ฝันครั้งที่ 9
เป็นอีกวันในหนึ่งสัปดาห์ที่หลงได้พบกับเพื่อนหลังเลิกงาน ทว่าเป็นการพบกันที่แปลกไปกว่าทุกครั้ง วันนี้เพื่อนไม่ได้นัด เพราะเกิดอาการเมารถจึงอยากรีบกลับไปนอน กลายเป็นหลงเสียเองที่นึกเป็นห่วง คิดไปคิดมารู้ตัวอีกทีก็มาจอดรถหน้าบ้านสองชั้นที่มีอ่างบัวตั้งอยู่ด้านหน้าเสียแล้ว
หลงยังคงนั่งอยู่บนรถไม่ยอมดับเครื่องยนต์ ไม่รู้ว่าแสงไฟกับเสียงรถจะทำให้คนในบ้านรู้ตัวหรือเปล่าเพราะประตูกระจกบานเลื่อนถูกม่านปิดไว้ อย่างน้อยแสงไฟในบ้านที่เปิดไว้เฉพาะชั้นล่างก็ทำให้รู้ว่าเพื่อนคงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่จะคิดอีกอย่างว่าคนเมารถขึ้นไปนอนบนห้องแล้วลืมปิดไฟก็ได้เช่นกัน
รออยู่เกือบนาทีเห็นว่าคนในบ้านยังไม่มีความเคลื่อนไหวหลงจึงหยิบมือถือออกมา ตั้งใจจะลองโทรหาแต่เจ้าของบ้านแง้มผ้าม่านโผล่หน้าออกมาดูเสียก่อน
ทันทีที่เห็นรถคันคุ้นเคยที่ใช้บริการบ่อยๆ จอดอยู่หน้าบ้านเพื่อนก็เบิกตากว้างรีบเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังมีผ้าห่มผืนบางคลุมตัว หลงดับเครื่องยนต์ลงจากรถ แล้วก็โดนว่าไปตามระเบียบ
"จะมาทำไมไม่บอก"
"ขับรถอยู่"
"อย่ามาอ้าง บอกก่อนจะออกมาก็ได้" ปากว่ามือก็เปิดประตูรั้วเชื้อเชิญให้หลงเข้ามาในบ้าน
"มันทางผ่านไงเลยแวะมาหา ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก" หลงชูของที่อยู่ในมือให้ดู น้ำเต้าหู้เจ้าอร่อยจากตลาด
เพื่อนไม่ได้ว่าอะไรเพียงส่ายหน้าแล้วอมยิ้ม ลงกลอนประตูรั้วแล้วเดินนำแขกที่มาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเข้าบ้าน เชิญให้นั่งโซฟาที่เขาใช้เป็นที่นอนชั่วคราวเมื่อครู่นี้
"ดีขึ้นหรือยัง" หลงถามหลังจากมนุษย์ผ้าห่มทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ มองตาแดงๆ ที่เหมือนคนเพิ่งตื่น เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเขาคิดผิดยังไงไม่รู้ที่มากวนโดยไม่บอกล่วงหน้า
"ได้นอนก็โอเคขึ้นแล้ว"
"นอนเยอะไปหรือเปล่าเลยปวดหัว"
"ไม่ใช่ รถมันแอร์ไม่เย็น โดนอบอยู่ในนั้นเหมือนจะเป็นลม" เพื่อนเป็นพวกขี้ร้อน เวลาเจอแดดแรงๆ มักจะปวดหัวหมดแรงเหมือนโดนสูบพลัง ยิ่งเป็นเดือนพฤษภาคมที่ร้อนตับแตกเจอรถแอร์ไม่เย็นเข้าไปยิ่งอาการหนัก
"ก็บอกแล้วว่าให้ซื้อรถขับ"
"ไม่เอาอ่ะ"
"ขี้เกียจ"
"ยอมรับ"
"เชื่อเขาเลย งั้นก็ยอมโดนอบเป็นไก่ต่อไป"
"เพิ่มเวลานอนไง"
"นอนจนสันหลังยาวหมดแล้ว"
"เขาเรียกตัวสูง" เพื่อนเถียงอย่างไม่ยอม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านอกจากได้เชื้อดีจากพ่อแม่แล้วสิ่งที่ทำให้เขาสูงถึงร้อยเจ็ดสิบแปดเป็นเพราะการนอน แม่บอกว่าเด็กๆ นอนแต่หัววันจะสูงไว ถึงอย่างนั้นเขากลับเตี้ยกว่าหลงห้าเซน แถมยังดูตัวเล็กกว่ามากเมื่อยืนข้างกัน หลงเป็นคนตัวสูงใหญ่ ยิ่งสมัยมัธยมตอนตัวอ้วนๆ ไม่มีใครกล้ามายุ่งด้วยสักคน แต่ใครจะรู้ว่ายักษ์ใหญ่คนนี้รักสงบและใจดีแค่ไหน
"ไม่เห็นจะสูงเลย"
"นี่แหละสูงแล้ว"
"เตี้ยกว่าอยู่ดี"
เพื่อนย่นจมูกใส่ ไม่รู้จะเถียงยังไงให้ชนะคนพูดมาก ถ้าจะมีคงเหลืออยู่ทางเดียวซึ่งเป็นทางที่เขาไม่อยากเลือกเท่าไร บางทีพูดไปอาจจะชวนให้กระอักกระอ่วนใจกันทั้งคู่ก็ได้ เพราะเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ว่ายังไงดี
คงเป็นเขาที่กำลังพยายามจีบอยู่ล่ะมั้ง ส่วนอีกฝ่ายคิดเป็นจริงเป็นจัง หรือแค่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนเลยยอมคบด้วยก็ไม่อาจรู้ได้
"แล้วแม่รู้ยังว่าป่วย" ปล่อยให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบได้ไม่นานหลงก็เริ่มชวนคุยต่อ มองหน้าเจ้าของบ้านสลับกับบริเวณโดยรอบ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ภาพโคอาล่าที่เขาเคยเห็นตอนมาส่งเพื่อนหลังงานคืนสู่เหย้า คืนที่ความทรงจำในอดีตถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
"ไม่ได้ป่วย" ปากตอบคำถามแต่ตาเหลือบมองตาม เพื่อนรู้ว่าหลงกำลังสนใจอะไร จนเมื่ออดีตหนุ่มอ้วนหันกลับมาเผชิญหน้าเขาจึงมอบรอยยิ้มให้
"ยังเก็บไว้อีกเหรอ"
"ต้องเก็บดิ" ของสำคัญแบบนี้เขาต้องเก็บเอาไว้อยู่แล้ว
ของที่หลงอุตส่าห์ทำให้ด้วยความตั้งใจ
ม.5 เทอม 2
หากพูดถึงศิลปะทุกคนที่ชาว ม.5/1 นึกถึงคงหนีไม่พ้นใบหม่อน สาวผมยาว หุ่นดีตัวผอม มีดวงตาสีดำกลมโตเป็นเอกลักษณ์ ผู้ที่สามารถรังสรรค์ผลงานศิลป์ให้เพื่อนๆ ได้ทึ่งกันอยู่หลายครั้ง ไหนจะรางวัลการันตีชนะการประวาดต่างๆ นานา สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมาหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน
และถ้าหากจะพูดถึงคนที่มีหัวทางศิลปะที่สุดในกลุ่มเด็กหลังห้องติดหน้าต่าง คงต้องยกให้หนุ่มอ้วนช่างจ้อ แม้ไม่ได้ฝีมือดีจนส่งเข้าประกวดได้ แต่ก็ดีกว่าคนที่วาดรูปได้ห่วยแตกที่สุดในห้องอย่างเพื่อนได้มากโข คนที่มีปัญหาแทบทุกครั้งเมื่อครูศิลปะสั่งงาน
"ไอ้เล็กช่วยกูหน่อย" ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ของโรงเรียนเริ่มออดอ้อน เพื่อนทำตัวอ่อนเลื้อยไปซบเล็ก คนที่ยังเอาตัวเองไม่รอดเลยปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
"ของกูยังไม่ได้อะไรเลยเนี่ย"
"อย่างน้อยมึงก็วาดเสร็จแล้วไง ของกูนี่กระดาษเปล่า" มองกระดาษวาดเขียนขนาดเท่าโปสการ์ดอันว่างเปล่าบนโต๊ะเรียนแล้วเพื่อนยิ่งอนาถใจ เขาวาดคนเป็นก้างปลาได้ก็บุญเท่าไรแล้ว
"แล้วมึงคิดออกหรือยังจะวาดอะไร"
"ยัง"
"ไปคิดให้ออกก่อน ยังไม่รู้จะวาดอะไรแล้วจะช่วยได้ไงวะ"
"มึงก็ช่วยกูคิดหน่อยดิ"
"ตัวมึงมึงต้องคิดเอง"
เพื่อนกลับมานั่งตัวตรงหลังจากอ้อนขอความช่วยเหลือไม่สำเร็จ มองกระดาษเปล่าตรงหน้าแล้วก็คิดอะไรไม่ออก จนเต้ยที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมาหา
"มึงชอบนอนอ่ะ วาดตัวอะไรที่ชอบนอนดิ"
"แล้วมันตัวอะไรวะ"
"แมว" เก้หันมาช่วยออกความเห็นอีกคน
"แมวกูก็ว่าโอเคนะ" เล็กเองก็เห็นด้วย
"ตั้งใจทำนะมึง ต้องส่งพรุ่งนี้แล้ว เดี๋ยวกูกับนารอนกลับก่อน" ขวัญให้กำลังใจขณะที่สะพายกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน เพื่อนที่กำลังจะโดนเพื่อนๆ ทิ้งเลยได้แต่ทำตาละห้อย
"อะไร จะกลับแล้วเหรอวะ"
"เออ ต้องไปเรียนพิเศษต่อ"
"กูก็ต้องไปรับน้องว่ะ วันนี้แม่ไม่ว่างไปรับเอง" เล็กก็กำลังจะทิ้งเพื่อนไปอีกคน
"อย่าเพิ่งทิ้งกูดิ"
"กูก็จะกลับแล้วเหมือนกัน"
"เอากลับไปทำที่บ้านดิ"
เต้ยกับเก้เองก็เตรียมตัวกลับบ้านแล้วเช่นกัน คนถูกทิ้งทำหน้าเครียดหนัก หันมองโต๊ะข้างๆ เหลือหลงนั่งอยู่คนเดียวเพราะโหน่งหายตัวไปตั้งแต่อาจารย์คาบสุดท้ายเดินออกจากห้อง คงไปหาแฟนรุ่นน้องอีกตามเคย
เพื่อนจะไม่กลุ้มใจเลยถ้างานที่อาจารย์สั่งให้วาดคาแรคเตอร์ที่เหมือนตัวเองต้องส่งพรุ่งนี้ ซึ่งความผิดทั้งหมดล้วนอยู่ที่เขาไม่ใช่ใครอื่น ไม่ชอบ ไม่อยากทำเลยดองงานไว้แล้วมาเครียดเอาวันสุดท้าย แม้จะไม่กี่คะแนนแต่ก็มีค่าเกินกว่าจะทิ้งไปเฉยๆ
"หลงช่วยมันหน่อยดิ" อย่างน้อยเล็กก็ยังพอมีน้ำใจ อยู่ช่วยเพื่อนไม่ได้เลยโยนให้คนที่มีความสามารถด้านนี้ที่สุดในกลุ่มแทน เพราะหลงไม่ได้รีบกลับเหมือนพวกเขา
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับช้าๆ เหมือนไม่ได้ใช้ความคิดไตร่ตรองก่อนตอบตกลง หลงได้ยินสิ่งที่เพื่อนๆ คุยกันหมดแล้ว และถ้าเขาไม่ช่วยใครจะช่วย
"งั้นฝากมันด้วยนะ กูไปละ"
แล้วทุกคนก็ทยอยกันออกจากห้องเหลือเพียงหลงกับเพื่อน และสมาชิกร่วมห้องอีกประปราย
เพื่อนยิ้มแฉ่งจนเห็นลักยิ้ม หยิบกระดาษเปล่าที่วางบนโต๊ะลุกเดินไปนั่งที่ของโหน่ง ยินดีน้อมรับความช่วยเหลือจากหลงไว้ด้วยความเต็มใจ
"จะวาดแมวเหรอ" หลงถามเพราะก่อนหน้านี้ได้ยินคุยกันว่าอย่างนั้น
"คงงั้นมั้ง น่าจะวาดง่ายดี หลงวาดเป็นมั้ย"
"เป็น วาดแมวง่ายๆ แต่เพื่อนน่าจะเหมาะกับอีกตัวมากกว่า" หลงควงดินสอในมือเล่น แมวดูเหมาะกับเพื่อนดี แต่เขาว่ายังสัตว์ชนิดอื่นที่เหมาะกับเพื่อนมากกว่า
"ตัวอะไร"
"โคอาล่า"
"เห็นเรานอนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ" เพื่อนหัวเราะร่า ถูกใจความคิดของหลงอยู่ไม่น้อย
"เห็นพักทีไรก็หลับ ว่างก็หลับ เวลาเผลอชอบทำหน้าง่วงๆ"
"ขนาดนั้นเลย"
"แล้วก็ชอบยืมแขนไปหนุน"
"ก็มันนุ่ม" เพื่อนตอบสวนขึ้นมาแบบไม่ต้องคิด เขาชอบหนุนแขนหลง เวลาง่วงๆ จะไปอ้อนขอหนุนตลอด
"เพราะงี้ไงถึงเป็นโคอาล่า นอนยี่สิบสองชั่วโมง อีกสองชั่วโมงหากิน"
"นอนเยอะขนาดนั้นล่มจมพอดี"
พอรู้ว่าโออาล่าที่หลงเสนอมานอนเยอะขยาดนี้เพื่อนก็ชักไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ถึงเขาจะดูเอื่อยเฉื่อยไปบ้าง แต่จะให้เป็นโคอาล่ามันก็เกินไป ถึงอย่างนั้นมันก็ดูน่ารักดี
"สรุปจะเอาตัวอะไร" หลงถามย้ำทำเอาเพื่อนคิดหนัก
แมวก็ดี โคอาล่าก็น่าสน ถ้าวัดคะแนนในใจตอนนี้ตัวที่นำอยู่ก็...
"เอาโคอาล่าก็ได้"
หลงยกยิ้ม รู้สึกดีขึ้นมาเมื่อสิ่งที่เสนอออกไปถูกเลือก
เพื่อนกับโคอาล่าน่ะ ดูเหมาะที่สุดแล้ว
หลงหยิบกระดาษเอสี่เหลือใช้ที่ยัดอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาร่างภาพโคอาล่าเกาะต้นไม้นอนหลับให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่าง คนไม่เก่งงานศิลป์ทำหน้ายุ่งทันที พยายามอย่างเต็มที่ที่จะวาดตามให้เหมือน ลบแล้วลบอีกจนกลัวว่ากระดาษจะขาด แต่ทำยังไงเจ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระเป๋าหน้าท้องตัวนี้ก็หน้าตาไม่เหมือนโคอาล่าสักที
"วาดไม่ได้" เพื่อนวางดินสอลงกับโต๊ะ มองลายเส้นที่ไม่ต่างจากเด็กอนุบาล แล้วแบบนี้จะเอาไปส่งครูได้เหรอ ไหนจะต้องลงสีอีก
"พอใช้ได้อยู่นะ เติมตรงนี้อีกนิด ตาตอนหลับแค่ขีดเส้นก็ได้แล้ว ตรงนี้เป็นต้นไม้ มันคล้ายๆ สติทซ์นะไอ้ตัวนี้" รูปวาดของเด็กอนุบาลถูกหลงเติมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย แป๊บเดียวโคอาล่าก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
"ทำไมสวยแล้วอ่ะ"
"ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอก ต้องฝึกบ่อยๆ ให้ชินมือ"
"ให้ฝึกวาดรูปสู้เอาเวลาไปเล่นกีตาร์ดีกว่า"
"แต่คะแนนวิชานี้เล่นกีตาร์เป็นก็ไม่ช่วยอะไรนะ"
"ทำไมต้องขู่"
"เอาไปตัดเส้น" หลงยื่นปากกาหมึกซึมสีดำให้เพื่อนทำต่อ ส่วนตัวเองนั่งเท้าคางมองขวัญใจรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนทำงานด้วยความมุ่งมั่นอีกที
เพราะเป็นศิลปะเวลาที่ใช้จึงยาวนานกว่าวิชาอื่น แค่วาดเสร็จก็กินเวลานานจนเพื่อนๆ ในห้องทยอยกันกลับจนหมด ทิ้งหลงให้อยู่กับเพื่อนแค่สองคนในยามที่พระอาทิตย์สาดแสงสีส้มไปทั่วท้องฟ้า
"สงสัยจะเสร็จไม่ทัน" หลงบอกหลังจากก้มมองนาฬิกา ถ้าจะทำให้เสร็จคงต้องอยู่ถึงสองทุ่มเสียล่ะมั้ง แต่คงโดนพี่ รปภ. เข้ามาไล่ก่อน
"เอาไงดี" เจ้าของงานที่ยังไม่เสร็จเริ่มเครียด ถ้าให้เขาเอากลับไปทำที่บ้านคงเละเป็นโจ๊ก รูปที่สู้อุตส่าห์วาดมาร่วมชั่วโมงต้องเสียเปล่าอย่างแน่นอน
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด ยังไงต้องทำให้เสร็จภายในคืนนี้ ทางเลือกมีไม่มากถ้าไม่เอากลับไปทำเองก็ต้องพึ่งหลงให้ถึงที่สุด
"หรือไปทำต่อที่บ้านหลง"
พอได้ยินแบบนี้หลงก็ชะงัก ตอนนี้จะหกโมงแล้ว กว่าจะถึงบ้านเขากว่าจะทำงานเสร็จ ไม่ได้อยากดูถูกแต่ฝีมืออย่างเพื่อนคงใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ ต้องกลับบ้านดึกดื่นเดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วงเอา
"ไม่ต้องหรอก ถ้าไม่ว่าอะไรเดี๋ยวเอากลับไปลงสีให้ก็ได้นะ" สุดท้ายเลยเสนอตัวออกไป
"จะดีเหรอ"
"ตามนี้แล้วกัน"
"เฮ้ย ขอบใจมาก"
ไม่รู้ชาตินี้จะหาผู้มีน้ำใจเมตตาอย่างหลงจากไหนได้อีก เพื่อนยิ้มจนตาหยี เผลอยกมือตบไหล่เพื่อนตัวอ้วนไปหนึ่งที คนโดนทำร้ายร่างกายไม่ได้ใส่นัก เพียงพยักหน้ารับแล้วเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนจะโบกมือไล่เพื่อนให้ไปเตรียมตัวบ้าง จะได้กลับบ้านกันสักที
หลงเก็บงานของเพื่อนไว้ในสมุดจดงานก่อนเอาใส่กระเป๋า รูดซิบปิดแล้วก็เหวี่ยงเป้ที่เหมือนแบกบ้านมาทั้งหลังขึ้นสะพาย รอเพื่อนที่เดินข้ามโต๊ะเอื้อมไปคว้ากระเป๋าที่เหมือนไม่มีอะไรใส่อยู่ในนั้นแล้วออกมาจากห้องพร้อมกัน
บรรยากาศโดยรอบโรงเรียนมีเพียงความเงียบสงบ หลงชวนเพื่อนคุยไม่หยุดปาก คนอารมณ์ดีที่หลุดพ้นเรื่องงานที่ไม่ถนัดแล้วก็พูดมากไม่แพ้กันจนกลายเป็นแย่งกันพูด เดินมาถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนเรื่องราวที่อยากจะเล่าให้กันและกันฟังก็ยังไม่หมด กระทั่งรถสองแถวจอดหน้าป้าย เดินขึ้นไปแล้วจับจองหาที่ยืน เพื่อนก็เพิ่งจะคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันดีๆ อีกวัน
วันที่ได้กลับบ้านด้วยกันแค่สองคนอีกแล้ว
ภาพโคอาล่าหลับบนต้นไม้ฉบับเสร็จสมบูรณ์สวยกว่าที่เพื่อนจินตนาการไว้หลายเท่า พอได้มันมาถือไว้เหมือนเป็นผลงานตัวเองเลยเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะถ้าเขาเอากลับไปทำเองล่ะก็ไม่มีทางได้แบบนี้แน่ แถมรูปนี้ยังได้คะแนนแปดเต็มสิบจากคุณครูอีก แต่เขาเอาแค่สองคะแนนพอ อีกหกคะแนนที่เหลือต้องยกให้หลง บวกกับเก้าคะแนนที่หลงได้รวมเป็นสิบห้าคะแนน เป็นคนเดียวที่ได้คะแนนเยอะที่สุดในห้อง แถมยังชนะใบหม่อนอีกต่างหาก แม้จะเป็นการชนะที่เพื่อนรับรู้เพียงคนเดียวก็ตาม
ในคาบวิชาศิลปะทุกคนต้องออกไปพรีเซนต์รูปภาพคาแรคเตอร์ของตนเอง เพื่อนบอกออกไปอย่างภูมิใจว่าเพราะตัวเองชอบนอนจึงเลือกโคอาล่า เลยโดนอาจารย์แซวกลับมาว่าหักสองคะแนนเพราะความขี้เกียจที่มีมากเกินไป
ส่วนโปสการ์ดนั้นอาจารย์คืนให้ทุกคนเก็บไว้ เพื่อนตั้งใจจะให้หลงแต่อีกฝ่ายปฏิเสธ แถมยังบอกอีกว่าให้เขาเก็บรักษาดีๆ เพราะเป็นงานแรกที่ตั้งใจจนวาดรูปได้สวยแบบนี้ และเป็นงานที่หลงตั้งใจลงสีให้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เพื่อนจึงเก็บใส่กรอบเอาไว้อย่างดี เผื่อสักวันเจ้าของมันจะได้กลับมาเห็นอีกครั้ง
-----------------------------
"กินน้ำเต้าหู้เลยมั้ย" หลงพยักพเยิดไปยังถุงน้ำเต้าหู้ที่วางอยู่บนโต๊ะหลังจากคุยสัพเพเหระกันอยู่นาน ปล่อยให้มันเย็นชืดแล้วจะไม่อร่อย
"กินดิ"
ได้รับคำตอบหลงก็ลุกขึ้นคว้าถุงน้ำเต้าหูเดินเข้าครัว เจ้าของบ้านรีบลุกขึ้นเดินตามไปทั้งที่ผ้าห่มยังคลุมตัวอยู่ มองหลงเปิดตู้หยิบแก้วออกมาก่อนแก้มัดถุงแล้วเทน้ำเต้าหู้ลงไป จัดการเสร็จก็ยื่นให้มนุษย์ผ้าห่มที่ยืนอยู่ข้างกัน
"หลงไม่กินเหรอ"
"ถุงนี้ฝากแม่"
"ขอบใจนะ" เพื่อนอมยิ้มมองน้ำเต้าหู้อีกถุงที่วางอยู่ มือทั้งสองข้างที่ได้รับความร้อนจากแก้วทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย รสชาตินมถั่วเหลืองก็กำลังดี ไม่หวานเกินไป
"แล้วนี่หนาวเหรอถึงห่มผ้าตลอด"
"นิดหน่อย"
"เล่นเปิดแอร์ซะฉ่ำ"
"มันก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้น แต่เวลานอนต้องมีผ้าห่ม ไม่งั้นนอนไม่หลับ" มนุษย์ขี้ร้อนอย่างเขาอุณหภูมิแค่นี้ไม่สะเทือนผิวเท่าไรหรอก แต่ตอนนี้ป่วย แถมการนอนโดยไม่มีผ้าห่มนั้นไม่ปลอดภัย
"เหม็น" หลงขยับข้าไปใกล้ จับปลายผ้าห่มของเพื่อนขึ้นมาดมแล้วแกล้งยู่หน้า คนโดนกล่าวหาเลยถลึงตาใส่หยิบปลายอีกข้างขึ้นมาดมบ้าง
"ไม่เห็นจะเหม็นเลย"
"กลิ่นตัวตัวเองไงเลยไม่รู้สึก"
"ไม่มีเหอะ" เพื่อนเถียงสุดกำลัง ถึงจะรู้ว่าโดนหลอกแต่โดนว่าเรื่องแบบนี้มันยอมกันได้ที่ไหน
"แค่นี้ต้องทำหน้าเครียดด้วย"
"เรื่องใหญ่นะกลิ่นตัวเนี่ย"
"ไม่มีหรอก ล้อเล่น"
"เคยดมเหรอ" บางทีปากก็มักจะไวกว่าความคิด เพื่อนยิ้มแห้งเมื่อเผลอหลุดคำพูดแปลกๆ ออกมา หากพูดคำนี้กับคนอื่นเขาคงไม่คิดอะไร แต่เพราะเป็นหลง คำพูดนั้นอาจจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาก็ได้
หลงมองกลับมานิ่งๆ ทำเอาเดาอารมณ์ไม่ออก เขาไม่ได้คิดมากกับคำพูดเมื่อกี้เพราะมันไม่ได้ต่างอะไรกับคำหยอกล้อทั่วไป ให้ตบมุกกลับไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และบางทีสิ่งที่ตอบกลับไปก็มีความจริงปะปนอยู่บ้าง
"อืม เคยดม"
"มาดมอะไร ตอนไหน"
"เวลาอยู่ใกล้กันมันก็ต้องได้กลิ่นมั้ยเล่า ถามแปลกๆ รีบกินเลย เดี๋ยวจะกลับแล้ว" หลงส่ายหน้านึกขำกับท่าทางหูตาตั้งของเพื่อน พูดไปก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น หยิบมือถือ กระเป๋าสตางค์ และกุญแจรถ
"จะกลับแล้วเหรอ"
"อืม เดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้วนี่ อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย"
"อยู่ได้เว้ย กลับไปเลยไป" เพื่อนยกมือผลักหลังคนพูดมากอย่างนึกหมั่นไส้
ผ้าห่มที่ถูว่าเหม็นยังคลุมอยู่บนตัวเจ้าของบ้านตอนเดินออกมาส่งหลงขึ้นรถ ยืนมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ความรู้สึกมากมายกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำต่อกันพาลให้เกิดความสงสัย ทั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่าจะไม่เร่งเร้าและทำให้หลงเกิดความกดดัน แต่ความรู้สึกที่ไม่มีความมั่นคงมันไม่ช่วยให้เกิดความสบายขึ้นมาได้เลย
"หลง"
เจ้าของชื่อหันกลับมา ใบหน้ามีเสน่ห์ที่ใครต่อใครมักมองข้ามเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
เพื่อนจ้องหลงนิ่ง พยายามทำใจให้สงบเพื่อเรียบเรียงในสิ่งที่อยากรู้ ทั้งยังแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด
"ไม่ลำบากใจใช่มั้ย"
หลงขยับสาวเท้ามาหาเมื่อได้ฟัง กลับมายืนตรงหน้าเพื่อน มองคนที่กำลังทำหน้าเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา คอยฟังอย่างตั้งใจกับประโยคที่เพื่อนกำลังเอื้อนเอ่ย
"หมายถึงที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้ฝืนใจใช่มั้ย"
"..."
"รู้ใช่มั้ยว่าที่กลับมานี้เพราะอะไร"
"..."
"รู้ใช่มั้ยว่าทำแบบนี้มันคือการให้ความหวัง ถ้าไม่มีทางเป็นไปได้ช่วยบอกทีเถอะ"
ฝ่ามือใหญ่วางลงบนผมชี้โด่เด่ไม่เป็นทรงเมื่อจบประโยค หลงยิ้มบางๆ ในขณะที่เพื่อนยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิก เขาเข้าใจความรู้สึกของคนรอว่าเป็นยังไง แปดปีที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่เขารู้สึกดีกับช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดช่องว่างอันยาวนานนั้นมากกว่า
เด็กหนุ่มตัวอ้วนที่ชื่อหลง ก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งที่กลัวการเดินแยกออกจากทางที่ถูกสังคมมองว่ามันผิด กับผู้ชายที่ชื่อหลง คนที่พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อลองเดินตามเส้นทางที่ถูกมองว่าผิดดูสักครั้ง หากทางเส้นนั้นมันจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าการเดินเส้นทางถูกต้องที่เขาเดินตามมันมาตลอดชีวิต
"หลง"
มือที่เคยวางอยู่เฉยๆ เปลี่ยนเป็นช่วยจัดทรงผมของเพื่อนให้เข้าที่เข้าทางแทน หลงเป็นคนชอบพูดก็จริง แต่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่รู้จะพูดยังไงให้ดูไม่เหมือนตัดความหวังและการสารภาพ เลยได้แต่ยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียวจนเพื่อนเอ่ยทวงขึ้นมาอีกรอบ
"พูดอะไรหน่อย"
"มันจะไม่เหมือนเดิม" หลงละมือออกจากผมของอีกฝ่าย มองตอบด้วยแววตาอ่อนโยน มองด้วยความชื่นชม มองเพื่อนอย่างที่เขาเคยมองมาตลอด
"ยังไง" เพื่อนยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิกแม้จะได้ฟังคำที่ทำให้ใจรู้สึกดีขึ้นมา
เรื่องราวระหว่างหลงกับเพื่อนตอนนี้ก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ ตอนจบของหนังเรื่องเดิมถูกตัดทิ้ง ดำเนินเรื่องด้วยความรู้สึกแบบเก่าที่ถูกจับมาเล่าใหม่ หยุดนิ่งในช่วงเวลาแปดปีเพื่อเรียนรู้และแก้ไขให้เป็นไปตามในสิ่งที่ใจอยากให้เป็น แก้ไขในสิ่งที่เคยกลัว
"ตอนจบมันจะไม่เหมือนเดิม"
ปมที่หัวคิ้วถูกคลายออกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เห็นแก้มบุ๋มข้างขวา หลงยกมือขึ้นขยี้ผมคนที่เขาเพิ่งจัดทรงให้จนยุ่งเมื่อนึกเขินกับสิ่งที่พูด เลือกที่จะหันหลังกลับโดยไม่บอกลา เดินก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มขึ้นรถแล้วขับออกไป
ทำตัวอย่างกับคนเพิ่งเคยมีความรัก...
แต่ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มตัวอ้วนอย่างหลงเคยแอบชอบใครสักกี่คน เพื่อนสมัยอนุบาล รุ่นพี่ตอนเรียนประถม รูปร่างที่กลายเป็นปมด้อยกับความรักที่ไม่เคยสมหวัง กลายเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวไม่กล้าคิดรักใครจนเพื่อนเข้ามาในชีวิต
คนที่เข้ามาสารภาพรักกับหลงเป็นคนแรก
TBC
อิมเมจเพื่อน = โคอาล่า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า