,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}  (อ่าน 88451 ครั้ง)

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พี่คงแอบได้ยินน้องพูดกับเจ้าปุยแน่
บอกชื่อขมิ้นๆ เต็มๆ แบบนี้
รู้ตัวซะที คนละคนกัน
 :mew3:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไฮท์ก็ลมเพลมพัดมากนะคะ
ข่มน้องจัง กลัวไม่ได้คุมน้องล่ะสิ กะจะอยู่ใกล้ตลอดใช่ไหม

ขมิ้นน่าสงสารนะ เจอแม่เป็นแบบนี้
ถึงตอนอยู่กับพ่อจะมีน้อย แต่น้องก็มีความสุขดี

บ้านไฮท์คือชอบขมิ้นชัวร์ 5555 เหมือนมีหลายคนเนาะ


ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารขมิ้นจังงง

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-12-

       



       วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แป๊บๆ ผมก็เป็นพี่ขิงเกือบสองเดือนแล้ว แต่ละวันที่ผ่านไปนั้นช่างลำบากยากเข็ญเสียจริง หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างเจมส์คอยช่วย ผมคงจบเห่ไปตั้งแต่วันแรกๆ

   “นี่มึงไปค่ายหรือไปต่างประเทศวะ” เจมส์ทักหลังจากเห็นผมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากองรวมกับคนอื่นๆ ที่ข้างรถทัวร์

   “ก็แม่น่ะสิ เอาของยัดมาให้ มีแต่ครีมบำรุงผิว” ตีหน้าเซ็งมองกระเป๋าใบใหญ่ที่แม่ให้ยืมมา “รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ใช่พี่ขิง ไม่ต้องบำรุงผิวมากก็ได้”

   “ตราบใดที่ไอ้ขิงยังไม่กลับมา มึงก็ต้องใช้หน้าตาที่เหมือนนี่ทำงานไง หน้าด้านๆ ใครจะมาจ้าง”

   ผมเบือนหน้าหนีด้วยความเบื่อ ก่อนรุ่นพี่จะเรียกไปรวมเพื่อเช็คชื่อ วันนี้ดูทุกคนผ่อนคลายพูดคุยเฮฮากัน ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง คงจะมีแค่ผมที่แปลกแยก เพราะไม่มีใครกล้ามายืนข้างๆ นอกจากเจมส์ ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าตาน่ากลัวนะ

   “ใครเช็คชื่อแล้วขึ้นรถเลยนะคะ ขึ้นรถตามรายชื่อเลยนะคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงพูดผ่านโทรโข่ง ผมกับเจมส์มองหน้ากันนิดๆ ก่อนจะเดินไปที่รถทัวร์คันถัดจากที่ยืนอยู่

   บนรถที่ผมขึ้นมาบรรยากาศก็คึกคักเหมือนคันอื่นๆ แต่ที่ดูต่างไปคงเพราะทั้งคันมีแต่ปีสาม มีผมกับเจมส์สองคนที่หลงมาอยู่คันนี้ ตอนนี้เลยโดนจ้องกันหนักจนอยากฝังร่างไปกับเบาะ

   “กูว่า พวกเราย้ายไปนั่งคันหน้าดีไหมวะ”

        เจมส์มันกระซิบกระซาบซึ่งผมก็เห็นด้วย พอดีจังหวะที่รุ่นพี่คนเช็คชื่อเดินขึ้นมาบนรถ ผมก็เลยรีบถาม

   “พี่ครับ ชื่อพวกเราอยู่ผิดคันหรือเปล่าครับ” ถามเสร็จพี่เขาก็รีบเอาใบรายชื่อออกมาดู

   “ชื่อน้องขิงกับน้องเจมส์อยู่คันนี้นะ นี่ไง” ผมยื่นหน้าไปดู มีชื่อผมกับเจมส์จริงๆ ด้วย “ตอนแรกพี่ก็แปลกใจทำไมน้องถึงมานั่งกับปีสาม”

   “งั้นถ้าพวกเราสองคนจะขอไปขึ้นคันอื่น...”

   “เอ พี่ไม่มีอำนาจตัดสินใจด้วยสิ อ๊ะ ไฮท์มาพอดี ลองถามไฮท์ดูนะ เขาเป็นรองประธานค่าย”

   รุ่นพี่พูดปุ๊บ ผมก็หันไปมอง พอดีกับพี่ไฮท์เงยหน้าขึ้นมาทำให้เราสบตากัน ดวงตาดุจ้องผมไม่กระพริบ เป็นผมเองที่หลบตาก่อน

   “มีอะไร” พี่ไฮท์เดินถือกระเป๋ากีต้าร์มาหยุดตรงที่ผมนั่งอยู่ “ทำไมเหรอกาน”

   “พอดีน้องขิงเขาถามกู ว่าทำไมน้องเขาถึงมานั่งรวมปีสาม และจะขอย้าย กูเลยบอกให้ถามมึง” เสียงหวานยามพูดกับผมเปลี่ยนเป็นห้าวจัดจนผมอึ้ง “มีอะไรก็ถามเพื่อนพี่เลยนะน้องขิงสุดหล่อ”

   “ขอบคุณครับ เอ่อ...”

   ผมยกมือไหว้ขอบคุณ แต่รุ่นพี่สาวกลับยื่นมือมาตบแก้มผมเบาๆ พร้อมขยิบตา ทำเอาตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ตกใจเท่าคนที่ถือกีต้าร์กำลังมองผมเหมือนตำหนิ

   อย่าบอกว่าพี่ไฮท์หึงพี่ผู้หญิงคนนี้ ฉิบหายแล้วไง

   “อ่อยเรี่ยราดนะมึง” พี่ไฮท์ว่าเบาๆ “กูเป็นคนเขียนชื่อมึงเอง ทำไม นั่งรวมกับพวกกูไม่ได้หรือไง”

   “นั่งได้ ผมแค่สงสัยเฉยๆ เอง ใช่ไหมมึง” พี่ไฮท์ปรายตามองเจมส์เมื่อผมหันไปขอแนวร่วม ก่อนเลื่อนสายตากลับมาจ้องผมตามเดิม “เปลี่ยนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมนั่งนี่ก็ได้”

   “เรื่องมาก มานั่งกับกูนี่”

   ยังไม่ทันได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ ผมก็ถูกดึงแขนให้ลุกขึ้นพร้อมกับดันให้เข้าไปนั่งเก้าอี้อีกแถวแทน เจมส์ดูตกใจคราแรก ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มเพราะคนที่มานั่งแทนผมคือพี่บิ๊ก

        นี่เห็นความรักดีกว่ามิตรภาพงั้นเหรอ 

   “พี่ไม่อึดอัดเหรอ ที่นั่งกับคนที่พี่เกลียดขี้หน้า” ลองถามเผื่อพี่ไฮท์จะเปลี่ยนใจไปนั่งคู่พี่บิ๊กแทน

   “ก็ไม่นี่” เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน พี่ไฮท์ให้ผมนั่งติดหน้าต่าง ส่วนตัวเองนั่งด้านนอก กีต้าร์โปร่งที่ถือมาถูกวางไว้ช่องด้านบน “พ่อกูฝากมาให้” ผมมองกล่องข้าวเล็กๆ ที่อยู่ในมือพี่ไฮท์ด้วยความงงงวย “รับไปสิ หรือว่าไม่เอา”

   “ขอบคุณครับ” รีบรับมาก่อนพี่แกจะโวยวาย ผมลองแง้มดูด้านในมันคือข้าวผัดกับไข่ดาว กลิ่นหอมที่โชยออกมาเรียกเสียงโครกครากในท้องจนต้องรีบเปิดฝาแล้วตักข้าวเข้าปาก “พี่ไฮท์กินข้าวมาหรือยังครับ” รู้สึกเหมือนถูกจ้อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอจริงๆ

   “ยัง” สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ

   “กินด้วยกันไหม” ยังไม่ได้ทันได้ยื่นกล่องข้าวให้ก็มีมือใหญ่โฉบมาแย่งช้อนจากมือผม พี่ไฮท์ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เสร็จแล้วก็ยื่นช้อนคืนผม “เอ่อ แบบนี้ก็ได้เหรอครับ”

   สรุปแล้ว ข้าวกล่องนั้นเราก็แบ่งกันกินจนหมด มันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรหากไม่ถูกคนอื่นๆ แอบมอง ขนาดเจมส์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าผม มันยังโผล่ลูกตามามอง พวกเขาคงไม่คิดว่าบรรยากาศรอบตัวผมมันดูม่วงๆ ใช่ไหม ช่วงที่ลอบมองคนอื่น คนข้างๆ ผมกลับลุกขึ้นยืน

   “พี่ไปไหน” ไม่ได้อยากรู้หรอกนะครับ แต่สงสัยเฉยๆ

   “หิวน้ำ” พูดจบก็เดินไปด้านหลัง และกลับมาพร้อมน้ำขวดเล็ก ผมมองพี่ไฮท์ยกขวดน้ำนั่นดื่มแล้วก็รู้สึกกระหาย “อยากกิน?” ผมไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน “อะ” รับขวดน้ำปุ๊บก็ยกดื่มจนหมด ดีที่คนดื่มก่อนเหลือไว้ให้ตั้งครึ่งขวด

   “เชี่ยเอ้ย กูสั่งกาแฟหวานน้อย ร้านนี้แม่งใส่น้ำตาลผสมน้ำเชื่อมให้กูอีก หวานเลี่ยนจนอยากจะอ้วก”

        เสียงลอยมาจากเบาะด้านหลัง คนพูดคือรุ่นพี่ตัวผอมที่ชื่อแน่ ปากก็บ่นเรื่องกาแฟหวาน แต่แก้วในมือนั่นคือชาเขียวนะครับ ส่วนพี่ไฮท์ทำนิ่งไม่สนใจเสียงเพื่อนของตัวเอง ต่างจากผมที่นั่งสอดสายตามองไปทั่ว รู้สึกกังวลแปลกๆ

   “นั่งนิ่งๆ ไม่เป็นหรือไง หันไปมาอยู่ได้ กูเวียนหัว”






   
   บนรถทัวร์ปีสาม แรกๆ เหตุการณ์ก็จะเงียบๆ นิ่งๆ เพราะต่างคนต่างหลับ แต่พอตื่นกันปุ๊บ รถทั้งคันก็เหมือนตู้เพลงเคลื่อนที่ ทั้งเสียงกลอง เสียงร้องที่เข้าจังหวะบ้าง ไม่เข้าบ้างแล้วแต่คีย์เสียงของแต่ละคน ส่วนผมที่เผลองีบไปก็ตื่นเต็มตาเช่นกัน จะมีแค่คนที่นั่งข้างผมที่ยังไม่ตื่น แถมยังเอนศีรษะมาพิงไหล่ผม เอาซะไม่กล้าขยับเขยื้อน จะหัวเราะทีก็ต้องกลั้นไว้

   “ฮัลโหลๆ เทสๆ มือกีต้าร์สุดหล่อในสามโลกอยู่ไหน ปรากฏตัวด่วน โหลๆ” พี่แน่พูดออกไมค์ ทุกคนในรถก็เริ่มเหลียวซ้ายแลขวาหามือกีต้าร์ที่ว่า จนสายตาทุกคู่พุ่งมาที่ผม ไม่สิ คนข้างผมที่หลับไม่รู้เรื่อง “แหม ก็ว่าทำไมเงียบ ที่แท้ก็หลับนี่เอง คงจะฝันหวานจนไม่อยากตื่น” เสียงกลองรัวรับจนผมละอยากหายตัวจมไปในเบาะ

   “แบบนี้หรือเปล่าวะ ที่เขาว่า สุดแค้น แสนรัก” เสียงรุ่นพี่ในรถตะโกนมา เรียกเสียงโห่ได้รอบคัน

   “มึงอย่าไปแซวเขา เดี๋ยวเขาอาย เห็นไหมๆ นายแบบสุดฮอตเขาหน้าแดงแล้ว” พี่แน่พูดจบ เสียงโห่ดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า

   “ตาดีนะมึงไอ้เชี่ยแน่ อยู่ท้ายรถแต่เสือกเห็น” พี่บิ๊กตะโกนว่าให้เพื่อนตัวเอง คนตาดีเลยถูกหัวเราะใส่

   “ก็กูเก่งสมกับฉายา กูแน่แช่แว๊บ” แล้วพี่แน่แกก็ร้องเพลงแช่แว๊บ มีเสียงกลองตีรับเป็นจังหวะด้วย น่าจะซ้อมกันมาก่อน หรือไม่ก็ สนิทจนรู้ใจ

   จากที่คอยหลบสายตาคนอื่น ตอนนี้ผมหัวเราะเสียงดังพอๆ กับรุ่นพี่ทั้งรถ และผมคงจะหัวเราะแรงไป พี่ไฮท์เลยขยับทำให้ผมรีบยืดตัวตรง คนหลับค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา

   “กูหลับ”

   “กรนดังด้วย”

   “ตอแหล”

   ตื่นมาก็ด่ากันเลยนะ รู้งี้ไม่ให้พิงไหล่ซะก็ดี

   พี่ไฮท์ตื่นแล้วแต่ก็ไม่ยอมไปเล่นกีต้าร์ให้ตามคำเรียก สัตว์มากมายเลยถูกพ่นออกมาจากปากพี่แน่ เรียกเสียงหัวเราะลั่นรถ แม้แต่ผมยังต้องแอบขำ ขืนออกเสียงถูกบีบคอพอดี รถทัวร์สามคันกับรถตู้วิ่งเข้าพักรถที่ปั้มน้ำมัน ดูทุกคนจะพร้อมใจวิ่งลงจากรถแล้วพุ่งไปห้องน้ำ รวมทั้งผมด้วย

   พอได้ปลดปล่อยก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายจนท้องเริ่มร้อง ภายในปั้มมีทั้งร้านสะดวกซื้อ ศูนย์อาหาร แต่ที่ผมสนใจคือร้านขายลูกชิ้นปิ้ง กลิ่นหอมที่โชยมาทำเอาท้องร้องดังกว่าเดิม พอชั่งใจว่าจะซื้อดีไหม รุ่นพี่ก็ตะโกนให้ขึ้นรถ เลยได้แต่มองตู้ลูกชิ้นตาละห้อย

   หิวว่ะ

   เดินขึ้นรถด้วยความเสียดาย ผมน่าจะตัดสินใจซื้อตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำ ไม่สิ ควรจะสั่งไว้ก่อนเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ
 
   “หือ” ครางออกมาเมื่อเจ้าของเบาะข้างๆ นั่งลงพร้อมยื่นถุงลูกชิ้นปิ้งมาให้ “พี่ให้ผมเหรอ”

   “เออ กูกินไม่หมด” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่ามีไม้เปล่าสักอัน แถมลูกชิ้นยังร้อนๆ อยู่เลย

   “ขอบคุณครับ”

   พี่ไฮท์ไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้นิดๆ เมื่อรถเริ่มเคลื่อน ผมก็เริ่มกัดลูกชิ้น เวลาหิวนี่อะไรก็อร่อยหมดจริงๆ ครับ ขนาดแตงกวาที่เขาให้มายังอร่อย

   “มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เสียงคนข้างๆ ลอยถามมา ผมก็รีบพยักหน้า ปากยังเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ “มันก็เหมือนร้านอื่นๆ นั่นแหละ”

   “พี่ลองกินสิ” ยื่นถุงลูกชิ้นให้ แต่พี่ไฮท์ไม่หยิบลูกชิ้นจากถุง มือใหญ่ยื่ยมาดึงข้อมือผมไป แล้วก้มกัดลูกชิ้นเสียบไม้ในมือผมแทน “พี่นี่...” พูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อเจอสายตาดุช้อนมอง

   “ก็งั้นๆ แหละ” คนเคี้ยวลูกชิ้นบอก แต่ก็แย่งกินไปหลายไม้ ใครวะที่บอกกินไม่หมดเลยเอาให้


        ตึกรามบ้านช่องเริ่มมีน้อยหลังเมื่อรถวิ่งใกล้ถึงจุดหมาย ค่ายของคณะเลือกไปซ่อมแซมห้องสมุดกับสร้างห้องน้ำใหม่ให้เด็กๆ ในจังหวัดหนึ่งของภาคตะวันตก ผมไม่เคยมาเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ เพราะชีวิตมีแค่งานกับบ้านแค่นั้น 

   “มึงจะขยับทำไมเนี่ย” เสียงขุ่นดังขึ้น เรียกให้หันไปหา พี่ไฮท์ย่นคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจคงเห็นผมยุกยิกอยู่ไม่เป็นสุขละมั้ง
 
   “ก็ผมตื่นเต้น” บอกตามความจริง ยิ่งใกล้ถึงยิ่งเหงื่อออก นี่ผมกำลังจะมีประสบการณ์เข้าค่ายกับมหาลัยครั้งแรกในชีวิต

   “แน่ล่ะสิ ก็มึงไม่เคยมาเข้าค่ายกับมหาลัยนี่” ที่พี่ไฮท์พูดก็ถูก พี่ขิงไม่เคยมาเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมใดๆ ของคณะเลย “เตรียมตัวได้แล้ว จะถึงแล้ว”

   ผมย่นหน้าหลังจากถูกดุ ก่อนหันไปมองด้านนอกแทน สองข้างทางเริ่มมีบ้านคนที่ทำจากไม้หลังเล็กๆ เรียงรายอยู่เมื่อเริ่มเข้าเขตหมู่บ้าน 

   “พี่ๆ หมู” รีบสะกิดแขนพี่ไฮท์ยิกๆ เมื่อเห็นลูกหมูสีดำวิ่งตามถนนดินสีแดง “โคตรอ้วน” ไม่มีคำพูดตอบกลับ มีแค่เสียงขำในลำคอเบาๆ เท่านั้น



   ไม่นานรถทัวร์สามคันกับรถตู้ก็วิ่งเข้าจอดในลานกว้างใกล้โรงเรียน ลานนี้จะใช้สำหรับกางเต็นท์นอนในส่วนของผู้ชาย ส่วนของผู้หญิงแยกไปนอนในโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย ผมเดินนำหน้าพี่ไฮท์ลงมาจากรถ มือก็ถือกีต้าร์ให้เพราะเจ้าของต้องช่วยเพื่อนคนอื่นขนน้ำกับอาหารลงจากรถ

   “โคตรเมื่อย” เจมส์บิดขี้เกียจพลางบ่น ผมก็เป็นแค่ไม่บ่นออกมา

   “กูตื่นเต้นว่ะ” สอดสายตามองไปรอบๆ ตอนนี้ทุกคนทยอยลงจากรถหมดแล้ว แถมยังเริ่มเดินเข้าไปในตัวโรงเรียนที่อยู่ข้างๆ “แล้วพวกเรานอนกันยังไงวะ”

   “คณะมีเต็นท์ให้ยืม เดี๋ยวพอไปคุยกับพวกครูเสร็จก็ค่อยมากางเต็นท์” เจมส์บอกย่อๆ มันคงมาบ่อยดูไม่ตื่นเต้นเหมือนผมเลย “ไปเถอะ”

   แล้วทุกคนก็เดินไปรวมกันหน้าสนามหญ้าแห้งๆ ของโรงเรียน มีครูและนักเรียนตัวเล็กกำลังยืนยิ้มรอต้อนรับอยู่ เด็กหลายคนที่ยืนตรงหน้าเนื้อตัวดูมอมแมม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ดูเก่าและขาด แถมบางคนยังไม่มีรองเท้าอีก คงเพราะความห่างไกลจากตัวเมืองหลายร้อยกิโลเมตรทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีความเจริญมากนัก แต่ยังดีที่น้ำและไฟเข้าถึง

   “ทางโรงเรียนของเราขอต้อนรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์นะครับ และขอขอบคุณที่ทุกคนตั้งใจมาซ่อมแซมห้องสมุดและสร้างห้องน้ำสะอาดๆ ให้กับนักเรียนและโรงเรียนของเรา วันนี้ทุกคนคงจะเหนื่อยกับการเดินทาง โรงเรียนของเราเลยทำอาหารไว้ต้อนรับ เป็นอาหารแบบบ้านๆ ไม่เหมือนโรงแรมในเมือง หวังว่าทุกคนคงจะพอทานได้นะครับ”

        ครูใหญ่ของโรงเรียนกล่าวต้อนรับ จากที่ผมมอง สายตาของท่านเวลามองพวกเราดูตื้นตัน มีน้ำใสๆ คลอที่หน่วยตาอยู่ตลอด โรงเรียนนี้ไม่ได้ใหญ่โต มีตึกหลังเล็กๆ เป็นห้องสำหรับการเรียนการสอน แยกออกมาเป็นโรงครัว พอมองมาอีกด้านก็เป็นห้องสมุดที่ดูเก่า สีรอบห้องหลุดลอกจนเห็นเนื้อปูน แถมประตูก็ไม่มี ทำให้มองเห็นด้านในที่มีหนังสืออยู่บนชั้นและวางเรียงรายกับพื้น

   หลังจากต้อนรับและพูดคุยกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปพัก พวกผู้หญิงดีหน่อยที่หิ้วกระเป๋าเข้าตึกเรียน ส่วนพวกผู้ชายยังต้องไปกางเต็นท์ที่จะใช้ซุกหัวนอนตลอดสองคืน เต็นท์สีเขียวขนาดใหญ่สามารถนอนได้ห้าถึงหกคน ผมช่วยเจมส์กับเพื่อนร่วมรุ่นกางเต็นท์ แม้ผมจะถูกมองแปลกๆ ก็เถอะ

   “ใครกางเต็นท์เสร็จแล้วรู้สึกหิว ไปตักข้าวกินได้ อาจารย์ไปสำรวจมาแล้ว มีไก่ทอดแล้วก็ผัดผัก ซึ่งพอสำหรับทุกคนแน่นอน” ดูเหมือนอาจารย์ประจำภาควิชาและประจำค่ายจะพูดช้าไป แค่บอกไปกินข้าวได้ ทุกคนก็พร้อมใจเฮละโลไปโรงอาหารกันหมดเพราะกลัวของจะขาด “พวกเธอสองคนไม่ไปเหรอ”

   “ไปครับ แต่คนเต็มโรงอาหารเลย” เจมส์ตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนผมจะสะดุ้งเมื่อถูกจ้อง

   “เธอกินได้ไหม กับข้าวคนธรรมดาน่ะ” พอได้ยินอาจารย์พูดคิ้วผมก็ขมวดทันที “แปลกใจนะเนี่ย ที่เธอมาด้วย” แล้วอาจารย์ก็เดินไปโรงอาหาร ปล่อยให้ผมยืนงงด้วยความไม่เข้าใจ

   “อะไรของมึง” เจมส์เห็นผมยืนนิ่งคงสงสัย

   “ก็ที่อาจารย์เขาพูดเมื่อกี้ กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ เหมือนเขาไม่ชอบกู”

   “คิดมากน่า อาจารย์เขาไม่รู้นี่ว่ามึงไม่ใช่ไอ้ขิง นายแบบผู้เรื่องมาก ข้าวต้องเป็นข้าวกล้อง กับข้าวห้ามทอดด้วยน้ำมัน แกงก็ห้ามใส่กะทิ” เจมส์พูดไปเบ้ปากไปจนผมหัวเราะ “ขนาดน้ำเปล่ามันยังเรื่องมาก จะเอาน้ำที่สูงกว่าอุณหภูมิห้องนิดหน่อยแต่ต้องไม่เย็น กูละปวดหัว”

   “แต่มึงก็คบมาได้นานนี่หว่า”

   “ก็กูสงสารพี่มึง แค่นี้ก็ไม่มีใครอยากคบแล้ว”

   แม้มันจะพูดติดตลก แต่แววตามันไม่ใช่ เจมส์มันห่วงและรักพี่ขิงมากเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะรักได้ ไม่รู้ทำไมพี่ขิงถึงมองไม่เห็น ภาพใบหน้าวันที่มันถูกพี่ขิงสะบัดตัวออกนั่นยังติดตาผมอยู่เลย

   “ดีแล้ว เลิกๆ คบไปซะ คนนิสัยเสียแบบนั้น มึงต้องคบคนนิสัยดีแบบกูนี่”

   “ไปกินข้าวดีกว่า”

   ดูเจมส์มันกวนผมครับ พูดจบมันก็เดินไปโรงอาหาร ผมเลยต้องรีบวิ่งไปกอดคอมัน มิตรภาพของเพื่อนไม่ได้อยู่ที่เวลา แต่อยู่ที่หัวใจมากกว่า ไม่ว่าจะเจอกันกี่เดือน กี่ปี หรือแค่วินาทีเดียวก็ตาม โรงอาหารตอนนี้แออัดมากทีเดียว แม้บางส่วนจะออกไปนั่งกินข้าวข้างนอกก็เถอะ

   “เชี่ย ไก่ทอดหมด” ผมว่าออกมาเมื่อป้าแม่ครัวของโรงเรียนตักข้าวกับผัดผักให้ ส่วนถาดไก่ทอดเหลือเพียงเศษซากเล็กๆ แทบมองไม่ออกว่ามันเคยเป็นน่องไก่มาก่อน

   “นี่เรามาช้าไปใช่ไหมวะ” เจมส์มองเศษซากไก่ด้วยความเสียดาย

   “ช้ามากด้วย”

   แล้วเราสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะเดินออกไปนั่งด้านนอก ข้าวกับผัดผักก็อิ่มท้องได้เหมือนกัน รู้แบบนี้เอาบะหมี่สำเร็จรูปมาด้วยก็ดี จังหวะที่เจมส์กำลังจะตักข้าวเข้าปาก ไก่ชิ้นเล็กๆ ก็ถูกวางบนช้อน ทั้งผมและเจมส์หันไปมองด้านหลังเจอพี่บิ๊กยิ้มส่งมาให้

   “ทำไมมาช้าวะ” คำถามนี้คงไม่ได้ถามผมแน่นอน

   “ก็เก็บของเลยมาช้า” เจมส์ทำหน้าสลด 

   “ไก่ก็หมดด้วย” อดที่จะพูดแทรกไม่ได้ ผัดผักรสชาติก็ไม่ได้แย่มาก แค่มันจืดไปหน่อย

   “พวกมึงมาช้ากันเอง ไม่มีใครเก็บไว้ให้หรอก” พี่บิ๊กพูดไป มือก็แกะน่องไก่ให้เจมส์ไป ผมละสายตาจากคู่ข้างๆ มองไปรอบๆ ตัว ในจานทุกคนมีไก่ ไม่ก็กระดูกหลายชิ้น คงโกยเอาเต็มที่สินะ เหลือแต่เศษซากขนาดนั้น

   “ตาละห้อยเลยนะมึง” เสียงดังมาจากอีกด้าน ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เจอพี่ไฮท์ยืนทำหน้านิ่งอยู่ “อยากกินไก่หรือไง”

   “ไม่ใช่สักหน่อย” ตอบไปงั้น ที่จริงผมกินง่าย แค่ผัดผักก็พอแล้ว แค่อยากมองเฉยๆ ไม่ได้อยากกินไก่แบบที่พี่ไฮท์ว่า ผมยัดข้าวเปล่าเข้าปากจนแก้มตุ่ย ดีที่ข้าวหอมและนุ่มทำให้กินเปล่าๆ ก็พอไหว แต่พอจะตักอีกคำ เนื้อไก่ชิ้นใหญ่ก็ถูกวางบนช้อน “อะไร”

   “ไก่ไง เห็นเป็นหมูเหรอ”

   “พี่ให้ผมเหรอ”

   “กูกินไม่หมด หมาแถวนี้ก็ไม่มีสักตัว เลยให้มึงดีกว่า”

   “ขอบคุณที่ยังนึกเก็บไว้ให้ผม”

        พูดประชดไปอย่างนั้น แต่พี่ไฮท์กลับเงียบไป ว่าแต่ ผัดผักจืดๆ ได้ไก่รสชาติเค็มมันช่างเข้ากัน

   เมื่อทุกคนอิ่มกับมื้อเย็นกันแล้วก็ต่างคนต่างกลับที่พัก ความเมื่อยล้าจากการเดินทางกำลังเล่นงานจนอยากนอนเต็มแก่ เต็นท์ของผมก็มีเพื่อนร่วมห้องอีกสามคน ก็คนที่มองผมแปลกๆ นั่นแหละ

   “กูทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่าวะ” แอบกระซิบถามเจมส์ขณะที่มันกำลังค้นเสื้อผ้าเพื่อจะไปอาบน้ำ เจมส์หันมามองผมก่อนเอี้ยวตัวไปมองเพื่อนคนอื่น

   “คงจะใช่ ปกติไอ้ขิงไม่เคยอยู่ร่วมกับใคร แถมไม่เคยมาแบบนี้ด้วย พวกมันก็เลยแปลกใจกันละมั้ง”

   “เป็นคนไม่เข้าพวก”

   ผมกับเจมส์เดินหอบเสื้อผ้ามาที่ห้องน้ำ ตอนนี้คนรอคิวอาบเยอะมาก ชนิดที่ว่าสามทุ่มก็คงยังไม่ได้อาบ ห้องน้ำเก่าๆ มีทั้งหมดห้าห้อง แต่ละห้องก็มีคิวยาวเหลือเกิน แต่ทำไงได้ เพื่อความสะอาดและสบายใจของเพื่อนร่วมเต็นท์ ยังไงก็ต้องรอ

   ยังโชคดีที่ผู้หญิงไปอาบน้ำที่บ้านของชาวบ้าน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่านี้แน่นอน

   ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงดาวแข่งกันกระพริบเรียกให้มอง และที่มีมากแข่งกับดาวคือยุง ผมนั่งเกาขาตัวเองจนมีเลือดติดเล็บ ยุงที่นี่ดุมากแถมมาเป็นหมู่คณะ สูบเลือดทีมาเต็มขา จะตบก็ไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนก่อน
 
   “เจมส์ อาบพร้อมกับกูเลยไหม” ผมถามเพื่อนที่นั่งตบยุงอยู่ข้างๆ เจมส์กับคนอื่นๆ หันมามองผมกันหมด “เร็วๆ ห้องกูจะออกมาแล้ว”

   “เออๆ”

   พอห้องน้ำที่ผมรอคิวเปิดออกมา ผมกับเจมส์ก็เดินสวนเข้าไป การอาบน้ำกับเพื่อนที่เป็นเพศเดียวกันไม่มีอะไรจะต้องอายนี่ครับ ของก็มีเหมือนกัน พวกเราใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกไป ทันทีที่ประตูเปิดออก คนด้านนอกต่างก็พากันหยุดคุยหยุดเล่น สายตาทุกคู่พุ่งมาที่ผมกับเจมส์ หากเป็นหนังสือการ์ตูนตาหวาน ทุกคนคงจะมีดาวสีเหลืองแปะหางตากันทุกคน

   ความคิดในหัวก็จะมีแต่เรื่องต่ำตมกันหมด

   “มองอะไรกัน” เจมส์ว่า ในขณะที่ผมกำลังเช็ดผมที่สระเพิ่งเสร็จ “ไม่อาบต่อหรือไง”

   “เขามองอะไรกันวะ” ผมถามขณะเราเดินกลับเต็นท์

   “คงไม่เคยเห็นคนอาบน้ำด้วยกัน”

   “อาบด้วยกันมันแปลกเหรอวะ กูว่าไวดีออก คนอื่นจะได้อาบ”

   “กูก็เห็นด้วย”





   ลานกว้างมีเต็นท์หลังใหญ่กางอยู่จนเต็ม แต่ก็จะมีเต็นท์เล็กๆ ประปรายอยู่ไม่ไกล เท่าที่สังเกต หนึ่งในส่วนเล็กๆ นั่นคือเต็นท์ของพี่ไฮท์ เมื่อตอนเย็นแอบเห็นพี่แกกางคนเดียวอย่างชำนาญ

   “ทำไมรุ่นพี่บางคนเอาเต็นท์มาเองวะ” ใช้ปากบุ้ยชี้ “หรือนอนร่วมกับคนอื่นไม่ได้ หรือว่ากรนดัง หรือว่าดิ้น หรือว่า....”

   “อยากรู้ขนาดนั้น?”

   เสียงที่ถามมาไม่ใช่เสียงเจมส์ เจ้าของเสียงยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้านิ่งๆ ทำเอาผมต้องรีบเดินหนี หากไม่ติดว่าถูกดึงผ้าเช็ดตัวไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้

   “ผมแค่สงสัย ไม่ได้อยากรู้”

   “มึงก็เคยนอนกับกูแล้วนี่” 

   “ฮะ?”

   “โอ้”

   ตาแทบถลนเมื่อได้ยินพี่ไฮท์ว่า มันเป็นประโยคสองแง่สองง่าม หากใครได้ยินคงเอาไปตีความผิดๆ แน่ เหมือนเจมส์ตอนนี้ที่มันกำลังทำจมูกบาน
 
   “หรือมึงร้องไห้จนจำไม่ได้ อยากนอนกับกูอีก ก็ได้นะ”

   “ไม่ๆ ผมนอนกับเพื่อนได้”

   “ก็มึงจะได้หายสงสัยไง ไม่ดีเหรอ”

   “ไม่ดีเลย ไม่เลย”

   ผมปฏิเสธแทบจะทันที แต่ก็เท่านั้น พี่ไฮท์ไม่สน ไม่ฟังอะไร เอาแต่ดึงผ้าเช็ดตัวที่มันยังพันคอผมอยู่ให้เดินตามไปที่เต็นท์หลังเล็กสีส้ม แม้จะพยายามกวักมือเรียกเจมส์ยังไง มันก็ไม่ยอมมาช่วย ได้แต่โบกมือให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

   “พี่ไฮท์ ผมไม่อยากรู้แล้ว” พูดขณะยืนอยู่หน้าเต็นท์

   “แต่สายตามึงยังบอกว่าอยากเสือกเรื่องกูอยู่”

   ผมรีบยกมือจับตาตัวเอง อยากได้กระจกซะจริง อยากรู้ว่า สายตาเสือกเป็นยังไง

   “ผมขอกลับไปนอนกับเจมส์ได้ป่ะ”

   “เพื่อนมึงเดี๋ยวก็ตามมา” พี่ไฮท์พูดไม่จบดี เจมส์มันก็เดินมาพร้อมกับพี่บิ๊ก “นั่นไง”

   เจมส์ส่งยิ้มให้ผมบางๆ ก่อนมันจะมุดเข้าเต็นท์สีเหลืองข้างๆ แทน นั่นเต็นท์ของพี่บิ๊กเหรอ

   “เจมส์นอนกับพี่บิ๊กเหรอ”

   “เออ”

   “ทำไมล่ะ”

   “หยุดเสือกเรื่องคนอื่นได้แล้ว เข้าเต็นท์สักที พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

   “ขี้บ่น”

   “มึงก็หยุดทำตัวให้กูบ่นสิ เร็วๆ”

   “ครับๆ”

   ผมถอดรองเท้าไว้ด้านหน้าก่อนมุดเข้าเต็นท์โดยมีพี่ไฮท์ตามเข้ามาทีหลัง ด้านในมีถุงนอนสองที่ปูเอาไว้

   “เดี๋ยวๆ มึงจะนอนเลยเหรอ” ในขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอน พี่ไฮท์ก็ฉุดแขนให้ผมลุกขึ้นมานั่ง พอพยักหน้าแทนคำตอบก็ถูกนิ้วดีดหน้าผาก “ผมไม่แห้งมึงจะนอนได้ยังไง”

   “นอนๆ ไปเดี๋ยวมันก็แห้ง”

   “หัวมึงขึ้นราพอดี เช็ดให้แห้งก่อนสิวะ”

   อะไรของพี่เขาวะ บอกให้ผมรีบนอนเพราะต้องตื่นเช้า มาตอนนี้กลับบอกเช็ดผมให้แห้งแล้วค่อยนอน จะเอายังไงกันแน่ และพี่ไฮท์คงเห็นผมตีหน้ายุ่งเลยคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผมมาคลุมหัวผมแล้วขยี้

   “โอ๊ย พี่ทำอะไรวะ เจ็บนะเว้ย”

   “ก็มึงชักช้า”

   “ทำดีๆ ก็ได้ นี่ทำซะแรง มันเจ็บนะเว้ย”

   “กูช่วยมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว อยู่นิ่งๆ สิวะ จะดิ้นทำไม กูทำไม่ถนัดไอ้ห่า”

   “ก็พี่ทำแรง มันเจ็บนี่”

   มัวแต่โต้เถียงเรื่องเช็ดผมจนลืมสังเกตว่ารอบๆ เต็นท์มีเงาคนยืนอออยู่ ผมสะกิดพี่ไฮท์ให้ดู พอเจ้าของเต็นท์เห็นก็รีบเปิดซิปแล้วชะโงกหน้าออกไปดู

   “อะไรของพวกมึง มายืนมุงเต็นท์กูทำไม”

   “ก็มึงทำอะไรอยู่ แล้วในนั้น...เชี่ย ไอ้ขิงเหรอวะ นี่มึงกับมัน ฟิชเชอริ่งกันแล้วเหรอ” พี่แน่ตะโกนจนดังลั่น ไม่สนพี่ไฮท์เอารองเท้าปาใส่อกดังปึ๊ก “เหมือนที่ไอ้เป้ว่าบนรถจริงๆ สุดแค้นแสนรัก แค้นมาก ก็รักหนักมาก มึงจะทำอะไรกันก็เบาๆ เสียงหน่อย สงสารคนไร้คู่แบบพวกกูบ้าง” แล้วกลุ่มที่มุงก็โห่เสียงดัง

   “ไอ้สัด” พี่ไฮท์ด่าส่งท้ายก่อนจะรูดซิปปิดตามเดิม ไม่สนใจเสียงโห่ เสียงล้อด้านนอก เป็นผมซะอีกที่ทำอะไรไม่ถูก “เป็นอะไรของมึง เช็ดผมไปสิ”

   “พี่ไม่ออกไปบอกเหรอ ว่าพี่แค่ช่วยเช็ดผมให้ผมอะ เราสองคนไม่ได้ เอ่อ...” กระดากปากฉิบหาย

   “พวกมันไม่ได้โง่”

   “แต่ที่พี่เขาพูดเมื่อกี้...”

   “มันแค่แกล้ง ไฟในเต็นท์ก็เปิด มึงเห็นเงาคนข้างนอก แล้วคิดเหรอ ว่าพวกมันจะไม่เห็นเงาของเรา”

   “ก็จริง” แทบอยากถอนหายใจออกมา “พี่จะนอนแล้วเหรอ” ที่ถามเพราะพี่ไฮท์ล้มตัวลงนอนบนถุงนอน ทั้งที่ปกติเราต้องเข้าไปอยู่ด้านในถุง แต่พี่ไฮท์กับนอนทับซะอย่างนั้น

   “เออสิ มึงก็รีบเช็ดผมให้แห้งแล้วก็นอน”

   “ผมนอนเลยก็ได้”

   “อย่าพูดไม่รู้ฟัง รีบๆ เช็ด”

   “พี่ก็พูดไม่รู้ฟัง เชี่ย”

   ด่าได้แค่นั้นละครับ เพราะอยู่ๆ ผมก็ถูกเท้าเกี่ยวอกให้ล้มตัวลงนอนบนถุงนอน

   “พูดมาก อยากนอนก็นอน”

   “พี่หัดทำตัวให้เป็นรุ่นพี่ที่ดีบ้าง” ยกมือลูบอกตัวเอง มันก็ไม่ได้เจ็บหรอกนะครับ แต่ก็จุกๆ

   “มึงเป็นรุ่นน้องกูหรือไง”

         ประโยคที่ผมฟังไม่เข้าใจเลยเอาแต่จ้องคนพูด ตอนนี้พี่ไฮท์นอนหันหลังให้ ผมเลยได้เห็นแค่ผมสีดำ ช่วงที่เผลอจ้อง อยู่ๆ พี่แกก็หันหน้ากลับมาทำให้ผมเบนสายตาแทบไม่ทัน

        “ฝันดีครับ” รีบหันหลังให้ เมื่อกี้มีช่วงแวบหนึ่งที่สบตาดุนั่นใกล้ๆ แค่นั้นก็ทำให้ผมใจสั่นแปลกๆ

        ฉิบหาย ทำไมรู้สึกตื่นเต้นวะ

   “มึง...” เสียงคนข้างหลัง ผมพยายามข่มตาหลับทำตัวให้นิ่งเหมือนหลับไปแล้ว ทั้งที่ใจยังเต้นระส่ำอยู่เลย อีกอย่าง คงไม่มีใครหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับปั๊บ “ฝันดี”

   เสียงพูดดังพร้อมเสียงขยับตัว ผมแอบหันหน้าไปดู พี่ไฮท์ขยับนอนหงายเหยียดยาว ดวงตาที่ชอบมองดุปิดลงแล้ว เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นใบหน้านี้ในระยะใกล้

   “ผมขอโทษที่โกหก” พูดกับตัวเองเบาๆ ยามจ้องหน้าคนหลับ ผมรู้สึกผิดที่หลอกพี่เขา รวมถึงทุกคนด้วย ผมไม่ได้มีความสุขสักนิด แต่อีกไม่นานหากทุกอย่างกลับมาเป็นแบบเดิม เราก็คงไม่ได้เจอกันอีก “ฝันดีครับ”



...TBC

เดินทางแล้ว...ค่ายนี้จะสนุกสนานสักเท่าไหร่กันหนอ  :hao7:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พี่ไฮท์ต้องรู้แล้วแน่ๆเลยว่าไม่ใช่ขิง :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :-[พี่ไฮท์แอบมุ้งมิ้งๆๆ..น่ารักอ่า

ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามต่อไปค้าาาา  :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เอ้า..ตื่นตื่น. นอนนานละ. มาต่อได้ละ สุดแค้นแสนรัก 555

 :katai5:  :katai5:  :katai5: :katai5:  :katai5:

...

.. :pig4:

...

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
คิดถึงแล้ว คนเขียนหายป่วยยังน้า :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอๆๆๆเข้ามาดูทุกวันเลย...เผื่อไรท์จะมาลงต่อ...ติดตามอยู่นะคะ... :impress2:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
คิดถึงแล้ว :call: :call: :call:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-13-





        รุ่งสาง ผมขยับตัวเพราะความเมื่อยขบ มือก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว ไก่ก็ยังไม่ขันปลุก แต่ทำไมที่ข้างๆ ถึงไม่มีคนนอน พอปรือตาขึ้นดู ที่ของพี่ไฮท์ว่างเปล่า แต่ถุงนอนยังอุ่นอยู่คงเพิ่งจะลุกไม่นาน ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้เวลาเกือบนาทีกว่าจะตื่นเต็มตา

   “เพิ่งตีห้าเอง” บ่นเบาๆ แต่ก็ต้องตื่น มีเสียงคนคุยด้านนอกให้ได้ยินเป็นระยะ และพอผมมุดออกจากเต็นท์ก็เห็นคนตื่นก่อนนั่งจิบกาแฟอยู่กับเพื่อนสนิท ไม่รู้เจมส์จะตื่นหรือยัง

   ผมคลานออกมานอกเต็นท์ บังเอิญเงยหน้าไปเห็นพี่บิ๊กพยักพเยิดหน้าให้คนนั่งข้างหันมาดู พี่ไฮท์เห็นผมก็ตีหน้านิ่ง เป็นผมเองที่ต้องก้มหน้าไม่กล้าสบตาดุนั่น เพราะเรื่องใจเต้นเมื่อคืนแท้ๆ อยู่ๆ ก็รู้สึกมองหน้าไม่ติดซะงั้น แถมคนที่ผมใจเต้นดันเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก

   “ตื่นแล้วเหรอวะ” เสียงงัวเงียดังไม่ไกล หันไปดูก็เจอเจมส์โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์ “โคตรง่วง”

   “กูก็ง่วง” ผมบอก แต่ถึงเราจะง่วงก็ต้องลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน เพราะวันนี้มีภารกิจใหญ่ในการซ่อมแซมห้องสมุดกับสร้างห้องน้ำเพิ่ม

   ยามเช้าที่ดูเหมือนจะไม่มีใครตื่น แต่ห้องน้ำกลับเต็มทุกห้อง แถมมีคนยืนรอคิวอยู่ก่อนตั้งหลายคน บางคนรอไปด้วยหลับไปด้วย ดีที่อากาศเช้านี้เย็นๆ ทำให้รู้สึกสบาย ตอนแรกคิดว่าจะอบอ้าวซะอีก

   “ทำวันเดียวมันจะเสร็จเหรอวะ” หันไปถามเจมส์ที่ยืนโงนเงนอยู่ข้างๆ ยังดีที่มันปรือตาขึ้นมาก่อนจะหัวทิ่มไปด้านหน้า

   “เสร็จสิวะ คนตั้งเยอะ แบ่งกันไปทำ ที่ไหนเสร็จก่อนก็ไปช่วยอีกที่”

   “มึงมาบ่อยไหม ค่ายแบบนี้”

   “ก็บ่อยนะ ตั้งแต่ปีหนึ่ง สนุกดี แม้จะเหนื่อยก็เถอะ” ผมมองเจมส์ที่ยกยิ้มออกมา “เดี๋ยวมึงก็จะรู้ ว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาดเป็นยังไง”

   “งานหนักกูไม่เคยกลัว”

   “ดีมาก”

   เจมส์ตบบ่าผมแปะๆ แล้วมันก็เอนตัวมาพิงไหล่ผมหลับไปเฉย หรือเมื่อกี้มันละเมอตอบวะ ระหว่างที่ขำเพื่อนคนใหม่ เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้ผมเอี้ยวคอไปมอง ผมคงจะไม่สนใจหากเขาไม่เรียกชื่อผม

   “ไอ้ขิง มึงจะทำไหวแน่เหรอวะ ปกติเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนี่หว่า” แล้วคนพูดก็หัวเราะเยาะพร้อมกับคนที่เดินมาด้วย เล่นเอาผมหน้าตึงเลยทีเดียว ไม่ใช่โกรธนะครับ แต่มันคือเรื่องจริงของพี่ขิง เพราะเขาเจาะจงว่าพี่ขิง ไม่ใช่ผมสักหน่อย

   “คุณชายนายแบบไฮโซจะมายกปูนแบกไม้ กูว่าไม่ไหวหรอก มึงไม่เห็นเหรอ ขามามันไปนั่งเชิดหน้ากับพวกปีสามนู้น” ไอ้คนข้างๆ มันว่า สีหน้าเย้ยหยันสุดๆ

   หรือพวกนี้ก็เป็นคู่ปรับของพี่ขิงอีกกลุ่ม นี่พี่ขิงจะสร้างศัตรูเยอะไปไหน

   “งั้นขากลับมึงเปลี่ยนที่นั่งกับกูไหม พวกมึงสองคนไปนั่งกับปีสามแทนกู จะได้สบายไง สนไหม” ผมดันหัวเจมส์ขึ้นเพื่อจะได้หันไปตอบกลับได้สะดวก “แล้วก็เรื่องแบกปืนเบิกปูนไปโบกตึกอะไรนั่นน่ะ พอถึงเวลาพวกมึงก็จะรู้เองนั่นแหละ”

   พอถูกย้อนปุ๊บ ไอ้รุ่นเดียวกัน (แต่คนละสาขา) ก็เลิกคิ้วแล้วหันไปมองหน้ากัน คงจะตกใจที่เห็นผมตอบไปแบบนั้น เพราะหากเป็นพี่ขิงคงจะด่ากราดมากกว่านี้ ตามที่เจมส์เคยเล่าวีรกรรมให้ฟังน่ะนะ

   “พวกกูจะคอยดู”

   “ดี แต่อย่าดูเฉยๆ ช่วยกูทำงานด้วย อย่าเป็นภาระ โอเค?”

   อยู่ๆ เจมส์มันก็หัวเราะออกมาเฉย เมื่อกี้เห็นยืนหลับอยู่แท้ๆ ตอนนี้ตาสว่างเชียว

   “พวกมึงหาเรื่องผิดคนแล้ว” ผมมองเจมส์เดินไปตบบ่าไอ้สองคนนั้น “แยกย้ายเถอะ ถ้าพวกมึงไม่อยากถูกด่า นู้น” คำว่านู้นของเจมส์ทำให้พวกเราหันไปมองด้านหลัง ที่ตอนนี้พี่ไฮท์กับพี่บิ๊กจ้องเขม็งเชียว

   ตัวใครตัวมันนะเว้ย







   
   เวลาหกโมงครึ่งเต็นท์เต็มลานถูกพับเก็บเพราะต้องใช้พื้นที่สำหรับลงวัสดุอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้าง ผมยืนมองรถขนอิฐ ขนทรายถอยเข้ามาส่งของ มือก็คอยจดรายละเอียดตามที่ถูกสั่ง ส่วนคนสั่งก็กำลังแบกไม้ แบกกระสอบปูนไปที่โรงเรียน ที่จริงต้องบอกว่าทุกคนต่างหากที่ช่วยกัน พอของครบตามที่สั่ง ผมก็รีบเข้าไปช่วยทุกคนแบกกระสอบปูน ไอ้คนที่หาเรื่องผมตอนเช้ามืดทำตาโตเมื่อเห็นผมยกกระสอบปูนขึ้นบ่า

   “ช่วยกันขนสิ มองหน้ากูทำไม” กัดฟันพูดด้วยความหนัก ผมก้าวขายาวๆ เพื่อจะได้ถึงที่หมายไวๆ พอเกือบจะถึงกระสอบบนบ่าก็ถูกมือขาวๆ ยื่นมาฉก แต่เพราะความหนักเลยทำให้ยกออกไม่ได้ พี่ไฮท์เลยประคองไปจนถึง “ขอบคุณครับ”

   “เออ”

   ทันทีที่วางกองกับพื้นได้ ผมก็รีบเอ่ย พี่ไฮท์ทำแค่พยักหน้าแล้วเดินหนีไป อะไรของพี่แก ผมเดินย้อนไปที่เดิม คว้าถุงปูนกะจะยกขึ้นป่า แต่กลับถูกยัดถังกับอุปกรณ์ใส่มือจนหันไปมองคนทำแบบงงๆ

   “อะไรของพี่”

   “เอาไปตรงนู้น”

   “แต่ผม...”

   “เอาไป”

   โดนถลึงตาใส่เลยต้องเดินหิ้วถังดำกับเกรียงสำหรับปาดปูนสามสี่อันไปที่หน้าโรงเรียน ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังกินแรงเพื่อนพี่น้องอยู่ พอเดินมาถึงก็เจอเจมส์หอบแฮกด้วยความเหนื่อย กระสอบทรายก็หนักไม่แพ้ปูนแน่นอน

   “เหนื่อยสัด” เจมส์มันว่า ก่อนยิ้มกริ่มมองหน้าผม “งานสบายจริงๆ เพื่อนกู”

   “สัด” ด่าแบบสั้นๆ แต่มันกลับหัวเราะ

   ผมไม่ได้กินแรงเพื่อนนะ ก็ถูกใช้แบบนี้

   ขนของทุกอย่างเสร็จก็เกือบแปดโมงเช้า กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากโรงครัวทำให้ทุกคนลืมความเหนื่อยแล้วพุ่งไปหา ข้าวต้มหม้อใหญ่สองหม้อแทบไม่พอกับความหิวโหยของทุกคน สำหรับผมจัดไปสองถ้วยเน้นๆ ให้อิ่มตอนนี้ดีกว่าไปหิวตอนทำงาน นี่คติสำหรับมื้อเช้าของผม พอทุกคนอิ่ม ประธานค่ายก็เรียกไปประชุม พี่ไฮท์ยืนอยู่ข้างๆ สายตากวาดมองไปยังทุกคนก่อนจะหยุดมาที่ผม ไม่รู้ว่าอิ่มจนเบลอไหมที่เห็นพี่เขายิ้มให้


   พี่จะเขย่าหัวใจผมเต้นแรงกว่าปกติไม่ได้นะครับ


   “งานวันนี้อาจจะหนัก จะเหนื่อย แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจช่วยกันทำ งานก็จะต้องออกมาดีและเสร็จไวอย่างแน่นอน” ประธานค่ายพูดส่งท้ายหลังจากแบ่งงานเสร็จ จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย ส่วนผมมีหน้าที่ซ่อมแซมห้องสมุดกับเจมส์

   หลายคนอาจคิดว่า แค่ซ่อมแซมมันจะหนักจะเหนื่อยยังไง อยากให้ทุกคนได้รู้ว่า การซ่อมแซมนั้นไม่ใช่แค่การทาสีใหม่ หรือทำชั้นหนังสือ แต่มันคือการเปลี่ยนหลังคา เทพื้นในห้องใหม่ รวมทั้งทำบานประตูและหน้าต่างด้วย จะบอกว่า หนักไม่ต่างจากสร้างห้องน้ำหลังใหม่เลยทีเดียว

   ผมอาสาช่วยทุกคนยกนั่นแบกนี่เพราะไม่มีใครกล้าเรียกใช้ บ่อยครั้งจะเห็นพี่ไฮท์มาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านหลัง มาบ่อยจนพี่แน่ที่เป็นคนคุมการซ่อมห้องสมุดต้องด่าหาว่าอู้ คนโดนด่าทำแค่ยักไหล่แล้วเดินกลับไปที่งานของตัวเองที่กำลังก่อผนังห้องน้ำกันอยู่ และโชคดีที่มีช่างชาวบ้านมาร่วมด้วยช่วยกันสร้าง งานทุกอย่างเลยเร็วกว่าที่คิด

   ระหว่างรอพื้นห้องสมุดที่เทเสร็จแห้ง ผมก็เดินมานั่งข้างไอ้คนที่หาเรื่องเมื่อเช้า มือเปื้อนสีของมันยื่นน้ำแบบแก้วมาให้ แม้จะแปลกใจนิดๆ แต่ก็เอ่ยขอบใจมันไป

   “มึงนี่ดูเหมือนไม่ใช่ไอ้ขิง” คำพูดเล่นๆ ทำเอาน้ำที่เพิ่งดื่มพุ่งออกจากปากจนไอตัวโยนเพราะสำลัก “อ่าวไอ้นี่” แม้มันจะว่าแบบนั้น แต่มือเปื้อนเมื่อกี้ก็คอยลูบหลังผมอยู่

   “เชี่ย” เค้นเสียงด่าแม้ยังไม่หายสำลักดี

   “ด่ากูอีก กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ผมยังพูดไม่ได้เลยใช้สายตาด่ามันไปแทน “แต่เท่าที่กูเรียนกับมึงมาสองปี มีวันนี้นี่แหละที่กูคิดว่ามึงก็น่าจะคบได้”

   “แล้วปกติกูไม่น่าคบตรงไหน” พอเริ่มดีขึ้น เสียงก็เริ่มมา แม้จะแสบคอนิดๆ ก็เถอะ

   “ทุกตรงเลยไอ้ห่า ไม่น่าถามคำถามนี้เลยนะมึง” โดนด่าไม่ว่า ยังมาผลักหัวผมอีก

   “ไอ้สัด” ก็แปลก ด่ามันแท้ๆ กลับหัวเราะจนตาหยี หรือมันชอบโดนด่าวะ “ว่าแต่ มึง...ชื่ออะไรนะ” ถามจบก็ได้สายตาฉงนตอบกลับ ก็คือผมไม่รู้จักจริงๆ นี่น่า

   “ไม่รู้จริงหรือกวนตีนกู”

   “พอดีช่วงนี้กูทำงานหนักเลยเบลอๆ”

   ดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวที่เชื่อไม่ได้ แต่มันไม่มีเหตุผลอื่นแล้วจริงๆ

   “กูชื่ออิน”

   “อ๋ออิน”

   “จำได้แล้ว?”

   “ไม่อะ”

   “อ่าวไอ้นี่”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมา พอดีกับเจมส์เดินตีคู่มาพร้อมพี่ไฮท์กับพี่บิ๊ก อินมันเลยเงียบลง

   “อู้เหรอพวกมึง” เจมส์ทักมาแต่ไกล มันรีบเดินมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืนแบบงงๆ ส่วนอินมันยังนั่งอยู่ เลยต้องเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ “ไอ้อิน อย่ามาหาเรื่องไอ้ขิงนะเว้ย” เจมส์ทำหน้าเหมือนแมวกำลังขู่ คงเพราะเรื่องตอนเช้ามืดนั่นละ

   “อย่าใส่ร้ายกูไอ้เจมส์” อินตอบพลางลุกขึ้นยืน มือมันปัดฝุ่นที่ก้นจนฟุ้งไปหมด “ห้องน้ำเสร็จแล้วเหรอพี่” พอแกล้งผมกับเจมส์ได้ มันก็หันไปคุยกับรุ่นพี่ที่ยืนหน้านิ่งแทน

   “ยัง” พี่บิ๊กตอบสั้นๆ ส่วนพี่ไฮท์เอาแต่นิ่งอย่างเดียว “ของมึงล่ะ ใกล้หรือยัง”

   “ก็ใกล้แล้วพี่ เหลือรอพื้นให้แห้ง แล้วก็ทาสีตู้กับประตู” อินมันว่า ก่อนจะพาดแขนยาวๆ ของมันมาที่ไหล่ผม “พี่รู้ป่ะ ว่าไอ้ขิงเนี่ย มันช่วยงานได้โคตรเยอะ เห็นเป็นคุณหนู แต่ไสไม้ ผสมปูนโคตรเก่ง”

   “พอๆ กูจะลอยแล้ว” ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ประกาศว่าเกลียดพี่ขิงจะชมผม ขนาดเจมส์ยังทำตาโตเหมือนตกใจเห็นเป็ดแปลงร่างเป็นควายเลย “พวกพี่...”

   ก่อนผมจะอ้าปากพูด พี่ไฮท์กลับหันหลังเดินหนีไปเฉย เล่นเอางงเป็นไก่ตาแตกกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่บิ๊กที่ยังย่นคิ้วเกาหัวแถมพึมพำว่าพี่ไฮท์เป็นอะไร

   สงสัยจะเหนื่อยจนขี้เกียจพูดละมั้ง

   “งานใกล้เสร็จแล้วก็ดี เพราะผู้ใหญ่บ้านเขามาชวนไปร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านที่ร่วมกันจัดให้เรา” พี่บิ๊กพูดหลังจากเลิกสนใจเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้จ้วงทรายใส่ถังเป็นว่าเล่น

   ดูขยันมากจริงๆ รองประธานของค่าย

   “กิจกรรมของหมู่บ้าน? อะไรเหรอพี่” อดไม่ได้ที่จะถาม ถ้าให้งานเสร็จจริงคงเกือบบ่ายแก่ๆ

   “รอบกองไฟเหมือนลูกเสือเหรอพี่” อินมันยังสงสัย

   “เปล่าเว้ย พอดีชาวบ้านเขาเตรียมกิจกรรมสานสัมพันกับพวกเราอะ” เจมส์รีบอธิบายแทน มันปัดแขนอินออกจากไหล่ของผม ก่อนจะดึงผมไปอยู่อีกด้าน “แบบส่งตัวแทนไปร่วมเล่นเกมส์ที่เขาเตรียมอะไรแบบนี้”

   “แต่ถ้าเสร็จช้ามันจะเล่นได้เหรอวะ” ผมถามด้วยความสงสัย ถ้าเย็นมาก แสงก็หมด “หรือจะทำรอบกองไฟ?”

   “รอบกองไฟมีแน่ ไม่ต้องห่วง” พี่บิ๊กพูดส่งท้ายก่อนจะเดินย้อนกลับไปที่งานตัวเอง ก่อนไปมีบ่นว่าพี่ไฮท์คงทำคนเดียวเสร็จหมดแล้ว

   พอปีสามไม่อยู่ ผม เจมส์แล้วก็อินต่างก็มองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ผมได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหม ดีจัง จากศัตรูมาเป็นมิตร เขาว่าจะดีกว่ามิตรกลายเป็นศัตรูใช่ไหม

   “รีบทำงานเถอะว่ะ กูอยากร่วมกิจกรรมแล้ว” ชักจะตื่นเต้น อยากรู้ว่ามีอะไรรอให้เล่นอยู่ ว่าแล้วก็รีบพุ่งไปช่วยคนอื่นทาสี แม้หลายคนจะยังดูเกร็งเวลาผมเข้าไปช่วย แต่ก็ยังดีกว่าตอนเช้าๆ มาก เมื่อเช้าบางคนถึงกับตัวแข็งที่ผมเอ่ยปากจะช่วย และมันกลายเป็นผมเองที่ต้องถอย ไม่งั้นคงเป็นผมคนเดียวที่ทำ เพราะคนอื่นไม่ยอมขยับเลย

   คงกลัวโดนตวาด เพราะพี่ขิงทำแบบนั้นประจำ

   เวลาเดินเร็วกว่าปกติ หรือเพราะทำงานจนลืมดู แป๊บๆ ก็เที่ยง ทุกคนเฮละโลเข้าโรงอาหารทำให้พื้นที่เต็มไม่มีที่นั่ง ผมถือถาดข้าวมองหาที่ว่างด้านนอก จะยืนรอเจมส์ข้างในก็ไม่ไหว คนเบียดกันเกิน พอออกมาก็เห็นพี่ไฮท์นั่งคนเดียวอยู่ใต้ต้นไม้ มือตักกินข้าวอย่างช้าๆ สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ

   “พี่” ผมเดินเข้าไปหาพลางเรียก พี่ไฮท์เงยหน้าขึ้นมองผม คิ้วเข้มขมวดเป็นปม “นั่งด้วยได้ป่ะ” พี่ไฮท์มองไปที่โรงอาหารก่อนจะเงยหน้ามองผมอีกรอบ สายตาโคตรเหมือนวันแรกที่คิดจะต่อยผม

   “เออ” น้ำเสียงกระด้างไม่เป็นมิตรสุดจนผมลังเลว่าจะนั่งดีไหม ถ้านั่งจะถูกกินหัวไหมวะ “ไม่นั่งหรือไง”

   “พี่เป็นอะไร” ที่ถามจะได้รู้ว่าผมทำผิดอะไร “หรือไม่ชอบที่ผมมาขอนั่งด้วย งั้นผมไปนั่งที่อื่นก็ได้”

   ลืมไปว่าพี่ไฮท์เกลียดพี่ขิง แล้วหน้าผมดันเหมือน ไม่แปลกที่จะเกลียดผมไปด้วย ผมยิ้มแห้งๆ ส่งท้ายก่อนหันหลังจะเดินหนี แต่แรงฉุดที่ข้อมือทำให้เดินไปข้างหน้าไม่ได้ พอหันกลับไปดู คนดึงแขนไม่ได้มองผม สายตาพี่ไฮท์มองไปทางห้องน้ำที่ใกล้จะเสร็จ เมื่อพี่เขาไม่ยอมพูด ผมก็ไม่อยากจะพูด

   “เอ่อ”

   ช่วงที่เงียบใส่กัน มีเสียงคล้ายลังเลดังแทรกให้ได้ยิน เจมส์กระพริบตาปริบๆ มองผมกับพี่ไฮท์ ส่วนพี่บิ๊กไม่ได้สนใจ เพราะพี่แกยืนตักข้าวเข้าปากเงียบๆ

   “ไปนั่งตรงนู้นกันเจมส์” บิดข้อมือที่ถูกยึดไว้ แต่ยิ่งขยับมือก็ยิ่งถูกบีบจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “พี่ไฮท์ อะไรของพี่วะเนี่ย” เริ่มโมโหแล้วนะเว้ย

   “นั่งนี่แหละ” เสียงพี่ไฮท์ดูอ่อนลง พร้อมๆ กับแรงที่บีบมือก็คลายลงด้วย ผมมองคนที่เปลี่ยนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
   
   ผมไม่ยอมนั่งลง แม้จะมีแรงกระตุกข้อมือเบาๆ หลายครั้ง สุดท้ายแล้วเป็นพี่บิ๊กที่กดบ่าผมให้นั่งลงข้างๆ เพื่อนตัวเองแทน

   “เรื่องมาก จะนั่งก็นั่ง ชีวิตจะได้ไม่ซับซ้อน” พูดจบก็นั่งลงข้างพี่ไฮท์ “ส่วนเจมส์ มานั่งนี่”

   “ประสาท” คนถูกชวนตวาดใส่ แต่ก็แอบหูแดงเหมือนกันนะ เพราะนั่งนี่ของพี่บิ๊กคือตักครับ พี่แกตบตักตัวเองเรียกเจมส์ “ประสาทขึ้นทุกวัน”

   อยากจะขำแต่ก็ไม่กล้า เจมส์เลือกจะนั่งข้างผมแทน จากนั้นเราสี่คนก็เงียบใส่กัน ไม่ใช่ไม่มีเรื่องคุยนะครับ แค่ต้องรีบกินข้าวแล้วไปทำงานต่อ ไม่งั้นงานจะเสร็จช้า กิจกรรมที่ชาวบ้านเตรียมไว้ก็จะช้าไปด้วย





   พอตกบ่าย ข้าวที่ทุกคนกินเข้าไปก็เริ่มออกฤทธิ์ หลายคนอ้าปากหาวแทบนับรอบไม่ได้ ขนาดผมเองก็ยังง่วง ไม่น่ากินข้าวเยอะเลย

   “ไหวไหม” สะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงทัก หันไปดูคนถามคือคนที่มึนตึงใส่เมื่อช่วงที่ผ่านมา ผมละสายตาจากหน้าพี่ไฮท์เพื่อมองมือที่ยื่นมา แก้วกาแฟร้อนถูกยื่นมาให้ กลิ่นหอมจนต้องทำจมูกฟุดฟิด “สักหน่อยไหม”

   “มากเลยก็ได้” รีบรับกาแฟมาดื่ม ไม่ไหวจริงๆ พอคาเฟอีนลงกระเพาะก็เริ่มดีขึ้น “ขอบคุณครับ ที่จริงผมไปเอาเองก็ได้” อย่าคิดว่าผมจะได้คนเดียวนะครับ ทุกคนก็ได้กาแฟเหมือนกัน แค่ต้องเดินไปเอาเอง

   “นี่หาว่ากูยุ่งเหรอ” จากหน้าตาเปื้อนยิ้มนิดๆ กลับมาบึ้งอีกแล้ว
 
   “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” พูดไปพี่ไฮท์ก็ยังหน้าบึ้ง “จริงๆ ผมแค่เกรงใจพี่เฉยๆ” ยิ้มแป้นแล้นเท่าที่ปากจะอ้ากว้างได้ และก็คงได้ผลเมื่อพี่ไฮท์เผลอยิ้มตาม แม้จะเสี้ยววินาทีก็เถอะ

   “ไอ้ประสาท”

   “อ่าว ด่าแล้วเดินหนีเฉยคนเรา”

   หลุดขำตามหลังพี่ไฮท์ คงรู้สึกเสียหน้าที่มาดขรึมหลุด ก็นะ คนเราจะปั้นหน้ายักษ์ไปทำไม หรือกลัวยิ้มแล้วตีนกาขึ้น กลัวไม่หล่อว่างั้น

   เมื่อได้กาแฟแล้วเรี่ยวแรงก็กลับมา สาวๆ ตอนนี้ทาสีไม้กันเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รอประกอบเข้ากับตัวตึก ซึ่งคงไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมีช่างชาวบ้านคอยช่วย ต้องบอกว่าพวกพี่เขาเก่งมากครับ สมเป็นมืออาชีพมากแถมเนี๊ยบสุด พองานเริ่มน้อย ผมก็ว่างงาน ความง่วงก็เหมือนจะกลับมา เลยชวนเจมส์ไปช่วยสร้างห้องน้ำ ที่ตอนนี้ก็เสร็จเกือบหมดแล้ว

   “โคตรไว” เจมส์มันว่า หลังจากเราเดินมาถึง

   ห้องน้ำที่สร้างใหม่มีห้องเยอะและสะดวกกว่าเดิม จากหลังเก่าที่เด็กๆ ต้องผลัดเวรกันไปตักน้ำมาใส่ไว้ในอ่างสำหรับทำธุระส่วนตัว ตอนนี้พวกเราและช่างชาวบ้านทำการต่อก๊อกน้ำมาให้ พอลองเปิดก๊อกแล้วน้ำไหล เด็กๆ ที่เข้ามาดูด้วยร้องเฮกันใหญ่ รู้สึกดีจังครับ ตอนเห็นรอยยิ้มของทุกคน ความเหน็ดเหนื่อยที่มีมาก่อนหน้าก็จางหาย ไม่รู้จะอิจฉาหรือสมน้ำหน้าชีวิตพี่ขิงดี ที่มีเงินมากมายแต่ไม่เคยได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ทั้งที่มีโอกาส




   เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนบ่ายแก่ งานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ ทุกคนต่างพากันมายืนอออยู่หน้าโรงเรียนเพื่อส่งมอบทุกอย่างผ่านครูใหญ่ นอกจากทำห้องน้ำใหม่กับซ่อมแซมห้องสมุดแล้ว ยังมีเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนการกีฬา หนังสือเรียนรวมทั้งขนมมากมายที่เตรียมมาให้เด็กนักเรียนของที่นี่

   คำกล่าวขอบคุณของครูใหญ่ยังไม่ซึ้งใจเท่าเพลงที่เด็กช่วยกันร้องขอบคุณ ผมยืนจับมือเจมส์ไป ยิ้มไป โชคดีจังที่ตัดสินใจมา อย่างน้อยก็ได้ความทรงจำดีๆ กลับบ้าน ต่อให้กลับไปแล้วพี่ขิงกลับมา ผมก็ยอมกลายเป็นไอ้ขมิ้นคนเดิมด้วยความอิ่มใจ

   “กูชอบว่ะ” ผมกระซิบบอกเจมส์

   “ชอบอะไรวะ ชอบกูเหรอ” เหล่ตามองคนกวน “ล้อเล่นน่า”

   “ชอบอะไรแบบนี้ต่างหาก ถ้ากูไม่ได้มาเป็นพี่ขิง คงไม่ได้มาเจอแบบนี้” แม้ปกติแล้วผมไม่ชอบก็เถอะ

   “ถ้าไอ้ขิงกลับมาแล้ว มึงก็สอบเข้าที่นี่สิ มาเป็นรุ่นน้องกู”

   “คงจะได้หรอก ถ้ากลับไปเป็นไอ้ขมิ้น กูก็ต้องกลับไปทำงานตามเดิม ไม่มีเวลาอ่านหนังสือหรอก” ใจจริงผมอยากเป็นแบบพ่อพี่ไฮท์มากกว่านะ แต่วิศวะก็ไม่ได้แย่ มันแย่ตรงผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือนั่นแหละ

   “เอาน่า อนาคตเราก็ไม่รู้ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า”

   “พูดดี”

   ส่งมอบของทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะไปร่วมกิจกรรมที่ทางชาวบ้านจัดให้ ไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ โคตรตื่นเต้น ผมเดินไปพร้อมกับทุกคน มีเจมส์กับอินขนาบซ้ายขวา ข้างๆ อินเป็นเพื่อนสนิทของมันที่เคยร่วมกันแขวะผม พอได้รู้จักแล้วมันก็ปากหมาแต่ก็คุยสนุกดี

   ครูใหญ่เดินนำขบวนคณะนักศึกษามาที่นาข้าวแต่ไม่มีข้าว เพราะชาวบ้านเก็บเกี่ยวกันไปหมดแล้ว นาข้าวเลยมีแต่ที่ว่างมีโคลนสีดำ

   “นั่นอะไรวะ” อินถามพร้อมชี้ไปที่ชาวบ้านที่กำลังยืนอยู่รอบคันนา

   “เขาดูอะไรกัน” เจมส์มันว่าเสริม ผมก็เลยยักไหล่เพราะไม่รู้ ไม่มีใครรู้ด้วย คนที่จะตอบได้คงมีแต่ครูใหญ่ที่เดินยิ้มนำไปหาชาวบ้านแล้ว

   เดินบนคันนาไปจนถึงแปลงที่ชาวบ้านยืนมุง ด้านล่างเป็นที่ว่างมีโคลนสีดำ แต่ที่ดูต่างจากแปลงอื่นคงเพราะมีตัวอะไรสักอย่างดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่

   “ปลาว่ะ” ผมสะกิดเจมส์ให้ดู

   ก่อนทุกคนจะสงสัยมากกว่านี้ ผู้ใหญ่บ้านก็รีบตะโกนบอกกิจกรรม แกบอกว่า กิจกรรมนี้ที่หมู่บ้านจะจัดปีละครั้งหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวหมด เพื่อสร้างความสามัคคี ความสุขและสนุกให้กับลูกบ้าน กิจกรรมที่ว่านั่นคือการแข่งขันจับปลาในบ่อ

   “ปกติแล้ว ผมจะให้ลูกบ้านแบ่งเป็นสองฝ่ายแล้วส่งตัวแทนมาจับปลาแข่งกัน แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแบ่งแล้ว” ผู้ใหญ่ว่า “ซึ่งตอนนี้ทางเรามีตัวแทนแล้ว เลยอยากได้ตัวแทนจากคณะนักศึกษามาเพื่อแข่งขัน”

   พอผู้ใหญ่บ้านพูดจบ ทุกคนก็หันซ้ายหันขวาพูดคุยกันเสียงดังเพื่อหาตัวแทน จนอาจารย์ประจำค่ายตะโกนสั่งให้เงียบ ทุกคนเลยหยุดคุย

   “มีใครสนใจที่จะลงแข่งบ้างไหม” คำถามที่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมว่าถ้าเล่นตอนเที่ยงๆ ก็คงน่าสนใจ แต่นี่เย็นแล้ว แถมเหนื่อยจากการทำงานด้วย เรี่ยวแรงหดหายไปหมด แค่เดินมาถึงนี่ขายังสั่นเลย “ไม่มีเลยเหรอ”

   “เชี่ย”

   ท่ามกลางความเงียบ ผมเผลอสบถออกมาเมื่อถูกผลักจากด้านหลัง จากนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมามอง ความซวยมาเยือนแล้วไอ้ขมิ้น แถมอาจารย์ก็เดินยิ้มเข้ามาหาแล้วด้วย

   “เธอสนใจเหรอขิง ทำให้อาจารย์แปลกใจอีกแล้วนะ” ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับประโยคนั้น “เอาล่ะ พวกเราชาววิศวะได้ตัวแทนแล้วครับ”

   “เดี๋ยวสิอาจารย์ ผมยังไม่ได้...” พูดไม่ทันจบดี สายตาทุกคนที่มองมามันมีความหวังในนั้นเลยทำให้ผมต้องเงียบลง

   “ไหวไหมวะไอ้ขมิ้น” เจมส์กระซิบเบาๆ ข้างหู ผมทำหน้ากล้ำกลืนจนมันขำเยาะ “สู้ๆ นะเว้ย”

   “ไม่ไหวก็ต้องไหวหรือเปล่าวะ” ตายเป็นตายเว้ย ผมมองไปรอบๆ บริเวณจนสบตากับพี่ไฮท์ที่จ้องมา ปากที่ชอบด่าผมขยับไร้เสียง แต่อ่านได้ว่าสู้ๆ ผมเลยขยับปากขอบคุณแบบไร้เสียงกลับไป


   เขย่าหัวใจได้หกริกเตอร์เลยนะครับแบบนั้น


   “ได้ตัวแทนแล้ว ทางเราขอบอกกฎกติกาก่อนนะครับ กฎก็ง่ายๆ แค่แข่งกันจับปลาในบ่อ ใครได้มากกว่าก็ชนะไป ส่วนปลาที่ได้ เราก็จะใช้ทำอาหารคืนนี้” ผู้ใหญ่บ้านอธิบาย มันก็ดูง่ายๆ แค่แข่งกันจับปลา เป็นพี่ขิงยากกว่าอีก “ตัวแทนสองฝ่ายลงบ่อเลยครับ ก่อนจะค่ำจนมองไม่เห็น”

   ผมมองพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกเต็มแก่ ท้องฟ้าทั้งผืนเป็นสีส้มอ่อนดูสวยไปอีกแบบ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สนใจ เพราะตอนนี้ตัวแทนของหมู่บ้านถอดเสื้อโชว์กล้ามโตจนสาวๆ ทั้งสองฝ่ายกรี๊ดกันหมด ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อตัวเองบ้าง เสียงกรี๊ดเมื่อกี้เงียบกันหมดจนรู้สึกหมดความมั่นใจนิดๆ

   “มึงกินโอโม่เป็นอาหารหลักหรือเปล่าวะ” เสียงพี่แน่ตะโกนระหว่างผมลงบ่อ พอหันไปดูขาก็ก้าวพลาดล้มคว่ำจนเปื้อนโคลนทั้งตัว “ขาวเพราะพอกโคลนนี่เอง แล้วก็ไม่บอก” แค่นั้นเสียงหัวเราะก็ดังมาทั่วสารทิศ

   โคตรอายเลยให้ตาย

   ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในบ่อ มองคู่แข่งที่ขยันเบ่งกล้ามข่ม เดี๋ยวเถอะ กลับไปผมจะไปฟิตกล้ามบ้าง แต่พอมีอะไรมาดิ้นๆ อยู่ที่ขาก็รีบหันกลับมาสนใจเกมส์ที่กำลังจะเริ่ม ผมต้องชนะเว้ย ไอ้ขมิ้นไม่มีทางแพ้ เมื่อเสียงตีไม้ไผ่บอกเริ่ม ผมก็รีบตะโกนเรียกพลังพร้อมพุ่งเข้าจับปลา

   “สู้โว้ย”

   ปลาช่อนตัวเขื่องเหมือนจะจับง่าย แต่พอจับจริงบอกได้คำเดียวว่า เหนื่อย ปลาทั้งดิ้นแถมมีโคลนทำให้ลื่นอีก จับทีก็หลุด จับอีกก็ดิ้น อย่าถามว่าตอนนี้ตัวผมเปื้อนโคลนแค่ไหน ต้องถามว่าตรงไหนของร่างกายที่ไม่เปื้อน แต่มันสนุกอันนี้ผมไม่เถียง ยิ่งไล่ยิ่งสนุก เสียงเชียร์ก็เรียกกำลังความฮึดได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

   “ไอ้ขิง ตัวนั้นเว้ย” เสียงอินตะโกนพร้อมชี้

   “พี่ขิง ตัวนั้นตัวเล็กค่ะ”

   “ไอ้เชี่ยขิง นั่นๆ”

   แล้วก็มีคนเรียกพร้อมบอกที่อยู่ของปลาช่อนอีกสารพัด ผมหันไปมาจนหัวหมุนไปหมด ชี้ตรงไหนก็พุ่งไปตรงนั้น ได้บ้างชวดบ้างแต่ก็สนุกดี พอเสียงไม้ไผ่ตีหมดเวลาผมก็แทบหมดแรงล้มนอน ดีที่ยังคิดได้ทันว่าพื้นมีแต่โคลนเลยยืนโงนเงนแทน
 
   “เรามานับปลากันดีกว่า ว่าใครได้มากกว่ากัน”

   ผู้ใหญ่บ้านกวักมือเรียกให้ตัวแทนสองฝั่งนำข้องใส่ปลาไปให้ ตอนเล่นเกมส์โคตรสนุก พอหยุดขาก็ไม่มีแรงก้าวเลย ผมกัดฟันยกข้องหนักๆ จะเข้าฝั่งแต่ดันล้มหน้าคว่ำจมโคลน มีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามาให้ได้ยิน แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าแขนถูกมือใครสักคนดึง

   “พี่ไฮท์” พูดแม้โคลนจะเต็มปาก ผิดคาดนะครับ ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่กล้ามอีกฝั่งซะอีก พอจะพูดอีกพี่ไฮท์ก็ถลึงตาให้หยุด ก่อนเขาจะรั้งคอผมให้ก้มแล้วใช้ชายเสื้อตัวเองเช็ดโคลนที่หน้าผมออก ตอนนี้เสียงรอบข้างเงียบมาก ผมว่าทุกคนคงจะอึ้งเหมือนผมนี่แหละ “ขอบคุณครับ”

   “เออ” ตอบเบาๆ แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมา


   อาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้รุนแรงมากกว่าเจ็ดริกเตอร์


   พี่ไฮท์ยกข้องใส่ปลาไปให้ผู้ใหญ่บ้านแทน ผมมองทุกๆ คนที่นิ่งเงียบไม่ปริปากโห่แซวหรืออะไรสักอย่าง มีแต่สายตาที่มองแปลกๆ แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ดึงความสนใจไปตอนนับปลา ผมนั่งบนคันนาห้อยขาลงไปในแปลง สภาพผมยิ่งกว่าควายในบ่อโคลนซะอีก

   “ไหวไหมมึง” เจมส์ย่อตัวลงมาถาม

   “เกือบตาย” คำตอบของผมทำให้เจมส์หัวเราะ

   “แต่มึงได้ใจทุกคนเลยนะเว้ย ทุกคนมองมึงเปลี่ยนไปเลย” ได้ยินปุ๊บ ผมก็ลอบมองทุกคน แต่ตอนนี้ทุกคนมัวแต่ลุ้นการนับปลากันอยู่ “มึงจะทำให้ขิงกลายเป็นคนดีในสายตาพวกเขา”

   “พี่ขิงต้องกราบตีนกู”

   “เห็นด้วย”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน

   “สรุปแล้ว ตัวแทนของฝั่งชาวบ้านเป็นผู้ชนะ จับปลาได้สามสิบสองตัว” ตาเหลือกทันทีที่ได้ยินจำนวนปลาของพี่กล้าม ปลาของผมมีแค่สิบตัวก็กลืนน้ำลายเหนียวแล้ว นี่สามสิบกว่าตัว แทบอยากลงไปนอนกราบ “ปลาพวกนี้เราจะปิ้งฉลองคืนนี้ แต่ตอนนี้คนเปื้อนสามารถไปล้างตัวที่บ่อน้ำด้านโน้นได้นะครับ เป็นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกท้ายหมู่บ้าน สะอาด ใส และเย็นมากครับ”

   ผมมองตามที่ผู้ใหญ่บ้านว่า บ่อน้ำนั่นมันไกลไหมวะ ขาแทบยกไม่ขึ้นแล้วเนี่ย

   “เดินไหวไหม” เสียงทุ้มถาม พี่ไฮท์ขมวดคิ้วจ้องมอง “ขามึงเดินไหวไหม”

   “ก็ พอไหวแหละพี่” อยากตอบว่าไม่ไหวแต่เดี๋ยวจะถูกหาว่าสำออย พอได้ยินคำตอบผม พี่ไฮท์ก็พยักหน้านิดๆ

   ถึงเวลาแยกย้าย ผมก็รีบลุกขึ้นยืน ขามันก็จะสั่นนิดๆ แต่ดีที่มีคนพยุง แถมใจดีพาผมไปที่บ่อน้ำเพื่อล้างตัวด้วย คงเพราะเขาก็เปื้อนด้วยละมั้ง

   บ่อน้ำกว้างดูน่ากลัวนิดๆ สำหรับยามใกล้ค่ำ ผมรีบย่อตัวเพื่อกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตัวจะได้รีบกลับ แต่อีกคนกลับยืนเท้าเอวมองเฉยๆ

   “พี่ไม่ล้างตัวเหรอ เดี๋ยวจะค่ำแล้วนะ”


        เงยหน้าขึ้นถาม แต่สิ่งที่ได้ กลับไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นคำถาม ที่ทำเอาผมเบิกตาโต




   “มึงจะบอกกูได้หรือยัง ว่ามึงชื่ออะไร” 



...TBC

ค่ายยังไม่หมดนะคะ ยังเหลือช่วงกลางคืนอีก แต่เพราะความที่มันจะยาวเกินเลยแบ่งเป็นตอนๆ เอา เผื่อจะงง (หมายถึงนังคนแต่งนี่แหละค่ะจะงงและก่งก๊ง T^T)


ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
อ้าววว จับได้ซะแล้ว

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แบบนี้แปลว่าพี่แกเริ่มเชื่อใจแล้วนะขมิ้น อย่าเริ่มต้นด้วยการโกหกเถอะนะ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 13] [P.4] // {11/02/61}
« ตอบ #109 เมื่อ: 11-02-2018 16:24:43 »





ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 บอกเลย :mew2:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
น่านนนน.  เปลี่ยนไปขนาดนี้มันก้อต้องสงสัยกันบ้างละ

พี่ไฮท์จับได้ แต่จะเอาขมิ้นอยู่ไหมนะ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

...

.
.

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สุดแค้น แสนรัก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่ไฮท์ คงสรุปแล้วว่า ขิง ไม่ใช่ขิงแน่ๆ
ขิง บอกความจริงไปเถอะ 
พี่ไฮท์ ขิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
โอ้ยย บอกเขาไปเถอะลูกก

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
บอกเลยๆ

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บอกเลย! ก่อนที่ความรู้สึกมันเพิ่มพูนแล้วจะพูดยาก

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อย่าใจร้ายกับเรามันไม่หายคิดถึง :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
บอกๆพี่ไฮท์ไปเถอะขมิ้น  :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไอ้พี่ขิง..อย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเลยนะ... :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด