King Of CrossDress!!ราชาแห่งครอสเดรส!![#67 รัก...ก็บอกว่ารัก][END](21/2/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: King Of CrossDress!!ราชาแห่งครอสเดรส!![#67 รัก...ก็บอกว่ารัก][END](21/2/63)  (อ่าน 133966 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คู่นี้จะหวานกันตอนเมาใช่มะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ธีร์เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากๆเลย เอาผัวมาส่งบ่อยๆนะคะ :-[

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เนี่ย ถ้าคุยกันดีๆ ก็เข้าใจกันไปนานแล้ว ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกันนะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
KING ที่ 57 ความกล้าที่ไม่มากพอ

ในช่วงสายของวันนั้น ผมยังคงอยู่ที่บ้านของไอ้ธีร์ ท้องร้องกิ่ว และกำลังคิดหนักอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เอาแล้วไง เมื่อคืนแต่งชุดผู้หญิงเข้ามา มานอนบ้านผู้ชาย! โอ้โห คือแบบผมเพิ่งมานึกได้ แล้วเมื่อคืนมีคนเห็นผมเข้ามาไหมนะ ใครบ้างละเนี่ย ไม่ใช่ว่าแม่มัน...

 ผมคิดและขยี้หัวตัวเองไปมา สภาพเละเทะเมาหัวทิ่มขนาดนั้น ป่านนี้แม่มันต้องเกลียดผมแล้วแน่ๆ โอ้ยย ทำยังไงละเนี่ย ไม่กล้าออกไปเลยโว้ย

 "ผมยุ่งหมดแล้ว" ไอ้ธีร์ที่ยืนสวมเสื้ออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เดินเข้ามาลูบผมที่ชี้ฟูให้ผม ทำไมมึงถึงทำใจเย็นอยู่ได้นะ

 "มึง...มีเครื่องสำอางบ้างไหม" ผมพูดและมองมันผ่านกระจก มองมันที่ส่ายหัวทันทีด้วยหัวใจห่อเหี่ยว

 "มีก็แปลกแล้ว" นั่นสิ ถ้ามึงมีกูต้องคิดว่ามึงอยากสวยด้วยแน่ๆ

 "แล้วๆ แม่มึงอ่ะ" ผมพูดคำนี้ด้วยเสียงที่เบาลงหน่อย

 "ไปยืมให้ได้นะ"

 "เดี๋ยวๆๆ" ไอ้ธีร์พูดและทำท่าจะเดินออกไปทันทีิซึ่งผมดึงแขนมันไว้ได้ทัน

 "กูพูดเล่น" ผมยิ้มแหยๆ ผมไม่กล้าหรอก เกรงใจจะตาย คงของแพงตายห่า

 "ก็ดีแล้ว ไม่ต้องแต่งหรอก ก็ออกไปแบบนี้นี่แหละ"

 "ได้ยังไงล่ะ ก็เมื่อคืนกูมาแบบผู้หญิงนะ" ผมพูดอย่างไม่สบายใจ

 "เมื่อคืนไม่มีใครรู้หรอกว่าฟามาที่นี่" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก รอดแล้วกู

 "แล้วก็เพิ่งมาพูด" ผมผลักแขนมันเบาๆ ทำกูเครียดตั้งนาน

 ก็อกๆๆๆ

 เสียงเคาะประตู ทำให้ตัวผมแท็งทื่อ ชิบหายแล้ว ใครวะ!

 "ธีร์ลูก เปิดประตูให้แม่หน่อย" และเสียงที่ได้ยินก็ทำเอาผมลุกจากเก้าอี้ เตรียมพร้อมจะวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ไหล่ของผมก็ถูกคว้าเอาไว้ซะก่อน และกดตัวผมให้นั่งลงตามเดิม

 "จะกลัวอะไร คุณแม่ก็เคยเจอฟาแล้ว" เออว่ะ จะหนีทำไมวะกู

 ผมนั่งนิ่ง และเหลือบมองไอ้ธีร์ที่เดินไปเปิดประตู จากมุมมองนี้ ผมมองไม่เห็นอะไรถนัดนัก แต่ก็พยายามเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์

 "เดี๋ยวพาฟาลงไปทานอาหารด้วยกันนะ คุณพ่อเขาอยากคุยด้วย"

 "ครับ"

 ผมในตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่าความกลัว มันคือความกลัวและกลัวที่สุดในหัวใจ ผมกุมมือตัวเองไว้แน่น หัวใจที่เต้นอยู่ในอกราวกับจะทะลุออกมา

 "ฟา" เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวนั้น ไม่อาจทำให้ผมออกจากจินตนาการอันน่ากลัวได้

 "เป็นอะไรไป"

 "ก.กูยังไม่พร้อม" ผมพูดและมองใบหน้าของคนรักที่หม่นลงเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มอ่อนโยนให้ผม

 "ไม่พร้อมเรื่องอะไร ไม่หิวเหรอ" ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมมันถึงดูนิ่งเฉยแบบนี้

 "มึง ไม่กลัวเหรอ" ผมพูดถามมันที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

 "ฟา ก็แค่กินข้าว ไม่มีอะไรหรอก"

 "แล้ว ถ้าเขาถาม..."

 "บอกสิ่งที่ฟาอยากบอก อะไรที่ฟาคิดว่ายังไม่พร้อม ก็เก็บมันเอาไว้" มือที่แสนอบอุ่นที่กุมมือของผมเอาไว้ ทำให้ผมเริ่มคิด เริ่มถามตัวเอง ว่าทำไม ทำไมผมถึงต้องกลัว ทำไมความรักของพวกเรา ถึงบอกใครไม่ได้ ผมรู้สึกอดอัด มันทำให้พวกเราต้องเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ในห้วใจ

 "กูจะบอก" ผมกระชับมือที่กำลังเกาะกุมมือผมเอาไว้ และส่งยิ้มให้จากใจจริง ผมเปลี่ยนใจแล้ว อะไรจะเกิด ก็ควรจะให้มันเกิดไป การบอกพวกท่านว่าเรารักกัน มันคงไม่ทำให้ถึงตายได้หรอก

 คำพูดของผมทำเอาดวงตาของคนตรงหน้าเป็นประกาย ผมหัวเราะออกมาน้อยๆ ทันทีที่เห็นคนดีใจเกินเหตุ มึงไม่กลัวเลยเหรอ มึงช่างกล้าหาญซะจริงๆ

 ผมในตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดลำลองธรรมดาๆ ที่หาได้จากห้องของไอ้ธีร์ พวกเราเดินลงมาจากชั้นบน เดินมาเรื่อยๆ จนถึงโถงด้านล่างที่ดูหรูหรา บนโต๊ะอาหารอัดเต็มไปด้วยกับข้าวที่ดูน่ารับประทาน ผมเหงื่อตก และนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งซ้าย รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เพราะคนที่พวกเราต้องพบ ยังคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้า

 "รอแปบนึงนะจ๊ะ คุณพ่อกำลังลงมา" ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันทีที่มีมือสวยๆ วางลงบนไหล่ของผม คุณแม่ของไอ้ธีร์พูดเสร็จแล้วก็เดินมานั่งลงที่ตรงหน้าพวกเรา ส่งยิ้มหวานพราวเสน่ห์ แทบไม่ต้องบอกเลยว่า ใบหน้าของไอ้ธีร์นั้น ได้ใครมาเยอะขนาดนี้

 "ฟา เมื่อคืนนอนสบายไหมลูก" ผมกระอักกระอ่วนทันทีที่โดนถามคำถามนั้น

 "ครับ สบายมากครับ" ผมพูดและเหลือบตามองไอ้ธีร์ที่นั่งข้างๆ พวกเราจ้องตากันเป็นนัยๆ และนั่นทำให้คุณแม่ของมันหัวเราะร่า

"ถ้าชอบก็มานอนบ่อยๆ นะ แม่อยากให้ธีร์เขากลับมาบ้านบ้าง แม่คิดถึง น้องธัญก็บ่นคิดถึงพี่ชายอยู่ทุกวัน"

 "มีพี่ธีมอยู่ ธัญก็ไม่เหงาหรอกครับ"

 "แต่ธีมไม่ยอมมานอนที่นี่กับแม่นี่นา เด็กคนนั้นดื้อจะตาย" ผมมองคุณแม่ยังสาวของไอ้ธีร์ที่กำลังพูดแบบตัดพ้อเหมือนเด็กๆ

 "เอาไว้วันหลัง ผมจะชวนให้พี่มาค้างละกัน"

 "ต้องแบบนี้สิลูกชายแม่ เนอะ ฟาต้องจับไว้ให้แน่นๆ นะลูก ผู้ชายแบบนี้น่ะ" ผมที่ได้ยินประโยคสุดท้ายนั้นน้ำที่กำลังยกดื่มก็แทบจะพุ่งพรวดออกจมูก เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณแม่ว่าไงนะ!

 "รอนานกันหรือเปล่า" เสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมลุกพรวดแบบอัตโนมัติ

 "ไม่เป็นไร นั่งๆ ทานข้าวกัน" ผมก้มหัวขอบคุณคุณพ่อของไอ้ธีร์ที่เดินเข้ามา และก็ต้องอื้อหือ นี่ท่านรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ ก็วันนี้แหละ หน้าตาที่ดูก็รู้ว่าตอนหนุ่มๆ ต้องแซ่บขนาดไหน ความสูงของไอ้ธีร์รู้เลยว่าได้มาจากใคร

 "คุณพี่คะ นี่ไงที่บอก หนูฟาค่ะ" คุณแม่ของไอ้ธีร์แนะนำผม แต่ทำไมต้องใช้คำที่ทำให้ผมดูน่ารักน่าชังขนาดนั้นด้วยละคร้าบ

 "สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนครับ" ผมพูดและไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น ก้มหน้าจ้องข้าวต้มกุ้งที่วางอยู่ตรงหน้า

 "เป็นเด็กขี้อายค่ะ น่ารักใช่ไหมคะ" ผมรู้สึกว่าตัวผมเหมือนกำลังถูกสายตาสแกนไปมา นี่ทำให้ผมยิ่งตัวแท็งทื่อ มือไม้อ่อนแรงถือช้อนไม่มั่นคงเลยทีเดียว

 "เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้าธีร์พาใครมาที่บ้าน สนิทกันมากสินะ"

 "ค.ครับ สนิทกันตั้งแต่ม.ปลายครับ" ผมพูดและทำกุ้งในช้อนตกกระจายลงในถ้วยตามเดิม

 "ไม่ต้องเกรงใจ ทำตัวตามสบายเถอะ" ผมหายใจเข้าออกผ่อนคลายตัวเอง จะเกร็งอะไรขนาดนี้วะกู

 "แล้วธีร์ เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง" คุณพ่อของไอ้ธีร์พูดต่อและเหลือบมองลูกชาย

 "ก็ดีครับ"

 "ไม่ใช่แค่ก็ดี แต่แกต้องทำให้ได้อย่างที่แกอวดเก่งเอาไว้ ถ้าขืนผลการเรียนไม่เป็นอย่างที่หวัง แกรู้ใช่ไหมว่าจะต้องไปที่ไหน"

 "ไม่เอาน่าคุณพี่ เรื่องเรียนธีร์ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยนะคะ เรียนที่เดียวกับธีม พี่น้องก็จะได้ดูแลกันได้อีกด้วย"

 "เธอก็เอาแต่เข้าข้างลูก"

 "เปล่าซะหน่อยค่ะ" คุณแม่ไอ้ธีร์พูดพลางแอบขยิบตาให้ลูกชาย แหม่ ปกป้องกันดีเชียว

 "แล้วเรา ชื่ออะไรนะ" ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชวนคุยอีกแล้ว รีบละล่ำละลักตอบทันที

 "ฟะ.ฟาครับ"

 "ชื่อดี พ่อแม่ทำงานอะไร"

 "เป็น นักดนตรีครับ สอนดนตรีด้วย"

 "เหรอ สอนที่ไหน"

 "ตอนนี้อยู่ต่างประเทศทั้งสองคนครับ เดินสายทั่วโลก" ผมพูดเรื่องของครอบครัวผมด้วยเสียงอ้อมแอ้มไม่มั่นใจ เพราะว่าตระกูลของผมไม่ใช่ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีอะไรถ้าเทียบกับความสูงศักดิ์ของบ้านนี้

 "หืมม ไม่ธรรมดาเลยนี่" ผมยิ้มน้อยๆ ที่ได้ยินคำชมของคุณพ่อไอ้ธีร์

 "ครับ"

 "แปลว่าเราก็เล่นดนตรีเก่งสิ" ผมชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น

 "พอได้ครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยชอบ" ผมรู้สึกว่าคุณพ่อไอ้ธีร์เงยหน้าขึ้นจากอาหาร จ้องมองผมแบบไม่ค่อยเข้าใจ

 "แล้วเราชอบอะไรล่ะ"

 "ผมอยากเป็นดีไซน์เนอร์ครับ" สีหน้าของพ่อไอ้ธีร์ดูผิดหวังเล็กน้อย ช่างเหมือนกันเลยนะ เหมือนพ่อแม่ของผม

 "ฉันว่าทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่ายังมีอีกมากนะ อาชีพที่ไม่รู้ว่าจะไปได้ดีหรือเปล่าแบบนั้น มันไม่มั่นคง"

 "แล้วแบบไหนละครับที่มั่นคง หมอเหรอ" ผมเริ่่มเดือดนิดๆ ที่ได้ยินอะไรแบบนั้น

 "ใช่ หมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และธีร์ก็จะเป็นหมอที่เก่งมากๆ"

 "ถึงเขาจะไม่ชอบเหรอครับ"

 "ฟา" ไอ้ธีร์เรียกชื่อผมเบาๆ

 "ผมคิดว่าอาชีพทุกอาชีพก็มีเกียรติทั้งนั้น" ผมยังคงพูดต่อ และก็คิดว่าผมพูดมากเกินไปแล้ว

 "เด็กๆ จ๊ะรีบทานเถอะ" คุณแม่ของไอ้ธีร์ยิ้มแย้มและเริ่มเบี่ยงประเด็นออกไป

 "คุณพี่คะ เรื่องงานเลี้ยงคืนนี้..."

 "อืม จะพูดอยู่พอดี ธีร์...แกต้องไปด้วย"

 "เอ๊ะ แค่พาน้องธัญไปก็พอมั้งคะ"

 "ไม่ได้ งานนี้ท่านนายกก็มาด้วย แถมยังพาลูกๆ มากันครบ"

 "ผมต้องอ่านหนังสือคืนนี้ พรุ่งนี้มีมีสอบย่อย"

 "เห็นไหมคะคุณพี่ ให้ธีมไปแทนก็ได้นี่คะ"

 "ไม่ได้ แกเป็นลูกชายฉัน" ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย พ่อมันพูดเหมือนพี่ธีมไม่ใช่ลูกชายของเขา

"ลูกสาวของท่านทูตเขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกด้วย แกยิ่งควรจะไป" พอฟังมาถึงตรงนี้ หัวใจของผมก็เต้นรัวด้วยความปวดหนึบในใจ อีกแล้ว อีกแล้วงั้นเหรอ เรื่องแบบนี้ พอทีได้ไหม

 "ผมไม่ไป" ผมหันมองคนข้างๆ ที่มีสีหน้าเย็นชาและดูท้าทาย

 "คุณพี่คะ" ผมมองความขัดแย้งของหลายๆ ฝ่ายบนโต๊ะอาหาร บางทีผมไม่ควรอยู่ตรงนี้เลย

 "คุณพี่ก็รู้นี่คะ ว่าลูกมีแฟนอยู่แล้ว"

 "แล้วไหนละ แฟนที่มันให้ความสำคัญนักหนา ถ้ารักกันมากทำไมถึงไม่พามาสักทีล่ะ"

 "ผม..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็โพล่งขึ้นทันที ผมรู้สึกเหมือนในอกจะระเบิด ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ผมอยากจะตะโกนออกไป อยากตะโกนออกไปดังๆ ว่าผมนี่แหละ ผมนี่แหละ...

 แต่ทุกสิ่งที่ผมคิดก็ไม่ได้พลั่งพลูออกมา ร่างกายของผมสั่นเทาเล็กๆ ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมาจ้องมองผม รอคำพูดที่จะเปร่งออกมา

 "..." ผมได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น เหงื่อไหลซึมออกจากใบหน้าทั้งๆ ที่อากาศในห้องนี้ เย็นจนกระจกเกาะเป็นไอ

 ภายในหัวของผมนั้นมันตีกันสับสนวุ่ยวาย ความกลัวแผ่กัดกินจิตใจของผม ห้ามผมให้ลังเลที่จะพูดทุกสิ่งออกไป ถ้าพวกเขารับไม่ได้ล่ะ ถ้าผมกับไอ้ธีร์ต้องแยกจากกันไป สู้พวกเราอยู่แบบนี้เงียบๆ อยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้เหรอ

 "ฟาเขาคงรู้สึกอึดอัด ต้องขออภัยคุณพ่อด้วย แต่พวกเราขอตัวก่อน" หลังจากที่คนข้างๆ ผมพูดขึ้น มือของผมถูกดึงและพาเดินกลับมายังห้องนอนด้านบน ตลอดเส้นทางเดินที่พาผมขึ้นไปนั้น ผมอยากตีอกชกหัวตัวเอง ในหัวใจร้อนลุ่มดั่งไฟ เก่งนักไม่ใช่หรือไง แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้อยู่ดี

 "ฟา" ผมถูกจับให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวนุ่ม เหม่อลอยหมกมุ่นอยู่กับความผิดหวังในหัวใจ

 "ไม่เป็นไร อย่าฝืนตัวเอง" ความอบอุ่นของฝ่ามือที่เกาะกุมมือของผมไว้ ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของความปวดร้าว ผมมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า รอยยิ้มบางๆ ที่ฉาบอยู่บนริมฝีปากสวยนั้น มึงไม่ได้ผิดหวังหรอกเหรอ คนแบบกู มันน่าสมเพชใช่ไหม

 "ลูกสาวท่านฑูตที่คุณพ่อพูดถึง ก็แค่เพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่มีอะไรต้องคิดมาก เพราะไม่ว่ายังไง คนเดียวที่อยู่ในหัวใจก็คือฟา แค่ฟาเท่านั้น" จุมพิตอ่อนโยนที่ประทับลงบนมือของผมทำให้ผมอยากที่จะร้องไห้ออกมา นี่เป็นแค่เพียงขั้นแรกเท่านั้น แค่เพียงขั้นแรกผมก็ไม่มีความกล้าพอซะแล้ว และสิ่งที่ผมคิดจะทำต่อไปล่ะ สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำเพื่อไอ้ธีร์ ผมจะทำมันได้จริงๆ เหรอ ผมเริ่มไม่มั่นใจซะแล้ว

 "งั้นคืนนี้มึงก็ไปเถอะ" ผมพูดบอกคนรักให้สบายใจว่าผมไม่ได้คิดมากอะไร

 ขอโทษนะไอ้ธีร์ ขอโทษที่กูทำให้มึง ต้องผิดหวัง...

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
แง อุปสรรคก่อให้รักบังเกิด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาแล้วไง คุณพ่อสามีไม่ปลื้มซะแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โถ คุณพ่อไม่เข้าใจลูกชายเลย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พ่อธีร์น่ากลัวอ่ะ เหมือนต้องการเห็นความสำเร็จเท่านั้นห้ามมีข้อผิดพลาด สู้ๆฟา :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
KING ที่ 58 ความลับที่ไม่เคยลับ


ในตอนเย็นของวันนั้น หลังกลับมาจากบ้านไอ้ธีร์ ผมก็รีบเข้าเรียนในคาบบ่าย และกลับมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่หอ ผมเหลือบตามองไปยังเตียงตรงข้าม ป่านนี้มันคงไปที่งานแล้วมั้ง เพราะหลังจากที่มันมาส่งผม มันก็รีบไปเรียน และกลับไปที่บ้านทันทีเพราะต้องไปเตรียมตัว ผมมองเตียงนอนของคนที่ผมคิดถึง ทุกอย่างยังคงดูเรียบร้อย หนังสือหลายเล่มที่เรียงอยู่บนชั้น โต๊ะอ่านหนังสือที่ทุกอย่างเป็นระเบียบ ผ้าห่มที่พับเก็บเรียบร้อยบนเตียงนอนสีเข้มของมัน

 ผมนอนมองอยู่อย่างนั้น และตัดสินใจย้ายตัวเองไปยังเตียงนอนที่แอบมองซะเลย บนที่นอนของไอ้ธีร์นั้น ยังคงมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมัน ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ป่านนี้มันจะทำอะไรอยู่กันนะ ที่ผมบอกให้มันไป ผมคิดถูกหรือเปล่า ผมเริ่มไม่แน่ใจ

 "หมอนข้างนั่น หอมเหมือนเจ้าของไหมอ่ะ" ผมที่กำลังกลิ้งไปมากอดหมอนข้างไอ้ธีร์ก็แทบจะกลิ้งตกเตียงโดยฉับพลัน เสียงหัวเราะคิกคักห่วงสวยดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ทำให้รู้ว่าตัวอะไรกำลังแอบมองอยู่

 "เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง" ผมลุกขึ้นจากพื้น กอดหมอนข้างของไอ้ธีร์ด้วยใบหน้าหงิกงอ

 "แหม กำลังละเมอถึงใครกันละค๊า จี้เปิดประตูเสียงดังจะตาย" จีจี้พูดและนั่งลงเก็บกระเป๋าถือสีแดงไว้ข้างเตียง จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้นั่งคุยกับจีจี้แบบจริงจังเท่าไหร่ พวกเราอยู่ด้วยกันมาก็นานพอดู ผมนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

 ผมมองเพื่อนรูมเมทของผมที่กำลังลุกขึ้นทำท่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างบนตัวเพื่อนคนนี้ ทั้งๆ ที่ดูเหมือนอยากเป็นผู้หญิง แต่ก็กลับมีหนวดเคราลางๆ ให้เห็น แถมร่างกายก็ดูบึกบึนสมชายชาตรียิ่งกว่าผม และที่เห็นแล้วขัดลูกกะตาเหลือเกิน ก็คือขนหน้าแข้งของหล่อน ที่ทั้งหนาและไม่ได้เข้ากับส้นสูงสีแดงนั่นเลย

 "คือ จีจี้" ผมนั่งอยู่ปลายเตียงของไอ้ธีร์และมองเพื่อนรูมเมทที่กำลังถอดยกทรงของตัวเอง

 "ว๊าย จี้ไม่ได้อ่อยนะคะ แต่จะลองชิมดูก็ได้" ผมถึงกับสำลักน้ำลาย ไม่ใช่แล้วว้อยย

 "ใจเย็น แค่อยากถามอะไรนิดหน่อย" ผมพูดและมองจีจี้ที่ส่งยิ้มหวาน

 "ค่ะ อยากถามอะไรก็ถามได้เลย" จีจี้นุ่งผ้าเช็ดตัวและนั่งไขว่ห้างโพสท่าอยู่บนเตียง

 "คือ จี้เคยรู้สึกไหม เวลาที่คนอื่นมองมาที่เราแบบ เหมือนเราเป็นตัวอะไรสักอย่าง"

 "ฟาดูสภาพจี้แล้วคิดว่าไงละคะ"

 "เราว่าจี้แปลกดี ดูมีสีสัน"

 "นั่นน่ะ เป็นคำตอบของคนแค่ 1% เองละมั้งที่คิดแบบนั้นจากใจจริง"

 "แต่เราพูดจริงๆ นะ ถึงตอนแรกจะตกใจนิดหน่อยก็เถอะ"

 "จี้ไม่สนใจคนที่หัวเราะเยาะจี้หรอกค่ะ จี้เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าจี้รักที่จะเป็น ไม่มีอะไรที่ต้องอายถ้าเราไม่ได้เบียดเบียนใคร หรือทำให้ใครเดือดร้อน ตอนที่ทำเรื่องแย่ๆ ยังน่าอายกว่านี้อีก"

 "ก็นั่นสินะ" ผมยิ้มให้กับคำพูดนั้น

 "จีจี้" ผมเรียกเพื่อน และจ้องมองเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง

 "เรากับธีร์ เป็นแฟนกัน" ผมพูดออกไปแล้ว นี่เป็นก้าวแรกก้าวเล็กๆ สำหรับผม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ หัวใจของผมเต้นรัว ผมบอกออกไปแล้ว มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีใช่ไหม หรือว่า...

 ผมจ้องมองเพื่อน นี่มันแปลกมาก จริงๆ ผมคิดว่าจะได้ยินเสียงกรี๊ดนะ แต่ว่าตอนนี้จีจี้นั้นก็ทำแค่เพียงลุกขึ้นจากเตียง เดินมาหาผม นั่งลง และส่งยิ้มละมุนมาให้ผมใกล้ๆ

 "รู้มาเป็นชาติแล้วจ๊ะ"

 "..." คำพูดของจีจี้นั้น ทำเอาผมช็อคค้าง ความมั่นใจหายวั๊บไปกับตา



 ในช่วงค่ำ ผมตัดสินใจออกมากินข้าวเพราะคำชวนของจีจี้ ผมรู้สึกมึนตื้อเล็กๆ ขณะที่โดนจีจี้ควงแขนออกมานั่งกินข้าวอยู่ที่ศูนย์อาหารด้านหน้า

 "เดี๋ยวก่อน ที่บอกว่ารู้นี่คือรู้ได้ยังไงอ่ะ" ผมจ้องมองจีจี้ที่กำลังสั่งส้มตำลาบลู่เหมือนอดอยากเปรี้ยวปากมานาน

 "ก็แหม ดูจากสายตาธีร์น่ะสิ ไม่เกิน 5 วิต้องเหลือบมอง แถมมองอย่างกับอยากวางไข่ในตัวหล่อนเต็มแก่"

 "วางไข่กับผีน่ะสิ!" ผมหยิบส้อมในมือและทำท่าอยากจ้วงกระเทยตรงหน้า

 "ว๊าย อย่ารุนแรงสิคะ จี้แค่พูดตามที่เห็นอ๊า" ผมส่ายหัวเบาๆ กับท่าสะดีดสะดิ้งนั่น

 "แล้วเป็นไงคะ ก่อหวอดกัน...โอ้ย กูเจ็บนะโว้ย" ผมน่ะไม่ได้ทำอะไรนะ แต่ตกใจที่อยู่ดีๆ จีจี้ก็ร้องโวยเสียงแมน เอาซะหลอนไปเลย

"โทษทีๆ มากินกันไม่ชวนเลยแวะมาทัก" คนที่กำลังขอโทษขอโพยจีจี้นั้นก็คือนาถ รูมเมทอีกคนหนึ่งของผม ซึ่งผมก็รีบชวนเมทให้กินด้วยกันทันที ใครจะอยากนั่งสวีทสองต่อสองกับจีจี้ล่ะ

 "เออ แล้วไอ้ธีร์อ่ะ ปกติตัวติดกันจะตายนิ" นาถถามผม ซึ่งจีจี้ก็มองผมแบบยิ้มกริ่มทันที เหอะๆ ก็คงแบบนั้นละนะ

 "มีธุระที่บ้านน่ะ" ผมพูดและเริ่มคิดจริงๆ ว่าผมควรจะแอบตามไปดีไหม เป็นห่วงนะเนี่ย

 "อือๆ กินกันเถอะ แต่เสียดาย ว่าจะชวนเลี้ยงส่งท้ายหน่อย เพราะพวกเราจะแยกย้ายออกจากหอในกันแล้วนี่"

 "ค่อยนัดกันอีกวันหลังก็ได้" ผมยิ้มให้เพื่อนและแทะไก่ย่างที่เพิ่งมาเสิร์ฟร้อนๆ

 "ฟากับธีร์ย้ายไปอยู่ด้วยกันใช่ไหม แถวไหนเหรอ เผื่อวันหลังแวะไปแถวนั้นจะได้หาไรกินกัน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นกระดูกไก่ก็แทบจะทิ่มเหงือกทันที นี่อย่าบอกนะว่า...

 "ก็เป็นแฟนกันใช่ไหมล่ะ ย้ายออกไปก็คงจะหายอึดอัด อยู่นี่อีจี้ขี้คงแอบดูเพลิน" นั่นไง มันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหร๊า

 "รู้ได้ไง" ผมถามอย่างประหลาดใจไม่สนจีจี้ที่หัวเราะก๊ากๆ อยู่ใกล้ๆ

 "ขอโทษนะ ก็คิดอยู่ว่าคงไม่อยากบอก แต่บอกตรงๆ เราคงอยู่กับธีร์ไม่ไหวแล้วอ่ะ รู้มะเวลาเราเผลอมองฟาตอนอยู่ในห้อง สายตาไอ้ธีร์ มันมองมาที่เรา เหมือนบอกว่าถ้ามองต่ออีกนิด มึงจะได้มองโลกเป็นครั้งสุดท้าย แบบนั้นเลย" ห๊ะ เรื่องนี้ทำไมไม่เห็นรู้เลยฟะ!

 "ไม่ม้าง ก็เห็นมันคุยกับนาถปกติดีนิ"

 "ตกกะปิ เอ้ยปกติก็บ้าแล้วว ต่อหน้าฟาเท่านั้นแหละ ขี้หึงเวอร์ขนาดนั้น ไปอยู่กันสองคนแหละดีแล้ว" ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง รู้สึกผิดกับเพื่อนๆ ที่ต้องมาขวัญผวากับความโหดร้ายซ่อนเล็บของมัน

 "กำลังนินทาน้องชายพี่อยู่เหรอ" โอ้ยยย ผมหันควับตามเสียงทันทีพร้อมไก่ที่กระเด็นลอยหลุดจากมือ คิดจะโผล่มาแบบนี้อีกกี่คนฟะเนี่ย

 "ว๊ายตายแล้วอกจีจี้จะระเบิด!" จีจี้ที่เห็นหนุ่มหล่อมาดเข้มก็สั่นระริกเลยทีเดียว เก็บอาการหน่อยสิเฟ้ย

 "นี่มันธีร์เวอร์ชั่นยิ้มละมุน หล่อร้ายร้อนแรงเลยนะคะ" ท่อนนี้จีจี้กระซิบข้างหูผมอย่างตื่นเต้น เหอะๆ พี่แกร้ายจริงนังจี้ อย่าลองดีจะดีกว่า

 "ขอนั่งข้างๆ ได้ไหมครับคนสวย" นั่นไงมาถึงก็หยอดเลย

 "เชิญเลยค่ะ..." จีจี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็ขยับตัวเตรียมพร้อมให้ผู้ชายมานั่งข้างๆ แต่ก็ขยับเก้อซะแล้ว เพราะพี่ธีมเดินมาอีกฝั่งและนั่งลงเบียดผมเข้าเต็มๆ

 "โทษนะจี้ พี่เขาก็เป็นแบบนี้..."

 "หึหึ ร้ายๆ แบบนี้จี้ช๊อบชอบ" ผมยิ้มเจื่อนให้จีจี้ที่กำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากอยากหิวกระหาย เอ่อ ตามสบายเลยละกันเจ๊

 "พี่มาทำอะไรแถวนี้" ผมหันกลับมาหาพี่ธีม

 "ว่างไง"

 "พี่ไม่ไปงานเลี้ยงเหรอ" ผมถามพี่ธีมที่ทำหน้าเหม็นเบื่อขึ้นทันที

 "พี่มีสิทธิ์อะไรจะไป"

 "ทำไมพูดแบบนั้นละครับ แม่ของไอ้ธีร์เขาก็ดูรักพี่นะ"

 "แล้วคุณพ่อล่ะ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อหลังจากที่ถูกถามแบบนั้น

 "คุณพ่อเขาไม่ชอบพี่เหรอ"

 "ไม่รู้สิ แต่พี่เป็นลูกนอกสมรส ถึงจะเกิดก่อนเด็กสองคนนั้น แต่พี่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้ว" โถ พ่อคนน่าสงสาร พูดซะผมเห็นใจ

 "แต่ถึงยังไงน้องธัญกับไอ้ธีร์ก็ไม่ได้เกลียดพี่นะ"

 "แล้วฟาล่ะ" เริ่มไม่น่าสงสารละ ขอทีเถอะไอ้สายตาเจ้าชู้แบบนั้น

 "ผมไม่ได้เกลียดพี่" ผมพูดและมองรอยยิ้มที่ผุดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น

 "แต่ผมรักไอ้ธีร์" ผมพูดต่อ และยิ้มกวนคนที่กำลังหุบยิ้มลงฉับพลัน ไม่สนใจรูมเมทสองคนที่ได้ยินประโยคนี้แล้วถึงกับลำสักเบาๆ

 "เฮ้อ ยอมแพ้ก็ได้" พี่ธีมพูดยอมแพ้ด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนคนยอมแพ้ไม่เป็น

 "แต่ว่า ก่อนจะยอมแพ้ พี่ขออะไรหน่อยได้ไหม" ผมหรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้า พี่จะมาไม้ไหนอีก

 "พี่ขอเบอร์พี่เรียว..."

 "ไม่ได้!" ผมตอบทันควันทำเอาพี่ธีมหน้าบูดไปเลย

 "ทำไมอ่ะ"

 "เพราะพี่เรียวต้องฆ่าผมแน่ๆ น่ะสิ" ผมพูดและเริ่มจกข้าวเหนียวส้มตำกินต่อ ทำเป็นไม่สนใจว่าพี่ธีมจะขอร้องยังไง

"สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ในงานเลี้ยงการกุศลของสำนักนายกรัฐมนตรี ดิฉันได้เก็บภาพบรรยากาศในงานมาฝากท่านผู้ชมกันค่ะ" ผมที่กำลังกินนั้นก็หยุดมือค้างไว้ทันที พลางเงยหน้ามองจอโทรทัศน์ที่ห้อยแขวนอยู่กลางหมู่มวลนักศึกษา ข่าวในทีวีนั่นมันเป็นงานเลี้ยงในโรงแรมหรูห้าดาวที่มีนักการเมืองมากมายมารวมตัวกัน และแน่นอนว่าเป็นงานที่ไอ้ธีร์ไปกับครอบครัว

 ผมไม่ได้สนใจนักข่าวที่กำลังพูดอยู่ แต่ตั้งใจมองคนในจอภาพ ไล่สายตามองหาคนที่ผมต้องการจะเห็น

 และก็ในทันที ผมมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างๆ จากฝูงชน แค่เพียงมองปราดเดียวผมก็รู้ดีว่าคนคนนั้นคือใคร ไอ้ธีร์ยืนอยู่ในงานที่มุมๆ หนึ่ง ใส่ชุดสูททางการ ถือแก้วไวน์ดูหรูหรา ผมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นภาพนั้น ไอ้ธีร์ก็ยังคงเป็นไอ้ธีร์ มันไม่สนใจหรือชอบงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ การถูกบังคับให้ไปนั้นน่าสงสารมากทีเดียว

 แต่แล้วภาพที่ผมมองเห็นก็เริ่มเปลี่ยนไป ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดราตรีสีฟ้าสวย กำลังเดินเข้าไปหามัน และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจนั้น ก็คือใบหน้าเบื่อหน่ายของไอ้ธีร์ที่กำลังค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

 "ถ้าพาใครบางคนไปงานนี้ จะได้อะไรตอบแทนไหมน้า"

ผมละสายตาจากทีวีมามองคนที่กำลังทำสายตาเจ้าเล่ห์อยู่ข้างๆ พี่เรียว ฟาขอโต๊ดดด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธีม กับพี่เรียวเหรอ  :impress2:
ธีรฺ์  ทำไมมองสาวน้อยอย่างอ่อนโยน เพราะเห็นเป็นน้องแน่เลย  :hao4:
แต่นางคงไม่มองธีร์ เป็นแค่พี่ชายแน่ๆ   :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชะนีนางนั่นเป็นไฝ่ฟ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้ต้องไปยั่วธีร์ ซะแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
KING ที่ 59 เรื่องเล่าของพี่ชาย


หลังจากที่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบครอบงำนั้น ผมจัดการมอบสิ่งที่พี่ธีมต้องการ เพื่อแลกกับการที่ผมจะได้ไปหาไอ้ธีร์ในงานอย่างใกล้ชิด ผมอยากรู้ว่ามันกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน และสนิทกันแค่ไหน ผมยุ่งมากไปหรือเปล่านะ

 ผมนั่งอยู่บนรถคันหรูสุดเท่ของพี่ธีมที่กำลังพาผมออกจากมหา'ลัยมุ่งหน้าสู่สถานที่จัดงาน ผมในตอนนี้แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาธรรมดาๆ แบบนี้จะเข้างานได้ยังไงกันนะ

 "เอ่อ พี่ธีม" ผมเอ่ยเรียกพี่ธีมที่กำลังขับรถและกดเลือกเพลงไปมา

 "หืม ว่าไง"

 "ดูสภาพผมดิ" ผมพูดและดึงเสื้อนักศึกษาตรงที่เปื้อนรอยน้ำจิ้มไก่จางๆ

 "อ่อ ไม่เป็นไร พี่จัดการให้แล้ว" พี่ธีมยิ้มและผิวปากตามเพลงที่กำลังดัง

 "ยังไงอ่ะ" ผมยังคงข้องใจ

 "เถอะน่า เชื่อพี่"

 "ก็พี่เคยหลอกผมนี่นา" ผมพูดและนึกถึงตอนที่พี่ธีมพูดถึงเรื่องผู้หญิงของไอ้ธีร์ บอกเป็นเชิงว่าผมไม่ใช่คนแรกของไอ้ธีร์

 "อ่าวเหรอ พี่เคยทำแบบนั้นเหรอ" พี่ธีมพูดพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ดูสิคนเรา

 "ชิ ทีหลังห้ามหลอกผมอีกนะ" ผมพูดพลางทำหน้าบูด มีหลายสิ่งที่ทำให้ผมมองพี่ธีมไม่ออกว่าจริงๆ แล้วพี่เขาเป็นคนยังไงกันแน่ ประสบการณ์แรกเจอมันทำให้ผมอยากฆ่าคนคนนี้จริงๆ แต่ว่าวันนี้พี่ธีมก็ช่วยผม พี่เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ

 "พี่ธีม ผมถามหน่อยดิ" ผมนั่งกอดอกสบายๆ และถามพี่ธีมที่เลิกคิ้วรอฟัง

 "พี่รักครอบครัวพี่เหมือนกันใช่ไหม" ไม่รู้ทำไม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าพี่ธีมดูเจื่อนลง

 "คิดเรื่องของตัวเองก่อนเถอะ" ไม่พูดเปล่า พี่ธีมดีดนิ้วเข้าหน้าผากผมแบบเต็มๆ

 "เชอะ ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้" ความเจ็บทำให้ผมหน้ามุ่ย พี่น้องแม่งซาดิสม์พอกันเลย

 "เมื่อก่อน...พี่เคยเกลียดเด็กพวกนั้น" เหมือนจะไม่อยากพูด แต่พี่ธีมก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ในหัวคิดถึงภาพความหลังสมัยวัยเด็กที่แสนฝังใจ


 ธีม

 10 ปีก่อน


 "หน้าร้อนนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ ทำตัวดีๆ ซะ" นั่นเป็นคำพูดของคุณพ่อที่พาตัวเขามาที่บ้านหลังใหญ่ หลังจากที่คุณแม่ตายไป คุณพ่อก็แทบไม่ยอมมองหน้าเขาอีกเลย คงเพราะยังมีลูกๆ อยู่อีกสินะ ตัวเขานั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับคนคนนี้

 "น้องธีม มาหาแม่สิลูก" หญิงสาวที่เป็นแม่คนใหม่ ความจริงก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่อะไร แต่เพราะว่าเธอเหมือนกันมาก เหมือนกันกับแม่ เพราะว่าเป็นพี่น้องกัน ใช่แล้วล่ะ แม่กับแม่ใหม่ของเขาเป็นพี่น้องกัน จึงทำให้เขาไม่อยากเข้าใกล้เธอและเห็นหน้าเธอบ่อยๆ เพราะเขาคิดถึงแม่ที่จากไปเหลือเกิน

 เขาเอาแต่หน้ามุ่ยและเดินหนีความไมตรีนั้น เก็บตัวและเล่นอยู่คนเดียวในสวนอยู่เสมอ หน้าร้อนมันก็แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เขาจะไม่คุยกับใคร ไม่สนใจใครทั้งนั้น เมื่อหมดเวลา เขาก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิม บ้านที่เคยมีแค่เขากับแม่อยู่

 "พี่ชายยย" ธีมเหลือบมองไปยังต้นตอของเสียง และพบกับเด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่งมองเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทั้งสองคนนั้นเขารู้อยู่แล้ว คนนึงอายุน้อยกว่าเขานิดหน่อยชื่อธีร์ เป็นคนมีใบหน้าที่นิ่งเฉยและดูเย็นชา ส่วนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่นเป็นน้องสาวคนสุดท้อง เธอจับมือธีร์พี่ชายไว้แน่น และส่งเสียงเรียกเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง

 ธีมเมื่อเห็นแบบนั้นก็หันหลังกลับทันที เขาไม่อยากยุ่งหรือพูดคุยกับเด็กพวกนี้

 แต่ทันทีที่เขากำลังจะวิ่งหนีนั้น มือของเขาก็ถูกจับไว้ได้ทันโดยเด็กหญิงที่ส่งยิ้มจนตาหยีให้เขา

 "น้อนธัญอยากเล่น" เด็กหญิงส่งเสียงเจื้อยแจ้วและไม่ยอมปล่อยมือพี่ชายคนโตของเธอ

 ความรู้สึกต้อต้านอย่างรุนแรงในหัวใจของธีมนั้นทำให้เขาสับสน เด็กสองคนนี้คุณพ่อคงรักมากสินะ มีแต่เขาเท่านั้นที่ถูกเกลียด

 และความคิดนั้นทำให้เขาเผลอดึงมือตัวเองออกอย่างแรงจนเด็กหญิงตัวน้อยล้มคว่ำลงไป เขาลังเลที่จะดึงตัวเธอขึ้น แต่สุดท้ายตัวเขานั้นกลับตัดสินใจวิ่งหนีออกไป ปล่อยให้เด็กหญิงตัวน้อยน้ำตาคลอ ร้องไห้อยู่กับพี่ชายอีกคนของเธอ

"ธีม นี่แกแกล้งน้องใช่ไหม!" และทันทีที่เขากลับเข้ามาในบ้าน ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือพ่อของเขาที่กำลังโกรธจัด เขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้แม่บ้านแอบเห็นเหตุการณ์พอดีและเอามาฟ้อง

 "ใจเย็นๆ ค่ะคุณพี่ เด็กๆ ก็เล่นกันธรรมดานั่นแหละค่ะ" แม่คนใหม่ของเขาคอยพูดให้คุณพ่อใจเย็นลง แต่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ส่งเขากลับไปสิ ไปในที่ที่เขาควรอยู่ ทุกคนที่นี่ไม่ได้ต้อนรับเขาอยู่แล้วนี่ นั่นเป็นสิ่งที่ธีมคิด

 และไม่รอที่จะให้คุณพ่อด่าเขามากไปกว่านี้ เขาเลือกที่จะวิ่งหนีไปอีกครั้ง เขาวิ่งเข้าไปในสวน วิ่งด้วยความเร็วที่หวังว่าจะไม่มีใครตามเจอ แต่ความเร็วนั้นก็ทำเรื่องให้เขาซะแล้ว ธีมสะดุดรากไม้ที่ขึ้นมาบนพื้นหญ้า หกล้มกลิ้งไถลไปกับพื้นจนถลอกเป็นรอยแผล

 ความอดทนทำให้เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมาสักนิด เขาเพียงแต่พยุงตัวลุกขึ้นและคลานช้าๆ ไปนั่งพิงต้นไม้ต้นใหญ่ เขาแหงนหน้ามองแสงแดดที่ลอดผ่านหมู่ใบไม้ ปล่อยให้หัวใจที่เจ็บปวดของเขาล่องลอยไปพร้อมๆ กับสายลมเย็น

 แผละ!

 แต่ความรู้สึกหนึ่งที่หัวเข่าของเขา ทำให้หัวใจที่ล่องลอยคืนกลับที่ เขามองมือของเด็กหญิงเล็กๆ ที่กำลังเอาใบไม้แปะที่แผลของเขา เธอยังคงมีคราบของน้ำตาอยู่บนใบหน้า แต่ก็ส่งยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 "หายนะ เพี้ยง!" เด็กหญิงเป่าเบาๆ ที่รอยแผลของพี่ชาย เธออยากอยู่ใกล้เขาแม้สักเสี้ยววินาที

 ความปั่นป่วนเกิดขึ้นในหัวใจของเขา ธีมขยับขาของเขาหนีมือเล็กๆ นั้น และแหงนหน้ามองน้องชายที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้เหนือศีรษะของเขา ไม่ว่ายังไง เขาก็หนีเด็กพวกนี้ไม่พ้นงั้นเหรอ

 ธีมไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่คราวนี้เขาไม่ได้หนี หัวใจของเขาราวกับสงบลง

 หลังจากวันนั้น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เด็กสองคนนี้ก็จะจูงมือกันคอยเดินตามเขาอยู่เสมอ จากที่เคยวิ่งหนี เขาก็เริ่มที่จะหยุดนิ่ง แม้แต่ในวันที่เขาร้องไห้ น้องสาวของเขาก็จะร้องไห้ด้วยเสมอ นั่นทำให้เขาไม่อยากที่จะร้องไห้อีก เพราะเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเด็กพวกนั้น

 ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่พวกเราเข้าใกล้กันมากเรื่อยๆ มากขึ้นๆ จนในที่สุดก็ไม่เหลือที่ว่างระหว่างกัน


 ผมที่ได้ฟังสิ่งที่พี่ธีมเล่าก็ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ เขาเพิ่งรู้ว่าสมัยเด็กๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

 "ไอ้ธีร์เนี่ย ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยเนอะ" พี่ธีมที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจทันที

 "สนใจแต่ไอ้ธีร์ซะงั้น" พี่ธีมพูดอย่างงอนๆ

 "เปล่าซะหน่อยอ่า" ผมพูดแก้ตัว

 "แต่ก็นั่นแหละ ธีร์ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยยอมพูดอะไรเท่าไหร่ คุณพ่อสั่งอะไรก็ก้มหน้าก้มตาทำไปหมด"

 "มันคงเก็บกดมาก ถึงว่าแม่งมาลงที่ผมหมด" ผมพูดเชิงบ่นๆ ไอ้ตัวซาดิสม์ มันพูดเยอะมากเวลามันบ่นๆๆๆ เนี่ย

 "ไอ้ที่บอกว่าลงกับฟาเนี่ย...หมายถึงเซ็กส์ใช่ไหม"

 "ใช่ๆ เอ้ยยยย ไม่ใช่โว้ยยยย" ผมที่ไม่ได้ตั้งใจฟังก็พยักหน้าตอบรับ แต่ก็กลับลำแทบจะทันที

 "ฮ่าๆๆๆ พี่ล้อเล่นน่า" ผมตาเหลือกมองพี่ธีมแบบดุๆ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง คืออายว้อยย

 "เอาล่ะถึงแล้ว เดี๋ยวพี่จอดด้านหลัง แล้วเราเข้าไปเลย" ฟาที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบจะตาเหลืออีกรอบ

 "พี่ก็เข้าไปด้วยสิ" ผมเขย่าแขนพี่ธีม เขาคงไม่กล้าเสล่อเข้าไปคนเดียวแน่ๆ

 "พี่ไม่อยากเจอคุณพ่อ" พี่ธีมพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนผมต้องยอมแพ้

 พี่ธีมจอดรถในลาน และพาเขาเดินไปที่ประตูเข้างานด้านหลังซึ่งตอนนี้ทุกจุดมีคนเฝ้าอยู่

 "คนนอกเข้าไม่ได้นะครับ" และทันทีที่พวกเขาทำเหมือนจะเข้าไป กลุ่มคนในชุดดำก็ห้ามไว้ตามระเบียบ

 ผมมองพี่ที่ธีมถอนหายใจเฮือก พี่เขาดูไม่อยากทำอะไรแบบนี้เลย พี่ธีมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยื่นบัตรเข้างานสีทองให้การ์ดหน้าทางเข้าดู

 "เชิญครับทั้งสองท่าน" ท่าทีของคนเฝ้าเปลี่ยนไป ทำเอาผมอึ้งกิมกี่ไปตามระเบียบ

 "โห เจ๋งวะพี่" ผมพูดและยกนิ้วให้พี่ชายสามี ซึ่งยักคิ้วกวนผมกลับมา

 "ดีนะที่แม่ให้ไว้" อ๋อแบบนี้นี่เอง พี่แกก็ได้รับเชิญแต่ไม่ยอมเข้างานนี่เอง

 ผมเดินตามพี่ธีมที่เดินหลบเลี่ยงผู้คนและเข้าไปยังทางเดินเล็กๆ มีเหล่าบรรดาบริกรในชุดสูทเดินสวนออกมา พอมาถึงตรงนี้ผมรู้เลยว่าผมจะต้องทำอะไร

 "เอาเด็กพาสไทม์มาส่งคร้าบบ" พี่ธีมเดินเข้าไปในที่ที่เหมือนห้องครัวขนาดใหญ่ มีขวดเหล้าและไวน์เรียงรายอยู่ในตู้ มีคนรินมันใส่แก้วสวยๆ และมีบริกรยกถาดถือออกไป

 "ดีๆ ขอบคุณมากเลยคุณธีม" คนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าที่นี่ตอบรับทันที ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย งานแค่นี้ของกล้วยๆ

"ไปเปลี่ยนชุดเลย" ชุดสูทผูกโบว์หูกระต่ายถูกยื่นให้ผม เอาละสิ ของจริงกำลังจะเริ่มแล้ว

 "โชคดีนะน้องฟา" พี่ธีมขยิบตายื่นหน้ามาบอกผมด้วยรอยยิ้มและเดินลิ่วถือแผ่นกระดาษเล็กๆ ที่ผมจดเบอร์โทรพี่เรียวให้ เสียวสันหลังวูบเลยทีเดียว

 ผมเปลี่ยนชุดที่ดูเรียบหรูนี้อย่างรวดเร็ว ยืนจัดแต่งทรงผมและปั้นหน้าตาเป็นมิตรที่หน้ากระจกอีกเล็กน้อย ไอ้ธีร์มันจะทำหน้ายังไงนะถ้าเห็นผม ไม่เอาสิ อย่าให้มันเห็น แค่มาสังเกตการณ์เท่านั้น อย่าให้มันจับได้

 ผมพูดบอกตัวเอง เตรียมพร้อมและเดินออกมารับถาดไวน์มาถือไว้ ความตื่นเต้นทำให้มือของผมสั่นน้อยๆ อย่าเอาไปเทราดใครนะโว้ย มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น

 ผมเดินอย่างช้าๆ ตามบริกรคนอื่นๆ ออกไปยังห้องโถงที่จัดงาน ความอลังการของธีมงานดอกไม้ ผ้าม่านและอาหารยังไม่เท่ากับชุดราตรีที่เหล่าคุณหญิงคุณนายใส่มาประชันกันเต็มที่ เพชรพลอยในคอที่ส่องแสงเรืองระยิบ ยิ่งทำให้ผมแทบหัวคะมำเมื่อฉายแววสะท้อนเข้าดวงตา

 "มีเรื่องราวมากมายเลยนะพี่ธีร์ คุยกันทั้งวันก็คงไม่จบ" ชื่อที่คุ้นหูถูกเอ่ยขึ้นใกล้ๆ จากคนที่น้ำเสียงแผ่วหวานและใบหน้างดงามอ่อนช้อย

 "แพรไปเรียนที่นั่นก็ได้เปิดหูเปิดตาดีใช่ไหมล่ะ"

 "ก็แหม พี่ธีร์ก็รู้ว่าแพรไม่เคยอยากไป"

 ผมทำคอหดเดินป้วนเปี้ยนไปมา ดีนะที่คนจับกลุ่มคุยกันเยอะ ผมเลยอาศัยจังหวะเดินเสิร์ฟไวน์ไปด้วยแอบฟังไปด้วยแบบเนียนๆ

 "พี่ธีร์ยังจำเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดได้ไหมคะ" คำพูดที่ได้ยินนั้นทำให้ผมหยุดชะงัก หัวใจเต้นระทึก

 "เรื่องงานหมั้นของพวกเรา"

 เพล้ง!!

 ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ถาดเครื่องดื่มในมือผมก็ร่วงหล่นดังสนั่นหวั่นไหว จะต้องกี่ครั้งกี่หนกันนะกับเรื่องแบบนี้ พอสักทีได้ไหม

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ darkangel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
KING ที่ 60 แฟนหนุ่มที่แสนน้อยใจ


"ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ" คนในงานตอนนี้ล้วนหันมาสนใจผมเป็นตาเดียว ผมก้มหน้าก้มตาเก็บแก้วที่กระจายอยู่ทั่วพื้น ไม่ได้สนใจคนคนหนึ่งที่ช่วยผมเก็บและจ้องมองผมตาเป็นมัน

 "พี่ช่วยนะ"

 "ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง" ผมหน้ามุ่ยและแย่งเก็บแก้วกลับมา ในใจอยากรีบออกไปจากตรงนี้โดยเร็ว

 "เราชื่ออะไรเหรอ ทำงานในโรงแรม..."

 "ฟา" ไม่ใช่แต่คนที่ชวนผมคุยที่หยุดชะงัก แต่ตัวผมก็แข็งทื่อไปเรียบร้อย เสียงนี้ คนที่เรียกผมจากด้านหลังนี่ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น

 "ขอตัวนะครับ" ผมพูดกับแขกตรงหน้า ทำเป็นไม่ได้ยินไอ้ธีร์ และรีบเดินกลับไปที่ทางเดินเล็กๆ เพื่อเก็บของ

 "ฟา ฟาหยุดก่อน" และก็ทันทีที่พ้นจากสายตาคนในงาน แขนของผมก็ถูกดึงรั้งไว้

 "ปล่อย กูจะกลับแล้ว" ผมพูดและไม่มองหน้ามัน เพิ่งเคลียเรื่องผู้หญิงกับมันไปไม่นาน มันเอาอีกแล้ว และหนักขึ้นทุกที

 "พี่ธีร์ มีอะไรเหรอคะ" หญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าเดินตามหลังมา และมองแขนของผมที่ถูกจับไว้แน่น

 "แพรมาก็ดีแล้ว" คำพูดนั้นทำให้ผมเหลือบสายตาไม่พอใจมองไอ้ธีร์ ทำไม มึงอยากพูดอะไร

 "นี่ไงฟา แฟนพี่ที่พี่เคยเล่าให้ฟัง" พอได้ยินคำพูดนั้นตัวผมก็ได้แต่อึ้งและไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง เดี๋ยวๆ นะ มึงเคยเล่าอะไรให้เขาฟัง นั่นคู่หมั้นมึงไม่ใช่เหร๊อ

 "โหยยย ใช่จริงๆ ด้วย น่ารักจังเลยค่ะ หนูเป็นแฟนคลับพี่ฟานะคะ หนูติดตามงานพี่ทุกครั้งเลยค่ะ" ผมในตอนนี้ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อีหนูนี่ตกลงสปีชี่เดียวกับไอ้ธัญน้องไอ้ธีร์ใช่ไหม แต่ว่าทำไมถึงรู้เรื่องที่ผมครอสเดรสได้

 "แพรน่ะไม่ปากเปราะเหมือนธัญ เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาหรอก" ไอ้ธีร์พูดพลางถอนหายใจ

 "แต่ว่า...เรื่องหมั้น" ผมพูดพลางมองไอ้แฟนตัวดีของผมสลับกับสาวสวย มันไม่ใช่รักสามเด้า เอ้ยเศร้าหรอกเหรอ

 "เรื่องนั้นเป็นเรื่องสมัยตอนเด็กๆ ค่ะ พวกผู้ใหญ่เขาคิดเองเออเอง ไม่มีผลอะไรหรอกค่ะ" แพรพูดพลางส่ายมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ นี่กูคิดไปเองอีกแล้วว??? ความดราม่าสลายไปกับตา

 "แพรชอบพี่ธีมน่ะ" ไอ้ธีร์พูดแกล้งแพรด้วยใบหน้านิ่งๆ

 "พี่ธีร์!! ทำไมเผาน้องแบบนี้ละคะ" แพรไม่พูดเปล่าแต่เริ่มตีไอ้ธีร์แรงๆ เหมือนกำลังหยอกเล่น

 "เป็นอะไร หึงทำไม" ไอ้ธีร์พูดแหย่เพราะสังเกตเห็นสีหน้าของผม

 "หึงบ้านมึงสิ!" แม่งรู้ทันกูไปอีก

 "โถๆ พี่ฟาขา แพรไม่ได้เจอพี่ธีร์นาน ก็เลยคิดถึงเกินไปหน่อยน่ะค่ะ อย่าโกรธเลยนะคะ"

 "พี่ฟาเขาขี้หึง หวงพี่อย่างกับอะไร" ถุยยยย ได้ทีมึงโม้แหลกเลยนะ

 "ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นไม่แอบมาตามที่นี่หรอก" ประโยคนี้ไอ้ธีร์โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว

 "กะ..กูแค่มาทำงานพาสไทม์" ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไงได้แต่แถไปหน้าด้านๆ แบบนั้น

 "แต่แต่งตัวแบบนี้ ก็ดูดีไปอีกแบบนะ ไหนลองพูดว่า นายท่านดูซิ นายท่านน่ะ" ยังๆ มันยังไม่หยุดกระซิบและมองผมด้วยสายตาโลมเลีย นี่มึงไม่ฝึกสกิลกวนบาทานี้มาจากไหนห๊ะ

 "แค่กๆ อะแฮ่มม แพรไปหาน้องธัญดีกว่า" แพรที่ทนเหม็นฟามรักไม่ไหวก็ทำท่าจะหนีออกไป แต่เมื่อกำลังจะเดินไปนั้น ขาที่ก้าวค้าง ก็ค้างอยู่อย่างนั้น

 "มาทำอะไรกันตรงนี้" ผมที่เกือบจะถูกหอมแก้มอยู่แล้วก็ผลักไอ้ธีร์ออกทันที ตรงหน้าพวกเรานั้นไม่ใช่ใครอื่น พ่อผู้น่าเกรงขามของไอ้หอกนี่แหละ

 "แล้วเธอ เข้ามาในงานนี้ได้ยังไง" ไม่รอคำตอบ พ่อไอ้ธีร์จ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัย ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

 "ฟามาทำงานพาสไทม์น่ะครับ" ไอ้ธีร์เดินขึ้นหน้ามาบังตัวผมไว้ และพูดด้วยท่าทีธรรมชาติ

 "อืม เอาเถอะ อย่ามาอยู่ตรงนี้เลย พาหนูแพรเข้าไปในงาน คุณพ่อเขาอยากคุยกับแกนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกหดหู่ทันที ดูเหมือนสิ่งที่แพรพูดจะไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้ใหญ่คงจะจริงจังกับเรื่องหมั้นที่เคยพูดเอาไว้แน่นอน

 ผมมองแพรที่เหลือบสายตามองผมด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ผิดกับไอ้ธีร์ที่มีสายตาแน่วแน่ จ้องมองพ่อของมันอย่างไม่ยอมแพ้

 "ถ้าคุณพ่อกำลังวางแผนเรื่องนั้น ผมขอบอกไว้เลยว่า..."

 "ไอ้ธีร์ รีบเข้าไปในงานเหอะ" ผมกระตุกแขนมันและผลักมันเบาๆ ให้เดินไปข้างหน้า ผมรู้ว่ามันกำลังจะพูดอะไร แต่ผมไม่อยากให้มันพูดออกไปตอนนี้ คนแบบมันมีแต่จะทำให้พ่อมันโกรธ และทุกอย่างอาจจะแย่ลงไปอีก

 "งานเลิกแล้ว กูรอนะ" ผมพูดเบาๆ ขณะที่ไอ้ธีร์ค่อยๆ เดินห่างออกไปจากผม แต่ว่าแววตาที่มันหันกลับมามองผมนั้น ผมรู้สึกถึงความหม่นหมอง ผิดหวังและเศร้าสร้อย


ธีร์


 ในทุกสิ่งที่ฟาทำ ทุกสิ่งที่ฟาเป็นผมนั้นเข้าใจดี แต่ทว่าในหัวใจก็ยังคงรู้สึกผิดหวัง ฟามีเหตุผลที่จะกลัว ไม่อยากเปิดเผยและเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ ผมคงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่จะบีบบังคับให้เขาพูดทุกสิ่ง เปิดเผยทุกอย่างให้คนอื่นได้รู้ เพราะตั้งแต่แรกนั้น ผมก็ได้บังคับเขาให้กลายมาเป็นของผม เป็นแฟนที่เกิดจากความเอาแต่ใจของตัวผมเอง

 "ไม่ต้องห่วงนะคะพี่ธีร์ มันอาจจะไม่ใช่แบบที่พวกเราคิดก็ได้" ผมนั้นรู้ดีว่าคุณพ่อเป็นคนยังไง ถึงแพรจะพูดแบบนั้น แต่คุณพ่อคงไม่มีวันปล่อยให้ผมกับฟามีอนาคต ควรจะต้องทำยังไง จะต้องรักษาความรักนี้ไว้ยังไง ผมเฝ้าแต่ถามตัวเอง และเฝ้ามองฟา ในวันที่ผมยังคงทำได้

 "แพรเอาใจช่วยพี่ธีร์นะ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดีค่ะ"

"พี่ก็หวังว่าอย่างนั้น" หลังเลิกงานเลี้ยง ผมส่งแพรที่รถ และรับฟาที่รอผมที่ทางออกของโรงแรม

 "ทำไมถึงเงียบล่ะ ในงานโอเคไหม" ฟาถามผมที่ไม่ได้พูดอะไร เพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ

 "ก็แค่ ทักทายผู้ใหญ่ไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอก"

 "มึงคิดมากอะไรอยู่เหรอ" ฟาคงสังเกตเห็นความไม่สบายใจทางสีหน้าของผม นี่มันแย่มาก ผมไม่อยากให้เขาเป็นกังวล

 "เปล่า แวะกินอะไรกันไหม" ผมชวนเขาอย่างที่ชอบทำ เพื่อเลี่ยงสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

 "กู ขอโทษนะ" ผมเหลือบมองฟาที่ทำสีหน้าหม่นหมอง คราวนี้การชวนกินดูจะไม่ได้ผล

 "ขอโทษอะไร เลิกคิดมากได้แล้ว"

 "มึงนั่นแหละคิดมาก หน้ามึงมันบอก คิ้วมึงแทบจะผูกกันเป็นปมแล้ว"

 "มองผิดแล้ว คนหล่อคิ้วก็ต้องเข้ม พันกันบ้างมันเรื่องธรรมชาติ"

 "แหวะ" ผมเหลือบมองฟาที่เริ่มยิ้มออก แต่กลับเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ

 "กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร กูขอโทษนะ ถ้ากูทำให้มึงผิดหวัง" ผมรู้สึกผิดในใจ ฟารู้มากกว่าที่ผมคิด ผมคงทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแย่มาก ที่ทำให้ผมผิดหวัง แต่นั่นมันไม่ใช่ทั้งหมด แค่เพียงมีฟาอยู่ แค่เพียงพวกเรารักกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกให้ใครรู้ ผมรับมันได้ ขอแค่มีฟาอยู่ข้างๆ เท่านั้น

 "อยู่ด้วยกันก็พอ อย่าไปไหนก็พอ" ผมพูดและยื่นมือที่ว่างไปจับมือของคนรักไว้ ผมต้องการแค่นี้ แค่นี้จริงๆ

 "มึงดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะ" ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ฟาพูด แต่ฟาก็ส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มได้เช่นกัน


 หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว พวกเรายังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยู่ด้วยกัน มองเห็นกันทุกวัน ถึงจะไม่เป็นส่วนตัวก็เถอะ และวันนี้เป็นวันที่แปลก เพราะว่าฟาชวนผมไปดูหนัง ใช่ นี่แหละที่แปลกมาก ก็ตั้งแต่คบกันมา พวกเราไม่ค่อยได้ไปดูหนังน่ะสิ ฟาจะเลือกช้อปปิ้งซะมากกว่า สงสัยเขาคงเบื่อละมั้ง

 ทันทีที่เลิกเรียน ผมรีบบึ่งกลับมาที่หอเพื่อแต่งตัวเตรียมพาฟาไปดูหนังอย่างที่เจ้าตัวขอ แต่ว่าหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟาก็ยังไม่กลับมาที่หอ ไม่รู้ว่ามีเรียนถึงกี่โมงกันแน่ แต่ปกติฟาไม่เคยเลิกช้าขนาดนี้มาก่อน

 Trrr Trrr

 โทรศัพท์มือถือสั่นเบาๆ อยู่ที่โต๊ะ อาจจะเป็นฟา หรือว่าติดปัญหาอะไร

 ผมรีบเดินไปที่โต๊ะและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และก็พบข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ชื่อนั้นบอกให้รู้ว่าคือฟาจริงๆ

 [ไปรอที่ห้างฯ แล้วนะ รีบตามมาไวๆ]

 ผมขมวดคิ้วจ้องมองข้อความนั้น แล้วทำไมถึงไม่รอไปพร้อมกันล่ะ ถ้าไปถึงต้องบ่นสักหน่อย ถึงจะไม่อยากก็เถอะ

 ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย จะเล่นอะไรของเขากันนะ คงนึกสนุกอะไรขึ้นมาอีกละสิ

 ว่าแล้วก็รีบคว้ากุญแจรถและออกจากหอทันที ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็มายืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นบนสุดของห้าง ไปที่หน้าโรงภาพยนต์ที่ที่ฟาน่าจะรออยู่

 "ธีร์ ทางนี้" และก็ทันทีที่มาถึง ภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมต้องอมยิ้มน้อยๆ ฟาในชุดไปรเวทสบายๆ แต่น่ารักสำหรับผมเหลือเกิน รองเท้าผ้าใบสีขาว กางเกงยีนส์สีอ่อน เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าที่คลุมทับเสื้อกล้ามสีขาวอีกที ผิวใสๆ ที่ราวกับสะท้อนแสง นี่กะจะมายั่วกันใช่ไหม

 "กูเกลียดสายตามึงจริงๆ" ฟาหลบสายตาผมแสร้งโกรธปิดบังความอาย ทำให้น่าแกล้งมากขึ้นไปอีก

 "ก็ใส่มาให้มอง ก็ต้องมอง"

 "หน้าด้าน" ถึงจะถูกด่า แต่กลับรู้สึกดีชะมัด วันนี้เนี่ยถือว่าเป็นวันดี...

 "อ้าว ฟา มาทำไรอ่ะ" ดูเหมือนวันดีๆ ของผมจะไม่ดีอย่างที่คิดอีกแล้ว เบื้องหน้าผม ฝาแฝดที่แสนจะน่ารำคาญบังเอิญเดินมาเจอพวกเราพอดี ให้มันได้อย่างนี้สิ

 "เฮ้ยๆ อะไรของพวกมึงวะ อย่ามาจับ" ไม่พูดทักทายเฉยๆ มือของไอ้เวรสองพี่น้องคนนึงกอดไหล่ฟาไว้ และอีกคนกำลังใช้สองมือประกบแก้มของฟา

"มาทำไมไม่ชวน คิดถึงอ่ะ ไม่เห็นหน้าเลยช่วงนี้" ฟาส่งสายตามองมาที่ผมขณะถูกรุมทึ้งไปด้วยสองเกรียนพี่น้อง แล้วจะให้ทำยังไง ถ้าผมโวยวายไปฟาก็จะพูดเหมือนเดิมว่าพวกมันก็แค่เพื่อน แต่นี่มันทำให้โครตหงุดหงิด

 ผมกำมือแน่น แต่เลือกที่จะเสหน้าหันมองไปทางอื่น ผมเคยเดือดดาลกับเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว และมันไม่ได้อะไร มีแต่จะทำให้ฟารู้สึกแย่ ผมไม่มีสิทธิ์บอกใครๆ ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน

 "อ้าว ไอ้ธีร์ โทษทีว่ะ เพิ่งเห็นว่าอยู่ด้วย" กรามของผมขบกันแน่น พวกมันน่ะเห็น แต่กวนตีนสิไม่ว่า

 "มาทำอะไรกันเหรอ" ผมเหลือบมองฟา และฟาก็เหลือบมองผมเช่นกัน ถ้าเกิดว่าผมพูดออกไป ถ้าผม...

 "บังเอิญเจอเหมือนกัน" ผมเลือกที่จะทำตามสิ่งที่ฟาต้องการ เหมือนที่ผมทำเพื่อฟาเสมอมา

 "หนังจะฉายแล้ว กูไปก่อนนะ" ฟาพูดและฉวยดึงมือผมให้เดินออกจากสองแฝดนั่นอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่หนังฉาย จิตใจผมได้ล่องลอยไป ความจริงวันนี้เป็นวันเกิดของผม มันเป็นวันพิเศษที่แม้ฟาจะไม่ได้พูดถึงหรือมอบของขวัญใดๆ ให้แก่ผม แต่ช่วงเวลานี้ เวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน แม้เพียงสักนิด ผมก็รู้สึกว่ามันล้ำค่ามากเกินพอแล้ว

 "ไอ้ธีร์ วันนี้กูไปนอนกับพี่เรียวนะ พรุ่งน่ี้มีงานอ่ะ" หลังจากออกจากโรงภาพยนต์ นี่เป็นสิ่งที่ฟาบอกผม ค่ำคืนนี้มันช่างแสนสั้นนัก ผมนึกว่าจะได้ฉลองวันเกิดด้วยการอยู่ด้วยกันทั้งคืนซะอีก

 "อืม ให้นอนด้วยไหม"

 "ไม่ต้องหรอก" ถ้าเป็นปกติ ผมคงจะดึงดันที่จะตามเขาไป แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยล้าข้างในลึกๆ มันคงเป็นความน้อยใจละมั้ง ฟาไม่รู้จริงๆ เหรอ ว่าวันนี้วันอะไร

 "เดี๋ยวไปส่งนะ"

 "มึงกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่เรียวมารับ" ในหัวใจของผมมันโหวงเหวง อ่อนล้าราวกับจะหมดแรง ผมพยักหน้าน้อยๆ และเดินออกมาจากตรงนั้น ฟาคงสังเกตเห็นว่าผมไม่ได้ทำตัวเหมือนปกติ เขาคงจะต้องเดินตามมารั้งผมเอาไว้ แต่ว่าความคิดนั้นก็ต้องทำให้ผมแสนผิดหวังมากไปใหญ่ ผมหันหลังกลับไปมองฟาที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มองมาที่ผมเลยสักนิด ไม่ได้มีผมอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โสมน้ามหน้า ฟาไม่โสนจาย  :3043:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณพ่อพูดอะไรกับฟารึเปล่า?

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
มาม่าชามนี้จะอืดแค่ไหนนะ.......

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฟา ก็คิดมากกกกกกกกกก   :mew2:
พ่อธีร์ ก็เอาแต่ใจตัวเอง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
KING ที่ 61 แฮปปี้เบิร์ดเดย์ความรัก


ธีร์

 ราวกับใช้เวลาไปแสนล้านปีในตอนขับรถ ผมเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้เรี่ยวแรงระหว่างทางกลับหอ ไม่ว่าจะมีใครที่กำลังร้องทักผม หรือส่งยิ้มให้ นั่นก็ไม่ทำให้หัวใจรู้สึกสนใจได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงห้องแล้ว ผมล้มลงนอนบนเตียงที่แสนเย็นเยือกของผม ไม่แม้แต่จะถอดเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือสนใจรูมเมทที่จ้องมองผมอย่างสนใจ

 "อาการหนัก"

 "คนหล่อนี่ต่อให้ทำหน้าเศร้าก็น่ากินเนอะ"

 "อีจี้ขี้! มันใช่เวลาไหม"

 ผมไม่ได้สนใจรูมเมททั้งสองที่กำลังเถียงกัน ฟังเสียงเข็มของนาฬิกาที่กำลังเดินไปช้าๆ นึกถึงภาพของรอยยิ้มที่สวยงาม ใบหน้าบึ้งตึงที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงน่ารัก ใบหน้าแดงก่ำที่กำลังอายจัด ใบหน้าของฟา ตอนที่กำลังบอกผมว่า...รัก

 ความจริงแล้วเรื่องฟายังคงทำให้ผมอ่อนแอเสมอ ดวงตาของผมรื้นขึ้นอย่างช้าๆ ถึงน้ำตาจะไม่ได้ไหลออกมา แต่มันก็คงไหลรินในหัวใจ ผมไม่รู้ว่าฟารักผมมากแค่ไหน แต่ผมรักเขา มากกว่าที่เขารักผมแน่นอน ผมคิดและกังวลอยู่ทุกวัน ว่าวันพรุ่งนี้ผมจะยังมีเขาอยู่ไหม ถ้าสักวันพวกเราต้องจากกันไป ผมจะอยู่ได้ยังไง ผมจะต้องทำยังไง

 เหมือนกับภาพความทรงจำจะยังไม่เด่นชัดพอ ผมล้วงมือช้าๆ เข้าไปในกระเป๋ากางเกง เปิดดูภาพต่างๆ ที่ผมเคยแอบถ่ายคนที่ผมหลงรักเอาไว้ ภาพของฟาเต็มอัดแน่นอยู่ทั้งในความทรงจำไม่เว้นแม้กระทั่งเมมโมรี่ในโทรศัพท์มือถือ ผมเอาแต่มองรูปภาพเหล่านั้นซ้ำๆ คิดถึงสัมผัส คิดถึงอ้อมกอดที่ผมเคยกอดเขาเอาไว้ เขาจะคิดเหมือนกันหรือเปล่านะ เขาจะรักผมมาก เหมือนอย่างที่ผมรักเขาไหม

 Fah Fah Angel กำลังแพร่ภาพสด...

 บนหน้าจอมือถือของผมนั้น ผมเหลือบเห็นการแจ้งเตือนบางอย่างที่เด้งเตือนอยู่บนหน้าจอ ผมกดติดตามโซเชียลทุกอย่างของฟาไว้ กดไว้นานจนผมก็ลืมไป เพราะฟาก็แทบจะไม่อัพเดทอะไรเลย

 ผมไม่รอช้าที่กดเข้าไปดู และภาพที่ผมเห็นนั้นก็ทำให้หัวใจของผม กลับมาเต้นรัวเร็วอีกครั้ง

 "ขอโทษที่หายไปนานนะ ทุกคนคิดถึงกันไหม" ผมมองหน้าจอมือถือของผม ฟาในตอนนี้ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอาง ผมยาวสลวยสวยงามราวกับเทพธิดา...

 จำนวนผู้คนที่เข้ามาชมตอนนี้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ คอมเม้นท์มากมายหลั่งไหลจนผมตาลาย

 "ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่คอยติดตามผลงานของฟ้าเสมอ ขอบคุณจริงๆ นะ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฟ้ารู้สึกมีความสุขมากๆ เลย" ฟาพูดและยกมือขอบคุณทุกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไลฟ์สดตอนนี้ จนมาถึงถ้อยคำที่เขากล่าวต่อมา

 "แต่ความสุขนั้นไม่รู้ว่าฟ้าจะยังได้รับมันอยู่ไหม เพราะว่าวันนี้ ฟ้าตั้งใจจะมาบอกเพื่อนๆ ทุกคน บอกความจริงบางอย่าง..." ฟายิ้มและค่อยๆ ถอดขนตายาวสวยบนใบหน้าออก เขาหยิบสำลีที่วางอยู่ข้างๆ และเทของเหลวลงบนนั้น

 "ขอโทษถ้าหลังจากนี้ ฟ้าอาจจะทำให้ใครหลายๆ คนผิดหวัง..." ผมหัวใจเต้นระทึก เขายังคงพูดต่อไป ในขณะที่ใช้สำลีเช็ดลงบนเครื่องสำอางที่ปกปิดความจริงนั้น

 ยอดคนดูในตอนนี้พุ่งขึ้นเป็นแสนแล้ว และคอมเม้นท์ต่างๆ ก็มีมายมายหลากหลายความคิด ผมไม่ได้สนใจข้อความเหล่านั้น ผมไม่อาจละสายตาไปจากคนที่ผมมองดูอยู่ได้ ใบหน้าของคนที่เคยกลัว ตอนนี้เหมือนเขาได้ปลดสิ่งเหล่านั้นออกจากหัวใจแล้ว

 "นี่คือ ความจริง" ฟาในตอนนี้ไร้ซึ่งเครื่องสำอางบนใบหน้า รอยยิ้มของเขายังคงสว่างไสวและสวยงามในความคิดของผม

 "ผมชื่อฟา ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง คุณไม่ได้ฟังผิดไปหรอก ผมเป็นผู้ชายจริงๆ" ฟาแกะวิกผมยาวสลวยออก และนั่งยืดตัวตรงอย่างภาคภูมิ

 "ผมรู้ว่าผมคงทำให้ใครหลายๆ คนผิดหวัง แต่ว่า นี่คือตัวตนของผม ถ้าหากคุณยังอยากเคียงข้าง ก็ต้องขอบคุณจริงๆ จากหัวใจ แต่สำหรับคนที่คิดจะจากไป ก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดี ผมเข้าใจดีทุกอย่าง" ผมมองเห็นมือของพี่เรียวที่บีบเบาๆ ที่บ่าของฟา พี่เรียวเป็นพี่ชายที่แสนดีของฟาเสมอ ผมนึกอิจฉาพี่เรียวนิดๆ ที่ฟานั้นรักและไว้ใจพี่เรียวมาก บางทีอาจจะมากกว่าผมก็ได้

ผมมองคอมเม้นท์นับหมื่นที่เลื่อนผ่านหน้าจอไปอย่างรวดเร็ว บ้างตกตะลึงกับสิ่งที่รับรู้ บ้างต่อว่าด้วยความผิดหวัง บ้างชื่นชมและเป็นกำลังใจต่อไป ผมคิดว่าฟาคงจะวางแผนรับมือทุกอย่างไว้อยู่แล้ว ผมดีใจที่ในที่สุด เขาก็ได้เป็น อิสระสักที

 "อะแฮ่ม ยังไม่จบหรอกนะ" ฟาที่นิ่งเงียบไปสักพักก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆ กับใบหน้าจริงจัง ที่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใส

"ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังดูอยู่ไหม แต่คิดว่าคงไม่พลาดหรอกเนอะ" ฟาพูดและยิ่งยิ้มร่าเริ่งไปใหญ่ แต่เดี๋ยวนะ เขากำลังพูดถึงผมอยู่ใช่ไหม...

"มีใครคนนึงกำลังงอแงอยู่หรือเปล่าน้าา" แล้วก็ชัดเจน ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดหัวเราะเบาๆ ทันที ผมขยับตัวเพื่อมองหน้าจอให้ชัดมากขึ้น รอยยิ้มของคนที่ผมรัก มันทำให้ผมเผลอยิ้มตามไปด้วย

ซึ่งฟานั้นไม่พูดเปล่า แต่กำลังหันไปจากจอและเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา และเมื่อผมเห็นสิ่งที่เขาถือขึ้นมานั้น ผมก็ต้องชะงักความรู้สึกในหัวใจของผมตอนนี้ ผมไม่รู้จะอธิบายมันออกมาทั้งหมดได้ยังไง

"ธีร์ สุขสันต์วันเกิดนะ..." ฟาพูดและส่งยิ้มหวาน พี่เรียวสวมหมวกฉลองเล็กๆ บนเรือนผมของฟา และฟา ก็เริ่มโยกตัวไปมาอย่างน่ารัก ร้องเพลงวันเกิดให้ผม ในมือถือเค้กก้อนใหญ่ที่มีชื่อของผมเด่นหราอยู่บนนั้น

 ในหัวใจของผมราวกับมีพลุไฟสว่างไสว ความอ่อนล้า ความผิดหวัง ความเศร้าเสียใจ หายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมา

 "ไม่ต้องน้อยใจแล้วนะ ไม่ต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว รักนะ รักที่สุด แล้วเดี๋ยวเจอกัน จุ๊บ" ฟาพูดปิดท้าย จูบเบาๆ ที่หน้าจอและปิดกล้องไป ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผมกำลังยิ้มกว้างแค่ไหน ผมมีความสุขมากจริงๆ มันมากจนหัวใจจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว

 "คงหุบยิ้มไม่ได้ไปหลายวัน"

 "โอ้ยยย อิจฉาค่ะ เขาเหมาะสมกันเกินไป อิจฉาแรงงง" ในเวลานี้ ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ผมก็ไม่สนใจอีกแล้ว ที่เขาบอกว่าโลกเป็นสีชมพูเวลามีความรัก มันคงเป็นอะไรที่คล้ายๆ แบบนี้นี่เอง


ฟา

 มือของผมที่กดปิดหน้าจอนั้นยังคงสั่นไม่หาย แต่ภายในหัวใจกลับรู้สึกโล่ง มันเป็นความปลอดโปร่งที่ไม่เคยรู้สึกมานาน ทุกสิ่งที่เคยแบกเอาไว้ ถูกปลดออกแล้ว และผมยอมรับผลทุกสิ่งที่จะตามมา ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายยังไง ผมจะรับมันไว้เอง ดีกว่าต้องโกหกทุกคนไปจนตาย

 "เอาไงคนเก่ง จะกลับไปหาธีร์เลยไหม" ผมจิกตามองพี่เรียวที่พูดล้อเลียน ทั้งๆ ที่ตอนนี้โทรศัพท์ทั้งบ้านของพี่เรียวดังสนั่นพร้อมกันทุกเครื่อง

 "พรุ่งนี้แล้วกัน" ผมพูดกับพี่เรียวและมุดหน้าลงกับหมอน ความจริงผมก็กลัวเหมือนกัน แต่พอนึกถึงใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของคนรักนั้น ความกลัวก็ไม่อาจทำอะไรผมได้อีกแล้ว


 ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมตื่นนอนแต่เช้าและนั่งรถตู้คันใหญ่ของพี่เรียวมุ่งหน้ามหาวิทยาลัย หัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถ ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดีตอนที่เห็นไอ้แฟนตัวดีของผม

 และทันทีที่ถึงที่หมาย ผมลงจากรถด้วยท่าทีที่ระแวดระวัง ตอนนี้ยังคงเช้าเกินไปที่จะมีผู้คนพลุกพล่าน เป็นโอกาสดีที่จะฉวยโอกาสวิ่งเข้าหอไปอย่างเร็วรี่

 "เฮ้ยย นั่นไงฟา!" และสิ่งที่คิดก็เกิดขึ้น กลุ่มคนที่มาดักผมที่หน้าหอเริ่มจู่โจมทันทีที่ผมก้าวขาลง ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นที่สนใจขนาดนี้ มีผู้คนที่ไม่รู้วิ่งมาจากไหนทั้งชายและหญิง วิ่งหน้าตั้งเข้ามาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

 "ฟา เราเองที่เรียนวิชาเลือกเดียวกันไง"

 "ขอลายเซ็นต์หน่อย"

 "ก็ว่าโครงหน้าคล้ายมาก น่ารักมากเลย" ผมตาลายกับกระดาษและข้าวของที่ถูกยื่นให้ ตอนที่ครอสเดรสกับครอสเพลย์ในงานคนยังไม่ลุมขนาดนี้เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

 "ขอทางให้ฟาหายใจหน่อยนะครับ" และต้นตอของเสียงที่ดังขึ้นด้านหลังนั้นก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อในบัดดล เสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นรอบๆ ทำให้ใบหน้าของผมยิ่งแดงขึ้น โอ้ยยย ไม่กล้าสู้หน้าเลยโว้ยยย

 "แก เขาเป็นแฟนกัน!"

 "น่าร้ากกก ฟินจนจะวูบ" ไม่ใช่แค่พวกเธอที่จะวูบ ผมนี่แหละอยากจะวูบคนแรก

 ผมไม่ยอมหันกลับไปและก้มหน้าก้มตา ทำเฉไฉจะเดินหนีไป แต่ไอ้แฟนตัวดีของผมมันก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น ข้อมือของผมถูกจับไว้อย่างรวดเร็ว และดึงให้ผมหันไปประจันหน้า

 "ใจร้าย นึกว่าจะกลับมาเมื่อคืนซะอีก" ไอ้ธีร์พูดตัดพ้อแต่ใบหน้าของมันกลับมีแต่รอยยิ้ม

"เออ ขอโทษ แต่ว่าหิ้วเค้กมาให้แล้ว ยังไม่ได้แตะเลย" ผมพูดและยกถุงในมือขึ้นให้ดู ก็คนมันเขินอ๊ะ

"ส่วนของขวัญ..."

"ของขวัญที่จับต้องได้น่ะ ขอแกะคืนนี้ได้ไหม" ไอ้ธีร์รีบพูดด้วยแววตาสื่อความหมาย ผมถลึงตาใส่มันทันทีด้วยความที่มันหน้าไม่อาย มึงพูดอาร๊ายยย ต่อหน้าประชาชี สาววายตอนนี้วิญญาณคงเหมือนถูกสาดเกลือแทบหลุดออกจากร่าง ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่วุ่นวายจริงๆ

 และต้นตอที่ทำให้ผู้คนลุมทึ้งผมนั้น คงจะเป็นเพราะโซเชียลในตอนนี้ ที่แชร์รูปผมและแชร์ไลฟ์สดของผมกันให้กระหึ่ม ทุกเพจ ทุกช่องทาง ทุกคนต่างพูดถึงผม บ้างเป็นไปในทางที่ดี บ้างวิพากวิจารณ์กันในแง่ลบจนสนุกปาก แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว แบบนี้คงต้องอยู่เงียบๆ ไปสักพักแล้วมั้ง

 "มึงจะจ้องกูอีกนานไหม" ผมพูดพลางเหลือบมองไอ้แฟนเลวของผมที่มันนั่งจ้องผมอยู่นานแล้วตั้งแต่ผมขึ้นมา ผมเกลียดใบหน้าอมยิ้มดูมีความสุขของมันจริงๆ แต่ว่าหน้าผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากมันละมั้ง

 "โอ้ยยย เหม็นมาก อยู่ไม่ได้แล้วค่ะแถวนี้" นังจีจี้กระเทยควายเหลือบมองผมกับไอ้ธีร์และคอยพูดล้อเลียนด้วยรอยยิ้มกริ่ม ให้มันได้แบบนี้สิ แต่ดูเหมือนไอ้ธีร์จะไม่ใส่ใจอะไรอีกแล้ว

 "นี่ ไอ้ธีร์ ถึงคนอื่นจะรู้เรื่องพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่ามึงจะทำรุ่มร่ามได้นะ มึงเข้าใจไหมเนี่ย" ผมไม่รู้ว่ามันฟังผมไหม อาการมันหนักมาก นี่คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่กูเนี่ย

 "ฟาาาา เห็นข่าวแล้วนะ!" และแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็โผล่มา ไอ้สองแฝดนรกหน้ามึนบุกจู่โจมผมเหมือนทุกครั้ง แต่ว่าคราวนี้มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะคนที่ไม่พอใจไอ้แฝดนี่มากกว่าใครมันคงไม่ต้องอดกลั้นอีกแล้ว

 ไอ้ธีร์ที่สีหน้าเปี่ยมสุขตอนนี้กลับเย็นยะเยือกเหมือนแช่ช่องฟรีซ มันลุกขึ้นทันทีที่ไอ้สองแฝดเตรียมกระโจนใส่ผม ยืนปักหลั่นบังผมจนแทบมิดทั้งตัว

 "ใจเย็นๆ เราแค่มาคุยกับฟาเฉยๆ อ่ะ" ไอ้แฝดคนน้องทำหน้ามึนกว่าเก่าและมุดออกข้างมาอย่างเนียนๆ

 "เอาตรงๆ นะธีร์ พวกเราน่ะรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" ไอ้จุ่นตบบ่าไอ้ธีร์เบาๆ ด้วยใบหน้าเอือมๆ

 "ใช่ๆ ยิ่งเห็นแบบนั้นเลยยิ่งอยากแกล้งไง" ผมก็ว่าอยู่แล้ว ไอ้จุ่นมันสงสัยมาตั้งแต่เข้าค่ายรับน้องแล้วมั้ง ไม่พูดเปล่าไอ้สองพี่น้องมันเริ่มมากอดคอผมอีกแล้ว

 "แฟนก็ส่วนแฟน เพื่อนก็ส่วนเพื่อน เลิกทำหน้าหึงโหดได้แล้วมั้ง" ไอ้สองตัวนี่มันยั่วโมโหเก่งชะมัด มันดูไม่สนใจจริงๆ ว่าผมกับไอ้ธีร์จะเป็นอะไรกัน ทำเอาไอ้ธีร์ตอนนี้คงโกรธจนแทบลุกเป็นไฟ

"ไม่ใช่แฟน" ผมเหลือบตามองไอ้ธีร์ที่ดูจะสงบลง และนั่งลงข้างๆ เมื่อกี้มึงว่าไงนะ เดี๋ยวๆๆๆ กูรู้เลยมึงจะพูดอะไรต่อไป

 ผมลุกพรวดจนไอ้สองแฝดหงายท้อง แต่มือของผมก็ยังไม่ไวพอจะปิดปากไอ้แฟนขี้หึง

 "เป็นเมีย!" อ้ากกกก ผมปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้ กูอยากระเบิดตัวเองตายไปซะเดี่ยวนี้ เมียพ่อง มึงจะตะโกนทำม๊ายยย

 ไอ้สองแฝดที่ทำหน้าไม่ค่อยยี่หระบัดนี้ใบหน้าเริ่มส่อเค้าไม่สบอารมณ์ สองคนมันจับมือกันลุกขึ้น แววตามีแต่ความริษยาอาฆาต

 "จู ไปเหอะ เบื่อพวกขี้โอ่"

 "อืม แล้วคุยกันนะฟา" ผมยิ้มแหยให้เพื่อน ไม่รู้จะทำหน้ายังไง คือก็รู้แหละว่าไอ้ธีร์มันเป็นคนแบบนี้ อายชิบหายเลยกู

 "ไม่โกรธใช่ไหม" หลังจากไอ้สองแฝดออกไปจากห้อง ไอ้ธีร์รีบถามผมด้วยใบหน้าเหมือนลูกหมาที่ทำความผิด มันคงรู้ตัวว่ามันพูดเกินไป

 "ไม่โกรธ" ผมพูดและยิ้มให้มัน ขยับเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ โน้มคอมันลงมาและกระซิบเบาๆ ที่หู

 "แต่ว่าคืนนี้ งดแกะของขวัญละกัน" หลังจากได้ยินคำพูดจากผมนั้น ผมทั้งนึกขำและสงสารไอ้แฟนตัวดีของผมที่สีหน้าของมันบอกชัดเจนว่า มันพลาดซะแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด