ตอนที่ 9 อยากรู้ว่า....ใช่ไหม
หลังจากคุยโทรศัพท์กับบูมเมื่อคืน
แทนที่มันจะทำให้ผมนอนหลับ
มันกลับยิ่งทำให้ผมคิดมาก จนนอนไม่หลับไปเลย
และเช้านี้ ปกติผมจะต้องตื่นมาเปิดประตูให้บูม
และบูมก็จะเดินเข้ามาเปิดทีวี แล้วมานั่งรอผมที่โซฟาตัวนี้
ทั้งที่ภาพนี้...ภาพที่เกิดขึ้นทุกวัน มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นต่อไป
แต่วันนี้มันไม่มี....
คนที่เปิดทีวีดู เขาคนนั้นไป
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า
หรือบ้างครั้งเขาอาจตื่นสายก็ได้
ผมเองก็ได้แต่รอเท่านั้นแหละ เพราะหากจะไปกดกริ่งหน้าบ้าน
แต่หากเขายังไม่ตื่น มันก็กลายเป็นผมไปทำตัวน่ารำคาญ
จนทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอีก
.......เหอออออ.......
เคยไหมเวลาถอนหายใจจนกลายเป็นงานอดิเรก
สงสัยคงมีผมเท่านั้นแหละ.....
เมื่อก่อนผมก็ไม่ใช่ในเซ็งโลกอะไรแบบนี้หรอก
แต่พอมาช่วงนี้พอมีเรื่องให้คิดมาก
ดูเหมือนผมจะถอนหายใจบ่อยขึ้น
“ปี๊นๆๆ.........ซาลาเปาครับซาลาเปา”
รถขายซาลาเปาที่ผมจำได้ดี
เพราะผมจะซื้อก่อนไปโรงเรียนทุกวัน
แต่พอมาหลังปิดเทอม 7วันนี้
ผมก็ไม่ได้ออกไปซื้อเหมือนก่อนอีก
นั้นก็เพราะต้องไปซื้อของที่ตลาดกับบูมตั้งแต่เช้า
และตอนนี้ก็ 7 โมงครึ่ง
ทั้งที่ผมน่าจะได้ไปเดินตลาดกับบูม
แต่ตอนนี้ผมกลับกำลังนั่งดูทีวี
1 ชั่วโมงผ่านไปที่เลยเวลานัดของบูม
แต่ผมก็รอได้....
เพราะผมก็รอบูมมาทั้งคืน จะรออีกหน่อยมันก็ไม่เป็นไรนิ
ใช่ไหม.....ครับ
ชั่วโมงที่ 2 ผ่านไป ผมก็ได้แต่นั้งดูทีวีและรอบูม
ชั่วโมงที่ 3 ผ่านไป ผมกำลังนั่งฟังวิทยุและรอบูม
ชั่วโมงที่ 4 ผ่านไป
ผมกำลังนั่งฟังเพลง
และท้องผมก็กำลังร้องเพราะหิว แต่ผมก็ยังรอบูมอยู่
ผมมองนาฬิกาหลายครั้งมากแล้วนี้ก็ 10 โมงแล้ว
แต่ผมยังไม่ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านหรือว่าเสียงบูมเลย
ถ้าหากผมคิดคือ บูมไม่ใช่คนตื่นสาย
หรือบ้างครั้งอาจมีเหตุผลอื่นที่บูมยังไม่ตื่น
และที่ผมคิดคือ บูมไม่สบาย
และความคิดเรื่องเป็นห่วงบูม ผมก็มีมาก
มากจนตอนนี้มันทำให้ผม มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของบูม
ผมควรจะกดกริ่งหรือว่ากลับบ้านดี
แต่หากบูมไม่สบายแล้วใครจะดูแลล่ะ
แต่หากกดแล้วบูมนอนอยู่ นั้นก็แสดงว่าผมรบกวนเขา
ตกลงแล้วเหตุผลไหนที่ผมควรเชื่อมากกว่ากันน่ะ
“เราห่วงนายน่ะบูม”
........กริ่งๆ........
สิ้นเสียงพูด ผมก็กดกริ่งหน้าบ้านและรอ
ผมรอสักพัก แต่ไม่เห็นบูมมาเปิดประตู
ผมก็กดกริ่งย้ำอีกครั้ง และมันก็เป็นแบบเดิม
จนตอนนี้สติผมก็ไม่ได้อยู่กับตัวเลย
เพราะผมกำลังกดกริ่งซ้ำๆติดต่อกันหลายรอบ
แหละในหัวผมก็คิดเรื่องบูมไปต่างๆนาๆ
ว่าบูมไม่สบาย หรือไม่ก็คงลุกไม่ไหว
แต่หากบูมลุกขึ้นมาเปิดประตูหน่อย
แล้วให้ผมเข้าไป ผมก็จะได้ดูแลบูมได้
แต่หากบูมไม่ได้สบายจริงๆ
และผมต้องเป็นคนทำให้บูมรำคาญ
ตอนนี้ผมก็ยอม....
ยอมทุกอย่างจริงๆ
.....แกร็ก........
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นและผมก็แทบจะหยุดหายใจ
ผมยืนรอเวลาที่จะเห็นหน้าบูม และรอที่จะรู้ว่าบูมเป็นอะไร
ทำไมถึงไม่ไปหาผมที่บ้าน
อยากรู้ว่าจริงๆแล้วบูมโกรธผมอยู่อีกใช่ไหม
อยากรู้ว่าผมเป็นตัวน่ารำคาญจริงๆใช่ไหม
และผมก็อยากคุยกับบูมด้วยเหมือนกัน
แต่ตอนนี้มันคงไม่สำคัญเท่ากับอยากรู้ว่าบูม...ไม่สบายใช่ไหม
และไม่นานความคิดของผมก็หาย
เพราะตอนนี้บูมยืนอยุ่หน้าผมแล้ว
“ต่าย..”
เป็นคำแรกที่บูมพูดกับผมเมื่อเราสองคนเจอหน้ากัน
และมันก็ทำให้ผมอดยิ้มให้บูมไม่ได้
....บูมยิ้ม....
ใช่....บูมยิ้มให้ผมเหมือนกัน
และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีกับร้อยยิ้มนี้อย่างบอกไม่ถูก
“อ่ะ....เอ่อ...เรานึกว่านายไม่สบาย เลยเข้ามาดูน่ะ”
เหอ......
ผมแถบจะพูดเหตุผลที่มาบ้านบูมไม่ได้ซะแล้ว
ก็เพราะร้อยยิ้มของบูมนั้นแหละ
มันทำให้ผมคิดไปไกล จนตอนนี้ในความคิดผม
มันมีแต่เรื่อง ริมฝีบางหนาของบูมและก็....จูบ
“อ่ะ....เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก ดูดิเราแข็งแรงจะต่าย”
บูมขยับตัวให้ผมดู และผมก็ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
เพราะสายตาของผมแท้ๆ
ก็ตอนนี้บูมอยู่ในชุดนอนที่มีแค่กางเกงบางๆ
และเสื้อก็ยังไม่ใส่อีก แล้วบูมก็แถบจะยืนชิดกับผม
เป็นแบบนี้ ใครไม่อายก็บ้าแล้วครับ
“อืมๆ ใช่ๆ แล้วบูมจะไปตลาดเปล่า”
จากตอนแรกที่มองหน้าบูม
ตอนนี้กลับเป็นต้องก้มหน้าและพูดกับบูมแทน
เพราะเขินแท้ๆเลย
“เห้ย...โทษทีต่าย เดี๋ยวเรารีบไปอาบน้ำก่อนน่ะ
แล้วต่ายไปนั่งรอที่บ้านก่อน พอเสร็จเดี๋ยวเราจะไปหา”
“อ่ะ...ไม่ต้องรีบก็ได้ เรารอได้”
ผมก็ยังก้มหน้าต่อไป
และสายตาของผมก็ช่างสั่งเกตเหลือเกิน
.....เป้าของบูม.....
ผมเผลอหันไปมองและต้องรีบหลบ
แล้วไอ้เรื่องที่ผมอายๆเขินๆอยู่
ดูมันจะยิ่งมากเข้าไปอีก
บ้าจริงๆ...เลยผม
“ไม่รีบไม่ได้หรอก ต่ายรอเรานานแล้วนิ เรานี้แย่จริงๆเลย”
“ป่ะเปล่าน่ะ บูมไม่ได้แย่ แต่เราตั้งหากล่ะ”
ผมหันมองหน้าบูมและพูดรัวจนบูมดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อย
แต่ไม่นานผมก็เห็นร้อยยิ้มบูม
และบูมก็ยิ้มกว้างกว่าตอนเจอผมซะอีก
“ไม่ต้องคิดมากหรอก แล้วเลิกเขินได้แล้ว”
เขิน......
บ้าน่า บูมรู้ได้ไงว่าเขิน
แล้วผมเขินเมื่อไร ใครเขินกัน ใครว่ะ..
“เราไม่ได้เขินน่ะ”
“แล้วที่น่าแดง แล้วท่าทีอายๆแบบนี้เขาไม่เรียกว่าเขินเหรอ”
“อ่ะ....เอ่อ”
ผมพูดไม่ออกเลยครับ
และตอนนี้ผมก็ได้แต่ก้มหน้าอีกนั้นแหละ
สงสัยหากเป็นแบบนี้บูมคงล้อผมตายแน่ๆ
ชิ...ไม่มาหาก้ดีหรอก
“เอาๆ ไม่แกล้งต่ายแหละครับ เพราะยิ่งพูดต่ายก็ยิ่งเขิน
งั้นต่ายไปรอเราที่บ้านน่ะ”
บูมพูดจบผมก็พยักหน้าและกำลังจะหันหลังกลับ
“เราค่อยแกล้งต่ายตอนอยู่บ้านต่ายยดีกว่า ฮ่าๆๆ”
ผมอยากตะโกนว่า.....บ้าเหรอ
แต่คำพูดมันก็ดูน่ารักเกินไป
เอาเป็นว่าแค่พยักหน้า ก็น่าจะเหมากว่า
และพอผมพยักหน้าเท่านั้นแหละ
บูมก็หัวเราะเหมือนถูกใจเข้าไปอีก
ผมก็ไม่รู้ว่าบูมหัวเราะหรือถูกใจอะไรกับท่าทางผม
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจฃ...เพราะเขิน
และกว่าผมจะเดินมาถึงบ้านได้
ไอ้อาการเขิน...มันก็เกือบลงแดงตาย
แต่เอาว่ะ...อย่างน้อยก็ทำให้บูมยิ้มได้
อย่างน้อยถึงไม่รู้ว่าบูมหงุดหงิดอะไรเมื่อคืน
แต่แค่บูมยิ้มและหัวเราะ
ผมก้ไม่ต้องการอะไรกับความสัมพันธ์
ของวันที่ 7 ที่เรารู้จักกันหรอด
.
.
.
“เขินว่ะ......บูม”
-----------------------------------------------------------------------------------------------ปล.ตอนนี้แอบอินอ่ะ ไม่รู้คนอ่านรู้สึกเหมือนกันไหมว่า....น่ารัก
แล้วเรื่องที่บูมเป็นอะไร อันนี้เก็บไว้ค่อยบอก
แล้วขอบคุณทุกคนมากน่ะครับ ที่เข้ามาอ่านและติชม
และรู้สึกดีที่คนอ่านอินกับเราด้วย