คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61  (อ่าน 37043 ครั้ง)

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
บรรยากาศมันพาไปใช่ไหม อิอิ รอได้จ้า สู้ๆนะ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
    การร่วมโต๊ะอาหารเย็นนั้นโดยปกติแล้วเขาจะเคยทานอาหารกับแม่แค่สองคนเท่านั้น ตั้งแต่แม่จากเขาไป เขาก็ต้องไปหากินเองนอกบ้านมากกว่า เพราะการที่เขาต้องกินข้าวคนเดียวในบ้านมันก็อดที่จะเห็นภาพแม่ไม่ได้ แต่ตอนนี้......เขาไม่ได้ทานคนเดียวแล้ว อาหารบนโต๊ะเต็มไปหมดทั้งๆที่มีแค่เขากับหมออนันต์เท่านั้นที่ร่วมโต๊ะกัน

“อาหารถูกปากไหมครับพู่กัน” คนถูกถามชะงักช้อนที่กำลังเขี่ยข้าว เหลือบตาขึ้นมองคนตรงข้ามแล้วส่งยิ้มบางๆให้

“เอ่อ อร่อยมากเลยครับ”

“งั้นก็ทานเยอะๆเลยนะครับ ตัวคุณเล็กนิดเดียวเอง”

แววตาล้อเลียนส่งผลให้ร่างเล็กรีบก้มหน้าหงุดด้วยความเขิน ภาพการจูบดูดดื่มฉายซ้ำขึ้นมาจนเขาอายแทบจะมุดโต๊ะหนี ความเห่อร้อนแล่นขึ้นบนใบหน้าจนแดงซ่านไปหมด เรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากร่างสูงได้อย่างดี ใช่แล้ว เขาจงใจ เขาอยากให้ทุกการกระทำ ทุกสำนึกคิดของพู่กันจะต้องระลึกถึงเจาเท่านั้น ในหัวของพู่กันจะต้องมีแต่ภาพเขาจนไม่สามารถทนอยู่ได้ ถ้าขาดเขาไป

ที่จริงหมออนันต์คิดจะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพู่กันทีละน้อยๆ แต่ดูจากนิสันและการแสดงออกของเจ้าตัวแล้ว วิธีนั้นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ขืนทำแบบนั้น มีหวังเขาคงเสียคนตรงหน้าไปให้ใครสักคนแน่ๆ ไม่ได้!! เขายอมไม่ได้!!!!

“พู่กันครับ”

“อ๊ะ! เอ่อ ครับหมอ” หมออนันต์ยื่นชุดนอนสีฟ้าสดใสให้ร่างบางที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องนอนของเขา

“อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนี้ได้เลยนะครับ ผมซื้อมาผิดไซส์เลยไม่เคยได้ใช้” มือบางเอื้อมออกไปรับมาถือไว้ ส่งยิ้มขอบคุณให้คนตัวโต

“ขอบคุณมากครับ เอ่อ แล้วห้องที่ผมต้องนอน” อดที่ถามไม่ได้ เพราะตั้งแต่มาถึงนี่ ตั้งแต่เขาตัดสินใจตอบตกลงดูดาวไปด้วยความเผลอไผล เขาเองก็ยังไม่เห็นหมอจะพูดถึงห้องนอนของเขาเลย หมออนันต์เลิกคิ้วขึ้น

“ห้องผมนี่ไงครับ” คำถามอันแสนซื่อกับใบหน้าที่กำลังช็อคจากคำตอบของเขาช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“อ่า......ผมว่ามันคงดูไม่...”

“ผมเป็นผู้ชาย พู่กันก็เป็นผู้ชาย ดูไม่ดีตรงไหนกันครับ”

คนตัวเล็กชะงัก มันก็จริงอย่างที่หมอว่า เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ไม่มีทางดูไม่ดีแน่ๆ ลมหายใจถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากของพู่กันก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้หมออนันต์อย่างเข้าใจ เป็นเขาเองที่คิดมากไป จริงๆการร่วมห้องกับหมออาจจะดีก็ได้ เขาเองจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องของแม่อีก

“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” หมออนันต์พยักหน้ารับมองตามร่างบางที่เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายใน แผ่นหลังและสะโพกกลมกลึงน่าสัมผัสช่างเย้ายวนใจทุกครั้งที่พู่กันก้าวเดิน

พู่กันที่ปิดประตูห้องน้ำแล้วยังคงยืนพิงประตูไม่ยอมไปไหน สมอฃน้อยๆเฝ้าวนเวียนคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของหมอ หมายความว่ายังไงกันนะ...ถ้าหากหมอมองว่าเขาและตัวเองเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็ไม่ควรจะแสดงออกเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ควรจูบเขา ไม่ควรโอบกอดเขาสิ แบบนี้มันขัดกับสิ่งที่หมออนันต์พูดชัดๆ พู่กันได้แต่ถอนใจเลิกคิดตั้งหน้าตั้งตาอาบน้ำให้ตัวเอง

หมออนันต์นั่งอยู่ปลายเตียงฟังเสียงน้ำไหลอย่างมีความสุข ตาคมดุหลับลงเพื่อจินตนาการถึงเรือนร่างอันบอบบางที่กำลังชำระล้างร่างกายอยู่ อยากจะเข้าไปช่วยอาบให้เสียเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ กลัวไก่จะตื่นกลัวหากเขาแสดงออกชัดเจนจนเกินไป กลิ่นหอมของสบู่ลอยออกมาจากประตูห้องน้ำจนร่างสูงเผลอสูดดมเข้าไปจนสุดปอด ทั้งๆที่มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้อยู่ทุกวันแท้ๆ แต่มันกลับหอมยิ่งกว่าทุกๆวันที่เคยได้กลิ่น

พู่กันในชุดนอนสีฟ้าที่ดูหลวมกว่าตัวเล็กน้อยเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหยดน้ำจากผมที่หยดลงพื้น เขาว่ากลิ่นที่ลอยออกมาจากห้องน้ำว่าหอมแล้ว แต่พอพู่กันออกมายิ่งหอมจนอยากจะรวบร่างเล็กๆเข้ามาสูดดมเพื่อพิสูจน์ว่าหอมอย่างที่เขาได้กลิ่นจริงๆหรือไม่

“พอดีผม ลืมเอาผ้าเข้าไป ขอโทษนะครับที่ทำให้พื้นเปียก” เสียงหวานเรียกสติของร่างสูงกลับมา

“อา ผมลืมไปเลย นี่ครับ”

หมออนันต์ยื่นผ้าสีขาวผืนเล็กที่ตนถือไว้ให้คนตรงหน้า ที่จริงเขาไม่ได้ลืมอย่าที่ปากบอกหรอก แต่เขาอยากเห็นพู่กันที่มีสภาพผมเปียกอย่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ต่างหาก มือบางวางผ้าลงบนศรีษะซับเอาน้ำจากผมที่เปียกโชกออก ร่าฃสูงก้าวเข้าไปในห้องน้ำบ้างเพื่อชำระล้างร่าฃกายที่มีเหงื่อท่วมจากการยืนเป็นแบบให้พู่กันอยู่นาน เสียงน้ำไหลดังต่อเนื่องแต่พู่กันไม่ได้สนใจสักนิด ร่างเล็กๆนั่งอยู่ปลายเตียงมือทั้งสองสลับกันเช็ดผมจนมันแห้งสนิท

ความง่วงงุนเริ่มเข้าจู่โจมร่างบาง หมออนันต์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าสดชื่น หันมองพู่กันที่ปรือตาอยู่ปลายเตียงด้วยความเอ็นดู นี่คงง่วงมากแล้วสินะ คงนั่งรอเขาออกมาเพราะไม่กล้าจะนอนก่อนเขาแน่ๆ

“ง่วงก็นอนเถอะครับพู่กัน ไม่ต้องรอผมก็ได้ หึหึ”

“ผมรอดูดาวเป็นเพื่อนหมอก่อนครับ” ปากก็ว่าแต่มือเล็กๆกลับขยี้ดวงตาจนขึ้นสีแดง ร่างสูงหัวใจเต้นแรงกับท่าทางที่ดูราวกับเด็กไร้เดียงสา ความกระหายตีรวนขึ้นมาจนแน่นอก ลำคอแห้งผากราวกับขาดน้ำมานานแรมปี

“หมะ หมอ หมอทำอะไรอ่ะ!!”

“อย่าดิ้นสิครับ ผมกำลังจะพาพู่กันไปดูดาวก่อนนอนไงครับ”

เพราะอยู่ๆหมออนันต์ก็ผลักให้เขานอนลงบนเตียงแล้วทาบทับไม่ให้ไปไหน ทำให้พู่กันต้องยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ หมออนันต์เลียริมฝีปากที่แห้งด้วยความกระหาย ความร้อนที่แผ่ซ่านจากคนใต้ร่างและกลิ่นหอมจากกายบางยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากสัมผัส อยากราวมรักให้คนๆนี้เป็นของเขาเหลือเกิน

“อื้อ!!!!”

ในที่สุดความต้องการก็ชนะสติ ริมฝีปากของหมออนันต์บดเบียดความนุ่มหยุ่นเพื่อฉกชิมความหวาน ปลายลิ้นถูกสอดแทรกเข้าไปในปากเล็กที่เผยอขึ้นด้วยควาทตกใจ กวาดต้อนลิ้นเล็กให้ตอบรับเกี่ยวกระหวัดไปกับเขา มือบางที่ยันอกแกร่งเอาไว้สั่นระริก ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อความร้อนแรงจากริมฝีปากหนาเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะเผาไหม้ให้พู่กันหลอมละลายอยู่บนเตียง

เสียงดูดดึงของปลายลิ้นของทั้งสองดังก้องจนเสียงดัง แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงเรียกร้องที่ให้กระทำมากขึ้นของความต้องการ กลิ่นหอมและความลุ่มหลงมัวเมาตรงหน้าช่างหวานฉ่ำและเร้าอารมณ์จนพู่กันหูอื้อตาลายไปหมด แรงที่ใช้ขัดขืนในตอนแรกกลายเป็นการลูบไล้ไปตามแผ่นอกของคนที่ทาบทับจนร่างสูงครางออกมาด้วยความพอใจ

“อ๊ะ อือ”

ริมฝีปากของหมออนันต์จูบไล่ไปตามแอ่งชีพจรบริเวณลำคอขาว กลิ่นหอมจากเนื้อตัวของร่างเล็กเป็นเหมือนเชื้อไฟชั้นดีที่ถูกราดลงบนกองเพลิงแห่งราคะ ยิ่งดอมดมยิ่งต้องการ ฝ่ามือใหญ่ปลดเปลื้องชุดนอนสีฟ้าที่ตนเป็นคนมอบให้ออกจากร่างขาวนวล ผิวสีน้ำนมปรากฏออกมาให้เขามองด้วยสายตาชื่นชม ยอดอกสีสวยประดับอยู่บนแผ่นอกบางช่างเข้ากันจนตัวหมออนันต์อดคิดไม่ได้ หรือนี่จะเป็นประติมากรรมของพระผู้เป็นเจ้า มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

“อ๊ะ อ๊า”

ปลายลิ้นฉกชิมกับยอดเกสรสีสวยด้วยความกระหาย ดูดดึงจนมันแข็งเป็นไต ความหวานตรงหน้าทำให้ร่างสูงแทบไม่อยากผละออกไปไหน ถ้าจะให้เขาขาดใจตาย ก็ยินยอมหากได้ตายลงบนอกของคนๆนี้ หอมหวานเสียหมดทั้งกาย

พู่กันบิดเร้าร่างอย่างทรมาน ริมฝีปากปลดปล่อยเสียงครวญครางออกมาอย่างทนไม่ไหว ปลายลิ้นที่สัมผัสลงบนยอดเล็กๆบนแผ่นอกมันช่างร้อนราวกับผูกแผดเผาจากไฟปราถนา ยิ่งถูกดูดดึงกลับเป็นเขาเองที่เรียกร้องโอบแขนกอดรัดให้คนด้านบนสัมผัสเขามากขึ้น ฝ่ามือจิกลงบนเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อระบายความรู้สึกที่สะท้านไปทั้งตัว ในหัวขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออกมึนเมาไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่ถูกอีกฝ่ายมอบให้ หยอกเย้าให้หลงระเริงไปกับ กับดักต้องห้าม

“แฮ่กๆ”

แม้คนตัวใหญ่จะผละออกเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าตนและปิดไฟในห้องให้พู่กันได้ลดอาการเหนียมอาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้พู่กันได้สติและดิ้นหนีแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ยิ่งหมออนันต์ผละออกไปนานเท่าไหร่ ร่างบนเตียงยิ่งดีดดิ้นไปมาด้วยความต้องการที่ล้นปรี่ สองขาเปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบได้หากแต่ตอนนี้กลับกำลังแยกออกจนกว้างโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแดงระเรืออย่างกับคนเป็นไข้ เสียงหอบหายใจดังมาไม่ขาดช่วง ใบหน้างามสะบัดจนผมสีชมพูกระจายไปทั่วทั้งหมอน ช่างเป็นภาพที่ทำเอาเจ้าลูกชายที่อยู่ตรงหว่างขาผงกหัวทักทายด้วยอารมณ์หื่นไม่แพ้เจ้าตัว

ร่างสูงทาบทับลงไป บดจูบร้อนแรงจนริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อและเปียกชุ่ม มือใหญ่ลูบและกอบกุมเอาความน่าเอ็นดูของหนอนน้อยที่ผงาดสู้มืออย่างปลอบประโลมซึ่งเจ้าของได้แต่ครางเสียงแผ่ว หมออนันต์กดจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว ดูดผิวเนื้อบริเวณลำคอจนเกิดรอยแดงเพื่อตรีตราร่างบาง ความอุ่นร้อนในอุ้งมือใหญ่ขยายตัวตามแรงอารมณ์ของเจ้าของจนเรียกรอยยิ้มจากหมออนันต์ได้อย่างดี มือใหญ่ปล่อยความองอาจของคนตัวเล็กออก ป้ายเอาน้ำเมือกสีใสจากแก่นกายสวยก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในถ้ำลึกลับที่ยังรอให้ขาไปสำรวจ ความคับแน่นจากการบีบรัดตัวเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมทำให้คนตัวสูงนิ่วหน้า ก้มลงไปหยอกล้อกับยอดทับทิมสีแดงช้ำเพื่อให้ร่างเล็กลืมเลือนความรู้สึกเบื้องล่าง

“อื้อ ผม อ๊ะ อึดอัด”

“นิดเดียวครับ นิดเดียว”

เมื่อรู้ว่าความเปียกลื่นจากน้ำใสๆมีไม่พอ หมออนันต์จึงสิดมือเข้าไปหยิบเจลจากใต้หมอนมาบีบใส่มือที่บัดนี้ถูกนำออกมาจากการสำรวจ ความชุ่มฉ่ำวาววับจนเป็นที่พอใจจึงถูกนำเข้าไปกระตุ้นความพร้อมของร่างบางอีกครั้ง แม้มันจะอึดอัดเหมือนเมื่อครู่แต่เพราะไม่มีความฝืดเคืองอีกจึงถูกชักนำได้ง่ายกว่าเก่า นิ้วถูกงอดึงเข้าออกช้าๆอย่างไม่เร่งรีบ พู่กันกัดริมฝีปากบางเอาไว้เมื่อปลายนิ้วของคนด้านบนสอดเข้าไปจนกระตุ้นบางอย่างในตัวให้ร้อนผ่าว ช่องทางที่เคยบีบรัดปฏิเสธการเข้าหาของปลายนิ้วบัดนี้กลับคลายตัวเสียจน คนด้านลนสามารถสอดแทรกเข้าไปเพิ่มได้อีก

“อือ อ๊ะ”

เสียงหวานครางแผ่วด้วยความรู้สึกสะท้านแปลกๆ ยิ่งถูกสอดเข้าไปลึกเท่าไหร่ร่างเล็กๆก็ยิ่งดิ้นพล่าน ปากบางเผยอขึ้นอย่างเชิญชวน ตาปรือลอบมองใบหน้าหล่อเหลาด้านบนอย่างยั่วยวน หิวโหยบางสิ่งที่มากกว่านิ้วมือ หากแต่เขากลับไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

“แฮ่กๆ อ๊ะ หมอ อื้อ หมอครับ ได้ ได้โปรด”

“ครับ ผมก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

ยิ่งได้ยินเสียงร้องครวญครางข้างหูยิ่งทนไม่ไหว ยิ่งรับรู้ถึงอาการกระตุกของช่องทางเล็กยิ่งสะกดกลั้นอารมณ์ได้ยาก อยากสอดเข้าไปลึกๆ อยากกระแทกตัวเข้าไปโดยไม่สนใจว่าร่างเล็กๆจะเจ็บปวดแค่ไหน อยากเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวที่คนใจ้ร่างเขาจะแสดงออกมาเหลือเกิน หมออนันต์สูดหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอาการกระหายของตนเอง อย่างไรเสีย คนๆนี้ก็บอบบางเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้

“กัดไหล่ผมนะครับถ้าเจ็บ ผมจะค่อยๆทำ ผมสัญญา”

ดวงตาหวานฉ่ำปรือมองก่อนจะพยักหน้ารับคำของเขา สองมือสอดเข้าไปใต้แขนแกร่งโอบกระชับร่างหนาเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นของกันและกัน ช่างหอมหวานจนพู่กันเผลอกดจูบลงบนไหล่หนาอย่างรักใคร่ ความร้อนจากริมฝีปากเล็กที่สัมผัสแผ่วเบากับร่างกายตนเองทำให้หมออนันต์แทบคลั่ง

มือหนานำพาเอาความองอาจที่ผงาดพร้อมรบของตนจ่อตรงช่องรักสีสวยที่ยังเปิดอ้ารอรับ สะโพกแกร่งค่อยๆดันเอาความใกญ่โตเข้าไปช้าๆ เพียงสาวนหัวที่เข้าไปก็ทำให้พู่กันนิ่วหน้าใช้ฟันขบกัดไหล่หนาเพื่อระบายความเจ็บที่ได้รับ หยดน้ำตาค่อยๆไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ช่องทางเล็กบีบรัดสิ่งแปลกปลอมเอาไว้ไม่ยินยอมให้สอดแทรกเข้ามา จนคนตัวสูงถึงกับขบกรามแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“อื้อ ฮึก”

“อย่าเกร็งครับ ซี๊ด พู่กันครับ อย่าเกร็งตัว ผมจะค่อยๆ”

หมอก็พูดง่ายสิ เจ็บเหมือนร่างจะฉีกขาดแบบนี้มีใครไม่เกร็งตัวได้บ้าง ผมสีชมพูสะบัดไปมาแทนคำตอบ ช่องลับยังคงติดรัดอย่างรุนแรงจนตอนนี้ร่างด้านบนแทบจะสิ้นสติ มือหนาจับใบหน้าหวานให้รับจูบดูดดื่มของตน ชักจูงให้พู่กันหลงลืมความเจ็บปวดที่กำลังทรมานเขาอยู่ตอนนี้ให้หมดสิ้น มือซ้ายสะกิดยอดทับทิมสีแดงเล่น บ้างก็บีบบี้จนอีกคนเผลอครางลั่น แรงตอดรัดค่อยๆคลายตัวลง จนหมออนันต์เริ่มขยับตัวเข้าไปช้าๆ ทีละเล็กละน้อย

“อือ อ๊ะ หมะ หมอ ผมเจ็บ อื้อ”

“ซี๊ด พู่กัน อดทน ฮึ่ม ผมไม่อยากรุนแรงกับคุณเลย” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ยิ่งขยับแรงตอดรัดก็ยิ่งมีมาก อารมณ์ที่แทบจะประทุทะลุปรอทเร่งเร้าให้เขาหยัดกายเข้าไปให้สุด

“อ๊ะ อ๊า!!!!!” เล็บน้อยๆจิกลงบนแผ่นหลัง หยาดน้ำตาหยดลงไม่ขาดสายเมื่อคนด้านบนสอดกายใหญ่โตเข้ามาจนร่างสองร่างแนบชิดกัน หมออนันต์กดจูบแผ่วไปตามใบหน้างามอย่างลุแก่โทษ เขาผิดเองที่ห้ามตัวเองไม่ไหว กระทำรุนแรงออกไปทั้งที่เขาสัญญาเอาไว้ว่าจะค่อยๆทำแท้ๆ แต่ก็รักษาสัญญาไม่ได้

“ผมขอโทษ ขอโทษครับ”

“ฮืออ อ๊ะ หยะ อย่าเพิ่ง อ๊ะ!!”

ทั้งที่รู้ว่าควรหยุดแต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สะโพกสอบขยับพาความองอาจสำรวจภายในช่องรักจนสุดทาง ดึงร่างเข้าออกเป็นจังหวะ ราวกับกำลังบรรเลงดนตรีอันแสนสุข ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่ว หยุดอยู่ตรงแผ่นอกอันหอมหวานพร้อมดูดดึงเอาเม็ดมุกสีแดงจากแรงดูดดึงเข้าปาก ปลายลิ้นตวัดเลียจนคนใต้ต้องแอ่นอกขึ้นด่วยความเสียวซ่าน เสียงหอบและเสียงครวญครางดังระงมจนแยกไม่ออก

หมออนันต์ดึงร่างของพู่กันขึ้นนั่งทั้งที่ร่างของทั้งสองยังคงเชื่อมกันอยู่ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน สายตาคมมองปากอิ่มที่เผยอปล่อยเสียงครางแผ่วหวานอย่าเผลอไผล ก่อนจะกัดกินมันที่ยั่วยวนตาเขาไม่หยุด เสียงอื้ออ้าไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ จังหวะของสะโพกเล็กถูกมือหนาจับให้ขยับระรัวขึ้น แขนเล็กที่โอบรอบคอเกร็งแน่นกับความซ่านที่ไหลผ่านร่างกายตน ใบหน้าเล็กแหงนขึ้นกัดริมฝีปากไว้จนแน่น หมออนันต์ถูกภาพตรงหน้าตรึงสายตาไว้ มันช่างดูสวยงามจนไม่อาจจะละสายตาไปได้เลย

“หมอ อ๊า อ๊ะๆๆ”

“ซี๊ด ผมม่ไหวแล้วพู่กัน อ๊า ที่รัก”

สะโพกมนถูกกระชับแน่นเพื่อรับแรงกระแทกที่เร็วขึ้น ร่างทั้งสองกระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารรักสีขุ่น ช่องรักยังคงกระตุกตอดรัดความองอาจที่ยังคั่งค้างเชื่อมต่ออยู่ภายใน หน้าท้องแกร่งเปรอะเปื้อนคราบรักที่คนตัวเล็กปล่อยออกมา กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง เสียงหอบหายใจยังคงดังต่อเนื่องเมื่อทั้งคู่เพิ่งเสร็จสมจากสงครามรักที่หนักหน่วง

แขนแกร่งกระชับให้ร่างเล็กเอนกายลงนอนความองอาจที่อ่อนตัวลงค่อยๆถูกถอดออกจนหมด สายธารรักไหลเยิ้มออกมาปะปนกับเลือดบริสุทธิ์จนเปื้อนที่นอน ร่างสูงใหญ่ได้แต่ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออกก่อนจะนำไปทิ้ง พู่กันปรือตามองการกระทำของร่างสูงลอบมองใบหน้าหล่อที่ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดคราบจากส่วนที่ค่อนข้างบวมให้เขา เจ็บจนไม่มีแรงจะขยับตัว เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยินยอมให้ร่างสูงทำทุกอย่างที่ต้องการทั้งๆที่มันน่าอายแท้ๆ

“พักผ่อนเถอะครับ ผมจะเช็ดตัวให้” ผ้าผืนเล็กถูกชุบน้ำจนเปียกชุ่ม

“ผม อยะ อยาก กลับบ้าน” มือที่กำลังเช็ดไปตามเนื้อตัวคนบนเตียงชะงัก ตาคมดุจับจ้องใบหน้าของคนผมสีชมพูนิ่งๆ รอยยิ้มหวานถูกส่งให้จนอีกคนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อ่อนระทวยทั้งที่ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง

“กลับไปไม่ได้หรอกครับ ตั้งแต่วันนี้พู่กันต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับผม รู้ไหม หืม”

“ตะ แต่...”

“ตอนนี้พู่กันเป็นภรรยาของผม ผมเป็นสามีของพู่กัน เราจึงไม่ควรแยกกันอยู่จริงไหม” ร่างเล็กอึกอัก กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มตรงหน้าสมองจึงไม่สามารถไตร่ตรองคำพูดใดๆได้เลย

“อะ เอ่อ คือ”

“พู่กันจะอยู่กับผมที่นี่ ใข่ไหมครับที่รัก”

ความเจิดจ้าของรอยยิ้มนั่นทำให้พู่กันเผลอยิ้มและพยักหน้าตาม กว่าจะคิดได้ บทเพลงราคะแห่งรักก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้งตลอดทั้งคืน ความหอมหวานของรสรักพาให้พู่กันหลงละเมอไปกับมัน หใออนันต์สอนบทเรียนให้แก่คนตัวเล็กจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ได้แต่ส่งเสียงหอบหายใจและครวญครางอยู่อย่างนั้น

กว่าจะจบบทเรียนรักก็เกือบรุ่งสางแล้ว พลังงานถูกสูบไปจนหมด มือใหญ่ลูบศีรษะทุยอย่างเบามือด้วยความรักใคร่ ในที่สุด เขาก็ได้ครอบครองความหอมหวานนี้ ในที่สุด คนๆนี้ก็เป็นของเขา หมออนันต์ค่อยๆหลับตาลงเข้าสู่นิทราด้วยความสุขใจ แขนแกร่งกระชับร่างของพู่กันเขามากอดไว้จนแนบอกด้วยความหวงแหนและหลับไปในที่สุด









      >>>>>>>ต่อดานล่างนะคะ<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
       >>>>>ต่อค่ะ<<<<<


         ร่างเล็กๆของพู่กันค่อยๆขยับเปลือกตา กระพริบถี่ๆเพื่อปรับแสงที่สาดเข้ามา เกิดอะไรขึ้น นั่นคือคำถามที่พู่กันถามตัวเอง แต่เมื่อขยับตัว ความเจ็บจากเบื้องล่างก็แล่นแปล๊บจนเขาต้องนิ่วหน้า มันไม่ใช่ความฝัน ถึงแม้จะอยากให้เป็นหรือไม่อยากให้เป็นกันแน่นะ เริ่มสับสนแล้วสิ ใจหนึ่งทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน หมออนันต์ทำราวกับเขาง่าย เพียงแค่เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง รู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ ก็ยอมพลีกายนอนอ้าขาให้เขากระทำจนหมดสิ้นศักดิ์ศรี แล้วดูสิ เขาใยดีที่ไหน ตื่นมาคิดหรือว่าเขาจะรออยู่ข้างๆ พู่กันมองรอยยับข้างๆที่บ่งบอกว่าเคยมีผู้นอนอยู่ตรงนี้มาก่อนด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลลงสองแก้ม ความเสียใจเข้าจู่โจมจนไหล่เล็กๆสะท้านไปหมด เขาไม่น่ารับงานนี้เลย ไม่ควรมาพบหมอตั้งแต่แรก

จบเสียที ในเมื่องานจบ เราก็ควรกลับบ้าน

ทันทีที่ร่างเล็กๆพยุงตัวขึ้นจากเตียงนอน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วจนคนด้านในสะดุ้งรีบคว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกายเอาไว้จากคนอื่น หากแต่คนที่เข้ามานั้นกลับเป็นหมออนันต์ จากที่ตกใจอยู่แล้วยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้ดวงตาของหมออนันต์วาววับไปด้วยความปราถนาเช่นเดียวกับเมื่อคืนไม่มีผิด ยิ่งร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ๆ คนตัวเล็กก็ยิ่งถอยหนี แม้จะเจ็บทุกครั้งที่ขยับตัวก็ตามที

“จะไปไหนครับพู่กัน”

“อะ เอ่อ ผะ ผม คือ” เมื่อสบสายตาอันร้อนแรง คำพูดที่คิดจะพูดออกไปถูกกลืนหายไปจนหมด จะกลับบ้าน งานจบแล้ว คำพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ยากอะไรเลยที่จะเอ่ยออกมา แต่มันช่างยากเย็นนักเมื่ออยู่เบื้องหน้าของเขาคนนี้

ตึง!!!

“ว่าไงครับ.......จะ ไป ไหน หืม?”

ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้ายกมือขึ้นดันกำแพงจนเสียงดัง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายฉายชัดบนใบหน้าหล่อ สายตากวาดไปจนทั่วร่างขาวที่มีเพียงผ้าห่มปกปิดไว้

ร่องรอยสีกุหลาบเด่นชัดบนลำคอบาง มันทำให้คนทำยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ มือหนาไล่ไปตามร่องรอยที่เห็นจนพู่กันต้องหันหน้าหนีมือใหญ่ ตัวเล็กๆสั่นไปทั้งร่าง เรียกเสียงหัวเราะจากลำคอของหมออนันต์ด้วยความเอ็นดู ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย

“ผม.....ต้องกลับบ้าน” บ้าจริง เขาต้องบอกว่าอยากกลับบ้านสิ ไม่ใช่ต้องกลับ พู่กันอยากจะตบปากตัวเองเสียเหลือเกินที่เหมือนจะเปลี่ยนความหมายของคำพูดตัวเอง

“หึหึ ยังไงผมก็พาคุณกลับอยู่แล้วครับ พู่กันต้องกลับไปเอาของไงครับ เพราะตั้งแต่วันนี้ พู่กันจะมาอยู่กับผม ใช่ไหม”

สายตาดูกดดันจนคนถูกถามต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ขืนขัดใจไป มีหวังท่าล่อแหลมในตอนนี้คงได้ไปจบลงบนเตียงแน่ เพราะงั้น ยอมๆไปดีกว่า พากันยิ่งกระชับผ้าห่มที่ปกปิดตัวแน่นขึ้นเมื่อมือหนาลูบสะโพกของตนเล่นอย่างสนุกมือ

“หมอครับ ผะผมต้องแต่งตัว”

“จริงสิ คุณต้องอาบน้ำใช่ไหม ผมเองก็ยังไม่ได้อาบเลยตั้งแต่คุณหลับไป งั้นเรามาอาบพร้อมๆกันเลยนะ”

“เดี๋ยวหมอ....ครับผมจะอาบคนเดียววววววววววววว”

หมออนันต์ไม่ฟังเสียงใดๆ จับคนตัวเล็กอุ้มขึ้นและตรงเข้าไปในห้องน้ำดังที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้ เสียงหัวเราะดังตลอดทาง ก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง สายน้ำไหลลงมา ยังไม่อาจกลบเสียงครวญครางของทั้งสองคนได้ ไฟปราถนาร้อนรุ่มและแผดเผาจนคนทั้งคู่เหนื่อยหอบ กว่าจะจบกิจกรรมแห่งรักลงก็เมื่อตอนที่พู่กันแทบจะไม่มีแรงใดๆเหลือ กลางเป็นตุ๊ดตาที่ต้องให้หมออนันต์แต่งตัวให้ ถึงคนถูกจับแต่งตัวจะหน้าง้ำงอ แต่คนที่กำลังแต่งให้กลับยิ้มอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน









       พู่กันที่นั่งอยู่ในรถเงียบมาตลอดทาง ศีรษะพิงไปกับกระจกหน้าต่าง สายตาทอดมองออกไปอย่างเหม่อลอยจนคนที่มีหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้ถึงกับเป็นห่วง ทำไมพู่กันถึงชอบจมอยู่กับความเงียบกันนะ เขาไม่เข้าใจสักนิด หรือจะเสียใจที่เป็นของเขา

เพียงแค่คิดในใจก็ร้อนรุ่ม มือใหญ่ที่จับพวกมาลัยรถเกร็งแน่นจนน่ากลัว ตาคมเหลือบมองคนข้างๆมาตลอดทาง ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ครั้นจะถามความจริง หัวใจคนเป็นหมอก็ไม่แข็งแกร่งพอจะรับคำตอบได้ เสียงถอนหายใจดึงความสนใจจนพู่กันหันกลับมามอง เสียงหน้าเคร่งขรึมดูเครียดเสียจนน่าเป็นห่วง

“มีอะไรหรือเปล่าครับหมอ ทำไมหมอดูเครียดจัง” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเหมือนน้ำชั้นดีที่ถูกรดลงบนต้นไม้ที่เกือบจะแห้งเหี่ยว หัวใจของคนถูกถามชุ่มชื่นขึ้นจนแทบจะหายจากอาการคิดมากทันที

“ผม.....เห็นคุณเอาแต่เหม่อ คิดว่าคุณ......ไม่อยากไปอยู่กับผมหรือเปล่า”

คำถามที่ค้างคาใจถูกเอ่ยถามออกมาทันใด พู่กันนิ่งชงักไป อันที่จริงเขาไม่เคยรังเกียจที่จะไปอยู่กับหมอเลยสักนิด เขากลับดีใจที่หมอเลือกให้เขาอยู่ข้างๆ หัวใจเล็กๆเต้นระรัว ใบหน้าขึ้นสีจนต้องก้มมองมือของตนเอง

“ผม เอ่อ ดีใจที่จะได้ไปอยู่กับคุณหมอครับ” ยิ่งพูดก็ยิ่งอาย แก้มนวลแดงปลั่งจนคนข้างๆสังเกตเห็นได้ง่าย คำตอบเพียงแค่นั้นก็ทำให้หมออนันต์หัวใจพองโตจนคับอก รู้สึกเหมือนจะบุกขึ้นมาเต้นฉลองความสำเร็จไม่ก็หักพวงมาลัยเข้าข้างทางจัดการจูบปากเล็กๆที่ตอบได้ถูกใจเขาเสียเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องข่มใจเอาไว้ เพราะมันจะยิ่งทำให้พู่กันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

รถคันสวยถูกจอดลงหน้าบ้านของพู่กัน ทั้งคู่ก้าวลงมาอย่างไม่รีบร้อน ร่มรื่นน่าอยู่เสียเหลือเกิน นั่นคือความคิดของหมออนันต์ ใช่ว่าเขาคิดจะให้พู่กันไปอยู่ที่บ้านตนตลอดไป เจาเพียงแค่คิดว่า หากมีเวลาก็จะสลับกันไปนอนบ้านของกันและกัน หมออนันต์ที่กำลังก้าวเข้าไปยังตัวบ้านต้องชงัก เมื่อรูปวาดของผู้หญิงคนถูกติดเอาไว้จนสามารถมองเห็นได้ง่ายๆเมื่อเดินเข้ามา เขามองพู่กันที่ยกมือขึ้นไหว้รูปที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วนะครับ” ทันทีที่ได้ยินพู่กันเรียกว่าแม่ คนตัวสูงยกมือขึ้นไหว้แทบจะทันที

“สวัสดีครับ คุณน้า”

“แม่ครับ นี่หมออนันต์เป็น......เอ่อ”

“เป็นแฟนครับ” พู่กันกัดริมฝีปาก ตัวเองไม่กล้าบอกแม่ว่าคนตัวสูงข้างๆเป็นอะไรกับเขา เพราะกลัวถ้าหากบอกว่าเป็นคนรัก เกิดคนข้างๆปฏิเสธสักคำ เขาคงอับอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร

“ผมมาเก็บของไปค้างบ้านหมอนะครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ หมอเขาดูแลผมดี คนที่บ้านหใอก็ดีกับผมทุกคนเลย ผม.....ไม่เหงาเลยครับแม่”

“คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลพู่กันให้ดีที่สุด ผมสัญญาครับ”

คำมั่นที่คนข้างๆเอ่ยออกมา ทำให้พู่กันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันสุขจนล้นทะลักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาไม่เคยได้รับความรักขนาดนี้นอกจากแม่ และเขาเองก็เคยละเลยคนที่รักเขามากว่าชีวิตมาแล้วหนึ่งครั้ง เขาจะไม่ยอมทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

หากเมื่อใดที่พบเจอคนที่รักคุณมากกว่าตัวเขา จงอย่าละเลยจนเสียเขาไป เพราะโอกาสที่จะเจอคนแบบนี้ อาจมีเพียงครั้งเดียว

ของในส่วนที่จำเป็นถูกจัดลงกระเป๋าและยกลงมาข้างล่างจนหมด พู่กันหยิบเอารูปถ่ายของแม่ที่อยู่หัวเตียงในห้องของแม่ตัวเองมาใส่กระเป๋าตังค์เอาไว้ อย่างน้อย.....ขอมีแม่อยู่ใกล้ๆก็ยังดี

หมออนันต์ยกกระเป๋าของพู่กันไปใส่ท่ายรถจนหมด ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่และขับออกไป พู่กันนั่งนิ่ง อาการตื้นตันทุกครั้งที่มองหน้าคนข้างๆนี่มันยังไงกัน ทำยังไงถึงจะหาย ตื่นเต้นราวกับว่านี่เป็นการไปทัศนศึกษาครั้งแรกงั้นแหละ ทั้งๆที่ก็แค่...... ก็แค่......ไปค้างบ้านหมอ แค่นั้นเอง

ครืดด ครืดดด

“ฮัลโหลครับ”

‘คุณพู่กันนนนน งานของผมเสร็จเรียบร้อยหรือยังครับ’ พู่กันขมวดคิ้ว งานเหรอ งานอะไร หรือว่า!!!

“อ๊ะ รูปวาดหมออนันต์ใช่ไหมครับ เสร็จแล้วครับจะให้ผมเอาไปให้วันไหนที่ไหนดีครับ”

‘งั้นพรุ่งนี้ ที่ร้านเดิมนะครับ ผมจะเตรียมเงินไว้ให้’

“เอ่อ ครับ” พู่กันเหลือบมองใบหน้าหล่อที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาอย่างเดาไม่ถูก

“ใครครับ”

“อ๊ะ เอ่อ อะไรเหรอครับ”

“ใครโทรมาเหรอครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูขุ่นมัวเพราะได้ยินเสียงจากปลายสายว่าเป็นผู้ชาย แม้จะรู้ว่าเรื่องงานก็เถอะ แต่เขาก็อดหึงไม่ได้

“ลูกค้าน่ะครับ เขาโทรมาทวงรูปที่จ้างให้ผมวาด เอ่อ หมอ”

“พรุ่งนี้ใชไหมครับ ถ้างั้น......ผมไปด้วย”

“ครับ กะ ก็ได้ครับ” พู่กันหันมองหมออนันต์ที่ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเฉยๆด้วยความสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มกับเสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุขเท่านั้น

หึหึ ต้องไปขอบคุณเสียหน่อย อุส่าพาคนที่ถูกใจมาส่งให้เขาถึงที่แบบนี้









       พู่กันและหมออนันต์มาถึงร้านที่เป็นจุดนัดของนทีที่เป็นลูกค้าของพู่กัน ซึ่งตอนนี้มีเพียงคนตัวเล็กเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ เพราะร่างสูงเดินไปหาพนักงานเพื่อสั่งของมาให้คนรักได้ทานรองท้อง นทีเดินเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าของพู่กันด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อวันแรกเจอ นทียังคงดูน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และเมื่อนึกถึงคำพูดของนทีในตอนแรกที่เจอกันนั้น พู่กันก็อดรู้สึกผิดกับคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่เช็คนะครับ ยังไม่ได้กรอกตัวเลข คุณพู่กรอกเองได้เลยนะครับ”

กระดาษสีขาวแผ่นเล็กถูกยื่นมาตรงหน้าเมื่อนทีมองเห็นห่อสีน้ำตาลวางอยู่ข้างๆโต๊ะ นทีไม่รอช้ารีบคว้าไปดู ทันทีที่แกะดู ดวงตาสีน้ำตาลก็วาววับอย่างถูกใจ มือเล็กๆไล่ไปตามโครงหน้าของรูปวาดอย่างหลงไหล นี่สิ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ

“อืม.......ผมว่าตัวจริงผมดูดีกว่านี่นะ”

“หมอเดล!!!!”

นทีร้องด้วยความตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าด้านหลังตนนั้นปรากฏร่างของคนในรูปวาด ริมฝีปากบางยกยิ้มด้วยความดีใจ หัวใจเต้นแรงเมื่ออดคิดไม่ได้ว่า พู่กันไปบอกให้หมอมาพร้อมกับตนเพื่อนพบเขา หมอเดล หมอเดลรักเขา!!

“สวัสดีครับคุณนที ไม่พบกันนานเลย”

“ครับ ไม่พบกันนาน หมอเดลมาหาผมเหรอครับ” นทีถามด้วยเสียงอ่อนหวาน ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยความดีใจ พู่กันก้มหน้าหงุด ไม่กล้ามองภาพตรงหน้า กลัวเหลือเกินว่าความเจ็บปวดจะกัดกินหัวใจ

“ใช่ครับ ผมมาเพื่อ...”

“คุณพู่กันนี่ก็ ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องบอกหมอหรอก รบกวนเวลาหมอเปล่าๆ จริงๆแค่เอาเบอร์ผมให้หมอโทรมา แล้วเรานัดกันส่วนตัวก็ได้ครับ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เขาสงสัยว่านทีคงเข้าใจผิดคิดว่าพู่กันเรียกให้ออกมาพบด้วยความรักใคร่เป็นแน่

“เปล่าหรอกครับ ผมขอตามพู่กันมาเอง”

“หมอเดล......”

นทีกัดริมฝีปาก บิดตัวด้วยความขวยเขิน ในขณะที่พู่กันได้แต่กำมือแน่นกักเก็บความอิจฉา กลืนเอาก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก แค่เพียงหูได้ยินบทสนทนาใจก็เจ็บราวกับถูกฉีกกระชากแล้ว มือหนาของหมออนันต์เลื่อนมากุมกระชับมือบางของพู่กันเอาไว้แน่นราวกับต้องการปลอบโยน

“ผมอยากมาขอบคุณ ที่คุณจ้างพู่กันให้มาวาดภาพของผม จนเราสองคนได้เป็นแฟนกัน” คำบอกเล่าของหมออนันต์ทำให้นทีชงักค้าง จากความเขินอายกลับกลายเป็นความโกรธเกรี้ยว!

ปัง!!!

“ไม่จริง!!!!!!! แก....แกแย่งคนรักของฉัน!!! หมอเดลเป็นของฉัน!!!!!!” นทีโวยวายออกมาเสียงดังลั่นไปทั้งร้าน กาแฟและเค้กที่หมออนันต์ซื้อมาให้พู่กันสั่นไปตามแรงสะเทือนของโต๊ะที่ถูกมือนทีฟาดลงมา

“ผมไม่ใช่ของคุณ!! หยุดแสดงกิริยาแบบนี้กับคนรักของผม!! อย่ามาทำให้เขาเข้าใจผมผิดดีกว่า” หมออนันต์ยืนขึ้นด้วยความไม่พอใจ แขนแกร่งถูกพู่กันจับเอาไว้กลัวว่าจะเกิดการทำร้ายกันเกิดขึ้น

“หมอเดล ฮึก เรารักกันนี่ครับ ทำไมหมอพูดแบบนี้กับผม ฮืออ”

“ผมไม่เคยรักคุณครับคุณนที ผมเพียงแค่ทำหน้าที่หมอรักษาคุณเท่านั้น ผมมาวันนี้เพื่อขอบคุณที่ทำให้ผมเจอพู่กัน ไม่ใช่มาเพราะรักคุณ” ร่างของนทีทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เจ็บปวดกับสายตาเย็นชาที่ถูกมองมาจนทนไม่ไหว นทีกำหมัดแน่น ตัดสินใจหยิบภาพวาดขึ้นมาถือเอาไว้

“ผมจะไม่จ่ายให้คุณ แม่แต่บาทเดียว!!”

แควก แควก แควก

“อย่านะ!! อย่าทำแบบนี้ ผมจะเอาเงินพาแม่ไปเที่ยว ฮืออ” พู่กันเรียกคนตรงหน้าที่ทำลายเช็คจนเสียหาย คนตัวเล็กมองภาพนั้นอย่างหมดกำลัง เงินที่เขากำลังจะเก็บไว้เพื่อพาแม่ไปเที่ยว เงินที่เขาอุส่าหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง

“ไม่จำเป็น!!”

“หมอ..... ฮึก ฮืออ” พู่กันที่ร้องไห้เพราะความเสียใจอย่างหนักถูกหมออนันต์รวบเอวมากอดไว้แนบอก

“ผมมีปัญญาเลี้ยงเมียตัวเองได้ เชิญ!!”

นทีมองใบหน้าของคนที่ตนหลงรักอย่างน้อยใจ ก่อนจะวิ่งออกจากร้านไปด้วยความเจ็บปวดและใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา หมออนันต์ได้แต่ลูบหัวพู่กันเพื่อปลอบโยน น้ำตาของคนตัวเล็กไหลไม่ยอมหยุดเสียงสะอื้นดังออกมาจนคนฟังได้แต่เจ็บปวดไปกับเขา

“ไม่ต้องร้องนะครับ ผมจะดูแลพู่กันเอง เงินทุกบาทของผมก็คือของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีความจำเป็นอะไร มันคือความจำเป็นของผมเช่นกัน เข้าใจไหมครับ” พู่กันได้แต่พยักหน้ารับ มือป่ายเช็ดน้ำหูน้ำตาออกแล้วยิ้มให้ร่างสูงที่นังวางมือไว้บนหัวเขา สายตาคมมองคนรักด้วยความเอ็นดู











       หมออนันต์พาคนข้างกายกลับบ้าน คนที่บ้านของหมออนันต์วิ่งมาดูเมื่อเห็นว่าสภาพของร่างเล็กเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ทุกคนโอบกอดแลอบประโลมและต่อว่าหใออนันต์อย่างหนักที่ทำให้เขาร้องไห้ จนพู่กันแอบหัวเราะอยู่กับอกของคนรุ่นแม่จึงได้รับสายตาคาดโทษจากหมออนันต์เป็นของแถม

หมออนันต์นอนรอคนรักบนเตียงกว้างเมื่ออีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ นี่เป็นคืนแรกที่เขาและพู่กันจะใช้ชีวิตด้วยกัน นับจากนี้ไปเราจะมีกันและกันไปตลอด

“หมะ หมอยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

“ผมจะนอนได้ยังไงกัน ในเมื่อพู่กันยังไม่นอนเลยนี่นา” พู่กันยืนเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก อุส่าถ่วงเวลาไว้ให้นานเพราะคิดว่าเมื่อออกมาหมออนันต์คงจะหลับไปแล้ว พอมาเจอแบบนี้ เขาจึงทำอะไรไม่ถูก มือหนาของหมออนันต์ตบลงบนที่นอนด้านที่ว่างอยู่เพื่อจะเรียกให้คนที่ยืนอยู่ได้ล้มตัวลงนอนข้างๆ

“อ๊ะ หมอ!!”

“อายอะไรครับ ก็เราเป็นแฟนกันนี่นา นอนกอดกันไม่เห็นแปลกตรงไหน” พู่กันถูกฉุดดึงให้เข้าไปนอนจนชิดอกแกร่ง ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อถูกคนที่สวมกอดเอาไว้กดจมูกลงบนแก้มนิ่มอย่างแรง พากันได้แต่ย่นคอหนีริมฝีปากและจมูกที่ซุกซน

“หมอ อย่า ไม่เอา ผมง่วงแล้วนะ!!”

“นิดเดียวนะ ขอผมชื่นใจหน่อย”

“นิดเดียวจริงๆนะครับ”

“นิดเดียวจริงๆครับ”

สองร่างแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ความหอมหวานของกันและกันทำให้ทุกอย่างเลือนไปจากสมอง ร่างของคนสองคนเบียดเข้าหากัน แรงอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นไม่มีท่าทีจะดับลงง่ายๆ รอบแล้วรอบเล่าที่ความรู้สึกถูกถ่ายเทบอกเล่าเป็นทำนองเพลงรักที่ทั้งสองเป็นผู้สรรสร้าง

เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากห้องแทบจะตลอดทั้งคืน ไฟอารมณ์ไร้คนดับก็ไร้การมอดยังหลงหลอมละลายให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หลงไหลไปกับไฟอันร้อนรุ่ม คำว่านิดเดียวของหมออนันต์ไม่มีอยู่จริง พู่กันรู้แล้วเมื่อหลวมตัวตอบรับไป เพราะกว่าบทเพลงแห่งราคะจะจบลง ก็เกือบสว่างทีเดียว เตียงที่เคยสั่นไหวจากแรงกระแทกนิ่งสงบ ร่างที่ถูกคลุมด้วยผ้าผืนหนาโอบกอดกันจนแน่น ร่างเล็กหลับพริ้มลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อศึกรักได้จบลง ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าได้เข้าสู่นิทราไปแล้ว

“ผมรักคุณนะ พู่กัน ฝันดีนะครับ”

สองแขนโอบรัดจนแน่น ริมฝีปากกดจูบลงบนแผ่นหลังบางอย่างรักใครก่อนที่จะหลับไป รอยยิ้มแห่งความสุขประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งสองแม้ว่าจะจมอยู่ในห้วงนิทราไปแล้วก็ตาม มือที่กุมกันไว้เป็นดังคำสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร คนทั้งสองจะจับมือกันไปตลอดกาล จะใช้ความรักฝ่าฝันไปทุกๆอุปสรรค์ ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน แค่มีกันและกันก็สุขใจเกินพอ






The End
[/b][/size]









                ขอโทษนะคะที่ช้า พอดีแม่ของแมวท่านเข้าโรงพยาบาลอาการหนักมาก แมวเลยไม่มีเวลามาต่อ ช่วงหลังๆมันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ไว้แมวจะแก้ตัวกับห้องหน้า จะเติมเต็มความหื่นให้นะคะ ไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องของพู่กันที่เราเขียนไป มันจะกลับมาทำให้เรารู้จักรักษาสิ่งที่มีค่ากว่าสิ่งใดไว้ แมวยังโชคดีที่แม่แมวแค่ป่วย ท่านยังสามารถหายได้ สำหรับทุกคนที่แม่ยังสบายดีและไม่มีเวลาดูแลท่าน อย่าปล่อยปละท่านไว้ด้วยคำว่า 'เดี๋ยว' นะคะ เพราะคำๆนี้เมื่อเราหันกลับไปมองอีกครั้ง มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ ขอให้เรื่องของพู่กันและแม่ เป็นตัวอย่างของคำว่า 'สายไป'ถ้ายังไม่สายก็กลับไปดูแลท่านเถอะค่ะ ตัวเลขของเงิน เราสามารถรับรู้ได้ถึงยอดสุทธิ แต่ตัวเลขของเวลา เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยนะคะ แมวเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆแมวก็จะสู้เช่นกัน กลับไปกอดแม่และพ่อหรือคนที่สำคัญพร้อมแมวนะคะ แมวจะอยู่ข้างๆทุกคนเสมอ

Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มันก้อออกจะหวานๆหน่อย..เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หมอมาแล้ววววว


ปล.ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณแม่ของคนเขียนและทรงประทานพระพรให้หายจากการป่วยเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบทุกคู่เลย  o13 o13 o13

รออยู่นะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ขอให้คุณแม่หายเร็วๆนะคะ

ไม่ต้องรีบค่ะ คนอ่านรอได้ สู้ๆค่ะ

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lim__b26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมาก สนุกมาก
ชอบจนอยากให้แต่งเป็นเรื่องยาวเลยค่ะ


 :katai2-1:

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์


           ความวุ่นวายในตัวคลินิกเกิดขึ้นจากอะไรไม่อาจจะรู้ได้ เมื่อในตอนนี้ทั่วทั้งคลินิกกำลังถูกเหล่าบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่และหนุ่มๆยืนออกันอยู่หน้าคลินิกราวกับมีการเปิดตัวดารายอดดวงใจ ประตูกระจกถูกล็อคแน่นหนา ป้องกันการทะลุทะลวงเข้ามา ยังดีหน่อยที่ทุกคนด้านนอกเอาแต่หวีดร้องเรียกหาเท่านั้น ไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ อาจจะกลัวว่าจะทำให้คนๆนั้นบาดเจ็บก็เป็นได้

หมอวรวค์หรือไอวายของเพื่อนๆยืนหลบอยู่ที่ด้านในคลินิกเพราะกังวลต่อเรื่องพวกนี้มาก การปลุกระดมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ทำได้อย่างที่มันบอกจริงๆ ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน มันเป็นความตั้งใจของใครบางคนที่คิดจะกลั่นแกล้งเขา!!!

“มึงจะเอาไงวาย ปล่อยไว้แบบนี้?” สพลหรือหมอสามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหมอวายยังคงนิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“กูคิดอยู่......ว่าเป็นฝีมือใคร”

“หึ...มึงยังต้องคิดอีกเหรอวะ อีหรอบนี้กูว่าไม่พ้นเป็นฝีมือมันแน่ๆ” หมอวายได้แต่ถอนหายใจ ก็รู้ แต่ไม่มีหลักฐานไง จะโทรไปด่าก็มีหวังโดนมันกระแนะกระแหนกลับมาเสียมากกว่า ทุกคนเลิกคิ้วมองหน้าหมอวายราวกับเฝ้ารอคำตัดสินในเรื่องนี้ว่าจะเอายังไง ความกดดันทั้งหมดทั้งมวลทำให้หมอวายได้แต่ตัดใจ ยอมจับโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดต่อสายไปหาใครบางคน

‘ฮัลโหล’

“ไอหิน!!!!”

‘อ้าว! หมอวายนี่นา มีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาเรียกชื่อผมเสียดังลั่นเชียว’ ยิ่งได้ยินเสียงความหงุดหงิดในใจก็ถูกขุดออกมาจนแทบจะเผาไหม้ได้

“มึงทำเหี้ยอะไรไว้ล่ะ!!”

‘เอ๊ะ ทำอะไรน๊า~’ หมอวายได้แต่สูดหายใจเพื่อระงับความโกรธเกรี้ยวที่แทบจะมีมากพอให้ฆ่าคนตายได้โดยไม่สนใจเรื่องใดๆ

“เก็บพวกคนที่มึงจ้างออกไปจากหน้าคลินิกกูเดี๋ยวนี้!! ไม่งั้นกูจะแจ้งความแล้วนะ!!” แต่คนที่อยู่ปลายสายกลับยังคงความไหลลื่นและความยั่วเย้าอารมณ์ไว้

‘จุ๊ๆ ไม่เอานะไม่โมโห เดี๋ยวหน้าสวยๆจะมีตีนกานะครับ หึหึ’

“ไอสัส!! เอาคนของมึงไป กูให้เวลาสิบนาที ไม่งั้นกูจะเรียกตำรวจแล้ว”

ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธที่ไม่อาจจะระงับได้จึงทำให้ไม่อยากต่อปากต่อคำใดๆอีก มือบางกดตัดสายไปทันทีที่ตนเองพูดจบ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ้าใจหรือไม่ เพราะเมื่อถึงกำหนดเวลาสิบนาที เขาจะทำตามที่พูดจริงๆ หมอเสือได้แต่ตบไหล่ของเพื่อนเบาๆราวกับให้กำลังใจ สีหน้าของหมอวายถึงได้ดีขึ้นมานิดหน่อย หสกไม่เจอคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

“มึงก็ไม่น่าคิดมากนะ.......ก็รู้อยู่ว่ามันแกล้งมึงเพราะชอบมึง” หมอวายได้ฟังก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ดวงตาหวานเหลือบมองเพื่อนอย่างขุ่นเคือง ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงคิดว่าไอหมอนั่นทำเพราะชอบเขา มันเป็นไปไม่ได้สักนิดเดียว ตัวใหญ่อย่างกับควายแบบนั้นเขาไม่เอาหรอก ถ้าเป็นสาวสวยอกสบึ้มก็ว่าไปอย่าง ยิ่งคิดหมอวายก็ได้แต่ทำหน้าแหย จนทุกคนได้แต่หัวเราะกับความไม่รู้สึกตัวของเพื่อนตัวเล็ก ทั้งๆที่อีกฝ่ายเองก็ออกจะชัดเจน ถึงจะใช้วิธีกลั่นแกล้งก็เถอะ แต่พวกเขามั่นใจว่าดูไม่ผิดแน่นอน

“กูจะไม่ยอมให้มันมาปั่นหัวกูเล่นแบบนี้แน่!!!”

“คงไม่ต้องห่วงแล้วนี่ ดูนั่น......พวกนั้นยอมถอยไปแล้ว”

ฌชาพยักหน้าให้เพื่อนๆได้หันไปดูเหล่าผู้คนที่มาปิดล้อมคลินิกไว้นั้น ได้ล่าถอยไปแต่โดยดี หมอทั้งเก้าคนก็ได้แต่ถอนหายใจ ดีหน่อยที่หินมันคัยรู้เรื่อง ไม่ต้องให้ถึงตำรวจ แต่ดูเหมือนคนที่จะไม่จบจะกลายเป็นเพื่อนของเขาเสียเอง หมอวายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บแค้นไม่เลิกรา

“ไอสัสหิน!!”

“ปล่อยๆมันไปเถอะ มันก็ยอมถอยแล้วนี่” หใอเสือได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆ พยายามให้มันใจเย็นๆจะได้คิดให้มากๆ เพราะถ้าไอวายยิ่งดิ้นตามเกมส์ของไอหิน ก็มีแต่จะเข้าทางมัน

“แล้วนี่.....ไอพิตต์มันหายหัวไปไหนแล้ววะ” หมอวายเริ่มถามหาเพราะเมื่อกี้ไอเพื่อนตัวดียังยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่

“โน้น......มันเดินไปโทรหาเมียตรงโน้นเมื่อกี้เอง เห็นว่าไอกรมันต้องไปสัมมนาต่างจังหวัด คงหวงมั้ง ถ้าไม่ติดว่าคลินิกมีเรื่องวุ่นมันคงขับรถไปเฝ้าแล้วแหละ หึหึ” หมอเสือหันไปมองทางหมอพิตต์อย่างรู้ทัน อย่าว่าแต่มันเลย นี่น้องโอบของเขาก็ไปทำข่าวที่ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวแบบนั้น ไม่น่าไว้ใจสักนิด ว่าแล้ว ไปโทรหาน้องโอบบ้างดีกว่า

“อ้าว.....แล้วมึงจะไปไหนวะเสือ” หมอวายเอ่ยถามเมื่อยืนคุยกันได้ครู่เดียว หมอเสือก็คิดจะแยกตัวไปอีกคน

“ว่าจะไปโทรหาน้องโอบหน่อย ปล่อยไปทะเลคนเดียวนานๆ เดี๋ยวโดนหมาคาบไปกิน” หมอเสือพูดยิ้มๆทั้งๆที่สองตายังคงมองมือถือของตนเอง

“กูก็ต้องโทรหากังหันวะ” < หมอทาย

“กูด้วย กูต้องโทรหาน้องบาสของกู ไม่รู้ทำอะไรอยู่ที่มหา’ลัย” < หมอสาม

“กูก็ต้องโทรไปจีบแฟนกูต่อแล้ว” < หมอวิน

“กูว่าจะโทรหาพู่กันด้วยเหมือนกัน คิดถึงจะแย่แล้ว” < หมอเดล

หมอวายได้แต่อ้าปากค้าง รู้สึกหมั่นไส้พวกมันจนอยากจะยกเคาท์เตอร์ทุ่มใส่เหลือเกิน ไอความติดเมียของพวกมันนี่เอามาจากไหนกันนักหนา ไม่มีเวลาให้พวกเมียๆมันได้หายใจหายคอกันเลยหรือไง ถ้าจะขนาดนี้ ทำไมพวกมันไม่พกเมียมาคลินิกด้วยเลยละวะ หมอวายได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความเคียดแค้น

ไอพวกเพื่อนเลว ไอพวกติดเมีย!!!!!!

“แล้วมึงอะฌา มึงด้วยภพ”

“กูทำไมวะ อ๊ะ เดี๋ยวนะ คุณภูมิโทรมา......ฮัลโหลครับ อื้อ ผมก็คิดถึง อย่าสิ แบบนี้ผมเขินน๊า” เอาอีกคนแล้วเหรอ หมอวายได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆของฌชาด้วยความอึ้ง พูดไม่ทันขาดคำ ผัวมันก็โทรมา ดีเหลือเกิน!!! ฮึ่มมมม!!

“มึงห้ามไป ห้ามๆๆๆ กูห้ามมึงโทรหาใครนะไอภพ!!!” ใบหน้าของหมอวายง้ำหงอใส่เพื่อนตัวสูงคนสุดท้าย แต่หมอภพกลับได้แต่ส่ายหน้ายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาเสียอย่างนั้น

“โทษทีวะ กูมีนัดโทรไปคุยกับน้องชายคนไข้ หึหึ”

หมอวายได้แต่ยืนคอตกเพื่อนๆพากันหนีหายไปโทรหาเจ้าของหัวใจกันหมด เหลือไว้เพียงแต่เขาที่ไร้คนคู่ใจ ผู้คนก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเขามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งแบบที่หวังผลเป็นอื่นและแบบที่คบกันในสถานะแฟน สุดท้าย......มันก็จบลงในเวลาไม่นาน และมันก็เป็นแบบนั้นมาเสมอ ฮึ่ยยย เหม็นความรักโว้ย!!!!!! แต่สิ่งที่สำคัญกว่าอื่นใดจนต้องตะโกนเรียกพวกมันจนเสียงดัง คือมันดันลืมไปใช่ไหมว่านี่เวลาอะไร

“ไอเพื่อนเลวววว กลับมาตรวจคนไข้ก่อนสิโว้ยยยยยย”



                  ++++++++++++++................++++++++++++++





จากความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มระดับจนกลายเป็นความเกลียดชัง หมอวรงค์ไม่ยินดีมากนักกับการพบปะคนไข้ในวันนี้ ยิ่งเหล่าคนไข้ในความดูแลต่างพยายามเหลือเกินในการอ่อยเขาให้สำเร็จ มันก็คงเป็นสีสันดีหรอก หากวันนี้ไม่มีไอบ้าที่ชื่อหินมาก่อความวุ่นวายให้ชวนหงุดหงิดไปทั้งวันแล้วล่ะก็ เสืออย่างเขาคงไม่ปล่อยให้เหยื่อทั้งหลายต้องมาน่ะงหงอยเหงาเศร้าสร้อยเพราะไม่สนใจแบบนี้ หมอวรงค์ได้แต่ถอนหายใจออกมา พยายามจดจ่อให้สายตาและสมาธิอยู่กับท้องถนนที่แสนจะวุ่นวาย

เอี๊ยด!!!!!

“โอ้ย!! เหี้ยอะไรวะเนี่ย”

เสียงหวานสบถด้วยความไม่พอใจเมื่อจู่ๆรถของตนถูกปาดหน้าแถมจอดค้างเอาไว้อย่างตั้งใจจนหมอวรงค์ต้องเบรคกระทันหัน ส่งผลให้หน้าผากมนใต้ผมสีน้ำตาลกระแทกเข้ากับพวกมาลัยรถอย่าแรง ความโมโหที่สั่งสมมาจากช่วงเช้ากับความเจ็บที่ได้รับยิ่งทำให้คนตัวเล็กสติแตก เปิดประตูรถออกไปหวังจะต่อว่าต่อขานอีกฝ่ายในการเลินเล่อราวกับขับรถเด็กเล่นก็ไม่ปาน สองเท้าก้าวเข้าไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่ถูกไฟสุมจนร้อนไปทั้งอก ใช้มือเล็กๆเคาะกระจกรถอย่างแรง

“นี่คุณ!!! ขับรถยังไงของคุณครับ พ่อคุณสร้างถนนนี้เหรอถึงได้กล้า ไอหิน!!!!” จากที่คิดว่าเป็นคนไม่รู้จักกลับกลายเป็นโจทย์เก่าผู้ที่ขยันสร้างเรื่องให้เขาได้มีน้ำโหอยู่ตลอดเวลา นี่มันไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าเขาเดือดร้อนขนาดไหน คฃไม่สินะ เพราะถ้ามันสำนึกสักนิด มันคงไม่นั่งยิ้มกริ่มราวกับไม่ได้ทำอะไรผิดแบบนี้หรอก

“อ้าว หมอวายยยยยยยย” หิรัญลากเสียงยียวนกวนประสาทคนตรงหน้า อันที่จริงเขาตั้งใจที่จะปาดหน้ารถของหมอวรวค์เอง มันสนุกที่ได้เห็นใบหน้าหวานนั่นบิดเบี้ยวและขึ้นสีแดงเมื่อยามโกรธ ตั้งแต่สมัยเรียนเสียด้วยซ้ำที่เขาคอยตามแกล้งตามแหย่ให้อีกคนโมโห จะว่าไป.....เรื่องมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ใช่ ตั้งแต่วันที่เขาแย่งแฟนของร่างบางมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้จั้งใจก็ตาม

หมอวรวค์มองรอยยิ้มตรงหน้าที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อด้วยความไม่ชอบใจ มือเล็กๆก็คอยลูบหน้าผากมนปอยๆราวกับมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บลงได้ ดวงตากลมมองสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ส่งกระแสความไม่พอใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ คนตัวโตเปิดประตูรถก้าวออกมายืนอยู่เบื้องหน้าของหมอวรวค์ ส่วนสูงที่ต่างกันไม่ต้องสังเกตก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

         ลงมาแบบนี้สงสัยจะอยากมีปัญหา

เมื่อคิดได้แบบนั้นมีหรือคนที่ถือมั่นในศักดิ์ศรีอย่างเจาจะยอมให้มันข่ม ใบหน้าหวานแหงยเงยขึ่นสบตาอย่างไม่เกรงกลัว ความอวดดีฉายชัดออกมาจนหิรัญเกือบจะเผลอยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ดวงตาคมพราวระยับยามจับจ้องใบหน้าขอหมอวรงค์ใกล้ๆทุกองค์ประกอบช่างดูเข้ากันเสียเหลือเกิน ทั้งจมูกโด่งเชิดที่บ่งบอกถึงความดื้อรั้น ริมฝีปากเล็กสีระเรื่อที่ช่างด่าทอได้เจ็บแสบ ดวงตากลมสีน้ำตสลคู่นั้นที่มักจะมองหาเรื่องเจาตลอดเวลา ไหนจะแก้มใสๆที่มักจะแดงก่ำยามเมื่อเขายั่วยุอารมณ์ให้ต้องโมโห ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เกลียดเขาขนาดไหน

“โอ้ย!! ปล่อยกูนะเว้ย!”

หิรัญชงัก มองหน้าผากที่ขึ้นเป็นรอยแดงและปวดบวมด้วยความตกใจ สองมือใหญ่คว้าแขนเล็กๆเข้าใกล้ๆอย่าแรงจนอีกคนต้องร้องออกมา ความจริงเยาไม่ได้ต้องการให้คนๆนี้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงต้องการมาหยอกล้อด้วยก็เท่านั้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม สีหน้าห่วงใยปนรู้สคกผิดทำให้คนที่มีอาการดิ้นรนต้องหยุดชงักลงทันที สายตาคมกวาดมองไปทั่วราวกับต้องการสำรวจหาบาดแผล

        มันจะมาไม้ไหนวะเนี่ย

ร่างสูงที่สบเข้ากับสายตาระแวงและไม่เข้าใจของร่างเล็กๆก็ได้สติ พลักหมอวรงค์ออกก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาราวกับเมื่อสักครู่ไม่ได้ทำสิ่งใดให้อีกคนคลางแคลงใจแต่อย่างใด ใบหน้าหวานมองอารมณ์ที่ฉายอยู่บนใบหน้าหล่อด้วยความงุนงง เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นห่วงเดี๋ยวรู้สึกผิด แล้วมาตอนนี้.......ทำสีหน้าราวกับจะสมน้ำหน้าเขา มันบ้าหรือมันเป็นกิ้งก่าที่ชอบเปลี่ยนสีกันแน่

“เป็นห่าอะไร เป็นบ้าเหรอ!”

“เป็นอะไรดีล่ะ เป็นผัวมึงดีไหม?”

“ไอสัส!!!!”

หมอวรงค์ถลาร่างเข้าไปหาด้วยความโกรธเกรี้ยวหวังจะซัดให้ปากมอมๆนั่นได้มีเลือดสีสดออกมาคงจะดีไม่น้อย แต่เพียงแค่เหวี่ยงกำปั้นไปก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ทัน หมอวรงค์ขึงตาใส่อย่างไม่พอใจเมื่ออีกคนไม่ยอมปล่อยมือเขาออกทั้งๆที่เขาทั้งดึงทั้งกระชากจนเต็มแรง หิรัญยกยิ้มท้าทายนิ่งๆอย่างชอบใจที่อีกคนดิ้นไปมามือใหญ่จึงได้แกล้งปล่อยครตัวเล็กออก

“โอ้ย!!” หมอวรวค์ที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกปล่อยเอาง่ายๆก็ยังคงใส่แรงดึงเต็มที่จนล้มลงไปก้นกระแทกพื้นถนนโดยมีหิรัญยืนหัวเราะกับท่าทีนั้นอยู่

“ฮ่าๆๆ”

“หัวเราะอะไรวะไอเหี้ย!”

“กูชื่อหินต่างหาก” หิรัญบอกอย่างใจเย็น สองมือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆมองคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นยืน ท่าทางของคนตรงหน้าเขาคงไม่พอใจเขาอย่างมาก

“เรื่องของมึง!!!” หมอวรงค์หันหลังหนี ไม่อยากจะพูดคุยกับไอคนที่ชอบกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัว

“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนวะ อยู่คุยกับกูก่อน”

“อย่าแตะตัวกูนะเว้ย!! กูรังเกียจ!!” หมอวรงค์สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรังเกียจเหมือนดังที่น้ำเสียงหวานบอก หิรัญได้แต่กำมือแน่นอยู่ข้างตัว ชั่วครู่หนึ่งหมอวรงค์ราวกีบสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันเหมือนว่าคนตรงกน้าจะฟิวขาด แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะเพียงกระพริบตาทุกอย่างก็หายไป หลงเหลือเพียงแค่รอยยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่หิรัญชอบยิ้ม

“กูก็ไม่อยากจะจับนักหรอก รังเกียจไม่ต่างกัน” อาการสั่นไหวเข้าจู่โจมหัวใจดวงเล็กทันทีที่ได้ยิน สายตาวูบไหวไปชั่วขณะจนหมอวรงค์เองก็แปลกใจไม่เข้าใจตัวเอง แต่ก็ยังคงเชิดหน้าขึ้นท้าทาย ราวกับสิ่งที่อีกคนพูดมานั้นไม่ได้มีความหมายต่อความรู้สึกสักนิด

“งั้นก็ถอยรถมึงออกไป กูจะได้ไปให้พ้นๆสักที!”

“หึ......ยินดีเลย!!”

หิรัญเดินกลับเข้าไปนั่งในตัวรถและขับเคลื่อนออกจากเบื้องหน้าของรถคันเล็กของหมอวรงค์ คนตัวเล็กเองเมื่อเห็นว่าหิรัญยอมถอยออกตนก็กลับขึ้นรถและขับออกไป อารมณ์คุกรุ่นยังคงไม่หายไปจากคนทั้งคู่ ได้แต่กำพวงมาลัยรถแน่นอย่างระบายอารมณ์ ยิ่งสาดคำพูดใส่กันมากเท่าไหร่ ต่างคนก็ต่างมานั่งเจ็บใจกันเองทั้งนั้น

หมอวรงค์ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่กำลังเปลี่ยนไป รู้เพียงเมื่อใดที่ได้ยินคำพูดรุนแรงที่ทำร้ายความรู้สึกนั้น ใจของหมอวรงค์เจ็บเหลือทน แต่ก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้เลยว่าเพราะเหตุใด สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันเรียกว่าอะไรกันแน่ ส่วนหิรัญเองก็ได้แต่สบถถ้อยคำหยาบคายออกมา เกลียดจริงๆที่พูดอะไรออกไปตรงข้ามกับใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงต้องคอยหาเรื่องอีกคนด้วย ทั้งๆที่ความเป็นจริง เขาอยากจะพูดคุยด้วยดีๆ แต่พอเจอใบหน้าหวานที่ติดอาการง้ำหงอหรือความไม่พอใจทีไรปากมันก็ไปเองทุกที เฮ้อ.....สักวันหนึ่งนะ สักวันหนึ่ง





                          ++++++++++++++................++++++++++++++





หมอวรงค์ที่กลับมาถึงบ้านก็โยนกระเป๋าลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด ต้องยกมือขึ้นมาดูว่าในตอนที่ล้มลงไปนั้น ฝ่ามือเหมือนจะรู้สึกว่าถูกหินหรืออำรบางอย่างบาดเข้าให้ รอยขีดเป็นทางยาวและรอยเลือดที่แห้งเกาะทำให้พอจะรู้ว่ามันไม่ลึกมากเท่าไหร่ ร่างบางเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้หยิงเอาอุปกรณ์ทำแผลที่มีติดบ้านออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น สำลีขาวถูกแอลกอฮอล์ชุบจนชุ่มก่อนที่มันจะถูกเช็ดลงบนแผล หมอวรงค์ขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่ออาการเจ็บแสบที่แผลเข้าเล่นงาน สะเก็ดเลือดที่แห้งกรังถูกเช็ดออกจนหมดเหลือให้เห็นเพียงบาดแผลสีแดงเลือดเท่านั้น มือบางทิ้งสำลีเก่าลงบนโต๊ะ หมอวรงค์ทำแผลตัวเองอย่างขมักเขม่นจนเสร็จ สายตาหวานมองบาดแผลด้วยความเจ็บใจ ไอหิรัญมันกล้าดียังไงถึงมาทำให้มือของเขาเกิดรอยแผลแบบนี้ หมอวรวค์ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหยุดก่อกวนหยุดหาเรื่องเขาสักที ตั้งแต่ที่มันแย่งแฟนของเขาตอนสมัยเรียนมหา’ลัยมันก็ตามราวี ตามจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิก

“เมื่อไหร่วะหิน......เมื่อไหร่มึงจะเลิกหาเรื่องกับกูสักที!” หมอวรงค์ได้แต่พึมพำอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกแย่ หน้าผากมนแตะลงบนสองมือที่ประสานเข้าหากัน สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลและเครียดเหลือเกิน ภาพวันเก่าๆฉายเข้ามาซ้ำๆจนร่างเล็กอดติดไม่ได้ว่า ความผิดของเขาหรือมันแน่ ใครกันแน่ที่เป็นคนเปิดประเด็นความเป็นศัตรูขึ้นมา หมอวรงค์ได้แต่นั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว




ฝ่ายหิรัญที่กลับมาถึงบ้านตัวเองก็รุดหน้าเข้าไปยังห้องนอนทันที ริมฝีปากยกยิ้มยามนึกถึงใบหน้าและท่าทางไม่พอใจของหมอวรงค์ที่ยังติดตรึงอยู่ในความคิดเขาไม่เลือนหาย วรวค์ก็ยังคงเป็นวรงค์ ยังคงเกลียดขี้หน้าเขาเหมือนเช่นวันแรกที่ได้รู้จักกัน แต่ทำไมกันนะ ทำไมเขากลับชอบเหลือเกินที่จะได้มองใบหน้าบึ้งตึงและอิริยาบถต่างๆของวรงค์ที่แสดงออกมาเวลาที่เขาไปยั่วโมโห

เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาเริ่มเข้าใกล้ เริ่มไปกวนอารมณ์ให้อีกคนต้องเกิดความคุกรุ่นขึ้น มันคงจะตั้งแต่วันนั้น วันที่วรวค์จับได้ว่าเขาแอบเป็นกิ๊กกับกิ่งแก้ว แฟนคนสวยของวรงค์ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อผู้หญิงเลือกเขา มาออดอ้อนบอกกับเขาเองว่าโสดเพิ่งจะเลิกกับวรงค์ไปเพราะไม่มีเวลาให้ เขาถึงได้ยอมให้ควงนิดหน่อยเพราะกิ่งแก้วเองก็จัดว่าสวยใช้ได้ ในเมื่อผู้หญิงเสนอมามีหรือเขาจะไม่สนองกลับ

จนวันที่กิ่งแก้วชวนเขาไปทานข้าวที่คณะแล้วตัววรงค์เองก็มาเจอเข้าพอดี เหมือนวรงค์จะไม่พอใจอยู่มากส่วนกิ่งแก้วเองก็หน้าซีดอ้ำๆอึ้งๆหาคำตอบไม่เจอ เขาจำได้ดี ใบหน้านวลที่แดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตากลมโตคู่นั้นสะท้อนความผิดหวังและเจ็บปวดออกมาจนตรึงร่างเขาไว้ไม่ให้ขยับตอบโต้ ผิวแก้มน่าสัมผัสเหลือเกิน ตัวก็สูงเพียงแค่อกเขาแท้ๆ แต่กลับทำท่าทางราวกับว่าตัวเราเท่ากัน

วันนั้นเขาก็ได้แผลบนหน้ามาเต็มๆ มุมปากช้ำ โหนกแก้มเองก็เช่นกัน แต่มันไม่ได้ลดทอนความหล่อบนหน้าเขาหรอกมันกลับยิ่งเสริมให้เขาดูเท่ยิ่งขึ้นไปอีกในสายตาสาวๆด้วยซ้ำ นับจากวันนั้นมา ทุกครั้งที่เขาเจอหน้าวรงค์ ตัววรงค์ก็มักจะมีสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน ยิ่งได้เห็นเขาก็ยิ่งเสพติด จนทุกวันนี้ เขาจะต้องหาทางไปพบหาเรื่องไปให้ได้เห็นหน้าอยู่บ่อยๆ

“มึงทำให้กูหลงจนแทบบ้าอยู่แล้ว รู้ตัวไหมวะวาย” หัวใจเต้นตึกตักทุกครั้งที่เขาคิดถึงใบหน้าของวรวค์ อีกคนจะรู้ตัวไหม อีกคนจะคิดถึงเขาไหม คืนนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร รู้เพียงแค่หัวใจ ทำงานไม่ปกติเลย

ปากแดงช่างส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แก้มใสที่หลอกล่อใจให้เขาต้องมอง ดวงตากลมที่วาววับทุกครั้งที่เห็นหน้าของเขา ทุกอย่างของวรวค์เขาจำได้อย่างชัดเจน มันชัดเสียจนเขาเผลอจินตนาการไปด้วยซ้ำ ถ้าหากว่า........ปากแดงๆนั่นเผยอขึ้นสักหน่อยหอยหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตากลมสีน้ำตาลหวานฉ่ำคู่นั้นปรือมองแค่เขา แก้มใสขึ้นสีระเรือยามถูกกระตุ้น หากร่างเล็กๆที่เขาได้สัมผัส มานอนอยู่บนเตียง ไร้สิ่งใดปกปิดผิวกาย หากร่างขาวๆมีร่องรอยสีกุหลาบที่เขาเพียรทำไว้ย้ำเตือนว่าเป็นของใคร มันคงจะดูสวยมาก

       อยากฉกชิม อยากดื่มด่ำ อยากจะทำให้เป็นของเขา

หิรัญเลียริมฝีปากตนด้วยความกระหาย แววตาฉายชัดถึงความปราถนา บางสิ่งใต้ร่มผ้าดีดดุนจนโป่งนูน ความกระสันตีตื้นจนแน่นอก อยากปลดปล่อยเข้าไปในตัวของวรงค์ อยากจะสอดใส่เข้าไปลึกๆ กระแทกร่างให้อีกคนครวญครางเรียกเพียงชื่อของเขา ทำให้ขาดเจาไม่ได้ ปากที่เคยพร่ำด่าและต่อว่า หากเปลี่ยนมาเป็นเสียงคราง เขาคงจะถึงได้โดยไม่ต้องสัมผัสแน่

“ชิท!! ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้” หิรัญได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ดิบที่ตื่นขึ้นมา จะยังไงตอนนี้ เจาก็คงต้องหาทางปลดปล่อยก่อนเสียแล้ว




>>>>>>>มีต่อนคะ<<<<<<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2018 14:32:31 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<


“อ๊ะ!! พะ พี่ อ๊า!! เจ็บครับ อื้อ!!!” เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างสองร่างบนเตียงสีขาวยังคงโรมรันกันอย่างเมามัน หิรัญไม่ยอมปล่อยให้อีกคนได้พัก ยังคงโหมกายกระแทกร่างเข้าไปจนสุด ข้างเตียงใหญ่เกลื่อนไปด้วยถุงยางที่ใช้แล้วทั้งสิ้น ร่างเล็กๆบนเตียงปรือตามองอีกคนที่อยู่เหนือร่างอย่างมีความสุข หลงละเมอไปว่าหิรัญรักตนมากขนาดนี้ที่ไม่ยอมหยุดพักสักวินาทีเดียว

“ซี๊ด อา อ๊ะ”

ใบหน้าหล่อครวญครางออกมาด้วยความสุข จินตนาการว่าคนที่เขากำลังร่วมรักนั้นคือใครอีกคน สิ่งที่คอดรัดเขาคือช่องทางของคนๆนั้น ความหึกเหิมเกิดขึ้นในใจ สะโพกหนาขยับดันตัวตนเข้าไปอย่างแรง ไม่คิดจะถนอมอีกคนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งได้ยินเสียงของคนใจ้ร่างร้องครางด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวด ใบหน้าของอีกคนก็มาทาบทับ ทุกอิริยาบถของคนใต้ร่างเขานั้นถูกแทนที่ด้วยคนที่หิรัญคิดถึง

“พี่ครับ อื้อ ระ แรง แรงไปแล้ว ผม อ๊า ไม่ไหวแล้ว อ๊าๆๆ”

ยิ่งเห็นว่าวรวค์ในจิตสำนึกร้องครวญครางเร่งเร้าราวกับจะขาดใจ หิรัญก็ยิ่งโหมกายกระแทกเข้าไปอย่างแรงระรัวจนปลดปล่อยออกมา คนใต้ร่างหอบกระเส่ากระตุกเกร็งปล่อยสายธารจนเปรอะมือตนเอง ใบหน้าหวานแหงนเงยหวังจุมพิศหวานล้ำจากหิรัญ แต่ก็ต้องนิ่งค้างเมื่ออีกคนถอดถอนกายออกไปอย่างไม่สนใจ ช่องทางเล็กบวมแดงจนเกือบจะช้ำ เลือดสีสดหยดจนเปื้อนที่นอนเป็นดวงๆ ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวดเมื่อยันร่างกายตัวเองขึ้นนั่ง

“พี่จะไปไหนครับ ไม่ค้างกับผมเหรอคืนนี้” โจถามเมื่อเห็นว่าคนที่เร่าร้อนรุนแรงก่อนหน้านี้เริ่มแต่งตัวเพื่อจะกลับบ้าน

“ไม่.....กูจะกลับเลย”

“ทำไมพี่ไม่ค้างกับผมบ้าง ผมเป็นแฟนพี่นะ!!” หิรัญหัวเราะลั่น หันมามองใบหน้าของโจที่ไม่พอใจอยู่บนเตียง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ชื่อว่าแฟนยิ่งหงุดหงิด

“กูเคยบอกเหรอว่ามึงเป็นแฟน? หืมโจ มึงไม่ใช่เหรอที่เดินมาเสนอให้กู แล้วทุกครั้งที่กูนอนกับมึงกูก็วางเงินไว้ให้ตลอด”

“แต่ผมรักพี่นะ!!! ผมยอมนอนกับพี่เพราะผมรักพี่ต่างหาก!!!” โจเริ่มตะคอกเสียงดัง ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจที่อีกคนพูดถึงเรื่องเงินขึ้นมา หิรัญยืดตัวขึ้นตรงมองใบหน้าของโจที่อยู่บนเตียงด้วยความเหยียดหยามไม่ปิดบัง ดวงตาคมฉายชัดถึงความดูถูกจนคนถูกมองตัวสั่นระริก

“แล้วมึงกล้าพูดไหมว่าไม่ได้เอาเงินที่กูให้ไปใช้?? มึงกล้าพูดไหมว่าที่กูพูดมามันไม่จริง?”

“ผะ ผม ผม...” ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากัน หลบตาวูบไม่กล้าพูดออกมาเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดมามันคือความจริง เขาใช้เงินที่หิรัญให้มาจริงๆ เพราะเขาติดของหรูหรา แบรนด์เนมตามเทรน และเงินที่หิรัญให้ทุกครั้งเขาก็ใช้ไปกับพวกนั้นจนหมด แต่ไม่นึกว่า.....หิรัญจะเห็นเขาเป็นเพียงคู่นอน เขาเผลอคิดไปว่าเป็นแฟนของอีกคน แบบนี้เขาจะไปพูดกับเพื่อนๆทาเขาโม้เอาไว้ยังไงกันละ นี่เขาไม่ต่างจากอีตัวเลยสักนิด มือบางกำผ้าห่มแน่นด้วยความคับแค้นใจ แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเขาเอง

“กูกลับล่ะ ไว้กูจะโทรหาอีก ถ้ากูอยาก”

“อึก คระ ครับ”

หิรัญเดินออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เขาที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ไปไหน ความกระดากอายเข้าจู่โจมเขาอย่างหนัก แม้ไม่อยากให้อีกฝ่ายดูถูกดูแคลน แต่เขาก็ต้องตอบรับอยู่ดี เพราะตัวเขาเองก็ต้องใช้เงิน และหิรัญก็ไม่เคยให้เขาต่ำกว่าสามหมื่น โจก้มลงเก็บเศษซากถุงยางที่กองอยู่เกลื่อนพื้นห้อง หลงคิดไปเสียไกลว่าที่หิรัญโหมกระหน่ำกับร่างกายเขาก็เพราะความคิดถึง ที่ไหนได้ เห็นเขาเป็นเพียงแค่ตัวแทนใครบางคน ความเจ็บใจแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างหนัก อยากจะโกรธแค้น อยากจะต่อว่า แต่เขาก็ทำได้แค่ยอมรับ ยอมรับมันให้ได้เท่านั้น
อิจฉาคนนั้นเหลือเกิน คนที่ได้หัวใจของพี่หินไปครอง





                                ++++++++++++++................++++++++++++++









รถคันหรูสีดำขับเคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบที่คลินิกมารักษ์ ร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่กางเกงยีนส์สีดำกีบเสื้อคอปกแบรนด์ดังโดยมีแว่นตาสีชาปกปิดดวงตาเอาไว้ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับหญิงสาววันกลางคนอีกผู้หนึ่ง ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ หากแต่ความหล่อที่ช่างสะดุดตานั้นเป็นดั่งการป่าวร้องให้ทุกสายตาหันกลับมาสนใจ ไม่ว่าใครที่ชายหนุ่มได้เดินก้าวผ่านหน้าไปมักจะหลอมละลายไปกับกลิ่นกายและออร่าที่เปร่งประกาจออกมาจนน่าอิจฉา

“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณหมอวรวค์ค่ะ” คุณหญิงพิมพ์ลดาเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวหน้าเคาท์เตอร์ด้วยรอยยิ้มบางๆจนคนที่ได้รับรอยยิ้มต้องตกมือขึ้นไหว้ด้วยความเคารพต่อท่าทางสง่างามและการวางตัว

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ไหมคะ” แม้จะอยากพาไปแต่ด้วยตามระเบียบและหน้าที่จึงต้องเอ่ยถามขึ้นก่อน

“ไม่จ่ะ ยังไงรบกวนหนูบอกคุณหมอหน่อยนะจ๊ะว่า คุณหญิงลดา มาขอพบ”

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หญิงสาวบอกอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกไปยังห้องตรวจประจำของหมอวรงค์

คุณหญิงพิมพ์ลดายืนรออยู่ด้วยความคาดหวัง หากวันนี้คลินิกอันมีชื่อเสียงช่วยเหลือลูกชายของเธอไม่ได้ เธอก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว ดีหน่อยว่าเพื่อนของเธอมีลูกชายทำงานอยู่ที่นี่ เธอจึงได้หันหน้าไปปรึกษาได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นถูกนักข่าวลงเสียๆหายๆเป็นแน่

ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นตาไม่แสดงสีหน้าใดๆต่อการมาที่นี่ หากแต่แววตาที่ถูกปกปิดไว้นั่นมันกำลังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ยิ่งได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากผู้เป็นแม่ยิ่งแทบจะปล่อยรอยยิ้มอย่างสมใจออกมาให้ได้เห็น ดีที่เขายังคงรักษาความนิ่งเงียบเอาไว้ได้ดี จนไม่ผิดสังเกต ดี ดีเหลือเกิน แบบนี้ก็เข้าทางเขาอย่างดีเลยสิ หึหึ หญิงสาวเดินกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มประดับบนใบหน้าสวยเมื่อคำตอบที่ได้รับมานั้นไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ

“เชิญคุณหญิงทางนี้เลยค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ ไป เจ้าหิน”

“ครับ....” ผมพร้อมอยู่นานแล้ว คุณหญิงพิมพ์ลดาและหิรัญเดินตามหลังหญิงสาวไปติดๆ จนมาถึงหน้าห้องที่วรงค์ประจำอยู่ มือบางเค่ะประตูเบาๆเป็นการชออนุญาตก่อนจะเปิดให้คุณหญิงพิมพ์ลดาและหิรัญได้เข้าไป หมอวรงค์หันมามองเพื่อนของมารดาด้วยรอยยิ้มหากแต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เดินตามเข้ามา ความหวุดหงิดงุ่นง่านก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าห่ยไปแทบจะทันใด สีหน้าบึ้งตึงช่างเรียกรอยยิ้มจากหิรัญได้ดีเหลือเกิน หากแต่คุณหญิงพิมพ์ลดาต่างหากที่ได้แต่งุนงงกับกิริยาของลูกชายเพื่อนสนิทที่เพียงครู่เดียวใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็กลายเป็นหงุดหงิด

“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนูวาย”

“อ๊ะ! สวัสดีครับคุณหญิงป้า เชิญนั่งก่อนสิครับ” หมอวรงค์เลิกสนใจใบหน้าอันชวนหงุดหงิดด้านหลัง เลือกที่จะสนทนาเพียงกับผู้เป็นเพื่อนสนิทของมารดาแทน คุณหญิงพิมพ์ลดาส่งยิ้มเอ็นดูให้ก่อนจะนั่งลงแม้ว่าจะเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคลินิกอยู่พอตัว แต่เธอก็เลือกจะไม่ถาม

“นี่ตาหิน ลูกชายป้าเอง”

“อ่า ครับ สวัสดีครับ คุณหิรัญ!” ร่างเล็กได้แต่กัดฟันพยายามทักทายอีกคนด้วยความปกติ แต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มกวนอารมณ์บนใบหน้าหล่อนั่นเขาก็แทบจะพุ่งตัวไปตะบันหน้าให้ได้แผลอีกสักยกสองยก

“ครับหมอวาย ไม่ได้เจอกัน ‘นาน’ เลยนะครับเนี่ย”

ไม่เจอกันนานอะไร วันห่อนแทบจะต่อยกันตายข้างถนนเรียกนานเหรอ ใจจริงเขาอยากจะเอ่ยถามให้ได้หน้าแตกกันไปข้างหนึ่ง ติดตางที่เจาไม่พึงใจจะรู้จักมันสักนิด ไม่อยากจะได้ชื่อว่า เคยพบมันมาก่อน

“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอลูก ดีเลย ป้าฝากหนูวายรักษาตาหินให้ป้าหน่อยสิ ป้าเครียดมากเลยตอนนี้” หมอวรวค์หันมองใบหน้าที่เครียดลงตามคำพูดด้วยความสงสัย

“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณป้า”

“คือตาหินของป้าเนี่ย เอ่อ ไปก่อเรื่องไว้ วันก่อนมีคนเข้ามาที่บ้าน โวยวายขอเรียกร้องเงินว่าตาหินทำ.....แบบนั้นจนเขาระบม บ้างก็มายืนทะเลาะเยื้องแย่งกันแถมยังพูดถึงเรื่องบนเตียงว่าตาหินของป้าเนี่ย รุนแรงจนเรียกว่า เอ่อ เตียงแทบจะหัก”

ร่างบางนั่งฟังด้วยอาการตกตะลึง เหลือบไปมองไอตัวต้นเหตุที่ยืนพิงผนังยิ้มกริ่มราวกับไม่รู้ความผิดของตนสักนิด ใบหน้าของคุณหญิงพิมพ์ลดาหมองเศร้าลง อับอายอย่างเหลือแสนที่ต้องมานั่งบรรยายอะไรที่แสนกระดากปากเช่นนี้

“ผม.....จะรับเรื่องไว้แล้ว เอ่อ จะให้เพื่อนช่วยรักษานะครับคุณหญิงป้า” เพราะเขาไม่อยากเอาตัวไปยุ่งกับผู้ชายที่ชื่อหิรัญ แม้จะด้วยฐานะของคนไข้ก็ตาม

“ถ้าให้คนอื่นรักษาผมกลับนะครับแม่ ผมไม่รักษา”

“แต่ ตาหิน เดี๋ยวสิลูก!!”

ร่างของคุณหญิงลดารีบหยุดยั้งลูกชายผู้เอาแต่ใจไว้ก่อน อาการของลูกเธอเป็นยังไงเธอไม่รู้หรอก แต่จะให้มานั่งฟังพวกคนที่นอนกับตาหิรัญพูดถึงเซ็กส์อันดุเดือดก็คงไม่ไหว มีหวังได้หัวใจวายตายก่อนวัยแน่ๆ เพราะแค่ตอนนี้ก็ต้องพกยาดม ยาลม ยาหอมแล้ว

“ถือว่าป้าขอร้องนะหนูวาย หนูรักษาให้ตาหินเถอะนะลูก ป้าไม่ไหวจะฟังเรื่อง บนเตียงของลูกชายจากพวกนั้นแล้ว ป้าอ่ยถสั้นลงทุกวันๆแล้วลูกเอ้ย”

“แต่ คุณหญิงป้าครับ คือ...”

“นะลูกนะ ช่วยป้าเถอะ” หมอวรงค์ได้แต่ถอนหายใจ จะให้ใจร้ายปฏิเสธไปเรื่อยๆก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เพราะสีหน้าเป็นทุกข์ของคุณหญิงป้าที่พยายามขอร้องเขาและคำพูดพวกนั้นยิ่งทำให้ร่างเล็กพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับไปเท่านั้น ความหมองเศร้าที่ฉายบนใบหน้าของคุณหญิงพิมพ์ลดาห่ยไปจนหมด หลงเหบือเพียงความดีใจที่เต็มตื่นอยู่ในอก

“ขอบใจมากนะลูกนะ งั้นป้าฝากตาหินไว้เลนแล้วกัน ป้าต้องไปธุระต่อแล้ว”

“เดี๋ยวครับ ผม....”

“ขอบใจมากนะหนูวาย”

คุญหญิงพิมพ์ลดาเดินออกไปโดยไม่รอฟังสิ่งที่เขาได้พูดค้างอยู่สักนิด แถมยังเอาตัวปัญหาใหญ่มาทิ้งไว้ให้เขาอีก หมอวรงค์ได้แต่กุมขมับ โยกย้ายมันไปไว้ห้องอื่นได้ไหม เขาเหม็นขี้หน้าจนแทบไม่อยากจะหายใจอยู่แล้ว แต่ยังไงก็คงไม่ได้ ลองรับปากเองไปแล้วแบบนี้คงไม่แคล้วต้องยอมรักษานายหิรัญที้ขาเกลียดแสนเกลียดจนเข้าไส้นี่แหละ

“ว่าไง.......จะรักษากูยังไงละครับคุณหมอวาย”

“ไม่ต้องมาทำเสียงกวนตีนกู เดี๋ยวกูจะให้มึงไปคุยกับไอภพแทนแล้วกัน มึงสนิทกันนี่!”

“อ้อ!! กูก็เพิ่งรู้ ว่าหมอวายที่เป็นที่นับหน้าถือตา.....จะผิดคำพูดที่รับปากเอาไว้ เพียงเพราะเรื่องส่วนตัว!”

“มึง!!!!”

“ว่าไง สรุปกูต้องไปตรวจที่ห้องไอภพใช่ไหม” หมอวรงค์ได้แต่กัดฟันไม่พอใจ ในอกร้อนราวกับมีใครมาก่อไฟสุมไว้จนแทบจะมอดไหม้ สายตาเต็มไปด้วยความแค้นเคืองเวลาที่มองหิรัญ แต่คนถูกมองกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ

“ไม่ต้อง!!!! กรอด! กูจะรักษามึงเอง!!!!” รอยยิ้มถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากของหิรัญ ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปจนทั่วทั้งห้องก่อนจะนั่งลงบนเตียงใหญ่ เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนที่เป็นเจ้าของห้องๆนี้ กระทำสิ่งใดกับใครมาบ้าง ยิ่งคิดแววตาคมก็ปริ่มไปด้วยความอิจฉา ไฟริษยาสุมร้อนไปจนแทบทนไม่ได้ เตียงที่เขานั่ง พื้นที่เขายืน ในห้องที้ขาอยู่ กี่คนกันนะที่วายนอนด้วย ทั้งๆที่......หมอนั่นควรจะเป็นของเขาแท้ๆ

“.....หิน”

มันควรเป็นแค่ของเขา ควรจะอยู่กับเขา!!





๕๐%



TBC












             โอ๊ะโอ๋~ มีคนเรียกร้องให้ทำเรื่องยาวเยอะเหมือนกัน งั้นแมวขอถามตรงนี้เลยนะคะ 'อยากให้ทำห้องไหนเป็นเรื่องยาว' หรือให้ปั่นยาวเก้าห้องเลยเอ่ย 555555 แต่ถ้าจะให้แมวเอามาทำเรื่องยาว แมวบอกเลยว่าเรื้อเรื่องเปลี่ยนไปแน่ๆค่ะ เพราะอันนี้คือเรื่องสั้นแมวเลยทำให้มันจบลงในจำนวนหน้าที่จำกัด เหตุการณ์เลยไม่ยืดเยื้อมาก แต่ถ้าทำเรื่องยาว คงต้องปรับอะไรอีกเยอะเลย ลองว่ากันมาดูนะ แมวจะลองคิดๆดู จริงๆตอนแรกอาการของคุณแม่แมวทรงตัวขึ้นเยอะแล้ว แต่วันนี้อาการของท่านแย่ลง แต่แมวจะสู้ค่ะ แมวเชื่อง่าคุณแม่ก็จะสู้เหมือนแมว ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ให้แมวมานะคะ กราบขอบพระคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ me_toey

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอนนี้สนุกอ่ะ..ตาหินนี่ร้าย..ยยยยย เป็นเรื่องยาวเลือกไม่ถูกเลย รอๆๆๆๆๆ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ขอให้คุณแม่หายไวไวนะคะ สู้ๆ ค่ะ  :กอด1:
หินนี่น่าจะร้าย อย่ารุนแรงกับน้องวายมากนะ  :pighaun:
 :pig4:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องทุกปัญหา ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ตาหินจะทำอย่างไรกับคุณหมอวายต่อ
เรื่องบนเตียงของหินแซ่บมาก

เป็นกำลังใจให้คุณแมวเรื่องคุณแม่นะคะ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
กรี๊ดดดดด คือดีอ่ะ คิดถูกแล้วที่รอให้มาลงเยอะๆก่อนค่อยอ่าน แบบ...กลัวค้าง อิอิ

อยากอ่านยาวๆเหมือนกัน

รอห้องหมอวายมาต่อน๊าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“.....หิน”

มันควรเป็นแค่ของเขา ควรจะอยู่กับเขา!!

“ไอเหี้ยหิน!!!!” หิรัญสะดุ้งออกจากภวังค์ หันไปมองใบหน้าของคนที่ทำให้เขาคิดไม่ตกด้วยความสงสัย

“อะไร??”

“กูถามว่าทำไมมึงถึงมีอาการรุนแรงเวลามีเซ็กส์ เหม่อเหี้ยอะไรของมึง?” หิรัญเลิกคิ้วพร้อมกับรอยยิ้มกริ่ม จะให้เขาอธิบายว่าทำไมต้องรุนแรงกับคู่ขาอย่างนั้นหรือ นี่มันคิดอะไรของมันอยู่ แต่เอาเถอะ เมื่ออยากรู้เขาก็ยินดีจะบอกให้

“อยากรู้จริงๆเหรอ”

“ไม่อยากวะ แต่กูต้องรู้ เพราะกูเป็นหมอ!” วรงค์พูดขึ้นทั้งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหม็นเบื่อ

“แล้วถ้ากูบอกว่า.....กูเห็นพวกนั้นเป็นมึง จะว่ายังไง”

“ไอสัส!! กูคงจะชมว่ามึงเก่งมั้ง ไอโรคจิต!!”

“ฮ่าๆๆๆ คิดแล้วเชียว เพราะแบบนี้ไง กูถึงยอมวางแผนทุกอย่าง ให้ได้มารักษากับมึง” เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของร่างสูงอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วทั้งร่างของวรงค์ด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนจะละสายตาไปมองรอบๆห้องแทน

“มึงพูดอะไร?” หิรัญเดินไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่ เคยได้ยินจากไอภพมาเหมือนกันว่าประตูห้องของคลินิกจะเป็นสองชั้น เอาไว้เก็บเสียงที่ไม่อยากให้คนด้านนอกได้ยิน มือหนาเอื้อมไปปิดลงล็อคประตูอีกชั้นอย่างชำนาญจนเจ้าของห้องอย่างหมอวรงค์ได้แต่ผงะถอยหลังหาทางหนีทีไล่อย่างหวาดหวั่น สีหน้าของหิรัญที่หันกลับมามันช่างเต็มไปด้วยความปราถนาที่เขาไม่เคยเห็น สายตาร้อนแรงที่มองมาแทบจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุล

“ก็หมายความว่า ทุกอย่างที่กูทำกับพวกนั้น กูอยากทำกับมึงไง”

“มาทำกับตีนกูนี่!! ไอเหี้ย!!!!!!” แต่แม้จะกลัวสักเท่าไหร่วรงค์ก็ยังคงไม่ลดละฝีปากเลยแม้แต่น้อยจนหิรัญได้แต่หัวเราะในลำคอ ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นยิ่งจึ้น จนระยะห่างของทั้งคู่ลดลงจนแทบจะชิดใกล้ขนาดที่หายใจรดกันได้

“จะตีนมึง จะมือมึง หรือปากมึง กูก็จะทำมันทั้งหมดนั่นล่ะวาย” ร่างบางถอยจนหลังชนเข้ากับผนัง สองมือของหิรัญยกขึ้นมากักขังให้วรงค์เอาไว้ให้หนีไปไหนได้อีก ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาจนรับรู้ถึงลมหายใจ จนวรวค์ลนลานยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งเอาไว้ สายตาหวานเลิ่กลั่กลนลานไปเสียหมด หลายๆครั้งที่ถูกหมอนี่กวนตีนมามันไม่เคยเป็นแบบนี้ ทุกครั้งจะมีการเล่นกับความโกรธของเขา แต่ครั้งนี้.....มันต่างออกไป มันกำลังทำให้เขา.....กลัว!

“มะ มึง ถะ ถอยไปนะ!!!”

“มึงรู้ไหมวาย ว่ากูหลงมึงมาตั้งแต่วันที่มึงต่อยกูตอนนั้นแล้ว กูอยากจะจับมึงเข้ามาจูบ อยากจะกดมึงลงบนเตียง ทำกับมึงแรงๆเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ”

ฟอด!!

“มึง!!!” วรงค์ยกมือขึ้นหวังจะตบลงบนใบหน้าหนาๆนั้นเสียให้สมใจ แต่หิรัญก็รู้ทันคว้ามือข้างนั้นเอาไว้ได้พร้อมกับกดมือทั้งสองข้างของวรวค์เอาไว้กับผนัง ตรึงไว้จนแน่นไม่ยินยอมให้อีกคนได้ขัดขืน

“แค่นี้ทำเป็นโมโห หึหึ.....” ร่างบางได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห พยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมหากแต่มันกลับไม่สามารถหลุดออกจากมือใหญ่คู่นั้นได้เลย ซ้ำยังถูกอีกคนเพิ่มแรงกดจนต้องนิ่วหน้า

“ปล่อยกูนะ...อื้อ!!!!!”

หมอวรงค์เบิกตากว้างเมื่อถูกหิรัญประกบจูบดูดดึงริมฝีปากอย่างรุนแรง ใบหน้าหวานสะบัดหนีแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้พ้นยิ่งหนีเท่าไหร่อีกคนก็ยิ่งบดจูบที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ร่างกายเล็กๆของหมอวรงค์สั่นระริกอย่างไม่อาจห้ามได้ริมฝีปากเล็กบวมเจ่อจากแรงดูดดึงแต่หิรัญกลับไม่สนใจ รสชาติหวานล้ำที่ได้ลิ้มลองราวกับน้ำที่ใช้รดต้นไม้ต้นหนึ่งที่แห้งแล้งที่ไม่ว่าจะดูดกลืนสักเท่าไหร่ก็ไม่มีคำว่าอิ่มเอม

ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปกวาดต้อนชักชวนให้ลิ้นเล็กได้เกี่ยวกระหวัดตามแรงเร้า วรงค์หูอื้อตาลายทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด เรี่ยวแรงหดหายจนร่างกายแทบจะทรุดลงพื้น จูบที่เขาเคยได้รับและมอบให้กับแฟนเก่าหรือแฟนคนไหนๆก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะสูบเรี่ยวแรงของเขาไปขนาดนี้

รสชาติหวาดติดตรึงปลายลิ้นหนาจนร่างกายใหญ่ร้อนผ่าว ความองอาจผยองพองกายจนคับแน่นไปทั้งกางเกง เพียงแค่จมูกได้สูดกลิ่นหอมจากร่างเล็ก ริมฝีปากได้สัมผัสกับความนุ่มหยุ่น ปลายลิ้นได้รับรสหวานฉ่ำที่ปลุกให้ความกระหายตื่นขึ้นจนไม่อาจจะหยุดไว้ได้

“อืม”

เสียงทุ้มครางแผ่วเมื่ออีกคนเผลอโต้ตอบด้วยการรุกไล่เกี่บวดึงปลายลิ้นกลับมา หิรัญยิ่งบดจูบหนักหน่วงขึ้นแต่ก็ได้รับความร่วมมือกลับมาอย่างดี เมื่อเห็นว่าหมอวรงค์ไร้การขัดขืนสองมือก็ปล่อยข้อมือบางออก เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกมนแทน บีบขยำด้วยความหมั่นเขี้ยวเสียจนอีกคนสะดุ้งและได้สติคืนมา หมอวรงค์เริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่มันก็เหมือนกับการขยับตัวเท่านั้น ยิ่งเมื่อขาของอีกคนแทรกเข้ามาระหว่างขาของตน การขยับหนียิ่งดูเหมือนการเสียดสีลูกชายที่อยู่ใต้กางเกงเข้ากับขาของมัน

หมอวรงค์ดิ้นอึกอักสองมือทุบอยู่ที่อกอย่างแรงเมื่อเริ่มรู้สึกขาดอากาศหายใจ หิรัญที่แนบริมฝีปากอยู่ก็ยอมถอนออกแต่โดยดี เขาลืมตัวไปเสียสนิท การได้ลิ้มรสชาติที่เฝ้าแต่จินตนาการมามันทำให้เขาไม่อยากจะเสียเวลาใดๆเลยสักนิด มันหอมเย้ายวน มันหวานฉ่ำ จนใจเขาเต้นระรัวด้วยความปรารถนาในตัวของอีกคน

“หยุด! มึงบ้าไปแล้วหรือไง!!!”

“ใช่....กูคงบ้าไปแล้วทั้งๆที่มึงก็มีทุกอย่างเหมือนกู ทั้งๆที่มึงเคยต่อยหน้ากู ด่ากูดูถูกกูสารพัด แต่กูก็ยัง.....คิดถึงมึง ยังอยากจูบ อยากเข้าไปในตัวมึง และกูจะไม่ยอมหยุดด้วยวาย ไม่ว่ายังไงกูก็จะเอามึงมาเป็นเมียกู”

หิรัญพึมพำอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น บอกสิ่งที่อยู่ภายในใจเสียจนหมดสิ้น ร่างเล็กสั่นระริก น้ำใสๆไหลลงมาจนอาบแก้มเรี่ยวแรงที่ควรจะมีกลับหายไปเสียดื้อๆ มือที่พยายามผลักและดันอีกคนที่กำลังซุกไซร้ไปตามร่างกายของเขากลับกลายเป็นเพียงการวางมันเอาไว้บนอกแกร่งเฉยๆ

ร่างสูงดูดดึงผิวเนื้อจนเกิดรอยแดง เขาต้องการให้ใครๆได้รู้ว่าวรงค์เป็นของเขาแล้ว มือใหญ่ลูบไล้ไปตามสาบเสื้อ ปชดกระดุมที่คอยปิดบังเนื้อตัวของอีกคนออกอย่างชำนาญ ใบหน้าหล่อผละออกจากการซุกไซร้ มองสบตากับสายตาหวานที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาจนมือหนาต้องปาดไล่มันออกพร้อมกดจูบซับน้ำตาไปตามแก้มใส หิรัญรวบร่างเล็กๆเข้าไปกอดไว้แนบอก

“ไอหิน มึงปล่อยกูเถอะ หยุดแกล้งกูสักที!”

“ทำไมมึงถึงไม่เข้าใจวะวาย!!!” ไหล่บางถูกสองมือบีบจนแน่นดันร่างเล็กออกจากอ้อมแขนให้มาสบตาที่ตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิด

“มึงคิดว่าการที่กูจูบมึงคือกูแกล้งมึงเหรอ? มึงคิดว่าการที่กูกอดมึงมันคือกูต้องการจะแกล้งมึง? จะบอกว่าที่กูแทบจะแก้ผ้ามึงอยู่แล้วนี่คือกูแกล้งมึงสินะ!!”

“ใช่!!! มึงแค่แกล้งกู มันก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่มึงแกล้งกูนั่นแหละ!!!!” ร่างสูงได้แต่สบถคำหยาบคายออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่ออีกคนดื้อเพ่งไม่ยอมเชื่อคำพูดของเขา เอาแต่เฝ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เขาทำอยู่มันคือการกลั่นแกล้ง มันเข้าใจยากตรงไหนกันว่าทั้งหมดทั้งมวลเขาทำลงไปเพราะรักมัน อยากครอบครองตัวมัน แต่มันกลับ......บอกว่าเขาแกล้ง หึ....ดี!! ดีเหลือเกิน!!!!

หิรัญกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากแสยะยิ้มชวนขนลุกจนหมอวรงค์แทบจะลืมวิธีหายใจ รังสีอำมหิตแผ่กระจายไปทั่วทั้งทั้งห้อง กดดันจนร่างเล็กหายใจไม่ออก ใบหน้าหล่อเหล่าขยับเข้ามาใกล้จนวรงค์คุมสติเอาไว้ไม่อยู่ นัยน์ตาหวานเลื่อนลอยมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่าและเบลอไปหมด ปากเล็กหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่าเงอาเป็นเอาตายทั้งๆที่อีกคนยังไม่กด้กระทำใดๆเลยด้วยซ้ำ หิรัญชงักมองความผิดปกติของคนตรงหน้าไม่วางตาก่อนจะหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!!! วาย!! ตื่นสิ วาย!! มึงเป็นอะไร โถ่เว้ย!!!!!”

สองแขนรั้งเอาตัวคนที่จู่ๆก็ล้มพับหมดสติลงตรงหน้าเข้ามากอดไว้ ใบหน้าหวานซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อที่เกาะกุมจนต้องใช้มือเช็ดออกให้ หิรัญช้อนร่างเล็กขึ้นมาอุ้มไว้ตัดสินใจเปิดประตูแล้วพาหมอวรงค์ออกไป ใบหน้าหิรัญร้อนรนจนคนเป็นเพื่อนอย่างปภพที่ยืนคุยกับคนไข้อยู่ด้านนอกเองต้องรีบเดินเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้นวะ เฮ้ย!! ไอวาย!”

“ห้องมึงอยู่ไหนไอภพ!!” น้ำเสียงกระวนกระวายถามหาจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หากแต่ปภพเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกคนในอ้อมแขนไม่รู้สึกตัวความห่วงใยต่อเพื่อนมันก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนในหูของเขา ร่างใหญ่ของปภพอดินนำพาให้หิรัญที่อุ้มร่างของวรงค์เอาไว้ในอ้อมแขนเดินตามมา เปิเประตูและให้หิรัญวางร่างเล็กลงบนเตียงใหญ่ หิรัญยอมทำตามแต่โดยดีใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความห่วงใย และกระวนกระวาย

“มันเป็นอะไร”

“กูก็ไม่รู้ จู่มันก็ ล้มลงไป” หิรัญยังคงจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา ความห่วงใยสะท้อนออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนจนปภพ ที่ยืนอยู่นั้นได้แต่ส่ายหน้ากับความปากแข็งและการกระทำก่อนหน้านี้ของหิรัญ ปภพ ตรวจดูอาการของเพื่อนตัวเล็ก ที่หลับใหลอยู่บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะหามาบอกกล่าวแก่หิรัญ

“แค่พักผ่อนน้อย ก็เลยเป็นลมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

“ดี ถ้าอย่างนั้น...กูจะพามันไปดูแลเอง”

“เฮ้ย!!”

หิรัญไม่ฟังเสียงใด เค้ายกตัวของ วรงค์เข้าสู่อ้อมอกแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจบ้างสิ่งที่อยู่ในห้องอีก เมื่อความ กังวลได้คลายตัวลงหัวใจของ หิรัญก็เต้นแรง อย่างไม่ทราบสาเหตุกลิ่นหอมจากร่างของ วรงค์ในอ้อมแขนช่างเป็นกลิ่นที่ยาวยวนใจของหิรัญเสียเหลือเกิน พี่รันเดินกลับมาที่รถของตัวเองเปิดประตูและนำร่างของ วรงค์วางไว้ที่เลาะข้างๆคนขับ มือใหญ่ปิดประตูพาตนไปอีกด้านก่อนจะออกรถไปอย่างรวดเร็ว

ความวุ่นวายเกิดขึ่นเมื่อเสียงพูดหนาหูเริ่มทำให้คนอื่นๆสนใจ การที่หมอวรงค์ถูกชายปริศนาอุ้มไปนั้นดูจะเป็นหัวข้อสนทนาที่แหงือเกิน แม่มันจะแตกต่างอารมณ์ก็ตาม ปภพที่ไม่อาจจะห้ามปรามเพื่อนได้ก็ได้แต่ยืนมองเท่านั้น การจะไปห้ามหิรัญไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตลอดมา......เขาเองก็เคยห้ามมันมาเสมอ แต่หิรัญนั้นดูจะตกหบุมรักเพื่อนตัวเล็กของเขาเสียอย่างจังจนไม่อาจจะทนนิรงเฉยได้ ทุกครั้งที่เกิดการกลั่นแกล้งกับวรงค์ เขารู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร เพราะเจ้าตัวประกาศอยู่โต้งๆให้ได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง เขาเองก็เคยถามไถ่ถึงเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ ต้องยั่วให้วรงค์โมโหอยู่เสมอ และคำตอบที่ได้มามันก็ทำให้เขานั้น ห้ามปรามมันไม่ลง

“ถ้าการที่มันเกลียดกู....ทำให้กูได้อยู่ในสายตา ทำให้ชีวิตมันมีกูอยู่ต่อไป มันก็คงดีกว่าคนที่.....พบเจอกันแต่ก็แค่คนที่เคยมีปัญหากัน ในที่สุด...มันเองก็จะลืมกูไป กูคง......ทนไม่ได้”

ปภพได้แต่ถอนหายใจกับภาพใบหน้าหล่อที่ได้หัวใจสาวๆในมหา’ลัยไปจนหมด วันที่มันพูดออกมาแบบนั้น สีหน้าของหิรัญเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาของมันที่ปกติจะฉายแววขี้เล่นกลับเต็มไปด้วยร่องรอยความโดดเดี่ยวที่หากไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของเพื่อนตัวเล็กของเขา

“อะไรกันวะ!! เห็นคนไข้กูบอกไอวายโดนใครไม่รู้หล่อๆอุ้มออกไป” ไอเสือเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าวิตกกังวลจนเขาเองได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ผัวมันมารับ พอเจอหน้าผัวมันเลยตกใจสลบไป” ดวงตาคมของอธิปวาววับขึ้นอย่างรู้ทัน รอยยิ้มร้ายๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ

“หึหึ......เลิกเล่นแล้วสินะ เพื่อนมึง”

“อืม.....มันคงจะ.....ได้เวลาโตสักที”

อธิปและปภพต่างก็มีร รอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า ความทรงจำค่อยค่อยพุดขึ้นมา วรงค์ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้หันมองหาร่างของใครอีกคนเสมอยามเมื่อไม่เห็นอยู่ในสายตา ยามเรื่อยอีกคนห่างหายไป วรงค์มักจะกระส่ายกระสับกวาดตามองหาใครบางคนเสมอ พอไม่เจอหน้าตาก็จะหมองเศร้าลง ถอนหายใจบ่อยขึ้น แต่ก็ยังปากแข็งพร่ำแต่คำว่าเกลียดเมื่อยามเจอหน้า เขาล่ะปวดหัวกับสองคนนี้เหลือเกิน เฮ้อ!







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีต่อค่าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2018 14:37:30 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ต่อนะคะ

      หิรัญค่อยๆวางร่างของหมอวรงค์ลงบนเตียงกว้างของตนอย่างเบามือ ปัดเอาผมที่ปรกลงใบหน้าออกเพื่อให้เห็นใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้ม สายตาคมทอประกายแววหวานสุดใจด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมจนหากอีกคนตื่นขึ้นมาเห็นคงสั่นสะท้านไปทั้งตัว จมูกโด่งก้มลงแตะบริเวณผิวแก้มอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นหอมจากแก้มใสไปมาก่อนใบหน้าจะค่อยๆเลื่อนลงมาที่จุดชีพจร เขารู้! รู้ดีว่าการทำแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการ ลักหลับ แต่ขอแต่ได้ชื่นใจก็ยังดี เขาทนมานานเหลือเกินแล้ว

   มือหนากำแน่นเพื่อระงับความต้องการที่มีมากมาย สะกดกลั้นความปราถนาที่เป็นตัวสั่งการให้เขากระทำตามใจกับร่างที่กำลังหลับไหล

ทำสิ จะรออะไร กลิ่นนี้ ใบหน้านี้ คนๆนี้ อยากได้ไม่ใช่หรือ ต้องการไม่ใช่หรือ!!!

   หากแต่หิรัญต้องอดทน กัดฟันบังคับตัวเองเอาไว้ ไม่ต้องการให้อีกคนเกลียดเขาเสียจนไม่อยากพบหน้า ร่างสูงรู้สึกราวกับมีตัวตนฝั่งความดีและความชั่วมานั่งถกเถียงกันอยู่ข้างหู หนึ่งความชั่วสั่งให้หยุดบังคับตัวเอง ปลดปล่อยความต้องการให้คนตรงหน้าได้รับรู้ แต่ความดีกลับบอกให้รั้งรอ เพราะเขาอาจจะเสียใจและเสียร่างเล็กๆนี้ไปตลอดการ

   แพรขนตางอนค่อยๆขยับ คนตัวเล็กเริ่มลืมตามองด้วยความสับสน เกิดอะไรขึ้น นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวจนเขาต้องกระพริบตาซ้ำๆพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้ และเขา.......ก็จำมันได้ สายตาที่บ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราด บรรยากาศกดดันที่แผ่กระจายมายังตัวเขาราวกับจะบังคับให้หยุดหายใจ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นระส่ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นด้านมืดของจิตใจมนุษย์

เขากลัว? ก็ใช่ เจอแบบนั้นใครบ้างเล่าจะไม่กลัว

   มือบางค่อยๆดันตัวเองขึ้น สายตากวาดมองข้างกายก่อนจะเบิกตากว้าง ร่างกายเล็กๆแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงเมื่อพบว่า บุคคลที่เพิ่งจะกระจายความดำมืดมาให้เขานั้น ได้มานั่งอยู่ข้างๆตนเอง แถมใบหน้าหล่อยังไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย วรงค์สัมผัสได้ถึงความจริงจังจากสายตาคู่นั้น และมันก็เต็มไปด้วย.....ความรู้สึกตัดพ้อ แค่เขาไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องตัดพ้อเจาเล่า เขาไม่ใช่หรือที่ถูกกระทำมาตั้งแต่แรก

“ทะ ที่นี่...”

“คอนโดกูเอง รหัสความปลอดภัยชั้นเยี่ยม สแกนลายนิ้วมือในการปลอดล็อคกลอน หึ......อย่าคิดหาทางออกให้เสียเวลาเปล่ายดีกว่า ยังไงซะ มึงก็ต้องอยู่นี่ไปอีกนานวาย!" วรงค์อยากจะถอยแต่ติดที่อีกฝ่ายยังคงจับมือบางเอาไว้ไม่ยอมให้หนี ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความสงสัยและแปลกใจ ตัวของวรงค์ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ดูเหมือนอีกคนจะร้อนรนไปก่อนแล้วจนร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจ

“เรามาคุยกันดีๆ ดีไหมวะหิน มาคุยกันให้จบๆไป”

“จบ? โทษทีวะ พอดีกูไม่ได้อยากจบ ยิ่งกับมึง กูยิ่งไม่ยอมจบง่ายๆ” นี่มันแค้นเขาเกลียดเขาขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้ไม่ยอมจบกับเขาสักที สองมือกำเข้าหากันจนแน่นด้วยความอึดอัด เจ็บยอกในใจแปลบๆกับความรู้สึกของอีกคน

อยากแก้แค้นกูสินะ เกลียดกูมากเลยสินะ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะโทษใครได้ เมื่อเขาเป็นคนเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับทุกอย่างเอง หากเจาไม่ยอมดิ้นตาม ไม่ยอมต่อล้อต่อเถียง ยอมจบไปเสียตั้งแต่วันที่เขาชกหน้ามันก็คฃไม่เป็นแบบนี้ ไม่โหยหาเวลาที่อีกคนห่างหาย ไม่เจ็บปวดเมื่อเจอะเจอคำพูดที่บาดลึกไปทั้งหัวใจ

“อ๊ะ! ทำอะไรวะ!!!” ลุกขึ้นนั่งได้ไม่นานก็ถูกมือใหญ่ผลักลงนอนบนเตียงอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้แขนทั้งสองข้างถูกยึดไว้ข้างตัวเสียแน่น ไม่ว่าจะดิ้นรนขยับแขนออกแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหลุดออกได้เลย ดวงตากลมโตหันไปจ้องกับคนตัวใหญ่ด้านบนอย่างไม่เกรงกลัว แม้ความจริงในใจจะหวาดหวั่นอยู่ก็ตามที

“บอกแล้วไง......ว่ากูจะมายอมจบ เพราะนี่คือการเริ่มต้น!!”

“หยุด อ๊ะ อื้ม!!!!!”

ริมฝีปากหนาบดจูบอันเร่าร้อนลงบนกลีบปากบางอย่างหนักหน่วง ดูดดึงเสียจนคนตัวเล็กต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด รสชาติหวานมอมเมาสติสัมปชัญญะที่มีอยู่ให้หดหายไปจนไม่หลงเหลือ หัวใจดวงน้อยพ่ายแพ้ต่อศึกนี้อย่างราบคาบเมื่อริมฝีปากของคนที่ตนชอบบดเบียดลงมาเท่าไหร่ ความรู้สึกที่กดมันเอาไว้ตลอดมาก็ยิ่งถูกดึงให้ปรากฏ ร่างกายที่เคยดิ้นรนจากเหตุผลร้อยแปดค่อยๆอ่อนลงจนเหลือเพียงความหอมหวานที่ทั้งสองไก้มอบให้กัน

น้ำตาใสไหลลงจากหางตาด้วยความรู้สึกมากล้น ทั้งดีใจและเสียใจในเวบาเดียวกัน แต่วรงค์ไม่รู้เลยว่า น้ำตาเพียงหยดเดียวที่มีนั้น ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนและความไม่พอใจมากขึ้น

เสียใจเพราะกำลังจะเป็นของเขาหรือ ทรมานกับรสรักจากเขาใช่ไหม! ดี!! แบบนี้ จะได้จำไปจนตาย

ความรู้สึกแรงกล้าที่ถูกปลุกเร้ายิ่งเร่งความปราถนาในร่างให้ร้อนรุ่มยิ่งขึ้นไปอีกจนร่างกายทั้งสองแทบจะมอดไหม้ไปกับมัน หิรัญกวาดต้อนฉกชิมความหวานในปากบางไม่ยอมหยุด สองมือปลดปล่อยแขนของร่างบางออกเปลี่ยนมาลูบไล้และปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางที่เรียกว่าเสื้อผ้าออกไปให้พ้น

กายบางเปลือยเปล่าเผยผิวสีน้ำนมให้ได้เห็น มือหนาลูบไล้ไปอย่างมัวเมา สะกิดยอดเล็กๆเบาๆจนเจ้าของสะดุ้งกับความเสียวซ่าน หิรัญลืมสิ้นหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความรัก ความแค้น หรือแม้แต่ความอ่อนโยน เหลือเพียงรสรักที่ถูกเก็บซ่อนมานานเท่านั้น

อยากได้ เขาก็ต้องได้

หินรัญไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ เมื่อกวางน้อยมานอนให้กินตรงหน้าในตอนนี้ มีหรือที่สิงโตอย่างเขาจะปล่อยไป ริมฝีปากดูดดึงผิวเนื้อตามลำคอขาวและแผ่นอกราวกับต้องการจะประกาศให้ได้รู้ ว่าคนตัวเล็กในตอนนี้เป็นของเขาแล้ว

“อืม อ๊ะ”

ปลายลิ้นตวัดเลียตุ่มไตสีชมพูอย่างหื่นกระหาย ดูดเม้มจนมันแดงและแข็งขึ้น เจ้าของยอดสวยสอดปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมจิกดึงอย่างต้องการระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ เผลอแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากหนาด้วยความไม่พอ ปากแดงช้ำหอบหายใจพร้อมกับเสียงครางหวานที่ทุกครั้งที่เขาได้ยิน บางสิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้กางเกงก็ยิ่งขยายจนคับกางเกงไปหมด

หมอวรงค์ได้แต่หอบหายใจส่งเสียงครวญครางอย่างสุดจะกลั้น ความเย็นของเครื่องปรับอากาศสัมผัสผิวขาวโดยตรงจนสะท้าน ปราการทุกด่านถูกร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาปลดออกจนหมด เนื้อผิวที่ร้อนผ่าวแนบชิกันจนไร้ช่องให้อากาศได้ลอดผ่าน หิรัญขยับร่างกายเสียดสีกับเนื้อตัวของวรงค์อย่างเผลอไผล กลิ่นเนื้อหนุ่มจากคนใต้ร่างช่างหอมรัญจวนใจเสียเหลือเกิน จนหิรัญเผลอกัดลงไปอยู่หลายครั้ง รอยฟันปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดจนคนที่ลงมือต้องไล่เลียรอยนั่นราวกับจะปลอบโยน

“ฮือ เจ็บ อ๊ะ!”

แม้ว่าอีกคนจะครวญครางออกมากับความเจ็บปวดนั่นแต่หิรัญหน้ามืดกับความหอมหวานตรงหน้าจนลืมเลือนความยับยั้งชั่งใจที่จะถนุถนอมคนใต้ร่างเสียสนิท ยิ่งได้ลิ้มรสหิรัญก็ยิ่งหลงไหล ยิ่งได้ใกล้เท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง เรือนร่างขาวนวลที่เคยได้แต่จินตนาการ ตอนนี้เขาได้มอง ได้เห็นจนเต็มตา มันช่างยั่วใจเขามากกว่าในจินตนาการของเขาเสียอีก

ริมฝีปากของหิรัญเลื่อนลงมาจนถึงความแข็งแกร่งที่กำลังท้าทายสายตา ปลายลิ้นเลียไปตามความยาวก่อนจะดูดกลืนความองอาจนั้นเข้าไป ทุกครั้งที่ตัวตนของวรงค์ถูกครอบครอง ร่างเล็กๆก็สั่นไปหมด สะโพกบางขยับตามจังหวะของริมฝีปากอีกคนอย่างลืมตัว

“อื่อ อ๊ะ อา”

เสียงหวานครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งถูกขยับครอบครองด้วยจังหวะที่เร่งเร้ามากเท่าไหร่ ความเสียวซ่านก็ยิ่งจุกอยู่บริเวณส่วนปลายจนแทบจะระเบิดออก ร่างเล็กบิดกายไปมาอยู่บนเตียงนุ่ม กัดปากตัวเองเพื่อระงับความกระสันที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ปลายนิ้วค่อยๆสอดแทรกเข้าไปยังช่องทางเล็กๆช้าๆ ขยับเข้าออกเป็นจังหวะทั้งที่ปากของหิรัญยังคงเต็มไปด้วยตัวตนของวรงค์

ร่างกายของวรงค์กระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นจนเต็มปากของร่างสูง หิรัญกลืนหยาดหวานจนหมดอย่างไม่รังเกียจ มองภาพร่างเล็กที่นอนหอบหายใจปรือตาฉ่ำด้วยความปราถนา หัวใจของหิรัญพองโตเมื่อคิดว่ากำลังจะได้เป็นเจ้าของร่างบอบบางที่เฝ้าฝันหามานานหลายปี มือหนาปลดเปลื้องกางเกงตัวใหญ่ออกจากร่างกายพร้อมกับชั้นใน ความองอาจดีดตัวขึ้นท้าทายชี้ชูรางกับลูกศรที่คอยบอกความต้องการ

สวยเหลือเกิน หอมหวานเสียจนไม่อาจจะรั้งรอได้อีกแล้ว

หิรัญตะโบมจูบร่างเล็กอย่างเร่าร้อน ไม่คิดจะปล่อยให้สติของคนใต้ร่างกลับมาสักนิด มือใหญ่ประคองจับจ่อความทนงที่ผงกหัวตามความต้องการที่มีมากล้นไปที่จีบรักสีชมพู

“อื้อ!!!”

เพียงแค่ส่วนปลายรุกล้ำเข้าไปเท่านั้น วรงค์ก็เบิกตากว้างมือบางกระหน่ำตีไปตามอกแกร่งด้วยความเจ็บปวด จีบแดงฉีกขาดจากขนาดที่ใหญ่โตของหิรัญ แม้อยากจะร้อง อยากจะห้ามปรามเพรยงใด แต่ริมฝีปากหนาที่บดเบียดมอบจุมพิตอันร้อนแรงไม่ยอมปล่อยให้เสียงใดๆเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงอื้ออึง ความเจ็บปวดยังคงไม่คลาย จีบรักยังคงรัดความทนงจนแน่น ร่างบอบบางสั่นไปหมดแม้แต่มือที่ยกขึ้นดันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อยังสั่นอย่างไม่อาจจะห้าม เล็บเล็กๆจิกเข้าไปในผิวขิงหิรัญอย่างไม่ผ่อนแรง แม้ในใจจะแอบสะดุ้งแต่สัญชาตญาณของหิรัญกลับร่ำร้องอย่างถูกใจ

“ซี๊ด อ๊า”

“อยะ อย่า อื้อ เจ็บ!”

แต่หิรัญไม่สนใจ ความคับแน่นและอุ่นร้อนภายในร่างเล็กช่างให้ความรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่สุด กายแกร่งโหมกระหน่ำกระแทกกายเข้าไปจนสุดในครั้งเดียวจนคนใต้ร่างสะดุ้ง ใบหน้าหวานลิดเบี้ยวน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ริมฝีปากได้แต่ปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมา น้อยใจเหลือเกินที่อีกคนไม่คิดแม้แต่จะถนอมเขา นี่คงเกลียดเขามากสินะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้วรงค์ร่ำไห้ หัวใจดวงน้อยแทบจะแหลกสลาย เจ็บกายยังพอทนได้ไหว แต่หัวใจเขาเล่า จะรักษามันอย่างไร

“วาย อืม ซี๊ด อา”

“อ๊ะๆ”

เสียงทุ้มที่กระซิบเรียกชื่อของคนตัวเล็กเบาๆช่างเป็นเหมือนดั่งสายธารเย็นช่ำที่ถูกรดลงมายังต้นไม้อันเหี่ยวเฉา หัวใจของวรงค์เต้นแรง ความดีใจตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ไหว สะโพกหนาขยับนำความโหดร้ายเข้าออกเสียดสีกับผนังอุ่นร้อนภายในจีบรักที่รัดรึงจนหิรัญแทบจะปลดปล่อยความต้องการออกมาในทันที ยิ่งเสียงทุ้มครางกระเส่าเรียกชื่อเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอดรัดความองอาจที่ใหญ่โตจนคับไปหมด หยาดเหงื่อยผุดขึ้นตามไรผมของวรงค์ด้วยความร้อนที่แผดเผารางกับต้องการจะให้มอดไหม้

หิรัญจับจ้องริมฝีปากบางที่สั่นระริก ร่ำไห้ครวญครางกับความเสียวซ่านอย่างถูกใจ กายใหญ่ยิ่งขยับเข้าออกถี่ยิบจนเตียงใหญ่สั่นคลอน เสียงหัวเตียงกระทบกับผนังดังสนั่นแข่งกับเสียงครางของทั้งสองคนจนแทบจะกลมกลืนเป็นเสียงเดียวกัน แรงขับกายเข้าออกรุนแรงราวกับระรอกคลื่นใหญ่ที่เฝ้าคอยโจมตีเรือเล็กให้จมหายไปใต้สมุทร หากแต่มันกลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความเสน่หาที่เจ้าของร่างใหญ่โตอย่างหิรัญหวังส่งออกไปให้คนใต้ร่างรับรู้มันสักนิด

วรงค์สบตาคมที่ทอดแววหวานฉ่ำไปด้วยร่องรอยความต้องการและความรักใคร่ด้วยความสับสน แววตาหวานสั่นระริกจนอีกคนเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรสนใจเมื่อความต้องการกำลังเล่นงานจุกอยู่กลางกายใหญ่ที่จมหายเข้าๆออกๆอยู่ในจีบสีช้ำ

“อื้อ อ๊ะๆ อ๊าๆ”

“วาย ซี๊ด วาย อ๊า ไม่ไหวแล้ว ฮึ่ม!!”

หยาดธารสีขุ่นถูกปลดปล่อยเข้าไปสู่ภายในจีบรัก แม้ความองอาจจะถูกรีดพิษออกไปจนหมดแต่หิรัญด็ยังไม่คิดดึงกายออกมาสักนิด จีบรักอุ่นร้อนตอดรัดเป็นจังหวะ แก่นกายเล็กของวรงค์ถูกอุ้งมือใหญ่ขยับรูดรั้งอย่างรุนแรงจวบจนร่างเล็กๆกระตุกเกร็งยอมปลดปล่อยสารธารหวานออกมาจนเปื้อนมือใหญ่ไปหมด

หิรัญมองคราบขาวขุ่นในมือด้วยสายตาเร่าร้อน ลิ้นสากเลียหยาดรักของคนใต้ร่างจนหมดสิ้นโดยไม่มีทีท่ารังเกียจกลับเป็นวรงค์เองที่ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงซ่านด้วยความเขินอาย แผ่นอกบางของคนบนเตียงขยับถี่ตามอาการหอบหายใจ หิรัญถอดถอนร่างออกจากจีบเล็กที่บัดนี้ข้ำแดงไปหมดกับความใหญ่โตที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน คราบรักสีขุ่นปนเลือดสีแดงฉานหลั่งไหลย้อนออกมาจนเลอะที่นอน แต่หิรัญกลับไม่ได้ใส่ใจมันสักนิด ทอดกายลงนอนเคียงข้างใช้อ้อมกอดของตัวเองกักขังคนที่เพิ่งถูกมอบความรักอย่างหวงแหน

ริมฝีปากหนาจุมพิตเบาๆกับกลุ่มผมหอม ลูบไล้ฝ่ามือขึ้นลงตามเนื้อกายของวรงค์อย่างหลงไหล หวาน หวานอย่างที่คิด หัวใจของหินัญเต้นแรงจนคนตัวเล็กที่ได้แต่นอนนิ่งเพราะความเจ็บปวดทางด้านหลังรับรู้ได้ถึงจังหวะที่รุนแรงสะท้านอก

“กูรักมึงนะวาย จากนี้กูจะไม่เสียเวลาอะไรอีก มึงเป็นของกูแล้ว” วรงค์ตัวแข็งทื่อกับคำว่ารักที่เพิ่งได้ยินจากปากของคนด้านหลัง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความลิงโลด ไม่คาดคิดสักนิดว่าหินัญจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา

“มะ มึง เอ่อ มึงพูด จริงๆเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามราวกับเพ้อพก ไม่แน่ใจว่าในตอนนี้ตนกำลังละเมอหรือฝันอะไรอยู่หรือเปล่า แต่หิรัญกลับหัวเราะเสียงแผ่ว เอี้ยวตัวกดริมฝีปากลงบนแก้มใสอย่างรักใคร กระซิบคำหวานใกล้ๆใบหูเล็กอีกครั้ง

“จริงสิ กูรักมึง รักมาตลอด” วรงค์พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองยกยิ้มขึ้นมา แต่แม้อาจจะห้ามไม่ให้ยิ้มได้ แต่อย่างไรก็ไม่สามารถห้ามเสียงหัวใจไม่ให้เต้นเร็วได้เลย

“แล้วมึงละวาย มึงเกลียดกูไหม”

“เปล่า!! เอ่อ ไม่ได้เกลียด” สติของวรงค์แทบจะไม่เต็มร้อยแล้ว เพียงแค่ร่างสูฃที่เพิ่งเอ่ยความในใจถามไถ่ถึงความเกลียดชังที่เคยมี เขาก็รีบตอบกลับเสียจนอยากจะทุบตีตัวเองนัก

“ถ้างั้น.......มึงรักกูไหม” วรวค์กัดริมฝีปากที่สั่นระริกแน่น จะให้พูดออกไปมันก็ช่างหน้าอายเสียเหลือเกิน ยิ่งเขาและหิรัญเพิ่งจะผ่านพ้นสงครามรักบนเตียงอันดุเดือดมาหยกๆด้วยแล้ว ความอายก็แล่นมาจุกอกจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับไป

“ตอบให้กูได้ยินหน่อยสิ อย่าเอาแต่พยักหน้า” รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอายและขวยเขิน แต่หิรัญกลับชอบใจและไม่อาจจะหยุดแกล้งได้เลย ใจหนึ่งเขาก็รู้แล้วว่าวรงค์รู้สึกกับตนเช่นไร หากแต่อีกใจก็ยังอยากได้ยินเสียงของอีกฝ่ายพูดคำๆนั้นให้ได้ยินอีกสักครั้ง วรงต์กำผ้าปูเตียงแน่น ในใจได้แต่กร่นด่าหิรัญในใจที่ได้คืนหวังจะเอาศอก

“ระ รัก”

แม้จะแผ่วเบาแต่หิรัญก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ซ้ำยังดังก้องอยู่ในหูไม่ยอมหยุดเสียด้วย ความดีใจส่งผลให้แขนแกร่งรัดร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขนแน่นขึ้น พรมจูบที่หลังคอเล็กด้วยความรักใคร่อย่างสุดใจ ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง ในที่สุดเขาก็ได้คนในอ้อมแขนมาครอบครองทั้งกายและใจ

“ขอบคุณ..”

ทั้งสองต่างยิ้มให้กับความรู้สึกของตัวเอง หัวใจของหิรัญและวรงค์เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ทั้งสองหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความสุขใจ อิ่มเอมรสรักและคำรักที่ได้สัมผัสจนปลื้มใจ ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ควรเป็นแล้ว มันควรจะเป็นแบบนี้มานานแล้ว หากเขาและหิรัญไม่ถือทิฐิและความโกรธมาเป็นหลักความรู้สึก พวกเขาก็คงไม่ต้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานเช่นนี้หรอก พวกเขาคง.....กลายเป็นคนรักกันไปนานแล้ว







                                  ++++++++++++++++++++++++++++++++++++







          แสงแดดสาดส่องเข้ามารบกวนการนอนของทั้งสองอย่างที่สุด หากแต่หิรัญเพียงแค่กอดรัดร่างเล็กข้างกายมากขึ้นเท่านั้น แต่วรงค์ที่ถูกรัดจนอึดอัดได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ สายตาหวานไล่มองแขนใหญ่ที่กำลังรัดร่างเขาราวกับงูใหญ่รัดเหยื่อด้วยความงุนงง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนถูกรีรันกลับมาฉายใหม่อีกครั้งราวกับละครจนใบหน้าหวานขึ่นสีระเรือ ความเขินอายทำให้วรงค์ต้องจับแขนแกร่งนั้นออกจากลำตัวของตนอย่างเสียไม่ได้ อย่างไรเขาก็ต้องไปทำงาน

“อึก!!”

ความเจ็บแล่นเข้าสู่ร่างกายจนคนตัวเองนิ่วหน้าทันทีที่ขยับขาลงจากเตียงใหญ่ ริมฝีปากบางถูกกัดไว้แน่นไม่ยินยอมปบ่อยเสียงร้องออกมารบกวนคนที่หลับไหลอยู่แน่ๆ ด้วยเขารู้ดีว่าหากอีกคนตื่นขึ้นมา คงไม่แคล้วได้ต่อรอบสองแน่ๆ

หมับ!

“จะไปไหน” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กๆเอาไว้ได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะลุกขึ้นจนวรงค์สะดุ้งด้วยความตกใจ

“กู....ต้องไปทำงานแล้ว วันนี้มีคนไข้เข้า” แม้จะบอกออกไปอย่างนั้น แต่อีกคนดูจะไม่เข้าใจสักนิด ซ้ำยังกระตุกแขนให้ร่างของเขาถลาล้มลงไปนอนใช้แขนแกร่งกัดกอดเอาไว้เสียนี่ ใบหน้าหวานเหยเก มันลืมไปหรือเปล่าว่าเขายังเจ็บอยู่!!

“ไม่ให้ไป ไม่ต้องไป กูจะนอนกอดเมีย” เอากับมันสิ ดื้อรั้นเป็นเด็กแบบนี้ เห็นทีจะปราบยาก บนจะอ้อนไอหิรัญมันก็อ้อนเสียเหลือเกินจนใจเขาอ่อนยวบ แต่อย่างไร งานก็คืองาน แม้จอยากอยู่กับอีกคนมากเท่าไหร่ก็ต้องตัดใจอยู่ดี

“มึงก็กอดหมอนข้างไปก่อน วันนี้กูต้องรักษาคนไข้นะ” มือเล็กๆลูบแผ่นหลังใหญ่อย่างปลอบโยน พยายามใช้เหตุผลกับคนที่โตแต่ตัวอย่างมาก

“ไม่เอา......อยากกอดมึง”

“หิน กูต้องทำงาน” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ่นเมื่ออีกคนไม่มีทีท่าจะเข้าใจอะไรเลย

“ไม่ต้องทำ เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง”

“ปล่อยกูเลย กูจะไปคลินิกแล้ว!!”

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย! วาย!! มึงตีผัวได้ไงวะ!” คนตัวโตปล่อยมือออกทันทีที่ถูกฝ่ามือเล็กๆฟสดเข้าให้เต็มรักจนแผ่นหลังเกิดรอยแดง

“ก็แล้วผัวมันฟังกูไหมล่ะ อย่าเถียงกูนะ!” วรงค์ชี้หน้าอย่างเอาเรืทองจนหิรัญต้องหุบปากลงและมองสบตาหวานคู่นั้นอย่างออดอ้อน แต่วรงค์ไม่สนใจสักนิด เดินดุ่มออกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ขาสั่นจนแทบจะล้ม

หิรัญนั่งมองแผ่นหลัฃเนียนที่เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความเอ็นดู ในใจปลาบปลื้มเสียจนต้องระบายยิ้มออกมาบนใบหน้า นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยิ้มอย่างเต็มที่แบบนี้ มันก็หลายปีแล้วจริงๆ หิรัญรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีแรงขึ้นมามาก อีกทั้งยังรู้สึกราวกับได้พักผ่อนมาจนอิ่ม ทั้งที่เขาผ่านศึกรบรักกับวรงค์บนเตียงที่ตอนนี้ยับย่นอย่างไม่ค่อยน่าดู ผ้าปูสีขาวเปื้อนคราบรักจนเป็นรอยน่าอาย

เสียงน้ำไหลผ่านร่างบอบบางลอดผ่านมาให้ได้ยิน เพียงแค่นั้นหัวใจของหิรัญก็เต้นแรงขึ้น นึกถึงกลิ่นและสัมผัสเมื่อคืนด้วยแล้วยิ่งทำให้บางสิ่งที่ถูกผ้าห่มปกปิดเอาไว้ดีดตัวขึ้นมาตั้งตระหง่านท้าทายสายตาจนเจ้าของปวดหนึบ เขารู้สึกราวกับตัวเองช่างโรคจิตเสียเหลือเกินที่ได้กินไปเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเอมเลยสักนิด ซ้ำยังหิวโหยร่างเล็กๆนั้นยิ่งขึ้นไปอีก

อยากทำอีก

อยากเข้าไปข้างในที่อุ่นและร้อนนั่นอีก

สุดท้ายเขาก็ทนต่อความปราถนาที่มันเรียกร้องไม่ไหว เดินเข้าไปในห้องน้ำตามหลังอีกคนทันที แผ่นหลังบอบบางของวรงค์ที่มีหยดน้ำไหลผ่านช่างเป็นยากระตุ้นชั้นดีเหลือเกิน หิรัญเดินเข้าไปในสายน้ำเดียวกันโอบกอดวรงค์ไว้จากทางด้านหลังจนวรงค์เองสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปตามลำคอระหงด้วยความหลงไหล มือหนาป่ายไปมาตามเรือนร่างบอบบางแสนรักสะกิดยอดชูชันทั้งสองข้างอย่างต้องการยอกล้อ

“อื้อ ไอหิน พะ พอ”

“มึงยั่วกูเกินไปวาย กูทนไม่ไหวแล้ว เห็นไหม” หิรัญแนบกายลงไปจนชิด บางสิ่งกลางร่างเสียดสีอยู่กับก้นงอนของวรงค์อย่างเรียกร้อง

ริมฝีปากบดจูบอันร้อนแรงใต้สายน้ำเย็นที่ไหลผ่าน จับกอบกุมเอาวรงค์น้อยที่ขยายตัวไว้ในอุ้งมือหนาก่อนจะค่อยๆขยับสาวมือตามความยาว จนวรงค์น้อยเริ่มปริ่มน้ำ ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านจนครางกระเส่า หิรัญย่อกายคุกเข่าลงบนพื้น สองมือหนาจับยึดสะโพกบางเอาไว้ก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบลงไปดูดกลืนความองอาจ กลิ่นหวานๆของหยาดน้ำหวานลอยคละคลุ้มอยู่ในปากของหิรัญ ปลายลิ้นตวัดเลียไปตามแท่งร้อนครอบครองริมฝีปากเข้าออกอย่างเอร็ดอร่อยจนวรงค์ต้องจิกมือขยุ้มเส้นผมของหิรัญเอาไว้เพื่อระบายความกระสันที่ตีขึ้น

“หะ หิน อื้อๆ”

จ๊วบ แผล่บ

เพียงไม่นานวรงค์น้อยก็ปลดปล่อยหยาดรักรสหวานปะแล่มๆเข้าเต็มปาก หิรัญกลืนลงคอจนหมดเลียริมฝีปากด้วยความเสียดาย วรงค์หอบหายใจต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วสอดเข้าไปยังจีบรักที่บวมช้ำจากการใช้งาน คราบรักสีขุ่นที่คั่งค้างจากครั้งเก่าไหลออกมาตามนิ้วเรียวที่หายเข้าไปภายในช่องทางเล็กๆ หิรัญหยัดกายขึ้นจูบซับตามลำคอและแนวไหล่ จีบรักรัดรึงปลายนิ้วเริ่มคลายตัวลง ปากบางเริ่มปลดปล่อยเสียงครางกระเส่าออกมาอย่าหยุดไม่อยู่ แข้งขาอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง

“อ๊า อ๊ะ!!”

หิรัญยกกายบางขึ้นดึงขาเรียวเกี่ยวเอวสอบไว้ก่อนจะจับความใหญ่โตจ่อที่จีบสีช้ำก่อนจะดันร่างเข้าไปจนสุด เสียงครางดังลั่นด้วยความเจ็บปวดในคราแรกจนต้องทุบลงไปบนไหล่กว้าง มองค้อนใบหน้าหล่ออย่างมั่นไส้ ร่างสูงหัวเราะใบลำคออย่างแผ่วเบาไม่เจ็บสักนิดที่โดนคนตัวเล็กทุบเอาแบบนี้

แท่งร้อนขยับเข้าออกจนได้ยินเสียงน่าอาย สองแขนบางโอบรอบคอของหิรัญเอาไว้แน่น แหงนเงยใบหน้าขึ้นร้องครวญครางอย่างลืมตัวยิ่งเป็นการกระตุ้นเลือดในกายของหิรัญให้ร้อนจนต้องขยับสอดใส่อย่างรุนแรง มือใหญ่กระชับสะโพกบางขึ้นลงตามจังหวะที่สอดใส่ ผนังอุ่นถูกเสียดสีจนร้อนระอุตอดรัดสิ่งรุกล้ำจนแน่น

“อา วายมึงรัดกูแน่น ซี๊ด”

“อื้อ อ๊ะ อา”

หิรัญทรุดกายลงกับพื้นเปียกใต้สายน้ำที่ไหลลงมา แผ่นหลังบางสัมผัสกับผนังห้องน้ำที่เย็นเฉียบแต่ความร้อนจากแรงปราถนาก็ทำให้วรงค์ลืมเลือนความเย็นของมันไปจนหมด จดจ่ออยู่กับจังหวะสอดใส่ของท่อนลำที่ผลุบเข้าออกและความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

ร่างสูงประกบจูบดูดดื่ม เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กอย่างดุเดือด สองร่างโรมรันกันอย่างเมามันจนแนบชิด เสียงครางของหิรัญและวรงค์ดั่งต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด สะโพกหนาเร่งเร้าสอดกายเข้าออกถี่ๆเมื่อรับรู้ได้ว่าใกล้จะถึงฝั่งฝัน หิรัญกอบกุมแท่งรักสีสวยเอาไว้ในมือ ขยับรูดรั้งมันตามจังหวะที่สะโพกสอบเร่งจังหวะ เสียงหยาบโลนอันน่าอายดังไม่หยุด ใบหน้าของหิรัญและวรงค์แดงซ่านเมื่อความเสียวกระสันไหลมารวมอยู่ตรงส่วนปลาย

หิรัญหยัดกายเร่งจังหวะอยู่สองสามครั้งก่อนที่ร่างทั้งสองจะกระตุกเกร็งและปลดปล่อยสายธารรักสีขุ่นออกมา เสียงหอบหายใจดังไปทั้งห้องน้ำด้วยความเหนื่อยอ่อน ความองอาจถูกถอดออกมาช้าๆโดยมีหยาดสีขุ่นไหลออกมาตามจีบรักที่เปิดออกกว้าง หิรัญได้แต่หัวรำเบาๆและจูบซับตามไรผมของวรงค์อย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านอนหอบหายใจและหมดเรี่ยมแรง

“หึหึ อีกรอบไหม” วรงค์หน้าแดงซ่านมองค้อนคนที่ถามทั้งที่ยังเอาความแข็งแกร่งเบื้องล่างมาจ่อที่ช่องรักของตนอยู่ด้วยความหมั่นไส้ ยังจะถามอีก!

“ไม่เอาที่ห้องน้ำแล้วนะ...”

“งั้น.....บนเตียง”

“วะ เหวอ!!!!!”

ไม่ทันจะพูดหรือตอบกลับสิ่งใดออกไป ร่างของวรงค์ก็ถูกยกขึ้นจนตัวลอยจนเจ้าตัวต้องรีบโอบรอบคำลอของหิรัญเอาไว้ บทรักบทใหม่ถูกเขียนขึ้นอีกครั้งบนเตียงนุ่มไม่หยุดพัก หิรัญจมอยู่กับความปราถนาที่มีต่อวรงค์ ใช้เวลากลืนกินคนที่ลุ่มหลงช้าๆไม่รู้เบื่อ ดอกรักที่ผลิบานในหัวใจของทั้งสองคนถูกรดน้ำจนเติบโตโดยที่รู้ดีว่ามันจะไม่มีวันล่วงโรย เขาจะช่วยกันดูแลความรักที่มีอยู่อย่างดี จะทำให้มันเตอบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีวันล้มแม้จะเจอพายุฝนโหมกระหน่ำแค่ไหน เขาและหิรัญเสียเวลามามากพอแล้วกับทิฐิ เขาจะไม่มีวันเสียเวลาที่เหลือไปอีก แม้ว่าเวลาที่เหลือที่ว่า จะต้องอยู่แต่บนเตียงเพราะความหื่นกามของหิรัญก็ตาม









The End









        โอ้ย!!! ไอคนหลงเมีย เกลียดมาก เหม็นความรัก เห็นไหมๆนายหินของเรารักหมอวายขนาดไหน ความรักของคนสองคนไม่จำกัดเพศนะคะ ถ้ามอฃว่ารักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าเพศไหนมันก็ดูสวยงามเหมือนเดิม จริงๆแมวคิดอยู่ว่าจะลองเอาเรื่องนี้ส่งสำนักพิมพ์ดูเล่นๆเผื่อฟลุ๊ค ติดแค่ว่าแมวกลัว ncจะเยอะไปไหม!!! เพราะเขาบอกว่ารับแบบกรุบกริบ ภาษาสวยไม่บรรยายซะแบบจาบจ้วง ไอของเรามันเข้าข่ายส่อไหมเนี่ย เอาเถอะ เดี๋ยวแมวจะลองส่งไปดู ถ้าได้รับพิจารณาก็ดี ถ้าไม่ได้ผ่านก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผ่านก็คงดีแมวจะได้เอาเงินมาเปย์แม่ต่อ(ตกลงหล่อนทำเพื่อเงินใช่ไหมตอบ!!!)55555

ป.ล ตอนหน้าเป็นตอนของหนูจิ้งกับพี่ภพนะคะ จะเป็นยังไงน๊าาา ต้องมารอลุ้นกัน~




Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยาวจุใจมาก ชอบ...บบบบบ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
 :o8:

สนุกมากค่ะ คนเขียนเก่งมาก

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ยอมคู่นี้แล้วจ้า ดุเดือดมาก
หินถนอมวายหน่อยนะ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
หมอวายจะได้หลับมาตรวจคนไข้อีกไหมคะ ตอบ!!!


รอห้องตรวจสุดท้ายค่ะ :hao7:

ปล.ขอแซ่บพริกร้อยเม็ด. 555

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :pighaun:  :haun4:  :jul1:
สมกับที่รอคอย.  :กอด1:
รอห้องที่เก้า  :hao6:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จัดขนาดนี้ให้พี่หินเลี้ยงเลย อิอิ
ไปซูบเลือดรอห้องต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด