,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}  (อ่าน 93139 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขิงสบายดี แต่ทำตัวให้เหมือนมีปัญหาหรือเปล่า
รีบจับตัวมาถามให้ได้นะ

ขมิ้นน่าสงสาร ไม่น่ารับปากมาช่วยเลย
ดูแต่ละคนสิ ไม่น่าไว้ใจ ขนาดแม่ยังไม่น่าไว้ใจ

ไฮท์คะ ได้ยินไหมที่น้องคุยกัน

ออฟไลน์ bungg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ขิงกลับมาอธิบายให้น้องขมิ้นฟังเถอะ อย่าปล่อยให้น้องต้องอยู่แก้ปัญหานี้คนเดียวเลย สงสารน้อง

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แวะมารอ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-9-




       “มึงเดินหนีกูสองรอบ” โดนสั่งให้ยืนก้มหน้าคางชิดอก แต่ทำไมถึงเป็นผมคนเดียวที่ต้องทำ เจมส์มันก็เดินหนีมาด้วยกันแท้ ไม่เห็นมันโดนด้วยเลย “จะเอาเรื่องไหนก่อน” เสียงถามเข้มๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

   “เรื่องไหนคือยังไง” ถูกถลึงตาใส่เลยต้องรีบก้มหน้าลงอีกรอบ แม่งดุจังวะ ไม่รู้กินอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก

   “ก็กูเรียกให้มึงไปหา แต่มึงกลับยกนิ้วกลางใส่กู แล้วยังด่าพ่อกูอีก กูอุตส่าห์พามึงเอาหมาไปให้พ่อกูรักษาถึงบ้าน ไม่ทำให้มึงสำนึกความดีกูเลยเหรอ”

   ผมช้อนตาดูหน้าคนกำลังลำเลิกบุญคุณเรื่องรักษาปุยเมฆ ผมว่าผมเริ่มเปลี่ยนมุมมอง เริ่มคิดว่าไอ้พี่ไฮท์ก็เป็นคนดี แต่ตอนนี้ขอกลับไปคิดแบบเดิมดีกว่า ว่ามันยังเหี้ยเหมือนเดิม

   “ผมว่า พี่ควรใจเย็นก่อนดีกว่า พี่อาจกำลังเข้าใจผิดอยู่ก็ได้” เจมส์รีบขัดขึ้น แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อถูกพี่บิ๊กดึงให้ออกห่าง “พี่บิ๊ก พวกพี่กำลังเข้าใจผิดนะ ที่ด่าพี่ไฮท์นั่นไม่ใช่ไอ้....”

   ตอนนี้ตาผมแทบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเจมส์จะเผยความลับของผม และดูเหมือนมันจะรู้ตัวก็เลยรีบงับปากตัวเอง แต่สิ่งที่มันหลุดออกมา ทำให้ไอ้พี่ไฮท์กับพี่บิ๊กจ้องหน้าอย่างคาดคั้น

   “เข้าใจผิดยังไง ที่ไม่ใช่ไอ้อะไร” พี่บิ๊กเริ่มรุกด้วยคำถามและการกระทำจนเจมส์มันเดินถอยหลัง มือก็ยกปิดปากตัวเองแน่นพลางส่ายหัวส่ายหน้าเป็นพัลวัน “เจมส์ มึงมีความลับกับกูเหรอ”

   “ไม่มี” เจมส์ตอบ แต่ก็ยกมือปิดปากเช่นเดิม มันปรายตามามองผมนิดๆ ก่อนที่ผมจะกรอกตาไปมาเป็นการส่งสัญญาณให้มันวิ่ง “โอเค”

   ตอบผมเสร็จมันก็โกยทันทีครับ พี่บิ๊กกับพี่ไฮท์ตกใจทั้งคู่จนผมอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องรักษาชีวิตตัวเองก่อนด้วยการสงบเงียบ พอเจมส์ไปแล้ว ผมก็เลยถูกรุมสอง แค่คนเดียวผมก็เกร็งจะแย่ นี่มาตั้งสอง

   “ผมขอโทษที่ด่าพี่ แต่ผมอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้” พูดแบ่งรับแบ่งสู้ ก็เพราะไม่รู้ว่าพี่ขิงด่าทำไม “ส่วนเรื่องสำนึกบุญคุณ ผมไม่เคยลืมหรอก” ว่าแล้วก็ทำหน้าสลดลง เมื่อหน้าปุยเมฆลอยเข้ามาในความคิด

   “อ่าวไอ้นี่...” พี่ไฮท์ดูจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอผมเงยหน้าขึ้นพี่แกก็หยุด คิ้วเข้มๆ นั่นขมวดเป็นปม “เออๆ ช่างมัน กูจะคิดซะว่า หมามันเห่า”

   “พี่...” จังหวะที่รุ่นพี่ทั้งสองคนจะเดินกลับไป ผมก็รีบรั้งด้วยคำเรียก และมีเพียงพี่ไฮท์ที่หันหน้ามามอง “ผมฝากขนมไปให้ปุยเมฆหน่อยได้ไหม เมื่อวานมันไม่ทันได้กิน...” ว่าแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ผมตั้งใจเลือกมาอย่างดี ถามจนพี่พนักงานร้านขายอาหารด่าด้วยสายตา “ได้ไหม” พี่ไฮท์ทำท่าอึกอัก หันไปมองเพื่อนตัวเองนิดๆ “นะครับ”

   “เอาไปให้เองสิ หมามึงไม่ดีใจหรอกถ้ากูเอาให้”

   “ผมไปได้เหรอ”

   “ก็พ่อกูอนุญาตแล้วไม่ใช่เหรอ”

   ผมยิ้มออกมา รีบกระพริบตาไล่น้ำที่รื้นขึ้น จะว่าไป ผมยังไม่ได้ถ่ายรูปกับปุยเมฆสักรูปเลย เสียดายที่มาคิดได้ตอนสาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะจากกันเร็วขนาดนี้

   “ไปวันนี้เลยได้ป่ะ”

   “กูเลิกบ่าย”

   “พี่ให้ผมรอเหรอ”

   “แค่บอกเฉยๆ”

   พูดจบพี่ไฮท์ก็เดินไป สรุปเขาบอกให้ผมรอใช่ไหม หรือว่ายังไง


   “ไงมึง” แรงสะกิดทำให้สะดุ้งจนตัวโยน เจมส์ที่ไปแอบสักที่กลับมา มันทำหน้าตาเหลอหลาจนผมหัวเราะออกมา “ไม่ขำไอ้ขมิ้น กูเกือบโดนคั้นแล้ว”

   “กูว่า ถ้ามึงเป็นส้ม คงโดนพี่บิ๊กคั้นจนแห้ง จนไม่มีอะไรให้คั้นแล้วล่ะ”

   “ไม่เข้าใจ”

   เจมส์ทำหน้างงไม่รู้ความหมายของผม และผมก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้มันฟัง เพราะดูแล้ว มันเป็นคนไม่มีความลับกับใคร ยกเว้นเรื่องผมกับพี่ขิงนี่แหละ ไม่อย่างนั้น ตอนพี่บิ๊กถามเรื่องความลับ จะทำหน้าตกใจขนาดนั้นทำไม แปลว่าสองคนนี้ไม่เคยมีความลับต่อกัน

   ช่างเป็นความรักที่หายากซะจริง

   “มึงกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวกูอยู่รอพี่ไฮท์ก่อน” บอกขณะเดินอ้อมกลับมาที่ตึก โต๊ะที่ครื้นเครงเมื่อกี้ก็ไม่มีพวกรุ่นพี่ปีสามแล้ว คงไปเรียนกันหมด

        “รอพี่ไฮท์? รอทำไมวะ หรือเมื่อกี้พี่เขาจะลงโทษมึง นั่นปะไร ไอ้ขิงมันทำให้มึงเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กูอยากจะตัดเพื่อนจริงๆ”

   “หัวร้อนจริงนะมึง กูแค่จะรอเอาขนมไปให้ปุยเมฆที่บ้านพี่เขาเฉยๆ” ผมบอกเหตุผลเมื่อเห็นเจมส์โมโหจนหน้าบูดบึ้ง

   “อ่าวเหรอ มึงก็ไม่รีบบอก ปล่อยให้กูโวยวาย งั้นเดี๋ยวกูรอเป็นเพื่อน” เจมส์หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะวาดแขนมากอดไหล่ผม “อยู่กับมึงนี่สบายใจดีนะ”

   “รักกูขึ้นมาแล้วล่ะสิ”

   “ไอ้เหี้ยขมิ้น กูขนลุก”







   
   ผมกับเจมส์นั่งรอรุ่นพี่ปีสามใต้ตึก จากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงกว่าจะเริ่มมีคนเดินลงมาจากตึก และดูเหมือนทุกคนจะหันมาสนใจผมที่นั่งชะเง้อคอมอง บ้างก็ชี้ๆ บ้างก็หันไปซุบซิบนินทา

   “เจมส์ๆ” สะกิดเรียกเมื่อเห็นหน้าพี่ไฮท์ คนฟุบโต๊ะหลับทำตาปรือ ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำลายออกจากมุมปาก “ลงมากันแล้ว”
 
   “เหรอ” ดูท่า มันยังตื่นไม่เต็มตา และพร้อมจะฟุบหน้าลงไปใหม่ หากไม่ถูกพี่ตัวผอมๆ ตบเข้าที่หัว “เชี่ย เจ็บ อ่าวพี่แน่ สวัสดีครับ” ผมดูเจมส์ยกมือไหว้รุ่นพี่ก็ได้แต่มองตาปริบๆ เพราะไม่รู้จัก

   “เจอหน้ากูก็ด่าเลยนะมึง ส่วน ไอ้ขิง มึงจะจ้องหน้ากูหาเลขหรือไง” ทันทีที่ถูกทัก ผมก็รีบก้มหน้า “อ่าวไอ้นี่ กวนตีนกูหรือเปล่า”

   “ก็มึงไม่ให้มันจ้อง มันก็ก้มสิ” เสียงทุ้มแบบนี้ผมจำได้ดี “มึงรอกูเหรอ”

   “อะไรๆ นี่มึงญาติดีกับไอ้นายแบบนี่แล้วเหรอ ทำไมกูตกข่าววะ”

   “เพราะมึงมัวแต่ติดเมียไง” เสียงพี่บิ๊กมาพร้อมฝ่ามือหนักๆ ตบเข้าหัวเพื่อนตัวเอง ถ้าให้เดาคงแก้แค้นแทนเพื่อนผมแน่ ดูจากรอยยิ้มที่ส่งมาให้เจมส์ก็พอเดาออก “กลับๆ กูอยากนอน”

   “เออดี กูมันส่วนเกินนี่ ไอ้พวกเลว”

   ผมอยากจะขำให้กับหน้าตาตอแหลของรุ่นพี่ที่ตัวผอม จำได้เลาๆ ว่าคนนี้เคยด่าผมตอนวันแรกที่มาที่นี่ จากนั้นก็ไม่ค่อยได้เจอ สงสัยจะติดเมียอย่างที่พี่บิ๊กบอก

   “ไร้สาระ” พี่ไฮท์ชักสีหน้าใส่เพื่อนแล้วหันมาจ้องผม “จะไปไหม ถ้าไปก็ลุก”

   “ครับๆ”

   “ชักช้าอืดอาดยืดยาดเป็นหอยขม”

   “มันมีแต่หอยทากไม่ใช่เหรอพี่”

   “หอยขมเหมาะกับมึงที่สุดละ”

   ผมโบกมือลาเจมส์ แม้จะรู้สึกงงๆ ที่กลายเป็นหอยขมไปชั่วขณะ หอยขม...มันคืออะไรวะ




   รถเก๋งบีเอ็มสีดำป้ายทะเบียนสวยขับอยู่ตรงหน้า โดยที่ผมกำลังซิ่งคันโปรดตามหลัง เมื่อคืนตอนพี่ไฮท์บอกให้ขึ้นรถ หากปุยเมฆตัวไม่เหม็น ผมก็อาจขึ้นไปนั่งแล้วเพราะร้องไห้จนไม่เห็นทาง และเมื่อกี้ตอนนั่งรอ เจมส์มันก็บ่นให้ฟังว่า เมื่อคืนพี่บิ๊กถูกพี่ไฮท์ทิ้งไว้ที่ผับ เพราะรีบไปไหนไม่รู้ แล้วพี่บิ๊กก็ไม่ได้เอารถไป แถมแท็กซี่ก็ไม่ยอมจอดรับ เจมส์มันเลยต้องไปรับตอนเกือบจะตีสอง เล่าไปเล่ามาเจมส์มันก็หลับไปเฉย

   ผมต้องขอบคุณพี่เขาใช่ไหมที่รีบมาหา แต่เขาบอกเองว่าห่วงหมา ไม่ได้ห่วงผมสักหน่อย มัวแต่คิดเพลิน รถเก๋งนำหน้าก็เปิดไฟเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าจนผมเลี้ยวตามแทบไม่ทัน ผมกับพี่ไฮท์แยกกันไปหาที่จอด และไม่รู้หรอกว่าต้องไปเจอกันที่ไหน ผมเลยไปยืนรอหน้าประตูเข้าห้างซะเลย

   ยืนกอดอกรอคนหาที่จอดอยู่นาน มีสายตามากมายที่มองมา บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็แอบยกมือถือมาถ่ายรูป ลืมไปเลยว่าผมหน้าเหมือนพี่ขิง ยิ่งมีรูปโปสเตอร์คนหน้าเหมือนราวกับแกะยิ้มถือขวดน้ำหอมตั้งอยู่ที่เสาข้างๆ ด้วยยิ่งแล้วใหญ่

   “เลือกที่ยืนเก่งนักนะ” เสียงแขวะลอยมาทำให้ผมต้องละสายตาจากโปสเตอร์นั่น พี่ไฮท์เดินเข้าห้างโดยไม่รอผมเลยสักนิด

   “พี่มาที่นี่ทำไม” รีบก้าวขาจนไปเดินอยู่ข้างๆ “มาซื้อของเหรอ”

   “อืม” ตอบโคตรสั้น “หิวด้วย”

   “อ๋อครับ งั้นผมนั่งรอ...”

   “มึงไม่กินหรือไง”

   “พี่ชวนผมด้วยเหรอ”

   ทำหน้าตาระรื่นจนโดนผลักหัว แต่ก็ไม่มีคำด่าหลุดออกมานอกจากเดินตรงเข้าร้านอาหาร ผมก็รีบวิ่งตามเข้าไป มีพนักงานแอบหัวเราะด้วย คงเห็นท่าผมอุบาทล่ะสิ พอนั่งได้ พี่ไฮท์ก็สั่งเซ็ทอาหารญี่ปุ่นที่ดูน่ากิน ผมก็ลองเปิดเมนูดู ราคาก็ไม่เท่าไหร่ แค่ชุดละสองร้อยอัพ เงินในกระเป๋าถึงกับร้องระงมเลยครับ

   “ไม่สั่งล่ะ”

   “ผมว่า ผมยังไม่ค่อยหิว”

       พูดจบก็ยืนเมนูให้คุณพนักงานไปพร้อมรอยยิ้ม เงินก็พอมี แต่ก็ต้องประหยัด

   “เอาเมื่อกี้สองชุดครับ”

   “หา” ผมกระพริบตาปริบๆ มองพี่ไฮท์ยื่นเมนูคืน พอพี่แกหันมาสบตากับผมก็ถลึงตาใส่จนผมต้องยู่ปาก “พี่สั่งสองชุดจะกินหมดเหรอ”

   “กูสั่งให้มึงชุดหนึ่ง”

   “เฮ้ย แต่ผมไม่หิว”

   “กูเลี้ยง”

   “งั้นหิวก็ได้”

   ท่าทางดีใจออกนอกหน้าของผมคงไปกระตุ้นต่อมบ้า เลยถูกตะเกียบตีหน้าหน้าผากไปที ระหว่างนั่งรอ เราทั้งคู่ต่างก็เงียบใส่กัน ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร กลัวคุยในเรื่องที่พี่เขาไม่ชอบ ยิ่งเหม็นขี้หน้าผมอยู่

   ไม่นาน อาหารญี่ปุ่นสองชุดก็มาเสิร์ฟ มีทั้งหมูทอด น้ำซุป ไข่ตุ๋น แล้วก็ข้าวเปล่า ดูน่าอร่อยซะจริง จากที่บอกว่าไม่หิว ตอนนี้ต้องเรียกว่ายัดแทน ผมยัดหมู ยัดไข่ตุ๋นเข้าปากจนแก้มตุ่ย พี่ไฮท์คาบตะเกียบมองอย่างอึ้งๆ คงไม่เคยเห็นการกินข้าวขั้นสูง พ่อเคยบอกว่า ผมเป็นคนกินอะไรก็ดูน่าอร่อย แต่พอกินเองมันก็รสชาติงั้นๆ ผมว่าจะกินอะไรอร่อยมันอยู่ที่ใจ



   “กินซะกูตกใจนึกว่าปอบลง” และแล้วพี่ไฮท์ก็พูดออกมา ตอนนี้เราทั้งคู่อิ่มกันแล้ว ผมก็ลูบทั้งท้อง ทั้งกระเป๋าเงิน “ไหนไอ้เจมส์บอกมึงกินคลีนไม่ใช่เหรอ”

   “ก็กินละมั้ง แต่มันไม่อิ่ม”

   “ดูจากที่กินเมื่อกี้ คงจะใช่”

   พอได้เงินทอนผมก็แยกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพี่ไฮท์ไปดูของรอ แต่พอกลับไปหา พี่แกทำหน้าบึ้งตึงนั่งอยู่ที่ม้านั่งซะงั้น ใครไปอะไรให้ไม่พอใจอีกแล้ว

   “พี่โกรธเหรอ ที่ผมขี้นาน” รู้สึกผิด แต่เพราะห้องน้ำมันมีคนรอคิวเยอะ ผมก็เลยช้าไปด้วย “พี่...”

   “ของมึงมีไหนหมด” อยู่ๆ พี่ไฮท์ก็โพล่งออกมา สายตาดุจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น

   “ของ? ของอะไร”

   “ก็เสื้อผ้าที่มึงซื้อเมื่อกี้ไง เต็มมือเลยนะ”

   “ซื้อเสื้อผ้าเต็มมือ?” ตีหน้างงจนคิ้วขมวด “ผมไปเข้าห้องน้ำมา ไม่เชื่อดมมือดู”

   “ไอ้เหี้ย” พี่ไฮท์ปัดมือผมที่ยื่นไปตรงหน้า “ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะใคร คู่แฝดมึงหรือไง”

   พอได้ยินคำว่าคู่แฝด เซลล์สมองก็เหมือนถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าทำเอาตัวชา ผมรีบหันซ้ายหันขวามองหาคู่แฝดตัวเอง

   “พี่ว่าเมื่อกี้พี่เจอผมซื้อเสื้อเหรอ ตรงไหน ร้านไหน แล้วเดินไปทางไหน” พี่ขิงแน่นอน แอบหนีมาซื้อของ ปล่อยให้ผมนั่งรอเป็นพ่อสายบัวอยู่ที่มหาลัย “พี่ไฮท์ เจอตรงไหน”

   “ร้านเสื้อนั่น แล้วก็เดินลงบันไดไปเมื่อกี้” ผมมองตามนิ้วที่ชี้บอกก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนตาม ต้องจับพี่ขิงกลับบ้านให้ได้

   ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหาพี่ชายตัวเอง สายตาก็สอดส่องดูตามร้านขายของ เผื่อพี่ขิงจะแวะซื้อ ตามหาจนเหนื่อย ปวดตาด้วย จังหวะที่หยุดเดิน หางตาเหลือบไปเห็นคนสวมเสื้อฮู้ดสีดำที่คุ้นตา

   “พี่ขิง” ตะโกนดังลั่น เจ้าของชื่อหันมามองเพียงแวบเดียวก็รีบวิ่งหนีออกประตูไป “พี่ขิง หยุดก่อน ไหนบอกให้ผมรอแล้วหนีผมมาทำไม” แหกปากวิ่งตามหลังไป พี่ขิงรีบขึ้นไปนั่งในรถเก๋งญี่ปุ่นสีควันบุหรี่ ข้าวของในมือถูกโยนไปเบาะหลังอย่างลวกๆ “พี่ขิง” ทุบกระจกรถเพื่อให้พี่ชายเปิด แต่คนในรถกลับทำเฉย แถมยังขับรถออกไปเฉย “เชี่ยเอ้ย” สบถหลังจากวิ่งตามรถจนเหนื่อยหอบ

   เมื่อเช้าผมไม่น่าเชื่อพี่ขิงเลยให้ตาย

   หลังจากรถคันนั้นหายลับตา ผมก็เดินย้อนกลับเข้าไปในห้าง เจอพี่ไฮท์ยืนพิงกำแพงตรงประตูทางเข้าพอดี ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่พี่เขาก็เดินสวนออกมาพลางพูดสั้นๆ ว่า กลับ ผมเลยต้องเดินลงไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดชั้นล่าง ช่วงที่เดินๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้ เมื่อกี้ผมตะโกนเรียกชื่อพี่ขิงซะเต็มปากเต็มคำ แบบนี้พี่ไฮท์จะได้ยินหรือเปล่าวะ

   เรื่องที่เกิดเมื่อครู่ทำเอาผมแทบไม่มีสติขี่รถ เพราะมัวแต่คิดหาคำพูดที่จะใช้ถามพี่ไฮท์จนปวดหัวไปหมด กลัวความลับของพี่ขิงจะแตก กลัวแม่เดือดร้อน ที่สำคัญ กลัวตัวเองจะถูกจับเพราะหลอกลวง แต่พอถึงเวลาเจอหน้าจริงๆ ผมกลับพูดอะไรไม่ออก พี่ไฮท์แค่ปรายตามองแล้วก็เดินไปเปิดประตูบ้าน มีไอ้หมาอ้วนสองตัวเห่าวิ่งไปมาอยู่ด้านในตัวบ้าน

   “พี่เลี้ยงยังไงให้มันอ้วน” แกล้งชวนคุย และก็เหมือนเดิม มีเพียงหางตาที่มองมา “มันน่ารักเนอะ”

   “อืม” สั้นๆ ห้วนๆ ทำเอาไปต่อไม่ถูก “ไปหาหมามึงได้ใช่ไหม”

   “ครับ”

   “เฮ้ย ไอ้หอยขม” ผมหันรีหันขวางตอนกำลังจะเปิดประตูหลังบ้าน ก็เพราะชื่อที่พี่ไฮท์เรียก มันคือชื่อหมาเหรอ “มึงนั่นแหละ”

   “ผมเหรอ” ชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง

   “เออ มึงนั่นแหละ”

   “พี่มีอะไรเหรอ” แม้จะแปลกใจกับชื่อที่ถูกเรียก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ชื่อตลกดี หอยขม

   “ให้ขนมแต่ไม่ให้ข้าวหรือไง หมามึงอ่ะ”

        พูดไม่จบดีก็มีซองอาหารหมาพุ่งเข้ามาหา เกือบจะรับไม่ทัน พอถุงนั้นมาอยู่ในมือผมปุ๊บ สองอ้วนที่นั่งอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังจนผมเกือบล้ม เจ้าของหมาไม่สนใจเพราะเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับสองอ้วนที่อุ้งเท้ามันโคตรใหญ่ ตะปบอกผมทีเกือบร่วง

   “เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวพี่ขมิ้นจะแบ่งขนมให้ หยุดกระโดดใส่กันก่อน” ยกแขนกันหมาสองตัวจนเหนื่อย และดูเหมือนจะฟังภาษาคนออก ตอนนี้สองอ้วนเลยนั่งทำลิ้นห้อยมองผมตาแป๋ว “ฟังรู้เรื่องด้วย อยากกินขนมใช่ไหม แปบนะ” ว่าแล้วก็เอาขนมออกมาจากเป้ “เนี่ย พี่ชิมแล้ว ไม่เค็ม” และไม่อร่อยสำหรับคน

   ยื่นขนมเป็นแท่งให้คนละอัน พอได้ของกินแล้ว สองอ้วนก็ยอมกลับไปนอนในเบาะของตัวเอง แสนรู้จริงๆ ผมยิ้มให้สองอ้วนก่อนจะเดินไปเปิดประตูหลังบ้าน เห็นกองดินที่ดูแปลกตาสำหรับสนามหญ้าสีเขียว ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาแล้วย่อตัวนั่งลง

   “หิวไหมปุยเมฆ” ผมยื่นมือไปลูบกองดินนั่น เหมือนได้ยินเสียงเห่าตอบของปุยเมฆลอยมาเข้าหู “หิวใช่ไหม พี่ขมิ้นเอาอาหารมาให้นะ มีขนมด้วย” ว่าแล้วก็วางกองอาหารกับขนมแท่งไว้ด้านหน้ากองดิน “นอนคนเดียวคงเหงาล่ะสิ ไว้พี่จะมาหาบ่อยๆ นะ แล้วก็ขอโทษที่ดูแลไม่ดี” ตอนนี้รู้สึกแสบจมูกไปหมด ผมไม่อยากร้องไห้ให้ปุยเมฆเห็น พยายามกลั้นจนปวดจมูก ปวดตาไปหมด “แล้วถ้าพี่เจอพี่ขิง จะบอกให้นะ ว่าปุยเมฆรักเขา แต่รอเจอเขาไม่ไหว” พอถึงตรงนี้น้ำตาผมก็ร่วงลงมา มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ

   ผมเบือนหน้าหนีก่อนยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ และดูเหมือนสองอ้วนจะเดินออกมานั่งอยู่ด้านหลังของผม พวกมันคงรู้ว่าผมรู้สึกเจ็บปวดเลยมานั่งเป็นเพื่อน

   “ปุยเมฆอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะ พี่สองอ้วนนี้เขาจะดูแลปุยเมฆเอง พวกเขาใจดีมาก” ลองกวักมือเรียกดู สองอ้วนก็เดินเข้ามาหาพลางหมอบตัวลงนอนขนาบซ้ายขวาของผม “เห็นป่ะ ว่าพวกเขาใจดี” ตอนนี้น้ำตาผมไหลยิ่งกว่าน้ำตกซะอีก สงสัยตาจะบวมเพิ่มอีกแน่

   นั่งร้องไห้หน้ากองดินหลุมศพของปุยเมฆอยู่นาน รอจนน้ำตาแห้งผมถึงบอกลา คล้ายกับหูแว่วอีกรอบที่ได้ยินเสียงปุยเมฆเห่าตอบ ผมว่ามันคงรับรู้ว่าผมรักมันเหมือนกัน พอเดินเข้ามาในบ้านมีสองอ้วนเดินตามก้นมาต้อยๆ ส่วนเจ้าของบ้านก็กำลังเดินลงบันไดมาพอดี

   “ขี้แยว่ะมึง” โดนแขวะไปทีหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อผมร้องไห้จริง ปวดตาไปหมด

   “พี่ไม่ออกไปเที่ยวเหรอ” ที่ถามเพราะพี่ไฮท์เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น แถมทำหัวเปียกอีก

   “ขี้เกียจ” ก็คงอย่างที่เจ้าตัวว่า ตอนนี้พี่ไฮท์เปิดทีวีแล้วนั่งบนโซฟา มีหมาอ้วนกระโดดขึ้นไปคลอเคลีย “ทำไมไม่นั่ง”

   นี่คือวิธีชวนแขกนั่งเหรอเนี่ย 

   “อ่าครับ” ทำตัวลีบนั่งลงที่โซฟาอีกตัว “หมาพี่ชื่ออะไรเหรอ” ผมเรียกสองอ้วนมาตั้งนาน

   “ไอ้นี่ชื่อแจ็ค” พี่ไฮท์ลูบหัวหมาโกลเด้นที่กระดิกหางฟาดโซฟาดังปับๆ “ส่วนไอ้นี่...”

   “โรสป่ะ แจ็คกับโรส”

   “อเล็กเว้ย มันเป็นตัวผู้” ถูกตวัดสายตาดุใส่จนต้องยิ้มแห้ง ก็คิดว่ามาจากชื่อหนังนี่นา วู้ “แล้วบ้านมึงมีหมาไหม นอกจากไอ้ตัวที่ตาย”

   “ไม่มี พ่อบอกถ้าไม่มีเวลาก็อย่าเอามันมาทรมาน”

   “ก็ถูก”

   ผมนั่งนิ่งเมื่อพี่ไฮท์เอาแต่ดูทีวี พอไม่มีอะไรทำเลยกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้าน เมื่อคืนก็มาจนดึกแถมร้องไห้จนไม่ได้สังเกต เมื่อเช้าก็ตื่นเร็ว บ้านหลังนี้ แม้ไม่ได้หลังใหญ่โตเหมือนบ้านที่ผมอาศัย แต่ก็น่าอยู่กว่ามาก ด้านหลังมีเคาน์เตอร์กั้นโซนของครัวเปิด พอมองไปอีกด้านเป็นห้องน้ำและห้องที่ใช้รักษาสัตว์

   “เอ่อ” แล้วก็เกิดคำถามบางอย่าง คิดอยู่นานสุดท้ายก็ทนไม่ไหว “พี่กับพ่ออยู่กันแค่นี้เหรอ แล้วแม่พี่ล่ะ” แม้จะดูละลาบละล้วง แต่ก็อยากรู้ เพราะบ้านนี้ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ต่างจากบ้านผมที่ข้าวของกระจัดกระจาย เก็บก็ไม่ได้เดี๋ยวพ่อหาของไม่เจอ

   “ไม่อยู่แล้ว” พี่ไฮท์ตอบสั้นๆ ผมพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังสงสัย “กูหมายถึงแม่กูตายแล้ว ไม่ได้ทิ้งกูกับพ่อ”

   “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

   “แต่หน้ามึงมันฟ้องว่าอยากจะเสือกเรื่องกูต่อ”

   ผมเบ้ปากใส่คนรู้ทัน ที่สำคัญ ไอ้อ้วนสองตัวมันเห่าเห็นด้วยกับเจ้านายมันซะงั้น แทบอยากเอาขนมที่ให้ไปคืน
 
   “บ้านพี่สะอาดดีเนอะ” เป็นคำถามที่ไร้สาระ แต่ก็ไม่อยากอยู่เงียบๆ ให้กดดัน “ไม่เหมือนบ้านผม โคตรรก ยังกลัวว่าสักวันงูจะเข้าบ้าน พ่อผมถึงกับต้องซื้อตาข่ายมากั้นประตูหน้าบ้านตอนหน้าฝน” ว่าแล้วก็ขำออกมา แต่พอหันไปมองคนข้างๆ พี่ไฮท์เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง สายตาจับผิดทำให้ผมเริ่มนั่งไม่ติด

   “มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนกับเรื่องที่มึงทำเป็นพอ”

   “พี่หมายถึงอะไรเหรอ”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้าพี่ไฮท์อย่างไม่ค่อยเข้าใจในความหมาย หรือพี่เขาจะบอกเป็นนัยๆ ว่ารู้เรื่องผมไม่ใช่พี่ขิง ไม่หรอกมั้ง ก็ดูพี่เขายังเกลียดผมอยู่เลย จะว่าไป การเป็นพี่ขิงมันไม่ง่ายเลยสักนิด การต้องทำตัวให้นิ่ง เพื่อหลอกตบตาคนที่รู้จัก ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ตัวต้นเรื่องรีบมาแก้ไขปัญหาไวๆ พอนึกถึงตรงนี้ผมก็รีบดีดตัวลุกแล้วรีบกลับบ้าน ผมต้องไปถามแม่เรื่องพี่ขิง ผมว่า แม่ต้องรู้เรื่องพี่ขิงแน่ ถึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะออกตามหา มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน ไอ้ขมิ้นฟันธง


...TBC

ขอโทษที่หายไปนานค่าาา ไม่มีคำอื่นใดแก้ตัวนอกจากคำขอโทษ (ย่อตัวไหว้)

ปล. ตอนนี้ขมิ้นก็จะหลายอารมณ์หน่อยๆ เริ่มเป็นไบโพล่า >w<

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สองแม่ลูกนี่ต้องการอะไร ซวยเลยขมิ้นเอ้ยย
อยากจะบอกว่าเกลียดครอบครัวแม่ขมิ้นมากกกก
คนเขียนหายไปนานเลยอ่ะ รออยู่นะคะ มาบ่อยๆหน่อยจิ อิอิ :L2: :pig4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ยังไม่หายคิดถึงเลย

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แหมมม ชั้นพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย
สงสารปุยเมฆมากเลยค่ะ ตาบวม

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มาต่อแล้ววว รอนานมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 9] [P.3] // {19/01/61}
« ตอบ #69 เมื่อ: 19-01-2018 23:49:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-10-




       ผมนั่งรอแม่อยู่ที่โซฟาจนผล็อยหลับ รู้สึกตัวก็ตอนป้าแม่บ้านมาเรียกไปกินข้าว ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ จะมีแค่ข้าวเช้าเท่านั้นที่นั่งกินบนโต๊ะอาหารราคาแพง มื้อเที่ยงก็ไปกินที่มหาลัย ส่วนมื้อเย็นผมชอบไปกินกับพวกพี่ๆ ในครัวมากกว่า บ้างก็ปูเสื่อนั่งกินส้มตำ ไก่ย่าง ดูมีความสุขกว่าเยอะ

   “ปกติพี่ขิงก็กินข้าวกับพวกพี่เหรอครับ” ถามไป มือก็จกข้าวเหนียวไป

   “ไม่เลยค่ะ” ป้าแม่บ้านว่า

   “แค่คุยกับพวกเรายังแทบนัดคำได้ นอกจากจะสั่งนั่นนี่น่ะค่ะ” คนพูดคือพี่แต้วที่ดูแลปุยเมฆแทนพี่ขิง ตอนพี่เขารู้ว่าปุยเมฆตาย พี่แต้วแกร้องไห้จนไข้ขึ้น ขนาดไม่ใช่เจ้าของยังรักมากขนาดนี้ “ตอนแรกพวกเราก็กลัวคุณเป็นเหมือนคุณขิง”

   “แค่หน้าเหมือนก็พอมั้งครับ” พูดให้คนอื่นขำ แต่ผมกลับขำไม่ออก เพราะมันคือความในใจจริงๆ “แล้วนี่ แม่ผมจะกลับมากี่โมงละเนี่ย”

   “เห็นลุงแกบอกไม่เกินสี่ทุ่มนะคะ”




   หลังจากอิ่มหนำกับมื้ออร่อย ผมก็ขอตัวมารอแม่ในบ้านตามเดิม เงียบเหลือเกิน เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น น่าเบื่อด้วย ถ้าผมเป็นโรคติดโทรศัพท์ ติดเกมส์แบบเจมส์คงดี จะได้มีเรื่องแก้เบื่อ และพอคิดปุ๊บ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น คนโทรมาคือคนที่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อกี้นั่นแหละครับ ตายยากจริงๆ

   “ว่าไง”

   (เป็นไงบ้างวะ)

   “เป็นอะไร”

   (ก็กูกลัวมึงโดนพี่ไฮท์ฆ่าหมกส้วมอะดิ่) แล้วปลายสายก็หัวเราะ ถ้าอยู่ใกล้ ผมถีบมันจริงๆ ด้วย (ล้อเล่นๆ กูเป็นห่วงไง)

   “ขอบใจ” กัดฟันตอบก่อนจะหัวเราะตามบ้าง “เออใช่ กูเจอพี่ขิงที่ห้างด้วย”

   (จริงดิ่ แล้วเป็นไง มันว่าไงบ้าง ทำไมถึงหนี...)

   “แค่เห็นหน้ากูก็วิ่งหางจุกตูดไอ้ห่า ไม่รู้เพราะอะไรถึงต้องทำแบบนั้น แต่รถที่กูเห็น ไม่ใช่รถพอร์ชสีส้มแบบที่มึงว่านะ พี่ขิงขับรถธรรมดาๆ นี่แหละ”

   (หายหัวไม่ติดต่อกับใคร แถมเป็นหนี้อีก มันอาจจะเอาไปขายก็ได้)

   ข้อสันนิษฐานของเจมส์มันก็น่าสน คนติดหรู ใช้เงินเป็นกระดาษน่าจะไม่ยอมใช้ชีวิตจนๆ หรอก

   “ตอนกูเจอ ของแบรนด์เนมเต็มมือเลยว่ะ” ผมว่า

   (นั่นไง กูว่ามันต้องขายรถใช้หนี้แล้วพอเหลือก็ฟุ่มเฟือยตามนิสัย)

   “แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ จะวิ่งหนีกูทำไม กลับมาไม่ได้ก็น่าจะมาคุยกันถึงเหตุผล ถ้าช่วยได้กูก็ช่วยอยู่แล้ว” เพราะทุกวันนี้ก็รับความซวยให้อยู่ทุกวัน

   (เอาจริงๆ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่ากูรู้จักไอ้ขิงจริงๆ หรือมันสร้างเปลือกขึ้นมาให้กูเข้าใจมัน)

   “มึงลองเล่านิสัยของพี่ขิงตั้งแต่รู้จักให้กูฟังหน่อยสิ”

   (เรื่องแบบนี้ต้องเจอหน้าเว้ย คุยไม่เห็นหน้ามันไม่สนุก มึงจะรับรู้แค่เสียง แต่ไม่เห็นท่าทางของกู)

   แค่นึกภาพตอนเจมส์มันคุยตอนนี้ ผมก็ขำจนปวดกรามแล้ว เราคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้จนลืมเวลา ลืมความเบื่อ มารู้ตัวก็ตอนมีเสียงรถวิ่งเข้ามาจอดในรั้วบ้าน ผมรีบวางสายเจมส์ก่อนออกไปรอรับแม่ และดูเหมือนความหวังที่จะถามเรื่องพี่ขิงต้องล้มเหลว เมื่อลุงเจ้าของบ้านประคองแม่ที่เดินเป๋ไปเป๋มา

   “แม่” ลองเรียกดู แม่หัวเราะแล้วยื่นมือมาตบแก้มผมเบาๆ “ผมมีเรื่องจะถาม”

   “ทำไมหน้าของขิงไม่นุ่มแล้วล่ะลูก หยาบมากเลย” แม่พูดเสียงอ้อแอ้ก่อนจะหัวเราะออกมาอีก “จะว่าไป แม่เพิ่งรับงานให้ขิง จุ๊ๆ อย่าไปบอกใครเชียว ว่าแม่ใส่ซองให้เขาน่ะ”

   “หยุดพูดได้แล้วคุณ ส่วนเธอมีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้ ไม่เห็นเหรอว่าแม่เธอเมา”

   ลุงเจ้าของบ้านตัดบทแล้วประคองแม่ผมขึ้นชั้นสองไป นี่พวกเขาตั้งใจหาพี่ขิงกันจริงๆ หรือเปล่า ทำไมยังใช้ชีวิตเหมือนปกติได้แบบนี้ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิด ผมก็เดินกลับห้องตัวเองบ้าง ห้องที่ถึงแม้จะกว้างขวาง มีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน แต่ผมกลับไม่ชอบ ผมชอบห้องนอนเล็กๆ ของตัวเองมากกว่า พอนึกถึงวันก่อนๆ ผมก็หยิบโทรศัพท์เลื่อนหาชื่อพ่อตัวเอง กลั้นใจอยู่นานกว่าจะกล้ากดโทรออก รอสายไม่นานก็มีเสียงกดรับ แต่ปลายสายยังเงียบ

   “พ่อ” ลองเรียกไปเบาๆ

   (ไงมึง อยากกลับบ้านหรือยัง)

   ผมยิ้มออกมาเพราะรู้สึกผิดคาด ตอนแรกคิดว่าพ่อจะด่าออกมาซะอีก อุตส่าห์เตรียมอุดหูรอไว้

   “มากที่สุด” พูดไปหัวเราะไป “พ่อกินข้าวหรือยัง”

   (กินแล้วสิ ดึกขนาดนี้ กูไม่มีใครให้หิ้วท้องรอเหมือนเมื่อก่อน) ดูเป็นคำเหน็บแนมที่เจ็บแสบ แต่ผมก็ยังยิ้มได้ (มึงล่ะ กินข้าวหรือยัง อยู่บ้านนั้นกินดีอยู่ดีจนลืมน้ำพริกแล้วมั้ง)

   “โห ใครจะลืมน้ำพริกฝีมือพ่อได้” พ่อผมตำน้ำพริกอร่อยมาก มันอร่อยจนป้าข้างบ้านต้องมาจ้างให้ทำเพื่อเป็นของฝากให้ลูกชายตัวเอง “พ่อกวาดบ้าน ถูบ้าน บ้างหรือเปล่า” เหมือนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร ปกติแล้วผมกับพ่อไม่ค่อยคุยแบบนี้กันหรอกครับ ส่วนมากจะกวนใส่กันมากกว่า แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงอยากคุยดี

   (กวาดสิวะ แต่ถูบ้านรอมึงมาทำ) พูดจบ พ่อก็เงียบไป (พี่มึงยังไม่กลับมาอีกเหรอ)

   “พี่ผมก็ลูกพ่อนะ”

   (เหรอ กูเพิ่งรู้) แล้วเราสองคนก็เงียบใส่กัน เนิ่นนานกว่าพ่อจะถามออกมา เป็นคำถามที่ทำให้ผมน้ำตารื้น (ให้กูไปรับวันไหนก็โทรบอก)

   “ผมขี่รถมาเองเถอะ”

   (ไอ้ห่า แล้วของมึงล่ะ ไม่ต้องแบกกลับมาเหรอ)

   “มีกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบเอง พ่อคิดถึงผมล่ะสิ”

   (พอๆ กูไม่อยากคุยกับมึงละไอ้ขมิ้น จบ เลิก)

   “ดูนะ คนเรา คิดถึงลูกแต่ปากแข็งก็เป็นแบบนี้...ฮัลโหล พ่อ”

   วางไปแล้วครับ ทำไมพ่อผมโคตรน่ารัก อยู่ด้วยทุกวันเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละ...







   เช้าวันใหม่ ผมแต่งตัวเตรียมไปเรียนอย่างทุกวัน เหนื่อยมากครับกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ทุกวันนี้เข้าห้องเรียนก็เหมือนเข้าห้องเย็น คือเข้าไปแล้วขนหัวลุกแทบตลอดเวลา ยิ่งบนบอร์ดหน้าห้องมีตัวหนังสือยึกยือเต็มแผ่นยิ่งขนลุก

   “ไฮ ขมิ้น” เสียงแม่ทักทายยามเช้าดูสดชื่น แต่ทำไมผมต้องขมวดคิ้วกับคำทักนั่น “มานั่งสิจ๊ะ”

   “แม่หายเมาแล้วเหรอ” หย่อนก้นนั่งปุ๊บ ชามข้าวต้มก็วางลงตรงหน้า

   “แม่ดื่มนิดหน่อยเอง ลูกรู้ไหม มีแต่คนชมเครื่องเพชรชุดใหม่ของแม่นะ ตอนแรกว่าจะใส่ไปอีกงาน แต่หมูหวานบอกคู่แข่งแม่มาด้วย เลยต้องจัดเต็มสักหน่อย” ว่าแล้วแม่ก็หัวเราะสะใจ “เออใช่ วันนี้ลูกไม่ต้องไปเรียนนะ แม่โทรบอกให้เจมส์ลาให้แล้ว”

   “ลา...ทำไมเหรอครับ”

   “ก็เมื่อวานแม่ไปเจอคุณกิตติ เขาเป็นเจ้าของนิตยสารเพชร เขาสนใจลูกไปเป็นนายแบบเครื่องเพชรของเขา” ผมมองแม่ขณะกำลังหั่นไส้กรอก แล้วคำพูดเมื่อวานก็ผุดขึ้นมา ที่ว่าแม่เอาเงินให้ เขาถึงจ้าง “อ่อ แล้วก็ยังมีงานพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมด้วยนะ ตัวนี้พี่เขาถ่ายโปสเตอร์ไปแล้ว เหลือแค่งานเปิดตัว ขมิ้นก็เตรียมตัวด้วยนะลูก เดี๋ยวพี่หมูหวานจะพาไปขัดผิว”

   “ผมเจอพี่ขิง” พูดโพล่งออกมา แม่ถึงกับชะงักมือที่กำลังจะจิ้มไส้กรอก

   “ขมิ้นเจอพี่เขาเหรอ ที่ไหน”

   “ผมเจอพี่ขิงเมื่อวาน สองรอบ ที่มหาลัยแล้วก็ห้าง”

   “เหรอ”

   “เหรอ? แม่ดูไม่ตื่นเต้นเลยที่ผมเจอพี่ขิง หรือแม่รู้ว่าพี่ขิงอยู่ที่ไหน” ผมมองหน้าแม่ตัวเองอย่างคาดคั้น ดูแล้วท่าทางมีพิรุธจนเดาได้ไม่ยาก “ไหนแม่บอก ถ้าเจอจะให้พี่เขากลับมาเลยไง นี่แม่ก็ติดต่อพี่เขาได้แล้ว ทำไมไม่ให้กลับมา”

   “โธ่ ขมิ้น ตอนนี้พี่เขายังกลับมาไม่ได้” สุดท้ายแม่ก็ยอมรับออกมา “พี่เขามีปัญหานิดหน่อย”

   “ปัญหานิดหน่อยคืออะไร แล้วผมล่ะ ผมไม่มีปัญหาเหรอ” เริ่มโมโหแล้วนะ “ผมต้องทนรับปัญหาของพี่ขิง ไม่ว่าจะที่มหาลัยหรือที่ทำงาน ผมก็มีปัญหา มันเป็นปัญหาที่ไม่ใช่ของผม แต่ผมต้องมาเจอ มันไม่ใช่อะ”

   “ขมิ้น”

   ไม่สนที่แม่เรียก ผมตั้งใจจะเดินออกจากบ้าน แต่ต้องเจอกับผู้ชายตัวใหญ่กว่า สวมสูทสีดำสองคนเดินมาขวาง พอหลบให้ มันก็ไม่ยอมเดิน และพอผมจะเดิน มันก็หิ้วแขน ยกผมจนตัวลอย

   “เฮ้ย ทำอะไรวะ ปล่อย” ดิ้นยังไงก็ไม่ยอมหลุด “แม่ ช่วยด้วย”

   แม่ไม่ตอบรับ เพียงแค่ชายตามองนิดเดียวเท่านั้น แต่ผมกำลังถูกหิ้วกลับเข้าบ้าน และตอนนี้ถูกพาขึ้นมาบนห้อง ไอ้ยักษ์สองคนนี้โยนผมลงเตียงจนตัวเด้ง

   “กรุณาเปลี่ยนชุดด้วยครับ”

   “ไม่ใช่พ่อ อย่ามาสั่ง”

   “จะเปลี่ยนดีๆ หรือว่า...”

   ผมลอยหน้าลอยตาไปมา แต่พอได้ยินคำว่าหรือว่า แสงเงาวับจากวัตถุที่อยู่ด้านในของเสื้อสูทก็สะท้อนเข้าตาทันที ของนั่นทำให้ผมตาเหลือกรีบวิ่งลงจากเตียงทันที


   นี่มันบ้านคนหรือดงมาเฟียวะ ถึงพกปืนเดินไปเดินมาในบ้านได้


   พอสองคนนั่นออกไปแล้ว ผมก็รีบถอนหายใจ ลูบหน้าลูบอกตัวเอง กลัวตายเหมือนกันนะครับ ปากเก่งไปแบบนั้นเองแหละ เมื่อทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมเปลี่ยนชุด เสื้อผ้าของผมก็มีแต่แบบธรรมดาๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เลยไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก

   “แต่งตัวไร้รสนิยมมาก” แม่ทักเสียงนิ่ง ผมยักไหล่ไม่สนใจ “ต่อไปถ้าขมิ้นจะออกไปไหนต้องแต่งตัวให้ดีกว่านี้นะ อย่าลืมว่าลูกกำลังเป็นพี่ขิง”

   “แม่ก็รีบเอาพี่ขิงตัวจริงกลับมาสิ”

   “เอะ ขมิ้นนี่ พูดไม่รู้ความ”

   “แล้วมาเฟียเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะ” ตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในรถตู้กับแม่แล้ว พอถามไปก็ถูกตวัดมอง

   “สองคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดของคุณลุงเขา ไม่ใช่มาเฟีย”

   “แล้วทำไมต้องพกปืนด้วย”

   “ขมิ้นนี่เข้าใจอะไรอยากจริง ก็ลุงเขาทำธุรกิจใหญ่โต มีคู่แข่งที่จ้องจะทำร้าย ลุงเขาก็เลยต้องป้องกันตัวไว้ก่อน”

   “ทำอย่างกับในละคร” ผมเบ้ปากก่อนเมินหน้าออกนอกกระจกรถ ธุรกิจอะไรที่จะมีคนคิดจะฆ่าตาย ถ้าไม่ใช่พวกธุรกิจมืด “ลุงเจ้าของบ้านไม่ได้เปิดบ่อน ค้ายาใช่ไหมแม่”

   “ขมิ้น!” เสียงหวีดเรียกของแม่มาพร้อมแรงบิดริ้วที่แขน “อย่าพูดแบบนี้ให้ได้ยินอีกนะ แม่ไม่ชอบ”

   “ก็แค่สงสัยเฉยๆ”

   จากนั้น ผมกับแม่ก็ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง โลกของผมที่มองนกมองต้นไม้ ส่วนโลกของแม่คือการท่องโลกโซเชียลอย่างสนุกสนานกับสังคมตัวเอง พอถึงร้าน ผมเดินตามแม่เข้ามาในตัวร้าน ก่อนพนักงานจะเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสอง ด้านบนมีห้องกว้างที่ถูกเซ็ทให้เป็นฉากสำหรับการถ่ายแบบ และผมก็ถูกพี่หมูหวานดึงเข้าไปแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง

   “พี่หมูหวานรู้เรื่องพี่ขิงไหมครับ” ถามระหว่างถูกโปะเครื่องสำอาง

   “น้องขิงเหรอคะ ก็พอรู้มาบ้าง”

   “อย่างเช่น...”

   “พี่พูดไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณหญิงแม่ว่า”

   “ผมไม่บอกหรอกว่าพี่พูด”

   “น้องขมิ้นรู้แล้วต้องเหยียบให้จมดินเลยนะคะ คือพี่แอบได้ยินคุณหญิงแม่กับน้องขิงคุยกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ”

   “อาทิตย์ที่แล้ว?” หมายความว่า แม่ติดต่อกับพี่ขิงได้นานแล้วแต่ก็ทำเฉย ปล่อยให้ผมรับกรรมจากลูกรักตัวเองงั้นเหรอ โคตรยุติธรรมอะ “แล้วพี่ขิงจะกลับมาเมื่อไหร่ พี่หมูหวานพอรู้ไหมครับ” เริ่มเครียดแล้วตอนนี้

   “ไม่แน่ใจนะคะ เพราะคุณหญิงแม่พูดเบามาก แต่ดูเหมือนน้องขิงกำลังทำอะไรสักอย่างที่เล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้ พี่ก็ไม่รู้ว่าอะไร ปกติพี่ทำงานด้วยก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังอยู่แล้ว”

   “แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ผมจะได้กลับไปเป็นตัวเองสักที” ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง พี่หมูหวานตบบ่าปลอบผมเบาๆ พี่เขาคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

   “สู้ๆ นะคะ อีกไม่นานน่าจะดีขึ้นเอง”

   “หวังให้เป็นเช่นนั้นครับ” เพราะผมเบื่อมากที่สุด

   การถ่ายแบบเครื่องเพชรก็ไม่มีอะไรมาก แค่สวมสูทแล้วยืนนิ่งๆ เพราะเพชรที่ถ่ายอยู่บนเข็มกลัดติดชุดและเนคไท มันดูสวยและหรูหรามากยามเพชรกระทบกับแสงไฟ ราคาก็คงสูงน่าดู เจ้าของเครื่องเพชรยืนคุมตลอดการถ่ายโดยที่แม่ไม่สนใจอะไรนอกจากโทรศัพท์ กว่าจะถ่ายเสร็จก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผมยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้งานช้าในบางที แต่มือใหม่อย่างผม ได้แค่นี้ก็ดีถมเถไปแล้ว เกร็งมากเวลายืนหน้ากล้อง มันเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ก็แน่ล่ะ ผมถ่ายในนามพี่ขิงนี่นา

   ถ่ายแบบเสร็จผมก็ขอแยกตัวออกมา แม่ก็แค่พยักหน้าแค่นั้น ดีที่พี่หมูหวานยังสนใจถามไถ่ก่อนจะแยกกัน นี่แม่รักผมบ้างหรือเปล่าวะ พอคิดแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดจนต้องรีบโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านตัวเอง แต่ดันไม่มีคันไหนจอดรับซะนี่ แล้วแบบนี้จะขึ้นป้ายว่าว่างทำไม

   “ไงเรา”

   ระหว่างที่เตะฝุ่นอยู่บนฟุตบาท มีรถเก๋งสีขาววิ่งมาจอดเทียบตรงหน้า กระจกด้านข้างคนขับเลื่อนลงพร้อมกับคำทักทายที่ส่งมา พอก้มหน้าดู เจ้าของรถยิ้มแย้มโบกมือทักทาย

   “สวัสดีครับคุณหมอ” ยกมือไหว้แทบไม่ทัน

   “ไม่มีเรียนเหรอเราถึงมาเดินเที่ยวแถวนี้น่ะ”

   “มีครับ แต่ลาไปแล้ว” ตอบตามความจริง คุณหมอก็ทำหน้างงๆ “คุณหมอจะไปคลินิกเหรอครับ”

   “ใช่ วันนี้อาไปทำธุระมา เลยเข้าคลินิกสาย เราจะไปคลินิกกับอาไหม” เป็นคำชวนที่ทำให้ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้ารับ “ไปก็ขึ้นมา คันนี้ไม่มีมิตเตอร์นะไม่ต้องห่วง”

   “คุณหมอนี่เป็นคนตลกนะครับ” ไม่เหมือนลูก

   “จะให้หน้าบึ้งไปรักษาสัตว์ก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกเขาจะกลัว”

   “คนพามาเหรอครับ”

   “สัตว์สิ...อาพูดเล่น ก็หมายถึงคนพามานั่นแหละ”

   “อ่าครับ”

   แทบไปไม่ถูกเมื่อเจอมุกคนแก่ ตลอดทางมาคลินิก คุณหมอเล่าเรื่องสัตว์ที่รักษาให้ฟัง บางตัวก็ตลก บางตัวก็น่าสงสาร แต่บางตัวคนรักษาน่าสงสารกว่า

   “แล้วคุณหมอทำยังไงกับมันเหรอครับ” หลังจากหัวเราะจนปวดท้อง ก็อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อคุณหมอเล่าให้ฟังว่า มีคนพาตัวเงินตัวทองมารักษา แล้วมันงับแขนเสื้อไม่ยอมปล่อย

   “ก็ต้องฉีดยาทั้งที่เสื้อถูกกัดนั่นแหละ ผู้ช่วยก็กลัว จะให้คนพามาฉีดก็ไม่ได้ ลำบากหน่อยแต่ก็ผ่านไปได้” ทำไมผมรู้สึกชอบฟังเรื่องแบบนี้จัง ชอบจนอยากทำแบบนี้บ้าง “ทำไมมองอาตาเยิ้มเชียว”

   “คุณหมอเป็นไอดอลของผมเลยครับ” บอกอย่างคนซื่อจนถูกขำ “ผมอยากเป็นหมอรักษาสัตว์”

   “แต่เราเรียนวิศวะไม่ใช่เหรอ หรือจะซิ่วล่ะ”

   พอถูกจี้จุดก็ทำให้อ้ำอึ้ง นั่นสิ ตอนนี้ผมเป็นพี่ขิงนี่หว่า พี่ขิงเรียนวิศวะ จะเป็นหมอรักษาสัตว์ได้ยังไง

   “ก็ความฝันไงครับ” แถออกมา

   “ก็ดีนะ คนเราก็ต้องมีความฝัน อาก็เคยฝันอยากเป็นนักบิน”

   “แล้วทำไมถึงมาเป็นหมอแทนล่ะครับ”

   “ก็อากลัวความสูง”

   แล้วเสียงหัวเราะที่ตามหลังประโยคนั่น ก็ทำให้รู้ว่า ผมกำลังถูกอำอีกรอบ ผมว่าถ้าพ่อพี่ไฮท์เบื่อการเป็นหมอแล้ว ไปเล่นตลกน่าจะรุ่ง ให้ลูกชายไปด้วย แสดงเป็นพวกหน้านิ่งโดนถาดตบหัว คงเรียกเสียงหัวเราะได้มากทีเดียว

   “วันนี้ผมอยู่ช่วยที่คลินิกได้ไหมครับ”

   “ได้สิ พอเลิกเดี๋ยวอาเลี้ยงหมูกระทะ น้ำจิ้มฝีมือไฮท์ อร่อยมากนะ”

   “พี่ไฮท์ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ”

   “เปล่า ฝีมือมันเลือกซื้อน้ำจิ้ม ยี่ห้อนี้อร่อยมาก”

   ต่อไปผมจะไม่ตั้งใจฟังคุณหมอพูดอีกแล้ว พูดอะไรมาก็กลายเป็นผมที่โดนแกล้งทุกที แต่ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนเวลาอยู่กับพ่อ พี่ไฮท์โชคดีที่มีพ่อน่ารักแบบนี้ เหมือนผมที่มีพ่อที่น่ารัก แม้จะปากแข็งไปบ้างก็เถอะ

   “เราชื่ออะไรนะ ขิง ข่า ขมิ้น”

   พอได้ยินชื่อสุดท้ายถึงกับสะดุ้ง

   “ขะ ขิงครับ”

   “โอเค อาจะจำไว้ แก่แล้วก็ขี้ลืมแบบนี้แหละ”

   ผมปรายตามองคุณหมอจากด้านข้าง มุมนี้คุณหมอเหมือนพี่ไฮท์มาก จมูก ปาก ตา สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน หน้าตาดีเหมือนกัน โดยเฉพาะการยิ้มมุมปากอย่างตอนนี้ที่โคตรเหมือน

   “พี่ไฮท์นี่น่าอิจฉานะครับ”

   “ทำไม”

   “ก็หน้าตาหล่อเหมือนคุณหมอ”

   “พูดซะอาเขินเลย เดี๋ยวบอกไฮท์ให้ ว่าเราชม ว่ามันหล่อ”

   “ไม่ใช่ครับ ผมชมคุณหมอต่างหาก ไม่ใช่พี่ไฮท์”

   “ไม่เป็นไร อาเข้าใจ ไม่ต้องอายเวลาชมผู้ชายด้วยกันว่าหล่อหรอก”

   “ผมไม่ได้อาย แล้วก็ไม่ได้ชมพี่ไฮท์จริงๆ นะครับ”

   “อาเข้าใจๆ”

   “คุณหมอ”

   ต่อไปผมต้องระวังคำพูดของตัวเองมากกว่านี้ ไม่งั้นมันจะเข้าตัวได้

   แต่ผมไม่ได้ชมพี่ไฮท์จริงๆ นะครับ 



...TBC

หรือจะให้ขมิ้นคู่พ่อของพี่ไฮท์ดี (ปิดปากหัวเราะ)
 
ขอบคุณมากๆ ค่า

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โหวตให้เปลี่ยนคู่ค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารนู๋ขมิ้น แม่ใจร้ายทำร้ายนู๋ขมิ้นได้ลงคอ  :sad4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
น่ารัก

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อย่าชงนะคะ เราพร้อมแล่นเรือ 555555
คู่พ่อxพ่อ ขอโมเม้นน่ารักๆค่ะ หึหึหึ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
บอกความจริงไฮท์เถอะ เราอึดอัด  :katai1: ครอบครัวขิงรวมทั้งตัวขิงเป็นอะไรที่แย่มาก

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เปลี่ยนเลยค่าาาา555
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดครอบครัวขิง มีปัญหาอะไรล่ะมันเกี่ยวกะขมิ้นตรงไหนไม่ทราบ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารขมิ้น ทำไมแม่ใจร้ายแบบนี้นะ
ไม่ได้เลี้ยง แต่ก็คลอดมาเหมือนกันไหม

ขมิ้นเอ้ย หลุดไปหลายทีละนะ
ยังจะคิดว่าพี่ไม่รู้อีก

แต่เชื่อว่าไฮท์จะเข้าใจ
และรอให้ขมิ้นได้บอกเอง

ขิงร้ายเกินไปแล้วนะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-11-





        หลังจากขลุกตัวอยู่ที่คลินิกทั้งวัน ตอนค่ำผมก็ติดรถคุณหมอกลับบ้านด้วย ทั้งที่ปฏิเสธไป แต่คุณหมอบอกโทรสั่งให้พี่ไฮท์ซื้อของเข้าบ้านแล้ว ผมเลยต้องมาด้วย พอมาถึงก็ถูกสองอ้วนรุมล้อมจนเดินไม่ได้

   “ไงไอ้อ้วน ลดน้ำหนักบ้างนะพวกแกน่ะ” พอย่อตัวนั่งลง สองอ้วนก็แลบลิ้นเลียหน้าผมจนเปียกไปหมด “เจ้านายขี้เก๊กแกไปอยู่ไหนซะล่ะ”

   “ได้ยิน”

   พูดถึงไม่ทันขาดคำ เจ้าของฉายาขี้เก๊กก็เดินลงมาจากชั้นสอง ดวงตาดุตวัดมองมาแวบหนึ่งก่อนเดินเลยเข้าไปในครัวที่ตอนนี้คุณหมอกำลังเตรียมของ ผมรีบลุกเดินตามหลังพี่ไฮท์เข้าไป ขืนไม่ช่วยมีหวังถูกแขวะอีก

   “ไปดูหลุมฝังศพหมาเราหรือยัง เมื่อวานฝนเหมือนจะตก ไฮท์มันเลยไปทำหลังคาให้”

        พอคุณหมอพูดจบ ผมก็รีบหันหน้าไปมองคนทำหลังคากันฝนให้ปุยเมฆ พี่ไฮท์ทำท่าไม่สนใจ มือก็จัดแจงกระทะไฟฟ้าสำหรับย่างของ แต่คงรับรู้ถึงสายตาที่ผมกำลังจ้อง เลยเงยหน้าขึ้นมา ผมก็รีบยิ้มกว้างส่งให้

   “ยิ้มทำไม ไม่ช่วยก็อย่างถ่วง หลีกไปไป๊”

        จากที่ยิ้มกว้างเลยต้องหุบลง แต่มีเสียงขำเบาๆ ดังมาจากด้านหลังเราสองคน คนๆ นี้พี่ไฮท์ไม่กล้าด่าเลยทำเป็นนิ่งตามเดิม ผมที่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงอย่างที่เขาว่า เลยปลีกตัวไปหลังบ้าน อยากเห็นหลังคาที่พี่ไฮท์ทำให้ ไม่รู้จะออกมาหน้าตาเป็นไง

   กองดินที่ดูแปลกตา ตอนนี้มีหลังคาเป็นไม้แผ่นตอกต่อๆ กันเรียงเป็นบ้านเล็กๆ มีชื่อป้ายชื่อปุยเมฆติดอยู่ด้านหน้าด้วย เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พี่ไฮท์ถึงทำให้ ก็ดีใจอยู่หรอก แต่มันก็สงสัย ถ้าไปถามจะโดนด่ากลับไหม ผมนั่งอยู่กับปุยเมฆอยู่นานจนพี่ไฮท์ตะโกนเรียก พอเข้ามาก็เห็นว่าของกินพร้อมแล้ว แถมหมูก็เริ่มสุกแล้วด้วย

   “เป็นไง สวยไหม ไฮท์มันทำเองเลยนะ อาไม่ได้สั่ง” คุณหมอพูดหลังจากคีบหมูเข้าปาก

   “ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้คนที่นั่งข้างๆ

   “กูทำให้หมา ไม่ใช่ให้มึง” พี่ไฮท์ยังทำเป็นปิ้งหมู ปิ้งกุ้ง ไม่สนใจอะไร แต่พอถูกพ่อตัวเองว่าให้ว่าปากแข็งก็รีบถลึงตาใส่ “มากินบ้านคนอื่นยังให้เจ้าของบ้านปิ้งอีก ปิ้งเองเลยมึง”

   “แล้วพี่จะมาพาลผมทำไมเนี่ย”

   “กูไม่ได้พาลเว้ย”

   นี่ขนาดไม่ได้พาลยังเหวี่ยงใส่ผมขนาดนี้ ถ้าพาลคงเอาเก้าอี้ฟาดหัวผมละมั้งครับ

   มื้อค่ำที่มีแต่เสียงหัวเราะ แม้จะวุ่นวายไปบ้างแต่ก็มีความสุขดี ได้มองสองพ่อลูกเถียงกันไปมาแล้วก็พาลนึกถึงพ่อ ช่วงนี้ผมคิดถึงพ่อบ่อยมาก ชักอยากกลับบ้านแล้วล่ะสิ



   “พรุ่งนี้มึงอย่าลืมเอาใบตอบรับค่ายมาด้วยนะ” พี่ไฮท์บอกขณะผมกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย

   “ใบตอบรับค่ายอะไร อ๋อ” เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมเอายัดใส่ในลิ้นชัก “แล้วถ้าผมไปไม่ได้ละ” กลัวว่าแม่จะไม่อนุญาต เพราะเจมส์เคยบอกว่า แม่ไม่ให้พี่ขิงเข้าร่วมกิจกรรมของมหาลัยเลย

   “แล้วแต่มึง” คำนี้ทำให้ผมเบิกตาโตมองด้วยความตกใจปนแปลกใจ เพราะผมเคยถูกชี้หน้าสั่งให้ไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงบอกแล้วแต่

   “ผมไม่ไปก็ได้เหรอ”

   “ก็กูบอกแล้วแต่ ถ้ามึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”

   “แต่ผมอยากไปนะ” พูดพร้อมหันไปมองหน้าพี่ไฮท์ “ผมจะไป”

   “ก็แล้วแต่มึง”

   ไม่รู้ตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นมุมปากนั้นยกนิดๆ

   พี่ไฮท์ขับรถมาส่งผมที่บ้าน เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอมาตลอดทาง จนมาถึงหน้าบ้านที่ตอนนี้ไฟเปิดสว่าง

   “ขอบคุณที่มาส่งครับ”

   “เออ” ช่วงที่ผมกำลังจะปิดประตู พี่ไฮท์ก็โพล่งออกมาอีกรอบ “อย่าลืมใบค่ายพรุ่งนี้” พูดจบก็หันไปทำหน้าตรง ดูตลกดีนะครับ นี่ผมต้องย้อนกลับไปคิดว่า คนๆ นี้ก็เป็นคนดีอีกรอบแล้วใช่ไหม

        พอรถคันสวยนั่นลับตาไป ผมก็เดินเข้าบ้าน ลุงคนขับรถบอกแม่รอผมอยู่เพราะโทรหาแล้วผมไม่รับ ที่จริงปิดเครื่องไว้ต่างหาก เดินเข้าบ้านก็เจอแม่ที่ปรี่เข้ามาหาพร้อมหยิกแขนริ้วจนต้องร้องโวยวาย

   “หายไปไหนมาฮะขมิ้น แม่โทรหาจนมือจะหงิกอยู่แล้ว”

   “แม่มีอะไรกับผมเหรอ”

   “ก็เป็นห่วงน่ะสิ หายไปทั้งวัน รถก็ไม่ได้เอาไป แล้วนี่กลับมายังไง”

   “รุ่นพี่มาส่ง แม่ครับ รอแปบนะ” พอหน้าพี่ไฮท์ลอยแวบมา ผมก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสองไปค้นหาใบขออนุญาตของผู้ปกครองที่จะใช้สำหรับการไปค่ายของคณะ “แม่เซ็นให้หน่อย”

   “เซ็นอะไร”

   “ผมต้องเอาไปให้คณะ เขาจะไปออกค่ายอาทิตย์หน้า”

   “แม่ไม่ให้ไป”

   “ทำไมล่ะ ผมอยากไป”

   “ขมิ้นไม่รู้เหรอ ไปออกค่ายทีหนึ่งต้องเจอกับอะไรบ้าง ไหนจะอากาศร้อนๆ หนาวๆ ไหนจะแดดอีก หน้าเป็นฝาพอดี ไม่ต้องไป พี่ขิงยังไม่เคยไปเลย”
 
   “นั่นมันพี่ขิง แต่ผมอยากไป ถึงหน้าผมจะเป็นฝาหรือสิวจะขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไร”

   “แต่อาทิตย์หน้า แม่นัดเขาถ่ายหนังสือแล้วนะ” ผมย่นคิ้วทันทีที่แม่ว่า แถมไม่ยอมรับกระดาษที่ผมยืนให้เลย “เรื่องค่ายมันไร้สาระ เงินก็ไม่ได้ แถมผิวเสียอีก เลิกคิดซะ”

   “แม่ไม่ให้ไป ผมก็จะไป ผมไม่ใช่พี่ขิงที่จะต้องรักษาผิวตัว ผิวหน้า แม่ก็รู้นี่ ว่าผมนิสัยเหมือนใคร”

   “ใช่สิ แกมันเหมือนพ่อแกนี่ ทั้งซื่อ ทั้งดื้อ ทั้งบ้า”

   สุดท้ายแม่ก็ยอมเซ็นเอกสารให้ แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ที่ผมอยากไปไม่ใช่เพราะถูกพี่ไฮท์สั่ง แต่เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตผมก็อยากไปออกค่ายกับมหาลัย อยากใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาจริงๆ เขา อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในสิ่งที่หลังจากนี้ผมจะไม่ได้สัมผัสมัน ดังนั้น ผมต้องเก็บเกี่ยวทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำก่อนจาก







   “ค่ายของเรานะคะ จะมี บลาๆๆๆๆ” เสียงอธิบายของรุ่นพี่หน้าห้อง ผมนั่งสัปหงกอยู่ข้างเจมส์ ทั้งที่เมื่อคืนก็นอนแต่หัววันแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังไงง่วงก็ไม่รู้ “แล้วก็ อย่าลืมส่งใบขออนุญาตจากผู้ปกครองด้วยนะคะ”

   เสียงพูดยังแว่วเข้ามาปลุกให้ผมรู้ตัวเป็นระยะ แต่ที่ทำให้ตื่นคงจะเป็นแรงจิ้มที่หัว มันเหมือนถูกปากนกกำลังจิกอยู่หลายรอบ ปัดออกก็ยังโดนอีก ในที่สุดก็ต้องลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นดู

   “ไหนใบของมึง” ผมมองมือที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยความงง แต่พอสบตาดุนั่นก็แทบควักใบที่เตรียมมาให้ทันที ขนาดไม่พูดยังด่าด้วยสายตา คนอะไรกัน

   “พี่ไม่เก็บของผมเหรอ” เสียงเจมส์มันพูดขึ้น พี่ไฮท์ปรายตามองนิ่งๆ “อ่อ ลืมไป ของผมอยู่ที่พี่บิ๊ก” แล้วมันก็หดหัวเหมือนเต่าตอนพี่ไฮท์เดินผ่าน โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่

   “ต้องเอาอะไรไปบ้างวะ กูไม่เคยไปเลย” ผมเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา เจมส์มันก็ขำๆ ก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ “อะไร”

   “จดสิ กูจะบอก”

   “จริงจังไอ้เชี่ย”

   ถูกกวนใส่เฉย

   “ก็เอาแค่เสื้อผ้า ข้าวของที่จำเป็น และที่สำคัญที่สุดคือ ใจ” เจมส์ตบอกด้านซ้ายตัวเองปักๆ “ใจเนี่ย สำคัญที่สุด ถ้าไม่พกใจไป มึงก็จะตาย”

   “แล้วถ้ากูทำหล่นระหว่างทางล่ะวะ”

   “ใจมึงก็จะ..หายไปเลย หายไปในอากาศ”

   แล้วเราสองคนก็ขำมุกห้าบาทสิบบาทของกันและกัน ผมว่ามันต้องสนุกแน่ การไปค่ายครั้งนี้ แม้โครงการคือการไปสร้างห้องสมุดและห้องน้ำให้เด็กที่อยู่พื้นที่ทุรกันดารก็เถอะ แต่ดูน่าสนุกจริงๆ
 
   “ว่าแต่ ทำไมแม่มึงถึงให้ไปล่ะ”

   “ก็กูไม่ใช่พี่ขิง ไม่ต้องรักษาผิวหน้า ผิวตัวเพื่อถ่ายแบบนี่หว่า”

   “ก็จริงของมึง แล้วที่มึงบอกไอ้ขิงติดต่อกับแม่มึงตลอดนี่ยังไงวะ หรือมันกำลังจะกลับมาแล้ว”

   “กูก็ไม่รู้ พี่หมูหวานเล่าแค่นั้น”

   “มิน่า ถึงได้มาดักรอมึงถูกที่ เพราะแม่มึงบอกนี่เอง” แล้วเจมส์มันก็มีสีหน้าแปลกๆ ดูอ้ำอึ้งจนน่าสงสัย

   “อะไร ปวดขี้เหรอ”

   “เปล่า กูแค่คิดว่า แค่คิดนะเว้ย คือทำไมแม่มึงถึงดูรักไอ้ขิงมากกว่า ทั้งที่รู้ว่ามึงอยู่ในคราบไอ้ขิงต้องลำบากแค่ไหน แถมตอนนี้ก็ติดต่อมันได้แล้ว ก็น่าจะให้รีบกลับมา กูพูดแบบนี้มึงอย่าโกรธกูนะ”

   “กูไม่โกรธหรอก เพราะกูก็คิดแบบนั้นแหละ”

   “มึง...เสียใจปะว่ะ”

   “ก็นิดหน่อย จะไม่เสียใจเลยก็คงไม่ใช่ มันเจ็บนิดๆ ว่ะ”

   “เจ็บนิดๆ นะ เจ็บนิดๆ นะ เจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียว”

   “แสบเล็กๆ นะ แสบเล็กๆ อีกสักแป๊บก็หายไป”

   “พวกมึงจะต่อเพลงกันอีกนานไหม ทำไมไม่ฟังเขาอธิบายเรื่องค่าย”

   แตกฮือสิครับ กำลังร้องเพลงเข้าขากันอยู่แท้ๆ เสียงโหดของพี่ไฮท์ก็ดังขัดจนต้องรีบหันหน้ายืดคอมองตรง แต่ก็อดขำไม่ได้ จากที่เศร้ากลายเป็นเรื่องตลก แล้วก็ถูกสั่งให้นิ่ง หลายอารมณ์ในคนๆ เดียว ไอ้ขมิ้นจะเริ่มบ้าแล้วครับ

   พอคุยเรื่องค่ายเสร็จ ผมก็ชวนเจมส์ไปหาอะไรกิน แม้ตอนเที่ยงเราจะกินแบบจัดเต็มมาแล้วก็ตาม เด็กวัยกำลังโตก็เป็นแบบนี้แหละครับ

   “ไปไหน” พอก้าวขาออกจากห้อง เสียงตะโกนถามดังมาจากหน้าห้อง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ผมหรือเจมส์ที่ชะงัก แต่เป็นทุกคนที่กำลังจะออกห้องพากันหันไปมองคนถามด้วยความสงสัย

   “มึงเรียกใครก็ออกชื่อด้วยสิวะไอ้เชี่ยไฮท์ ทำทุกคนตกใจ รวมกูด้วยไอ้ห่า” พี่ตัวแห้งแหวเพื่อนตัวเอง

   แต่ผมว่า ไม่ต้องพูดชื่อก็พอรู้ ก็พี่ไฮท์เล่นจ้องมาที่ผมอยู่ตอนนี้ ขนาดเพื่อนด่ายังไม่ละสายตาไปมอง รู้สึกขนลุกชอบกล

   “พี่ถามผมเหรอ” แล้วก็ต้องเดินกลับไปหา พี่ไฮท์พยักหน้านิดๆ ก่อนก้มเก็บเอกสารของทุกคน “ผมจะไปกินข้าว พี่มีอะไรหรือเปล่า” ถามทั้งที่อีกคนก้มหน้าก้มตาเรียงเอกสาร

   “เปล่า กูถามเฉยๆ”

   ได้ยินปุ๊บ ผมถึงกับหันไปมองหน้าเจมส์ มันก็ตีหน้างงเหมือนกัน

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปนะครับ”

   “ก็ไปสิ กูไม่ได้ล่ามไว้”

   “อ่า ครับ”

   ทุกคนดูไม่เข้าใจ แม้แต่พวกเพื่อนพี่ไฮท์ที่ยืนอยู่ด้วยยังพากันตีหน้างง ผมเลยถือโอกาสยกมือไหว้ลาแล้วรีบเดินออกมากับเจมส์ พอพ้นจากห้องนั้น เจมส์มันก็รั้งตัวเองจนผมสงสัย

   “พี่ไฮท์แปลกไปหรือเปล่าวะ”

   “แปลกยังไง”

   “ก็พูดกับมึงดีขึ้นไง”

   “ใช้ตาตุ่มมองหรือเปล่า ตรงไหนที่พูดดีกับกู” พูดทีเหมือนจะกินหัวผมอยู่แล้ว

   “มึงไม่สังเกตเหรอ ช่วงก่อนพี่ไฮท์แทบจะฆ่ามึงด้วยซ้ำ มาตอนนี้กลับดูสนใจมึง กูเห็นพี่เขามองมึงตลอดเลย”

   “ไม่ต้องมาเสี้ยม กูไม่หลงหรอก”

   “จริงๆ หรือว่าพี่เขาจะสงสัยว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง เลยทำตัวเปลี่ยนไป”

   พอเจมส์พูดขึ้นมา ทำให้ผมนึกถึงตอนที่พี่ไฮท์ว่าไว้ ว่าอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในเรื่องที่ผมกำลังทำ

   “ไม่หรอกมั้ง เขาคงจับไม่ได้หรอก”

   “มึงว่าพี่ไฮท์เขาโง่เหรอ เชี่ย” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆ ตัวของเจมส์ก็ปลิวไปด้านหน้า พอหันไปมองก็เจอสิ่งที่ทำให้เพื่อนของผมลงไปนั่งกองที่พื้น “พี่ไฮท์ถีบผมทำไมเนี่ย”

   “มึงด่ากูว่าโง่ กูได้ยินเต็มสองรูหู”

   “ผมไม่ได้ด่าสักหน่อย แต่เปรียบเปรยเฉยๆ”

   “เปรียบเรื่อง?”

   “ก็เรื่อง....”

   “จะถามมันทำไมให้มากความ ไปๆ กินข้าว กูหิว”

   เหมือนพ่อพระมาโปรด พี่บิ๊กเดินเข้ามาดึงเจมส์ให้ลุกขึ้นแล้วกอดคอพาเดินหนีไป ปล่อยให้เพื่อนตัวเองถลึงตาใส่ตามหลัง ก่อนตาดุๆ นั่นจะตวัดมามองผม

   “ไม่ไปหรือไง”

   “ก็ทำไมต้องตวาดด้วย”

   “กูตวาดตอนไหน”

   “ตอนนี้ เมื่อกี้เลย”

   “ปากดีนักนะ ไปค่ายอย่าลืมปากดีแบบนี้ด้วย”

   ทำไมรู้สึกว่าผมไม่ควรไปวะ จะโดนฆ่าหมกป่า หมกน้ำหรือเปล่า ยิ่งเดาใจยากอยู่

   “งั้นผมไม่ไปแล้วดีกว่า”

   “ลงชื่อแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้เว้ย”

   “แต่หมายเหตุด้านล่างบอกถอนตัวได้ ผมเห็น”

   “แต่กูไม่เห็น”

   แล้วคนมองไม่เห็นหมายเหตุก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมกำลังถูกตีรวนอยู่ใช่ไหมครับ ไปเข้าค่ายครั้งนี้ คงต้องพกยาไปเยอะๆ ลางสังหรณ์มันบอกผมไว้แบบนั้น ว่าต้องถูกจัดหนักจากคนที่เกลียดพี่ขิงเข้าไส้อย่างพี่ไฮท์แน่นอน ตายแน่ไอ้ขมิ้นเอ้ย

   หรือผมต้องพกพระไปด้วย จะได้กันพี่ไฮท์ได้ แต่พี่ไฮท์ไม่ใช่ผีนี่หว่า...แต่ก็เหมือนล่ะวะ ผลุบๆ โผล่ๆ พูดแล้วขนลุก



...TBC

พี่ไฮท์กับผี ใครจะน่ากลัวกว่ากันน้อ~~

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เบื่อแม่กับขิง ต้องหาเรื่องอะไรให้ขมิ้นรับกรรมแทนแน่ๆ

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขิงหายไปไหนนะ
ส่วนพี่ไฮ เริ่มหลุดแล้วนะพี่
รอติดตามจ้า

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ยังไม่หายคิดถึงเลย ว่าแต่พี่ไฮท์คงจะรู้แล้วสินะ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เตรียมแพคกะเป๋าไปออกค่ายกับพี่ไฮน์น้องขมิ้นล่ะคร่า... :-[ :impress2: :กอด1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เตรียมตัวไปค่ายกับขมิ้น    :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ค่ายสร้างรัก อิอิ

ออฟไลน์ bungg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เก็บกระเป๋าแล้วเตรียมแอบขึ้นรถไปค่ายด้วยคนดีกว่า ค่ายนี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด