พิมพ์หน้านี้ - คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: llมว_น้oe ที่ 01-01-2018 23:17:02

หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 01-01-2018 23:17:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






กฎของคลินิกมารักษ์

1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย
2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหา ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ
3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!




              คุณกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า? อยากมารักษากับพวกเราไหม เราสัญญา เราจะ'รัก'ษาพวกคุณอย่างดี มาเป็นไข้ของพวกเราเถอะ พวกเราจะรอคุณอยู่ที่ห้องตรวจ

 

        .....เชิญทุกท่านเลือกห้องตรวจ ที่สนใจได้เลยครับ.....


 




มาแค่ชื่อเรื่องนะคะ เนื้อเรื่องยังไม่เสร็จเลย เอาชื่อเรื่องมายั่วน้ำลาย หุหุ เรายังคงอยู่กับเรื่องสั้นเหมือนเดิมกับความหื่นที่ชนเพดาน ยังคงความเป็นแมวน้อยไม่เปลี่ยนนะคะ เดี๋ยวเนื้อเรื่องเสร็จเมื่อไหร่ แมวจะมาลงทันทีเลยค่าา

llมว_น้oe
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-01-2018 23:35:45
มาปักหมุดรอ..ออออออออ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 01-01-2018 23:50:22
รอจ้ารอ  :a11:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+u
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 01-01-2018 23:54:42
ต้องแซ่บแน่ๆ ปูเสื่อรอเลยฮะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 02-01-2018 14:17:00
ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ

     คลินิกมารักษ์ คือสถานที่รักษาผู้คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆแต่ผู้ป่วยจะสามารถเลือกห้องตรวจได้เองตามที่ต้องการ คลินิกอื่นอาจจะรักษาโรคทั่วไป แต่คลินิกของเราจะเน้นรักษาโรคทางเพศและแน่นอนว่าเรารับประกันว่าคุณจะหาย หากใครต้องการรักษากับคลินิกมารักษ์ คุณจะต้องรักษากฎของเรา 3 ข้อ
 1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย

 2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหา ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ

 3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!

 ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน 24 ชั่วโมง แต่กฎก็เหมือนข้อห้าม และเมื่อยิ่งห้าม!! มันก็เหมือนยิ่งยุ!!


       ผู้คนมักจะเดินเข้าไปในคลินิกตรงหน้าผมนี้ ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดีนักหนา แร่ละคนก็ใช่ว่าจะป่วยอะไรขนาดนั้น เพราะแต่ละคนที่เดินเข้าไปต่างก็แต่งหน้าแต่งตามาเสียสวยหยด นุ่งสั้นจนผมเห็นแล้วหวาดเสียแทน มันมีอะไรดีกันนะคลินิกนี้ คนแถวๆบ้านผมล่ำลือกันว่าคลินิกมารักษ์เป็นคลินิกที่มีบุคลากร(หมอ)หล่อจนแทบดิ้นตาย ผมไม่เคยเห็นหรอกครับและคงไม่คิดจะมาดักรอเพื่อจะเจอด้วย มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นในชีวิตผมนี่ครับ ใช่!! ผมคิดแบบนั้น จนเมื่อวันก่อน......
 
“หัน หันไปหาหมอเถอะนะ เชื่อผิงสิ” ผมที่นั่งกุมขมับหันไปมองผิงที่ร้องไห้ขอร้องผม มันคงจะดีกว่านี้นะ ถ้าผิงไม่ได้ทิ้งผมไป

 “มันไม่มีประโยชน์หรอกผิงก็รู้ อาการของเรามันเป็นตั้งแต่วันที่ผิงทิ้งเราไป” ผมไม่ได้อยากตอกย้ำเธอ เราตกลงกันแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่วันนั้น ผมดีใจที่เธอเจอคนที่ใช่ ดีใจที่เธอได้พบคนดีๆ แต่....อาการของผมตอนนี้สิครับ จะว่าร้ายแรงก็ร้ายแรง จะว่าเรื่องปกติก็ใช่ ก็ของผมน่ะสิ ไอลูกชายผมมันดันไม่ยอมขึ้น ขนาดผมไปยืนอยู่หน้าสาวสวยที่โชว์นมโชว์.......ให้ผมดู ผมยังไม่มีความรู้สึกเลย มันเหมือนกับว่าผมตายด้านยังไงอย่างนั้น

 “ผิงขอโทษ ฮื่อ ผิงไม่รู้ว่าหันจะเป็นแบบนี้”

 “ไม่หรอก....เราแค่อธิบายให้ฟัง เราไม่ได้โทษผิง” ผมเช็ดน้ำตาที่หน้าเธอเบาๆ ผิงยังคงสวยงามเสมอสำหรับผม แม้ว่าผมจะไม่มีสิทธิ์ชื่นชมมันแล้วก็ตาม

 “อย่างร้องสิครับ มันไม่ดีต่อลูกในท้องนะ”

 “ผิงทำผิด ผิงทำให้หันเป็นแบบนี้!! ฮึก ฮื่อ” ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากให้เธอโทษตัวเองเลยสักนิด ยิ่งเธอกำลังท้องกำลังใส้อยู่แบบนี้ด้วยแล้ว

 “ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดผิงหรอก อย่าโทษตัวเองเลย ผิงทำแบบนี้หันรู้สึกไม่ดีนะ” ผมตีหน้าเศร้าให้เธอเห็นว่าทำให้ผมไม่สบายใจ ได้ผล เธอเช็ดน้ำตาเงียบกริบก่อนจะมองหน้าผมราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ หวังว่าคงจะเป็นเรื่องดี

 “จริงด้วย!!!”

 “อะ อะไรเหรอ” ผมแทบจะกระโดดหนีกับท่าทางของเธอ ก็แม่เจ้าประคุณเล่นแหกปากเสียดังลั่นบ้านแบบนี้ผมจะไม่ตกใจได้ยังไง

 “ผิงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องคลินิกมารักษ์ เห็นเขาบอกว่ารับรักษาโรคทางเพศ” หะ!! มีคลินิกแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ

 “มันมีด้วยเหรอผิง ไม่ใช่ว่าพื่อนผิงโกหกผิงเหรอครับ” ผมบอกไปด้วยความไม่มั่นใจ

 “จริงๆนะ!! เพื่อนผิงเองก็ไปรักษาที่นั่น หายจริงๆ!!” ครับ เอาเถอะ ถ้ามันทำให้คนสวยตาโตตรงหน้าผมสบายใจ ผมจะยอมเชื่อก็ได้

 “ครับๆ หันเชื่อ”

 “งั้นหันไปกับผิงนะ ผิงจะออกค่ารักษาหันเอง” รอยยิ้มบริสุทธิ์ของผิงทำให้ผมยิ้มตามได้เสมอ แต่ไหนแต่ไรมาผมก็มักจะแพ้รอยยิ้มของเธอนี่ล่ะครับ

 “ครับๆ”

   ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางเด็กๆของเธอ ผิงมักจะทำท่าทางราวกับเด็กได้สิ่งที่ถูกใจเสมอๆ ตอนที่คบกัน

 อา.......เผลอคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว

   ผมมักจะลืมตัวบ่อยๆว่าหมดสิทธิ์ไปนานแล้ว ตอนนี้ผิงมีคนดูแลแล้ว และเขาก็ดูแลเธอได้ดีกว่าที่ผมทำซะด้วย ปัจจัยสำคัญของมนุษย์น่ะมันก็มีแค่เงินเท่านั้น ผมมันจนทำให้ผิงต้องมากัดก้อนเกลือกินกับผมมาตั้งนาน จนวันที่เธอมาบอกผมว่าเธอพบคนที่รักเธอและเธอเองก็รักเขา มันทำให้ผมรู้ซึ้งว่าที่ผ่านมาผิงต้องอดทนขนาดไหน ดีแล้วล่ะ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ วันแต่งงานของผิงผมเองก็ไป ผมไปเพื่อร่วมยินดีกับเธอ แต่แค่ห่างๆเท่านั้นครับ การแต่งตัวของผมมันไม่เหมาะสมกับงานของเธอ แต่เธอก็ยังเชิญผมเข้าไป แน่นอนว่าผมไม่เข้าไปอยู่แล้วบ่ะครับไม่อยากทำให้เธอขายหน้าที่พาคนอย่างผมเข้าไป ผมจึงทำได้แค่บอกคำยินดีกับเธอด้านนอกเท่านั้น

 ยินดีด้วยนะ.......หัวใจของผม

     ผิงลากผมมายืนอยู่หน้าคลินิกมันตลกนะครับสำหรับคนอย่างผมที่จะต้องมาให้ใครก็ไม่รู้ รักษาอาการไม่สู้ของลูกชายที่มันจะหายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จะขัดใจผิงก็ไม่ได้เดี๋ยวจะร้องไห้เอาอีก พูดแล้วก็ตลกดีนะครับ ทั้งๆที่ม่ำด้เป็นอะไรกันแล้วนอกจากเพื่อนแต่ผมก็ยังแพ้น้ำตาเธอเหมือนเดิม หรือเพราะใจของผมมันยังไม่ยอมเลิกรักเธอกันแน่นะ
ผมและผิงเดินเข้าไปในคลินิก ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นๆถึงแม้ว่ามันอาจจะใหญ่และกว้างจนแบจะเรียกว่าโรงพยาบาลได้ก็เถอะ หลักๆก็มีห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ!! อะไรครับเนี่ย ทำไมมันมีแต่ห้องตรวจวะครับ กี่ห้องกันวะเนี่ย หนึ่ง สอง สาม สี่......เก้า เก้าห้อง!! ให้ตาย นี่รักษากันแบบไหนครับถึงมีห้องตรวจตั้งเก้าห้องแบบนี้ ผมมองไปรอบๆไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกเหมือนว่า ทุกคนที่มานั่งรอหน้าห้องตรวจไม่ได้ป่วยสักนิด ลักษณะมาหาหมอล้วนๆ คลินิกมารักษ์ใหญ่ขนาดนี้ หมอคงรวยน่าดู

 "หันๆ มานี่สิ ไปยืนตรงนั้นทำไม” อ้าว ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของ เอ่อ พนักงานละมั้ง ก็ไม่เห็นเธอจะใส่ชุดพยาบาลนี่ครับ อาจจะเป็นพนักงานต้อนรับก็ได้ (หนักเข้าไปอีก)

 “เอ้า.....ลงชื่อตรงนี้นะ ผิงจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” รอยยิ้มของคนสวยอย่างผิงทำเอาผมเกือบจะเซ็นโดยไม่ได้อ่านแล้วไหมล่ะ ดีที่ยั้งตัวเองเอาไว้ทัน ว่าแต่ นี่มันกฎบ้าอะไรวะ

 “1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย....” ผมเงยหน้าขึ้นมองสาวชุดสีฟ้าที่ยืนส่งยิ้มที่ดูแล้วโคตรจะจริงใจ(?)มาให้พวกเรา

 “ใช่แล้วค่ะ ถ้าไม่งั้นจะถูกปรับเป็นเงินสิบล้านบาทเลยนะคะ” สะ สะ สิบล้าน ใครมันจะไปกล้าทำวะ ปรับซะขนาดนั้น

 “2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหา ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ...” หมอสวยเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม เมื่อยหน้าแทนอ่ะ ผมบอกเลย

 “ถูกต้องค่ะ ที่นี่หมอของเรามีสิทธิ์ขาดในตัวเองนะคะ ห้ามเก็บไว้ส่วนตัวเด็ดขาด หมอคือของสาธารณะค่ะ” สรุปเหมือนหมอไม่ใช่คน

 “3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!! ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน 24 ชั่วโมง...” หลวรักหมอเนี่ยนะ หรือหมอจะสวยจริงๆ

 “ใช่แล้วล่ะค่า หมอของเราขึ้นชื่อเรื่องหนังหน้า เอ้ย หน้าตามากๆเลยนะคะ พูดง่ายๆเลยว่า ทุกคนที่มารักษากับเรานั้น ล้วนถูกดูดมาจากหน้าตาหมอทั้งสิ้นเลยค่ะ” ผมเริ่มไม่อยากรักษาแล้วอ่ะ รู้สึกเหมือนผิงจะเสียเงินฟรียังไงไม่รู้ สรุปแล้วหมอไม่ได้เก่งกาจอะไร คนไข้มาเพราะหล่อ โลกแม่งน่าจะถึงกาลอวสานแล้วล่ะ ดูจากคนไข้แต่ละคนที่มานี่ อื้อหือ ไปคิดต่อเอาเอง

 “หัน.....อยู่นี่นะ ผิงต้องไปแล้วละ นัดหมอสูติเอาไว้” ผมพยักหน้ายิ้มให้เธอน้อยๆ

 “โอเค.....แล้วหันจะโทรหานะ”

 “จ้า เชื่อฟังหมอด้วยล่ะ รู้ไหม” ผมยิ้มขำกับท่าทางขึงขังที่ผิงทำ มันไม่ได้น่ากลัวเลยกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียอีก ผิงเดินออกไปจากคลินิกแล้ว เหลือแต่ผมกับพี่เมื่อยหน้าสองคน สงสารพี่เขานะครับ ยิ้มจนแป้งบนหน้าแตกแล้วสงสัยจะยังไม่ได้พักเลย

 “คุณสาว เดี๋ยวคุณช่วยโทร....นัด....” หือ อะไรหว่า ผมหันไปมองข้างๆเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางผม ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ กับเสื้อคลุมสีขาว หมอสินะ พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ก้มศีรษะน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มทักทายและดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจมารยาทเพราะเขาเองก็ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนกัน

 “หมอทายคะ หมอทาย” หมอนิ่งไปแล้วครับ ไม่รู้เป็นอะไรตัวค้างเชียว

 “อะ ครับๆ”

 “เอ่อ เมื่อกี้หมอจะให้สาวโทรหาใครคะ” หมอทายยืนนึกอยู่สักครู่ก่อนจะตบหน้าผากตัวเอง

 “ใช่ๆ เดี๋ยวคุณสาวโทรนัดคุณมาลินีให้มาตรวจพรุ่งนี้ตอนสิบโมงนะครับ” พี่เมื่อยหน้ายิ้มรับน้อยๆก่อนจะไม่สนใจหมออีก ส่วนผมก็ดูเอกสารตัวเองต่อไป

 “มีอะไรให้ผมช่วยไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองหมออีกครั้ง ช่วยเหรอ

 “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะเซ็นข้อตกลงเท่านั้นเองครับ”

 “แสดงว่ายังไม่ได้เลือกห้องตรวจสินะครับเนี่ย” อาว ต้องเลือกด้วยเหรอเนี่ย

 “ถ้ายังไงให้ผมเป็นหมอให้ดีไหมครับ รับรองเลยว่าคุณจะหายแน่นอน” ผมลังเลนิดหน่อยแต่เหมือนเขาจะไม่ให้เวลาผมคิดเลยสักนิดเดียว เพราะคุณหมอคนนี้ดึงข้อตกลงผมคืนแล้วส่งให้สาวชุดฟ้าที่ผมเพิ่งรู้ว่าชื่อสาวไป

 “คุณสาวครับ เดี๋ยวคนนี้ผมดูแลเองนะครับ”

 “อะ อ๋อ ค่าพี่เข้าใจแล้ว” อย่ายิ้มแบบเข้าใจกันอยู่แค่สองคนสิ ผมไม่เข้าใจด้วยนะเนี่ย คุณหมอผายมือให้ผมเดินไปข้างๆเขา เขาพาผมมายังห้องหนึ่งซึ่งมีป้ายเขียนติดไว้ที่หน้าห้อง

  **_ห้องตรวจที่๑ น.พ สิบทิศ_**

   “เอาล่ะครับเชิญนั่งก่อนเลย” นั่งเหรอ ตรงไหนละ ว่าแต่.....ทำไมห้องตรวจถึงมีเตียงกับหมอนได้ล่ะครับ ถ้าบอกผมว่าเป็นโรงแรมผมจะเชื่อมากกว่าอีก

 “เอ่อ นั่งตรงไหนครับ” ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นเก้าอี้สักตัว

 “หึหึ.....บนเตียงก็ได้ครับ” ครับ หา??? บนเตียงเนี่ยนะ แต่เอาเถอะ ก็มันไม่มีเก้าอี้ที่ไหนแล้วนี่ ผมเลยตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง อือหือ......เตียงต้องแพงแน่ๆ นุ่มตูดผมดีจริงๆ ยกกลับบ้านได้ไหมเนี่ย

 “งั้นเริ่มเลยนะครับ อย่างแรกช่วยบอกข้อมูลของคุณให้ผมทราบหน่อยครับ”

 “เอ่อ ผมมีปัญหาเกี่ยวกับ เอ่อ..” ยังไงดีวะ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ คุณหมอสิบทิศก็ยกมือขึ้นห้ามผมเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ ผมก็งงสิครับ

 “หึหึ...ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ๆ”

 “เอ๊ะ??”

 “ผมหมายถึงข้อมูลส่วนตัว อย่างเช่น ชื่อ นามสกุลอะไรพวกนี้น่ะครับ” อ้าว..... พอได้ยินแลบนั้นผมก็อายเลยครับ ก็เล่นปล่อยไก่ตัวใหญ่เลย หน้าผมนี้แดงแน่ๆดูจากความร้อนที่ผมรู้สึกได้บนใบหน้า

 “อ๊ะ อ๋อ ผมชื่อชวัตร เพื่อนๆเรียกผมว่าหัน ผมอายุ26ปี อาชีพผมก็ค้าขายครับ แล้วหมอสิบทิศอยากรู้อะไรเพิ่มไหมครับ” ผมถามเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกดี

 “ถ้างั้น.....ตอนนี้คุณมีแฟนไหมครับ” หือ เกี่ยวกับการรักษาเหรอ เอ.....อาจตะใช่ล่ะมั้ง

 “ไม่มีครับ”

 “โสดมานานหรือยังครับ” ผมคำนวณอยู่สักพัก จะว่าไปผมเลิกกับผิงมาก็......

 “1ปี 11เดือนครับ” หมอเลิกคิ้วขึ้นมองผม ว่าแต่หมอไม่ต้องจดเหรอ

 “จำแม่นจังนะครับ ท่าทางจะฝังใจน่าดู” จึก!!! รู้สึกเหมือนใครเอามีดมาแทง อย่างว่าแหละครับ เมื่อมีคนรู้ทันคนเราก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยอารมณ์โกรธ

 “ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องของหมอนะครับ คุณหมอสิบทิศ!!” ผมจ้องตาไม่กระพริบแต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียมากกว่า

 “ขอโทษด้วยครับ แต่ผมต้องรู้ไว้เพราะมันอาจจะช่วยให้ผมรู้สาเหตุของปัญหาของคุณ”

 “ถ้างั้นก็ได้ครับ.....”

 “งั้นคำถามต่อไปนะครับ โดยปกติแล้ว คุณมักจะมีเซ็กส์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ การช่วยตัวเองก็นับนะครับ” คะ คำถามนี้มัน ผมกัดปากหลบสายตาที่จ้องมองมาไม่หยุด รู้อยู่เต็มอกว่าหมอแค่พยายามช่วย แต่มันก็ยากนะครับที่เราจะต้องมานั่งบรรยายว่าอาทิตย์หนึ่งผมมีอารมณ์กี่ครั้ง ถ้าไม่ติดว่าผิงพามานี่ผมเดินกลับบ้านไปแล้ว

 “ว่าไงครับคุณชวัตร”

 “ผะ ผม เอ่อ ประมาณ 4-5 ครั้งต่ออาทิตย์ครับ” พูดไปก็อายปากจริงๆคำถามบ้าๆแบบนี้มันน่า.....

 “งั้นขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ แล้วทำไมคุณชื่อหันละครับ หมูหัน หรือแค่หันครับ”

 “ไม่ใช่หรอกครับ ผมชื่อกังหันครับหมอสิบทิศ” หมอยิ้มก่อนจะส่ายหน้าให้ผม

 “ไม่เอาสิครับ ขั้นแรกเราต้องทำความคุ้นเคยกันก่อน เรื่องจากชื่อครับ ผมจะเรียกคุณว่า กังหัน ส่วนคุณเรียกผมว่า พี่ทาย ดีไหมครับ” ไม่ดีได้ไหมอ่ะ ทำไมหมอชิบยิ้มแบบนั้นทุกที ผมรู้สึกอย่างกับว่าข้างหลังหมอมีใครฉายสปอตไลท์อย่างงั้นแหละ

 “เอ่อ ขอเป็นหมอทายแทนได้ไหมครับ” หมอไม่ตอบ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น ผมจะบ้า

 “หมอทายครับ คือ...”

 “(. .)”

 “หมอทายครับ คือผม....”

 “(. .)” นี่หมอมันกวนตีนผมใช่ไหมครับ
 
 “พี่ทายครับ”

 “ครับกังหัน มีอะไรเอ่ย” (^-^) ผมควรกระโดดถีบหมอก่อนดีไหมครับ กวนตีนขนาดนี้

 “ผมต้องรีบกลับแล้วครับ ต้องขายของต่อ”

 “อ๋อ โอเคครับ ยังไงพี่รบกวนขอเบอร์ติดต่อเราด้วยนะ” ชินปากซะเหลือเกินนะ

 “เดี๋ยวผมไปเขียนให้พี่สาวคนนั้นก็ได้ครับ”

      พรึบ!!

 “(‘ ‘)” ไอหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กับมือถือที่ถูกยื่นมาคืออะไร(วะ)ครับ

 “อะ อะไรครับ”

 “เบอร์กังหันไง ไม่ต้องไปเขียนข้างหน้า กังหันจะได้กลับบ้านเลย” เออ ก็จริง ผมเลยตัดสินใจกดเบอร์ให้หมอทายไปก่อนจะยื่นมือถือคืนเจ้าของไป

 “ขอบคุณครับ แล้วพี่จะโทรหา อ่า.....พี่หมายถึง แล้วพี่จะโทรนัดเวลามาตรวจนะครับ” ผมพยักหน้ารับทราบ เอาเถอะครับ หมอทายแกคงไม่ค่อยจะเต็มล่ะมั่ง

 “งั้น......ผมกลับได้เลยใช่ไหมครับ”

 “กลับได้เลยครับ” หมอทายส่งยิ้มให้ผมและผมก็ยิ้มตอบไป มันเป็นมารยาทที่ถูกสอนเอาไว้ หมอทายดึงดันจะเดินไปส่งแต่ผมปฏิเสธไปเขาจึงยอมให้ผมกลับด้วยตัวเองแม้ว่าท่าทางจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม แต่ที่ผมสงสัยคือสายตาของพี่สาวชุดฟ้าที่มองผมด้วยแววตาแปลกๆ แม้มันจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่ผมก็ขนลุกซู่อยู่ดีเมื่อสบตากับเธอ อะไรกันนะคลินิกนี่ นอกจากการจัดห้องจะแปลกๆแล้วผู้คนที่นี่ก็แปลกเช่นกัน หรือผมไม่ควรมาที่นี่กันแน่นะ

       ผมเปิดร้านตามปกติ อ๋อ...ใช่ผมเป็นพ่อค้าขายขนมหวานซึ่งเป็นสูตรที่แม่ของผมทิ้งเอาไว้ให้ก่อนท่านจะเสียไปเมื่อตอนผมอยู่มัธยม หลังจากที่เสียแม่ไปผมก็เหลือตัวคนเดียวจนต้องออกจากโรงเรียนมาขายของหาเงินเลี้ยงตัวเอง ยังดีที่ผมพอจะไปสอบเทียบจนสามารถจบม.6ได้ แต่จะให้ทิ้งร้านที่เปิดมา 10ปีมันก็ใช่เรื่องลูกค้าเองก็ใช่จะน้อยๆ ขนาดผมปิดร้านไปวันก่อนจะโดนลูกค้าบ่นกันยกใหญ่ ถามว่าผมดีใจไหม แน่นอนครับก็รายได้หลักของผมมันมาจากการขายขนมพวกนี้นี่นา
 “ครับ ทองหยิบสิบบาท บัวลอย1ถุงกับกล้วยบวชชีสินะครับ ได้ครับ”

 “แหม....หัน ขยันจังเลยนะพ่อคุณ” ผมยิ้มให้พี่สาที่พูดประชดแดกดันผมเพราะผมไม่ยอมปิดร้านพักผ่อนอย่างไม่คิดอะไร

 “ไม่ได้หรอกครับพี่ เดี๋ยวลูกค้านอกใจผมไปซื้อร้านอื่น ผมเสียใจแย่” ตีหน้าเศร้าแบบนี่เรืองถนัดของผมเลย

 “ย่ะ! ร่างกายหันเถอะจะไหวหรือเปล่า บอกแล้วให้พี่มาช่วยเป็นหุ้นส่วนชีวิตก็มาเชื่อ” ผมหัวเราะออกมากับท่าทีที่พี่สาแสดงออกมาราวกับว่าจีบผม

 “นี่ครับได้แล้ว ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ”

 “พี่หัน ลอดช่อง2ถุงกับเต้าส่วน1ถุงค่ะพี่”

 “จ้าหมวย เดี๋ยวพี่จัดให้” รอยยิ้มของผมจะมีให้ลูกค้าเสมอครับ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าไม่ห่างหายไปไหน นอกจากความอร่อยน่ะนะครับ หึหึ

 “หัน!!!” แย่ล่ะสิ งานเข้าแล้ว!

 “อ้าว....ผิง วันนี้อยากกินขนมร้านหันเหรอครับเนี่ย” ท่าทางผิงจะเอาเรื่องนะครับ ยืนจังก้าเท้าสะเอวด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น ผมตายแน่ๆ

 “ไม่ต้องมาพูดดีเลย ทำไมไม่ปิดร้านวันนี้!!” อูย.....น่ากลัว

 “แหะๆ ก็หันเป็นห่วงลูกค้า กลัวพวกเขาหิว” จึ๋ย....อย่างกับแม่ผิงตัวน้อยจะยิงเลเซอร์ใส่ผมอย่างนั้นล่ะ

 “แต่หันต้องไปหาหมอ!!”

 “พี่หันๆ พี่หันป่วยเหรอ” เวรกรรม ลืมเลยว่าหมวยอยู่ด้วย ลูกค้าคนอื่นเริ่มหลบฉากปะทะสงครามของผมกับผิงแล้วครับ

 “อะ เอ่อ ใช่ๆ” จะยังไงก็เถอะ ผมคงไม่บ้าประกาศออกไปหรอกว่าผมป่วยเรื่องเซ็กส์

 “หึหึ หรือจะให้ผิงพูด บอกทุกคนเลยดีไหม” อ่ะ ลูกค้าก็ลูกค้าเถอะครับ พวกเขาก็คือมนุษย์ธรรมดา พอได้ยินแบบนั้นต่อมเผือกนี่ทำงานกันทันที หูหางกระดิกรอฟังกันเต็มที่เลย

 “โอเค ปิดร้านแล้วคร๊าบบบบ”

    ผมรีบเก็บของเข้าบ้านไม่สนใจพวกลูกค้าข้างนอกที่ทำหน้าทำตารางกับว่าเสียดาย เสียดายอะไรกันนะ ขนมหรือเรื่องของผม แต่ดูแล้วท่าทางจะเรื่องของผมมมากกว่า ให้ตายเถอะ เรื่องคนอื่นนี่ชอบกันจริงๆ ผมพาผิงที่ยืนงอนอยู่ข้างนอกเข้าบ้าน เหลือขไปเห็นรถของแฟนผิงแล้วมันเจ็บใจจี๊ดๆ แค่จี๊ดๆครับไม่เป็นอะไรมาก ดีหน่อยที่เขาเข้าใจถึงกล้าปล่อยเธอมาเจอผมได้ แต่ผมว่า....เขาคงเห็นง่าผิงท้องมากกว่าเลยไม่กล้าขัดใจ เหมือนผมไง ตอนนี้แทบจะหาอะไรมาพัดให้อารมณ์ที่เดือดปุดๆของเธอให้มันปลิวไป แต่ทำได้แค่ นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอเท่านั้น นั่งรอรับชะตากรรม

    กึก กะ กึก กึก กะ กึก

 “ผะ ผิง อย่าเคาะนิ้วสิ เดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก” แต่เธอมองผมดุๆหน้าผมเลยจ๋อยไปตามระเบียบ

 “ไม่ต้องมาห่วงผิงเลย!! ทำไมไม่ไปหาหมอ”

 “ไปมาแล้ว ในสัญญาบอกว่าต้องให้ทางคลินิกโทรหาก่อน” นั่นล่ะครับผิงถึงทำสีหน้าอ่อนลงและผมเองก็ได้หายใจหายคอคล่องขึ้น

     ลา ล๊า ลา ลา ลัล ลัล ลา ~

 “รับสิหัน รับเลยๆ” ผิงพยายามคะยั้ยคะยอให้ผมรับสายทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยครับว่าใครโทรมา

 “ฮัลโหล”

‘สวัสดีครับ ขอสายกังหันครับ’ ผมขมวดคิ้วมองผิงที่ขมุบขมิบปากถามว่าใครโทรมา ผมเลยส่ายหน้าไป

 “เอ่อ กำลังพูดสายครับผม”

‘อ้าว หันเหรอ พี่เองนะ หมอทาย’ อ่า ผมเหลือตามองผิงที่ทำหน้าอยากรู้เล็กน้อย

 “ครับหมอ ว่าไงครับ”

‘อ๊ะ ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ครับ ว่าเราจะเรียกกันแบบสนิทสนม’

 “เอ่อ.....ครับพี่ทาย พี่ทายมีอะไรเหรอครับ”

 ‘พี่จะโทรมาถามว่าทำไมวันนี้กังหันไม่เข้ามาที่คลินิกครับ’

 “อ่า คือว่าผม”

 “ใครโทรมาอ่ะหัน” ผิงคงอดทนรอไม่ไหวถึงได้ส่งเสียงถามผมขึ้นมาแบบนั้น

 ‘.....’

 “หมอทายน่ะ หมอทายโทรมาถามว่าทำไมหันไม่เข้าไปที่คลินิก” ผมพยายามอธิบายให้ผิงฟัง

‘กังหันครับ....’ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่เสียงปลายสายของหมอทายดูหงุดหงิดไม่น้อยเลย

 “อ๊ะ ผมฟังอยู่ครับหมอ เอ่อ หมอถามว่าทำไมผมไม่ไปที่คลินิกใช่ไหมครับ”

 ‘.....ครับ’

 “ก็คือ เอ่อ จากสัญญาที่ผมอ่านมาเขาบอกว่า เอ่อ ให้รอโทรศัพท์จากคลินิก ผมเลยไม่ได้เข้าไป”

‘อ๋อ จริงด้วยครับ! ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เข้ามาที่คลินิกนะครับ เราจะเริ่มรักษากัน’

 “โอเคครับหมอ เอ่อ หมายถึงครับพี่ทาย พรุ่งนี้พบกันครับ”

‘หึหึ ครับ พรุ่งนี้พบกัน’ ผมวางสายจากหมอทายไปก่อนจะหันมามองหน้าผิงที่อมยิ้มมองผมแปลกๆ

 “มองหันแบบนั้นทำไมอ่ะ” ผิงไม่พูดแต่กลับเล่นหูเล่นตาใส่ผมจนน่าหมั่นใส้ อะไรกันครับ ความรู้สึกของการทำตัวไม่ถูกาวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหก โอ้ย.....ผมทำอะไรผิดกันเนี่ย แล้วเมื่อไหร่ผิงจะเลิกมองหน้าผมแล้วอมยิ้มแปลกๆแบบนั้นเสียที ผมอาย!!!!




           ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 02-01-2018 14:18:32
              ต่อจากด้านบน


     ในที่สุด! ในที่สุด!!! ผมก็มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้งข้างหน้าตึกคลินิกมารักษ์ วันนี้คนเยอะมากเลยครับ ผมมองเห็นด้านในที่มีคนมานั่งรอคิวกันเต็มไปหมด ทั้งหญิงและชาย ไม่ใช่ชายแท้ด้วย!! นั่นยิ่งทำให้ผมไม่อยากเดินเข้าไปใหญ่ ทำไมน่ะเหรอครับ ก็สายตาของพวกนั้นที่มองผมขนาดผมยืนอยู่ข้างนอกนี่สิ มันเรียกได้ว่าแทบจะฆ่าผมตายได้เลย เอาเถอะครับ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเข้าไปพบหมอทาย

 “อ้าว น้องกังหันใช่ไหมคะ” พี่สาวคนเดิมทักทายผมทันทีที่ผมเปิดประตูคลินิกเข้าไป

 “เอ่อ ครับพี่..... อ๋อพี่สาว” ผมนึกชื่อเธออยู่แป๊บนึงก่อนจะเอ่ยออกมา เธอส่งยิ้มหวานให้ผม ดีจัง วันก่อนเจอรอยยิ้มทางการค้าวันนี้เจอรอยยิ้มพิมพ์ใจตั้งแต่เดินเข้ามา ฤกษ์งามยามดีแท้ๆ

 “ดีใจที่มานะคะวันนี้ ไม่งั้นคงมีคนหงุดหงิดแย่เลย” พี่สาวพูดติดตลกซึ่งผมเองก็หัวเราะไปกับเธอด้วย เธอเป็นคนสวยครับ เวลายิ้มอย่างจริงใจแบบนี้ยิ่งสวย

 “ฮ่าๆ ไม่จริงหรอกครับ เอ๊ะ หรือว่าพี่สาวคิดถึงผม”

 “หึหึ ไม่น่าจะใช่พี่มั้งคะ เอาเถอะค่ะ ยังไงก็ไปรอคิวพบหมอทายกันดีกว่า” ผมยิ้มพยักหน้าให้พี่สาวเดินนำหน้าผมไปยังห้องตรวจ แม้ว่าผมจะเคยมาแล้วก็ตามที

 “เดี๋ยวน้องหันนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ วันนี้หมอทายมีคิวตรวจเยอะมากอาจจะใช้เวลานานหน่อย”

 “ครับพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ผมส่งยิ้มบางๆให้พี่สาวเพื่อให้เธอสบายใจ

 “โอเคค่ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว เอ่อ น้องหัน ถ้าได้ยินเสียงแปลกๆก็ไม่ต้องตกใจนะคะ”

 “อ๋อ โอเคครับ” ว่าแต่ เสียงแปลกๆนี่แบบไหนกันนะ ผมนึกสงสัยกับคำพูดที่พี่สาวทิ้งท้ายเอาไว้ ที่นี่คลินิก เสียงแปลกๆมีด้วยเหรอ ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าพี่สาวหมายถึงอะไร แต่ก็เอาเถอะครับ แค่นั่งรอคิวก็พอสินะ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนดูแล้วไม่น่าจะมาในที่แบบนี้เลย บางคนเป็นผู้ชายแต่กลับแต่งตัวได้หวาดเสียวยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ไม่เข้าใจเลยว่ากางเกงเอวต่ำๆขาสั้นๆกับเสื้อกล้ามมันเป็นที่นิยมของวัยรุ่นกันหรือ ทำไมผู้ชายที่มารักษาที่นี่ถึงชอบแต่งตัวแบบนี้กันนัก โดยเฉพาะหน้าห้องตรวจที่๑นี่ด้วย แทบจะทั้งหมดด้วยซ้ำ

 “อ๊ะ อื้ม ซี๊ด”

     เอ๊ะ??? หรือผมจะหูฝาด

 “อือ หมอ หมอทาย อ๊า!!” อะ เหอะๆ มันไม่ใช่การฝาดแล้วล่ะผมว่า ชื่อหมอลอยมาขนาดนี้ รักษาขั้นไหนกันครับเนี่ย นี่สินะครับเสียงแปลกๆที่พี่สาวหมายถึง ผมนี่แทบกระโดดหนีกลับบ้านเลย คนทั่วไปได้ยินเสียงครางกระเส่าแบบนี้อาจจะมีอารมณ์ ผมก็คงมีถ้ามันเป็นเสียงผู้หญิง!! ใช่ครับ มันเป็นเสียงทุ่มที่ฟังดูแล้วสยิวกิ้วสุดๆ ทำเอาผมนี่ขนลุกขนพองเลยทีเดียว

 “เอาล่ะ คิวต่อไป อ้าว!! กังหัน มารอนานแล้วเหรอ”

   ขวับ!!

     จากที่นั่งอยู่อย่างสงบสุข ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนขับๆรถไปแล้วข้างหน้าเป็นหน้าผาแต่ผมดันรู้ว่าเบรกแตก ง่ายๆสั้นๆก็คล้ายๆฉิบหายนั่นล่ะครับ ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มเจือนๆหดหัวหดคอทำตัวลีบๆเข้าไว้แทน

 “หวัดดีครับหมอทาย”

 “กังหันนี่ขี้ลืมจริงๆเลยนะเรา พี่บอกแล้วว่าให้เรียกพี่ทายไงครับ”

     ชิ้ง!!!!

 หนักเลยครับ จากจะตกผาตอนี้เหมือนโดนจับมัดแล้วโยนลงในกระทะร้อนๆ ให้ตายเถอะ นี่หมอทายจะรู้ไหมว่าบรรดาคนไข้ของเขาแทบจะฆ่าผมอยู่แล้ว (สงสัยจะข้อหาสนิทกับหมอเกินหน้าเกินตา)

 “อะ เอ่อ”

 “หมอครับ คิวผมแล้วน๊า” สองมือกอดแขนแต่สองตานี่จิกผมจนจะพรุนแล้วครับ นี่ผมทำอะไรผิด?

 “อ๋อ โอเคครับจ้าว งั้น เดี๋ยวพี่ดูแลคนไข้ก่อนนะ แล้วพี่จะมาคุยด้วย”

 “อะครับพี่” หมอจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมจะตายก็เพราะมีหมออยู่นี่แหละ ผมมองทั้งสองคนจนหายลับเข้าไปในห้องถึงจะหายใจสะดวกขึ้น แต่ก็ไม่มากเลย เพราะผมรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่มุ่งตรงมาที่ผมเต็มๆ ต้นตอน่ะหรือครับ รอบๆข้างผมนี่แหละ!! ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ มองกูแน่ๆ โฮๆ ใครก็ได้ ฆ่าหันที!!!

     โชคดีที่พี่สาวเป็นห่วงเลยแวะมาหาผมบ่อยๆไม่ปล่อยให้ผมอยู่กับฝูงอีแร้งในคราบมนุษย์ ผมต้องเสมองไปที่ห้องตรวจบ้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง หรือไม่ก็เอาหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้ๆมาทำทีเป็นอ่าน ไม่อยากบอกเลยแต่ผมทำตัวลำบากมาก จะเดินจะมองจะขยับทีก็เหมือนมีแต่คนมอง ขนาดจะตดผมยังไม่กล้าเลย ผมต้องนั่งท่าเดิมจนเกร็ง รู้สึกเหมือนผมกำลังจะสตาฟตัวเองยังไงอย่างนั้น และผมไม่ชอบเลย มันเมื่อยจริงๆนะ
  “€<|%$€%¥**” ผมได้ยินเสียงแปลกๆแต่ไม่ชัด พยายามใช้สมาธิจดจ่อฟังเพียงแค่สิ่งที่ต้องการได้ยิน

 “หมอทำไม่ได้เหรอครับ แค่ครั้งเดียวก็ได้นะครับ” หืม?? ทำอะไรหว่า เอ่อ อันนี้ไม่ใช่นิสัยผมนะครับ ผมติดมาจากลูกค้า~

 “ไม่ได้ครับ มันเป็นไปตามสัญญา”

 “ถ้างั้นเดินออกไปส่งจ้าวนะครับ” ผมรู้ทันทีว่าสองคนนั้นกำลังจะออกมาและผมก็ต้องวางท่านิ่งๆราสกับว่าไม่ได้เสือกเรื่องของเขา หมอเปิดประตูโดยที่มีร่างบางๆของคนที่ชื่อจ้างเดินออกมา

 “งั้นจ้าวไปนะครับหมอ”

 “ครับ อุ๊บ!!” เป็นฉากจูบที่ร้อนแรงมาก แขนเล็กๆขอจ้าวคล้องคอดึงให้หมอก้มลงมารับจูบถนัดๆ โดยที่จ้าวเนี่ยหลับตาพริ้มอย่างเพ้อฝัน ส่วนหมอทาย ตาเหลือกพยายามแกะมือของจ้าวออกจากตัวเอง เอาเถอะครับ ปล้ำจูบหมอก็มีวุ้ยคนเรา ผมเห็คนอื่นๆตาค้างและส่งกระแสจิตจิกกัดให้จ้าวถอยออกมาจากหมอ ดีจัง ผมเลิกโดนเพ่งเล็งแล้ว

 “ปากหมอหวานจัง วันหลังจ้าวขออย่างอื่นนะครับ จุ้บ” ผมเลือกที่จะไม่มองภาพตรงหน้า บอกตรงๆกลัวหัวเราะหน้าหมอทายอ่ะ เหวอจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี

 “อะ เอ่อ อะแฮ่มๆ คิวต่อไปครับ”

 “ครับผม” อ๊าก!! ผู้ชายเหรอครับนั่น!!! ถ้าไม่พูดครับนี่ผมนึกว่าผู้หญิง คนอะไร.....สวยจนผมไม่อาจจะละสายตาได้ แต่ดูเหมือนเขาเองก็ไม่ชอบขี้หน้าผมนะ ดูจากสายตาที่มองมาทางผมนี่ ไม่ใช่เล่นๆ แล้วตกลงผมไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจกันแน่นะ

 “นี่!! นายชื่อกังหันสินะ” ผมหันไปมองต้นเสียง อ๋อ....ผู้เปิดตำนานจูบอันเร่าร้อนในคลินิก

 “ครับ”

 “อย่าคิดนะว่าสนิทกับหมอแล้วจะได้หมอไปครอง!! มาทีหลังก็หัดรู้ตัวเองซะบ้าง” ผมย่นคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้อลการจะบอก

 “เรื่องอะไรครับ? ผมไม่เข้าใจ”

 “อย่ามาทำแกล้งโง่!!! แกคิดจะอ่อยหมอทายใช่ไหม!!” เอ่อ....เท่าที่ผมเห็น เขาไม่ใช่เหรอครับที่อ่อยหมอ

 “เปล่านะครับ ผมไม่เคยคิดเลย ผมชอบผู้หญิง” เขามองผมเหยียดๆ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูแคลน

 “หึ!! ใครจะรู้ เห็นหน้าตาซื่อๆแบบนี้ แอบแรดก็มีถมไป!” มือของเขาจับปลายคางของผมขึ้นก่อนจะสะบัดออกอย่างแรงจนหน้าของผมหันไปอีกทาง นี่ผม....มาคลินิกเพื่อให้ใครก็ไม่รู้มาหาเรื่องทะเลาะกับผมเรื่องแย่งผู้ชายเนี่ยนะ!! มันใช่ไหมเนี่ย!! ผมตัดสินใจยืนขึ้นเต็มความสูงมองตาเขาอย่างจริงจัง

 “ผมมารับการรักษาครับ ไม่ได้มาหาผัว! ถ้าจะกรุณา พูดจามีมารยาทกับผมนิดหนึ่งก็คงดี”

 “นี่แก...”

 “อ๋อ! จริงสิครับ! แล้วก็อย่าเอานิสัยของตัวเองมาใช้ตัดสินคนอื่นอีกนะครับ มันบ่งบอกถึงการอบรมสั่งสอน!!”

 “กะ แก!! อย่านึกว่ามันจะจบแค่นี้นะ!!”

 แล้วเขาก็เดินเชิดหน้าออกไป ผมไม่ใช่คนที่จะให้ใครมานั่งด่าอยู่เฉยๆ คนอย่างผมซึ่งเป็นพ่อค้าพบลูกค้ามาหลากหลายคงไม่เงีนบเป็นเป่าสากหรือนั่งก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมหรอก มันไม่ใช่นิสัยผม ตอนนี้...ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ถ้าสังเกตจะเห็นว่าการด่าทอกันเมื่อครู่ของผมและจ้าวผมคือคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางฝูงอะไรสักอย่างที่พร้อมจะรุมทึ้งผม ทุกสายตาล้วนแต่เห็นด้วยไปกับคำพูดของจ้าว เหมือนว่าผมไม่อ่อยหมอทายจริงๆ ทั้งที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อรักษาอาการของผม ผมไม่รู้หรอกครับว่าคนอื่นๆเขามาที่นี่กันทำไม แต่ผม.....ถ้าไม่ป่วยจริง ไม่เคยคิดจะมาเหยียบที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว!!!!

 “โอเคครับ กังหัน เข้ามาได้แล้วครับ”

 ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงของหมอทายเรียกชื่อผมเพื่อเข้าไปรับการรักษา เสียงซุบซิบดังไล่หลังมาจนน่ารำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกเหมือนเป็นคนที่ทุกคนรังเกียจ ผมรู้สึกเหมือนผมไม่ควรจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก

 “ไหนครับ วันนี้เราดูอาการของกังหันกันดีกว่าครับว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง ลองอธิบายมห้พี่ฟังหน่อยสิครับ” หมอก็ดูเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัยอะไร เรื่องแบบนี้จะโทษหมอก็คงไม่ถูก

 “กังหัน กังหันครับ!!!”

 “อ๊ะ ครับๆ” ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดที่เหม่อลอยของตัวเอง เอ๋.....แล้วเมื่อกี้หมอว่าไงนะ

 “หึหึ ใจลอยอะไรครับ พี่บอกว่า ให้เล่ารายละเอียดของอาการให้พี่ทราบหน่อย” ผมรู้สึกอายจนแทบจะมุดห้องหมอหนีเลย เมื่อรู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อในขณะที่หมอวินิจฉัย

 “เอ่อ คือตอนแรกเนี่ยผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าตัวเองเป็นอะไร แต่พอเลิกกับผิง เอ่อ ผมหมายถึงแฟนเก่าผม ผมก็ไม่มีเวลาไปสนใจใครอีก จนวันก่อนนี้มีงานเลี้ยงของเพื่อนๆ ซึ่งพวกมันรู้ข่าวว่าผมเลิกกับแฟน มันเลย อ่า.....ซื้อผู้หญิงมาให้ผม แต่ตอนที่เราจะลงมือทำ มันกลายเป็นว่าลูกชายผมมันไม่ทำงาน ผมเลยทดลองดูหนัง หาสิ่งเร้าอารมณ์มาทดสอบ ผมกลับไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ” หมอทายมองหน้าผมตลอดเวลาที่ผมพูด ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่แม้ว่าใบหน้าของหมอจะเปื้อนรอยยิ้มแค่ในดวงตากลับดูดุดันจนผมต้องหลบตาหมอไป

 “อืม....ผมว่าบางที มันอาจจะเป็นอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศครับ แต่....ถึงผมจะบอกแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกันอย่างถาวร โดยทั่วไปแล้วการเสื่อมสมรรถภาพมันเกิดขึ้นหลากหลายสาเหตุ”

หมอเคาะโต๊ะมองหน้าผมอย่างจริงจังราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะพูดนี้ร้ายแรงมาก ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอกับบรรยากาศกดดันที่ตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนี้

 “แต่ของกังหัน มันน่าจะมาจากจิตใจ กังหันน่าจะรับไม่ได้ ตัดใจจากแฟนเก่าไม่ได้ เอาแต่โทษทุกสิ่งทุกอย่างและไม่ยอมเปิดใจรับใครหรืออะไรเข้ามาในชีวิต”

 “..อึก...”

 “ถ้าให้พี่ทาย แม้แต่ที่บ้านของหันเองก็มีแต่ของที่ทำให้นึกถึงเขา อย่างเช่นอะไรก็ตามที่เคยใช้ร่วมกัน”

 “....” ใช่ ผมยังเก็บทุกอย่างเอาไว้ แม้แต่หมอนที่ใช้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม

 “ในใจลึกๆ หันรู้สึกว่ายังไม่เลิกกัน การที่จะไปมีอะไรกับใครคนอื่น มันจะหมายถึงหัน นอกใจแฟนเก่าของหันเอง และมันอาจจะเกิดปัญหา ทำให้หันไม่สามารถรอเขาได้อีก สมองจึงสั่งการให้ร่างกายหยุดตอบสนองกับสิ่งโอ้โลมทั้งหลาย”

 “ผม.....ควรทำยังไง” ผมหลุบตามองมือของตัวเอง ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งที่หมอทายพูดมามันไม่ผิด ผมเองก็พอจะรู้ตัวว่า การที่ผมยังคอยพูดคุยกับผิง คอยดูแลเอาใจใส่ผิง มันคือความหวังลมๆแล้งๆที่ผมหวังว่าสักวันเธอจะกลับมา แม้ว่าเธอจะมีลูกกับใครไปแล้วก็ตาม

 “เฮ้อ.....บอกตรงๆนะกังหัน ถ้ากังหันไม่คิดจะทำจริงๆ ก็หยุดเถอะ มันจะเหนื่อยเปล่า”
 
 “ผะ ผม ผมพร้อมจะทำครับ ผมอยากจะหาย!!” หายจากการที่ต้องจมปรักอยู่กับรักที่ไม่เป็นจริง

 “ดีครับ งั้นเรามาทดสอบกันก่อนนะ ว่ากังหันพร้อมจริงๆหรือแค่พูดไปงั้น” ผมพยักหน้าให้กับหมอทายที่กลับมายิ้มทั้งใบหน้าอบะดวงตาอีกครั้ง

 “ทำยังไงครับ”

 “อย่างแรกเลย ผิงต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อน”

    ห๊ะ????

 “เอ่อ ผมต้องทำอะไรนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นถามหมอทายอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

 “กังหันจะต้องถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดครับ”



         50%



    TCB






มาแล้วๆๆๆๆๆ แมวพาหมอทายมาเสริฟแล้วค่าาา คิดถึงแมวกันไหม บอกแล้วว่าแมวกำลังแต่ง นี่เอามาเสริฟแค่ 50%ก่อนนะคะ ที่เหลือจะตามมาเมื่อเสร็จ ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะค๊า ^^
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-01-2018 15:03:49
เป็นคลีนิกที่แบบว่าเราจะสงสัยหน่อยๆว่ามันเปิดได้เหรอแบบนี้ แตาเพราะมันเป็นนิยายนี่แหละ ดูท่าหมอทายจะถูกใจกังหันตั้งแต่แรกพบนะเนี่ย มีแอบหึงด้วย เรื่องสนุกดีค่ะเราจะรอติดตามนะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-01-2018 15:24:18
โอมายก๊อด..ดดดดดด พี่หมอแลดูเจ้าเล่ห์ เอาใจช่วยกังหัน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 02-01-2018 16:18:40
ม่ายยยยยค้างมากมาย  ว่าแต่มีตั้ง 9ห้องตรวจ....อยากลองไปห้องอื่นดูจัง   :hao7: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-01-2018 22:21:50
โอ้โห แค่ตอนแรกก็น่าตื่นเต้นซะแล้ว

ว่าแต่.... “อย่างแรกเลย ผิงต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อน” ต้องเป็น "กังหัน" หรือเปล่าคะ?
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-01-2018 22:43:41
 :pighaun: โอ่ยย หมอ จะกินน้องแล้ววว
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-01-2018 23:57:47
 :mc4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 03-01-2018 00:06:06
หมอเผ็ช
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-01-2018 00:10:47
มาต่อคิวรอรับการบำบัดค่ะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-01-2018 09:51:50
หมอแซบมาก
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 08-01-2018 15:17:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbutterfly ที่ 08-01-2018 17:31:02
พี่หมอชอบกังหันหรอออ :hao3:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-01-2018 18:16:02
ติดตาม
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 09-01-2018 13:06:55
              “กังหันจะต้องถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดครับ”

 “อะ เอ่อ ทะ ทำไมจะต้อง..”

 “เพราะว่า นี่คือการทดสอบครับ พี่จะต้องตรวจเช็คร่างกายและปฏิกิริยาของกังหันที่ตอบสนองด้วยครับ” หา? เอ่อ เอาวะ ก็เขาเป็นหมอนี่ ถึงจะน่าอาย แต่ก็คงต้องทำ ผมค่อยๆถอดออกทีละชิ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองไล่มาบนร่างกายของผม

 “เอ่อ....” ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ เพราะตอนนี้ผมโป๊อยู่ท่ามกลางสายตาของหมอทายที่ทำให้ผมเขิน

 “อ๊ะ ใช่ครับ นอนลงบนเตียงเลยครับผม”

 ผมค่อยๆเอนตัวลงนอนบนเตียง ผมมองเห็นหมอทายที่เดินมาทางผมใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างกายอย่างสำรวจ ผมพยายามใช้มือปกปิดไปตามร่างกายให้ได้มากที่สุด แต่ก็ถูกมือของหมอทายจับออกจากตัวอยู่ดี ผมทำตัวไม่ถูกกับสภาพที่เป็นอยู่

 “เอาล่ะครับ เดี๋ยวพี่ขอดูหน่อยนะ”

 ผมเม้มปากแน่นเมื่อหมอทายใช้นิ้มมือสะกิดบริเวณยอดสีหวานที่ผมไม่เคยแม้สักครั้งที่จะไปยุ่งกับมัน หมอทายลอบมองหน้าผมเพื่อสังเกตปฏิกิริยาแต่นั่นยิ่งทำให้ผมอาย

 “ขอโทษนะ แต่พี่คงต้องทำมากกว่าใช่มือ กังหันคงไม่ว่าพี่นะครับ”

 “ยังไงครับ”

 “เอาเป็นว่า......กังหันหลับตาไว้จะดีกว่า” ผมหันหน้าเข้ากำแพงหลับตาปี๋ตามที่หมอทายบอก ไม่นานความเปียกชื้นและบางอย่างที่สากสัมผัสเข้าที่ยอดอกของผม ผมเผลอกำผ้าปูที่นอนแน่นร่างทั้งร่างของผมสะดุ้งและเกร็งขึ้นทันที ผมหรี่ตาพยายามมองว่าสิ่งนั้นคืออะไร และผมก็เห็น! หมอทายกำลังใช้ลิ้นเลียไปมาบนยอดสีสวย แต่ดูเหมือนจะไม่พอ

 จุ้บ จ๊วบ

 หมอทายดูดดึงและขบเม้นจนเกิดเสียงดัง ตอนนี้ผมเข้าใจเลยว่าทำหมอทายถึงให้ผมหลับตา เขาคงกลัวว่าผมจะรับไม่ได้ ผมอยากจะขัดขืนแต่ร่างกายผมกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและปล่อยให้หมอยังคงดูดและเลียอยู่กับหน้าอกของผมต่อไป น้ำลายใสๆยืดจากอกผมและปากของหมอ ผมเกิดความสงสัย หมอทำแบบนี้บ่อยจนชินเลยไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำอยู่ มือของหมอยังคงบีบและไล้วนอยู่กับยอดอกอีกข้างทั้งๆที่ริมฝีปากหมอยังคงไม่ละไปไหน หน้าท้องผมหดเกร็งทุกครั้งที่หมอทายดูดยอดอกของผมเข้าปากราวกับว่ามันคือสิ่งที่อร่อยที่สุด

 “หมะ หมอ” ผมตัดสินใจดันร่างของหมอออกแต่มันก็ยากมากเพราะดูเหมือนเขาจะสู้แรงผม

 “ว่าไงครับกังหัน” ผมทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยกลับดูดดึงมากขึ้นหากแต่ใช้เพียงสายตามองมาที่หน้าของผมเท่านั้น

 “วะ วันนี้เราหยุดก่อน อื้อ ได้ไหมครับ”

 “หึหึ ไม่ได้ครับ” ผมเม้มปากไม่ยอมให้เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากปากของผมอีกเด็ดขาด ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมรู้สึกเข้าใกล้สิ่งที่ผมเคยมี อารมณ์ร่วม แต่สิ่งที่วิ่งเข้ามาในหัวผมทำให้อารมณ์ที่กำลังก่อตัวหดหายไป

  “ผิง”

 สิ่งที่ออกมาจากปากผมมันเป็นอาการที่เรียกว่าอะไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองละเมอ เรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ภาพของผิงดึงความรู้สึกของผมให้กลับมา ผมใช้แรงมากขึ้นเพื่อดันหมอทายออก ดูเหมือนหมอทายจะชะงักไปเหมือนกัน

 “ขอโทษครับหมอ ผม....”

 “เอาเถอะครับ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะหายกันในวันสองวันนี้” ผมมองเห็นความยุ่งยาก และผมไม่อยากให้ผิงต้องมาเสียเงินมากไปกว่านี้

 “หมอทาย เอ่อ พี่ทายครับ ถ้าผมจะหยุดการรักษา...” หมอทายส่ายหน้ามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าจนผมเผลอใจกระตุก

 “มันคงไม่ได้ เพราะถ้าพี่ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าพี่ปล่อยให้คนไข้ออกไปโดยที่เขายังไม่หาย พี่เป็นหมอกังหันคงเข้าใจ” นั่นสินะ การจะให้หมอยกเลิกการรักษามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

 ผมลังเลเล็กน้อยและเหมือนว่าหมอทายเองก็จะเห็น

 “พี่แนะนำให้รีบรักษานะ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป กังหันเองนั่นล่ะที่จะลำบาก” ผมหันไปมองหมอทายอย่างไม่เข้าใจ

 “หมายความว่าไงครับ” หมอทายถอนหายใจก่อนจะหันมาสบตากับผม

 “พี่ว่ากังหันเองก็รู้ตัวดี ว่ามีสิทธิ์จะหวังต่อไปไหม ความหวังมีไว้มันก็ดี......ถ้ามันมีความเป็นไปได้!”

 “..!!” ใช่.....ผมเองก็รู้ รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปหวัง รู้ดีว่ามันไม่มีทางจะเป็นไปได้ ผมกับผิงเราต่างอยู่ในโลกที่ต่างกันแล้ว แต่ผม.....ก็ยังดึงดันจะหวังต่อไป ผมควรจะเลิกหวังใช่ไหม

 “ผมควรทำยังไงครับ” ความเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมากลั่นตัวเป็นน้ำตาที่ไหลริน ผมเจ็บ แต่มันก็ควรจะจบ เพราะการยื้อความเจ็บเอาไว้ ก็เหมือนแผลที่ไม่ยอมรักษา และสักวัน ผมอาจจะตายเพราะมันก็ได้

 “เอาแบบนี้ พี่ว่ากังหันคงต้องใช้หลักสูตรเร่งรัดแล้วล่ะ”

 หลักสูตรเร่งรัด?? มันคืออะไร

 “ทำไมเราต้องเร่งรัดด้วยล่ะครับ” ผมถามหมอทายอย่างไม่เข้าใจ

 “จากที่พี่เห็น การจะใช้ความค่อยเป็นค่อยไปมันคงไม่ได้ผล เพราะมันก็จะเป็นแบบเดิม แต่...”

 “...”

 “ถ้าเราใช้หลักสูตรเร่งรัด หันก็จะหนีไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ มันก็เหมือนการบีบบังคับให้ร่างกายยอมจำนน แค่สำเร็จสักครั้ง มันก็เพียงพอแล้ว” ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่หมอทายบอกแม้ว่าจริงๆแล้วผมจะกังวลมันก็ตาม

 “เดี๋ยวพี่จะออกไปคุยกับคุณสาวสักแป๊บ กังหันรอพี่อยู่นี่นะครับ”

 “อ่า ครับพี่ทาย”

 หมอทายส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ผมมองไปรอบๆพยายามคิดว่าหลักสูตรเร่งรัดที่หมอบอกผมมันคืออะไรกันแน่

        ผมยังนั่งเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเช่นเดิมแต่ผมกวาดเอาเสื้อผ้ามากอดเอาไว้ปกปิดร่างกายตัวเอง บอกตรงๆผมไม่รู้ว่าจะมีใครเข้ามาตอนไหน ถ้าเกิดเขาเข้ามาแล้วเห็นผมสภาพนี้ ผมคงอับอายจนไม่รู้ว่าต้องตายกี่ครั้งถึงจะดีขึ้น
 
   แกร็ก แอด...

 “ไอทาย มึงมีเจลไหมวะ อะ อ้าว” นั่นไง ผมว่าแล้ว!!!

 “เอ่อ หมอทายไปคุยกับพี่สาวครับ” ผมกอดเสื้อผ้าแน่นขึ้นเมื่อคนตรงหน้าใช้สายตาโลมเลียผมอย่างโจ่งแจ้งแบบไม่คิดจะปิดบัง ไหนจะร่างกายที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆผมอีกล่ะ เขาคิดจะทำอะไร

 “ป่วยเหรอครับ ให้ผมรักษาให้ไหม ผมน่ะ’เก่ง’มากเลยนะ” สายตาที่กวาดมองผมจนแทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ทำให้ผมผงะถอยหลังชนกับผนังห้องอย่างตกใจ

 “เอ่อ คือผม”

 “ไอสอง!!”

 “อะอ้าวเพื่อนรัก มาแล้วเหรอ กูว่าจะมายืมเจลมคงหน่อย แต่ดันมาเจอ......คนป่วย หึหึ น่าสนใจจังนะ” หมอทายกัดฟันกรอดก่อนจะตบหัวแล้วลากคอของอีกคนออกไปด้วยกัน

  ปัง!!

 ผมสะดุ้งงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็ว นี่เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย แล้วเมื่อกี้ใครกัน อย่าบอกผมนะว่านั่นหมอ เถื่อนขนาดนั้นเป็นหมอได้ด้วยเหรอ!! ทำไมผมรู้สึกโชคดีที่ได้ห้องหมอทายกันนะ โฮ~ ไม่นานหมอทายก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ดีขึ้น

 “ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยครับ ไอสองเป็นหมอที่นี่ เห็นแบบนั้น มันเป็นคนเก่งมากเลยนะ” ผมพยักหน้ารับรู้กับสิ่งที่หมอทายบอก

 “ถ้างั้น.......เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

    คลิก!!

 ผมหันไปมองหมอทายอีกครั้งเขายืนอยู่ที่หน้าประตูใช้มือกดล็อคเรียบร้อย ผมไม่เข้าใจ ทำไมจะต้องล็อคด้วย อีกอย่างทำไมห้องนี้ถึงมีประตูสองชั้นกัน!!

 “หมะ หมอ เราต้องล็อคประตูด้วยเหรอครับ” พี่หทายหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม

 “ใช่ครับ เราจะใช้วิธีที่เร่งรัด เพราะแบบนั้นถึงให้ใครมารบกวนไม่ได้ ไม่ต้องห่วง ต่อให้เสียงดังแค่ไหนข้างนอกก็ไม่มีวันได้ยิน” ทำไมผมรู้สึกว่าควรกลับบ้านตอนนี้กันนะ อันตรายที่สัญชาตญาณของผมมันร้องเตือนคือะไรกัน หรือผมจะคิดมากไปเพราะคนตรงหน้าผมคือหมอและเขาคงไม่ทำอะไรผมแน่ๆ

 “เอ่อ ครับ”

 “ถ้าอย่างงั้น นอนลงเหมือนเดิมเลยครับ แต่คราวนี้ชันเข่าขึ้นด้วยนะครับ”

 “เอ๊ะ! อ๊ะ ครับ”

 ผมค่อยๆชันเข่าขึ้นตามที่หมอบอก แต่ด้วยความที่ผมยังมีความเขินอายอยู่ผมจึงใช้มือทั้งสองปิดบังลูกชายของผมเอาไว้

 “เอามือออกเถอะครับ ไม่อย่างนั้นพี่จะรักษากังหันไม่ได้นะครับ”

 ผมกล้าๆกลัวๆเอามือออกทั้งๆที่ยังสั่นอยู่ หมอทายดันร่างกายท่อนบนของผมให้เอนตัวลงนอน ผมไม่กล้าแม้แต่สบตาหมอทายได้แต่เสมอไปทางอื่น หมอทายหัวเราะเบาๆใช้มือของตัวเองลูบแก้มผมอย่างเอ็นดูนั่นทำให้ผมต้องหันหน้ามามองใบหน้าของหมอทายที่ผมพบว่าอยู่ห่างกับผมเพียงแค่กระดาษบางๆกั้นไว้ ผมและหมอทายเราต่างรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน เราสองคนต่างจ้องตากันไม่มีใครหลบตาด้วยความที่หมอทายและผมอยู่ใกล้กันมากไป มือของผมที่อยู่ข้างตัวก็ยกขึ้นมาวางบนอกกว้างโดยอัตโนมัติ เสื้อสีขาวที่เก็บความเย็นจากแอร์ทำให้ผมชะงักคิดจะเบี่ยงหน้าหนีแต่มือของหมอทายก็จับใบหน้าของผมให้หันมาอีกครั้ง ริมฝีปากของหมอทายขยับเข้ามาใกล้จนแนบชิด ความหวานที่ถูกส่งมาทางริมฝีปากทำให้ผมมึนงง ในหัวขาวโผลนแต่ความกระหายในรสชาติมีมากกว่าทำให้ผมดูดดึงริมฝีปากของหมอทายกลับไป

 “อืม”

 หมอทายครางอย่างพอใจกับการตอบสนองของผม มือของเราสอดประสานกันอยู่ข้างตัวผม ผมอ้าปากรับลิ้นของหมอทายที่สอดเข้ามาภายในช่องปากของผม ลิ้นของผมก็ไม่น้อยหน้าเกี่ยวกระหวัดพันกลับไปกับลิ้นร้อนของหมอ ผมลูบไล้แผ่นอกไปมาอย่างยั่วเย้าโดยที่ผมไม่รู้ตัว หมอทายถอนริมฝีปากออกมาจ้องตากับผม เราสองคนหอบหายใจกับจูบที่กินพลังงาน มองตากันที่ต่างคนต่างสื่อออกมาถึงความร้อนแรง ความหวานที่ติดตรึงอยู่ในริมฝีปากทำให้ผมรู้สึกไม่พอจนต้องโน้มคอหมอทายมาจูบอีกครั้ง ครั้งนี้ผมสอดลิ้นเข้าไปทักทายหมอทายก่อน ฉกชิมความหอมหวานที่ผมติดใจอยากอดไม่ได้ หมอทายเอียงหน้ารับจูบผมอย่าไม่ขันขืน ผมรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆราวกับต้องการสำรวจ คงเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ ผมน่ะ.....ไม่ได้ทำแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ที่ผิงทิ้งผมไป การได้มารับรู้รสจูบที่ผมเคยชอบอีกครั้งมันทำให้ผมยั้งตัวเองไม่อยู่ ตอนงานเลี้ยงของผมที่เพื่อนจัดสาวสวยมาให้ ใช่ว่าผมจะไม่ได้จูบเธอ แต่มันไม่เหมือนกันกับจูบของหมอทาย มันหอมหวานจนผมแทบจะหลอมละลาย ความดุเดือดของจูบที่มัวเมาทำให้ผมลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมไปแม้กระทั่งว่าฝ่ามือร้อนพยายามชักนำให้น้องชายผมผงาดขึ้นมา

 “หวานเหลือเกิน” หมอทายถอนริมฝีปากออกก่อนจะก้มลงพึมพำบริเวณซอกคอขาว

 “อ๊ะ”

 ผมสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากร้อนที่ดูดผิวเนื้อจนรู้สึกเจ็บจี๊ด ความร้อนของริมฝีปากพรมจูบไปทั่วอก ลิ้นร้อนตวัดเลีบไปมาบนยอดอก ดูดดึงเม็ดยอดเข้าปากอย่างหิวโหย ความเปียกและความร้อนจากภายในปากของหมอทายทำให้ผมต้องแอ่นตัวรับอย่างไม่อาจจะต้านทาน หมอทายขบเม้มยอดอกผมไม่ยอมหยุด ดูดดึงจนมันเกิดเสียงจนเมื่อปล่อยปากออก ยอดอกผมก็ตั้งชันและแดงขึ้นจากการถูกดูด แต่ดูเหมือนมันจะไม่พอสำหรับหมอทาย

 “อื้อ อย่า พอแล้ว”

 ผมรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องดิ้นรนหนีจากริมฝีปากของหมอทาย แต่ก็ไม่รอด หมอทายยังคงดูดดึงมันต่อไป สายตาของเขาลอบมองหน้าผมที่แหงนหน้าขึ้น ฝ่ามือของผมสอดเข้าไปในกลุ่มผมของหมอทาย ออกแรงขยำเพื่อระบายอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาแอ่นอกยั่วเย้าริมฝีปากร้อนราวกับต้องการให้หมอทายดูดดึงมันมากกว่านี้

  หมอทายผละออกจากอกผม มองผลงานที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำลายของตัวเองอย่างพอใจสายตาคู่นั้นกวาดมองผมทั้งร่างก่อนจะหยุดอยู่ที่ใจกลางของร่างทั้งร่างที่บัดนี้เริ่มแข็งตัวบ้างเล็กน้อยแล้ว

 “พี่จะทำให้หัน คิดถึงผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อีก” ผมที่อยู่ในภวังค์ไม่ได้ยินเสียงที่หมอบอกเลยสักนิด ความหวานหอมของรสสวาททำให้ผมจดจ่อจิตใจอยู่กับมันมากกว่าสิ่งที่หมอทายเพิ่งพูดออกมา

 “หันจะมองพี่ และเป็นของพี่คนเดียว”

 “อื้อ อ๊า”

 ความร้อนและความนุ่มลื่นของบางสิ่งที่สัมผัสกับกังหันน้อยทำใฟ้ผมสะดุ้งและหลุดออกจากภวังค์เพื่อมองดู สิ่งที่ผมเห็นทำให้มือทั้งสองข้างรีบผลักศีรษะของหมอทายออกทันทีด้วยความตกใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่การใช้แรงดันออกเล็กน้อยเท่านั้น เรี่ยวแรงที่มีถูกหมอทายดูดกลืนไปพร้อมๆกับสิ่งที่อยู่ในปากของหมอทาย ลิ้นสากค่อยๆเลียจากโคนจนสุดปลาย ผมรู้สึกราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อตจนต้องกัดปากระงับอารมณ์ที่ม่ำด้พานพบมานานเอาไว้ จะออกตอนนี้ไม่ได้

 หมอทายเมื่อเห็นว่าผมพยายามฝืนไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามจึงได้ระรัวลิ้นบริเวณส่วนปลายอย่างหนัก จนผมต้องระบายมันลงกับผ้าปูที่นอนที่ตอนนี้แทบจะขาดติดมือผม เสียงหอบหายใจของผมดังไปทั่วแต่เมื่อผมรู้สึกเสียววาบจนต้องร้องครางผมจะกัดริมฝีปากห้ามมันเอาไว้ และแน่นอน หมอทายไม่มีทางยอมแพ้!!

 “อ๊ะ ซี๊ด อ๊า”

 ภายในปากทั้งร้อนและนุ่มจนผมแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งเมื่อเขาดูดส่วนปลายผมยิ่งดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน เพียงไม่นาน ตัวตนของผมก็ถูกครอบครองจนหมด หมอทายกลืนกินมันจนมิด เร่งเร้าจังหวะอย่างพอใจเมื่อผมยอมปชดปล่อยเสียงร้องออกมา

 “อย่า จะทำอะไร” ปล่ยนิ้วเรียวถูกส่งเข้าไปสำรวจภายในช่องทางสีพีชทางด้านกลังของผมที่ผมไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อน

 “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็รู้สึกดี”

 แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้นกับผม แต่ความอึดอันที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายทำให้ผมดิ้นรนหนีออกจากนิ้วมือของหมอทาย แต่กลับกลายเป็นว่าผมช่วยให้เขาขยับนิ้วเข้าออกได้ง่ายขึ้นเสียอย่างนั้น

 “อา.....กังหัน ทำไมรัดขนาดนี้”
 
 ผมส่ายหน้าไม่พูดอะไรกับคำพูดน่าอายที่หมอทายพูดออกมา สิ่งที่ผมต้องการคือไปให้พ้นจากความอึดอันที่ขยับเข้าออกอยู่ตอนนี้มากกว่า

 “อื้อ อะ อะไรน่ะ อื้อ อ๊ะ”

 “ตรงนี้เหรอ” จู่ๆจากความอึดอัดที่ผมรู้สึกก่อนหน้าก็กลายเป็นความเสียวซ่านที่แปลกใหม่ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้

 “อ๊า หมอ ไม่เอา อื้อ”

 ผมไม่รู้ว่าหมายความอย่างที่พูดไปไหม แต่ร่างกายกับปากผมมันกลับขัดแย้งกัน ภายในช่องทางที่ตอดรัดกับนิ้วมือที่ถูกเพิ่มเข้ามามันเรียกร้องให้หมอทายกระทำให้มากกว่านี้ แต่จิตสำนึกของผมสั่งให้หยุดความน่าอัปยศนี่ซะ

 “ไม่เอาไม่ได้หรอก มาถึงขั้นนี้แล้ว”

 หมอทายก้มลงมาดูดกลืนยอดอกที่ชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจนเกิดเสียงดัง ในขณะที่นิ้วทั้งสามยังคงทำหน้าที่กระตุ้นร่างกายผมให้ร้อนผ่าวด้วยการดึงเข้าออกที่ช่องทางด้านหลัง

 “อ๊ะ อ๊า ซี๊ด มะ ไม่ไหว”

 ความเสียวแปล๊บที่เล่นไปทั่วทั้งร่างกับบางอย่างที่มารวมอยู่ตรงส่วนปลายราวกับจะระเบิดความต้องการออกมาทำให้ผมหน้าแดงซ่านหอบหายใจหนักด้วยความร้องการ

 “ต้องการอะไรครับ หืม”

 “ผะ ผม ผมอยากปลดปล่อย ช่วยผม อื้อ”

 หมอทายดึงนิ้วออกอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวแอ่นร่างขึ้นบิดเร้าอย่างทรมาน ผมมองหน้ามอทายที่ทิ้งผมไปอย่างไม่เข้าใจ มองตาคู่นั้นอย่างเว้าวอนบางสิ่งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 “ใจเย็นๆครับ พี่ไม่หนีไปไหน”

 เสื้อสีขาวของคนเป็นหมอถูกถอดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเข็มขัดและเสื้อผ้าชิ้นอื่นที่ถูกถอดออกมาเช่นกัน ตอนนี้แม้ว่าแอร์ภายในห้องจะทำงานแต่ความร้อนระอุจากร่างของเราทั้งสองกลับมีมากกว่าจนร่างกายขับเหงื่อออกมา หมอทายทาบทับร่างกายของผมด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไม่ต่างกัน ผมรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ถูกจับมาจ่อตรงช่องทางด้านหลังมันทั้งแข็งและร้อน ยิ่งถูกสิ่งนั้นถูไถช่องทางของผมก็ยิ่งร้องเรียกหาแต่ราวกับหมอทายจะรู้และต้องการจะกลั่นแกล้งเพราะเขาเอาแต่ถูไถมันเท่านั้นไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเสียอีกที่ทนไม่ไหว พยายามขยับสะโพกรับมันเข้ามา

 “อยะ อย่าทรมานผม อื้อ”

 “ซี๊ด อา อยากได้เหรอกังหัน” ผมพยักหน้าแม้จะอายแต่ความทรมานที่กำลังพบเจอมันทำให้ผมมองข้ามมัน หมอทายยกยิ้มถูกใจราวกับรอคอยมานาน

 “พี่ไม่ใส่ถุง หันคงไม่ว่านะครับ”

 ผมไม่มีโอกาสได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆเพราะเมื่อหมอทายพูดจบริมฝีปากของเขาก็ประจบจูบดูดดึงริมฝีปากของผมทันที อีกแล้ว จูบกับหมอทายทีไรผมคิดอะไรไม่ออกทุกที แต่เคลิ้มได้ไม่นานผมก็ต้องสะดุ้ง

 “อื้อ!! อั้ย อื้อ!! อ๋มเอ็บ!!”

 ความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากร่างก่ยทำให้ผมออกแรงดิ้นรนหนี มือทั้งสองข้างทุบตีแผ่นอกหนาที่อยู่เหนือร่างผม แต่หมอทายกลับไม่สะทกสะท้านซ้ำร้ายยังคว้ามือผมไปกดลงบนเตียงอีก ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อหมอทายถอนริมฝีปากออก

 “ซี๊ด กังหัน อา รัดพี่แน่นเหลือเกิน”

 “ฮือ ผมเจ็บ อะ เอาออกไปนะ”

 ยิ่งผมดิ้นรนมากเท่าไหร่ หมอทายยิ่งครางมากเท่านั้น เสียงขบกรามดังเหนือร่างของผมจนผมต้องหันไปมอง หมอทายดูอดทนกับอะไรบางอย่าง สีหน้าที่แสดงออกถึงความทรมานทำให้ผมหยุดชะงักการดิ้นรนหนีไปครู่หนึ่ง

 “พี่เข้าไปหมดแล้ว ฮึ่ม!!! พี่จะรอให้หัน ซี๊ด หายเจ็บ” มือของหมอทายกำข้อมือผมแน่นแม้ว่ามันจะเจ็บแต่ก็ไม่เท่าความเจ็บเบื้องล่าง ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแต่การอยู่ยิ่งๆแบบนี้มันก็ดี ไม่เจ็บเหมือนเมื่อกี้ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าหมอทายไม่ขยับก่ยไปมากกว่านี้ แค่ผมเองก็สบายใจได้ไม่นาน เมื่อหมอทายเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

 “ซี๊ด หัน พี่ขอโทษ อา หัน”

 “ยะ อ๊า ผม อ๊ะ ยังเจ็บ อื้อ”

 แม้ผมจะห้ามยังไง หมอทายที่หมดความอดทนก็ไม่ฟังผมอยู่ดี หมอทายโหมกายเข้าหาผมอย่างรุนแรงจนความแข็งแกร่งที่สอดแทรกอยู่ภายในยิ่งขยายความใหญ่โตมากขึ้น

 “หมอ อ๊า หมอทาย”

 “ฮึ่ม ครับหัน อา อยากได้อะไรครับคนดี ซี๊ด”

 ผมขยับสะโพกตอบรับความรุนแรงที่กระแทกกระทั่นเข้ามาจนสุดความยาว แขนของผมถูกจับไปคล้องคอหมอทายจนผมที่มีความเสียซ่านเข้ามาแทนความเจ็บปวดต้องจิกแผ่นหลังหมอทายเพื่อระบาย

 “หมอ เร็ว อื้อ แรงๆ”

 “ครับ อา แน่นดีจัง ตอดดีเหลือเกินกังหันของพี่”

  ยิ่งหมอทายเร่งเร้ามากเท่าไหร่สะโพกของผมก็ยิ่งตอบรับแรงขึ้นเช่นกัน เสียงครางระงมดังไปทั่วทั้งห้องรวมทั้งเสียงของการกระแทกเข้าออกก็เช่นกัน หมอทายแหงนหน้าขึ้นซูดปากด้วยความเสียวซ่าน

 “ซี๊ด เปลี่ยนท่ากันนะ”

 “อ๊ะ!!”

 ผมถูกจับพลิกขึ้นมาอยู่บนร่างของหมอทาย มันเลยกลายเป็นว่าผมกำลังคล่อมอยู่บนตัวของหมอทายแถมยังมีความใหญ่โตที่คับแน่นอยู่ภายในช่องทางอีก

 “ขยับสิครับ ควบพี่สิครับกังหัน พี่เป็นม้าของกังหันนะ”

 ผมใช้มือยันไว้กับอกของหมอทายรู้สึกอึดอัดภายในช่องทางกับไอสิ่งนี้แต่อะไรกันนะความรู้สึกที่ว่าอยากขยับเหลือเกิน ผมเลียริมฝีปากตัวเองที่แห้งผากแต่กลับเป็นการยั่วอารมณ์ของหมอทายซะงั้น

 “อ๊า หมอ อย่าเพิ่ง!!”

 “อา กังหันยั่วพี่นี่ ซี๊ด อูย”

 ร่างของผมถูกมือใหญ่คว้าเอวเอาไว้เพื่อให้ขยับกายขึ้นลงบนตัวของเขา อารมณ์ของผมถูกความใหญ่โตที่กำลังเข้าออกที่ช่องทางด้านหลังทำให้พุ่งสูงขึ้น ผมยกสะโพกขึ้นสูงจนควาทหใญ่โตเกือบจะหลุดออกจากช่องทางก่อนจะทิ้งกายลงมาอีกครั้ง หมอทายร้องครางอย่างถูกใจและปล่อยให้ผมขยับกายควบไปบนตัวของเขา ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ขึ้นจากสะโพกสวยของผมไปจนถึงแผ่นอก

 “อ๊า หมอ อย่าบีบ อื้อ”

 หมอทายบีบยอดอกของผมอย่างแรงจนผมร้องลั่น แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจเมื่อบีบจนสมใจอยากก็ดึงยอดอกเอาไว้จนตัวผมที่กำลังขย่มอยู่บนตัวเขาแทบจะกรีดร้อง หมอทายเลียปากช้าๆอย่างยั่วเย้า ก่อนจะสวนสะโพกขึ้นมาอย่างแรงและเร็วขึ้น

 “หมอ ผมไม่ไหว อ๊ะ แล้ว ซี๊ด ช่วยผมที อ๊ะๆๆ”

 ผมเสียวจนร่างแทบจะระเบิดออก ปีนป่ายสวรรค์จนกือบจะถึงแต่มันก็ไม่ถึงเสียที ผมจึงร้องขอให้หมอทายช่วย หมออทายเองก็ไม่รอช้า จับสะโพกของผมเอาไว้พร้อมขยับอย่างหนักหน่วงและเร็วจนผมร้องครางไม่เป็นภาษา

 “จะ อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว อื้อ หมอ หมอทาย”

 “ครับ ฮึ่ม ซี๊ด พร้อมกันนะหัน”

 หมอทายกระแทกกายสวนขึ้นพร้อมกับจับสะโพกผมให้รับแรงกระแทกที่รุนแรงอีกครั้ง หมอทายเร่งกายจนผมปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งหน้าท้องของหมอทาย ส่วนหมอทายก็กระแทกกายเน้นๆอีกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยความอุ่นร้อนเข้าสู่ในตัวผมจนหมด

 “แฮกๆ”

 “หัน กังหันของพี่”

  ผมรู้สึกเบลอในตาพร่ามัวความรู้สึกหนักๆที่เปลือกตาทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น ตัวผมทิ้งกายลงบนอกกว้างของหมอทายทั้งๆที่ส่วนนั้นยังคงอยู่ในตัวผม เหนื่อยจัง อยากจะพัก...เหลือ.....เกิน

             

                    ต่อด้านล่างจ้า
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 09-01-2018 13:09:00
          ผมลืมตาขึ้นแต่แสงไฟที่จ้าทำให้ผมต้องกระพริบตาถี่ๆหลายครั้งกว่าจะชิน ที่ไหนกันนะ เท่าที่จำได้คือ......ผมกะ กะ กับหมอทาย! ไม่จริงน่า!!! ผมก้มลงมองตัวเองที่ตอนนี้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมกับผ้าห่มสีน้ำเงินที่ห่มอยู่บนตัว นั้นยังไม่เท่ากับห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือนี่ นี่ห้องใครกัน!!

 “อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับกังหัน”

   ฟอด!!

 ผมหันไปมองหมอทายที่หอมแก้มผมเต็มแรง ผมยกมือขึ้นกุมแก้มมองหมออย่างไม่เข้าใจ อะไรกันเนี่ย!! ผมงงไปหมดแล้วนะ

 “อะไรครับ มองพี่แบบนั้น” หมอทายเลิกคิ้วมองหน้าผมอย่างสงสัย

 “หมะ หมอทำไมถึง......”

 “อะไรกัน จำไม่ได้เหรอครับ ออกจะร้อนแรงนะ” ผมกัดปากหน้าแดงซ่านเมื่อหใอทายพูดถึงบทรักที่เพิ่งจะจบไป

 “จะ จำได้ครับ แต่ว่า......มันก็แค่การรักษา......มะ ไม่ใช่เหรอครับ” ทำไมหมอทายมองผมแบบนั้นกันนะ หรือผมพูดอะไรผิด

 “คิดแบบนั้นเหรอกังหัน คิดจะฟันพี่แล้วทิ้งใช่ไหม!” อะ หะ??????

 “เอ๊ะ?”

   หมับ!!

 “พี่ไม่ยอมนะ กังหันเป็นเมียพี่แล้ว กังหันจะไปไหนไม่ได้” ผมถูกหมอทายกดลงบนเตียงอีกครั้งด้วยความที่กำลังช็อคผมจึงลืมหนีไปเลย

 “เอ๊ะ อ๊ะ หมอ อย่านะ”

 “ไม่ให้ไปหรอก กังหันเป็นเมียพี่ เป็นเมียพี่ทาย!!”

 เสื้อผ้าผมค่อยๆหลุดออกทีละชิ้นๆจนหมดโดยที่ผมไม่ทันได้ห้ามปรามอะไร บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้ว เรื่องที่จะเกิดขึ้นผมรู้ดีและนั่นคือเหตุผลที่ผมกำลังดิ้นหนีจากหมอทาย

 “อย่าดิ้นไปเลยนะ กังหันหนีพี่ไม่รอดหรอก ถึงจะยังช้ำและอักเสบอยู่” รู้ก็ปล่อยผมสิ แต่หมอทายกลับส่งยิ้มที่ชวนเสียวสันหลังมาให้ผม

 “แต่พี่เป็นหมอนี่นา เดี๋ยวพี่จะรักษาเองนะ

 “อื้อ!!!!”

 บทรักอันแสนร้อนแรงก็เริ่มอีกครั้งและอีกครั้งโดยที่ผมได้แต่ร้องครางเพียงอย่างเดียว หมอทายตะกละตะกลามกลืนกินผมราวกับว่าอดอยากมานานจนผมสลบคาอกไปไม่รู้กี่ครั้ง ตื่นมาทุกครั้งก็พบว่าหมอยังคงกระแทกความใหญ่โตเข้ามาไม่หยุด เสียงร้องที่ดังในชั่วโมงแรกตอนนี้หลงเหลือแต่เพียงเสียงหอบหายใจกับเสียงกระทบกันของผิวเนื้อเท่านั้น ยาวนานเหลือเกินราวกับว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด

   

            หลังจากวันนั้นมา ผมก็ยังคงต้องไปที่คลินิกทุกวันแถมต้องอยู่จนกว่าคลินิกจะปิดด้วย ข่าวดีคืออาการของกังหันน้อยหายขาดแล้วล่ะครับ แต่ข่าวร้ายคือตอนนี้ผมดันมีผัวเป็นหมอแทน แถมขี้หึงมากเสียด้วย วันก่อนสิครับ ผิงนัดผมไปหาแล้วบังเอิญผิงโทรมาตอนผมอยู่กับหมอทายพอดี หมอทายโมโหมากถึงขนาดจะขังผมเอาไว้ในห้องไม่ยอมให้ออกไปเจอ จนผมต้องกล่อมแล้วกล่อมอีกสุดท้ายหมอทายก็ยอมให้ไปพบผิงโดยมีข้อแม้ว่าหมอทายจะต้องตามผมไปด้วย แล้วพอเห็นกับตาว่าผิงเขาท้องอยู่ถึงยิ้มออกมาได้แถมยังไปประกาศกับผิงอีกว่าเป็นสามีผม จนพอกลับถึงห้องเราก็ทะเลาะกันยกใหญ่สุดท้ายก็เหมือนเดิม......จบลงที่เตียง
 “อ้าว......น้องหัน มาแล้วเหรอคะ” ผมส่งยิ้มให้พี่สาวที่ยังคงทักทายผมเหมือนเดิมทุ๊กกกกวัน

 “ครับพี่สาว วันนี้เป็นไงบ้างครับพี่ คนไข้เยอะไหมครับ”

 “อะ เอ่อ วันนี้ก็มีไม่กี่คนค่ะ แต่ว่า.....” ผมมองท่าทางอึกอักด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่า.....

 ผมหันไปมองห้องตรวจประจำของหมอทายด้วยสายตาขุ่นเคือง ไอหมอกามมันจะต้องกำลังลวนลามคนไข้แน่ๆ ยิ่งมีแต่คนมาเสนอตัวให้บ่อยๆเสียด้วย ผมไม่รอช้าเดินตรงไปเปิดประตูโดยไม่เคาะหรือส่งเสียงใดๆ

 “อะ เอ่อ กังหัน มะ มาเมื่อไหร่ครับ” หมอทายถามทั้งๆที่มือยังพยายามจะใส่เข็มขัดกางเกงให้เข้าที่ ผมปรายตาไปมองร่างของอีกคนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนเตียง หึ! คิดไว้แล้วเชียว ผมยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยตัวเอง

 “มาเมื่อกี้ครับ ขอโทษทีนะครับ พอดีผมไม่รู้ว่าติดพัน(ธุ์)อยู่” ร่างของอีกคนในห้องยกยิ้มอย่างคนที่ชนะให้ผมโดยที่ผมได้แต่กำมือแน่น

 “มะ มันไม่ใช่นะหัน ฟังพี่ก่อน”

 “แหม....พี่ทายล่ะก็ บอกเขาไปสิครับว่าเราน่ะร้อนแรงกันแค่ไหน เอ๋~ หรือว่าต้องโชว์” หมอทายแกะมือที่คล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของออกด้วยความร้อนรน จนผมอดขำไม่ได้

 “เอฟ!! พูดอะไรน่ะ กังหัน มันไม่ใช่...”

 “เอาเถอะครับ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมแค่แวะมาเยี่ยมเยียนหมอผู้มีพระคุณที่รักษาผมหายแค่นั้น” ผมเหยียดตามองคนทั้งคู่ ไม่สนใจว่าหมอทายอยากจะพูดอะไรเพราะผมถือว่าสำหรับผมมันจบแล้ว ผมชะงักเท้าที่กำลังจะหันกลับเมื่อนึกขึ้นได้

 “อ๊ะ!! จริงด้วยสิ ถ้าผมมีอาการแบบเดิมขึ้นมาอีกก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนต่อคิวดูแลรักษาผมเยอะ!!”

 “กังหัน!!!” ผมเดินออกมาไม่สนใจหมอทายที่ตะโกนเรียกชื่อผมด้วยอารมณ์โกรธ แต่ผมมีมากกว่า!!

   หมับ!!!

 “จะไปไหน!! พี่ไม่ยอมให้กังหันเดินหนีพี่แบบนี้แน่!!” มือใหญ่ของหมอทาย มือที่แสนอบอุ่นที่เคยโอบกอดผม แต่วันนี้มันเป็นของคนข้างหลังไปแล้ว มันไม่ใช่ของผมอีกแล้ว ผมมองมือใหญ่ที่จับแขนผมเอาไว้ก่อนจะดึงออกอย่างแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะใส่แรงมากขึ้นก็ตาม เขาลืมไปหรือเปล่า ว่าผมเองก็เป็นผู้ชาย

 “อ้าว.....มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย” ผมหันไปมองหมอสามที่เดินเข้ามาทักทายกลางวงที่ตีกันยุ่งเหยิง

 “หมอสามครับ”

 “ครับ อุ๊บ!!”

 “กังหัน!!!”

  ผมไม่รู้ว่าความคิดชั่ววูบที่คิดจะประชดหรือเป็นเพราะทนอยู่กับหมอทายไม่ได้กันแน่ถึงได้ตัดสินใจคว้าคอหมอสามมาจูบ ผมเพียงแค่ประกบปากเท่านั้นไม่ได้สอดลิ้นหรือดูดดึงริมฝีปากใดๆ ผมเพียงต้องการให้เขาไปให้พ้นๆ ให้เขาพาคนของเขากลับไปสักที!! ก่อนที่ความอ่อนแอของผมมันจะปรากฏตัวออกมา

  “อ๊ะ!!”

   ผลั๊วะ!!!

 “หมอสาม//คุณหมอสาม!!!” ผมกับพี่สาวเรียกหมอสามเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหมอทายกระชากผมออกก่อนจะปล่อยหมัดเข้าที่เบ้าตาซ้ายของหมอสาม

 “อย่ามายุ่งกับเมียกู!!”

 “หมอครับ ผมขอโทษ อ๊ะ!! ปล่อยผมนะหมอทาย!!!”

  ผมถูกหมอทายกระชากให้เดินตามออกจากคลินิกไปยังตัวรถโดยที่ผมพยายามดึงแขนออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนเมื่อเดินมาถึงตัวรถคันสวยหมอทายก็โยนร่างของผมเข้าไปก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งและขับออกไปด้วยความเร็ว

 “จอดรถนะ ผมบอกให้จอดไงหมอทาย!!” ผมพยายามเปิดประตูออกแต่ก็ไม่ได้ผล หมอทายล็อคเอาไว้ ผมหันไปมองหน้าหมอทายด้วยแววตาโกรธเคือง แต่หมอทายกลับไม่สนใจเลยสักนิด ยังคงมุ่งมั่นขับต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

  “คุณหมอสิบทิศ!!”

    เอี๊ยด!!!!!!

 “เมื่อกี้.......เรียกพี่ว่าอะไรนะกังหัน” แม้ว่าน้ำเสียงของหมอจะทำให้ผมสั่นแต่มันก็ไม่เท่าหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่ทำให้ผใกลัวอีกแล้ว!

 “คุณหมอสิบทิศ” ผมยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว หมอทายยิ้มเหี้ยมให้ผมก่อนจะขับรถออกไปอีกครั้งด้วยความเร็วจนผมต้องจับอะไรเอาไว้ ทางนี้มัน หรือว่า.....คอนโดหมอทาย!! ไม่นะ ผมไม่อยากไป!!

 “จอดนะ จอด!! หมอจอดเดี๋ยวนี้!! ผมจะลง!!” ผมพยายามทุบตีพยายามเปิดประตูออกแต่ก็เปล่าประโยชน์ หากเจาไม่ยินยอมให้ผมลง ผมคงไม่มีทางจะได้ลงไปแน่

 “ลงมากังหัน พี่บอกให้ลงมา!!”

 “ไม่!! อย่ามายุ่งกับผมนะ ผมจะกลับบ้าน” ผมพยายามปัดป้องไม่ให้หมอทายจับแขนผมได้ง่ายๆ จนดูเหมือนว่าหมอทายจะโมโหมากขึ้นไปอีก

 “จะไม่ลงใช่ไหม ดี!!”

    หมับ!!

 “อ๊ะ!!” ผมถูกวงแขนแข็งแรงของหมอทายอุ้มขึ้นแนบอกก่อนที่หมอทายจะใช้เท้าปิดประตูรถแล้วกดล็อครถโดยไม่สนใจมันอีก ผมดิ้นรนให้หลุดจากวงแขนและมันก็ได้ผล หมอทายปล่อยร่างผมลงพื้น ทันทีที่เท้าผมแตะพื้นผมก็เตรียมตัวจะวิ่งเต็มที่แต่ก็ได้แค่เพียงคิด เพราะฝ่ามือใหญ่ยึดแขนของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 “ปล่อย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้!! อ๊ะ!!”

    เพี๊ยะ!

 “อย่าดิ้น! เดี๋ยวตก”

 หมอทายตีก้นของผมที่ตอนนี้พาดอยู่บนบ่ากว้างของเขา ละ เลือดลงหัว ผมทุบลงบนหลังของหมอทายอย่างแรงแต่ทำไมแรงของผมมันไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านใดๆเลย หมอทายเปิดประตูพร้อมกับพาร่างของผมบนบ่าตัวเองเข้าไปยังห้องนอน

   ตุบ

 “เรียกพี่ว่าอะไรนะ กังหัน” รอยยิ้มสุดสยองถูกส่งมาให้ผมอีกครั้งพร้อมกับมือของหมอทายที่ปลดเสื้อผ้าตัวเองช้าๆ

 “จะ จะ จะทำอะไร” ผมขยับตัวหนีด้วยความหวาดกลัว หมอทายไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมไม่รู้จักหมอทายคนนี้

 “พี่ถามว่ากังหันเรียกพี่ว่าอะไร!!!!”

 “คุณหมอสิบทิศ!! ทำไม!! ผมเรียกชื่อคุณผิดเหรอครับ คุณ หมอ สิบ ทิศ!!” หมอทายปลดเข็มขัดออกดึงซิปกางเกงลงลวกๆจนผมมองเห็นชั้นในสีดำที่ถูกกางเกงเปิดออก

 “กล้าเรียกผัวตัวเองแบบห่างเหินงั้นเหรอกังหัน!!” หมอทายที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าถาโถมร่างกายมาทาบทับตัวของผมเอาไว้จนแทบจะจมลงบนเตียง ไม่เอาแล้ว ผมไม่เอาอีกแล้ว

 “หมอครับ เราเลิกกันเถอะนะ หมอปล่อยกังหันคนนี้ไปเถอะ” ผมทนไม่ได้อีกแล้วที่จะเห็นอะไรแบบวันนี้ ผมทนไม่ได้ที่รู้ว่าคนของผมไปนอนกับคนอื่น แม้จะรู้ก็ตามว่างานของหมอทายคือรักษาคนไข้ แต่ผมเองที่อ่อนแอ เป็นผมเอง.....ที่รับมันไม่ได้ ผมผิดเอง

 “หมอคงไม่รู้ ฮือ ผมน่ะ เจ็บมากๆ”

 น้ำตาของผมไหลรินลงบนหมอน ดวงตาคมดุจ้องผมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆให้ผมได้รู้

 “ผมอยากจะพอแล้วครับ หมอให้ผมไปได้ไหมครับ สงสารผมเถอะนะ ฮึก” ผมสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่น แต่ทำไมล่ะ ผมขอร้องขนาดนี้ ทำไมหมอยังไม่ยอมปล่อยผมไปอีก ไม่สงสารผมบ้างเหรอครับ

 “กังหัน”

 “ฮึก”

 “อย่าคิดว่าน้ำตาจะทำให้พี่ปล่อยเราไป มันไม่มีวันนั้นหรอก ต่อให้ร้องไห้หนักแค่ไหน พี่ก็จะจับกังหันไว้” มืออุ่นปาดไล่น้ำตาให้ผม

 “...ฮือ...”

 “ต่อให้เรามีปีกบินหนีพี่ไปได้ พี่ก็จะจับกังหันแล้วหักปีกเราซะ”

 “...หมอ ฮึก...”

 “แม้ว่ากังหันจะทรมาน พี่ก็จะกักขังกังหันเอาไว้ในอ้อมแขนของพี่ พี่จะไม่ปล่อยหัวใจพี่ไป ไม่ว่ากังหันจะว่ายังไงก็ตาม” ผมร้องไห้หนักมากขึ้นเมื่อได้ฟัง การได้ยินคนที่เรารักพูดคำนี้มันดีใจนะครับ ถ้าหากผมไม่ได้เห็นภาพวันนี้ที่หมอทายและเขาคนนั้น.....

 “ปล่อย ปล่อยผมนะ ฮือ กลับไปหาคนของคุณหมอสิครับ แค่ผมคนเดียว คุณหมอปล่อยไปไม่ได้เลยเหรอ” เมื่อเขามีคนอื่นอยู่แล้ว แค่ปล่อยผมมันไม่น่าจะยากอะไรเลย

 “พี่บอกหันไปแล้ว พี่ไม่มีวันปล่อยหัวใจพี่ไป”

 “ฮึก ฮือ” หมอทายจับมือผมมาแนบอกไว้ที่ตำแหน่งของหัวใจ เสียงและจังหวะการเต้นมันดูเจ็บปวด เหมือนกับจังหวะของผม

 “พี่จะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีหัวใจดวงนี้ พี่หมอทายคนนี้ มีแค่กังหันคนเดียวเท่านั้น”

 “โกหก!!! ปล่อยผม!!!” ผมดิ้นรนหลีกหนีคำโกหกที่เขาคิดจะหลอกผม

 “พี่ไม่ได้โกหก!! พี่รักกังหันคนเดียวจริงๆ ฟังพี่บ้าง” น้ำเสียงอ้อนวอนกับแววตาที่สั่นระริกทำให้ผมหยุดดิ้นราวกับถูกสาป ใบหน้าของหมอทายดูทรมานดวงตาที่แดงก่ำฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำ แม้มันจะไม่ได้ไหลออกมาเหมือนผม แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าหมอทายเองก็เจ็บปวด

 “พี่ไม่ได้มีอะไรกับเอฟ ไม่เคยเลยสักครั้ง” ผมเมินหน้าหนีไม่อยากได้ยินชื่อของคนๆนั้น

 “....”

 “เขามาให้พี่ตรวจ พยายามจะใช้ปากให้พี่ เขาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเพื่อยั่วยวนพี่ แต่พี่ไม่ได้ทำอะไรเขา”

 “....ฮึก...”

 “สิ่งที่หันเห็นคือพี่ผลักเขาออกตอนเขาถอดเข็มขัดของพี่ พี่เป็นหมอต้องรักษาคนไข้”

 “ฮือออ”

 “แต่ทุกคนต้องเซ็นสัญญาของทางคลินิกทุกคน ยกเว้นแค่กังหันเท่านั้น” ผมชะงักเมื่อนึกๆย้อนดูแล้วผมไม่เคยได้เซ็นสัญญานั้นจริงๆ สัญญาพิลึกที่ตั้งกฎเอาไว้ว่าห้ามหึงหวงหมอ

 “นึกออกแล้วใช่ไหม หืม” ผมพยักหน้าไม่กล้าสบตากับหมอทาย ผม......รู้สึกผิดเมื่อได้รู้ความจริงนี้

 “ผมขอโทษ”

 “ไม่เอา พูดใหม่สิครับ” หมอทายปัดผมที่ปรกหน้าผมไปทัดหูอย่างแผ่วเบา

 “หันขอโทษครับพี่ทาย หันแค่...”

 “หึง......หึหึ”
 
 ผมทำได้แค่กัดปากพยักหน้ายอมรับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะอยากคัดค้านแต่สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีเหตุมาจากหมอทายทั้งสิ้น เหตุผลแค่เพียงเพราะผมหึงหมอทายกับผู้ชายคนนั้น แล้วทำไม.....มีแค่ผมกันนะที่ไม่ได้เซ็นสัญญา

 “ที่พี่ไม่ให้กังหันเซ็น เพราะพี่ต้องการกังหันมากกว่าคนไข้ บอกตรงๆครั้งแรกที่พี่เจอหัน มันทำให้พี่ที่เป็นหมอ คิดชั่วๆและใช้ความเป็นหมอผูกมัดกังหันเอาไว้กับพี่” ผมหลบตาคมที่หวานฉ่ำ สายตาของเขาทำให้ใบหน้าของผมแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

 “พี่รักกังหันคนเดียวนะครับ อย่าบอกเลิกพี่อีกนะ พี่ใจจะขาดเลยรู้ไหม”

 “หันขอโทษ ก็หันเจ็บนี่ครับที่เห็นพี่กับคนไข้ของพี่แต่งตัวไม่เรียบร้อย” หมอทายก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมนของผมอย่างแผ่วเบา

 “มันจะไม่มีอีกแล้วครับ พี่จะระวังตัว” ผมส่งยิ้มให้หมอทาย แต่ผมกลับรู้สึกหนาวยะเยือกจนเข้ากระดูก

 “แต่เรื่องที่กังหันไปจูบไอสามนี่พี่ต้องลงโทษ”

 “ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนครับ อื้ม!!”

    จากความผิดของผม ผมจึงถูกหมอทาย เอ้ย พี่ทายลงโทษอย่างหนักจนถึงขั้นต้องให้หมอทายเสริฟข้าวเสริฟน้ำเลยทีเดียว แม้ว่าผมจะอธิบายให้เขาฟังแต่เขาก็ดึงดันจะลงโทษผมอยู่ดี เฮ้ออออ~ เป็นเมียหมอก็แบบนี้แหละครับ แต่ผมก็ชอบนะ คิกๆ





The End

 




          ยะโฮ้วววว แมวกลับมาแล้วววว ห้องตรวจแรกของหมอทายร้อนระอุพอไหมคะ ถูกใจกันไหมเอ่ย ถ้าสนใจหมอคนไหนบอกแมวนะคะ แมวจะแพคใส่กล่องส่งให้ถึงห้องโลย หุหุ ว่าแต่......มีใครต้องการลือดเพิ่มไหมคะ  :laugh: :laugh:

ปล.กราบขออภัยสำหรับคำผิดด้วยนะคะ
  :call: :call:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-01-2018 15:35:15
ร้อนแรงมาก...ชอบ..บบบบบบบ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 11-01-2018 07:09:38
ห้องอื่นก็น่าสนใจค่าาา  :jul1: [move]
[/move]
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-01-2018 19:11:43
ห้องแรกยังขนาดนี้ ห้องต่อไปจะร้อนแรงเบอร์ไหน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-01-2018 23:24:20
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-01-2018 01:23:16
กำลังรอตอนต่ออยู่เลย หมอทายแซ่บมากเด้อทั้งแซ่บทั้งหื่น
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 13-01-2018 04:19:54
 :-[
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 29-01-2018 20:58:56
        ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%




            “แกรู้ไหม คลินิกมารักษ์เนี่ย เขาว่าหมอหล่อและแซ่บมาก” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากโต๊ะข้างๆของผมที่กำลังทานข้าวอย่างอร่อย และจดจ่ออยู่กับอาหารเท่านั้น

 “จริงเหรอแก!! ฉันอยากป่วยแล้วสิ” สาวเสื้อขาวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเพ้อฝัน

 “โอ้ย!!! ป่วยธรรมดาไม่ได้กินหรอกนะยะ!!” ชายร่างน้อยที่มีท่าทางสะดีดสะดิ้งพูดพร้อมกับจิกตาใส่เพื่อนตัวเอง สาบานนะว่าพวกคุณเป็นเพื่อนกัน

 “อ้าว!! แล้วฉันต้องตีลังกาป่วยเหรอ”

 พรวด!!

 “อุ แค่กๆ” ผมสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปจนหน้าแดงก่ำ ให้ตายเถอะนี่เขาถึงขั้นต้องตีลังกาป่วยกันแล้วเหรอครับ หมอมันจะหล่อลากตีนขนาดไหนนะ

 “จะบ้าเหรอยะ!! ฉันหมายถึงโรคน่ะโรค!” หญิงสาวเสื้อขาวเอียงคอมองด้วยความสงสัย น่ารักดีแหะ

 “ยังไง??”

 “คลินิกมารักษ์จะรักษาเฉพาะโรค.......ทางเพศ”

 หา!!!!!

 “หา!!!!!” อ้าว นึกว่าจะมีแต่ผมที่หาอยู่คนเดียว แบบนี้ก็แสดงว่าผมได้ยินไม่ผิดสินะ คลินิกบ้าอะไรรักษาแค่โรคเพศวะ

 “จริงๆย่ะ ฉันน่ะ ไปมาแล้วด้วย กรี๊ด!!” อ้าว พูดจบปุ๊บผีเข้าทันที เดี๋ยวนะ ไปมาแล้ว หืม???

 “แกไปมาแล้วเหรอ!! หรือแกเป็นเอดส์!!!”

  พรึบ!!
   
 ทุกสายตาหันมามองเสียงของสาวน้อยที่ตะโกนออกมาอย่างตกใจ จากที่นั่งข้างๆกันอย่างปกตินี่กระโดดหนีกันแทบไม่ทันจนเพื่อนของเธอแทบจะกระโดดตบปาก

 “จะบ้าหรือยะ!!! อย่างฉันจะเป็นโรคแบบนั้นได้ยังไง” เธอยิ้มแหยๆให้เพื่อนเธอ

 “ขอโทษที ก็ฉันไม่รู้นี่ ก็แกบอกว่าโรคทางเพศแถมไปมาแล้วด้วย ฉันก็นึกว่า....” อย่าว่าแต่เธอนึกเลยครับ ผมเองก็นึกเหมือนกัน

 “ฉันหมายถึงอาการทางเพศย่ะยัยกวาง เข้าใจไหมเนี่ย”

 “อ๋อ....พวกอาการจำพวก กามตายด้านอะไรพวกนี้นะเหรอ” ผมมองทั้งคู่ที่คุยกันอย่างออกรส

 “ใช่ย่ะ แต่ถึงจะตายด้านยังไง ถ้าไปเจอหมอสามนะ โอ้ย!!! ขี้คร้านจะตั้งขึ้นมา” หมอสาม หรือว่า....

 “หมอสาม?”

 “ใช่แล้ว คุณหมอสพล คนที่ฉันไปรักษาไงล่ะ”

 ว่าแล้วเชียว พี่หมอสามจริงๆด้วยถึงว่าสิ สาวแท้สาวเทียมพูดถึงไม่ขาดปาก พี่หมอสามคือพี่ชายที่อยู่ข้างบ้านผมเอง ตอนเด็กๆเราเคยเล่นด้วยกันบ่อยๆ พี่หมออยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก เคยจับกบมาทดลองผ่าท้องเอง จับสัตว์ต่างๆมาดูแลบ้างล่ะ แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุด! คือเมื่อ 9 ปีก่อน ตอนผมอายุ12ขวบ

“พี่สามมมมมมม” เจ้าของชื่อหันมามองผมด้วยรอยยิ้มเทวดา

“ครับบาส กลับมาจากโรงเรียนแล้วเหรอครับเนี่ย”

“ครับ!!” ผมยิ้มให้พี่สามอย่างดีใจ พี่สามทั้งใจดี ชอบซื้อขนมอร่อยๆมาฝากผม บางครั้งก็พาไปกินไอศกรีมด้วย พี่สามลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ก่อนจะจูงมือผมให้เดินตามไป

“พี่สาม เราจะไปไหนกันเหรอครับ”

“พี่กำลังเรียนหมอ บาสรู้ใช่ไหมครับ” ผมพยักหน้า

“ครับพี่”

“งั้นบาสช่วยทดลองเป็นคนไข้ให้พี่ได้ไหมครับ แล้วพี่จะซื้อขนมจากมหา’ลัยมาฝากอีกนะ” ผมตาโตเมื่อพี่สามพูดถึงขนมอร่อยจากครั้งก่อน

“จริงเหรอครับ!! ได้เลยครับพี่!!”

“หึหึ งั้นไปห้องพี่นะครับ วันนี้พ่อกับแม่พี่ไปข้างนอก พี่ต้องอยู่คนเดียว” พี่สามพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย สงสัยพี่สามจะเหงาแน่ๆเลย

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่สามเองนะ” ผมกุมมือพี่สามเอาไว้ ส่งยิ้มให้พี่สามรู้ว่าผมจะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน พี่สามกระชับมือผมแน่นขึ้นก่อนจะพาผมเข้าไปในห้องตัวเอง มันหอมมากเลยครับ หอมแบบที่พอได้กลิ่นแล้วใจมันจะสั่นแปลกๆ ผมไม่รู้จักความรู้สึกแบบนี้เลย พี่สามดันร่างผมให้นั่งลงบนเตียงที่ถูกปูด้วยผ้าสีดำก่อนจะมานั่งข้างๆผม

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับพี่”

“ช่วยถอดเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมครับ พี่ต้องฝึกตรวจร่างกาย” เอ๊ะ ถอดเสื้อผ้าเหรอ ถึงแม้จะอาย แต่ขนมก็ลอยมากลบความอายจนหมดสิ้น ขนม ขนมจ๋า พี่บาสพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อขนม~

ผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมดนั่งรอพี่สามอยู่บนเตียง พี่สามดูเหมือนจะหาอะไรบางอย่างอยู่ที่ตู้ตรงข้างเตียง ผมได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจเมื่อพี่สามเดินกลับมาพร้อมกับหลอดอะไรสักอย่าง

“มันคืออะไรเหรอครับพี่” ผมชี้นิ้วไปที่หลอดแปลกๆในมือของพี่สาม

“อ๋อ.....อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการตรวจร่างกายของเราไงครับ ยังไงก็นอนลงเถอะ พี่จะได้เริ่มสักที”

ผมค่อยๆล้มตัวลงไปนอนบนเตียงมองพี่สามที่เข้ามาใกล้ๆผมด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ พี่สามวางหลอดนั่นไว้บนหัวเตียงก่อนโน้มตัวมาทาบทับบนตัวผม หนักอ่ะ

“พี่สาม ผมหนัก”

“ครับๆ”

พี่สามจัดการดึงขาผมออกก่อนจะสอดตัวเข้าไปตรงกลางระหว่างขาผมแทน มือของพี่สามลูบไปตามตัวของผมก่อนจะหยุดอยู่ที่อกของผม พี่สามลูบไล้ไล่วนมันจนผมกำมือตัวเองไว้ข้างตัวแน่น มันรู้สึกแปลกๆ

“อือออ”

“อย่ากลั้นเสียงสิครับบาส เดี๋ยวพี่ตรวจผิดนะ”

“ขอโทษ อ๊ะ อือ ครับพี่สะ สาม”

“ดีครับ ร้องออกมาดังๆเลย”

ผมสะดุ้งเมื่อพี่สามดึงปลายยอดอกผมขึ้น อีกข้างก็ถูกมือหนาเขี่ยมันจนผมกระตุกร่างตามจังหวะ ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรนะ

“อ๊า อื้อ มันแปลก อ๊ะ พี่สาม”

ผมได้แต่กำมือลงบนไหล่หนาที่มีเสื้อสีขาวสวมอยู่จนยับ มันเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ผมเพิ่งจะเคยรู้สึก ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆเขารู้สึกเหมือนผมกันไหม ไม่กล้าจะถามออกไป หรือว่า.....ผมจะป่วย

“พี่สาม ผมรู้สึก อื้อ แปลกๆ แฮกๆ ผมป่วย อ๊ะ เหรอครับ”

“ใช่แล้ว บาสกำลังป่วย แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะรักษาให้เองนะครับ”

ว่าแล้วพี่สามก็ก้มลงมาบดจูบกับผมอย่างแรง ลิ้นถูกสอดแทรกเข้ามากวาดชิมไปทั่วทั้งปากผมเรียกร้องให้ผมตวัดลิ้นโต้ตอบกลับไป ผมได้แต่สั่นกับรสจูบที่ซ่าบซ่าน ยิ่งเมื่อปลายนิ้วบีบบี้อยู่ที่ยอดอกของผมก็ยิ่งสั่นไปทั้งร่าง ขาเล็กๆทั้งสองข้างของผมกางออกกว้างยิ่งขึ้นอย่างลืมตัว

“อืม อ๊ะ!”

“มันแข็งแบบนี้ พี่ต้องลองชิมดูนะ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะเกิดปัญหาทีหลังได้”

พี่สามก้มหน้าลงจนริมฝีปากสัมผัสกับเม็ดเล็กๆสีชมพูที่ชูชันขึ้นมาท้าทาย ปลายลิ้นตวัดมันเข้าใฃไปในปากดูดดึนจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ ผมได้แต่แอ่นอกรับปากร้อน มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีดำสลวยของคนบนร่าง เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงครางเล็กๆของผมมันก้องอยู่ทั่วทั้งห้อง ผมรู้สึกได้ว่าเม็ดเล็กๆที่ประดับอยู่แผ่นอกมันร้อนมาก ปลายลิ้นยังคงทำหน้าที่เลียไปรอบๆสลับกับริมฝีปากที่ยังคงทำหน้าที่ดูดกลืนมันจนหายเข้าไปในปาก

“ยะ อ๊า”

ฟันขาวขบเม้นและดึงเม็ดเล็กขึ้นจนสุดความยืดหยุ่นของร่างกายก่อนจะปล่อยมัน ผมดิ้นพล่านรับรู้ถึงบางอย่างเบื้องล่างที่เกิดการผิดปกติ แย่แล้ว ผมป่วยแน่ๆเลย

“พะ พี่อ๊ะ พี่สาม ผะ ผมเป็นอะไร อื้ออ ข้างล่างมัน อ๊า”

“เดี๋ยวพี่ดูให้นะครับ”

สายตาคมเลื่อนลงไปมองกลางร่างของผมที่มีบางอย่างตั้งชันขึ้นมา คนตัวโตเลียปากราวกับว่ากระหายอย่างหนัก ความร้อนจากฝ่ามือที่สัมผัสตัวตนของผมทำให้ผมสะดุ้ง

“อ๊า อื้อ มัน อ๊ะ แปลก”

มือของพี่สามขยับอยู่ที่ของผม มันเสียววาบจนผมต้องบิดตัว เสียงครางดังไม่ขาดปาก น้ำใสๆเริ่มปริ่มออกมากจากส่วนปลาย
“มันพองขึ้นมาแบบนี้ สงสัยจะมีอะไรไปอุดหรือเปล่า พี่คงดูดออกแล้วล่ะ”

“อะ อะไรนะ อ๊า!!”

ริมฝีปากพี่สามอ้ากว้างก่อนจะครอบครองของผมจนจมหายไปในปากร้อน ความร้อนกับความนุ่มที่มาพร้อมกับความคับแน่นทำให้ผมเผลอแอ่นสะโพกส่งตัวเองเข้าสู่ปากของพี่สามอย่างลืมตัว สะโพกผมขยับตามจังหวะการดูดกลืนตามความยาวของผมที่พี่สามเป็นคนชักนำ ในหัวของผมขาวโพลนรับรู้เพียงเสียงหอบหายใจกับเสียงครางของตัวเองและเสียงจากการดูดเลียสิ่งนั้นของผมที่ตอนนี้อยู่ในปากของพี่สาม พี่สามยังคงใช้ปากดูดกินมันอย่างไม่หยุดหย่นจนผมรู้สึกว่าบางสิ่งมันกำลังจะออกมา

“ไม่ไหว อื้อ ผม พี่สาม อ๊ะ ผมจะ”

“ปล่อยมันออกมา ไม่งั้นจะไม่หายนะ”
พี่สามละปากออกมาพูดกับผมก่อนที่จะกลืนกินมันอีกครั้ง พี่สามเร่งจังหวะของริมฝีปากราวกับต้องการในสิ่งที่มันกำลังรวมอยู่ที่ส่วนปลาย ผมเร่งสะโพกให้เร็วขึ้นก่อนจะปลดปล่อยออกมา

“อา......อร่อยจัง”

ผมหอบหายใจก่อนจะหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จำได้เพียงแต่ว่าตื่นมาอีกทีผมก็สวมเสื้อผ้ากลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว


        ผมกำมือแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่สามมันหลอกทำกับผมที่อายุเพียง12ปีโดยที่ตัวพี่สามในตอนนั้นอายุ19ปี ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำคืออะไร เกลียด เกลียดมาก เมื่อผมอายุ14ปี เพื่อนๆผมก็พากันไปลองเรื่องแบบนี้ และผมเพิ่งจะได้รู้ในตอนนั้นว่าสิ่งที่มันทำกับผมนั้น มันวิปริต แต่ผมไม่สามารถบอกใครได้ แม้แต่พ่อแม่ของผมก็ตามท่านจะเชื่อหรือครับว่าคุณหมอสพลจะมาหลอกออรัลเด็กที่พ่อแม่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีอย่างผม เป็นไปไม่ได้ พูดไปก็มีแต่จะเข้าตัวหาว่าผมโกหกเสียมากกว่า เพราะงั้น ผมถึงปล่อยให้มันตายไปกับผม เพราะหลังจากที่ผมรู้ความจริง พี่หมอสามเองก็หายไปจากชีวิตผม ไม่รู้ว่าเพราะเรียนหนักหรือละอายใจกันแน่ ตัวผมเองก็ไม่สนใจคนแบบนั้นอีก เหลือเพียงแค่สิ่งที่มันยังฝังใจเท่านั้น
 

          ผมขับรถไปตามทางด้วยความสบายอารมณ์ วันนี้นัดกันไปกินเหล้ายังไงๆซะพวกมันก็ไม่กินเหล้าอย่างเดียวอย่างปากว่าแน่นอน หึหึ นิสัยพวกมันน่ะผมรู้ดี เพราะทุกครั้งที่พวกมันชวนผมออกไปพอขากลับก็หิ้วสาวกันกลับไปด้วยคนสองคน

 “มาช้านะมึง!!” ผมเดินเข้าไปหาพวกมันที่โต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ

 “ทำไงได้ กูหล่อก็ต้องแต่งนานหน่อย”

 “กูได้ข่าวว่าที่ต้องแต่งนานเพราะไม่หล่อไม่ใช่เหรอวะ”

   ป๊าบ!!

 “โอ้ย สัสบาส!!” ผมโบกหัวไอเกมส์ที่ปากหมาหาว่าผมไม่หล่อ

 “มึงก็ไปแหย่มันไอเกมส์ ก็รู้อยู่ว่ามันไม่อยากได้ยินความจริง”

 โป๊ก!!

 “อ๊าก ไอเหี้ย!!” ผมตบหัวไอไวท์เต็มแรง ดิ้นไปเถอะมึง ปากดีใส่กูกันจริง

 “พูดถึงกูแบบนี้ คืนนี้ล้างแก้วแล้วกันน่ะครับเพื่อน” พวกมันพอได้ยินว่าผมงอนก็รีบประเคนเหล้าแทบเข้าปากผมเลยทีเดียว

 “เชิญครับท่าน เชิญๆ อ๊ะเดี๋ยวครับท่าน เก้าอี้เปื้อนฝุ่น นั่งได้แล้วครับผมปัดแล้ว”

 “มึงนี่ขี้ประจบฉิบหาย ท่านครับ นี่เหล้าครับท่าน” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับสิ่งที่มันทำ ดูไม่ออกเลยครับว่ามันแดกดันผม สีหน้าแม่งอย่างกับใส่ยาพิษให้กูแดกแบบนั้น

 “เออๆ กูเลี้ยงอยู่แล้วน่า”

 “ต้องงั้นสิวะ มึงไม่เลี้ยงกูก็จะจิกเงินในกระเป๋ามึงมาจ่ายอยู่ดี” ไอเลว

 “แล้วนี่เป็นไงวะ จะแดกเหล้าอย่างเดียว?” ผมถามเพราะเห็นว่ารอบข้างมันไม่มีสาวๆสักคน มันสองคนยักไหล่ช้าๆ จิบเหล้าก่อนจะหันหน้าไปมองทางห้องน้ำ

 “อ๊ะ มาแล้วๆ น้องหญิง น้องฟ้า น้องกวาง ทางนี้เลยค่ะ” ไอเกมส์โบกมือเรียกสามสาวที่ดูฮ็อตมาก! ผิวขาวตัวเล็กนมโตนี่สเป็กผมเลยครับ

 “แหมฟ้าไปแป๊บเดียว พี่เกมส์คิดถึงฟ้าแล้วเหรอคะ” น้องฟ้าในชุดเดรสรัดรูปสีดำโชว์เรียวขาขาวนั่งบนตักของไอเกมส์ด้วยท่าทางยั่วยวนโดยมีมือไอเกมส์ลูบไล้ไปตามเรียวขาของเธอ

 “ก็ต้องคิดถึงสิคะ เกิดมีใครฉุดน้องฟ้าไปพี่คงทนไม่ได้” ไอตอแหล!!! ผมล่ะอยากจะด่ามันเสียงดังๆแต่ติดว่าเกรงใจน้องๆสาวๆเนี่ยสิ

 “มาครับหญิงมานั่งกับพี่ น้องกวางด้วยนะ มานั่งกับเพื่อนพี่สิ นี่เพื่อนพี่ชื่อบาส” น้องหญิงมองผมยกยิ้มหว่านเสน่ห์ให้ผมโดยมีน้องกวางที่เห็นท่าทางเพื่อนตัวเองที่สนใจผมจึงชิงเดินมาข้างๆผมเสียก่อน น้องหญิงเลยได้แต่ปรับสีหน้าให้เป็นปกติทั้งๆที่สายตาส่งความโกรธไปให้กวางเต็มๆ เฮ้อ.....สาวๆก็คือสาวๆ

 “เอาล่ะกินกันเต็มที่เลย ชน!!”

 “ชน!!!”

 พวกผมทั้งสามกับสาวๆอีกสามคนดื่มกันจนเมามาย ผมเห็นไอเกมส์กับน้องฟ้านัวเนียกันอยู่ที่โต๊ะก่อนจะขอตัวพากันไปเข้าห้องน้ำ ไอไวท์ก็นั่งมองตามไอเกมส์ไปไม่วางตาแต่ไม่ยอมลุกไปไหนแม้ว่าน้องหญิงจะยั่วแค่ไหมก็ตาม ส่วนผมพอดื่มเข้าไปหลายแก้วก็เริ่มรู้สึกมึนๆหนักๆที่ตาก่อนที่ความมืดจะบดบังทุกสิ่ง สติผมก็ดับไป

“มึงคิดว่าเราทำผิดหรือเปล่าวะไอไวท์” เสียงไอเกมส์นี่

“ไม่หรอก มึงอย่าไปคิดมากดิวะ คิดซะว่าเร่งเวลาให้อะไรๆมันเกิดเร็วขึ้น” พวกมันคุยอะไรกันนะ ผมอยากจะลืมตาขึ้นมองเหลือเกิน แต่ความง่วงมันไม่ยอมให้ผมลืมตาเลย ง่วงเหลือเกิน


 
 “อื้ออออ~” ผมบิดตัวไปมากับที่นอนนุ่มๆ เอ๊ะ! ที่นอนเหรอ

    พรึบ!!

 “พี่บาสตื่นแล้วเหรอคะ” ผมมองร่างขาวนวลที่นอนอยู่ข้างๆโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่อะไรเลย เชี้ย!! ขาวขนาดนี้ทำไมกูจำไม่ได้วะ

 “เอ่อ น้องกวางเมื่อคืนเรา...” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

 “อ๋อเปล่าค่ะ เมื่อคืนเราไม่ได้มีอะไรกัน”

 “หะ??” เป็นไปได้ไงวะ สวย ขาวขนาดนี้กูกลับไม่ลงมือ

 “ไม่ต้องหะหรอกค่ะ ก็เมื่อคืนน่ะ หนูทั้งใช้ปากใช้มือ ทั้งยั้วก็แล้วขึ้นให้ก็แล้ว ของพี่มันก็ไม่ยอมทำงาน ถามจริงๆเถอะค่ะ....พี่มีปัญหาทางเพศหรือเปล่าคะ” น้องกวางพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด แววตาที่มองผมดูแคลนผมมากจนผมแทบกระอักเลือดตาย เป็นไปไม่ได้ ปกติมันก็พร้อมรบตลอดนี่หว่า ไม่เข้าใจเลย

 “เป็นไปไม่ได้อ่ะ พี่ใช้งานมาปกติตลอดไม่เคยมีปัญหา” กวางได้แต่นักไหล่ราวกับว่าไม่ใช่ปัญหาของหนู ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั่น อ๊ะ ผมคิดอะไรออกแล้ว!!

 “น้องกวางลองกับพี่อีกสักครั้งไหม บางทีเมื่อคืนพี่อาจจะเมามากเกินไปก็ได้” กวางมองหน้าผมก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน ผมดึงร่างขาวตรงหน้ามาประกบจูบสอดลิ้นเข้าไปชิมความหวาน กวาดต้อนกับลิ้นเล็กๆที่ตอบรับผมอย่างรู้งาน กวางครางเสียงหวานอย่างพอใจ มือของผมป่ายไปตามเอวคอดลูบไล้ขึ้นมาจนถึงอกสวยที่มีขนาดล้นมือบีบเค้นมันเล่นอย่างสนุกสนาน

 “ฮ๊า อืม อย่าเอาแต่บีบสิคะ”

 ผมจูบไล่จากลำคอสวยลงไปจนถึงปลายยอดสีชมพูที่ล่อตาล่อใจจนผมต้องตวัดลิ้นเลียและดูดกลืนมันเข้าปากเรียกเสียงครางหวานๆจากกวางได้เป็นอย่างดี มือผมเลื่อนลงไปที่กลางตัวพยายามชอนไชนิ้วมือเข้าไปทักทางกับกลีบดอกไม้เล่น นิ้วผมขยับเข้าออกช้าๆจนรับรู้ถึงความเปียกแฉะบริเวณนั้นกับสะโพกเล็กๆที่ขยับตามจังหวะอย่างยั่วยวน ปากบางขบเม้มเข้าหากันก่อนที่เธอจะผลักตัวผมลงกับเตียงแล้วขึ้นมาคล่อมอยู่บนตัวผมแทน

 “ให้กวางทำให้นะ”

 กวางไล่จูบไปตามลำคอ แผ่นอกต่ำลงจนถึงสะดือลิ้นเล็กเลียไปมาในขณะที่มือเล็กพยายามรูดรั้งแท่งรักของผมให้พร้อมใช้งาน แปลก...ทำไมผมถึงไม่รู้สึกอะไรเลย นี่มันแปลกมาก!!

 “คิกๆ ดื้อจัง สงสัยต้องใช้อย่างอื่น”

 กวางอ้าปากรับแท่งรักเข้าไปจนสุด ขยับปากขึ้นลงขณะที่ตาของเธอลอบมองปฏิกิริยาของผม ผมมองความยาวที่ผลุบหายเข้าออกภายในปากเล็กโดยปกติแล้วผมต้องรู้สึกอะไรบ้าง แต่นี่ไม่เลย มันไร้ความรู้สึกมาก นี่ผมเป็นอะไร

 “กวาง ขอโทษนะ พี่นึกได้ว่ามีธุระ” ผมดันเธอที่มองหน้าผมงงออกห่างหยิบเสื้อกับกางเกงมาใส่ลวกๆโดยไม่สนใจความเรียบร้อย ผมวางเงินเอาไว้ให้ค่าโรงแรมและให้เธอไว้กินขนมเล็กน้อย ผมมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการหาคำตอบ มันเกิดอะไรจึ้นกับผม ทำไมผมไม่รู้สึกถึงมัน ผมคงไม่ได้ตายด้านหรอกนะ





ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 29-01-2018 21:33:39
     >>>>>>ต่อจากรีที่แล้ว<<<<<<

“ว่าไงนะ!!!” ไอเกมส์กับไอไวท์ตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆผมก็เรียกพวกมันออกมาที่ร้านอาหารแล้วตัดสินใจบอกมันไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นของผมกับน้องกวาง

 “มึงแน่ใจเหรอ มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงแบบนั่นก็ได้” ผมถอนหายใจเสียงดังจนพวกมันเองก็ขมวดคิ้วใส่

 “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือขนาดน้องกวางขาวสวยขนาดนั้นกูเห็นแล้วยังไม่ตั้ง นี่กูก็ลองให้น้องเขาใช้ปากให้ กูยังไม่รู้สึกเลย กูว่า....” ผมหลุบตาลงมองพื้นไม่อยากสบตาเพื่อนรักทั้งสองคน

 “งั้น....มึงลองไปปรึกษาพี่ข้างบ้านมึงดูดิวะ เปิดคลินิกรักษาทางนี้ไม่ใช่เหรอ?”

 “ไม่!!! กูรักษากับใครก็ได้ ต้องไม่ใช่มัน!” ผมขบกรามแน่นเมื่อภาพวันเก่าๆย้อนเข้ามาในหัวไม่หยุด ไอเกมส์กับไม่ไวท์มองหน้ากันอย่างชั่วร้ายก่อนที่ผมจะถูกหิ้วปีกขึ้น

 “เฮ้ย!! ทำอะไรวะ ปล่อยกูนะเว้ยไอเพื่อนเวร!!!”

 “อย่าดิ้นดิวะ กูจะพามึงไปรักษาไง”

 พ่อมึงดิ ไปก็ใช่ว่าจะหาย แต่ไอพวกเพื่อนเลวของผมสองตัวมันไม่สนใจเอาแต่หิ้วผมขึ้นรถขับตรงไปยังคลินิกของพี่หมอ ผมทั้งดิ้นทั้งถีบแต่พวกมันก็ทนมือทนตีนสุดๆไม่ยอมปล่อยให้ผมมีโอกาสรอดเลย ไม่นานตัวรถก็เลี้ยวเข้าจอดหน้าคลินิกที่ใหญ่โตจนแทบจะเป็นโรงพยาบาลได้

 “ไอเกมส์จับมันไว้....เดี๋ยวกูลงไปช่วย”

 “ไอพวกเหี้ย ปล่อยกู!!!” ผมพยายามดิ้นหนีสารพัดวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยรู้เลยว่าพวกมันแรงเยอะกว่าผม

 “มา! ไปข้างในกัน”

 ผมถูกหิ้วเข้าไปทั้งๆที่ยังคงพยายามฝืนตัวไม่ตามมันไปแต่แรงผมคนเดียวหรือจะสู้ควายถึกสองตัวนี้ได้ บ้าชิบ!! ผมไม่อยากเจอหน้ามันเลย ให้ตาย ไอเหี้ยเกมส์! ไอเหี้ยไวท์! ถ้ากูหลุดไปได้ พวกมึงตาย!!!!
 
 “คลินิกมารักษ์สวัสดีค่ะ” พี่สาวหน้าเคาท์เตอร์ส่งยิ้มเป็นทางการให้พวกผมทั้งสามคน

 “เอ่อ หวัดดีครับพี่ พอดีผมอยากพาเพื่อนมารักษาครับ” พี่สาวคนเดิมส่งเอกสารที่หนิบจากโต๊ะให้พวกผม ไอเกมส์ถือไว้ก่อนจะเอามาอ่านดู ผมส่งสัยนิดหน่อยเลยชะเง้อคอมองว่ามันคืออะไร กฎของคลินิกมารักษ์ คืออะไรวะ

 “ห้ามหึงหวงหมอ ห้ามเป็นเจ้าของหมอ บ้าอะไรวะเนี่ย!!” ผมแหกปากลั่นจนคนทั้งคลินิกหันมามองผมอย่างสนใจ จะไม่ให้เสียงดังได้ไงครับ กฎแบบนี้มันของพวกโฮสคลับมากกว่า นี่มันคลินิกจริงกรือเปล่าวะ

 “ไม่บ้าหรอกค่ะคุณน้องขา เดี๋ยวคุณน้องอยู่ๆไปก็จะเข้าใจค่ะ ว่าแต่นี่เลือกห้องตรวจไว้หรือยังคะ”

 “ห้อง....”ผมกำลังจะอ้าปากบอกเลยว่าห้องไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หมอสพล แต่ไอเพื่อนผมสองตัวดันแหกปากขึ้นมาก่อน
 
  “หมอสพลครับ พอดีไอเพื่อนผมมันรู้จักกับหมออยู่แล้วน่ะครับ” ผมหันขวับไปมองไอไวทด้วยสายคาดโทษมัน ผมส่งกระแสจิตที่เรียกได้ว่าแทบจะแดกหัวมันอยู่รอมร่อ

 “อ้าว!! จริงเหรอคะ งั้นเดี๋ยวพี่เรียกหมอสามให้ รอตรงนี้ก่อนนะคะ”

“ไม่ต้องครับ//ดีเลยครับ!!!” เสียงของผมดูไร้ประโยชน์มากเมื่อเทียบกับมันสองตัว กลบเสียงกูมิดเลยนะ ผมดิ้นหนีระหว่างที่พี่สาวคนนั้นเดินไปที่ห้องหมอ พี่หมอหันมามองทางพวกผมก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามพี่สาวคนนั้นมา

 “สวัสดีครับบาส” ผมเมินหน้าหนีไม่สนใจ

 ผลั๊วะ!! สัส ตบซะหัวจะทิ่ม

 “มารยาทไอเหี้ยบาส พี่เขาทักมึงครับเพื่อน” ผมพึมพำปากให้มันอ่าน พ่อ-มึง

 “หวัดดี......ครับ” ไม่อยากต่อคำหลังเลย หยะแหยงปากมาก เกลียดมัน ขนาดรู้ว่าผมไม่เต็มใจจะทักมันก็ยังหน้าบานรับคำทักทายได้อีก

 “งั้นผมฝากมันด้วยนะพี่ มันบอกว่ารู้สึกเหมือนจะตายด้าน” เชี้ย!! มึงไปบอกมันทำไมวะ ไอเพื่อนทรยศ

 “กูหายแล้ว!! ปล่อยเลยพวกมึง!!” ผมดิ้นๆพยายามให้หลุดออกจากการถูกเพื่อนตัวเองจับไว้

 “ถ้างั้นเชิญคนไข้ที่ห้องตรวจที่๒.เลยครับ” พี่หมอมันผายมือเชื้อเชิญให้ผมเดินตามไปที่ห้อง อยากจะบอกเหลือเกินว่า ต่อให้เอาพยาบาลสวยๆมาลากกูก็ไม่ไปหรอกโว้ย!!

 “ไปครับพี่!”

 “เฮ้ย!! อะไร!! กูไม่ไปเว้ย!!”

 ผมร้องลั่นคลินิก ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองหรืออะไรยังไง ขอแค่ผมไม่ต้องเข้าไปอยู่ในห้องสองต่อสองกับไอพี่สามก็พอ แต่แรงผมบอกแล้วว่าสู้ไอสองตัวนั้นไม่ได้ มันลากผมที่พยายามฝืนไว้ไม่ยอมให้มันลากผมเขไปในห้องง่ายๆ แต่สุดท้ายตัวผมก็ถูกโยนไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงใหญ่อยู่ดี คลินิกเหี้ยอะไรวะ แม่งมีเตียงใหญ่ขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเป็นโรงแรมกูก็ไม่สงสัยเลย

 “ฝากมันด้วยนะพี่!!”

 “รักษามันให้หายนะเว้ยพี่สาม!” พูดจบพวกมันก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจหันกลับมามองผมอีก นี่พวกมันเป็นเพื่อนผมใช่ไหมครับ พี่หมอกับพี่สาวคนสวยหน้าเคาท์เตอร์มองผมยิ้มๆกับท่าทางของผมที่จะออกไปก็ไม่กล้าจะอยู่ก็ไม่อยากจะอยู่ผมที่ทำอะไรไม่ถูกคงแสดงท่าทางตลกๆอะไรออกไป เขาถึงมองผมกันแบบนั้น

 “แล้วสัญญาละคะหมอสาม”

 “ไม่เป็นไรครับ คนนี้เดี๋ยวผมดูแลเป็นกรณีพิเศษเอง”
พี่สาวคนสวยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันมามองหน้าผมพร้อมส่งยิ้มมาให้ ผมได้แต่ยิ้มตอบกลับไปแบบไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ สถานการณ์ผมตอนนี้ไม่เหมาะจะยิ้มให้ใครหรอกครับ ชีวิตกำลังจะอยู่ในมือของปีศาจในคราบนักบุญ

    แอดดดด ปัง!! กึก!!

 ผมสะดุ้งกับเสียงปิดประตูของไอพี่หมอ แต่ที่ตกใจกว่าคือประตูคลินิกแม่งมีสองชั้น มันเป็นไปได้ครับเนี่ย พี่หมอล็อคประตูก่อนจะเดินมาหาผมที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างด้วยใบหน้าอ่อนโยน เหอะ!! กูคงเชื่อถ้าไม่เคยเห็นว่าภายใต้ใบหน้านั้นมีอะไรเหี้ยๆซ่อนอยู่

 “ไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหมเรา”

 “ก็ดี” พี่หมอส่ายหัวเมื่อผมตั้งท่าไม่อยากจะพูดด้วยกับเขา

 “เรียนเป็นไงบ้างล่ะ” ผมยกยิ้มเย้ยหยันใส่พี่หมอสามก่อนจะแดกดันกลับไป

 “หึ....ดีมากเลยครับ สอนให้ผมรู้อะไรหลายๆอย่าง รวมถึงเรื่องนอกตำรา” พี่หมอสามยิ้มให้ผมอย่างไม่สนใจอะไรในสิ่งที่ผมพูด แถมยังพิงผนังเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ ในห้องเงียบผมกับพี่สามไม่มีใครพูดอะไรออกมา สายตาผมกวาดตามองไปทั่วห้องส่วนพี่สามก็เอาแต่มองหน้าผมจนผมรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะหายตัวไป แปลก...ความรู้สึกที่อยู่ห้องนี้มันไม่เหมือนเวลาที่ผมไปคลินิกแถวๆบ้านเลย มันให้ความรู้สึกเหมือน....เหมือนอยู่บ้าน เหมือนห้องนอนพี่สามวันนั้น ชิท! ดันนึกถึงมันขึ้นมาซะได้

 “เอาล่ะ ไหนขอพี่ตรวจหน่อย”
 
 “ตรวจ? ตรวจอะไร?” พี่สามไล่สายตาจนลงมาถึงเป้ากางเกงของผมจนผมต้องขยับตัวหนีสายตาคมคู่นั้น

 “ก็.....ไม่รู้สึกตรงไหน พี่ก็ต้องตรวจตรงนั้น” อะ ไอโรคจิต พูดแค่นี้ทำไมต้องเลียปากด้วยวะ ฮืออออ ผมอยากกลับบ้านนนนน

 “เอาล่ะครับ ถอดกางเกงออกแล้วลองช่วยตัวเองให้พี่ดูหน่อย”

 “ห้ะ!!!!”

 ผมร้องออกมาอย่างตกใจ พี่มันบ้าหรือเปล่าครับ ให้ผมช่วยตัวเองให้ดูเนี่ยนะ มันใช้อะไรคิด แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ด่าอะไรพี่สามมันก็เหมือนจะล่วงรู้ความคิดจึงได้ยกมือขึ้นห้ามผมเอาไว้

 “ไม่ใช่อย่างที่คิด พี่แค่ต้องดูปฏิกิริยาของอวัยวะเพศ ต้องตรวจสอบก่อน”

 “ทะ ทะ ทีหลังก็บอกดิ!!”

 ผมจัดการปลดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงลงเล็กน้อยเพื่อจะได้ดึงแก่นกายของตัวเองออกมา ผมพยายามลูบไล้มันให้พองตัว แต่ไม่ว่าผมจะลูบไล้หรือชักมันแค่ไหนมันก็ไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นเลย พี่สามยังคงจับจ้องมาไม่ยอมหยุด ผมรู้ดีว่ามันเป็นงานเขาพยายามทำใจยอมรับแต่เรื่องในอดีตมันก็ทำให้ผมมองเขาในแง่ดีไม่ได้เลย พี่สามเดินเข้ามาใกล้ๆย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าตัวเองเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับความเป็นชายของผม

 “เฮ้ย!! ทำไรวะ!!” ผมร้องขึ้นเมื่อจู่ๆพี่สามก็เอื้อมมือหวมายจะมาจับเจ้าหนูที่นอนหลับอย่างสงบเงียบของผมจนผมต้องปัดมือใหญ่ออก

 “พี่ต้องจับดูนะ ไม่งั้นพี่จะเช็คดูได้ยังไง ตกลงอยากหายไหมเนี่ย” ผมลังเลก่อนจะยินยอมให้พี่มันจับ พี่สามพยายามลูบไล้ทำทุกๆอย่างเหมือนที่ผมทำ แต่อย่างที่บอกผมไม่มีความรู้สึกเลย ผมเริ่มกังวลกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ หรือผมจะตายด้านไปแล้วจริงๆ

 “รู้สึกไหมว่าพี่จับอยู่”

 “อืม แต่มันเบาๆ”

 “งั้นต้องตรวจสอบทางอื่นแล้วล่ะ” พี่สามยืดตัวขึ้นยืนจนเต็มความสูง สายตาคมมองมาที่ผมด้วยแววตาจริงจังจนผมไม่กล้าขยับตัวไปไหนได้แต่รอพี่มันสั่ง

 “บาสถอดกางเกงออกแล้วนอนคว่ำหน้าหันหลังยกสะโพกขึ้นสูงๆมาทางพี่ด้วยล่ะ”
ผมช็อคตาค้างกับสิ่งที่มันสั่งออกมา นี่จะให้ผมหันตูดใส่หน้ามันเนี่ยนะ ฝันเถอะ!! คนอย่างไอบาสไม่โง่รอบสองหรอกเว้ย!! กูไม่ได้อายุ12แล้วนะ

 “เรื่องไรวะ!! ไม่ทำเว้ย!!”

 “ถ้าไม่ทำ พี่ก็รักษาอาการไม่แข็งตัวของบาสไม่ได้นะ” ชิท!! ทำไงดีวะ ถ้าไม่เชื่อพี่มันผมก็กลัวว่าพี่มันอาจจะหลอกผม แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมก็จะไม่หาย โว้ยยยยย หงุดหงิดๆๆๆ เอาวะ จบแล้วค่อยไปหาสาวๆมาลบภาพเอาก็ได้

 “เออ! ก็ได้วะแม่ง”

 พี่สามยิ้มให้ผมราวกับว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว ผมหันหลังนอนคว่ำหน้าลงพร้อมยกสะโพกขึ้นสูง ผมกังวลได้แต่หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอะไร แต่ผมลืมไปว่า ยิ่มหลับตา ประสาทสัมผัสอื่นๆก็ยิ่งทำงานได้ดียิ่งขึ้น

 “อ๊ะ! อะไรวะ!!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ทั้งเปียกและเย็นจนผมต้องส่ายก้นหนี

 “อ่า....เจลน่ะ มันจะทำให้พี่ตรวจง่ายขึ้น” ผมคลายอาการเกร็งของตัวเองลงเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร พี่สามยังคงป้ายเจลที่ช่องสีสวยก่อนผมจะรู้สึกว่านิ้วของพี่สามค่อยๆกดเข้ามา

 “อะ เอาเข้ามาทำไม ผมอึดอัด” มันจุกๆแน่นๆจนผมต้องร้องถามพี่สามออกไป

 “พี่ต้องตรวจภายใน ต้องตรวจให้หมดจะได้รู้สาเหตุที่ทำให้เราเป็นแบบนี้” นิ้วเรียวยังคงถูกกดเข้ามาจนผมรู้สึกได้ว่ามันลึกมาก พี่สามหมุนนิ้วไปมาราวกับหาอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะถูกงอลง

 “อื้อ พี่ทำอะไรกันแน่! ผมไม่ อื้อ ไม่ชอบ”

 “เดี๋ยวสิ ขอพี่หาก่อน”
พี่สามยังคงควานนิ้วเข้ามาภายใน ดึงเข้าออกอย่างช้าๆแต่ยังไงมันก็อึดอัดอยู่ดี ผมไม่รู้ว่าการที่พี่สามทำแบบนี้มันจะช่วยให้รู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่คืออะไร แต่เมื่อพี่สามเป็นหมอ(ที่ไม่น่าไว้ใจ)ผมก็คงต้องให้เขาตรวจผมให้ละเอียด

 “อ๊ะ!!”

 อะ อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆผมรู้สึกว่าเหมือนถูกไฟช็อต ผมเผลอจิกนิ้วตัวเองลงบนเตียงใหญ่เมื่อนิ้วที่ถูกงอของพี่สามแตะโดนบางอย่างที่ช่องทางด้านหลังของผม พี่สามยกยิ้มอย่างพอใจกับมัน ราวกับว่าสิ่งที่กำลังหาเขาพบมันแล้ว

 “ตรงนี้เอง”

 “อือ อ๊ะ”

 ผมร้อนวูบไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ความรู้สึกที่มวนๆที่ท้องเล่นงานผมจนหัวตื้อไปหมด นิ้วพี่สามเร่งเร้าเข้าออกเร็วขึ้นจนสะโพกของผมต้องขยับตาม ผนังร้อนๆกับนิ้วที่ยาวเสียดสีกันจนผมร้องครางออกมาอย่างสุดกลั้น ระหว่างที่ตัวผมเองกำลังมัวเมาอยู่ในความรู้สึกแปลกใหม่ จู่ๆตัวตนของผมก็ถูกบางอย่างที่ร้อนมากๆครอบครอง

 “พะ พี่สาม!! หยะ หยุดนะ อ๊ะ”

 จุ้บ จ๊วบ

 เสียงการขยับปากที่กำลังดูดความแข็งแกร่งกลางร่างดังกระทบโสตประสาท แต่ผมก็ขัดขืนอะไรไม่ได้เมื่อนิ้วมือของพี่สามก็ยังคงชักนำความเสียวซ่านให้ผมได้เพลิดเพลินไปกับมัน พี่สามเร่งส่งนิ้วเรียวเข้าไปในตัวผมเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามจนผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองร้องครางมานานแค่ไหนแล้ว ปลายลิ้นตวัดไปตามรอยจีบที่ถูกนิ้วทั้งสามสอดแทรกอยู่ภายใน

 “อย่าเลีย อ๊ะ มันนะ อื้อ มันสกปรก อ๊า”

 แต่พี่สามไม่เคยฟัง ลิ้นร้อนยังคงสอดแทรกเพิ่มเข้าไปกับปรายนิ้ว ผมได้แต่เกรงร่างกายจนช่องทางก็ถูกบีบรัดให้เล็กลงไปด้วย แต่ไม่นานผมก็ลืมเลือนมันเพราะความเสียวซ่านที่ถูกปลายลิ้นปรนเปรอ พี่สามยังคงเอร็ดอร่อยกับการดูดเลียรูสีสวยที่เปิดกว้างแม้ไม่มีนิ้วสอดเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังมีปลายลิ้นที่ทำหน้าที่แทน

 แจะ แจะ จ๊วบ

 ผมบิดร่างไปมาบนเตียงเผลอยกสะโพกขึ้นให้สะดวกแก่ตัวพี่สามที่กำลังดูดเลียมันอยู่ พี่สามดูจะพอใจกับการตอบสนองของผมมาก มือทั้งสองข้างของเขาจับยกก้นงอนของผมขึ้นมาแนบใบหน้าจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่าโดนจุดอ่อนไหว ผมแทบไม่เชื่อเมื่อเห็นมันตั้งตระหง่านท้าทายสายตาทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมตื่นเลย แต่นี่แค่โดนพี่สามตรวจถึงกับตื่นขึ้นมาดูโลกเลยหรือ พี่สามเก่งเกินไปแล้ว

 “แฮ่กๆ”

 “บาส.....พี่รอไม่ไหวแล้ว” หือ อะไร?? รออะไร?? ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าพี่สามพูดถึงเรื่องอะไร เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยอยู่บนอากาศ ถามว่าอยากจะรู้ไหม บอกเลยครับว่าไม่ ตัวผมในตอนนี้ลุ่มหลงกับความเสียวซ่านที่ได้รับมาก่อนหน้านี้อย่างมัวเมาจนไม่คิดจะสนใจอะไรใครอีก
หูของผมได้ยินเสียงปลดเข็มขัดของคนตัวสูงก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าบนเตียงไม่ได้มีแต่ผมอีกต่อไป น้ำหนักที่ถูกกดลงมาทางด้านบนตัวของผม พี่สามซุกไซร้ไปตามลำคอของผม ลากไล้ปลายลิ้นสากลงจนถึงยอดอกสีสวย พี่สามมัวเมากับการดูดเลียยอดสีสวยที่ทำให้ผมต้องแอ่นอกรับริมฝีปากที่สัมผัสลงมา มือหนาของพี่สามจับขาของผมแยกออกจากกัน ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่จ่อมาตรงจีบทางด้านหลัง

 “บาส จุ๊บ บาสครับ พี่รอวันนี้มานานมากแล้วรู้ไหม”

 “อื้อ อา”ผมได้แต่ส่งเสียงอืออาตอบพี่สามที่ยังมัวเมาอยู่กับยอดอกของผม

 “อึก! โอ้ย!!!!”

 ผมร้องลั่นเมื่อบางอย่างที่แข็งและร้อนถูกสอดแทรกเข้ามายังรูรักของผม แม้ว่าก่อนหน้านี้จะถูกสอดนิ้วเข้ามาถึงสามนิ้วก็ตาม แต่สิ่งที่ถูกสอดเข้ามาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่กว่านิ้วทั้งสามมากจนผมรู้สึกถึงรูรักที่ฉีกขาด กลิ่นคาวของเลือดลอยแตะจมูกของผมจนต้องส่ายหน้าไปมา

 “กรอด!! บาสอย่าดิ้นสิครับ”

 “ฮือ ผมเจ็บ ปละ ปล่อยผม”

 แม้ว่าน้ำเสียงของพี่บาสจะบ่งบอกถึงความอดทนทีใกล้จะหมดก็ตามทีแต่ผมที่เพิ่งพบเจอกับความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกร่าง มันเจ็บจนร้าวไปถึงกระดูกสันหลัง ผมยังคงผลักไสดิ้นรนหนีจากแท่งร้อนๆที่ใหญ่คับรูรัก พี่สามคงรำคาญหรืออย่างไรไม่ทราบ เขาบดจูบลงบนริมฝีปากของผมสอดแทรกปลายลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดชักจูงให้ล่องลอยไปตามเขา มือหนากุมแก่นกายของผมรูดรั้งมันเบาๆตามจังหวะจนแก่นกายที่อ่อนตัวจากความเจ็บปวดของผมกลับมาแข็งตัวอีกครั้ง

 “อืม อ๊ะ”

 พี่สามยกยิ้มเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับมันอีกครั้ง ความแข็งแกร่งที่ถูกสอดมาเพียงครึ่งเดียวเมื่อคราแรกถูกดันเข้ามาจนมิดจนผมสะดุ้งสุดตัว หลุดออกจากฝันหวานที่ถูกป้อนให้ อยากจะกรีดร้องแต่ก็ถูกริมฝีปากร้อนบดเบียดอยู่จึงไม่อาจจะส่งเสียได้ พี่สามขยับกายดึงแท่งที่ขยายใหญ่ของตัวเองเข้าออกรูรักของผม การเสียดสีของผนังอุ่นๆกับแก่นกายร้อนๆที่บดเบียดเข้าไปโดนบางอย่างที่อยู่ภายในซึ่งมันทำให้ร่างกายของผมร้อนรุ่มขึ้น ผมบิดกายอยู่บนเตียงที่มีคนตัวโตขยับโยกไปมาบนร่างของผม อารมณ์ที่ดับไปเพราะความเจ็บถูกจุดขึ้นมาใหม่เพียงเพราะความใหญ่โตที่อยู่ในร่างของผมสัมผัสกับจุดเร้า

 “ซี๊ด รัดพี่ดีจังเลย” ช่องทางของผมบีบรัดจนพี่สามเงยหน้าขึ้นครางอย่างพอใจ ผมได้แต่หอบหายใจและส่งเสียงครางมือไม้อ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถยกขึ้นมาได้ ทำได้เพียงจิกทึ้งผ้าปูเตียงระบายความเสียวซ่านที่รู้สึก
พี่สามเร่งจังหวะการขยับสอดแทรกให้เร็วขึ้นจนผมที่นอนอยู่ใต้ร่างดึงรั้งผ้าปูขึ้นมาตามแรงกระแทก

 “อ๊ะ อื้อ อ๊ะๆๆ”

 “ซี๊ด อา ดีไหมบาส”

 ผมไม่ได้ตอบได้แต่ส่งเสียงครางกับจังหวะรักที่พี่สามเป็นคนชักจูง เมาอเห็นว่าผมไม่ยอมตอบพี่สามจึงสอดมือเข้าไปใต้เข้า ช้อนสะโพกของผมขึ้นมาจนผมผวาใช้มือทั้งสองกอดคอพี่สามเอาไว้ ตอนนี้กลายเป็นพี่สามยืนขึ้นเต็มความสูงโดยมีผมที่ถูกมือของพี่สามยกเอวขึ้นสูงทั้งที่ร่างของผมและพี่สามยังคงเชื่อมกันอยู่ก่อนที่พี่สามจะปล่อยให้สะโพกของผมลงมาจนสุดความยาว รูของผมดูดกลืนแท่งร้อนของพี่สามจนหมดสิ้น

 “อ๊าๆ จุก อ๊า ผมจุก” พี่สามพาร่างที่ยังเชื่อมต่อกันของผมเดินไปทำให้แท่งร้อนถูกดึงเข้าออกภายในรูรักตามจังหวะการก้าวเท้าของพี่สาม ผมทั้งจุกทั้งเสียวซ่านจนต้องจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของพี่สามอย่างแรง

 “ซี๊ด อย่ารัดพี่แน่นสิครับบาส เดี๋ยวพี่ก็ทนไม่ไหวหรอก อ๊ะ อา”
ทันทีที่แผ่นหลังของผมสัมผัสกับความเย็นของผนังพี่สามก็กระแทกเข้าออกร่างผมอย่างแรงจนผมแกร็งร่างเงยหน้าขึ้นครางจนเสียงดัง แท่งร้อนยังคงถูกขยับเข้าออกด้วยความเร็ว ผมขมิบรัดตัวตนที่ใหญ่โตของพี่สามอย่างแรง

 “อา ไม่ไหวแล้ว พี่ใกล้แล้วบาส”

 “อื้อ อ๊าๆๆ ผม ผม ไม่ ไหว”

 ผมถูกกระแทกกระทั่นจนหัวสั่นคลอน ส่งเสียงร้องครางอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่พี่สามยึดสะโพกผมแล้วโถมกายเร่งจังหวะที่กระแทกเร็วขึ้น ริมฝีปากของเราทั้งสองก็ดูดดึงกันและกันส่งปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียง ผมขยับสะโพกตัวเองรับการกระแทกครั้งสุดท้ายรัดความใหญ่โตแน่นก่อนจะปลดปล่อยหยาดรักสีขาวขุ่นออกมาพี่สามกระตุกสองสามครั้งก่อนที่ความอุ่นซ่านจะถูกฉีดพ่นเข้ามาในตัวผมจนหมด พี่สามซบหน้าลงบนไหล่ของผมเราสองคนหอบหายใจกันอย่างแรงอย่างเหนื่อยอ่อน ช่องทางของผมขมิบถี่จนความใหญ่โตที่อ่อนตัวไปนั้นถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

 “อา บาส ทำแบบนี้อยากได้รอบสองเหรอครับ” ผมตกใจเมื่อได้สติผมก็ใช้แรงผลักร่างของพี่สามออกอย่างแรง

 “ปล่อยผมนะ!! พี่ทำบ้าอะไรวะ!!”

 แม้ว่าจะใช้แรงมากแค่ไหนแต่หลังที่ชนผนังกับร่างใหญ่โตที่สอดแทรกอยู่ภายในทำให้ผมไม่สามารถหนีไปไหนได้ และมันกลายเป็นว่าตัวผมเองที่ขยับสะโพกเป็นจังหวะจนอีกคนครางอย่างพอใจ

 “ซี๊ด ยั่วพี่เหรอครับ อา”

 “ปละ เปล่านะ อย่านะ หยุด!!”

 แต่ก็มีเพียงแค่เสียงห้ามเท่านั้น เมื่อร่างสูงขยับสอดแทรกความใหญ่โตเข้ามาจนลึกสุดความยาวสะโพกหนาหมุนคว้างอยู่ภายในร่างของผม จากที่ผมดิ้นรนหนีกลับกลายเป็นต้องขยับสะโพกส่ายรับอีกคนแทน เสียงครวญครางของผมและพี่สามยังคงดังอย่างต่อเนื่องรอบแล้วรอบเล่าราวกับว่าพี่สามเก็บกดและอัดอั้นมานาน ผมไม่รู้ว่าสลบไปตอนไหน รู้เพียงแค่ว่าผมตื่นมาอีกคนก็ยังไม่ยอมหยุดจนผมที่เหนื่อยอ่อนหลับไปอีกครั้ง



            ............๕๐%............




      TBC


     แมวพาหมอคนที่สองมาเสริฟแล้วค่าาา สดๆร้อนๆ ฮอตจนห้องตรวจลุกเป็นไฟ สนใจให้พี่หมอสามรักษาเป็นการส่วนตัวไหมคะ แต่ระวังน๊า ระวังน้องบาสจะหึง คิกๆ ตอนนี้50%นะคะ เสร็จส่วนที่เหลือแล้วแมวจะมาลงให้อ่านต่อ อย่าตีหมอแรงนะ หมอค่อนข้างหื่น~

หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-01-2018 23:25:37
ขออนุญาตไอ..คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 31-01-2018 13:06:59
โอ้วพี่หมอสามขา ร้อนแรงลุกเป็นไฟเลยค่า คิกๆ

 :hao6:  :hao7:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-01-2018 13:17:47
หมอคะ5555ใจเย็นนะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-01-2018 17:27:01
 :jul1: :jul1:  :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-02-2018 00:31:59
ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบเลยละหรือเพราะเราคิดว่านี่เป็นแผนของหมอสามโดยให้เพื่อนของบาสสองคนร่วมมือด้วย เฮ้ยยย ถ้าใช่จริงๆเราว่าไม่ยุติธรรมกับบาสเลยนะเข้าข่ายหลอกลวงด้วยอะ ชอบเขาควรจะจีบเขาตรงๆไหมไม่ใช่มาใช้แผนแบบนี้ เพื่อนบาสทั้งสองคนก็น่าเลิกคบไปเลยอะ ไม่ได้มีความเห็นแก่เพื่อนอะไรเลย เรื่องแบบนี้ควรให้เพื่อนตัดสินใจเองนะไม่ใช่ไปยุ่งเรื่องเขา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 01-02-2018 20:25:05
ไม่อยากตรวจค่ะ อยากตั้งกล้อง... :jul1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-02-2018 22:58:33
ดุมากพี่หมอสาม
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-02-2018 14:22:47
                       เสียงดังแว่วของคนคุยกันมันทำให้ผมต้องหยีตาพยายามเปิดรับแสงที่ส่องใบหน้า ความเมื่อยล้าทำให้ผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมา ผมยังอยากจะนอนต่อแต่เสียงที่น่ารำคาญทำให้ผมทนข่มตาต่ออีกไม่ไหว จะอะไรกันนักกันหนานะคนจะหลับจะนอนเสียงดังกันอยู่ได้

 “พี่ทำแบบนี้ได้ไง สองผิดหวังกับพี่มาเลยนะ!”

 “มันเป็นของพี่ สองก็รู้ดี” ผมลืมตาขึ้นมองไปยังร่างของพี่สามและพี่สอฃที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าประตู

    หืม?? ประตู??

ทุกๆเหตุการณ์ค่อยๆไหลกลับมารวมอยู่ในหัวผมอย่างรวดเร็ว นี่ผม ผมมีอะไรกับพี่สามมันไปแล้วเหรอ!! ให้ตายเถอะ ทั้งๆที่ควรจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่ายังไงๆพี่สามมันก็ต้องทำกับผมแบบนี้!! ผมลุ สกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วอย่างหัวเสียจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะเจ็บตัวมา

 “โอ้ย!!!” เสียงร้องที่ดังออกมาจากปากผมทำให้พี่สามและพี่สองหันมามองก่อนจะถลาร่างเข้ามาหาผม

 “เป็นไงบ้าง อย่างเพิ่งรีบลุกสิ” พี่สามพยุงผมขึ้นนั่งแต่ด้วยความโกรธจากเรื่องที่เจาทำมันทำให้ผมสะบัดตัวออกอย่างแรง

 “ปล่อย!! อย่ามาจับ!!” พี่สามชะงักไปแต่ก็ส่งยิ้มให้ผมราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใด

 “อย่าดิ้นมากสิครับ เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิมหรอก”

 “พี่สามถอยไป!! สองจะพาน้องกลับบ้าน” ผมแทบจะกระโดดโผเข้ากอดพี่สองถ้าไม่ติดว่าผมเจ็บก้นก็คงทำไปแล้ว อยู่กับพี่สองดีกว่าเป็นไหนๆ พี่สองมักจะคอยดูแลผมเสมอ ทุกครั้งที่ผมถูกเพื่อนรังแก พี่สองจะวิ่งมาหาและปกป้องผม ผมยังจำได้ดี ทุกครั้งที่ผมมองพี่สองผมจะเห็นความสดใสที่มันเปล่งประกายออกมาจากตาคู่นั้น เมื่อไหร่ที่ผมได้มองแสงอบอุ่นมักจะถูกแผ่มาปกคลุมหัวใจของผมด้วย มันต่างจากพี่สาม แววตาของพี่สามเย็นชา ผมเห็นเวลาที่พี่สามคุยกับสาวๆถึงแม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่กวงตาที่มองพงกเธอกลับว่างเปล่า แต่.....เมื่อเขามองมาที่ผม สายตาของนักล่ามักจะปรากฏขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกต้อน เหมือนเป็นกระต่ายที่กำลังถูกราชสีห์จับมาอยู่ในขอบเขตที่ไม่ว่าจะวิ่งไปที่ไหนก็ถูกตามเจอ ผมกลัวพี่สาม ใช่ กับพี่สามผมมักจะกลัวสิ่งที่แสดงออกมาทางสายตา

 “ไม่ต้อง สองกลับบ้านไป พี่จะพาบาสกลับเอง” พี่สามยืนพิงประตูบอกกับพี่สองที่กางแขนออกปกป้องผมไม่ให้เข้ามาใกล้

 “แต่น้องกำลังเจ็บ สองจะพากลับเอง!!” พี่สองสบตาคมของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยกยิ้มบางๆกับสองมือที่ถูกยกขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ทำไมมันดูง่ายอย่างเหลือเชื่อ มันแปลก.......แปลกที่ใจของผมกระตุก เพียงแค่ท่าทีที่ไม่สนใจจะยื้อเอาไว้ของพี่สาม

 “ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”

  ผมกำมือแน่นไม่เข้าใจกับอารมณ์ของตัวเอง โกรธ? เสียใจ? น้อยใจ? มันปะปนกันจนผมแยกไม่ออกว่าความรู้สึกไหนที่มันเด่นชัด แต่ที่ผมรู้แน่ๆตอนนี้คือผมไม่อยากอยู่ตรงนี้สักวินาทีเดียว

 หมับ!

 “พี่สอง ผมอยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้านนะครับ” ผมกอดเอวพี่สองจากทางด้านหลังจนแน่น มือกำเสื้อของพี่สองเอาไว้อย่างสะกดอารมณ์ที่กำลังตีรวนขึ้นมาผมต้องการให้พี่สองพาผมกลับบ้านเพราะผมรู้ดีว่าตอนนี้ผมเดินไม่ไหว พี่สองหันมากอดผมเอาไว้ลูบหัวผมอย่างปลอบประโลม

 “ครับ เดี๋ยวพี่จะพาเรากลับบ้านนะ” พี่สองขยับรั้งร่างผมให้ลุกขึ้นยืน ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดที่ทางด้านหลังจนเซ ดีที่พี่สองรับผมไว้ได้ทันก่อนจะลัมลง ผมค่อยๆเดินไปพร้อมๆกับพี่สองผ่านหน้าพี่สามที่ยืนมองอยู่ ผมไม่สบตาอะไรพี่สามไม่อยากจะมองหน้าพี่มัน ไม่อยากเห็นสิ่งที่จะสะท้อนออกมาจากสายตาคู่นั้น พี่สามมองพวกเราที่เดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักอย่าง



     ผมกับพี่สองเดินออกมาจนพ้นตัวคลินิกพี่สองคอยพยุงให้ผมถ่ายน้ำหนักมาทางพี่สองเสียมากกว่า ดูแล้วพี่สองคงกลัวว่าผมจะเจ็บจนเดินไม่ไหวซึ่งตัวพี่สองเองก็กลัวจะอุ้มผมไม่ไหวเช่นกัน ทันทีที่พี่สองขับรถพาผมกลับบ้านน้ำตาที่กลั้นมาก็ไหลผมตัวสั่นสะอื้นไห้กับความรู้สึกที่ตีขึ้นมา พี่สองหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนอีกครั้งจะมีก็เพียงแค่มืออุ่นๆที่ลูบหัวผมเบาๆ ความอบอุ่นที่ได้รับมันยิ่งทำให้ผมปล่อยโฮ นานแค่ไหนแล้วนะที่ตัวผมไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ มันนานมากแล้วสินะที่พี่ชายคนนี้ไม่ได้มาปกป้องผม แต่ตอนนี้พี่สองก็ปกป้องผมเหมือนเดิมทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อก่อนผมยังคงต้องพึ่งความอบอุ่นจากพี่สองอยู่ดี ตลอดทางจนถึงบ้านพี่สองไม่พูดหรือถามอะไรผม ผมคิดว่าพี่สองน่าจะรู้ว่าผมไม่พร้อมจะพูดอะไรตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมร้องไห้ทำไม จะถามว่าเสียใจเรื่องที่โดนพี่สามทำแบบนั้นไหม ใช่ครับ แน่นอนอยู่แล้ว แต่มันไม่มากพอที่ผมจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ บางทีผมอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อคิด ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ผมเสียใจ



 “ถึงบ้านแล้วล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่สองก่อนจะหันไปมองบ้านของตัวเอง

 “นั่นสินะครับ” ผมกำมือบนตักแน่นเหลือบตามองพี่สองที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรอีก ผมเดาอารมณ์ของพี่สองไม่ถูกแต่รู้ว่าพี่เขากำลังคิดอะไร

 “พี่สอง....”

 “ครับ ว่าไง” ผมเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

 “อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ผม ได้ไหมครับ” พี่สองนิ่ง ไม่ยอมตอบอะไร ผมได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจของพี่สองเท่านั้น

 “ถ้างั้น.....เราบอกพี่มาสิว่า ทำไมไม่ให้พี่บอกท่านทั้งสองคน”

 “ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ตัวผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรขนาดนั้น ให้เรื่องมันจบๆไปเถอะครับ” ผมสูดหายใจยืดอกขึ้นบอกพี่สองให้ได้เห็นว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่อะไรขนาดนั้น พี่สองมองผมกาอนจะลอบถอนหายใจอีกครั้งด้วยความหน่ายใจ ผมรู้ตัวว่าทำให้พี่สองลำบากกับเรื่องของผมแต่ผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันบ่นปลายกว่านี้ ถ้ามันจบลงแค่นี้ได้ก็ดี อีกอย่าง.....พี่สามเองเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว คงไม่มานุ่งวุ่นวายอะไรกับผมอีก ให้มันจบไปก็ดีแล้ว

 “กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าว!! หนูสอง ทำไมมาด้วยกันได้ละคะ” คุณแม่ส่งยิ้มให้พี่สองที่เดินตามหลังผมเข้ามา ผมสบตาพี่สองเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าห้ามลืมเด็ดขาด

 “สวัสดีครับน้าฉาย พอดีผมไปเจอน้องที่คลินิกพี่สามน่ะครับ เลยรับกลับมาพร้อมกัน” คุณแม่มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของพี่สอง

 “แล้วเราไปทำอะไรที่คลินิกพี่สามเขาละลูก กลับไปสนิทกันแล้วเหรอ”

 “เปล่าครับแม่ พอดีเพื่อนผมมันแกล้งเอาผมไปทิ้งไว้ที่คลินิกพี่สาม ผมเลยติดรถพี่สองกลับบ้านมาด้วย” คุณแม่พยักหน้าเข้าใจที่ผมพูด ผมจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 “ถ้างั้นคุณน้าฉายครับ ผมลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

 “อ๊ะ สวัสดีจ้ะ ว่างๆก็มาเล่นที่บ้านน้าบ้างนะคะ น้าคิดถึ๊งคิดถึง”

 “ครับน้าฉาย” พี่สองส่งยิ้มสดใสให้แม่ผมก่อนจะหันมาสบตากับผมอีกครั้ง

 “พี่ไปก่อนนะบาส”

 “ครับพี่สอง ขับรถดีๆนะครับพี่” พี่สองขำกับคำพูดผมที่บอกออกไปแบบนั้น

 “ฮ่าๆ แค่บ้านข้างๆพี่คงไม่ต้องขับดีๆก็ได้มั้ง” เออ จริงด้วยแหะ บ้านพี่สองอยู่ข้างๆนี่หว่า ดันลืมเสียสนิท ผมหน้าแดงอับอายกับความขี้ลืมของตัวเองยิ่งได้ยินแม่ผมร่วมหัวเราะกับเขาด้วยผมยิ่งอายเข้าไปใหญ่

 “ทุกคนแกล้งผม!!”

 “ฮ่าๆ โอเคพี่ไปแล้ว วันหลังจะมาหาบ่อยๆ”

   พี่สองโบกมือให้ผมก่อนจะเดินหันหลังกชับไปที่รถ วันนี้เจออะไรมาเยอะมากมาย ยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้วสำหรับผม ผมอยากให้เวลาที่ผ่านมาในวันนี้กลายเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะดีกว่านี้มาก ผมคงจะมองหน้าพี่สองได้อย่างเต็มตา พูดจากับพี่สามได้เต็มคำ ไม่ใช่อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ ผมไม่อาจจะรู้ได้เลยว่า สิ่ฃที่พี่สามทำลงไปมันเป็นเพราะอะไร แต่เซ็กส์โดยทั่วไปมันไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย เพราะแค่อารมณ์ชั่ววูบมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก และกรณีของผมก็คงเป็นเช่นนั้น 



   ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-02-2018 14:32:34
         ต่อจากด้านบน


                ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดไปทั้งร่างเจ็บร้าวที่ด้านหลังจนแทบจะตะโกนออกมา ดีหน่อยที่สำนึกทันว่าตอนนี้อยู่ที่บ้าน ขืนผมแหกปากร้องออกไปแม่กับพ่อผมได้เข้ามาถามกันยกใหญ่แน่ๆ ในเมาอเลือกที่จะจบมันผมก็ต้องทนกับมันให้ได้ แต่ว่านะครับ ลุกยากชะมัดเลย เจ็บจนแทบจะเดินไม่ไหว แถมรู้สึกว่าตัวจะร้อนๆเหมือนจะเป็นไข้ยังไงไม่รู้สิ อาการตกค้าฃจากเซ็ส์เมื่อวานหรือเปล่านะ เฮ้อออ ชีวิตผมนี่มันซวยบัดซบจริงๆให้ตายสิ ผมจัดการตัวเองในห้องน้ำสักพัก แต่งตัวจนเรียบร้อยผมถึงได้เดินลงมาชั้นล่าง

 “คุณแม่เองก็คิดถึงน้าฉายเหมือนกันครับ”

 “แหม.....น้าเองก็ไม่คิดเลยว่า สามจะหล่อเหลาขนาดนี้”

    พี่สามเหรอ??

     ผมไม่รอช้าเพราะเพียงแค่ได้ยินชื่อพี่สามผมก็เลือกที่จะเดินลงบันไดมาอย่างเร่งรีบที่สุด แม้ว่าจะเจ็บมากเท่าไหร่ก็ตามที ตอนนี้ความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตัวปัญหาที่กำลังนั่งคุยกับแม่ผมต่างหากล่ะที่ใหญ่กว่า

 “พี่มาทำอะไร!!” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แทบจะตะคอก กลัว.....ว่าพี่มันจะพูดอะไรบ้าๆออกไป ถึงผมจะห้ามพี่สองไม่ให้พูดได้ แต่กับพี่สาม มันคงไม่ง่ายแน่ พี่สามและแม่ของผมหันมามองผมทันที สายตาของแม่กำลังตำหนิที่ผมไร้มารยาทแบบนี้

 “มาเยี่ยมน้าฉายครับ แล้วก็แวะมาดูอาการของบาสด้วย” ผมเกลียดรอยยิ้มบนใบหน้าพี่สามมาก เพราะสำหรับผมมันคือหน้ากากของคนๆนี้

 “เอ๊ะ น้องบาสเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมไม่เห็นบอกแม่เลย” ผมได้แต่กัดปากด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ผมอาจจะกระล่อนอาจจะดูเกเรแต่ผมไม่เคยโกหกแม่เลยสักครั้ง เพราะแบบนั้นการจะโกหกแม่มันจึงเป็นเรื่องยากมาก

 “ผะ ผมไม่ได้..”

 “เรื่องนี้ผมผิดเองครับ!”

    ขวับ!

 ให้ตายเถอะๆ พี่มันพูดบ้าอะไรออกมา ผมพยายามจะหาทางพูดไปเรื่องอื่นแล้ว การที่พี่สามพูดแบบนี้ยิ่งทำให้แม่ผมมีสีหน้าสงสัยเข้าไปอีก ความเครียดและความกดดันมันทำให้ฟันที่ขบอยู่บนริมฝีปากถูกกดแน่นขึ้นจนได้กลิ่นคาวของเลือด

 “หมายความว่าไงคะ น้าไม่เข้าใจ” พี่สามยืนขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงคุกเข่าตรงหน้าแม่ของผม

 “ผมมีอะไรกับน้องไปแล้วครับ!!”

 “หา!!!”

 “ไม่จริงนะครับแม่!!!” ผมพยายามจะอธิบายว่ามันไม่จริงสักนิด แต่แม่ได้แต่หันไปมองหน้าพี่สามทีหน้าของผมที สายตาของแม่ไล่จากเส้นผมมาหยึดตรงที่คอของผม แม่ผมกุมขมับแน่นโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าทำไม ตอนนี้ในหัวของผมพยายามจินตนาการเรื่องราวที่พอจะบ่ายเบี่ยงไปได้แต่ก็ไม่มีเลย มันดูจะมีความเป็นไปได้ที่เท่ากับศูนย์

 “ตายจริง.......แบบนี้ น้าก็..” ผมรีบไปนั่งข้างแม่กอดแม่จนแน่น ผมกลัวว่าแม่จะช็อค ผมไม่อยากให้แม่เสียใจที่ลูกชายคนนี้ตกเป็นของผู้ชาย ทั้งที่ผมคิดจะมีลูกมีหลานให้แม่แท้ๆ

 “แม่ครับ มันไม่จริง..”

 “ทำไมบาสพูดแบบนี้ละครับ พี่ทำผิดพี่ก็ต้องยอมรับผิด ในเมื่อพี่ล่วงเกินเราไปแล้ว พี่ก็จะรับผิดชอบ คุณน้าฉายว่ามาได้เลยครับ ผมยินดีทำทุกอย่าง” ผมได้แต่มองหน้าพี่สามอย่าคาดโทษ ทำไมเขาจะต้องคอยมาจองล้างจองผลาญกับผมแบบนี้ด้วยนะ ผมไปทำอะไรให้พี่มันนักเหรอถึงไม่ยอมปล่อยผมไป

 “ผมพูดความจริง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นเลยนะครับแม่ ผมไม่เคยมีอะไรกับพี่สาม!” แม่หันมามองผมเล็กน้อยเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะถามหาความแน่ใจ

 “ผมทำไปแล้วจริงๆครับ ผมผิดที่หักห้ามใจไม่ได้ คุณน้าฉายว่ามาเลยครับว่าจะให้ผมทำยังไง”

 “ถ้าอย่างนั้น.......”

 “แม่ครับ”

 “สามคงต้องไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้วล่ะ ว่างานแต่งงานที่เราเคยตกลงกันไว้ คงต้องกลับมาจัดอีกครั้ง” ผมไม่อาจจะคัดค้านหรือโต้แย้งอะไรได้เลยเมื่อแม่ของผมสรุปออกมาแบบนั้น ผมมองหน้าของแม่ที่แม้จะปรากฏสีหน้ายินดีขึ้นมาแต่ก็มีแววตาที่เคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าแม่เองก็ลำบากใจ ไม่อยากให้ผมลงเอยแบบนี้ แต่ดูจากรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากการเสแสร้งแล้วผมคิดไม่ลงจริงๆ จะว่าไปการแต่งงานที่เคยตกลงกันมันคืออะไรกันนะ

 “ได้ครับน้าฉาย ผมคิดว่าแม่คงยินดีที่จะมาคุยเรื่องนี้แน่นอนครับ”

 “แม่!! ผมไม่อยากแต่งกับพี่สามนะ ผมเป็นผู้ชาย จะแต่งกับผู้ชายได้ยังไงกัน!!” คิดแล้วก็แค้น พี่สามมันกล้าดียังไงเอาเรื่องนี้มาบอกแม่ผม ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สามผมก็คงไม่เป็นแบบนี้

 “ได้ยังไงกันล่ะเรา!! นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ไม่เอาล่ะๆ ยังไงเรื่องนี้แม่จะจัดการเอง!”

 “แต่ว่า....”

 “หยุดเลย แม่ไม่อยากฟังแล้ว ยังไงซะ!! ลูกก็ต้องแต่ง” แม่ไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรเลย เพราะเพียงแค่พูดจบแม่ก็เดินหนีขึ้นไปข้างบนเสียแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ผมกับพี่สามเท่านั้น ผมหันไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งอมยิ้มอย่างสบายใจอยู่บนโซฟา

 “ยิ้มบ้าอะไร!!” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิด

 “พี่มีความสุข ทำไมจะยิ้มไม่ได้ล่ะครับ” ผมกำมือแน่นกับสีหน้ายียวนของพี่สาม

 “เชิญมีความสุขไปคนเดียวเถอะ!!” ผมเดินหนีขึ้นห้อง ไม่อยากอยู่คุยกับพี่สามอีกบอกเลยอารมณ์ผมตอนนี้คุยต่อไม่ไหวจริงๆไม่งั้นผมคงได้ต่อยพี่มันตรงนั้นแน่ ผมเดอนฟึดฟัดปึงปังขึ้นบันไดมาจนถึงห้องตัวเอง แต่เมื่อผมสัมผัสประตูห้องกลับถูกใครอีกคนดันร่างเข้าไปพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา ผมถอยหลังอย่างระแวงเมื่อพี่สามก้าวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น

 “พี่เข้ามาทำไม!! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!”

 “ก็บาสบอกให้พี่ไปมีความสุข”

 “..!!” ยิ่งพี่สามก้าวมาใกล้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งถอยมาเท่านั้น

 “แล้วพี่จะมีความสุขได้ยังไง ถ้าขาดบาส”

   ตุบ!
 
 ผมเสียหลักชนขอบเตียงจนล้มลงไป ร่างของพี่สามก้าวเข้ามาจนหยุดอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบไล้จากข้อเท้าขึ้นมาเรื่อยๆจนผมต้องชักเท้าหนี พี่สามหัวเราะในลำคอเบาๆในขณะที่ร่างสูงค่อยๆแนบชิดลงมามากขึ้นและมากขึ้นจนทุกส่วนของร่างกายสัมผัสกันและกัน ผมหน้าแดงซ่านเมื่อเบื้องล่างของสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ตื่นตัวอยู่ใต้กางเกงสีดำของพี่สาม ยิ่งผมดิ้นรนหนีออกจากเรือนร่างใหญ่ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไปกระตุ้นความต้องการของพี่สามมากขึ้น

 “ปะ ปล่อยนะ!! นี่บ้านผมนะ!! อย่าทำอะไรบ้างๆ” ผมใช้เสียงดังข่มอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าที่นี่บ้านของผม ผมจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เพราะเพียงผมร้องขอความช่วยเหลือทุกคนก็ต้องมาช่วยอย่างแน่นอน แต่อีกคนกลับยิ้มขำ

 “หึหึ บาสกำลังคิดสินะ ว่าแค่ร้องให้ช่วย ใครๆก็ต้องมาช่วยแน่นอน”

 “..!!” มือใหญ่ไล้ปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างช้าๆ

 “บาสอาจจะลืมไปว่า ถ้าร้องไม่ได้ ก็ไม่มีใครมาช่วย”

 “ชะ ช่วย อุ๊บ!”

  ผมเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากของคนเบื้องบนบดเบียดลงมาอย่างรวดเร็วราวกับรู้ว่าอย่างไรผมก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือ ผมยกมือขึ้นทุบตีพยายามผลักร่างหนาที่แข็งแรงออกให้พ้นตัวแต่เขากลับไม่ขยับเลยสักนิด ใบหน้าผมส่ายไปมาเพื่อหลบหนีให้พ้นจากปากร้อน แต่พี่สามก็ตามมาดูดดึงมันได้ตลอดไม่ปล่อยให้ผมได้ส่งเสียงร้องใดๆ

 “อื้อๆ อ๊ะ”

 พี่สามกัดลงบนริมฝีปากล่างของผมจนผมสะดุ้งและอุทานด้วยความเจ็บ ทันทีที่ผมเผยอปากออกลิ้นร้อนก็ถูกส่งเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆของผมผมถูกชักจูงให้ตอบรับจูบที่แสนหวานกลับไป อาการมึนงงเกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้จูบกับคนๆนี้ พี่สามมักทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง มือใหญ่แหวกสาบเสื้อออกลูบไล้แผ่นอกอย่างหลงใหล นิ้วมือสะกิดปุ่มเล็กๆไปมาบีบและดึงเล่นจนสนุกมือ ผมแอ่นอกด้วยความเสียวซ่านอดคิดไม่ได้ว่าพี่สามเก่งเรื่แงนี้จริงๆ

   จุ้บ จ๊วบ

 “แข็งสู้มือดีจังนะ มีแค่พี่หรือเปล่านะที่ได้ทำแบบนี้” ฝ่ามือใหญ่จับความแข็งแกร่งผ่านเนื้อกางเกงที่ผมสวมใส่ การตื่นตัวของผมมันรวดเร็วจนผมเองก็ตกใจ เพราะเพียงแค่จูบผมก็แข็งขนาดนี้แล้วหรือ

 “นะ แน่นอนว่าไม่ใช่!!” ต่อให้มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่พี่สามว่า คนอย่างผมย่อมไม่มีวันพูดออกไปแน่นอน ผมขนลุกซู่เมื่อความดุดันที่ส่งผ่านสายตาคู่นั้นสะกดผมเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พี่สามกำลังโกรธ น้อยครั้งที่ผมจะเห็นสายตาคู่นี้แสดงอารมณ์และมันมักจะทำให้ผมกลัว

 “พี่จะบอกเรื่องดีๆให้นะบาส”

 “อึก อื้อ” ผมกัดริมฝีปากพยายามห้ามเสียงครางตัวเองเอาไว้เมื่อถูกบีบยอดอกที่ชูชันท้าทายสายตา

 “ที่บาสไม่รู้สึกอะไรเลยจนต้องมาให้พี่รักษาให้ จริงๆแล้วเจ้าหนูของบาสน่ะแค่โดนยาชาเท่านั้น” อะไรนะ!! แค่ยาชา!! ผมตัวชาวาบเมื่อความจริงที่รู้มันทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ต่อมาที่ผมต้องเสียประตูหลังให้พี่สามมันไป

 “ไม่จริงน่า!!”

 “หึหึ จริงสิ!! ก็พี่.......”

 “...” ปลายนิ้วไล่ไปทั่วใบหน้าของผมพร้อมกับสายตาคมที่หยุดลงตรงริมฝีปาก

 “เป็นคนให้เพื่อนบาส ฉีดให้บาสเอง”

 “ไอเหี้ย!!! ไอเลว!! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!!” ผมดิ้นรนหนีออกจากอ้อมแขนของผู้ชายตรงหน้าอย่างเหลืออด มันสุดจะทนเมื่อได้ยินเรื่องนี้ที่ออกมาจากปากพี่สามว่าเป็นพี่มันที่วางแผนทุกอย่าง แต่ที่ทำให้ผมสติแตกที่สุดคือ การที่เพื่อนรักของผมสองคนร่วมมือกับมันด้วย!!

 “จะดิ้นไปทำไมละครับเมีย ในเมื่อยังไงๆ พี่ก็ไม่ปล่อยเมียไปอยู่แล้ว” ผมได้แต่กัดปากแน่นอย่างโกรธเคือง สองแขนถูกพี่สามยึดไว้แน่นกับที่นอน อิสระหายไปทุกอย่างมันดูเลวร้ายไปหมด ผมสะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าของพี่สามหยาดน้ำตาไหลรินจนเปื้อนหมอนผมไม่อาจจะกลั้นได้ไหวเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่สะเทือนใจแบบนี้

 “จุ๊ๆ อย่าร้องไห้สิครับ ร้องไห้ทำไมล่ะ หืม?” คำถามที่คล้ายว่าจะห่วงใยแต่น้ำเสียงสดใสมันกลับไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น เจ็บใจ คำๆนี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมกลั่นกรองจนมันแทบจะออกมาเป็นตัวอักษร

 “ผมไปทำอัไรให้พี่นักหนา ทำไมพี่ต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย!!!”

 “ไม่เลย บาสไม่เคยทำอะไรพี่เลย”

 “ถ้างั้นก็ปล่อย..”

 “แต่บาสคือคนที่พี่รัก รักมาตลอด”

 “..!!!”

 “ตั้งแต่ที่พี่เห็นเราตอนเด็กๆ พี่ไม่เคยลืมรอยยิ้มที่บาสมักจะส่งมาให้พี่ เสียงที่เรีกยพี่ด้วยความดีใจเมื่อพี่กลับมาจากโรงเรียน กลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูกพี่เมื่อตอนที่บาสกอดพี่ ทุกอย่างมันไม่เคยเลือนหาย”

 “...” ผมตะลึงค้างกับสีหน้าและคำพูดของพี่สามที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด

 “ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ พี่ยิ่งรัก ยิ่งพี่รัก ความต้องการมันก็ยิ่งชัดขึ้น จนวันนั้นที่พี่ทนไม่ไหว ทำอะไรเราไปทั้งๆที่เรายังเด็ก”

 “...”

 “แต่พี่จะไม่ขอโทษ เรื่องที่เกิดขึ้น”

 “เลว!!”

 “ใช่ครับ เลว พี่ยอมเลว อย่างที่พี่บอกไปเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่ขอโทษ”

 “ฮึก”

 “แต่พี่ขอโทษ ที่หายไป”

 “...!!” ผมอึ้งกับคำพูดของพี่สามที่อยู่ๆก็ขอโทษผมออกมาง่ายๆ ใบหน้าคมโน้มลงมาจนชิดใบหูของผม
 
 “ขอโทษครับคนดี พี่ขอโทษ”

 “ฮึก ฮือๆๆๆ”

  แค่คำง่ายๆ เพียงประโยคสั้นๆก็ทำให้น้ำตาผมไหลจนตัวเองคุมไม่อยู่ ผมสะอื้นจนตัวโยนร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แค่คำว่าขอโทษทำไมผมต้องอ่อนไหวไปกับมัน แต่ผมรู้สึกได้หลังจากที่มองใบหน้าและคำพูดของพี่สามนั้น มันบอกผมได้ชัดเลยว่า ผมเฝ้ารอให้เขาพูดคำนี้มานาน กำแพงที่ตั้งสูงในหัวใจมันได้พังทลายลงจนหมดสิ้น ผมคว้าร่างสูงเข้ามากอดจนแน่น พี่สามดูตกใจกับปฏิกิริยาของผมก่อนจะรวมผมเข้าไปกอดไว้เช่นกัน ผมใช้อกกว้างเป็นที่พักพิงแม้จะร้องไห้แต่ริมฝีปากของผมกลับมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมา หัวใจของพี่สามเต้นแรงจนผมรู้สึกได้ มันน่าแปลกจริงๆที่เสียงหัวใจของเราทั้งสองคนเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

 “พี่หายไปไหนมา ฮึก พี่ทิ้งผมทำไม”

 “พี่เรียนหนักมาก กว่าจะมีเวลามันก็สายไปแล้ว บาสโตขึ้นจนพี่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปหายังไง” ผมซุกใบหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมของพี่สามด้วยความคิดถึง

 “ผมรอขนมจากพี่มาตลอดเลยนะ นึกว่าพี่แค่สนุกๆกับผม ผมนคกว่าพี่มีแฟนไปแล้ว” ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะผมเบาๆ มันรู้สึกเหมือนพี่สามไม่กล้าแตะผมแรงๆกลัวผมจะแตกสลายไป

 “พี่จะชดเชยให้ จะซื้อให้เรากินทุกวันเลยดีไหม” ผมพยักหน้าอยู่กับอกกว้าง เงยหย้าขึ้นส่งรอยยิ้มกว้างให้พี่สามจนตาหยี

 “ครับ!!” มืออุ่นสัมผัสแก้มนุ่มของผม สายตาคู่นั้นของพี่สามดูหวานเยิ้มเมื่อมองผม

 “จูบได้ไหม พี่จูบบาสได้ไหม” ผมจับมือใหญ่ที่แนบแก้มตังเองอยู่ สบตาคมของพี่สามด้วยรอยยิ้ม

 “ครับ”

  ผมเงยหน้าหลับตาพริ้มรับจูบแสนหวานจากพี่สามอย่างเต็มใจ ริมฝีปากหนาดูดดึงกลีบปากผมให้เผยออ้ารับปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา พี่สามกวาดลิ้นไปทั่วทั้งปากลิ้มชิมความหวานทุกซอกทุกมุม ผมเกี่ยวกระหวัดตอบรับลิ้นหนาที่รุกไล้มาอย่างดุเดือดจนเรียกเสียงครางจากพี่สามได้ ผมแอ่นอกขึ้นเมื่อปลายนิ้วเรียวสะกิดยอดเล็กๆมันเสียวจนความแข็งแกร่งเบื้องล่างของผมตื่นตัว

 “อ๊ะ อืม”

 พี่สามซุกไซร้ซอกคอพรมจูบและขบเม้นจนเกิดรอย ลิ้นร้อนเลียไปตามไหล่ลาดลงไปจนพบยอดเล็กสีชมพู พี่สามอ้าปากดูดกลืนมันเข้าปากอย่างหิวกระหายจนแผ่นหลังผมต้องยกขึ้นเพื่อส่งยอดเล็กเข้าปากหนาผมเสียวจนจิกผมพี่สามเพื่อระบายความเสียวซ่าน

 “จุ๊บ อา หวานจังเลย เหมือนจะมีน้ำนมออกมาเลย จ๊วบ”

 “อ๊า อย่า ดูด อื้อ แบบนั้น!”

  ผมครางกระเส่ากับแรงดูดดึงที่ยอดอกสะโพกที่บัดนี้เหลือเพียงชั้นในตัวน้อยส่ายไปมาเสียดสีกับกายแกร่งที่ใหญ่โต พี่สามลูบไล้มือผ่านหน้าท้องของผมไต่ลงไปจนเจอความตื่นตัวฝ่ามือร้อนขยับรูดรั้งตัวตนของผมที่แข็งสู้มือจนมันขยายใหญ่ยิ่งขึ้น ลากไล้ริมฝีปากลงมาขบเม้นสะดือสวยก่อนที่พี่สามจะอ้าปากครอบครองตัวตนของผม

 “อ๊า อ๊ะๆๆ”

 ผมร้องตามจังหวะการครอบปากขยับให้แก่นกายผมผลุบเข้าออกในปากใหญ่ น้ำใสๆไหลออกมาจากมุมปากที่แลบลิ้นเลียไปมาที่แท่งร้อน พี่สามดูดส่วนหัวอย่างแรงเสียงดูดดังก้องจนผมนึกอาย แก่นกายถูกครอบครองจนสุดความยาวอีกครั้ง ผมเด้งสะโพกขึ้นสวนกับปากร้อนที่อมมันไว้ผมจับศีรษะพี่สามกดลงมาให้ตัวตนผมเข้าไปอย่างแรง ผมควบคุมความต้องการไม่ไหวพี่สามเก่งจนผมเร่งพาแท่งร้อนเข้าออกปากพี่สามด้วยความเร็วจนปลดปล่อยหยาดรักออกมาเต็มปาก

 “อ๊า!!! แฮ่กๆ”

 “หวาน หวานไปหมดทั้งตัวจริงๆ” ผมนอนหอบหายใจหมดแรงอยู่บนเตียง พี่สามปลดกางเกงออกดึงแก่นกายที่ขยายใหญ่จนแทบระเบิดมาตรงหน้าผม ผมมองพี่สามที่เลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะหยุดมองความใหญ่โตที่ชี้หน้าผมอยู่ในตอนนี้อย่างตกตะลึง นี่นะหรือ ที่เข้ามาในตัวผมเมื่อคราวก่อน ใหญ่จัง

 “ทำให้พี่หน่อยสิครับ พี่ไม่อยากทำร้ายบาสเลย พี่รู้ว่าบาสยังไม่หายดี เพราะงั้น อมให้พี่หน่อยนะครับ”

  ผมเมื้อมมือไปจับมันอย่างกล้าๆกลัวๆมันผงกขึ้นทักทายเมื่อถูกผมรวบเอาไว้ ต้องทำยังไงนะ ผมไม่มีปรพสบการณ์ร่วมรักกับผู้ชายมาก่อนซะด้วย เพราะแบบนั้นผมจึงทำได้แค่รูดมือขึ้นลงเป็นจังหวะ

 “อา....เลียหน่อยที่รัก รักมันหน่อย”

 ผมแลบลิ้นออกมาเลียบริเวณยอดปลายอย่างกลัวๆ กลิ่นคาวกับรสชาติที่หวานปะแล่มๆมันไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิด ผมจึงเลียมันอีกครั้งและคราวนี้ผมไม่กลัวอีก รสชาติมันหวานติดลิ้นมันชวนให้ลิ้มลองอีกครั้ง

 “ซี๊ดดด อ้าปากหน่อยครับบาส” ทันทีที่ผมอ้าปากพี่สามก็ยัดสิ่งนั้นเข้ามาจนเต็มปากผม

 “อ๊า เยี่ยม ห่อปากครับ ดูดมันแรงๆ ซี๊ดด แบบนั้นล่ะ”

 “อุ อุ อั๊ก!!” ผมแทบสำลักเมื่อความใหญ่โตคับปากถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรง

 “ซี๊ด โอ้ว.....บาส เก่งจังเลยเมียพี่”

  ตอนนี้ผมหูอื้อตาลายจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องอีกแล้ว สิ่งที่ถูกกระแทกเข้าออกภายในปากผมมันทำให้ผมมึนงงรสชาติหว่นๆกับกลิ่นคาวๆและขนาดของพี่สามมันทำให้หายใจไม่ออก

 “อ๊า พี่จะเร่งแล้วนะ ดูดไว้นะครับ อ๊า ซี๊ด โอ้ว”

 “อุ อึก อ๊ะ จ๊วบ จ๊วบ”

   ผมห่อป้าดูดแท่งร้อนในปากอย่างแรงพี่สามขยับสะโพกพาแท่งใหญ่เข้าออกปากผมอย่างรวดเร็วและรุนแรง น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ พี่สามครางอย่างพอใจและเร่งจังหวะเข้าออกแรงขึ้นๆจนน้ำใสๆไหลออกมาจากปากผม

 “อ๊า จะออกแล้ว อ๊า!!”

    พรวด!!

  หยาดรักรสหวานถูกปลดปล่อยมาล้นเต็มปากผมกลืนมันลงคอจนหมดเลียหยาดรักที่ไหลออกมาด้วยความเสียดาย พี่สามดึงผมไปรับจูบดูดดื่มร้อนแรง สอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับผมอย่างรุนแรงจนเมื่อถอนริมฝีปากน้ำลายใสๆไหลเชื่อมกันอยู่

 “แฮ่กๆ พี่สาม”

 “อย่าทำเสียงแบบนี้สิครับ เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวขึ้นมาจะยุ่งนะ”

   แม้จะพูดแบบนั้นแต่พี่สามกลับสอดปลายนิ้วร้อนเข้ามาภายในช่องทางของผม ผมส่ายสะโพกยั่วยวนขมิบรัดนิ้วเรียวอย่างเชิญชวน ผมเห็นแก่นกายของพี่สามพองตัวขึ้นอีกครั้ง ผมใช้ปากรับความใหญ่โตนั้นเข้ามาอีกเงยหน้าขึ้นสบตาดูดความใหญ่โตโชว์จนพี่สามร้องคราง นิ้วเรียวถูกดึงเข้าออกอย่างแรงโดยมีผมขยับสะโพกตามจังหวะ

  “ฮึม!! พอแล้วครับ ถ้ายังยั่วแบบนี้พี่จะทนไม่ไหวเอานะ” ผมยอมคายแก่นกายของพี่สามออกมาอย่างเสียดายพี่สามเองก็ดึงนิ้วเรียวออกจากรูรักของผมเช่นกัน ผมหลุบตามองแก่นกายที่ยังพองตัวอยู่ด้วยรอยยิ้ม

 “แล้วเจ้านี้ พี่สามจะทำยังไงครับ”

 “งั้นเมียพี่ก็อ้าปากรับน้ำหวานพี่สิครับ เดี๋ยวพี่จะทำให้กิน”

 ผมตาวาววับกับคำพูดของเขา นั่งอ้าปากรอตามที่พี่สามบอกอย่างเต็มใจ พี่สามพาแก่นกายมาใกล้ๆปากผมแต่กลับมายอมให้ผมได้กิน พี่เขาเพียงแค่ใช้มือรูดรั้งอย่างแรงทั้งที่สายตายังมองปากของผมที่อ้าอยู่

  “อ้าปากนะครับ ซี๊ด อา มันจะมาแล้ว โอ้ว”

  ไม่นานหยาดนักก็พุ่งเข้าปากผมบ้างเลอะหน้าผมบ้างเต็มไปหมด ผมใช้นิ้วปาดเอาน้ำรักเข้าปากจนหมด พี่สามเห็นผมกินมันจนไม่เหลือก็ก้มลงมากอมแก้มผมอย่างเอ็นดู ผมกับพี่สามแต่งตัวกันจนเรียบร้อย จริงๆมันก็มีแค่ผมเสียมากกว่าที่ไม่เหลืออะไรบนตัวเลย ในขณะที่พี่สามยังอยู่ครบ

 “จากนี้พี่จะไม่ปล่อยบาสไปอีกแล้วนะ” พี่สามดึงผมเข้ามากอดลูบหัวผมเบาๆ

 “ครับ พี่เองก็คงไม่หายไปใช่ไหมครับ”

 “แน่นอน!! พี่จะไม่มีวันหายไปอีก” ผมยิ้มกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น กลิ่นนี้ ความรู้สึกนี้ น้ำเสียงนี้ ไม่มีอะไรมาทดแทนได้เลย คนๆนี้คือคนที่ผมรอคอย

 “หึหึ”

 “อะไรเหรอครับ?” ผมถามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากพี่สาม

 “เปล่าครับ.....แค่หัวใจเราเต้นพร้อมกันเลย”

 “อื้อ!! ก็ผมรักพี่นี่นา” ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้พี่สาม

 “พี่ก็รักบาส รักมาตลอดและจะรักตลอดไป”

  เรากอดกันอยู่อย่างนั้น สบายใจที่ได้อยู่ด้วยกันจากนี้ไปไม่ว่าอะไรก็พรากเราไปตากกันไม่ได้ ผมเป็นของเขาและเขาก็เป็นของผม การยอมรับหัวใจตัวเองมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง รู้งี้ผมตามพี่สามไปนานแล้ว





The End
[/b][/size]





               แมวมาแล้วค่าาา พี่สามเลวใช่ไหมคะ เกลียดหมอสามกันแ้วสิแบบนี้ แต่อย่าเกลียดแมวเลยนะ แวเพียวอยากจะเสนอชีวิตในหลายๆรูปแบบ ความรักในหลายๆแบบอย่าเลิกอ่านกันนะคะ พลีสสส ล้วเจอกันห้องหมอฌานะคะ
  ปล.มวเพิ่งจะเรื่มล่นทวิส ใครเล่นอยู่ฟอลแมวกันบ้างน๊า  Twitter @little_kittensY


หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-02-2018 19:32:40
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-02-2018 19:47:11
อื้อหืออออ เจ้าแผนการจริงนะพี่สาม
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 07-02-2018 20:45:44
 :haun4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-02-2018 20:54:37
พี่สาม..ทำไมร้าย  :o7: :o7: :o7:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 07-02-2018 21:46:03
น้องบาสขี้ยั่ว
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 07-02-2018 22:47:50
 อีกคนก็ขึ้นง่ายอีกคนก็ยั่วเก่ง :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ สพล ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-02-2018 21:58:16
จะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแผนหมอสาม ไม่ชอบเลยจริงๆยิ่งกับเพื่อนอีกสองคนนี่น่าเลิกคบมาก แต่เพราะมันเป็นเรื่องสั้นอะนะก็เลยต้องทำใจหน่อย เพราะถ้าเป็นเรื่องยาวคงหวังดราม่าได้มากกว่านี้ รอห้องตรวจที่สามนะคะจะเป็นหมอคนไหนนะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-02-2018 16:31:35
                          ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา
 


                        ผมชื่อฌชาเป็นหมอที่คลินิกมารักษ์ประจำห้องตรวจที่๓. ผมหล่อ ผมรวย และแน่นอนว่า สาวๆคลั่งใคล้ผมสุดๆ ผมเชี่ยวชาญการรักษาโรคทางเพศซึ่งปัญหาของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป ผมศึกษามาอย่างเต็มที่ทั้งในตำราและนอก......ตำรา ผมศึกษาจากทฤษฏีและปฏิบัติ แต่ใครๆก็บอกว่าผมน่ะเก่งปฏิบัติเสียมากกว่า ข้อมูลนี้เชื่อถือได้นะครับ คนไข้ผมรับรองเอง รูปร่างหน้าตาผมเป็นยังไงน่ะเหรอครับ ถ้าอยากรู้ผมจะบอกให้ ผมสูง176 น้ำหนักโดยประมาณ 55-60 กก. บนหน้าก็มีตามีจมูกมีปากเพียงแต่ปากผมจะบางกว่าคนอื่น เห็นไหมครับ บอกแล้วว่าผมหล่อ

“หมอฌาขา~ เมื่อไหร่รินจะหายสักทีละคะเนี่ย” รินเป็นคนไข้ของผมซึ่งเธอไม่เคยทำตัวน่ารำคาญไม่จับจ้องที่จะกินผมเหมือนคนอื่นๆ รินป่วยมา6เดือนแล้ว เธอบอกผมว่าเวลานอนกับแฟนเธอไม่มีอารมณ์ใดๆเลยแม้ว่าแฟนเธอจะพยายามโอ้โลมเธอแค่ไหน เคสของเธอนับว่าแปลกเพราะโดยปกติไม่มีความผิดปกติทางกายก็ต้องมีผลกระทบทางใจ แต่รินเธอคือสาวสวยงามสะพรั่งอายุเพียง22ปี เธอกลับมีอาการอย่างนี้ได้

 “รินลองทำที่หมอบอกหรือยัง หืม~” รินอมลมทำแก้มป่องใส่ผม แปลง่ายๆเลยว่ายัง ผมแนะนำให้รินลองสัมผัสตัวเองกับสิ่งเร้าอย่างอื่นดู เพราะเธอยังเด็กผมคงจะไป ทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้

 “ก็รินไม่ชอบนี่คะ!! รินเบื่ออ่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ แฟนรินต้องเลิกกับรินแน่เลยค่ะหมอ แง๊~~~ ไม่เอาน๊า!!”

 “เดี๋ยวๆใจเย็นๆก่อน มันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงก็ได้นะริน ลองคุยกับเขาหรือยังล่ะ ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมนอนกับเขา” รินหลบตามองมือที่วางอยู่บนตัก

 “รินไม่กล้า รินกลัวเขาจะขอเลิกกับริน” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้กลัวของเธอ แต่อย่างว่าล่ะครับ เป็นผมก็คงไม่พูด ขืนพูดออกไปแฟนได้วิ่งโร่ไปหาใหม่พอดี คิดๆดูแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของรินขึ้นมาเลย

 “โอเคครับ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องบอก งั้นรินต้องลองทำที่หมอบอกนะ หมอจะได้สิเคราะห์ถูก” รินลังเล เธอคงไม่อยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะตอนตรวจร่างกายเธอ ผมเพิ่งจะรู้ว่าเธอบริสุทธิ์หายากนะครับเด็กที่ถือครองพรหมจรรย์มาได้จนถึงตอนนี้

 “ก็ได้ค่ะ รินจะลองทำดู” รินตอบรับเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจซึ่งผมเองได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู

 “ถ้างั้น อีกสามวัน รินต้องเข้ามารายงานกับหมอนะครับ โอเคไหม” รินพยักหน้าทำปากขมุบขมิบบ่นแต่ผมไม่ได้ยินหรอกครับ เด็กหนอเด็ก

 “ไปครับ เดี๋ยวจะไปเรียนสาย”

 “ค่า~~”

 เด็กน้อยน่ารักของผมวิ่งออกประตูไปทันที เห็นแบบนี้ผมก็อดเอ็นดูเธอไม่ได้ ผมรู้สึกดีกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งอาการที่เธอเป็นอยู่ถ้าถามผมในฐานะหมอ ผมอยากให้เธอหาย แต่ถ้าในฐานะของพี่ชาย.....ผมอยากปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้จะดีกว่า อย่างน้อยๆ เธอจะสามารถเลือกคนที่รักจริงๆและพร้อมจะมอบทุกอย่างให้เขาจริงๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ โลกของเราเดินมาไกลเกินกว่าจะสนใจในเรื่องความสำคัญของพรหมจรรย์แล้ว ซึ่งผมเองก็แปลกใจกับยุคสมัยนี้ที่ทุกคนพูดกันว่าความซิงไม่มีค่า ในความคิดผม ผมกลับอยากได้แม่ของลูกที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน เพราะมันเหมือนบอกให้ผมรู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอเก็บรักษามันเอาไว้เพื่อผมในวันแต่งงาน แต่นานวันเข้ากลับกลายเป็นผู้หญิงเสียเองที่ลืมเลือนความสำคัญตรงนั้นไป มันกลายเป็นว่าเซ็กส์นั้นมีเอาไว้เพื่อพิสูจน์ในคำว่ารัก ทั้งๆที่ความรักมันไม่ควรจะวัดค่าได้ พอทำมันลงไปแล้วก็จะวลีคำพูดต่างๆนาๆขึ้นมาเพื่อเสริมให้สิ่งที่ทำดูถูกต้อง อย่างที่ได้ยินกันมา จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือ? หึหึ ผมได้ยินทีไรก็อดขำไม่ได้ ทุกครั้งที่เดินผ่านกลุ่มเด็กสาวผมมักจะได้ยินคำพูดนี้จนชินหู ด้วยว่าผมที่เป็นผู้ชาย ถามว่าผมอยากใช้มือไปตลอดหรือ ก็ไม่!! เพียงแต่ผมว่ามันไม่ถูกต้องกับคำพูดเหล่านั้นเท่านั้น ผมจึงไม่อยากให้รินเป็นอย่างเด็กพวกนั้น ผมลุกขึ้นเปิดประตูห้องตรวจส่งยิ้มให้คนไข้ที่มานั่งรอคิวกันหน้าห้อง

 “คิวต่อไปครับ....เอ่อ คุณสิรินาถ เชิญครับ”

 “ค่ะหมอ” สาวสวยวัยสามสิบกลางๆเดินอวดหุ่นสะอางค์ที่เมื่อผมได้เห็นเป็นต้องกลินน้ำลายลงคอ แม่เจ้าโว้ย!! ผมเพิ่งเคยเจอหุ่นนาฬิกาทรายในตำนาน เอาเป็นว่า เมื่อกี้ที่ผมพร้ำเพ้อเรื่องพรหมจงพรหมจรรย์กับเรื่องที่ควรเก็บความซิงไว้ก็ลืมๆมันไปนะครับ เจอแบบนี้ผมสติกระเจิงหมดเลย

 “ชะ เชิญข้างในเลยครับ” บ้าจริง ดันดึงสายตาขึ้นจากอกอวบนั่นไม่ได้เลย ผมปิดประตู มองสะโพกผายที่ดูยั่วยวนชวนให้จับมาขยำขยี้ด้วยสายตาหื่นและเหมือนเธอจะรู้ว่าผมมองอยู่ แม่คุณก็เดินอวดสะโพกที่บิดไปบิดมาก่อนจะทิเฃก้นงอนๆลงนั่งที่เตียง

 “คุณสิรินาถ มีชื่อเล่นไหมครับ”

 “นีน่าค่ะ เรียกนีน่าก็ได้ แล้วหมอละคะ ให้น่าเรียกหมอฌชาเลยเหรอ” ปากแดงกัดปากจนผมอยากจะถลาไปจูบเสียให้เข็ด

 “เรียกผมว่าหมอฌาก็ได้ครับ คุณนีน่า” บางสิ่งกำลังตื่นตัวอยู่ใต้กางเกงนั่นทำให้ผมต้องรีบเข้าประเดนให้เร็วที่สุด

 “แล้วอาการของคุณนีน่านี่เป็นอะไรมาหรือครับ”

 “ถ้านีน่าบอกว่า.......อยากมาหาหมอ หมอจะเชื่อไหมคะ” อดทนไว้ไอฌา อดทนไว้!! ฮึ่มมมม

 “เชื่อสิครับ แต่ยังไงหมอก็ต้องรู้อาการก่อนนะครับว่าเป็นยังไง”

 “อาการของนีน่า เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็หนาว บางทีข้างล่างมันก็สั่นระริก จนตอนนี้ มันก็ยังสั่นอยู่เลย หมอฌา...ลองจับดูสิคะ” ผมนั่งเงียบเก็บอาการเอาไว้ นี่ถ้าผมห้ามตัวเองไม่ทัน ผมคงยื่นมือออกไปจับดูอย่างที่เธอว่าแล้ว คนอะไรยั่วเก่งเหลือเกิน!!!

 “เดี๋ยวยังไงหมอก็ต้องตรวจครับ แต่ตอนนี้หมอต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของอาการก่อนนะครับ”

 “ก็ได้ค่ะ สองวันมานี้ น่ารู้สึกว่าตัวเองเปียกตลอดเวลาที่เห็นหน้าหมอ แม้แต่รูปถ่ายหมอมันยังทำให้น่าเปียกแฉะสุดๆเลยค่ะ”

 “......” ผมเลื่อนสายตาตามนิ้วมือเล็กๆที่ค่อยๆไต่ลงไปที่เบื้องล่างจนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างกระหาย

 “น่าอยากให้หมอ’ดู’มันให้น่าหน่อย นะคะ มันเปียกจนแทบจะไหลลงมาตามขาน่าแล้ว” เธอขยับตัวขึ้นบนเตียงกางขาออกเป็นตัวเอ็มจนผมมองเห็นชั้นในสีชมพูบางๆที่มันกำลังเปียกอย่างที่เธอบอก ยิ่งมันเปียกผมก็ยิ่งมองเห็นกลีบดอกไม้ที่ไร้หนามปกคลุม ผมเคลื่อนตัวเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็วดึงรั้งสะโพกมนเข้ามาจนชิดตัว

 “อืม~”

 ผมประกบริมฝีปากเข้ากับเธอดูดดึงจนเธอเผยอปากร้องครางผมจึงสอดปลายลิ้นเข้าไปรุกไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กๆ เธอตอบรับจูบผมอย่างเร่าร้อนบดสะโพกอย่างเชิญชวนจนลูกชายผมดันเข้ากับกลีบสาวของเธอ

 “อื้อ หมอขา อ๊า”

 นีน่าบิดกายไปมาเมื่อมือของผมสัมผัสบีบเค้นเข้าที่อกอวบที่แสนนุ่มนิ่มของเธออย่างเมามัน เธอปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างชำนาญในขณะที่ผมยังคงซุกไซร้ลำคอก่อนจะไล่ลงไปยังเนินอกที่บดเบียดกันอยู่ใต้บราเซียลูกไม้สีดำ ผมดึงชุดเธอลงพร้อมกับปลดตะขอบราเซียจนอกอิ่มปรากฎออกมาตรงหน้าผม

 “คุณนีน่าสวยมากเลยนะครับ หน้าอกของคุณก็น่าจูบ”

 “ก็จูบสิคะ จะมากกว่าจูบน่าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ ถ้าเป็นหมอ”

 นีน่าแอ่นอกขึ้นยั่วยวนต่อสายตาของผมยอดสีชมพูส่ายไปมาจนผมทนไม่ได้ก้มลงไปดูดดึงมันเข้ามาในปาก นีน่าครางเสียงหวานเมื่อยอดเล็กๆถูกปลายลิ้นสากของผมตวัดเลียจนมันแข็งสู้ลิ้น มือก็ขยำอกอิ่มอีกจนมันทะลักออกมาตามซอกนิ้ว

 “อ๊า หมอขา สอดเข้ามาลึกๆสิ น่าชอบลึกๆ”

 นี่ยังไม่ลึกอีกเหรอ มิดนิ้วแล้วนะ ผมมองกลีบดอกไม้สีหวานที่ดูดกลืนนิ้วที่กำลังถูกดึงเข้าออกเพื่อสำรวจภายใน ผนังนุ่มบีบรัดนิ้วผมจนแทบคลั่งแต่ความเปียกลื่นที่มากผิดปกติทำให้ผมต้องดึงนิ้วออกมาดู

       อสุจิ!!

 “นี่น่า.....คุณเพิ่งมีอะไรกับแฟนมาหรือเปล่าครับ”

 “อื้อ...ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ อ๊า น่าเจอพวกเขากำลังมองก้นน่า อ๊ะ! ก็เลยชวนเล่นสนุกกัน”

 ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยั่วผมง่ายๆ อาการของเธอในตำราผมคงจะเรียกว่านิมโฟมาเนีย ผมไม่เคยเจอผู้ป่วยประเภทนี้ ในตำราบอกผมว่าพวกเธอจะมีความต้องการสูงจะชายตาและยั่วยวนผู้ชายทึกคนที่เธอพบหน้าโดยไม่เลือก เป็นอาการทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงในเรื่องเพศ โดยผู้ป่วยจะเรียกร้องด้วยท่าทางเชื้อเชิญให้คนที่ผู้ป่วยพบให้มามีสัมพันธ์ด้วย เอาล่ะ ในเมื่อรู้อาการแบบนี้แล้ว ผมก็คงต้องจบเรื่อง ผมสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปอีกครั้งโดยเพิ่มจำนวนจนคับแน่นช่องทางของเธอเพื่อเติมเต็มความต้องการแทนที่จะเป็นแก่นกายของผม นิ้วค่อยๆขยับช้าๆละเร็วขึ้นตามจนเธอโยกขยับสะโพกงอนตามจังหวะ

 “อ๊า อ๊า หมอขา แรงอีกน่าใกล้แล้ว อ๊ะๆๆ”

 ผมขยับนิ้วเร็วและแรงขึ้นจนเธอกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนชุ่มปลายนิ้วของผม นีน่านอนหอบหายใจมือบางเค้นอกของอิ่มตัวเองอย่างพอใจสะโพกยังไม่ยอมหยุดขยับทั้งที่ปลดปล่อยไปแล้วก็ตาม ผมถอยออกห่างจากร่างยั่วยวนบนเตียงไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเธอแต่เพราะเป็นหมอการมีอะไรกับเธอไม่ใช่การบำบัดรักษา(ถึงจะอยากก็ตาม) ผมติดกระดุมที่นีน่าปลดออกจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เรียบร้อย

 “คุณนีน่าแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวผมจะสรุปอาการของคุณพร้อมกับแนะนำการรักษา” แม้เธอจะทำหน้าตาเสียดายแต่ก็ยอมแต่งตัวแต่โดยดี อย่าน้อยเธอก็ยอมทำตามผมรู้สึกเบาใจขึ้นหน่อย

 “แล้ว....ตกลงน่าเป็นอะไรคะหมอฌา”

 “นิมโฟมาเนีย.....” นีน่ามองผมแกว่งขาไปมาราวกับเด็กๆ ริมฝีปากสีชมพูถูกลิ้นเล็กเลียไปทั่วจนฉ่ำวาว ขนาดนั่งฟังการวินิจฉัยเธอก็ยังพยายามจะยั่วผมสินะ ผมได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเธอ

 “มันคืออะไรคะ นีน่าไม่เคยได้ยิน”

 “มันคือ...”

 “สำคัญไหมคะหมอฌา ถ้าไม่สำคัญเรามาต่อกันไหมคะ เดี๋ยวนีน่าทำให้หมอสุข.....จนสำลักเลยล่ะค่ะ” นีน่าคลานมาด้วยท่าทางของแม่เสือสาวจนผมตาลุกวาว แต่ก็ต้องสบัดความคิดทิ้งเพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

 “นีน่าๆ เดี๋ยวก่อนครับ เรื่องนี้สำคัญมากนะ!”

 “โอเคค่ะ น่าฟังก่อนก็ได้” ผมลอยถอนหายใจเมื่อเธอทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม

 “ครับ คือโรคนิมโฟมาเนียคือโรคที่เราเรียกกันว่าขาดเซ็กส์ไม่ได้ ซึ่งจากหลายๆอย่างมันบ่งบอกว่าคุณนีน่ากำลังป่วยด้วยโรคนี้”

 “คิกๆ นี่ถ้าน่าไม่รู้ คงคิดว่าหมอกำลังหลอกด่าน่าแน่เลย” ผมตาโตรีบส่ายหน้าทันที

 “ไม่ใช่นะครับ!! คุณนีน่าอย่างเพิ่งเข้าใจผมผิด!! ผมเพียงวินิจฉัยโรคให้คุณเท่านั้น!!” นีน่าหัวเราะคิกคักกับความร้อนรนของผม รอยยิ้มบนหน้าใสกลับสวยจนน่าดู เสียดายจริงๆกับโรคที่กำลังทำลายเธอ

 “แต่เซ็กส์มันสนุกดีออกนะคะ ไม่เห็นแย่ตรงไหนเลยนี่คะหมอฌา” ผมอ่อนใจ รู้ว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพราะความต้องการที่เรียกร้อง

 “ถ้าเป็นแบบนี้ นีน่าจะหาคนที่รักจริงไม่เจอนะครับ เพราะงั้น....” ผมหยิบนามบัตออกมาส่งให้นีน่า

 “นี่อะไรคะ?”

 “นามบัตเพื่อนผมเองครับ เธอเป็นจิตแพทย์ฝีมือดีรับรองเลยว่าคุณนีน่าจะหายแน่นอน เดี๋ยวผมจะติดต่อบอกเธอไว้ก่อน คุณนีน่าก็แค่ไปพบเธอเท่านั้น” นีน่ายู่ปากอิดออดไม่อยากไปเมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง จริงๆเลย

 “ไม่มีหมอผู้ชายเหรอคะ” แร....ไม่เลิก

 “ไม่มีครับ!! ต้องกับเธอเท่านั้น เข้าใจไหมครับ!!” ผมทำหน้าเคร่งขรึมขู่นีน่าเธอได้แต่ทำหน้าจ๋อยพยักหน้ารับรู้เท่านั้นผมจึงยิ้มออกมาได้

 “ถ้างั้น......นีน่ากลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวหมอจะให้คุณสาวติดต่อไปอีกครั้ง”

 “ก็ได้ค่า~” หึหึ น่ารักจริงๆ ผมแทบจะนับวันรอเธอหายจากอาการที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาแต่เมื่อเธอหายดีเธอจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่ง ซึ่ฃผมเชื่อว่าใครๆก็ต้องหลงรักเธอ ถึงแม้ว่าตอนนี้การเดินออกไปจากห้องตรวจจะเป็นการส่ายสะโพกยั่วผมก็ตาม เอาเถอะครับ ปล่อยเธอไปก่อน ผมล่ะปวดหัวกับคนไข้แต่ละคนจริงๆ

 ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 “เชิญครับ!!”

 “หมอคะ มีคนไข้มาใหม่ค่ะ” อา.....คนไข้มาใหม่สินะ ผมจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยพยายามจะให้ดูดีในสายตาคนไข้ไว้ก่อน ภาพลักษณ์ที่ดีสิครับ เป็นเรื่องสำคัญ

 “ไหนครับ คนไข้” ผมชะเง้อคอถามหาเมื่อมายืนหน้าประตูแต่กลับพบเพียงสาวสวยเพียงคนเดียวอย่างคุณสาวเท่านั้น

 “เอ่อ นี่แหละค่ะปัญหา คือคนไข้ไม่ยอมเซ็นสัญญาค่ะ บอกว่าจะรอพบหมอก่อน” อะไร?? ทำไมต้องรอเจอผมก่อนด้วย ผมขมวดคิ้วงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทัน

 “อ่า งั้นเชิญเขาเข้ามาพบผมได้เลยครับ ผมว่างแล้ว” คุณยาวส่งยิ้มขอโทษให้ผม ซึ่งให้ผมเดาคงเรื่องที่เธอไม่สามารถจัดการกับลูกค้าคนนี้ได้ล่ะมั้ง เพราะงานของเธอคือต้องทำให้ลูกค้าเซ็นสัญญาก่อนจะเข้ารับการรักษา แต่เอาเถอะครับ รอบนี้ผมหยวนๆให้ก็แล้วกัน

 ไม่นานคุณสาวเธอก็พาร่างของผู้ชายตัวโตสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่สะดุดตาผมคงจะเป็นเสื้อเชิตสีดำกับผมที่ถูกเซ็ตเสยขึ้นไปและใบหน้าคมคายที่รับกับแว่นตาสีชาบนใบหน้านั้น ทุกอย่างในตัวเขามันช่างสมดุลมาก มันเข้ากันได้ดีจนเพอร์เฟค ก็ได้ๆเอาเถอะ เขาหล่อ ผมยอมรับ!! (Shit!!)


 “คุณสาวกลับไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

 “ค่ะหมอฌา” แล้วก็เหลือกันสองคน

 .......เงียบกริบ!...........

 รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ผมนั่งรอให้เขาพูดส่วนเขาก็เอาแต่นั่งจ้องผม บางครั้งการถูกจ้องนานๆมันก็ทำให้ผมประหม่าได้เหมือนกันนะ โอ้ย!! อึดอัดโว้ย!!!!!

 “คุณ....เอ่อ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาขึ้นก่อน

 “ไม่มี” เส้นเลือดในสมองผมแทบแตกเมื่อเจอสีหน้าและน้ำเสียงยียวนจากเขา

 “ถ้างั้นก็กลับไปสิครับ นี่คลินิกนะครับ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า” อีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

 “ขอโทษที พอดีฉันป่วย เลยมารักษาที่นี่ไม่ได้อยากจะกวนอะไรนาย”

 “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เห็นคุณสาวบอกผมว่าคุณต้องการจะพบหมอก่อนจะเซ็นสัญญา มีอะไรหรือเปล่าครับ” แม้จะไม่พอใจอยู่ในตอนแรก แต่ด้วยคนตรงหน้าเป็นคนไข้อย่างไรเสียผมก็ต้องทำการรักษา เพราะฉะนั้น.....เป็นมิตรไว้อะไรๆมันคงสะดวกกว่า

 “อา จะว่ามีมันก็มีจริงๆ”

 “.....” เขาจ้องมองผมด้วยแววตาคมกริบที่ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า....ผมทำอะไรผิด

 “ฉันอยากรู้ว่าต้องทำยังไง.......ฉันถึงไม่ต้องเซ็นสัญญา”



              ต่อด้านล่างนะค๊า
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-02-2018 16:48:44
          ต่อจากด้านบน


            “ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นกฎของคลินิก” ผมพยายามบอกเขาอย่างใจเย็นที่สุด

 “กฎ? หึหึ ตลกดีนะ นายคิดจริงๆเหรอว่าจะมีใครเขามาคอยหึงหวงนาย” ผมตัวชาวาบเมื่อถูกมองด้วยแววตาดูแคลนใบหน้าหล่อแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัย

 “ผะ ผมไม่ใช่คนออกกฎครับ แต่ยังไงกฎก็คือกฎคุณต้องเซ อ๊ะ!!” จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาหาผมแล้วบีบแขนซะแน่นจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ทำไมกันนะ ทุกครั้งที่มองหน้าเขาทีไรผมมักจะเห็นแต่ความเกรี้ยวกราดในแววตา

 “นายมันปีศาจ” ผมไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด แต่ผมเป็นหมอ ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใครผมจึงสะบัดแขนออกจากการจับกุมแต่แรงผมสู้เขาไม่ได้เลย ยิ่งผมดิ้นเขาก็ยิ่งบีบแรงขึ้น

 “เจ็บนะ!! ปล่อยผม!! ผมเป็นหมอนะคุณจะมาหาเรื่องผมแบบนี้ไม่ได้” เขายกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดผมราวกับว่ามันตลก

 “หมอ? แน่ใจเหรอ!! ฉันนึกว่าเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านเขาซะ..”

 เพี๊ยะ!!

 ผมไม่ใช่คนที่อดทนกับอะไรนานๆยิ่งคำกล่าวหาดูถูกดูแคลนผมยิ่งยอมไม่ได้ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกันถึงมาว่าผมแบบนี้ ผมไม่ได้เรียนหมอมาเพื่อให้ตัวเขาหรือใครๆมาใส่ความผม ผมเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ และแน่นอนว่าแม้ผมจะนอนกับคนไข้มาบ้างแต่ทุกคนที่ผมนอนด้วย พวกเขาจะต้องโสดไม่คบใครอยู่!

 “อย่ามากล่าวหาผม!! ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณว่า!!!” ผมจ้องใบหน้าที่ถูกฝ่ามือผมสะบัดใส่จนเกิดรอยแดงด้วยความโมโห

 “กล้าดีนี่!! กล้าตบฉันแบบนี้........คงไม่กลัวตายสินะ”

 “ที่นี่คลินิกผม!! ไม่ใช่ที่ๆคุณจะมาข่มขู่ใคร ถ้าไม่รักษาก็เชิญ!! เชิญกลับไป!!”เขากัดฟันกรอดมองผมอย่างโมโหเช่นเดียวกับผมที่มองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วอยู่ๆใบหน้าหล่อเหลากลับแต้มรอยยิ้มไปทั่วหน้า รอยยิ้มชั่วร้ายที่ทำให้ผมผละหนี แย่แล้ว

 “รักษาสิ ฉันมาที่นี่เพื่อรักษาอยู่แล้ว.......รักษานายไง!!”

 “คุณสะ อุ๊บ!! อื้อ!!!!”

 ผมพยายามจะส่งเสียงเรียกคุณสาวให้มาช่วยผม แต่เขา เขากลับบดจูบลงกับริมฝีปากผมอย่างแรงบดขยี้ราวกับจะลงโทษ ผมได้แต่ทุบตีอกกว้าง ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไร้ผลเมื่อเชายังคงดูดดึงริมปากผมเช่นเดิม

 “ปิดประตู เดี๋ยวนี้!!!!”

 ผมสะดุ้งแต่ไม่ยอมทำตามเสียงเหี้ยมที่สั่งการมา ถ้าผมไม่ทำตามเดี๋ยวเขาก็คงเลิกสนใจเอง แต่มันไม่เหมือนที่ผมคิด เพราะการที่ผมปฏิเสธที่จะทำมันทำให้เขาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับตัวตนของผม
 
 “จะ จะ จับอะไร!! ปล่อยผมนะ ผมไม่ใช่เกย์!!!”

 “ปิดประตูสิ แล้วฉันจะปล่อย หรือจะให้ฉันเปิดประตูให้คนอื่นเขาเห็นเลยดีไหม!!” ผมตัวสั่นไม่รู้เพราะความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเขาหรือเพราะมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ลูกชายผมกันแน่!

 “ยะ อือ”

 “ว่าไงครับคุณหมอฌชา คนเขาคงชอบใจพิลึกที่คุณหมอของพวกเขาถูกผู้ชายทำให้ตัวสั่นแบบนี้” ผมได้แต่กัดปากตัวเองแน่น ไม่อยากปล่อยเสียงร้องใดๆออกมา สายตาคู่นั้นเป็นต่อจริงๆเจายื่นข้อเสนอที่ผมเองก็รู้ว่ามีแต่ตายกับตาย แต่จะให้ตายแบบหน้าด้าน หมอฌาคนนี้ยังไม่พร้อม!!

 “ผม อึก จะปิด....ประตู” แม้ต้องกัดฟันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจแต่กลับเรียกรอยยิ้มพอใจจากคนตรงหน้าได้
ทันทีที่ผมปิดประตูชั้นที่สองพร้อมกับล็อคมัน เขาก็ผลักผมออกอย่างแรงทันทีจนผมเซถลาชนกับผนังห้อง เขาไม่สนใจใยดีว่าผมจะเจ็บหรือไม่เพราะแค่ผมหลุดจากเขา เขาก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงเหมือนเดิม

 “คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผม” ผมเอ่ยถามขณะที่ยังลูบแขนตัวเองปอยๆ

 “ฉัน? ฉันน่ะเหรอ อา.....ลืมแนะนำตัวสินะ ฉันชื่อภูมิระพี” แล้วยังไงกันนะ ชื่อก็ไม่คุ้นหน้าก็ไม่คุ้น คนแบบนี้ผมมั่นใจว่าไม่เคยมรเรื่องกับเขาแน่นอน

 “แล้วคุณมาที่นี่ต้องการอะไรจากผม ไม่สิ ทำแบบนี้ผมไปทำอะไรให้คุณกันแน่”

 “กับฉันไม่......แต่นาย......นายนอนกับแฟนเพื่อนฉัน!!”
หะ??????

 “ใคร....ใครคือผู้หญิงคนนั้น” ผมว่าผมเช็คดีทุกคนแล้วนะ มั่นใจแล้วว่าสาวที่ผมนอนด้วยโสดทั้งหมด

 “นรินทร์” นรินทร์ นรินทร์งั้นเหรอ!! รินเนี่ยนะ!! ผมเคยนอนกับเธอที่ไหนกัน

 “คุณจะบ้าเหรอ!! รินเป็นคนไข้ของผม ผมไม่เคยนอนกับเธอ!!” อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วขึ้นมองผมราวกับไม่เชื่อ นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผมจะนอนกับรินทำไม เธอเป็นเหมือนน้องสาวของผม

 “นายจะพูดยังไงก็ได้ แต่ฉันไม่เชื่อ เพราะงั้นฉันถึงมานี่.....เพื่อรักษานาย” เขาเนี่ยนะมารักษาผม ผมไม่ได้ป่วยอะไรเสียหน่อย

 “รักษาผม? ผมไม่ได้ป่วย อีกอย่างผมเป็นหมอ คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงใยสุขภาพร่างกายหรือสุขภาพจิตของผม ผมดูแลตัวเองได้” แต่เขากลับลุกขึ้นมาประชิดตัวผมแทบจะทันที

 “ต้องรักษาสิ โรคชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน มันต้องรักษา”

 “รัก รักษายังไง” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งเขาโน้มหน้าลงมาใกล้ๆจนรู้สึกถึงลมหายใจผมยิ่งทำตัวไม่ถูก

 “ฉันทำให้ดูดีกว่า”

 “..!!!” เวลานั้นผมรู้ตัวดีเลยว่าไม่รอดแน่ๆ ใจผมอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่ปากมันก็ไม่ขยับอีกอย่าง ลงล็อคประตูชั้นที่สองแบบนี้ต่อให้ร้องจนหมดเสียงก็ไม่มีใครได้ยิน ในขณะที่สมองผมกำลังคำนวนทางรอด ริมฝีปากร้อนของเขาก็บดบี้ลงมา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สติกระเจิดกระเจิงคิดอะไรไม่ออก ลมหายใจติดขัดกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ผมพยายามดันร่างที่สูงกว่าออกแต่เขาไม่ขยับเลยสักนิด ยิ่งผมดิ้นรนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูดดึงริมฝีปากผมแรงเท่านั้น

 “อื้อ...อ่อย อ๊ะ”

 เขาสอดแทรกลิ้นสากเข้ามาเมื่อผมพยายามจะส่งเสียงห้าม ผมอยากให้เขาปล่อยเพราะตอนนี้ผมกำลังจะขาดใจ รสจูบที่หวานล้ำกับชั้นเชิงของเขาทำให้ผมตัวสั่งและแน่นอน ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่แรงจะยืน
เขาใช้วงแขนกว้างกอดเอวผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมทรุดลงพื้น มืออีกข้างลูบไล้ยอดอกของผมผ่านผิวเสื้อ เขาทั้งบีบทั้งบี้มันจนมันชูชันดันเสื้อออกมาให้เห็น ผมรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกับปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองแม้ว่าจิตใจผมจะต่อต้านก็ตาม

 “ไม่คิดว่าพวกชอบนอนกับแฟนชาวบ้าน ปากจะหวานขนาดนี้”

 “แฮ่กๆ คุณมัน!!” ผมได้แต่ยืนหอบหายใจ อยากจะกร่นด่าแต่ก็ไม่มีแรง

 “ทำไม หน้าอกนายออกจะรู้สึกดีแท้ๆ”

 “อื้อ อย่าแตะนะไอบ้า!!”

 “ดันเสื้อออกมาแบบนี้ อยากให้ฉันกินล่ะสิ”
ผมสะดุ้งเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสัมผัสยอดอกแม้จะผ่านผิวเสื้อก็ตามแต่ก็ทำให้ผมหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ตัวผมลอยขึ้นจากพื้นด้วยแขนของเขาที่ยกผมไปวางบนเตียงคนไข้ ผมคิดนะว่าถ้าเขาวางผมเมื่อไหร่ผมจะลุกหนีทันแต่ความจริงคือ พอเขาวางผมลงตัวเขาเองก็ทาบทับผมทันทีไม่มีช่องว่างให้ได้ลุกหนีเลยสักนิด ผมพยายามขยับหนีมือก็ดันร่างหนาออกแต่เขาก็ใช้แรงที่มีมากกว่ากดผมลงกับเตียง

 “อย่าดิ้นน่า ไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ” เขาก้มลงมาพูดชิดริมฝีปากของผม

 “ผมไม่อยากจะลองอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีรสนิยมชมชอบผู้ชายเหมือนคุณ!!”

 “ไม่นิยมชมชอบผู้ชาย? แต่ชอบนอนกับแฟนชาวบ้านว่างั้น?” ผมอยากจะต่อยปากหมอนี่สักครั้งจริงๆ

 “ก็บอกว่าไม่ได้นอนกับรินไง!!” มันเหลืออดจนผมต้องตะคอกเสียงตอบกลับไป หมอนี่มันตั้งใจจะยั่วโมโหผมชัดๆ ไม่คิดจะฟังผมเลยด้วยซ้ำไป

 “งั้นก็นอนกับฉันสิ! แล้วฉันจะเชื่อนาย” ไอคนเห็นแก่ตัว เขาพูดมันออกมาง่ายๆยกยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก

 “ฝันไปเถอะ!!!”

 “เอางั้นก็ได้......ถ้างั้น อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ”
ผมไม่มีสิทธิ์ได้พูดอะไรอีก เพราะเมื่อเขาพูดจบเขาก็บดเบียดริมฝีปากลงมามอบจูบจาบจ้วงที่เอาแต่ใจให้กับผม มือของเขาปลดเข็มขัดตัวเองออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำมันมามัดข้อมือของผมเอาไว้ทั้งสองข้าง

 “อื้อ!! อ่า อ่อย” แม้จะพยายามหลบเลี่ยงริมฝีปากเท่าไหร่ก็หนีไม่รอดอยู่ดี ลิ้นถูกส่งเข้ามาสำรวจภายในปากผมจูบหวานล้ำมันกำลังเล่นงานผมอีกแล้ว อาการอ่อนแรงกับความขาวโพลนในหัวมันเริ่มกลับมาอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขามันลดลงจนอีกฝ่ายที่พยายามมัดข้อมือผมก็ทำมันได้ง่ายๆ

 “แฮ่กๆ อื้อ”

 เสื้อผมถูกปลดกระดุมออกจนหมดตอนไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่ตอนนี้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสัมผัสผิวของผมจนสะท้าน ลิ้นของเขาตวัดเลียยอดชูชันอย่างพอใจ ทั้งขบเม้มดูดดึงมันจนแดงช้ำ แผ่นอกผมยกขึ้นตามแรงดูด แม้อยากจะผลักเขาออกแต่แขนผมที่เขามัดตอนนี้ถูกกดไว้เหนือหัว ยิ่งเขาเพิ่มแรงขบเม้มเท่าไหร่เสียงครางของผมก็ดังขึ้นเช่นกัน
หูผมได้ยินเสียงรูดซิบจนต้องหันมองปรากฎว่าผมกำลังถูกถอดกางเกง ผมใช้ขาพยายามถีบเขาออกแต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงมันอย่างง่ายดาย ผมเป็นหมอ ที่นี่คลินิกผม แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เกลียดตัวเองจริงๆที่แพ้ทางเขา กางเกงและกางเกงชั้นในของผมถูกดึงออกจากตัวเผยให้เห็นลูกชายขนาดพอดีที่นอนหลับไหลอยู่ เขาจ้องมองมันตาวาววับแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย ผมได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างกลัวๆ ร่างกายผมขยับถอยห่างจากเขาโดยอัตโนมัต เขาจับขาผมให้กางออกผมจึงได้นำมือที่ถูกมัดไว้มาปิดบังตัวตนแทน

 “ปล่อยผมเถอะ ผมไม่เคยมีอะไรกับรินจริงๆ ผมเป็นหมอ อย่าทำกับผมแบบนี้”

 “อา....สีชมพูสวยเชียวนะ ฉันไม่คิดจะปล่อยนายไปง่ายๆหรอก” ผมนอนสะอื้นอยู่บนเตียง เขาช่างไร้ความเมตตานัก ผมไม่มีความผิดแต่กลับต้องมาโดนอย่างนี้เหรอ

 “อ๊ะ อย่า!!!”

 ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปากร้อนกลืนกินเจ้าหนูน้อยของผมเข้าไป เสียงดูดดังก้องจนผมเขินอายไหนจะความเสียวซ่านที่เรียกร้องให้ผมขยับสวนสะโพกเข้าไปในปากให้ลึกกว่าเดิม ผมกำผ้าปูแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งนิ้วเรียวสอดเข้ามาทางรูเล็กๆด้านหลังผมร่างผมยิ่งเกร็งบีบรัดนิ้วจนแน่น

 “แน่นขนาดนี้ ครั้งแรกสินะ”

 “อื้อ!! เจ็บ!!”

 มันแน่นจนเจ็บไปหมด ผมไม่กล้าหายใจแรงๆด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สนใจดึงนิ้วเข้าออกอยู่อย่างนั้น เขายิ้มพอใจเมื่อช่องทางด้านหลังนุ่มขึ้นมากจากตอนแรกที่คับแน่น ผมรู้สึกได้ถึงนิ้วที่ถูกถอดออกไปจนผมโล่ง ผมเผลอดีใจกับมันนึกว่าทุกอย่างจะจบแล้ว แต่เปล่าเลย
 
 “อะ อะไร อย่า!!!”

 “ชู่!! เดี๋ยวก็มีความสุข เชื่อสิ”

 บางสิ่งที่ใหญ่โตถูกแทนที่นิ้วเรียว เขาดันความแข็งแกร่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสะบัดไปมามือก็พยายามดันร่างใหญ่โตออกให้พ้นตัว ขาผมทั้งสองข้างที่ถูกจับเกี่ยวเอวสอบไว้ระริก ความเจ็บปวดแล่นขึ้นไปจนถึงกระดูกสันหลัง น้ำตาผมไหลนองเสียงสะอื้นไห้ผมดังอยู่ตลอด

 “ซี๊ด....รัดฉันดีจริงๆเลยนะ จะเลิกยุ่งกับรินไหม หืม”

 “ผม อึก เป็นหมอ ผมเลิกยุ่ง ฮึก กับรินไม่ได้ อย่า!!!”
ถึงผมจะอยากแต่ด้วยหน้าที่ของหมอ ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำปฏิเสธของผมก็แกล้งดันร่างเข้ามาจนสุด ผมเจ็บแต่มันก็เสียวซ่านยิ่งมือใหญ่ทำหน้าที่กอบกุมตัวตนของผมชักพามันให้พองตัวด้วยแบบนี้ ผมก็แทบจะดิ้นพล่าน

 “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีทางเลือก” เขาถอนหายใจล้วงมือหยิบบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องดิ้นรนหนี

 “จะทำอะไร อย่านะ!! อย่าถ่าย!!!”

 “ฉันเตือนนายดีๆนายไม่ทำตามเอง ก็ช่วยไม่ได้ วีดีโอนี่น่ะ ฉันจะถ่ายให้สวยๆเลย” เขากดบันทึกวีดีโอภาพของผมกับเขากำลังร่วมรักกัน จงใจถ่ายช่องทางของผมที่กำลังกลืนกินตัวตนของเขา ผมไม่อยากถูกถ่ายแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ข้อมือถูกมัดหน้าท้องถูกอีกฝ่ายกดเอาไว้ด้วยฝ่ามือ ตอนนี้ผมได้แต่นอนดูตัวเองกำลังถูกกระแทกร่างพร้อมกับการถ่ายภาพเอาไว้

 “ดูสิ มันดูดของฉันจนหมดเลย ซี๊ด มีเลือดติดด้วย เยี่ยมจริงๆ”

 ผมส่ายหน้าไม่อยากฟังคำบรรยายที่เขาพูดพล่ามออกมา ผมได้กลิ่นคาวของเลือดผมรู้ดีว่าเลือดต้องออกมาอยู่แล้ว น้ำตาไม่ได้ช่วยให้คนใจร้ายหยุดการกระทำยิ่งผมต่อต้านร่างกายของผมก็ยิ่งถูกกระทำอย่างรุนแรง เขาไม่สนใจว่ามันจะทำให้ผมเจ็บแค่ไหน ก็ใช่น่ะสิ.....ในเมื่อตอนนี้มันเรียกว่าการข่มขืน อีกฝ่ายกระทำอย่างเอาแต่ใจมันก็คงไม่แปลก เขาขยับกายเร่งจังหวะรักจนผมแทบลอยขึ้นจากที่นอน เสียงครวญครางของเขาดังระงบอยู่ริมหูผม เขาใกล้จะถึงฝั่งฝันผมรู้ได้จากการเร่งกระแทกตัวเข้ามา

 “อีกนิด อา ซี๊ด ฉันใกล้แล้ว”

 ความอุ่นวาบถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างผมจนร้อนภายในมือหนาขยับรูดรั้งแก่นกายผมจนปลดปล่อยหยาดรักสีขาวขุ่นออกมา เขาหอบหายใจก่อนจะกดหยุดการบันทึกบทรักของเราลง ผมได้แต่นอนปล่อยให้น้ำตาไหลรินรับรู้เพียงความใหญ่ตัวที่อ่อนตัวลงถูกดึงออกไป จบแล้วสินะ ความทรมานในครั้งนี้ ผมหลับตาลงไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว มือใหญ่คว้าแขนผมพร้อมปลดเข็มขัดออก รอบช้ำแดงและรอยถลอกปรากฏอยู่บนข้อมือ

 “แต่งตัวซะ ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว และถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับรินอีก ฉันจะปล่อยคลิปออกไป”

  ปัง!

 ผมลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องของเขา ก้มลงมองสภาพตัวเองที่มีคราบขาวขุ่นผสมสีเลือดไหลย้อยลงมาตามโคนขาด้านใน อยากกลับบ้านจัง คลิปการร่วมรักกันอย่างไม่เต็มใจของผมอยู่ที่เขา ผมจะต้องทำยังไงดี เขาขู่ไม่ให้ผมยุ่งกับรินแบบนี้ ผมควรจะทำยังไง ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดชั่ววูบของตัวเองออก ไม่ได้!! ผมเป็นหมอ ยังไงคนไข้ก็ต้องมาก่อน เรื่องแค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก

 “แค่เซ็กส์ มันก็แค่เซ็กส์ ฮึก ฮือ ไม่เป็นไรหรอก ฮือๆ”



            ๕๐%




            TBC



        คุณภูมิไม่ถนอมหมอเลย โหดร้ายที่สุด!!! กรีดร้องด้วยความไม่พอใจ ขนาดแมวแต่งเองนะคะ ฮ่าๆๆๆ บางครั้งแมวอาจจะเขียนอะไรที่มันหดหู่ ไม่ถูกใจ แต่อย่าโกรธแมวเลยนะคะ เรื่องสั้นเป็นเรื่องของแต่ละคน เจอเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่ต่างไป ขอให้ทุกคนอ่านเพื่อความสนุก แล้ววิ่งมากอดแมวแน่นๆนะค๊าาา ตอนนี้แมวเพิ่งจะหัดเล่นทวิสเตอร์ ใครเล่นอยู่มาฟอลแมวกันบ้างนะคะ ทวงนิยายได้ค่ะ แมวจะเร่งสปีดปั่นเต็มขั้นเลย!!!!
Twitter @little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๒. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-02-2018 18:04:11
สงสารคุณหมอเขานะคะ ภูมินิสัยไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-02-2018 23:53:37
ไอ้คุณภูมิใจร้ายเกินไปแล้ว  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-02-2018 02:02:26
แจ้งความค่ะหมอ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 13-02-2018 13:04:53
กรีดร้องงง หมอฌาน่ารัก
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 14-02-2018 01:49:07
มั่ยอ่อนโยนกับคุณหมอเยยยยย :m25:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-02-2018 19:18:02
เรื่องหลังๆมานี่พระเอกน่าตบทั้งนั้นเลยนะคะ ใช้กำลังบังคับกันได้ไงฟร่ะแล้วที่มาเดือดร้อนนี่ไม่ใช่ว่าตัวเองแบบชอบแฟนเพื่อนอยู่หรอกเหรอ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-02-2018 13:10:22
 :z6: :z6: :z6:พี่ภูมิแย่มาก
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 24-02-2018 19:26:34

            หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกสามวันที่ผมป่วยนอนซมอยู่ที่ห้องก็ถูกทางคลินิกโทรตามตลอด ส่วนใหญ่ก็จะมาจากไอพวกเพื่อนๆผมที่อยู่ห้องตรวจอื่น ผมไม่สามารถบอกใครได้ว่าตัวเองเจออะไรมา ได้แต่เก็บมันเอาไว้คนเดียว ผมกลับมาทำงานตามปกติ ทุหคนดูเป็นห่วงผมกันมากคอยไถ่ถามว่าผมโอเคไหมเล่นเอาผมขำสุดๆเลย

 “หมอคะ....” ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างสะอาดสะอ้านของสาวน้อยที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่หน้าประตู

 “ริน! มานั่งสิ เป็นไงบ้าง ทำตามที่หมอบอกหรือยัง” เธอพยักหน้านั่งลงบนเตียงหลบสายตาผมจนผิดปกติ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะรินดูอิดโรยและตัวสั่น

 “มีอะไรผิดพลาดเหรอ ผลที่หมอให้ทำเกิดความผิดปกติเหรอ” รินถอนหายใจ ยอมเงยหน้าขึ้นสบสายตาผม

 “ไม่ค่ะ ทุกอย่างปกติ สิ่งที่หมอให้รินทดสอบ รินมีอารมณ์จริงๆค่ะ” ว่าแล้วเชียว ถ้างั้นก็เป็นโรคของจิตใจสินะ

 “แล้วทำไมนั่งหน้าเศร้าแบบนั้นละครับ หืม” สายตาที่รินมองผมมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความสงสารจนมันทำให้ผมนึกกลัว หรือเขาจะปล่อยคลิปนั้นออกไป ผมพยายามยืนยิ้มส่งให้รินทั้งๆที่มือที่จับปากกาอยู่มันสั่น

 “หมอคะ รินขอ...”

 ก๊อก ก๊อก!

 “เชิญครับ” ผมอดแปลกใจไม่ได้ ปกติถ้ามีคนไข้คุณสาวจะไม่ค่อยมาเคาะประตูแบบนี้

 “หมอฌาคะ มีผู้ชายสองคนมาพบค่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นมอง ใครกันนะ

 “ครับ ที่ไหนครับคุณสาว”

 “เอ่อ เขาต้องการจะ ว๊าย!!!” ร่างสูงของชายสองคนซึ่งคนหนึ่งนั้นผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแทรกกายผ่านเข้ามาในห้องที่มีผมและรินอยู่ คุณสาวเซเล็กน้อยพอทรงตัวขึ้นได้ก็มองมาทางพงกผมอย่างไม่เข้าใจ

 “คุณหมอฌาคะ ให้สาวเรียกคนมาช่วยไหมคะ” เธอถามออกมาด้วยอารามตกใจ ผมเกือบจะตอบตกลงไปแล้วหาก *‘เขา’* คนนั้นไม่หยิบบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน หมอนั่น! คิดจะขู่ผม!

 “มะ ไม่เป็นไรครับ สองคนนี้ เอ่อ เป็นคนรู้จัก ของผมเอง” ผู้ชายคนหนึ่งจ้องหน้ารินอย่างเรื่องโดยที่รินเองก็จ้องกลับด้วยความไม่พอใจเช่นกัน คุณสาวพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูให้ผม ผมเลือกที่จะสนใจรินกับผู้ชายคนนั้นมากกว่า อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเห็นสายตาโลมเลียจากอีกคน

 “รู้งานดีนี่!” ผมไม่สนใจเสียงจากเขาที่พูดจาแดกดันผม

 “มาทำไมคะ รินบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเราเลิกกัน” เลิกกันเหรอ? นี่มันอะไรกัน ผมมองรินกับผู้ชายที่ผมไม่รู้จักชื่อจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

 “เลิก? เลิกกับพี่.....แล้วไปคบกับไอหมอนี่นะเหรอ!!” อะไร ไม่เกี่ยวกับผมสัยหน่อย แต่มันก็เรียกสายตาดุดันจากผู้ชายที่ชื่อภูมิระพีได้

 “หมอฌาไม่เกี่ยว!!! พี่เต้เลิกดึงหมอฌามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียที!!!” เมื่อเห็นว่าการโต้เถียงเริ่มดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นเพื่อปิดล็อคประตูชั้นที่สอง โดยมีสายตาของเขาจ้องมองอยู่

 “ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อหมอนี่เป็นคนทำให้ริน บอกเลิกกับพี่!!!”

 “ไม่ใช่!!! ที่รินเลิกกับพี่เต้ เพราะพี่เต้ให้เพื่อนมาข่มขืนหมอฌาต่างหาก!!!!”

 “...!!!” ระ ริน รินรู้ ผมนิ่งอึ้งเหมือนทุกสายตาหันมามองที่ผม ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังและแน่นอนว่ารินด้วยแล้วผมไม่เคยคิดจะเล่า ผมรู้สึกจุกอกพูดอะไรไม่ออกร่างกายไม่มีแรงจะยืนเสียดื้อๆ

 “ปากสว่างจริงนะ!” คำพูดของคุณเต้ไม่ได้เข้าหูผมเลยตอนนี้ทุกเสียงในห้องไม่ทีความหมายต่อผมสักนิด

 “อย่ามาว่าหมอฌานะ!! หมอฌาไม่ใช่คนที่บอกริน!” ผมเริ่มได้สติ ตัวผมเองก็อยากจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ขอร้องเถอะ อย่าได้เป็นเพราะคลิปเลย

 “ถ้าไม่ใช่มัน แล้วจะเป็นใคร!!” รินหลบตาราวกับไม่ต้องการมองหน้าอาชญากร

 “ริน....ไปหาพี่เต้ที่บ้าน.......รินได้ยินที่พี่เต้และพี่ภูมิพูดกัน” คุณเต้หน้าเสียมองหน้ารินอย่างตกตะลึง

 “...!!!”

 “พี่ทำได้ยังไงพี่เต้ พี่ให้พี่ภูมิมาทำกับหมอฌาแบบนี้ได้ยังไง!!!”

 “ก็เพราะรินนอนกับมันไง!! รินนอนกับมันแต่กลับบ่ายเบี่ยงพี่!!”

 “นี่ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะรินไม่ยอมนอนกับพี่แค่นั้นเหรอ” รินยิ้มเยาะตัวเอง สายตามองเต้มีแต่ความว่างเปล่า คุณเต้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างมันดูไม่เหมือนที่คิดไว้

 “ไม่ใช่ริน พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” น้ำเสียงของเต้ดูอ่อนลงแต่มันไม่ได้ทำให้รินอารมณ์เย็นลงเลยสักนิด น้ำตาไหลนองใบหน้าหวานริมฝีปากเล็กๆถูกกัดเอาไว้เพื่อระงับอาการสั่น

 “รินจะบอกให้นะ ริน.....ไม่เคยนอนกับหมอ!! ไม่เคยนอนกับใครทั้งนั้น!!!” เต้แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟังคำพูดของริน

 “ไม่จริงน่า.....”

 “หึ!! จริงสิคะ รินไม่เคยนอนกับหมอเลยสักครั้งเดียว”

 “ริน.....” คุณเต้เรียกรินด้วยน้ำเสียงอาลัยมันช่างเบาราวกับกระซิบ

 “รินมารักษาที่นี่ เพราะรินอยากจะนอนกับพี่ แต่รินทำไม่ได้!!! หมอกำลังช่วยริน!! แต่พี่กลับทำร้ายเขา!!!”

 ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่สัมผัสผิวแก้มจนต้องยกมือขึ้นมาจับมันดู อะไรกัน นี่ผมร้องไห้เหรอ ผมอยากจะหัวเราะ อยากจะบอกรินเหลือเกินว่าผมไม่เป็นไร แต่ผมพูดออกไปไม่ได้ลำคอผมมันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุดอยู่แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำกับร่างกายที่สั่นสะท้าน น้ำตามันขมแบบนี้นี่เอง ราชาติมันเป็นแบบนี้นี่เองความเสียใจ

 “หมอ....ผม” คุณเต้มองหน้าผมพยายามจะสื่อสารและบอกอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่อยากฟังไม่อยากได้ยินอะไรจากเขา คุณเต้แม้ไม่ได้ลงมือกระทำแต่เขาคือคนที่ส่งคุณภูมิมาทำร้ายผม ย่ำยีศักดิ์ศรีของผม ดูถูกความเป็นหมอของผมจนผมต้องยินยอมให้อีกฝ่ายทำร้าย ความโหดร้ายมันไม่เคยหายไป แค่หลับตามันก็วนเวียนกลับมาจนผมแทบจะอาเจียนออกมา

 “ผม....ไม่อยาก....ฟัง”

 “หมอคะ รินขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด รินขอโทษจริงๆ” รินจับมือผมแน่นยกมันขึ้นแนบหน้าผากเล็กๆจนน้ำตาของเธอหยดใส่ ผมลูบหัวเธออย่างปลอบประโลม ไม่อยากให้เด็กสาวใสซื่อต้องเสียน้ำตาแบบนี้เลย

 "ผม.........ผมจะปิดเคสของรินวันนี้ อาการของรินที่เป็นอยู่คือความกลัวของจิตใจ รินต้องถามตัวเองว่ากลัวอะไร กลัวเสียใจ หรือว่ากลัวจะทำให้คนที่บ้านผิดหวัง ผมทำได้แค่วินิจฉัย ต่อจากนี้รินต้องคุยกับตัวเองตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นคือสิ่งที่รินต้องทำ”

 “ฮือ หมอฌาขา” ผมส่งยิ้มให้รินที่เอาแต่ร้องไห้อยู่กับมือของผม ทั้งๆที่ใบหน้าผมก็เปื้อนคราบน้ำตาไม่ต่างกัน

 “ผมไม่เคยโกรธรินสักครั้ง ทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดริน ดูแลตัวเองดีๆนะ” ครั้งสุดท้ายนี้ผมดีใจที่น้องสาวของผมไม่มีโรคอะไรร้ายแรงเป็นเพียงความขัดแย้งของร่างกายกับจิตใจเท่านั้น รินปล่อยมือผมพร้อมกับเปิดประตูออกไป

 “คุณหมอครับ ผมอยากขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนจะให้เพื่อนตัวเองทำแบบนั้น ผมหวังว่าสักวันหมอจะอภัยให้ผม ผมรักรินมากและหึงมาก หวังว่าหมอจะอภัยให้ผมนะครับ”

 ผมไม่ตอบกลับใดๆและดูเหมือนเต้เองก็ไม่ได้อยากจะฟังคำตอบจากผม เขาวิ่งตามร่างของรินที่ออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงผมกับคุณภูมิ ผู้ชายที่ทำร้ายผมอย่างไม่น่าให้อภัย ผมอึดอัด รอให้เขาเดินออกไปแต่ไม่เลย เขาไม่คิดจะออกไปหนำซ้ำยังปิดประตูลงกลอนอีกครั้งจนผมต้องหันไปมองด้วยความตกใจ

 “ต้องการอะไรอีก!!” ผมไม่อยากจะพูดกับเขาสักนิด แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มมันก็จะไม่จบ

 “......”

 “อย่ากวนประสาทผมด้วยการเงียบ ผมมีงานต้องทำ ออกไปจากห้องของผมได้แล้วครับ คุณภูมิระพี” คุณภูมิเอาแต่ยืนเงียบ มองหน้าผมนิ่งๆไม่พูดไม่จาอะไร

 “.....”

 “ออก ไป” ผมชี้นิ้วสั่นๆไปที่ประตู พยายามบังคับร่างกายไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น

 หมับ!!

 ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างถูกภูมิรวบไปกอดแน่นผมสะบัดตัวพยายามดันร่างของเขาออกแต่ยิ่ฃผมดิ้นรนเท่าไหร่อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดผมแน่นขึ้นเท่านั้น

 “ฉัน......ขอโทษ ฉันน่าจะฟังนาย” มาพูดตอนนี้แล้วมันได้อะไรกัน ผมได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห

 “มันสายไปแล้ว ปล่อยผม!!”

 “นายอาจจะโกรธฉัน แต่ฉันอยากจะบอกให้รู้ แค่เห็นหน้านายจากรูปที่ไอเต้ให้ฉันดูวันนั้น ฉันก็ตกหลุมรักนายไปแล้ว” รักผมงั้นเหรอ ตลกดีนะครับ เพราะการกระทำของเขามันห่างไกลคำว่ารักไปเยอะเลย

 “ลบคลิปของผมซะ!! ถือว่าผมขอร้องล่ะครับ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง” คุณภูมิถอนหายใจก่อนจะดันตัวออกมาสบตากับผม

 “มันไม่มีคลิปหรอก ฉันลบมันตั้งแต่ออกจากห้องนายแล้ว” ก็ดีในเมื่อไม่มีคลิปแล้วผมก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก

 ผัวะ!!

 “นี่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำร้ายผม กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก!! ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” เลือดสีแดงไหลจากมุมปากของคุณภูมิไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แววตาตัดพ้อที่เขาส่งมาต่างหากที่ทำให้ผมชาวาบ เขามีสิทธิ์อะไรมาตัดพ้อผมกัน คนที่เจ็บมันผมต่างหาก

 “ฉันจะกลับไป....วันนี้ แต่.....ฉันจะมาอีก จะมาทุกวัน ต่อจากนี้ไป ฉันจะจีบนาย”

 “ผมจะไม่ให้คุณเข้ามา!!” แม้ผมจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแค่ไหน อีกฝ่ายก็ทำเพียงส่งยิ้มมาให้ผม

 “ไม่มีปัญหา ฉันมีวิธีเข้ามาหานายได้เสมอ” ตัวแทบล้มทั้งยืนเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

 “ไหนคุณบอกว่าลบคลิปไปแล้ว!!”

 “ไม่ใช่ ฉันลบไปแล้วจริงๆ แน่นอนว่าไม่ใช่วิธีนั้น” ผมกัดริมฝีปากแน่น ในใจตะโกนร้องถามว่ายังไง แต่จะให้พูดออกไปหรือไม่มีทาง

 “คุณไม่มีวันเข้ามาได้อีกแน่ กลับออกไปซะ!! ออกไปจากคลินิกผม!!” คุณภูมิสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเดินถอยหลังอย่างระแวงจนแผ่นหลังของผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของผนัง
 
 “แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าฉันทำได้อย่างที่พูดไหม”

 “...!!!” เขาโน้มตัวมาจูบผมและผละออกอย่างรวดเร็วจนผมนิ่งค้างอยู่เช่นเดิมทั้งๆที่เขาเดินออกไปแล้ว ผมยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว อาการแบบนี้คืออะไร อาลัยอาวรณ์เหรอ ไม่น่าจะใจ ทำไมกันนะ ในใจผมมันร่ำร้องราวกับว่า ต้องการมากขึ้นกว่านี้ เพียงแค่ความอบอุ่นจากริมฝีปากของเขามันไม่เพียงพอต่อใจงั้นเหรอ ไม่ๆ ผมสะบัดไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง แค่เขาพูดว่ารักไม่ได้ทำให้ใจผมหวั่นไหวหรอก ไม่เลย ไม่เลย...สักนิด




     คลินิกมารักษ์ทีเคยเงียบสงบ แต่บัดนี้ เพียงแค่อาทิตย์เดียว อาทิตย์เดียวคุณภูมิระพีก็เข้ามาได้ถึงในตัวคลินิกแล้ว!!! ผมยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นเขายืนคุยกับคุณสาวอย่างถูกคอ บางวันแทบจะเข้าไปคุยเล่นกับไอสามด้วยซ้ำ ตกลงเราเปิดคลินิกหรือห้างกันแน่วะ ไอคนไม่เกี่ยวข้องถึงได้เข้าๆออกๆอย่าสบายใจแบบนี้ ผมเคยเดินเข้าไปถามไอสามว่ารู้จักเขาด้วยเหรอ มันตอบกลับมากวนตีนแค่ไหนรู้ไหม มันบอกว่า


 ‘อ้าว......ผัวเพื่อนทำไมเพื่อนจะไม่รู้จัก’

 คำพูดมันนี่กระตุกตีนผมให้ไปแนบหน้ามันมาก แถมมันเองยังพาคุณภูมิไปรู้จักเพื่อนๆผมที่ห้องตรวจอื่นอีก เอาเป็นว่าตอนนี้เก้าห้องตรวจสนิทกับเขาหมด ส่วนผมน่ะเหรอ นั่งเป็นหมาหัวเน่าเฝ้าห้องตรวจต่อไปเถอะครับ แต่อย่างน้อยเขาก็แวะเวียนฝากของกินให้คุณสาวเอามาให้ผมบ้าง ผมก็ไม่ได้อยากจะกินหรอกครับ ก็แค่......หิวเท่านั้นล่ะ

 “ไอฌา!!.......ผัวมึงไม่มาเหรอวะวันนี้” หนอย!!!

 “ไม่รู้โว้ย!! ไม่มีผัว!!!”

 พอได้ยินคำตอบของผมไอภพเพื่อนประจำห้องตรวจที่เก้าก็หัวเราะจนตัวงอ ไอบ้าเอ้ย!! กูจะแช่งให้มึงมีเมียเป็นผู้ชาย!! ผมหงุดหงิดจนต้องเดินออกมานอกคลินิกเพื่อกินลมชมวิวให้หายอารมณ์เสียสักหน่อย แต่ในหัวก็ไม่วายคิดถึงแต่เรื่องของเขา วันๆเขาทำอะไรบ้าง ไหนบอกว่าจะพิสูจน์ให้ผมเห็นแต่ที่เขาทำมันก็แค่มาหาเพื่อนคุยเสียมากกว่า

 “ชิท!! ไอบ้าเอ้ย ไอคนหลอกลวง!”

 ผมเตะก้อนหินข้างทางด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนมันเด้งกระเด็นไปไกลลิบ ถ้าหมอนั่นเป็นก้อนหินเมื่อกี้ผมคงจะสะใจกว่านี้เยอะเลย ผมเดินไปเรื่อยจนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองวนกลับมาหน้าคลินิกเมื่อไหร่

 “หือ นี่อะไรหว่า?” ผมก้มลงหยิบกระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กที่พื้นขึ้นมาอ่าน

 ‘หากคุณเปิดอ่าน กรุณาเดินมาตามทางลูกศร’

 ลูกศรเนี่ยนะ ผมกวาดสายตามองหาจนพบว่ามันเป็นเทปกาวที่ถูกแปะไว้บนพื้นเป็นรูปลูกศรสีแดง ผมลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามทางนั้น ลูกศรที่ยาวไปตามทางเดินมันดูไกลหรือเป็นผมเองที่จิตใจคิดมากกับเรื่องนี้ รอบข้างมันไม่มีอะไรเลย ตึกแถวส่วนใหญ่ผู้คนก็ออกไปทำงานจึงมีเพียงรถที่สวนไปมาเท่านั้นที่พอจะทำให้ดูไม่เงียบได้ เมื่อสุดลูกศรแดงก็พบกระดาษแบบเดิมแปะเอาไว้

 ‘หยุดปกปิดและหลบซ่อน ความจริงที่มีต่อกัน’

 ข้างหลัง? ผมหันไปหากวาดสายตาเพื่อหาอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยสักนิด จนผมถอนหายใจ นี่อาจจะเป็นเกมส์บ้าๆของใครบางคนที่ชอบแกล้ง หรืออาจจะเป็นเพียงความบังเอิญก็เป็นได้ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เดินกลับไป สายตาผมพลันไปเห็นบางอย่างจากด้านข้างผมตอนนี้

 นั่นมัน.........ดอกกุหลาบ

 ผมหยิบมันขึ้นมาดู กูหลาบสีขาวกับริบบิ้นและการ์ดที่ถูกแนบมาทำให้ผมสนใจ หรือนี่จะเป็นอีกเหตุการณ์ที่บังเอิญเท่านั้น

 ‘ดอมดมกลิ่นหอม จะพบความข้อความสำคัญ’

 แม้จะแปลกใจแต่มือของผมที่ถือดอกไม้อยู่กลับขยับเข้ามาใกล้จมูกจนได้กลิ่นหอมหวาน สายตาของผมกวาดไปทั่วทั้งดอกไม้เพื่อหาสิ่งที่อาจจะมีตัวอักษรหรือข้อความอะไรอยู่ในนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ความเปล่งประกายวาววับยามต้องแสงแดดมันดูสวยจนผมอดชื่นชมในใจไม่ได้ แหวนเงิน คือสิ่งที่ถูกใส่เอาไว้ในดอกกุหลาบ แต่!! มันมาได้ยังไงกัน

 “ชอบไหม ฉันเลือกเองเลยนะ”

 “..!!”

 ผมรีบหันไปมองเมื่อมีเสียงกระซิบข้างหูจากทางด้านหลังก็พบว่าเป็นเขา คุณภูมิยกยิ้มมองแหวนในมือผมที่ยังตกตะลึงไม่หาย จะ จะ จำเป็นต้องหล่อขนาดนี้ไหม ผมจ้องมองคุณภูมิที่อยู่ในชุดสบายๆอย่างลืมตัว หัวใจผมเต้นแรงเพียงเพราะแค่ได้เห็นหน้าเขา แค่ได้ยินเสียงเขา

 “สั่งทำพิเศษเลยนะ สลักชื่อนายไว้ที่ตัวแหวนด้วย”

 “.....”ผมเม้มปาก ตัดสินใจยื่นแหวนคืนคุณภูมิไป

 “ไม่ชอบเหรอ หรือเธอยังโกรธฉันอยู่ อ๋อ!! ฉันรู้แล้ว” ผมไม่ทันได้ตอบอะไรแต่ดูเหมือนคุณภูมิจะตัดสินใจเองเรียบร้อย ผมตกใจเมื่อเขาคุกเข่าลงกับพื้นดึงแหวนจากมือผมไปถือไว้ เขาจับมือซ้ายของผมเอาไว้ มองสบตาผมอย่างหว่นซึ้ง

 “คุณ!! คุณทำอะไรน่ะ!!” ผมพยายามจะดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ

 “ฌา.......แต่งงานกับฉันนะ”

 “...!!!” ตัวผมชาวาบ ขนลุกตั้งแต่หัวยันปลายนิ้วเท้าเมื่อเห็นว่าเขากำลังขอผมแต่งงาน ในเต้นแรงด้วยความปิติแต่เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ก่อนหน้าที้ขาทำร้ายผมมันก็เวียนกลับเข้ามาในหัว ภาพเหตุการณ์นั้นไม่เคยเลือนหายไปสักวัน แล้วแบบนี้.....ผมจะฝากชีวิตไว้กับคนที่ทำร้ายผมได้เชียวหรือ

 “ว่าไงครับ” ผมสบตาเจาด้วยแววตาเจ็บปวด ดึงมือออกจากกับจับกุมของเขาช้าๆ คุณภูมิดูงุนงงและไม้ข้าใจกับสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไป

 “ขอโทษครับ ผมแต่งกับคุณไม่ได้” ผมหันหลังเดินหนีเขามาจากตรงนั้น แม้จะอยากรับแหวนมากเพียงใด แต่ใครจะบอกได้ล่ะครับว่าเขาจะไม่ทำร้ายผมเหมือนวันนั้นอีก

 หมับ!!
 
 “ทำไมถึงแต่งไม่ได้ นายมีคนที่รักแล้วหรือไง!!” คุณภูมิดูอารมณ์เสียกับคำปฏิเสธของผม เห็นได้ชัดจากแรงบีบที่แขน

 “เปล่า......แต่ถึงจะมีไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เรื่องของเพื่อนคุณก็จบไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับผมอีก”

 “ไม่เกี่ยวกับไอเต้!! ฉันมาที่นี่เพราะนาย ไม่เข้าใจหรือไง” สายตาเศร้าสร้อยของเขาทำให้ผมต้องเมินหน้าหนี ไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิดว่าผมใจสั่น

 “ผม.....ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!”

 ผมตัดสินใจวิ่งหนี้เขามา ไม่หันกลับไปมองแม้จะได้ยินเสียงเรียกไล่หลังมาก็ตาม ความกลัวที่อยู่ในจิตใจผมไม่ได้หายไปง่ายๆผมรู้ดี ผมเป็นหมอเจอเรื่องพวกที่จากคนไข้มามากมาย ความเจ็บปวดที่ถูกฝังลึกจะไม่มีทางห่ยไปได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ผมมันก็แค่เด็กชายฌชาที่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่แน่นอน ตัวผมที่ผ่านมาไม่เคยสักครั้งที่เดินไปตามทางเดินที่ไม่มั่นคงหากตัวผมไม่มั่นใจ ผมไม่มีวันย่างเท้าไปเด็ดขาด ใครๆอาจจะมองว่าผมเป็นคุณชายฌชาที่แสนจะเพอร์เฟค มีทั้งสาวและเงินทองมากองให้เลือก แต่ความจริงคือ....ผมมันขี้ขลาด ผมแค่ไม่กล้าตัดใจอะไรคนเดียว ไม่กล้าจะเลือกอะไรด้วยตัวเอง บ่อยครั้งที่เวลาผมและเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันถ้ามีสาวๆเข้ามา ผมมักจะให้เพื่อนเลือกก่อนเสมอ ส่วนที่เหลืออยู่ผมก็เก็บไว้เอง หึหึ แต่ยังดีนะครับ ที่สาวๆพวกนั้นไซส์เดียวกันหมดผมเลยไม่เฟลอะไรมากมาย

 “อ้าว!! กลับมาแล้วเหรอวะ” ปากมันถามผมแต่สายตากวาดหาไปทางด้านหลังของผม

 “มึงมองหาใครวะเสือ”

 “หาผัวมึงไง ก็นึกว่ามึงจะกลับมาพร้อมกัน” ผมขมวดคิ้ว ดูพวกมันจะขยันเรียกคุณภูมิว่าผัวผมกันเหลือเกิน

 “คุณภูมิ?”

 “ใช่ดิ......หรือมึงมีผัวหลายคน”

 ผลั๊วะ!!!

 “โอ้ย!!! มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!!” ไอเสือร้องโอเครวญเมื่อถูกผมตบหัวเข้าอย่างจัง มันทำหน้าตาราวกับจะเป็นจะตายทั้งๆที่ผมใส่แรงไปแค่นิดเดียว โอเวอร์แอคติ้งได้อีกเพื่อนผม

 “กูกับคุณภูมิไม่ใช่ผัวเมียกัน และเมื่อไม่ใช่ผัวเมียก็หมายความว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลับมาที่คลินิกพร้อมกัน” ผมพยายามพูดด้วยเหตุผลแต่ไอเสือกลับทำหน้าตาล้อเลียนจนผมตกขาขึ้นถีบมัน เสียดายที่มันไวหลบได้ซะงั้น

 “เหรออออออออ กูเชื่อๆ” เชื่อแค่ปากมั้งนั้น หน้าตามึงไม่ได้ดูเชื่อกูเลย

 “ก็ดี หัดเชื่อความจริงเสียบ้าง”

 “กูเชื่อ.........ว่ามึงมีผัวเชื่อภูมิ!!”

 “ไอเหี้ยเสือ!!!!!!!”

 พอมันปล่อยระเบิดสุดท้ายให้ผมเจ็บๆคันๆเสร็จตัวมันก็วิ่งตัวปลิวหายเข้าไปในห้องตรวจ ทิ้งให้ผมยืนโมโหอยู่ที่เดิมคนเดียว ทำไมผมพูดอะไรไปถึงไม่มีใครเชื่อผมกันนะ ที่คุณภูมิพูดล่ะเชื่อกันดีจริงๆ ผมหรือคุณภูมิกันแน่ที่เป็นเพื่อนพวกมัน พอสงบสติอารมณ์ได้ผมก็เลือกที่จะเดินไปที่ห้องตรวจเพื่อจะดูแลคนไข้ต่อ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเดิน ผมก็ถูกจับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ของใครบางคน

 “คุณภูมิ...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ก็ผมนึกว่าเขาจะถอดใจเลิกยุ่งกับผมไปแล้วนี่ แต่ทำไมเขายังมาที่นี่อีกล่ะ

 “ฉันไม่ยอมหรอก คำตอบที่ฉันต้องการได้ยินคือ ตกลง เท่านั้น” ผมดึงแขนออกอย่างสุภาพแม้ว่าแรงที่เขาจับจะมากเพียงมดก็ตาม แต่การที่ผมปล่อยให้เขาทำแบบนี้ในที่ทำงานของผม มันดูจะไม่สมควร

 “ผมบอกไปชัดแล้วนี่ครับ ว่าไม่ อ๊ะ!” จู่ๆแขนทั้งสองข้างของผมก็ถูกมือใหญ่จับเอาไว้อย่างแรงพร้อมดึงให้ผมเข้าไปใหล้ตัวเขาจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบเดียว

 “ตกลงนายจะปฏิเสธให้ได้เลยใช่ไหม” น้ำเสียงกับสายตาดุตรงหน้าทำให้ร่างกายของผมสั่น เขาน่ากลัวเหลือเกิน

 “ผ.....ผม....ผมพูดชัดแล้ว”

 “ก็ดี!!” เขาปล่อยแขนผมออก ยืดตัวขึ้นกวาดสายตาไปทางด้านหลังของผมแล้วยกยิ้มก่อนจะหันมาสบตาของผมอีกครั้ง

 “....!!” ผมรู้สึกโหวงๆชบอกลเป็นคนปฏิเสธเขาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกแปลกๆเมื่อเขายอมรับมันง่ายๆ อาการคับอกที่รับรู้ได้ว่าหัวใจเต้นแรงกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรนะ

 “ในเมื่อนายไม่ยอมแต่งกับฉัน ถ้าอย่างนั้น.....อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ” ผมที่ยืนก้มหน้าได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน ไม่กล้ามองสายตาของอีกฝ่าย ทั้งๆที่ผมบอกให้เขาหยุดเองแท้ๆ แต่เมื่อเขาหยุดอย่างที่ผมบอก ผมกลับกลัว กลัวที่จะเจอมัน
เขาไปแล้ว

 คุณภูมิเดินออกไปจากคลินิกโดยไม่หันมามองอีก ผมรู้ว่าควรจะดีใจควรจะโล่งอกแต่ไม่รู้ทำไม มือผมถึงกำแน่นอยู่ข้างลำตัวบางอย่าจุกอยู่ที่บริเวณลำคอ ผมยืนอยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของใครบางคนมาแตะบริเวณไหล่จนผมต้องหันไปมอง

 “ไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมหันไปมองสอบตากับวาย ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแลบไหนแต่เมื่อรู้สึกตัวผมก็หันไปยิ้มให้

 “เฮ้ย....สบายมาก”

 “อย่าฝืนเลย มึงแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว” วายมองผมอย่างสงสารแต่ตัวผมกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองน่าสงสารตรงไหน เพียงแค่เขาหายไป ผมไม่มีทางรู้สึกอะไรอยู่แล้ว

 “ไม่หรอกน่า มึงก็พูดไป กูสบายดีจะตาย ดีเสียอีกไปได้สักที กูรำคาญ” ผมพยายามยิ้มแย้มตอบกลับให้มันสบายใจแต่ไอวายกลับไม่เชื่อผมซะงั้น

 “เอาเถอะ......ถ้าไม่ไหวก็บอกกู กูอยู่ที่ห้องตรวจเหมือนเดิม”

 “อืม.....ขอบใจมึงมาก”

 แม้ปากจะตอบไอวายอย่างปกติแต่สายตาผมยังคงไม่ละจากประตูที่คุณภูมืเพิ่งจะเดินจากไป ความวูบโหวงในหัวใจทำให้ผมไม่อาจจะปฏิเสธความจริงข้อหนึ่งได้


      ผมอาจจะรักคุณภูมิจริงๆ









              มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 24-02-2018 19:44:37
         ต่อค่า



     
          วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วผมใช้เวลาทั้ฃหมดกับการรักษาคนไข้ แต่แปลก......ปกติคนไข้สาวๆสวยๆจะต้องทำให้ผมหวั่นไหว แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมเหม่อลอยจนเพื่อนๆทัก ผอมลงจากการทานข้าวน้อยลง ไม่รู้สิครับ อยู่ๆอะไรๆมันก็ไม่น่ากินเลย ผมมักเผลอถอนหายใจบ่อยๆขณะรักษาคนไข้อยู่จนถึงขั้นถูกถามด้วยความร้อนใจว่าป่วยหนักเหรอ เดือดร้อนผมต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าตัวเองไม่ได้ป่วยหนักเพียงแต่หมออย่างผมกำลังกลุ้มใจเท่านั้นเอง เมื่อความรู้สึกมันตีขึ้นมาจนถึงอก อัดแน่นจนผมหายใจไม่ออกผมจึงตัดสินใจหยิบมือถือออกมา


  ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด

 ‘ฮัลโหล’

 “นัด.......”

  ‘ว่าไงคะคุณหมอฌา วันนี้จะส่งคนไข้คนไหนมาให้ดิฉันอีกคะ’ น้ำเสียงกระแหนะกระแหนจากปลายสายทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา

 “นัดว่างไหม ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย”

  ‘หือ? ฌาเป็นอะไรเหรอ น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย’

 “เรา......อยากรู้ว่า....” ผมกัดปาก แม้จะสนิทกันยังไงแต่จะให้พูดออกไปมันก็ยากอยู่ดีสำหรับผม

  ‘......’

 “เรา ถ้าเรากำลังคิดถึงคนๆนึง แล้วมีอาการแน่นหน้าอก เหมือนว่าจะหายใจไม่ออก มันเป็นเพราะอะไรเหรอ”

  ‘อืม......มันก็บอกยากนะ แล้วคนๆนี้เป็นอะไรกับฌาล่ะ เพื่อนเหรอ หรือศัตรู’ นัดถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังถึงสถานะของคนๆนั้นจนทำให้ผมเผลอกำมือแน่น

 “ป...เป็น...เอ่อ....เป็นคนที่ทำให้เราเจ็บปวด”

  ‘อ๋อ......แฟนเก่า’

 “ไม่ใช่นะ!!” ผมตาโตรีบกระโกนตอบกลับไปจนปลายสานหัวเราะร่า

  ‘ร้อนรนจังเลยน๊า......อยากเห็นหน้าคนๆนี้จัง ทำให้หมอฌารักได้ขนาดนี้ งานดีแค่ไหนกันนะ’ ลมหายใจสะดุดเมื่อหูได้ยินคำว่าทำให้ผมรักจากนัดที่เป็นหมอด้านจิตเวช สรุปแล้ว ผมรักคุณภูมิจริงๆสินะ

 “รัก........เลย เหรอ” ผมแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอแต่ปล่ยสายกลับเห็นเป็นเรื่องตลก

 ‘คิกๆ’ ได้ยินเสียงหวานหัวเราะมาแบบนั้นผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดออกไป

 “จริงสินัด คนไข้ที่ผมส่งไปวันก่อน คุณนีน่าน่ะ จำได้ไหม”

  ‘จำได้สิ ทำไมเหรอ’

 “เธอเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม” นัดถอนหายใจเมื่อผมถาม

  ‘จะว่ายังไงดี ปกติเขาอ่อยเขายั่วแต่ผู้ชายใช่หรือเปล่า’

 “ใช่ ทำไมเหรอ”

  ‘ตอนนี้เธอพัฒนาขึ้นมากเลย’ ผมอุ่บวาบยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าอาการเธอดีขึ้น

 “จริงเหรอ”

  ‘จริงสิ......พัฒนามายั่วผู้หญิงแทน’

 หะ?? หา!!!!!!!!

 “ห๊า!!!!!!!!” ผมร้องเสียงหลงจนลั่นห้อง จะบ้าเหรอครับ ใครบ้างไม่ตกใจ จากยั่วยวนเพศตรงข้ามมายั่วแม้กระทั่งเพศเดียวกันแบบนี้ มันเรียกว่าพัฒนาที่ไหนก๊านนนนนนนน

  ‘ไม่ต้องหาเลย นี่เราอยากจะด่าฌาเหลือเกิน ฌาส่งใครมา รู้ไหมว่าความสงบสุขในชีวิตเรามันดิ่งลงเหวมากตอนนี้’

 “เอ่อ คือ เรา” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างนากลำบาก

  ‘เกาะติดเป็นปลิง เผลอเป็นกอด เผลอเป็นจูบ นี่เราแทบไม่ได้......หมอขา นีน่ามาหาหมอแล้วค่า // แค่นี้ก่อนนะ หายนะมาแล้ว’

 ผมมองมือถือที่ถูกตัดสายไปอย่างงงๆ เสียงที่แทรกเข้ามาระหว่างคุยเป็นคุณนีน่าแน่นอน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตกลงผมส่งเธอไปรักษาใช่ไหมครับ ทำไมการพัฒนาของเธอไม่เหมือนคนอื่นเขากัน ไม่เอาล่ะ เลิกคิดดีกว่า ผมเดินออกจากห้องตรวจไปเพื่อจะไปหาคุณสาว คงต้องคุยกับเธอหน่อยเพราะผมกำลังมึนกับอาการของนีย่าอย่างมาก

 “คุณสาวครับ...”

 “คะหมอฌา ต้องการอะไรเหรอคะ” เธอเงยหน้ามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

 “คุณสาวเอ่อ ตอนส่งตัวคุณนี เอ่อ คุณสิรินาถ มี แบบว่า มีปัญหาอะไรไหมครับ” อยากจะถามเธอตรงๆว่านีน่ายั่วเธอไหม แต่ปากผมมันก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป

 “ไม่นี่คะ เธอก็ดูปกติ สาวยังคิดเลยว่าคนสวยๆแบบเธอป่วยเป็นโรคอะไร”

 แสดงว่าตอนไปปกติ แล้วแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!!!! ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ เรื่องที่ไม่เข้าก็มีเยอะ เรื่องที่คิดไม่ตกก็มีแยะ ชีวิตผมจะมีความสงบสุขบ้างไหม!!!!!!

 หมับ!!

 “เฮ้ย!!! อะไรวะ ปล่อยนะ!!!” ผมถูกคนแปลกหน้าสามคนจับแขนเอาไว้

 “ขอโทษด้วยครับ คุณหมอฌา ผมได้รับคำสั่งให้มาพาคุณไป” ท่าทางพูดจานอบน้อม แต่แรงที่มึงบีบแขนกูกันอยู่มันไม่ได้นุ่มนวลเลยนะโว้ยยย ผมสะบัดแขนออก มองคุณสาวอย่างต้องการความช่วยเหลือ

 “ปล่อยผม!! คุณสาวช่วยผมด้วย!!” เธอส่งยิ้มให้พร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมา

 “สาวเองก็ต้องไปกับคุณหมอฌานะคะ ช่วยหมอได้หรอกค่ะ” อะไรวะ ผมงงสิเจอแลบนี้ เผลอหยุดดิ้นด้วยความอึ้งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

 “เราไม่ทำอะไรคุณหมอหรอกครับ เจ้านายผมแค่อยากให้คุณหมอไปกับเราดีๆ” บ้าหรือไง ผมมองทั้งสามตาขวาง ไม่สนใจแรงจับที่เพิ่มมากขึ้นเพราะผมสนใจแค่ว่าต้องหลุดไปจากคนพวกนี้ให้ได้

 “เฮ้ยยยยย ไอวาย!! ไอสอง!! ไอภพ!!! ไอเพื่อนเหี้ย!!!! ช่วยกูด้วยยยยยย!!!!!!”

 “ขออนุญาตครับคุณหมอ”

 “ไม่อนุญาตโว้ย!!!” ผมแหวกละบแทบจะทันที แต่ทั้งสามคนไม่มีใครสนใจฟังผมสักนิด เพราะแค่ขออนุญาตแต่ปากกันเสร็จก็เล่นหามผมออกไปขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ทันที คุณสาวเองก็เดินตามมาขึ้นรถคันเดียวกับผมเช่นกัน แต่ดูเธอไม่เหมือนคนถูกบังคับให้มาเลยสักนิด แล้วไอพวกเพื่อนผมมันไปไหนกันหมด ผมแหกปากลั่นคลินิกแต่กลับไม่มีใครออกมาช่วยผม คนไข้ก็ไม่มี แล้วพวกมันทำอะไรกัน

 “ว๊าย!! หมอหล่อ แต่หน้าหวานจัง!” ผมสะดุ้งหันไปมองผู้ชายร่างบอบบางหน้าสวยสองคนที่ท่าทางสะดีดสะดิ้งวี๊ดว๊ายเมื่อเห็นหน้าผม

 “อ๊า!!! น่ากิน หมอขา!!!!” ผมถอยหนีอย่างตกใจเมื่อทั้งสองคนแทบจะกระโดดเข้ามาหาผม

 “อย่าให้กูต้องโทรบอกนาย ว่ามึงจะแดกหมอ ไอต้อง ไอขาม” ได้ยินแบบนั้นทั้งสองคนก็หยุดชะงัก มองผมตาละห้อยจนรถออกตัวไป แต่.....เดี๋ยวนะ!!

 “ปล่อยโว้ยยยย ไม่ป๊ายยยยยย กูจะลงงงงงง”

 แหกปากไปเถอะครับ ไม่มีใครสนใจผมสักคน พอเสียงผมมันรบกวนหนักๆเข้า พวกสามคนหน้ารถก็เปิดเพลงดังลั่นจนหูผมอื้อไปหมด พอโวยวายมากๆผมก็เจ็บคอ เจ็บคอแล้วทำไง ก็เงียบสิครับ ทำยังไงได้ พอเห็นว่าผมเงียบพวกสองสาว(?)ก็จัดการจับผมลอกคราบแต่งชุดสูทสีขาว จับผมแต่งหน้าแต่งตาจนผมคิดว่าดูน่าตลก ในที่สุดตัวรถก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ พอประตูถูกเปิดออกคุณสาวก็เดินลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจผมที่ยังไม่ยอมลงจากรถอีก

 “ลงมาสิครับ นายผมรอคุณหมออยู่ด้านใน”

 “ไม่ไปอ่ะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ขยับตัวเข้าไปข้างในรถมากขึ้น

 “อย่าให้ผมต้องถึงขนาดลากหมอลงมาเลยครับ ผมไม่อยากโดนนายยิงทิ้ง” แววตาบ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจังจากคำพูดทำให้ผมไม่กล้าขัดขืนได้แต่เดินลงจากรถแต่โดยดี ขนาดลูกน้องยังยิงทิ้งได้ นับประสาอะไรกับหมออย่างผม ประเทศยังขาดหมออีกมาก เพราะงั้น.....ผมจะยอมทำตามแต่โดยดี เพื่อประเทศชาติ
ใครเบะปากมองบนผมขอให้เป็นหมัน!!!

 “พามาแล้วครับนาย”

 ผมถูกพาเข้ามาในห้องสวีทโรงแรมชั้นบนสุด ตอนลงรถและเดินตามพวกเขามาผมก็ช็อคแล้วนะ ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าโรงแรมที่พวกเขาพาผมมามันเป็นโรงแรม5ดาว ติดอันดับต้นๆของประเทศน่ะสิครับ ราคาก็ใช่ว่าจะน้อยๆ

 “พาเข้ามา” เสียงอันคุ้นหูตอบกลับมาจากด้านในของห้อง หนึ่งในสามคนที่พาผมมาจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วดันร่างผมเข้าไปด้านใน ผมก้าวไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ห้องถูกโรยกลีบกุหลาบไปทั่วทั้งห้อง กลิ่นหอมกุหลาบเองก็ทำเอาผมเผลอสูดดมเข้าไปจนทั่วปอด

 “พวกแกออกไปได้แล้ว”

 ผู้ชายตัวสูงที่ยืนหันหลังให้ผมสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ทั้งสามคนที่พาผมมารีบโค้งให้พร้อมกับเดินออกไปตามคำสั่ง ผมยืนนิ่งพยายามนึกให้ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน เพราะแผ่นหลังกว้างช่างดูคุ้นตากับน้ำเสียงที่คุ้นหู มันเหมือนผมจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออก จนเมื่อเขาหันหน้ามา

 “คุณ!!!!” คุณภูมิ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือคุณภูมิ

 “คิดถึงฉันไหมล่ะ ทำหน้าตาแบบนั้น ดีใจที่เจอฉันล่ะสิ” ผมยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองกลัวจะเผลอยิ้มอย่างดีใจออกไป

 “ค....ใคร ใครบอกคุณกัน!!” ให้ตายสิ พอเห็นว่าผมร้อนรนอีกฝ่ายกลับยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

 “แล้วนี่คุณให้พวกเขาพาผมมาทำไม”

 “ดูไม่ออกเหรอ แต่งตัวขนาดนี้แล้วนะ” ผมกวาดสายตามองคนตรงหน้าที่แต่งตัวไม่ต่างจากผม เพียงแต่ของคุณภูมิเป็ยสูทสีดำผูกหูกระต่าย มันก็ดูดีจนผมเผลอจ้องนาน

 “หึหึ มองแบบนั้นฉันก็เขินเป็นนะ”

 “ผะ ผมเปล่า”

 “ฉันให้พวกลูกน้องพานายมา.....เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน”

 “อะ อะไรนะ!!” ผมตกใจจนแทบช็อค ก็ไหนตอนแรกเขาตัดใจเรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมกัดริมฝีปากแน่น ไม่เข้าใจความคิดเขาเลยสักนิด แต่ด้วยความไม่พอใจที่อยู่ลึกๆทำให้ผมหันหลังให้อีกฝ่าย

 “ยินดีด้วยครับ แต่ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับผม ผมคิดว่าผมคงกลับได้แล้ว”

  หมับ!

 “พิธีที่ขาดเจ้าสาว จะเรียกว่างานแต่งงานได้ยังไงล่ะ” ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะตะโกนร้องออกมาจนทำให้ขายขี้หน้าเขา

 “ผมไม่รู้จักเจ้าสาว คงตามหาให้คุณไม่ได้ แต่ผมยินดีจะอวยพรให้ ขอให้คุณทั้งสองคนมีความสุขมากๆครับ”

 “เจ้าสาวของฉันไม่ต้องตามหา แค่นายยอมสวมแหวนวงนี้ก็พอ” เอวของผมถูกวงแขนของคุณภูมิรวบเข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง ผมก้มลงมองแหวนวงเก่าที่เคยเห็นจากครั้งก่อน แฟวนที่ผมเคยปฏิเสธมัน แหวนที่ตอนนี้เจ้าของเอากลับมาให้ผมอีกครั้ง

 “คุณบอกว่ากำลังจะแต่งงาน” วงแขนกว้างกระชับแน่นขึ้นจนตัวผมและเขาแนบชิดกัน

 “ใช่”

 “เจ้าสาวของคุณเป็นใครครับ” แม้ผมจะเห็นแหวน แม้เขาจะบอกให้ผมสวม แต่บางอย่างผมก็อยากจะได้ยินมันตรงๆ

 “เจ้าสาวของฉัน ชื่อ......”

 “........”

 “น.พ ฌชา คือคนที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของฉัน”

 “.......”

 “คือคนที่ฉันคอยแต่คิดถึง อยากจะกอด อยากจะหอม”

 “.......” เสียงทุ้มที่กระซิบริมใบหูนั้น ทำให้ผมต้องก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านจากคำหวานของเขา

 “คือคนที่กุมหัวใจดวงนี้เอาไว้ หัวใจของฉันที่ไม่เคยมีใครได้มัน”

 “.......” ผมมองตามมองที่ถูกกุมไว้ไปวางบนแผ่นอกข้างซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ จนรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นจากแผ่นอกนั้น

 “แต่ฉันยกให้นาย”

 “คุณ.......” ใบหน้าเห่อร้อนจนทำตัวไม่ถูก ครั้นจะสบตาก็ไม่กล้าเพราะสายตาหวานหยาดเยิ้มที่ส่งมายิ่งทำให้ผมอาย

 “ฌา แต่งงานกับฉันนะ”

 “ครับ” ผมตอบรับเสียงแผ่วทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิม นิ้วนางด้านซ้ายถูกเขาจับขึ้นมาบรรจงสวมแหวนสีเงินลงไปอย่างช้าๆ เพียงความเย็นของโลหะสัมผัสกับนิ้ว ความอบอุ่นก็กระจายตัวไปทั่วทั้งใจ ผมยกนิ้วที่มีอหวนเงินประดับอยู่ขึ้นมาดู อมยิ้มอย่างถูกใจและดีใจอยู่ในอ้อมแขนของคุณภูมิ คุณภูมิกดริมฝีปากลงจูบบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา

 “ลงไปกันเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงรอเจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวแย่แล้วบ่ะ”

 “ครับ ไปกัน”

 เราสองคนสบตากัน ความรักของเราทั้งสองคนส่งผ่านหากันจากแววตาจนมันกระจายออกมาทั่วทั้งห้อง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างผมจะมีวันนี้ วันที่ผมจะตกหลุมรักผู้ชายใจร้ายที่หวานจับใจ





               
The  End
[/b][/size]



        กรี๊ดดดดด แมวอยากเป็นหมอฌา อยากเป็นหมอฌา ถ้าคุณภูมิจะน่ารักขนาดนี้ แมวจะยินดีนอนรอให้คุณภูมิมาซั่ม เอ้ย ขย้ำเลยค่ะ พอค่ะเลิกมโน วันนี้แมวพาครึ่งหลังมาให้แล้ว หวังว่าทุกคนจะอ่านกันอย่างสนุกและสุขไปพร้อมหมอนะคะ ครั้งหน้าเราจะไปพบกับน้องโอบและพี่เสือ ว๊ายยย จะเป็นยังไงต้องรอติดตามกัน ติดแฮชแท็กคลินิกมารักษ์ในทสิสแล้วมาคุยกันนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-02-2018 23:13:46
ขำนีน่า....เปลี่ยนแนวซะงั้น   :ruready
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-02-2018 02:07:20
ซั่มกันแบบงงๆ เคลียร์แบบงงๆ รักแบบงงๆ งอนกันก็งงๆ แต่จบไม่งง ตกลงงงไหม หรือเรางงเอง 5555
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 25-02-2018 09:33:07
หมอโดนงาบเกือบหมดแล้ว แต่อยากรู้ฝั่งนีน่าบ้างจัง
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-02-2018 15:43:54
รู้สึกว่ารักกันง่ายไป แต่เรื่องสั้นนี่นะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-02-2018 18:40:18
รอตอนต่อไปค่า :L2:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๓. น.พ ฌชา ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: earthhhs ที่ 28-02-2018 16:09:27
อ่านเรื่องของหมอสามคือไม่ชอบเลยอะ นี่มันข่มขืนชัดๆเลยนะเพื่อนสองตัวนั้นก็เห้ออยากจะให้เลิกคบจริงๆเป็นตอนที่อ่านแล้วอยากปาโทรศัพท์ทิ้งมากโกรธแทนบาสอะ หมอสามรักบาสก็จริงแต่สิ่งที่คุณทำมันผิดคุณไม่สมควรทำแบบนั้นอะเหอะๆ อยากให้บาสเกลียดหมอสาม  :katai4: :katai4: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-03-2018 15:19:54
ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป

             ท้องฟ้าสดใสกับบรรยากาศอันชุลมุลวุ่นวายของกรุงเทพฯมันช่างเป็นภาพที่ดูเร่งรีบและดูธรรมดากับสายตาใครๆ แต่ไม่ใช่กับโอบอุ้ม เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนนักข่าวด้วยกันที่โทรมาเล่าเรื่องของคลินิกมารงมารักษ์อะไรนี่แหละ บอกว่าเป็นคลินิกแปลกๆที่เปิดรับรักษาแค่โรคทางเพศ ตอนได้ยินครั้งแรกเขาเองยังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ว่าไอคลินิกพิลึกพิลั่นนี่มันเปิดบริการได้ยังไง ไม่ผิดกฎหมายหรืออะไรเลยเหรอ แถมไอเพื่อนตัวดียังชมนักชมหนาว่าหมอหล่ออย่างนั้นหมอหล่ออย่างนี้ คนไข้ส่วนใหญ่เข้าไปกลับมาหายหมดทุกคน จนโอบอุ้มแอบสงสัยถึงวิธีการรักษาของที่นั่น และด้วยประการนี้เอง จึงทำให้โอบอุ้มคิดหนักยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของคุณอิ่มผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือที่โอบอุ้มได้ทำงานอยู่ โอบอุ้มเป็นเด็กกำพร้ามีแค่น้าอิ่มเท่านั้นที่เลี้ยงโอบอุ้มมา ที่ทำงานโอบอุ้มต้องเรียกน้าอิ่มว่าคุณอิ่มเพราะเดี๋ยวเขาจะถูกเขม่นเอา หน้าตาโอบอุ้มไม่ได้ดี กระเดียดมาทางธรรมดามองแล้วไร้ความรู้สึกที่เรียกว่าหล่อหรือน่ารัก ตอนสมัยเรียนโอบอุ้มมักจะถูกเพื่อนๆรังแก เรียกโอบอุ้มว่าตุ๊ดบ้าง เรียกว่าลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่บ้าง ทุกครั้งที่ได้ยินโอบอุ้มได้ยินก็มักจะร้องไห้กลับบ้านทุกครั้ง พอน้าอิ่มเห็นก็จะถูกดุว่าไม่ยอมสู้เขา ปากมีก็ด่าเขาไป แต่โอบอุ้มไม่ชอบว่าคนอื่นน้าอิ่มไม่เคยเข้าใจจุดนี้ โอบอุ้มจึงได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ พอเข้ามัธยมจากที่หน้าตาธรรมดามอมแมมก็ถูกฮอร์โมนหนุ่มทำให้ผิวผ่องขึ้นตาโตขึ้นปากแดงขึ้นแก้มเองก็เช่นกัน ผิวค่อนข้างขาวขึ้นเมื่อมาอยู่ในเมืองกรุงแต่ตัวโอบอุ้มก็ยังคงเล็กเช่นเดิม ดีหน่อยที่พอจะหาเพื่อนได้ไม่อย่างนั้นคงทรมานกับการไปโรงเรียนน่าดู พิมพ์พาเป็นเพื่อนที่ยอมคบโอบอุ้มทั้งๆที่ไม่มีอะไรดีเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่โอบอุ้มพูดคุยได้ทุกเรื่อง แม้ว่าตอนนี้พิมพ์พาจะแต่งงานไปแล้วก็ตามที แต่กระแสดังๆเรื่องแปลกๆที่โอบอุ้มทำสกรู๊ปก็ได้พิมพ์พาเป็นสายเสาะแสวงหามาให้จนแทบจะบูชาพิมพ์พาขึ้นหิ้ง พอจบมัธยมพิมพ์กับเขาก็สอบติดคณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำให้โอบอุ้มใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานได้เมื่อมีเพื่อนที่สนิทกันมาเรียนด้วย พิมพ์พาเป็นสาวป๊อบจนโอบอุ้มเองบางครั้งก็ถูกมองด้วยแววตาเกลียดชังจากหนุ่มที่มาขายขนมจีบให้พิมพ์พา แต่พวกนั้นไม่รู้เลยว่าพิมพ์พาคนนี้มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แฟนของพิมพ์พาเป็นหนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะวิศวะที่คบกันมาจนแต่งงานแต่งการ ดีหน่อยที่พิมพ์พาเปิดตัวพี่เขาเพราะทนไม่ได้ที่โอบอุ้มโดนรังแก พิมพ์พาคือที่สุดของคำว่าเพื่อ คือที่สุดของคำว่าครอบครัว และคือที่สุดของคำว่า ‘รัก’ แม้จะไม่มีหวังแล้วก็ตาม โอบอุ้มยินดียืนอยู่ในเฟรนด์โซนยินดีที่เป็นอยู่ตอนนี้แม้จะไม่ใช่ที่รักก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” โอบอุ้มสูดหายใจลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู

“คุณอิ่มครับ....” แม้จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เขาก็เกรงใจอยู่ดี

“อ้าว! ว่าไงเรา มีอะไรหรือเปล่า” โอบอุ้มหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าคุณอิ่มด้วยความลังเล แม้จะรู้ว่าข่าวที่พิมพ์พาให้มาไม่เคยพลาดก็เถอะ

“คุณอิ่มครับ....ผมได้ยินข่าวเรื่องคลินิกมารักษ์มา คุณอิ่มเคยได้ยินชื่อบ้างไหมครับ” คุณอิ่มกรอกตาขึ้นพยายามนึกว่าเคยได้ยินมาไหม

“อืม......เหมือนจะมีเพื่อนน้าเคยพูดถึงอยู่ เห็นว่าเป็นคลินิกที่เปิดรักษาโรคทางเพศโดยเฉพาะ........แถมหมอล่อมาก” เดี๋ยวนะ ทำไมอันหลังตาน้าอิ่มต้องเป็นประกาย

“ครับ เอ่อ ผมเลยอยากจะทำสกรู๊ปเรื่องนี้ อยากนำเสนอวิธีการรักษาของที่นั่น ได้ยินเพื่อนบอกมาว่าที่นั่นรักษาใครก็หาย” น้าอิ่มจ้องผมพร้อมกับพิงเก้าอี้จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

“เอาสิ แน่ใจนะว่าไหว” ไหวครับ อยากจะตอบแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำได้คือยืนนิ่งๆไม่พูดอะไร คนแบบผมไม่มีความมั่นใจขนาดนั้นหรอกครับ

“ถ้าไหวก็ลองทำดู น้าไม่เคยบอกเหรอว่าให้มั้นใจในตัวเองเอาไว้ ยังไงเราก็คือหลายน้า ถ้าน้าทำมันได้ เราก็ทำมันได้เหมือนกัน มั่นใจในตัวเองหน่อย”

หัวใจของเขาฟูจนแทบจะคับอก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีแบบนี้ น้าอิ่มแม้จะดุเขาบ่อยๆกับบุคลิท่าทางแต่ไม่มีสักครั้งที่จะดุด่าด้วยเรื่องไร้สาระ น้าอิ่มรักเขาเหมือนลูก เพราะน้าอิ่มไม่มีลูกเป็นของตัวเองแถมเขายังเป็นลูกแม่เอิบที่เป็นพี่สาวน้าอิ่มด้วย แม้ว่าท่านจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตามที

เขาส่งยิ้มอ่อนๆให้น้าอิ่ม มีความสุขจนเผลอยืดตัวขึ้นอย่างดีใจ น้าอิ่มมองผมด้วยสายตาวาววับ จับจ้องผมทุกส่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"พอยืนดีๆแล้วเราดูดีมานะโอบอุ้ม ต่อไปก็ยืนแบบนี้ล่ะ จะได้มีแฟนกับเขาสักที” เขาเขินอายใบหน้าแดงก่ำเพราะเห็นมาตลอดกับสายตาแบบนี้ น้าอิ่มจะมองด้วยสายตาแบบนี้กับคนที่ดูดีถูกใจ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่น้าอิ่มมองเขา และแน่นอนว่าโอบอุ้ม ชอบมาก!!





‘สรุปแล้ว มึงจะไปขอสัมภาษณ์หมอที่คลินิกมารักษ์?’

“ใช่ ว่าจะทำสกรู๊ปเรื่องนี้ ก็มึงบอกว่าเขารักษาหายทุกคนไม่ใช่เหรอวะ เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเผยแพร่ให้โลกรู้ดิ” โอบอุ้มส่งเสียงผ่านโทรศัพท์เครื่องสวย บอกเพื่อนด้วยความมั่นใจ

‘เฮ้อออ......ไอโอบ มึงไม่รู้ใช่ไหมว่า คลินิกนี้เขามีกฎห้ามเปิดเผยข้อมูลการรักษา’ โอบอุ้มขมวดคิ้วนึกสงสัยทำไมจะต้องหวงวิธีขนาดนั้น

“กูจะลองคุยกับหมอดู เผื่อว่าเขาจะยอมให้กูสัมภาษณ์ลงหนังสือ” แม้เขาจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่เท่าที่พบเจอมาหลายๆคนที่ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยพอได้รู้ว่าเขาจะเอาไปลงหนังสือก็ยอมกันทั้งนั้น ชื่อเสียง.....ใครเล่าจะไม่ต้องการ

‘เอาเถอะ แต่อย่าไปมีเรื่องอะไรล่ะ’ เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อปลายสายพูดออกมาอย่างห่วงใย พิมพ์พาก็ยังเป็นพิมพ์พา น่ารักเสมอไม่เคยเปลี่ยน

“คร๊าบๆ” โอบอุ้มยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า

‘พิมพ์ครับ ไปกันเลยไหม / ค่า ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่า’ เขาชะงักรอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง

‘ไอโอบ กูไปก่อนนะ ไว้กูจะโทรหาไหม’

“อ้าว!! มึงไม่ได้จะไปคลินิกกับกูเหรอ” อะไรกัน แล้วเขาจะกล้าไปที่แบบนั้นคนเดียวได้ยังไง

‘โทษทีวะ กูต้องบินไปแอลเอกับพี่คีย์วันนี้ ไว้กลับมากูจะชดเชยให้นะ’ แม้จะอยากห้ามแต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่ส่งเสียงสดใสกลับไป

“เฮ้ย!! ไม่เป็นไร มึงไปเถอะ เดี๋ยวกูจะลองไปคุยกับทางคลินิกดูเอง สบายมาก” เจ็บจี๊ด ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วแต่ใจมันไม่รักดี เจ็บทุกทีที่เขาอยู่ด้วยกัน

‘ถ้างั้น เดี๋ยวไว้กูซื้อของมาฝาก แค่นี้ก่อนนะมึง บาย’

“บาย รีบกลับมานะ กูคิดถึง” มันก็แค่เสียงของเขาที่แผ่วเบาไปตามสายลม ไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะได้ยิน พิมพ์พาวางไปแล้ว เขาเองต่างหากที่ยังยืนถือโทรศัพท์แนบไว้ที่หูไม่ยอมเลิกรา สายตาทอดยาวไร้จุดหมาย หวนนึกถึงวันเก่าๆที่เราเคยมีด้วยกัน

“หยุดๆไอโอบอุ้ม ต้องทำงานๆ” มือของเขาถูกใช้ตบแก้มเรียกสติอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บๆชาๆที่บริเวณผิวแก้ม ซึ่งป่านนี้คงแดงเป็นปื้นไปแล้ว



เขาเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกระยะทางเพื่อเข้าไปหาตัวคลินิก รอบด้านเต็มไปด้วยบ้านเรือน ผู้คนทำมาหากินเรียงรายไปตามฟุตบาท เขามองแล้วก็ดูไม่แปลกไปจากที่อื่นๆ รถราก็เข้าออกอย่างง่ายดายไม่ลำบากอะไร พอเดินมาถึงคลินิกสิ่งแรงที่โอบอุ้มเห็นคือลานจอดรถขนาดใหญ่ จนโอบอุ้มต้องหันมองป้ายอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าใช่ไหม กลัวเหลือเกินว่าตนเองจะเดินหลงมาไกล แต่ป้ายก็ยืนยันได้ดีว่าที่นี่คือคลินิกมารักษ์ เป็นคลินิกจำเป็นต้องมีลานจอดรถใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ โอบอุ้มตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน

โอ้ แม่ เจ้า!!!!!

ลานจอดที่ว่าใหญ่ยังไม่เท่ากับจำนวนคนที่มานั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจเลย แถมแต่ละคนก็ใช่ว่าจะป่วยหนักหนาอะไร ส่วนใหญ่ก็นั่งแต่งหน้าทาปากจัดทรงผมให้ดูดี เพื่ออะไร อย่าถามเขาเลย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ให้ช่วยอะไรไหมคะ” อาจจะเพราะเขายืนอึ้งอยู่นานพอถูกทักก็ตกใจสะดุ้งโหยงจนคนทักหัวเราะน้อยๆ

“เอ่อ คือผมมา เอ่อ ติดต่อ อ่า..” พูดสิวะไอโอบ พูดสิ ลืมที่น้าอิ่มบอกมึงเหรอ มึงต้องทำได้

“คะ??” คนสวยตรงหน้ามองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ กับอาการอึกอักพูดไม่ออกของเขา

“คือ เอ่อ คือผม อยากจะขอพบ คุณหมอเจ้าของคบินิกนี้น่ะครับ” เธอทำหน้าไม่เข้าใจในคำพูดโอบอุ้ม หรือว่าเขาพูดอะไรผิด

“ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” อา นั้นสินะ การขอพบแพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิก ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรคนทั่วไปก็คงไม่ขอพบสินะ

“เอ่อ ครับ ผมมีเรื่องที่จะต้องคุยกับคุณหมอเจ้าของคลินิกโดยตรงครับ เอ่อ นี่ นามบัตรของผมครับ” เธอรับนามบัตรที่เขาส่งให้ไปดู ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นราวกับถามว่า เอาจริงหรือ

“ค่ะ ถ้างั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวขอดิฉันโทรถามคุณหมอก่อนนะคะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” เธอยิ้มรับก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปยังคุณหมอ โอบอุ้มกวาดสายตามองไปรอบๆตัวคลินิกอย่างชื่นชม ความสะดวกสบายดีเยี่ยม รสนิยมการตกแต่งก็สุดยอด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคลินิกที่รักษาคนไข้จะมีลักษณะแบบนี้ โอบอุ้มจับจ้องไปยังห้องตรวจต่างๆซึ่งมีเหล่าผู้ป่วยนั่งรอคิวกันอยู่มากมาย ทั้งสาวน้อยและหนุ่มน้อยต่างก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ แต่แปลก........บรรยากาศหน้าห้องกลับดูไม่ชวนเดินไปใกล้เลยสักนิด ราวกับบรรยากาศก่อนจะเกิดสงคราม ให้ตายเขาก็ไม่มีทางเดินไปตรงนั้นแน่ๆ

“เอ่อ คุณคะ คุณ”

“อ๊ะ!! ครับ!! ขอโทษนะครับผมมัวแต่เหม่อไปหน่อย” เขาเกาหัวด้วยความเขินอายจนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตรงหน้าได้

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณหมออธิปจะออกมาพบคุณนะคะเพราะคุณหมอท่านอื่นไม่ว่างเลย” โอบอุ้มพยักหน้าตาวาวด้วยความดีใจ

“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่ได้คุยกับคุณหมอ ท่านไหนผมก็ไม่มีปัญหาครับ” เขาชวนเธอคุยอีกเล็กน้อยระหว่างที่ยืนรอคุณหมออธิปของเธอออกมาพบ เธอเป็นคนสวย ชื่อสาวและดูเธอเอ็นดูเขาอย่างไม่น่าเชื่อ โอบอุ้มชอบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคุณสาวเพราะมันทำให้โลกสดใสไปทันตา แค่เธอยิ้มทุกๆอย่างรอบๆตัวก็น่าดูไปหมด โอบอุ้มเชื่อเลยว่าถ้าหากน้าอิ่มเห็นคุณสาว น้าอิ่มต้องมองด้วยสายตาชื่นชมแน่ๆ

“อ้าว!!......คุณหมอ มาแล้วเหรอคะ” โอบอุ้มหันไปมองข้างหลังตามสายตาของคุณสาวที่มองไปและเอ่ยทัก แล้วโอบอุ้มก็ต้องตะลึง เมื่อบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ช่างดูหล่อเหลาจนตัวโอบอุ้มเองสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่เคยเห็นใครหล่อเท่าเขาคนนี้มาก่อน

“สวัสดีครับ ได้ยินว่าคุณต้องการพบหมอเจ้าของคลินิก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” โอบอุ้มได้สติเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยทักทายขึ้นมา ใบหน้าต้องแดงซ่านเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป

“ครับ คือผมอยากรบกวนขอ เอ่อ สัมภาษณ์คุณหมอหน่อยได้ไหมครับ” หมอเลิกคิ้วมองหน้าผม ไม่รู้ทำไม แต่เขาแทบจะถอยหลังเมื่อสบสายตาคู่นั้น อะไรกัน ทำไมถึงมองเขาแบบนั้น ทั้งชีวิตไม่เคยถูกใครมองแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขา......กลัว โอบอุ้มจึงไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของหมอ

“สัมภาษณ์ผมเรื่องอะไรครับ?”

“เอ่อ....เกี่ยวกับ เรื่องการรัษาของที่นี่ หรือวิธีรักษาให้คนไข้ส่วนใหญ่ของพวกคุณ เอ่อ หายดี” นี่เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่ารอยยิ้มเทพบุตรบนใบหน้าของคุณหมออธิป มันดูแปลกๆชอบกล

“หือ?? คงไม่ได้หรอกครับ ที่นี่มีกฎห้ามให้ข้อมูลการรักษากับคนภายนอก”

ให้ข้อมูลกับคนภายนอกไม่ได้ หมายความว่า.....

“งั้นถ้าผมเป็นคนไข้ที่นี่ ก็จะสามารถรู้ข้อมูลการรักษาได้ใช่ไหมครับ” โอบอุ้มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนถูกอีกคนมองด้วยแววตาเอ็นดู

“ก็.........คงใช่..........ครับ” หมอยกยิ้มอย่างถูกใจเมื่อได้ยินโอบอุ้มพูดเช่นนั้น สาวมองการสนทนาของโอบอุ้มกับหมอด้วยรอยยิ้ม โอบอุ้มจะรู้ไหมหนอว่ากำลังติดกับดักของหมอเสือเข้าอย่างจัง โอบอุ้มเอ้ย จะน่าเอ็นดูอะไรขนาดนี้นะ

“ยังไงผมว่าคุณ.....” หมออธิปลากเสียงเพื่อจะถามชื่อ โอบอุ้มแทบจะตบหัวตัวเองที่ลืมแนะนำตัวก่อนการสนทนาจะเริ่มขึ้น

“ขอโทษครับ ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อโอบอุ้มครับ มาจากหนังสือ......ครับ” รอยยิ้มของหมอยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ยิ่งแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับหมอแบบนี้ โอบอุ้มยิ่งรับรู้ถึงอันตรายที่สัญชาตญาณร้องเตือน ทำไมหมอมองเขาแบบนั้นนะ มองแบบนั้นโอบอุ้มกลัว

“เอ่อ......ถ้ายังไง.....วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” วันนี้ขอตัวกลับก่อน แค่ได้ยินมันก็ทำให้เขาเผลอตัวกระตุกริมฝีปากขึ้นกับท่าทางหวาดกลัวราวกับลูกแมวแบบนั้น ก็ได้ ในเมื่อวันนี้กลับก่อน เขาก็จะปล่อยให้ออกไปก่อน

“ครับผม.......แต่ถ้าอยากเป็นคนไข้.......ผมประจำห้องตรวจที่สี่นะครับ”

“อะ เอ่อ ครับ งะ งั้นผมลาก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณสาว สวัสดีครับคุณหมอ” โอบอุ้มยกมือขึ้นไหว้ลาทั้งสองก่อนที่จะสาวท้าวออกจากคลินิกอย่างเร่งรีบจนเรียกเสียงหัวเราะจากสาวได้อย่างดี กลัวจนลนลานแบบนั้น จะไหวไหมนั่น แต่อย่างว่าล่ะ ใครเห็นสายตาจ้องจะจับตัวเองกินก็คงลนลานเหมือนกัน แสดงออกมานอกหน้า เหยื่อจะยอมให้กินเหรอคะคุณหมอ

“คุณสาวครับ”

“คะหมอ” แม้เขาจะเรียกอีกคนแจ่สายตาของหมออธิปไม่ได้ละออกจากประตูที่โอบอุ้มเพิ่งจะเดินออกไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มกับแววตาของเขามันมักจะปิดไม่มิดเมื่อเจอคนที่ถูกใจ

“ถ้าเขามาในฐานะคนไข้เมื่อไหร่......ให้ประจำห้องสี่นะครับ” สาวได้แต่ยิ้มล้อเลียนพลันเอ่ยถามอย่างที่ใจคิด

“เขาจะมาอีกเหรอคะหมอ ก็หมอเล่นจะจับเขากินจนออกนอกหน้าแบบนั้น” เห็นไหมบอกแล้วว่าเขามีปัญหา เก็บอาการทางสีหน้าและแววตาไม่ค่อยได้เวลาเจอคนถูกใจ และบังเอิญว่า.....โอบอุ้มดันถูกใจเขาสุดๆเสียด้วยสิ

“มาสิครับ.......เขาอยากได้ข้อมูลจากที่นี่.......เขาต้องมาแน่ครับ” หมออธิปพูดอย่ามั่นใจ ต้องมาแน่ อย่างโอบอุ้ม......ต้องมาอีกแน่ๆ

        โอบอุ้มเดินไปเดินมาอย่างคิดหนัก ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่นั่นอีกครั้งดีไหม ข้อมูลโอบอุ้มก็อยากได้อยู่หรอก แต่ปัญหาคือเขากลัวหมออธิปนี่สิ ขนาดยืนเผชิญหน้ากันวันก่อน ตัวโอบอุ้มยังสั่นไปด้วยความกลัว ถ้าหากไปเจออีกครั้ง เขาได้ร้องไห้ออกมาเป็นเด็กแน่ๆ ทำไงดีนะ ไม่อยากไปเลยสักนิด ถ้ามีวิธีอื่นก็คงดี วิธีที่คิดออกคือลองสอบถามจากคนไข้ของคลินิกมารักษ์ แต่ผลปรากฏว่า ทุกคนไม่ยอมเอ่ยถึง ไม่ยอมเปิดเผยวิธีการรักษาเลยสักคน มันทำให้เขาต้องมากุมขมับเคร่งเครียดและอับจนหนทาง
“เหมออะไรของเราน่ะโอบ” โอบอุ้มหันไปมองน้าอิ่มที่เดินเข้ามาในตัวห้องนอนของเขาโดยที้ขาไม่รู้ตัวเลย สงสัยจะเหม่อลอยจนลืมสังเกต

“ผมไปลองสัมภาษณ์คนไข้ของคลินิกมาน่ะครับ”

“เหรอ.....แล้วเป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลไหม” เขาได้แต่ถอนหายใจ

“ไม่เลยครับน้าอิ่ม ทุกคนไม่มีใครยอมพูดสักคน” เขาแปลกใจมากเมื่อเล่าไปแล้วสีหน้าของน้าอิ่มกลับไม่มีแววตาหรือความแปลกใจที่ฉายบนสีหน้าสักนิด

“อ่า.......จริงๆน้าก็เคยได้ยินมา ว่าถ้าเซ็นสัญญาทางคลินิกแล้วเกิดเอาเรื่องการรักษาไปพูด จะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนสิบล้านบาท”

“...!!!” มิน่าล่ะ ถึงไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย

“แต่น้าคิดว่า.......ที่ไม่ยอมพูดอะไรกัน เพราะกลัวจะไม่ได้ไปเจอหมออีกมากกว่า”

“ทำไมล่ะครับ” ทำไมถึงอยากเจอกันขนาดนั้น ทั้งที่หมอก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากคนอื่น โอเค......หมออาจจะหล่อกว่าคนอื่น แต่ก็แค่นั้น

“หึหึ.......ไม่รู้สิ แต่ก็คงไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองถูกตัดออกจากการได้พบบรรดาหมอหล่อๆจากที่นั่นหรอก แต่ถ้าอยากจะรู้ชัดๆ มันก็ต้องลองด้วยตัวเอง” ลองด้วยตัวเองเหรอ น้าอิ่มทิ้งท้ายเอาไว้ให้เขาคิดและเขาเองก็จบอยู่กับความคิดโดยที่ไม่รู้เลยว่าน้าอิ่มเดินกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าโอบอุ้มจะรู้สึกตัวน้าอิ่มก็หายไปจากข้างๆตัวเองเสียแล้ว

โอมอุ้มพยายามเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยายามบลในอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่พบสิ่งเกี่ยวข้อนอกจากกระทู้จากพื้นที่สีน้ำเงินที่มีหลายๆคนตั้งขึ้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความหล่อเหลาของหมอทุกท่าน ซึ่งโอบอุ้มเองยังแปลกใจที่บางกระทู้เป็นผู้ชายเหมือนกับเขาที่ตั้งมันขึ้นมา โดยหัวกระทู้จั่วขึ้นว่า บรรดาเทพบุตรสุดหล่อแห่งคฤหาสน์มารักษ์ บอกเล่าถึงความหล่อวัวหายควายล้ม หล่อจนกระชากมดลูกทิ้งแทบจะแดดิ้นไปแห_ขาให้ พระเจ้า อ่านเองยังขนลุกเลย นี่ถ้าบรรดาหมอๆมาอ่าน ไม่รีบปิดคลินิกหนีหรือ โอบอุ้มได้แต่ส่ายหน้ากับความเลอะเทอะของคนพวกนี้ ไม่ไหว วันๆคุยแต่กับเรื่องผู้ชาย โอบอุ้มกดย้อนกลับไปยังหน้าค้นหาเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เจาพยายามนึกว่าจะค้นอะไรเกี่ยวกับคลินิกมารักษ์ดี สมองนึกคิด แต่มือเจ้ากรรมกลับกดแป้นพิมพ์ไปเอง

    น.พ อธิป แห่งคลินิกมากรัษ์ เสิร์ช!!
บ้าจริง!! พอรู้ตัวอีกทีมือเจ้ากรรมกลับกดEnterไปเสียแล้ว มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบเท่านั้น โอบอุ้มได้แต่บอกตัวเองไปแบบนั้น ใครจะบ้าคนหาชื่อผู้ชายคนนี้กัน ไม่สิ!! มันต้องเป็นเพราะเขาเป็นหมอของที่นั่น ใช่!! ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นโอบอุ้มก็เบาใจ ตัดสินใจดูผลจากการค้นหา ซึ่งมีเพียงแค่รูปหมอเสียส่วนใหญ่ สุดท้ายเลื่อนไปเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลยสักนิด โอบอุ้มได้แต่ถอนหายใจ มันคงหนีไม่พ้นการที่เขาต้องเข้าไปเป็นคนไข้ของที่นั่นแล้วล่ะ



            แล้วเขาก็มาที่นี่อีกครั้งจนได้..........ทั้งๆที่คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าจะไม่กลับมา แต่สุดท้ายความอยากรู้มันก็ทำให้เขาอดทนไม่ไหว ต้องกล้ำกลืนฝืนใจกลับมาอีก แต่พอโอบอุ้มได้มายืนอยู่หน้าคลินิก ขามันก็สั่น ร่างกายก็อ่อนแรงไปเสียดื้อๆ จะก้าวขาเข้าไปก็ชะงักไอขาไม่รักดีก็ดันถอยห่างเสียอย่างนั้นแทนที่จะเดินเข้าไป เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สูดลมหายใจลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง เอาวะ มาถึงนี่แล้ว ต้องลองสักตั้ง!!

โอบอุ้มตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไป มือบางผลักประตูออกให้เปิดกว้างสอดส่องสายตาไปจนพบร่างของคุณสาวยืนยิ้มรับอยู่ที่จุดเดิมเหมือนคราวก่อน โอบอุ้มยิ้มให้คุณสาวก่อนจะเดินเข้าไปใหล้ร่างของเธออย่างช้าๆ เธอยังคงยิ้มสดใสและฉายแววความสวยออกมาเช่นเคย น่าหลงใหลจริงๆ

“สวัสดีค่ะคุณโอบอุ้ม วันนี้มาทำอะไรคะเนี่ย” คำทักทายธรรมดาแท้ๆ แต่โอบอุ้มกลับรู้สึกแพ้รอยยิ้มของเธอจนหน้าร้อนผ่าวและยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อ

“เอ่อ ผมว่าจะมา ขอเป็นคนไข้ของที่นี่ครับ” บ้าจริง โอบอุ้มรู้สึกอยากจะตบปากตัวเองที่ดันพูดอะไรแบบนั้นออกไป มาขอเป็นคนไข้ คนสติดีที่ไหนเขาทำกัน

“คิกๆ อย่างนี้เอง จะมาทดลองเป็นคนไข้สินะคะ แล้วจะลงห้องไหนละคะ” เอ.....ห้องไหนนะ

‘ครับผม.......แต่ถ้าอยากเป็นคนไข้.......ผมประจำห้องตรวจที่สี่นะครับ’

“เอาห้องที่หนึ่งครับ!!” น้ำเสียงที่ตอบออกไปอย่างมั่นใจทำให้คุณสาวถึงกับต้องกลั้นขำ

“ไม่ได้หรอกค่ะ คิวห้องหนึ่งยาวไปจนถึงปีหน้าโน้นนนนนนนนนเลยนะคะ” ครับ ยาวจริงๆ เสียงของคุณสาวนี่แหละครับที่ยาว

“งั้นห้องสอง”

“ติดเมียค่ะ หมอไม่ค่อยเข้า”

“เอ่อ ห้อง ห้องสาม” เขาต่อรอง

“หมอลาไปฮันนีมูลค่ะ”

“เอ่อ ห้องห้า”

“ปิดค่ะ กำลังตามจีบแฟน” อะไรอ่ะ ไม่ว่างเลยสักห้อง

“โอ้ย!!! แล้วมีห้องไหนว่างละครับเนี่ย” โอบอุ้มยืนขยี้หัวตัวเองอย่างแรงดเวยความหวุดหงิด เดี๋ยวห้องโน้นก็เต็ม ห้องนี้ก็ไม่ว่าง ห้องนั่นก็ปิด แล้วจะเปิดคลินอกกันไว้ทำไมครับ!!!

“ห้องที่ว่างเหรอคะ เอ....... อ๋อ ห้องสี่ค่ะ!! ว่างพอดี ว่างย๊าวยาว” รอยยิ้มหวานกับน้ำเสียงที่สูงเกินปกติทำเอาโอบอุ้มคิ้วกระตุกเตือน คงไม่ใช่วางแผนกันไว้หรอกนะ โอบอุ้มถึงจะโง่ แต่ก็เชื่อนะครับ เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของโอบอุ้ม คุณสาวจึงหยิบสมุดตารางเวลาให้เขาดู

“เช็คได้นะคะ ถ้าไม่เชื่อใจ” น้ำเสียงอ่อนๆกับสายตาเว้าวอนคืออะไร คนอย่างโอบอุ้มกล้าดูไหม!! ก็ไม่กล้า!! ได้แต่ทำหน้ารู้สึกผิดที่ไม่เชื่อใจเธอ แกมันเลวจริงๆเลยโอบอุ้ม สงสัยผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

“ไม่ครับ ผมเชื่อคุณสาว ขอโทษด้วยนะครับถ้าแสดงท่าทีให้เข้าใจผิดว่าไม่เชื่อใจ”

“ไม่หรอกค่า แล้วคุณโอบจะเข้าไปพบหมอวันนี้เลยไหมคะ หมอว่างพอดี จะได้คุยเรื่องการตรวจด้วย” หือ.....หูผมกระดิกพยักหน้ารับแทบจะทันทีที่ได้ยินว่าคัยเรื่องการตรวจ คุยเรื่องการตรวจ=ข้อมูล เยี่ยม!! คิดถูกจริงๆที่ยอมมาเป็นคนไข้ของที่นี่

“ถ้างั้น......เชิญทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวสาวจะพาไปห้องตรวจที่สี่เองนะคะ”

ผมเดินตามหลังคุณสาว เราสองคนเดินผ่านห้องต่างๆที่สลับฝั่งกันไปมา ยิ่งเดินผ่านคนยิ่งมากเหลือเกิน แต่ทุกคนที่มานั่งรอกลับไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย แถมยังแต่งองทรงเครื่องมาพร้อมจนผมไม่แน่ใจว่าคนพวกนี้มารักษาจริงๆหรือเปล่า พอเห็นการแต่งตัวของคนอื่นๆแล้ว ผมอดก้มลงมองสภาพตัวเองไม่ได้ กางเกงแสลคดำกับเสื้อยืดเก่าๆที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ก็แหม....นี่มันเสื้อตัวโปรดของเขานี่ แม้ว่าตอนนี้มันจะหดลงจนเล็กและคับแนบตัวก็ตามที แต่เขาไม่ทิ้งหรอก ก็เป็นเสื้อที่พิมพ์พาพาเขาไปซื้อทั้งที คุณสาวหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องตรวจหมายเลขสี่ ไม่ยอมเคาะประตูจนเขาคิดจะไปนั่งรอคิวเหมือนคนอื่นๆ ถ้าไม่มีเสียงดังลอดออกมา.....








ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-03-2018 15:30:30
ต่อค่า


“อ๊ะ หมอขา ตรงนั้น จีจี้ชอบ”

เสียงอะไร?? นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจจนชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน

“ซี๊ด หมอ หมอดูดเก่งจัง อูย จี้จะเสร็จแล้ว โอ๊ย หมอออ อ๊ายยย”

เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ดูด ดูดอะไร!! แล้วเสียงเมื่อกี้มันผู้ ผู้ชายไม่ใช่เหรอ!!!

คุณสาวหันมานิ้มแหยๆให้เขา ที่ตอนนี้ยืนตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่ ซึ่งตัวเขาเองมั่นใจเลยว่า ไม่ใช่สั่นสู้แน่ๆ อยากกลับบ้าน น้าอิ่ม โอบอยากกลับบ้าน ฮืออออออ

แกรก........

ไม่ต้องเคาะให้เสียเวลาเมื่อตอนนี้ประตูถูกมือหนาของหมอเสือเปิดอ้าออกจนเห็นภายใน ผู้ชายคนนั้น คนที่ส่งเสียงร้อง นะ นะ น่ารักอ่ะ!! ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหน้าหวานเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ เรียวขาขาว ยาวสูง ผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายเมื่อต้องแสงไฟ ริมฝีปากแดงเจ่อ กับแก้มแดงๆนั่น มันดูลงตัวเมื่อมีดวงตากลมโตประดับอยู่บนใบหน้าด้วย โอ้ย!! โอบอุ้มใจเต้นกับผู้ชาย!!

“อ้าว....คุณสาว ว่าไงครับ” เขากำลังจะเดินออกมา ทำไงดี ทำตัวยังไงดี

“คนไข้คนใหม่ของคัณหมอค่ะ สาวพามาให้แล้ว” อื้อหือ เลียปสกแบบนั้น โอบอุ้มจะละลายแล้ว

“อ่า ครับ ผมเสร็จพอดี คุณโอบอุ้มเชิญด้านในครับ” สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างผอมบางภายใน ใจเต้นดังจนแทบจะทะลุออกมา อยากเดินเข้าไปหาแล้วทำความรู้จัก ถ้าไม่ติดว่า.......

“งั้นจี้ไปก่อนนะครับ แล้วจะมาตรวจใหม่”

จุ้บ!!

อิจฉา!!! ริมฝีปากแดงๆเจ่อๆนั่นกดลงบนแก้มหมอต่อหน้าต่อตาเขา อยากได้บ้าง คนอะไรน่ารักขนาดนี้ ขนาดตอนเดินผ่านยังอุส่าส่งยิ้มหวานให้เขาด้วย น่ารัก!!! จะน่ารักเกินไปแล้ว!!!!

“อะแฮ่มๆ”

“อ๊ะ เอ่อ ขอ ขอโทษครับ” โอบอุ้มก้มหน้าหลบสายตาอย่างเขินอาย เมื่อเขาเอาแต่มองคนที่จากไปไม่วางตา

“ครับ เชิญ” หมะ หมอโกรธล่ะ เขาทำให้หมอโกรธ โอบอุ้มเดินตามคนที่ทำหน้าบึ้งเข้าไปข้างในโดยมีอีกฝ่ายยืนรอเพื่อปิดประตูห้อง ภายในมีโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงเตียงที่ใหญ่มาก!!! ผ้าปูดูยับยู่ยี่จนไม่ต้องถามเลยว่าเป็นเพราะอะไร

“เชิญนั่งครับ”

นั่งเหรอ ตรงไหนล่ะ เขาหันซ้ายหันขวาหาเก้าอี้แต่ไม่เจอเลยสักตัว

“นั่งเถอะครับ บนเตียงนั่นล่ะ” โอบอุ้มสะดุ้งโหยง แอบตกใจเบาๆเมื่อได้ยินเหมือนหมอจะเน้นคำว่าบนเตียงเกินจำเป็น ยิ่งวันนี้หมอดูแผ่รังสีฆ่าฟันออกมา โอบอุ้มไม่อยากอยู่ใกล้ๆเลย

“คะ ครับ” หรือหมอจะโกรธที่โอบอุ้มแอบมองแฟนหมอนานเกินไป แน่เลย ไอโอบนะไอโอบ ไม่น่าเลยมึง

“หมอครับ คือผม....// คุณมาทำอะไร....”

“เอ่อ หมะ หมอพูดก่อนเลยครับ” หมอเสือพยักหน้าเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ

“คุณมาทำอะไรครับ คุณโอบอุ้ม”

“มา เอ่อ มาเป็นคนไข้ครับ” โอบอุ้มเห็นหมอแอบยกยิ้มเล็กน้อยจนนึกสงสัยว่ามีอะไรน่าขำกันนะ

“ตัดสินใจดีแล้วสินะครับ......ตอนนี้” เอ่อ ตัดสินใจดีหรือยังไม่รู้ แต่ตอนนี้อยากเปลี่ยนใจแล้วอ่ะ หมอหน้าตาไม่น่าไว้ใจเลย งื้อออออ

“ปะ เปลี่ยนใจ ทะ ทันไหมครับ” ปากหนอปาก อยากจะได้ข้อมูลแต่ใจมันดันไม่กล้า

“คงไม่ทันแล้วครับ เมื่อก้าวเข้าห้องตรวจมา หมายความว่าคุณโอบอุ้มเป็นคนไข้ของผม” ว่าแล้วเชียว โอบอุ้มได้แต่ถอนหายใจ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะมาเอง เอาวะ ท่องไว้ เพื่อโลก!! เพื่อโลก!! เพื่อโลก!!!!!

“คุณโอบอุ้มเคยทราบข่าวเรื่องที่นี่จากที่ไหนมาบ้างครับ” เอ๊ะ ถามแบบนี้ เขาจะตอบยังไงละเนี่ย

“เอ่อ อิน อินเตอร์เน็ตครับ ละ แล้ว แล้วก็ เพื่อนผมเขาเล่าให้ฟัง” ถึงส่วนใหญ่มันจะแค่กรี๊ดหมอ และบอกแค่ว่าหมอหล่อก็เถอะ

“อ๋อ.......ทราบจากบุคคลที่สาม”

“ครับ” เขาพยักหน้ารับ มองหมอด้วยแววตาซื่อๆ

“แล้วทราบไหมครับ ว่าที่นี่มีการเซ็นสัญญาก่อนการรักษา”

กึก!! เขาชะงักเลย ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้อยู่แล้วเลยทำได้เพียงแค่หลบสายตาคม ไม่อยากเซ็นสัญญา เพราะในสัญญาระบุว่าห้ามเผยแพร่การรักษา แล้วแบบนี้โอบอุ้มต้องทำยังไง เสียค่ารักษา ยอมมาเป็นคนไข้ เพื่อให้ได้ข้อมูลไปทำสกรู๊ป แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็เสียเวลาเปล่านะสิ โอบอุ้มได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ แต่หมอเสือกลับยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นท่าทีที่แสดงออกมาทางใบหน้าขอโอบอุ้ม ไม่อยากเซ็นสัญญาสินะ ได้สิครับ เดี๋ยวพี่เสือจะช่วยน้องโอบเอง

“แต่เราก็มีวิธีเลี่ยงการเซ็นสัญญาอยู่นะครับ”

พรึบ!! ใบหน้าของโอบอุ้มเงยขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงสวรรค์ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเล็กจนทำให้หมอเสือชะงักค้างไปเล็กน้อย จู่โจมกันด้วยรอยยิ้มแบบนี้ อัตรายเกินไปแล้ว เกือบไปแล้วไอเสือ เกือบขยับเข้าไปจับน้องกินแล้วไหมล่ะ

“เอายังไงครับ จะเซ็นสัญญา หรือว่าจะเลี่ยงดี”

“เลี่ยงครับ!!” โอบอุ้มตอบโดยที่ไม่ต้องคิดให้มากมายอะไร อย่างหลังมันเอื้อประโยชน์กับเขาเห็นๆ ในใจของโอบอุ้มตื่นเต้นจนลิงโลดโดยไม่รู้เลยว่า แววตาของหมอนั้น.......ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้

“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้น หมอขอเบอร์โทรของคัณโอบด้วยนะครับ”

“ครับหมอ ได้เลยครับ” เพราะมีความสุข จะขออะไรโอบอุ้มก็ให้ทั้งนั้น หมอยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดมาตรงหน้าของเขา และเขาก็รับมันมา

“เอ่อ หมอครับ ช่วยปลดล็อคให้ผมหน่อยครับ”

“รหัส 090632 ครับ” อ่ะ อ่า ปกติเขาให้รหัสผ่านกับคนแปลกหน้าด้วยเหรอ แต่โอบอุ้มก็คือโอบอุ้ม ผู้ไม่คิดมากอะไรกับเรื่องพวกนี้ มือบางจิ้มหมายเลขตามที่หมอบอก หย้าจอถูกปลดล็อคจนทำให้สามารถกดเข้าไปที่การโทรได้ เขาใส่หมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองลงไปก่อนจะยืนมันคืนให้หมอ

“เรียบร้อยแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น วันนี้คุณโอบอุ้มกลับได้เลยครับ ยังไงผมจะติดต่อไปอีกที ว่าจะรัดกันที่ไหน” หือ.....นัดไปไหนกัน โอบอุ้มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หมอจะไปไหน ทำไมต้องนัดเขา

“ไปไหนอะไรครับ??”

“ก็การตรวจไงครับ จะเลี่ยงสัญญา คุณต้องตรวจกับผมนอกสถานที่เท่านั้นนะครับ” อะ อ้าว อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ

“อ๋อ โอเคครับ ถ้างั้น หมอโทรมานัดผมล่วงหน้านะครับ ผมจะได้เคลียร์งานไว้” หมอเสือส่งยิ้มใจดีให้ทำให้เขาเบาใจไปได้หน่อย

“งั้น......ผมกลับก่อนนะครับหมอ สวัสดีครับ”

“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”

ผมยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อกี้เหมือนเห็นหมอทำตาวิบวับ หรือเจาจะคิดไปเอง ช่างเถอะ โอบอุ้มเลิกสนใจในเรื่องนั้น เขาเดินผ่านคุณสาวกล่าวลาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากคลินิกไป ในที่สุดก็สำเร็จ อีกนิดเดียวก็จะได้เขียนสกรู๊ปเรื่องนี้แล้ว ไม่ต้องเซ็นสัญญา ก็หมายความว่าเขาไม่ผิด ใครว่าหมอของคลินิกมารักษ์เจ้าเล่ห์กัน หมอเสือออกจะใจดี เข้าใจหัวอกของคนที่ทำงาน ถึงขนาดหาวิธีให้เขาไม่ต้องเซ็นสัญญานั่น หึหึ โลกเอ๋ย ต่อจากนี้จะต้องจดจำชื่อของโอบอุ้มเอาไว้ให้ดีๆล่ะ




      โอบอุ้มนั่งเซ็งอยู่นอกบ้าน นี่ก็สามวันแล้วนะ ทำไมหมอยังไม่โทรมาอีกล่ะ คอยแล้วคอยเล่า คอยจนเผลอหลับไปทุกคืน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหมอจะติดต่อมา หรือหมอจะลืม โธ่......รู้แบบนี้เขาขอเบอร์หมอไว้ก็ดีหรอก ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งเซ็ง ได้แต่มองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น มือก็กดปลดล็อคสลับกับล็อคไปมาอย่างเบื่อหน่าย
~ ฮู ฮู้ว ฮา ฮ๊า ฮืมมม ~

“ฮะ ฮัลโหล”

‘สวัสดีครับ โอบอุ้มใช่ไหม’

“อ๊ะ ใช่ครับ” เสียงคุ้นจัง

‘ผมเองนะ หมอเสือ’ หมอเสือ!!!

“คะ ครับๆ” ทำตัวไม่ถูกเลย เขาตื่นเต้นมากๆ ทั้งๆที่ตัวเองรออยู่แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก

‘ผมมีปัญหานิดหน่อย ที่อยากจะถามคุณให้เคลียร์’ ถามเหรอ? โอบอุ้มได้แต่สงสัย อะไรกันนะที่หมออยากจะถาม

“ครับหมอ ถามได้เลยครับ”

‘อา.....คุณพร้อมและต้องการที่จะรับรู้การตรวจและการรักษาของคลินิกเราใช่ไหมครับ’

“ครับผม” นึกว่าหมอจะถามอะไรเสียอีก

‘แน่ใจนะครับ เพราะมันมีบางอย่าที่คุณต้องทำก่อนจะมาตรวจและรักษากับผม’

“มันคืออะไรเหรอครับ” เสียงถอนหายใจจากปลายสายเริ่มทำให้เขารู้สึกกังวล

‘ถ้าคุณมั่นใจ ก็......’

ก็??? ก็อะไรล่ะ โอบอุ้มนึกรอคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นจนแทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปหลายรอบแล้วด้วย

‘เอ่อ เอาเป็นว่า วันพรุ่งนี้ รบกวนคุณมาหาผมที่บ้านนะครับ เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ไปให้ทาง SMS’

“ได้ครับ พรุ่งนี้กี่โมงดีครับ ผมจะได้เตรียมตัวถูก”

‘สักช่วงค่ำๆแล้วกันนะครับ ช่วงเช้ากับเย็นผมอยู่คลินิก’

“ได้ครับๆ งั้นพบกันหนึ่งทุ่มนะครับ”

‘อีกเรื่องหนึ่ง......’ ยังมีอีกงั้นเหรอ? โอบอุ้มเลิกคิ้วสงสัย

“ครับ?”

‘เอ่อ เปล่าครับ’

“......”

‘คืนนี้.......ฝันดีนะครับโอบอุ้ม’

“ชะ เช่นกัน คะครับ”

แก้มเขาเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองไว้ สายตาเหลือบไปมองกระจกแล้วก็ต้องตกใจ เขายิ้ม!! เป็นไปได้ไง ทำไมเขาถึงกำลังยิ้มล่ะ หรือมีอะไรไม่ปกติเกิดขึ้นกับเขา มือเลื่อนขึ้นมาจนถึงหน้าอก รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นที่รุนแรงจนตัวเองได้ยิน แค่นึกถึงเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกฝันดี หัวใจเจ้ากรรมก็แทบจะทะลุออกมา บ้าจริงโอบอุ้ม ก็แค่เขาบอกฝันดี จะใจเต้นไปทำไม มาถึงตอนนี้ เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย............



     ในที่สุดก็มาถึง โอบอุ้มยืนมองบ้านหลังใหญ่โตเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าหมอจะมีบ้านหลังใหญ่จนแทบจะเรียกว่าวังก็ได้ สองขาของเขาแข็งจนก้าวไม่ออก ไม่รู้ตื่นเต้นหรือกลัวกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือโอบอุ้มทำตัวไม่ถูก ประตูหน้าถูกเปิดออกนั่นเท่ากับเชิญให้เข้าไปใช่ไหม ขาทั้งสองก้าวเข้าไปในตัวบ้านที่ด้านข้างเป็นสวนที่มีน้ำพุประดับอยู่กลางสวน ถ้าเขาได้มาเห็นตอนกลางวันมันคงจะสวยน่าดู หมอเสือยืนส่งยิ้มรอผมอยู่ที่ประตู ความกังวลทำให้โอบอุ้มกระชับกระเป๋าของตัวเองมากยิ่งขึ้น รู้สึกหายใจไม่ทั้วท้องเลย
“มาแล้วเหรอครับ”

“ครับหมอ” โอ่อ่าดีจัง ทั้งงานศิลป์และของตกแต่งในตัวบ้าน ราคาคงไม่น้อยเลย

“ทานอะไรมาหรือยังครับ”

“อ่า ผมเรียบร้อยแล้วครับ แล้วเอ่อ เราจะเริ่มกันที่ไหนดี”

“งั้น......ไปที่บนห้องผมดีกว่า” หมอใช้มือโอบเอวเขาให้เดินไปคู่กัน โอบอุ้มที่มัวแต่สนใจรอบข้างจึงไม่ทันสังเกตว่าตนถูกมือหนาลูบไล้เอวบางอย่างสนุกมือ

“ไม่ตรวจที่คลินิกแบบนี้หมอมีอุปกรณ์พร้อมหรือครับ” ด้วยความสงสัยทำให้เขาต้องถามออกไป ในคลินิกย่อมมีเครื่องมือครบถ้วนอยู่แล้ว การมาตรวจส่วนตัวแบบนี้เขาไม่คิดว่าหมอจะมีอุปกรณ์พร้อม ใบหน้าหล่อเพียงส่งยิ้มหวานให้เท่านั้น

“อย่าห่วงเลยครับ.....”

“......”

“อุปกรณ์ของผม........พร้อมใช้งานอยู่แล้ว” โอบอุ้มพยักหน้าพร้อมเดินตามร่างสูงไป เอาน่า หมอบอกว่าพร้อมก็พร้อมนั่นล่ะ คงไม่มีทางโกหกหรอก หมอเปิดประตูห้องในสุดชั้นสองให้เขาเข้าไป ภายในห้องดูเรียบง่าย เตียงใหญ่ที่มีผ้าปูสีเลือดนกกับผ้าห่มชุดเดียวกัน ห้องเกือบจะว่างเปล่ามีเพียงตู้เสื้อผ้า เตียงนอน และชั้นหนังสือ ซึ่งเขาไม่เห็นว่าจะมีอุปกรณ์การตรวจอยู่ตรงไหนเลย นี่เขาสอดส่องสายตาไปจนทั้วทั้งห้องแล้วนะ

ปัง แกร็ก.....

โอบอุ้มสะดุ้งเฮือกเมื่อความเงียบภายในบ้านทำให้หูของเขาได้ยินเสียงปิดประตูลงกลอนของหมออย่างชัดเจน ทำไมเขาเพิ่งสังเกตนะว่าหมอแต่งตัวไม่เรียบร้อย มันดูยั่วยุอารมณ์ปราถนาแปลกๆ ยิ่งแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมาล่อสายตานั้น ยิ่งทำให้โอบอุ้มทำตัวไม่ถูก หมอเดินเข้ามาใกล้จนแผงอกห่างจากสายตาเพียงคืบเดียว กลิ่นโคโลญจ์นแตะจมูกจนเขาเผลอสูดดมมันเข้าไปเต็มปอด

หอม ตัวหมอหอมจัง

โอบอุ้มตาลอยมัวเมาอยู่กับกลิ่นกายของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจต้านทาน ไม่รู้ตัวเวยซ้ำว่าถูกมือหนาช้อนใบหน้าขึ้นมารับจุมพิศเมื่อไหร่

“อืม..”

โอบอุ้มส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบากับสัมผัสที่ประทับบนริมฝีปาก มันหวานและอุ่น จนทำให้ตัวของโอบอุ้มล่องลอยราวกับอยู่ในความฝัน รสสัมผัสแบบนี้เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน นี่หรือที่เรียกว่าจูบ จูบเหรอ

จูบ!!!!

โอบอุ้มเบิกตากว้างเมื่อสติกลับมาจนครบถ้วน นี่เขาเผลอตัวจูบกับหมอได้ยังไงกัน มือทั้งสองทั้งผลักทั้งดันให้คนตัวโตปล่อยริมฝีปากบางที่ดูดดึง หมออธิปผละออกมองใบหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจ นี่เขานึกว่าโอบอุ้มยินยอมพร้อมใจเสียอีก สงสัยจะหลงตัวเองมากไป แต่ไม่เป็นไร........ตะล่อมเอาทีหลังก็ได้ หึหึ......โอบอุ้มตัวน้อยที่สั่นอยู่ในอ้อมแขนเขาไม่มีทางรอดไปจากเสืออย่างเขาได้หรอก









๕๐%



TBC









    งื้อออ หมอคะ หมอจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ น้องโอบของเรากลายเป็นกระต่ายน้อยในมือเสือหิว หุหุ  แล้วพบกันครึ่งหลังของห้องนี้เนอะ หายไปไม่ใช่ไม่มา ยังคิดถึงตลอดเวลา สัญญาว่าจะมาอัพจนจบค่าา ใครเล่นทวิสก็มาพูดคุยกันนะคะ @little_kittensY หรือแฮชแทกคลินิกมารักษ์นะคะ ทวิสแมวเงียบเงาและวังเวงมาก กวาดหยักไย้เล่นทุกวันเลย 555555+ สู้ไหมแมว สู้ๆ สู้ตายเพื่อทุกคนค่า
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-03-2018 21:39:47
หมอเสือมาแรงแซงทางโค้งมากกกก
จู่โจมน้องขนาดนี้ เด็กตกใจหมดนะคะหมอ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-03-2018 21:43:58
หมอเสือร้ายกาจ ร้ายกาจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Flower ที่ 15-03-2018 11:57:54
อิหมอเสือจู่โจมเร็วมาก
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 18-03-2018 10:57:47
หมอเสือ ล่อลวงน้องงงง
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-03-2018 17:23:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 22-03-2018 11:01:35
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 26-03-2018 15:39:04
“หมะ หมอ จูบผมทำไม” หมออธิปไม่ตอบ ทำเพียงแค่กอดเอวเขาไว้ไม่ขยับไปไหนกับสายตาคมที่จับจ้องผมจนแทบจะกลั้นหายใจ

“คุณไม่รู้เหรอ” นี่เขาควรจะรู้เหรอ

“มะ ไม่” หมอยิ้มมุมปากพร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้

“ผมกำลังตรวจ......ด้วยปากของผมไงครับ”

“...!!!!” บะ บ้าไปแล้ว!! ตรวจด้วยปากนี่นะ เขาตาค้างกับคำพูดที่ออกมาจากปากของหมดจนลืมดิ้นรน กว่าจะรู้ตัวร่าของเขาก็สัมผัสกับความเย็นและนุ่มของเตียงเสียแล้ว โอบอุ้มพยายามกระถดกายหนีคนด้านบน แต่กลับถูกหมอทาบทับเอาไว้แทนจนตอนนี้เขาไม่สามารถขยับไปที่ไหนได้เลย โอบอุ้มมองหน้าหมออย่างหวาดๆ พยายามหาทางเอาตัวรอดอย่างรนราน

“หมอ หมอครับ ผะ ผมว่าเราไปตรวจที่คลินิกดีกว่า” หมออธิปเลิกคิ้วขึ้นเมื่อโอบอุ้มที่แทบไม่อยากจะจะเซ็นสัญญาเกิดอยากกลับไปตลินิกแทน

“ทำไมละครับ”

“ผมว่า เอ่อ อุปกรณ์การตรวจอะไรที่โน้นน่าจะมีครบกว่านะครับ” น้ำเสียงร้อนรนของโอบอุ้มทำให้หมออธิปอดขำไม่ได้

“อุปกรณ์ที่นี่ก็มีนะครับ ใหญ่ดีด้วยนะ อีกอย่าง......ไปที่นั่นต้องเซ็นสัญญานะครับ” คำพูดดูปกติแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องหน้าแดงกับคำพูดนั้นด้วย

“ไม่ ไม่เป็นไรครับ ผมยอมเซ็น งั้นเราไปคลินิกกันเถอะครับ หรือ หรือให้ผมกลับบ้านแล้วไปพบหมอที่คลินิกพรุ่งนี้ก็ได้” อะไรก็ได้ทั้งนั้น แค่ให้เขาไปให้พ้นจากสถานะการณ์ตอนนี้เป็นพอ แต่หมออธิปดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เพราะหมอเอาแต่ลูบไล้ผิวหน้าของเขาเล่นอย่างสนุกมือ โอบอุ้มตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อรู้ว่าอีกไม่ช้าตัวเขาจะเจอกับเรื่องใด เขานึกโทษตัวเองที่โง่เอาตัวเองมาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ไม่น่าเลย เขาไม่น่ามาที่นี่เลย

“แต่ผมไม่อยากให้คุณเซ็นนี่ครับ......”

“.....” โอบอุ้มเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสจากปลายนิ้วร้อนที่เกลี่ยไปบนแก้มใส

“ผมอยากให้คัณหึงหวงผม อยากให้คุณเป็นของผม อยากให้คุณ ‘รัก’ ผม”

“ไม่ ไม่ ไม่มีทาง ผม ผมไม่ได้รักคุณ” คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้หมออธิปไม่พอใจอย่างมาก จากการลูบไล้จึงกลายเป็นตรึงใบหน้าให้หันมารับริมฝีปากร้อนที่กดลงมาแทน

“อื้อ!!! อ่อย!!!” แม้จะพยายามสะบัดหน้าหนีเพียงใด กลีบปากบางก็ยังถูกดูดดึงจนช้ำอยู่ดี มือทั้งสองคอยทุบตีให้คนตัวใหญ่เจ็บปวด แต่หมออธิปกลับไม่สะทกสะท้าน เขายิ่งชอบใจกับการขัดขืนที่ดูน่าเอ็นดูนี่เสียอีก ยิ่งโอบอุ้มขยับเท่าไหร่ ร่างกายของทั้งสองก็ยิ่งเสียดสีกันมากเท่านั้น และนั่น.......ก็ทำให้บางอย่างเบื้องล่างตื่นตัวขึ้นมา

“อย่าห่วงเลยครับ.....” หมออธิปยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่แววตากลับดุดันจนน่ากลัว

“......”

“คุณจะไม่ได้ลงจากเตียงจนกว่าจะรับความรักจากผมจนอิ่มเลยล่ะ” โอยอุ้มเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว พยายามจะตะโกนร้องให้คนช่วย แต่กลับถูกปิดปากด้วยจุมพิศร้อนแรง เขาเม้มปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกคนสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามา

“อ๊ะ อื้ออ!! อ่า!!!!!” แต่เมื่อเป็นสิ่งที่หมอเสือต้องการมีหรือที่โอบอุ้มจะขัดขืนได้นาน ปลายคางมนถูกบีบด้วยมือใหญ่อย่างแรงจนต้องยอมเปิดปากออก ทันทีที่ริมฝีปากเล็กแยกออกจากกันหมอเสือก็สอดลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดแทบจะทันที โอบอุ้มอยากจะกัดลิ้นอีกคนให้ขาดแต่ก็ติดที่ถูกมือใหญ่ที่ยังคงบีบปลายคางเอาไว้ อกกว้างถูกกำปั้นน้อยๆทุบตีอย่างแรงแต่คนตัวใหญ่กลับไม่รู้สึกอะไรราวกับแรงที่กำลังทุบตนนั้น เป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่คอยกัดให้รู้สึกรำคาญใจเท่านั้น เสียงจุมพิตดังไปทั้วทั้งห้อง สมองของเขามึนงงจนแรงดิ้นรนค่อยๆหายไป เมื่อเห็นว่าโอบอุ้มเลิกดิ้นรนมือที่ยึกปลายคางเล็กเอาไว้ก็เปลี่ยนมาดึงเสื้อตัวน้อยให้ออกจากคนตัวเล็กแทน ผิวขาวผุดผ่องปรากฎสู่สายตาคมจนทำให้หมออธิปต้องถอนริมฝีปากออกมาชื่นชม หมออธิปเลียปากของตนเองอย่างกระหายในตัวโอบอุ้มที่บัดนี้ นอนหอบหายใจถี่ด้วยความมึนงง

“อ๊ะ!”

ยอดอกสีสวยถูกดูดดึงและขบเม้นจนชุ่มไปด้วยน้ำลาย เสียงดูดดึงดังจนน่าอายแต่โอบอุ้มกลับทำได้เพียงกดศีรษะของหมอเอาไว้พร้อมกับแอ่นอกขึ้นอำนวยความสะดวกให้กับคนตัวสูง ปลายลิ้นฉกชิมความหวานอยากตะกละตะกลาม มืออีกข้างก็บีบบี้ยอดอกที่ว่างอยู่ โอบอุ้มแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงครวญครางดังออกมาจนหวานหู หมอละมือจากยอดสวยลูบไล้ลงไปจนถึงกลางกาย

    จุ้บ จ๊วบ

ระหว่างที่ปากยังคงดูดดึง มือก็ทำหน้าที่ปลดเปลื้องกางเกงออกจากคนใต้ร่างจนโอบอุ้มเปลือยเปล่า ตัวตนของโอบอุ้มตั้งชันท้าทายฝ่ามือร้อนที่จับและรูดรั้งมันจนขยายพองแทบระเบิด ความเสียวซ่านทำให้โอบอุ้มบิดกายไปมา นั่นยิ่งเพิ่มการเสียดสีระหว่างแกร่นกายของตนกับมือของหมอ

“อื้อ หมอ อย่าจับแบบนั้น” ทั้งๆที่ปากร้องห้าม แต่สะโพกเล็กกลับขยับตามแรงชักนำของหมอ อธิปอย่าไม่อาจจะห้ามได้ สุขก็สุข แต่อีกด้านของจิตใจกลับร้องให้เขาหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มือเล็กจึงดันอกกว้างทั้งๆที่มันสั่น

“อย่ะ อย่า อื้อ!!”

ใบหน้างามถูกช้อนให้รับจูบเร่าร้อนจากหมออธิป ขาทั้งสองข้างถูกแยกออกจนเผยให้เห็นช่องสีสวยที่ปิดสนิทก่อนที่ร่างใหญ่โตจะแทรกเข้าไปอยู่ตรงกลาง

“อื้อ จะทำอะไร อย่านะ”

“สีชมพูน่ากินจัง ขอผมชิมสักคำเถอะ”

หมอมองแก่นกายเล็ดด้วยสายตาพราวระยับราวกับถูกอกถูกใจอย่างมาก ลิ้นร้อนไล้เลียไปตามตวามยาวก่อนจะวนตรงส่วนปลายจนเจ้าของถึงกับดิ้นพล่าน หมออธิปก้มลงครอบครองดูดแท่งรักเข้าปากจนแก้มตอบ ขยับปากครอบครองจนมันผลุบเข้าออกจนสุด ยิ่งได้ลิ้มลองมากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้รู้สึกเสพติดจนห้ามใจไม่อยู่ อยากจะดื่มดำ กลืนกินร่างเล็กตรงหน้าไปทั้งตัว หว่นยิ่งกว่าน้ำตาล หอมยิ่ฃกว่าน้ำผึ้ง รสสัมผัสช่างนุ่มลิ้นชวนให้ลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงครวญครางที่ดังเข้าหู มันช่างไพเราะกว่าฟังบทเพลงใดๆ ความหวานพวยพุ่งออกมาจนล้นปากทำให้หมออธิปถอนปากร้อนออกจากแกร่นกายของโอบอุ้มทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยน้ำรัก

“แฮ่ก พอ แฮ่กๆ แล้ว”

หมอไม่ตอบกลับคายน้ำรักลงใส่มือตัวเอง โอบอุ้มมองการกระทำนั้นด้วยความเหม่อลอย สมองมึนงงได้แต่พูดพร่ำคำเดิมซ้ำๆทั้งที่สติยังไม่กลับมาครบถ้วน

“อย่าห่วงไปเลย ผมจะเอ็นดูคุณอย่างดี บอกแล้วว่าผมจะรักคุณจนอิ่มเชียวล่ะ”

“อ๊า เจ็บ!!!”

ทันทีที่ปลายนิ้วที่ถูกน้ำรักชโลมจนชุ่ม หมออธิปก็สอดแทรกเข้าไปยังช่องทางที่ปิดสนิท ค่อยๆกดนิ้วเข้าไปจนสุด แต่โอบอุ้มที่รับรู้ถึงความเจ็บแปลบเริ่มดิ้นรนหนีนิ้วร้อนที่รุกราน

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็มีความสุขแล้วล่ะ”

“ไม่ อื้อ เจ็บ อย่า อ๊ะๆ”

แต่จู่ๆความเจ็บปวดกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านจนร่างเล็กแอ่นกายขึ้นอย่างลืมตัว ช่องทางสั่นระริกขมิบตอดรัดจนคนตัวโตยิ้มอย่างถูกใจ ตรงนี้สินะ

“อะไรน่ะ อ๊ะ อื้อ ทำไมร้อนแบบนี้”

ความต้องการของโอบอุ้มถูกนิ้วร้อนกระตุ้นจนแทบจะทนไม่ไหว แกร่นกายที่ถูกรีดน้ำรักไปก่อนหน้ากลับมาชูชันท้าทายสายตาอีกครั้ง

“ชี้หน้าแบบนี้ อยากโดนกินอีกหรือครับ หืม?”

“มะ ไม่ ไม่นะ”

แม้จะปฏิเสธเท่าไหร่ แต่ก็ถูกกลืนกินอีกครั้งอย่างปากหมออธิปว่าอยู่ดี โอบอุ้มที่ไร้เรียวแรงจะตอบโต้เพราะถูกความเสียวซ่านเล่นงานได้แต่นอนหอบหายใจส่งเสียงครวญครางกับสิ่งที่หมอธิปปรนเปรอให้ สมองขาวโพลนรับรู้เพียงว่าร่างกายของตนล่องลอยขึ้นไปสูงจนมือบางเผลอกำผ้าปูเตียงแน่น

“หึหึ หวานจริงๆ จะกินสักกี่ครั้งก็ยังหวาน ตรงนี้เองก็ดูจะพร้อมแล้ว ได้เวลา กิน จริงๆเสียที” โอบอุ้ทผวาตามนิ้วที่ถูกถอนออก เพราะหมออธิปที่ผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าตนเองก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าของหมอจะทาบทับมาบนร่างกายเปลือยเปล่าของเขา

“เอาล่ะนะ....” บางสิ่งที่ใหญ่โตและร้อนถูกจับมาจ่อที่ปากทางรักก่อนจะถูกเจ้าสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไป

“โอะ โอ๊ย!! เจ็บ!!”

ยิ่งถูกความเจ็บปวดเล่นงานมือบางก็ยิ่งทุบตีจนแผ่นอกแดง แต่คนด้านบนกลับไม่ตอบโต ได้แต่หยุดแน่นิ่งกัดฟันระงับความเจ็บปวดรอให้ร่างเล็กได้เคยชินกับความใหญ่โตของเขา แต่การรัดแน่นของช่องทางรักทำให้ยากเหลือเกินที่จะอดทนต่อความเย้ายวนนี้

“อื้อ อยะ อย่าขยับนะ อ๊า”

เสียงหวานเผลอส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อความใหญ่โตค่อยสอดลึกเข้ามามากกว่าเดิม แต่ความเจ็บกลับมีความรู้สึกอื่นปะปนมาด้วย หมออธิปที่อดทนไม่ไหว หยัดกายเข้าไปจนสุดความยาว

“แน่นเหลือเกิน อา คุณทำให้ผมแทบคลั่ง”

“อื้อ ไม่เอา อ๊า มัน อี๊ จุก”

ยิ่งหมออธิปขยับเขายิ่งทั้งจุกและเสียววาบจนส่งเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษา ยิ่งเขาหยัดกายเข้ามาลึกเท่าไหร่ โอบอุ้มยิ่งร้อนรุ่มจนดิ้นพล่านไปด้วยไฟปรารถนา ความรู้สึกล่องลอยกลับมาอีกครั้งและทุกครั้งที่หมออธิปดันเช้ามาจนสุดมันมักจะทำให้โอบอุ้มร้องครางเสียงหวาน แผ่นอกที่เคลื่อนไหวเพราะแรงกระแทกจากร่างใหญ่มันช่างยั่วยวนใจจนหมออธิปอดไม่ได้ต้องก้มลงไปดูดดึงเม็ดทับทิมมาไว้ในปากร้อน

“อื้อ อ๊า อื้ม”

เสียงหวานร้องตามจังหวะการกระแทกเข้ามาของหมอยิ่งเขาเร่งจังหวะมากเท่าไหร่ โอบอุ้มยิ่งส่งเสียงร้องจนแทบจะหมดแรง สายตาคมพลันเห็นยอดทับทิมที่แดงก่ำจากแรงดูดของตน กับลำคอขาวผ่องที่เนียนจนเกิดความหมั่นเขี้ยว หมออธิปอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปขบเม้นให้มันเกิดร่องรอยที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้านี้เป็นของเขา เหล่าแมลงและพวกมดปลวกทั้งหลาย อย่าได้หวังจะเข้ามายุ่งย่ามกับเมียเขา ยิ่งคิดแรงกระแทกก็ยิ่งเร่งจังหวะจนคนตัวเล็กสั่นไปตามแรง

“อ๊า ไม่ อื้อ ไม่ไหวแล้ว อ๊าๆ”

“อา อีกนิดเดียว ซี๊ด ใกล้แล้วครับ”

หมออธิปยิ่งเร่งโหมแรงขยับเข้าออกจนโอบอุ้มแทบจะลอยขึ้น ยังดีที่แขนเล็กโอบรอบคอของหมออธิปเอาไว้ ไม่อย่างนั้นศีรษะคงได้กระแทกกับหัวเตียงเป็นแน่ ความเสียวซ่านถูกดันมารวมอยู่ตรงส่วนปลายเป็นสัญญาณบอกให้หมออธิปเร่งจังหวะขึ้น ไม่นานร่างทั้งสองก็ปลดปล่อยเสียงและสายธารแห่งความสุขออกมา

ทั้งสองหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามไรผม สายตาคมหวานหยาดเยิ้มมองคนใต้ร่างอย่างเอ็นดู โอบอุ้มยังคงตาลอยสติยังไม่กลับมาครบถ้วน อีกทั้งช่องทางรักเองก็เต้นตุบๆไม่ยอมหยุด หมออธิปถอดถอนกายออกจนเกิดเสียง หยาดน้ำที่อยู่ภายในค่อยๆไหลออกมาจนเปรอะที่นอน ขาของโอบอุ้มสั่นไม่สามารถเอามันเข้ามาแนบชิดกันได้


เจ็บเหลือเกิน


นั้นคือสิ่งที่โอบอุ้มคิดเป็นสิ่งสุกท้ายก่อนจะสิ้นสติไป หมออธิปนอนลงข้างกายคนตัวเล็ก มองแล้วนึกถึงวันที่เขาได้เห็นใบหน้าหวานนี้ ต้องใจหรือต้องมนต์ใดไม่อาจจะรู้ แต่ที่เขามั่นใจคือเขาไม่สามารถลบเรื่องของโอบอุ้มไปจากหัวได้ นิ้วมือเกลี่ยหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยออก ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมผ้าและน้ำอุ่นมาเช็ดตัวและทำความสะอาดให้ อีกทั้งยังใช้นิ้วนำสิ่งที่เขาปชดปล่อยไว้ภายในออกมา พอมาเห็นตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า มันทั้งบมและช้ำอย่างหนัก อีกทั้งน้ำสีขุนที่ถูดนำออกมายังมีเลือดผสมอยู่ด้วย แย่แน่ๆ แบบนี้ ดีไม่ดีนอนซมเพราะพิษไข้แน่ๆ

    หมอได้แต่ถอนหายใจ การรวมรัดให้โอบอุ้มเป็นของเขามันก็ดีอยู่หรอก แต่การที่เขายั้งตัวเองเอาไว้ไม่ได้จนทำให้อีกคนเจ็บนี่เป็นความผิดเขาจริงๆ ไม่เป็นไร.......ก็เขาเป็นหมอนี่ เมียเจ็บแค่นี้ เขาดูแลได้สบายอยู่แล้ว หมออธิปยกยิ้มก่อนจะเช็ดตัวให้โอบอุ้มต่อไป









       มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 26-03-2018 16:17:13
            >>>>>ต่อกันนะคะ<<<<<<

           เสียงนกร้องและแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้า ทำให้โอบอุ้มย่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด อาการปวดเมื่อยตามตัวทำให้ไม่อยากจะตื่นลืมตาขึ้นมา แต่เมื่อขยับตัวความเจ็บแปลบเบื้องล่างก็ปลุกเขาตื่นเต็มตา โอบอุ้มกระพริบตาให้ชินกับแสง สมองประมวลผลถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เพดานสีขาว กับเตียงนอนสีเลือดนก มันไม่ใช่ห้องของเขานี่ พลันสมองน้อยๆก็นึกขึ้นมาได้ บ้าจริง!! นี่เขานอนกับหมอเสืองั้นเหรอ แม้จะเกิดความเศร้าสร้อยแต่หัวใจกลับเต้นระรัวโดยไม่ฟังที่สมองสั่งการ เขาไม่ควรที่จะมาดีใจกับเรื่องนี้ เขาควรจะเสียใจ ควรจะผิดหวัง ควรจะโทษหมอสิ ไม่ใช่กลั้นยิ้มทั้งที่ความเจ็บเบื้องล่างยังไม่หายไป

“อ้าว.....อรุณสวัสดิ์ครับ” หมอเสือเอ่ยคำทักทายด้วยรอยยิ้ม ในมือของร่างสูงถือชามใบพอดีที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร กลิ่นลอยมาจนน้ำย่อยในกระเพาะร้องเรียกหาแบบนี้ ข้าวเช้าแน่ๆ แต่......ของใครล่ะ

“ครับ.....”

“มาครับ ตื่นแล้วก็มาทานข้าวเช้ากัน จะได้ทานยาต่อ” หมอยิ้มอย่างใจดี ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น โอบอุ้มพยุงตัวขึ้นนั่งแม้มันจะลำบากแต่เขาก็ไม่ปริปากบ่น อย่างที่น้าอิ่มสอนเอาไว้.....เป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น
หมอเสือนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะวางข้าวต้มลงบนโต๊ะใกล้ๆ มือหนาจับช้อนขึ้นตักข้าวในชามมาเป่าก่ออนที่มันจะถูกจ่อที่ปากของเขา ซึ่งโอบอุ้มมองด้วยความไม่เข้าใจ

“ทานสิครับ ผมให้แม่บ้านทำให้เป็นพิเศษเลยนะ”

“เอ่อ ผม ผมทานเองดีกว่าครับ” มือเล็กๆพยายามจะแย่งชิงช้อนในมือหมอ แต่หมอที่รู้ตัวดึงช้อนหลบและนำมาจ่อที่ปากเขาเช่นเดิม โอบอุ้มจำใจต้องอ้ารับมันเข้าปากอย่างไม่อาจจะเลี่ยง หมอเสือคอยป้อนเขาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีครั้งไหนเลยที่มันจะร้อนจนเกินไป ทุคำที่หมอป้อน มันมักจะอุ่นพอดีๆ ไม่เย็นจนเกินไป จนโอบอุ้มต้องเหลือบมองอย่างสงสัย นี่หมอใช้ปรอทวัดอุณหภูมิหรือเปล่า ปากเล็กเคี้ยวไปสมองก็นึกไปตาม จนท้องเริ่มตึงศีรษะเล็กๆจึงได้ส่ายหน้าปฏิเสธ

“อิ่มแล้วครับ”

“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้น.....น้องโอบทานยานะครับ พี่เสือจัดยาให้แล้ว”

   อะ อะ อะไรนะ!! นะ น้องโอบ!! พะ พี่เสือ!! นี่มันวันโลกาวินาศหรือยังไง สรรพนามที่ไม่คุ้นหูถึงหลุดออกมาจากปากหมอง่ายๆแบบนี้ โอบอุ้มนิ่งค้างจนแข็งทื่อ ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมา คนที่ไม่เคยได้ยินคำเช่นนี้ถึงกับขนลุกซู่ ราวกับจะบอกว่าอันตรายเกินไป โอบอุ้มรีบส่ายหน้าหวือ พยายามจะลุกจากเตียงเพื่อเดินออกไป

“น้องโอบจะไปไหนครับ?” น้องโอบอีกแล้ว

“ผม ผมจะกลับบ้านเลยน่ะครับ ปะ ปะ ป่านนี้ ที่บ้านคงเป็นห่วงผมแย่แล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่ตอนนี้ฉายความไม่พอใจออกมาจนเด่นชัด มันทำให้เขาสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาถอยหลังหนีหมอด้วยซ้ำ

“ใครรออยู่ที่บ้านหรือครับ สำคัญขนาดที่อยู่กับพี่ไม่ได้เลยหรือ”

“....” หมอเสือค่อยก้าวเข้ามาช้าๆโดยที่เขาได้แต่ยืนยิ่งอยู่ที่เดิม

“ว่าไงครับ แฟน หรือคนรักครับ ที่รอน้องโอบอยู่ เขารู้ไหมครับ ว่าเมื่อคืนน้องโอบโดนพี่เสือรักไปหนักแค่ไหน”

“....” ยิ่งได้ยินแก้มทั้งสองข้างของโอบอุ้มก็แดงปลั่ง ภาพการร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนของเขาและหมอก็ฉายขึ้นมาในหัว

“เขาเคยได้ยินเสียงครางของน้องโอบไหม เคยพาน้องโอบให้ปลดปล่อยทั้งๆที่แค่สอดใส่ไหมครับ”

“พะ พอ” เขาได้แต่ยกมือขึ่นปิดหูแน่น ไม่อยากฟังเรื่องลามกแบบนี้

“ทำไมล่ะ ไหนจะรสชาติหวานๆจากตรงนั้น ยอดเล็กนี่ที่โดนพี่ดูดกินจนมันแดงช้ำ เขาเคยได้ทำแบบพี่ไหม”

“นะ น้าอิ่มไม่ทำแบบนั้น!!!” เมื่อมันเรื่องมันเริ่มบานปลาย โอบอุ้มก็ทนไม่ได้จนต่องตะโกนออกมา

“หืม......น้าอิ่ม?” หมอเสือเลิกคิ้วมองโอบอุ้มที่ยืนตัวสั่นแก้มแดงทั้งที่มีมือปิดหูเอาไว้ น่สเอ็นดูจนอยากจะรักให้หนักๆ

“ชะ ใช่ นะ น้าอิ่ม”

“ใครครับ.....แฟน หรือว่า....” ความคลางแคลงใจยังคงทำให้หมอเอ่ยถามต่อ

“นะ น้า!! น้าอิ่มเป็น น้าของผม” หากไม่ยอมพูดความจริงออกไป มีหวังได้ยืนฟังเรื่องลามกต่อทั้งวันแน่ๆ แค่นี้ เจ้าตัวน้อยใต้กางเกงก็แทบจะตื่นขึ้นมาแล้ว

“หึหึ แล้วแฟนละครับ”

“มะ ไม่มีครับ” แก้มใสถูกปลายนิ้วเกลี่ยเล่นอย่างเอ็นดูเมื่อได้ฟังคำตอบที่พอใจ

“แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะน้องโอบเป็นเมียพี่ และพี่คงไม่ยิ้มใจดีถ้าเมียพี่บอกว่ามีแฟน”

อึก!!

น้ำเสียงของหมอเสือไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย ทั้งบรรยากาศและหลายๆอย่างบอกให้เขารู้ว่า หมอพูดจริง แม้ว่าสีหน้าที่แสดงออกมาจะยิ้มตามแบบฉบับของหมอแต่แววตาที่ใช้มองเขานั้น เล่นเอาเขาหนาวไปถึงกระดูก

“เอ่อ แต่......ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะครับ” มันคือความจริง เรื่องนี้......ผมคง ต้องพูดออกไป

“ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ใช่ว่าเขาจะชอบน้องโอบด้วยเสียหน่อย”

     
    ฉึก!!


เจ็บจนจุก...ใครสั่งสอนให้หมอพูดกับคนแอบรักแบบนี้กัน คำพูดคมดั่งใบมีด คำพูดหมอคงเป็นเลื่อยไฟฟ้า ที่หั่นใจเขาจนแหลกสลาย อยากมุดดินหนี อยากบินหายไป วันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่า อย่ารออาจพูดถึงคนอื่นให้หมอฟัง เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับง่ายๆแล้ว ลูกศรที่ยิงไปมันดันเลีเยวกลับมาแทงตัวจนตายได้เลย หมอนะหมอ เขาอยากจะร้องไห้ชะมัด

“ยังไงเสีย น้องโอบก็ต้องอยู่บ้านพี่อยู่แล้ว พี่มีเวลาทำให้น้องโอบรักพี่เสืออีกนาน” ก็จริงนะ
แต่เดี๋ยว!!! ใครจะอยู่ที่นี่นะ

“ผม ผมเหรอ”

“ครับ จะใครล่ะครับ” โอบอุ้มส่ายหน้าหวือ จนหมอเสือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ไม่ๆๆ ผมต้องกลับบ้านผมสิครับ ผมจะอยู่ที่นี่กับหมอได้ไงกัน!!” ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ

“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ละครับ นี่บ้านพี่เสือ พี่เสือเป็นผัวน้องโอบ น้องโอบอยู่บ้านผัว ไม่ถูกตรงไหน”

พูดมีเหตุผล นี่บ้านผัว ทำไมจะอยู่ไม่ดะ ดะ ได้ที่ไหนเล่า!!!!! สมองไอโอบมันช้า คิดอะไรไม่ค่อยจะทันแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดที่เออออห่อหมกไปกับหมอแบบนี้แน่ๆ

“ไม่ใช่ๆๆๆๆ ไม่ช๊ายยยยยยยยย”

“ทำไมไม่ใช่”

“ผะ ผม เอ่อ ใช่คือ ผมต้องกลับไปเขียนสกรู๊ปของหมอด้วยนะ ผะผมต้องรีบกลับแล้ว” แต่ยังไม่ทันที่โอบอุ้มจะได้ก้าวขา มือหนาก็ยึดแขนเล็กๆเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“หมะ หมอ”

“น้องโอบจะเขียนยังไงครับ....”

“เอ่อ....”

“จะบอกเขาเหรอครับว่าพี่รักษาน้องโอบยังไง” หะ!! มะ ไม่ได้ๆ

“หรือจะอ้างอิงจากแหล่งที่มาว่าไงครับ ในเมื่อพี่ไม่ได้พูด....”

“....”

“ก็พี่ลงมือทำให้ดู น้องโอบจะบอกว่ามาจากประสบการณ์โดยตรง......อย่างนั้นเหรอครับ”

“!!!” จะ จริงด้วย!! งะงั้นก็เขียนไม่ได้นะสิ!! แล้วที่เขาเสียเวลามาที่นี่ ทำทุกๆอย่างมันก็ไม่มีความหมายนะสิ เมื่อเห็นว่าโอบอุ้มช็อคและมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมา หมอเสือก็โอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้

“ไม่เป็นไรๆ ถ้าน้องโอบถูกไล่ออก พี่เสือยินดีเลี้ยงดูทั้งชีวิตเลย แค่เมียคนเดียวพี่เลี้ยงไหว”

 เขาที่ยังอึ้งอยู่เบลอจนคิดอะไรไม่ออก จนสัมผัสอุ่นๆปัดผ่านผิวแก้มไป ที่นิ่งช็อคจากข้อมูลที่ได้มาแต่เขียนไม่ได้กลับมาตกใจเพราะโดนหมออธิปขโมยหอมแก้มหน้าตาเฉย สายตาคมที่มีรอยหวานอยู่ในนั้นสะกดโอบอุ้มให้นิ่งเฉย ยอมรับริมฝีปากร้อนที่ประทับลงมา ตัวของโอบอุ้มสั่งระริก แม้คิดจะดิ้นรนหลีกหนีจากสัมผัสอุนหวาบหวามนี้ หลีกหนีจากคนตรงหน้านี้แค่ไหน แต่ร่างกายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เสียงร้องห้ามดังขึ้นไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานหูที่แทบจะฟังไม่เป็นภาษา โอบอุ้มถูกมอบความรักให้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนท้วมทนไปทั้งตัวโดยที่หมอปล่อยให้คนใต้ร่างได้นอนพัก ทานข้าวเท่านั้น ทุกที่ภายในห้องนี้ถูกใช้เป็นจุดแสดงความรักของทั้งคู่จนแทบไม่เหลือที่ว่าง ขนาดในห้องน้ำโอบอุ้มก็ถูกรักจนแทบจะครบทุกท่าเลยก็ว่าได้ หมออธิปหลงมัวเมากับร่างกายหอมหวานจนไม่สามารถปล่อยให้เมียของตนได้ออกไปไหนจากบริเวณบ้าน หากจะว่ากันตามจริง ไม่ยอมให้โอบอุ้มได้ออกจากห้องเลยมากกว่า เจอขนาดนี้โอบอุ้มเองคงต้องยอมรับแล้วล่ะว่า ‘รัก’ ที่หมอมีให้เขานั้น นับไม่ถ้วนจริงๆ รวมถึงจำนวนครั้งของการแสดงความรักด้วย




             มือถือเครื่องสวยถูกส่งคืนเจ้าของหลังจากถูกยึดมานานทัเงสัปดาห์ โอบอุ้มรีบรับและกดเปิดเครื่องเพื่อนเช็คดูสายโทรเข้าและข้อความต่างๆ นี่เขายังเคืองไม่หายที่วันก่อนตัวเขาโทรไปหาน้าโอบเพื่อจะบอกว่าไม่ค้องเป็นห่วง แต่หมอตัวดีดันคว้าเอาไปคุยเองเสียอย่างนั้น พอเขาถามว่าคุยอะไร กลับได้รับเสียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับมาเฉยๆ น่าโมโหๆ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห หมอที่แสนดีและสุภาพหายไปไหน คนที่เขาเจออยู่ตอนนี้คือหมอบ้าตันหาที่ไม่รู้จักอิ่มเอม ตักตวงจากเขาราวกับไม่เคยลิ้มลอง เขาสิที่ตื่นมาทุกครั้งปวดเมื่อยตัวจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ แล้วรู้ไหมว่าหมอเสือพูดกับเขาว่ายังไง เจ้าหใอบ้าตันหานั่นบอกเขาว่า พี่เป็นหมอนะครับ รู้ดีว่าน้องโอบรับพี่ได้แค่ไหน อย่ากลัวไป พี่ไม่ทำให้เมียช้ำหรอก ดูสิ แทนที่จะสำนึก ไม่มีหรอก

“ฮัลโหล.....”

‘โอบหรือลูก’ เสียงของสาววัย40ปลายๆเรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี

“น้าอิ่ม ผมคิดถึงน้าอิ่มครับ” ไม่ได้เสเสร้งหรือพูดเอาอกเอาใจใดๆเลย พอลองห่างจากน้าอิ่มมาแบบนี้ เขาก็อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ

‘หึๆ นึกว่าอยู่กับแฟนจนลืมน้าไปแล้วเสียอีก’ แฟน....แฟนที่ไหน?

“ใครครับแฟนผม”

‘นี่เราหลงๆจนลืมแฟนตัวเองแล้วเหรอ ก็ตาเสือไงล่ะ วันก่อนยังบอกน้าอยู่เลยนะว่าจะมาสู่ขอเราให้เป็นเรื่องเป็นราว’ เขาอ้าปากค้าง นี่ไอหมอบ้ามันไปพูดอะไรไว้กันแน่

“ไม่ใช่ๆ น้าอิ่มไม่ใช่นะครับ” แทนที่เขาจะแก้ตัวแล้วน้าอิ่มจะชะงัก กลับหัวเราะใส่เขายกใหญ่

‘จะไม่ใช่ได้ยังไง เด็กสมัยนี้นี่แปลก อดเปร้ยวกันไม่เป็นหรือยังไงนะ ถึงไวไฟกันแบบนี้’

“.....” ยิ่งได้ยินน้าอิ่มพูดเขาก็ยิ่งช็อค ไอหมอบ้ากามนั่น มันไปเป้าหูอะไรน้าอิ่มของเขา!!!!!

‘เอาเถอะๆ ต่อไปโอบก็ไม่ต้องเข้ามาทำงานกับน้าแล้วล่ะ’

“ทะ ทำไมละครับ” หรือจะเป็นเพราะเขาเอาข้อมูลไปเขียนไม่ได้

‘อ้าว......เป็นถึงคุณนายหมอแล้วนี่ จะมาทำงานนั่งโต๊ะอยู่ทำไมล่ะจ๊ะ’ ใบหน้าขาวนวลแดงซ่านเมื่อถูกแซวเรื่องสถานะ แม้จะยังไม่ยอมรับก็ตาม

“แต่ แต่ผมอยากทำนะครับน้าอิ่ม”

‘น้าว่าเราไปคุมแฟนเราจะดีกว่านะ เพราะเท่าที่น้าได้ยินมาเนี่ย หมอของคลินิกมารักษ์ ขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ’

“.....” มันก็ใช่ ตอนที่ฟังคำเล่าจากปากเพื่อนตัวเอง เขาก็ไก้ยินแต่คำป้อยอถึงความหล่อน่าซั่มของหมอ

‘เห็นว่า สาวๆสวยๆ หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยหน้าตาดีๆพากันไปรักษาทั้งๆที่ไม่ได้ป่วย ขนาดยอมจ่ายแพงเสียด้วยนะ ไม่รู้ว่าอย่างหมอจะทนไหวหรือเปล่านี่สิ’ เขากำโทรศัพท์แน่น ในหัวจินตนาการไปต่างๆนาๆ ทุกๆบทรักถ้าหากคนใต้ร่างของหมอไม่ใช่เขาล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นหมอจะทำไหม ถ้าเป็นคนอื่นหมอจะ..... ฮึ่ม!!!! ไม่ได้ เขาจะยอมให้คนอื่นมาชุบมือแย่งหมอของเขาไปไม่ได้ เขาต้องไปดูด้วยตาตัวเอง!!!

คิดได้ดังนั้น โอบอุ้มก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่หมออธิปเป็นคนไปเลือกซื้อมาให้เขาแถมยังจัดเอาไว้เป็นชุดๆให้ได้รู้ว่าควรใส่ตัวไหน โอบอุ้มรีบแต่งตัวด้วยความร้อนใจก่อนจะวิ่งลงมายังชั้นล่าง

“คุณหนูโอบคะ คุณหนูโอบจะไปไหนคะ คุณหมอสั่งไว้ว่าจะไปไหนให้โทรไปบอกคุณหมอก่อน” ป้านิ่มถามด้วยความตกใจเมื่อไม่เคยเห็นเขารีบร้อนขนาดนี้

“ไปคลินิกของหมอเสือครับป้านิ่ม”

“ไปคลินิกหมอ ไปทำไมคะ หรือว่าคุณหนูโอบไม่สบาย” ป้านิ่มดูร้อนใจมาก แต่เขาไม่มีเวลาแล้ว สัญญาณบางอย่างเตือนให้เขาไปจัดการที่นั่น

“อย่าเรียกคุณหนูสิครับป้า เรียกโอบเฉยก็ได้ ผมฟังแล้วมันแปลกๆ”

“ค่ะๆ แล้วตกลงหนูโอบจะไปทำไมคะ”

“ไปจัดการแมวที่ชอบแอบไปกินข้างนอกครับ!!”

เขาตอบอย่างมั่นใจ โอบอุ้มกับสาวเท้าวิ่งไปที่รถแทกซี่ที่เขาเรียกบริการเอาไว้ หึหึ!! เดี๋ยวเจอโอบอุ้มแน่หมอ เดี๋ยวเจอกันแน่!!!!!
ทันทีที่รถจอดหน้าคลินิก โอบอุ้มก็รีบลงจากรถโดยเร็วเท้าทั้งสองแทบจะวิ่งเข้าไปข้างในจนคัณสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าตกใจที่เห็นผม

“คุณโอบอุ้มสวัสดีค่ะ วันนี้มาทำอะไรคะเนี่ย” โอบอุ้มยิ้มให้เธอทั้งที่ใบหน้าและสายตายังชะเง้อมองไปยังห้องของหมอเสือ

“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังนะครับคุณสาว เดี๋ยวผมจะจับแมวไม่ได้” เธอมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“แมว?? แมวที่ไหนคะ ในนี้มีแมวด้วยเหรอคะคุณโอบ” เขายิ้มจนตาปิด ในใจร้อนลุ่มอยากจะถลาไปยังจุดหมาย แต่เขาต้องการให้คุณสาวไปด้วย

“มีสิครับ ไปไหมครับผมจะพาไปดูแมวที่ชอบแอบมากินข้างนอก”

“ไปค่ะๆ ดิฉันชอบแมวมากๆเลย” โอบอุ้มและคุณสาวเดินตางไปยังห้องตรวจหมายเลข4อย้างไม่รอช้า และเมื่อมายืนอยู่เบื้องหน้าห้องตรวจคุณสาวเองก็เริ่มตั้งคำถามขึ้นมา

“คุณโอบคะ แมวอยู่ในนี้เหรอคะ”

“ใช่ครับ อยู่ในนี้แหละครับ เดี๋ยวคุณสาวรอฟังเสียงนะครับอย่าเพิ่งเข้าไป” เขาบอกและยืนรออยู่หน้าห้องตรวจอยู่พักนึง และแล้วเสียงก็ดังขึ้นจริงๆ

“หมอ อูย ดีจังครับ อ๊ะ อ๊า” เขาเหลือบมองใบหน้าสวยที่เริ่มซีดเดาว่าตอนนี้คุณสาวคงรู้แล้วว่า แมวที่เขาหมายถึงคือใคร

“ลึกๆครับ อื้อ ลึกเลยครับ อ๊า อย่างนั้นแหละครับ!! ซี๊ดดด”
ทนฟังไม่ไหวแล้วโว๊ย!!!!!!!!!!!!

     ปัง!!!!!!!

“นะ น้องโอบ มะ มาได้ยังไงครับ” โอบอุ้มกวาดสายตาไปจนทั่ว บนเตียงมีหนุ่มร่างเล็กอยู่ในท่าที่ยกก้นหันมาทางหมอเสือ ส่วนมือของหมอเสือก็กำลังคว้านอยู่ในรูของคนตรงหน้า ภาพที่น่ารังเกียจแบบนี้มัน มัน มันทำให้โอบอุ้มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

    พรึบ........สวบ!

“โอ้ยย!!! เจ็บๆๆ อย่า อ๊า!!!”

“ลึกๆใช่ไหม ห้ะ!!! แบบนี้ลึกพอไหม นี่แหน่ะๆๆๆๆ” เสียงร้องโหยหวนของร่างเล็กบนเตียงดังลั่นห้อง หมอและคุณสาวยืนอึ้งมองเขาที่หยิบเอาปากกาบนโต๊ะหมอมาสามด้านก่อนจะยัดมันเข้าไปแทนที่นิ้วของหมอ

“น้องโอบๆๆ ไม่เอาแล้วพอแล้วครับ พอแล้วๆๆ” โอบอุ้มถูกคนตัวใหญ่รวบไว้ในอ้อมแขน ส่วนคุณสาวช่วยดึงปากกาออกจากรูเล็กๆของคนๆนั้น

“ปล่อยเลยนะ ปล่อยๆๆๆๆๆ”

“ฮื่อออ เจ็บอ่ะ หมอครับ ผมเจ็บจังเลย ดูสิครับ มันบวมเลย” ยัง ยังไม่เลิกร่านใช่ไหม

“แค่ปากกามันไม่แหกหรอก ลองให้ผมยัดขาตัวเองเข้าไปให้ไหมครับ จะได้เช็คได้ว่าหลวมหรือเปล่า” ขนาดโดนเขาทำขนาดนี้ คนๆนั้นก็ยังคงส่ายก้นยั่วยวนตาให้หมอเสืออยู่ดี

“ไม่ต้อง!!! เดี๋ยวผมให้หมอยัดของหมอเข้ามาก็รู้แล้วว่าหลวมหรือคับ!!”

“เฮ้ย!!!” หมอเสือร้องอุทานลั่นเมื่อคนไข้ตัวดีของตัวเองพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนั้น

“หมอลองใส่มาสิครับ”

“ไม่ๆๆ น้องโอบอย่าฟัง พี่ไม่เคยทำแบบนั้น ไม่คิดทำด้วย โอ๊ย!!!!!” ใบหูของหมอถูกใอบางดึงจนแทบจะหลุดติดมืออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ตอบโต้ใดๆให้โอบอุ้มต้องเจ็บ

“หนอย!!!! ถ้าไม่เคยมันจะพูดออกมาไหม หา!!!!”

“ไม่ๆๆ ไม่เคยเลยจ้าเมียจ๋า พี่ไม่เค๊ยไม่เคยยุ่งกับเขาเลยนะ” เสียงสูง มีการเสียงสูงตอบแบบนี้ ไว้ใจไม่ได้

“แน่ใจ........” มือบางบิดหูแรงขึ้นเพื่อเค้นความจริงออกมา

“โอ๊ยๆๆๆ สองจ้าสองครั้ง แค่ใช้ปากไม่เคยเข้าไปจ้า” ความรู้สึกจุกและเสียใจมันตีขึ้นมาจนมือไม้อ่อนแรง ใบหูถูกปล่อยจนหมอเสือร้อนใจรีบดึงร่างเล็กๆเขเมากอดไว้ ในขณะที่คุณสาวลากพาอีกคนออกไปขากห้องพร้อมปิดประตูให้

“โอบ โอบจ๋า พี่ไม่เคยนอกใจโอบนะ กันคนนั้นอาจจะเคยเกิดขึ้นจริง แต่นั่นก็ก่อนพี่จะเจอโอบ”

“......” โอบอุ้มยืนนิ่งไม่เครื่อนไหว มีเพียงลมหายใจและน้ำตาที่ไหลรินออกมา

“พี่มีแค่โอบอุ้มคนนี้คนเดียวนะครับ มีแค่เมียคนเดียว ที่น้องโอบเห็นพี่กำลังตรวจเขา”

“แล้วทำไมต้องครางจนดังลั่นห้องขนาดนั้น” ถ้าเขาได้ยินคนอื่นหรือจะไม่ได้ยิน

“ไม่รู้สิ เขาคงต้องการยั่วพี่ล่ะมั้ง”

“....” โอบอุ้มเม้นปากแน่น นึกขุ่นเคืองในใจกับเรื่องแบบนี้

“แต่ไม่มีใครน่ารักน่ากอดเท่าน้องโอบแลเวล่ะ”

ฟอด!!!!

“ไม่มีใครหอมเท่าเมียพี่ด้วย ไม่เชื่อลองจับดูสิ” เขาถูกหมอเสือคว้าข้อมมือไปจับกลางลำตัวที่กำลังโป่งพอง ก่อนหน้านี้ที่ลำตัวเขาสัมผัส ไม่เห็นรู้เลยว่ามันตื่น

“เห็นไหม.......มันตื่นก็เพราะโอบนะครับ”

“อย่ามาพูดดี หมออาจจะขึ้นเพราะเขาแต่มาโบ้ยให้ผมก็ได้ใครจะไปรู้” ของแบบนี้มันเชื่อยากจะตาย

“งั้นให้พี่ทำไหมจะได้รู้ว่าพี่เรียกชื่อใครเวลาคราง”

“ไม่ อื้อ!!!!”

คุยกันทีไรทำไมชอบงกมาจบที่เรื่องนี้ทุกที เขาไม่เข้าใจเลย สรุปแล้ว หใอก็ทำให้ผมเห็นว่า ปากหมอไม่ว่าง และเวลาครางก็มักจะครางชื่อเขา แล้วไงล่ะ เจาก็เสียพลังงานต้องให้หมอเสืออุ้มกลับแถมตลอดทางยังโดนเพื่อนๆหใอแซวอีก ชีวิตอันสุขสงบของโอบอุ้มไปไหน ฮื่อ....อยากกลับไปตอนยังไม่เจอหมอจัง ผมจะได้นอนพักอย่างสบายใจบ้าง ไม่ใช่แบบนี้

“อ๊า หมอ พอ อื้อ แล้ว อ๊ะ!”

“อีกรอบเดียวนะครับ อีกรอบเดียว ซี๊ด เมียพี่รัดแน่นจังเลย อ๊า” ผมก็ยังคงไม่ได้พัก เช่นเดิม




      แถมท้ายเรื่อง

   พิมพ์พากดโทรออกหาเบอร์ที่คุ้นเคยแต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเสียงสัญญาณตอบกลับมาว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง นี่มันก็ตั้งหลายวันแล้วนะ ทำไมถึงยังติดต่อไม่ได้อีกล่ะ ความกังวลใจและเป็นห่วงเริ่มทำให้สมองของเธอคิดไปต่างๆนาๆ หรือโอบจะเกิดอุบัติเหตุ หรือโอบจะมีปัญหา เมื่อเริ่มคิดไปไกลมือบางยิ่งพนายามติดต่อหาโอบอุ้มอีกครั้ง จนในที่สุดก็ติดเสียที
 
‘ฮัลโหล....’

“ไอโอบ!! เกิดอะไรขึ้นวะ มึงอยู่ไหน ทำไมปิดเครื่อง!!” คำถามดังขึ้นจากปากเล็กๆไม่หยุดหย่อน

‘เอ่อ.....พิมพ์ โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วง พอดีกูมีปัญหานิดหน่อยน่ะ’

“ปัญหาอะไรวะ ให้กูช่วยไหม” เธอเองพอกลับจากแอลเอก็รีบติดต่อไปทันที แต่กลับได้ยินแค่เสียงฝากข้อความเท่านั้น ยิ่งข่าวลือที่ว่ากันว่าคลินิกมารักษ์จะไม่ยอมให้ข้อมูลรั่วไหล เพราะภ้าหากว่ามีคนยำเรื่องไปเผยแพร่จะถูกฟ้องร้องเป็นเงิน10ล้านบาท

‘ไม่ๆ ไม่มีอะไรแล้วตอนนี้ อ๊ะ!!’

“อะไร!! เกิดอะไรขึ้น” เสียงแปลกๆทำให้พิมพ์พาร้อนใจ

‘ปะ เปล่า อื้อ // ก็บอกเพื่อนไปสิครับว่าอยู่กับแฟน’ พิมพ์ที่ได้ยินนิ่งจนตาค้าง โทรศัพท์เครื่องแพงเกือบหลุดจากมือ ใบหน้าหวานแดงซ่าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร

“มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ ไอโอบ ใครวะแฟนมึง” แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เวลา แต่ตวามอยากรู้สั่งให้ปากเอ่ยถามออกไป

‘พี่เขาเป็นหมอ อื้อ หมอ หยุดก่อน’

“หมอที่ไหน กูรู้จักไหม เดี๋ยวนะ หระ หรือว่า.......”

‘ชะใช่ อ๊า หมอ อยะ เพิ่งสิ อ๊ะ ติ๊ด’ สายถูกตัดไป แต่สิ่คำถามในใจของเธอถูกตอบจนหมดแล้ว

“กะ กรี๊ด!!!!!!!! ไอโอบมีผัวแล้ว กรี๊ด!!!!!!”

“อะไรไ เกิดอะไรขึ้น” สามีของเธอเดินออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาตัวเอง

“พี่คีย์ ไอโอบมันมีผัวแล้วพี่!!!”

“หา!!!” คีย์อ้าปากค้าง ก็รู้อยู่หรอกว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น ก็แม่ภรรยาตัวดีของเขาดันเอาเพื่อนตัวเองไปจิ้นกับหนุ่มหลายๆคนตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่ใครจะไปคิดว่า จะเป็นแบบนั้นจริงๆ

“โอ๊ย!!! แบบนี้ต้องเอาไปเขียนนิยายต่อ หึหึ พวกรีดเดอร์ต้องชอบแน่ๆ น้องโอบอุ้มกับคุณหมอ ฟินค่า!!!” เอวัง คีย์ได้แต่ยืนไว้อาลัยให้กับชีวิต หวังเพียงว่าแม่ตัวดีของเขาคงไม่เอาเขาไปติ้นกับใครนะ กลัวเหลือเกินว่าสักวันจะกลายเป็นเขาอีกคนที่มีแฟนเป็นผู้ชาย
 
 
 




The End
[/b][/size]





   
                โอ๊ย ถ้าจะแซ่บขนาดนี้ แมวจะลบหนูโอบทิ้งแล้วใส่พานถวายตัวเองเข้าไปแทน แมวอยากได้ ดิ้นด้วยความไม่พอใจ งื้ออออ ขอโทษที่หายไปนะคะ แต่แมวไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ แมวต้องมาต่อจนจบเก้าห้องแน่นอน ทุกคนก็อย่าทิ้งแมวกันนะค๊า พลีส
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2018 17:48:13
 :haun4: :haun4: :haun4:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 26-03-2018 20:22:52
อิจฉาหมอได้ไหม น้องโอบน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-03-2018 21:33:15
ชอบคู่นี้  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-03-2018 04:38:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 30-03-2018 23:40:14
 :pighaun:  :pighaun: รอห้องต่อไป.  :haun4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 31-03-2018 08:59:31
ตายๆๆๆๆคุณหมอแต่ละคนเลือดหมดตัวแล้วค่ะะะ รอติดตามห้องตรวจห้องต่อไปค่ะอยากรู้ว่าจะแซ่บแค่ไหน :pighaun:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 03-04-2018 22:18:58
คุณหมอคลินิกนี้โซฮ็อตกันจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: MonsterYY ที่ 06-04-2018 20:55:07
อยากเจอหมอห้องต่อๆไปแล้วสิ จะแซ่บ :hao6:เท่าสี่ห้องนี้หรือเปล่า :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 09-04-2018 23:56:32
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 13-04-2018 15:06:53
ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์
           






           มนุษย์เรามักจะมองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ และเพราะเราเอาแต่มองจึงไม่เคยเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ผมชื่อสองเป็นน้องชายของพี่สามและมีน้องสาวอีกหนึ่งคน น้องสาวผมเธอชื่อหนึ่งส่วนใหญ่เธอจะไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ช่วงนี้ผมเห็นว่า น้องหนึ่งมักจะไปหาเด็ดข้างบ้านเสมอ แถมพี่ชายตัวดีของผมเองก็ไปกับน้องด้วย ผมได้แต่แปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมเขาทั้งสองไม่บอกผม ไม่ชวนผมไปบ้าง ผมจึงแอบตามเขาไปเพื่ออยากจะรู้ว่าเด็กคนนั้นที่แย่งพี่ชายและน้องสาวผมไป หน้าตาจะเป็นอย่างไร

“พี่ฉามมาแย๊วววววว!!!” ร่างเล็กๆของเด็กตัวน้อยที่แก้มแดงปลั่งกับตากลมโตและปากจิ้มลิ้มที่ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจนั้น สะกดสายตาของผมที่แอบมองอยู่หลังต้นไม้จนเผลอใจเต้น เด็กอายุเพียงสามขวบตรงหน้าดูจะมีอิทธิพลกับหัวใจของผมเสียเหลือเกิน ใครกัน นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของผม

“อ้าว สาม!! มีอะไรหรือเปล่า” ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวเข้ามาเมื่อไหร่ รู้แค่ว่ารอยยิ้มเมื่อครู่หายไปแล้ว มีเพียงสีหน้าสงสัยเท่านั้น

“เอ่อ ปละ เปล่า นี่ใครครับพี่ ใครอ่ะหนึ่ง”

“นี่พี่บ๊าด พี่บ๊าดใจดี ให้หนึ่งกินหนมด้วย” เจ้าหนึ่งยิ้มจนแก้มปริดูปลื้มกับเพื่อนใหม่สุดๆ

“งื้อ พี่ฉาม ใคร ใครอ่ะ” คนตัวเล็กหลบหลังพี่สามเอ่ยถามอย่างสงสัย

“นี่สองครับ สองเป็นน้องชายของพี่เอง สองนี่น้องบาส” ผมกวาดตามองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความสนใจ ใบหน้าเล็กยิ้มกว้างเมื่อมือของพี่สามลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู

“น้องฉอง น้องฉอง นี่พี่บ๊าดน๊า” ผมได้แต่ขำในความน่าเอ็นดูของบาส มีแต่พี่สามที่ส่ายหัวน้อยๆ

“ไม่ใช่นะตัวแสบ เราน่ะต้องเรียกพี่เขาว่า พี่สอง ส่วนบาสน่ะเป็นน้อง”

“อ๋อๆ น้องบ๊าด พี่ฉอง ป๋มจำได้ฮับ”

“ดีแล้วครับ.....”

ตั้งแต่วันนั้นผมและพวกพี่น้องก็มักจะไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ พี่สามเอ็นดูและดูแลน้องบาสดีจนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมหรือน้องบาสกันแน่ที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมา ทุกวันที่ไปเรียนผมมักจะเห็นพี่ชายตัวเองซื้อขนมเจ้าอร่อยมาเก็บเอาไว้ ถามทีไรก็ไม่ยอมให้ผมกิน จนพอเลิกเรียนกลับบ้าน ผมจึงได้รู้ว่าที่แท้ ขนมที่พี่สามซื้อมาก็เพื่อเอามาฝากน้องบาสนั่นเอง เจ้าตัวแสบที่ได้รับขนมยิ้มแก้มปริแถมกระโดดกอดพี่สามเสียแน่นจนผมนึกอิจฉา ร่างกายเล็กๆนั่น ถ้าได้กอดบ้างก็คงดี น้องบาสชอบขนมสินะ ดีล่ะ ผมจะซื้อมาฝากน้องบ้าง

“บาสครับ” น้องหันมามองผมพร้อมกับยิ้มหวานก่อนจะวิ่งตรงมาหาผมทันที

“คร๊าบบบบบ”

“พี่ซื้อขนมมาฝาก อยากได้ไหมครับ หืออออ” ผมเก็บความตื่นเต้นเอาไว้แทบไม่ไหว เมื่อเห็นแววตาตื่นเต้นของน้อง

“อยากครับๆ บาสชอบขนมที่สุดเลย” พี่ก็ชอบครับ.......ชอบน้องบาสน่ะ

“ถ้างั้น.......ทำไงก่อน” ผมย่อตัวลงเพื่อรอการตอบแทนจากน้อง แต่กลับได้สิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน

“ขอบคุณคร๊าบ” น้องยกมือไหว้ผมที่ยิ้มค้างอยู่ที่เดิม ฮ่าๆ น่ารักจริงๆ

“ไม่ใช่สิครับ มาๆ มากอดพี่สองก่อนนะ”

“ทำไมอ่ะ” เอ่อ ทำไมเหรอ เพราะ เพราะอะไรดีวะ

“เพราะว่า......พี่เดินไปซื้อมาเหนื่อยมากไงครับ เลยอยากได้อ้อมกอดจากน้องบาส”

“โอเคคร๊าบ กอดน๊า” น้องโผเข้ากอดผมจนเต็มอ้อมแขน กลิ่นหอมๆของน้องแตะจมูกจนผมเผลอสูดดมมันเข้าไปจนสุดปอด หอม น้องตัวหอมมาก

“คิกๆ พี่สองอย่าจิ บาสจั๊กจี้”

“อ่า ขอโทษครับ นี่ขนมนะครับ” ผมเผลอ เผลอกดจมูกลงไปที่ซอกคอหอมๆนั่น ยังได้กลิ่นไม่พอเลย กลิ่นหอมของเด็กอายุ8ขวบ มันทำให้ร่างกายที่เริ่มโตของผมเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งๆที่อยากคุยกับน้องต่อแท้ๆ

“ขอบคุณมากครับ บาสจะกินๆ กินให้หมดเลย เย้” น้องรับขนมแล้ววิ่งออกไปไกลจากผม ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว ผมกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะเผลอ ทำน้องบอบช้ำ

กลิ่นหอม ยังติดอยู่สินะ

ผมยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวของน้องติดอยู่ขึ้นมาสูดดมอีกครั้ง หอม หอมจริงๆ กลิ่นน้องมันช่างยั่วยวนอารมณ์ผมจริงๆ ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำในห้องนอนของตัวเอง จัดการปลดกางเกงออกเล็กน้อยให้สามารถพาลูกชายที่พองตัวของผมออกมาได้

“อื้อ น้อง อา”

ผมจินตนาการถึงหน้าน้อง กลิ่นที่ติดอยู่กับเสื้อช่วยให้ผมนึกมันออกได้ไม่ยากเลย มือเร่งสาวในขณะที่ภาพในหัวผมกลับเห็นน้องกำลังกินตัวของผมเข้าไปในปาก อมมันเข้าไปจนสุด

“อา ซี๊ด บาสครับ อื้อ อ๊า”

 ผมมองคราบขาวที่ล้นทะลักออกมาจากรอยหยักของตัวเองด้วยแววตาว่างเปล่า อยากกอดน้องจัง อยากจะจับน้องนอนลงบนเตียง อยากถอดเสื้อผ้าน้องออกแล้วดอมดมไปทั่วทั้งตัว อยากได้กลิ่นมากกว่านี้ ผม.....อยากรักน้องแรงๆ
         


      ผมเรียนอยู่ม.5ตอนที่พี่สามเข้ามหา’ลัย แม่กับพ่อดีใจมากตอนที่รู้ว่าพี่สามสอบติดหมอ และเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่า ไม่มีวันสอบหมอแน่ๆ เพราะพี่ผมเรียนหนักมา แถม.....มันทำให้น้องเหงาที่ไม่ได้เจอมันอีก จนวันหนึ่งที่ผมกำลังอยู่ในห้องตัวเอง เสียงครางของคนสองคนดังออกมาจากห้องของพี่สาม มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเสียงที่ว่า ไม่ใช่ของผู้ชายสองคน ผมเดินไปที่ประตูห้อง แง้มมันออกเพื่อจะดูให้เห็นกับตาว่าพี่สามพาใครเข้ามาในห้องกันแน่ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้ผมช็อค พี่สามกับน้องกำลังบรรเลงบทเพลงรักกันอยู่ ถึงแม้ที่ผมเห็นจะเป็นเพียงแค่การออรัลให้น้องก็ตาม ผมถอยห่างจากประตูอย่างอึ้งๆ บอกตัวเองว่ามันไม่จริง ผมเพียงแค่ตาฝาดไป แต่เสียงที่ยังคงดังออกมามันทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ ผมรู้ดีว่าพี่สามรักน้องขนาดไหน พี่สามก็รู้ดีว่าผมรักน้องแค่ไหน เราสองคนต่างรู้กันและกัน แต่สิ่ฃที่ผมไม่รู้คือ ใจของน้อง แต่วันนี้ผมรู้แล้ว การที่น้องยอมให้ทำแบบนั้น น้องต้องมีใจให้พี่สาม

ไม่!!!! มันต้องไม่เป็นแบบนั้น

ในใจผมขัดแย้งกัน สมองสั่งการให้พิสูจน์นั่นคือทุกอย่างที่สอนผมให้รู้ว่าอันไหนคือความจริง ใช่ ถ้าไม่พิสูจน์ผมไม่มีวันยอมรับ บางทีพี่สามอาจจะแค่ล่อลวงน้องมา น้องยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ มันต้องเป็นแบบนั้น พี่สามเดินออกมาจากห้องมองผมอย่างตกใจ หึ!! คงไม่คิดละสิว่าผมจะยืนอยู่ตรงนี้

“พี่ทำอะไรวะ” พี่สามหลบตาผม ไม่ยอมมองหน้าผมสักนิด

“สองมีอะไร”

“ผมถามว่าพี่ทำอะไรน้อง!!” ผมได้รับเพียงแค่เสียงถอนหายใจ ก่อนที่สายตาคมของพี่สามที่ฉายชัดความแน่วแน่จะหันมามองผม

“พี่จริงจัง!! พี่ชอบบาส และพี่จะไม่ยอมถอย” ผมกำหมัดแน่น ใจจริงอยากจะชกพี่สามสักครั้งให้สาสมกับที่ทำให้ใจผมเจ็บ แต่ผมก็ทำไม่ได้

“มันไม่แฟร์ พี่แม่ง.....ไม่แฟร์เลย” ผมเจ็บ จนไม่อยากจะยอมรับ พี่สามขี้โกง ผมเองก็จริงจังกับน้อง

“เฮ้อ......แล้วสองจะเอายังไง”

“ผมไม่ยอมรับ ไม่เชื่อหรอกว่าน้องจะรักพี่สาม น้องต้องรักผมแน่ถ้าน้องได้อยู่ใกล้ๆผมมากกว่าพี่!” มันต้องเป็นแบบนั้น ผมมั่นใจ

“ถ้าสองคิดแบบนั้น ก็เอาสิ” ผมมองหน้าพี่สามอย่างไม่แน่ใจว่าจะเชื่อได้ไหม พี่สามนะเหรอจะยอมให้ผมอยู่ใกล้ๆน้อง

“นี่พี่....”

“ครับ พี่จะถอยออกมาให้ แต่......” เมื่อเห็นว่าผมแสดงความดีใจออกมาพี่สามก็ขัดขึ้นมา

“แต่อะไรครับ” นาทีนี้ จะอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น

“พี่จะยอมถอยออกมาแค่ช่วงเวลาที่พี่เรียนอยู่เท่านั้น แต่จากนั้น......มันเป็นเวลาของพี่!!” ผมไม่สนใจหรอกว่า จากนั้นมันจะเป็นเวลาของพี่สามหรือเปล่า เพราะผมมั่นใจเลยว่า น้องจะต้องยอมรับผมเข้าไปในหัวใจแน่นอน

“หึ.....ได้เลย”

ทุกอย่างมันเหมือนจะดี พี่สามเดินกลับเข้าไปด้านในด้วยแววตาว่างเปล่า แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก เพราะตอนนี้ มันจะเป็นเวลาของผมที่จะอยู่กับน้อง สายตาของผมเห็นพี่สามที่กำลังแต่งตัวให้น้อง จูบซับไรผมอย่างหวงแหน ใบหน้าที่หลับพริ้มช่างน่ารักแต่แค่ไม่นานพี่สามก็อุ้มน้องขึ้น ผมรู้ดีว่าเห็นแก่ตัว แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยน้องไปโดยไม่พยายามอะไรเด็ดขาด น้องต้องรักผมแน่ พี่คอยดูได้เลย พี่สาม!!!!!



        แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมหวัง พอพี่สามเอาแต่เรียนจนไม่มีเวลา น้องก็ยิ่งเงียบแววตาฉายชัดถึงความเศร้าใจ ตอนแรกน้องเพียงถามหา พอนานวันเข้าน้องแทบไม่อยากจะคุยกับใครเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผิด เหมือนความรักของผมทำให้น้องต้องเจ็บปวด แม้ผมจะซื้อขนมมาให้เท่าไหร่น้องก็ไม่เคยยิ้มรับด้วยความดีใจเลยสักครั้ง ตะมีเพียงรอยยิ้มตามมารยาทและคำขอบคุณที่ออกมาจากปากเล็กๆเท่านั้น ใจผมปวดร้าวไปหมด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมันจะทำให้น้องต้องทรมานขนาดนี้ ผมเคยแวะไปหาพี่สามครั้งนึง ตัวพี่สามเองก็โทรมจนผมแทบไม่เชื่อสายตา ข่าวจากเพื่อนๆพี่สามเขาว่า พี่สามไม่ไปไหน ไม่เที่ยวที่ไหน ไม่สนใจใครเอาแต่หมดตัวอ่านหนังสือทั้งคืน วันไหนว่างก็เพียงแค่มานั่งคุยกับเพื่อนๆเท่านั้น ทั้งๆที่สาวสวยเยอะแยะมากมายมาชอบพอ แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจจะสานสัมพันธ์กับใคร ราวกับว่า กำลังอดทนรอบางสิ่งอยู่ เพียงแค่ได้ยินใจผมก็หายวาบ อาการของพี่สาม มันช่างเหมือนกับน้องเสียจริง ผมเดินกลับบ้านทั้งๆที่เหม่อลอย คิดวนเวียนไปแต่เรื่องเดิมๆ

 ถ้าหากว่า......วันนั้นผมไม่เรียกร้องออกไป

 ถ้าหากว่า......ผมตัดใจตั้งแต่เห็นภาพนั้น

 ถ้าหากว่า......ผมยอมรับความจริง พี่สามกับน้องในวันนี้ ก็คงจะรักกัน

 ทุกอย่าง มันเป็นเพราะความเห็แก่ตัวของผม

ปี๊น!!!!!!!

“ระวัง!!!” เสียงและแรงดึงผมให้รอดพ้นจากรถคันใหญ่คือใครผมไม่ได้มองหรอก เพราะแค่พอรู้สึกตัว ตัวผมก็สั่นไปหมด กลัว ใช่อาจจะใช่ แต่เพราะอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขาต่างหากที่ทำให้ผมอ่อนแอจนปล่อยให้น้ำตารินไหล มือของคนที่เพิ่งช่วยชีวิตผมไว้ลูบประโลมศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา เขาปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมองเขาแบบไหน

“ฮึก ฮืออออ”

ยิ่งผมร้องไห้มากเท่าไหร่ อ้อมแขนที่กอดรัดเอาไว้ก็ยิ่งแน่นขึ้น ความอบอุ่นของเขาแผ่ซ่านไปจนทั่วทั้งตัว หัวใจของผมปล่อยแล้วทุกอย่าง ความอัดอั้นที่กักเก็บมานานละลายจนกลายเป็นสายธารที่รินไหล พี่สามครับ น้องบาสครับ สองของโทษ

“โอเคแล้วใช่ไหม”

ฟืดดดดด!

“ครับ ขอโทษนะครับ ขอบคุณมากครับพี่วิน” ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่กับผ้าเช็ดหน้าของพี่วินที่เขาส่งมาให้ผมเช็ดน้ำตา

“ไม่เป็นไร......แล้วนี่ ตกใจขนาดไหนถึงร้องไห้หนักแบบนี้” ผมมองพี่วินเพื่อนพี่สามก่อนจะหลบสายตาไป ไม่กล้าบอกความจริงว่า ผม......เป็นคนทำให้พี่ชาย กลายเป็นคนไร้หัวใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเองเหลือเกิน ทำไมผมถึงทำเรื่องเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะผมดึงดัน เพราะผมมันดื้อด้าน ทั้งหมดมันเป็นเพราะผม
โอ๊ย เจ็บชะมัด

“กัดปากตัวเองทำไม มีอะไรพูดกับพี่ก็ได้นะ” ผมสบตาที่ทอดมองมาด้วยแววตาห่วงใย ผมซาบซึ้งใจ ที่พี่วินเป็นห่วงแต่เรื่องนี้ จะให้พูดไป มันก็คงไม่ได้

“เปล่าครับ ผมสบายดี” เก็บเอาไว้ในใจคนเดียวคงดีกว่า ถ้าผมพูดไป พี่คงจะเกลียดผม

“อย่าคิดมาสิ ไม่ว่าเรื่องอะไร แค่สองเล่า พี่ก็พร้อมจะฟัง” พี่วินกุมมือผมเอาไว้ สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความห่วงใยจริงๆ ผมเคยได้รับสายตาแบบนี้ ตอนที่พี่สามยังอยู่บ้าน ตอนที่พี่สาม ไม่ได้ยกน้องให้ผม

“ผมทำเรื่องเลวร้าย มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผม ถึงทำให้เขาทั้งสองคนเจ็บ” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก ทั้งๆที่ขอบตาร้อนผ่าว

“เล่ามาเถอะ ถือว่าระบายมันออกมาบ้าง ต่อให้มันร้ายแรง พี่จะช่วยหาทางแก้” ยิ่งพี่วินดีกับผมเท่าไหร่ อาการจุกอกมันก็มีมากขึ้น ความผิดของคนเห็นแก่ตัว มันช่างทรมานเหลือเกิน

“ผม......ชอบน้องข้างบ้านของตัวเอง”

“ครับ.......แล้ว” เสียงพี่วินเบาลงแต่ผมกลับไม่ได้สังเกต

“พี่สามเอง ก็ชอบน้องเขาเหมือนกัน” ผมกัดปากระงับอาการสั่นของตัวเอง แค่พูด น้ำตามันก็รื้อขึ้นมาแล้ว

“.....”

“แต่ผมมันเหี้ย ผมมันเห็นแก่ตัว ผม.....ทำให้พี่สามต้องถอยห่างจากน้อง”

“หมายความว่าไวครับ ทำไมสามถึงถอยห่างจากน้อง”

“เพราะผม......บอกพี่สามว่า มันไม่แฟร์”

“.....”

“ผมนึกว่า ผมจะสามารถเปลี่ยนใจน้องได้ ผมนึกว่าแค่ไม่มีพี่สามน้องจะหันมารักผม” ทุกอย่างตรงหน้ามันพร่าเลือน ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ผิวแก้ม รสชาติของมันเค็มจนขม

“แล้วเป็นยังไงครับ น้องเขารักสองหรือเปล่า”

“ไม่ ไม่เลยครับ น้องแทบไม่พูดกับใคร น้องเอาแต่เงียบ เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ผม ผมมันเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมทำให้น้องกับพี่สามต้องเจ็บ” มือของพี่วินค่อยปาดไล่หยาดน้ำตาให้ออกจากแก้มของผมอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเหมือนยาที่บรรเทาความเจ็บปวดของผม

“คิดเสียว่า มันเป็นบทพิสูจน์ความรักของน้องกับไอสามมันก็แล้วกันนะครับ แค่สองคอยดูแลน้องห่างๆก็พอ”

“.....” มันจะพอจริงๆนะหรือ ผมมองพี่วินอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก

“แต่ยังไงก็ต้องบอกไอสามมันนะครับ และเรื่องนี้ องต้องเป็นคนบอกมันเอง”

“ครับ ผมจะบอกพี่สองเอง” ผมสูดลมหายใจลึกๆ ดีแล้ว ผมตัดสินใจถูกแล้ว ผมสมควรจะทำให้มันถูกต้องเสียที





>>>>>>>>มีต่อค่ะ<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 13-04-2018 15:35:10
>>>>>>>ต่อเลยนะคะ<<<<<<<<


       พี่วินไปส่งผมที่บ้าน ผมตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองจะทำให้มันถูกต้องซะที ความรู้สึกผิดในตัวผมจะได้หมดๆไป แม้ว่าจะเจ็บที่เห็นน้องเป็นของพี่สาม แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องเห็นคนที่ผมรักสองคนเจ็บเพราะผมคนเดียว แต่แค่ผมคิดจะทำ มันก็เป็นได้แค่สิ่งที่ผมคิดเท่านั้น

“คนนั้นเหรอครับที่สองกับไอสามชอบ” สายตาของพี่วินมองตรงไปยังเก็กชายหัวเกรียนในชุดนักเรียนที่ตอนนี้เดินเคียงข้างมากับสาวสวย

“ใข่ครับ.....สงสัยเขาจะมากับเพื่อน” ผมขมวดคิ้ว ทำไมผมไม่เคยเห็นเพื่อนน้องคนนี้กันนะ แต่พี่วินกลับยกยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องตลก

“หึ!! พี่ว่าคงไม่ใช่เพื่อนหรอกครับ ถ้าเป็นเพื่อนคงเป็นแค่ในห้องนอนแล้วล่ะ”

“ไม่จริง น้องไม่ใช่คนแบบนั้น” ถึงแม้ผมจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมดาของเด็กผู้ชายก็ตาม ภาพที่น้องโอบเอวสาวน้อยคนนั้นเข้าไปในบ้านยังติดตาตรึงใจผม มันน่าใจหาย แบบนี้แย่แน่ๆ แบบนี้.....มันจะมีทำให้พี่สามและตัวน้องเองเสียใจ

“ผมจะไปคุยกับน้อง!!” แต่ตัวผมกลับถูกพี่วินรั้งเอาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าให้ผมราวกับว่ามันเปล่าประโยชน์

“ไม่มีประโยชน์แล้วครับสอง ปล่อยให้น้องเรียนรู้โลกไปดีกว่า สองเข้าไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้น้องโกรธ เชื่อพี่สิ ให้ไอสามมันจัดการเองดีกว่า อย่างน้อยๆ เขาสองคนก็รักกัน”

อึก!!

เหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ คำพูดที่พี่วินพูดมันจริงทุกอย่าง ผมมันคนนอกพูดไปน้องก็คงไม่ฟัง รังแต่จะทำให้น้องเกลียดผม แต่กับพี่สาม ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่น้องคงจะฟังพี่สามมากกว่า เจ็บจนแทบไม่อยากหายใจ ผมหมดแรง แค่จะลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้านผมยังทำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนออกมาพี่วินถึงได้เอาแต่ลูบแก้มผมแบบนี้

“ให้พี่อุ้มไปส่งไหม”

หะ????

“อะ อะไรนะ” ผมแทบกัดลิ้นตัวเองตาย ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า แต่พอสบตาหวานของพี่วิน มันก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

“ให้พี่......อุ้มสองไปส่งดีไหมครับ”

“อะ เอ่อ เอ่อ”

“สัญญาเลยครับ ว่าจะส่งให้ถึงเตียง” บะ บะ บ้าไปแล้ว ผมขยับตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทำไมหน้าผมร้อนแบบนี้ละ

“ผะ ผม ผมไปเองได้ครับ ขอบคุณครับที่มาส่ง”

ผมรีบวิ่งลงจากรถไปในบ้าน วิ่งขึ้นไปบนห้องนอนตัวเองอย่างรวดเร็ว ไอพี่วินบ้า เล่นอะไรบ้าๆ

   ตึกตัก    ตึกตัก    ตึกตัก

ไอหัวใจไม่รักดี แค่เห็นเขาอ่อยก็เต้นซะแรงเลยนะ ใช้ได้ที่ไหน อย่าหวั่นไหวสิวะไอสอง แกชอบน้องไม่ใช่เหรอ อย่าถูกชักจูงง่ายๆสิ แต่ทำไมเตือนเท่าไหร่หัวใจก็ไม่ยอมฟัง สมองยังคงนึกแต่ภาพของพี่วิน ยิ่งสัมผัสแผ่วเบาที่แก้ม แค่นึกถึงผิวแก้มก็ร้อนแทบไหม้แล้ว

  โหดร้าย.........มาทำให้ผมหัวใจจะวายแบบนี้ได้ยังไง
     



จากนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับน้องอีกเลย น้องดูเฮฮาไม่เก็บตัวเหมือนเก่าจนผมแปลกใจ น้องเปลี่ยนไปมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่คุยกับผม น้องยังไปมาหาสู่ผมเสมอ เพียงแต่ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในบ้านผมอีกเลยแค่นั้น พี่วินเป็นตัวกลางคุยให้ผม ผมขอโทษและยอมรับผิดกับพี่สามไป แต่แทนที่พี่สามจะโกรธกลับเอาแต่ลูบหัวผมเหมือนจะปลอบใจ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมเล่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของน้องให้พี่สามฟัง พี่สามเพียงแค่ส่งเสียงรับในบำคอไม่พูดอะไรออกมาอีก สีหน้าที่เคยเศร้าหมองตอนนี้มีเพียงความครุ่นคิดที่ชวนให้สงสัยว่าอะไรที่พี่สามกำลังคิดอยู่ ทุกอย่างมันเหมือนจะดีแต่ก็ไม่สุด พี่สามยังคงเก็บตัวอ่านหนังสือเหมือนเดิมแต่ดีหน่อยที่ยังกลับบ้านบ้าง ทุกครั้งที่พี่สามกลับมา สายตามักจะมองไปที่ข้างบ้านเสมอ ผมเคยคิดว่าตัวเองรักน้องมากกว่า แต่พอได้ปล่อยน้องไป ยอมรับความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมกลับไม่ได้เจ็บอย่างที่กลัว พอลองมองย้อนดูแล้ว ถ้าผมกล้าในวันนั้นที่จะยอมรับความจริง พี่สามกับน้องก็คงจะรักกันไปแล้ว



แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ......



“พี่จะพกพี่วินมาทำไมวะ” ผมกระซิบถามพี่ชายตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ

“เอ้า......ก็มันอยากมา”

อยากมาก็มา บ้านกูเป็นสวนสัตว์เหรอวะ

“แล้วจำเป็นต้องให้มาไหมพี่”

“ชู่!! อย่าเสียงดังดิ เดี๋ยวมันได้ยินจะเสียใจเอานะ” ทำไมผมต้องไปกลัวด้วย

“ไม่เห็นจะกลัวเลย”

“หึ.....แล้วสองปิดปากทำไม” ผมชะงัก ไม่ได้ตั้งใจจะปิดปากซะหน่อย แค่เผลอไปเองเท่านั้น ผมได้แต่ขมุบขมิบปากบ่นไร้เสียงจนพี่สามต้องยกมือขึ้นเขกหัวผมด้วยความหมั่นใส้

“สองสบายดีนะ” ผมเหลือบมองใบหน้าหล่อของพี่วินที่มีรอยยิ้มประดับอยู่

“ครับ ก็.....สบายดี” จะไม่ดีก็ตรงที่พี่แม่งมานี่แหละ

“ดีแล้ว พี่เป็นห่วงมาตลอดเลย”

“หึหึ” พี่สามแม่งจะหัวเราะทำไมวะเนี่ย ใช่เรื่องตลกเหรอ

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร” รู้สึกร้อนๆที่ก้นจนอยากลุกหนียังไงไม่รู้สิ

“นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ พี่จะอุ้มไปดูแลที่บ้านแล้วนะเนี่ย”

 กะ กะ กรี๊ดดดดดดดดดดด อยากจะร้องให้บ้านแตก พี่วินมันบ้าไปแล้วแน่ๆ

“โอ๊ะๆ เหมือนกูจะไม่ควรอยู่ตรงนี้ มดแม่งเยอะฉิบหาย” ไหนมดพี่สามวะ ทำไมผมไม่เห็นสักตัว

“อย่าลุกเชียวนะ ไม่งั้นผมจะหาบาส” ได้แต่กัดฟันบอกพี่ชายตัวเองเบาๆ จับเสื้อของพี่มันไว้ไม่ให้ไปไหน

“อ๋อ.....ลืมไปว่ากูฉีดไบกอนไว้แล้ว” กลับลำเชียวนะไอพี่เวร ก็นึกภาพตามแล้วกันนะครับ ถ้าพี่สามลุกไป โซฟาก็จะเหลือแค่ผมกับไอพี่วิน และผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่าพี่มันต้องขยับมาแน่ๆ

“แล้วสองเรียนเป็นไงบ้างครับ ให้พี่สอนพิเศษให้ไหม ยังไงพี่ก็เรียนหมอ” เกี่ยวอะไรกับเรียนหมอวะ

“ไม่เป็นไรพี่ ครูที่โรงเรียนมีเยอะแยะ เดี๋ยวผมจ้างเอาก็ได้ จะไม่ได้ไม่ลำบากพี่ด้วย”

“เฮ้ย......พี่เต็มใจ เรียนกับพี่ครบสูตร ในตำราก็ดี นอกตำราพี่ก็เก่ง”

เดี๋ยวๆ กูคิดไปเองหรือเปล่าว่าประโยคมันแปลกๆ

“จริง!! ไม่เชื่อลองถามสาวๆในมหา’ลัยได้ เมียมันทั้งนั้น”

ป๊าบ!!!

“ไอสัสสาม!!!” ผมสะดุ้งกับเสียงฟาดฝ่ามือลงมาที่ไหล่พี่ชายผม แต่เหมือนหนังพี่สามจะหนาเกินมนุษย์เพราะนอกจากจะไม่ร้องโอเครวญแล้วยังหัวเราะอีก

“ฮะๆ” ตอบอะไรไม่ได้ก็หัวเราะแม่ง

“อย่าไปเชื่อมันนะสอง พี่เป็นคนรักใครแล้วรักคนนั้นแค่คนเดียว”

“อ่า ครับ ก็.....มันเป็นชีวิตพี่อ่ะ ไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ ฟันหญิงเป็นเรื่องปกติ ผมก็ทำ” อันนี้ผมพูดจริง หน้าตาผมก็ใช่ว่าจะไม่หล่อ พอไม่มีไอพี่สามอยู่ในโรงเรียน สาวๆในโรงเรียนจึงหันเหถ่ายเทใจมาทางผมซะส่วนใหญ่ไป

“แล้วอย่างพี่ มีสิทธิ์ฟันน้องไหมครับ”

“อุ แค่กๆๆๆ” ผมถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองจนแสบจมูกไปหมด ลำบากพี่สามมันต้องช่วยลูบหลังให้ทั้งๆที่ยังกลั้นขำเอาไว้

“ฮ่าๆ ไอสัส มุขมึงได้ กูชอบ” ไม่ถงไม่ถามกูเลย ไอพี่เลว

“มึงชอบแล้ว........”

“...???”

“น้องมึงจะชอบกูไหม”

เกลียด พี่แม่งกล้าและหน้าด้านมาก เกลียดความอ่อย เกลียดคำพูด เกลียดน้ำเสียง เกลียดพี่มันที่ทำให้ผมหน้าแดง เกลียดที่ทำให้ใจเต้นแรง ทั้งๆที่ไม่ควร




“วินลองทานนี้นะลูก แม่ลงมือเข้าครัวเองเลย” ผมนั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น มองดูภาพแม่ผมที่กำลังเห่อลูกชายคนใหม่จนออกนอกหน้า

“นั่นสิเจ้าวิน วันหลังมาบ่อยๆสิ พ่อกับแม่ค่อยจะอยู่บ้าน ถ้าว่างๆก็มานั่งเล่นนั่งคุยกับเจ้าสองมัน”

หะ???

“ไม่ต้องหรอกพ่อ แม่ ผมมีเพื่อนเยอะแย๊ะ!!!!!” เสียงสูงไว้ก่อนปลอดภัยดี แต่สายตาของพวหท่านที่มองมายังไม่เท่ากับสายตาไอพี่วินที่มองอย่างรู้ทัน

“ถ้าไม่รบกวนน้อง ผมก็อยากจะมาอีกครับ คิดเอาไว้ว่าจะมาช่วยติวให้อะไรแบบนี้”

“จริงเหรอลูก แหม.....เป็นคนดีอะไรแบบนี้คะ ขนาดตัวเองเรียนหนักยังนึกถึงน้อง” เออ เอาเถอะครับ เอาเข้าไป

“เบ้หน้าทำไมเจ้าสอง พ่อเห็นนะ” ก็ตาดีเกิ๊น แต่ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตากิน อยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่สมองเล็กๆกำลังหาวิธีอยู่

จริงด้วย!!!

“ไม่ได้หรอกแม่ พี่วินต้องสับรางรถไฟ ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่ ไม่เชื่อถามพี่สามสิครับ ใช่ไหมพี่”

“เกี่ยวไรกับกูวะ อุก!” ผมศอกใส่ท้องที่เต็มไปด้วยอาหารอย่างแรง

“ใช่ไหมพี่สาม!!!”

“เออๆ ใช่ก็ได้วะ”

“สับรางอะไรกัน เราทำงานพิเศษด้วยเหรอวิน” พี่วินมองผมตาวาววับก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆให้แม่ของผม

“เปล่าครับ ไม่ได้ทำ”

“หือว่าเราติดแฟน จริงสินะ เวลาก็ไม่คอยจะมี เราต้องไปอยู่กับแฟนสิ จะมาสอนเจ้าสองได้ไง ขอโทษทีนะ แม่ไม่รู้” หึ!! เข้าทางผมล่ะ

“ฮ่าๆ มีที่ไหนครับ มีแต่จีบๆอยู่นั่นแหละครับ” พี่วินหันมาสบตาผมอย่างสื่อความหมาย แต่ผมเลือกจะเบนสายตาไปที่อื่นมากกว่า

“ใครล่ะ อย่างเราต้องจีบด้วยเหรอ ถ้าเป็นแม่นะ แค่วินบอกว่าชอบแม่ก็ยอมเป็นแฟนด้วยแล้ว”

อึก! เหมือนถูกสะกิดด้วยคำพูด แต่คำพูดไม่เท่าสายตาพี่วินที่มองมาอย่างสื่อความหมาย แต่ผมมันไม่อยากตีความหมายนั้นไง เลยได้แต่เหล่มองแจกันข้างๆตัวแทน

“ไม่เป็นไรครับ กับคนนี้.......ให้รอทั้งชีวิต ผมก็ยอม” เกลียดความอ่อยของพี่วินมาก

“กรี๊ดดดดดดด คุณคะ เราหย่ากันเถอะ” เวร แม่ผมแย่แล้ว

“จะบ้าเหรอคุณ!! ห่ามนะวิน นี่เมียพ่อ” เอากับบ้านผมสิ ยังไงดีล่ะ จากที่เริ่มหน้าร้อนๆตอนนี้ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางของพ่อกับแม่มากกว่า พี่สามไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่มองออกไปทางหน้าต่างที่สะท้อนให้เห็นบ้านหลังสวยของใครบางคน แววตาที่หลากหลายอารมณ์ดูปะปนกันจนผมที่เห็นแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันฉายสิ่งใดชัดเจนที่สุด ครั้นผมจะถามออกไปก็ไม่ได้ กลัวจะทำให้พี่สามเจ็บกว่าที่เป็นอยู่ ทุกวันนี้เวลาจะพูดถึงน้องผมต้องกรองแล้วกรองอีกว่าควรไหม ว่าอันไหนต้องเงียบไว้ สถานการณ์ของพี่สามกับน้องดูย่ำแย่ ทุกวันนี้แค่เดินผ่านน้องยังไม่มองพี่สามมันเลยด้วยซ้ำ ขนาดว่าพี่สามยืนอยู่ข้างๆผมแท้ๆ น้องยังเลือกทักแค่ผมเท่านั้น

“แม่ครับ....”

“ว่าไงคะลูกสาม”

“สัญญาของแม่กับน้าฉาย มันยังอยู่ไหมครับ” ผมชะงัก สัญญาอะไรกัน??

“สัญญาอะไรอ่ะแม่”

“สัญญาที่ว่าจะให้น้องบาสแต่งกับพี่สามไงคะลูก” ทะ ทำไมผมไม่เห็นเคยรู้เรื่อง ผมได้แต่นั่งอ้าปากพะงาบๆอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครสนใจ

“ยังอยู่ไหมครับ”

“เอ.......”

“.........” แม่คิดอยู่สักพักใหญ่ โดยที่พวกผมนั่งรอฟังคำตอบนั้น

“อืมมม เหมือนว่าแม่กับน้าฉายจะพับมันเก็บไว้ชั่วคราวนะคะ ทำไมเหรอลูก” พี่สามยกยิ้มที่มันอาจจะดูหล่อ แต่ผมร็ดีว่ามันแฝงตวามชั่วร้ายเอาไว้

“ผมแค่ถามเอาไว้...”

“......”

“เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้น”

“.....”

“แม่จะได้ไปขอน้องให้ผมได้”

ทุกคนมองตามร่างของพี่สามที่เดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจจะอธิบายใดๆเพิ่ม ปล่อยให้ต่างคนต่างคิดไปกันเอง ผมหันไปมองหน้าแม่ที่นั่งเหวออยู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างไม่ถือสา เดี๋ยวนะแม่ พี่มันอาจจะไปฉุดคร่าน้องมาก็ได้ ไม่คิดห้ามหน่อยเหรอ ส่วนพ่อเอาแต่นั่งจ้องกับข้าวที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะราวกับชั่งใจว่าจะกินจานไหนดี พ่อครับ พ่อกินไปเลยครับ ทุกจานเลยก็ได้ครับ พอผมเบนสายตาก็ไปปะทะกับพี่วินเข้าพอดี ทำไมทุกครั้งที่ผมสบตาพี่เขาจะต้องแฝงไปด้วยความวับวาวอยู่เรื่อยเลย

“คุณแม่ครับ”

“ว่าไงจ๊ะลูกวิน” พี่วินยกยิ้มเอาใจแม่ผม

“ถ้ามีคนมาขอสอง แม่จะทำยังไงครับ” แม่ผมปล่อยเสียงหัวเราะราวกับมันคือเรื่องตลก เหรอ???

“แม่คงยกให้ฟรีๆ แถมรถให้หนึ่งคันด้วยมั้งคะ”

“แม่!!!!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ทำไมแม่ไม่หวงผมเลย น้อยใจ~

“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ ค่าสินสอดน้องจะเท่าไหร่ครับ” แม่ผมยังคงไม่รู้ตัว ยังสนุกราวกับว่าพี่วินพูดล้อเล่น ส่วนพ่อผมนั่งหรี่ตามองไปที่พี่วินอย่างต้องการวิเคราะห์

“ฮ่าๆ อย่างสอง ขอแค่มาขอ แม่เอาแค่สองล้านก็พอค่ะ” พี่วินยิ้มกว้างอย่างพอใจ มองผมด้วยสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย

“ถ้าอย่างนั้น แล้วผมจะมาใหม่นะครับ วันนี้คงต้องกลับไปคุยกับแม่ผมแล้ว”

“จ้า แล้วแวะมาอีกนะคะลูก” พี่วินยกมือไหว้แม่กับพ่อผม ก่อนจะหันมายกยิ้มให้ผม

“พี่ไปนะครับ แล้วจะมาให้เร็วที่สุด” ผมนั่งก้มหน้ากัดปากตังเองเอาไว้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่นั้น กลัวจะแสดงสีหน้าน่าอายออกไป จนพี่วินเดินออกไปแล้วผมถึงกล้าเงยหน้าขึ้น พ่อมองผมด้วยแววตาอ่านไม่ออก แต่รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของพ่อ ทำให้ผมร้อนรนแปลกๆ

“ผะ ผม ขึ้นห้องไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ” ผมรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยความอาย ใบหน้าเห่อร้อนจนไม่ต้องแตะก็รู้ดี

“คุณคะ วินถามเราแปลกๆหรือเปล่าคะ”

“ยังไงครับ”

“ก็....ลูกเราต้องไปขอสาวไม่ใช่เหรอคะ ทำไมวินถามเหมือนลูกเราจะแต่งออกไป”

“หึหึ อาจจะใช่ล่ะมั้งคุณ.....”

“.....” แม่สบตาด้วยความงุนงง

“บางที.....เราอาจจะได้ลูกเขยแทนก็ได้นะ ใครจะไปรู้” แค่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกันไล่หลังมาผมก็ยิ่งอายจนแทบมุดดินหนี พี่วินบ้า!! มาพูดอะไรบ้าๆแบบนี้ได้ไง
     



     หลังจากวันนั้นมา ผมก็ไม่ค่อยได้เจอน้องบาสเท่าไหร่ แต่คนที่ผมเจอบ่อยที่สุดก็คือพี่หมอวิน เพราะตั้งแต่วันนั้น พี่หมอวินก็แวะมาหาผม พาผมออกไปข้างนอกบ่อยๆ สาวนใหญ่ก็จะไปกินข้าว ดูหนังกัน แต่มันไม่ใช่การเดทนะ พี่เขาก็แค่ว่างแล้วบังเอิญผมก็ว่างเหมือนกัน เลยไปกับพี่เขาหน่อย มันก็บ่อยนะ ถ้าถามผม จะเรียกได้ว่า ถ้าพี่หมอวินไม่ติดเรียนก็มาอยู่กับผมมากกว่า ผมกับพี่หมอวินก็เป็นแบบนี้จนพี่หมอวินเรียนจบหมอแล้วตัดสินใจร่วมกันเปิดคลินิกกับพวกพี่สามนั่นล่ะ ผมรู้สึกห่างๆกับพี่หมอวินออกมา อาจจะด้วยว่าผมเองก็ต้องไปมหา’ลัย ชีวิตของผมมีเวลาน้อยลง ทำอะไรกับเพื่อนมากขึ้น มีรุ่นพี่รุ่นน้องแทนการมีพี่หมอวิน ถามว่าผมรู้สึกยังไง มันก็โหวงๆเนอะ คนเคยเจอกันมาก่อน มาวันนี้ไม่ค่อยได้เจอกันมันก็เลย วูบๆโหวงๆแปลกๆ สายตาผมมันก็มักจะมองหาร่างของพี่หมอวินแบบไม่รู้ตัว จนผมยังเคยถูกทักถามเลยว่า รอใคร

หึหึ.......นั่นสินะ ผมรอใครกัน

ขนาดผมที่นั่งรอยังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังรออยู่ แล้วเขาจะรู้ไหม ความเคยชินกลายเป็นความไม่ชิน พี่หมอวินแค่เดินเข้ามาแล้วหายไป มันไม่เห็นมีอะไรยาก แต่ทำไมกับผมมันถึงยากจัง แค่การจดจ่อกับสิ่งอื่นๆแค่นี้ ทำไมพี่หมอวินทำมันง่ายๆ แต่กลายเป็นผมทำมันไม่ได้ก็ไม่รู้ ตื่นมาทุกเช้ามองจอ เผื่อจะมีเมสเสจอะไรเข้ามาให้เห็นบ้าง แต่มันก็แค่หน้าจอที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่รูปของผมที่ยิ้มแย้มอยู่บนหน้าจอ

 เขาคงไม่มาอีกแล้วล่ะ

ผมคิดแบบนั้นจริงๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผมก็พอจะชินกับการไม่มีพี่หมอวินเข้ามาในชีวิตบ้างแล้ว ตอนนี้ผมเองก็จบออกมาทำงานของตัวเอง ฝากเตือนน้องๆที่คิดจะรัก อย่ารักจนลืมดูแลตัวเอง เรื่องหัวใจมันห้ามไม่ได้ แต่อย่าทำเรื่องที่วันพรุ่งนี้ต้องมานั่งเสียใจ ความรักของเราจะต้องไม่ทำร้ายใคร เพราะถ้ามันทำร้ายคนอื่นเมื่อไหร่ มันไม่ได้เรียกว่าความรัก มันจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวทันที ผมพูดจริง! ถ้าให้พูดมันก็คงยาว และคิดว่าน้องๆจะเกลียดผมเสียเปล่าๆ


 

    พี่สามกลับมาบ้านเสมอ แต่ผมจะเห็นสายตาที่ยังคงทอดมองออกไปยังบ้านหลังข้างๆไม่แปรเปลี่ยน ทุกครั้งที่เห็น ความรู้สึกผิดมันก็จุกอกผม น้ำตาแทบจะไหลอยู่รอมร่อ ผมเป็นห่วงเรื่องของพี่สามและน้องมาก บางครั้งยังคิดเลยว่าจะทำอะไรไถ่โทษ แต่ทุกครั้งที่คิด ภาพของพี่หมอวินก็มักจะผุดขึ้นมาในหัว คำพูดของพี่หมอวินเองก็ก้องดังอยู่ในใจ ปล่อยให้พี่สองจัดการเองดีกว่า ผมมันคนนอก รังแต่จะทำให้น้องไม่พอใจเปล่าๆ เผลอๆเรื่องมันอาจจะยุ่งมากขึ้นก็ได้ ช่วงนี้ไปทำงานผมได้ยินแต่คนพูดถึงเรื่องของคลินิกมารักษ์ ซึ่งผมจำได้ดีว่ามันเป็นคลินิกของพี่สามและเพื่อนๆที่เปิดด้วยกัน แต่คำพูดแต่ละคนนี่สิ ทำผมสงสัยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่

“ได้ยินว่าคลินิกมารักษ์เปิดรับรักษาเฉพาะโรคทางเพศล่ะ”

“ใช่ๆ ที่เด็ดกว่านั้นนะแก......”

“ทำไมย่ะ”

“หมอหล่อและอร่อยมาก” ผมเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อหูว่านี่คือการสนทนากันของสองสาวในชุดนักศึกษา

“ต๊าย พูดแบบนี้ แกได้กินแล้วเหรอ!!” สาวอีกหนึ่งคนเพียงยิ้ม สายตาเพ้อฝันไปไกล

“ฉันยังไม่ลืมเรื่องวันนั้นเลยล่ะ หมอไม่ใช่แค่หล่อนะคะ เก่งด้วย”

“จริงเหรอ!!! โอ้ยฉันอยากไปบ้าง!! ใครรักษาแกย่ะ”

“หมอกวินทร์ หล่อและอร่อยสุดๆ รับรองเลย”

!!!!

พะ พี่หมอวิน เหรอ มะ เมื่อกี้ เธอบอกว่า พี่หมอวิน เป็นคนรักษาเธอ

ผมเผลอกำมือตัวจนแน่น ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพียงแต่จู่ๆความไม่พอใจก็แล่นขึ้นมาก่อนที่จะถูกแทรกด้วยความผิดหวังที่จุกอยู่ภายในอก หึหึ.....ผมนึกแล้วเชียว นึกแล้วว่าอย่างพวกพี่ๆเจาจะเปิดคลินิกแบบนี้ทำไม สุดท้ายก็แค่แอ้มสาว ก็แค่ได้นอนกับใครก็ได้โดยที่ไม่ผิด นี่สินะงานที่ยุ่งของพี่หมอวิน นี่สินะสิ่งที่ดึงไว้ไม่มห้มาหาผม ตอนนี้ทุกอย่างมันกระจ่างแล้ว ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ ผมผิดหวังในตัวพี่หมอวินมาก และมันก็คงกลับมารู้สึกดีแบบเดิมไม่ได้ ผมมั่นใจ!!

๕๐%



TBC







          คนที่เกลียดหมอสามในห้องตรวจที่สอง แมวเอาปมมาแก้แล้วนะคะ น้องสองเองก็รักหนูบาสมากเช่นกัน เพราะฉะนั้น ความรักไม่ผิดนะคะ สิ่งที่ผิดคือการตัดสินใจ แมวไปไล่อ่านในห้องตรวจแรกของหมอทายมา ปรากฎว่าแมวใส่ชื่อหมอที่เข้าห้องมาเจอน้องกังหันผิดนั่นหมอสามนะคะ ที่ห้องตรวจมีเก้าห้อง ไม่มีหมอชื่อสอง แมวจะไปแก้ไขให้ค่ะ (ไม่มีใครท้วงแมวเลย โฮ~) และด้วยความที่ว่ามันเป็นเรื่องสั้นโน๊ะ มันเลยอาจจะถูกตัดจบแบบ เฮ้ย!!! ได้เหรอแก แบบนี้ก็ได้เหรอ ได้ค่าาาา ต้องได้ เดี๋ยวมันไม่จบ 555555555 จริงๆคือ ความรักมันอาจจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันกับใครก็ได้ในหลายๆสถานะการณ์(ซึ่งแมวยังไม่เคยมีรัก) อาจจะบรรยายความรักออกมาไม่สวยงามและคนอ่านของแมวอาจจะไม่เข้าใจที่แมวสื่ิอ สำหรับบางคู่แค่รู้ตัวว่ารักมันก็เพียงพอ สำหรับบางคน แค่รักก็สามารถให้อภัยได้ และสำหรับหลายๆคน การได้ครอบครองคนรักคือทุกสิ่งทุกอย่าง อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความสนุกนะคะ ติเตียนแมวได้เลยค่ะ แมวชอบ(อีโรคจิต!!!) แล้วแมวจะนำไปแก้ไข

ปล. ทุกคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจ แมวได้อ่านหมดนะคะ อ่านไปก็ยิ้มไปเหมือนคนบ้า สิ่งที่ทุกคนเขียนมา จะด่าตัวละคร จะว่าหมอ ได้หมดค่ะ เขียนมาเลย แมวจะนั่งขำสมน้ำหน้าหมอ เผลอๆจะร่วมด้วยช่วยกันปาขี้ใส่หน้าหมอด้วยเอ้า!!! ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบพระคุณมากนะคะ แล้วพบกันต่อในพาร์ทหลังเนอะ



Twitter : little_kittensY

Facebook : ขีดเขียนวาย by llมวน้oe หรือ นักเขียน ผู้ชื่นชอบวาย
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๕๐% UP. 13/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-04-2018 16:07:54
ตอนแรกเหมือนจะจริงจัง ทำไมพี่วินถึงทิ้งช่วงไป..เข้าใจคู่ของหมอสามกะบาสมากขึ้น รอ..ออออออ  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๕๐% UP. 13/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-04-2018 18:10:18
หมอวินเป็นอะไรทำไมไม่มาหาน้อง :m16:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๕๐% UP. 13/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 14-04-2018 09:28:47
จริงใจไม่จริงจังหรอหมอวิน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 14-04-2018 13:51:24
กลับมาแล้วเหรอพี่สาม เป็นไงบ้าง” ผมมองพี่ชายที่กลับเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนแรง

“เหนื่อยมาก ไม่ไหววะ พี่อยากพัก” เอาไงดี คาใจจัง เอาวะ ถามก็ถาม

“พี่สามผมมีเรื่องอยากจะถามครับ” สายตาของพืสามฉายแววสงสัย เพราะปกติแล้วผมไม่มาถามอะไรพี่สามแบบนี้หรอก

“ผมได้ยินจากเพื่อนที่ทำงานมาว่า....”

“......”

“คลินิกพี่เอ่อ แบบ ยังไงดีล่ะ เอาใหม่..”

“.......”

“พี่สามนอนกับคนไข้จริงหรือเปล่าครับ!!” ความนิ่งเงียบทำให้ผมเดาทางไม่ออก โกรธ เสียใจ หรือผิดหวัง ผมไม่รู้

“จริง...”

“พะ พี่ นี่พี่!!!”

“เฮ้ออ.......มันเป็นธรรมดานะสอง คนไข้ก็คือมนุษย์ มีเนื้อมีหนัง และพี่ก็เป็นปตุชน มีความต้องการเหมือนคนอื่นๆ”

“คนอื่นๆ ทึ่ว่า ใช่พวกเพื่อนๆ พี่ที่ร่วมกันเปิดคลินิกหรือเปล่า” ผมยิ้มเยาะตัวเอง

“สองถามพี่ว่า เหมือนไอวินหรือเปล่าน่าจะตรงกว่านะ” ผมหน้าชา เมื่อพี่ชายตัวดีจับได้ว่าผมอยากจะสื่ออะไร แต่คนอย่างผมไม่มีวันยอมรับอยู่แล้ว

“ผมไม่ได้อยากจะเจาะจงใครครับ ที่ถามเพราะเป็นห่วงเรื่องพี่กับบาสเท่านั้น แต่ดูท่าทาง คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง พี่ก็มีบรรดาสาวสวยหนุ่งน้อยน่าตาดีๆ มาให้เลือกเยอะแล้ว”

“.......”

“พี่คงไม่สนใจบาสแล้วล่ะ จริงไหม!” ไม่เคยสักครั้งที่จะอยากกระแนะกระแหนหรือจิกกัดพี่ชายตัวเอง แต่มันทนไม่ได้ สายตาและท่าทางบ่งบอกได้ชัดว่ารักน้องมาก แต่การกระทำกลับ.......

“เรื่องพี่กับบาส เป็นเรื่องของเราสองคน สองไม่ต้องมายุ่งหรอก”

“แต่น้องก็เป็นน้องของผมเหมือนกันนะ!! ถ้าพี่ไม่จริงใจ ก็ปล่อยน้องมันไป ทุกวันนี้ ไม่มีพี่สามน้องมันก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว พี่เองก็มีคนไข้ตั้งมากมายให้เลือก คงไม่จำเป็นต้องมีน้องหรอก” สาบานได้ว่าผมพูดไปเพียงแค่เพราะโมโหเท่านั้น แค่หงุดหงิดผมจึงพูดไม่คิด

“พี่ไม่ได้เห็นน้องเป็นที่ระบายนะสอง สองต้องแยกแยะคนที่รักกับของข้างทางด้วย” ของข้างทาง

“ก็รู้ว่ามันเป็นของข้างทาง พี่จะเก็บมากินทำไมวะ!!” พี่สามส่ายหัวกับคำพูดของผม หึ มันจริงใช่ไหมล่ะ

“พี่ว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ พี่ว่าสองไปคุยกับไอวินมันตรงๆ ดีกว่า” ผมสะอึก ชะงักไปวูบหนึ่ง

“ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่ที่ผมมาคุยกับพี่ เพราะพี่เป็นพี่ผม”

“สอง.......อย่าใช้อารมณ์ รอฟังมันก่อน”

“อย่างที่ผมบอก มันไม่มีอะไรที่จะต้องคุย เพราะงั้น ผมก็จะไม่คุย”

ผมเลือกที่จะเดินหนีเสียเอง ไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ ต่อจากนี้ ยอมรับว่าพี่สามมองผมทะลุจนต้องใช้อารมณ์โกรธมากลบเกลื่อน แต่ผมพูดจริง ที่บอกพี่สามไปว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก ถึงผมจะรู้สึกแย่ แต่ไม่มีวันยอมแพ้หรอกครับ ผมจะสู้ สู้กับหัวใจตัวเอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะเอาชนะหัวใจของผมเองไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าจะเอาชนะความเจ็บที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมไม่เชื่อ!!









 ผมเอาเวลาไปทุ่มเทกับงานของตัวเองทั้งหมดเพื่อที่สมองจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน ไม่ยอมให้ตัวเองมีเวลาว่างมานั่งเพ้อเจ้ออะไร สายโทรเข้ามากว่าสิบสายจากชื่อของคนๆ เดียว ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่สามคงไปพูดกับพี่หมอวินแล้ว ผมทำเพียงแค่ยกมันขึ้นมาดูบ้างเป็นครั้งคราวก่อนจะว่างมันเอาไว้ที่เดิมโดยไม่สนใจอีก บอกแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมไม่มีอะไรจะคุย ก็ดีครับ ทุกอย่างมันก็เรียบง่ายเลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่า คืนนั้นพี่สามโทรเข้ามาหาผมให้ผมรีบไปหา แต่พอไปถึง.......คนที่รอผมอยู่หน้าคลินิก กลับเป็นพี่หมอวิน ซึ่งผม.......ไม่อยากจะเจอเขาเลยสักนิด

“สอง.....”

ผมมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ให้เขารู้ว่าผมไม่อยากจะเสียเวลามองเขาด้วยซ้ำ ผมเดินผ่านตัวเขาไปด้วยความมั่นใจ ไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อน แต่ถ้าหากใครมานั่งเล่นในร่างกายผม คงต้องได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังและแรงบีบของหัวใจที่มันทำให้รู่สึกเจ็บ กระนั้น.....มือของพี่หมอวินก็คว้าแขนผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมเดินเข้าไปข้างในง่ายๆ

“สอง......พี่อยากคุยด้วย” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้แววตาของเขาสื่อความหมายอะไร เพราะผมไม่สนใจจะมองและรับรู้มัน เพียงแค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสแขนผมอยู่ตอนนี้ก็ทำให้ขอบตาแทบจะร้อนผ่าว

“ขอโทษนะครับ.......ผมรีบ” ทั้งที่ผมคิดว่าสะบัดออกอย่างแรงแล้วนะ แต่มันก็ไม่หลุดออกจากมือของพี่หมอวินอยู่ดี

“แต่พี่อยากคุยกับเรา” ผมถอนหายใจก่อนจะทำสีหน้าเรียบตึงมองอีกคนที่มีแววตาตัดพ้อส่งมาให้ผม เหอะ! ตลกน่า คนที่ต้องมีสีหน้าแบบนั้นมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ

“ผมว่าพี่คงไม่ได้ยิน ผมบอกว่าผมรีบ......ครับ”

“แค่แป๊บเดียวก็ได้ พี่อยากอธิบาย” ผมขมวดคิ้วทั้งๆ ที่ริมฝีปากเผลอยกยิ้มเยาะออกไป

“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการจะอธิบายอะไร” พี่หมอวินยืนนิ่ง อาจจะเพราะคิดไม่ถึงว่าผมจะแสดงออกไปแบบนั้น แน่ล่ะ.......ปกติผมทำหน้าแบบนี้ที่ไหน การขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ามันสวนทางกันไง มันเลยดูขัดแย้งกันจนไม่รู้ว่าควรจะคิดว่าผมรู้สึกแบบไหนอยู่ พอเห็นว่ามือของเขาผ่อนแรงลงไป ผมจึงดึงออกมาอย่างรวดเร็วและหันหลังเดินไปโดยไม่สนใจพี่หมอวินอีก ยอมรับว่าเจ็บ ยอมรับว่าที่เดินออกมามีแค่ฝีเท้าและตัวเปล่าๆ โดยที่หัวใจของผม.......ยังจดจ่ออยู่กับเขาไม่ห่างไปไหน มันไม่ยอมเดินตามผมมาเลยครับ นี่แหละหนา หัวใจไม่ยอมเชื่อฟัง

“พี่สาม! เกิดอะไรขึ้นครับ” พี่สามปรายตาไปยังร่างเล็กๆ ที่นอนสลบอยู่บนเตียง น้องบาส!!

“สอง....”

“พี่ทำอะไรน้อง!!!!” ผมแทบจะผวาเข้าไปหาน้อง แต่ก็ถูกพี่สามขวางเอาไว้

“พี่.......” ผมฟังพี่สามเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่มันไม่ได้ช่วยให้ความคุกรุ่นที่ระอุอยู่ในใจของผมลดลงแม้แต่น้อย พวกพี่สามเห็นเขากับน้องเป็นอะไร ของเล่นงั้นเหรอ จะมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ คิดว่าเขากับน้องไม่มีหัวใจเลยใช่ไหม ผมกัดปากที่สั่นระริกเอาไว้ น้ำตาปริ่มๆ จะไหลแต่ผมก็พยายามจะฝืน ทุกคำบอกเล่ามันล้วนแต่ทรมานแชะหดหู่หัวใจผมเหลือเกิน

“พี่สามทำแบบนี้ได้ไง สองผิดหวังมาก”

“มันเป็นของพี่ สองก็รู้ดี” ผมสบตาที่จริงจังของพี่สาม รู้ดี รู้ทุกอย่างว่าพี่สามมั่นคงกับน้องมาตลอด จริงใจกับน้องมาตลอด แต่ผมคิดว่า แผนที่พี่สามทำมันขึ้นมา มันดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป มันดูไม่ยุติธรรมกับน้องเลย ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเริ่มปัญหาทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากให้มันจบแบบนี้

หางตาของผมเห็นน้องขยับตัวตื่น ผมรีบขยับดันร่างของพี่สามออกให้ห่างไม่ยอมให้มาขวางผมได้อีก น้องบาสใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บจากเบื้องล่าง

“โอ้ย!!!”

“เป็นไงบ้าง อย่าเพิ่งรีบลุกสิ” พี่สามถลารีบไปพยุงน้องขึ้นมานั่งด้วยความเป็นห่วง เห็นแววตาผมก็พอจะรู้แล้ว แต่น้องกลับตวัดสายตาเขียวปั๊ดมามองด้วยความไม่พอใจ ไหนจะแรงสะบัดตัวออกจากความช่วยเหลือของพี่สามอีก เล่นเอาคนเป็นพี่ของเชาชะงักไปเลย

“ปล่อย!! อย่ามาจับ!!”

“อย่าดิ้นมากสิครับ เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิมหรอก” ยังเนียนไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้อีก ผมจึฃต้องแทรกเข้าไปกลางวงเพราะเป็นห่วงน้องเหลือเกิน

“พี่สามถอยไป!! สองจะพาน้องกลับบ้าน” พี่สามตวัดสายตามองผมด้วยความไม่พอใจ

“ไม่ต้อง สองกลับบ้านไป พี่จะพาน้องกลับเอง” ผมได้แต่มองแววตาขุ่นเคืองของพี่สามด้วยความหนักใจ นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าทำน้องมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว แววตาของน้องที่ส่งมาให้ผม มันราวกับกำลังขอร้องและ อ้อนวอนให้ผมพาเขาออกไปจากที่นี่เสียที

“แต่น้องกำลังเจ็บ สองจะพากลับเอง!!”

“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ” เหมือนพี่สามผู้แสนจะฉลาดของผมจะคิดอะไรได้ ถึงทำทีท่าว่ายอมแพ้ให้ผมพาน้องกลับไปได้ มันตะหงิดๆ คันยุบๆ ยิบๆ ในหัวใจยังไงไม่รู้สิ มันต้องมีอะไรแน่ๆ

หมับ!!

“พี่สอง ผมอยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้านนะครับ” เสียงน้องอู้อี้อยู่กับแผ่นหลังของผม แขนทั้งสองยังคงโอบกอดผมเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไปตัวเล็กๆ ที่สั่นระริกทำให้ผมต้องหันไปลูบหัวเขาอย่างปลอบประโลม

“ครับ เดี๋ยวพี่จะพาเรากลับบ้านนะ”

ผมค่อยๆ ดึงน้องขึ้นและพยุงน้องให้เดินออกจากห้องตรวจของพี่สามออกมา น้องเจ็บถึงได้เดินช้า และผมไม่เร่งรีบอะไร แม้ว่าจะมีสายตาคู่นั้นของพี่หมอวินจับจ้องไม่วางตาก็ตามที ผมพาน้องขึ้นรถขับออกไปจุดหมายปลายทางของเราคือ บ้านของบาส ตลอดทางน้องตาแดงก่ำ จมูกเองก็แดงจนน่าสงสาร ผมรู้เวลาอยากร้องไห้ มันก็ต้องร้องออกมา ผมเหลือบมองน้องเป็นพักๆ ขยับมือไปลูบหัวทุยๆ เบาๆ เพียงแค่ผมสัมผัสน้อง น้องก็ร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น นานแล้วที่น้องไม่ได้ร้องไห้ขนาดนี้ ผมจำได้ดีวันนั้นที่น้องถูกเพื่อนรังแก เดือดร้อนผมต้องไปจัดการให้ น้องบาสตัวนิดเดียว อีกคนตัวใหญ่กว่าแต่มารังแกน้องแบบนี้ ผมยอมไม่ได้







 ผมค่อยๆ ชะลอรถจนมันจอดสนิทอยู่หน้าบ้านน้อง แต่น้องยังคงเหม่อลอยพร้อมกับคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มใสๆ ผมอยากรู้ว่าน้องคิดอะไร แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ น้องคงไม่มีทางบอกผมแน่ๆ

“ถึงบ้านแล้วล่ะ” น้องหันมามองผมก่อนจะหันออกไปมองบ้านตัวเอง

“นั่นสินะครับ” ไม่อยากกลับบ้ายเหรอ ทำไมผมรู้สึกว่าน้องไม่ดีใจเลย เหมือนน้องคาใจอะไรสักอย่างแต่ไม่พูดออกมา

“พี่สอง....” น้องเรียกผมด้วยเสียงเรียบๆ

“ครับ ว่าไง” น้องกัดปากตัวเองแน่น ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดดีไหม

“อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ผม ได้ไหมครับ” ผมนิ่งเมื่อได้ยินคำขอร้องของน้อง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันอดไม่ได้ที่จะถาม จึงถอนหายใจออกไป

“ถ้างั้น.....เราบอกพี่มาสิว่า ทำไมไม่ให้พี่บอกท่านทั้งสอง”

“ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ตัวผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรขนาดนั้น ให้เรื่องมันจบๆ ไปเถอะครับ”

ผมพยายามจับอาการน้อง แต่น้องมีแต่ความไม่เข้าใจและไม่แน่ใจ กับความรู้สึกที่บ่งบอกว่า มันคงจบแล้วเหมือนการเยาะเย้ยตัวเองที่แผ่ออกมานี่แหละที่ผมไม่เข้าใจ เพราะดูยังไงๆ พี่สามคงไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่

“กลับมาแล้วเหรอคะลูก อ้าว!! หนูสอง ทำไมมาด้วยกันได้ละคะ” ผมเดินลงมาส่งน้องให้แน่ใจว่าปลอดภัยจนมาเจอคุณแม่ของน้องเข้า น้องมองผมด้วยแววตาขอร้องแกมบังคับไม่ให้ผมบอกความจริงออกไป ผมขึงยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“สวัสดีครับน้าฉาย พอดีผมไปเจอน้องที่คลินิกพี่สามน่ะครับ เลยรับกลับมาพร้อมกัน” ผมพยายามเลี่ยงรายละเอียดที่เหลือ ผมช่วยน้องได้แค่นี้ที่เหลือน้องคงต้องข่วยเหลือตัวเอง

“แล้วเราไปทำอะไรที่คลินิกพี่สามเขาละลูก กลับไปมนิทกันแล้วเหรอ” คุณแม่น้องถามออกมาด้วยความสงสัย ก็แปลกหรอกครับ น้องไม่คุยกับพี่สามมานานหลายปี อยู่ๆ มีคนบอกไปเจอที่คลินิกพี่สามใครบ้างจะไม่สงสัย

“เปล่าครับแม่ พอดีเพื่อนผมมันแกล้งเอาผมไปทิ้งไว้ที่คลินิกพี่สาม ผมเลยติดรถพี่สองกลับบ้านมาด้วย” เหมือนน้าฉายจะเชื่อ เพราะเห็นคุณแม่ตัวเองวางใจไม่สงสัยอะไรอีก น้องบาสถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ถ้างั้นคุณน้าฉายครับ ผมลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ลาน้าฉายอย่าฃนอบน้อม

“อ๊ะ สวัสดีจ้ะ ว่างๆ ก็มาเล่นที่บ้านน้าบ้างนะคะ น้าคิดถึ๊งคิดถึง” ผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ความรักและความเอ็นดูที่น้าฉายมีให้ครอบครัวผมก็เคยเปลี่ยนแปลง

“ครับน้าฉาย”

“พี่ไปก่อนนะบาส” น้องพยักหน้าส่งยิ้มให้ผมบางๆ เหมือนทุกครั้ง แววตาที่มองมาเหมือนจะเอ่ยขอบคุณทุกๆ อย่าง

“ครับพี่สอง ขับรถดีๆ นะครับพี่” ผมถึงกับหัวเราะเสียงดังกับคำกล่าวลาของน้อง สงสัยเจ้าน้องชายผมคนนี้จะลืมไปว่าบ้านอยู่อยู่ติดกับบ้านของตัวเอง

“ฮ่าๆ แค่บ้านข้างๆ พี่คงไม่ต้องขับดีๆ ก็ได้มั้ง” น้องหน้าแดงซ่านเมื่อนึกขึ้นได้ น้องในวันนั้นน่ารักยังไงก็ยังน่ารักเหมือนเคย แค่ตอนนี้สายตาที่ผมมองน้องมันต่างออกไป ดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่พี่ไม่ได้รักบาสแบบนั้นอีกแล้ว

“ทุกคนแกล้งผม!!”







>>>>>>>>มีต่อค่าาาา<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 14-04-2018 13:58:29
ผมละไม่เข้าใจจริงๆ วันก่อนน้องบอกผมว่าอย่าบอกพ่อกับแม่ พอวันนี้กลับคืนดีกับพี่สามง่ายๆ ซะงั้น อะไรเนี่ย!! ผมงงกับน้องจริงๆ แต่ถึงจะสงสัยอะไรมากมาย แต่ผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ เฮ้อ.......ลงเอยกันสักที นี่แม่ผมยิ้มหน้าบานมากเมื่อรู้ว่าจะได้น้องมาเป็นสะใภ้ ทั้งกอดทั้งโอ๋ มีหันไปดุพี่สามที่ไม่ยอมปล่อยให้น้องมานั่งข้างแม่ด้วย น้องก็แสนจะน่าเอ็นดู ส่งยิ้มเขินๆ ให้กับสายตาล้อเลียนของพ่อที่มองมาจนคนขี้หวงอย่างพี่สามกอดน้องจนจมหายไปกับอก อะไรมันจะหวงขนาดนั้น

พอคุยเรื่องสินสอดงานต่งงานแต่งกันเสร็จ พี่สามก็ไปส่งน้องที่บ้าน กว่าจะส่งกันเรียบร้อยผมเห็นพี่สามมันล่ำลาเหมือนจะจากกันไปอีกสักสิบยี่สิบปี อ้อยอิ่งเหลือเกินจริงๆ หมั่นใส้มากครับ

“ไงพี่สาม พร้อมไปรบยังครับ”

“รบอะไร พี่ไม่ได้ไปรบสักหน่อย” ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นใส้

“เห็นอ้อยอิ่งลาน้องเหมือนจะไปออกรบสักยี่สิบปี” พี่สามได้แต่ยิ้มมองผมด้วยแววตาล้อเลียน

“หึหึ......อิจฉา?”

“จะบ้าเหรอพี่สาม!!! ผมจะไปอิจฉาพี่ทำไม” โว๊ะ ผมเหมือนอิจฉาตรงไหนเนี่ย

“เออๆ ไม่อิจฉาก็ไม่อิจฉา วันนี้ไปคลินิกกับพี่หน่อยสิ” ผมรีบหันขวับไปมองหน้าพี่สามด้วยแววตาขุ่นเคือง

“ไปทำไม!!” ผมไม่ธุระอะไรที่นั่นด้วยซ้ำ คงไม่ได้คิดจะหลอกผมให้ไปเจอพี่หมอวินหรอกนะ

“ก็รู้ใช่ไหมว่าคนไข้ของพี่ แต่ละคนจ้องแต่จะ.......กับพี่ทั้งนั้น” ผมชะงักมองสบสายตาของพี่ชายที่เต็มไปด้วยความจริงจัง

“ก็รู้ครับ” ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงสภาพพี่สามที่จะต้องบริการทางเพศให้คนพวกนั้น สรุปนี่หรือคลินิกหรือซ่องของผู้ชายขายน้ำเนี่ย!

“นั่นล่ะ........พี่เลยอยากให้สองไปช่วยกันคนไข้แบบนั้น ให้พี่หน่อย”

“......” ไม่อยากไปอ่ะ ปฏิเสธได้ไหมเนี่ย

“หรือเรากลัวว่าจะเจอไอวิน”

“ผมไม่ได้กลัว”

“ไม่ได้กลัวแล้ว..........”

“เออ!! ผมไปก็ได้ ไม่เห็นจะกลัวตรงไหนเลย!” ผมเดินปั้นปึ่งขึ้นไปนั่งรอพี่สามบนรถ อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากขับรถ กลัวชนใครเขาตาย เพราะงั้น ให้พี่สามขับไปแล้วผมนั่งไปด้วยคือวิธีแก้ที่ดีที่สุด แต่พี่สามนะพี่สาม พูดมาได้ไงว่าผมกลัวพี่หมอวิน คนแบบนั้นน่ากลัวตรงไหน ไอสองคนนี้ ไม่มีทางกลัวอยู่แล้ว!!!! เดี๋ยวจะเดินชิวๆ ผ่านหน้าให้ดูเลยก็ได้



 



 พอตัวรถจอดลงหน้าคลินิก ผมก็ลงจากรถแล้วเดินไปพร้อมพี่สาม

“คุณหมอสาม สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลยนะคะ” ใครอ่ะ สวยจัง

“ดีครับคุณสาว สวยทุกวันเลยนะครับเนี่ย” ว้าว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณสาวจะสวยได้ขนาดนี้ แฟนเพื่อนพี่สามคนไหนหรือเปล่าน๊า~ พอเผลอคิดแบบนั้น หน้าของพี่วินก็ลอยเข้ามา หรือเธอคนนี้จะเป็นผู้หญิงของพี่หมอวินอีกคน ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ มองใบหน้าสวยของคุณสาวที่ยังคงส่งรอยยิ้มให้พี่ชายผม ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีกคน

“สวัสดีค่ะ น้องชายของคุณหมอสามใช่ไหมคะเนี่ย” ผมฝืนยิ้มส่งกลับไปให้เธอ

“ครับ สวัสดีครับ พี่สาว” ผมควรจะเรียกแบบนี้สินะ เพราะดูเธอเองก็ชอบดูจากใบหน้าที่ฉายแววเอ็นดูผมออกมา

“จะมานั่งกับพี่ไหมคะ ยังไงก็คงเข้่ไปร่วมตรวจกับคุณหมอไม่ได้อยู่แล้ว ดีไหมคะ จะได้ไม่เบื่อ” ผมเลิกคิ้วถามด้วยสวยตาขุ่นเคือง เมื่อรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอกให้มาที่นี่ แถมถูกพี่สาวดึงไว้แบบนี้ผมจะกลับมันก็ดูจะน่าเกลียด จึงได้แต่แยกเขี้ยวให้ตัวการที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม

“ครับ เอาแบบนั้นก็ได้ครับ พี่สาว”

“ดีเลยค่ะ มีน้องชายน่ารักๆ อยู่ด้วยแบบนี้ พี่คงไม่เหงาแล้ว”

สรุปแล้วผมอยู่กับพี่สาวครับ ส่วนพี่สามก็กลับเข้าไปยังห้องตรวจตัวเอง ผมเห็นพี่หมอแต่ละคนเดินเข้ามา รัศมีความหล่อนี่ฉายมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาเลย อิจฉาจริงๆ นะ ผมอยากจะตัวสูงให้ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ภพ สมาร์ทให้ได้เหมือนพี่เสือ และยิ้มจนสาวๆ ละลายได้อย่างพี่เดล โอ้ยยยย ผมอยากได้!!!!!!!

“สอง........” ผมหลุดออกจากความเพ้อฝันก่อนจะหันไปมองตามเสียงคุ้นเคยที่เรียกชื่อผม

พี่หมอวิน

“ครับ” ผมแค่ตอบรับเสียงเรียกเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจพี่หมอวินมากไปกว่านั้น ดูจากสีหน้าก็รู้ คงตกใจที่ผมอยู่ที่นี่ หรือตกใจที่ผมอยู่ข้างผู้หญิงของเขากันแน่นะ ผมเองก็เดาไม่ออก

“เอ่อ......คุณหมอมีอะไรให้สาวช่วยหรือเปล่าคะ” หือ?? ทำไมพี่สาวพูดกับแฟนตัวเองแบบนี้อ่ะ

“ไม่ครับ ผมเพียงสงสัย ว่าทำไมสองถึงมาอยู่ที่นี่” คิ้วผมกระตุกกับคำถามที่ออกมาจากปากพี่หมอวิน นี่คือจะสื่อว่าผมไม่ควรจะมาสินะ

“เดี๋ยวอีกสักพักผมคงกลับอ่ะครับ ไม่ได้คิดจะอยู่นาน” ผมปรายตามองสื่อความหมายให้รู้ว่าผมไม่ได้อยากจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ ความไม่พอใจเกิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยรองเท้าจนหน้าชา อับอายขายขี้หน้ามาก

“เปล่า......พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หึ......แก้ตัวไปมันก็เท่านั้น

“อ่า.....ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกเฉยๆ ว่า ผมคงไม่อยู่นาน” พี่สาวข้างๆ ผมเธอลุกลี้ลุกลนราวกับว่าการที่ผมสองคนเถียงกันมันเป็นหายนะที่จะมาถล่มคลินิก ผมเห็นพี่หมอวินถอนหายใจพยายามจะมองตาผม แต่ผมไม่อยากมองแววตาคู่นั้น กลัวใจตัวเองจะสั่นไหวเพราะมันอีก

“พี่ขอโทษครับ ถ้าทำให้สองเข้าใจผิด”

“......”

“แต่พี่ดีใจที่เห็นสองที่นี่ จะดีใจมากกว่านี้ ถ้าเห็นสองทุกวัน”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น กลัวว่าจะเผลอยิ้มออกมาจนอีกฝ่ายได้ใจ พี่สาวมองผมสลับกับพี่หมอวินด้วยแววตาพราวระยับจนพี่หมอวินเดินไปเข้าประจำห้องตรวจของตัวเอง

“อะไรครับพี่สาว” ผมถามเพราะเห็นแววตาที่พราวระยับมองผมไม่วางตา เขินนะ เจอคนสวยๆ มองแบบนี้

“ยังไงเอ่ย.......กับหมอวินนี่ยังไงคะน้องสอง” ผมหลบสายตาของพี่สาวด้วยความเคอะเขิน

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ พี่หมอวินเป็นเพื่อนพี่ชายผม แค่นั้น”

“แค่นั้น???”

“แค่นั้นสิครับ” พี่สาวไม่ได้ถามอะไรต่อแค่เพียงยิ้มล้อเลียนเท่านั้น ผมได้แต่อายจนหน้าแดง ทำทีมองไปนอกคลินิกที่คนไข้ทยอยเข้ามา

โอ้แม้เจ้า!!!!!

แต่ละคนที่เดินเฉิดฉายเข้ามานี่ เหมือนมาหาผัว ไม่ได้มารักษา ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายผมจะเคยนอนกับคนไข้ เป็นผมนะ แต่งตัวมาขนาดนี้ ผมฉุดเข้าข้างทางตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วครับ ยั่วเสียเหลือเกินแต่ละคน กางเกงถ้าจะสั้นขนาดนั้น ถอดออกแล้วแก้ผ้าเถอะ บางคนแค่สั้นไม่พอ รัดจนนูนออกมา หือ ก็ผู้ชายไงครับ คิดว่าผู้หญิงเหรอ โน้นเลยครับ ผู้หญิง เธอนุ่งสั้นขนาดที่อย่าให้เธอก้มเพราะมันก็คงไม่เหลือ ผมถึงบอกไงครับ แต่ละคนเหมือนแต่งตัวมาเพื่อหาผัว ไม่ใช่มารักษาโรค

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมอยากจะฝากขนมให้คุณหมอสพลหน่อยได้ไหมครับ” หือ?? ให้พี่สามเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่น่าเอ็นดู แต่การแต่งตัวไม่ต่างจากพวกนั้น พี่สาวเอื้อมมือไปรับมาแทนผม

“ค่ะ จะบอกคุณหมอให้นะคะ” อีกฝ่ายยิ้มให้พอเป็นพิธี ผมไม่เข้าใจเลย ในเมื่อเอามาให้พี่สามแล้วทำไมไม่ให้เองล่ะ

“ทำไมเขาต้องมาฝากไว้ด้วยละครับ ให้เองง่ายกว่าอีก” ผมไม่เข้าใจเลย

“เพราะมันเป็นกฎค่ะ ที่นี่มีกฎอยู่นะคะถึงจะรักษากับหมอ ตอดนิดตอดหน่อยได้ แต่ก็มีกฎที่ต้องทำตามอยู่” ผมพยักหน้าเข้าใจ กฎสินะ ของแบบนี้ก็มีด้วยแหะ

ผมมองขนมสีสวยในกล่องใสที่เขาเอามาฝากไว้ ทำไมท้องผมร้องก็ไม่รู้ แต่สีของมาการองทำให้กระเพาะผมทำงานอย่างหนัก ข้าวที่กินมาก่อนหน้านี้ย่อยหมดแล้วครับ น้ำลายแทบจะไหล เอาน่า ของพี่ชายผมเอง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

ง่ำๆ หูย อร่อย นุ่มลิ้น หวานกำลังดี

“ตายแล้ว!!!! น้องสอง!!! ทานไม่ได้นะคะ!!” ผมถูกกระชากเอาขนมออกไปไกลจนหน้าเหวอ

“ตะ แต่ เขาเอามาให้พี่สามนี่ครับ ผมกินนิดหน่อยพี่สามไม่ว่าหรอก”

“ไม่ได้ค่ะๆ ที่พี่ไม่ให้ทานไม่ใช่เพราะกลัวหมอสามจะมาว่าน้องสองนะคะ แต่เพราะ.......” พี่สาวทำหน้าลำบากใจก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปยังห้องตรวจของพี่สาม

“อะไรอ่ะ นิดหน่อยเอง” ผมได้แต่บ่นกระปริบกระปอย นั่งอยู่คนเดียว ตากแอร์เล่นมองสาวๆ และหนุ่มๆ แต่ฃตัวเตรียมเข้าตรวจกับหมอหน้าห้องตรวจต่างๆ

ทำไมร้อนอย่างนี้วะ หรือแอร์จะเสีย

เหงื่อค่อยๆ ผุด ร่างกายเริ่มร้อนจากข้างใน เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ผมกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดเก้าอี้ เห็นพี่สาวและพี่สามรีบเดอนมาทางผม

“สอง เป็นไงบ้าง!!” ผมรู้สึกตาพร่าเลือนไปหมด พยายามดึงสติกลับมาให้มากที่สุด ทรมาน ร้อน ผมอย่กถอดเสื้ออ่ะ

“อื้อ สองร้อน พี่สาม ทำไมร้อนอ่ะ แอร์เสียเหรอ” มือของผมป่ายไปตามตัวเพื่อจะปลดกระดุมเสื้อออก แต่มือของพี่สามจับผมไว้แน่น

“สองอย่า หยุดก่อน อย่าถอด ตรงนี้ไม่ได้!!” ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันร้อนจนพยายามจะถอดออกให้หมด เผื่อมันจะคลายร้อนได้บ้าง

“คุณสาว รบกวนเรียกไอวินให้ผมหน่อย” อื้อ เรียกทำไมอ่ะ ผมไม่อยากเจอ

“ไม่เอา พี่สาม สองไม่อยากเจอเขา สองร้อน สองอยากถอดเสื้อ”

“เกิดอะไรขึ้นวะไอสาม สองเป็นอะไร” มาทำไม ไม่อยากเห็นหน้า

“กลับ กลับบ้าน สองอยากกลับบ้าน”

“สงสัยโดนวางยา เห็นคุณสาวบอกว่ามีคนฝากขนมให้กูแล้วสองมันเอาไปกิน มึงไปเคลียร์ห้อง เคลียร์คนไข้ให้เรียบร้อย”

“ได้ๆ เดี๋ยวกูมา”

ในหัวผมมันเบลอไปหมด รู้แค่ตัวผมเองดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของพี่สามด้วยความทรมาน ไม่ไหวแล้ว ทำไมลูกชายผมตั้งขึ้นมา มันปวดจนแทบจะนะเบิดอยู่แล้ว

อยากปลดปล่อย

“เรียบร้อยแล้ว ส่งน้องมา กูอุ้มเอง”

ร่างผมลอยขึ้นจากพื้น ถ้าเป็นปกติผมคงลงไม้ลงมือกับพี่หมอวินไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมร้อนไปทั้งตัว อยากปลดปล่อย อยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้ผม รู้สึกแปลกจน.........อยากร่วมรักกับคนตรงหน้า ผมหอบหายใจยิ่งขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมจากคนที่โอบอุ้มร่างของผมอยู่ ฝีเท้าของพี่หมอวินเร่งมากขึ้น เหมือนพี่หมอจะรู้ว่าผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ตัวตนใต้กางเกงของผมดันจนคับแน่นไปหมด เสียววูบไปทั่วทั้งท้องน้อย

“กูฝากน้องด้วย หวังว่ามึง......จะไม่ทำให้กูผิดหวัง”

“กูสัญญา!” หูผมได้ยินเสียงของพี่สามและหมอวินอย่างชัดเจน แต่ทุกอย่างเลื้อหน้าเบลอไปหมด เพียงแต่หูผมยังได้ยินเสียงปิดและลงกลอนประตู พี่หมอวินทำอะไร ถึงแม้จะเกิดคำถาม แต่ความทุรนทุรายที่เกิดขึ้นกับร่างกายทำให้ผมเลิกสนใจ มือป่ายไปทั่ว ปลดกระดุมออกจนหมดแต่ก็ไม่หายร้อน ความต้องการพวยพุ่งขึ้นมาจนผมต้องปลดเข็มขัดกางเกงออกพร้อมชั้นใน ใช้มือทั้งสองข้างกอบกุมตัวตนของตัวเองเอาไว้รูดรั้งมันเป็นจังหวะ

“อ๊ะ อื้ม”

“สอง.......” ผมไม่สนใจ นาทีนี้ต่อให้คนอยู่ในห้องเป็นสิบ ผมก็คงจะยั้งตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

“สองครับ อย่ายั่วพี่”

อยากจะลืมตาขึ้นมองแต่ที่ทำได้คือแค่ปรือตาเท่านั้น ความร้อนแผ่กระจายไปทั้งร่าง ทรมานเหลือเกิน ยิ่งความรู้สึกมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความเร็วที่ขยับมืออยู่ยิ่งเร่งมากขึ้น

“อื้อ อย่า ทำอะไร!!”

พี่หมอวินปัดมือผมออกก่อนจะรวบเจ้าหนูน้อยที่ตื่นขึ้นมาผงกหัวทักทายเข้ามาไว้ในมือแทน ผมว่าทำเองเสียวแล้วนะ พี่หมอวินทำให้ยิ่งโคตรเสียว

“พี่ทำให้นะ ให้พี่ช่วยสองนะครับ”

ไม่!!

เสียงในหัวใจสั่งให้พูดออกไป แต่ร่างกายกลับขยับตอบรับอย่างพอใจ มือทั้งสองของผมกำแขนเสื้อพี่หมอวินแน่น กัดปิดฝีปากระงับเสียงครางที่น่าอายเอาไว้ จนพี่หมอวินต้องก้มลงมาดูดดึงมันเอาไว้เอง เพราะกลัวว่าผมจะเผลอกัดจนเลือดไหล

“อื้อๆ อ๊ะ เร็วอีก จะไปแล้ว อ๊า”

“สอง.....พี่รักสองนะครับ รักมาก”

ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนเมื่อปลดปล่อยออกไปจนเลอะมือใหญ่ของพี่หมอวิน ถามว่าผมได้ยินไหม แน่นอนครับ ผมได้ยินอย่างชัดเจน แต่ที่ไม่ยอมตอบกลับไปเพราะผมเบลอจนคิดไม่ออกเลยว่า พี่หมอวินพูดมันจริงๆ หรือยังไงกันแน่ แต่จู่ๆ ปลายนิ้วก็ล่วงล้ำเข้ามาในร่างของผมจนผมเกร็งด้วยความตกใจ

“ทะ ทำอะไร อย่านะ!! อ๊ะ อ๊า”

มันมาอีกแล้ว

ความรู้สึกร้อนวูบวาบที่แสนทรมานอย่างเมื่อครู่จู่โจมผมอีกแล้ว จากดิ้นรนจึงกลายเป็นตอบรับ ขยับสะโพกเป็นจังหวะตามที่ปลายนิ้วชักนำ

“ยังเปียกไม่พอ แบบนี้พี่เข้าไม่ได้แน่ๆ” เข้า?? เข้าอะไร

“อ๊ะ หยุดนะ ทำอะไร ไม่!!!”

ความชื้นและความสากจากปลายลิ้นของพี่หมอวินทำให้ผมสะดุ้งเผลอแอ่นตัวขึ้นด้วยคสามรู้สึกแปลกใหม่ พี่หมอวินกำลังเลียที่นั้น ไม่จริง มันสกปรกนะ ผมอยากจะขยับหนี แต่ทำได้แค่ส่ายสะโพกหนีปลายลิ้นที่ช่างตื้อนั่น มันไม่ช่วยเลย สุดท้ายจากที่ไล่เลียเพียงด้านนอกกลายเป็นสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาข้างในจนผมต้องจิกทึ้งผ้าปูด้วยความเสียวซ่าน

ปากหอบหายใจและเปล่งเสียงครางหวานไม่หยุด สะโพกยังคงทำหน้าที่ตอบรับทั้งปากและลิ้นของคนตรงหน้า ขนาดตัวตนของผมยังชูชันขึ้นอีกครั้งทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปไม่นาน ใกล้แล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที

“อา หวาน อร่อยไปหมด แบบนี้ก็คงได้ที่แล้วล่ะ”

“อื้อ อ๊า!!!!”

บางอย่างที่ใหญ่โต บุกรุกเข้ามาในร่างผมทีละน้อย แต่มันก็เจ็บอยู่ดี ฤทธิ์ยามันกลับทำให้ผมเลิกสนใจความเจ็บและส่งเสียงครางหวานราวกับถูกใจ ยิ่งสะโพกของผมที่ยกขึ้นเหมือนต้องการให้พี่หมอวินเข้ามาลึกกว่านี้ทั้งที่มันสั่นไปเวยความเจ็บ พี่หมอวินปาดน้ำตาผมที่ไหลรินจากหางตาออกอย่างเบามือ เจายังคงปล่อยความใหญ่โตนั้นเอาไว้นิ่งเพื่อให้ผมชินกับมัน

“ไม่ร้องนะครับ พี่จะทำเบาๆ ฮึ่ม ซี๊ด สองจ๋า อย่ารัดพี่สิคนดี” ผมไม่ได้ทำนะ ผมไม่รู้ตัวว่าทำแบบนั้นเมื่อไหร่ แต่ที่รู้สึกได้ตอนนี้คือความอึดอัดจนแทบจะระเบิด ทำไมช้า ทำไมทรมานผม ผมตัดสินใจผลักพี่หมอวินให้นอนลงกับเตียงโดยที่มีผมคล่อมอยู่บนตัวและตัวตนของเขากับช่องทางของผมยังคงเชื่อมต่อกัน

“ซี๊ด ทำอะไรครับ อยากออนท็อปให้พี่เหรอ หืม”

“อ๊ะ ช้า ผะ ผมจะทำเอง”

ผมกัดริมฝีปากขามความเจ็บแล้วกดตัวลงไปจนสุดความยาว ตัวผมสั่นไปหมดเผลอสะอื้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว พี่หมอวินลูบหลังอย่างปลอบประโลมก่อนจะวนมาจับสองน้อยที่อยู่เบื้องหน้าขยับชักนำให้ความเสียวซ่านทำให้ผมลืมเลือนความเจ็บ มันได้ผล และที่ได้ผลกว่าคือมันทำให้ผมต้องขยับกายขึ้นลงเพื่อให้ช่องทางเสียดสีกับความใหญ่โตด้านใน

“ซี๊ด อา สอง”

พี่หมอวินร้องครางอย่างถูกใจทำให้ผมที่อยู่ในฤทธิ์ยายิ่งหยัดกายขึ้นลงอย่างแรง แม้ว่าจะรู้สึกจุก แต่แรงปรารถนาเรียกร้องให้ตัวเองขยับสะโพกมากขึ้น แท่งรักที่ขยายตัวจนพอคับช่องทางของผมเสียดสีเข้ากับจุดเร้าจนผมต้องแหงนหน้าขึ้น ปากก็พร่ำร้องคราง สายตาเบลอไปหมด หูแทบฟังสิ่งใดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ปล่อยกายและใจไปตามกามอารมณ์

“ไม่ไหว จะ อื้อ แรงๆ”

“สอง อา สองของพี่ ซี๊ด”

มือทั้งสองข้างของพี่หมอวินจับเอวผมเอาไว้ก่อนที่พี่หมอวินจะสวนสะโพกขึ้นมาอย่างแรงและเร็ว จนผมร้องครางไม่เป็นภาษา ใช้มือยันอกแกร่งด้านล่างเอาไว้ยิ่งพี่หมอวินสวนสะโพกขึ้นมาเร็วเท่าไหร่ ความเสียวซ่านที่ผมได้รับก็จะถูกระบายด้วยการจิกเล็บลงบนแผ่นอกนั้นจนเกิดรอย

“อ๊า.....แล้ว อื้อ ออกแล้ว อ๊า!!”

“สอง ขอสองเสร็จบ้าง อื้อๆ ๆ”

พี่หมอวินรูดรั้งตัวตนของผมด้วยความเร็ว หวังให้ผมและเขาปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน สะโพกหนายังไม่หยุดกระแทกขึ้นมา เสียงดังจากการกระทบกันดังระงมจนน่าอาย ความเฉอะแฉะเกิดขึ้นเมื่อพี่หมอวินปลดปล่อยเข้ามาในร่างของผม และผมเองก็ปลดปล่อยออกไปจนแทบจะเวลาเดียวกัน แต่ความต้องการมันยังไม่หมด เมื่อร่างกายผมร้อนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากปลดปล่อยไปเพียงไม่นาน ทำให้ผมและพี่หมอวินต้องใช้เวลารักษากัรอยู่นานแสนนาน จนผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยาหมดฤทธิ์ สัมผัสแผ่วเบาบริเวณผิวแก้มทำให้ผมขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสนใจ ตอนนี้ แค่นอนพักเท่านั้นคือสิ่งที่ผมต้องการ

“อื้อ!”

ความเย็นจากบางสิ่งที่ถูกนำมาสัมผัสกับผิวกายของผมมันช่างรบกวนการนอนเสียจริง ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามอง

เพดานห้องผมทำไมแปลกๆ

ผมพยายามนึกย้อนเหตุการณ์ กระพริบตาถี่ๆ เมื่อทุกสิ่งเริ่มกลับเข้ามาในสมอง ภาพเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ฝันไป ผมกับพี่หมอวินมีอะไรกัน แถมผมขึ้นให้ด้วย!!!

ตายๆ ตายแน่ๆ ไอสอง อับอายขายขี้หน้าจริงๆ

“สอง โอเคไหม” คนที่ผมไม่อยากจะเจอที่สุดนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับผ้าขนหนูที่เปียกน้ำ สิ่งนี้สินะที่ปลุกผม ผมดึงแขนออกจากการเกาะกุมจนอีกฝ่ายชะงัก มองสบตากับผมอย่างไม่เข้าใจ

“เป็นอะไรครับ โกรธอะไรพี่ ถ้าเรื่องนั้นพี่แค่ต้องการจะ.....”

“ช่างมันเถอะครับเรื่องนั้น...” พี่หมอวินยิ้มบางๆ อย่างดีใจ

“หมายความว่า”

“หมายความว่า ผมไม่ติดใจอะไร มันก็แค่เซ็กส์เท่านั้น ผมไม่คิดอะไรมาก” สีหน้าพี่หมอวินดูขรึมขึ้นทันตา รอยยิ้มที่เคยมีอยู่บนใบหน้าหายไปจนไม่มีเหลือ

“ทำไมพูดแบบนี้ พี่รักสองนะ”

“หึ......ง่ายดีนะครับคำว่ารักที่ออกมาจากปากพี่หมอเนี่ย”

“ง่ายเหรอ.......กี่ปีที่พี่เก็บมันเอาไว้ กี่ครั้งที่พี่พยายามจะจีบเรา สองไม่เคยเห็นมันเลยเหรอ” พี่หมอวินมองผมด้วยแววตาตัดพ้อ

“เห็นสิครับ......”

“......”

“ทำไมผมจะไม่เห็นละ การกระทำที่พี่ทำให้ผมคิดแล้วเฉดหัวผมทิ้งเอาไว้กลางทางน่ะ ผมโคตรจะรับรู้ได้เลย โทรหาสักนิดก็ไม่มี มาหาสักนิดก็ไม่ ไหนจะข่าวที่ว่าพี่หมอวินนอนกับคนไข้ตัวเอง แหม......แบบนี้เรียกว่าจีบผมสินะครับ ผมนี่ตื้นตันใจจริงๆ” พี่หมอวินหน้าเสีย สายตากำลังสับสน ผมรู้ดีเลยล่ะเรื่องต่างๆ ของพี่หมอน่ะ เพราะเพื่อนๆ ผมมันเอามาเล่ามาเม้าท์กันไม่หยุด ไอผมแม้จะไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย แต่ก็ได้ยินมาจนแทบจะท่องให้ฟังหรือเอาไปเขียนนิยายได้เลยนะ เรื่องคลินิกเวชกามน่ะ

“สอง พี่อยากให้สองฟังพี่สักนิด”

“เอาสิครับ พูดเลยครับ ถ้าคิดว่ามันทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยน” พี่หมอได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะขยับมานั่งจ้างๆ ผมบนเตียง

“สองอาจจะคิดว่าพี่มาให้ความหวังแล้วทิ้งขว้างสองไป แต่จริงๆ แล้วพี่แค่อยากให้เวลาสองได้ลองคิด ลองเจอผู้คน ลองอะไรใหม่ๆ”

“เหมือนที่ให้กับตัวเอง” พี่หมอวินสะอึก เมื่อเจอผมสวนกลับทันควันด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

“ไม่ใช่!!” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างต่องการจะถามว่า แล้วใส่อารมณ์ทำไม ผมคิดว่าคำพูดผมคงไปสะกิดอะไรเข้าถึงทำให้โกรธจนหน้าแดงแบบนี้

“สองจะเอาไง อยากคุยเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม!! ก็ได้!!”

“.......”

“ที่พี่ห่างไป พี่อยากให้สองเรียน จริง! แต่เหตุผลหลักเพราะพี่ควบคุมตัวเองไม่ได้!!”

“หะ??” ผมหน้าเหวอ งงกับสิ่งที่พี่หมอกำลังบอก ควบคุมตัวเองอะไร เกี่ยวอะไรกับผม

“ที่พี่นอนกับคนอื่น ก็เพราะไม่ต้องการทำร้ายสอง”

“อันนี้คงไม่ใช่หรอก ความต้องการของพี่ อย่ามาโยนขี้ให้ผม” ผมเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างเมื่อพี่หมอเอาแต่โทษว่าผมผิด มันเป็นเพราะผม เขาทำเพราะผม นอนกับคนอื่นมันจะเพื่อผมได้ยังไง โกหกไม่เนียนเลยสักนิด

“ทำไมจะเกี่ยวกับสอง!! สองจะให้พี่บอกเหรอ!!” พี่หมอจับแขนของผมเอาไว้แน่น ในตาสีดำวาววับจนผมหวาดหวั่น

“อะ อะไร บอกอะไร ปล่อยผมนะ!”

“จะให้พี่ไปเจอทุกวัน แล้วหักเลี้ยวรถเข้าโรงแรม แบบนั้นใช่ไหมที่สองต้องการ!!”

“...!!!!” บะ บ้าไปแล้ว พี่หมอวินบ้าไปแล้ว!!!!

“หรือจะให้บอกว่า สองครับ.....พี่อยากจะถอดเสื้อผ้า อยากเอาของๆ พี่ยัดเข้าไปในตัวสองให้ลึกที่สุด อยากทำรอยรักเอาไว้ให้ใครๆ ได้เห็น เอาแบบนี้ใช่ไหม!!!” ตาผมเบิกกว้าง เผลอส่ายหัวอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว พี่หมอวินแบบนี้ผมไม่รู้จัก แววตาที่เต็มไปด้วยราคะมันทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว

“มะ ไม่ๆ” ผมถูกคนตัวโตรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้ แม้ว่าผมจะขืนตัวและเกร็งเอาไว้ก็ไม่เป็นผล ฝ่ามืออุ่นๆ ของพี่หมอวินลูบศีรษะผมเบาๆ ราวกับปลอบขวัญ ผมได่ยินเสียงพี่หมอวินถอนหายใจอยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก็ได้ยิน ผมคิดว่าพี่หมอคงกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่แน่ๆ

“ไม่เป็นไร สองอาจจะไม่พอใจพี่คนเก่าก็ไม่เป็นไร”

“......” ผมผละออกมองสบสายตาที่ทอดมองมาที่ผมด้วยความรักใคร่

“แค่ตอนนี้ สองเข้าใจพี่แล้วใช่ไหมครับ” หือ อะ เอ่อ ควรเข้าใจไหมอ่ะ แต่ดูรูปการณ์แล้ว ถ้าผมบอกว่าไม่เข้าใจ คงโดนกดลงบนเตียงแล้วแสดงให้ดูมากกว่าพูดแน่ไ เอาเป็นว่าเข้าใจก่อนก็ได้

“คะ ครับ เข้าใจ (ก็ได้) ครับ” ปลายนิ้วของพี่หมอเกลี่ยลงบนแก้มของผมเบาๆ ริมฝีปากจรดลงบนหน้าผากอย่างรักใคร่ ไม่ใช่ไม่ขัดขืน แต่มันอึ้งจนขยับไม่ได้ ผมแพ้รอยยิ้มนี้ แพ้สายตาคู่นี้ แพ้สัมผัสของคนๆ นี้

“ถ้างั้นจากนี้ไป......”

“.......” ผมเผลอกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำพูดของพี่หมอวิน

“พี่ขออนุญาต......จีบสองใหม่อีกครั้งนะครับ” ผมละลายกับรอยยิ้มเทพบุตรที่ถูกพี่หมอวินส่งมาให้ตรงหน้า แข้งขาอ่อนไปหมด (แต่อยู่บนเตียง) มือไม้สั่น (ถูกพี่หมอจับเอาไว้) ตัวผมทั้งร่างแทบจะละลายกลายเป็นน้ำอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ ไม่ต้องส่องก็เห็น ใบหน้าของผมมันคงแดงก่ำไปถึงใบหูแน่ ทำไมนะ ทำไมชอบยิ้มแบบนี้ทุกที ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แล้วไงล่ะ........มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่าผม

“ครับ” ผมตอบรับเสียงเบา ไม่กล้าสบตาของพี่หมอวินสักนิด ไม่อยากรู้ว่ามันพราวระยับขนาดไหน เอาเถอะ แค่จีบเอง ผมจะลองพิสูจน์ความจริงใจจากพี่หมออีกครั้ง และผมหวังว่า ครั้งนี้ พี่หมอคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง คงไม่ทิ้งๆ ขว้างๆ หัวใจผมเล่นเหมือนหนก่อน อวยพรผมด้วยนะครับ ให้พี่หมอวิน รีบๆ จีบผมให้ติดในเร็ววัน เฮ้ออ แพ้อีกแล้วสิเรา

แพ้ความหล่อของเขาจนต้องยกให้ทั้งหัวใจ









The End
[/b][/size]





        มาแล้วๆๆๆๆ บทสรุปความรักของน้องสองกับพี่วินมาแล้ว อาจจะดูแบบ จบง่ายเนอะ ก็ใช่แหละ 55555 มันจบง่ายไปจริงๆแมวยอมรับ แต่พี่วินเขารักน้องสองจริงๆนะคะ แมวเป็นพยานได้ ที่ห่างหายจากน้องไปเพราะเป็นห่วงกลัวจะแปลงร่างเป็นเสือแล้วลากร้องเข้าห้องนั่นเองงงง โฮ๊ะๆๆๆ รักแมวอย่าทิ้งแมวนะคะ แมวจะมาต่อเรื่อยๆจนครบทุกห้องเลยค่าาา

Twitter : แมวเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่ชอบความวาย

Facebook : ขีดเขียนวาย by llมวน้oe

หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-04-2018 15:22:16
 :katai2-1:  :hao6:  น้องสองก็เสร็จสมหวัง
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-04-2018 00:04:39
เหลือกี่ห้องนะ 5555555 ร้อยห้องเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-04-2018 08:45:53
อยากให้ต่ออีก..คู่นี้น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 15-04-2018 21:48:07
แหม่ พี่หมอวินแทบไม่ต้องออกแรงอะไรก้ได้น้องมาละ
แถมน้องขึ้นให้อีก  :pighaun:
รอห้องต่อไปนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์ ๑๐๐% UP. 14/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 18-04-2018 18:47:05
พี่วินอารมณ์พุ่งพร่านน่าดู
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. (สปอย) UP. 20/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 20-04-2018 20:28:11
น.พ รชต
         
         คุณจะทำยังไง ถ้าชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่นไปอย่างที่คิด เมื่อพบว่าตัวอองไม่สามารถให้ความสุขกับภรรยาได้อย่างที่สามีคนอื่นๆเขาทำ จะทำยังไงถ้าเหตุผลจริงๆของการเลิกกันในครั้งนี้ ไม่ใช่ความผิดของเขา จะทำยังไง ถ้าหากคุณพบว่า.......เพื่อนรักที่ห่างหายไป กลับมาพร้อมกับการทำให้หัวใจของคุณต้องเต้นระรัว
     


       หมอพิตต์ x กร
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. (สปอย) UP. 20/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-04-2018 00:01:06
รอบนี้มีสปอยล์แฮะ..รอ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 22-04-2018 14:54:29
ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต
     
           ผมกำลังเครียด เครียดสุดๆกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ผมชื่อกร กรวิชญ์เป็นผู้ชายที่ควรจะมีความสุขมากที่สุด เพราะได้ตัดสินใจแต่งงานกับแฟนสาวคนสวยไปเมื่อสองเดือนก่อน แต่ความสุขที่ควรจะพึงมีกลับกลายเป็นขุมนรก เมื่อผมคนนี้ เป็นเจ้าบ่าวที่แย่มาก เป็นเจ้าบ่าวที่ไม่สามารถให้ความสุขกับเจ้าสาวของตัวเองได้ เธอตรอมตรมร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างเหลือเกิน

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมกรถึงทำไม่ได้” ผมมองใบหน้าที่เคยส่งยิ้มสดใสมาให้ผม แต่บัดนี้กลับนองไปด้วยหยาดน้ำตา

“กรขอโทษครับ กรก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร” ผมเองก็จนปัญญากับปัญหานี้เหมือนกัน
เสียงร้องไห้อย่างทุกข์ระทมของใยไหมยังดังขึ้นไม่หยุด ผมเองก็แสนจะเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน แต่พอผมเอื้อมมือไปหาเธอ หวังจะเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ ใยไหมกลับปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมก้มลงมองมือตัวเองที่สั่น ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ใจสั่นไปหมด ผมรู้ ถ้าลองเป็นแบบนี้ ความรักของผมกับใยไหม คงจบลงไปในไม่ช้านี้ ผมกลัวเหลือเกิน กลัวจนสุดหัวใจ หากมีอะไรที่ผมทำได้ ผมยินดีที่วุดที่จะทำให้เธอ

“กรก็ทำอะไรสักอย่างสิ!!! ถ้าไหมรู้ว่ากรจะเป็นแบบนี้ ไหมไม่แต่งกับกรหรอก!!!”

“!!!!”

ลูกชายไม่ขันยังเจ็บไม่เท่าที่เธอพูดกับผมตอนนี้ มันบีบหัวใจจนแน่นอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้น นั่งให้เธอระบายอารมณ์ทัเงหมดออกมา ระบายสิ่งที่เธอคิดออกมาให้หมดสิ้น ผมจะรับมันไว้คนเดียว จะเก็บมันเอาไว้เอง แค่ไหนผมก็จะยอมทนให้ได้ ดีกว่าให้เธอเดินจากผมไป

“ผม........ขอโทษ” สายตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำใสๆที่ปริ่มๆจะไหล ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ไม่อยากให้เธอมองว่าผมอ่อนแอ ไม่อยากจะดูแย่ไปมากกว่านี้

“ขอโทษแล้วดีขึ้นไหม!!! กรขอโทษๆๆๆอยู่ตลอด แล้วไหมล่ะ ไหมต้องทนถูกคนตราหน้าว่าผัวตายด้าน!!!” ผมไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธไหม เพราะทั้งหมดมันเป็นเพราะผมทั้งนั้น มือเล็กๆทุบตีผมไปทั่วโดยที่ผมไม่คิดแม้แต่จะปัดป้องหรือกันไว้สักนิด อยากให้เธอระบาย อยากให้เธอรู้สึกดีขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี

ผมมันก็แค่ไอขี้ขลาดที่ไม่ทีแม้แต่ความกล้าจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ ผมบอกตามตรงผมอ่อนแอเกินไป อยากจะร้องไห้แต่ผมก็ต้องทนข่มกลั้นมันเอาไว้ ขอเป็นคนที่อ่อนแอเวลาอยู่คนเดียวจะดีกว่า ผมอยากให้มีนางฟ้า มีจินนี่ เพราะผมคงอ้อนวอนขอ......ให้เธอมีเพียงรอยยิ้ม ไม่ใช่หยาดน้ำตาแบบนี้ หากผมรู้ หากผมเลือกได้ ผมคงเลือกที่จะไม่ขอเธอแต่งงาน คงไม่เลือกให้เธอมาทรมานอยู่กับคนอย่างผม

“ไหมจะกลับไปอยู่บ้านกับแม่” ผมผวาร่างเข้าไปกอดไหมจากด้านหลัง

“ไหม ไหมอย่าไปเลยนะ อยู่กับกรเถอะ กรขอโทษ” ผมซบหน้าลงบนกลุ่มผมของไหมที่ไม่ว่าจะได้กลิ่นเมื่อไหร่ก็ยังควหอมอบอวลไปทั้งหัวใจ

“ปล่อย!!! กรปล่อยไหม!! ไหมจะไปอยู่กับแม่!!!” ไหมสะบัดตัวออกอย่างแรง ผมไม่มีแม้แต่แรงที่จะฉุดรั้งเธอไว้ได้ หัวใจผมมันแหลกสลาย หายใจไม่ออกจนอึดอัด คนที่ถูกทิ้งมีกำลังไม่เท่าคนที่คิดจะไป เรื่องนี้ ผมเพิ่งจะรู้เมื่อเจอกับตัวเอง ไหมเดินไปจนถึงประตู เหมือนเธอจะคิดอะไรได้จึงได้หันหน้ามาหาผมอีกครั้ง

“ไหม.....”

“ไหมลืมบอกน่ะ อีกสามวัน ไหมขอให้เราสองคน คืนอิสระให้กันและกันเถอะ ถ้ากรรักไหม ปล่อยไหมไป ไหมขอแค่นี้”

“ไม่!! ไหม อย่าไป ไหมอย่าไปจากผม ฮือ ไหม อย่าไป ฮือออ”  ไหมครับ ผมขอโทษ




      แสงไฟนีออนสีสวยยังสาดไปทั่ว ผู้คนยังคงโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันตามจังหวะเพลงที่ได้ยินจนชินหู ใครหลายคนอาจจะอยู่ในความรู้สึกสนุกจนลืมโลก แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่จมอยู่ในห้วงอารมณ์รัก ชายหญิงหลากหลายคู่ ต่างส่งสายตาให้กัน บ้างก็ซบไหล่ กอดจูบกันอย่างไม่อายผู้คน แต่ผม.....มีแค่ผม ที่จดจ่ออยู่กับแก้วเหล้าตรงหน้า น้ำสีเข้มถูกเติมและหมดไปในเวลาไล่เลี่ยกันจนคนเติมได้แต่งงว่าตัวเองเติมไปแล้วแน่หรือ

“เติมเลว เลว เลวเด๊ะ อึก!!” ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้วะ แก้วในมือผมถูกดึงออกไปทันทีที่ผมส่ฃเสียงโวยวาย และมันก็กลับมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น สีเข้มจากเหล้าสวยๆมันไม่ได้ทำให้ผมมีสติ แต่มันกลับสะท้อนความเจ็บปวดจนต้องยกมันขึ้นมาดื่ม ดื่มเพื่อลืม ลืมทุกสิ่งที่ทำให้เจ็บปวด

“ไอกร!! มึงจะรีบอะไรขนาดนั้น”

“อย่ามายุ่ง!! กูอยากแดก กูอยากลืม กูเจ็บ มึงไม่เข้าใจหรอกไอเก้า” เก้ามันเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่เรียนอยู่มหา’ลัย ผมกับมันสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ พูดถึงความสนิท ผมก็ชักจะคิดถึงไอพิตต์ซะแล้ว ไม่ได้เจอมันมานานมาก แต่ได้ข่าวแว่วๆมาว่ามันเปิดคลินิก แต่ผมดันนึกไม่ออกว่าคลินิกอะไร

“กูจะไม่ยุ่งได้ไงวะ ดูตัวกูกับมึงนะ ตัวพอๆกันแบบนี้ มึงคิดว่ามึงเมาแล้วกูจะแบกมึงกลับได้ไหม” ไอเก้าส่ายหัวกับความดื้อดึงของผม จริงสินะ......มันสูงแค่168 ถึงผมจะสูงกว่ามันเล็กน้อย แต่ด้วยรูปร่างและขนาดสัดส่วนก็เรียกได้ว่า พอๆกัน ถ้ามันเมา ผมเองก็คงแบกมันไม่ไหว โดยปกติจะมีไอพิตต์ไปด้วยเสมอ มันจะเป็นคนแบกผมกลับ อิจฉามันนะครับ การงานดี มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่มันป๊อบปูล่าในหมู่สาวๆ อย่างว่า......สาวๆมักชอบผู้ชายตัวสูง และไอพิตต์มันเองก็สูงถึง187เซนติเมตร ซิกแพคมาเต็มที่ กล้ามเนื้อแขนเอย กล้ามท้องเอย อยากเกลียดมันเหลือเกินที่มาคบกับผมและไอเก้าโดยไม่ดูเลยว่า ความลงตัวของพวกเราไม่มีอะไรคู่ควรกับการเป็นเพื่อนมันเลย พวกกลุ่มหมอของมันผมเห็นมีแต่คนหน้าตาดีๆ หล่อจนแทบจะควักหัวใจโยนทิ้งแล้วเหยียบๆให้มันเละตายไปเลย บางคนก็หล่อแบบน่ารัก เกาหลีๆหน่อยๆ แต่นั่นก็ถูกสาวๆจับจ้องด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ทำผัแค่กๆ แค่พอผมกับไอเก้าถูกดึงไปกินข้าวด้วย ไปเที่ยวด้วย มันก็กลายเป็น ถูกรัศมีเหล่าคุณชายหมอกลบจนมิด มิดชนิดที่จมดินไม่ต้องขุดหา เพราะขุดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จากนั้นผมเลยหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวกับเหล่าเทพบุตรแพทย์ทั้งหลายแหล่ ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีแต่ไอพิตต์เท่านั้นที่ยังคงวนเวียนตามมาเที่ยวมากินข้าวกับผมอยู่ ไม่ใช่ไม่ไล่ แต่ผมแพ้สายตาลูกหมาของมัน ไล่ไม่ลงจริงๆ

“กูกลับเองด้ายน่า บ่นจาง” ผมยังคงยกมันขึ้นดื่มไม่ลดละ รู้ตัวไหมว่างี่เง่า? รู้สิครับ รู้ดีด้วย แต่ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ผมคงปล่อยโฮกลางผับแน่ๆ

“ไม่ได้บ่นมึง แต่อยากให้มึงเพลาๆบ้าง เดี๋ยวเกิดมีใครมาหิ้วมึงกลับบ้านไป กูจะกันไว้ไม่ได้” หึ ผมได้แต่ยิ้มเยาะกับคำพูดมัน

“ครายมันอยากจามาหิ้วกูวะ อย่างกูสาวมันไม่แลแล้ว ลูกกูไม่ขานขนาดที่เมียยังขอหย่า มึงคิดว่าสาวคนหนายมันยังอยากด้ายกูอีกเหรอ” ผมวนนิ้วไปรอบแก้ว ใช้สายตาจับจ้องไปที่หยาดน้ำที่เกาะอยู่บนตัวแก้วแทนใบหน้าของเพื่อนรัก กลัวเห็นแววสมเพช กลัวว่าใครๆจะมองด้วยความสงสาร

“ผู้หญิงอ่ะกูไม่กลัวหรอก กูยกให้เลยไม่ห้ามด้วย” ไอห่านี่ ปากมันแม่ง....

“แล้วครายจะมาหิ้วกู?”

“ไม่รู้สิวะ มึงอาจจะมีผัวก็ได้”

   หะ?????

“มึงจาบ้า!!!!” จากที่เครียดๆเศร้าๆ ผมแทบจะลุกขึ้นเตะปากเพื่อนตัวเอง นั่นมันกลั่นออกมาจากสมองแล้วใช่ไหมครับ ก่อนจะพูดออกมา

“ใครจะไปรู้” มันยักไหล่ราวกับไม่ได้พูดอะไรผิด และถ้าหากเกิดขึ้นจริงมันก็ช่วยไม่ได้ ฟัคๆๆๆ ใครมันจะไปมีผัววะ ไอสัส สิ้นคิด

“อย่างกูถึงม่ายขันกูยอมโสดโว้ย กูม่ายยอมเป็นเมียครายหรอก” ผมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี แต่ทำไมโลกมันวูบๆวะ เชี่ย โลกแม่งหมุนได้ด้วย อยู่มาก็พอรู้ว่าโลกมันหมุนรอบตัวเอง แต่เพิ่งจะรู้วันนี้ว่ามันหมุนรอบผมด้วย

“เฮ้ย!!! ไอกร!!!!”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ทำไมต้องตะโกนวะ หรือมันเองก็เห็นว่าโลกมาหมุนรอบตัวผม กูเจ๋งไหมละมึง กูเป็นคนเดียวที่โลกยอมมาหมุนรอบตัว เรื่องแปลกสุดมหัศจรรย์ยังต้องจาลึกไว้ อีกหน่อยกูก็ได้ออกทีวีแล้ว เพื่อนมึงจะดังแล้วนะไอเก้า!!!

“อื้อ!!” ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนีคสามเย็นที่มาสัมผัสใบหน้าตัวเอง อะไรวะ กวนอยู่ได้ คนจัหลับจะนอน ยิ่งปัดออกยิ่งถูกความเย็นสัมผัสมากขึ้น กลิ่นหอมแบบนี้ หอมที่เคยติดตรึงในใจแบบนี้มีคนเดียว ใยไหม!

“ไหม......ไหมกลับมาหาผมแล้ว” ผมลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นหน้าเมียสุดที่รัก มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใยไหมหลบตาผม เม้มริมฝีปากแร่นก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของผม

“ขอโทษนะ.....” ผมขมวดคิ้วด้วยความมึนงง ทำไมไหมต้องขอโทษผมด้วยล่ะ ผมต่างหากที่ผิด

“อย่าขอโทษ ไหมไม่ผิด กรผิดเอง” ผมส่งยิ้มไปให้ไหมที่แหงนใบหน้าขึ้นเพราะไม่อยากให้น้ำตา

“ไม่หรอก....ฮึก....”

“....” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมไหมพูดแบบนั้น มีอะไรที่ผมไม่รู้กันแน่

“ไหมน่าจะบอกกร ฮึก ฮือ ให้เร็วกว่านี้”

“บอก บอกอะไร บอกมาเถอะ” ผมยิ้มให้เธอแม้จะไม่เข้าว่าไหมร้องไห้เพราะอะไร เพราะเอาแต่คิดว่าเธอร้องไห้เพราะผม

“ไหม......”

“.........”

“ฮือออ ไหมท้อง”

!!!!!

ผมรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เหมือนเดินไปแล้วถูกไฟช็อต ยอมรับว่าช็อค ช็อคมากๆ และเกิดคำถามขึ้นมากมายในหัวใจ รอยยิ้มผมยังค้างอยู่บนใบหน้า แม้ว่ามันจะหมดความสดใสแล้วก็ตาม เธอท้องได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่เคยมีอะไรกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน มือของไหมจับมือของผมแน่น จนผมหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของไหมยังคงหวานแม้ว่ามันจะสะท้อนความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มหัวใจก็ตามที

“กรจ๋า อย่าโกรธไหมเลย ฮือออ ไหมขอโทษ ฮึก ไหมมันเลวเอง” ผมได้แน่นั่งนิ่งๆมองใบหน้าสวยของคนที่ได้ชื่อว่าเมียด้วยแววตาที่หลากหลายในอารมณ์ ผมควรโกรธเธอไหม อาจจะควร แต่ผมกลับจุก จุกจนพูดอะไรไม่ออก ผมควรจะผลักเธอออกแล้วกร่นด่าเธอไหม อาจจะควร แต่......ผู้ชายแบบผม ด่าคนที่รักสุดหัวใจไม่ได้หรอก แม้ว่าเธอจะเป็นคนทำให้หัวใจผมพังลงไปด้วยสองเท้าของเธอก็ตาม หรือผมควรร้องไห้ ควรหัวเราะเยาะตัวเองที่โง่ นั่นสินะ จริงๆมันควรเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ แต่หลักเหตุและผลต่างๆมันกลับไม่มีอะไรเลยที่ผมทำได้ สิ่งที่ผมแสดงออกไปจริงๆ มีเพียงการบีบมือของไหมจนแน่น สบสายตาหวานที่นองไปด้วยน้ำตาด้วยรอยยิ้ม มืออีกข้างปาดไล่น้ำตาใสๆออกจากความงดงามบนในหน้าเธอเท่านั้น

“ยินดีด้วยนะครับ ไหมต้องดูแลตัวเองนะรู้ไหม”

“ฮึก ฮือออออออ” ไหมปล่อยโฮก่อนจะโผเข้ากอดผมเต็มตัว ผมลูบหัวเธอเบาๆ ใยไหมยังคงเป็นใยไหมที่ขี้แยสำหรับผมเสมอ

“ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กก็คิดว่าผมทำร้ายแม่ของเขาหรอก” ผมพยายามพูดติดตลกให้ไหมรู้สึกดี ทั้งๆที่เป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่มันกลับบีบหัวใจของผมอย่างแรง เจ็บจนแทบจะขาดใจ แต่ก็ได้แค่กอดเธอไว้ แล้วพูดออกไปว่าสบายดี

“ไหมจะบอกเขา ฮึก จะบอกเขาว่า กรดีกับไหมแค่ไหน ไหมจะใช้กรเป็นต้นแบบให้ลูก ฮือ ไหมรักกรนะ ฮึก ฮือออ ถึงมันจะสายไป แต่ไหมรักกรมาก รักเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง”

ฮ่ะๆ พี่ชายสินะ นั่นสินะ พี่ชายคนหนึ่ง

“ครับ......น้องสาวของผม” ทรมานเหลือเกินที่ทำอะไรไม่ได้ ใจจริงอยากจะดึงไหมเอาไว้ กอดขาไหมแล้วอ้อนวอน ยอมเป็นคนโง่ๆที่อยู่เป็นรักเก่าๆเพียงแค่ได้ยืนข้างๆเธอ แต่ผมทำไม่ได้ เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จมปลักอยู่กับคนตายด้านอย่างผม

“แล้วพ่อของลูกไหม เขารู้หรือยัง” ผมกลั้นใจถามทั้งๆที่มันเสียดแทงใจตัวเองอย่างที่สุด ไหมพยักหน้าให้ผม ก่อนจะยิ้มหวานอย่างมีความสุขที่ได้พูดถึงเขา

“อื้อ พี่เขารู้แล้วล่ะ เขาจะให้ทางบ้านมาสู่ขอไหม แต่ติดปัญหาที่.....” ผมพยักหน้าเข้าใจที่เธอพยายามจะสื่อ

“ใบหย่าใช่ไหม ได้สิ เดี๋ยวกรจะเซนให้นะ” ไหมหลุบตาลงมองมือของตัวเอง มันเป็นปฏิกิริยาที่เธอมักจะทำเสมอหากว่ามีเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าควรพูดไหม

“คือ......”

“ไหมพูดมาเถอะ ถ้ากรทำให้ได้ กรจะทำ” ไหมเหลือบตาขึ้นมองหน้าผมเล็กน้อย ผมเห็นเธอกัดริมฝีปากที่สั่นเอาไว้จนแน่น กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเผลอกัดแรงจนเลือดตกยางออก ผมไม่ชอบเห็นไหมเจ็บตัว

“ทางบ้านของพี่ตาม.....ไหมหมายถึง.....”

“ผมรู้ว่าไหมหมายถึงใคร พูดต่อเถอะ” ไหมพยักหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

“ทางบ้านพี่ตาม ต้องการให้กร ไปตรวจแล้วเอาผลมายืนยันว่า กร....เอ่อ......ไม่สามารถมีอะไรกับ ไหม ได้”

อ๋อ......อย่างนี้เอง ทางนั้นคงไม่เชื่อสินะว่าลูกของลูกชายเขา ไม่แปลกหรอกครับ ก็ไหมแต่งงานกับผมมาสองเดือนแล้ว หากจะว่าเป็นลูกผมมันก็เป็นไปได้ ถ้าผมเคยนอนกับเธอนะครับ มันเป็นเรื่องที่พูดยากนะครับ สำหรับผมเอง ก็ไม่ได้อยากให้ใครๆมารู้เรื่องที่ตัวเองไม่ขันเท่าไหร่ มันเป็นศักดิ์ศรีของผู้ชายเลยนะครับ เรื่องแบบนี้

“แล้ว......ไหม จะให้ผม ทำยังไง ครับ” ผมรู้สึกเหมือนว่าจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ลังเลว่าควรจะทำให้ไหมดีไหม แต่เมื่อนึกถึงเด็กตาดำๆที่กำลังจะเกิดขึ้นมา คงดีไม่น้อยหากได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา นั่นสินะ เพื่อลูกของไหม เพื่อหลาน.....ของผม

“กร......เคยได้ยินเรื่อง คลินิกมารักษ์ไหม”

“ไม่ครับ” ไหมถอนหายใจก่อนจะหันมาอธิบายให้ผมเข้าใจ

“คลินิกนี่มีชื่อเสียงมาก ไหมได้ยินมาว่า.......” ไหมเงียบไปครู่หนึ่งจนผมต้องเลิกคิ้วขึ้นมองไหมอย่าไม่เข้าใจที่จู่ๆเธอก็เงียบไปเฉยๆ

“ไหมได้ยินมาว่า.....เขารับรักษาด้านนี้โดยเฉพาะ”

อ๋อ.....อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว ไหมคงคิดว่าถ้าจะให้ผมไปตรวจและขอใบรับรองมันคงจะดูน่าเกลียดเกินไป ถึงได้พูดถึงคลินิกนี้ขึ้นมา คงคิดจะให้ผมไปรักษาสินะ ไหมดูร้อนรนเมื่อจับสังเกตไก้ว่าผมพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเธอบ้างแล้ว

“ไหม......ไหมแค่ไม่อยาก ให้ใครตราหน้ากร.......ว่าหย่าเมียเพราะเสื่อมสมรรถภาพ ไหม เอ่อ ไหม....”

“ครับ ผมเข้าใจ” ผมยิ้มให้ไหมที่ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอย่างไร

“คือ ไหมจะออกค่ารักษาให้ ไหมไม่ได้จะดูถูก แค่......อยากให้กรเก็บเงินเอาไว้”

“ครับ ไหมอย่าคิดมากเลย ผมเข้าใจ” ไหมยิ้มออกมาอย่าโล่งใจเมื่อคิดว่าผมยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ตะขิดตะขวางใจใดๆ

“ดีเลย.....”

“แต่ผมคงให้ไหมออกเงินค่ารักษาให้ผมไม่ได้หรอกครับ” ไหมชะงัก มองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำไมล่ะ ไหมเต็มใจช่วยนะ” ผมยิ้มบางๆพรางส่ายหน้าให้เธอ

“ไม่ได้หรอก ตัวผม จะรักษาผมก็ต้องออกเงินเองสิครับ”

“แต่ไหม....”

“ถ้าผมให้ไหมออกให้ มันก็เท่ากับว่า......ผมทำทั้งหมดนี้เพื่อไหมนะ ปช่อยให้ผมจัดการเองเถอะครับ อย่าห่วงอะไรเลย” ไหมสะอื้นไห้ เมื่อรับรู้ได้ว่าผมไม่ได้โกรธเคืองและเธอเองก็ไม่ควรทำให้ทุกอย่างดูแย่ลง ผมยอมรับว่าเจ็บ แต่มันคงดีถ้าผมเป็นคนเจ็บแค่คนเดียวเพื่อให้ใครอีกหลายคนมีความสุข เจ็บเพื่อคืนสุข มันก็ดีแล้ว มันควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว





      >>>>>>>>มีต่อจ้า<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 22-04-2018 15:23:00
>>>>>>>>>ต่อค่าาา<<<<<<<<<


       ที่นี่นะเหรอ คลินิกมารักษ์ที่เปิดรักษาโรคทางเพศ ด้านนอกก็ไม่ได้ต่างจากคลินิกอื่นตรงไหนเลย แต่ภายในกลับ โอ่อ่าจนน่าตกตะลึง แต่ความสวยงามด้านในยังเทียบไม่ได้กับ.......ผู้คนที่มาที่นี่ ดูแล้วล้วนแต่เป็นผู้ดีมีเงินทั้งนั้น แต่.......ทำไมผมไม่รู้สึกเลยว่าคนพวกนี้ป่วย ดูแต่ละคนสิ ใส่สั้นจนแทบจะแก้ผ้าเดินก็มี แต่งหน้าจัดเหมือนจะไปเล่นงิ้วก็มี หรือบางคน ฉีดน้ำหอมเหมือนจะเรียกว่าอาบก็มี มองๆไปแล้ว รู้สึกเหมือน........อะไรนะ อ๋อใช่ๆ เหมือนพวกผู้หญิงออกล่า ถามผมว่าเคยเจอไม่ แหม......ก็ไม่เคยหรอก แต่เคยเห็นตอนพวกนั้นออกล่าแล้วเกิดถูกใจไอพิตต์มัน

ผมกวาดสายตาไปรอบๆ บอกตรงๆว่าตะลึงเหมือนกัน ไอที่ตะลึงนี่ไม่ใช่เพราะสาวสวยหรือคนหน้าตาดีอะไร ตะลึงเพราะคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผมต่างหาก

“ไอเหี้ย!!!! ไอหมอพิตต์!!!!!”

“ไอกร.....” ผมเกือบจะกระโดดโผเข้ากอดมันแล้ว ดีที่ยั้งตัวเองเอาไว้ทันเลยได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ มันเองก็เหมือนกัน สีหน้ามันดูหลากหลายความรู้สึก แต่ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่ามีความรู้สึกแบบไหนบ้าง ผมเดินเข้าไปหาไอพิตต์ที่มันเองก็ค่อยๆก้าวมาหาผมเช่นเดียวกัน

“ไอพิตต์ มึงหายไปไหนเลยวะ มาเห็นติดต่อกูเลย ว่าจะชวนมางานแต่งกูซะหน่อย” ไอพิตต์ทำเพียงยิ้มบางๆ แววตาเหมือนคนสะกดกลั้นบางอย่างเอาไว้ นั่นทำให้ผมคิดสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“โทษทีวะ พอดีตอนนั้นกูยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อมึงไป เบอร์กูไม่ได้เปลี่ยนหรอกแต่ไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์มากกว่า...”

“เออ เฮ้ย ไม่เป็นไรๆ มึงสบายดีนะ” ผมตบบ่าของคนที่สูงกว่าผมอย่างไม่ถือสา

“สบายดี มึงละ แต่งงานแล้วมีความสุขดีไหมวะ” ผมได้แต่ชะงักรอยยิ้มที่อยู่บนหน้า สีหน้าของมันมีแต่ความห่วงใย

“ไม่ค่อยดี......เท่าไหร่” ไอพิตต์มองผมอย่างไม่เข้าใจจนคิ้วของมันขมวด

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ บอกกูได้นะ”

“จริงๆแล้วกู......”

“หมอพิตต์ขา!! มาทำอะไรตรงนี้คะ ฝันรออยู่ในห้องตรวจนานแล้วนะคะ” ผมยังไม่ทันจะได้พูดเล่าอะไรออกไป ก็ถูกขัดจังหวะจากสาวสวยใบหน้าหวานที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แขนของไอพิตต์มันถูกเกาะกุมโดยคนข้างๆอย่างสนิทสนม ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเพราะน้อยใจที่มันมีใครแล้วไม่เคยเล่าให้ผมฟังก็เป็นได้

“อ๋อ....พอดีผมเจอเพื่อนน่ะครับ คุณฝันไปรอที่ห้องก่อนก็ได้นะครับ” ไอพิตต์จับมือที่เกาะกุมแขนมันเอาไว้นิ่งๆ และหันไปมองสบตากัน ผมรู้สึกเหมือนส่วนเกิน อึดอัด อยากออกไปจากตรงนี้ ดวงตากลมของฝันหันมามองผมเหยียดๆตั้งๆแต่หัวจรดเท้า

“เพื่อน........เหรอคะ”

“ครับ”

“แต่งตัวจ๊นจนนะคะหมอ”

อึก!

ทำไมเธอต้องทำท่าทางราวกับดูถูกและรังเกียจผมแบบนั้นด้วยล่ะ ผมทำอะไรผิดกัน ผมไม่เข้าใจสักนิด ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันแท้ๆแต่เธอทำเหมือนว่าผมไปทำสิ่งเลวร้ายจนเธอรังเกียจและไม่อยากจะหายใจร่วมกับผม ผมก้มหน้าลงมองพื้น เจ็บที่สายตาคนนอกมองมันไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บที่คนที่ผมเรียกว่าเพื่อนปล่อยให้แฟนตัวเองทำกับผมแบบนี้
มันน้อยใจ

“ฝัน!!...../กร!!!!” ผมไม่รู้ว่าไอพิตต์จะพูดอะไร แต่ผมเลือกที่จะหันไปมองตามเสียงเรียกของอีกคนมากกว่า

“มีอะไรหรือเปล่ากร...” ใยไหมเดินมากาผมพร้อมกับเอ่ยถาม ผมไม่อยากสร้างปัญหาจึงได้แต่ยิ้ม

“ไม่มีอะไรครับ ไหมคุยเสร็จแล้วเหรอ” ไหมขมวดคิ้วก่อนที่สายตาของไหมจะหันไปมองฝันที่ยืนมองผมอยู่อย่างเดิม ไหมยกยิ้มเย้ยหยันให้ฝันไปพร้อมกับกวาดสายตามองอีกฝ่ายทั้งร่างด้วยแววตารังเกียจที่ไม่คิดจะปิดบัง

“พิตต์ ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ” พิตต์มองผมกับไหมนิ่งๆ สายตาว่างเปล่าจนเดาอะไรไม่ได้

“อืม สบายดี ไหมละ”

“ไหมสบายดี แต่ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีเอง เดี๋ยวนี้ต้องซื้อกินแล้วเหรอ” ปากถามแต่สายตาไหมมองผู้หญิงข้างๆไอพิตต์ราวกับต้องการจะสื่อความหมาย

“ซื้อกิน???” ไอพิตต์มองจามสายตาของไหมไปจนเจอคนข้างตัว จึงได้ร้องอ๋ออยู่ในที

“นี่เพียงฝัน เป็นคนไข้ของผมเอง” ฝันยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะแสดงท่าทีที่บ่งบอกมากว่าแสน้งทำเป็นตกอกตกใจ

“อ้าว....คนไข้เหรอ”

“......”

“ขอโทษด้วยนะคะ ที่เข้าใจผิด แหม......”

“อะไรยะ!!!” ฝันถามออกมาอย่างหัวเสีย

“ก็เห็แต่งตัวมาแบบนี้ ก็นึกว่ามา เร่ขาย ซะอีก แย่จังเลยเรา เดาผิดซะได้ ขอโทษนะพิตต์ไหมเข้าใจผิดไป นึกว่าพิตต์ซื้อของเกรดต่ำมากิน”

“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!” อ่า ผมรู้สึกเหมือนจะเกิดสงคราม ได้แต่ดึงแขนของไหมเอาไว้อย่างปรามๆ ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ไอพิตต์มัน

“ไหมๆ ไปเถอะ พอแล้วนะครับ”

“เชอะ!!!” โชคยังดีที่ไหมยอมเดินตามผมมาง่ายๆ ไม่อิดออดอะไร ฝันถือว่าโชคดีที่โดนแค่นั้น ใครๆก็รู้ว่าในมหา’ลัย ไหมคือที่สุดของผู้หญิงปากกล้าเลย ใครมาด่า มาระรานไหม เจอตอบกลับจนแทบจะวิ่งกลับบ้าน บางคนยืนกรี๊ดอยู่ตรงนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูกเลย ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอดยิ้มไม่ได้
แต่เราก็หมดสิทธิ์ไปแล้ว

“ไหม......เดี๋ยวก่อน” ผมกับไหมหันไปมองไอพิตต์ที่แกะมือของฝันที่จับเอาไว้ออก

“มีอะไรเหรอพิตต์”

“ไหมกับ.......ไอกร มาทำอะไรที่คลินิกเหรอ”

“คลินิกนี้ รักษาอะไร ไหมกับกรก็มาเพราะเรื่องนั้นล่ะ” ไหมเลี่ยงการพูดตรงๆ คงด้วยเพราะแม่นกหวีดยังยืนอยู่ตรงนั้นมั้งครับ

“หึ.......มารักษาหรือมาหาผัวกันแน่ก็ไม่รู้ แรด!!!” ไหมปรายตาไปมอง ส่งรอยยิ้มบางเบาไปให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“ถามตัวเองเหรอคะ ใส่มาสั้นขนาดนั้นกะว่าไม่ต้องถอดก็เสียบได้เลย แบบนี้ไงฉันถึงเข้าใจว่าคุณมาเร่ขาย”

“กรี๊ด!! อี อี” ฝันกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าสวยบูดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาชี้หน้าไหมทั้งๆที่มันสั่น

“ทำไม จะทำไม!!” ไหมหวังจะเดินเข้าไปหาอีกคน แต่ผมรวบตัวไหมเอาไว้ ส่วนฝันได้แต่หลบหลังของไอพิตต์ โดยกอดเอาไว้จากด้านหลัง อืม......ก็เอาเถอะ

“ไหม กลับเถอะ เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลกันก็ได้” ผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ไหมอารมณ์เย็นขึ้น เอาพูดจริง ถ้ามาแล้วเจอแบบนี้ สภาวะเครียดแบบนี้จะมีผลต่อเด็กในท้องของไหมเองด้วย ผมไม่อยากให้หลานมายืนฟังคำพูดแสลงหู

“ก็ดีค่ะ ไปเถอะกร”

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวผมรักษาให้ ไอกร เดี๋ยวกูรักษาให้มึงเอง” มึงแกะแม่ปลาหมึกของมึงก่อนไหม

“จะดีเหรอ เราไม่ชอบให้กรมาเจอคนแย่ๆกับบรรยากาศแย่ๆซะด้วยสิ มลพิษทางอารมณ์”

“นี่แกว่าฉันเหรอ!!!”

“หยุด!!! คุณสาวครับ!!!” อยู่ๆไอพิตต์ก็เหมือนจะเม้งแตกเพราะมันใช้เสียงดังมากจนฝันตกใจยืนหน้าซีด

“คะหมอ ว่าไงคะหมอพิตต์” สาวสวยที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่มองหน้าพวกเราสลับกันไปมาราวกับทิศทางของสงคราม

“เดี๋ยวจัดการยกเลิกสัญญาของคุณเพียงฝันด้วยนะครับ เธอละเมิดกฎ!!!” เจ้าตัวยืนอ้าปากค้างขณะที่เสียงของไอพิตต์ทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความสนใจ บางคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปาก ผมสงสารเธอนะครับ บอกตรงๆ แค่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ดูก็รู้ว่าเธอชอบเพื่อนผมคนนี้มาก แต่คงไม่เคยเจอไอพิตต์ในมุมเย็นชาและไม่แคร์ใครมาก่อนสินะ ถึงได้อึ้งไปแบบนั้น

ร่างของฝันถูกคุณสาวที่ไอพิตต์เรียกมาดึงให้เดินตามเธอไป จุดหมายคือประตูทางออก ทุกสายตายังคงจับจ้องมาที่พวกเรา ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาคิดอะไรยังไง แต่ผมเชื่อว่า ที่หันๆมาคืออยากรู้อยากเห็นล้วนๆเผือกแบบไม่มีมันผสมเลยล่ะครับ

“ดี! ไปซะได้ก็ดี!!”

“ไหม......ไม่เอาน่า” ผมปรามไหมที่ยืนมองแผ่นหลังของฝันด้วยความหมั่นไส้ เฮ้อออ

“แล้วตกลง.......มีปัญหาอะไรกันล่ะ” ไอพิตต์มองหน้าผมนิ่งๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า มันถามผมเหรอ?

“ถามกู??”

“ถามไหม” แล้วจะมองหน้ากูหาเตี่ยมึงเหรอครับ ไอเหี้ย

“หา อ๋อ เอ่อ พอดีกรเขา.......มีปัญหาเรื่อง.....นั่นล่ะ”

ไอบ้า!!! ผมรีบยกมือมาปิดตรงเป้ากางเกงเอาไว้พร้อมถลึงตาใส่มันเมื่อไอพิตต์มันไล่สายตาลงมา มีที่ไหนมองแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ จะมองแบบปกติก็ไม่ได้ ต้องทำตาแวววับจนอยากจะเตะก้านคอให้มันหายบ้า

“มองบ้าอะไรของมึงวะ!!” ผมตะคอกใส่มันทั้งๆที่หน้าแดงด้วยความอาย ก็ใครใช้ให้มันยิ้มแบบนั้นใส่ผมล่ะ

“อะไร ก็มองสำรวจ............ดูอาการ”

อาการบ้านมึงดูได้ด้วยสายตาเหรอวะ

ใยไหมที่ยืนอยู่ข้างๆมองหน้าผมและหน้าไอพิตต์สลับกันไปมา ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มล้อเลียนมาให้ผม ยิ่งเห็นว่าไหมยิ้มแบบนั้นหน้าผมก็ยิ่งเห่อแดงแบบไม่มีเหตุผล ทำไมผมต้องอายด้วยวะเนี่ย ไม่เข้าใจเลย สงบใจไว้ๆ อย่าลนดิวะ ไม่มีอะไรสักหน่อย แต่ด้วยความหมั่นไส้จนทนไม่ไหว ผมจึงหยิกเข้าที่แขนของไหม

“โอ้ยยยยย กรหยิกไหมทำไม” ผมมองค้อนให้ไหมวงใหญ่

“แล้วยิ้มแบบนั้นทำไมล่ะ ฮึ!”

ไหมอมยิ้มส่งสายตาพราวระยับมาล้อเลียนผม มันน่าตีไหมล่ะครับ ดูทำท่าทำทางเข้าสิ ไอพิตต์ก็เหมือนกัน ยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่าไงวะ ทำไมสองคนนี้ต้องมองหน้าแล้วส่งยิ้มแปลกๆกับสายตาแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจด้วยนะ สรุปแล้วคือ พวกเขาสองคนคุยกันผ่านทางโทรจิตเหรอครับ เห็นจ้องกันไปจ้องกันมาแล้วหัวเราะราวกับว่ากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
เกลียดจริงๆ ไอความรู้สึกว่าถูกเขี่ยออกมาจากโลกของพวกเขาเนี่ย ชิ!!

ผมถูกไอพิตต์มันลากมายังห้องตรวจของตัวเอง ส่วนไหมกลับไปก่อนแล้ว ซึ่งตอนแรกไหมบอกว่าให้ผมเซ็นสัญญาด้วยเพราะเธอจ่ายค่ารักษาไปหมดแล้ว จะโกรธก็ไม่ได้เพราะไหมดันส่งยิ้มออดอ้อนมาให้ผมจนใจอ่อนยวบ เฮ้อ......อย่างนี้ทุกทีเลย ผมมองไปรอบๆห้อง มันก็น่าตกใจนะ เคยไปคลินิกและโรงพยาบาลมากมายไม่เคยเห็นที่ไหนจัดห้องตรวจแบบนี้สักที่ หรือมันจะไม่ใช่โรงพยาบาลนะ

“ตกลงยังไง มึงมีปัญหาอะไรกัน” มีปัญหา? อ๋อ เข้าใจล่ะ คงหมายถึงเรื่องของผมกับไหมสินะ ผมลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่

“กูกำลังจะหย่า” สีหน้าไอพิตต์ดูแปลกใจมาก เหมือนมันไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง

“หย่า?”

“ใช่..หย่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสองเดือน กู......มีปัญหา มันไม่ยอมตั้ง กูให้ความสุขกับไหมไม่ได้” ผมหลบสายตาไอพิตต์ที่จ้องมองมา กลัวหลุดบางอย่างที่ไม่ควรจะพูดออกไป กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะทำให้ไหมเสียหาย แม้ว่า.....มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

“.....”

“.....”

ผมกับไอพิตต์ต่างคนต่างห็เงียบใส่กัน ได้ยินเสียงหายใจจนชัดเจน ผมยังคงวางสายตาไว้ที่อื่นแม้จะไม่ได้มองแต่ก็พอรู้ว่าไอพิตต์มันเอาแต่มองหน้าผมไม่เลิก ใครๆก็หลงรักใบหน้าหล่อของหมอพิตต์ ใครๆก็ชอบให้ไอพิตต์มันมอง แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม แต่ผม การถูกมันจับจ้องเป็นเรื่องปกติ เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ผมหันไปมองมันทุกครั้งที่เห็นมักจะเห็นว่าสายตาคมของมันมักจะมองมาที่ผมเสมอ เพราะงั้น ผมถึงตั้งตารอไอพิตต์อย่างมา หวังเหลือเกินว่าในวันที่ผมแต่งงาน มันจะมาร่วมยินดีกับผม แต่เปล่าเลย แม้ว่าผมจะตอดต่อมันไม่ได้ แต่ผมก็ฝากข้าวคราวไปบอกผ่านเพื่อนๆ แต่สุดท้าย........จนจบงาน ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอพิตต์มันเลย ไม่มีแม้แต่คำยินดีที่ฝากเพื่อนมาด้วยซ้ำ

“ไอกร...พูดมา!” ผมย่นคอแอบลอบมองหน้ามันอย่างกลัวๆ สีหน้าแววตาและน้ำเสียงของมันกดดันผมสุดๆ บรรยากาศในห้องมาคุจนอยากจะชิงเอาหัวชนกำแพงหนีตายไปเลย

“กะ กูพูดไปแล้วไง ก็ๆ” ผมจะทพูดยังไงดี มันต้องไม่เชื่อแน่ๆ

“กร!!!!!” ผมสะดุ้งกับเสียงตะคอกเรียกชื่อผม

“อะ อะ” ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ พูดอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นไอพิตต์มันเป็นแบบนี่เลย

“มึงจะบอกกูตรงๆ หรือให้กูบังคับให้มึงพูด”

“ไหมท้อง ไหมท้องกับคนอื่นเลยมาขอหย่ากับกู!!!” รอยยิ้มเหี้ยมที่อยู่บนหน้าไอพิตต์ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว แม้ใจจะไม่อยากบอกออกไป แต่ความกลัวและสัญชาตญาณร้องบอกให้ผมอ้าปากและพูดออกไป

“ท้อง......กับใคร”

“กูจะรู้เหรอ.....เอาสิ......มึงอยากหัวเราะไหมล่ะ” ผมกลั้นใจรอฟังเสียงหัวเราะเยาะจากมัน แต่ก็ไม่มี รอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีเลย ความเงียบยังคงปกคลุมเช่นเดิม

“กูจะหัวเราะเยาะมึงทำไม ตั้งแต่คบกันมา กูเคยทำแบบนั้นเหรอ” ฝ่ามืออุ่นลูบผมของผมอย่างแผ่วเบา สายตาทอประกายแววหวานจนผมหน้าร้อนหลบสายตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาการกระส่ายกระสับที่ผมเป็นอยู่มันคืออะไรนะ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงด้วยก็ไม่รู้ มือของมันเลื่อนลงมาที่ผิวแก้มก่อนจะใช้นิ้วลูบเบาๆจนมันรู้สึกร้อน ไม่กล้ามอง กลัวสบตาแล้วจะเห็น..........

เห็นอะไร??? นั่นสิ ผมกลัวเห็นอะไร

ผมชะงักไปเมื่อเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมผมถึงกลัวที่จะมองตาไอพิตต์ด้วย ทำไมผมถึงไม่กล้าสบตามันตรงๆ พอมาลองย้อนนึกๆดูแล้ว ตั้งแต่เมื่อก่อน ผมเองก็ไม่ค่อยจะสบตามันตรงๆเลย เหมือนตัวเองกลัวอะไรบางอย่าง ไม่เข้าใจเหมือนกัน พอมันมีเหตุให้จ้องตา ก็มักจะเป็นผมที่เป็นฝ่ายหลบตาเสมอ ไอพิตต์ไม่เคยหลบ ไม่เคยหยุดมองมาสักครั้ง แต่เป็นผมที่พยายามจดจ่อกับสิ่งอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้น ไอเก้าเคยเปรยกับผมว่า สายตาไอพิตต์ไม่เคยปิดบัง ถ้าผมลองมองก็จะรู้ ตอนนั้นผมได้แต่ทำหน้างง แต่พอจะลองจ้องไปกลับไม่กล้า ทั้งที่กับไอเก้าและคนอื่นๆ ผมสามารถมองสบตาพวกเขาได้โดยไม่รู้สึกอะไร

แปลก

ใช่ มันแปลก แต่ที่แปลกคือ ทำไมผมถึงเพิ่งจะมาคิดเรื่องนี้ หรือเพราะผม ไม่มีพันธะแล้ว หรือเพราะผมได้มาพบกับสายตาของไอพิตต์อีกครั้งกันแน่

“เป็นอะไร......ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมหันไปมองหน้าไอพิตต์โดยเลือกจะจับจ้องส่วนอื่นที่ไม่ใช่สบตา สิ่งที่ผมเลือกจะจับจ้องคือริมฝีปากของมัน ผมคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่ผมรู้ตัวว่าคิดผิด เมื่อริมฝีปากของมันยกยิ้มถูกใจ ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะขยับเข้ามาจนริมฝีปากของมันอยู่ใกล้จนผมต้องกลั้นหายใจ

“มองแบบนั้น.......”

“......” ไอพิตต์ใช้นิวเกลี่ยลงบนปากผมเบาๆอย่างเย้าแหย่ และมันทำผม....เผลอเผยอปาก

“อยากจูบกูหรือให้กูจูบดีล่ะ หืม......”

“บะ บ้า!!”

ผมหลบปลายนิ้วของมันไปอีกด้าน หันหนีอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นออกจากปากมัน ใบหน้าของผมเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะยิ้ม ผมถึงต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ ทำไมต้องพูดอะไรน่าอายๆแบบนี้ด้วย ผมเป็นผู้ชายนะ จะมาองมาอายกับเรื่องแบบนี้ได้ไง พอคิดได้แบบผมจึงหันไปสบตามันอย่างไม่เกรงกลัวอีก

อึก!!

บ้าจริง!! ทำไมความหล่อของมันชัดเจนแบบนี้วะ ทำไมเหมือนมีใครมาฉายไฟใส่ผมจนแสบตาแบบนี้ ทำไมสายตาคู่นั้นถึงมองผมแบบนั้น ไม่รู้เลยเหรอว่ามันทำให้ผมละลาย แล้วทำไม ทำไมมันต้องยิ้มกรุ้มกริ่มกับผมด้วย ตะ แต่ แต่ผมไม่ได้อายนะ ผมเปล่าจริงๆ

“ว่ายังไง จะจูบกู หรือให้กูจูบดีครับ” มือไม้สั่นไปหมด ยิ่งไอพิตต์มันก้มลงมากระซิบเสียงทุ้มข้างๆหูผมแบบนี้ ยิ่งสั่นจนแทบจะจับไข้ ดาเมจแรงเกินไปแล้ว

“อยะ อย่ามองแบบนั้น!!!” ผมทนไม่ไหวแล้วนะ ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วนะ!!

“ทำไม หรือว่า...”

หมับ!!

ผมถูกมันจับให้หันไปมองสบตาตรงๆโดยไม่ยอมให้หลบ ผมพยายามดิ้นหนี กลัว ความกลัวในใจเรียกร้องให้ผมหลบตา มันร้องบอกให้ผมหลับตาหนีจากใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าผมนี้

“มองตากู ไอกร!”

“ไม่!!!!!” ผมหลับตาปี๋ไม่ยอมมองสบตามันง่ายๆหรอก ผมไม่มีทางสบตามันแน่

“กรครับ มองตากูสิ มองกูสิครับกร”

“ขะ ขี้โกง” ผมทั้งหลับตาทั้งย่อนคอ หนีจากการที่ถูกมันป่วนเล่น มันเล่นขี้โกงอ่ะ ทำไมต้องกระซิบแบบนี้ด้วย ผมอยากกลับบ้านแล้ว

“งั้นก็ลืมตามามองสิ ที่มึงไม่ยอมลืมตามามองกู เพราะมึงรักกูใช่ไหม” ผมชะงัก มันพูดบ้าอะไร และนั่นทำให้ผมเผลอลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“มึงพูดอะไร”

“มึงชอบกู”

“.......”

“ใช่ไหม กร มึงชอบกูใช่ไหม” ผมผลักมันออกทันที มันบ้าไปแล้ว ผมจะไปชอบมันได้ยังไง ผมเป็นผู้ชายนะ

“กูเปล่า”

“มึงชอบกู!”

“ไม่ใช่!! โอ๊ย!!!” แรงที่แขนของผมถูกเพิ่มมากขึ้นตามความโมโหของเจ้าของฝ่ามือ

“มึง!!! รัก!!! กู!!!”

“บอกว่าไม่ชะ.....อ๊ะ อื้ม!!!”

ไอพิตต์ก้มลงมาใช้ริมฝีปากของมันปิดปากที่กำลังเอ่ยคำปฏิเสธของผม ผมถูกกระชับโดยที่มันใช้วงแขนตวัดให้ร่ทงของผมลอยวือเข้ามาใกล้จนตัวเราแนบชิดกัน แรงดูดดึงที่ริมฝีปากบ่งบอกอารมณ์ของคนตรงหน้าได้ดี ว่าหงุดหงิดแค่ไหน มือทั้งสองข้างถูกใช้ผลักไสร่างใหญ่โตให้ออกห่าง แต่แรงของผมสู้ความถึกของมันไม่ได้เลย เหมือนผมกำลังผลักหินที่หนักกว่าสิบตัน มันไม่ยอมขยับ สิ่งที่ขยับมีเพียงริมฝีปากและปล่ยลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาเท่านั้น ผมถูกอีกฝ่ายสำรวจจนทั่วทั้งปาก ถูกลิ้นของมันชักชวนเว้าวอนให้ตอบรับและสอดประสานเดินตามเกมส์ รสหวานฉ่ำทำผมมึนหัวไปหมด แข้งขาอ่อนแรงจนยืนไม่ไหว ดีที่มีแขนของไอพิตต์รับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงล่วงลงพื้นไปแน่ๆ

“จุ้บ อื้อ แฮกๆ” ไอพิตต์ถอนริมฝีปากออก มองน้ำใสๆที่ยังเชื่อมต่อกันระหว่างริมฝีปากของผมและมันแม้ว่าจูบจะจบลงไปแล้ว หากแต่รสหวานที่ได้สัมผัสมันยังคงติดตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น

“มึงรักกูใช่ไหมกร มึงรักกู”

“......” ผมได้แต่หลบตา ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธใดๆเพราะตัวผมเองก็หาคำตอบให้มันไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าอันไหนคือความรู้สึกจริงๆด้วยซ้ำ ไอพิตต์เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดีของผมเสมอ ผมกลัวว่าถ้าผมปฏิเสธออกไปมันจะทำให้ความเป็นเพื่อนของเราจบลง หรือจริงๆผมกลัวที่จะยอมรับกันแน่นะ โอ๊ย!!! ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

“กร.....” น้ำเสียงของมันดูเว้าวอนร้องขอให้ผมตอบคำถาม

“กู....กูก็ไม่รู้”

๕๐%


TBC





                อุ๊แหม~ มีความปากร้ายนะคะคุณน้องใยไหม คืนกรให้หมอพิตต์ไปถูกแล้วลูก มาๆแมวจะจัดเก้าอี้วีไอพีให้ได้ชมแบบชิดติดจอกันไปเลย ฮ่าๆ ว่าแต่หมอพิตต์นี่น่าตีจริงๆ ทำไมไม่ปกป้องเมี- แค่กๆ โทษค่ะมือลั่น ปกป้องเพื่อนละคะ ปล่อยให้ห่านมาจิกกรได้ยังไง หึหึ เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวมีเปลี่ยนพระเอก!! ฮึ่ม!!!!!*
#คลินิกมารักษ์
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-04-2018 18:06:32
รู้ใจตัวเองไวๆนะ..กร  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-04-2018 23:35:35
ที่ไม่มีอารมณ์กับไหม
เพราะลึกๆแล้ว
มีคนอื่นอยู่ในใจแล้วนะซิ
ใช่มั้ยกร

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 23-04-2018 07:14:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 26-04-2018 01:28:44
คุณหมอพิตดูท่าจะแซ่บนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 29-04-2018 08:58:44
น้องโอบโดนพี่่เสือจับกิงงง แง น่ารัก :pig2:
ชอบปมเรื่องพี่วินกับน้องสองมากเลยค่ะ ดูผ่านอะไรกันมาเยอะดี มีความอดทน55555 แต่ขอโทษนะคะ มันอดไม่ได้ที่ตอนอ่านชื่อพี่วินแล้ว ภาพชายใส่เสื้อสีส้มขี่มอไซลอยเข้ามาเลยค่ะ คิดภาพคุณหมอใส่เสื้อกาวน์ไม่ออกเลย 555 :hao7:
ขอชมไรท์แมวอีกนิดนะคะ ตอนที่ไรท์ทอล์คบอกว่าไม่เคยมีฟามรัก โหยย ไม่อยากจะเชื่ออ่า ขนาดไม่เคยมียังถ่ายทอดความรู้สึกมาได้ขนาดนี้ เยี่ยมจริงๆค่ะ รอติดตามเรื่องต่อๆไปน้าาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 30-04-2018 09:42:18
เพิ่งมาอ่านกรกับหมอพิตวันนี้ค่ะ ไรท์แมวววว รีบมาต่อเด้อ กรีดร้อง :z3:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๕๐% UP. 22/04/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 02-05-2018 23:26:20
ขออีก 50% พลีสสสส  :hao5:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-05-2018 10:53:35
“กู....กูก็ไม่รู้”

   ไอพิตต์ค่อยๆจับใบหน้าของผมให้หันไปหามันช้าๆ สายตาสอดประสานบอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างจนหมด ผมเผลอวูบไหวไปกับบางสิ่งที่ปรากฏออกมาทางสายตา ครั้นจะหันหน้าหนีก็ดันติดอยู่ที่มือหนาที่ยังคงกอบกุมแก้มของผมเอาไว้ ยคดใบหน้าไม่ให้หันไปไหนได้

“แต่กูรักมึงนะกร........รักมาตลอด”

“..!!!” กล้าพูดเลยว่าอึ้ง ตาผมคงโตจนเรียกได้ว่าช็อคแล้วครับตอนนี้ แปลกใจที่มันพูดออกมาตรงๆ เพราะน้อยคนที่จะกล้าพูดออหมาแบบมัน ก็นะ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยไหนจะเรื่อยงที่เราเป็นเพื่อนกันอีก

“กูรู้ว่ามึงคิดอะไร” มันถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“แต่กูไม่สนหรอกนะ.....ว่ามึงจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

     มันไม่แคร์ แต่สังคมล่ะ?? คนภายนอกจะคิดยังไง

“มึงเองก็ไม่ควรแคร์ใคร.....มากกว่ากู!” ผมชะงักเผลอสบตาคู่นั้นที่เปิดเผยความในใจจนหมดสิ้น

“เหมือนที่กูไม่เคยจะแคร์ใคร.....มากกว่ามึงเช่นกัน”

ผมกำลังเบลอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเพราะแววตาคู่นั้น หรือน้ำเสียงอ่อนโยนที่เปล่งออกมานั้น หรือคำพูดที่บอกว่าตัวผมสำคัญจนขนาดที่ผมไม่เคยได้มันจากใคร ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากของมันกดจูบลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา ไล่ต่ำลงมายังแก้มทั้งสองข้างก่อนจะประกบลงที่ปากของผมบางเบาๆ เอวของผมถูกอ้อมแขนแข็งแรงกระชับเข้าหาจนแนบชิดกับตัวมัน มันทั้งร้อน ทั้งหวาน มันละมุนจนผมรู้สึกว่ากำลังล่องลอยไปในอากาศ

“อย่า.....” ผมร้องห้ามไอพิตต์ด้วยเสียงที่สั่นเจือไปด้วยอารมณ์ปราถนา แต่ที่สุดก็ต้องห้ามใจไว้ แม้ว่ามันจะเย้ายวนแค่ไหนมันก็ผิด

“ทำไม...” อีกคนถามผมอย่างไม่เข้าใจทั้งๆที่แววตาฉ่ำไปด้วยไฟสวาท

“มันไม่ถูก......เราต้องหยุด” ผมดันร่างใหญ่โตที่ไม่มีทีท่าจะถอยไปไหนออกก่อนที่กลิ่นกายและความหอมหวานเมื่อครู่จะมาทำลายสติอันน้อยนิดที่มีอยู่

“ทำไมถึงห้ามกู”

น้ำเสียงอ่อนแรงของไอพิตต์กรีดลึกลงบรหัวใจของผมอย่างแรง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่เหลืออากาศจะหายใจ แต่ผมก็ต้องอดทนไว้ เพราะการที่ผมมาที่นี่มันก็เพื่อใบรับรองที่จะทำให้ครอบครัวของแฟนไหมเขายอมรับ ทำให้เด็กตาดำๆที่กำลังจะลืมตามาดูโลกนี้ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์ ผมจะมาคิดเรื่องของตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่เวบาที่ผมควรจะคิดเรื่องแบบนี้

    ท่องเอาไว้สิกร มึงทำเพื่อไหมและหลาน

“พิตต์ กูขอร้อง กูต้องการใบรับรองจากมึงจริงๆ” ไอพิตต์มองหน้าผมอย่างชั่งใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นมองผมด้วยแววตาว่างเปล่า

“แล้วถ้ากูไม่ให้ล่ะ??” ผมกัดปากแน่น มันจะโยกโย้เพื่ออะไรวะ

“กู.......ก็คงต้องไปที่อื่น” ที่อื่นที่ต้องอับอายแบกหน้าไปรักษาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ผมไม่โทษมันหรอกนะ แม้มันจะไม่ช่วยผมก็ตามที

“หึหึ ตลกนะกร มึงคิดว่าเดินเข้ามาถึงถิ่นกูแบบนี้แล้วมึงจะได้ออกไปเหรอ?” จู่ๆวงแขนกว้างของไอพิตต์ก็รวบตัวผมเข้าไปหาจนได้กลิ่นหอมที่ติดเสื้อมัน

“เฮ้ย.....ปล่อย เล่นบ้าอะไรของมึงเนี่ย!” ผมพยายามดันตัวออกแต่ไร้ผล เพราะแรงที่ผมมีเทียบไม่ได้เลยกับร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงนั่น

“ต่อให้มึงเดินออกไปได้ หใอที่ได้ชื่อว่าเก่งอย่างกู จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับมึงทุกอย่างโดยที่กูจะระบุไว้ ไม่มห้ใครได้รักษามึง แล้วมึงคิดว่าตัวเองจะทำยังไงล่ะ หืม....” ผมเบิกตากว้างกับคำพูดของมัน นี่จงใจให้ผมอับสิ้นหนทางเลยเหรอ ยิ่งฟังยิ่งโมโห จนผมต้องทุบลงไปบนแผ่นอกนั่นแรงๆอยู่หลายทีเพื่อระบายอารมณ์

“ไอเหี้ย!!!”

“หึ.....ก็เหี้ยไง!! จะดีไปทำไมวะ มึงไม่เคยรักกูอยู่แล้วนี่ เป็นห่วงจังเลยนะ ไหมน่ะ ทั้งๆที่ท้องกับใครก็ไม่รู้แท้ๆ แต่มึงกลับต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างกับเป็นพ่อของเด็ก..”

เพี๊ยะ!!!!

มันเกินไปแล้วนะ ทันทีที่มันพูดดูถูกไหม ด้วยอารมณ์ที่ผมคุบไม่ได้ทำให้เผลอใช้ฝ่ามือตบเข้าที่แก้มของมันอย่างแรง จนเกิดรอยแดงขึ้รอย่างชัดเจน ไอพิตต์หันมามองหน้าผมด้วยแววตาวาวโรจน์ สองมือบีบต้นแขนของผมอย่างแรงจนผมต้องนิ่วหน้า

“เจ็บ!! ไอพิตต์กูเจ็บ!!!”

“ตบกู? คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้ ไม่อยากได้เหรอใบรับรอง หรือจะปล่อยให้ไหมท้องไม่มีพ่อล่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันถูกส่งมาถากถางให้ผมต้องเจ็บ รู้ดีว่ามันโกรธ แต่ผมเองก็โกรธมันเช่นกันที่มาดูถูกผู้หญิง

“มึงมันปากหมาเอง!! ไม่ใช่ความผิดกูเสียหน่อย!”

“ดี......ถ้าอย่างนั้น” ไอพิตต์ปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากแขนของผม โดยที่ตัวเองเดินกลับไปที่โต๊ะ มันเปิดลิ้นชักหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนอะไรสักอย่างลงไป ผมได้แค่นั่งมองนิ่งๆ ลูบแขนตัวเองปอยๆ เจ็บชะมัด แรงมันเยอะจนผมคิดว่าเนื้อคงช้ำแล้วแน่ๆ ไม่เคยเห็นมันโกรธขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา

“นี่......ใบรับรองของมึง”

ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดเมื่อไอพิตต์ที่อยู่ในเสื้อกาวน์ยื่นกระดาษมาตรงหน้าผม

“ใบรับรองนี่....” ไม่อยากเชื่อว่ามันจะให้ผมจริงๆ ผมเอื้อมมือหวังจะหยิบมาอ่าน แต่กลับถูกไอบ้านั่นดึงหนี อะไรของมันวะเนี่ย!!!!

“อ๊ะๆ ให้ง่ายๆก็ไม่ใช่กูสิ”

“อะไรของมึงวะพิตต์!!! มึงก็รู้ว่ากูต้องใช้!!” หงุดหงิด มันจะอะไรนักหนาก็รู้

“ถ้าอยากได้จริงๆ......”

“....??”

“คืนนี้.........ไปหากูที่คอนโดสิ”

“..!!!” ไปไหนนะ คอนโดมัน เอ่อ ผมรู้สึกเหมือนว่า ไม่ควรจะไปยังไงไม่รู้สิครับ ดูจากหน้าตาที่แสดงออกมาของมัน เหมือนจะมีแผนร้าย แต่ว่า........ไหมต้องการสิ่งนั้น

“ถ้ามึงกล้ามา......กูจะให้ไอนี่กับมึง แต่ถ้าคืนนี้ตอนสามทุ่มกูไม่เห็นมึงล่ะก็........กูจะเผามันทิ้ง!!”

ผม ผมควรทำไงดี บางอ่างกำลังร้องเตือนไม่ให้ผมไป แต่ไหม แต่ว่าไหมจำเป็นต้องมีสิ่งนั้นในการยืนยันเพื่อจะได้แต่งงานสร้างครอบครัว ผมควรทำไง ผมควรจะไปไหน หรือผมควรไปรักษาที่อื่น ไม่สิ.....ไอพิตต์ไม่มีทางปล่อยให้ผมไปรักษาที่อื่นแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีทางเลือก

“ที่ไหน......”

“หือ”

“คอนโดมึงอยู่ที่ไหน......”
                 





           เพราะความโง่เขลาหรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมเดินมาอยู่หน้าห้องของผู้ชายที่ผมเรียกว่าเพื่อน ข้อเสนอที่มันยื่นให้ แม้ตอนนั้นผมจะตอบตกลงไป แต่พอมานั่งคิดนอนคิดที่บ้าน กลับอยากยกเลิกขึ้นมาเสียนี่ พอสมองคิดเรื่องข้อเสนอแต่จู่ๆในหัวกลับหันเหไม่นึกถึงใบหน้าหล่อๆของไอพิตต์ ทำเสียงทุ้มที่นุ่นหู....ที่มันคอยกระซิบ คอยพูดอยู่ใกล้ๆ นึกถึงลมหายใจและจูบหวานๆ บ้าไปแล้ว!!! ผมว่าตัวเองนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว!!!! ทำไมต้องหน้าแดงกับอีแค่จูบของมัน แค่รอยยิ้มของมัน ไม่ๆๆ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องนี้.....มันไม่ควรเกิดขึ้น

“มาแล้วเหรอ” ประตูถูกเปิดออกปรากฏร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์แต่ส่วนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นและซิกแพคที่บ่งบอกถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมทึ่งกับความสวยงามของกล้ามเนื้อพวกนั้นไม่ได้ มันสวยจนอดไม่ได้ที่ตะก้มมองตัวเอง เหอะๆ ผมไม่แปลกใจเลยที่สาวๆในมหา’ลัยจะหลงไหลในตัวมันแทนที่จะเป็นผม ก็มีแค่หุ่นบางๆจะไปสู้อะไรกับกล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆแบบนั้น อิจฉาโว้ย!!!!!

“หึ....ชอบ?” ผมสะดุ้งกับคำถามบ้าๆที่ออกมาจากปากมัน

“พ่อมึงดิ” ผมชะเง้อคอมองหาสิ่งที่มันบอกจะให้ ในเมื่อผมทำตามข้อเสนอของมันแล้ว

“ไหนใบรับรองล่ะ กูก็มาที่นี่แล้ว”

“หึหึ รีบร้อนจริงนะ เข้ามาข้างในก่อนสิ” มันเปิดทางราวกับเป็นการเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าไป

“มึงบอกให้กูมา กูก็มาแล้ว กู....แค่ต้องการใบรับรอง เท่านั้น” ผมแค่อยากกลับบ้านไปเร็วๆ ก่อนที่......หัวใจจะวายตายซะก่อน

“แค่เข้ามามันจะอะไรวะกร ห้องกูแท้ๆ มึงกลัวอะไรของมึง”

      กูกลัวมึงนั่นล่ะ ไอหมอหื่น!!

“กูไม่ได้กลัว!!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ขามันก็สั่นไปแล้ว

“ไม่ได้กลัวก็เข้ามาดิ เอ้า.....เข้ามา!!” ผมกัดปากอย่างขัดใจ มันกดดันผมจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ทางเลือกของผมมีแค่เดินเข้าไปทั้งที่รู้ว่าไม่ควรหรือจะกลับไปทั้งที่ไม่ได้อะไรเลย เจ็บใจนัก มันเล่นงานผมจากจุดอ่อนจนได้สิน่า ไอเพื่อนเลว

“ก็แค่นั้น”

ปัง!!

สะดุ้งสิครับ ปิดดังขนาดนั้น ไอพิตต์หัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทีของผมที่ตกใจจนหน้าซีด ส่วนผมได้แค่ยืนนิ่งเอ๋อๆอยู่กลางห้องไม่กล้าขยับตัวไปไหนมากนัก วางตัวไม่ถูกกับบรรยากาศแบบนี้ ทำไมในห้องถึงได้ให้ความรู้สึกชวนสยิววะ ขนแขนผมแทบจะลุกขึ้นมาเต้นดิสโก้อยู่แล้ว ไอพิตต์ก็ช่างเป็นเจ้าบ้านที่ดีเหลือเกิน.....ไม่มีการเชิญไปนงไปนั่งปล่อยผมยืนแกว่ง.......ขาเล่นอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเองก็ยกเบียร์ขึ้นมาจิบอยู่ตรงโซฟาพร้อมกับดูทีวีไปด้วย

นี่กูมาทำอะไรวะ????

10นาทีผ่านไป......

“ยิงเข้าไปเลย!!! ปัดโธ่เว้ย!!!!” เสียงโวยวายของผู้ชายที่นั่งโมโหแดกเบียร์อยู่หน้าทีวีที่เพิ่งถ่ายทอดบอลคู่สำคัญไป(สำคัญกว่าผมอีก!!) ผมได้แต่มองอยู่เฉยๆ มองมันที่หงุดหงิดใส่อารมณ์เมื่อนักเตะเล่นไม่ถูกใจ ครับ สินนาทีผมก็ยังยืนที่เดิม มีความเมื่อยเพิ่มมาหน่อย

ทำไมผมไม่ไปนั่ง?? หึ......ตอบได้เลย กลัวโดตตีนมันครับ

ก็ไอบ้านั่นเล่นโมโหแล้วฟาดงวงฟาดงาสะเปะสะปะมั่วไปหมด เกิดมันโมโหจัดแล้วเจอผมอยู่ใกล้ๆ แทงเข่าใส่ผมขึ้นมามีหวังตายก่อนได้เห็นหน้าหลานในท้องของใยไหมแน่ ไม่อ่ะผมไม่กล้าเสี่ยงตายแบบนั้นหรอก ผมแค่อยากได้ใบรับรองเพื่อไหมแค่นั้นเอง


40นาทีผ่านไป........

“สัสแม่ง!! เล่นยังไงของมันวะ”

ยืนรอแล้วรอเล่า เหมือนถูกเรียกมาเพื่อดูมันทะเลาะกับบอลในทีวีเหรอ ผมเองก็ชั่งใจ ยืนอยู่นานๆก็เมื่อยนะ ในเมื่อตอนนี้มันเองก็กำลังเผลอ คงไม่ผิดที่ผมจะเดินเข้าไปหาในสิ่งที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ตรวนี้ ถูกไหมครับ เพราะงั้น ผมจึงมองจนแน่ใจว่าตัวมันจดจ่ออยู่กับผลบอลไม่สนใจการขยับตัวเพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย

อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว

ทันทีที่มือของผมสัมผัสกับความเย็นของลูกบิดประตูก็ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่วายที่จะมองไปหาเจ้าของห้องที่ยังคงไม่สนใจสิ่งรอบข้างนิกจากบอลในทีวี

 ดีแล้ว อย่าเพิ่งหันมาสนใจกูเลย

ผมค่อยๆเปิดประตูห้องออกอย่างเบามือ พยายามให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลั้นหายใจจนอึดอันเมื่อต้องใช้สมาธิกับการบิดประตูในครั้งนี้ เพียงแค่ประตูเปิดออกผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผมมองเข้าไปภายในห้องที่มีเตียงนอนขนาดใหญ่และตู้เสื้อผ้า ห้องมันดูเรียบๆ ไม่มีของมากมายนัก ผิดวิสัยของหนุ่มโสดนะครับ สะอาดสะอ้านขนาดนี้ หรือมันจะมีแฟน เพียงแค่คิด หัวใจก็บีบรัดจนเจ็บไปหมด แค่คิดว่ามีคนเข้ามาในห้องนี้ มีคนมาใช้เตียงตรงหน้านี้ มันก็ทำให้ผมต้องจิกมือลงกับกางเกงตัวเอง กัดปากด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ไม่ได้!! ผมมาที่นี่เพื่อสิ่งเดียว!!

อา...ในที่สุดผมก็เจอมัน เอกสารการรับรองผลของผม มันวางอยู่บนโต๊ะด้านในสุด นั่นหมายถึงผมต้องเดินเข้าไป ใจผมไม่อยากเข้าไปเลย เพราะไม่รู้ว่าไอพิตต์มันจะหันมาเจอตอนไหน กลัวความผิดที่ลอบเข้ามาในห้องนอนของมัน แต่เพื่อไหม เพื่อหลานชายที่กำลังจะเกิดมา ผมต้องทำ!!



  >>>>>>>>>>มีต่อค่า<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-05-2018 11:23:46
        >>>>>>>>>>ต่อนะค๊า<<<<<<<<<

   ผมตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปยังจุดหมายที่มีกระดาษสีขาววางเอาไว้ แค่อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น อีกไม่กี่ก้าว ผมก็จะสามารถไปถึงมัน อีกไม่กี่ก้าว ชีวิตของไหมก็จะมีความสุข อีกแค่ไม่กี่ก้าวแท้ๆ แต่มันกลับ.....

ปัง!!! 

“มึงเข้ามาทำอะไร”

เฮือก!!!

“พะ พิตต์” ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูที่มันจงใจปิดจนเกิดเสียงดังและใช้สายตาคมกริบมองมาที่ผม

“มึงเข้ามา......ทำอะไรในห้องนอนกูครับ กร” จะตอบยังไงดี ผมกลัวว่ามันจะเผาเอกสารนี้ทิ้ง เอาวะ ตายเป็นตาย ผมยอมทั้งนั้น เพราะคิดได้แบบนั้นผมจึงหันไปคว้าเอกสารมาถือเอาไว้ อย่างน้อย ถ้ามันอยู่ในมือผม มันก็ปลอดภัยกว่า และผมก็ไม่ต้องกลัวข้อต่อรองใดๆจากมันอีก

“กูต้องใช้......มึงต้องเข้าใจกูนะพิตต์” ผมกอดเอาไว้แน่น กลัวมันจะมาแย่งไปเหลือเกิน รู้ว่าไม่ควรมาหยิบไปเอง แต่ให้ผมรอมันเอามาให้ คงเสียเวลาไปอีกมาก

“แล้วยังไง”

“หะ??” ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้ามันไร้ซึ่งความโกรธ มีเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม

“แล้วมึงจะทำไง.....มึงจะกอดเอกสารเอาไว้ แล้วหายตัวออกจากห้องกูได้เหรอ” ไอพิตต์ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาผมอย่างช้า จนตัวผมเองเผลอถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว

“มะ มึง...”

“มึงจะออกไปยังไงวะกร..”

    ตึง!!!

“อ๊ะ...”

“ถ้าถูกกูขังเอาไว้แบบนี้ ไม่ยอมให้มึงออกไปไหน มึงจะเอาเอกสารที่สำคัญนักหนาของมึงออกไปยังไง” ไอพิตต์ใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวผมเอาไว้จนหลังชนผนัง กลัวหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตัวสั่นไปแล้วอย่าไม่มีสาเหตุ

“มึง....ทำแบบนั้นไม่ได้นะ มึงก็รู่ว่ามันสำคัญกับ...”

“กับไหม....”

“......” ผมพยักหน้าตอบหลบสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดออกมาจากสายตาคู่นั้น

“หึ....กูเคยทำพลาดที่เลือกไม่พูดคำว่ารักตอนมีโอกาส”

“อะ ไอพิตต์”

“กูเคยพลาดที่ยอมปล่อยให้มึงไปแต่งงานกับไหม ทั้งๆที่กูควรเห็นแก่ตัว แล้วเก็บมึงเอาไว้กับตัว”

“อึก..”

“แต่เมื่อวันนี้ กูมีโอกาสนั้นอีกครั้ง กูจะไม่ยอมเสียมันไป” มันมองผมด้วยแววตาจริงจังจนผมแทบจะลืมหายใจ

“มึง......หมายความว่าไง” ผมเกือบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ มึนงงกับคำบอกรักและทุกอย่างที่ออกมาจากใจมัน

“หมายความว่า......ต่อให้ใครจะเป็นจะตายยังไง กูก็ไม่ยอมให้มึงไปไหนอีกแล้ว”

“มึง อ๊ะ เดี๋ยว!!”

   ตุบ!!

  ร่างผมถูกมือใหญ่ของไอพิตต์เหวี่ยงไปอยู่บนเตียงกว้างจนทำเอาผมจุกลุกแทบไม่ขึ้น ความอึ้งบวกกับอาการทางกายภาพมีผลต่อการเคลื่อนไหว นั่นทำให้ไอพิตต์มีโอกาสขึ้นคล่อมทับตัวผมไว้แทบจะทันที ผมพยายามจะดันตัวมันออก อยากจะถีบมันด้วยซ้ำไปแต่ติดที่มันทับผมอยู่ มีแค่มือสองข้างเท่านั้นที่ยังพอจะใช้งานได้

“พิตต์ ปล่อยกู อย่าทำแบบนี้” ไอพิตต์ลูบไล้แก้มของผมอย่างแผ่วเบา

“อย่าโกรธกูเลยนะ กูรักมึงมากนะกร กูรักมึงมาตลอด อย่าไปจากกูอีกเลยนะ”

ใจผมสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มที่สั่นราวกับจะร้องไห้และแววตาที่อ้อนวอนขอร้องให้ผมตอบรับความรู้สึกที่มันมีให้ มือของผมที่ดันอกแกร่งอยู่เกิดชะงัก สติเลื่อนลอยหายไปจนไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกคนจับขึ้นมาแนบแก้มของมันก่อนที่จะเลื่อนมาจนถูกมันกดจูบใส่ฝ่ามืออย่างแผ่วเบา

“รักกูเถอะ รักกูได้ไหม ให้กูได้ดูแลมึงไปตลอดทั้งชีวิตเถอะ กูอยากอยู่กับมึง”

จุ้บ จุ้บ

ผิวแก้มของผมร้อนผ่าวกับการกระทำที่มันแสดงออกมา ยิ่งฝ่ามือของผมสัมผัสกับริมฝีปากของมันมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลให้หัวใจกระหน่ำเต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ ผมรู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น รู้ว่าผมคงหนีมันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเลือกจะกักขังผมเอาไว้ แต่เป็นเพราะลึกๆแล้ว ในใจผมเองก็อาจจะรักมันมาโดยตลอดก็เป็นได้ เพราะว่าถ้าลองมาเรียบเรียงความรู้สึกที่ได้เจอมันอีกครั้งจนถึงตอนนี้ หัวใจผมเองก็เต้นเพราะมันมาไม่รู้กี่ครั้ง มันบ่อยเกินกว่าที่จะดีใจหรือตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนด้วยซ้ำไป ถ้าผมไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ก็คงเป็นโรคหลงรักคนตรงหน้านี้มากกว่า

“เป็นแฟนกับกูนะ.....กร” แววตาอ่อนโยนกับน้ำเสียงนุ่มๆพาผมให้เคลิบเคลิ้มไปราวกับติดอยู่ในฝันจนผมเผลอยิ้มออกมา

“มึงก็รู้ว่ากู.......เป็นอะไร กูไม่ตอบสนองกับใครแบบนี้ มึงไม่อายเหรอพิตต์”

“กูต้องอายด้วยเหรอ......คนพวกนั้นอยากจะพูดอะไรก็ให้มันพูดไปสิ กูเป็นหมอ ยังไงกูก็รักษามึงได้อยู่แล้ว”

ไอพิตต์ก้มหน้าลงมาหาผมจนหน้าผากของเราทั้งสองคนติดกันรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน มันยิ้มหวานราวกับว่าสิ่งที่ผมกังวลมันไม่เคยเก็บมาคิดเก็บมาใส่ใจ ความอ่อนหวานและความอ่อนโยนที่ถูกมันมอบให้เล่นเอาใจผมอ่อนยวบ ร่างกายแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง ทำได้แค่แหงนหน้ารอรับริมฝีปากของคนตรงหน้าที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ รอคอยความหวานหยดย้อยจากจูบที่ตราตรึงใจ จากสัมผัสแผ่วเบาราวปัดผ่านก็ค่อยๆหนักหน่วงเพิ่มแรงปรารถนามากขึ้นจนเราทั้งคู่ปลดปล่อยเสียงครางออกมา

    ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยิ่งกระหาย

 จากความหวานล้ำก็กลายเป็นความร้อนแรงที่แผดเผาเราทั้งคู่ มือของไอพิตต์รวบแขนผมทั้งสองข้างไปโอบรอบคอของมันไว้ ทั้งๆที่เราทั้งคู่ยังคงมัวเมาในรสจูบของกันและกัน ผมตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามากวาดต้อนจนผมหัวอื้อตาลาย หัวใจเต้นระรัวจนกลัวจะระเบิด อดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าตอนผมจูบกับไหม ไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้

เสื้อบนตัวถูกถอดออกตอนไหนไม่รู้....เพราะตอนนี้ผมเปลือยเปล่าเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวน้อยที่ยังคงปกปิดตัวตนของผมเอาไว้ พิตต์ค่อยๆลูบไล้ไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าซุกไซร้ไปตามแอ่งชีพจรอย่างช่ำชอง ยอดเล็กตรงอกถูกนิ้วมือของมันสะกิดเล่นจนผมเสียววาบ

“อ๊ะ อื้อ”

ยิ่งได้ยินเสียงครางไอพิตต์ยิ่งชอบใจ จากปลายนิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยปลายลิ้นสากที่สัมผัสตุ่มไตอย่างหยอกล้อ ผมได้แต่หันหน้าไปอีกทางไม่กล้ามองภาพตรงหน้าที่มันช่างชวนให้เกิดอาการแปลกๆ ไอพิตต์ดูดดึงยอดเล็กจนสนุกปาก ทั้งเลียทั้งขบเม้นจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง ความอายทำให้ผมยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ อับอายกับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้กับคนที้คยเรียกว่าเพื่อน แต่ความรู้สึกลึกๆมันกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าพึงพอใจกับสัมผัสที่มันมอบให้ไม่น้อย

“อย่าปิด......ให้กูได้เห็นหน้ามึง ได้ฟังเสียงมึงเถอะ”

“อ๊ะ มึง....อื้ออ”

ผมถูกมันจับมือที่ปิดหน้าเอาไว้ออก สายตาสบเข้ากับสีหน้าเร้าอารมณ์ของมันจนหน้าแดงซ่าน เสียงลมหายใจที่ดังออกมาจากปากมันยิ่งทำให้รู้ถึงความปราถนาที่พุ่งสูงจนไม่อาจจะหนุดได้ง่ายๆ ต้นขาผมสัมผัสถึงความตื่นตัวที่อยู่ใต้กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวนั้น ยิ่งมันขยับตัวร่างของเรายิ่งเสียดสีกัน ร่างกายผมร้อนไปทั่วทุกจุดที่ริมฝีปากร้อนๆของไอพิตต์ลากผ่าน เสียวซ่านแต่ก็ทำได้เพียงบิดเร่ากายอยู่ใต้ร่างของมัน

“อ๊ะ อ๊า!”

ตัวตนของผมถูกปากร้อนครอบครองจนเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างลืมอาย บิดกายไปมาทั้งที่มือของผมได้แต่จิกผมสีดำของมันจนแน่น ยิ่งปากร้อนๆนั่นดูดจนลึกมากเท่าไหร่ มือของผมก็ยิ่งกดหัวของมันมากเท่านั้น  ไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายผมจะตอบสนองต่อสัมผัสของมันขนาดนี้ สิ่งที่ไม่เคยแข็งตัวยามอยู่ต่อหน้าคนเป็นเมียอย่างไหม กลับตั้งตระหง่านอยู่ในปากร้อนๆของไอพิตต์อย่างง่ายดาย
 
อยากได้มากกว่านี้ อยากได้มากกว่านี้เหลือเกิน
เสียงเรียกร้องจากภายในจิตใจทำให้ผมลืมตัวยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ได้เผลอตัวดึงมันขึ้นมาประกบจูบแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อนจนเรียก

เสียงครางจากไอพิตต์ได้อย่างดี ไอพิตต์ค่อยๆดึงกางเกงตัวเองออก มือมันเอื้อมไปหยิบบางอย่างใต้หมอน ก่อนจะส่งปลายนิ้วเข้ามายังช่องทางเล็กๆด้านหลังของผม ไม่เคยรู้เลยว่ามันเตรียมพร้อมขนาดที่มีเจลหล่อลื่นอยู่ใต้หมอนแบบนี้

อึดอัด นั่นคือคสามคู้สึกแรกที่ปลายนิ้วถูกส่งเข้ามา มันทั้งแน่นทั้งจุกจนผมต้องรัดนิ้วของไอพิตต์จนแน่น มันเป็นไปตามธรรมชาติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาภายในพื้นที่ต้องห้าม

“กร.....อย่าเกร็ง กูต้องเตรียมมึงให้พร้อม”

“มัน....อื้อ.....จุก”

ไอพิตต์ก้มลงดูดเลียตุ่มไตเล็กๆเพื่อให้ผมได้คลายตัวจากความเกร็งที่เป็นอยู่ สัมผัสร้อนๆจากลิ้นสากเล่นเอาผมหลงลืมทุกอย่าง แอ่นอกรับลิ้นที่ไล่วนอยู่กับเม็ดบัวสีชมพูอ่อนของผมที่อบัดนี้ถูกดูดจนเป็นสีแดงช้ำ ช่องทางด้านหลังคลายตัวลงจนไอพิตต์เริ่มขยับนิ้วเข้าออกได้โดยง่าย ความอึดอัดจากคราแรกค่อยๆหายไป หลงเหลือเพียงแค่ความร้อนรุ่มจากปลายนิ้วเท่านั้น

“อะ อื้อ”

ปากถูกบดจูบจากปากหนา ช่องทางถูกรุกรานจากปลายนิ้ว อารมณ์ปราถนาถูกกระตุ้นจนผมรู้สึกราวกับลอยละล่องขึ้นไปจนสูงเสียดฟ้า ไอพิตต์เริ่มสอดแทรกปลายนิ้วเข้ามาเพิ่งจนเป็นสอง ความอึดอัดจึงเพิ่มขึ้นจนรับรู้ได้ แต่ก็ไม่เท่าความเสียวซ่านที่ผมได้รับมันจึงกลายเป็นแค่สิ่งเล็กๆที่อยู่นอกเหนือตวามสนใจ ยิ่งปลายนิ้วถูกดึงเข้าออกมากเท่าไหร่ สะโพกผมก็ขยับตอบรับตามอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่มันจะดึงปลายนิ้วออกจนผมรู้สึกโหวงทางช่องรักที่ถูกเบิกให้อ้ากว้างกว่าปกติ

“ทำให้กูบ้างสิ”

“เดะ เดี๋ยว อู้!!”

ไม่ทันได้ปฏิเสธใดๆก็ถูกความใกญ่โตที่ยาวจนแทบจะทะลุลำคอยัดเข้ามาในปาก กลิ่นคาวของเจ้าสิ่งนั้นมันทำให้ผมเวียนหัวแต่ความหวานปะแล่มที่แตะปลายลิ้นกลับทำให้ผมอยากลิ้มชิมรส ผมขยับหัวมองดูสิ่งนั้นค่อยๆเข้าออกภายในปากอย่างช้าๆเนิบๆ ไม่เร่งเร้ามากมาย

“ซี๊ด อา กร....มึงเก่ง”

คำชมจากปากหนาที่คอยแหงนหน้าขึ้นร้องซี๊ดทำให้ผมหยามใจ พยานามกลืนความใหญ่โตเข้าไปจนเกือบถึงลำคอแล้วดึงออก ใช้ปลายลิ้นเลียส่วนปลายที่เริ่มมีน้ำใสๆออกมาดูดชิมมันจนหมดแล้วครอบริมฝีปากลงไปจนสุดอีกครั้ง

“อื้อ อื้อ” ประท้วงเมื่อถูกอีกคนจับขาให้ขึ้นไปหันก้นให้มัน จะเล่นท่านี้เลยเหรอ!!

สุดท้ายผมก็ถูกจัดท่าทางจนได้ตามที่มันต้องการ ผมอายจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับขามัน เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็อยู่ในสายตามันหมด ทั้งตัวตนที่ตื่นตัวและจีบรักสีชมพูที่อ้าเปิดจากการถูกมันกระตุ้นเมื่อครู่ ผมยังคงทำหน้าที่ดูดเลียแท่งไอติมหวานๆอย่างดี จนตอนนี้มันพองคับปากไปหมด
 
“อ๊า ไอพิตต์ อย่า!!!”

  แผล่บ จุ้บ

   ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะทำให้ผมขนาดนี้ ไอหมอบ้านั่นมันใช้ปลายลิ้นเสียที่ช่องเล็กๆของผมสอดปลายลิ้นเข้าออกราวกับมมันคือปลายนิ้วเมื่อก่อนหน้านี้ ขาผมสั่น ตัวผมอ่อนไปหมดได้แต่ทิ้งหน้าและแผ่นอกลงกับหน้าท้องแกร่งของมัน เสียงหอบและเสียงครวญครางดังออกมาจากผมไม่ขาดปาก ยิ่งเมื่อมันใช้ปลายนิ้วเข้ามาสำรวจยิ่งร้อนวูบไปหมด ทำได้เพียงขมิบตอดรัดอย่างพอใจ สติผมหายไปหมด ในหัวมันขาวโพลน แต่ความร้อนจากแท่งรักของไอพิตต์ที่อยู่ตรงหน้ามันล่อตาล่อใจจนผมต้องกลืนกินอีกครั้ง

   ยิ่งไอพิตต์ขยับปลายนิ้วเร็วมากเท่าไหร่ จังหวะการเข้าออกของแท่งรักในปากผมก็เร็วเท่านั้น จนผมได้ยินเสียงครางแผ่วในลำคอของไอพิตต์ที่บ่งบอกถึงความพอใจอย่างมาก ไอพิตต์ดันร่างผมให้นอนลงบนเตียงก่อนตัวมันจะทาบทับลงมา แขนทั้งสองข้างดันขาผมให้เปิดทางกว้างขึ้นจนเห็นปากทางสีสวย ไอพิตต์โน้มหน้ามากดจูบดูดดุนปลายลิ้นผมอย่างเมามันก่อนที่ช่องทางด้านหลังของผมจะถูกบางอย่างที่ใหญ่โตดันเข้ามา ผมเบิกตากว้าง หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างทั้งร่างของผมแทบจะแหลกสลาย ความเจ็บแล่นมาจุกอกจนร้ำตาใสๆไหลลงมา

"อื้อ!!!! อ่า!!! ฮึก ฮือ”

 เพราะริมฝีปากยังถูดคนตัวโตดูดดึงประกบและสอดแทรกปลายลิ้น จึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้อย่างใจนึก มีเพียงเสียงร้องประท้วงที่ดังอู้อี้เท่านั้น มือหนาของไอพิตต์จับแก่นกายที่ชูชันเอาไว้ รูดรั้งมันเพื่อให้ผมได้รู้สึกดี ให้ได้ลืมความเจ็บปวดไปให้หมดสิ้น

  ผมดิ้นรนทั้งจิก ทั้งข่วนในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็ได้แต่จิกไหล่หนาของมันแทนเมื่อความเสียวซ่านจากมือหนาที่ชักนำอารมณ์หวาบหวามให้พัดมาอีกครั้ง สะโพกขอไอพิตต์กดเข้ามาช้าๆ ผมทำเพียงนิ่วหน้าเนื่องจากความเจ็บแสบเท่านั้น มันเองคงพอจะเข้าใจจึงได้หยุดและขยับมือกับแก่นกายผมไปด้วยแทน จนในที่สุดมันก็ถูกสอดเข้ามาจนสุด มันใหญ่และคับไปหมด ผมทั้งจุกและอึดอัดจนเผลอขมิบรัดความใหญ่โตไป

“ซี๊ดด กร อย่ารัด อา”

“พิตต์ มัน อื้อ มันแน่นไป”

แต่ไอเพื่อนตัวดีกลับไม่เคยจะฟัง มันยังคงขยับตัวออกช้าๆแล้วดันเข้ามาจนสุดอีกครั้งเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ผมรู้สึกได้ถึงความปราถนาที่จะไปให้สุดทางของมัน เพราะสีหน้าเว้าวอนร้องขอจากมันทำให้ผมไม่อจจะปฏิเสธได้ จึงได้แต่หันหน้าหนีไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธใดๆ ไอพิตต์ที่ราวกับจะเข้าใจก็ค่อยไขยับกายเข้าออกช้าๆพร้อมเสียงครางที่ดังลอดออกมาจากปากมันไม่หยุดหย่อน

“อา แน่น...ซี๊ด กร.....กรจ๋า”

  ผมกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งมันเรียกชื่อผมด้วยเสียงกระเส่ายิ่งทำให้อารมณ์พุ่งขึ้นจนไม่อาจจะหยุดได้ ผมหอบหายใจรอรับการกระแทกจากมันจนตัวโยน เตียงชนกับผนังจนดังลั่นกลับยังไม่ดังเท่าเสียงเนื้อที่กรัทบกันของเราสองคน

“อ๊ะ อ๊า”

  ผมถูกจับพลิกร่างให้หันหลังยกสะโพกขึ้นสูงทั้งที่ตัวตนของมันยังคงคาอยู่ในตัวผม ความเสียดสีมันจุกและแสบไปหใดก็จริง แต่ท่านี้กลับทำให้ผมแทบดิ้นพล่านกับความเสียวซ่านภายในช่องทางรัก ความใหญ่โตกระแทกเข้ามาจนชนกับบางอย่างที่ทำให้ผมแทบจะหลั่งออกมาทันที

“กร ซี๊ด โอ้ว รัดแน่นๆเลย อา”

พับๆ พับๆๆ

“พิตต์ อ๊าๆ พิตต์”

พูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกชื่อมันอยู่ตลอดเวลา ผมขมิบช่องทางตอดรัดมันตามคำเรียกร้องจนมันร้องครางลั่นห้องพร้อมกระแทกเข้ามาอย่างแรงและเร็วจนผมต้องจิกหมอนเพื่อระบายความเสียวซ่านออกมา

“อื้ม ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊า”

“ซี๊ด อย่าเพิ่ง อ๊า ไปพร้อมกู โอ้ว”

ไอพิตต์ดึงแขนผมขึ้นมาจนแผ่นหลังผมสัมผัสกับแผ่นอกของมัน แขนทั้งสองข้างกอดรัดตัวผมไว้ ริมฝีปากบดจูบแลกลิ้นจนเสียงดัง พร้อมกับการขยับตัวระรัวและถี่ แก่นกายของผมถูกมือหนากอบกุมรูดรั้งเพื่อให้ผมปลดปล่อยอารมณ์ ไอพิตต์ขยับกายเข้าออกสองสามครั้งก่อนที่ผมจะรับรู้ถึงความร่อนที่ถูกฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย และผมที่กระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนที่นอน

“แฮ่กๆ อืม”

  เราสองคนล้มตัวลงนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ไอพิตต์จับหน้าผมให้หันไปรับจูบหวานๆอีกครั้ง ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่ตอบสนองต่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมาย มันเป็นเพราะ ตลอดมาผมไม่ได้รักไหมเลย ผมแค่หลอกตัวเองเท่านั้นเพื่อไม่ให้รู้สึกเกินเลยกับเพื่อนของผมคนนี้ เพราะตลอดมาผมรักมันเกินกว่าเพื่อน รักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครได้ ผมไม่ได้ป่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ มันก็แค่อาการของคนที่ไม่อยากมีเซ็กส์หากไม่ใช่คนรัก ทำไมผมถึงมารู้ตัวเอาตอนนี้กันนะ ทำไมเรื่องของเราถึงไม่จบลงสวยงามก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผมจะแต่งงาน เพราะผมไม่ยอมรับความรู้สึก เพราะไอพิตต์ที่ไม่กล้าพูด หรือเพราะเราสองคนไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน เพราะเราสองคนกลัวจะเสียกันและกันไปกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ผมไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ที่วันนี้ได้มีมัน ได้ยอมรับความรู้สึกที่มีให้มันอย่างเปิดเผย ผมไม่เคยรู้สึกโล่งขนาดนี้มาก่อนเลย

  ผมมองใบหน้าของมันด้วยรอยยิ้ม อดใช้มือลูบแก้มของมันเล่นไม่ได้ คนที่ผมรักตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เราสองคนต่างคนต่างก็ใจตรงกัน ต่างคนต่างก็รักกันมาตลอด นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง ไอพิตต์จับมือที่ลูบแก้มของมันเอาไว้ก่อนจะเลื่อนมาจรดริมฝีปากลงไป ทุกอย่างไม่มีอะไรที่เราต้องพูดกันอีก เพราะแค่เราสองคนได้นอนมองหน้ากัน ได้มองสบตากันมันก็บอกได้ทั้งหมด ผมรักมัน และมันเองก็รักผม คนอื่นจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ แค่เราสองคนไม่หวั่นไหว ไม่สนใจเสียงครหาต่างนาๆก็เพียงพอแล้ว

“กูรักมึง” ไอพิตต์ยิ้มทั้งที่ในแววตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ

“กูดีใจ.....ที่มึงยอมพูดออกมา ดีใจที่กูได้มีมึงอีกครั้งในชีวิต” ปลายนิ้วของมันเกลี่ยแก้มของผม จนผมต่องจับเอาไว้แล้วสอดประสานปลายนิ้วแน่น

“กูจะไม่ไปไหน.....ถ้ามึงไม่ไล่กู” ไอพิตต์ส่ายหน้าช้าๆ กดจูบลงบนไรผมของผมเบาๆ

“ไม่มีวันนั้น......กูไม่มีวันไล่มึงไปกร มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน”

รอยยิ้มของคนที่เรารักมักทำให้อุ่นใจเสมอ แต่ผมกลับใจสั่นกับคำพูดที่ออกมาจากปากมัน น้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยราวกับต้องการให้ผมมั่นใจจริงๆว่าสิ่งที่มันพูด จะเป็นไปตามนั้นไม่มีวันเปลี่ยน ผมพร้อมจะเชื่อ พร้อมจะลองใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับมัน พร้อมฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปพร้อมกัน ตลอดเวลาที่ไม่มีมัน อาจจะไม่ได้ทุกข์จนทรมาน แต่ก็ไม่เคยสุขจนล้นใจเหมือนในตอนนี้ รอยยิ้มของมันเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมผมเสมอมา แววตาที่คอยมองผมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมีตัวตนของผมเสมอ น้ำเสียงที่คอยเรียกชื่อผม เป็นสิ่งที่คอยบอกกับผมว่ายังคงมีมันอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ชีวิตผม......ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีมันคนเดียว........ก็พอ
       





“พิตต์!! ไอพิตต์ตื่น!!!” ผมเรียกมันจนคอแทบจะแตก แต่คนที่นอนหลับสบายอยู่ยนเตียงกลับไม่ยอมลุก ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย มันควรเป็นผมหรือเปล่าที่ต้องนอนซม แต่กลับเป็นผมอีกนั่นแหละที่ตื่นขึ้นมาก่อนมัน ต้องไปจัดการเอาน้ำรักที่มันปล่อยเอาไว้ในตัวออก ใครจะไปเชื่อว่ามันจะเล่นผมจนบวมขนาดนี้ จะเดินจะเหินทีลำบากต้องฝืนขนาดไหน แต่ไอตัวต้นเหตุกลับนอนหลับสบายไม่สนใจโลกเลยสักนิด

“ไอพิตต์โว๊ย!!!!!!!! ตื่น!!!!!!!!!!”

“ครับๆ!!!!” มันเด้งตัวขึ้นแทบจะทันทีที่ผมตะเบงเสียงใส่หูมัน มันมองผมงงๆก่อนจะขยี้หัวแรงๆเพื่อเรียกสติ หรือผมควรช่วยตบเพื่อเรียกสติมันด้วยดี??

“มึงจะนอนไปถึงไหนวะ นี่กี่โมงแล้ว” แหน่ะ มีหน้ามายิ้ม

“ก็เมื่อคืนกูเพิ่งมีความสุขนี่หว่า.....ก็อยากจะหลับนานๆบ้าง” ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“เหรอ.....อยากนอนนานๆเหรอ”

“ครับ...”

“งั้นกูกลับบ้านดีกว่า มึงจะได้นอนต่อ” พอผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง ไอคนตัวโตที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยก็ลุกพรวดมากอดผมเอาไว้แน่น หึหึ ไหนใครว่าอยากนอนนานๆ

“ไม่เอา กูไม่นอนแล้วก็ได้!!” ทีงี้ละมาเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา หันหน้าไปมองมันตรงๆ

“เชี้ย!!! ไอพิตต์ ไอหื่น!!!” เพิ่งผ่านมาเมื่อคืนนี้เอง มายืนตรงเคารพธงชาติเพื่ออะไรวะ

“ก็ตัวเมียหอมนี่ครับ ของกูมันก็ต้องตั้งสิ”

   อะ อะ ไอ้!!! ผมไม่รู้ว่าจะด่ามันว่าอะไรดี

“พอเลย วันนี้กูต้องไปหาไหม” ไอพิตต์หน้าตึง มองผมด้วยความไม่พอใจ

“ไปทำไม!!”

“มึงลืมไปแล้วเหรอวะ ว่ากูต้องเอาใบรับรองไปให้ไหม” มันหรี่ตามองก่อนจะยักไหล่ราวกับไม่สนใจ

“เหรอ.....วันนี้กูไม่ว่างด้วยสิ”

“อ้าว มึงไม่ว่างเหรอ” มันพยักหน้าให้ผมราวกับไม่ใส่ใจ

“ใช่ ไม่ว่าง”

“อ๋อเหรอ....”

“....”

“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกูบอกไหมว่ามึงไม่ว่าง รอมึงว่างค่อยไปหย่าก็ได้เนอะ”

 หมับ!!

“เมียจ๋า กูว๊างว่าง ว่างแล้วล่ะ ไปๆ ไปวันนี้แหละเนอะ” หนอย....ทีอย่างนี้ล่ะว่างขึ้นมานะ มันน่านักนี่

“งั้นก็ไปอาบน้ำดิ กูนัดไหมไว้ตอน10โมง”

“คร๊าบบบบบ!!”

  ไอพิตต์แทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พอเรื่องหย่าล่ะไวจริงๆ ผมล่ะอยากจะหัวเราะใส่มันเหลือเกิน แต่สุดท้ายมันก็ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและแต่งตัว ดีหน่อยที่มันเอายาทั้งหล่ยแหล่มาให้ผมกินกันไว้ก่อน มันบอกว่าครั้งแรกผมอาจจะป่วยได้ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่แสดงอาการก็ตามที ผมจึงยอมกินยาไม่อิดออดมากมาย ไม่อยากป่วยครับ ผมไม่ค่อยชอบ

ผมกับไหมตัดสินใจหย่ากันอย่างสันติ ไม่มีดราม่าใดๆ ทางครอบครัวฝ่ายชายเองก็มากับไหมด้วย พอเห็นเอกสารและเจอไอพิตต์ที่เป็นหมอยืนยันให้ทางนั้นเองก็ดูจะวางใจ ทุกอย่างมันเดินไปตามทางที่ควรจะเดิน เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น ผมเองก็อยู่กับไอพิตต์จนกว่าจะถึงวันที่มันไม่ต้องการผมแล้ว และอย่างที่มันบอกแหละครับ
         
             หึหึ..........ไม่มีวันนั้นแน่นอน



The End
[/size][/b]



      และแล้ว~ เขาก็กินกันค่าาาาาา เหมือนสะกิดใจว่า เฮ้ย!! มันแฮปปีเอนด์ไปหรือเปล่า หรือใครอยากได้แบดเอนด์บ้างหรือเปล่าจ่ะ แมวมาช้า แต่มาแน่นอนนะคะ ใกล้จะจบแล้วสินะ เดี๋ยวเราก็ใกล้จะต้องจากกันอีกแล้ว แมวจะสรรสร้างเรื่องราวสนุกๆให้ได้อ่านกันอีกแน่นอน แต่ต้องรอกันหน่อยน๊า ขอบคุณที่ติดตาม ติชม และกดเฟรบไว้นะคะ กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์เจ้าค่ะ


      Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction
      Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-05-2018 12:58:49
ขอแบบ happy ending ฮะ..เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 07-05-2018 18:21:01
 


:katai2-1: :pig4:




หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 08-05-2018 04:03:48
เหมือนตอนนี้เรื่องจะฝืดๆกว่าเรื่องก่อนๆ แต่ยังคงความหืดหาด18+ ไว้ได้ดีเหมือนเดิม555555

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 12-05-2018 20:08:59
โหย คนเราจะปกปิดหัวใจตัวเองขนาดนั้้นเลยหรอ แอบสงสารหมอพิตตอนแรกๆเนอะ ที่กรแต่งงานกับผญอื่นน :ling1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-05-2018 19:55:33
ชอบทุกคู่เลย
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-05-2018 02:08:10
ชอบเรื่องทั้งหมดเลย แต่จะมีงงชื่อบ้าง แบบ สอง สาม อะไรแบบเนี้ยะ สับสนนิดหน่อย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๖. น.พ รชต ๑๐๐% UP. 07/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-05-2018 05:11:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 23-05-2018 15:55:34
ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์
         
          อากาศที่ร้อนระอุในช่วงเวลาเที่ยงตรง มันช่างชวนให้รู้สึกอยากกลับไปนอนเล่นที่บ้านเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ เขาต้องมาคุยงานกับลูกค้าที่นัดเอาไว้ล่ะก็ เขาคงไม่ออกมาข้างนอกเพื่อเผชิญกับแดดอันแรงกล้ายิ่งกว่าไฟที่ใช้ย่างไก่แน่ๆ พู่กันยกมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกา ทำไมลูกค้าของเขายังไม่มาอีกนะ นี่ก็สายมาสิบกว่านาทีแล้ว ครั้นจะโทรตามมันก็ดูเสียมารยาทเกินไป

“อ๊ะ ขอโทษนะครับที่ผมมาช้า”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” พู่กันมองหนุ่มน้อยที่เดินมานั่งอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม รอยยิ้มของคนตรงหน้าช่างสว่างจนตาของพู่กันพร่ามัวไปหมดหมด แสบตาเหลือเกิน คนอะไรช่างน่ามองไปหมดทุกกิริยา

“งั้น.....มาคุยเรื่องงานกันเลยนะครับ”

รูปถ่ายของผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มชวนหลงไหลในชุดกาวน์ถูกยื่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของเขา พู่กันมองภาพอย่างคิดคำนวน หรือลูกค้าของเขาคนนี้จะต้องการให้เขาวาดรูปพี่ชายตัวเองจากรูปถ่ายกันนะ แต่ถ้ามีรูปถ่ายแบบนี้....แล้วจะมาจ้างเขาทำไมกัน ยิ่งคิดพู่กันก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“ผมอยากให้คุณพู่กัน วาดภาพของคนในรูปให้ผมหน่อยครับ”

“ต้องการแบบไหนครับ จะให้ผมวาดตามรูปเป๊ะๆเลยหรือเปล่าครับ” ปากพูดไปตาก็มองตามภาพ ในสมองก็วางแผนการร่างเอาไว้ด้วย

“ไม่ครับ......ผมต้องการให้คุณวาดเขา จากตัวจริงของเขา” เอ๊ะ ยังไงกัน พู่กันหันไปมองลูกค้าของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

“คุณจะพาเขามาให้เป็นแบบให้ผมวาดเหรอครับ?” ด้วยความที่ไม้ข้าใจ ปากของพู่กันก็เอ่ยถามออกไปตามที่คิด

“นั่นล่ะครับ.....ปัญหา” อ้าว คุณลูกค้า ทำไมพูดแบบนั้นล่ะเนี่ย แล้วเขาต้องทำไงล่ะ ดันทำให้ลูกค้าลำบากใจเสียแล้วด้วยสิ งานของเขามีหวังโดนยกเลิกแน่ๆเลย

“เอ่อ.....” พู่กันถึงกับใบ้กิน ไปไม่ถูกเลยกับหน้าตาลังเลใจของลูกค้าตัวเอง

“ผมเอง....ก็มีสิทธิ์แค่มองเขาจากห้องตรวจที่ผมไปรักษาเท่านั้น ไม่สามารถครอบครองหัวใจของเขาได้เลย เพราะกฎบ้าๆของคลินิกนั่นแหละ ไม่อย่างงั้น.....หมอเดลก็ต้องชอบผมไปแล้ว!!”

ปัง!!!!

พู่กันสะดุ้งเมื่ออารมณ์ของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปแบบคนละขั้วเลยทีเดียว จะโมโหหรืออะไรเขาเองก็ไม่รู้ แต่แรงตบโต๊ะเมื่อครู่หากมันเปลี่ยนจากโต๊ะมาลงบนหน้า เขาเองก็ไม่อยากจะนึกสภาพ เหมือนอีกคนจะพอรู้ว่าพู่กันสยองกับภาพนั้น จึงได้กระแอมไอแก้เขินก่อนจะหันมายิ้มหวานเช่นเดิม

“ยังไงก็.......ฝากคุณพู่กันหาวิธีวาดเขาให้ผมหน่อยนะครับ ราคาผมไม่มีเกี่ยงแน่นอน” พู่กันตาวาววับ พูดถึงเรื่องเงินแบบนี้มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ ยิ่งราคาไม่เกี่ยง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟไปตามล่าตัวหมอมาเพื่อวาด เขาก็ยอม

“ได้เลยครับ รับรองเลยว่าผมจะไม่มำให้ผิดหวัง แต่เรื่องระยะเวลา ผมขอไม่เกินสามเดือนแล้วกันนะครับ”

“จริงเหรอครับ!! ดีใจจัง ยังไงผมฝากด้วยนะครับ นี่นามบัตรผม เสร็จเมื่อไหร่ก็โทรติดต่อมาได้เลยนะครับ” พู่กันรับนามบัตรมาดูก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย

“โอเคครับ คุณนที แล้วผมจะติดต่อไปเมื่องานเสร็จนะครับ”

“ครับ ถ้างั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“ครับผม”

นทีเดินจากไป เหบือเพียงพู่กันที่ยังคงนั่งคำนวณเงินที่อีกฝ่ายบอก ไม่เกี่ยงราคาแบบนี้สิดี ค่อยคุ้มหน่อย แต่ปัญหาคือ.....เขาจะเข้าไปขอวาดรูปหมอได้ยังไง เพราะคุณนทีเองก็เพิ่งบอกไปว่ามีกฏอยู่ ท่าทางจะไม่หมูแล้วสิแบบนี้ โอย!! พู่กันอยากตายยยยยย
               






พู่กันเดินไปเดินมาอยู่หน้าคลินิกมารักษ์ในตอนเช้าตรู่ เขาไม่รู้ว่าหมจะมาเมื่อไหร่ตอนไหน จึงได้แต่มารอก่อนเวลาคลินิกเปิดเท่านั้น มีแต่รูปแบบนี้ ก็หวังว่าหมอเดลในรูปกับตัวจริงจะเหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นมีหวังเขาคงต้องงมหากันทั้งคลินิกแน่ๆ สาวสวยคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าคลินิกเธอใช้กุญแจเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน ให้เดาเธอคงทำงานที่นั่นแน่ๆ พู่กันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างของคนในรูป จนเมื่อรถคันหรูสีดำทะเบียนสวยขับผ่านไปจอดด้านข้างคลินิกและปรากฏร่างคนที่ก้าวลงมานั่นแหละที่ทำให้พู่กันมองค้างด้วยความตกตะลึง

ในรูปว่าหล่อแล้ว ตัวจริงนี่หล่อจนแทบละลาย

  ไม่ได้ๆ พู่กันรีบส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไปให้พ้นจากสมอง ยิ่งมองนานยิ่งทำให้พู่กันหลงไหล แบบนี้แย่แน่ๆ แบบนี้เขามีหวังงานล่มก่อนได้เริ่มแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงต้องปลอมตัวเข้าไปสินะ พู่กันหันไปค้นของในกระเป๋าหยิบเอาแมสและแว่นกันแดดออกมาสวมใส่ ผมสีชมพูอ่อนถูกยีจนฟู เขารออยู่ผู้คนเริ่มทยอยเดินเข้าไปในตัวคลินิกตัวเองถึงเริ่มเดินเข้าไปบ้าง พู่กันกวาดตามองไปรอบๆอย่างทึ่งๆ ภายในดูใหญ่และสวยกว่าที่คิดไว้ มิน่าเล่า ค่ารักษาถึงแพงหูฉี่
  พู่กันรีบเดินตรงไปหาสาวสวยที่เขาเห็นว่ามาเปิดคลินิกเป็นคนแรก อย่างไรเขาก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่บุกเข้าไปหาตัวหมอโดยตรง ซึ่งใครๆก็คงมองเขาไม่ดีเป็นแน่

“เอ่อ....ขอโทษนะครับ”

“คะ??” เธอเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษตรงหน้า ดูจะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นเขาแต่งตัวมาเช่นนี้

“ผม.....อยากจะขอเข้าพบ หมอเดลน่ะครับ” อีกฝ่ายตั้งท่าขมวดคิ้วโดยที่เขาไม่อาจจะรับรู้ความคิดของเธอได้

“มารักษาเหรอคะ?”

“เปล่าครับ คือผม......มีเรื่องต้องคุยกับหมอ”

“เรื่องส่วนตัวหรือคะ?”

“เอ่อ.....ก็ประมานนั้นครับ” เรื่องส่วนตัวของลูกค้าเขาล้วนๆ ไม่รู้ว่าคำตอบไม่ถุกใจเธอหรืออย่างไร คนตรงหน้าเขาถึงมีสีหน้าไม่ค่อยชอบใจนัก

“คลินิกเรามีกฎอยู่นะคะ โปรดรักษากฎด้วย การจะเข้าพบหมอเพื่อคุยเรื่องส่วนตัว สาวคงให้เข้าพบไม่ได้หรอกค่ะ” แม้เธอจะดูไม่พอใจแต่น้ำเสียงของเธอกลับไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวเจือปนอยู่แม้แต่น้อย นั่นทำให้เขารู้สึกดีกับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“คุณสาวครับ เดี๋ยวผมจะ..” พู่กันหันไปมองคนข้างๆที่เข้ามาในวงสนทนาใหม่ด้วยความตกใจ
 
หมอเดลนี่ หมอเดลตัวเป็นๆ

พู่กับเผลอยกมือขึ้นดันแว่นกันแดดให้แนบชิดกับดวงตามากขึ้น กลัวเหลือเกินว่ามันจะหลุดออกมา สิ่งที่ปกป้องเขาจากความหล่อวัวตายควายล้มของหมอได้ ก็ดูแต่จะมีแค่แว่นดำนี่แหละ

“ใครครับเนี่ย?” หมอเดลหันไปถามคุณสาวอย่างสงสัย เธอได้ยินแบบนั้นยิ่งขมวดคิ้วด้วยความงงเข้าไปใหญ่

“หมอไม่รู้จักเขาเหรอคะ”

“ไม่นะครับ ไม่รู้จัก” พู่กันได้แต่ยืนเกร็งอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมมือบางต้องจับเคาท์เตอร์ไว้ขนาดนี้ด้วย

“อ้าว!! แต่คุณคนนี้บอกว่ามีเรื่องจะต้องคุยกับหมอ เขาว่าเป็นเรื่องส่วนตัว” หมอเดลหันมามองสำรวจเขาอีกครั้ง ใบหน้าหล่อดูจะพยายามคิดเหลือเกินว่าตัวเองรู้จักคนๆนี้เป็นการส่วนตัวหรือเคยรักษาไหม แต่ส่วนมาก หากเป็นคนไข้ของเขา คงไม่ยืนเฉยๆแน่ถ้าเจอเขาในระยะประชิดขนาดนี้ หึ คงกระโดนจู่โจมเขาจนตั้งตัวไม่ทันเสียมากกว่า คนๆนี้แปลกจริงๆ

“มีเรื่องจะคุยกับผมเหรอครับ”

“อ๊ะ เอ่อ คะ ครับ” อย่าสั่นสิ อย่าตื่นเต้น แค่คุยกับหมอจะได้จบๆ

“สำคัญไหมครับ....พอดีผมต้องไปธุระต่อ” พู่กันรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วจนแว่นหลุด ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อมองเห็นหน้าหมอชัดเจน จากที่สั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นจนลนลานเข้าไปอีก เขารีบก้มลงเก็บแว่นมาใส่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว แย่แล้วๆ เกือบไปแล้ว เกือบจะละลายแล้วไหมละ หมอเดลที่เพิ่งจะเห็นดวงตากลมที่ไร้การปกติ ปิดอึ้งกับความงดงามที่เปล่งประกายความหวานออกมาจากตาคู่นั้น ดวงตาที่ปรากฏความใส่ซื่อและไร้เดียงสานั่น เขาไม่เคยพบใครที่มีแววตาแบบนั้นมาก่อน เพียงแค่ได้สบตาของคนประหลาดนี่เพียงครู่เดียว หัวใจที่เคยด้านชาของเขาก็เต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

“สะ สำคัญครับ คือผมอยากจะ....” เสียงอ่อนที่กำลังเอ่ยหยุดชะงักลงเมื่อหมอเดลยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ พู่กันได้แต่ยืนงง หรือว่าหมอจะปฏิเสธเขากันนะ ยิ่งคิด พู่กันก็ยิ่งกระสับกระส่าย

“ไปคุยที่ห้องผมดีกว่าครับ วันนี้คนไข้ของผมยังไม่มากัน เชิญครับ”

“ครับ...”

หมอเดลเดินนำคนตัวเล็กกว่าตรงไปยังห้องตรวจของตัวเอง พยายามสูดลมหายใจเพื่อระงับอาการใจเต้นของตน แบบนี้แย่แน่ๆ มีหวัง.....ได้จับกระต่ายน้อยตัวนี้กินแน่ๆ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ พู่กันเดินตามคนตัวสูงไปอย่างเบลอๆ ไม่คิดว่าหมอจะเลือกพาเขาเข้าไปคุยในห้องตรวจ ดีเหลือเกิน เพราะหากให้พูดอยู่ที่ตรงนั้น คงไม่วายอับอายขายขี้หน้าแน่ๆ ถ้าต้องยอมคุกเข่าขอร้องให้หมอเดลมาเป็นแบบ พู่กันจับมือตัวเองเอาไว้ ระงับอาการสั่นที่เกิดขึ้นตอนสบตากับหมอเดลเมื่อครู่โดยไร้ซึ่งสิ่งอำพรางตา ใจสั่นตัวสั่นไปหมด ราวกับจะเป็นไข้เสียให้ได้ เขารู้เลยว่า ทำไม ลูกค้าของเขาถึงได้คลั่งไคล้หมอถึงขนาดนี้ หมอเดลเปิดประตูห้องแล้วเดินนำเข้าไป สายตาของพู่กันก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ติดเอาไว้

น.พ อนันต์

เพิ่งจะรู้ชื่อจริงๆของหมอเดลก็ตอนนี้ สงสัยเขาคงต้องเรียกหมออนันต์จะดีกว่า เรียกหมอเดลมันแลดูสนิทสนมชิดเชื้อมากเกินไป เป็นแปลกหน้าแต่กลับเรียกหมอเสียสนิทมันก็ดูไม่สมควรจริงๆ พู่กันได้แต่ถอนหายใจ มิน่าเล่า.....สาวสวยคนนั้นถึงได้มีท่าทีไม่ค่อยจะพอใจเขาเท่าไหร่

“เชิญนั่งก่อนเลยครับ.....ครับ......บนเตียงนั่นล่ะครับ” หมออนันต์บอกเมื่อเห็นเขาหันรีหันขวางไม่รู้จะวางก้นตัวเองลงที่ไหน ก็ในห้องมีแต่เตียงใหญ่ๆกับโต๊ะและเก้าอี้ของหมอเท่านั้น จะให้เขาไปนั่งตรงไหนได้ พู่กันนั่งลงบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อมีที่เดียวให้เขานั่ง เขาก็คงต้องนั่งลงอย่างเดียว

“เอ่อ ผมมาที่นี่ เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะครับ”

“ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ” หมออนันต์เดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขาจนเขาเองก็ตกใจ แต่ครั้นจะถอยหนีก็ไม่ได้ เพราะไม่มีที่ให้เขาได้ขยับออกห่าง หมออนันต์ย่อตัวลงมาใกล้ๆเพื่อจะมองหน้าของพู่กันให้ชัดๆ

“เอ่อ คือ ผมว่า มะ หมอถอยไปหน่อยดีกว่า นะครับ”

“ไม่ร้อนเหรอครับ ผมกลัวคุณจะหายใจไม่ออกจังเลย”

“เอ๊ะ อ๊ะ!! คะ คุณๆ!!”

ทุกสิ่งที่เขาอุส่าเอามาปกปิดใบหน้าของตัวเองถูกคุณหมออนันต์ดึงออกไปจนหมด หมด หมดกัน เครื่องป้องกันความเจิดจ้าจากใบหน้าหมอ ตอนนี้เขาแทบจะตายกับความเจิดจรัสที่ทะลุออกมาจากใบหน้าหล่อเหลานั่น หมออนันต์มองใบหน้าเยาว์วัยที่ไร้ซึ่งแมสและแว่นดำปิด ดวงตาหวานที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ปากเล็กๆสีชมพูที่เผยอขึ้นอย่างลืมตัว ทุกอย่างที่อยู่บนใบหน้าของร่างเล็กช่างดูดีจนเขาลืมหายใจ มือหนาลูบไล้แก้มใสที่ยังนิ่งค้างอยู่อย่างเผลอไผล อยากจะก้มลงไปสูดดมแก้มกลมๆนั่นแรงๆให้ชื่นใจ แต่ก็ทำได้แค่อดทนมองใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่งๆอย่างเอ็นดู

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับ หืม~” พู่กันสะดุ้ง สติกลับมาจนต้องดันร่างหนาออกให้ห่างตัวเท่าที่จะทำได้ หมออนันต์ยอมล่าถอยออกมาง่ายๆเพราะกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวกับแก้มใสๆที่เริ่มแดงระเรื่อ

“คะ คือผม เอ่อ “

“ว่าไงครับ....”

“ผม เอ่อ อยากจะขอ วะ วาดรูปหมอ ได้ไหมครับ” พู่กันรีบหลบสายตาล้อเลียนที่ชวนให้เขินอาย

“วาดรูปผม??”

“เอ่อ ครับ พะ พอดีลูกค้าผมเขา ต้องการให้ผมวาดรูปหมอ จะ จะ จะคิดค่าเสียเวลาก็ได้นะครับ ผมยินดีจ่ายให้” หมออนันต์ยกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเหมือนว่าพู่กันจะขุดหลุมฝังตัวเองเข้าให้โดยที่เขาไม่ต้องลงแรงอะไร

“หืม.....คุณจะจ่ายให้ผม จริงๆนะเหรอ” พู่กันที่ได้ฟังเช่นนั้นเริ่มมีความหวัง หันมามองสบตาคมอย่างลืมตัว

“ครับ แน่นนอน!! ผมยินดีจ่ายให้”

“ทุกอย่างเลยเหรอครับ......” สายตาเจ้าเล่ห์ของหมออนันต์ฉายขึ้นเพียงครู่เดียวโดยที่พู่กันไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ดีใจที่ทุกอย่างกำลังตะไปได้สวย

“ครับ หมออยากได้อะไรบอกมาได้เลยครับ ผมจะหาให้” เพราะความซื่อของร่างเล็กที่ทำให้ทุกอย่างง่ายดายราวกับปูพรหมแดงให้เขาเองแบบนี้

“ก็ได้ครับ.....ถ้างั้น ผมจะยอมให้คุณวาดรูปผมก็ได้ ว่าแต่.....ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” เขาตาโต ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับหมอ แย่จริง! ลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไง

“อ๊ะ จริงด้วยสิครับ!! ผมพู่กัน เป็นศิลปินอิสระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ!” มือเล็กๆถูกยื่นออกไปตามมารยาท

“ครับ...ผมอนันต์ เป็นหมอประจำที่คลินิกมารักษ์ครับผม” หมออนันต์ยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆไว้ นุ่นจนเขาแทบไม่อยากจะปล่อย จนคนตัวเล็กต้องดึงมือกลับอย่างเก้ๆกังๆ ความอบอุ่นจากมือหนาแล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างจนร่างกายเล็กๆร้อนผ่าวเหมือนไข้จะจับ

“ถ้าอย่างงั้น.......เอ่อ ผมขะ ขอเบอร์ติดต่อของหมอหน่อยได้ไหมครับ” รู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรน่าเกลียดๆออกไปยังไงไม่รู้ มันขัดๆเขินๆจนหน้าม้าน

“ผมว่าเอาเบอร์ของพู่กันมาให้ผมดีกว่านะ ถ้าผมว่างวันไหนผมจะได้โทรไปบอกง่ายๆ”

“คือว่า......”

แบบนั้นจะดีแน่เหรอ แล้วถ้าหมอไม่คิดต่อมาล่ะ พู่กันมีสีหน้าลังเลอย่างเห็นได้ชัดจนหมออนันต์พอจะเข้าใจได้ว่าอะไรคือความกังวลของคนตรงหน้า

“ถ้างั้น.....เรามาแลกกันดีไหมครับ แชกเบอร์กัน”

“อ๊ะ ดีครับๆ” เขายิ้มออกมาได้เมื่อรับการคลี่คลายความกังวล พู่กันและหมออนันต์ต่างก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน คนหนึ่งยิ้มด้วยความดีใจที่งานกำลังจะไปได้ดี ส่วนอีกคน กลับมีรอยยิ้มถูกใจกับคนตัวเล็กตรงหน้า คนที่ต้องตาต้องใจเขา หัวใจที่เคยนิ่งสงบอยู่ในอกเต้นแรงเมื่ออยู่ตรงหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้ ทั้งดวงตา ริมฝีปาก แก้มใส ทุกอย่างล้วนถูกใจเขาไปหมด นิสัยขี้อายของพู่กันและอาการที่ไม่กล้าสบตาเขา ล้วนทำให้เขาราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
 
 อยากครอบครอง

อยากเป็นเจ้าของคนตรงหน้าจนตัวสั่น ตั้งแต่เขาเป็นหมอที่นี่มา พบคนมาก็มากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะรู้สึกอย่างที่รู้สึกอยู่กับคนเบื้องหน้า ทั้งความกระหายที่ทำให้คอแห้งผากยามจับจ้องริมฝีปากอิ่ม ทั้งอาการปวดหนึบกลางหว่างขายามได้กลิ่นแป้งอ่อนๆจากร่างบาง

“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณมากจริงๆนะครับหมอ”

“ครับ แล้วผมจะติดต่อไป ทั้งเรื่องเวลาและ.....ค่าตอบแทน”

“เอ่อ.....คะ ครับ”

พู่กันเดินออกไปจากห้องแล้ว แต่เขายังรู้สึกเหมือนร่างเล็กยังไม่ได้ไปไหน ในห้องยังคงหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของพู่กัน หอมจนเขาอยากจะปิดห้องไว้ขังตัวเองแล้วสูดดมมันให้ลึกสุดปอด ไม่อยากให้ใครเข้ามา กลัวกลิ่นกายของใครจะมาลบกลิ่นหอมที่ชวนหลงไหลนี้เหลือเกิน แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี เพราะอย่างไรเขาก็คือหมอ มีหน้าที่รักษาคนไข้ จะเห็นแก่ตัวเก็บความปรารถนาส่วนตัวไว้แบบนี้ไม่ได้

“หมอคะ.....เป็นอะไรคะยิ้มตาเยิ้มเหมือนกำลังมีความรักอย่างนั้น” หมออนันต์หลุดออกจากภวังค์หันไปมองทางต้นเสียงที่เจ้าของเสียงยืนยิ้มล้อเลียนเขาอยู่หน้าประตู

“หึหึ......คงใช่มั้งครับ ผมเองก็เพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้” กล่าวไปก็ยิ้มไปจนหญิงสาวที่มองอยู่ได้แต่ส่ายหน้ากับความไร้เดียงสา(?)ของหมอที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวเรื่องอย่างว่าที่สุดก็ว่าได้ แต่กลับมาบอกว่าไม่เคยมีความรักแบบนี้ เธอล่ะสงสารคนๆนั้นจริงๆ มีหวังเจอความเจ้าเล่ห์ของหมอเดลจนหมดเปลือกแน่ๆ

“น่าสงสารนะคะ”

“ใครหรือครับ”

“คนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ไงคะ.....เขาคือคนที่ทำให้หมอรู้สึกแบบนั้นนี่ น่าสงสารออกค่ะ” หมออนันต์หันไปมองเธออย่าไม่เข้าใจ ถูกเขารักมันน่าสงสารตรงไหนกัน

“น่าสงสาร?? ทำไมเป็นแบบนั้นละครับ”

“ก็แหม.......หมอเดลของเราเจ้าเล่ห์ตัวพ่อขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยนะคะว่าคนซื่อๆแบบนั้น จะเจอหมอเดลวางแผนอะไรบ้าง สงสารน้องจังเล๊ย คิกๆ” เธอว่าพร้อมกับเดินออกไป ทิ้งให้เขาได้แต่ยิ้มขำ ก็อาจจะจริง บางที พู่กันอาจจะน่าสงสารจริงๆก็ได้ เพราะเขามั่นใจเลยว่า ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ชอบหลุดมือไปแน่ๆ ต่อให้ต้องวางแผนการงัดความเจ้าเล่ห์มาใช้ขนาดไหน เขาก็จะทำ
                 





พู่กันนั่งมองกระดาษเปล่าที่ยังไม่ถูกสิ่งใดแตะแต้ม ตากลมมองแล้วก็มองในสมองก็คิดภาพของผู้ชายที่เขาได้ไปพบมา ใบหน้าคมกับรอยยิ้มที่ทำให้เขาแทบละลายลงไปตรงหน้าไม่เคยเลือนไปจากความทรงจำ ทำไมเขาจะต้องวนเวียนคิดถึงแต่คนๆนั้นด้วยนะ บ้าเอ้ย!! หยุดคิดสักทีสิพู่กัน แกต้องวาดรูปๆ วาดรูปเท่านั้น

“อีกนานไหมครับ......ผมเมื่อยแล้วนะ”

“อ๊ะ ขอโทษครับ จะเริ่มละนะครับ”

พู่กันเอ่ยขอโทษลูกค้าที่มาจ้างให้วาดรูปตนอย่างนอบน้อม เพราะเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงจึงทำให้ลูกค้าในตอนนี้ค้างอยู่ในท่าที่ต้องการให้วาดอยู่นานแล้ว พู่กันจับดินสอขึ้นมาค่อยๆร่างภาพลงไปบนกระดาษตามแบบตรงหน้า กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาล่วงเลยไปครึ่งวัน แสงที่มีก็เริ่มจะริบหรี่ลง ตะวันคล้อยจนใกล้จะลับฟ้า พู่กันส่งลูกค้ากลับก่อนที่ตัวเองจะกลับมานั่งอยู่ในสวนอีกครั้ง สายตาทอดมองไปยังแสงตรงขอบฟ้าที่ยังมีให้เห็น เมฆกระจายตัวอยู่ทั่วไปหมด แต่เมื่อมันมีแสงอ่อนๆของแดดยามเย็นอยู่กลับดูสวยและให้ความรู้สึกเหงาในเวลาเดียวกัน ความงามตามธรรมชาติมันช่างตราตรึงใจอย่างนี้เอง น้อยครั้งนักที่เขาจะได้ออกมานั่งมองภาพแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่เขาจะใช้เวลาวาดรูปในห้องตัวเองเสียมากกว่าจนถูกแม่ดุด่าอยู่บ่อยครั้ง นึกถึงช่วงเวลานั้นก็ยิ่งเศร้าใจ เมื่อภาพในตอนนี้คือตัวเขาคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ ไร้ซึ่งบุพการีที่เลี้ยงดูเขามา หากเขารู้ล่วงหน้าว่าแม่เขาจะประสบอุบัติเหตุแล้วล่ะก็ เขาคงใช้เวลาทั้งหมด พาแม่ไปเที่ยว พาแม่ไปทานของอร่อยๆ เก็บความทรงจำในการใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้ เขาคงไม่เสียเวลากับการวาดรูปและหมกตัวอยู่ในห้องแบบตอนนั้น ถ้าเขารู้ ถ้าเพียงมีสิ่งใดสะกิดใจเขาสักนิด เขาจะยอมแลกทุกอย่างเพียงแค่ได้มีแม่อีกครั้ง

“พู่กัน!! แม่บอกว่าให้ออกมากินข้าวไง”

“เดี๋ยวผมค่อยกินแม่ ผมวาดรูปอยู่ แม่กินไปก่อนเลย”



เขาอยากทานข้าวกับแม่อีกครั้ง เขาจะไม่ปฏิเสธมันอีกหากเขามีโอกาส


“แม่ครับ ผมต้องไปวาดรูปกับเพื่อน ผมไปกับแม่ไม่ได้หรอก”

“แต่แม่จองห้องพักอะไรไว้แล้วนะ จะให้แม่ไปคนเดียวเหรอ”

“เลื่อนเขาไปก่อนสิครับ ไว้มีเวลาแล้วค่อยไปด้วยกันใหม่”



เขาอยากไปครับแม่ ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะพาแม่ไปเอง เขาจะยอมทิ้งทุกงานเพื่อให้ได้อยู่กับแม่


“อะไรเนี่ยแม่!!! ผมต้องรีบไปนะ!!”

“พู่กัน มาขับรถให้แม่หน่อยสิ แม่ต้องไปหาเพื่อนที่ภูเก็ต”

“ผมไปไม่ได้หรอก แม่ขับไปเองก็แล้วกันนะครับ ผมต้องไปคุยงานกับลูกค้าต่อ”



ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นวันสุดท้าย เขาจะไม่มีวันปล่อยให้แม่ไปคนเดียว จะไม่มีวันยื่นกุญแจรถให้แม่ขับไปเอง เขาจะกอดแม่เอาไว้แน่นๆ จะบอกรักแม่จนกว่าจะไม่มีเสียง เขาจะนอนตักแม่จนแม่ลำคาญ เขาจะ.....จะไม่มีวันปล่อยมือจากแม่เด็ดขาด
น้ำตาของผู้เป็นลูกไหลออกมาจนเปียกแก้มทั้งสองข้าง หัวใจทั้งดวงเจ็บปวดไปหมด ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่นอย่างไม่มีความเห็นใจ

“แม่ครับ......แม่กำลังลงโทษผมใช่ไหมครับ ฮึก แม่กำลัง ฮือออ ลงโทษลูกเลวๆคนนี้ใช่ไหม” ใบหน้าโศกเศร้าซบลงกับเข่าตัวเอง แขนทั้งสองกอดขาตัวเองแน่น ผมสีชมพูอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดอยู่รอบๆกาย

“แม่ครับ ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน ฮือออ แม่กลับมาหาผมเถอะ ฮึก ฮือ ผมขอโทษ”

แม้ว่าเขาจะอ้อนวอนกับลมกับฟ้าเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เห็นใจ กาลเวลาที่ผ่านไปไม่มีทางย้อนกลับมาได้ เขารู้ดี กฎก็คือกฎ คนตายไม่มีวันฟื้นขึ้นมา ความเสียใจก็ไม่มีวันหายไปจากใจเขาเช่นกัน คำขอโทษของเขาได้แต่ฝากสายลมไปบอกกับแม่เท่านั้น บ้านที่ไม่มีแม่......มันเงียบเหงาเหลือเกิน เขาไม่อยากตื่นมาในทุกเช้า เพราะเขาจะต้องมองหาร่างของแม่เสมอแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่มีวันที่จะพบแม่อีกก็ตาม

พู่กันถอนหายใจกับความคิดถึง มือปาดเอาน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสายออกจากใบหน้าก่อนที่จะพยุงร่างของตัวเองเข้าไปภายในบ้านที่เคยอบอุ่น ไฟถูกเปิดจนสว่างขับไล่ความมืดมิดที่กัดกินในใจเขาอยู่ไม่ต่างจากช่วงเวลากลางคืน รูปแม่ยังคงติดอยู่บนผนัง รอยยิ้มของแม่ที่เขายังคอยคิดถึง รูปใบเดียวที่เขาวาดมันออกมาจากความทรงจำแล้วนำไปใส่กรอบมาแขวนไว้ รูปที่ช่วยให้เขารู้สึกได้ว่า......แม่ยังคงอยู่ใกล้ๆไม่ไปไหน

“แม่ครับ.......ผมหาเงินได้เยอะแยะเลย อยากพาแม่ไปเที่ยวจัง ผมเจอรีสอร์ทเล็กๆที่อยู่ริมทะเลด้วยนะ แม่ต้องชอบมากๆแน่เลยครับถ้าได้เห็น” เขายืนพูดคุยกับรูปวาดของผู้เป็นแม่ราวกับเธอยังคงมีชีวิตและเข้าใจรับรู้ได้ในสิ่งที่พู่กันพยายามจะบอก

“ที่นั่นคนไม่เยอะมาก แต่อาหารอร่อย เขาทำปูผัดผงกระหรี่ที่แม่ชอบได้อร่อยมากเลยนะครับ ไว้ผม.....จะพาแม่ไปนะ แม่รอนะครับ เราจะไปเที่ยวกัน ฮึก สองคน” พู่กันดึงรูปของมารดาลงมา ถือรูปนั้นขึ้นไปด้านบนเพื่อตรงไปยังห้องนอนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของแม่เขา ของทุกอย่างยังอยู่ครบ เสื้อผ้า ของใช้ แม้กระทั่งกลิ่นของแม่ พู่กันปิดประตูพาตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียง ขดตัวราวกับลูกแมวที่หนาวเหน็บ ปลายนิ้วเล็กไล่ไปตามโครงหน้าของแม่ในรูป เช็ดน้ำตาที่หยดลงไปเปื้อนรูปออกอย่างเบามือ
อยากกอดแม่ คิดถึงไออุ่นของแม่ยามปลอบโยน

“ฮึก แม่ครับ ผมคิดถึงแม่ ฮือออ”

พู่กันกอดรูปไว้แนบตัวจนแน่น แม้มันจะไม่มีไออุ่นเหมือนยามที่แม่กอดเขา แต่มันก็ยังดีกว่าที่เขาต้องนอนโดยไม่มีแม้แต่ใบหน้าของแม่ให้มอง ในรูปแม่ยังคงยิ้มให้เขาเสมอ เขาเลือกที่จะวาดรอยยิ้มของแม่เอาไว้ อย่างน้อย ลูกคนนี้ก็ขอทำให้แม่ยิ้มสักครั้ง แม้มันจะเป็นแค่การวาดมันขึ้นมาก็ยังดี

ความหนาวเหน็บทำให้พู่กันยิ่งกระชับอ้อมแขนขึ้นราวกับกลัวว่าคนในรูปวาดจะหนาว เสียงหวีดร้องของสายลมดังลอดผ่านมาทางหน้าต่างยิ่งชวนให้หดหู่ใจ น้ำตาที่รินไหลยังคงไม่เหือดแห้งไปแม้แต่น้อย ภายในห้องที่มืดสนิทกับค่ำคืนที่ไร้หมู่ดาว ใครจะรู้ว่า มีร่างของใครคนหนึ่งนอนหลับไปพร้อมกับกอดรูปของผู้หญิงคนหนึ่งไว้แน่นทั้งที่ใบหน้ายังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีชมพูอ่อนถูกมือเรียวของใครบางคนลูบปลอบอย่างแผ่วเบา ผ้าห่มถูกเลื่อนกระชับขึ้นมาจนปชกคลุมร่างเล็กๆที่ขดตัวอยู่จนใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาผ่อนคลายลง ใบหน้าที่ถอดแบบออกมาจากรูปวาดในอ้อมแขนของพู่กันค่อยๆโน้มใบหน้าลงมา จรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่ม

‘แม่รักลูกนะ พู่กัน อย่าร้องไห้อีกเลยนะ ลูกรักของแม่’ เสียงหวานของเธอกระซิบอย่างแผ่วเบาริมหูเล็ก เธอโอบกอดอีกร่างเอาไว้ในอ้อมแขนจนแน่น ปากก็ฮัมเพลงคอยกล่อมลูกน้อยที่เธอรักสุดหัวใจเหมือนตอนเด็กๆที่เธอมักจะทำ เวลาในโลกนี้มันช่างน้อยนัก บุญเธอน้อยเหลือเกิน ทั้งที่อยากจะอยู่กับลูกให้มากกว่านี้ อยากจะกอดลูกให้แน่นกว่านี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองลูกชายของเธอจากที่ๆไกลแสนไกล อยากจะปลอบโยน ยิ่งเห็นลูกชายของเธอร้องไห้เธอก็แทบจะขาดใจ เธอไม่อยากให้ลูกชายกล่าวโทษตัวเอง เพราะเธอไม่เคยโทษว่ามันเป็นความผิดของลูกเลยสักครั้ง

                        ‘แม่จะอยู่กับลูกตลอดไป พู่กัน’




       >>>>>>>>>ต่อด้านล่างนะคะ<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 23-05-2018 16:10:42
      >>>>>>>>>ต่อนะคะ<<<<<<<<<

ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวพลิกไปมาเหยียดแขนและขาด้วยความเมื่อยกับการนอนหลับ พู่กันนั่งนิ่งกวาดตามองหาแม่ของเขาที่เมื่อคืนเขารู้สึกได้ว่าแม่มาหา มากอดเขาเอาไว้ตอนเขาหลับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ ก็แม่เขาเสียไปแล้วนี่จะมาหาเขาได้ยังไง พู่กันหันไปมองรูปที่อยู่ข้างตัวก่อนจะยกขึ้นมากอดไว้เพื่อเอาไปแขวนไว้ที่เดิม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้ ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปเหมือนเช่นเดียวกับเวลาที่ไม่มีวันเดินถอยหลัง
ครืด............ครืด

“ฮัลโหลครับ”

‘สวัสดีครับ......พู่กันใช่ไหมครับนั่น?’ เขาได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เสียงคุ้นหูนี่เขาเคยได้ยินที่ไหนกันนะ

“อะ ใช่ครับ นั่นใครครับเนี่ย”

‘อ่า.....ผมเองนะ หมออนันต์ ดีจังที่โทรมาถูกเบอร์’

“เอ่อ หมอมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าหมอจะโทรมานัดเวลาให้ผม!!” น้ำเสียงตื่นเต้นของพู่กันเรียกเสียงหัวเราะของหมออนันต์ได้เป็นอย่างดี

‘ก็......จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมว่างวันมะรืนนี้ มันเป็นวันหยุดของผมพอดี คุณพู่กันสะดวกไหมครับ’

“ครับๆ ผมว่างครับ แล้วคุณจะมาหาผมหรือให้ผมไปหาครับ”

‘อืม........คุณมาหาผมแล้วกันนะครับ ผมอยู่ที่..........รู้จักใช่ไหมครับ’ เขายิ้มออกมาจนแก้มปริ ในที่สุดงานก็จะสำเร็จเงินก็จะตามมา ทีนี้ เขาก็จะสามารถพาแม่ไปเที่ยวได้แล้ว

“ตกลงครับ เดี๋ยววันมะรืนช่วงสายๆผมจะไปหานะครับ”

‘หึหึ......ครับ ผม........จะนับวันรอ จะตั้งตารอทุกวินาทีที่จะได้เจอคุณ’ บ้าจริง เล่นพูดแบบนี้ออกมา จะให้เขาตอบกลับไปยังไงกัน พู่กันที่หน้าแดงก่ำมือสั่นกัดปากเอาไว้ด้วยความเขินอาย

“คะ แค่นี้ก่อนนะครับ” เขากดตัดสายอีกฝ่ายไป นี่หมอเขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้เขาหัวใจเต้นแรง ยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนกับคนเป็นบ้า บ้าๆๆ บ้าที่สุดเลย!! พู่กันจับแก้มที่ร้อนผ่าวเอาไว้ด้วยสองมือ ริมฝีปากยังคงฉีกยิ้มจนแทบจะหุบเอาไว้ไม่ได้ บรรยากาศรอบๆแทบจะกลายเป็นสีชมพู เดินไปไหนทุกอย่างก็ดูมีความสุขไปหมด ขนาดทำอาหารกินเองวันนี้ยังอร่อยเป็นพิเศษเลย
เขาอยู่บ้านปกติก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จึงต้องต้องเอากระดาษเอาสีมาวาดๆให้เวลามันได้ผ่านพ้นไป เพราะเขารู้ดีว่า การที่นั่งจดจ่อกับเวลามันมักจะเดินช้าเสมอ พู่กันค่อยๆใช้ลูบไปบนกระดาษสีขาวช้าๆ มันช่างขาวสะอาดดีจริงๆ กระดาษสีขาวก็เหมือนโลกที่ว่างเปล่า ถ้าอยากให้มันสวยงามเขาก็ต้องลงสี สิ่งแรกที่นึกคิดได้ว่าจะวาดมันลงไป ก็คงเป็น.......สนามบ้านตัวเองล่ะมั้ง หึหึ ก็แม่ของเขาชอบนี่นา แม่มักจะนั่งอยู่ที่เกาอี้สีขาวตัวนั้นเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ แม่มักจะยิ้มไปกับเขาที่เอาแต่วาดภาพอยู่ตรงระเบียงห้อง แม่.....มักจะใช้มือทั้งสองข้างโอบอุ้มดินเปล่าไว้ ขุดหลุมด้วยสองมือนั้นเพื่อลงดอกไม้นาๆพันธุ์ให้มันบานจนสวยงาม เพราะแม่ชอบที่เขามักจะวาดสิ่งรอบๆกาย แม่หวังว่าเขาจะวาดสวนของเราที่มีดอกไม้พวกนี้บานจนเต็มที่ และเขาก็จะทำมันตามที่แม่ต้องการ ไม่ว่าสิ่งไหนที่มันเป็นความต้องการของแม่ที่เขาไม่ได้ทำให้แม่ตอนมีชีวิตอยู่ เขาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ทำมันให้แม่ แม้ว่าแม่จะไม่มีโอกาสได้อยู่เพื่อชื่นชม แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้ชดใช้และท่องจำใส่หัวใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาพลาดเวลาที่ควรให้กับคนสำคัญที่เรียกว่าแม่

“แม่ครับ.......ดอกไม้ที่แม่ปลูกเอาไว้ มันบานหมดแล้วนะครับ แม่เห็นไหม”

มือบางจับพู่กันปาดสีมาลงบนกระดาษช้าๆ ค่อยๆบรรจงเสกสรรความสวยงามที่ได้เห็นเบื้องหน้าลงไปให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ความเขียวชอุ่มขับสีดอกที่เรียงรายได้อย่างดี มันดูสวยงามและลงตัวในตัวของมันเองตามที่ธรรมชาติได้สร้างเอาไว้ ใครจะคิดว่าการที่ใบไม้มีสีเขียวจะมีเหตุผลในตัวของมันเอง ก้านดอกสีเขียวเข้มกับใบไม้สีเขียวอ่อน ช่างเป็นการไล่สีของธรรมชาติที่น่าทึ่ง หากใบไม้และก้านไม่ใช่สีเขียว มีหรือจะสามารถชูช่อความงดงามของตัวดอกได้ การได้นั่งมองมันก็ทำให้เขาได้เห็น ได้สังเกตสิ่งต่างๆ ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะสายตาถูกจับเข้ามาใส่ไว้ในกระดาษจนหมดสิ้น แม้แต่ผีเสื้อแสนสวยที่เกาะอยู่บนยอดเกษรของดอกไม้ก็เช่นกัน พู่กันเลือกจะเก็บทุกรายละเอียดเอาไว้ แม้ว่าสิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของเขาตอนนี้จะไม่มีอยู่ในความเป็นจริงก็ตาม ภาพของหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวกลางหมู่ดอกไม้และต้นไม้ร้อยใหญ่ เธอส่งยิ้มมาให้อย่างมีความสุข สุขจนพู่กันที่เป็นวาดเผลอยิ้มตาม แม้ว่ารอยยิ้มของเขามันจะแสนเศร้าก็ตามที

“แม่ยังคงยิ้มเสมอเลยนะครับ แม้แต่ในความทรงจำของผม”

ผมของเธอสยายเพราะแรงลม ใบหน้าเปื้อนยิ้มจนตาหยี ความงดงามนี้เขาไม่เคยลืมมันเลยสักวัน ไม่เคยลบออกไปจากความทรงจำเลยสักครั้ง แม่ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเศร้าใจ ไม่เคยผิดหวังในตัวของเขา ไม่ว่าเขาจะทำตัวเช่นไร แม่ก็ยังคงมอบรอยยิ้มให้เขาเสมอไม่เคยเลือนหาย



              พู่กันที่กำลังหอบของมาจนล้นมือ มองดูบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่แน่ใจ นี่เขามาถูกใช่ไหม เขายืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก ครั้นจะตะโกนเรียกก็กลัวว่าจะขายหน้า จึงตัดสินใจกดออดให้รู้แล้วรู้รอดไป หากมาผิดก็แค่ขอโทษ ไม่เห็นจะเป็นไร ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ร่างของหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้ พู่กันที่ด้วยความไม่รู้ จึงได้ยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างมีมารยาท

“เอ่อ สวัสดีครับ ผมมาหาคุณหมออนันต์น่ะครับพี่สาว” คนถูกไหว้ยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน มองใบหน้าจิ้มลิ้มผมสีชมพูอ่อนด้วยใบหน้าเหรอหรา

“คุณชายอยู่ข้างในค่ะ กำลังรอคุณอยู่เลย อย่าไหว้ฉันเลยนะคะ ฉันเป็นคนใช้เขา” ราวกับถูกใครตีแสกหน้าจนแตกละเอียด แต่เพราะเชี่ยวชาญด้านการแถ(?) จึงพอจะเอาตัวรอดได้

“ผมไหว้พี่ถูกแล้วครับ ยังไงพี่ก็น่าจะอายุมากกว่า” แม้จะถูกยิ้มขำจากหญิงสาว แต่ก็ไม่ได้ทำให้พู่กันหยุดแต่อย่างใด จนเธอต้องพยักหน้ารับมองเขาด้วยความเอ็นดู

“ค่ะๆ ถ้างั้นเชิญข้างในเลยนะคะ คุณชายอยู่ในสวนพอดี”

เธอเดินนำผมเข้าไป จากประตูเดินเข้าไปไม่ไกลนัก ร่างของหมออนันต์ผู้มีออร่าความเป็นเทพบุตรก็ปรากฏกายอยู่ในสวน หมออนันต์หันมาเมื่อมีใครบางคนมายืนอยู่เบื้องหลัง ใบหน้าที่เขาเฝ้าคิดถึงยังคงเหมือนเดิม ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงตื่นตระหนกยามสบตากับเขา แก้มสองข้างขึ้นสีเลือดฝาดจนแดงไม่รู้ว่าจากแดดที่ค่อนข้างจะร้อนหรือเพราะเขินอายเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ตาม มันก็ทำให้เขาพอใจทั้งนั้นเพราะใบหน้าของคนๆนี้น่าหลงไหลจนเขาแทบจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่ พู่กันที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหลบตาหวานฉ่ำของหมออนันต์ เขาถูกมองเสียราวกับว่าจะกลืนกินเสียให้ได้อย่างนั้น เขาจึงให้ความสนใจกับรอบๆตัวเสียมากกว่าการจับจ้องจากคนตัวสูงใหญ่

“พี่นางผมขอน้ำผลไม้เย็นๆมารับรองแขกของผมด้วยนะครับ”

“ค่ะคุณชาย” เธอยิ้มให้หมออนันต์ก่อนจะเดินออกไป

“จะเริ่มตรงไหนดีละครับพู่กัน” เสียงทุ้มนุ่มหูที่เอ่ยเรียกชื่อเขาเล่นเอาเจ้าตัวระส่ำระส่าย กวาดตาไปรอบๆด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก พยายามมองหามุมสวยๆที่พอจะเป็นที่สำหรับการวางอุปกรณ์ ร่างเล็กๆสะดุดตาเข้ากับมุมๆหนึ่งของสวนที่มีร่มเงาของไม้ใหญ่พอให้บังแสงแดดที่เริ่มจะแรงของช่วงเวลาใกล้เที้ยงได้ดี รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กๆและแน่นอนว่า ทุกอัปกิริยาบทนั้นอยู่ในสายตาของอีกคนทั้งหมด มันทำให้หมออนันต์เผลอยิ้มตาม

“ตรงนั้นครับ ตรงนั้นก็ได้” น้ำเสียงตื่นเต้นของพู่กันเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนตัวสูง มือใหญ่ขยี้ผมสีชมพูจนฟูอย่านึกเอ็นดู แต่เจ้าของผมนุ่มกลับชะงักกับการกระทำนั้น 

“ครับ งั้นไปกัน”

ร่างสูงเดินนำออกไปแล้วแต่เขายังยืนอยู่ที่เดิม มือบางยกขึ้นแตะศีรษะตัวเองเบาๆอย่างไม่เข้าใจ สัมผัสที่ไม่คุ้นเคย การกระทำที่ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอจากเจ้าของร่างสูงทำให้เขาเบลอไปชั่วขณะ แต่เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็รีบสาวเท้าตามร่างสูงไป มือของเขาก็กระชับอุปกรณ์ที่เอามาแน่นยิ่งขึ้น เกือบไปแล้ว เกือบล่วงลงไปแล้วไหมล่ะ ไม่ใช่อุปกรณ์หรอก หัวใจเขานี่แหละ

“เอ่อ.......มีเก้าอี้ไหมครับ ผะ ผมกลัวว่าคุณหมอ เอ่อ จะเมื่อย” ประโยคที่คล้ายว่าห่วงใย ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตจนต้องกลั้นรอยยิ้มเอาไว้

“มีครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” พู่กันผวาร่างตามด้วยความเกรงใจ จะให้เจ้าบ้านไปยกมาได้ยังไงกัน พู่กันเดินตามหลังไปเงียบๆ เขาช่วยร่างสูงยกเก้าอี้มาสองตัว ทั้งๆที่เขาบอกแล้วว่าไม่เป็นไรๆ แต่คนตรงหน้ากลับทำหูทวนลมไม่สนใจจะฟังแถมยังยกมาเองทั้งสองตัวในคราวเดียว ตัวหนึ่งของเขาอีกตัวก็ของหมออนันต์

พู่กันจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ตรวจเช็คความเรียบร้อยและคอยดูองศามุมมองจากจุดยืนของเขาและนายแบบอย่างหมออนันต์ แต่อย่างหมอไม่ต้องจัดแจงอะไรด้วยซ้ำเพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อเกินบรรยายอยู่แล้ว หมออนันต์ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเพื่อช่วยเสริมให้ใบหน้าดูดีมากขึ้น แต่ความจริงที่เขายิ้มมันเพราะคนตัวเล็กหลังฉากภาพนั่นต่างหาก ยิ่งได้เห็นศีรษะเล็กๆเอียงมาเพื่อมองเขา มันก็ทำให้เขายิ่งยิ้มออกมากเข้าไปอีก ใบหน้าเล็กยามจ้องมองกระดาษช่างน่าดูยิ่งนัก แม้เขาจะเห็นมันเพียงแค่ครู่เดียวก็เถอะ

พู่กันไม่กล้ามองหน้าของหมออนันต์นานนัก ยิ่งแววตาคู่นั้นยิ่งไม่กล้ามองเลยสักนิดแต่ที่สุดแล้ว งานก็คืองาน แม้จะไม่อยากจะสบตาของคนๆนั้นแค่ไหนเขาก็ต้องมองไปอยู่ดี ใบหน้าของคนเราจะขาดดวงตาได้อย่างไร พู่กันพยายามบังคับมือตัวเองไม่ให้สั่นยามสบสายตาคู่นั้น แม้จะไม่สามารถตีความในแววตาที่สื่อออกมาได้ แต่ร่างกายกลับร้อนผ่าวตัวสั่นเทิ้มราวกับจับไข้ ไม่ได้!!! เขาต้องตั้งสติ จะต้องทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

ผู้หญิงที่เปิดประตูให้เขาเมื่อตอนที่เขามายกน้ำมาให้เขาและหมออนันต์ เธอชื่นชมเขาว่าวาดเก่งและดูสวยงามจนน่าทึ่ง ตัวเขาเองพอถูกคนพูดแบบนั้นก็อดเขินไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเธอพูดออกไปเพียงเพื่อให้กำลังใจเขาก็ตามที แต่การสนทนาก็ต้องถูกขัดเมื่อเสียงกระแอมไอจากหมออนันต์ดังขึ้น ใบหน้าที่เคยขี้เล่นบัดนี้ถูกความขรึมปกคลุมจนมิด แววตาคมฉายความไม่พอใจออกมาจนเด่นชัด ทำให้หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวละล่ำละลักขอโทษก่อนจะรีบวิ่งออกไป พู่กันเองก็หวาดกลัวจนตัวสั่น บรรยากาศกดดันจากร่างสูงทำให้พู่กันต้องก้มหน้าก้มตาตั้งใจวาดภาพที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ เหงื่อจากใบหน้าของพู่กันถูกปาดออก ทุกอย่างเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อย

“หมอเข้าไปพักข้างในก่อนก็ได้ครับ ผมเหลืออีกไม่มากก็จะกลับแล้ว”

“กลับ? จะกลับเลยเหรอครับ” มือหนาที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อระบายความร้อนเกิดชะงักขึ้นเมื่อได้ยินว่าอีกคนกำลังจะกลับ

“เอ่อ ครับ! คือผม.....”

“อยู่ทานข้าวเย็นก่อนสิครับ ผมบอกให้คนเตรียมเผื่อคุณไว้แล้วนะ” เขาไม่อยากอยู่ต่อเลย บอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูก ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งวางตัวต่อหน้าหมออนันต์ไม่ถูก ครั้นจะปฏิเสธก็พูดไม่ออกเพราะสายตาเว้าวอนคู่นั้น

“ก็....เอ่อ ก็ได้ครับ แล้วตกลงค่าตอบแทนที่หมอต้องการละครับ หมอคิดออกหรือยัง ผมจะได้เตรียมให้ถูก” ร่างสูงของหมออนันต์ก้าวเข้ามาใกล้ ใบหน้าโน้มลงมาจนเกือบชิดริมหู

“ถ้าอย่างนั้น.........คืนนี้ ดูดาวเป็นเพื่อนผมหน่อย ได้ไหมครับ” หมออนันต์เอ่ยกระซิบเสียงนุ่มที่ชวนให้หัวใจเต้นแรง กลิ่นกายของคนตรงหน้ามอมเมาจนพู่กันมึนงงสับสนไปหมด ร่างสูงแอบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเล็กจนเต็มปอด สายตาของร่างสูงมองเห็นไหล่เล็กสั่นไหว

“ครับ” ร่างกายเล็กๆรู้สึกอย่างกับว่าอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ หลงเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงและกลิ่นของหมออนันต์จนเผลอตอบรับคำชวนไปโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับ ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาเบาๆบนแก้มใสไล่ไปตามกลีบปากบางที่ยั่วยวนชวนให้ลิ้มลองจนแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ใบหน้างดงามของพู่กันถูกมือหนาประคองขึ้นให้รับจูบแสนหวานจากริมฝีปากของเขา สติของคนทั้งคู่ดื่มด่ำไปกับความหอมหวานของกันและกันจนลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดสิ้น สายลมอ่อนพัดเอาความตื้นเขินและความละอายออกไปจนหมด หลงเหลือเพียงแรงปราถนาที่ผลักดันให้กระทำสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร แต่เขาก็ไม่อาจจะหักห้ามใจจากแรงเร้าของอารมณ์ที่เราทั้งคู่มีต่อกัน ร่างกายเล็กๆสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของหมออนันต์ที่กระชับแน่นขึ้นจนพู่กันต้องใช้สองมือโอบรอบลำคอหนาเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล่วงลงไปกองอยู่กับพื้นหญ้าแม้จะมีอ้อมแขนของร่างสูงโอบประคองเอาไว้ก็ตาม รสชาติที่หวานล้ำจากริมฝีปากบางช่างถูกใจจนเขาไม่คิดอยากจะผละออกแม้แต่วินาทีเดียว กักเก็บคนๆนี้เอาไว้ไม่ให้ใครได้พบเจออีก เขาจะไม่มีวันยอมแน่ๆ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง!!



๕๐%


TBC



          แง๊~ ช่วงนี้ยอมรับเลยค่ะว่าเริ่มตัน แมวเองก็ไม่รู้ว่ามันสนุกไหม แปลกนะคะ แมวรู้สึกว่าหาจุดจบของนิยายไม่เจอ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แมวทำได้แท้ๆ เฮ้อ... แมวไม่หายไปแบบไม่มาต่อแน่นอนค่ะ แมวจะมาต่อจนจบทั้งเก้าห้อง จะมาลงให้ทุกๆคนได้อ่านแน่นอน แต่อาจจะกินเวลา อาทิตย์บ้าง สองอาทิตย์บ้าง อย่าว่าแมวเนอะ แมวดีใจที่ทุกคนชื่นชอบ แม้ว่าแมวจะรู้สึกว่ามันดีไม่พอ แต่ทุกคนก็ยังกรุณามาอ่าน ฮือออ จะร้องไห้แล้วอ่ะ T^T ขอบคุณมากๆเลยนะคะ จบจากเรื่องของหมอๆ แมวจะไปเขียนพีเรียตแล้วนะ คิๆ แต่พีเรียตจะออกแนวใสๆนะคะ โนเอ็นซีดุเดือดเผ็ดมันส์เท่าเรื่องสั้นเนอะ มารอลุ้นกันค่ะว่าจะได้อ่านพีเรียตก่อนหรือชีวิตทั่วๆไปก่อน 5555 เพราะแมวไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องไหนจบก่อน ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ เลิฟยูว~



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction
Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY



หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-05-2018 21:24:19
รอได้จ้า ตามอ่านน่ะ^^
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-05-2018 23:08:50
น้องพู่กันผมชมพู...กะคุณชายหมอ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 24-05-2018 02:15:20
ช่างใสซื่อยิ่งนัก กลัวน้องตามไม่ทัน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 24-05-2018 08:32:56
คุณชายเดลดูเจ้าเล่มากๆ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 31-05-2018 07:25:32
สู้ๆนะคะแมวน้อย จะจบ จะลงเอยยังไง เราก็พร้อมอ่านเสมอน้า
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 01-06-2018 00:58:04
พู่กันจะโดนขังลืมไว้ในคฤหาสไหมนะ //สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 02-06-2018 02:28:33
บรรยากาศมันพาไปใช่ไหม อิอิ รอได้จ้า สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๕๐% UP. 23/05/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 03-06-2018 16:43:25
รอค่ะ สนุกดี  :hao6:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 04-06-2018 15:12:58
    การร่วมโต๊ะอาหารเย็นนั้นโดยปกติแล้วเขาจะเคยทานอาหารกับแม่แค่สองคนเท่านั้น ตั้งแต่แม่จากเขาไป เขาก็ต้องไปหากินเองนอกบ้านมากกว่า เพราะการที่เขาต้องกินข้าวคนเดียวในบ้านมันก็อดที่จะเห็นภาพแม่ไม่ได้ แต่ตอนนี้......เขาไม่ได้ทานคนเดียวแล้ว อาหารบนโต๊ะเต็มไปหมดทั้งๆที่มีแค่เขากับหมออนันต์เท่านั้นที่ร่วมโต๊ะกัน

“อาหารถูกปากไหมครับพู่กัน” คนถูกถามชะงักช้อนที่กำลังเขี่ยข้าว เหลือบตาขึ้นมองคนตรงข้ามแล้วส่งยิ้มบางๆให้

“เอ่อ อร่อยมากเลยครับ”

“งั้นก็ทานเยอะๆเลยนะครับ ตัวคุณเล็กนิดเดียวเอง”

แววตาล้อเลียนส่งผลให้ร่างเล็กรีบก้มหน้าหงุดด้วยความเขิน ภาพการจูบดูดดื่มฉายซ้ำขึ้นมาจนเขาอายแทบจะมุดโต๊ะหนี ความเห่อร้อนแล่นขึ้นบนใบหน้าจนแดงซ่านไปหมด เรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากร่างสูงได้อย่างดี ใช่แล้ว เขาจงใจ เขาอยากให้ทุกการกระทำ ทุกสำนึกคิดของพู่กันจะต้องระลึกถึงเจาเท่านั้น ในหัวของพู่กันจะต้องมีแต่ภาพเขาจนไม่สามารถทนอยู่ได้ ถ้าขาดเขาไป

ที่จริงหมออนันต์คิดจะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพู่กันทีละน้อยๆ แต่ดูจากนิสันและการแสดงออกของเจ้าตัวแล้ว วิธีนั้นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ขืนทำแบบนั้น มีหวังเขาคงเสียคนตรงหน้าไปให้ใครสักคนแน่ๆ ไม่ได้!! เขายอมไม่ได้!!!!

“พู่กันครับ”

“อ๊ะ! เอ่อ ครับหมอ” หมออนันต์ยื่นชุดนอนสีฟ้าสดใสให้ร่างบางที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องนอนของเขา

“อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนี้ได้เลยนะครับ ผมซื้อมาผิดไซส์เลยไม่เคยได้ใช้” มือบางเอื้อมออกไปรับมาถือไว้ ส่งยิ้มขอบคุณให้คนตัวโต

“ขอบคุณมากครับ เอ่อ แล้วห้องที่ผมต้องนอน” อดที่ถามไม่ได้ เพราะตั้งแต่มาถึงนี่ ตั้งแต่เขาตัดสินใจตอบตกลงดูดาวไปด้วยความเผลอไผล เขาเองก็ยังไม่เห็นหมอจะพูดถึงห้องนอนของเขาเลย หมออนันต์เลิกคิ้วขึ้น

“ห้องผมนี่ไงครับ” คำถามอันแสนซื่อกับใบหน้าที่กำลังช็อคจากคำตอบของเขาช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“อ่า......ผมว่ามันคงดูไม่...”

“ผมเป็นผู้ชาย พู่กันก็เป็นผู้ชาย ดูไม่ดีตรงไหนกันครับ”

คนตัวเล็กชะงัก มันก็จริงอย่างที่หมอว่า เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ไม่มีทางดูไม่ดีแน่ๆ ลมหายใจถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากของพู่กันก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้หมออนันต์อย่างเข้าใจ เป็นเขาเองที่คิดมากไป จริงๆการร่วมห้องกับหมออาจจะดีก็ได้ เขาเองจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องของแม่อีก

“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” หมออนันต์พยักหน้ารับมองตามร่างบางที่เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายใน แผ่นหลังและสะโพกกลมกลึงน่าสัมผัสช่างเย้ายวนใจทุกครั้งที่พู่กันก้าวเดิน

พู่กันที่ปิดประตูห้องน้ำแล้วยังคงยืนพิงประตูไม่ยอมไปไหน สมอฃน้อยๆเฝ้าวนเวียนคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของหมอ หมายความว่ายังไงกันนะ...ถ้าหากหมอมองว่าเขาและตัวเองเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็ไม่ควรจะแสดงออกเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ควรจูบเขา ไม่ควรโอบกอดเขาสิ แบบนี้มันขัดกับสิ่งที่หมออนันต์พูดชัดๆ พู่กันได้แต่ถอนใจเลิกคิดตั้งหน้าตั้งตาอาบน้ำให้ตัวเอง

หมออนันต์นั่งอยู่ปลายเตียงฟังเสียงน้ำไหลอย่างมีความสุข ตาคมดุหลับลงเพื่อจินตนาการถึงเรือนร่างอันบอบบางที่กำลังชำระล้างร่างกายอยู่ อยากจะเข้าไปช่วยอาบให้เสียเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ กลัวไก่จะตื่นกลัวหากเขาแสดงออกชัดเจนจนเกินไป กลิ่นหอมของสบู่ลอยออกมาจากประตูห้องน้ำจนร่างสูงเผลอสูดดมเข้าไปจนสุดปอด ทั้งๆที่มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้อยู่ทุกวันแท้ๆ แต่มันกลับหอมยิ่งกว่าทุกๆวันที่เคยได้กลิ่น

พู่กันในชุดนอนสีฟ้าที่ดูหลวมกว่าตัวเล็กน้อยเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหยดน้ำจากผมที่หยดลงพื้น เขาว่ากลิ่นที่ลอยออกมาจากห้องน้ำว่าหอมแล้ว แต่พอพู่กันออกมายิ่งหอมจนอยากจะรวบร่างเล็กๆเข้ามาสูดดมเพื่อพิสูจน์ว่าหอมอย่างที่เขาได้กลิ่นจริงๆหรือไม่

“พอดีผม ลืมเอาผ้าเข้าไป ขอโทษนะครับที่ทำให้พื้นเปียก” เสียงหวานเรียกสติของร่างสูงกลับมา

“อา ผมลืมไปเลย นี่ครับ”

หมออนันต์ยื่นผ้าสีขาวผืนเล็กที่ตนถือไว้ให้คนตรงหน้า ที่จริงเขาไม่ได้ลืมอย่าที่ปากบอกหรอก แต่เขาอยากเห็นพู่กันที่มีสภาพผมเปียกอย่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ต่างหาก มือบางวางผ้าลงบนศรีษะซับเอาน้ำจากผมที่เปียกโชกออก ร่าฃสูงก้าวเข้าไปในห้องน้ำบ้างเพื่อชำระล้างร่าฃกายที่มีเหงื่อท่วมจากการยืนเป็นแบบให้พู่กันอยู่นาน เสียงน้ำไหลดังต่อเนื่องแต่พู่กันไม่ได้สนใจสักนิด ร่างเล็กๆนั่งอยู่ปลายเตียงมือทั้งสองสลับกันเช็ดผมจนมันแห้งสนิท

ความง่วงงุนเริ่มเข้าจู่โจมร่างบาง หมออนันต์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าสดชื่น หันมองพู่กันที่ปรือตาอยู่ปลายเตียงด้วยความเอ็นดู นี่คงง่วงมากแล้วสินะ คงนั่งรอเขาออกมาเพราะไม่กล้าจะนอนก่อนเขาแน่ๆ

“ง่วงก็นอนเถอะครับพู่กัน ไม่ต้องรอผมก็ได้ หึหึ”

“ผมรอดูดาวเป็นเพื่อนหมอก่อนครับ” ปากก็ว่าแต่มือเล็กๆกลับขยี้ดวงตาจนขึ้นสีแดง ร่างสูงหัวใจเต้นแรงกับท่าทางที่ดูราวกับเด็กไร้เดียงสา ความกระหายตีรวนขึ้นมาจนแน่นอก ลำคอแห้งผากราวกับขาดน้ำมานานแรมปี

“หมะ หมอ หมอทำอะไรอ่ะ!!”

“อย่าดิ้นสิครับ ผมกำลังจะพาพู่กันไปดูดาวก่อนนอนไงครับ”

เพราะอยู่ๆหมออนันต์ก็ผลักให้เขานอนลงบนเตียงแล้วทาบทับไม่ให้ไปไหน ทำให้พู่กันต้องยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ หมออนันต์เลียริมฝีปากที่แห้งด้วยความกระหาย ความร้อนที่แผ่ซ่านจากคนใต้ร่างและกลิ่นหอมจากกายบางยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากสัมผัส อยากราวมรักให้คนๆนี้เป็นของเขาเหลือเกิน

“อื้อ!!!!”

ในที่สุดความต้องการก็ชนะสติ ริมฝีปากของหมออนันต์บดเบียดความนุ่มหยุ่นเพื่อฉกชิมความหวาน ปลายลิ้นถูกสอดแทรกเข้าไปในปากเล็กที่เผยอขึ้นด้วยควาทตกใจ กวาดต้อนลิ้นเล็กให้ตอบรับเกี่ยวกระหวัดไปกับเขา มือบางที่ยันอกแกร่งเอาไว้สั่นระริก ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อความร้อนแรงจากริมฝีปากหนาเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะเผาไหม้ให้พู่กันหลอมละลายอยู่บนเตียง

เสียงดูดดึงของปลายลิ้นของทั้งสองดังก้องจนเสียงดัง แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงเรียกร้องที่ให้กระทำมากขึ้นของความต้องการ กลิ่นหอมและความลุ่มหลงมัวเมาตรงหน้าช่างหวานฉ่ำและเร้าอารมณ์จนพู่กันหูอื้อตาลายไปหมด แรงที่ใช้ขัดขืนในตอนแรกกลายเป็นการลูบไล้ไปตามแผ่นอกของคนที่ทาบทับจนร่างสูงครางออกมาด้วยความพอใจ

“อ๊ะ อือ”

ริมฝีปากของหมออนันต์จูบไล่ไปตามแอ่งชีพจรบริเวณลำคอขาว กลิ่นหอมจากเนื้อตัวของร่างเล็กเป็นเหมือนเชื้อไฟชั้นดีที่ถูกราดลงบนกองเพลิงแห่งราคะ ยิ่งดอมดมยิ่งต้องการ ฝ่ามือใหญ่ปลดเปลื้องชุดนอนสีฟ้าที่ตนเป็นคนมอบให้ออกจากร่างขาวนวล ผิวสีน้ำนมปรากฏออกมาให้เขามองด้วยสายตาชื่นชม ยอดอกสีสวยประดับอยู่บนแผ่นอกบางช่างเข้ากันจนตัวหมออนันต์อดคิดไม่ได้ หรือนี่จะเป็นประติมากรรมของพระผู้เป็นเจ้า มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

“อ๊ะ อ๊า”

ปลายลิ้นฉกชิมกับยอดเกสรสีสวยด้วยความกระหาย ดูดดึงจนมันแข็งเป็นไต ความหวานตรงหน้าทำให้ร่างสูงแทบไม่อยากผละออกไปไหน ถ้าจะให้เขาขาดใจตาย ก็ยินยอมหากได้ตายลงบนอกของคนๆนี้ หอมหวานเสียหมดทั้งกาย

พู่กันบิดเร้าร่างอย่างทรมาน ริมฝีปากปลดปล่อยเสียงครวญครางออกมาอย่างทนไม่ไหว ปลายลิ้นที่สัมผัสลงบนยอดเล็กๆบนแผ่นอกมันช่างร้อนราวกับผูกแผดเผาจากไฟปราถนา ยิ่งถูกดูดดึงกลับเป็นเขาเองที่เรียกร้องโอบแขนกอดรัดให้คนด้านบนสัมผัสเขามากขึ้น ฝ่ามือจิกลงบนเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อระบายความรู้สึกที่สะท้านไปทั้งตัว ในหัวขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออกมึนเมาไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่ถูกอีกฝ่ายมอบให้ หยอกเย้าให้หลงระเริงไปกับ กับดักต้องห้าม

“แฮ่กๆ”

แม้คนตัวใหญ่จะผละออกเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าตนและปิดไฟในห้องให้พู่กันได้ลดอาการเหนียมอาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้พู่กันได้สติและดิ้นหนีแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ยิ่งหมออนันต์ผละออกไปนานเท่าไหร่ ร่างบนเตียงยิ่งดีดดิ้นไปมาด้วยความต้องการที่ล้นปรี่ สองขาเปลือยเปล่าตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบได้หากแต่ตอนนี้กลับกำลังแยกออกจนกว้างโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแดงระเรืออย่างกับคนเป็นไข้ เสียงหอบหายใจดังมาไม่ขาดช่วง ใบหน้างามสะบัดจนผมสีชมพูกระจายไปทั่วทั้งหมอน ช่างเป็นภาพที่ทำเอาเจ้าลูกชายที่อยู่ตรงหว่างขาผงกหัวทักทายด้วยอารมณ์หื่นไม่แพ้เจ้าตัว

ร่างสูงทาบทับลงไป บดจูบร้อนแรงจนริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อและเปียกชุ่ม มือใหญ่ลูบและกอบกุมเอาความน่าเอ็นดูของหนอนน้อยที่ผงาดสู้มืออย่างปลอบประโลมซึ่งเจ้าของได้แต่ครางเสียงแผ่ว หมออนันต์กดจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว ดูดผิวเนื้อบริเวณลำคอจนเกิดรอยแดงเพื่อตรีตราร่างบาง ความอุ่นร้อนในอุ้งมือใหญ่ขยายตัวตามแรงอารมณ์ของเจ้าของจนเรียกรอยยิ้มจากหมออนันต์ได้อย่างดี มือใหญ่ปล่อยความองอาจของคนตัวเล็กออก ป้ายเอาน้ำเมือกสีใสจากแก่นกายสวยก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในถ้ำลึกลับที่ยังรอให้ขาไปสำรวจ ความคับแน่นจากการบีบรัดตัวเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมทำให้คนตัวสูงนิ่วหน้า ก้มลงไปหยอกล้อกับยอดทับทิมสีแดงช้ำเพื่อให้ร่างเล็กลืมเลือนความรู้สึกเบื้องล่าง

“อื้อ ผม อ๊ะ อึดอัด”

“นิดเดียวครับ นิดเดียว”

เมื่อรู้ว่าความเปียกลื่นจากน้ำใสๆมีไม่พอ หมออนันต์จึงสิดมือเข้าไปหยิบเจลจากใต้หมอนมาบีบใส่มือที่บัดนี้ถูกนำออกมาจากการสำรวจ ความชุ่มฉ่ำวาววับจนเป็นที่พอใจจึงถูกนำเข้าไปกระตุ้นความพร้อมของร่างบางอีกครั้ง แม้มันจะอึดอัดเหมือนเมื่อครู่แต่เพราะไม่มีความฝืดเคืองอีกจึงถูกชักนำได้ง่ายกว่าเก่า นิ้วถูกงอดึงเข้าออกช้าๆอย่างไม่เร่งรีบ พู่กันกัดริมฝีปากบางเอาไว้เมื่อปลายนิ้วของคนด้านบนสอดเข้าไปจนกระตุ้นบางอย่างในตัวให้ร้อนผ่าว ช่องทางที่เคยบีบรัดปฏิเสธการเข้าหาของปลายนิ้วบัดนี้กลับคลายตัวเสียจน คนด้านลนสามารถสอดแทรกเข้าไปเพิ่มได้อีก

“อือ อ๊ะ”

เสียงหวานครางแผ่วด้วยความรู้สึกสะท้านแปลกๆ ยิ่งถูกสอดเข้าไปลึกเท่าไหร่ร่างเล็กๆก็ยิ่งดิ้นพล่าน ปากบางเผยอขึ้นอย่างเชิญชวน ตาปรือลอบมองใบหน้าหล่อเหลาด้านบนอย่างยั่วยวน หิวโหยบางสิ่งที่มากกว่านิ้วมือ หากแต่เขากลับไม่รู้ว่าคือสิ่งใด

“แฮ่กๆ อ๊ะ หมอ อื้อ หมอครับ ได้ ได้โปรด”

“ครับ ผมก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

ยิ่งได้ยินเสียงร้องครวญครางข้างหูยิ่งทนไม่ไหว ยิ่งรับรู้ถึงอาการกระตุกของช่องทางเล็กยิ่งสะกดกลั้นอารมณ์ได้ยาก อยากสอดเข้าไปลึกๆ อยากกระแทกตัวเข้าไปโดยไม่สนใจว่าร่างเล็กๆจะเจ็บปวดแค่ไหน อยากเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวที่คนใจ้ร่างเขาจะแสดงออกมาเหลือเกิน หมออนันต์สูดหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอาการกระหายของตนเอง อย่างไรเสีย คนๆนี้ก็บอบบางเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้

“กัดไหล่ผมนะครับถ้าเจ็บ ผมจะค่อยๆทำ ผมสัญญา”

ดวงตาหวานฉ่ำปรือมองก่อนจะพยักหน้ารับคำของเขา สองมือสอดเข้าไปใต้แขนแกร่งโอบกระชับร่างหนาเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นของกันและกัน ช่างหอมหวานจนพู่กันเผลอกดจูบลงบนไหล่หนาอย่างรักใคร่ ความร้อนจากริมฝีปากเล็กที่สัมผัสแผ่วเบากับร่างกายตนเองทำให้หมออนันต์แทบคลั่ง

มือหนานำพาเอาความองอาจที่ผงาดพร้อมรบของตนจ่อตรงช่องรักสีสวยที่ยังเปิดอ้ารอรับ สะโพกแกร่งค่อยๆดันเอาความใกญ่โตเข้าไปช้าๆ เพียงสาวนหัวที่เข้าไปก็ทำให้พู่กันนิ่วหน้าใช้ฟันขบกัดไหล่หนาเพื่อระบายความเจ็บที่ได้รับ หยดน้ำตาค่อยๆไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ช่องทางเล็กบีบรัดสิ่งแปลกปลอมเอาไว้ไม่ยินยอมให้สอดแทรกเข้ามา จนคนตัวสูงถึงกับขบกรามแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“อื้อ ฮึก”

“อย่าเกร็งครับ ซี๊ด พู่กันครับ อย่าเกร็งตัว ผมจะค่อยๆ”

หมอก็พูดง่ายสิ เจ็บเหมือนร่างจะฉีกขาดแบบนี้มีใครไม่เกร็งตัวได้บ้าง ผมสีชมพูสะบัดไปมาแทนคำตอบ ช่องลับยังคงติดรัดอย่างรุนแรงจนตอนนี้ร่างด้านบนแทบจะสิ้นสติ มือหนาจับใบหน้าหวานให้รับจูบดูดดื่มของตน ชักจูงให้พู่กันหลงลืมความเจ็บปวดที่กำลังทรมานเขาอยู่ตอนนี้ให้หมดสิ้น มือซ้ายสะกิดยอดทับทิมสีแดงเล่น บ้างก็บีบบี้จนอีกคนเผลอครางลั่น แรงตอดรัดค่อยๆคลายตัวลง จนหมออนันต์เริ่มขยับตัวเข้าไปช้าๆ ทีละเล็กละน้อย

“อือ อ๊ะ หมะ หมอ ผมเจ็บ อื้อ”

“ซี๊ด พู่กัน อดทน ฮึ่ม ผมไม่อยากรุนแรงกับคุณเลย” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ยิ่งขยับแรงตอดรัดก็ยิ่งมีมาก อารมณ์ที่แทบจะประทุทะลุปรอทเร่งเร้าให้เขาหยัดกายเข้าไปให้สุด

“อ๊ะ อ๊า!!!!!” เล็บน้อยๆจิกลงบนแผ่นหลัง หยาดน้ำตาหยดลงไม่ขาดสายเมื่อคนด้านบนสอดกายใหญ่โตเข้ามาจนร่างสองร่างแนบชิดกัน หมออนันต์กดจูบแผ่วไปตามใบหน้างามอย่างลุแก่โทษ เขาผิดเองที่ห้ามตัวเองไม่ไหว กระทำรุนแรงออกไปทั้งที่เขาสัญญาเอาไว้ว่าจะค่อยๆทำแท้ๆ แต่ก็รักษาสัญญาไม่ได้

“ผมขอโทษ ขอโทษครับ”

“ฮืออ อ๊ะ หยะ อย่าเพิ่ง อ๊ะ!!”

ทั้งที่รู้ว่าควรหยุดแต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สะโพกสอบขยับพาความองอาจสำรวจภายในช่องรักจนสุดทาง ดึงร่างเข้าออกเป็นจังหวะ ราวกับกำลังบรรเลงดนตรีอันแสนสุข ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่ว หยุดอยู่ตรงแผ่นอกอันหอมหวานพร้อมดูดดึงเอาเม็ดมุกสีแดงจากแรงดูดดึงเข้าปาก ปลายลิ้นตวัดเลียจนคนใต้ต้องแอ่นอกขึ้นด่วยความเสียวซ่าน เสียงหอบและเสียงครวญครางดังระงมจนแยกไม่ออก

หมออนันต์ดึงร่างของพู่กันขึ้นนั่งทั้งที่ร่างของทั้งสองยังคงเชื่อมกันอยู่ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน สายตาคมมองปากอิ่มที่เผยอปล่อยเสียงครางแผ่วหวานอย่าเผลอไผล ก่อนจะกัดกินมันที่ยั่วยวนตาเขาไม่หยุด เสียงอื้ออ้าไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ จังหวะของสะโพกเล็กถูกมือหนาจับให้ขยับระรัวขึ้น แขนเล็กที่โอบรอบคอเกร็งแน่นกับความซ่านที่ไหลผ่านร่างกายตน ใบหน้าเล็กแหงนขึ้นกัดริมฝีปากไว้จนแน่น หมออนันต์ถูกภาพตรงหน้าตรึงสายตาไว้ มันช่างดูสวยงามจนไม่อาจจะละสายตาไปได้เลย

“หมอ อ๊า อ๊ะๆๆ”

“ซี๊ด ผมม่ไหวแล้วพู่กัน อ๊า ที่รัก”

สะโพกมนถูกกระชับแน่นเพื่อรับแรงกระแทกที่เร็วขึ้น ร่างทั้งสองกระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารรักสีขุ่น ช่องรักยังคงกระตุกตอดรัดความองอาจที่ยังคั่งค้างเชื่อมต่ออยู่ภายใน หน้าท้องแกร่งเปรอะเปื้อนคราบรักที่คนตัวเล็กปล่อยออกมา กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง เสียงหอบหายใจยังคงดังต่อเนื่องเมื่อทั้งคู่เพิ่งเสร็จสมจากสงครามรักที่หนักหน่วง

แขนแกร่งกระชับให้ร่างเล็กเอนกายลงนอนความองอาจที่อ่อนตัวลงค่อยๆถูกถอดออกจนหมด สายธารรักไหลเยิ้มออกมาปะปนกับเลือดบริสุทธิ์จนเปื้อนที่นอน ร่างสูงใหญ่ได้แต่ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออกก่อนจะนำไปทิ้ง พู่กันปรือตามองการกระทำของร่างสูงลอบมองใบหน้าหล่อที่ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดคราบจากส่วนที่ค่อนข้างบวมให้เขา เจ็บจนไม่มีแรงจะขยับตัว เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยินยอมให้ร่างสูงทำทุกอย่างที่ต้องการทั้งๆที่มันน่าอายแท้ๆ

“พักผ่อนเถอะครับ ผมจะเช็ดตัวให้” ผ้าผืนเล็กถูกชุบน้ำจนเปียกชุ่ม

“ผม อยะ อยาก กลับบ้าน” มือที่กำลังเช็ดไปตามเนื้อตัวคนบนเตียงชะงัก ตาคมดุจับจ้องใบหน้าของคนผมสีชมพูนิ่งๆ รอยยิ้มหวานถูกส่งให้จนอีกคนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อ่อนระทวยทั้งที่ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง

“กลับไปไม่ได้หรอกครับ ตั้งแต่วันนี้พู่กันต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับผม รู้ไหม หืม”

“ตะ แต่...”

“ตอนนี้พู่กันเป็นภรรยาของผม ผมเป็นสามีของพู่กัน เราจึงไม่ควรแยกกันอยู่จริงไหม” ร่างเล็กอึกอัก กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มตรงหน้าสมองจึงไม่สามารถไตร่ตรองคำพูดใดๆได้เลย

“อะ เอ่อ คือ”

“พู่กันจะอยู่กับผมที่นี่ ใข่ไหมครับที่รัก”

ความเจิดจ้าของรอยยิ้มนั่นทำให้พู่กันเผลอยิ้มและพยักหน้าตาม กว่าจะคิดได้ บทเพลงราคะแห่งรักก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้งตลอดทั้งคืน ความหอมหวานของรสรักพาให้พู่กันหลงละเมอไปกับมัน หใออนันต์สอนบทเรียนให้แก่คนตัวเล็กจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ได้แต่ส่งเสียงหอบหายใจและครวญครางอยู่อย่างนั้น

กว่าจะจบบทเรียนรักก็เกือบรุ่งสางแล้ว พลังงานถูกสูบไปจนหมด มือใหญ่ลูบศีรษะทุยอย่างเบามือด้วยความรักใคร่ ในที่สุด เขาก็ได้ครอบครองความหอมหวานนี้ ในที่สุด คนๆนี้ก็เป็นของเขา หมออนันต์ค่อยๆหลับตาลงเข้าสู่นิทราด้วยความสุขใจ แขนแกร่งกระชับร่างของพู่กันเขามากอดไว้จนแนบอกด้วยความหวงแหนและหลับไปในที่สุด









      >>>>>>>ต่อดานล่างนะคะ<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 04-06-2018 15:15:43
       >>>>>ต่อค่ะ<<<<<


         ร่างเล็กๆของพู่กันค่อยๆขยับเปลือกตา กระพริบถี่ๆเพื่อปรับแสงที่สาดเข้ามา เกิดอะไรขึ้น นั่นคือคำถามที่พู่กันถามตัวเอง แต่เมื่อขยับตัว ความเจ็บจากเบื้องล่างก็แล่นแปล๊บจนเขาต้องนิ่วหน้า มันไม่ใช่ความฝัน ถึงแม้จะอยากให้เป็นหรือไม่อยากให้เป็นกันแน่นะ เริ่มสับสนแล้วสิ ใจหนึ่งทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน หมออนันต์ทำราวกับเขาง่าย เพียงแค่เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง รู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ ก็ยอมพลีกายนอนอ้าขาให้เขากระทำจนหมดสิ้นศักดิ์ศรี แล้วดูสิ เขาใยดีที่ไหน ตื่นมาคิดหรือว่าเขาจะรออยู่ข้างๆ พู่กันมองรอยยับข้างๆที่บ่งบอกว่าเคยมีผู้นอนอยู่ตรงนี้มาก่อนด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลลงสองแก้ม ความเสียใจเข้าจู่โจมจนไหล่เล็กๆสะท้านไปหมด เขาไม่น่ารับงานนี้เลย ไม่ควรมาพบหมอตั้งแต่แรก

จบเสียที ในเมื่องานจบ เราก็ควรกลับบ้าน

ทันทีที่ร่างเล็กๆพยุงตัวขึ้นจากเตียงนอน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วจนคนด้านในสะดุ้งรีบคว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกายเอาไว้จากคนอื่น หากแต่คนที่เข้ามานั้นกลับเป็นหมออนันต์ จากที่ตกใจอยู่แล้วยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้ดวงตาของหมออนันต์วาววับไปด้วยความปราถนาเช่นเดียวกับเมื่อคืนไม่มีผิด ยิ่งร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ๆ คนตัวเล็กก็ยิ่งถอยหนี แม้จะเจ็บทุกครั้งที่ขยับตัวก็ตามที

“จะไปไหนครับพู่กัน”

“อะ เอ่อ ผะ ผม คือ” เมื่อสบสายตาอันร้อนแรง คำพูดที่คิดจะพูดออกไปถูกกลืนหายไปจนหมด จะกลับบ้าน งานจบแล้ว คำพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ยากอะไรเลยที่จะเอ่ยออกมา แต่มันช่างยากเย็นนักเมื่ออยู่เบื้องหน้าของเขาคนนี้

ตึง!!!

“ว่าไงครับ.......จะ ไป ไหน หืม?”

ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้ายกมือขึ้นดันกำแพงจนเสียงดัง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายฉายชัดบนใบหน้าหล่อ สายตากวาดไปจนทั่วร่างขาวที่มีเพียงผ้าห่มปกปิดไว้

ร่องรอยสีกุหลาบเด่นชัดบนลำคอบาง มันทำให้คนทำยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ มือหนาไล่ไปตามร่องรอยที่เห็นจนพู่กันต้องหันหน้าหนีมือใหญ่ ตัวเล็กๆสั่นไปทั้งร่าง เรียกเสียงหัวเราะจากลำคอของหมออนันต์ด้วยความเอ็นดู ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย

“ผม.....ต้องกลับบ้าน” บ้าจริง เขาต้องบอกว่าอยากกลับบ้านสิ ไม่ใช่ต้องกลับ พู่กันอยากจะตบปากตัวเองเสียเหลือเกินที่เหมือนจะเปลี่ยนความหมายของคำพูดตัวเอง

“หึหึ ยังไงผมก็พาคุณกลับอยู่แล้วครับ พู่กันต้องกลับไปเอาของไงครับ เพราะตั้งแต่วันนี้ พู่กันจะมาอยู่กับผม ใช่ไหม”

สายตาดูกดดันจนคนถูกถามต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ขืนขัดใจไป มีหวังท่าล่อแหลมในตอนนี้คงได้ไปจบลงบนเตียงแน่ เพราะงั้น ยอมๆไปดีกว่า พากันยิ่งกระชับผ้าห่มที่ปกปิดตัวแน่นขึ้นเมื่อมือหนาลูบสะโพกของตนเล่นอย่างสนุกมือ

“หมอครับ ผะผมต้องแต่งตัว”

“จริงสิ คุณต้องอาบน้ำใช่ไหม ผมเองก็ยังไม่ได้อาบเลยตั้งแต่คุณหลับไป งั้นเรามาอาบพร้อมๆกันเลยนะ”

“เดี๋ยวหมอ....ครับผมจะอาบคนเดียววววววววววววว”

หมออนันต์ไม่ฟังเสียงใดๆ จับคนตัวเล็กอุ้มขึ้นและตรงเข้าไปในห้องน้ำดังที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้ เสียงหัวเราะดังตลอดทาง ก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง สายน้ำไหลลงมา ยังไม่อาจกลบเสียงครวญครางของทั้งสองคนได้ ไฟปราถนาร้อนรุ่มและแผดเผาจนคนทั้งคู่เหนื่อยหอบ กว่าจะจบกิจกรรมแห่งรักลงก็เมื่อตอนที่พู่กันแทบจะไม่มีแรงใดๆเหลือ กลางเป็นตุ๊ดตาที่ต้องให้หมออนันต์แต่งตัวให้ ถึงคนถูกจับแต่งตัวจะหน้าง้ำงอ แต่คนที่กำลังแต่งให้กลับยิ้มอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน









       พู่กันที่นั่งอยู่ในรถเงียบมาตลอดทาง ศีรษะพิงไปกับกระจกหน้าต่าง สายตาทอดมองออกไปอย่างเหม่อลอยจนคนที่มีหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้ถึงกับเป็นห่วง ทำไมพู่กันถึงชอบจมอยู่กับความเงียบกันนะ เขาไม่เข้าใจสักนิด หรือจะเสียใจที่เป็นของเขา

เพียงแค่คิดในใจก็ร้อนรุ่ม มือใหญ่ที่จับพวกมาลัยรถเกร็งแน่นจนน่ากลัว ตาคมเหลือบมองคนข้างๆมาตลอดทาง ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ครั้นจะถามความจริง หัวใจคนเป็นหมอก็ไม่แข็งแกร่งพอจะรับคำตอบได้ เสียงถอนหายใจดึงความสนใจจนพู่กันหันกลับมามอง เสียงหน้าเคร่งขรึมดูเครียดเสียจนน่าเป็นห่วง

“มีอะไรหรือเปล่าครับหมอ ทำไมหมอดูเครียดจัง” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเหมือนน้ำชั้นดีที่ถูกรดลงบนต้นไม้ที่เกือบจะแห้งเหี่ยว หัวใจของคนถูกถามชุ่มชื่นขึ้นจนแทบจะหายจากอาการคิดมากทันที

“ผม.....เห็นคุณเอาแต่เหม่อ คิดว่าคุณ......ไม่อยากไปอยู่กับผมหรือเปล่า”

คำถามที่ค้างคาใจถูกเอ่ยถามออกมาทันใด พู่กันนิ่งชงักไป อันที่จริงเขาไม่เคยรังเกียจที่จะไปอยู่กับหมอเลยสักนิด เขากลับดีใจที่หมอเลือกให้เขาอยู่ข้างๆ หัวใจเล็กๆเต้นระรัว ใบหน้าขึ้นสีจนต้องก้มมองมือของตนเอง

“ผม เอ่อ ดีใจที่จะได้ไปอยู่กับคุณหมอครับ” ยิ่งพูดก็ยิ่งอาย แก้มนวลแดงปลั่งจนคนข้างๆสังเกตเห็นได้ง่าย คำตอบเพียงแค่นั้นก็ทำให้หมออนันต์หัวใจพองโตจนคับอก รู้สึกเหมือนจะบุกขึ้นมาเต้นฉลองความสำเร็จไม่ก็หักพวงมาลัยเข้าข้างทางจัดการจูบปากเล็กๆที่ตอบได้ถูกใจเขาเสียเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องข่มใจเอาไว้ เพราะมันจะยิ่งทำให้พู่กันทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

รถคันสวยถูกจอดลงหน้าบ้านของพู่กัน ทั้งคู่ก้าวลงมาอย่างไม่รีบร้อน ร่มรื่นน่าอยู่เสียเหลือเกิน นั่นคือความคิดของหมออนันต์ ใช่ว่าเขาคิดจะให้พู่กันไปอยู่ที่บ้านตนตลอดไป เจาเพียงแค่คิดว่า หากมีเวลาก็จะสลับกันไปนอนบ้านของกันและกัน หมออนันต์ที่กำลังก้าวเข้าไปยังตัวบ้านต้องชงัก เมื่อรูปวาดของผู้หญิงคนถูกติดเอาไว้จนสามารถมองเห็นได้ง่ายๆเมื่อเดินเข้ามา เขามองพู่กันที่ยกมือขึ้นไหว้รูปที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วนะครับ” ทันทีที่ได้ยินพู่กันเรียกว่าแม่ คนตัวสูงยกมือขึ้นไหว้แทบจะทันที

“สวัสดีครับ คุณน้า”

“แม่ครับ นี่หมออนันต์เป็น......เอ่อ”

“เป็นแฟนครับ” พู่กันกัดริมฝีปาก ตัวเองไม่กล้าบอกแม่ว่าคนตัวสูงข้างๆเป็นอะไรกับเขา เพราะกลัวถ้าหากบอกว่าเป็นคนรัก เกิดคนข้างๆปฏิเสธสักคำ เขาคงอับอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร

“ผมมาเก็บของไปค้างบ้านหมอนะครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ หมอเขาดูแลผมดี คนที่บ้านหใอก็ดีกับผมทุกคนเลย ผม.....ไม่เหงาเลยครับแม่”

“คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลพู่กันให้ดีที่สุด ผมสัญญาครับ”

คำมั่นที่คนข้างๆเอ่ยออกมา ทำให้พู่กันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันสุขจนล้นทะลักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาไม่เคยได้รับความรักขนาดนี้นอกจากแม่ และเขาเองก็เคยละเลยคนที่รักเขามากว่าชีวิตมาแล้วหนึ่งครั้ง เขาจะไม่ยอมทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

หากเมื่อใดที่พบเจอคนที่รักคุณมากกว่าตัวเขา จงอย่าละเลยจนเสียเขาไป เพราะโอกาสที่จะเจอคนแบบนี้ อาจมีเพียงครั้งเดียว

ของในส่วนที่จำเป็นถูกจัดลงกระเป๋าและยกลงมาข้างล่างจนหมด พู่กันหยิบเอารูปถ่ายของแม่ที่อยู่หัวเตียงในห้องของแม่ตัวเองมาใส่กระเป๋าตังค์เอาไว้ อย่างน้อย.....ขอมีแม่อยู่ใกล้ๆก็ยังดี

หมออนันต์ยกกระเป๋าของพู่กันไปใส่ท่ายรถจนหมด ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่และขับออกไป พู่กันนั่งนิ่ง อาการตื้นตันทุกครั้งที่มองหน้าคนข้างๆนี่มันยังไงกัน ทำยังไงถึงจะหาย ตื่นเต้นราวกับว่านี่เป็นการไปทัศนศึกษาครั้งแรกงั้นแหละ ทั้งๆที่ก็แค่...... ก็แค่......ไปค้างบ้านหมอ แค่นั้นเอง

ครืดด ครืดดด

“ฮัลโหลครับ”

‘คุณพู่กันนนนน งานของผมเสร็จเรียบร้อยหรือยังครับ’ พู่กันขมวดคิ้ว งานเหรอ งานอะไร หรือว่า!!!

“อ๊ะ รูปวาดหมออนันต์ใช่ไหมครับ เสร็จแล้วครับจะให้ผมเอาไปให้วันไหนที่ไหนดีครับ”

‘งั้นพรุ่งนี้ ที่ร้านเดิมนะครับ ผมจะเตรียมเงินไว้ให้’

“เอ่อ ครับ” พู่กันเหลือบมองใบหน้าหล่อที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาอย่างเดาไม่ถูก

“ใครครับ”

“อ๊ะ เอ่อ อะไรเหรอครับ”

“ใครโทรมาเหรอครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูขุ่นมัวเพราะได้ยินเสียงจากปลายสายว่าเป็นผู้ชาย แม้จะรู้ว่าเรื่องงานก็เถอะ แต่เขาก็อดหึงไม่ได้

“ลูกค้าน่ะครับ เขาโทรมาทวงรูปที่จ้างให้ผมวาด เอ่อ หมอ”

“พรุ่งนี้ใชไหมครับ ถ้างั้น......ผมไปด้วย”

“ครับ กะ ก็ได้ครับ” พู่กันหันมองหมออนันต์ที่ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเฉยๆด้วยความสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มกับเสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุขเท่านั้น

หึหึ ต้องไปขอบคุณเสียหน่อย อุส่าพาคนที่ถูกใจมาส่งให้เขาถึงที่แบบนี้









       พู่กันและหมออนันต์มาถึงร้านที่เป็นจุดนัดของนทีที่เป็นลูกค้าของพู่กัน ซึ่งตอนนี้มีเพียงคนตัวเล็กเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ เพราะร่างสูงเดินไปหาพนักงานเพื่อสั่งของมาให้คนรักได้ทานรองท้อง นทีเดินเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าของพู่กันด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อวันแรกเจอ นทียังคงดูน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และเมื่อนึกถึงคำพูดของนทีในตอนแรกที่เจอกันนั้น พู่กันก็อดรู้สึกผิดกับคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่เช็คนะครับ ยังไม่ได้กรอกตัวเลข คุณพู่กรอกเองได้เลยนะครับ”

กระดาษสีขาวแผ่นเล็กถูกยื่นมาตรงหน้าเมื่อนทีมองเห็นห่อสีน้ำตาลวางอยู่ข้างๆโต๊ะ นทีไม่รอช้ารีบคว้าไปดู ทันทีที่แกะดู ดวงตาสีน้ำตาลก็วาววับอย่างถูกใจ มือเล็กๆไล่ไปตามโครงหน้าของรูปวาดอย่างหลงไหล นี่สิ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ

“อืม.......ผมว่าตัวจริงผมดูดีกว่านี่นะ”

“หมอเดล!!!!”

นทีร้องด้วยความตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าด้านหลังตนนั้นปรากฏร่างของคนในรูปวาด ริมฝีปากบางยกยิ้มด้วยความดีใจ หัวใจเต้นแรงเมื่ออดคิดไม่ได้ว่า พู่กันไปบอกให้หมอมาพร้อมกับตนเพื่อนพบเขา หมอเดล หมอเดลรักเขา!!

“สวัสดีครับคุณนที ไม่พบกันนานเลย”

“ครับ ไม่พบกันนาน หมอเดลมาหาผมเหรอครับ” นทีถามด้วยเสียงอ่อนหวาน ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยความดีใจ พู่กันก้มหน้าหงุด ไม่กล้ามองภาพตรงหน้า กลัวเหลือเกินว่าความเจ็บปวดจะกัดกินหัวใจ

“ใช่ครับ ผมมาเพื่อ...”

“คุณพู่กันนี่ก็ ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องบอกหมอหรอก รบกวนเวลาหมอเปล่าๆ จริงๆแค่เอาเบอร์ผมให้หมอโทรมา แล้วเรานัดกันส่วนตัวก็ได้ครับ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เขาสงสัยว่านทีคงเข้าใจผิดคิดว่าพู่กันเรียกให้ออกมาพบด้วยความรักใคร่เป็นแน่

“เปล่าหรอกครับ ผมขอตามพู่กันมาเอง”

“หมอเดล......”

นทีกัดริมฝีปาก บิดตัวด้วยความขวยเขิน ในขณะที่พู่กันได้แต่กำมือแน่นกักเก็บความอิจฉา กลืนเอาก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก แค่เพียงหูได้ยินบทสนทนาใจก็เจ็บราวกับถูกฉีกกระชากแล้ว มือหนาของหมออนันต์เลื่อนมากุมกระชับมือบางของพู่กันเอาไว้แน่นราวกับต้องการปลอบโยน

“ผมอยากมาขอบคุณ ที่คุณจ้างพู่กันให้มาวาดภาพของผม จนเราสองคนได้เป็นแฟนกัน” คำบอกเล่าของหมออนันต์ทำให้นทีชงักค้าง จากความเขินอายกลับกลายเป็นความโกรธเกรี้ยว!

ปัง!!!

“ไม่จริง!!!!!!! แก....แกแย่งคนรักของฉัน!!! หมอเดลเป็นของฉัน!!!!!!” นทีโวยวายออกมาเสียงดังลั่นไปทั้งร้าน กาแฟและเค้กที่หมออนันต์ซื้อมาให้พู่กันสั่นไปตามแรงสะเทือนของโต๊ะที่ถูกมือนทีฟาดลงมา

“ผมไม่ใช่ของคุณ!! หยุดแสดงกิริยาแบบนี้กับคนรักของผม!! อย่ามาทำให้เขาเข้าใจผมผิดดีกว่า” หมออนันต์ยืนขึ้นด้วยความไม่พอใจ แขนแกร่งถูกพู่กันจับเอาไว้กลัวว่าจะเกิดการทำร้ายกันเกิดขึ้น

“หมอเดล ฮึก เรารักกันนี่ครับ ทำไมหมอพูดแบบนี้กับผม ฮืออ”

“ผมไม่เคยรักคุณครับคุณนที ผมเพียงแค่ทำหน้าที่หมอรักษาคุณเท่านั้น ผมมาวันนี้เพื่อขอบคุณที่ทำให้ผมเจอพู่กัน ไม่ใช่มาเพราะรักคุณ” ร่างของนทีทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เจ็บปวดกับสายตาเย็นชาที่ถูกมองมาจนทนไม่ไหว นทีกำหมัดแน่น ตัดสินใจหยิบภาพวาดขึ้นมาถือเอาไว้

“ผมจะไม่จ่ายให้คุณ แม่แต่บาทเดียว!!”

แควก แควก แควก

“อย่านะ!! อย่าทำแบบนี้ ผมจะเอาเงินพาแม่ไปเที่ยว ฮืออ” พู่กันเรียกคนตรงหน้าที่ทำลายเช็คจนเสียหาย คนตัวเล็กมองภาพนั้นอย่างหมดกำลัง เงินที่เขากำลังจะเก็บไว้เพื่อพาแม่ไปเที่ยว เงินที่เขาอุส่าหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง

“ไม่จำเป็น!!”

“หมอ..... ฮึก ฮืออ” พู่กันที่ร้องไห้เพราะความเสียใจอย่างหนักถูกหมออนันต์รวบเอวมากอดไว้แนบอก

“ผมมีปัญญาเลี้ยงเมียตัวเองได้ เชิญ!!”

นทีมองใบหน้าของคนที่ตนหลงรักอย่างน้อยใจ ก่อนจะวิ่งออกจากร้านไปด้วยความเจ็บปวดและใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา หมออนันต์ได้แต่ลูบหัวพู่กันเพื่อปลอบโยน น้ำตาของคนตัวเล็กไหลไม่ยอมหยุดเสียงสะอื้นดังออกมาจนคนฟังได้แต่เจ็บปวดไปกับเขา

“ไม่ต้องร้องนะครับ ผมจะดูแลพู่กันเอง เงินทุกบาทของผมก็คือของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีความจำเป็นอะไร มันคือความจำเป็นของผมเช่นกัน เข้าใจไหมครับ” พู่กันได้แต่พยักหน้ารับ มือป่ายเช็ดน้ำหูน้ำตาออกแล้วยิ้มให้ร่างสูงที่นังวางมือไว้บนหัวเขา สายตาคมมองคนรักด้วยความเอ็นดู











       หมออนันต์พาคนข้างกายกลับบ้าน คนที่บ้านของหมออนันต์วิ่งมาดูเมื่อเห็นว่าสภาพของร่างเล็กเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ทุกคนโอบกอดแลอบประโลมและต่อว่าหใออนันต์อย่างหนักที่ทำให้เขาร้องไห้ จนพู่กันแอบหัวเราะอยู่กับอกของคนรุ่นแม่จึงได้รับสายตาคาดโทษจากหมออนันต์เป็นของแถม

หมออนันต์นอนรอคนรักบนเตียงกว้างเมื่ออีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ นี่เป็นคืนแรกที่เขาและพู่กันจะใช้ชีวิตด้วยกัน นับจากนี้ไปเราจะมีกันและกันไปตลอด

“หมะ หมอยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

“ผมจะนอนได้ยังไงกัน ในเมื่อพู่กันยังไม่นอนเลยนี่นา” พู่กันยืนเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก อุส่าถ่วงเวลาไว้ให้นานเพราะคิดว่าเมื่อออกมาหมออนันต์คงจะหลับไปแล้ว พอมาเจอแบบนี้ เขาจึงทำอะไรไม่ถูก มือหนาของหมออนันต์ตบลงบนที่นอนด้านที่ว่างอยู่เพื่อจะเรียกให้คนที่ยืนอยู่ได้ล้มตัวลงนอนข้างๆ

“อ๊ะ หมอ!!”

“อายอะไรครับ ก็เราเป็นแฟนกันนี่นา นอนกอดกันไม่เห็นแปลกตรงไหน” พู่กันถูกฉุดดึงให้เข้าไปนอนจนชิดอกแกร่ง ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อถูกคนที่สวมกอดเอาไว้กดจมูกลงบนแก้มนิ่มอย่างแรง พากันได้แต่ย่นคอหนีริมฝีปากและจมูกที่ซุกซน

“หมอ อย่า ไม่เอา ผมง่วงแล้วนะ!!”

“นิดเดียวนะ ขอผมชื่นใจหน่อย”

“นิดเดียวจริงๆนะครับ”

“นิดเดียวจริงๆครับ”

สองร่างแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ความหอมหวานของกันและกันทำให้ทุกอย่างเลือนไปจากสมอง ร่างของคนสองคนเบียดเข้าหากัน แรงอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นไม่มีท่าทีจะดับลงง่ายๆ รอบแล้วรอบเล่าที่ความรู้สึกถูกถ่ายเทบอกเล่าเป็นทำนองเพลงรักที่ทั้งสองเป็นผู้สรรสร้าง

เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากห้องแทบจะตลอดทั้งคืน ไฟอารมณ์ไร้คนดับก็ไร้การมอดยังหลงหลอมละลายให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หลงไหลไปกับไฟอันร้อนรุ่ม คำว่านิดเดียวของหมออนันต์ไม่มีอยู่จริง พู่กันรู้แล้วเมื่อหลวมตัวตอบรับไป เพราะกว่าบทเพลงแห่งราคะจะจบลง ก็เกือบสว่างทีเดียว เตียงที่เคยสั่นไหวจากแรงกระแทกนิ่งสงบ ร่างที่ถูกคลุมด้วยผ้าผืนหนาโอบกอดกันจนแน่น ร่างเล็กหลับพริ้มลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อศึกรักได้จบลง ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าได้เข้าสู่นิทราไปแล้ว

“ผมรักคุณนะ พู่กัน ฝันดีนะครับ”

สองแขนโอบรัดจนแน่น ริมฝีปากกดจูบลงบนแผ่นหลังบางอย่างรักใครก่อนที่จะหลับไป รอยยิ้มแห่งความสุขประดับอยู่บนใบหน้าของทั้งสองแม้ว่าจะจมอยู่ในห้วงนิทราไปแล้วก็ตาม มือที่กุมกันไว้เป็นดังคำสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร คนทั้งสองจะจับมือกันไปตลอดกาล จะใช้ความรักฝ่าฝันไปทุกๆอุปสรรค์ ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน แค่มีกันและกันก็สุขใจเกินพอ






The End
[/b][/size]









                ขอโทษนะคะที่ช้า พอดีแม่ของแมวท่านเข้าโรงพยาบาลอาการหนักมาก แมวเลยไม่มีเวลามาต่อ ช่วงหลังๆมันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ไว้แมวจะแก้ตัวกับห้องหน้า จะเติมเต็มความหื่นให้นะคะ ไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องของพู่กันที่เราเขียนไป มันจะกลับมาทำให้เรารู้จักรักษาสิ่งที่มีค่ากว่าสิ่งใดไว้ แมวยังโชคดีที่แม่แมวแค่ป่วย ท่านยังสามารถหายได้ สำหรับทุกคนที่แม่ยังสบายดีและไม่มีเวลาดูแลท่าน อย่าปล่อยปละท่านไว้ด้วยคำว่า 'เดี๋ยว' นะคะ เพราะคำๆนี้เมื่อเราหันกลับไปมองอีกครั้ง มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ ขอให้เรื่องของพู่กันและแม่ เป็นตัวอย่างของคำว่า 'สายไป'ถ้ายังไม่สายก็กลับไปดูแลท่านเถอะค่ะ ตัวเลขของเงิน เราสามารถรับรู้ได้ถึงยอดสุทธิ แต่ตัวเลขของเวลา เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยนะคะ แมวเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆแมวก็จะสู้เช่นกัน กลับไปกอดแม่และพ่อหรือคนที่สำคัญพร้อมแมวนะคะ แมวจะอยู่ข้างๆทุกคนเสมอ

Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-06-2018 17:23:33
มันก้อออกจะหวานๆหน่อย..เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 04-06-2018 21:18:27
หมอมาแล้ววววว


ปล.ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณแม่ของคนเขียนและทรงประทานพระพรให้หายจากการป่วยเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 06-06-2018 12:28:16
รอห้องต่อปายยยย.  :hao6:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 07-06-2018 14:32:11
ชอบทุกคู่เลย  o13 o13 o13

รออยู่นะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-06-2018 08:16:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 10-06-2018 02:14:29
ขอให้คุณแม่หายเร็วๆนะคะ

ไม่ต้องรีบค่ะ คนอ่านรอได้ สู้ๆค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: lim__b26 ที่ 10-06-2018 11:57:37
ชอบมาก สนุกมาก
ชอบจนอยากให้แต่งเป็นเรื่องยาวเลยค่ะ


 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๗. น.พ อนันต์ ๑๐๐% UP. 04/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 11-06-2018 14:16:13
 :hao7:      :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-06-2018 14:29:02
ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์


           ความวุ่นวายในตัวคลินิกเกิดขึ้นจากอะไรไม่อาจจะรู้ได้ เมื่อในตอนนี้ทั่วทั้งคลินิกกำลังถูกเหล่าบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่และหนุ่มๆยืนออกันอยู่หน้าคลินิกราวกับมีการเปิดตัวดารายอดดวงใจ ประตูกระจกถูกล็อคแน่นหนา ป้องกันการทะลุทะลวงเข้ามา ยังดีหน่อยที่ทุกคนด้านนอกเอาแต่หวีดร้องเรียกหาเท่านั้น ไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ อาจจะกลัวว่าจะทำให้คนๆนั้นบาดเจ็บก็เป็นได้

หมอวรวค์หรือไอวายของเพื่อนๆยืนหลบอยู่ที่ด้านในคลินิกเพราะกังวลต่อเรื่องพวกนี้มาก การปลุกระดมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ทำได้อย่างที่มันบอกจริงๆ ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน มันเป็นความตั้งใจของใครบางคนที่คิดจะกลั่นแกล้งเขา!!!

“มึงจะเอาไงวาย ปล่อยไว้แบบนี้?” สพลหรือหมอสามถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหมอวายยังคงนิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“กูคิดอยู่......ว่าเป็นฝีมือใคร”

“หึ...มึงยังต้องคิดอีกเหรอวะ อีหรอบนี้กูว่าไม่พ้นเป็นฝีมือมันแน่ๆ” หมอวายได้แต่ถอนหายใจ ก็รู้ แต่ไม่มีหลักฐานไง จะโทรไปด่าก็มีหวังโดนมันกระแนะกระแหนกลับมาเสียมากกว่า ทุกคนเลิกคิ้วมองหน้าหมอวายราวกับเฝ้ารอคำตัดสินในเรื่องนี้ว่าจะเอายังไง ความกดดันทั้งหมดทั้งมวลทำให้หมอวายได้แต่ตัดใจ ยอมจับโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดต่อสายไปหาใครบางคน

‘ฮัลโหล’

“ไอหิน!!!!”

‘อ้าว! หมอวายนี่นา มีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาเรียกชื่อผมเสียดังลั่นเชียว’ ยิ่งได้ยินเสียงความหงุดหงิดในใจก็ถูกขุดออกมาจนแทบจะเผาไหม้ได้

“มึงทำเหี้ยอะไรไว้ล่ะ!!”

‘เอ๊ะ ทำอะไรน๊า~’ หมอวายได้แต่สูดหายใจเพื่อระงับความโกรธเกรี้ยวที่แทบจะมีมากพอให้ฆ่าคนตายได้โดยไม่สนใจเรื่องใดๆ

“เก็บพวกคนที่มึงจ้างออกไปจากหน้าคลินิกกูเดี๋ยวนี้!! ไม่งั้นกูจะแจ้งความแล้วนะ!!” แต่คนที่อยู่ปลายสายกลับยังคงความไหลลื่นและความยั่วเย้าอารมณ์ไว้

‘จุ๊ๆ ไม่เอานะไม่โมโห เดี๋ยวหน้าสวยๆจะมีตีนกานะครับ หึหึ’

“ไอสัส!! เอาคนของมึงไป กูให้เวลาสิบนาที ไม่งั้นกูจะเรียกตำรวจแล้ว”

ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธที่ไม่อาจจะระงับได้จึงทำให้ไม่อยากต่อปากต่อคำใดๆอีก มือบางกดตัดสายไปทันทีที่ตนเองพูดจบ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ้าใจหรือไม่ เพราะเมื่อถึงกำหนดเวลาสิบนาที เขาจะทำตามที่พูดจริงๆ หมอเสือได้แต่ตบไหล่ของเพื่อนเบาๆราวกับให้กำลังใจ สีหน้าของหมอวายถึงได้ดีขึ้นมานิดหน่อย หสกไม่เจอคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

“มึงก็ไม่น่าคิดมากนะ.......ก็รู้อยู่ว่ามันแกล้งมึงเพราะชอบมึง” หมอวายได้ฟังก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ดวงตาหวานเหลือบมองเพื่อนอย่างขุ่นเคือง ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงคิดว่าไอหมอนั่นทำเพราะชอบเขา มันเป็นไปไม่ได้สักนิดเดียว ตัวใหญ่อย่างกับควายแบบนั้นเขาไม่เอาหรอก ถ้าเป็นสาวสวยอกสบึ้มก็ว่าไปอย่าง ยิ่งคิดหมอวายก็ได้แต่ทำหน้าแหย จนทุกคนได้แต่หัวเราะกับความไม่รู้สึกตัวของเพื่อนตัวเล็ก ทั้งๆที่อีกฝ่ายเองก็ออกจะชัดเจน ถึงจะใช้วิธีกลั่นแกล้งก็เถอะ แต่พวกเขามั่นใจว่าดูไม่ผิดแน่นอน

“กูจะไม่ยอมให้มันมาปั่นหัวกูเล่นแบบนี้แน่!!!”

“คงไม่ต้องห่วงแล้วนี่ ดูนั่น......พวกนั้นยอมถอยไปแล้ว”

ฌชาพยักหน้าให้เพื่อนๆได้หันไปดูเหล่าผู้คนที่มาปิดล้อมคลินิกไว้นั้น ได้ล่าถอยไปแต่โดยดี หมอทั้งเก้าคนก็ได้แต่ถอนหายใจ ดีหน่อยที่หินมันคัยรู้เรื่อง ไม่ต้องให้ถึงตำรวจ แต่ดูเหมือนคนที่จะไม่จบจะกลายเป็นเพื่อนของเขาเสียเอง หมอวายขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บแค้นไม่เลิกรา

“ไอสัสหิน!!”

“ปล่อยๆมันไปเถอะ มันก็ยอมถอยแล้วนี่” หใอเสือได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆ พยายามให้มันใจเย็นๆจะได้คิดให้มากๆ เพราะถ้าไอวายยิ่งดิ้นตามเกมส์ของไอหิน ก็มีแต่จะเข้าทางมัน

“แล้วนี่.....ไอพิตต์มันหายหัวไปไหนแล้ววะ” หมอวายเริ่มถามหาเพราะเมื่อกี้ไอเพื่อนตัวดียังยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่

“โน้น......มันเดินไปโทรหาเมียตรงโน้นเมื่อกี้เอง เห็นว่าไอกรมันต้องไปสัมมนาต่างจังหวัด คงหวงมั้ง ถ้าไม่ติดว่าคลินิกมีเรื่องวุ่นมันคงขับรถไปเฝ้าแล้วแหละ หึหึ” หมอเสือหันไปมองทางหมอพิตต์อย่างรู้ทัน อย่าว่าแต่มันเลย นี่น้องโอบของเขาก็ไปทำข่าวที่ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวแบบนั้น ไม่น่าไว้ใจสักนิด ว่าแล้ว ไปโทรหาน้องโอบบ้างดีกว่า

“อ้าว.....แล้วมึงจะไปไหนวะเสือ” หมอวายเอ่ยถามเมื่อยืนคุยกันได้ครู่เดียว หมอเสือก็คิดจะแยกตัวไปอีกคน

“ว่าจะไปโทรหาน้องโอบหน่อย ปล่อยไปทะเลคนเดียวนานๆ เดี๋ยวโดนหมาคาบไปกิน” หมอเสือพูดยิ้มๆทั้งๆที่สองตายังคงมองมือถือของตนเอง

“กูก็ต้องโทรหากังหันวะ” < หมอทาย

“กูด้วย กูต้องโทรหาน้องบาสของกู ไม่รู้ทำอะไรอยู่ที่มหา’ลัย” < หมอสาม

“กูก็ต้องโทรไปจีบแฟนกูต่อแล้ว” < หมอวิน

“กูว่าจะโทรหาพู่กันด้วยเหมือนกัน คิดถึงจะแย่แล้ว” < หมอเดล

หมอวายได้แต่อ้าปากค้าง รู้สึกหมั่นไส้พวกมันจนอยากจะยกเคาท์เตอร์ทุ่มใส่เหลือเกิน ไอความติดเมียของพวกมันนี่เอามาจากไหนกันนักหนา ไม่มีเวลาให้พวกเมียๆมันได้หายใจหายคอกันเลยหรือไง ถ้าจะขนาดนี้ ทำไมพวกมันไม่พกเมียมาคลินิกด้วยเลยละวะ หมอวายได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความเคียดแค้น

ไอพวกเพื่อนเลว ไอพวกติดเมีย!!!!!!

“แล้วมึงอะฌา มึงด้วยภพ”

“กูทำไมวะ อ๊ะ เดี๋ยวนะ คุณภูมิโทรมา......ฮัลโหลครับ อื้อ ผมก็คิดถึง อย่าสิ แบบนี้ผมเขินน๊า” เอาอีกคนแล้วเหรอ หมอวายได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆของฌชาด้วยความอึ้ง พูดไม่ทันขาดคำ ผัวมันก็โทรมา ดีเหลือเกิน!!! ฮึ่มมมม!!

“มึงห้ามไป ห้ามๆๆๆ กูห้ามมึงโทรหาใครนะไอภพ!!!” ใบหน้าของหมอวายง้ำหงอใส่เพื่อนตัวสูงคนสุดท้าย แต่หมอภพกลับได้แต่ส่ายหน้ายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาเสียอย่างนั้น

“โทษทีวะ กูมีนัดโทรไปคุยกับน้องชายคนไข้ หึหึ”

หมอวายได้แต่ยืนคอตกเพื่อนๆพากันหนีหายไปโทรหาเจ้าของหัวใจกันหมด เหลือไว้เพียงแต่เขาที่ไร้คนคู่ใจ ผู้คนก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเขามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งแบบที่หวังผลเป็นอื่นและแบบที่คบกันในสถานะแฟน สุดท้าย......มันก็จบลงในเวลาไม่นาน และมันก็เป็นแบบนั้นมาเสมอ ฮึ่ยยย เหม็นความรักโว้ย!!!!!! แต่สิ่งที่สำคัญกว่าอื่นใดจนต้องตะโกนเรียกพวกมันจนเสียงดัง คือมันดันลืมไปใช่ไหมว่านี่เวลาอะไร

“ไอเพื่อนเลวววว กลับมาตรวจคนไข้ก่อนสิโว้ยยยยยย”



                  ++++++++++++++................++++++++++++++





จากความหงุดหงิดยิ่งเพิ่มระดับจนกลายเป็นความเกลียดชัง หมอวรงค์ไม่ยินดีมากนักกับการพบปะคนไข้ในวันนี้ ยิ่งเหล่าคนไข้ในความดูแลต่างพยายามเหลือเกินในการอ่อยเขาให้สำเร็จ มันก็คงเป็นสีสันดีหรอก หากวันนี้ไม่มีไอบ้าที่ชื่อหินมาก่อความวุ่นวายให้ชวนหงุดหงิดไปทั้งวันแล้วล่ะก็ เสืออย่างเขาคงไม่ปล่อยให้เหยื่อทั้งหลายต้องมาน่ะงหงอยเหงาเศร้าสร้อยเพราะไม่สนใจแบบนี้ หมอวรงค์ได้แต่ถอนหายใจออกมา พยายามจดจ่อให้สายตาและสมาธิอยู่กับท้องถนนที่แสนจะวุ่นวาย

เอี๊ยด!!!!!

“โอ้ย!! เหี้ยอะไรวะเนี่ย”

เสียงหวานสบถด้วยความไม่พอใจเมื่อจู่ๆรถของตนถูกปาดหน้าแถมจอดค้างเอาไว้อย่างตั้งใจจนหมอวรงค์ต้องเบรคกระทันหัน ส่งผลให้หน้าผากมนใต้ผมสีน้ำตาลกระแทกเข้ากับพวกมาลัยรถอย่าแรง ความโมโหที่สั่งสมมาจากช่วงเช้ากับความเจ็บที่ได้รับยิ่งทำให้คนตัวเล็กสติแตก เปิดประตูรถออกไปหวังจะต่อว่าต่อขานอีกฝ่ายในการเลินเล่อราวกับขับรถเด็กเล่นก็ไม่ปาน สองเท้าก้าวเข้าไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่ถูกไฟสุมจนร้อนไปทั้งอก ใช้มือเล็กๆเคาะกระจกรถอย่างแรง

“นี่คุณ!!! ขับรถยังไงของคุณครับ พ่อคุณสร้างถนนนี้เหรอถึงได้กล้า ไอหิน!!!!” จากที่คิดว่าเป็นคนไม่รู้จักกลับกลายเป็นโจทย์เก่าผู้ที่ขยันสร้างเรื่องให้เขาได้มีน้ำโหอยู่ตลอดเวลา นี่มันไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าเขาเดือดร้อนขนาดไหน คฃไม่สินะ เพราะถ้ามันสำนึกสักนิด มันคงไม่นั่งยิ้มกริ่มราวกับไม่ได้ทำอะไรผิดแบบนี้หรอก

“อ้าว หมอวายยยยยยยย” หิรัญลากเสียงยียวนกวนประสาทคนตรงหน้า อันที่จริงเขาตั้งใจที่จะปาดหน้ารถของหมอวรวค์เอง มันสนุกที่ได้เห็นใบหน้าหวานนั่นบิดเบี้ยวและขึ้นสีแดงเมื่อยามโกรธ ตั้งแต่สมัยเรียนเสียด้วยซ้ำที่เขาคอยตามแกล้งตามแหย่ให้อีกคนโมโห จะว่าไป.....เรื่องมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ใช่ ตั้งแต่วันที่เขาแย่งแฟนของร่างบางมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้จั้งใจก็ตาม

หมอวรวค์มองรอยยิ้มตรงหน้าที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อด้วยความไม่ชอบใจ มือเล็กๆก็คอยลูบหน้าผากมนปอยๆราวกับมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บลงได้ ดวงตากลมมองสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ส่งกระแสความไม่พอใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ คนตัวโตเปิดประตูรถก้าวออกมายืนอยู่เบื้องหน้าของหมอวรวค์ ส่วนสูงที่ต่างกันไม่ต้องสังเกตก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

         ลงมาแบบนี้สงสัยจะอยากมีปัญหา

เมื่อคิดได้แบบนั้นมีหรือคนที่ถือมั่นในศักดิ์ศรีอย่างเจาจะยอมให้มันข่ม ใบหน้าหวานแหงยเงยขึ่นสบตาอย่างไม่เกรงกลัว ความอวดดีฉายชัดออกมาจนหิรัญเกือบจะเผลอยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ดวงตาคมพราวระยับยามจับจ้องใบหน้าขอหมอวรงค์ใกล้ๆทุกองค์ประกอบช่างดูเข้ากันเสียเหลือเกิน ทั้งจมูกโด่งเชิดที่บ่งบอกถึงความดื้อรั้น ริมฝีปากเล็กสีระเรื่อที่ช่างด่าทอได้เจ็บแสบ ดวงตากลมสีน้ำตสลคู่นั้นที่มักจะมองหาเรื่องเจาตลอดเวลา ไหนจะแก้มใสๆที่มักจะแดงก่ำยามเมื่อเขายั่วยุอารมณ์ให้ต้องโมโห ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เกลียดเขาขนาดไหน

“โอ้ย!! ปล่อยกูนะเว้ย!”

หิรัญชงัก มองหน้าผากที่ขึ้นเป็นรอยแดงและปวดบวมด้วยความตกใจ สองมือใหญ่คว้าแขนเล็กๆเข้าใกล้ๆอย่าแรงจนอีกคนต้องร้องออกมา ความจริงเยาไม่ได้ต้องการให้คนๆนี้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงต้องการมาหยอกล้อด้วยก็เท่านั้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม สีหน้าห่วงใยปนรู้สคกผิดทำให้คนที่มีอาการดิ้นรนต้องหยุดชงักลงทันที สายตาคมกวาดมองไปทั่วราวกับต้องการสำรวจหาบาดแผล

        มันจะมาไม้ไหนวะเนี่ย

ร่างสูงที่สบเข้ากับสายตาระแวงและไม่เข้าใจของร่างเล็กๆก็ได้สติ พลักหมอวรงค์ออกก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาราวกับเมื่อสักครู่ไม่ได้ทำสิ่งใดให้อีกคนคลางแคลงใจแต่อย่างใด ใบหน้าหวานมองอารมณ์ที่ฉายอยู่บนใบหน้าหล่อด้วยความงุนงง เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นห่วงเดี๋ยวรู้สึกผิด แล้วมาตอนนี้.......ทำสีหน้าราวกับจะสมน้ำหน้าเขา มันบ้าหรือมันเป็นกิ้งก่าที่ชอบเปลี่ยนสีกันแน่

“เป็นห่าอะไร เป็นบ้าเหรอ!”

“เป็นอะไรดีล่ะ เป็นผัวมึงดีไหม?”

“ไอสัส!!!!”

หมอวรงค์ถลาร่างเข้าไปหาด้วยความโกรธเกรี้ยวหวังจะซัดให้ปากมอมๆนั่นได้มีเลือดสีสดออกมาคงจะดีไม่น้อย แต่เพียงแค่เหวี่ยงกำปั้นไปก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ทัน หมอวรงค์ขึงตาใส่อย่างไม่พอใจเมื่ออีกคนไม่ยอมปล่อยมือเขาออกทั้งๆที่เขาทั้งดึงทั้งกระชากจนเต็มแรง หิรัญยกยิ้มท้าทายนิ่งๆอย่างชอบใจที่อีกคนดิ้นไปมามือใหญ่จึงได้แกล้งปล่อยครตัวเล็กออก

“โอ้ย!!” หมอวรวค์ที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกปล่อยเอาง่ายๆก็ยังคงใส่แรงดึงเต็มที่จนล้มลงไปก้นกระแทกพื้นถนนโดยมีหิรัญยืนหัวเราะกับท่าทีนั้นอยู่

“ฮ่าๆๆ”

“หัวเราะอะไรวะไอเหี้ย!”

“กูชื่อหินต่างหาก” หิรัญบอกอย่างใจเย็น สองมือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆมองคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นยืน ท่าทางของคนตรงหน้าเขาคงไม่พอใจเขาอย่างมาก

“เรื่องของมึง!!!” หมอวรงค์หันหลังหนี ไม่อยากจะพูดคุยกับไอคนที่ชอบกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัว

“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนวะ อยู่คุยกับกูก่อน”

“อย่าแตะตัวกูนะเว้ย!! กูรังเกียจ!!” หมอวรงค์สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างรังเกียจเหมือนดังที่น้ำเสียงหวานบอก หิรัญได้แต่กำมือแน่นอยู่ข้างตัว ชั่วครู่หนึ่งหมอวรงค์ราวกีบสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันเหมือนว่าคนตรงกน้าจะฟิวขาด แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะเพียงกระพริบตาทุกอย่างก็หายไป หลงเหลือเพียงแค่รอยยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่หิรัญชอบยิ้ม

“กูก็ไม่อยากจะจับนักหรอก รังเกียจไม่ต่างกัน” อาการสั่นไหวเข้าจู่โจมหัวใจดวงเล็กทันทีที่ได้ยิน สายตาวูบไหวไปชั่วขณะจนหมอวรงค์เองก็แปลกใจไม่เข้าใจตัวเอง แต่ก็ยังคงเชิดหน้าขึ้นท้าทาย ราวกับสิ่งที่อีกคนพูดมานั้นไม่ได้มีความหมายต่อความรู้สึกสักนิด

“งั้นก็ถอยรถมึงออกไป กูจะได้ไปให้พ้นๆสักที!”

“หึ......ยินดีเลย!!”

หิรัญเดินกลับเข้าไปนั่งในตัวรถและขับเคลื่อนออกจากเบื้องหน้าของรถคันเล็กของหมอวรงค์ คนตัวเล็กเองเมื่อเห็นว่าหิรัญยอมถอยออกตนก็กลับขึ้นรถและขับออกไป อารมณ์คุกรุ่นยังคงไม่หายไปจากคนทั้งคู่ ได้แต่กำพวงมาลัยรถแน่นอย่างระบายอารมณ์ ยิ่งสาดคำพูดใส่กันมากเท่าไหร่ ต่างคนก็ต่างมานั่งเจ็บใจกันเองทั้งนั้น

หมอวรงค์ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่กำลังเปลี่ยนไป รู้เพียงเมื่อใดที่ได้ยินคำพูดรุนแรงที่ทำร้ายความรู้สึกนั้น ใจของหมอวรงค์เจ็บเหลือทน แต่ก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้เลยว่าเพราะเหตุใด สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันเรียกว่าอะไรกันแน่ ส่วนหิรัญเองก็ได้แต่สบถถ้อยคำหยาบคายออกมา เกลียดจริงๆที่พูดอะไรออกไปตรงข้ามกับใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงต้องคอยหาเรื่องอีกคนด้วย ทั้งๆที่ความเป็นจริง เขาอยากจะพูดคุยด้วยดีๆ แต่พอเจอใบหน้าหวานที่ติดอาการง้ำหงอหรือความไม่พอใจทีไรปากมันก็ไปเองทุกที เฮ้อ.....สักวันหนึ่งนะ สักวันหนึ่ง





                          ++++++++++++++................++++++++++++++





หมอวรงค์ที่กลับมาถึงบ้านก็โยนกระเป๋าลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด ต้องยกมือขึ้นมาดูว่าในตอนที่ล้มลงไปนั้น ฝ่ามือเหมือนจะรู้สึกว่าถูกหินหรืออำรบางอย่างบาดเข้าให้ รอยขีดเป็นทางยาวและรอยเลือดที่แห้งเกาะทำให้พอจะรู้ว่ามันไม่ลึกมากเท่าไหร่ ร่างบางเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้หยิงเอาอุปกรณ์ทำแผลที่มีติดบ้านออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างใจเย็น สำลีขาวถูกแอลกอฮอล์ชุบจนชุ่มก่อนที่มันจะถูกเช็ดลงบนแผล หมอวรงค์ขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่ออาการเจ็บแสบที่แผลเข้าเล่นงาน สะเก็ดเลือดที่แห้งกรังถูกเช็ดออกจนหมดเหลือให้เห็นเพียงบาดแผลสีแดงเลือดเท่านั้น มือบางทิ้งสำลีเก่าลงบนโต๊ะ หมอวรงค์ทำแผลตัวเองอย่างขมักเขม่นจนเสร็จ สายตาหวานมองบาดแผลด้วยความเจ็บใจ ไอหิรัญมันกล้าดียังไงถึงมาทำให้มือของเขาเกิดรอยแผลแบบนี้ หมอวรวค์ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหยุดก่อกวนหยุดหาเรื่องเขาสักที ตั้งแต่ที่มันแย่งแฟนของเขาตอนสมัยเรียนมหา’ลัยมันก็ตามราวี ตามจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิก

“เมื่อไหร่วะหิน......เมื่อไหร่มึงจะเลิกหาเรื่องกับกูสักที!” หมอวรงค์ได้แต่พึมพำอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกแย่ หน้าผากมนแตะลงบนสองมือที่ประสานเข้าหากัน สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลและเครียดเหลือเกิน ภาพวันเก่าๆฉายเข้ามาซ้ำๆจนร่างเล็กอดติดไม่ได้ว่า ความผิดของเขาหรือมันแน่ ใครกันแน่ที่เป็นคนเปิดประเด็นความเป็นศัตรูขึ้นมา หมอวรงค์ได้แต่นั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว




ฝ่ายหิรัญที่กลับมาถึงบ้านตัวเองก็รุดหน้าเข้าไปยังห้องนอนทันที ริมฝีปากยกยิ้มยามนึกถึงใบหน้าและท่าทางไม่พอใจของหมอวรงค์ที่ยังติดตรึงอยู่ในความคิดเขาไม่เลือนหาย วรวค์ก็ยังคงเป็นวรงค์ ยังคงเกลียดขี้หน้าเขาเหมือนเช่นวันแรกที่ได้รู้จักกัน แต่ทำไมกันนะ ทำไมเขากลับชอบเหลือเกินที่จะได้มองใบหน้าบึ้งตึงและอิริยาบถต่างๆของวรงค์ที่แสดงออกมาเวลาที่เขาไปยั่วโมโห

เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาเริ่มเข้าใกล้ เริ่มไปกวนอารมณ์ให้อีกคนต้องเกิดความคุกรุ่นขึ้น มันคงจะตั้งแต่วันนั้น วันที่วรวค์จับได้ว่าเขาแอบเป็นกิ๊กกับกิ่งแก้ว แฟนคนสวยของวรงค์ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อผู้หญิงเลือกเขา มาออดอ้อนบอกกับเขาเองว่าโสดเพิ่งจะเลิกกับวรงค์ไปเพราะไม่มีเวลาให้ เขาถึงได้ยอมให้ควงนิดหน่อยเพราะกิ่งแก้วเองก็จัดว่าสวยใช้ได้ ในเมื่อผู้หญิงเสนอมามีหรือเขาจะไม่สนองกลับ

จนวันที่กิ่งแก้วชวนเขาไปทานข้าวที่คณะแล้วตัววรงค์เองก็มาเจอเข้าพอดี เหมือนวรงค์จะไม่พอใจอยู่มากส่วนกิ่งแก้วเองก็หน้าซีดอ้ำๆอึ้งๆหาคำตอบไม่เจอ เขาจำได้ดี ใบหน้านวลที่แดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตากลมโตคู่นั้นสะท้อนความผิดหวังและเจ็บปวดออกมาจนตรึงร่างเขาไว้ไม่ให้ขยับตอบโต้ ผิวแก้มน่าสัมผัสเหลือเกิน ตัวก็สูงเพียงแค่อกเขาแท้ๆ แต่กลับทำท่าทางราวกับว่าตัวเราเท่ากัน

วันนั้นเขาก็ได้แผลบนหน้ามาเต็มๆ มุมปากช้ำ โหนกแก้มเองก็เช่นกัน แต่มันไม่ได้ลดทอนความหล่อบนหน้าเขาหรอกมันกลับยิ่งเสริมให้เขาดูเท่ยิ่งขึ้นไปอีกในสายตาสาวๆด้วยซ้ำ นับจากวันนั้นมา ทุกครั้งที่เขาเจอหน้าวรงค์ ตัววรงค์ก็มักจะมีสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน ยิ่งได้เห็นเขาก็ยิ่งเสพติด จนทุกวันนี้ เขาจะต้องหาทางไปพบหาเรื่องไปให้ได้เห็นหน้าอยู่บ่อยๆ

“มึงทำให้กูหลงจนแทบบ้าอยู่แล้ว รู้ตัวไหมวะวาย” หัวใจเต้นตึกตักทุกครั้งที่เขาคิดถึงใบหน้าของวรวค์ อีกคนจะรู้ตัวไหม อีกคนจะคิดถึงเขาไหม คืนนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร รู้เพียงแค่หัวใจ ทำงานไม่ปกติเลย

ปากแดงช่างส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แก้มใสที่หลอกล่อใจให้เขาต้องมอง ดวงตากลมที่วาววับทุกครั้งที่เห็นหน้าของเขา ทุกอย่างของวรวค์เขาจำได้อย่างชัดเจน มันชัดเสียจนเขาเผลอจินตนาการไปด้วยซ้ำ ถ้าหากว่า........ปากแดงๆนั่นเผยอขึ้นสักหน่อยหอยหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตากลมสีน้ำตาลหวานฉ่ำคู่นั้นปรือมองแค่เขา แก้มใสขึ้นสีระเรือยามถูกกระตุ้น หากร่างเล็กๆที่เขาได้สัมผัส มานอนอยู่บนเตียง ไร้สิ่งใดปกปิดผิวกาย หากร่างขาวๆมีร่องรอยสีกุหลาบที่เขาเพียรทำไว้ย้ำเตือนว่าเป็นของใคร มันคงจะดูสวยมาก

       อยากฉกชิม อยากดื่มด่ำ อยากจะทำให้เป็นของเขา

หิรัญเลียริมฝีปากตนด้วยความกระหาย แววตาฉายชัดถึงความปราถนา บางสิ่งใต้ร่มผ้าดีดดุนจนโป่งนูน ความกระสันตีตื้นจนแน่นอก อยากปลดปล่อยเข้าไปในตัวของวรงค์ อยากจะสอดใส่เข้าไปลึกๆ กระแทกร่างให้อีกคนครวญครางเรียกเพียงชื่อของเขา ทำให้ขาดเจาไม่ได้ ปากที่เคยพร่ำด่าและต่อว่า หากเปลี่ยนมาเป็นเสียงคราง เขาคงจะถึงได้โดยไม่ต้องสัมผัสแน่

“ชิท!! ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้” หิรัญได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ดิบที่ตื่นขึ้นมา จะยังไงตอนนี้ เจาก็คงต้องหาทางปลดปล่อยก่อนเสียแล้ว




>>>>>>>มีต่อนคะ<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-06-2018 14:31:11
>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<


“อ๊ะ!! พะ พี่ อ๊า!! เจ็บครับ อื้อ!!!” เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างสองร่างบนเตียงสีขาวยังคงโรมรันกันอย่างเมามัน หิรัญไม่ยอมปล่อยให้อีกคนได้พัก ยังคงโหมกายกระแทกร่างเข้าไปจนสุด ข้างเตียงใหญ่เกลื่อนไปด้วยถุงยางที่ใช้แล้วทั้งสิ้น ร่างเล็กๆบนเตียงปรือตามองอีกคนที่อยู่เหนือร่างอย่างมีความสุข หลงละเมอไปว่าหิรัญรักตนมากขนาดนี้ที่ไม่ยอมหยุดพักสักวินาทีเดียว

“ซี๊ด อา อ๊ะ”

ใบหน้าหล่อครวญครางออกมาด้วยความสุข จินตนาการว่าคนที่เขากำลังร่วมรักนั้นคือใครอีกคน สิ่งที่คอดรัดเขาคือช่องทางของคนๆนั้น ความหึกเหิมเกิดขึ้นในใจ สะโพกหนาขยับดันตัวตนเข้าไปอย่างแรง ไม่คิดจะถนอมอีกคนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งได้ยินเสียงของคนใจ้ร่างร้องครางด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวด ใบหน้าของอีกคนก็มาทาบทับ ทุกอิริยาบถของคนใต้ร่างเขานั้นถูกแทนที่ด้วยคนที่หิรัญคิดถึง

“พี่ครับ อื้อ ระ แรง แรงไปแล้ว ผม อ๊า ไม่ไหวแล้ว อ๊าๆๆ”

ยิ่งเห็นว่าวรวค์ในจิตสำนึกร้องครวญครางเร่งเร้าราวกับจะขาดใจ หิรัญก็ยิ่งโหมกายกระแทกเข้าไปอย่างแรงระรัวจนปลดปล่อยออกมา คนใต้ร่างหอบกระเส่ากระตุกเกร็งปล่อยสายธารจนเปรอะมือตนเอง ใบหน้าหวานแหงนเงยหวังจุมพิศหวานล้ำจากหิรัญ แต่ก็ต้องนิ่งค้างเมื่ออีกคนถอดถอนกายออกไปอย่างไม่สนใจ ช่องทางเล็กบวมแดงจนเกือบจะช้ำ เลือดสีสดหยดจนเปื้อนที่นอนเป็นดวงๆ ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวดเมื่อยันร่างกายตัวเองขึ้นนั่ง

“พี่จะไปไหนครับ ไม่ค้างกับผมเหรอคืนนี้” โจถามเมื่อเห็นว่าคนที่เร่าร้อนรุนแรงก่อนหน้านี้เริ่มแต่งตัวเพื่อจะกลับบ้าน

“ไม่.....กูจะกลับเลย”

“ทำไมพี่ไม่ค้างกับผมบ้าง ผมเป็นแฟนพี่นะ!!” หิรัญหัวเราะลั่น หันมามองใบหน้าของโจที่ไม่พอใจอยู่บนเตียง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ชื่อว่าแฟนยิ่งหงุดหงิด

“กูเคยบอกเหรอว่ามึงเป็นแฟน? หืมโจ มึงไม่ใช่เหรอที่เดินมาเสนอให้กู แล้วทุกครั้งที่กูนอนกับมึงกูก็วางเงินไว้ให้ตลอด”

“แต่ผมรักพี่นะ!!! ผมยอมนอนกับพี่เพราะผมรักพี่ต่างหาก!!!” โจเริ่มตะคอกเสียงดัง ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจที่อีกคนพูดถึงเรื่องเงินขึ้นมา หิรัญยืดตัวขึ้นตรงมองใบหน้าของโจที่อยู่บนเตียงด้วยความเหยียดหยามไม่ปิดบัง ดวงตาคมฉายชัดถึงความดูถูกจนคนถูกมองตัวสั่นระริก

“แล้วมึงกล้าพูดไหมว่าไม่ได้เอาเงินที่กูให้ไปใช้?? มึงกล้าพูดไหมว่าที่กูพูดมามันไม่จริง?”

“ผะ ผม ผม...” ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากัน หลบตาวูบไม่กล้าพูดออกมาเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดมามันคือความจริง เขาใช้เงินที่หิรัญให้มาจริงๆ เพราะเขาติดของหรูหรา แบรนด์เนมตามเทรน และเงินที่หิรัญให้ทุกครั้งเขาก็ใช้ไปกับพวกนั้นจนหมด แต่ไม่นึกว่า.....หิรัญจะเห็นเขาเป็นเพียงคู่นอน เขาเผลอคิดไปว่าเป็นแฟนของอีกคน แบบนี้เขาจะไปพูดกับเพื่อนๆทาเขาโม้เอาไว้ยังไงกันละ นี่เขาไม่ต่างจากอีตัวเลยสักนิด มือบางกำผ้าห่มแน่นด้วยความคับแค้นใจ แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเขาเอง

“กูกลับล่ะ ไว้กูจะโทรหาอีก ถ้ากูอยาก”

“อึก คระ ครับ”

หิรัญเดินออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เขาที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ไปไหน ความกระดากอายเข้าจู่โจมเขาอย่างหนัก แม้ไม่อยากให้อีกฝ่ายดูถูกดูแคลน แต่เขาก็ต้องตอบรับอยู่ดี เพราะตัวเขาเองก็ต้องใช้เงิน และหิรัญก็ไม่เคยให้เขาต่ำกว่าสามหมื่น โจก้มลงเก็บเศษซากถุงยางที่กองอยู่เกลื่อนพื้นห้อง หลงคิดไปเสียไกลว่าที่หิรัญโหมกระหน่ำกับร่างกายเขาก็เพราะความคิดถึง ที่ไหนได้ เห็นเขาเป็นเพียงแค่ตัวแทนใครบางคน ความเจ็บใจแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างหนัก อยากจะโกรธแค้น อยากจะต่อว่า แต่เขาก็ทำได้แค่ยอมรับ ยอมรับมันให้ได้เท่านั้น
อิจฉาคนนั้นเหลือเกิน คนที่ได้หัวใจของพี่หินไปครอง





                                ++++++++++++++................++++++++++++++









รถคันหรูสีดำขับเคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบที่คลินิกมารักษ์ ร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่กางเกงยีนส์สีดำกีบเสื้อคอปกแบรนด์ดังโดยมีแว่นตาสีชาปกปิดดวงตาเอาไว้ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับหญิงสาววันกลางคนอีกผู้หนึ่ง ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ หากแต่ความหล่อที่ช่างสะดุดตานั้นเป็นดั่งการป่าวร้องให้ทุกสายตาหันกลับมาสนใจ ไม่ว่าใครที่ชายหนุ่มได้เดินก้าวผ่านหน้าไปมักจะหลอมละลายไปกับกลิ่นกายและออร่าที่เปร่งประกาจออกมาจนน่าอิจฉา

“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณหมอวรวค์ค่ะ” คุณหญิงพิมพ์ลดาเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวหน้าเคาท์เตอร์ด้วยรอยยิ้มบางๆจนคนที่ได้รับรอยยิ้มต้องตกมือขึ้นไหว้ด้วยความเคารพต่อท่าทางสง่างามและการวางตัว

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ไหมคะ” แม้จะอยากพาไปแต่ด้วยตามระเบียบและหน้าที่จึงต้องเอ่ยถามขึ้นก่อน

“ไม่จ่ะ ยังไงรบกวนหนูบอกคุณหมอหน่อยนะจ๊ะว่า คุณหญิงลดา มาขอพบ”

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หญิงสาวบอกอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกไปยังห้องตรวจประจำของหมอวรงค์

คุณหญิงพิมพ์ลดายืนรออยู่ด้วยความคาดหวัง หากวันนี้คลินิกอันมีชื่อเสียงช่วยเหลือลูกชายของเธอไม่ได้ เธอก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว ดีหน่อยว่าเพื่อนของเธอมีลูกชายทำงานอยู่ที่นี่ เธอจึงได้หันหน้าไปปรึกษาได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นถูกนักข่าวลงเสียๆหายๆเป็นแน่

ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นตาไม่แสดงสีหน้าใดๆต่อการมาที่นี่ หากแต่แววตาที่ถูกปกปิดไว้นั่นมันกำลังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ยิ่งได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากผู้เป็นแม่ยิ่งแทบจะปล่อยรอยยิ้มอย่างสมใจออกมาให้ได้เห็น ดีที่เขายังคงรักษาความนิ่งเงียบเอาไว้ได้ดี จนไม่ผิดสังเกต ดี ดีเหลือเกิน แบบนี้ก็เข้าทางเขาอย่างดีเลยสิ หึหึ หญิงสาวเดินกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มประดับบนใบหน้าสวยเมื่อคำตอบที่ได้รับมานั้นไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ

“เชิญคุณหญิงทางนี้เลยค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ ไป เจ้าหิน”

“ครับ....” ผมพร้อมอยู่นานแล้ว คุณหญิงพิมพ์ลดาและหิรัญเดินตามหลังหญิงสาวไปติดๆ จนมาถึงหน้าห้องที่วรงค์ประจำอยู่ มือบางเค่ะประตูเบาๆเป็นการชออนุญาตก่อนจะเปิดให้คุณหญิงพิมพ์ลดาและหิรัญได้เข้าไป หมอวรงค์หันมามองเพื่อนของมารดาด้วยรอยยิ้มหากแต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เดินตามเข้ามา ความหวุดหงิดงุ่นง่านก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าห่ยไปแทบจะทันใด สีหน้าบึ้งตึงช่างเรียกรอยยิ้มจากหิรัญได้ดีเหลือเกิน หากแต่คุณหญิงพิมพ์ลดาต่างหากที่ได้แต่งุนงงกับกิริยาของลูกชายเพื่อนสนิทที่เพียงครู่เดียวใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็กลายเป็นหงุดหงิด

“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนูวาย”

“อ๊ะ! สวัสดีครับคุณหญิงป้า เชิญนั่งก่อนสิครับ” หมอวรงค์เลิกสนใจใบหน้าอันชวนหงุดหงิดด้านหลัง เลือกที่จะสนทนาเพียงกับผู้เป็นเพื่อนสนิทของมารดาแทน คุณหญิงพิมพ์ลดาส่งยิ้มเอ็นดูให้ก่อนจะนั่งลงแม้ว่าจะเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคลินิกอยู่พอตัว แต่เธอก็เลือกจะไม่ถาม

“นี่ตาหิน ลูกชายป้าเอง”

“อ่า ครับ สวัสดีครับ คุณหิรัญ!” ร่างเล็กได้แต่กัดฟันพยายามทักทายอีกคนด้วยความปกติ แต่เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มกวนอารมณ์บนใบหน้าหล่อนั่นเขาก็แทบจะพุ่งตัวไปตะบันหน้าให้ได้แผลอีกสักยกสองยก

“ครับหมอวาย ไม่ได้เจอกัน ‘นาน’ เลยนะครับเนี่ย”

ไม่เจอกันนานอะไร วันห่อนแทบจะต่อยกันตายข้างถนนเรียกนานเหรอ ใจจริงเขาอยากจะเอ่ยถามให้ได้หน้าแตกกันไปข้างหนึ่ง ติดตางที่เจาไม่พึงใจจะรู้จักมันสักนิด ไม่อยากจะได้ชื่อว่า เคยพบมันมาก่อน

“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอลูก ดีเลย ป้าฝากหนูวายรักษาตาหินให้ป้าหน่อยสิ ป้าเครียดมากเลยตอนนี้” หมอวรวค์หันมองใบหน้าที่เครียดลงตามคำพูดด้วยความสงสัย

“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณป้า”

“คือตาหินของป้าเนี่ย เอ่อ ไปก่อเรื่องไว้ วันก่อนมีคนเข้ามาที่บ้าน โวยวายขอเรียกร้องเงินว่าตาหินทำ.....แบบนั้นจนเขาระบม บ้างก็มายืนทะเลาะเยื้องแย่งกันแถมยังพูดถึงเรื่องบนเตียงว่าตาหินของป้าเนี่ย รุนแรงจนเรียกว่า เอ่อ เตียงแทบจะหัก”

ร่างบางนั่งฟังด้วยอาการตกตะลึง เหลือบไปมองไอตัวต้นเหตุที่ยืนพิงผนังยิ้มกริ่มราวกับไม่รู้ความผิดของตนสักนิด ใบหน้าของคุณหญิงพิมพ์ลดาหมองเศร้าลง อับอายอย่างเหลือแสนที่ต้องมานั่งบรรยายอะไรที่แสนกระดากปากเช่นนี้

“ผม.....จะรับเรื่องไว้แล้ว เอ่อ จะให้เพื่อนช่วยรักษานะครับคุณหญิงป้า” เพราะเขาไม่อยากเอาตัวไปยุ่งกับผู้ชายที่ชื่อหิรัญ แม้จะด้วยฐานะของคนไข้ก็ตาม

“ถ้าให้คนอื่นรักษาผมกลับนะครับแม่ ผมไม่รักษา”

“แต่ ตาหิน เดี๋ยวสิลูก!!”

ร่างของคุณหญิงลดารีบหยุดยั้งลูกชายผู้เอาแต่ใจไว้ก่อน อาการของลูกเธอเป็นยังไงเธอไม่รู้หรอก แต่จะให้มานั่งฟังพวกคนที่นอนกับตาหิรัญพูดถึงเซ็กส์อันดุเดือดก็คงไม่ไหว มีหวังได้หัวใจวายตายก่อนวัยแน่ๆ เพราะแค่ตอนนี้ก็ต้องพกยาดม ยาลม ยาหอมแล้ว

“ถือว่าป้าขอร้องนะหนูวาย หนูรักษาให้ตาหินเถอะนะลูก ป้าไม่ไหวจะฟังเรื่อง บนเตียงของลูกชายจากพวกนั้นแล้ว ป้าอ่ยถสั้นลงทุกวันๆแล้วลูกเอ้ย”

“แต่ คุณหญิงป้าครับ คือ...”

“นะลูกนะ ช่วยป้าเถอะ” หมอวรงค์ได้แต่ถอนหายใจ จะให้ใจร้ายปฏิเสธไปเรื่อยๆก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เพราะสีหน้าเป็นทุกข์ของคุณหญิงป้าที่พยายามขอร้องเขาและคำพูดพวกนั้นยิ่งทำให้ร่างเล็กพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับไปเท่านั้น ความหมองเศร้าที่ฉายบนใบหน้าของคุณหญิงพิมพ์ลดาห่ยไปจนหมด หลงเหบือเพียงความดีใจที่เต็มตื่นอยู่ในอก

“ขอบใจมากนะลูกนะ งั้นป้าฝากตาหินไว้เลนแล้วกัน ป้าต้องไปธุระต่อแล้ว”

“เดี๋ยวครับ ผม....”

“ขอบใจมากนะหนูวาย”

คุญหญิงพิมพ์ลดาเดินออกไปโดยไม่รอฟังสิ่งที่เขาได้พูดค้างอยู่สักนิด แถมยังเอาตัวปัญหาใหญ่มาทิ้งไว้ให้เขาอีก หมอวรงค์ได้แต่กุมขมับ โยกย้ายมันไปไว้ห้องอื่นได้ไหม เขาเหม็นขี้หน้าจนแทบไม่อยากจะหายใจอยู่แล้ว แต่ยังไงก็คงไม่ได้ ลองรับปากเองไปแล้วแบบนี้คงไม่แคล้วต้องยอมรักษานายหิรัญที้ขาเกลียดแสนเกลียดจนเข้าไส้นี่แหละ

“ว่าไง.......จะรักษากูยังไงละครับคุณหมอวาย”

“ไม่ต้องมาทำเสียงกวนตีนกู เดี๋ยวกูจะให้มึงไปคุยกับไอภพแทนแล้วกัน มึงสนิทกันนี่!”

“อ้อ!! กูก็เพิ่งรู้ ว่าหมอวายที่เป็นที่นับหน้าถือตา.....จะผิดคำพูดที่รับปากเอาไว้ เพียงเพราะเรื่องส่วนตัว!”

“มึง!!!!”

“ว่าไง สรุปกูต้องไปตรวจที่ห้องไอภพใช่ไหม” หมอวรงค์ได้แต่กัดฟันไม่พอใจ ในอกร้อนราวกับมีใครมาก่อไฟสุมไว้จนแทบจะมอดไหม้ สายตาเต็มไปด้วยความแค้นเคืองเวลาที่มองหิรัญ แต่คนถูกมองกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ

“ไม่ต้อง!!!! กรอด! กูจะรักษามึงเอง!!!!” รอยยิ้มถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากของหิรัญ ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปจนทั่วทั้งห้องก่อนจะนั่งลงบนเตียงใหญ่ เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนที่เป็นเจ้าของห้องๆนี้ กระทำสิ่งใดกับใครมาบ้าง ยิ่งคิดแววตาคมก็ปริ่มไปด้วยความอิจฉา ไฟริษยาสุมร้อนไปจนแทบทนไม่ได้ เตียงที่เขานั่ง พื้นที่เขายืน ในห้องที้ขาอยู่ กี่คนกันนะที่วายนอนด้วย ทั้งๆที่......หมอนั่นควรจะเป็นของเขาแท้ๆ

“.....หิน”

มันควรเป็นแค่ของเขา ควรจะอยู่กับเขา!!





๕๐%



TBC












             โอ๊ะโอ๋~ มีคนเรียกร้องให้ทำเรื่องยาวเยอะเหมือนกัน งั้นแมวขอถามตรงนี้เลยนะคะ 'อยากให้ทำห้องไหนเป็นเรื่องยาว' หรือให้ปั่นยาวเก้าห้องเลยเอ่ย 555555 แต่ถ้าจะให้แมวเอามาทำเรื่องยาว แมวบอกเลยว่าเรื้อเรื่องเปลี่ยนไปแน่ๆค่ะ เพราะอันนี้คือเรื่องสั้นแมวเลยทำให้มันจบลงในจำนวนหน้าที่จำกัด เหตุการณ์เลยไม่ยืดเยื้อมาก แต่ถ้าทำเรื่องยาว คงต้องปรับอะไรอีกเยอะเลย ลองว่ากันมาดูนะ แมวจะลองคิดๆดู จริงๆตอนแรกอาการของคุณแม่แมวทรงตัวขึ้นเยอะแล้ว แต่วันนี้อาการของท่านแย่ลง แต่แมวจะสู้ค่ะ แมวเชื่อง่าคุณแม่ก็จะสู้เหมือนแมว ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ให้แมวมานะคะ กราบขอบพระคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: me_toey ที่ 12-06-2018 20:55:06
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-06-2018 23:09:27
ตอนนี้สนุกอ่ะ..ตาหินนี่ร้าย..ยยยยย เป็นเรื่องยาวเลือกไม่ถูกเลย รอๆๆๆๆๆ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 13-06-2018 21:44:08
ขอให้คุณแม่หายไวไวนะคะ สู้ๆ ค่ะ  :กอด1:
หินนี่น่าจะร้าย อย่ารุนแรงกับน้องวายมากนะ  :pighaun:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 15-06-2018 10:43:38
สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องทุกปัญหา ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 16-06-2018 06:26:31
ตาหินจะทำอย่างไรกับคุณหมอวายต่อ
เรื่องบนเตียงของหินแซ่บมาก

เป็นกำลังใจให้คุณแมวเรื่องคุณแม่นะคะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๕๐% UP. 12/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-06-2018 12:59:44
กรี๊ดดดดด คือดีอ่ะ คิดถูกแล้วที่รอให้มาลงเยอะๆก่อนค่อยอ่าน แบบ...กลัวค้าง อิอิ

อยากอ่านยาวๆเหมือนกัน

รอห้องหมอวายมาต่อน๊าาาา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 22-06-2018 14:33:28
“.....หิน”

มันควรเป็นแค่ของเขา ควรจะอยู่กับเขา!!

“ไอเหี้ยหิน!!!!” หิรัญสะดุ้งออกจากภวังค์ หันไปมองใบหน้าของคนที่ทำให้เขาคิดไม่ตกด้วยความสงสัย

“อะไร??”

“กูถามว่าทำไมมึงถึงมีอาการรุนแรงเวลามีเซ็กส์ เหม่อเหี้ยอะไรของมึง?” หิรัญเลิกคิ้วพร้อมกับรอยยิ้มกริ่ม จะให้เขาอธิบายว่าทำไมต้องรุนแรงกับคู่ขาอย่างนั้นหรือ นี่มันคิดอะไรของมันอยู่ แต่เอาเถอะ เมื่ออยากรู้เขาก็ยินดีจะบอกให้

“อยากรู้จริงๆเหรอ”

“ไม่อยากวะ แต่กูต้องรู้ เพราะกูเป็นหมอ!” วรงค์พูดขึ้นทั้งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหม็นเบื่อ

“แล้วถ้ากูบอกว่า.....กูเห็นพวกนั้นเป็นมึง จะว่ายังไง”

“ไอสัส!! กูคงจะชมว่ามึงเก่งมั้ง ไอโรคจิต!!”

“ฮ่าๆๆๆ คิดแล้วเชียว เพราะแบบนี้ไง กูถึงยอมวางแผนทุกอย่าง ให้ได้มารักษากับมึง” เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของร่างสูงอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วทั้งร่างของวรงค์ด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนจะละสายตาไปมองรอบๆห้องแทน

“มึงพูดอะไร?” หิรัญเดินไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่ เคยได้ยินจากไอภพมาเหมือนกันว่าประตูห้องของคลินิกจะเป็นสองชั้น เอาไว้เก็บเสียงที่ไม่อยากให้คนด้านนอกได้ยิน มือหนาเอื้อมไปปิดลงล็อคประตูอีกชั้นอย่างชำนาญจนเจ้าของห้องอย่างหมอวรงค์ได้แต่ผงะถอยหลังหาทางหนีทีไล่อย่างหวาดหวั่น สีหน้าของหิรัญที่หันกลับมามันช่างเต็มไปด้วยความปราถนาที่เขาไม่เคยเห็น สายตาร้อนแรงที่มองมาแทบจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุล

“ก็หมายความว่า ทุกอย่างที่กูทำกับพวกนั้น กูอยากทำกับมึงไง”

“มาทำกับตีนกูนี่!! ไอเหี้ย!!!!!!” แต่แม้จะกลัวสักเท่าไหร่วรงค์ก็ยังคงไม่ลดละฝีปากเลยแม้แต่น้อยจนหิรัญได้แต่หัวเราะในลำคอ ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นยิ่งจึ้น จนระยะห่างของทั้งคู่ลดลงจนแทบจะชิดใกล้ขนาดที่หายใจรดกันได้

“จะตีนมึง จะมือมึง หรือปากมึง กูก็จะทำมันทั้งหมดนั่นล่ะวาย” ร่างบางถอยจนหลังชนเข้ากับผนัง สองมือของหิรัญยกขึ้นมากักขังให้วรงค์เอาไว้ให้หนีไปไหนได้อีก ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาจนรับรู้ถึงลมหายใจ จนวรวค์ลนลานยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งเอาไว้ สายตาหวานเลิ่กลั่กลนลานไปเสียหมด หลายๆครั้งที่ถูกหมอนี่กวนตีนมามันไม่เคยเป็นแบบนี้ ทุกครั้งจะมีการเล่นกับความโกรธของเขา แต่ครั้งนี้.....มันต่างออกไป มันกำลังทำให้เขา.....กลัว!

“มะ มึง ถะ ถอยไปนะ!!!”

“มึงรู้ไหมวาย ว่ากูหลงมึงมาตั้งแต่วันที่มึงต่อยกูตอนนั้นแล้ว กูอยากจะจับมึงเข้ามาจูบ อยากจะกดมึงลงบนเตียง ทำกับมึงแรงๆเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ”

ฟอด!!

“มึง!!!” วรงค์ยกมือขึ้นหวังจะตบลงบนใบหน้าหนาๆนั้นเสียให้สมใจ แต่หิรัญก็รู้ทันคว้ามือข้างนั้นเอาไว้ได้พร้อมกับกดมือทั้งสองข้างของวรวค์เอาไว้กับผนัง ตรึงไว้จนแน่นไม่ยินยอมให้อีกคนได้ขัดขืน

“แค่นี้ทำเป็นโมโห หึหึ.....” ร่างบางได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห พยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมหากแต่มันกลับไม่สามารถหลุดออกจากมือใหญ่คู่นั้นได้เลย ซ้ำยังถูกอีกคนเพิ่มแรงกดจนต้องนิ่วหน้า

“ปล่อยกูนะ...อื้อ!!!!!”

หมอวรงค์เบิกตากว้างเมื่อถูกหิรัญประกบจูบดูดดึงริมฝีปากอย่างรุนแรง ใบหน้าหวานสะบัดหนีแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้พ้นยิ่งหนีเท่าไหร่อีกคนก็ยิ่งบดจูบที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ร่างกายเล็กๆของหมอวรงค์สั่นระริกอย่างไม่อาจห้ามได้ริมฝีปากเล็กบวมเจ่อจากแรงดูดดึงแต่หิรัญกลับไม่สนใจ รสชาติหวานล้ำที่ได้ลิ้มลองราวกับน้ำที่ใช้รดต้นไม้ต้นหนึ่งที่แห้งแล้งที่ไม่ว่าจะดูดกลืนสักเท่าไหร่ก็ไม่มีคำว่าอิ่มเอม

ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปกวาดต้อนชักชวนให้ลิ้นเล็กได้เกี่ยวกระหวัดตามแรงเร้า วรงค์หูอื้อตาลายทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด เรี่ยวแรงหดหายจนร่างกายแทบจะทรุดลงพื้น จูบที่เขาเคยได้รับและมอบให้กับแฟนเก่าหรือแฟนคนไหนๆก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะสูบเรี่ยวแรงของเขาไปขนาดนี้

รสชาติหวาดติดตรึงปลายลิ้นหนาจนร่างกายใหญ่ร้อนผ่าว ความองอาจผยองพองกายจนคับแน่นไปทั้งกางเกง เพียงแค่จมูกได้สูดกลิ่นหอมจากร่างเล็ก ริมฝีปากได้สัมผัสกับความนุ่มหยุ่น ปลายลิ้นได้รับรสหวานฉ่ำที่ปลุกให้ความกระหายตื่นขึ้นจนไม่อาจจะหยุดไว้ได้

“อืม”

เสียงทุ้มครางแผ่วเมื่ออีกคนเผลอโต้ตอบด้วยการรุกไล่เกี่บวดึงปลายลิ้นกลับมา หิรัญยิ่งบดจูบหนักหน่วงขึ้นแต่ก็ได้รับความร่วมมือกลับมาอย่างดี เมื่อเห็นว่าหมอวรงค์ไร้การขัดขืนสองมือก็ปล่อยข้อมือบางออก เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ไปตามเอวบางและสะโพกมนแทน บีบขยำด้วยความหมั่นเขี้ยวเสียจนอีกคนสะดุ้งและได้สติคืนมา หมอวรงค์เริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่มันก็เหมือนกับการขยับตัวเท่านั้น ยิ่งเมื่อขาของอีกคนแทรกเข้ามาระหว่างขาของตน การขยับหนียิ่งดูเหมือนการเสียดสีลูกชายที่อยู่ใต้กางเกงเข้ากับขาของมัน

หมอวรงค์ดิ้นอึกอักสองมือทุบอยู่ที่อกอย่างแรงเมื่อเริ่มรู้สึกขาดอากาศหายใจ หิรัญที่แนบริมฝีปากอยู่ก็ยอมถอนออกแต่โดยดี เขาลืมตัวไปเสียสนิท การได้ลิ้มรสชาติที่เฝ้าแต่จินตนาการมามันทำให้เขาไม่อยากจะเสียเวลาใดๆเลยสักนิด มันหอมเย้ายวน มันหวานฉ่ำ จนใจเขาเต้นระรัวด้วยความปรารถนาในตัวของอีกคน

“หยุด! มึงบ้าไปแล้วหรือไง!!!”

“ใช่....กูคงบ้าไปแล้วทั้งๆที่มึงก็มีทุกอย่างเหมือนกู ทั้งๆที่มึงเคยต่อยหน้ากู ด่ากูดูถูกกูสารพัด แต่กูก็ยัง.....คิดถึงมึง ยังอยากจูบ อยากเข้าไปในตัวมึง และกูจะไม่ยอมหยุดด้วยวาย ไม่ว่ายังไงกูก็จะเอามึงมาเป็นเมียกู”

หิรัญพึมพำอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น บอกสิ่งที่อยู่ภายในใจเสียจนหมดสิ้น ร่างเล็กสั่นระริก น้ำใสๆไหลลงมาจนอาบแก้มเรี่ยวแรงที่ควรจะมีกลับหายไปเสียดื้อๆ มือที่พยายามผลักและดันอีกคนที่กำลังซุกไซร้ไปตามร่างกายของเขากลับกลายเป็นเพียงการวางมันเอาไว้บนอกแกร่งเฉยๆ

ร่างสูงดูดดึงผิวเนื้อจนเกิดรอยแดง เขาต้องการให้ใครๆได้รู้ว่าวรงค์เป็นของเขาแล้ว มือใหญ่ลูบไล้ไปตามสาบเสื้อ ปชดกระดุมที่คอยปิดบังเนื้อตัวของอีกคนออกอย่างชำนาญ ใบหน้าหล่อผละออกจากการซุกไซร้ มองสบตากับสายตาหวานที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาจนมือหนาต้องปาดไล่มันออกพร้อมกดจูบซับน้ำตาไปตามแก้มใส หิรัญรวบร่างเล็กๆเข้าไปกอดไว้แนบอก

“ไอหิน มึงปล่อยกูเถอะ หยุดแกล้งกูสักที!”

“ทำไมมึงถึงไม่เข้าใจวะวาย!!!” ไหล่บางถูกสองมือบีบจนแน่นดันร่างเล็กออกจากอ้อมแขนให้มาสบตาที่ตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิด

“มึงคิดว่าการที่กูจูบมึงคือกูแกล้งมึงเหรอ? มึงคิดว่าการที่กูกอดมึงมันคือกูต้องการจะแกล้งมึง? จะบอกว่าที่กูแทบจะแก้ผ้ามึงอยู่แล้วนี่คือกูแกล้งมึงสินะ!!”

“ใช่!!! มึงแค่แกล้งกู มันก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่มึงแกล้งกูนั่นแหละ!!!!” ร่างสูงได้แต่สบถคำหยาบคายออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่ออีกคนดื้อเพ่งไม่ยอมเชื่อคำพูดของเขา เอาแต่เฝ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เขาทำอยู่มันคือการกลั่นแกล้ง มันเข้าใจยากตรงไหนกันว่าทั้งหมดทั้งมวลเขาทำลงไปเพราะรักมัน อยากครอบครองตัวมัน แต่มันกลับ......บอกว่าเขาแกล้ง หึ....ดี!! ดีเหลือเกิน!!!!

หิรัญกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ริมฝีปากแสยะยิ้มชวนขนลุกจนหมอวรงค์แทบจะลืมวิธีหายใจ รังสีอำมหิตแผ่กระจายไปทั่วทั้งทั้งห้อง กดดันจนร่างเล็กหายใจไม่ออก ใบหน้าหล่อเหล่าขยับเข้ามาใกล้จนวรงค์คุมสติเอาไว้ไม่อยู่ นัยน์ตาหวานเลื่อนลอยมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่าและเบลอไปหมด ปากเล็กหอบเอาอากาศเข้าปอดอย่าเงอาเป็นเอาตายทั้งๆที่อีกคนยังไม่กด้กระทำใดๆเลยด้วยซ้ำ หิรัญชงักมองความผิดปกติของคนตรงหน้าไม่วางตาก่อนจะหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!!! วาย!! ตื่นสิ วาย!! มึงเป็นอะไร โถ่เว้ย!!!!!”

สองแขนรั้งเอาตัวคนที่จู่ๆก็ล้มพับหมดสติลงตรงหน้าเข้ามากอดไว้ ใบหน้าหวานซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อที่เกาะกุมจนต้องใช้มือเช็ดออกให้ หิรัญช้อนร่างเล็กขึ้นมาอุ้มไว้ตัดสินใจเปิดประตูแล้วพาหมอวรงค์ออกไป ใบหน้าหิรัญร้อนรนจนคนเป็นเพื่อนอย่างปภพที่ยืนคุยกับคนไข้อยู่ด้านนอกเองต้องรีบเดินเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้นวะ เฮ้ย!! ไอวาย!”

“ห้องมึงอยู่ไหนไอภพ!!” น้ำเสียงกระวนกระวายถามหาจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หากแต่ปภพเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกคนในอ้อมแขนไม่รู้สึกตัวความห่วงใยต่อเพื่อนมันก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนในหูของเขา ร่างใหญ่ของปภพอดินนำพาให้หิรัญที่อุ้มร่างของวรงค์เอาไว้ในอ้อมแขนเดินตามมา เปิเประตูและให้หิรัญวางร่างเล็กลงบนเตียงใหญ่ หิรัญยอมทำตามแต่โดยดีใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความห่วงใย และกระวนกระวาย

“มันเป็นอะไร”

“กูก็ไม่รู้ จู่มันก็ ล้มลงไป” หิรัญยังคงจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา ความห่วงใยสะท้อนออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนจนปภพ ที่ยืนอยู่นั้นได้แต่ส่ายหน้ากับความปากแข็งและการกระทำก่อนหน้านี้ของหิรัญ ปภพ ตรวจดูอาการของเพื่อนตัวเล็ก ที่หลับใหลอยู่บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะหามาบอกกล่าวแก่หิรัญ

“แค่พักผ่อนน้อย ก็เลยเป็นลมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

“ดี ถ้าอย่างนั้น...กูจะพามันไปดูแลเอง”

“เฮ้ย!!”

หิรัญไม่ฟังเสียงใด เค้ายกตัวของ วรงค์เข้าสู่อ้อมอกแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจบ้างสิ่งที่อยู่ในห้องอีก เมื่อความ กังวลได้คลายตัวลงหัวใจของ หิรัญก็เต้นแรง อย่างไม่ทราบสาเหตุกลิ่นหอมจากร่างของ วรงค์ในอ้อมแขนช่างเป็นกลิ่นที่ยาวยวนใจของหิรัญเสียเหลือเกิน พี่รันเดินกลับมาที่รถของตัวเองเปิดประตูและนำร่างของ วรงค์วางไว้ที่เลาะข้างๆคนขับ มือใหญ่ปิดประตูพาตนไปอีกด้านก่อนจะออกรถไปอย่างรวดเร็ว

ความวุ่นวายเกิดขึ่นเมื่อเสียงพูดหนาหูเริ่มทำให้คนอื่นๆสนใจ การที่หมอวรงค์ถูกชายปริศนาอุ้มไปนั้นดูจะเป็นหัวข้อสนทนาที่แหงือเกิน แม่มันจะแตกต่างอารมณ์ก็ตาม ปภพที่ไม่อาจจะห้ามปรามเพื่อนได้ก็ได้แต่ยืนมองเท่านั้น การจะไปห้ามหิรัญไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตลอดมา......เขาเองก็เคยห้ามมันมาเสมอ แต่หิรัญนั้นดูจะตกหบุมรักเพื่อนตัวเล็กของเขาเสียอย่างจังจนไม่อาจจะทนนิรงเฉยได้ ทุกครั้งที่เกิดการกลั่นแกล้งกับวรงค์ เขารู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร เพราะเจ้าตัวประกาศอยู่โต้งๆให้ได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง เขาเองก็เคยถามไถ่ถึงเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ ต้องยั่วให้วรงค์โมโหอยู่เสมอ และคำตอบที่ได้มามันก็ทำให้เขานั้น ห้ามปรามมันไม่ลง

“ถ้าการที่มันเกลียดกู....ทำให้กูได้อยู่ในสายตา ทำให้ชีวิตมันมีกูอยู่ต่อไป มันก็คงดีกว่าคนที่.....พบเจอกันแต่ก็แค่คนที่เคยมีปัญหากัน ในที่สุด...มันเองก็จะลืมกูไป กูคง......ทนไม่ได้”

ปภพได้แต่ถอนหายใจกับภาพใบหน้าหล่อที่ได้หัวใจสาวๆในมหา’ลัยไปจนหมด วันที่มันพูดออกมาแบบนั้น สีหน้าของหิรัญเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาของมันที่ปกติจะฉายแววขี้เล่นกลับเต็มไปด้วยร่องรอยความโดดเดี่ยวที่หากไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของเพื่อนตัวเล็กของเขา

“อะไรกันวะ!! เห็นคนไข้กูบอกไอวายโดนใครไม่รู้หล่อๆอุ้มออกไป” ไอเสือเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าวิตกกังวลจนเขาเองได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ผัวมันมารับ พอเจอหน้าผัวมันเลยตกใจสลบไป” ดวงตาคมของอธิปวาววับขึ้นอย่างรู้ทัน รอยยิ้มร้ายๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ

“หึหึ......เลิกเล่นแล้วสินะ เพื่อนมึง”

“อืม.....มันคงจะ.....ได้เวลาโตสักที”

อธิปและปภพต่างก็มีร รอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า ความทรงจำค่อยค่อยพุดขึ้นมา วรงค์ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้หันมองหาร่างของใครอีกคนเสมอยามเมื่อไม่เห็นอยู่ในสายตา ยามเรื่อยอีกคนห่างหายไป วรงค์มักจะกระส่ายกระสับกวาดตามองหาใครบางคนเสมอ พอไม่เจอหน้าตาก็จะหมองเศร้าลง ถอนหายใจบ่อยขึ้น แต่ก็ยังปากแข็งพร่ำแต่คำว่าเกลียดเมื่อยามเจอหน้า เขาล่ะปวดหัวกับสองคนนี้เหลือเกิน เฮ้อ!







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มีต่อค่าา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 22-06-2018 14:36:50
ต่อนะคะ

      หิรัญค่อยๆวางร่างของหมอวรงค์ลงบนเตียงกว้างของตนอย่างเบามือ ปัดเอาผมที่ปรกลงใบหน้าออกเพื่อให้เห็นใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้ม สายตาคมทอประกายแววหวานสุดใจด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมจนหากอีกคนตื่นขึ้นมาเห็นคงสั่นสะท้านไปทั้งตัว จมูกโด่งก้มลงแตะบริเวณผิวแก้มอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นหอมจากแก้มใสไปมาก่อนใบหน้าจะค่อยๆเลื่อนลงมาที่จุดชีพจร เขารู้! รู้ดีว่าการทำแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการ ลักหลับ แต่ขอแต่ได้ชื่นใจก็ยังดี เขาทนมานานเหลือเกินแล้ว

   มือหนากำแน่นเพื่อระงับความต้องการที่มีมากมาย สะกดกลั้นความปราถนาที่เป็นตัวสั่งการให้เขากระทำตามใจกับร่างที่กำลังหลับไหล

ทำสิ จะรออะไร กลิ่นนี้ ใบหน้านี้ คนๆนี้ อยากได้ไม่ใช่หรือ ต้องการไม่ใช่หรือ!!!

   หากแต่หิรัญต้องอดทน กัดฟันบังคับตัวเองเอาไว้ ไม่ต้องการให้อีกคนเกลียดเขาเสียจนไม่อยากพบหน้า ร่างสูงรู้สึกราวกับมีตัวตนฝั่งความดีและความชั่วมานั่งถกเถียงกันอยู่ข้างหู หนึ่งความชั่วสั่งให้หยุดบังคับตัวเอง ปลดปล่อยความต้องการให้คนตรงหน้าได้รับรู้ แต่ความดีกลับบอกให้รั้งรอ เพราะเขาอาจจะเสียใจและเสียร่างเล็กๆนี้ไปตลอดการ

   แพรขนตางอนค่อยๆขยับ คนตัวเล็กเริ่มลืมตามองด้วยความสับสน เกิดอะไรขึ้น นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวจนเขาต้องกระพริบตาซ้ำๆพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้ และเขา.......ก็จำมันได้ สายตาที่บ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราด บรรยากาศกดดันที่แผ่กระจายมายังตัวเขาราวกับจะบังคับให้หยุดหายใจ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นระส่ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นด้านมืดของจิตใจมนุษย์

เขากลัว? ก็ใช่ เจอแบบนั้นใครบ้างเล่าจะไม่กลัว

   มือบางค่อยๆดันตัวเองขึ้น สายตากวาดมองข้างกายก่อนจะเบิกตากว้าง ร่างกายเล็กๆแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงเมื่อพบว่า บุคคลที่เพิ่งจะกระจายความดำมืดมาให้เขานั้น ได้มานั่งอยู่ข้างๆตนเอง แถมใบหน้าหล่อยังไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย วรงค์สัมผัสได้ถึงความจริงจังจากสายตาคู่นั้น และมันก็เต็มไปด้วย.....ความรู้สึกตัดพ้อ แค่เขาไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องตัดพ้อเจาเล่า เขาไม่ใช่หรือที่ถูกกระทำมาตั้งแต่แรก

“ทะ ที่นี่...”

“คอนโดกูเอง รหัสความปลอดภัยชั้นเยี่ยม สแกนลายนิ้วมือในการปลอดล็อคกลอน หึ......อย่าคิดหาทางออกให้เสียเวลาเปล่ายดีกว่า ยังไงซะ มึงก็ต้องอยู่นี่ไปอีกนานวาย!" วรงค์อยากจะถอยแต่ติดที่อีกฝ่ายยังคงจับมือบางเอาไว้ไม่ยอมให้หนี ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความสงสัยและแปลกใจ ตัวของวรงค์ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ดูเหมือนอีกคนจะร้อนรนไปก่อนแล้วจนร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจ

“เรามาคุยกันดีๆ ดีไหมวะหิน มาคุยกันให้จบๆไป”

“จบ? โทษทีวะ พอดีกูไม่ได้อยากจบ ยิ่งกับมึง กูยิ่งไม่ยอมจบง่ายๆ” นี่มันแค้นเขาเกลียดเขาขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้ไม่ยอมจบกับเขาสักที สองมือกำเข้าหากันจนแน่นด้วยความอึดอัด เจ็บยอกในใจแปลบๆกับความรู้สึกของอีกคน

อยากแก้แค้นกูสินะ เกลียดกูมากเลยสินะ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะโทษใครได้ เมื่อเขาเป็นคนเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับทุกอย่างเอง หากเจาไม่ยอมดิ้นตาม ไม่ยอมต่อล้อต่อเถียง ยอมจบไปเสียตั้งแต่วันที่เขาชกหน้ามันก็คฃไม่เป็นแบบนี้ ไม่โหยหาเวลาที่อีกคนห่างหาย ไม่เจ็บปวดเมื่อเจอะเจอคำพูดที่บาดลึกไปทั้งหัวใจ

“อ๊ะ! ทำอะไรวะ!!!” ลุกขึ้นนั่งได้ไม่นานก็ถูกมือใหญ่ผลักลงนอนบนเตียงอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้แขนทั้งสองข้างถูกยึดไว้ข้างตัวเสียแน่น ไม่ว่าจะดิ้นรนขยับแขนออกแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหลุดออกได้เลย ดวงตากลมโตหันไปจ้องกับคนตัวใหญ่ด้านบนอย่างไม่เกรงกลัว แม้ความจริงในใจจะหวาดหวั่นอยู่ก็ตามที

“บอกแล้วไง......ว่ากูจะมายอมจบ เพราะนี่คือการเริ่มต้น!!”

“หยุด อ๊ะ อื้ม!!!!!”

ริมฝีปากหนาบดจูบอันเร่าร้อนลงบนกลีบปากบางอย่างหนักหน่วง ดูดดึงเสียจนคนตัวเล็กต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด รสชาติหวานมอมเมาสติสัมปชัญญะที่มีอยู่ให้หดหายไปจนไม่หลงเหลือ หัวใจดวงน้อยพ่ายแพ้ต่อศึกนี้อย่างราบคาบเมื่อริมฝีปากของคนที่ตนชอบบดเบียดลงมาเท่าไหร่ ความรู้สึกที่กดมันเอาไว้ตลอดมาก็ยิ่งถูกดึงให้ปรากฏ ร่างกายที่เคยดิ้นรนจากเหตุผลร้อยแปดค่อยๆอ่อนลงจนเหลือเพียงความหอมหวานที่ทั้งสองไก้มอบให้กัน

น้ำตาใสไหลลงจากหางตาด้วยความรู้สึกมากล้น ทั้งดีใจและเสียใจในเวบาเดียวกัน แต่วรงค์ไม่รู้เลยว่า น้ำตาเพียงหยดเดียวที่มีนั้น ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนและความไม่พอใจมากขึ้น

เสียใจเพราะกำลังจะเป็นของเขาหรือ ทรมานกับรสรักจากเขาใช่ไหม! ดี!! แบบนี้ จะได้จำไปจนตาย

ความรู้สึกแรงกล้าที่ถูกปลุกเร้ายิ่งเร่งความปราถนาในร่างให้ร้อนรุ่มยิ่งขึ้นไปอีกจนร่างกายทั้งสองแทบจะมอดไหม้ไปกับมัน หิรัญกวาดต้อนฉกชิมความหวานในปากบางไม่ยอมหยุด สองมือปลดปล่อยแขนของร่างบางออกเปลี่ยนมาลูบไล้และปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางที่เรียกว่าเสื้อผ้าออกไปให้พ้น

กายบางเปลือยเปล่าเผยผิวสีน้ำนมให้ได้เห็น มือหนาลูบไล้ไปอย่างมัวเมา สะกิดยอดเล็กๆเบาๆจนเจ้าของสะดุ้งกับความเสียวซ่าน หิรัญลืมสิ้นหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความรัก ความแค้น หรือแม้แต่ความอ่อนโยน เหลือเพียงรสรักที่ถูกเก็บซ่อนมานานเท่านั้น

อยากได้ เขาก็ต้องได้

หินรัญไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ เมื่อกวางน้อยมานอนให้กินตรงหน้าในตอนนี้ มีหรือที่สิงโตอย่างเขาจะปล่อยไป ริมฝีปากดูดดึงผิวเนื้อตามลำคอขาวและแผ่นอกราวกับต้องการจะประกาศให้ได้รู้ ว่าคนตัวเล็กในตอนนี้เป็นของเขาแล้ว

“อืม อ๊ะ”

ปลายลิ้นตวัดเลียตุ่มไตสีชมพูอย่างหื่นกระหาย ดูดเม้มจนมันแดงและแข็งขึ้น เจ้าของยอดสวยสอดปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมจิกดึงอย่างต้องการระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ เผลอแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากหนาด้วยความไม่พอ ปากแดงช้ำหอบหายใจพร้อมกับเสียงครางหวานที่ทุกครั้งที่เขาได้ยิน บางสิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้กางเกงก็ยิ่งขยายจนคับกางเกงไปหมด

หมอวรงค์ได้แต่หอบหายใจส่งเสียงครวญครางอย่างสุดจะกลั้น ความเย็นของเครื่องปรับอากาศสัมผัสผิวขาวโดยตรงจนสะท้าน ปราการทุกด่านถูกร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาปลดออกจนหมด เนื้อผิวที่ร้อนผ่าวแนบชิกันจนไร้ช่องให้อากาศได้ลอดผ่าน หิรัญขยับร่างกายเสียดสีกับเนื้อตัวของวรงค์อย่างเผลอไผล กลิ่นเนื้อหนุ่มจากคนใต้ร่างช่างหอมรัญจวนใจเสียเหลือเกิน จนหิรัญเผลอกัดลงไปอยู่หลายครั้ง รอยฟันปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดจนคนที่ลงมือต้องไล่เลียรอยนั่นราวกับจะปลอบโยน

“ฮือ เจ็บ อ๊ะ!”

แม้ว่าอีกคนจะครวญครางออกมากับความเจ็บปวดนั่นแต่หิรัญหน้ามืดกับความหอมหวานตรงหน้าจนลืมเลือนความยับยั้งชั่งใจที่จะถนุถนอมคนใต้ร่างเสียสนิท ยิ่งได้ลิ้มรสหิรัญก็ยิ่งหลงไหล ยิ่งได้ใกล้เท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง เรือนร่างขาวนวลที่เคยได้แต่จินตนาการ ตอนนี้เขาได้มอง ได้เห็นจนเต็มตา มันช่างยั่วใจเขามากกว่าในจินตนาการของเขาเสียอีก

ริมฝีปากของหิรัญเลื่อนลงมาจนถึงความแข็งแกร่งที่กำลังท้าทายสายตา ปลายลิ้นเลียไปตามความยาวก่อนจะดูดกลืนความองอาจนั้นเข้าไป ทุกครั้งที่ตัวตนของวรงค์ถูกครอบครอง ร่างเล็กๆก็สั่นไปหมด สะโพกบางขยับตามจังหวะของริมฝีปากอีกคนอย่างลืมตัว

“อื่อ อ๊ะ อา”

เสียงหวานครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งถูกขยับครอบครองด้วยจังหวะที่เร่งเร้ามากเท่าไหร่ ความเสียวซ่านก็ยิ่งจุกอยู่บริเวณส่วนปลายจนแทบจะระเบิดออก ร่างเล็กบิดกายไปมาอยู่บนเตียงนุ่ม กัดปากตัวเองเพื่อระงับความกระสันที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ปลายนิ้วค่อยๆสอดแทรกเข้าไปยังช่องทางเล็กๆช้าๆ ขยับเข้าออกเป็นจังหวะทั้งที่ปากของหิรัญยังคงเต็มไปด้วยตัวตนของวรงค์

ร่างกายของวรงค์กระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นจนเต็มปากของร่างสูง หิรัญกลืนหยาดหวานจนหมดอย่างไม่รังเกียจ มองภาพร่างเล็กที่นอนหอบหายใจปรือตาฉ่ำด้วยความปราถนา หัวใจของหิรัญพองโตเมื่อคิดว่ากำลังจะได้เป็นเจ้าของร่างบอบบางที่เฝ้าฝันหามานานหลายปี มือหนาปลดเปลื้องกางเกงตัวใหญ่ออกจากร่างกายพร้อมกับชั้นใน ความองอาจดีดตัวขึ้นท้าทายชี้ชูรางกับลูกศรที่คอยบอกความต้องการ

สวยเหลือเกิน หอมหวานเสียจนไม่อาจจะรั้งรอได้อีกแล้ว

หิรัญตะโบมจูบร่างเล็กอย่างเร่าร้อน ไม่คิดจะปล่อยให้สติของคนใต้ร่างกลับมาสักนิด มือใหญ่ประคองจับจ่อความทนงที่ผงกหัวตามความต้องการที่มีมากล้นไปที่จีบรักสีชมพู

“อื้อ!!!”

เพียงแค่ส่วนปลายรุกล้ำเข้าไปเท่านั้น วรงค์ก็เบิกตากว้างมือบางกระหน่ำตีไปตามอกแกร่งด้วยความเจ็บปวด จีบแดงฉีกขาดจากขนาดที่ใหญ่โตของหิรัญ แม้อยากจะร้อง อยากจะห้ามปรามเพรยงใด แต่ริมฝีปากหนาที่บดเบียดมอบจุมพิตอันร้อนแรงไม่ยอมปล่อยให้เสียงใดๆเล็ดลอดออกมานอกจากเสียงอื้ออึง ความเจ็บปวดยังคงไม่คลาย จีบรักยังคงรัดความทนงจนแน่น ร่างบอบบางสั่นไปหมดแม้แต่มือที่ยกขึ้นดันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อยังสั่นอย่างไม่อาจจะห้าม เล็บเล็กๆจิกเข้าไปในผิวขิงหิรัญอย่างไม่ผ่อนแรง แม้ในใจจะแอบสะดุ้งแต่สัญชาตญาณของหิรัญกลับร่ำร้องอย่างถูกใจ

“ซี๊ด อ๊า”

“อยะ อย่า อื้อ เจ็บ!”

แต่หิรัญไม่สนใจ ความคับแน่นและอุ่นร้อนภายในร่างเล็กช่างให้ความรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่สุด กายแกร่งโหมกระหน่ำกระแทกกายเข้าไปจนสุดในครั้งเดียวจนคนใต้ร่างสะดุ้ง ใบหน้าหวานลิดเบี้ยวน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ริมฝีปากได้แต่ปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมา น้อยใจเหลือเกินที่อีกคนไม่คิดแม้แต่จะถนอมเขา นี่คงเกลียดเขามากสินะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้วรงค์ร่ำไห้ หัวใจดวงน้อยแทบจะแหลกสลาย เจ็บกายยังพอทนได้ไหว แต่หัวใจเขาเล่า จะรักษามันอย่างไร

“วาย อืม ซี๊ด อา”

“อ๊ะๆ”

เสียงทุ้มที่กระซิบเรียกชื่อของคนตัวเล็กเบาๆช่างเป็นเหมือนดั่งสายธารเย็นช่ำที่ถูกรดลงมายังต้นไม้อันเหี่ยวเฉา หัวใจของวรงค์เต้นแรง ความดีใจตีตื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ไหว สะโพกหนาขยับนำความโหดร้ายเข้าออกเสียดสีกับผนังอุ่นร้อนภายในจีบรักที่รัดรึงจนหิรัญแทบจะปลดปล่อยความต้องการออกมาในทันที ยิ่งเสียงทุ้มครางกระเส่าเรียกชื่อเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอดรัดความองอาจที่ใหญ่โตจนคับไปหมด หยาดเหงื่อยผุดขึ้นตามไรผมของวรงค์ด้วยความร้อนที่แผดเผารางกับต้องการจะให้มอดไหม้

หิรัญจับจ้องริมฝีปากบางที่สั่นระริก ร่ำไห้ครวญครางกับความเสียวซ่านอย่างถูกใจ กายใหญ่ยิ่งขยับเข้าออกถี่ยิบจนเตียงใหญ่สั่นคลอน เสียงหัวเตียงกระทบกับผนังดังสนั่นแข่งกับเสียงครางของทั้งสองคนจนแทบจะกลมกลืนเป็นเสียงเดียวกัน แรงขับกายเข้าออกรุนแรงราวกับระรอกคลื่นใหญ่ที่เฝ้าคอยโจมตีเรือเล็กให้จมหายไปใต้สมุทร หากแต่มันกลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความเสน่หาที่เจ้าของร่างใหญ่โตอย่างหิรัญหวังส่งออกไปให้คนใต้ร่างรับรู้มันสักนิด

วรงค์สบตาคมที่ทอดแววหวานฉ่ำไปด้วยร่องรอยความต้องการและความรักใคร่ด้วยความสับสน แววตาหวานสั่นระริกจนอีกคนเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรสนใจเมื่อความต้องการกำลังเล่นงานจุกอยู่กลางกายใหญ่ที่จมหายเข้าๆออกๆอยู่ในจีบสีช้ำ

“อื้อ อ๊ะๆ อ๊าๆ”

“วาย ซี๊ด วาย อ๊า ไม่ไหวแล้ว ฮึ่ม!!”

หยาดธารสีขุ่นถูกปลดปล่อยเข้าไปสู่ภายในจีบรัก แม้ความองอาจจะถูกรีดพิษออกไปจนหมดแต่หิรัญด็ยังไม่คิดดึงกายออกมาสักนิด จีบรักอุ่นร้อนตอดรัดเป็นจังหวะ แก่นกายเล็กของวรงค์ถูกอุ้งมือใหญ่ขยับรูดรั้งอย่างรุนแรงจวบจนร่างเล็กๆกระตุกเกร็งยอมปลดปล่อยสารธารหวานออกมาจนเปื้อนมือใหญ่ไปหมด

หิรัญมองคราบขาวขุ่นในมือด้วยสายตาเร่าร้อน ลิ้นสากเลียหยาดรักของคนใต้ร่างจนหมดสิ้นโดยไม่มีทีท่ารังเกียจกลับเป็นวรงค์เองที่ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงซ่านด้วยความเขินอาย แผ่นอกบางของคนบนเตียงขยับถี่ตามอาการหอบหายใจ หิรัญถอดถอนร่างออกจากจีบเล็กที่บัดนี้ข้ำแดงไปหมดกับความใหญ่โตที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน คราบรักสีขุ่นปนเลือดสีแดงฉานหลั่งไหลย้อนออกมาจนเลอะที่นอน แต่หิรัญกลับไม่ได้ใส่ใจมันสักนิด ทอดกายลงนอนเคียงข้างใช้อ้อมกอดของตัวเองกักขังคนที่เพิ่งถูกมอบความรักอย่างหวงแหน

ริมฝีปากหนาจุมพิตเบาๆกับกลุ่มผมหอม ลูบไล้ฝ่ามือขึ้นลงตามเนื้อกายของวรงค์อย่างหลงไหล หวาน หวานอย่างที่คิด หัวใจของหินัญเต้นแรงจนคนตัวเล็กที่ได้แต่นอนนิ่งเพราะความเจ็บปวดทางด้านหลังรับรู้ได้ถึงจังหวะที่รุนแรงสะท้านอก

“กูรักมึงนะวาย จากนี้กูจะไม่เสียเวลาอะไรอีก มึงเป็นของกูแล้ว” วรงค์ตัวแข็งทื่อกับคำว่ารักที่เพิ่งได้ยินจากปากของคนด้านหลัง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความลิงโลด ไม่คาดคิดสักนิดว่าหินัญจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา

“มะ มึง เอ่อ มึงพูด จริงๆเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามราวกับเพ้อพก ไม่แน่ใจว่าในตอนนี้ตนกำลังละเมอหรือฝันอะไรอยู่หรือเปล่า แต่หิรัญกลับหัวเราะเสียงแผ่ว เอี้ยวตัวกดริมฝีปากลงบนแก้มใสอย่างรักใคร กระซิบคำหวานใกล้ๆใบหูเล็กอีกครั้ง

“จริงสิ กูรักมึง รักมาตลอด” วรงค์พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองยกยิ้มขึ้นมา แต่แม้อาจจะห้ามไม่ให้ยิ้มได้ แต่อย่างไรก็ไม่สามารถห้ามเสียงหัวใจไม่ให้เต้นเร็วได้เลย

“แล้วมึงละวาย มึงเกลียดกูไหม”

“เปล่า!! เอ่อ ไม่ได้เกลียด” สติของวรงค์แทบจะไม่เต็มร้อยแล้ว เพียงแค่ร่างสูฃที่เพิ่งเอ่ยความในใจถามไถ่ถึงความเกลียดชังที่เคยมี เขาก็รีบตอบกลับเสียจนอยากจะทุบตีตัวเองนัก

“ถ้างั้น.......มึงรักกูไหม” วรวค์กัดริมฝีปากที่สั่นระริกแน่น จะให้พูดออกไปมันก็ช่างหน้าอายเสียเหลือเกิน ยิ่งเขาและหิรัญเพิ่งจะผ่านพ้นสงครามรักบนเตียงอันดุเดือดมาหยกๆด้วยแล้ว ความอายก็แล่นมาจุกอกจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับไป

“ตอบให้กูได้ยินหน่อยสิ อย่าเอาแต่พยักหน้า” รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอายและขวยเขิน แต่หิรัญกลับชอบใจและไม่อาจจะหยุดแกล้งได้เลย ใจหนึ่งเขาก็รู้แล้วว่าวรงค์รู้สึกกับตนเช่นไร หากแต่อีกใจก็ยังอยากได้ยินเสียงของอีกฝ่ายพูดคำๆนั้นให้ได้ยินอีกสักครั้ง วรงต์กำผ้าปูเตียงแน่น ในใจได้แต่กร่นด่าหิรัญในใจที่ได้คืนหวังจะเอาศอก

“ระ รัก”

แม้จะแผ่วเบาแต่หิรัญก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน ซ้ำยังดังก้องอยู่ในหูไม่ยอมหยุดเสียด้วย ความดีใจส่งผลให้แขนแกร่งรัดร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขนแน่นขึ้น พรมจูบที่หลังคอเล็กด้วยความรักใคร่อย่างสุดใจ ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง ในที่สุดเขาก็ได้คนในอ้อมแขนมาครอบครองทั้งกายและใจ

“ขอบคุณ..”

ทั้งสองต่างยิ้มให้กับความรู้สึกของตัวเอง หัวใจของหิรัญและวรงค์เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ทั้งสองหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความสุขใจ อิ่มเอมรสรักและคำรักที่ได้สัมผัสจนปลื้มใจ ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ควรเป็นแล้ว มันควรจะเป็นแบบนี้มานานแล้ว หากเขาและหิรัญไม่ถือทิฐิและความโกรธมาเป็นหลักความรู้สึก พวกเขาก็คงไม่ต้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานเช่นนี้หรอก พวกเขาคง.....กลายเป็นคนรักกันไปนานแล้ว







                                  ++++++++++++++++++++++++++++++++++++







          แสงแดดสาดส่องเข้ามารบกวนการนอนของทั้งสองอย่างที่สุด หากแต่หิรัญเพียงแค่กอดรัดร่างเล็กข้างกายมากขึ้นเท่านั้น แต่วรงค์ที่ถูกรัดจนอึดอัดได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ สายตาหวานไล่มองแขนใหญ่ที่กำลังรัดร่างเขาราวกับงูใหญ่รัดเหยื่อด้วยความงุนงง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนถูกรีรันกลับมาฉายใหม่อีกครั้งราวกับละครจนใบหน้าหวานขึ่นสีระเรือ ความเขินอายทำให้วรงค์ต้องจับแขนแกร่งนั้นออกจากลำตัวของตนอย่างเสียไม่ได้ อย่างไรเขาก็ต้องไปทำงาน

“อึก!!”

ความเจ็บแล่นเข้าสู่ร่างกายจนคนตัวเองนิ่วหน้าทันทีที่ขยับขาลงจากเตียงใหญ่ ริมฝีปากบางถูกกัดไว้แน่นไม่ยินยอมปบ่อยเสียงร้องออกมารบกวนคนที่หลับไหลอยู่แน่ๆ ด้วยเขารู้ดีว่าหากอีกคนตื่นขึ้นมา คงไม่แคล้วได้ต่อรอบสองแน่ๆ

หมับ!

“จะไปไหน” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กๆเอาไว้ได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะลุกขึ้นจนวรงค์สะดุ้งด้วยความตกใจ

“กู....ต้องไปทำงานแล้ว วันนี้มีคนไข้เข้า” แม้จะบอกออกไปอย่างนั้น แต่อีกคนดูจะไม่เข้าใจสักนิด ซ้ำยังกระตุกแขนให้ร่างของเขาถลาล้มลงไปนอนใช้แขนแกร่งกัดกอดเอาไว้เสียนี่ ใบหน้าหวานเหยเก มันลืมไปหรือเปล่าว่าเขายังเจ็บอยู่!!

“ไม่ให้ไป ไม่ต้องไป กูจะนอนกอดเมีย” เอากับมันสิ ดื้อรั้นเป็นเด็กแบบนี้ เห็นทีจะปราบยาก บนจะอ้อนไอหิรัญมันก็อ้อนเสียเหลือเกินจนใจเขาอ่อนยวบ แต่อย่างไร งานก็คืองาน แม้จอยากอยู่กับอีกคนมากเท่าไหร่ก็ต้องตัดใจอยู่ดี

“มึงก็กอดหมอนข้างไปก่อน วันนี้กูต้องรักษาคนไข้นะ” มือเล็กๆลูบแผ่นหลังใหญ่อย่างปลอบโยน พยายามใช้เหตุผลกับคนที่โตแต่ตัวอย่างมาก

“ไม่เอา......อยากกอดมึง”

“หิน กูต้องทำงาน” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ่นเมื่ออีกคนไม่มีทีท่าจะเข้าใจอะไรเลย

“ไม่ต้องทำ เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง”

“ปล่อยกูเลย กูจะไปคลินิกแล้ว!!”

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย! วาย!! มึงตีผัวได้ไงวะ!” คนตัวโตปล่อยมือออกทันทีที่ถูกฝ่ามือเล็กๆฟสดเข้าให้เต็มรักจนแผ่นหลังเกิดรอยแดง

“ก็แล้วผัวมันฟังกูไหมล่ะ อย่าเถียงกูนะ!” วรงค์ชี้หน้าอย่างเอาเรืทองจนหิรัญต้องหุบปากลงและมองสบตาหวานคู่นั้นอย่างออดอ้อน แต่วรงค์ไม่สนใจสักนิด เดินดุ่มออกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ขาสั่นจนแทบจะล้ม

หิรัญนั่งมองแผ่นหลัฃเนียนที่เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความเอ็นดู ในใจปลาบปลื้มเสียจนต้องระบายยิ้มออกมาบนใบหน้า นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยิ้มอย่างเต็มที่แบบนี้ มันก็หลายปีแล้วจริงๆ หิรัญรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีแรงขึ้นมามาก อีกทั้งยังรู้สึกราวกับได้พักผ่อนมาจนอิ่ม ทั้งที่เขาผ่านศึกรบรักกับวรงค์บนเตียงที่ตอนนี้ยับย่นอย่างไม่ค่อยน่าดู ผ้าปูสีขาวเปื้อนคราบรักจนเป็นรอยน่าอาย

เสียงน้ำไหลผ่านร่างบอบบางลอดผ่านมาให้ได้ยิน เพียงแค่นั้นหัวใจของหิรัญก็เต้นแรงขึ้น นึกถึงกลิ่นและสัมผัสเมื่อคืนด้วยแล้วยิ่งทำให้บางสิ่งที่ถูกผ้าห่มปกปิดเอาไว้ดีดตัวขึ้นมาตั้งตระหง่านท้าทายสายตาจนเจ้าของปวดหนึบ เขารู้สึกราวกับตัวเองช่างโรคจิตเสียเหลือเกินที่ได้กินไปเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเอมเลยสักนิด ซ้ำยังหิวโหยร่างเล็กๆนั้นยิ่งขึ้นไปอีก

อยากทำอีก

อยากเข้าไปข้างในที่อุ่นและร้อนนั่นอีก

สุดท้ายเขาก็ทนต่อความปราถนาที่มันเรียกร้องไม่ไหว เดินเข้าไปในห้องน้ำตามหลังอีกคนทันที แผ่นหลังบอบบางของวรงค์ที่มีหยดน้ำไหลผ่านช่างเป็นยากระตุ้นชั้นดีเหลือเกิน หิรัญเดินเข้าไปในสายน้ำเดียวกันโอบกอดวรงค์ไว้จากทางด้านหลังจนวรงค์เองสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปตามลำคอระหงด้วยความหลงไหล มือหนาป่ายไปมาตามเรือนร่างบอบบางแสนรักสะกิดยอดชูชันทั้งสองข้างอย่างต้องการยอกล้อ

“อื้อ ไอหิน พะ พอ”

“มึงยั่วกูเกินไปวาย กูทนไม่ไหวแล้ว เห็นไหม” หิรัญแนบกายลงไปจนชิด บางสิ่งกลางร่างเสียดสีอยู่กับก้นงอนของวรงค์อย่างเรียกร้อง

ริมฝีปากบดจูบอันร้อนแรงใต้สายน้ำเย็นที่ไหลผ่าน จับกอบกุมเอาวรงค์น้อยที่ขยายตัวไว้ในอุ้งมือหนาก่อนจะค่อยๆขยับสาวมือตามความยาว จนวรงค์น้อยเริ่มปริ่มน้ำ ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านจนครางกระเส่า หิรัญย่อกายคุกเข่าลงบนพื้น สองมือหนาจับยึดสะโพกบางเอาไว้ก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบลงไปดูดกลืนความองอาจ กลิ่นหวานๆของหยาดน้ำหวานลอยคละคลุ้มอยู่ในปากของหิรัญ ปลายลิ้นตวัดเลียไปตามแท่งร้อนครอบครองริมฝีปากเข้าออกอย่างเอร็ดอร่อยจนวรงค์ต้องจิกมือขยุ้มเส้นผมของหิรัญเอาไว้เพื่อระบายความกระสันที่ตีขึ้น

“หะ หิน อื้อๆ”

จ๊วบ แผล่บ

เพียงไม่นานวรงค์น้อยก็ปลดปล่อยหยาดรักรสหวานปะแล่มๆเข้าเต็มปาก หิรัญกลืนลงคอจนหมดเลียริมฝีปากด้วยความเสียดาย วรงค์หอบหายใจต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วสอดเข้าไปยังจีบรักที่บวมช้ำจากการใช้งาน คราบรักสีขุ่นที่คั่งค้างจากครั้งเก่าไหลออกมาตามนิ้วเรียวที่หายเข้าไปภายในช่องทางเล็กๆ หิรัญหยัดกายขึ้นจูบซับตามลำคอและแนวไหล่ จีบรักรัดรึงปลายนิ้วเริ่มคลายตัวลง ปากบางเริ่มปลดปล่อยเสียงครางกระเส่าออกมาอย่าหยุดไม่อยู่ แข้งขาอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง

“อ๊า อ๊ะ!!”

หิรัญยกกายบางขึ้นดึงขาเรียวเกี่ยวเอวสอบไว้ก่อนจะจับความใหญ่โตจ่อที่จีบสีช้ำก่อนจะดันร่างเข้าไปจนสุด เสียงครางดังลั่นด้วยความเจ็บปวดในคราแรกจนต้องทุบลงไปบนไหล่กว้าง มองค้อนใบหน้าหล่ออย่างมั่นไส้ ร่างสูงหัวเราะใบลำคออย่างแผ่วเบาไม่เจ็บสักนิดที่โดนคนตัวเล็กทุบเอาแบบนี้

แท่งร้อนขยับเข้าออกจนได้ยินเสียงน่าอาย สองแขนบางโอบรอบคอของหิรัญเอาไว้แน่น แหงนเงยใบหน้าขึ้นร้องครวญครางอย่างลืมตัวยิ่งเป็นการกระตุ้นเลือดในกายของหิรัญให้ร้อนจนต้องขยับสอดใส่อย่างรุนแรง มือใหญ่กระชับสะโพกบางขึ้นลงตามจังหวะที่สอดใส่ ผนังอุ่นถูกเสียดสีจนร้อนระอุตอดรัดสิ่งรุกล้ำจนแน่น

“อา วายมึงรัดกูแน่น ซี๊ด”

“อื้อ อ๊ะ อา”

หิรัญทรุดกายลงกับพื้นเปียกใต้สายน้ำที่ไหลลงมา แผ่นหลังบางสัมผัสกับผนังห้องน้ำที่เย็นเฉียบแต่ความร้อนจากแรงปราถนาก็ทำให้วรงค์ลืมเลือนความเย็นของมันไปจนหมด จดจ่ออยู่กับจังหวะสอดใส่ของท่อนลำที่ผลุบเข้าออกและความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

ร่างสูงประกบจูบดูดดื่ม เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กอย่างดุเดือด สองร่างโรมรันกันอย่างเมามันจนแนบชิด เสียงครางของหิรัญและวรงค์ดั่งต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด สะโพกหนาเร่งเร้าสอดกายเข้าออกถี่ๆเมื่อรับรู้ได้ว่าใกล้จะถึงฝั่งฝัน หิรัญกอบกุมแท่งรักสีสวยเอาไว้ในมือ ขยับรูดรั้งมันตามจังหวะที่สะโพกสอบเร่งจังหวะ เสียงหยาบโลนอันน่าอายดังไม่หยุด ใบหน้าของหิรัญและวรงค์แดงซ่านเมื่อความเสียวกระสันไหลมารวมอยู่ตรงส่วนปลาย

หิรัญหยัดกายเร่งจังหวะอยู่สองสามครั้งก่อนที่ร่างทั้งสองจะกระตุกเกร็งและปลดปล่อยสายธารรักสีขุ่นออกมา เสียงหอบหายใจดังไปทั้งห้องน้ำด้วยความเหนื่อยอ่อน ความองอาจถูกถอดออกมาช้าๆโดยมีหยาดสีขุ่นไหลออกมาตามจีบรักที่เปิดออกกว้าง หิรัญได้แต่หัวรำเบาๆและจูบซับตามไรผมของวรงค์อย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านอนหอบหายใจและหมดเรี่ยมแรง

“หึหึ อีกรอบไหม” วรงค์หน้าแดงซ่านมองค้อนคนที่ถามทั้งที่ยังเอาความแข็งแกร่งเบื้องล่างมาจ่อที่ช่องรักของตนอยู่ด้วยความหมั่นไส้ ยังจะถามอีก!

“ไม่เอาที่ห้องน้ำแล้วนะ...”

“งั้น.....บนเตียง”

“วะ เหวอ!!!!!”

ไม่ทันจะพูดหรือตอบกลับสิ่งใดออกไป ร่างของวรงค์ก็ถูกยกขึ้นจนตัวลอยจนเจ้าตัวต้องรีบโอบรอบคำลอของหิรัญเอาไว้ บทรักบทใหม่ถูกเขียนขึ้นอีกครั้งบนเตียงนุ่มไม่หยุดพัก หิรัญจมอยู่กับความปราถนาที่มีต่อวรงค์ ใช้เวลากลืนกินคนที่ลุ่มหลงช้าๆไม่รู้เบื่อ ดอกรักที่ผลิบานในหัวใจของทั้งสองคนถูกรดน้ำจนเติบโตโดยที่รู้ดีว่ามันจะไม่มีวันล่วงโรย เขาจะช่วยกันดูแลความรักที่มีอยู่อย่างดี จะทำให้มันเตอบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีวันล้มแม้จะเจอพายุฝนโหมกระหน่ำแค่ไหน เขาและหิรัญเสียเวลามามากพอแล้วกับทิฐิ เขาจะไม่มีวันเสียเวลาที่เหลือไปอีก แม้ว่าเวลาที่เหลือที่ว่า จะต้องอยู่แต่บนเตียงเพราะความหื่นกามของหิรัญก็ตาม









The End









        โอ้ย!!! ไอคนหลงเมีย เกลียดมาก เหม็นความรัก เห็นไหมๆนายหินของเรารักหมอวายขนาดไหน ความรักของคนสองคนไม่จำกัดเพศนะคะ ถ้ามอฃว่ารักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าเพศไหนมันก็ดูสวยงามเหมือนเดิม จริงๆแมวคิดอยู่ว่าจะลองเอาเรื่องนี้ส่งสำนักพิมพ์ดูเล่นๆเผื่อฟลุ๊ค ติดแค่ว่าแมวกลัว ncจะเยอะไปไหม!!! เพราะเขาบอกว่ารับแบบกรุบกริบ ภาษาสวยไม่บรรยายซะแบบจาบจ้วง ไอของเรามันเข้าข่ายส่อไหมเนี่ย เอาเถอะ เดี๋ยวแมวจะลองส่งไปดู ถ้าได้รับพิจารณาก็ดี ถ้าไม่ได้ผ่านก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผ่านก็คงดีแมวจะได้เอาเงินมาเปย์แม่ต่อ(ตกลงหล่อนทำเพื่อเงินใช่ไหมตอบ!!!)55555

ป.ล ตอนหน้าเป็นตอนของหนูจิ้งกับพี่ภพนะคะ จะเป็นยังไงน๊าาา ต้องมารอลุ้นกัน~




Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-06-2018 17:30:47
ยาวจุใจมาก ชอบ...บบบบบ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 23-06-2018 12:10:57
 :o8:

สนุกมากค่ะ คนเขียนเก่งมาก

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-06-2018 01:19:21
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 24-06-2018 08:14:38
ยอมคู่นี้แล้วจ้า ดุเดือดมาก
หินถนอมวายหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 24-06-2018 14:33:19
สงสารหมอ 55555
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-06-2018 08:39:29
หมอวายจะได้หลับมาตรวจคนไข้อีกไหมคะ ตอบ!!!


รอห้องตรวจสุดท้ายค่ะ :hao7:

ปล.ขอแซ่บพริกร้อยเม็ด. 555
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 29-06-2018 20:44:24
 :pighaun:  :haun4:  :jul1:
สมกับที่รอคอย.  :กอด1:
รอห้องที่เก้า  :hao6:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๘. น.พ วรงค์ ๑๐๐% UP. 22/06/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-06-2018 10:22:53
จัดขนาดนี้ให้พี่หินเลี้ยงเลย อิอิ
ไปซูบเลือดรอห้องต่อไป
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 04-07-2018 16:54:02
ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ

            ช่วงเวลาเช้าวันนี้ช่างสดใสกับใครหลายๆคน ทั้งผู้คนที่กำลังเดินทางไปทำงาน และผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยอยู่ในตลาด ซึ่งเขาเอง จักรพรรติ หรือจิ้ง ชื่อที่แม่ตั้งให้เพื่อให้ลูกชายเป็นใหญ่เป็นโตกับเขาด้วยความหวัง แต่สุดท้ายไอจักรพรรติก็ทำให้ความหวังของแม่พังไม่เป็นท่าด้วยฐานะที่ไม่อำนวยบวกกับผลการเรียนที่ออกมาไม่น่าพอใจ จึงทำให้ไม่ได้รับทุนให้เรียนต่อหลังจากจบมอต้นจวบจนตอนนี้ที่อายุอานามปาเข้าไป22แล้ว

    จิ้งมีพี่สาวหนึ่งคนเธอเป็นคนดี มีใบหน้าที่สวยเหมือนแม่ที่ตอนนี้ได้หนีไปมีครอบครัวใหม่ ไม่สนใจชีวิตของเขาและพี่จัทร์อีก ก็แน่ล่ะ ครอบครัวใหม่รวยออกแบบนั้นคงไม่มีทางจะพาลูกติดไปด้วยหรอก แถมพี่จะนทร์ก็แต่งงานแต่งการไปด้วยแล้วแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่

   จิ้งไก้แต่เบ้หน้าเมื่อนึกถึงความจริงในข้อนี้ พี่จัทร์เจ้าที่ตอนนี้อายุ28 แต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น พี่เขยของเขาเป็นคนเอาใจใส่เอาการเอางาน ขยันจนเรียกได้ว่า.....ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แม้ว่าเขาจะไม่เชิงว่าเป็นครอบครัวของพี่จันทร์และพี่ลิมก็ตาม การที่พี่สาวของเขาแต่งงานไปหมายความว่าพี่จันทร์จะมีครอบครัวของตัวเอง และเขา.....ก็ควรออกมา

   แต่เขามันอ่อนหัด ทำอะไรด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง แม้พี่ลิมจะบอกให้เขาอยู่ได้ จะนับเขาว่าเป็นคนในครอบครัว แต่ตัวเขาเองที่รู้ดีว่า.....มันไม่ใช่ เขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้นานนัก เขาควรจะหาทางไปของตัวเองได้แล้ว แต่แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ได้แต่มานั่งอยู่ตรงนี้ ช่วยพี่จันทร์ขายของอยู่ในตลาด และแน่นอน ทำตัวเป็นไม้กันหมาไอพวกที่กระลิ่มกระเหลี่ยกับเมียชาวบ้านพวกนี้!!

“แหม.....กับข้าวของจันทร์อร๊อย...อร่อย นี่ถ้าพี่ไม่เกรงใจพี่จะจ้างไปทำให้กินที่บ้านทั้งชีวิตเลยนะจ๊ะ” ก็หัดเกรงใจสิ ไม่ก็เกรงตีนเขาหน่อยก็ดี แต่พี่จันทร์กลับทำแค่ยิ้มแย้มกลับไปเท่านั้น

“ขอบคุณอุดหนุนค่ะ”

   ไอพวกลิ้นไรพวกนี้มันน่าจับลนไฟเสียให้หมด รู้ทั้งรู้ว่าชีวิตแต่งงานของพี่จันทร์กับพี่ลิมไปกันได้ดีเยี่ยมก็ยังเพียรพยายามเสียเหลือเกินที่จะชุบมือเปิบแย่งชิงไป ต้องหน้าด้านขนาดไหนกันนะถึงจะทำได้ขนาดนี้ จิ้นได้แต่ยืนมองภาพที่เกิดขึ้นราวกับมีใครมากดรีเพลย์หากแต่ผู้ท้าชิงแค่เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาไปเท่านั้น จิงเท้ากระตุกจนอยากจะเอาไปแนบบนหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าลูกค้า แต่เขาทำได้เพียงแค่อดทน เพราะถ้าเขาบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป พี่จันทร์คงไม่พอใจเป็นแน่

   จันทิรายิ้มบางๆให้เหล่าลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อกับข้าวของเธอ เธอรู้ดีว่าน้องชายกำลังมีสีหน้าเช่นไร หากแต่นี่คือหนทางทำให้ครอบครัวมีรายได้ เธอคงยอมให้น้องชายสุดที่รักรังแกลูกค้าไม่ได้หรอก เหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างพากันมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน สายตาฉ่ำหวานถูกส่งให้แม่ค้าคนสวยประจำตลาดด้วยความพึงพอใจ

   ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าจันทิราสวยสง่าเพียงใด ใบหน้าเรียวที่มีองค์ประกอบหลักๆเป็นดวงตากลมสีน้ำตาลเข้ม จมูกเชิดโด่งรับกับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อปลายคางมนได้รูปบวกกับผิวขาวน้ำนมยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงรูปร่างที่โค้งเว้าตามสัดส่วนจนเรียกสายตาให้ใครๆต่างพากันเมียงมอง

“แหมหนูจันทร์ ไม่น่าลำบากเลย ถ้าหนูไปอยู่กับป๋า...”

ตึง!!!

“อ๊ะ โทษ’ครับ พอดี ตีน ผมมันกระตุก”

   ชายร่างท้วมวัยเกือบสี่สิบสะดุ้งกับเสียงโต๊ะที่ถูกบางสิ่งกระแทกอย่างแรงด้วยความตกใจ ไหนจะน้ำเสียงและการเน้นคำพูดจากร่างของอีกคนที่ยืนทมึนทึงอยู่ด้านหลังของจันทิราทั้งที่รอยยิ้มบนใบหน้านั่นดูน่ากลัวจนเขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

   หัวใจของชายวัยสามสิบปลายๆแทบจะหลุดกระเด็นออกมา ออร่าสีดำบีบคั้นให้ต้องรีบจ่ายเงินแล้วเดินหนีไป เหมือนถูกกระซิบให้บอกลาโลกนี้เสียถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อและชายที่ยังหาความสุขไม่เต็มที่อย่างเขาคงไม่เอาชีวิตมาทิ้งเล่นๆ เขาหันกลับไปมองที่ร้านอีกครั้งหลังจากเดินออกมาไกลพอควรแล้ว สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ได้ต่างจากจันทิราเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูท่าทางที่ทะมัดทะแมนและน้ำเสียงที่ติดทุ้มนั่นเป็นตัวบอกได้ดีเลยว่าเป็นผู้ชาย

    จิ้งโบกมือให้ชายที่หยุดมองเขาห่างจากร้านพอควรด้วยรอยยิ้มการค้า อีกฝ่ายกลับสะดุ้งตกใจแล้วสาวเท้าหนีไปราวกับเห็นผี การกระทำแปลกๆของคนๆนั้นทำให้จิ้งได้แต่หัวเราะแผ่วเบา นี่ถ้าไม่ติดว่าอายุมากกว่าตนเยอะล่ะก็ เขาคงด่าด้วยคำพูดแรงๆไปแล้ว จันทิราเหลือบมองน้องชายกาอนจะส่ายหน้าด้วยความระอา รู้อยู่หรอกว่าน้องของเธอทำเพื่อปกป้อง แต่แบบนี้มีหวังลูกค้าหนีหายหมดแน่ๆ แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บให้น้องชายคนนี้ได้เรียนต่อกัน

“รับอะไรดีคะ?” เหล่าผู้กล้าหน้าใหม่มาแล้ว

“ถ้ารับแม่ค้า.......”

“หืม!!!!!!!” คิ้วของจิ้งกระตุกถี่หยิบด้วยความไม่พอใจ จึงได้แต่ส่งเสียต่ำๆในลำคอออกไปถามพร้อมกับสายตาอาฆาตชนิดที่จะบอกว่า ให้มันพูดใหม่

“เอ่อ ผมเอาผัดผักรวม กับแกงส้มปลาสวายครับ”

ค่อยดีขึ้นหน่อย แสดงว่ากลัวตายเป็นเหมือนกัน

     จิ้งยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายยอมละความพยายามจะงาบพี่สาวเขาอย่างง่ายดาย จิ้งกอดอกยืนจ้องใบหน้าของคนๆนั้นอยู่ตลอด กดดันให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าอย่าได้ริอาจเงยหน้าขึ้นมามองเชียว พ่อจะเจื๋อนให้เป็นชิ้นเล็กๆ พี่จันทร์ยืนถุงกับข้าวให้กับไอหมอนั่นไปพร้อมกับรับเงินมา แต่พี่จันทร์ก็ยังคงยิ้มให้ลูกค้าและกล่าวขอบคุณเช่นเดิมไม่เปลี่ยน จะเปลี่ยนก็ตรฃที่ไอนั่นมันไม่กล้ามองหน้าพี่จันทร์อีกเลย ดีแล้ว แบบนี้ดีขึ้นหน่อย

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย!! พี่จันทร์ จิ้งเจ็บนะพี่” จักรพรรติได้แต่บีบน้ำตาทำหน้าตาราวกับเจ็บนักเจ็บหนาที่ถูกพี่สาวสุดที่รักลงไม้ลงมือใส่แขนตนเอง

“ไม่ต้องเลยนะ!! แบบนี้จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อไหมจิ้ง” พี่จันทร์มองค้อนกับความตอแห(ล)ของเขาที่แสดงออกมา สีหน้าของพี่จันทร์ทำราวกับว่าเขาผิดเหลือเกิน

“ก็มัน...”

“จิ้ง!! เรียกดีๆนะ เขาเป็นลูกค้า!” เมื่อได้ยินเสียงดุของผู้เป็นพี่สาว จักรพพรติก็เบ้ปากงอแงและหงอยลงทันที

“ก็เขา.....เต๊าะพี่จันทร์นี่ครับ”

“จิ้ง.....เราเป็นพ่อค้าแม่ค้า อันไหนทนได้ก็ต้องทนนะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน”

“ชิ! ไม่เข้าก็ไม่ต้องเข้าสิ” จิ้งเอ่ยกระซิบกับตัวเองเสียงเบา

“ว่าไงนะ?”

“เปล่าคร๊าบบบ จิ้งรู้ๆ จิ้งจะอดทนครับพี่” จักรพรรติมองพี่สาวแล้วยิ้มประจบ ถูไถใบหน้าไปกับแขนอันบอบบางของพี่สาว ถึงแม้ปากจะบอกเช่นนั้น แต่ในใจยังคงคิดจะฟาดฟันเหล่าลิ้นไรที่ชอบมาตอมตอดพี่สาวของเขาให้แดดิ้นตายไป

   คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่ใช่ไม่รู้ว่านิสัยน้องตัวเองเป็นอย่างไร แต่ยังไงเธอก็ต้องติเตือน ความไม่พอใจนั้นเกิดได้กับทุกคนแต่เราต้องเก็บมันเอาไว้ ยิ่งอาชีพค้าขายจะแสดงออกให้ลูกค้าเห็นไม่ได้อย่างเด็ดขาด สายตาหวานซึ้งของจันทิรามองไปยังร่างของน้องชายที่กำลังพยายามเอาอกเอาใจเธอด้วยการตักกับข้าวใส่ถุงให้ลูกค้า ยิ้มแยกเขี้ยวใส่ลูกค้าเล็กน้อยจนเธออดเอ็นดูไม่ได้ จริงๆที่ลูกค้ายังไม่ทิ้งเธอไปก็คงเป็นเพราะสนุกที่ได้ดูน้องชายเธอกัดใส่เสียล่ะมั้ง เพราะเห็นลับหลังออกไปทีไร มีแต่คนบ่นว่า โดนอีกแล้ว บ้างล่ะ หัวเราะแบบขบขัน บ้างล่ะ สรุปคือมาเล่นสนุกกับลูกหมาจิ้งจอกตัวน้อยที่พร้อมจะกระโดดกัดหัวใครมากกว่าล่ะมั้ง หึหึ





                    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







   จิ้งหอบของกลับบ้านอย่างทุลักทุเล พยายามไม่ให้พี่สาวต้องมาถืออะไรหนักๆเพราะอย่างไรรูปร่างบอบบางอรชรของพี่จันทร์ก็ไม่เหมาะกับการขนของพวกนี้หรอก พี่จันทร์เปิดประตูบ้านกว้างเพื่อให้เขาเข้าไปได้ เขายิ้มค้อมศีรษะให้พี่สาวเป็นการขอบคุณและพี่จันทร์เองก็ยิ้มตอบ

   ไฟในบ้านถูกเปิดจนสว่างคาดเดาได้เลยว่าพี่ลิมกลับมาจากทำงานแล้วแน่ๆ แปลกจัง.....ปกติเวลาป่านนี้พี่ลิมไม่น่าจะกลับบ้านได้นี่นา หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ??

“ลิม.....คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?” เสียงใสของพี่จันทร์เอ่ยถามออกไปทั้งที่ยังหาเจ้าตัวไม่พบ ผมวางของระเกะระกะลงในครัวก่อนจะเดินออกมาหาพี่เขยที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ส่วนไหนของบ้าน

“พี่จันทร์......เจอพี่ลิมไหมครับ”

“ยังเลย เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปดูที่ห้อง จิ้งลองหาดูที่อื่นนะ”

    จิ้งพยักหน้ารับปล่อยให้พี่สาวเดินไปยังห้องนอนตัวเอง แปลกจริงๆ บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายแต่กลับหาพี่เขยไม่เจอเสียอย่างนั้น แต่มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก ก็ไฟมันเปิดอยู่แบบนี้ ยังไงมันก็ต้องเป็นพี่ลิมที่กลับบ้าน ปัญหาคือ.....พี่ลิมอยู่ไหน??

“ลิม!!!!!!!” เสียงร้องด้วยความตกใจของพี่จันทร์ทำให้ผมต้องรีบวิ่งไปดู ใบหน้าพี่จันทร์ซีดเผือดกับภาพที่เห็น สองร่างที่ขนาดกายต่างกันก่ายกอดกันอยู่บนเตียง ผ้าห่มถูกปิดบังกายหมิ่นเหม่ เสื้อผ้ากระจัดกระจายจนบอกได้ว่าผ่านศึกที่หนักหน่วงและดุเดือดมากเพียงใด

   แววตาหวานซึ้งของจันทิราคลอไปด้วยหยาดน้ำใส มือบางป้องปากด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ หัวใจของคนมองถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะอย่างไม่ปราณี สามีเธอนอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น และคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครเลย เป็นเพื่อนที่รักมากของเธอด้วยซ้ำ!!!!

“พี่ลิม.....พี่บัว” เสียงของจิ้งเอ่อยชื่อของคนสองคนบนเตียงด้วยความอ่อนแรง ก่อนที่จะได้สติดวงตากลมกร้าวแข็งขึ้นจนมันแดงก่ำด้วยความโกรธ

“นี่พวกพี่ทำเหี้ยอะไรกันวะ!!!!!” เสียงตะคอกดังลั่นบ้านจนปลุกคนสองคนจากนิทรา ใบหน้าของทั้งคู่ซีดเผือกเพราะไม่คาดคิดว่าวันนี้จันทิราจะกลับมาเร็ว

“จันทร์จ๋า จันทร์ฟังผมก่อนนะ มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์คิด”

“จันทร์ ระ เราไม่ได้มีอะไรกันเลยนะจันทร์ เอ่อ แค่ แค่นอนกอดกันเฉยๆ”

   เฮอะ! ตลกชมัด นี่พวกเขาคิดว่าพี่สาวเขากินหญ้าเป็นอาหารหรือไง ถึงจะเชื่อคำพูดพวกนั้น ชายหญิงสองคนนอนก่ายกอดกันบนเตียงนอนแบบไร้เสื้อผ้าติดกาย จะบอกว่าทำกายบริหารมาแล้วนอนพักงั้นสิ เสียงสะอื้นของพี่จันทร์ลอยเข้าหูเข้าตลอด ยิ่งเสริมให้ความเดือดพล่านในร่างกายประทุขึ้นราวกับจะทะลุปรอท สงสารพี่สาวจับใจจนต้องกอดร่างของเธอเอาไว้แน่น ไม่อยากให้เธอเห็นภาพอุจาตตาของพี่เขยกับเพื่อนสนิทตัวเอง

“เก่งนะครับแอบกินกันมาได้......แต่กลับไม่มีปัญญาหาข้อแก้ตัวดีๆ หึ!” ทั้งสองคนชงักกึก คำพูดของจิ้งแทงใจดำจนต้องกำมือแน่น มองสบตากับจิ้งด้วยแววตาวาวโรจน์

“หุบปากไป! อย่างกับแกดีนักนี่......โตจนป่านนี้ยังเกาะพี่สาวกินไม่เลิกน่ะ!!” รอยยิ้มเยาะเย้ยส่งมาให้จิ้งอย่างไม่ปิดบัง จิ้งได้แต่สะอึกอยู่ในใจ เจ็บปวดอย่างที่สุดที่อีกฝ่ายจี้ใจดำของตนเองเช่นนี้ จะว่าไปมันก็ใช่ เจามันก็แค่คนที่ทำอะไรไม่ได้ความ เกาะพี่สาวไม่ยอมไปไหน มือของจิ้งคลายอ้อมกอดลงอย่างเจ็บปวดคล้ายเรี่ยวแรงจะหดหายจนจันทิราเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าน้องชายของเธอเจ็บปวดแค่ไหน

   จันทิรายอมไม่ได้ ที่ใครจะมาต่อว่าน้องชายของเธอแบบนี้ทั้งๆที่คนนั้น ไม่ได้ทำอะไรดีกว่าน้องเธอเลย อย่างน้อยน้องชายของเธอก็ไม่ทรยศเธอ ไม่เคยทำให้เธอเสียใจแบบนี้ น้องชายของเธอแม้จะไม่ได้ออกไปทำงาน แต่เธอก็แอบเห็นใบสมัครมากมายที่อยู่ในห้องนอนยามไปเก็บกวาด คนที่ไม่รู้อะไร กลับมาพูดจาร้ายๆกลับน้องชายของเธอแบบนี้ กล้าดียังไงกัน!

เพี๊ยะ!!

“อย่ามาพูดจาเลวๆ ดูถูกน้องชายของฉัน!!!”

“จันทร์......” ลิมเรียกชื่อของภรรยาอย่างคาดไม่ถึง อยู่กันมาตั้งองปี ไม่เคยมีสักครั้งที่จันทิราจะลงมือกับเขาเช่นนี้ จันทิราปกติจะยิ้มแย้มให้เขาเสมอ คอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร แต่คราวนี้ ทำไมกัน ทำไมกัน! ทำไมกัน!!!!!!

“นี่คุณตบหมเหรอจันทร์?” จันทิราเบือนหน้าหนีไม่อยากจะสบตาที่สะท้อนความเจ็บปวดนั้น เธอต่างหากที่เจ็บปวด ไม่ใช่เขา!

“คุณตบผมเพราะน้องคุณเหรอ!!! คุณเห็นมันดีกว่าผมเหรอ!! หา!!! จันทร์!!!” สองมือบีบเข้าที่แขนบอบบาง เขย่าถามเพื่อจะเอาคำตอบที่ต้องการ เขาเป็นผัวนะ เป็นผัวแต่กลับเห็นน้องดีกว่าผัว ได้ยังไง ได้ยังไง!!!

“ปล่อย ปล่อยนะ!”

“ตอบผมมาสิ คุณเลือกน้องคุณใช่ไหม เลือกน้องชายของคุณใช่ไหม เห็นมันดีกว่าผัวอย่างผมใช่ไหม!!!”

ผลัก!

“ปล่อยพี่จันทร์นะโว้ย มึงทำพี่จันทร์เจ็บ! ไอสัส!!!!” ต่อให้ใจของจิ้งจะแหลกสลายยังไง แต่จิ้งก็ทนให้ใครมาทำร้ายพี่จันทร์ไม่ได้ ยิ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี จิ้งยิ่งไม่ยอม!!

“ไอเด็กเวรนี่.....มึง!!!!” ลิมเช็ดมุมปากเห็นเลือดสีสดไหลออกมาจากการถูกเด็กรุ่นน้องต่อย ความโมโหพุ่งกระฉูดจนไม่อาจจะระงับ ถลาร่างเข้ามาหาจิ้งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต่องชงัก

“หยุดนะ!! ถ้ากล้าแตะต้องน้องชายฉัน เราได้เห็นดีกันแน่!!!” สีหน้าเด็ดขาดที่ส่งผ่านออกมาทำให้ลิมไม่กล้าจะขยับร่างเข้าไป

“จันทร์! คุณก็เห็นว่ามันทำร้ายผม! ทำไมคุณถึงเลือกมัน ผมเป็นผัวคุณนะ!!!”

“คุณกล้าเอาน้องฉันไปเทียบกับสัตว์ที่เอาไม่เลือกหน้าอย่างคุณเหรอคะ?” ลิมสะอึก มองใบหน้าที่เริ่มไร้อารมณ์ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียอย่างไม่เชื่อสายตา

“จันทร์....”

“ตลกดีนะคะที่คุณยื่นคำขาดให้ฉันเลือก ระหว่างน้องชายที่อยู่ด้วยมาทั้งชีวิต กับ สัตว์ตัวผู้ที่เพิ่งอยู่ด้วยกันมา2ปี” จันทิราแค่นยิ้ม เหลือบมองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วและยืนนิ่งไม่กล้าทำอะไร

“คุณ.....”

“เอาเถอะค่ะ เมื่ออยากจะอยู่ด้วยกันก็เชิญอยู่ด้วยกันไป ฉันไม่ติดใจอะไร แต่ต้องไม่ใช่ในบ้านหลังนี้!!”

   จันทิรากลืนก้อนสะอื้นลงคอ เก็บความอ่อนแอลงไปในส่วนลึกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีจิกสายตากลับไปที่ร่างของชายเลวหญิงร้ายอย่างรังเกียจ ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าโชคดีที่ได้พบผู้ชายดีๆคนนี้ ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าโชคดี ที่ได้มีเพื่อนดีๆอย่างบัว แต่ครั้งนี้.....เธอกลับรู้สึกว่าเสียดายเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับคนทั้งคู่เสียเหลือเกิน

“จันทร์!! ฟังผมก่อนนะ ฟังผมสักนิด”

“จันทร์ เราเป็นเพื่-“

“อย่าพูดมันออกมาดีกว่า ถามตัวเองเถอะว่าเห็นฉันเป็นเพื่อนจริงๆเหรอ คนเป็นเพื่อนกันแอบมาเป็นชู้กับผัวเพื่อ แหม.....” พี่จันทร์ยิ้มเยาะกวาดสายตามองอีกคนทั้งตัวราวกับดูแคลน

“หรือฉันควรยกรางวัลเพื่อนดีเด่นและกล่าวขอบคุณเธอให้ชาวบ้านรู้ดี ดีไหม?” บัวฟังคำประชดประชนของจันทิราแล้วต้องกัดฟันกรอด เธอไม่เคยคิดจะหักหลังเพื่อนเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ตกหลุมรักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเพื่อนเข้าอย่างจัง จนความรักบังตาพาให้เธอยั่วยวนลิมจนสำเร็จ

   ลิมเริ่มร้อนรนเมื่อเห็นว่าจันทิราที่เคยยิ้มแย้มให้เขานั้น บัดนี้เหลือเพียงความเย็นชาที่หนาวยะเยือกที่สัมผัสได้ จันทิราที่เคยให้อภัยเขาไม่ว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดใดๆในตอนนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว เขาชะล่าใจเกินไปที่คิดว่าจะนทิราจะในตอนเย็นดั่งเช่นทุกวัน เขาชะล่าใจเกินไปว่าจันทิราจะไม่มีวันรู้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิด

“ก็ฉันรักลิมนี่!!! รักไม่แพ้เธอหรอก!!” บัวพูดออกมาอย่างเหลือทน เธอไม่ใช่คนผิด ความรักของเธอไม่ใช่เรื่องผิด จันทิราต่างหากที่ผิด ผิดที่ได้ครอบครองคนที่เธอรักอย่างถูกต้อง ในขณะที่เธอต้องลักลอบเป็นชู้ มันเจ็บที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ มันเจ็บที่ต้องทนเห็นจันทิราและลิมสวีทกันต่อหน้าต่อตา มันเจ็บ!!!

“ก็ดีแล้วนี่ งั้นก็เชิญไปรักกันนอกบ้านฉันด้วย!!!” ความเข้มแข็งของจันทิราบัดนี้ช่างหนาแน่นเสียเหลือเกิน กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นจากความผิดหวังมันช่างสูงใหญ่จนลิมรู้เลยว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆหัวใจจันทิราได้อีกแล้ว

   ลิมได้แต่ยืนก้มหน้าทอดสายตามองพื้นห้องด้วยความท้อถอย หมดแล้วทุกๆอย่าง ทั้งความรัก และความไว้ใจ เขาทำมันพังไปหมดแล้ว บัวเดินเข้ามาใกล้ คล้องแขนหนาของลิมอย่างถือเป็นเจ้าของเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจสายตาเย็นชาของจันทิราแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอชนะแล้ว เธอได้ครอบครองคนที่เธอรักแล้ว เธอไม่สนสิ่งอื่นใดอีก

“ไปกันเถอะค่ะลิม ไปอยู่กับบะ อ๊ะ!!” แขนที่คล้องถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี สีหน้าของลิมบ่งบอกถึงความโกรธเคืองอย่างเต็มหัวใจ สายตาที่ส่งมาราวกับว่ารังเกียจจนไม่อยากให้แตะต้องตัวนั่นคืออะไร เธอไม่เข้าใจเลยทำไมลิมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“อย่า มา แตะ ต้อง ตัว ผม!!” บัวที่ล้มลงบนพื้นลุกขึ้นยืนแทบจะทันที มองใบหน้าคมคายอย่างไม่พอใจ

“ทำไม!! ทำไมจะแตะไม่ได้ ก็บัวเป็นเมี-“

“เมียผมมีแค่จันทร์คนเดียวเท่านั้น!!!” เสียงตะคอกกลับมาทั้งที่ใบบัวยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเป็นเหมือนใบมีดกรีดลงบนหัวใจ เลือดเย็นเหลือเกิน นี่หรือคนที่เธอรัก ใบบัวได้แต่มองใบหน้าของลิมด้วยแววตาคัดพ้อและผิดหวัง ความรู้สึกเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก แต่จันทิรากลับมองภาพนั้นด้วยความเวทนา อุส่าขวนขวายแย่งชิงไปได้ แต่กลับไม่ได้ครอบครอง หึ มันช่างน่าสมเพซเหลืออเกิน

“จะยังไงไม่รู้นะครับ แต่นี่บ้านพี่สาวผม คนนอกเชิญ!!” ใบบัวกัดฟันกรอด กระทืบเท้าเร่าๆด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยินยอมออกไปอยู่ดี หากอีกคนกลับยืนนิ่ง ไม่คิดจะออกไปตามคำบอกกล่าวสักนิด

“ยืนอยู่ทำไมคะ?” น้ำเสียงเย็นเฉียบเอ่ยถามออกมาทั้งๆที่มาได้อยากจะรู้ แต่เพียงแค่อยากให้อีกคนไปให้พ้นๆเสียที

“ก็ผมไม่ใช่คนนอก....” จิ้งยืนกรอกตาพรางคิดว่า คนอะไรช่างหน้าด้านหน้าทน แต่จันทิรากลับยกยิ้มบางๆให้

“คุณเป็นคนนอกค่ะอย่าสำคัญตัวเองผิด เมื่อคุณบอกให้ฉันเลือกระหว่างน้องชายกับสัตว์ตัวผู้อย่างคุณ และฉันเลือกน้องชายของฉัน ฉะนั้น.....เชิญคุณเก็บข้าวของและออกไปด้วยค่ะ” ลิมยังคงยืนนิ่ง สมองของลิมประมวลผลและพยายามหาวิธีง้องอนขอคืนดีกับจันทิราให้ได้ แต่มันช่าง.......ไร้หนทางเสียเหลือเกิน

“ผมไม่อยากไป ผม.....รักคุณนะจันทร์”

“อยากพูดอะไรก็พูดเถอะค่ะ แต่ยังไงคุณก็ต้องออกไปอยู่ดี” จันทิราไม่สนใจจะยืนมองต่อให้เสียสายตา ความเข้มแข็งของเธอเองก็มีขีดจำกัดและข้อนั้น จิ้งเองรู้ดี เพราะแบบนั้นจิ้งถึงต้องพยายามให้อดีตพี่เขยออกไปจากบ้านของพี่สาวตัวเองเสีย

“จันทร์!! เดี๋ยวก่อนจันทร์!!!”

“ผมว่าพี่ลิมไปเสียเถอะ.....พี่จันทร์ไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่ อย่าทำร้ายพี่สาวของผมไปมากกว่านี้เลย”

    ลิมตวัดตามองใบหน้าของจักรพรรติด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะจัดการหยิบเอาเสื้อผ้าในตู้นัดใส่กระเป๋าตัวเองแบบลวกๆ ความแค้นเคืองต่อตัวของจักรพรรติมันมากมายล้นเหลือจนลิมเองต่องสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ต่อยหน้าน้องชายของภรรยาตัวเอง จิ้งเองก็เสียความรู้สึกเมื่อมานึกๆเขาหรืออุส่ามองว่าพี่ลิมเป็นคนดี รักพี่จันทร์มากคงไม่ทำให้พี่สาวตัวเองต้องเสียน้ำตาแน่ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ดีแตก.......ความไม่พอของคนเราตัดสินเอาจากการกระทำช่วงแรกไม่ได้จริงๆ

   จิ้งปิดประตูทันทีที่อดีตพี่เขยเดินพ้นประตูบ้านไป สองคู่ชายชั่วหญิงเลวยังคงยืนมองบ้านของเขาและพี่สาวจากภายนอก แต่จิ้งไม่สนใจหรอก ในตอนนี้.....คนที่น่าเป็นห่วงคือพี่จันทร์ต่างหาก หัวใจพี่สาวคนเดียวของเขาคฃแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี หากพี่ลิมไปมีอะไรกับคนอื่นที่พี่จันทร์ไม่รู้จัก มันคงทำใจได้ง่ายกว่านี้ แต่นี่.....พี่จันทร์ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจมากถึงสองคนในเวลาเดียวกัน และพวกเขาร่วมมือกันทำร้ายพี่สาวที่แสนดีของเขาจนเจ็บปวด

   จักรพรรติเดินเข้าไปโอบกอดจันทิราเอาไว้อย่างปลอบประโลม ร่างกายที่เล็กกว่าเขาสั่นไปหมดทั้งตัว รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณไหล่ซ้าย มือของจิ้งทำได้เพียงปลอบประโลมให้จันทิราคลายเศร้า ลูบหลังพี่สาวเบาๆเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร เขายังอยู่ตรงนี้ เขาไม่ชอบเลยสักนิดที่ต้องมาเห็นหยาดน้ำตาของพี่จันทร์ ต้องมาฟังเสียงสะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจเช่นนี้

“ร้องเลยพี่จันทร์ ร้องไห้ให้มันหมดแล้วพี่จะได้พัก ตื่นขึ้นมาพี่ก็จะได้เริ่มใหม่”

“ฮึก ฮือ....ทำไม พี่ผิดตรงไหน ฮึก พี่เจ็บจิ้ง ฮืออ พี่เจ็บ!!” มือเล็กกำเสื้อผมแน่น คิ้วของผมได้แต่ขมวดเข้าหากันสายตาเต็มไปด้วยความปวดร้าวและทรมาน ผมทำอะไรไม่ได้เลย ปกป้องพี่ยังไม่ได้เลย

“วันนี้.....พอมันผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นอดีต คนที่ไม่รู้จักพอให้เลี้ยงดีแค่ไหนมันก็ไปหากินเพิ่มอยู่ดี พี่ไม่ได้ผิดเลยพี่จันทร์ พวกเขาสองคนต่างหากที่ผิด”

   แม้คำปลอบโยนจะดีแค่ไหน แต่หัวใจของจันทิราเจ็บเกินกว่าจะเข้าใจถึงมันได้ จิ้งเองก็แปลกใจ หากเราเกิดบาดแผลที่ร่างกาย เราจะร้องไห้เจ็บปวดคงไม่แปลก แต่ที่ใจเล่า.....ในเมื่อมันไม่มีบาดแผล ทำไมเราจคงเรียกมันว่าความเจ็บปวด ทำไมเราถึงบอกกันว่าทรมาน ความเจ็บที่ไม่มีบาดแผลแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆหรือ หัวใจของคนเราที่สูบฉีดเลือดอยู่ตลอดเวลาไม่มีวันหยุดพักนั้น บอบบางถึงขนาดนั้นจริงๆหรือ.........เขาไม่เข้าใจ



                              ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++








>>>>>>>มีต่อนะคะ<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 04-07-2018 16:58:50
>>>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<<<<


              หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาสองปีพี่ลิมก็แวะเวียนมาหาพี่จันทร์เสมอ มาง้องอนขอคืนดีอยู่ตลอดเวลาและทุกครั้งก็จะมีพี่ใบบัวตามมายื้อยุดฉุดกระชากเอาตัวพี่ลิมกลับไป จิ้งไม่เข้าใจ......ทำไมพี่ลิมจะต้องยึดติดกับพี่จันทร์ขนาดนั้น เพราะจิ้งไม่เชื่อสักนิดว่ามันคือความรัก ถ้ามันเป็นความรักจริง.....พี่ลิมจะต้องไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากพี่จันทร์

   สุดท้ายความพยายามของพี่ลิมก็ไม่เป็นผล ไหนจะผลของการกระทำวันนั้นที่ทำให้พี่ใบบัวตั้งท้องขึ้นมา มันวุ่นวายจนน่าปวดหัว และผลสรุปคือพี่จันทร์ยื่นคำขาดให้พี่ลิมเซ็นใบหย่าเพื่อให้กลับไปรับผิดชอบพี่ใบบัวแทน แม้ใบหน้าของพี่จันทร์จะมีรอยยิ้มประดับ แต่เจารู้ดีว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวฝืนออกมาแค่ไหน

   พี่จันทร์มีหนุ่มๆแวะมาขายขนมจีบให้มากมายหลายคน เรื่องของพมี่จันทร์ถูกเล่าไปปากต่อปากจนแทบจะหาความจริงไม่ได้ จิ้งดีใจที่พี่จันทร์กำลังเดตกับหนุ่มใหม่แต่เขาก็ยังอดแคลงใจไม่ได้ กลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายคนนี้จะทำให้พี่สาวเขาเสียใจอีก แต่อย่างว่า.....คงต้องรอดูหน้าก่อน เพราะตอนนี้พี่จันทร์ยังคงปกปิดหนุ่มใหม่ไว้เป็นปริศนา

“อ้าว! พี่จันทร์.....จะไปไหนครับพี่?”

“ไม่ได้จะไปไหนหรอก พี่.....เอ่อ พาคนมาแนะนำ แต่พี่ว่าจิ้งรู้จักดีอยู่แล้วนะ” จิ้งเลิกคิ้วขึ่นด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงเขารู้จักอยู่แล้ว ถ้ารู้จักอยู่แล้วทำไมจะต้องแนะนำเล่า

“ใครครับ??”

“พี่เอง...” ใบหน้าของคนคุ้นเคยที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่จันทร์ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย คิ้วเข้มหนากับดวงตาเรียวเป็นความหล่อที่เรียกสายตาคนในตลาดได้ไม่น้อย เทียบกับพี่ลิมไม่ได้เลยสักนิดเดียว

“พี่พัฒน์!!” จิ้งยิ้มกว้างเมื่อได้พบเพื่อนพี่จันทร์ที่เป็นดั่งที่ปรึกษาและคนที่จิ้งยอมไว้ใจเพียงคนเดียวอย่างพิพัฒน์ พัฒน์มองน้องชายของเพื่อนที่เห็นมาตั้งแต่เล็กด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

“พี่มาได้ยังไงครับ” น้ำเสียงดีอกดีใจของจิ้งเอ่ยถามออกไปด้วยความกระตือรือร้นจนเรียหรอยยิ้มเอ็นดูจากพิพัฒน์ได้อย่างดี ฝ่ามือหนาวสงลงบนศีรษะเล็กๆ โยกไปมาอย่างหมั่นไส้

“นั่นสิ...ซื้อตั๋วเครื่องบินมาละมั้งเนี่ย” จิ้งมองค้อนยู่ปากใส่คนที่พูดจากวนโอ้ยใส่จนน่าตี

“ฮึ่ม! ไม่ติดปีกบินมาเลยล่ะครับ ถ้าจะขนาดนั้น”

     พิพัฒน์หัวเราะจนเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำพูดตอบกลับจากน้องชายของจันทิรา ไม่ว่าจะโตขึ้นเท่าไหร่ก็ยังคงความขี้งอนเอาไว้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริงๆ นับเป็นความน่ารักอย่างนึงได้ล่ะมั้งในตัวของจิ้ง เพราะเขาเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน

“แล้วตกลงยังไงครับ มาเยี่ยมพวกผมเหรอ” พิพัฒน์ลูบต้นคอตนเองอึกอักด้วยความเขินอายแปลกๆ

“คือแบบนี้นะจิ้ง...พี่พาพัฒน์มาบอกข่าวดีน่ะ”

“ข่าวดีอะไรหรือครับพี่?”

“พี่กับจันทร์...กำลังจะแต่งงานกัน”

เอ๊ะ! เอ๊ะ!! เอ๊!!!!!!!

“จะ จะ จริงๆเหรอครับ!” จิ้งเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขายอมรับว่าดีใจที่พี่สาวของเขาหลุดพ้นจากความเศร้าเสียใจและเริ่มต้นใหม่ได้เสียที แถมคนที่พี่จันทร์กำลังเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เรียกได้ว่าถ้าหากเป็นคนนี้ เขาโอเคเลยล่ะ

“ใช่แล้ว...เราเถอะ ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ของพี่หรือเปล่า” จิ้งส่งยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ ถามแบบนี้ บอกว่าไม่ยอมรับได้หรือไงกันนะ

“ผมน่ะ ยอมรับอยู่แล้วล่ะครับ ก็รู้จักพี่พัฒน์ดีนี่นา”

   ใบหน้ามีความสุขของพี่จันทร์ตอนที่ได้อยู่กับพี่พัฒน์มันช่างดูมีชีวิตชีวาจนเขาเองที่ยืนมองอยู่อดรู้สึกมีความสุขไปด้วยไม่ได้ ทุกอย่างมันกำลังไปได้ด้วยดี เขามั่นใจว่าพี่พัฒน์จะสามารถทำให้พี่สาวของเขามีความสุขได้อย่างแน่นอน และพี่พัฒน์ก็คงไม่นอกใจพี่สาวเขาอย่างที่พี่ลิมทำ จิ้งยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ หัวใจของคนเป็นน้องเบิกบานยามได้เห็นภาพแห่งความสุข พี่จันทร์ควรได้รับความสุขได้แล้วเพราะพี่สาวเขาเองก็เหนื่อยมามากแล้ว เหนื่อยกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา



                                             ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







   งานแต่งผ่านได้ด้วยดี ชีงิตเหมือนจะมีความสุขดีทุกอย่างยกเว้นแต่เรื่องราวที่ติดขัดเล็กน้อยการเข้าห้องหอทำให้พี่จันทร์ไม่สามารถหลับนอนร่วมกับพี่พัฒน์อย่างที่สามีภรรยาพึงกระทำไม่ได้ พี่ ใบหน้าของพี่จันทร์หมองเศร้ายามที่ไม่สามารถให้ความสุขกับสามีได้ และหวาดกลัวว่าพี่พัฒน์จะทนไม่ไหวแล้วนอกใจไปอีก

“จิ้ง...จิ้งไปเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม ไปกับพี่หน่อยได้ไหม”

“ไปไหนครับพี่จันทร์?” เขาไม่ได้คิดจะปฏิเสธเพียงอยากจะรู้ว่าพี่สาวเขาคิดจะไปที่ไหนเท่านั้น

“มีคนแนะนำให้พี่ไปรักษาที่คลินิกมารักษ์ แต่พี่ไม่อยากจะไปคนเดียว จิ้งไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่...อาย” ใบหน้าที่ฉายความกังวลและความหวาดกลัวมันทำให้หัวใจเขากระตุก แม้จะรู้อยู่แล้วในปัญหาของพี่จันทร์แต่เขาก็ยังอดเจ็บปวดแทนไม่ได้

“ถ้ามันจะทำให้พี่หาย...ที่ไหนผมก็ไปทั้งนั้น อย่าห่วงเลยนะครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่จันทร์เอง” จันทิรามองใบหน้าของน้องชายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เธอกังวลไปต่างๆนาๆ คิดไปถึงอนาคตว่าหากเธอยังคงเป็นแบบนี้อยู่ไม่แคล้วประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เธอกล้าพูดเลยว่ากลัว พิพัฒน์ไม่เหมือนลิม แม้จะรู้จักมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่พร้อมหากจะต้องทำใจเสียทั้งสามีและเพื่อนที่ดีที่สุดไป หากมันเป็นแบบนั้น เธอคง...ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร

   จันทิราและจักรพรรติก้าวเดินไปยังตัวตึกที่ดูไม่ได้ใหญ่โตมากมายหากแต่เมื่อเทียบกับคำว่าคลินิกของที่อื่นและที่นี่ มีนจึงกลายเป็นว่า คลินิกมารักษ์นั้น...ใหญ่กว่ามาก หัวใจจิ้งเต้นระส่ำ อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร สัญชาติญาณบางอย่างร้องเตือนอยาเป็นนัยๆว่าไม่ควรย่างกรายเข้าไปภายในตัวตึกที่ดูใหม่นั้นเลย

   จิ้งหันมองพี่สาวตนเองที่มีใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแล้วได้แต่ถอนใจ ทำเช่นไรได้ล่ะ...ต่อให้วันนี้จิ้งจกมันทัก รถมาดักหน้า ต่อให้ลางร้ายมันเข้ามาบอกกล่าวเขาโดยตรง แต่เมื่อมันคือหนทางที่จะทำให้พี่สาวเขาหายจากอาการบ้าๆนี่ เขาก็ไม่คิดจะกลัวสักนิด

“สวัสดีค่ะ คลินิกมารักษ์ยินดีต้อนรับค่ะ” ใบหน้าหวานของหญิงสาวภายในที่จิ้งอดชื่นชมไม่ได้เลยว่า เธอสวย ยืนอยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์กล่าวคำทักทายด้วยริยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ เอ่อ ดิฉัน...”

“มารักษาใช่ไหมคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะสาวไม่ใช่หมอไม่ต้องบอกอะไรกับสาวก็ได้ค่ะ” ผู้หญิงคนนี้อัธยาศัยดีมากเลย เธอดูจะให้ความรู้สึกเป็นมิตร...กว่าสายตาอีกหลายสิบคู่ที่กำลังมองตรงมา จะมองอะไรกันนักหนานะ เขาก็รู้อยู่หรอกว่าพืสาวเขาน่ะสวย แต่ไอที่ไม่เข้าใจคือ สายตาที่จ้องมาราวกับพี่สาวของจิ้งไปแย่งผัวใครมานี่ต่างหาก ที่จิ้งไม่เข้าใจ

“ดีจังเลย จันทร์อายมากเลยค่ะ ไม่เคยมารักษาอาการแบบนี้เลย”

“ครั้งแรกเลยเหรอคะ! อย่าคิดมากนะคะ คุณหมอแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น รับรองว่าหายขาดแน่นอนค่ะไม่ว่าจะกำลังป่วยแบบไหน เก่งในเรื่องกามเสียด้วย

   หืม??? ไอจิ้งหูฝาดหรือยังไงนะ ถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้คุณสาวคนสวยพูดอะไรพึมพำๆอยู่ พอหันไปมองทุกอย่างกลับปกติเสียจนจิ้งคิดว่าคงคิดมากไปเอง จันทิรายิ้มบางๆส่งให้สาวอย่างถูกชะตาโดยที่ไม่ได้ยินคำบอกเล่าคำหลังเช่นกัน

“แล้วนี่...มารักษาทั้งคู่เลยหรือคะ?”

“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ นี่น้องชายจันทร์เอง จันทร์วานให้แกมาเป็นเพื่อนเพราะไม่คุ้นชินค่ะ” คุณสาวหันมามองเขาตาวาววับราวกับจะจับกินจนจิ้งได้แต่ยิ้มแหยงๆอย่างแปลกๆ

“น่าเอ็นดูนะคะ นานแล้วด้วยสิคะที่สาวม่ำด้เจอเด็กแบบนี้” แบบไหน??? นั่นคือสิ่งที่อยากถามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป คุณสาวยื่นเอกสารบางอย่างมาให้พี่จันทร์อ่านและเซ็นมันลงไป จิ้งแอบดูก็แล้วถามก็แล้วพี่จันทร์ก็เอาแต่ยิ้มๆไม่ยอมบอกว่าเขาว่ายังไง บอกแค่มันเป็นกฎเท่านั้น จิ้งได้แต่ทำหน้ามุ่ย ยู่ปากใส่พี่สาวตัวเองอย่างขัดใจ

    ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของสาวทั้งสิ้น เธอมองแล้วทุกอย่างของน้องชายคนไข้ผู้นี้ ไม่รอดเงื้อมือของหมอแน่นอน ความดื้อรั้นที่ฉายชัดในแววตา ความเอาแต่ใจที่ถูกพี่สาวตามใจด้วยความรัก ความหวงแหนและห่วงใยพี่สาวของเด็กคนนี้ เธอพนันได้เลยว่า...มันต้องมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นมาแน่นอนเชียว

“คุณจันทร์ เดี๋ยวสาวพาไปที่หน้าห้องตรวจนะคะ สาวจะลัดคิวให้คุณได้คุยกับคุณหมอก่อน”

“เอ๊ะ! เอ่อ ไม่ต้องก็ได้นะคะ ไม่ต้องถึงขนาดลัดคิวหรอกค่ะ จันทร์รอได้” ความน่ารักของเธอถูกใจสาวจริงๆ สาวอดไม่ได้ที่จะจิ้มออกมาและพยักหน้ารับในความต้องการของจันทิรา ช่างเป็นพี่น้องที่น่ารักอะไรอย่างนี้ คนพี่หรือก็สวยทั้งความคิดจิตใจและใบหน้า คนน้องก็ไม่ต่างกันเลย แม้ในความดื้อดึงนั้นก็ยังแฝงความห่วงใยที่ฉายออกมาทางแววตากลมอย่างเห็นได้ชัด เธอชอบสองคนนี้ และเธอก็คิดว่า คนๆนั้น ก็คงชอบเช่นเดียวกัน

   จันทิราและจิ้งถูกสาวนำมายังหน้าห้องตรวจหมายเลขเก้า ซึ่งติดป้ายเอาไว้ถึงหมอผู้ตรวจ น.พ ปภพ จิ้งมองป้ายชื่อนั้นด้วยความขุ่นใจ ตลอดการเดินผ่านห้องมาราวกับเดินผ่านสนามรบ สายตาฟาดฟันเสียจนเขาแทบจะคิดว่าพี่จันทร์คงเหวอะหวะไปทั้งตัว แต่ละคนก็ช่างแต่งตัวมาได้ถูกสถานที่จริงๆ ไม่รู้ว่าแต่งมาตรวจง่ายๆหรือถอดง่ายๆกันแน่

“พี่สาวครับ...”

“ว่าไงคะน้อง...เอ่อ”

“ผมจักรพรรติครับ เรียกผมว่าจิ้งก็ได้”

“ค่ะน้องจิ้ง แล้ว...ว่าไงคะ” จิ้งเหลือบมองป้ายชื่อก่อนจะเอ่ยถาม

“ที่นี่ไม่มีหมอผู้หญิงเหรอครับ คือแบบ...ผมแค่สบายใจกว่าถ้าคนที่รักษาพี่จันทร์ เป็นผู้หญิง” สายตารู้ทันของสาวทำให้จิ้งต้องก้มหน้าลงมองมือตนเองบนตักด้วยความเขิน

“ไม่มีหรอกจ้า...แต่ไม่ต้องห่วงนะ หมอภพน่ะ เก่งมากๆเลยล่ะ”

“เอ่อ แล้วมีแบบตรวจภายนงภายใน ถอดเสื้อผ้าตรวจร่างกายอะไรไหมครับพี่สาวคนสวย” จิ้งยิ้มกว้างอย่างประจบน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่เคยใช้กับพี่จันทร์ของเขามาเสมอพร้อมกับกระพริบตาปริบๆให้ดูน่าเอ็นดูจนคนเป็นพี่สาวอย่างจันทิราต้องส่ายหน้ากับความทะเล้นของจิ้ง

“แหม...จะว่ามีมันก็มีนะ แต่จะว่าไม่มีก็ไม่มีอ่ะ”

อ้าว?? ยังไง

“คิกๆ พี่จะบอกว่า มันขึ้นอยู่กับหมอนะคะเรื่องนี้”

“พี่หมายความว่าถ้าหมออยากเห็นของใครก็ขอตรวจคนนั้นเหรอครับ รู้งี้เรียนหมอดีกว่า”

โป๊ก!!!

“โอ๊ย จิ้งเจ็บนะพี่จันทร์!!!” จันทิราที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าของจันทร์แดงซ่านด้วยความอายจนต้องยกมือขึ้นมาเขกหัวเจ้าน้องชายทะลึ่งที่เอาแต่คิดเรื่องใต้สะดือนี่

“ก็ใครใช้ให้พูดจาแบบนั้นละ” จันทิรามองดุๆเหมือนจะปรามๆจนจิ้งย่นจมูกใส่ สาวมิงภาพนั้นด้วยความสนุกเด็กคนนี้ที่ชื่อจิ้งน่ารัก ดูไร้พิษภัยจนน่าจับมากอดรัดให้แน่นๆ หากเป็นน้องของเธอนะ เธอจะฟัดแก้มกลมๆนั่นทั้งวันทั้งคืนเชียว

“แล้วแบบนี้ถ้าผมไม่ยินยอมให้ตรวจ หมอจะตรวจได้ไหมครับ”

แหม...ถามแบบนี้ เธออยากจะบอกเหลือเกินว่า โอ้ย...ลูกขา อย่าไปห่วงเลยค่ะพี่สาว หนูห่วงตัวเองดีกว่า พี่ใส่พานมาถวายท่านเจ้าห้องถึงที่แบบนี้ กนูไม่รอดแน่ๆค่ะลูก!! แต่สิ่งที่สาวทำได้มีเพียงรอยยิ้มเช่นทุกครั้ง พร้อมคำตอบด้วยเสียงหวานนุ่มหู

“คงไม่ได้หรอก(มั้ง)”

“ดีครับ! แบบนี้ผมก็สบายใจ” ใบหน้ายิ้มแย้มที่ราวกับว่าทุกอย่างที่กังวลหมดไปแล้วเหลือไว้เพียงความยินดีปรีดาที่จิ้งมีเหลืออยู่เท่านั้น สาวอยากเอามือป้องปากหัวเราะออกมาเหลือเกิน แต่เธอต้องแก็บอาการเอาไว้ หาดไก่ตื่นเดี๋ยวจะยุ่งเข้าไปใหญ่

        หมอภพคะ สาวเอาลูกจิ้งจอกมาฝาก เลี้ยงให้ดีๆนะคะ คิกๆ



๔๗%



TBC




              ขอโทษที่มาช้าแมวมัวแต่ติดตาม13ชีวิตในถ้ำหลวงมาก โล่งใจแล้วก็ลงต่อได้~ จริงๆปกติแมวจะลง50%ใช่ไหมคะ แต่วันนี้ขออนุญาตลงแค่47%เนอะ มันตัดฉากได้ตรงนี้พอดี คิกๆ แมวรักจิ้ง แมวรักจิ้งงงงง ชื่อของจิ้งเป็นชื่อที่แมวชอบมาก เดี๋ยวพอจบมาทำการสำรวจห้องตรวจที่ชอบกันดีกว่า ถึงแม้ตอนนี้พระเอกเราจะยังไม่ออก แต่รับรองว่าพี่ภพหลงน้องมากแน่นวล แล้วพบกันครึ่งหลังนะค๊าาา <3



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 04-07-2018 17:38:31
รอดูตอนคุณหมอภพเห็นหน้าน้องจิ้งเลยค่ะ
รอดูหมอภพจะหลงน้องขนาดไหน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-07-2018 18:14:36
พี่หมอ..ค่าตัวแพง  :hao3:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 05-07-2018 08:23:48
 
:katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 05-07-2018 21:34:01
รอพี่หมอภพเจอกับลูกจิ้งจอกน้อย  :laugh:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-07-2018 12:32:26
รอหมอออกตรวจ อิอิ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 08-07-2018 23:09:18
รอบนี้คุณสาวลงมือเองเลยหรือคะ

รอหมอภพค่ะ จะเจอจิ้งจอกหรือลูกแมวน้อยกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-07-2018 15:07:30
มารอหมอภพค่าา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-07-2018 18:38:42
จงมา
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 14-07-2018 11:22:03
ระหว่างที่ยังคงนั่งรอคิวไปเรื่อยๆ ไอหูอันดีของจิ้งก็รับเอาเสียงแปลกๆในห้องมาวิเคราะห์ในสมอง อิ๊ อ๊ะ นี่มันเสียงอะไรทำไมมันคุ้นๆหูแปลกๆ แต่ช่างเถอะ สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าเสียงพวกนั้นก็คือสายตาที่มองเหยียดหยามเขาและพี่สาวอย่างไม่เป็นมิตร จิ้งตวัดสายตากลมหันไปมองด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเช่นนั้น สายตาของจิ้งสบเข้ากับดวงตาอีกดวงที่ฉายชัดถึงความไม่เป็นมิตร

“มองอะไรครับ?”

“มองคนชั้นต่ำ” จิ้งกัดฟันกรอดด้วยความโมโหแต่จันทิรากุมมือของน้องชายเอาไว้แน่น ส่ายหน้าให้หยุดสิ่งที่คิดจะทำ

แกร็ก.....

“กลับดีๆนะครับคุณมินตรา”

“แหมหมอภพ...เรียกมิ้นก็ได้นะคะ คนกันเอง” จิ้งมองใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้สิวด้วยความรู้สึกเรียบเฉย ก่อนจะไล่สายตาลงมาที่แผ่นอกที่มีเสื้อสีขาวปกปิดเอาไว้ในตอนนี้มีมือบอบางของหญิงสาวนามว่ามินตราลูบไล้มันอย่างยั่วยวน

“ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นกฏ” หมอภพเพียงแค่ยิ้มให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่าง

“โธ่...” สุดท้ายเธอก็ยอมกลับไป อย่างไรก็เสี่ยงให้ถูกยกเลิกสัญญาไม่ได้หรอก แม้จะอยากเก็บหมอำว้คนเดียวแต่การได้กินหมอไปเรื่อยๆแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

“เชิญคุณจันทิราครับ”

“อ๊ะ..ค่ะ” พี่จันทร์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตัวของจิ้งเองก็เช่นกัน

“เอ่อ...น้องชายของฉันเองค่ะ จะเป็นไรไหมคะถ้าจะให้แกเข้าไปด้วย” เมื่อเห็นว่าหมอภพมองจักรพรรติโดยไม่กระพริบตาและนิ่งค้างไปทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยจันทิราจึงรีบบอกกล่าวพร้อมขออนุญาตหมอด้วยท่าทีที่เกรงใจ

“อ๋อ...เชิญได้เลยครับ ยังไงนี่ก็เป็นเพียงการสอบถามเบื้องต้นเท่านั้น” หมอภพยิ้มมุมปากให้ทั้งที่หัวใจเต้นแรงยามได้มองน้องชายของคนไข้คนนี้

จิ้งก้าวตามหลังพี่สาวไปอย่างไม่ยอมห่างเหลือบมองหมอที่ยืนอยู่อย่างต้องการสำรวจในท่าทางที่สบายๆนั่น หมอภพจัดว่าหล่อ ก็ใช่หล่อ ก็ได้เขายอมรับว่าหมอหล่อฉิบหายวายวอด ภายใต้ผมสีดำที่ถูกเซ็ตไว้อย่างดีมีดวงตาเรียวคมเข้มสีน้ำตาลที่จับจ้องมองมาทางเขาและพี่สาวไม่ยอมวางตาช่างรับกับคิ้วหนาคู่นั่นเหลือเกิน จมูกของหมอโด่งเป็นสันมันดูเข้ากันดีกับริมฝีปากเรียงที่ยิ้มน้อยๆออกมาในตอนนี้ ความหล่อของหมอไม่ได้ทำให้จิ้งใจเต้น แต่เป็นเพราะบางสิ่งที่อยู่ในแววตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก

หัวใจของจิ้งเต้นแรงเพียงแค่ได้สบตาของหมอภพแม้ว่าจะผ่านๆก็ตาม เลือดในกายเดือดพล่านอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ความหมายของสายตาคู่นั้นคืออะไร เขามีสิ่งใดผิดปกติหรือ ทำไมหมอถึงมองเขาราวกับกำลังสำรวจทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ป่วยอะไร หรือเป็นเพราะเขาเข้ามากับพี่จันทร์ หมอคงไม่พอใจเพราะหวังจะยุ่งวุ่นวายกับพี่จันทร์แน่ๆ

จิ้งมองห้องตรวจที่ก้าวเข้ามาด้วยความรุ้สึกไม่ชอบใจเมื่อภายในห้องนี้มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ของหมอกับเตียงขนาดใหญ่ที่ดูยังไงๆก็ไม่น่าจะใช่เตียงตรวจด้วยซ้ำ เพียงได้สำรวจจิ้งก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจจนต้องตวัดสายตาขึ้นมามองสบกับคนตัวสูงที่บัดนี้ปิดประตูห้องพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองแล้ว

“คุณ...จันทิรา”

“เรียกจันทร์ก็ได้ค่ะคุณหมอ เอ่อ นี่น้องชายของจันทร์เองค่ะจักรพรรติหรือจะเรียกว่าจิ้งก็ได้นะคะ” หมอภพมองหน้าจิ้งด้วยตาวาววับ เขาถูกใจเหลือเกินกับความรู้สึกดื้อดึงและบรรยากาศไม่เป็นมิตรที่ส่งมาหาเขาโดยไม่ปิดบัง

“ครับคุณจันทร์ แล้วอาการเป็นยังไงบ้างครับ เล่าให้ผมฟังหน่อย” เขาเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ ได้ข่าวว่าหน้าห้องเมื่อกี้เขาบอกให้เรียกชื่อเล่นแต่ไอหมอนี่มันบอกว่าผิดกฎไม่ใช้หรอ ทำไมเรียกชื่อเล่นพี่สาวเขาได้เต็มปากเต็มคำเลยละ มันต้องคิดไม่ซื่อแน่ๆ

“คะ คือ...” พี่สาวของเขามีสีหน้าลำบากใจจนน่าสงสาร จิ้งจึงได้แต่เปิดปากเล่าเสียเอง

“พี่จันทร์เพิ่งจะแต่งงานไป แต่ไม่สามารถหลับนอนอย่างที่สามีภรรยาทั่วไปเขาทำกัน ทุกครั้งที่พี่พัฒน์...” จิ้งยกยิ้มเยาะเย้ยพร้อมเน้นเสียงให้หมอรู้ว่าในตอนนี้พี่สาวของเขามีเจ้าของแล้ว

สามีของพี่จันทร์เริ่มทำ พี่จันทร์จะเกิดอาการต่อต้าน แค่นั้น” หมอภพคิ้วกระตุกกับอาการแยกเขี้ยวแบบเรี่ยราดของจิ้ง นี่คงไม่ใช่ว่าจะคิดว่าเขาหวังจะเคลมพี่สาวตัวเองหรอกนะ เด็กหนอเด็ก ไม่รู้เลยสินะว่าจริงๆเจาสนใจตัวเองมากกว่า ปภพหันไปมองจันทิราที่บัดนี้หน้าซีดจนแทบจะเป็นลมเมื่อถูกน้องชายตัวดีเน้นย้ำคำอย่างจงใจ มือบางจับแขนของจิ้งเอาไว้อย่างปรามๆก่อนจะหันมาสบตาเป็นเชิงขอโทษแทนน้องชายของตนเองที่เสียมารยาท

“คุณจันทร์เกิดอาการแบบนี้จะต้องมีสาเหตุนะครับ ก่อนหน้านี้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจหรือเปล่าครับ อย่างเช่น...ถูกลวนลาม ถูกข่มขืนอะไรพวกนี้”

“เฮ้ย!!! พูดจาดีๆนะหมอ ปากอ่ะระวังๆบ้าง!!” จิ้งทนฟังแทบไม่ไหว คิดได้ยังไงว่าพี่สาวเขาถูกลวนลามถูกข่มขืน นี่หมอมันมีสมองไว้คิดบ้างไหมเนี่ย

“จิ้ง! หยุดนะ นี่หมอนะจิ้ง หมอเขาถามพี่ตามหน้าที่!” จันทิราพยายามห้ามปรามความห่ามของน้องชายตนเอง จักรพรรติมองใบหน้าหล่อของหมอภพด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ยินยอมนั่งลงโดยดี ปภพไม่ได้คิดถือสากับกิริยาของจิ้งแม้แต่น้อยกลับมองว่ามันสนุกเสียด้วยซ้ำ

ใบหน้าหล่อเหลาของปภพแม้จะเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิดว่าเขาชอบเด็กคนนี้ คนที่เห็นหน้าเขาในคราแรกก็แยกเขี้ยวใส่ราวกับเขาคือศัตรูที่ไม่ชอบหน้ากัน มุมปากของปภพยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ให้ผิดสังเกต เขาชอบใจในปฏิกิริยาที่จักรพรรติแสดงออกมาต่อเขา มันดูบริสุทธิ์ ไร้สิ่งเจือปน เพราะมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ น้อยครั้งนักที่จะมีคนมองเขาอย่างที่จักรพรรติมอง

“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ...”

เหอะ! ช่างกล้าพูดนักนะ

“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะหมอ น้องชายของฉันแกอารมณ์ร้อนไปหน่อยเท่านั้น แกไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อว่าหมอจริงๆหรอกนะคะ” จันทิราพูดด้วยสีหน้าเจือนๆยิ่งปภพไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเธอก็ยิ่งร้อนใจ เธอกลัวเหลือเกินว่าจิ้งจะถูกไล่ออกไปและถูกห้ามไม่ให้เข้ามาที่นี่อีก เธอไม่อยากให้ใครๆมองน้องชายของเธอไปในทางที่ไม่ดี เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจิ้งทำไปก็เพื่อเธอทั้งนั้น

“ครับ ผมเข้าใจ...ยังไงรบกวนให้น้องจิ้งออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับ ผมจะได้ทำการรักษาคุณจันทิรา” จักรพรรติตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าด้วยความตกใจ

อะไรของไอหมอบ้านี่ มาเรียกเขาว่าน้องหน้าตาเฉยแถมยังถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นเขาห้วนๆเลยเนี่ยนะ! จักรพรรติกัดฟันถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ แต่แทนทีอีกคนจะโกรธกลับสนุกแล้วหันมายิ้มให้เขาเสียอย่างนั้น จิ้งแทบจะเรียกได้ว่า งงเป็นไก่ตาแตกแต่ก็แอบหวั่นๆใจที่จะปล่อยให้พี่สาวคนเดียวของเขาต้องมาอยู่สองต่อสองกับไอหมอคนนี้ ที่แค่เพียงจิ้งได้พบหน้าก็บอกได้เลยว่า ไว้ใจไม่ได้ เท้าจิ้งกระตุกยิกๆ มั่นหมายอยากจะฟาดเข้าที่หน้าหล่อเหลานั่นดูสักครั้ง

“พี่จันทร์...มีอะไรร้องดังๆนะพี่ จิ้งจะพังห้องเข้ามาหาเอง ไม่ต้องกลัวนะพี่นะ”

“อื้อ พี่รู้ๆ” จันทิราได้แต่ขำกับท่าทางและคำพูดของจิ้งที่ทำราวกับว่าหากปล่อยเธอเอาไว้กับหมอภพสองต่อสองแล้วหมอจะฆ่าหั่นศพเธอเสียอย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าทำอะไรได้จิ้งเองก็ยินยอมออกไปแต่(ไม่)โดยดี สายตาของจิ้งเหลือบมองใบหน้าของหมอภพอย่างคาดโทษซึ่งคนถูกมองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด แต่แปลกที่หัวใจของเขาเต้นแรงเหลือเกิน นิสัยแบบนี้ถูกใจเขานักล่ะ แถมใบหน้าน่ารักๆยามมองเขาด้วยความไม่ชอบใจนั่นอีก ปภพรู้สึกราวกับได้ลูกหมาแสนพยศมาเลี้ยงที่ต้องการฝึกให้เชื่อง แบบนี้สิถึงจะถูกใจ

จันทิรานั่งตัวแข็งทื่อด้วยความกังวลเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยต้องรักษาด้วยโรคประหลาดเช่นนี้ และเธอเองก็ยอมรับว่าเมื่อในห้องเหลือเพียงหมอภพกับเธอ เธอทำตัวไม่ถูก ยิ่งถูกหมอจ้องแบบไม่วางตาเธอก็ยิ่งอึดอัด จันทิราก้มหน้าลงมองมือบนตักของเธอเพราะไม่กล้าจะสบตาของหมอภพ

“ถ้าอย่างนั้น คุณจันทิราบอกหมอหน่อยครับว่า...เกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของคุณ?”

“คือ...ฉัน เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งค่ะ เคยมีความสุขกับชีวิตคู่มาก” ปภพนั่งลงบนเก้าอี้รอฟังเรื่องราวจากปากของคนไข้สาวอย่างจดจ่อ

“ครับ...แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ” จันทิราเม้มปากเมื่อต้องนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

“วันนั้น...ฉันกับจิ้งกลับจากขายของเสร็จค่ะ วันนั้นเราขายได้หมดเร็วกว่าปกติซึ่งฉันก็คิดว่าจะได้มีเวลาจัดการเรื่องอื่นๆในบ้านมากขึ้น แต่เมื่อเราสองคนกำลังจะเปิดประจูบ้านก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค” จันทิรากลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ มันเป็นแบบนี้เสมอ ตัวเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

“ฉันจึงเรียกหา...สามีคนก่อน จนฉันขึ้นไปหาเขา...บนห้องของเรา” เธอเริ่มร้องไห้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงมาไม่หยุด ปภพถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวด แต่ตราบเท่าที่เธอยังไม่ยอมปล่อยมันไป เธอก็คงเริ่มใหม่อะไรไม่ได้

“ฉันเห็น ฮึก เขากับเพื่อนรักของฉันอยู่บนเตียง ฮือๆๆ ฉันจำมันได้ดีค่ะหมอ ฉันลืมมันไม่ได้ ฮือออ”

“มันเจ็บปวดมากใช่ไหมครับ การต้องเห็นอะไรแบบนั้น”

“ฮือๆๆ” จันทิราพยักหน้าตอบรับ มันเจ็บปวดจริงๆที่เธอมารู้ว่าคนที่เธอรักถึงสองคนทรยศเธอแบบนี้ ปภพมองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของเธอด้วยความสงสาร แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันเป็นปัญหาของจิตใจ ไม่ใช่ร่างกาย แต่เพียงแค่ว่าจิตใจของเธอนั้นฝังใจอยู่กับอดีตจนร่างกายปฏิเสธสัมผัสของคนอื่นก็แค่นั้น

“แต่คุณคงลืมไปนะครับคุณจันทร์...”

“หมะ ฮึก หมายความว่ายังไงคะหมอ” เธอเงยหน้าขึ้นมองหมอภพด้วยความไม่เข้าใจ ลืมเหรอ เธอลืมอะไร??

“คุณลืมไปหรือเปล่าครับว่า...คนที่อยู่กับคุณในตอนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกับที่อยู่บนเคียงในตอนนั้น”

จันทิราชงักกับคำพูดของปภพ มุนเป็นเช่นนั้นจริงๆเธอมัวแต่มองว่าพัฒน์เป็นผู้ชายจนลืมไปว่าพัฒน์ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่นอนอยู่บนเตียงกับใบบัวเมื่อตอนนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จันทิราก็ยิ่งร้องไห้หนัก ความรู้สึกผิดต่อสามีจู่โจมเข้ามาในอกจนมันเจ็บไปหมด เธอเอาความเกลียดชังจากผู้ชายเลวๆคนหนึ่งมาทำร้ายผู้ชายดีๆคนหนึ่ง

ปภพคลายความกังวลจนใบหน้าฉายแววยินดี รอยยิ้มจุดขึ้นมาด้วยความโล่งใจกับเธอที่ค้นพบในคำตอบของใจเสียที เมื่อรู้ปัญหาแล้วก็เหลือแค่เธอทำความเข้าใจกับมันและเมื่อทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีซึ่งเขาเชื่อว่าดีแน่ เธอและสามีของเธอก็จะสามารถมีสัมพันธ์กันได้โดยไร้ปัญหาใดๆอีก

จิ้งนั่งมองประตูห้องตรวจที่ปิดสนิทด้วยความกังวล ในใจจิ้งนั่นไม่ได้ก้าวออกมาจากห้องตามฝีเท้าด้วยซ้ำมันยังคงอยาด้านในที่เดิม อยู่เป็นเพื่อนพี่จันทร์ พี่สาวที่แสนดีและแสนซื่อของเขา จิ้งกระส่ายกระสับร้อนรนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ด้วยซ้ำไป ไม่อยาดจะจินตนาการสักนิดว่าไอหมอบ้านั่นมันจะทำอะกับพี่สาวของเขาบ้าง

“น่าสงสาร...อุส่ามาอ่อยหมอภพทั้งที แต่ดันถูกไล่ออกมานอกห้อง หึ!” น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นมาจนจิ้งต้องหันไปมองใบหน้าที่จัดวิ่ยู่ในระดับทั่วไปไม่ได้หล่อเหลาโดดเด่นหรือน่ารักจนต้องหยุดมอง คนที่พูดจาไร้ความคิดกับจิ้งนั้นสูงกว่าจิ้งเล็กน้อย ด้วยตัวจิ้งเองก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายโตมาด้วยความสูงที่คงที่ตั้งแต่อายุ18 คือ177เซนติเมตร แต่คนที่กำลังพูดจาขาดสมองไตร่ตรองอยู่นั้นสูงเพียง160กว่าๆ เมื่อมองดูแล้วสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นการแต่งตัวของคนๆนี้ จัแต็มมาขนาดนี้ ถ้าเดินผ่านตลาดบ้านของจิ้งคงไม่พ้นถูกหมามันไล่ฟัดเอา คิดแล้วก็ตลกจนจิ้งเองเผลอหัวเราะออกมา

“หัวเราะอะไร? หรือโดนหมอปฏิเสธจนเพี้ยนไปแล้ว” เมื่อเห็นว่าจิ้งไม่ตอบไมโลจึงได้แต่เดือดดาลขึ้นมา เขาไม่ชอบหน้ามัน มันทอดสะพานโดยหวังเอาพี่สาวมาบังหน้า ต่ำเตี้ยขนาดการแต่งตัวยังดูบ้านๆ มีที่ไหนมาคลินิกใหญ่โตแบบนี้แต่กลับสวมเพียงเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดๆซีดๆที่ผ่านการใช้งานมานาน ผมเผ้าสีน้ำตาลแดงไร้การจัดเซ็ตให้เป็นทรงได้แต่ปล่อยให้มันลู่ลงมาจนแทบจะปรกสายตา สายตาของไมโลจึงไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเหยียดหยาม

“มองแบบนั้นอยากตายเหรอ!” จิ้งง้างหมัดขึ้นขู่ แต่หากว่าอีกคนไม่ยอมหยุดล่ะก็จิ้งก็ไม่คิดจะปล่อยให้ปากพล่อยต่อไปเช่นกัน

“กะ แก! ใช้เป็นแต่กำลังสินะ หึ! พวกขาดการศึกษา นี่ก็คงไม่พ้นมาเร่ขายทั้งพี่ทั้งน้องล่ะสิ”

จิ้งชงักกึกกับคำต่อว่าที่จี้ใจดำของเขา ใช่! เขาเรียนไม่สูง จบเพียงแค่มัธยมแล้วอย่างไร? เขาก็ไม่ได้แบมือขอเงินใครไม่ใช่เหรอ ทุกวันนี้เขาดิ้นรนพยายามช่วยพี่จันทร์ค้าขายตลอด(แม้จะคอยกันท่าเสียส่วนใหญ่) แต่เขาก็ไม่เคยเกลียดคร้านเอาเปรียบใครเลยสักครั้ง คนๆนี้ ไม่รู้ความจริงอะไรเลยกลับพูดจาดูถูกเขาแบบนี้ แต่ที่ทนไม่ได้คือมันดูถูกพี่จันทร์!

ผั๊วะ!

“โอ้ย!”

“กรี๊ด!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและเสียงหวีดร้องของเหล่าคนไข้ดังขึ้นทันทีที่เส้นความอดทนของจิ้งขาดผึงซัดเข้าที่ใบหน้ากวนอารมณ์นั้นอย่างหมดความอดทน สายตาของจิ้งมองไปที่คนตรงหน้าที่บัดนี้ล้มกองอยู่กับพื้นด้วยความว่างเปล่า หมดแล้วความอดทนเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งให้ใครที่ไม่รู้จักดูถูกเหยียดหยามราวกับเขาไม่มีศักดิ์ศรีเด็ดขาด

“แก...กล้าต่อยฉันงั้นเหรอ!” เสียงของไมโลตะคอกกลับด้วยความไม่พอใจ สายตาแบบนั้นยิ่งน่าโมโหมันกล้าดียังไงมาทำกับเจาแบบนี้ ไอคนชั้นต่ำ!

“หุบปากของมึงไป! หรืออยากให้กูเลาะเอาฟันของมึงออกมาเพื่อเป็นการลงโทษ”

ผั๊วะ! ผั๊วะ!

“กล้าว่าพี่สาวกูเหรอวะ! ไอเหี้ย!!”

ผั๊วะ! ผั๊วะ! หมับ!

จิ้งไม่สนใจว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไงแต่คนที่กล้าดูถูกพี่จันทร์ของเขามันต้องถูกซัดจนกว่าปากหมาๆนั่นจะไม่กล้าอ้าขึ้นมาพูดอีก หมัดของจิ้งกระแทกเข้าไปยังใบหน้าของไมโลไม่หยุดจนเมื่อถูกมือหนาของใครบางคนจับเอาไว้ จิ้งที่กำลังฟิวขาดหันกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อจะต่อยคนที่กล้าเข้ามาขวาง

“หยุดเถอะ...ที่นี่คลินิกรักษาคนไข้ ผมคงให้คุณชกเขามากกว่านี้ไม่ได้” จิ้งเหลือบมองไอคนที่กล้าด่าพี่สาวเขาด้วยหางตา เมื่อเห็นว่ามันตัวสั่นอยู่เขาก็หยุด จิ้งสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนจะคว้าปกเสื้อของหมอภพเอาไว้แน่น กระชากมันเข้ามาใกล้จนปภพต้องก้มตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระดับเดียวกัน

“ถ้างั้นก็หัดสั่งสอนเมียมึงให้ดี อย่าเที่ยวมาปากหมากัดใครโดยไม่รู้จักคิด กูชื่อจิ้ง! ไม่เคยกัดใครก่อน ถ้ามันไม่ปากดีมากัดคนที่กูรัก จำไว้! สอนเมียมึงด้วย!”

ผลัก!

“จิ้ง...”

“กลับกันเถอะครับ...พี่จันทร์” จันทิราน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าน้องชายหันมายิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน

ปกป้องพี่เอาไว้อีกแล้วสินะ จิ้ง

จันทิราพยักหน้ารับส่งยิ้มบางๆให้น้องชายก่อนจะเดินเคียงข้างจักรพรรติไป ไม่ว่าในสายตาของคนอื่นจะมองว่าจิ้งทำไปเพราะอะไร หรือมองว่าจิ้งเลวร้ายแค่ไหนจันทิราไม่สนใจ เธอจะอยู่กับน้องชายของเธอเอง ไม่จำเป็นที่ใครต้องมาเห็นว่าจิ้งดีเด่นยังไง มันไม่จำเป็น เธอรู้ดีกว่าใครว่าจิ้ง...เป็นเด็กดีแค่ไหน







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++









หลังจากออกมาจากคลินิกบ้าๆนั่นพี่จันทร์ก็ไม่คิดตะเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แม้แต่ต่อว่าหรือตำหนิในสิ่งที่เขากระทำลงไปด้วยซ้ำ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาแต่นึกถึงคำพูดไอบ้านั่นทีไรเขาก็ยังคงระงับอารมณ์โกรธไม่ได้สักที พี่จันทร์กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพี่พัฒน์ เรื่องบนเตียงที่เคยหวาดหวั่นต่อสัมผัสจากพี่พัฒน์ก็หายไปแล้ว ทุกวันนี้เขาก็แทบจะจมอยู่ในน้ำเชื่อมอยู่แล้วเนี่ย

ครืด ครืด

ใครโทรมาเครื่องพี่จันทร์กันนะ จักรพรรติหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยที่แม้ไม่ได้ทันสมัยแต่ก็ไม่ได้เก่าอะไรมากมายขึ้นมาดูหน้าจอ เบอร์โทรที่ถูกเมมไว้อย่างดีคือชื่อที่ปรากฏบนจอนั้นมันทำให้จิ้งแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ ไอหมอนี่จะโทรมาทำไม การรักษาจบไปแล้วจะยังโทรมาอีกทำไมกัน จิ้งกัดฟันด้วยความไม่พอใจก่อนจะกดรับสายเองทันที

“ฮัลโหล!”

‘อ้าว! ขอโทษครับ คุณจันทิราอยู่ไหมครับ’

“ไม่อยู่! ไปฮันนีมูลกับสามี ไม่ทราบว่าคนนอกโทรมาทำไมครับ” นี่เขาไม่ได้โกหกนะ เพียงแต่พี่จันทร์ลืมโทรศัพท์เอาไว้เท่านั้น และเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครโทรมายุ่งกับพี่สาวของเขาทั้งๆที่พี่จันทร์แต่งงานแล้วหรอก

‘หึหึ น้องจิ้งนี่เองนึกว่าใคร’ เส้นความอดทนกระตุกอย่างแรงจนแทบจะขาด น้ำเสียงหมอยังคงเป็นปกติแต่คำเรียกขาลที่เรียกเขาว่าน้องมันทำให้ฝ่าเท้าคันยุบยิบจนอยากใช้หน้าของหมอมาเกาเล่น

“เออ! เอ้ย ครับ...แล้วสรุปหมอโทรมาทำไมวะครับ!”

‘ผมแค่จะโทรมาถามอาการของคนไข้เอง อย่าใจร้ายนักสิ’

“สบายดี ไม่ต้องโทรมาอีกนะ!”

‘เดี๋ยวสิครับ...น้องจิ้งไม่อยากรู้เหรอ ว่าพี่รักษาพี่สาวของเราแบบไหน’
คำพูดของปภพทเอาจิ้งชงักมือที่กำลังจะกดตัดสาย

“หมายความว่าไง! หมอกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่!” ในหัวของจักรพรรติจินตนาการไปต่างๆนาๆจนคิ้วขมวด วิธีรักษาเหรอ หรือว่าไอหมอภพคนนี้จะรักษาพี่สาวของเขาด้วยวิธีการแปลกๆ หรือจะมีการแตะเนื้อต้องตัว หรือว่าหมอจะถอดเสื้อผ้าพี่สาวของเขาออก หรือว่า... บ้าจริง!

‘หึหึ ถ้าอยากรู้ ก็มาหาพี่สิครับคืนนี้ ที่คอนโด...นะ’ จักรพรรติกำมือแน่น ความอยากรู้มันจู่โจมจนเกิดความลังเลใจ รู้ว่าไม่ควรจะไป ถึงจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นการกลั่นแกล้ง แต่เขา...ก็อยากจะรู้ว่าไอหมอปภพคนนี้ ทำอะไรพี่สาวของเขาไว้กันแน่

“ได้! ผมไปแน่”

‘ดีครับ...มาถึงก็ขึ้นมาเลยนะ พี่จะรออยู่ที่ห้อง...นะครับ’ จิ้งกำโทรศัพท์แน่นด้วยความโมโห หงุดหงิดจนแทบจะระบายอารมณ์กับข้าวของในบ้าน แต่จิ้งก็รู้ดีว่าไม่ควรทำจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดลคกๆ ระงับอาการขุ่นเคืองในตัวให้ลดลง ตอนนี้เขาต้องมีสติ ต้องค่อยๆคิดไม่วู่วาม ยังไงก็ลองไปก่อน ถ้ามีอะไร...ค่อยร้องให้ใครช่วยก็ได้









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




>>>>>>>>>>มีต่อนะคะ<<<<<<<<<
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 14-07-2018 11:24:46
      >>>>>>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<<<<<<



        จักรพรรติยืนนิ่งอยู่หน้าห้องที่ปภพบอกไว้ ไม่กล้าเคาะเพราะตัวจิ้งเองยอมรับว่ายังไม่ได้เตรียมใจมามากนัก ในตอนที่เดินเข้ามากล้าพูดเลยว่าเขาเอ๋อมาก แต่ละคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ช่างแตกต่างกับเขาเหลือเกิน ชีวิตที่หรูหรา คอนโดที่เรียกได้ว่าแพงหูฉี่แบบนี้เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเหยียบเข้ามาด้วยซ้ำ เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าจะต้องรวยขนาดไหนถึงจะได้อาศัยอยู่ที่แบบนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

จิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจเคาะห้องของปภพทันที แม้จะไร้เสียงใดตอบกลับมาแต่เขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูที่ดังขึ้นมา ก่อนที่มันจะเปิดออกกว้างให้ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลากับเสื้อเชิตสีขาวที่กระดุมถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง จิ้งไม่ได้สนใจจะมองสักนิดเพียงแต่มันมาอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเขาถึงต้องมอง ใช่ว่าชอบเสียเมื่อไหร่ มีนมตูมๆก็ว่าไปอย่างคนอย่างจิ้งจะได้สนใจ

“มาสิครับ...เข้ามาก่อนเลย”

จิ้งลังเลเล็กน้อยแต่ก็ก้าวเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองใบหน้าของปภพเลยสักนิดเดียว ภายในห้องส่งกลิ่นหอมกลิ่นเดียวกับที่ลอยออกมาจากร่างของปภพ แปลก...ไม่รู้ทำไมกลิ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องมันทำให้ใจของจิ้งสั่นแปลกๆ เป็นเพราะอะไรกันตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ

ปภพปิดประตูลงล็อคโดยไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างหลังสักนิดเพราะหากเขาหันไปแล้วอีกฝ่ายเห็นใบหน้าที่ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิดคงไม่แคล้วกระโดดหนีเหมือนกระต่ายตัวน้อยๆแน่ แต่ว่าเขา...ชอบใจสุนัขจิ้งจอกมากกว่า พวกเพื่อนรู้จักนิสัยของเขาดี หากได้เจอสิ่งที่ถูกใจไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนปภพก็จะคว้ามันมาให้ได้ และตอนนี้...เขาก็อยากจะเลี้ยงจิ้งจอกตัวน้อยที่หลงเข้ามาในกับดักนายพรานของเขาแล้วด้วยสิ คงปล่อยให้หลุดไปไม่ได้

“ผมมาถึงแล้วหมอก็บอกมาสักทีสิว่ารักษาพี่ผมยังไง” จิ้งไม่คิดจะถ่วงเวลาอะไรให้นานนัก เขาไม่อยากจะอยู่กับหมอให้นานกว่านี้หรอก เพราะยิ่งเห็นหน้าหมอภพเขาก็ยิ่งนึกถึงหน้าของแฟนหมอที่พูดจาว่าร้ายเขาและพี่จันทร์

“ไม่คิดจะดื่มน้ำดื่มท่าก่อนเลยหรือ หืม...น้องจิ้ง” จักรพรรติกัดฟันกรอดกับคำเรียกขาน แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือท่าทางที่ไม่สนใจว่าเขาไม่อยากจะอยู่ด้วยนี่ล่ะ

“ไม่...จะให้ดีก็รีบๆพูดมาจะดีกว่า บอกตรงๆผมไม่อยากจะอยู่กับหมอนานนักหรอก”

“ทำไมล่ะ เกลียดผมมากเลยเหรอ”

ก็ใช่น่ะสิ อยากจะตะโกนใส่หน้าอยู่หรอกแต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดไม่ออก จิ้งแม้จะเกือบใจอ่อนแต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่คลินิกกับผู้เป็นแฟนของหมอภพก็ตีกลับมาย้อนให้ความโกรธมีมากกว่าความเห็นใจ สายตาของจิ้งที่เกือยจะอ่อนลงกลับมาแข็งกร้าวจนคนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้ว่าหมอภพกับแฟนคือคนละคนกัน แต่เขาก็แค่มนุษย์ที่แยกอารมณ์ออกจากความสัมพันธ์ไม่ได้

“ผมว่าหมออย่าถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วเลยครับ มันเสียเวลา หมอแค่ตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้มาจะดีกว่า ผมจะได้รีบๆกลับไปสักที” ปภพนิ่งเงียบสบตากลมสีน้ำตาลของจักรพรรติด้วยความเฉยชา ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์สาวเท้าเดินมาหาร่างบางอย่างช้าๆ บรรยากาศที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงทำให้จิ้นต้องถอยหนีตามสัญชาตญาณ

หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่นมองร่างกายสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาใกล้ด้วยความคุคามอย่างเกรงๆ สายตาหวานเลิ่กลั่กพยายามมองหาทางหนีของตนเองเพื่อเอาตัวรอด แต่มันก็สายไป ในตอนนี้แผ่นหลังของจิ้งสัมผัวถึงความเย็นของผนังอย่างแนบแน่น ยิ่งคนตรงหน้าขยับสาวเท้าเข้ามาเท่าไหร่ จิ้งก็แทบจะสิงผนังให้ละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

“จะรีบไปไหนครับ...อยู่คุยกับพี่นานๆหน่อยไม่ได้เหรอ พี่จะได้ทำความรู้จักกับน้องจิ้ง...ให้มากขึ้น” สองแขนหนาของหมอภพยันผนังกักร่างเขาเอาไว้ในวงแขนไม่ยินยอมให้หนีไปไหน จิ้งตัวสั่นอย่างไม่อาจจะห้ามยิ่งถูกกวาดามองทั้งร่างด้วยสายตาแบบนั้นเขายิ่งห้ามตัวเองไม่อยู่

“ผะ ผมจะกลับแล้ว!” ต้องหนี ต้องรีบหนีไปให้ไกลจากคนๆนี้ หากหนีไปได้...เขาสาบานเลยว่าจะไม่มีวันเข้าใกล้หมอนี่อีก แต่เขาจะหนีไปได้ยังไงในเมื่อหใอภพไม่เปิดทางให้เขาสักนิด ปภพมองใบหน้าของจิ้งที่ฉายความหวาดหวั่นออกมาจนชัดเจนจนต้องก้มหน้าลงไปใช้จมูกแตกผิวแก้มของจิ้งอย่างแผ่วเบา

“หยุดนะ!”

หมับ!

เพียงแค่ยกหมัดขึ้นมาก็ถูกหมอภพคว้าและกดเอาไว้กับผนังทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสสัมผัสใบหน้าหล่อสักนิด ใบหน้าของจิ้งเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ว่ยส่งสายตาอาฆาตไปให้คนตรงหน้าอยู่ดี คนอย่างจิ้งไม่มีวันแพ้จะไม่มีวันแสดงความอ่อนแอให้เห็นเด็ดขาด

“เป็นจิ้งจอกที่ดื้อจริงๆนะ ทั้งๆที่พี่อุส่าใจดีด้วยแท้ๆก็ยังหันมากัดกันได้”

“ผมไม่เห็นอยากได้ความใจดีของหมอสักหน่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” แม้จะดิ้นรนหนีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากแรงจับของหมอภพได้

“หึ...ไม่เป็นไร รับรองเลยว่าพี่จะเลี้ยงน้องจิ้งอย่างดี”

“อ๊ะ ปล่อยนะ!”

จิ้งถูกปภพลากไปยังห้องนอนก่อนจะผลักให้คนตัวเล็กล้มลงไปนอนอยู่บนเตียงกว้าง หัวใจของจักรพรรติเต้นระรัวหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น บ้าไปแล้ว หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงจะชอบผู้ชายยังไงก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้าง เขาไม่ใช่แฟนของหมอสักหน่อย มาทำแบบนี้กับเขาได้ยังไงกัน!

“หมะ หมอ จะทำอะไร” จักรพรรติขยับถอยหนีเมื่อเห็นว่าอีกคนค่อยๆปลดชุดออกจากร่างกาย ปภพคล่อมทับร่างกายบอบบางของจิ้งเอาไว้ โน้มใบหน้าลงไปใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“พี่ก็จะเริ่มการฝึกให้จิ้งจอกตัวนี้เชื่องไงครับ”

“อื้ม!” ตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อถูกปภพประกบจูบอย่างไม่ให้ตั้งตัว จิ้งเม้มปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้ามาในริมฝีปากได้อย่างเด็ดขาด ปภพกลับชอบใจกับอาการขัดขืนที่จิ้งไม่ยอมรับจูบที่เขามอบให้ แบบนี้สิดี การได้ฝึกให้เชื่องแค่กับเขานี่แหละที่เขาชอบ จิ้งใช้แรงทั้งหมดผลักให้ร่างสูงออกไปให้ไกลตัว แต่กลับทำได้เพียงทำให้ปภพถอนริมฝีปากออกแค่นั้น

เพี๊ยะ!

“อย่ามาจูบผมนะ! ตัวหมอเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย! ปล่อยผมนะ ผมจะกลับบ้าน!” น้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตาคู่สวยจนฉ่ำวาว เขาเกลียดคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟนตัวเองที่สุด เหมือนกับ... เหมือนกับพี่ลิม

“แฟน? ใครครับน้องจิ้งกำลังพูดถึงใคร”

“นี่หมอมีแฟนหลายคนจนจำไม่ได้เลยสินะ หึ!” จิ้งยิ้มเยาะด้วยใบหน้าเย้ยหยัน แบบนี้เอง...คิดว่าตัวเองหน้าตาดีจะมีแฟนสักกี่คนก็ได้อย่างนั้นสินะ เลวจริงๆ แต่ปภพกลับทำหน้างุนงงสงสัยในคำพูดของจิ้งไม่หยุด เท่าที่จำได้เขาไม่เคยคบใครเสียหน่ยอ แล้วใครกันที่คนตัวเล็กบอกว่าเป็นแฟนของเขา

“พี่ไม่รู้จริงๆครับ น้องจิ้งบอกพี่มาสิ”

“ก็ไอคนที่ผมต่อยจนเลือดออกในคลินิกของหมอไง! ปล่อยสักที!”

“แต่ไมโลไม่ใช่แฟนพี่นี่ครับ ทำไมถึงมองว่าเขาเป็นแฟนพี่ล่ะ” จิ้งหัดิมฝีปากแน่น พูดไปเถอะ เขาไม่คิดจะเชื่อหรอก โกหกให้เด็กมันฟังเด็กมันยังไม่เชื่อเลย

“หึ! จะบอกว่าเขาไม่ใช่แฟนทั้งๆที่เขาด่าผมกับพี่สาวเสียๆหายๆเพียงเพราะมาหาหมอน่ะเหรอครับ เห็นว่าผมโง่หรือไง!” ปภพสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังในน้ำเสียงจนเขาแทบจะไม่อยากฟัง

“พี่ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไร แต่ถ้านั่นคือปัญหาล่ะก็ จากนี้ไป...แฟนของพี่จะมีจิ้งเป็นเจ้าของตำแหน่งนั้น!”

“ผมไม่อยากเป็น!” คนใต้ร่างตอบกลับโดยที่ไม่คิดด้วยซ้ำ คำปฏิเสธมันช่างเป็นเหมือนมีดกรีดลงบนใจของเขา จากที่คิดว่าจะค่อยๆฝึก คงต้องทำให้เป็นของเขาก่อนแล้วล่ะ

“เดี๋ยวก็อยากเองแหละครับ หลังจากคืนนี้ไป!”

ปภพบดจูบลงไปบนกลีบปากบางอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ดูดดึงจนริมฝีปากบางต้องเผยอออกกว้าง รสชาติหวานที่ได้ชิมมันทำให้หัวใจของปภพเต้นรัว กลิ่นหอมของจิ้งมันมอมเมาเขาให้หลงไหลอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครคนไหน จิ้งเปิดปากยินยอมให้อีกคนสอดปลายลิ้นเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกฟันคมของหมอภพกัดกลีบปากเล่นอย่างไม่ออมแรงจนได้กลิ่นเลือดสดๆ

“อ๊ะ อื้ม!”

มือหนาปลดพันธนาการออกจากเรือนร่างของจักรพรรติอย่างรวดเร็วจนในเวลาไม่นานร่างบางก็เปลือยเปล่า ยอดสีสวยที่ชูชันท้าทายสายตาถูกปลายนิ้วของหมอภพบีบบี้จนเจ้าของต้องแอ่นอกขึ้นด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นร้อนซุกซนกวาดต้อนชิมความหวานภายในปากอิ่มอย่างเร่าร้อนโดยไม่เสียเวลาปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจสักวินาทื

ปภพถอนริมฝีปากออกซุกไซร้ไปตามลำคอของจิ้งอย่างหื่นกระหายใจ ดูเม้มผิวเนื้อจนเกิดร่องรอยสีกุหลาบ เสียงหวานครางผะแผ่วทั้งที่จิตใจต่อต้านแต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย ภาพตรงหน้าพร่าเลือนไปหมดจนจิ้งแยกไม่ออกว่าอะไรคืออะไรได้แต่นอนหอบหายใจอย่างหมดเรี่ยวแรง ปล่อยให้ปภพจูบไล่ไปตามร่างกายตัวเอง

กางเกงยีนส์สีจางตัวเก่งของจิ้งถูกปลดออกอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับชั้นในสีขาว ความองอาจภายใต้กางเกงผงาดขึ้นท้าทายอุ้งมือหนาที่กอบกุมขยับรูดรั้งอย่างต้องการเร่งเร้าอารมณ์ของร่างบาง เสียงหวานครางกระเส่ากับความเสียงซ่านที่ตีรวนขึ้นมา ยิ่งถูกปากร้อนครอบครองยอดอกจิ้งยิ่งไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ อกบางแอ่นขึ้นรับริมฝีปากร้อนตามแรงดูดดึง ปลายลิ้นตวัดเลียจนยอดเล็กชุ่มไปด้วยน้ำลาย

“อือ อ๊ะ อา”

ปภพชิมยอดหวานจนพอใจก็เปลี่ยนมาจูบไล่ตามหน้าท้องที่ไร้กล้ามเนื้อและไขมัน มือหนายังคงรูดรั้งความองอาจในมือไม่หยุดจนน้ำสีใสปริ่มออกมา ปภพมองความหยาดเยิ้มนั้นและก้มลงใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆราวกับชิมรสรัก ก่อนที่ปากร้อนจะครอบครองตัวตนเอาไว้จนหมด แรงดูดดึงและจังหวะการขยับของศีรษะปภพมันสร้างความเสียวซ่านจนมือบางต้องยกขึ้นมาขยุ้มลงบนผมหนาสีดำ

“อืม อา ซี๊ด”

ยิ่งถูกอีกฝ่ายครอบครองลงไปลึกเท่าไหร่แรงขยุ้มบนเส้นผมหนาก็ยิ่งเพิ่งแรงขึ้นเท่านั้น แต่ปภพไม่ได้สนใจความเจ็บปวดบนศีรษะสักนิดเพราะเสียงจากการดูดดึงมันดังขึ้นมาจนอารมณ์ปราถนาของปภพปะทุขึ้นจนแทบจะรออีกไม่ไหว ปากร้อนขยับกลืนกินความองอาจอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านแล่นขึ้นมาเล่นงานจนใบหน้าจิ้งเหยเก ร่างบางกระตุกปลดปล่อยหยาดรักเข้าสู่ปากร้อนของปภพจนหมดสิ้น

“อ๊ะ อ๊า!”

จักรพรรติหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ในหัวขาวโพลนไปหมดลืมเลือนไปเสียทุกอย่าง ปภพคายหยาดรักในปากลงบนฝ่ามือตนเอง ใช้หยาดรักป้ายลงที่จีบรักสีหวานพร้อมกับกดปลายนิ้วเข้าไปด้านใน จิ้งสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความอึดอัดที่มีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาภายใน จีบรักตอดไล่ปลายนิ้วที่รุกล้ำหวังให้อีกฝ่ายถอนปลายนิ้วออกไป แต่ยิ่งร่างบางรัดรึงจนแน่นมากเท่าไหร่ ปภพก็ยิ่งกดปลายนิ้วเข้าไปมากเท่านั้น

“อยะ อื้อ เอาออกไปนะ” เสียงปฏิเสธจากจิ้งมันช่างแสนเบาสำหรับปภพเมื่อสิ่งที่สวยงามได้มาอยู่เบื้องหน้าเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้จิ้งจอกตัวน้อยตัวนี้หลุดรอดไปได้ ยิ่งได้รู้ว่สภายใต้ใบหน้าที่แยกเขี้ยวขู่เขานั้น มีใบหน้าที่แสนเย้ายวนยามนอนอยู่ใต้ร่างของเขา ยามที่เขาปรนเปรอให้จนอีกฝ่ายสุขสม เขาอยากจะครอบครองร่างบอบบางที่แสนหวานนี้ จะไม่ยอมปล่อยให้ใครได้ไป เขาต้องเป็นเจ้าของจิ้งจอกตัวเล็กๆนี้แต่เพียงผู้เดียว

ยิ่งคิดปภพก็ยิ่งเร่งดร้าปลายนิ้วเข้าออกอย่างรุนแรง จีบรักที่ในตอนแรกบีบรัดไว้ไม่ยินยอมรับสิ่งแปลกปลอมนั้น ในตอนนี้มันทั้งนุ่มและร้อนผ่าวเปิดทางรับทุกการขยับเข้าหาอย่างเต็มใจ จิ้งนอนหอบหายใจส่งเสียงครางกระเส่ายามปลายนิ้วทั้งสองของหมอภพแตะโดนจุดกระสัน สะโพกของร่างบางยกขึ้นอย่างลืมตัว สองมือกำแขนของอีกคนแน่นอย่างเสียวซ่าน หัวใจจิ้งเต้นแรงรางกับว่าจะขาดใจ เสียงหอบหายใจถี่ขึ้นตามจังหวะการสอดใส่ของปลายนิ้ว

“อื้อ แฮ่กๆ อ๊ะ อ๊า”

“ต่อไปของจริงแล้วนะครับ...จิ้งจอกน้อย”

จิ้งไม่อาจจะเข้าใจอะไรที่ปภพพูดอีกแล้ว ทันทีที่นิ้วทั้งสองถูกถอดออกจากร่าง จิ้งก็เหมือนถูกปล่อยให้เคว้งคว้างกลางอากาศ จะชงก็ไม่หด้ ไปต่อก็ไม่ไหว ปภพก้มลงไปจูบริมฝีปากเล็กอย่างแผ่วเบาแล้วถอนออก ก่อนจะบดบี้จูบอันเร่าร้อนให้อีกคนลืมเลือนสติไปจนหมดสิ้น มือหนาประคองความองอาจที่ผงกหัวเฝ้ารอการปลดปล่อยของตนเอาไว้ จ่อไปที่ปากทางรักสีพีชที่ในตอนนี้เปิดกว้างรออยู่แล้ว

“อ๊ะ อื้อ!”

“เดี๋ยว ซี๊ด อ๊า จิ้งอย่าดิ้น!”

จิ้งทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกข่วนไปตามร่างกายของปภพทันทีที่เพียงส่วนหัวรุกล้ำเข้ามาภายใน ดวงตากลมหวาดหวั่นกับเรื่องที่ตนเองไม่คิดว่าจะมาเจอ หยาดน้ำตาไหลลงมาราวกับต้องการระบายความเจ็บปวด ปภพรู้ดีว่าร่างเล็กเจ็บเพียงใด แต่ในตอนนี้หากยังคงดื้อรั้นดิ้นรนมีแต่จะทำให้เขาห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ มันจะกลายเป็นการทำให้ยิ่งเจ็บเปล่าๆ แต่จิ้งไม่รู้และไม่เข้าใจในข้อนั่น สิ่งที่จอ้งรู้คือไอนั่นของหมอนั่นล่ะที่ทำให้เขาเจ็บมาก! และจิ้งก็ต้องการทำให้มันออกไปจากตัวเขาให้เร็วที่สุด

“เจ็บ! อ๊ะ อะ ออกไปนะ”

“ฮึ่ม!...” ปภพสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างต้องการระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาต้องใจเย็นกว่านี้เพื่อลดทอนความปราถนาในตัวของอีกฝ่ายให้ลดลง

ร่างสูงกดจูบลงไปสอดแทรกปลายลิ้นชักชวนให้จักรพรรติได้หลงลืมความเจ็บปวดทั้งสิ้นนี่ไป มือใหญ่กอบกุมตัวตนของคนตัวเล็กเอาไว้ ขยับรูดรั้งจนจิ้งเริ่มครางรับในลำคอ ช่องทางที่บีบรัดตัวเขาแน่นในตอนนี้เริ่มคลายลงจนสามารถดันความองอาจที่ค้างอยู่ให้เข้าไปได้จนสุด เพื่อให้คนตัวเล็กเจ็บน้อยที่สุด เขาต้องดันเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว

จิ้งสะดุ้งเฮือกและเริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่เพราะริมฝีปากหนาที่บดจูบหวานล้ำอยู่ทำให้ไม่สามารถจะส่งเสียงใดๆได้ เล็บของจิ้งจิกลงบนไหล่หนาอย่างแรงแต่ปภพกลับไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆสักนิด ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดชักพาให้อารมณ์วาบหวามของจิ้งถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง จีบเล็กกระตุกตอดรัดจนแน่นไปหมด มันเจ็บจนร่างของจิ้งแทบจะแตกสลาย จิ้งไม่เข้าใจสักนิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ปภพถอนริมฝีปากออกจับจ้องใบหน้าของจิ้งที่บัดนี้ปรือตาสะอื้นด้วยแรงอารมณ์ แก้มบางแดงซ่าน ความกระสันที่ถูกความองอาจใหญ่โตภายในจีบรักขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าทำให้จิ้งต้องกัดริมฝีปากไว้ แต่กลับเป็นภาพที่ยั่วเย้าอารมณ์ของปภพเหลือเกิน

สายตาคมทอดมองคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล อยากจะกลืนกินคนๆนี้เข้าไปจนไม่มีใครที่ไหนสามารถหาจักรพรรติได้พบอีก ลูกจิ้งจอกแสนพยศที่ถูกใจนายพรานอย่างปภพจะไม่มีวันหนีออกจากบ่วงรักที่เขาทุ่มเทงัดออกมาผูกรัดคนใต้ร่างเอาไว้ได้แน่ ปภพสอดใส่ความองอาจเข้าไปในร่างของจิ้งอย่างหนักหน่วง เน้นย้ำให้อีกคนได้รู้และไม่ลืมว่าใครที่เป็นเจ้าของ เสียงหวานครางกระเส่าอย่างไม่เป็นภาษา ยิ่งถูกโถมกายเข้ามารุนแรงเท่าไหร่ อารมณ์วาบหวามก็ยิ่งนำความเสียวซ่านมาจุกอยู่เพียงจุดเดียว

อยากปลดปล่อย อยากได้มากกว่านี้

“อีก อ๊ะ อา อื้อ เอา อืม อีก” จิ้งหลงลืมความอายใดๆจนหมดสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกต้องการที่เรียกร้องจนจิ้งแทบจะขาดใจ

“อืม จิ้งจอกน้อยของพี่”

สองแขนเล็กยกขึ้นโอบลำคอหนาไว้แน่น แหงนใบหน้าขึ้นรับจูบเร่าร้อนจากคนตัวสูง ปภพบดเบียดริมฝีปากสอดปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรุกไล่จนต้องคราฃผะแผ่ว เอวหนาขยับนำสิ่งนั้นเข้าออกอย่างรุนแรง เสียงหายใจดังสลับกับเสียงครวญคราง หัวใจของปภพและจักรพรรติเต้นเป็นจัฃหวะเดียวกัน แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ว่าเขาชอบบทเรียนสวาทของหมอภพเหลือเกิน มุนทั้งเร่าร้อนรุนแรงและหลอมละลายสติของเขาให้หายไปจนหมด เหมือนถูกชักนำให้เดินเข้าไปในวังวนต้องห้ามที่หอมหวานแต่อันตราย

“อื้อ อ๊ะ จะออก อืม ผมจะ อ๊ะ อ๊า!”

“จิ้ง อา ซี๊ด จิ้ง”

ปภพกระแทกกายเข้าออกเน้นๆอยู่หลายครั้ง ยิ่งจิ้งใกล้จะปลดปล่อยคนตัวสูงก็ยิ่งขยับกายถี่หวังจะปลดปล่อยพร้อมกับคนของตน จิ้งขยับมือรูดรั้งความองอาจในมือของตนเองอย่างแรงจนร่างทั้งร่างกระตุกปลดปล่อยหวาดรักสีขาวขุ่นใส่ฝ่ามือตัวเอง จีบรักกระตุกตอดรัดแน่นจนปภพเองก็ต้องเร่งกายปลดปล่อยสายธารรักที่อุ่นร้อนเข้าสู่ภายในร่างของจิ้งเช่นกัน

จิ้งนอนหอบหายใจอย่างหมดแรงในขณะที่สิ่งนั้นถูกดึงออกอย่างช้าๆ หยาดสีขุ่นผสมกับเลือดของจิ้งไหลออกมาทันทีที่ความใหญ่โตถูกดึงออก ร่องรอยต่างๆปรากฏชัดในสายตาจนปภพต้องใช้ปลายนิ้วลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา เขาได้มาแล้ว ได้จิ้งจอกตัวน้อยที่แสนพยศมาแล้ว ความปลื้มปิติเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งได้เป็นคนแรกของจักรพรรติปภพก็ยิ่งดีใจจนต้องก้มลงไปจูบซับเหงื่อของจิ้งตามไรผม

“ที่รัก...พี่มีความสุขที่สุดเลย” ฟีโรโมนหลังมีสัมพันธ์กันช่างหอมนัก หอมเสียจนปภพแทบจะต่อยกสองเสียให้ได้ แต่เขาก็รู้ว่าร่างกายของจิ้งรับมากกว่านี้ไม่ไหว เขาฝืนใช้ทีเผลอกดร่างเข้าไปเพียงเพราะถูกอีกฝ่ายรัดจนแน่น ความรู้สึกนั้นปภพจำได้ดี มันทั้งเสียวซ่าน ทั้งเจ็บปวดแต่เขากลับชอบความรู้สึกนั้น ความรู้สึกที่ได้เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับอีกคน

“อื้อ มะ ไม่เอาแล้ว”

จิ้งบอกอย่างเหนื่อยล้า ในหัวตอนนี้มึนไปหมดจนแยกแยะอะไรไม่ได้แต่จิ้งก็ยังรับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามตัว ปภพจูบขมับคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ พอใจที่เห็นว่าดวงตาคู่หวานกำลังจะปิดลงเพื่อก้าวเข้าสู่นิทรา เขายอมละมือออกจากผิวนุ่มลื่นแต่เพียงเลิกคิดจะลูบไล้เท่านั้นเพราะร่างสูงเปลี่ยนจากการลูบไล้ตามแนวราบของเรือนร่างมาเป็นก่ายกอดกระชับคนข้างๆเข้าสู่อ้อมอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

จิ้งปรือตาความอ่อนล้าจากบทรักเร่าร้อนสูบเอาเรี่ยวแรงจากตนไปจนหมดจนร่างกานเรียกร้องการพักผ่อนอย่างมาก ความเย็นของเครื่องปรับอากาศไม่มีผลกับร่างเปลือยเปล่าแม้แต่น้อยเพราะในตอนนี้ปภพได้ใช้เนื้อห่มเนื้อแก่จักรพรรติเรียบร้อย หากเช้ามาจิ้งจอกน้อยของเขาจะหันมาหลงใหลเขาดังที่เขาหลงใหลในตัวของจิ้งก็คงดี เขาก็ไม่อยากจะใจร้ายจับเจ้าลูกจิ้งจอกไร้เดียงสาขังกรงเสียด้วยสิ หึหึ









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







แสงแดดยามเช้าไม่ได้รบกวนการนอนหลับแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะความร้อนในร่างกายและอาการเจ็บแปลบที่จีบรักอันบอบบางที่เพียงขยับกาบเปลี่ยนท่านอนก็รวดร้าวไปจนถึงกระดูกสันหลัง จิ้งลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวกระพริบตาปริบๆเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ ภาพการร่วมรักอย่างเร่าร้อนของเขาและหมอภพกลับมาทันใด ใบหน้าหวานแดงซ่าน รู้สึกหนักศีรษะราวกับมีใครเอาหินก้อนใหญ่มาวางไว้ ดวงตาร้อนผะผ่าวจนหยาดน้ำตาไหลลงมา ลมหายใจของจิ้งร้อนขึ้นจนเจ้าตัวสัมผัสได้

เขากำลังป่วย ใช่!

มันเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ตัวดี เพราะตัวจิ้งเองไม่ชอบเลยเวลาที่จะต้องป่วยเช่นนี้ ไม่ชอบความร้อนผ่าวที่รู้สึก ไม่ชอบที่ผิวกายสัมผัสความเย็นได้ดีกว่าปกติ เขาไม่ชอบอาการสั่นที่เพียงแค่ถูกความเย็นภายในห้องแตะผิวก็สั่นสะท้าน ปภพเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้ากังวล มือถือกะละมังใบเล็กที่มีน้ำและผ้าใส่อยู่ด้านในมาวางไว้ใกล้ๆเตียง

“น้องจิ้งกำลังป่วยนะครับ อย่าร้องไห้เลย” เขาเปล่าเสียหน่อย! ปภพใช้มืออังหน้าผากเล็กวัดอุณหภูมิของร่างกายก่อนจะถอนหายใจออกมา

“พี่จะเช็ดตัวให้นะครับ อย่าขยับมากนะ” จิ้งปัดมือของหมอภพทิ้ง เมินหน้าหนีและเม้มปากแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด

“อยะ อย่ามาแตะ” จักรพรรติเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง นึกเสียใจที่โง่เดินเข้ามาในจุดที่ไม่สามารถออกไปได้

“พี่ขอโทษครับ...แต่พี่ไม่เสียใจที่ทำลงไปสักนิด พี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง” จิ้งขมวดคิ้วแต่ใบหน้ากลับยิ้มเยาะอีกฝ่าย

“ผมเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นสักนิดที่ต้องรับผิดชอบ”

“ถ้าไม่อยากให้พี่รับผิดชอบก็ไม่เป็นไรครับ...” จิ้งเสมองไผทางอื่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทำไมกันนะ ทำไมทุกจังหวัการเต้นของหัวใจหลังจากได้ยินแบบนั้นมันถึงได้ปวดหนึบจนอยากจะร้องไห้

“งั้นน้องจิ้งก็มารับผิดชอบพี่แทนนะครับ”

“บ้าหรือไง! ผมไม่ได้ทำอะไรทำไมต้องรับผิดชอบด้วย! แค่กๆ” เพราะตะเบงเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้คิดด้วยความโมโหจึงทำให้เสียงแหบแห้งยิ่งแหบแห้งเข้าไปอีก ซ้ำร้ายยังเจ็บคอเพิ่มขึ้นมาด้วย

“ก็น้องจิ้งมาขโมยหัวใจพี่ไปนี่ครับ น้องจิ้งมาผลักให้พี่ตกหลุมรักแล้วจะเดินจากไปได้ยังไง” จิ้งเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ถึงคำพูดจะดูเสี่ยวจนเลี่ยน แต่ที่น่าแปลกใจคือใบหน้าของหมอภพมันขัดแย้งกับคำพูดชัดๆ บอกว่าเขาขโมยหัวใจ แต่ทำหน้าเหมือนอยากจะจับเขากิน บอกว่าเขาผลักให้ตกหลุมรัก แต่ทำหน้าราวกับอยากจะจับเขาขังเอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหน บ้าไปแล้ว! คนๆนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ ปฏิกิริยาทางใบหน้ากับสมองไม่ได้ทำงานร่วมกันเลยสักนิด!

“ผะ ผม เปล่า” จิ้งพูดราวกับแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไอการคุกคามแต่ทำให้ใจเต้นนี่มันอะไรกัน ทำไมเขาถึงทั้งอยากเข้าไปใกล้และอยากถอยหนี

“ไม่ได้ครับ ทำแบบนี้พี่เสียหาย ถ้าเกิดน้องจิ้งไม่รับผิดชอบพี่แบบนี้...พี่คงต้องไปบอกคุณจันทร์แล้วว่า น้องชายผู้แสนดีของคุณจันทร์ ฟันพี่แล้วทิ้ง” จิ้งที่นอนซมเพราะพิษไข้อ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะงัดอะไรมาเถียงหมอขี้ตื้อคนนี้เลย

“เช็ดตัวนะครับ จะได้ทานข้าวทานยา”

ปภพไม่ปล่อยให้อีกคนได้พูดปฏิเสธหรือเรียกสติใดๆเขาลงมือเช็ดร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยกุหลาบอย่างเบามือ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนตัวเล็กได้สวมใส่ในชุดของตนเองแม้มันจะดูยาวไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าชุดเก่าหรือนอนเปลือยเปล่าตกแอร์อยู่แบบนี้ ข้าวต้มร้อนๆถูกคนตัวใหญ่บังคับป้อนจนพร่องไปกว่าครึ่ง ทั้งๆที่จิ้งบอกแล้วกว่าร้อยครั้งว่าจะทานเองแต่ปภพก็ไม่สนใจซ้ำยังขู่เขาสารพัดจนต้องยอมอ้าปากรับข้าวอุ่นๆนั่นเข้าปาก

สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้ไปตลอดหลายวันจนเขาขี้เกียจจะต่อปากต่อคำอยากจะดูแลก็ดูแลไป อยากจะทำอะไรก็ทำเขาไม่อยากจะเถียงด้วยแล้ว เพียงแต่เขาเองก็คิดลึกๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า...บางทีเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แต่ไม่บอกให้หมอรู้หรอก เดี๋ยวหมอจะได้ใจ จิ้งได้แต่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ช่วยให้ร่างกายได้อุ่นขึ้น มองใบหน้าของหมอที่อดหลับอดนอนดูแลเขาไม่ห่างเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่แน่ๆคทอหัวใจของจิ้งในตอนนี้มันเต้นแรงเสียจนกลัวว่าหมอจะตื่นขึ้นมาได้ยินมัน เอาเถอะหมอ...ขอดูความประพฤติไปก่อนแล้วกันนะครับ แล้วผมจะรับหมอมาเป็นอีกคนเพื่อช่วยดูแลหัวใจ

พี่จันทร์ครับ...ผมว่าการมีคนมารักมันก็ดีเหมือนกันนะ หึหึ









The End
[/b][/size]









                   อะไรนะ! จบแล้วเหรอ!! เตรียมหลบรองเท้าและสารพัดข้าวของที่โยนมา 5555 แมวลงครบแล้ว จบแล้วเนอะ ก็ตัดจบแบบฉับๆ แมวอยากให้เข้าใจว่า...บางครั้งตอนจบไม่จำเป็นต้องโอบกอดกันด้วยความรักเสมอไป แบบนี้ก็จบด้าย!!!(แถไปอีก) ขอบพระคุณที่อยู่กับแมวมาตั้งแต่เปิดคลินิกนะคะ ในตอนนี้คลินิกได้ทำการครบแก่เวลาแล้ว แต่แมวได้ยินเสียงอะไร พิเศษๆนะ ไม่รู้ไม่ชี้ คิกๆ ติดตามและพบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ บายๆ (ไปแต่งเรื่องต่อไปค่า)



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๔๗% UP. 04/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-07-2018 17:48:59
น้องจิ้งจะหลงพี่หมอมากแล้ว อ่ะ
จบซะแล้ว รอเริ่องต่อไป
แอบมีตอนพิเศษรวมหมูก็ดีน่ะ คิกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-07-2018 21:58:07
สนุกค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-07-2018 00:06:27
“อืม จิ้งจอกน้อยของพี่”....อย่างเขิล  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-07-2018 16:02:57
แหม....หมอภพค่าตัวแพงจริงอะไรจริง แต่ร้อนแรงไม่แพ้คนอื่น 555

 :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-07-2018 08:07:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 28-07-2018 14:45:23
ดุเดือดมากก  :katai5:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 08-08-2018 21:16:23
 o13
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ ๑๐๐% UP. 14/07/61
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 31-10-2018 14:06:43
 :jul1:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่ UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 20-11-2018 14:54:49
โลกหรือจะยุติธรรม งานที่ว่าแสนจะหาง่ายสำหรับฉันแล้ว มันหายากยิ่งกว่าอะไรดี เดินมาจนขาจะหงิกผิวจะเกรียมจากการโลมเลียของแดดฉันก็ยังไม่ได้งานเลยสักงาน! นี่มันซวยอะไรกันเนี่ย!! ฉันชื่อสาวิตรี อายุเป็นเพียงตัวเลข อย่าบ่นนะ! ไม่มีใครเขาถามอายุผู้หญิงกันหรอกนะ ฉันเดินต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าจะมีสักที่ที่จะรับฉันเข้าทำงาน งมหางานตั้งแต่เช้าที่แต่งหน้าแต่งตาพร้อมทำผมนานกว่าชั่วโมง หวังว่าจะเจอที่ดีๆ สุดท้ายพอเข้าไปไม่เจอเฒ่าหัวงูก็เจอแต่ไอ้พวกเอาเปรียบกดราคาค่าจ้างเหมือนต่อรองค่าผักในตลาด

เบะปากมองบนได้ไหม?

แต่ที่สงสัยคือทำไมยังมีคนไปทำงานกับคนแบบนั้นกันนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไปก็เท่ากับกรีดเนื้อตัวเองแท้ๆ แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ ฉันล่ะอยากจะเอารองเท้าส้นสูงแหลมๆ นี่เฉาะหน้าไอ้บ้านั่นสักที จบมาได้ใบปริญญากลับมาต่อรองค่าจ้างจนเหลือเก้าพัน ฉันไม่กระโดดถีบยอดหน้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ฉันนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ด้วยความเหนื่อยล้า ยกน้ำขวดสีน้ำเงินขึ้นดื่มอย่างกระหาย สภาพของฉันในตอนนี้อย่าเรียกว่าสวยเลยค่ะ มองให้ออกว่าเป็นคนก่อนคงจะดีกว่า

เสื้อผ้ายับจากการถูกไอหัวหน้าอ้วนนั่นลวนลาม รองเท้าที่ในตอนนี้ส้นสึกไปจากการเดินหางานอย่างไม่หยุดพัก ขาเรียวๆ ของฉันตอนนี้แบ่งเส้นทวีปเรียบร้อยแล้วครึ่งขาวครึ่งเกรียม จนอดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูบไล้อย่างเสียดาย ฉันเลื่อนมือลงไปบีบนวดที่ข้อเท้าที่ก่อนหน้านี้มันพลิกจากการสะดุดท่อระบายน้ำ ทั้งเจ็บตัว งานก็ไม่ได้ หิวก็หิว มันจะมีอะไรซวยไปมากกว่านี้ไหม

“คุณครับ...ฝากใบปลิวหน่อยนะครับ ถ้าสนใจอยากทำงาน คลินิกของเราว่างนะครับ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าน่ารักที่ส่งยิ้มสดใสมาให้ บอกได้เลยว่าฉันตะลึงมาก คนๆ นี้จะเรียกว่าหล่อก็ไม่ได้ สวยก็ไม่เชิง แต่เขาเป็นคนที่น่ารักมากๆ จนฉันต้องเอื้อมมือไปรับใบปลิวของเขามาอย่างเหม่อลอยก่อนที่เขาจะวิ่งไปหาคนอื่นอย่างกระตือรือร้น

เทวดา เขาเหมือนเทวดาตัวน้อย

ฉันรู้สึกราวกับว่ามองเห็นปีกสีขาวออกมาจากแผ่นหลังของคนๆ นั้น เสื้อสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแนบตัวนั่น มันช่างดูดีแม้กระทั่งชุดง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ ฉันก้มลงมองตัวอักษรในกระดาษอย่างสนใจ งานงั้นเหรอ ฉันเองก็หางานอยู่นี่! เมื่อคิดได้แบบนั้นสติก็เริ่มกลับมา สายตากวาดเอาตัวอักษรทุกตัวเข้าสู่สมองกลั่นกรองมันด้วยสติที่แม้จะน้อยนิดก็ตาม

“รับสมัครผู้ช่วยงั้นเหรอ น่าสนใจจัง”

ฉันตัดสินใจหันไปมองเขาอีกครั้ง เขายังคงฉีกยิ้มกว้างยื่นใบปลิวให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างไม่รู้จักร้อน แม้ว่าใบหน้าของเขาจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม เขาก็ยังคงยิ้มมันต่อไป ฉันอดเอ็นดูเขาไม่ได้ ตัวเด็กคนนั้นเองดูจะอายุน้อยกว่าฉันอีก แต่กลับไม่บ่นสักคำว่าร้อน แม้จะมีการโบกใบปลิวในมือไปมาเพื่อระบายความร้อน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียบ่นให้ฉันได้ยินเลย ฉันเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นอีกครั้ง เขาเองก็หันมามองฉันอย่างสนใจ นัยน์ตาใสเป็นประกายราวกับดีใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด

“ถ้าไม่ว่าอะไร ขอทราบรายละเอียดงานได้ไหมคะ”

“ได้สิครับพี่! เดี๋ยวเชิญมาทางนี้กับผมเลยนะครับ เพื่อนๆ ผมเองก็อยู่แถวๆ นี้!” ฉันเดินตามรอยยิ้มกว้างของเขามาอย่างเอ็นดู แต่เมื่อเขาพูดถึงเพื่อนฉันเองก็อดคิดไม่ได้เลยว่า หนูคงไม่ได้หลอกพี่มาปล้นใช่ไหมลูก แต่เขาไม่ได้โกหกฉันเลยค่ะ เพราะเดินมาอีกหน่อยก็เจอเพื่อนเขาจริงๆ หลายคนเสียด้วยแถมแต่ละคน! ไม่น่ามาแจกใบปลิว ควรไปเป็นดาราไม่ก็นายแบบมากกว่า ถ้าจะหล่อทะลุตับทะลุไตขนาดนี้!

“เฮ้ย!! พวกมึง! กูหาคนได้แล้ว!”

เดี๋ยวนะคะน้อง พี่ยังไม่ได้ตกลงงงงงงงง

ฉันถูกสายตาสิบแปดคู่จับจ้องมา ฟังไม่ผิดหรอกค่ะสิบแปดคู่จริงๆ พวกเขานั่งมองฉันอย่างมีความหวัง เอ่อ...อันนี้น้องคนที่แจกใบปลิวให้ฉันคนเดียวนะคะ ส่วนสายตาที่เหลือคือรอฟังคำตอบจากฉัน จะให้ตอบอะไรล่ะ ก็เขายังไม่อธิบายรายละเอียดงานให้ฉันฟังเลยสักนิด ฉันจะตกลงทำงานได้ยังไง ไหนจะเรื่องเงินเดือนอีก ฉันเข็ดจากพวกต่อราคาค่าผักแล้วนะ เจอแบบนั้นอีกฉันขอบายดีกว่า ยอมกลับบ้านไปให้สามีด่ายังดีกว่าเลย

“ตกลงคุณยอมรับงานแล้วใช่ไหมครับ” รับกับผีน่ะสิ! ฉันยังไม่ได้ฟังอะไรเลยนะ แต่ฉันเพียงแค่ส่งยิ้มการค้ากลับไปเท่านั้นพร้อมกับเอ่ยถาม

“รายละเอียดงานละคะ ฉันยังไม่ได้ฟังอะไรเลย” พอได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ฮือฮากันด้วยตาโต

“มึงแหละไปถามเขาแบบนั้น ไม่ยอมอธิบายไอ้เสือ”

“เอ้า ไอ้เหี้ยเดล แล้วมึงนั่งอมเหี้ยอะไรล่ะไม่บอกเขาเอง”

“มึงล่ะไอ้สาม มึงผิด”

“พ่อมึง! เกี่ยวอะไรกับกู?” จากการสัมภาษณ์งานเลยกลายเป็นสงครามขนาดย่อมๆ ของเด็กพวกนี้ ที่โยนความผิดกันไปมา จากคนถูกสัมภาษณ์เลยกลายเป็นบุคคลห้ามทัพแทน นี่งานผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงเด็กกันแน่นะ เฮ้อ!

“อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ หยุดทะเลาะกันก่อนนะคะ”

“มึงแหละผิด ไอ้สัส!”

“อย่ามาโทษกูนะโว้ย!”

“น้องๆ คะ หยุดเถอะ...”

“เพราะมึงแหละ ไม่ต้องมาจับกูเลย!”

“ไอ้ห่าสาม มาต่อยกับกูไหม!”

“ก็บอกว่าให้หยุดตีกันไง!!” และแล้วเส้นความอดทนของฉันก็ขาด ฉันยืนกอดอกมองหน้าแต่ละคนด้วยแววตาคมกริบถ้ามีไม้เรียวถืออยู่รับรองว่ามันต้องลงไปหวดอยู่บนก้นของแต่ละคนแน่ๆ ทุกคนหันมามองฉันตาปริบๆ ก่อนจะยอมนั่งลงแต่โดยดี ฉันจึงยอมนั่งลงอีกครั้งเหมือนกัน แม้ว่าความหงุดหงิดจะยังไม่ห่างหายไปจากหัวใจก็ตาม

“รายละเอียดงาน!” แต่ละคนสะดุ้งกับน้ำเสียงห้วนๆ ของฉันก่อนจะมองหน้ากันเลิกลั่นราวกับเด็กประถมที่ถูกครูดุและกำลังจะโดนครูตี

“เอ่อ คือ แค่นั่งรับประวัติคนไข้ ติดต่อประสานงาน กันพวกคนไข้ที่เอ่อ เอาเป็นว่า ผมให้เงินพี่สามหมื่นต่อเดือนเลยนะครับ” ฉันเลิกคิ้วมองเด็กคนนั้นที่ฉันเอ็นดูอย่างไม่เข้าใจ ถ้าแค่งานผู้ช่วยทำไมถึงได้ให้เงินเดือนมากมายนัก หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น?

“แปลกนะคะ ถ้าแค่คลินิกธรรมดาๆ ก็ไม่น่าจะให้เงินพนักงานเยอะขนาดนี้”

“ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเราไม่ใช่คลินิกรักษาผู้ป่วยทั่วๆ ไป เราคือคลินิกมารักษ์ที่รักษาเฉพาะโรคทางเพศเท่านั้น และ...จากที่เราเปิดคลินิกมา มันก็มีปัญหาที่ทำให้เราตกลงจะรับคนเพื่อ...เอ่อ กันพวกคนไข้”

“คลินิกรักษาโรคทางเพศ? โรคเอดส์อะไรนี่เหรอคะ?” เทวดาตัวน้อยของฉันยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ไม่ใช่หรอกครับ พวกโรคที่เกิดปัญหา ยกตัวอย่างก็พวกกามตายด้าน ไร้อารมณ์อะไรแบบนี้น่ะครับ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ แต่ในใจนั้นคิดไปไกลแล้ว

“ก็แล้วทำไมต้องกันคนไข้ด้วยละคะ” นี่คืออีกสิ่งที่ฉันสงสัย

“คือ...แบบ เรื่องนี้ไม่ได้ยากอะไรเลยนะครับ แค่คุณคอยกันไม่ให้พวกเขามาวุ่นวายมากเกินไป คือ...ผมเข้าใจว่าคุณอยากได้คำอธิบาย แต่มันอธิบายยาก แค่จำกฎของเราแล้วก็คอยดูว่าใครที่ไม่ยอมทำตามกฎเท่านั้นเองครับ” ฉันนิ่งคิดไปพักหนึ่ง บอกตรงๆ ว่าทั้งเงินเดือนและรายละเอียดงานมันก็ดูง่ายไม่มีอะไรยากเลยสักนิด แถมเด็กพวกนี้ก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ฉันถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับให้พวกเขา

“โอเคค่ะ ดิฉันตกลงทำงานนี้”

เสียงโห่ร้องไชโยดังก้องไปทั่วทั้งคลินิก จะว่าไปคลินิกนี่สวยใช้ได้เลย แถมยังใหญ่โตจนดูไม่ออกเลยว่ามันคือคลินิก เพราะถ้าบอกฉันว่ามันเป็นโรงแรมฉันยังเชื่อกว่า เด็กพวกนี้คิดอะไรกันอยู่นะ ดูๆ แล้วเหมือนกับว่าเพิ่งจะเรียนจบกันมาเลย แต่ละคนหน้าใสจนฉันอิจฉา ยิ่งเด็กคนนั้นที่ฉันเอ็นดูหน้าเขาเด็กมาก จนอวดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะยังไม่ถึง20

ความอิจฉากระตุกคิ้วของฉันยิกๆ หมั่นไส้ความเกลี้ยงเกลาบนหน้าจนอยากจะยกเลิกคำพูดเมื่อกี้นี้ แต่คิดอีกที...ถ้าอยู่ที่นี่อาจจะรู้เคล็ดลับพิเศษของพวกเขาก็ได้ หึหึ ใครจะไปรู้กัน ทุกอย่างมันไม่แน่เสมอไปหรอก ฉันมองพวกเขาที่ยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตีกันแทบตาย กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาลืมเรื่องนั้นไปจนหมดแล้ว

ฉันเองในเมื่อตกลงทำงานได้เรียบร้อยแล้วฉันก็ขอตัวกลับบ้านสักที ออกมาทั้งวันแบบนี้ไม่รู้ว่าสามีของฉันกลับมาถึงบ้านหรือยัง ฉันยังไม่ได้เตรียมอาหารเย็นให้เขาเลย ฉันนั่งรถเมล์มาลงป้ายแถวบ้าน เดินผ่านตลาดไปซื้อกับข้าวสองสามอย่างแล้วกลับบ้านไป ฉันคิดนะ ถ้ามันง่ายและไม่มีอะไรมากอย่างที่เขาว่ามามันก็คงดี เงินสามหมื่นมันเป็นอะไรที่เยอะมาก แถมพวกเขาไม่สนใจจะถามหาหรือขอดูใบปริญญาของฉันเลยด้วยซ้ำ จะไร้เดียงสากันไปไหน เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้ก็แล้วกัน







ฉันเดินเข้ามาในบ้าน จัดการแกะกับข้าวลงใส่จานก่อนจะเดินไปหุงข้าวต่อ ดีหน่อยที่ยังพอเหลือเวลาก่อนสามีของฉันจะกลับ ไม่งั้นฉันคงได้ยินเสียงคนขี้บ่นที่บ่นฉันจนหูชาแน่ๆ ดีที่เมื่อเขากลับมาข้าวก็เสร็จเรียบร้อยพอดี ฉันเล่าเรื่องงานให้เขาฟังตัวเขาเองก็ออกจะไม่พอใจอย่างมากที่รู้ว่าฉันเจออะไรมาบ้าง แต่ฉันก็ได้แต่บอกว่า ช่างมัน เพราะเป็นเพราะคนพวกนั้น ฉันถึงได้มาเจอกับเด็กคนนั้น และได้พบกับงานนี้

ฉันอมยิ้มเมื่อได้หวนนึกถึงช่วงเวลานั้นในอดีต ในตอนนั้นเหล่าคุณหมอผู้หล่อเหลาก็แค่เด็กไร้เดียงสาเท่านั้น แล้วดูในตอนนี้สิ...นอกจากหมอฌาและหมอวาย มีใครบ้างที่ถอดชุดหมาป่าที่สวมไว้ออก ในตอนนี้แทบจะเรียกว่าเป็นหมาป่าเต็มตัวกันหมดแล้ว ฉันมองภาพความวุ่นวายยิ้มๆ คนในคลินิกก็ยังคงครึกครื้นกันเหมือนเดิม ข่าวว่าหมอมีแฟนแล้วมีใครสนใจกัน? นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังแห่มาเพิ่มกันเข้าไปอีก พวกนี้คงหวังจะแย่งสินะ ไม่ไหวเลยจริงๆ

ฉันก้มลงมองตัวเลขที่หน้าจอมือถือ ปรากฏเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงเวลาเย็นมากแล้ว พอหันไปมองด้านนอกแสงอาทิตย์เองก็เริ่มหดหายไปบ้างแล้วเหมือนกัน ถนนที่เคยว่างในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยรถมากมาย เป็นธรรมดาก็นี่มัน5โมงเย็นแล้วนี่ ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกงานของหลายๆ คนเลย แต่ไม่ใช่ของฉันหรอก กว่าคลินิกจะปิดก็...สองสามทุ่ม แต่ฉันไม่ได้คิดมากอะไรนะ เพราะที่นั่งอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ได้แต่หนุนโทรศัพท์ในมือเล่นเท่านั้น

“ไม่ไป!”

“กังหัน~ ไปเถอะนะ ไปกับพี่ พ่อแม่พี่อยากเจอกังหันกันทั้งนั้นเลย” ใบหน้าของน้องกังหันบึ้งตึง มองค้อนตาคว่ำใส่หมอทายที่ยังคงพยายามออดอ้อนคนรักอยู่

“ไม่ไปครับ พี่ทายก็พาคนเมื่อกี้ไปสิ จะมาชวนหันทำไม ฮึ!” ดูท่าทางจะเป็นเพราะเด็กหนุ่มตัวขาวๆ ที่มีริมฝีปากแดงๆ ผู้เป็นคนไข้คนใหม่ของหมอทายแน่ๆ ที่น้องกังหันหมายถึง เพราะจากที่ดูลาดเลามาสักพัก ฉันก็ได้เห็นว่า...อีหนูนั่นมันแรดเหลือเกิน คนอะไรอ่อยได้อ่อยดี อ่อยไม่เว้นวันพระ ไม่แปลกเลยสักนิดที่น้องกังหันจะงอนขนาดนี้ เพราะถ้าเป็นฉัน...ฉันก็งอน!

“โธ่...หันครับ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนะ ไม่ได้ไปยุ่งกับเขาเลยด้วย พี่ตรวจๆ แล้วก็ส่งเขาออกนอกห้องแทบจะทันทีด้วยซ้ำไป” หมอคะ นั่นคนไข้หรือตัวเชื้อโรคคะหมอทาย

“ทำมาพูดดีนะครับ กับหันพี่ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัดอย่าง กับเขาพี่มีหรือจะไม่ทำ” หมอทายหน้าตึง ดวงตาคมมองใบหน้าของคนรักอย่างดุๆ จนเกิดความไม่พอใจ

“หันกำลังดูถูกความรักของพี่นะครับ...ถ้าไม่ใช่เพราะพี่รักกังหันตั้งแต่แรกเจอ มีหรือที่พี่ต้องใช้สารพัดวิธีแบบนั้น!” อ้าว ไหงเรื่องกลับตารปัดแบบนี้ล่ะ ทำไมกลายเป็นหมอทายที่ตาคว่ำหน้างอใส่แทนที่จะเป็นน้องกังหันกัน แล้วดูสิคะ หนูน้อยกังหันเลยย่นคอหดหัวด้วยความกลัว ช้อนสายตาขึ้นมองคนรักอย่างหมอทายด้วยความรู้สึกผิด

“พี่ทายครับ...หันขอโทษ นะๆ ๆ ๆ ๆ” หมอทายก็เล่นตัวเหลือเกิน พอเห็นว่าหนูกังหันของฉันออดอ้อนเข้าก็รีบสะบัดสะบิ้งเหมือนจิ้งจกโดนลวกสดเชียว

“ถ้าพี่หายโกรธ กังหันจะไปพบพ่อกับแม่พี่ไหมครับ”

“ไปสิครับ หันไปแน่นอนอยู่แล้ว” กังหันโชว์ยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดูจนถูกหมอทายจับฟัดแก้มอย่างแรงเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าตัวได้อย่างดี นี่คลินิกรักษาคนไข้หรือจุดสวีทนะคะพวกหนู!!

ถัดจากคู่ผัวตัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกินของกังหันกับหมอทาย ดิฉันก็ยังไม่พ้นชะตากรรมนั่งมานั่งทนดูเขาหวานกันหรอกนะคะ เพราะคราวนี้กลายเป็นคู่ของหมอเดลแทนที่เห่อแฟนจนฉันไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี นี่ถ้าติดป้ายใส่น้องพู่กันได้คุณหมอของฉันคงทำไปแล้วละค่ะ

น้องพู่กันเดินเข้ามาในคลินิกด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง จากเด็กที่เคยมีแววตาแสนเศร้ากับใบหน้าอมทุกข์ตอนนี้ใบหน้าแสนน่ารักนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างมาก มากจนคนบางคนหึงไปทั่ว ไม่เชื่อเหรอคะ นี่สาวนะคะ! สาวเป็นคนที่รู้ดีที่สุด! โอเค...ถ้าไม่เชื่อไปฟังเองเลยค่ะ

“อื้อ! หมอครับพอแล้ว อื้อ” ปากเล็กๆ ก็พูดพยายามจะให้หมอตัวดียอมปล่อยปากของน้องสักที เพราะตอนนี้นอกจากคำว่าจูบแล้วอีกหน่อยคงเป็นกลืนปากน้องแล้วล่ะค่ะ

“ก็ใครให้พู่ยิ้มให้คนอื่นล่ะครับ พี่หวงนะ เห็นไหม! พวกนั้นเอาแต่มองพู่กันของพี่กันใหญ่เลย” พู่กันตัวน้อยโอบแขนรอบเอวหนาของหมอเดลพร้อมกับยิ้มประจบ

“หวงผมหรือคนไข้ครับ คุณหมอ~”

“หวงคุณนั่นล่ะครับ คนดี” ว่าจบก็ก้มลงไปกินปากน้องต่อ คนไข้ทั้งหลายแหล่คงไม่ต้องตรวจแล้วมั้งคะ ถ้าจะหวานกันพร่ำเพรื่อขนาดนี้ ว่าแต่ฉันลืมอะไรไปนะ

อ๋อ...ใช่สิ

“หมอเดลคะ นี่มันกลางคลินิก!!” สงสารคนไข้เหลือเกิน รักหมอยังไม่พอต้องมาชอกช้ำระกำใจเห็นเขาสวี วี้ วีกันต่อหน้าต่อตา กัดผ้าเช็ดหน้ากันต่อไปนะคะ เพราะคนนี้น่ะ ‘ของน้องพู่เขา’

วันๆ ไม่รู้จะต้องปวดหัวกับอะไรหนักหนา ทั้งๆ ที่มันเป็นคลินิกแท้ๆ ฉันที่เป็นผู้ช่วยจริงๆ ไม่ควรด้วยซ้ำที่จะต้องมาปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หืม? เรื่องอะไร โอ๊ย...จะมีเรื่องอะไรมากมายละคะ นอกจากการสวีทแบบไม่เลือกที่กันของเหล่าหมอและคนรัก หรือถ้าไม่สวีทกันก็จะต้องเถียงกันจนคนฟังอย่างฉัน ได้แต่หน่ายใจ











ฉันเฝ้ามองใบหน้าของน้องบาสที่นั่งอยู่หน้าห้องตรวจของหมอสามด้วยความชื่นชม เด็กคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน เมื่อยิ้มแย้มออกมา ใบหน้าก็เปล่งประกายความสดใส โลกทั้งใบราวกับมีผีเสื้อแสนสวยบินวนอยู่รอบๆ อะไรจะน่ารักน่าใคร่ขนาดนี้ ถ้าฉันแย่งหมอสามได้ไหมนะ อา...เอ็นดูเหลือเกิน!

“น้องบาสทานข้าวมาหรือยังคะเนี่ย”

“ยังเลยครับ...พี่สามบอกว่าให้รอไปพร้อมกัน แล้วพี่สาวทานอะไรหรือยังครับ” ฉันยิ้มเอ็นดูให้เด็กตรงหน้า เสียดายความไร้เดียงสาที่จะต้องตกเป็นของหมอสามเหลือเกินค่ะ ฆ่าหมอทิ้งจะดีไหมคะนี่ย

“ยังเหมือนกันค่ะ พี่รอทานพร้อมสามีทีเดียว” เด็กน้อยขอฃฉันตาโต คงจะตกใจเรื่องที่ฉันมีสามีแล้ว ไม่แปลกหรอกค่ะ น้อยคนที่จะทราบเรื่องนี้ ถึงจะไม่ใช่ความลับแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะป่าวประกาศออกมาจริงไหมคะ?

“สะ สามี! พี่สาวแต่งงานแล้วเหรอครับ?”

“คิกๆ ใช่แล้วค่ะ แปลกหรือคะน้องบาส”

“ไม่ๆ ไม่แปลกครับ ผมแค่คิดว่า...พี่สาวดูเด็กเกินไปเลยไม่คิดว่าจะแต่งงานแล้ว แหะๆ” น้องบาสยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเองแก้เขิน แต่ฉันสิคะ ถูกความโมเอะสาดใส่จนแทบจะกระเด็น โอ๊ย! น่ารักไปแล้วนะลูก!

“ต๊าย!! ปากหวาน!” ในขณะที่น้องบาสหัวเราะคิกคักกับอาการบิดเป็นเลขแปดของฉัน มือใหญ่ของใครบางคนก็รวบร่างของบาสเข้าไปกอดจนแผ่นหลังของน้องจมเข้าไปกับอก

แหม...พ่อคุ๊ณ! ไม่ค่อยจะหวงเลยนะคะ หมอสาม!

“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย...หื้ม~”

“กำลังคุยเรื่องหมอนั่นแหละค่ะ สาวกำลังบอกให้น้องรู้ว่าคนไข้ของหมอแต่ละคน เด็ด ดวง แค่ ไหน” มันอดแกล้งไม่ได้จริงๆ ค่ะ จากที่หน้าแดงเพราะการกอดของน้องบาส ในตอนนี้เลยกลายเป็นสงครามขนาดย่อมแทน เมื่อน้องบาสหน้ามองค้อนสายตาใส่หมอสามจนหน้าคว่ำ มือเล็กๆ ก็พยายามแกะเอาแขนที่กอดรัดร่างของน้องเอาไว้ออกด้วยความไม่พอใจ

ตายล่ะ นี่ฉันกำลังทำบ้านเขาแตกใช่ไหมคะเนี่ย

“ปล่อยๆ ๆ ๆ ปล่อยผมนะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” น้องพยายามทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งขู่ฟ่อๆ เป็นลูกแมวที่ดิ้นรนออกจากกรงขังด้วยความไม่ชอบใจ

“บาส มันไม่จริงเลยนะ อย่าดิ้นสิ ฟังพี่ก่อน บาส...”

“ไม่ฟัง! ปล่อยผมนะ ไอ้พี่สามบ้า ปล่อยยยยยย”

“อย่าดิ้น! ดื้อนักใช่ไหม ไม่ฟังใช่ไหม มานี่เลย!”

ฉันยืนมองแบบอึ้งๆ กับความวุ่นวายของคู่หมอสามที่ฉันเป็นก่อ จะเปิดปากอธิบายให้น้องฟัง หมอสามก็แลดูจะหงุดหงิดเสียจนต้องอุ้มร่างเล็กๆ ของน้องบาสออกไปขึ้นรถและขับออกไป ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ที่เดิม แข็งเป็นหินเลยด้วยซ้ำไป ทำไมสมองฉันประมวลหาทางออกไม่เจอนะ พอได้สติฉันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมากับการทะเลาะกันของคู่นี้ แบบนี้คงไม่พ้นหมอสามคงพาน้องไปจบลงบนเตียงแน่ๆ แล้วแบบนี้ การ์ดแต่งงานที่ฉันรออยู่เมื่อไรจะได้แจกสักทีล่ะเนี่ย โอ๊ย! ฉันล่ะเพลีย

“อ้าว! บาสล่ะครับคุณสาว เมื่อกี้ผมยังได้ยินเสียงมันอยู่เลย” หมอกวินทร์ชะเง้อคอมองหาร่างของหมอสาม

“เพิ่งอุ้มน้องบาสกลับไปเมื่อกี้เองค่ะ หมอวินมีอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวสาวทำให้”

“เปล่าครับ พอดีผมโทรหาสองไม่ติดเลยว่าจะถามมันเสียหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” ฉันส่งยิ้มเข้าใจให้หมอวินที่ยังคงชะเง้อคอมองออกไปนอกคลินิกด้วยสายตาเฝ้ารอใครสักคนอยู่ จนฉันเองต้องมองตามไปอย่างอดไม่ได้

“รอใครหรือคะหมอวิน”

“ผมรอน้องสองครับ นี่ก็จะถึงเวลานัดแล้วด้วย” หมอกวินทร์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาและมองออกไปนอกคลินิกเช่นเดิม

“จะไปไหนกันคะคืนนี้ เอ...ไปห้องหมอวินหรือเปล่าน๊า” แก้มหมอวินแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปกติหมอวินจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครเขา แต่เวลาอยู่กับน้องสองทีไร แววตาของหมอวินก็มักจะอ่อนโยนลงและเต็มไปด้วยความรักใคร่จนใครๆ ก็นึกอิจฉา

“เปล่าครับ ผมว่าจะขอน้องเป็นแฟนวันนี้ เลยตื่นเต้นนิดหน่อย”

“หะ? อ๋อค่ะ”

จะขอเขาเป็นแฟนทั้งๆ ที่ข้ามขั้นเป็นผั- แค่กๆ น้องแล้วงั้นเหรอ นี่ฉันอยู่ในยุคที่ซั่มกันก่อนขอเป็นแฟนหรือยังไงคะเนี่ย สาวเริ่มงงแล้วนะ ปกติกว่าฉันจะร่วมเตียงกับคุณสามีก็ตอนที่แต่งงานกันแล้ว แต่ในกรณีของน้องสองฉันเข้าใจนะคะ เพราะตอนนั้นฉันเองก็เป็นพยานรัก เอ่อ หมายถึงอยู่ในเหตุการณ์เช่นกันค่ะ จะทำไงได้คะ ก็น้องสองของเราโดนยาปลุก หมอวินของเราถึงได้ไม่มีทางเลือก ต้องยอมสละเรือนร่างอันน่าหม่ำเข้าขย้ำน้องไปเรียบร้อย

“สอง...”

“ขอโทษนะครับ สองมาช้าไปหน่อย พี่สาวสวัสดีครับ” น้ำเสียงของหมอวินไม่ใช่แค่ดีขึ้นนะคะ ใบหน้าของหมอก็กักเก็บเอาความตื่นเต้นไว้ไม่ไหวแล้วเหมือนกันค่ะ นี่กลัวน้องไม่รู้ใช่ไหมคะว่ามีเรื่องปิดบัง

“สวัสดีค่ะ น้องสองปิดมือถือเหรอคะ คนแถวนี้ดิ้นเป็นหนูติดจั่นเชียว” สองหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางตัวเองให้ดู

“แบตหมดครับ ว่าจะโทรบอกเหมือนกันว่ารถติดเลยมาช้า แล้วนี่พี่สามล่ะครับ”

“โน้น...ค่ะ ลากน้องบาสออกไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วเอง”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉันกำลังจะอ้าปากบอกแต่ก็ต้องหุบลงเมื่อหมอวินพูดแทรกการสนทนาขึ้นมาเสียก่อน

“สอง พี่ว่าเราไปกันเลยดีไหม พี่จองร้านเอาไว้แล้วด้วยสิ” ถึงแม้สีหน้าน้องจะติดสงสัยแต่ก็คงจะปฏิเสธคนรักของตัวเองไม่ได้ น้องสองเลยได้แต่ส่งยิ้มไปให้

“ครับ ไปเลยก็ได้ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่สาว สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะน้องสอง ขับรถดีๆ นะคะคุณหมอ อย่าพาน้องแวะข้างทางนะคะ คิกๆ” พอฉันพูดจบเสียงหัวเราะของหมอวินก็ลอยมาให้ได้ยินเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นี่คงถูกน้องสองจัดการเข้าล่ะสิ ถึงร้องออกมาแบบนั้น จะว่าไปมันก็คือความสุขนะคะ ช่วงเวลาที่ต้องเลิกงานแบบนี้แต่ละคนก็จะมีคนของตัวเองมารับ ส่วนฉันก็กลับแท็กซี่ค่ะ

ฉันมาทำงานในตอนเช้าของอีกวัน โดยมีคุณสามีตัวดีมาส่งหน้าคลินิก ฉันหวังว่าวันนี้ชีวิตอันแสนจะสงบสุขของฉันในคลินิกจะไม่เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันจนทำให้เกิดเรื่องปวดหัวเหมือนที่ผ่านๆ มาอีก สาธุเถอะค่ะ ขอให้วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ มีแต่ความสุขเข้ามาในคลินิกด้วยเถอะ

“พิตต์! กูบอกว่าไง?”

“โธ่...ก็กูไม่ได้ยุ่งกับเขาจริงๆ นะ มึงไม่เชื่อกูเหรอ” ภาพการออดอ้อนเมียของหมอพิตต์ทำเอาฉันต้องกรอกตาไปมาอย่างหน่ายใจ

“ไม่ต้องมากอดกูเลยนะ มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ” กรสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของหมอพิตต์แต่มีหรือคนอย่างหมอพิตต์จะยอม อ้อมแขนของหมอพิตต์ดูจะแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

“ไม่เอาน่า มึงก็รู้ว่าแค่กับมึง กูก็แทบไม่มีแรงไปยุ่งกับใครแล้ว” แหม...หน้าแดงเชียวนะคะน้องกร อีแบบนี้หายโกรธแล้วแน่ๆ ใครจะไปรู้คะว่าคนนิ่งๆ แบบหมอพิตต์ จะพิษสงรอบตัวแบบนี้ หึหึ ชื่อก็บ่งบอกเนอะว่าร้ายแค่ไหน

“อย่าให้กูเห็นอีกนะ ไม่งั้น...กูตัดทิ้งแน่!” หนูกรพูดจบก็เดินหนีไปทิ้งให้หมอพิตต์เสียงสันหลังวาบๆ กับคำขู่นั่น เอามือกุมส่วนลับอันน่าหวงแหนเอาไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว กลัวไว้ก็ดีค่ะหมอ เพราะถ้าวันดีคืนดีไม่กลัวขึ้นมาคงได้...ลาขาดกับน้องชาย

“กร...เดี๋ยวรอด้วยสิ กร!”

ฉันได้แต่มองตามคู่รักอีกคู่ที่เรียกว่าอะไรดีนะ บ้าบอดีกว่า ฮ่าๆ ไม่ใช่ความอิจฉาใดๆ ความเห็นส่วนตัวของฉันล้วนๆ แต่น้องกรน่ารักนะคะ ยิ้มแย้มแถมขี้อายอีกด้วย แต่อย่าให้ได้หึงนะคะ มันก็จะเป็นแบบที่เห็นเมื่อกี้เลย หึหึ

พอคลินิกเปิดคนก็เริ่มทยอยกันเข้ามา แหม...แต่ละคนก็เปรี้ยวเด็ดเข็ดฟันกันเหมือนเคยเลย แต่งตัวกันมาล่อเสือชัดๆ แต่เสือในคลินิกแต่ละคนล้วนแต่มีแฟนกันแล้วเนี่ยสิ ขนาดว่ารู้อยู่แล้วเต็มอกก็ยังคงพยายามอ่อยกันไม่ขาดช่วง คงคิดจะมาแทนที่ของเหล่าแฟนๆ ของหมอล่ะสิท่า หึ เรื่องนี้สาวบอกเลยว่า ยากค่ะ! เพราะเหล่าเมียและผัวของหมอทั้งหลายแหล่นั้น ไม่ใช่คนที่หาได้ง่ายๆ ตามถังขยะเปียกขยะแห้งนะคะ ทุกคนนั้นล้วนผ่านสายตาของสาวมาหมดแล้วว่าเยี่ยม ควรค่าแก่การยกย่อง ไม่ใช่พวกอ่อยไม่เลือกหน้าเหมือนพวกหน้าห้องค่ะ บอกเลยว่าสาวรับไม่ได้!

วันๆ ชองฉันล้วนแต่เจอเรื่องแบบนี้มาจนชินชา เห็นแต่ความยุ่งยากในชีวิตหมอแต่ละคนแล้วละเหี่ยใจ ดีใจเหลือเกินที่ฉันและสามีตกลงกันว่าจะยังไม่มีลูก กลัวค่ะ ฉันยอมรับตรงๆ เลยว่ากลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าลูกฉันจะเป็นแบบไหน ที่กลัวที่สุดคือกลัวจะเป็นเหมือนกับเหล่าคนไข้ของหมอนี่แหละ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย

“คุณสาวสวัสดีครับ”

“อ้าว...สวัสดีค่ะคุณหิน ไปไงมาไงคะเนี่ย?” คุณหินยิ้มให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์ แววตาวิบวับจนขนลุกไปหมดทั้งตัว นี่คงไม่ได้มาหากิ๊กใหม่ในคลินิกใช่ไหมคะ ฉันกลัวคุณจะโดนหมอวายฆ่าปาดคอเหลือเกิน

“ว่าจะมาขออนุญาต ลักพาตัวคนบางคนได้ไหมครับ?”

“ขึ้นอยู่กับว่าจะลักพาตัวคนไหนนะคะ เพราะถ้าเป็นสาว...บอกเลยว่าไม่ได้ค่ะ คิกๆ” คุณหินยิ้มให้ฉันและหัวเราะเบาๆ

“หึหึ...ถึงคุณสาวจะสวย แต่ผมก็รักเดียวใจเดียวนะครับ ยังไงผมก็ถือว่าคุณสาวอนุญาตแล้ว งั้นผมขอไปลักพาตัวเด็กดื้อก่อนนะครับ”

“ค่า~”

ฉันมองคุณหินที่เดินผิวปากเข้าไปหาหมอวายด้วยอารมณ์สุทรีย์เหลือเกิน ก่อนที่เสียงโวยวายของคนสองคนจะดังออกมาจากห้องตรวจนั้นสองเสียงค่ะ เสียงของหมอวายกับคนไข้ ไม่ใช่เสียงของคุณหินแต่อย่างใด ไม่นานนักคุณหินก็เดินออกมาจากห้องตรวจของหมอวายโดยที่บนบ่ากว้างนั้นมีร่างของหมอวายที่ดิ้นรนส่งเสียงด่าทอเสียดังลั่น

“ปล่อยกูเลยนะไอ้หิน! ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้!”

“อย่าดื้อให้มากนักวาย เดี๋ยวคดีของมึงจะเพิ่มไม่รู้ตัว!”

เอาเถอะ...เรื่องของผัวเมียฉันคงไม่เข้าไปยุ่งหรอก แต่ภาพที่คนไข้คนล่าสุดที่เข้าไปตรวจออกมาจากห้องหน้าซีดด้วยความตกใจนี่มันเรียกเสียงฮือฮาได้ดีกว่าภาพหมอถูกหาม เอ๊ย แบกออกไปเสียอีกนะคะ ณ ตอนนี้อย่าได้มาถามค่ะว่าฉันกำลังทำอะไร ขอเวลาไปหัวเราะให้ท้องแข็งตายก่อนนะคะ ไม่ไหวค่ะ ขำจริงๆ ฮ่าๆ ๆ





 ตู้หูววว ตอนพิเศษก็มา~ ขอโทษค่ะช้าไปเย๊ออออออเลย หวังว่าจะชอบกันนะคะ ฝากนิยายเรื่องใหม่ของแมวด้วยนะคะ บุปผาร้อยราตรี ไม่ใช่เรื่องผีเด้อออ 

รักและคิดถึงเสมอนะคะ แมวเอง~
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-11-2018 15:14:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 23-11-2018 03:04:47
 :mew3:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-11-2018 12:31:48
555.  .แต่ละคน
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 24-11-2018 18:35:09
สนุกมาก ๆ ค่ะ แอบอยากให้เป็นเรื่องยาว
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 09-01-2019 18:28:36
เป็นเรื่องที่สนุกมาก  :o8: :-[ :impress2: :hao6:
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 10-01-2019 00:14:59
แซ่บทุกคู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 26-02-2020 13:46:51
แซ่บทุกคู่เลยค่าาาา คู่หมอสามกับน้องบาสนี่ยั่วกันมาก ไม่ไหวๆ เลือดสาดเลย  :m25:
ส่วนคู่หมอเสือกับน้องโอบอุ้มก็ฮามาก 5555  :hao7:
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 26-03-2020 02:01:08
คุณสาวคือกามเทพแท้ๆ 55555555 ขอบคุณนะคะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 14-09-2020 07:28:19
ว้าวววว มีแม่สื่ออยู่น่เอง
สนุกทุกตอน มันดีมากกกก  :katai2-1: