KING ที่ 62 ชายหาดและเกลียวคลื่น
ในวันต่อมา พี่เรียวติดต่อผมอย่างเร่งด่วนและบอกข่าวที่ทำให้ผมถึงกับขวัญผวา พี่เรียวบอกผมว่าผมถูกยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซ็นต์เตอร์กับบริษัทถึงสามแห่ง ซึ่งผมก็ยอมรับเรื่องแบบนี้แต่โดยดี ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าการปกปิดข้อมูลสำคัญของผม ทำให้ผมถูกถอนออกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังที่ไม่ทันจะได้ทอดถอนใจ พี่เรียวกลับบอกว่าไอ้ที่ต้องการยกเลิกน่ะมีเล็กน้อย แต่บริษัทที่ต้องการเซ็นต์สัญญาจ้างผมนั้น มีอีกเป็นสิบราย ผมได้แต่อึ้งกิมกี่ นี่มันอะไรกัน ผลตอบรับที่ผมคิดว่าแย่ ความจริงแล้วกลับดีขึ้นต่างหาก
แต่สิ่งที่แลกมา ก็คือชีวิตที่แสนอิสระของผม ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ผมถูกติดต่อให้ไปออกรายการทีวีในหลายๆ ช่อง และพี่เรียวก็ไม่รอโอกาสให้ผมปฏิเสธ ทำให้ตอนนี้ผมมีงานมากมาย กลายเป็นบุคคลที่ไม่มีใครไม่รู้จักอีกแล้ว
"เห็นไหม พี่บอกแล้ว ว่าคนที่ชอบผลงานของฟาต้องมีเยอะกว่าแน่ๆ" พี่เรียวพูดขณะขับรถพาผมกลับ หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายรายการแล้ว
"ครับ ขอบคุณครับ" ผมพูดและยิ้มให้พี่เรียว ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
"แต่พี่ก็ยังไม่ลืมนะ เรื่องเบอร์โทรพี่น่ะ" ผมเสียวสันหลังวาบทันที พี่เรียวพูดด้วยรอยยิ้มไม่เป็นมิตรบนใบหน้า เพราะว่าผมนั้นได้ให้เบอร์โทรพี่เรียวกับพี่ธีมไป และแน่นอนผมโดนเฉ่งยับ พี่เรียวถึงกับเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนโทรศัพท์หนีเลยทีเดียว
"แหม่พี่เรียว พี่ธีมก็นิสัยดีอยู่น้าา..." ผมพูดและเหลือบมองพี่เรียว ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า แบบนี้หยุดพูดดีกว่า
"หิวจัง" ผมพูดลอยๆ เปลี่ยนเรื่อง
"เดี๋ยวลงร้านข้างหน้าแล้วหาข้าวกินเอาละกัน" พี่เรียวพูดและจอดรถที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง หยิบหมวกแก๊บใส่หัวผม และแว่นดำยัดใส่มือ
"อ้าว พี่เรียว พี่จะทิ้งผมได้ไง" ผมพูดและไม่ยอมลงจากรถ นี่โกรธจริงเหรอเนี่ย
"ลงไป เร็วๆ"
"พี่เรียววว"
"ฟา เร็วๆ พี่จะรีบไปธุระต่อ" ผมทำแก้มป่องและค่อยๆ ลงจากรถ หนอย ไอ้พี่บ้า กล้าทิ้งกันได้ไง ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยเนี่ย
"ใช่ดาราที่เป็นข่าวป่ะ"
"บอกผู้ชายๆ แต่มีผัวเป็นผู้ชาย"
"กระเทยอ่าดิ ชอบแต่งหญิง แต่แอ๊บแมน"
ผมกระชับหมวกที่สวมไว้แน่นและก้มหน้าลงไม่สบตาใคร คนที่รักน่ะก็มีเยอะ แต่คนที่ไม่ชอบและมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามก็มีเช่นกัน ก็เหมือนกับสมัยก่อนนั่นแหละ ความตัวเล็กและหน้าแบบผมทำให้หลายๆ คนล้อผมแบบนี้มานานแล้ว และพวกคนที่พูดแบบนั้น ก็จะจบลงด้วยการ...
"อยากแดกตีนกระเทยไหมล่ะ ดูหน้ากูนี่ กูก็หน้าหวานนะ ผัวกูก็เป็นผู้ชายด้วย" ผมที่ก้มหน้าก้มตาเตรียมเดินหนีจากร้านก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที เสียงที่ได้ยินผมนั้นคุ้นเคยมาก คำพูดคำจาปากคอเรอะร้ายแบบนี้ไม่มีใครอื่น
"ไอ้เนม" ผมพูดพลางมองผู้ชายตัวเล็กที่ท่าทางนักเลงใช่ย่อย กำลังขู่ขวัญคนที่ว่าร้ายผมให้ลุกหนีกระเจิงออกจากร้านไป
"ว่าไง เพื่อนกู ดังแล้วหายเงียบเลย" ผมยิ้มให้เพื่อนและเดินเข้าไปดึงคอมันมากอดแรงๆ
"โครตคิดถึงเลยไอ้เตี้ย"
"เตี้ยพ่อง มึงกับกูนี่แทบไม่ต่างกัน" ผมหัวเราะและพามันไปนั่งลงที่โต๊ะห่างๆ นอกชานร้านที่มีต้นไม้และไฟประดับสวย
"มึงมาไงเนี่ย แล้วผัวมึงอ่ะ" ผมพูดและมันก็ถอนหายใจทันที
"นี่พี่เรียวไม่บอกอะไรมึงเลยเหรอ ส่วนไอ้เชี่ยนน ช่างแม่งเดี๋ยวมันก็มา มันตายยาก" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้องอ๋อ ที่แท้พี่เรียวก็พาผมมาส่งหาพวกมันนี่เอง ก็คิดว่าทิ้งกันซะอีก
"โทรหามึงไม่ติดเลย กูก็เลยโทรหาพี่เรียว"
"ช่วงนี้กูยุ่งๆ ว่ะ โทษที"
"กูเห็นมึงตัดสินใจบอกความจริงก็โล่งอกแทนนะ กูว่ามึงทำถูกแล้วล่ะ" ไอ้เนมเริ่มเรียกบริกรมารับออเดอร์ มันรู้เรื่องของผมตั้งแต่ม.ปลายแล้ว มันคงรู้ว่าผมอึดอัดแค่ไหน
"อืม เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย" ผมพูดและรีบเทน้ำโค้กใส่แก้วก่อนที่มันจะกลายเป็นเบียร์ซะก่อน
"ไปทะเลกัน" หืมมม ผมชะงักมือที่กำลังรินน้ำ จนล้นออกมาเลอะมือ
"ไปทะเลกัน ไปฉลองกัน!" ไม่พูดเปล่า ไอ้เนมลุกขึ้นมากอดคอผม ชวนผมแบบกระตือรือร้น
"เป็นความคิดที่ดี" ไอ้คำพูดนี้ผมไม่ได้พู๊ด เสียงที่คุ้นเคยกันดีดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมหันไปมองไอ้สองตัวที่กำลังเดินเข้ามาหา ตัวสูงตระหง่านเป็นยักษ์ปักหลั่น
"ไปกันเหอะ คืนนี้เลย ขับรถไปแปบเดียว" ผมจิกตามองไอ้นนที่สนับสนุนความคิดนั้น มึงนี่ทาสเมียสินะ เมียมึงว่าอะไรก็ทำตาม
"กูน่ะ ไม่อะไรหรอก แต่หมา เอ้ยหมอแบบพวกมึงไม่เรียนหรือไง" ผมกอดอกถาม
"ไม่มีปัญหา" สองตัวประสานเสียง กูเริ่มคิดจริงๆ แล้วว่าพวกมึงมีแผนอะไร แต่ก็ช่างเหอะ พวกเราไม่เคยได้ไปไหนไกลๆ ด้วยกันเลย แบบนี้ก็ดี ผมมีเรื่องมากมายอยากคุยกับพวกมัน
เมื่อกินข้าวกันเรียบร้อย พวกเราก็รีบออกเดินทางตั้งแต่ยังไม่ดึกมาก โดยมีไอ้นนเป็นคนขับรถ ไอ้เนมคอยบอกทาง และผมกับไอ้ธีร์นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
ผมเริ่มคิดนิดๆ ว่าผมตัดสินใจถูกไหมนะที่ไปทะเลคราวนี้ เพราะผมกับไอ้ธีร์ ตั้งแต่คืนวันเกิดของมัน พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรกันเลย มีเรื่องวุ่นๆ และงานมากมายที่ทำให้ผมต้องไปนอนกับพี่เรียวบ่อยขึ้น ไม่ได้จังหวะที่จะไปนอนคอนโดด้วยกันสักที
ผมเหลือบมองไอ้ธีร์ที่นั่งกอดอกตัวตรงทำเป็นหันมองออกไปนอกกระจก แต่เงาสะท้อนที่ผมเห็น หนอยย มึงไม่ต้องมาเนียนทำสุขุม มึงแอบมองกูอยู่ชัดๆ
"มึงสองตัวคุยกันก็ได้นะ กูไม่ได้ห้าม" ไอ้เนมยิ้มกริ่มเหลือบมองผมกับไอ้ธีร์
"หรือจะเxxกันเลยก็ได้ กูไม่ถือ"
"ไอ้เชี่ยเนม!" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที หันไปแหวใส่ไอ้เพื่อนชั่วแทบไม่ทัน ซึ่งมันก็เอาแต่หัวเราะ กูไม่ขำนะโว้ยยย ถ้ามันเอาจริงกูจะทำไง๊
ผมแหวไอ้เนมและหันควับมองไอ้ธีร์ด้วยสายตาข่มขู่ มึงกล้าเหรอ อย่ามาโชว์พาวแถวนี้นะโว้ย แต่ไอ้ธีร์ก็ไม่ได้ทำอะไร มันยังคงนั่งนิ่งอย่างเรียบร้อย สงบเสงี่ยมราวคลื่นก่อนมีพายุ
"เออ แล้วกูถามหน่อย พวกมึงอยู่ดีๆ ก็จะมา มึงจองโรงแรมแล้วเหรอ" ผมถามแบบโง่ๆ โดยไม่รู้ว่ามันจะตอบแบบโง่ๆ
"ไม่ได้จอง นอนริมหาดละมั้ง"
"ไม่เอา กูอยากอาบน้ำ" ผมพูดบอกมัน นี่เพิ่งทำงานมาเหนียวตัวจะตายชัก
"แหม ไม่หอมไอ้ธีร์ก็ไม่บ่นหรอกมั้ง" ยังๆ ไอ้หอกเนมยังคงกวนตีนผมไม่เลิก มันน่าไหมล่ะ
"มึงเลิกพูดเรื่องใต้สะดือสักทีเหอะ รู้งี้กูไม่น่ามาเลย" ผมพูดบ่นเพื่อน ไอ้นนก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย ไอ้ธีร์ยิ่งแล้ว ปกติถ้าอยู่แบบนี้มันต้องพยายามมาจับมาแตะผมบ้างแหละ นี่มันแปลก
"อย่าไปเชื่อไอ้เนมมากเลยฟา ที่นอนน่ะมี" ผมที่ได้ยินไอ้นนพูดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ต้องนอนกลางทรายยังไงก็ดี...
"แต่มีห้องเดียวนะ" ไอ้นนเพิ่งจะพูดจบพลางหัวเราะคิกคัก ห้องเดียว ห้องเดียว!! แต่เออ ห้องเดียวก็ห้องเดียวสิวะ ดีซะอีก กูปลอดภัยแน่
"ตามที่ตกลงกันไว้นะไอ้ธีร์" ไอ้นนพูดต่อพลางเหลือบส่งสายตาให้เพื่อนมัน เดี๋ยวๆๆๆ พวกมึงตกลงอะไรกัน ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง
"ตกลงอะไรวะ ห้องเดียวอะไรมึง" ดีมากกก ผมมองไอ้เนมที่ถามไอ้นนด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์ แปลว่าไอ้เนมก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย
"กูแค่จะมาเล่นน้ำนั่งเล่นโต้รุ่ง มึงจะจองที่นอนทำไม"
"ก็เผื่อเอาไว้อาบน้ำไง จะทนเหนียวตัวทั้งคืนได้เหรอ" ไอ้นนรีบพูดแก้ตัว ผมเหลือบมองไอ้ธีร์ที่ยังคงนั่งสงบเสงี่ยมเป็นพระพุทธรูป รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้
"ไอ้เนม งั้นมึงนอนกับกู ปล่อยไอ้สองตัวนี่นอนชายหาด" ผมที่พูดแบบนั้นไอ้คนที่นั่งนิ่งก็เริ่มมีปฏิกิริยา กูว่าแล้วไง มึงคิดแผนชั่วอยู่ใช่ไหม
"เออดี เอาตามนั้น" ไอ้เนมตอบรับทันควัน ทำเอาไอ้คนข้างๆ ผมเริ่มยุกยิก
"ก็นอนด้วยกันนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก" ไอ้ธีร์เริ่มพูดเป็นครั้งแรก หนอยย มึง แผนร้ายมันอยู่ในแววตาของมึง พออยู่กับเพื่อนละเอาใหญ่เลยนะ
"ใช่ๆ ล้อเล่นเอง ไม่ได้วางแผนอะไรกันเลยจริงๆ" ผมมองไอ้ธีร์และไอ้นนที่พยักหน้าให้กัน กูเชื่อพวกมึงตายล่ะ
และไม่นานพวกเราก็มาถึงทะเลที่ใกล้ที่สุดในแถบๆ นี้ พวกเราจอดรถไว้ใต้ต้นสนต้นใหญ่ ลมทะเลที่พัดเย็นกระทบใบหน้า ทำให้ผมรู้สึกชื่นใจ พวกเราเดินจับกันเป็นคู่ๆ ไปสู่ชายหาดที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่อง ท้องทะเลที่มีเกลียวคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ช่างเป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ
"อย่าลงไปเล่นเลย กลางคืนมันอันตราย" ไอ้ธีร์ดึงมือห้ามผมไว้ทันทีที่ผมถอดรองเท้า ใบหน้าของมันในความมืดสะท้อนกับแสงนวลของดวงจันทร์ มันจะรู้ไหมนะ ว่าตอนนี้มันดูดีแค่ไหน
"เดินแค่ริมๆ นี่แหละ" ผมพูดและดึงมือมันให้เดินตามผมมาด้วย พวกเราเดินไปเรื่อยๆ เลาะริมชายหาด สายลมเย็นทำให้ผมราวกับล่องลอย ผมค่อยๆ วิ่งผละออกจากคนรัก ปล่อยมือที่เกาะกุมกันไว้
"ฟา อย่าวิ่ง ถ้าเท้าโดนอะไรบาดจะทำยังไง" ไอ้ธีร์ส่งเสียงดุผม และเดินตามผมที่วิ่งไปตรงนั้นที ตรงนี้ที ซึ่งไกลๆ เกือบลับสายตานั้น ผมเห็นไอ้นนกับไอ้เนมเดินไปอีกทาง กำลังท่าทางหนุงหนิงหมุงหมิงเช่นกัน
"ฟา ได้ยินไหม บอกว่าอย่าวิ่ง" ผมหน้าบูดเล็กน้อย ไอ้ธีร์ จะมีกี่วันที่มันไม่ดุผม แล้วพูดเพราะๆ เอาใจผม บอกได้เลยว่าโมเม้นนั้นไม่ได้มีมาบ่อยๆ ขัดใจโว้ย
และผมก็คิดอะไรดีๆ ออก ผมหันหน้าไปหามัน ส่งยิ้มหวาน ส่งสายตาอ่อยหว่านเสน่ห์ ดูซิว่ามันจะทนได้แค่ไหน
"ธีร์" ผมเรียกมันเสียงหวาน มองใบหน้ามันที่ดูยุ่งเล็กน้อย กำลังค่อยๆ เดินตามผม
"ถ้ามึงจับกูได้ คืนนี้ พวกเรา..." เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าไอ้ธีร์มันน่ากลัวมาก จากใบหน้าที่อมยิ้มเล่นๆ ของผม บัดนี้แทบขนหัวลุก ไอ้ธีร์เมื่อได้ยินแบบนั้นสายตามันก็ดูแน่วแน่สุดๆ มันพุ่งตัวจากจุดที่มันยืนอยู่ พุ่งมาหาผมเหมือนเสือที่กำลังจะตระครุบเหยื่อ
อ้ากกกกกกก ผมร้องเสียงหลงวิ่งพลิกตัวหนีจากเงื้อมมือมารนั้น หัวใจเต้นระส่ำอยู่ในอกอย่างกับวิ่งหนีผี เดี๋ยวก่อนน กูยังพูดไม่จบเลย มึงคิดไปถึงไหนแล้วโว้ยยย
"ไอ้เนม ช่วยกูด้วยยยยย!" ผมแหกปากร้องดังลั่น วิ่งขาขวิดเปลี่ยนทิศทางไปหาเพื่อนรักทั้งสองที่เห็นอยู่ไกลๆ กูตาย กูตายแหน่ ปาปี๊มามี๊ ช่วยฟาด้วยยย จะโดนแดกแล้ววววว
"เดี๋ยวๆ อะไรของพวกมึงเนี่ย!" ราวกับเห็นแสงสว่างในชีวิต ผมพุ่งตัวเข้าหาใส่ไอ้เนมจนล้มคว่ำ กอดมันแน่นหลับตาปี๋ นี่กูรอดเหรอ กูรอดดดดดด เป็นไปได้ยังไงวะเนี่ย
ผมหอบหายใจอย่างบ้าคลั่ง เหลือบมองไอ้ธีร์ที่ยืนเท้าเอวหอบเล็กน้อย หึ นึกว่าจะแน่ จับกูก็ไม่ได้ แบร่
"ไปเถอะ หน้าบังกะโลมีที่นั่ง" ไอ้ธีร์พูดและเดินนำหน้าไป ผมนึกว่ามันยอมแพ้ไม่เป็นซะอีก
ในช่วงดึกนั้น พวกเรานั่งเล่นกันอยู่หน้าบังกะโลหลังเล็ก มีขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเราเอาติดมา และเล่นพลุไฟที่ไอ้นนหาซื้อมาให้เช่นกัน
ผมรู้สึกมีความสุข ราวกับเวลาถอยหลังย้อนกลับไปเหมือนดั่งวันวาน วันที่พวกเรายังได้เรียนอยู่ด้วยกัน เจอกันทุกเช้า กินข้าวในโรงอาหาร กลับบ้านด้วยกัน ช่วงเวลาเหล่านั้นผมไม่เคยลืมเลือน เป็นช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขที่สุด เป็นช่วงชีวิตที่ผมได้เจอกับ...ธีร์ ผู้ชายที่ผมรักหมดหัวใจ
ผมนั่งคุดคู้จุดไฟเย็นในมือและเหลือบมองใบหน้าของคนที่ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้ พวกเราจะอยู่เคียงคู่กัน เหมือนกับเมื่อวานนี้เอง ที่มันบุกเข้ามาในคอนโดของผม และบอกผม ว่าให้ผมเป็นแฟนของมัน เรื่องราวของพวกเราราวกับความฝัน มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ ต้องร้องไห้เสียน้ำตามามากมายแค่ไหน แต่ทุกอย่างที่ผ่านมานั้น มันไม่ได้เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย มันทำให้พวกเรา ผูกพันธ์ใกล้ชิด แนบสนิทจนไม่อาจพรากจากกันได้อีกแล้ว
"เมื่อกี้ ทำไมมึงถึงไม่จับกูเอาไว้" ผมพูดเบาๆ ถามคนที่นั่งจุดไฟเย็นอยู่ข้างๆ ไอ้ธีร์จ้องมองแสงไฟสีเงินที่อยู่ในมือ และเหลือบมองผมด้วยแววตาที่สื่อถึงความรัก
"ถ้าดึงเอาไว้ ฟาอาจจะเจ็บก็ได้" หัวใจของผมสั่นไหวอยู่ภายใน แบบนี้เองเหรอ นี่มึงรักกูมากแค่ไหนกันนะ
"แต่ถ้าหลุดมือไป มึงก็เจ็บไม่ใช่เหรอ" ผมพูดและจ้องมองมันที่ยกยิ้มมุมปาก พวกเราในตอนนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องวิ่งไล่จับกันตรงๆ มันมีความหมายที่ลึกซึ้งมากมายกว่านั้น
"ยังดีกว่าจะทำให้ฟาเจ็บ" ผมเอื้อมมือไปแตะลงที่แก้มของคนข้างๆ หัวใจของผมมันอบอุ่นเหมือนรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ พวกเราค่อยๆ ขยับหากันน้อยๆ ริมฝีปากหยักสวยนั้น ห่างผมเพียงแค่ไม่กี่เซนเท่านั้น
"อะแฮ่มม!" เสียงที่ดังขึ้นทำวิมานสีชมพูล่มลงทันใด ผมสะดุ้งเฮือก เหลือบมองไอ้สองผัวเมียที่นั่งจ้องมองผมกับไอ้ธีร์อย่างใกล้ชิด มึงมาจ้องตั้งแต่เมื่อไหร๊ กูก็โรแมนติกจนไม่รู้ตัวเลย
ผมเฉหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแก้มสีชมพู อับอายจนอยากวิ่งเอาหัวทิ่มหลุมทราย
"กูง่วงแล้ว ไปอาบน้ำนอนดีกว่า" ผมตัดสินใจหนีออกจากตรงนั้น เกือบไปแล้วไหมกู หวังว่าคืนนี้จะไม่มีหนังสดนะ