คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61  (อ่าน 36913 ครั้ง)

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แหม่ พี่หมอวินแทบไม่ต้องออกแรงอะไรก้ได้น้องมาละ
แถมน้องขึ้นให้อีก  :pighaun:
รอห้องต่อไปนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่วินอารมณ์พุ่งพร่านน่าดู

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
น.พ รชต
         
         คุณจะทำยังไง ถ้าชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่นไปอย่างที่คิด เมื่อพบว่าตัวอองไม่สามารถให้ความสุขกับภรรยาได้อย่างที่สามีคนอื่นๆเขาทำ จะทำยังไงถ้าเหตุผลจริงๆของการเลิกกันในครั้งนี้ ไม่ใช่ความผิดของเขา จะทำยังไง ถ้าหากคุณพบว่า.......เพื่อนรักที่ห่างหายไป กลับมาพร้อมกับการทำให้หัวใจของคุณต้องเต้นระรัว
     


       หมอพิตต์ x กร

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอบนี้มีสปอยล์แฮะ..รอ  :katai2-1:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต
     
           ผมกำลังเครียด เครียดสุดๆกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ผมชื่อกร กรวิชญ์เป็นผู้ชายที่ควรจะมีความสุขมากที่สุด เพราะได้ตัดสินใจแต่งงานกับแฟนสาวคนสวยไปเมื่อสองเดือนก่อน แต่ความสุขที่ควรจะพึงมีกลับกลายเป็นขุมนรก เมื่อผมคนนี้ เป็นเจ้าบ่าวที่แย่มาก เป็นเจ้าบ่าวที่ไม่สามารถให้ความสุขกับเจ้าสาวของตัวเองได้ เธอตรอมตรมร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างเหลือเกิน

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมกรถึงทำไม่ได้” ผมมองใบหน้าที่เคยส่งยิ้มสดใสมาให้ผม แต่บัดนี้กลับนองไปด้วยหยาดน้ำตา

“กรขอโทษครับ กรก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร” ผมเองก็จนปัญญากับปัญหานี้เหมือนกัน
เสียงร้องไห้อย่างทุกข์ระทมของใยไหมยังดังขึ้นไม่หยุด ผมเองก็แสนจะเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน แต่พอผมเอื้อมมือไปหาเธอ หวังจะเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ ใยไหมกลับปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมก้มลงมองมือตัวเองที่สั่น ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ใจสั่นไปหมด ผมรู้ ถ้าลองเป็นแบบนี้ ความรักของผมกับใยไหม คงจบลงไปในไม่ช้านี้ ผมกลัวเหลือเกิน กลัวจนสุดหัวใจ หากมีอะไรที่ผมทำได้ ผมยินดีที่วุดที่จะทำให้เธอ

“กรก็ทำอะไรสักอย่างสิ!!! ถ้าไหมรู้ว่ากรจะเป็นแบบนี้ ไหมไม่แต่งกับกรหรอก!!!”

“!!!!”

ลูกชายไม่ขันยังเจ็บไม่เท่าที่เธอพูดกับผมตอนนี้ มันบีบหัวใจจนแน่นอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้น นั่งให้เธอระบายอารมณ์ทัเงหมดออกมา ระบายสิ่งที่เธอคิดออกมาให้หมดสิ้น ผมจะรับมันไว้คนเดียว จะเก็บมันเอาไว้เอง แค่ไหนผมก็จะยอมทนให้ได้ ดีกว่าให้เธอเดินจากผมไป

“ผม........ขอโทษ” สายตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำใสๆที่ปริ่มๆจะไหล ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ไม่อยากให้เธอมองว่าผมอ่อนแอ ไม่อยากจะดูแย่ไปมากกว่านี้

“ขอโทษแล้วดีขึ้นไหม!!! กรขอโทษๆๆๆอยู่ตลอด แล้วไหมล่ะ ไหมต้องทนถูกคนตราหน้าว่าผัวตายด้าน!!!” ผมไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธไหม เพราะทั้งหมดมันเป็นเพราะผมทั้งนั้น มือเล็กๆทุบตีผมไปทั่วโดยที่ผมไม่คิดแม้แต่จะปัดป้องหรือกันไว้สักนิด อยากให้เธอระบาย อยากให้เธอรู้สึกดีขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี

ผมมันก็แค่ไอขี้ขลาดที่ไม่ทีแม้แต่ความกล้าจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ ผมบอกตามตรงผมอ่อนแอเกินไป อยากจะร้องไห้แต่ผมก็ต้องทนข่มกลั้นมันเอาไว้ ขอเป็นคนที่อ่อนแอเวลาอยู่คนเดียวจะดีกว่า ผมอยากให้มีนางฟ้า มีจินนี่ เพราะผมคงอ้อนวอนขอ......ให้เธอมีเพียงรอยยิ้ม ไม่ใช่หยาดน้ำตาแบบนี้ หากผมรู้ หากผมเลือกได้ ผมคงเลือกที่จะไม่ขอเธอแต่งงาน คงไม่เลือกให้เธอมาทรมานอยู่กับคนอย่างผม

“ไหมจะกลับไปอยู่บ้านกับแม่” ผมผวาร่างเข้าไปกอดไหมจากด้านหลัง

“ไหม ไหมอย่าไปเลยนะ อยู่กับกรเถอะ กรขอโทษ” ผมซบหน้าลงบนกลุ่มผมของไหมที่ไม่ว่าจะได้กลิ่นเมื่อไหร่ก็ยังควหอมอบอวลไปทั้งหัวใจ

“ปล่อย!!! กรปล่อยไหม!! ไหมจะไปอยู่กับแม่!!!” ไหมสะบัดตัวออกอย่างแรง ผมไม่มีแม้แต่แรงที่จะฉุดรั้งเธอไว้ได้ หัวใจผมมันแหลกสลาย หายใจไม่ออกจนอึดอัด คนที่ถูกทิ้งมีกำลังไม่เท่าคนที่คิดจะไป เรื่องนี้ ผมเพิ่งจะรู้เมื่อเจอกับตัวเอง ไหมเดินไปจนถึงประตู เหมือนเธอจะคิดอะไรได้จึงได้หันหน้ามาหาผมอีกครั้ง

“ไหม.....”

“ไหมลืมบอกน่ะ อีกสามวัน ไหมขอให้เราสองคน คืนอิสระให้กันและกันเถอะ ถ้ากรรักไหม ปล่อยไหมไป ไหมขอแค่นี้”

“ไม่!! ไหม อย่าไป ไหมอย่าไปจากผม ฮือ ไหม อย่าไป ฮือออ”  ไหมครับ ผมขอโทษ




      แสงไฟนีออนสีสวยยังสาดไปทั่ว ผู้คนยังคงโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันตามจังหวะเพลงที่ได้ยินจนชินหู ใครหลายคนอาจจะอยู่ในความรู้สึกสนุกจนลืมโลก แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่จมอยู่ในห้วงอารมณ์รัก ชายหญิงหลากหลายคู่ ต่างส่งสายตาให้กัน บ้างก็ซบไหล่ กอดจูบกันอย่างไม่อายผู้คน แต่ผม.....มีแค่ผม ที่จดจ่ออยู่กับแก้วเหล้าตรงหน้า น้ำสีเข้มถูกเติมและหมดไปในเวลาไล่เลี่ยกันจนคนเติมได้แต่งงว่าตัวเองเติมไปแล้วแน่หรือ

“เติมเลว เลว เลวเด๊ะ อึก!!” ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้วะ แก้วในมือผมถูกดึงออกไปทันทีที่ผมส่ฃเสียงโวยวาย และมันก็กลับมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น สีเข้มจากเหล้าสวยๆมันไม่ได้ทำให้ผมมีสติ แต่มันกลับสะท้อนความเจ็บปวดจนต้องยกมันขึ้นมาดื่ม ดื่มเพื่อลืม ลืมทุกสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด

“ไอกร!! มึงจะรีบอะไรขนาดนั้น”

“อย่ามายุ่ง!! กูอยากแดก กูอยากลืม กูเจ็บ มึงไม่เข้าใจหรอกไอเก้า” เก้ามันเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่เรียนอยู่มหา’ลัย ผมกับมันสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ พูดถึงความสนิท ผมก็ชักจะคิดถึงไอพิตต์ซะแล้ว ไม่ได้เจอมันมานานมาก แต่ได้ข่าวแว่วๆมาว่ามันเปิดคลินิก แต่ผมดันนึกไม่ออกว่าคลินิกอะไร

“กูจะไม่ยุ่งได้ไงวะ ดูตัวกูกับมึงนะ ตัวพอๆกันแบบนี้ มึงคิดว่ามึงเมาแล้วกูจะแบกมึงกลับได้ไหม” ไอเก้าส่ายหัวกับความดื้อดึงของผม จริงสินะ......มันสูงแค่168 ถึงผมจะสูงกว่ามันเล็กน้อย แต่ด้วยรูปร่างและขนาดสัดส่วนก็เรียกได้ว่า พอๆกัน ถ้ามันเมา ผมเองก็คงแบกมันไม่ไหว โดยปกติจะมีไอพิตต์ไปด้วยเสมอ มันจะเป็นคนแบกผมกลับ อิจฉามันนะครับ การงานดี มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่มันป๊อบปูล่าในหมู่สาวๆ อย่างว่า......สาวๆมักชอบผู้ชายตัวสูง และไอพิตต์มันเองก็สูงถึง187เซนติเมตร ซิกแพคมาเต็มที่ กล้ามเนื้อแขนเอย กล้ามท้องเอย อยากเกลียดมันเหลือเกินที่มาคบกับผมและไอเก้าโดยไม่ดูเลยว่า ความลงตัวของพวกเราไม่มีอะไรคู่ควรกับการเป็นเพื่อนมันเลย พวกกลุ่มหมอของมันผมเห็นมีแต่คนหน้าตาดีๆ หล่อจนแทบจะควักหัวใจโยนทิ้งแล้วเหยียบๆให้มันเละตายไปเลย บางคนก็หล่อแบบน่ารัก เกาหลีๆหน่อยๆ แต่นั่นก็ถูกสาวๆจับจ้องด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ทำผัแค่กๆ แค่พอผมกับไอเก้าถูกดึงไปกินข้าวด้วย ไปเที่ยวด้วย มันก็กลายเป็น ถูกรัศมีเหล่าคุณชายหมอกลบจนมิด มิดชนิดที่จมดินไม่ต้องขุดหา เพราะขุดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จากนั้นผมเลยหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวกับเหล่าเทพบุตรแพทย์ทั้งหลายแหล่ ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีแต่ไอพิตต์เท่านั้นที่ยังคงวนเวียนตามมาเที่ยวมากินข้าวกับผมอยู่ ไม่ใช่ไม่ไล่ แต่ผมแพ้สายตาลูกหมาของมัน ไล่ไม่ลงจริงๆ

“กูกลับเองด้ายน่า บ่นจาง” ผมยังคงยกมันขึ้นดื่มไม่ลดละ รู้ตัวไหมว่างี่เง่า? รู้สิครับ รู้ดีด้วย แต่ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ผมคงปล่อยโฮกลางผับแน่ๆ

“ไม่ได้บ่นมึง แต่อยากให้มึงเพลาๆบ้าง เดี๋ยวเกิดมีใครมาหิ้วมึงกลับบ้านไป กูจะกันไว้ไม่ได้” หึ ผมได้แต่ยิ้มเยาะกับคำพูดมัน

“ครายมันอยากจามาหิ้วกูวะ อย่างกูสาวมันไม่แลแล้ว ลูกกูไม่ขานขนาดที่เมียยังขอหย่า มึงคิดว่าสาวคนหนายมันยังอยากด้ายกูอีกเหรอ” ผมวนนิ้วไปรอบแก้ว ใช้สายตาจับจ้องไปที่หยาดน้ำที่เกาะอยู่บนตัวแก้วแทนใบหน้าของเพื่อนรัก กลัวเห็นแววสมเพช กลัวว่าใครๆจะมองด้วยความสงสาร

“ผู้หญิงอ่ะกูไม่กลัวหรอก กูยกให้เลยไม่ห้ามด้วย” ไอห่านี่ ปากมันแม่ง....

“แล้วครายจะมาหิ้วกู?”

“ไม่รู้สิวะ มึงอาจจะมีผัวก็ได้”

   หะ?????

“มึงจาบ้า!!!!” จากที่เครียดๆเศร้าๆ ผมแทบจะลุกขึ้นเตะปากเพื่อนตัวเอง นั่นมันกลั่นออกมาจากสมองแล้วใช่ไหมครับ ก่อนจะพูดออกมา

“ใครจะไปรู้” มันยักไหล่ราวกับไม่ได้พูดอะไรผิด และถ้าหากเกิดขึ้นจริงมันก็ช่วยไม่ได้ ฟัคๆๆๆ ใครมันจะไปมีผัววะ ไอสัส สิ้นคิด

“อย่างกูถึงม่ายขันกูยอมโสดโว้ย กูม่ายยอมเป็นเมียครายหรอก” ผมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี แต่ทำไมโลกมันวูบๆวะ เชี่ย โลกแม่งหมุนได้ด้วย อยู่มาก็พอรู้ว่าโลกมันหมุนรอบตัวเอง แต่เพิ่งจะรู้วันนี้ว่ามันหมุนรอบผมด้วย

“เฮ้ย!!! ไอกร!!!!”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ทำไมต้องตะโกนวะ หรือมันเองก็เห็นว่าโลกมาหมุนรอบตัวผม กูเจ๋งไหมละมึง กูเป็นคนเดียวที่โลกยอมมาหมุนรอบตัว เรื่องแปลกสุดมหัศจรรย์ยังต้องจาลึกไว้ อีกหน่อยกูก็ได้ออกทีวีแล้ว เพื่อนมึงจะดังแล้วนะไอเก้า!!!

“อื้อ!!” ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนีคสามเย็นที่มาสัมผัสใบหน้าตัวเอง อะไรวะ กวนอยู่ได้ คนจัหลับจะนอน ยิ่งปัดออกยิ่งถูกความเย็นสัมผัสมากขึ้น กลิ่นหอมแบบนี้ หอมที่เคยติดตรึงในใจแบบนี้มีคนเดียว ใยไหม!

“ไหม......ไหมกลับมาหาผมแล้ว” ผมลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นหน้าเมียสุดที่รัก มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใยไหมหลบตาผม เม้มริมฝีปากแร่นก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของผม

“ขอโทษนะ.....” ผมขมวดคิ้วด้วยความมึนงง ทำไมไหมต้องขอโทษผมด้วยล่ะ ผมต่างหากที่ผิด

“อย่าขอโทษ ไหมไม่ผิด กรผิดเอง” ผมส่งยิ้มไปให้ไหมที่แหงนใบหน้าขึ้นเพราะไม่อยากให้น้ำตา

“ไม่หรอก....ฮึก....”

“....” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมไหมพูดแบบนั้น มีอะไรที่ผมไม่รู้กันแน่

“ไหมน่าจะบอกกร ฮึก ฮือ ให้เร็วกว่านี้”

“บอก บอกอะไร บอกมาเถอะ” ผมยิ้มให้เธอแม้จะไม่เข้าว่าไหมร้องไห้เพราะอะไร เพราะเอาแต่คิดว่าเธอร้องไห้เพราะผม

“ไหม......”

“.........”

“ฮือออ ไหมท้อง”

!!!!!

ผมรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เหมือนเดินไปแล้วถูกไฟช็อต ยอมรับว่าช็อค ช็อคมากๆ และเกิดคำถามขึ้นมากมายในหัวใจ รอยยิ้มผมยังค้างอยู่บนใบหน้า แม้ว่ามันจะหมดความสดใสแล้วก็ตาม เธอท้องได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่เคยมีอะไรกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน มือของไหมจับมือของผมแน่น จนผมหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของไหมยังคงหวานแม้ว่ามันจะสะท้อนความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มหัวใจก็ตามที

“กรจ๋า อย่าโกรธไหมเลย ฮือออ ไหมขอโทษ ฮึก ไหมมันเลวเอง” ผมได้แน่นั่งนิ่งๆมองใบหน้าสวยของคนที่ได้ชื่อว่าเมียด้วยแววตาที่หลากหลายในอารมณ์ ผมควรโกรธเธอไหม อาจจะควร แต่ผมกลับจุก จุกจนพูดอะไรไม่ออก ผมควรจะผลักเธอออกแล้วกร่นด่าเธอไหม อาจจะควร แต่......ผู้ชายแบบผม ด่าคนที่รักสุดหัวใจไม่ได้หรอก แม้ว่าเธอจะเป็นคนทำให้หัวใจผมพังลงไปด้วยสองเท้าของเธอก็ตาม หรือผมควรร้องไห้ ควรหัวเราะเยาะตัวเองที่โง่ นั่นสินะ จริงๆมันควรเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ แต่หลักเหตุและผลต่างๆมันกลับไม่มีอะไรเลยที่ผมทำได้ สิ่งที่ผมแสดงออกไปจริงๆ มีเพียงการบีบมือของไหมจนแน่น สบสายตาหวานที่นองไปด้วยน้ำตาด้วยรอยยิ้ม มืออีกข้างปาดไล่น้ำตาใสๆออกจากความงดงามบนในหน้าเธอเท่านั้น

“ยินดีด้วยนะครับ ไหมต้องดูแลตัวเองนะรู้ไหม”

“ฮึก ฮือออออออ” ไหมปล่อยโฮก่อนจะโผเข้ากอดผมเต็มตัว ผมลูบหัวเธอเบาๆ ใยไหมยังคงเป็นใยไหมที่ขี้แยสำหรับผมเสมอ

“ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กก็คิดว่าผมทำร้ายแม่ของเขาหรอก” ผมพยายามพูดติดตลกให้ไหมรู้สึกดี ทั้งๆที่เป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่มันกลับบีบหัวใจของผมอย่างแรง เจ็บจนแทบจะขาดใจ แต่ก็ได้แค่กอดเธอไว้ แล้วพูดออกไปว่าสบายดี

“ไหมจะบอกเขา ฮึก จะบอกเขาว่า กรดีกับไหมแค่ไหน ไหมจะใช้กรเป็นต้นแบบให้ลูก ฮือ ไหมรักกรนะ ฮึก ฮือออ ถึงมันจะสายไป แต่ไหมรักกรมาก รักเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง”

ฮ่ะๆ พี่ชายสินะ นั่นสินะ พี่ชายคนหนึ่ง

“ครับ......น้องสาวของผม” ทรมานเหลือเกินที่ทำอะไรไม่ได้ ใจจริงอยากจะดึงไหมเอาไว้ กอดขาไหมแล้วอ้อนวอน ยอมเป็นคนโง่ๆที่อยู่เป็นรักเก่าๆเพียงแค่ได้ยืนข้างๆเธอ แต่ผมทำไม่ได้ เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จมปลักอยู่กับคนตายด้านอย่างผม

“แล้วพ่อของลูกไหม เขารู้หรือยัง” ผมกลั้นใจถามทั้งๆที่มันเสียดแทงใจตัวเองอย่างที่สุด ไหมพยักหน้าให้ผม ก่อนจะยิ้มหวานอย่างมีความสุขที่ได้พูดถึงเขา

“อื้อ พี่เขารู้แล้วล่ะ เขาจะให้ทางบ้านมาสู่ขอไหม แต่ติดปัญหาที่.....” ผมพยักหน้าเข้าใจที่เธอพยายามจะสื่อ

“ใบหย่าใช่ไหม ได้สิ เดี๋ยวกรจะเซนให้นะ” ไหมหลุบตาลงมองมือของตัวเอง มันเป็นปฏิกิริยาที่เธอมักจะทำเสมอหากว่ามีเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าควรพูดไหม

“คือ......”

“ไหมพูดมาเถอะ ถ้ากรทำให้ได้ กรจะทำ” ไหมเหลือบตาขึ้นมองหน้าผมเล็กน้อย ผมเห็นเธอกัดริมฝีปากที่สั่นเอาไว้จนแน่น กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเผลอกัดแรงจนเลือดตกยางออก ผมไม่ชอบเห็นไหมเจ็บตัว

“ทางบ้านของพี่ตาม.....ไหมหมายถึง.....”

“ผมรู้ว่าไหมหมายถึงใคร พูดต่อเถอะ” ไหมพยักหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

“ทางบ้านพี่ตาม ต้องการให้กร ไปตรวจแล้วเอาผลมายืนยันว่า กร....เอ่อ......ไม่สามารถมีอะไรกับ ไหม ได้”

อ๋อ......อย่างนี้เอง ทางนั้นคงไม่เชื่อสินะว่าลูกของลูกชายเขา ไม่แปลกหรอกครับ ก็ไหมแต่งงานกับผมมาสองเดือนแล้ว หากจะว่าเป็นลูกผมมันก็เป็นไปได้ ถ้าผมเคยนอนกับเธอนะครับ มันเป็นเรื่องที่พูดยากนะครับ สำหรับผมเอง ก็ไม่ได้อยากให้ใครๆมารู้เรื่องที่ตัวเองไม่ขันเท่าไหร่ มันเป็นศักดิ์ศรีของผู้ชายเลยนะครับ เรื่องแบบนี้

“แล้ว......ไหม จะให้ผม ทำยังไง ครับ” ผมรู้สึกเหมือนว่าจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ลังเลว่าควรจะทำให้ไหมดีไหม แต่เมื่อนึกถึงเด็กตาดำๆที่กำลังจะเกิดขึ้นมา คงดีไม่น้อยหากได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา นั่นสินะ เพื่อลูกของไหม เพื่อหลาน.....ของผม

“กร......เคยได้ยินเรื่อง คลินิกมารักษ์ไหม”

“ไม่ครับ” ไหมถอนหายใจก่อนจะหันมาอธิบายให้ผมเข้าใจ

“คลินิกนี่มีชื่อเสียงมาก ไหมได้ยินมาว่า.......” ไหมเงียบไปครู่หนึ่งจนผมต้องเลิกคิ้วขึ้นมองไหมอย่าไม่เข้าใจที่จู่ๆเธอก็เงียบไปเฉยๆ

“ไหมได้ยินมาว่า.....เขารับรักษาด้านนี้โดยเฉพาะ”

อ๋อ.....อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว ไหมคงคิดว่าถ้าจะให้ผมไปตรวจและขอใบรับรองมันคงจะดูน่าเกลียดเกินไป ถึงได้พูดถึงคลินิกนี้ขึ้นมา คงคิดจะให้ผมไปรักษาสินะ ไหมดูร้อนรนเมื่อจับสังเกตไก้ว่าผมพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเธอบ้างแล้ว

“ไหม......ไหมแค่ไม่อยาก ให้ใครตราหน้ากร.......ว่าหย่าเมียเพราะเสื่อมสมรรถภาพ ไหม เอ่อ ไหม....”

“ครับ ผมเข้าใจ” ผมยิ้มให้ไหมที่ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอย่างไร

“คือ ไหมจะออกค่ารักษาให้ ไหมไม่ได้จะดูถูก แค่......อยากให้กรเก็บเงินเอาไว้”

“ครับ ไหมอย่าคิดมากเลย ผมเข้าใจ” ไหมยิ้มออกมาอย่าโล่งใจเมื่อคิดว่าผมยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ตะขิดตะขวางใจใดๆ

“ดีเลย.....”

“แต่ผมคงให้ไหมออกเงินค่ารักษาให้ผมไม่ได้หรอกครับ” ไหมชะงัก มองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำไมล่ะ ไหมเต็มใจช่วยนะ” ผมยิ้มบางๆพรางส่ายหน้าให้เธอ

“ไม่ได้หรอก ตัวผม จะรักษาผมก็ต้องออกเงินเองสิครับ”

“แต่ไหม....”

“ถ้าผมให้ไหมออกให้ มันก็เท่ากับว่า......ผมทำทั้งหมดนี้เพื่อไหมนะ ปช่อยให้ผมจัดการเองเถอะครับ อย่าห่วงอะไรเลย” ไหมสะอื้นไห้ เมื่อรับรู้ได้ว่าผมไม่ได้โกรธเคืองและเธอเองก็ไม่ควรทำให้ทุกอย่างดูแย่ลง ผมยอมรับว่าเจ็บ แต่มันคงดีถ้าผมเป็นคนเจ็บแค่คนเดียวเพื่อให้ใครอีกหลายคนมีความสุข เจ็บเพื่อคืนสุข มันก็ดีแล้ว มันควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว





      >>>>>>>>มีต่อจ้า<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
>>>>>>>>>ต่อค่าาา<<<<<<<<<


       ที่นี่นะเหรอ คลินิกมารักษ์ที่เปิดรักษาโรคทางเพศ ด้านนอกก็ไม่ได้ต่างจากคลินิกอื่นตรงไหนเลย แต่ภายในกลับ โอ่อ่าจนน่าตกตะลึง แต่ความสวยงามด้านในยังเทียบไม่ได้กับ.......ผู้คนที่มาที่นี่ ดูแล้วล้วนแต่เป็นผู้ดีมีเงินทั้งนั้น แต่.......ทำไมผมไม่รู้สึกเลยว่าคนพวกนี้ป่วย ดูแต่ละคนสิ ใส่สั้นจนแทบจะแก้ผ้าเดินก็มี แต่งหน้าจัดเหมือนจะไปเล่นงิ้วก็มี หรือบางคน ฉีดน้ำหอมเหมือนจะเรียกว่าอาบก็มี มองๆไปแล้ว รู้สึกเหมือน........อะไรนะ อ๋อใช่ๆ เหมือนพวกผู้หญิงออกล่า ถามผมว่าเคยเจอไม่ แหม......ก็ไม่เคยหรอก แต่เคยเห็นตอนพวกนั้นออกล่าแล้วเกิดถูกใจไอพิตต์มัน

ผมกวาดสายตาไปรอบๆ บอกตรงๆว่าตะลึงเหมือนกัน ไอที่ตะลึงนี่ไม่ใช่เพราะสาวสวยหรือคนหน้าตาดีอะไร ตะลึงเพราะคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผมต่างหาก

“ไอเหี้ย!!!! ไอหมอพิตต์!!!!!”

“ไอกร.....” ผมเกือบจะกระโดดโผเข้ากอดมันแล้ว ดีที่ยั้งตัวเองเอาไว้ทันเลยได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ มันเองก็เหมือนกัน สีหน้ามันดูหลากหลายความรู้สึก แต่ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่ามีความรู้สึกแบบไหนบ้าง ผมเดินเข้าไปหาไอพิตต์ที่มันเองก็ค่อยๆก้าวมาหาผมเช่นเดียวกัน

“ไอพิตต์ มึงหายไปไหนเลยวะ มาเห็นติดต่อกูเลย ว่าจะชวนมางานแต่งกูซะหน่อย” ไอพิตต์ทำเพียงยิ้มบางๆ แววตาเหมือนคนสะกดกลั้นบางอย่างเอาไว้ นั่นทำให้ผมคิดสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“โทษทีวะ พอดีตอนนั้นกูยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อมึงไป เบอร์กูไม่ได้เปลี่ยนหรอกแต่ไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์มากกว่า...”

“เออ เฮ้ย ไม่เป็นไรๆ มึงสบายดีนะ” ผมตบบ่าของคนที่สูงกว่าผมอย่างไม่ถือสา

“สบายดี มึงละ แต่งงานแล้วมีความสุขดีไหมวะ” ผมได้แต่ชะงักรอยยิ้มที่อยู่บนหน้า สีหน้าของมันมีแต่ความห่วงใย

“ไม่ค่อยดี......เท่าไหร่” ไอพิตต์มองผมอย่างไม่เข้าใจจนคิ้วของมันขมวด

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ บอกกูได้นะ”

“จริงๆแล้วกู......”

“หมอพิตต์ขา!! มาทำอะไรตรงนี้คะ ฝันรออยู่ในห้องตรวจนานแล้วนะคะ” ผมยังไม่ทันจะได้พูดเล่าอะไรออกไป ก็ถูกขัดจังหวะจากสาวสวยใบหน้าหวานที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แขนของไอพิตต์มันถูกเกาะกุมโดยคนข้างๆอย่างสนิทสนม ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเพราะน้อยใจที่มันมีใครแล้วไม่เคยเล่าให้ผมฟังก็เป็นได้

“อ๋อ....พอดีผมเจอเพื่อนน่ะครับ คุณฝันไปรอที่ห้องก่อนก็ได้นะครับ” ไอพิตต์จับมือที่เกาะกุมแขนมันเอาไว้นิ่งๆ และหันไปมองสบตากัน ผมรู้สึกเหมือนส่วนเกิน อึดอัด อยากออกไปจากตรงนี้ ดวงตากลมของฝันหันมามองผมเหยียดๆตั้งๆแต่หัวจรดเท้า

“เพื่อน........เหรอคะ”

“ครับ”

“แต่งตัวจ๊นจนนะคะหมอ”

อึก!

ทำไมเธอต้องทำท่าทางราวกับดูถูกและรังเกียจผมแบบนั้นด้วยล่ะ ผมทำอะไรผิดกัน ผมไม่เข้าใจสักนิด ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันแท้ๆแต่เธอทำเหมือนว่าผมไปทำสิ่งเลวร้ายจนเธอรังเกียจและไม่อยากจะหายใจร่วมกับผม ผมก้มหน้าลงมองพื้น เจ็บที่สายตาคนนอกมองมันไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บที่คนที่ผมเรียกว่าเพื่อนปล่อยให้แฟนตัวเองทำกับผมแบบนี้
มันน้อยใจ

“ฝัน!!...../กร!!!!” ผมไม่รู้ว่าไอพิตต์จะพูดอะไร แต่ผมเลือกที่จะหันไปมองตามเสียงเรียกของอีกคนมากกว่า

“มีอะไรหรือเปล่ากร...” ใยไหมเดินมากาผมพร้อมกับเอ่ยถาม ผมไม่อยากสร้างปัญหาจึงได้แต่ยิ้ม

“ไม่มีอะไรครับ ไหมคุยเสร็จแล้วเหรอ” ไหมขมวดคิ้วก่อนที่สายตาของไหมจะหันไปมองฝันที่ยืนมองผมอยู่อย่างเดิม ไหมยกยิ้มเย้ยหยันให้ฝันไปพร้อมกับกวาดสายตามองอีกฝ่ายทั้งร่างด้วยแววตารังเกียจที่ไม่คิดจะปิดบัง

“พิตต์ ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ” พิตต์มองผมกับไหมนิ่งๆ สายตาว่างเปล่าจนเดาอะไรไม่ได้

“อืม สบายดี ไหมละ”

“ไหมสบายดี แต่ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีเอง เดี๋ยวนี้ต้องซื้อกินแล้วเหรอ” ปากถามแต่สายตาไหมมองผู้หญิงข้างๆไอพิตต์ราวกับต้องการจะสื่อความหมาย

“ซื้อกิน???” ไอพิตต์มองจามสายตาของไหมไปจนเจอคนข้างตัว จึงได้ร้องอ๋ออยู่ในที

“นี่เพียงฝัน เป็นคนไข้ของผมเอง” ฝันยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะแสดงท่าทีที่บ่งบอกมากว่าแสน้งทำเป็นตกอกตกใจ

“อ้าว....คนไข้เหรอ”

“......”

“ขอโทษด้วยนะคะ ที่เข้าใจผิด แหม......”

“อะไรยะ!!!” ฝันถามออกมาอย่างหัวเสีย

“ก็เห็แต่งตัวมาแบบนี้ ก็นึกว่ามา เร่ขาย ซะอีก แย่จังเลยเรา เดาผิดซะได้ ขอโทษนะพิตต์ไหมเข้าใจผิดไป นึกว่าพิตต์ซื้อของเกรดต่ำมากิน”

“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!” อ่า ผมรู้สึกเหมือนจะเกิดสงคราม ได้แต่ดึงแขนของไหมเอาไว้อย่างปรามๆ ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ไอพิตต์มัน

“ไหมๆ ไปเถอะ พอแล้วนะครับ”

“เชอะ!!!” โชคยังดีที่ไหมยอมเดินตามผมมาง่ายๆ ไม่อิดออดอะไร ฝันถือว่าโชคดีที่โดนแค่นั้น ใครๆก็รู้ว่าในมหา’ลัย ไหมคือที่สุดของผู้หญิงปากกล้าเลย ใครมาด่า มาระรานไหม เจอตอบกลับจนแทบจะวิ่งกลับบ้าน บางคนยืนกรี๊ดอยู่ตรงนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกเลย ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอดยิ้มไม่ได้
แต่เราก็หมดสิทธิ์ไปแล้ว

“ไหม......เดี๋ยวก่อน” ผมกับไหมหันไปมองไอพิตต์ที่แกะมือของฝันที่จับเอาไว้ออก

“มีอะไรเหรอพิตต์”

“ไหมกับ.......ไอกร มาทำอะไรที่คลินิกเหรอ”

“คลินิกนี้ รักษาอะไร ไหมกับกรก็มาเพราะเรื่องนั้นล่ะ” ไหมเลี่ยงการพูดตรงๆ คงด้วยเพราะแม่นกหวีดยังยืนอยู่ตรงนั้นมั้งครับ

“หึ.......มารักษาหรือมาหาผัวกันแน่ก็ไม่รู้ แรด!!!” ไหมปรายตาไปมอง ส่งรอยยิ้มบางเบาไปให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“ถามตัวเองเหรอคะ ใส่มาสั้นขนาดนั้นกะว่าไม่ต้องถอดก็เสียบได้เลย แบบนี้ไงฉันถึงเข้าใจว่าคุณมาเร่ขาย”

“กรี๊ด!! อี อี” ฝันกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าสวยบูดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาชี้หน้าไหมทั้งๆที่มันสั่น

“ทำไม จะทำไม!!” ไหมหวังจะเดินเข้าไปหาอีกคน แต่ผมรวบตัวไหมเอาไว้ ส่วนฝันได้แต่หลบหลังของไอพิตต์ โดยกอดเอาไว้จากด้านหลัง อืม......ก็เอาเถอะ

“ไหม กลับเถอะ เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลกันก็ได้” ผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ไหมอารมณ์เย็นขึ้น เอาพูดจริง ถ้ามาแล้วเจอแบบนี้ สภาวะเครียดแบบนี้จะมีผลต่อเด็กในท้องของไหมเองด้วย ผมไม่อยากให้หลานมายืนฟังคำพูดแสลงหู

“ก็ดีค่ะ ไปเถอะกร”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวผมรักษาให้ ไอกร เดี๋ยวกูรักษาให้มึงเอง” มึงแกะแม่ปลาหมึกของมึงก่อนไหม

“จะดีเหรอ เราไม่ชอบให้กรมาเจอคนแย่ๆกับบรรยากาศแย่ๆซะด้วยสิ มลพิษทางอารมณ์”

“นี่แกว่าฉันเหรอ!!!”

“หยุด!!! คุณสาวครับ!!!” อยู่ๆไอพิตต์ก็เหมือนจะเม้งแตกเพราะมันใช้เสียงดังมากจนฝันตกใจยืนหน้าซีด

“คะหมอ ว่าไงคะหมอพิตต์” สาวสวยที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่มองหน้าพวกเราสลับกันไปมาราวกับทิศทางของสงคราม

“เดี๋ยวจัดการยกเลิกสัญญาของคุณเพียงฝันด้วยนะครับ เธอละเมิดกฎ!!!” เจ้าตัวยืนอ้าปากค้างขณะที่เสียงของไอพิตต์ทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความสนใจ บางคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปาก ผมสงสารเธอนะครับ บอกตรงๆ แค่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ดูก็รู้ว่าเธอชอบเพื่อนผมคนนี้มาก แต่คงไม่เคยเจอไอพิตต์ในมุมเย็นชาและไม่แคร์ใครมาก่อนสินะ ถึงได้อึ้งไปแบบนั้น

ร่างของฝันถูกคุณสาวที่ไอพิตต์เรียกมาดึงให้เดินตามเธอไป จุดหมายคือประตูทางออก ทุกสายตายังคงจับจ้องมาที่พวกเรา ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาคิดอะไรยังไง แต่ผมเชื่อว่า ที่หันๆมาคืออยากรู้อยากเห็นล้วนๆเผือกแบบไม่มีมันผสมเลยล่ะครับ

“ดี! ไปซะได้ก็ดี!!”

“ไหม......ไม่เอาน่า” ผมปรามไหมที่ยืนมองแผ่นหลังของฝันด้วยความหมั่นไส้ เฮ้อออ

“แล้วตกลง.......มีปัญหาอะไรกันล่ะ” ไอพิตต์มองหน้าผมนิ่งๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า มันถามผมเหรอ?

“ถามกู??”

“ถามไหม” แล้วจะมองหน้ากูหาเตี่ยมึงเหรอครับ ไอเหี้ย

“หา อ๋อ เอ่อ พอดีกรเขา.......มีปัญหาเรื่อง.....นั่นล่ะ”

ไอบ้า!!! ผมรีบยกมือมาปิดตรงเป้ากางเกงเอาไว้พร้อมถลึงตาใส่มันเมื่อไอพิตต์มันไล่สายตาลงมา มีที่ไหนมองแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ จะมองแบบปกติก็ไม่ได้ ต้องทำตาแวววับจนอยากจะเตะก้านคอให้มันหายบ้า

“มองบ้าอะไรของมึงวะ!!” ผมตะคอกใส่มันทั้งๆที่หน้าแดงด้วยความอาย ก็ใครใช้ให้มันยิ้มแบบนั้นใส่ผมล่ะ

“อะไร ก็มองสำรวจ............ดูอาการ”

อาการบ้านมึงดูได้ด้วยสายตาเหรอวะ

ใยไหมที่ยืนอยู่ข้างๆมองหน้าผมและหน้าไอพิตต์สลับกันไปมา ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มล้อเลียนมาให้ผม ยิ่งเห็นว่าไหมยิ้มแบบนั้นหน้าผมก็ยิ่งเห่อแดงแบบไม่มีเหตุผล ทำไมผมต้องอายด้วยวะเนี่ย ไม่เข้าใจเลย สงบใจไว้ๆ อย่าลนดิวะ ไม่มีอะไรสักหน่อย แต่ด้วยความหมั่นไส้จนทนไม่ไหว ผมจึงหยิกเข้าที่แขนของไหม

“โอ้ยยยยย กรหยิกไหมทำไม” ผมมองค้อนให้ไหมวงใหญ่

“แล้วยิ้มแบบนั้นทำไมล่ะ ฮึ!”

ไหมอมยิ้มส่งสายตาพราวระยับมาล้อเลียนผม มันน่าตีไหมล่ะครับ ดูทำท่าทำทางเข้าสิ ไอพิตต์ก็เหมือนกัน ยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่าไงวะ ทำไมสองคนนี้ต้องมองหน้าแล้วส่งยิ้มแปลกๆกับสายตาแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจด้วยนะ สรุปแล้วคือ พวกเขาสองคนคุยกันผ่านทางโทรจิตเหรอครับ เห็นจ้องกันไปจ้องกันมาแล้วหัวเราะราวกับว่ากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
เกลียดจริงๆ ไอความรู้สึกว่าถูกเขี่ยออกมาจากโลกของพวกเขาเนี่ย ชิ!!

ผมถูกไอพิตต์มันลากมายังห้องตรวจของตัวเอง ส่วนไหมกลับไปก่อนแล้ว ซึ่งตอนแรกไหมบอกว่าให้ผมเซ็นสัญญาด้วยเพราะเธอจ่ายค่ารักษาไปหมดแล้ว จะโกรธก็ไม่ได้เพราะไหมดันส่งยิ้มออดอ้อนมาให้ผมจนใจอ่อนยวบ เฮ้อ......อย่างนี้ทุกทีเลย ผมมองไปรอบๆห้อง มันก็น่าตกใจนะ เคยไปคลินิกและโรงพยาบาลมากมายไม่เคยเห็นที่ไหนจัดห้องตรวจแบบนี้สักที่ หรือมันจะไม่ใช่โรงพยาบาลนะ

“ตกลงยังไง มึงมีปัญหาอะไรกัน” มีปัญหา? อ๋อ เข้าใจล่ะ คงหมายถึงเรื่องของผมกับไหมสินะ ผมลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่

“กูกำลังจะหย่า” สีหน้าไอพิตต์ดูแปลกใจมาก เหมือนมันไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง

“หย่า?”

“ใช่..หย่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสองเดือน กู......มีปัญหา มันไม่ยอมตั้ง กูให้ความสุขกับไหมไม่ได้” ผมหลบสายตาไอพิตต์ที่จ้องมองมา กลัวหลุดบางอย่างที่ไม่ควรจะพูดออกไป กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะทำให้ไหมเสียหาย แม้ว่า.....มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

“.....”

“.....”

ผมกับไอพิตต์ต่างคนต่างห็เงียบใส่กัน ได้ยินเสียงหายใจจนชัดเจน ผมยังคงวางสายตาไว้ที่อื่นแม้จะไม่ได้มองแต่ก็พอรู้ว่าไอพิตต์มันเอาแต่มองหน้าผมไม่เลิก ใครๆก็หลงรักใบหน้าหล่อของหมอพิตต์ ใครๆก็ชอบให้ไอพิตต์มันมอง แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม แต่ผม การถูกมันจับจ้องเป็นเรื่องปกติ เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ผมหันไปมองมันทุกครั้งที่เห็นมักจะเห็นว่าสายตาคมของมันมักจะมองมาที่ผมเสมอ เพราะงั้น ผมถึงตั้งตารอไอพิตต์อย่างมา หวังเหลือเกินว่าในวันที่ผมแต่งงาน มันจะมาร่วมยินดีกับผม แต่เปล่าเลย แม้ว่าผมจะตอดต่อมันไม่ได้ แต่ผมก็ฝากข้าวคราวไปบอกผ่านเพื่อนๆ แต่สุดท้าย........จนจบงาน ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอพิตต์มันเลย ไม่มีแม้แต่คำยินดีที่ฝากเพื่อนมาด้วยซ้ำ

“ไอกร...พูดมา!” ผมย่นคอแอบลอบมองหน้ามันอย่างกลัวๆ สีหน้าแววตาและน้ำเสียงของมันกดดันผมสุดๆ บรรยากาศในห้องมาคุจนอยากจะชิงเอาหัวชนกำแพงหนีตายไปเลย

“กะ กูพูดไปแล้วไง ก็ๆ” ผมจะทพูดยังไงดี มันต้องไม่เชื่อแน่ๆ

“กร!!!!!” ผมสะดุ้งกับเสียงตะคอกเรียกชื่อผม

“อะ อะ” ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ พูดอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นไอพิตต์มันเป็นแบบนี่เลย

“มึงจะบอกกูตรงๆ หรือให้กูบังคับให้มึงพูด”

“ไหมท้อง ไหมท้องกับคนอื่นเลยมาขอหย่ากับกู!!!” รอยยิ้มเหี้ยมที่อยู่บนหน้าไอพิตต์ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว แม้ใจจะไม่อยากบอกออกไป แต่ความกลัวและสัญชาตญาณร้องบอกให้ผมอ้าปากและพูดออกไป

“ท้อง......กับใคร”

“กูจะรู้เหรอ.....เอาสิ......มึงอยากหัวเราะไหมล่ะ” ผมกลั้นใจรอฟังเสียงหัวเราะเยาะจากมัน แต่ก็ไม่มี รอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีเลย ความเงียบยังคงปกคลุมเช่นเดิม

“กูจะหัวเราะเยาะมึงทำไม ตั้งแต่คบกันมา กูเคยทำแบบนั้นเหรอ” ฝ่ามืออุ่นลูบผมของผมอย่างแผ่วเบา สายตาทอประกายแววหวานจนผมหน้าร้อนหลบสายตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาการกระส่ายกระสับที่ผมเป็นอยู่มันคืออะไรนะ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงด้วยก็ไม่รู้ มือของมันเลื่อนลงมาที่ผิวแก้มก่อนจะใช้นิ้วลูบเบาๆจนมันรู้สึกร้อน ไม่กล้ามอง กลัวสบตาแล้วจะเห็น..........

เห็นอะไร??? นั่นสิ ผมกลัวเห็นอะไร

ผมชะงักไปเมื่อเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมผมถึงกลัวที่จะมองตาไอพิตต์ด้วย ทำไมผมถึงไม่กล้าสบตามันตรงๆ พอมาลองย้อนนึกๆดูแล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อน ผมเองก็ไม่ค่อยจะสบตามันตรงๆเลย เหมือนตัวเองกลัวอะไรบางอย่าง ไม่เข้าใจเหมือนกัน พอมันมีเหตุให้จ้องตา ก็มักจะเป็นผมที่เป็นฝ่ายหลบตาเสมอ ไอพิตต์ไม่เคยหลบ ไม่เคยหยุดมองมาสักครั้ง แต่เป็นผมที่พยายามจดจ่อกับสิ่งอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้น ไอเก้าเคยเปรยกับผมว่า สายตาไอพิตต์ไม่เคยปิดบัง ถ้าผมลองมองก็จะรู้ ตอนนั้นผมได้แต่ทำหน้างง แต่พอจะลองจ้องไปกลับไม่กล้า ทั้งที่กับไอเก้าและคนอื่นๆ ผมสามารถมองสบตาพวกเขาได้โดยไม่รู้สึกอะไร

แปลก

ใช่ มันแปลก แต่ที่แปลกคือ ทำไมผมถึงเพิ่งจะมาคิดเรื่องนี้ หรือเพราะผม ไม่มีพันธะแล้ว หรือเพราะผมได้มาพบกับสายตาของไอพิตต์อีกครั้งกันแน่

“เป็นอะไร......ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมหันไปมองหน้าไอพิตต์โดยเลือกจะจับจ้องส่วนอื่นที่ไม่ใช่สบตา สิ่งที่ผมเลือกจะจับจ้องคือริมฝีปากของมัน ผมคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่ผมรู้ตัวว่าคิดผิด เมื่อริมฝีปากของมันยกยิ้มถูกใจ ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะขยับเข้ามาจนริมฝีปากของมันอยู่ใกล้จนผมต้องกลั้นหายใจ

“มองแบบนั้น.......”

“......” ไอพิตต์ใช้นิวเกลี่ยลงบนปากผมเบาๆอย่างเย้าแหย่ และมันทำผม....เผลอเผยอปาก

“อยากจูบกูหรือให้กูจูบดีล่ะ หืม......”

“บะ บ้า!!”

ผมหลบปลายนิ้วของมันไปอีกด้าน หันหนีอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นออกจากปากมัน ใบหน้าของผมเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะยิ้ม ผมถึงต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ ทำไมต้องพูดอะไรน่าอายๆแบบนี้ด้วย ผมเป็นผู้ชายนะ จะมาองมาอายกับเรื่องแบบนี้ได้ไง พอคิดได้แบบผมจึงหันไปสบตามันอย่างไม่เกรงกลัวอีก

อึก!!

บ้าจริง!! ทำไมความหล่อของมันชัดเจนแบบนี้วะ ทำไมเหมือนมีใครมาฉายไฟใส่ผมจนแสบตาแบบนี้ ทำไมสายตาคู่นั้นถึงมองผมแบบนั้น ไม่รู้เลยเหรอว่ามันทำให้ผมละลาย แล้วทำไม ทำไมมันต้องยิ้มกรุ้มกริ่มกับผมด้วย ตะ แต่ แต่ผมไม่ได้อายนะ ผมเปล่าจริงๆ

“ว่ายังไง จะจูบกู หรือให้กูจูบดีครับ” มือไม้สั่นไปหมด ยิ่งไอพิตต์มันก้มลงมากระซิบเสียงทุ้มข้างๆหูผมแบบนี้ ยิ่งสั่นจนแทบจะจับไข้ ดาเมจแรงเกินไปแล้ว

“อยะ อย่ามองแบบนั้น!!!” ผมทนไม่ไหวแล้วนะ ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วนะ!!

“ทำไม หรือว่า...”

หมับ!!

ผมถูกมันจับให้หันไปมองสบตาตรงๆโดยไม่ยอมให้หลบ ผมพยายามดิ้นหนี กลัว ความกลัวในใจเรียกร้องให้ผมหลบตา มันร้องบอกให้ผมหลับตาหนีจากใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าผมนี้

“มองตากู ไอกร!”

“ไม่!!!!!” ผมหลับตาปี๋ไม่ยอมมองสบตามันง่ายๆหรอก ผมไม่มีทางสบตามันแน่

“กรครับ มองตากูสิ มองกูสิครับกร”

“ขะ ขี้โกง” ผมทั้งหลับตาทั้งย่อนคอ หนีจากการที่ถูกมันป่วนเล่น มันเล่นขี้โกงอ่ะ ทำไมต้องกระซิบแบบนี้ด้วย ผมอยากกลับบ้านแล้ว

“งั้นก็ลืมตามามองสิ ที่มึงไม่ยอมลืมตามามองกู เพราะมึงรักกูใช่ไหม” ผมชะงัก มันพูดบ้าอะไร และนั่นทำให้ผมเผลอลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“มึงพูดอะไร”

“มึงชอบกู”

“.......”

“ใช่ไหม กร มึงชอบกูใช่ไหม” ผมผลักมันออกทันที มันบ้าไปแล้ว ผมจะไปชอบมันได้ยังไง ผมเป็นผู้ชายนะ

“กูเปล่า”

“มึงชอบกู!”

“ไม่ใช่!! โอ๊ย!!!” แรงที่แขนของผมถูกเพิ่มมากขึ้นตามความโมโหของเจ้าของฝ่ามือ

“มึง!!! รัก!!! กู!!!”

“บอกว่าไม่ชะ.....อ๊ะ อื้ม!!!”

ไอพิตต์ก้มลงมาใช้ริมฝีปากของมันปิดปากที่กำลังเอ่ยคำปฏิเสธของผม ผมถูกกระชับโดยที่มันใช้วงแขนตวัดให้ร่ทงของผมลอยวือเข้ามาใกล้จนตัวเราแนบชิดกัน แรงดูดดึงที่ริมฝีปากบ่งบอกอารมณ์ของคนตรงหน้าได้ดี ว่าหงุดหงิดแค่ไหน มือทั้งสองข้างถูกใช้ผลักไสร่างใหญ่โตให้ออกห่าง แต่แรงของผมสู้ความถึกของมันไม่ได้เลย เหมือนผมกำลังผลักหินที่หนักกว่าสิบตัน มันไม่ยอมขยับ สิ่งที่ขยับมีเพียงริมฝีปากและปล่ยลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาเท่านั้น ผมถูกอีกฝ่ายสำรวจจนทั่วทั้งปาก ถูกลิ้นของมันชักชวนเว้าวอนให้ตอบรับและสอดประสานเดินตามเกมส์ รสหวานฉ่ำทำผมมึนหัวไปหมด แข้งขาอ่อนแรงจนยืนไม่ไหว ดีที่มีแขนของไอพิตต์รับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงล่วงลงพื้นไปแน่ๆ

“จุ้บ อื้อ แฮกๆ” ไอพิตต์ถอนริมฝีปากออก มองน้ำใสๆที่ยังเชื่อมต่อกันระหว่างริมฝีปากของผมและมันแม้ว่าจูบจะจบลงไปแล้ว หากแต่รสหวานที่ได้สัมผัสมันยังคงติดตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น

“มึงรักกูใช่ไหมกร มึงรักกู”

“......” ผมได้แต่หลบตา ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธใดๆเพราะตัวผมเองก็หาคำตอบให้มันไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าอันไหนคือความรู้สึกจริงๆด้วยซ้ำ ไอพิตต์เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดีของผมเสมอ ผมกลัวว่าถ้าผมปฏิเสธออกไปมันจะทำให้ความเป็นเพื่อนของเราจบลง หรือจริงๆผมกลัวที่จะยอมรับกันแน่นะ โอ๊ย!!! ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

“กร.....” น้ำเสียงของมันดูเว้าวอนร้องขอให้ผมตอบคำถาม

“กู....กูก็ไม่รู้”

๕๐%


TBC





                อุ๊แหม~ มีความปากร้ายนะคะคุณน้องใยไหม คืนกรให้หมอพิตต์ไปถูกแล้วลูก มาๆแมวจะจัดเก้าอี้วีไอพีให้ได้ชมแบบชิดติดจอกันไปเลย ฮ่าๆ ว่าแต่หมอพิตต์นี่น่าตีจริงๆ ทำไมไม่ปกป้องเมี- แค่กๆ โทษค่ะมือลั่น ปกป้องเพื่อนละคะ ปล่อยให้ห่านมาจิกกรได้ยังไง หึหึ เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวมีเปลี่ยนพระเอก!! ฮึ่ม!!!!!*
#คลินิกมารักษ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2018 16:03:35 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รู้ใจตัวเองไวๆนะ..กร  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ที่ไม่มีอารมณ์กับไหม
เพราะลึกๆแล้ว
มีคนอื่นอยู่ในใจแล้วนะซิ
ใช่มั้ยกร

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คุณหมอพิตดูท่าจะแซ่บนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องโอบโดนพี่่เสือจับกิงงง แง น่ารัก :pig2:
ชอบปมเรื่องพี่วินกับน้องสองมากเลยค่ะ ดูผ่านอะไรกันมาเยอะดี มีความอดทน55555 แต่ขอโทษนะคะ มันอดไม่ได้ที่ตอนอ่านชื่อพี่วินแล้ว ภาพชายใส่เสื้อสีส้มขี่มอไซลอยเข้ามาเลยค่ะ คิดภาพคุณหมอใส่เสื้อกาวน์ไม่ออกเลย 555 :hao7:
ขอชมไรท์แมวอีกนิดนะคะ ตอนที่ไรท์ทอล์คบอกว่าไม่เคยมีฟามรัก โหยย ไม่อยากจะเชื่ออ่า ขนาดไม่เคยมียังถ่ายทอดความรู้สึกมาได้ขนาดนี้ เยี่ยมจริงๆค่ะ รอติดตามเรื่องต่อๆไปน้าาา  :impress2:

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพิ่งมาอ่านกรกับหมอพิตวันนี้ค่ะ ไรท์แมวววว รีบมาต่อเด้อ กรีดร้อง :z3:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“กู....กูก็ไม่รู้”

   ไอพิตต์ค่อยๆจับใบหน้าของผมให้หันไปหามันช้าๆ สายตาสอดประสานบอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างจนหมด ผมเผลอวูบไหวไปกับบางสิ่งที่ปรากฏออกมาทางสายตา ครั้นจะหันหน้าหนีก็ดันติดอยู่ที่มือหนาที่ยังคงกอบกุมแก้มของผมเอาไว้ ยคดใบหน้าไม่ให้หันไปไหนได้

“แต่กูรักมึงนะกร........รักมาตลอด”

“..!!!” กล้าพูดเลยว่าอึ้ง ตาผมคงโตจนเรียกได้ว่าช็อคแล้วครับตอนนี้ แปลกใจที่มันพูดออกมาตรงๆ เพราะน้อยคนที่จะกล้าพูดออหมาแบบมัน ก็นะ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยไหนจะเรื่อยงที่เราเป็นเพื่อนกันอีก

“กูรู้ว่ามึงคิดอะไร” มันถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“แต่กูไม่สนหรอกนะ.....ว่ามึงจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

     มันไม่แคร์ แต่สังคมล่ะ?? คนภายนอกจะคิดยังไง

“มึงเองก็ไม่ควรแคร์ใคร.....มากกว่ากู!” ผมชะงักเผลอสบตาคู่นั้นที่เปิดเผยความในใจจนหมดสิ้น

“เหมือนที่กูไม่เคยจะแคร์ใคร.....มากกว่ามึงเช่นกัน”

ผมกำลังเบลอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเพราะแววตาคู่นั้น หรือน้ำเสียงอ่อนโยนที่เปล่งออกมานั้น หรือคำพูดที่บอกว่าตัวผมสำคัญจนขนาดที่ผมไม่เคยได้มันจากใคร ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากของมันกดจูบลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา ไล่ต่ำลงมายังแก้มทั้งสองข้างก่อนจะประกบลงที่ปากของผมบางเบาๆ เอวของผมถูกอ้อมแขนแข็งแรงกระชับเข้าหาจนแนบชิดกับตัวมัน มันทั้งร้อน ทั้งหวาน มันละมุนจนผมรู้สึกว่ากำลังล่องลอยไปในอากาศ

“อย่า.....” ผมร้องห้ามไอพิตต์ด้วยเสียงที่สั่นเจือไปด้วยอารมณ์ปราถนา แต่ที่สุดก็ต้องห้ามใจไว้ แม้ว่ามันจะเย้ายวนแค่ไหนมันก็ผิด

“ทำไม...” อีกคนถามผมอย่างไม่เข้าใจทั้งๆที่แววตาฉ่ำไปด้วยไฟสวาท

“มันไม่ถูก......เราต้องหยุด” ผมดันร่างใหญ่โตที่ไม่มีทีท่าจะถอยไปไหนออกก่อนที่กลิ่นกายและความหอมหวานเมื่อครู่จะมาทำลายสติอันน้อยนิดที่มีอยู่

“ทำไมถึงห้ามกู”

น้ำเสียงอ่อนแรงของไอพิตต์กรีดลึกลงบรหัวใจของผมอย่างแรง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่เหลืออากาศจะหายใจ แต่ผมก็ต้องอดทนไว้ เพราะการที่ผมมาที่นี่มันก็เพื่อใบรับรองที่จะทำให้ครอบครัวของแฟนไหมเขายอมรับ ทำให้เด็กตาดำๆที่กำลังจะลืมตามาดูโลกนี้ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์ ผมจะมาคิดเรื่องของตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่เวบาที่ผมควรจะคิดเรื่องแบบนี้

    ท่องเอาไว้สิกร มึงทำเพื่อไหมและหลาน

“พิตต์ กูขอร้อง กูต้องการใบรับรองจากมึงจริงๆ” ไอพิตต์มองหน้าผมอย่างชั่งใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นมองผมด้วยแววตาว่างเปล่า

“แล้วถ้ากูไม่ให้ล่ะ??” ผมกัดปากแน่น มันจะโยกโย้เพื่ออะไรวะ

“กู.......ก็คงต้องไปที่อื่น” ที่อื่นที่ต้องอับอายแบกหน้าไปรักษาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ผมไม่โทษมันหรอกนะ แม้มันจะไม่ช่วยผมก็ตามที

“หึหึ ตลกนะกร มึงคิดว่าเดินเข้ามาถึงถิ่นกูแบบนี้แล้วมึงจะได้ออกไปเหรอ?” จู่ๆวงแขนกว้างของไอพิตต์ก็รวบตัวผมเข้าไปหาจนได้กลิ่นหอมที่ติดเสื้อมัน

“เฮ้ย.....ปล่อย เล่นบ้าอะไรของมึงเนี่ย!” ผมพยายามดันตัวออกแต่ไร้ผล เพราะแรงที่ผมมีเทียบไม่ได้เลยกับร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงนั่น

“ต่อให้มึงเดินออกไปได้ หใอที่ได้ชื่อว่าเก่งอย่างกู จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับมึงทุกอย่างโดยที่กูจะระบุไว้ ไม่มห้ใครได้รักษามึง แล้วมึงคิดว่าตัวเองจะทำยังไงล่ะ หืม....” ผมเบิกตากว้างกับคำพูดของมัน นี่จงใจให้ผมอับสิ้นหนทางเลยเหรอ ยิ่งฟังยิ่งโมโห จนผมต้องทุบลงไปบนแผ่นอกนั่นแรงๆอยู่หลายทีเพื่อระบายอารมณ์

“ไอเหี้ย!!!”

“หึ.....ก็เหี้ยไง!! จะดีไปทำไมวะ มึงไม่เคยรักกูอยู่แล้วนี่ เป็นห่วงจังเลยนะ ไหมน่ะ ทั้งๆที่ท้องกับใครก็ไม่รู้แท้ๆ แต่มึงกลับต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างกับเป็นพ่อของเด็ก..”

เพี๊ยะ!!!!

มันเกินไปแล้วนะ ทันทีที่มันพูดดูถูกไหม ด้วยอารมณ์ที่ผมคุบไม่ได้ทำให้เผลอใช้ฝ่ามือตบเข้าที่แก้มของมันอย่างแรง จนเกิดรอยแดงขึ้รอย่างชัดเจน ไอพิตต์หันมามองหน้าผมด้วยแววตาวาวโรจน์ สองมือบีบต้นแขนของผมอย่างแรงจนผมต้องนิ่วหน้า

“เจ็บ!! ไอพิตต์กูเจ็บ!!!”

“ตบกู? คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้ ไม่อยากได้เหรอใบรับรอง หรือจะปล่อยให้ไหมท้องไม่มีพ่อล่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันถูกส่งมาถากถางให้ผมต้องเจ็บ รู้ดีว่ามันโกรธ แต่ผมเองก็โกรธมันเช่นกันที่มาดูถูกผู้หญิง

“มึงมันปากหมาเอง!! ไม่ใช่ความผิดกูเสียหน่อย!”

“ดี......ถ้าอย่างนั้น” ไอพิตต์ปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากแขนของผม โดยที่ตัวเองเดินกลับไปที่โต๊ะ มันเปิดลิ้นชักหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนอะไรสักอย่างลงไป ผมได้แค่นั่งมองนิ่งๆ ลูบแขนตัวเองปอยๆ เจ็บชะมัด แรงมันเยอะจนผมคิดว่าเนื้อคงช้ำแล้วแน่ๆ ไม่เคยเห็นมันโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา

“นี่......ใบรับรองของมึง”

ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดเมื่อไอพิตต์ที่อยู่ในเสื้อกาวน์ยื่นกระดาษมาตรงหน้าผม

“ใบรับรองนี่....” ไม่อยากเชื่อว่ามันจะให้ผมจริงๆ ผมเอื้อมมือหวังจะหยิบมาอ่าน แต่กลับถูกไอบ้านั่นดึงหนี อะไรของมันวะเนี่ย!!!!

“อ๊ะๆ ให้ง่ายๆก็ไม่ใช่กูสิ”

“อะไรของมึงวะพิตต์!!! มึงก็รู้ว่ากูต้องใช้!!” หงุดหงิด มันจะอะไรนักหนาก็รู้

“ถ้าอยากได้จริงๆ......”

“....??”

“คืนนี้.........ไปหากูที่คอนโดสิ”

“..!!!” ไปไหนนะ คอนโดมัน เอ่อ ผมรู้สึกเหมือนว่า ไม่ควรจะไปยังไงไม่รู้สิครับ ดูจากหน้าตาที่แสดงออกมาของมัน เหมือนจะมีแผนร้าย แต่ว่า........ไหมต้องการสิ่งนั้น

“ถ้ามึงกล้ามา......กูจะให้ไอนี่กับมึง แต่ถ้าคืนนี้ตอนสามทุ่มกูไม่เห็นมึงล่ะก็........กูจะเผามันทิ้ง!!”

ผม ผมควรทำไงดี บางอ่างกำลังร้องเตือนไม่ให้ผมไป แต่ไหม แต่ว่าไหมจำเป็นต้องมีสิ่งนั้นในการยืนยันเพื่อจะได้แต่งงานสร้างครอบครัว ผมควรทำไง ผมควรจะไปไหน หรือผมควรไปรักษาที่อื่น ไม่สิ.....ไอพิตต์ไม่มีทางปล่อยให้ผมไปรักษาที่อื่นแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีทางเลือก

“ที่ไหน......”

“หือ”

“คอนโดมึงอยู่ที่ไหน......”
                 





           เพราะความโง่เขลาหรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมเดินมาอยู่หน้าห้องของผู้ชายที่ผมเรียกว่าเพื่อน ข้อเสนอที่มันยื่นให้ แม้ตอนนั้นผมจะตอบตกลงไป แต่พอมานั่งคิดนอนคิดที่บ้าน กลับอยากยกเลิกขึ้นมาเสียนี่ พอสมองคิดเรื่องข้อเสนอแต่จู่ๆในหัวกลับหันเหไม่นึกถึงใบหน้าหล่อๆของไอพิตต์ ทำเสียงทุ้มที่นุ่นหู....ที่มันคอยกระซิบ คอยพูดอยู่ใกล้ๆ นึกถึงลมหายใจและจูบหวานๆ บ้าไปแล้ว!!! ผมว่าตัวเองนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว!!!! ทำไมต้องหน้าแดงกับอีแค่จูบของมัน แค่รอยยิ้มของมัน ไม่ๆๆ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องนี้.....มันไม่ควรเกิดขึ้น

“มาแล้วเหรอ” ประตูถูกเปิดออกปรากฏร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์แต่ส่วนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นและซิกแพคที่บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมทึ่งกับความสวยงามของกล้ามเนื้อพวกนั้นไม่ได้ มันสวยจนอดไม่ได้ที่ตะก้มมองตัวเอง เหอะๆ ผมไม่แปลกใจเลยที่สาวๆในมหา’ลัยจะหลงไหลในตัวมันแทนที่จะเป็นผม ก็มีแค่หุ่นบางๆจะไปสู้อะไรกับกล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆแบบนั้น อิจฉาโว้ย!!!!!

“หึ....ชอบ?” ผมสะดุ้งกับคำถามบ้าๆที่ออกมาจากปากมัน

“พ่อมึงดิ” ผมชะเง้อคอมองหาสิ่งที่มันบอกจะให้ ในเมื่อผมทำตามข้อเสนอของมันแล้ว

“ไหนใบรับรองล่ะ กูก็มาที่นี่แล้ว”

“หึหึ รีบร้อนจริงนะ เข้ามาข้างในก่อนสิ” มันเปิดทางราวกับเป็นการเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าไป

“มึงบอกให้กูมา กูก็มาแล้ว กู....แค่ต้องการใบรับรอง เท่านั้น” ผมแค่อยากกลับบ้านไปเร็วๆ ก่อนที่......หัวใจจะวายตายซะก่อน

“แค่เข้ามามันจะอะไรวะกร ห้องกูแท้ๆ มึงกลัวอะไรของมึง”

      กูกลัวมึงนั่นล่ะ ไอหมอหื่น!!

“กูไม่ได้กลัว!!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ขามันก็สั่นไปแล้ว

“ไม่ได้กลัวก็เข้ามาดิ เอ้า.....เข้ามา!!” ผมกัดปากอย่างขัดใจ มันกดดันผมจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ทางเลือกของผมมีแค่เดินเข้าไปทั้งที่รู้ว่าไม่ควรหรือจะกลับไปทั้งที่ไม่ได้อะไรเลย เจ็บใจนัก มันเล่นงานผมจากจุดอ่อนจนได้สิน่า ไอเพื่อนเลว

“ก็แค่นั้น”

ปัง!!

สะดุ้งสิครับ ปิดดังขนาดนั้น ไอพิตต์หัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทีของผมที่ตกใจจนหน้าซีด ส่วนผมได้แค่ยืนนิ่งเอ๋อๆอยู่กลางห้องไม่กล้าขยับตัวไปไหนมากนัก วางตัวไม่ถูกกับบรรยากาศแบบนี้ ทำไมในห้องถึงได้ให้ความรู้สึกชวนสยิววะ ขนแขนผมแทบจะลุกขึ้นมาเต้นดิสโก้อยู่แล้ว ไอพิตต์ก็ช่างเป็นเจ้าบ้านที่ดีเหลือเกิน.....ไม่มีการเชิญไปนงไปนั่งปล่อยผมยืนแกว่ง.......ขาเล่นอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเองก็ยกเบียร์ขึ้นมาจิบอยู่ตรงโซฟาพร้อมกับดูทีวีไปด้วย

นี่กูมาทำอะไรวะ????

10นาทีผ่านไป......

“ยิงเข้าไปเลย!!! ปัดโธ่เว้ย!!!!” เสียงโวยวายของผู้ชายที่นั่งโมโหแดกเบียร์อยู่หน้าทีวีที่เพิ่งถ่ายทอดบอลคู่สำคัญไป(สำคัญกว่าผมอีก!!) ผมได้แต่มองอยู่เฉยๆ มองมันที่หงุดหงิดใส่อารมณ์เมื่อนักเตะเล่นไม่ถูกใจ ครับ สินนาทีผมก็ยังยืนที่เดิม มีความเมื่อยเพิ่มมาหน่อย

ทำไมผมไม่ไปนั่ง?? หึ......ตอบได้เลย กลัวโดตตีนมันครับ

ก็ไอบ้านั่นเล่นโมโหแล้วฟาดงวงฟาดงาสะเปะสะปะมั่วไปหมด เกิดมันโมโหจัดแล้วเจอผมอยู่ใกล้ๆ แทงเข่าใส่ผมขึ้นมามีหวังตายก่อนได้เห็นหน้าหลานในท้องของใยไหมแน่ ไม่อ่ะผมไม่กล้าเสี่ยงตายแบบนั้นหรอก ผมแค่อยากได้ใบรับรองเพื่อไหมแค่นั้นเอง


40นาทีผ่านไป........

“สัสแม่ง!! เล่นยังไงของมันวะ”

ยืนรอแล้วรอเล่า เหมือนถูกเรียกมาเพื่อดูมันทะเลาะกับบอลในทีวีเหรอ ผมเองก็ชั่งใจ ยืนอยู่นานๆก็เมื่อยนะ ในเมื่อตอนนี้มันเองก็กำลังเผลอ คงไม่ผิดที่ผมจะเดินเข้าไปหาในสิ่งที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ตรวนี้ ถูกไหมครับ เพราะงั้น ผมจึงมองจนแน่ใจว่าตัวมันจดจ่ออยู่กับผลบอลไม่สนใจการขยับตัวเพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย

อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว

ทันทีที่มือของผมสัมผัสกับความเย็นของลูกบิดประตูก็ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่วายที่จะมองไปหาเจ้าของห้องที่ยังคงไม่สนใจสิ่งรอบข้างนิกจากบอลในทีวี

 ดีแล้ว อย่าเพิ่งหันมาสนใจกูเลย

ผมค่อยๆเปิดประตูห้องออกอย่างเบามือ พยายามให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลั้นหายใจจนอึดอันเมื่อต้องใช้สมาธิกับการบิดประตูในครั้งนี้ เพียงแค่ประตูเปิดออกผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผมมองเข้าไปภายในห้องที่มีเตียงนอนขนาดใหญ่และตู้เสื้อผ้า ห้องมันดูเรียบๆ ไม่มีของมากมายนัก ผิดวิสัยของหนุ่มโสดนะครับ สะอาดสะอ้านขนาดนี้ หรือมันจะมีแฟน เพียงแค่คิด หัวใจก็บีบรัดจนเจ็บไปหมด แค่คิดว่ามีคนเข้ามาในห้องนี้ มีคนมาใช้เตียงตรงหน้านี้ มันก็ทำให้ผมต้องจิกมือลงกับกางเกงตัวเอง กัดปากด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ไม่ได้!! ผมมาที่นี่เพื่อสิ่งเดียว!!

อา...ในที่สุดผมก็เจอมัน เอกสารการรับรองผลของผม มันวางอยู่บนโต๊ะด้านในสุด นั่นหมายถึงผมต้องเดินเข้าไป ใจผมไม่อยากเข้าไปเลย เพราะไม่รู้ว่าไอพิตต์มันจะหันมาเจอตอนไหน กลัวความผิดที่ลอบเข้ามาในห้องนอนของมัน แต่เพื่อไหม เพื่อหลานชายที่กำลังจะเกิดมา ผมต้องทำ!!



  >>>>>>>>>>มีต่อค่า<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
        >>>>>>>>>>ต่อนะค๊า<<<<<<<<<

   ผมตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปยังจุดหมายที่มีกระดาษสีขาววางเอาไว้ แค่อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น อีกไม่กี่ก้าว ผมก็จะสามารถไปถึงมัน อีกไม่กี่ก้าว ชีวิตของไหมก็จะมีความสุข อีกแค่ไม่กี่ก้าวแท้ๆ แต่มันกลับ.....

ปัง!!! 

“มึงเข้ามาทำอะไร”

เฮือก!!!

“พะ พิตต์” ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูที่มันจงใจปิดจนเกิดเสียงดังและใช้สายตาคมกริบมองมาที่ผม

“มึงเข้ามา......ทำอะไรในห้องนอนกูครับ กร” จะตอบยังไงดี ผมกลัวว่ามันจะเผาเอกสารนี้ทิ้ง เอาวะ ตายเป็นตาย ผมยอมทั้งนั้น เพราะคิดได้แบบนั้นผมจึงหันไปคว้าเอกสารมาถือเอาไว้ อย่างน้อย ถ้ามันอยู่ในมือผม มันก็ปลอดภัยกว่า และผมก็ไม่ต้องกลัวข้อต่อรองใดๆจากมันอีก

“กูต้องใช้......มึงต้องเข้าใจกูนะพิตต์” ผมกอดเอาไว้แน่น กลัวมันจะมาแย่งไปเหลือเกิน รู้ว่าไม่ควรมาหยิบไปเอง แต่ให้ผมรอมันเอามาให้ คงเสียเวลาไปอีกมาก

“แล้วยังไง”

“หะ??” ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้ามันไร้ซึ่งความโกรธ มีเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม

“แล้วมึงจะทำไง.....มึงจะกอดเอกสารเอาไว้ แล้วหายตัวออกจากห้องกูได้เหรอ” ไอพิตต์ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาผมอย่างช้า จนตัวผมเองเผลอถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว

“มะ มึง...”

“มึงจะออกไปยังไงวะกร..”

    ตึง!!!

“อ๊ะ...”

“ถ้าถูกกูขังเอาไว้แบบนี้ ไม่ยอมให้มึงออกไปไหน มึงจะเอาเอกสารที่สำคัญนักหนาของมึงออกไปยังไง” ไอพิตต์ใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวผมเอาไว้จนหลังชนผนัง กลัวหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตัวสั่นไปแล้วอย่าไม่มีสาเหตุ

“มึง....ทำแบบนั้นไม่ได้นะ มึงก็รู่ว่ามันสำคัญกับ...”

“กับไหม....”

“......” ผมพยักหน้าตอบหลบสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดออกมาจากสายตาคู่นั้น

“หึ....กูเคยทำพลาดที่เลือกไม่พูดคำว่ารักตอนมีโอกาส”

“อะ ไอพิตต์”

“กูเคยพลาดที่ยอมปล่อยให้มึงไปแต่งงานกับไหม ทั้งๆที่กูควรเห็นแก่ตัว แล้วเก็บมึงเอาไว้กับตัว”

“อึก..”

“แต่เมื่อวันนี้ กูมีโอกาสนั้นอีกครั้ง กูจะไม่ยอมเสียมันไป” มันมองผมด้วยแววตาจริงจังจนผมแทบจะลืมหายใจ

“มึง......หมายความว่าไง” ผมเกือบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ มึนงงกับคำบอกรักและทุกอย่างที่ออกมาจากใจมัน

“หมายความว่า......ต่อให้ใครจะเป็นจะตายยังไง กูก็ไม่ยอมให้มึงไปไหนอีกแล้ว”

“มึง อ๊ะ เดี๋ยว!!”

   ตุบ!!

  ร่างผมถูกมือใหญ่ของไอพิตต์เหวี่ยงไปอยู่บนเตียงกว้างจนทำเอาผมจุกลุกแทบไม่ขึ้น ความอึ้งบวกกับอาการทางกายภาพมีผลต่อการเคลื่อนไหว นั่นทำให้ไอพิตต์มีโอกาสขึ้นคล่อมทับตัวผมไว้แทบจะทันที ผมพยายามจะดันตัวมันออก อยากจะถีบมันด้วยซ้ำไปแต่ติดที่มันทับผมอยู่ มีแค่มือสองข้างเท่านั้นที่ยังพอจะใช้งานได้

“พิตต์ ปล่อยกู อย่าทำแบบนี้” ไอพิตต์ลูบไล้แก้มของผมอย่างแผ่วเบา

“อย่าโกรธกูเลยนะ กูรักมึงมากนะกร กูรักมึงมาตลอด อย่าไปจากกูอีกเลยนะ”

ใจผมสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่สั่นราวกับจะร้องไห้และแววตาที่อ้อนวอนขอร้องให้ผมตอบรับความรู้สึกที่มันมีให้ มือของผมที่ดันอกแกร่งอยู่เกิดชะงัก สติเลื่อนลอยหายไปจนไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกคนจับขึ้นมาแนบแก้มของมันก่อนที่จะเลื่อนมาจนถูกมันกดจูบใส่ฝ่ามืออย่างแผ่วเบา

“รักกูเถอะ รักกูได้ไหม ให้กูได้ดูแลมึงไปตลอดทั้งชีวิตเถอะ กูอยากอยู่กับมึง”

จุ้บ จุ้บ

ผิวแก้มของผมร้อนผ่าวกับการกระทำที่มันแสดงออกมา ยิ่งฝ่ามือของผมสัมผัสกับริมฝีปากของมันมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้หัวใจกระหน่ำเต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ ผมรู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น รู้ว่าผมคงหนีมันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเลือกจะกักขังผมเอาไว้ แต่เป็นเพราะลึกๆแล้ว ในใจผมเองก็อาจจะรักมันมาโดยตลอดก็เป็นได้ เพราะว่าถ้าลองมาเรียบเรียงความรู้สึกที่ได้เจอมันอีกครั้งจนถึงตอนนี้ หัวใจผมเองก็เต้นเพราะมันมาไม่รู้กี่ครั้ง มันบ่อยเกินกว่าที่จะดีใจหรือตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนด้วยซ้ำไป ถ้าผมไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ก็คงเป็นโรคหลงรักคนตรงหน้านี้มากกว่า

“เป็นแฟนกับกูนะ.....กร” แววตาอ่อนโยนกับน้ำเสียงนุ่มๆพาผมให้เคลิบเคลิ้มไปราวกับติดอยู่ในฝันจนผมเผลอยิ้มออกมา

“มึงก็รู้ว่ากู.......เป็นอะไร กูไม่ตอบสนองกับใครแบบนี้ มึงไม่อายเหรอพิตต์”

“กูต้องอายด้วยเหรอ......คนพวกนั้นอยากจะพูดอะไรก็ให้มันพูดไปสิ กูเป็นหมอ ยังไงกูก็รักษามึงได้อยู่แล้ว”

ไอพิตต์ก้มหน้าลงมาหาผมจนหน้าผากของเราทั้งสองคนติดกันรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน มันยิ้มหวานราวกับว่าสิ่งที่ผมกังวลมันไม่เคยเก็บมาคิดเก็บมาใส่ใจ ความอ่อนหวานและความอ่อนโยนที่ถูกมันมอบให้เล่นเอาใจผมอ่อนยวบ ร่างกายแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง ทำได้แค่แหงนหน้ารอรับริมฝีปากของคนตรงหน้าที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ รอคอยความหวานหยดย้อยจากจูบที่ตราตรึงใจ จากสัมผัสแผ่วเบาราวปัดผ่านก็ค่อยๆหนักหน่วงเพิ่มแรงปรารถนามากขึ้นจนเราทั้งคู่ปลดปล่อยเสียงครางออกมา

    ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยิ่งกระหาย

 จากความหวานล้ำก็กลายเป็นความร้อนแรงที่แผดเผาเราทั้งคู่ มือของไอพิตต์รวบแขนผมทั้งสองข้างไปโอบรอบคอของมันไว้ ทั้งๆที่เราทั้งคู่ยังคงมัวเมาในรสจูบของกันและกัน ผมตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามากวาดต้อนจนผมหัวอื้อตาลาย หัวใจเต้นระรัวจนกลัวจะระเบิด อดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าตอนผมจูบกับไหม ไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้

เสื้อบนตัวถูกถอดออกตอนไหนไม่รู้....เพราะตอนนี้ผมเปลือยเปล่าเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวน้อยที่ยังคงปกปิดตัวตนของผมเอาไว้ พิตต์ค่อยๆลูบไล้ไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าซุกไซร้ไปตามแอ่งชีพจรอย่างช่ำชอง ยอดเล็กตรงอกถูกนิ้วมือของมันสะกิดเล่นจนผมเสียววาบ

“อ๊ะ อื้อ”

ยิ่งได้ยินเสียงครางไอพิตต์ยิ่งชอบใจ จากปลายนิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยปลายลิ้นสากที่สัมผัสตุ่มไตอย่างหยอกล้อ ผมได้แต่หันหน้าไปอีกทางไม่กล้ามองภาพตรงหน้าที่มันช่างชวนให้เกิดอาการแปลกๆ ไอพิตต์ดูดดึงยอดเล็กจนสนุกปาก ทั้งเลียทั้งขบเม้นจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง ความอายทำให้ผมยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ อับอายกับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคนที้คยเรียกว่าเพื่อน แต่ความรู้สึกลึกๆมันกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าพึงพอใจกับสัมผัสที่มันมอบให้ไม่น้อย

“อย่าปิด......ให้กูได้เห็นหน้ามึง ได้ฟังเสียงมึงเถอะ”

“อ๊ะ มึง....อื้ออ”

ผมถูกมันจับมือที่ปิดหน้าเอาไว้ออก สายตาสบเข้ากับสีหน้าเร้าอารมณ์ของมันจนหน้าแดงซ่าน เสียงลมหายใจที่ดังออกมาจากปากมันยิ่งทำให้รู้ถึงความปราถนาที่พุ่งสูงจนไม่อาจจะหนุดได้ง่ายๆ ต้นขาผมสัมผัสถึงความตื่นตัวที่อยู่ใต้กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวนั้น ยิ่งมันขยับตัวร่างของเรายิ่งเสียดสีกัน ร่างกายผมร้อนไปทั่วทุกจุดที่ริมฝีปากร้อนๆของไอพิตต์ลากผ่าน เสียวซ่านแต่ก็ทำได้เพียงบิดเร่ากายอยู่ใต้ร่างของมัน

“อ๊ะ อ๊า!”

ตัวตนของผมถูกปากร้อนครอบครองจนเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างลืมอาย บิดกายไปมาทั้งที่มือของผมได้แต่จิกผมสีดำของมันจนแน่น ยิ่งปากร้อนๆนั่นดูดจนลึกมากเท่าไหร่ มือของผมก็ยิ่งกดหัวของมันมากเท่านั้น  ไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายผมจะตอบสนองต่อสัมผัสของมันขนาดนี้ สิ่งที่ไม่เคยแข็งตัวยามอยู่ต่อหน้าคนเป็นเมียอย่างไหม กลับตั้งตระหง่านอยู่ในปากร้อนๆของไอพิตต์อย่างง่ายดาย
 
อยากได้มากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้เหลือเกิน
เสียงเรียกร้องจากภายในจิตใจทำให้ผมลืมตัวยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ได้เผลอตัวดึงมันขึ้นมาประกบจูบแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อนจนเรียก

เสียงครางจากไอพิตต์ได้อย่างดี ไอพิตต์ค่อยๆดึงกางเกงตัวเองออก มือมันเอื้อมไปหยิบบางอย่างใต้หมอน ก่อนจะส่งปลายนิ้วเข้ามายังช่องทางเล็กๆด้านหลังของผม ไม่เคยรู้เลยว่ามันเตรียมพร้อมขนาดที่มีเจลหล่อลื่นอยู่ใต้หมอนแบบนี้

อึดอัด นั่นคือคสามคู้สึกแรกที่ปลายนิ้วถูกส่งเข้ามา มันทั้งแน่นทั้งจุกจนผมต้องรัดนิ้วของไอพิตต์จนแน่น มันเป็นไปตามธรรมชาติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาภายในพื้นที่ต้องห้าม

“กร.....อย่าเกร็ง กูต้องเตรียมมึงให้พร้อม”

“มัน....อื้อ.....จุก”

ไอพิตต์ก้มลงดูดเลียตุ่มไตเล็กๆเพื่อให้ผมได้คลายตัวจากความเกร็งที่เป็นอยู่ สัมผัสร้อนๆจากลิ้นสากเล่นเอาผมหลงลืมทุกอย่าง แอ่นอกรับลิ้นที่ไล่วนอยู่กับเม็ดบัวสีชมพูอ่อนของผมที่อบัดนี้ถูกดูดจนเป็นสีแดงช้ำ ช่องทางด้านหลังคลายตัวลงจนไอพิตต์เริ่มขยับนิ้วเข้าออกได้โดยง่าย ความอึดอัดจากคราแรกค่อยๆหายไป หลงเหลือเพียงแค่ความร้อนรุ่มจากปลายนิ้วเท่านั้น

“อะ อื้อ”

ปากถูกบดจูบจากปากหนา ช่องทางถูกรุกรานจากปลายนิ้ว อารมณ์ปราถนาถูกกระตุ้นจนผมรู้สึกราวกับลอยละล่องขึ้นไปจนสูงเสียดฟ้า ไอพิตต์เริ่มสอดแทรกปลายนิ้วเข้ามาเพิ่งจนเป็นสอง ความอึดอัดจึงเพิ่มขึ้นจนรับรู้ได้ แต่ก็ไม่เท่าความเสียวซ่านที่ผมได้รับมันจึงกลายเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่อยู่นอกเหนือตวามสนใจ ยิ่งปลายนิ้วถูกดึงเข้าออกมากเท่าไหร่ สะโพกผมก็ขยับตอบรับตามอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่มันจะดึงปลายนิ้วออกจนผมรู้สึกโหวงทางช่องรักที่ถูกเบิกให้อ้ากว้างกว่าปกติ

“ทำให้กูบ้างสิ”

“เดะ เดี๋ยว อู้!!”

ไม่ทันได้ปฏิเสธใดๆก็ถูกความใกญ่โตที่ยาวจนแทบจะทะลุลำคอยัดเข้ามาในปาก กลิ่นคาวของเจ้าสิ่งนั้นมันทำให้ผมเวียนหัวแต่ความหวานปะแล่มที่แตะปลายลิ้นกลับทำให้ผมอยากลิ้มชิมรส ผมขยับหัวมองดูสิ่งนั้นค่อยๆเข้าออกภายในปากอย่างช้าๆเนิบๆ ไม่เร่งเร้ามากมาย

“ซี๊ด อา กร....มึงเก่ง”

คำชมจากปากหนาที่คอยแหงนหน้าขึ้นร้องซี๊ดทำให้ผมหยามใจ พยานามกลืนความใหญ่โตเข้าไปจนเกือบถึงลำคอแล้วดึงออก ใช้ปลายลิ้นเลียส่วนปลายที่เริ่มมีน้ำใสๆออกมาดูดชิมมันจนหมดแล้วครอบริมฝีปากลงไปจนสุดอีกครั้ง

“อื้อ อื้อ” ประท้วงเมื่อถูกอีกคนจับขาให้ขึ้นไปหันก้นให้มัน จะเล่นท่านี้เลยเหรอ!!

สุดท้ายผมก็ถูกจัดท่าทางจนได้ตามที่มันต้องการ ผมอายจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับขามัน เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็อยู่ในสายตามันหมด ทั้งตัวตนที่ตื่นตัวและจีบรักสีชมพูที่อ้าเปิดจากการถูกมันกระตุ้นเมื่อครู่ ผมยังคงทำหน้าที่ดูดเลียแท่งไอติมหวานๆอย่างดี จนตอนนี้มันพองคับปากไปหมด
 
“อ๊า ไอพิตต์ อย่า!!!”

  แผล่บ จุ้บ

   ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะทำให้ผมขนาดนี้ ไอหมอบ้านั่นมันใช้ปลายลิ้นเสียที่ช่องเล็กๆของผมสอดปลายลิ้นเข้าออกราวกับมมันคือปลายนิ้วเมื่อก่อนหน้านี้ ขาผมสั่น ตัวผมอ่อนไปหมดได้แต่ทิ้งหน้าและแผ่นอกลงกับหน้าท้องแกร่งของมัน เสียงหอบและเสียงครวญครางดังออกมาจากผมไม่ขาดปาก ยิ่งเมื่อมันใช้ปลายนิ้วเข้ามาสำรวจยิ่งร้อนวูบไปหมด ทำได้เพียงขมิบตอดรัดอย่างพอใจ สติผมหายไปหมด ในหัวมันขาวโพลน แต่ความร้อนจากแท่งรักของไอพิตต์ที่อยู่ตรงหน้ามันล่อตาล่อใจจนผมต้องกลืนกินอีกครั้ง

   ยิ่งไอพิตต์ขยับปลายนิ้วเร็วมากเท่าไหร่ จังหวะการเข้าออกของแท่งรักในปากผมก็เร็วเท่านั้น จนผมได้ยินเสียงครางแผ่วในลำคอของไอพิตต์ที่บ่งบอกถึงความพอใจอย่างมาก ไอพิตต์ดันร่างผมให้นอนลงบนเตียงก่อนตัวมันจะทาบทับลงมา แขนทั้งสองข้างดันขาผมให้เปิดทางกว้างขึ้นจนเห็นปากทางสีสวย ไอพิตต์โน้มหน้ามากดจูบดูดดุนปลายลิ้นผมอย่างเมามันก่อนที่ช่องทางด้านหลังของผมจะถูกบางอย่างที่ใหญ่โตดันเข้ามา ผมเบิกตากว้าง หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างทั้งร่างของผมแทบจะแหลกสลาย ความเจ็บแล่นมาจุกอกจนร้ำตาใสๆไหลลงมา

"อื้อ!!!! อ่า!!! ฮึก ฮือ”

 เพราะริมฝีปากยังถูดคนตัวโตดูดดึงประกบและสอดแทรกปลายลิ้น จึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อย่างใจนึก มีเพียงเสียงร้องประท้วงที่ดังอู้อี้เท่านั้น มือหนาของไอพิตต์จับแก่นกายที่ชูชันเอาไว้ รูดรั้งมันเพื่อให้ผมได้รู้สึกดี ให้ได้ลืมความเจ็บปวดไปให้หมดสิ้น

  ผมดิ้นรนทั้งจิก ทั้งข่วนในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็ได้แต่จิกไหล่หนาของมันแทนเมื่อความเสียวซ่านจากมือหนาที่ชักนำอารมณ์หวาบหวามให้พัดมาอีกครั้ง สะโพกขอไอพิตต์กดเข้ามาช้าๆ ผมทำเพียงนิ่วหน้าเนื่องจากความเจ็บแสบเท่านั้น มันเองคงพอจะเข้าใจจึงได้หยุดและขยับมือกับแก่นกายผมไปด้วยแทน จนในที่สุดมันก็ถูกสอดเข้ามาจนสุด มันใหญ่และคับไปหมด ผมทั้งจุกและอึดอัดจนเผลอขมิบรัดความใหญ่โตไป

“ซี๊ดด กร อย่ารัด อา”

“พิตต์ มัน อื้อ มันแน่นไป”

แต่ไอเพื่อนตัวดีกลับไม่เคยจะฟัง มันยังคงขยับตัวออกช้าๆแล้วดันเข้ามาจนสุดอีกครั้งเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ผมรู้สึกได้ถึงความปราถนาที่จะไปให้สุดทางของมัน เพราะสีหน้าเว้าวอนร้องขอจากมันทำให้ผมไม่อจจะปฏิเสธได้ จึงได้แต่หันหน้าหนีไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธใดๆ ไอพิตต์ที่ราวกับจะเข้าใจก็ค่อยไขยับกายเข้าออกช้าๆพร้อมเสียงครางที่ดังลอดออกมาจากปากมันไม่หยุดหย่อน

“อา แน่น...ซี๊ด กร.....กรจ๋า”

  ผมกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งมันเรียกชื่อผมด้วยเสียงกระเส่ายิ่งทำให้อารมณ์พุ่งขึ้นจนไม่อาจจะหยุดได้ ผมหอบหายใจรอรับการกระแทกจากมันจนตัวโยน เตียงชนกับผนังจนดังลั่นกลับยังไม่ดังเท่าเสียงเนื้อที่กรัทบกันของเราสองคน

“อ๊ะ อ๊า”

  ผมถูกจับพลิกร่างให้หันหลังยกสะโพกขึ้นสูงทั้งที่ตัวตนของมันยังคงคาอยู่ในตัวผม ความเสียดสีมันจุกและแสบไปหใดก็จริง แต่ท่านี้กลับทำให้ผมแทบดิ้นพล่านกับความเสียวซ่านภายในช่องทางรัก ความใหญ่โตกระแทกเข้ามาจนชนกับบางอย่างที่ทำให้ผมแทบจะหลั่งออกมาทันที

“กร ซี๊ด โอ้ว รัดแน่นๆเลย อา”

พับๆ พับๆๆ

“พิตต์ อ๊าๆ พิตต์”

พูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกชื่อมันอยู่ตลอดเวลา ผมขมิบช่องทางตอดรัดมันตามคำเรียกร้องจนมันร้องครางลั่นห้องพร้อมกระแทกเข้ามาอย่างแรงและเร็วจนผมต้องจิกหมอนเพื่อระบายความเสียวซ่านออกมา

“อื้ม ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊า”

“ซี๊ด อย่าเพิ่ง อ๊า ไปพร้อมกู โอ้ว”

ไอพิตต์ดึงแขนผมขึ้นมาจนแผ่นหลังผมสัมผัสกับแผ่นอกของมัน แขนทั้งสองข้างกอดรัดตัวผมไว้ ริมฝีปากบดจูบแลกลิ้นจนเสียงดัง พร้อมกับการขยับตัวระรัวและถี่ แก่นกายของผมถูกมือหนากอบกุมรูดรั้งเพื่อให้ผมปลดปล่อยอารมณ์ ไอพิตต์ขยับกายเข้าออกสองสามครั้งก่อนที่ผมจะรับรู้ถึงความร่อนที่ถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย และผมที่กระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนที่นอน

“แฮ่กๆ อืม”

  เราสองคนล้มตัวลงนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ไอพิตต์จับหน้าผมให้หันไปรับจูบหวานๆอีกครั้ง ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่ตอบสนองต่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมาย มันเป็นเพราะ ตลอดมาผมไม่ได้รักไหมเลย ผมแค่หลอกตัวเองเท่านั้นเพื่อไม่ให้รู้สึกเกินเลยกับเพื่อนของผมคนนี้ เพราะตลอดมาผมรักมันเกินกว่าเพื่อน รักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครได้ ผมไม่ได้ป่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ มันก็แค่อาการของคนที่ไม่อยากมีเซ็กส์หากไม่ใช่คนรัก ทำไมผมถึงมารู้ตัวเอาตอนนี้กันนะ ทำไมเรื่องของเราถึงไม่จบลงสวยงามก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะแต่งงาน เพราะผมไม่ยอมรับความรู้สึก เพราะไอพิตต์ที่ไม่กล้าพูด หรือเพราะเราสองคนไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน เพราะเราสองคนกลัวจะเสียกันและกันไปกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ที่วันนี้ได้มีมัน ได้ยอมรับความรู้สึกที่มีให้มันอย่างเปิดเผย ผมไม่เคยรู้สึกโล่งขนาดนี้มาก่อนเลย

  ผมมองใบหน้าของมันด้วยรอยยิ้ม อดใช้มือลูบแก้มของมันเล่นไม่ได้ คนที่ผมรักตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เราสองคนต่างคนต่างก็ใจตรงกัน ต่างคนต่างก็รักกันมาตลอด นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง ไอพิตต์จับมือที่ลูบแก้มของมันเอาไว้ก่อนจะเลื่อนมาจรดริมฝีปากลงไป ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เราต้องพูดกันอีก เพราะแค่เราสองคนได้นอนมองหน้ากัน ได้มองสบตากันมันก็บอกได้ทั้งหมด ผมรักมัน และมันเองก็รักผม คนอื่นจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ แค่เราสองคนไม่หวั่นไหว ไม่สนใจเสียงครหาต่างนาๆก็เพียงพอแล้ว

“กูรักมึง” ไอพิตต์ยิ้มทั้งที่ในแววตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ

“กูดีใจ.....ที่มึงยอมพูดออกมา ดีใจที่กูได้มีมึงอีกครั้งในชีวิต” ปลายนิ้วของมันเกลี่ยแก้มของผม จนผมต่องจับเอาไว้แล้วสอดประสานปลายนิ้วแน่น

“กูจะไม่ไปไหน.....ถ้ามึงไม่ไล่กู” ไอพิตต์ส่ายหน้าช้าๆ กดจูบลงบนไรผมของผมเบาๆ

“ไม่มีวันนั้น......กูไม่มีวันไล่มึงไปกร มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน”

รอยยิ้มของคนที่เรารักมักทำให้อุ่นใจเสมอ แต่ผมกลับใจสั่นกับคำพูดที่ออกมาจากปากมัน น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยราวกับต้องการให้ผมมั่นใจจริงๆว่าสิ่งที่มันพูด จะเป็นไปตามนั้นไม่มีวันเปลี่ยน ผมพร้อมจะเชื่อ พร้อมจะลองใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับมัน พร้อมฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปพร้อมกัน ตลอดเวลาที่ไม่มีมัน อาจจะไม่ได้ทุกข์จนทรมาน แต่ก็ไม่เคยสุขจนล้นใจเหมือนในตอนนี้ รอยยิ้มของมันเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมผมเสมอมา แววตาที่คอยมองผมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมีตัวตนของผมเสมอ น้ำเสียงที่คอยเรียกชื่อผม เป็นสิ่งที่คอยบอกกับผมว่ายังคงมีมันอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ชีวิตผม......ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีมันคนเดียว........ก็พอ
       





“พิตต์!! ไอพิตต์ตื่น!!!” ผมเรียกมันจนคอแทบจะแตก แต่คนที่นอนหลับสบายอยู่ยนเตียงกลับไม่ยอมลุก ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย มันควรเป็นผมหรือเปล่าที่ต้องนอนซม แต่กลับเป็นผมอีกนั่นแหละที่ตื่นขึ้นมาก่อนมัน ต้องไปจัดการเอาน้ำรักที่มันปล่อยเอาไว้ในตัวออก ใครจะไปเชื่อว่ามันจะเล่นผมจนบวมขนาดนี้ จะเดินจะเหินทีลำบากต้องฝืนขนาดไหน แต่ไอตัวต้นเหตุกลับนอนหลับสบายไม่สนใจโลกเลยสักนิด

“ไอพิตต์โว๊ย!!!!!!!! ตื่น!!!!!!!!!!”

“ครับๆ!!!!” มันเด้งตัวขึ้นแทบจะทันทีที่ผมตะเบงเสียงใส่หูมัน มันมองผมงงๆก่อนจะขยี้หัวแรงๆเพื่อเรียกสติ หรือผมควรช่วยตบเพื่อเรียกสติมันด้วยดี??

“มึงจะนอนไปถึงไหนวะ นี่กี่โมงแล้ว” แหน่ะ มีหน้ามายิ้ม

“ก็เมื่อคืนกูเพิ่งมีความสุขนี่หว่า.....ก็อยากจะหลับนานๆบ้าง” ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“เหรอ.....อยากนอนนานๆเหรอ”

“ครับ...”

“งั้นกูกลับบ้านดีกว่า มึงจะได้นอนต่อ” พอผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง ไอคนตัวโตที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยก็ลุกพรวดมากอดผมเอาไว้แน่น หึหึ ไหนใครว่าอยากนอนนานๆ

“ไม่เอา กูไม่นอนแล้วก็ได้!!” ทีงี้ละมาเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา หันหน้าไปมองมันตรงๆ

“เชี้ย!!! ไอพิตต์ ไอหื่น!!!” เพิ่งผ่านมาเมื่อคืนนี้เอง มายืนตรงเคารพธงชาติเพื่ออะไรวะ

“ก็ตัวเมียหอมนี่ครับ ของกูมันก็ต้องตั้งสิ”

   อะ อะ ไอ้!!! ผมไม่รู้ว่าจะด่ามันว่าอะไรดี

“พอเลย วันนี้กูต้องไปหาไหม” ไอพิตต์หน้าตึง มองผมด้วยความไม่พอใจ

“ไปทำไม!!”

“มึงลืมไปแล้วเหรอวะ ว่ากูต้องเอาใบรับรองไปให้ไหม” มันหรี่ตามองก่อนจะยักไหล่ราวกับไม่สนใจ

“เหรอ.....วันนี้กูไม่ว่างด้วยสิ”

“อ้าว มึงไม่ว่างเหรอ” มันพยักหน้าให้ผมราวกับไม่ใส่ใจ

“ใช่ ไม่ว่าง”

“อ๋อเหรอ....”

“....”

“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกูบอกไหมว่ามึงไม่ว่าง รอมึงว่างค่อยไปหย่าก็ได้เนอะ”

 หมับ!!

“เมียจ๋า กูว๊างว่าง ว่างแล้วล่ะ ไปๆ ไปวันนี้แหละเนอะ” หนอย....ทีอย่างนี้ล่ะว่างขึ้นมานะ มันน่านักนี่

“งั้นก็ไปอาบน้ำดิ กูนัดไหมไว้ตอน10โมง”

“คร๊าบบบบบ!!”

  ไอพิตต์แทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พอเรื่องหย่าล่ะไวจริงๆ ผมล่ะอยากจะหัวเราะใส่มันเหลือเกิน แต่สุดท้ายมันก็ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและแต่งตัว ดีหน่อยที่มันเอายาทั้งหล่ยแหล่มาให้ผมกินกันไว้ก่อน มันบอกว่าครั้งแรกผมอาจจะป่วยได้ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่แสดงอาการก็ตามที ผมจึงยอมกินยาไม่อิดออดมากมาย ไม่อยากป่วยครับ ผมไม่ค่อยชอบ

ผมกับไหมตัดสินใจหย่ากันอย่างสันติ ไม่มีดราม่าใดๆ ทางครอบครัวฝ่ายชายเองก็มากับไหมด้วย พอเห็นเอกสารและเจอไอพิตต์ที่เป็นหมอยืนยันให้ทางนั้นเองก็ดูจะวางใจ ทุกอย่างมันเดินไปตามทางที่ควรจะเดิน เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น ผมเองก็อยู่กับไอพิตต์จนกว่าจะถึงวันที่มันไม่ต้องการผมแล้ว และอย่างที่มันบอกแหละครับ
         
             หึหึ..........ไม่มีวันนั้นแน่นอน



The End
[/size][/b]



      และแล้ว~ เขาก็กินกันค่าาาาาา เหมือนสะกิดใจว่า เฮ้ย!! มันแฮปปีเอนด์ไปหรือเปล่า หรือใครอยากได้แบดเอนด์บ้างหรือเปล่าจ่ะ แมวมาช้า แต่มาแน่นอนนะคะ ใกล้จะจบแล้วสินะ เดี๋ยวเราก็ใกล้จะต้องจากกันอีกแล้ว แมวจะสรรสร้างเรื่องราวสนุกๆให้ได้อ่านกันอีกแน่นอน แต่ต้องรอกันหน่อยน๊า ขอบคุณที่ติดตาม ติชม และกดเฟรบไว้นะคะ กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์เจ้าค่ะ


      Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction
      Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขอแบบ happy ending ฮะ..เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เหมือนตอนนี้เรื่องจะฝืดๆกว่าเรื่องก่อนๆ แต่ยังคงความหืดหาด18+ ไว้ได้ดีเหมือนเดิม555555

คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โหย คนเราจะปกปิดหัวใจตัวเองขนาดนั้้นเลยหรอ แอบสงสารหมอพิตตอนแรกๆเนอะ ที่กรแต่งงานกับผญอื่นน :ling1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ชอบทุกคู่เลย
รออ่านจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบเรื่องทั้งหมดเลย แต่จะมีงงชื่อบ้าง แบบ สอง สาม อะไรแบบเนี้ยะ สับสนนิดหน่อย ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์
         
          อากาศที่ร้อนระอุในช่วงเวลาเที่ยงตรง มันช่างชวนให้รู้สึกอยากกลับไปนอนเล่นที่บ้านเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ เขาต้องมาคุยงานกับลูกค้าที่นัดเอาไว้ล่ะก็ เขาคงไม่ออกมาข้างนอกเพื่อเผชิญกับแดดอันแรงกล้ายิ่งกว่าไฟที่ใช้ย่างไก่แน่ๆ พู่กันยกมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกา ทำไมลูกค้าของเขายังไม่มาอีกนะ นี่ก็สายมาสิบกว่านาทีแล้ว ครั้นจะโทรตามมันก็ดูเสียมารยาทเกินไป

“อ๊ะ ขอโทษนะครับที่ผมมาช้า”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” พู่กันมองหนุ่มน้อยที่เดินมานั่งอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม รอยยิ้มของคนตรงหน้าช่างสว่างจนตาของพู่กันพร่ามัวไปหมดหมด แสบตาเหลือเกิน คนอะไรช่างน่ามองไปหมดทุกกิริยา

“งั้น.....มาคุยเรื่องงานกันเลยนะครับ”

รูปถ่ายของผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มชวนหลงไหลในชุดกาวน์ถูกยื่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของเขา พู่กันมองภาพอย่างคิดคำนวน หรือลูกค้าของเขาคนนี้จะต้องการให้เขาวาดรูปพี่ชายตัวเองจากรูปถ่ายกันนะ แต่ถ้ามีรูปถ่ายแบบนี้....แล้วจะมาจ้างเขาทำไมกัน ยิ่งคิดพู่กันก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“ผมอยากให้คุณพู่กัน วาดภาพของคนในรูปให้ผมหน่อยครับ”

“ต้องการแบบไหนครับ จะให้ผมวาดตามรูปเป๊ะๆเลยหรือเปล่าครับ” ปากพูดไปตาก็มองตามภาพ ในสมองก็วางแผนการร่างเอาไว้ด้วย

“ไม่ครับ......ผมต้องการให้คุณวาดเขา จากตัวจริงของเขา” เอ๊ะ ยังไงกัน พู่กันหันไปมองลูกค้าของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

“คุณจะพาเขามาให้เป็นแบบให้ผมวาดเหรอครับ?” ด้วยความที่ไม้ข้าใจ ปากของพู่กันก็เอ่ยถามออกไปตามที่คิด

“นั่นล่ะครับ.....ปัญหา” อ้าว คุณลูกค้า ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเนี่ย แล้วเขาต้องทำไงล่ะ ดันทำให้ลูกค้าลำบากใจเสียแล้วด้วยสิ งานของเขามีหวังโดนยกเลิกแน่ๆเลย

“เอ่อ.....” พู่กันถึงกับใบ้กิน ไปไม่ถูกเลยกับหน้าตาลังเลใจของลูกค้าตัวเอง

“ผมเอง....ก็มีสิทธิ์แค่มองเขาจากห้องตรวจที่ผมไปรักษาเท่านั้น ไม่สามารถครอบครองหัวใจของเขาได้เลย เพราะกฎบ้าๆของคลินิกนั่นแหละ ไม่อย่างงั้น.....หมอเดลก็ต้องชอบผมไปแล้ว!!”

ปัง!!!!

พู่กันสะดุ้งเมื่ออารมณ์ของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปแบบคนละขั้วเลยทีเดียว จะโมโหหรืออะไรเขาเองก็ไม่รู้ แต่แรงตบโต๊ะเมื่อครู่หากมันเปลี่ยนจากโต๊ะมาลงบนหน้า เขาเองก็ไม่อยากจะนึกสภาพ เหมือนอีกคนจะพอรู้ว่าพู่กันสยองกับภาพนั้น จึงได้กระแอมไอแก้เขินก่อนจะหันมายิ้มหวานเช่นเดิม

“ยังไงก็.......ฝากคุณพู่กันหาวิธีวาดเขาให้ผมหน่อยนะครับ ราคาผมไม่มีเกี่ยงแน่นอน” พู่กันตาวาววับ พูดถึงเรื่องเงินแบบนี้มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ ยิ่งราคาไม่เกี่ยง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟไปตามล่าตัวหมอมาเพื่อวาด เขาก็ยอม

“ได้เลยครับ รับรองเลยว่าผมจะไม่มำให้ผิดหวัง แต่เรื่องระยะเวลา ผมขอไม่เกินสามเดือนแล้วกันนะครับ”

“จริงเหรอครับ!! ดีใจจัง ยังไงผมฝากด้วยนะครับ นี่นามบัตรผม เสร็จเมื่อไหร่ก็โทรติดต่อมาได้เลยนะครับ” พู่กันรับนามบัตรมาดูก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย

“โอเคครับ คุณนที แล้วผมจะติดต่อไปเมื่องานเสร็จนะครับ”

“ครับ ถ้างั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“ครับผม”

นทีเดินจากไป เหบือเพียงพู่กันที่ยังคงนั่งคำนวณเงินที่อีกฝ่ายบอก ไม่เกี่ยงราคาแบบนี้สิดี ค่อยคุ้มหน่อย แต่ปัญหาคือ.....เขาจะเข้าไปขอวาดรูปหมอได้ยังไง เพราะคุณนทีเองก็เพิ่งบอกไปว่ามีกฏอยู่ ท่าทางจะไม่หมูแล้วสิแบบนี้ โอย!! พู่กันอยากตายยยยยย
               






พู่กันเดินไปเดินมาอยู่หน้าคลินิกมารักษ์ในตอนเช้าตรู่ เขาไม่รู้ว่าหมจะมาเมื่อไหร่ตอนไหน จึงได้แต่มารอก่อนเวลาคลินิกเปิดเท่านั้น มีแต่รูปแบบนี้ ก็หวังว่าหมอเดลในรูปกับตัวจริงจะเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นมีหวังเขาคงต้องงมหากันทั้งคลินิกแน่ๆ สาวสวยคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าคลินิกเธอใช้กุญแจเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน ให้เดาเธอคงทำงานที่นั่นแน่ๆ พู่กันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างของคนในรูป จนเมื่อรถคันหรูสีดำทะเบียนสวยขับผ่านไปจอดด้านข้างคลินิกและปรากฏร่างคนที่ก้าวลงมานั่นแหละที่ทำให้พู่กันมองค้างด้วยความตกตะลึง

ในรูปว่าหล่อแล้ว ตัวจริงนี่หล่อจนแทบละลาย

  ไม่ได้ๆ พู่กันรีบส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไปให้พ้นจากสมอง ยิ่งมองนานยิ่งทำให้พู่กันหลงไหล แบบนี้แย่แน่ๆ แบบนี้เขามีหวังงานล่มก่อนได้เริ่มแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงต้องปลอมตัวเข้าไปสินะ พู่กันหันไปค้นของในกระเป๋าหยิบเอาแมสและแว่นกันแดดออกมาสวมใส่ ผมสีชมพูอ่อนถูกยีจนฟู เขารออยู่ผู้คนเริ่มทยอยเดินเข้าไปในตัวคลินิกตัวเองถึงเริ่มเดินเข้าไปบ้าง พู่กันกวาดตามองไปรอบๆอย่างทึ่งๆ ภายในดูใหญ่และสวยกว่าที่คิดไว้ มิน่าเล่า ค่ารักษาถึงแพงหูฉี่
  พู่กันรีบเดินตรงไปหาสาวสวยที่เขาเห็นว่ามาเปิดคลินิกเป็นคนแรก อย่างไรเขาก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่บุกเข้าไปหาตัวหมอโดยตรง ซึ่งใครๆก็คงมองเขาไม่ดีเป็นแน่

“เอ่อ....ขอโทษนะครับ”

“คะ??” เธอเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษตรงหน้า ดูจะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นเขาแต่งตัวมาเช่นนี้

“ผม.....อยากจะขอเข้าพบ หมอเดลน่ะครับ” อีกฝ่ายตั้งท่าขมวดคิ้วโดยที่เขาไม่อาจจะรับรู้ความคิดของเธอได้

“มารักษาเหรอคะ?”

“เปล่าครับ คือผม......มีเรื่องต้องคุยกับหมอ”

“เรื่องส่วนตัวหรือคะ?”

“เอ่อ.....ก็ประมานนั้นครับ” เรื่องส่วนตัวของลูกค้าเขาล้วนๆ ไม่รู้ว่าคำตอบไม่ถุกใจเธอหรืออย่างไร คนตรงหน้าเขาถึงมีสีหน้าไม่ค่อยชอบใจนัก

“คลินิกเรามีกฎอยู่นะคะ โปรดรักษากฎด้วย การจะเข้าพบหมอเพื่อคุยเรื่องส่วนตัว สาวคงให้เข้าพบไม่ได้หรอกค่ะ” แม้เธอจะดูไม่พอใจแต่น้ำเสียงของเธอกลับไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเจือปนอยู่แม้แต่น้อย นั่นทำให้เขารู้สึกดีกับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“คุณสาวครับ เดี๋ยวผมจะ..” พู่กันหันไปมองคนข้างๆที่เข้ามาในวงสนทนาใหม่ด้วยความตกใจ
 
หมอเดลนี่ หมอเดลตัวเป็นๆ

พู่กับเผลอยกมือขึ้นดันแว่นกันแดดให้แนบชิดกับดวงตามากขึ้น กลัวเหลือเกินว่ามันจะหลุดออกมา สิ่งที่ปกป้องเขาจากความหล่อวัวตายควายล้มของหมอได้ ก็ดูแต่จะมีแค่แว่นดำนี่แหละ

“ใครครับเนี่ย?” หมอเดลหันไปถามคุณสาวอย่างสงสัย เธอได้ยินแบบนั้นยิ่งขมวดคิ้วด้วยความงงเข้าไปใหญ่

“หมอไม่รู้จักเขาเหรอคะ”

“ไม่นะครับ ไม่รู้จัก” พู่กันได้แต่ยืนเกร็งอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมมือบางต้องจับเคาท์เตอร์ไว้ขนาดนี้ด้วย

“อ้าว!! แต่คุณคนนี้บอกว่ามีเรื่องจะต้องคุยกับหมอ เขาว่าเป็นเรื่องส่วนตัว” หมอเดลหันมามองสำรวจเขาอีกครั้ง ใบหน้าหล่อดูจะพยายามคิดเหลือเกินว่าตัวเองรู้จักคนๆนี้เป็นการส่วนตัวหรือเคยรักษาไหม แต่ส่วนมาก หากเป็นคนไข้ของเขา คงไม่ยืนเฉยๆแน่ถ้าเจอเขาในระยะประชิดขนาดนี้ หึ คงกระโดนจู่โจมเขาจนตั้งตัวไม่ทันเสียมากกว่า คนๆนี้แปลกจริงๆ

“มีเรื่องจะคุยกับผมเหรอครับ”

“อ๊ะ เอ่อ คะ ครับ” อย่าสั่นสิ อย่าตื่นเต้น แค่คุยกับหมอจะได้จบๆ

“สำคัญไหมครับ....พอดีผมต้องไปธุระต่อ” พู่กันรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วจนแว่นหลุด ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อมองเห็นหน้าหมอชัดเจน จากที่สั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นจนลนลานเข้าไปอีก เขารีบก้มลงเก็บแว่นมาใส่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว แย่แล้วๆ เกือบไปแล้ว เกือบจะละลายแล้วไหมละ หมอเดลที่เพิ่งจะเห็นดวงตากลมที่ไร้การปกติ ปิดอึ้งกับความงดงามที่เปล่งประกายความหวานออกมาจากตาคู่นั้น ดวงตาที่ปรากฏความใส่ซื่อและไร้เดียงสานั่น เขาไม่เคยพบใครที่มีแววตาแบบนั้นมาก่อน เพียงแค่ได้สบตาของคนประหลาดนี่เพียงครู่เดียว หัวใจที่เคยด้านชาของเขาก็เต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

“สะ สำคัญครับ คือผมอยากจะ....” เสียงอ่อนที่กำลังเอ่ยหยุดชะงักลงเมื่อหมอเดลยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ พู่กันได้แต่ยืนงง หรือว่าหมอจะปฏิเสธเขากันนะ ยิ่งคิด พู่กันก็ยิ่งกระสับกระส่าย

“ไปคุยที่ห้องผมดีกว่าครับ วันนี้คนไข้ของผมยังไม่มากัน เชิญครับ”

“ครับ...”

หมอเดลเดินนำคนตัวเล็กกว่าตรงไปยังห้องตรวจของตัวเอง พยายามสูดลมหายใจเพื่อระงับอาการใจเต้นของตน แบบนี้แย่แน่ๆ มีหวัง.....ได้จับกระต่ายน้อยตัวนี้กินแน่ๆ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ พู่กันเดินตามคนตัวสูงไปอย่างเบลอๆ ไม่คิดว่าหมอจะเลือกพาเขาเข้าไปคุยในห้องตรวจ ดีเหลือเกิน เพราะหากให้พูดอยู่ที่ตรงนั้น คงไม่วายอับอายขายขี้หน้าแน่ๆ ถ้าต้องยอมคุกเข่าขอร้องให้หมอเดลมาเป็นแบบ พู่กันจับมือตัวเองเอาไว้ ระงับอาการสั่นที่เกิดขึ้นตอนสบตากับหมอเดลเมื่อครู่โดยไร้ซึ่งสิ่งอำพรางตา ใจสั่นตัวสั่นไปหมด ราวกับจะเป็นไข้เสียให้ได้ เขารู้เลยว่า ทำไม ลูกค้าของเขาถึงได้คลั่งไคล้หมอถึงขนาดนี้ หมอเดลเปิดประตูห้องแล้วเดินนำเข้าไป สายตาของพู่กันก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ติดเอาไว้

น.พ อนันต์

เพิ่งจะรู้ชื่อจริงๆของหมอเดลก็ตอนนี้ สงสัยเขาคงต้องเรียกหมออนันต์จะดีกว่า เรียกหมอเดลมันแลดูสนิทสนมชิดเชื้อมากเกินไป เป็นแปลกหน้าแต่กลับเรียกหมอเสียสนิทมันก็ดูไม่สมควรจริงๆ พู่กันได้แต่ถอนหายใจ มิน่าเล่า.....สาวสวยคนนั้นถึงได้มีท่าทีไม่ค่อยจะพอใจเขาเท่าไหร่

“เชิญนั่งก่อนเลยครับ.....ครับ......บนเตียงนั่นล่ะครับ” หมออนันต์บอกเมื่อเห็นเขาหันรีหันขวางไม่รู้จะวางก้นตัวเองลงที่ไหน ก็ในห้องมีแต่เตียงใหญ่ๆกับโต๊ะและเก้าอี้ของหมอเท่านั้น จะให้เขาไปนั่งตรงไหนได้ พู่กันนั่งลงบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อมีที่เดียวให้เขานั่ง เขาก็คงต้องนั่งลงอย่างเดียว

“เอ่อ ผมมาที่นี่ เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะครับ”

“ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ” หมออนันต์เดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขาจนเขาเองก็ตกใจ แต่ครั้นจะถอยหนีก็ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ให้เขาได้ขยับออกห่าง หมออนันต์ย่อตัวลงมาใกล้ๆเพื่อจะมองหน้าของพู่กันให้ชัดๆ

“เอ่อ คือ ผมว่า มะ หมอถอยไปหน่อยดีกว่า นะครับ”

“ไม่ร้อนเหรอครับ ผมกลัวคุณจะหายใจไม่ออกจังเลย”

“เอ๊ะ อ๊ะ!! คะ คุณๆ!!”

ทุกสิ่งที่เขาอุส่าเอามาปกปิดใบหน้าของตัวเองถูกคุณหมออนันต์ดึงออกไปจนหมด หมด หมดกัน เครื่องป้องกันความเจิดจ้าจากใบหน้าหมอ ตอนนี้เขาแทบจะตายกับความเจิดจรัสที่ทะลุออกมาจากใบหน้าหล่อเหลานั่น หมออนันต์มองใบหน้าเยาว์วัยที่ไร้ซึ่งแมสและแว่นดำปิด ดวงตาหวานที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ปากเล็กๆสีชมพูที่เผยอขึ้นอย่างลืมตัว ทุกอย่างที่อยู่บนใบหน้าของร่างเล็กช่างดูดีจนเขาลืมหายใจ มือหนาลูบไล้แก้มใสที่ยังนิ่งค้างอยู่อย่างเผลอไผล อยากจะก้มลงไปสูดดมแก้มกลมๆนั่นแรงๆให้ชื่นใจ แต่ก็ทำได้แค่อดทนมองใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่งๆอย่างเอ็นดู

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับ หืม~” พู่กันสะดุ้ง สติกลับมาจนต้องดันร่างหนาออกให้ห่างตัวเท่าที่จะทำได้ หมออนันต์ยอมล่าถอยออกมาง่ายๆเพราะกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวกับแก้มใสๆที่เริ่มแดงระเรื่อ

“คะ คือผม เอ่อ “

“ว่าไงครับ....”

“ผม เอ่อ อยากจะขอ วะ วาดรูปหมอ ได้ไหมครับ” พู่กันรีบหลบสายตาล้อเลียนที่ชวนให้เขินอาย

“วาดรูปผม??”

“เอ่อ ครับ พะ พอดีลูกค้าผมเขา ต้องการให้ผมวาดรูปหมอ จะ จะ จะคิดค่าเสียเวลาก็ได้นะครับ ผมยินดีจ่ายให้” หมออนันต์ยกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเหมือนว่าพู่กันจะขุดหลุมฝังตัวเองเข้าให้โดยที่เขาไม่ต้องลงแรงอะไร

“หืม.....คุณจะจ่ายให้ผม จริงๆนะเหรอ” พู่กันที่ได้ฟังเช่นนั้นเริ่มมีความหวัง หันมามองสบตาคมอย่างลืมตัว

“ครับ แน่นนอน!! ผมยินดีจ่ายให้”

“ทุกอย่างเลยเหรอครับ......” สายตาเจ้าเล่ห์ของหมออนันต์ฉายขึ้นเพียงครู่เดียวโดยที่พู่กันไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ดีใจที่ทุกอย่างกำลังตะไปได้สวย

“ครับ หมออยากได้อะไรบอกมาได้เลยครับ ผมจะหาให้” เพราะความซื่อของร่างเล็กที่ทำให้ทุกอย่างง่ายดายราวกับปูพรหมแดงให้เขาเองแบบนี้

“ก็ได้ครับ.....ถ้างั้น ผมจะยอมให้คุณวาดรูปผมก็ได้ ว่าแต่.....ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” เขาตาโต ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับหมอ แย่จริง! ลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไง

“อ๊ะ จริงด้วยสิครับ!! ผมพู่กัน เป็นศิลปินอิสระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ!” มือเล็กๆถูกยื่นออกไปตามมารยาท

“ครับ...ผมอนันต์ เป็นหมอประจำที่คลินิกมารักษ์ครับผม” หมออนันต์ยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆไว้ นุ่นจนเขาแทบไม่อยากจะปล่อย จนคนตัวเล็กต้องดึงมือกลับอย่างเก้ๆกังๆ ความอบอุ่นจากมือหนาแล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างจนร่างกายเล็กๆร้อนผ่าวเหมือนไข้จะจับ

“ถ้าอย่างงั้น.......เอ่อ ผมขะ ขอเบอร์ติดต่อของหมอหน่อยได้ไหมครับ” รู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรน่าเกลียดๆออกไปยังไงไม่รู้ มันขัดๆเขินๆจนหน้าม้าน

“ผมว่าเอาเบอร์ของพู่กันมาให้ผมดีกว่านะ ถ้าผมว่างวันไหนผมจะได้โทรไปบอกง่ายๆ”

“คือว่า......”

แบบนั้นจะดีแน่เหรอ แล้วถ้าหมอไม่คิดต่อมาล่ะ พู่กันมีสีหน้าลังเลอย่างเห็นได้ชัดจนหมออนันต์พอจะเข้าใจได้ว่าอะไรคือความกังวลของคนตรงหน้า

“ถ้างั้น.....เรามาแลกกันดีไหมครับ แชกเบอร์กัน”

“อ๊ะ ดีครับๆ” เขายิ้มออกมาได้เมื่อรับการคลี่คลายความกังวล พู่กันและหมออนันต์ต่างก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน คนหนึ่งยิ้มด้วยความดีใจที่งานกำลังจะไปได้ดี ส่วนอีกคน กลับมีรอยยิ้มถูกใจกับคนตัวเล็กตรงหน้า คนที่ต้องตาต้องใจเขา หัวใจที่เคยนิ่งสงบอยู่ในอกเต้นแรงเมื่ออยู่ตรงหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้ ทั้งดวงตา ริมฝีปาก แก้มใส ทุกอย่างล้วนถูกใจเขาไปหมด นิสัยขี้อายของพู่กันและอาการที่ไม่กล้าสบตาเขา ล้วนทำให้เขาราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
 
 อยากครอบครอง

อยากเป็นเจ้าของคนตรงหน้าจนตัวสั่น ตั้งแต่เขาเป็นหมอที่นี่มา พบคนมาก็มากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะรู้สึกอย่างที่รู้สึกอยู่กับคนเบื้องหน้า ทั้งความกระหายที่ทำให้คอแห้งผากยามจับจ้องริมฝีปากอิ่ม ทั้งอาการปวดหนึบกลางหว่างขายามได้กลิ่นแป้งอ่อนๆจากร่างบาง

“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณมากจริงๆนะครับหมอ”

“ครับ แล้วผมจะติดต่อไป ทั้งเรื่องเวลาและ.....ค่าตอบแทน”

“เอ่อ.....คะ ครับ”

พู่กันเดินออกไปจากห้องแล้ว แต่เขายังรู้สึกเหมือนร่างเล็กยังไม่ได้ไปไหน ในห้องยังคงหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของพู่กัน หอมจนเขาอยากจะปิดห้องไว้ขังตัวเองแล้วสูดดมมันให้ลึกสุดปอด ไม่อยากให้ใครเข้ามา กลัวกลิ่นกายของใครจะมาลบกลิ่นหอมที่ชวนหลงไหลนี้เหลือเกิน แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี เพราะอย่างไรเขาก็คือหมอ มีหน้าที่รักษาคนไข้ จะเห็นแก่ตัวเก็บความปรารถนาส่วนตัวไว้แบบนี้ไม่ได้

“หมอคะ.....เป็นอะไรคะยิ้มตาเยิ้มเหมือนกำลังมีความรักอย่างนั้น” หมออนันต์หลุดออกจากภวังค์หันไปมองทางต้นเสียงที่เจ้าของเสียงยืนยิ้มล้อเลียนเขาอยู่หน้าประตู

“หึหึ......คงใช่มั้งครับ ผมเองก็เพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้” กล่าวไปก็ยิ้มไปจนหญิงสาวที่มองอยู่ได้แต่ส่ายหน้ากับความไร้เดียงสา(?)ของหมอที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวเรื่องอย่างว่าที่สุดก็ว่าได้ แต่กลับมาบอกว่าไม่เคยมีความรักแบบนี้ เธอล่ะสงสารคนๆนั้นจริงๆ มีหวังเจอความเจ้าเล่ห์ของหมอเดลจนหมดเปลือกแน่ๆ

“น่าสงสารนะคะ”

“ใครหรือครับ”

“คนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ไงคะ.....เขาคือคนที่ทำให้หมอรู้สึกแบบนั้นนี่ น่าสงสารออกค่ะ” หมออนันต์หันไปมองเธออย่าไม่เข้าใจ ถูกเขารักมันน่าสงสารตรงไหนกัน

“น่าสงสาร?? ทำไมเป็นแบบนั้นละครับ”

“ก็แหม.......หมอเดลของเราเจ้าเล่ห์ตัวพ่อขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยนะคะว่าคนซื่อๆแบบนั้น จะเจอหมอเดลวางแผนอะไรบ้าง สงสารน้องจังเล๊ย คิกๆ” เธอว่าพร้อมกับเดินออกไป ทิ้งให้เขาได้แต่ยิ้มขำ ก็อาจจะจริง บางที พู่กันอาจจะน่าสงสารจริงๆก็ได้ เพราะเขามั่นใจเลยว่า ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ชอบหลุดมือไปแน่ๆ ต่อให้ต้องวางแผนการงัดความเจ้าเล่ห์มาใช้ขนาดไหน เขาก็จะทำ
                 





พู่กันนั่งมองกระดาษเปล่าที่ยังไม่ถูกสิ่งใดแตะแต้ม ตากลมมองแล้วก็มองในสมองก็คิดภาพของผู้ชายที่เขาได้ไปพบมา ใบหน้าคมกับรอยยิ้มที่ทำให้เขาแทบละลายลงไปตรงหน้าไม่เคยเลือนไปจากความทรงจำ ทำไมเขาจะต้องวนเวียนคิดถึงแต่คนๆนั้นด้วยนะ บ้าเอ้ย!! หยุดคิดสักทีสิพู่กัน แกต้องวาดรูปๆ วาดรูปเท่านั้น

“อีกนานไหมครับ......ผมเมื่อยแล้วนะ”

“อ๊ะ ขอโทษครับ จะเริ่มละนะครับ”

พู่กันเอ่ยขอโทษลูกค้าที่มาจ้างให้วาดรูปตนอย่างนอบน้อม เพราะเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงจึงทำให้ลูกค้าในตอนนี้ค้างอยู่ในท่าที่ต้องการให้วาดอยู่นานแล้ว พู่กันจับดินสอขึ้นมาค่อยๆร่างภาพลงไปบนกระดาษตามแบบตรงหน้า กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาล่วงเลยไปครึ่งวัน แสงที่มีก็เริ่มจะริบหรี่ลง ตะวันคล้อยจนใกล้จะลับฟ้า พู่กันส่งลูกค้ากลับก่อนที่ตัวเองจะกลับมานั่งอยู่ในสวนอีกครั้ง สายตาทอดมองไปยังแสงตรงขอบฟ้าที่ยังมีให้เห็น เมฆกระจายตัวอยู่ทั่วไปหมด แต่เมื่อมันมีแสงอ่อนๆของแดดยามเย็นอยู่กลับดูสวยและให้ความรู้สึกเหงาในเวลาเดียวกัน ความงามตามธรรมชาติมันช่างตราตรึงใจอย่างนี้เอง น้อยครั้งนักที่เขาจะได้ออกมานั่งมองภาพแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่เขาจะใช้เวลาวาดรูปในห้องตัวเองเสียมากกว่าจนถูกแม่ดุด่าอยู่บ่อยครั้ง นึกถึงช่วงเวลานั้นก็ยิ่งเศร้าใจ เมื่อภาพในตอนนี้คือตัวเขาคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ ไร้ซึ่งบุพการีที่เลี้ยงดูเขามา หากเขารู้ล่วงหน้าว่าแม่เขาจะประสบอุบัติเหตุแล้วล่ะก็ เขาคงใช้เวลาทั้งหมด พาแม่ไปเที่ยว พาแม่ไปทานของอร่อยๆ เก็บความทรงจำในการใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้ เขาคงไม่เสียเวลากับการวาดรูปและหมกตัวอยู่ในห้องแบบตอนนั้น ถ้าเขารู้ ถ้าเพียงมีสิ่งใดสะกิดใจเขาสักนิด เขาจะยอมแลกทุกอย่างเพียงแค่ได้มีแม่อีกครั้ง

“พู่กัน!! แม่บอกว่าให้ออกมากินข้าวไง”

“เดี๋ยวผมค่อยกินแม่ ผมวาดรูปอยู่ แม่กินไปก่อนเลย”



เขาอยากทานข้าวกับแม่อีกครั้ง เขาจะไม่ปฏิเสธมันอีกหากเขามีโอกาส


“แม่ครับ ผมต้องไปวาดรูปกับเพื่อน ผมไปกับแม่ไม่ได้หรอก”

“แต่แม่จองห้องพักอะไรไว้แล้วนะ จะให้แม่ไปคนเดียวเหรอ”

“เลื่อนเขาไปก่อนสิครับ ไว้มีเวลาแล้วค่อยไปด้วยกันใหม่”



เขาอยากไปครับแม่ ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะพาแม่ไปเอง เขาจะยอมทิ้งทุกงานเพื่อให้ได้อยู่กับแม่


“อะไรเนี่ยแม่!!! ผมต้องรีบไปนะ!!”

“พู่กัน มาขับรถให้แม่หน่อยสิ แม่ต้องไปหาเพื่อนที่ภูเก็ต”

“ผมไปไม่ได้หรอก แม่ขับไปเองก็แล้วกันนะครับ ผมต้องไปคุยงานกับลูกค้าต่อ”



ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นวันสุดท้าย เขาจะไม่มีวันปล่อยให้แม่ไปคนเดียว จะไม่มีวันยื่นกุญแจรถให้แม่ขับไปเอง เขาจะกอดแม่เอาไว้แน่นๆ จะบอกรักแม่จนกว่าจะไม่มีเสียง เขาจะนอนตักแม่จนแม่ลำคาญ เขาจะ.....จะไม่มีวันปล่อยมือจากแม่เด็ดขาด
น้ำตาของผู้เป็นลูกไหลออกมาจนเปียกแก้มทั้งสองข้าง หัวใจทั้งดวงเจ็บปวดไปหมด ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่นอย่างไม่มีความเห็นใจ

“แม่ครับ......แม่กำลังลงโทษผมใช่ไหมครับ ฮึก แม่กำลัง ฮือออ ลงโทษลูกเลวๆคนนี้ใช่ไหม” ใบหน้าโศกเศร้าซบลงกับเข่าตัวเอง แขนทั้งสองกอดขาตัวเองแน่น ผมสีชมพูอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดอยู่รอบๆกาย

“แม่ครับ ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน ฮือออ แม่กลับมาหาผมเถอะ ฮึก ฮือ ผมขอโทษ”

แม้ว่าเขาจะอ้อนวอนกับลมกับฟ้าเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เห็นใจ กาลเวลาที่ผ่านไปไม่มีทางย้อนกลับมาได้ เขารู้ดี กฎก็คือกฎ คนตายไม่มีวันฟื้นขึ้นมา ความเสียใจก็ไม่มีวันหายไปจากใจเขาเช่นกัน คำขอโทษของเขาได้แต่ฝากสายลมไปบอกกับแม่เท่านั้น บ้านที่ไม่มีแม่......มันเงียบเหงาเหลือเกิน เขาไม่อยากตื่นมาในทุกเช้า เพราะเขาจะต้องมองหาร่างของแม่เสมอแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่มีวันที่จะพบแม่อีกก็ตาม

พู่กันถอนหายใจกับความคิดถึง มือปาดเอาน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสายออกจากใบหน้าก่อนที่จะพยุงร่างของตัวเองเข้าไปภายในบ้านที่เคยอบอุ่น ไฟถูกเปิดจนสว่างขับไล่ความมืดมิดที่กัดกินในใจเขาอยู่ไม่ต่างจากช่วงเวลากลางคืน รูปแม่ยังคงติดอยู่บนผนัง รอยยิ้มของแม่ที่เขายังคอยคิดถึง รูปใบเดียวที่เขาวาดมันออกมาจากความทรงจำแล้วนำไปใส่กรอบมาแขวนไว้ รูปที่ช่วยให้เขารู้สึกได้ว่า......แม่ยังคงอยู่ใกล้ๆไม่ไปไหน

“แม่ครับ.......ผมหาเงินได้เยอะแยะเลย อยากพาแม่ไปเที่ยวจัง ผมเจอรีสอร์ทเล็กๆที่อยู่ริมทะเลด้วยนะ แม่ต้องชอบมากๆแน่เลยครับถ้าได้เห็น” เขายืนพูดคุยกับรูปวาดของผู้เป็นแม่ราวกับเธอยังคงมีชีวิตและเข้าใจรับรู้ได้ในสิ่งที่พู่กันพยายามจะบอก

“ที่นั่นคนไม่เยอะมาก แต่อาหารอร่อย เขาทำปูผัดผงกระหรี่ที่แม่ชอบได้อร่อยมากเลยนะครับ ไว้ผม.....จะพาแม่ไปนะ แม่รอนะครับ เราจะไปเที่ยวกัน ฮึก สองคน” พู่กันดึงรูปของมารดาลงมา ถือรูปนั้นขึ้นไปด้านบนเพื่อตรงไปยังห้องนอนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของแม่เขา ของทุกอย่างยังอยู่ครบ เสื้อผ้า ของใช้ แม้กระทั่งกลิ่นของแม่ พู่กันปิดประตูพาตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียง ขดตัวราวกับลูกแมวที่หนาวเหน็บ ปลายนิ้วเล็กไล่ไปตามโครงหน้าของแม่ในรูป เช็ดน้ำตาที่หยดลงไปเปื้อนรูปออกอย่างเบามือ
อยากกอดแม่ คิดถึงไออุ่นของแม่ยามปลอบโยน

“ฮึก แม่ครับ ผมคิดถึงแม่ ฮือออ”

พู่กันกอดรูปไว้แนบตัวจนแน่น แม้มันจะไม่มีไออุ่นเหมือนยามที่แม่กอดเขา แต่มันก็ยังดีกว่าที่เขาต้องนอนโดยไม่มีแม้แต่ใบหน้าของแม่ให้มอง ในรูปแม่ยังคงยิ้มให้เขาเสมอ เขาเลือกที่จะวาดรอยยิ้มของแม่เอาไว้ อย่างน้อย ลูกคนนี้ก็ขอทำให้แม่ยิ้มสักครั้ง แม้มันจะเป็นแค่การวาดมันขึ้นมาก็ยังดี

ความหนาวเหน็บทำให้พู่กันยิ่งกระชับอ้อมแขนขึ้นราวกับกลัวว่าคนในรูปวาดจะหนาว เสียงหวีดร้องของสายลมดังลอดผ่านมาทางหน้าต่างยิ่งชวนให้หดหู่ใจ น้ำตาที่รินไหลยังคงไม่เหือดแห้งไปแม้แต่น้อย ภายในห้องที่มืดสนิทกับค่ำคืนที่ไร้หมู่ดาว ใครจะรู้ว่า มีร่างของใครคนหนึ่งนอนหลับไปพร้อมกับกอดรูปของผู้หญิงคนหนึ่งไว้แน่นทั้งที่ใบหน้ายังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีชมพูอ่อนถูกมือเรียวของใครบางคนลูบปลอบอย่างแผ่วเบา ผ้าห่มถูกเลื่อนกระชับขึ้นมาจนปชกคลุมร่างเล็กๆที่ขดตัวอยู่จนใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาผ่อนคลายลง ใบหน้าที่ถอดแบบออกมาจากรูปวาดในอ้อมแขนของพู่กันค่อยๆโน้มใบหน้าลงมา จรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่ม

‘แม่รักลูกนะ พู่กัน อย่าร้องไห้อีกเลยนะ ลูกรักของแม่’ เสียงหวานของเธอกระซิบอย่างแผ่วเบาริมหูเล็ก เธอโอบกอดอีกร่างเอาไว้ในอ้อมแขนจนแน่น ปากก็ฮัมเพลงคอยกล่อมลูกน้อยที่เธอรักสุดหัวใจเหมือนตอนเด็กๆที่เธอมักจะทำ เวลาในโลกนี้มันช่างน้อยนัก บุญเธอน้อยเหลือเกิน ทั้งที่อยากจะอยู่กับลูกให้มากกว่านี้ อยากจะกอดลูกให้แน่นกว่านี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองลูกชายของเธอจากที่ๆไกลแสนไกล อยากจะปลอบโยน ยิ่งเห็นลูกชายของเธอร้องไห้เธอก็แทบจะขาดใจ เธอไม่อยากให้ลูกชายกล่าวโทษตัวเอง เพราะเธอไม่เคยโทษว่ามันเป็นความผิดของลูกเลยสักครั้ง

                        ‘แม่จะอยู่กับลูกตลอดไป พู่กัน’




       >>>>>>>>>ต่อด้านล่างนะคะ<<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
      >>>>>>>>>ต่อนะคะ<<<<<<<<<

ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวพลิกไปมาเหยียดแขนและขาด้วยความเมื่อยกับการนอนหลับ พู่กันนั่งนิ่งกวาดตามองหาแม่ของเขาที่เมื่อคืนเขารู้สึกได้ว่าแม่มาหา มากอดเขาเอาไว้ตอนเขาหลับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ ก็แม่เขาเสียไปแล้วนี่จะมาหาเขาได้ยังไง พู่กันหันไปมองรูปที่อยู่ข้างตัวก่อนจะยกขึ้นมากอดไว้เพื่อเอาไปแขวนไว้ที่เดิม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้ ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปเหมือนเช่นเดียวกับเวลาที่ไม่มีวันเดินถอยหลัง
ครืด............ครืด

“ฮัลโหลครับ”

‘สวัสดีครับ......พู่กันใช่ไหมครับนั่น?’ เขาได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เสียงคุ้นหูนี่เขาเคยได้ยินที่ไหนกันนะ

“อะ ใช่ครับ นั่นใครครับเนี่ย”

‘อ่า.....ผมเองนะ หมออนันต์ ดีจังที่โทรมาถูกเบอร์’

“เอ่อ หมอมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าหมอจะโทรมานัดเวลาให้ผม!!” น้ำเสียงตื่นเต้นของพู่กันเรียกเสียงหัวเราะของหมออนันต์ได้เป็นอย่างดี

‘ก็......จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมว่างวันมะรืนนี้ มันเป็นวันหยุดของผมพอดี คุณพู่กันสะดวกไหมครับ’

“ครับๆ ผมว่างครับ แล้วคุณจะมาหาผมหรือให้ผมไปหาครับ”

‘อืม........คุณมาหาผมแล้วกันนะครับ ผมอยู่ที่..........รู้จักใช่ไหมครับ’ เขายิ้มออกมาจนแก้มปริ ในที่สุดงานก็จะสำเร็จเงินก็จะตามมา ทีนี้ เขาก็จะสามารถพาแม่ไปเที่ยวได้แล้ว

“ตกลงครับ เดี๋ยววันมะรืนช่วงสายๆผมจะไปหานะครับ”

‘หึหึ......ครับ ผม........จะนับวันรอ จะตั้งตารอทุกวินาทีที่จะได้เจอคุณ’ บ้าจริง เล่นพูดแบบนี้ออกมา จะให้เขาตอบกลับไปยังไงกัน พู่กันที่หน้าแดงก่ำมือสั่นกัดปากเอาไว้ด้วยความเขินอาย

“คะ แค่นี้ก่อนนะครับ” เขากดตัดสายอีกฝ่ายไป นี่หมอเขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้เขาหัวใจเต้นแรง ยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนกับคนเป็นบ้า บ้าๆๆ บ้าที่สุดเลย!! พู่กันจับแก้มที่ร้อนผ่าวเอาไว้ด้วยสองมือ ริมฝีปากยังคงฉีกยิ้มจนแทบจะหุบเอาไว้ไม่ได้ บรรยากาศรอบๆแทบจะกลายเป็นสีชมพู เดินไปไหนทุกอย่างก็ดูมีความสุขไปหมด ขนาดทำอาหารกินเองวันนี้ยังอร่อยเป็นพิเศษเลย
เขาอยู่บ้านปกติก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จึงต้องต้องเอากระดาษเอาสีมาวาดๆให้เวลามันได้ผ่านพ้นไป เพราะเขารู้ดีว่า การที่นั่งจดจ่อกับเวลามันมักจะเดินช้าเสมอ พู่กันค่อยๆใช้ลูบไปบนกระดาษสีขาวช้าๆ มันช่างขาวสะอาดดีจริงๆ กระดาษสีขาวก็เหมือนโลกที่ว่างเปล่า ถ้าอยากให้มันสวยงามเขาก็ต้องลงสี สิ่งแรกที่นึกคิดได้ว่าจะวาดมันลงไป ก็คงเป็น.......สนามบ้านตัวเองล่ะมั้ง หึหึ ก็แม่ของเขาชอบนี่นา แม่มักจะนั่งอยู่ที่เกาอี้สีขาวตัวนั้นเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ แม่มักจะยิ้มไปกับเขาที่เอาแต่วาดภาพอยู่ตรงระเบียงห้อง แม่.....มักจะใช้มือทั้งสองข้างโอบอุ้มดินเปล่าไว้ ขุดหลุมด้วยสองมือนั้นเพื่อลงดอกไม้นาๆพันธุ์ให้มันบานจนสวยงาม เพราะแม่ชอบที่เขามักจะวาดสิ่งรอบๆกาย แม่หวังว่าเขาจะวาดสวนของเราที่มีดอกไม้พวกนี้บานจนเต็มที่ และเขาก็จะทำมันตามที่แม่ต้องการ ไม่ว่าสิ่งไหนที่มันเป็นความต้องการของแม่ที่เขาไม่ได้ทำให้แม่ตอนมีชีวิตอยู่ เขาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ทำมันให้แม่ แม้ว่าแม่จะไม่มีโอกาสได้อยู่เพื่อชื่นชม แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้ชดใช้และท่องจำใส่หัวใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาพลาดเวลาที่ควรให้กับคนสำคัญที่เรียกว่าแม่

“แม่ครับ.......ดอกไม้ที่แม่ปลูกเอาไว้ มันบานหมดแล้วนะครับ แม่เห็นไหม”

มือบางจับพู่กันปาดสีมาลงบนกระดาษช้าๆ ค่อยๆบรรจงเสกสรรความสวยงามที่ได้เห็นเบื้องหน้าลงไปให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ความเขียวชอุ่มขับสีดอกที่เรียงรายได้อย่างดี มันดูสวยงามและลงตัวในตัวของมันเองตามที่ธรรมชาติได้สร้างเอาไว้ ใครจะคิดว่าการที่ใบไม้มีสีเขียวจะมีเหตุผลในตัวของมันเอง ก้านดอกสีเขียวเข้มกับใบไม้สีเขียวอ่อน ช่างเป็นการไล่สีของธรรมชาติที่น่าทึ่ง หากใบไม้และก้านไม่ใช่สีเขียว มีหรือจะสามารถชูช่อความงดงามของตัวดอกได้ การได้นั่งมองมันก็ทำให้เขาได้เห็น ได้สังเกตสิ่งต่างๆ ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะสายตาถูกจับเข้ามาใส่ไว้ในกระดาษจนหมดสิ้น แม้แต่ผีเสื้อแสนสวยที่เกาะอยู่บนยอดเกษรของดอกไม้ก็เช่นกัน พู่กันเลือกจะเก็บทุกรายละเอียดเอาไว้ แม้ว่าสิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของเขาตอนนี้จะไม่มีอยู่ในความเป็นจริงก็ตาม ภาพของหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวกลางหมู่ดอกไม้และต้นไม้ร้อยใหญ่ เธอส่งยิ้มมาให้อย่างมีความสุข สุขจนพู่กันที่เป็นวาดเผลอยิ้มตาม แม้ว่ารอยยิ้มของเขามันจะแสนเศร้าก็ตามที

“แม่ยังคงยิ้มเสมอเลยนะครับ แม้แต่ในความทรงจำของผม”

ผมของเธอสยายเพราะแรงลม ใบหน้าเปื้อนยิ้มจนตาหยี ความงดงามนี้เขาไม่เคยลืมมันเลยสักวัน ไม่เคยลบออกไปจากความทรงจำเลยสักครั้ง แม่ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเศร้าใจ ไม่เคยผิดหวังในตัวของเขา ไม่ว่าเขาจะทำตัวเช่นไร แม่ก็ยังคงมอบรอยยิ้มให้เขาเสมอไม่เคยเลือนหาย



              พู่กันที่กำลังหอบของมาจนล้นมือ มองดูบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่แน่ใจ นี่เขามาถูกใช่ไหม เขายืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก ครั้นจะตะโกนเรียกก็กลัวว่าจะขายหน้า จึงตัดสินใจกดออดให้รู้แล้วรู้รอดไป หากมาผิดก็แค่ขอโทษ ไม่เห็นจะเป็นไร ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ร่างของหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้ พู่กันที่ด้วยความไม่รู้ จึงได้ยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างมีมารยาท

“เอ่อ สวัสดีครับ ผมมาหาคุณหมออนันต์น่ะครับพี่สาว” คนถูกไหว้ยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน มองใบหน้าจิ้มลิ้มผมสีชมพูอ่อนด้วยใบหน้าเหรอหรา

“คุณชายอยู่ข้างในค่ะ กำลังรอคุณอยู่เลย อย่าไหว้ฉันเลยนะคะ ฉันเป็นคนใช้เขา” ราวกับถูกใครตีแสกหน้าจนแตกละเอียด แต่เพราะเชี่ยวชาญด้านการแถ(?) จึงพอจะเอาตัวรอดได้

“ผมไหว้พี่ถูกแล้วครับ ยังไงพี่ก็น่าจะอายุมากกว่า” แม้จะถูกยิ้มขำจากหญิงสาว แต่ก็ไม่ได้ทำให้พู่กันหยุดแต่อย่างใด จนเธอต้องพยักหน้ารับมองเขาด้วยความเอ็นดู

“ค่ะๆ ถ้างั้นเชิญข้างในเลยนะคะ คุณชายอยู่ในสวนพอดี”

เธอเดินนำผมเข้าไป จากประตูเดินเข้าไปไม่ไกลนัก ร่างของหมออนันต์ผู้มีออร่าความเป็นเทพบุตรก็ปรากฏกายอยู่ในสวน หมออนันต์หันมาเมื่อมีใครบางคนมายืนอยู่เบื้องหลัง ใบหน้าที่เขาเฝ้าคิดถึงยังคงเหมือนเดิม ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงตื่นตระหนกยามสบตากับเขา แก้มสองข้างขึ้นสีเลือดฝาดจนแดงไม่รู้ว่าจากแดดที่ค่อนข้างจะร้อนหรือเพราะเขินอายเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ตาม มันก็ทำให้เขาพอใจทั้งนั้นเพราะใบหน้าของคนๆนี้น่าหลงไหลจนเขาแทบจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่ พู่กันที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหลบตาหวานฉ่ำของหมออนันต์ เขาถูกมองเสียราวกับว่าจะกลืนกินเสียให้ได้อย่างนั้น เขาจึงให้ความสนใจกับรอบๆตัวเสียมากกว่าการจับจ้องจากคนตัวสูงใหญ่

“พี่นางผมขอน้ำผลไม้เย็นๆมารับรองแขกของผมด้วยนะครับ”

“ค่ะคุณชาย” เธอยิ้มให้หมออนันต์ก่อนจะเดินออกไป

“จะเริ่มตรงไหนดีละครับพู่กัน” เสียงทุ้มนุ่มหูที่เอ่ยเรียกชื่อเขาเล่นเอาเจ้าตัวระส่ำระส่าย กวาดตาไปรอบๆด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก พยายามมองหามุมสวยๆที่พอจะเป็นที่สำหรับการวางอุปกรณ์ ร่างเล็กๆสะดุดตาเข้ากับมุมๆหนึ่งของสวนที่มีร่มเงาของไม้ใหญ่พอให้บังแสงแดดที่เริ่มจะแรงของช่วงเวลาใกล้เที้ยงได้ดี รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กๆและแน่นอนว่า ทุกอัปกิริยาบทนั้นอยู่ในสายตาของอีกคนทั้งหมด มันทำให้หมออนันต์เผลอยิ้มตาม

“ตรงนั้นครับ ตรงนั้นก็ได้” น้ำเสียงตื่นเต้นของพู่กันเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนตัวสูง มือใหญ่ขยี้ผมสีชมพูจนฟูอย่านึกเอ็นดู แต่เจ้าของผมนุ่มกลับชะงักกับการกระทำนั้น 

“ครับ งั้นไปกัน”

ร่างสูงเดินนำออกไปแล้วแต่เขายังยืนอยู่ที่เดิม มือบางยกขึ้นแตะศีรษะตัวเองเบาๆอย่างไม่เข้าใจ สัมผัสที่ไม่คุ้นเคย การกระทำที่ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอจากเจ้าของร่างสูงทำให้เขาเบลอไปชั่วขณะ แต่เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็รีบสาวเท้าตามร่างสูงไป มือของเขาก็กระชับอุปกรณ์ที่เอามาแน่นยิ่งขึ้น เกือบไปแล้ว เกือบล่วงลงไปแล้วไหมล่ะ ไม่ใช่อุปกรณ์หรอก หัวใจเขานี่แหละ

“เอ่อ.......มีเก้าอี้ไหมครับ ผะ ผมกลัวว่าคุณหมอ เอ่อ จะเมื่อย” ประโยคที่คล้ายว่าห่วงใย ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตจนต้องกลั้นรอยยิ้มเอาไว้

“มีครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” พู่กันผวาร่างตามด้วยความเกรงใจ จะให้เจ้าบ้านไปยกมาได้ยังไงกัน พู่กันเดินตามหลังไปเงียบๆ เขาช่วยร่างสูงยกเก้าอี้มาสองตัว ทั้งๆที่เขาบอกแล้วว่าไม่เป็นไรๆ แต่คนตรงหน้ากลับทำหูทวนลมไม่สนใจจะฟังแถมยังยกมาเองทั้งสองตัวในคราวเดียว ตัวหนึ่งของเขาอีกตัวก็ของหมออนันต์

พู่กันจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ตรวจเช็คความเรียบร้อยและคอยดูองศามุมมองจากจุดยืนของเขาและนายแบบอย่างหมออนันต์ แต่อย่างหมอไม่ต้องจัดแจงอะไรด้วยซ้ำเพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อเกินบรรยายอยู่แล้ว หมออนันต์ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเพื่อช่วยเสริมให้ใบหน้าดูดีมากขึ้น แต่ความจริงที่เขายิ้มมันเพราะคนตัวเล็กหลังฉากภาพนั่นต่างหาก ยิ่งได้เห็นศีรษะเล็กๆเอียงมาเพื่อมองเขา มันก็ทำให้เขายิ่งยิ้มออกมากเข้าไปอีก ใบหน้าเล็กยามจ้องมองกระดาษช่างน่าดูยิ่งนัก แม้เขาจะเห็นมันเพียงแค่ครู่เดียวก็เถอะ

พู่กันไม่กล้ามองหน้าของหมออนันต์นานนัก ยิ่งแววตาคู่นั้นยิ่งไม่กล้ามองเลยสักนิดแต่ที่สุดแล้ว งานก็คืองาน แม้จะไม่อยากจะสบตาของคนๆนั้นแค่ไหนเขาก็ต้องมองไปอยู่ดี ใบหน้าของคนเราจะขาดดวงตาได้อย่างไร พู่กันพยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่นยามสบสายตาคู่นั้น แม้จะไม่สามารถตีความในแววตาที่สื่อออกมาได้ แต่ร่างกายกลับร้อนผ่าวตัวสั่นเทิ้มราวกับจับไข้ ไม่ได้!!! เขาต้องตั้งสติ จะต้องทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

ผู้หญิงที่เปิดประตูให้เขาเมื่อตอนที่เขามายกน้ำมาให้เขาและหมออนันต์ เธอชื่นชมเขาว่าวาดเก่งและดูสวยงามจนน่าทึ่ง ตัวเขาเองพอถูกคนพูดแบบนั้นก็อดเขินไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเธอพูดออกไปเพียงเพื่อให้กำลังใจเขาก็ตามที แต่การสนทนาก็ต้องถูกขัดเมื่อเสียงกระแอมไอจากหมออนันต์ดังขึ้น ใบหน้าที่เคยขี้เล่นบัดนี้ถูกความขรึมปกคลุมจนมิด แววตาคมฉายความไม่พอใจออกมาจนเด่นชัด ทำให้หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวละล่ำละลักขอโทษก่อนจะรีบวิ่งออกไป พู่กันเองก็หวาดกลัวจนตัวสั่น บรรยากาศกดดันจากร่างสูงทำให้พู่กันต้องก้มหน้าก้มตาตั้งใจวาดภาพที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ เหงื่อจากใบหน้าของพู่กันถูกปาดออก ทุกอย่างเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย

“หมอเข้าไปพักข้างในก่อนก็ได้ครับ ผมเหลืออีกไม่มากก็จะกลับแล้ว”

“กลับ? จะกลับเลยเหรอครับ” มือหนาที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อระบายความร้อนเกิดชะงักขึ้นเมื่อได้ยินว่าอีกคนกำลังจะกลับ

“เอ่อ ครับ! คือผม.....”

“อยู่ทานข้าวเย็นก่อนสิครับ ผมบอกให้คนเตรียมเผื่อคุณไว้แล้วนะ” เขาไม่อยากอยู่ต่อเลย บอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูก ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งวางตัวต่อหน้าหมออนันต์ไม่ถูก ครั้นจะปฏิเสธก็พูดไม่ออกเพราะสายตาเว้าวอนคู่นั้น

“ก็....เอ่อ ก็ได้ครับ แล้วตกลงค่าตอบแทนที่หมอต้องการละครับ หมอคิดออกหรือยัง ผมจะได้เตรียมให้ถูก” ร่างสูงของหมออนันต์ก้าวเข้ามาใกล้ ใบหน้าโน้มลงมาจนเกือบชิดริมหู

“ถ้าอย่างนั้น.........คืนนี้ ดูดาวเป็นเพื่อนผมหน่อย ได้ไหมครับ” หมออนันต์เอ่ยกระซิบเสียงนุ่มที่ชวนให้หัวใจเต้นแรง กลิ่นกายของคนตรงหน้ามอมเมาจนพู่กันมึนงงสับสนไปหมด ร่างสูงแอบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเล็กจนเต็มปอด สายตาของร่างสูงมองเห็นไหล่เล็กสั่นไหว

“ครับ” ร่างกายเล็กๆรู้สึกอย่างกับว่าอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ หลงเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงและกลิ่นของหมออนันต์จนเผลอตอบรับคำชวนไปโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับ ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาเบาๆบนแก้มใสไล่ไปตามกลีบปากบางที่ยั่วยวนชวนให้ลิ้มลองจนแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ใบหน้างดงามของพู่กันถูกมือหนาประคองขึ้นให้รับจูบแสนหวานจากริมฝีปากของเขา สติของคนทั้งคู่ดื่มด่ำไปกับความหอมหวานของกันและกันจนลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดสิ้น สายลมอ่อนพัดเอาความตื้นเขินและความละอายออกไปจนหมด หลงเหลือเพียงแรงปราถนาที่ผลักดันให้กระทำสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร แต่เขาก็ไม่อาจจะหักห้ามใจจากแรงเร้าของอารมณ์ที่เราทั้งคู่มีต่อกัน ร่างกายเล็กๆสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของหมออนันต์ที่กระชับแน่นขึ้นจนพู่กันต้องใช้สองมือโอบรอบลำคอหนาเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล่วงลงไปกองอยู่กับพื้นหญ้าแม้จะมีอ้อมแขนของร่างสูงโอบประคองเอาไว้ก็ตาม รสชาติที่หวานล้ำจากริมฝีปากบางช่างถูกใจจนเขาไม่คิดอยากจะผละออกแม้แต่วินาทีเดียว กักเก็บคนๆนี้เอาไว้ไม่ให้ใครได้พบเจออีก เขาจะไม่มีวันยอมแน่ๆ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง!!



๕๐%


TBC



          แง๊~ ช่วงนี้ยอมรับเลยค่ะว่าเริ่มตัน แมวเองก็ไม่รู้ว่ามันสนุกไหม แปลกนะคะ แมวรู้สึกว่าหาจุดจบของนิยายไม่เจอ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แมวทำได้แท้ๆ เฮ้อ... แมวไม่หายไปแบบไม่มาต่อแน่นอนค่ะ แมวจะมาต่อจนจบทั้งเก้าห้อง จะมาลงให้ทุกๆคนได้อ่านแน่นอน แต่อาจจะกินเวลา อาทิตย์บ้าง สองอาทิตย์บ้าง อย่าว่าแมวเนอะ แมวดีใจที่ทุกคนชื่นชอบ แม้ว่าแมวจะรู้สึกว่ามันดีไม่พอ แต่ทุกคนก็ยังกรุณามาอ่าน ฮือออ จะร้องไห้แล้วอ่ะ T^T ขอบคุณมากๆเลยนะคะ จบจากเรื่องของหมอๆ แมวจะไปเขียนพีเรียตแล้วนะ คิๆ แต่พีเรียตจะออกแนวใสๆนะคะ โนเอ็นซีดุเดือดเผ็ดมันส์เท่าเรื่องสั้นเนอะ มารอลุ้นกันค่ะว่าจะได้อ่านพีเรียตก่อนหรือชีวิตทั่วๆไปก่อน 5555 เพราะแมวไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องไหนจบก่อน ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ เลิฟยูว~



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction
Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY




ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอได้จ้า ตามอ่านน่ะ^^

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องพู่กันผมชมพู...กะคุณชายหมอ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ช่างใสซื่อยิ่งนัก กลัวน้องตามไม่ทัน

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คุณชายเดลดูเจ้าเล่มากๆ

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆนะคะแมวน้อย จะจบ จะลงเอยยังไง เราก็พร้อมอ่านเสมอน้า

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พู่กันจะโดนขังลืมไว้ในคฤหาสไหมนะ //สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด