถึงปากประตูรั้วบ้านแล้วครับ ผมดีใจอย่างออกนอกหน้า ผมโบกมือลามันหยอยๆ ยิ้มหวานส่งจนมันทัก รอดตีนแล้วอารมณ์ดีเลยน่ะมึง อย่างมันพูดครับ ยอมรับ ผมเดินกระโดดลั้นลาเข้าบ้าน แต่เอ๊ะเหมือนแม่จะมีแขก ผมเห็นรถสปอร์ตสีดำจอดอยู่ในโรงจอดรถด้านข้าง ผมเปิดประตูบ้านพร้อมมองหาแม่ แต่

“เหี้ย!” ผมอุทานมาดังลั่นพร้อมหน้าซีด ภาพที่ผมเห็นคือไอ้เด็กวิศวะที่ผมต่อยไปแม่งนั่งเสนอหน้าอยู่ที่โต๊ะกินข้าว หรือมันจะมาดักตีกูที่โต๊ะกินข้าวว่ะ แม่ก็อยู่ เอาไงดีว่ะ แม่งมองมาตาขวางเลย เอาว่ะใจดีสู้เสือเลยละกัน มีไรหันไปขว้ามีดแทงแม่งเลย มาถึงที่ก็ต้องสู้ล่ะกู

“หนึ่ง ยืนทำไรลูกมากินข้าวเร็ว นานๆ จะมีเพื่อนมากินข้าวที่บ้านมาเร็วลูก” แม่ทักอย่างอารมณ์ดี แม่มันจะมาตีลูกแม่ถึงบ้านน่ะ แม่อย่ามาใจดีกับมันสิ

“เพื่อน?”

“อ้าว ไม่ใช่เพื่อนลูกรึ แม่เห็นรออยู่หน้าบ้าน เห็นรอนานแล้วมาเลยชวนมาทานข้าวด้วย”

“ใช่ครับ สนิทเลย มากินข้าวกันเถอะครับ”

เอาก็เอาว่ะเพื่อนก็เพื่อน ผมนั่งข้างมันต่างคนต่างไม่พูดอะไร เงียบจนวังเวง หรือผมจะคว้ามีดมาแทงมันก่อน เปิดก่อนได้เปรียบ ผมคิดและยิ้มในใจ จนแม่ชวนไอ้แทนคุย

“ชื่อแทนใช่ไหมลูก เจอหนึ่งได้ไง แม่ไม่เคยเจอหน้า เจอกันที่มหาลัยรึลูก”

“ใช่ครับ หนึ่งเข้ามาทักผม แล้วขอผมเป็นเพื่อนน่ะครับ คงเห็นว่าผมหน้าตาดีเลยมาชวนคุย ผมว่าหนึ่งแอบชอบผมอยู่” เอาแล้วไงกู เล่นกูล่ะ

“บ้ามึง กูกับมึงก็เป็นเพื่อนสนิทกันไง คิดมากน่ะมึง เนอะ” ผมพูดพลางเอามือโอบไปหยึกหลังมันหนึ่งที อย่าน่ะมึง

“ผมล้อเล่นน่ะครับ ดูท่าแม่จะตกใจ” ดีมาก ว่าง่ายๆ น่ะไอ้แทน

“แม่ไม่ได้ตกใจลูก แม่ดีใจที่ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ลูกแม่จะมีแฟนเป็นผู้หญิงแม่ก็โอเค แต่ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายแม่จะฟินมากกกก อย่าล้อแม่เล่นบ่อยแม่คิด” เป็นไงแม่กู ช็อกไปเลยสิมึง เล่นกับใครไม่เล่น เจอตัวแม่สาววายไป งงเลยสิมึง   

จากนั้นมันก็คุยเรื่องมันสัพเพเหระ ไปเรื่อยอย่างสนิทสนมกับแม่ผม ยังไม่ลืมจะเต๊าะแม่กูก่อนกลับหนึ่งที

“แม่สวยจังเลยครับ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่หนึ่งผมนึกว่าน้องสาวน่ะครับ” อ่ะ มึงมาถูกทางล่ะ แต่ประโยคมึงคุ้นๆ เหมือนกูเคยได้ยินที่ไหนน่ะ

“งั้นเดี๋ยวหนึ่งไปส่งเพื่อนแวบน่ะครับแม่” ผมพูดเสร็จพร้อมลากมันที่โบกมือให้แม่ผมออกมา ผมลากมันมาคุยข้างรถ ไหนๆ ล่ะ เอาให้จบๆ ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนจากเรื่องที่ผมสร้าง ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ

“สรุปมึงจะเอายังไง มึงมีเรื่องกับกูก็มาเอาเรื่องกับกูนี่ ทำไมต้องเอาแม่ก็มาเกี่ยวข้องด้วย” ผมพูดพลางกอดอกหน้าซีเรียส

“มึงคิดว่ากูถ่อมาบ้านมึง เพื่อจะตีมึงที่บ้านรึ มึงใช้อะไรคิด”

“ถ้าไม่ใช่แล้วจะให้คิดว่าไร มึงมาบ้านกูเพื่อให้กูดูแผลมึงรึ”

“สรุป มึงจำกูไม่ได้”

“ทำไมกูจะจำมึงไม่ได้ กูพึ่งต่อยมึงไปเมื่อเที่ยง มึงจะเอาไงว่ามา จะต่อยกูคืนรึยังไง” สมองไปหมดแล้วหรือไงมึง มันยิ้มอย่างเจ้าเลห์ที่มุมปาก มันต้องมีแผนชั่วแน่ๆ  ไม่น่าท้ามันเลยยยย

“มึงไม่อยากมีเรื่องใช่ไหม ได้กูจะไม่เอาเรื่อง แต่มึงต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“ยังไง มึงจะเอาอะไร”

“มาเป็นแฟนกู” ผมทำหน้างง อะไรของมึงว่ะแทน

"เป็นแฟนมึง? ทำไมกูต้องเป็นแฟนมึงด้วย หรือมึงชอบผู้ชาย แต่กูชอบผู้หญิงน่ะโว้ย" แมนๆ อย่างผมมีรึจะไปเอาผู้ชายด้วยกัน แดกยาไม่เขย่าขวดล่ะ ไอ้แทน

"กูแค่เบื่อน่ะ ช่วงนี้ผู้หญิงแม่งชอบตามตื้อกู มีไรครั้งสองครั้งตามติดกูแจ มีแฟนเป็นผู้ชายซะ เผื่อผู้หญิงพวกนั้นจะตัดใจจากกูได้ กูปฏิเสธไม่ค่อยเก่งน่ะ ถือว่าช่วยๆ กันไปแล้วกันน่ะ" พูดเสร็จพลางตบไหล่ผมแปะๆ ประมาณช่วยๆกูหน่อย อย่างนี้มึงให้กูเป็นไม้กันหมามึงนี่ มึงนี่ก็เหี้ยไปฟันเค้าแล้วก็ทิ้ง

"ถ้ากูไม่ทำตามข้อตกลงมึงล่ะ" เรื่องไรกูจะยอมมึง

"มึงลองนับดูล่ะกัน ว่าวิศวะมีกี่ตีน" มึงคิดว่ากูไม่กล้าสู้ใช่ไหม ใช่มึงคิดถูก

"พรุ่งนี้กูมาเอาคำตอบ กูกลับล่ะ" ทิ้งให้กูยืนนับตีนวิศวะแล้วก็จากไป เวณกรรมอะไรของกูนี่ ชีวิตในรั้วมหาลัยใครบอกว่ารื่นเริง ชีวิตแสนเศร้าของหนึ่งนที** **

ผมตื่นเช้าด้วยสภาพเหมือนซากศพ นอนฝันว่าโดนรุมตีนวิศวะ เมื่อคืนช่างเหมือนจริงสัด จนต้องเช็กว่าหน้าจะมีรอยตีนรึเปล่า ว่าแต่จะถามมันว่าจูบกูทำไมก็ยังไม่ได้ถาม สังสัยตอนนั้นเมาตีนอยู่ ผมแต่งตัวลงมากินข้าวเช้าอย่าเซ็งๆ แต่ต้องตื่นเต็มตา เมื่อไอ้แทนมานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เฮ้ออออ กูคงต้องตกลงสิน่ะ ไม่ทิ้งเวลาให้กูตัดสินใจเลย

“หนึ่ง ทำไมช้าจังลูก แทนมารอตั้งนานแล้ว มารีบกินข้าว แทนแม่ฝากไปส่งหนึ่งด้วยน่ะ  มาเร็วลูกรีบกินรีบไป”

“หนึ่งโทรไปขอร้องผมให้มารับน่ะครับ ผมเลยต้องมา สงสัยคิดไม่ซื่อกับผมน่ะครับ ว่าแต่เช้านี้แม่ดูสวยจังครับ ขนาดพึ่งตื่นนอนน่ะครับเนี่ย” เอาให้เต็มที่แทนกูเบื่อจะแก้ตัวล่ะ ถือว่าสร้างความฟินให้แม่กูช่วงเช้า ผมก้าวขึ้นรถมันอย่างเซ็ง มองมันเต๊าะแม่เช้านี้ก่อนนั่งรถไปพร้อมมัน

“มึงมีเรียนกี่โมง เอาตารางเรียนมึงมาให้กูพรุ่งนี้ด้วย กูมีเบอร์มึงล่ะ ส่งมาในไลน์ก็ได้ เดี๋ยวกูทักไป ได้ยินไหม”

“เออ กูรู้แล้ว” ผมนั่งเหม่อมองด้านข้างมาตลอดทาง มีแต่ความเงียบ เห็นหน้ามันก็เบื่อล่ะครับ ต้องไปเป็นไม้กันหมาให้มันอีก แต่เดี๋ยวผมต้องถามมันเรื่องจูบนี่

“แทน กูถามไรมึงหน่อยสิ อย่าโกรธกูน่ะ สรุปมึงจูบกูทำไม”

“ถ้ามึงจำไม่ได้ กูก็ไม่มีอะไรจะพูด กูแค่ทำตามสัญญา”

“สัญญาอะไรของมึง กูงง”

“หยุดพูดได้ล่ะ กูจะขับรถ ไม่หยุดกูจะจับมึงจูบในรถอีกทีล่ะ” เออ กูจะเงียบที่สุดในชีวิตกูเลยกูสัญญา


สรุปมันไม่ได้ส่งผมที่คณะแพทย์ แต่มันวนมาที่คณะวิศวะก่อน สรุปมึงให้กูเดินเองว่างั้น เออมึงสั่งไรกูก็ต้องทำ เหี้ยจริงๆ ชีวิตกู

“เออ กูไปคณะล่ะ” ผมพูดพลางเดินคอตกไปคณะอย่างผู้แพ้

“เดี๋ยว! ไปเจอเพื่อนกูก่อน เดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จัก” มันพูดพลางดึงผมไปใต้ถุนคณะมัน เหี้ย นี่คือดงตีนในฝันกูใช่ไหมนี่ “แหมมึง มันจะหวานไปล่ะ พาเมียมาคณะ จูบกันเมื่อวานวันนี้ล่อกันซะแล้ว มาด้วยกันละ พึ่งได้กันเมื่อคืนรึไงมึง”

“ผู้หญิงฝาดหมดมหาลัยเลยหันไปฝาดผู้ชายว่างั้น เหลือที่ยืนให้กูบ้างครับ มือกูชักจนล้าแล้วกูต้องการตัวช่วย”   '

“แหมหมอ มันจูบไปทีเดียวหลงจนลืมตึกคณะเลยหรือครับ คณะแพทย์อยู่ด้านหน้าครับหรือเปลี่ยนใจมาเป็นสะใภ้วิศวะครับ” เสียงแซวจากแก็งค์เพื่อนมันครับ ผู้ชายมึงยังแซวขนาดนี้ ผู้หญิงมามึงจะขนาดไหนว่ะเนี่ย

“พอเลยพวกมึง เดี๋ยวนี้แซวผู้ชายแล้วเหรอว่ะ”  แทนกล่าวทักทายกลุ่มหน้าหม้อหูดำของมัน พลางดึงมือผมให้ไปนั่งข้างมัน

“มานี่มึง กูแนะนำเพื่อนให้มึงรู้จักก่อน นี่ไอ้กัน ไอ้โจ๊ก ไอ้หมอก อะพวกมึง นี่หนึ่ง หนึ่งนที กูพามาเปิดตัว” อะฮิ้ว โห่ร้องกันไป สนุกสนานกันเลยพวกมึง

สงสัยกันสิครับว่าเพื่อนไอ้แทนหน้าตายังไง เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง คนแรกครับหน้าตาดีพอๆ กับไอ้แทน คารมดี นามว่า “กันต์” เหมาะกับการหุงต้มเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน้าหม้อหูดำ แซวตั้งแต่ผู้หญิงวัยสามขวบยันแปดสิบ หมาตัวเมียนี่ยังไม่เว้น หื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง มึงแซวกู กูโกรธเว๊ย คนต่อไป “โจ๊ก” เถื่อนสมอยู่วิศวะ เดินผ่านตำรวจที่ไหนโดนตรวจฉี่เมื่อนั้น รอยสักเต็มแขน ปากหมาพอๆ กับไอ้หวาน แต่ดูหล่อเข้มดีน่ะครับ น่าจะถนัดเรื่องต่อยดี คนสุดท้าย “หมอก” พี่หมอกจะแก่กว่าทุกคนเพราะซิ่วมาจากอีกมหาลัยนึง ทำไมลดตัวมาครบพวกนี้ครับ พี่ควรเรียนแพทย์อะไรงี้ พี่อยู่ผิดคณะครับผมพูดเลย พี่หมอกท่าทางฉลาดกว่าเอาสมองทุกคนมารวมกัน ดูผู้ดีเกินกว่าพวกนี้ เลิกคบพวกนี้เถอะครับผมแนะนำ เอ๊ะ เพื่อนมันก็หล่อหน้าตาดีกันทุกคนน่ะครับ น่าจะเอาไปให้ไอ้หวานล่อลวง

คิดไปคิดมาก็จวนเกือบถึงเวลาเรียนล่ะ นักศึกษาแพทย์ไฟแรงอย่าผมต้องตั้งใจเรียนครับ สายโดนตัดคะแนนแน่ ผมโบกมือลาเพื่อนมัน ก่อนหันพยักหน้าให้มันทีนึงก่อนจะเดินออกไปเรียน

"มึงจะไปไหน"

"ไปคณะกูสิ กูมีเรียนตอนเก้าโมง" เอ้าไอ้นี่กูมาเรียนก็ต้องเรียนสิวะ มึงคิดว่ากูมาให้พวกมึงเต๊าะเล่นรึไง

"เดี๋ยวกูไปเรียนกับมึงด้วยจะได้รู้จักเพื่อนมึง กูว่าง กูมีเรียนตอนบ่าย" แล้วรีบมาหาพ่อมึงรึแทน

"ไม่เอาไอ้แทน มึงอยู่กับเพื่อนมึงนี่แหละ"

"มึงมีสิทธิ์เลือกรึ ไปขึ้นรถ" มึงรนหาที่เองน่ะไอ้แทน เดี๋ยวกูจะให้ไอ้หวานลากมึงไปข่มขืน เสร็จกูแน่ไอ้แทนฮิฮิฮิ หัวเราะอย่างชั่วร้าย เสร็จกูแน่แทนเอ๊ย


"ห้องไหนมึง"

"ขวามือข้างหน้านี้แหละ ถ้าเบื่อมึงอย่ามาบ่นน่ะเว้ย"

"เออพูดมากจริง" ผมยอมรับจริงๆ ครับว่าไอ้แทนมันหล่อ ผมเดินเข้าห้องตามหลังมัน ทุกสายตาจับจ้องมาที่มัน ขนาดมันใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ กับเสื้อยืดขาวคอกลมทับด้วยเสื้อช็อปสีแดงของมันยังออร่าออกขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงทุกคนจะหลงมัน บางทีผมเป็นผู้ชายเองยังเคลิ้ม

"หวัดดีแทน มาทำไรน่ะ มาจีบสาวคณะแพทย์เหรอ" ผู้หญิงคนหนึ่งทักมัน เสน่ห์มันแรงใครๆ ก็รู้จักครับ ผมเดินมากับมันคนทักตลอดทาง

"เปล่า เรามาจีบว่าที่นายแพทย์น่ะ" มันพูดพลางหันหลังมาทางผม สายตาเสียดแทงเสียวสันหลังวาบเลยกู

ผมรีบเดินไปทางไอ้ตือไอ้หวาน ผมกะพริบตาบอกหวาน ด้วยความสนิทกันกระพริบตาแวบเดียวรู้งาน ผมเข้าไปคั่นกลางระหว่างตือกับหวาน ซึ่งไอ้แทนมาต้องนั่งข้างหวานเพราะตือมันนั่งสุดแถวแล้ว

"มีเรื่องไรว่ะมึง" ตือ ผู้อยากรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง

"เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง หวานเต็มที่อย่าให้กูผิดหวัง" หวานพยักหน้าพร้อมกระซิบบอกผมว่าถ้าได้ลูกชายจะบวชให้ ซึ้งใจกูจริงๆ ได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกเพื่อน ถุยยยยย เสร็จกูแน่ไอ้แทน

"หวัดดีครับ ผมแทนครับ เมื่อวานเจอกันแล้วจำได้ไหมครับ นั่นตือ แล้วก็สาวสวยนี่คือหวานใช่ไหมครับ"

"ใช่ค่ะ เราหวานเอง เราไม่ค่อยชินกับผู้ชาย ยังไงถ้าเกร็งต้องขอโทษด้วย" แหม รัชดาลัยยังแพ้มึงเลยหวาน

"แหมจริงหรือครับ แต่เท่าที่ดูนี่ไม่น่าจะใช่นะครับ" เหี้ยล่ะ เหมือนมันจะรู้ทัน เอาไงไอ้หวานเอาไง

"คงจะเป็นข่าวลือนะคะ เกิดมาสวยบอบบางก็ลำบาก ไม่คุยก็หาว่าหยิ่ง คุยก็หาว่าให้ท่า ทำตัวลำบาก" หวานพูดพลางเอามือลูบต้นขาแทน เสร็จครับร้อยทั้งร้อยเจอท่านี้ไปไม่รอดครับ

"แหมอย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยครับหวาน เรามันศีลเสมอกัน" มันพูดพลางยกมือหวานออก

"จริงๆ ลูบขาแทนก็ชอบน่ะ แต่แทนว่าหวานลูบยันไข่แทนก็ยังไม่เคลิ้ม เอาอย่างงี้ดีกว่าครับเดี๋ยวแทนแนะนำเพื่อนวิศวะหน้าตาดีไก่อ่อนให้หวานไว้เชือดเล่นดีกว่า ตอนนี้แทนอยากนั่งข้างหนึ่ง หวานแลกที่ให้หน่อยได้ไหมครับ" พูดเสร็จมันกระซิบข้างหูหวาน หัวเราะคิกคักกันอย่างมีเลศนัย หรือหวานมันจะแปรพรรค อย่าน่ะหวานกูเพื่อนมึงน่ะ

"หนึ่ง เรื่องผัวเมียกูไม่ยุ่ง ย้ายมานั่งข้างผัวมึงเร็ว" หวานไอ้เพื่อนเลว ไอ้คนขายเพื่อน เห็นผู้ชายดีกว่าทีมเวิร์ค ขนาดไอ้หวานยังแพ้คารมมึง กูจะเอาอะไรไปสู้

"แผนสูงเหมือนกันน่ะครับเมีย" "เมียพ่อมึงสิ มึงกับกูเป็นผัวเมียกันตอนไหน กูสิต้องเป็นผัวมึง มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงกดรึ แต่กูชอบผู้หญิงโว๊ย"

"มึงเป็นแฟนกูนะหนึ่ง มึงว่าคนที่เค้าเป็นแฟนกันนี่ ไม่เคยได้กัน ต้องนอนจับมือกันพาชมสวนดอกไม้หรือไง มึงลองถามหวานเพื่อนมึง"

"จริงแทน กูยืนยันได้" เสียงไอ้หวานแทรกเข้ามา เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยจนมันจะมากไปแล้วหวานไอ้เพื่อนทรยศ

"นี่ตรงนั้นคุยอะไรกันน่ะ แล้วเด็กวิศวะตรงนั้นน่ะ หลงทางรึไงจ๊ะ ถึงมาเรียนที่นี่" เสียงอาจารย์หน้าชั้นตะโกนมาครับ ผมนั่งเงียบหันมาตั้งใจเรียนทันที แต่อย่าน่ะ ไอ้แทน อย่าาาาาา

"เปล่าครับ ผมมาฝากตัวเป็นเขยคณะแพทย์ฝากตัวด้วยน่ะครับ"

 ไอ้เหี้ยยยยยย ฮิววววว ทั้งห้องประสานเสียง ไอ้แทน ไอ้หน้าเงือก ไอ้ประจุไฟฟ้า ไอ้หน้าแลมตั้น หน้ามึงด้านหนาจนกูไม่รู้จะพูดยังไงล่ะ กูอายจนจะแทรกแผ่นดินหนี้อยู่แล้ว หันหน้าไปหาเพื่อน ไอ้ตือก็ทำหน้างงพร้อมเสือกเรื่องชาวบ้าน หันไปหาไอ้หวานก็ทำหน้าเคลิ้ม เหมือนนี่แหละไอดอลกู ไอ้คนทรยศ

............................................


น้องมาล่ะคะ มาช้าแต่น้องก็มา ขอบคุณทุกคำติชมน่ะคะ มันเป็นแรงใจให้เขียนต่อไปค่ะ พยายามจะเขียนนิยายให้ดีที่สุด นิยายของเราจะออกน่ารักและหื่นกามไปในเวลาเดียวกัน

เรื่องนึงที่ไม่เขียนแน่นอน คือแบบครอบครัวไม่ยอมรับฝ่ายใดฝ่ายนึงนี่ไม่มีแน่นอน ดราม่าเรื่องนี้จะไม่มีในนิยายเรื่องนี้แน่นอนค่ะ เธอฟินกันไหม

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 3 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 01:08:23
ตอนที่ 4 : เปิดใจครั้งแรก

พักเที่ยงแทนที่จะได้อยู่สงบ ไอ้แทนมันก็ลากผมมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารคณะมัน นั่งฟังแก็งเพื่อนมันเต๊าะสาวไปวันๆ พวกมึงนี่ชีวิตช่างรื่นเริงจริงๆ คณะมึงนี่อ่านหนังสือกันบ้างไหมนี่

"น้องครับ กินอะไรถึงได้สวยขนาดนี้ ขอเบอร์โทรได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้เบอร์โทร เบอร์ห้องก็ได้ครับพี่อยากมีลูก" หม้อหูดำชั้นดี อย่างนี้ ไอ้กันแน่นอนครับ

"พี่ถนัดตีต่อย พร้อมปกป้องครับน้อง อยู่กับพี่ห่างไกลตีน แต่กวนน้องทุกคืนครับ" ฝ่าดงตีนขนาดนี้ ไอ้โจ๊กชัวร์

"น้องเรียนไม่เก่งพี่ช่วยติวได้น่ะครับ ถ้าตอบไม่ได้พี่จะตีให้ก้นลายเลยครับ" มึงเอากับเค้าด้วยใช่ไหมนี่ ไอ้พี่หมอก

"พอล่ะพวกมึง แดกข้าวได้ล่ะ" ไอ้แทนเตือนสติเพื่อนมัน แต่แปลกน่ะครับผู้หญิงที่โดนแซวไม่มีใครโกรธ กลับจะชอบใจด้วยซ้ำ หรือผู้หญิงชอบผู้ชายแนวเถื่อนๆ เลวๆ กัน หรือผมต้องจำไปทำบ้าง

"ว่าไงครับน้องหนึ่ง มีผัวปั๊บเกาะติดผัวปุ๊บ หลงเสน่ห์อะไรไอ้แทนมันครับ" กันหันมายักคิ้ว

"นั่นสิ แทนมันเล่นท่าไหนครับน้องหนึ่ง พี่ก็ทำได้ทุกท่าน่ะทำไม่ไม่มองพี่บ้างล่ะ" โจ๊กผสมโรง ร่วมด้วยช่วยกันว่างั้น

"หยุดแซวเมียกูเลย นั่งแดกข้าวไป อายุก็เท่ากันพวกมึงจะเรียกน้องทำไม เมียนี่ก็นั่งเฉยๆ ให้พวกมันแซวอยู่ได้ " สรุปกูผิดใช่ไหมไอ้แทน เออ ยังไงกูก็ผิด แม่ง

"เออ เมียเลิกเรียนกี่โมงเดี๋ยวผัวไปส่ง"

"ไม่เอาอ่ะมึง เดี๋ยวกูกลับกับตือ กูจะไปกินชาบูกับมันนัดไอ้หวานแล้วด้วย"

"ไปด้วยกันนี่แหละเดี๋ยวผัวไปด้วย ไปกันหมดนี่แหละ พวกมึงไปไหม หวานเพื่อนเมียกูสวยระดับดาวคณะเลยน่ะโว้ย" เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

"ฟาดเพื่อนเมียเพื่อนคือจุดมุ่งหมายของกู พี่ไปด้วยครับน้องหนึ่ง" ไอ้กันขัดหูรอตั้งหม้อล่ะครับ นี่คือข้อตกลงของมึงกับไอ้หวานใช่ไหมแทน มึงเอาเพื่อนไปถลกหนังให้ไอ้หวานถึงที่ ไอ้คนขายเพื่อน

"เออ แล้วแต่มึงล่ะกันแทน"

“เฮ้ย! พวกมึงออมแรงเว้ย เลิกแซว เก็บแรงไว้แซวน้องหวานกัน” กันเอ่ยกับเพื่อนพร้อมพยักหน้าเข้าใจซึ่งกันและกัน

"เดี๋ยวผัวโทรบอกแม่เมียก่อนล่ะกัน" ไอ้แทนบอกพร้อมลุกออกไปโทรศัพท์ ไอ้แทนอย่า มึงไปเอาเบอร์แม่กูมาจากไหน อย่าไอ้แทน อย่าโทรไปปลุกอารมณ์สาววายของแม่กู เดี๋ยวแม่กูจะฟิน

"เคครับแม่ ขอบคุณครับ แม่ยังสวยและใจดีเหมือนเดิมเลยน่ะครับ" ไม่ทันสิน่ะ เต๊าะแม่กูไปอีกหนึ่งดอก ชีวิตของหนึ่งนทีช่างเศร้านัก

หลังเลิกเรียนเราตกลังกันว่าจะแยกกันไปครับ เพื่อนไอ้แทนจะแยกไปอีกคันนึง เพราะเรียนเสร็จก่อน พวกนั้นจะไปแต่งหล่อต้อนรับหวานและไปจองร้านก่อน เพราะคณะผมเลิกเย็นกว่า ตือจะไปพร้อมหวาน ผมก็ว่าจะไปพร้อมเพื่อน ถ้าไม่ติดความเอาแต่ใจของไอ้แทนที่บอกยังไงก็จะไปพร้อมผม ไม่งั้นก็ไม่ไป เพื่อนมันมองตาผมอย่างกับหมาเหงา เพราะถ้ามันไม่ไปเพื่อนๆ มันก็ไม่ได้ไป ผมเลยต้องจำใจตกลง หวานกับตือไปก่อนล่ะครับ เห็นว่าจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนออกมา ว่าแต่แค่ไปกินชาบูทำไมต้องไปแต่งตัวใหม่ให้มันยุ่งยาก ว่าแต่ไอ้แทนไปไหนนี่ ผมต้องนั่งรอไอ้แทนที่ใต้ถุนคณะ ว่าจะไลน์ไปหามันแต่ก็ไม่มีไลน์ จำได้ว่ามันจะแอดมาก็ยังไม่เห็น สงสัยต้องขอมันแอด ผมนั่งรอพร้อมทบทวนบทเรียนที่พึ่งเรียนมาไปพลางๆ สักพักมันก็ไลน์มา

แทน ไม่ใช่แฟนแทนได้ทุกท่า: อยู่ไหนครับเมีย แทนมาแล้ว

Nueng: อยู่ที่ใต้ถุนตึกคณะ รอมึงอยู่เนี่ย มายังกูหิวแล้ว

แทน ไม่ใช่แฟนแทนได้ทุกท่า: แหมเมียครับ รอหน่อย เดี๋ยวให้กินผัวก่อน

Nueng: แดกได้ด้วยรึมึง กูจะท้องเสียไหม

แทน ไม่ใช่แฟนแทนได้ทุกท่า: ท้องไม่เสีย แต่จะจุกนิดหน่อย

ทำไมผมรู้สึกเขินๆ กับคำพูดมันว่ะ สงสัยไม่ชิน

Nueng: จุกพ่อมึงสิ แล้วชื่อไอดีเหี้ยไรของมึงนี่ ขายของว่างั้น

แทน ไม่ใช่แฟนแทนได้ทุกท่า: เมียไม่ชอบผัวเปลี่ยนให้

“แทน ไม่ใช่แฟนแทนได้ทุกท่า” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "แทน(หัวใจ)หนึ่ง"

ไอ้สัดแทนกูเขิน

Nueng: กูว่าใช้เชื่อเดิมดีกว่าว่ะมึง บอกสรรพคุณมึงดี สาวน่าจะชอบ

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: ไม่อะ กูถึงล่ะรอแวบเดี๋ยวกูเดินไปรับ

ไอ้สัดแทนเปลี่ยนเรื่องแล้วทิ้งกูเลยน่ะ เดี๋ยวค่อยไปเฉ่งมันในรถ ผมเห็นมันแต่ไกลเลยครับ จริงๆ แทนมันเป็นคนหน้าตาดีครับ ไม่แปลกที่สาวๆ พร้อมพลีกายให้มัน แม้จะรู้ว่ามันแค่เอาเล่นๆแต่สาวๆ ส่วนใหญ่ก็พร้อมจะเป็นของเล่นของมัน มันดูแบดบอยหน่อยๆเจ้าเล่ห์ ยิ่งตอนนี้มันมาในชุดกางเกงยีนส์สีเข้มขาดๆ ของมันเสื้อยืดสีดำเข้ารูปพร้อมแจ็กเก็ตดำ มันยิ่งดูหล่อเทห์ จนสาวๆคณะผมตาค้างไม่เว้นแม้แต่ผมที่เป็นผู้ชายด้วยกันยังใจสั่น แทนแม่ง........

"อะไรมึง เห็นผัวหล่อตะลึงว่างั้น" ผมตกใจสะดุ้งหลังสิ้นเสียง เห็นมันหัวเราะมุมปากพร้อมยกมือเสยผมเก็กหน้าหล่อ แม่งน่าหมั่นไส้

"อะไรของมึงละเมอล่ะ เร็วกูหิว" ผมลุกจากโต๊ะเอื้อมจะหยิบของแต่ไม่ทันไอ้คุณแทนมันเอาไปถือเรียบร้อยล่ะก็ดีเหมือนกัน กูไม่ต้องถือเองสุภาพบุรุษเหลือเกินน่ะมึง

ผมกับมันเดินมาสักพักก็มีผู้หญิงคนนึงมาทักไอ้แทน แม่จ้าว ผู้หญิงคนนี้สวยชิบหาย แถมเนื้อนมไข่ ชุดนักศึกษารัดจนสงสัยว่าหายใจออกไหม แต่สวยครับ สวยเซ็กซี่ผมเห็นยังมองตาค้างใจสั่น

"โทษน่ะคะ ขอคุยกับแทนสองคนได้ไหมค่ะ" อ้าวลืม ผมมัวแต่มองนม เอ๊ยมองน้องเพลิน ผมหันหลังจะเดินออกแต่ไอ้แทนดึงมือผมไว้

"ไม่ต้องหรอก มีไรพูดตรงนี้เลยก็ได้" น้องเค้าทำหน้างอน ดูน่ารักยั่วยวนดีครับ จริตน้องเค้าทำเอาผมหวั่นไหว

"เก้าคิดถึงแทนน่ะ ตั้งแต่คืนนั้นแทนก็ไม่ติดต่อมาเลย คืนนี้แทนว่างไหม เดี๋ยวเก้าไปหาที่ห้อง" แหม น้องนอกจากเซ็กซ์ เอ็กซ์ยังใจกล้า ถ้าไม่ติดไอ้แทน พี่หนึ่งจะลากน้องไปปล้ำ

"ไม่ได้แล้วล่ะเก้า เราเลิกทำตัวแบบนั้นแล้ว"

"ทำไมล่ะ แทนมีแฟนแล้วรึ"

"เรายังไม่มีแฟน แต่เรามีเมียแล้ว" มันพูดพลางเอามือมาจับมือผม และมองหน้าอย่างหวานเย้ม ไอ้เหี้ย กูจะโดนตบไหมมึง ปล่อยกู

"แต่นั่นผู้ชายน่ะแทน เราไม่เชื่อหรอก"

"เราไม่ได้พูดเพื่อให้เก้าเชื่อ แต่คนๆนี้แทนจริงจัง เราไม่ต้องการทำให้เค้าเสียใจ ถ้าเราทำอะไรที่ผิดกับเก้าเราขอโทษ แต่เราเลิกทำแบบนั้นแล้วจริงๆ"

"โอเคแทนเราเข้าใจ เรารู้ว่าแทนไม่เคยจริงจังกับใคร แต่เราก็หวังน่ะ หวังว่าเราจะเป็นคนที่แทนรักบ้าง ขอโทษที่รบกวนน่ะ" น้องคนนั้นพูดเสียงสั่น ดูน่าสงสาร เธอมองผมด้วยสายตาที่ทั้งยินดีและอิจฉา จนทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่ได้แทนมา             


ผมกับแทนนั่งรถมาสักพักอย่างเงียบๆ ผมสงสัยอะไรหลายอย่างจนอดถามมันไม่ได้

"แทนกูถามอะไรหน่อยสิ"

"ว่าไงครับเมีย"

"ทำไมต้องเรียกกูว่าเมียด้วยนี่ มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นผัวมึงบ้างรึ" มันหัวเราะตัวงอ แม่งกวนตีนกู

"หยุดทำให้กูอารมณ์เสียเลยมึง แทนกูถามอะไรมึงหน่อยสิ น้องคนนั้นเค้าสวยมากเลยน่ะมึงท่าทางนิสัยก็ดีทำไมมึงปฏิเสธน้องเค้าว่ะ กูเสียดายแทน"

“กูไม่ได้ชอบเค้า น้องแค่เสนอ กูก็แค่สนอง จบก็แยกกันไป” มันพูดพร้อมหยักไหล่ เหี้ยจริงๆ มึง

“น้องเค้าก็น่ารักดีนะโว้ย มึงก็ยังไม่มีใคร ทำไมไม่ลองคบกับน้องเค้าล่ะ” แทนชักสีหน้ามองหน้าผมด้วยสีหน้าจริงจัง แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน สักพักมันก็ค่อยๆ คลายสีหน้า พร้อมถอนหายใจ

“กูมีคนที่กูชอบอยู่แล้ว” เอ๋ ผมทำหน้าตกใจ

“ใครน่ะมึง สวยไหม กูรู้จักป่ะ” “ก็สวยน่ะ แต่เค้าไม่รู้หรอกว่ากูชอบเค้าอยู่ นี่กูก็พยามยาม เต๊าะอยู่ทุกวัน วันๆ ก็เอาแต่กวนตีนกู มึงก็น่าจะรู้จักดีเลยแหละ” ใครว่ะ

ผมนั่งงงสักพักก็ถึงห้างข้างมหา’ลัย พอจอดรถปุ๊บผมแทบจะลอยตัวออกจากรถ หิวจนจะเป็นลมเลยครับ หิววววว

“เมียครับ ไม่ต้องรีบครับ เข้าไปได้กินแน่นอนครับพวกไอ้กันเตรียมต้มไว้ให้แล้วครับ”

“ฮอล ดีจัง” หน้าผมฟินสุดชีวิต รีบวิ่งเข้าห้างทิ้งผัว เอ๊ย ไอ้แทน โอ๊ยยยย ผมวิ่งไปชนอะไรบางอย่าง จนกระเด็น โอ๊ยเจ็บ

“เป็นไรไหมครับ” ผู้ชายน่าจะรุ่นราวเดียวกับผม พูดพร้อมยื่นมือมาดึงผมให้ลุกขึ้น

“ขอโทษที่ชนน่ะครับ ผมรีบไหนหน่อย ผมหิวน่ะ”

“55555 ไม่เป็นไรครับ มากับใครครับ” เออ สรุปคือต้องตอบใช่ไหม แล้วทำไมต้องถาม

“มากับเพื่…..”

“มากับผัว” ผมทำหน้างง มองหน้ากันพร้อมหันหลังตามเสียงที่ได้ยิน เชดดด ไอ้เหี้ยแทน มาไม่มาเปล่าพลางยืนทำหน้าหาตีน เก็กหล่อยืนพิงเสา ผัวอะไรของมึง

“ไม่…...” ผมส่ายหน้าพลางปฏิเสธ ไอ้แทนขัดแล้วเอามือมาโอบไหล่

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวน่ะครับ” มันพูดเสร็จพลางยิ้มให้ พร้อมลากผมไปเลย ไม่ใช่น่ะ ไม่ใช่

“เมียครับ เดี๋ยวนี้เมียหัดอ่อยผู้ชายรึครับ”

“อ่อย อะไรไอ้แทน กูแค่ขอบคุณเค้าที่ช่วย อ่อยทำไมผู้ชายเหมือนกัน มึงคิดว่ากูจะแจกเบอร์ให้เค้ารึ” อย่ามากวนตีนไอ้แทนกูกำลังหิว เดี๋ยวแดกหัวแม่ง

“แล้วได้ให้ไหมล่ะ” ผมขมวดคิ้ว หาเรื่องรึไงมึง ถึงร้านล่ะ กูไม่สนใจมึงล่ะ

ผมวิ่งเข้าร้านพร้อมมองหาพวกเพื่อนแทน

“น้องหนึ่ง ทางนี้” ผมวิ่งเข้าหาอาหาร ประดุจเจ้านายเคาะเรียก

“หูย น่ากินน่ะ กินเลยน่ะ” ผมนั่งปุ๊บ จ้วงปั๊บ ไม่สนหน้าใครทั้งนั้น หนึ่งหิว

“ไอ้แทน หน้าเป็นตูดมาเลยมึง เป็นไรว่ะ” กันถาม ทุกๆ คนพร้อมพยักหน้า

“ไม่รู้ใคร แม่งมาเตาะเมียกู แต่ช่างเถอะ เมียครับ หวานกับตือมายังครับ” เออ กูลืม ผมรีบไลน์หาเพื่อนในกลุ่ม

Nueng: อยู่ไหนล่ะมึง

หวาน**:** เออจอดรถล่ะ กูรอไอ้ตือมันแต่งตัวอยู่ แม่งแต่งนานกว่ากูอีก

Nueng: กูอยู่ในร้านล่ะ รีบมาหิวววววววว


“หวานกับตือถึงล่ะน่ะ กำลังจอดรถ” ผมเงยหน้ามามองเพื่อนๆ ไอ้แทนท่าทางตื่นเต้นกันใหญ่ ว่าแต่ทำไมทุกคนแต่งตัวดีกันจัง แถมกันยังใส่สูท แต่ละคนนี่แทบจะหลุดมาจากแคตตาล็อก

“ทำไมแต่งตัวดีกันจังล่ะ แค่มากินชาบูเนี๊ยะ” พูดพลางคีบหมูเข้าปากหนึ่งชิ้น ฮอล มีความสุขจัง

“อ้าว แทนไม่ได้บอกน้องรึว่าเดี๋ยวไปแดกเหล้ากระชับสายสัมพันธ์กันต่อ” พี่หมอกถามไอ้แทน ทำไมไม่บอกกูก่อน กูไม่เคยไป อีกอย่างกูลูกชายคนเดียว แม่กูไม่ให้ไปหรอกมึง แม่หวงกูจะตาย

“ถามไปเมียกูก็บอกว่าไม่ไปสิ นี่กูเลยถามว่าที่แม่ยายกู นอกจากสวยแม่ยายกูยังใจดี บอกให้ค้างบ้านกู ไม่ต้องส่งกลับ” แม่น่ะแม่ ทำไมทำงี้ หนึ่งโกรธ หนึ่งงอนล่ะ

“หนึ่ง” ผมหันหลังไปตามเสียง หวานตือมาล่ะ แต่งตัวกันมาซะเต็ม ล่อกูเป็นเด็กยกของเลยพวกมึง

“สวัสดีค่ะ หวานค่ะ นี่ตือ ชื่ออะไรกันบ้างค่ะ นี่เป็นการเจอเพื่อนต่างคณะครั้งแรก หวานอาจจะเขินๆ อายๆ หน่อยน่ะคะ หวานกลัว” ไม่ปล่อยเวลาให้รอช้าเลยน่ะไอ้หวาน เอาซะกูไม่ต้องแนะนำอะไรเลย

“ครับ ผมหมอกครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับหวาน ตือ” คนนี้คงจะชืดไปสำหรับมึงหวานเชื่อกู

“ผม โจ๊กครับ หวานสวยจังครับ เล่นเอาผมเขินเลย หวัดดีตือด้วยครับ” คนนี้ ก็เบเบ กูรู้มึงไม่ชอบ

“ผมกันครับ เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าชวนคุยก่อน ยังไงชวนผมคุยหน่อยน่ะครับหวาน ตือด้วยน่ะครับ” แหม หวานคนนี้แหละมึงที่สูสีกับมึง กูแนะนำเลย

เหมือนหวานมันจะคิดแบบผม มันลงไปแทรกนั่งระหว่างกันกับโจ๊ก ดูท่ามันจะสนใจกันมาก มองตาเหมือนหมาป่าที่ล่าลูกแกะ เช่นเดียวกับสายตากันที่เหมือนหมาป่าในชุดแกะที่กำลังจะขยุ้มหมาป่าอีกที เฮ้ออออ แล้วแต่มึงว่ะหวาน หลุดจากหวานผมก็เป็นห่วงตือว่าจะเหงา แต่พอเห็นดูตือดูท่าคุยกับพี่หมอกอย่างออกรสชาติ ก็คงไม่มีไรต้องห่วง ผมนั่งกินต่ออย่างมีความสุข จนไอ้แทนยังเอ่ยถาม

“เมียครับไม่ต้องมีผู้ชาย แค่ของกินเมียก็ลืมผัวล่ะครับ” มันพูดพร้อมคีบหมูมาให้ ดีจัง ฮอล

“ขอบใจน่ะ อืม” มันเอามือมาดึงแก้มผม พร้อมยิ้มมุมปาก

พวกเรานั่งกินไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน จนลืมเวลาร้านใกล้ปิดแล้ว พวกเราเลยเช็กบิลและออกมานัดสถานที่เจอเป็นผับเปิดใหม่แถวๆ มหา’ลัย ผมมองดูทุกคนแต่งตัวเสร็จแล้วเหลือแต่ผมที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่ ก่อนออกจากร้าน ผมเลยเอ่ยถามแทนให้ไปช่วยเลือกซื้อชุดก่อนไปเที่ยว ให้คนอื่นนำไปก่อน ผมเดินออกมาร้านส่วนใหญ่ก็ปิดกันเกือบหมดแล้ว เลยต้องทำใจไปทั้งอย่างนี้ ไอ้แทนยังบอกไปอย่างนี้ดีแล้ว เรียบร้อยไม่เป็นจุดเด่นดี ผมเออ ยังไงก็ได้ ยังไงก็เปลี่ยนไม่ทันล่ะ ผมจึงรีบตามเพื่อนไป ผมนั่งไปสักพักแทนมันก็จอดรถหน้าเซเว่น

“จอดทำไมอ่ะ” อิ่มแล้วก็เริ่มง่วงล่ะ ครับ

“เดี๋ยวผัวไปซื้อของเอาไว้เผื่อเมียเมาแวบ เอาอะไรไหม” สงสัยไปซื้อยาแก้แฮ็งค์ อืมแทนก็เป็นคนดีน่ะ

“เอาลูกอมน่ะ อยากกินลูกอม” แทนพยักหน้า พร้อมออกไปซื้อของ

ทำไมนานจัง ผมนั่งหาวอยู่ในรถพร้อมชะเง้อมอง สักพักแทนก็มา

“ทำไมนานจังอ่ะ ง่วงล่ะเนี่ย” ผมพูดพลางแกะถุงกะจะอมลุกอมให้ตาสว่าง แต่ไม่ทันแกะลูกอมก็ต้องตื่นเต็มตากับของที่มันซื้อมา

“ซื้อมาทำไมล่ะมึง มึงซื้อมาทำไมนี่” ผมโวยวายเสียงดังลั่นรถ พร้อมเขย่าตัว จนมันหันหน้ามาขมวดคิ้วว่ากูทำไรผิด

“เผื่อเมียเมา ผัวต้องเตรียมไว้ก่อน”

“กูเมา แล้วเกี่ยวอะไรกันมึง มึงต้องซื้อยาแก้แฮ็งค์ให้กูสิ” มันมองหน้าผมอย่างระอา พร้อมถอนหายใจ

“เมียครับตื่นครับ เมียคิดว่าผัวเห็นเมียเมาจะต้องเช็ดตัวห่มผ้านอนรึครับ นี่ชีวิตจริงครับ มีโอกาศก็ต้องปล้ำครับเมีย ผัวไม่ใช่พระอิฐพระปูนครับ”

มันซื้อถุงยางมาสามกล่องกับสารหล่อลื่นอืกหนึ่งหลอดใหญ่ ถึงผับกูจะแดกแต่น้ำเปล่า ไม่มีกูจะออกมากรอกน้ำก๊อกไปแดกในผับ ฝันไปเถอะไอ้แทน

“ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่ถุงก็ได้ครับเมีย ผัวตามใจเมีย” มันพูดพลางเอามือมาดึงแก้ม ผมมองหน้ามันอย่างเอื่อมระอา ไม่พูดอะไร นี่กูกำลังตกอยู่ในอันตราย  กูอยู่ในอันตราย


-------------------------------------

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 3 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 23-01-2018 01:09:49
ตอนที่ 5 : นอนด้วยกันครั้งแรก

"หยุดไอ้แทน อย่ามายืนใกล้กู" ผมมองหน้าพร้อมสะบัดมือไล่มัน มึงอย่าหวังว่าจะได้แอ้มกูแทน มึงออกไป

"โห อะไรน่ะ ผัวไม่ได้จะจับเมียปล้ำกลางผับซะหน่อยอะไรน่ะ" มันโวยวาย

"เออ นั่นแหละอย่าเข้ามา" กูอยู่ในอันตราย กูต้องระแวงมึงไว้ก่อนแทน

เรามาถึงผับกันล่ะครับ คนค่อนข้างเยอะ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ ดีที่โจ๊กจองโต๊ะไว้ก่อนครับ เราเลยได้โต๊ะด้านใน แต่ก็ต้องยืนล้อมโต๊ะไป เพราะไม่มีเก้าอี้ เพราะเราอยู่ส่วนอินดอร์ เอาดอร์จะเป็นโซฟานั่งฟังเพลงไปด้วย ร้านหรูจัง ผมที่มาครั้งแรกก็ตื่นตาตื่นใจ เหมือนมาทัศนศึกษา พลางมองดูคนรอบข้างและเพื่อนๆ

"กัน หวานไม่เคยดื่มเหล้าน่ะคะ แค่เห็นหวานก็มึนๆ จะยืนไม่ไหวล่ะคะ ปกติเคยเห็นแต่ในรูป" หวานสาวหมั่นประจำคณะแพทย์ผู้อ่อนต่อโลก

"ผมก็พึ่งเคยมาครับ ทำไมมืดจังครับ ผมมองตอนกลางคืนไม่ค่อยเห็นด้วย ถ้าจับคลำอะไรผิดไปต้องขอโทษด้วยครับ"

กันหน่วยหม้อชั้นดีออกตัว ถ้าเปรียบคู่นี้เป็นมวย ก็จะเป็นคู่หยุดโลกที่ช่างดูสูสีเหลือเกิน กูอยากรู้จริงๆ ว่าใครจะชนะ แหมมึงสองคนช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ เห็นแล้วก็ถอนหายใจ แต่ไอ้ตือกับพี่หมอกนี่ท่าทางจะคุยกันถูกคอ ดูคุยกันตลอด แต่ทำไมไอ้พี่หมอกมันดูเขินแปลกๆ สงสัยยังไม่ค่อยชินกัน แต่อย่าคิดว่าโจ๊กที่ไร้คู่จะหงอยน่ะครับที่นี่เป็นถิ่นเค้า เห็นเดินทักทายโต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างสนิทสนม โดยรวมทุกๆคนก็สนุกสนานดีน่ะครับ ดีที่เพื่อนผมเข้ากันได้ ว่าแต่ทำไมต้องดีด้วย แต่เออน่ายังไงก็ได้เพื่อนเพิ่ม

"เมียครับดื่มอะไรหน่อยไหมครับ" แทนพูดพลางยื่นแก้วมา

"อะไรมึง จะวางยากูรึ อย่าคิดว่ากูจะหลงกล"

"โหยเมียเห็นผัวเป็นคนยังไง ยังไงไม่ได้กันตอนนี้ต่อไปก็ต้องได้กันอยู่ดีนะแหละ อย่างอนน่ะ" มึงอย่ามาทำหน้าใสซื่อใส่กูแทน กูหนึ่งนที ฉลาดไม่หลงกลมึงหรอก ผมหันไปหาหวานทีอยู่ข้างๆ แม่งไม่สนใจกูเลยสนแต่ไอ้กัน

"หวานแก้วมึงอะไรน่ะ กูกินได้ไหม" หวานหันหน้ามามองผมแวบนึงก่อนจะทำหน้าหงุดหงิด แล้วหันไปคุยกับกันต่อ

"หา เออได้ โค๊ก....." สิ้นเสียงผมยกกระดกหมดแก้ว กระหายน้ำมานานมัวแต่ระแวงไอ้แทน แทบไม่ได้แดกอะไร อืมอร่อยจัง ไม่หวานแสบคอเหมือนโค๊กทั่วไป

"หวาน มันคืออะไรน่ะ เอาอีกได้ป่ะวะมึง" หวานหันมาทำสายตาพิฆาตใส่ผม ประมาณหนึ่งกูล่าเหยื่ออยู่อย่างมากวนกู แต่ก็ส่งแก้วใหม่มาให้ ฮอลอร่อยจังเอาอีก เอาอีก เอาอีก

แต่ทำไมมันมึนจังว่ะ ผมถามไปถามหวาน

"หวานนนนนนน โค้กยี่ห้อไรว่ะ ทำไมมันมึนนนนนนนน"

"ไอ้หนึ่งมึงเมาแล้วหยุดพอเลย มันเหล้าผสมโค้ก"

ฉิบหายล่ะผมนึกในใจจากสติที่หลงเหลืออยู่ ตายกูหนึ่งเอ้ย ปากบอกว่าจะระวังไอ้แทน สุดท้ายมามอมเหล้าตัวเอง ใส่พานตัวเองไปให้มันเฉย ผมประคองสติและคิดหาวิธีสร่างเมาให้เร็วที่สุด ผมหันซ้ายขวาไอ้แทนไม่อยู่ปลอดภัย ผมรีบประครองตัวไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าซะเผื่อจะดีขึ้น ผมเดินโซเซไปห้องน้ำ ระยะทางแค่นี้ ทำไมมันไกลจัง ผมเดินโซเซไปท่ามกลางเสียงเพลงผู้คนและความมืด ในใจคิดอย่างเดียวว่าต้องรอดจากเงื้อมมือไอ้แทนให้ได้ ผมเดินโซเซจนไปชนคนคนนึง ผมตั้งสติเอ่ยปากจะขอโทษเค้า แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากพูด

“เอ๊ะ! เจอกันอีกแล้ว อิ่มแล้วรึครับ” ใครเรียกพี่หนึ่งน่ะ หน้าคุ้นๆ ผมดันตัวยืนขึ้น พลางจับหน้าคนข้างหน้าเพิ่งมอง

“อ้ออออออ คายยยยน่ะ” ไม่คุ้น ไม่รู้ พี่หนึ่งมึน

“อ้าว วันนี้ที่เราเจอกันที่ห้างไงครับ”

"ฮืม ใครน่ะ ที่ห้างงงงงง ใครน่ะ"

“นี่เมาล่ะสิ ไปนั่งพักก่อนไหมจะได้สร่างเมา” ผมพยักหน้า พลางเดินตามออกมานั่งรับลมตรงส่วนเอาท์ดอร์  พลางรับผ้าเย็นมาเช็ดหน้า พอรับลมเย็นก็พอได้สตินิดๆ  แต่ก็ยังมึนๆ อยู่ดี

“แฟนไปไหนล่ะนี่ ทำไมไม่มาดูแลล่ะครับ มีใครลากไปทำไงนี่ ยิ่งน่ารักอยู่ด้วย”

“แฟนนนนน ใครน่ะ ไม่มีน่ะ หนึ่งไม่มีแฟน” ใครแฟน พี่หนึ่งโสดและซิงด้วย

“อ้าว งี้ก็จีบได้สิ” จีบทำไมมึง ผู้ชายเหมือนกัน แม่งบ้าเหมือนไอ้แทน ผมทำหน้างง พร้อมเรอใส่

“จะกลับยังไงล่ะนี่ ขอโทรศัพท์ได้ไหม เดี๋ยวเราโทรตามเพื่อนให้ หรือให้เราไปส่งบ้าน”

“อืม บ้าน พี่หนึ่งจะกลับบ้าน” ผมพูดพลางยื่นโทรศัพท์ให้ แล้วหันมานอนต่อ ผมเห็นมันกดโทรศัพท์ไปมา ว่าแต่รู้ยังว่าจะโทรหาใคร

“เออ ลืมให้โทรหาใคร” น่ะ กูว่าล่ะ ครื๊ด ครื๊ด ครื๊ด เสียงโทรศัพย์สั่น น่ามีคนโทรเข้ามาพอดี ผมปิดเสียงไว้ตั้งแต่ตอนเรียน คงจะเป็นเพื่อนที่ตามหาผม มันเลยกดรับ

*(เมียครับ เมียอยู่ไหน นี่หาทั่วร้านแล้วนะ ไปอยู่ไหน หลบแทนหรือครับ)*

“เพื่อนคุณหนึ่งใช่ไหมครับ พอดีคุณหนึ่งเมา ผมเลยพามานั่งที่หน้าร้านน่ะครับ”   

*(ครับ เดี๋ยวผมรีบไป ขอบคุณครับ)*

อืม ผมตื่นขึ้นมาได้สติขึ้นมานิดหน่อยนั่งสะลึมสะลือ พยายามลืมตาแต่ตาก็หนักเกินกว่าจะลืม แต่ผมรู้ว่าผมกำลังอยู่ในรถกับไอ้แทนที่หันมายิ้มอย่างอ่อนโยน แค่นั้นผมก็วางใจ หลับตาลงอย่างสบายใจ

อืมมมมมมมมม ปวดหัวจังเลย ผมตื่นมาอย่างมึนงง โอยยยยย ปวดหัวจัง ที่นี่ที่ไหนนี่ ผมตื่นพยายามปรับสายตาให้มองสิ่งต่างได้ชัดเจน ที่ไหนน่ะ ภาพมันไม่ใช่ห้องผม ผมกุ้มดูตัวเอง ชุดที่ใส่ก็ไม่ใช่ชุดเดิม เกิดอะไรขึ้น ผมแทบจะร้องกรี๊ด เมื่อข้างๆ ที่นอนอยู่เป็นไอ้แทน ไม่มมมมมมมมม กูเสร็จมันแล้วรึนี่ ไหนใครบอกครั้งแรกเจ็บ ไม่เห็นจะเจ็บเลย หรือไอ้แทนฝีมือดี พี่หนึ่งไม่ซิงแล้ว

………แต่เดี๋ยว ไอ้แทนมันยังอยู่ชุดเดิม นอนสงบยิ้มพริ้ม น้ำก็ไม่อาบ ผ้าก็ไม่ห่มไม่หนาวรึไงมึง พอตั้งสติประมวณภาพเหตุการณ์ต่างๆ อืมมันคงจะไม่ได้ทำอะไรกู มึงก็เป็นคนดีเหมือนกันน่ะแทน  ดูแทนนอนยิ้มอย่างมีความสุขแล้วไม่กล้าปลุก ไปทำข้าวเช้าให้มันกินหน่อยล่ะกัน ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณมึงน่ะแทน ผมลุกขึ้นไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้แทนที่นอนยิ้มอย่างมีความสุข

ขอบคุณน่ะแทนที่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ปล้ำกูตอนเมาอย่างที่มึงบอก ผมหันไม่หยิกแก้มมันทีนึง พร้อมเดินอย่างมีความสุขออกไปหาห้องครัว

-----------------------------------------


ความในใจแทน สัตยา Part 1 * *

*(ครับ เดี๋ยวผมรีบไป ขอบคุณครับ)*

ผมร้อนใจมากครับ ผมคอยมองหนึ่งตลอดไม่คลาดสายตา เพราะนี่เป็นครั้งแรกของหนึ่งที่มาเที่ยวกลางคืน ผมค่อนข้างห่วงเพราะเค้าไม่เคยมาเที่ยวผับแบบนี้ อีกอย่างผมเป็นคนขี้หึง ผมกลัวจะมีคนมาเตาะแฟนผม แม้ตอนนี้อาจจะเรียกเต็มปากไม่ได้ว่าแฟน แต่เชื่อเถอะครับหนึ่งไม่มีทางหลุดเงื้อมมือผมแน่นอน ผมไม่น่าออกไปคุยโทรศัพท์เลย พอดีแม่หนึ่งโทรมา ผมกลัวท่านเป็นห่วงเลยบอกท่านมาไม่ต้องรอ เดี๋ยวคืนนี้หนึ่งจะไปค้างที่ห้อง ผมไปแวบเดียวจริงๆ ครับ กลับมาแฟนผมหาย ผมร้อนใจมาก โทรหาเป็นสิบๆ สายก็ไม่มีคนรับ ผมเดินดูในห้องน้ำ ตามที่หวานบอกก็ไม่มี ผมร้อนใจมาก แต่ดีครับที่มีพลเมืองดีช่วยไว้

ผมรีบวิ่งมาหาหนึ่งที่หน้าร้าน แต่ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนที่ช่วยแฟนผมไว้มันเป็นคนเดียวที่จะจีบแฟนผมที่ห้าง ผมจำหน้าได้อย่างดี ผมรีบเข้าไปหาหนึ่งพร้อมปัดมือมันที่โอบไหล่แฟนผมอยู่

“หนึ่ง หนึ่ง เป็นไรไหม” ผมเอามือตบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ

“อืม แทนนนนนน หนึ่งง่วง นอนนนนนนน นอนกันน่ะ” ไปกินเหล้าที่ไหนมานี่ กลิ่นหึ่งเชียว

“งั้นกลับกันเลยน่ะ” ผมกำลังพยุงหนึ่งลุกขึ้น

“ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยรึ” ผมมองไปด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด ผมเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไอ้นี่มันชอบแฟนผม แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณมัน ที่มันช่วยดูแลแฟนผม

“ขอบคุณครับที่ช่วยดูแลแฟนผม”

“เอ๊ะ! แต่หนึ่งบอกยังไม่มีแฟนนี่”

สรุปจะกวนตีนกูใช่ไหม ผมไม่ได้พูดอะไรครับ แม้จะอารมณ์เสียจนลมออกหู แต่แฟนผมต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว ผมพยุงหนึ่งขึ้นรถ พร้อมโทรบอกเพื่อนที่เหลือว่าจะกลับแล้ว เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง เฮ้อออออ ไปกินยังไงถึงเมาขนาดนี้นี่ หรือเมียผมตั้งใจจะอ่อยผมน่ะ ผมคิดพลางขับรถไป

“อืมมมมมมม ร้อนนนนนนน ไปไหนนนนนน”

ผมมองหน้าหนึ่งที่แดงกล่ำเพราะความเมา แต่อดขำไม่ได้ มันเมาน่ารักเหมือนเด็กดี จนผมต้องหอมแก้มไปฝอดใหญ่ คนอะไรน่ารักจัง ช่วยทำให้ผมคลายอารมณ์เสียจากไอ้หมอนั่นที่จะจีบเมียผมได้

“เมียครับ ถึงแล้วครับ”

ผมเรียก ก็ยังไม่ตื่น เรียกพร้อมเขย่าตัวก็ยังไม่ตื่น ผมไม่ได้ไปส่งหนึ่งที่บ้านครับ เนื่องจากดึกมากแล้ว ไม่อยากรบกวนคุณแม่หนึ่งให้รอ ผมเลยพาหนึ่งมานอนที่คอนโดผมแถวมหาลัย ไม่ห่างจากร้านเหล้านัก ผมพักอยู่ที่คอนโดคนเดียวครัว เพราะครอบครับผมอยู่ต่างประเทศหมด ผมเลยต้องอยู่คนเดียวเพราะต้องการเรียนต่อที่เมืองไทย แม่หนึ่งไม่ว่าอะไรครับที่หนึ่งมาค้าง ผมรู้จักกับแม่หนึ่งมานานแล้ว คุยกันเรียกว่าจะทุกวัน แม่หนึ่งเลยค่อนข้างไว้ใจผม

“เฮ้อ งั้นอุ้มน่ะครับเมีย”

หนึ่งไม่ตอบอะไรได้แต่อืมแล้วทำปากขมุบขมิบ หนึ่งตัวเล็กกว่าผมมาก เลยง่ายที่จะอุ้มครับ ผมกดลิฟท์ขึ้นชั้น 5 และวางตัวหนึ่งลงโดยให้ยืนพิงกอดเข้าหาตัวผม

“อืมหิวววววน่ะ อยากกินอืม งั้ม” นั่นไง เมียผมแทะไหล่ผมไปแล้ว นี่สรุปอยากโดนปล้ำใช่ไหมครับเมีย

ผมเปิดลิฟท์อุ้มหนึ่งไปวางไว้ที่โซฟา พร้อมเดินไปหาน้ำเย็นให้ดื่ม ถามผมว่าตื่นเต้นไหมที่แฟนมาค้างที่บ้านครั้งแรก ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำครับว่าตื่นเต้น แต่แฟนมาสภาพนี้ ผมคิดเป็นห่วงอย่างเดียวครับ ผมเดินเอาน้ำเย็นมาที่โซฟา อ้าวหายไปไหนแล้ว

“เมียครับ ไปไหนครับ” ผมตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเดินไปสักพักสังเกตเห็นมี ถุงเท้า เสื้อ กางเกง ถอดตามทาง ผมเดินตามไป

“เหี้ย!” ผมร้องเมื่อเห็นกางเกงในกองอยู่ สรุปนี่เมาหรือยั่วครับเมีย ผัวจะไม่ไหวแล้วน่ะครับ ผมได้ยินเสียงน้ำจากไหนห้องน้ำ ผมรีบเข้าไปดู คนเมานั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ พร้อมถือฝักบัวเปิดน้ำราดตัวเอง

“อืมมมมมมม ร้อนนนนนนน”

หนึ่งหันมายิ้มและหัวเราะ เฮ้อออออ เหมือนผมมีลูกจริงๆ ครับ ผมรีบปิดน้ำเอาผ้าขุนหนูเช็ดตัวและหัวให้ ผมตื่นเต้นมากครับเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นทุกๆ ส่วนของแฟนผม ผมตื่นเต้นจนมือสั่น ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็พยายามห้ามใจไม่ให้ทำอะไรเกินเลย

“ฮอล สบายจัง”

แฟนผมถึงกับเคลิ้มเมื่อมีคนเช็ดตัวแล้วแต่งตัวให้ ผมใส่กางเกงขาสั้นแบบมีหูรูดให้ เพราะตัวหนึ่งค่อนข้างเล็กกว่าผม พร้อมใส่เสื้อเสื้อเชิ้ตแขนยาว ซึ่งเสื้อผมตัวใหญ่กว่า พออยู่บนตัวหนึ่งไหล่จะตกข้างนึง เป็นภาพที่เซ็กซี่เกินกว่าจะห้ามใจ ผมใช้เวลานานมากกว่าจะลากคนเมามานอนบนเตียงได้ผมนี่แทบตาย ต้องกลั้นใจ ยับยั้งใจมากแค่ไหน ผมนั่งข้างเตียง มองคนที่ผมรักที่สุดนอนหลับฝันหวานอย่างสบายใจ ผมก้มไปหอมแก้มราตรีสวัสดิ์อย่างอ่อนโยน แต่ไม่ทันไรคนเมาไร้สติก็มาคว้าคอผมไปกอด

“จั๊กจี๋ อิอิอิอิ อืมอย่าเลียสิ เดียวพาไปเดินเล่น” เมียครับผัวไม่ใช่หมาครับ ผมอดขำ หยอกล้อคนเมาไม่ได้

“ถ้าไม่ไปเดินเล่นล่ะ” หนึ่งยิ้มพลางกอดผมแน่นกว่าเดิม

“อืม เดี๋ยวให้กินนม”

ตึงงงงงงงงง เสียสติที่ขาดลง ในใจผมตะโกนลั่น ไม่ไหวแล้วโว้ยยย ผมก้มลงไซร้ซอกคออย่างกระหาย ไม่ลืมที่จะดูดกดประทับรอยจูบลงบนซอกคอขาว มือพลางลูบไล้เข้าภายในเสื้อเชิร์ต อารมณ์ตอนนี้อะไรก็ฉุดไม่อยู่

“อืมมมม ร้อนนนน” หนึ่งครางออกมาเสียงสั่น ผมลูบไหล่แผ่นหลัง หน้าอกอย่างแผล่วเบา อืม เมียจ๋าผัวไม่ไหวแล้ว

“อืมมมม ร้อน จะนอนแล้ววววว”

"ผลั๊กกกกกก"

เสียงต่อยจากหมัดเมียสุดที่รัก ต่อยผัวทำไมอ่ะ ผมไม่ทันตั้งตัว โดนต่อยล้มจนตกเตียง อย่างนี้ใช่ไหมครับที่เค้าว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา แม้จะมึนเล็กน้อย หมัดหนักเหมือนเดิมน่ะครับเมีย แต่ความหื่นของผัวนั้นชนะทุกอย่าง ผมกระโดดลงค่อมตัวเมีย ยังไงคืนนี้เมียก็ไม่รอดแน่น อุตสาห์จะเป็นสุภาพบุรุษ ยังจะยั่วผัว เมียผิด เมียต้องรับผิดชอบ ผมขึ้นคล่อมพร้อมกดมือทั้งสองข้าง จนคนข้างล่างดิ้นไม่หลุด เสร็จแน่น ผมหัวเราะอย่างผู้ชนะ หมายหมั้นจะเข้าไปจูบไห้หายผยศ แต่ทันได้นั้น

“โอ๊ยยยยยยยย ทำผัวทำไมครับ”

หนึ่งเต๊ะเข้ามาที่แทนน้อยของผมอย่างเต็มแรง ผมจุกจนจะไม่ไหวล้มตัวงออยู่ข้างๆ โอย ไม่ไหวแล้วผมจะ…..

“บอกแล้วไงไม่เล่น ทีหลังไม่พาไปเดินเล่นแล้ว”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน

แทน แทน แทน กินข้าวได้แล้ว ผมตื่นจากเสียงเรียกแต่เช้าตรู่ ผมลืมตาขึ้นมา อย่างแรกที่ผมเห็นคือหนึ่ง คนที่ผมรักที่สุด ว่าแต่ทำไมเช้าแล้ว

“ตื่นเร็ว หนึ่งทำข้าวเช้าไว้ให้ ไปกินกัน”

ผมยืนขึ้นเดินตามแรงดึงของคนข้างหน้า พลางนึกเสียดายเมื่อคืน เฮ้ออออออ ผมเดินมานั่งที่โต๊ะ พร้อมมองโจ๊กที่น่าจะมาจากซองสำเร็จในครัวหนึ่งนั่งยิ้มให้ผมอย่างสนิทใจ น่าแปลกที่เมื่อคืนเราไม่ได้มีอะไรกัน แต่หนึ่งดูเหมือนใกล้ชิด สนิทและรู้สึกปลอดภัยที่จะอยู่กับผมสองต่อสองมากขึ้น เอาน่า อย่างน้อยผมก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น จะรีบร้อนไปทำไมล่ะครับ ในเมื่อยังไงหนึ่งก็ต้องเป็นของผมวันยังค่ำ

จบ ความในใจแทน สัตยา Part 1


-----------------------------


ตอนหน้ามาดูพาร์ทของหวานกัน ใครเสร็จใคร ใครโดนหลอกมารู้กันค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-01-2018 05:53:52
เด็กอนุบาลแถวไหนจะโหดแบบนี้

หน้ากลัวสัดๆ :z3:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-01-2018 08:54:27
มันเกี่ยวกับชื่อเรื่องยังไงอ่ะเนี้ย หรือต้องรอไปอีก
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-01-2018 09:00:36
สรุป คือแทนไม่ได้เปงคนดี
แต่แทนน้อยมันจุก  :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 27-01-2018 09:47:29
ต้องยอมแทน เค้าจองของเค้ามานาน
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:23:17
ตอนที่ 6 : หวาน & กัน Part 1

หวาน แนะนำตัว

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นพบเจอกันก็ต้องแนะนำตัว หญิงหนึ่งเดียวจาก เรื่องนี้ “หวาน กุลสตรี เกียรติสุวรรณ” ใครว่าเกิดเป็นหญิงนั้นง่ายค่ะ หวานต้องยอมรับตรงนี้ก่อนว่าหวานเป็นคนสวย ซึ่งจะปฎิเสธก็ไม่ได้เพราะสวยจริงๆ แต่เกิดเป็นผู้หญิงสวย โง่นิดๆ บอบบางหน่อยๆ ก็คงจะหาแฟนง่าย เพราะผู้ชายทุกคนอย่างปกป้องทะนุทนอม แต่เกิดเป็นผู้หญิงเก่งรู้ทันคน ฉลาดระดับ เกรด 4:00 จะหาแฟนก็คงยาก เพราะไม่ว่าใครเข้ามาก็อ่านเกมส์ออก และการพูดตรงที่บางครั้งที่ไอ้หนึ่งเรียกว่าปากหมา ก็คงจะหาแฟนยากเช่นกัน ฉะนั้นการแอบใสซื่อ คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีในครั้งนี้ ผู้หญิงสวยใสๆ ใครก็ชอบจริงไหมค่ะ นี่แหละค่ะที่มาของหวาน Dangerous Woman หรือในชื่อไทยว่า สมหญิงดาวร้าย อย่างว่าแหละค่ะ มีคนทักไม่คุยก็หาว่าหยิ่ง คุยด้วยก็หาว่าให้ท่า หวานเบื่อ เห็นหวานรอบจัดขนาดนี้ แต่หวานยังโสดและซิงน่ะคะ จะให้ยอมใครง่ายๆ ได้ไงล่ะคะ อีกอย่างยังไม่เห็นใครที่พอจะเข้าตา มีแต่พวกเสือหรือไม่ก็จระเข้ทั้งนั้น ไม่ได้อยากเก็บความซิงไว้ชิงโชค ก็มันไม่มีที่ใช่นี่

----------------------------------- ** **
กัน แนะนำตัว

สวัสดีครับสาวๆ ผม “กัน กันตภัทร คีรีวงศ์” หนุ่มหล่ออารมณ์ดี หม้อหูดำชั้นดี ลูกเจ้าของโรงแรมที่มีสาขาทั่วไทยมากกว่า 50 แห่ง เป็นธรรมดาที่ใครๆ ต่างหมายปองผม อย่างว่าแหละครับ โปรไฟล์ดีขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่สาวๆ จะเข้าหา ผมก็ผู้ชายธรรมดาครับ ใครเสนอก็ต้องสนองเป็นธรรมดา แต่จะให้คบจริงจังไม่เอาหรอกครับ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็หวังเงินทองหรือรูปร่างหน้าตาของผมเท่านั้นแหละครับ ตอนนี้ผมยิ่งฮอตเนื่องจากไอ้แทนมีเมียเป็นตัวเป็นตนไปแหละ มันหลงเมียอย่างกับอะไรดี ไม่มีแลสาวอื่น ทำให้เหลือผมคนเดียวที่เป็นที่ต้องการของสาวๆ แต่เจอแบบเดิมๆ ทุกวันมันก็เบื่อ ไม่อยากได้โน่นก็อยากได้นี่ หึงหวงแสดงความเป็นเจ้าของยิ่งน่าเบื่อ ผมต้องการอะไรที่ไม่ใช่แบบเดิม มันต้องเร้าใจเท่านั้นและครับ

----------------------------------- ** **
กัน Part 1

วันนี้ไอ้แทนบอกจะพาผมมาแนะนำให้ผมรู้จักเพื่อนน้องหนึ่งเมียมัน บอกตรงๆ ตอนแรกผมก็เฉยๆ เบื่อๆ คิดว่าจะพักบ้าง ผู้หญิงที่เข้าหามันก็แบบเดิมๆ ไม่มีอะไรเร้าใจ ยิ่งไอ้แทนบอกสวยระดับดาวมหาลัย ผมนี่ยิ่งเฉยๆ ได้จนจะครบทุกคณะอยู่แล้ว แต่ผมมาติดตรงไอ้แทนมันกระซิบบอกผมว่า

“ผู้หญิงคนนี้ จะไม่ทำให้มึงจำไปจนตายแน่นอน กูรับรอง”

ในเมื่อเพื่อนยืนยัน ผมก็ต้องมาเจอสักหน่อย วันนี้ผมแต่ตัวจัดเต็มมากครับ ผมมาในชุดสีดำล้วนพร้อมสูทเข้ารูป อวดหุ่นที่มีเทรนด์เนอร์ควบคุมมาอย่างดี เรียกได้ว่าแบรนด์ทั้งตัว สาวไหนเห็นก็ต้องเหลียวมองครับ นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ โต๊ะข้างๆ มองมา ผมส่งยิ้มให้ไปทีนึงก็ละลายกันทั้งแทบ

“สวัสดีค่ะ หวานค่ะ นี่ตือ ชื่ออะไรกันบ้างค่ะ นี่เป็นการเจอเพื่อนต่างคณะครั้งแรก หวานอาจจะเขินๆ อายๆ หน่อยน่ะคะ หวานกลัว”

อ้าวมัวแต่เต๊าะโต๊ะข้างๆ หวานมาแล้วครับ ผมหันกลับไปมองแล้วต้องตะลึง หวานสวยมากครับ สวยจนไอ้นั่นผมแทบแข็ง หวานมาในชุดลูกไม้ขาวคลุมเข่า พร้อมเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำคลุมไหล่ ผมยาวเป็นลอนเล็กๆ ดูหวานๆ ซ่อนเปรี้ยวนิดๆ สเป็กผมเลย แต่ผมดูยังไงก็ไม่น่าจะเขิน อายกับเพื่อนต่างคณะแบบที่ว่า นี่นั่งชิดผมจนจะขี่กันอยู่แหละ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ เล่นตามเค้าไปหน่อยล่ะกัน

“ผมกันครับ เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าชวนคุยก่อน ยังไงชวนผมคุยหน่อยน่ะครับหวาน ตือด้วยน่ะครับ”

ดูเหมือนเธอจะเชื่อน่ะครับ หรือไม่เชื่อ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมอ่านเกมส์เธอไม่ออก ผมชักสนุกล่ะสิ ระหว่างทานอาหารร่วมกัน ผมได้คุยกันนิดๆ หน่อยๆ ครับ เนื่องจากมีเพื่อนอยู่รอบข้าง ไม่เป็นส่วนตัว ก็เลยคุยแต่เรื่องทั่วไป หวานดูเป็นผู้หญิงคุยเก่ง ฉลาด หวานตอบคำถามผมในแบบที่ที่ว่ายังไงมันก็ไม่ใช่ มันยิ่งทำให้ผมสงสัยและยิ่งสนใจเธอมากขึ้น

“ปกติหวานชอบไปเที่ยวไหนครับ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนนะครับ เพื่อบางทีผมเหงาอาจจะขอไปด้วย”

“หวานก็เดินห้างบ้างน่ะคะ แต่จะไปกับตือหรือหนึ่งนี่แหละค่ะ หวานไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชาย หวานกลัวน่ะคะ ไม่ค่อยไว้ใจ”

แต่หวานครับเพื่อนสองคนที่หวานเอ่ยมาก็ผู้ชายหมดน่ะครับ แม้คนนึงเพื่อนผมมันจะจ้องจับทำเมียอยู่ แต่ก็ผู้ชายน่ะครับ บางครั้งก็ดูเหมือนอ่อยผม แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ตัว มันยิ่งท้าทายผมมากครับ เรานัดกันว่าจะไปเที่ยวผับกันต่อ นี่จะเป็นโอกาสที่จะทำความรู้จักหวานมากขึ้น ไม่แน่หวานอาจจะเสร็จผมคืนนี้เลยก็ได้ ผมจะได้ปิดจ็อบได้ในวันเดียว สบายล่ะครับ พวกเรามาถึงกันค่อนข้างดึกครับ ดีที่พี่หมอกมันจองโต๊ะไว้แล้ว ไม่งั้นคงต้องขับวนหาร้านใหม่ ผมไม่รอช้าผมเข้าไปประกบหวานก่อน เหมือนเธอก็รอผมอยู่น่ะครับ

"กัน หวานไม่เคยดื่มเหล้าน่ะคะ แค่เห็นหวานก็มึนๆ จะยืนไม่ไหวล่ะคะ ปกติเคยเห็นแต่ในรูป" แหมใสซื่อมากครับหวาน

"ผมก็พึ่งเคยมาครับ ทำไมมืดจังครับ ผมมองตอนกลางคืนไม่ค่อยเห็นด้วย ถ้าจับคลำอะไรผิดไปต้องขอโทษด้วยครับ"

น่าจะสูสีนะครับแมทนี้ อย่างน้อยผมก็ออกตัวก่อน ในนี้มันมืดผมลูบคลำอะไรไปอย่าถือสาล่ะกันครับ ยิ่งคุยกับหวานผมว่าหวานเป็นคนน่ารักดีนะครับ หวานเป็นคนฉลาดทันคน แต่หวานคงไม่เคยเจอคนเหลี่ยมจัดเท่าผม บางครั้งผมเอามือไปจับแขนหวาน หวานก็ยิ้มอย่างเจ้าเหล่ เหมือนหมาป่าจะกินลูกแกะ ที่หารู้ไม่ว่านี่คือหมาป่าในชุดลูกแกะ ผมกับเธอต่างผลัดกันรุกรับอย่างสนุกสนาน ใช้ชั้นเชิงจนเวลาล่วงเลยไป แทนกับน้องหนึ่งกลับไปก่อนล่ะครับทิ้งเราที่เหลือชิ่งไปแล้ว เห็นบอกว่าน้องหนึ่งเมาแล้ว ก็น่าจะเมาแหละครับผมเห็นดื่มเข้าไปหายแก้วแล้ว ไม่เมาก็บ้าแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องปิดจ็อบของผมกับหวานแล้วครับ ดูท่าหวานก็คิดเช่นเดียวกัน

“กันแก้วนั่นคืออะไรค่ะ หวานจิบไปอึกนึง หวานมึนมาก กันช่วยขับรถไปส่งบ้านหน่อยค่ะ”

ผมฟังหวานพูดเสร็จพลางหันไปดูแก้วที่หวานพึ่งวางลง แม้มันจะขาวเหมือนกัน แต่มันไม่มีฟองครับหวาน นั่นมันน้ำเปล่า ไม่ใช่เหล้าครับ ไหนๆ หวานก็อ่อยขนาดนี้แล้ว

“ครับ หวานเดินไหวไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยพยุง”

“พี่หมอกผมกลับล่ะ เดี๋ยวพี่กลับกับน้องตือล่ะกัน ส่วนไอ้โจ๊กตัวใครตัวมันมึงอย่าแดกเยอะล่ะ” ผมกล่าวลาเพื่อนๆ ก่อนพยุงหวานมาถึงรถขึ้นรถ

“หวานครับ ให้ผมไปส่งที่ไหนครับ บ้านหวานอยู่ไหนครับ” ไม่มีเสียงตอบรับครับ

“หวาน หวานครับ” ก็ยังไม่ตอบ

“หวานครับ ถ้าไม่ตอบยังไงกันพาไปนอนโรงแรมที่บ้านกันนะครับ”

“ไม่ตอบถือว่าตกลงนะครับ”

ถ้าจะอ่อยขนาดนี้ผมก็ต้องสนองครับหวาน ผมขับรถไม่นานก็มาถึงโรงแรมผมเปิดรถพยักหน้าให้พนักงานครั้งนึงก็รู้งานครับ พนักงานจัดเตรียมห้องให้เรียบร้อย พร้อมวางถุงยางกับสารหล่อลื่นไว้ที่หัวเตียงให้เรียบร้อย ผมวางหวานลงบนเตียง รอสักพักก็ยังไม่ตื่น จนผมเบื่อที่จะเล่นเกมส์ล่ะครับ ผมเลยบอกหวานไปตรงๆ

“หวานครับ ตื่นได้ล่ะครับ กันรู้ว่าหวานไม่ได้เมา ถ้าหวานเขินหรืออายยังไง งั้นเดี๋ยวกันไปอาบน้ำก่อน ถ้าอายก็ปิดไฟน่ะครับ พนักงานวางของไว้ให้ตรงหัวเตียงแล้ว หวานคงรู้น่ะครับว่าต้องใช้ยังไง” 

มันก็มุกเดิมที่ผู้หญิงชอบใช้กัน ผมคงคาดหวังกับหวานมากเกินไป หวานก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้น ผมอาบน้ำสักพักก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา ไฟในห้องได้ปิดหมดแล้วเหลือแต่ไปสลัวที่หัวเตียง หวานตื่นแล้วนั่งอยู่ตรงหัวเตียง ผมเดินไปหาหมายจะเข้าไปจูบแต่ต้องชะงักก่อน

“กันไปนอนบนเตียงก่อน เดี๋ยวหวานทำให้ ”

โอ้ว ใจกล้า ผมชอบจริงๆ ครับผู้หญิงแบบนี้ ผมลงนอนเอามือพาดไว้หลังหัวพลางมอง หวานบีบสารหล่อลื่นบีบใส่มือแล้วละเลงบนกล้ามท้องมันเย็นทำให้ผมเสียงสะท้าน หวานละเลงบนหน้าท้องหลังจากนั้น……. ผ่านไปเกือบห้านาที หวานก็ยังวนอยู่กับกล้ามท้อง มันไม่เหมือนเล้าโลมน่ะผมว่า มันเหมือนนวดกดจุด หรือเล้าโลม หรือนวด หวานไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนานครับ

“หายปวดรึยัง หวานนวดให้ดีขึ้นไหม” ผมเงยหน้ามาทำหน้างงใส่หวาน

“นวด?"

"อ้าว ก็กันเอาเคาน์เตอร์เพน มาให้หวานนวดให้ไม่ใช่เหรอ หายปวดยัง” หวานเอียงหน้าทำไร้เดียงสาใส่ผม

“แล้วถุง……..”

“อ้อหวานเป่าให้แล้วกัน ว่าแต่กันจะเอาลูกโป่งไปทำอะไร”

ผมหันไปมองถุงยางที่บวมเป่งเป็นบอลลูนที่ข้างเตียงแล้วอดขำไม่ได้ ผมเห็นละอ่อนใจ จริงอย่างที่แทนมันบอกครับ หวานทำให้ผมจำจนไม่ลืมจริงๆ ส

รุปคืนนั้น เราต่างคนต่างนอนครับ ผมเปิดห้องนอนอีกห้องนึง หวานเป็นผู่หญิงที่น่าสนใจมาก จนผมไม่อยากทำลายความน่าสนใจนั้น ดูเป็นคนหลายอารมณ์ บางครั้งหวานก็ดูท้าทาย แต่บางครั้งหวานก็ดูไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ผมชักสนุกแล้วล่ะครับ

-----------------------------------


**หวาน Part 1   **

“หึ หึ หึ”


----------------------------------- 


สรุปใครคือเหยื่อ ใครคือผู้ล่าค่ะ ใครจะชนะในแมทนี้ค่ะ ** **

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:25:28
ตอนที่ 7 : เซอร์ไฟรส์ครั้งแรก

"ทานเยอะๆนะจ๊ะลูกเขยแม่"

"ครับแม่ เมื่อวานผมว่าแม่สวยแล้วทำไมวันนี้สวยกว่าเมื่อวานล่ะครับ ดูสวยขึ้นทุกวันเลย"

ผมกรอกตาบนกับประโยคพูดคุยระหว่างแม่ผมกับไอ้แทนที่ได้ยินทุกเช้าจนจะครบเดือนอยู่แล้วเกือบหนึ่งเดือนแล้วครับที่มันมากินข้าวเช้าที่บ้านผมขับรถรับส่งเช้าเย็น จนบางครั้งผมเองก็เคยชินที่ต้องโทรหามันทุกครั้งหลังเลิกเรียน ว่าแต่มานั่งเต๊าะแม่กูทุกวันมึงไม่เบื่อรึ ชมแม่กูสวยทุกวัน ดูแม่จะรักมึงมากกว่ากูอีก พี่หนึ่งคงจะเก่าแล้วชิมิ แม่ลำเอียง แต่เดี๋ยวน่ะ

"แม่ครับ ทำไมช่วงหลังไม่เห็นถ่ายรูปหนึ่งเหมือนก่อนเลย"

"พรวด" พอสิ้นคำพูดผมไอ้แทนพ่นน้ำออกมา มึงตกใจอะไร แม่ลูกเค้าคุยกัน

"อี้ ไอ้แทนสกปรกเป็นไรของมึง ว่าไงครับแม่"

"อ้อ คือออออ แม่...... แม่ว่าสายแล้วรีบไปเรียนกันดีกว่าไหมลูก"

"จริงครับ วันนี้แทนมีสอบเช้าด้วย ว่าจะรีบไปอ่านหนังสือก่อนสอบ"

มึงดูร้อนรนไปน่ะ ว่าแต่ มึงอ่านหนังสือกับเค้าด้วยรึไอ้แทน ปกติกูเห็นมึงว่างจะตาย เออไปก็ไป

               

ระหว่างทางผมมัวแต่นั่งกังวลกับการสอบที่กำลังจะมาถึงในอีกเดือนข้างหน้า พลางนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไอ้แทนแทนที่จะขับรถเฉยๆ ก็มาหยิกแก้มจับมือ เล่นมาตลอดทาง นิดๆ หน่อยก็เอา จนผมเองก็เริ่มชินไม่ว่าอะไร ไม่มีอะไรสึกหรอนี่ครับ

"เมียครับรู้ไหมวันนี้อะไร"

"ศุกร์ไงมึง"

"ไม่ใช่ครับ วันนี้วันอะไรครับ" 

"วันอะไร หรือไม่ใช่วันศุกร์" หรือกูหลงวัน

"ใช่ครับเมีย แต่วันศุกร์นี้มันพิเศษกว่าทุกศุกร์"

"พิเศษกว่าทุกศุกร์ ใส่ไข่สองฟองว่างั้น"

"กวนตีนผัวอีกแล้วนะครับเมีย"

มันฟึดฟัดทำหน้างอนก้มหน้าก้มตาขับรถต่อไป เอ๊า กูผิดอีกล่ะ วันอะไรรู้ก็ไม่บอกกูให้กูทาย ไอ้นี่นี่ มันงอนไม่มองหน้าผมจนส่งหน้าตึกก็ยังไม่สนใจ เบิ้ลเครื่องใส่แล้วทิ้งปริศนาไว้ให้กู นี่กูต้องง้อมึงใช่ไหมแทน

ผมมาเช้ากว่าปกติ เพื่อนผมยังไม่มีใครมา ผมทิ้งเรื่องแทนงีบสักนิดก่อนเรียนดีกว่า

"ไงหนึ่งมึง เพลียมาเลยน่ะมึง เดินตรงทางรึเปล่า" หวาน สาวหนึ่งเดียวปล่อยหมามาทักทาย

"อะไรของมึงหวาน" แม่งยิ้มมีเลสใน

"วันพิเศษอย่างนี้ ฟ้าเหลืองเลยสิมึง" หยุดเรื่องใต้สะดือมาคุยกับกูดีๆ หวาน

"วันพิเศษ หวานมึงได้ไอ้กันแล้วรึ" เอาซะหน่อยล่ะกันกู

"หยุดมึง เดี๋ยวแฟนคลับกูได้ยิน เรตติ้งกูตกหมด" ระหว่างที่เราสองคนกัดกันอย่างเมามันส์

"วันนี้วันเกิดแทน" อ้าวตือมาตอนไหน

"ทำไมมึงรู้ล่ะ" ผมกับหวานประสานเสียงด้วยความสงสัย

"เห็นพี่หมอกบ่นอยู่น่ะ"

พูดจบมันก็เดินหนีไปห้องน้ำ สรุปมึงไปสนิทกับไอ้พี่หมอกตอนไหน เรื่องคนอื่นนี่เสือกจริง เรื่องตัวเองมาเดินหนี

"ตายละหวานกูไม่รู้ มิน่าเมื่อเช้ามันถึงถามกู กูยังไม่หาของขวัญให้มันเลย"

"ไม่ต้องเตรียมมากมึง มึงไปหามันที่ห้อง แล้วแก้ผ้าเอาโบว์ติดหัว ที่เหลือเดี๋ยวไอ้แทนมันจัดการเอง" เออดี จะบ้ารึมึงกูไม่เคย แม่งแนะนำแต่ละอย่าง

"หวานเลิกเรียนแล้วพากูไปซื้อของขวัญหน่อยสิ"

"ไปกับไอ้ตือเลยมึง กูมีนัดกับไอ้กันตอนเย็น" โหย เห็นผู้ชายดีกว่าทีมเวิร์คจำไว้เลยมึง

"ได้ กูว่าจะไปซื้อของด้วย" โถ ตือพ่อพระของพี่หนึ่ง

"ขอบใจมึง" ผมหันหน้าไปค้อนหวาน ชิชิชิ ต้องรีบไลน์บอกไอ้แทนก่อน


Nueng: แทนวันนี้กูกลับเองน่ะ กูมีธุระตอนเย็น ** **

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: ไมอ่ะครับเมีย

Nueng: กูมีธุระกับแม่กูน่ะ 2 นาทีผ่านไป

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: อย่ามาโกหกผัว ผัวโทรเช็กแล้วแม่เมียบอกไม่มี เอาไงดีว่ะกู กูต้องเซอร์ไฟรส์มัน กูต้องโกหกให้เนียน ** **

Nueng: อ้อ กูมีทำแลปที่คณะน่ะ ** **

หนึ่ง(หัวใจ)แทน: กันกับหวานจะไปดูหนังกัน ทำไมโกหกผัวครับเมีย นอกใจผัวเหรอ

Nueng: กู.... เออกูมีธุระแค่นี้

ปิดเครื่องแม่งเลยเพิ่มความเนียนเก่งจริงๆ กูเนียนที่สุด


          ผมนั่งเรียนจนเสร็จรีบใส่ตีนหมาโกยมาห้างอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มาซะนาน ผมตื่นตาตื่นใจกับของในห้าง อยากจะซื้อซะให้หมด โอ๊ะ รองเท้าคู่นั้นสวย

“ตือ กูซื้ออะไรให้ไอ้แทนดีว่ะ” อืมเอาไรดีว่ะ

“กูไม่รู้ว่ะ มึงลองนึกดูล่ะกันว่า แทนมันชอบอะไร เดี๋ยวกูไปซื้อของกูก่อนเสร็จเดี๋ยวกูโทรหา”

ผมพยักหน้า พร้อมมานั่งคิด ว่าไอ้แทนมันชอบอะไร เท่าที่นึกออก ผมก็เห็นมันชอบฟันหญิงไปทั่ว จะซื้อหนังโป๊ให้ก็คงจะไม่ดี หรือซื้อถุงยางไปให้มันใช้กับสาวๆ แต่ไม่ได้ เดี๋ยวมันเปลี่ยนใจมาใช้กับผมจะยุ่ง นอกจากเรื่องใต้สะดือ ผมก็ไม่เห็นแล้วครับว่ามันชอบอะไร มึงคนดีจริงๆ แทน

“อ้าว เจอกันอีกแล้ว มาทำไรครับ” ผมหันไปมองตามเสียงแล้วทำหน้างง นึกตั้งนาน

“อ้อ หวัดดีครับ” ผู้ชายที่ผมเคยเจอที่ห้างนี้ ที่ช่วยดูแลผมที่ผับนี่ ผมว่าจะขอบคุณซะหน่อย

“ขอบคุณน่ะครับที่ช่วยวันนั้น”

“อ้อครับ ทำไมขอบคุณเปล่าๆ ล่ะ เลี้ยงข้าวหน่อยได้เปล่าครับ” หืม? เอาครับกล้าขอก็กล้าให้

“ก็ได้ครับ แต่เอาง่ายๆ น่ะครับ พอดีเดี๋ยวผมมีธุระต่อ”         

ผมเดินมาสักพักมากินร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นเซทข้าวหมูทอดครับ ฮอล น่ากินจัง ผมเลือกอาหารเสร็จก็นั่งรออาหารจนลืมคนที่มาทานด้วย

“หนึ่ง ใช่ไหมครับ ผม “บอส” ครับ เรียนที่ไหนครับปีไรครับ”

“อ้อครับ หนึ่งเรียนที่มอ x ครับ คณะแพทย์ศาสตร์ ปีหนึ่งครับ”

“อ้าว เรียนที่เดียวกันเลยครับ สงสัยต้องเรียกว่าน้องแล้วแหละครับ พี่อยู่ปีสองล่ะ”

“อ้อครับ”           

ไม่รู้จะคุยอะไรต่อครับ จากนั้นพี่เค้าก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อย พี่บอสเค้าคุยเก่งครับ ผมนั่งฟังจนเพลินเลย ผมไม่เห็นพี่เค้าไม่มีทีท่าว่าจะจีบผมแบบที่ไอ้แทนมันบอกเลย จนอาหารมา น่ากินมากครับ

“ฮอล อร่อยจัง” ผมนั่งหน้าตาฟินอย่างสุดชีวิต พี่บอสมองขำๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร

ผมนั่งกินซักพักจนเสร็จ ผมจะจ่ายเงิน แต่พี่บอสปัดมือผมออก

“เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงก่อนล่ะกัน เดี๋ยวน้องหนึ่งค่อยเลี้ยงพี่”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ ไหนบอกจะให้เลี้ยง ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”

“พี่อยากมากินข้าวกับหนึ่งอีก เอาไว้หนึ่งค่อยเลี้ยงพี่ทีหลังล่ะกัน งั้น เดี๋ยวแยกกันเลยนะ พี่มีธุระต่อ”

ผมเกาหัวงงๆ สักพักไอ้พี่บอสก็จากไป สรุปคือยังไงของไอ้พี่บอสตอนแรกเหมือนมันจะมาหลอกแดกข้าวฟรี แต่สรุปเป็นผมที่ไปหลอกแดกพี่เค้าฟรี แต่ของฟรี อร่อยด้วย พี่หนึ่งชอบ

     ผมก้มมองดูนาฬิกาตายล่ะ จะทุ่มนึงล่ะ ผมต้องรีบแล้วครับ เดี่ยวผมต้องเอาของขวัญไปให้มันที่หออีก ผมเดินทั้งห้างผมก็นึกไม่ออกว่ามันชอบอะไร ทั้งที่ผมรู้จักมันมาเกือบเดือนแล้ว แต่ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับมันน้อยมาก กลับเป็นมันซะอีกที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผม รู้ดียิ่งกว่าผมรู้จักตัวเองซะอีก เอ๊ะ ผมซื้ออันนี้ดีกว่า มันน่าจะได้ใช้ อีกอย่างที่ไปห้องมันคราวที่แล้วผมเห็นมันยังไม่มี ผมเลือกพร้อมให้พนักงานติดโบว์ตรงกลางที่ของขวัญชิ้นนั้น และไม่ลืมที่จะซื้อเค้กให้มันอีกหนึ่งก้อน มันมาอยู่คนเดียวแบบนี้คงไม่มีใครซื้อให้มัน ผมนึกสนุกอยากเห็นหน้ามันตอนเซอร์ไฟรส์ ผมซื้อของเสร็จก็โทรหาตือ ตือซื้อของเสร็จพอดีบอกว่าให้เจอกันที่ Super Market ชั้นใต้ดิน เพราะตรงกับชั้นจอดรถพอดี ผมมองตือซื้อของพวกของสด พวกเนื้อ ผัก เหมือนจะไปทำสุกี้กิน ผมอดถามไม่ได้

“ตือ มึงซื้อไปแดกที่บ้านหรือว่ะ ดึกขนาดนี้ที่บ้านมึงไม่หิวแย่แล้วหรือว่ะ ขอโทษทีที่มาเสียเวลารอกู กูเกรงใจว่ะ”

“เปล่า มึง ไอ้พี่หมอกมันฝากซื้อน่ะ” ผมทำหน้างง

“แล้วมาฝากมึงซื้อทำไม มึงสนิทกับพี่เค้าเรอะ”

“พี่เค้าเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าน่ะมึง ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกเลยคุยกันถูกคอน่ะ”

“ไอ้พี่หมอกมันอยู่กับใครน่ะ นี่มันจะสองทุ่มแล้ว มันไม่ดึกไปเหรอมึง” พี่เค้าปล้ำมึงกูไม่ช่วยน่ะเว้ย

“เออ นี่มันจะสองทุ่มแล้วมึงไม่รีบเหรอไอ้หนึ่ง”

          ไอ้เหี้ย ลืม ผมคิดได้รีบเดินไปรถ รถก็ติดเหลือเกิน ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงคอนโดไอ้แทน ผมโบกมือลาไอ้ตือ ผมรีบจนลืมถามเรื่องพี่หมอกต่อ แต่เอาไว้ค่อยถามล่ะกัน ไอ้ตือก็นั่งเงียบมาตลอดทางทั้งที่ปกติมันจะถามเรื่องผมตลอด สงสัยจะกลัวผมถามเรื่องไอ้พี่หมอกมั้ง พรุ่งนี้กูจะรวมหัวกับไอ้หวานสอบสวนมึงไอ้ตือ

------------------------
แทน Part

Nueng: กู.... เออกูมีธุระแค่นี้

          สิ้นจากข้อความนี้ ผมส่งไลน์ไปหายังไง หนึ่งก็ไม่อ่านครับ สงสัยจะเรียนอยู่ วันนี้ผมมีเรียนทั้งวันด้วย จะว่างอีกทีก็ช่วงเย็น จะไปดักรอก็ไม่ทันครับ เพราะวันนี้หนึ่งมันเลิกก่อนผมครึ่งชั่วโมง ผมรู้ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับหนึ่งครับ ผมตามหนึ่งมานาน ผมใส่ใจทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่ผมรัก ผมอยากให้เค้าอยู่อย่างมีความสุขเวลาที่อยู่กับผม ผมอยากให้เค้ารักและดูแลผมแบบไหน ผมก็จะทำแบบนั้นให้เค้าก่อนเสมอ ผมแสดงออกเสมอว่ารักและเห็นเค้าเป็นคนสำคัญ ทุกคนดูออก ยกเว้นตัวมันเอง คนที่ผมอยากให้รู้ที่สุด แต่มันกลับไม่รู้ซะนี่ ผมไม่โกรธน่ะครับที่หนึ่งจำวันเกิดผมไม่ได้ เพราะผมไม่เคยบอกและหนึ่งไม่เคยถาม แต่ผมอุตสาห์ใบ้ มันยังบอกว่าวันศุกร์ใสไข่ ผมน่าจะปล้ำมันในรถซะจะได้จำได้ เฮ้อออออ ผมนั่งถอนหายใจ รู้งี้บอกไปดีกว่าว่าเป็นวันเกิด ไม่งั้นเย็นนี้ผมคงได้ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบรรยากาศโรแมนติกกันสองต่อสอง จิบวายเบาๆ พอหนึ่งมึนก็ปล้ำแม่งบนโต๊ะเลย เฮ้ออออออออ ผมถอนหายใจอีกที วันนี้เรียนเสร็จผมคงต้องกลับไปฉลองลำพังล่ะครับ เพราะชีวิตผมก็มีแต่หนึ่ง เรียนเสร็จผมก็ไปส่งมัน เรียกว่านอกจากเรียนที่เรียนกันคนล่ะคณะแล้ว ผมแทบจะอยู่ติดกับมันตลอดเวลา หรือผมจะย้ายไปเรียนแพทย์ดี คิดฟุ้งซ่านไปสักพักก็เลิกเรียนพอดี

ผมนั่งเล่นใต้ตึกคณะกับเพื่อนสักพักก็ขอตัวกลับ นานๆ กลับบ้านไวที พวกนั้นชวนผมไปแดกเหล้า ผมบอกเอาไว้คราวหน้าล่ะกัน ไม่ได้เจอหนึ่งผมก็ขอไปนอนคุยโทรศัพท์กันก็ยังดี ผมกลับมาที่ห้องราวสองทุ่ม มือถือหนึ่งยังคงไม่มีคนรับ สงสัยยุ่งอยู่ พอถึงห้องแล้วรู้สึกเหงาชอบกล วันเกิดทั้งที ถ้าผมยังอยู่ต่างประเทศกับที่บ้านอย่างน้อยป่านี้ที่บ้านก็เอาเค็กมาเป่ากันล่ะครับ แต่เมื่อผมเลือกที่จะกลับมาแล้ว ผมไม่เคยเสียใจที่ต้องห่างจากครอบครัวครับ เพราะหัวใจผมอยู่ที่นี่ ผมนอนเอินตัวลงบนโซฟาสักพักก็หลับไป

กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงง

          เสียงกริ่งหน้าห้องดังผมตื่นมาอย่างมึนๆ พลางดูนาฬิกา นี่ก็เกือบสามทุ่มครึ่งล่ะ ใครมา สงสัยพวกไอ้กันโจ๊กไอ้พี่หมอกมันซื้อเหล้ามาแดกที่ห้อง ผมเดินไปเปิดประตูพร้อมจะกล่าวทักทายไอ้เพื่อนๆ ที่มาป่วนห้องผม

“เซอร์ไฟรส์ สุขสันต์วันเกิดไอ้แทน”

ผมอึ้งไปสักพัก ผมดีใจมากครับที่หนึ่งจำวันเกิดผมได้ ผมไม่รู้จะเอาคำไหนมาพูดแทนความรู็สึกนี้ ผมก้มลงไปกอดคนตัวเล็กด้านหน้า ผมอยากจะขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมให้อยู่ลำพังในวันนี้

“ไอ้แทน อายเค้ามึง ทำเหี้ยไรนี่ ปล่อยกูเลย” ผมยิ้มให้พร้อมหยิกแก้มคนตัวเล็ก

“ไหนบอกวันศุกร์ใส่ไข่ไง มาทำไมน่ะ”

“แหมมึง ก็กูไม่รู้ กูขอโทษ มึงไม่เคยบอกกูน่ะ กูจะไปรู้ได้ไง” ผมดึงมันเข้ามากอดอีกที

“ขอบคุณน่ะครับเมียที่จำวันเกิดผัวได้”

“เออ ปล่อยกูเลย แต๊ะอั๋งกูอีกล่ะมึง ไปกินเค้กกัน”

มันดิ้น ไปมาพร้อมหน้าแดง หนึ่งมานั่งข้างในพร้อมเปิดกล่องเค้ก พร้อมทำสายตาตื่นเต้นมาหาผม

“ชอบไหมมึง กูเลือกตั้งนาน ให้เค้าเขียนหน้าเค้กมาให้ด้วย”

“ชอบครับเมีย”

“ว่าแต่มึงกินข้าวยัง โทรสั่งไก่มากินกันไหมมึง จะได้รีบเป่าเค้ก เดี๋ยวเลยวัน”

ผมโทรสั่งไก่เสร็จก็มานั่งคุยกับหนึ่งที่โต๊ะกินข้าว พร้อมกับมองหน้ามัน ดูมันเขินๆ อายๆ ยังไงชอบกล

“แทนกูมานั่งนึกดูแล้ว กูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลย กลับเป็นมึงซะอีกที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับกู”

“แหม เมียครับ เริ่มสนใจผัวแล้วซิ ถึงอยากได้รู้เรื่องของผัวน่ะ” ผมหัวเราะ มันทำหน้ากวนตีนกลับมา

“ถามสิครับเมีย เดี๋ยวผัวตอบทุกเรื่องเลย”

พอสิ้นประโยคนั้น หนึ่งก็ถามผมสารพัด เช่น ชอบกินไร ชอบหนังเรื่องอะไร เพลงอะไร ถนัดมือไหน จนถึงนอนยังไง ชอบนอนท่าไหน จนมาถึงคำถามที่ผมลำบากใจในการตอบ

“แทนมึงไปเมืองนอกตอนป. หนึ่งใช่ป่ะ”

“ครับเมีย”

“งั้นตอนอนุบาลมึงเรียนที่ไหนล่ะ”

------------------------

 

อยากได้ผู้ชายแบบแทน จะเอาคนนี้ คนนี้ คนนี้

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:27:22
ตอนที่ 8 : ของขวัญชิ้นแรก

- แทน -

“งั้นตอนอนุบาลมึงเรียนที่ไหนล่ะ”

ผมอึ้งกับคำถามที่หนึ่งถาม ผมไม่อยากจะโกหก แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดความจริงออกไป ผมควรทำยังไงดี

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง ไก่ทอดมาส่งครับ

“เอ๊ะ ไก่มาแล้ว เดี๋ยวผัวไปเอาก่อนน่ะครับเมีย” รอดตัวไปครับรอบนี้

“อืม อืม อืม หิว” หนึ่งพยักหน้าอย่างว่าง่าย สงสัยหิวจริง           

ผมกับหนึ่งนั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย และเป็นปกติของแฟนผมครับ เมื่อเห็นอาหารอยู่ตรงหน้า ก็ไม่สนใจอย่างอื่นแม้แต่ผม ก็ไม่สนใจ

“เมียครับค่อยๆ กินก็ได้ครับ ปากเลอะหมดแล้ว นี่ไก่สุกครับ ไม่ใช่ไก่ดิบ ไม่ต้องรีบครับไม่มีคนแย่ง” ผมพูดพลางเช็ดปากที่เลอะออกให้

“ทำไมด่ากูเป็นนกล่ะ” อ่ะ ถ้าคิดว่านกกินไก่ดิบนกก็นกครับ

“ฮอลลลลล อร่อยจัง รีบกิน เดี๋ยวเป่าเค้กกัน”

“เมียครับได้เป่าแน่ครับไม่ต้องรีบ”           

เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งก็จัดการไก่หนึ่งถังใหญ่หมดอย่างรวดเร็ว ตัวก็เล็กกินแล้วเอาไปไว้ไหนนี่ ผมเก็บโต๊ะ ยังไม่ทันจะเสร็จหนึ่งก็ร้องโอดครวณ

“เป่าเค้ก เป่าเค็ก” ผมเอาเค้กออกมาวางหนึ่งอาสาปักเทียนให้อย่างตั้งใจ จนผมอดถามไม่ได้

“ทำไมต้องอยากเป่าเค็กด้วยครับเมีย”

“กูอยากเห็นมึงมีความสุขกับสิ่งที่กูทำให้ กูอยากให้มึงมีความสุขในวันเกิดของมึง”

หนึ่งพูดออกมาอย่างจริงใจ ตาดูเป็นประกาย แม้หนึ่งจะไม่ค่อยหวานกับผม แต่ผมรู้ครับว่าหนึ่งไม่เคยคิดร้ายกับใคร และจริงจังจริงใจกับทุกๆ อย่างที่ทำ

“แค่เมียมาอยู่ด้วยก็ดีใจแล้วครับ” ผมพูดพลางหยิกแก้มมันหนึ่งที

“อย่ามาน้ำเน่ารีบเป่ามึง อย่าลืมอธิฐานด้วย”           

หนึ่งจัดการร้องเพลงวัดเกิดแบบสามช่า จนจบ พร้อมเน้นย้ำให้ผมอธิฐาน ผมยังต้องการอะไรอีกล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการที่สุดมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว หลังจากเป่าเค้กเสร็จ หนึ่งก็ฟาดเค้กเข้าไปอีก จนมานอนตายอยู่บนโซฟา

“โอ๊ยยยย อิ่ม”

พูดเสร็จพลางหลับตาเหมือนจะนอนหลับ แล้วก็สะดุ้งลุกขึ้นมา มองผมด้วยสายตาเย้ายาน

“แทน กูมีของขวัญให้มึงด้วยน่ะ แต่มึงต้องทายก่อนว่ามันคืออะไร”

หนึ่งหัวเราะอย่างมีเลศนัย ผมดีใจครับ จริงๆ แค่เค้กก็พอแล้ว นี่มีของชวัญด้วย ส่งสัยที่ไม่ให้ผมไปส่งคงไปหาซื้อของขวัญนี่แหละครับ ผมลงไปนั่งที่โซฟา พร้อมเอามือโอบไปด้านหลัง สงสัยว่ามันคืออะไรนะ

“ถามได้สิบคำถามน่ะ ว่ามันคืออะไร” หนึ่งทำหน้าเจ้าเลห์ ผมพยักหน้าตกลง

“อืม ของขวัญที่ให้เป็นรูปทรงแบบไหนครับเมีย”

“อืมมมม มันก็เป็นแท่งๆ น่ะ จะเรียกว่าทรงอะไรดีล่ะ เอาว่ามันเป็นแท่งๆ” เอ๊ะอะไรน่ะ

“มันใช้ได้ไหมครับเมีย”

“ใช้ได้สิ”

“แล้วตอนใช้เป็นไงครับเมีย”

“ตอนใช้มึงก็จะมีเหงื่อออก ใช้มากใช้น้อยก็แล้วแต่มึงเลย ใช้มากมันก็จะขยายใหญ่ ใช้น้อยก็จะหดลง”

อะไรว่ะ เป็นแท่ง มีเหงื่อออกมา ยืดได้หดได้ ผมนั่งคิด

“ตอนใช้ ใช้ได้กี่คนครับ”

“คนเดียวก็ใช้ได้น่ะ แต่ถ้าสองคนก็จะสนุกพลัดกัน”

เอ๊ะ! เดี๋ยวน่ะ เป็นแท่ง ยืดได้หดได้ ตอนใช้มีเหงื่อ ใช้คนเดียวได้ สองคนพลัดกัน นี่อย่าบอกน่ะครับว่าหนึ่งจะพลีกายให้ผมเป็นของขวัญ ด้วยการเอาโบว์มาติดหัวตัวเองแล้วใส่พานมาถวายผมถึงที่ เมียช่างใจกล้วมากครับ ผัวชมเชย

“ตอนใช้เจ็บไหมครับ” ผมถามไปเขินไป

“อืม ครั้งแรกมึงก็จะปวดตัวหน่อยน่ะ ถ้าใช้มากไป แต่ถ้าใช้บ่อยๆ ร่างกายปรับสภาพได้ ก็ไม่น่าจะเจ็บ”

หืมมมมมมมมมมมม เมียจะเอาจนผัวเจ็บเลยหรือครับ

“อืมแล้วของใส่กล่องมาไหมครับเมีย”   

“ไม่อ่ะมึง ติดโบว์ก็ได้แล้ว” หนึ่งพูดพลางทำมือเป็นขนาดของของทรงแท่งๆ ว่าใส่กล่องลำบากแค่ไหน

“มีงจะปลดกระดุมทำไม” อ้าวลืมตัว ผมปลดกระดุมเตรียมรับของขวัญล่ะครับ

“อากาศมันร้อนน่ะ ไม่ทายละครับเมีย เอาของขวัญมาให้เลย ผัวอยากได้ล่ะ เดี๋ยวไปปิดไฟก่อน”

“ปิดทำไมล่ะ มันมืด กูชอบสว่าง สว่าง” เอ๊า ผัวกลัวเมียอาย เปิดไฟก็ได้ครับผัวก็อยากเห็นชัดๆ

“ไปให้ที่ห้องนอนได้ไหมครับเมีย แบบให้ปุ๊บใช้ปั๊บ”

“เออ นี่กูเห็นเป็นวันเกิดมึงน่ะเลยตามใจ เรื่องมากจริง”

หนึ่งพูดเสร็จพลางเดินนำจูงผมไปห้องนอน ทำไมวันนี้เมียรุกผัวจังครับ ผัวคงหล่อ เมียทนไม่ไหวใช่ไหม

“หลับตาก่อน” โอย เร็วครับเมียขึ้นมาค่อมผัวเลยครับ

“อ่ะ สุขสันวันเกิดนะแทน มีความสุขมากๆ น่ะมึง” สงสัยเมียตื่นเต้นตัวเย็นเชียว เดี๋ยวน่ะ ไม่ใช่ล่ะ ผมลืมตามาดูของที่อยู่ในมือ ทำหน้างง

“อะไรน่ะครับเมีย”

“อ้าว มึงไม่รู้จักรึไอ้แทน”

“เป็นแท่งๆ ตอนใช้มีเหงื่อ แข็งได้หดได้ ใช้มากเจ็บ”

ผมทวนประโยคที่มันพูด สงสัยล่ะสิครับว่าของขวัญคืออะไร มันคือ "ดัมเบล" ครับ งงล่ะสิครับ ว่าแข็งได้หดได้ยังไง ไปฟังหนึ่งอธิบายครับ

“อ้าว ก็มันเป็นแท่งๆ น่ะมึง แม้มันจะมีกลมๆ ตรงปลาย แต่มันก็เป็นแท่งน่ะมึง”

“เมียครับผัวไม่งงตรงไหนเลย ผัวงงตรงยืดได้หดได้ ยังไงครับ ผัวงง”

“อ้าวเวลามึงใช้บ่อยๆ กล้ามมึงก็ขยายใหญ่ขึ้น มึงไม่ใช้มันก็หดไง” เออจริง แต่เดี๋ยว

“ใช้แล้วปวดตัวคืออะไรครับเมีย”

“อ้าว มึงไม่เคยเป็นเหรอ มึงออกกำลังกายเยอะๆ ก็ปวดเมื่อยตัวเป็นของธรรมดา ฝึกบ่อยๆ จะได้ชินมึง ลองยกดูเลยไหม” 

ผมอยากจะร้องไห้ วันนี้คงไม่พ้นโลกสวยด้วยมือเราอีกแล้ว ผมนั่งอึ้งอยู่ที่เตียงสักพัก ไอ้กันก็ส่งไลน์มาหา ผมจึงวางของขวัญยืดได้หดได้ไปเปิดดู ** **

กัน: ไอ้แทน วันนี้กูไปดูหนังกับหวานมา รู้ไหมกูเจอใคร แต่กูไม่เล่าดีกว่าเดี๋ยวมึงไม่สบายใจ

กันมึงเปิดเรื่องมาขนาดนี้แล้ว ไอ้ห่า อย่ามา

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: ไอ้ห่า เล่ามาขนาดนี้แล้ว เจอใครเร็วเลยมึง กูกำลังเซ็ง เพื่อกูจะบันเทิงขี้น

กัน: กูเจอน้องหนึ่ง แล้วแปลกตรงไหนมึงกูงง

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: อ้อ หนึ่งคงไปซื้อของขวัญให้กูน่ะ แปลกตรงไหนมึง

กัน: มันแปลกตรงนี้

กันพิมพ์เสร็จพร้อมส่งรูปมา เป็นรูปหนึ่งนั่งทานข้าวในร้านอาหารก็น่ารักดี ถ้าอีกด้านจะไม่ใช่ผู้ชายที่เต๊าะแฟนผมที่ผับ

กัน: จะทำอะไรก็รีบทำซะมึง ก่อนหมาคาบไปแดก กูขี้เกียจมานั่งปลอบมึง

ผมโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี พร้อมเดินตรงไปหาหนึ่งที่กำลังเล่นดัมเบลที่ยืดได้หดได้อยู่

“เมียครับ ผัวถามอะไรหน่อย วันนี้ไปไหนมา”

“ไปห้างซื้อของให้มึงไง ถามอะไรของมึงเนี่ย จ้องอย่างกับจะแดกกู”

“ไปกับใครครับเมีย”

“ตือไง หวานไปดูหนังกับไอ้กันไง ก็เลยไปกับตือ”

“แน่ใจรึครับ”

“เออ ทำไมเซ้าซี้จัง มีไรรึเปล่ามึง”

“นี่ใครครับ นี่ไม่ใช่ตือ” ผมพูดพลางส่งโทรศัพท์ไปให้หนึ่งดูรูป

“อ้อ พี่บอสน่ะ เจอกันที่ห้างทำไมรึ”

“พี่บอสเรียกกันดูสนิทสนมน่ะครับ ทำไมไปกินข้าวกันสองต่อสองครับเมีย”   

“ก็เลี้ยงขอบคุณเค้าที่ช่วยที่ผับไง”

“ทำไมต้องเลี้ยงครับ เมียแน่ใจน่ะ ไม่ได้นัดกันก่อน”

“อะไรของมึงนี่ พูดไม่รู้เรื่อง งั้นกูกลับล่ะ”

หนึ่งพูดพลางเดินออกจากห้องนอน แต่ผมดึงตัวหนึ่งลงบนเตียงพร้อมขึ้นค่อม

“เมียรู้ไหมครับว่าผัวหึง”

“หึงอะไรของมึง กู…...”

ผมไม่รอให้หนึ่งพูดจบ ผมเอามือบีบคางให้ปากเผยอออก พร้อมก้มลงไปจูบอย่างหนักหน่วง จนหนึ่งหายใจไม่ออกจึงปล่อยปาก

“ห้ามเมียไปกินข้าวกับคนอื่นอีก” หนึ่งดิ้นอย่างสุดแรง แต่ก็สู้แรงผมไม่ได้

“ทำไมกูต้องฟังมึงด้วย กูก็…...”

ผมก้มลงไปจูบอีกครั้งให้ลิ้นของผมได้สัมผัสรสหวานอย่างเต็มที่ หนึ่งเลิกดิ้นแล้วครับ พร้อมตอบรับจูบของผมอย่างดูดดื่ม

“เมียอย่าทำอย่างนี้อีกน่ะครับ ผัวไม่ชอบ”

“อืม” หนึ่งดูอ่อนระทวยกับรสจูบของผม ผมนอนมองหน้าหนึ่ง พร้อมเอามือลูบผม

“ปล่อยกูได้ยัง” หนึ่งเตรียมจะลุกขึ้น แต่.....

“เมียครับ ผัวหายโกรธเมียแล้ว แต่ผัวไม่ไหว มีไรกันน่ะครับ”

“เฮ้ยยยย”           

หนึ่งร้องเสียงหลง ใครจะไปทนไหวล่ะครับ เมียนอนอยู่บนเตียง ทับบดขยี้กันขนาดนี้ ขอน่ะครับ ผมก้มหลงไซร์ซอกคอหนึ่ง หนึ่งดิ้นหนักยิ่งกว่าครั้งแรก แต่ก็สู้แรงผมไม่ไหว ไหนๆ ทุกๆ อย่างเป็นใจนาดนี้ ความหื่นเข้าตาผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมปลดกระดุมเสื้อหนึ่ง ลูบไร้บนเรือนร่างของหนึ่ง ทำไมเมียขาวจังครับ และแล้ววันที่ผมรอก็มาถึง…..

“ผัวขา” เอ๊ะ ทุกอย่างหยุดชงักลง ผมมองหน้าหนึ่งอย่างสงสัย เมียเรียกผัวทำไมครับ

“เมียเรียนมาทั้งวันเลย เมียตัวเหม็นเหงื่อ ไปอาบน้ำก่อนไหม อาบน้ำด้วยกัน เดี๋ยวเมียถูหลังให้ผัวด้วย เพื่อจะไปทำกันไหนห้องน้ำสักหนึ่งยก แล้วค่อยมาต่อที่เตียง เมียอยากได้หลายๆ ยก”

หืม ดีจังครับเมีย ผัวอยากได้ เมียดูยั่วยวน เซ็กซี่จังครับ

“เดี๋ยวผัวแก้ผ้ารอเมียในห้องน้ำเลยน่ะ เดี๋ยวเมียตามไป”

ผมนี่แทบใส่ตีนหมาโกยเข้าห้องน้ำ ผมนี่โชคดีจริงๆ มีเมียใจกล้า ชอบเรียกร้อง ครั้งเดียวไม่พอ ต้องการตั้งหลายยก ผมนั่งยิ้มแก้ผ้ารอเมียในห้องน้ำ สงสัยมีเซอร์ไฟรส์อีกล่ะ ว่าแต่ทำไมนานจัง

“เมียครับ อยู่ไหนครับ”           

ผมเดินไปหาไหนห้องนอนก็ไม่มี ผมจึงเดินออกมาที่ห้องรับแขกก็ไม่มี ห้องครัวก็ไม่มี หรือว่า เมียครับไม่เอาน่ะครับ ครั้งแรกเราจะ Outdoor ที่ระเบียงไม่ได้ แต่ตามใจเมียละกันครับ อ้าวไม่มีไปไหนล่ะ หรือจะอยู่ใต้เตียง ระหว่างที่ผมหาอยู่นั้น ไลน์ในเครื่องผมก็ดัง ผมหาไปพลางกดดูไป

หนึ่ง: แทนกูกลับก่อนน่ะ หมาที่บ้านกูป่วย ฮืออออออ

เมียครับบ้านเมียไม่ได้เลี้ยงหมาครับ โลกสวยด้วยมือเราอีกแล้วกู

-------------------------------
- หนึ่ง -

“เมียครับ ผัวหายโกรธเมียแล้ว แต่ผัวไม่ไหว มีไรกันน่ะครับ”

“เฮ้ยยยย”

ผมร้องเสียหลง ผมดิ้นสุดแรง แต่ก็สู้แรงไอ้แทนไม่ได้ ในใจผมคิด ตายแน่แล้ว นี่กูต้องโดนมันเอาแล้วหรือนี่ ผมยังไม่ได้เตรียมใจ อีกอย่างผมกับมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เอ๊ะ ถ้ามันขอเป็นแฟนผมจะยอมไหมน่ะ เดี๋ยวน่ะนี่ไม่ใช่เวลามาคิด ไอ้แทนปล่อยกู วินาทีที่คิดว่าชีวิตคงไม่รอดจากเงื้อมมือไอ้แทนหน้าหวานก็ลอยมา ผมทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะทำ

“ผัวขา” เอ๊ะ มันหยุด

“เมียเรียนมาทั้งวันเลย เมียตัวเหม็นเหงื่อ ไปอาบน้ำก่อนไหม อาบน้ำด้วยกัน เดี๋ยวเมียถูหลังให้ผัวด้วย เพื่อจะไปทำกันไหนห้องน้ำสักหนึ่งยก แล้วค่อยมาต่อที่เตียง เมียอยากได้หลายๆ ยก”

ท่าทางมันจะเชื่อ ผมพูดพลางถอดเสื้อส่งสายตายั่วยานไปทางมัน

“เดี๋ยวผัวแก้ผ้า รอเมียในห้องน้ำเลยน่ะ เดี๋ยวเมียตามไป”

สิ้นคำพูดผม ไอ้แทนมันวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำไปอย่างไว ผมไม่รอช้า รีบหยิบเสื้อวิ่งออกมาจากห้องไอ้แทนแบบไม่คิดชีวิต มายืนหอบอยู่ในลิฟท์ เกือบไปแล้วกู ไม่ได้การล่ะ กูต้องไม่มาห้องไอ้แทนอีก กูต้องไม่มาอีก ทันทีที่ขึ้นแท้กซี่ ผมก็ส่งไลน์ไปหามัน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง           

เฮ้อออ ผมนั่งอย่างสบายใจ พร้อมนั่งนึกในความเป็นแม่พระของหวาน ถ้าไม่เห็นหน้าหวานในช่วงวินาทีนั้น ผมก็คงไม่รอดจากเงื้อมมือไอ้แทน เอาไว้กูมีลูกชายจะให้บวชให้สักพรรษานึงน่ะมึง ไม่ดีกว่า กูมีลูกชายจะเอามาให้มึงเต๊าะเล่นแล้วกันหวาน มึงน่าจะชอบมากกว่า โถ หวานนางฟ้าน้อยๆ ของพี่หนึ่ง


--------------------------------------

เมื่อวิศวะโดนลูบคม ตอนหน้าวิศวะจะมาเอาคืนค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:28:22
ตอนที่ 09 : แฟนคนแรก

- แทน -

"น้องครับ เดินดีๆ ระวังสะดุดล้มจะได้แผล แต่ถ้าสะดุดรักรับรองจะได้น้องครับ พี่จะตั้งใจทำอย่างดีครับไม่ต้องห่วง" "น้องครับทานข้าวยังครับ ถ้าหิวรับวิศวะสักคนไหมครับ อาจไม่อิ่มแต่จุกแน่นอนครับ"

"เฮ้อออออ"     

ผมถอนหายใจท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนใต้ถุนตึกคณะ ถอนหายใจทำไมรึครับ เพราะตั้งแต่เรื่องหมาป่วยเมื่อวานผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับไอ้หนึ่งเลย เมื่อเช้าผมแหกขี้ตาตื่นไปรับมันแต่เช้า แต่แม่งก็หนีออกมาเช้ากว่าผมอีก แม่บอกหนึ่งไปตั้งแต่ตีห้า บอกมีสอบเช้า มึงจะรีบไปช่วยยามเปิดตึกรึไงเมียครับ ผมไลน์ไปก็อ่านแต่ไม่ตอบ นี่กะตอนเย็นกะจะไปรอรับที่คณะ แล้วปล้ำแม่งบนรถเลยจะได้ไม่เสียเวลา จบ แต่ก็...

"เฮ้ออออออ"

ผมถอนหายใจอีกล่ะ อ้าว เหี้ย ไม่ใช่ล่ะกูยังไม่ได้ถอนหายใจเลย ผมหันไปมองข้างๆเห็นไอ้กัน นั่งถอนหายใจอย่างอ่อนล้า หน้าตามึงดูหมดหนทางกว่ากูอีกน่ะมึง เป็นเหี้ยไรวะเนี่ย

"ไอ้เหี้ยกัน เป็นไรว่ะมึง" มันหันมาหาผมทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ

"กูไม่รู้ว่าจะเล่าให้มึงฟังดีไหมว่ะ เฮ้ออออออ" เอาไอ้นี่

"พูดมาเถอะมึง มันยังมีอะไรที่เป็นความลับอีกมึงกับกูนี่ยังมีไรที่ต้องปิดปังกันอีกครับ" ดูมันทำท่าหนักใจ

"แทน กูเงี่ยน ช่วยกูด้วย"

"เหี้ย" ผมสะดุ้งตัวโหยงเอาตีนยันมันไปทีแม่งหงายหลัง

"ไอ้เหี้ยแทนฟังกูก่อนดิ" มันลุกมาปัดก้นแล้วนั่งที่เดิม

"เมื่อวานกูไปดูหนังกับหวานใช่ม่ะ กูก็ไม่ได้คิดอะไร กะไปดูหนังเฉยๆ แต่หวานแม่งเอาแต่ลูบต้นขากู ลูบตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง ลูบแทบจะโดนไข่กูอยู่ล่ะ สับกับเอานมมาสีแขนกูไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จนกูน้ำจะแตกคาโรงอยู่ล่ะ กูนั่งนึกในใจวันนี้กูต้องเผด็จศึกหวานให้ได้ สักพักพอหนังหนังใกล้จบ หวานก็ขอไปเข้าห้องน้ำ กูก็ไม่ว่าอะไรจนหนังจบนี่ก็กูไม่ไหวล่ะ ยืนตัวงอล่ะกู หวานก็ยังไม่มา ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มา กูก็เข้าใจว่าห้องน้ำคนเยอะต้องต่อแถว สักพักหวานไลน์มาหากู กูน้ำตาไหลพลาก"

"ทำไมว่ะมึง" ผม หมอก พี่โจ๊ก ประสานเสียง ลุ้นเหี้ยๆ

"หวานบอกหมาป่วยต้องรีบกลับ บอกกูถึงบ้านแล้วไม่ต้องห่วง"     

โถ กูว่าล่ะไอ้หนึ่งมันเอาแผนเอาตัวรอดนี้มาจากไหน ที่แท้ก็จากหวาน โถไอ้กันเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับกู แต่มึงน่าจะเจ็บกว่ากูน่ะ กูปลอบใจมึงล่ะกัน ผมหันไปตบไหล่มันเบาๆ

"พวกมึ่งแม่งเหี้ย"

กันหยุดโอนครวญ ผมหันไปตามเสียง หันไปหาไอ้โจ๊กที่นั่งแดกข้าวอยู่ เดี๋ยวมึงจะเจอตีนพวกกู ว่าแต่กูสามคนจะสู้ตีนมึงได้ไหม

"พวกมึงคบผู้หญิงทีพวกมึงก็คิดแต่จะหลอกฟันเค้า พอเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจรูปร่างหน้าตาเงินทองพวกมึงหน่อยก็ทำอวดครวญ" เออจริง ผมกันพยักหน้า

"มึงอยากได้เค้า มึงก็ต้องจริงใจกับเค้าโว้ย ว่าพวกมึงจริงใจ จริงจังกับเค้ามากแค่ไหน"

พูดเสร็จแม่งก็เดินไปเก็บจาน ผมกับกันหันมามองหน้ากัน ความจริงใจได้ เดี๋ยวผัวจะแสดงให้เมียดูน่ะครับ ฮึบ     

วันนี้หนึ่งเลิกก่อนผมครับ เนื่องจากวันนี้ผมมีควิกหลังคาบเลยเลิกช้า แต่ผมได้ส่งไลน์ไปขู่มันล่ะครับ ว่าถ้ามันไม่กลับพร้อมผม ผมจะไปค้างกับมันที่บ้านแทน มันเลยยอมตกลงครับ เพราะรู้ว่าแม่มันชอบผม ผมยกข้ออ้างหน่อยก็ได้ค้างบ้านมันสบาย ผมมาจอดตรงหน้าคณะมันเรียบร้อยแล้วครับ และคิดว่าจะโชว์ความจริงใจกับมันด้วยการปล้ำมันในรถ แสดงว่าผมจริงใจแค่ไหน ผมจะปล้ำมันต่อหน้าทุกคน พร้อมให้ทุกคนเป็นพยานในการปล้ำครั้งนี้ เพราะปล้ำเสร็จผมจะรับผิดชอบเต็มที่ ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี แต่คิดไปคิดมาก็ขำดี ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะเอายังไงดี ปล้ำเบาะหน้า มันก็จะลำบาก หรือเอาเบาะหลังง่ายดี ผมเหลือบตาไปด้านหลังเห็นหนึ่ง หวาน ตือ นั่งด้วยกัน แต่เดี๋ยว ไอ้นั่นมันไอ้พี่บอสอะไรนั่นนี่หว่า ไอ้เหี้ยนี่ เต๊าะเมียกู

---------------------------------------- 


- หนึ่ง -

“เฮ้ออออออ” 

ผมนั่งถอนหายใจหลังไอ้แทนมันส่งไลน์มาขู่ ว่าจะไปค้างที่บ้าน ผมจะรอดเงื้อมมือมันได้อีกกี่ครั้ง หรือจะยอมๆ มันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไม่ได้สิ ยอมง่ายๆ ได้ไง ผมกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างผมต้องเป็นฝ่ายรับให้มันนี่สิ ที่เป็นปัญหา เฮ้อ ผมกับตือหวาน ลงมานั่งกันหน้าตึกหลังเลิกเรียน พวกมันมานั่งรอไอ้แทนเป็นเพื่อน นั่งเมาท์กินขนมไปด้วย ตอนเรียนเนื่องจากคณะแพทย์เรียนค่อนข้างหนัก ต่างคนต่างตั้งใจเรียน ไม่ค่อยมีเวลาคุยกัน เลยมานั่งเมาท์กันให้หายยาก แต่เดี๋ยวน่ะ ผมกับตือยังมีเรื่องค้างกันอยู่

“ตือกูถามอะไรมึงหน่อยสิ”

“อะไรวะหนึ่ง” มันกำลังยุ่งกับการนั่งเม้าท์เรื่องชาวบ้านกับหวานอยู่

“สรุปเรื่องมึงกับพี่หมอกนี่ยังไงกันว่ะตือ กูอยากรู้”

ตือนิ่งสักพักแล้วหันไปเม้าท์กับหวานต่อ แต่ไอ้หวานไม่เล่นด้วย

“หยุดเรื่องชาวบ้านเลยไอ้ตือ เอาเรื่องที่ไอ้หนึ่งถามก่อน มึงไปสนิทกับพี่หมอกมันตอนไหน” 

ไอ้ตือทำหน้าลังเล

“ถ้ามึงไม่บอกกูจะกระทืบไข่มึง” ไอ้หวานโหดสัด หยุดก่อนมึงจะเกินหญิงไปล่ะหวาน

“คือ กูกับพี่เค้าตอนนี้ คือกูไม่รู้จะอธิบายยังไงว่ะ” ตือดูหน้างงงาย หวานเลยส่งตัวช่วย

“เป็นแฟนกันยัง” ตือพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร

“เชด ตือ มึงจะก้าวหน้าเร็วไปล่ะ ไอ้หนึ่งนี่ยังได้แค่เป็นไม้กันหมาให้ไอ้แทนอยู่เลย” หยุดพาดพิงกู กูอยู่ของกูดีๆ   

“วันนั้น กูเห็นมึงไปทำสุกี้กินกับไอ้พี่หมอก โทษทีว่ะ กูพามึงไปซื้อของจนดึกเลย มึงได้กลับบ้านกี่โมงว่ะ”

ผมกล่าวขอโทษมัน แต่คำตอบที่มันตอบกลับมาโคตรพีค

“คือกูไม่ได้กลับ”  หีมมมมมม ผมกับหวานประสานเสียง ตือก้มหน้ามองพื้น

“กูย้ายไปอยู่กับพี่หมอกเค้าแล้ว” โอยยยย กูจะเป็นลม อะไรมันจะเร็วปานนี้ มึงไม่กลับไอ้พี่หมอกมันปล้ำมึงรึ

“มึงได้กับไอ้พี่หมอกรึยัง” หวานความสอดรู้เรื่องชาวบ้านของมึงก็สูสีตือมันน่ะ

“อืม” ไอ้เหี้ยตือ มึงจะเร็วไปแล้ว ทำอะไรเกรงใจกูบ้าง มึงมันใจง่ายใจ เร็วด่วนได้ ไอ้เหี้ย แต่เดี๋ยวน่ะ กูสงสัย

“ครั้งแรก เจ็บไหมว่ะตือ” ไอ้หวาน ตือหันหน้าควับมามองที่ผม ไอ้เหี้ย

“ไม่ใช่น่ะ เว้ยมึง คือ กูแบบ….. กู….. เออ ก็ได้ ก็ได้ กูอยากรู้” ยอมรับไปเรื่องจะได้จบ

“มึงเตรียมตัวไว้เลยไอ้หนึ่งมึงคือรายถัดไป” หวานพูดพร้อมส่งสายตามึงตายแน่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ

“ก็…...” ตือเตรียมตอบแต่โดนหวานขัดก่อน

“ไอ้หนึ่ง ดูคนนั้นสิ แม่งหล่อว่ะ มดลูกกูสั่นเลย”

หวานสะกิด โอยยยยย หวานมึงตั้งสติก่อน ขอกูฟังไอ้ตือก่อน ผมกำลังจะถามตือต่อแต่โดนขัดซะก่อน

 ** **

“สวัสดีครับ น้องหนึ่ง” เสียงใครเรียก ผมหันหลังไปตามเสียง อ้าว พี่บอสนี่

“อ้าวพี่บอส หวัดดีครับ เรียนที่นี่จริงดิ”

ผมมองที่เน็กไทพี่เค้า เนื่องจากคณะแพทย์ต้องแต่งตัวเรียบร้อยครับ เรียกว่าแต่งครบถูกระเบียบทั้งตัวครับ

“อ้าว เรียนคณะเดียวกันนี่พี่” ที่มหาลัยผมแยกจากสีของเน็กไทค์ครับ คณะแพทย์สีม่วงอ่อน

“ครับ ดีใจไหมที่เรียนคณะเดียวกัน” ทำไมกูต้องดีใจด้วยงง

“ก็ดีครับพี่” หวานถ้ามึงสะกิดกูขนาดนี้ ถีบกูเลยดีกว่า

“พี่บอสครับ นี่ตือ นี่หวานครับ หวานตือนี่ พี่บอสที่ช่วยตอนเมาที่ผับน่ะ”

หวานรีบลุกขึ้นมาจับมือพี่บอสอย่างงงๆ พี่บอสส่งสายตาสงสัยมาถามผม

“แหม หวานขอบคุณแทนหนึ่งด้วยน่ะคะ ไม่ได้พี่ช่วยคงแย่ ตอนนั้นถ้าหวานเมาพี่บอสคงช่วยหวานใช่ไหมค่ะ”

“เออ…. ครับ กลุ่มเพื่อนน้องหนึ่งดูร่าเริงดีจังน่ะ ดูแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครดี” เอาแค่แปลกดีกว่าครับ

“พวกน้องได้ไปเข้าค่ายอาสาตอนปิดเทอมไหมครับ ปีนี้เราจะไปแถวหัวหินกัน ถือว่าไปช่วยชาวบ้านและเที่ยวทะเลไปในตัวด้วย”

“ไปค่ะพี่บอส นี่หวานก็ไม่รู้จะเลือกชุดว่ายน้ำแบบไหน พี่บอสพอจะว่างไปช่วยเลือกไหมค่ะ”

“ครับ ไปกันหมดนี่เลยไหมครับสามคน” เพล้งงงง เสียงหน้าหวานพี่แตก มึงก็รุกพี่เค้ามากเกินหวาน หวานดูตัวแข็งไป ไอ้พี่บอสแม่งเปลี่ยนเรื่องเลยครับ

“ไปหมดครับ มีคะแนนพิเศษด้วย ยังไงก็ต้องไปครับ” สิบคะแนนฟรีๆ ยังไงก็ต้องไปครับ

“เดี๋ยวพี่ขอนั่งด้วยน่ะครับ พอดีพี่รอเพื่อนอยู่นั่งคุยกันหลายๆ คนสนุกดี”

พี่บอสลงนั่งที่โต๊ะม้ายาวฝั่งผม หืม… โต๊ะตั้งกว้างนั่งสองคนทำไมเบียดจัง ผมหันข้างไปดู                       

“เหี้ย!” ผมอุทาน เมื่อเห็นว่าไอ้แทนมานั่งตรงกลางระหว่างผมกับไอ้พี่บอส

“นี่ผัวครับ ไม่ใช่เหี้ย ผัวมารับเมียกลับบ้านครับ” มันพูดเสียงเฉยชา พร้อมส่งสายตาอาฆาต ไปยังพี่บอส

“พี่บอส เดี๋ยวผมกลับก่อนน่ะครับ ตือหวานกูกลับล่ะ เดี๋ยวกูโทรหา”     

 ผมรีบลุกพร้อมดึงแขนไอ้แทนกลับบ้าน เดี๋ยวแม่งจะหาเรี่องแบบคราวที่แล้ว แต่แปลกนะครับที่คราวนี้แทนดูนิ่งสงบ ไม่โมโหโวยวายแบบคราวที่แล้ว ผมเข้ามานั่งในรถพร้อมมัน พร้อมเอ่ยประโยคให้มันสบายใจ

“พี่เค้าแค่มาทักทายเฉยๆ มึงเข้าใจกูน่ะ”

“ครับ”     

หลังจากสิ้นประโยคนั้น มันก็นิ่งเงียบไม่คุยเล่นมาตลอดทาง ผมก็ไม่กล้าชวนคุยกลัวมันโกรธ มัวแต่สนใจมองหน้ามันอยู่ รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดที่สวนสาธารณะ ที่ขับผ่านแทบทุกวัน  แทนเดินลงจากรถ พร้อมเอ่ยชวน

“ป่ะ ไปเดินเล่นกัน”

 …………………………………….. ** **
- แทน -     

 คุณคิดว่าการที่ผมเห็นหนึ่ง ยืนคุยกับไอ้พี่บอสอะไรนี่ ผมจะไม่หึงหรือ ใช่ ผมหึงมาก หึงจนควันออกหู แต่ผมจะโวยวายไม่ได้ ไม่งั้นก็ต้องงอนง้อกันไม่จบไม่สิ้น ผมต้องทำให้หนึ่งเป็นของผมซะก่อน ทีนี้ผมจะได้แสดงสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ จะได้ไม่ต้องมีใครมาเต๊าะแฟนผม ใช่ ผมต้องแสดงความจริงใจของผมกับหนึ่งอย่างที่ไอ้โจ๊กบอก ผมจะสารภาพรักกับหนึ่ง หนึ่งต้องเป็นของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น ผมขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะที่เราผ่านประจำ สวนตอนเย็นบรรยากาศเงียบสงบ มีคนมาวิ่ง ออกกำลังกายเดินเล่นบ้างประปราย อาจเป็นเพราะสวนนี้ไม่ได้ดังมากคนเลยไม่เยอะ ผมเดินจนมาสุดที่สระน้ำ ผมลงนั่งที่โต๊ะยาวข้างสระ

“แทนมึงอินดี้เหรอ มาเดินเล่นสวนสาธารณะ”

ผมมองกลับไปหาหนึ่งยิ้มมุมปากให้หนึ่งที ไม่ใช่เพราะผมโกรธมันเรื่องพี่บอส จึงเงียบไม่พูดอะไร แต่ผมกำลังตื่นเต้น นั่งเรียบเรียงคำพูดอยู่ในใจ เกิดมาไม่เคยสารภาพรักใคร มีแต่คนมาเสนอตัวก่อนทั้งนั้น นี่เป็นการสารภาพรักครั้งแรกของผม

“แทนมึงคงไม่จับกูกดน้ำที่นี่ใช่ไหม” หนึ่งมันทำสายตาเว้าวอนจนอดขำไม่ได้

“เปล่า หนึ่ง มึงรู้สึกอึดอัดไหม ที่อยู่กับกูน่ะ กูทำให้มึงลำบากใจรึเปล่า”

“ไม่นี่มึง ว่าแต่มึงมีไรป่ะ พูดจาแปลกๆ เรียกชื่อกูด้วย”

“หนึ่ง มึงรู้สึกยังไงกับกู” ผมพูดพลางหันหน้ามองสระที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

“ขอหอมหน่อยได้ไหมครับ น่ารักจังเลย”

แหม เมียครับ แค่ผัวถามแค่นี้เขิน จะปล้ำผัวซะล่ะ อะ หอมก็หอม เผลอผัวจะดูดปากให้ ผมหันหน้ากลับไป อ้าวหายไปไหนล่ะ หนึ่งหายจากเก้าอี้ ผมมองหาจนเห็นหนึ่ง เล่นกับหมาตัวเล็กขนปุยของคนที่ผ่านมาอยู่ด้านหลัง เมียครับ ช่วยสนใจผัวด้วยครับ ผมเดินไปลากมันกลับมานั่งที่โต๊ะ

“หนึ่ง กูซีเรียสอยู่ สนใจกูหน่อย”

“เออ เออ ก็มึงมัวแต่อ้ำอึ่งอยู่น่ะ มึงจะคุยเรื่องไร” เออ กูไม่อ้อมค้อมล่ะ กูเอาตรงๆ เลยล่ะกัน

“หนึ่ง กูรักมึง คบกับกูเป็นแฟนน่ะ” หนึ่งเงียบ ทำหน้าอึ้ง ผมไม่ปล่อยผ่าน

“มึง คิดยังไงกับกู ชอบกูบ้างไหม ถ้ามึงไม่ชอบกูก็บอกกูน่ะ กูจะไม่หนีไปไหน กูจะทำให้มึงชอบกูให้ได้ สุดท้ายถ้ากูทำยังไงมึงไม่ชอบ กูก็จะปล้า ปล้ำจนกว่ามึงจะชอบและตกลงเป็นแฟนกู”

หนึ่งยังคงไม่พูดอะไร แต่เหมือนมันเขินหน้าแดงเชียว

**“กูรู้มึงยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ให้กูเป็นแฟนคนแรก และเป็นคนแรกของมึงทุกๆ อย่างได้ไหม กูอาจไม่ใช่คนดีอะไรมาก แต่กูสัญญากูจะมีมึงคนเดียว รักมึงคนเดียว มึงเป็นแฟนกูน่ะหนึ่ง”**

“มึงอย่าเอาแต่เงียบสิ”

“แทน กู…...”

“หนึ่งมึงอย่าพึ่งพูดอย่างอื่น ตอบกูก่อนจะเป็นแฟนกูได้ไหม”

“อืม”

หนึ่งก้มหน้าพร้อมเขินหน้าแดง ในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง ในที่สุดคนที่ผมรักที่สุดก็ตอบตกลงผม ผมดีใจโผเข้ากอดมัน จนหนึ่งตีแขน เพราะคนอื่นหันมามองผมจึงถอยออก แต่นั่งกุมมือหนึ่งไว้

“แทน กูไม่เคยมีแฟนมาก่อนมึงรู้ใช่ไหม” หนึ่งพูดเขินหน้าแดงก้มหน้าไปเขี่ยหญ้าที่พื้น

“กูไม่เคยคิดด้วยว่ากูจะมีแฟนเป็นมึง ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่กูไม่รู้ว่าเริ่มเมื่อไหร่ ที่กูมองหาแต่มึง เคยชินที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอด มึงเข้ามาแทรกในจิตใจกูเมื่อไหร่ไม่รู้ มึงทำให้กูหวั่นไหวโดยที่กูก็ไม่รู้ตัว กูไม่รู้กูจะทำตัวยังไง คนเป็นแฟนเค้าต้องทำยังไง วางตัวยังไง บ้างครั้งถ้ากูทำอะไรที่ผิดพลาดไป มึงสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธหรือทิ้งกูไป เมื่อกูให้ใจมึงเต็มที่แล้ว กูไม่อยากผิดหวัง กูอาจจะไม่ใช่แฟนที่ดี แต่กูจะพยายามรักมึงให้ดีที่สุด”

คำพูดหนึ่งอาจจะดูไม่สวยหรู เพราะพริ้งแต่มันมีความหมายกับผมมาก หนึ่งพูดออกมาอย่างจริงใจ ไม่มีกั๊ก ผมยิ้มด้วยความดีใจ

“ตอนนี้หนึ่งเป็นแฟนแทนแล้วน่ะ” ผมถามย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจ

“อืม” หนึ่งยิ้มแล้วพยักหน้า ผมลุกพรวดพร้อมดึงมือหนึ่ง

“งั้นกลับไปมหาลัยกับผัว ผัวจะไปกระทืบไอ้พี่บอส แม่งยุ่งกับเมียกู” ไอ้พี่บอสมึงไม่รอด มึงจมตีนกูแน่

“เฮ้ย ไอ้แทนมึงใจเย็นก่อนดิ มึงคิดว่าพี่บอส จะอยู่รอมึงไหม” เออ จริง งั้นมึงรอดตัวไปคราวหน้ากูจะเอาให้จมตีนเลย

“แทน กูขออะไรมึงอย่างนึงได้ไหม” หนึ่งพูดพร้อมดึงมือผมบิดไปมา

“อะไรครับเมีย” ผมลงนั่งข้าง

“คือ……..”

“พูดมาครับผัวรอฟังอยู่” มันต้องขอผมจูบ หอม หรือขึ้นคอนโดผมแน่นอนเขินอายขนาดนี้ เป็นแฟนปุ๊บได้กันปั๊บ

“คือ เรื่องอย่างว่ากูยังไม่พร้อม กูยังไม่เคย เอาไว้ก่อนน่ะมึง เอาไว้กูพร้อมกูจะบอก”

“ไม่ครับเมีย” ผมตอบปฎิเสธทันทีเมื่อหนึ่งพูดจบ

“อย่าที่ผัวเคยบอก มีโอกาสเมื่อไหร่ก็ต้องปล้ำ นี่ผัวก็คิดว่าจะปล้ำเมียในรถอยู่ นี่กูเริ่มจะมืดแล้ว ขับรถกลับบ้านกันดีกว่าครับอันตราย”

ผมพูดเสร็จพร้อมฉุดกระชากลากถูหนึ่งขึ้นรถ

“ไม่มมมมมมมมมมมมม”

เสียงกรี๊ดร้องประดุจจะโดนเฉียดของหนึ่ง แหม เสียงมันช่างไพเราะเพราะพริ้งซะจริงๆ

…………………………………….. ** **
- กัน -

“มึงต้องโชว์ความจริงใจให้เค้าดู” เสียงไอ้โจ๊กยังดังกึกก้องอยู่ในหู ได้ครับผมจะโชว์ความจริงใจให้หวานดู     

ผมนัดหวานว่าจะไปส่งบ้านครับ ตอนนี้ผมรอหวานอยู่ที่ลานจอดรถตรงคณะแพทย์ จริงๆ ผมจะไปรอที่หน้าคณะหวานเลยก็ได้ แต่ผมมีเรื่องจะคุยกับหวาน ผมเลยนัดหวานมาเจอที่ลานจอดรถ เงียบดีครับ ผมนั่งรอหวานสักพักผมก็เห็นหวานเดินมา ผมเลยลงมารอที่ด้านหลังรถ พร้อมเอาของหวานเก็บใส่ท้ายรถ

“หวานครับ กันมีอะไรจะบอกหวาน”

“ว่าไงค่ะกัน” หวานตอบเสียงหวาน ผมสูดลมหายใจฮึดสู้ ตื่นเต้นจัง ผมต้องพูดด้วยความจริงใจ ผมต้องพูดด้วยความจริงใจ

“หวานครับ กันขอโทษน่ะครับ แรกๆหวานอาจจะคิดว่ากันไม่จริงใจกับหวาน แต่กันบอกตรงนี้เลยครับหวานเข้าใจผิด จริงๆแล้วกันไม่เคยคบใครจริงจังเลยในชีวิต อาจจะเป็นเพราะทุกคนล้วนเข้ามาหากันเอง ด้วยหน้าตาหรือเงินทองของกัน กันเลยไม่รู้ว่าจะแสดงความจริงใจออกไปยังไง พอเจอหวานที่ไม่ได้สนใจในหน้าตาหรือเงินทองที่กันมี กันเลยทำตัวไม่ถูก แต่วันนี้กันจะพูด พูดสิ่งนึงที่ออกมาจากก้นลึกของจิตใจกัน หวานจะรับฟังมันได้ไหมครับ” หวานทำท่าเขินพยักหน้า

**“หวานครับ กันเงี่ยน หวานไปมีอะไรกับกันน่ะครับ”**

หวานทำหน้าอึ้ง และเงียบเหมือนช็อกไป สักพักหวานจึงได้สติ สักพักหวานเอามือมาคล้องคอผม ผมนึกในใจ สำเร็จ ทำไมมันง่ายแบบนี้ว่ะ ขอบคุณมากเพื่อนโจ๊ก ผมหลับตารอรับจูบแรกจากหวาน ทันได้นั้น

“โอ๊ยยยยย” หวานตีเข่าเข้ากันน้อยอย่างจัง จนผมตัวงอลงไปนอนกับพื้น

“แม่ง เสียเวลาจริงๆ ยังมองหน้า เดี๋ยวแม่เยียบไข่แตก”

หวานพูดเสร็จพร้อมถุยน้ำลายไปที่พื้นอย่างอารมณ์เสีย แล้วชี้หน้าผมแล้วเดินจากไป      นี่มันยังไม่จริงใจอีกหรือ ต้องจริงใจขนาดไหน หรือต้องให้ผมบอกเลยว่าจะเอาท่าไหนบ้าง ไอ้โจ๊กน่ะไอ้โจ๊ก กูไม่น่าเชื่อมึงเลย ลูกพ่อเป็นไงบ้าง แข็งใจไว้น่ะลูกพ่อจะพาไปส่งโรงบาล

----------------------------------------

น้องมาแล้ว ตอนนี้ใช้เวลาแต่สองวันแนะ หวังว่าคงชอบกันน่ะคะ

Aemmilicious

  ---------------------------------------- 


รบกวนแจ้งรายละเอียดและช่องทางการติดต่อน่ะคะ

แฮชแท็กของเรื่อง: #คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด #แทนหนึ่ง #หวานกัน #ตือหมอก

ช่องทางการติดต่อพูดคุยน่ะคะ

Facebook: **https://www.facebook.com/Aemmilicious/**

หรือค้นหาคำว่า Aemmilicious ค่ะ 
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:29:24
ตอนที่ 10 : หมอก & ตือ Part 1 [Full Version with NC]

- หมอก -           

สวัสดีครับผม ”หมอก กรวิทย์ กุลเดช” พี่ใหญ่ประจำกลุ่ม ตอนนี้ศึกษาอยู่ทีมหาลัยx คณะวิศวะปี 1 งงกันสิครับว่าเป็นพี่ใหญ่ทำไมยังอยู่ปี1 ผมซิ่วมาจากอีกมหาลัยครับ เนื่องจากตอนนั้นผมยังไม่มีคณะที่ชอบ ด้วยคะแนนที่ดีผมจึงสามารถเลือกคณะไหนก็ได้ ผมเลยเลือกคณะนิติศาสตร์ตามสายอาชีพของพ่อผม ที่มหาลัยแถวชลบุรี แต่เรียนสักพักมันไม่ใช่ตัวผม ผมขี้เกียจเกินกว่าจะจดจำมาตราต่างๆ ได้หมด ผมจึงซิ่วมาเข้าวิศวะใหม่ที่นี่ มันดูเป็นตัวผมมากกว่า ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนเจ้าชู้แซวสาวไปเรื่อยๆ แบบเพื่อนคนอื่น แต่เราก็เข้ากันได้ดีครับ อาจจะด้วยนิสัยใจคอต่างๆ การเจอเพื่อนดีเป็นลาภอันประเสริฐครับ ผมมีแฟนแล้วครับ ผมสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เธอชื่อ “กิ๊ป” ครับ แม้เธอจะไม่สวยระดับดาวมหาลัย แต่เธอก็สวยมากในสายตาผม ผมตามจีบเธอเกือบสามเดือนกว่าจะได้เป็นแฟนกัน ผมรักและให้เกียรติเธอเสมอ ค่อยเป็นค่อยไป ผมรักเธอมากครับเธอเอาใจใส่เป็นคนขี้อ้อน แม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่กันคนล่ะมหาลัย แต่ผมจะไปหาเธอทุกอาทิตย์ครับ เรียกว่าระยะทางไม่เป็นอุปสรรคต่อความรัก ไงครับเสียดายผมล่ะสิ     

---------------------------


- ตือ -

          สวัสดีครับ ผม "ตือ สุดที่รัก กันตนกุล" งงละซิว่าทำไมชื่อสุดที่รัก มันเป็นเพราะกว่าพ่อแม่ผมจะมีลูกนั้นแสนยากลำบาก จนพ่อแม่ผมตัดใจเรื่องการมีลูกแล้ว ผมจึงหลงมาเกิด ผมชอบชื่อนี้น่ะครับ อาจเป็นชื่อนี้ก็ได้ที่ทำให้ผมเป็นที่รักต่อเพื่อนและครอบครัว ผมโตมาโดยที่มีความรักความอบอุ่นของคนรอบข้างห้อมล้อม ผมขี้อ่อนและใส่ใจเอาใจใส่ทุกคน จนบางครั้ง หวานกับหนึ่งมันก็บอกว่าผมเสือก อาจจะเป็นเพราะผมใส่ใจมากเกินไปหรือเพราะผมเสือกจริงๆ ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน ผมยังไม่มีแฟนครับ และคิดว่าคงไม่สามารถรักใครได้อีก         

 ความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผมเกิดขึ้นตอนม. 1 ผมหลงรักรุ่นพี่ผู้ชายคนนึงที่ช่วยผมจากแก็งค์รีดไถหลังโรงเรียน ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าอาการตกหลุมรักเป็นยังไง และผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับผู้ชาย ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มมองหาพี่เค้าในแถวหรือเวลาพักเที่ยง ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรผมจึงแอบไปนั่งรอที่หน้าสนามบาสทุกวันเพียงต้องการเห็นพี่เค้าเดินผ่าน และเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นพี่เค้าเดินมากับแฟน บางครั้งผมก็ชอบเอาของกินแอบไปให้พี่เค้าใต้เกะโต๊ะเรียนพี่เค้า โดยที่ไม่ได้หวังอะไร กว่าจะรู้ว่าทุกๆ อย่างที่ผมทำมันเรียกว่าความรัก มันก็จมลึกในจิตใจจนถอนตัวไม่ขึ้น เวลาผ่านไปเป็นวัน เป็นเดือนเป็นปีมันก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กลับหยั่งรากลึกเกินกว่าจะถอนตัว แม้พี่เค้าจะไม่รู้จักผม แต่ผมก็ดีใจที่ได้ทำทุกๆ อย่างเพื่อเค้า จนผ่านเวลาผ่านมาเนิ่นนานจนเป็นวันสุดท้ายของการเรียนในระดับมัธยมต้น สามปีที่เฝ้ามองดูพี่เค้าห่างๆ วันนี้ผมจะสารภาพรักกับพี่เค้า ผมไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง แต่มันเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว ผมส่งขนมไปให้เหมือนเดิมในช่วงเช้าอย่างที่เคยทำ พร้อมกับเขียนโน๊ตนัดสถานที่นัดเจอช่วงหลังเลิกเรียน แม้พี่เค้าจะมาตามนัด แต่ทุกๆ อย่างก็ไม่เป็นอย่างที่ผมหวัง แม้ผมจะเสียใจ แต่พี่เค้าก็ปฎิเสธอย่างรักษาน้ำใจไม่รังเกียจที่ผมชอบพี่เค้า แต่พี่เค้ายังยืนยันว่าเรายังสามารถเป็นพี่เป็นน้องกันได้ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อความรู้สึกที่ผมมีมันมากกว่านั้น

          ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อที่โรงเรียนเดิมในช่วงม. ปลาย เพื่อจะตัดใจได้ง่ายขึ้น และไม่อยากให้พี่เค้าลำบากใจทุกครั้งที่เจอผม ออกมาเจอสังคมใหม่เพื่อให้ลืม แต่ควมจริงกลับตรงกันข้าม ผมกับยิ่งโหยหา ผมยังคงถามเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเรื่องของพี่เค้ายังคงแอบส่องเฟสบุ๊คพี่เค้าประจำ ยังคงยินดีทุกครั้งที่พี่เค้ามีความสุข และเสียใจทุกครั้งที่พี่เค้าทุกข์ใจ จนพี่เค้าจบไปต่อมหาลัย ผมทราบแค่ว่าพี่เค้าไปเรียนมหาลัยแถวภาคตะวันออก ผมจึงเลิกติดตามพี่เค้า เพราะพี่เค้าห่างไกลจนเกินกว่าจะคว้า ผมเลือกเข้ามหาลัยที่ใกล้บ้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่คณะแพทย์ และคิดว่าจะเริ่มต้นมองหาความรักครั้งใหม่ แต่ใครจะคิดว่าผมจะเจอพี่เค้าอีกครั้งในมหาลัยเดี๋ยวกับผม หลังจากที่ให้เพื่อนต่างคณะไปสืบเรื่องคนที่มาจูบหนึ่ง ผมดีใจที่เจอพี่เค้าอีกครั้ง แต่ไม่กล้าไปเจอหรือนัดพบ กลัวพี่เค้าจะลำบากใจ จนวันนี้ที่ดูเหมือนว่าเพื่อนเราสองคนจะลงเอยกัน จนต้องมีการเลี้ยงเพื่อกระชับมิตร ใจหนึ่งผมก็กลับ แต่อีกใจนึงก็อยากลองดูสักตั้ง ผมเคยเสียใจมาแล้วครั้งนึง ถ้าจะเจ็บอีกครั้งก็คงไม่หนักหนาอะไรหรอก จริงไหมครับ

------------------------------------------------


- หมอก -           

เฮ้อออออ ผมไม่รู้จะอธิบายหรือระบายความรู้สึกนี้ยังไง มันเจ็บจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ทุกๆ อาทิตย์ผมจะไปหาแฟนผมที่มหาลัยเก่าผมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ด้วยวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของกิ๊ปแฟนผม ผมจึงโดดเรียนวันนั้นเพื่อไปเตรียมซื้อเค้กและของขวัญไปเซอร์ไฟร์เธอที่หอพัก เนื่องจากเป็นปีแรกที่เราได้ฉลองด้วยกัน ผมจึงอยากให้มันพิเศษหน่อย ซึ่งกิ๊ปโทรมาอ้อนให้ผมไปฉลองวันเกิดกับเธอ แต่ผมก็แกล้งบอกเธอว่าลาไม่ได้เพราะติดสอบ ผมใช้เวลาในการเลือกเค็กและของขวัญที่เธอชอบนานมาก เลือกแล้วเลือกอีก จนเรียกว่าเดินครบทั้งห้างกว่าจะเลือกได้ ผมเลือกเค้กรสวนิลาที่เธอชอบ และของขวัญที่เธอบ่นหนักหนาว่าอยากได้ จนเวลาล่วงเลยไปจนสองทุ่ม           

ผมจอดรถพร้อมควงกุญแจห้องอย่างอารมณ์ดี นึกถึงหน้าแฟนตอนดีใจ เธอคงถึงห้องล่ะครับ ผมเห็นไฟเปิดอยู่ ผมขึ้นลิฟท์และย่องเข้าไปเปิดอย่างใจเย็น เปิดประตูพร้อมจะเซอร์ไฟร์แฟน แต่ผมกลับต้องเซอร์ไฟร์มากกว่าที่เห็นเธอกำลังมีอะไรกับชายอื่น ผมอึ้งจนทำเค้กตกลงพื้น สมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ถูก อยากจะเข้าไปต่อยกระทืบให้มันตายคาตีน แต่ขาก็ไม่ยอมขยับ ความไว้ใจที่ผมมีให้มันศูนย์เปล่า ไม่ต้องมีคำแก้ตัวใดๆ เกิดขึ้น หลักฐานแน่นเกินกว่าจะปฎิเสธ ผมรักเธอมากเกินกว่าจะตัดใจ แม้คนอื่นจะมองว่าผมโง่ แต่ผมก็พร้อมให้อภัย ผมไม่โกรธแต่ผมอยากให้เธอเลิกกับผู้ชายคนอื่น ผมให้เธอเลือกว่าเธอจะอยู่กับใคร คนเราจะรักคนสองคนพร้อมกันไม่ได้ มันต้องได้แค่คนใดคนนึง แต่สุดท้ายผมก็ไม่เป็นคนที่ถูกเลือก ความจริงใจและความรักอย่างที่เต็มเปี่ยมที่ผมทำลงไปไม่มีค่า ไม่มีค่าพอให้เธอเลือกผม ผมกลับออกมาอย่างผู้แพ้ กระอักเจียนตายทั้งที่ไม่มีเลือด สมองว่างเปล่า รู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ร้ายชาบูกับไอ้แทน กัน โจ๊ก กับน้องหนึ่งแล้ว เนื่องจากผมเป็นพี่ใหญ่สุด ผมจึงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่อย่างน้อยการได้อยู่กับพวกมันก็น่าจะให้ผมลืมความเจ็บช้ำในใจได้ ตอนนี้เรากำลังนั่งรอหวานกับเพื่อนน้องหนึ่งอีกคนที่ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ประกอบกับไม่ได้ใส่ใจ

“สวัสดีค่ะ หวานค่ะ นี่ตือ ชื่ออะไรกันบ้างค่ะ นี่เป็นการเจอเพื่อนต่างคณะครั้งแรก หวานอาจจะเขินๆ อายๆ หน่อยน่ะคะ หวานกลัว”           

ผมหันไปตามเสียง น้องหวานสวยอย่างที่ไอ้แทนมันการันตรีครับ แต่ผมไปสะดุดตากับน้องตือ ผมยังจำได้ดีที่น้องมาสารภาพรักกับผมตอนก่อนปิดเทอมม. 4 ผมปฎิเสธน้องเค้าไปและไม่เจอน้องหลังจากนั้นอีกเลย อาจเป็นเพราะน้องย้ายโรงเรียนหรืออะไรก็แล้วแต่ผมไม่ใส่ใจมากนัก

“สวัสดีครับพี่หมอก สบายดีหรือครับ”

มันพูดเสร็จแล้วก้มหน้ามองพื้น ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้ ผมคงต้องทำตัวเป็นปกติ ลืมเรื่องเก่าๆ ไป ไอ้แทนดูมันจริงจังกับน้องหนึ่งมาก ไม่งั้นผมคงเข้าหน้าน้องไม่ติด

“สบายดีครับ น้องตือสบายดีไหมครับ ไม่เจอกันนานเลย”

“สบายดีครับ”

มันพูดเสร็จ พร้อมลงนั่งข้างผม เพราะหวานแทบจะไปนั่งบนตักไอ้กันล่ะครับ ท่าทางน้องหวานจะสนใจไอ้กัน เสร็จประโยคนั้นมันก็นั่งเงียบ ผมกลัวบรรยากาศมันกร่อย เลยชวนคุยเรื่องสับเพเหระทั่วไป ดูท่าน้องยังเขินอายผมอยู่แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากครับ แผลผมยังสดอยู่เกินกว่าจะสนใจอะไรทั้งนั้น           

เสร็จจากร้านอาหารเราก็ไปต่อที่ผับแถวหน้ามหาลัยต่อ มาถึงก็ไม่ต้องพูดอะไรครับ ผมนี่ยกอย่างเดียว ผมเป็นพวกคอแข็ง แดกทั้งลังยังไม่มีอาการเมา ตือมันยังคงยืนอยู่ข้างผม แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้วครับ อยากกินเหล้า น้องมันมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมชนแก้วกับไอ้โจ๊กทั้งคืน จนรู้ตัวอีกที ไอ้แทนกับน้องหนึ่งก็ขอตัวกลับแล้ว เพราะน้องหนึ่งเมามาก หวานตือก็ขอตัวกลับตามๆ กัน อ้าวแล้วผมจะกลับยังไง หันไปหาไอ้โจ๊ก ก็หายไปกับฝูงชนล่ะครับ ร้านนี้ถิ่นมัน จนตอนนี้เหลือผมอยู่ที่โต๊ะคนเดียว

“พี่หมอก เมามากแล้ว กลับเถอะครับเดี๋ยวตือไปส่ง” อ้าว ลืมเหลือมันอีกคน

“อืม” ผมพยักหน้าตกลง เดินออกแต่ ทำไมทางมันเบี้ยวอย่างนี้

“พี่หมอก เดี๋ยวตือประคอง”

มันพูดเสร็จพร้อมแบกปีกผมไปขึ้นรถมัน หลังจากผมขึ้นรถโดนแอร์เย็นๆ ก็เริ่มง่วง รู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าหอซะละ           

ผมอาศัยอยู่หอด้านนอกมหาลัยครับ เนื่องจากบ้านผมค่อนข้างเดินไกลและผมขี้เกียจตื่นเช้า หอนี้เงียบเป็นส่วนตัวดีครับ หอนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาอยู่เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง ส่วนมากจะเป็นพนักงานออฟฟิตซะมากกว่า แต่สะอาดและเงียบ การรักษาความปลอดภัยห่างห่วง ของครบเรียกว่าเอามาแต่เสื้อผ้าเข้าอยู่ได้เลย ว่าแต่ทำไมมันมาถูกทั้งๆ ที่ผมไม่ได้บอก

“พี่หมอก ขึ้นห้องไหวไหมครับ เดี๋ยวตือช่วยพยุง”

ผมประคองตัวเองพร้อมการช่วยเหลือของตือจนถึงที่ประตูทางเข้าหอ พร้อมยื่นกุญแจกับกระเป๋าตังให้ตือ เพื่อหาคีย์การ์ดเข้าหอ ตือแบกผมขึ้นลิฟท์กดชั้นและไขประตูห้องถูกโดยที่ผมไม่ต้องบอก จนผมนึกสงสัย แต่รู้ตัวอีกทีผมก็โดนเหวี่ยงลงบนเตียงแล้ว

“พี่หมอกไหวไหมครับ อยากได้อะไรอีกไหมครับ” น้องตือ เปิดแอร์  ห่มผ้าให้เรียบร้อย เหลือนอนตบตูดกล่อมเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ

“อืม… จะอ๊วก ตือพาพี่ไปห้องน้ำหน่อย”

ผมคงทำให้น้องตือประทับใจแล้วครับกับผู้ชายที่เค้าแอบชอบได้นั่งกอดชักโครกอ๊วก ช่างเป็นภาพที่หน้าประทับใจจริงๆ ผมอ๊วกเสร็จพร้อมโดนหิ้วมาที่เตียงหลับๆ ตื่นๆ มารู้ตัวอีกทีเมื่อมีผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว

“อ้าว… ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมพยายามตั้งสติ ถ่างตามามองมันที่กำลังนั่งเช็ดตัวให้อยู่

“ยังครับ ตือเป็นห่วง เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้ครับ”

ผมยังคงอดสังสัยไม่ได้ แต่เมื่อแอลกอฮอล์เข้าปากก็กล้าพูดทุกอย่าง

“ตือยังชอบพี่อยู่เหรอ” ตืออึ้งไปหลังจากผมพูดจบ แต่ก็ยังเช็ดตัวตามแขนผมอยู่

“คือ…. ตือ”

“พี่ไม่ว่าอะไรหรอก ตอบพี่ตรงๆ”

“ครับ” ตือก้มหน้า หน้ามันแดงยันหู

“พี่ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมตือรู้จักห้องพี่ ตือเคยแอบตามพี่มาที่ห้องรึ”

ตือไม่ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าเช็ดตัวอย่างเดียว

“รู้สึกยังไงที่รักคนที่เค้าไม่รักเรา ไม่เสียใจเหรอที่เค้าไปกับคนอื่น ทำดีไปก็ไม่เห็นค่าจะทำไปทำไม”

ตือมองหน้า อ้ำอึ้ง จนหน้าเสีย

“พี่ไม่ว่าอะไรหรอกแค่อยากรู้ ในเมื่อสิ่งที่เราทำมันศูนย์เปล่าแล้วจะทำไปทำไม”

“ตือ….. อยากเห็นพี่มีความสุข ความสุขของพี่มันทำให้ตือมีความสุข แม้ไม่ได้ครอบครองก็ตาม”

ตือหันไปมองรูปของผมกับอดีตแฟนสดๆ ร้อนๆ

“แฟนพี่หมอกสวยดีนะครับ ท่าทางพี่จะรักเค้ามาก”

ผมถอนหายใจ ทำหน้าเหนื่อยหน่าย พร้อมมองหน้ามาทางตือ

“พี่เลิกกับเค้าแล้ว ตอนนี้พี่โสด ตือสนใจเป็นแฟนกับพี่ไหม”

ตือและทุกๆ คนฟังไม่ผิดครับ ผมกำลังขอตือเป็นแฟน ในเมื่อเป็นฝ่ายรักเค้าแล้วมันไม่ได้รับรักตอบ ผมก็จะเลือกคนที่รักผมดีกว่าเพราะผมจะได้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกใครอีก อยากเป็นผ่ายที่ตักตวงความรักบ้าง อย่าว่าผมเห็นแก่ตัวน่ะครับ

“หืม ตือว่าพี่หมอกเมามากแล้ว เดี๋ยวตือกลับก่อนดีกว่า” ตือลุกขึ้นจากขอบเตียง แต่ผมลุกและดึงมือตือไว้

“ตือพี่พูดจริง พี่ไม่ได้พูดเพราะพี่เมา มาเป็นแฟนกับพี่น่ะ” ตือก้มหน้าหูแดง พร้อมพยักหน้า

“ตกลงครับ” ตือหันมายิ้มพร้อมพยักหน้า

“ตือเป็นแฟนพี่แล้วน่ะ”           

ผมพูดเสร็จพร้อมก้มลงไปจูบพี่ปากของตือ แบบปากสัมผัสแตะปากสองสามครั้งแล้วปล่อย ก่อนจะแทรกลิ้นอุ่นพร้อมโอบกอบตือจากด้านหลัง รสจูบช่างหอมหวานและเมื่อเมา อารมณ์ทางเพศผมก็พุ่งสูงเกินต้านทาน ผมล้วงมือเข้าไปในใต้เสื้อตือลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน ตือตาโตพร้อมเอ่ยถาม

“พี่หมอก จะทำอะไรน่ะ”

“ก็ทำแบบที่คนเค้าเป็นแฟนทำกันไง”

ผมพูดเสร็จพร้อมไซร้ที่ซอกคอ ไม่ลืมที่จะประดับรอยจูบแสดงควมเป็นเจ้าของจนตือร้องครางในลำคอ           


ผมไม่สนใจในความถูกต้อง ไม่สนความเป็นจริง ว่าผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน ผมไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องรักคนอื่น ผมอยากแค่เป็นผ่ายที่ได้บ้าง แต่ถ้าคนหนึ่งแบกรักไว้เต็มบ่า แต่อีกคนไม่แคร์ความรู้สึกอีกคนมันจะเป็นยังไง ผมอยากจะรู้ถึงความรู้สึกนั้น ผมจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม แรกๆ ดูตือจะไม่เป็นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ตือกลับตอบรับผมอย่างดี

“ถอดเสื้อน่ะ”

ผมกระซิบข้างหูตือ พร้อมขึ้นค่อมไปปลดกระดุมเสื้อของตือ มองคนข้างล่างที่เขินอาย ผมไม่ลืมที่จะถอดเสื้อของตัวเอง พร้อมก้มลงไปกระซิบข้างหู

“ไม่ต้องกลัวน่ะครับ”

พร้อมจูบที่ดูดดื่ม สักพักผมก็ก้มลงมาไซร์ที่ซอกคออย่างแผ่วเบา พร้อมเอามือคลึงเม็ดเล็กๆ ที่หน้าอกของตืออย่างเบามือ จนได้ยืนเสียงครางผ่านลำคอ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ผมพุ่งขึ้น ผมก้มลงดูดหน้าอกของตือพร้อมทั้งใช้มืออีกข้างปลดกางเกงทั้งนอกในในคราเดียว ดูเหมือนตือจะอาย จนเอามือปิดส่วนตรงกลางไว้

“ไม่ต้องอายน่ะครับ ตือโป๊แล้ว เดี๋ยวพี่โป๊เป็นเพื่อน ตือถอดให้พี่หน่อยน่ะครับ”

ผมก้มลงไปนอน เอามือสอดใต้หัว พร้อมมองดูตือที่กำลังถอดกางเกงให้ผมอยู่ ตือค่อยถอดกางเกงผมออกอย่างช้าๆ และเขินอาย ดูตือจะตกใจกับขนาดของมันเล้กน้อย และลังเลที่จะทำยังไงต่อ

“ตือ ช่วยพี่หน่อย ใช้ปากให้พี่หน่อย”

ดูตือลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะก้มลงใช้ปากครอบลงตรงส่วนปลายของผม แม้จะไม่ชำนาญแต่ ดูตือก็ตั้งใจทำจนทำให้ผมเสียวสะท้านไปทั้งตัว จนผมต้องครางออกมา       

“อ้า…. ดีครับ ดี ลึกหน่อยครับ”

ผมเสียวจนจะไม่ไหว สักพักจึงจับตือกดลงบนเตียงพร้อมลุกขึ้นมาแทนที่

“พี่หมอก ตือ…. เบาๆ น่ะครับ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตือไม่เคยครับ ผมรู้ผมเตรียมความพร้อมด้วยการใส่นิ้วแทรกซอนเค้าไปก่อนหนึ่งนิ้ว ตือสะดุ้งตัวเล็กน้อย ผมค้างไว้สักพัก จนแน่ใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วให้เท่ากับขนาดของผม

“อืม…. พี่หมอก”

“เป็นไรครับคนดี บอกพี่สิ”

“อืม…พี่หมอกตือเสียว”

ความเขินอายคงหมดไปแล้ว ตอนนี้ตือกล้าพูดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมา ตือพี่ก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“พี่จะใส่แล้วน่ะครับ อย่าเกร็งน่ะคนดี”

“เฮือก! อ๊า!!! พี่หมอก...อูย...อะ...อึ้ก...เสียว...สะ...เสียวตือเสียว...”

ตือร้องไม่ได้สับหลังจากผมกดลงไปทั้งหมดในคราเดียว

ผมแช่ค้างไว้จนเริ่มแน่ใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วจึงค่อยๆ ขยับตัว พร้อมกับแกนกลางของตือขยับไปพร้อมกัน มันรัดแน่นจนผมแทบจะเสร็จทุกครั้งที่ขยับตัว ทั้งห้องไม่มีเสียงพูดใดๆ มีแต่เสียงกระแทกและครางของตือที่เป็นจังหวะเดียวกัน 

“อะอึ้ก...มะ...ไม่ไหว...พี่หมอก ตือจะ..จะแตก...แตก...แล้ว...จะ...”

“พร้อมกันน่ะครับ”

ผมขยับตัวอย่างรุนแรง ผมยอมรับครับผมก็เสียวจนจะไม่ไหว

“ฮ้า!!!! แตก...แตกแล้ว อื้ออออออ!”

สิ้นเสียง ผมก็เสร็จพร้อมตือ ปล่อยของเหลวอุ่นๆ ใส่ทางด้านหลังของตือ ผมก้มลงจูบตือก่อนโน้มตัวลงกอด ใช่ครับ ผมไม่ได้ใส่ถุงหรืออะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่าตือไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน อีกอย่างผู้ชายด้วยกันก็คงไม่ท้องอยู่ดี ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมอยากรู้เหมือนกันว่าความรักที่ตือมีให้ผมจะมากสักแค่ไหน และตือจะยังรักผมไปอีกนานเท่าไหร่ มันมีจริงหรือครับความรักที่ไม่หวังให้อีกคนมารัก

อืมมมมมม ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวอย่างหนัก น่าแปลกที่วันนี้ผมได้กลิ่นอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวสองที่

“พี่หมอก ตื่นแล้วเหรอมากินข้าว แล้วกินยาก่อนจะได้ไม่ปวดหัว หรือพี่หมอกจะอาบน้ำก่อน ตือรีดชุดนักศึกษาแขวนไว้ให้แล้วน่ะ”

การที่เป็นคนได้รับความรักมันดีอย่างนี้นี่เอง มันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความห่วงใยจากอีกคนที่ส่งให้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้จากใคร

“ตือ… ย้ายมาอยู่กับพี่ไหม”** **

**----------------------------------------   **

มาแนะนำ Facebook ของนักเขียนค่ะ น้องเปิดบ้านน้องต้องพาลูกๆ มาแนะนำตัวก่อนค่ะ

น้อง: แทน หนึ่งมาแนะนำตัวกับแม่ๆ เค้าหน่อยลูก

แทน: แทน สัตยาครับ ฝากตัวด้วยครับ

หนึ่ง: หนึ่ง หนึ่งนที แพทศาสตร์ปีหนึ่ง สวัสดีทุกคนครับ

น้อง: มาทำไรกันค่ะวันนี้

แทน: มาเปิดตัวแฟนครับ ล่าสุดเราเป็นแฟนกันแล้วครับ

หนึ่ง: เฮ้ย ไอ้แทนมึงไม่ใช่ล่ะ มาฝากเพจนักเขียนครับ

น้อง: คิดยังไงกับอนาคตของเรื่องเราสองคนค่ะ

แทน: อีกสักพักก็คงได้กันแล้วครับ

หนึ่ง: ไอ้เหี้ยแทนหยุด ก็หวังแม่ๆ จะติดตามกันต่อไปน่ะครับ

น้อง: สุดท้าย อยากฝากอะไรไว้ไหมค่ะ

แทน: ขอได้กันในรถได้ไหมครับ นี่อยากลองมานานแล้ว

หนึ่ง: ไอ้เหี้ยแทน พอเลย กูกลับล่ะ ลาล่ะครับ

แทน: โหย เมียครับจะเขินทำไม อีกไม่กี่ตอนเราก็ได้กันแล้ว โอเคครับ เอาในห้องบนเตียงก็ได้ครับ

หนึ่ง: มันใช่ไหมมึง อย่าเข้ามาใกล้กู ออกไปเลยมึง

แทน: อะไรน่ะครับเมีย งอนทำไมล่ะครับ

น้อง: (อะกูเองล่ะกัน) ยังไงฝากเพจด้วยน่ะคะ ขอบคุณค่ะ


----------------------------------------


มาคลายปมครบทุกคู่แล้วน่ะคะ หวังว่าคงจะชอบกัน

Aemmilicious

----------------------------------------

รบกวนแจ้งรายละเอียดและช่องทางการติดต่อน่ะคะ

แฮชแท็กของเรื่อง: #คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด #แทนหนึ่ง #หวานกัน #ตือหมอก

ช่องทางการติดต่อพูดคุยน่ะคะ

Facebook: https://www.facebook.com/Aemmilicious/ หรือค้นหาคำว่า Aemmilicious ค่ะ

หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:30:19
ตอนที่ 11 : จุดอ่อนของแทน



วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะผมตื่นเต้นกับสถานะแฟนน่ะรึครับ เปล่าเลยที่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้เพราะแม่ผมเล่นใหญ่ จุดประทัดฉลองแก้บนที่ผมกับไอ้แทนได้เป็นแฟนกัน เมื่อเช้าไอ้แทนเลยต้องเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นว่าที่ลูกเขยไปโดยปริยายเพราะแม่ผม คำก็ลูกเขยสองคำก็ว่าที่ลูกเขย ก่อนออกจากบ้านแม่ยังบอกมีแฟนแล้วไม่ต้องรีบกลับบ้าน ไปค้างที่อื่นกลับเช้าบ้างก็ไม่เป็นไร จนไอ้แทนต้องโผเข้าไปกอดแม่ผมเพื่อขอบคุณพร้อมเข้าไปเต๊าะแม่ผมอีกครั้งก่อนลา จะว่าไปสถานะแฟนมันก็ไม่แตกต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ ไอ้แทนก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดูแล้วมันน่าหมั่นไส้ชอบกล

"ยิ้มหน้าบานเลยน่ะมึงดีใจไรนักหนา"

"แม่เมียบอกให้กลับเช้าได้ผัวกำลังคิดอยูุ่ครับว่าจะเริ่มท่าไหนก่อน ที่ไหนดี บนเตียง โซฟาหรือในรถ นี่ยิ่งคิด ยิ่งปวดหัว"

มันพูดเสร็จผมสะบัดมือมันที่กุมมือผมออกแทบไม่ทัน

"อย่ามาใกล้กูแทน อย่าจ้องตากูกูอาจท้องได้ออกไปเลยไอ้แทน"

"เมียครับเมียไม่ใช่ปลากัดจ้องตาไม่ท้องครับอีกอย่างเมียไม่มีมดลูกครับ"

"เออ กูลืมตัว"

"นั่นหมายความว่ามีไรกันยังไงก็ไม่ท้องน่ะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วในรถเลยแล้วกันครับเมีย"

"หยุดเลยไอ้แทน อาทิตย์หน้าก็สอบล่ะ มึงควรจะเครียดเรื่องเรียนก่อนไหม"

"สบายครับเมีย เดี๋ยวค่อยให้ไอ้พี่หมอกติวให้ก็ได้แวบเดียวก็ทำได้ล่ะครับ"

มันทำท่ายักไหล่จนน่าหมั่นไส้ แหม มันจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปล่ะ ผมยังต้องอ่านตั้งหลายรอบกว่าจะจำได้ มันจะอัจฉริยะไปล่ะไอ้แทน

"ขี้โม้รึเปล่ามึง อย่ามา ดูหน้ามึงไม่ค่อยฉลาดน่ะแทน"

"เมียด่าผัวโง่ตรงๆ เลยดีกว่าครับ ถ้าไม่เชื่องั้น พนันกันป่ะ"

เรื่องเรียนผมไม่แพ้ใครแน่นอน สัญชาตญาณในการแข่งขันผมลุกโชน

"ได้"

"งั้นเรามาพนันกันครับเมีย ใครชนะจะขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง เมียรู้ใช่ไหมครับว่าผัวอยากได้อะไร"

แทนเรื่องที่มึงอยากได้ไม่สูงกว่าเข็มขัดแน่นอน ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ แต่ผมไม่มีทางแพ้แน่นอน

"ได้เกรดเฉลี่ยของเทอมนี้ใครสูงสุดคนนั้นชนะ"

"ตกลงครับเมีย ซ้อมร้องครางรอได้เลย"

ทำไมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ดูท่าไอ้แทนมันจะเอาจริง แต่อย่างที่บอกเรื่องเรียนผมไม่แพ้แน่นอน               

สักพักผมก็มาถึงตึกเรียนผมหันไปคว้ากระเป๋ากำลังจะรีบขึ้นตึกไปเรียน ยังไงผมต้องชนะ แต่ก็โดนไอ้แทนดึงมือรั้งไว้ก่อน

"อะไรมึง กะจะถ่วงเวลากลัวแพ้ว่างั้น"

“ฟอด” มันใช้มือดึงแขนผมเข้าไปหอมแก้มพร้อมกระซิบข้างหู

"ตั้งใจเรียนน่ะครับตอนเย็นผัวมารับไปเดทกัน"

          ผมยืนอยู่นิ่งจนรถไอ้แทนหายลับไปแล้ว จริงสิน่ะ ตอนนี้ผมกับมันเป็นแฟนกันแล้ว ผมไม่เคยมานั่งมองย้อนดูว่า แทนไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะอะไร แทนก็ยังเป็นคนเดิมที่ดูแลเทคแคร์ผมอย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่พึ่งเริ่มทำ แต่แทนทำอย่างนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผมคนเดิมที่เคยมองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างที่แทนทำให้คงหมดไปแล้ว เพราะทุกวันนี้ผมเขินและรู้สึกดีกับทุกเรื่องที่มันทำให้ จนผมมานั่งคิดว่าจะมีใครอีกไหมที่จะรักผมได้มากมายเท่านี้ ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจที่มาคบแทนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ผมกลับมีความสุขที่มีมันมาอยู่เคียงข้างกัน แต่จะให้ยอมมันง่ายๆรึไม่มีทาง ว่าแล้วผมก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องเรียนอย่างไว                     

ผมเปิดประตูห้องเรียนพร้อมมองหาหวานกับตือ ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ต้องเจอกับหมาในปากของหวานก่อน

"ไงมึง มีผัวหน่อยเดินไม่ตรงทางเลยน่ะมึง"

"ไอ้เหี้ยหวานเบาๆสิมึง ผัวอะไรของมึง"

"มึงอย่ามา กูรู้มึงตกลงคบกันแล้ว"

"หืม มึงรู้ได้ไงว่ะหวาน"

"กรุ๊ปไลน์ไง" ตือพูดแทรกพร้อมยื่นมือถือมาให้ดู อ้าวเหี้ยล่ะ ทำไมกูไม่รู้

"ทำไมมีกรุ๊ปด้วย ทำไมกูไม่รู้เลย"

"เค้าก็ชวนมึงตั้งนานล่ะ ไม่ยอมกดเข้ากลุ่ม เล่นตัวว่างั้น"

"เฮ้ยมึง กูไม่รู้"           

พูดเสร็จพร้อมกดตกลงเข้ากลุ่ม ในกลุ่มมีครบทั้งกลุ่มผมกับกลุ่มแทน ผมไม่ลืมหยิบมือถือตือมากดดูข้อความที่คุยกันก่อนหน้าที่ผมจะเข้ากลุ่ม ส่วนมากก็จะคุยกันเรื่องทั่วไปจะหนักหน่อยก็ไอ้กันที่ง้อไอ้หวานอยู่ ท่าทางจะโกรธหรืองอนอะไรกันนี่แหล่ะ ไอ้แทนก็เข้ามาคุยบ้างแต่ไม่บ่อย ล่าสุดก็ไลน์มาบอกว่ามันกับผมคบกันแล้ว ผมเคยคิดว่าผู้ชายคบกันต้องหลบๆ ซ่อนไม่เปิดเผย แต่ผมไม่คิดว่าแทนมันจะเปิดเผยและให้เกียรติผมขนาดนี้ ทำให้ผมสบายใจในการคบหากันทั้งเพื่อนและครอบครัวผมก็โอเคกับเรื่องนี้ แต่ถ้าทางครอบครัวแทนรู้จะว่ายังไง ไม่ทันที่จะสงสัยอาจารย์ก็เข้าห้องล่ะครับพออาจารย์เข้าห้องทุกคนก็ตั้งใจเรียนกันอย่างอัตโนมัติอย่างที่บอกครับคณะผมเรียนยาก อีกอย่างวันนี้อาจารย์จะสรุปแนวข้อสอบที่จะออกด้วยผมต้องชนะไอ้แทนให้ได้ สู้ๆ           

อย่างที่บอกครับช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว ฉะนั้นทุกๆ วิชานั้นเรียนกันแบบเน้นๆเกร็งข้อสอบกันแบบไม่ให้พลาด ยิ่งผมต้องแข่งกับไอ้แทนด้วย ผมยิ่งฟิตยิ่งกว่าเดิม ผมนี่เดินไปพักเที่ยงอย่างร่างไร้วิญญาณ หันไปมองเพื่อนก็เดินล่องลอยพอๆกัน รู้ตัวอีกทีก็ถึงโรงอาหารล่ะครับ เรากินกันตรงโรงอาหารกลางด้านหน้าคณะ ซึ่งแยกจากคณะของไอ้แทนเพราะด้วยทำเลที่ตั้งของตึก

"หนึ่ง เดี๋ยวมึงหาโต๊ะน่ะ เดี๋ยวกูกับตือไปซื้อข้าวให้ เอาไรมึง"

"เอาเหมือนมึงแหละ เดี๋ยวกูไปหาโต๊ะก่อน"

เนื่องจากพักเที่ยงพร้อมกันหมดโต๊ะเลยหายากหน่อย เอ๊ะตรงนั้นมีที่ว่าง

"โทษทีครับตรงนี้ว่างไหมครับ" เนื่องจากที่โรงอาหารเป็นม้านั่งแบบยาวเลยต้องแชร์กันครับ

"ว่างครับ อ้าวน้องหนึ่งนั่งเลยครับบังเอิญจัง"

"อ้าวพี่บอส หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทาย

"นั่งเลยน้องหนึ่ง ดูเบลอๆ น่ะเราเรียนหนักไปป่ะเรา"

"พี่บอสครับสภาพเราสองคนก็ไม่ต่างกันน่ะครับ"

พี่บอสหัวเราะแฮะๆ สองที เป็นอันรู้กันครับ ไม่ว่าปีหนึ่งปีสอง เรียนกันจะเป็นบ้าอยู่แล้วครับ

ผมนั่งคุยกับพี่บอสสักพักเหมือนผมได้ยินเสียงไลน์จากมือถือแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรครับเดี๋ยวว่างค่อยเปิดดู พี่บอสแกอัธยาศัยดีครับ คุยสนุกเป็นที่รักของรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะ พี่แกยังบอกแนวข้อสอบและจุดสำคัญที่จะออกแนวข้อสอบกับผมอีกด้วย สักพักหวานกับตือก็ตามมาสมทบ หวานยังไม่ลืมที่จะเข้าไปสีพี่บอส สรุปมึงจะเอาใครกันแน่หวานกูงง นี่ก็บริหารเสน่ห์ซะกูตามไม่ทันล่ะ

ผมว่างจากคุยจากพี่บอสจึงเปิดมือถือมาดู เห็นข้อความใหม่ในกลุ่มที่ผมพึงเข้าไป ซึ่งหวานได้ส่งภาพผมนั่งคุยกับพี่บอสอยู่ พร้อมข้อความที่เรียกตีนจากไอ้แทนอย่างมาก

“เมียมึงนอกใจว่ะแทน”

มิน่าล่ะเห็นมันหัวเราะคิกคักกับไอ้ตือตั้งแต่มาล่ะ นี่มึงตั้งใจหาตีนมาให้กูใช่ไหมหวาน ไอ้หนอนบ่อนไส้ ไม่ทันจะด่าไอ้หวาน ผมก็เสียวสันหลังวาบ สิ่งที่ผมคิดกำลังมาใช่ไหม ผมหันหลังไปเจอไอ้แทนกับเพื่อนกำลังส่งยิ้มหวานให้

“ว่าไงครับเมีย ห่างกันแวบเดียวนอกใจผัวซะละ” หน้าตาหาตีนมาเลยน่ะมึง

“อ้าวแทน มาไงนี่ กินข้าวยัง” ผมมองดูเหมือนชะตาไอ้พี่บอสมันจะขาด ผมสัมผัสได้

“ยังครับ เมียป้อนหน่อย” มันพูดเสร็จพร้อมมาลงนั่งคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้พี่บอส มึงคิดว่ามึงตัวเล็กรึไงว่ะแทน จนพี่บอสหันมามอง มันยังไม่วายที่จะไปหาเรื่องพี่บอส

“สวัสดีครับ ผมแทนแฟนหนึ่งยินดีที่ได้รู้จักครับ”

แหม แทน มึงแนะนำซะไอ้พี่บอสกับเพื่อนมันตาค้างขนาดนี้ ไม่จูบกูโชว์เค้าเลยล่ะ

“แฟน?”

“ครับ ผมกับหนึ่งพึ่งตกลงคบกันเมื่อวาน หวังว่าพี่จะคอยสนับสนุนความรักของเราสองคนด้วยน่ะครับ”

แทนพูดพร้อมจ้องตาไอ้พี่บอสแทบจะกินเลือดกินเนื้อ จนผมต้องตบไหล่บอกให้ใจเย็นๆ

“อืม พี่จะเป็นแรงใจให้เราสองคนล่ะกัน ว่าแต่คนเป็นแฟนกันเลิกกันก็มีถมเทไปนี่ พี่ว่าพี่ก็มีสิทธิ์อยู่น่ะ ยังไงเดี๋ยวพี่ขึ้นเรียนก่อนล่ะกัน น้องหนึ่งก็เดี๋ยวเจอกันที่ค่ายอาสาน่ะ”           

ผมพยักหน้าพร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่พี่บอสจะเดินจากไปไอ้แทนเอาแต่จ้องพี่เค้าจนสุดสายตา สักพักไอ้แทนก็หันมาสบตาเพื่อนมัน พร้อมส่งสายตา

“กระทืบ”

“เฮ้ย! ไอ้แทนมึงใจเย็นๆ ดิวะ จะไปกระทืบพี่บอสเค้าทำไม มึงนี่”

“เมียครับ เมียกำลังเข้าข้างคนอื่นอยู่น่ะครับ หรือเมียจะคบชู้”

“แทนมึงพูดเบาๆ หน่อย คนหันมาทั้งโรงอาหารล่ะ กูก็เห็นพี่บอสเค้าเป็นรุ่นพี่ มึงจะไปอะไรนักหนากับพี่เค้า”

"แต่มันไม่ได้คิดกับเมียเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องนี่ครับ ผัวดูออก"           

เอาไงดีว่ะ เอาไงดี ผมไม่อยากให้ไอ้แทนมีเรื่องกับไอ้พี่บอส ยังไงไอ้พี่บอสมันก็รุ่นพี่ ไม่อยากให้ไอ้แทนมีศัตรูหรือมีเรื่องชกต่อยกับใคร ไอ้แทนกับเพื่อนกำลังจะลุกออกจากโต๊ะ ผมดึงมือมัน ** **

"แต่คนที่กูชอบ มีมึงคนเดียวน่ะ" ทุกอย่างหยุดนิ่ง แทนหันหลังกลับมามอง

"ว่าไงน่ะครับเมีย"

"แทนกูชอบมึงคนเดียวน่ะ กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่บอส" แทนหันมายิ้มตาเป็นประกาย

"เอาก็เอาครับเมีย ปล้ำกลางโรงอาหารก็เอาครับ"

"หยุดเลยไอ้แทน" ได้ผลแฮะ แทนดูอารมณ์ดีขึ้นทำหน้าตาง้องแง้งอย่างกับเด็ก

"เอาเว้ย! ไอ้เหี้ยแทนแม่งจะเล่นหนังสดให้ดูแล้ว" กัน โจ๊ก พี่หมอกเชียร์กันสุดเสียง

"ป่ะ ไอ้กัน โจ๊ก พี่หมอกกลับ"

หืม ทำไมมึงบทจะอารมณ์ดีก็อารมณ์ดี ซะเหลือเกิน

"ไม่กินข้าวก่อนว่ะแทน รีบไปไหน"

"ผัวจะรีบไปอ่านหนังสือสอบ ผัวต้องชนะ"           

มันพูดเสร็จพร้อมกระชากคอเสื้อเพื่อนทั้งสามหายวับไปกับตา พร้อมกับทิ้งให้ผมงงว่าสรุปมันเกิดอะไรขึ้น

"ทำไมไอ้แทนมันหายโกรธเร็วจังว่ะ" ผมหันไปถามหวานกับตือ

"เพราะมึงไงไอ้หนึ่ง พูดหวานๆ ใส่ไอ้แทนหน่อยแม่งก็อ่อนระทวย" ไอ้หวานพูดเน้นวิชาการ

"จริงหนึ่ง พี่หมอกเคยบอกว่าจุดอ่อนจุดเดียวของไอ้แทนคือมึง" ตือเสริมทัพ

"จุดอ่อนของไอ้แทนคือกู” คืออะไรว่ะตือ กูงง อธิบายสิ คิ้วกูชนกันจะเป็นเลขแปดล่ะ

“มึงรู้ไหม พี่หมอกเคยเล่าให้กูฟังว่า มึงเป็นทุกๆ อย่างของไอ้แทนมัน คนเดียวที่ไอ้แทนจะยอมฟัง ทำตามคำสั่งมึงทุกอย่าง ให้มึงชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ต่อให้มึงสั่งให้ไอ้แทนไปตายแทนมึงมันก็ทำ ไอ้แทนมันรักมึงมากน่ะหนึ่ง แต่ก่อนมันอาจจะฟันผู้หญิงไม่เลือก แต่ไม่เคยมีใครคนไหนที่มันคบเป็นแฟนออกหน้าออกตาเหมือนมึง แทนมันเปลี่ยนตัวเองได้เพื่อมึงเสมอ เห็นพี่หมอกว่ามันพนันเรื่องสอบกับมึงไว้ นี่เห็นนัดจะมาติวกับพี่หมอกแหละ บอกมันจะเป็นท็อปของคณะมันให้ได้ ว่าแต่ไปพนันอะไรกับมัน”

“เหี้ย” ผมอุทานออกมา มีหวังผมต้องเสียสาว เอ๊ยเสียตัวให้มันเป็นแน่แท้ ถ้ามึงเอาจริงขนาดนี้ แต่เดี๋ยว

“หวานมึง มาเคลียร์กับกูก่อน กูเห็นน่ะมึง มึงไลน์ไปกะให้ไอ้แทนมา มึงจะให้ไอ้กันมาง้อมึงใช่ไหม ไอ้หนอนบ่อนไส้ ขายเพื่อน กูเห็นไอ้กันไม่ทันจะเอ่ยปากง้อ มึงก็บอกคืนดีก็ได้ มึงหายโกรธง่ายขนาดนี้ มึงจะงอนมันทำไม แถมใช้กูเป็นเครื่องมือ” ผมแกล้งร้องไห้กระสิกซบไหล่ตือ

“เออ ก็ตามที่มึงคิด” เหี้ยละหวานมึงยอมรับง่ายเกิ๊น

“ไอ้หนึ่ง งอนแฟนอย่างอนนาน เดี๋ยวแม่งไม่ง้อกูขึ้นมากูทำไง ให้กูไปตามง้อมันกลับรึ มารยาหญิงมึงยังต้องศึกษากูอีกเยอะ”

หวานลุกขึ้นหัวเราะแบบผู้ชนะ จนผมกับตือต้องหันมามองหน้าซึ่งกันและกัน สงสัยแม่งจะป่วย หรือแม่งเรียนจนเพี้ยน

จนหมดเวลาพัก พวกเราทั้งหมดจึงรีบใส่ตีนหมาขึ้นตึกอย่าไว เพื่อเข้าเรียนตัวถัดไป กริ๊งงง เสียงไลน์ดัง ผมจึงเปิดอ่านก่อนรีบวิ่งเข้าห้องเรียน ** **

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: อย่างลืมนัดเดทตอนเย็นน่ะครับเมีย

 --------------------------------------------

 

น้องหายไปสองอาทิตย์ น้องต้องกราบขอโทษทุกคนด้วย อาทิตย์แรก น้องไปเที่ยวหัวหินมา กะไปพักผ่อนหาแรงบรรดาลใจในการเขียนใหม่ๆ เพราะเรื่องที่เขียนส่วนมากจะอ้างอิงเหตุการณ์จากตนเอง หรือเรื่องราวความรักต่างๆ ที่มาจากการเล่าของคนรอบข้าง ตอนนี้เจอเพื่อน ถามเพื่อนอย่างเดียว "มึงเล่าเรื่องความรักมึงให้ฟังหน่อยสิ" เพื่อจะหยิบส่วนนึงมาแต่งหรือแรงบรรดาลใจในการเขียนต่อๆ ไป กลับมากะจะเขียนสักตอนตั้งแต่จันทร์ แต่เวณกรรม เดินตกบันได เอ็นหัวเข่าอักเสษ นี่ก็คิดเออ ดีจะได้ไม่ต้องไปทำงาน จะเอาเวลามาเขียนนิยายต่อ สรุปกินยาแก้ปวด สามนาทีหลับ เลยนอนเป็นผักมาทั้งอาทิตย์ นี่ก็ยังเดินกระเพกอยู่ แต่เปลี่ยนยาเลยดีขึ้นหน่อย  ขอโทษคนที่รอน่ะคะ ตอนหน้าแทนหนึ่งเค้าจะไปเดท จู๋จี๋กันค่ะคุณ เอารูปหัวหินมาฝากด้วยน่ะ   

P.s. เสาร์ที่ผ่านมาเพื่อนไปสอนพิเศษที่มหาลัยเก่าที่จบมา เลยได้มีโอกาศเดินกระเพกไปหาแรงบรรดาลใจที่มอ. เฮ้อ กระเพกได้สามก้าวฝนก็ตก สะเทือนใจ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:36:50
ตอนที่ 12 : เดท เดท เดท

ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วครับ เวลาที่ผมน่าจะนั่งแดกข้าวอย่างสบายใจ แต่ไหนเลยผมต้องนั่งรอไอ้แทนที่หน้าตึกคนเดียว เลิกเรียนหันไปหาเพื่อนกะชวนมันมารอเป็นเพื่อนแม่งก็ทิ้งกู เห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อน หันไปหาหวานมันก็บอกมันมีนัดจะรีบไปเต๊าะไอ้กัน บอกจะทำให้มันเป็นลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตายจะคายก็รอด ไม่พอใจก็จะบีบไข่มันให้แตกแล้วกลับมาอย่างผู้ชนะ ไอ้ตือก็ทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนต้องไปซักผ้าทำกับข้าวให้ไอ้พี่หมอก เอาใจจนไอ้พี่หมอกมันจะเป็นง่อยอยู่แหละ บ่นไปบ่นมาหันไปอีกทีแม่งมืดหมดล่ะ จะเหลือแค่ผมกับพี่ยามที่มองหน้ากันไปมาอยู่สองคน ไอ้แทนแม่งก็ยังไม่มา ส่งไลน์มาแค่ว่าจะมาสายหน่อย แล้วจะเลี้ยงข้าวเป็นการไถ่โทษ นี่ผมเห็นแก่ของฟรีล้วนๆ น่ะถึงยังนั่งรอมันอยู่ ไม่งั้นป่านี้กลับบ้านเปิดแอร์นอนตากไข่อ้อนแม่อยู่บ้านล่ะ แม่งไปไหนหิวจนกูจะออกไปแดกหญ้าตรงส่วนหย่อมหน้าตึกอยู่ล่ะ บีบมายองเนสลงไปแม่งน่าจะแดกได้ ไม่มีไขมันหุ่นดีสาวกรี๊ดพี่หนึ่งแน่ ผมนั่งเพ้อไปสักระยะไอ้แทนก็บีบแตรเรียก ผมกระโดดขึ้นรถส่ายหางให้เจ้านายแทบไม่ทัน จะบ้าเหรอ

"หิว หิว หิว กินข้าว กินข้าว กินข้าว" หิวโว้ยยยยยยย

"ขอมือหน่อย" อ่ะ ยื่นให้ ตากูลายไปหมดแหละแดกหัวมึงก่อนล่ะกัน ไอ้ส้นตีนนี่

"รีบขับรถไปเลยมึง อย่ามัวเล่นอยู่ เดี๋ยวกูจับแดกซะเลยนี่ มาก็ช้า จนมอจะปิดล่ะเนี่ย กูหน้าตาดีขนาดนี้โดนฉุดไปมึงจะทำยังไง"

"ผัวเป็นคนใจกว้าง จะถือว่าให้เมียไปหาประสบการณ์ ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ครับ"

"เลอะพ่อมึงสิ รีบเหยียบเลย กูหิวจะแดกมึงให้หมดตัวเลย"

“ถ้าจะกินผัว กัดไม่ได้น่ะครับเมีย แนะให้อมๆ ดูดๆ พอเป็นพิธีพอ ที่เหลือผัวจัดการเอง"               


ผมนั่งถอนหายใจอย่างหมดทางสู้ พร้อมหันหลังไปวางกระเป๋าที่เบาะหลัง แต่ต้องตกใจกับกองหนังสือหลังรถมัน มันมีหนังสืออยู่ในรถด้วยรึว่ะ ปกติกูเห็นแม่งมีแต่แผ่นซีดี ไอ้แทนมันชอบฟังเพลงครับ ส่วนมากรถมันจะเต็มไปด้วยซีดี จนจะไม่มีที่นั่งอยู่ล่ะ

"หนังสืออะไรอะมึงเต็มท้ายรถเลย"

  "อ้อ หนังสือเรียนไงครับเมีย พอดีพึ่งยืมที่ห้องสมุดมามีบางเล่มที่น่าจะต้องใช้ในการสอบน่ะครับ"         

 จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง ไม่ได้ล่ะถ้าผมชะล่าใจ ความสาวที่เก็บมา ไม่ใช่เว๊ย ความบริสุทธิ์ไร้มลทินของผมคงต้องแปดเปื้อนด้วยน้ำมือไอ้แทนเป็นแน่แท้ ว่าแล้วผมก็เอื้อมมือไปเปิดกระเป๋า น่าจะนั่งรถอีกสักพักทบทวนที่เรียนมาสักหน่อย

 "ทำไรครับเมีย"

 "กูว่าจะหยิบหนังสือมาอ่านสักหน่อยว่าแต่มึงหยุดเรียกกูว่าเมียสักทีได้ไหม มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นฝ่ายรุกมึงบ้างรึไง"

 มันทำหน้างงเอียงคอทำคิ้วผูกโบว์ใส่ มึงกะแบ๊วว่างั้น

 "รุกคงไม่ได้ ถ้าลุกมานั่งนี่ ผัวโอเคครับ"         

 ผมถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ เถึยงมึงไปกูก็ไม่ชนะ หนังสงหนังสือไม่อ่านแม่งล่ะ หมดอารมณ์ ถือซะว่ากูต่อให้มึงก่อนล่ะกัน อีกอย่างกูคงอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะไอ้แทนขับรถไปสักพักเอามือมาดึงแก้ม อีกสักพักเอามือมากุมมือผม เล่นปูไต่ พอติดไฟแดงก็เอามือสองข้างมาดึงหน้า ซื้อกูไปเล่นที่บ้านไหมมึง สนใจดูทางบ้าง ประกันชีวิตกูยังไม่ได้ทำ ปริญญากูยังไม่ได้ใช้ โปรดใช้สมาธิในการจับขี่ เหี้ยหิวววววววววว

          ผมแทบจะเหาะออกจากรถ หลังจากวนหาที่จอดรถเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะได้ที่จอด จนผมแทบจะซื้อเฟรนด์ฟรายแม็คมานั่งแดกรอพรางๆ ระหว่างวนหาที่จอดรถ ทันทีที่ประตูเข้าห้างเปิดแอร์กระทบผิวหนัง โอ้สวรรค์ของพี่หนึ่ง

 "แทนเร็วดิมึง หิว หิว หิว กินข้าว กินข้าว กินข้าว กินไรดีมึง"

 "ผัวตามใจเมียครับ ทั้งเรื่องของกินและบนเตียง"

 "ไอ้ห่านี่ยังมีอารมณ์มาเต๊าะกู เดี๋ยวก็จับแดกหัวซะนี่"

 "หัวบนหรือหัวล่างครับเมีย" เฮ้อเออกูยอมมึงล่ะ

 "งั้นไปดูที่ชั้นหนึ่งล่ะกัน"         

 ผมพูดพร้อมวิ่งโกยอ้าวแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ไอ้แทนแม่งก็ตามทันทั้งๆ ที่สูงพอๆกัน ผมเตี้ยกว่านิดหน่อยหรือแม่งขายาวกว่าพี่หนึ่ง สังสัยผมนอนบ่อยสันหลังเลยยาวช่วงขาเลยสั้นโธ่ชีวิต

 “กินไรดีล่ะมึง” เลือกไม่ถูกโว๊ยยยยย ร้านอาหารเยอะมากครับชั้นนี้ อยากแดกมันทุกร้าน หิว หิว หิว

 “ตามใจเมียครับ” พูดเสร็จไอ้แทนก็เอามือมากุมมือผม ผมทำหน้างงพร้อมแกะมือออก

 “ไม่เอามึง อย่ามาจับเดี๋ยวคนมอง ห้างนี้กูเดินบ่อยไม่หลงมึง”

 พี่หนึ่งเก่งพี่หนึ่งไม่หลงน่ะครับ ห้างนี้ปิดตาเดินก็ได้ครับนี่ถิ่นพี่หนึ่ง

 “เมียครับ ผัวไม่ได้กลัวเมียหลง ผัวกำลังสวีทกับเมียอยู่ครับ”

 สวีทอะไรของมึงแทน พูดเสร็จมันก็เอามือผมมาจับกุมมือแน่นกว่าเดิม แกะก็ไม่ออก หิวก็หิว ช่างแม่งล่ะ

 “ช่วยกูเลือกหน่อยสิกูเลือกไม่ถูก….เห้ย บอนชอนไม่มีคิว แดกบอนชอนน่ะ”

 พูดเสร็จผมก็ดึงแขนไอ้แทนเข้าร้าน ทักทายพนักงานพร้อมเข้านั่งโต๊ะอย่างรวดเร็ว

 “เมียครับปล่อยมือผัวแวบนึงครับ ผัวต้องนั่งตรงข้าม เดี๋ยวค่อยจับใหม่น่ะครับ”

 อ้าวเหี้ย ลืมตัว ผมนี่สะบัดมือออกแทบไม่ทัน แอบเห็นพนักงานขำเล็กๆ แต่

 “กินไรดี” ผมหิวครับ หิวเกินกว่าจะคิดอะไรออก ผมหันหน้าพนักงาน พร้อมสั่งอาหาร

 “เอาไก่ทอดส่วนสะโพก ไซค์ M สไปซ์ซี่ ข้าวญี่ปุ่น น้ำเอาชาบาร์เล่เย็นรีฟิว แล้วก็ต็อกโปกีชีสหนึ่งที่ครับ ขอบคุณครับ”

 “เมียใจเย็นน่ะครับ รอผัวแวบ” อ้าวกูลืม โทษที

 “ผมเอาซุปกิมจิครับ รบกวนเปลี่ยนไก่จากไซค์ M เป็น L ครับ แล้วก็เพิ่มข้าวญี่ปุ่นหนึ่งที่ครับ น้ำเหมือนกัน ขอบคุณครับ”

 พูดเสร็จพนักงานก็จากไปทิ้งไว้เพียงความหิวโหย ว่าแต่

 “แทน ทำไมมึงไม่สั่งไก่แยกกันล่ะ มาสั่งรวมกันทำไม”

 “เมียครับ สั่งรวมสั่งแยกยังไงผัวก็ต้องจ่ายอยู่ดี เพราะวันนี้ผัวเลี้ยง อีกอย่างสั่งชุดใหญ่มันถูกกว่าเยอะกว่า เมียไม่ได้มานั่งกินคนเดียวหรือกับเพื่อนน่ะครับ เราเป็นแฟนกันแล้ว เราสั่งร่วมกันได้ครับ ผัวเลี้ยงเมียได้ครับ นี่ถ้าเราได้กัน เราก็สนิทกันมากกว่าเพื่อนแล้วน่ะครับ”

 “แต่กูเกรงใจมึงว่ะแทน เดี๋ยวกูออกเองดีกว่า”

 “เมียครับ เราเป็นแฟนกัน ก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกันแล้วน่ะครับ ทำไมต้องคิดมาก”

 “อืม แล้วแต่มึงแล้วกัน ยิ่งพูดยิ่งงง ยิ่งงงยิ่งหิว สมองไม่สั่งงานแดกก่อนแล้วกัน”

 “รบกวนเสิร์ฟอาหารค่ะ”

 เสียงสวรรค์ของพี่หนึ่ง ทันทีที่อาหารวางบนโต๊ะ ผมนี่แทบจะพุ่งเข้าใส่เลยครับ ฮอล อร่อยน่ะ

 “เมียครับ ค่อยๆ กินครับ สั่งไก่ทอดจะกินยังไงครับ แถวนี้ไม่มีบ่อ ลากลงไปกินในแก้วน้ำได้ไหมครับ”

 “อ้ายแทน กรูม่ายช่าย กระต่าย” ผมพูดทั้งที่อาหารยังเต็มปากอยู่ แม่งรบกวนคนกิน

 “ครับกระต่ายก็กระต่ายครับ ค่อยๆ ทานก็ได้ครับเมียไม่มีคนแย่ง”

 มันพูดเสร็จพร้อมเอามือมาเช็ดปาก แถมยิ้มเสน่ห์อีกหนึ่งที กูไม่เคลิ้มกับมึงหรอกไอ้แทนอย่ามาฝัน

 “ฮอลลลล ต็อกชีส ชีสเยอะจัง อร่อยอ่ะ ” ฟินเลยครับต็อกร้านนี้มากี่ครั้งผมสั่งทุกครั้ง

 “เมียครับ ผัวอยู่นี่ เมียยังจำผัวได้ไหมครับ ฮัลโหล เจอของกินทีไรเมียลืมผัวทุกที”

 พูดเสร็จพร้อมโบกมือไหวๆ อย่ามาเล่นน่ะมึง เดี๋ยวกูกระโดดกัดหู


 สิบนาทีผ่านไป……. ทำไมอิ่มจัง นี่ร้านอาหารหรือสมรภูมิรบ เหมือนพึ่งผ่านพ้นสงครามมา ฟินจัง ทำไมอิ่มเหลือเกิน ผมมองหน้าแทนที่กำลังหัวเราะท่าทางผมอยู่แต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้จำต้องปล่อยมันไป

 “อิ่มยังครับเมีย ไปจองตั๋วหนังกัน”

 “ดูหนังด้วยเหรอ ทำไมป๋าจังวันนี้”         

 ผมแทบจะกระโดดออกมาจากร้าน  ยังไม่ลืมที่จะจูงมือไอ้แทนไม่ได้อยากสวีทอะไรหรอกครับ อยากดูหนังน่ะ ไม่ได้ดูนานแล้ว เราเลือกขึ้นลิฟท์ครับ เพราะโรงหนังอยู่ชั้นบนสุด ผมอิ่มและเดินไม่ไหว อิ่มเหมือนท้องจะแตก เฮ้ออออ หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน ต้องมาเดินตามเสี่ย ไม่รู้เสี่ยแทนจะเลี้ยงอะไร

 “เมียอยากดูเรื่องอะไรครับ”

 แทนพาผมมาหยุดดูตรงที่ตารางหนังที่จะฉาย ไม่เห็นรู้จักสักเรื่องเลยว่ะ สภาพนี้เข้าโรงไม่ถึงห้านาทีก็จะหลับล่ะ

 “แล้วแต่มึงเลยแทน อยากดูเรื่องอะไรน่ะ”

 “งั้นเมียนั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผัวไปซื้อตั๋วแวบ”         

 ผมลงนั่งตรงโซฟาสีแดงยาวหน้าโรงหนัง ที่รอระหว่างนั่งเข้าโรง ไหนๆ โต๊ะก็นิ่ม แอร์ก็เย็นขอสักงีบล่ะกัน ว่าแล้วก็หลับตาพักสายตาสักนิด ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีคนมาสะกิด

 "โทษน่ะครับ" ใครว่ะ ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมเอามือปาดน้ำลาย ไม่รู้จัก คนที่มาสะกิดผมเป็นผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาน่าจะรุ่นเดียวกับผม ไม่คุ้นหน้า

 "ครับมีไรรึเปล่าครับ"

 "ผมแม็กน่ะครับ จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะขอเบอร์กับไลน์หน่อย” ฮืม ใครว่ะ

 "โทษน่ะครับ เรารู้จักกันรึเปล่าครับ" งงใครว่ะ

 "พอดีผมเห็นคุณน่ารักดีน่ะครับ เลยอยากรู้จัก”

 เดี๋ยวเดี๋ยวน่ะ ผมมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่มึงจะจีบกูไปทำไม ทุกๆ อย่างที่กูมีมึงก็มี ช็อกเกิดมาพึ่งเคยโดนผู้ชายขอเบอร์ ผมเกาหัวแบบงงๆ

 "เออคือผม......"

 "มีผัวแล้ว"

 ผมเสียวสันหลังแบบที่ไม่ต้องริวหรือเจนก็สัมผัสได้ ต้องมีพลังงานบางอย่างกำลังทำหน้าอัมหิตอยู่ด้านหลังเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้แทน เพิ่มเติมคือป็อปคอนขนาดใหญ่ โค้กสองแก้วใหญ่พร้อมตั๋วหนัง หันกลับมาอีกทีไอ้แม็กก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 "สงสัยผัวต้องเอาเชือกคล้องคอเมียแล้วครับ มาห้างทีไรเมียโดนเต๊าะทุกทีเลยนี่ถ้าไม่ติดว่าถือของ ป่านี้ไอ้หน้าจืดนั่นจมตีนไปล่ะ"

 แหมแต้มบุญมันช่างสูงนัก สังสัยต้องให้มันมากราบไหว้ถังปอปคอร์นที่นี่ ที่ช่วยปกป้องรักษาให้รอดจากจีนไอ้แทนได้ แทนทำท่าหึดฟัดเล็กน้อย แต่ไม่โวยวายมากเหมือนครั้งก่อน

 "เมียครับ ไปรอข้างในดีกว่า ข้างในมีห้องรับรอง"

 ผมเดินตามไอ้แทนต้อยๆ พร้อมทั้งหยิบน้ำและปอปคอร์นในมือมันมากินไปพรางๆ

 "โหยทำไมหรูจังว่ะ มีห้องรับรองด้วย ป๋าจริงๆ เลยมึง”

 ผมเดินมองรอบๆ อย่างตั้งใจ ทำไมมันหรูอย่างนี้ จนอดสงสัยไม่ได้

 “แพงไหมว่ามึง กูเกรงใจ แชร์กันก็ได้น่ะมึง” “เมียคนเดียวผัวเลี้ยงได้ครับ”         

 ผมทำได้แค่เบะปากใส่มั่น ไหนๆ มันก็เลี้ยงแล้ว โรงที่ไอ้แทนจองเป็นโรงพรีเมี่ยม แบบแพงที่สุดครับ จะมีห้องรับรอง อาหารเสิร์ฟ มีสปาด้วย ให้สบายตัวก่อที่จะดูหนังว่างั้น แต่เรามาดูรอบดึกครับ สปาเลยปิดก่อน แต่ก็สามารถนำบัตรมาใช้ในคราวหน้าได้ แหมไอ้แทนนี่มันป๋าจริงๆ

 “สั่งอาหารว่างเลยไหมค่ะ”

 พนักงานพูดพร้อมยื่นเมนูให้เลือก โอ้โห มีหลายอย่างให้เลือกเลยครับ ผมเลือกเซ็ทขนม กินของคาวเสร็จก็ต้องตบด้วยขนมหวาน ไอ้แทนเลือกเซ็ทเครื่องดืมเป็นไวท์คู่กับแอลม่อน โอ้น่าลอง เดี๋ยวขอมันชิมหน่อยดีกว่า

 “รับเลยหรือรับในโรงดีค่ะ” ไอ้แทนหันมามองผมที่กำลังบดข้าวโพดอยู่

 “ในโรงดีกว่าครับ ขอบคุณครับ” ดีมาก กูแน่นไปหมดล่ะ รอกูย่อยแวบ         

 ผมนั่งรอสักพักก็ถึงเวลาเข้าโรง ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ดูหนัง เพราะมันใช้เวลาค่อนข้างมาก อีกอย่างมาคนเดียวก็ดูแปลกๆ มีไอ้แทนก็ดีเหมือนกันครับมีเพื่อนทำโน่นทำนี่ด้วย แต่ไอ้โรงที่พิเศษแบบนี้พึ่งเคยครับ ผิดกับไอ้แทน ท่าทางจะพาสาวๆ มาบ่อย ผมเดินตามมาจนถึงโรงหนัง หรูหราสมราคา เพราะในโรงมีที่นั่งที่ผมนับแล้วคร่าวๆ ไม่น่าเกิน 20 ที่ เบาะจะนั่งได้แค่สองที่ครับ มีหมอนมีผ้าห่มพร้อมโต๊ะกลางไว้วางอาหารและเครื่องดื่ม ด้านหลังมีเบาะยกสูงกั้นให้อารมณ์ความเป็นส่วนตัวสุดๆ ผมลงนั่งกระโดดเย้งๆ

 “โหย นุ่มจังเลยอ่ะไอ้แทน ขอบคุณครับป๋า”

 “มากราบลงตรงอกป๋านี่” แหม วันนี้มึงจะอารมณ์ดีไปล่ะ รับมุกกูตลอด     

 ผมลงนั่งกึ่งนอนพร้อมเอาหมอนมาพึงหลังห่มผ้าเรียบร้อย ทันที่ที่นั่งพนักงานก็เอาอาหารที่เราสั่งไว้มาเสิร์ฟ แหม บริการดีกันจริงๆ โรงคนไม่เต็มน่ะครับ ส่วนมากจะมาเป็นคู่ๆ สวีทกันแทบมดจะขึ้นโรง บ่นสักพักหนังก็เริ่มฉาย หลังจากผมจัดการกับขนมเรียบร้อยจนอิ่ม ก็เลยเบนความสนใจไปที่ไวท์ของไอ้แทน

 “แทน กูขอชิมไวท์มึงหน่อยสิ”

 ผมไม่รอให้เจ้าตัวพยักหน้า หยิบมาดื่มอย่างสบายใจ

 “หวานจัง เติมอีกได้ไหมอ่ะ”

 รสมันหวานๆ ขมๆ อร่อยดีครับ ผมกระดกไปอีกสองแก้ว ก็เริ่มมึนๆ หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน หนังอะไรไม่ดูแม่งแหละนอนดีกว่า คิดได้อย่างนั้นผมก็หลับตาห่มผ้า ไม่สนใจหนังที่ไอ้แทนเลือกมา         

 ผมหลับอย่างไม่สนใจหน้าอินหน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น ไม่รู้ว่ากรนรึเปล่า ตื่นขึ้นมาอีกที เพราะมือของไอ้แทนแม่งอย่างกับปลาหมึก ลูบคลำอาศัยกูช่วงหลับแม่งฉวยโอกาส

“ไอ้เหี้ยแทนหยุดเลยมึง โรงหนังมึงยังหื่นอีกเนอะ” ผมลุกขึ้นมาแกะมือกาวไอ้แทนเป็นพลันละวัน

 “หืม เมียครับ ใครเค้าก็ทำกัน”

 ผมถลึงตาใส่มัน แล้วหันไปรอบข้าง เออ จริงอย่าที่มันพูด เหี้ย! โต๊ะข้างหน้าแม่งดูดปากกันเอาเป็นเอาตาย

 “เออว่ะ ไอ้แทนแอบดูคู่ข้างหน้ากัน เค้าจูบกันแล้วว่ะ”

“จะไปดูเค้าทำไมล่ะครับ เราทำเองกันดีกว่า”         

พูดเสร็จมันก็จับหน้าผมเข้าหาเอียงหน้าลงมาจูบผมนี่ดิ้นพร่านเลยครับ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศหรือเพราะไวท์ที่ดื่มเข้าไป ทำให้ผมขัดขืนสักพักก็ต้องคล้อยตามกับรสจูบของมัน มันช่างหอมหวานดั่งกับลูกอมบางครั้งก็เปรี้ยวซ่าเหมือนมะนาว จากตอนแรกที่ขัดขืนตอนนี้ผมกลับเคลิ้มรับจูบจากไอ้แทน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมเข้าไปโอบคอมัน แทนมันจูบสักพักก็ปล่อยออก พร้อมมองหน้าผม แต่กลับเป็นผมเองนี่แหละ ที่โน้มตัวขึ้นไปหาจูบมันอย่างโหยหา อาจจะเป็นเพราะเมาหรือบรรยากาศพาไป หรือมันเป็นเพราะรักที่ทำให้ผมโอนอ่อนตามมันอย่างง่ายดาย จูบครั้งแล้วครั้งเล่า มันช่างหวานและไม่เพียงพอสำหรับผม ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว แต่เราต่างจ้องมองตากัน จูบกันไปมาอย่างนั้น เหมือนผมตกอยู่ในห่วงอะไรสักอย่างหนึ่ง แทนผละปากออก

“เมียครับ”

ฮืม อะไรว่ะแทนบรรยากาศแม่งได้มาจูบต่อ ผมแหงนหน้าขึ้นกอดคอดึงมันมาจูบอีกครั้ง

“คือหนังจบแล้วครับเมีย” อืมช่างมันเถอะมึง กูหลับตั้งแต่ต้นเรื่องล่ะ มาต่อกันดีกว่า

“เมียครับ คือ…… พนักงานมารอเก็บโต๊ะแล้วครับ”

“เหี้ย” เหมือนสติเข้าร่างผมสะดุ้งลุกขึ้นมาดุดติดสปริง หันไปมองหน้าน้องพนักงานที่ก้มหน้าอย่างเขินอาย

“ไอ้แทน ทำไมมึงไม่บอกกู ขอโทษทีครับ”

ผมหันไปขอโทษน้องพนักงาน พี่หนึ่งขอโทษที่ให้รอ พี่หนึ่งขอโทษที่เล่นหนังสดให้ดู พี่หนึ่งเมาพี่หนึ่งจำไม่ได้

“อ้าว”

ไอ้เหี้ยแทนยังมาอ้าว ผมนี่รีบดึงมือมันออกจากโรงใส่ตีนหมากลับรถอย่างไว ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย อายทั้งพนักงาน อายทั้งไอ้แทน นี่ผมเป็นฝ่่ายดึงมันมาจูบอีกต่างหาก อยากจะแทรกแผ่นดินหนี ผมรีบขึ้นรถปิดประตูอย่างไว

“เมียครับ ไม่มีคนขัดแล้ว มาต่อกันครับ” ผมเอามือดันหน้ามันแทบไม่ทัน

“พอเลยมึง กลับบ้านเลย พากูกลับบ้านเลย”         

หมดกันแล้วกูความแมนความคูลที่กูสร้างมา ทุกวันนี้สาวแตกจนมีผู้ชายมาจีบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น ไอ้ตัวต้นเหตุแม่งก็อารมณ์ดี มึงแม่งคิดไมซื่อมึงต้องวางแผนมา กูไม่ผิดกูจะโทษมึง

“แทน มึงคิดไม่ซื่อกับกูใชไหม มึงแอบใส่ยาในไวท์ใช่ไหม มึงวางแผนมาใช่ไหม"

ไอ้คนเจ้าเลห์ มึงผิด มึงคนเดียว กูถูกเสมอ “ฮืมมมม”

ไอ้แทนทำหน้าใสซื่อ เอียงหน้า 45 องศา แบ๊วใส่กูว่างั้น ไอ้เหี้ย         

เถียงมึงไปกูก็ไม่ชนะไม่ได้แหละ กลับบ้านไปกูจะอ่านหนังสือโต้รุ่งแม่ง ไม่งั้นกูต้องเสร็จมึงแน่ ไอ้แทนมึงไม่มีทางไอ้แอ้มกูแน่ แต่จูบมันก็ดีเหมือนกันน่ะ เฮ้ย! เหี้ยแหละ กูไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน ไม่จริงไม่มมมมมมมมม!


------------------------------------------



**หิววววววววววววว **

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 01:39:25
ตอนที่ 13 : สัตยาจอมวางแผน

หลังจากผ่านพ้นช่วงสอบมาได้ ผมนี่แทบจะตายคากองหนังสือเลยครับ ช่างเป็นสองอาทิตย์ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตนักศึกษาแพทย์ของผมเลยก็ว่าได้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะได้คะแนนสอบดีๆ บวกกลับความกลัวจะเสียตัวให้ไอ้แทน ผมนี่แทบจะสิงตัวอยู่แต่หอสมุดกับบ้านไอ้หวานเลยครับ เพราะบ้านมันอยู่ใกล้มอที่สุด ติวรวมกันใครไม่รู้ตรงไหนจะได้ช่วยกันได้ เรียกว่ารวมกันเราอยู่แยกกันอยู่เราตาย ฝ่ายไอ้แทนก็ไม่น้อยหน้า รวมตัวกันติวที่คอนโดไอ้พี่หมอกแทบไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน แทบจะต้มหนังสือแดกกันเลยทีเดียวยิ่งเห็นไอ้แทนฟิต ผมนี่ยิ่งต้องฟิตเพิ่มเป็นสองเท่าแพ้ไปโดนมันพรากความบริสุทธิ์ที่เก็บมานานแรมปีเป็นแน่แท้ ช่วงสอบเราแทบจะไม่ได้เจอกันเลยครับ เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง จะมีคุยโทรศัพท์กันบ้างเล็กน้อย วีดีโอคอลนี่อย่าหวังเลยครับมันวีดีโอคอมาไม่พูดหื่นกามใส่แม่งก็บอกให้ผมเปิดโน่นเปิดโน่นนิดนี่หน่อยเพื่อขอกำลังใจในการสอบ จนหลังๆ ผมไม่รับแม่งเลยจบ 55555         

หลังจากสอบเสร็จกว่าจะรู้ผลก็เกือบเดือน นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่ง แพ้มาผมก็ต้องขึ้นเขียงให้ไอ้แทน นี่ผมก็เริ่มตระเวนบนบานศาลกว่า จะถวายดอกไม้เจ็ดสีเจ็ดศอก รำแก้บนที่ไหนก็ว่ามาครับ ยังไงผมก็แพ้ไม่ได้         

ผมมีเวลานอนเป็นผักเป็นปลาอยู่ได้สองวัน ต้องแหกขี้ตาตื่นมามอตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อออกค่ายอาสาของคณะที่หัวหิน เพื่อออกไปช่วยเหลือสังคมและอีกส่วนนึงเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะ และตอนนี้เราก็มากันครบทุกคนแล้วก็เป็นหน้าที่ของพี่แอน รุ่นพี่สาวสวยดาวขณะผู้เป็นหัวหอกสำคัญกล่าวทักทายน้องๆ ก่อนแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเอง พี่แอนหยิบโทรโข่งพร้อมยืนบนโต๊ะหินอ่อน โถพี่แอนกูเตี้ย

"สวัสดีค่ะน้องๆวันนี้อย่างที่เรารู้กันเราจะไปออกค่ายอาสากัน เราจะไปเรียนรู้การทำงานอย่าจริงๆและพักผ่อนเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างพี่น้องในคณะน้องๆ พร้อมกันไหมค่ะ"

"โอยอีแอน น้องมันจะเอาความพร้อมมาจากไหน อีเหี้ยกูยังง่วงเลย รีบๆแบ่งกลุ่มเลยกูจะได้ไปนอนในรถ"

เสียงจากพี่หนุ่ม ตุ๊ดร่างอ้วนอารมณ์ดีพี่ปีสี่

"เออพวกมึงนี่ เดี๋ยวเราแบ่งกลุ่มกันน่ะคะ กลุ่มล่ะ 10 คนรวม 7 กลุ่มน่ะ เดี๋ยวจะมีรุ่นพี่ดูแลกลุ่มล่ะหนึ่งคนน่ะคะ เอาค่ะ พี่ๆ ที่คุมน้องมารวมกันด้านหน้าหน่อย ระหว่างนี้น้องแบ่งกลุ่มได้เลยค่ะ"         

ผมตือหวานรวมกลุ่มกับเพื่อนอีก 4 คนด้านหน้ากลุ่มผมไม่ครบ 10 ครับ เป็นกลุ่มเกลือเศษแต่พี่ๆ ก็ไม่ว่าอะไร

"เอาละค่ะ เดี๋ยวน้องหัวแถวจับฉลากเลือกรุ่นพี่น่ะคะ จับแล้วอ่านชื่อรุ่นพี่ดังๆ น่ะคะ"

หลังจากนั้นหัวแถวก็จับฉลากเลือกรุ่นพี่เรื่อยๆรุ่นพี่ที่คุมก็จะเป็นรุ่นพี่ปีสูงกว่าผม กลุ่มผมมันเป็นกลุ่มเศษไม่มีโอกาสได้จับฉลาก เหลือใครก็ต้องเอาคนนั้นแต่ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้วครับคณะเรารักใคร่กันดี ใครก็ได้ครับ

"เคค่ะ กลุ่มสุดท้ายไม่ต้องจับน่ะคะพี่จับให้เลย และพี่คนสุดท้ายคือ น้องบอสค่ะ"

"กรี๊ด อีเหี้ยกูจะเอา กูจะอยู่กลุ่มนี้" พี่หนุ่มร้องโหยหวน เออพี่ครับ พี่อยู่ปีสี่ครับ พี่ยังต้องการคนคุมอีกหรือครับ

"โอเคค่ะ เดี๋ยวให้รุ่นพี่แนะนำตัวแต่ล่ะกลุ่ม แล้วขึ้นรถเลยน่ะคะ พี่ง่วง"         

พี่แอนสั่งเสร็จพร้อมจิกหัวพี่หนุ่มลากขึ้นรถจากไป มือนึงกอดหมอนข้างเตรียมตัวนอน ว่าแต่พี่แอนกูเอาหมอนข้างมาทำไมครับ พี่ๆ แต่ละคนเดินไปหาแถวของตัวเองรวมถึงพี่บอสรุ่นพี่ที่คุมแถวของผมด้วยครับ

"สวัสดีครับ พี่ชื่อบอสน่ะครับ ปีสอง น้องๆ ทำตัวตามปกติน่ะครับ มีปัญหาอะไรมาบอกพี่ได้ อีกอย่างพี่โสดน่ะครับ ใครสนใจมาเต๊าะพี่ได้" พี่บอสยิ้มพร้อมเหล่มามอง

"อีเหี้ย กูเอา กูเอาตีหัวลากเข้าป่าให้กู"

จะมีใครเล่านอกจากหวาน FC พี่บอส มึงลืมไอ้กันไปไหมหวาน สติมึงประครองสตินิด

"เคครับ ไปขึ้นรถกันดีกว่าเดินตามพี่มาเลยครับ"         

ผมหันไปหิ้วกระเป๋าเป้พร้อมมองทางเพื่อน โอ้โหหวานมึงไปค้างคืนเดียวทำอย่างกับจะย้ายบ้าน มึงถือไหวไหมนั่น ดีที่กระเป๋ามันมีล้อลาก ไม่งั้นมึงจะถือยังไง

“น้องหนึ่งมาครับพี่ช่วยถือ”

พี่บอสยื่นมือมาช่วยถือเป้ที่มีเสื้อผ้าสองชุดของใช้อีกนิดหน่อย ว่าแต่กูหนักตรงไหน ไอ้พี่บอสเลยต้องมาช่วย พูดเสร็จพี่บอสก็ดึงเป้ผมเดินนำเอาไปเก็บใต้รถทัวร์เรียบร้อย

“แม่ง กูเกิดเป็นชะนีแถบจะไม่มีที่ยืน หรือกูดูบึกบึนแข็งแรงไป” อืม มึงมีเหตุผล

“หนึ่ง มึงบอกไอ้แทนยังว่ามาเข้าค่ายอาสา มันว่าไงบ้าง" ตือเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

"บอกแล้วน่ะ"

"แล้วมันว่าไงบ้าง"

"ก็ไม่ว่าไรนี่ แค่บอกมันก็ไปเที่ยวกับเพื่อนมันเหมือนกัน"

"แล้วมึงได้บอกไหมว่าไอ้พี่บอสไปด้วย" น่าจะไม่ใช่ความเป็นห่วงล่ะ

"บอกทำไมล่ะมึง เดี๋ยวมันก็มาหาเรื่องไอ้พี่บอสอีก”

"กูว่าละ ปกติหมาตัวผู้มันยังไม่ให้เดินผ่านมึง นี้ไอ้พี่บอสทั้งคน"

“ไอ้แทนก็หวงมึงเว่อร์เหลือเกิน ไอ้พี่บอสนี่ก็รู้ว่าไอ้แทนห่วงมึงอย่างกับอะไร ยังมาเต๊าะมึง อย่างกับจะเอาหน้าเข้าหาตีนไอ้แทนอย่างนั้นแหละ มึงมีอะไรดีว่ะหนึ่ง” หวานถามพลางทำหน้าสงสัย

“กูจะรู้ไหม ถามไอ้พี่บอสมันดูสิ” ผมส่ายหน้าพร้อมเดินขึ้นรถ       

ผมตือหวานเดินขึ้นรถพร้อมหาที่นั่ง ตือนั่งกับหวานผมนั่งคนเดียวอีกด้านริมหน้าต่าง ยังไงเราเลือกนั่งแถวหลังสุด คนคงไม่เต็มและแล้วก็ถึงเวลารถออก         

พี่แอนก็ลุกขึ้นมาพูดถึงกิจกรรมคร่าวๆ ว่าเราจะไปช่วยกันสร้างห้องพยาบาลให้น้องพร้อมมอบอุปกรณ์และสอนวิธีการใช้ยาและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างถูกต้อง ฟังสักพักด้วยความง่วงก็หลับไปส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน พี่แอนด้วยความห่วงน้อง เลยชิงหลับก่อนนอนกอดหมอนข้างพร้อมกรนใส่ไมค์ที่นอนกอดไว้แน่น เหมือนให้น้องนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจตามพี่แอนก็ไม่ปาน ส่วนพี่บอยนอนขวางทางขึ้นลงที่พื้นสังสัยกลัวน้องหายและแล้วทุกคนก็หลับพร้อมหายใจตามจังหวะที่พี่แอนนำ สรุปนี่หลับหรือเมาค้างกันครับ

"น้องหนึ่งครับ ตื่นได้แล้วครับ"         

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยแรงเขย่าตัว เหี้ย ผมนอนพิงไอ้พี่บอสตั้งแต่เมื่อไหร่ เหี้ยน้ำลายกูหยดใส่ไหล่พี่บอส

"โทษทีครับพี่ ทำไมพี่ไม่ปลุกผมล่ะ" มึงมานั่งตอนไหนนี่

"พี่เห็นน้องหนึ่งหลับอยู่เลยไม่กล้าปลุก เห็นหัวจะไปโขกกระจกอยู่ล่ะ พี่เลยดึงมาพิงไหล่ เป็นไงไหล่พี่นิ่มไหมครับ ส่วนอื่นพี่ก็นิ่มน่ะ"

ผมได้หัวเราะแฮะๆ อ้าวไปไหนกันหมดรถล่ะ ผมหันไปมองหาเพื่อน

"ถึงแล้วหรือครับ" ผมเกาหัวพร้อมถามพี่บอส

"อ้าวพี่ลืมบอกเดี๋ยวอีก 30 นาทีเราก็ถึงแล้ว ให้พักเข้าห้องน้ำล้างหน้ากันก่อน เดี๋ยวอีก 20 นาทีมาเจอกันที่รถน่ะ"

ผมพนักหน้ารับพร้อมวิ่งไปจัดการไอ้หวานกับไอ้ตือแม่งไม่ปลุกกู

"ไงมึง หลับสบายฝันเปียกเลยไหม" หวานส่งหมาในปากมาทักทาย

"ทำไมพวกมึงไม่ปลุกกูกันว่ะ" ไอ้ห่าพวกนี้นี่

"อ้าวกูเห็นบรรยากาศกำลังโรแมนติก ขี้เกียจขัดคอ แม่งมีโมเม้นท์" ตือสมทบ

"เออๆ กูขี้เกียจเถียงล่ะ ดีน่ะไอ้แทนไม่มา ไม่งั้นนแม่งลงไปต่อยกับพี่บอสล่ะ" ไอ้พี่บอสนี่ก็เตาะกูอยู่ได้         

ผมรีบเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าให้ตื่น แล้วเราก็เข้าไปถล่มเซเว่นข้างหน้าให้ราบเป็นหน้ากอง หลังจากอิ่มพวกเราก็ขึ้นรถเตรียมตัวไปใช้แรงงานช่วยเหลือน้องๆ  ระหว่างทางก้กลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการเล่นตลกคาเฟ่ของพี่แอนและพี่หนุ่ม         

สักพักนึงเราก็มาถึงสถานที่ที่เราจะสร้างห้องพยาบาลให้น้อง ในส่วนของตัวเรือนนั้นได้ทำเสร็จหมดแล้ว เรามาเพื่อทาสี นำยาและอุปกรณืต่างเข้าห้องพยาบาล ติดป้ายและทาสีด้านน้อง ซึ่งงานก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในคณะ ไม่นานนักห้องพยาบาลก็เสร็จพร้อมส่งมอบ ตอนทำก็เหนื่อยน่ะครับ แต่พอทำเสร็จก็ปลื้มใจน่ะครับที่ได้ช่วยเหลือแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง น่าจะเป็นความภูมิใจของเราทุกคนที่ได้ลงมือช่วยเหลือน้องๆ ในครั้งนี้ กว่างานจะเสร็จแล้วส่งมอบของต่างๆ ให้น้องก็เกือบสามโมงเย็น พวกเราก็ได้บอกลาคุณครูและน้องๆ และขึ้นรถเตรียมเข้าห้องพัก รถแล่นออกมาสักพัก พี่แอนก็จับไมค์อธิบายกิจกรรมต่างที่เหลือก่อนเราเข้าพัก โดยตารางคร่าวๆ ถึงที่พักพักผ่อนกันตามอรรถยาศัย ห้องพักได้ห้องละสามคน จับเอากันเองเลย นอนชายหญิงรึชายๆ ก็แล้วแต่ตามสะดวก เพราะเราถือว่าเราเป็นพี่น้องกันหมด ไม่มีใครคิดมากเรื่องนี้ พร้อมนัดเจอกันอีกทีตอน หกโมงเย็นเพื่อทานข้าวและเล่นเกมส์กัน  ไม่นานนักรถก็จอดถึงรีสอร์ทที่พัก ที่พักเป็นรีสอร์ทที่พึ่งเปิดใหม่ครับ เราพักตึกด้านหลังจะเป็นสองตึกหันหลังเข้าหากัน ตรงกลางจะเป็นสนามและสระว่ายน้ำครับ เป็นรีสอร์ทที่พึ่งเปิดใหม่ ผมเดินลงมาพร้อมจะหยิบกระเป๋าแต่ไม่ทันไรไลน์ก็ดังขึ้น ผมเอากระเป๋าขึ้นบ่าพร้อม เอามือกดดูข้อความ** **

แทน (หัวใจ**) หนึ่ง:** เมียครับทำไรอยู่ครับ** **

Nueng: พึ่งถึงที่พัก ว่าไงมึง

แทน (หัวใจ) หนึ่ง**:** ทำไมเมียใส่กางเกงสั้นจังครับ

เนื่องจากมาทะเลผมเลยใส่ยีนส์ ขาสั้นมาครับ แต่มันก็ไม่ได้สั้นมากน่ะครับคลุมเข่า พร้อมใส่เสื้อเชิร์ตแขนสั้นลายดอกเข้ากับบรรยากาศทะเลสัด** **

Nueng: บ้ามึง นี่กูใส่กางเกงขายาวเสื้อคอเต่ามา กูกลัวดำ แม่งอำกู ไอ้แทนมึงจะรู้ได้ไง** **

แทน (หัวใจ) หนึ่ง**:** ถ้าเมียโกหกผัวบดปากโชว์น่ะครับ

ผมหันมองซ้ายมองขวาอย่างระวังตัว ไม่เห็นเงาของไอ้เถื่อนกลุ่มวิศวะอย่างไอ้แทนแถวนี้ อย่ามาโกหกกูน่ะมึง** **

Nueng: เออ กูจะให้มึงบดให้ปากบวมเลย         


เราเข้าไปเช็กอินสักพักก็แยกย้ายกันเข้าห้องครับ ผมตือหวานนอนรวมกันอยู่ห้องเดียวกัน ถึงห้องไอ้หวานก็นอนเลื้อยอยู่บนเตียง ตือก็กำลังอาของเก็บใส่ตู้ ผมเลยใช้เวลานี้ไปอาบน้ำก่อน จะได้ไม่เสียเวลา ไม่นานนักผมก็อาบเสร็จมานั่งเป่าผมสักครู่ จึงเดินไปมองที่ระเบียงด้านหลัง เราพักอยู่ชั้นสามครับ ได้ข่าวว่าเราเหมาทั้งสองหลังไว้เป็นของเราทั้งหมด 90% จะเหลืออีก 10% ที่เป็นของลูกค้าที่จองไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เลยสนุกกันเต็มที่บางส่วนนอนกันเป็นศพอยู่บนห้อง บางส่วนก็ลงไปเล่นน้ำในสระส่วนกลางของตึก มองไปมองมาผมก็คิดถึงไอ้แทนน่ะครับ ถ้ามันมาเที่ยวด้วยกันก็คงสนุก ผมอาบน้ำจนตื่นเต็มที่ อยากลงไปเดินเล่น เลยเดินไปบอกเพื่อนพร้อมกดลิฟท์ลงมาชั้นล่าง ไม่ทันไรผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดจากพี่หนุ่ม อย่างโหยหวน ผมว่าพี่แกคงต้องเดือดร้อนหรือโดนน้ำร้อนลวกเป็นแน่แท้ ผมวิ่งไปจนสุดทาง ภาพที่ผมเห็นช่างเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก สภาพของพี่หนุ่มนั้นเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ เพราะตอนนี้พี่หนุ่มได้เปลี่ยนชุดเป็นบีกินนี่สีม่วงสด พร้อมเกยตื้นอยู่ริมสระ พร้อมกรี๊ดกราดกับผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

“กรี๊ด แซวพี่อีก พี่ชอบ”

โถ พี่หนุ่มกู น่าจะอยู่ในช่วงฤดูวางไข่ ดูระริกระรี้น่าดู ดิ้นจนไข่พี่หนุ่มแทบจะหลุมมาจากบีกินนี่ แต่ไอ้ผู้ชายที่กำลังให้พี่หนุ่มปลื้มนี่มันหน้าคุ้นๆ  ผมเลยเดินไปใกล้ๆ เพื่อดูหน้า

“เหี้ย!”

ผมอุทานมาดังเมื่อเห็นว่าข้างหน้าคือกลุ่มไอ้เถื่อนของไอ้แทน ทันใดนั้นคำพูดในหัวก็ลอยมา*** ***

***“เออ กูจะให้มึงบดให้ปากบวมเลย” ***

------------------------------
แทน Part         

คุณคิดหรือว่าผมจะปล่อยให้ไอ้หนึ่งไปออกค่ายค้างอ้างแรมกับไอ้พี่บอสอะไรนั้น แม้มันจะไม่ได้ไปกันสองคน แต่ผมก็หวงมันยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ในเมื่อไอ้พี่บอสมันจ้องจะงาบแฟนผม ผมโตแล้วน่ะครับ จะให้หึงหวงฟาดงวงฟาดงายิ่งเป็นไปไม่ได้ คนคลูๆ อย่างผมต้องวางแผนให้แยบยน ผมรู้ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะขอหนึ่งคบเป็นแฟนแล้วครับว่าไอ้พี่บอสมันไปด้วย แต่จะให้ผมถามตรงๆ ก็ใช่เรื่อง คนคลูๆ แบบผมมันต้องมีชั้นเชิง

ในรถหลังจากดูหนังวันนั้น

“เมียครับ เมียไปออกค่ายกับที่คณะหรือครับ”

“อืม” “ไปวันไหนน่ะครับ”

“วันศุกร์เสาร์หลังสอบเสร็จสองวันน่ะ”

“เอ๋ พักที่ไหนน่ะครับเมีย”

“Ananda Resort & Spa น่ะ ทำไมรึ”

“เอะ นั่นอะไรน่ะ เหมือนนางฟ้า” ผมทำมือชี้ไปบนท้องฟ้า

“ไหนมึง กูเห็นแต่นกไหนนางฟ้ามึง ว่าแต่เมื่อกี้คุยถึงไหนล่ะ”

“หนังสนุกดีเนอะ”

“อืม ก็……...”         

แค่นี้ก็เรียบร้อย ผมก็ได้ทั้งวัน เวลาและสถานที่เรียบร้อย โดยที่ไอ้หนึ่งไม่รู้ตัว นี่สรุปมันบื้อหรือผมบ้ากันแน่ ถามขนาดนี้แม่งยังไม่ระแวงสงสัยอะไร นี่ถ้าผมขับเข้าม่านรูดบอกปวดฉี่มันจะเชื่อผมใช่ไหมครับ ผมกลับมาถึงคอนโดผมก็จัดการจองที่พักพร้อมไลน์ชวนเพื่อนในกลุมเรียบร้อย บอกไปพักผ่อนแก้เครียดกัน พร้อมเอ่ยออกค่าที่พักให้ ทุกๆ คนก็ยอมตกลงเป็นไม้กันหมาให้ผมอย่างดี มีเพื่อนไปสุขใจยิ่งกว่าไปลำพัง เผลอๆ ผมจะรวมหัวรวบหางหนึ่งก่อนผลสอบจะออกซะอีก ผมก็ว่าผมทำได้น่ะ แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะคะแนนหนึ่งได้รึเปล่า         

หลังจากที่ผมส่งไอ้กันไปให้หวานเตาะเล่นแล้ว หวานก็เต็มใจช่วยเหลือผมทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่ข้อมูลต่างๆ ของหนึ่งแต่หวานยังช่วยเป็นหูเป็นตาให้ผมด้วยว่ามีใครมาเกาะแกะยุ่งย่ามกับแฟนผมรึเปล่า ก็ผมหวงนี่ กว่าจะได้มาครองก็ใช้เวลาเป็นสิบปี จะปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ ก็คงไม่ใช่ จริงๆ ผมก็ขับรถตามรถบัสที่มันมาเรื่อยนี่แหละ วินาทีที่รถจอดพักที่ปั้มและเห็นไอ้บาสแม่งมาแต๊ะอั๋งแฟนผมตอนหลับ ผมนี่แถบจะกระทืบแม่งให้จมตีน บังอาจมาเต๊าะแฟนกู แต่ผมต้องเก็บอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้ เพื่อไม่ให้เสียงานใหญ่ที่เตรียมจะจับหนึ่งกดในคืนนี้ 5555 ไอ้หนึ่งเสร็จกูแน่ เมียจ๋าผัวมาแล้ววววววว


--------------------

เค้าจะได้กัน เค้าจะได้กันค่ะคู๊ณ** **

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:06:15
ตอนที่ 14 : ป๊อกกี้

“เมียครับ คิดถึงจังเลย” ไอ้แทนพูดพร้อมจะเข้ามากอด ดีน่ะผมเอามือดันอกมันไว้ก่อน

“มาได้ไงไอ้แทน มึงตามกูมาเหรอ” มาถูกได้ไง ตามมาหรือยังไง

“เมียครับ ผัวมาเที่ยวกับเพื่อน แหมมันช่างบังเอิญจริงๆ” ใช่ๆ มันต้องบังเอิญ

“อ้าว กันมาถึงนานแล้วเหรอ นี่ก็คิดว่าจะหลงทางซะอีก ส่งแผนที่ไปได้รับไหม” หวานทักทายกัน พร้อมคนอื่นๆ

“สรุปยังไง ไอ้แทน ยังบังเอิญอยู่ไหม”

“ครับเมีย ผัวว่าน่าจะเป็นบุพเพ เราคงเป็นเนื้อคู่ของกันและกัน”

แม่งยังเอาสีข้างถู เถียงไปก็ไม่ชนะ เลิกกกกก

“อ้าว รู้จักกันรึค่ะ” คุยเพลินจนลืมพี่หนุ่มที่ทำท่ายั่วยวนอยู่ริมสระ

“ครับ นี่เมียครับ” ไอ้แทนพูดพร้อมชี้มาทางผม ซึ่งกำลังส่ายหน้าโบกมือสะบัดปฎิเสธพลวัน

“โอ๊ยยยยยย สวยๆ อึ๋มๆ อย่างพี่ทำไมไม่เอากันค่ะ แล้วเหลือใครโสดให้พี่บ้างค่ะ”

ทุกคนพร้อมใจกันชี้มือไปที่โจ๊ก มึงไม่รอดแน่

“กรี๊ดดดด คนนี้ก็ได้ พี่เอาหมด” พี่ถามมันรึยังครับ ว่ามันเอาด้วยไหม

“ไหนก็มาเที่ยวด้วยกันแล้ว พี่เรียนเชิญน้องๆ มาร่วมทานข้าวเล่นเกมส์ร่วมกันช่วงค่ำเลยน่ะคะ เผื่อน้องโจ๊กดูพี่ ไปนานๆ จะเห็นความสวยและงดงามของพี่ พี่ย้ำตรงนี้น่ะคะ พี่สายสวยไม่ใช่สายตลก พี่ขอตัวไปเดินรอบสระก่อนน่ะคะ ยังมีผู้ชายอีกมากที่ต้องการแซวพี่”

และแล้วพี่หนุ่มก็เดินไปอย่างทุกที่คือรันเวย์ เกือบสวยถ้าไม่ติดว่าพี่แกไปตกขอบสระตรงฝั่งโน่น พี่จะเดินสายสวยแล้วครับอีกนิดเดียว         

เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดทานเข้าและร่วมเล่นเกมส์ในช่วงค่ำ ผมเลยชวนกันเดินมาริมหาดที่อยู่ด้านในของโรงแรม เหมือนเป็นหาดส่วนตัวเลยครับ เงียบสงบไม่มีคน จะเห็นก็แต่คู่รักชาวเราที่เดินริมหาดเล่นกันเป็นคู่ๆ พอเดินมาถึงหาดทรายผมยืนสูดอากาศบริสุทธิ์สักพักหันมาอีกที ไอ้หวานก็เดินไปกับไอ้กันทางซ้าย พี่หมอกกับตือก็เดินแยกไปทางขวา โจ๊กนี่วิ่งไปอาสาทาครีมกันแดดให้สาวๆ ริมหาด แหม ชีวิตหนุ่มโสดมึงนี่ช่างน่าสำราญ รู้ตัวอีกทีเหลืออยู่กับไอ้แทน

“ทำไรกันดีว่ะ แทน”

“เดินจับมือริมหาด”

ไอ้แทนพูด พร้อมชี้มือ ไปทางไอ้ตือกับพี่หมอก แม่งเดินสวีท จูงมือถอดรองเท้าเดินเขี่ยน้ำ แม่งดูสวีท สักพักไอ้พี่หมอกแม่งแกล้งถีบไอ้ตือลงทะเล พร้อมนั่งขำอยู่ริมหาด อันนี้ถ้าเป็นกูมึงคงจับกูกดน้ำ

“ไม่เอามึง เดี๋ยวมึงถีบกูแบบไอ้พี่หมอก หรือแม่งจับกูถ่วงน้ำ” ไม่ ไม่ ไม่ ผมส่ายหน้า

“’งั้นวิ่งไล่จับ” ไอ้แทนพูดพร้อมชี้มือไปทางไอ้กันกับหวาน

“หวาน อย่าหนีน่ะ มาให้กันจับซะดีๆ”

“ไม่เอาค่ะ กัน หวานเบื่อล่ะ งั้นหวานจับกันบ้าง กันหนีน่ะ”         

อืม มันก็โอเคน่ะ ก็ดูสวีทดี แต่ถ้ามึงกับกูวิ่งด้วยกันคนจะคิดว่ามึงวิ่งราวกูไหม หน้ามึงยิ่งคล้ายโจรอยู่ คิดไปพลางดูไอ้หวาน สักพักไอ้หวานคงโกรธวิ่งไล่ไม่ทัน แม่งกระโดดถีบไอ้กันกลางลำตัว ขึ้นคล่อมจิกหัว พร้อมเอาหน้าไอ้กันกระแทกพื้นทราย

“เหี้ย” ไอ้แทนคงช็อคเมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของหวาน ส่วนกูชินพูดเลย

“ผัวว่าไม่น่าจะโอเคน่ะ เราควรทำอะไรดี” อืม นั่นสิ ทำไรดีว่ะ ระหว่างที่ยืนคิดอยู่นั้น

“หมูกระทะกับเบียร์เย็นๆ สิเบบี๋” ผมกับแทนหันหลังไปเจอโจ๊กนั่งหน้าเตาพร้อมชูมือกับกระป๋องเบียร์ในมือ

“ใช่/ใช่”

ผมกับแทนพูดพร้อมกันพร้อมลงนั่งหน้าเตา โจ๊กรู้หน้าที่ส่งจาน, ช้อน, ตะเกียบ พร้อมเบียร์หนึ่งกระป๋องมาให้  ใช่นี่แหละใช่ที่สุดแล้ว ผมเหมาะกับการเดินทางสายกลางที่สุดแล้ว กลางวงหมูกระทะ ว่าแต่

“ชวน หวาน กัน ตือ พี่หมอกมากินด้วยสิ” ผมหันมองหาเพื่อน ไปไหนกันหมดว่ะ

“เมียจะชวนทำไมล่ะครับ ในเมื่อมันมานั่งอยู่ข้างเมียแล้ว”

อ้าว แม่งเร็วกว่ากูอีก สงสัยได้กลิ่นจมูกดีจริงพวกมึง

“หยุดพูดเลย รีบย่างกูหิว” ไอ้หวานสั่งเรียกสติ         

ว่าแต่หมูกระทะ เบียร์เย็นๆ ริมทะเลก็เข้ากันดีน่ะครับ จะให้ผมกับไอ้แทนหวานแบบคู่คนอื่นเค้าก็ไม่ไหว ว่าแต่ไอ้โจ๊กไปหาหมูกระทะมาจากไหน แต่ช่างเถอะ อาหารอร่อย บรรยากาศดีทีทะเลยามเย็น กับเพื่อนและคนรู้ใจ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ กินกันอื่มสักพัก เราก็นั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฝั่งไอ้แทนก็เผาเพื่อนมัน ผมไม่น้อยหน้าก็เผาเพื่อนตัวเองกลับ เผลอแวบเดียวก็ถึงเวลานัดทานอาหาร สรุปพวกมึงยังแดกกันไหวใช่ไหม ตือ หวาน อย่าดูถูกครับ         

เนื่องจากคนเยอะ อาหารเลยเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารเรียงยาวจากต้นทางจนสุดปลายทาง มีทั้งอาหารไทยอย่างก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง อาหารฝรั่ง ไม่ว่าจะสปาเก็ตตี้ สเต็ก อาหารจีน ซาลาเปา  ปิ๊งย่าง จนอาหารทะเล ขนม ผลไม้ เค้ก เดี๋ยวขอตัวไปกินกุ้งเผาแวบ และแล้วเราก็แยกไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง ส่วนพวกไอ้แทนบอกเกรงใจจะตามมาตอนหลังในช่วงเล่นเกมส์ โทษครับไม่มีเวลาคุยแล้ว ไอ้หวานหยุดนั่งกุ้งกู         

โอยยยย ไม่ไหว ทุกอย่างหยุดนิ่ง ไม่ไหวอีกแล้วครับ อิ่มจนไม่มีแรงเดิน ว่าจะลงไปกลิ้งกับพื้น พี่หนุ่มกับพี่แอนก็นอนตายไปก่อนหน้ากูแล้ว ที่เหลือนี่นั่งหน้าแน่น ไม่ใช่แต่งหน้าแน่น นั่งหน้าแน่นกินจนจุก ไอ้หวานนี่แทบจะจมกองกุ้งอยู่หน้าซุ้มปิ๊งย่าง ไอ้ตือนี่ยังคลานไปตักเค็กกินได้ กูนับถือมึงมากตือ

“ใคร บอกกูสิใครออกความเห็นเรื่องแดกเป็นบุฟเฟ่ต์” พี่แอนประธานรุ่นโวยวาย

“มึงค่ะ อีแอน มึงเป็นคนออกความคิดเลยค่ะ ดูสิ ผู้ชายฝั่งโน่น แม่งอยากกินกู กูยังไม่มีแรงลุกไปให้มันกินเลย” ไหนว่ะพี่หนุ่มคนไหน ไม่เห็นจะมี พี่กูคิดเอง เออเองอีกล่ะ

“น้องๆ  เกมส์ต้องรอก่อนน่ะคะ สถานที่พร้อม แต่พี่ไม่พร้อม พี่ไปย่อยแล้วพี่จะกลับมา” พี่แอนลุกลากสังขารไปห้องน้ำ พี่หนุ่มแน่กว่ากลิ้งตามไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเดิน ไหนพี่ว่ามาสายสวยไงครับ         

นี่พวกเราคงกินกุ้งกันหมดหาดแล้ว กุ้งคงต้องขาดตลาดไปอีกอาทิตย์กว่า ผมต้องการขอโทษแทนเพื่อนๆ ด้วย นั่งย่อยสักพัก แก๊งค์ไอ้เถื่อนก็มา อาบน้ำแต่งตัวมาซะหล่อมึงจะอ่อยใคร

“หวาน หวานต้องเลิกให้ได้น่ะครับ กันจะพาหวานไปหักดิบอดกุ้งที่ถ้ำกระบอก” อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องโดนตบด้วยจานกุ้งจริงๆ ไอ้กัน

“ไงครับเมีย คืนนี้จะมีแรงเหลือไหมครับ”

“คืนนี้ อะไร งง” พูดอะไรไม่รู้เรื่อง

“ก็คืนนี้เรานอนด้วยกันสองคน เมียจะให้ผัวทำคนเดียวไม่ได้น่ะครับ ยังไงเมียต้อง On Top ให้ผัวบ้าง”

“อะไรมึง กูนอนกับตือหวาน”

“เมียครับ หวานเป็นผู้หญิง มานอนรวมกับผู้ชายมันดูไม่ดี” โอยยยย นอนด้วยกันมาเท่าไหร่ล่ะ ตอนสอบนี่นอนเกยกันแทบจะได้เสีย

“แล้วหวานนอนกับใคร” ตอบกูมาในที่นี้ใครสาวบอกมา

“ก็กับกันนี่ไงค่ะ” กันลุกขึ้นแสดงจริตเกินหญิง กันนี่ เดี๋ยวจะให้ไปนอนกับหนุ่มมี่

“แล้วตือล่ะ” เออ กูนอนกับตือก็ได้

“ตือก็ต้องนอนกับพี่หมอก หรือเมียจะสวิง ก็ได้น่ะครับ”

เออ แม่งพวกนี้ทิ้งกูอีกล่ะ

“งั้นกูนอนกับโจ๊กก็ได้”

“หนึ่งครับ เข้าห้องโจ๊กชกท้องปล้ำเลยน่ะครับ ไม่ลีลาให้เสียเวลาแบบไอ้แทนแน่นอน”

หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ แม่งทางไหนก็เสียตัว ไปกับโจ๊กกูโดนแน่ๆ ไปกับไอ้แทนกูยังมีทางรอด

“เออๆ กูนอนกับมึงก็ได้”

ไม่มีทางเลือก ผมจะสู้ สู้เผื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง จะสู้จนหลังผิงฝา เรื่องยังไม่เกิดเดี๋ยวค่อยว่า         

และแล้วก็ถึงเวลาเล่นเกมส์กระชับความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนพี่น้องนักศึกษาแพทย์ด้วยกัน พี่แอนก็สั่งให้แยกกลุ่มเป็นกลุ่มตามเดิมโดยมีพี่ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคอยเซ็กความเรียบร้อยข้างหน้า นี่ผมเกือบลืมไปแล้วว่าไอ้พี่บอสมาด้วย สงสัยพี่แกคงยุ่งกับเตรียมงานน่ะครับ เลยไม่เห็น ก่อนเริ่มเล่นเกมส์พวกรุ่นพี่ก็เอาสายข้อมือสีขาวมาผูกรับขวัญน้องๆ เรียกว่างานนี้พันกันจนเต็มข้อมือ พี่ๆ ก็เดินวนกันผูกข้อมือ พร้อมอวยพรน้องๆ ทุกๆ อย่างไปได้ดี พี่น้องรักไคร่ปรองดองกัน แต่มันจะติดอยู่ตรงอีตอนพี่บอสมาผูกข้อมือผมนี่แหละ

“น้องหนึ่งครับ พี่ขอให้น้องเรียนสำเร็จอย่างที่ตั้งใจน่ะครับ พี่อยากให้น้องมีแฟนที่ดี อย่าคบคนพาลอย่างวิศวะ ลองมาคบหมอด้วยกันน่าจะดีกว่าน่ะครับ อิอิ”

ผมได้แต่ยิ้มแฮะ พร้อมเสียวสันหลังกับสายตาอาฆาตของไอ้เถื่อนแก็งค์วิศวะอย่างไอ้แทน

“เฮ้ยมึง ถ้ากูกระทืบนักศึกษาแพทย์ ไม่น่าจะบาปเท่าไหร่ป่าวว่ะมึง อย่างน้อยมันน่าจะลุกมาปฐพยาบาลตัวเองได้ หรือไงว่ะ สงสัยต้องลองกระทืบดู”

ไอ้แทนปล่อยหมาออกมาฝูงใหญ่ พี่บอสหันควับไปพบตีน เอ๊ย ไอ้แทนก่อนจะยักไหล่แล้วเดินจากไป

“เอาล่ะคะ อาหารคงจะย่อยกันแล้ว เดี๋ยวเรามาเล่นเกมส์กันสักเล็กน้อยน่ะคะ ใครชนะมีของรางวัลจากพี่ๆ ให้ด้วย ไม่ต้องห่วงค่ะ ได้เล่นกันทุกคน เดี๋ยวจับคู่มาเล่นทีล่ะคู่น่ะคะ จนครบทั้งหมดห้าเกมส์พอดีค่ะ”

พี่แอนอธิบายเกมส์เล้กน้อย ก่อนพี่หนุ่มจะตบแย่งไมค์มาได้

“เอาล่ะคะ เดี๋ยวเรามีบรรดาผัวพี่จากคณะวิศวะมาเล่นเกมส์ด้วยน่ะคะ ยังไงไปอยู่ทีมน้องบอสล่ะกันค่ะจะได้ครบคู่ เชิญบรรดาผัวพี่เข้าทีมค่ะ” พี่หนุ่มกล่าวเชิญไอ้แทนและเดอะแก็งค์

          ทุกๆ คนจับคู่กันอย่างลงตัว พี่หมอกคู่ตือ หวานกับกัน ไอ้แทนคู่ผม เหลือแต่โจ๊กที่เป็นเศษ แต่ดูท่ามันจะกึ่งหลับกึ่งตื่น สงสัยแดกเบียร์ไปเยอะสลึมสลือเลยมึง เกมส์ดำเนินต่อไป เรื่อยๆ ทั้งเกม เดาเลข 1-100 ใบ้คำ อะไรต่างๆ ขนมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้ชนะเกมส์นั้นๆ ก็จะได้ของขวัญของฝากจากพี่สต๊าฟนั้นๆ ไปครอบครอง กันกับหวานเล่นกินคุกกี้บนหน้า แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย พี่หมอกตือเล่นบวกเลขเร็ว เห็นแค่เกมส์ก็รู้ว่าไอ้พี่หมอกชนะชัวร์ ได้ของรางวัลเป็นขนมมากล่องใหญ่ จนเหลือผมกับแทนเป็นคู่สุดท้าย

“เอาล่ะคะ”

“โอย อีแอนจะ เอาล่ะคะ อะไรนักหนาค่ะ อีดอก รีบๆ พูดเลยค่ะ” พี่หนุ่มดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ

“ค่ะ เกมส์นี้เราอิงกระแสเกาหลีฟีเว่อร์กันหน่อยน่ะคะ เราเน้นอุปกรณ์และความยาว อย่าคิดลึกค่ะ งานนี้ไม่มีแซ่ มีแต่ป๊อกกี้ค่ะ” พี่แอนอธิบายเกมส์พร้อมชูป็อกกี้ในมือ

“น้องอาจจะไม่เข้าใจ พี่จะสาธิตให้ดูน่ะคะ ขอเบิกตัวผัวพี่น้องโจ๊กค่ะ” เสียงตบมือดังสนั่น ทุกคนต่างมองหาว่าที่ผัวพี่หนุ่ม ซึ่งไอ้เหี้ยแม่งหลับ จนไอ้พี่หนุ่มต้องมาดึงไป มึงตื่นยังว่ะ

“เกมส์เล่นแบบนี้น่ะคะ อีกฝ่ายต้องคาบป็อกกี้ไว้ อีกฝ่ายต้องกัดเข้าไปให้เหลือน้อยที่สุด พี่จะสาธิต พี่รอเวลานี้มานานแล้ว”         

พี่หนุ่มไม่รอช้ายัดป๊อกกี้ให้ไอ้โจ๊กคาบ ค่อยๆ เลื่อนปากกันเข้าไปใกล้ปากไอ้โจ๊ก เดชะบุญไม่รู้ด้วยกลิ่นปากพี่หนุ่มหรือบุญแต่ชาติปางไหนไอ้โจ๊กตื่นพอดี รอดปากพี่หนุ่มไปอย่างหวุดหวิด ไอ้โจ๊กบอกกูเสียวไข่วาบเลย เกือบจะเสียเอกราชให้ไอ้พี่หนุ่มซะแล้ว

“เกมส์นี้ของรางวัลของพี่เองค่ะ มาจากญี่ปุ่น” ผมหันขวับ โอยยยย อยากได้ ต้องเป็นตุ๊กตาหรือไม่ก็ขนมญี่ปุ่นแน่นๆ

“เมียอยากได้หรือครับ” ใครจะไม่อยากได้มึง ของฟรีมาจากญี่ปุ่นด้วย ผมพยักหน้าแต่ตายังมองค้างไปที่ของขวัญกล่องใหญ่ในมือพี่หนุ่ม

“เมียชนะแน่ ไว้ใจผัวเรื่องนี้ได้เลย” ผมทำสายตาซึ้งส่งหาแทน แทนพ่อพระตัวน้อยๆ

“เดี๋ยวเมียคาบไว้เฉยๆ น่ะครับ เดี๋ยวผัวขยับเอง” ผมพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ได้สนใจไอ้แทน ก็ผมอยากได้ของนี่

“เอาล่ะคะ เมื่อพร้อมแล้ว เริ่มได้ค่ะ”         

พี่แอนให้สัญญาณเริ่มเกมส์ ในใจก็เชียร์ไอ้แทนว่าชนะให้ได้น่ะมึง กูฝากความหวังไว้ที่มึงน่ะ ผมลุ้นจนตัวโก่ง ไอ้แทนใกล้เข้ามาเรื่อย โอยยยยย ลุ้นจนเยี่ยวจะเหนียวแล้ว ผมเห็นระยะแคบลงมากเลยบอกไอ้แทนด้วยการสะกิดแขน พอแล้วมั๊งมึง แต่ไอ้แทนไม่หยุด เอามือมาโอบหลังพร้อมโน้มตัวผมให้หันหลังให้คนดู หมดไม่มีเหลือครับ ป๊อกกงป๊อกกี้ ไม่ต้องวงต้องวัดมันแล้ว แม่งยังไม่หนำใจ ยังลงลิ้นควงสว่านจนผมแถบเข้าอ่อน รู้ตัวอีกทีตอนพี่หนุ่มแซว

“โอยยย ไม่ต้องวงต้องวัดมันแล้วค่ะ เอาของรางวัลไปแล้วไปต่อที่ห้องน่ะคะ โอยยยย อิจฉา อีดอกแยก นอนค่ะ”         

พี่หนุ่มโยนของรางวัลให้ พร้อมบอกว่าเป็นที่นวดไหล่ ผมก็เฮ้อออออ จะเอามาทำไมที่หนวดไหล่ ทำไมไม่ซื้ออะไรที่มันชิคชิค แบบที่เค้าซื้อกัน กูคงตั้งความหวังกับไอ้พี่หนุ่มไว้มาก มัวแต่ห่วงของฟรีจนลืมด่าไอ้แทน

“แม่งไม่อายเค้าเหรอว่ะคนเยอะแยะ”

“ดีสิครับ คนจะได้รู้ว่าเมียมีเจ้าของแล้ว พวกหมามันจะได้ไม่คาบไป อีกอย่างเมียบอกจะให้บดจนปากบวม นี่ผัวก็บดจนเต็มที่ก็ยังไม่บวม มาครับมาบดอีกที”

“มึงว่ากูควรบอกพวกมันไหมว่าพวกกูยังอยู่ตรงนี้” อ้าวโจ๊กคงตื่นแล้ว

“กูว่าแม่งอยากเอาท์ดอร์ คงผิดที่พวกเราเอง กลับห้องกันเหอะว่า” กันร่วมด้วยช่วยกัน

“มันจะพกถุงยางมาไหมว่ะ พี่เป็นห่วง” พี่หมอกจะเอากับเค้าด้วยใช่ไหมครับ

“มันคงเล่นสดน่ะพี่ เห็นซ้อมท่ามาตั้งแต่เย็นล่ะ” โจ๊กพูดพร้อมแคะขี้มูกทำท่าดีดใส่ สกปรก

“เออ แยก”   

พูดเสร็จแม่งก็ทิ้งกูให้อยู่กับไอ้แทนจอมหื่นอยู่สองคน ไม่มีใครห่วงกูหรืออย่างไรมันจ้องจะงาบกูอยู่เนี่ย ไอ้ห่านี่ก็ลูบจนกูขนลุกไปทั้งตัวแล้ว แล้วคืนนี้กูจะรอดไหม ช่วยกูด้วย ซัมบอร์ดี้เฮ้วมี พรีสสสสส


---------------------------------------


หายไปนานเกือบหนึ่งเดือน ขอโทษด้วยค่ะ น้องป่วย น้องไม่ไหวจริง อาทิตย์แรกของเดือนน้องก็ตกบันได เอ็นหัวเข่าไปกระแทกกับโต๊ะ เดินไม่ได้ไปสองวัน เราก็เออ จะได้พักนอนเขียนนิยายอยู่บ้าน สรุปกินยาปุ๊บหลับเลยจ้า ยากินแล้วง่วงมาก ต้องนอนเป็นผักเป็นปลาเกือบอาทิตย์ ถัดมาอีกอาทิตย์ก็รู้สึกเป็นไข้ตอนกลางคืน มีไข้ขึ้นๆ ลงๆ เราก็คิดเดี๋ยวก็หายสรุปไม่หาย ไปตรวจหมอบอกเป็นเชื้อไวรัส จะหายเองภายในหนึ่งอาทิตย์ ถัดมาก้างติดคอจนคอบวมปวดร้าวไปอีกสองวัน ตอนนี้ขาก็ยังปวดอยู่แต่รู้สึกจะปวดมากขึ้นหลังจากหายไข้นี่ก็ว่าจะไปตรวจใหม่ อาทิตย์ถัดมาก็คงไม่เหมาะในการอัพก็เลยล่วงเลยมาปานชะนี้ เฮ้ออออ ดูแลสุขภาพกันด้วยน่ะคะ

รักที่สุด

Aemmilicious

หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:07:05
ตอนที่ 15 : เรื่องบนเตียง



หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้อง ผมก็ได้พบความจริงว่าแก็งค์ไอ้หื่น นี่ไม่ได้เกรงจงเกรงใจอะไรหรอกครับเรื่องอาหารค่ำ กินฟรีแบบนี้ปกติแทบจะวิ่งเข้าใส่แดกกันไม่เกรงใจเจ้าภาพ แต่พวกไอ้แทนมันมาเตรียมห้องต่างหากล่ะครับ ห้องเดิมที่ผมอยู่ด้วยอีกฝั่งนึงตอนนี้เป็นของหวานกันเรียบร้อยแล้ว มันให้เหตุผลว่าหวานของเยอะย้ายลำบาก ตอนนี้ผมเลยมาอยู่อีกฝั่งนึงที่เป็นห้องพักของแก็งไอ้หื่นจองไว้ซึ่งจะกว้างกว่าอยู่ชั้นล่างมีสระว่ายน้ำส่วนตัว นี่คงเป็นห้องที่เหลืออีก10% ของลูกค้าที่จองไว้ล่วงหน้า ผมตือและพวกแทนจึงอยู่ติดกันทั้งสามห้อง ผมนอนห้องเดียวกับแทน ตือกับพี่หมอก จะเหลือแต่โจ๊กหนุ่มโสดเจ้าสำราญที่นอนเดียวดาย ซึ่งได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย สงสัยกำลังหาคนมานอนด้วย ผมถอนหายใจอยู่ประตูหน้าห้อง

"เมียครับ แค่เข้าห้องไม่ได้ออกรบทำไมดูเครียดจัง"

"นี่ไม่ใช่ห้องนอนมึง สำหรับกูคือโรงเชือด กูกำลังคิดหาทางเอาตัวรอดอยู่”

ห้องนี้อาจสร้างความเจ็บปวดและพรากความบริสุทธิ์ของผม ผมพูดอย่างอ่อนแรงไร้แรงสู้ รู้สึกตัวร้อนๆ รุมๆ ชอบกล สงสัยเป็นเพราะมึงนี่แหละ

"เมียครับ ผัวรู้ว่าผัวน่าเอาเมียอาจจะอดใจไม่ไหว แต่ทำไมเมียชอบคิดเรื่องอย่างว่าเวลาอยู่กับผัวสองคนตลอดเลย นี่ผัวกะจะรอเมียพร้อมแล้วค่อยทำ กะจะนอนจับมือกันใสๆ"

มันพูดพร้อมเอียงคอ ใสๆ พ่อมึงสิเถียงกับมึงกูก็เหนื่อยแทนเข้าห้องแม่งล่ะ         

ผมเปิดเข้ามาเห็นภาพอย่างกับโรงเชือด มีกุหลาบโรยอยู่บนเตียงปรายเตียงมีผ้าขุนหนูคดเป็นรูปหัวใจ หัวเตียงยังมีถุงยางวางอยู่ นี่มึงเตรียมพร้อมมาก ผมยืนอื้งขาสั่น

"โอ๊ะ สงสัยโรงแรมจัดห้องผิด บอกพักสองคนเค้าคงคิดว่ามา Honey Moon น่ะครับ แย่งจริงๆเลยพรุ่งนี้ต้องไปต่อว่าหน่อยล่ะ"

พูดเสร็จแม่งก็ลงไปนั่งบนเตียงพร้อมตบเตียงเรียก ไอ้แทนมึง...

"แล้วถุงยางหัวเตียงคืออะไร"

"จริงๆการป้องกันเป็นเรื่องสำคัญน่ะครับ แต่ถ้าเมียไม่ชอบไม่ใส่ก็ได้ครับท้องยังไงผัวรับผิดชอบเองครับ"

พูดเสร็จแม่งก็ปาถุงยางไปมุมห้องแล้วหันมาตบเตียงต่อ จะไปขอความช่วยเหลือจากหวานตือ มันก็บอกว่าไม่โดนวันนี้วันหน้าก็ต้องโดนยังไงผมคงไม่หลุดรอดจากไอ้แทนเป็นแน่แท้ คิดมากไปก็ปวดหัวนี่ก็เริ่มปวดตงิดตงิด ว่าแล้วมาแกะของรางวัลที่ได้จากเล่นเกมส์ดีกว่า เห็นพี่หนุ่มบอกเป็นที่นวด เผื่อจะผ่อนคลาย ว่าแล้วผมก็สะบัดผ้าห่ม กุหลงกุหลาบปลิวว่อนไปหมดล่ะ ไอ้แทนจึงต้องไล่เก็บกวาดไปโดยปริยาย         

เมื่อนั่งบนเตียงผมก็ใจจดใจจ่อกับการแกะของรางวัลจนลืมไอ้แทนไปชั่วขณะ ซึ่งตอนนี้ได้ไปจัดเก็บกลีบกุหลาบจนเรียบร้อย แต่เอ๊ะ! นี่ไม่น่าจะใช่ที่นวดหลังน่ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนน่ะ ผมหยิบของออกมาพินิจพิจารณา

“เมียครับ ครั้งแรกก็มีของเล่นซะแล้ว ถูกใจผัวจริงๆ ครับ”

“ของเล่นอะไรของมึงว่ะแทน”

ไอ้แทนไม่ตอบ แต่เข้ามากดปุ่มที่เชื่อมกับอุปกรณ์นั้น ทันใดนั้น มันก็สั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย กูว่าล่ะเคยเห็นที่ไหน ในหนังโป๊นี่เอง ไอ้ที่หนุ่มน่ะไอ้พี่หนุ่มแยกที่หนวดหลังกับไวเบรเตอร์ไม่ออก เก็บไว้กูก็ระแวง โยนเม่งลงสระหลังห้อง

“อ้าว เมียโยนลงสระทำไมละครับ ของดีๆ ยังไม่ได้ใช้เลย”

แทนถอนหายใจอย่างเสียดาย แค่มึงกูก็แทบจะตายคาอกล่ะ ยังจะเอาอุปกรณ์มาเล่นกับกูอีก โอ๊ยปวดหัว ไปอาบน้ำดีกว่า ผมเปิดตู้เสื้อผ้าออกมา เห็นได้ชัดว่าแทนเตรียมการไว้พร้อม เสื้อของผมกับแทนถูกจัดแขวนอยู่ในตู้อย่างเรียบร้อย แบ่งฝั่งแยกของใครของมันอย่างเป็นระเบียบ เอาวะ สู้มันไม่ได้ กูยอมๆ มันหน่อยล่ะกันมันทำขนาดนี้แหละ แต่ไม่สิหนึ่ง อย่าใจอ่อน เราต้องแข็งใจไว้ อย่าให้มันกระทำชำเราสิ หวงตัวหน่อยสิวะ ผมพลางหยิบเสื้อพร้อมผ้าขุนหนูจะเข้าไปอาบน้ำ แต่ต้องสะดุดเมื่อไอ้แทนกำลังถอดเสื้อและกำลังปลดตะขอกางเกงตัวเองอยู่

“ทำไรมึง ถอดเสื้อทำไม”

“อาบน้ำไงครับเมีย อาบพร้อมกัน ประหยัดน้ำดี เผื่อเมียถูหลังไม่ถึงผัวจะได้ช่วย”

“หยุด กูจะอาบคนเดียว หลังกูกูถูได้ น้ำมึงนอนโรงแรมไม่ต้องประหยัด เปิดทิ้งๆ ขว้างบ้างก็ไม่เป็นไร”

“เมียต้องลดการใช้พลังงานช่วยโลกน่ะครับ”

“ไม่”

ผมพูดเสร็จพร้อมวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ ปิดประตูได้อย่างชิวเชียด ไอ้แทนยังเคาะประตูห้องน้ำครางหงิงหงิงอยู่หน้าห้อง

“เมียครับ ถ้าเมียล้มในห้องน้ำจะทำไง ผัวเป็นห่วง”

ปล่อยกูนอนตายอยู่ในห้องน้ำอย่างสงบมึง อย่าได้คิดรบกวนกู         

อาบน้ำไปสักพัก สดชื่นดีครับ มันทำให้หัวปลอดโปร่งดี แต่ต้องมาชะงักตอนออกมาเห็นไอ้แทนนั่งหน้าคว่ำเป็นตูดนี่แหละ อะไรของมึงครับคุณชายแทน

“อะไรมึงแทน งอนกูรึ”

“เปล่าครับ ผัวแค่เสียดาย อยากอาบน้ำด้วยน่ะ”

พูดเสร็จแม่งนั่งคอตก เอาซะดราม่าเลยมึง

“ไป อาบน้ำไปมึง จะได้นอน”

“ก่อนนอน เมียเล่นเกมส์เป็นเพื่อนผัวหน่อยน่ะครับ”

ผมหาวฟอดใหญ่ เล่นเกมส์ไรว่ะ Rov รึ

“เออๆ รีบๆ ล่ะ กูง่วงแล้ว”

“จริงน่ะครับ”

“เออ”

“ห้ามเปลียนใจน่ะครับ”

ถามย้ำกูจัง เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี ถามซะหน่อยล่ะกัน

“เกมส์ไรมึง ในมือถือรึ”

“เปล่าครับ เล่นพลัดกันช่วยตัวเอง ใครแตกก่อนถือว่าแพ้ครับ อารมณ์ดีแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า”

เหี้ยแล้วไหมล่ะกู เกมส์เหี้ยไรของมันนี่ ผมรู้สึกตัวร้อนรุ่มๆ ขึ้นๆ ลงๆ ยังไงชอบกล ว่าจะลุกไปหยิบน้ำมาดื่ม แต่แล้วผมก็เคลิ้มหลับไป อย่างไร้เรี่ยวแรง

-----------------------------------------
แทน Part

          คุณคงคิดล่ะสิว่าผมจะปล้ำหนึ่งจับทำเมียในคืนนี้ คุณคิดผิด ผมต้องรักษาสัญญาเรื่องที่พนันกันเรื่องสอบ แม้ผมจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าคะแนนผมไม่น้อยแน่นอน แต่ไม่รู้จะชนะรึเปล่า ถ้าแพ้เดี๋ยวค่อยจับมันปล้ำทีหลัง ความหวังสูงสุดของผมในตอนนี้ คือการเล่นช่วยตัวเองด้วยกัน หลังจากพลาดการอาบน้ำด้วยกันไปแล้ว ยังไงครั้งนี้ผมจะไม่พลาด นอนเตียงเดียวกันจะให้ไม่ลูบคลำคงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนน่ะครับ ตอนนี้ก็แข็งจนไม่รู้จะแข็งยังไงล่ะ อยู่ในห้องสองต่อสองกับแฟน เป็นคุณ คุณจะไม่มีอารมณ์หรือครับ ผมนี่รีบอาบน้ำแทบจะวิ่งผ่านน้ำ แต่ผมขัดทุกซอกทุกมุมน่ะครับ โดยเฉพาะตรงนั้น อิอิ เสื้อผงเสื้อผ้าไม่ต้องใส่ล่ะ ผมใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียว                     

ผมออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง โอ๊ะ เมียอ่อยผัวใช่ไหมครับ สงสัยอายไม่กล้าทำ แหม ผมก็ต้องคงเป็นฝ่ายเริ่มสิครับ งานถนัดเลย

“เมียครับ หลับแล้วหรือครับ หรืออ่อยผัวอยู่”

ไม่ขยับและไม่มีเสียงตอบรับ สงสัยแกล้งหลับชัวร์

“ถ้าเมียไม่ตอบ แสดงว่าเมียโอเคน่ะครับ ผัวจะเริ่มล่ะนะครับ” อิอิ ไม่ตอบสงสัยตื่นเต้น งั้นขอน่ะครับ

“งั้นผัวเริ่มล่ะนะ”         

ผมจึงค่อยใช้มือลูบจากปลายขาขึ้นด้านบน ผิวอุ่นๆ ของหนึ่งทำให้ผมตื่นเต้น จนอยากจะทำให้ร่างนี้แหลกคามือ หนึ่งยังคงนอนนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ สงสัยตื่นเต้นน่ะครับเลยแกล้งหลับ ผมไม่รอช้าผลิกตัวหนึ่งขึ้นมานอนหงายพร้อมขึ้นคล่อม บรรจงจูบอย่างแผ่วเบาลงที่ต้นคอ พร้อมล้วงมือลูบไร้ผิวกายขาวผ่องข้างในเสื้อ 

" อืม เสียวไหมครับ" 

หนึ่งยังไม่ตื่นและไม่มีทีท่าใดๆ จนผมสัมผัสได้ถึงความร้อนของผิวกายที่มันร้อนเกินคำอุ่น ผมเริ่มเขย่าตัวหนึ่งเผื่อเรียกสติ แต่ก็ไม่มีการขยับใดๆ ผมจึงเอามือแตะที่หน้าผาก ชิบหายล่ะ ตัวหนึ่งร้อนอย่างกับไฟ ผมไม่รอช้ารีบลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างลวกๆ พร้อมโทรหาโจ๊ก

"ว่าไงมึง ถึงสวรรค์ยังนึกถึงกูอีก"

"ถึงสวรรค์เหี้ยไรล่ะ หนึ่งป่วยตัวร้อนเป็นไฟเลย มึงรีบขับรถมารอรับกูที่หน้าห้อง รีบพาหนึ่งพาไปโรงบาลเลยเร็ว"         

ไม่นานนักโจ๊กก็มารับ ผมรีบอุ้มหนึ่งขึ้นรถ พร้อมมุ่งหน้าตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดจากการค้นหาของ Google map

"ใกล้ถึงรึยังว่ะโจ๊ก"

"มึงอย่าเร่งสิว่ะ นี่กูก็เหยียบเต็มที่ล่ะ หนึ่งเป็นไงบ้าง"

"ตัวร้อนมากเลย ยังไม่ได้สติ ถ้าหนึ่งเป็นไรไปกูจะอยู่ยังไง"

ผมกอดกระชับหนึ่งที่อยู่ในอ้อมแขนกระส่ำกระส่าย โวยวายอย่างคนไร้สติ ช่วงเวลาที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต จะจบสิ้นลงตรงนี้หรือ         

ไม่นานนักเราก็ถึงโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้เป็นโรงบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในแถบนั้น สงสัยแพงหูฉี่แน่ แต่เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ ผมยอมเสียทุกอย่างเพื่อหนึ่ง โรงพยาบาลทำงานคุ้มราคาครับ แค่ผมอุ้มหนึ่งลงจากรถ พี่ๆ บุรุษก็ลากเตียงพร้อมวิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน ผมวิ่งเกาะเตียง พร้อมตอบคำถามพี่ๆ พยาบาล

“เป็นอะไรมาครับ”

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ อยู่ดีๆ ก็ตัวร้อนไม่ได้สติ”

“งั้นรอข้างนอกน่ะครับ ถึงมือหมอแล้วไม่ต้องกังวลน่ะครับ”         

ผมหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ผมเบาใจส่วนนึงที่หนึ่งถึงมือหมอแล้ว แต่อีกใจหนึ่งผมก็ห่วงอาการของหนึ่งมาก ผมนั่งลุก นั่งลุกอย่างกระสับกระส่าย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จนสะดุ้งกับมือที่มาแตะที่บ่า

“ใจเย็นๆ น่ะมึง ถึงมือหมอแล้ว”

โจ๊กมันคงอยากให้กำลังใจผม ผมพยักหน้าพร้อมกลับไปนั่งเพื่อรอผลตรวจจากแพทย์ ทำไมมันนานขนาดนี้ เวลามันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน ผมนั่งรอจนแทบจะรอไม่ได้ กังวลทุกอย่างดีที่มีโจ๊กอยู่เป็นเพื่อน คอยดึงสติที่ขาดไปแล้วของผมกลับคืนมา สักพักหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน

“หมอครับ หนึ่งเป็นไงบ้างครับ” ผมพูดพร้อมเขย่าแขนหมออย่างแรง

“ตอนนี้หมอยังไม่ทราบน่ะครับว่าคนไข้ป่วยเป็นอะไร แต่ไข้ค่อนข้างสูง แต่หมอให้น้ำเกลือกับยาลดไข้ไปแล้ว ยังไงต้องรอดูอาการสักคืนก่อนน่ะครับ แล้วค่อยรักษา จะได้รักษาได้ถูกจุด”

“ขอบคุณมากครับหมอ” ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เข้าไปกอดไอ้โจ๊ก

“สบายใจแล้วน่ะมึง เดี๋ยวกูไปกรอกรายละเอียดคนไข้ให้มึงก่อน เดี๋ยวมึงรอรับหนึ่งที่นี่แหละ เดี๋ยวกูจัดการเรื่องห้องให้”

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ รู้สึกดีที่ผมมีเพื่อนที่ดี การดูเพื่อนแท้ไม่แท้นี่คงต้องรอดูกันตอนลำบากนี่แหละครับ ผมรู้สึกขอบคุณมันอย่างมาก         

โจ๊กกลับไปเรียบร้อยแล้ว บอกจะไปเก็บของมาให้และแจ้งให้รุ่นพี่ของหนึ่งทราบจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้สายๆ มันจัดการเช็กเอาท์แล้วจะพาเพื่อนๆ มาเยี่ยมอีกที         

ผมนั่งอยู่ข้างเตียงกุมมือหนึ่งไม่ห่าง ถ้าหนึ่งเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง ผมผิดที่ไม่สังเกตว่าหนึ่งป่วย ผมผิดที่ไม่ดูแลหนึ่งให้ดีให้หนึ่งป่วยได้ ทุกสิ่งทุกอย่างผมผิดเอง ผมนั่งกุมมือหนึ่งพร้อมนั่งดูอาการของหนึ่งว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่า แต่พยาบาลก็เข้ามาเช็กทุกๆ ชั่วโมง ทำให้ผมเบาใจได้มากขึ้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่ผมรู้อย่างเดียวว่าผมจะไม่เสียเวลาที่จะรักและดูแลหนึ่งอีกแล้ว การผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะไม่มีโอกาสให้ผมแก้ตัว ผมรู้แล้วว่าทั้งชีวิตผมแลกเพื่อหนึ่งได้ และรู้ว่ารักหนึ่งแค่ไหน

“หนึ่ง แทนรักหนึ่งน่ะ”

-----------------------------


น้องกลับมาแล้ว น้องป่วย ป่วยจนไม่รู้น้องจะตายก่อนเขียนจบไหม นี่หาหมออาทิตย์เว้นอาทิตย์เลย ขาก็ยังเจ็บ ด้วยความที่เป็นที่เอ็นตรงหัวเข่า ทำให้หายช้ากว่าส่วนอื่น ไข้นี่เป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ล่าสุดพึ่งไปฉีดยามาเมื่อวันจันทร์ ไปตากฝนมาแวบเดียวจริงๆ ก็ป่วย รู้สึกร่างกายตัวเองอ่อนแอมาก ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยน่ะคะ

Aemmilicious

P.s. ตอนหน้าแทนหนึ่งจะเปิดใจซึ่งกันและกัน และเรื่องที่แทนรอ กำลังจะเกิดค่ะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:09:11
ตอนที่ 16 : หวาน & กัน Part 2 : เพื่อนสนิทของหวาน

กัน Part

          กว่าผมจะง้อหวานคืนดีได้ ผมนี่แทบจะกระอักเลือดตาย กว่าหวานจะให้โอกาสผมอีกครั้ง ฉะนั้นหนนี้ผมจะไม่พลาด เรียกว่าผมเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังตีน เอ๊ยจากหลังตีนเป็นหน้ามือ เอออะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ลืมกันจอมเจ้าชู้หน้าหม้อคนเก่า พร้อมพายมือรับนิวกันได้แล้วครับ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีสาวไหนโทรหาหรือไลน์หาผม ผมจัดการบล็อกทุกอย่างทุกช่องทางติดต่อ สองทุ่มนี่ก็เข้านอนแล้ว ผับบาร์นี่ลืมไปได้เลย แต่ถ้ามีนัดกับพวกเพื่อนๆ ก็ไปบ้างครับ หวานให้ความไว้ใจผมเต็มที่ ไม่เคยโทรตามหรือโทรจิกเวลาที่ผมออกไปเที่ยวข้างนอก ผมก็ไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง เพื่อจะไม่ทำลายความไว้ใจนั้น ทุกๆ อย่างที่ผมทำนั้น ก็เพื่อพิสูจน์ว่าผมจริงใจมากแค่ไหน หวานไม่เคยสั่งหรือบอกให้ผมทำอะไร ทุกๆ อย่างผมคิด ทำด้วยตัวเองล้วนๆ ผมจึงไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่กลับรู้สึกดีที่หวานมีความสุข ท่าทางผมคงจะตกหลุมรักแล้วสิน่ะครับ         

ทันทีที่ผมรู้ว่าแทนมันชวนพวกผมไปเที่ยวหัวหินพร้อมกับพวกหวาน ผมก็เลยไลน์บอกหวานก่อน ต้องรายงานครับ** **

กันเอง นี่กันไง**:** หวานครับ เดี๋ยวกันไปเที่ยวหัวหินด้วยน่ะ เดี๋ยวเจอกันน่ะครับ ไอ้แทนจองโรงแรมแล้ว** **

หวานกว่าน้องนี้หาที่ไหน**:** กันหวานมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

อ้าวอยู่ดีๆ ก็ดึงดราม่าซะงั้น กูได้ทำอะไรผิดไปไหมนี่** **

กันเอง นี่กันไง: อะไรหรือครับ** **

หวานกว่าน้องนี้หาที่ไหน**:** หวานว่าหวานพร้อมแล้ว หวานว่าวันที่เราไปหัวหิน “เรามีอะไรกันเถอะ”         

โอ้แม่จ้าว ผมแทบจะรำแก้บนเดินสายทั่วกรุง และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ผมนี่จะเหี่ยวแห้งตายคามือตัวเองอยู่ร่อมร่อ ลืมนึกถึงเรื่องอย่างว่าจนจะเป็นกามตายด้านอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ลืมห่วงความรู้สึกของหวาน

กันเอง นี่กันไง**:** หวานแน่ใจแล้วหรือครับ** **

หวานกว่าน้องนี้หาที่ไหน: อืม หวานว่าหวานแน่ใจแล้ว กันแค่นอนเฉยๆ เดี๋ยวหวานทำเอง

โอววววววววววว หวานใจกล้า หวานของกัน** **

กันเอง นี่กันไง**:** หวานทำเป็นหรือครับ

หวานกว่าน้องนี้หาที่ไหน**:** หวานปรึกษาเพื่อนล่ะคะ ไม่ต้องห่วงน่ะ         

เพื่อนหวาน หวานก็มีเพื่อนสนิทอยู่แค่สองคน ตือก็คงไม่เก่งขนาดสอนหวานได้ หนึ่งนี่ไอ้แทนก็ได้แต่ลูบๆ คลำๆ แล้วใครสอนหวานน่ะ ผมคิดอย่างสงสัย แต่ช่างเถอะ ผมกับหวานจะมีอะไรกันแล้วครับ อิอิ         

และแล้วก็ถึงวันและเวลาที่ผมรอคอย เวลามันช่างผ่านไปช้าซะเหลือเกิน แต่ยังไงวันนี้ก็มาถึงจนได้ ตอนนี้แทนกับไอ้พี่หมอกได้ขนของตือกับหนึ่งออกจากห้องเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างจัดห้องเพื่อเตรียมเข้าสู่ยามค่ำคืนที่แสนโรแมนติก จะสบายหน่อยก็ไอ้โจ๊กที่ไม่ต้องเตรียมอะไรตามภาษาชายโสด ป่านี้คงหลับไปหลายตื่น จริงๆ ผมไม่ได้เตรียมอะไรเว่อร์วังเหมือนไอ้แทนมันหรอกครับ รายนั้นได้ข่าวให้โรงแรมจัดห้องไว้สำหรับคู่ฮันนีมูนเลยทีเดียว ผมแค่เอาของใช้ของผมเก็บที่ให้เรียบร้อย และก็แค่เอาถุงยางหนึ่งโหล ย้ำอีกทีน่ะครับ หนึ่งโหลใส่ไว้ตรงโต๊ะตรงหัวเตียงแค่นั้น ที่เหลือก็แค่ทำร่างกายให้ฟิต ว่าแล้วผมขอวิดพื้นสักร้อยทีก่อนน่ะครับ ยังไงเดี๋ยวเจอกันค่ำๆ หนึ่ง สอง สาม......

            ตอนนี้พวกเราแก็งชายโสดกลัดมัน จะบ้ารึ แก็งวิศวะที่เตรียมเผด็จศึกนักศึกษาแพทย์ก็พร้อมแล้วครับ เราเดินมายังห้องที่จัดเลี้ยงในคืนนี้ ลืมภาพนักศึกษาแพทย์ทึ่เคร่งเครียดใส่แว่นหนาๆ ไปน่ะครับ สภาพแต่ล่ะคนนี่เรียกว่าอื่มจนแทบจะท้องแตกกันแล้ว กินกันจนอาหารทะเลขาดตลาดไปอีกหลายอาทิตบ์ หวานก็ดูอิ่มจนจะไม่ไหว ผมเดินไปนั่งประกบข้างๆ หวานตลอด แต่หวานก็ไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่ มัวแต่กดมือถือแชทกับใครตลอดเวลาเลย จนผมอดหึงไม่ได้ 

"หวาน คุยกับใครน่ะครับ"

"เพื่อนน่ะกัน หวานกำลังปรึกษาเรื่องคืนนี้อยู่"

หวานหน้าแดงเวลาที่พูดถึง"เรื่องนั้น"

พึ่งรู้น่ะครับว่าหวานก็มีมุมนี้ แหม จะหึงก็หึงไม่ลงครับ แต่เพื่อนหวานนี่ใครน่ะ ทำไมหวานถึงกล้าปรึกษาเรื่องนี้ อืมมมม

"เพื่อนหวานใครหรือครับ กันรู้จักไหมครับ"

"กันน่าจะรู้จักน่ะ ใครๆ ก็รู้จัก"

แสดงว่าไอ้นี่ต้องหน้าตาดีและอัธยาศัยดี คนถึงรู้จักมันเยอะ ใครว่ะ

"หวานสนิทกันมากเหรอครับ"

"ก็สนิทน่ะ ทุกๆ ครั้งที่หวานมีปัญหา ก็จะปรึกษาเค้าตลอด บางครั้งเค้าก็หาทางแก้ปัญหาให้ หรือสอนให้หวานรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ เวลาหวานมีปัญหาเค้าคือคนแรกที่หวานนึกถึง"

จะว่าหึงมันก็ไม่เชิงน่ะครับ เพราะมันคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหวาน ไม่งั้นมันคงไม่ให้คำปรึกษาเรื่องบนเตียงให้หวานมาทำกับผม แต่มันจะมีปัญหาตรงที่มันเป็นคนแรกที่หวานนึกถึงเมื่อมีปัญหาแทนที่จะนึกถึงผม ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสีย แต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์ เพราะเรื่องคืนนี้สำคัญกว่า

           

ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนต้องแยกย้ายเข้าห้องนอนแล้ว คนอื่นๆ ได้เดินแยกออกไปอีกฝั่งนึง เพราะตึกของผมกับหวานอยู่อีกฝั่ง เราทั้งสองต่างตื่นเต้นจนไม่ได้พูดอะไร เดินจูงมือกันมาอย่างสบายอารมณ์จนรู้ตัวอีกที ก็มาหยุดตรงหน้าประตูห้องนอนแล้ว ผมไม่รอช้าเปิดประตูเข้ามา ผมรีบปิดประตูพร้อมเข้าไปกอดหวานจากด้านหลัง

"อืมกัน หวานตัวเหนียว เดี๋ยวหวานอาบน้ำก่อน"

"ไม่ต้องอาบหรอกแค่นี้หวานก็ตัวหอมจะแย่แล้ว"

"กัน อย่าลืมน่ะคะคืนนี้หวานจะรุกกันต้องนอนเฉยๆ"     

ฮืมมมมมมมม หวานจะรุกผม ครั้งแรกหวานก็จะรุกผมแล้ว หวานพูดเสร็จพร้อมเดินไปอาบน้ำ ปล่อยให้ผมค้างทั้งอารมณ์ล่ะอื่นๆ นั่งคิดว่าหวานจะรุกยังไงอยู่ปลายเตียง เวลาผ่านไปสักพักช่วงเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมตื่นเต้นมาก มากที่สุดที่เคยตื่นเต้นมา อาจเป็นเพราะผมห่างมานานและนี่เป็นครั้งแรกของหวานและเป็นครั้งแรกที่ผมทำกับผู้หญิงที่ผมรัก

หวานขึ้นคร่อมผมพร้อมอ่านข้อความจากมือถืออย่างเคร่งครัด 

"ขึ้นคร่อมและจูบอย่างนุ่มนวล"

หวานอ่านเสร็จพร้อมทำตามที่อ่าน แต่หวานก็คือหวาน นี่คือครั้งแรกของหวาน หวานจูบผมเหมือนเด็กจูบกัน แค่ปากแตะปากแล้วผละออก ผมว่าหวานเป็นคนที่น่าสนใจและน่าค้นหามากสำหรับผมมันเป็นความแปลกใหม่ ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน ผมแอบขำเล็กแต่ก็ยอมให้หวานเป็นฝ่ายรุกต่อไป

"จากนั้นไซค์ซอกคอแล้วโอบกอดอีกฝ่าย"

จากนั้นหวานก็ทำตามที่อ่าน อืมมม มันก็เริ่มๆ ดี มีอารมณ์คล้อยตามแล้วสิครับ สักพักหวานก็หันมามองมือถืออีกครั้ง

"ปลดกระดุมพร้อมลูบไล้ผิวกายด้านใน"

อืมมาครับหวานกันพร้อมแล้ว มาลูบซะดีๆ ผมรอให้หวานมาลูบอย่างตั้งใจ แต่ทำไมทุกอย่างหยุดนิ่ง จนผมต้องลืมตาขึ้นมา

"เป็นไรครับหวาน"

"กัน..... ไม่มีกระดุม"

ฉิบหายล่ะ ผมดันใส่เสื้อยืด อ้าวทำไงล่ะทีนี้กู ผมลุกขึ้นเอาแขนดันด้านหลังขณะที่หวานนั่งทับด้านกลางตัวผมอยู่

"หวานให้กันไปเปลี่ยนเสื้อก่อนไหม" เวนจริงๆ กู ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อเชิร์ต

"เดี๋ยวน่ะกัน หวานปรึกษาเพื่อนก่อน"

และวินาทีนั้นแหละครับที่ผมเห็นเพื่อนสนิทของหวาน ที่คงไม่ได้แก้ปัญหาให้แค่หวาน แต่คงแก้ให้ผมและทุกคนด้วย ชัดเลยครับ g-o-o-g-l-e. Google ผมเห็นหวานกำลังค้นหา "วิธีมีเซ็กส์ ผู้ชายใส่เสื้อยืด" ผมขำจนตัวหวานที่อยู่บนตัวผมสั่น จนหวานหันมามองค้อน

"ขำอะไรกัน" พูดเสร็จหวานก็ทำหน้าบู๊ นั่งกอดอก

"เปล่าครับ จริงๆ หวานไม่ต้องปรึกษาเพื่อนก็ได้น่ะ เราค่อยๆ ทำค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมกันก็ได้ครับ"

"แต่หวานอยากเป็นฝ่ายรุกน่ะ อยากให้กันรู้ว่าหวานไม่ใช่ไก่อ่อน"

"งั้นเอางี้ครับหวาน หนนี้ให้กันเป็นฝ่ายรุกก่อนแล้วหวานค่อยเป็นฝ่ายรุกครั้งหลัง แต่เพื่อความสบายใจของหวานกันจะไม่บอกคนอื่นว่ากันเป็นฝ่ายรุก ถ้าใครถามกันจะบอกว่าหวานเป็นฝ่ายรุก โอเคไหมครับ"

หวานพยักหน้าตกลง ผมพูดตรงๆ ผมก็จะไม่ไหวแล้วครับ ผมรู้ครับว่านี่เป็นครั้งแรกของหวาน ผมจึงทำนุ่มนวลอ่อนโยนที่สุดเท่าที่อารมณ์จะอดกลั้นได้ ทุกๆ อย่างวิเศษสุดเท่าที่เลยมีมา           ผมตื่นมาอีกทีกลางดึก ผมมองหวานที่นอนกอดแขนผมหลับอย่างสบายใจ ผมรู้สึกขอบคุณและเห็นคุณค่าที่หวานมอบครั้งแรกของหวานกับผม ผมก้มลงหอมแก้ม พร้อมได้ยินเสียงหวานละเมอ

"เอากุ้งหนึ่งถาดแกะให้ด้วย"

สรุปนี่ยังไม่อิ่มใช่ไหม ผมก้มลงห่มผ้าให้หวานพร้อมกอดกระชับหวานเข้าไปในอ้อมแขนก่อนจะหลับฝันสู่นิทรา

"กัน กัน" ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกและการเขย่าตัวของหวาน ผมสะดุ้งตัวขึ้นมา พร้อมหันไปถามหวานที่ทำหน้าซีด ต้องมีอะไรสักอย่างผิดปกติแน่ๆ

"หวานเป็นอะไร" ผมเข้าไปจับตัวหวานพร้อมหาสาเหตุที่ทำให้หวานตกใจถึงเพียงนี้

"กัน หวานทำไงดี"

"อะไร อะไรครับหวาน"

"หวาน ไม่เจ็บ ทำไมหวานไม่เจ็บเลย"

ผมช็อกค้างพร้อมงงในคำถามของหวาน

"เจ็บไงกัน.... มีแต่คนบอกครั้งแรกต้องเจ็บ แต่นี่หวานไม่เจ็บ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่"

ถ้าผมบอกไปว่าผมเก่ง หวานคงจะด่าว่าผมเป็นผู้ชายใช้แล้ว มีตำหนิ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะถึงได้เก่ง พูดไปแม่งก็เข้าตัวเปล่า เอางี้แล้วกันครับ

“สงสัยต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ” หวานพยักหน้า ยิกๆ

“งั้นเรามาทำอีกรอบดีกว่า ค่อยๆ ทำจะได้รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน”

ผมไม่รอให้หวานพยักหน้า รีบยกผ้าห่มมาคลุมโปลงคุกวงไหนทันที ไหนเมื่อทำไมดีก็ต้องทำใหม่สิ จริงไหมครับ

-------------------------------------


น้องกลับมาแล้ว น้องหายป่วยจากไข้ แต่น้องยังเจ็บขาอยู่เล็กน้อย เดินติดขัดเล็กน้อย แต่น้องก็ลากสังขารไปดูคอนเสิร์ตพี่เอ็ดมา ชอบเพลงนี้ดูอบอุ่นดี คิดถึงคนอ่านน่ะคะ หวังจะชอบกันน่ะคะ ตอนหน้าขอคั่นด้วย ตือ&หมอก น่ะคะ อยากให้ทุกๆ คู่พัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อมๆ กัน แม้หวาน & กันจะเป็นคู่ชายหญิงแต่ก็อยากให้ทุกคนเอ็นดูความตลกแบบหวานๆ น่ะคะ หวานมีคนดูแลแล้ว หมดห่วงไปอีกคู่ค่ะ กินยานอนล่ะคะ ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อทำให้ง่วงมาก ปกติลงนิยายตอนตีสี่ นี่ลงเที่ยงคืนฟิตแค่ไหนถามใจเธอดู ฝากเฟสบุ๊คด้วยน่ะ เพื่อเปิดพรีหนังสือจะได้แจ้งข่าวกันง่ายน่ะ  รัก รัก รัก

รักที่สุด

Aemmilicious

หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:10:03
ตอนที่ 17 : หมอก & ตือ Part 2 : ขยับเข้ามาใกล้กัน

-ตือ-

          หลังจากช่วงสายที่โจ๊กมาบอกทุกคนว่าหนึ่งป่วย พวกเราทุกคนจึงรีบเก็บของพร้อมจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะแจ้งพี่หนุ่มกับพี่แอนว่าเราจะแยกกลับต่างหากเพราะต้องการไปเยี่ยมหนึ่งก่อน กลับมาอีกทีว่าจะรีบเก็บของ แต่พี่หมอกก็เก็บของพร้อมขนขึ้นรถให้เรียบร้อย

"ของตือพี่เก็บให้เรียบร้อยแล้วน่ะ ป่ะ ไปขึ้นรถกันเถอะ" พูดเสร็จพี่หมอกก็จูงมือผมไปที่รถ         

ส่วนคนที่สงสัยว่าผมได้สวีทแบบคู่อื่นๆ ไหม ไม่ครับ มันไม่ได้สวีทแบบคู่อื่นๆ เพราะปกติเราก็สวีทกันทุกวันอยู่แล้ว เรียกว่าแทบจะทุกคืนอยู่แล้วจะดีกว่า พี่หมอกฟิตเหมือนกินไวอากร้าเช้าเย็น จะเว้นว่างบ้างก็วันที่ติดสอบหรือผมเหนื่อย ไม่พูดล่ะ เดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าผมขี้อวด

            เรานั่งรถมาสักพักก็ถึงโรงพยาบาล อาการหนึ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่อาจจะยังไม่ฟื้นเนื่องจากไข้ก่อนหน้านี้ค่อนข้างสูง หมอจึงอยากให้นอนพักและให้อยู่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน ประกอบกับหนึ่งยังไม่ฟื้นเนื่องจากความเหนื่อยอ่อนของร่างกายและยานอนหลับที่ให้ไป ผมมองดูแทนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคอยกุมมือหนึ่งไม่ห่าง พลางคิดในใจว่าจะมีคนรักคนห่วงเราแบบนี้บ้างไหม แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไร พี่หมอกก็เอามือมากุมมือผมพร้อมกระสิบข้างหู 

"ถ้าพี่ป่วยบ้าง ตือจะดูแลพี่ไหม"

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมหันไปมองพี่หมอกด้วยสายตาที่จริงจัง ต่อให้พี่หมอกไม่ป่วย ผมก็อยากดูแลเทคแคร์พี่หมอกอยู่แล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเราจ้องตากันนานเท่าไหร่ แต่คงนานที่พอให้โจ๊กแซวได้

"จ้องตากันขนาดนี้ ไปเอากันในห้องน้ำ แล้วฝากครรภ์แผนกสูตินารีทางด้านโน่นเลยครับ"         

พี่หมอกเดินเข้าไปตบหัวโจ๊ก ทุกคนพร้อมใจกันขำ เมื่อมั่นใจว่าหนึ่งไม่เป็นอะไรแล้วก็ถึงเวลากลับ เนื่องจากเอารถมาคันเดียวเราทั้งหมดจึงต้องให้โจ๊กเป็นสาระถีขับรถไปส่ง ส่วนหนึ่งแทนนั้นจะนั่งเครื่องกลับเมื่อหนึ่งออกจากโรงพยาบาล เพื่อประหยัดเวลาและไม่ให้หนึ่งเหนื่อยมาก แทนโครตป๋า พูดเลยทุกอย่างแทนเซ็น แทนรูดกริ๊กเดียวทุกอย่างเรียบร้อย ขากลับพวกเราก็คุยกันตลอดทางแต่สักพักทุกคนก็หลับหมด รวมทั้งผมด้วยเนื่องจากเหนื่อยจากกิจกรรม ประกอบกับตื่นเช้า รู้ตัวอีกทีก็ถึงคอนโดพี่หมอกแล้ว ในช่วงใกล้ค่ำแล้ว ใช้เวลานานเหมือนกันน่ะนี่ 

"ตือ ตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว" พี่หมอกพูดพร้อมเขย่าตัวผมตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ

"อ้าว โจ๊กล่ะ"

"โอยรายนั้นมีสาวโทรมา แม่งรีบทิ้งรถ หนีขึ้นรถไฟฟ้าไปแล้ว รถมันยังทิ้ง ไม่รู้แม่งรีบอะไรนักหนา"

ผมพยักหน้าเข้าใจ พร้อมปรับสายตา ตาจะลืมไม่ขึ้นแล้วนี่ 

"ไหวไหม เดี๋ยวตือไปรอพี่หน้าตึกก่อน เดี๋ยวพี่ไปจอดรถแปบ"         

ผมพยักหน้าเข้าใจ สะพายเป้ตัวเอง กึ่งหลับกึ่งตื่นไปรอหน้าคอนโด พร้อมบิดขี้เกียจ หาวอีกสักรอบ แต่สายตาผมกลับไปสะดุดกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าคอนโด ผู้หญิงคนนี้สวยมากครับ ผิวขาวอมชมพูดูเนียนทั้งตัว แม้จะไม่ขาวเหมือนกระดาษ แต่ก็ดูสวยสุขภาพดี ผมยาวสลวยน้ำตาลอ่อน หน้าหวานใครเห็นก็คงชอบดูน่าทะนุถนอม หันมาดูตัวเองแม่งโครตตรงกันข้าม น้อยใจในโชคชะตาหนัก ผมยืนรอสักพักพี่หมอกก็ขนของที่เหลือเดินตรงมา ผมโบกมือเตรียมจะตะโกนเรียก แต่ต้องหยุดชะงัก เพราะผู้หญิงข้างๆ ได้ตะโกนเรียกชื่อพี่หมอก พร้อมโผเข้ากอด

"กิ๊ฟเป็นอะไรกิ๊ฟ" พี่หมอกกอดตอบพร้อมถามด้วยความห่วงใย         

ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร "กิ๊ฟ" คือแฟนเก่าของพี่หมอก ทำไมผมรู้หรือครับ เพราะในตอนนั้นวันที่เรามีอะไรกัน กิ๊ฟคือชื่อที่พี่หมอกพร่ำเพล้อละเมอแล้วร้องไห้ออกมาตอนที่ผมหลับในอ้อมกอดของพี่หมอก

"กิ๊ฟเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม" พี่หมอกเขย่าตัวพร้อมเอ่ยถามด้วยความห่วงใย         

สรุปที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้บ้าง แสดงความเป็นเจ้าของ หึงหวง หรืออะไรที่ผมพอจะทำได้ ในเมื่อผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในฐานะอะไร แฟนก็เรียกไม่เต็มปาก เพราะไม่เคยสักครั้งที่พี่หมอกจะพูดขอหรือบอกว่าเราเป็นแฟนกัน แม้ทุกอย่างมันดีมาก แต่ผมก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง ผมยืนนิ่งจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่ภาพที่ผมเห็นคือคนสองคนที่รักและห่วงใยกันมาก สติล่องลอยไปเกินกว่าจะรู้สึกตัว

"เดี๋ยวเราไปหาที่คุยกันเงียบๆ ล่ะกัน ใจเย็นๆ ก่อนน่ะ เดี๋ยวหมอกช่วย"

ผมยืนมองภาพนั้นค้างอยู่อย่างนั้น จนใจสติเมื่อพี่หมอกยืนอยู่ตรงหน้า

"เดี๋ยวพี่ฝากตือเอาของขึ้นไปเก็บด้วยน่ะ" ผมพยักหน้าอย่างงงๆ มองภาพพี่หมอกเดินออกไป

"น้องรึค่ะหมอก"

"อืม" พูดเสร็จก็พากันขับรถออกไป         


ทำไมผมรู้สึกเจ็บทั้งๆ ที่ไม่มีบาดแผล เจ็บจนไม่มีแรงร้องออกมา ผมขึ้นห้องพร้อมนั่งเรียกสติที่ปลายเตียง ผมพูดได้คำเดียวว่าผมกลัว กลัวทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ผมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้บ้าง ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ผมจริงเก็บของออกจากกระเป๋า ซักผ้า ทำกับข้าว จนงานบ้านทุกๆ อย่างเสร็จ พี่หมอกก็ยังไม่กลับ มีเพียงไลน์ข้อความสั้นๆ ว่าจะกลับดึกหน่อย เวลาผ่านไปช้ามากจนผมเริ่มฟุ้งซ่าน นี่ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วพี่หมอกก็ยังไม่กลับมา จนผมอดที่ไม่ได้ที่จะโทรหา แต่ก็ปิดเครื่อง มีแต่ระบบฝากข้อความซึ่งผมก็ได้แต่กดวาง เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการที่ต้องเป็นตัวเลือก เมื่อมีคนสองคนที่พี่หมอกต้องเลือก ผมกลัวเหลือเกินที่จะต้องเป็นฝ่ายที่ไม่ถูกเลือก กลัวจะโดนปฏิเสธอีกเป็นครั้งที่สอง ผมนั่งรอพี่หมอกจนรุ่งสาง ผมคิดว่ามันนานเกินไปแล้วสำหรับการรอ มันเหมือนรู้คำตอบกลายๆ ผมคงต้องกลับไปอยู่จุดที่เคยยืนอยู่ ผมคงไม่กล้าฟังคำปฏิเสธอีกเป็นครั้งที่สอง มันจะเจ็บมากกว่าครั้งแรกมากเท่าไหร่ ถ้าเจ็บมากกว่าตอนนี้จะเจ็บมากไหม ผมไม่กล้าที่จะอยู่ในจุดนั้นจริงๆ ขอโทษที่ไม่กล้าพอ พอที่จะยอมรับความจริง


-------------------------------------------


-หมอก-

          ผมเห็นกิ๊ฟร้องไห้ฟูมฟาย ผมก็อดไม่ได้ที่จะไตร่ถาม ยิ่งเธอมาหาผมถึงนี่ แสดงว่าเรื่องนั้นต้องเกี่ยวกับผม หรือไม่ก็ต้องเป็นผมที่สามารถช่วยเหลือเธอได้ กิ๊ฟร้องไห้คร่ำควรกว่าจะได้สติ ผมก็ต้องนั่งปลอบที่ร้านกาแฟมาอย่างต่ำก็เกือบชั่วโมง

"กิ๊ฟโอเคแล้วน่ะ กิ๊ฟบอกหมอกได้รึยังว่าเป็นอะไร"

"กิ๊ฟทะเลาะกับเอกแฟนกิ๊ฟ"

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม

"กิ๊ฟท้อง เอกไม่เชื่อว่าเป็นลูกเค้า เค้าหาว่าเป็นลูกหมอก กิ๊ฟควรทำยังไงดี"

มันจะเป็นลูกผมไปได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้พบกันมานานหลายเดือนแล้ว ผมนั่งคิดแล้วก็โกรธไอ้เอก แม่งไม่ใช่ลูกผู้ชาย อยากกระทืบให้จมคาตีนนัก

"ทำไม มันถึงคิดว่าเป็นลูกหมอกล่ะ"

"เอกเห็นกิ๊ฟนั่งดูรูปหมอกอยู่เลยเค้าใจผิด"

และแล้วผมก็รู้สาเหตุ คงต้องเป็นผมที่ไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง

"งั้นเดี๋ยวหมอกไปส่งกิ๊ฟน่ะ จะได้บอกได้คุยกันให้รู้เรื่อง"

"เดี๋ยวหมอก" กิ๊ฟพูดพร้อมรั้งมือผมไว้

"กิ๊ฟ..... กิ๊ฟยังรักหมอกน่ะ เรากลับมาคืนดีกันได้ไหม กิ๊ฟรู้แล้วว่าไม่มีใครรักกิ๊ฟและดูแลกิ๊ฟได้ดีเท่าหมอก"

ผมลงนั่งพร้อมคิดไตร่ตรองในตัวเอง ถ้ากิ๊ฟมาขอคืนดีในช่วงก่อนหน้านี้ ผมคงยินดีที่จะคืนดีแม้เธอท้องกับผู้ชายอื่นก็ตาม เพราะว่าผมรักกิ๊ฟมาก แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป ผมกลับไม่รู้สึกยินดีที่จะกลับมาคืนดีหรือเป็นแฟนกับกิ๊ฟ ผมกลับมีแค่ความรู้สึกห่วงใยในฐานะเพื่อนหรือคนรู้จักเท่านั้น

"กิ๊ฟ หมอกขอโทษ หมอกไม่ได้คิดอะไรกับกิ๊ฟแล้ว"

"ทำไมล่ะหมอก"

"คนเราจะเห็นค่าสิ่งที่เรามีอยู่ก็ต่อเมื่อเสียสิ่งนัันไปแล้ว กิ๊ฟทิ้งหมอกไปแล้ว ในวันที่หมอกอ่อนแอไม่เหลือใคร มีใครคนหนึ่งที่มองเห็นค่าของหมอก รักในตัวหมอกและรับได้แม้กระทั่งเรื่องแย่ๆ ของหมอก เค้ารอและอยู่เคียงข้างหมอก หมอกไม่อยากจะเสียคนที่เห็นค่า รักและทุ่มเททุกอย่างเพื่อหมอกไปเช่นกัน หวังว่ากิ๊ฟคงเข้าใจ"

กิ๊ฟยังคงร้องไห้ และพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

"น้องคนนั้นใช่ไหม"

ผมยิ้มให้ พร้อมยกกาแฟขึ้นมาดื่ม

"น้องคนนั้นดูรักหมอกมากน่ะ แววตาที่หมอกมองน้องเค้าก็เต็มไปด้วยความสุข กิ๊ฟขอโทษน่ะที่เคยทำร้ายหมอก"

ผมกุมมือกิ๊ฟ ผมรู้สึกขอบคุณและไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา อย่างน้อยที่สุดการจากลาของเราก็ไม่ได้เกลียดจนไม่มองหน้ากัน มันยังคงเหลือมิตรภาพของความเป็นเพื่อนที่มีต่อกัน

กว่าผมจะเคลียร์เรื่องกิ๊ฟและขับรถกลับจากบางแสนก็เกือบแปดโมง ไม่รู้ว่าตือรอผมอยู่รึเปล่า ผมกังวลใจเล็กน้อยเพราะเลยเวลาที่บอกจะกลับไว้มาก แบตมือถือก็หมด สายชาร์ตในรถก็ไม่มี ทำได้เพียงรีบขับกลับให้เร็วที่สุด เมื่อผมกลับมาถึงห้องก็มีเพียงความว่างเปล่า ข้าวของจากกระเป๋าได้เก็บเข้าที่เรียบร้อย เสื้อผ้าทุกตัวซักตากเรียบร้อย เมื่อเปิดตู้เย็นก็มีอาหารแช่ไว้พร้อมป้ายระบุว่าเวฟกี่องศาและนาที ผมเหลือบไปเห็นโน๊ตหลังตู้เย็นว่าตือจะกลับบ้านซักพัก ผมเหนื่อยจนล้มนั่งบนขอบเตียง ทำไมปัญหามันเยอะจริงวันนี้ ผมว่าตือโกรธจึงกลับบ้านไป ในหัวของผมความคิดตีกันให้วุ่นวาย ผมควรจะปล่อยไปแบบนี้ หรือควรไปง้อตือดี ผมรักตือแล้วจริงๆ เหรอ หรือมันเป็นแค่ความผูกพันธ์ที่เข้ามาในช่วงผมอ่อนแอ และผมจะดีพอสำหรับตือจริงหรือ ดีพอที่จะให้ตือฝากชีวิตไว้กับผมไหม ระหว่างที่ผมคิดไตร่ตรองอยู่ ไลน์ก็ดังจากโทรศัพท์ที่ผมพึ่งชาร์ต มันเป็นไลน์จากกลุ่มเพื่อนของผมและตือ

....ตือออกจากกลุ่ม...

กันเอง นี่กันไง: อ้าวทำไมตือออกจากกลุ่มล่ะ

หวานกว่าน้องนี้หาไหน: มันโดนผู้ชายเลวๆ หักอกน่ะ แม่งไปคืนดีกับแฟนเก่า แม่งความสัมพันธ์ใหม่แม่งก็ไม่ชัดเจน

สองคนผัวเมียคงเตี๊ยมกันมา ดูมันไปก่อนล่ะกัน

กันเอง นี่กันไง: ใครหักอกตือน่ะ

หวานกว่าน้องนี้หาไหน: ไม่อยากบอกน่ะ บอกเป็นตัวย่อล่ะกัน ห.ม.อ.ก.  ใบ้แค่นี้น่ะอย่าถามอีก

มึงจะใบ้กันทำไมครับ

กันเอง นี่กันไง: แล้วตือเป็นไงบ้าง

หวานกว่าน้องนี้หาไหน: ตือก็เสียใจน่ะ แต่เข้มแข็งดี ตือบอกว่ารักคนที่เรารักแล้วมันเจ็บ รักคนที่เค้ารักเราดีกว่า วันนึงยังไงความดีของเค้าก็ต้องทำให้เรารักตอบอยู่ดี มันบอกมันเค้าใจความรู้สึกคนที่ถูกปฏิเสธว่ามันเจ็บยังไง เห็นมันบอกจะคบกับคนแรกที่สารภาพรักกับมันน่ะ

กันเอง นี่กันไง: คุยกันสองคน ทำไมมีคน Read สามคนกันงงมาก

หวานกว่าน้องนี้หาไหน: นั่นสิเบื่อไม่อยากพูดอะไรล่ะ (ปักหมุดส่งแผนที่บ้านตือ)


ทันทีที่ผมได้ยินอย่างนั้น ผมก็เข้าใจ ผมเองที่ไม่ชัดเจน ตือแสดงออกว่ารักและห่วงผมตลอดเวลา มีแต่ผมเองนี่แหละที่ไม่ชัดเจน ไม่เคยขอเป็นแฟนหรือบอกรัก คิดแต่ว่าการกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดอยากจะดึงทึ้งหัวตัวเองนัก ว่าแล้วผมก็รีบขับรถไปตามแผนที่ที่หวานส่งมา อย่างน้อยผมก็ต้องไปพูดให้เข้าใจ ถ้าตือไม่ออกมาฟังผม ผมจะยืนรอตะโกนเรียกบอกรัก เอาให้แม่งเหมือนในละคร งานนี้ผมสู้ขาดใจ ฮึบ….

ผมถึงบ้านของตือแทบจะเป็นลมใส่ นี่บ้านหรือวังทำไมใหญ่ขนาดนี้ ถ้าบ้านมันจะใหญ่ขนาดนี้จะไปอยู่คอนโดแคบๆ กับผมทำไม แล้วไอ้ที่จะตะโกนเรียก ในละครกับชีวิตจริงแม่งโครตต่าง บ้านกับรั้วทำไมแม่งห่างขนาดนี้ ห่างกันจนแทบจะไกลลิบตา แล้วผมจะตะโกนยังไงให้ตือได้ยิน แถมหน้าบ้านยังมีเซอร์เคียวเฝ้า ถ้าอยู่บ้านแล้วสบายขนาดนี้จะไปอยู่กับผมคอยทำงานบ้านทำกับข้าวให้ผมทำไม ทำไมมีแต่ตือที่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อผม ยิ่งคิดยิ่งโกรธตัวเอง คนดีๆ มารักทำไมปล่อยให้หลุดมือ ผมจะไม่ยอมแพ้แน่นอน ว่าแล้วผมก็ตรงดิ่งเข้าไปเจรจากับพี่เซอร์เคียว

"ขอโทษน่ะครับ ผมมาหาตือ"

"มาหาคุณหนูรึครับ นัดไว้ไหมครับ"

ชัดเลยครับไม่ผิดหลัง บ้านมันทำไมรวยอย่างนี้

"ไม่ได้นัดครับ บอกคุณหนู เอ๊ยตือได้ไหมครับว่าพี่หมอกมาหา"

"ได้ครับ รบกวนอย่าเกาะประตูน่ะครับ เดี๋ยวไฟช็อต

ผมนี่รีบเอามือออกแทบไม่ทัน ไอ้ที่คิดว่าจะปีนรั้วแสดงความจริงใจให้เหมือนโรมิโอกลับจูเลียตนี่คงไม่ต้องคิดน่ะครับ เดี๋ยวจะไหม้เกรียมซะก่อน ผมยืนรอสักพัก ก็ยังไม่ได้คำตอบอะไร มีแต่ผมกับพี่เซอร์เคียวที่จ้องตากันไปมาหวานเยิ้ม ประมาณมึงจับรั้วปุ๊บกูจะช็อตมึงปั๊บ กลัวแล้วครับพี่

ผมจึงต้องคิดแผนใหม่ ผมจะตะโกนยังไงให้ข้างในได้ยิน ลำพังเสียงผมอย่างเดียวคงไปไม่ถึง ผมคงต้องหาตัวช่วย ระหว่างที่คิดอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงรถรับซื้อของเก่าผ่านมา นี่แหละตัวช่วยผม ผมจะเอาเศษเหล็กมาต่อกันแล้วปืนข้ามรั้วไป จะบ้ารึ ผมรีบโบกรถซื้อของเก่า รถรีบจอดด้วยความดีใจ คนขับรีบลงมาต้อนรับผมอย่างไว

"ขายอะไรครับ"

"เปล่าครับพี่"

"อ้าว.... แล้วน้องโบกรถพี่ทำไม หรือน้องหาเรื่อง"

คนขับพับแขนเสื้อเตรียมมีเรื่อง ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบควักแบงค์พันออกมา คนขับเปลี่ยนสีท่าท่าทางกลับมานอบน้อมตามเดิม

"ให้พี่ช่วยอะไรรึเปล่าครับ คุณหนู"

ได้ข่าวเมื่อตะกี้ยังจะต่อยกูอยู่เลย

"ผมขอยืมเครื่องเสียงพี่แวบนึง ผมให้พี่พันนึงเลย"

พี่คนขับรีบวิ่งกลับรถ แล้วส่งไมค์มาให้ผมทันที พร้อมรับเงินด้วยท่าทีนอบน้อม

ผมจับไมค์ พร้อมตั้งสมาธิ จะเขินมันก็เขิน จะอายแม่งก็โครตอาย แต่เอาว่ะยังไงก็ต้องสู้

"ตือ นี่พี่หมอกนะ"

เสียงดังจนคนแถวนั้นเริ่มมองมา แต่ผมก็ต้องสู้ ท่องไว้หมอก ด้านได้อายอด

"พี่ขอโทษที่ทำให้ตือเสียใจ ไม่ทำทุกอย่างให้ชัดเจน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก  ตือ.... พี่รักตือน่ะ ตือเป็นแฟนพี่น่ะ"

สิ้นเสียงผมก็มีเสียงเฮจากด้านหลัง ผมหันไปอีกที เจอคนยืนเชียร์เป็นสิบ บางคนก็ถือมือถืออัดคลิป ผมคงจะดังละครับงานนี้ ผมยังคงพูดต่อไป

"ตือรับรักพี่น่ะ"

"อืม"

ผมได้ยินเสียงดังจากข้างประตูรั้ว สักพักประตูก็เปิดพร้อมตือที่ลากกระเป๋าออกมา ผมรีบโผเข้ากอดตือ ในที่สุดผมก็ได้ตัวคนรักของผมกลับมา

"พอแล้วพี่หมอก ตืออาย คนบานเลย"

"อายทำไม พี่น่าจะอายมากกว่า พี่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย"

ผมกระชับสวมกอดให้แน่นขึ้นอีก กว่าจะได้สติก็ได้ยินเสียงเฮจากด้านหลัง เราลองคนโค้งให้ แล้วรีบจูงมือกันขึ้นรถอย่างไว โครตอายเลยครับ

ผมออกรถสักพัก แต่ยังคงกุมมือตือเอาไว้แน่น เห็นตือยิ้มทำท่าเขินแล้วผมอดถามไม่ได้

"ว่าไงแฟนพี่ เขินอะไรหือ"

"จริงๆ พี่หมอกไม่ต้องบอกรักตือต่อหน้าคนอื่นแบบนั้นก็ได้น่ะ ตือเขิน"

"ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้น พี่จะได้ตัวแฟนพี่คืนไหม"

ตือเขินมากขึ้น บิดไปมา

"จริงๆ แค่พี่หมอกมาที่บ้าน ตือก็ยอมแล้ว"

"ฮืม"

ผมทำท่าตกใจ

"แต่พี่รอตือตั้งนาน ตือก็ไม่ออกมาเจอพี่"

"ตือเก็บของอยู่"

ชัดเลยครับ คนเจ้าเล่ห์ กว่ากันหวานคือตือแฟนผมนี่เอง รถติดไฟแดงพอดี

"เจ้าเลห์นักน่ะเรา"

ผมรีบขโมยจูบตือ มีหรือที่แฟนผมจะยอมง่ายๆ ผมยอมตกหลุมพลางคนเจ้าเล่ห์ คนนี้คนเดียวครับ สุดที่รักของผม

เฮ้ออออ ช่างเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใส ผมนี่แทบไม่อยากตื่นแต่ต้องตื่นเพราะเสียงเตือนจากทั้งทางไลน์และเฟสบุ๊ค ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเปิดดู ทางไลน์นั้นมีข้อความเกือบ 1,000 ข้อความ แต่มันพีกกว่าที่ทางเฟสบุ๊คมีเพื่อนขอแอดมากกว่า 1,000 คน และแจ้งเตือนกว่า 3,000 ผมคงดังแล้วใช่ไหม หรือเจอญาติที่สูญหาย ถึงแอดกันมาขนาดนี้ แต่ความสงสัยผมก็หายไป เมื่อผมเปิดกรุ๊ปไลน์ที่มี่ข้อความของกัน

กันเอง นี่กันไง: ดังใหญ่แล้วน่ะพี่หมอก

พร้อมแนบลิ้งค์


ผมกดเข้าไปดู ชัดเลยครับ มันเป็นคลิปที่ผมสภาพรักกับตือ ที่โฟสต์โดยเพจคิ้วบอยอะไรสักอย่าง พร้อมคอมเม้นท์ที่ทำให้ฟินกันทั่วหน้า ผมนึกสภาพ ผมคงจะโดนคนอื่นแซวจนลูกบวชแน่ๆ แต่ผมก็ดีใจน่ะครับ คนจะได้รู้ว่าตือมีเจ้าของแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องตามหึงหวงแบบไอ้แทนมัน ผมปิดมือถือแล้วก้มลงไปหอมแก้มตือที่ยังนอนอยู่ อย่างน้อยก็คุ้มครับ เพราะการกระทำนั้นทำให้ผมได้สิ่งที่มีค่าที่สุดมา....

--------------------------------------------



น้องหายป่วยแล้ว แต่น้องยังเจ็บเอ็นหัวเข่านิดหน่อย คู่หมอกตือก็จะหวานๆ หน่อย ฟินกันไหมค่ะ ทุกคน ตอนหน้ามาดูคู่แทนหนึ่งกันบ้างค่ะ ความลับของแทนกำลังจะเปิดเผย

P.S. ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น่ะคะ เวลาท้อแล้วคิดอะไรไม่ออก มานั่งอ่านก็สนุกดี ทำให้มีแรงใจในการเขียนมากขึ้น ขอบคุณค่ะ

รักที่สุด

Aemmilicious

****​​
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:11:09
ตอนที่ 18 : I'm In Love

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา กระทบกับแสงไฟแรงจ้าบนเพดาน จนต้องกระพริบตาหลายๆครั้งเพื่อปรับสายตา รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเล็กน้อย มองลงมาก็พบสายระโยงระยาน ผมก้มมองตัวเองสักพัก

  "ว่าไงลูก พื้นแล้วรึ"         

ผมหันไปตามเสียงก็พบกับแม่ที่นั่งอยู่ใกล้ และยังคงไม่ชินกับชุดในวันนี้ ที่ช่างดูหนาวจับใจ ทั้งโค้ทยาวบู้ทและผ้าพันคอขนสัตว์ พลางนึกในใจว่าแอร์ที่นี่คงจะหนาวดั่งขั้วโลก แม่ผมถึงได้เตรียมชุดมาพร้อมขนาดนี้

"แม่ครับ หนึ่งเป็นไรไป"

"หนึ่งป่วยลูก มีไข้สูง หมอสัญนิฐานว่า น่าจะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว นี่ลูกหลับไปสามวันแล้วน่ะ"

ผมขยับตัวด้วยความปวดเมื่อย นี่ผมหลับไปถึงสามวันเลยหรือนี่ ผมนึกสงสารแม่ที่ต้องอดหลับอดนอนเฝ้าไข้ผม

"หนึ่งป่วยแม่คงต้องคอยเฝ้าตลอด ตอนนี้หนึ่งโอเคแล้ว แม่ไปพักเถอะครับ"

แม่หัวเราะ จนผมต้องมานั่งทวนว่าตัวเองพูดอะไรผิด

"เปล่าจ๊ะ แม่พึ่งมา ว่าแต่มีอะไรกินบ้าง"

แม่พูดเสร็จพลางเดินไปหาของเยี่ยมในตู้เย็น

"แม่ไม่เฝ้าหนึ่งแล้วใครเฝ้าล่ะ"

แม่อมยิ้มแล้วชี้มือไปที่โซฟา


ผมมองตามก็พบกับผู้ชายสภาพนอนคว่ำตายคาที่อยู่บนโซฟา เหมือนอดหลับอดนอนมาหลายคืน คุยกันดังขนาดนี้แม่งก็ไม่ตื่น หนวดเครารุงรังหรือเป็นโจรที่เข้ามาปล้นแล้วแม่ผมตีหัวสลบไป แต่หน้ามันคุ้น ผมมองหน้าไม่ชัดจนกระทั่งคนที่นอนคว่ำอยู่บนโซฟาพลิกตัวขึ้น

"แทน" ผมหลุดอุทานออกมา ดูจากสภาพแทนคงเหนื่อยมาก

"ใช่ลูก แทนพึ่งได้นอนตอนแม่มานี่แหละ"

ผมยังคงอึ้ง ไม่คิดว่าจะเป็นแทนที่ดูแลผมไม่ห่างยามผมป่วยไข้ หัวใจผมอ่อนยวบ มันเต็มไปด้วยความรักที่แทนมอบให้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แทนทำให้ผมมันมากจนผมสัมผัสได้ แต่ว่า....

"ตอนแรกแม่ก็นึกว่าแม่เป็นคนที่รักลูกมากที่สุดน่ะ แต่ตอนนี้คงมีคนรักหนึ่งมากกว่าแม่แล้วล่ะ" แม่พูดพลางเข้ามากอด

"แล้วเราล่ะ รักแทนเค้าบ้างรึยัง"

แม่ถามพลางส่งยิ้มมาที่ผม ผมยังคงเงียบทำหน้าหนักใจ แม่คงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

"ถ้าตัดเรื่องเพศ ชายหญิงหรืออะไรก็แล้วแต่ แม่ถามหนึ่งอีกที ถ้ามีแค่หัวใจ หนึ่งรักแทนไหม"

"รักครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม่ยิ้มและนั่งกุมมือผมตรงเก้าอี้ข้างเตียง

"สิ่งที่แม่ต้องการจากลูกคือต้องให้ลูกมีความสุข แม่ไม่ได้สอนให้ลูกไม่แคร์ความถูกต้อง จริงอยู่ที่ชายต้องคู่กับหญิง แต่ใครเป็นคนกำหนดว่าความรักมีแค่ชายกับหญิงเท่านั้นที่เข้ากันได้ หรือคนเลือกที่จะมีแค่ชายกับหญิงเพียงเพราะอยากมีลูกสืบทอดสกุลแม่ไม่ต้องการมีหลานหรืออะไรทั้งนั้น แม่ไม่รู้ว่าจะอยู่ทันเห็นหลานโตมีความสุขรึเปล่า แต่แม่อยู่ทันที่จะเห็นลูกของแม่เติบโตและมีความสุข แม่แค่อยากเห็นหนึ่งมีความสุขและมีคนที่รักหนึ่งหมดหัวใจ" ผมฟังแม่พูดพร้อมมองแทนที่นอนอย่างหมดสภาพ

"อย่ากดความรู้สึกตัวเองลูก คนที่รักลูกหมดหัวใจอย่างแทนไม่ได้หากันง่ายๆ น่ะ อีกอย่างแทนก็รอหนึ่งมานานแล้ว"

"รอมานานแล้ว" ผมทำหน้างง

"อ้าว แทนยังไม่ได้บอกลูกรึ"

แม่พูดพร้อมพลางหยิบกระดาษออกมา แม่เขียนยิกๆ พร้อมยืนกระดาษมาให้

"งั้นเดี๋ยวลูกลองเข้าไปในไอจี หาชื่อตามนี้น่ะลูก แทนนี่ก็เหลือเกิน แทนที่จะบอกหนึ่งกลับทำให้ลูกไม่มั่นใจอยู่นี่แหละ"         

ไอจี ผมนั่งงงได้แค่สักพักแทนก็สะดุ้งตื่นพลวดขึ้นมา กูตกใจเลย อารมณ์ซึ้งกูหายหมด แทนรีบลุกมาจับตัวผม

"หนึ่งตื่นและเหรอ ปวดตรงไหนรึเปล่า อยากได้อะไรไหม"

สักหน่อยล่ะกันกู เห็นในละครชอบเล่นกัน

"คุณเป็นใครครับ" ผมแอบทำหน้างงเอียงคอทำใสซื่อ สักพักไอ้แทนดีดนิ้วลงหน้าผาก

"โอ๊ยยยย"

"ไม่ขำครับเมีย ท่าจะหายดีแล้ว จับขึงทำเมียซะดีไหม"

ว่าแล้วแม่งก็จะกระโดดขึ้นเตียง ดีน่ะที่มีแสงแฟสตมาขัดคอจนเราต้องหยุดไปหันดู

"แม่! แม่ยังไม่เลิกถ่ายรูปหนึ่งอีกหรือครับ"

"โมเม้นต์มันได้ลูกแม่ฟิน เดี๋ยวแม่ส่งให้น่ะแทน"

"ไปอาบน้ำป่ะแทน มึงสกปรกหนวดเฟลิ้มเลยมึง จนพยาบาลไม่กล้าเข้ามาดูกูล่ะกลัวมึงล้วงกระเป๋า"

"ปากดีขนาดนี้ บดปากโชว์แม่ยายดีไหมนี่ครับเมีย"         

แม่ผมเขินอายจนเอากล้องมาบังหน้า แต่เดี๋ยวน่ะ แม่ไม่ได้เขินนี่ครับ แม่แค่ตั้งกล้องรอ ท่าทางจะฟิน ทำไมแม่ไม่ช่วยลูกเลย ผมสู้รบตบมือสักพักจนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยจนแทนลงไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ส่วนแม่ผมก็รัวแฟลตจนกล้องค้างแล้วก็เลิกไปในที่สุด           

แทนเห็นว่าผมโอเคแล้วและมีแม่คอยดูแล จึงขอตัวไปอาบน้ำโกนหนวด แหมเป็นคนป่วยนี่มันดีจริงๆครับ มีแม่ปลอกแอปเปิ้ลให้กินด้วย งั่มมมมมมม 

"แม่ครับ หมอบอกว่าไงบ้างครับ" แทนเอ่ยถามหลังออกจากห้องน้ำ

"หมอบอกว่าดูอาการอีกวันนึง ยังไงแม่ฝากดูหนึ่งด้วยน่ะแทน"

"หืม แม่จะไปไหนอ่ะ" ผมพูดพร้อมเคี้ยวแอปเปิ้ลอย่างต่อเนื่อง

"ลูกเห็นชุดแม่ไหม" ผมพยักหน้า

"แม่ดูแปลกไปไหม"

"ไม่ครับ ปกติแม่ก็แต่งตัวเว่อร์แบบนี้อยู่แล้ว" ผมพูดพลางกินแอปเปิ้ลต่อ

"แม่จะถือว่าเป็นคำชมน่ะ อะเข้าเรื่อง แม่จะไปหาสามีแม่ที่อังกฤษ แม่จะส่งออก ในเมื่อลูกหายแล้วแม่ก็หมดห่วง งั้นแม่ไปล่ะ ยังไงแทนแม่ฝากหนึ่งสักสองอาทิตย์น่ะลูก บายยยยย"

พูดเสร็จแม่ก็พลางลุกขึ้นจับชุด ลากกระเป๋าเดินทางจากไป ท่ามกลางความมึนงง

"แม่เมียไปแล้วใช่ไหมครับ" แทนถามอย่างงงๆ

"เออ น่าจะน่ะ มึงว่าไง"

"น่าจะไปแล้วน่ะครับ"

เฮ้ออออ มาเร็วเครมเร็วแท้       

ตอนนี้ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ ผมก็ยังคงกินต่อ แทนก็นั่งกดทีวีเลื่อนไปเลื่อนมา จนผมต้องเอ่ยเพื่อกำจัดความเงียบ ทำไมเขินจังว่ะ 

"แทนขอบคุณน่ะ ที่คอยดูแลกู ขอบคุณน่ะ"

"ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ"

โถ พ่อพระแทนทำบุญไม่หวังผล กูคงมองมึงผิดไป

"เก็บแรงไว้ขอบคุณบนเตียงตอนออกจากโรงบาลดีกว่า"

อะ กูขอถอนคำพูด

"ยังไงออกจากโรงบาลเมียคงไม่รอด เพราะต้องไปอยู่คอนโดผัว"

"ใครบอกมึง" ผมลุกขึ้นพร้อมทำหน้างอใส่ แม่งจะล่อลวงกูล่ะสิ กูไม่หลงกลมึงหรอกแทน

"แม่เมียไง พึ่งฝากฝังเมื่อกี้"

"กูจะไปยังไง กูไม่มีเสื้อผ้า ของใช้อะไรก็ไม่มี"

"นี่ไง แม่เมียเก็บมาให้แล้ว" แทนพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ แม่น่ะแม่ ทำไมส่งเสริมให้ลูกไปตกอยู่ในอันตราย

"บ้านกูไม่มีคนเฝ้าน่ะมึง เดี๋ยวของหาย"

"ผัวจ้างยามไปเฝ้าให้แล้วครับ กลัวเมียไม่สบายใจเป็นห่วงบ้าน"

"กูเป็นห่วงหมาที่บ้านน่ะมึง ตัวที่กูบอกมึงว่าป่วยน่ะ ช่วงนี้แม่งเจ็บออดๆ แอดๆ"

"บ้านเมียไม่ได้เลี้ยงหมาครับ โกหกบดปากน่ะครับ"

"โว๊ย เออไปก็ไป" ผมคงหมดทางรอด ยอบรับในชะตากรรมอันโหดร้าย

           

ช่วงเย็นหมอมาตรวจอีกครั้ง อาการผมเป็นที่น่าพอใจ พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แทนจึงรีบจัดการจองตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากเราไม่มีรถและแทนไม่อยากให้ผมเหนื่อยจากการนั่งรถนานๆ เดี๋ยวจะป่วยอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นไอ้แทนมันจ่ายหมด แหมป๋าจริงๆ             

ผมนั่งเบื่อตลอดการเดินทางเพราะมือถือผมแบตหมดตั้งแต่ก่อนเข้าโรงบาล เหมือนชีวิตแทบขาดใจ แต่เดี๋ยวถึงคอนโดไอ้แทนค่อยชาร์ต ได้แต่นั่งกินขนมบนเครื่องไปพลางๆ  แต่แค่อึดใจเดียวก็ถึงกรุงเทพล่ะ ผมกับแทนอยู่บนแท็กซี่แล้ว ผมมองดูวิวด้านข้างวิวที่คุ้นเคย แต่ผมกับคิดถึง นี่ก็เวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว พระอาทิตย์กำลังคล้อยลงส่องประกายสีส้มแดงตัดกับทางด่วนที่พาดผ่าน แม้ไม่มีมือถือแต่การมีแทนร่วมทางด้วยก็สนุกไปอีกแบบ ถึงปากผมสองคนจะเอาแต่ทะเลาะกัน แต่แทนก็ดูแลผมไม่ห่าง จนทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแปลกๆ สงสัยไอ้แทนเอายาอะไรใส่ให้กินตอนอยู่โรงบาลแน่ๆ แม่งไว้ใจไม่ได้ 

"เมียอยากทานไรครับ มื้อเย็นเดี๋ยวผัวทำให้"

"โม้ป่าวเนี่ยมึง ทำอาหารได้ด้วย" แทนส่ายหัวพร้อมยักคิ้วให้

"เก่งนี่ ขอมือหน่อย ทำไรได้อีกเนี่ย" แทนโน้มตัวเข้ามากระสิบข้างหู

"เรื่องบนเตียงก็เก่งน่ะครับ เห็นว่าดีเลยอยากให้ลองดูสักครั้ง" ผมรีบพลักตัวแทนออก แม่งมึงอายใครบ้างไหมนี่ พี่คนขับอย่าสนใจมันน่ะครับ ช่วงนี้มันอยู่ในฤดูผสมพันธุ์ ไอ้เหี้ยแทนกูอาย พี่เค้ายิ้มใหญ่เลย

นั่งสักพักก็ถึงคอนโด ผมกับแทนช่วยกันลากกระเป๋าขึ้นลิฟท์

"นี่ไม่เคยพาใครขึ้นมาค้างที่คอนโดเลยน่ะ"

แหมมึงจะบอกพากูมาค้างคนแรกว่างั้น ทำไมกูปลื้มๆ ว่ะแทน

"ปกติจะทนไม่ไหวเลี้ยวเข้าโรงแรมก่อนน่ะครับ กับเมียนี่ผัวอดทนมาก"

โถ! พ่อคุณ กูต้องขอบคุณมึงไหมแทน     

ถึงห้องเราสองคนก็ต่างคนต่างเก็บของ อยู่กับแทนก็สนุกดีน่ะครับ ไม่เหงาดี หรือผมจะหลงรักมันเข้าแล้ว ไม่ไม่ไม่ ผมนั่งเถียงกับตัวเองสักพักก็ได้กลิ่นหอมลอยมา หิวววว ผมเดินตามกลิ่นไปเรื่อย   

"อ้าวทำเป็นจริงด้วยว่ะแทน กูนึกว่ามึงโม้น่ะเนี่ย"

"ทำไมงั้นล่ะครับเมีย มาลองชิมเลย" แทนพูดพลางตักให้ชิมพร้อมเป่า แหมบริการดีจริงๆ

"กินได้จริงไหมมึง"

แทนไม่ตอบ แต่ยื่นช้อนพร้อมพยักหน้า เอาก็เอาว่ะ

"เออ อร่อยน่ะ ข้าวต้มใช่ไหม ทำไงอ่ะ"

"รสดีไงครับเมีย ใส่ปุ๊บปิดฝาปรุงเพิ่มนิดหน่อย" แทนพูดพร้อมโชว์หลักฐาน สรุปกูต้องชมมึงต่อไหมหรือยังไง

           

แม้จะเป็นอาหารง่ายๆ และเอ่อ....ก็อร่อยด้วยรสดี แต่ผมก็รู้สึกสุขใจที่มีแทนคอยดูแลอยู่ข้างๆ ผมคงเผลอใจรักแทนเข้าไปแล้ว ผมเคยคิดว่าจะดีแค่ไหนที่จะมีคนรักและคอยดูแลเรายามป่วยไข้ แต่เรื่องอย่างว่าผมยังไม่พร้อมจริงๆ ผมควรเอาตัวรอดยังไงดี ในเมื่ออีกฝ่ายแม่งกะขุนให้อ้วนแล้วรอเชือดผมอยู่เนี่ย แล้วผมก็ไม่รู้ผู้ชายกับผู้ชายแม่งทำกันยังไง หนังโป๊ก็เคยดูแต่ของผู้ชายกับผู้หญิง ระหว่างที่ผมนั่งงงอยู่บนโฟซาพลางจิ้มผลไม้ที่ไอ้แทนปลอกให้ อืมมันก็อร่อยดี สบายดีด้วย กินเสร็จไอ้แทนก็ลเางจาน จนผมแทบจะเป็นง่อยล่ะ หรือจะเป็นง่อยดี

"ป่ะ ไปอาบน้ำกัน"

อืม ให้มันอาบน้ำให้ก็ดีน่ะ สบายดี

"เฮ้ย! อาบอะไรของมึง ออกไปเลย"

"จะอายทำไมครับเมีย เห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงล่ะ"

"เห็นอะไร อย่ามา หน้ามึงโกหกมาก กูหวงเนื้อหวงตัวจะตาย"

"อ้าว อุตสาห์ทำดี ทำไมเมียไม่เห็นค่าละครับ อยู่โรงบาลอุตสาห์เช็ดตัวให้ทุกวัน นี่ผัวก็ถูทุกซอกทุกมุมสะอาดจะตาย"

หาาาาา ผมตะลึงตาค้าง แทนพูดพร้อมทำท่าประกอบ

"เออออออ.....ทำไมมึงไม่ให้พยาบาลเช็ด"

"อ้าว ผัวกลัวเมียอายพยาบาลน่ะครับ ก็เลยอาส่าห์เช็ดให้ ผัวผิดรึครับ คนอุตสาห์หวังดี"

พูดเสร็จแม่งกอดอกทำหน้าบี้ กูควรด่าหรือชื่นชมมึงดี ยังไม่ทันจะบอกอะไร ไอ้แทนก็เอ่ยประโยคที่กูแทบจะอยากตายตรงนี้

"ว่าแต่เมียมีไฝตรงนั้น เค้าว่าถ้ามีตรงนั้นจะเซ็กส์จัดจริงไหมครับ ผัวแค่อยากรู้น่ะเลยลองถามดู แฮะแฮะ"

นั่นคือคำยืนยันว่ามันคงเห็นหมดแล้วจริงๆ ไอ้แทนเอามีดมาแทงกูดีกว่าถ้ามึงจะถามกูแบบนี้

---------------------------------------------


กลับมาแล้ว ขอโทษที่ช้าค่ะ หายไปอาทิตย์นึง สิ้นปีงานเยอะแยะมากมาย คนอ่านไปเที่ยวไหนกันค่ะ เดินทางกันดีๆ น่ะ เดี๋ยวว่างจะมาลงให้อ่านอีกน่ะคะ เรื่องมาครึ่งทางล่ะค่ะ หลังจากนี้ก็จะหวานขึ้นเรื่อยๆ เตรียมเลี่ยนกันได้เลยค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:11:58
ตอนที่ 19 : ไอจี เบบี้

อืมมมมม ผมตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจบนเตียงนุ่มนิ่มในห้องไอ้แทน ดื่มด่ำกับชัยชนะเมื่อคืน แม่ไอ้แทนจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน แต่ผมก็คือผู้ชนะผู้ได้ครอบครองเตียงและห้องนอนแต่เพียงผู้เดียว อยากรู้สิครับว่าผมรอดเงื้อมมือมันมาได้ยังไง ผมจะย้อนเวลากลับไปเล่าให้ฟัง 

"สรุปจะอาบน้ำด้วยกันไหมครับเมีย"

"แทน คือหนึ่งว่าห้องน้ำมันแค๊บแคบ เราสองคนเข้าไปก็คงจะอึดอัด แคบๆ อย่างนั้นคงทำได้ไม่กี่ท่า แทนเห็นด้วยไหม"

แทนพยักหน้าพร้อมปาดน้ำลาย

"งั้นหนึ่งว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า แทนไปอาบน้ำก่อน แล้วมานอนรอตรงโซฟาห้องนั่งเล่น พื้นที่กว้างดี จะบนโต๊ะ ตู้ ระเบียง ยังไงก็ได้ตามใจแทนตกลงไหม"

พูดเสร็จไอ้แทนก็วิ่งเข้าห้องน้ำ พร้อมวิ่งออกมานอนรอบนโซฟาในเวลาไม่ถึงนาที

"งั้นหนึ่งไปอาบน้ำก่อนน่ะ"

แทนพยักหน้าหงิกๆ ผมส่งยิ้มหวานก่อนเดินเข้าห้องนอน พร้อมล็อกประตู เหมือนแทนมันจะไหวตัวทัน แต่ก็ไม่ทันล่ะครับ แหมมันจะทำเสียงหงิงๆ หน้าประตูแต่มึงก็พลาดแล้วแทนเอ๊ย           

ผมแค่นึกก็นั่งหัวเราะอย่างผู้ชนะ พลางมองนาฬิกาก็เกือบจะสิบโมงแล้ว ผมเดินออกมาจากห้อง พร้อมมองหาไอ้แทนก็ไม่พบแต่อย่างใด มีแต่เพียงโน้ตที่ติดไว้บนตู้เย็นว่าออกไปทำธุระ พร้อมบอกเวลาและองศาในการอุ่นอาหารเช้าที่แทนทำทิ้งไว้ในตู้เย็น แหม ช่างดูแลดีจริงๆ           

ผมนั่งทานข้าวที่อุ่นเสร็จเรียบร้อยที่เคาท์เตอร์ในห้องครัวพลางหยิบมือถือที่ชาร์ตเสร็จแล้ว กดมาเปิดเครื่อง ไม่ทันจะได้ทำอะไร เสียงแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังสนั่นหวั่นไหว จากการแจ้งเตือนโปรแกรมต่างไม่ว่าจะเป็นเฟสบุคหรือไลน์ ผมค่อยๆ กดดูส่วนมากในเพสก็จะเป็นเพื่อนๆ ในคณะที่ถามเกี่ยวกับอาหารป่วย เนื่องจากว่างและเบื่อๆ ผมเลยไล่ตอบทุกคน จนครบ นั่งรอจนเบื่อ แดกขนมจนหมดตู้เย็น จนเหลือแต่ไก่ดิบ แม่งก็ยังไม่กลับ กดมือถือไปมา จนนึกได้ว่าแม่จดไอจีอะไรสักอย่างให้ บอกให้เข้าไปดูจะรู้อะไรมากขึ้น ด้วยความยากเสือกเรื่องแทนผมรีบวิ่งปรี่ไปห้องนอนลื้อคนจนเจอ สงสัยไอ้แทนแม่งแอบหลีสาวในไอจี พึ่งรู้ว่ามันมีไอจีด้วย นอกใจกูจะตัดแม่งให้เป็ดกิน นี่กูหึงมันรึ ไม่น่ามึงน่ะคิดมาก         

หลังจากที่เถียงกับตัวเองเสร็จ ก็กดเข้าไอจีเพื่อเสิร์จหาชื่อ Forever_N&T หรือมันขายรังนก สโลแกนแม่งได้ รอสัญญามือถือหมุนสักพักภาพไอจีก็ปรากฏ ภาพโปรไฟล์เป็น มือของคนสองคนจับมือกัน ซึ่งมืออีกข้างเป็นมือของไอ้แทนแน่แท้ เพราะผมจำแหวนที่นิ้วก้อยมันได้ แต่อีกข้างนี่ใคร ผมนึกสงสัยพร้อมเลื่อนดูคำบรรยายใต้รูปโปรไฟล์ Dedicate to my love. โอ้หวานจนเลี่ยน ผมเบ้ปากหนี ว่าละอย่างไอ้แทนมันคือเสือ แม่งคงซุกสาวไว้ แม่งปวดตรงหัวใจ ดีล่ะที่ผมไม่ไว้ใจแม่ง กูจะตัด ตัดจนไม่เหลือตอ จนผมเลื่อนมาดูรูปภาพในอัลบั้ม ผมงงเป็นไก่ตาแตก จนต้องกลับไปดูภาพ โปรไฟล์ใหม่ สรุปนี่ไอจีใคร ทำไมมันมีแต่รูปกู ในอัลบั้ม มีแต่รูปผมทั้งนั้น เลื่อนไปกี่ร้อยรูปก็มีแต่รูปผม ผมเริ่มไล่ดูจากรูปล่าสุด ซึ่งรูปวันนี้ที่ผมนอนอยู่บนเตียง ไอ้เหี้ย สรุปมึงมีกุญแจ แล้วทำไมไม่เข้ามาปล้ำกู พร้อมแคปชั่นใต้รูป

"นอนขี้เซาขนาดนี้ ปล้ำซะดีไหม"         

ผมจึงลุกขึ้นนั่ง พร้อมดูรูปทีละรูปพร้อมอ่านคำบรรยายใต้ภาพอย่างละเอียด ภาพเป็นรูปภาพผมในอิริยาบถต่างๆ นี่แทนมันมีภาพผมมากมายขนาดนี้เชียวหรือผมนั่งดูรูปต่างๆ พลางให้ย้อนถึงวันเวลาที่ผ่านมา มันมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย แทนเก็บรูปผมทุกวันและอัพวันล่ะหนึ่งรูป บรรยายถึงบรรยายกาศต่างๆ ที่ทำวันนั้น ไม่ว่าภาพนั้นหน้าตาผมจะเหี้ยแค่ไหน แม่งก็ลง 360 องศาให้กูสักครั้งแม่งก็ไม่เคย เหี้ยจริงๆ ภาพต่างๆ มันก็บรรยายเรื่องราวต่างๆ มากมาย และลงบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ทำร่วมกันมาและเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นต้องมีครั้งแรกเสมอ เช่น เดินด้วยกันครั้งแรก กินข้าวด้วยกันครั้งแรก ดูหนังครั้งแรก ไปบ้านกันครั้งแรก จับมือกันครั้งแรก จูบกันครั้งแรก ทุกๆ อย่างมีวันที่บันทึกไว้เป็นความทรงจำให้นึกถึง เหมือนกับแทนรอที่จะทำสิ่งนั้นๆ ร่วมกันมานานแสนนาน ผมค่อยๆ ดูค่อยๆ เลื่อนมาจนถึงภาพที่ผมเจอมันครั้งแรกที่โรงอาหารคณะ พลางนั่งคิด แม่งคงเขียนไม่พ้นเจอกันครั้งแรก แต่แม่งเสือกเขียนโดนแฟนต่อยครั้งแรก กูหมดอารมณ์เลยแทน แม่งฟีวลิ่งกูกำลังได้ เกือบหลวมตัวให้มึงล่ะ แต่ความสงสัยของผมก็หมดไป เมื่อมันมีรูปก่อนหน้าที่เราเจอกัน ไม่ว่าจะตั้งแต่ผมสอบติดมหาลัย เรียนจบม.ปลาย เข้าค่าย โน่น นี่ นั่น ผมจึงเลื่อนมาเรื่อยๆ เหี้ย! ผมอุทานออกมาเสียงดัง ม. ปลายที่ว่าแน่แล้ว แม่งยังมีม. ต้น ตอนที่ผมยังใส่แว่นหนาเตอะ ผมเลื่อนๆ อ่านไปเรื่อยๆ บอกว่าวันนั้นผมทำอะไรบ้าง พร้อมลงวันที่เสร็จสับ บางรูปผมยัง ไม่มีเลย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรมาในวันนั้น ผมเลื่อนมาเลื่อย ม.ต้นที่ว่าแน่ แม่มียังประถมตอนตัดผมเกรียน ไอ้เหี้ย ไปเอามาจากไหน นี่มันก่อนไอจีจะมีด้วยซ้ำ ภาพยังเป็นรูปถ่ายกล้องฟิล์มที่เหมือนแสกนมาอีกที ผมนั่งดูภาพเก่าๆ พร้อมอ่านข้อความใต้ภาพ เหมือนย้อนวันเวลาต่างๆ เหมือนได้ดูหนังเรื่องยาวที่เล่าชีวประวัติตัวเอง จนถึงภาพสุดท้าย ภาพที่ไม่ได้เป็นรูปผมคนเดียว ทั้งๆ ที่ทั้งไอจีนั้นมีแต่ภาพผม ในภาพน่าจะสักอนุบาลได้ เพราะผมยังมีผ้ากันเปื้อนติดอยู่เลย ข้างกายมีเด็กผู้ชายคนนึงที่คงซนหน้าดูเพราะมันยังมีพลาสเตอร์ลายการ์ตูน ผมไม่รอช้ารีบอ่านคำบรรยายพร้อมคำบรรยายใต้ภาพ** **

"การลาจากครั้งแรก และครั้งสุดท้าย"         

ผมเดาผิดมันไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก ผมจำได้ทันทีนี่คือคนที่ผมพบเจอตอนอนุบาลไอ้บ้าคนนึงที่บอกชอบผม และสัญญาที่จะกลับมา มันขโมยจูบแรกของผมไป ทันทีที่นึกย้อนไป แม่งเหมือนเส้นผมบังภูเขา ทำไมผมจำมันไม่ได้ อาจเป็นเพราะมันเป็นแค่คำสัญญาของเด็กอนุบาลเกเรๆ คนนึง ใครคนนึงที่ไม่รู้ว่าจะยึดมั่นในคำสัญญาแบบเด็กๆ วันนั้น ใครจะคิดว่ามันจะกลับมา ภาพนี้มันทำให้ผมกระจ่าง ไม่กังวลหรือลังเลใดๆ ในความเจ้าชู้ของไอ้แทนอีกต่อไป เพราะมันยึดมั่นในคำสัญญา แม้มันจะเป็นคำสัญญาที่ไม่คิดจะจริงจัง แต่แทนก็มั่นคงในสัญญานั้น ผมอยากจะทึ้งหัวตัวเองนักที่จำแม่งไม่ได้ นั่งอยู่สักพักทำไมอยู่ดีๆ ทำไมรู้สึกเขินขึ้นมา อย่างกับเด็กสาวแรกรุ่น ยังไม่ทันได้หาคำตอบ ผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ฉิบหาย ด้วยความตกใจผมจึงเอามือถือไปซ่อน (ไอ้เหี้ยจะซ่อนทำไม ปิดหน้าจอแม่งก็ไม่รู้แหละ ไม่รู้กูลน)

สักพักไอ้ตัวต้นปัญหาก็เข้ามา

"เมียทำไรครับ" แทนเดินเข้ามาหาผมยังห้องนอน

"ปวดฉี่น่ะ" เฮ้อรอดแล้วกู

"ฉี่ตรงหัวนอน" แทนพูดพร้อมชี้มือ เหี้ย ไม่ได้กูต้องไม่มีพิรุธ

"ไม่ใช่มึง กูกำลังจะไปเข้า" พูดเสร็จผมก็ลุกจะเดินไปห้องน้ำ แต่ต้องหยุดเพราะไอ้แทนดึงแขนอะไรของมึงอีกกกกกก

"เดี๋ยวน่ะครับเมีย ทำไมหน้าแดงๆ ตัวร้อนไหมครับ แหงนหน้าหน่อย" พูดเสร็จแม่งก็ดึงผมเข้าใกล้ๆใกล้อีก ใกล้อีก ผมเลย...

"หลับตาทำไมครับเมีย แค่วัดไข้" อ้าว เออโทษๆกูนึกว่าจะทำอย่างอื่น

"ว่าแต่เมียดูแปลกๆ น่ะครับมีอะไรรึเปล่า" เอ้า แม่งโคนันเข้าสิงห์มึงรึ

"แปลกตรงไหนมึง ปกติ....." ว่าแต่กูจะโหนเสียงสูงทำไม

"อืมเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผัวไปโทรศัพท์......."

"ไม่มีมึง ไม่มีอะไรในมือถือทั้งนั้น กูไม่ได้เปิดดูอะไรเลย" ผมพูดพลางส่ายหน้า เห็นไอ้แทนหัวเราะ ในลำคอ หรือมันจะรู้แล้ว 

"จริงๆ เมียไม่น่าจะโกหกน่ะครับ" ฉิบหายล่ะกู

"มันก็เป็นปกติของผู้ชายน่ะครับ อีกอย่างเราก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน เรื่องอย่างนี้เราช่วยกันได้" เดี๋ยวน่ะ

"เมียแอบดูหนังโป๊ใช่ไหมครับ หน้าถึงแดงขนาดนี้"

เฮ้อ กูคงตีค่าสมองมึงมากไปแทน

"เออ กูเงี่ยนน่ะมึงนอนโรงบาลมาหลายวัน ก็ต้องปลดปล่อยบ้าง"

"ทำไมไม่รอให้ผัวช่วย"

"ก็มึงไม่อยู่"

"ทำไมไม่เล่นด้วยกัน"

"มึงไม่อยู่"

"ทำไมไม่รอล่ะครับ"

"โว๊ยยยยยย กูจะขี้ล่ะ"

"ไม่ฉี่แล้วเหรอครับ"

"ฉี่ด้วยขี้ด้วย"

"เข้าไปด้วยได้ไหม เผื่อเล่นช่วยตัวเองกัน"       

กว่ากูจะรอดมาได้ นี่เถียงกันตั้งแต่ไม่ปวดจนนี่ปวดจนจะอั้นไปอยู่ล่ะ ผมตั้งสติสักพัก จึงเดินออกไปทำตัวให้ปกติ แต่ทำไมใจสั่น เดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นไอ้แทนอยู่ในครัว 


"โหเมียครับถ้ากินเรียบขนาดนี้ไม่เทน้ำใส่แก้วแล้วลากไก่ดิบมากินในแก้วล่ะครับ"

"แทนหิวเหรอ หนึ่งขอโทษ เดี๋ยวหนึ่งไปซื้อของกินในซุปเปอร์ใต้ตึกให้ป่ะ" แทนเพิ่งมองพร้อมเข้ามาจับตัวดูหน้าหลัง ทำไมใจสั่น

"ผัวว่าเมียป่วยน่ะ ล้มในห้องน้ำ แล้วหัวฟาดชักโครกใช่ไหม ทำไมพูดเพราะ"

"โว๊ยยยย เออๆ กูแค่อยากพูดดีด้วย"

"ทำไมต้องพูดดีด้วย" แทนขมวดคิ้ว

"อ้าวไอ้เหี้ยนี่ สรุปมึงจะเอาไง สงสัยอะไรนักหนา มึงวิญญาณโคนันเข้าสิงห์รึ"

"เฮ้อ ได้เหี้ยมาตัว ค่อยสบายใจหน่อย ปกติ ปกติ" มึงออกมาต่อยกับกูตัวๆ ไอ้แทน ว่าแต่ทำไมกูต้องพูดสุภาพกับมันด้วย งงตัวเองนอนตายแม่งบนโซฟานี่แหละ ไอ้แทนยังคงรื้อค้นในครัวอยู่ 

"เค เดี๋ยวเราออกไปกินข้าวตอนเย็นแล้วค่อยแวะซื้อของในซุปเปอร์ล่ะกันน่ะ"

"โหยยย ป๋าอะ แดกไรล่ะมึง"

"ชาบูไงครับเมียได้อ่านไลน์เพื่อนบ้างไหมนี่ มัวแต่นั่งดูหนังโป๊" มึงจะยัดเยียดความหื่นให้กูให้ได้ใช่ไหม ว่าแต่อ่านอะไรของมึงงง

"อ้าวทำหน้าเป็นหมาสงสัยอีก ก็เพื่อนๆผัวกับเมียจะเลี้ยงฉลองที่เมียหายป่วยไง เพราะฉะนั้นงานนี้แดกฟรีครับเมีย" ผมลุกขึ้นตบมือพร้อมเพรียงกับไอ้แทน งานแดกฟรีนี่ขอให้บอกดีใจยิ่งกว่าถูกหวย แดกให้เรียบ นอนอดอยากมานาน เข้าร้านไหนเจ๊งร้านนั้นแน่

ผมกับแทนรีบสับกันอาบน้ำอย่างว่อง ไม่มีเถียงใครอาบก่อนอาบพร้อมกัน เรื่องแดกฟรีเราสามัคคี ทุกอย่างเป็นปกติ จะแปลกตรงที่ตัวผมเองนี่แหละ ทำไมเขินๆ ไอ้แทน ใจมันสั่น แต่ช่างเถอะ แดกฟรีต้องมาก่อน ผมก้าวขึ้นรถพร้อมแทนใจจดจ่อกับการกิน อยู่ดีๆ แทนก็โน้มตัวลงมาเหมือนจะกอด

"เฮ้ยยย" ผมร้องเสียงหลงหลับตาปี๋ จะทำไรก็รับทำ

"เมีย เมียครับ หลับตาทำไม"

"ทำเลยมึง จะทำไรก็รีบทำ"

"เสร็จแล้วครับเมีย ทำไมหน้าแดงๆ สรุปมีไข้ไหม" อะไรของมึง เสร็จอะไรของมึง

"สรุปทำอะไร ทำไมมันเสร็จเร็วจัง" ผมลืมพร้อมลืมตา ไม่เห็นทำให้ไรเลย จูบแม่งก็ไม่จูบ

"คาดเบ้ว" แทนพูดพร้อมทำหน้างง อ้าว กูก็นึกว่าจะทำอย่างอื่น

"วันนี้เมียดูแปลกๆ น่ะครับ พรุ่งนี้ไปตรวจหน่อยไหม"

"เห้ย ไม่เป็นไรปกติ" พูดเสร็จแม่งก็เอามือมาวัดไข้ ทำไมแอร์มันร้อนๆ ว่ะ

พอแทนแน่ใจว่าผมไม่มีไข้ก็ขับรถออกไปยังสถานที่นัดหมาย

เราสองคนต่างนั่งเงียบ แทนก็คงใช้สมาธิในการขับรถ เพราะรถค่อนข้างแน่นช่วงห้าโมงหกโมงก็งี้แหละครับ เพื่อทำลายความเงียบ หลอกถามอะไรมันหน่อยดีกว่า

"วันนี้ไปไหนมามึง ทำไมทิ้งให้กูอยู่คนเดียว"

"ไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโน่นนี่นั้น เดี๋ยวมันตัดเมียจะเดือดร้อน" ดี๊ดี เป็นห่วงกูทุกลมหายใจ

"ทำไมครับ อยู่คนเดียวคิดถึงผัวรึ" คิดถึงสิ เฮ้ยไอ้เหี้ยไม่ใช่

"แทนกูไม่ยังค่อยรู้เรื่องของมึงเลย กูถามมึงได้ไหม" อย่าหาว่าผมไม่ใส่ใจน่ะครับ แต่ปกติเราก็เอาแต่ทะเลาะกัดกัน ผมเลยไม่ค่อยรู้เรื่องของมันมีแต่มันที่รู้เรื่องของผม แต่ก่อนก็สงสัยว่าแม่งรู้ได้ไง แต่ตอนนี้หายสงสัยล่ะครับ แดกหญ้ามานานหายโง่ล่ะครับ

"วันนี้มาแปลก เอาสิครับอยากรู้ไรล่ะ เรื่องบนเตียงไม่ตอบน่ะ เน้นปฏิบัติ ไม่เอาทฤษฎีน่ะครับ" โหหหห กูอุตสาห์อยากรู้

"แทนมึงชอบกินไร"

"กินข้าวครับ แดกหญ้าแม่งไม่ย่อย" ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ

"ปกติเวลาว่างชอบทำไร"

"ชอบซ้อมท่าครับ เผื่อลงสนามกับเมียจะได้ไม่ลืม" อืม ดูเตรียมพร้อม ใจเย็นๆ ลูกใจเย็น

"ปกติชอบดูหนังแนวไหน"

"หนังโป๊น่ะครับ เอาไว้ฝึกท่าใหม่ สรุปมันเรียกแนวไหนน่ะครับ งง"

"โว๊ยยยไอ้แทนกูจริงจัง ตอบดีๆตอบดี" แม่งหาเรื่อง ดูดิ

"มึงเรียนที่อเมริกามากี่ปี"

"หืม ก็ตั้งแต่ป.1. น่ะครับ"

"เหรอ งั้นอนุบาลมึงเรียนที่ไหน"

"ก็เรียนโรงเรียนอนุบาลไงครับ"

"กูรู้ ไอ้แทนฟังดีๆ กูถามว่าที่ไหน"

"ที่ห้องเรียน" แทนทำหน้างงใส่

"ไอ้เหี้ยจะเอาใช่ไหม กูถามว่าที่ไหน"

"ที่ไหน คืออะไรครับงง"

"กูหมายถึงมึงเรียนที่ไทยรึ อเมริกา" อารมณ์กูชักขึ้น

"อ้าว! ถึงซะแล้ว ป่ะกินฟรี"

เออ อยู่ดีๆ แม่งก็ถึง ป่ะไปแดกฟรีกัน ผมสังเกตุมาหลายทีล่ะ แทนมันไม่เคยโกหกผม อันไหนที่มันจะไม่ตอบ แม่งก็เลี่ยงอย่างนี้ทุกที เอาไว้คราวหน้าค่อยเอาใหม่ล่ะกัน ก็มันหิวน่ะ

ผมเดินลงมาพร้อมมุ่งหน้าเข้าห้าง แต่กับถูกไอ้แทนกุมมือพร้อมยิ้มให้

"ป่ะ ไปกินข้าวกัน"

ผมไม่มีท่าทางขัดขืนใดๆ พร้อมเดินตามไปต้อยๆ ข้างในใจมันอบอุ่น ร้อนวูบวาบ จิตใจอ่อนไหว สั่นดั่งกลองรัว มันรู้สึกแปลก ผมแหงนมองหน้าไอ้แทน ใจมันก็สั่น ไอ้นั่นก็........ เหี้ย!


-----------------------------------------


กลับมาแล้ว ช่วงนี้งานยุ่งมากกกกกก ว่างปุ๊บมาปั๊บ สวัสดีปีใหม่ด้วยน่ะคะ ตอนแรกกะให้ทันคริสต์มาส แต่ไม่ทัน 5555 ขอให้คนอ่านทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่น่ะคะ เที่ยวให้สนุกเดินทางปลอดภัยค่ะ

รักที่สุด

****Aemmilicious​
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:12:58
ตอนที่ 20 : เสียตัวอย่างมีชั้นเชิง

ทันที่ที่ถึงร้านผมนี่แทบกระโดดเข้าตะคลุบอาหาร แต่ไอ้แทนแม่งขัด ดึงแขนไว้ก่อน ขัดกูจริงจริ๊ง

"เมียครับ นั่นหมู ไม่ใช่ไก่ แดกดิบไม่ได้ครับ" เออกูลืม     

ผมรีบเดินแทรกไปนั่งกับตือหวาน จับตะเกียบเตรียมพร้อม อีกด้านเป็น กันต์ โจ๊กและพี่หมอก เหลือไอ้แทนที่นั่งเก้าอี้เสริมตรงหัวโต๊ะ 

"แหมมึงสวีทไม่ได้เกรงใจคนโสดเลย" โจ๊กหนุ่มโฉด เอ๊ยโสดคนเดียวของโต๊ะ

"มึงไม่หาบ้างล่ะว่ะโจ๊ก มาอิจฉาคนอื่นอยู่ได้" แทนกล่าวทักทาย

"กูไม่มีเป็นตัวตน แต่ของกูไม่เคยขาดไม่แห้งแล้งเหมือนมึงน่ะครับ" โจ๊กตอบพร้อมหัวเราะ

"เอ้า พอพวกมึง ดีใจน่ะครับที่น้องหนึ่งหายแล้ว มือนี้พี่เลี้ยงกินให้เรียบครับ" พี่หมอกพ่อพระของผม ทุกคนตบมือเฮสามัคคีกันสุดก็เรื่องกินฟรีนี่แหละครับ           


ผมทักทายเพื่อนทุกคนเสร็จ แล้วก็พร้อมลงมือ เรื่องกินเรื่องใหญ่ แดกเสร็จค่อยว่ากัน ผมจ้วงสักพัก แดกไม่ลืมหูลืมตา จนเริ่มแน่น พลางวางตะเกียบ นั่งแน่นอยู่ลำพัง หันมองบรรยากาศเพื่อนๆ ทำไมมันเหม็นกลิ่นความรักแปลกๆ         

หันไปมองไอ้หวานกับกันต์ ปกติไอ้กันต์ก็เอาใจไอ้หวานอยู่แล้ว แต่นี่มันก็ยิ่งเอาใจเกินกว่าเหตุ หวานอยากได้อะไร กันต์ก็หยิบมาให้ บนสายพรานไม่มี แม่งก็วิ่งไปสั่งมาให้ จนไอ้หวานบอกจะเข้าห้องน้ำ แม่งก็แทบวิ่งเข้าไปฉี่แทน           

มาดูพี่หมอกกับตือ แต่ก่อนแม่งมีแต่ไอ้ตือตามพี่หมอกไม่ค่อยเห็นพี่หมอกมันสนใจอะไร เดี๋ยวนี้กลับเป็นพี่หมอกที่คอยเอาใจไอ้ตือ ดูแล้วมันยังไงยังไง นี่ถ้าพี่หมอกแม่งเคี้ยวให้ได้ นี่เคี้ยวให้ด้วย ไอ้ตือคงแค่กลืนลงคออย่างเดียว

"เมียครับ ปากเปรอะ" อืม มันต้องพอดีๆ พอดีแบบไอ้แทนนี่ ผมยื่นหน้าทำปากจู๋ให้เช็ด

"กินหมูนุ่มไหม แต่ร้อน เดี๋ยวผัวเป่าให้ก่อน" อืม เอาให้มันพอดีแบบนี้ ไอ้พวกนี้แม่งโอเว่อร์สัด เอาผักด้วยแทนแดกแต่หมูขาดไฟเบอร์ ผมนึกพลางเอามือชี้ไปที่ผัก ผัก ผักน่ะ

"โว๊ยยยยย อยากตาย กูพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แม่งบาดตาคนโสด" โจ๊กพูดไม่พูดเปล่า แม่งปาตะเกียบ ลำบากพนักงาน ต้องไปเอามาให้ใหม่ แม่งเล่นใหญ่ 

เราทั้งหกหันหน้ามองกัน หาว่าใครแม่งสวีท บ้า ทุกคนปกติ มึงน่ะผิดปกติโจ๊ก

"ใครสวีทว่ะ กูไม่เห็นมี" กันต์แย้ง

"อืม พี่ดูทุกคนก็ปกติน่ะ" พี่หมอกเสริม

"ไอ้โจ๊ก มึงดูหงุดหงิดแปลกๆ น่ะ เมนท์มึงมารึเปล่า"

จริงแทน ทุกคนพยักหน้า เห็นพร้อมต้องกันอย่างที่เห็น ไอ้โจ๊กทำหน้าหมดอะไรตายอยาก พร้อมยอมรับความผิดหนึ่งเสียงรึจะสู้หกเสียง         

เราตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างไม่ลดล่ะ พนักงานเดินเติมน้ำจิ้ม น้ำดื่ม จนเดินไม่ไหว เลยเอาโต๊ะมาตั้ง พร้อมวางทุกๆ อย่างให้เติมกันเองอย่างเต็มที่ เห็นพนักงานเดินบ่อยๆ ก็เกรงใจครับบอกตรงๆ นั่งกินไปคุยไปสักพักทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เหลือเพียงหม้อเปล่าๆ ตรงหน้า ผมมองแต่ล่ะคนอิ่มจนแน่น อย่างไม่ต้องสงสัย

"กินของหวานกันไหมครับทุกคนพี่ไปตักให้" พี่หมอกมึงดูสภาพกูด้วย กูจะมีพื้นที่เหลือไหม

"ตือเอาวนิลาใส่นมเยอะๆ" แค่มึงกับพี่หมอกสองคนก็หวานจนจะเลี่ยนกันอยู่ล่ะ ยังจะใส่นม เห็นกลิ่นความรัก

"หนึ่งเอาไรไหมครับ" พี่หมอกมึงยังกล้าถามกู มึง....

"เอาเหมือนตือครับ ขอบคุณครับ"   

สงสัยกูต้องออกไปย่อย ผมยังไม่ลืมจะชวนตือกับหวานออกไปปรึกษาเรื่องไอ้แทน 

"หวาน ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"หนึ่งนี่ไม่ใช่มัธยมปลายค่ะ จะชวนกูไปยืนฉี่ข้างๆ รึ"

"เออน่า ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย ตือด้วย" ผมกระพริบตาส่งซิกถี่ๆ

"เค ตือไปด้วย" เรียบร้อยไปล่ะหนึ่งคน เหลือแต่มึงล่ะหวาน

"กระพริบตาหวานให้กูทำไม ขนลุกเพื่อนกันไม่กินกันเว้ย" หมดหนทาง ผมเลยกระทืบเท้ามันไปที

"โอ๊ย" ร้องซะลั่นเลยมึง

"เป็นไรครับหวานเรียกรถโรงพยาบาลไหม" มึงก็เล่นใหญ่ไปกันต์

"หวานปวดฉี่น่ะ ป๊วดปวด ปะ ห้องน้ำ" พูดเสร็จก็พร้อมใจกันลุกพรวดวิ่งไปห้องน้ำ

"สงสัยหวานจะปวดมากเดินตัวงอเลย" แหม กันต์มึงห๊วงหวงกันเนอะ ขี่คอตามหวานมาเลยไหมมึง

เดินมาสักพักผมก็มาหยุดตรงหน้าห้องน้ำ

"หวาน ตือ กูมีเรื่องจะปรึกษา"

"ทำไมไม่เข้าไปคุยในห้องน้ำ" หวานถาม

"หวานแต่นั่นมันห้องน้ำชาย"

"เออ ห้องน้ำชายสิดี กูอยากเข้ามานานล่ะ"

ยังไม่ทันจะห้ามอะไรหวานก็ก้าวพลวดเข้าไป พร้อมส่งเสียงทักทาย

"เชิญกันตามสบายน่ะคะ ถือว่ามาทัศนศึกษาล่ะกันค่ะ ไม่รบกวน"

มันจะรบกวนตรงประโยคมึงนี่แหละ เอาซะคนวิ่งออกจากห้องน้ำแทบจะไม่ทัน

"กูลองยืนฉี่ได้ไหมมึง" หวานหันมาถามความเห็น

"กูว่าฉี่ในห้องไหมมึง เอาไว้ตอนมึงเมาค่อยลอง"

"หวานพยักหน้าเห็นด้วย" โล่งเลยกู

ต่างคนต่างไปทำธุระ แล้วมาเจอกันตรงอ่างล้างมือ

"หวาน ตือ กูมีเรื่องจะปรึกษา" พูดเสร็จไม่ทันจะเข้าเรื่องหวานตอบกูเรียบร้อย

"ครั้งแรก ไม่เจ็บมากมึง กูว่ามึงต้องทนได้" หวาน อืม ขอบใจมึง ไม่ใช่โว้ย ผมส่ายหน้า

"อ้อ มึงก็ทำความสะอาดปกติมึง แต่อาจจะต้องใช้สายฉีดเข้าไป กูอธิบายไม่ถูก ลองหาใน google ดู" ตือ อันนี้ก็ไม่ใช่มึง

"หยุด ตั้งใจฟังกูอย่าพูดแทรก กูพูดไปพวกมึงอย่าตกใจกันน่ะโว้ย" เพื่อนทั้งสองพยักหน้าอย่างสอดรู้สอดเห็น สรุปห่วงกูชิมิ

"แทน มัน....มันรู้จักกูตามจีบกูมาตั้งแต่อนุบาล" ตกใจกันล่ะสิ ผมพูดเสร็จพลางดูกริยาของเพื่อน

"เออ แล้วยังไง รีบพูดกูจะไปแดกของหวาน ไอติมกูละลาย" หวานกูเพื่อนมึงน่ะ นี่เพื่อนไง

"ทำไมไม่ตกใจ"

"โอยยยย กูรู้ตั้งนานล่ะ" หวานพูดพลางแคะเล็บอย่างเซ็งๆ

"ตั้งแต่มันมาจีบมึงใหม่ๆ ล่ะ ไม่งั้นมันจะเข้าหามึงได้ง่ายๆ รึ กูเคยปล่อยให้ใครมายุ่งกับเพื่อนกูง่ายๆ ไหม คิดคิดคิด" เออ จริงทำไมกูไม่เอ๊ะใจ หวานเพื่อนเลว

"ทำไมไม่บอกกู"

"กูต้องบอกเหรอ" เออ ไอ้เหี้ยหวานต้องบอกกูสิ ปล่อยกูโง่ตั้งนาน

"สรุปมีไรตื่นเต้นกว่านี้ไหม" ไอ้หวานในเมื่อมึงเรียกหาความตื่นเต้น

"ไอ้แทนมันมีไอจี ในนั้นมีรูปกูตั้งแต่อนุบาล" ช็อก ช็อกล่ะสิ

"อืม เมื่อเช้ากูก็ไปคลิ๊กไลน์มา มันถ่ายรูปสวยเนอะ" ไม่ใช่ตือมึงอย่าเบี่ยงประเด็น

"มึงรู้ได้ยังไง"

"อืม พี่หมอกบอก นี่ก็คลิ๊กไลน์ให้ตลอด" ไอ้เหี้ยทำไมไม่มีใครบอกกู

"สรุปมึงมีอะไรที่มันใหม่ แล้วน่าตื่นเต้นกว่านี้ไหม"

อะไอ้เหี้ย เอาให้หมด

"ช่วงนี้กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ"

"แปลกยังไง"

"คือกูเห็นไอ้แทน แล้วกูมีอารมณ์แบบ...."

"โอ๊ยยยย แม่งกวนตีนขนาดนั้น เป็นกูก็อารมณ์เสีย ปกติ ปกติ" อย่าขัดกูได้ไหมว่ะหวาน

"คือกูเห็นแล้วกูแบบแข็ง" โอยยยย พูดแล้วกูก็อาย

"แข็งแบบอารมณ์กรี้ยวกราดงี้ ปกติมึง แทนแม่งชอบกวนตีนไง" ตือไปวิ่งเล่นกับหวานด้านโน่นเลยมึง

"โว๊ยยยย Kกูนี่แหละ เห็นไอ้แทนแล้วKกูแข็ง โอเคไหมเคลียร์"

"เออ นี่สิแปลกใหม่" หวานตบมืออย่างชื่นชม

"หนึ่งรู้สึกยังไงกับแทน" ตือถาม เป็นงานเป็นการ หวานมึงหยุดเล่นก่อน

"ก็อยู่ใกล้ แล้วใจมันสั่นๆ วูบวาบวูบวาบ"

"มึงเงี่ยนน่ะสิหนึ่ง เพื่อนกูจะเสียซิงแล้วโว๊ย" ตือหันหน้าไปจิปากใส่หวานเล็กน้อย

"หนึ่งแค่มีอารมณ์กับแทนน่ะ" ตือ ไอ้เหี้ยมันความหมายเดียวกับประโยคไอ้หวานเมื่อกี้ป่ะ ความหมายมัยเหมือนกันไหมว่ะ เหมือน รปภ กับเซอร์เคียว แต่เออกูจะหื่นก็ต้องหื่นแบบผู้ดี ขอบคุณมึงมากตือ

"แล้วแทนมันไม่ทำอะไรมึงรึ" หวานถามอย่างลุ้นสุดตัว

"มันก็บอกจะทำ แม่งก็แกล้งๆ แล้วมันก็ไป ไม่ทำไรสักที"

"ตายๆ เพื่อนกูรอผู้ชายมาลวนลาม อารมณ์เสียผู้ายไม่ลวนลาม ตาย ตายตาย" หวานส่ายหน้าอย่างระอา"

"ปล้ำแทนไหมหนึ่ง" ตือ กูน้ำตาจะไหล

"กูทำไม่เป็น" เหี้ยกูจะร้องไห้ในความอ่อนหัดของตัวเอง

"ถ้ามึงทำไมเป็น มึงก็ต้องอ่อยมัน ให้มันมาทำแทน" เออตั้งแต่มึงคุยมา มีอันนี้แหละที่กูเห็นด้วย

"บอกแทนตรงๆ มันง่ายกว่าหรือเปล่าหวาน" ตือเสนอทางเลือก

"ไม่ได้มึง เสียตัวทั้งทีมันต้องมีชั้นเชิง" แหม หวานกูเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

"เดี๋ยวกูคิดวิธีให้ เดี๋ยวพวกเราออกไปแดกก่อนอยู่นานไม่ได้" หวานทำหน้าเคร่งเครียด

"เดี๋ยวไอ้แทนสงสัยใช่ไหม" แหมกูโง่มานาน ฉลาดล่ะกูทีนี้

"สงสัยเหี้ยไรล่ะมึง ป่านี้ไอติมกูละลายเป็นน้ำล่ะ แดกก่อนล่ะค่อยคิด ไปๆ"

กูจะร้องไห้.....           


ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะใกล้เวลาที่ห้างจะปิดล่ะ จะเหลือแต่ผมกับแทนที่ยังเลือกซื้อของในซุปเปอร์เพราะเป็นส่วนที่ปิดดึกกว่าส่วนอื่น เลือกซื้อของตอนนี้ก็ดีน่ะครับ คนน้อย เลือกเพลินดี ไอ้นี่ก็น่ากิน ไอ้นี่ก็น่าลอง ไอ้นี่ก็อร่อย เลือกไม่ถูกเว้ย ซื้อแม่งหมดเลย

"เมียครับ สติครับ ซุปเปอร์ไม่ย้ายหนี เอาไว้ซื้อคราวหน้าบ้างก็ได้ครับ ไม่ได้เอารถสิบล้อมา ใจเย็นหน่อยครับ"

"เลี้ยงไม่ไหวเหรอมึง กูจ่ายเองน่าอย่ากังวล" ผมตบอกตัวเอง ป๋ากว่ากูจะหาใครเทียบ

"เมียคนเดียวเลี้ยงไหวอยู่แล้วครับ แต่เมียแดกหมดน่ะครับ" บ้า มึง แม่งหน้าแดงๆ

"เอ้า ช่วยกันกินไง อยู่กันสองคน นี่ซื้อเผื่อกินกันสองคน กูทำไรคิดถึงมึงตลอดแทน" มึงคิดว่ากูซื้อไปแดกคนเดียวรึ บ้าน่าแต่กูแดกคนเดียวก็หมดน่ะ กูเป็นคนจิตใจดีคิดถึงมึงตลอด แม่งพอพูดงี้ไอ้แทนทำท่าเขินพร้อมยื่นบัตรมาให้รูด แม่งถ้ารู้อย่างงี้กูพูดนานล่ะ ป๋าจริงๆ สักพักหวานแม่งก็ไลน์มา


หวานกว่าน้องนี้หาที่ไหน: อยู่ไหนมึง

Nueng: ซุปเปอร์ชั้นล่าง

หวานกว่าน้องนี้จะหาไหน: ดี มากูจะสอนมึงอ่อยไอ้แทน

ผมอ่านวิธีอ่อยที่หวานส่งมาให้ มันจะดีเหรอว่ะแต่หวานบอกได้ผลมึงลองดู เออ เอาก็เอาว่ะ


วิธีที่ 1: ไร้เดียงสา อ่อนต่อโรคเหมือนไม่มีสมอง

หวานอธิบายสั้นว่า ผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงแบบใสๆ แบ๊วๆ ไร้เดียงสา ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่า แม้ผมจะแย้งว่า กูเป็นผู้ชาย แต่แม่งก็เถียงว่าไอ้แทนแม่งก็ฟันหญิงมาทั้งมหาลัยล่ะ เหลือแต่คณะบดีที่ยังไม่โดน เออจริง ต่อมึงหวานกูผิดเอง ไร้เดียงสาเหรอ อืมมมมม ทำไงว่ะ อ้อกูรู้ล่ะ โชคดีที่กูฉลาด หวานกูจัดให้ตั้งแต่ในซุปเปอร์เลยล่ะกัน 

ผมเดินทุกแผนก จนถึงแผนกเป้าหมาย ใช่ครับแผนกถุงยาง

"แทนอันนี้อะไรน่ะ" ผมพูดพลางหยิบกล่องถุงยางมากล่องนึง เป็นไงมึง แบ๊วพอไหม

"ถุงยางไงครับเมีย" แทนทำหน้างงใส่

"ถุงยางคืออะไร" ตาย มึง หลงกูตายแน่

"ถุงยางคือถุงยางครับเมีย" อึ้งล่ะซิมึง เจอใสๆ เป็นไง เป็นไง

"อืม แล้วมันใช้ยังไงล่ะ งง" เสร็จกู เดี๋ยวแม่งต้องชวนกูไปสอนวิธีใช้ชัวร์ ทำไมมันง่ายอย่างงี้

"รู้สึกมันมีวิธีใช้ด้านหลังน่ะครับ อ้อ ต้องซื้อน้ำเปล่าด้วย สักสองแพ็ก"

พูดเสร็จแม่งก็ทิ้งกูให้ค้างแล้วเดินไปหาน้ำเปล่า ปล่อยกูให้อ่านวิธีใช้  ทำไมทำกับกูอย่างงี้             

ผมนั่งรถมาอย่างเซ็งๆ พร้อมนั่งทบทวนวิธีที่หวานส่งมา ถึงห้องปุ๊บกูจะเริ่มปฏิบัติการทันที ไม่รอดแน่นแทนเอ้ยยยย

วิธีที่ 2: ยั่วยวนด้วยเนื้อหนังมังสา

 "มีคนเคยกล่าวไว้ว่าผู้ชายจะคิดเรื่องเพศทุก 5 นาที แต่ไอ้แทนน่าจะทุกๆ 5 วิ ฉะนั้นการที่มึงเปิดเนื้อตัวเผยเรือนร่าง ย่อมกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ดี ขี้คร้านมันจะทนไม่ได้กระโดดปล้ำมึง" โอยยยย แค่คิดเลือดกำเดากูก็แทบพุ่งกระชูด

ทันที่ถึงห้องวางของปุ๊บ ผมนี่รีบพุ่งไปอาบน้ำ พร้อมตะโกนขอยืมชุดไอ้แทนมาใส่ เจ้าตัวก็ดูไม่ว่าอะไรเสร็จ เสร็จกูแน่ๆ ผมรีบอาบน้ำขัดสีฉวีวันขัดตั้งแต่ซอกคอยันซอกไข่ โดนยังไงวันนี้ก็ต้องโดน กูเห็นในละครทำบ่อย แม่งสำเร็จทุกครั้ง แทนเสร็จกูแน่ ผมอาบน้ำจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุม ไม่ลืมฉีดน้ำหอม เอาให้แบบกลิ่นยั่วยวนนิด ผมรีบเช็ดหัวให้หมาดๆ กึ่งแห้งกึ่งเปียก พร้อมเอาเสื้อเชิร์ตไอ้แทนมาใส่ ผมเคยดูในละครเวลาผู้หญิงใส่เชิร์ตผู้ชายแล้วแบบไหล่ตกแม่งโครตเซ็กซี่ ลองทำดูเผื่อเวิร์ค โอยยยย แค่คิดก็เสียว ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมไม่รอช้า แทบจะเอาตีนถีบประตูพุ่งไปหาแทน ไหนว่ะ ผมมองหาไอ้แทนสักพัก เห็นกำลังง่วนกับการจัดของใส่ตู้เย็น ให้มันรู้ไปแทนว่ากูเอาชนะตู้เย็นไม่ได้         

ผมจัดเสื้อให้ไหล่ตกข้างนึง พร้อมเดินไปหาแทน ยังไม่ทันไร แทนแม่งก็จ้องตาไม่กระพริบ เป็นไงมึง อึ้ง อึ้งเลย

"เมียครับนี่ฉีดหรืออาบน้ำหอมครับ ทำไมฉุนขนาดนี้ แล้วนี่ฉีดน้ำหอมนอนรึครับ" อ้าว กูฉีดเยอะไปรึ มึงคิดว่ากูจะยอมแพ้ง่ายๆ รึ ผมรีบไปยืนใกล้ พร้อมสะบัดผมเล็ก ทำท่าใสๆ ยั่วยวนใส่ เสร็จ เสร็จกู

  "เมียครับ ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้ง สะบัดผมทีพื้นเปียกหมดแล้ว ไปไดร์ผมให้แห้งเลย" แม่งไล่กูเข้าห้องเฉยเลย ใช่ครับ ผมแพ้ตู้เย็น แม่งสนใจตู้เย็นมากกว่ากู           

ผมไดร์ผม พร้อมคิดแผนการใหม่ ยังไงคืนนี้มึงก็ไม่รอดแทน

ผมเดินออกไปอีกที เมื่อมั่นใจว่าผมแห้งแล้ว แม่งมองผมแวบนึง แล้วจัดของต่อ กูกับผู้เย็นมึงเลือกใคร

"แทน หนึ่งหิวววว ขอนมแก้วนึง" กูคงต้องหาตัวช่วย

"โอยเมียครับ ที่แดกไปเอาไปเก็บไว้ไหนครับ หิวอีกแล้ว"

"เออน่า จะแดก เอามา กูวัยกำลังกิน กำลังนอน" ผมทำท่าจิปากเล็กน้อย แทนมันไม่ว่าอะไร เข้าแผนกู

"อุ๊ย.... นมหก เลอะหมดเลย" ผมพูดเสร็จพลางปดกระดุมเสื้อจนเกือบหมด แทนหันมามองตาค้าง เป็นไงมึงเจอของขาวอย่างกูไป มาปล้ำกูซะดีๆ

"แดกแค่นี้ยังหก คราวหน้าใส่ขวดนมให้ดูดดีไหมครับ" เหี้ยแทน มึงไม่อ่อนโยนกับกูน่ะ สัดเอ๊ย

"ไปล้างแล้วเปลี่ยนชุดเลยเดี๋ยวเหนียวตัว เดี๋ยวตรงนี้ผัวเช็ดเอง" แม่งไล่กูอีกแหละ มึงมันกามตายด้าน ผมเดินคอตกเข้าห้องพร้อมพิมพ์บอกหวานว่าแผนล้มเหลวเพียงใด หงุดหงิดเว๊ย

ผมจึงต้องพับโครงการ แล้วไปอาบน้ำอีกรอบ กูหมดอารมณ์จะยั่วมึงล่ะ ใส่แม่งขาสั้นเสื้อยืดเก่าๆ เป็นตัวของตัวเองสัด เดินมาคีบห่อขนมพร้อมหนังสือการ์ตูนหนึ่งเล่ม ทำตัวสบายตามที่มึงบอกเป๊ะออกมาเห็นแม่งจ้องแลปท็อป สงสัยแม่งเล่นเกมส์ มึงมันไม่อ่อนโยน เดินไปนอนตายตรงโซฟาหน้าทีวีละกันกู 

"เมียดูผลสอบยังครับ"

"ผลสอบ" อะไรงง ผมรีบเดินไปดูแลปท็อป

"ผัวได้คะแนนรวม 3.78 เมียได้เท่าไหร่" เอ๋ แทนมึงเรียนเก่งเหมือนกันนี่ เดี๋ยวน่ะ ผลสอบ ผลสอบ ใช่ผลสอบ แม่งเอ๊ยทำไมกูคิดไม่ได้

"อ้าวตายละ กูได้ 2.50 แม่งแพ้มึงเลย เดี๋ยวกูไปแก้ผ้ารอบนเตียงน่ะ แม่งแพ้ แย่แย่แย่ แต่ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูด" ผมเดินส่ายหัว เข้าไปห้องนอน แต่พอลับตา ห่าเอ๊ยยย ทำไมเสียตัวที มันง่ายแบบนี้ รู้งี้กูไม่ต้องไปยั่วมันให้เสียเวลา สบายใจ ผมเดินพลางร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์


---------------------------------------------------------------------------

 ** **
Tan Part

หืม... ทำไมไม่ขัดขืน แถมยังดูอารมณ์ดีแปลกๆ ผมงงกับพฤติกรรมของหนึ่งมาก หรือแม่งเมานม แล้วไอ้คะแนน 2.50 นี่ คือเรื่องจริงหรืออะไร ผมคิดสักพักก็ต้องกดเข้าไลน์เห็นการแจ้งเตือนในกลุ่ม 


กันเอง นี่กันไง: เอาเงินมาเลยโจ๊กมึงแพ้

โจ๊ก เก้านิ้ว: โหยยย กูน่าจะพนันข้างน้องหนึ่ง กูไม่น่าเข้าข้างไอ้แทน ใครคิดว่าน้องหนึ่งจะได้ 3.99 อีก 0.01 จะเหลือไว้ทำไมครับ"

กันเอง นี่กันไง: เอาแรงไปคร่ำครวญที่อื่นมึง แพ้พนันก็ต้องจ่าย เอาเงินมา โอนมา ไม่รีบ พร้อมทิ้งเลขบัญชี

โจ๊ก เก้านิ้ว: สัดดดด เอ๊ย มีเพื่อนโง่ เสียใจ


หืมมมมมม?

-----------------------------------------------------

กลับมาแล้ว ขาดๆ หายๆ บ้างต้องขอโทษด้วย ด้วยงานอะไรต่างๆ     

จะพยายามเขียนให้ได้อาทิตย์ละตอนน่ะคะ

รักทุกคน Happy New Year ค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 5 [Update 23:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-01-2018 02:13:57
ตอนที่ 21 : โซ่ แซ่ กุญแจมือ [Full Version With NC]

แทน

จะว่าไปช่วงนี้หนึ่งก็ดูแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ หรือโกหกมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่ อืมมมม ยิ่งคิดยิ่งสงสัย แล้วทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง ปกติต้องแข็งขืน นี่ไม่รีบวิ่งไปแก้ผ้านอนรอแล้วรึ หรือไปทำอะไรผิดมา ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องหาทางถามให้รู้เรื่อง ไอ้อยากมันก็อยาก แต่ยังไงต้องถามให้รู้เรื่อง แต่ถามดีๆ คงไม่ตอบ งั้นคงต้องวิธีนี้สินะ

  ผมเดินเข้าห้องนอนอย่างระมัดระวัง ไม่แน่มันอาจจะหลบหลังประตูตีหัวผมสลบแล้วนอนอย่างสบายใจก็เป็นได้ เจ้าเล่ห์แบบนี้ มีคนเดียวล่ะครับแฟนผม   

ผิดคาดหนึ่งนั่งรออย่างสงบอยู่ริมเตียง ดูลุกลี้ลุกลนชอบกล ไม่ได้ล่ะต้องเค้นให้รู้เรื่อง แล้วค่อยปล้ำยันเช้า อิอิ

"แทนมานี่ มานี่"

หนึ่งลุกขึ้นมาพร้อมดึงผมไปกอด ดูหนึ่งตัวสั้นๆ ประหม่า แต่ก็ยังทำใจกล้า

"ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง รู้ไหมครับจะเกิดอะไรขึ้น"

หนึ่งไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าเข้าใจ ตบะก็จะแตก เรื่องค้างคาก็ต้องถาม แม่งเอ๊ยยยย เอาเลยล่ะกัน


ผมดันหนึ่งนอนลงบนเตียง ค่อยๆ คลายกอดให้หลวมขึ้น ดันคนข้างล่างลงนอนในท่าที่สบาย หนึ่งคงยังไม่ขัดขืนแถมคล้อยตามอย่างง่ายดาย ผมค่อยๆ ลูบเข้าไปใต้เสื้อ เพื่อสัมผัสผิวกายของหนึ่งช้าๆ หนึ่งเอ่ยเสียงครางเบาๆ ผมไม่รอช้าบรรจงจูบ สัมผัสริมฝีปากเบาๆ สองสามที ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปช่วงชิงรสหวานร้อนแรงภายในช่องปาก ผมจับมือหนึ่งข้างนึงขึ้นเหนือหัว ยังคงจูบอย่างไม่ลดล่ะ ลมหายใจของเราสองคนเริ่มหายใจติดขัด ผมเอื้อมมือไปกระเป๋าหลังกางเกงล้วงกุญแจมือมาคล้องมือข้างของหนึ่งอย่างนุ่มนวลพร้อมคล้องกุญแจกับหัวนอน เรียบร้อย โอยยยย เกือบตาย ลูกพ่อใจเย็นๆ ก่อนยังไงคืนนี้ได้แน่ลูก ยังไงหนึ่งมันหนีไม่รอดล่ะ ผมพูดปลอบใจแทนน้อยที่พร้อมรบเต็มที่

"เอ๋?" หนึ่งทำหน้าสงสัย

"เมียจะตอบได้ไหมครับ ว่าทำไมวันนี้ยอมง่ายๆ"

"เอ๋???????"

"ไปทำอะไรผิดมาไหม จะสารภาพไหม ทำไมยอมง่าย"

"เอ๋??????????"

"ถ้าพูดเอ๋อีกคำ เอาแซ่ตีนะ" ผมพูดขู่พลางเดินไปหาแซ่

"เอ๋???? เฮ้ยยยยไม่ใช่ ไอ้เหี้ยแทนมึงไปเอาของพวกนี้มาจากไหนอ่ะ ไอ้เหี้ย สาดิสต์รึไงมึง"

"โจ๊กซื้อมาฝากตอนไปญี่ป่นครับเมีย ไม่ชอบซาดิสต์ แต่ไม่ตอบก็คงต้องทำ"

ผมพูดพลางฟาดแซ่ลงบนพื้นเสียงดังสนั่นจนหนึ่งสะดุ้งลุกมานั่ง

"พี่แทนใจเย็นนะครับ น้องหนึ่งว่าเรามาคุยกันก่อนดีกว่า" หนึ่งทำใจดีสู้เสือ พร้อมทำท่าอ้อนวอน

"งั้น เมียก็ต้องตอบมาดีๆ ครับ ทำไมยอมง่ายๆ ไปทำอะไรผิดมาสารภาพมาซะดีๆ" ผมทำหน้าเคร่งครึม

"จริง กูก็ไม่เต็มใจหรอกมึง แต่กูแพ้พนันมึงไง กูเลยต้องจำใจยอม ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดไงมึง ไม่งั้นกูจะยอมมึงง่ายๆ เหรอ"

"อย่ามาโกหก"

"เอ๋???" ทำไมวันนี้เอ๋หายครั้งจัง ผมถอนหายใจพร้อมยื่นไลน์สนทนาของเพื่อนในกลุ่มให้ดู

"เอ๋?????" คราวนี้เอ๋อย่างเดียวไม่พอ แม่งขึ้นเสียงสูงด้วย

"สรุปว่ายังไงครับเมีย อย่ามาโกหก" ขู่ไปแม่งก็ไม่กลัว สงสัยต้องเน้นอุปกรณ์

หนึ่งยังคงไม่ตอบแถมลุกขึ้นมาทำท่าแกะและกระชากกุญแจมือ กระชากแรงๆ แม่งไม่รู้จะขาดไหม ขาดไปเดี๋ยวเสียเรื่อง ต้องรีบจบเรื่อง ไอ้โจ๊กแม่งบอกซื้อมาจากร้านเซ็กทอยที่ญี่ปุ่น ไม่รู้แม่งจะทนทานขนาดไหน

"ไม่บอกใช่ไหมครับ"หนึ่งยังไงเงียบแข็งขืน ดีได้ครับ

"งั้นก็ต้องมาให้ครบ กุญแจมือ แซ่มาแล้ว ขาดอะไรน้าาาา อ้อเทียน ต้องมีเทียนสิน่ะครับ"

ผมพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบเทียนไขอันเล็กที่ใช้จุดตอนไฟดับที่หัวเตียง

"พี่แทนครับ น้องหนึ่งว่าแค่นี้ก็พีกมากแล้ว พี่แทนอย่าเล่นเทียนดีกว่า เดี๋ยวไฟไหม้จะลำบาก" หนึ่งพูดปลอบพร้อมทำหน้าน่าสงสาร

"นั่นสีครับ เทียนแค่นี้ต้องมากังวลว่าไฟไหม้ไหม งั้นเอาอันใหญ่ดีกว่า จะได้รู้ว่าไฟไหม้ชัวร์ ไม่ต้องกังวลสบายใจ"

พูดเสร็จผมเอี้อมมือไปหยิบเทียนหอมบนหัวเตียงที่ขนาดแทบจะใกล้เคียงกับเทียนพรรษา แต่สั้นกว่ามาก อย่างน้อยก็ผ่อนคลายล่ะวะ นี่ผัวเป็นคนดีนะครับกลัวเมียเครียด

"เฮ้ยยยย ไอ้แทน มึงไม่อ่อนโยนกับกูนะ"

"เมียครับจะบอกหรือไม่บอก ว่าแต่ราดน้ำตาเทียนตรงไหนดีน้าาาา" 

"บอกแล้ว บอกแล้ว แทนมึงอย่านะ" เรียบร้อย

ผมดับเทียน พร้อมลากเก้าอี้มานั่งสอบสวนข้างเตียง

"สรุปเมียไปทำอะไรผิดมารึเปล่า" หนึ่งส่ายหัว

"โกหกอะไรอยู่ไหมครับ" หนึ่งก็ยังส่ายหัว

"สรุปมีอะไร ทำไมถึงทำตัวแปลกๆ"

"คือ.....กูจำได้แล้ว" หืม?

"จำอะไรได้ครับ"

"กูจำมึงได้แล้วแทน" อะไรงง

"ทำไมเมียพูดวกไปวนมา พูดไม่เคลียร์ จุดเทียนคุยล่ะกันสว่างดี"

ผมพูดพลางจะหันไปจุดเทียน แต่ต้องค้างเพราะคำพูดต่อมาของหนึ่ง

"กูจำมึงได้แล้ว ว่ามึงกับกูเคยเรียนด้วยกันตอนอนุบาล"

ผมตกใจแทบตกโต๊ะ เพราะหนึ่งไม่มีทีท่าว่าจะจำได้เลยแม้แต่น้อย อยู่ดีๆมาจำได้ ระลึกชาติได้ว่างั้น

"แล้วทำไมยอมง่ายๆ" ต่อให้หนึ่งนึกขึ้นได้ว่า เราเคยเรียนด้วยกันมา แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่หนึ่งจะยอมมีอะไรกับผมง่ายๆ เพราะหนึ่งไม่เคยมีท่าทีที่จะรักหรือห่วงใยผมมาก่อนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันต้องมีอะไรกว่านี้แน่นอน

"คือ...กู..."

"โอ๊ย ชักช้า หน้ามืด จุดเทียนโว๊ย"

"คือกูเห็นไอจีแล้ว" หืม ไอจีอะไร

"ไอจีอะไร" หรือว่า...

"ไอจีที่มึงสร้างให้กูนะ ที่มีแต่รูปกูนะ" ตายตายตาย ทำไมความลับที่ไม่เคยบอกทำไมมันรั่วไหลไปแค่วันเดียว

"รู้ได้ยังไงใครบอกครับ"

"แม่บอกตอนอยู่โรงพยาบาล.... พึ่งว่างเข้าไปดูวันนี้" พูดอยู่ดีๆ แม่งกูนั่งก้มหน้า เอามือจิ้มเตียง

เฮ้ออออ แม่ยายนะแม่ยาย เอาความลับมาเปิดหมดเลย กะจะแกล้งไปเรื่อยๆ สักหน่อยหมดกัน แต่ช่างเถอะครับไม่รู้วันนี้วันหน้าก็ต้องรู้อยู่ดี

"แล้วทำไมยอมง่าย.... เห็นรูปตัวเองแล้วมีอารมณ์งี้"

"ไม่ใช่มึง.... คือกู.....  แบบ....."

"แบบ?"

"คือกูไม่รู้จะบอกมึงยังไง คือกูเฮ้อ..... กูแบบ...."

"หน้ามืดอีกแล้วสิครับ ทำไมติดๆ ขัด จุดเทียนล่ะกันครับ"

"กูเห็นมึงแล้วกูมีอารมณ์นะ กูใจสั่นๆ ร้อนวูบวาบ อยากกอด อยากจูบอยากโดนลวนลาม" หนึ่งรีบพูดแล้วแม่งหน้าก็แดง หันไปจิ้มเตียงต่อ

ผมชะงักไปชั่วขณะ หลังจากได้ยินความในใจของหนึ่ง

"แล้วยังไงอีกครับเมีย" ผมวางเทียน พร้อมย้ายมากอดคนที่อยู่บนเตียง

"ถ้าทำแบบนี้แล้วใจสั่นไหม" ผมเอื้อมมือไปโอบกอด พร้อมส่งริมฝีปากเข้าไปประกบช้าๆ พร้อมสอดลิ้นใส่เข้าไปช่วงชิงความหวาน มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปช้าๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ จนหนึ่งดิ้น เหมือนจะเรียกร้องลมหายใจ

"ทำแบบนี้ล่ะครับรู้สึกยังไง"

"อืม มันใจสั่นๆ....ร้อนวูบ...อยากได้อีก" พูดเสร็จแม่งก็หน้าแดง

ผมไม่รอช้ารีบกดคนข้างล่างลงกับเตียง ลากลิ้นเลียไปที่กกหู หนึ่งผวาโผเข้ากอด ผมจึงค่อยๆ ลากลิ้นช้า เข้าไปกดจูบแสดงความเป็นเจ้าของที่คอ จูบจนคอห้อเลือด หนึ่งสะดุ้งเล็กน้อย

"แล้วแบบนี้ละครับ รู้สึกยังไง"

หนึ่งเงียบ หน้าขึ้นสีแดงจนมองเห็นได้ชัด

"ไม่ตอบใช่ไหมครับ แสดงว่าไม่รู้สึกต้องทำอีกข้าง"

"เฮ้ยยยย... รู้สึกดีมึง มันแปลกๆ กูว่ากูแบบ" หนึ่งไม่พูดต่อ แต่ชี้มือไปที่หนึ่งน้อยที่แข็งสูสี กับแทนน้อย

ผมไม่รอช้ารีบดูดคอขาวเข้าให้ ประทับรอยไปอีกรอย

"อืม....  ตอบแล้วทำไมยังกัดคอกูอีก"

"คำตอบน่ารัก ต้องให้รางวัล"

ผมขึ้นคล่อมคนด้านล่าง พร้อมลุกขึ้นนั่งปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตตัวเอง พลางมองคนด้านล่างที่มองมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใจนึงก็อยากดูอีกใจนึงก็กลัวล่ะสิครับ

"แทน"

"ว่าไงครับเมีย" ผมก้มลงนอนทับพร้อมถอดเสื้อยืดของหนึ่งออก

"ขอโทษน่ะ ที่กูจำมึงไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้มึงต้องรอนานขนาดนี้ คือ..." พูดเสร็จแม่งก็เขินเอง

"คืออะไรครับ"


"....หนึ่งรักแทนน่ะ"


สิ้นประโยค ผมเหมือนได้ยินเสียงพุจุดฉลองอยู่ด้านนอก อย่างกับช่วงปีใหม่ มันดั่งสนั่น สว่างไสวสวยงามจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูด ทำให้ใจผมชุ่มชื้นหลังจากขาดน้ำมานาน และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่คนที่ผมรักที่สุดรับรักและรักตอบกลับมา มันทำให้รู้ว่าความพยายามในหลายปีที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า ผมก้มลงเลียซอกคอต่อ ลากมาเรื่อยๆ จนถึงยอดอก ผมก้มลงดูดจนหนึ่งแอ่นตัวขึ้นจึงขบลงไปเล็กน้อย ไม่ลืมที่จะใช้มือเขี่ยอีกข้าง สับไปมาจนคนได้ล่างหายใจหอบไม่ได้สับ จึงเปลี่ยนเลื้อยลงมาเรื่อยๆ จนถึงกางเกงขาสั้น เชือกผูกเอว ผมเอื้อมมือไปกระตุกเชือก แต่ต้องโดนมืออีกคนขัดก่อน

"แทนมึงไม่ปลดกุญแจมือหรือ" ผมนั่งคิดสักครู่ จึงตอบไปอย่างอ่อนโยน

"ไม่เอานะครับ เดี๋ยวเมียหนี" มาต่อครับ

"แล้วเมื่อไหร่จะปล่อย" ขัดกูจังครับเมีย

"เดี๋ยวเสร็จรอบหนึ่งก่อนค่อยปล่อย" อืม ทำไมผมฉลาดแบบนี้ มามา ต่อกันดีกว่าครับ

"มีหลายรอบเหรอ ทำไมมีหลายรอบเอารอบเดี๋ยว" เมียครับทำไมขัดผัวจัง รอบเดียวก็รอบเดียว เสร็จก็นับหนึ่งใหม่ อิอิ

"รอบเดียวก็รอบเดียวครับ" โอมมมม จงเชื่อกู จงเชื่อกู

"มึงต้องอ่อนโยนกับกูไม่ทำกูเจ็บนะ" โอยยยย กูจะไม่ไหวแล้ว

"ครับอ่อนโยนครับ" มา ต่อกันสักที

"แล้วไม่เจ็บล่ะ ไม่เจ็บด้วย"


ตึงงงงงง

เสียสติที่ขาดไปแล้ว ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงดึงกางเกงหนึ่งพรวดเดียวหลุดทั้งกางเกงในกางเกงนอก เมียกระเถิบขึ้นหัวเตียง ผัวก็ตามไปติดๆ เอาจนหัวชนหัวเตียงจนไม่มีทางไปล่ะ มาต่อกันครับ 

ผมค่อยๆ เอามือจับแกนกลางค่อยๆ รูดขึ้นรูดลง พร้อมมองหน้าคนที่หมดทางสู้ ผมไม่ลืมกดนิ้วไปเล่นน้ำใสๆ ที่ออกมาบริเวณตรงหัว จนทำให้หนึ่งทนไม่ไหวส่งเสียงครางออกมาตลอดเวลา ผมค่อยๆ เคลื่อนมือช้าเร็วสลับกันไป ตามองหน้าคนบนเตียงที่บิดไปบิดมา อย่างตาไม่กระพริบ ช่างเป็นภาพประทับใจ ที่ผมรอมานานแสนนาน

"แทน....  พอ... กูจะไม่ไหวแล้ว" มีหรือครับที่คนจริงอย่างผมจะฟังเสียง ได้ยิ่งดังนั้นผมยิ่งเพิ่มความเร็ว จนคนข้างล่างดิ้นไปดิ้นมา จนตัวหนึ่งกระดุกพ่นน้าขาวขุ่นออกมา

หนึ่งนอนหอบหายใจรวยริน มีหรือที่คนจริงอย่างผมจะปล่อยผ่าน ผมเอามือด้านหนึ่งไปหยิบกระดาษเช็ดชู่บนหัวเตียงเผื่อเช็ดน้ำที่เปรอะเปื้อนบนตัวเมีย มือข้างหนึ่งหยิบเจลหล่อลื่น ทามือ อาศัยช่วงหนึ่งเหนื่อยหอบค่อยๆ ขยายช่องทางทีล่ะนิดทีล่ะนิด

"เหนื่อยๆ ไหมครับเมีย"

"อืม...." ไม่มีเสียงอื่นเล็ดรอดออกมานอกจากเสียงหอบ สรุปมึงหอบหรือมึงขาดน้ำครับเมีย

"เห็นไหมบอกแล้วว่าไม่เจ็บ" เช็ดไปด้วย คุยไปด้วย จนผมเริ่มแน่ใจว่ารูเริ่มขยายแล้วจึงเพิ่มนิ้วเจ้าไปอีก 1 นิ้ว อิอิ

"โอ๊ยยยยย.... เจ็บ"

"เป็นไรครับเมีย" ใสๆ ไปกู เผื่อรอด

"ทำไรมึงไอ้แทน เจ็บ"

"นี่ค่อยๆ แล้วน่ะครับเมีย"

"หยุดเลย ไอ้แทนหยุด"

"อ้าว ทำไมงี้ล่ะครับเมีย เมียมีความสุขแล้วจะไม่ช่วยผัวเหรอ"

"แต่มันเจ็บอ่ะแทน ช่วยอย่างอื่นได้ไหม" สักพักผมก็เห็นแสงสว่างรำไร

"งั้นทำอย่างอื่นก็ได้ครับ ไม่เจ็บด้วยสนุกด้วย"

"ทำอะไรมึง ท่าทางมึงชอบกล"

"งั้นเมียใช้ปากให้หน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวผัวแกะกุญแจมือให้ด้วย"

ผมเห็นท่าทางหนึ่งลังเลเล็กน้อย สงสัยต้องกระตุ้น

"ไม่เอาไม่เป็นไรครับ มาทำกันต่อดีกว่า"

"เออ เออก็ได้ บอกไว้ก่อนน่ะ กูทำไม่เป็นน่ะ"

"ไม่เป็นไรครับค่อย เรียนรู้กันไป" โอยยยยย กูฝันที่เป็นจริง เมียจะใช้ปากให้ ออกไปรถชนตายไม่เสียดายชีวิตล่ะ บรรลุทุกอย่าง

ผมเข้าไปปลดกุญแจมือ พร้อมเอาอีกข้างมาคล้องกับมือตัวเอง

"อ้าวไหนจะปล่อยไง"

"ไม่ได้ครับเดี๋ยวเมียหนี ยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่" หนึ่งเบ้ปากแต่ก็ลุกมาทำอย่างโดยดี ผมลงไปนอนแทนที่ มองดูหนึ่งถอดกางเกงผมช้า ทั้งกางเกงนอก กางเกงใน จนแทนน้อยโผล่มาทักทาย

"โหยมึง มันจะเข้าไปได้ยังไง ใหญ่ขนาดนี้ มึงกะให้กูตายคาอกมึงรึ"

"เมียยังไม่ลอง จะรู้ได้ไงครับว่าเข้าได้ไม่ได้" หนึ่งถอนหายใจเล็กน้อย พลางนั่งก้มตัวลงกลางหว่างขาของผม พร้อมเอามือจับ โอ๊ยสวรรค์ แทนใกล้จะบรรลุแล้วครับ

"ไม่ทำได้ไหมมึง เอาไว้คราวหน้าไหมมึง" แหม ขนาดนี้ล่ะครับเมีย เดี๋ยวจับยัดปากซะเลย ไม่อ่อนยง อ่อนโยนแม่งล่ะ

"เห็นใจผัวหน่อยครับเมีย นี่แข็งจนจะตีปากเมียแตกอยู่ล่ะ ถือว่าช่วยๆ กัน" ผมทำหน้าอ้อนวอนดุจแมวในเรื่อง Shrek



ทันทีที่ริมฝีปากหนึ่งสัมผัสลงมา ผมเสียวจนบรรยายไม่ถูก ผมเสียวจนตัวเกร็งมือที่คล้องกุญแจต่างประสานมือกันอย่างเหนียวแน่น หนึ่งค่อยเลื่อนสักพักจนกลืนส่วนแกนกลางเข้าไปทั้งหมด ผมเสียวจนจะไม่ไหว แต่หนึ่งก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นเลื่อนลงช้า ดูหนึ่งพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ฟันโดนของของผม เวลาผ่านไปสักพักกับความพยายามที่น่ารักของหนึ่ง ผมเห็นแล้วทนไม่ได้

"พอเถอะครับ" โอยไม่ไหวแล้วครับ

"แต่มึงยังไม่เสร็จเลยน่ะ"

ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง จับหนึ่งนอนด้านล่าง แทรกกลางลำตัว ทาเจวหล่อลื่น แทงพรวดไหนครั้งเดียว

"โอ๊ยยยยยยย ไอ้เหี้ยแทนเจ็บ ไหนบอกจะไม่ทำไง"

"เมียครับ ไม่มีสัจจะในหมู่โจรครับ ยังไงก็เข้าไปแล้ว เอาออกจะเจ็บกว่าเดิมเป็นสิบเท่าน่ะครับ" เห็นหนึ่งน้ำตาคลอแล้วมีความสุข สงสัยผมจะซาดิสต์

"แล้วกูต้องทำไงล่ะ" น้ำตาไหลเอ่อ แม่งเห็นน้ำตาเมียแล้วมีความสุขแท้

"ทนๆ เอาหน่อยน่ะครับแวบเดียวก็เสร็จ" ผมพูดปลอบพร้อมค่อยๆ ขยับตัวช้า

"อย่าเกร็งน่ะครับ ค่อยๆ หายใจลึกๆ" ผมค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ จนมั่นใจว่าหนึ่งปรับสภาพได้แล้วจึงเริ่มเร่งความเร็วขึ้น ผมเสียวจนจะทนไม่ไหว มีความสุขมากกว่าครั้งไหน โอยยย สุขจนจะสำลักความสุขตาย

"เฮ้ย ไอ้แทนทำไรน่ะ"

"เปลี่ยนท่าไงครับ มันจะทำให้เจ็บน้อยลง"

"จริงน่ะ"

"จริงครับ" แค่นั้นแหละครับ มีกี่ท่าผมงัดมาหมด ไม่ว่าโต๊ะ ตู้ หน้าต่าง ระเบียง ผมเก็บครบในคราเดียว

"ยังเจ็บอยู่ไหมครับ"

"มะมะไม่ไม่ล่ะ อ้าอ้าาา" โหยเมียสงสัยจะถึงสวรรค์มะรำมะร่อ ผมจึงกลับมาบนเตียงในท่าเบสิค รีบเร่งความเร็ว จนทนไม่ไหว ปล่อยของเหลว ไหลอุ่น เข้าไปด้านใน

พร้อมก้มลงจูบปากคนที่นอนหอบอยู่ด้านล่าง

"แทนรักหนึ่งน่ะ"

ท่าท่างคนด้านล่างจะเหนื่อยหอบจนหลับไหลไป ผมจึงต้องจัดการทำความสะอาดและใส่ชุดนอน ในที่สุดคืนนี้ผมก็ได้นอนกอดเมียแล้วโว๊ยยยย

---------------------------------------------------
หนึ่ง

ผมตื่นมากลางดึก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หันมาดูเวลาก็เกือบจะตีสอง หันไปมองคนข้างหลังที่หลับตาพริ้มนอนกอดผมอย่างมีความสุข แม่งน่าหมั่นไส้ มีความสุขจริงๆ น่ะมึง แต่เอ๋ มันก็รู้สึกดีน่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่มันก็เจ็บนิดๆ ไม่ได้มาก เออมันก็ดีเหมือนกันน่ะ แต่แทนแม่งโครตอึด คิดไปก็เท่านั้น ผมพลิกตัวจะเข้าห้องน้ำแต่ต้องสะดุดเพราะคนข้างหลังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

"เมียจะไปไหนครับ"

"ห้องน้ำมึง จะฝากกูฉี่เผื่อไหม"

"ตื่นมาก็ปากดีเลยนะครับเมีย เดี๋ยวช่วยพยุง" เอาตามมึงสบายเลยพ่อคุณได้กูไปแล้ว เทคแคร์กูหน่อย

ผมเข้าไปทำธุระในห้องน้ำสักครู่ ออกมาไอ้แทนยังยืนรอพยุงกลับเตียง

"แทนจริงๆ กูพูดตรงๆ นะ มันก็เจ็บ แต่ก็ไม่มากเหมือนที่คนอื่นบอกน่ะ กูเดินเองได้"

มันพยุงมาเสร็จก็จัดหมอนให้ โอยทำขนาดนี้อุ้มกูเลยไหมมึง ลงนอนเสร็จว่าจะหลับตานอน แต่....

"ทำไรมึง ถอดกางเกงทำไม"

"เมียไม่เจ็บ แสดงว่าทำต่อได้"

"เดี๋ยว เดี๋ยวววววว"

"ครั้งแรกคนเค้าบอกว่าเจ็บมาก เมียก็ต้องเจ็บมาก เดี๋ยวเมียจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง"

"แทน เดี๋ยวววว มึงงง"

"ใจเย็นๆ ครับ มันจะไม่เจ็บเท่าครั้งแรก อีกอย่างครั้งแรก ผัวลืมใช้ถุงยาง เราต้อง Safe Sex ครั้งแรกไม่นับ มาใช้ครั้งนี้ล่ะกันเนอะ"

"เนอะพ่อมึงสิแทน ไม่ ไม่ ไม่ โอ๊ย เบาๆ มึง โอ๊ยยยย ไอ้เหี้ยแทน โอ้ยยยย"

แค่นั้นก็ล่อซะสว่างคาตา เลวจริงๆ มึงไอ้แทน




-----------------------------------------


สวัสดีคนอ่านค่ะ ทั้งที่ตามอ่านกันมาและมาใหม่ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพจ "We Love Y Thai" ที่เอานิยายไปแชร์แนะนำให้คนอ่านกันน่ะคะ จริงๆ ตอนเริ่มต้นเขียนนี่ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าอยากเขียนในนิยายที่อยากอ่าน อยากให้คนมีความสุขกับการอ่านนิยายของเรา เขียนไปเขียนมาเราก็เริ่มหมดไฟ เนื่องจากเราไม่ใช่นักเขียนที่มีชื่อเสียงหรือเป็นคนที่คนรู้จักมากมายอะไร บางทีเขียนไปก็ไม่มีคนอ่านเท่าไหร่ แต่เราหลงรักตัวละครที่เราเขียน จึงพยายามหาไฟในการเขียนออกมาเรื่อยๆ บางครั้งเราเห็นเรื่องนั้นมีคนอ่านเยอะ คอมเม้นท์เยอะก็รู้สึกอิจฉา สำหรับเราขอแค่มีคนมาชมมาติบ้างเราก็พอใจแล้ว ให้รู้ว่างานที่เราเขียนไปยังมีคนเห็น ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ มันทำให้มีแรงใจในการเขียนต่อไปค่ะ

รักที่สุด

Aemmilicious
P.s. ตอนหน้าโจ๊กบอกขอ Solo เดี่ยวสักตอนน่ะคะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 21 [Update 30:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2018 03:18:17
รอดูคู่โจ๊กจะเป็นใครนะ  :m22:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 21 [Update 30:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-01-2018 11:38:05
 :laugh:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 21 [Update 30:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-01-2018 13:13:15
 :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 21 [Update 30:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 31-01-2018 00:19:13
สู้ๆ ติดตามอยู่จร้า
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 21 [Update 30:01:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 02-02-2018 01:31:57
ตอนที่ 22 : โจ๊ก Solo

สวัสดีครับ ผมโจ๊ก "สากล โชคปรีดา" หนุ่มโสดคนสุดท้าย ของกลุ่มโฉด เอ๊ย โสดวิศวะ เรื่องอะไรจะทำตัวพันธะแบบคนอื่นล่ะครับ หลังจากไอ้แทนกับไอ้กันแขวนหูหม้อดำๆ อย่างเป็นทางการแล้ว เรียกว่าสาวๆ ก็เทมาหาผมกันหมด เรียกว่าหัวบันไดไม่แห้ง วันๆ มีแต่สาวโทรตาม เรียกว่าน้ำแทบจะหมดตัว เรื่องอะไรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนล่ะครับ ผู้หญิงมีหลายแบบจะตาย มีทั้ง

แบบใสซื่อ

"พี่โจ๊กค่ะ แนนพึ่งเคยนอนหอคนเดียว แนนกลัวพี่โจ๊กมานอนเป็นเพื่อนหน่อย"

น้องแนน เภสัช


ทั้งแบบฮาร์ดคอร์

"พี่โจ๊ก นกเบื่อ ถ้าพี่โจ๊กว่างมาเอานกหน่อย"

น้องนก บัญชี


แบบคิกขุ

"พี่โจ๊ก แครอทอยากเล่นพ่อแม่ลูก พี่โจ๊กมาเล่นทำลูกกับแครอทหน่อย"

น้องแครอท อักษร

ชีวิตมันดีขนาดนี้จะเปลี่ยนแปลงทำไมล่ะครับ จะมีปัญหาหน่อยตอนไปแดกข้าวกับเพื่อนนี่แหละครับ แม่งสวีทจนกูอิจฉา และปัญหาอีกอย่างคือตอนเช้านี่แหละครับ เนื่องจากวันนี้เปิดเทอมวันแรก ต่างคนแม่งก็ไปรับแฟน ทิ้งให้โจ๊กนั่งรออย่างเหงาๆ ที่คณะคนเดียว รออย่างเดียวไม่ว่า แม่งยังไลน์มาฝากกูซื้อกาแฟอีกคนล่ะแก้ว บอกกูขับบิ๊กไบค์มา แม่งก็บอกให้แขวนหน้ารถ บอกมันว่าไม่เท่ห์แม่งก็บอกให้เอาปากคาบมา เออ กูมันคนโสดหัวเดียวกระเทียมลีบ แม่งไม่อ่อนโยนกับกู น้อยใจสัด

ผมขับบิ๊กไบค์สักพักก็ถึงร้านกาแฟ ไม่ต้องไปหงไปห้างให้เสียเวลา เนื่องจากมหาลัยที่ผมอยู่เป็นมหาลัยเอกชน แต่ที่พีกกว่านั้นคือ หน้ามอมีเหมือนห้างเล็กๆอยู่ด้านหน้า เรียกว่าครบวงจร อยากแดกอะไรมีหมดครับ ร้านกาแฟแบรนด์หลอดเขียวที่พวกนั้นชอบแดกก็เช่นกัน ผมจอดรถคู่ใจถอดหมวกไว้หน้าร้าน พร้อมเดินไปสั่งกาแฟ

"ขอลาเต้เย็นสองแก้ว ม็อกค่าปั่นเพิ่มช็อตสองแก้วนึง ขอบคุณครับ" โอยยยย ร้อนฉิบหาย ทำไมกูต้องทำตัวลำบากไม่ขับรถแอร์เย็นๆ แบบคนอื่นเค้า อ้อ มันไม่เท่ห์ ความหล่อเท่ห์มันต้องอดทนสิน่ะ

"ลุงค่ะ" ใครว่ะ ใครบังอาจเรียกพี่โจ๊กสุดหล่อว่าลุง

"ลุงนั่นแหละค่ะ หันหาใคร" หันซ้ายหันขวา แม่งก็ไม่มีใคร

"ลุง" อ้าว มายืนเตี้ยอยู่นี่เอง ผมก้มลงมอง ผู้หญิงแบ๋วๆ ใสๆ ตรงหน้า

"ลุงหูหนวก หรือกวนตีนค่ะ ทำไมลุงไม่ต่อแถว"

"โทษทีครับ ลุง เอ๊ย พี่มองไม่เห็นแถว น้องตัวเตี้ยพี่มองไม่เห็นโทษทีครับ" อันนี้พูดจริงครับ ไม่ได้กวนตีน

"อ้าว พูดว่าเตี้ย ออกไปต่อยกันหน้าร้านไหมค่ะ"

"พี่ไม่ทำร้ายผู้หญิงครับ พี่มองไม่เห็นโทษที" ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปต่อแถวด้านหลัง

ผมจึงได้มีเวลาจ้องมอง น้องคนนี้ น่าจะเป็นน้องน่ะครับ เพราะว่ายังใส่ชุดนักเรียนอยู่ แต่เครื่องแบบไม่ค่อยคุ้น โรงเรียนไรว่ะกระโปรงสก็อตสีแดง แถวนี้มีด้วยหรือว่ะ ว่าแต่หน้าตาน้องมันก็น่ารักตัวเล็กๆ ขาวอย่างกับแดกกระดาษไป แต่ปากโครตหมาไม่ค่อยกลัวคน เออแปลกดี ลองสีสักหน่อยล่ะกัน ท่าจะเคี้ยวกรุบกรับ น่ารักตัวเล็กอุ้มง่าย

"น้องครับ น้องที่เตี้ยๆ น่ะครับ"

"อ้าว บอกว่าอยากเรียกเตี้ย หาเรื่องรึคะ"

"เปล่าครับ พี่อยากรู้จักชื่อ ชื่อไรครับ" ผมพูดเสร็จพร้อมยิ้มให้

"จะจีบเหรอค่ะ" พูดเสร็จน้องก็หยักคิ้วหนึ่งที แม่งเดี๋ยวจับกดเลย

"ไม่ได้จีบครับ แค่ลองคุยๆ กันก่อน เผื่อเป็นเพื่อนกันไง"

"มีเพื่อนเยอะแล้ว ไม่อยากมีเพื่อนเพิ่ม"

"งั้นจีบก็ได้ครับ ชื่อไรครับ"

"ไม่เอาค่ะ กลัวโรคเลือด" ด่ากูสำส่อนเถอะ ถ้าจะแรงขนาดนี้

"หูย เป็นแฟนพี่ดีน่ะ หล่อเท่ห์ ขับบิ๊กไบค์ด้วย"

"แดกได้ไหมค่ะสรรพคุณที่พูดมา"

"หูย แรงอ่ะ พี่กินได้น่ะ ลองกินพี่ไหม"

"พี่ตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ค่ะ" โอย เหี้ย เจ็บแทงสุดด้าม

"พี่สะอาดน่ะ ..... พี่อาบน้ำแล้ว" เจอกูไป เป็นไง

น้องถอนหายใจแล้วไม่พูดอะไร แต่เปลี่ยนไปนั่งรอกาแฟที่โต๊ะแทน มีรึโจ๊กจะปล่อย เดินตามไปติดๆ

"มารอแฟนหรือครับ" น้องนั่งดูดกาแฟ พร้อมเบือนหน้าหนี

"มาคนเดียวเหงาหนา เดี๋ยวพี่เสียสละนั่งเป็นเพื่อน"

ยังคงเงียบ ไม่หือรือ โจ๊กถือว่าอนุญาตนะครับ อิอิ

"น้องมารอใครรึเปล่าครับ เผื่อพี่รู้จัก"

"พี่น่าจะไม่รู้จักน่ะคะ เพราะพี่เค้าไม่น่าจะคบหม้อเป็นเพื่อน" โอย เจ็บ แม่งแถงลึกลงใจโจ๊ก เจอง่ายๆ มาจนเบื่อ เจอยากๆ แม่งท้าทาย

"สรุปพี่ยังไม่รู้จักชื่อเลยครับ มารอพี่ใช่ไหม ผู้หญิงผู้ชาย เผื่อพี่รู้จัก"

"รอพี่ชายน่ะคะ ที่มือตีนหนักๆ นะคะ"

"หูย อยู่คณะไรครับ มีใครมือตืนหนักกว่าพี่อีกครับ"

น้องถอนหายใจ คงรู้ล่ะครับว่ารุ่นนี้หน้าหนาขนาดไหน ด่าว่ายังไงก็ไม่ไปเพราะตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

"เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะครับ น้องชื่ออะไรครับ หาพี่ที่คณะไหน เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า"

"เค็ก วิศวะ" น้องตอบห้วนๆ มาก็ดีใจล่ะครับ แสดงว่าพอมีหวัง

"งั้นเดี๋ยวพี่โจ๊กไปส่งน้องเค็กดีกว่า พี่ชื่อโจ๊กน่ะครับ ฝึกร้องครางไว้ก่อนเพื่อต้องใช้" เอาน่า หยอดนิดหยอดหน่อยเผื่อแม่งได้ เห็นน้องแม่งมองบน ไม่ได้ก็ถือว่าพี่พยายามสุดแล้วล่ะกัน

"ไม่ได้ล่อลวงน่ะ"

"บ้า ถ้าน้องยอมพี่ก็โอเคน่ะ แต่พี่ไม่ไปส่งฟรีๆ น่ะ แลกกับเบอร์โทร" ผมหยักคิ้วพร้อมยื่นมือถือให้

"ได้ ดิว" น้องรับมือถือพร้อมกดเบอร์ เสร็จโจ๊กไม่รอดแน่ครับ

ผมเดินนำน้องมาจนถึงบิ๊กไบค์คันเท่ เป็นไง สาวไหนเห็นก็กรี๊ด หลงพี่โจ๊กแล้วล่ะสิ ผมยืนกอดอกพิงด้วยความเท่ห์

"โหย แม่งโครตร้อน มีแอร์ไหมล่ะพี่" แม่งจะมีได้ไงล่ะ หรือจะให้กูเป่าลมให้

"ไม่มี พี่ไม่เท่ห์หรือ"

"ขาดเสื้อกั๊ก งั้นทุกๆ อย่างแม่งใช่เลยพี่" ด่ากูเป็นวินอีกปากดี

ผมยื่นหมวกให้น้องใส่ พร้อมสตาร์ทรถรอ ขึ้นรถเมื่อไหร่ พี่โจ๊กจะเบรกกระชากถี่ๆ ให้นมกระแทรกหลังพี่โจ๊กแรงๆ โอยยย ฟิน นิดๆ หน่อยๆ พี่ก็ต้องทำ

คิดไปคิดมา โอ๊ะระนาบลูกแรกโจ๊กเบรกเอี๊ยด โอยนุ่มนิ่ม นุ่มนิม ฟินสุด โอ๊ะอีกลูก  โอยยย พี่จะไม่ไหว ผมเลยพาอ้อมไปอีกสักรอบ เบรกดังเอี๊ยดดดด รอบนี้กระเชาะ เสร็จเลยกู เละตั้งแต่หลังยันหัว น้องแม่งเอาแก้วกาแฟมาคั่นกลาง อากาศร้อนเหี้ยๆ ยังสั่งกาแฟร้อน นี่น้องเพิ่มน้ำเชื่อมใช่ไหมครับ เหนียวขนาดนี้ ดีน่ะไม่ร้อนมาก สรุปตั้งใจแกล้งพี่ไหมนี่

สักพักก็ถึงหน้าคณะ

"ตายละพี่ เค็กขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ตายๆ"

"งั้นเดี๋ยวน้องเดินไปนั่งรอที่ใต้ตึกก่อน เดี๋ยวพี่ไปล้างตัวแวบ เดี๋ยวช่วยหาพี่ล่ะกัน"

น้องพยักหน้ารับ พร้อมเดินไปใต้ตึกอย่างโดยดี แม่งเสื้อช็อปก็เลอะ เสื้อยืดก็เลอะ ดีหน่อยครับที่เสื้อช็อปเป็นสีแดง มันเลยเห็นคราบไม่ชัด ผมรีบล้างคราบเหนียวออกอย่างรวดเร็ว รีบใส่ตีนหมามาเต๊าะน้องเค็กต่อ แต่ออกมาหาใต้ตึกก็ไม่เจอ เดินไปที่โรงอาหารกลางก็ไม่เจอ ผมดูจนทั่วจนมั่นใจว่าน้องคงหายละเหยไปกับอากาศแล้ว แม่งน้องเค็กแม่งลูบคมพี่โจ๊ก โธ่เอ๊ย เด็กๆ น้องลืมไปหรือเปล่าครับพี่มีเบอร์น้องอยู่ ผมไม่รอช้ารีบกดเบอร์ที่โทรออกล่าสุดที่น้องเค็กกดไว้

"ขอสายน้องเค็กครับ"

"ค่ะ รับกี่ปอด์นค่ะ"

"โหยรับทั้งตัวเลยครับ"

"เอาหน้าอะไรค่ะ"

"เอาหน้าไหนก็ได้ครับ เอาแบบเสียวๆ สุดๆ น่ะครับ"

"รับเองหรือส่งค่ะ"

"เอ๋?????"

"รับเองหรือส่งค่ะ"

"เดี๋ยวน่ะครับ ขอสายน้องเค็กครับ"

"ค่ะ นี่ร้านน้องเค็ก คาเฟ่ค่ะ"

น้องแม่งเล่นกูล่ะ กว่ากูจะเคลียร์จบ กูต้องสั่งเค็กไปอีกห้าปอด์นแทนคำขอโทษร้านเค็ก โจ๊กแค้น โจ๊กเจ็บปวด อย่าให้โจ๊กเจอตัวน่ะ โจ๊กจะเอาคืนให้สาสม ว่าแต่ กาแฟเพื่อนกูล่ะ สงสัยกูจะลืมไว้ร้านกาแฟ นี่วันอะไรของโจ๊ก

หลังเลิกเรียน ผมก็นั่งเซ็งๆ พร้อมเค็กที่กินเหลืออยู่ที่หอ โจ๊กเซ็ง โจ๊กเครียด ว่าแล้วก็โทรชวนเพื่อนไปกินเหล้าร้านเฮียบอยแถวมอ เฮียบอยเป็นรุ่นพี่ที่คณะที่จบไปแล้ว เรียกว่าแดกเหล้าจนได้ดี จนมีกิจการร้านเหล้าเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุผลทีี่ว่าแดกที่อื่นมันเปลือง เปิดร้านแดกเองประหยัดกว่า นี่แทบจะลุกขึ้นตบมือในเหตุผล แต่ร้านเฮียบอยก็ทำกำไรครับ พี่ๆ น้องๆ ไปอุดหนุนกันแน่ทุกคืน วันนี้ผมคงต้องแดกเหล้าให้มันหายคับข้องใจ ว้นนี้แม่งแห้วแดกทั้งวัน ว่าแล้วก็โทรหาเพื่อน แต่ชีวิตโจ๊กแม่งช่างบดซบ โทรหากัน แม่งก็ไปดูหนังกับหวาน โทรหาแทนแม่งก็บอกกำลังปล้ำเมีย โทรหาพี่หมอกตัดสายทิ้ง โทรหาอีกทีแม่งปิดเครื่องทิ้งกูไว้กลางอากาศ ไม่อ่อนโยนกับกูสัด ช่างแม่ง ไปคนเดียวก็ได้ว่ะ เดี๋ยวค่อยไปหาที่โน่น ว่าแล้วก็แต่งตัวขี่บิ๊กไบค์สุดเท่ห์ไปโฉบหาสาวดีกว่า

กว่าจะถึงร้านก็ปาไปเกือบสามทุ่มครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ คนค่อนข้างแน่นเป็นพิเศษ แต่พวกๆ กันทั้งนั้น ผมต้องเดินไหว้รุ่นพี่ตั้งแต่หน้าร้าน คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ดูคงจะได้ที่กันแล้ว ผมเดินตรงดิ่งไปหาเฮียบอยที่บาร์ด้านใน ทักเจ้าของร้านก่อนเผื่อได้แดกฟรี อิอิ

"เฮียบอยหวัดดีครับ"

"อ้าวมึง มาแต่หัววัน คิดถึงกูหรือมาหิ้วสาว มาแต่หัววันเลยมึง ไม่มาดึกๆ ล่ะมึง มาตอนสาวๆ เมาจะได้หลอกล่อง่ายๆ แต่มึงหล่อน่ะกูว่าแค่ชวนเค้าก็ไปล่ะมั๊ง"

"โหยเฮีย ด่าผมว่าเหี้ยแล้วตามด้วยหล่อ ตบหัวแล้วลูบหลังโครต"

เฮียบอยหัวเราะแล้วยื่นแก้วเหล้าให้ ผมรีบคว้ามากระดกอย่างไว

"ว่าแต่เฮีย วันนี้มีสาวๆ สวยๆ เด็ดๆป่ะ"

เฮียบอยหัวเราะแล้วชี้มือไปตรงโต๊ะริมสุดด้านใน ที่มีหญิงสาวชุดดำเข้ารูปนั่งอยู่เพียงลำพัง แต่มันไกลจนผมมองไม่ชัด

"สวยรึเฮีย"

"สวยไม่สวย กูเห็นคนแม่งวนไปชนแก้วไม่ขาดสาย แต่แม่งคงยากว่ะ กูเห็นแม่งแห้วแดกกันมาทุกคน น่าจะยากอยู่"

หูยท้าทายน่ะ ผมนั่งมองอยู่สักพัก ก็เห็นมันเป็นจริงอย่างที่เฮียบอยบอก คนแม่งเข้าหาเยอะ แต่ก็ไม่มีใครได้สักคน มีแต่เดินคอตกกลับมา แม่งโครตท้าทาย มีรึที่โจ๊กจะไม่ร่วมด้วย

ผมเดินถือแก้วตรงไปช้าๆ ค่อยๆ เดินฝ่าผู้คนและแสงไฟ จนใกล้ถึงโต๊ะเป้าหมาย แต่ผมต้องตกใจ เพราะคนนั่งอยู่คือตัวต้นตอของปัญหาวันนี้ "น้องเค็ก" โหยพระเจ้าได้ให้โอกาสโจ๊กได้แก้ตัว ผมไม่รอช้ารีบตรงปรี่เข้าไป

"โหย เจอกันอีกล่ะน่ะครับ เจอกันครั้งแรกคงบังเอิญ ครั้งที่สองน่าจะพรหมลิขิตน่ะครับ"

น้องหันหน้ามาถอนหายใจหนึ่งที ก่อนจะไปยกแก้วขึ้นมาดื่มต่อ

"โหยอะไรอ่ะ พี่โจ๊กอุตสาห์ทัก มาคนเดียวมันอันตราย เดี๋ยวพี่โจ๊กนั่งเป็นเพื่อนล่ะกันอิอิ"

  น้องเค็กยังคงนั่งดื่มอย่างเงียบๆ ท่าทางแบบนี้คงมีปัญหาแน่ๆ ผู้หญิงคนเดียวมานั่งดื่มเหล้าล่อตระเข้ขนาดนี้จะมีเรื่องอะไรได้ นอกจาก 

"มีปัญหากับแฟนหรือ มีไรปรึกษาพี่ได้น่ะ เพื่อช่วยเป็นตัวแก้ขัดก่อนได้ ไม่ถือ" 

น้องทำท่าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่พูดอะไร

"ปรึกษาฟรีไม่เสียตังค์นา โปรดีๆ แบบนี้จะหาที่ไหน"

น้องทำท่าคิดเล็กน้อย แต่ก็ปรึกษาอาจจะด้วยฤทธิ์เหล้าอะไรก็แล้วแต่

"พี่ว่าคนรักกัน เซ็กส์มันสำคัญไหม"

"หูย สำคัญสิครับ คบกันจะให้นอนจับมือถูๆ กันก็ไม่ใช่เรื่อง" แหมปรึกษาพี่ถูกคนล่ะครับ

"สำคัญมากกว่าความรักหรือ"

"อืมตอบยากแฮะ พี่ว่าเซ็กส์กับความรักมันต้องมาคู่กัน ถ้าเรารักใครก็คงอยากมีเซ็กส์กับเค้ามั๊ง แต่เซ็กส์ที่มีแต่ความไคร่มันก็มี แล้วแต่คนน่ะครับพี่ว่า" กูนี่ไงคนนึง

"แต่เค็กยังไม่เคย เค็กไม่เหมือนคนอื่น" โอย เปิดซิงแน่กู

"ไม่เหมือนยังไงครับ หรือน้องมีนมสามเต้า พี่โจ๊กโอเคน่ะครับ มาหกเต้าพี่ก็ยินดี" กูจะคลึงๆ ดูดๆ ให้ครบหกเต้าเลยคอยดู

"เค็กไม่ใช่ผู้หญิง เค็ก..."

"โอย น้องครับ ถ้าน้องไม่ใช่ผู้หญิง ผู้หญิงในคณะพี่คงเป็นนักมวยเก่าล่ะครับ แต่ละคนทึกเกินหญิง แทบจะล้มวัวได้ด้วยมือเปล่า" ผมพูดติดตลก แต่น้องเค็กแม่งไม่ขำ

"เค็กไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ น่ะ" โอยยย น้องตัวเล็กหน้าสวย ขนาดนี้อย่ามาหลอกพี่ให้ยาก เหมือนน้องจะรู้ว่าผมไม่เชื่อ จึงคว้ามือผมเข้าไปจับกับตรงกลางเป้า เหี้ยล่ะกู บอกกูสิว่าไม่จริง ไม่จริงงง

"เค็กบอกแล้วว่าเค็กไม่เหมือนคนอื่น เค็กอยากมีความรักที่ดี เป็นคนรักที่ดี แต่ทุกอย่างมันยากเมื่อเค็กเป็นแบบนี้ คนทุกคนเข้าเพราะหน้าตา จะมีใครไหมที่รับในสิ่งที่เค็กเป็นได้"

"พี่ว่ารักแท้มีอยู่จริงน่ะ อย่าพึ่งท้อ พี่ว่าน้องยังไม่เจอมากกว่า วันนึงน้องคงเจอหรือไม่รักแท้ของน้องจริงๆ อาจจะอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้"


หลังจากคำพูดนั้น เราสองคนก็นั่งดื่มกันเงียบๆ ผมมานั่งคิดดูว่าถ้าเป็นผม ผมจะรับเค็กที่เค็กเป็นได้ไหม ภายนอกเค็กดูเป็นคนห้าวๆ เข้มแข็งไม่ยอมคน แต่ภายในช่างบอบบางเหลือเกิน คงไม่เหมาะที่จะให้ผมหลอกล่อมาเป็นคู่ขา ผมยังคงคิดว่าผมจะจริงจังที่จะคบกับเค็กได้ไหม ผมตอบตัวเองเลยว่าได้ครับ เค็กไม่ได้เหมือนผู้หญิง แต่เค็กเกิดมาเป็นผู้หญิงมากกว่า ทั้งรูปร่างหน้าตา เสียง ดูให้ตายก็เป็นผู้หญิง เรียกได้ว่าหญิงแท้ที่คณะดูทึกกว่าหลายเท่าตัวนัก และผมยังคิดว่าผมจะมีเซ็กส์กับเค็กได้ไหม แต่คิดไปก็ปวดหัว พี่โจ๊กเลยสรุปตามวิถีของโจ๊กแบบง่ายๆ ถ้าของพี่โจ๊กแข็ง พี่โจ๊กก็เอาได้ครับ อิอิ


เรานั่งดื่มมาสักพักใหญ่ๆ จนร้านเริ่มปิดและเหลือเราเป็นสองคนสุดท้าย ผมมึนและเดินเซเล็กน้อย ซึ่งน้องเค็กเองก็ไม่ต่างกัน

"เค็ก น้องเค็กกลับยังไง"

"เค็กว่าจะเปิดโรงแรม กลับไปสภาพนี้โดนพี่ด่าเปิงแน่"

"เค เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

คิดว่าสภาพนี้ผมจะขับรถไปส่งรึครับ แค่โค้งนี้ก็คงโดนจับตรวจแอลกอฮอล์ แม่งไม่คุ้ม ผมคิดแค่ว่าจะไปส่งน้องเค็กที่โรงแรมฝั่งตรงข้าม แค่เดินข้ามฝั่งที่ผมไปประจำเหมือนมีหุ้นอยู่ภายใน ผมไม่คิดอะไรน่ะครับ แค่จะไปส่งน้องเค้าเแยๆ แล้วจะกลับมานอนที่ร้ายเฮียบอย อ๊วกให้เฮียเค้าเช็ดซะหน่อยไม่เจอกันนานคิดถึง

ทันทีที่ผมเดินข้ามฝั่ง พนักงานโรงแรมคนสนิทก็มาช่วยประคองอย่างสนิทชิดเชื้อ

"โหยพี่มาครับ เดี๋ยวผมช่วยประครองเปิดห้องเอาเหมือนเดิมน่ะครับ"

ผมพยักหน้าส่งๆ มึนิใช่น้อย แต่ยังประคองสติอยู่ได้ ผมจ่ายเงินและเดินตามพนักงานมาเข้าห้องพร้อมให้ทิป

"เดี๋ยวผมเอาของมาให้ครับ"

ผมพยักหน้าส่งๆ แล้วโยนคนเมาลงเตียง เฮ้อเหนื่อย ว่าจะนั่งพักสักหน่อย แต่ก็พลอยหลับไปด้วยฤทธิ์เหล้า แต่สักพักก็ต้องตื่นเพราะเสียงเคาะประตู โอยยยย ผมเดินหน้ายุ่งออกมาเปิดประตู พนักงานคนสนิทยื่นถุงยางมาให้หนึ่งกล่องพร้อมรอทิป จะบอกว่าไม่ใช่ก็คงไม่ทันได้แต่รับๆ แล้วจ่ายเงินไป ผมโยนถุงยางไว้บนเตียง แต่เป้าคงแม่นไปหน่อย โดนหน้าผากน้องเค็กจังๆ

"โอยยยยย"

"เห้ย โทษทีพี่ไม่ได้ตั้งใจ" โอย กูมึน

"โหยอะไรน่ะ โยนมาได้ อะไรน่ะ" เค็กค่อยๆนั่งอ่าน

"ถุงยางนี่ พี่จะปล้ำเค็กเหรอ" น้องทำท่าตกใจ

"ไม่ได้ปล้ำ พนักงานมันเอามาให้เฉยๆ ปกติมันซื้อมาให้ตลอด" ผมไม่เคยใช้กำลังครับ ส่วนมากสมยอมกันทั้งนั้น

"ที่ไม่ปล้ำเพราะเค็กไม่มีเสน่ห์ แถมมีไอ้นั่นใช่ไหม" พูดเสร็จก็นั่งร้องไห้ เค็กครับพี่ว่าน้องเมาล่ะครับ อารมณ์แม่งขึ้นๆ ลงๆ

"ไม่ใช่ ไม่ใช่"

"สรุปงั้นปล้ำใช่ไหม" พูดเสร็งน้องแม่งก็ลากผมขึ้นเตียงนั่งคล่อมทันที

"พี่ว่าน้องเมาแล้วน่ะครับ" เค็กหยุด พร้อมเอานิ้วชี้ส่ายไปมาพร้อมพูด โนโนโน อะเอาให้เต็มที่

"แล้วน้องไม่เก็บครั้งแรกไว้ให้คนที่น้องรักแล้วหรือครับ"

"อ้าวก็พี่โจ๊กบอกว่าคนเราไม่รักกันก็มีไรกันได้ ตอนนี้เค็กอยากก็มีได้"

พูดเสร็งน้องแม่งก็กระชากเสื้อออกก้มเลียหัวนม

"เฮ้ยยยย" ผมร้องเสียงหลง

"เห็นในหนังเอวีชอบทำ ทำบ้าง"

พูดเสร็จแม่งก็ลงเลียต่อพร้อมกระชากกางเกงนอกออก ผมจับมือน้องที่จะกระชากกางเกงในผมออกพร้อมพูดขู่

"ถ้าพี่มีอารมณ์แล้วพี่ไม่หยุดน่ะครับ"

อย่างที่ผมเคยบอกถ้าของผมแข็ง ผมต้องมีที่ลงน่ะครับ น้องแม่งไม่ฟังเสียงกูถอดของกูออกหมดแล้ววิ่งลงไปถอดชุดตัวเองที่ข้างเตียงแล้วกระโดดลงมานอนกอดนิ่งๆ

ผมถอนหายใจกับคนเมา

"น้องเค็ก เซ็กส์ไม่ได้หมายความว่านอนแก้ผ้ากอดกันน่ะครับ"

"แล้วทำไงล่ะ" น้องพูดพร้อมทำหน้างง

"งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะครับ"ผมพลิกตัวขึ้นนอนทับอีกฝ่าย

"เดี๋ยว!!" ผมชะงักกึกทันทีที่มีเสียงห้ามพร้อมทำหน้างง

"ใส่ถุงก่อน ใส่ถุงก่อน"

ปกติผมใส่ตลอดน่ะครับไม่เคยขาด แต่น้องเค้าบอกแล้วว่าไม่เคย และดูจากท่าทางการกระทำแล้วก็จริงแบบน้องพูด ผมเลยกะจะไม่ใส่ เพราะยังไงเป็นผู้ชายด้วยกัน ไม่ท้องอยู่แล้ว แต่น้องจะใส่ก็ใส่ครับ

"เค็กเรียนมาเค็กใส่เอง"

ผมนอนมองดูเค็กแกะถุงยางและใส่ ฉิบหายล่ะตามที่น้องมันเรียนเป๊ะ แม่งแกะถุงยางเสร็จบีบลมออก แล้วเอาใส่จนมิด ไม่ใช่ใส่โจ๊กน้อยจนมิด ใส่นิ้วหัวแม่โป้งมือมันจนมิดนี่แหละครับ ตรงตามที่อาจารย์สอนเป๊ะ

"ใส่แล้ว มาๆ"

แกะของกูใส่นิ้วซะหมดกล่องเอาสดละกันน่ะครับ และทุกๆ อย่างก็เป็นไปตามสิ่งที่มันควรเป็น ทุกๆ อย่างผ่านไปด้วยดี เซ็กส์มันก็คือเซ็กส์ ผมมีอารมณ์กับเค็กไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น มันไม่ได้ฝืนแต่อย่างใด ผมกลับมีความสุขมากกว่าทุกครั้งด้วยซ้ำ บางครั้งผู้หญิงที่พูดตรงๆ ปากหมาบ้าง มันกลับดูมีเสนห์กว่าผู้หญิงเสแสร้ง ใสซื่อบางคนอีก ผมสุขสมมากกว่าครั้งๆ ไหนๆ จนผมรู้สึกสนใจในตัวเค็กและพลางนึกเสียดายว่าผู้ชายคนนั้นแม่งโง่ที่ทิ้งผู้หญิงดีๆ มาคนนึงด้วยเหตุผลที่รับไม่ได้เพราะเป็นเพศเดียวกัน ทั้งๆ ที่น้องเค้าก้ไม่ได้บิดบังความจริงเรื่องนี้ สำหรับผมรักคือรัก ถ้าผมรักใครสักคนนึง ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและผมมีความสุข ความรักนั้นสวยงามเสมอสำหรับผม หรือผมจะเจอรักแท้จริงๆ กับเค้าสักทีน่ะ

ผมตื่นขึ้นมารุ่งสายมองดูนาฬิกาก็เกือบสิบโมง หันมองคนข้างๆ คงเขินอาย คลุมโปงซะมิดเชียว มาม่ะ น้องเค็กมาต่อรอบเช้ากัน ผมค่อยๆขยับมือเลื่อนไปใต้ผ้าห่ม อ้าวหมอนข้าง แนะ แอบซ่อนพี่ในห้องน้ำ อ้าวไม่มี ผมเดินงงจนหยุดที่หัวเตียงพบกระดาษโน๊ตที่เขียนว่าน้องรีบกลับกลัวพี่ชายจะแหกอก พร้อมทิ้งเงินไว้ส่วนนึงเป็นค่าโรงแรม น้องไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ผมติดต่อ คงให้แค่ผมเก็บเป็นแค่ความทรงจำที่สวยงาม แต่ผมก็ยังนึกถึง ความใสซื่อ กวนๆ ในแบบของเค็กที่ยังคงทำให้ยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง ทุกๆ อย่างกำลังจะสวยงาม ถ้าผมไม่บังเอิญเห็นเงินวางไว้ด้านล่าง 500 บาทถ้วน พร้อมกระดาษที่เขียนข้อความ

"ค่าตัว ก็โอเคนะ"

อะไรน่ะ พี่โจ๊กมีค่าแค่ 500 พร้อมประโยคที่ให้ตีความเองว่า "ก็โอเค" สรุปก็โอเคนี่มันดีหรือไม่ดี คือมันก็โอเค หรือโอเค คืออะไรกูงง ลีลากูแย่แบบงั้นๆ หรือลีลากูดีแบบเออ โอเค โอยยยยยยยย แม่งจำจนตายน้องเค็ก ให้พี่ 500 พร้อมก็โอเค

ผมหงุดหงิดตลอดช่วงเช้า พร้อมคิดตลอดว่าก็โอเคมันคือดีหรือไม่ดี วันนี้ไม่มีเรียนเพราะมีงานเปิดคณะโชว์สิ่งประดิษฐ์และนวัฒกรรมสิ่งใหม่ที่นักศึกษาคิดค้น ผมเลยมาสายนิดหน่อย ปล่อยให้เพื่อนทำงานกันไปก่อน โจ๊กมีปัญหา โจ๊กเครียด ผมเดินมาหาเพื่อน แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นไอ้แทนกอดและหอมแก้มอดีตนายจ้างเจ้า "น้องเค็ก" เจ้าของเงิน 500 และประโยคสุดคลาสิก "ก็โอเค" แต่เอ๋ มันจะดูยังไงยังไงอยู่น่ะ ไอ้แทนแม่งจะนอกใจน้องหนึ่งรึ ว่าแต่น้องหนึ่งมามันจะไม่แหกอกมึงรึ เหี้ยยยย พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้แทนรอกูก่อน เดี๋ยวกูไปช่วย

----------------------------------------------------

มาล่ะคะ โจ๊กมาโซโล่ซะยาวเลย น่าจะเป็นตอนที่ยาวที่สุดน่ะคะ ขอโทษที่รอนานน่ะคะ อย่างที่บอกเขียนสดทุกตอน เขียนเสร็จลงเลย จริงๆ เขียนนิยายก็ไม่ง่ายน่ะ น้องต้องหาแรงบรรดาลใจในการเขียน บทนึงนี่ต้องหาเรื่องหลักๆ ในตอนนั้นๆ สัก 5-6 อย่างแล้วค่อยขยายจากส่วนนั้น เขียนไม่ยากน่ะ แต่ไอ้หาอีส่วนหลักนั้นน่ะอยาก มาช้าติดงานด้วยเลยมาช้าด้วยประการทั้งปวง

P.s. ตอนหน้าหวานนำทีม ไปป่วนคณะวิศวะกันค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 22 [Update 02:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-02-2018 01:52:43
โจ๊ก 500 ขอให้ตามหาน้องเค็กให้เจอนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 22 [Update 02:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ลูฟ่า ที่ 03-02-2018 22:17:12
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 22 [Update 02:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 09-02-2018 22:25:41
ตอนที่ 23 : คอลมี เจมส์.. เจมส์ บอนด์



วันนี้เป็นวันที่ผมดีใจมาก ไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นอาทิตย์แรกของการเปิดเทอม แต่วันนี้เป็นวันแรกที่แม่ของผมกลับมาจากต่างประเทศ ที่ผมร้องไห้โฮตั้งแต่เห็นหน้าแม่ ไม่ใช่คิดถึงแม่มาก อย่างที่แม่เข้าใจ แต่และแล้วผมก็หลุดพ้น การการกด ขี่ ควบในบางครั้ง จากไอ้แทนเพื่อนในวัยเด็ก และแฟนคนแรก มันทำกับผมเหมือนเป็นหมู เลี้ยงให้อ้วนพลีอยู่ดีกินดี แล้วก็.... แล้วก็ เชือดผมอย่างหนักหน่วงไม่เหลือชิ้นดี จะฟ้องมูลนิธิปวีณาก็ไม่ได้ เพราะบางครั้งผมก็คล้อยตามแต่โดยดี เพราะมันเป็นไปตามสัญชาตญาณ มันทำจนฟ้าเหลืองไหมหรือครับ อย่าว่าแต่ฟ้าเหลืองเลยครับ ฟ้าสีปกติแม่งก็ไม่ให้ผมเห็น มันทำยังไงเหรอครับ ผมจะเล่าให้ฟัง เตรียมกระดาษเช็ดชู่ซับน้ำตากันได้เลยครับ

หลังจากที่คืนแรกผ่านพ้นไป ผมก็คิดว่าคงจะหมดแค่นี้ พรุ่งนี้ผมคงจะเป็นอิสระ เพราะรู้สึกเจ็บและคุยกับเพื่อนรู้เรื่องแล้ว แต่ผมยังไม่ทันตื่นดี ก็ต้องเจ็บอีก ซึ่งผมนึกว่าเป็นฝันร้าย ที่เจ็บเหมือนจริง แต่ตื่นมาเท่านั้น ไอ้แทนยิ้ม แฮะๆๆ แล้วบอกล้างหน้าไก่น่ะครับเมีย ล้างหน้าไก่คืออะไร ทำไมต้องล้าง จะห้ามก็ผ่านไปครึ่งนึงแล้ว จะหยุดก็ค้างผมเลยต้องนอนให้เป็นไก่ให้มันล้างหน้าไปอีกหนึ่งรอบ แทบจะคลานไปอาบน้ำแต่งตัว ดีหน่อยที่มีแทนมันดูแลไม่ห่าง อาบน้ำออกมา ป๋าแทนก็เลี้ยงอาหารอีกชุดใหญ่ บางวันนี่แทบยกทั้งร้านมากินที่บ้าน เยอะจนสุดลูกหูลูกตา ผมถามมันว่าทำไมจัดมาชุดใหญ่ขนาดนี้ มันก็บอกมันจะเอาชุดใหญ่เหมือนกัน กินเสร็จไม่ทันจะย่อย มันก็มาทวงชุดใหญ่ โซฟาห้องรับแขก โต๊ะกินข้าว ทุกซอกทุกมุม แม่งเอาชุดใหญ่จนยืนแทบไม่อยู่ ยังมีกะจิตกะใจไปต่อชุดใหญ่ที่ห้องนอน แม่งเอาจนหนำใจ ก็ไม่ใส่เสื้อผ้าคืนให้กู ปล่อยให้กูนอนเป็นผักปลาอยู่บนเตียง ตกดึกแม่งมาตามไปกินข้าวแม่งก็ไม่ละเว้น บอกเมียแก้ผ้ายั่ว ความผิดกูหรือแทน ความผิดกูหรือ ตกดึก แม่งก็หลอกให้ดีใจบอกจะพาไปข้างนอก ไอ้เราก็แต่งตัวนึกว่าจะพาไปเดินห้างดูหนัง แต่งตัวเสร็จแม่งจูงมือออกมาระเบียง บอกเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มีตอนไหนที่ฟ้าเหลือง ไม่เหลืองไม่ฟ้าอะไรทั้งนั้น พูดแล้วจะร้องไห้ ถ้าถามแล้ววันอื่นๆ ล่ะ ไอ้แทนแม่งก็ทำเหมือนเดิมทุกวัน จะแตกต่างหน่อยก็วันนี้ ที่ผมดีใจจะได้กลับบ้าน กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตู แม่งก็กระชากมากอด บอกหน้าประตูยังไม่เคยทำ เลยโดนไปอีกรอบ แทบจะต้องอุ้มขึ้นรถ มีแต่ไอ้แทนที่อารมณ์ดีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หันมาทางกูเหมือนผักขาดน้ำ เอากูจนพอใจแล้วสิน่ะ กว่าชีวิตจะสงบสุขก็ตอนอยู่บ้านนี่แหละครับ แต่แทนก็วีดีโอคอลมาบ้าง โทรมาบ้าง ไลน์มาบ้าง ทำทุกๆ อย่างที่เทคโนโลยีจะเอื้ออำนวย แต่แปลกตรงที่ผมไม่รำคาญบางครั้งกลับรอให้มันโทรมาด้วยซ้ำ หลังจากที่ผมได้รู้ความจริงเรื่องแทน เหมือนผมจะหมดความกังวลหรือสงสัยในตัวแทนไปเลย ส่วนเรื่องคบหากันนี่ แม่ผมคงดีใจแทบบ้านแตก เพราะเป็นแม่ผมนี่แหละ ที่คอยถ่ายรูปผมส่งข่าวให้แทนตลอดหลายปีที่ผ่านมา นี่ถ้ารู้ว่าคบกันจริงจังแล้ว ไม่รู้จะต้องไปแก้บนกี่สำนัก

วันทุกๆ วันของผมยังมีแทนวนเวียนอยู่เสมอ แทนยังคงไปรับส่งทุกๆ วัน แม้ว่าเราจะเรียนไม่ตรงกัน บางวันผมมีเรียนเช้า แทนมีเรียนบ่าย มันก็มารับทุกเช้า การที่ผู้ชายสองคนจะคบกัน ตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะเป็นปัญหาใหญ่  แต่ทำไมมันไม่เกิดปัญหากับผมทั้งเพื่อนและครอบครัว ทุกคนดูยินดีหมด แต่ทุกๆ ความสัมพันธ์ย่อมมีปัญหา และนี่คือปัญหาเดียวที่เกิดขึ้น

ระหว่างที่ผมรอเรียนในคาบเช้าพร้อมตือหวาน และแน่นอนคุณชายแทนก็ไม่ไปไหน

"แทน มึงเดินห่างๆ กูหน่อยกูอายเค้า"

"จะอายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น จริงไหมครับหวานตือ"

"เออ จริง ไม่เห็นมีไรต้องอาย ได้กันมาตั้งเท่าไหร่ล่ะมึง" หวาน มึงอย่ามารู้ดี

"บ้า มึงกูพึ่งคบกันมันเร็วไป" ใครจะไปยอมรับ ฝันไปเถอะมึง

"เร็วเหี้ยไรล่ะ ไอ้แทนรอมึงมาตั้งกี่ปีล่ะ แล้วไอ้ที่ยังไม่ได้กันนี่รูไหน รูจมูกใช่ไหม ไอ้แทนหน้าตาเปร่งปรั่งขนาดนี้ อย่ามาหลอกกูให้ยาก"

ตือพยักหน้าเห็นด้วยกับหวาน หน้ามึงก็ดูสดชื่นไปน่ะแทน แต่มึงคิดผิดหวาน รูจมูกไอ้แทนก็ไม่เว้น มันพ่นน้ำใส่มาล่ะข้างนึง ตอนนี้มีรูจมูกข้างขวากูข้างเดียวที่บริสุทธิ์อยู่ แต่จะยอมรับก็อายกูเดินเบลอๆ ไปล่ะกัน เราเดินมาจนเจอม้านั่งว่างที่หน้าตึก เออดี กูเมื่อยล่ะ


"เดี๋ยวครับเมีย"

"อะไรมึง" เรื่องเยอะจริงๆ ครับคุณชายแทน

"ม้านั่งเปรอะ เดี๋ยวผัวเช็ดให้ก่อน" หันไปมองตือ หวานก็ทำหน้าเอียนความรัก กูก็เช่นกัน

"ตือ ในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนสนิทกู โต๊ะข้างนี้ก็เปรอะ ลงไปเลียให้กูหน่อย" หวานบอกตือ ตือทำหน้าจะดีหรือ

"เดี๋ยวแทนเช็ดให้ด้วย รักเมียก็ต้องดูแลเพื่อนเมีย" อืม ดีๆ ทำดีแทน พูดเสร็จแม่งก็ไปเช็ดฝั่งตือหวานก่อน แล้วค่อยมาเช็ดอีกฝั่ง

"สะอาดล่ะครับนั่งได้" ทายสิมันให้ผมนั่งยังไง

พูดเสร็จแม่งก็ลงนั่ง แล้วดึงผมมานั่งบนตักมัน เฮ้อออออ

"แทนมึงเป็นเอามากน่ะ"

"โหย รักเมียดูแลเมียไม่ดีตรงไหน"

"มันก็ดีน่ะมึง แต่กูว่ามันเกินไปนิดนึง"

"กูว่าปกติน่ะมึง พี่หมอกก็ทำแบบนี้" ตือมึงกับพี่หมอกทำที่บ้าน ไอ้แทนมันทำหน้าตึก

"อืม นั่นสิ คนเยอะแยะจะอายทำไม" นั่นแหละที่กูอาย

"จริงๆ มึงฟันกูแล้วทิ้ง เหมือนผู้หญิงที่ผ่านมาของมึงก็ได้น่ะ

"บ้า เมียครับคนเยอะแยะจะให้ฟันอะไร ที่ที่สาธารณะ ไม่หมกมุ่นน่ะครับ"

โว๊ยยยยยยยย และแล้วกูก็แพ้ และนี่คือปัญหาที่ผมกล่าวถึงครับ

ผมผ่านการเรียนช่วงเช้ามาอย่างสบาย สบาย ไม่เคร่งเครียดมาก เนื่องจากเป็นอาทิตย์แรกที่เปิดภาคเรียน นอกจากเรียนไม่หนัก ช่วงบ่ายยังว่างอีกต่างหาก เพราะเนื่องจากคณะวิศวะมีงานจัดแสดงผลงานนักศึกษา ทำให้อาจารย์บางท่านต้องไปดูความเรียบร้อยของงาน ซึ่งไอ้แทนก็โชว์ผลงานในงานนี้ด้วย ซึ่งมันบอกเพียงสั้นๆ ว่าเทคโนโลยีที่มันทำนั้นจะช่วยเปลี่ยนแปลงโลก และช่วยให้ผมสบายและใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แม้จะสงสัยแต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะว่ามีเรียน ใครจะไปคิดว่าอาจารย์จะยกเลิก รีบกลับบ้านให้ตือไปส่ง ไปนอนเปิดแอร์ตากไข่ที่บ้านดีกว่า อ้อนแม่สักหน่อยไม่เจอกันนาน อิอิ

"มึงกูมีเรื่องให้ช่วยหน่อย" หวานหันมาทำหน้าเคร่งเครียดขอความช่วยเหลือ ผมกับตือหันมองหน้ากันเลิกลั่ก

"กูว่าช่วงนี้กันมันแปลกๆ กูสัมผัสได้" ผมกับตือเริ่มสนใจ ยังไงว่ามา

"ช่วงนี้มันไม่ค่อยโทรหากู กูว่ามันมีคนอื่น"

"โอยยยย หวานมันจะโทรหามึงได้ไง ในเมื่อมึงโทรหามันก่อนทุกๆ ครั้งที่มึงว่าง" จริงตือ จริงกูเห็นด้วย ได้ข่าวค่าโทรเดือนๆ นึงแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว

"มึงแต่สัญชาติญาณหญิงกูบอก บอกพวกมึงไปก็ไม่เข้าใจ ต้องคนที่มีมดลูกเท่านั้นถึงเข้าใจ เนี่ย มดลูกกูเริ่มสั้นล่ะ" เออ เอาที่สบายใจเลยมึง

"แล้วมึงจะเอายังไง" อย่ามัวอ้อมอยู่ เข้าประเด็นเลยมึง

"กูจะชวนมึงไปแอบดู สังเกตกันที่งานคณะวิศวะวันนี้"

"อืม ไปสิหวาน ยังไงก็ว่างอยู่ล่ะ ตือจะได้ไปหาพี่หมอกด้วย หนึ่งจะได้ไปหาแทน" ได้ข่าวกูพึ่งห่างกันยังไม่ถึงชั่วโมง

"ไม่ได้มึง เราต้องไปแบบไม่ให้มันรู้ตัว" กูว่ามันเริ่มยากล่ะ

"งั้นเราไปถึงก็แอบหลังเสา ยังไงก็มิดมันไปเห็น" โถ ตือเพื่อนกู ทุ่งลาเวนเดอร์ชัดๆ

"ไม่ เราต้องปลอมตัว" เออ อันนี้ค่อยน่าฟังหน่อย

"ยังไง" ผมกับตือประสานเสียง

หวานทำหน้าเจ้าเล่ห์ พร้อมหยิบเสื้อช็อปสีแดงของคณะวิศวะ พร้อมแว่นหนาเตอะออกมา

"ถ้า Superman ปลอมตัวได้ด้วยแว่นอันเดียว กูก็ต้องเหนือกว่า เพราะกูมีเสื้อช็อปด้วย" อยากไล่แม่งไปวิ่งเล่นกับตือสองคนที่ทุ่งลาเวนเดอร์เมื่อกี้

"มึงไปเอาของพวกนี้มาจากไหนนี่"

"แว่นกูซื้อมาจากไดโซะ เสื้อช็อปนี่กันมีเป็นสิบ มันไม่ใส่ซ้ำ โครตสำอางกูเลยแอบจิ๊กมา" เอาดีๆ น่ะหวานละครกับเรื่องจริงมันต่างกัน ขนาดกูดูล่า กูยังรู้ว่าเป็นหมิวปลอมตัวมา ขนาดมีดั้งมีจมูกปลอม มึงมีแค่นี้ เด็กสามขวบยังจำได้เลย

"ไม่เชื่อ ไม่เชื่อใช่ไหม เดี๋ยวกูจะทำให้มึงดู ดูสิว่าเพื่อนในห้องจะจำได้ไหม"

พูดเสร็จแม่งก็ใส่เสื้อ ใส่แว่น เดินกร่างไปหน้าห้อง

"หวาน เอาเสื้อใครมาใส่วะ ใส่แว่นทำไมวะ เท่ห์งี้" ไอ้ท็อปพูดเสร็จหวานแม่งก็ตบหัวไอ้ท็อปแทบคว่ำ หวานมึงเป็นผู้หญิง สำรวมด้วยเพื่อน พูดเสร็จ แม่งก็เดินกลับมาที่โต๊ะ

"แปลกมาก ทำไมไอ้ท็อปแม่งจำได้ หรือเพราะมันฉลาดว่ะ" ไอ้ท็อปนี่เรียนดีจนได้ทุนครับ เกรดมันสูงสุดของคณะ

"ไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวกูถักเปียสองข้างด้วย มันจะได้ดูอยากหน่อย" พูดเสร็จแม่งก็ตั้งใจถักเปีย แล้วเดินกร่างไปหาไอ้ท็อป

"โทษน่ะครับ คุณเป็นใครครับ นี่คณะแพทย์น่ะครับ คุณอยู่วิศวะน่าจะมาผิดตึกน่ะครับ" โอยยยเป็นกูก็ไม่รู้จักมึงหวาน เล่นตบมันซะหัวทิ่ม

หวานเดินกลับมาอย่างผู้ชนะ ผมกับตือมองหน้ากัน พร้อมทำตามที่หวานสั่ง แม้จะดูไม่เข้าท่า แต่ดีกว่าโดนมันตบหัวว่ะ เอาไงก็เอาตามใจมึงเลยหวาน

ตัวคณะแพทย์และวิศวะอยู่ห่างกันไม่มากครับ แต่ละคณะแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพราะมหาลัยเน้นการศึกษาแบบปฏิบัติมากกว่าท่องจำ เลยมีห้องปฏิบัติการณ์เสมือนจริงของแต่ละคณะเลยต้องมีตึกประจำของคณะนั้นๆ แต่ละคณะจะมีสีประจำคณะของตัวเอง เช่นคณะแพทย์สีม่วง นิเทศสีส้ม วิศวะสีแดง เกษตรสีเขียวเป็นต้น ซึ่งแยกตามสีเนคไท ซึ่งผ่านเทอมแรกก็ไม่มีใครใส่กันล่ะครับ นอกจากคณะแพทย์ที่แต่งเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมกับตือจึงไม่ลืมที่จะถอดเนคไทก่อน มาถึงคณะวิศวะ ก็ต้องพบเจอกับคนล้านแปด เนื่องจากมีการเปิดให้คนนอกเข้ามาด้วย งานเป็นงานแสดงผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ของนักศึกษาทุกชั้นปี และมีการนับยอดผู้ชมในแต่ละบูทด้วยเพื่อหาบูทที่มีผู้ชมสูงสุดเพื่อเป็นผู้ชนะในปีนั้นๆ


"หนึ่งตือ อย่าลืมใส่แว่น" หวานตรวจความเรียบร้อยก่อนเดินเข้า ผมไม่ลืมใส่แว่นตามคำสั่ง

"เดี๋ยวเดินมาดีๆ ระวังหลงล่ะมึง พวกมึงใส่แว่นแล้วกูจำไม่ค่อยได้เดี๋ยวหากันไม่เจอ" ตามใจมึงเลยหวาน 


หลังจากเข้ามา ผมว่าหวานคิดถูกน่ะครับที่เอาเสื้อช็อปมาใส่ เพราะทุกคนที่อยู่คณะวิศวะ พร้อมใจกันใส่เสื้อช็อปสีแดงกันทั้งหมด แม้จะมีคนนอกเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่เยอะมาก ส่วนมากก็เป็นคณะใกล้ๆ จะมากหน่อยก็สาวๆ ทั้งในและนอกมหาลัยที่อาศัยจังหวะนี้ออกล่าเหยื่อ เออ ทำไมคณะผมไม่มีแบบนี้บ้าง แม่งละลานตาไปหมด

สิ่งประดิษฐ์ก็มีทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ชนิดที่ว่ายังนึกงงในใจว่าคิดมาทำไม ไอ้พวกมีประโยชน์ก็พวกเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นเครื่องปลอกทุเรียน. แอร์แบบกระเป๋าพกพา น่าสนใจจนผมอยากจะแวะชม แต่ติดที่หวานนี่แหละที่บอกว่ากูมาสืบเรื่องไอ้กันไม่ใช่ชมวิว ผมกับตือเลยต้องเดินตามอย่างว่าง่าย

เดินมาสักพักก็เจอกลุ่มไอ้แทน ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่สามคน พี่หมอกคอยคุมเครื่องมืออยู่ด้านหลัง จะมีแทนและกันยืนคนล่ะฝั่งคอยแนะนำกับคนที่เข้ามา ซึ่งทั้งหมดของผู้ชมก็คือสาวๆ ทั้งในและนอกคณะ และนี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีประโยชน์ที่ผมพูดถึง สิ่งประดิษฐ์ของมันนั้น ก็สมเป็นของกลุ่มมันอย่างดี นั่นคือ "เครื่องช่วยใส่ถุงยาง" แล้วทำไมต้องมีเครื่องช่วย ทำไมมึงไม่ใส่เอง มึงจะแบกเครื่องช่วยไปช่วยใส่รึ กูงงใจกับความคิดพวกมึงมาก ด้วยบูทของแทนและเพื่อนอยู่ใกล้ๆ หัวมุม เราจึงใช้เสาร์เป็นที่กำบัง และน่าจะต้องรอสังเกตุอยู่นาน ตือเลยไม่ลืมซื้อลูกชิ้นและน้ำมาเป็นเสบียง จนหวานต้องด่าว่าพวกมึงจริงจังกันหน่อย

"แม่งกูว่าละเห็นระริกระรี้ออกมาเตรียมงานตั้งแต่ตีห้า กูว่าแหละว่ามันแปลกๆ หน้าระรื่นเลยมึงไอ้กัน" มึงตายแน่ไอ้กัน

"ใจเย็นหวาน ไอ้กันมันก็ต้องต้อนรับไปตามมารยาทเปล่าวะ" อืมกูเห็นด้วย

"แต่ตรงนี้แม่งไกล ทำไงถึงจะได้ยินที่มันคุยกันว่ะ" ผมเสนอความเห็น

"กูมีเครื่องดักฟัง กูแอบเอาไปติดไว้ใต้โต๊ะล่ะ รอกูแปบ"

"มึงเอามาจากไหนอ่ะ"

"โอยมึงสมัยนี้ ในเน็ตเยอะแยะ กูยังซื้อยานอนหลับแบบไม่มีรสไม่มีกลิ่นมาเลย" มึงเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ สงสารไอ้กัน

"มาล่ะ" หวานพูดเสร็จหลังจากที่ต่อและเปิดเครื่องเสร็จ

"พี่ชื่อกัน น่ะครับ น้องน่ารักขนาดนี้ทำไมพี่ไม่เคยเห็น" กูพูดได้คำเดียวมึงตายแน่กัน

"น้องชื่อเทียร์ร่าค่ะ สิ่งประดิษฐ์พี่น่าสนใจมากเลยค่ะ ปกติเทียร์ร่าใช้ปากใส่ตลอด ไม่รู้ว่ามีเครื่องช่วยด้วย"

"หูยยยย อยากให้ลองใช้ปากใส่ให้ดูจังครับ"

"พี่อะบ้า"

"โอยยย ประดิษฐ์มากเทียร์ร่า แต่ก่อนชื่ออีล่าชิมิ เข้ากรุงเลยเปลี่ยนเป็นเทียร์ร่า กระทืบแม่งเลยดีกว่า"

สิ้นเสียงผมกับตือต้องช่วยกันจับหวานไม่ให้ไปกระทืบไอ้กัน มึงวอนตายมาก ผมรั้งอยู่นาน กว่ามันจะสงบลงได้ ไม่งั้นงานคงพังไม่เป็นท่า

"เฮ้อ.... ตือแม่งก็โชคดีที่ไอ้พี่หมอกแม่งไม่เจ้าชู้"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

"แลัวมึงล่ะหนึ่ง ไม่กลัวไอ้แทนนอกใจบ้างรึ" ผมนิ่งไปสักพัก ก่อนจะส่ายหัวไป แม้ว่าแต่ก่อนแทนมันจะเจ้าชู้มาก แต่มันก็ไม่เคยจริงจังกับใคร ในใจมันก็มีผมคนเดียว เรื่องในอดีตมันผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ ผมก็ไม่ซีเรียสอะไร แค่ขออย่าให้มันทำอีกหลังจากที่เราคบกันก็พอ

"พี่แทนคิดถึงจัง"

"เค็กมาได้ยังไง มาให้พี่กอดที"

เสียงดังจนผมทั้งสามต้องหยุดเถียงกันและชะโงกหน้าไปดู ภาพที่ผมเห็นคือไอ้แทนกอดกันกลมกับผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักใส่ชุดหวานๆ สีชมพู

"เฮ้ยยย ใจเย็นน่ะมึง อาจจะเป็นน้องมันก็ได้" ตือพูดปลอบใจ

"ไอ้แทนมีน้องชาย" ผมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สรุปคนที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้คือผมเหรอ

“บ๊ะ บ๊ะ บ๊ะ เอาแล้วมึง เอาแล้วมึง” เออ หวานกูรู้แล้ววววว

ภาพที่ผมเห็นคือไอ้แทนทั้งกอดและหอมแก้ม ผู้หญิงคนนั้นอย่างอ่อนโยน มันบาดใจผมจนเจ็บลึกโดยที่ไม่มีเลือดออกสักหยด แต่จะให้ผมไปหึงหวง ร้องกรี๊ดๆ แล้วไปตบหน้าผู้หญิงคนนั้นก็ทำไม่ได้ ได้แต่นั่งมองและฟังเสียงการสนทนานั้น เท่าที่ดูแทนกับน้องคนนั้นน่าจะสนิทกันมาก ดูจากการพูดคุยและการแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างไม่เคอะเขิน นี่ผมหึงมันรึนี่ ไม่ได้ไม่ได้ เราต้องคิดวิเคราะห์อย่างมีสติ อาจจะเป็นน้องข้างบ้าน แต่ไอ้แทนอยู่คอนโด อาจจะเป็นรุ่นน้อง แต่ไอ้แทนเรียนเมืองนอกมา อาจจะเป็นลูกแม่บ้าน แต่ทำไมต้องกอดลูกแม่บ้าน ระหว่างที่ผมกำลังคิดวิเคราะห์อย่างชาญฉลาดอยู่นั้น ก็มีเสียงแทนเข้ามาและหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย

"มานอนกับพี่ที่คอนโดไหม"


------------------------------------------------------------------


มาล่ะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน่ะคะ ขอโทษที่ให้รอนานน่ะคะ จะพยายามเขียนให้เร้วขึ้น มากขึ้นน่ะคะ ไม่อยากให้รอกันนาน แต่กลัวว่ารีบเขียนไปจะดูไม่ค่อยสนุก ตันๆ งี้ แต่ยังไงอาทิตย์ละตอนมาแน่น่ะคะ ถ้ามาสองตอนแสดงว่าว่างและหัวสมองปลอดโปร่ง ขอบคุณทุกคนที่รอน่ะคะ

รัก

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-02-2018 00:31:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-02-2018 01:16:27
แทนระวังตัวนะ ตอนหน้าคิดว่าแทนเละแน่นอน  :a5:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-02-2018 21:05:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 11-02-2018 10:18:59
แทนไม่รอดแน่555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-02-2018 17:32:20
เค้กเป็นน้องแทนแน่เลย แทนไม่น่าจะเป็นไรหนึ่งน่าจะฟังบ้าง แต่กันนี่ดิ ยืนไว้อาลัยให้กัน 3 วิ555555 เจอหวานกระทืบแน่
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 23 [Update 09:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 13-02-2018 22:08:14
​ตอนที่ 24 : อย่าเข้าใจฉันผิด โปรดออย่าเข้าใจฉันผิด

- หนึ่ง -

มันเหมือนหูอื้อไม่ได้ยินแม้เสียงอะไร เสียใจที่ความไว้ใจที่เคยมีให้ไม่สามารถฉุดรั้งให้คนเราซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ได้ หรือคงเป็นผมที่ผิดเอง ที่ไว้ใจคนง่ายเกินไป ผมไม่โทษน้องเค้าน่ะครับที่มาเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ เพราะตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ในเมื่อแทนมันไม่ซื่อสัตย์ ให้กับคนอื่นใครคนไหนก็ได้  ไม่ใช่ว่ามันจะมีได้แค่น้องคนนี้คนเดียว จะให้ผมไปตบตีแย่งไอ้แทนผมคงไม่ทำ ทำไมเราต้องลดศักดิ์ศรีตัวเราเองด้วย อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายยังไงก็คงไม่เหมาะอยู่ดี ยิ่งมองยิ่งเห็นภาพบาดใจ ผมทำได้เพื่อแค่ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ยิ่งอยู่นานยิ่งเห็นภาพบาดตาบาดใจ ในหัวผมบอกตัวเองให้ค่อยๆ เดินออกไป แต่ร่างกายไม่ทำตามใจสั่ง กลับเร่งฝีเท้าวิ่งอย่างไว ผมไม่รับรู้อะไรทัังนั้น จนกระทั่ง


"เหี้ยยยยย......" เสียงผู้คนร้องกันระงม หันมามองผมเป็นตาเดียว


ผมสั่งใจให้วิ่งหนีออกไปข้างนอก เพื่อให้ไม่ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจ แต่ร่างกายกลับวิ่งมาต่อยไอ้แทน สลบไปในหมัดเดียว แหม่... หมัดผมก็ยังหนักอยู่น่ะครับ แต่เดี๋ยวนี่ไม่ใช่เวลามาดีใจ วิศวะแม่งมองกูเป็นตาเดียวเลย เอาไงดีกู จะหนีหรืออะไรดี หวานตือมองหน้ากันไปมา เอาไงดี


"น้องหนึ่ง หึงแทนใช่ไหมน้องหนึ่งกำลังเข้าใจผิดน่ะ" พี่หมอกเข้ามาเคลียร์ อย่ามาโกหกน่ะ กูได้ยินเต็มสองหู เห็นเต็มสองตา

"นี่น้องชาย ไอ้แทนมันชื่อเค็ก" ผู้ชาย? มึงไปหลอกเด็กไปไอ้กัน ดูยังไงเป็นผู้ชาย มึงก็รักเพื่อนเกิ๊น ปกป้องกันเข้าไป

"จริงๆ น้องชื่อเค็ก เป็นผู้ชาย" โจ๊ก วิ่งมาจากไหนไม่รู้พูดเสร็จก็มายืนหอบอยู่ข้าง เหมือนโจ๊กจะรู้จากสายตาที่ทุกๆ คนมองมันว่าโกหกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ มันจึง เอามือไปเปิดกระโปรงน้องเค็ก

 

"ฮืม...." เสียงแสดงความตกใจ จากสักขีพยานนับร้อยในงาน

 

....... ชัดเลยกู หมดข้อสงสัย ขนาดน่าจะพอๆ กับพี่มัน น้องชายแทนจริงๆ ด้วย เดี๋ยวน่ะนี่ผมตัดสินความสัมพันธ์ของครอบครัวจากขนาดรึ

ภาพที่ผมเห็นยังคงติดตาและอึ้งอยู่ แม้ตอนนี้น้องเค็กจะแสดงความเป็นชายที่มีด้วยการลงไปกระทืบโจ๊กโทษฐานที่เปิดกระโปรงมันก็ตาม ดูท่าโจ๊กจะสิ้นฤทธิ์นอนพะงาบ พะงาบอยู่ที่พื้นแล้ว จนน้องเค็กสบายใจแล้วจึงเดินตรงมาหาผม


"พี่สะใภ้ครับ ผมขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดด้วยครับ ผมเค็กครับ น้องชายพี่แทน"

"พี่ขอโทษด้วยน่ะครับที่เข้าใจผิด"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมผิดเองที่ไม่ไปแนะนำตัวกับพี่ก่อนทำให้เข้าใจผิด"

แหม เจอน้องน่ารักแบบนี้ ผมก็ดีใจครับ ด้วยความเป็นลูกคนเดียว อยากมีน้องน่ารักๆ มานานล่ะ  เอ.... จะให้เป็นน้องชายหรือน้องสาวดีล่ะ แหมความสัมพันธ์ในครอบครัวช่างแนบแน่นจริง...

"เออ... พี่ว่า..." โอยพี่หมอก ขัดจังหวะ

"พาแทนไปห้องพยาบาลก่อนไหม"

อ้าว กูลืม แต่แทนเป็นไรน่ะ แทนป่วย น่าจะเป็นลม นี่เป็นแฟนไง ต้องช่วยเหลือ ขอให้แม่งจำไม่ได้ทีเถอะ ว่าผมเป็นคนชกมันจนสลบ กูไม่รู้จะบอกเหตุผลในการกระทำของกูเล๊ย ว่ากูทำไปทั้งหมดเพราะหึง

 

พี่หมอกกับโจ๊กช่วยกันหิ้วปีกแทนคนล่ะข้าง ทุกคนรีบเดินตามอย่างรีบเริ่ง จนลืมไปว่า

"เดี๋ยว..... พวกมึงเอากูไปด้วย" อ้าวโจ๊ก กูลืม ผมตือกำลังจะช่วยพยุงโจ๊ก แต่โดนขัดด้วยน้องเค็ก

"เดี๋ยวพี่รีบไปดูพี่แทนเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้เค็กดูพี่เค้าเอง"

ผมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะนึกเป็นห่วงแทนอยู่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าน้องเค็กกับโจ๊กไปสนิทกันตอนไหน แต่ช่างเถอะ ไปดูแทนก่อนล่ะกัน


------------------------------------------------

 
- แทน -

 

ทำไมมันน่าเบื่อขนาดนี้ แทนที่ผมจะไปอยู่กับหนึ่ง กลับต้องมานั่งค้าง ทำงานกับกันกับไอ้พี่หมอก ไอ้โจ๊กก็หายหัว ปล่อยให้พวกกูทำงานกันอยู่สามคน วันนี้เรียกว่าเป็นงานใหญ่ของคณะ ไม่มาก็ไม่ได้เซ็งว่ะ

"โอยยยย อะไรมันจะทำหน้าอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งโลก ยิ้มหน่อยสิวะเพื่อนๆ สาวๆ สวยๆ กำลังจะมา เมียก็ติดเรียนไม่มาคุม ดีจะตายห่า ยังทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออกอีก"

ผมถอนหายใจ เมินใส่ไอ้กันที่ดูตั้งใจทำงานเป็นพิเศษ ไอ้นวัตกรรมที่พวกผมคิด แม่งล่อเป้าขนาดนี้ ยังไงผมเอาหัวเป็นประกันเลยครับว่าสาวๆ แน่นบูทแน่นอน

"เอาน่า ตั้งใจทำงาน รีบทำรีบกลับ ไปหาน้องหนึ่งละกันน่า" พี่หมอกพูดปลอบใจ เออเออทำงานโว๊ย ตั้งใจทำจะได้ไปเต๊าะเมีย

"เออพี่หมอก โจ๊กไปไหนล่ะ"

"อ้อ มันโทรมาบอกพี่ล่ะ ว่ามันไปค้างข้างนอกมา บอกต้องกลับไปแต่งตัวที่คอนโดก่อน อาจมาช้าหน่อย" ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ สงสัยไปค้างกับสาวๆมาแน่ วิถีคนโสดจริงๆ มึง

 

กว่าจะจัดของเสร็จเตรียมพร้อมที่จะรับฝูงชนที่เข้ามาก็เกือบสิบโมงเช้า เหลือเพียงชั่วโมงเศษก่อนเริ่มงาน ผมจึงต้องรีบไปกินข้าวทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะไม่มีเวลา เวลามันบีบจนผมไม่มีเวลาไลน์หาหนึ่ง แม่งก็ไม่ไลน์มา ถ้ารู้ว่าไปให้พี่บอสมันเต๊าะ กูจะ..... กูจะตามมึงให้ติดกว่าเดิม ผมจะทำอะไรได้ ทำอะไรรุนแรงเดี๋ยวเมียไม่รัก อยู่ดีๆก็ขึงเมียโชว์ คนอ่านคงไม่เหม็นกลิ่นความรักกันใช่ไหมครับ

 

เป็นไปตามคาดครับ ทันทีที่เริ่มงานคนก็แน่นขนัด รุ่นพี่รุ่นน้องต่างมาช่วยกันอย่างแน่นขนัด เพราะครั้งนี้มีการหาผู้ชนะจากยอดผู้ชมสูงสุดเพื่อรับคะแนนพิเศษด้วยครับ น้องๆ พี่ๆ ต่างมาช่วยกัน อีกทั้งยังมีนักศึกษาคณะอื่นและคนนอกมาดูงานได้ด้วยครับ แหม ผมไม่เคยเห็นกันมีความสุขในการทำงานเท่านี้มาก่อน หม้อหูดำของมึงยังใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่น่ะ เราแบ่งหน้าที่กันอย่างขัดเจนครับ พี่หมอกเป็นคนคุมเครื่องจักร ผมคอยและจดรายชื่อคนที่มาเข้าชมเพื่อทำสถิติ ส่วนโจ๊กก็คอยแซว เอ๊ยยยแนะนำอุปกรณ์และการใช้งาน เห็นหน้าเพื่อนบานขนาดนี้ กูก็มีความสุขด้วย ดูมึงสุขจนกูเริ่มจะหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คิดถึงเมียโว๊ยยยย

 

"แทน นั่นใช่พวกน้องหนึ่งป่ะ"

พี่หมอกตะโกนถาม พร้อมชี้มือไปยังกลุ่มคนสามคนที่ทำลับๆ ล่อๆ อยู่ห่างๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นมาก เพราะคณะวิศวะไม่ใช่คณะแก่เรียนเหมือนคณะแพทย์ จึงไม่ค่อยมีใครใส่แว่นหนาเตอะขนาดนั้น อีกอย่างการถักเปียสองข้างของหวานก็เด่นมากเช่นกัน แต่ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ แถมยังมีเสื้อช็อปประจำคณะผม เออ หรือมาปลอมตัวสืบอะไร ผมมองตามสายตาที่หวานมองมา  อ้อออออ.... ไอ้กันกูเตือนมึงแล้วมึงตายแน่

ผมคอยแอบมองหนึ่งอยู่เรื่อยๆ คิดถึงอยากวิ่งไปกอด แต่ก็อยากรู้ว่าพวกหนึ่งกำลังทำอะไรอยู่ และก็รู้สึกหมั่นไส้ ไอ้กันเล็กๆ เลยอดทนรออย่างเงียบๆ ไอ้กันมึงก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ผมมองมันอย่างขำๆ


"พี่แทนคิดถึงจัง"

ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อโดนพุ่งเข้ากอด เอาแล้วไงกู กูว่ากูเคลียร์หมดแล้วน่ะ เมียแอบดูอยู่ กูตายแน่ ผมรีบแกะมือออก และหันหลังไปเคลียร์ แต่ต้องตกใจเมื่อเจอกับผู้หญิงน่ารักในชุดสีชมพู "เค็ก" น้องชายคนเดียวที่ผมคอยปกป้องตลอดเวลา

"เค็กมาได้ยังไง มาให้พี่กอดที"


ดีใจครับ บอกตรงๆ ไม่เจอกันเกือบปี สงสัยกันสิครับว่าน้องชายยังไง เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องย้อนให้ฟัง แม่ผมอยากได้ลูกสาวมากครับ หวังเต็มที่ว่ายังไงคนต่อมาก็ต้องเป็นผู้หญิง แต่ออกมาเป็นผู้ชายซะนี่ แต่แม่ผมก็โอเคครับ เพราะเค็กหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิง ขี้อ้อนเป็นที่รักของทุกคน แต่แม่ผมก็ให้แต่งตัวปกติน่ะครับ แต่มันจะมีปัญหาตอนเข้าเรียนนี่แหละครับ ด้วยความน่ารักเหมือนผู้หญิงของน้องผม ทำให้ผู้หญิงเข้ามาเล่นด้วยเยอะ ไอ้พวกเด็กผู้ชายเห็นแม่งก็หมั่นไส้หรืออิจฉาขึ้นมาก็ไม่อาจจะทราบได้ แม่งหาเรื่องน้องผมทุกวัน จนผมเองก็ตามไปแก้ปัญหาปกป้องไม่ไหว จะให้น้องลุกขึ้นสู้ ก็เด็กมาก ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว แม่ผมเลยออกไอเดียว่า ถ้าหน้าสวยจนผู้ชายอิจฉา ก็ต้องเปลี่ยนความอิจฉานั้นให้เป็นความรัก ตอนแรกผมก็งงๆ ว่ายังไง จนแม่จับน้องแต่งกระโปรงติดกิ๊ปน่ารักๆ แค่นั้นแหละครับ ไอ้พวกที่คอยหาเรื่อง ก็เปลี่ยนมาจีบเช้าถึงเย็นถึง ให้ขนม เดินเป็นเพื่อน คอยปกป้องดูแล ผมล่ะงงใจพวกเด็กๆ พวกนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกัน แต่ดูแลราวกับนางพยา ผมเลย เออ เป็นการแก้ปัญหาที่ผมคาดไม่ถึง ตั้งแต่นั้น เวลาอยู่ข้างนอกเค็กก็แต่งหญิงใส่วิกผมยาวจนมีคนตามจีบมากมาย แต่อยู่บ้านก็ใส่ชุดปกติ ผมสั้นไม่ต่างจากผม เป็นน้องชายคนเดิมของผม

 

แอบมาเงียบๆ ไม่บอกพี่ให้รู้ น่าตีจริง ผมเอามือลูบผมพร้อมมองน้องให้เต็มตา

"มานอนกับพี่ที่คอนโดไหม"

"อืมมมมม" น่ารักมากอดอีกที

ระหว่างผมกอดน้องอยู่นั้น ก็เห็นหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา แต่สักพักทำไมวิ่ง ดีเลยต้องแนะนำให้รู้จักพี่สะใภ้สักหน่อย ผมผละออกจากอ้อมกอด

"เค็ก เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จัก นี่...."

โอยยยยยย เมียครับต่อยผัวทำไม ด้วยความแรงของหมัดทำให้ผมตัวปลิวไปชิดบอร์ดด้านหลัง เอาอีกแล้วน่ะครับเมีย ชอบใช้กำลังกับผัว ทำไมไม่ใช้บนเตียงล่ะครับ นั่นคือสติสุดท้ายที่ผมมีอยู่

 

--------------------------------------------------

- หนึ่ง -

เอาไงดีว่ะกู ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องพยาบาลคนเดียวรอแทนฟื้น ส่วนคนอื่นน่ะเหรอครับ โจ๊กบอกไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวไปพักต่อที่คอนโด จะดูน้องเค็กให้ เพื่อให้ผมกับแทนสะดวก แม้จะงงว่าสะดวกคืออะไร แต่ก็เออออไป ส่วนพี่หมอกตือเมื่อเห็นว่าแทนไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับไปรับผิดชอบงานที่บูทต่อ โดยมีตือคอยช่วย มันสมองสองคนอยู่ด้วยกันก็รอดครับงานน่าจะผ่านไปด้วยดี ไม่น่าเป็นห่วง ส่วนหวานกับกัน ก็ขอตัวออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อจะเคลียร์กัน ผมยังบอกให้คุยกันดีๆ หวานยังบอกเลยว่าหึงหน้ามืดตามัวใช้กำลังอย่างมึงมันไม่เกิดประโยชน์ จะออกไปคุยกันดีๆ เงียบๆ ได้ยินอย่างนั้นผมเลยวางใจ


"อืมมมมม...." โอ๊ะ แทนฟื้นแล้ว 5 4 3 2 1 เริ่ม

"แทน ฟื้นแล้วกูตกใจมาก อยู่ดีๆ มึงก็เป็นลมล้มไป กูเป็นห่วงมึงมากน่ะ โธ่ แทน จำกูได้ไหม"

"หมัดหนักเหมือนเดิมน่ะครับเมีย" อ้าว จำกูได้สิน่ะ

"เออ... เป็นไงบ้างมึง" จำนนต่อหลักฐาน ไม่กล้าสบตาเลยกู

"เมียต่อยผัวทำไม"

"กูเป็นเมนส์น่ะมึง" หวานเคยบอกเป็นเมนส์ชนะทุกอย่าง เถียงกับใครบอกเป็นเมนส์ชนะเรียบ

"เมียไม่มีมดลูกครับ" อ้าว ไม่เนียน เอาไงดีว่ะกู

"งั้นถ้าเมียไม่ตอบงั้นพยักหน้าว่าใช่ไม่ใช่อย่างเดียวน่ะครับ" ผมก้มหน้าไม่ตอบอะไร

"ที่เมียมาต่อยผัวเพราะเค้าใจผิดเรื่องเค็กใช่ไหมครับ" ผมก้มหน้า พร้อมพยักหน้ายอมรับ

"เมียเข้าใจผิดว่าผัวกับเค็กเป็นแฟนกันใช่ไหมครับ"

ผมอ้ำอึ้ง

"ใช่ไหมครับ" แทนถามย้ำ ผมเลยพยักหน้าตอบไป จนแทนเงียบ ผมจึงเงยหน้าขึ้นมาเห็นมันยิ้มหน้าบานปากจะฉีกถึงรูหู

"เป็นไรมึงอยู่ดีๆ ก็ยิ้ม หัวมึงคงกระแทกหนักตามหมอไหม" แทนส่ายหน้า

"ผัวดีใจที่เมียหึง"ผมทำหน้าเลิกลัก

"เมียหึงแสดงว่าเมียรักผัว" พูดเสร็จแม่งก็ลุกมากอด แต่ก็ดีเหมือนกันน่ะครับ ผมไม่อยากให้มันเห็นหน้าที่แดงจนแทบจะแตกอยู่แล้วของผม เรากอดกันสักพัก จนแทนก้มตัวจับหัวเหมือนเจ็บ

"เป็นไรไหมมึง"

"ปวดหัวน่ะครับเมีย จำทางกลับบ้านไม่ได้ไปส่งหน่อย นอนคนเดียวก็กลัว" มึงเล่นลิ้นขนาดนี้ อาการมึงคงดีแล้วสิน่ะ ผมเป็นคนผิดที่ทำมันเจ็บตัว

"เออ... เดี๋ยวกูไปค้างด้วย"

"โอยมือข้าวขวาก็ปวด กินข้าวเองไม่ได้"

"เออ เดี๋ยวกูป้อน" เป็นคนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองสิน่ะ

"ขาก็ปวด ยืนอาบน้ำเองไม่ได้" ได้คืบจะเอาศอกน่ะมึง

"เอออออ..... เดี๋ยวกูอาบให้"

"แขนซ้ายก็ปวด ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็ไม่ได้" พูดเสร็จก็ทำหน้าเป็นหมาเหงา กูต้องพูดใช่ไหม

"เออออ.. เดี๋ยวกู On Top ให้"


พูดเสร็จแม่งก็ดึงผมไปกอดหอมแก้มซ้ายขวาอย่างพอใจในคำตอบ อืมมันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวน่ะ เรากอดกันสักพักไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ความรักที่ผมมีให้แทนคงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่ความรักที่ผมมีนั้นจะมากเท่าที่แทนมีให้ผม ผมค่อยเอียงคอคอยรับจูบจากคนเจ้าเล่ห์ วันนี้วันของมึงจะทำอะไรก็ทำ


"เดี๋ยวกูปิดม่านให้น่ะ" ผมสะดุ้งผละออกจากกันแทบไม่ทัน ไอ้หวานมาตอนไหน แม่งเอ๊ยยยย ขัดกู

"เออ.... มึงคุยกับไอ้กันรู้เรื่องยัง" เรื่องเปลี่ยนเรื่องนี่กูถนัดขอให้บอก

"อ้อ เรียบร้อยล่ะมึง"

"คืนดีกันแล้ว" ผมถามย้ำให้มั่นใจ

"เออ... สิ ไม่งั้นจะเข้ามารึ"

"แล้วกันไปไหนล่ะ ทำไมไม่เข้ามาพร้อมกัน"

"อ้อ... มันนอนอยู่น่ะ" เดี๋ยวน่ะ

"นอน? มันง่วงรึ มันนอนทำไม"

"คือกูก็ออกไปคุยอย่างผู้ดี อย่างที่บอกมึง คุยไปคุยมาไอ้กันมันแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ กูก็เลยไม่อยากจะสนใจ ก็เลยมองไปด้านข้าง กูก็เออ กระถางต้นไม้ข้างๆ น่ารักดี กูเลยหยิบขึ้นมาดู สักพักไอ้กันก็เอาหัวมากระแทกกระถาง หัวแตก ลงไปนอน กูงงมากกกกไม่รู้จะทำยังไง ยืนคิดข้างนอกก็ร้อน เลยมานั่งคิดกับมึงข้างในนี่แหละ แอร์เย็น มีคนช่วยคิดด้วย"

"เหี้ยล่ะ แทนโทรตามรถพยาบาล" ผมรีบจะวิ่งออกไปดูกัน ป่านี้นอนพะงาบ หมาคาบไปแดกล่ะ

"หนึ่ง ไม่ช่วยกูคิดก่อนเหรอ"

"คิดเหี้ยไรล่ะหวาน พามันไปส่งโรงบาลก่อน แล้วค่อยคิด"

"เออ จริงๆ" หวานพยักหน้า พร้อมเดินตามออกมาอย่างมาอย่างมีสติ
 

โอยยยย ทำไมมันวุ่นวายอย่างงี้ วันอะไรของกูนี่


---------------------------------------------------------

 :katai4:
มาล่ะคะ ฟืนกันไหมทุกคน เดี๋ยวมีตอนพิเศษ วาเลนไทน์ ลงให้พรุ่งนี้หรือช้าสุด 15 ตอนค่ำน่ะคะ ขอให้ความรักดีๆ เกิดขึ้นกับทุกคนค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 24 [Update 13:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2018 23:30:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 24 [Update 13:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 14-02-2018 01:11:54
ฮามาก แต่ละคู่  :pigha2:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 24 [Update 13:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-02-2018 01:43:51
กันเดินอีท่าไหน ถึงเอาหัวไปโหม่งกระถางได้เนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 24 [Update 13:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 17-02-2018 02:28:23
ตอนที่ 25 : วาเลนไทน์ มือใหม่

พวกคนโสด ผมถามหน่อยคุณใช้ชีวิตยังไงกันครับในวันวาเลนไทน์ ไม่ต้องบอกผมครับ คุณคงคิดอิจฉาตอนเห็นคนเดินจูงมือให้ดอกกุหลาบช่อใหญ่ ช็อกโกแลตแท่งโต ทำตัวหวานจนมดขึ้น ทำไมผมถึงรู้น่ะหรือครับ พูดแล้วจะร้องไห้ เพราะผมโสดมาทั้งชีวิต จะมีแฟนกับเค้าทั้งทีก็วาเลนไทน์ปีนี้แหละครับ ปีผ่านๆ มาเห็นคนมีคู่แล้วอิจฉา อยากจะวิ่งตัดขาให้ล้มทั้งคู่ กุหลาบสักช่อ ช็อกโกแลตสักแท่งก็ไม่เคยได้ แต่นั่นเป็นอดีต ว่าแต่อีวันวาเลนไทน์นี่เค้าต้องทำอะไรบ้าง อะไรยังไง มือใหม่ครับ พึ่งมีปีแรก

 

"มันต้องมีซื้อของแทนใจเว๊ย"

ผมนั่งฟังหวานผู้มีประสบการณ์รับดอกไม้ช็อกโกแลตมานับไม่ถ้วน ในขณะที่ผมนั่งฟังเฉย แต่ตือกลับจดเลคเชอร์ไปด้วย จริงจังแค่ไหนเรียกจริงจัง

"แล้วกูต้องซื้ออะไรว่ะ" งงเอาเคลียร์หวาน

"มึงก็ต้องสังเกตว่าแฟนมึงชอบอะไรที่สุดแล้วค่อยซื้อให้ ของที่มึงซื้ออาจจะไม่ต้องใช้เงินเลยก็ได้ ความพอใจของคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาของที่ให้"

นั่นคือสิ่งที่หวานบอกก่อนล่วงหน้าก่อนถึงวันวาเลนไทน์ในอีกหนึ่งอาทิตย์

 

ผมจึงทำการสังเกต แทนอย่างใกล้ชิด แทนชอบอะไร ผมนั่งคิดอยู่นาน อ้อ มันชอบซีดี สะสมซีดี ซื้อซีดีให้มันดีกว่า แต่ก็ต้องพับโครงการไปเพราะแผ่นที่มันอยากได้มันก็มีหมดแล้ว จะสั่งแผ่นใหม่ๆ แม่งก็พรีออเดอร์ก่อนวันออกด้วยซ้ำ ผมจึงเปลี่ยนแผนการใหม่

 

ในเมื่ออยากได้ลูกเสือ ก็ต้องบุกถ้ำเสือ ผมจึงต้องไปสืบที่คอนโดมัน ว่ามันชอบอะไร มีอะไรสะสม ผมจึงเอ่ยขอไปเที่ยวคอนโดแทนในวันต่อมา หลังจากเข้าถ้ำเสือ ก็ได้ลูก..... ไม่ได้ลูกเสือหรอกครับ ได้ลูกเลยนี่แหละครับ แม่งเอาตั้งแต่ยังไม่เปิดประตู รู้ตัวอีกทีสว่างคาตา สรุปมึงจะเอาไหมแทนของขวัญวาเลนไทน์ แต่ไม่ได้ครับต้องปิดเป็นความลับ ให้มันเซอร์ไพรส์

 

สรุปผมต้องหาแผนการใหม่ เมื่อแอบส่องแล้วไม่ได้เรื่อง ก็ต้องถามมันตรงๆ วันรุ่งขึ้นที่โรงอาหาร

"แทนชอบกินอะไรน่ะ"

"ชอบกินเมียครับ" โอยยย เขิน เฮ้ยไม่ใช่

"แทนมึงชอบสะสมอะไรไหม"

"สะสมรอบกับเมียทำสถิติครับ นี่ได้สูงสุดวันล่ะสี่รอบ อยากได้หกรอบครับ" โอยยยย

"แทนมึงอยากไปเที่ยวไหนไหม"

"อยากไปป่ารกๆ ครับ อยาก Outdoor"

เออ กูยอม

 

สรุปจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะซื้ออะไรให้มัน วันนี้คือวันที่ผมหวานตือ จะไปซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ครับ ตือตกลงจะซื้อนาฬิกาสองเรือนคู่กัน สลักชื่อด้านหลังเพราะเป็นสิ่งที่พี่หมอกใส่ติดตัวตลอด และจะได้รู้ว่ามีเวลาให้กัน หวานเหี้ยๆ กูยอม ในขณะที่หวานนั้นพีกกว่า เพราะมันซื้อกุหลาบให้ มันพีกยังไงน่ะเหรอครับ มันพีกตรงที่มันมาทั้งกระถาง เหตุผลน่ะหรือครับ หวานมันบอกว่ากันจะได้ระลึกเสมอว่าอย่านอกใจกู เพราะจะเจ็บตัวแบบที่ผ่านมา แหมเหตุผลดี สรุปมึงรักกันใช่ไหม ก็เหลือแต่ผมนี่แหะที่ไม่รู้จะซื้ออะไร จะซื้อนาฬิกาแม่งก็ไม่ค่อยใส่ แถมแม่งมีเกือบสิบเรือนแล้ว ซื้อไปก็ไม่น่าจะมีประโยชน์ เวลาผมให้ของใครก็อยากให้ได้ใช้จริงๆ ครับ ไม่อยากให้แล้วไม่มีประโยชน์

 

ผมเดินห้างมาสักพักก็ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไร เสื้อผ้า แม่งก็มีเยอะแล้ว กระเป๋าตังแม่งก็ใช้แบรนด์เนม ซื้อถูกไปแม่งก็ไม่น่าจะได้ใช้ รองเท้านี่ตัดไปเลยครับ เค้าว่ากันว่าซื้อรองเท้าให้แฟนจะเดินหนี ไม่ได้เชื่องมงายแต่กันไว้ก่อนก็ดีกว่าแก้นี่ครับ

 

"มึงนึกออกยังจะซื้ออะไร" มึงเหมื่อยใช่ไหมหวาน

"ยังเลยว่ะ"

"หนึ่งลองนึกดูสิว่ามีอะไรที่แทนชอบมาก ได้แล้วอยากได้อีก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้ซื้อไปซ้ำมันก็อยากได้ ให้สิ่งที่แทนชอบแทนน่าจะมีความสุข"


อืมมมมมม เอาอะไรดีน่ะ แทนชอบแดกชาบู แต่กูคงห่อใส่กล่องไม่ได้ อืมมมมม ผมคิดออกแค่อย่างเดียวตามที่ตือบอก แต่มันจะดีหรือว่ะ แต่ก็นึกไม่ออกจะเอาอะไรให้ แต่นี่เป็นวาเลนไทน์ปีแรก กูให้มึงพิเศษเลยแล้วกัน ผมเดินไปที่แผนกห่อของขวัญที่ตือกำลังห่อนาฬิกาอยู่

"โทษน่ะครับผมขออันนี้ ห่อของขวัญให้ด้วยครับ"

อันนี้แหละน่าจะเหมาะที่สุด ผมสั่งห่อของขวัญเรียบร้อย ท่ามกลางความสงสัยของตือและหวานว่ามึงจะเอาไปทำอะไร

 

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันวาเลนไทน์ ช่างเลื่อนเอียนเหลือเกิน กลิ่นความรักฟุ้งกระจายไปทั่ว วันที่ดอกกุหลาบแพงที่สุด แต่ก็ยังเห็นคนซื้อหาจนแดงเถือกทั้งมหาลัย วันที่ช็อกโกแลตขาดตลาด เพราะซื้อกันจนหมดห้าง วันที่ไก่เป็ดหัวหมูขาดตลาดเพราะปีนี้ตรงกับวันตรุษจีนด้วย เมื่อเช้าก็พึ่งกินของไหว้มา ดีที่ไก่สุกแล้วไม่งั้นลากกันสะบัด การกินของไหว้ตรุษจีนเป็นสิ่งยืนยันอย่างเดียวว่าผมมีเชื่อสายจีน นอกจากผิวขาวแล้ว หน้าตาแม่งไม่จีนซะนิด อยากแบบเกาๆ นิดๆแม่งก็ไม่เกาเสียใจ

 

วันนี้ก็เป็นอีกวันดีของหวานครับ ที่รับดอกไม้ช็อกโกแลตจนไม่วัดไม่ไหว ผมกับตือต้องช่วยกันใส่ถุงแยกของกินกับของอื่นๆ ให้เรียบร้อย มึงนี่ก็เป็นระเบียบกันเนอะ ต่อแถวก่อนหลังกันมีมารยาทสุดๆ

 

"มึงไม่เอารถมาขนซะเลยว่ะ เยอะขนาดนี้" มึงก็ฮ็อตไปหวาน

"มึงทำดีๆ เดี๋ยวแม่งกล่องยับ"

"โหย หวงขนาดนี้ไอ้กันไม่น้อยใจแย่เหรอมึง"

"น้อยใจเหี้ยไรล่ะ เดี๋ยวกูเอาไปขายต่อ แดกหมดนี่เบาหวานแดกพอดี"

แหม อยากให้คนที่ให้รู้จักตัวตนจริงๆ ของมึงซะจริงๆ

ซึ่งระดับหวานพูดจริงทำจริงครับ เพราะแค่ชั่วครู่ก็มีร้านขายของหน้ามหาลัยมารับไปขายต่อ ซึ่งหวานได้เนาะๆ เกือบหมื่น รวยยยยย

"มึงทำอย่างนี้คนให้ไม่น้อยใจเหรอว่ะ"

"น้อยใจอะไรมึง กูไม่เคยโกหกใครว่ายังไม่มีแฟน ถ้ากูปฏิเสธไปคนให้ไม่น้อยใจกว่ารึ คนให้เค้าอยากให้เรารับเค้าก็ดีใจ ยังไงถ้าเหลือก็ต้องทิ้ง อย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์กว่ารึ อีกอย่างเงินที่ได้กูก็เอาไปทำบุญ ทุกคนก็เข้าใจเปล่าว่ะ"

เออจริง แม่พระจริงๆ มึง ถ้ากูไม่เหลือบเห็นกระถางดอกกุหลาบมึงก่อนน่ะ

 

นี่ก็เรียนเสร็จเรียบร้อยครับ รอพวกแทนมา ตือกับพี่หมอกจะกลับไปทำกับข้าวกินกันสองคนที่บ้าน ส่วนหวานกับกันจะไปดูหนัง ส่วนผมแทนแม่งไม่บอกอะไรบอกจะเซอร์ไพรส์ สงสัยแม่งจะขอแต่งงาน 55555

 

รอจนคนอื่นไปหมดแล้วแทนก็ยังไม่มา เห็นพี่หมอกบอกแทนจะมาช้าหน่อย โอยยย แทนกูหิวไส้จะขาดล่ะ บ่นได้แวบเดียวก็มา จอดดังเอี๊ยดฝุ่นตลบใส่กูไม่พอ แม่งกวนตีน ไม่ลงมารับด้วย ได้แต่บีบแตรใส่ ได้กูแล้วทำงี้เหรอมึง มึงเปลี่ยนไป มึงไม่อ่อนโยน ไม่ทันจะด่าแต่พอเปิดประตูก็ต้องตกใจกับลูกโป่งจำนวนมากที่ลอยออกมา ไอ้แทนเปิดประตูออกมายิ้มหน้าบาน

"เซอร์ไพรส์ไหม"

"อืมมมมม เซอร์ไพรส์" ผมเขินหน้าแดงคนมองแทบทั้งคณะ บ้า ไอ้แทนคนเยอะแยะ ว่าแต่

"เออออออ... แทนคือกู...."

"เมียครับ จะบอกรักกันแค่นี้จะเขินทำไม มาๆ พูดมาครับ"

"ไม่ใช่มึง คือ... กูจะนั่งยังไง"

มึงจะให้กูนั่งตรงไหนในเมื่อลูกโป่งมึงล้นออกมาขนาดนี้ ไอ้ดีใจกูก็ดีใจ แต่จะให้กูโหนรถเมล์ตามก็ใช่เรื่อง

"เออว่ะ... ในละครกับความจริงแม่งต่างกัน นั่งไงล่ะ"

นั่นแหละที่กูถามมึง

"งั้นเราปล่อยลูกโป่งไปสักครึ่งนึง ให้เหลือเฉพาะเบาะหลังน่ะครับเมีย"

เราสองคนต่่งช่วยกันเอาลูกโป่งออกจากรถ ลูกโป่งสีแดงลูกแล้วลูกเล่าลอยออกจากรถ เหมือนสายรุ้งสีแดงทอดยาวไปบนฟ้า ทำให้ผมซึ้งใจว่าแทนต้องใช้เวลาเป่าแค่ไหนกว่าจะได้จำนวนขนาดนี้

 

"ขอบคุณน่ะแทน"

"โหย อย่าพึ่งขอบคุณสิครับนี่ยังเด็กๆ" โหย ป๋าแทนทุ่มมาก เขินน่ะ

 

ผมคิดว่ามันก็คงพาผมไปกินชาบูหรือบุฟเฟ่ต์อย่างเคย แต่อย่าดูถูกป๋าแทนครับ แม่งเล่นเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นชื่อดังกลางทองหล่อ ที่ได้ข่าวว่าต้องจองคิวเป็นเดือน หรูซะกูไม่กล้าลงเลย

"กินร้านนี้หรือมึง แพงไปเปล่ากูเกรงใจ"

"กินๆ ไปเถอะครับเมีย ปีแรกมันก็เว่อร์ๆ แบบนี้แหละครับ ปีหน้าต้มมาม่าแดกสองคนที่ห้องครับ หมดโปร อีกอย่างจ่ายเงินไปแล้ว รีบๆ เข้าไปเถอะ"

หมายถึงกูจะได้แดก แค่ปีนี้ชิมิ งั้นกูจะแดกให้มึงล่มจมเลย การจ่ายเงินจองไม่ใช่เรื่องแปลกในวันนี้ครับ เพราะคนล้านแปดมาก ไม่จองนี่อดกินทุกร้านครับ ต่อแถวจนเอ็นขึ้นก็ยังไม่ได้กิน

 

บรรยายกาศของร้านตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณ นั่งเป็นหลุมๆ บนเบาะเตี้ยๆ ร้านคนไม่เยอะมากครับ เพราะค่อนข้างส่วนตัว น่าจะไม่เกิน 30 โต๊ะ นั่งไม่ถึงห้านาทีอาหารก็เสิร์ฟครับ เพราะมีการสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว

 

"โหยยย อร่อยน่ะ ปลาสดมาก ไม่คาวเลย" มีความสุข ฮอลลลลลล

"อร่อยใช่ไหมครับเมีย ผัวว่าแล้วต้องชอบ" ผมพยักหน้ายิ้มอย่างมีความสุข

"นี่ยังน้อยไปน่ะ มีเซอร์ไฟร์กว่านี้อีก" โหยป๋าน่ะ ผมรีบคลานเข่าไปกราบแทบอกป๋าแทน

"เปลี่ยนเป็นถวายบัวได้ไหมครับ"

"เฮ้ออออออ...." กูถอนหายใจแล้วรีบคลานกลับอย่างไว


และแล้วเซอร์ไพรส์แรกก็มาถึงด้วยปลาแซลมอนตัวยักษ์

"ตายๆ กูลาบปากจริง เดี๋ยวไปล้วงคออ๊วกก่อน"

"เมียครับ อย่ามาสร้างภาพ แดกหมดอ่าวเมียก็ไม่อิ่ม"

รู้ทันกูอีก แหมสวรรค์ อยากอยู่ตรงนี้ไปนานๆ ฮอลลลลล


ผมกำลังเพลิดเพลินกับการกินอย่างหนักหน่วง จนคิดว่าจะค้างที่นี่เลย กินอิ่ม นอนแล้วตื่นมากินต่อ พร้อมซึ้งในน้ำใจพ่อพระแทน แต่สายตาผมก็ต้องมาหยุดตรงที่แทนลุกขึ้นยืน ถือกล่องสีแดงเล็กๆ มาตรงหน้าและกำลังจะนั่งคุกเข่า

เหี้ยล่ะ อย่าบอกน่ะว่าจะขอกูแต่งงาน มันเร็วไป ไอ้แทนคนเยอะแยะกูอาย ทำไมมึงชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อ เอาไงดีว่ะกู อยากจะแทรกแผ่นดินหนี ระหว่างที่แทนกำลังค่อยๆ ก้มนั่งคุกเข่าใกล้ๆนั้น สิ่งเดียวที่ผมคิดได้ตอนนั้นเพื่อหยุดการกระทำของมันตอนนี้คือ

 

ถีบ และดูเหมือนผมจะถีบแรงไปหน่อย จนแทนมันกลิ้งไปชนพนักงาน อาหารทะเลทั้งถาดตกใส่หัวมันจนเละ ซวยล่ะกู

"เมียถีบผัวทำไมอ่ะ ทำไมไม่ใช้กำลังบนเตียง"

"มึงคุกเข่าทำไม คุกเข่าทำไม"

"ตะเกียบหล่น" อ้าว

"แล้วกล่องแดงๆ ในมือคืออะไร"

"โชยุ" อ้าวกูมองเป็นกล่องแหวนได้ยังไง ขวดโยชุชัดๆ เหี้ยล่ะกู

"สรุปถีบผัวทำไม" ตาย กูตานแน่ๆ

"ยุงกัดมึงน่ะ"

"เลยใช้ตีนสะกิดงี้ อ่อนโยนกับผัวมากเลยครับเมีย"

"กูกลัวมึงเป็นไข้เลือดออกน่ะ กูหวังดีจริงๆ น่ะ"

 


ตัดภาพมาปัจจุบัน

 

ไหนมึงบอกปีแรกให้กูแดกอย่างหรูไง ทำไมตอนนี้กูต้องมาแดกมาม่าที่คอนโดมึงแทน อ้อเป็นเพราะกูสิน่ะ กูคงต้องรับผลจากการกระทำของกู ป๋าแทนไม่ได้โกรธอะไรครับ ผมนี่ต้องขอบคุณป๋า สงสัยต้องชดใช้ด้วยการถวายบัวให้ แต่เจ้าตัวอยากอาบน้ำ ซึ่งผมก็เข้าใจ เพราะเป็นผมก็คงจะอยากอาบน้ำเหมือนกัน แต่ดูเหมือนมึงจะรีบไปน่ะแทน รอให้เค้าห่อแซลมอนกลับบ้านไม่ได้รึไง ใจร้ายยยยย


"เป็นไงครับเมีย มาม่าอร่อยไหม" แทนเดินออกมาพร้อมเช็ดผมที่เปียกในชุดขาสั้น มึงแต่งน้อยชิ้นไปน่ะ

"กูขอโทษน่ะมึง อย่าโกรธกูน่ะ"

"มีเมียคนเดียวใครจะไปโกรธลง" พูดเสร็จมันก็มานั่งเอาแขนโอบกอดอยู่บนโซฟา ผมเอาหัวพิงไหล่มัน

"มึงไม่โกรธจริงน่ะแทน"

"ครับ ใครก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ มันเป็นอุบัติเหตุผัวเข้าใจครับ"

"กูขอโทษ"

"ทำผิดแล้วขี้อ้อนเหรอครับเมีย ดีจัง ถีบผัวอีกรอบนึงไหม"

ผมทำหน้าบู้ใส่

"กูมีของขวัญให้มึงด้วย กูไม่รู้จะซื้ออะไรให้มึง กูว่ามึงน่าจะอยากได้สิ่งนี้ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่มึงชอบ อยากได้แล้วอยากได้อีก อย่ามองหน้ากู กูเขิน

พูดเสร็จผมก็ยื่นกล่องของขวัญให้

"อะไรครับเมีย ทำไมต้องหน้าแดงด้วย"

"เออ แกะเถอะ ลีลา เดี๋ยวกูเอาคืน"

แทนรีบแย่งไปแกะอย่างไว พร้อมทำหน้างง เมื่อเห็นว่าของในกล้องคือโบว์ติดกล่องของขวัญ

"โบว์ติดของขวัญ เอามาทำไมครับ"

"เอามาติดของขวัญที่กูจะให้มึง"

พูดเสร็จผมก็เอาโบว์มาติดหัว

"กูเป็นของมึงแล้วน่ะ กูไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ อาจจะไม่ดีพร้อม อาจจะทำผิด อาจจะทำให้มึงผิดหวัง แต่กูรักมึงน่ะแทน อาจจะไม่เท่าที่มึงรักกู แต่กูจะค่อยๆ รักมึงไปเรื่อยๆ ให้เท่าหรือมากกว่าที่มึงรักกู กูจะรักมึงเรื่อยๆ ไปทุกวัน"

พูดเสร็จผมก็เอาหน้าซุกกับอกแทน

"ขอบคุณน่ะแทนที่มึงกลับมา"

แทนยิ้มแก้มแทบปริ ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากแทน มีแต่ความรู้สึกอุ่นไอรักจากอ้อมกอดของแทน แต่เอ๊ะ ผมลืมไป ว่าแล้วผมก็ก้มลงถอดกางเกงแทน

"หืมมม เมียทำไรครับ"

"ถวายบัวไถ่โทษที่กูทีบมึง"

"เฮ้ยยยยย" แทนร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าผมจะเริ่มก่อน

"สถิติที่มึงจะเอาเท่าไหร่น่ะ หกรอบใช่ไหม"

"หืมมมม"

"ทำซะวันนี้แหละกูพร้อมแล้ว"

"โหยยยย มีเมียดีขนาดนี้ ผัวให้ถีบทุกวันยังได้เลย"

อย่าทำลายบรรยากาศกูแทน....

 

ผมตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะหิวน้ำ จึงลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็นมาหาน้ำดื่ม แต่ต้องตกใจที่แทนอ้อมมากอดจากด้านหลัง

"แทนถ้ามึงเอากูมากกว่านี้ ก็เอากูส่งโรงบาลด้วย"

"ทำไมเมียชอบคิดเรื่องอกุศลตลอดเวลาล่ะครับ"

กูผิดอีก

"เลยวันวาเลนไทน์ล่ะ ยังไม่ได้ให้ของขวัญเลย"


ไม่มีบรรยากาศที่สวยหรู ไม่มีอาหารที่เลิศรส มีเพียงคนสองคนที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นอยู่ในความมืด แต่ทำไมมันเป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก หวานหอมจนยากที่จะให้ผ่านไปโดยง่าย แทนค่อยหยิบกล่องของขวัญเล็กมาวางบนโต๊ะและนั่งตรงข้าม ผมค่อยๆ แกะช้าๆ

"เร็วหน่อยครับเมีย ตื่นเต้นเยี่ยวจะแตกแหละ"

"สัดแทนทำลายบรรยากาศกู" แทนนั่งหัวเราะ

ผมแกะออกมาละพบสร้อยคอเส้นยาวเส้นหนึ่ง

"ขอบคุณน่ะแทน"

แต่ผมก็ต้องงงอีกครั้งเมื่อปลายของสร้อยนั้น มีกุญแจห้อยอยู่


"หนึ่ง ย้ายมาอยู่ด้วยกันน่ะ"


-------------------------------------------------

ช้าไปสองวันขอโทษด้วยค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะเขียนสั้นๆ ไปๆ มา เต็มตอนซะงั้น อาทิตนี้มาเร็วสามตาอนรวด ตอนหน้ามาดูโจ๊กกับน้องเค็กกันต่อค่ะ

รักที่สุด

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 25 [Update 17:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-02-2018 03:16:02
อย่ารีรอ รีบกลับห้องไปเก็บของ เตรียมย้ายด่วนเลย  :mc1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 25 [Update 17:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-02-2018 08:30:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 25 [Update 17:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-02-2018 09:21:27
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 25 [Update 17:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-02-2018 20:54:48
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 25 [Update 17:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 26-02-2018 21:43:36
ตอนที่ 26 : โจ๊ก Featuring

กว่าจะหาตัวเจอได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะปล่อยนายจ้างให้หายตัวไปก็ไม่ใช่วิธีของโจ๊ก แม้สัจจะของคำว่าเพื่อนจะไม่กินผู้หญิงทับลายกัน แต่นี่โจ๊กแดกน้องเพื่อนไปแล้ว แถมเปิดบริสุทธิ์อีกต่างหาก ถ้าไอ้แทนรู้โจ๊กคงต้องแอดมิดร่างคงจะหักไปหลายท่อน แต่เมื่อเพื่อนไม่รู้โจ๊กจึงต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อน นี่แสร้งเป็นคนดีรับดูแลน้องเพื่อนไม่รู้เพื่อนจะสงสัยรึเปล่า แต่คิดไปก็เท่านั้น ยังไงโจ๊กก็ต้องจมตีนเพื่อนอยู่ดี แค่คิดโจ๊กก็เจ็บ เมาตีนจนมึน แต่อย่าคิดว่าผมจะมีเวลารำพึงรำพัน ที่ว่างนี่คือรอเค็กตัวปัญหาอาบน้ำอยู่ นี่ก็เข้าไปชั่วโมงกว่าล่ะ มึงอาบหรือช่วยเค้าฝังท่อประปา นานแท้ ยังไง โจ๊กก็จะรอ ผมกุมความแค้นไว้ในมือ อะไรน่ะหรือครับก็เงินค่าตัว 500 หยาดเหงื่อแรงงานของโจ๊ก มันช่างต่ำต้อย ไปเที่ยวผู้หญิงอย่างต่ำแม่งก็ต้องจ่าย 1,500 ทำไมโจ๊กได้ 500 โจ๊กจะฟ้องกระทรวงแรงงาน

 

รอไม่นานเค็กก็ออกมาในชุดกางขาสั้นกับเสื้อกล้ามเก่าๆ ของผม ไม่มีวิกผมหรือการแต่งหน้าใดๆ เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมแม่งช่างเร้าใจปลุกเร้าอารมณ์โจ็กจนไม่อยากคุย ผิวแม่งขาวจนแทบจะเห็นเส้นเลือด เสื้อก็หลวมมีแค่สายเสื้อกล้ามปิดหัวนมชมพูรำไร โจ๊กจะไม่ทน แต่โจ๊กต้องเคลียร์ เคลียร์เสร็จค่อยปล้ำ

 

ผมไม่รอเวลาให้ร่ำไร เพราะเดี๋ยวจะทนไม่ได้ ไม่ใช่สิ เดี๋ยวจะเสียเวลา

"นี่อะไร" ผมพูดพร้อมชูเงิน 500 บาทขึ้นมา เจ้าตัวเช็ดผมพร้อมหันมามอง ช่างยั่วยวนโจ๊กยิ่งนัก อะไอ้นี่ถามไม่ตอบ

"นี่อะไร" ต้องให้กูขึ้นเสียง

"เงินไง" กูรู้

"เงินนี้คือเงินที่เค็กทิ้งไว้ให้พี่"

"อ้อ .. อืม" พูดเสร็จแม่งก็หันไปเช็ดหัวต่อ ดูหน้ากูด้วยกูซีเรียสอยู่

"ทำไมให้เงิน 500"

"ก็จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน" อันนี้กูจะพยายามเข้าใจ

"ทำไมแค่ 500"

"อยากได้มากกว่านี้เหรอ"

"ไม่ใช่ แต่ 500 มันน้อยไปไหม กับลีลาของพี่" มึงดูถูกกระบวนท่าของกูมากไปล่ะน้องเอ๋ย

"ทำไมขายของเกินราคา" เอาปืนมายิงกูดีกว่าพูดงี้

"ไม่ใช่เว๊ยน้องคือ ไม่ได้อยากได้เงิน แต่ถ้าให้มันก็น้อยไป"

"สรุปจะขอเงินเพิ่ม" พูดเสร็จทำหน้างงใส่กูอีก

 

สงสัยจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมเลยพักครึ่งมาสงบอารมณ์ สูบบุหรี่ที่ริมระเบียง แม่งแข็งหมดล่ะ ไม่ใช่สิ อารมณ์โกรธสิ

 

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปคุยอีกครั้ง น้องแม่งก็ไม่สนใจอะไรกู นั่งดูทีวีสบายใจ

"เค็กเรื่องเมื่อคืนไม่บอกไอ้แทนได้ไหม" กลัวจมตีนเพื่อนครับพูดตรงๆ

"รู้น่า"

เค็กทำตัวปกติดูไม่เคอะเขินอะไร มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่ปกติ

"แล้วนี่มาอยู่ไทยนานไหมกลับเมื่อไหร่"

"ก็อยากอยู่นานๆ นะ แต่ไม่มีเงินน่ะ อีกสองอาทิตย์ก็น่าจะกลับ 555" พูดซะกูอยากจะคืนเงิน 500

"แล้วนี่เอาไงต่อ"

"ก็คงไปพักกับพี่แทน"

เสี้ยวเวลานั้น ผมได้ใช้สมองอันน้อยนิดคิดไตร่ตรองและแล้วผมก็คิดแผนชั่วได้สำเร็จ 55555

"เฮ้ย... แต่พี่ว่าจะไปพักกับไอ้แทนให้ไอ้แทนเลี้ยง มันก็ใช่เรื่องนา พวกเด็กฝรั่ง 15-16 เค้าก็หางานทำกันแล้วนา ได้เงิน ได้อยู่เที่ยวด้วย"

"แต่เค็กยังเรียนไม่จบ เอกสารอะไรก็ไม่มี"

"มาทำงานกับพี่ไหม"

"เอ๋... จริงนะ" น้องร้องกระโดดดีใจ น้องเอ๋ย เสร็จพี่แน่ ใครนะช่างปล่อยแกะ ออกมาให้หมาป่าตะคลุบ อ้อไม่มีใครปล่อย กูไปล่อลวงมาเอง

"งานหนักไหม เค็กทำงานหนักไม่ค่อยไหว"

"ไม่หนักครับน้อง งานสบาย รายได้ดี"

"มีงานแบบนั้นด้วยเหรอ"

"มีสิ" เสร็จพี่โจ๊กแน่

"งานอะไรอ่ะ"

"งานเดียวกับพี่ทำให้เค็กไง ยังไงของก็เคยๆ กันแล้วไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย" ดูน้องลังเลเล็กน้อย ไม่ได้ไม่ได้ ผมต้องเอาเงินล่อ

"พี่ทำพี่ได้ 500 แต่ถ้าเค็กทำพี่ให้ 1,500 เลย"

กูจะล่อลวงมันสำเร็จไหมว่ะดูมันลังเล

"คิดดูดีๆ นา เงินดีๆ งานสบายแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นา อีกอย่างที่พักก็ฟรี อะไรก็ฟรีได้เพียวๆ เลยน่ะ รอบล่ะ 1,500"

เห็นน้องมันทำหน้างง นั่งนับนิ้วคำนวนเงินก็น่ารักดีน่ะครับ ดูเป็นเด็กใสๆ ไม่ค่อยเข้าใจโลก ไอ้แทนกับที่บ้านคงเลี้ยงดูอย่างดี ถนอมอย่างกับไข่ในหิน มาถึงมือโจ๊กไม่รู้จะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย เฮ้ออออ คนบาปอย่างโจ๊ก

"สรุปว่า..." น้องมึงเอาไงบอกมา พูดเสร็จน้องมันก็ผลักผมที่นั่งอยู่ปลายเตียงลง พร้อมก้มลงจูบเบาที่ริมฝีปากผม

"เดี๋ยว เค็กต้องไปซื้อ แปรงสีฟัน ยาสระผม ครีมทาผิว เสื้อผ้า เริ่มงานเลยแล้วกัน"

โหยยย Deal ครับ

 


สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก

 

ทุกๆ อย่างเป็นปกติครับ หลังจากที่น้องเค็กได้งานแล้ว เค็กก็โทรไปบอกพี่ชายมันเสร็จสับว่าจะอยู่เมืองไทยต่อสักพัก พร้อมทำงานไปด้วยบอกพี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง ไอ้แทนเห็นน้องอยู่ดี มีความสุขก็เลยไม่ว่าอะไร ความลับยังเป็นความลับ โจ๊กยังครบ 32 ไอ้ที่จะเปลี่ยนแปลงก็มีนิดหน่อย

 

"อะไรที่ทำให้เสี่ยโจ๊กของผมต้องมานั่งซดมาม่าอยู่นี่ครับ" มาถึงก็ปากดีเลยน่ะไอ้กัน

"ช่วงนี้กูเลี้ยงเด็ก ต้องใช้เงินเยอะ"

"หูยเป็นอมตะ เคี้ยวกรุบๆ ดีไหมมึง"

"กรุบพ่อมึงสิ ทะลึ่ง"

"โหยแม่งปกป้อง สงสัยคนนี้จริงจัง"

ไม่ทันจะคิดอะไร ไอ้แทนกับพี่หมอกก็มาสมทบ

"พี่ว่าช่วงนี้โจ๊กดูเหนื่อยๆ เพลียๆ น่ะ หักโหมไปเปล่า" พี่หมอกมึงก็นับวันจะอยากรู้อยากเห็นเหมือนน้องตือไปล่ะ

"เออจริง ว่าแต่มึงไปทำไรมา"

มึงอยากรู้จริงๆ ใช่ไหมไอ้แทน กูจะเล่าให้ฟัง ก็เค็กน้องมึงน่ะ อยากได้ I-Phone X ราคาแม่งก็ 50,000 ต้นๆ น้องมึงก็จะรีบทำงานให้ครบ กูให้น้องแม่งทำไปได้ 24,000 น้ำกูก็จะออกหมดตัวแหละ นี่ดีนะกูบอกให้น้องมันผ่อนจ่ายสองงวดได้ ไม่งั้นกูคงนอนพงาบอยู่ที่โรงบาล

"อ่านหนังสือหนักน่ะ" เนียนไม่เนียนไม่รู้ รู้แต่ว่ากูต้องเอาตัวรอด พูดเสร็จแม่งก็เบ้ปากแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ทิ้งกูไว้กลางทาง

การเรียนก็เป็นปกติครับ ถึงแม้ผมจะเจ้าชู้เกเรยังไง แต่เรื่องเรียนก็สำคัญ เพราะมันเป็นตัวกำหนดอนาคต ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนก็คิดเหมือนกันครับ ยังไงตั้งใจเรียนในห้องก็ดีกว่าอ่านเองครับ พวกผมเลยตั้งใจเรียนกันเป็นพิเศษ ถึงเวลาเลิกเรียนก็ต้องรีบกลับครับ เดี๋ยวน้องมันรอ

"เฮ้ย.... พวกมึงเดี๋ยวกูกลับก่อน"

"หูยยยยย สงสัยคนนี้แม่งจริงจัง เรียนเสร็จแม่งกลับปั๊บ ช่วงนี้แม่งก็ไม่เที่ยว ผู้หญิงก็ไม่ยุ่ง คงจะสิ้นลายกันคราวนี้แหละครับ"

"ไอ้กันปากดี เดี๋ยวกูเอากระถางปาหัว" ขนลุกเลยสิมึง

 

จะว่าไปช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน เพราะน้องมันอยู่ห้องคนเดียว มีบ้างที่น้องออกไปข้างนอกคนเดียวบ้างแต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล มากสุดก็เซเว่นใต้ตึก เนื่องจากไม่ชินพื้นที่และไม่มีเพื่อนที่นี่ จะมีบางครั้งที่ผมชวนไปเดินห้างดูหนัง แต่เจ้าตัวก็ไม่ไปบอกเปลืองเงิน จนผมต้องบอกว่ามีงานรับกินข้าวด้วย น้องแม่งก็ทำหน้างงว่ามีด้วยเหรอ ผมนี่แถไปยาวๆ บอกดาราทำกันเยอะแยะ แต่น้องมันไม่รับเงินนะครับ บอกแค่ผมเลี้ยงก็เกรงใจแล้ว จะเกรงใจทำไม นี่กูอุตสาห์แดกมาม่าเผื่ออดออม วันนี้ชวนน้องไปดูหนังดีกว่า

 

ผมรีบเดินมายังบิ๊กไบค์คู่ใจเพื่อจะรีบกลับ แต่ต้องผงะเมื่อเจอคู่ขาเก่าอย่างน้องนก บัญชี

"พี่โจ๊กวันนี้ไปไหนรึเปล่า นกเบื่อๆ ไปเอากันดีกว่า" ตรงแท้ น้องเอ๋ย

"พี่ต้องรีบกลับนะครับ พอดีมีธุระโทษทีนะครับ"

 

พูดเสร็จผมรีบออกรถแทบไม่ทัน ทำไมตามตื้อขนาดนี้ นก ไม่ใช่แฟนผมนะครับ ผมจะเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ sex-friend? เราต่างชอบพอกันในเซ็กส์เท่านั้นแค่มาเจอกันเวลาที่อยาก พอได้สมอารมณ์หมายก็ต่างคนต่างไป แต่ก่อนก็ไม่อะไรมาก แต่พอผมปฏิเสธบ่อยๆ เข้าก็มีมาดักรออย่างที่เห็น จนผมไม่รู้จะทำยังไง แต่โทษใครได้ครับ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง อย่างน้อยวันนี้ผมก็รอดแหละ ว่าแต่ทำไมผมต้องปฏิเสธล่ะ ผมเคยคิดหาคำตอบว่าทำไมผมจึงปฏิเสธผู้หญิงทุกคน และเลือกที่จะมีกับน้องเค็กคนเดียว หรือผมจริงจังที่จะคบกับน้องมัน แต่ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผมก็คิดได้ว่า สงสัยผมคงมีอะไรกับน้องมันมากเกินไป จนไม่รู้สึกอยากจะมีอะไรกับคนอื่น คิดได้อย่างนั้นก็สบายใจ

 

ผมขับรถไม่นานก็ถึงคอนโดครับ ด้วยความที่เป็นบิ๊กไบค์ทำให้ฝ่ารถติดได้อย่างง่ายดาย กลับมาถึงห้องก็สบายใจ จำสภาพห้องเก่าแทบจะไม่ได้ แต่ก่อนนี่ผมแทบจะใช้ขาเขี่ยหาทางเดิน ด้วยความที่เป็นผู้ชายแมนๆ กับความซกมกเป็นของคู่กัน ห้องเลยรกสุดจะบรรยาย แต่ตั้งแต่น้องมันมาอยู่ห้องสะอาดโล่ง ฝุ่นสักนิดก็ไม่มี เสื้อผ้าซักรีดใส่ตู้เรียบร้อย แถมบางวันน้องมันว่างทำอาหารเย็นให้อีกต่างหาก เคยบอกว่าไม่ต้องทำเกรงใจ น้องมันก็บอกอยู่ว่างๆ ก็เบื่อ และงานบ้านก็เป็นงานไม่กี่อย่างที่น้องมันทำได้ เพราะที่บ้านไม่ค่อยปล่อยให้ไปทำอะไรข้างนอกเท่าไหร่เพราะเป็นห่วง งานที่พอจะทำได้ก็มีแค่งานบ้านเท่านั้น แต่น้องมันถ่อมตัวครับ เพราะมันไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ทำได้ดีเยี่ยมเลยล่ะครับ สะอาดเรียบร้อย อาหารนี่อร่อยอย่างกับร้านมิชลิน ผมได้กินทีเหมือนอยู่บนสวรรค์ เงียบขนาดนี้ สงสัยออกไปเดินเล่นใต้ตึกหรือไม่ก็ไปเซเว่น แต่ยังไงวันนี้ก็ไม่รีบอยู่แล้วครับ เพราะหนังดูรอบดึกก็ได้ครับ งั้นระหว่างรอพี่โจ๊กไปอาบน้ำดีกว่า เผื่ออาบเสร็จน้องมันจะให้สักดอกก่อนไป อิอิ

 

ผมอาบไปสักพักได้ยินเสียงเปิดประตู สงสัยน้องกลับมาแล้ว

"เค็ก พี่อาบน้ำอยู่ มาอาบด้วยกันไหม" ผมตะโกนถาม แม้จะเคยมีอะไรกันมาทุกที่แล้ว แต่ในห้องน้ำก็ตื่นเต้นดีครับ อิอิ

ไม่นานนักก็มีมือ เอื้อมมากอดจากด้านหลัง วันนี้ว่าง่ายแฮะ ทุกทีต้องหลอกล่อกว่าจะมาได้ ผมค่อยๆ หันหน้าไปสบตากับเจ้าของมือเล็กๆ แต่ต้องผงะเมื่อรู้ว่าคนที่มากอดผมนั้นไม่ใช่น้องเค็ก แต่เป็นนกนั่นเอง

"เข้ามาได้ยังไงน่ะนก" ผมรีบผละออกด้วยความตกใจ

"ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ ก็ไขกุญแจเข้ามาไง พี่โจ๊กให้นกไว้ จำไม่ได้เหรอ" ตายๆ กูให้ใครไปบ้างจำไม่ได้แล้ว สงสัยต้องเปลี่ยนกุญแจ

"นกออกไปก่อน เดี๋ยวพี่แต่งตัวแวบ"

"จะอายทำไม อมก็อมมาแล้ว จะมาอายทำไม" กูไม่ได้อาย เข้าใจกูด้วย

ผมทำหน้าอึดอัดใจ จนต้องเอ่ยปากถาม

"ทำไมไม่ยอมมีอะไรกับนก หรือของพี่โจ๊กไม่แข็ง"


ในวินาทีนั้น สัญชาตญาณความเป็นชายมันถูกหยามไม่ได้ ผมเลยทำตามที่นกต้องการ ในเมื่อเซ็กส์มันก็เป็นแค่เซ็กส์ ผมจะไปซีเรียสทำไม ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นจนจบ ตามสัญชาตญาณดิบในตัว ผมก็มีความสุขกับเซ็กส์เหมือนทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ตอนทำเสร็จแล้วผมถึงรู้สึกแย่ ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างเตียงหลังจากไม่ได้สูบมานานแล้ว เพราะน้องเค็กมันแพ้ควันบุหรี่ ได้กลิ่นมากๆ แล้วน้องมันจะป่วยเป็นไข้ ผมเลยค่อยๆ ลดจำนวนลง ทำไมผมถึงต้องรู้สึกไม่ดี ทั้งๆที่เซ็กมันก็คือเซ็กเหมือนทุกครั้ง ผมไม่รอช้ารีบเร่งให้นกแต่งตัวออกไป แม้นกจะอิดออดบ้าง แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการเรียบร้อยแล้ว และทุกๆ อย่างก็หยุดนิ่ง เมื่อมีอีกคนปรากฏตัว


" อ้าวน้องมาอยู่ด้วยเหรอ ทำไมไม่บอกนกก่อน จะได้ออกไปเอากันข้างนอก" ไม่มีการพูดจาใดๆเกิดขึ้น มีเพียงการจ้องตาของผมกับเค็กเท่านั้น

"งั้นพี่ไปก่อนน่ะจ๊ะ ชื่อไรจ๊ะหน้าตาสวยเหมือนเด็กผู้หญิงเลย" เค็กยกมือไหว้อย่างนอบน้อม นกหันหลังมายิ้มให้ผมก่อนจากไป

 

อะไรคือความกระอักกระอวลที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมผมต้องรู้สึกผิด ผมลุกขึ้นแต่งตัวตามปกติ แม้จะงงในการหาคำตอบให้กับตัวเอง แต่บรรยากาศทุกอย่างเงียบสงบจนน้องเค็ก เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน

"พี่จะกินข้าวเลยไหม เค็กซื้อข้าวเย็นมาให้แล้ว"

"อืม"

ทุกๆ อย่างยังคงเงียบ ไม่มีการพูดคุยใดๆ และคืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมกับน้องไม่ได้มีอะไรกัน ทุกๆ อย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

จนวันนี้หลังผมกลับมาจากเรียน ทุกๆ อย่างยังปกติเหมือนเดิม ของทุกอย่าง ทุกชิ้นที่ผมซื้อให้น้อง มันยังอยู่ที่เดิมอย่างที่มันเคยเป็น จะไม่เหมือนเดิมที่น้องเค็กไม่อยู่แล้ว มีเพียงกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่เขียนไว้ว่า

 

"มีธุระด่วนรีบบินกลับ ขอบคุณนะครับที่ดูแลมาตลอด"

 

ของทุกอย่างที่ซื้อด้วยเงินของผมยังอยู่ครบทุกชิ้น เรียกได้ว่าน้องเข้ามาตัวเปล่ายังไง ก็ออกไปตัวเปล่าเช่นนั้น น่าแปลกตรงที่ของทุกชิ้นที่ซื้อนั้นล้วนเป็นสิ่งที่น้องเค็กอยากได้มาก แต่น้องก็ไม่เอ่ยปากขอพ่อแม่ทั้งที่แค่พูดท่านก็แทบประเคนให้แล้ว แต่น้องกลับอยากหามาด้วยตัวเอง แม้ของบางอย่างจะดูฟุ่มเฟือย แต่น้องก็ใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ หรือน้องมันจะไม่อยากได้ของพวกนี้แล้ว

 

ชีวิตของผม ทุกๆ อย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมเที่ยว ดื่ม สูบบุหรี่เหมือนเดิม รับผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเหมือนเดิมเช่นกัน ผมกลับมาเป็นคนเดิม แต่ทำไมในใจผมเจ็บ ยังคงคิดถึงใครคนนึงที่เข้ามาในชีวิต มันอาจเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ทำไมผมยังคิดถึงทุกครั้งที่กลับห้อง และผมยังคงมาเที่ยวร้านเดิมที่เคยเจอคนๆ นั้น และยังมองหาคนๆ นั้นที่โต๊ะเดิมอยู่ดี.....


--------------------------------------------------------------


ตอนนี้มาช้าหน่อยขอโทษที่ให้รอน่ะคะ ติดงานไปอาทิตย์นึง เลยรีบพาโจ๊กมาให้แม่ๆ ดูใจ หวังว่าคงมีคนหลงรักผู้ชายเจ้าชู้ที่ดูโง่ๆ ในเรื่องความรักแบบโจ็กน่ะคะ ตอนหน้าเอาไงกันดีค่ะ เอาโจ๊กต่อ หรือขนของย้ายเข้าบ้านผู้ชายกันดีค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 26 [Update 26:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-02-2018 23:19:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 26 [Update 26:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-02-2018 03:34:25
 :fcuk: ขอที โทษฐานการทำให้น้องเค้กเสียจายยยย  :m16:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 26 [Update 26:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-02-2018 12:25:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 26 [Update 26:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 28-02-2018 03:21:53
​ตอนที่ 26 : โจ๊ก & เค็ก The begining

(https://www.picz.in.th/images/2018/02/28/001.jpg)

- เค็ก Part -


คุณคิดว่า “รักแท้” สามารถเริ่มต้นจากเซ็กส์ได้ไหม?


ความรักเป็นสิ่งเดียวที่ผมไม่เข้าใจ แม้จะพยายามหาคำตอบอย่างไรก็ไม่สามารถหาได้ และเป็นสิ่งเดียวที่ google ไม่มีคำตอบ ใครเป็นคนนิยามความรักขึ้นมา ความรักไม่มีรูปแบบ ไม่มีจุดตายตัวว่าต้องเป็นเช่นไร แม้ผมจะเจ็บช้ำกับความรักที่มีตัวกำหนดด้วยเรื่องเพศมาก่อนหน้า จนคิดว่าพอแล้วสำหรับความรัก แต่ชีวิตกลับเล่นตลก ผมกลับตกหลุมรักคนๆ นึงอย่างง่ายดาย เรามีความสัมพันธ์กันชั่วข้ามคืนด้วยเซ็กส์ล้วนๆ แม้ผมจะเจ็บกับรักครั้งเก่าและกลัวที่จะเริ่มต้น จนต้องหนีออกมา แต่โชคชะตาก็นำพาให้เราได้พบกันอีก

พี่แทนเคยพูดไว้ว่าคนเราเจอคนที่เราชอบครั้งแรกมันเป็นเรื่องความบังเอิญ แต่ถ้ามาพบเจออีกครั้งคือพรหมลิขิต ถ้านี่มันเป็นพรหมลิขิต ผมจะเชื่อในความรักได้อีกครั้งไหม ผมเรียนรู้ที่จะรักแบบระวังตัว รักแบบเผื่อเจ็บ แต่กำแพงที่สร้างมันก็พังทลายหมดเมื่อเราได้ใกล้ชิดกัน จริงอยู่ที่ในความสัมพันธ์ของเรานั้นมีเซ็กส์เป็นเรื่องหลัก แต่มันก็ทำให้ผมหวั่นไหวและค่อยๆ รักจนรู้ตัวอีกทีก็หมดใจ ผมคงเป็นคนใจง่ายที่โง่ที่หลงรักคนเจ้าชู้ และเชื่อมั่นว่าความรักจะเยียวยาทุกอย่าง จะเปลี่ยนคนๆ นึงได้ ผมมีความสุขในทุกๆ วันที่อยู่ด้วยกัน จนลืมไปแล้วว่าความเจ็บมันเป็นยังไง

และแล้ววันนึงผมก็รู้ว่าความรักที่เริ่มต้นด้วยเซ็กส์มันคงจะเป็นจริงไม่ได้ ในเมื่อเราเริ่มต้นด้วยเซ็กส์มันก็ต้องจบด้วยเซ็กส์ เสือยังไงก็คือเสือ เราจะมีอะไรไปหยุดคนเจ้าชู้ ผมนั่งคิดและดูตัวเอง บางทีผมคงไม่มีอะไรดีให้ใครมารัก ถ้าต้องจบแบบเกลียดกัน ผมคงทนไม่ได้ ผมยังอยากรู้อยากเห็นว่าเค้ายังมีความสุขอยู่ ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาแม้ผมจะบอกเค้าว่าจะบินกลับต่างประเทศแล้ว แต่ใจของผมยังอยากอยู่ใกล้ๆ ผมยังแอบไปดูในบางครั้งว่าในเมื่อไม่มีผมแล้วเค้าจะเสียใจหรือคิดถึงผมบ้างไหม แต่ผมก็ต้องเจ็บทุกครั้งที่เห็นเค้าควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า และยังทำตัวเหมือนเดิมเช่นที่เคยเป็น ผมคงหาคำตอบได้แล้วว่าความรักที่เริ่มต้นจากเซ็กส์นั้นคงไม่มีจริง เรื่องบางเรื่องไม่มีตำราให้เราศึกษาเราคงต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บและจำ


-----------------------

 
- โจ๊ก Part -

 

เวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ค่อยอยากรีบกลับ แม้เวลาจะผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ทำไมเวลาผมกลับห้องทีไรมันรู้สึกโหวงๆ เหมือนขาดอะไรชอบกล มันทำให้ผมต้องออกเที่ยวทุกวัน เผื่หลีกหนีจากความอ้างว้าง แม้ผมจะมีคู่นอนไม่ซ้ำหน้า แต่ผมก็รู้สึกเหงาเหมือนขาดอะไรไป ผมก็เป็นผมคนเดิม แต่ทำไมยังคิดถึงเค็กอยู่ตลอด เฮ้ออออ สงสัยต้องย้ายคอนโดซะละมั้ง ออกจากที่เดิมๆ เผื่ออะไรจะดีขึ้น ผมนั่งสูบบุหรี่พร้อมถอนหายใจไปพร้อมๆ กัน

 

"เป็นเหี้ยไรว่ะโจ๊กทำหน้าเป็นส้นตีนเลย" ไอ้แทนเดินมาทักพร้อมเอามือลูบหน้าว่าเหมือนตีนไหม มึงเล่นดูอารมณ์กูด้วย

"ไม่รีบไปหาน้องหนึ่งรึมึง" ปกติกูเห็นรีบกลับตลอด

"หนึ่งมีคุยงานกับอาจารย์น่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวมันโทรมา" ผมพยักหน้าเข้าใจ พร้อมมองทอดอารมณ์ไปไกลๆ อย่างล่องลอย

"มีไรปรึกษากูได้น่ะโว๊ย" ผมลังเลเล็กน้อย แต่ไหนๆ เรื่องก็จบไปแล้ว คงไม่เป็นไร

"แทน สมมุติน่ะ ถ้ามึงไปมีอะไรกับคนๆนึงด้วยเซ็กส์ล้วนๆ ไม่มีความรัก"

"มึงจะมาคิดอะไร มึงแม่งก็ทำออกบ่อย" เออ กูมันเหี้ย แต่ฟังกูก่อน

"แต่มึงกลับคิดถึง อย่างสุดหัวใจ"

"ลีลาน้องเค้าคงดีมั๊งมึง มึงเลยติดใจ ใครว่ะ คณะไหน"

"แต่มึงคิดถึงเค้าทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องบนเตียงล่ะ"

"คิดถึงยังไง"

"ก็คิดถึงตอนอยู่ด้วยกัน คิดถึงหน้าตอนนอน ตอนตื่น ตอนมีความสุข ยังคงไปทุกๆ ที่ที่เคยไปด้วยกัน และยังมองหาเค้าในที่ๆ เดิม มึงว่ามันแปลกไหมว่ะ"

"มึงตกหลุมรักแล้วว่ะโจ๊ก" นี่มันคืออาการของคนตกหลุมรักหรือ ที่แท้ผมก็รักน้องเค้ก …. แต่เฮ้อออออ

"มึงจะมานั่งถอนหายใจทำเหี้ยไรล่ะ ไปบอกน้องเค้าสิว่ามึงรักเค้า ฉลาดทุกเรื่องมาโง่อยู่เรื่องเดียว" แทนพูดพร้อมส่ายหัว

"กูว่ามันคงสายไปแล้วล่ะ มันจบแล้วล่ะ"

"สายไปยังไง น้องมันตายแล้วรึไง" ผมส่ายหน้า

"ถ้าน้องมันยังไม่ตายแล้วมึงลองไปบอกน้องรึยัง"

"แต่น้องเค้าอยู่ไกล"

"ระยะทางเป็นปัญหากับเสี่ยโจ๊กด้วยเหรอมึง"

ผมนั่งลังเล คิดอะไรในหัววนไปหมด

"รอเหี้ยไรล่ะ รีบไปสิวะ"

ผมรีบลุกแล้ววิ่งออกมา ไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณไอ้แทน

"ขอบใจน่ะโว้ยแทน ถ้ากูคบกับน้องเค้ามึงอย่าเกลียดกูน่ะโว๊ย"

"มึงแค่โง่ กูจะเกลียดมึงทำไม" แทนหัวเราะพร้อมโบกมือไล่ให้ผมรีบไป

 

ผมไม่รอช้ารีบแพ็กของไปหาเค็กที่อเมริกาอย่างไว พร้อมจองตั๋วและเอกสารทุกอย่างอย่างรีบเริ่ง ด้วยเส้นสายของทางบ้านที่มีอยู่ทำให้ผมได้วีซ่าและทุกๆ อย่างมาในวันเดียว ขอบคุณครับป๋าม๋า เดี๋ยวโจ๊กเอาลูกสะใภ้ไปฝาก

 

ผมรีบโทรหาแทนให้ช่วยไปส่งที่สนามบินและขอความช่วยเหลือ พร้อมอ้างว่าผู้หญิงที่ผมจะไปหานั้น อยู่รัฐเดียวกับบ้านมันเลยจะขออยู่อาศัยที่บ้านมันสักสองวัน มันก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย ยังไงครั้งนี้สำเร็จ โจ๊กรับรองจะเป็นน้องเขยที่ดีน่ะครับพี่แทน

 

นี่ก็เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว แต่แทนก็ทำหน้าที่เป็นสาระถีรับส่งผมอย่างดี จนกูรู้สึกบาปที่แดกน้องเพื่อน จนต้องเอ่ยถาม

 

“แทน กูขอบคุณมึงน่ะที่ไปส่ง”

“เออ ไอ้ห่านี่คบมาตั้งนาน มานั่งทำซึ้งเหี้ยไรตอนนี้”  เอาซะกูรู้สึกผิดเลย

"แทนกูสมมุติน่ะ สมมุติว่ามึงไปชอบน้องไอ้กัน มึงจะทำยังไง"

"หูย กูมีหนึ่งแล้ว กูไม่เจ้าชู้แบบมึงหรอก" ด่ากูว่าเหี้ยเลยดีกว่าถ้าจะทำให้มึงสบายใจ

"กูสมมุติ"

"อืมมมมม ถ้ากูจริงใจกับน้องไอ้กัน กูว่าไอ้กันมันคงไม่ว่าอะไรน่ะ คนสองคนรักกันจะห้ามยังไงว่ะ"

"แล้วถ้ากลับกัน ถ้าไอ้กันมาหลงรักน้องมึง มึงทำไงว่ะ"

"เรื่องสมมุติใช่ป่ะ"

"เออ"

"กูก็คงโอเคน่ะ น้องกูมีความสุข กูก็มีความสุข"

ได้ยินแบบนั้นผมก็สบายใจ มึงคงไม่ทำกูหนักใช่ไหม กูจริงใจกับน้องมึงขนาดนี้ เออ ว่าแต่....

 

"ได้ข่าววันนี้น้องหนึ่งไปค้างที่คอนโดมึง ขอโทษทีนะโว้ยที่ให้มึงมาส่ง น้องหนึ่งเลยต้องอยู่คนเดียว"

ไอ้แทนหัวเราะ

"มึงคิดว่ากูจะปล่อยเมียกูให้อยู่คนเดียวไหม นี่น้องกูอยู่ด้วย กูเลยมาส่งมึงได้ ไม่งั้นมึงนั่งแท็กซี่ไปล่ะ"

"อะไรน่ะ ไอ้แทน" กูขอชัดๆ อีกที

"หูมึงตึงหรือโจ๊ก แทงแต่หญิง รูหูมึงหัดแคะบ้างน่ะมึง"

"แทนหยุดรถ เมื่อกี้มึงบอกว่าไงน่ะ" แทนจอดรถชิดข้างทางอย่างเสียอารมณ์

"กูบอกมึงว่า เมียกูอยู่กับน้องกู"

"เค็ก?"

"เออ กูมีน้องคนเดียว ไอ้ห่านี่ถามแปลกๆ" ผมตาลีตาเหลือกลนลาน

"แทนกลับรถไปคอนโดมึง"

"นี่บนทางด่วนมึงกลับยังไง แล้วมึงไม่ไปอเมริกาแล้วรึ"

"กู.... กูจำวันผิดน่ะ ช่วงนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกลับตัว ขอไปตั้งสติที่คอนโดมึงก่อน"

"คอนโดกู? กลับไปตั้งที่คอนโดมึงไหม"

"ไม่ได้มึง คือ..... แบบศาลพระภูมิที่คอนโดมึงแม่นมาก กูว่าจะไปไหว้ให้ชี้แนะหน่อย"

"ทำไมกูไม่เคยได้ยิน"

"มันพึ่งดังน่ะ ขับๆ ไปเถอะมึง" แม้จะงงๆ อยู่บ้าง แต่ไอ้แทนก็ทำตามอย่างว่าง่าย

 

ขับรถไม่นานก็ถึงคอนโดไอ้แทน

"โจ๊ก เดี๋ยวกูวนไปหาที่จอดรถก่อน มึงไปนั่งพักที่ห้องกูก่อนล่ะกัน เดี๋ยวกูตามขึ้นไป"

ผมรีบพนักหน้าแล้วรีบขึ้นตึกอย่างไว ในใจคิดอะไรไปต่างๆ นาๆ ประหม่า กลัว ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ผมรีบกดออด ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ระยะเวลาที่รอให้คนมาเปิดประตูช่างยาวนานเหลือเกินสำหรับผม

 

"พี่แทนทำไมกลับช้าจัง พี่หนึ่งหลับไปแล้วนี่" ผมรีบโผเข้ากอดน้องเค็ก คิดถึงเหลือเกิน น้องรีบพลักผมออก 

"อ้าวพี่โจ๊กหวัดดีครับ มาได้ไงพี่" ท่าทีห่างเหินแบบนี้คืออะไร ผมไม่รอช้ารีบง้อคืนดี

"พี่มาหาหัวใจ" เค็กทำหน้างง พี่ลูกทุ่ง พี่ขอโทษ

"เค็ก พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ขอโทษที่ทำให้เค็กเจ็บ เค็กให้โอกาสพี่ได้ไหม" เค็กไม่พูดอะไร ตาแดงนิดๆ เหมือนจะร้องไห้

"พี่รักเค็กน่ะ เค็กเป็นแฟนพี่ได้ไหม" เค็กยังคงไม่ตอบอะไร

"พี่จะไม่มีคนอื่น พี่จะมีเค็กคนเดียว รักเค็กคนเดียว เค็กอยากได้อะไร พี่จะให้เค็กทุกอย่าง เค้กคบกับพี่ได้ไหม พี่รักเค็กมากน่ะ"

เค็กร้องไห้และโผกอดผม พร้อมกระสิบข้างหู

"คิดว่าพี่จะไม่มาซะแล้ว"

ผมรีบผละออกพร้อมจับหน้าเค็ก

"สรุปเค็กตกลงเป็นแฟนพี่แล้วน่ะ"

"อืม" เค็กพูดพร้อมพยักหน้า

"จริงๆ น่ะ"

"อืม" ผมร้องเฮดีใจลั่น จนเค็กต้องบอกให้ผมเงียบๆ ผมโผเข้ากอดเค็ก เฮ้ออออ และแล้วผมก็ได้เค็กกลับคืนมา ไม่รู้ว่าเรากอดกันนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็มีเสียงอันดุดันมาจากด้านหลัง

 

"มึงทำไรน้องกู" ผมหันหลังกลับไปมอง คนๆ นั้นคือแทนเพื่อนรักของผม ผมจับมือเค็กและหันไปบอกแทน

"แทน กูกับเค็กรักกัน กูตกลงจะคบกันน่ะ หวังว่ามึงจะเข้าใจ" หลังจากที่หลอกถามมันแล้วดูมันจริงใจในคำตอบ มันคงยอมรับผมกับเค็กได้ เพราะเรารักกัน

"มึงอย่าบอกน่ะ ว่าคนที่มึงบอกกูว่าเริ่มต้นด้วยเซ็กส์คือน้องกู"

ผมพยักหน้า

“ใช่ กูรักน้องมึงอย่างจริงใจ หวังว่ามึงจะไม่ว่าอะไร และยินดีกับความรักของกูกับน้อง” ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เต็มไปด้วยบรรยากาศของความรัก มันช่าง......

“ที่กูตอบมึงน่ะมันเป็นเรื่องสมมุติ”

หืมมมมมมมมมมมมมม


 

"พี่โจ๊ก อ้าปากเค็กป้อนแอปเปิ้ลให้" ผมอ้าปากรับอย่างว่าง่าย แหม... บรรยากาศช่างดีเหลือเกิน

"ดูมึงอารมณ์ดีไปน่ะโจ๊ก ไอ้แทนน่าจะหักขามึงอีกท่อน" อ้าวสรุปกูอยู่โรงบาล ไอ้แทนไม่ได้ทำอย่างที่คุยกันในรถ แต่แม่งกระทืบผมไม่เหลือชิ้นดี นี่มันยังปราณีน่ะครับที่ไม่หักขาผมเล่น หักแค่แขนกับคอที่ต้องใส่เฝือก กับรอบช้ำตามตัว ขอบคุณที่เว้นหน้ากูด้วยกูต้องใช้ทำมาหากิน แต่ได้เมียกลับคืนมาก็ถือว่าคุ้มครับ

“อิจฉากูล่ะสิ กัน ทำไมไม่ให้หวานแฟนมึงปลอกให้”

“จริงกัน หวานอยากกิน”

“สรุปคือหวานจะให้กันปลอกให้กิน ทำไมมันสับกันล่ะ”

“กันบนหัวเตียงมีกระถางดอกไม้” พูดเสร็จไอ้กันก็ปลอกเปลือกเรียงใส่จานอย่างสวยงาม สบน้ำหน้าพวกขี้อิจฉา

“พี่บอกแล้วไงครับตือ พี่บอกแล้วโจ๊กมันยังอยู่ดี ตายแล้วค่อยไปงานมันก็ได้ เรากลับบ้านไปทำอะไรกันดีกว่า” ปากมึงก็ดีขึ้นเรื่อยเนอะพี่หมอก ชิ

“น้องพี่หิวน้ำ ป้อน ป้อน” น้องเค้กก็ว่านอนสอนง่าย ฮอลลลลล

“กูว่ากูหักไปข้างเดี๋ยวน่ะ อีกข้างน่าจะยังใช้ได้อยู่” ผมสะดุ้งยกมือขึ้นไหว้

“สวัสดีครับพี่เมีย”

“พี่เมียเหี้ยไรโจ๊ก กูแค่ให้ดูๆ กันไปก่อนอย่ามาลุ่มล่าม” ทำไมพี่เขยไม่อ่อนโยนกับโจ๊ก

“แต่เราได้กันไปแล้วน่ะครับพี่เมีย”

“ก่อนหน้านั้นกูไม่นับ กูนับตั้งแต่ตอนนี้” เอ๊าทำไมใจร้ายกับโจ๊ก

“แสดงว่าหลังจากนี้ถ้าได้กันก็เรียกพี่เมียได้ใช่ไหมครับ”

“อย่ากวนตีนกูโจ๊ก เดี๋ยวแขนอีกข้างจะไม่เหลือ”


นี่ยังดีที่น้องหนึ่งมาด้วยเลยมีคนห้ามปราม ตอนนี้แทนมันเป็นใหญ่ผมคงต้องยอมๆ มันไปก่อน แต่คิดหรือครับว่าผมจะเชื่อฟัง มีโอกาสพี่โจ๊กก็ต้องโจ๊ะ ไม่ต้องออกจากโรงบาลอะไรหรอกครับ เดี๋ยวไอ้แทนกลับพี่โจ๊กก็เริ่มโจ๊ะตั้งแต่ในโรงบาลแล้วล่ะครับ จุ๊ๆๆๆๆ ครับ อย่าเอ็ดไปเดี๋ยวแม่งได้ยิน


-----------------------------------------------

(https://www.picz.in.th/images/2018/02/28/img1485567971618.jpg)

มาแล้ว มาเร็วมาก เป็นตอนที่เขียนเร็วที่สุด ใช้เวลาเพียง 1 วัน ปกติตอนนึงนี่เขียนใช้เวลา 3-4 วัน กว่าจะคิดเรื่องในตอนนั้นๆ ก็สุขสมอารมณ์หมายกันไปอีกคู่ ใครเชียร์โจ๊กก็ไปเยี่ยมโจ๊กที่โรงบาลได้ ใครสบน้ำหน้าโจีกไปตามด่าได้เช่นกัน ตอนหน้าเมื่อผู้ชายชวนเข้าบ้าน เราก็ต้องไปตามนัดน่ะคะ เอาค่ะ ตอนหน้ามาช่วยกันขนของ

P.S. หิววววววว

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 27 [Update 28:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-02-2018 03:31:59
โจ้ก......สภาพเละเลยอ่ะ เขาว่าโจ้กอร่อยมันต้องเละ ๆ น้องเค้กคงชอบ  :hao3:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 27 [Update 28:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-02-2018 05:44:25
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 27 [Update 28:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-02-2018 06:51:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 27 [Update 28:02:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 30-03-2018 01:46:04
ตอนที่ 28 : ซ่องโจร


แม้จะนอนไม่หลับเพราะการชวนไปอยู่ด้วยกันของแทน แต่นอนไปนอนมาสักพักก็หลับเพราะมันง่วง คิดมากก็ปวดหัว ในเมื่อมันชวนแล้วยังไม่ตอบก็คือไม่ผิด เมื่อคิดได้แบบนั้นก็นอนหลับอย่างสบายใจ ผมตื่นเช้ามาด้วยความหิวโหย ยังไงเรื่องมันยังไม่เกิด เอาไว้เรื่องเกิดค่อยคิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมจึงแต่งตัวลงมาทานอาหารเช้ากับแม่สุดที่รัก ผมรีบวิ่งมายังโต๊ะอาหาร แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นแทนใส่สูทผูกไทนั่งเป็นประทานอยู่หัวโต๊ะ

"แทนมึงมาทำไม"

"มาคุยงานครับเมีย นั่งให้เรียบร้อยจริงจังด้วย"

"จริงจังอะไรของมึงแทน วางกาวในมือลงก่อนแล้วค่อยๆ คุยกัน"

"ผัวจริงจังอยู่นะครับ ทำไมเมียชอบพูดเล่นครับ"

"อย่าบอกกูนะว่า......"

"อ้าว หนึ่งมาพอดี ทานข้าวเช้ากันเร็ว แม่ทำเสร็จพอดี แทนทานเยอะๆ นะลูก"

"วันนี้แม่สวยจังครับ นี่ผมคิดว่าตาฝาดเห็นนางฟ้า" ดูจากการชมของมึงวันนี้มึงคงเอาจริงสินะแทน อย่าบอกกูนะว่า....

"แม่ครับ ผมว่าจะขอหนึ่งไปอยู่ด้วยครับ"

"เอาสิ ไปค้างกี่คืนลูก"

"ไม่ใช่ครับแม่ ผมจะมาขอให้หนึ่งย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยครับ" ผมรีบตรงดิ่งไปชกหน้าไอ้แทน

"โอย... ใช้ความรุนแรงอีกแล้วนะครับเมีย" มันหันมาทำหน้าบู่ใส่แล้วหันไปคุยกับแม่ผมต่อ

"ผมอยากขอให้แม่ให้หนึ่งย้ายไปอยู่กับผมเลยนะครับ" ดูท่าแม่ผมจะลังเลใจ ไอ้แทนจึงย้ำอีกประโยคให้แม่ผมวางใจ

"ถ้าห่วงว่าจะมีอะไรเกินเลย แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะมีอะไรเกินเลยตั้งแต่ก่อนย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว เรื่องนั้นอยากให้วางใจได้" ล่อซะแม่กูแทบตกเก้าอี้

"แม่ อนุญาต แต่แม่อยากจะไปอยู่ด้วย แม่ฟิน โมเม้นท์มันได้"

"ผมว่าแม่ค่อยไปเยี่ยมบ่อยๆ ดีกว่าครับ" แม่ทำหน้าเข้าใจ กูว่าเรื่องมันดูง่ายไปนะ

พูดเสร็จแทนก็ก้มลงกราบแม่ที่ตัก

"แม่ครับ ผมขอบคุณแม่นะครับที่แม่ช่วยผมมาตลอด ถ้าไม่มีแม่ผมก็ไม่มีวันนี้ ผมสัญญานะครับว่าผมจะดูแลหนึ่งอย่างดีแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ" แม่น้ำตาคลอพูดไม่เป็นภาษา

"แม่.... แม่อยากได้กล้อง หนึ่งถ่ายรูปให้แม่หน่อย" จบหมวดความฟินของสาววาย ล่อซะแม่กูยิ้มนอนฝันไปอีกนาน


ผมทานข้าวสักพักก็ต้องรีบไปเรียนครับ เพราะวันนี้มีเรียนเช้า ผมรอแม่ถ่ายรูปจนพอใจจึงปล่อยให้ขึ้นรถไปเรียนได้ เรียกได้ว่าคืนความสุขให้สาววายฟินสุดๆ กันไปเลย

คุณชายแทนนั่งอารมณ์ดีพลางปลดไทให้สบายขึัน

"มีความสุขจริงนะมึง"

"ครับเมีย"

"มึงคิดจะถามอะไรกูสักคำก่อนมาไหม"

"ต้องถามรึครับ" พูดเสร็จทำหน้าใสซื่อใส่กูอีก

"ต้องถามสิ นี่มันบ้านกู นั่นก็แม่กู"

"งั้นคราวหน้าค่อยถามนะครับ" มึงยังจะมีคราวหน้า

"แล้วเรื่องได้กันก่อนย้ายนี่คืออะไร มึงใช้อะไรคิด"

"ผัวกลัวแม่เมียเป็นห่วง อยากบอกให้สบายใจจะได้หมดห่วง"

"ด้วยการบอกว่าได้กันแล้ว"

"ครับ"

"ใช้อะไรคิด"

"ไม่ใช้นะครับ อยากพูดก็พูด อยากบอกก็บอกนะครับเมีย"

"กวนตีน"

"ทำไมหยาบคายครับเมีย เดี๋ยวบดปากเลย"

สิ้นประโยคทุกอย่างนิ่งสงบ ไม่ได้ไอ้แทนแม่งพูดจริงทำจริง ขับมาสักพักก็มาถึงหน้าตึก

"สรุปเมียเก็บของวันไหนครับ เดี๋ยวผัวมาช่วย"

"ไม่เก็บ"

"งั้นซื้อใหม่หมดก็ได้เนอะ ซื้อกางเกงในด้วยเอาแบบเซ็กซี่ เซ็กซี่นะครับ"

"ไม่ย้าย"

"เอ๋???? ทำไมล่ะครับ"

"ยังไม่อยากย้ายนะมึง อย่าพึ่งเร่งสิ"

"เอ๋???? แล้วผัวจะอยู่กับใครล่ะ"

"คนเดียวไงมึง คนเดียว ปกติมึงก็อยู่คนเดียวม่ะ"

"ทำไมใจร้าย ทำอย่างผัวไม่ใช่คน" มึงก็โอเว่อร์

"อย่ามาบีบน้ำตา กูไปเรียนล่ะ"

"ฮือออออออ" นั่งคือเสียงคร่ำครวญของชายหนุ่มวิศวะวัยกลัดมัน ร้องซะสาว16 ยังอายท่าจะเป็นเอามาก

ผมเดินตรงไปนั่งเรียนกับตือหวานตามปกติ ทักทายกันไม่เท่าไหร่ก็ต้องตั้งใจเรียนเพราะอาจารย์เข้าเรียบร้อย เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงเวลาพักเที่ยงพอดี ซึ่งเที่ยงนี้คงสงบเพราะพวกไอ้แทนมีเรียนเวลาพักไม่ตรงกัน สบายกูล่ะทีนี้

"มึงย้ายไปอยู่กับแทนมันวันไหนว่ะ" หวานพูดจาหวานสมชื่อมึงมาก

"ว่าจะไม่ย้าย ยังไม่พร้อม"

"ยังไม่พร้อมอะไรของมึง ได้กันยัง"

"เออ" ถามมากจริง

"แล้วกลัวไร กลัวรูหลวม" กูได้แต่ถอนหายใจใส่ แทนคำตอบ มึงพูดเกรงใจหน้าหวานๆ ของมึงด้วยหวาน มึงไม่กลัวแฟนคลับมึงได้ยินรึ

"หรือหนึ่งกลัวการเปลี่ยนแปลง" มีมึงเท่านั้นแหละตือที่เข้าใจกู

"อืม กูกลัวว่าพออยู่ด้วยกันจะเข้ากันไม่ได้ ต้องทะเลาะกันบ่อยๆ กลัวว่าจะไม่รักกันเหมือนเดิม"

"มึงดู Club Friday  มากเกินไปใช่ป่ะ พี่อ้อยพี่ฉอดบอกมึงมาใช่ม่ะ งั้นกูถามมึงหน่อย แล้วไอ้ที่มึงกลัวๆ นี่มึงได้ลองรึยัง ว่ามันเป็นอย่างที่มึงกลัวไหม" ผมส่ายหน้า

"งั้นมึงก็แค่กลัวการเปลี่ยนแปลงกลัวสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง บางทีการกลัวของมึงอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้ ใครจะไปรู้" หวานมึงมีสาระ น้ำตากูจะไหล

"ยิ่งมึงอยู่ห่างกันแบบนี้ เกิดมีสาวไปอ่อยไอ้แทนที่คอนโด แม่งอยู่คนเดียวเหงาๆ มีผู้หญิงมาอ่อย ใครมันจะไม่เอา" มึงคิดมากไปป่าวว่ะหวาน

"เนี่ยกันเคยเล่าให้ฟังว่า สมันก่อน ผู้หญิงขึ้นคอนโดแทนไม่ขาดสาย บางวันมาสองคนพร้อมกันก็มี มึงไม่กลัวมันกลับไปเจ้าชู้เหมือนเก่าหรือว่ะ" หรือมันจะมีมูล

"กันบอกกูแบบ ฟันกันโชะโชะเลย" อืมมมม น่าคิด

"มึงอยากรู้ความจริงป่าวล่ะ เดี๋ยวกูพาไปสืบ"

"หวานคดีเก่ามึงยังไม่เคลียร์เลย มึงหาเรื่องเพิ่มอีกแลัวเหรอมึง"

"หนึ่งเชื่อกูคราวนี้ไม่มีพลาด กันมันเล่าแบบฟันกันโชะๆ เลย"

"ไม่เอาปลอมตัวนะ"

"เออ ปลอมตัวมันเด็กๆ นี่เราไปแบบมืออาชีพ"

"ทำไมใจดีจังหวาน"

"กูรักเพื่อนเป็นห่วงเพื่อนกูผิดเหรอ"

"ไม่มีแผนซ้อนแผน"

"ซ้อนอะไรหลายชั้น มึงดูหน้ากูใสซื่อขนาดนี้"

"ไม่มีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดงี้"

"มึงดูตากูใสซื่อขนาดนี้ กันบอกไม่เจ้าชู้กูยังเชื่อเลย" ผมกับตือได้แต่มองหน้ากัน แม้จะสงสัยในตัวหวาน แต่ก็ต้องให้มันช่วยอยู่ดี

"เออก็ได้ แล้วจะไปแอบดูมันวันไหน"

"วันนี้ แทนมันติดงานตอนเย็น มันไม่ได้ไปส่งมึง"

ผมงงเล็กน้อยแต่ต้องโดนขัดจากไลน์ของแทน

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: เมียครับ ตอนเย็นผัวติดงาน ไปส่งไม่ได้ โหนรถเมล์กลับเอานะครับ

"ทำไมมึงรู้ว่ะหวาน"

"นั่นไง นั่นไง มันติดงานไปส่งมึงไม่ได้ใช่ป่ะ นี่เพื่อมึงน่ะ สงสัยใช่ไหมทำไมกูรู้ นี่ง่ะเมื่อเช้าก่อนออกกูโทรให้หมอช้างดูดวงให้ นี่หมอช้างทายแม่นมาก พูดแล้วกูขนลุก"

"มึงไม่ถามเรื่องตัวเองมั่งหรือมึง"

"นี่ง่ะ กูดูดวงตัวเองเสร็จ รักเพื่อนไง กูคนดี เลยดูเผื่อเพื่อน นี่แม่นโคตร ขนกูลุกไปหมดแล้ว" เล่นใหญ่มากกกก เอาซะกูไม่อยากถามต่อ

ผมเรียนต่อจนหมดคาบ ผม ตือ หวาน รีบแอบซุ่ม ไปแถวคณะวิศวะ แอบหารถแทนจนเจอแล้วจอดใกล้ๆ 

"หวาน แทนมันจะจำรถมึงได้ไหมว่ะ"

"ไม่ได้หรอกมึง เชื่อกู"

"ทำไมว่ะ กูยังจำได้เลย"

"นี่ไงมึง ทำอะไรไม่ใช้ความคิด กูนี่คิดมาเผื่อเพื่อน กูนี่คนดี กูกลัวมันจำรถกูได้ กูนี่อุตสาห์เอาสติกเกอร์ไปติดท้ายรถว่า รถคันนี้สีชมพู แค่นี้มันก็จำรถกูไม่ได้ล่ะ ปกติรถกูสีขาว นี่ชมพูทั้งคันใครจะไปจำได้"

ผมกับตือหันมองหน้ากันว่ามึงเข้าใจมันไหม แต่ไม่ทันไร แทนก็มาที่รถ และสังเกตุมาทางรถหวานด้านข้าง แม้ฟิล์มจะดำ กูก็หลบ กูกลัว แทนทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนบ่นพึมพำ

"โอ้โหรถใครว่ะ แม่งชมพูแสบตาโคตร"

พูดเสร็จแม่งก็ไขกุญแจออกรถไป หวานไม่รอช้าขับตาม ทิ้งให้กูงง

"ทำไมแทนมันเห็นรถเป็นสีชมพูอย่างที่มึงบอกว่ะหวาน"

"มึงนี่ไม่ใช่สติกเกอร์ธรรมดา นี่ไง กูรักเพื่อน นี่กูลงทุนน่ะ สติกเกอร์นี่ปลุกเสกมาอย่างดี ทำพิธีมาเก้าวันเก้าคืน พูดแล้วขนลุก ไม่งั้นไอ้แทนไม่เห็นเป็นสีชมพูทั้งคันหรอก ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"

พูดเสร็จแม่งก็ยกมือไหว้ ผมกับตือมองหน้ากันพร้อมยกมือไหว้ตาม ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ครับ


เราขับตามแทนมาห่างๆ แปลกที่วันนี้แม่งขับช้าาาา ช้า ปกติแม่งเหยียบมิด หรือแม่งรักตัวกลัวตายขึ้นมา แต่นั่นก็เป็นผลดี เพราะมันทำให้หวานขับตามได้ง่าย แต่ผมก็ยังดีใจนะครับที่มันกลับบ้านคนเดียว ไม่ได้หิ้วสาวที่ไหนกลับมาด้วย พูดไม่ทันขาดคำแม่งเลี้ยวหักรถเข้าห้าง

"ทำไมแทนแวะเข้าห้างว่ะ หรือมันนัดกับใคร" สิ้นเสียงตือผมทำหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนตือจะกลับลำเมื่อเห็นผมเครียด

"อ้อ สงสัยมาซื้อของกินป่าว" ไม่ทันล่ะตือ กูคิดไปล่ะ

"มึงจะสงสัยกันทำไม ตามเข้าไปดูก็สิ้นเรื่อง"

พูดเสร็จหวานก็หักรถตามไปติดๆ จนกูว่ามันจะติดไปนะ

"มึงห่างๆ หน่อย เดี๋ยวแม่งสงสัย"

"เออ เชื่อใจกูหนึ่ง เชื่อใจกู"


หวานจอดรถฝั่งตรงข้าม เราซุ่มดูจนแน่ใจว่าแทนไกลออกไปแล้ว จึงค่อยๆ ลงจากรถหวังสะกดรอยตาม แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนละคร คนแม่งล้านแปด กูจะเจอมันไหม

"เอาไงดีว่ะหวาน คนแม่งเยอะขนาดนี้จะหาแม่งยังไง"

"มึงใจเย็นๆ กูขอคลำทางก่อน" พูดเสร็จแม่งก็หลับตา ปากก็ขยับบ่นอะไรพึมพลำ ผมกับตือต่างมองหน้ากันไปมา ด้วยความสงสัยในตัวเพื่อน แต่ไม่ทันจะเอ่ยอะไร อยู่แม่งก็มีจิตสัมผัสที่แม่นกว่าริว

"แทนนั่งกินข้าวอยู่ร้านวาโก ชั้นสี่"

ผมกับตือมองหน้ากันอีกครั้ง แต่ก็เดินตามอย่างว่าง่าย ผมกับตือเดินอย่างระมัดระวังตัวอย่างกับสายลับ ในคณะที่หวานเดินเหมือนมาช็อปลำพังอย่างสบายใจ มึงดูรีแลคไปนะหวาน ในขณะที่ผมกับตือกำลังสงสัยในจิตสัมผัสของหวานว่ามันจะแม่นขนาดไหน แต่ก็ต้องอึ้ง เมื่อแทนอยู่ในร้านวาโกจริงๆ วาโกเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นข้าวหน้าของทอดต่างๆ ตัวร้านตกแต่งแบบญี่ปุ่น มีฉากกั้นแบ่งเป็นส่วนๆ จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว

"แล้วเอาไงต่อ" อย่าถามกูตือ กูก็สงสัยเหมือนมึง

"เข้าไปสิรอไร" ไม่ทันจะเอ่ยปากห้าม หวานก็ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงต้อนรับภาษาญี่ปุ่นจากทางร้าน พนักงานทุกคนต่างประสานเสียงจนกูต้องเอาหนังสือมาบัง แต่เป็นเพราะโชคช่วยหรือไอ้แทนโง่ อันนี้ไม่ทราบได้ แม่งไม่เห็นจะสนใจเลย ไม่หันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ หวานรีบเดินนำไปนั่งโต๊ะข้างๆ ซึ่งอันนี้ผมไม่ค่อยกังวลเพราะฉากกั้นบังมิดอยู่แล้ว

"หวานมึง ไม่ไปนั่งบนตักไอ้แทนมันเลยว่ะ ถ้ามึงจะนั่งใกล้ขนาดนี้"

"มึงไม่อยากรู้เหรอว่ามันนัดใคร คุยไรกัน"

"กูก็อยากรู้ แต่กูกลัวมันเห็น"

"แล้วมันเห็นไหม มึงมานั่งเงียบๆ เลยเดี๋ยวก่อเรื่องแบบคราวที่แล้วอีกเสียแผนกูหมด" ด่ากูเลยดีกว่าถ้าจะตอกย้ำขนาดนี้

"เออ แต่ทำไมไอ้แทนแม่งไม่สงสัยบ้างว่ะ มีคนตามมาเป็นฝูงขนาดนี้"

"ไม่ดีหรือไงมึง"

"มันก็ดี แต่ปกติแทนมันเป็นคนหูตาไว แต่ทำไมแม่งจับไม่ได้ว่าเราตามมา"

"มันคงเรียนหนักมั๊ง โถ แทน เรียนก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย ยังอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล ทำไมน่าสงสารเช่นนี้"

กูว่าประโยคมึงดูแปลกๆ นะ ไม่ทันจะเอ่ยถามอะไร ก็ต้องหลบเพราะมีคนมาใหม่ที่โต๊ะแทน เมื่อมั่นใจว่าทุกคนนั่งลงหมดแล้ว ผมจึงค่อยๆ ชะโงกหน้าขึ้นไปแอบดูเห็นเป็นน้องผู้หญิงสองคน ที่ต้องเรียกว่าน้องเพราะทั้งสองคนยังแต่งชุดนักเรียนม.ปลาย นี่มึงแดกเด็กหรือแทน ไม่ได้ผมต้องใจเย็น จะเอาทั้งทีต้องได้คาหนังคาเขา เราต่างก้มตัวลงต่ำเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะตือ เมื่อเป็นเรื่องชาวบ้านแล้วดูจะตั้งใจเป็นพิเศษ

"พี่แทนหวัดดีค่ะ ตื่นเต้นจังที่พี่โทรมาชวน อันนี้ผึ้งค่ะ เพื่อนขอมาด้วยพี่แทนคงไม่ว่า" ไอ้เลว กูเผลอแวบเดียวมึงถึงขนาดโทรไปนัดน้องเค้า น้องเค้า 18 รึยังว่ะ เดี๋ยวเถอะมึงพรากผู้เยาว์กูจะหัวเราะเยาะให้

"วันนี้พี่ว่างน่ะ มากันสองคนพี่จะไหวไหมนี่" มึงนี่มันเลวแทน เด็กก็เด็ก นี่มึงเล่นสวิงควบสอง มึงนี่มัน...

"พี่แทนออกจะเก่งขนาดนี้ ไหวอยู่แล้วล่ะคะ"

โอยยย กูจะไม่ทน กูต้องการเลือด เอาเลือดหัวแม่งออกสักลิตรสองลิตร เผื่อมันจะสำนึก ผมกำลังจะลุกขึ้นไปตีไอ้แทนที่โต๊ะข้างๆ แต่ต้องหยุดเพราะตือดึงมือไว้

"ใจเย็นๆ หนึ่ง เราต้องใจเย็นทำไรต้องมีหลักฐาน เอาให้ดิ้นไม่หลุด หวานผยักหน้าตามคำพูดของตือ ใจเย็น ใจเย็น ผมท่องในใจช้าๆ แต่สติก็มืดบอดลงเมื่อได้ฟังประโยคต่อมา

"เดี๋ยวรีบกินข้าว แล้วไปต่อกันที่ห้องพี่ล่ะกัน"

ไอ้เลว มึงนี่มันเลวแทน มึงคบกูได้ไม่เท่าไหร่ มึงแม่งจะนอกใจกู มึงมันมักมาก มึงนี้แม่ง.... ระหว่างที่พยายามสงบสติอารมณ์ ตือก็ยังดึงมือผม สงสัยช่วยเตือนสติให้ผมใจเย็น

"เออ ตือกูใจเย็นอยู่"

"ไม่ใช่มึง"

"คือ.... เดี๋ยวกูกลับก่อนได้ไหม พี่หมอกรอกูอาบน้ำอยู่ ปกติต้องอาบด้วยกันตลอด"

ผมถึงขนาดมองบนใส่ มึงจะสวีทกันยังไงช่วยเกรงใจกูด้วย นี่เพื่อนมึงนะ ไอ้แทนกำลังนอกใจกูเป็นห่วงกูด้วย

"เออๆ ทางนี้กูดูแลเอง ไม่ต้องห่วง"

"ยังไงฝากแทนด้วยนะหวาน กูเป็นห่วง"

หวานพยักหน้า โบกมือลากันเรียบร้อย สรุปกูมีเพื่อนดีใช่ไหม จำไว้เลยนะตือมึง ผมน้ำตาคลอมองหน้าหวาน

"ไม่ต้องห่วงมึง ตือมันเลวมันรักแต่ตัวเอง มีกูนี่แหละที่รักมึงอยู่เคียงข้างกันตลอด" ผมกระโดดเข้าไปกอดหวานอย่างซาบซึ้ง

"มึงปล่อยกูก่อน กูว่าเราต้อง..."

"มึงมีแผนแล้วใช่ไหมว่าจะทำไงต่อ"

"แผนเผินเหี้ยไรล่ะ กูหิว น้องสั่งอาหารด้วยค่ะ"

ถ้ามึงจะรักและห่วงกูขนาดนี้กลับพร้อมตือเลยก็ได้นะหวาน


หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟทุกๆ อย่างก็เงียบไป แทนมันก็คุยแต่เรื่องสับเพเหระทั่วไป ไม่มีอะไรน่าสนใจ อารมณ์ผมเริ่มคงที่ ตัดมาที่หวานก็นั่งกินอย่างมีความสุขประดุจหนึ่งเพื่อนมาเลี้ยงข้าว ผมกลับมาคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมา มันดูแปลกๆ ทำไมหวานรู้อะไรหลายๆ อย่างที่แม่นอย่างกับตาเห็น แม่นเหมือนนัดกันมา หรือว่า..... อาจารย์ช้างอะไรนี่จะดูแม่นจริงๆ ไม่ได้ๆ ว่างๆ ต้องโทรไปดูดวงบ้างล่ะ แม่นเหมือนจับวาง

"คิดเงินด้วยครับ"

ทันไดนั้น ไอ้แทนแม่งก็เช็คบิล ผมกับหวานต่างหลบเอาตัวแนบติดกำแพง รอเวลาที่มันเช็คบิลเสร็จและเดินออก ยังไงวันนี้มึงก็ไม่รอดแทน

"ป่ะหวาน รีบตามมันไป"

"มึงจะรีบทำไม"

"สะกดรอยตามไง"

"มึงจะตามมันทำไม มันก็บอกอยู่ว่าจะไปคอนโด มึงไปไม่ถูกหรือไง" เออ จริง

"แล้วเอาไงต่อหวาน"

"มึงต้องใจเย็นๆ ก่อน นั่งสงบสติอารมณ์ก่อน"

"เผื่อกูจะไม่ทำเสียแผนแบบคราวที่แล้วใช่ไหมมึง"

"เปล่า กูยังแดกไม่เสร็จ มึงนั่งสงบสติอารมณ์ไปก่อน เดี๋ยวกูแดกแวบ"

น้ำตากูจะไหล มึงจริงจังกับกูมาก

หลังจากกินข้าวเสร็จบรรยากาศมันชักแปลกๆ เหมือนมีผมคนเดียวที่ร้อนใจ นั่งกระสับกระส่าย หันไปมองหวาน แม่ผ่อนคลายราวอยู่ชายทะเล มีเปิดเพลงคลอร้องตาม และเต้นตามในบางช่วง ดูอารมณ์ดีแปลกๆ

"หวานมึงยังอยู่เป็นเพื่อนกูใช่ไหม ดูมึงชิวมากกก"

"กูพูดตรงๆ นะหนึ่งในใจกูช่างร้อนรุ่มเพราะเป็นห่วงเพื่อน แต่กูไม่อยากให้มึงเครียด" แสดงซะเนียนเลยมึง นี่กูจะช่วยมึงร้องเพลงคลออยู่ล่ะ


ขับไม่นานก็มาถึงคอนโด ผมกุมกุญแจห้องไว้แน่น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมเดินอย่างไร้ความรู้สึกจนมาหยุดอยู่ที่ประตูห้อง

"หนึ่งมึงต้องใจเย็นๆ น่ะ" โอเค ใจเย็น ใจเย็น

"มึงต้องทำให้คนอื่นรู้ว่าแทนเป็นของมึง และห้องนี้เป็นของมึง" เออ ทำอะไรนะ

ไม่ทันได้เตรียมใจหวานเปิดประตูดังโครม และแถบจะถีบผมเข้าไปในห้อง ทั้งห้องว่างเปล่า

"ห้องนอนชัวร์ ห้องนอน นี่คงจะโชะโชะกันอยู่ มันอยู่คนเดียวคงเหงา" สรุปมึงเข้าข้างใครหวาน

ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าห้องนอน ภาพที่ผมเห็นคือแทนนั่งเล่นมือถืออยู่ปลายเตียง ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำคงไม่ต้องบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น กูจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ กูโวยวายได้แล้วใช่ไหม

"มึงทำอะไรแทน"

"นอกใจครับเมีย" เลว เลวจริงๆ มึงยอมรับง่ายๆ แบบนี้นะเหรอ

"ทำไมมึงเลวแบบนี้แทน"

"อืม อยู่คนเดียวเหงา" มึงจะตอบเหี้ยๆ แบบนี้ไม่ได้ มึงต้องแก้ตัวสิ ไม่ใช่มายอมรับ แล้วกูจะไปต่อยังไง

"สวิงด้วย สองต่อหนึ่งครับ" โอยยยยย แล้วกูจะโวยวายยังไง ในเมื่อมึงสารภาพมาขนาดนี้

"ได้ กูจะย้ายมาอยู่กับมึงแทน ถ้ามึงพาสาวมาห้องอีกกูจะตัดของมึงทิ้ง แล้วจะเอาสาวที่มึงพามาให้มึงดู"

โอย โกรธ โมโห แต่ทำไรไม่ได้แม่งสารภาพหมด กูจะหาเรื่องมึงยังไงแทน

"ว่าไงน่ะครับเมีย"

"กูจะย้ายมาอยู่กับมึงที่นี่แทน"

"ตอนไหนครับ"

"ตอนนี้ เดี๋ยวนี้" โอย โมโห มึงยังมาถามเซ้าซี้กูอีก

หวานที่ทนดูอยู่นาน คงอดทนไม่ได้เดินตรงดิ่งเข้าไปหาแทน มึงคงจะไปต่อยมันแทนกูใช่ไหม

"งานเสร็จแล้ว จ่ายเงินมา" พูดเสร็จแม่งก็แบบมีอกระดิกนิ้ว

"โอเคครับหวาน ขอบคุณมาก เดี๋ยววานไปส่งน้องๆ เอกการแสดงสองคนด้วยนะครับ"


มันคืออะไร ผมงงไปหมดแล้ว ภาพที่ผมเห็นคือหวานนับเงินอย่างขะมักเขม้น นับเสร็จแม่งก็ชวนน้องสองคนออกมาจากห้องน้ำซึ่งน้องทั้งสองคนก็ไม่ได้อาบน้ำ แถมยังแต่ชุดเต็มยศ หันมาโบกมือแล้วจูงมือกันออกไป ล็อคประตูให้เรียบร้อย

สรุปคืออะไร งง ผมเงียบสักพักคิดทบทวน โถหวาน ไอ้เพื่อนเลวมึงร่วมมือกับไอ้แทน ทำไมกูโง่แบบนี้

"สรุปกูโดนหลอกใช่ไหมมึง"

"ไม่ใช่ครับเมีย เรียกว่าช่วยกันให้เมียยอมรับสิ่งที่ใจเรียกร้องครับเมีย"

"เรียกร้องว่าอะไรมึง"

"เรียกร้องว่า เมียอยากอยู่กับผัว แต่ปากแข็งครับ" สรุปกูโดนหลอก หมอช้างไม่แม่นจริงใช่ไหม

"มึงมันเลวแทน มึงไม่ใช่คนดี ที่นี่คือซ่องโจรดีๆ นี่เอง" มึงล่อลวงกูมานะแทน

"ในเมื่อผัวเป็นโจร ก็ต้องตุ้ยท้อง แล้วต้องปล้ำ"

"ฮืมมมมม"

"เสียดายไม่มีกระท่อมกลางป่า สรุปปล้ำเลยแล้วกันน่ะครับ"

"อย่าาาาาาาา.....น้าาาาาา"


------------------------------------------



หายไปเป็นเดือนต้องขอโทษด้วยนะคะ หลังจากที่ปั่นตอนที่แล้วเสร็จก็ว่าจะพักสักสี่ห้าวันค่อยเขียนต่อ แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกตัวร้อน ปกติพอตัวร้อนเหมือนจะมีไข้นี่จะไปหาหมอฉีดยาทันที เพราะว่าเราต้องทำงานทุกวัน แต่ครั้งนี้ไม่หาย เลยเข้าไปหาหมออีกที หมอบอกว่าไข้หวัดสมัยนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ไข้หวัดสมัยนี้จะเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งไม่มียารักษา แต่เชื้อไวรัสจะตายและหายเองได้ในเจ็ดวัน สรุปนี่ต้องนอนไข้ขึ้นลง อยู่หกวัน มันเหมือนไข้มันขึ้นๆ ลงๆ สวิงไปมา จริงๆ เราไม่รุ้สึกอะไรเลย รู้สึกแค่อยากนอนและเหนื่อย และเราก็นอน นอนอย่างเดียวเลย ข้าวปลาไม่กิน น้ำหนักลดไปหกโลในหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้ผอมละ (อันนี้ไม่ใช่ประเด็น) สรุปวันที่ห้านี่เราเริ่มโอเคล่ะ แต่จะมีปัญหาที่เรากินอาหารไม่รู้รส แต่สักวันที่ห้าเราเริ่มปวดหัว ตอนแรกคิดว่าเป็นไข้ แต่มันปวดหัวเหมือนมีคนมากดเส้นประสาท เอามือกดอย่านั้น จนวันที่หกเราหายปวดหัวและค่อยๆ ดีขึ้น แต่หัวมีเสียงแบบวิ๊งงงงง อยู่ในหัว สรุปเราดีขึ้นในวันที่หก แต่ผลที่ตามมาคือเมายาแก้ไข ด้วยความที่เราอัดยาไปเยอะ ปกติหมอให้กินแปดชั่วโมง นี่กินทุกๆ สี่ชั่วโมง สรุปคือนั่งงงๆ เบลอไปอีกเกือบอาทิตย์ถึงหาย ตอนแรกนึกว่าไม่รอด นั่งนึกในใจตายแน่ๆ กู เพราะนี่ไม่ค่อยป่วย ถ้าป่วยนี่คือหนักแบบนอนโรงพยาบาลเลย นี่ยังดีไม่ถึงขนาดต้องแอดมิด สรุปตอนนี้เป็นปกติแล้วเลยนั่งเขียนนิยายต่อ ตอนนี้ใช้เวลาเขียนไปสี่วัน แต่จะพยายามจะอัดเขียนให้เสร็จช่วงว่างตอนสงกรานต์นะคะ

ตอนนี้เป็นช่วงสุดท้ายของเรื่องแล้วนะคะ นับถอยหลังอีก 10 ตอนก็จะจบเรื่องแล้วค่ะ เราอยากให้คนอ่านสนุกและมีความสุขกับการอ่าน จึงคิดจะไม่ใส่ดราม่าใดๆ ลงในตัวเรื่องเลย แต่จะเน้นที่ความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นของตัวละคร และความตลกโปกฮาของกลุ่มเพื่อนทั้งคู่ หวังว่าคงชอบกันนะคะ

P.S. น้องยังไม่ตายและคิดที่จะพิมพ์หนังสือเรื่องนี้ออกมาน่ะคะ ของแถมคิดไว้ล่ะ สร้างสรรค์และน่ารักสุดๆ นี่ก็ดูคนวาดปกไว้บ้างแล้ว หวังว่าทุกคนคงรักแทนกับหนึ่งและอยากเก็บตัวเล่มกันน่ะคะ ตอนพิเศษที่อยู่ในหนังสือจะเป็นตอนแต่งงานและฮันนีมูนค่ะ ฟินกันทั่วหน้าแน่นอน


น้องรักทุกคนและยังมีชีวิตอยู่

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-03-2018 02:36:57
น้องหวานเอาตุ๊กตายาง เอ้ย  ตุ๊กตาทองไปครองเลยคะ แสดงดีจริงๆ บทเฉียบขาดรุ่งริ้งจริงๆ เชื่อตั้งแต่สติกเกอร์ติดแล้วสีรถเป็นสีชมพู  o13
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2018 08:34:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-03-2018 16:08:13
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2018 22:32:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2018 23:05:54
อ่านรวดเดียวเลย ทุกคู่คือศีลเสมอกันมาก5555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 28 [Update 30:03:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 04-04-2018 02:35:11
​ตอนที่ 29 : ไวอากร้า

ทุกคนคงสงสัยว่าการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับแทนนั้นเป็นอย่างไร จริงๆ ทุกอย่างมันราบรื่นจนผมเองก็แปลกใจ เหมือนทุกๆ อย่างผ่านการเตรียมการและคิดมาแล้วอย่างดี ทุกคนคงคิดว่าคนหื่นกามอย่างไอ้แทนก็คงจะคิดปล้ำผมตลอดเวลา เอะอะปล้ำ ตุ้ยท้องใช้กำลังงี้ ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะผมก็คิด แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมมีห้องนอนที่แยกต่างหากมาอีกห้อง แทนให้เหตุผลว่าคนเรารักกันคบกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด และคนเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ง่วงหรืออยากนอนเวลาเดียวกันทุกวัน บางครั้งเราก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง จริงๆ ผมก็ว่าดีน่ะครับ มันทำให้เราต่างเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน และไม่รู้สึกอึดอัด ซึ่งแทนก็แอบมานอนด้วยที่ห้องทุกครั้งที่ผมกำลังหลับ แต่ก็แค่กอดหอมแก้มเฉยๆ แต่เมื่อใดที่ผมไปนอนห้องมัน มันบอกว่าเมียพร้อมจะเสียตัว แม้ว่าจะแค่เข้าไปแค่หยิบขอแม่งก็บอกกูให้ท่า มาถึงที่ก็ต้องใช้กำลัง จนตอนหลังไม่ได้เดินเฉียดห้องมันอีกเลย แต่หลังๆ แม่งเริ่มแผนสูง ยังไงน่ะเหรอครับ

ณ วันหนึ่ง

"เมียครับวันนี้ผัวไปซูปเปอร์มา มีไส้กรอกออกใหม่ด้วย"

"อืม แล้วไงมึง"

"Limited ด้วย" เหมือนแม่งรู้ ผมเป็นคนแพ้คำว่า Limited คุณเคยเป็นไหมครับ ของสิ่งนึงวางอยู่เห็นก็เฉยๆ พอบอกว่า Limited เท่านั้นแหละ ดูมีค่าขึ้นมาทันที มันคงเป็นโรคที่รักษาไม่หาย

"จริงอ่ะ ซื้อมาฝากหรือมึง"

"อืม" แทนพยักหน้า

"ทำไมเป็นคนดี"

"แต่มันเป็นไส้กรอมรมควันน่ะ ถ้ากินในที่โล่งกลิ่นมันจะจาง รสมันจะเปลี่ยน ไปกินในห้องนอนผัวดีกว่า รสจะได้ไม่เปลี่ยน" เออออ มึงโกหกกูรึเปล่าว่ะ

"Limited นา"

"ป่ะ ป่ะไปกินไส้กรอกกัน"

"ผมรีบวิ่งไปห้องนอนพร้อมรอรับไส้กรอก"

"หลับตาก่อน เดี๋ยวป้อน"

"อืม" Limited Limited

ผมหลับตารออย่างตั้งใจ พร้อมรอรับไส้กรอกอย่างตั้งใจ สักพักไอ้แทนก็เอาไส้กรอกป้อน ไส้กรอกอะไรน่ะเหรอครับใส่กรอกมันนี่แหละครับ ผมแทบสำลักเอาออกมาแทบไม่ทัน

"ไส้กรอกอะไรของมึง"

"นี่ไงครับเมีย ถุงยางอนามัยรสไส้กรอกรมควัน"

ผมเพิ่งเบิ่งตาชัดๆ เหี้ย รสไส้กรอกรมควันจริงๆ ด้วยกูจะด่าใครดีแทน ด่ามึงที่หลอกกู ด่าบริษัทที่ทำถุงยาง หรือด่าตัวกูเองที่โง่โดนมึงหลอก

"มาครับ มากินไส้กรอกกันดีกว่า" ว่าแล้วแม่งก็ฉีกถุงยางใส่อย่างรวดเร็ว ผมดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ต้องหยุดเมื่อแทนเอ่ย ประโยคนึงมา

"Limited นะครับ" ก็ต้องลองสินะ

​​

ส่วนเรื่องงานบ้าน เราไม่ได้แบ่งกันน่ะครับว่าใครทำหน้าที่ไหน แทนบอกว่า เวลาว่างเราไม่เท่ากัน บางช่วงแทนว่าง บางช่วงผมยุ่ง ช่วงเวลาที่เราว่างอาจไม่เท่ากัน แทนเลยบอกว่าใครว่างก็ทำ คนไหนงานยุ่งอีกฝ่ายก็ทำ แต่เราก็ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกันน่ะครับ ทำตามที่เราตกลงไว้ เลยไม่ค่อยมีปัญหา

สิ่งใหม่ที่ผมพึ่งรู้ คือมันเป็นเชฟมือทอง แทนมันทำอาหารอร่อยมาก มันบอกอยู่เมืองนอกทำเองถูกกว่า อีกทั้งมันยังเลยทำงานพาร์ททามที่ร้านอาหารอีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่ามันทำอร่อย นี่กินจนเริ่มจะอ้วนล่ะ เลยชวนมันไปเล่นฟิตเน็ตที่ใต้คอนโด คุณชายแทนก็อิดออด บอกคนเยอะ แล้วมันบอกว่ามีกีฬาที่เล่นที่ห้องได้ ใช้เวลาแค่ 30-60 นาทีต่อรอบ ทำรอบนึงจะเท่ากับวิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบ ผมได้ยินแบบนั้น ก็หูตาสว่าง แทนบอกใช้อุปกรณ์ไม่มากแค่เสื่อโยคะ ผมนี่รีบวิ่งไปหยิบมากางกลางห้องรับแขก แทนบอกเริ่มต้นด้วยท่านอน สักพักแม่งจับล็อก แล้วแม่งก็ปล้ำ แล้วกระสิบบอกมีว่าเซ็กส์ครั้งนึงเท่าวิ่งสนามสิบรอบ แทบบังคับให้ผมอยู่บนมันบอกจะได้เผาพลานเยอะๆ มึงนี่มันโจรแทน มึงคือหัวหน้าโจรที่มีหวานเป็นลูกน้อง

นอกจากที่มันจะพยายามหาแผนการมาย่ำยีผม นอกนั้นก็ปกติ อย่างวันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเราหยุดทั้งคู่ เลยต่างคนต่างนอนตื่นสาย วันนี้ผมตื่นก่อนเลยมานั่งกินขนมปังกับนมที่ห้องครัวครับ ไม่นานนักคุณชายแทนก็ออกมาในสภาพใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ให้ความเป็นกันเองกับกูมาก

"เมียเปลี่ยนไปนะครับ"

"ยังไงมึง"

"ผัวออกมาเกือบจะเปลือยล่อนจ้อนขนาดนี้ทำไมไม่มีอารมณ์ครับ เช้าๆ แบบนี้ต้องคึกคักสิ"

ผมมองบนพร้อมกับนั่งกินต่อ ไร้สาระแต่เช้ามึง

"เมียครับ ดูนี่สิ" ผมเงยหน้าขึ้นมอง โอว แทนกูเกิดอารมณ์มาก ภาพที่ผมเห็น แทนควงโชว์ พร้อมหมุนเป็นวงกลม ในกางเกงบ็อกเซอร์ยานๆ ของมัน ผมถอนหายใจพร้อมหยิบมือถือมาสไลน์

"ทำไมไม่ปล้ำผัว หล่อล่ำขนาดนี้" พูดเสร็จแม่งก็เบ่งกล้ามแขนโชว์

"ปกติกูเคยปล้ำมึงหรือแทน มีแต่มึงปล้ำกู"

"ทำไมไม่ลองละครับ สร้างความแปลกใหม่ให้ชีวิตคู่"

"ทำไมกูต้องลองแทน"

"หูย ผัวมีเสน่ห์สาวๆ หลงเยอะแยะทำไมไม่เห็นค่าของที่มี"

"ว่าแต่เรื่องนั้น ตั้งแต่กูอยู่กับมึงมายังไม่เห็นสาวคนไหนมาหามึงสักคน หมาตัวเมียยังไม่เดินผ่านห้องมึงเลย มีแต่ป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง นอกนั้นกูก็ไม่เห็นใคร อย่าบอกกูนะว่ามึงกับป้าแม่บ้าน.... เล่นของสูงเลยน่ะมึง สูงวัยน่ะ" ผมหัวเราะแทบจะตกเก้าอี้

"โอย ปากดีแต่เช้าเลยครับเมีย เดี๋ยวเอาKตีปากเลยยิ่งแข็งๆ อยู่" กูขอพูดอีกครั้งเป็นกันเองกับกูมากกก

"ที่ไม่มีใครมาเพราะผัวเคลียร์ทุกอย่างให้เมียเรียบร้อยแล้วต่างหาก ทำไมคิดว่าผัวไม่มีอะไรดีเหรอ หน้าตา ฐานะ ลีลา ไม่ดีเหรอ"

มันก็ดี แต่เรื่องนี้มึงโดดเด่นกูยอมรับ สายตาผมลงต่ำที่เป้ากางเกง

"โหยเมียครับ ปากกับใจตรงกันมาก ถ้าเห็นผัวดีแค่นี้ งั้นก็ไม่ต้องมีอะไรกันอีก เอาไว้สำนึกว่าผัวดีทุกด้านค่อยมาคุยกัน" ว่าแล้วก็สะบัดตูดอย่างกับสาวน้อย ทิ้งให้กูงงว่ากูผิดอะไร นี่กูชมว่าลีลามึงเด็ดยังมาโกรธกูอีก ดีไม่มีก็ไม่มี สบายกูล่ะทีนี้

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

ผมนั่งเรียนอย่างคล่ำเครียด แม่งคณะนี้เรียนยาก

"แทน แทนดูเครียดไปนะมึง ช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่า" ตือถามด้วยความเป็นห่วง

"แม่งเรียนยากว่ะ กูต้องท่องจำอะไรเยอะ"

"ตื่นค่ะเพื่อน มึงพึ่งสอบเสร็จอาทิตย์ที่แล้ว อาจารย์ยังไม่เห็นสอนเหี้ยไรเลย"

อ้าว สรุปกูเครียดเรื่องอะไร

"ทะเลาะกับแทนหรือหนึ่ง" ผมพยักหน้ารับ

"ไม่ได้เอากันล่ะสิมึง" หวานมึงแม่นอย่างกับตาเห็น ผมพยายามเก็บสีหน้าไม่แสดงอาการ

"อย่ามาตอแหลกู ขามึงสั่นไปหมดล่ะ อยากล่ะสิ" ชีวิตกูโกหกเพื่อนไม่เนียน

"ทะเลาะไรกันเล่าให้กูฟังสิ" ปิดไปก็ไม่ใช่เรื่องเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น ผมจึงเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือก

"อืม มึงยังเป็นขนาดนี้ ป่านี้ไอ้แทนไม่ไปเอากับต้นกล้วยหน้าคณะแล้วรึ อยากก็บอกว่าอยาก แค่นี้จบ"

"ไม่ได้สิมึง ยอมก่อนก็แพ้"

"มึงกำลังคบกันอยู่หรือแข่งวิ่งเปรี้ยว แพ้เพ้อเหี้ยไรใครแคร์"

"กูนี่ไง แคร์ มึงยังมีความผิดติดตัวอยู่น่ะหวาน กูยังไม่ชำระความ แต่....."

"แต่อะไร"

"แต่ถ้ามึงช่วยกูคิดว่าจะทำยังไงกูจะไม่เอาความ"

อืมมมมมม

"1,000 นึง"

"เอายังไงดีน้าาาา"

"2,000"

"อืม กูอยากช่วยนะมึง แต่กูยังคิดไม่ออก"

"5,000"

"สมองโล่งมากมึง อยู่ดีๆ ก็คิดออก"

ใครว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง กูคนนึงล่ะเถียงใจขาดดิ้น

"มึงก็ต้องยั่วให้มันหึง เวลาคนเราหึงมันก็ขาดสติ เดี๋ยวแม่งก็ปล้ำมึงเองล่ะ มึงไม่เคยได้ยินคำที่คนโบราณเค้าพูดเหรอ ผัวเมียกันทะเลาะกันลูกยิ่งดก"

ผมพยักหน้า

"แต่ทำไงดีว่ะ ไม่มีมดลูก" แม่งหามดลูกยังไงดีว่ะ แผนนี้แม่งต้องใช้มดลูก

"ดูปากกูน่ะ กูสมมุติ" มึงพูดไม่เคลียร์อย่ามาโทษกู

"แล้วต้องทำไงว่ะ”

"มึงต้องหาคนมาช่วยทำให้แทนหึงมึง"

"เอาใครอ่ะ ตือไหม" ผมหันไปหาตือ

"โอยยย มึงจะตีฉิ่งโชว์มันรึ คิดสิคิด" เอ๊าทำไมต้องเกรี้ยวกราด

"พี่บอสไง มึงมีไลน์พี่มันไหม พี่บอสว่าที่ผัวเก่ากูน่ะ" ได้ข่าวพี่เค้าจะกลัวมึงน่ะ

ผมนั่งฟังแผนที่หวานวางไว้คร่าวๆ เสร็จกูแน่แทน

ผมฟังจากแผนน่าจะเวิร์คเป็นการยั่วให้แทนมันหึงโดยไม่มีการลงไม้ลงมือ ปลอดภัยต่อตัวไอ้พี่บอสด้วย อีกอย่างไม่มีการปะทะใดๆ ทำให้การแสดงน่าจะราบรื่น ว่าแล้วผมก็ไลน์นัดพี่บอสมาหน้าตึกเรียนตอนช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ซึ่งพี่บอสตกลงอย่างง่ายดาย ทำไมมันง่ายดายอย่างนี้ เสร็จกูล่ะไอ้แทน

ทุกๆ อย่างเป็นไปตามแผน พี่บอสไลน์มาบอกว่าเลิกเรียนแล้วกำลังเดินมาหน้าตึก แผนมันเป็นยังไงหรือครับ

ผมพยักหน้าให้หวานว่าพี่บอสกำลังมา หวานเปิดแอปพลิเคชั่น Facebook พร้อมใช้ Program ไลน์สด พร้อมขึ้นแคปชั่นว่า ชีวิตนักศึกษาแพทย์ในยามเย็น พร้อมตั้งกล้องทิ้งไว้ ให้เห็นเฉพาะผม และพี่บอส หวานยังไม่ลืมแท็กไอ้กัน แค่นี้ไอ้แทนก็เห็นเพราะแม่งต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ซึ่งมีตือคอยเช็กจากมือถืออีกเครื่องว่าแทนเข้ามาดูไหม ถึงจะเริ่มแผนต่อไป

พี่บอสมาแล้ว ผมและเพื่อนต่างยกมือไหว้พี่บอส ระหว่างที่แทนยังไม่เข้ามา ผมก็ติวตามปกติ พี่บอสก็สอนค่อนข้างเก่งครับ ผมพยายามมองตือเรื่อย จนตือพยักหน้า แสดงว่าแทนเข้ามาดูเรียบร้อย ผมจึงเริ่มแผนต่อไป

"พี่บอสสอนยาวเลยทานน้ำก่อนดีกว่า" พี่บอสพยักหน้าเห็นด้วย ผมไม่รอข้ารีบแย่งแก้วนำมาจากมือพี่บอสจนพี่แกทำหน้างง

"เดี๋ยวผมป้อนพี่"

ผมไม่รอช้ารีบยื่นหลอดให้พี่บอสซึ่งอ้าปากรับอย่างง่ายดาย แถมทำหน้าฟินใส่กูอีก กูหลอกใช้พี่มึง กูขอโทษ

ผมไม่รอช้า วางแก้วน้ำพร้อมหยิบขนมป้อนตาม พี่แม่งทำหน้าฟินจนกูเริ่มกลัว แต่กูก็ต้องจบด้วยเอากระดาษเช็ดชู่เช็ดปากพี่บอสจนจบตามที่ตกลงไว้

เรานั่งติวสักพักก็เสร็จ ผมบอกขอบคุณพี่บอสพร้อมเอ่ยปากขอเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนในภายหลัง พี่บอสเป็นคนดี จนผมรู้สึกผิดที่หลอกใช้พี่เค้า ยังไงผมจะเลี้ยงมื้อใหญ่เลยล่ะกันครับ

หลังจากที่ร่ำลาพี่บอสเสร็จ ผมก็ตรงดิ่งมาหาไอ้ตือ

"เป็นไงบ้างว่ะมึง ไอ้แทนทำไรบ้าง"

"กูเห็นมันกดไลน์ และกดหัวใจตอนมึงตอนป้อนพี่บอส แล้วแม่งก็เงียบไปเลย" 

เอ๋ ปกติ หมาตัวผู้จะมาเล่นกับกูมึงยังไล่เต๊ะหมา นี่มึงสงบไปไหมแทน

"เออ มึงรีบกลับเถอะ รอดูผลที่ห้อง" ผมขอบคุณตือ พร้อมจ่ายเงินหวาน งกจริงๆ มึง


ผมกลับมาถึงห้องก่อนแทนตามคาด ผมรีบเปลี่ยนชุดแล้วแกล้งนั่งดูทีวีที่ห้องรับแขก แต่แม่งกลับช้ากว่าปกติ ผมนั่งดูเวลาจนเข็มนาฬิกาบอกเวลาประมาณ 1 ทุ่ม นี่กูนึกว่ามึงแกล้งกูนะเนี่ย มาช้าเชียว

"ฮู้ หวัดดีครับเมีย มาทานข้าวกัน ผัวซื้อของกินร้านเด็ดมาฝาก รอแวบ ไปอาบน้ำก่อน"

พูดเสร็จแม่งก็รีบวิ่งไปอาบน้ำ นอกจากแม่งจะไม่หึงหวงอะไรกูเลย แม่งยังอารมณ์ดียิ้มปากจะฉีกถึงรูหู แถมตอนอาบน้ำแม่งยังร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ดังมาถึงห้องรับแขก

เช้าวันต่อมา ผมรีบตรงดิ่งไปหาหวานกับตือ

"พวกมึง ไม่ได้ผลว่ะ นอกจากมันจะไม่หึงแล้วแม่งยังอารมณ์ดีจนผิดปกติ" แม่งก็ทำหน้างงไปตามๆ กัน ปกติแม่งหึงหน้ามืดตามัว นี่มันไปแดกอะไรผิดสำแดงมา

"เออ หนึ่งหวาน ไปเยี่ยมพี่บอสกันไหม พี่บอสป่วยนอนอยู่โรงบาล"

"พี่แกเป็นไรว่ะ"

"โดนโจรปล้น" แม่งคนสมัยนี้ จะปล้นฆ่าแกงกันง่ายดายเหลือเกิน

"โหย น่าสงสารว่ะ พวกมึงก็เดินระวังด้วย ที่เปลี่ยวนี่ตัวดี ว่าแต่โจรเป็นใครว่ะ จับได้ไหม”

"จับไม่ได้มึง แต่เห็นพี่ปีสามบอกว่ามันมาปล้นพี่บอสมันไม่ยอม ยื้อแย่งกัน โจรแม่งเลยรุมกระทืบ"

"โหย อย่างงี้ก็เละเลยล่ะสิ โดนรุมกันขนาดนี้ โจรมากี่คนว่ะ"

"สี่คนว่ะ เห็นบอกคนแรกหูดำ หน้าม้อๆ หน่อย อีกคนนี่รอยสักเต็มแขนเลย อีกคนใส่แว่นดูแก่เรียนเหมือนหลงติดร่างแหมา ส่วนอีกคนหัวหน้าแก็งค์ไม่เห็น เห็นบอกหัวหน้าแม่งกระทืบอย่างเดียว เหมือนแค้นกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เลยไม่ทันดูหน้า"

"พี่บอสเละเลยละสิ"

"ไม่มึงตัวไม่มีรอยแผลเลยสักจุด"

"แล้วโจรมันกระทืบยังไง"

"โจรมันรุมกระทืบKพี่มันอย่างเดียว กระทืบกันซะกูเป็นห่วงว่าไข่พี่บอสมันจะแตก จะใช้การได้ไหม นี่ยังดีแค่ถลอกบวมช้ำเล็กน้อย"

"หน้าหล่อพี่มันล่ะ ต้องพลาดไปโดนบ้างแหละ"

"ไม่มึง ใสกิ๊งเลย ยิ้มฟันขาวจั๊ว พยาบาลรุมดูแลกันเลยมึง อันนี้กูยืนยัน"

"โจรมันปล้นอะไรไปบ้างว่ะ พี่บอสแม่งชอบใช้แต่ของแพงๆ สงสัยนาฬิกามือถือชัวร์"

"ไม่มึงปล้นปากกาไปแท่งนึง"

"สงสัย Limited" เป็นกูก็อยากได้

"แลนเซอร์ 10 บาทธรรมดาเลยมึง"

"โหย พวกโจรเหี้ยสงสัยลำบากหนักสิบบาทมึงก็เอาเนอะ"

"กูสงสัยอย่างนึง...." อย่าบอกน่ะว่ามึงสงสัยเหมือนกูว่า......

"ปากกาแท่งละสิบบาทไอ้พี่บอสจะไปแย่งกับโจรทำไมว่ะ ให้ๆ ไปก็จบ กูงงตรงนี้" เออ หวานมึงคิดเหมือนกู

"เออจริง น่ากลัว" กูเห็นด้วยหวาน

"เดี๋ยวหวาน กลับมาเรื่องของกูก่อน จะเอาไงต่อ เงินก็รับไปแล้วรีบเลยมึง"

"กูเป็นใคร กูหวานกู เตรียมแผนสำรองให้มึงล่ะ"

"ยังไง" ผมกับตือประสานเสียง

"เคยได้ยินไหม ไม่ได้เล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา"

"พูดเหี้ยไรกูงง"

"โวยยยย กูอุตสาห์เตรียมคำพูดให้กูดูฉลาดมาจากบ้าน เพื่อให้เพื่อนทึ่ง สรุปไม่ทึ่งทำหน้าโง่ใส่กูอีก"

"กูจ่ายไปห้าพัน"

"บ้ามึงมาน้อยใจ ในเมื่อยั่วให้หึงใช้ไม่ได้ มึงก็ต้องใช้ตัวกระตุ้นให้มันอยากมีอะไรกับมึง สิ่งนั้นคือ..."

"กูรู้ กูรู้ หนังสือโป๊" ตือแสดงความเห็น

"หนังสือโป๊เหี้ยไรล่ะ มันยังมีขายอยู่รึมึง"

"อ้าว" หน้าเศร้าเป็นหมาหงอยเลยเพื่อนกู

"สิ่งนั้นคือ นี่ ไวอากร้า"

"ละลายใส่น้ำให้มันดื่ม เชื่อกูได้ผลไม่อันตราย 100 %"

"ทำไมมันหายไปเม็ดนึง"

"นี่ไง นี่คือสิ่งแสดงความหวังดีจากกู กูกลัวมีอันตรายกลัวไม่ได้ผล กูเลยเอาไปใช้กับไอ้กันก่อน ไม่งั้นกูจะรู้ไหมว่ามันไม่อันตรายและได้ผล"

"แล้วถ้าใช้แล้วไอ้กันตายล่ะ"

"เออ... กูลืมคิด ถ้าไอ้กันตายก็... หาผัวใหม่ไงมึง ยังสาวสวยแซบแบบกู หาใหม่สบาย" กูละอยากให้ไอ้กันได้ยินมึงพูดเหลือเกิน

"แล้วใช้กี่เม็ดมึง"

"มึงอยากให้มันหื่นแค่ไหนมึงก็ใส่ไปแค่นั้น"

ผมรีบตรงดิ่งกลับบ้าน แวะซุปเปอร์ซื้อแอปเปิ้ลที่ไอ้แทนชอบกิน แช่ช่องฟิตเย็นเจี๊ยบ รีบอาบน้ำ ขัดมันทุกซอกทุกมุม แล้วรีบมารินน้ำแอปเปิ้ลใส่แก้ว ว่าแต่กูจะใส่กี่เม็ดดีล่ะ ระหว่างผมกำลังลังเล ผมก็ได้ยินเสียงไขกุญแจ ฉิบหายล่ะ ผมรีบใส่ยาและคนให้ละลายแทบไม่คิดชีวิต

"อ้าวแทน เหนื่อยไหม นี่รู้ว่าต้องเหนื่อย เตรียมน้ำแอปเปิ้ลที่แทนชอบเย็นเจี๊ยบเลย"

"ทำไมเป็นคนดี"

"ชอบคนเหี้ยเหรอมึง"

"แต่..."

"แต่เหี้ยไร จะแดกไม่แดก"

"เออ แบบนี้ค่อยปกติหน่อย"

หลังจากนั้นแทนก็ดื่มแบบตายอดตายอยากหมดจนหยดสุดท้าย สบายใจกูล่ะ ผมกำลังเตรียมไปเข้าห้องนอนล็อกประตู ฟังเสียงมันยอมแพ้อ้อนวอนกูอยู่หน้าประตู พร้อมหัวเราะแบบผู้ชนะ

"เดี๋ยวครับเมีย"

"อะไรมึง"

"วันนี้ ผัวไปร้าน BreadTalk มาซื้อนมรสหวานที่เมียชอบมาฝาก" หูย ผมรีบคว้ามากอด นมร้านนี้อร่อยมากครับ หอมหวานมัน อร่อยมาก แต่แทนแม่งชอบบอกแดกแล้วอ้วน ไม่ค่อยอยากให้กิน แต่แม่งมาแปลก แต่...

"ทำไมมันไม่มีพลาสติกซีสขวด"

"ไม่รู้น่ะครับเมีย สงสัยรีบแล้วลืม" มันลืมกันได้ด้วยเหรอว่ะ แต่ช่างเถอะของฟรี กำลังอยากกินพอดี




ผมดื่มเสร็จก็รีบกลับห้องตัวเอง แต่น่าแปลกใจที่ไอ้แทนก็ทำเหมือนกัน แทนมึงตายแน่ หวานบอกว่ารอสัก 10-15 นาที ยาออกฤทธิ์  มึงต้องยอมแพ้และมาอ้อนวอนกูกราบแทบเท้าให้กูมีอะไรด้วย กูจะเล่นตัว สงสัยตอนนี้ยาคงเริ่มออกฤทธิ์ มึงคงจะรู้สึกใจสั่นๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว หายใจติดขัดและเริ่มหายใจแรงขึ้น มือไม้สั่นมีอารมณ์จนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำไมผมถึงรู้เหรอครับ เพราะผมกำลังเป็นอยู่ อ้าวเหี้ยแหละ อย่าบอกกูน่ะว่า ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูออกไป เป็นจังหวะที่แทนก็เปิดประตูออกมาพอดี กูกำลังจะอ้าปากถามแม่งตัดหน้า

"หวานใช่ไหม" แทนพูดพร้อมโชว์แผงไวอากร้า โอย กูว่าแล้ว

"ไอ้กันใช่ไหม" แทนพยักหน้า

"ดีแล้วครับเมีย ถือว่าศีลเราเสมอกัน สรุปใครทนไม่ได้ก่อนแพ้ ผมกับแทนเริ่มตัวสั้น อยากจะวิ่งเข้าหากันใจแทบขาด แต่ต่างฝ่ายต่างกลัวแพ้ ต่างฝ่ายต่างนึ่ง อยู่หน้าห้องตัวเอง

"แทนมึงใส่ มากี่เม็ด" แทนไม่พูด ใช้ชูนิ้วบอกจำนวน ไอ้เหี้ย แม่งใส่มาสามเม็ด กูจะทนไม่ไหวล่ะ

"เมียล่ะครับใส่มากี่เม็ด" ผมไม่พูดเช่นกัน พร้อมชูนิ้ว 1 นิ้ว

"หนึ่งเม็ด" ผมส่ายหน้า

"แผง หนึ่งแพง"

"เมียครับ โหดร้ายกับผัวมาก"

ผิดที่มึงมาไม่ถูกจังหวะ กูลนกูเลยเหมายกแพง

เราต่างจ้องหน้ากันไปมา ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ จนหนึ่งแผงเริ่มจะทนไม่ไหว

"เมียครับ คนเราอยู่ด้วยกันต้องยอมกันบ้าง ต้องมีคนนึงอ่อน คนนึงแข็งถึงจะอยู่กันรอด" เออ พูดมามีเหตุผล แต่ตอนนี้มึงกับกูแข็งกันมากทั้งคู่ ต้องเอายังไง

"งั้นหนนี้เราถือว่าเสมอกันไปก่อน แล้วเดี๋ยวเอาไว้ค่อยแข่งกันคราวหน้า โอเคไหมครับ" ผมพยักหน้าตกลง

หลังจากนั้นเราทั้งสองฝ่ายต่างถอดเสื้ออยู่ที่จุดเดิมต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันเหมือนสิงโตที่จ้องตะครุบเหยื่อ พร้อมจะกะโจนเข้าหากัน

"เดี๋ยวก่อนน่ะครับเมีย อย่าพึ่งเข้ามา" แทนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเริ่มหอบ ในขณะที่ผมก็เป็นเช่นเดียวกัน

"ครับ โรงพยาบาลx ใช่ไหมครับ ผมขอเรียกรถพยาบาลครับ รับผู้ป่วยสองท่าน ที่คอนโดx ห้องx ยังไม่ต้องมาตอนนี้น่ะครับ มาเวลานี้หลังจากนี้อีกสองวันครับ ครับขอบคุณครับ"

พอแทนวางสายเราต่างกระโจนเข้าหากันนั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายที่ผมจำได้

ผมตื่นมาท่ามกลางที่นอนหนานุ่มผมหันไปด้านสายก้ได้จ้องตาแทน เราต่างจ้องตาซึ่งกันและกัน มันดูเหมือนหนังโรแมนติกสักเรื่องที่หวานแบบสาวแรกรุ่นเพ้อฝัน ทุกๆ อย่างกำลังจะโรแมนติก ถ้าเราทั้งคู่ไม่มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ สรุปหมอวินิจฉัยว่า เราทั้งสองคนเหนื่อยอ่อน จากการใช้กำลังอย่าหักโหม และมีอาการบวมช้ำทั้งช่องทางด้านหลังและแทนน้อยจากการใช้งานมากเกินไป ต้องนอนพักให้น้ำเกลือประมาณสองวัน และงดการร่วมเพศไปอีก 2-3 อาทิตย์ อย่าว่าแต่แค่สองอาทิตย์ สองเดือนยังได้ครับหมอตอนนี้ ด้วยความอุปการะของหมอ หมอจึงบอกอาการกับญาติและลงในบันทึกแค่ว่า ออกกำลังกายอย่างหักโหม ทำให้ขาดน้ำ ซึ่งช่วยทำให้ผมและแทนดู Healthy​​​ ขึ้นมาทันที

เราทั้งสองต่างมองตากันอย่างเข้าใจ จริงอย่างที่แทนบอกในชีวิตคู่ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง บางครั้งเราต้องยอมอ่อน ยอมแพ้บ้าง ไม่มีใครชนะทุกครั้งในชีวิตคู่ บ้างครั้งเราต้องยอมคล้อยตามเพื่อรักษาความสัมพันธ์ การยอมนั้นไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ แต่มันหมายความว่าเรารักกัน เรายอมอ่อน ยอมแพ้เพื่อคนที่เรารักมีความสุข ความสัมพันธ์จะยืนยาวถ้าเรารักกันมากพอ กูรักมึงน่ะแทน แต่คราวหน้ากูต้องชนะ 5555


---------------------------------------


​​

มาล่ะทุกคน มาอย่างรวดเร็ว (เหมือนจะไม่เร็ว) แต่น้องก็มา หายป่วยหายไข้ก็มาแต่งนิยายให้อ่านกัน ใกล้สงการณ์แล้ว ไปเที่ยวเดินทางดูความปลอดภัยเป็นหลักน่ะคะ ห่วงคนอ่านเด้อ มาดึกจนเป็นปกติ หวังว่าทุกคนคงชอบตอนนี้เหมือนที่คนเขียนชอบน่ะคะ และเหมือนเดิิมทุกครั้ง ดึกแล้วหิวน่ะ

P.s เหมือน The Face ม่ะ มีโฆษณาคั่นรัวๆ นมอร่อยน่ะ อยากให้ลองกินกันดู

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 29 [Update 04:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-04-2018 03:47:53
5555ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือยินดีกับคู่นี้
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 29 [Update 04:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-04-2018 04:03:56
คู่นี้มันส์ดีแฮะ.  o13
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 29 [Update 04:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-04-2018 10:07:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 29 [Update 04:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-04-2018 22:37:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...ฮาโคด
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 29 [Update 04:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 19-04-2018 03:13:26
​ตอนที่ 30 : สงกรานต์เบบี้

หลังจากเรียนเคร่งเครียดมานาน ก็ได้ถึงเวลาพักหยุดยาวที่ทุกคนรอคอย นั่นคือวันสงกรานต์นั่นเอง แต่ปีนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าทุกปี เพราะวันสงกรานต์วันที่ 14 นั้นถือเป็นวันเกิดของไอ้กัน หม้อหูดำประจำกลุ่ม

 

เนื่องจากเป็นวันหยุด เราทุกคนจึงจับกลุ่มกันว่าจะไปเที่ยวช่วงสงกรานต์กัน แต่จะไปที่ไหนกันนั่นคือสิ่งที่เราต้องลงความเห็น ปกติอย่างมากเราก็เล่นกันแต่ในกรุงเทพฯ พวกสยาม ข้าวสาร สีลม แต่การเล่นน้ำในกรุงเทพฯ ก็ถูกปัดไป ด้วยกฏต่างๆ ห้ามเล่นแป้ง ห้ามเล่นบนหลังรถกะบะ ใช้น้ำเล่นได้แค่เป็นขวด ซึ่งความเห็นที่หนักแน่นที่สุดเป็นของโจ๊กที่ให้เหตุผลสั้นๆ ว่า

"ฉี่กูยังแรงกว่า"

 

เราจึงตกลงว่าจะไปเล่นที่ต่างจังหวัด และจังหวัดที่เราเลือกคือ บางแสน ชลบุรี ซึ่งตอนแรกจะไปพัทยา ด้วยเหตุผลว่า น้ำดูหน้าเล่นและมีแหล่งท่องเที่ยวมากกว่า ซึ่งต้องตกไปเพราะหวานให้เหตุผลว่า

 

"ทะเลที่ไหนก็เหมือนกัน พอถึงทะเลจริงๆ กูก็ไม่เห็นจะเล่นน้ำกัน เห็นอย่างมากก็เดินเอาขาแช่น้ำแล้วก็ขึ้นกันด้วยเหตุผลว่ากลัวเปียก"

 

อีกเหตุผลหลักที่หวานให้ที่หนักแน่นจนเปลี่ยนใจมาบางแสน เพราะหวานบอกฝรั่งเยอะ กลัวคนมาต่อราคา กลัวเจอลูกค้าเก่า

 

แม้กันจะงงเล็กน้อยเพราะไม่มั่นใจว่าเป็นมุกหรือพูดจริงแต่ก็ตามใจหวานอย่างดี ส่วนเหตุผลที่เลือกบางแสนนั้นเพราะใกล้ที่พักสะดวกและมีวันไหลที่ให้เล่นน้ำยาวๆ ไปอีกหนึ่งวัน เพราะปีนี้หยุดยาวไปเพราะติดเสาร์อาทิตย์ด้วย แต่เหตุผลหลักของหวานคือมันมีมหาลัยแถวนั้น และมหาลัยนี้ก็ถือว่าเด็ด แล้วแต่มึงเลยหวาน ซึ่งเราก็นัดกันว่าจะขึ้นหลังกระบะเล่นตั้งแต่กรุงเทพฯยันบางแสน ในเรื่องเล่นน้ำหลังรถกระบะนั้นแทนห่วงเรื่องความปลอดภัยจึงเลือกรถกระบะที่มีลูกกรงล้อมขึ้นมาประมาณคอ เพื่อป้องกันการร่วงหล่นและดูปลอดภัยมากกว่า ซึ่งเราทุกคนก็เห็นด้วย โจ๊กเลยอาสาจัดการเรื่องรถและนัดแนะเวลากันอย่างดี ซึ่งโจ๊กจะแวะรับทุกๆ คนถึงหน้าบ้าน

 

และแล้วก็ถึงเวลานัด

"เมียครับแต่งตัวเสร็จยัง โจ๊กจะถึงแล้วครับ" เร่งกูจริง

"เสร็จแล้ว" ผมออกมาพร้อมชุดยีนขาสั้น เสื้อแขนกุดสีขาว พร้อมเสื้อเชิ้ตคลุมทับลายโคตรพ่อโคตรแม่ดอก ดอกเด่นมองเห็นแต่ไกล

"ทำไมใส่เสื้อสีขาวมันโป๊นะครับ"

"โป๊ตรงไหนมึง อีกอย่างมันเป็นเสื้อ ไม่ใช่กางเกงเปียกยังไงก็ไม่เห็นKกูหรอก"

"แต่เปียกน้ำมันจะบางนะครับ เห็นหัวนมด้วยครับ"

"ดีกูจะได้โชว์ทั้งกล้ามท้องทั้งหัวนม กูจะตีหัวนมมิกค์ ทองระย้าพึ่งเกณฑ์ทหารไป ให้รู้ไปว่าหัวนมกูก็ไม่แพ้"

เอาให้รู้กันไปใครชมพูกว่า สาวๆ ต้องกรี๊ดกราดกูแน่นอน

"เมียมานี่หน่อยครับ" พูดเสร็จแม่งก็ควักมือเรียก

เรื่องเยอะจริงๆ มึง พอผมเข้าไปใกล้แม่งเท่านั้นและครับ แม่งกระชากผมลงโซฟา จับถลกเสื้อกล้ามมาคลุมหัว พร้อมบรรจงจูบตั้งแต่เอว จูบแล้วจูบอีก ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาเรื่อย จูบวนตรงหน้าอก ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา ตรงซอกคอ ค่อยๆ บรรจงจูบเรื่อยๆ ถี่ๆ จากที่ผมขัดขืน ก็เริ่มค่อยๆ เคลิ้ม โอนอ่อนตาม อืม… มันก็ดีนะ แต่ไม่รีบแล้วเหรอ ผมค่อยๆ เอามือเลื่อนไปโอบคอแทน

"โอเคครับ ปะ โจ๊กรออยู่" เอ๊า อยู่ดีๆ ก็ทิ้งกูกลางอากาศ ไม่ได้กูก่อนแล้วค่อยทิ้ง พูดเสร็จก็ลุกขึ้นไปส่องกระจกจับเสื้อผ้าผมตัวเอง ปล่อยให้กูนั่งงงเสื้อหลุด น้ำลายไหลลำพัง

"คิดดูดีๆ น่ะครับ ว่าเมียจะออกไปสภาพนี้จริงๆ รึเปล่า" พูดเสร็จแม่งก็แบกกระเป๋าทั้งของมันและผมออกไป เอ๊า ไม่เล่นกันต่อแล้วหรือมึง

ผมลุกขึ้นอย่างงงๆ มาจับเสื้อดูความเรียบร้อยหน้ากระจก

"เหี้ย"

ไอ้เหี้ยแทน มึงแม่งล่อกูซะลายพร้อยขนาดนี้ แม่งเจ้าเล่ห์ แม่งเล่นดูดผมซะลายพร้อยไปทั้งตัว ลายตั้งแต่สะดือยันต้นคอ อย่าว่าแต่ต้นคอนี่ก็เกือบจะขึ้นหน้ากูอยู่ล่ะ ไม่ดูดหน้ากูด้วยเลยล่ะ

 

ผมเดินไปรถอย่างเซ็งๆ มองหน้าตัวต้นตอที่หัวเราะเบาๆ ให้กับความสำเร็จของตัวเอง เดี๋ยวก่อนไอ้แทน ทีใครทีมัน

"เป็นเหี้ยไรว่ะหนึ่ง หน้าเป็นส้นตีนเลย" เดี๋ยวกูจะเล่นมึงด้วยหวานคดีมึงมีมากนัก ผมเบ้ปากใส่เบาๆ

"แล้วเป็นเหี้ยไร กูเห็นซื้อเสื้อลายดอกมาตั้งหลายตัว พอถึงวันจริงใส่เสื้อโปโลสีดำติดกระดุมยันคอหอยงี้"

"แดดแรงกูกลัวดำ"

"เออ แล้วแต่มึง"

"ว่าแต่มึงเถอะ ไอ้โจ๊กไม่ได้แวะไปรับเหรอ นั่งซ้อนมอไซค์มาใช่ไหมมึง สะก๊อยมาเลย"

"สะก๊อยบ้านมึงสวยระดับดาวมหาลัยเหรอมึง"

"โอยย เมียครับขึ้นรถมาก่อนค่อยเถียงกัน" มึงตัวดีเลยแทน

แทนยื่นมือมาช่วยดึงผมขึ้นหลังกระบะอย่างง่ายดาย แต่แรงที่มากเกินไปจนผมไปกระแทกกับอกแทน อืม…. โมเม้นมันได้ หรือจะต่อจากเมื่อกี้

"มึงๆ" โอยขัดกูจริงๆ

"กูร้อนน่ะมึง รอให้ถึงบางแสนก่อนได้ไหมมึงแล้วค่อยเอากัน" ชิบหาย ผมตกใจรีบผลักออกจากกันแทบไม่ทัน

 

โจ๊กเป็นคนขับซึ่งมีน้องเค้กนั่งอยู่เคียงข้าง เวลาน้องเค้กแต่งตัวเป็นผู้ชายก็น่ารักดีน่ะครับ ดูตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอม ซึ่งเหตุผลที่ไม่แต่งหญิง หรือเรียกง่ายๆ ว่าเลิกไปเลยเพราะโจ๊กไม่ชอบ บอกแต่งแล้วคนมองเยอะ ให้แต่งเล่นเวลาอยู่กันสองคน โอยยยยยยย เลี่ยนนนนน

เนื่องจากเป็นกระบะด้านหน้าจะนั่งได้แค่สองคน แม้แทนจะหวงน้องอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ค่อยมองตลอด มึงก็มากไปแทน มันได้กันจนถ้าน้องเค้กมันมีมดลูกป่านี้โจ๊กมันมีลูกสามล่ะ กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ

 

รถขับขึ้นทางด่วนและมุ่งตรงไปมอเตอร์เวย์อย่างรวดเร็ว โจ๊กให้เหตุผลว่ารถจะได้ไม่ติด อากาศจะได้ไม่ร้อน และอีกอย่างช่วงเทศการณ์อย่างงี้มันขึ้นฟรี แต่มึงได้คิดไหมว่าขึ้นทางด่วนมาอย่างงี้พวกกูจะสาดน้ำกับใคร หลักกิโลรึไง ทุกๆ คนก็ได้สาดกันเองและสาดตัวเองเพื่อบรรเทาความร้อนของอากาศ แม้รถบนทางด่วนจะไม่ติดแต่ระหว่างทางที่จะเข้าไปยังที่พักก็ติดมาก เพราะทุกคนเริ่มเล่นน้ำกันแล้ว ซึ่งพวกเราก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน กว่าจะถึงที่พักก็หมดแรง เฮ้อถึงสักทีกูเหนื่อย

 

"สรุปห้องนอนมีสี่ห้อง นอนกันยังไงดี"

โจ๊กเอ่ยถาม เนื่องจากเราเช่าบ้านทั้งหลัง ซึ่งที่พักไม่ได้ติดหาดเพราะมีถนนกั้น ซึ่งนั่นก็สะดวกในการเล่นน้ำ เพราะเราสามารถเอาถังน้ำมาเล่นกันหน้าบ้านได้เลย

"นอนแยกชายหญิงไหม พี่นอนกับตือ แทนหนึ่ง โจ๊กเค็ก กันนอนคนเดียว"

"แล้วหวานล่ะพี่หมอก"

"หวานนอนในรถไหม พี่กลัวคนมองหวานไม่ดี อีกอย่ารถมันล็อกได้ ปลอดภัย"

"โหยยยย ไม่เอาน่ะพี่โจ๊ก งั้นนอนแบบเป็นคู่ๆ ไหม"

"ไม่ได้ เค็กต้องนอนกับพี่แทน" มึงก็เรื่องเยอะแทน

"โอเค งั้นกูนอนกับโจ๊ก จบลงตัว"

"โหย น้องหนึ่งครับ พี่โจ๊กจะจัดให้ลืมแทนเลย" มึงก็เล่นกูซะขนลุก

"ไม่ได้ งั้นนอนกันสามคน"

"โอย แทนมึงอย่ามาเยอะ นอนเบียดกันทำไม"

"สรุปมึงจะเอายังไง"

"นอนกับเมียก็ได้ครับ" เออ ก็แค่นี้

"เค้กนอนอย่าล็อกห้องน่ะ โจรไม่น่ากลัวเท่าโจ๊ก มีอะไรร้องดังๆ น่ะ เดี๋ยวพี่ไปช่วย" ช่างเป็นภาพที่น่าดูและสวยงามพี่ชายเตือนน้องพร้อมลูบหัว ตามสบายเลยมึง เดี๋ยวกูแคะขี้มูกรอ

กว่าจะแยกย้ายกันอาบน้ำแต่งตัวก็เกือบทุ่มนึง เราจึงโทรสั่งไก่ทอดมากิน แล้วรีบเข้านอน เพื่อออมแรงไว้เล่นน้ำพรุ่งนี้ อืม แอร์เย็นๆ เตียงนุ่มๆ หัวถึงหมอนก็แทบจะหลับ

"เมียครับ ไปเดินเล่นทะเลกัน"

"อืม ไม่เอาน่ะมึงเหนื่อย"

"งั้นไปวิ่งไล่จับกันริมทะเลก็ได้" มึงดูละครมากไปไหมแทน ทำตัวเป็นสาววัยใสไปได้

"มึงไปดูน้องมึงไปแทน ป่านี้ไอ้โจ๊กมันขืนใจน้องมึงล่ะ"

"ไม่ต้องห่วงครับเมีย"

"ยังไง"

"ผัวเอาหมอนผ้าห่มโยนให้โจ๊กในห้องน้ำแล้ว อาบน้ำเสร็จนอนได้เลย นี่คล้องโซ่ล็อกกุญแจอย่างดี กลัวมีขโมยเข้าไปปล้นโจ๊ก เป็นห่วงเพื่อนน่ะครับ" นี่ขนาดเป็นเพื่อนสนิทมึงยังเป็นขนาดนี้

"ทำไมเป็นคนดี เอาผ้าห่มให้ด้วย"

"กลัวโจ๊กหนาว" กูประชด

"นอนเถอะมึงนอน"

"อยากไปเดินเล่นริมหาด ไปคนเดียวกลัวหลงกลับที่พักไม่ถูกน่ะครับ" โถ... พ่อคุณ

"เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปเดินด้วย"

"จริงน่ะครับ"

"เออ นอนนนน" แม่รีบวิ่งไปปิดไฟห่มผ้า ยังไม่วายมากอดแล้วนอนกรนใส่หูกูอีก

 

วันนี้วันที่ 14 ซึ่งเป็นวันเกิดกัน แต่เราทุกคนตกลงกันแล้วว่าจะแกล้งลืม แล้วค่อยเซอร์ไพรส์มันช่วงค่ำหลังจากกลับที่พักอาบน้ำเสร็จแล้ว ซึ่งทุกคนดูพร้อมกันเต็มที่เนื่องจากนอนกันเต็มอิ่ม ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้ใส่ชุดที่แสดงถึงความเป็นไทย ทางกลุ่มเราก็ร่วมมือกันอย่างดี ด้วยการใส่ชุดไทย แบบไหนน่ะเหรอครับ อย่าคิดว่าจะนุ่งโจงกระเบนห่มสไบนุ่งผ้าไทย นี่มากันในตีมแว๊นซ์บอย สะก้อยเกิร์ล พวกเราทุกคนต่างมาในชุดกางเกงลายดอกสีสันแสบโคตร ใส่เสื้อยืดสกรีนคำโคตรพ่อโคตรแม่แว๊นซ์

“ขับขี่ปลอดภัย พกถุงยางอนามัยทุกครั้ง”

“แว๊นซ์ 180 ยังไม่หลุดจากใจพี่”

แต่อันนี้ต้องชื่นชมโจ๊กเพราะแต่ขึ้นมาก พร้อมไม่ลืมหนีบรองเท้าหูหนีบยี่ห้อฮิต ถ้าไม่ได้เล่นน้ำกูก็คงมีเรื่องกับเด็กแว๊นซ์หน้าปากซอย ซึ่งเราจะปักหลักเล่นกันหน้าบ้านนี่แหละครับ เพราะกะว่าแดดร่มๆ ค่อยออกไปไม่ไหวร้อนเหลือเกิน นี่เลยนั่งนอนกันโง่ รอเวลา

 

"ทุกคน.... วันนี้วันอะไร" กันร่าเริงลงมาที่ชั้นล่างที่ทุกคนนั่งนอนตายรอแดด

"วันสงกรานต์ไงมึง น้ำเข้าหู สมงสมองไปหมดล่ะ"

"ไม่ใช่เว๊ยโจ๊ก นอกจากวันนี้เป็นวันสงกรานต์แล้วเป็นวันไรอีก"

"นั่นไง ทำไมทุกๆ คนลืม หวานเป็นแฟนกัน ทำไมจะไม่รู้"

"วันไรครับ"

"นี่ไง ออเจ้าจบไงวันนี้ วันบุพเพสันนิวาสแห่งชาติ นี่ตามทุกตอน"

มึงเล่นกันซะเป็นตลกคาเฟ่เลยมึง

"งั้นกันเฉลย วันนี้เป็นวันเกิดกัน" มึงตื่นเต้นมาก

"โถ กูนึกว่าวันอะไร ป่ะ ไปเล่นน้ำกันแดดร่มพอดี" พี่หมอก โจ๊ก แทน ต่างส่ายหัวและเดินออกไปเล่นน้ำ สนใจเพื่อนมึงด้วย มันคอตกล่ะ ซึ่งกูก็ไม่รู้จะทำไงได้แต่เดินตามพวกมันออกไปเดี๋ยวเสียแผน

 

ถึงหน้าถนนก็เป็นไปตามคาด รถติดยาวจนสุดตา ผู้คนต่างเล่นน้ำกันสนุกสนาน ฟังตรงข้ามเปิดเพลงช่างเข้ากับชุดกูมากสายย่อต้องมา ทุกคนต่างเล่นน้ำเต้นกันอย่างสนุกสนาน พวกมึงสนุกกันมาก จนกูว่ามึงลืมอะไรไปอย่างนะ ไอ้กันไงนั่งโง่ๆ เป็นหลักกิโลอยู่ด้านหลัง ขาดการเหลียวแลจากเพื่อน สักพักแม่งก็ลุกพรวดจนทุกคนตกใจ

"ในเมื่อเพื่อนไม่สนใจ สาวๆ ก็ต้องสนใจ มาครับสาวๆ มารุมปะแป้งพี่กันเร็ว"

กันตะโกนเสียงดัง สักพักนึง สาวบ้าง ไม่สาวบ้าง วิ่งกรูกันมาปะแป้งเป็นการใหญ่ ซึ่งกันขาวไปหมด หน้าหรือครับ ไม่ใช่ครับ เป้ากางเกงนี่แหละครับขาวโพลนทั้งด้านนอกด้านใน จนแตกคามือใครไปก็ไม่ทราบได้ เจ้าตัวถึงเดินเข้าบ้านไปนอนเลียแผลใจเพียงลำพัง เนื่องจากจับมือใครดมไม่ได้ ประดุจหนึ่งเสียสาวกลางวงสงกรานต์ ไม่รู้จะสบน้ำหน้าหรือสงสารดี  พวกมึงก็ใจโหดเหี้ยมไอ้แทนไม่สนใจเพื่อน เล่นน้ำกันต่ออย่างสนุกสนาน กูเลยต้องเล่นต่อเป็นเพื่อน

 

ทุกคนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเหมือนสงครามขนาดย่อมๆ แต่ก็ต้องเลิกเมื่อถึงช่วงเวลาห้าโมงเย็น เพราะคืนนี้เราจะมีปาร์ตี้เล็กๆ ฉลองวันเกิดให้ไอ้กัน ซึ่งกันยังคงงอนและเสียใจกับการเสียสาวกลางวงสงกรานต์อยู่ ซึ่งเราแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย พี่หมอกตือออกไปซื้ออาหาร โจ๊กแทนจัดโต๊ะและสถานที่ เค้กหวานเตรียมอาหาร ส่วนผมคอยดูต้นทางไม่ให้กันลงมาก่อนที่งานจะเริ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงหนึ่งทุ่มทุกอย่างเรียบร้อย เราทุกคนจึงให้หวานไปตามกัน ซึ่งลงมามึงหน้าคว่ำเป็นตูดเลย

"สุขสันต์วันเกิด" ทุกคนพูดประสานเสียงพร้อมกัน

ดูกันตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตรงสวนหน้าบ้านมีการจัดโต๊ะสำหรับกินเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ตัวเอง สักพักแม่งก็ร้องไห้

"ไอ้กันร้องทำเหี้ยไรว่ะ ซึ้งใจเพื่อนงี้"

"เปล่ากูจำไม่ได้ว่ากูเสร็จด้วยมือ ผู้ชายหรือผู้หญิง กูเสียใจ"

"แม่งไร้สาระ แต่กูไม่มีของขวัญให้มึงน่ะโว๊ย แต่กูมีนี่" โจ๊กพูดเสร็จพลางยกเหล้าลังใหญ่ออกมา

"พวกมึงแม่ง รออะไรเทสิมึง" มิตรภาพความเป็นเพื่อนนี่มันช่างแน่นแฟ้นจริงๆ นะครับ แม้จะโกรธกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ความเป็นเพื่อนมันก็ยังหล่อหลอมให้ทุกคนรักกันเหมือนเดิม ทุกคนต่างสังสรรค์เฮฮา จนเวลาเกือบห้าทุ่มกว่า ทุกคนเริ่มอิ่มและกรึ่มๆ ได้ที่

"กันหวานมีของขวัญมาให้กันด้วย"

"อะไรเหรอครับดีใจจัง"

"นี่" หวานพูดพลางยื่นของขวัญให้

กันค่อยๆ แกะของขวัญอย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องงงเมื่อของขวัญที่ได้เป็นขวดโลหะสีเงินมีที่ฉีดคล้ายขวดสเปรย์

"อะไรน่ะครับหวาน"

"ลองกดดู เห็นกันบอกอยากได้มานานล่ะ" กันทำตามอย่างว่าง่าย

"วิปครีม....  อุ๊ยอุ๊ย เน้นอุปกรณ์ ป่ะครับหวานไปใช้กันดีกว่า" พูดเสร็จก็ทิ้งพวกกูแล้วก็ไปใช้วิปครีมกันสองคน เออ วันเกิดมึงจะทำอะไรก็ทำ

 

หลังจากที่กันหวานทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ที่เหลือก็ช่วยกันเก็บของทำความสะอาดจนเรียบร้อย ต่างคนต่างขึ้นห้องนอน จนผมเริ่มสงสัย ทำไมวันนี้แทนไม่ห่วงน้องมันเลย

"แทนทำไมมึงดูไม่ห่วงน้องมึงเลยว่ะ ปล่อยให้ไปกับโจ๊กอย่างง่ายดายป่วยรึเปล่ามึง" หรือจะรับได้แล้วหรืออย่างไร

"ไม่ต้องห่วงครับเมีย โจ๊กไม่ทำอะไรเค็กหรอก"

"ทำไมมึงมั่นใจขนาดนี้"

"ตอนกินเหล้าผัวแอบใส่ยาถ่ายให้โจ๊กหนึ่งเม็ด" เลวจริงๆมึง

"มันจะเอาอยู่หรือยาถ่ายเม็ดเดียว"

"อยู่สิครับ ผัวใส่แก้วล่ะหนึ่งเม็ด โจ๊กดื่มกี่แก้วก็แก้วล่ะเม็ด"

ผมถอนหายใจใส่ในความเจ้าเล่ห์ หันกลังจะเดินขึ้นห้อง กลับต้องหยุดเพราะแทนดึงแขนไว้

"อะไรมึง" ยุ่งจริง

"ไปเดินริมหาด ยังไม่ไปเดินเลย เมียสัญญาแล้วน่ะครับ" อ้าวกูลืม แต่เป็นลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดครับ

"เออ ป่ะๆ ทำไมอยากเดินนัก"

"ป่ะๆ จูงมือกันไปเดินไป"

สักพักแม่งก็จูงมือมาริมหาด ซึ่งยามค่ำคืนต่างกับตอนกลางวันลิบลับ กลางวันแม่งคนเยอะจนแทบจะไม่มีอากาศหายใจ กลางคืนกลับสงบเงียบออกจะมืดไปด้วยซ้ำ

"แทนมึงปล่อยมือก่อนคนมอง"

"โอเค"

โอ๊ะ วันนี้ว่าง่าย เราเดินไปสักพัก ก็โอเคน่ะครับ อากาศเย็นสบาย มีเสียงคลื่นคลอ ได้กลิ่นทะเล แต่ดูมึงลุกลี้ลุกลนชอบกล

----------------------------------------

 
แทน


ทำการใหญ่ใจมันต้องเหี้ยม กว่าจะหลอกเมียมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และแล้วฝันก็เป็นจริง ว่าแต่กูจะเริ่มยังไงดีน่ะ

 

"เมียครับ รู้ไหมครับ คู่รักที่มาเดินทะเลลำพังตอนกลางคืน แบบนี้เค้าทำไรกัน" หูย เอาตรงๆ แบบนี้ยังไงเมียก็ต้องรู้น่ะครับ อิอิ

"แทนกูรู้ล่ะ ทำไมไม่บอกกูตรงๆ เรื่องแค่นี้กูไหวอยู่แล้ว"  หูย สู้คนด้วย

"เมียก็พูดตรงๆ ผัวก็เขิน" เอาล่ะกูสมใจอยากแน่

"เขินเหีัยไร ป่ะ ไปแดกไก่เหลืองกัน กูเห็นย่างอยู่ตรงโน้น ของขึ้นชื่อ ไม่แดกเหมือนมาไม่ถึง" เดี๋ยวววว เหมือนเราจะคุยกันคนล่ะเรื่องล่ะ

"ไม่ใช่ครับเมีย หยุดแดกและสนใจผัวสักนิด"

เผลอไม่ได้ แม่งจะลากไก่ลงน้ำอย่างเดียว

"โหยยยย อะไรน่ะมึง"

"เมียครับแดกจนแทบจะล่มจมขนาดนี้ผัวจะเลี้ยงไหวไหมนี่"

"ใครใช้ให้มึงเลี้ยง"

"เมียทั้งคนต้องเลี้ยงดูสิครับ นี่กะขุนให้อ้วนแล้วพาไปเชือด"

"บ้าใครเค้าแดกเนื้อกระต่าย" แล้วแต่จ้า

เราเดินเรื่อยเปื่อยสักพัก ไม่รู้ว่าไกลเท่าไหร่ เดินจนถึงจุดหมายจุดที่มาร์คไว้

"เมียครับ ปกติในละครนี่ พระเอกนางเอกมาทะเลเค้าทำไรกันครับ" ต้องตอบได้ มีเมียฉลาดครับ

”แดกอาหารทะเล มีไหมมึงแถวนี้" ผมคงตีค่าเมียผมสูงไป หยุดแดกครับเมีย

"ไปนั่งตรงโน้นเถอะครับ มีคนปูผ้าไว้ด้วย"

"อืม" เราสองคนลงนั่งบนผ้าที่ผมเตรียมไว้

"เมียครับบรรยากาศดีแบบนี้ อยู่กันสองคนแบบนี้ ควรทำไรดีครับ"

"มึงว่าเราขโมยผ้าปูนี่กลับได้ไหมมึง ใครลืมทิ้งไว้ว่ะ"

"โอยเมียครับสนใจผัวด้วย" เดี๋ยววิ่งหนีกลับปล่อยให้แม่งหลงหาทางกลับไม่เจอเลยนี่

"อะไรของมึงอีก" ไม่ได้ ไม่ได้เดี๋ยวเสียแผน ต้องใจเย็นๆ เอาใหม่ๆ

"เมียครับ บรรยายกาศดีๆ แบบนี้ อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ควรทำอะไรครับ"

"แดกไก่เหลือง นี่กูเริ่มหิวล่ะเนี่ย ไม่เห็นมีขายเลยแถวนี้ ทำไมตรงนี้แม่งมืดจัง"

"แล้วถ้าแดกไก่เหลืองเสร็จแล้ว ควรทำไรดีครับ" อิอิ

"แดกอิ่มแล้วก็ต้องนอนสิมึง" เจริญเมียกู แดกเสร็จแล้วนอน

"เอาใหม่น่ะครับเมีย สมมุติแบบ พระเอกนางเอกวิ่งไล่จับกันริมหาด วิ่งไปวิ่งมาแล้วล้มทับกันงี้ เค้าจะทำไรต่อครับ"

"ก็ต้องลุกขึ้นปัดทรายซิมึง" โอย ยากเย็น

"ไม่ใช่สิครับเมีย แบบฉากเลิฟซีน แบบคลอเคลียกันเสร็จปุ๊บ"

"โอยอันนี้กูดูบ่อย กล้องต้องซูมที่โคมไฟ"

"โอยยยย ไม่ไหวแล้วโว้ย"

"อะไรมึงอยู่ดีๆ ก็เกรี้ยวกราด ตะโกนซะดังเดี๋ยวคนก็แตกตื่น"

"เมียไม่ต้องห่วงครับผัวจ้างคนดูต้นทางให้แล้วครับ"

"อย่าบอกกูน่ะว่า"

"ครับ ผัวลวงเมียมาปล้ำ" กลัว กลัวล่ะสิ

"ดีมากแทน เข้ามาปล้ำกูเร็ว" เอ๊า ยอมง่ายๆ ซะงั้น

"ทำไมยอมง่ายๆ ล่ะครับ ตัวร้อนไหม" ผมพูดพลางเอามือแตะหน้าผากวัดไข้

"ป่วยเหี้ยไรล่ะ นี่อยากตั้งแต่มึงระดมจูบกูตั้งแต่วันก่อนล่ะ" ผมไม่โอเค ผมทำหน้าขึงขังขึ้นมาทันที

"ไม่ได้น่ะครับเมีย เมียอยากเมื่อไหร่ก็ต้องบอกผัว เราเป็นแฟนกันมีอะไรก็ต้องบอกกัน"

"ถ้ากูอยากมีไรกับมึง"

"ให้รีบบอกแล้ว แก้ผ้าวิ่งขึ้นเตียงครับ"

"ถ้ากูมีความทุกข์"

"ให้แก้ผ้าแล้ววิ่งขึ้นเตียงเหมือนเดิมครับ แต่ต้องช่วยกันทำให้เสร็จเร็ว บางทีเมียต้อง On Top จะได้รีบไปช่วยกันแก้ปัญหาครับ"

"รักกูดีเนอะ ดูมีน้ำใจ"

ผมไม่ตอบอะไร เลื่อนหน้าเข้าไปจูบและค่อยๆกอดเอนตัวลงช้าๆ บรรยากาศดีๆ อยู่กับคนรัก แล้วยังไงต่อน่ะเหรอครับ และแล้วก็ค่อยๆ ค่อยเลื่อนกล้องไปซูมที่โคมไฟ

 

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มีเสียงคลื่นขับกล่อมช่างดีจริงๆ เห็นหนึ่งนั่งเหม่อมองทะเล ผมจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งซ้อน สวมกอดจากด้านหลัง

 

"คิดอะไรอยู่ครับเมีย"

"ตื่นแล้วเหรอมึง" ผมพยักหน้า

"อยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ อยากอยู่กับมึงอย่างนี้ไปเรื่อย"

"ก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่ไงครับเมีย" ผมดึงหนึ่งเข้ามากอดให้แน่ขึ้น

"มันจะมีวันใดวันนึง ที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปไหม"

"ยังไงครับเมีย"

"ถ้าวันใดวันนึงที่กูรักมึงมาก แต่ในทางกลับกันมึงค่อยๆ หมดรักกู มันจะมีวันนั้นไหม"

"ทำไมคิดมาก ขี้แยเป็นสาวแรกรุ่นไปได้"

"กูแค่กลัวน่ะ ถ้าวันนึงกูอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว แล้วมึงทิ้งกูไปจะทำยังไง"

"ผัวไม่ทิ้งเมียหรอกครับ จะเอาเมียไปเรื่อยๆ"

"หมดกันบรรยากาศกู อุตสาห์จะพาซึ้ง"

"แล้วถ้ามึงเบื่อเอากับกูแล้วล่ะ จะทิ้งกูไหม"

"ผัวไม่เบื่อเมียหรอกครับ รักจะตาย จะเอาเมียไปเรื่อยๆ จนกว่าจะท้อง"

"บ้า กูจะเอาหมดลูกที่ไหนมาท้องให้มึง" นั่นหมายถึงแทนจะอยู่กับหนึ่งชั่วนิรันดร์ไงครับ

"แล้วสมมุตว่าถ้ามึงอยากมีลูก อยากเล่นกับเด็กขึ้นมาล่ะ"

"การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายน่ะครับเมีย อีกอย่างถ้าเราอยากเลี้ยงเด็ก หรือเล่นกับเด็กก็เล่นกับลูกเพื่อนก็ได้นี่ครับ ลูกกันหวานก็มี"

"แล้วถ้าหวานมันไม่ท้องล่ะ" อืม นั่นสิ

"เดี๋ยวไอ้กันก็ทำผู้หญิงอื่นท้องครับ ไม่ต้องห่วง" เรานั่งหัวเราะท้องแข็งกันสักครู่ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นและยื่นมือให้หนึ่ง

"ป่ะครับเมีย กลับกันดีกว่าน้ำค้างเริ่มลงล่ะ"

 

เราเดินจับมือมองวิวยามค่ำคืนอย่างช้าๆ นี่คงเป็นความโรแมนติกในแบบผู้ชายอย่างผม ผมรอเวลาที่จะอยู่เคียงข้างหนึ่งมานานแสนานาและผมก็สมหวัง มันทำให้รู้ว่าหนึ่งมีค่ามากสำหรับผม ผมไม่อยากเป็นแค่แฟนหนึ่ง แต่ผมอยากเป็นทุกอย่างของหนึ่ง เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นพ่อแม่ คอยดูแลหนึ่งตลอดไป มันไม่มีทางเลยที่ผมจะหมดรักหนึ่ง

 

"แทนกูถามไรหน่อยสิ"

"ถามไรครับเมีย"

"ถ้าวันนึงกูเริ่มเบื่อที่อะไรกับมึงแล้ว แบบลีลามึงก็เดิมๆ มึงจะทำไง"

"ผัวก็จะเริ่มจากเปลี่ยนสถานที่ ไหนๆ ก็ปากดีขนาดนี้แล้ว ผัวลากไปเอาในทะเลเลยแล้วกัน"

"ไอ้เหี้ย หื่นมากกก" หนึ่งสะบัดมือทิ้งแล้ววิ่งหนี ผมไม่รอช้ารีบวิ่งตามเหมือนตามโจรวิ่งราว

 

แม้ว่าการวิ่งในตอนนี้จะไม่โรแมนติกเหมือนในละคร ออกจะเป็นไล่ล่ามากกว่าด้วยซ้ำ แต่ผมว่าชอบน่ะครับ อย่างน้อยผมก็ได้วิ่งไล่จับล่ะ มันคงเป็นความโรแมนติกในแบบของเราสองคนล่ะครับ




--------------------------------------------




มาแล้ววววว มาไม่ทันสงกรานต์ แต่น้องก็มา ยังไงก็ทันวันไหลพระประแดงว่ะ แต่งนานมากกกกก หวังว่าตอนนี้คงจะฟินกัน กลับมาสู่สภาวะปกติในการทำงาน ส่วนน้องนั่นไม่ได้หยุดเลย ทำงานทุกวัน เหนื่อย! ยังไงรบกวนฝากผู้ของน้องด้วย อย่ารังแกนาง บอกว่าอย่าไงค่ะ อย่าน่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 30 [Update 19:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-04-2018 03:48:31
สมแล้วที่เป็นผัวเมียกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 30 [Update 19:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-04-2018 04:34:35
ลากลงไปในทะเล ในน้ำ พฤติกรรมมันคุ้น ๆ นะ เหมือน.............  :m17:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 30 [Update 19:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-04-2018 09:28:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

คงเส้นคงวาในความฮา แต่แฝงด้วยความละมุนละไม
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 30 [Update 19:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ปรางหฤดี ที่ 19-04-2018 10:46:57
ช๊บ ชอบบบ แต่งอีกเร็วๆ นะคะที่รัก เดี๋ยวเค้าค้าง อร้ายส์
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 30 [Update 19:04:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 13-05-2018 01:12:06
ตอนที่ 30 : แม่สามี VS ลูกสะใภ้


"เมียครับทำไรอยู่ครับ"

แทนเอ่ยถามขึ้นมาในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์ ที่ว่างจนแทบจะนั่งสิงห์โซฟา จะออกข้างนอกฝนแม่งก็ตกๆ หยุดๆ เลยนอนตายเป็นผักปลาอยู่บนโซฟา แต่จะให้นอนเฉยๆ คงจะไม่ได้ นักศึกษาแพทย์เกียรตินิยม อย่างกูจะต้องทำอะไรในเวลาว่างวะแทน ถามไม่คิด

"เล่น ROV อยู่ นี่กูกำลังตีกับไอ้กันมันๆ มีอะไร"

กำลังมันแม่งชอบขัด

"ดูยุ่งๆ น่ะครับ"

พูดเสร็จแม่งก็ลงมานั่งข้างๆ คุณคงคิดว่าคงจะทำเหมือนนิยายชวนฝันที่แทนจะนั่งลงแล้วโอบไหล่ แล้วนั่งพิงเอาหัวชนกันสิครับ โทษทีนะครับ นี่แทน แม่งนั่งลงแล้วเอามือมาเขี่ยหัวนมผม ให้เร็วพอๆ กับการกดแป้นพิมพ์ของผม

"ทำไรมึง กูยุ่งอยู่"

"เห็นเล่นน่าสนุก เลยอยากช่วยกดครับ"

"เลยมาเขี่ยหัวนมกูงี้"

"เขี่ยให้แข็งก่อนครับ เดี๋ยวค่อยช่วยจับกด"

เคยเป็นไหมครับแบบเล่นเกมส์ติดพัน มือแม่งก็ปล่อยจากแป้นไม่ได้ ตัวก็พยายามส่ายเลี่ยงมืออีกคนอยู่ แม่งก็ไม่หลุด เลื้อยไปมา แม่งเอ้ยยยย กูจะไม่ไหวแล้ว

"แพ้เลยกู เพราะมึงเนี่ยแทนแกล้งกู"

"อ้าวนี่ช่วยน่ะเนี่ย" ขอบคุณมึงมาก 

"เมียครับผัวมีอะไรจะบอก"

"มึงแอบขโมยขนมกูในตู้เย็นใช่ไหม กูว่าล่ะป๊อกกี้กูหายไป"

"ไม่ใช่ครับ แต่ป๊อกกี้เมียกินไปก่อนนอน ซากยังอยู่ข้างเตียงอยู่เลยครับ"

"อ้าว กูนึกว่าหาย กูไม่ได้ทิ้ง กูแบ่งมด สังคมแห่งการแบ่งปันมึงมันไม่มีน้ำใจ"

"ถ้ามดกัดทำไง"

"บ้า มดกูเลี้ยงไว้ มันไม่กัดเจ้าของหรอก เลี้ยงหมายังเชื่อง เลี้ยงมดทำไมจะไม่เชื่อง ไม่เชื่อกูเรียกมาให้ดู โม่โม่โม่" แทนถอนหายใจเล็กน้อย ยอมแพ้แล้วสิมึง

"เมียครับ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเมียว่างไหมครับ"

"ว่างสิ พรุ่งนี้เรียนเลิกเที่ยง ไม่ไปแดกร้านนั้นแล้วนะ กูยังท้องเสียอยู่เลย" สงสัยแดกหลายอย่างจัด แค่พูดกูก็อยากจะเข้าห้องน้ำ

"ดีครับ แม่ผัวจะมาเยี่ยมช่วงบ่ายสาม ไปรับแม่ผัวเป็นเพื่อนหน่อย"

ผมอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะคิดในใจ "แม่ผัว" แม่ผัวคือ แม่ใครว่ะ หรือย่ากูจะมา แต่ย่าก็ตายแล้วจะมายังไง แล้วแม่ใครจะมา อืมมมม ผมทำหน้างงก่อนจะกระจ่าง

"แม่ผัว คือแม่แทนจะมา"

"ฉิบหายยยย" ผมรีบวิ่งกระโจนเข้าห้องไปเก็บของ

"ทำไรครับเมีย"

"เก็บของสิมึง เดี๋ยวแม่มึงรู้ว่าอยู่ด้วยกันแล้ว ได้กันแล้ว เดี๋ยวแม่มึงจะด่ากูใจง่าย"

"แล้วไงครับ"

"แม่มึงรู้อาจจะไม่ชอบกูแล้วบังคับให้กูกับมึงเลิกกัน กูต้องหนี"

"แล้วทำไมไม่บอกว่าเป็นรูมเมทล่ะครับ" ผมชะงักเล็กน้อย

"ทำได้เหรอ"

"ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกัน เยอะแยะที่เป็นรูมเมทกัน ไม่จำเป็นต้องได้กันไปทุกคนสักหน่อย"

เอ๊า กูไม่รู้ กูไม่เคย

"อีกอย่างแม่ผัวก็ใจดี ต่อให้บอกว่าเป็นแฟนกันแม่ผัวก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ"

ดีจัง แต่เดี๋ยว

"มึงห้ามบอกแม่มึงน่ะว่ากูกับมึงเป็นแฟนกัน แล้วไม่ต้องไปบอกเลยน่ะว่าได้กันแล้ว เดี๋ยวจะช็อกเหมือนแม่กูคราวก่อน" กูต้องกันไว้ก่อน ไอ้นี่อยากจะพูดอะไรก็พูด

"อ้าว ทำไมห้ามบอกว่าเป็นแฟนกันล่ะครับ"

"กูยังไม่พร้อม เอาไว้พร้อมก่อน เดี๋ยวกูบอกเอง น๊าาาาาา" เป็นไงมึงเจอลูกอ้อนกูไป หวานอุตสาห์เทรนมาอย่างดี

"ก็ได้ครับ แล้วแต่เมีย" เสร็จเรื่องล่ะ

"เมียไปไหนครับ มาเล่นเขี่ยหัวนมกันต่อดีกว่า"

"เขี่ย เหี้ยไรล่ะ กูจะไปเล่นเกมส์"

ให้รู้ซะบ้างว่าบ้านมีใครใหญ่

 

วันนี้ผมมาเรียนตามปกติครับ มีแค่ครึ่งวันเช้า ขึ้นปีสองแล้วเรียนไม่หนักมาก อีกอย่างพึ่งจะช่วงเปิดภาคเรียน สบายๆ ครับ ผมเรียนจนเสร็จช่วงเช้า นั่งรอแทนใต้ตึกสักพักก็มา

ผมนั่งมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดเรื่องแม่แทนขึ้นมา ทำไมรู้สึกหวั่นๆ ชอบกล

 

"แทน แม่มึงจะชอบกูไหมว่ะ"

"ทำไมอยู่ดีๆ กังวลล่ะครับ หรือหิว กินขนมไหมมีอยู่ที่เบาะหลัง"

"ไม่ใช่มึง ขนมอยู่ตรงไหนน่ะ"

หลังจากแกะขนมแดกเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ทำไมพอใกล้ถึงแม่งยิ่งกังวล ไม่ได้เราต้องศึกษาวิธีเอาใจแม่ผัว สรุปนี่ต้องยอมรับตัวเองแล้วใช่ไหมว่าเป็นเมียไอ้แทนมัน เอาน่าๆ ยอมๆ มันไปก่อน เดี๋ยวสบโอกาสค่อยยัดเยียดความเป็นผัวให้มัน

"แทน แม่มึงเป็นคนยังไงน่ะ"

"แม่เหรอออออ เป็นคนตลก แล้วก็ใจดีนะครับ กับลูกนี่เหมือนเป็นเพื่อนกันซะมากกว่า มีอะไรพูดกันตรงๆ ได้เลย ปกติมีปัญหาก็คุยกันตลอด" ดูท่าจะเข้าหาแม่ไอ้แทนไม่ยาก

"แล้วแม่มึงชอบคนแบบไหน"

"ชอบคนแบบไหนเหรอครับ ชอบคนตลก จริงใจ ว่านอนสอนง่ายมั๊งครับ อันนี้ไม่เคยถามแฮะ น่าจะราวๆ นี้"

อืม ด้วยทักษะการปรับตัวประดุจกิ่งก่าของกูแล้ว น่าจะไม่น่ายาก ผมค่อยๆ เก็บข้อมูล เออ ดูไม่น่ายากแฮะ พอคิดได้ก็ค่อยวางใจ

 

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสนามบิน แต่จะมานานตรงหาเกตทางออกของสายการบินที่แม่แทนจะมา คนมากมายล้านแปด ทางขึ้นลงก็ดูงงงวย แต่ดีที่แทนค่อนข้างคุ้นเคยเลยไม่ยากเท่าไหร่ เครื่องดีเลย์เล็กน้อย ผมกับแทนจึงนั่งรอแถวทางออก รอสักพักก็มีเสียงคนเรียก

 

"แทน"

ผมกับแทนต่างหันไปตามเสียง แทนลุกขึ้นไปกอดกับผู้หญิงต้นเสียงทันที ซึ่งเดาไม่ยากว่าผู้หญิงคนนั้นต้องต้องเป็นแม่ไอ้แทนแน่ๆ

หลังจากที่ยืนสังเกตุแม่แทนสักพัก ต้องยอมรับน่ะครับว่าแม่แทนสวยและยังสาวมาก ดูท่าจะดูแลตัวเองดีพอๆ กับแม่ผม ทำไมเห็นแม่ลูกเค้ากอดกันหลังจากไม่เจอกันนานแล้วรู้สึกดี

"นั่นใครน่ะลูก" แม่แทนทักผมสะดุ้งเฮือกยกมือไหว้แทบไม่ทัน

"สวัสดีครับ"

"นี่หนึ่งครับ เป็นเมี...." ผมรีบเอามืออุดปากไอ้แทนแทบไม่ทัน

"เมท ครับเป็นรูมเมทแทนครับ"

"ดูสนิทกันดีเนอะ หนึ่งช่วยแม่ลากกระเป๋าหน่อยลูก"

ผมพยักหน้าพร้อมทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย

มีคนเคยบอกว่าคนเจอหน้ากันความประทับใจครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญ สรุปเมื่อกี้แม่แทนมันประทับใจกูไหมนี่ แม่เค้าจะมาอยู่กี่วันนี่ ทำไมกระเป๋าหนักจัง ท่าจะแพงอยู่ หลุยส์ทั้งใบ ผมค่อยๆ เข็นตามช้าๆ

 

"หนึ่ง เอาแบกขึ้นหลังได้ไหมลูก แม่กลัวกระเป๋าเป็นรอย"

หา ผมกับแทนมองหน้ากันไปมา กูจะแบกยังไง ขนาดลากกูยังจะไม่รอดเลย

"งั้นเดี๋ยวแทนช่วยดีกว่าครับแม่ หนึ่งไม่น่าจะไหว"

"แทนมาช่วยจูงมือแม่ดีกว่าเดี๋ยวแม่หลง กระเป๋าหนึ่งน่าจะยกคนเดียวไหว ไม่ได้หนักอะไร"

"ไม่เป็นไรแทน หนึ่งไหว"

เอาก็เอาว่ะ เผื่อเอาใจแม่สามี ผมเอากระเป๋าแบกขึ้นบ่าเดินอย่างทุลักทุเล ดีหน่อยที่มีแทนคอยช่วยยกลงเมื่อถึงรถ ไม่งั้นกูคงต้องตีลังกาลง ผมยืนเหนื่อยพิงรถอยู่ตรงท้ายรถ ทำไมแม่งเหนื่อยขนาดนี้ สงสัยช่วงหลังไม่ค่อยออกกำลังกาย

"หนึ่งหิวน้ำไหมลูก" แม้ว่าในแวบแรกผมจะสงสัยว่าแม่แทนจะเกลียดผม แต่ถ้าแม่แทนห่วงผมขนาดนี้ คงจะเอ็นดูผมสิน่ะครับ ฮอล

"ครับ"

"ดีเลยลูก เดี๋ยววิ่งกลับไปซื้อน้ำข้างในให้แม่หน่อย สามขวดน่ะลูกเผื่อหนึ่งด้วย" อ้าวววว

"แม่ครับเดี๋ยวแทนแวะซื้อให้ข้างทางก็ได้ครับ"

"แม่อยากกินน้ำที่ขายในสนามบิน"

"ที่ไหนก็เหมือนกันแหละครับ"

"ไม่เหมือนที่นี่ขวดล่ะ 60 แพงกว่า แสดงว่าต้องมีอะไรดีกว่าแน่ๆ" แม้จะงงกับตรรกะแม่แทนเล็กน้อย แต่เผื่อเอาใจแม่สามี เอาก็เอาว่ะ

"เดี๋ยวหนึ่งไปซื้อให้ก็ได้ครับแม่" ผมรีบรับเงินแล้วเดินเข้าไป

"หนึ่ง วิ่งลูก แม่อยากได้เย็นๆ" สิ้นเสียงผมนี่แทบวิ่งสี่คูณร้อย ทำขนาดนี้ยังไงก็ต้องรักและเอ็นดูกูบ้างล่ะวะ

 

ขับรถไม่นานนักก็ถึงคอนโด แม้จะยังต้องแบกกระเป๋าแต่ก็ยังถือว่าสบายครับ แม้จะต้องทนดูความกระหนุงกระหนิงของสองคนแม่ลูก แต่ก็ต้องทำตัวดีให้แม่สามีรักให้แม่สามีหลง ว่าแต่ช่วยเดินเร็วๆ กันหน่อยได้ไหมครับ หลังจะหักแล้วววว

 

ผมวางกระเป๋าลงอย่างเบามือ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งหอบบนโซฟา เฮ้อออออ ถึงบ้านสักที

"เดี๋ยวแทนพาแม่ไปดูห้องนอนหน่อย แม่อยากอาบน้ำเหนียวตัวไปหมดล่ะ"

โอ๊ะ แม่แทนมาต้องแยกห้องนอนล่ะสิ สบายกูล่ะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน กูจะเล่นเกมส์แม่งโต้รุ่งเลย ไปอาบน้ำบ้างดีกว่า

 

ผมใช้เวลาไม่นานมากในการอาบน้ำ เฮ้อ เวลาร้อนๆ เหนียวตัว กลับมาได้อาบน้ำก็สบาย ผมนั่งลงโซฟาตรงข้าง สองคนแม่ลูกที่กระหนุงกระหนิงกันอยู่ไม่ขาดสาย รักกันเหลือเกิน กำลังจะหย่อนก้นลงนั่ง

 

"แม่ว่ามันไม่ถูกหวงจุ้ยน่ะลูก มาจัดกันใหม่ดีกว่า หนึ่งช่วยยกโซฟาให้แม่หน่อยลูก"

กู กูอีกแล้ว

"เดี๋ยวแทนช่วยครับแม่จะได้เสร็จเร็วขึ้น"

"ไม่เอาเดี๋ยวลูกมาช่วยดูในครัวดีกว่า ว่าต้องย้ายอะไรไหม"

สรุปต้องกูใช่ไหม

"เดี๋ยวหนึ่งทำเองคนเดียวก็ได้ครับแม่"

"งั้นเดี๋ยวหนึ่งย้ายโซฟาไปทางขวา ทีวีไปซ้ายกลาง แจกันนี่แม่ว่าวางไว้หลังทีวีดีกว่า โต๊ะกลางนี้ตั้งเอียงไปทางซ้ายหน่อย ส่วนหนังสือนี้เรียงใส่ชั้นไม่สวยวางใต้โต๊ะละกัน" สรุปอันไหนวางไหน กูงงมาก

"งั้นแม่ฝากหนึ่งด้วยน่ะ ส่วนครัวแม่ว่าทำพรุ่งนี้ดีกว่า แม่ง่วงล่ะ แทนไปนอนคุยกับแม่ดีกว่า แม่คิดถึง"

แม้แทนจะมองหน้าผมพร้อมคำถามที่หน้าว่าเอาไง แต่ผมก็พยักหน้าและแสดงท่าทางว่าโอเค มึงอย่าพึ่งกวนสมาธิกูแทน สรุปอะไรไว้ไหนน่ะครับ แม่ผมขออีกรอบ

 

หมดกันครับคืนนี้ที่วางแผนไว้  เรียกว่าขึ้นเตียงก็แทบสลบ ปวดเหมื่อยทั้งตัว กำลังจะหลับแต่ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อมีมือมากอดจากด้านหลัง

"แทนถ้าแม่มึงให้มาปลุกไปย้ายเตียง กูไม่ไหวขอเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้น่ะ"

"เปล่าครับนี่ปลุกมาย้ายตู้เย็น" ยังมีอารมณ์มาเล่นมุกใส่กูอีก

"ขอโทษน่ะครับเมีย เหนื่อยไหม"

"ขอโทษทำไมมึง แม่มึงก็เหมือนแม่กู เรื่องแค่นี้" ผมหันหลังไปกอดอีกฝ่าย

"ขอบคุณน่ะครับ ที่รักกัน" ผมพยักหน้าเล็กน้อย กำลังจะเคลิ้มหลัง แต่ต้องตื่นเมื่อมีมือค่อยๆ เลื้อยไปในเสื้อ

"ทำไรมึง"

"ก็จะให้พูดหรือครับ เดี๋ยวเมียจะอาย"

"หยุดแม่มึงอยู่ห้องตรงข้าม เดี๋ยวแม่มึงได้ยิน"

"ก็ทำค่อยๆ สิครับ"

"บอกกูหรือบอกตัวเองแทน"

"ถ้ามึงไม่หยุดกูทีบตกเตียงน่ะ"

"ใจร้าย งั้นนอนกอดกันเฉยๆ ก็ได้ นาาาาาาาา"

"เออ นอนเฉยๆ ล่ะมึง" อาจจะด้วยความเหนื่อยหล้าทำให้ผมหลับไปอย่างง่ายดาย ตื่นขึ้นมาอีกที แทนก็ออกจากห้องไปแล้ว สงสัยกลัวแม่มันสงสัย สรุปมันนอนเฉยๆ น่ะครับ แต่ว่างๆ ไม่มีไรทำเลยแก้ผ้ากูไปด้วย เห็นกูเผลอหน่อย ล่อกูซะแดงเป็นรอยจูบทั้งตัว สรุปมึงไม่ได้ทำไรใช่ไหมแทน

 

ผมตื่นเช้ามากกว่าทุกวัน การทำตัวให้ผู้ใหญ่เอ็นดูไม่ใช่เรื่องยาก ผมเลยตื่นมาทำข้าวต้มกุ้งมัดใจแม่สามีตั้งแต่เช้า แม่สามีจะได้รู้ว่ากูไม่ได้ถนัดแต่ใช้แรง งานบ้านนี่ก็ได้ ส่วนใหญ่แทนจะทำอาหารซะส่วนมาก นี่เลยเป็นครั้งแรกที่ผมทำอาหารให้มันกิน ข้าวต้มก็ไม่ยากอะไรครับ ง่ายๆใส่เนื้อสัตว์ ข้าว รสดี โรยผัก เป็นอันเสร็จ เด็กอนุบาลก็ทำได้ แม่สามีจะไม่รักไม่หลงได้ไงครับ อิอิ

 

ผมใช้เวลาทำไม่นานมากครับ ประจวบเหมาะกับที่แม่และแทนตื่นพอดี

"โหย ทำไมมีอาหารเช้าด้วยล่ะครับ เมียทำเองหรือครับ"

"เออ แม่มึงจะชอบไหมว่ะแทน"

"แหม ทำขนาดนี้ทำไมจะไม่ชอบ นี่ถ้ารู้ว่าไม่ใช่รูมเมท ป่านี้จับแต่งงานกันไปแล้วครับ" อย่ามาปากหวานแทน หลอกกูไม่ได้หรอก

"ทำไรกันอยู่ลูก" แม่แทนส่งเสียงทักทาย แม่แทนยังสาวและสวยมากน่ะครับ ขนาดพึ่งตื่นนอนไม่แต่หน้าหน้ายังเป๊ะ

"ทานข้าวต้มกุ้งครับแม่ หนึ่งทำให้"

"อืม ดูน่าทานดีน่ะลูกเก่งจัง" ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

"วันนี้หนึ่งไปไหนไหม ไปช็อปปิ้งกับแม่ไหม"

"ครับ" ผมตอบรับอย่างง่ายดาย สงสัยจะคิดมากไป แม่แทนออกจะรักและเอ็นดู

 

ตัดภาพมาที่ห้างชื่อดังย่านสยาม

 

เฮ้ออออ สรุปเรียกกูมาถือของ ผมยืนรออยู่หน้าร้านพิงระเบียง ถือถุงพะรุงพะรัง มองสองคนแม่ลูกสนุกกับการซื้อของ พลางหันหลังมองทอดสายตายาวไปด้านล่าง การเข้าหาแม่แทนคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งๆ ที่พยายามแล้ว แต่ทำไมมันไม่ได้ผล เฮ้อออออ ผมถอนหายใจอีกครั้ง

"เป็นไรครับเมีย" ผมสะดุ้งหลังจากมีเสียงทักทาย พร้อมโอบไหล่จากด้านหลัง

"แม่มึงล่ะแทน"

"ลองเสื้ออยู่ครับ"

"แทน ถ้าแม่มึงไม่ชอบกูหรือเกลียดกู กูจะทำยังไง"

"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ"

"เฮ้ออออ  กูก็พยายามทำตัวดีทุกอย่าง แต่คงไม่ดีพอสำหรับแม่มึง"

ผมเอนหัวซบไหล่อีกฝ่าย บางครั้งในยามอ่อนแอเราก็ต้องการใครสักคนโอบกอดปลอบใจ

"เมียครับผัวมีไรจะบอก จริงๆ แล้ว...."

"ทำไรกันลูก" ผมสะดุ้งเฮือกผลักแทนออกแทบไม่ทัน

"แม่เสร็จแล้วเหรอครับ มาครับหนึ่งช่วยถือ" มือไม่ว่างล่ะ เอาปากคาบแล้วกันน่ะฮะ

"ทำไมเมื่อกี้กอดกัน"

"หนึ่งคันน่ะครับ แทนเลยเอื้อมมือมาเกาให้"

เชื่อไหมว่ะ นี่กูเอาสีข้างถูเรียบร้อย

"อ้อจ๊ะ" เอ๊าเชื่อว่ะ

"หนึ่งท่าทางเหนื่อย งั้นหนึ่งไปพักเถอะ" หรือแม่สามีจะรัก มีเป็นห่วง

"งั้นหนึ่งกลับบ้านไปก่อนน่ะจ๊ะ เดี๋ยวแม่เดินสักพักจะตามไป" ไล่กูกลับซะงั้น

"เดี๋ยวแทนเอาของไปเก็บที่รถแล้วกลับพร้อมกันก็ได้ครับ"

"ไม่ได้ลูกแม่ยังอยากเดินอีกหลายร้าน เดี๋ยวห้างปิด"

"ไม่เป็นไรแทน งั้นหนึ่งกลับก่อนน่ะครับ"ผมยกมือขึ้นไหว้  พร้อมยกของเดินออกมา

เฮ้ออออ พยายามทุกอย่างแล้วจริงๆ

 

ผมนั่งแท็กซี่กลับพร้อมนั่งมองบรรยากาศฝนตกในช่วงพกค่ำ นี่ขนาดบอกว่าเป็นรูมเมทยังขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเป็นแฟนกันจะขนาดไหน จริงๆ แม่ทุกคนคงอยากให้ลูกคบกับคนที่ถูกต้อง มีหลานให้เลี้ยงอยู่อย่างครอบครัวสุขสันต์ พอเป็นผู้ชายด้วยกันคงจะยากที่จะยอมรับ หรือแม่แทนเห็นอะไรบางอย่างเลยพยายามกีดกัน อนาคตช่างดูหมองมัวนัก ยิ่งคิดมากยิ่งปวดหัว ผมเดินเอาของของแม่แทนไปวางในห้องนอนเรียบร้อย พลางเปิดตู้เย็น หาน้ำเย็นๆ กิน แต่ต้องสะดุดกับกระป๋องน้ำสีชมพูสดใส วางไว้เป็นแถว ท่าแม่แทนจะซื้อมาฝาก สีน่าอร่อย แอบกินสักกระป๋องไม่น่าจะเป็นไร แต่ทำไมยิ่งดื่มยิ่งเพลิน รสมันหวานๆ ขมๆ อร่อยดี รู้สึกตัวก็กินไปแล้วหกกระป๋องทำไมมันมึนๆ แล้วก็ง่วงงงง

ผมได้ยินเสียงเปิดประตู ใครรรรรรรรนาาาาาาา


--------------------------------------------------------

แม่แทน

 

ที่สนามบิน

หลังจากหนึ่งไปซื้อน้ำ

"ทำไมลูกสะใภ้แม่น่ารัก"

"ทำไมแม่แกล้งหนึ่งล่ะครับ" ไอ้ลูกคนนี้ทำฟึดฟัดใส่แม่

"ก็หนึ่งน่าแกล้งดีน่ะลูก ตัวขาวๆ น่ารัก แม่ชอบ นี่ตอนเดินแบกกระเป๋าแล้วขาสั่นแม่ช๊อบชอบ อยากแกล้งให้ร้องไห้"

"เมียผม ผมแกล้งได้คนเดียว"

"ทำไมเรียกเมีย ล่วงเกินน้องเค้ารึเปล่า"

"เปล่าครับนี่คบใสๆ นอนจับมือตลอด" ทำไมสายตาหลุกหลิกลูกคนนี้

"สรุปไม่ได้ล่วงเกินน้องเค้าใช่ไหม"

"ทำไมแม่เรียกหนึ่งว่าน้องละครับ ทั้งๆ ที่อายุเท่ากัน เหมือนเพื่อนผมเรียกเลย"

"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง"

"หนึ่งมาล่ะครับ"

ไอ้ลูกคนนี้ กะล่อนเจ้าเล่ห์จริงๆ สงสัยได้เชื้อมาจากพ่อ แม่มันก็ออกจะเรียบร้อย ลูกสะใภ้มาล่ะ แกล้งลูกสะใภ้ต่อดีกว่า แต่....หรือมันจะนิสัยเหมือนแม่

 


ทำไมห้องมืดๆ ลูกสะใภ้แม่ถึงบ้านแล้วนี่  แต่ข้อสงสัยก็หมดไป เมื่อเดินเข้าไปในครัว พบลูกสะใภ้นอนฟุบอยู่บนโต๊ะพร้อมกระป๋องเหล้ากลิ้งอยู่บนโต๊ะ สงสัยจะนึกว่าเหล้าองุ่นเป็นน้ำผลไม้ ซัดไปเต็มที่ท่าจะเมามาก เราต้องอาศัยช่วงนี้แหละ

 

"หนึ่ง ตื่นๆ ตื่นๆ" หนึ่งชะโงกหัวขึ้นโงนไปมา

"ใครน่ะ" เอาไงดี ต้องปลอมตัว เอาคนนี้ล่ะกันหน้าเหมือนหน่อย

"นี่อั้มเองค่ะ"

"อั้มไหนอาาา อั้ม อภิชาติเหรอออ" โอยยยยยยย

"อั้ม ภัชราภา" พร้อมทำหน้าแบ้วเต็มที่ คนเมาส่วนมากไม่ค่อยมีสติ หนึ่งเพ่งตาจ้องหน้า

"ไม่ ไม่เหมือน แก่ไป" ใจเย็นๆ เราเป็นแม่ โบราณว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา

"หวานเหรอ"เออ หวานก็หวาน

"ใช่ เราหวานเอง"

"มาทำมายล่ะ"

"เรามีเรื่องแทนมาถามหน่อย"

"อืม ไอ้แทนที่เลวๆ ใช่ป่ะ" คนเดียวกันไหมว่ะ

"ก่อนหนึ่งมาเจอแทน หนึ่งว่าแทนเป็นคนยังไง"

"เป็นไงเหรออ ไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ไม่เป็นเอดส์ตายก็บุญล่ะ แม่งมั่วชิบหายเอาตั้งแต่ภารโรงยันผอ. ไม่รู้แม่มันเลี้ยงมายังไง" เอ๊า ด่ากู

"แล้วหลังจากเจอแทนล่ะ รักแทนไหม"

"รัก แต่..."

"แต่อะไร"

"แต่แม่มันไปชอบกูน่ะ ฮืออออออ" เอ๊าร้องไห้ล่ะ ยังไม่ทันแกล้งเลย ปลอบคนเมาไปสักพัก ก็นึกถึงเรื่องที่สงสัยออก ในเมื่อเจ้าตัวไม่ตอบถามลูกสะใภ้ดีกว่า

"แทนกับหนึ่งได้กันยัง"

"อย่าว่าแต่ได้กันเลย รูจมูกยังไม่เหลือเลย" พูดเสร็จก็กลับไปนอนกลิ้งตามเดิม

 

"แม่" มาล่ะลูกตัวดี ไหนบอกไม่ล่วงเกินน้อง แสบจริงๆ เชื้อพ่อมันแรงงงง

 

-------------------------------------


ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงตัวเอง ปวดหัวเล็กน้อย มองเห็นแสงไฟจ้าบนเพดาน

"ตื่นแล้วเหรอ" ผมหันไปตามเสียงเห็นแทนนั่งอยู่ตรงหัวเตียง

"อืม ปวดหัว" ผมลุกขึ้นนั่ง

"เมียกินเหล้าไปน่ะครับเลยเมา"

"อืม" อ้าวเฮ้ย

"ปลดกระดุมเสื้อทำไม"

"เมียเมาตัวแดงน่ารักดีน่ะครับ"

"แล้ว?"

"มามีไรกัน"

"เฮ้ย ใจเย็น เดี๋ยวแม่มึงได้ยิน ไอ้แทนใจเย็นนนนนนน"

"ทำไมขัดขืน"

"ปกติกูยินยอมเหรอ"

"งั้นเอางี้ เล่นทายคำถามกัน ทายถูกจะไม่ปล้ำ" เอาก็เอาว่ะ ดีกว่ากูไม่มีตัวเลือก ผมพยักหน้า

"คำว่า เรา กับ เขา เมียเลือกคำไหน"

อืม เราต้องหมายถึงมึงกับกูแน่ งั้นเอาเขาล่ะกัน น่าจะหมายถึงกูคนเดียว

"เขา เอาเขา"

"งั้นเฉลยน่ะครับ เราคือ รอ-เอา-เรา เค้าคือ ขอ-เอา-เขา ในเมื่อเมียขอ ผัวก็ให้ครับ" พูดเสร็จแม่งก็ไซร้ซอกคอ

"เดี๋ยว เสียงดัง" พูดเสร็จแม่งก็ถอนหายใจ แล้วเอาสก็อตเทปมาปิดปาก

"เดี๋ยวมึง เดี๋ยว"

"หาอะไรน่ะ ไม่ได้ยินแล้วน่ะครับเมีย สบายใจได้"

"เดี๋ยว เดี๋ยวววววว ฟังกูก่อน"

 

หลังจากกระทำชำเรากูอย่างไม่เหลือชิ้นดี ด้วยข้อหาเมาแล้วตัวแดงน่ารัก ตื่นเช้ามาก็มายิ้มสุขภาพดีอยู่หน้าโต๊ะกินข้าว

"มีความสุขจังน่ะมึง ดูเปร่งปรั่ง"

"ครับเมีย"

"แม่ไปไหนล่ะมึง ทำไมเงียบ"

"แม่ไปโรงแรมครับ ไปเตรียมสถานที่ วันนี้แม่จะหมั้นสาวให้ครับ"

"หืมมมม เอาอีกทีสิ"

"แม่จะหมั้นสาวให้ ผัวตื่นเต้น ต้องรีบไปโรงแรมX ห้องอาหารX เวลาบ่ายโมงครับ ว่าแล้วไปดีกว่า" พูดเสร็จก็ลุกไปใส่สูทที่วางไว้บนโซฟา

"ไปน่ะครับเมีย" พูดเสร็จก็โบกมือหยอยๆ แล้วจากไป

เดี๋ยวน่ะ เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก พอดีกูพึ่งตื่น สติยังไม่เข้าร่าง ขอทวนนิด คือ แม่จัดงานหมั้น จะไปหมั้นสาว แล้วกูล่ะ เอากูไปไว้ไหน

ผมค่อยๆ คิดทบทวนว่าจะเอายังไงกับชีวิต จะปล่อยให้แทนมันไปมีความสุขกับคนอื่น หรือจะเห็นแก่ตัวหวงและเก็บมันไว้คนเดียว แต่ยังไงในความสัมพันธ์มันดูเป็นไปได้น้อยมาก ในเมื่อแม่แทนไม่ชอบผม ยังไงวันนึงมันก็ต้องจบอยู่ดี ไม่วันนี้วันหน้าก็ต้องจบ

ผมควรจบวันนี้เลยดีหรือเปล่า แต่ในบางครั้งความรักก็อยู่เหนือเหตุผล คำว่ารักทำให้กล้าขึ้นมาเสี่ยงต่อสู้และแย่งชิง เมื่อคิดได้เช่นนั้น ผมเลยรีบวิ่งมาทั้งชุดนอน ใส่รองเท้าแตะ รีบโบกแท็กซี่ไปโรงแรมตามที่แทนบอก ได้กูจนหนำใจจะทิ้งกูไปหมั้นคนอื่น มึงนี่เลวจริงๆ แทน

 

ไม่นานนักก็ถึงผมรีบถามทางจากล็อบบี้ชั้นล่าง ขึ้นไปด้วยอารมณ์ฉุนเชียว ถ้ามึงไปมีคนอื่นกูจะตัด ตัดไม่ให้เหลือตอ ผมค่อยๆ หยุดวิ่งเมื่อใกล้ถึง ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากด้านใน น่าจะเป็นเสียงของผู้หญิงที่แทนมาหมั้น ทำไมเสียงมันคุ้นๆ ผมไม่นึกเอ๊ะใจอะไร ผลักประตูเข้าไปพร้อมแสดงตัวตน

 

"ตายแล้วลูกคนนี้ สงสัยร้อนรน อยากรีบๆ หมั้นนะคะ มาทั้งชุดนอนเลย" อ้าว แม่มาทำไรอ่ะ

"มานั่งนี่สิลูก" ผมรีบลงนั่งข้างแม่อย่างงงๆ

"แม่ มาทำไรน่ะครับ"

"อ้าว แทนไม่ได้บอกหรือลูก" ผมส่ายหน้า

"แม่แทนเค้ามาขอหมั้นเราไว้ก่อนน่ะ เห็นว่าอยู่ด้วยกันแล้ว กลัวลูกเสียหาย" อ้าว ทำไมไม่บอกกูดีๆ

"ตอนแรกแม่ก็กะจะรอให้เราสองคนเรียนจบก่อนค่อยหมั้น แต่นี่ลูกแม่ล่วงเกินหนึ่งแล้ว แม่เลยคิดว่ารีบมาคุยจะดีกว่า อยากจะทำอะไรให้ถูกต้อง"

"แม่ไม่เกลียดผมหรือครับ"

"แม่จะเกลียดหนึ่งทำไม ลูกดูน่าแกล้งจะตาย อีกอย่างตอนเมาตัวแดงน่ารักดี" ประโยคคุ้นๆ น่ะครับ ที่แท้ไอ้แทนมันเหมือนแม่นี่เอง

"แม่ขอโทษที่เลี้ยงลูกออกมาหื่นกาม ขอโทษที่ไม่ได้รีบมาจัดการให้เรียบร้อย หนึ่งมาเป็นครอบครัวเดียวกับแม่น่ะลูก"

ผมน้ำตาไหลร้องไห้ ไม่คิดว่าความพยายามที่ทำมาจะได้ผล จากคนที่สิ้นหวังกลับมีความหวังขึ้นมาอีก

"เมียร้องไห้ทำไม"

"กู กูอยากแต่ตัวดีๆ น่ะแทน"

"โถ นึกว่าเรื่องอะไร ผัวเตรียมชุดมาให้ล่ะ ไปซื้อกับแม่เมื่อวานตอนเมียกลับบ้านก่อน" มิน่าล่ะไล่กูกลับบ้านจัง

 

ผมออกไปพร้อมแทนแต่งตัวในห้องของโรงแรมที่จองไว้

"เสร็จยังครับเมีย"

"เสร็จแล้ว" เร่งกูจริง

"ไหนดูสิ" แทนเดินเข้ามาติดกระดุมและผูกไทด์ให้ ผมจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า ผมรู้สึกผมโชคดีน่ะครับ ที่ได้รับความรักจากคนๆ นึงอย่างหมดหัวใจ มากเกินกว่าที่ผมคิดว่าคนอื่นจะให้ได้ ผมรู้สึกขอบคุณที่แทนกลับมา และมอบความรักดีๆ ให้ผม

ผมเข้าไปกอดคนข้างหน้า

 

"ทำไรครับเมีย" ผมไม่ตอบได้แต่กระขับกอดให้แน่นขึ้น

"ป่ะรีบไปหมั้นกันดีกว่า แม่รออยู่" ผมพยักหน้าพร้อมเดินตามอย่างว่าง่าย แทนจูงมือผม เดินไปข้างหน้า มันเป็นภาพที่ผมคุ้นตาที่สุด ตั้งแต่ผมคบกับแทนมา ไม่มีสักครั้งที่ผมต้องเดินทางข้ามผ่านทั้งสุขและเศร้าเพียงลำพัง บางครั้งผมมีแทนเป็นผู้นำ และบางครั้งก็มีแทนเป็นผู้ตาม ว่าแต่

 

"แทนข้อดีของการหมั้นคืออะไรมึง"

"เมียไม่รู้หรือครับ" ผมส่ายหน้า

"ก็หมายความว่าผัวจะแสดงความเป็นเจ้าของเมียได้เต็มที่ ทีนี้ใครเข้ามาเจาะแจะก็กระทืบได้เลย ไม่ต้องแอบไปกระทืบตามมุมตึกแบบคราวที่แล้ว"

"เดี๋ยวน่ะ"

"และอีกอย่างก็จะได้เอาเมียได้เต็มที่ ว่าแต่ในลิฟท์ก็โอเคน่ะครับ มาม่ะมาลองกันสักหน่อย"

"อย่าน่ะ ไหนมึงบอกกลัวแม่มึงรอไงแทน โอยยยยย”



---------------------------------------------------------------------



หายไปนานมาก น้องต้องขอโทษด้วย อาทิตย์แรกยุ่งกับเรื่องงานหมั้นน้องกับงานทำบุญบ้าน คืองงกับที่บ้านมาก งานหมั้นวันอังคาร ทำบุญบ้านวันพฤหัส คือทำไมจัดงานพร้อมกันในอาทิตย์เดียวกัน แล้วทำไมไม่เอาสองงานรวมเป็นงานเดียว งงในงง อาทิตย์ต่อมาก็ยุงเรื่องงาน งานค่อนข้างเครียด พอมีเวลาว่างที่จะเขียน เราก็เขียนไม่ออก อาจจะเพราะความเครียดในเรื่องงานหรืออะไรต่างๆ ทำให้เขียนค้างไปอีกหนึ่งอาทิตยืและตั้งใจว่าจะต้องเขียนให้จบหนึ่งตอนในอาทิตย์นี้ และแล้วก็เสร็จ  น้องดีใจมาก ขอโทษที่ให้ทุกคนรอนะคะ ขอโทษจริงๆ ขอบคุณที่รอกันน่ะคะ ตั้งใจเขียนบ้างเกเรบ้าง อย่าว่ากันน่ะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ น่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวรีบเขียนตอนใหม่เลยฟิตน่ะ

Aemmilicious

xxxxxx
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-05-2018 01:32:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

แทนนี่ได้แม่มาเต็ม ๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 13-05-2018 02:12:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-05-2018 09:18:00
คุณแม่ขี้แกล้งอ่ะ555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-05-2018 09:20:49
แม่ยอมรับตั้งแต่แรกแล้วนิ  o18
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-05-2018 09:39:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-05-2018 13:13:58
คุณแม่น่ารัก ทำลูกสะใภ้ตกใจหมดเลย
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 31 [Update 13:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 28-05-2018 01:23:27
ตอนที่ 32 : คนหลงเมีย 2018

(https://www.picz.in.th/images/2018/05/28/z6WBTl.jpg)

แทน

"แม่งงานหนักฉิบหายกว่าจะเสร็จ"

                         กันบ่นอุบหลังจากเสร็จงานกลุ่ม ซึ่งกูไม่เห็นมึงจะทำเหี้ยไรเลยกัน กูเห็นเดินไปแซวคนโน้น คนนี้ที กลับมานั่งแดกน้ำ แล้วก็บ่นเหนื่อย ไอ้พี่หมอกยังไม่บ่นเหนื่อยเลย

                         ตอนนี้ใกล้ส่งงานทุกคนก็มารวมตัวกันทำงานกลุ่มกันใต้ถุนคณะ เรียกว่ารอจนไฟลนก้นแหละครับแล้วค่อยทำ เพราะมีลานกว้างให้สังสรรค์เฮฮา อยากจะทำไรก็ทำ ดึกๆ อาจารย์กลับหมด ตั้งวงเหล้า แดกหมูกระทะสบาย ยามเห็นต้องทำไงเหรอครับ ก็ชวนยามมาแดกด้วย เสร็จตามวิศวะ สไตล์โดยแท้จริง


"ทำงานเสร็จแล้วเอาไงดีว่ะพวกมึง" โจ๊กมึงไม่น่าถาม

"เดี๋ยวพี่จะไปดูหนังกับตือ"

"เหรอพี่ นี่เค็กก็ทำอาหารเย็นรอกูล่ะ เดี๋ยวกูต้องรีบกลับ"

"เดี๋ยวหวานใช้กูไปต่อแถวซื้อขนมที่พารากอนน่ะ คิวแม่งยาวต้องรีบไปต่อไม่รู้แม่งจะอินอะไรกันนักหนา"

"เออ กูจะไปปล้ำเมีย ถ้างั้น...." เราทั้งสี่พยักหน้าเข้าหากัน

"ป่ะกลับ แยกย้าย" 

"เดี๋ยวสิวะพวกมึง" พวกเราหันหลังตามเสียง เจอไอ้ก็อต แม่งเรียกทำไมว่ะ


               ก็อตเป็นหัวโจ๊กประจำคณะ พวกประธงประธานกิจกรรมอะไรแม่งเอาหมด วีระกรรมเด็จ นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดีๆ เพราะเรื่องเหี้ยแม่งเด็ดกว่า ตั้งแต่เมาไม่ได้สติ ผอ. เดินผ่านนึกว่ายาม เลยเรียกมากินเหล้าด้วย เรียกว่าวงแตกกันคนล่ะทิศคนล่ะทาง โดนทัณฑ์บนกันเป็นแถว แล้วแม่งก็ไม่จบ มีโกรธแอบไปเจาะลมยางรถผอ.  แต่โง่ไม่ดูกล้องวงจรปิด เรียกว่าเล่ากันสามวันเจ็ดวันไม่หมด


"มึงจะรีบไปไหนกันว่ะ"

"กลับบ้านสิมึง" ใช่โจ๊ก จะอยู่ให้ยุงในคณะมาหามกูเรอะ

"รีบกลับไปไหนว่ะ ได้ข่าวว่ามีเมียกันครบทุกคนล่ะ หายหัวกันไปเลยน่ะมึง"

"เออ ให้กูอยู่กันทำเหี้ยไรล่ะมึง ช่วยมึงทำงานงี้" จริงกัน

"ไม่ใช่มึง อยู่แดกเหล้ากับกูก่อนสิ มึงจำได้ไหมว่าแดกเหล้ากับกูครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"

อืมมมมม เมื่อไหรว่ะ

"นั่นไง พวกมึงจำกันไม่ได้ล่ะสิ แม่งนานจนลืม ไหนๆ พวกมึงก็เสร็จงานกันล่ะ สังสรรค์เฮฮากันหน่อยสิว่ะ"

"พวกกูมีนัดกับแฟนกันหมดแล้วว่ะ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันมึงกูรีบ"

ปะกลับๆ

"หรือที่พวกมึงรีบขนาดนี้เพราะพวกมึงกลัวเมีย"

ผมทั้งสี่ชะงักหันกับหลัง

"ใครกลัวเมีย กูนี่เป็นช้างเท้าหน้า เมียนี่ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ เดี๋ยวมึงดูกู" ไอ้กันพูดเสร็จก็กดโทรศัพท์

"ฮัลโหล หวานนี่กันน่ะ ร้านขนมที่พารากอนถ้าอยากกินไปต่อเองน่ะ กันจะกินเหล้ากับเพื่อน อย่ามีปัญหา"

"เป็นไงมึง กลัวที่ไหน" แมนสุดๆ มึงตายแน่ไอ้กัน

"ฮัลโหลเค็กเหรอ พี่กลับช้าน่ะ จะกินเหล้ากับเพื่อน อะไรน่ะ ทำกับข้าวเผื่อ ไม่ได้สั่งอยากทำเองก็กินเองแค่นี้" แมนสุดๆ อยากจะเข้าไปตบหัวสักป๊าบนั่นน้องกู


แต่ทุกอย่างต้องหยุดเพราะทุกคนรอคนนี้คนเดียว เอาให้เต็มที่เลยครับพี่หมอก

"ฮัลโหลครับนี่พี่หมอกน่ะ พี่กลับดึกหน่อยน่ะ ขออยู่กินเหล้ากับเพื่อนแวบ อยู่คนเดียวอย่าลืมล็อกประตูล่ะ เดี๋ยวพี่รีบกลับ โอเคน่ะครับ"

"อะไรพี่แค่นี้" กันไม่พอใจ

"แล้วใครบอกมึงว่าโทรไปขอเมียกินเหล้าต้องเกรี้ยวกราด"

"อ้าว" เออจริงกันมึงอย่ามา ตายแน่มึง


และแล้วก็ถึงตาผมที่ต้องโทรหาคู่หมั้นหมาดๆ

"ฮัลโหล เมียครับ"

"เออว่า"

"ผัวกลับบ้านดึกน่ะครับ จะกินเหล้ากับเพื่อน"

"อะไรน่ะ" โอะ มีขึ้นเสียงสูง

"จะกินเหล้ากับเพื่อนกลับดึกครับ"

"ไม่ได้ไหมมึง" มีหงมีห้าม

"กินไม่ได้ ไม่ให้กินเหรอครับ"

"ไม่กลับได้ไหมมึงกลับซะเช้า กูจะได้ไม่ต้องกังวลเล่นเกมส์สบาย"

"นี่ผัว"

"เออ คิดมาก กูล้อเล่น แดกๆ ไปเถอะ จะถึงก็โทรมาเดี๋ยวกูเปิดประตูให้"

"ไม่ห้ามเหรอครับ"

"ห้ามทำเหี้ยไรล่ะ แดกเหล้ากับเพื่อน เอาไว้ไปตีกระหรี่กูค่อยห้ามไหม"

"ไม่ห่วงผัวเหรอ"

"ห่วงทำไม เพื่อนมึงอยู่กันเยอะแยะ อีกอย่างกูก็รู้จักหมดมีไรให้ห่วง"

"อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอครับ"

"เหงากูก็ช่วยตัวเอง ไปแดกเหล้าป่ะ แค่นี้"

เอ๊า ความอ่อนโยนของคู่หมั้นมาดๆ อยู่ไหนครับ

"หน้าหงอยเลยมึง น้องหนึ่งว่าไงว่ะ" โจ๊กถามด้วยความเป็นห่วง

"เมียบอกให้แดกๆ ไป"

"ก็ดีสิมึง จะหน้าเศร้าทำไม"

"ทำไมไม่ห้ามกูว่ะ ต้องแบบคิดถึงกู ไม่อยากอยู่คนเดียว ขาดกูไม่ได้งี้"

"เอ๊า ไอ้ห่านี่แปลก ไป ป่ะแดกเหล้า"


                    การทำงานกลุ่มจนดึกจนดื่นนี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ ทางคณะเองก็เปิดไฟให้ใช้สถานที่อย่างเต็มที่ ยามดึก หิวคิดอะไรไม่ออก ก็โทรสั่งหมูกระทะกันตามระเบียบ คนที่ทำงานเสร็จก็ค่อยๆ ทะยอยกันกลับเหลือพวกที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่ออีก 10-20 คน และพวกทำงานเสร็จที่รอแดกเหล้าและบริจาคเลือดให้ยุงอยู่อีกสี่คน


                    เมื่อรถมอไซค์ส่งหมูกระทะมาถึง นั่นคือสัญญาณหยุดพักกินข้าวและดื่มเพื่อพักผ่อน เนื่องจากคนมีจำนวนมาก เราเลยโทรสั่งหมูกระทะมาหลายชุด นั่งแยกเป็นวงๆ อยู่บนสนามหญ้าหน้าคณะ กลิ่นหอมฉุยควันโพยพุ่งเคล้าเบียร์เย็นก็สบายดีนะครับ แต่ล่ะคนนี่เริ่มจะได้ที่กันล่ะ


"กูก็นึกว่าพวกมึงกลัวเมีย แม่งเรียนเสร็จรีบกลับกันตลอด" ก็อตเปิดบทสนทนาตามระเบียบ

"กลัวที่ไหนมึง กูใครกูกัน แดกให้อ๊วกไปเลยมึง เอ๊า ชน"

เรานั่งสังสรรค์เฮฮาสักพัก ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีเสียงดังจากกลุ่มอีกกลุ่ม


"ตายล่ะเกรงใจ จะดีเหรอค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับ สวยๆ แบบนี้ ผมเลี้ยงเต็มที่"

"ปกติไม่เคยดื่มด้วย เหล้าเบียร์ จะได้ใกล้ชิดสุดก็เห็นแต่ในรูปนะคะ" แม้จะเพ่งมอง แต่ก็มองไม่ชัดด้วยแสงสลัวที่สนามหญ้า แต่กูว่ามันคุ้นๆ น่ะ

"กัน ผู้หญิงที่นั่งอยู่กลุ่มโน่น ใช่หวานป่ะ"

"หวาน เหวนอะไร กูไม่รู้จัก ชนโว๊ยยยยย"

"มึงตั้งสติก่อนกัน นั่นใช่หวานเมียมึงป่ะ ที่นั่งชนแก้วกับผู้ชายกลุ่มนั้นน่ะ"

กันหยุด แล้วหันมาเพ่งมองแต่ไม่ชัด แต่ด้วยความสงสัย จึงเดินไปดูใกล้ๆ

"หวานมาทำไรครับ" กูว่าล่ะ

"อ้าวกัน หวัดดี เรามาหาแฟนใหม่น่ะ ตายล่ะในกลุ่มนี้ใครโสดบ้างค่ะ"

เสียงเฮดังลั่น เฮฮากันเต็มที่ ดูครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่อมีสาวมานั่งด้วย อย่างว่าแหละครับคณะนี้ไม่ค่อยมีผู้หญิง ที่มีก็แข็งแรงบึกบึนกันเหลือเกิน กันเดินกลับมาอย่างไม่สนใจใยดีจนไอ้โจ๊กต้องทัก

"เฮ้ย ว่าไงเพื่อน ไม่ไปหึงหวงหน่อยเหรอว่ะ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็คาบไปแดก"

"ช่างแม่ง ทำไมกูต้องสนใจด้วย" เรานั่งกินกันต่อสักพักท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม

"พวกมึงกูกลับก่อนล่ะกัน กูไม่สนุกล่ะ"

กันเอ่ยขึ้น ท่ามกลางความเงียบ

"เออดี ไปง้อๆ กันซะจะได้คืนดีกัน"

"แมนๆ อย่างกู ทำไมต้องง้อ เออกูไปล่ะ"

"ไปไหนมึง"

"พารากอน"

"ไปทำไมว่ะมึง ห้าทุ่มป่านี้แม่งปิดหมดแล้ว"

"ไปต่อแถวซื้อขนมให้เมีย ต่อแม่งตั้งแต่ตอนนี้แหละจะได้ได้คิวแรก"

"เอ๊า" พูดเสร็จแม่งก็ใส่ตีนหมาวิ่งเร็วอย่างกับจรวด

แม้จะงงกลับการกระทำของมันว่าทำไมมึงไม่เอาเมียกลับ แต่กลับรีบไปตากยุงต่อแถวซื้อขนมที่พารากอน แต่ก็เข้าใจเมื่อเห็นหวานที่อยู่อีกกลุ่ม


"ว๊ายยยย ตายแล้ว"

"อะไรครับ" แหมพวกมึงเทคแคร์ดี๊ดี

"ทอดปลาไว้นะค่ะ ลืมกลับ ยังไงต้องขอตัวไปกลับปลาก่อนนะคะ"

ท่ามกลางความมึนงง ว่าทอดปลาคืออะไรยังไง หวานก็หายไปพร้อมๆ ความเร็วแสง มึงสองคนช่างสมกันจริงๆ ว่าแล้วโทรหาเมียดีกว่า เผื่อเมียคิดถึง


"ฮัลโหล เมียทำไรอยู่ครับ"

"แดกข้าวมีไรมึง"

"น่าสงสาร ผัวไม่อยู่น่าจะกินไม่ค่อยลง ค่อยๆ ฝืนกินหน่อยนะครับ"

"นี่มึงเมาแล้วใช่ป่ะ"

"ทำไมปากแข็งล่ะครับ คิดถึงก็บอกตรงๆ"

"ปากแข็งเหี้ยไร นี่กูแดกไก่ไปถังนึงแหละ กระดูกยังแทบไม่เหลือ มึงเมาใช่ป่ะสรุป"

"ไม่เมาครับ เหงาไหม"

"เหงาเหี้ยไรครับคุณชายแทน มึงหายไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลย"

"สองชั่วโมงคงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก เมียนั่งนับเหงารอผัวกลับใช่ไหมครับ"

"แทนมึงฟังกูดีๆ น่ะ ไปแดกเหล้าซะ แค่นี้"

พูดเสร็งแม่งก็กดวางสายใส่ อะไรคือความหวานช่วงเวลาของคู่หมั่นครับ


"น้องหนึ่งด่าหรือไงมึง" พี่หมอกถามด้วยความห่วงใย

"อืมพี่ เมียบอกรีบๆ วางสายไปแดกเหล้าซะ"

"เออ น้องหนึ่งแม่งดีว่ะ ว่าแล้วกูโทรหาเค็กบ้างดีกว่า"


                        พูดเสร็จโจ็กแม่งก็กดโทรศัพท์หาน้องเค็ก ตอนแรกกูก็เห็นทำหน้ารื่นเริง สักพักแม่งก็ทำหน้าเครียด ออกไปคุยนอกวงเหล้า มีปัญหาไรป่าวว่ะ เรานั่งคุยนั่งกินไปสักพัก โจ๊กก็เดินกลับมา


"เฮ้ยพวกมึงเดี๋ยวกูกลับก่อนน่ะ"

"อะไรมึง พึ่งนั่งแดกแวบๆ ยังไม่ทันหมดจะทิ้งกูล่ะ" ก็อตโวยวาย

"กูมีเรื่องนิดหน่อย กูขอกลับก่อน"

"เมียด่ากลัวเมียว่างั้น"

"กลัวเมียเหี้ยไรล่ะ"

"อ้าวแล้วอะไรล่ะมึง"

"ก็น้องเค็กบอกอยู่คอนโดคนเดียวกลัว แต่ก็อุ่นใจเมื่อมียามมาเฝ้า"

"เออ มียามมาเฝ้าแล้วก็ดีแล้วไง มึงจะเอาไรอีก"

"เมียกูกลัวเลยชวนยามขึ้นไปเฝ้าที่ห้อง นี่กับข้าวเหลือเลยชวนยามแดกข้าวอยู่บนห้อง นี่กูไปช้าไม่รู้จะกินอะไรกันต่อ น้องมึงเลยแทนเด็ดจริง งั้นแค่นี้"

พูดเสร็จแม่งก็ขึ้นบิ๊กไบค์หายไปกับตา ไอ้กันว่าเร็วแล้วเจอโจ๊กไปนี่เหมือนหายตัว ป่านี้ไม่เหยียบ 180 ถึงคอนโดแล้วรึ


"เออ ไอ้พวกนี้แม่งทิ้งเพื่อนไปหาเมีย เหลือมึงกับพี่หมอกแล้วน่ะแทน" อิจฉาโจ๊กจังครับมีคนโทรตามด้วย

"มาชนแก้ว...." แก้วยังไม่ทันชนก็ต้องขัดด้วยเสียงคล้ายโทรศัพท์

"เสียไรว่ะ ใครแม่งโทรมาอีกกก" ก็อตแม่งหงุดหงิดเล็กน้อย

"อ้อ นาฬิกาปลุกพี่เอง เดี๋ยวพี่ต้องกลับล่ะ สี่ทุ่มล่ะ พี่ต้องไปอาบน้ำกับตือ เดี๋ยวตือรอ พี่กลับล่ะ"

พูดเสร็จไอ้พี่หมอกก็ลุกขึ้นปัดหญ้าที่ก้น ขยับแว่นหนึ่งทีและจากไป ทิ้งให้ผม ก็อตและคนอื่นๆ อึ้งอยู่กลางวงเหล้า

"พี่หมอกแม่งเชียบว่ะ กูว่าเพื่อนมึงสองคนที่แล้วว่าจากกูไปแบบไร้เยื้อไยแล้ว ไอ้พี่หมอกนี่เรียกว่าไม่ทิ้งเยื้อไยอะไรยิ่งกว่า แม่งอยากไปก็ไป ไม่เปิดโอกาสให้กูห้ามสักนิด แม่งเชียบ"

"อืม กูเห็นด้วย" พี่หมอกแม่งเป็นคนไม่แคร์โลกอยู่ล่ะ ดีนะที่มีเมีย เลยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย

"หวังว่ามึงคงไม่ได้กลัวเมียจนรีบกลับล่ะ"

"กูใคร กูแทน กูจะอยู่กับมึงจนหลับคาวงเหล้านี่แหละ แต่เดี๋ยวกูโทรหาเมียก่อน"

"อ้าว" จะอ้าวทำเหี้ยไร กูคิดถึงของกู


"เมียครับ"

"โอยยย แทนทำไมมึงไม่ไปแดกเหล้าโทรมาทำไมอีก"

"กลัวเมียเหงาครับ"

"เหงาเหี้ยไร อ่านปากกูนะ กูไม่เหงา"

"ทำไมปากแข็งครับ"

"เออ แล้วแต่เลยมึง"

"ผัวเมาแล้วขับรถไม่ไหว มารับหน่อย"

"กูขับรถไม่เป็นแทน สองสิ่งในชีวิตที่กูทำไม่เป็นคือขับรถกับเปลี่ยนหลอดไฟ"

"ทำไมไม่หัดขับล่ะครับ"

"เพราะกูอยากนั่งเคียงข้างไปกับมึงไง"

"ฮืมมมม ทำไมหวาน"

"ชอบไหมมึงพูดหวานๆ"

"ชอบครับ เอาอีก"

"เอาอีกเหี้ยไร กูล้อเล่น กูสอบใบขับขี่ไม่ผ่าน ผ่านป่านี้แม่กูให้ขับไปล่ะ"

"อ้าว"

"อ้าวเหี้ยไร แค่นี้"

ทำไม ห่างผมไปตั้งนาน ไม่คิดถึงกันเหรอ นี่ผมคิดถึงแทบตาย


                         ผมเดินกลับไปวงเหล้า พวกคนอื่นๆ แยกย้ายไปทำงานต่อกันแล้ว เหลือแต่ก็อตเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่งเฝ้าวงเหล้าขวักมือหยอยๆ เรียกกลับไปกินเหล้า


"เมียมึงด่าไหมว่ะ"

"ด่าเหี้ยไรล่ะ นี่ยังไล่ให้กูมาแดกเหล้ากับมึงอยู่เลย"

"เออ เมียมึงดีว่ะ" เราต่างคนต่างหัวเราะ พร้อมชนแก้วอย่างครื้นเครง


                    จนเมื่อผ่านไปสักพักความเงียบเริ่มครอบงำต่างคนต่างได้ที่ ผมเรียกช่วงนี้ว่าช่วงเปิดเผยความจริงครับ เป็นช่วงที่คนเมาๆ ได้ที่จะเปิดเผยความจริงออกมา


"กูอิจฉามึงน่ะโว๊ยแทน"

"อิจฉากูเรื่อง"

"เรื่องที่มึงมีแฟนน่ะ"

"ยังไงว่ะ"

"กูก็คิดซะว่าชาตินี้มึงจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซะแล้ว กูเห็นฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้า แม่งแย่งกับกู" จบประโยคเราต่างก็หัวเราะ

"พอคนบอกมึงเริ่มวางมือเพราะมีแฟนแล้ว แถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก กูยิ่งไม่เชื่อไปใหญ่ แต่พอเห็นมึงมีความสุขเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น กูก็ดีใจกับมึงด้วย กูยังอิจฉามึงเลยที่มึงมีความสุข"

"แล้วทำไมมึงไม่หาบ้างล่ะวะเพื่อน"

"กูยังไม่เจอคนที่ถูกใจว่ะ"

"งั้นกูถามมึงหน่อย คนที่มึงถูกใจน่ะแบบไหน"

"กูเหรอ เอาแบบขาวๆ สวยๆ นมโตๆ เอ็กซ์ๆ นะมึงกูชอบ"

"เอาตรงๆ นะเพื่อน ตั้งแต่มึงบอกความต้องการมึงมา มันยังไม่มีตรงไหนเลยที่มึงมองหาคนที่จิตใจ สิ่งที่มึงมองมีแต่รูปลักษณ์ความสวยงามที่ภายนอก จะมีคนที่สมบูรณ์ตามที่มึงบอก และเข้ากับมึงได้สักกี่คนว่ะ" ก็อตพยักหน้าเข้าใจ

"สิ่งที่กูอยากบอกคือ ก็ให้มึงตามหาคนที่มึงอยากได้ไปนี่แหละ แต่คนๆ ที่ใช่สำหรับมึงอาจจะไม่ต้องจำเป็นต้องมีทุกอย่าง อย่างที่มึงต้องการ แค่เค้ามีอะไรอย่างนึงที่มึงสนใจ แล้วมึงค่อยๆ หาและดูสิ่งอื่น ว่าสิ่งนั้นถูกใจมึงรึเปล่า สิ่งภายนอกที่มึงเห็นอาจจะสวยงามน้อยกว่าภายในที่มีอยู่ก็ได้มึง"

"อืม ขอบคุณว่ะแทน"

"เออ มีแฟนกับเค้าบ้างมึง จะได้ไม่ต้องเหงา ชวนกูมาแดกเหล้าเป็นเพื่อน"

"อ้าว ไอ้เหี้ยนี่ กูก็นึกว่าห่วงกู"

"เออ เดี๋ยวกูต้องกลับแล้วน่ะโว๊ย ดึกแล้ว ขอโทรหาเมียแวบ"


"เมียครับ ทำไรอยู่"

"โอย แทน ถ้าโทรมาบ่อยขนาดนี้ ไม่ชวนกูไปแดกเหล้าด้วยเลยล่ะ"

"กินเสร็จแล้ว เมา กลับบ้านไม่ไหว ขึ้นแท็กซี่มารับหน่อย"

"ทำไม ไม่ให้เพื่อนมึงขับมาให้ล่ะ"

"เพื่อนก็เมา อีกอย่างกลัวเมียเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว"

"มึงตายกูก็หาใหม่ตั้งแต่วันแรกแล้วแทน"

"ไม่รู้ไม่ชี้เมา"

"แล้วทำไมไม่เรียกแท็กซี่มาเอง"

"จำทางกลับบ้านไม่ได้ กลัวโดนปล้น"

"หน้าอย่างมึงใครจะไปกล้าปล้นให้โดนตีนว่ะแทน ตอบกูสิ'

"เมียมารับหน่อย นาาาาาาาาา"

"เออ ลำบากกูจริง"

"ครับบบบบบบ"


---------------------------------------------------


ก็อต

"เป็นไงบ้างว่ะ"

"เออ เดี๋ยวเมียมารับ"


                    เรานั่งดื่มกันต่อสักพัก ผมก็เริ่มไม่ไหวล่ะ ชักง่วงกริ่มๆ ได้ที่ ผมเห็นรถแท็กซี่จอดอยู่ไม่ไกล มีผู้ชายขาวๆ เดินลงมา แม่งมาทั้งชุดนอนสีฟ้าลายโดเรม่อน เออ แปลกดี


"แทนมึงดูใครไม่รู้แม่งใส่ชุดนอนลายโดเรม่อนมาทางคณะเรา สงสัยแม่งว่าง เดินมาให้คณะเราแซว"

"แซวเหี้ยไร นั่นเมียกู" พูดเสร็จแม่งก็เอาเหล้าสาดใส่ตัวเอง ไม่แดกบอกกูดีๆ ก็ได้แทน กูเสียดายของ


ผมสบตากับคนมาใหม่เล็กน้อย

"หวัดดีครับ ผมหนึ่งครับ มารับแทน"

"อ้อครับ นั่งอยู่นั่นเอาไปได้เลยครับ"


"โหยแทน มึงแดกอะไรขนาดนี้ เป็นญาติกับสิงห์รึไงมึง กลิ่นหึ่งเลย" อ้อ กูเข้าใจล่ะ

"เมียเหรอครับ เมามากเลย อุ้มกลับบ้านหน่อย"

"โอยแทน ลากมึงกูยังไม่ไหวเลย คลานไปแท็กซี่ได้ไหม คลานไม่ได้กลิ้งไหมมึง"

"เมียครับ เมาอยู่ อารมณ์เกรี้ยวกราด เดี๋ยวบดปากเลย" แม่งอยู่ดีๆ ก็จะเล่นหนังสดให้กูดู

"เดี๋ยวผมช่วยผยุงไปแท็กซี่ล่ะกันครับ"

"เคครับ ขอบคุณมากครับ"

หนึ่งรีบวิ่งไปเปิดแท็กซี่รอ ผมค่อยๆ พยุงแทน แม่งก็แสดงเนียนเหลือเกิน ผมค่อยๆ กระซิบ

"แทนกูขอโทษน่ะโว๊ยที่ว่าพวกมึงกลัวเมีย"

"พูดเหี้ยไรตอนนี้ พยุงดีๆ เดี๋ยวกูล้ม"

"กูเข้าใจแล้ว จริงๆ พวกมึงไม่ได้กลัวเมีย แต่พวกมึงหลงเมียต่างหาก"

"พูดเหี้ยไรของมึง งง"


                         ผมอดอมยิ้มไม่ได้ แต่ก็ช่วยแสดงให้สมบทบาท หนึ่งกล่าวขอบคุณและขอตัวลากลับ ผมค่อยๆ มองรถที่เคลื่อนออกไป คงมีสักวันน่ะครับที่จะเป็นวันของผมบ้าง หวังว่าจะยังมีคนดีๆ รอผมอยู่น่ะ


--------------------------------------------------


หนึ่ง

ในแท็กซี่


"โอยแทนมึงนั่งดีๆ เมาแล้วมึงไม่มีกระดูกหรือไงเลื้อยมาขนาดนี้"

                    เอ๊าไอ้นี่ยิ่งว่ายิ่งยุ เลื้อยใส่ อย่างเดียวไม่พอยังล้มมานอนตักอีก เฮ้อออ หมดแรงจะห้าม ผมเลยให้มันนอนตามสบาย พลางมองข้างทางสลับกับคนเมาเป็นระยะ ความหวานเกือบจะเข้าที่ ถ้าไม่ติดที่คุณชายแทน


"เมียครับ อะไรแข็งๆ ชนหัว" พูดเสร็จแม่งก็เอามือมาคลำ สรุปมึงเมาจริงๆ ใช่ไหม

"นั่นKกูแทน"

"ทำไมแข็งล่ะครับมีอารมณ์หรือครับ"

"ไม่ได้แข็งเพราะมีอารมณ์แต่Kกูใหญ่ ลุกไปได้แล้ว อายพี่แท็กซี่เค้า"

ผมแอบเห็นสายตาพี่แท็กซี่อมยิ้มเล็กน้อย แทนลุกขึ้นอย่าว่านอนสอนง่าย พร้อมยื่นเงินให้แท็กซี่ 1,000 บาท

"พี่ครับ เมื่อกี้พี่เห็นอะไรไหมครับ"

"พี่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยครับน้อง ตามสบายเลยครับ" อ่ะ มึงได้พวกแล้วแทน

"งั้นนอนต่อเลยนะครับ"

"หยุดเลยแทน" แทนเบ้ปากใส่เล็กน้อย เมาแล้วเอาแต่ใจเป็นเด็กเลยมึง

"งั้นกุมมือกัน" โอ้ แม่สาวน้อย ทำไมเอาแต่ใจอย่างนี้ ผมพยักหน้าตัดรำคาญ

"มือเมียอุ่นจังครับ"

"แทนที่มึงกุมอยู่นั่นKกูไม่ใช่มือ"

"สงสัยเมาน่ะครับ สับสนแต่อุ่นดีงั้นกุมต่อล่ะกัน"

เกือบจะเป็นนิยายหวานแหววโรแมนติก ถ้าคุณชายแทนไม่ดึงมาอีโรติกซะก่อน พูดไปก็เหนื่อย ปล่อยไปล่ะกันเพลินดี เฮ้ยยยย ไม่ใช่ ไม่ใช่ เค้าบอกอย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมาต่างหาก เฮ้ออออ

(https://www.picz.in.th/images/2018/05/28/z6WT8V.jpg)


----------------------------------------------


(https://www.picz.in.th/images/2018/05/28/z6Ww7Q.jpg)

มาล่ะคะ มาช้าแต่น้องก็มา คิดถึงคนอ่านทุกคน หน้าฝนตกๆ หยุดๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นดูแลสุขภาพกันด้วยเด้อ ชอบการพัฒนาของตัวละครแทนหนึ่ง ในส่วนความคิดของคนเขียนเอง การคบกันเป็นคนรักด้วยเป็นเพื่อนด้วย มันน่าจะยืนยาวมากกว่าความรักแบบหึงหวง ส่วนเรื่องที่แทนคุยกับก็อต เกิดที่คนเขียนแนะนำน้องเพื่อนไป ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง ทุกคนต่างมีข้อดีข้อเสียในตัว ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มองโลกนี้ให้กว้างขึ้น บางครั้งเราอาจจะเห็นแง่มุมในมุมที่เราไม่เคยเห็น ความรักอยู่รอบตัวค่ะ ขอให้คนอ่านพบเจอคนรักดีๆ แบบที่แทนมีให้หนึ่งน่ะคะ


รักที่สุด

Aemmilicious

xxxxx

หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 32 [Update 28:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-05-2018 01:45:44
 :pig4: :pig4: :pig4:


แทนคนหลงเมีย  เมียไม่สนใจไถ่ถาม  ก็พยายามเหลือหลาย
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 32 [Update 28:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-05-2018 02:14:27
เอ้อ....... พึ่งรู้ว่าสมัยนี้ เขานั่งกุมมือกันแบบนี้นี่เอง  :haun4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 32 [Update 28:05:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 29-07-2018 03:52:22
​ตอนที่ 33 : นมชมพู

เรียกกันว่าวุ่นวายกันทั้งคณะครับวันนี้ เนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วครบรอบวันสถาปนามหาลัย ซึ่งวันครบรอบทุกปีจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งการจัดงานนั้นจะเวียนกันไปตามตัวอักษรของแต่ละคณะซึ่งปีนี้วนมาเป็นของคณะแพทยศาสตร์  ซึ่งทำไมจัดหลังวันครบรอบนะเหรอครับ คณบดีให้เหตุผลว่าลืม พึ่งนึกออกวันงานที่เห็นอธิการบดี แต่งตัวเต็มยศมาเปิดงานที่คณะแล้วไม่มีริบบิ้นให้ตัด เรียกได้ว่าลืมกันทั้งคณะ สงสัยเรียนเพลินนะครับ เลยเลทมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ดีนะหาอะไรให้อธิการบดีตัดไปพลางๆ ก่อน เลยปราณีประนอมให้ไม่งั้นคณะแตก

 

เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ หลังจากหน้าแตกจากการลืมวันมาแล้ว เรียกว่างานนี้ต้องกูหน้าคณะคืน จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง มากันตั้งแต่ตีสี่ มาดูความเรียบร้อยและตกแต่งสถานที่อีกเล็กน้อย

 

"มึงวันนี้จะได้กลับกี่โมงว่ะ"

"เออว่ะ หนึ่งกูเหนื่อยๆ เมื่อกี้กูเดินผ่านคณบดี บอกให้กูไปช่วยลอกท่อ กูบอกกูเป็นดาวคณะ ทำงานหนักไม่ได้ เค้าเลยปล่อยกูมา ดีนะกูสวยเลยรอดมา"

"ใครแต่งตั้งให้มึงเป็นดาวคณะ ตอนเค้าประกวดไม่เห็นมึงจะเหลียวแล"

"มึงงงงง อีดาวคณะปีนี้ ลบหน้าออกยังไม่ได้ครึ่งหน้าสดกูเลย ไปท้าแม่งลบหน้าแข่งกัน แม่งกลัวจนตัวสั่น วิ่งร้องไห้กลับบ้านไปแล้วมั๊ง ตาขาวกูยังงงเลยว่าของจริงไหม กูจะบอกกูไม่สวยคนก็หาว่ากูโกหก หน้ากูสวยขนาดนี้ ให้กูทำไง"

"ไปแบกของมาเลยมึง รำคาญ" ผมพูดพลางชี้ไปกองของใช้ประกอบทำซุ้ม

"หวานแล้วตือไปไหนว่ะ"

"เห็นไปช่วยงานออกแบบเสื้อที่ใช้ขายตอนบ่ายนะ งานใช้สมองต้องมัน ใช้แรงก็มีมึงกับกูสองคน ซึ่งแรงไม่เยอะ แต่สมองไม่มีเลยต้องมาใช้แรงงานเสียใจ" พูดไปน้ำตากูก็จะไหล

 

งานแบ่งเป็นสองส่วน ตอนกลางวันจะเป็นการแนะนำคณะและแสดงประวัติของมหาลัย ให้กับทั้งบุคคลภายนอกและภายใน มีการเปิดบูทการแสดงและขายของที่ระลึกของแต่ละคณะ ส่วนตอนดึกนั้นจะเป็นงานเลี้ยงตามธีมต่างๆ ของแต่ละปี ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักศึกษาในมหาลัยมาฉลองหลังเสร็จงาน ว่าแต่คณะอื่นมันก็ต้องมาเตรียมงาน ทำไมมึงไม่เตือนคณะกู ไอ้พวกนี้นี่

 

ผมนั่งมองดูซุ้มคณะของตัวเองที่ทำเสร็จเรียบร้อยด้านหน้า หวานมึงก็เอาแต่กินแรงกู เห็นผู้ชายต่างคณะมาต้องแวะไปแทะเล็ม จนกูงงว่ามึงกับไอ้กันใครแม่งกะล่อนกว่ากัน มึงไปถึงไหนแล้วนี่กูทำเสร็จแล้ว แม่งก็ยังไม่กลับ ผมนั่งหอบ เอามือดึงเสื้อกระพือหาความเย็น แต่ก็ไม่เป็นผล

 

"เอ๊าน้ำ เหนื่อยล่ะสิเรา" ผมมองตามเสียง พี่บอส ผมยกมือไหว้ พร้อมรับน้ำ พี่บอสลงนั่งข้างๆ

"เป็นไงไม่เจอกันนาน เลิกกับแฟนยัง" ผมไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะแฮะๆ ให้

"เดี๋ยวนี้พี่ไม่เหมือนเดิมนา พี่ไปเรียนมวยไทยมา ไม่อ่อนแอเหมือนเดิมแล้ว" ทำไมพอพี่แกพูดเสร็จกูต้องก้มไปดูเป้าพี่มันด้วย

"น้องพี่ก็แข็งแรงดี ใช้งานได้เหมือนเดิม" ผมหน้าแดงก้มลงต่ำ

"แล้วอยากเก็บไว้ใช้ต่อไหมครับ หรือให้ตัดทิ้งเลย"

ผมหันหลังตามเสียง จังหวะแม่งได้ พ่อแทนมาตลอด ตามหวงประดุจกูเป็นลูกสาวกำนัน

พี่บอสลุกขึ้นในระดับที่เกือบเท่าๆ กับแทน หรือจะเอากันอีกแล้ว ผมมองหาหวานเลือกลัก เพราะถ้าสองคนปะทะกันผมคงจับแยกไม่ทัน

"เดี๋ยวนี้พี่ไม่อ่อนแอให้คนมาซ้อมง่ายๆ แล้วน่ะครับ หรือว่าอยากลองของ"

แทนโกรธจนหน้าแดง พี่บอสมึงก็ปากหาเรื่อง ผมเข้าไปดึงแขนแทนข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นผล ทันใดนั้น ก็มีผู้หญิงกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาระยะประชิตอย่างรวดเร็ว พร้อมสะกิดแขนแทน

 

"พี่แทนค่ะ พี่จะต่อยกับพี่อีกคนเพราะหึงพี่หนึ่งใช่ไหมค่ะ"

"ใช่" แทนตอบอย่างเร็ว แต่เจ้าตัวก็ชะงัก น่าจะงงเล็กน้อย เช่นเดียวกับกู

"กรี๊ดดดดดด"

เสียงกรี๊ดดังลั่นจนทั้งไอ้แทนกับพี่บอสตกใจแทบจะเข้ามากอดกัน

"พี่อย่าพึ่งต่อยกันนะคะ ขอน้องตั้งกล้องก่อน น้องพึ่งเห็นคนเปิดศึกชิงนายกัน ขอเก็บภาพและวิดีโอเป็นที่ระลึกหน่อยค่ะ"

สิ้นเสียงแสงแฟลชก็สว่างวาบ ประดุจมีคนจุดพลุ เดี๋ยว กูงง ใครช่วยอธิบายที

 

"กูว่าล่ะคนมุงเยอะๆ ต้องเป็นพวกมึง วันๆ หาแต่เรื่อง" หวานช่วยกูด้วย ผมทำหน้ามึนงงใส่ ใครว่ะเนี่ย

"น้องๆ เค้าเป็นสาววายมึงตามมาจากไอจี"

"แทน กูขอมือถือดูไอจีหน่อย" แทนส่งมาอย่างงงๆ ผมไม่รอช้ารีบเปิดดูอย่างรวดเร็ว ชิบหายล่ะ ยอด follow จะสามแสนอยู่ล่ะ จากที่มีคนตามไม่ถึงสามร้อยคน"

"ทำไมมึงไม่ปิดเป็น Private ว่ะแทน"

"เอ๊า ทำไมต้องเกรี้ยวกราดใส่ผัวล่ะครับเมีย ก็อยากอวดเมียกับเค้าบ้าง ผัวผิดเหรอ ผิดเหรอ" อย่ามาดึงดราม่ามึง

"งั้นปิดตอนนี้เลย"

"จะทันเหี้ยไรตอนนี้ มีสาววายตามดีจะตาย มีคนรักดีกว่าคนเกลียด น้องเค้าก็เหมือนเป็นแฟนคลับมึงน่ะแหละดูรักมึงจะตาย" มันก็จริงอย่างที่มึงพูดน่ะหวาน ทำไมวันนี้ดูเป็นคนดีมีสาระ

 

ผมไม่ได้รังเกลียดสาววายนะครับ แต่ผมคิดว่าผู้ชายกับผู้ชายคบกันมันดูแปลกเลยอยากคบกันเงียบๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นเงียบๆ กันสามแสนคน คงต้องเงียบกันเป็นหมู่คณะ

 

"มึงดูแทนมันสิ ไปถ่ายรูปกับน้องๆไป คึกคักจะตาย ไปถ่ายรูปคู่ไอ้แทนหน่อยไป มันเรียกแล้ว"

"เออ แต่เราลืมอะไรไปรึเปล่าว่ะ"

"ลืมเหี้ยไรล่ะ แดกยาคุมครบไหม อย่าแดกย้อนศรล่ะ"

"เออ งั้นกูไปล่ะ แต่เอาจริงๆ น่ะ กูว่าเราลืมอะไรไปอย่างนึง"

"ลืมพี่ไง" อ้าว กูลืมคู่กรณี  ผมกล่าวขอโทษพี่บอส แต่ดูเหมือนพี่มันชินไม่ถือสาอะไรแทน แต่จะบ่นเล็กน้อยที่อดโชว์หมัดมวยที่ซ้อมมา แต่ก็ขอตัวกลับไปทำงาน ผมเข้าไปถ่ายรูปท่ามกลางแฟนๆ ตื่นเต้นครับไม่เคยมีแฟนคลับ แต่จริงอย่างที่หวานพูดน่ะครับ มีคนรักดีกว่าคนเกลียด มีคนสนับสนุนดีกว่าคนคัดค้าน แต่คงต้องรักษาระยะห่าง วางตัวให้เหมาะสม

 

"พี่แทนหอมแก้มพี่หนึ่งโชว์ได้ไหมค่ะ"

"พี่หนึ่งว่าไม่เหมาะน่ะครับ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปทำงานต่อดีกว่า" ผมสะกิดแทน

"จริงครับ พี่ว่าหอมแก้มมันเกินไป....  มันเด็กๆ อย่างพี่ต้องจูบเท่านั้นครับ"

อย่าบอกกูน่ะ สิ้นเสียงแม่งลากผมไปบดปากอย่างไม่ใยดี ไม่ถามกูสักคำ แทบจะกระชากวิญญาณกูไป เสียงสาววายกรี๊ดกันสุดเสียง แฟลชรัวกระหน่ำ ผมดันตัวออกเช็ดปากตัวเอง ว่าแต่มึงก็บ้ากล้องเหมือนกันน่ะแทน โชคดีที่มีคนลุมล้อมจนคนภายนอกไม่เห็นอะไร มีแต่แฟนๆ บรรดาสาววายที่ฟินกันจนตัวแตก

 

ผมขอตัวจากน้องๆ ไปทำงานต่อ แทนมีเรียนต่อเช่นเดียวกัน แต่จะมาเจอในช่วงงานเลี้ยงช่วงค่ำ เพราะมีเรียนทั้งวัน

 

ผมนั่งประจำบูทแนะนำคณะพร้อมหวานและตือที่ทำงานเสร็จแล้ว ว่าแต่

"หวาน คนเข้ามาตามไอจีไอ้แทนได้ไงว่ะ แล้วทำไมคนรู้ว่ากูกับแทนคบกันกูงงไปหมดล่ะ"

"เดี๋ยวตือเล่าให้ฟัง หนึ่งจำวันที่ปลอมตัวไปคณะวิศวะได้ไหม ตอนนั้นคนก็เริ่มรู้กันล่ะ แต่ไม่มาก เฉพาะคนในมหาลัย แต่คนข้างนอกก็คิดว่าแค่เพื่อนสนิทกัน จนแทนมันลงรูป เมื่อเร็วๆ นี้น่ะ"

"รูปไรว่ะตือ"

"รูปนี้" ตือยื่นมือถือมาตรงหน้า ร้องเหี้ยหนักมาก แทนมึงน่ะมึง ลงเหี้ยไรไม่ถามกูสักคำ




"แหม ท่าทางจะอุ่น กูอยากจะไปช่วยกุมด้วยเลย"

อย่าขัดกูหวาน

"นั่นแหละ คนก็เลยมั่นใจว่ามึงสองคนคบกัน สาววายเลยมาพายเรือมึงกันใหญ่"

"มหาลัยเราติดคลองเหรอว่ะ มากันยังไง"

"คลองเหี้ยไรล่ะ เรือที่ไอ้ตือบอก มันหมายถึง มารัก ชอบ เชียร์คู่มึง"

"อ้อ เออ มึงใช้คำว่าเรือเหี้ยไรกูงง "

"สรุปกูผิด"

"เออ ว่าแต่เค้ารู้ได้ไง ว่ามหาลัยเรามีงาน"

"อ้อ กูโฟสต์บอกเอง" อ้าว

"มึงรู้ใช่ไหมว่ามีขายของหาเงินด้วย ซึ่งเราแพ้ไม่ได้"

"เพราะมีเงินรางวัล"

"เงินให้ไรล่ะ ได้เงินน้อยกูอาย มึงดูคณะวิศวะ แม่งแทบจะใส่บ็อกเซอร์ขายของอยู่ล่ะ ว่าแล้วกูแวะไปซื้อซะหน่อย"

เห็นผู้ชายดีกว่าทีมเวิร์ค ผมกับตือมองหน้ากันอย่างระอา

 

แต่มันก็จริงอย่างหวานบอกนะครับ มีคนรักดีกว่าคนเกลียด น้องๆ สาววายมาอุดหนุน เข้ามาขอถ่ายรูปจนผมทำตัวไม่ถูก แต่สักพักก็เริ่มชินครับ เพราะทุกคนเข้ามาเพราะรักและชอบ พร้อมอวยพรให้รักกันนานๆ เรียกว่าเสื้อแทบไม่พอขาย หมดเร็วจนคณะอื่นต่างๆ เขม่น คนมันดังทำยังไงได้นะครับ

 

จนถึงเวลาบ่ายสามหมดเวลางานในช่วงเช้าทุกคนต่างเก็บของและลื้อซุ้มต่างๆ อย่างรวดเร็ว เพราะจะเป็นงานในช่วงค่ำ ซึ่งด้วยกระแสความเป็นไทยกำลังมา คิดอะไรไม่ออกด้วยเวลากระชั้นชิด ก็เลยเอาธีมงานวัดกันตามระเบียบ จัดง่ายใช้งบน้อย ซึ่งส่วนงานการคืนนั้นเป็นส่วนความรับผิดชอบของคณะแพทยศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งงานจัดอย่างรวดเร็ว เพราะของได้ทำเป็นชิ้นๆ ไว้แล้วเหลือแค่ประกอบเลยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงในการจัดเตรียมสถานที่ ที่เสร็จเร็วทั้งนี้ต้องขอบคุณความร่วมมือร่วมใจของทุกคนในคณะด้วย ส่วนคณะอื่นก็กลับคณะพักผ่อนเก็บแรงมาแดนซ์กันในช่วงค่ำอย่างครื่นเครง

 

เรียกได้ว่างานจัดอย่างยิ่งใหญ่ ในงานประกอบด้วยเวทีคอนเสิร์ตลูกทุ่งขนาดใหญ่แทบจะเต็มพื้นที่ มีร้านขายของกินและการละเล่นต่างๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น สายไหม ถังแตก ปลาหมึกย่าง น้ำจรวด ปั้นเหน่ง ซึ่งของกินบอกเลยไม่ถนัด ผมเลยรับผิดชอบในการละเล่นไป ซึ่งมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นปาโป่ง สอยดาว ยิงปืน โยนห่วง บิงโก ซึ่งปีหนึ่งในส่วนของผมรับผิดชอบนั้น เป็นสาวน้อยตกน้ำ ซึ่งมีดาวคณะและหวานสาวสวยหนึ่งเดียวเป็นตัวชูโรง ซึ่งไม่ห่างกันนักเป็นเวทีมวยที่เรียกว่ามวยตับจาก เป็นเวทีมวยที่ชกกันโดยปิดตาและฟังเสียงจากใบจากที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มของพวกพี่บอสที่ดูแล ซึ่งน่าจะเป็นที่นิยมที่สุดเพราะนักมวยนั้นเอาแต่เดือนคณะมาถอดเปลือยท่อนบน ชกเป็นไม่เป็นอีกเรื่องนึง ทำไมนิยมสุดน่ะเหรอครับ ก็เพราะตั๋วที่ขายล่วงหน้าหมดลงอย่างรวดเร็ว เพราะมีคนนึงมันใช้ฉายาในเวทีมวยว่า บดินทร์นมชมพู แค่นี้หมดเกลี้ยง ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ

 

"บดินทร์นมชมพู กูมายังว่ะ"

"ใจเย็นหวาน กูรู้มึงอยากดู แต่ช่วยสนใจงานตัวเองนิดนึง"

"เออ นี่กูก็สนใจอยู่ ว่าแต่อีดาวคณะที่สวยน้อยกว่ากูไปไหนทำไมยังไม่มา"

"เค้าชื่อ แครอท เรียกให้มันดีๆ หน่อยกูยังไม่เห็นเลย"

"เออ ชื่อแม่ง งั้นกูชื่อเมล่อนล่ะกัน"

"เอาที่มึงสบายใจ"

"หวาน หนึ่ง แย่แล้ว" ผมกลับหวานหันตามเสียงที่แตกตื่นของตือ

"ทำไมมึง"

"แครอทกลับบ้านไปแล้ว บอกมาช่วยงานไม่ได้ เครื่องสำอางไม่กันน้ำเลยช่วยงานไม่ได้"

"น่ะ กูบอกมึงแล้วอีนี่สวยด้วยวิทยาศาสตร์" หวานมึงได้ทีเอาใหญ่

"เออ มึงใจเย็นก่อน โทรหามันยัง"

"แม่งปิดเครื่อง โทรหลายทีล่ะ"

"มีใครที่พอแทนได้ไหม"

"กูเอง" พวกเราต่างหันมองเกตุ ซึ่งกูว่ามึงน่าจะไล่คนมากกว่าเรียกคนเข้า เราเลยไม่สนใจและหันไปคุยกันต่อ

 

"เอาไงกันดีมึง"

"กูมีไอเดียมาเสนอ" เราทุกคนต่างหันไปตามเสียงของหวาน ซึ่งแม้จะตะหงิด ตะหงิด ว่าไม่ใช่เรื่องดีก็ตาม แต่ไม่มีทางเลือกก็ต้องฟัง

"กูว่าสาวน้อยตกน้ำมันเชยล่ะ มึงดูอย่างเวทีมวยข้าง แค่หัวนมชมพูตั๋วยังขายหมด" ทุกคนพยักหน้า

"ในเมื่อผู้หญิงไม่พอ ก็เอาเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำไหมล่ะ ผู้ชายคณะเราเยอะแยะ" อืม น่าสนทุกคนเริ่มสนใจในความคิดหวาน

"แล้วจะเอาใครล่ะหวาน"

"หนึ่งไง วันนี้แฟนคลับมันมาเยอะ อีกคนเอาไอ้แก็ปก็ได้ หุ่นแม่งล่ำกูมองมานานล่ะ"

"เค้ายังไงก็ได้ถ้าช่วยเพื่อนแก็ปยินดี" ทุกคนทำหน้าพอใจ แล้วสายตาก็หันมาทางกู

"กูว่ากูไม่สะดวก กูมีงาน"

"งานเหี้ยไร พรุ่งนี้ค่อยทำ"

"คือแบบกูไม่ได้ กูไม่ได้จริง"

"ไม่ได้ก็ต้องได้ มึงต้องเคารพความเห็นส่วนรวม"

ผมทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย

"เออก็ได้" ทุกคนเฮลั่นทิ้งความลำบากใจให้กูอยู่คนเดียว เอาก็เอาว่ะ ถือว่าช่วยคณะ

"มาแต่งตัวเลยมึง" ผมเดินตามหวานอย่างจำใจ แต่เดี๋ยวน่ะ

"ทำไมมันมีแต่กางเกง"

"เสื้อใส่ทำไมมึงร้อน กูแก็ปมันสิ หูยยยย" ผมหันมองตาม น้ำหายหกกันเป็นแถว นั่นเพื่อนมึงเว้นๆ กันบ้างก็ดีน่ะ

"ปิดไว้สักหน่อยไหมมึงหุ่นกูไม่ดีเหมือนมัน"

"เรื่องเยอะจริงมึง" หวานทำหน้าเหวี่ยงก่อนจะไปหาเสื้อให้ใส่ ช่วยกูหน่อย กูอาย ยิ่งอยู่กับไอ้แก็ปกูยิ่งอนาจใจ

"เอ๊า" หวานพูดพลางยื่นเสื้อกล้ามสีขาวบางเชียบ

"บางไปไหมมึง มีสีดำป่ะ"

"เรื่องเยอะ มีให้มึงเลือกสองทางคือใส่กับไม่ใส่ มึงจะเอายังไง"

"เออ ใส่ก็ใส่" แม่ง แก้ผ้าเลยก็ได้น่ะถ้าเสื้อจะบางและกางเกงจะสั้นขนาดนี้

เพื่อนๆ ข้างนอกได้ทำงานหยาบด้วยการขีดฆ่าป้ายด้านหน้า จากสาวน้อยตกน้ำ เป็นหนุ่มน้อยตกน้ำ เรียกว่าหยาบตั้งแต่กระดาษเอ4 ที่ปิดทับยันลายมือ

พร้อมขายตัวล่วงหน้า เรียกกันได้ว่าสาววายมากันแทบมืดฟ้ามัวดิน พึ่งรู้ว่าชื่อตัวเองขายได้ก็วันนี้แหละครับ ค่าตั๋วก็ใบล่ะ 20 ไม่ได้แพงอะไร ผมนั่งรอและทำใจอยู่ด้านใน เอาว่ะเพื่อคณะ

"เฮ้ย ตั๋วที่ทำมาจะหมดแล้ว ใครก็ได้ไปปริ๊นตั๋วมาเพิ่มหน่อย"

"เออ เดี๋ยวตือไปเอง" เดี๋ยวน่ะ

"ตือ เดี๋ยววววว ก่อนหน้านี้มึงปริ๊นมากี่ใบ"

"สามร้อย"

"เหี้ยยยย อย่างงี้กูไม่ต้องตกน้ำจนไข่บวมเลยหรือไงมึง"

"หนึ่งมึงไม่ต้องห่วง เรื่องแผนชั่วๆ นี่ต้องกู กูไปไขแป้นมาล่ะให้มันแข็ง ทีนี้ต่อให้ปาโดนแต่ไม่แรงพอมึงก็ไม่ตก เรื่องชั่วๆ ไว้ใจกู"

"เออ ขอบใจว่ะหวาน กูนี่เลือกคบเพื่อนได้ชั่วจริงๆ"

"ชมกูใช่ไหม"

"ชมสิ"

"เออ ขอบใจ สบายใจล่ะ"

 

และแล้วเวลาที่ผมต้องขึ้นไปนั่งเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำก็มาถึง เรียกว่าแถวต่อยาวจนเวทีมวยข้างๆ ยังสงสัย ตอนแรกใจผมก็สั่นๆ กลัวๆ แต่ส่วนใหญ่ปากันไม่ค่อยโดน เนื่องจากไกล และแป้นก็ค่อนข้างเล็กและแข็ง เรียกว่าถ้าไม่แรงพอก็ไม่ตก เรียกว่าเชื่อใจคนไม่ผิดครับ สาววายน่ารักครับ มาร่วมกิจกรรมกันเป็นแถว จนผมเริ่มชินแล้วครับที่มีคนมาชื่นชอบ

 

โครมมม

เสียงดังลั่นมาจากข้างๆ แก็ปตกน้ำเป็นที่เรียบร้อย จนผมกลัวจะตกตาม แต่ฝั่งของแก็ปจะมีชายหญิงปนกัน แรงผู้ชายยังไงก็ดีกว่าผู้หญิงอยู่ดีครับ เลยหล่นโดยง่าย ส่วนทางฝั่งผมก็มีแต่สาววาย เรียกว่าหญิงล้วนครับ บางคนก็กลัวผมตกเลยปาค่อยๆ น่ารักดีครับ จนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า จนเวททีมวยข้างๆ ต่อยเสร็จ แต่ทางผมคนก็ยังไม่บางตา คนนึงซื้อกันน่าจะเกินสิบใบครับ นี่นั่งตื่นเต้นจนหมดตื่นเต้นล่ะครับ โชคดียังไม่ร่วงสักที ผมคงมากับดวงจริงๆ น่ะครับ

 

โครมมมมมมม

เหี้ยเอ๊ย พูดยังไม่ทันขาดคำ ผมตกไปดำพุดดำไหว้เรียบร้อย ใครแม่งแม่นเหมือนจับวางผมเอามือลูบหน้า พร้อมหันไปมอง ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ พี่บอสนี่เอง

 

"หูยยยยยย" มึงจะหูยทำไมไอ้พี่บอส ผมประครองตัวเองปีนป่ายขึ้นมา นั่งเตรียมพร้อม

"หูยยยยย" ทีนี้ไม่ใช่แค่ไอ้พี่บอส สาววายนี่ร้องกันเสียงหลง ไม่ทันได้เอ๊ะใจอะไรเสียงแฟลชก็รัวจนนับไม่ถ้วน เดี๋ยวน่ะ เดี๋ยววววววววว

---------------------------------------------

 
แทน

 

โอ๊ะ เรียนเสร็จแล้วรีบไปหาเมียดีกว่า ผมค่อยๆ เก็บของเดินนำเพื่อนไปยังรถเพื่อบึ่งไปยังคณะแพทย์ที่จัดงาน

"แทน แทนดูไอจียัง ที่แฮชแท็ก นมชมพูอะ" พี่หมอกเอ่ยถามระหว่างทาง

"นมชมพูอะไรพี่ ไม่แดก ไม่หิวน้ำ"

"กูว่าแก้วนี้มึงต้องแดก และมึงต้องรีบก่อนคนอื่นจะคาบไปแดกด้วย" กันพูดเสริม จนผมสังหรณ์ใจแปลกๆ

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมา ร้องเหี้ยดังมาก มีคนแท็กผมมามากกว่าทุกวัน และเป็นรูปคล้ายๆ กันทั้งหมด ผมไม่รอช้ารีบกดเข้าไปดูอย่างไว

"เหี้ย นมชมพูกู"

"แม่ง ชมพู๊ ชมพู"

"หุบปากเลยโจ๊ก เดี๋ยวมึงจะโดน รอเหี้ยไรกันล่ะ รีบสิครับ"

ผมรีบสตาร์ทรถอย่างไว พร้อมรีบเหยียบให้ถึงโดยเร็ว ใจมันถึงแล้วแต่ตัวยังไม่ถึง ผมรีบขับอย่างเร็ว แต่เดี๋ยว

 

เอี๊ยดดดดดด

เฮ้ยยยยย กันที่นั่งหน้าร้องเสียงหลง พวกมึงจะตกใจ

"เบรกทำไมว่ะ" โจ๊กตะโกนอย่างอารมณ์เสีย

"ซื้อของเซเว่นแปบ"

"อะไรของมันว่ะ อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ดี พี่ละงงไปหมดล่ะ'

"เออ ดูแม่งขึ้นๆ ลงๆ หรือมันมีเมนส์ไปซื้อผ้าอนามัยงี้"

นินทากูเงียบๆ หน่อยกูได้ยิน

  ------------------------------------------


หนึ่ง

"หวาน กูจะตกอีกไหม"

"ใจ เย็นมึง ไอ้พี่บอสคงฟลุ๊ค" เออ อาจจะจริงที่มึงพูด

"โครม"

"โครมม"

"โครมมม"

"โครมมมม"

 

"โทษทีครับ พี่แม่นไปหน่อยเปียกหมดเลย ชมพู๊ ชมพู"

"หวานมึงมานี่สิ ไอ้พี่บอสมันซื้อไปกี่ใบ กูว่ามันไม่ฟลุ๊คล่ะ มันแม่น" หลังจากกูปีนขึ้นลงห้ารอบกูจะไม่ไหวล่ะ หวานชูนิ้วขึ้นมา 5 นิ้ว

"เออ หมดซะที ครบ 5 ใบล่ะ กูเหนื่อย"

"ห้าใบเหี้ยไรล่ะ 50ใบ พี่บอสมันเหมาที่เหลือทั้งหมด" ฉิบหายล่ะ

"มึงช่วยกูด้วย"

"เออ กูคิดอยู่"

"ว่าแต่สาววายถ่ายรูปอะไรกูเยอะแยะว่ะ กูตาลายหมดล่ะ"

"นมชมพูไง"

"น้ำเหรอว่ะ ดีๆ กูหิวพอดีเลย"

"น้ำเหี้ยไรล่ะ หัวนมมึงนี่แหละ" หวานพูดพร้อมชี้มา ผมก้มลงมอง ชิบหายล่ะ ผมลืมไปว่าเสื้อสีขาวโดนน้ำแล้วมันจะบาง ทีงี้ ไม่กล้าขึ้นจากถังเลยครับ

 

"เมียครับ" ผมหันไปมองตามเสียง

"ผัวมึงมาช่วยล่ะ" โอ้พี่แทนพ่อเทพบุตร แทนรีบวิ่งมาใกล้ๆ

"ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผัวช่วยเอง" ผมพยักหน้าน้ำตาปลิ่มด้วยความตื้นตัน

"ทุกคนถอยจากตรงนี้ก่อนครับ" โอ๊ะ ซึ้งมีเคลียร์พื้นที่

"แชะ แชะ แชะ" เสียงกล้องที่คุ้นเคย แต่มาจากคนที่ไม่คุ้นเคย

"ทำไรของมึงแทน"

"เมียเซ็กซี่มากครับ ต้องเก็บเป็นที่ระลึก"

"สาระในการปรากฎตัวของมึงอยู่ตรงไหนแทน"

"รู้น่า เมียหันหลังมาทางนี้ครับ" ทำไรของมึงแทน

"เสร็จแล้ว"

"เดี๋ยวน่ะแทน สรุปการช่วยของมึงคือเอาสติกเกอร์สีดำมาปิดหัวนมกูเป็นรูปกากบาทงี้"

"ครับเมีย แค่นี้ผัวก็ปกป้องนมชมพูได้แล้ว ว่าแต่แบบนี้ก็เซ็กซี่ดีนะครับ ขออีกที"

“แชะ แชะ แชะะะะะ” โอ๊ะมีรัวช็อท ท่าทางมันจะชอบจริง

"ล้อเล่นน่า หวานเดี๋ยว แทนพาหนึ่งกลับก่อนน่ะ"

หวานพยักหน้า แทนค่อยๆ ช่วยดึงผมขึ้นจากถัง พร้อมเอาเสื้อซ็อปมาคลุมให้อีกที สาววายรัวแฟล็ตกันใหญ่ โมเม้นต์มันได้

"แต่พี่ยังใช้ตั๋วที่ซื้อมาไม่หมดเลยนะครับ" พี่บอส มึงอย่ามา กูปีนขึ้นลงไม่ไหวล่ะ

"งั้น ผมขอซื้อตั๋วคืนล่ะกันครับ เท่าไหร่ครับ"

"พี่ว่าเงินมันไม่ใช่ปัญหา พี่ว่าเราใช้กำลังตัดสินดีกว่า" เออ พี่บอสนี่มันก็แปลก สงสัยร้อนวิชาดูอยากมีเรื่องชอบกล

"ยังไง"

"เรามาต่อยมวยกันดีกว่าใช้กีฬามาตัดสินปัญหา ยังไงเวทีมวยก็อยู่ข้างๆ ล่ะ"

"ได้"

"ถ้าพี่แพ้ ก็เอาน้องหนึ่งกลับไป ถ้าพี่ชนะ น้องหนึ่งต้องอยู่ต่อ"

"ได้"

เดี๋ยวน่ะ มีใครถามกูยังว่ากูโอเคไหม

"กูว่าทำอย่างนี้ไม่ถูก" หวาน มีมึงนึ่แหละเข้าใจกูที่สุด

"ยังไง" ตือสงสัย

"มันจะมาต่อยให้คนดูฟรีๆ ไม่ได้เว๊ย มันต้องขายตั๋ว"

"จริง" จบคำพูดหวานกับตือก็ออกไปหาตั๋วมาขายเพื่อชมมวยคู่พิเศษ ซึ่งมีกูเป็นเดิมพัน และไม่มีใครถามกูสักคำ

 

หลังจากมีการขายตั๋ว ตั๋วก็หมดภายในครึ่งชั่วโมง ทุกคนต่างตื่นเต้นกับมวยคู่เอกและจับจองพื้นที่กันแน่ขนัด มีแต่ผมที่ไม่ยินดียินร้ายอะไร พนันกันไม่ถามกูสักคำ แม้ในใจคิดว่าแทนจะชนะ แต่พี่บอสในมาดใหม่ก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย แต่ใครชนะกูก็จะกลับ ผมข่มยิ้มเจ้าเล่ห์ในใจเล็กน้อย

 

เสียงกรี๊ดดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคู่ได้มาในชุดนักมวยที่พร้อมชก พร้อมเปลือยท่อนบนให้สาวๆ กรี๊ดจนลั่นสนาม แม้จะมีกล้ามกันทั้งคู่ แต่แมทนี้แทนก็กินขาดด้วยกล้ามท้องที่แน่นกว่าไม่ต่างจากกรรมกรแบกหาม แต่ดูเหมือนพี่บอสจะรู้ว่าตัวเป็นลอง เลยกระดิกนมโชว์สาวๆ ให้กรี๊ดสนั่นอีกครั้ง

"แม่งกูตอนแรกว่าจะเชียร์แทน แต่พี่บอสก็ดูสูสี ท่ากระดิกนมพี่แกได้มาก" หวานปาดน้ำลายเล็กน้อย

"มึง แต่แทนมันเป้าตุงกว่าน่ะมึง มึงคิดดีๆ" ตือหวานมึงจะคุยอะไรเกรงใจกูด้วย สรุปมาดูมวยใช่ไหมพวกมึง

 

กรรมการเรียกนักมวยทั้งคู่เข้ามาฟังกติกาในการชกตรงกลางเวที ก่อนที่จะแยกไปหาพี่เลี้ยง ซึ่งพี่เลี้ยงแทนไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นน้องเขยอย่างโจ๊กนี่เอง

 

"แทนมึงต้องแบบระวังนะโว๊ย แบบหลบซ้ายขวาแบบที่เค้าทำกันในทีวีน่ะ" ไม่น่าจะรอด

ซึ่งพี่บอสก็ไม่น้อยหน้าเพราะพี่เลี้ยงนั้นเป็นถึงแชมป์ฟิสิกส์โลกครั้งล่าสุด

 

"ตามแรงน้ำถ่วงแล้ว ถ้าบอสเอียงซ้าย 65 องศา จากแรงดันอัตราความเร็วของหมัดจะเร็วเป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของน้ำหนักตัว ถ้าบอสเคลื่อนไหว ไปด้วยแรงโน้มถ่วง 3.25 จุด จะไม่โดนหมัดหรือจะเกิดขึ้นได้แค่ 0.0001 เปอร์เซ็น" เออ จะเอาไงกันก็เอา

 

เสียงระฆังดังขึ้น เป็นสัญญาณให้เริ่มการแข่งขัน แทนทำหน้าขึงขัง พร้อมเดินเข้าหา พี่บอสไม่รอช้า ก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วย่อ เอามือมาข้างหน้าพร้อมม้วนตามจังหวะ 1 2 3 เดี๋ยวน่ะ

 

"หวานไอ้พี่บอสมัยทำไรว่ะ"

"กูว่าน่าจะไหว้ครูน่ะ กูเคยเห็นในทีวี"

"เอ๊าเค้าไม่ชกเลยเหรอว่ะ มาไหว้ครูทำไม" เออ ตือกูก็สงสัย และไม่ใช่กูคนเดียวที่สงสัยทุกคนในสนามและแม้แต่ตัวไอ้แทนเองก็สงสัย

 

มีแต่ตัวพี่บอสเท่านั้นที่ไม่สงสัย พร้อมร่ายรำอย่างสวยงาม นี่อย่าบอกกูนะที่ไปเรียนมาตั้งนานสองนานนี่ได้มาแค่ท่าไหว้ครู แทนเข้าไปซุบซิบกับโจ๊กเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินหาพี่บอสที่กำลังก้มโค้งม้วนหน้าร่ายรำอย่างเต็มที่ ก่อนจะออกแรงถีบอย่างเต็มแรง จนพี่บอสกระเด็นไปกระแทกเสาเวทีพร้อมล้มลง กรรมการเข้าไปนับช้าๆ ก่อนที่จะชูมือแทนขึ้นแสดงถึงชัยชนะ ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง เสียดายค่าตั๋วกันเป็นแถว แต่ทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะพี่บอสสลบไปเรียบร้อย ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้กลับบ้านเร็วๆ

 

"เมียครับเสร็จล่ะ ไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่า"

ผมกระดิกหางตามเจ้านายแบบว่าง่าย ไหนๆ วันนี้ ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วรีบกลับดีกว่า

 

หลังจากกลับบ้าน ผมกับแทนก็พลัดกันอาบน้ำ แม้คุณชายแทนจะอาบก่อน แต่เจ้าตัวก็ยุ่งกับมือถือ นานจนผมต้องเอ่ยถาม

 

"ทำไรมึง"

"เซฟรูปครับ"

"รูปไรว่ะ" ผมพูดพลางลงไปนั่งข้างๆ

"นมชมพูครับ" มันพูดเสร็จพลางส่งรูปผมที่เปลือยท่อนบนให้ดู กูล่ะเบื่อมึงจริงๆ แทน

"ตั้งนานแล้วทำไมมึงยังเซฟไม่เสร็จอีก"

"เสร็จแล้วครับ นี่กำลังกด report อยู่"

"Report เผื่อ"

"แจ้งให้คนลงลบรูปน่ะครับเมีย นมชมพูเป็นของผัว ไม่ใช่ส่วนรวม"

"มึงนี่เลวเนอะ ไปเซฟรูปเค้ายังไปกด report เค้าอีก"

"เขินจัง" กูด่า

"ว่าแต่ผัวสงสัยอย่างนึงครับ"

"สงสัยเรื่องไรว่ะ"

"ทำไมในรูปมันดูชมพูจัง ของจริงมันจะชมพูเหมือนในรูปรึเปล่า" ผมไม่ตอบพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เฮ้ยยยย" ผมร้องลั่นเมื่อแทนเอามือมาถลกเสื้อผมขึ้น

"และผัวก็สงสัยอีกอย่าง ว่าถ้าดูดมันจะมีนมออกมารึเปล่า และถ้ามีนมจะเป็นสีชมพูไหม"

"เลิกเล่นเลยมึง"

"เอาน่า ถือว่าช่วยๆ กันครับเมีย ไม่แน่การทดลองนี้อาจเป็นประโยชน์กับมนุษยชาติ ก็ได้ครับ" แทนพูดพลางตบไหล่เบาๆ คิดว่าผมจะรอดไหมครับ

"อย่าน้าาาาาาา"


-------------------------------------------------------




กลับมาแล้ว หลังจากหายไปเกือบสองเดือน ด้วยปัญหาเรื่องครอบครัว ขอไม่ลงรายละเอียดของปํญหาน่ะ ขอบคุณคนอ่านที่ยังรอน่ะคะ ตัวคนเขียนรักนิยายเรื่องนี้ ยังไงก็จะเขียนจนจบให้ได้ เหลือไม่กี่ตอนแล้ว ขอบคุณที่ยังรอกันน่ะคะ หายไปพร้อมกับปัญหาที่เกิด พอมาตรงนี้ อยากขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ให้กำลังใจ ให้คำปรึกษาตลอด คอยถามไถ่เป็นห่วงเป็นไย โดยส่วนตัวไม่เคยมีปัญหาในครอบครัวมาก่อน พอมาเจอหนักจริงๆ ค่ะ ขนาดเราโตแล้วเรายังว่าหนักแล้ว คนที่ประสบปัญหาช่วงเด็กๆ วัยรุ่นจะหนักขนาดไหน อยากให้กำลังใจทุกคนที่มีปัญหาในครอบครัวเหมือนกันน่ะคะ ในวันที่คุณคิดว่าหมดหนทางไม่มีทางออกแล้ว ขอให้สู้ต่อไปน่ะคะ วันนึง ทางออกมันจะมาหาคุณเอง มันแค่ทดสอบความอดทนของเรา ว่าเราจะ​ทนได้ขนาดไหน บางครั้งถ้าแก้อะไรไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยมันผ่านไป เมื่อเราผ่านกับปัญหานั้นแล้ว เราจะรู้เลยค่ะ ว่าปัญหาที่เราผ่านมาทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหน สู้ๆ ค่ะ

รักที่สุด

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-07-2018 13:37:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

กลับมาพร้อมความฮาเหมือนเดิม

สำหรับปัญหาที่ประสบผ่านแล้วก็ผ่านไป  เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 15:28:56
 :jul3:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 29-07-2018 22:03:23
จะสงสารหรือจะฮาพี่บอสดี... ถึงกับสลบ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-07-2018 21:09:29
รู้สึกหิวนมเย็นขึ้นมาทันที555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 19-09-2018 03:11:00
​​ตอนที่ 34 : Ondinary Day

"เมียครับทำไรอยู่ครับ" แทนเอ่ยถามขึ้นมาช่วงสายของวันหยุดยาว ที่ผมกำลังนอนเป็นผักปลาเลื้อยบนโซฟา

"เล่นเกมส์"

"ทำไมพูดจาไม่เพราะ"

"พูดยังไงถึงเพราะ"

"แบบอ้อนๆ แล้วมีหางเสียงนะครับ"

"ยังไง"

"แบบ... เล่นเกมส์จ้าที่รัก งุงิงุงิ" โอ้ แทนในหมวดสาวน้อยมาอีกล่ะครับ

"งุงิงุงิคือหางเสียง"

"ครับ"

"ใครเค้าพูดกันมึง ไอ้งุงิของมึงเนี่ย"

"ใครๆก็พูดกันครับ คนเก่าๆ ที่ผ่านมาก็พูด"

"นี่มึงกล้าเอากูไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงเก่าๆ ของมึงรึ"

"เปล่าซะหน่อย ทำไมคิดมากล่ะครับ ว่าแต่ออกไปข้างนอกกันดีกว่า"

"ไม่เอาน่ะมึง คนเยอะ ยิ่งวันหยุด เหมือนแย่งกันกินกันเที่ยว"

เคยไปไหมครับ ห้างช่วงวันหยุดยาว กว่าจะได้กินข้าวทำอะไรรอกันเป็นชั่วโมง ผมไม่เอาหรอกครับขอบายดีกว่า

"ทำไมล่ะครับ อยู่ห้องผัวเบื่อนะ ไปข้างนอกกัน น่ะน่ะ" ผมทำหน้างงเมื่อเห็นแทนในมวดสาวน้อย แต่...

"ไม่อะ ขี้เกียจ"

"โหยยยยย ทีคนก่อนๆ นี่ชวนไปไหนยังไปเลย"

"นั่นไง แทน มึงเอากูไปเปรียบกับบรรดาผู้หญิงเก่าๆ ของมึงใช่ไหม"

"เปล่าครับ แค่บ่นเฉยๆ"

"บ่นเฉยๆ ก็ไม่ได้"

"ก็อยากไปข้างนอกน่ะ"

"ไม่ไป"

"นี่ถ้าชวนน้องเปิ้ลป่านี้ เดินหมดห้างไปต่อโรงแรมเรียบร้อยล่ะ"

"นั่นไงแทนมึงเอากูไปเปรียบเทียบกับเด็กเก่าๆ ของมึง"

"เปล่าสักหน่อย ไปข้างนอกกัน"

"ไม่เอา กูไม่ชอบคนเยอะ"

"นี่ถ้าเป็นน้อง....."

"พอ....  เออกูไป จบน่ะ"

แทนทำหน้าพอใจก่อนลุกไปแต่งตัว เมื่อได้ดังใจหวัง อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ ว่าแต่ทำไมผมต้องโมโหและตามใจมันเมื่อมันพูดถึงแฟนเก่า รึผมหึง ช่างแม่งเถอะ คิดไปก็ปวดหัว

 

แทนไม่รอช้ารีบอาบน้ำแต่งตัวไปนั่งรอที่โซฟาอย่างไว มีแต่ผมเท่านั้นที่อ้อยอิ่ง ในห้องน้ำจนท่าทางคุณชายจะรอไม่ไหว เปิดประตูเข้ามาถามพร้อมชะโงกหน้าออกมา

"เมียครับ เสร็จยางงงงงง"

"เฮ้ยยยย เข้ามาทำไม กูโป๊อยู่"

"ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว"

มึงนี่ยังหน้าด้าน ไม่ออกไปอีก

"ว่าแต่เมียครับ ผัวถามจริงๆ นะครับ เมียตั้งใจจะยั่วผัวใช่ไหมครับ"

"ยั่วยังไง"

"เมียแก้ผ้า กะจะยั่วให้ผัวปล้ำแล้วไม่ไปข้างนอกใช่ไหมครับ"

"ทำไมกูต้องเปลืองตัวกับมึงด้วยแทน แล้วใครเค้าใส่เสื้อผ้าอาบน้ำกัน"

"ผัวไม่หลงกลหรอกครับ"

พูดเสร็จแม่งก็ปิดประตูออกไป ปล่อยให้กูเป็นหญิงโฉดแก้ผ้ายั่วยวนผู้ชายลำพัง

 

ผมขึ้นมานั่งบนรถอย่างเบื่อหน่าย วันหยุดช่วงบ่าย รถก็ติด คนก็เยอะ ไปห้าง กว่าจะได้ที่จอดรถ โอยยยย ยิ่งคิดยิ่งเซ็ง

 

"ถ้าเมียไม่อยากไปเดินห้างผัวไปพาไปเดินห้างก็ได้ครับ"

"จริงอ่ะ" ผมดีใจโผเข้ากอดมันหนึ่งที

"เมียครับ"

"อะไรมึง"

"ที่กอดนี่ให้ท่าใช่ไหมครับ" ผมรีบผลักออกแทบไม่ทัน ว่าแต่

"ไม่ไปห้างแล้วมึงจะไปไหนว่ะแทน"

"ไปที่ที่แบบคนอื่นเค้าเดทกัน"

"แล้วมันที่ไหนว่ะ"

"มีกี่ที่วันนี้เราจะไปให้ครบเลยครับเมีย เดี๋ยวพาไปกินบิงซูก่อน"

"โหยยยยย ป๋าแทนทำไมใจดีแบบนี้" ผมทำท่าจะเข้าไปโผกอดด้วยความดีใจอีกหนึ่งที

"บนรถก็ได้น่ะครับ"

ดันตัวกลับแทบไม่ทัน

 

ขับรถไปไม่นานก็ถึงร้านบิงซูเจ้าดัง ใจกลางเมืองในย่านสามย่าน ว่าแต่ทำไมเข้ามาร้านบรรยากาศมันแปลกๆ รู้สึกเหม็นความรักยังไงไม่รู้ แล้วทำไมมันมากันเป็นคู่ๆ นั่งเบียดกันจนกูนึกว่าจะนั่งขี่คอกัน โต๊ะอีกฝั่งก็ว่าง แต่ทุกอย่างก็กระจ่าง เมื่อพนักงานมารับออเดอร์

  "สวัสดีค่ะ วันนี้ที่ร้านเรามีโปรโมชั่น คู่รักที่มาด้วยกัน ถ้าสั่งเมนูสตอเบอรี่ lover เมนู Signature ของทางร้าน จะลด 50 เปอร์เซ็น ทันทีค่ะ" อ้อ มันลดราคา

"งั้นเอาเมนูนี้แหละครับ แล้วก็เอาน้ำเปล่าสองที่" แทนไม่รอช้าสั่งเมนูอย่างรู้ใจ

เรานั่งรอขนมสักครู่ ผมนั่งรออาหารอย่างตื่นตาตื่นใจ มีแต่คนมาจู๋จี๋กัน โต๊ะนั้นก็แทบจะเอากันบนโต๊ะอยู่ละ โอยยย โต๊ะโน้น โอยยยยจูบกันซะกูเขินแทน

"แม่งไม่น่าเชื่อน่ะแทน แค่แม่งลดราคาคนแม่งเยอะขนาดนี้ สงสัยคนสมัยนี้ชอบของเซลล์เหมือนกูสิน่ะ" นักวิทยาศาสตร์ควรเอาป้ายเซลล์ไปพิสูจน์น่ะ แม่งเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูด สงสัยร้านเล่นของชัวร์

"ลดราคาอะไรล่ะครับเมีย ร้านนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องบิงซูอยู่แล้ว อีกอย่างมันมีเรื่องเล่าว่าถ้าคู่รักคู่ไหนมากินบิงซู Lover ด้วยกันจะได้แต่งงานกัน" อ้อออออ

"ใครเล่าว่ะ"

"เห็นเค้าบอกต่อๆ กันมาน่ะครับ"

"เค้านี่ใคร" ใครน่ะ ใครกัน

"K"

"K นี่คือชื่อคนเหรอว่ะ"

"Kนี่แหละครับเมีย ถามเยอะ บิงซูมาล่ะแดกๆ เข้าไปครับ" ทำไมต้องเกรี้ยวกราดด้วย แต่ไม่โกรธ เมื่อของกินวางอยู่ตรงหน้า

 

ผมไม่รอช้ารีบเอานมราด ตักน้ำแข็งใส แล้วจุ่มนมอีกที เบาหวานจ๋าพี่หนึ่งมาแล้ว ผมเพลิดเพลินกับบิงซูสักคู่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้

 

"แทนกูถามไรหน่อยสิ"

"สงสัยเยอะ สงสัยอยู่ในวัยเจริญพันธ์ อยากรู้อยากเห็นงี้"

"ไม่ใช่มึง กูแค่งงว่าเมนูคู่รัก ทำไมแม่งให้สตอเบอรี่แปะบนยอดมาลูกเดียว รู้ทั้งรู้ว่าต้องแดกกันสองคน กูงงมาก"

"อ้อ มันต้องกินแบบนี้ครับ" แทนพูดพลางชี้ไปทางโต๊ะข้างที่กำลังจะกินสตอเบอรี่ โดยที่ฝ่ายชายคาบสตอเบอรี่ไว้ในปาก แล้วฝ่ายหญิงค่อยๆ กัดสตอเบอรี่ ช้าๆ จนหมดแล้วปากชนปากก็จูบกัน เป็นเอามาก

 

"แม่งเลี่ยนสัต" ผมพูดพลางหันกลับมากินของตัวเองต่อ

"เหี้ย" ผมร้องเหี้ยหนักมาก เพราะภาพที่เห็นคือแทนกำลังคาบสตอเบอรี่เหมือนโต๊ะนั้นเด๊ะ

"บ้ามึง กูอายเค้า" แทนถอนหายใจ พร้อมเอามือดึงสตอเบอรี่ออก

"อาย อะไรนะครับเมีย ใครๆ เค้าก็ทำกัน"

"อายสิมึง โน่นมึงดูโต๊ะโน่น มีตั้งกล้องด้วย สงสัยแฟนคลับมึง" มีแฟนคลับมาทักทายขอถ่ายรูปบ้างเวลาอยู่ข้างนอก จนเดี๋ยวนี้ชักเริ่มชิน

"ดีสิครับ ถือว่าเซอร์วิสแฟนคลับ" แทนพูดพร้อมหันหลังไปโบกมือให้ สาววายมึงฟินจนตัวจะแตกล่ะ

"สรุปจะทำดีๆ หรือต้องบังคับ"

"หืมมม" ผมทำหน้างง แบบไร้เดียงสา ยังไงกูก็รอด ใช้มุกนี้ทีไรแทนใจอ่อนทุกที

 

แต่เหมือนครั้งนี้ผมจะคิดผิด แทนลุกจากฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งเอาสตอเบอรี่มาคาบ เสียใจครับแทน ผมรู้ทันเลยเม้มปากปิดอย่างดี แต่เกมส์นี้ผมคงจะผ่ายแพ้ เพราะแทนมันไม่ได้ยื่นสตอเบอรี่ให้ผมกัด แต่แม่งบดเลยครับ แทนดันหน้ามาใกล้ๆ จนชนปากผม ผมไม่ยอมเปิดปาก แม่งเลยดันสตอเบอรี่กับปากผม จนน้ำสตอเบอรี่ค่อยๆ ไหลจนผมต้องอ้าปากออก สรุปบดปากกูโชว์ไปหนึ่งรอบ ป่านี้สาววายมึงฟินตัวแตกแล้วแทน มันจูบจนหนำใจก็คลายจูบออก น้ำสตอเบอรี่ไหล เปื้อนตรงมุมปาก แทนเอานิ้วโป้งค่อยๆ เช็ดที่มุมปาก ผมไม่มีการขัดขืนใด

"น่ารัก"

สิ้นเสียนั้นผมถึงได้สติกลับมา รีบนั่งกินให้เสร็จเร็วๆ อย่างไม่คิดชีวิต นับวันสกิลความหื่นกามของแทนแม่งยิ่งพัฒนา จนผมตามแทบจะไม่ทันอยู่ล่ะ แม่งหน้าก็ด้านขึ้นทุกวัน คิดจะกอดจะจูบตรงไหนมันก็ทำ เดินไปไหนไม่เอามือวางบนไหล่ก็โอบเอว ยิ่งคนรู้เรื่องที่เราคบกัน แม่งยิ่งเอาใหญ่ แม่งไม่คิดบ้างว่ากูจะอาย บอกกูแค่ว่าเดี๋ยวก็ชิน เฮ้อออออออ 

"อิ่มแล้วใช่ไหมครับเมีย" ผมพยักหน้า เศร้าใจ โดนกระทำชำเราต่อหน้าสาธารณะชน

"งั้นเดี๋ยวเราไปเดทกันต่อ"

"ยังมีอีกเหรอมึง จะไปไหนน่ะ กูอิ่มแล้วน่ะ ไม่เอาร้านแบบนี้แล้วน่ะ อยากกินปิ๊งย่าง"

"สรุปอิ่มหรือหิวครับเมีย"

"อิ่ม แต่กูแดกได้อีก" แทนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนเดินนำไปที่รถ ผมนี่เดินตามเจ้านายอย่างไว

"ไปไหนต่อนะมึง"

"สวนลุม"

"กินอิ่มให้กูจูงไปขี้ที่สวนลุมงี้"

"ปากดีจริงๆ ครับเมีย"

"อ้าว กูนึกว่าปวดอึ แล้วไปทำไรสวนลุม"

"ปั่นเรือเป็ด" โอ้แม่สาวน้อย

"ไปปั่นทำเหี้ยไร สมัยนี้มันยังมีคนปั่นเรือเป็ดกันอีกรึ"

"แล้วถ้ามีล่ะ" มึงอย่าคิดว่ากูจะหลงกลแทน มึงจะหลอกล่อกูให้ตกหลุมพลางมึง โดยการให้กูพนันกับมึงใช่ไหม เสียใจกูไม่โง่

"งั้นเอางี้ ถ้าไม่มีเดี๋ยวผัวพาไปเลี้ยงอาหารเกาหลี"

"แล้วถ้ามีล่ะ"

"ก็ต้องไปปั่นเรือเป็ดด้วยกัน" อย่าคิดว่ากูจะตกหลุมพลาง

"ตกลง" มีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ตกลงล่ะครับ ลาภปากแท้ๆ กูจะแดกให้หมดตัว แพ้ก็แค่ไปนั่งโง่ ในเรือเป็ด สบายยยย

 

"เดี๋ยวรอเรือว่างแวบนึงน่ะครับ"

อ้าวววว ไอ้เหี้ย มีเว๊ย แถมคนนิยมจนต้องมาต่อคิว สรุปการนั่งวนไปมาในสระน้ำนี่มันเป็นที่นิยมยังไง แล้วทำไมคนมาปั่นเป็นคู่ๆ หรือเรือมันต้องนั่งสองคนมันถึงสมดุล

"เมียแพ้นะครับ ต้องไปปั่นเรือเป็ดด้วยกัน"

"เออ" เซ็ง อดแดกอาหารเกาหลี ทำไมพนันกันทีไร แม่งแพ้ตลอดเลย สงสัยแม่งเล่นของ ชนะตลอด

ผมยืนรอพลางดูวิว บรรยากาศสวนสาธารณะช่วงเย็นๆ ก็สบายดีนะครับ มีลมเย็นอ่อนๆ พัดมามีกลิ่นหญ้า ก็ดูสบายเหมาะกับการพักผ่อน

"แทน มาสวนสาธารณะนี่ก็ดีเนอะ มีบรรยากาศสบาย เหมาะกับการนั่งเฉยๆ โง่ๆ เรื่อยเปื่อย"

"เมียครับ ถ้าเมียโง่ นั่งตรงไหนก็โง่ครับ ไปนั่งโง่ต่อในเรือครับ เค้าเรียกแล้ว"

หมดกันบรรยากาศกู เลยต้องมานั่งเรือเป็ดหมุนไปมาในสระ สรุปมันสนุกยังไง แม้จะปั่นไปสักพัก ก็ยังไม่เห็นจะสนุก

"สรุปอีการนั่งปั่นเรือเป็ดนี่มันสนุกยังไงว่ะแทน"

"สนุกแบบนี้" แทนพูดพลางชี้ไปเรืออีกลำด้านข้าง

อ้อ กูรู้ล่ะ เค้ามาจู๋จี๋กันนี่เอง มิน่าละ กูเห็นมากันเป็นคู่ๆ ทั้งนั้น ไม่ทันจะเคลียร์ดี ไอ้แทนเอามือสองข้างมาจับหน้าผมหันไปทางมัน เฮ้ยยยย

"ทำไรมึง"

"จูบ มาครับเข้ามา"

"เฮ้ยยยย อย่ามาน่ะมึง เดี๋ยวเรือล่ม" ผมดันตัวเองสุดฤทธิ์ แทบจะยกตีนมาดัน แทนพยายามสักพัก แต่ก็ไม่ได้ครับ เพราะเรือมันจะเอียงมาอีกฝั่งเหมือนจะล่ม

"โหย ทำไมงกจังครับเมีย จูบแค่นี้ก็ไม่ได้ มากกว่านี้ก็เคยทำมาล่ะ"

"มึงอย่ามา เรื่องที่ผ่านมาแล้วเป็นอดีตกูจำไม่ได้ อย่าบอกกูน่ะว่าที่พากูมาปั่นเรือเป็ด เพราะคิดมาทำมิดีมิร้ายกับกู มึงนี่มันหื่นกามไม่เลิกเลยแทน"

"โหย นิดหน่อยเองครับ ไม่น่าจะชมกันขนาดนั้น"

"กูด่าแทน กูด่า"

หน้าด้านใส่กูตลอด ว่าแต่

"แต่มาปั่นเรือเป็ดแบบนี้ก็ดีน่ะมึง กูว่ามันผ่อนคลายดี" ลมเย็นๆ พัดผ่านได้กลิ่นหญ้า ลองไปดูกันสักครั้ง คุณจะติดใจ

"เออ กูได้ข่าวว่าเค้าเอาตัวเงินตัวทองย้ายไปที่อื่นล่ะค่อยโล่งหน่อย ไม่งั้นแม่งพายๆ อยู่กระโดดมากัดคอกู แม่งแค่คิดก็หน้ากลัวล่ะ"

"เมียทำไมไม่เรียกตัวเหี้ยละครับ ทำไมเรียกตัวเงินตัวทอง เป็นคนสุภาพงี้"

"เปล่าแทน กูกลัวมึงสับสนว่ากูเรียกมึงรึเปล่าน่ะ"

"กวนตีน" ผมหัวเราะหลังจากคำชมของแทน บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ต้องการอะไรมาก แค่มีใครสักคนมานั่งโง่ๆ กับเราในเรือเป็ดก็พอล่ะครับ

"ว่าแต่ไอ้ตัวเหี้ยที่กระโดดกัดคอนี่มันจริงหรือครับเมีย มันกระโดดยังไง"

"มึงไม่เคยดูคลิปใน YouTube หรือมึง มันก็กระโดดพ้นน้ำมาเกาะบนเรือแล้ววิ่งมากัดคอคน"

ยังทำหน้าเป็นควายงงใส่กูอีกกก

"เดี๋ยวกูเปิดคลิปใน YouTube ให้ดู ขอกูหาแวบ"

เอ.... มันชื่อคลิปว่าอะไรว่ะ

"อ้อ มันกระโดดแบบนี้นี่เอง"

"รอกูแวบน่ะแทน หาแวบ"

"ไม่ต้องหาล่ะครับเมีย"

"ใจร้อนจริงไม่อยากดูแล้วงี้"

"ไม่ใช่ครับเมีย มันกระโดดมาเกาะให้ดูแล้วครับ"

"เหี้ยยยยย"

"เรียกทำไมครับเมีย" ผมกระโดดขึ้นไปขี่คอแทนแบบไม่กลัวเรือล่ม แม่งกลัวจริงครับ ตัวแม่งใหญ่อย่างกับจระเข้ ผมขึ้นขี่คอแทนจับหัวแทนกอดแน่น

"เมียครับ"

"หืมมม ไม่ต้องกลัวแทน ไล่มันไปก่อน"

"ไม่ใช่ครับ" ทำไม

"แทนมึงเลือดออก มึงโดนมันกัดใช่ไหม" ผมยิ่งกอดมันแน่นกว่าเดิม

"อ้อ เลือดกำดาวนะครับ"

"อ้อเออ แล้วเรียกกูทำไม"

"ตัวเงินตัวทองไปแล้วครับ... ดีจังครับ ฟินมากเลย"

เอ๊ะ... ผมเริ่มหยุดตกใจเมื่อแทนบอกว่าตัวเงินตัวทองไปแล้ว แต่กลับต้องงงเมื่อเห็นหน้าแทนฟินอย่างที่มันบอก จึงค่อยๆ คิดทบทวนผมมองหน้าแทนขณะที่ขี่คอแทน ได้แต่สงสัยว่าตัวเงินตัวทองจะมากัดมึงมันฟินยังไง ผมมองตาแทนที่เยิ้มแล้วลองกอดหัวมันใหม่

"อืมมมมมม..." มีคราง ชัดเลย ชัดเลย

ทุกๆ คนลองนึกภาพตามน่ะครับ ผมขี่คอแทน แต่ผมขี่จากด้านหน้าไม่ใช่ด้านหลัง ฉะนั้นเวลาผมกอดหัวมันหน้ามันก็จะตรงกับเป้าผมพอดี ผมรีบคลานออกจากตัวมันแทบจะไม่ทัน

"ดีจังเลยครับเมีย เลือดกำดาวออกเลย เรือที่จูบโชว์กันเมื่อกี้ยังต้องอิจฉา'

"หยุดเลยแทน มันเป็นอุบัติเหตุ มึงเข้าใจไหม"

"คือมันแบบ แทบจะบดหน้าผัวเลยนะครับ ฟินมากก"

"อย่าบอกกูนะว่านี่ป็นแผนของมึงแทน"

"เมียครับ ใครจะไปบังคับตัวเงินตัวทองได้"

ผมอารมณ์เสียเล็กน้อย รีบปั่นขึ้นฝั่งดีกว่ากู เดี๋ยวแม่งกระโดดขึ้นมาอีก

"สนุกขึ้นมาล่ะสิครับเมีย"

"สนุกเหี้ยไรล่ะแทน รีบช่วยกูปั่นขึ้นฝั่งเลย เดี๋ยวแม่งกระโดดมาอีก พูดแล้วกูก็ขนลุก"

"เดี๋ยวครับเมีย" โอย เรื่องเยอะ แทนค่อยๆ ล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์พันออกมายื่นไปนอกเรือ

"ทำไรมึงแทน"

"ตัวเงินตัวทองทำดี ถูกใจ ผัวเลยให้รางวัล ใจปล้ำใช่ไหมล่ะ"

"มึงจะให้เงินมันไปซื้อไก่ดิบกินงี้"

"ใช่ครับ คนทำดีเราต้องให้รางวัล"

"วางถุงกาวลงก่อนแทน มึงคิดสิว่าตัวเงินตัวทองไปจ่ายตลาดเองได้ไหม "

"ไม่ได้เหรอครับ" ผมถอนหายใจเล็กน้อย

"แทนมึงช่วยกูปั่นขึ้นฝั่งก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปซื้อขนมปังมาให้มันแดกไหม"

"ตัวเงินตัวทองกินขนมปังด้วยเหรอครับ"

"ลองดูก่อนแทน ถ้ามันไม่กิน เดี๋ยวกูค่อยถีบมึงลงไปให้มันแดก"

"เมียตลกนะครับ เดี๋ยวเป็นม่ายนะครับ"

"เดี๋ยวกูค่อยหาใหม่ก็ได้มึง สติไม่เต็มแบบมึงมีเยอะแยะ"

"ชอบล้อเล่นนะครับเมีย ป่ะๆ รีบเข้าฝั่งกัน"

ผมรีบปั่นอย่างสุดแรงเกิด ในคณะที่คุณชายแทนนั่น ปั่นอย่างสบายอารมณ์และยังคงยุ่งกับตามหาตัวเงินตัวทองเพื่อมอบสินน้ำใจ

 

"สรุปตัวเงินตัวทองมันกินขนมปังไหมครับ"

แทนทำหน้าสงสัยในขณะที่ให้ขนมปังไปแล้วสามแถวจากสิบสองแถว มึงคงจะถูกใจกันมากสินะ

"แทนถ้ามันไม่แดก ก็ถือว่าให้ปลาแดก ถ้าปลาแดกแล้วตัวใหญ่ตัวเงินตัวทองคงมาแดกปลาอีกทีมั๊งมึง"

"อ้อ อืมจริงด้วยครับเมีย"

"ทำไรมึง"

"อ้อ เอาแยมมาทาน่ะครับ กลัวตัวเงินตัวทองเบื่อและฝืดคอ เลยทาเผื่อเปลี่ยนรสชาตนะครับ" รักกันจริงๆ

"ตามใจมึงเลยแทน เดี๋ยวกูนอนรอตรงใต้ต้นไม้ตรงโน่น"

 

บรรยากาศเย็นๆ ยามเย็น นอนดูท้องฟ้าได้กลิ่นหญ้าและไอแดด บางครั้งความสุขก็ไม่ได้อยู่ไหนไกล เพียงแต่เราไม่เห็นเอง

"นอนยิ้มอะไรครับเมีย" แทนลงมานั่งข้าง

"เปล่าแทน กูว่ามาเที่ยวแบบนี้ก็ดีน่ะ สบายดี ไม่เคยคิดว่าการมาสวนสาธารณะมันจะดีแบบนี้ คนไม่ค่อยเยอะด้วย"

"จริงๆ มันจะไม่ดีขนาดนี้ถ้าผัวไม่มาด้วย"

"เอาที่สบายใจเลยมึง"

"ทำไมเขินเหรอครับ"

"เขินพ่อมึงสิแทน" แทนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนลงนอนข้าง

 

ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่มันคงจะจริงอย่างที่แทนพูด ผมคงมีความสุขที่มีแทนอยู่ด้วย จนผมนึกไม่ออกแล้วว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นอย่างไร ทุกๆ วันโลกของผมหมุนไปพร้อมๆ แทน ถ้าโลกนี้มีผมแค่คนเดียวล่ะ โลกมันจะน่าอยู่อย่างที่เป็นตอนนี้รึเปล่า

 

"แทนกูถามมึงหน่อยสิ"

"ครับ ถามว่า"

"ทำไมมึงถึงชอบกูว่ะ" แทนตะแคงหน้ามามอง

"ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากรู้ล่ะครับ"

"ก็กูสงสัยน่ะมึง ว่าอะไรในตัวกูที่ทำให้มึงหลงเสน่ห์ แต่กูว่าคงจะเป็นหน้าตา กูหน้าตาดี กูยอมรับ"

"ส่องกระจกครั้งสุดท้ายเมื่อไรครับเมีย" ถามทำไมว่ะ

"เมื่อกี้ในรถมึง" สิ้นเสียงแม่ก็ลุกขึ้นพลวด

"ไปไหนมึง"

"ไปทุบกระจกรถทิ้งครับ น่าจะเสียแล้ว"

"นั่งลงเลยมึง อย่ามาเล่นเป็นตลกคาเฟ่ ไม่ขำ"

"โหย ล้อเล่นน่ะครับ แค่นี้ทำเป็นงอน" ใครงอน กู กูรึ

"จะบอกความจริง ก็ได้ครับ ตั้งแต่เจอเมียครั้งแรกผัวก็รู้สึก อย่างนี้ตั้งแต่ครั้งแรก จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง แบบน่า.... นะครับเมีย"

"น่า น่าอะไรว่ะ น่ารัก น่าทะนุทะนอม น่ารักษา น่าบูชา มึงเห็นกูเป็นสิ่งสักสิทธิ์รึแทน"

"น่าล่อน่ะครับเมีย ไม่รู้เจอเมียทีไรรู้สึกตื่นตัวทางเพศทุกที แต่พอได้รู้จักเมียมากขึ้้น ได้เห็นข้อดีต่างๆ มากขึ้น ก็..... ช่างมันเถอะครับ ยังไงก็น่าล่ออยู่ดี แฮะแฮะ" อย่ามาเขินอาย กูควรดีใจรึเสียใจ ในข้อดีของตัวเองดี

"มึงนี่มันเลวน่ะแทน คิดเรื่องอย่างว่าตั้งแต่อนุบาล"

"เมียครับ สมัยนี้สิบสามก็ท้องแล้วครับ ยังไงว่างๆ มาทำลูกกันดีกว่า"

"ทำบ้านมึงสิแทน ไม่มีอะไรปูเดี๋ยวหญ้าทิ่ม"

"อ้าว ไม่ห้ามเหรอครับ" อ้าวกูลืมตัว

"กูห้ามอยู่นี่ไง" ลิ้นเสียงหัวเราะของแทน เรายังคงนั่งดูบรรยากาศยามเย็น เฮ้ออออ สบายจัง

 

"ว่าแต่เมียครับ ผัวมีอะไรจะถาม"

"ถามไรว่ะ ถามเยอะถามแยะ" รำคาญ ชอบกวนตีนกู

"ผัวยังไม่ได้ถามเลย" อ้าวววว

"เออ ถามมาสิแทน"

"เมียชอบผัวตรงไหน"

"ถามเหี้ยไรของมึงเนี๊ยะ"

"อ้าวทีเมียถามผัวยังตอบเลย" ชิบหายล่ะ

"ตอบมาเลยชอบผัวตรงไหน"

"แทนกูว่าผู้ชายสองคนมาถามเรื่องนี้กันในที่สาธารณะมันดูไม่เหมาะ"

"ใครจะรู้ว่าเราคุยเรื่องอะไรกันครับ อย่ามาลีลา"

"แทนกูไปดูหมอมาเมื่อวาน เค้าบอกห้ามพูดความในใจหลังหกโมง ไม่งั้นดวงจะตก"

"ไม่ตลกครับเมีย" อ้าว ไม่เชื่อเว้ย

เออ ผมชอบแทนตรงไหนน่ะ ผมนั่งเงียบคิดข้อดีของแทน ผมชอบตรงที่แทนอยู่เคียงข้างอยู่เสมอ ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข ไม่ว่าผมจะเจ็บป่วย เป็นตายร้ายดียังไง แทนก็ไม่เคยทิ้ง แทนเป็นทั้งเพื่อนพี่น้อง ผมสบายใจทุกครั้งที่มีแทนเคียงข้าง คุณเคยอยู่ใกล้ใครที่รู้สึกสงบ ปลอดภัยบ้างไหม แทนคือที่นั่นสำหรับผม ความรักที่แทนมอบให้มากจนมันล้นออกมา แต่ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัด กลับมีความรู้สึกดีที่ได้รับ และรู้สึกตัวเองโชคดีที่มีแทนอยู่เคียงข้าง

 "ทำไมคิดนานล่ะครับเมีย ข้อดีผัวมีเยอะแยะ ไม่น่ายาก"

อืมมมม ตอบไงดีว่ะ

"สรุปเมียชอบผัวตรงไหน" คิดเหรอว่าผมจะพูดความจริง

"กูชอบเพราะว่ามึงเอามันดี" เป็นไงมึง อึ้ง เอามือกุมหน้าตัวสั่น หรือมันจะเสียใจ

"เป็นไรมึง โกรธกูเหรอ" ผมเอามือลูบหลัง ก้มมองแทนที่ก้มหน้า

"เปล่าครับ ดีใจที่เมียชมว่าเก่ง ชมเรื่องอื่นอาจจะเฉยๆ ชมเรื่องนี้มันตื้นตัน แทบจะเสียน้ำตา" โถ.... พ่อคุณ

"เออ มึงใจเย็นๆ น่ะ ตั้งสติก่อน"

"ผัวตัดสินใจแล้วครับ"

"ยังไง"

"เพื่อเทคนิคที่เพิ่มมากขึ้น ลดความซ้ำซากจำเจ เราควรมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงให้เกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ขึ้น"

"ยังไง" แทนไม่พูดพร่ำทำเพลงลุกขึ้นมาปูผ้าขนาดใหญ่ พร้อมนั่งลงตบพื้นให้ผมไปนั่งข้างๆ

"เดี๋ยวน่ะ มึงไปเอาผ้ามาจากไหน"

"มีลุงเดินมาขาย ผัวเลยซื้อไว้เมื่อกี้ ทำไมเมียไม่ถาทละครับว่าปูทำไม"

"เออ ปูทำไม"

"เมียได้ดูข่าวไหมครับ" โถ กูนึกว่าอะไร

"ทำไมกูจะไม่ดู คนขายหวยเก้าสิบล้านใช่ไหม กูอุตสาห์นึกว่ายังมีคนดีหลงเหลืออยู่ในโลก แม่งหรอกกูได้ นี่กูก็ยังเสียใจอยู่"

"Kครับเมีย" เอ๊าด่ากูทำไม ใจร้าย

"ข่าวที่เกี่ยวกับสวนสาธารณะน่ะ" ข่าวอะไรว่ะ ผมพลางนึกแล้วย้ายก้นไปนั่งบนผ้าที่แทนปูหญ้าเริ่มคัน

"ก็ข่าวที่มีคนชอบมา outdoor ที่สวนสาธารณะน่ะครับ"

"อ้อ เออ แล้วไงกูเห็นคนพูดถึงอยู่ช่วงนึง"

"นั่นไงครับ คนอื่นเค้าก็ทำกัน มาครับเรามาoutdoor กัน"

"กูรู้สึกมึงเค้าใจผิดน่ะแทน ที่เค้า outdoor กันกูว่ามันต้องตามซอกหลืบหรือที่ลับตาคนหน่อยไหมมึง ไม่ใช่ข้างสระที่คนนั่งเป็นสิบ ที่ยังไม่รวมคนปั่นเรือเป็ดอีกเป็นร้อย"

"อ้าว" อย่ามาทำหน้าเสียใจ

"งั้นเราลองไปดูที่ลับตาคนกันไหมครับเมีย"

"ไปกับมึงกูก็โง่สิ"

"เฮ้อออออ"

"วันนี้กูเห็นมึงทำตัวดีน่ะแทน กลับบ้านกูจะให้มึงสองยกเลย"

แทนลุกขึ้นพลวดทำหน้าเซ็ง พร้อมเต๊ะผ้าที่ปู

"ทำไม บรรยากาศมันน่าเบื่ออย่างงี้นะครับเมีย อยากกลับบ้านล่ะ ยุงก็เยอะ กัดเจ็บไปหมดแล้วเนี๊ยะ กลับกันดีกว่าครับเมีย"

"เออ" ให้มันได้อย่างนี้สิแทน

 

เราอาจจะไม่เดินจูงมือแบบคนอื่น อาจจะมีเพียงนิ้วก้อยเท่านั้นที่แตะกันบ้างบางครั้งคราว แต่มันก็เป็นบรรยายกาศที่ดีนะครับ แม้จะรำคาญเสียงเพลงที่แทนร้องคลออย่างมีความสุข และจะตลกกับเสียงร้องอันหลงคีย์ของแทนบ้าง

 

"หัวเราะอะไรครับเมีย ผัวร้องเพลงไม่เพราะเหรอ"

มึงยังกล้าถาม

"เปล่า แทน....."

"อะไรครับเมีย"

"อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ น่ะ" ผมค่อยๆ เอามือไปกุมมือแทน เจ้าตัวแปลกใจเล็กน้อย

"ครับ ครับ รีบกลับกันเถอะครับเมีย"


------------------------------------------

หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 33 [Update 29:07:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 19-09-2018 03:11:33
  Outtakes 001   

"เมียเรียกผัวมาทำอะไรครับ"

"มึงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เรามีแฟนคลับ"

"ครับ แล้วไงครับ"

"เราทำลังจะรวยยยยย"

"รวยยังไงครับ"

"ก็ถ้ามีคนมาเมนท์ มากดติดตามเยอะ ก็จะมีคนมาจ้างเราแบบโฟสต์รูปหรือรีวิวสินค้า"

"ครับ แล้วไงครับ"

"แล้วไงหรือมึง เงินก็จะเข้ามา กูก็จะรวย"

"ทำไมเมียรวยคนเดียวล่ะครับ" อ้าวกูลืมตัว

"บ้า ก็รวยด้วยกันนี่แหละ"

"แล้วต้องทำไงครับ"

"นั่นไง แสดงว่ามึงเริ่มเข้าใจล่ะ งั้นเราก็ต้องศึกษาจากซีรีย์วายชั้นนำ ว่าที่สาววายจิ้นกันนั้น ทำยังไง"

"ซึ่งหวานได้ช่วยคัดมาให้ล่ะ"

"หวานคัดมาให้ จะดีเหรอครับ"

"เออ กูเช็กมาล่ะ โอเค มาดูก่อนล่ะกัน ว่าจะเอาไปใช้หรือทำอะไรได้"

"อ้อครับ" หยุดทำหน้าควายงงแทน

 

เปิดมาเป็นเรื่องอาตี๋ของผมครับ

เป็นฉากที่ตัวเองสองคน ทะเลาะกันเพราะอีกฝ่ายแอบไปซื้อถุงยางไว้

 

"โอ๊ยยยย เป็นผัว ผัวก็โกรธ" ไหนตอนแรกมึงไม่เข้าใจไหงมาอินกว่ากู

"จริง อีกฝ่ายคงคิดว่าหวังแค่ตัวล่ะมั๊งกูว่า"

"ไม่ใช่ครับ เมีย นี่เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ใช่ไหมครับ"

"อืม น่าจะน่ะ"

"ใช่ไงครับ การซื้อถุงยางเป็นสิ่งที่ผิด....  ทำไมไม่เอาสดครับ มันมันกว่า พูดแล้วแม่งขึ้น"

เดี๋ยวน่ะ กูว่าไม่ใช่ล่ะ

"เออ กูว่าเรื่องนี้ไม่โอเค เปลี่ยนไปดูเรื่องอื่นดีกว่าเนอะ" แทนพยักหน้าเข้าใจ แม้จะอารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย

 

ต่อมาเป็นเรื่องบังเอิญรัก

เป็นฉากในโรงหนังที่ ตัวเอกมือเย็นเพราะอากาศหนาว อีกคนเลยกุมมือไว้ ให้ความอบอุ่น แต่อีกคนบอกเกรงใจ แต่อีกคนบอกไม่เป็นไร ชอบกุมมือเพราะมือนิ่ม

 

"เออ อันนี้น่าจะทำได้ง่ายน่ะ" แทนขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เมียขอมือหน่อยครับ" อ่ะ

"มือครับไม่ใช่ตีน" อ้าวๆ ผิดโทษทีครับ

"เมียเคยแบกข้าวสารมาก่อนใช่ไหมครับ"

"ยังไง"

"ส่วนไหนของมือที่นิ่มครับ"

"หยาบจนไม่รู้จะหยาบยังไงแล้ว ยังกล้าบอกว่ามือนิ่ม"

"อ้าววววว"

"เอามือเมียมาถูหน้ายังไม่รู้เลยว่าเลือดจะออกรึเปล่าเนี๊ยะ"

"เออ เลิกๆ พอปิดคอมนอน"

"อ้าว ทำไมอยู่ดีๆ ก็หื่นมาชวนไปมีอะไรกันล่ะครับ"

"ไม่มี กูจะล็อกห้อง นอนคนเดียวในห้องกู คืนนี้แยกกันนอน จบ แยกย้าย"

"อ้าว ผัวทำอะไรผิดล่ะครับเมีย"

- จบวิถีเน็ตไอดอล -


---------------------------------------------------------

Writer's Talk

เรื่องนิยาย

จริงๆ เป็นความตั้งใจตั้งแต่ตอนแรกที่เขียนแล้ว ว่าจะให้นิยายไม่มีดราม่า คนก็ถามว่าทำไม ไม่รีบจบล่ะในเมื่อตัวละครก็น่าจะจบแบบ Happy Ending ไม่รู้ว่าเคยเป็นกันไหม แบบ โอยเรื่องนี้กูอ่านมาตั้งนาน แม่งกว่าจะคืนดีกันได้กัน ตอนสุดท้าย พอมันได้กันคบกัน แม่งก็จบ  ไม่ให้กูรู้หน่อยรึว่าความสัมพันธ์มึงหลังคบกันเป็นยังไง หวานไหม ทะเลาะกันไหม หรืออย่างไร นี่คือเหตุผลมันเหมือนเพิ่มความสุขให้มันยาวขึ้น

ตอนนี้พูดได้เลยเป็นตอนที่ไม่มีอะไรเลย มีแค่แทนหนึ่งและแทนหนึ่งเท่านั้น อยากให้คนรู้ว่าคนเราคบกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรหวือหวาตลอดก็ได้ เลยอยากเขียนให้เป็นวันๆ นึง ของคู่รักคู่นึง ว่าถ้ามันว่างมันจะไปคุยอะไรกัน ไปไหนกัน คนเราคบกันมันไม่ยาก แต่การจะคบกันให้ตลอดรอดฝั่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย อยากให้แทนเข้าถึงทุกคนแบบจับต้องได้ เห็นในชีวิตประจำวัน อยากให้เห็นแทนหนึ่งแบบที่รู้สึกแบบเห็นใกล้ชิด พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน อยากให้ตัวละครใกล้คนอ่านมากขึ้น

P.S. น้องหายไปนาน น้องมาข่มขู่ให้คนมาอ่าน กลัวน้องไหม

--------------------------------------------------

เรื่องชีวิตครอบครัว

ก็พูดตามตรงว่าตอนแรกไม่คิดจะเล่า แต่เนื่องจากหายไปนาน แบบแทบจะเดือนละตอนหรือเดือนกว่า ที่บ้านมีปัญหาค่อนข้างหนักของคนในครอบครัว จากอาการป่วยทางสุขภาพกายและสุขภาพจิต แบบชีวิตคนเขียนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขนาดที่ว่าเขียนสั่งเสียบอกเพื่อนสนิทไว้แล้วว่าถ้ากูตายให้ทำแบบนี้ นี้ ซึ่งตอนแรกเรานึกว่าทุกอย่างเป็นปกติแล้ว แต่มันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่หวนกลับมาอีกรอบ ทุกวันนี้ตัวเองกลายเป็นคนกลัวเสียประตู จะตกใจทุกๆ ครั้งที่ได้ยินเสียเปิดประตูดังๆ เกิดขึ้นในบ้าน บอกตามตรงตอนนี้เหตุการณ์ก็ยังไม่ปกติ แต่เราก็พยายามคิและหาทางออกที่ดีที่สุด

สืบเนื่องจากนิยายที่เราเขียนเป็นนิยายตลก ฉะนั้นบางครั้งเรามีเวลาที่จะเขียนได้ แต่ถ้าชีวิตมันไม่มีความสุขหัวไม่แล่น แล้วเราจะเขียนยังไง ตอนนี้ใช้เวลาเขียนเกือบเดือนครึ่ง บางครั้งเราเขียนได้แค่วันล่ะ 3 บรรทัด แต่ก็พยายามน่ะ บางวันเขียนออกก็เขียน บางวันนี่แทบไม่มีอะไรในสมองเลย แต่เอาน่าชีวิตคือชีวิต ไม่มีชีวิตของใครที่ไม่มีปัญหา เมื่อเราข้ามผ่านไปได้ ก็จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น

ขอโทษที่เขียนช้าและไม่ต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าจะยังมีคนกลับมาอ่านและเห็นข้อความตรงนี้ไหม แต่อยากจะขอโทษที่ช้า แต่ตั้งใจเขียนให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านจริงๆ ค่ะ ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วต้องจากกันแล้วรู้สึกใจหาย ตอนหน้าไม่เกินสองอาทิตย์ได้อ่านกันค่ะ โครงเรื่องในตอนเขียนเสร็จแล้ว เตรียมพบตอนจบที่ฮาที่สุดจากน้องได้เลยค่ะ สองอาทิตย์เจอกัน

รักคนอ่านทุกคนค่ะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 34 [Update 19:09:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-09-2018 03:50:33
เด๋วนี้โลกเรามีโรคแปลก ๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ ไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะหลานคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 34 [Update 19:09:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-09-2018 13:36:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: :pig2: :pig2: back
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 34 [Update 19:09:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-09-2018 07:38:59

เป็นตอนที่ชิลมากกก แต่ถ้าคิดจะรีวิวสินค้านี่เลือกที่มีอย.(ย่อมาจากอา+หย่อย)น๊า  :m20:
ปล.ให้กำลังใจให้คนเขียนผ่านมรสุมชีวิตไปได้ด้วยดีนะครับ  :L1:
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 34 [Update 19:09:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 20-10-2018 04:00:35
​ตอนที่ 35 : Together [End]

หลังที่สุมหัวทำรายการกันจนเสร็จ ผมกับหวานก็นั่งแทบจะเอาออกซิเจนครอบปาก เรียกว่างานไฟไหม้จริงๆ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี

"เหี้ย ถ้าเรียนหมอยากขนาดนี้ กูไปเป็นเด็กเชียร์เบียร์ดีกว่า"

"โอ้โห เลือกอาชีพได้ดีมากหวาน กูแนะนำให้เริ่มจากเชียร์เป็นแก้ว เลื่อนเป็นขวด และสุดอาชีพที่เป็นลัง"

"มีมึงนี่แหละหนึ่งที่เข้าใจกู ว่าแต่ทำไมตือมันไปส่งรายงานนานจังวะ กูอยากกลับไปนอนล่ะ"

"มึงก็ใจร้อนเดี๋ยวมันก็มา นั่นไง กูพูดยังไม่ขาดคำก็มาล่ะ" ตือวิ่งเข้ามาด้วยทาทางร้อนลนสุด สงสัยไปเลือกรู้เรื่องอะไรมาแน่ๆ  ถามว่าฟังไหม ฟังสิครับ

"หนึ่ง หนึ่งจำที่หนึ่งสอบไปชิงทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นได้ป่ะ"

"อ้อ ที่กูกับไอ้เก็ตสอบชิงทุนแล้วได้คะแนนเท่ากัน แล้วเค้าตัดสินที่ตัวอักษรชื่อใครมาก่อนใช่ป่ะ" พูดแล้วเจ็บจี๊ด แม่น่ะแม่ ไม่ตั้งชื่อว่า "กก" ป่านี้ก็ชนะไปล่ะเสียใจ

"อาจารย์พึ่งบอกเมื่อกี้นี้เองว่าเก็ตมันสละสิทธิ์"

"แล้ว"

"หมายความว่าหนึ่งได้ทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่น"

ผมกับตือโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ เดี๋ยวนะเหมือนขาดใครไป ผมมองดูหวานที่นั่งกดมือถืออย่างเร่งรีบ

"มึงทำไรหวาน"

"กูโฟสต์เฟสอยู่"

"อะไรที่มันสำคัญว่ะ"

"นี่ไง รับหิ้วสิ้นค้าจากญี่ปุ่น สนใจ Inbox มาเลย"

"ถามกูยัง"

"กูให้ครึ่งๆ"

"โอเค เสร็จแล้วมาดีใจกันได้ยัง"

เราต่างโผกอดซึ่งกันแหละกัน

"กูว่ามึงลืมอะไรไปอย่างว่ะ"

"ลืมเหี้ยไรล่ะ หนึ่ง สอง สาม สามคนครบ"

"มึงลืมจริงๆ หนึ่ง"

"ลืมเหี้ยไร นี่ไง กู ตือ หวาน ครบ"

"ผัวมึงไง" อ้าวเหี้ยล่ะ กูลืมผัว


ผมได้เข้าพบอาจารย์หลังจากนั้น เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเตรียมตัวและการปรับพื้นฐานที่นั้น แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ ผมมีเวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งอาทิตย์ เพราะไอ้เก็ทสละสิทธิ์กะทันหัน ผมถึงมีเวลาเตรียมตัวแค่นี้   

"เอาไงดีวะ"

ผมรีบกลับบ้านพร้อมมานั่งคิดวิธีที่จะบอกแทน ผมจะบอกมันยังไงดีน้า หรือผมจะไม่ไปดี แต่ไอ้แทนมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้โอกาสนี้ ผมเคยคิดว่าพลาดไปแล้ว แต่มันยังกลับมาหาผม มันไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธ ส่วนแทนช่างแม่ง กูจะไป 5555

"หัวเราะอะไรครับเมีย" เอ๊า มึงทำไมมาเงียบๆ

"เปล่าๆ กูจะรินน้ำให้มึงนะ นี่เย็นๆ เลยนะมึง"

"มีอะไรเปล่าครับเมีย ดูแปลกๆ"

"แปลกยังไงกูรินน้ำให้มึงแดกเนี่ย กลับมาเหนื่อยๆ จะได้ชื่นใจ อ่ะ" ผมพูดพร้อมยื่นแก้ให้

"อืมมมม เมียดื่มก่อนล่ะกัน สักอึกนึงก่อนเดี๋ยวผัวค่อยดื่ม"

"โว๊ย เรื่องเยอะ ไม่ต้องแดก" แทนหันมาคว้ามือ

"ดื่มก็ได้ครับ ว่าแต่มีอะไรจะพูดกับผัวไหม"

"ใช่ กูมีเรื่องจะคุยกับมึง" แทนวางแก้ว พร้อมนั่งลงตรงข้ามที่เคาน์เตอร์ในครัว

"เรื่องอะไรครับเมีย"

"คือกู.....แบบ" บอกแม่งไปเลยจะได้จบๆ

"อะไรล่ะครับ"

"คือกู...."

"เอ๋????"

"คือ..... เดี๋ยวกูไปสูดอากาศตรงระเบียงแวบ เดี๋ยวกูมาคุย"

ผมได้แต่เดินหัวฟัดหัวเวี่ยงออกไปที่ระเบียง กับเรื่องแค่นี้ทำไมพูดยากพูดเย็นขนาดนี้ หรือกูกลัวไอ้แทน

"สรุปเมียมีไรครับ" ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อแทนออกมาเดินอยู่เคียงข้าง

"มีไรครับ วันนี้เมียดูแปลกๆ" เอาวะเป็นไงเป็นกัน

"แทนคือกู...."

"กูเงี่ยนนะ ไปมีอะไรกันเถอะ" เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยบอกล่ะกันกู

"จริงเหรอครับ" ตายห่าละกูไม่เนียน

"จริงสิ"

"อืมมมมมมมมม" มาอืมอะไรของมึง ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมด คว้าเข้าที่แทนน้อย

"โอ๊ะ จริงด้วยครับเมีย" เอ๊าเชื่อกูซะงั้น

"ไปครับ เข้าห้องกันดีกว่าตรงนี้ยุงเยอะ"

พรุ่งนี้แล้วกัน

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกขึ้นมากระดกน้ำในตู้เย็น หลังจากแทนหมดแรงสลบไสล ทำไมผมถึงไม่กล้าบอกมัน หรือมันสำคัญมากจนผมไม่กล้าบอก หรือที่ผมไม่กล้าเพราะเป็นห่วงความรู้สึกมัน ไม่ได้ ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องบอก เดี๋ยวมันไปรู้จากปากคนอื่นจะยิ่งแย่ 

"รับหิ้วของจากญี่ปุ่นเหรอครับ"

"เออ สั่งกับหวานเลย" 

เอ๊ะ ใครถามกู ท่ามกลางความมืดผมเห็นแค่เพียงข้อความในมือถือจากกรุ๊ปไลน์

หวานกว่าน้องนี้จะหาไหน: รับหิ้วของจากญี่ปุ่นนา คิดราคาไม่แพง หนึ่งจะไปเรียนต่อญี่ปุ่นหนึ่งปี ใครจะสั่งอะไรรีบเลย นี่รับพรีออเดอร์อยู่

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: จริงหรือครับ

หวานกว่าน้องนี้จะหาไหน: อ้าวหนึ่งยังไม่บอกแทนรึ

แทน(หัวใจ)หนึ่ง: ยังครับ

หวานกว่าน้องนี้จะหาไหน: อ้าวสายหลุด

เหี้ยมากครับหวาน มึงแชทไลน์ มาบอกสายหลุด ผมค่อยๆ มองหน้าเจ้าของมือถือที่อารมณ์ดูสวิงเต็มที่

"แทนคือกู"

"เมียจะบอกผัวเมื่อไหร่ครับ"

"กูก็จะบอกมึงวันนี้แหละแทน แต่กู..."

"แล้วทำไมไม่บอก ปล่อยให้ผัวโง่เป็นคนสุดท้ายที่รู้"

"ไม่ใช่มึง กูตั้งใจจะบอกมึงคนแรก แต่...."

"ช่างมันเถอะครับ"

"ไม่โกรธกูใช่ไหมแทน"

"ไม่โกรธ แต่ไม่ให้ไป"

"อ้าววววว"

"เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปไกลกันด้วย"

"แทน แต่มึงลองคิดดูนะ โอกาสแบบนี้ไม่ใช่ได้กันง่ายๆ ทุกอย่างฟรีหมด" แทนเงียบรับฟังเหตุผล

"อีกอย่างมันแค่ปีเดียว แวบเดียวก็คบปีแล้ว"

"แล้วผัวจะอยู่ยังไง"

สิ้นประโยค แทนเดินกลับห้องทิ้งไว้แต่ความเงียบงัน อยู่ยังไงถามกูมาได้  แต่ก่อนมึงยังอยู่คนเดียวได้ ทำไมตอนนี้จะทำไม่ได้ แปบเดียวกูก็กลับมาล่ะ ผมหงุดหงิดเดินกลับห้องนอนตัวเอง ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง นั่นเป็นคืนแรกที่ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่ด้วยกัน ที่ผมนอนคนเดียว โดยที่ไม่มีแทนมานอนเคียงข้าง บางทีเตียงที่นอนมันคงกว้างเกินไป ผมค่อยๆ ข่มตานอนจนหลับไป

ผมลุกขึ้นจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวอยู่หน้ากระจก พร้อมคิดว่าผมจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอแทน เฮ้อ คิดไปก็เท่านั้น ผมค่อยๆ เปิดประตูออกมา

"เมียตื่นแล้วรึครับ มากินข้าวเช้าก่อน" ผมเดินไปอย่างงงๆ เมื่อเห็นแทนอารมณ์ดีผิดปกติ

ข้าวต้มวางลงอย่างเบามือ พร้อมรอยยิ้มจากแทน เอออออ…. มันมียาในข้าวไหมวะ

"แทนมึงวางยากูในข้าวเปล่า"

"บ้าจะมีได้ไง ผัวเคยทำรึครับ" ผมพยักหน้า

"คิดมากครับเมีย"

"แทนมึงลืมไปแล้วเหรอว่าเราทะเลาะกันอยู่"

"ไม่ลืมครับ"

"ไม่ลืมแล้วยังไงมึง"

"ผัวตัดสินใจแล้วว่าให้เมียไปเรียนต่อได้ครับ ในเมื่อมันเป็นอนาคตของเมีย และเป็นสิ่งที่เมียอยากทำไมผัวต้องขัดขวาง" ผมน้ำตาเอ่อ ซึ้งในน้ำใจแทน

"ขอบใจนะแทน กูอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่กูก็ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้" เราสองคนกอดกันแทนค่อยๆ เอามือลูบผม

"ไหนๆ เมียจะไปแล้ว และเรามีเวลาแค่อาทิตย์เดียว ผัวขออะไรเมียหน่อยได้ไหมครับ"

"ได้สิแทน มึงอยากได้อะไรกูให้หมดเลย"

"งั้นเช้าๆ แบบนี้ก่อนไปเรียนเรามีอะไรกันก่อนได้ไหมครับ"

"ได้สิ" ผมค่อยๆ เดินจูงมือแทนเข้าห้อง

"ฮึ ฮึ"

เอ๊ะ เหมือนได้ยินเสียงใครหัวเราะ แต่ช่างมันเถอะ

ใครคิดว่าเวลาเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์นั้นสั้น ผมเถียงใจขาดดิ้น เพราะแม่งโคตรสั้น เพราะแค่เวลาเตรียมเอกสารต่างๆ ก็กินเวลาไปเกือบสองวันแล้ว ไหนจะเก็บของและออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวอีก กว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็เหลือเวลาแค่วันเดียวก่อนบิน 

"เมียแน่ใจนะครับว่าไม่ลืมอะไร"

"อืม น่าจะครบหมดแล้ว"

คุณคงคิดว่าผมสองคนคงสวีทหวานกันตลอดอาทิตย์ล่ะสิ ไม่จริงครับ ผมยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาคุยกัน กลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนเผลอหลับไป แต่ผมรู้สึกขอบคุณนะครับ เพราะแทนคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ขับรถเป็นสารถีอย่างดี ถ้าทำคนเดียวคงตายแน่ และไม่รู้จะทันรึเปล่า

ผมตรวจเซ็กจนมั่นใจว่าไม่ลืมอะไรแล้ว จึงปิดกระเป๋า

"เสร็จยังครับเมีย"

"อืม" ผมพยักหน้า ผมเดินเข้าไปกอดแทน

"อ้อนอะไรครับเมีย"

"ขอบคุณนะแทนที่ไม่ขัดขวางกู"

"เมียจะมาทำตัวเล็ก น่ารักไม่ได้นะครับ มันขัดกับหน้าตา" ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น

"ไม่โกรธหรือครับ"

"ไม่โกรธ ไหนๆ วันนี้กูจะไปล่ะ กูจะตามใจมึงหนึ่งวัน"

"โหยตัวเล็กน่ารักเชียว"

"ไหนๆ เมียก็ตามใจผัวล่ะ วันนี้เราไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่า"

"โหย ลาปปากกูแท้ๆ เสี่ยแทนพาไปแดกอย่างหรู กะจะเลี้ยงส่งกูว่างั้น"

"เปล่าครับ จะชวนไปแดกหมูกระทะ เมียแดกเยอะเลี้ยงไม่ไหว"

"เออ หมูกระทะก็ยังดีวะแทน แดกทิ้งทวนก่อนไป"

"ป่ะ"

ผมเห็นแก่ตัวไปไหม ที่ทิ้งผู้ชายดีๆ แบบนี้ ให้หลุดมือ แม้ผมกับแทนจะยังคบกัน แต่เราจะรู้ได้ยังไง ว่าช่องว่างและความห่างไกลจะไม่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้ผมจะอยากไปมาก แต่ลึกๆ ในใจผมก็ยังหวั่น หรือผมจะไม่ไปดี และให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้ ผมลังเลอยู่ในใจ ระหว่างที่มองเหม่อดูแทนขณะขับรถ ผมยอมรับตรงๆ ตอนนี้ผมก็ยังลังเลอยู่ ผมค่อยๆ เอามือไปกุมมือแทน แทนหันมามองยิ้ม แล้วพูดว่า 

"เมียเงี่ยนหรือครับ"   

เอาเวลาสิบนาทีก่อนหน้านี้กูคืนมา แต่เดี๋ยวนะ ทำไมกูลืมนึกถึงมึงไป ตั้งแต่มึงรู้ว่ากูจะไปนี่ นอกจากคืนแรกที่เหมือนจะโกรธกู นอกนั้นมึงดูอารมณ์ดีมาก หรือแม่งไม่เสียใจที่กูจะไป กูว่าเมื่อกี้กูเห็นมึงร้องเพลงอย่างมีความสุขนะ ไม่เห็นร้องไห้เสียใจ ก้มลงกอดขาอ้อนวอนไม่ให้กูไป หรือ....  สารเลวมึงกะจะนอกใจกู มึงดีใจใช่ไหมแทน ไม่ได้ล่ะ กูต้องหาเรื่อง เอ๊ย ต้องถาม 

"แทน กูจะถามอะไรมึงหน่อย"

"ทำไมเสียงดุจังครับเมีย ผัวกลัว" มึงอย่ามาอ่อนแอ

"แทนกู..."

"โอ๊ะ ถึงล่ะครับเมีย ลงไปกินกัน"

"ป๊ะ" โหยยยย หิว เดี๋ยวค่อยถามล่ะกัน

ผมเดินเข้าไปในร้าน วันนี้ร้านดูเงียบพิกล ปกติร้านนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษามาก เพราะเจ้าของเป็นสิทธิ์เก่าที่มหาลัย ค่อนข้างสนิทและเป็นกันเองกับรุ่นน้องทุกคน น่าจะด้วยพิษเศรษฐกิจ ทำให้ลูกค้ามีเพียงครึ่งร้าน แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมลูกค้ามันไปเบียดอยู่ครึ่งร้าน แล้วอีกครึ่งร้านจะเว้นว่างไว้เผื่อ 

"พี่เอกหวัดดีครับ"

แทนกล่าวทักทาย และยกมือไหว้ แทนค่อนข้างสนิทกับพี่เอกเพราะเป็นรุ่นพี่ที่คณะ เอาอาหารไปเลี้ยงรุ่นน้องบ่อยๆ และเจ้านี้แหละครับที่แทนสั่งไปที่มอบ่อย

"เออ มาสักทีมึง"

"พี่เอกร้านทำไมอีกฝั่งโล่งจัง จะเจ๊งเหรอพี่"

"รีบพาเมียมึงไปนั่งแดกเลยไอ้แทน เจอกูทีไรปากหมาใส่กูทุกที มึงเห็นไหมเนี่ย ลูกค้ากูจะขี่คอกันแดกอยู่ล่ะ"

"ทำไมอีกฝั่งนึงโล่งล่ะพี่"

"ก็ผัวมึงจองไว้เลี้ยงส่งมึงไง นี่เห็นเป็นไอ้แทนนะ กูถึงเป็นร้านให้ ถ้าเป็นคนอื่นกูก็....."

"ไม่ปิด"

"ปิดสิมึง ได้เงินเป็นก้อนชัวร์ใครจะไม่เอา รีบไปแดกเลยมึง ป๋ามึงจ่ายหนักมากวันนี้"

"มาครับเมีย อย่าไปกวนพี่เอก พี่เอกยิ่งปากหมาอยู่"

"เออ ไอ้พวกนี้ รีบไปแดกเลย เพื่อนมึงมารอล่ะ"

เพื่อนไหน ไม่เห็นมีใครเลย ผมมองซ้ายขวา ก็ไม่เห็นมีใคร ผมเดินตามแทนไปนั่งที่โต๊ะ มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นมีใคร เห็นแต่พนักงานที่เร่งจุดเตากันอย่างเร่งด่วน มึงจะรีบจุดเตาทำไม เอ๊ะ เหมือนควันเข้าตา ผมค่อยๆ หลับตา แค่เสี้ยววินาที

"อ้าวมึง นั่งทำไมเหี้ยไรเนี่ย รีบย่างสิวะ" เดี๋ยวนะหวาน

"มึงมาตอนไหนเนี่ย เดี๋ยวนะ"

ผมหันมองรอบข้าง คนเต็มไปหมด มีทั้งคณะวิศวะและแพทย์ปะปนกัน

"หนึ่ง ช่วยตือย่างหน่อย หวานกินจนตือย่างไม่ทันล่ะ"

"เดี๋ยวนะ พวกมึงมายังไง มาพร้อมกันรึ"

"เปล่าต่างคนต่างมา"

"แล้วมาพร้อมกันได้ยังไง"

"อ้อ กูก็รอมึงไงที่ฝั่งตรงข้าม รอมึงมาก็เข้ามาเนี่ย แม่งมาช้าหิวสัต"

"แล้วทำไมมึงไม่เข้ามาแดกกันก่อนล่ะ รอกูทำไม หรือมึงรอกินพร้อมกู กูแบบ ขอบใจนะเว๊ยอุตสาห์รอ" ซึ้งน้ำใจเพื่อน

"รอเหี้ยไรล่ะ กูหิวจนแดกหัวไอ้กันได้ล่ะ มึงคิดดูดีๆ น่ะ นี่มันงานเลี้ยงส่งมึง ถ้ามึงไม่มา..."

"ก็จะไม่ได้กินพร้อมกู"

"แดกพร้อมเพร้มเหี้ยไรล่ะ มึงอยู่มอปลายรึ ถึงต้องยกโขยงไปกันเป็นหมู่คณะ"

"อ้าว"

"สมมุติน่ะ ถ้ากูเข้ามาแดกกันก่อน แล้วมึงไม่มา ใครจะจ่าย"

แหม กูซึ้งน้ำใจมึงจริงๆ

"อย่าบอกน่ะ พวกมึงทั้งหมดเลยรอเข้ามาพร้อมกัน"

"ใช่ กูบอกไอ้กัน ไอ้กันไปบอกเพื่อนมัน ตือไปบอกเพื่อนเรา สรุปยืนรอมึงมาจนกูหิวจนขาสั่นไปหมดล่ะ รีบย่างเลย"

"แล้วเรื่องเลี้ยงส่งกูล่ะ"

"เดี๋ยวกูแดกอิ่มก่อนค่อยว่ากัน ว่าแต่หมูที่มึงคีบอยู่จะแดกไหม กูขอล่ะกัน" โถ กูอุตสาห์คีบมา ยังมาแย่งกูอีก

"หวานกันได้ปลาหมึกมาล่ะ เมื่อกี้ขู่เด็กประถมตั้งนานกว่าจะได้" "เก่งมากเลยกัน รักกกกก" แหม ความรักพวกมึงเกิดง่ายกันเหลือเกิน ผมแทนหันมองหน้ากันแล้วยิ้ม ให้กับเพื่อนที่เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรกที่เจอจนวันที่ต้องลาจาก

ระหว่างรอเพื่อนแดกกันอย่างพายุและไม่วางมือ ผมก็ได้พูดคุยกับเพื่อนคนอื่นที่มาบางคนก็บอกเสียดายที่ต้องจากกัน บางคนก็ให้ของขวัญ แม้ผมจะปฏิเสธยังไงก็ยืนยันที่จะให้ จนผมเกรงใจ บางคนรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง เพื่อนผมบ้างเพื่อนแทนบ้าง แต่ผมรู้ครับว่าทุกคนมาด้วยความยินดี และรู้สึกหมดห่วงที่แทนมีเพื่อนดีๆ อยู่รอบข้าง ทำให้หมดห่วง ว่าแทนยังมีคนดีๆ อยู่เคียงข้างที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่าๆ จนเพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับ เหลือแต่เพื่อนสนิทของแทน พี่หมอก กัน โจ๊กที่มาพร้อมกับเค้ก และเพื่อนผมอย่าง ตือ หวาน 

"กูว่าพวกมึงอิ่มกันได้ล่ะ" แทนสั่งเบรก

"อะไรวะแทน งงกูยังแดกไม่หมดเลย มาเค้กพี่โจ๊กป้อน"

"หยุดเกาะแกะ น้องกู จะแดกก็แดกไปลำพัง"

"มึงยังไม่เลิกหวงน้องมึงอีกหรือวะแทน อย่างว่าแหละทำคนอื่นไว้เยอะ กลัวน้องตัวเองเจอบ้าง 5555" กันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

"ไม่หยุดแฉกู กูจะแฉมึงให้หวานฟัง"

"อืม น้ำซุปก็อร่อยดีว่ะ กินๆ" กูนึกว่าแน่

"หนึ่งไม่ต้องห่วงทางนี้นะ เดี๋ยวพี่หมอกจะช่วยดูพฤติกรรมแทนให้ มีอะไรเดี๋ยวพี่จัดการเอง"

"ครับ ขอบคุณครับพี่ ผมก็ต้องฝากดูตือเพื่อนผมด้วย"

"คนนี้พี่รัก ไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลอย่างดี" พี่หมอกเอามือโอบด้านหลังตือ

"อืม หวานน่ะ กันเอาแบบนี้บ้าง"

"คนนี้กันรัก หนึ่งไม่ต้องห่วง"

"ใครเค้าไปเป็นห่วงหวานกันมึง หวานไปหลงป่าเดือนนึงมันยังรอดเลย กูเอาเวลาไปห่วงมึงดีกว่ากัน หวังว่ากูกลับมามึงคงคบ 32 นะกัน" พวกเราหัวเราะกันอย่างเฮฮา

"พูดไปก็น่าใจหาย เวลาผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย นี่เรารู้จักกันมาหนึ่งปีแล้วเหรอครับ พี่ไม่อยากเชื่อ" พี่หมอกกล่าว

"ผมก็ว่างั้นพี่ จากแก๊งหนุ่มโสด ตอนนี้มีคู่ไปหมดล่ะ" โจ๊กเสริม

"จริงพี่ ผมยังเคยคิดอยู่เลย ว่าผู้หญิงแบบไหนจะมาสยบผู้ชายเจ้าชู้อย่างไอ้กัน ที่แท้ก็หวานนี่เอง" แทนเสริม

"อย่ามาสร้างเรื่องให้กูแทน มึงกับกูก็พอๆ กัน"

"ตืออวยพรให้หนึ่งโชคดีนะ รีบๆ กลับ มากอดหน่อย"

"กูกอดด้วย" หวานโผเข้ากอดสมทบ

"หวานมึงวางตะเกียบก่อน ทิ่มหลังกู"

"อ้าวกูลืม" อืมมมมม รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แต่รู้สึกใจหายเหมือนกันนะครับ ที่ต้องจากเพื่อนๆ ไป

"พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า"

"โหยพี่หมอกหวานยังไม่อิ่มเลย นี่พึ่งสองทุ่มกว่าจะรีบกลับทำไม"

"พี่หมอกเค้าหวังดี ให้ไอ้แทนกับน้องหนึ่งไปสวีทกันก่อนไปรึเปล่า" โจ๊กพูดแบบรู้ทัน

"อืม หวานกลับเถอะ" ตือรบเร้า

"งั้นเอานี้ แทนหนึ่ง มึงไปจ่ายเงินค่าอาหารแล้วกลับได้เลย เดี๋ยวพวกกูอยู่แดกต่อ" หวาน มึงจะมากไปล่ะ

"เออ โจ๊กก็ว่าดี เดี๋ยวกินเหล้าต่อ โจ๊กเลี้ยงเอง"

"เฮ!" แหมพวกมึงนี่ช่างสามัคคีกันจริงๆ

"งั้นเดี๋ยวผัวไปจ่ายบิลก่อนนะครับเมีย"

ผมพยักหน้าตอบ พูดไปก็น่าใจหายจะจากเพื่อนที่รักไป กว่าจะสนิทขนาดนี้ ต้องผ่านอะไร มามากมาย ไม่รู้ไปที่นั่นจะพบเจอเพื่อนดีๆ แบบนี้ไหม

"หนึ่งอย่าทำหน้าเศร้า เดี๋ยวพี่กันกินเผื่อ"

"ไม่ใช่อย่างงั้นสิ พรุ่งนี้ไปส่งที่สนามบินกันป่าวเนี๊ย"

"ไปสิมึง เดี๋ยวให้พี่หมอกขับ โจ๊กสงสัยเมาเละขับไม่ไหว" ดูว่าดูพวกมึงเฮฮา ดูยังไงชอบกล

"สรุปพวกมึงเสียใจที่กูไปไหมเนี่ย ดูดีใจกันแปลกๆ"

"เสียใจสิมึง นี่น้ำตาคลอเลย" หวานมาใหญ่มาก

"ทำไม ทำไม" กันซึ่งเล่นใหญ่กว่า ตะโกนพร้อมออกไปวิ่งร้องไห้หน้าร้าน

มีใครบอกมึงสองคนไหมว่าที่พวกมึงทำมันเล่นใหญ่เกินเบอร์ คนธรรมดาเค้าไม่ทำกัน แต่ช่างแม่งเถอะ ปกติพวกมึงก็ไม่ธรรมดากันอยู่ล่ะ

"เมียครับ กลับไปสวีทกันดีกว่า" อย่าว่าแต่พวกมันมึงก็ร่าเริงไม่ต่างกัน

"ห่างกันตั้งเป็นปี คืนนี้กูว่าสว่างคาตาชัวร์"

"ไอ้กัน ทำไมมึงพูดแบบนี้ ทำเหมือนไม่รู้จักกู มันแน่อยู่แล้วเว๊ย เอ้า ดื่ม" แก๊งวิศวะต่างชนแก้วกันอย่างพร้อมเพียง

"เอาด้วย หวานชนด้วย"

"ตือด้วย เค็กด้วย"

"เฮ!"

สรุปพวกมึงไม่เสียใจกับการจากไปของกูกันเลย ผมค่อยๆ กอดลาเพื่อน และเดินกลับมาขึ้นรถ นั่งเหม่อมองข้างทาง

"เมียเป็นไรครับ"

"เปล่า กูแค่ใจหาย พรุ่งนี้กูไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่น ไม่รู้จะเป็นยังไง จะได้เพื่อนดีไหม จะกินอยู่ยังไง หรือกูไม่ไปดีวะแทน"

"ไม่ได้!" เอ๊าจะดุกูทำไม

"ดุกูทำไม"

"ผัวดุให้เมียเห็นอนาคตครับ เมียไปเพื่ออนาคต ยังไงก็ต้องไป"

"ถ้ากูไม่ไป"

"ยังไงก็ต้องไปครับ"

"ไม่ไป"

"ต้องไป ต้องไป"

"สรุปมึงไม่อยากอยู่กับกู"

"อยากอยู่สิครับเมีย แต่เมียต้องทำเผื่ออนาคต สู้ๆ ครับ" สู้ๆ อะไรของมึง มึงดูอยากให้กูไปจริงๆ เอาซะหน่อยล่ะกัน

"เออไปก็ไป นี่ยังดีนะ กูพอพูดญี่ปุ่นได้บ้าง"

"เอ! จริงหรือครับ พูดว่าอะไรได้บ้างครับ"

"คิมูจิ อิไต" สำเนียงได้มาก

"สำเนียงแน่นมากครับเมีย ไม่อดตายแล้วครับ พูดได้สองคำนี้ก็อยู่รอดแล้วครับ" เราต่างหัวเราะ




มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 34 [Update 19:09:2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 20-10-2018 04:01:39
ไม่นานนักก็มาถึงคอนโด แทนเปิดประตูห้อง พร้อมโยนกุญแจไว้ที่ชั้นปากประตู ผมค่อยๆ โผเข้ากอดแทนจากด้านหลัง   

"อะไรครับเมีย"

"แทนกูขอบคุณมึงน่ะ"

"ขอบคุณเรื่องอะไรครับ"

"ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่ากูจะทุกข์หรือสุข ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน ขอบคุณที่รักกู ทำทุกอย่างเผื่อกู ขอบคุณที่กลับมา" แทนคลายอ้อมกอดผมออก พร้อมหันหน้ามากอด

"ผัวก็ขอบคุณเมียน่ะครับที่รักกัน ยังรอกัน และเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้"

"อย่าทำลายบรรยากาศกูแทน กูจะถือซะว่ากูไม่ได้ยิน"

"งั้นผัวขออะไรอย่างนึงได้ไหมครับ"

"แค่อย่างเดียวทำไมจะไม่ได้"

"งั้นขอโต้รุ่งอย่างที่กันบอกได้ไหมครับ" ผมค่อยๆ กระซิบที่ข้างหู

"ต่อให้มึงไม่ขอ กูก็ให้มึงอยู่แล้วแทน"

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทุกๆ อย่างผ่านไปอย่างนุ่มนวล แทนค่อยๆ บรรจงจูบไปทั่วตัว ดั่งต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งไม่ต่างกับที่ผมทำ เราทั้งสองต่างทำร่องรอยให้แก่กันและกัน แสดงความเป็นเจ้าของให้ติดนานเท่านาน เท่าที่ความห่างเหินที่ต้องจากลา เราต่างกระหายกันและกัน ไม่มีทีท่าว่ามันจะลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า ความร้อนระอุ แผ่ซ่าน เหงื่อออกไม่รู้เท่าไหร่ จนเป็นความเย็นจากเหงื่อที่ไหล จนกระทั่ง 

"แทนกูว่าพอก่อนไหมมึง"

"โหยเมียครับ ในอ่างอาบน้ำเรายังไม่เลยลองเลยครับ"

"กูไม่ได้ห้ามอะไรมึงเลย แต่กูขอพักก่อน เดี๋ยวค่อยทำต่อ"

"ถ้าเมียอยากทำ ผัวยังไงก็ได้ครับ งั้นจับหน่อย"

"จับมือ"

"หืมมมม?" ไม่ใช่มือสิน่ะ

"แทนกูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับมึง"

"ว่าไงครับเมีย ดูซีเรียสเชียว"

"แทน ระหว่างที่กูไม่อยู่ มึงไปมีไรกับคนอื่นก็ได้น่ะ"

"เอ๋!"

"กูรู้ว่ามึงก็มีความต้องการเหมือนคนอื่น การที่เราห่างไกลมันทำให้เราทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้ามึงอยากมึงไปมีอะไรกับคนอื่นก็ได้นะ แต่ขออย่างเดียว อย่าทำให้กูรู้หรือระแคะระคาย เพราะมันจะทำให้โง่ กูจะเสียใจ"

แทนค่อยๆ สวมกอดจากด้านหลัง

"ทำไมผัวต้องทำแบบนั้นล่ะครับ ในเมื่อมีเมียดีขนาดนี้ ถ้าผัวมีอารมณ์ก็ช่วยตัวเองก็ได้นี่ครับ หรือไม่ถ้าเมียพัฒนาแล้วเราเล่นช่วยตัวเองในวีดีโอคอลก็ได้ครับ อีกอย่างผัวมีรูปโป๊เมียตั้งเยอะ ไม่เหงาหรอกครับ ว่าแต่ถ่ายเพิ่มสักหน่อยดีกว่า"

แชะแชะ แชะ

"เดี๋ยวน่ะ มึงมีตั้งแต่เมื่อไหร"

"เอ๋!"

"กูหมายรูปโป๊กูน่ะ"

"มีตั้งแต่เมียเกิดเลยครับ แม่ยายส่งมาให้"

แม่นะแม่

"เมียครับ"

"อะไรมึง"

"พรุ่งนี้ผัวขอไม่ไปส่งนะครับ"

"ทำไม"

"ผัวกลัวผัวร้องไห้ เพราะไม่อยากให้เมียไป ผัวกลัวเมียเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย" มึงอ่อนแอตอนไหนแทน บอกกูมาสิ

"อืม กูก็กลัวกูจะร้องไห้เพราะเห็นมึงเหมือนกัน" 

เราสองค่อยๆ จูบกันช้า และปล่อยให้ทุกๆ อย่างเป็นไปตามความต้องการที่เรามีให้กัน เราต่างหลับไหลในอ้อมกอดที่อบอุ่นของกันและกัน ที่ผมอยากจะจำไปนานเท่านาน

"หนึ่งแม่รออยู่ด้านล่างนะลูก"

ผมรับโทรศัพท์จากแม่พร้อมเซ็กความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหันไปมองแทนที่หลับไหล ผมว่าจากกันแบบนี้คงดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีน้ำตาในการลาจาก ผมค่อยๆ มองแทนที่หลับอย่างสงบ ในใจพลานคิด หมดแรงเลยนะมึง โต้รุ่งสมใจอยากมึงแล้ว ภาพต่างๆ ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน จนวันนี้ที่ต้องจากลาค่อยๆ หมุนย้อนเข้ามาในสมอง ไม่ได้ ไม่ได้ล่ะ ผมกำลังจะร้องไห้ผมค่อยๆ กลั้นน้ำตาและกลั้นใจมองดูแทนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตูออกมา ผมร้องไห้ในลิฟต์เล็กน้อย ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาทำตัวร่าเริงเมื่อพบแม่ 

"แทนไม่ไปส่งหรือลูก" แม่ถามด้วยความสงสัย

"ครับ แทนบอกไม่อยากร้องไห้"

"อืม แม่ว่าอย่างนี้ก็ดีนะลูก ป่ะ ไปกันดีกว่า สายละเดี๋ยวรถจะติด เพื่อนลูกรออยู่ที่สนามบินล่ะ” 


ผมนั่งมองเหม่อตลอดทาง ผมต้องยอมรับอย่างนึงนะครับ ผมเคยคิดว่าคนที่ทิ้งทุกๆ อย่างเพื่อความรักคือคนโง่ รักมันไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ผมรู้แล้วตอนนี้ ว่าการที่จะทิ้งรักมันยากเพียงใด ความรักอาจไม่สร้างอนาคต ฐานะและหน้าที่การงานที่ดีได้ แต่ผมรู้แล้วครับทำไมคนถึงโหยหาความรัก รักให้ความสุข ที่มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้ 

ผมค่อยๆ กล่าวลาเพื่อนที่มาส่งอย่างพร้อมเพรียง พร้อมถ่ายรูปกันจนตาลายเลยทีเดียว

"พอแล้วมั๊งมึง ถ่ายกันจนกูตามัวไปหมดล่ะ"

"เออ พอก็พอ เดี๋ยวกูแท็กมึงไปในไอจี มึงอย่าลืมดูก่อนเครื่องออกละ"

"อืมๆ กูไปแล้วน่ะเค้าเรียกล่ะ"

ผมค่อยๆ กอดลา และเดินจากมา ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่น แต่เดี๋ยวนะ เหมือนพวกมึงมีอะไรน่าสนใจมากกว่ากูน่ะ 

"สรุปเอาไงโจ๊ก มึงวางข้างไหน เอาไปรึไม่ไปเหลือมึงคนเดียวแล้ว" หวานโวยวาย

"โหย มาส่งขนาดนี้ก็ต้องไปไหมหวาน เอาไป 2,000"

"โหย เด็กว่ะโจ๊ก กันเลือกไม่ไป ให้เพิ่มเป็น 5,000 เลย ใจๆ ป่าววะโจ๊ก"

"เออ 5,000 ก็ 5,000"

หืมมมมมม 

ผมคงไม่มีเวลาไปคิดมาก ผมค่อยๆ ทำเรื่องเซ็กอิน ส่งกระเป๋า แล้วค่อย ไปหาที่นั่งตัวเอง แต่น่าเสียดายครับที่ผมไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง แต่เดี๋ยวไปนั่งแล้วค่อยทำตาเว้าวอนขอคนข้างๆ ย้ายที่นั่งก็ได้ครับ อิอิ

ผมค่อยๆ หาที่นั่งจนเจอ แต่คนที่นั่งข้างหน้าต่างมาแล้ว แล้วทำไมต้องคลุมผ้าจนมิด มึงไม่ร้อนรึ แล้วมึงไปอดหลับอดนอนมาจากไหนมึงถึงกรนได้ดังกว่าเสียงเครื่องบิน ไม่ได้ ไม่ได้เราต้องตีสนิท เผื่อเปลี่ยนที่นั่ง ชวนคุยดีกว่า ผมค่อยสะกิดที่แขน

"บินคนเดียวรึครับ"

"หืมมมมม จะนอน" ใครบอกกูสยามเมืองยิ้ม กูจะไปต่อยปากเรียงตัวเลย

หลังจากหมดหวังกับที่นั่งริมหน้าต่าง ผมจึงค่อยหยิบมือถือมาเซ็กระหว่างรอเครื่องออก และไม่ลืมเข้าไปเซ็กดูไอจี ที่หวานย้ำนักย้ำหนา มีการแจ้งเตือนจากการแท็กรูปจริงๆ ครับ ที่แปลกคือ มันไม่ได้มาจากไอจีหวาน แต่เป็นไอจี ที่แทนทำไว้

รูปนั้นเป็นรูปเดียวที่เห็นหน้าเราทั้งคู่อย่างชัดเจน เราต่างหันหน้ายิ้มให้กันอย่างมีความสุข พร้อมแคปชั่น

"ต่อไปนี้และตลอดไปจะไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน"



ผมค่อยๆ นึกย้อน นั่นคือคำสัญญาที่แทนให้ไว้หลังจากที่แทนกลับมา ผมลืมไปได้อย่างไร ว่าการรอคอยมันทรมานเพียงใด และแทนต้องสู้พยายามเท่าไหร่ กว่าจะมาเคียงข้างกัน 

"ไม่ไป ไม่ไปแล้ว" ผมพูดออกมา ท่ามกลางความเงียบพร้อมลุกขึ้นพรวด

"ท่านผู้โดยสารค่ะ เดี๋ยวเครื่องจะออกแล้วคะ"

"ผมไม่ไปแล้วครับ" ผมรีบวิ่งออกมาจากเครื่อง อย่าคนที่โหยหาอิสรภาพ และทันเวลาประตูปิดแบบฉิวเฉียด

แต่ในละครกับชีวิตจริงแม่งต่างกัน แม้ผมจะออกมาได้ แต่ผมจะกลับยังไง เงินติดตัวไม่มีสักบาท มีแต่เงินเยนญี่ปุ่น อ้อ กูต้องไปแลกเงิน

"หนึ่ง" เหมือนเสียงสวรรค์ ผมหันไปเห็นเพื่อน ยังรออยู่ที่เดิม โบกมือพร้อมเฮลั่น

"เอามาเลยโจ๊ก มึงแพ้พนันตลอด กูบอกแล้วยังไงก็ไม่ไป"

"แม่ง โดนแดกตลอดเลยกู ทำชั่วไม่ขึ้นเลย"

"หน้ามึงชั่วมากโจ๊ก"

"มึงสนใจกูก่อนกูอยากกลับคอนโด"

"เออ เดี๋ยวพวกกูไปส่ง ขอกูเคลียร์เงินกันก่อน" อะไรมันจะสำคัญไปกว่ากู

"เงินไรว่ะ"

"กูพนันกันว่าสุดท้ายมึงจะไปหรือไม่ไป"

เหี้ยๆ จริงๆ พวกมึง ผมต้องรอจนพวกมันจ่ายเงินกันจนครบ ท่ามกลางความเฮฮาของผู้ชนะและร้องไห้ผู้แพ้

รถแล่นไปช้าๆ ไม่ทันกับใจผมที่อยากให้ถึงเร็วๆ ไม่รู้ป่านี้แทนร้องไห้ ขี้มูกโป่งไปถึงไหนล่ะ ไปเซอร์ไฟรส์มันดีกว่า อิ อิ 

"หวาน ตือว่าเราลืมอะไรไปอย่างนึงไหม"

"พี่หมอกก็คิดเหมือนตือนะ คนครบไหม"

"หวาน ตือ หมอก กัน โจ๊ก เค้ก หนึ่ง"

"ก็ครบนี่พี่ กันรู้ล่ะว่าเราลืมอะไรกัน"

"อะไร" ทุกคนต่างประสานเสียง

"ลืมไปใช้เงินไงพี่ เงินมันเยอะ ต้องรีบใช้ โจ๊กไปไหมเดี๋ยวกูเลี้ยงเงินมึงทั้งนั้นไม่ต้องเกรงใจ"

"เจ็บ"

"เออ กูว่ามึงรีบขับไปส่งกู แล้วรีบไปใช้เงินกันไหม ขับให้มันเร็วๆ หน่อย" ไม่ทันใจกูเลย

"มึงรีบเหรอหนึ่ง มอไซค์วินไหม"

"หวาน บนทางด่วน" กูยิ่งรีบๆ อยู่อย่ามา

ผมรีบลงรถ พร้อมบอกลาเพื่อนๆ เออ ไปเซอร์ไฟรส์มันยังไงดีนะ ไขกุญแจแล้วไปจ๊ะเอ๋ข้างในดีกว่า ดีนะที่เอากุญแจมาด้วย ผมจะทิ้งได้ไงล่ะครับ ในเมื่อกุญแจเป็นของขวัญที่แทนมอบให้ ผมไปรอช้ารีบเปิดกุญแจ ผลักประตูอย่างแรง 

"แทน กูกลับมาแล้ว" ผมตะโกนลั่นห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา สงสัยอยู่ในห้องนอน

"แทน" ไม่มี ห้องครัว ไม่มี ระเบียง ไม่มี ห้องน้ำ ไม่มี เอ๊ะ แทนไปไหนหว่า ผมคิดพลางมองฝ้าเพดาน หรือมันซ่อนในฝ้าเพดาน บ้าน่าเรา ทำไมคิดได้ สงสัยมันไปธุระข้างนอก ไปแอบในห้องนอนเราดีกว่า อิอิ

......................................................................................
**-แทน- **



อิอิ ผมอยู่ไหนน่ะเหรอครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แต่ขอย้อนไปอดีตก่อน 

วันเกิดเหตุ 

"ไม่โกรธ แต่ไม่ให้ไป" 

สิ้นเสียง เราสองคนต่างแยกกันนอนห้องใครห้องมัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้นอนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ย้ายมา นี่ก็แทบจะทนไม่ไหวล่ะ แล้วไปตั้งปีใครจะทนได้ นี่อยากเข้าไปขยำขยี้ใจแทบขาด ในใจผมสับสน รู้ว่าหนึ่งไปเพื่ออนาคตแต่ใจก็ยากเกินจะอดทน เหมือนจิตใจมันแยกออกเป็นสองฝ่าย 

เทวดาแทน: แทนต้องให้หนึ่งไป เพราะหนึ่งไปเพื่ออนาคต

ซาตานแทน: โหย ตั้งปีหนึ่ง แล้วจะอยู่ยังไง ไม่เป็นกามตายด้านรึ

เทวดาแทน: แต่มันเป็นอนาคตของหนึ่ง แทนจะขัดขวางรึ

ซาตานแทน: คนจะมีอนาคต อยู่ที่ไหนก็มีอนาคต

เทวดาแทน: คนนิสัยไม่ดี

ซาตานแทน: จะสู้เหรอ ตัวๆ ป่ะ

โหย แล้วมึงสองคนจะเถียงกันทำไม ปวดหัว

เดี๋ยวนะ ในเมื่อหนึ่งไปเพื่ออนาคต แล้วทำไมเราไม่ไปมีอนาคตกับหนึ่งด้วยละวะ ในเมื่อก็ไปด้วยกันได้ จะแยกกันทำไมล่ะ ผมนั่งคิดปัญหาในการเดินทางครั้งนี้ มีแค่เรื่องเดียวคือเรื่องเงิน ในเมื่อเรามีปัญหาเรื่องเงิน เราก็ต้อง…. ผมไม่รอช้ารีบต่อสายโทรทางไกลทันที 

"แม่ครับ วันนี้แม่สวยมากเลย สวยเหมือนนางฟ้าเลยครับ"

"หยุดเลยแทนแม่ขนลุกซู่ไปหมดเลย"

"อืมมมม รักแม่ครับ"

"ไม่โทรหาแม่จนนึกว่าตายไปแล้ว อยู่ๆ โทรหานี่มีเรื่องอะไรให้ช่วยใช่ไหมลูก"

"แม่เก่งจังเลยครับ มิน่าพ่อบอกแม่สวยด้วย ฉลาดด้วย"

"เข้าเรื่องไหมลูก แม่อยากรู้แล้ว"

"คือ หนึ่งสอบชิงทุนได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นหนึ่งปีครับ"

"หนูหนึ่งนี่เรียนเก่งจังเลยนะ สมเป็นลูกสะใภ้แม่ แล้วปัญหาคืออะไร มีแต่เรื่องน่ายินดีนี่ลูก"

"แทนจะไปด้วย"

"แล้ว"

"แทนไม่ได้ทุน ก็เลยจะมาขอทุนแม่ไปเรียนครับ เขินจัง"

"ถ้าแม่ไม่ให้"

"ช่วงนี้รู้สึกอยากไปขับมอไซค์แว๊นกับเด็กแว๊นนะครับแม่ จริงๆ มานั่งคิดสก็อยก็สเป็กแทน เอาสก็อยเป็นเมียก็ดีน่ะครับ แม่ว่าไง"

"เออ"

"เออคือไรครับแม่"

"จะไปก็ไป แต่อย่าให้น้องหนึ่งหลุดมือล่ะ หลุดมือมาแม่จะทวงเงินคืน คนนั้นคือคนเดียวที่แม่จะเอามาเป็นสะใภ้"

"รักแม่"

"อย่ามาปากหวานนะลูกคนนี้ ถ้ารักแม่จริงมีหลานให้แม่ดีกว่า"

"แม่ครับหนึ่งไม่มีมดลูก แม่รอจากน้องเด็กดีกว่า"

"แทน น้องเราก็ไม่มีมดลูก" สิ้นเสียงเราต่างคนต่างหัวเราะ ผมโชคดีแค่ไหนครับ ที่มีครอบครัวที่รักและเข้าใจ  ฉะนั้นลืมเรื่องในนิยงนิยายที่นางเอกไปเรียนต้องแยกห่างกับพระเอกกันเป็นปีๆไปได้เลยครับ เพราะในชีวิตจริงนั้น แทนรวย มีเท่าไหร่ก็จ่ายกันไป ป๋าแทนเทหมดหน้าตักครับ นี่ต้องขอบคุณแม่ครับที่เป็นสปอนเซอร์หลักในครั้งนี้ แทนรักแม่ครับ อิอิ ไปเก็บกระเป๋าดีกว่า

  มาครับกลับเข้าเรื่อง เรื่องอะไรผมจะบอกหนึ่งละครับ ว่าผมจะตามไปด้วย ผู้ชายชั่วๆ เอ๊ย เจ้าเล่ห์อย่างผม ก็ต้องปิดเป็นความลับ ทำไมนะเหรอครับ เพราะว่าผม

ต้องตักตวงให้มากที่สุด จะจากกันเวลาก็น้อย จะขออะไรก็ตามใจหมด จะเช้าเย็นก็ให้ อย่างเมื่อคืน ขอทั้งคืนหนึ่งก็ให้  อิอิ มีความสุขจังครับ

มาครับมาว่าเรื่องของปัจจุบันกันดีกว่า ผมจะบอกล่ะว่าผมอยู่ไหน ผมก็ต้องอยู่บนเครื่องสิครับ ผมนี่แทบจะใส่ตีนหมาโกยมาขึ้นเครื่องต้องรีบออกมาให้ถึงสนามบินก่อนที่หนึ่งจะถึง ทั้งๆ ที่ผมออกมาทีหลัง เพราะต้องการมาเซอร์ไฟรส์และพระเจ้าก็เข้าข้างผม ผมแลกที่กับคนที่นั่งข้างหนึ่งได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องพูดใดๆ แค่ยื่นเงินให้สองพัน ผมบอกแล้วป๋าแทนมาครั้งนี้มาเพื่อจ่าย จ่ายเนาะๆ มาเพื่อใช้เงินล้วนๆ ครับ แต่เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมหนึ่งยังไม่มา นี่รอจนง่วงละนี่ ว่าแต่เมื่อคืนก็โต้รุ่ง คิดแล้วก็มีความสุขคิดแล้วก็.....  ไม่เอาไม่เอา คลุมโปกงีบสักพักดีกว่า หนึ่งมาจ๊ะเอ๋ สวีท สวีท อิอิ 

"คุณผู้โดยสารค่ะ คุณผู้โดยสารค่ะ"

"อืมมมมม" ใครมาขัดจังหวะกูว่ะ นี่กำลังจะลากเมียลงออนเซ็น อ้าวพี่สาวคนสวย

"คาดเข็มขัดด้วยคะ"

"ครับ"

ผมทำตามอย่างว่าง่าย ว่าแต่คาดทำไมว่ะ ผมค่อยๆ ตั้งสติระหว่างที่เครื่องจะออกตัว เดี๋ยวน่ะผมจำได้ว่าเมื่อคืน อิอิ ไม่เอาไม่คิด ตอนนี้อยู่ไหน บ้าน อ้อ บนเครื่องบิน ไปไหน อ้อไปญี่ปุ่น ไปญี่ปุ่น ไปกับหนึ่ง อ้อต้องเซอร์ไฟรส์เมีย ผมหันหน้าไป

"แฮ่ เซอร์...." เอ๊า ไม่อยู่ อืม สงสัยไปห้องน้ำ สงสัยไปล้าง อิอิ เดี๋ยวถึงปุ๊บ ผัวจะเอาของใหม่เข้าเลย อิอิ

ผมนั่งมองบรรยากาศบนท้องฟ้า มองก้อนเมฆ แหม วันนี้ผมอารมณ์ดีจังครับ ว่าแต่เมียทำไมไปนานจังครับ หรือ…. หรือว่า เมียแอบเปิดผ้าดู แล้วดีใจที่ผัวไปด้วย เลยแอบไปร้องไห้ แหมเมียครับ ซบอกพี่แทนก็ได้ ไม่เห็นต้องไปแอบร้องไห้คนเดียว คงเขิน อะอะ รอก็รอ 

ผมรอจนถึงเวลาเสิร์ฟอาหาร ซึ่งผมสั่งไว้เยอะมาก เมียกินจุครับ แดกทั้งของสุก ของดิบนี่เป็นปลาดีนะไม่ใช่ไก่ ไม่งั้นคงต้องลากลงแก้วเพราะหาบ่อไม่ได้ เมียไปนานจัง 

"ขอทราบเลขที่นั่งด้วยคะ"

"A2324 โทษครับ คนที่นั่งข้างๆ ผมไปเข้าห้องน้ำนานจังครับ รบกวนตามให้หน่อยครับ"

"ข้างไหนค่ะ" ทำไมกวนตีนพี่แทนครับ มันมีอยู่ข้างเดียว อีกข้างมันหน้าต่าง จะข้างไหนครับ แต่สวยพี่จะให้อภัย

"ตรงนี้ครับ A2325"

"อ้อ ผู้โดยสารท่านนี้ยกเลิกการเดินทางคะ ที่ตรงนี้ว่างค่ะ"

"เอ๋ หมายความว่าไงครับ"

"หมายความว่าที่ตรงนี้ว่างค่ะ ผู้โดยสารสามารถพับเบาะเหยียดตัวได้ตามสบายเลยค่ะ"

"หมายความว่า กู.....  กูมาทำไมมมมมมม"

"โทษครับ เมาเครื่องรึเปล่าครับเห็นหน้าซีดๆ เมื่อกี้ยังดูร่าเริงอยู่เลย"เสียงทักจากผู้โดยสาร A2326 จะให้กูร่าเริงยังไง กูจะลงโบกเครื่องใหม่ก็ไม่ได้ กูหวังจะลากเมียลงออนเซ็นกลับโดนทิ้งกลางอากาศ ที่มึงเห็นกูร่าเริง นั่นไม่ใช่ กูเงี่ยน กูอยากฝัดเมียใจแทบขาด แต่เมียทิ้ง ไม่ใช่กูนี่แหละทิ้งเมียมาญี่ปุ่น กูมาทำไม

"อ้อ เปล่าครับ" อ่ะ กูตอบตามมรรยาท

"มาคนเดียวหรือครับ ผมก็มาคนเดียว นี่กะจะไปเซอร์ไฟรส์แฟนที่โน่น" มึงพลาดล่ะ คนที่เซอร์ไฟส์สุดคือกูนี่

"ครับ นี่อยากฝัดแฟนใจแทบขาด เจอจะฝัดให้หนำใจเลย" กูจะร้องไห้

"ร้องไห้ทำไมครับ"

"ผมดีใจแทนแฟนคุณนะครับ ปวดหัวขอนอนก่อนน่ะครับ"

"ครับ"

พี่แทนปวดร้าววววว

ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงสนามบินที่ญี่ปุ่น ผมไม่รอช้ารีบเตรียมของเผื่อจะไปซื้อตั๋วบินกลับในรอบถัดไป แต่ใครมายิ้มให้ อ้อ A2326

"เที่ยวให้สนุกนะครับ" ทำไมมึงต้องมาตอกย้ำกู

"ครับ" นี่คือมารยาทสุดท้ายจากกู ทำกูสะเถือนใจอีก กูจะ....ร้องไห้

ผมรีบดำเนินการทุกอย่างอย่างเร็วที่สุดแต่ขัั้นตอนต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เสียเวลาสุดตรงรอกระเป๋า และกระเป๋าผมกูออกมาเป็นใบสุดท้าย

ผมไม่รอช้าเข้าไปสอบถามที่เคาเตอร์ของสายการบินที่ผมมาเพื่อบินกลับไทยทันที

"โทษทีครับ ผมขอตั๋วกลับไทยรอบที่เร็วที่สุดหนึ่งใบครับ"

"ตอนนี้สนามบินยังไม่เปิดให้เครื่องขึ้นเลยค่ะ เพราะมีพายุเข้าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ลูกค้าต้องรอก่อนนะคะ"

"นานไหมครับ"

"น่าจะหนึ่งถึงสองวันคะ อุ๊ย ดูสิค่ะพายุแรงมากเลย" พนักงานชี้ไปด้านนอกที่ลมพัดแรงกระแทกจนกระจกด้านนอกสั่น โอยยย ทำไมมันซวยอย่างนี้ ผมหงุดหงิดพลางโมโหลมฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจ แต่ทันใดนั้น ผมก็เห็นผู้โดยสาร  A2326 ถูกลมพัดกระแทกต้นไม้อย่างจัง ก็รู้สึกผ่อนคลาย

"ไหนๆ ก็มาล่ะ ไปซื้อขนมฝากเมียดีกว่า" ทำไมอยู่ดีๆ ก็มีความสุขก็ไม่รู้

---------------------------------------

"มันจะมากไปแล้ว"   

ผมนึกพร้อมโมโหอย่างขีดสุด แค่กูจากไปไม่ทันไร มึงจะร่าเริงขนาดไปฉลองสองวันสองคืนไม่ได้แทน มึงไปไหน กูโทรก็ปิดเครื่อง โทรจนแบตกูหมด แม่งก็ไม่เปิดเครื่อง จนกูว่าส่งจดหมายน่าจะเร็วกว่า ว่าแต่มึงไปไหนหรือ หรือว่ากูบอกให้นอกใจได้ มึงเลยตีปีก ไปเอากลับผู้หญิง สองวันสองคืนเต็ม หนอยยย มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ กลับมากูจะเอาให้ตาย ผมนั่งรอสองวันสองคืน จนตากูบวมล่ะ แม่งก็ไม่กลับ โทรไปก็ปิดเครื่อง กูรอด้วยความเป็นห่วงจนตอนนี้กูเริ่มโมโหล่ะ 

"เมียครับ ผัวกลับมาแล้ว" แทนพุ่งเข้ากอดพร้อมหอบของพะรุงพะรัง

"มึงไปไหนมา" อย่ามาเนียน มึงคิดว่ากูจะลืม

"ผัวบินตามเมียไปญี่ปุ่น ผัวไม่คิดว่าเมียจะเลือกผัวและไม่ไปเรียนต่อ รักจังครับ กอดหน่อย"

"จริงอ่ะ"

"จริงครับ นี่ซื้อขนมมาฝากด้วย" มึงคิดว่ามึงเนียนใช่ไหม มึงจะมาโกหกกูซึ่งๆ หน้าแบบนี้ไม่ได้แทน

"มึงคิดว่ากูไม่รู้จักเจ๊เล้งเหรอ"

"เจ๊เล้งคือใครครับเมีย"

"Duty Free ซอยรางน้ำกูก็เคยไป"

"ซอยรางน้ำคือซอยไหนครับเมีย"

"โอยยย ต่อยทำไมครับเมีย หมัดหนักเหมือนเจอครั้งแรกเลย"

"มึงไปไหนมาแทน"

"ญี่ปุ่น"

"กูจะถามมึงอีกที มึงไปไหนมา"

"ก็ญี่ปุ่นไงครับ"

"โวยยยย"

"โอยยย เมียใช้ความรุนแรงทำไมครับ โอยยย โอยยยย"

"ก็มึงไปญี่ปุ่นทำไมไม่บอกกู" ผมนั่งพลางติดพลาสเตอร์ที่จมูกแทน

"บอกแล้วครับ แต่เมียไม่เชื่อ"

ผมมาเชื่อตอนไหนรึครับ ก็ตอนที่แทนมันควักพาสปอร์ตส่งให้ดู

"ก็กูคิดว่ามึงนอกใจกู"

"แหม จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะครับที่เมียหึง"

"แทน กูขอโทษมึงอยู่นี่ไง กูยอมรับก็ได้ว่ากูหึง"

แทนค่อยๆ ดึงผมเข้ามากอด

"ขอบคุณนะครับที่กลับมา ขอบคุณนะครับที่เลือกผัว"

"ขอโทษที่ลืมนึกถึงหัวอกคนรอนะแทน บางทีกูอาจกระด้าง ไม่อ่อนหวานอ่อนโยน เหมือนคนอื่น แต่กูก็รักมึงไม่น้อยกว่าใคร"

"ก็อะไรนะครับเมีย"

"เออ กูรักมึง"

"ผัวก็รักเมีย"

มันคงไม่มีความรักใดที่จะมั่นคงถาวร เราคงจะรักกัน โกรธกัน ทะเลาะกันบ้าง เป็นธรรมดาของคู่รัก แต่ผมคงไม่ปล่อยมือคนๆ นี้ห่างไปไหน ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ผมจะรักให้ดีที่สุด กับคนๆ นี้ที่รักและรับผมได้ทุกอย่างที่ผมเป็น ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เป็นอย่างไร แต่ที่รู้คือเราจะอยู่อย่างนี้ไปเรื่ิอยๆ จนแก่เฒ่าไปกับคำสัญญาที่เราจะไม่พรากจากกัน ความรักดีๆ มีอยู่รอบตัว ผมพบเจอของผมแล้ว หวังว่าวันนึงทุกคนคงเจอเช่นกัน รัก

"แทนกูว่ามึงติดพลาสเตอร์เหมือนตอนมึงเรียนอนุบาลเลย ไหนมึงลองไปยืนทำท่า Superman บนโซฟาสิ"

"โหยยย เมียครับ น่าอายจะตาย ทำไมตอนนั้นผัวคิดว่าเท่ห์ก็ไม่รู้"

"เดี๋ยวกูให้เบิ้ลสองที หัวเราะด้วย"

"555555"


---------------------------Fin-----------------------------------



และเหมือนทุกๆ ครั้งขอโทษที่ช้า กับปัญหาเดิมๆ แต่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ช้า เพราะตอนนี้เป็นตอนจบแล้ว เดี๋ยวท้ายตอนขอพูดสั้นๆ นะ เดี๋ยวเค้าขอขอบคุณอย่างอีกรอบพรุ่งนี้ถ้าว่าง เป็นเวลาอันยาวนานมากกกก ใช้เวลาเขียนนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบปีกว่าๆ เข้าโรงบาลหนักๆ  ไปสองหน มีปัญหาเข้ามาให้แก้ไม่เว้นวัน เรียกว่าเป็นสองปีที่แย่ที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่เจอคนอ่านที่น่ารัก แรกเริ่มเราเขียนจากใน Dek-D ก่อนและนึกน้อยใจทุกครั้งที่นิยายเราไม่มีคนอ่าน มานั่งคิดว่ามันไม่สนุกเหรอผิดพลาดตรงไหน และแล้ววันนึงก็มีคนเห็นค่านิยายของเรา เราอาจไม่ใช่คนเขียนที่ดี อาจจะต้องพัฒนาอีกมาก แต่เข้าใจตอนเป็นคนเขียนนี่แหละค่ะ ว่าคอมเมนท์มันอ่านแล้วทำให้รู้สึกดี จะลากันแล้ว ถือว่าสุดท้ายใครไม่เคยเมนท์ มาเมนท์กันหน่อยเร็ว ขอบคุณที่ติดตามอ่านตลอดน่ะคะ ขอบคุณที่ชอบรักในตัวละครในแบบที่คนเขียนรัก หนึ่งและแทนยังดำเนินชีวิตต่อไป อยากให้มันสวยงามในสายตาคนอ่านและอยากให้ทุกคนมีความสุขในการอ่าน รักและขอบคุณมาก และแล้วก็เขียนเสร็จ ของคุณหมิงหมิงด้วย สำหรับแรงใจในการเขียนตอนสุดท้าย รัก xxxx​

P.S. วันนี้จะไปงานหนังสือเด้อ เจอกันทักได้ ปีนี้ไปซื้อ หวังว่าปีหน้าจะได้ไปแจกลายเซ็นนะ

Aemmilicious
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 20-10-2018 04:40:26
บอกก่อนว่า ... เรายังอ่านไม่จบนะคะ
อ่านถึงแค่ตอนที่ "แทน+หนึ่ง" เข้ามหาวิทยาลัยค่ะ
เจอคำผิดเยอะมาก อ่านแล้วเลยติด ๆ ขัด ๆ ในใจ
ก็เลยถอดใจ ... หยุดอ่านก่อน

แต่เราอยากจะให้ "กำลังใจ" นะคะ
การเขียนนิยายสักเรื่องให้ "จบ" ได้ เป็นเรื่องยากค่ะ
ต้องใช้วินัยและความรับผิดชอบสูงเลยทีเดียว
ตรงจุดนี้ ชื่นชมนะคะ
เพราะเราชอบ... ตอนเล่าเรื่องอนุบาล น่ารักดีค่ะ

แต่ในฐานะทำงานพิสูจน์อักษร ...
ขอเวลาทำใจเรื่อง "คำสะกดผิด" ก่อนนะคะ
เอาไว้วันไหนว่าง ๆ แล้วเราจะกลับมาอ่านให้จบค่ะ

สู้ ๆ นะคะ อย่าเพิ่งท้อถอย ขยันเขียนและขยันอ่านทวน ตรวจคำผิดบ้าง
เราจะเอาใจช่วยค่ะ
แล้วถ้าเขียนเรื่องต่อไป บอกกันบ้างนะคะ

ขอให้ปีหน้าได้ไปเป็นเจ้าของหนังสือเล่มที่วางขายในงานหนังสือนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: aemmilicious ที่ 20-10-2018 08:53:27
บอกก่อนว่า ... เรายังอ่านไม่จบนะคะ
อ่านถึงแค่ตอนที่ "แทน+หนึ่ง" เข้ามหาวิทยาลัยค่ะ
เจอคำผิดเยอะมาก อ่านแล้วเลยติด ๆ ขัด ๆ ในใจ
ก็เลยถอดใจ ... หยุดอ่านก่อน

แต่เราอยากจะให้ "กำลังใจ" นะคะ
การเขียนนิยายสักเรื่องให้ "จบ" ได้ เป็นเรื่องยากค่ะ
ต้องใช้วินัยและความรับผิดชอบสูงเลยทีเดียว
ตรงจุดนี้ ชื่นชมนะคะ
เพราะเราชอบ... ตอนเล่าเรื่องอนุบาล น่ารักดีค่ะ

แต่ในฐานะทำงานพิสูจน์อักษร ...
ขอเวลาทำใจเรื่อง "คำสะกดผิด" ก่อนนะคะ
เอาไว้วันไหนว่าง ๆ แล้วเราจะกลับมาอ่านให้จบค่ะ

สู้ ๆ นะคะ อย่าเพิ่งท้อถอย ขยันเขียนและขยันอ่านทวน ตรวจคำผิดบ้าง
เราจะเอาใจช่วยค่ะ
แล้วถ้าเขียนเรื่องต่อไป บอกกันบ้างนะคะ

ขอให้ปีหน้าได้ไปเป็นเจ้าของหนังสือเล่มที่วางขายในงานหนังสือนะคะ  :bye2:

ส่ง PM ไปหาแล้วน่ะคะ นี่คือคนที่น้องตามหา
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-10-2018 10:04:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ...สงสารแทนนะ  ดันหลับเลยไม่รู้ว่าเมียหนีออกจากเครื่องไปแล้ว  555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 20-10-2018 10:41:57
 :pig4: เป็นกำบังใจให้คนเขียนนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกเรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-10-2018 23:16:19
โดนเซอไพรซ์เองซะงั้น5555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-10-2018 02:14:19
อยากรู้ความรู้สึกของคนที่ไม่คิดว่าจะไปญี่ปุ่นแต่กลับได้ไป มันเป็นอย่างไงน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 23-10-2018 23:47:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-10-2018 15:57:45
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: dolbyelf ที่ 25-10-2018 21:56:39
้เพิ่มเติมการเชื่อมโยงอีกนิดจะเด็ดมาก
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-10-2018 06:04:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 09-11-2018 08:00:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: l3iggy ที่ 11-11-2018 21:44:14
 :mew1: :mew1: :mew1:

หัวเราะหนักมากกก อ่านไปขำไป ไม่เป็นอันทำงาน ติดงอมแงมชนิดที่ว่าไปถ้ำกระบอกก้อไม่หาย 555 อ่านรวดเดียวจบเลยคัฟ ... รักทุกตัวละคร เข้าถึงง่าย เห็นภาพ ชัดเจน

ขอบคุณนะคัฟ ขอบคุณมากๆ ที่สรรสร้างผลงานดีดีแบบนี้ให้ได้อ่าน ... จะเป็นกำลังใจและจะคอยติดตามคัฟ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 12-11-2018 18:01:16
โอ่ยยยย เป็นเรื่องที่ฮามากเลยค่ะ  :m20: :m20:
ชอบทุกคู่เลยอ่ะ สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 03-02-2019 15:54:04
โอ๊ยย แทน มีความจองตั้งแต่เด็กอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: โทษทีครับ คนนี้ผมจองตั้งแต่ห้องคลอด ตอนที่ 35 [END] 20.10.2018
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-02-2019 15:44:40
 :pig4: :pig4: