คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61  (อ่าน 36903 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
หมอคะ5555ใจเย็นนะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบเลยละหรือเพราะเราคิดว่านี่เป็นแผนของหมอสามโดยให้เพื่อนของบาสสองคนร่วมมือด้วย เฮ้ยยย ถ้าใช่จริงๆเราว่าไม่ยุติธรรมกับบาสเลยนะเข้าข่ายหลอกลวงด้วยอะ ชอบเขาควรจะจีบเขาตรงๆไหมไม่ใช่มาใช้แผนแบบนี้ เพื่อนบาสทั้งสองคนก็น่าเลิกคบไปเลยอะ ไม่ได้มีความเห็นแก่เพื่อนอะไรเลย เรื่องแบบนี้ควรให้เพื่อนตัดสินใจเองนะไม่ใช่ไปยุ่งเรื่องเขา

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไม่อยากตรวจค่ะ อยากตั้งกล้อง... :jul1:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดุมากพี่หมอสาม

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
                       เสียงดังแว่วของคนคุยกันมันทำให้ผมต้องหยีตาพยายามเปิดรับแสงที่ส่องใบหน้า ความเมื่อยล้าทำให้ผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมา ผมยังอยากจะนอนต่อแต่เสียงที่น่ารำคาญทำให้ผมทนข่มตาต่ออีกไม่ไหว จะอะไรกันนักกันหนานะคนจะหลับจะนอนเสียงดังกันอยู่ได้

 “พี่ทำแบบนี้ได้ไง สองผิดหวังกับพี่มาเลยนะ!”

 “มันเป็นของพี่ สองก็รู้ดี” ผมลืมตาขึ้นมองไปยังร่างของพี่สามและพี่สอฃที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าประตู

    หืม?? ประตู??

ทุกๆเหตุการณ์ค่อยๆไหลกลับมารวมอยู่ในหัวผมอย่างรวดเร็ว นี่ผม ผมมีอะไรกับพี่สามมันไปแล้วเหรอ!! ให้ตายเถอะ ทั้งๆที่ควรจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่ายังไงๆพี่สามมันก็ต้องทำกับผมแบบนี้!! ผมลุ สกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วอย่างหัวเสียจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะเจ็บตัวมา

 “โอ้ย!!!” เสียงร้องที่ดังออกมาจากปากผมทำให้พี่สามและพี่สองหันมามองก่อนจะถลาร่างเข้ามาหาผม

 “เป็นไงบ้าง อย่างเพิ่งรีบลุกสิ” พี่สามพยุงผมขึ้นนั่งแต่ด้วยความโกรธจากเรื่องที่เจาทำมันทำให้ผมสะบัดตัวออกอย่างแรง

 “ปล่อย!! อย่ามาจับ!!” พี่สามชะงักไปแต่ก็ส่งยิ้มให้ผมราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใด

 “อย่าดิ้นมากสิครับ เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิมหรอก”

 “พี่สามถอยไป!! สองจะพาน้องกลับบ้าน” ผมแทบจะกระโดดโผเข้ากอดพี่สองถ้าไม่ติดว่าผมเจ็บก้นก็คงทำไปแล้ว อยู่กับพี่สองดีกว่าเป็นไหนๆ พี่สองมักจะคอยดูแลผมเสมอ ทุกครั้งที่ผมถูกเพื่อนรังแก พี่สองจะวิ่งมาหาและปกป้องผม ผมยังจำได้ดี ทุกครั้งที่ผมมองพี่สองผมจะเห็นความสดใสที่มันเปล่งประกายออกมาจากตาคู่นั้น เมื่อไหร่ที่ผมได้มองแสงอบอุ่นมักจะถูกแผ่มาปกคลุมหัวใจของผมด้วย มันต่างจากพี่สาม แววตาของพี่สามเย็นชา ผมเห็นเวลาที่พี่สามคุยกับสาวๆถึงแม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่กวงตาที่มองพงกเธอกลับว่างเปล่า แต่.....เมื่อเขามองมาที่ผม สายตาของนักล่ามักจะปรากฏขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกต้อน เหมือนเป็นกระต่ายที่กำลังถูกราชสีห์จับมาอยู่ในขอบเขตที่ไม่ว่าจะวิ่งไปที่ไหนก็ถูกตามเจอ ผมกลัวพี่สาม ใช่ กับพี่สามผมมักจะกลัวสิ่งที่แสดงออกมาทางสายตา

 “ไม่ต้อง สองกลับบ้านไป พี่จะพาบาสกลับเอง” พี่สามยืนพิงประตูบอกกับพี่สองที่กางแขนออกปกป้องผมไม่ให้เข้ามาใกล้

 “แต่น้องกำลังเจ็บ สองจะพากลับเอง!!” พี่สองสบตาคมของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยกยิ้มบางๆกับสองมือที่ถูกยกขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ทำไมมันดูง่ายอย่างเหลือเชื่อ มันแปลก.......แปลกที่ใจของผมกระตุก เพียงแค่ท่าทีที่ไม่สนใจจะยื้อเอาไว้ของพี่สาม

 “ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”

  ผมกำมือแน่นไม่เข้าใจกับอารมณ์ของตัวเอง โกรธ? เสียใจ? น้อยใจ? มันปะปนกันจนผมแยกไม่ออกว่าความรู้สึกไหนที่มันเด่นชัด แต่ที่ผมรู้แน่ๆตอนนี้คือผมไม่อยากอยู่ตรงนี้สักวินาทีเดียว

 หมับ!

 “พี่สอง ผมอยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้านนะครับ” ผมกอดเอวพี่สองจากทางด้านหลังจนแน่น มือกำเสื้อของพี่สองเอาไว้อย่างสะกดอารมณ์ที่กำลังตีรวนขึ้นมาผมต้องการให้พี่สองพาผมกลับบ้านเพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้ผมเดินไม่ไหว พี่สองหันมากอดผมเอาไว้ลูบหัวผมอย่างปลอบประโลม

 “ครับ เดี๋ยวพี่จะพาเรากลับบ้านนะ” พี่สองขยับรั้งร่างผมให้ลุกขึ้นยืน ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดที่ทางด้านหลังจนเซ ดีที่พี่สองรับผมไว้ได้ทันก่อนจะลัมลง ผมค่อยๆเดินไปพร้อมๆกับพี่สองผ่านหน้าพี่สามที่ยืนมองอยู่ ผมไม่สบตาอะไรพี่สามไม่อยากจะมองหน้าพี่มัน ไม่อยากเห็นสิ่งที่จะสะท้อนออกมาจากสายตาคู่นั้น พี่สามมองพวกเราที่เดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักอย่าง



     ผมกับพี่สองเดินออกมาจนพ้นตัวคลินิกพี่สองคอยพยุงให้ผมถ่ายน้ำหนักมาทางพี่สองเสียมากกว่า ดูแล้วพี่สองคงกลัวว่าผมจะเจ็บจนเดินไม่ไหวซึ่งตัวพี่สองเองก็กลัวจะอุ้มผมไม่ไหวเช่นกัน ทันทีที่พี่สองขับรถพาผมกลับบ้านน้ำตาที่กลั้นมาก็ไหลผมตัวสั่นสะอื้นไห้กับความรู้สึกที่ตีขึ้นมา พี่สองหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนอีกครั้งจะมีก็เพียงแค่มืออุ่นๆที่ลูบหัวผมเบาๆ ความอบอุ่นที่ได้รับมันยิ่งทำให้ผมปล่อยโฮ นานแค่ไหนแล้วนะที่ตัวผมไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ มันนานมากแล้วสินะที่พี่ชายคนนี้ไม่ได้มาปกป้องผม แต่ตอนนี้พี่สองก็ปกป้องผมเหมือนเดิมทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อก่อนผมยังคงต้องพึ่งความอบอุ่นจากพี่สองอยู่ดี ตลอดทางจนถึงบ้านพี่สองไม่พูดหรือถามอะไรผม ผมคิดว่าพี่สองน่าจะรู้ว่าผมไม่พร้อมจะพูดอะไรตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมร้องไห้ทำไม จะถามว่าเสียใจเรื่องที่โดนพี่สามทำแบบนั้นไหม ใช่ครับ แน่นอนอยู่แล้ว แต่มันไม่มากพอที่ผมจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ บางทีผมอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อคิด ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ผมเสียใจ



 “ถึงบ้านแล้วล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่สองก่อนจะหันไปมองบ้านของตัวเอง

 “นั่นสินะครับ” ผมกำมือบนตักแน่นเหลือบตามองพี่สองที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรอีก ผมเดาอารมณ์ของพี่สองไม่ถูกแต่รู้ว่าพี่เขากำลังคิดอะไร

 “พี่สอง....”

 “ครับ ว่าไง” ผมเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

 “อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ผม ได้ไหมครับ” พี่สองนิ่ง ไม่ยอมตอบอะไร ผมได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจของพี่สองเท่านั้น

 “ถ้างั้น.....เราบอกพี่มาสิว่า ทำไมไม่ให้พี่บอกท่านทั้งสองคน”

 “ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ตัวผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรขนาดนั้น ให้เรื่องมันจบๆไปเถอะครับ” ผมสูดหายใจยืดอกขึ้นบอกพี่สองให้ได้เห็นว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่อะไรขนาดนั้น พี่สองมองผมกาอนจะลอบถอนหายใจอีกครั้งด้วยความหน่ายใจ ผมรู้ตัวว่าทำให้พี่สองลำบากกับเรื่องของผมแต่ผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันบ่นปลายกว่านี้ ถ้ามันจบลงแค่นี้ได้ก็ดี อีกอย่าง.....พี่สามเองเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว คงไม่มานุ่งวุ่นวายอะไรกับผมอีก ให้มันจบไปก็ดีแล้ว

 “กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าว!! หนูสอง ทำไมมาด้วยกันได้ละคะ” คุณแม่ส่งยิ้มให้พี่สองที่เดินตามหลังผมเข้ามา ผมสบตาพี่สองเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าห้ามลืมเด็ดขาด

 “สวัสดีครับน้าฉาย พอดีผมไปเจอน้องที่คลินิกพี่สามน่ะครับ เลยรับกลับมาพร้อมกัน” คุณแม่มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของพี่สอง

 “แล้วเราไปทำอะไรที่คลินิกพี่สามเขาละลูก กลับไปสนิทกันแล้วเหรอ”

 “เปล่าครับแม่ พอดีเพื่อนผมมันแกล้งเอาผมไปทิ้งไว้ที่คลินิกพี่สาม ผมเลยติดรถพี่สองกลับบ้านมาด้วย” คุณแม่พยักหน้าเข้าใจที่ผมพูด ผมจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 “ถ้างั้นคุณน้าฉายครับ ผมลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

 “อ๊ะ สวัสดีจ้ะ ว่างๆก็มาเล่นที่บ้านน้าบ้างนะคะ น้าคิดถึ๊งคิดถึง”

 “ครับน้าฉาย” พี่สองส่งยิ้มสดใสให้แม่ผมก่อนจะหันมาสบตากับผมอีกครั้ง

 “พี่ไปก่อนนะบาส”

 “ครับพี่สอง ขับรถดีๆนะครับพี่” พี่สองขำกับคำพูดผมที่บอกออกไปแบบนั้น

 “ฮ่าๆ แค่บ้านข้างๆพี่คงไม่ต้องขับดีๆก็ได้มั้ง” เออ จริงด้วยแหะ บ้านพี่สองอยู่ข้างๆนี่หว่า ดันลืมเสียสนิท ผมหน้าแดงอับอายกับความขี้ลืมของตัวเองยิ่งได้ยินแม่ผมร่วมหัวเราะกับเขาด้วยผมยิ่งอายเข้าไปใหญ่

 “ทุกคนแกล้งผม!!”

 “ฮ่าๆ โอเคพี่ไปแล้ว วันหลังจะมาหาบ่อยๆ”

   พี่สองโบกมือให้ผมก่อนจะเดินหันหลังกชับไปที่รถ วันนี้เจออะไรมาเยอะมากมาย ยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้วสำหรับผม ผมอยากให้เวลาที่ผ่านมาในวันนี้กลายเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะดีกว่านี้มาก ผมคงจะมองหน้าพี่สองได้อย่างเต็มตา พูดจากับพี่สามได้เต็มคำ ไม่ใช่อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ ผมไม่อาจจะรู้ได้เลยว่า สิ่ฃที่พี่สามทำลงไปมันเป็นเพราะอะไร แต่เซ็กส์โดยทั่วไปมันไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย เพราะแค่อารมณ์ชั่ววูบมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก และกรณีของผมก็คงเป็นเช่นนั้น 



   ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
         ต่อจากด้านบน


                ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดไปทั้งร่างเจ็บร้าวที่ด้านหลังจนแทบจะตะโกนออกมา ดีหน่อยที่สำนึกทันว่าตอนนี้อยู่ที่บ้าน ขืนผมแหกปากร้องออกไปแม่กับพ่อผมได้เข้ามาถามกันยกใหญ่แน่ๆ ในเมาอเลือกที่จะจบมันผมก็ต้องทนกับมันให้ได้ แต่ว่านะครับ ลุกยากชะมัดเลย เจ็บจนแทบจะเดินไม่ไหว แถมรู้สึกว่าตัวจะร้อนๆเหมือนจะเป็นไข้ยังไงไม่รู้สิ อาการตกค้าฃจากเซ็ส์เมื่อวานหรือเปล่านะ เฮ้อออ ชีวิตผมนี่มันซวยบัดซบจริงๆให้ตายสิ ผมจัดการตัวเองในห้องน้ำสักพัก แต่งตัวจนเรียบร้อยผมถึงได้เดินลงมาชั้นล่าง

 “คุณแม่เองก็คิดถึงน้าฉายเหมือนกันครับ”

 “แหม.....น้าเองก็ไม่คิดเลยว่า สามจะหล่อเหลาขนาดนี้”

    พี่สามเหรอ??

     ผมไม่รอช้าเพราะเพียงแค่ได้ยินชื่อพี่สามผมก็เลือกที่จะเดินลงบันไดมาอย่างเร่งรีบที่สุด แม้ว่าจะเจ็บมากเท่าไหร่ก็ตามที ตอนนี้ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตัวปัญหาที่กำลังนั่งคุยกับแม่ผมต่างหากล่ะที่ใหญ่กว่า

 “พี่มาทำอะไร!!” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แทบจะตะคอก กลัว.....ว่าพี่มันจะพูดอะไรบ้าๆออกไป ถึงผมจะห้ามพี่สองไม่ให้พูดได้ แต่กับพี่สาม มันคงไม่ง่ายแน่ พี่สามและแม่ของผมหันมามองผมทันที สายตาของแม่กำลังตำหนิที่ผมไร้มารยาทแบบนี้

 “มาเยี่ยมน้าฉายครับ แล้วก็แวะมาดูอาการของบาสด้วย” ผมเกลียดรอยยิ้มบนใบหน้าพี่สามมาก เพราะสำหรับผมมันคือหน้ากากของคนๆนี้

 “เอ๊ะ น้องบาสเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมไม่เห็นบอกแม่เลย” ผมได้แต่กัดปากด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ผมอาจจะกระล่อนอาจจะดูเกเรแต่ผมไม่เคยโกหกแม่เลยสักครั้ง เพราะแบบนั้นการจะโกหกแม่มันจึงเป็นเรื่องยากมาก

 “ผะ ผมไม่ได้..”

 “เรื่องนี้ผมผิดเองครับ!”

    ขวับ!

 ให้ตายเถอะๆ พี่มันพูดบ้าอะไรออกมา ผมพยายามจะหาทางพูดไปเรื่องอื่นแล้ว การที่พี่สามพูดแบบนี้ยิ่งทำให้แม่ผมมีสีหน้าสงสัยเข้าไปอีก ความเครียดและความกดดันมันทำให้ฟันที่ขบอยู่บนริมฝีปากถูกกดแน่นขึ้นจนได้กลิ่นคาวของเลือด

 “หมายความว่าไงคะ น้าไม่เข้าใจ” พี่สามยืนขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าแม่ของผม

 “ผมมีอะไรกับน้องไปแล้วครับ!!”

 “หา!!!”

 “ไม่จริงนะครับแม่!!!” ผมพยายามจะอธิบายว่ามันไม่จริงสักนิด แต่แม่ได้แต่หันไปมองหน้าพี่สามทีหน้าของผมที สายตาของแม่ไล่จากเส้นผมมาหยึดตรงที่คอของผม แม่ผมกุมขมับแน่นโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าทำไม ตอนนี้ในหัวของผมพยายามจินตนาการเรื่องราวที่พอจะบ่ายเบี่ยงไปได้แต่ก็ไม่มีเลย มันดูจะมีความเป็นไปได้ที่เท่ากับศูนย์

 “ตายจริง.......แบบนี้ น้าก็..” ผมรีบไปนั่งข้างแม่กอดแม่จนแน่น ผมกลัวว่าแม่จะช็อค ผมไม่อยากให้แม่เสียใจที่ลูกชายคนนี้ตกเป็นของผู้ชาย ทั้งที่ผมคิดจะมีลูกมีหลานให้แม่แท้ๆ

 “แม่ครับ มันไม่จริง..”

 “ทำไมบาสพูดแบบนี้ละครับ พี่ทำผิดพี่ก็ต้องยอมรับผิด ในเมื่อพี่ล่วงเกินเราไปแล้ว พี่ก็จะรับผิดชอบ คุณน้าฉายว่ามาได้เลยครับ ผมยินดีทำทุกอย่าง” ผมได้แต่มองหน้าพี่สามอย่าคาดโทษ ทำไมเขาจะต้องคอยมาจองล้างจองผลาญกับผมแบบนี้ด้วยนะ ผมไปทำอะไรให้พี่มันนักเหรอถึงไม่ยอมปล่อยผมไป

 “ผมพูดความจริง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นเลยนะครับแม่ ผมไม่เคยมีอะไรกับพี่สาม!” แม่หันมามองผมเล็กน้อยเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะถามหาความแน่ใจ

 “ผมทำไปแล้วจริงๆครับ ผมผิดที่หักห้ามใจไม่ได้ คุณน้าฉายว่ามาเลยครับว่าจะให้ผมทำยังไง”

 “ถ้าอย่างนั้น.......”

 “แม่ครับ”

 “สามคงต้องไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะ ว่างานแต่งงานที่เราเคยตกลงกันไว้ คงต้องกลับมาจัดอีกครั้ง” ผมไม่อาจจะคัดค้านหรือโต้แย้งอะไรได้เลยเมื่อแม่ของผมสรุปออกมาแบบนั้น ผมมองหน้าของแม่ที่แม้จะปรากฏสีหน้ายินดีขึ้นมาแต่ก็มีแววตาที่เคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าแม่เองก็ลำบากใจ ไม่อยากให้ผมลงเอยแบบนี้ แต่ดูจากรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากการเสแสร้งแล้วผมคิดไม่ลงจริงๆ จะว่าไปการแต่งงานที่เคยตกลงกันมันคืออะไรกันนะ

 “ได้ครับน้าฉาย ผมคิดว่าแม่คงยินดีที่จะมาคุยเรื่องนี้แน่นอนครับ”

 “แม่!! ผมไม่อยากแต่งกับพี่สามนะ ผมเป็นผู้ชาย จะแต่งกับผู้ชายได้ยังไงกัน!!” คิดแล้วก็แค้น พี่สามมันกล้าดียังไงเอาเรื่องนี้มาบอกแม่ผม ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สามผมก็คงไม่เป็นแบบนี้

 “ได้ยังไงกันล่ะเรา!! นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ไม่เอาล่ะๆ ยังไงเรื่องนี้แม่จะจัดการเอง!”

 “แต่ว่า....”

 “หยุดเลย แม่ไม่อยากฟังแล้ว ยังไงซะ!! ลูกก็ต้องแต่ง” แม่ไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรเลย เพราะเพียงแค่พูดจบแม่ก็เดินหนีขึ้นไปข้างบนเสียแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ผมกับพี่สามเท่านั้น ผมหันไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งอมยิ้มอย่างสบายใจอยู่บนโซฟา

 “ยิ้มบ้าอะไร!!” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิด

 “พี่มีความสุข ทำไมจะยิ้มไม่ได้ล่ะครับ” ผมกำมือแน่นกับสีหน้ายียวนของพี่สาม

 “เชิญมีความสุขไปคนเดียวเถอะ!!” ผมเดินหนีขึ้นห้อง ไม่อยากอยู่คุยกับพี่สามอีกบอกเลยอารมณ์ผมตอนนี้คุยต่อไม่ไหวจริงๆไม่งั้นผมคงได้ต่อยพี่มันตรงนั้นแน่ ผมเดอนฟึดฟัดปึงปังขึ้นบันไดมาจนถึงห้องตัวเอง แต่เมื่อผมสัมผัสประตูห้องกลับถูกใครอีกคนดันร่างเข้าไปพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา ผมถอยหลังอย่างระแวงเมื่อพี่สามก้าวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น

 “พี่เข้ามาทำไม!! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!”

 “ก็บาสบอกให้พี่ไปมีความสุข”

 “..!!” ยิ่งพี่สามก้าวมาใกล้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งถอยมาเท่านั้น

 “แล้วพี่จะมีความสุขได้ยังไง ถ้าขาดบาส”

   ตุบ!
 
 ผมเสียหลักชนขอบเตียงจนล้มลงไป ร่างของพี่สามก้าวเข้ามาจนหยุดอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบไล้จากข้อเท้าขึ้นมาเรื่อยๆจนผมต้องชักเท้าหนี พี่สามหัวเราะในลำคอเบาๆในขณะที่ร่างสูงค่อยๆแนบชิดลงมามากขึ้นและมากขึ้นจนทุกส่วนของร่างกายสัมผัสกันและกัน ผมหน้าแดงซ่านเมื่อเบื้องล่างของสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ตื่นตัวอยู่ใต้กางเกงสีดำของพี่สาม ยิ่งผมดิ้นรนหนีออกจากเรือนร่างใหญ่ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไปกระตุ้นความต้องการของพี่สามมากขึ้น

 “ปะ ปล่อยนะ!! นี่บ้านผมนะ!! อย่าทำอะไรบ้างๆ” ผมใช้เสียงดังข่มอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าที่นี่บ้านของผม ผมจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เพราะเพียงผมร้องขอความช่วยเหลือทุกคนก็ต้องมาช่วยอย่างแน่นอน แต่อีกคนกลับยิ้มขำ

 “หึหึ บาสกำลังคิดสินะ ว่าแค่ร้องให้ช่วย ใครๆก็ต้องมาช่วยแน่นอน”

 “..!!” มือใหญ่ไล้ปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างช้าๆ

 “บาสอาจจะลืมไปว่า ถ้าร้องไม่ได้ ก็ไม่มีใครมาช่วย”

 “ชะ ช่วย อุ๊บ!”

  ผมเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากของคนเบื้องบนบดเบียดลงมาอย่างรวดเร็วราวกับรู้ว่าอย่างไรผมก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือ ผมยกมือขึ้นทุบตีพยายามผลักร่างหนาที่แข็งแรงออกให้พ้นตัวแต่เขากลับไม่ขยับเลยสักนิด ใบหน้าผมส่ายไปมาเพื่อหลบหนีให้พ้นจากปากร้อน แต่พี่สามก็ตามมาดูดดึงมันได้ตลอดไม่ปล่อยให้ผมได้ส่งเสียงร้องใดๆ

 “อื้อๆ อ๊ะ”

 พี่สามกัดลงบนริมฝีปากล่างของผมจนผมสะดุ้งและอุทานด้วยความเจ็บ ทันทีที่ผมเผยอปากออกลิ้นร้อนก็ถูกส่งเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆของผมผมถูกชักจูงให้ตอบรับจูบที่แสนหวานกลับไป อาการมึนงงเกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้จูบกับคนๆนี้ พี่สามมักทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง มือใหญ่แหวกสาบเสื้อออกลูบไล้แผ่นอกอย่างหลงใหล นิ้วมือสะกิดปุ่มเล็กๆไปมาบีบและดึงเล่นจนสนุกมือ ผมแอ่นอกด้วยความเสียวซ่านอดคิดไม่ได้ว่าพี่สามเก่งเรื่แงนี้จริงๆ

   จุ้บ จ๊วบ

 “แข็งสู้มือดีจังนะ มีแค่พี่หรือเปล่านะที่ได้ทำแบบนี้” ฝ่ามือใหญ่จับความแข็งแกร่งผ่านเนื้อกางเกงที่ผมสวมใส่ การตื่นตัวของผมมันรวดเร็วจนผมเองก็ตกใจ เพราะเพียงแค่จูบผมก็แข็งขนาดนี้แล้วหรือ

 “นะ แน่นอนว่าไม่ใช่!!” ต่อให้มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่พี่สามว่า คนอย่างผมย่อมไม่มีวันพูดออกไปแน่นอน ผมขนลุกซู่เมื่อความดุดันที่ส่งผ่านสายตาคู่นั้นสะกดผมเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พี่สามกำลังโกรธ น้อยครั้งที่ผมจะเห็นสายตาคู่นี้แสดงอารมณ์และมันมักจะทำให้ผมกลัว

 “พี่จะบอกเรื่องดีๆให้นะบาส”

 “อึก อื้อ” ผมกัดริมฝีปากพยายามห้ามเสียงครางตัวเองเอาไว้เมื่อถูกบีบยอดอกที่ชูชันท้าทายสายตา

 “ที่บาสไม่รู้สึกอะไรเลยจนต้องมาให้พี่รักษาให้ จริงๆแล้วเจ้าหนูของบาสน่ะแค่โดนยาชาเท่านั้น” อะไรนะ!! แค่ยาชา!! ผมตัวชาวาบเมื่อความจริงที่รู้มันทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ต่อมาที่ผมต้องเสียประตูหลังให้พี่สามมันไป

 “ไม่จริงน่า!!”

 “หึหึ จริงสิ!! ก็พี่.......”

 “...” ปลายนิ้วไล่ไปทั่วใบหน้าของผมพร้อมกับสายตาคมที่หยุดลงตรงริมฝีปาก

 “เป็นคนให้เพื่อนบาส ฉีดให้บาสเอง”

 “ไอเหี้ย!!! ไอเลว!! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!!” ผมดิ้นรนหนีออกจากอ้อมแขนของผู้ชายตรงหน้าอย่างเหลืออด มันสุดจะทนเมื่อได้ยินเรื่องนี้ที่ออกมาจากปากพี่สามว่าเป็นพี่มันที่วางแผนทุกอย่าง แต่ที่ทำให้ผมสติแตกที่สุดคือ การที่เพื่อนรักของผมสองคนร่วมมือกับมันด้วย!!

 “จะดิ้นไปทำไมละครับเมีย ในเมื่อยังไงๆ พี่ก็ไม่ปล่อยเมียไปอยู่แล้ว” ผมได้แต่กัดปากแน่นอย่างโกรธเคือง สองแขนถูกพี่สามยึดไว้แน่นกับที่นอน อิสระหายไปทุกอย่างมันดูเลวร้ายไปหมด ผมสะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าของพี่สามหยาดน้ำตาไหลรินจนเปื้อนหมอนผมไม่อาจจะกลั้นได้ไหวเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่สะเทือนใจแบบนี้

 “จุ๊ๆ อย่าร้องไห้สิครับ ร้องไห้ทำไมล่ะ หืม?” คำถามที่คล้ายว่าจะห่วงใยแต่น้ำเสียงสดใสมันกลับไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น เจ็บใจ คำๆนี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมกลั่นกรองจนมันแทบจะออกมาเป็นตัวอักษร

 “ผมไปทำอัไรให้พี่นักหนา ทำไมพี่ต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย!!!”

 “ไม่เลย บาสไม่เคยทำอะไรพี่เลย”

 “ถ้างั้นก็ปล่อย..”

 “แต่บาสคือคนที่พี่รัก รักมาตลอด”

 “..!!!”

 “ตั้งแต่ที่พี่เห็นเราตอนเด็กๆ พี่ไม่เคยลืมรอยยิ้มที่บาสมักจะส่งมาให้พี่ เสียงที่เรีกยพี่ด้วยความดีใจเมื่อพี่กลับมาจากโรงเรียน กลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูกพี่เมื่อตอนที่บาสกอดพี่ ทุกอย่างมันไม่เคยเลือนหาย”

 “...” ผมตะลึงค้างกับสีหน้าและคำพูดของพี่สามที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด

 “ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ พี่ยิ่งรัก ยิ่งพี่รัก ความต้องการมันก็ยิ่งชัดขึ้น จนวันนั้นที่พี่ทนไม่ไหว ทำอะไรเราไปทั้งๆที่เรายังเด็ก”

 “...”

 “แต่พี่จะไม่ขอโทษ เรื่องที่เกิดขึ้น”

 “เลว!!”

 “ใช่ครับ เลว พี่ยอมเลว อย่างที่พี่บอกไปเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่ขอโทษ”

 “ฮึก”

 “แต่พี่ขอโทษ ที่หายไป”

 “...!!” ผมอึ้งกับคำพูดของพี่สามที่อยู่ๆก็ขอโทษผมออกมาง่ายๆ ใบหน้าคมโน้มลงมาจนชิดใบหูของผม
 
 “ขอโทษครับคนดี พี่ขอโทษ”

 “ฮึก ฮือๆๆๆ”

  แค่คำง่ายๆ เพียงประโยคสั้นๆก็ทำให้น้ำตาผมไหลจนตัวเองคุมไม่อยู่ ผมสะอื้นจนตัวโยนร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แค่คำว่าขอโทษทำไมผมต้องอ่อนไหวไปกับมัน แต่ผมรู้สึกได้หลังจากที่มองใบหน้าและคำพูดของพี่สามนั้น มันบอกผมได้ชัดเลยว่า ผมเฝ้ารอให้เขาพูดคำนี้มานาน กำแพงที่ตั้งสูงในหัวใจมันได้พังทลายลงจนหมดสิ้น ผมคว้าร่างสูงเข้ามากอดจนแน่น พี่สามดูตกใจกับปฏิกิริยาของผมก่อนจะรวมผมเข้าไปกอดไว้เช่นกัน ผมใช้อกกว้างเป็นที่พักพิงแม้จะร้องไห้แต่ริมฝีปากของผมกลับมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมา หัวใจของพี่สามเต้นแรงจนผมรู้สึกได้ มันน่าแปลกจริงๆที่เสียงหัวใจของเราทั้งสองคนเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

 “พี่หายไปไหนมา ฮึก พี่ทิ้งผมทำไม”

 “พี่เรียนหนักมาก กว่าจะมีเวลามันก็สายไปแล้ว บาสโตขึ้นจนพี่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปหายังไง” ผมซุกใบหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมของพี่สามด้วยความคิดถึง

 “ผมรอขนมจากพี่มาตลอดเลยนะ นึกว่าพี่แค่สนุกๆกับผม ผมนคกว่าพี่มีแฟนไปแล้ว” ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะผมเบาๆ มันรู้สึกเหมือนพี่สามไม่กล้าแตะผมแรงๆกลัวผมจะแตกสลายไป

 “พี่จะชดเชยให้ จะซื้อให้เรากินทุกวันเลยดีไหม” ผมพยักหน้าอยู่กับอกกว้าง เงยหย้าขึ้นส่งรอยยิ้มกว้างให้พี่สามจนตาหยี

 “ครับ!!” มืออุ่นสัมผัสแก้มนุ่มของผม สายตาคู่นั้นของพี่สามดูหวานเยิ้มเมื่อมองผม

 “จูบได้ไหม พี่จูบบาสได้ไหม” ผมจับมือใหญ่ที่แนบแก้มตังเองอยู่ สบตาคมของพี่สามด้วยรอยยิ้ม

 “ครับ”

  ผมเงยหน้าหลับตาพริ้มรับจูบแสนหวานจากพี่สามอย่างเต็มใจ ริมฝีปากหนาดูดดึงกลีบปากผมให้เผยออ้ารับปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา พี่สามกวาดลิ้นไปทั่วทั้งปากลิ้มชิมความหวานทุกซอกทุกมุม ผมเกี่ยวกระหวัดตอบรับลิ้นหนาที่รุกไล้มาอย่างดุเดือดจนเรียกเสียงครางจากพี่สามได้ ผมแอ่นอกขึ้นเมื่อปลายนิ้วเรียวสะกิดยอดเล็กๆมันเสียวจนความแข็งแกร่งเบื้องล่างของผมตื่นตัว

 “อ๊ะ อืม”

 พี่สามซุกไซร้ซอกคอพรมจูบและขบเม้นจนเกิดรอย ลิ้นร้อนเลียไปตามไหล่ลาดลงไปจนพบยอดเล็กสีชมพู พี่สามอ้าปากดูดกลืนมันเข้าปากอย่างหิวกระหายจนแผ่นหลังผมต้องยกขึ้นเพื่อส่งยอดเล็กเข้าปากหนาผมเสียวจนจิกผมพี่สามเพื่อระบายความเสียวซ่าน

 “จุ๊บ อา หวานจังเลย เหมือนจะมีน้ำนมออกมาเลย จ๊วบ”

 “อ๊า อย่า ดูด อื้อ แบบนั้น!”

  ผมครางกระเส่ากับแรงดูดดึงที่ยอดอกสะโพกที่บัดนี้เหลือเพียงชั้นในตัวน้อยส่ายไปมาเสียดสีกับกายแกร่งที่ใหญ่โต พี่สามลูบไล้มือผ่านหน้าท้องของผมไต่ลงไปจนเจอความตื่นตัวฝ่ามือร้อนขยับรูดรั้งตัวตนของผมที่แข็งสู้มือจนมันขยายใหญ่ยิ่งขึ้น ลากไล้ริมฝีปากลงมาขบเม้นสะดือสวยก่อนที่พี่สามจะอ้าปากครอบครองตัวตนของผม

 “อ๊า อ๊ะๆๆ”

 ผมร้องตามจังหวะการครอบปากขยับให้แก่นกายผมผลุบเข้าออกในปากใหญ่ น้ำใสๆไหลออกมาจากมุมปากที่แลบลิ้นเลียไปมาที่แท่งร้อน พี่สามดูดส่วนหัวอย่างแรงเสียงดูดดังก้องจนผมนึกอาย แก่นกายถูกครอบครองจนสุดความยาวอีกครั้ง ผมเด้งสะโพกขึ้นสวนกับปากร้อนที่อมมันไว้ผมจับศีรษะพี่สามกดลงมาให้ตัวตนผมเข้าไปอย่างแรง ผมควบคุมความต้องการไม่ไหวพี่สามเก่งจนผมเร่งพาแท่งร้อนเข้าออกปากพี่สามด้วยความเร็วจนปลดปล่อยหยาดรักออกมาเต็มปาก

 “อ๊า!!! แฮ่กๆ”

 “หวาน หวานไปหมดทั้งตัวจริงๆ” ผมนอนหอบหายใจหมดแรงอยู่บนเตียง พี่สามปลดกางเกงออกดึงแก่นกายที่ขยายใหญ่จนแทบระเบิดมาตรงหน้าผม ผมมองพี่สามที่เลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะหยุดมองความใหญ่โตที่ชี้หน้าผมอยู่ในตอนนี้อย่างตกตะลึง นี่นะหรือ ที่เข้ามาในตัวผมเมื่อคราวก่อน ใหญ่จัง

 “ทำให้พี่หน่อยสิครับ พี่ไม่อยากทำร้ายบาสเลย พี่รู้ว่าบาสยังไม่หายดี เพราะงั้น อมให้พี่หน่อยนะครับ”

  ผมเมื้อมมือไปจับมันอย่างกล้าๆกลัวๆมันผงกขึ้นทักทายเมื่อถูกผมรวบเอาไว้ ต้องทำยังไงนะ ผมไม่มีปรพสบการณ์ร่วมรักกับผู้ชายมาก่อนซะด้วย เพราะแบบนั้นผมจึงทำได้แค่รูดมือขึ้นลงเป็นจังหวะ

 “อา....เลียหน่อยที่รัก รักมันหน่อย”

 ผมแลบลิ้นออกมาเลียบริเวณยอดปลายอย่างกลัวๆ กลิ่นคาวกับรสชาติที่หวานปะแล่มๆมันไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิด ผมจึงเลียมันอีกครั้งและคราวนี้ผมไม่กลัวอีก รสชาติมันหวานติดลิ้นมันชวนให้ลิ้มลองอีกครั้ง

 “ซี๊ดดด อ้าปากหน่อยครับบาส” ทันทีที่ผมอ้าปากพี่สามก็ยัดสิ่งนั้นเข้ามาจนเต็มปากผม

 “อ๊า เยี่ยม ห่อปากครับ ดูดมันแรงๆ ซี๊ดด แบบนั้นล่ะ”

 “อุ อุ อั๊ก!!” ผมแทบสำลักเมื่อความใหญ่โตคับปากถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรง

 “ซี๊ด โอ้ว.....บาส เก่งจังเลยเมียพี่”

  ตอนนี้ผมหูอื้อตาลายจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องอีกแล้ว สิ่งที่ถูกกระแทกเข้าออกภายในปากผมมันทำให้ผมมึนงงรสชาติหว่นๆกับกลิ่นคาวๆและขนาดของพี่สามมันทำให้หายใจไม่ออก

 “อ๊า พี่จะเร่งแล้วนะ ดูดไว้นะครับ อ๊า ซี๊ด โอ้ว”

 “อุ อึก อ๊ะ จ๊วบ จ๊วบ”

   ผมห่อป้าดูดแท่งร้อนในปากอย่างแรงพี่สามขยับสะโพกพาแท่งใหญ่เข้าออกปากผมอย่างรวดเร็วและรุนแรง น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ พี่สามครางอย่างพอใจและเร่งจังหวะเข้าออกแรงขึ้นๆจนน้ำใสๆไหลออกมาจากปากผม

 “อ๊า จะออกแล้ว อ๊า!!”

    พรวด!!

  หยาดรักรสหวานถูกปลดปล่อยมาล้นเต็มปากผมกลืนมันลงคอจนหมดเลียหยาดรักที่ไหลออกมาด้วยความเสียดาย พี่สามดึงผมไปรับจูบดูดดื่มร้อนแรง สอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับผมอย่างรุนแรงจนเมื่อถอนริมฝีปากน้ำลายใสๆไหลเชื่อมกันอยู่

 “แฮ่กๆ พี่สาม”

 “อย่าทำเสียงแบบนี้สิครับ เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวขึ้นมาจะยุ่งนะ”

   แม้จะพูดแบบนั้นแต่พี่สามกลับสอดปลายนิ้วร้อนเข้ามาภายในช่องทางของผม ผมส่ายสะโพกยั่วยวนขมิบรัดนิ้วเรียวอย่างเชิญชวน ผมเห็นแก่นกายของพี่สามพองตัวขึ้นอีกครั้ง ผมใช้ปากรับความใหญ่โตนั้นเข้ามาอีกเงยหน้าขึ้นสบตาดูดความใหญ่โตโชว์จนพี่สามร้องคราง นิ้วเรียวถูกดึงเข้าออกอย่างแรงโดยมีผมขยับสะโพกตามจังหวะ

  “ฮึม!! พอแล้วครับ ถ้ายังยั่วแบบนี้พี่จะทนไม่ไหวเอานะ” ผมยอมคายแก่นกายของพี่สามออกมาอย่างเสียดายพี่สามเองก็ดึงนิ้วเรียวออกจากรูรักของผมเช่นกัน ผมหลุบตามองแก่นกายที่ยังพองตัวอยู่ด้วยรอยยิ้ม

 “แล้วเจ้านี้ พี่สามจะทำยังไงครับ”

 “งั้นเมียพี่ก็อ้าปากรับน้ำหวานพี่สิครับ เดี๋ยวพี่จะทำให้กิน”

 ผมตาวาววับกับคำพูดของเขา นั่งอ้าปากรอตามที่พี่สามบอกอย่างเต็มใจ พี่สามพาแก่นกายมาใกล้ๆปากผมแต่กลับมายอมให้ผมได้กิน พี่เขาเพียงแค่ใช้มือรูดรั้งอย่างแรงทั้งที่สายตายังมองปากของผมที่อ้าอยู่

  “อ้าปากนะครับ ซี๊ด อา มันจะมาแล้ว โอ้ว”

  ไม่นานหยาดนักก็พุ่งเข้าปากผมบ้างเลอะหน้าผมบ้างเต็มไปหมด ผมใช้นิ้วปาดเอาน้ำรักเข้าปากจนหมด พี่สามเห็นผมกินมันจนไม่เหลือก็ก้มลงมากอมแก้มผมอย่างเอ็นดู ผมกับพี่สามแต่งตัวกันจนเรียบร้อย จริงๆมันก็มีแค่ผมเสียมากกว่าที่ไม่เหลืออะไรบนตัวเลย ในขณะที่พี่สามยังอยู่ครบ

 “จากนี้พี่จะไม่ปล่อยบาสไปอีกแล้วนะ” พี่สามดึงผมเข้ามากอดลูบหัวผมเบาๆ

 “ครับ พี่เองก็คงไม่หายไปใช่ไหมครับ”

 “แน่นอน!! พี่จะไม่มีวันหายไปอีก” ผมยิ้มกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น กลิ่นนี้ ความรู้สึกนี้ น้ำเสียงนี้ ไม่มีอะไรมาทดแทนได้เลย คนๆนี้คือคนที่ผมรอคอย

 “หึหึ”

 “อะไรเหรอครับ?” ผมถามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากพี่สาม

 “เปล่าครับ.....แค่หัวใจเราเต้นพร้อมกันเลย”

 “อื้อ!! ก็ผมรักพี่นี่นา” ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้พี่สาม

 “พี่ก็รักบาส รักมาตลอดและจะรักตลอดไป”

  เรากอดกันอยู่อย่างนั้น สบายใจที่ได้อยู่ด้วยกันจากนี้ไปไม่ว่าอะไรก็พรากเราไปตากกันไม่ได้ ผมเป็นของเขาและเขาก็เป็นของผม การยอมรับหัวใจตัวเองมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง รู้งี้ผมตามพี่สามไปนานแล้ว





The End
[/b][/size]





               แมวมาแล้วค่าาา พี่สามเลวใช่ไหมคะ เกลียดหมอสามกันแ้วสิแบบนี้ แต่อย่าเกลียดแมวเลยนะ แวเพียวอยากจะเสนอชีวิตในหลายๆรูปแบบ ความรักในหลายๆแบบอย่าเลิกอ่านกันนะคะ พลีสสส ล้วเจอกันห้องหมอฌานะคะ
  ปล.มวเพิ่งจะเรื่มล่นทวิส ใครเล่นอยู่ฟอลแมวกันบ้างน๊า  Twitter @little_kittensY



ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อื้อหืออออ เจ้าแผนการจริงนะพี่สาม

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่สาม..ทำไมร้าย  :o7: :o7: :o7:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 อีกคนก็ขึ้นง่ายอีกคนก็ยั่วเก่ง :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแผนหมอสาม ไม่ชอบเลยจริงๆยิ่งกับเพื่อนอีกสองคนนี่น่าเลิกคบมาก แต่เพราะมันเป็นเรื่องสั้นอะนะก็เลยต้องทำใจหน่อย เพราะถ้าเป็นเรื่องยาวคงหวังดราม่าได้มากกว่านี้ รอห้องตรวจที่สามนะคะจะเป็นหมอคนไหนนะ

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
                          ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา
 


                        ผมชื่อฌชาเป็นหมอที่คลินิกมารักษ์ประจำห้องตรวจที่๓. ผมหล่อ ผมรวย และแน่นอนว่า สาวๆคลั่งใคล้ผมสุดๆ ผมเชี่ยวชาญการรักษาโรคทางเพศซึ่งปัญหาของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป ผมศึกษามาอย่างเต็มที่ทั้งในตำราและนอก......ตำรา ผมศึกษาจากทฤษฏีและปฏิบัติ แต่ใครๆก็บอกว่าผมน่ะเก่งปฏิบัติเสียมากกว่า ข้อมูลนี้เชื่อถือได้นะครับ คนไข้ผมรับรองเอง รูปร่างหน้าตาผมเป็นยังไงน่ะเหรอครับ ถ้าอยากรู้ผมจะบอกให้ ผมสูง176 น้ำหนักโดยประมาณ 55-60 กก. บนหน้าก็มีตามีจมูกมีปากเพียงแต่ปากผมจะบางกว่าคนอื่น เห็นไหมครับ บอกแล้วว่าผมหล่อ

“หมอฌาขา~ เมื่อไหร่รินจะหายสักทีละคะเนี่ย” รินเป็นคนไข้ของผมซึ่งเธอไม่เคยทำตัวน่ารำคาญไม่จับจ้องที่จะกินผมเหมือนคนอื่นๆ รินป่วยมา6เดือนแล้ว เธอบอกผมว่าเวลานอนกับแฟนเธอไม่มีอารมณ์ใดๆเลยแม้ว่าแฟนเธอจะพยายามโอ้โลมเธอแค่ไหน เคสของเธอนับว่าแปลกเพราะโดยปกติไม่มีความผิดปกติทางกายก็ต้องมีผลกระทบทางใจ แต่รินเธอคือสาวสวยงามสะพรั่งอายุเพียง22ปี เธอกลับมีอาการอย่างนี้ได้

 “รินลองทำที่หมอบอกหรือยัง หืม~” รินอมลมทำแก้มป่องใส่ผม แปลง่ายๆเลยว่ายัง ผมแนะนำให้รินลองสัมผัสตัวเองกับสิ่งเร้าอย่างอื่นดู เพราะเธอยังเด็กผมคงจะไป ทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้

 “ก็รินไม่ชอบนี่คะ!! รินเบื่ออ่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ แฟนรินต้องเลิกกับรินแน่เลยค่ะหมอ แง๊~~~ ไม่เอาน๊า!!”

 “เดี๋ยวๆใจเย็นๆก่อน มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงก็ได้นะริน ลองคุยกับเขาหรือยังล่ะ ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมนอนกับเขา” รินหลบตามองมือที่วางอยู่บนตัก

 “รินไม่กล้า รินกลัวเขาจะขอเลิกกับริน” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้กลัวของเธอ แต่อย่างว่าล่ะครับ เป็นผมก็คงไม่พูด ขืนพูดออกไปแฟนได้วิ่งโร่ไปหาใหม่พอดี คิดๆดูแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของรินขึ้นมาเลย

 “โอเคครับ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องบอก งั้นรินต้องลองทำที่หมอบอกนะ หมอจะได้สิเคราะห์ถูก” รินลังเล เธอคงไม่อยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะตอนตรวจร่างกายเธอ ผมเพิ่งจะรู้ว่าเธอบริสุทธิ์หายากนะครับเด็กที่ถือครองพรหมจรรย์มาได้จนถึงตอนนี้

 “ก็ได้ค่ะ รินจะลองทำดู” รินตอบรับเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจซึ่งผมเองได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู

 “ถ้างั้น อีกสามวัน รินต้องเข้ามารายงานกับหมอนะครับ โอเคไหม” รินพยักหน้าทำปากขมุบขมิบบ่นแต่ผมไม่ได้ยินหรอกครับ เด็กหนอเด็ก

 “ไปครับ เดี๋ยวจะไปเรียนสาย”

 “ค่า~~”

 เด็กน้อยน่ารักของผมวิ่งออกประตูไปทันที เห็นแบบนี้ผมก็อดเอ็นดูเธอไม่ได้ ผมรู้สึกดีกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งอาการที่เธอเป็นอยู่ถ้าถามผมในฐานะหมอ ผมอยากให้เธอหาย แต่ถ้าในฐานะของพี่ชาย.....ผมอยากปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้จะดีกว่า อย่างน้อยๆ เธอจะสามารถเลือกคนที่รักจริงๆและพร้อมจะมอบทุกอย่างให้เขาจริงๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ โลกของเราเดินมาไกลเกินกว่าจะสนใจในเรื่องความสำคัญของพรหมจรรย์แล้ว ซึ่งผมเองก็แปลกใจกับยุคสมัยนี้ที่ทุกคนพูดกันว่าความซิงไม่มีค่า ในความคิดผม ผมกลับอยากได้แม่ของลูกที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน เพราะมันเหมือนบอกให้ผมรู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอเก็บรักษามันเอาไว้เพื่อผมในวันแต่งงาน แต่นานวันเข้ากลับกลายเป็นผู้หญิงเสียเองที่ลืมเลือนความสำคัญตรงนั้นไป มันกลายเป็นว่าเซ็กส์นั้นมีเอาไว้เพื่อพิสูจน์ในคำว่ารัก ทั้งๆที่ความรักมันไม่ควรจะวัดค่าได้ พอทำมันลงไปแล้วก็จะวลีคำพูดต่างๆนาๆขึ้นมาเพื่อเสริมให้สิ่งที่ทำดูถูกต้อง อย่างที่ได้ยินกันมา จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือ? หึหึ ผมได้ยินทีไรก็อดขำไม่ได้ ทุกครั้งที่เดินผ่านกลุ่มเด็กสาวผมมักจะได้ยินคำพูดนี้จนชินหู ด้วยว่าผมที่เป็นผู้ชาย ถามว่าผมอยากใช้มือไปตลอดหรือ ก็ไม่!! เพียงแต่ผมว่ามันไม่ถูกต้องกับคำพูดเหล่านั้นเท่านั้น ผมจึงไม่อยากให้รินเป็นอย่างเด็กพวกนั้น ผมลุกขึ้นเปิดประตูห้องตรวจส่งยิ้มให้คนไข้ที่มานั่งรอคิวกันหน้าห้อง

 “คิวต่อไปครับ....เอ่อ คุณสิรินาถ เชิญครับ”

 “ค่ะหมอ” สาวสวยวัยสามสิบกลางๆเดินอวดหุ่นสะอางค์ที่เมื่อผมได้เห็นเป็นต้องกลินน้ำลายลงคอ แม่เจ้าโว้ย!! ผมเพิ่งเคยเจอหุ่นนาฬิกาทรายในตำนาน เอาเป็นว่า เมื่อกี้ที่ผมพร้ำเพ้อเรื่องพรหมจงพรหมจรรย์กับเรื่องที่ควรเก็บความซิงไว้ก็ลืมๆมันไปนะครับ เจอแบบนี้ผมสติกระเจิงหมดเลย

 “ชะ เชิญข้างในเลยครับ” บ้าจริง ดันดึงสายตาขึ้นจากอกอวบนั่นไม่ได้เลย ผมปิดประตู มองสะโพกผายที่ดูยั่วยวนชวนให้จับมาขยำขยี้ด้วยสายตาหื่นและเหมือนเธอจะรู้ว่าผมมองอยู่ แม่คุณก็เดินอวดสะโพกที่บิดไปบิดมาก่อนจะทิเฃก้นงอนๆลงนั่งที่เตียง

 “คุณสิรินาถ มีชื่อเล่นไหมครับ”

 “นีน่าค่ะ เรียกนีน่าก็ได้ แล้วหมอละคะ ให้น่าเรียกหมอฌชาเลยเหรอ” ปากแดงกัดปากจนผมอยากจะถลาไปจูบเสียให้เข็ด

 “เรียกผมว่าหมอฌาก็ได้ครับ คุณนีน่า” บางสิ่งกำลังตื่นตัวอยู่ใต้กางเกงนั่นทำให้ผมต้องรีบเข้าประเดนให้เร็วที่สุด

 “แล้วอาการของคุณนีน่านี่เป็นอะไรมาหรือครับ”

 “ถ้านีน่าบอกว่า.......อยากมาหาหมอ หมอจะเชื่อไหมคะ” อดทนไว้ไอฌา อดทนไว้!! ฮึ่มมมม

 “เชื่อสิครับ แต่ยังไงหมอก็ต้องรู้อาการก่อนนะครับว่าเป็นยังไง”

 “อาการของนีน่า เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็หนาว บางทีข้างล่างมันก็สั่นระริก จนตอนนี้ มันก็ยังสั่นอยู่เลย หมอฌา...ลองจับดูสิคะ” ผมนั่งเงียบเก็บอาการเอาไว้ นี่ถ้าผมห้ามตัวเองไม่ทัน ผมคงยื่นมือออกไปจับดูอย่างที่เธอว่าแล้ว คนอะไรยั่วเก่งเหลือเกิน!!!

 “เดี๋ยวยังไงหมอก็ต้องตรวจครับ แต่ตอนนี้หมอต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของอาการก่อนนะครับ”

 “ก็ได้ค่ะ สองวันมานี้ น่ารู้สึกว่าตัวเองเปียกตลอดเวลาที่เห็นหน้าหมอ แม้แต่รูปถ่ายหมอมันยังทำให้น่าเปียกแฉะสุดๆเลยค่ะ”

 “......” ผมเลื่อนสายตาตามนิ้วมือเล็กๆที่ค่อยๆไต่ลงไปที่เบื้องล่างจนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างกระหาย

 “น่าอยากให้หมอ’ดู’มันให้น่าหน่อย นะคะ มันเปียกจนแทบจะไหลลงมาตามขาน่าแล้ว” เธอขยับตัวขึ้นบนเตียงกางขาออกเป็นตัวเอ็มจนผมมองเห็นชั้นในสีชมพูบางๆที่มันกำลังเปียกอย่างที่เธอบอก ยิ่งมันเปียกผมก็ยิ่งมองเห็นกลีบดอกไม้ที่ไร้หนามปกคลุม ผมเคลื่อนตัวเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็วดึงรั้งสะโพกมนเข้ามาจนชิดตัว

 “อืม~”

 ผมประกบริมฝีปากเข้ากับเธอดูดดึงจนเธอเผยอปากร้องครางผมจึงสอดปลายลิ้นเข้าไปรุกไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆ เธอตอบรับจูบผมอย่างเร่าร้อนบดสะโพกอย่างเชิญชวนจนลูกชายผมดันเข้ากับกลีบสาวของเธอ

 “อื้อ หมอขา อ๊า”

 นีน่าบิดกายไปมาเมื่อมือของผมสัมผัสบีบเค้นเข้าที่อกอวบที่แสนนุ่มนิ่มของเธออย่างเมามัน เธอปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างชำนาญในขณะที่ผมยังคงซุกไซร้ลำคอก่อนจะไล่ลงไปยังเนินอกที่บดเบียดกันอยู่ใต้บราเซียลูกไม้สีดำ ผมดึงชุดเธอลงพร้อมกับปลดตะขอบราเซียจนอกอิ่มปรากฎออกมาตรงหน้าผม

 “คุณนีน่าสวยมากเลยนะครับ หน้าอกของคุณก็น่าจูบ”

 “ก็จูบสิคะ จะมากกว่าจูบน่าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ ถ้าเป็นหมอ”

 นีน่าแอ่นอกขึ้นยั่วยวนต่อสายตาของผมยอดสีชมพูส่ายไปมาจนผมทนไม่ได้ก้มลงไปดูดดึงมันเข้ามาในปาก นีน่าครางเสียงหวานเมื่อยอดเล็กๆถูกปลายลิ้นสากของผมตวัดเลียจนมันแข็งสู้ลิ้น มือก็ขยำอกอิ่มอีกจนมันทะลักออกมาตามซอกนิ้ว

 “อ๊า หมอขา สอดเข้ามาลึกๆสิ น่าชอบลึกๆ”

 นี่ยังไม่ลึกอีกเหรอ มิดนิ้วแล้วนะ ผมมองกลีบดอกไม้สีหวานที่ดูดกลืนนิ้วที่กำลังถูกดึงเข้าออกเพื่อสำรวจภายใน ผนังนุ่มบีบรัดนิ้วผมจนแทบคลั่งแต่ความเปียกลื่นที่มากผิดปกติทำให้ผมต้องดึงนิ้วออกมาดู

       อสุจิ!!

 “นี่น่า.....คุณเพิ่งมีอะไรกับแฟนมาหรือเปล่าครับ”

 “อื้อ...ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ อ๊า น่าเจอพวกเขากำลังมองก้นน่า อ๊ะ! ก็เลยชวนเล่นสนุกกัน”

 ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยั่วผมง่ายๆ อาการของเธอในตำราผมคงจะเรียกว่านิมโฟมาเนีย ผมไม่เคยเจอผู้ป่วยประเภทนี้ ในตำราบอกผมว่าพวกเธอจะมีความต้องการสูงจะชายตาและยั่วยวนผู้ชายทึกคนที่เธอพบหน้าโดยไม่เลือก เป็นอาการทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงในเรื่องเพศ โดยผู้ป่วยจะเรียกร้องด้วยท่าทางเชื้อเชิญให้คนที่ผู้ป่วยพบให้มามีสัมพันธ์ด้วย เอาล่ะ ในเมื่อรู้อาการแบบนี้แล้ว ผมก็คงต้องจบเรื่อง ผมสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปอีกครั้งโดยเพิ่มจำนวนจนคับแน่นช่องทางของเธอเพื่อเติมเต็มความต้องการแทนที่จะเป็นแก่นกายของผม นิ้วค่อยๆขยับช้าๆละเร็วขึ้นตามจนเธอโยกขยับสะโพกงอนตามจังหวะ

 “อ๊า อ๊า หมอขา แรงอีกน่าใกล้แล้ว อ๊ะๆๆ”

 ผมขยับนิ้วเร็วและแรงขึ้นจนเธอกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนชุ่มปลายนิ้วของผม นีน่านอนหอบหายใจมือบางเค้นอกของอิ่มตัวเองอย่างพอใจสะโพกยังไม่ยอมหยุดขยับทั้งที่ปลดปล่อยไปแล้วก็ตาม ผมถอยออกห่างจากร่างยั่วยวนบนเตียงไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเธอแต่เพราะเป็นหมอการมีอะไรกับเธอไม่ใช่การบำบัดรักษา(ถึงจะอยากก็ตาม) ผมติดกระดุมที่นีน่าปลดออกจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อย

 “คุณนีน่าแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวผมจะสรุปอาการของคุณพร้อมกับแนะนำการรักษา” แม้เธอจะทำหน้าตาเสียดายแต่ก็ยอมแต่งตัวแต่โดยดี อย่าน้อยเธอก็ยอมทำตามผมรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อย

 “แล้ว....ตกลงน่าเป็นอะไรคะหมอฌา”

 “นิมโฟมาเนีย.....” นีน่ามองผมแกว่งขาไปมาราวกับเด็กๆ ริมฝีปากสีชมพูถูกลิ้นเล็กเลียไปทั่วจนฉ่ำวาว ขนาดนั่งฟังการวินิจฉัยเธอก็ยังพยายามจะยั่วผมสินะ ผมได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเธอ

 “มันคืออะไรคะ นีน่าไม่เคยได้ยิน”

 “มันคือ...”

 “สำคัญไหมคะหมอฌา ถ้าไม่สำคัญเรามาต่อกันไหมคะ เดี๋ยวนีน่าทำให้หมอสุข.....จนสำลักเลยล่ะค่ะ” นีน่าคลานมาด้วยท่าทางของแม่เสือสาวจนผมตาลุกวาว แต่ก็ต้องสบัดความคิดทิ้งเพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

 “นีน่าๆ เดี๋ยวก่อนครับ เรื่องนี้สำคัญมากนะ!”

 “โอเคค่ะ น่าฟังก่อนก็ได้” ผมลอยถอนหายใจเมื่อเธอทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม

 “ครับ คือโรคนิมโฟมาเนียคือโรคที่เราเรียกกันว่าขาดเซ็กส์ไม่ได้ ซึ่งจากหลายๆอย่างมันบ่งบอกว่าคุณนีน่ากำลังป่วยด้วยโรคนี้”

 “คิกๆ นี่ถ้าน่าไม่รู้ คงคิดว่าหมอกำลังหลอกด่าน่าแน่เลย” ผมตาโตรีบส่ายหน้าทันที

 “ไม่ใช่นะครับ!! คุณนีน่าอย่างเพิ่งเข้าใจผมผิด!! ผมเพียงวินิจฉัยโรคให้คุณเท่านั้น!!” นีน่าหัวเราะคิกคักกับความร้อนรนของผม รอยยิ้มบนหน้าใสกลับสวยจนน่าดู เสียดายจริงๆกับโรคที่กำลังทำลายเธอ

 “แต่เซ็กส์มันสนุกดีออกนะคะ ไม่เห็นแย่ตรงไหนเลยนี่คะหมอฌา” ผมอ่อนใจ รู้ว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพราะความต้องการที่เรียกร้อง

 “ถ้าเป็นแบบนี้ นีน่าจะหาคนที่รักจริงไม่เจอนะครับ เพราะงั้น....” ผมหยิบนามบัตออกมาส่งให้นีน่า

 “นี่อะไรคะ?”

 “นามบัตเพื่อนผมเองครับ เธอเป็นจิตแพทย์ฝีมือดีรับรองเลยว่าคุณนีน่าจะหายแน่นอน เดี๋ยวผมจะติดต่อบอกเธอไว้ก่อน คุณนีน่าก็แค่ไปพบเธอเท่านั้น” นีน่ายู่ปากอิดออดไม่อยากไปเมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง จริงๆเลย

 “ไม่มีหมอผู้ชายเหรอคะ” แร....ไม่เลิก

 “ไม่มีครับ!! ต้องกับเธอเท่านั้น เข้าใจไหมครับ!!” ผมทำหน้าเคร่งขรึมขู่นีน่าเธอได้แต่ทำหน้าจ๋อยพยักหน้ารับรู้เท่านั้นผมจึงยิ้มออกมาได้

 “ถ้างั้น......นีน่ากลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวหมอจะให้คุณสาวติดต่อไปอีกครั้ง”

 “ก็ได้ค่า~” หึหึ น่ารักจริงๆ ผมแทบจะนับวันรอเธอหายจากอาการที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาแต่เมื่อเธอหายดีเธอจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่ง ซึ่ฃผมเชื่อว่าใครๆก็ต้องหลงรักเธอ ถึงแม้ว่าตอนนี้การเดินออกไปจากห้องตรวจจะเป็นการส่ายสะโพกยั่วผมก็ตาม เอาเถอะครับ ปล่อยเธอไปก่อน ผมล่ะปวดหัวกับคนไข้แต่ละคนจริงๆ

 ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 “เชิญครับ!!”

 “หมอคะ มีคนไข้มาใหม่ค่ะ” อา.....คนไข้มาใหม่สินะ ผมจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยพยายามจะให้ดูดีในสายตาคนไข้ไว้ก่อน ภาพลักษณ์ที่ดีสิครับ เป็นเรื่องสำคัญ

 “ไหนครับ คนไข้” ผมชะเง้อคอถามหาเมื่อมายืนหน้าประตูแต่กลับพบเพียงสาวสวยเพียงคนเดียวอย่างคุณสาวเท่านั้น

 “เอ่อ นี่แหละค่ะปัญหา คือคนไข้ไม่ยอมเซ็นสัญญาค่ะ บอกว่าจะรอพบหมอก่อน” อะไร?? ทำไมต้องรอเจอผมก่อนด้วย ผมขมวดคิ้วงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทัน

 “อ่า งั้นเชิญเขาเข้ามาพบผมได้เลยครับ ผมว่างแล้ว” คุณยาวส่งยิ้มขอโทษให้ผม ซึ่งให้ผมเดาคงเรื่องที่เธอไม่สามารถจัดการกับลูกค้าคนนี้ได้ล่ะมั้ง เพราะงานของเธอคือต้องทำให้ลูกค้าเซ็นสัญญาก่อนจะเข้ารับการรักษา แต่เอาเถอะครับ รอบนี้ผมหยวนๆให้ก็แล้วกัน

 ไม่นานคุณสาวเธอก็พาร่างของผู้ชายตัวโตสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่สะดุดตาผมคงจะเป็นเสื้อเชิตสีดำกับผมที่ถูกเซ็ตเสยขึ้นไปและใบหน้าคมคายที่รับกับแว่นตาสีชาบนใบหน้านั้น ทุกอย่างในตัวเขามันช่างสมดุลมาก มันเข้ากันได้ดีจนเพอร์เฟค ก็ได้ๆเอาเถอะ เขาหล่อ ผมยอมรับ!! (Shit!!)


 “คุณสาวกลับไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

 “ค่ะหมอฌา” แล้วก็เหลือกันสองคน

 .......เงียบกริบ!...........

 รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ผมนั่งรอให้เขาพูดส่วนเขาก็เอาแต่นั่งจ้องผม บางครั้งการถูกจ้องนานๆมันก็ทำให้ผมประหม่าได้เหมือนกันนะ โอ้ย!! อึดอัดโว้ย!!!!!

 “คุณ....เอ่อ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาขึ้นก่อน

 “ไม่มี” เส้นเลือดในสมองผมแทบแตกเมื่อเจอสีหน้าและน้ำเสียงยียวนจากเขา

 “ถ้างั้นก็กลับไปสิครับ นี่คลินิกนะครับ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า” อีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

 “ขอโทษที พอดีฉันป่วย เลยมารักษาที่นี่ไม่ได้อยากจะกวนอะไรนาย”

 “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เห็นคุณสาวบอกผมว่าคุณต้องการจะพบหมอก่อนจะเซ็นสัญญา มีอะไรหรือเปล่าครับ” แม้จะไม่พอใจอยู่ในตอนแรก แต่ด้วยคนตรงหน้าเป็นคนไข้อย่างไรเสียผมก็ต้องทำการรักษา เพราะฉะนั้น.....เป็นมิตรไว้อะไรๆมันคงสะดวกกว่า

 “อา จะว่ามีมันก็มีจริงๆ”

 “.....” เขาจ้องมองผมด้วยแววตาคมกริบที่ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า....ผมทำอะไรผิด

 “ฉันอยากรู้ว่าต้องทำยังไง.......ฉันถึงไม่ต้องเซ็นสัญญา”



              ต่อด้านล่างนะค๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2018 22:41:27 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
          ต่อจากด้านบน


            “ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นกฎของคลินิก” ผมพยายามบอกเขาอย่างใจเย็นที่สุด

 “กฎ? หึหึ ตลกดีนะ นายคิดจริงๆเหรอว่าจะมีใครเขามาคอยหึงหวงนาย” ผมตัวชาวาบเมื่อถูกมองด้วยแววตาดูแคลนใบหน้าหล่อแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัย

 “ผะ ผมไม่ใช่คนออกกฎครับ แต่ยังไงกฎก็คือกฎคุณต้องเซ อ๊ะ!!” จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาหาผมแล้วบีบแขนซะแน่นจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ทำไมกันนะ ทุกครั้งที่มองหน้าเขาทีไรผมมักจะเห็นแต่ความเกรี้ยวกราดในแววตา

 “นายมันปีศาจ” ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด แต่ผมเป็นหมอ ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใครผมจึงสะบัดแขนออกจากการจับกุมแต่แรงผมสู้เขาไม่ได้เลย ยิ่งผมดิ้นเขาก็ยิ่งบีบแรงขึ้น

 “เจ็บนะ!! ปล่อยผม!! ผมเป็นหมอนะคุณจะมาหาเรื่องผมแบบนี้ไม่ได้” เขายกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดผมราวกับว่ามันตลก

 “หมอ? แน่ใจเหรอ!! ฉันนึกว่าเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านเขาซะ..”

 เพี๊ยะ!!

 ผมไม่ใช่คนที่อดทนกับอะไรนานๆยิ่งคำกล่าวหาดูถูกดูแคลนผมยิ่งยอมไม่ได้ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกันถึงมาว่าผมแบบนี้ ผมไม่ได้เรียนหมอมาเพื่อให้ตัวเขาหรือใครๆมาใส่ความผม ผมเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ และแน่นอนว่าแม้ผมจะนอนกับคนไข้มาบ้างแต่ทุกคนที่ผมนอนด้วย พวกเขาจะต้องโสดไม่คบใครอยู่!

 “อย่ามากล่าวหาผม!! ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณว่า!!!” ผมจ้องใบหน้าที่ถูกฝ่ามือผมสะบัดใส่จนเกิดรอยแดงด้วยความโมโห

 “กล้าดีนี่!! กล้าตบฉันแบบนี้........คงไม่กลัวตายสินะ”

 “ที่นี่คลินิกผม!! ไม่ใช่ที่ๆคุณจะมาข่มขู่ใคร ถ้าไม่รักษาก็เชิญ!! เชิญกลับไป!!”เขากัดฟันกรอดมองผมอย่างโมโหเช่นเดียวกับผมที่มองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วอยู่ๆใบหน้าหล่อเหลากลับแต้มรอยยิ้มไปทั่วหน้า รอยยิ้มชั่วร้ายที่ทำให้ผมผละหนี แย่แล้ว

 “รักษาสิ ฉันมาที่นี่เพื่อรักษาอยู่แล้ว.......รักษานายไง!!”

 “คุณสะ อุ๊บ!! อื้อ!!!!”

 ผมพยายามจะส่งเสียงเรียกคุณสาวให้มาช่วยผม แต่เขา เขากลับบดจูบลงกับริมฝีปากผมอย่างแรงบดขยี้ราวกับจะลงโทษ ผมได้แต่ทุบตีอกกว้าง ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไร้ผลเมื่อเชายังคงดูดดึงริมปากผมเช่นเดิม

 “ปิดประตู เดี๋ยวนี้!!!!”

 ผมสะดุ้งแต่ไม่ยอมทำตามเสียงเหี้ยมที่สั่งการมา ถ้าผมไม่ทำตามเดี๋ยวเขาก็คงเลิกสนใจเอง แต่มันไม่เหมือนที่ผมคิด เพราะการที่ผมปฏิเสธที่จะทำมันทำให้เขาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับตัวตนของผม
 
 “จะ จะ จับอะไร!! ปล่อยผมนะ ผมไม่ใช่เกย์!!!”

 “ปิดประตูสิ แล้วฉันจะปล่อย หรือจะให้ฉันเปิดประตูให้คนอื่นเขาเห็นเลยดีไหม!!” ผมตัวสั่นไม่รู้เพราะความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขาหรือเพราะมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ลูกชายผมกันแน่!

 “ยะ อือ”

 “ว่าไงครับคุณหมอฌชา คนเขาคงชอบใจพิลึกที่คุณหมอของพวกเขาถูกผู้ชายทำให้ตัวสั่นแบบนี้” ผมได้แต่กัดปากตัวเองแน่น ไม่อยากปล่อยเสียงร้องใดๆออกมา สายตาคู่นั้นเป็นต่อจริงๆเจายื่นข้อเสนอที่ผมเองก็รู้ว่ามีแต่ตายกับตาย แต่จะให้ตายแบบหน้าด้าน หมอฌาคนนี้ยังไม่พร้อม!!

 “ผม อึก จะปิด....ประตู” แม้ต้องกัดฟันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจแต่กลับเรียกรอยยิ้มพอใจจากคนตรงหน้าได้
ทันทีที่ผมปิดประตูชั้นที่สองพร้อมกับล็อคมัน เขาก็ผลักผมออกอย่างแรงทันทีจนผมเซถลาชนกับผนังห้อง เขาไม่สนใจใยดีว่าผมจะเจ็บหรือไม่เพราะแค่ผมหลุดจากเขา เขาก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงเหมือนเดิม

 “คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผม” ผมเอ่ยถามขณะที่ยังลูบแขนตัวเองปอยๆ

 “ฉัน? ฉันน่ะเหรอ อา.....ลืมแนะนำตัวสินะ ฉันชื่อภูมิระพี” แล้วยังไงกันนะ ชื่อก็ไม่คุ้นหน้าก็ไม่คุ้น คนแบบนี้ผมมั่นใจว่าไม่เคยมรเรื่องกับเขาแน่นอน

 “แล้วคุณมาที่นี่ต้องการอะไรจากผม ไม่สิ ทำแบบนี้ผมไปทำอะไรให้คุณกันแน่”

 “กับฉันไม่......แต่นาย......นายนอนกับแฟนเพื่อนฉัน!!”
หะ??????

 “ใคร....ใครคือผู้หญิงคนนั้น” ผมว่าผมเช็คดีทุกคนแล้วนะ มั่นใจแล้วว่าสาวที่ผมนอนด้วยโสดทั้งหมด

 “นรินทร์” นรินทร์ นรินทร์งั้นเหรอ!! รินเนี่ยนะ!! ผมเคยนอนกับเธอที่ไหนกัน

 “คุณจะบ้าเหรอ!! รินเป็นคนไข้ของผม ผมไม่เคยนอนกับเธอ!!” อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วขึ้นมองผมราวกับไม่เชื่อ นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผมจะนอนกับรินทำไม เธอเป็นเหมือนน้องสาวของผม

 “นายจะพูดยังไงก็ได้ แต่ฉันไม่เชื่อ เพราะงั้นฉันถึงมานี่.....เพื่อรักษานาย” เขาเนี่ยนะมารักษาผม ผมไม่ได้ป่วยอะไรเสียหน่อย

 “รักษาผม? ผมไม่ได้ป่วย อีกอย่างผมเป็นหมอ คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงใยสุขภาพร่างกายหรือสุขภาพจิตของผม ผมดูแลตัวเองได้” แต่เขากลับลุกขึ้นมาประชิดตัวผมแทบจะทันที

 “ต้องรักษาสิ โรคชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน มันต้องรักษา”

 “รัก รักษายังไง” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆจนรู้สึกถึงลมหายใจผมยิ่งทำตัวไม่ถูก

 “ฉันทำให้ดูดีกว่า”

 “..!!!” เวลานั้นผมรู้ตัวดีเลยว่าไม่รอดแน่ๆ ใจผมอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่ปากมันก็ไม่ขยับอีกอย่าง ลงล็อคประตูชั้นที่สองแบบนี้ต่อให้ร้องจนหมดเสียงก็ไม่มีใครได้ยิน ในขณะที่สมองผมกำลังคำนวนทางรอด ริมฝีปากร้อนของเขาก็บดบี้ลงมา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สติกระเจิดกระเจิงคิดอะไรไม่ออก ลมหายใจติดขัดกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ผมพยายามดันร่างที่สูงกว่าออกแต่เขาไม่ขยับเลยสักนิด ยิ่งผมดิ้นรนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูดดึงริมฝีปากผมแรงเท่านั้น

 “อื้อ...อ่อย อ๊ะ”

 เขาสอดแทรกลิ้นสากเข้ามาเมื่อผมพยายามจะส่งเสียงห้าม ผมอยากให้เขาปล่อยเพราะตอนนี้ผมกำลังจะขาดใจ รสจูบที่หวานล้ำกับชั้นเชิงของเขาทำให้ผมตัวสั่งและแน่นอน ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่แรงจะยืน
เขาใช้วงแขนกว้างกอดเอวผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมทรุดลงพื้น มืออีกข้างลูบไล้ยอดอกของผมผ่านผิวเสื้อ เขาทั้งบีบทั้งบี้มันจนมันชูชันดันเสื้อออกมาให้เห็น ผมรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกับปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองแม้ว่าจิตใจผมจะต่อต้านก็ตาม

 “ไม่คิดว่าพวกชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน ปากจะหวานขนาดนี้”

 “แฮ่กๆ คุณมัน!!” ผมได้แต่ยืนหอบหายใจ อยากจะกร่นด่าแต่ก็ไม่มีแรง

 “ทำไม หน้าอกนายออกจะรู้สึกดีแท้ๆ”

 “อื้อ อย่าแตะนะไอบ้า!!”

 “ดันเสื้อออกมาแบบนี้ อยากให้ฉันกินล่ะสิ”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสัมผัสยอดอกแม้จะผ่านผิวเสื้อก็ตามแต่ก็ทำให้ผมหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ตัวผมลอยขึ้นจากพื้นด้วยแขนของเขาที่ยกผมไปวางบนเตียงคนไข้ ผมคิดนะว่าถ้าเขาวางผมเมื่อไหร่ผมจะลุกหนีทันแต่ความจริงคือ พอเขาวางผมลงตัวเขาเองก็ทาบทับผมทันทีไม่มีช่องว่างให้ได้ลุกหนีเลยสักนิด ผมพยายามขยับหนีมือก็ดันร่างหนาออกแต่เขาก็ใช้แรงที่มีมากกว่ากดผมลงกับเตียง

 “อย่าดิ้นน่า ไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ” เขาก้มลงมาพูดชิดริมฝีปากของผม

 “ผมไม่อยากจะลองอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีรสนิยมชมชอบผู้ชายเหมือนคุณ!!”

 “ไม่นิยมชมชอบผู้ชาย? แต่ชอบนอนกับแฟนชาวบ้านว่างั้น?” ผมอยากจะต่อยปากหมอนี่สักครั้งจริงๆ

 “ก็บอกว่าไม่ได้นอนกับรินไง!!” มันเหลืออดจนผมต้องตะคอกเสียงตอบกลับไป หมอนี่มันตั้งใจจะยั่วโมโหผมชัดๆ ไม่คิดจะฟังผมเลยด้วยซ้ำไป

 “งั้นก็นอนกับฉันสิ! แล้วฉันจะเชื่อนาย” ไอคนเห็นแก่ตัว เขาพูดมันออกมาง่ายๆยกยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก

 “ฝันไปเถอะ!!!”

 “เอางั้นก็ได้......ถ้างั้น อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ”
ผมไม่มีสิทธิ์ได้พูดอะไรอีก เพราะเมื่อเขาพูดจบเขาก็บดเบียดริมฝีปากลงมามอบจูบจาบจ้วงที่เอาแต่ใจให้กับผม มือของเขาปลดเข็มขัดตัวเองออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำมันมามัดข้อมือของผมเอาไว้ทั้งสองข้าง

 “อื้อ!! อ่า อ่อย” แม้จะพยายามหลบเลี่ยงริมฝีปากเท่าไหร่ก็หนีไม่รอดอยู่ดี ลิ้นถูกส่งเข้ามาสำรวจภายในปากผมจูบหวานล้ำมันกำลังเล่นงานผมอีกแล้ว อาการอ่อนแรงกับความขาวโพลนในหัวมันเริ่มกลับมาอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขามันลดลงจนอีกฝ่ายที่พยายามมัดข้อมือผมก็ทำมันได้ง่ายๆ

 “แฮ่กๆ อื้อ”

 เสื้อผมถูกปลดกระดุมออกจนหมดตอนไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่ตอนนี้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสัมผัสผิวของผมจนสะท้าน ลิ้นของเขาตวัดเลียยอดชูชันอย่างพอใจ ทั้งขบเม้มดูดดึงมันจนแดงช้ำ แผ่นอกผมยกขึ้นตามแรงดูด แม้อยากจะผลักเขาออกแต่แขนผมที่เขามัดตอนนี้ถูกกดไว้เหนือหัว ยิ่งเขาเพิ่มแรงขบเม้มเท่าไหร่เสียงครางของผมก็ดังขึ้นเช่นกัน
หูผมได้ยินเสียงรูดซิบจนต้องหันมองปรากฎว่าผมกำลังถูกถอดกางเกง ผมใช้ขาพยายามถีบเขาออกแต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงมันอย่างง่ายดาย ผมเป็นหมอ ที่นี่คลินิกผม แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เกลียดตัวเองจริงๆที่แพ้ทางเขา กางเกงและกางเกงชั้นในของผมถูกดึงออกจากตัวเผยให้เห็นลูกชายขนาดพอดีที่นอนหลับไหลอยู่ เขาจ้องมองมันตาวาววับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย ผมได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างกลัวๆ ร่างกายผมขยับถอยห่างจากเขาโดยอัตโนมัต เขาจับขาผมให้กางออกผมจึงได้นำมือที่ถูกมัดไว้มาปิดบังตัวตนแทน

 “ปล่อยผมเถอะ ผมไม่เคยมีอะไรกับรินจริงๆ ผมเป็นหมอ อย่าทำกับผมแบบนี้”

 “อา....สีชมพูสวยเชียวนะ ฉันไม่คิดจะปล่อยนายไปง่ายๆหรอก” ผมนอนสะอื้นอยู่บนเตียง เขาช่างไร้ความเมตตานัก ผมไม่มีความผิดแต่กลับต้องมาโดนอย่างนี้เหรอ

 “อ๊ะ อย่า!!!”

 ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปากร้อนกลืนกินเจ้าหนูน้อยของผมเข้าไป เสียงดูดดังก้องจนผมเขินอายไหนจะความเสียวซ่านที่เรียกร้องให้ผมขยับสวนสะโพกเข้าไปในปากให้ลึกกว่าเดิม ผมกำผ้าปูแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งนิ้วเรียวสอดเข้ามาทางรูเล็กๆด้านหลังผมร่างผมยิ่งเกร็งบีบรัดนิ้วจนแน่น

 “แน่นขนาดนี้ ครั้งแรกสินะ”

 “อื้อ!! เจ็บ!!”

 มันแน่นจนเจ็บไปหมด ผมไม่กล้าหายใจแรงๆด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สนใจดึงนิ้วเข้าออกอยู่อย่างนั้น เขายิ้มพอใจเมื่อช่องทางด้านหลังนุ่มขึ้นมากจากตอนแรกที่คับแน่น ผมรู้สึกได้ถึงนิ้วที่ถูกถอดออกไปจนผมโล่ง ผมเผลอดีใจกับมันนึกว่าทุกอย่างจะจบแล้ว แต่เปล่าเลย
 
 “อะ อะไร อย่า!!!”

 “ชู่!! เดี๋ยวก็มีความสุข เชื่อสิ”

 บางสิ่งที่ใหญ่โตถูกแทนที่นิ้วเรียว เขาดันความแข็งแกร่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสะบัดไปมามือก็พยายามดันร่างใหญ่โตออกให้พ้นตัว ขาผมทั้งสองข้างที่ถูกจับเกี่ยวเอวสอบไว้ระริก ความเจ็บปวดแล่นขึ้นไปจนถึงกระดูกสันหลัง น้ำตาผมไหลนองเสียงสะอื้นไห้ผมดังอยู่ตลอด

 “ซี๊ด....รัดฉันดีจริงๆเลยนะ จะเลิกยุ่งกับรินไหม หืม”

 “ผม อึก เป็นหมอ ผมเลิกยุ่ง ฮึก กับรินไม่ได้ อย่า!!!”
ถึงผมจะอยากแต่ด้วยหน้าที่ของหมอ ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำปฏิเสธของผมก็แกล้งดันร่างเข้ามาจนสุด ผมเจ็บแต่มันก็เสียวซ่านยิ่งมือใหญ่ทำหน้าที่กอบกุมตัวตนของผมชักพามันให้พองตัวด้วยแบบนี้ ผมก็แทบจะดิ้นพล่าน

 “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีทางเลือก” เขาถอนหายใจล้วงมือหยิบบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องดิ้นรนหนี

 “จะทำอะไร อย่านะ!! อย่าถ่าย!!!”

 “ฉันเตือนนายดีๆนายไม่ทำตามเอง ก็ช่วยไม่ได้ วีดีโอนี่น่ะ ฉันจะถ่ายให้สวยๆเลย” เขากดบันทึกวีดีโอภาพของผมกับเขากำลังร่วมรักกัน จงใจถ่ายช่องทางของผมที่กำลังกลืนกินตัวตนของเขา ผมไม่อยากถูกถ่ายแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ข้อมือถูกมัดหน้าท้องถูกอีกฝ่ายกดเอาไว้ด้วยฝ่ามือ ตอนนี้ผมได้แต่นอนดูตัวเองกำลังถูกกระแทกร่างพร้อมกับการถ่ายภาพเอาไว้

 “ดูสิ มันดูดของฉันจนหมดเลย ซี๊ด มีเลือดติดด้วย เยี่ยมจริงๆ”

 ผมส่ายหน้าไม่อยากฟังคำบรรยายที่เขาพูดพล่ามออกมา ผมได้กลิ่นคาวของเลือดผมรู้ดีว่าเลือดต้องออกมาอยู่แล้ว น้ำตาไม่ได้ช่วยให้คนใจร้ายหยุดการกระทำยิ่งผมต่อต้านร่างกายของผมก็ยิ่งถูกกระทำอย่างรุนแรง เขาไม่สนใจว่ามันจะทำให้ผมเจ็บแค่ไหน ก็ใช่น่ะสิ.....ในเมื่อตอนนี้มันเรียกว่าการข่มขืน อีกฝ่ายกระทำอย่างเอาแต่ใจมันก็คงไม่แปลก เขาขยับกายเร่งจังหวะรักจนผมแทบลอยขึ้นจากที่นอน เสียงครวญครางของเขาดังระงบอยู่ริมหูผม เขาใกล้จะถึงฝั่งฝันผมรู้ได้จากการเร่งกระแทกตัวเข้ามา

 “อีกนิด อา ซี๊ด ฉันใกล้แล้ว”

 ความอุ่นวาบถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างผมจนร้อนภายในมือหนาขยับรูดรั้งแก่นกายผมจนปลดปล่อยหยาดรักสีขาวขุ่นออกมา เขาหอบหายใจก่อนจะกดหยุดการบันทึกบทรักของเราลง ผมได้แต่นอนปล่อยให้น้ำตาไหลรินรับรู้เพียงความใหญ่ตัวที่อ่อนตัวลงถูกดึงออกไป จบแล้วสินะ ความทรมานในครั้งนี้ ผมหลับตาลงไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว มือใหญ่คว้าแขนผมพร้อมปลดเข็มขัดออก รอบช้ำแดงและรอยถลอกปรากฏอยู่บนข้อมือ

 “แต่งตัวซะ ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว และถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับรินอีก ฉันจะปล่อยคลิปออกไป”

  ปัง!

 ผมลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องของเขา ก้มลงมองสภาพตัวเองที่มีคราบขาวขุ่นผสมสีเลือดไหลย้อยลงมาตามโคนขาด้านใน อยากกลับบ้านจัง คลิปการร่วมรักกันอย่างไม่เต็มใจของผมอยู่ที่เขา ผมจะต้องทำยังไงดี เขาขู่ไม่ให้ผมยุ่งกับรินแบบนี้ ผมควรจะทำยังไง ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดชั่ววูบของตัวเองออก ไม่ได้!! ผมเป็นหมอ ยังไงคนไข้ก็ต้องมาก่อน เรื่องแค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก

 “แค่เซ็กส์ มันก็แค่เซ็กส์ ฮึก ฮือ ไม่เป็นไรหรอก ฮือๆ”



            ๕๐%




            TBC



        คุณภูมิไม่ถนอมหมอเลย โหดร้ายที่สุด!!! กรีดร้องด้วยความไม่พอใจ ขนาดแมวแต่งเองนะคะ ฮ่าๆๆๆ บางครั้งแมวอาจจะเขียนอะไรที่มันหดหู่ ไม่ถูกใจ แต่อย่าโกรธแมวเลยนะคะ เรื่องสั้นเป็นเรื่องของแต่ละคน เจอเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่ต่างไป ขอให้ทุกคนอ่านเพื่อความสนุก แล้ววิ่งมากอดแมวแน่นๆนะค๊าาา ตอนนี้แมวเพิ่งจะหัดเล่นทวิสเตอร์ ใครเล่นอยู่มาฟอลแมวกันบ้างนะคะ ทวงนิยายได้ค่ะ แมวจะเร่งสปีดปั่นเต็มขั้นเลย!!!!
Twitter @little_kittensY
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2018 22:42:06 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สงสารคุณหมอเขานะคะ ภูมินิสัยไม่ดีเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ไอ้คุณภูมิใจร้ายเกินไปแล้ว  :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แจ้งความค่ะหมอ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
กรีดร้องงง หมอฌาน่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มั่ยอ่อนโยนกับคุณหมอเยยยยย :m25:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เรื่องหลังๆมานี่พระเอกน่าตบทั้งนั้นเลยนะคะ ใช้กำลังบังคับกันได้ไงฟร่ะแล้วที่มาเดือดร้อนนี่ไม่ใช่ว่าตัวเองแบบชอบแฟนเพื่อนอยู่หรอกเหรอ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :z6: :z6: :z6:พี่ภูมิแย่มาก

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4

            หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกสามวันที่ผมป่วยนอนซมอยู่ที่ห้องก็ถูกทางคลินิกโทรตามตลอด ส่วนใหญ่ก็จะมาจากไอพวกเพื่อนๆผมที่อยู่ห้องตรวจอื่น ผมไม่สามารถบอกใครได้ว่าตัวเองเจออะไรมา ได้แต่เก็บมันเอาไว้คนเดียว ผมกลับมาทำงานตามปกติ ทุหคนดูเป็นห่วงผมกันมากคอยไถ่ถามว่าผมโอเคไหมเล่นเอาผมขำสุดๆเลย

 “หมอคะ....” ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างสะอาดสะอ้านของสาวน้อยที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่หน้าประตู

 “ริน! มานั่งสิ เป็นไงบ้าง ทำตามที่หมอบอกหรือยัง” เธอพยักหน้านั่งลงบนเตียงหลบสายตาผมจนผิดปกติ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะรินดูอิดโรยและตัวสั่น

 “มีอะไรผิดพลาดเหรอ ผลที่หมอให้ทำเกิดความผิดปกติเหรอ” รินถอนหายใจ ยอมเงยหน้าขึ้นสบสายตาผม

 “ไม่ค่ะ ทุกอย่างปกติ สิ่งที่หมอให้รินทดสอบ รินมีอารมณ์จริงๆค่ะ” ว่าแล้วเชียว ถ้างั้นก็เป็นโรคของจิตใจสินะ

 “แล้วทำไมนั่งหน้าเศร้าแบบนั้นละครับ หืม” สายตาที่รินมองผมมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความสงสารจนมันทำให้ผมนึกกลัว หรือเขาจะปล่อยคลิปนั้นออกไป ผมพยายามยืนยิ้มส่งให้รินทั้งๆที่มือที่จับปากกาอยู่มันสั่น

 “หมอคะ รินขอ...”

 ก๊อก ก๊อก!

 “เชิญครับ” ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกติถ้ามีคนไข้คุณสาวจะไม่ค่อยมาเคาะประตูแบบนี้

 “หมอฌาคะ มีผู้ชายสองคนมาพบค่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นมอง ใครกันนะ

 “ครับ ที่ไหนครับคุณสาว”

 “เอ่อ เขาต้องการจะ ว๊าย!!!” ร่างสูงของชายสองคนซึ่งคนหนึ่งนั้นผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแทรกกายผ่านเข้ามาในห้องที่มีผมและรินอยู่ คุณสาวเซเล็กน้อยพอทรงตัวขึ้นได้ก็มองมาทางพงกผมอย่างไม่เข้าใจ

 “คุณหมอฌาคะ ให้สาวเรียกคนมาช่วยไหมคะ” เธอถามออกมาด้วยอารามตกใจ ผมเกือบจะตอบตกลงไปแล้วหาก *‘เขา’* คนนั้นไม่หยิบบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน หมอนั่น! คิดจะขู่ผม!

 “มะ ไม่เป็นไรครับ สองคนนี้ เอ่อ เป็นคนรู้จัก ของผมเอง” ผู้ชายคนหนึ่งจ้องหน้ารินอย่างเรื่องโดยที่รินเองก็จ้องกลับด้วยความไม่พอใจเช่นกัน คุณสาวพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูให้ผม ผมเลือกที่จะสนใจรินกับผู้ชายคนนั้นมากกว่า อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเห็นสายตาโลมเลียจากอีกคน

 “รู้งานดีนี่!” ผมไม่สนใจเสียงจากเขาที่พูดจาแดกดันผม

 “มาทำไมคะ รินบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเราเลิกกัน” เลิกกันเหรอ? นี่มันอะไรกัน ผมมองรินกับผู้ชายที่ผมไม่รู้จักชื่อจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

 “เลิก? เลิกกับพี่.....แล้วไปคบกับไอหมอนี่นะเหรอ!!” อะไร ไม่เกี่ยวกับผมสัยหน่อย แต่มันก็เรียกสายตาดุดันจากผู้ชายที่ชื่อภูมิระพีได้

 “หมอฌาไม่เกี่ยว!!! พี่เต้เลิกดึงหมอฌามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียที!!!” เมื่อเห็นว่าการโต้เถียงเริ่มดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นเพื่อปิดล็อคประตูชั้นที่สอง โดยมีสายตาของเขาจ้องมองอยู่

 “ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อหมอนี่เป็นคนทำให้ริน บอกเลิกกับพี่!!!”

 “ไม่ใช่!!! ที่รินเลิกกับพี่เต้ เพราะพี่เต้ให้เพื่อนมาข่มขืนหมอฌาต่างหาก!!!!”

 “...!!!” ระ ริน รินรู้ ผมนิ่งอึ้งเหมือนทุกสายตาหันมามองที่ผม ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังและแน่นอนว่ารินด้วยแล้วผมไม่เคยคิดจะเล่า ผมรู้สึกจุกอกพูดอะไรไม่ออกร่างกายไม่มีแรงจะยืนเสียดื้อๆ

 “ปากสว่างจริงนะ!” คำพูดของคุณเต้ไม่ได้เข้าหูผมเลยตอนนี้ทุกเสียงในห้องไม่ทีความหมายต่อผมสักนิด

 “อย่ามาว่าหมอฌานะ!! หมอฌาไม่ใช่คนที่บอกริน!” ผมเริ่มได้สติ ตัวผมเองก็อยากจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ขอร้องเถอะ อย่าได้เป็นเพราะคลิปเลย

 “ถ้าไม่ใช่มัน แล้วจะเป็นใคร!!” รินหลบตาราวกับไม่ต้องการมองหน้าอาชญากร

 “ริน....ไปหาพี่เต้ที่บ้าน.......รินได้ยินที่พี่เต้และพี่ภูมิพูดกัน” คุณเต้หน้าเสียมองหน้ารินอย่างตกตะลึง

 “...!!!”

 “พี่ทำได้ยังไงพี่เต้ พี่ให้พี่ภูมิมาทำกับหมอฌาแบบนี้ได้ยังไง!!!”

 “ก็เพราะรินนอนกับมันไง!! รินนอนกับมันแต่กลับบ่ายเบี่ยงพี่!!”

 “นี่ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะรินไม่ยอมนอนกับพี่แค่นั้นเหรอ” รินยิ้มเยาะตัวเอง สายตามองเต้มีแต่ความว่างเปล่า คุณเต้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างมันดูไม่เหมือนที่คิดไว้

 “ไม่ใช่ริน พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” น้ำเสียงของเต้ดูอ่อนลงแต่มันไม่ได้ทำให้รินอารมณ์เย็นลงเลยสักนิด น้ำตาไหลนองใบหน้าหวานริมฝีปากเล็กๆถูกกัดเอาไว้เพื่อระงับอาการสั่น

 “รินจะบอกให้นะ ริน.....ไม่เคยนอนกับหมอ!! ไม่เคยนอนกับใครทั้งนั้น!!!” เต้แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำพูดของริน

 “ไม่จริงน่า.....”

 “หึ!! จริงสิคะ รินไม่เคยนอนกับหมอเลยสักครั้งเดียว”

 “ริน.....” คุณเต้เรียกรินด้วยน้ำเสียงอาลัยมันช่างเบาราวกับกระซิบ

 “รินมารักษาที่นี่ เพราะรินอยากจะนอนกับพี่ แต่รินทำไม่ได้!!! หมอกำลังช่วยริน!! แต่พี่กลับทำร้ายเขา!!!”

 ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่สัมผัสผิวแก้มจนต้องยกมือขึ้นมาจับมันดู อะไรกัน นี่ผมร้องไห้เหรอ ผมอยากจะหัวเราะ อยากจะบอกรินเหลือเกินว่าผมไม่เป็นไร แต่ผมพูดออกไปไม่ได้ลำคอผมมันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุดอยู่แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำกับร่างกายที่สั่นสะท้าน น้ำตามันขมแบบนี้นี่เอง ราชาติมันเป็นแบบนี้นี่เองความเสียใจ

 “หมอ....ผม” คุณเต้มองหน้าผมพยายามจะสื่อสารและบอกอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่อยากฟังไม่อยากได้ยินอะไรจากเขา คุณเต้แม้ไม่ได้ลงมือกระทำแต่เขาคือคนที่ส่งคุณภูมิมาทำร้ายผม ย่ำยีศักดิ์ศรีของผม ดูถูกความเป็นหมอของผมจนผมต้องยินยอมให้อีกฝ่ายทำร้าย ความโหดร้ายมันไม่เคยหายไป แค่หลับตามันก็วนเวียนกลับมาจนผมแทบจะอาเจียนออกมา

 “ผม....ไม่อยาก....ฟัง”

 “หมอคะ รินขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด รินขอโทษจริงๆ” รินจับมือผมแน่นยกมันขึ้นแนบหน้าผากเล็กๆจนน้ำตาของเธอหยดใส่ ผมลูบหัวเธออย่างปลอบประโลม ไม่อยากให้เด็กสาวใสซื่อต้องเสียน้ำตาแบบนี้เลย

 "ผม.........ผมจะปิดเคสของรินวันนี้ อาการของรินที่เป็นอยู่คือความกลัวของจิตใจ รินต้องถามตัวเองว่ากลัวอะไร กลัวเสียใจ หรือว่ากลัวจะทำให้คนที่บ้านผิดหวัง ผมทำได้แค่วินิจฉัย ต่อจากนี้รินต้องคุยกับตัวเองตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นคือสิ่งที่รินต้องทำ”

 “ฮือ หมอฌาขา” ผมส่งยิ้มให้รินที่เอาแต่ร้องไห้อยู่กับมือของผม ทั้งๆที่ใบหน้าผมก็เปื้อนคราบน้ำตาไม่ต่างกัน

 “ผมไม่เคยโกรธรินสักครั้ง ทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดริน ดูแลตัวเองดีๆนะ” ครั้งสุดท้ายนี้ผมดีใจที่น้องสาวของผมไม่มีโรคอะไรร้ายแรงเป็นเพียงความขัดแย้งของร่างกายกับจิตใจเท่านั้น รินปล่อยมือผมพร้อมกับเปิดประตูออกไป

 “คุณหมอครับ ผมอยากขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนจะให้เพื่อนตัวเองทำแบบนั้น ผมหวังว่าสักวันหมอจะอภัยให้ผม ผมรักรินมากและหึงมาก หวังว่าหมอจะอภัยให้ผมนะครับ”

 ผมไม่ตอบกลับใดๆและดูเหมือนเต้เองก็ไม่ได้อยากจะฟังคำตอบจากผม เขาวิ่งตามร่างของรินที่ออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงผมกับคุณภูมิ ผู้ชายที่ทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย ผมอึดอัด รอให้เขาเดินออกไปแต่ไม่เลย เขาไม่คิดจะออกไปหนำซ้ำยังปิดประตูลงกลอนอีกครั้งจนผมต้องหันไปมองด้วยความตกใจ

 “ต้องการอะไรอีก!!” ผมไม่อยากจะพูดกับเขาสักนิด แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มมันก็จะไม่จบ

 “......”

 “อย่ากวนประสาทผมด้วยการเงียบ ผมมีงานต้องทำ ออกไปจากห้องของผมได้แล้วครับ คุณภูมิระพี” คุณภูมิเอาแต่ยืนเงียบ มองหน้าผมนิ่งๆไม่พูดไม่จาอะไร

 “.....”

 “ออก ไป” ผมชี้นิ้วสั่นๆไปที่ประตู พยายามบังคับร่างกายไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น

 หมับ!!

 ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างถูกภูมิรวบไปกอดแน่นผมสะบัดตัวพยายามดันร่างของเขาออกแต่ยิ่ฃผมดิ้นรนเท่าไหร่อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดผมแน่นขึ้นเท่านั้น

 “ฉัน......ขอโทษ ฉันน่าจะฟังนาย” มาพูดตอนนี้แล้วมันได้อะไรกัน ผมได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห

 “มันสายไปแล้ว ปล่อยผม!!”

 “นายอาจจะโกรธฉัน แต่ฉันอยากจะบอกให้รู้ แค่เห็นหน้านายจากรูปที่ไอเต้ให้ฉันดูวันนั้น ฉันก็ตกหลุมรักนายไปแล้ว” รักผมงั้นเหรอ ตลกดีนะครับ เพราะการกระทำของเขามันห่างไกลคำว่ารักไปเยอะเลย

 “ลบคลิปของผมซะ!! ถือว่าผมขอร้องล่ะครับ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง” คุณภูมิถอนหายใจก่อนจะดันตัวออกมาสบตากับผม

 “มันไม่มีคลิปหรอก ฉันลบมันตั้งแต่ออกจากห้องนายแล้ว” ก็ดีในเมื่อไม่มีคลิปแล้วผมก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก

 ผัวะ!!

 “นี่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำร้ายผม กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก!! ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” เลือดสีแดงไหลจากมุมปากของคุณภูมิไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แววตาตัดพ้อที่เขาส่งมาต่างหากที่ทำให้ผมชาวาบ เขามีสิทธิ์อะไรมาตัดพ้อผมกัน คนที่เจ็บมันผมต่างหาก

 “ฉันจะกลับไป....วันนี้ แต่.....ฉันจะมาอีก จะมาทุกวัน ต่อจากนี้ไป ฉันจะจีบนาย”

 “ผมจะไม่ให้คุณเข้ามา!!” แม้ผมจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแค่ไหน อีกฝ่ายก็ทำเพียงส่งยิ้มมาให้ผม

 “ไม่มีปัญหา ฉันมีวิธีเข้ามาหานายได้เสมอ” ตัวแทบล้มทั้งยืนเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

 “ไหนคุณบอกว่าลบคลิปไปแล้ว!!”

 “ไม่ใช่ ฉันลบไปแล้วจริงๆ แน่นอนว่าไม่ใช่วิธีนั้น” ผมกัดริมฝีปากแน่น ในใจตะโกนร้องถามว่ายังไง แต่จะให้พูดออกไปหรือไม่มีทาง

 “คุณไม่มีวันเข้ามาได้อีกแน่ กลับออกไปซะ!! ออกไปจากคลินิกผม!!” คุณภูมิสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเดินถอยหลังอย่างระแวงจนแผ่นหลังของผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของผนัง
 
 “แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าฉันทำได้อย่างที่พูดไหม”

 “...!!!” เขาโน้มตัวมาจูบผมและผละออกอย่างรวดเร็วจนผมนิ่งค้างอยู่เช่นเดิมทั้งๆที่เขาเดินออกไปแล้ว ผมยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว อาการแบบนี้คืออะไร อาลัยอาวรณ์เหรอ ไม่น่าจะใจ ทำไมกันนะ ในใจผมมันร่ำร้องราวกับว่า ต้องการมากขึ้นกว่านี้ เพียงแค่ความอบอุ่นจากริมฝีปากของเขามันไม่เพียงพอต่อใจงั้นเหรอ ไม่ๆ ผมสะบัดไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง แค่เขาพูดว่ารักไม่ได้ทำให้ใจผมหวั่นไหวหรอก ไม่เลย ไม่เลย...สักนิด




     คลินิกมารักษ์ทีเคยเงียบสงบ แต่บัดนี้ เพียงแค่อาทิตย์เดียว อาทิตย์เดียวคุณภูมิระพีก็เข้ามาได้ถึงในตัวคลินิกแล้ว!!! ผมยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นเขายืนคุยกับคุณสาวอย่างถูกคอ บางวันแทบจะเข้าไปคุยเล่นกับไอสามด้วยซ้ำ ตกลงเราเปิดคลินิกหรือห้างกันแน่วะ ไอคนไม่เกี่ยวข้องถึงได้เข้าๆออกๆอย่าสบายใจแบบนี้ ผมเคยเดินเข้าไปถามไอสามว่ารู้จักเขาด้วยเหรอ มันตอบกลับมากวนตีนแค่ไหนรู้ไหม มันบอกว่า


 ‘อ้าว......ผัวเพื่อนทำไมเพื่อนจะไม่รู้จัก’

 คำพูดมันนี่กระตุกตีนผมให้ไปแนบหน้ามันมาก แถมมันเองยังพาคุณภูมิไปรู้จักเพื่อนๆผมที่ห้องตรวจอื่นอีก เอาเป็นว่าตอนนี้เก้าห้องตรวจสนิทกับเขาหมด ส่วนผมน่ะเหรอ นั่งเป็นหมาหัวเน่าเฝ้าห้องตรวจต่อไปเถอะครับ แต่อย่างน้อยเขาก็แวะเวียนฝากของกินให้คุณสาวเอามาให้ผมบ้าง ผมก็ไม่ได้อยากจะกินหรอกครับ ก็แค่......หิวเท่านั้นล่ะ

 “ไอฌา!!.......ผัวมึงไม่มาเหรอวะวันนี้” หนอย!!!

 “ไม่รู้โว้ย!! ไม่มีผัว!!!”

 พอได้ยินคำตอบของผมไอภพเพื่อนประจำห้องตรวจที่เก้าก็หัวเราะจนตัวงอ ไอบ้าเอ้ย!! กูจะแช่งให้มึงมีเมียเป็นผู้ชาย!! ผมหงุดหงิดจนต้องเดินออกมานอกคลินิกเพื่อกินลมชมวิวให้หายอารมณ์เสียสักหน่อย แต่ในหัวก็ไม่วายคิดถึงแต่เรื่องของเขา วันๆเขาทำอะไรบ้าง ไหนบอกว่าจะพิสูจน์ให้ผมเห็นแต่ที่เขาทำมันก็แค่มาหาเพื่อนคุยเสียมากกว่า

 “ชิท!! ไอบ้าเอ้ย ไอคนหลอกลวง!”

 ผมเตะก้อนหินข้างทางด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนมันเด้งกระเด็นไปไกลลิบ ถ้าหมอนั่นเป็นก้อนหินเมื่อกี้ผมคงจะสะใจกว่านี้เยอะเลย ผมเดินไปเรื่อยจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองวนกลับมาหน้าคลินิกเมื่อไหร่

 “หือ นี่อะไรหว่า?” ผมก้มลงหยิบกระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กที่พื้นขึ้นมาอ่าน

 ‘หากคุณเปิดอ่าน กรุณาเดินมาตามทางลูกศร’

 ลูกศรเนี่ยนะ ผมกวาดสายตามองหาจนพบว่ามันเป็นเทปกาวที่ถูกแปะไว้บนพื้นเป็นรูปลูกศรสีแดง ผมลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามทางนั้น ลูกศรที่ยาวไปตามทางเดินมันดูไกลหรือเป็นผมเองที่จิตใจคิดมากกับเรื่องนี้ รอบข้างมันไม่มีอะไรเลย ตึกแถวส่วนใหญ่ผู้คนก็ออกไปทำงานจึงมีเพียงรถที่สวนไปมาเท่านั้นที่พอจะทำให้ดูไม่เงียบได้ เมื่อสุดลูกศรแดงก็พบกระดาษแบบเดิมแปะเอาไว้

 ‘หยุดปกปิดและหลบซ่อน ความจริงที่มีต่อกัน’

 ข้างหลัง? ผมหันไปหากวาดสายตาเพื่อหาอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยสักนิด จนผมถอนหายใจ นี่อาจจะเป็นเกมส์บ้าๆของใครบางคนที่ชอบแกล้ง หรืออาจจะเป็นเพียงความบังเอิญก็เป็นได้ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เดินกลับไป สายตาผมพลันไปเห็นบางอย่างจากด้านข้างผมตอนนี้

 นั่นมัน.........ดอกกุหลาบ

 ผมหยิบมันขึ้นมาดู กูหลาบสีขาวกับริบบิ้นและการ์ดที่ถูกแนบมาทำให้ผมสนใจ หรือนี่จะเป็นอีกเหตุการณ์ที่บังเอิญเท่านั้น

 ‘ดอมดมกลิ่นหอม จะพบความข้อความสำคัญ’

 แม้จะแปลกใจแต่มือของผมที่ถือดอกไม้อยู่กลับขยับเข้ามาใกล้จมูกจนได้กลิ่นหอมหวาน สายตาของผมกวาดไปทั่วทั้งดอกไม้เพื่อหาสิ่งที่อาจจะมีตัวอักษรหรือข้อความอะไรอยู่ในนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ความเปล่งประกายวาววับยามต้องแสงแดดมันดูสวยจนผมอดชื่นชมในใจไม่ได้ แหวนเงิน คือสิ่งที่ถูกใส่เอาไว้ในดอกกุหลาบ แต่!! มันมาได้ยังไงกัน

 “ชอบไหม ฉันเลือกเองเลยนะ”

 “..!!”

 ผมรีบหันไปมองเมื่อมีเสียงกระซิบข้างหูจากทางด้านหลังก็พบว่าเป็นเขา คุณภูมิยกยิ้มมองแหวนในมือผมที่ยังตกตะลึงไม่หาย จะ จะ จำเป็นต้องหล่อขนาดนี้ไหม ผมจ้องมองคุณภูมิที่อยู่ในชุดสบายๆอย่างลืมตัว หัวใจผมเต้นแรงเพียงเพราะแค่ได้เห็นหน้าเขา แค่ได้ยินเสียงเขา

 “สั่งทำพิเศษเลยนะ สลักชื่อนายไว้ที่ตัวแหวนด้วย”

 “.....”ผมเม้มปาก ตัดสินใจยื่นแหวนคืนคุณภูมิไป

 “ไม่ชอบเหรอ หรือเธอยังโกรธฉันอยู่ อ๋อ!! ฉันรู้แล้ว” ผมไม่ทันได้ตอบอะไรแต่ดูเหมือนคุณภูมิจะตัดสินใจเองเรียบร้อย ผมตกใจเมื่อเขาคุกเข่าลงกับพื้นดึงแหวนจากมือผมไปถือไว้ เขาจับมือซ้ายของผมเอาไว้ มองสบตาผมอย่างหว่นซึ้ง

 “คุณ!! คุณทำอะไรน่ะ!!” ผมพยายามจะดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

 “ฌา.......แต่งงานกับฉันนะ”

 “...!!!” ตัวผมชาวาบ ขนลุกตั้งแต่หัวยันปลายนิ้วเท้าเมื่อเห็นว่าเขากำลังขอผมแต่งงาน ในเต้นแรงด้วยความปิติแต่เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ก่อนหน้าที้ขาทำร้ายผมมันก็เวียนกลับเข้ามาในหัว ภาพเหตุการณ์นั้นไม่เคยเลือนหายไปสักวัน แล้วแบบนี้.....ผมจะฝากชีวิตไว้กับคนที่ทำร้ายผมได้เชียวหรือ

 “ว่าไงครับ” ผมสบตาเจาด้วยแววตาเจ็บปวด ดึงมือออกจากกับจับกุมของเขาช้าๆ คุณภูมิดูงุนงงและไม้ข้าใจกับสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไป

 “ขอโทษครับ ผมแต่งกับคุณไม่ได้” ผมหันหลังเดินหนีเขามาจากตรงนั้น แม้จะอยากรับแหวนมากเพียงใด แต่ใครจะบอกได้ล่ะครับว่าเขาจะไม่ทำร้ายผมเหมือนวันนั้นอีก

 หมับ!!
 
 “ทำไมถึงแต่งไม่ได้ นายมีคนที่รักแล้วหรือไง!!” คุณภูมิดูอารมณ์เสียกับคำปฏิเสธของผม เห็นได้ชัดจากแรงบีบที่แขน

 “เปล่า......แต่ถึงจะมีไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เรื่องของเพื่อนคุณก็จบไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับผมอีก”

 “ไม่เกี่ยวกับไอเต้!! ฉันมาที่นี่เพราะนาย ไม่เข้าใจหรือไง” สายตาเศร้าสร้อยของเขาทำให้ผมต้องเมินหน้าหนี ไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิดว่าผมใจสั่น

 “ผม.....ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!”

 ผมตัดสินใจวิ่งหนี้เขามา ไม่หันกลับไปมองแม้จะได้ยินเสียงเรียกไล่หลังมาก็ตาม ความกลัวที่อยู่ในจิตใจผมไม่ได้หายไปง่ายๆผมรู้ดี ผมเป็นหมอเจอเรื่องพวกที่จากคนไข้มามากมาย ความเจ็บปวดที่ถูกฝังลึกจะไม่มีทางห่ยไปได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ผมมันก็แค่เด็กชายฌชาที่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่แน่นอน ตัวผมที่ผ่านมาไม่เคยสักครั้งที่เดินไปตามทางเดินที่ไม่มั่นคงหากตัวผมไม่มั่นใจ ผมไม่มีวันย่างเท้าไปเด็ดขาด ใครๆอาจจะมองว่าผมเป็นคุณชายฌชาที่แสนจะเพอร์เฟค มีทั้งสาวและเงินทองมากองให้เลือก แต่ความจริงคือ....ผมมันขี้ขลาด ผมแค่ไม่กล้าตัดใจอะไรคนเดียว ไม่กล้าจะเลือกอะไรด้วยตัวเอง บ่อยครั้งที่เวลาผมและเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันถ้ามีสาวๆเข้ามา ผมมักจะให้เพื่อนเลือกก่อนเสมอ ส่วนที่เหลืออยู่ผมก็เก็บไว้เอง หึหึ แต่ยังดีนะครับ ที่สาวๆพวกนั้นไซส์เดียวกันหมดผมเลยไม่เฟลอะไรมากมาย

 “อ้าว!! กลับมาแล้วเหรอวะ” ปากมันถามผมแต่สายตากวาดหาไปทางด้านหลังของผม

 “มึงมองหาใครวะเสือ”

 “หาผัวมึงไง ก็นึกว่ามึงจะกลับมาพร้อมกัน” ผมขมวดคิ้ว ดูพวกมันจะขยันเรียกคุณภูมิว่าผัวผมกันเหลือเกิน

 “คุณภูมิ?”

 “ใช่ดิ......หรือมึงมีผัวหลายคน”

 ผลั๊วะ!!!

 “โอ้ย!!! มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!!” ไอเสือร้องโอเครวญเมื่อถูกผมตบหัวเข้าอย่างจัง มันทำหน้าตาราวกับจะเป็นจะตายทั้งๆที่ผมใส่แรงไปแค่นิดเดียว โอเวอร์แอคติ้งได้อีกเพื่อนผม

 “กูกับคุณภูมิไม่ใช่ผัวเมียกัน และเมื่อไม่ใช่ผัวเมียก็หมายความว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลับมาที่คลินิกพร้อมกัน” ผมพยายามพูดด้วยเหตุผลแต่ไอเสือกลับทำหน้าตาล้อเลียนจนผมตกขาขึ้นถีบมัน เสียดายที่มันไวหลบได้ซะงั้น

 “เหรออออออออ กูเชื่อๆ” เชื่อแค่ปากมั้งนั้น หน้าตามึงไม่ได้ดูเชื่อกูเลย

 “ก็ดี หัดเชื่อความจริงเสียบ้าง”

 “กูเชื่อ.........ว่ามึงมีผัวเชื่อภูมิ!!”

 “ไอเหี้ยเสือ!!!!!!!”

 พอมันปล่อยระเบิดสุดท้ายให้ผมเจ็บๆคันๆเสร็จตัวมันก็วิ่งตัวปลิวหายเข้าไปในห้องตรวจ ทิ้งให้ผมยืนโมโหอยู่ที่เดิมคนเดียว ทำไมผมพูดอะไรไปถึงไม่มีใครเชื่อผมกันนะ ที่คุณภูมิพูดล่ะเชื่อกันดีจริงๆ ผมหรือคุณภูมิกันแน่ที่เป็นเพื่อนพวกมัน พอสงบสติอารมณ์ได้ผมก็เลือกที่จะเดินไปที่ห้องตรวจเพื่อจะดูแลคนไข้ต่อ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเดิน ผมก็ถูกจับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของใครบางคน

 “คุณภูมิ...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ก็ผมนึกว่าเขาจะถอดใจเลิกยุ่งกับผมไปแล้วนี่ แต่ทำไมเขายังมาที่นี่อีกล่ะ

 “ฉันไม่ยอมหรอก คำตอบที่ฉันต้องการได้ยินคือ ตกลง เท่านั้น” ผมดึงแขนออกอย่างสุภาพแม้ว่าแรงที่เขาจับจะมากเพียงมดก็ตาม แต่การที่ผมปล่อยให้เขาทำแบบนี้ในที่ทำงานของผม มันดูจะไม่สมควร

 “ผมบอกไปชัดแล้วนี่ครับ ว่าไม่ อ๊ะ!” จู่ๆแขนทั้งสองข้างของผมก็ถูกมือใหญ่จับเอาไว้อย่างแรงพร้อมดึงให้ผมเข้าไปใหล้ตัวเขาจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบเดียว

 “ตกลงนายจะปฏิเสธให้ได้เลยใช่ไหม” น้ำเสียงกับสายตาดุตรงหน้าทำให้ร่างกายของผมสั่น เขาน่ากลัวเหลือเกิน

 “ผ.....ผม....ผมพูดชัดแล้ว”

 “ก็ดี!!” เขาปล่อยแขนผมออก ยืดตัวขึ้นกวาดสายตาไปทางด้านหลังของผมแล้วยกยิ้มก่อนจะหันมาสบตาของผมอีกครั้ง

 “....!!” ผมรู้สึกโหวงๆชบอกลเป็นคนปฏิเสธเขาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกแปลกๆเมื่อเขายอมรับมันง่ายๆ อาการคับอกที่รับรู้ได้ว่าหัวใจเต้นแรงกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรนะ

 “ในเมื่อนายไม่ยอมแต่งกับฉัน ถ้าอย่างนั้น.....อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ” ผมที่ยืนก้มหน้าได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน ไม่กล้ามองสายตาของอีกฝ่าย ทั้งๆที่ผมบอกให้เขาหยุดเองแท้ๆ แต่เมื่อเขาหยุดอย่างที่ผมบอก ผมกลับกลัว กลัวที่จะเจอมัน
เขาไปแล้ว

 คุณภูมิเดินออกไปจากคลินิกโดยไม่หันมามองอีก ผมรู้ว่าควรจะดีใจควรจะโล่งอกแต่ไม่รู้ทำไม มือผมถึงกำแน่นอยู่ข้างลำตัวบางอย่าจุกอยู่ที่บริเวณลำคอ ผมยืนอยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของใครบางคนมาแตะบริเวณไหล่จนผมต้องหันไปมอง

 “ไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมหันไปมองสอบตากับวาย ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแลบไหนแต่เมื่อรู้สึกตัวผมก็หันไปยิ้มให้

 “เฮ้ย....สบายมาก”

 “อย่าฝืนเลย มึงแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว” วายมองผมอย่างสงสารแต่ตัวผมกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองน่าสงสารตรงไหน เพียงแค่เขาหายไป ผมไม่มีทางรู้สึกอะไรอยู่แล้ว

 “ไม่หรอกน่า มึงก็พูดไป กูสบายดีจะตาย ดีเสียอีกไปได้สักที กูรำคาญ” ผมพยายามยิ้มแย้มตอบกลับให้มันสบายใจแต่ไอวายกลับไม่เชื่อผมซะงั้น

 “เอาเถอะ......ถ้าไม่ไหวก็บอกกู กูอยู่ที่ห้องตรวจเหมือนเดิม”

 “อืม.....ขอบใจมึงมาก”

 แม้ปากจะตอบไอวายอย่างปกติแต่สายตาผมยังคงไม่ละจากประตูที่คุณภูมืเพิ่งจะเดินจากไป ความวูบโหวงในหัวใจทำให้ผมไม่อาจจะปฏิเสธความจริงข้อหนึ่งได้


      ผมอาจจะรักคุณภูมิจริงๆ









              มีต่อนะคะ

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
         ต่อค่า



     
          วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วผมใช้เวลาทั้ฃหมดกับการรักษาคนไข้ แต่แปลก......ปกติคนไข้สาวๆสวยๆจะต้องทำให้ผมหวั่นไหว แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมเหม่อลอยจนเพื่อนๆทัก ผอมลงจากการทานข้าวน้อยลง ไม่รู้สิครับ อยู่ๆอะไรๆมันก็ไม่น่ากินเลย ผมมักเผลอถอนหายใจบ่อยๆขณะรักษาคนไข้อยู่จนถึงขั้นถูกถามด้วยความร้อนใจว่าป่วยหนักเหรอ เดือดร้อนผมต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าตัวเองไม่ได้ป่วยหนักเพียงแต่หมออย่างผมกำลังกลุ้มใจเท่านั้นเอง เมื่อความรู้สึกมันตีขึ้นมาจนถึงอก อัดแน่นจนผมหายใจไม่ออกผมจึงตัดสินใจหยิบมือถือออกมา


  ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด

 ‘ฮัลโหล’

 “นัด.......”

  ‘ว่าไงคะคุณหมอฌา วันนี้จะส่งคนไข้คนไหนมาให้ดิฉันอีกคะ’ น้ำเสียงกระแหนะกระแหนจากปลายสายทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา

 “นัดว่างไหม ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย”

  ‘หือ? ฌาเป็นอะไรเหรอ น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย’

 “เรา......อยากรู้ว่า....” ผมกัดปาก แม้จะสนิทกันยังไงแต่จะให้พูดออกไปมันก็ยากอยู่ดีสำหรับผม

  ‘......’

 “เรา ถ้าเรากำลังคิดถึงคนๆนึง แล้วมีอาการแน่นหน้าอก เหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มันเป็นเพราะอะไรเหรอ”

  ‘อืม......มันก็บอกยากนะ แล้วคนๆนี้เป็นอะไรกับฌาล่ะ เพื่อนเหรอ หรือศัตรู’ นัดถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังถึงสถานะของคนๆนั้นจนทำให้ผมเผลอกำมือแน่น

 “ป...เป็น...เอ่อ....เป็นคนที่ทำให้เราเจ็บปวด”

  ‘อ๋อ......แฟนเก่า’

 “ไม่ใช่นะ!!” ผมตาโตรีบกระโกนตอบกลับไปจนปลายสานหัวเราะร่า

  ‘ร้อนรนจังเลยน๊า......อยากเห็นหน้าคนๆนี้จัง ทำให้หมอฌารักได้ขนาดนี้ งานดีแค่ไหนกันนะ’ ลมหายใจสะดุดเมื่อหูได้ยินคำว่าทำให้ผมรักจากนัดที่เป็นหมอด้านจิตเวช สรุปแล้ว ผมรักคุณภูมิจริงๆสินะ

 “รัก........เลย เหรอ” ผมแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอแต่ปล่ยสายกลับเห็นเป็นเรื่องตลก

 ‘คิกๆ’ ได้ยินเสียงหวานหัวเราะมาแบบนั้นผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดออกไป

 “จริงสินัด คนไข้ที่ผมส่งไปวันก่อน คุณนีน่าน่ะ จำได้ไหม”

  ‘จำได้สิ ทำไมเหรอ’

 “เธอเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม” นัดถอนหายใจเมื่อผมถาม

  ‘จะว่ายังไงดี ปกติเขาอ่อยเขายั่วแต่ผู้ชายใช่หรือเปล่า’

 “ใช่ ทำไมเหรอ”

  ‘ตอนนี้เธอพัฒนาขึ้นมากเลย’ ผมอุ่บวาบยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าอาการเธอดีขึ้น

 “จริงเหรอ”

  ‘จริงสิ......พัฒนามายั่วผู้หญิงแทน’

 หะ?? หา!!!!!!!!

 “ห๊า!!!!!!!!” ผมร้องเสียงหลงจนลั่นห้อง จะบ้าเหรอครับ ใครบ้างไม่ตกใจ จากยั่วยวนเพศตรงข้ามมายั่วแม้กระทั่งเพศเดียวกันแบบนี้ มันเรียกว่าพัฒนาที่ไหนก๊านนนนนนนน

  ‘ไม่ต้องหาเลย นี่เราอยากจะด่าฌาเหลือเกิน ฌาส่งใครมา รู้ไหมว่าความสงบสุขในชีวิตเรามันดิ่งลงเหวมากตอนนี้’

 “เอ่อ คือ เรา” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างนากลำบาก

  ‘เกาะติดเป็นปลิง เผลอเป็นกอด เผลอเป็นจูบ นี่เราแทบไม่ได้......หมอขา นีน่ามาหาหมอแล้วค่า // แค่นี้ก่อนนะ หายนะมาแล้ว’

 ผมมองมือถือที่ถูกตัดสายไปอย่างงงๆ เสียงที่แทรกเข้ามาระหว่างคุยเป็นคุณนีน่าแน่นอน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตกลงผมส่งเธอไปรักษาใช่ไหมครับ ทำไมการพัฒนาของเธอไม่เหมือนคนอื่นเขากัน ไม่เอาล่ะ เลิกคิดดีกว่า ผมเดินออกจากห้องตรวจไปเพื่อจะไปหาคุณสาว คงต้องคุยกับเธอหน่อยเพราะผมกำลังมึนกับอาการของนีย่าอย่างมาก

 “คุณสาวครับ...”

 “คะหมอฌา ต้องการอะไรเหรอคะ” เธอเงยหน้ามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

 “คุณสาวเอ่อ ตอนส่งตัวคุณนี เอ่อ คุณสิรินาถ มี แบบว่า มีปัญหาอะไรไหมครับ” อยากจะถามเธอตรงๆว่านีน่ายั่วเธอไหม แต่ปากผมมันก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป

 “ไม่นี่คะ เธอก็ดูปกติ สาวยังคิดเลยว่าคนสวยๆแบบเธอป่วยเป็นโรคอะไร”

 แสดงว่าตอนไปปกติ แล้วแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!!!! ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ เรื่องที่ไม่เข้าก็มีเยอะ เรื่องที่คิดไม่ตกก็มีแยะ ชีวิตผมจะมีความสงบสุขบ้างไหม!!!!!!

 หมับ!!

 “เฮ้ย!!! อะไรวะ ปล่อยนะ!!!” ผมถูกคนแปลกหน้าสามคนจับแขนเอาไว้

 “ขอโทษด้วยครับ คุณหมอฌา ผมได้รับคำสั่งให้มาพาคุณไป” ท่าทางพูดจานอบน้อม แต่แรงที่มึงบีบแขนกูกันอยู่มันไม่ได้นุ่มนวลเลยนะโว้ยยย ผมสะบัดแขนออก มองคุณสาวอย่างต้องการความช่วยเหลือ

 “ปล่อยผม!! คุณสาวช่วยผมด้วย!!” เธอส่งยิ้มให้พร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมา

 “สาวเองก็ต้องไปกับคุณหมอฌานะคะ ช่วยหมอได้หรอกค่ะ” อะไรวะ ผมงงสิเจอแลบนี้ เผลอหยุดดิ้นด้วยความอึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

 “เราไม่ทำอะไรคุณหมอหรอกครับ เจ้านายผมแค่อยากให้คุณหมอไปกับเราดีๆ” บ้าหรือไง ผมมองทั้งสามตาขวาง ไม่สนใจแรงจับที่เพิ่มมากขึ้นเพราะผมสนใจแค่ว่าต้องหลุดไปจากคนพวกนี้ให้ได้

 “เฮ้ยยยยย ไอวาย!! ไอสอง!! ไอภพ!!! ไอเพื่อนเหี้ย!!!! ช่วยกูด้วยยยยยย!!!!!!”

 “ขออนุญาตครับคุณหมอ”

 “ไม่อนุญาตโว้ย!!!” ผมแหวกละบแทบจะทันที แต่ทั้งสามคนไม่มีใครสนใจฟังผมสักนิด เพราะแค่ขออนุญาตแต่ปากกันเสร็จก็เล่นหามผมออกไปขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ทันที คุณสาวเองก็เดินตามมาขึ้นรถคันเดียวกับผมเช่นกัน แต่ดูเธอไม่เหมือนคนถูกบังคับให้มาเลยสักนิด แล้วไอพวกเพื่อนผมมันไปไหนกันหมด ผมแหกปากลั่นคลินิกแต่กลับไม่มีใครออกมาช่วยผม คนไข้ก็ไม่มี แล้วพวกมันทำอะไรกัน

 “ว๊าย!! หมอหล่อ แต่หน้าหวานจัง!” ผมสะดุ้งหันไปมองผู้ชายร่างบอบบางหน้าสวยสองคนที่ท่าทางสะดีดสะดิ้งวี๊ดว๊ายเมื่อเห็นหน้าผม

 “อ๊า!!! น่ากิน หมอขา!!!!” ผมถอยหนีอย่างตกใจเมื่อทั้งสองคนแทบจะกระโดดเข้ามาหาผม

 “อย่าให้กูต้องโทรบอกนาย ว่ามึงจะแดกหมอ ไอต้อง ไอขาม” ได้ยินแบบนั้นทั้งสองคนก็หยุดชะงัก มองผมตาละห้อยจนรถออกตัวไป แต่.....เดี๋ยวนะ!!

 “ปล่อยโว้ยยยย ไม่ป๊ายยยยยย กูจะลงงงงงง”

 แหกปากไปเถอะครับ ไม่มีใครสนใจผมสักคน พอเสียงผมมันรบกวนหนักๆเข้า พวกสามคนหน้ารถก็เปิดเพลงดังลั่นจนหูผมอื้อไปหมด พอโวยวายมากๆผมก็เจ็บคอ เจ็บคอแล้วทำไง ก็เงียบสิครับ ทำยังไงได้ พอเห็นว่าผมเงียบพวกสองสาว(?)ก็จัดการจับผมลอกคราบแต่งชุดสูทสีขาว จับผมแต่งหน้าแต่งตาจนผมคิดว่าดูน่าตลก ในที่สุดตัวรถก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ พอประตูถูกเปิดออกคุณสาวก็เดินลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจผมที่ยังไม่ยอมลงจากรถอีก

 “ลงมาสิครับ นายผมรอคุณหมออยู่ด้านใน”

 “ไม่ไปอ่ะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ขยับตัวเข้าไปข้างในรถมากขึ้น

 “อย่าให้ผมต้องถึงขนาดลากหมอลงมาเลยครับ ผมไม่อยากโดนนายยิงทิ้ง” แววตาบ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจังจากคำพูดทำให้ผมไม่กล้าขัดขืนได้แต่เดินลงจากรถแต่โดยดี ขนาดลูกน้องยังยิงทิ้งได้ นับประสาอะไรกับหมออย่างผม ประเทศยังขาดหมออีกมาก เพราะงั้น.....ผมจะยอมทำตามแต่โดยดี เพื่อประเทศชาติ
ใครเบะปากมองบนผมขอให้เป็นหมัน!!!

 “พามาแล้วครับนาย”

 ผมถูกพาเข้ามาในห้องสวีทโรงแรมชั้นบนสุด ตอนลงรถและเดินตามพวกเขามาผมก็ช็อคแล้วนะ ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าโรงแรมที่พวกเขาพาผมมามันเป็นโรงแรม5ดาว ติดอันดับต้นๆของประเทศน่ะสิครับ ราคาก็ใช่ว่าจะน้อยๆ

 “พาเข้ามา” เสียงอันคุ้นหูตอบกลับมาจากด้านในของห้อง หนึ่งในสามคนที่พาผมมาจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วดันร่างผมเข้าไปด้านใน ผมก้าวไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ห้องถูกโรยกลีบกุหลาบไปทั่วทั้งห้อง กลิ่นหอมกุหลาบเองก็ทำเอาผมเผลอสูดดมเข้าไปจนทั่วปอด

 “พวกแกออกไปได้แล้ว”

 ผู้ชายตัวสูงที่ยืนหันหลังให้ผมสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ทั้งสามคนที่พาผมมารีบโค้งให้พร้อมกับเดินออกไปตามคำสั่ง ผมยืนนิ่งพยายามนึกให้ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน เพราะแผ่นหลังกว้างช่างดูคุ้นตากับน้ำเสียงที่คุ้นหู มันเหมือนผมจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออก จนเมื่อเขาหันหน้ามา

 “คุณ!!!!” คุณภูมิ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือคุณภูมิ

 “คิดถึงฉันไหมล่ะ ทำหน้าตาแบบนั้น ดีใจที่เจอฉันล่ะสิ” ผมยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองกลัวจะเผลอยิ้มอย่างดีใจออกไป

 “ค....ใคร ใครบอกคุณกัน!!” ให้ตายสิ พอเห็นว่าผมร้อนรนอีกฝ่ายกลับยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

 “แล้วนี่คุณให้พวกเขาพาผมมาทำไม”

 “ดูไม่ออกเหรอ แต่งตัวขนาดนี้แล้วนะ” ผมกวาดสายตามองคนตรงหน้าที่แต่งตัวไม่ต่างจากผม เพียงแต่ของคุณภูมิเป็ยสูทสีดำผูกหูกระต่าย มันก็ดูดีจนผมเผลอจ้องนาน

 “หึหึ มองแบบนั้นฉันก็เขินเป็นนะ”

 “ผะ ผมเปล่า”

 “ฉันให้พวกลูกน้องพานายมา.....เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน”

 “อะ อะไรนะ!!” ผมตกใจจนแทบช็อค ก็ไหนตอนแรกเขาตัดใจเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมกัดริมฝีปากแน่น ไม่เข้าใจความคิดเขาเลยสักนิด แต่ด้วยความไม่พอใจที่อยู่ลึกๆทำให้ผมหันหลังให้อีกฝ่าย

 “ยินดีด้วยครับ แต่ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับผม ผมคิดว่าผมคงกลับได้แล้ว”

  หมับ!

 “พิธีที่ขาดเจ้าสาว จะเรียกว่างานแต่งงานได้ยังไงล่ะ” ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะตะโกนร้องออกมาจนทำให้ขายขี้หน้าเขา

 “ผมไม่รู้จักเจ้าสาว คงตามหาให้คุณไม่ได้ แต่ผมยินดีจะอวยพรให้ ขอให้คุณทั้งสองคนมีความสุขมากๆครับ”

 “เจ้าสาวของฉันไม่ต้องตามหา แค่นายยอมสวมแหวนวงนี้ก็พอ” เอวของผมถูกวงแขนของคุณภูมิรวบเข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง ผมก้มลงมองแหวนวงเก่าที่เคยเห็นจากครั้งก่อน แฟวนที่ผมเคยปฏิเสธมัน แหวนที่ตอนนี้เจ้าของเอากลับมาให้ผมอีกครั้ง

 “คุณบอกว่ากำลังจะแต่งงาน” วงแขนกว้างกระชับแน่นขึ้นจนตัวผมและเขาแนบชิดกัน

 “ใช่”

 “เจ้าสาวของคุณเป็นใครครับ” แม้ผมจะเห็นแหวน แม้เขาจะบอกให้ผมสวม แต่บางอย่างผมก็อยากจะได้ยินมันตรงๆ

 “เจ้าสาวของฉัน ชื่อ......”

 “........”

 “น.พ ฌชา คือคนที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของฉัน”

 “.......”

 “คือคนที่ฉันคอยแต่คิดถึง อยากจะกอด อยากจะหอม”

 “.......” เสียงทุ้มที่กระซิบริมใบหูนั้น ทำให้ผมต้องก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านจากคำหวานของเขา

 “คือคนที่กุมหัวใจดวงนี้เอาไว้ หัวใจของฉันที่ไม่เคยมีใครได้มัน”

 “.......” ผมมองตามมองที่ถูกกุมไว้ไปวางบนแผ่นอกข้างซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ จนรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นจากแผ่นอกนั้น

 “แต่ฉันยกให้นาย”

 “คุณ.......” ใบหน้าเห่อร้อนจนทำตัวไม่ถูก ครั้นจะสบตาก็ไม่กล้าเพราะสายตาหวานหยาดเยิ้มที่ส่งมายิ่งทำให้ผมอาย

 “ฌา แต่งงานกับฉันนะ”

 “ครับ” ผมตอบรับเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิม นิ้วนางด้านซ้ายถูกเขาจับขึ้นมาบรรจงสวมแหวนสีเงินลงไปอย่างช้าๆ เพียงความเย็นของโลหะสัมผัสกับนิ้ว ความอบอุ่นก็กระจายตัวไปทั่วทั้งใจ ผมยกนิ้วที่มีอหวนเงินประดับอยู่ขึ้นมาดู อมยิ้มอย่างถูกใจและดีใจอยู่ในอ้อมแขนของคุณภูมิ คุณภูมิกดริมฝีปากลงจูบบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา

 “ลงไปกันเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงรอเจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวแย่แล้วบ่ะ”

 “ครับ ไปกัน”

 เราสองคนสบตากัน ความรักของเราทั้งสองคนส่งผ่านหากันจากแววตาจนมันกระจายออกมาทั่วทั้งห้อง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างผมจะมีวันนี้ วันที่ผมจะตกหลุมรักผู้ชายใจร้ายที่หวานจับใจ





               
The  End
[/b][/size]



        กรี๊ดดดดด แมวอยากเป็นหมอฌา อยากเป็นหมอฌา ถ้าคุณภูมิจะน่ารักขนาดนี้ แมวจะยินดีนอนรอให้คุณภูมิมาซั่ม เอ้ย ขย้ำเลยค่ะ พอค่ะเลิกมโน วันนี้แมวพาครึ่งหลังมาให้แล้ว หวังว่าทุกคนจะอ่านกันอย่างสนุกและสุขไปพร้อมหมอนะคะ ครั้งหน้าเราจะไปพบกับน้องโอบและพี่เสือ ว๊ายยย จะเป็นยังไงต้องรอติดตามกัน ติดแฮชแท็กคลินิกมารักษ์ในทสิสแล้วมาคุยกันนะค๊าาา

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขำนีน่า....เปลี่ยนแนวซะงั้น   :ruready

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ซั่มกันแบบงงๆ เคลียร์แบบงงๆ รักแบบงงๆ งอนกันก็งงๆ แต่จบไม่งง ตกลงงงไหม หรือเรางงเอง 5555

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
หมอโดนงาบเกือบหมดแล้ว แต่อยากรู้ฝั่งนีน่าบ้างจัง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกว่ารักกันง่ายไป แต่เรื่องสั้นนี่นะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด