———— ลั่นดาล ———— (ตอนพิเศษ๑) ๐๔.๐๑.๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———— ลั่นดาล ———— (ตอนพิเศษ๑) ๐๔.๐๑.๖๒  (อ่าน 124110 ครั้ง)

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๖) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #30 เมื่อ19-06-2018 14:48:09 »

หลายปมมากกกกก :a5: :really2:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๖) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #31 เมื่อ19-06-2018 21:45:19 »

๐๘





นอกเหนือจากกิจวัตรประจำวันของตัวเองที่แสนจะเรียบง่าย หน้าที่สำคัญ ๆ อีกหลายอย่างของธันวาก็เป็นอะไรที่เหมือนเดิมมาตลอดหลายปี เช่นเข้ามาปลุกมินตราจากนิทราในตอนสายและเตรียมน้ำอุ่นให้อาบ มีหน้าอุ้มหญิงทุพพลภาพที่ล่อนจ้อนมาหย่อนไว้ในอ่างสีขาว ยืนรอด้วยความสงบและค่อยเข้าช่วยเมื่อสาวเจ้าอาบน้ำเสร็จ

ทั้งที่มันควรจะเป็นงานของผู้หญิงด้วยกัน แต่เพราะผู้หญิงพวกนั้นไม่สามารถอุ้มคนที่มีน้ำหนักพอ ๆ กันได้ จึงเป็นเหตุว่าทำไมชายหนุ่มผิวขาวซีดถึงได้ถูกเลือกเข้ามาทำหน้าที่นี้แทน 

แรกเริ่มมินตราเองก็เคยอึดอัดใจกับการให้ผู้ชายไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาดูแล แต่เมื่อได้ลองใช้ชีวิตแบบเห็นหน้าค่าตากันทุกวัน ไหนจะสัมพันธ์ทางกายที่กำเนิดมาจากความใกล้ชิด ยางอายเธอจึงลดน้อยลงทุกวันจนกระทั่งหมดสิ้น สุดท้ายก็ลอบอยู่กินกันฉันท์ผัวเมียลับ ๆ มาตลอด

อะไรที่เคยด่าเหมันต์ไว้ท้ายที่สุดก็ย้อนเข้าตัวหมด อาจจะลักลอบคบชู้พอ ๆ กับที่คนมักมากเริ่มชอบหาเศษหาเลยนอกบ้าน มินตราบัญญัติการกระทำของตัวเองว่าเป็นเพียงการประชด แต่ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่ข้ออ้างของคนไม่รู้จักพอเหมือนกันและไม่มีเหตุผลใดค้านขึ้น 

ธันวายืนสางผมให้หญิงสาวเหมือนเคย ช่วยหวีผมยาวสลวยด้วยสีหน้าเรียบเฉย เคยเบามืออย่างไรก็ยังเบามืออย่างนั้น แต่อาจจะเพราะว่าช่วงนี้สาวเจ้าอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงและความไม่มั่นคงนั้นก็ส่งผลให้เธอปัดหวีที่มือใหญ่ถือไว้ออกไป ก่อนจะต่อว่าต่อขานคนดูแลว่าชักช้าทำอะไรเสียเวลา

เธอเรียกร้องหาเสื้อผ้า บอกว่าหนาวจะตายอยู่แล้วทั้งที่ตอนแรกเป็นคนพูดเองว่ายังไม่อยากใส่ จนอีกคนเดินไปหยิบมาให้แต่ไม่วายโวยซ้ำ ขย้ำชุดในมือไม่พอยังด่าท่อคนตรงหน้าว่าจัดชุดบ้าอะไรมาให้เธอ ทั้งที่ก็เป็นชุดลวดลายเดิม ๆ  แต่ในสายตามินตราสีมันดูเสร่อพิกล

กระโปรงถูกปาใส่หน้าคนที่ยังไม่ปริปากบ่นสักคำ ธันวาทำแค่ยืนเงียบเป็นเป่าสาก ปล่อยให้หญิงสาวขวางข้าวของใส่ รวมถึงหมอนใบใหญ่ที่กระทบเข้ากับหน้าอกแข็งเต็ม ๆ จุกมากกว่าเจ็บแต่ก็อดทน จนชักอยากรู้ว่ามีเหตุผลอะไรให้ยอมอีกคนขนาดนี้ ก่อนมินตราจะเริ่มกรี๊ดเพื่อระบายความอัดอั้น ไปจนกัดฟันจนรู้สึกเจ็บราวทั้งกราม กว่าจะกลับมาสงบได้ต้องใช้เวลาเป็นพัก แต่ก็ยังไม่หายหงุดหงิดซะทีเดียว   

ยาแก้เครียดเป็นทางเลือกหลักที่มักนำมาใช้ประจำแต่พอดีน้ำหมด คนใช้การขาได้ก็ต้องเป็นฝ่ายไปเอามา เป็นหนึ่งในหน้าที่ของขี้ข้าที่ไม่เคยนึกเลยว่าเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วจะเจอกับเหตุการณ์แปลกตากว่าทุกวัน

เห็นแค่เพียงด้านหลังก็ยังจำได้แม่น นายตำรวจกำลังก้าวลงบันไดโดยข้างกายมีน้องชายหญิงพิการเดินควงแขนอยู่ไม่ห่าง แต่เสียงพูดคุยที่ดังแว่วมาเป็นระยะก็ไม่สามารถทะลุเข้าหูชายหนุ่ม นัยน์ตาว่างเปล่าของธันวาเอาแต่จดจ้องสองมือที่เลื่อนกุมกันอย่างสนิทสนมเท่านั้น














 
ชีวิตคนเราพลิกผันเพราะเหตุการณ์เดียวมาก็มาก

ถ้าหากรู้ว่าการจูบกับอีกคนจะทำให้รู้สึกดีก็คงจะไม่มัวลีลา แม้ใจหนึ่งจะกลัวว่าอาจเป็นแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย แต่ด้วยคำสารภาพที่นายตำรวจพูดไว้  ‘ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจริง ๆ นะ’  ถ้าเป็นคนใจแข็งมาแต่ไหนแต่ไรก็คงไม่หวั่นไหวกับประโยคธรรมดา ๆ แต่เผอิญว่าเป็นคนใจง่าย ก็เลยยอมหลงเชื่อประโยคหากินของผู้ชายในที่สุด

รู้ตัวว่ามีโอกาสหยุดก่อนที่จะสายเกินไป แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วภัคก็อยากลองดูสักตั้ง บางทีมันอาจจะกลายเป็นความรักอย่างที่โหยหามาตลอดก็ได้ ผลจากการทิ้งรองเท้าแก้วไว้อาจทำให้พานพบกับเจ้าชายรูปงามที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตนางซิน ไม่ได้คาดหวังถึงงานแต่งใหญ่โตหรือชีวิตโอ่อ่าในวัง แค่อยากมีบ้านเล็ก ๆ สักหลังแถบชานเมือง หลีกเลี่ยงจากเรื่องวุ่นวายแล้วอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สามคนพ่อแม่ลูก แน่นอนว่าหนูดาจะเป็นเสมือนโซ่ทองคล้องใจ

บ้านหลังนี้อาจจะไม่เคยต้องการเด็กหญิง แต่บ้านอีกหลังของเราต้องการเธอ 

ภัคมองเด็กหญิงที่เดินนำรีบปีนขึ้นโซฟา รอเวลาจนคุณพ่อนั่งลงแล้วถึงค่อยกระเถิบตัวขึ้นนั่งตักอีกที

“คุณอยากได้น้ำหวานหรือเปล่าหรือเราไปโรงพยาบาลกันดีไหมครับ” 

ร่างบางหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ พลางถามด้วยความเป็นกังวล   

“ไม่เป็นไรหรอกคุณ เดี๋ยวก็หาย”  ส่วนคนปวดหัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะต้องบอกหมอว่าสาเหตุของอาการมาจากอะไร แอบอายนิดหน่อยที่จะกล่าวถึง ดันทะลึ่งฝันว่ามีคนนั่งคร่อมแล้วเอาบางอย่างรัดรอบลำคอจนนึกว่าจะตายแต่กลายเป็นว่าเกิดการหลั่ง เป็นอีกหลาย ๆ ครั้งที่หว่างขากางเกงต้องเปรอะเปื้อนโดยไม่ทันได้เคลื่อนมือ ผลข้างเคียงต่อมาก็คืออาการผวาตื่น ลุกขึ้นด้วยความรีบร้อน หัวถึงได้ปวดตุบ ๆ เหมือนตอนสมองใกล้ขาดอากาศในความฝัน

“คุณพ่อเป็นอะไรเหรอคะ”  หนูดาเงยหน้าถาม ทำตาปริบ ๆ หลังได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน ด้วยความมันเขี้ยวคิมหันต์กดปลายจมูกถูกับจมูกลูกสาวที่เผลอหัวเราะด้วยความจักจี้ ก่อนจะย่นจมูกให้กันคนละที มีนิสัยราวกับถอดกันมา 

“คุณพ่อแค่ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” 

“แล้วตัวร้อนด้วยไหมคะ”

สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเด็กหญิงจะซักประวัติไปทำไม นายตำรวจจึงยอมเล่นตามน้ำ หากิจกรรมให้ลูกสาวได้มีส่วนร่วม  “ไม่รู้เหมือนกันสิคะ หนูช่วยวัดไข้ให้คุณพ่อหน่อยได้ไหม”

“งั้นเดี๋ยวหนูไปเอาอุปกรณ์ก่อนนะคะ คุณพ่อรอแป๊บนึงนะ”  เรียกว่าเข้าทางหนูดาที่กำลังรอจังหวะอยู่พอดี นาน ๆ ทีจะมีคนไข้หลงมาให้รักษาสักคนจึงไม่อยากพลาดโอกาส รีบลงจากตักคิมหันต์แล้ววิ่งออกไป เด็กน้อยหายต๋อม ปล่อยให้คนเป็นพ่องง ส่วนน้าชายหลุดยิ้มเพราะรู้ว่าตกลงหลานสาวจะทำอะไร   

“อุปกรณ์…?”

“ของเล่นเด็กนะครับ จำลองการเป็นคุณหมอ” 

นายตำรวจร้องอ่อพลางหลุดหัวเราะด้วยความเอ็นดู  “คุณคงโดนแกตรวจจนเบื่อเลยล่ะสิ”

“บางทีก็ต้องแกล้งไอหนัก ๆ เพื่อให้แกรักษาครับ”  ภัคพูดความจริงที่ยิ่งกระตุ้นให้นายตำรวจยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือลูบแก้มร่างบางเล่นด้วยความเอ็นดูไม่แพ้กัน พอจินตนาการตอนอีกคนป่วยแล้วคงน่าแกล้งไม่หยอก   

เวลาที่ได้อยู่สองต่อสองจบลงเมื่อหนูดาวิ่งกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล ร่างเล็กจัดแจงวางกล่องไว้บนโซฟาด้วยความคล่องแคล้ว โดยข้าง ๆ กันมีแววตาอบอุ่นของคุณพ่อคอยมองตาม ช่วยเอาผมทัดหูตอนมือเล็กกำลังปลดล็อกและเอาเครื่องตรวจฟังออกมา ของเล่นสมัยนี้ทำเลียนแบบได้เหมือนของแท้ แต่ของจริงทำมาจากอะไรไม่ทราบ แต่ของเด็กน้อยทำมาจากพลาสติกสีชมพูสดใส

นายตำรวจโน้มแผงอกให้ลูกสาวได้ตรวจถนัด ๆ เอาของปลอมมาใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรหรอก แต่สองพ่อลูกก็ยังสวมบทคนไข้กับคุณหมอตัวน้อยต่อไป

“ผมจะหายป่วยไหมครับคุณหมอ”

“เดี๋ยวคุณหมอจะให้ยาไปทานนะคะ จะได้หายป่วยไว ๆ”

คุณหมอวินิจฉัยอย่างรวดเร็วว่าป่วยธรรมดา ๆ เพียงแค่กินยาตามสั่งก็หายและใช้เวลาไม่นาน แค่รื้อในกล่องปฐมพยาบาลก็เจอของที่ตามหา มือเล็กยื่นซองใสที่ข้างในบรรจุผงสีขาวละเอียดให้คุณพ่อรับไป ในขณะที่ภัคเห็นแล้วไม่คุ้นตาและสงสัยว่ามันมาอยู่กับเด็กหญิงได้อย่างไร  “ซองอะไรคะ หนูดาเอามาจากไหน”

ยามร่างบางถาม คิมหันต์กลับเลือกที่จะแกะซองและลองดม รู้สึกเอะใจเหมือนเคยพบผงขาวแบบนี้ที่ไหนมาก่อนตอนทำงาน หากมองผิวเผินตามประสาพวกไร้ประสบการณ์ก็คงคิดว่าเป็นยาอัดเม็ดที่ถูกนำมาบดละเอียดอีกที แต่ถ้ามันเป็นยารักษาโรคจริงนายตำรวจคงไม่ทำสีหน้าเคร่งเครียดภายในชั่วพริบตาขณะถามหนูดาซ้ำด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แน่   
 
“ใครให้หนูมาหรือหนูเอามาจากไหนคะ”

โดนผู้ใหญ่สองคนจ้องหน้าก็รีบสารภาพ  “หนูไม่ได้ขโมยมานะคะ คุณอาจอมทัพทำตกไว้หนูเลยเก็บมา”     

“ทำไมเหรอครับ”  ภัคที่ดูไม่รู้อะไรอยู่คนเดียวรีบถาม แต่ก็โดยคิมหันต์ย้อนด้วยประโยคคำถาม  “เขาอยู่ไหน”

“หมายถึงใครครับ”

“จอมทัพ”

“น่าจะยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนมั้งครับ”

“โทรตามเขา …เดี๋ยวนี้”

คดีของเหมันต์อาจจะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจอมทัพมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
แต่สำหรับคดีมี ‘โคเคน’ ไว้ในครอบครอง ชายหนุ่มผิวสีแทนเกี่ยวข้องด้วยเต็ม ๆ















จอมทัพรีบบึ่งรถกลับมาบ้านโดยละทิ้งงานสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตั้งแต่หัววันไปก่อน เหตุผลที่รีบร้อนหลังมีคนโทรไปตามก็เพราะแค่อยากกลับมาดูหน้าคนปากสว่าง อยากรู้นักว่าใครมันพูดเรื่องของตน เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ชายหนุ่มผิวสีแทนออกอาการหัวเสียตอนเดินเข้ามาในตัวบ้านก่อนจะประจันหน้ากับหนูดาที่ส่อแววพิรุธ สะดุ้งสุดตัวราวกับเห็นผีแถมเตรียมวิ่งหนีอีกต่างหาก

คนที่มีศักดิ์เป็นอารู้สึกตงิดใจปรี่เข้าตะครุบร่างเล็กไว้ไม่ให้ไปไหน ขณะเด็กหญิงพยายามใช้แรงอันน้อยนิดดิ้นรนจนจอมทัพยิ่งมั่นใจกับสัญชาตญาณ รีบหันตัวเด็กกลับมาเพื่อคาดคั้น สภาพโกรธจัดเหมือนหมาบ้าราวกับเทคยาไปหลายโดสจนควบคุมสติตัวเองไม่อยู่  “เธอเป็นคนเอาเรื่องของฉันไปพูดใช่ไหม! ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง!” 

หนูดาได้ยินชัดเต็มสองหูแต่ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ตัวสั่นงันงกยกมือผลักได้แต่ลมและโดนเขย่าตัวจนผมยาวพลิ้วไหว เด็กน้อยยืนโงนเงนตามแรงที่ผู้ใหญ่ใช้อย่างไม่ปรานี เจ็บช่วงไหล่ที่โดนขยุ้มจนกระทั่งเบะปากร้องไห้แทนการตอบคำถามให้มันจบ ๆ ทำเอาจอมทัพสบถเสียงดัง สร้างความรำคาญเกินทน 

“นิสัยเสียเหมือนแม่เลยนะ! สาระแนเหมือนกันไม่มีผิด!” 

บางทีอาจเป็นผลข้างเคียงของสารเสพติดที่ยังตกค้างในร่างกาย แม้แต่กับเด็กถึงได้กล้าทำร้าย มือที่ใหญ่และแข็งกระด้างตบเข้าข้างแก้มเด็กหญิงที่ล้มลงไปนั่งกองกับพื้นเพราะแรงหวด แล้วเริ่มร้องไห้จ๋าเมื่อความปวดมาทักทาย เรียกหาน้าชายทั้งสภาพน้ำตาไหลอาบหน้า

ขณะจอมทัพทำท่าจะเดินเข้ามาซ้ำ เงาดำทะมึนค่อย ๆ กลืนกินร่างเด็กน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่คนยืนจ้องด้วยความอาฆาตก็ต้องมีอันถอยไปไกลเนื่องจากโดนผลักอย่างแรง ภัคคือคนที่ถลาวิ่งเข้ามาขวางและกางแขนกอดตัวหนูดาที่กำลังเสียขวัญไว้ พอได้มองชัด ๆ น้าชายถึงเห็นว่าหลานสาวมีเลือดซิบที่มุมปาก ต้องรีบปลอบว่าไม่เป็นไรทั้งที่ใจตัวเองก็แทบสลาย น้ำตาตกใน ในฐานะคนที่เลี้ยงเด็กหญิงมาเองกับมือแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมย่อมเจ็บปวดไม่แพ้กัน
 
ดวงตาแดงก่ำตวัดจ้องหน้าปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ บางทีจอมทัพอาจจุติมาจากความชั่วร้ายถึงได้ใจดำและโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา ยังไม่หายบ้าได้และย่างสามขุมเข้ามาด้วยเจตนาที่ต้องการทำร้ายทั้งน้าชายทั้งหลาน

แต่กว่าจะฝ่าด่านไปถึงตัวทั้งสองคนได้มันไม่ง่ายขนาดนั้น ต้องปะทะเข้ากับคิมหันต์ที่เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อและยากต่อการกำจัดเนื่องด้วยขนาดตัวที่ใหญ่กว่า นายตำรวจตะบั้นหน้าคนเลือดร้อนไปหนึ่งหมัดเพื่อหวังเรียกสติและเอาคืนที่ทำลูกสาว ยอมเป็นเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังในทางมิชอบ ยอมเสียค่าปรับข้อหาทำร้ายร่างกาย จะต้องจ่ายกี่พันก็พร้อมแลกเพื่อให้ได้เห็นจอมทัพปากแตกสักครั้ง 

ระหว่างชุลมุนวุ่นวาย ธันวาที่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทจากชั้นบนก็รีบลงบันไดมาแล้วย่อตัวลงตรงหน้าสองน้าหลานเพื่อถามว่าต้องการให้ช่วยอย่างไร ภัครีบส่ายหน้า บอกแค่ว่าไปช่วยนายตำรวจเถอะ เจอปฏิเสธความหวังดียังไม่รู้สึกมากเท่าไหร่ แต่เห็นร่างบางเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยังยืนเผชิญกับอันตรายด้วยสายตากังวลแล้วมันเจ็บบริเวณหน้าอกพิกล

ถึงก้อนเนื้อในอกซ้ายจะปวดหนึบ แต่ก็ไม่ลืมทำตามคำขอ คนที่ปกติมีหน้าที่คอยทำให้เจ้านายพอใจเข้ามาช่วยล็อกตัวชายหนุ่มผิวสีแทนไว้และเมื่อจอมทัพเห็นว่าเป็นใครที่บังอาจก็รีบสะบัดร่างกายด้วยความรังเกียจแทบไม่ทัน ยังหลงเหลืออาการฟึดฟัดและนับว่าฉลาดอยู่บ้างถึงได้ล้มเลิกการใช้กำลัง เพราะลำพังคงต่อสู้แบบสองรุมหนึ่งไม่ไหว แล้วหันมาใช้ปากที่ถนัดแทน 

“ลูกตัวเองก็ไม่ใช่! จะเล่นใหญ่ไปทำไมวะ!” 

“จะลูกใคร นายก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเขา!”  ตะโกนมาตะโกนกลับ กำลังเดือดด้วยกันทั้งคู่แม้จะเลิกต่อสู้แบบมนุษย์ถ้ำที่ใช้กำลังตัดสินปัญหาทุกอย่างไปแล้วก็ตาม  “แล้วหนูดาก็เป็นถึงหลานสาวนายเชียวนะจอมทัพ”

“ฉัน-ไม่-เคย-มี-หลาน แล้วก็ไม่อยากนับญาติกับพวกตอแหลด้วย!”  ปาดเลือดที่กบมุมปากด้วยหลังมือไว ๆ แล้วใช้มือข้างนั้นแหละชี้หน้าสองน้าหลาน  “ช่วยสอนมันด้วยว่าทีหลังอย่ามาสะเออะเรื่องของฉัน”

“หนูดาก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอก แกก็แค่เก็บของที่คุณทำตกไว้ได้”  กัดฟันอธิบายขณะพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุด ถ้าเด็กหญิงไม่ฉุดไว้ด้วยวงแขน ภัคก็คงจะลุกขึ้นไปตบหน้าอีกคนให้หายแค้นหรือตายกันไปข้าง   

   “ถ้าเก็บได้แล้วทำไมไม่เอามาคืน สันดานขี้ขโมยทั้งน้าทั้งหลานเลยนะ”

“นอกประเด็นแล้วจอมทัพ เรื่องนี้คนที่ผิดก็คือนาย”   

“แค่โคเคนมันจะอะไรกันนักกันหนาวะ”

“ฉันเป็นตำรวจ และฉันสามารถจับนายเข้าคุกได้เลยทันที”

“งั้นก็ทำซะสิ จะมัวรออะไร”

“อย่าท้าฉันนะ…”  ขายาวย่างเข้าใกล้และหยุดยืนเทียบให้ทุกคนเห็นกันจะ ๆ ไปเลยว่าใครดูเหนือกว่า สายตาที่นายตำรวจใช้มองจอมทัพมีกลิ่นอายคุกคามแปลก ๆ แบบที่ไม่ควรเอาชีวิตไปแลกหรือเสี่ยง  “เชื่อฉันเถอะว่านายจะโหยหาอิสระไปตลอดชีวิตที่ติดอยู่หลังลูกกรง” 

“คิดจะขู่กันงั้นสิ”

“เลิกซะ”  คิมหันต์ยื่นคำขาด  “เพราะเห็นเป็นญาติหรอกนะฉันถึงให้โอกาส”

“ไม่ยักรู้ว่านับญาติกันด้วย แต่การช่วยของนายก็ไม่ได้ทำให้ฉันหายแค้นนังเด็กนี่หรอก”

สายตาอาฆาตมาดร้ายมองหน้าหนูดาสลับกับน้าชาย ถึงมีคดีติดตัวและโดนขู่แต่ใช่ว่าจะกลัวหัวหด ก็ยังเป็นคนเดิมที่ปากไว ใจร้อนและเตือนภัคให้ระวัง  “อย่าเผลอก็แล้วกัน…”  ถ้าเด็กหญิงอยู่คนเดียวอีกเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าจะไม่จบที่แค่ตบอย่างเดียวแน่ พอลั่นวาจาฉะฉาน จอมทัพก็ทำแค่มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที มองคิมหันต์ ธันวาแล้วก็แหงนหน้ามองมินตราที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากบนชั้นสอง แล้วค่อยเดินออกจากบ้านไปอย่างไร้คำขอโทษสักคำ

เหตุการณ์ร้าย ๆ ฝังอยู่ในความทรงจำของเด็กหญิงและดูท่าว่าจะอยู่อีกนานหรืออาจตลอดชีวิต แผลที่มุมปากได้รับการทายาจนเกือบหายสนิทและโชคดีที่อย่างน้อยก็ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนพยายามขุดคุ้ยด้วยการพูดถึง ชีวิตของหนูดาจึงดำเนินต่อไปตามปกติ เพียงแต่เวลาที่จอมทัพกลับมาบ้าน น้าชายจะให้หลานสาวคลุกตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน

ภัคแค่อยากป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น คิมหันต์ที่รักษาสัจจะไม่จับคนอารมณ์ร้ายเข้าคุกข้อหามีสารเสพติดก็เห็นด้วยกับที่ร่างบางทำ แต่เผอิญช่วงนี้มีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปจัดการทั้งที่บริษัทของเหมันต์และสถานีตำรวจเลยไม่ได้อยู่ดูแลเท่าที่ควร ส่วนแม่เด็กก็เก็บตัวเงียบ บ้านหลังใหญ่จึงเปรียบเสมือนป่าช้าเข้าไปทุกขณะ หาความมีชีวิตชีวาได้ยากเย็นกว่าเห็นวิญญาณเร่ร่อนเสียอีก

วันนี้หนูดาก็ยังต้องนอนกลิ้งบนเตียงขณะมีน้าชายนั่งพับเสื้อผ้าอยู่ข้าง ๆ ภัคหันมองไปทางหน้าต่างยามได้ยินเสียงเครื่องยนต์หึ่ง ๆ ขับออกไปพลางถอนหายใจโล่งอก แต่ต้องแอบตกใจกับดวงหน้าจิ้มลิ้มที่ยื่นหาในระยะประชิด

เด็กหญิงลุกขึ้นมานั่งมองตาแป๊ว เสียงเล็กอ้อนว่าเบื่อห้องนอนแล้วอยากออกไปเล่นข้างนอกบ้าง ร่างบางซึ่งยังไม่ไว้วางใจเสียทีเดียวจึงยื่นข้อเสนอให้ว่าได้แค่นั่งวาดรูปเล่นอยู่บนชั้นสองเท่านั้นและบานประตูห้องจะเปิดค้างไว้ เพื่อที่ว่าจะได้มองเห็นกันและกัน

หนูดาพยักหน้ารับข้อเสนอแล้วค่อยเดินกอดกล่องสีกับกระดาษออกมาหน้าห้อง ดวงตากลมไม่ลืมมองซ้ายมองขวาอย่างที่น้าชายสอนก่อนจะยกมือเป็นสัญลักษณ์โอเคให้คนในห้องที่นั่งมองขณะอดยิ้ม มือเรียวหยิบผ้าไปพลางระหว่างมองเด็กหญิงนั่งลงกับพื้น   

มือเล็กเริ่มขีดเขียนสีบนแผ่นกระดาษที่ขาวสะอาด บรรจงวาดดอกไม้ด้วยสีสันสดใส หลีกเลี่ยงการใช้สีดำเพราะเด็กน้อยไม่ชอบและจะไม่ยอมให้มันมาเปรอะเปื้อนในผลงาน

น้าชายที่เหลือพับเสื้อตัวสุดท้ายเห็นว่าหลานสาวยังอยู่ดีก็สบายใจ ก่อนจะลุกเอาผ้าไปเก็บไว้ในตู้ระหว่างคอยเหลือบมองปลายเท้าเด็กหญิงอยู่เป็นระยะ

ท่ามกลางความเงียบสงบจนเสียงเล่าสีไม้กับกบดินสอดังอย่างชัดเจน ไม่มีใครทันเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองจากที่ไหนสักแห่งในบ้าน

ภัคก็มัวแต่จัดเสื้อผ้า …ส่วนหนูดาก็ตามไล่ตะครุบสีไม้ที่กลิ้งไปบนพื้นราบอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและหลบมือเล็กได้อย่างหวุดหวิดในทุกครั้ง

มาคว้าได้ทันตอนก่อนที่อีกนิดมันจะตกจากบันได แต่จังหวะหันตัวกลับมาไม่รู้ว่าเสียหลักอีท่าไหนหรือว่าความจริงแล้วมีคนจงใจผลัก ร่างเล็กตกจากบันไดขั้นบนสุด กลิ้งหลุน ๆ ลงมาอย่างไร้การควบคุมขณะส่งเสียงกรีดร้องสั้น ๆ แล้วค่อยแน่นิ่งไปเมื่อตกจากขั้นบันไดสุดท้าย นอนผมสลายบนพื้นราวกับราพันเซลที่ตกจากหอคอย

ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที  “หนูดา!”  ภัควิ่งออกมาจากห้องอย่างไวแต่ก็ไม่ทัน แล้วแทบคลั่งเมื่อเห็นสภาพหลานสาวนอนไม่ได้สติอยู่เบื้องล่าง น้าชายหลั่งน้ำตาอัตโนมัติขณะรีบวิ่งลงบันไดจนน่ากลัวว่าจะล้มหัวฟาดไปด้วยอีกคน จนกระทั่งเห็นเด็กหญิงในระยะที่สามารถเอื้อมมือถึง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่กล้าสัมผัสร่างกายเล็ก ๆ ที่ดูแสนเปราะบางเหลือเกิน  “หนูดา…”  น้าชายทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก

ได้ลุกอีกทีก็ตอนดวงตาพร่าเห็นบุรุษพยาบาลกำลังช่วยกันโยกย้ายร่างเด็กหญิง

ภัคไม่รู้ว่าตัวเองนิ่งงันไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าสองขาไร้เรียวแรงต้องวิ่งตามเตียงเข็นที่เคลื่อนออกมานอกบ้านให้ทันและขึ้นรถพยาบาลไปกับหลานสาวทั้งเท้าเปล่าอย่างนั้น โดยมีธันวาขับรถของที่บ้านตามไปติด ๆ ในฐานะคนที่โทรเรียกรถพยาบาลก็จะอยากเห็นว่าสองน้าหลานปลอดภัยกับตา แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะโดนมินตราแหกอกที่ละทิ้งหน้าที่กลางคันก็ช่างปะไร เพราะในเวลาแบบนี้ไม่มีใครน่าเป็นห่วงเท่าคนวิตกที่กำลังเดินวนไปวนมา   

ชายหนุ่มผิวสีซีดยืนมองคนเป็นน้าเดินไปเดินอยู่หน้าห้องฉุกเฉินร่วมหลายนาที ไม่แน่ใจนักว่าอีกคนเห็นการมีอยู่ของตนหรือเปล่า แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าหมอจะเดินออกมาบอกว่าเด็กหญิงปลอดภัย ระหว่างรอเวลานัยน์ตาก็สะท้อนแต่ภาพแผ่นหลังบางสั่นเทา เห็นอีกคนเอาแต่ยืนร้องไห้ก็อยากทำอะไรสักอย่าง

ธันวาชั่งใจอยู่นานว่าควรทำอย่างที่ต้องการดีไหม อยากดึงตัวอีกคนมากอดปลอบให้หายกังวล แต่เพราะมัวยืนรวบรวมความกล้าจึงโดนสัตว์สองขาคาบร่างบางไปรับประทานอีกตามเคย 

มือกร้านที่ยื่นออกไปรีบชักกลับแทบไม่ทันตอนร่างบางหันตัวกลับมาตามเสียงเรียก 

“ภัค!”  คิมหันต์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาใกล้  “หนูดาเป็นยังไงบ้าง”

ร่างบางแทบร้องไห้โฮเมื่อเห็นว่าเป็นใคร โผกอดนายตำรวจพลางละล้าละล้ำรายงานความเคลื่อนไหวด้วยน้ำเสียงเครือ  “หมอยังไม่ออกมาเลย ผมควรจะทำยังไงดี” 

“ภัค คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะ”  พูดออกไปทั้งที่ก็ใช่ว่าตัวเองจะทำได้ คนเป็นพ่อเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน ใจนึงก็อยากรู้เหตุการณ์คร่าว ๆ แต่คิดว่าคนเล่าคงจะยังไม่พร้อม

“ต้องเป็นเขาแน่ ๆ ต้องเป็นจอมทัพแน่ ๆ ที่ผลักหนูดาตกบันได”  น้าชายเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเองโดยที่ไม่มีหลักฐาน เดาด้วยสัญชาตญาณเพราะเข้าใจว่าหลานสาวมีคนหวังทำร้ายอยู่แค่คนเดียว 

“แล้วคุณเห็นเขาหรือเปล่า”  แต่เมื่อเจอคำถามคิมหันต์เข้าไป ภัคถึงได้ชุกคิดว่าได้ยินเสียงรถจอมทัพออกไปก่อนจะเกิดเรื่อง ใบหน้ามอมแมมส่ายช้า ๆ เป็นคำตอบ แล้วก็ได้นายตำรวจช่วยเช็ดน้ำตาให้จนเกือบหมดจด หลงเหลือคราบความชื้นประปราย ฝ่ามือใหญ่จึงกุมสองพวงแก้มไว้เพราะหวังว่าความร้อนจากมือจะทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง

“มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้”  สันนิฐานในสิ่งที่สามารถเป็นไปได้มากสุด แต่ลึก ๆ แล้วคนพูดเองก็ไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ทำทั้งหมดก็เพื่อให้ร่างบางคลายความวิตกกังวล คิมหันต์กอดคนที่โถมร่างกายเข้าหาอีกครั้ง โอบวงแขนรอบแผ่นหลังบางเพื่อทำให้รู้สึกว่ายังมีกัน 

ภัคค่อย ๆ สงบลงเพราะสัมผัสทางกาย ได้มือนายตำรวจลูบศีรษะจนอยากจะเคลิ้มหลับและเมื่อพลิกใบหน้าบนกลับมาอีกด้านถึงเพิ่งได้เห็นว่าธันวามีตัวตนและกำลังเดินไกลออกไปจนกลายเป็นจุดเล็กนิดเดียว แค่มองตามแผ่นหลังกว้างโดยไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งไว้ ก่อนจะพลิกหน้ากลับไปอีกฝั่ง ยืนกอดนายตำรวจตอบระหว่างรอฟังผลการรักษา           
‘เด็กหญิงพิมพ์มาดาปลอดภัยดีครับ’ คือประโยคที่คุณหมอพูดทักทายกับญาติ แต่อาจมีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย ยังถือว่าโชคดีที่มีแผลแตกที่ท้ายทอยเล็กน้อย ส่วนบริเวณแขนเด็กหญิงจะใช้สอยได้แค่แขนขวา แขนซ้ายต้องใส่เฝือกด้ามไว้เป็นเวลาอย่างน้อยเกือบเดือนจนกว่ากระดูกจะเคลื่อนเข้าที่

ภัคยืนส่งคุณหมอกับพยาบาลหน้าประตูห้องพักโดยไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณไล่หลังคนทั้งสอง แล้วค่อยกลับมานั่งมองหลานข้างเตียง ไม่คิดจะลุกไปไหนเพราะกลัวเด็กหญิงตื่นมาแล้วจะไม่เห็นตนเป็นคนแรก ๆ ขนาดนายตำรวจเปิดประตูเข้ามาหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์ นัยน์ตาสีน้ำตาลยังแค่มองว่าเป็นใครแล้วหันกลับจ้องใบหน้าหลานสาวต่อ

พ่อเด็กที่โดนเมินชั่วขณะวางถุงร้านสะดวกซื้อไว้ที่โซฟาแล้วเดินมาหยุดยืนข้างเก้าอี้ที่ร่างบางนั่งพร้อมวางมือบนไหล่มน  “เดี๋ยวลูกก็ฟื้น”  มือเรียวยกขึ้นวางทับหลังมือใหญ่พลางเงยหน้ามองนายตำรวจที่ก้มหน้าส่งยิ้มให้บาง ๆ   

“หิวไหมคุณ”  ภัคส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่คิมหันต์ไม่ยอมเลิกตื้อง่าย ๆ  “กินอะไรสักหน่อยเถอะ เกิดคุณล้มป่วยไปอีกคนผมเลือกไม่ถูกนะว่าจะดูแลใคร”  เอ่ยพลางเดินกลับไปรื้อหาอะไรที่พอกินลองท้องได้  “เบอร์เกอร์หน่อยไหม”

นายตำรวจยืนโพสท่าเป็นนายแบบโฆษณาอาหารฟาสฟูดทำเอาร่างบางที่หันมองหลุดยิ้ม ถึงจะอิ่มน้ำตาตัวเองจนคิดว่าคงกินอะไรไม่ลงแล้ว แต่ภัคก็ยอมลุกเดินไปหานายแบบอาหารที่ตบโซฟาเป็นสัญลักษณ์ให้นั่งลงข้าง ๆ ระหว่างนั้นมือใหญ่ก็ช่วยแกะพลาสติกแล้วส่งเบอร์เกอร์ให้มือเรียวรับไป

ภัครับมาไว้ในมือ ถืออย่างเดียวแต่ไม่เหลียวแลแม้มันจะส่งกลิ่นหอมฉุยจนเรียกน้ำย่อยสักแค่ไหน

คิมหันต์ที่เห็นร่างบางทำแค่นั่งมองอาหารตัดสินใจเคลียร์ของที่วางคั่นกลางออกไป 

“ไม่หิวก็ไม่หิว”  ค่อย ๆ ดึงอาหารออกไปวางไว้สักแห่งแล้วเขยิบเข้าใกล้  “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวเบอร์เกอร์ก็น้อยใจ คิดว่ามันดูไม่อร่อยคุณถึงไม่อยากกินมันหรอก”

“ผมกลัว”  ถึงจะเอ่ยมาแค่สั้น ๆ แต่คนฟังก็เข้าใจความหมายได้ทันที นายตำรวจผันตัวเป็นผู้ฟังที่ดีระหว่างกุมมือภัคไว้  “ผมเป็นน้าที่ไม่เอาไหน ผมดูแลแกไม่ดีเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยน่า คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นสักหน่อย อีกอย่างหนูดาก็ปลอดภัยแล้วด้วย” 

“ตั้งแต่มีเรื่องกับคุณจอมทัพ แล้วก็มาครั้งนี้ …ผมแค่กลัวว่าครั้งหน้าจะไม่โชคดีอีก”

“มันจะไม่มีครั้งหน้า เพราะผมจะช่วยดูแลลูกอีกแรง”  คิมหันต์ที่บอกว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระโน้มร่างบางเข้าหาตัวแล้วกกกอดไว้ ระหว่างรอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรก็หอมหัวกลมไปพลาง ๆ จูบกลางขวัญซ้ำแล้วซ้ำอีก     

“ผมควรพาหนูดาออกไปอยู่ข้างนอกดีไหม” 

“ขอเวลาผมอีกหน่อย แล้วผมจะพาคุณกับลูกไปอยู่ด้วยกัน”

กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำฉันท์ใด นายตำรวจพูดแล้วก็ไม่คืนคำฉันท์นั้น

อาจไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็อยากอ้อนวอนให้ภัคเชื่อใจ

“ผมจะไม่มีวันทำร้ายคุณกับลูกเด็ดขาด ผมสัญญา”












------------------------------
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 22:40:51 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๖) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #32 เมื่อ19-06-2018 21:55:55 »

สนุกกกกก อยากให้คุณตุ๊กติ๊กมาบ่อยๆค่ะ เรารออยู่ และยังคงสงสัยว่าเป็นภัคเช่นเคย :hao5:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #33 เมื่อ19-06-2018 23:37:43 »

ทำไมใครๆก้ไม่รักหนูดา ฮือออออ
สงสารเด็กน้อยมากเลยค่า

ยังงัยภัคก้ยังดูน่าสงสัยที่สุดอะ
ต้องเคยเปนชู้รัดของเหมันนต์แน่นๆ
แล้วที่มาทำดีกับคิมหันต์ก้ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
รอลุ้รออยู่นะคะ ยังบ่นกับเพื่อนว่าคิดถึงลั่นดาล
พอมาต่อทีมาเยอะมาก สะใจสุดๆ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #34 เมื่อ20-06-2018 03:38:20 »

 :hao4:
ยัยแม่มด น่าจะเป็นคนผลักน้องดา ...
เพราะรู้ว่า จอมทัพโกรธและขู่น้องดาไว้
เลยกะจะพุ่งเป้าคนทำร้ายไปที่จอมทัพ

ส่วนธันวา ... รักภัคแน่นอน
o18
ถ้าแม่มดรู้ ก็อาจจะยืมมือธันวามาทำอะไรร้าย ๆ

อูยยยยย สนุกค่ะ
:katai2-1:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #35 เมื่อ20-06-2018 19:32:59 »

ปมเยอะไปหมดเลย  :katai1:

แต่สนุกมากๆเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #36 เมื่อ21-06-2018 20:12:23 »

แอบคิดว่าเป็นธันวาได้มั้ยใครคือฆาตกร?

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #37 เมื่อ24-06-2018 20:57:40 »

๐๙





แม้ว่าในเช้าของอีกวันหนูดาจะมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมอเพื่อรอดูอาการต่ออีกสักสองสามวัน ภัคเป็นคนแรกที่หลานสาวเห็นหน้าตอนฟื้นสมดั่งใจหวังและสละเวลาส่วนตัวทั้งหมดไปกับการคอยเช็ดตัวร่างเล็ก ป้อนข้าวป้อนน้ำเด็ก ทำเองทุกอย่างเพื่อไถ่โทษที่ก่อนหน้านี้ปล่อยปละละเลยจนสุดท้ายลงเอยด้วยอุบัติเหตุ 
 
ถึงจะอยากรู้ความเป็นจริงสักแค่ไหน น้าชายก็ข่มใจ ไม่ได้ไล่เรียงเด็กหญิงว่าความจริงทำอีท่าไหนถึงได้ตกบันไดลงมา อยากจะให้ได้พักก่อน โดยที่นายตำรวจเองก็บอกว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน หนูดาเสียขวัญมาสองครั้งสองคราว ถ้าจะขอให้เล่าเหตุการณ์วันนั้นอีกอาจจะทำให้ความเครียดยิ่งทวีคูณ   

หลังกล่อมหนูดาหลับ พอดีกับพยาบาลพิเศษเปิดประตูเข้ามา ผู้ใหญ่สองคนละสายตาออกจากเด็กน้อยและถอยห่าง กะจะใช้ช่วงเวลาที่เด็กหญิงหลับกลับไปเอาข้าวของจำเป็นที่บ้าน ภัคฝากฝังพยาบาลให้ช่วยดูแลอย่างดีหรือถ้ามีอะไรก็ให้รีบโทรหา นอกจากสัญญาว่าจะรีบกลับมายังบอกหนูดาก่อนหลับด้วยว่าจะพาตุ๊กตาตัวโปรดมาเยี่ยมด้วย
“ฝากด้วยนะครับ”  ภัคบอกกับหญิงชุดขาว สาวเจ้าก็รับปากด้วยท่าทางใจดี  “ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

ทำเอาคนฟังโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ ที่จริงก็ใจชื้นขึ้นมากหลังมีนายตำรวจอยู่เคียงข้างตลอด คิมหันต์ทำหน้าที่พลขับพาภัคกลับมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยโดยใช้เวลาไม่นาน ตั้งแต่ปลดสายเข็มขัดนิรภัยไปจนถึงเปิดประตูรถ ร่างบางไม่ได้ทำเองเลยสักอย่าง แค่นั่งมาและก้าวขาลงจากรถแล้วปล่อยให้อีกคนกุมมือเดินเข้าตัวบ้าน

ระหว่างเดินผ่านทางเดินก็เกิดเจอกับมินตราที่เลื่อนวีลแชร์ไฟฟ้าออกมาจากห้องรับแขก  “หนูดาเป็นยังไงบ้างคะ”  คิมหันต์ที่ว่าจะเป็นคนตอบคำถามจึงบอกให้ภัคขึ้นไปเก็บของข้างบนก่อนแล้วเดี๋ยวตามไป

มีเหตุต้องปล่อยมือจากกันโดยไม่จำเป็นและแน่นอนว่ามินตราเห็นกิริยาอ้อยอิ่งที่ทั้งคู่มีต่อกันเต็มสองตา น้องชายตัวดีเคลื่อนไหวเชื่องช้าประหนึ่งไม่เต็มใจ ขนาดเดินขึ้นบันไดไปแล้วก็ยังไม่วายหันกลับมาส่งสายตาขณะที่นายตำรวจยิ้มกว้างพลางยืนโบกไม้โบกมือให้ หญิงสาวต้องนั่งมองชายคนรักเก่าแสดงอาการอินเลิฟอย่างออกนอกหน้าด้วยความปวดใจ แล้วกว่าจะเห็นหัวเธอได้ก็ตอนคนบนชั้นสองเดินนวยนาดเข้าห้องไปแล้วนั่นแหละ 

“ผมนึกว่าคุณจะไม่ห่วงลูกแล้วซะอีก” 

คิมหันต์เริ่มคุยกับมินตราสักทีหลังจากที่ปล่อยให้เธอไม่มีตัวตนอยู่ตั้งนานสองนาน      

“เคยอยู่ให้เกะกะสายตาทุกวัน พอหายไปแล้วมันไม่ชินน่ะค่ะ”

“แม้แต่ในเวลาอย่างนี้คุณก็ยังจะพูดถึงลูกแบบนี้เนี่ยนะ”  น้ำเสียงทุ้มต่ำถามด้วยความฉงน  “เวลาเก้าเดือนไม่ได้ทำให้คุณผูกพันกับลูกเลยหรือไง”  ก็แค่สงสัยไม่ใช่ว่ากำลังตำหนิ 

แต่หญิงสาวดันตีความไปอีกอย่าง  “งั้นคุณก็ลองตั้งท้องเองดูบ้างสิ จะได้รู้ว่าเวลาตลอดเก้าเดือนฉันรู้สึกยังไง” 
เธอประชดกลับด้วยเรื่องที่พวกผู้ชายไม่มีวันเข้าใจ ความทุกข์ทรมานเหล่านั้นที่พวกผู้ชายไม่มีวันได้สัมผัสเหมือนโทษทัณฑ์ เป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงหลายคนมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจนพานเกลียดชังลูกน้อยที่ทำให้เหมือนติดคุกนานนับปีและสุดท้ายแล้วก็ไม่อยากที่จะเอาใจใส่หรือร้ายแรงกว่านั้นก็คืออาจต้องการฆ่าลูกตัวเอง

“คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกอยากพาหนูดาออกไปจากที่นี่”

“แต่เด็กนั่นจะไปไหนไม่ได้ถ้าฉันไม่อนุญาต”

“ไม่อนุญาต…? ในเมื่อคุณไม่ต้องการลูกแล้วคุณจะเก็บแกไว้ทำไม”

“เป็นตัวประกันไงคะ”  พูดแค่ประโยคเดียวเกร็งว่าคนตรงหน้าจะไม่เข้าใจจึงขยายความให้เห็นถึงเจตนารมณ์  “ฉันไม่มีทางยอมให้ทุกคนหนีไปแล้วทิ้งฉันไว้คนเดียวแน่”

“ไม่มีใครคิดจะทิ้งคุณหรอก แต่คุณเองต่างหากที่กำลังผลักไสพวกเขาออกไปจากชีวิต” 

ฟังคำพูดหญิงสาวแล้วก็สลดใจทั้งรู้สึกเวทนาไปพร้อมกัน เกิดสงสารหญิงสาวที่ดูโดดเดี่ยวจนเสี้ยววินาทีนึงเผลอใจอ่อน คิมหันต์ย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะกุมมือขาวซีดไว้ ก็แค่อยากให้กำลังใจคนที่ความจริงมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้โดยที่ไม่รู้เลยว่าความใจดีกำลังจะย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง

“เรา…กลับมารักกันเหมือนเดิมได้ไหมคะคิม”  ยามมือใหญ่ทำท่าจะชักกลับ มินตรารีบคว้าหมับเข้าที่ข้อมือข้างนั้นและลองอ้อนวอน  “กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรารักกันมาก ๆ ไง”  หญิงสาวช้อนนัยน์ตาเศร้ามองชายคนรักเก่าที่แทบจะแกะมือเธอออกในทันที

ยื้อกันไปยื้อกันมา อีกฝ่ายพยายามแกะแต่อีกคนก็ยอมละความตั้งใจง่าย ๆ

จนนายตำรวจยอมยกธงขาว สาวเจ้าจึงได้มีโอกาสจับมือใหญ่ต่อไป

“นี่คุณคิดจะทำให้ผมดูเป็นผู้ชายใจร้ายไปถึงไหน”  ใครมาเห็นเข้าก็คงเข้าใจไปว่าผู้ชายห่วย ๆ คนนึงกำลังปฏิเสธความรักจากหญิงสาวเพียงเพราะเธอพิกลพิการทางด้านร่างกาย คนเรามองกันแค่ภายนอก ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วผู้ชายห่วย ๆ คนนั้นอาจจะกำลังต้องเผชิญกับความพิการทางจิตใจของหญิงสาวด้วยอยู่ก็เป็นได้  “ผมให้คำตอบคุณไปชัดเจนแล้วนะ ทุกอย่างมันจบไปแล้วและผมก็ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้อีก”

“เพราะภัคใช่ไหม มันเป่าหูให้คุณเกลียดฉันใช่ไหม”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภัคเลยนะ คุณทำตัวเองทั้งนั้นและตราบใดที่คุณยังเป็นอยู่แบบนี้ ผมไม่มีทางรักคุณลงหรอก”

“ไม่จริง ฉันรู้ว่าคุณยังรักฉัน”

“มินตรา”

“มองหน้าฉันแล้วบอกสิว่าคุณไม่รักฉันแล้ว” 

คิมหันต์มองหน้าหญิงสาวอย่างที่เธอขอให้ทำและทวนประโยคซ้ำอย่างช้า ๆ ชัด ๆ  “ผม-ไม่-รัก-คุณ-แล้ว” 

ราวกับนายตำรวจออกหมัด ซัดเธอจนหน้าหงายด้วยความเย็นชา  “ไม่จริง!”  มินตราที่ไม่ทันเตรียมใจกับความซื่อตรงหวีดร้องเสียงหลง สร้างความตกใจ  “คุณจะเอายังไงกับผมอีก ในเมื่อคุณบอกให้ผมทำ ผมก็ทำแล้วไง”

“ภัคมันมีดีตรงไหน ทำไมใคร ๆ ก็หลงมัน”

“หยุดลากภัคเข้ามาเกี่ยวสักที”

“ทำไม หวงมันนักเหรอ หรือว่าคิม…? คิมนอนกับมันแล้วใช่ไหม”

“มินตรา!”

“ฉันถามว่าใช่ไหม!”  หญิงสาวรบเร้าจะเอาคำตอบแล้วไม่ยอมรามือง่าย ๆ เขย่าแขนนายตำรวจพลางโวยวาย  “ถึงใจดีไหมล่ะ! กินของเหลือเดนต่อจากน้องชา…โอ้ยยย!” 

สุดท้ายความรำคาญชั่ววูบก่อเกิดเป็นเรียวแรงอันมหาศาล ตอนแรกคิมหันต์แค่จะสะบัดตัวออกเฉย ๆ ไม่เคยมีเจตนาจะทำให้หญิงสาวตกจากวีลแชร์ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็พยายามจะแก้ไข ก่อนภาพมินตรากระถดกายเข้าใกล้แล้วเกาะขาของตนไว้จะทำให้ชะงัก นายตำรวจกำลังประสบกับเหตุการณ์น่าลำบากใจ

หญิงสาวหยัดตัวขึ้นนั่งเพื่อกอดขาชายคนรักเก่าไว้ขณะปล่อยน้ำตาให้ไหล  “อย่าทิ้งฉันไป ฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากคุณ”  คำพูดน่าสงสารส่งเสริมให้บรรยากาศยิ่งอึดอัดและย่ำแย่ แม้จะดูน่าสมเพชสักแค่ไหน มินตราก็ไม่สน หากผลลัพธ์คือชายหนุ่มยอมใจอ่อน ต่อให้ต้องอ้อนวอนถึงขนาดกราบกรานก็พร้อมทำ

“พอเถอะมิน ผมขอล่ะ อย่าทำแบบนี้”  นายตำรวจมีสีหน้าเครียดจัดเพราะไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร ยามมืดแปดด้าน ตัวร้ายบอกให้สะบัดขาออกแรง ๆ แต่ตัวดีก็รีบแย้งว่าอีกคนเป็นผู้หญิงนะ จนเมื่อตัวร้ายกระซิบข้างหูอีกครั้งว่าไม่ว่าจะทำอะไรสุดท้ายก็ต้องถูกตราหน้าเป็นคนเลวอยู่ดี คิมหันต์จึงกลั้นใจ สะบัดขาออกแล้วก้าวเท้าหนี

เดินจากมาไกลเพื่อสร้างระยะห่าง แต่การกระทำแสนใจร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ทำมินตราล้มเลิกความตั้งใจ หญิงสาวค่อย ๆ เคลื่อนไหวร่างกาย อาศัยการถดตัวอย่างช้า ๆ ตะเกียดตะกายบนพื้นไปข้างหน้าทีละนิด หวังพิชิตเป้าหมายซึ่งเป็นปลายเท้าที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ความมุ่งมั่นของเธอช่างน่าเลื่อมใสแต่มันไม่ใช่เวลาที่นายตำรวจจะมายืนชื่นชม ต้องข่มอารมณ์สงสารไว้และพยายามทำใจแข็ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแสดงบทคนใจดำไปได้นานแค่ไหนและยิ่งไม่มั่นใจว่าจะทนมองได้อีกก็เมื่อตอนเห็นหญิงสาวหยุดหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

มินตราหยุดพักกลางทางก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตา รีบเงยหน้าด้วยความดีใจหลังจากเห็นว่าเท้าใหญ่ก้าวมาตรงมาและยิ้มหวานที่สุดเท่าที่ทำได้ให้นายตำรวจที่ก้มหน้ามองอยู่ก่อน

คิมหันต์ช้อนร่างเธอขึ้นจากพื้นและพากลับไปยังวีลแชร์โดยไม่พูดอะไร แต่เท่านี้หญิงสาวก็ดีใจมากจนไม่กล้าร้องขออะไรอีก มินตราฉีกยิ้มอย่างมีความสุขขณะเอาหน้าซุกกับบ่ากว้างที่แสนคิดถึง ระหว่างโอบแขนรอบลำคอแกร่งเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเป็นจังหวะเดียวกับที่สองพี่น้องได้มีโอกาสสบตากัน พี่สาวแสยะรอยยิ้มเย้ยหยันส่งให้น้องชายที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนชั้นสอง

ภัคจ้องหน้าตอบด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วค่อยเดินกลับเข้าห้องไปโดยปิดประตูไล่หลังเสียงดังอย่างที่คนด้านล่างต้องได้ยิน ร่างบางเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียงอีกครั้งอย่างสงบ แต่ระหว่างลำเลียงของใช้ทุกอย่างเข้ากระเป๋าจะพบว่ามือเรียวนั้นกำลังสั่น ผลพวงจากการพยายามอดกลั้น สุดท้ายคนทนไม่ไหวคว้าหมอนมาปิดปากแล้วกรีดร้องอัดขณะร่างทั้งร่างสั่นด้วยความโกรธ จนกระทั่งหายอึดอัด เมื่อระบายความอัดอั้นสุดเสียงเสร็จก็ปล่อยหมอนตกลงบนตัก

เหลือแค่แววตาที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นกับน้ำเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความอยากเอาคืน 

“อยากจะลองดีกับฉันนักใช่ไหมมินตรา… ได้ แล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ”





มีต่อด้านล่าง...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 22:41:17 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๗) ๑๙.๐๖.๖๑
«ตอบ #38 เมื่อ24-06-2018 20:59:00 »



คิมหันต์เสียเวลากับมินตราไปพอสมควรก่อนจะรีบด่วนจากมา เรียกได้ว่าเป็นการเดินหนีเพราะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ ขายาวก้าวข้ามขั้นบันไดด้วยอาการร้อนใจ พาตัวเองมาถึงที่หมายแต่กลายเป็นว่าเจ้าถิ่นไม่ต้อนรับ แค่หมุนลูกบิดและเปิดประตูเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงแรงดัน เนื่องจากคนอีกด้านกำลังยันบานประตูไว้สุดแรงด้วยสองฝ่ามือ

คนด้านในพยายามซื้อเวลาทั้งที่รู้ว่าเปล่าประโยชน์ แต่จนแล้วจนรอดก็ต้านไม่ไหว พละกำลังที่ผิดกันทำให้ร่างกายสูงใหญ่แทรกตัวผ่านบานประตูเข้ามาได้ในที่สุด แต่ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร หมอนใบใหญ่ก็กระแทกเข้าหน้าอย่างจัง ถือเป็นการทักทายจากคนหึงหวงจนหน้ามืด

ร่างบางยืนมองนายตำรวจตาแข็ง ช่วงนี้ภัคต้องรับภาระหลายอย่าง ไม่แปลกที่อารมณ์จะแปรปรวนไปบ้าง แถมกลับมาบ้านแทนที่จะได้พักสมอง แต่กลายเป็นว่าต้องมาเห็นภาพคนที่รับปากเสียดิบดีว่าจะดูแลดอดไปแทคแคร์พี่สาวจึงขาดสติเอาง่าย ๆ 

ใช่ว่าคนโดนงอนจะไม่พยายามทำความเข้าใจ ก็กำลังจะอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง เพียงขอแค่โอกาสหรือช่วงเวลาสั้น ๆ แต่นอกจากจะไม่ยอมคุยกันให้ความจริงกระจ่าง ร่างบางกลับเดินมาตีอกชกต้นแขนหนาด้วยความโกรธเคือง ทำเรื่องราวชักบานปลาย คิมหันต์ต้องรีบรวบสองข้อมือเรียวไว้พลางผ่อนลมหายใจเข้าลึก ๆ 

“มีเหตุผลหน่อยสิคุณ”

“ทำไมผมต้องมีเหตุผลกับผู้ชายที่พยายามจะจับปลาสองมือด้วย”  ภัคสวนกลับทันควัน

เห็นมากับตาก็ว่าไปตามนั้นเสียงฉะฉานและแสดงอาการรังเกียจอย่างเปิดเผย ทั้งที่ก็เคยให้แตะเนื้อต้องตัวอยู่บ่อย ๆ แต่มาวันนี้พอไม่พอใจก็ถอยห่าง เหตุผลอีกอย่างเพราะไม่อยากคลุกคลี่กับผู้ชายที่มีกลิ่นพี่สาวติดตามตัว 

“ผมเปล่าจับปลาสองมือสักหน่อย”  นายตำรวจปฏิเสธเสียงแข็ง โต้แย้งข้อเท็จจริงด้วยเสียงจริงจัง  “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณออกมาเห็นตั้งแต่ตอนไหน ผมก็แค่ทนเห็นภาพมินตราตะเกียกตะกายบนพื้นไม่ได้ ผมแค่พยายามจะช่วยเธอ ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น …ถ้าเป็นคุณ คุณจะยืนดูพี่สาวตัวเองทรมานแบบนั้นโดยที่ไม่ทำอะไรเลยหรือไง”

“ใช่”  ภัคยอมรับหน้าตายว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นและจะปล่อยให้พี่สาวผู้น่าสมเพชดิ้นรนจนหมดลมไปเอง  “ผู้ชายนี่โง่เหมือนกันหมด มารยาหญิงแค่นั้นก็ดูไม่ออก…”  ด้วยความเป็นน้อง ออกมาจากช่องคลอดเดียวกันย่อมรู้ดีกว่าใคร การแสดงแบบนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนจบเอกการละคร แค่ทำท่าทางอ่อนแอบวกกับความรู้เก่าที่ว่าผู้ชายล้วนแพ้น้ำตา ต่อให้เรียนจบคหกรรมมาก็ตีบทแตกได้เหมือนกันหมด ถ้าลองให้ร่างบางทำบ้าง ดีไม่ดีอาจมีคนทาบทามเข้าวงการก็ได้     

“คุณมาเป็นตำรวจได้ยังไง ในเมื่อคุณยังแยกไม่ออกเลยว่าอะไรคือความจริงอะไรคือการแสดง”  คำถามคลางแคลงใจไม่ได้ทำให้คิมหันต์อารมณ์คุกกรุ่นเท่าสายตาเยียดหยามที่มองมาและไม่ว่าอีกคนจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร เอาเป็นว่าคนฟังกำลังไม่พอใจมาก ๆ  สีหน้านายตำรวจชักดูไม่ค่อยสู้ดี น่ากลัวว่าจะมีการระเบิดลงในไม่ช้า     

“แล้วตอนทำงานคุณดูออกได้ยังไงว่าคนร้ายกำลังหลอกคุณอยู่หรือเปล่า”

“มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ …ภัค”  ทุกคนมีขีดกำจัดมากน้อยแตกต่างกัน

สำหรับคิมหันต์ความอดทนแทบขาดสะบั้นนับตั้งแต่ตอนถูกด่าว่าโง่ครั้งแรกแล้ว     

“เกี่ยวสิ แล้วที่คุณยังดูไม่ออกสักทีว่าใครฆ่าเหมันต์ก็เพราะคุณมันโง่ไง”

ผู้ชายเกลียดที่สุดคือการโดนดูถูกซึ่ง ๆ หน้าและเกลียดรองลงมาก็คือเวลาคนพูดจาถากถางยังลอยหน้าลอยตาได้อย่างน่าหมั่นไส้ ร่างบางเหมือนเด็กที่กำลังเล่นหัวผู้ใหญ่และแน่นอนว่าจะไม่มีการปล่อยให้ลูบหัวเล่นเป็นหนที่สอง  “…หยุดพูดซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”

แต่เวลาโดนเตือนครั้งแรกเด็กมักไม่เชื่อฟังและยิ่งอยากลองดีด้วยความคึกคะนอง

“ทำไม…? ผมจะพูดว่าคุณโง่อีกกี่ครั้งก็ได้ในเมื่อมันเป็นสิทธิของผม คุณมันโง่ คิมหันต์” 

เท้าใหญ่ก้าวถึงตัวคนวอนหาเรื่องทันที ปรี่เข้าคว้าปลายคางแล้วบีบอย่างแรงด้วยมือข้างเดียว
 
“อีกไม่นานคุณจะสำนึกได้เองว่าตัวเองนั่นแหละที่โง่ที่สุด…”  พอพูดประโยคปริศนาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเสร็จก็ผลักร่างบางกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว การใช้กำลังทำเอาภัคตกอยู่ในอาการช็อกและจ้องหน้าคิมหันต์ด้วยสายตาตกใจ แต่ขณะยกมือลูบคลำปลายคางที่ยังหลงเหลือความรวดร้าวไว้จาง ๆ อารมณ์กำลังตีกันจนแยกประเภทไม่ออก 

ได้แต่มองนายตำรวจถอดแจ็คเก็ตดำ ทำราวกับว่าทนอึดอัดมานาน พอหลุดจากตัวก็ปามันลงพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง มือใหญ่เสยผมไปข้างหลังอย่างลวก ๆ ไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์เพราะกำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน ยากจะเก็บอาการ ความรู้สึกมันส่งผ่านสีหน้าออกมาหมด พอหัวเสียหนัก ๆ ก็ไม่อยากจะรักษาภาพพจน์คนดีอีกต่อไป 

“คุณถามผมใช่ไหมว่าตอนทำงานดูออกได้ยังไงว่าคนร้ายกำลังหลอกอยู่หรือเปล่า”  นายตำรวจย่างสามขุมเข้าหาภัคอีกหนแล้วเริ่มพูดในสิ่งที่ร่ำเรียนมา  “ตามทฤษฎีแล้วคนโกหกมักจะชอบหลบตา แต่ความจริงแล้วก็ใช่ว่าพวกจ้องหน้าเราตรง ๆ จะพูดความจริง …เหมือนที่คุณจ้องหน้าผมอยู่ไง”

คิมหันต์หยุดยืนถอดเสื้อกล้ามตรงหน้าร่างบางแล้วปาไปอีกทาง เผยร่างกายกำยำตามประสาคนใช้แรงงาน อวดมัดกล้ามตามท่อนแขนสองข้าง แผงอกกว้างที่อุดมไปด้วยเนื้อหนังอยู่เสมอสายตาร่างบางที่เผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว   

“คุณ…พยายามจะพูดอะไรกันแน่”

“ไม่มีใครหลอกผมได้ ยกเว้นซะว่าผมจะยอมให้หลอก”  สองร่างต่างขนาดยืนชิดกัน ใกล้จนสามารถเห็นว่าซ่อนอะไรไว้ในแววตาชัด ๆ และภัคที่ไม่ปรารถนาให้ใครล่วงรู้ว่ากำลังกลัวก็รีบขยับตัวออกห่างพร้อมทั้งยกมือดันจนฝ่ามือได้สัมผัสกับกายร้อน   

“วันนี้ทั้งพี่คุณทั้งคุณทำผมเหนื่อยใจมากนะ”  คิมหันต์บ่นและแน่นอนว่าไม่มีใครอยากอยู่ทนฟัง โดยเฉพาะคนที่มีชนักติดหลัง หลุดปากด่าไปก่อนหน้านี้แล้วทำทีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกล่าวขอโทษ 

“ผมต้องรีบกลับไปโรงพยาบาล”  ร่างบางเกลียดสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังตกเป็นรองจนต้องรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะหลุดพ้นจากบรรยากาศกระอักกระอ่วน แต่ก็ชวดคำว่าอิสรภาพไป เมื่อมือใหญ่แปรสภาพเป็นคีบเหล็กที่ล็อกแขนเล็กกว่าแล้วกระชากกลับมาอย่างรวดเร็ว 

“ด่าเสร็จแล้วก็ไปมันใช้ได้ที่ไหนล่ะ” 

“ปล่อย”  ภัคยืนบิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมเป็นพัลวัน  “งั้นคุณต้องการอะไร คำขอโทษงั้นเหรอ…?”  ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ แล้วก็พูดให้ฟังอย่างที่หาความสำนึกผิดแทบไม่เจอ  “ขอโทษ พอใจหรือยัง…!”

เหมือนได้ยินเสียงฝางเส้นสุดท้ายขาดแว่ว ๆ แล้วก็เป็นเสียงบางอย่างกระทบกับเตียง 

นายตำรวจเหวี่ยงร่างบางลงกลางที่นอนจนตุ๊กตาที่อยู่แถวนั้นกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง ก่อนจะจับร่างข้างใต้ขึงพืชระหว่างขึ้นคร่อม ฉวยโอกาสหอมแก้มร่างข้างใต้แล้วค่อยให้คำตอบน้ำเสียงราบเรียบ  “ยัง…”

จนคนที่นอนเห็นความพ่ายแพ้อยู่ร่ำไรต้องงัดไม้อ่อนมาใช้อย่างจวนตัว  “หนูดารออยู่ ผมต้องกลับไปหาแก” 

“ก็ไปสิ”  พูดเหมือนยินยอมแต่ยังคร่อมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมเบียดร่างกายทับจนภัคขยับเขยื้อนแทบไม่ได้ ทุกส่วนกลายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ   

“เลิกเอาเรื่องลูกมาอ้างสักที มุกนี้มันใช้ไม่ได้ผลหรอก”

“เรียกลูกได้เต็มปากเต็มคำเลยนะ …คิมหันต์”  จงใจเรียกชื่อเต็มเพื่อเตือนความจำ อีกคนจะได้เลิกทำตัวเหมือนเป็นเหมันต์ซึ่งคือพ่อแท้ ๆ ของหนูดา  “ผมขอถอนคำพูดที่บอกว่าคุณแสดงละครได้ไม่เอาไหน คุณต้องรู้แน่ ๆ ว่าใครแสดงละครอยู่ เพราะคุณเองก็แสดงละครเก่งเหมือนกัน หลอกหลานผมว่าเป็นพ่อได้แนบเนียนดีนะ”

“แล้วรู้ไหมว่านอกจากบทพ่อแล้วฉันอยากเล่นบทอะไรอีก บทผัวนายไง” 

สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ประโยคยิ่งดูหยาบโลนโดยไม่ต้องพ่นคำหยาบสักคำ กระซิบประโยคจาบจวงเหนือกกหูร่างบาง หวังจะจูบปากแต่ภัคเอียงหน้าหลบ ไม่สมยอมง่าย ๆ จนทำให้คิมหันต์นึกย้อนไปถึงตอนจูบกันในรถที่เริ่มต้นด้วยการบังคับผ่านความรุนแรง  “สงสัยจะชอบแบบบังคับสินะ ฉันต้องตบนายด้วยไหมนายถึงจะมีอารมณ์” 

แล้วทันทีที่พูดจบก็เป็นนายตำรวจซะเองที่โดนตบจนหน้าหันไปด้านข้าง   

“โดนตบแล้วมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างไหมล่ะ” 

ภัครีบทวงถามความรู้สึก โดยไม่ได้สำนึกเลยว่าเพิ่งทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน 

ส่วนคิมหันต์กำลังหลับตาขณะเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม รู้สึกปวดแถบซีกหน้าด้านซ้ายและความเจ็บนั้นยิ่งสุมไฟในอกจนควันโขมงโฉงเฉง อาการหน้าเทาเข้าแทรกแทนที่ความรู้สึกเกรงอกเกรงใจ ชั่วครู่เดียวอสูรร้ายถือกำเนิดบนดิน มันผุดขึ้นมาจากนรกและคิดจะลากเหยื่อให้ตกลงไปตายตามกัน หรืออย่างน้อยก็ต้องทรมานมากกว่าสองสามเท่า

นายตำรวจประพฤติตัวก้าวร้าวผิดหูผิดตา กิริยาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เผยตัวตนป่าเถื่อนเมื่อถึงคราวเลือดขึ้นหน้า กระชากเสื้อคนนอนใต้ร่างจนผ้าแยกเป็นสองท่ามกลางการออกแรงขัดขืน ร่างบางรีบยกมือขึ้นปัดป้อง เตรียมจะกรีดร้องเสียงดังแต่ก็โดนมือใหญ่ตะครุบปาก ถึงจะกลายเป็นใบ้โดยสมบูรณ์แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดดีดดิ้น

ออกแรงสู้ไม่คิดดิ้นเร้า ๆ พยายามเบี่ยงช่วงตัวขาวโพลนหลบแต่ก็โดนจู่โจมเข้าที่ตำแหน่งหัวใจ ตุ่มไตบนหน้าอกซ้ายกลายเป็นของขบเคี้ยวเล่นถูกดูดดุนเหมือนเจลลี่และถูกบดบี้ซึ่งแทนที่จะยุบกับชูชัน คิมหันต์จงใจกลั้นแกล้งให้เจ็บปวด แล้วมันก็ได้ผลรวดเร็วทันตา ภัคที่เคยต่อต้านออกอาการชะงักงันและนอนครวญครางขณะคนบนตัวกำลังใช้มือข้างที่ถนัดถอดกางเกงท่ามกลางความชุลมุน 

คิมหันต์เอื้อมปลดปราการสุดท้ายของคนใต้ร่างจนมันเลื่อนตกไปค้างอยู่ที่ข้อเท้าขาว แววตาแข็งกร้าวไล่สำรวจความนวลเนียนใต้ร่มผ้า ไม่ได้ดูแค่ตามือยังต้อง ลองสัมผัสส่วนนั้นส่วนนี้ตามอำเภอใจ จนความกร้านบนฝ่ามือเป็นสาเหตุให้ร่างบางรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจะเป็นไข้ ภัคพยายามหยัดกายขึ้นนั่งแต่ก็โดนผลักลงไปนอนหงายตามเก่า แล้วเริ่มกลับเข้าสู่กระบวนการอารยะขัดขืนอีกครั้งเมื่อนายตำรวจยังใช้กำลังข่มเหงประชาชนตาดำ ๆ พยายามก้มลงจูบริมฝีปากแดง ออกแรงบีบคางบังคับคนดื้อให้อ้าปากจนลิ้นสากได้หลุดลอดเข้าสู่ด้านใน   

ยามน้ำลายไหลเทรวมกัน ร่างบางเผลอตวัดลิ้นตอบตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตระหนักได้ว่าตัวเองต้องต่อต้านยืนกรานว่าไม่ยอมรับ กำปั้นเล็กระดมทุบหัวไหล่หนาก่อนจังหวะการทุบจะช้าลงอย่างชัดเจนตอนที่จิตใจเริ่มเอนเอียงไปมา เข้าสู่สภาวะสับสน โดนรุกเร้าอย่างต่อเนื่องก็ชักหวั่นไหว แอบเผลอไผลไปกับรสจูบหนักหน่วง 

ภัคติดอยู่ในห้วงอารมณ์วาบหวามต้องจำนนต่อหลักฐาน ปฏิเสธกับใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับหัวใจตัวเองแน่นอน ร่างบางเริ่มร้อนรนจนหายใจถี่ ยิ่งริมฝีปากร้อนไต่ลงจากปลายคางสู่ลำคอ แล้วต่อด้วยการซุกไซ้ ยิ่งทำให้นอนอยู่ไม่สุข ทุก ๆ ที่ที่เคลื่อนผ่าน คิมหันต์จะใช้ฟันขบบริเวณนั้นเพื่อทำสัญลักษณ์ สร้างรอยระหว่างคอยใช้มือบีบตามสีข้างจนคนนอนใต้ร่างท้องไส้ปั่นป่วน ท่ามกลางการนวดคลึงอย่างหนักมือ แขนหนึ่งก็เลื่อนโอบรอบหัวนายตำรวจที่มัวง่วนกับการตีตรา ขยุ้มผมเส้นแข็งออกแรงจิกอย่างลืมตัว คิมหันต์โงหัวขึ้นจากซอกคอขาวแล้วเลื่อนลงดูดเนิ่นนมที่รวบได้เป็นเต้าอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นป้วนเปี้ยนอยู่แถวยอดอกละเลงลงบนนั้นอย่างแม่นยำ สร้างความเสียวซ่านและลดระดับความต่อต้านให้เหลือเป็นศูนย์ ภัคหยุดดิ้นรนนานแล้วและแววตาก็หลงเหลือความพยศ

ร่างบางรอจนมั่นใจว่านายตำรวจกำลังเผลอไผล ผลักไหล่อย่างแรง แต่อิสรภาพก็แลกมาด้วยการถูกจับกุม วิ่งหนีไม่พ้นเตียงก็ถูกจับทุ่มกับที่นอนก่อนจะตามด้วยการใส่กุญแจมืออย่างรวดเร็ว คิมหันต์นั่งทับเอวคอดตอนปลดกางเกงตัวเองอย่างว่องไว ถอดชั้นในแล้วคร่อมขาเหนือใบหน้าภัคและง้างปากแดง ๆ ด้วยการแยงแก่นกายเข้าไปจนมิดด้าม

เป็นเหตุให้ภัคนอนสำลักและรีบสะบัดหน้าไปอีกทาง กระทั่งถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งและมีร่างสูงใหญ่ยืนค้ำ ขณะมือใหญ่จับแก่นกายยัดใส่โพรงปากอุ่นแล้วชักดุ้นเข้าชักออกมืออีกข้างก็ล็อกหัวกลมไว้ยึดให้อยู่กับที่ ยังดีที่ให้ร่างบางได้พักหายใจหายคอบ้าง รีบชักท่อนเนื้อออกแก้มที่ป่องจึงตอบ ร่างบางรีบกอบโกยอากาศเข้าปอดพอดีกับการสอดใส่ครั้งใหม่ 

นายตำรวจสาวแก่นกายด้วยมือไปพลางระหว่างใช้ขอบปากร่างบางรูดไปด้วย มันช่วยทำให้หลั่งคาปากที่อมไว้ ภัคไม่ทันได้ถอยท้ายทอยก็ถูกดันให้เผชิญกับแรงอัดฉีดและเผลอกลืนกินของเหลวบางส่วนเข้าไป คายส่วนที่เหลือลงเตียง

คราวนี้แค่เพียงแก่นกายเคลื่อนเข้าใกล้อีกครั้ง อย่างกับถูกดูดด้วยแม่เหล็ก อ้าปากไปเองโดยอัตโนมัติ เลียไอ้นั้นอย่างเอร็ดอร่อยปล่อยตัวตามสบาย บ่มแก่นกายด้วยอุณหภูมิพอเหมาะแล้วก็ดูดซ้ำ ๆ ย้ำลงไปจนเกิดเสียงดัง จนสันกรามนายตำรวจขึ้นชัดเพราะกำลังกัดฟันกรอด รีบถอนน้องชายเพื่อที่จะปลดปล่อยบนลิ้นที่แลบออกมาแต่โดยดี

ถึงทีสิ้นลายแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งท่าทีอิดออดเล็ก ๆ ระหว่างอ้อยอิ่งนั่งนิ่งเหมือนไม่ประสา แต่จากลีลาการใช้ปากการันตีได้ว่าเชี่ยวชาญพอตัวเสมือนเคยผ่านการมีผัวมาก่อน ภัคถูกผลักลงนอนหงายอย่างแรง ขาแยกไปคนละทิศคนละทางก่อนจะครางเสียงหลงยกมือปิดปากตอนบริเวณหว่างขาถูกรุกร่ำ ต้องรองรับความใหญ่ยาวที่ดันเข้ารวดเดียว ก่อกำเนิดความเสียวซ่านนอนสะท้านอกแอ่น ร่างกายสั่นระริกตอนที่อีกคนถอนแก่นกายออกจากช่องแคบจนสุดแล้วรุดเข้ามาใหม่ 

ตอนแรกก็หยิบยื่นจังหวะให้อย่างเนิบนาบระหว่างจับหัวเข่าไว้ ลวงหลอกว่าจะไม่รีบร้อน แต่แล้วก็ล็อกเอวคอดก่อนจะรั้งร่างเข้ามารับแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง ทำรุนแรงราวกับโกรธเคืองกันมาแต่ชาติปางก่อน ขนาดภัคพยายามอ้อนวอนเสียงกระเส่า ท่อนเอ็นก็ยังเสือกเข้าออกอย่างหนักหน่วง ทะลวงความฝืดเคืองย่อยยับ นายตำรวจไม่ได้ปรานีปราสัย แผ่นหลังขาวเนียนเสียดสีกับผ้าปูไม่หยุด จนหัวตกจากหมอนที่ใช้หนุนก็แล้ว คิมหันต์ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเลิกคลั่งเพราะห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามาสักพัก ช่างเป็นโชคร้ายหรืออาจกลายเป็นโชคดีของภัคที่ยังร้องเจียนขาดใจตาย เหมือนต้องการให้มันดังคับบ้าน

ยิ่งใกล้ถึงเป้าหมาย สะโพกสอบยิ่งเคลื่อนไม่บั้นยะบั้นยัง รวบสองแขนขาวไว้แล้วแรงเขยื้อนก็ทำให้เกิดเสียงกุญแจมือกระทบกันอยู่ตลอดสอดผสานไปกับเสียงสปริงของเตียงนอน คิมหันต์ยึดสะโพกผายก่อนจะสวนอวัยวะเพศเข้าออกตรงช่องทางร้อนถี่ ๆ ภายในหนึ่งนาทีแก่นกายขูดผนังอ่อนถลอกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพราะกำลังทำเวลา

นายตำรวจหน้านิ่วคิ้วขมวดซูดปากเพราะจวนจะถึงปลายทางอีกรอบ เสียงหอบหายใจดังระงมผสมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังอืออึงพอกัน ขนาดเม้มปากเสียงร้องอืออ้าก็ยังเล็ดลอดออกมาประจานความน่าเกลียดของตัวเอง ภัคสั่นเทิมไปทั้งตัวหัวสั่นหัวคลอนเพราะความเร่งรีบ ไหนจะโดนความอึดอัดบีบคั่น ท้ายที่สุดก็หลั่งน้ำรักราดรดท้องน้อยตัวเอง

ซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมาคิมหันต์ก็กระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ระหว่างคำรามเรียกชื่อร่างบางด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก็ปลดปล่อยทะลักทะลาย แช่แก่นกายคาไว้แล้วกระแทกอีกสองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าฝังน้ำเชื้อลึกสุดแล้วหยุดพักหายใจ ระหว่างนั้นก็เขยื้อนกายอย่างช้า ๆ ทำท่าจะต่อยกสอง น้ำสีขาวข้นกระฉอกเมื่อท่อนเนื้อเสือกออกแล้วดันกลับเข้าไปใหม่

เซ็กส์ร้อนแรงวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งหลังจากที่เห็นพ้องต้องกันผ่านการสบตา ทั้งคู่เลือกจะสนทนาด้วยภาษากายต่อ โดยลืมไปเลยว่ามีใครนอนรออยู่ที่โรงพยาบาล พอขาดความยับยั้งชั่งใจผู้ใหญ่ก็เลิกคิดถึงเด็กหญิงไปชั่วขณะ คิดแต่ว่าจะกอบโกยความสุขตรงหน้าอย่างไร ขอเห็นแก่ตัวและหาความบันเทิงเริงรมย์ใส่ตัวเองก่อน

หลายสิบนาทีผ่านไปก็ยังได้ยินเสียงยวบยาบของที่นอน รวมถึงเสียงกระท่อนกระแท่น น้าชายผู้แสนอ่อนโยนของหนูดาเผชิญหน้ากับตุ๊กตาตัวโปรดของหลานสาวในท่วงท่าสัตว์สี่ขา หมาตัวเมียถูกคร่อมยอมให้หมาตัวผู้ขึ้นขี่ คุณพ่อผู้แสนใจดีของเด็กหญิงกำลังทำในสิ่งที่เรียกว่าสั่งสอน ใช้มือตบก้นงอนแล้วเอาท่อนเนื้อฟาดบั้นท้าย ก่อนจะยัดไอ้นั้นกลับเข้าในช่องทางชื้นแฉะและก็เป็นอีหรอบเดิม เริ่มเคลื่อนไหวอย่างหนักแน่นจนก้นที่แอ่นสู้แทบต้านทานไม่ไหว แทบนอนราบไปกับเตียงที่เละเทะ ตุ๊กตาที่เคยวางระเกะระกะก็กระจัดกระจายไปทั่วห้อง 

ยามอีกคนเรียกหา ภัคแค่เอี้ยวหน้ามองนัยน์ตาทั้งสองข้างหยาดเยิ้ม เริ่มไร้สติสัมปชัญญะเข้าไปทุกขณะและสายตาฝ้าฟางถึงขนาดหลุดปากพึมพำบางคำซึ่งทำให้นายตำรวจชะงักสะโพกกลางคันเปลี่ยนมากระแทกอัดด้วยความฉุนเฉียว โดยที่ร่างบางก็ไม่ได้เฉลียวใจกับจังหวะที่เร่งเร้าขึ้นและยังยื่นแขนที่ไร้พันธนาการแล้วให้คนด้านหลังจับ ยอมรับการพิพากษาโดยดุษฎี เด็กไม่ดีก็ควรถูกลงโทษ ปล่อยให้อีกคนเหยียดหยามศักดิ์ศรีด้วยการแตกใส่หน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายคลานเข้าหาคว้าแก่นกายเปียกชุ่มมาอม ไม่ได้ดูเลยว่าเจ้าของมันอยู่ในอารมณ์ไหน แต่คิมหันต์ก็ยอมให้ทำความสะอาดจนเสร็จ

สายตาเย็นชาหลุบมองดวงหน้าแดงก่ำ ก่อนจะแย้มยิ้มเมื่อคนนอนหมดสภาพช้อนนัยน์ตาฉ่ำน้ำมอง สุดท้ายภัคก็สิ้นฤทธิ์คาอ้อมกอดของนายตำรวจที่ยังตาแข็ง ขณะเท้าศอกกับหมอน คิมหันต์นอนตะแคงข้างเพื่อเฝ้ามองร่างบางหลับใหล ขยับตัวเล็กน้อยภายใต้ผ้าห่มสีขาวที่ยับย่นจนดูราวกับกลุ่มก้อนเมฆในท้องนภา

ดูเหมือนได้เสวยสุขอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่จากสีหน้าคิมหันต์แล้วเหมือนคนตกนรก

ตกอยู่ในภวังค์หลังนึกย้อนไปถึงตอนมีอะไรกัน


‘…พี่ …เหม’


ภัคเรียกชื่อเหมันต์คนน้องในขณะที่ร่วมรักอย่างออกรสกับคิมหันต์คนพี่ 












------------------------------
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 20:59:18 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #39 เมื่อ24-06-2018 22:56:22 »

 :pighaun: :pighaun:
อ่านจบแล้วก้ได้แต่ร้อง อู้หูวววววว
แสดงธาตุแท้ออกมากันหมดแล้ว
กลายเปนว่าหลอกกันไปหลอกกันมา
แบบนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
ไม่ต้องมาแสดงละครใส่หน้ากากใส่กันแล้ว

ตอนนี้แซ่บมาก พริก10เม็ดเลยค่ะคุณตุ๊กติ๊ก
ชอบการใช้คำเวลาบรรยายบทอัศจรรย์มาก
 :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-06-2018 22:56:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #40 เมื่อ24-06-2018 23:46:31 »

อื้อหืออออ ชื่อเรื่องกับเนื้อหานี่ไปคนละทางกันแบบจริงจัง ตอนแรกนึกว่าจะแนวย้อนยุคซะอีกไม่คิดเลยว่าจะเป็นแนวสืบสวนแบบนี้ แถมปมยังเยอะชวนให้สงสัยทุกคนเลยจริงๆ พฤติกรรมของทุกตัวละครคือสามารถเป็นคนร้ายได้หมดเลยอะ โดนเฉพาะกับภัคคือจากบทนำคนเขียนปูมาให้สงสัยภัคมากจริงๆ ไหนจะพฤติกรรมเก็บกดที่ไม่แสดงออกมารวมทั้งความหลอกตาอะไรอีกมากมาย ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นภัคจริงๆนะ แต่พอมาถึงตอนล่าสุดนี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วการที่ภัคเรียกชื่อเหมมันบอกได้นิดๆว่าภัคไม่ได้เกลียดเหมจนถึงกับต้องฆ่านะ และคิดว่าภัคกับเหมก็คงเล่นชู้กันด้วยนั่นแหละ อาจจะเป็นเพราะภัคโหยหาความรักบวกกับต้องการเอาคืนพี่สาวด้วยรึเปล่าเลยทำแบบนี้ ส่วนคิมหันต์นี่ถึงจะเป็นตำรวจแต่เราก็ยังไม่ไว้ใจนะยิ่งมาปลดปล่อยอารมณ์ดิบช่วงท้ายๆด้วยแล้วถ้าเปิดมาว่าเป็นคนร้ายนี่จะพีคมากอะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #41 เมื่อ24-06-2018 23:51:32 »

ตอนแรกไม่ชัวร์ว่าเคยได้กะคนน้องไหม อ่านบรรทัดสุดท้ายของจริงก็มาค่ะ อารมณ์รุนแรงทั้งคู่ ศีลเสมอกันสุดๆ  :katai1:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #42 เมื่อ24-06-2018 23:59:54 »

เราว่าแล้ววว ต้องเคยเป็นชู้กับคนน้องแน่ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #43 เมื่อ25-06-2018 00:51:19 »

 :katai1:


แอร้ยยยยย

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #44 เมื่อ25-06-2018 12:59:16 »

 o22

อูยยยยยย ... สรุปยังไง ยังไง?

ภัคเป็นชู้กับพี่เขย ... พี่สาวเลยเกลียด

ธันวาแอบรักภัค ... ธันวาหึงภัค ก็อาจจะเป็นคนฆ่าเหม

คิมหันต์ ... อาจจะมีปมบางอย่าง ... แวะมาแอบฆ่าเหม
(เพราะเหมือนอ่านเจอว่า ลูกสาวเห็นพ่อ (ที่อาจจะเป็นแฝด) ยืนอยู่นอกบ้านในคืนที่พ่อตาย)

ภัค .. ถ้ายังเผลอเอ่ยชื่อ ก็ไม่น่าเป็นคนทำ
แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะดูท่าทางฮีจะไม่เบานะเนี่ย

โอ๊ยยยยยย ตายแน่ คิดไม่ออก
คนเขียนรีบมาบอกหน่อยน้าาาาาาาาา
จะยืนรอที่ท่าน้ำทุกวันเลย
:เฮ้อ:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #45 เมื่อ25-06-2018 20:03:42 »

๑๐





ในวันที่มีเมฆมาก สันนิฐานว่าอีกไม่นานนักฝนคงตก

เท้าเปล่าคู่หนึ่งย่ำลงบนดินและทิ้งรอยเท้าไว้อย่างไม่สม่ำเสมอ ทั้งขาดช่วง เว้นระยะ แลดูสับสนเนื่องจากไม่รู้ว่าที่นี่คือแห่งหนใด ร่างบางที่ไม่เข้าใจแม้กระทั่งว่าตัวเองมาเดินอยู่กลางป่าทึบนี้ได้อย่างไรพยายามกวาดสายตาหาตัวช่วยชี้เบาะแส ขอแค่ป้ายบอกทางเล็ก ๆ ก็ยังดี แต่กลับไม่พบอะไรเลยนอกจากความเขียวขจี มีแค่ต้นไม้ใหญ่ไล่เฉดสีจากเข้มไปอ่อนยืนซ้อนต้นกับเสียงใบไม้เขยื้อนตามแรงลมที่ฟังดูแล้วโหยหวน ชวนให้ขนลุกพิกล   

ท่ามกลางความสงบ มีลมพัดเอื่อย ๆ ก็มีคนเสียงคนเรียกให้ช่วย  ‘ช่วยด้วย!’

   น้ำเสียงปริศนาลอยมาจากที่ไกล ๆ และเรียกให้หันมองในทันที คนหลงทางแสดงสีหน้าลังเลว่าจะทำอย่างไรหลังจากที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ  ‘ช่วยผมด้วย!’  จนเมื่อตระหนักได้ว่าเจ้าของเสียงแว่วนั้นอาจเป็นคนเดียวที่สามารถพาออกไปจากป่านี้ได้ จากที่หยุดยืนจึงเปลี่ยนใจเป็นออกวิ่งและสิ่งเดียวที่คอยนำทางก็คือเสียงร้องให้ช่วย

   แต่ด้วยระยะทางที่ไม่ใช่สั้น ๆ กลายเป็นว่าสองขาวิ่งมาไม่ทันเวลาแถมต้องประสบกับภาพน่าสยดสยอง ทำได้แค่ยืนเงยหน้ามองวาระสุดท้ายของเด็กชายตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความทรมานก่อนจะแน่นิ่งในที่สุด ร่างเล็กหยุดดิ้นทั้งสภาพลิ้นจุกปากและห้อยเคว้งคว้างกลางอากาศไปมาขณะมีเชือกรัดลำคอ ชีวิตต้องจบลงเพราะมีคนใจยักษ์ใจมารต้องการกำจัด

จับมาประหารด้วยการแขวนคอโดยเชือกที่ผูกไว้กับกิ่งไม้ที่พอจะรับน้ำหนัก แต่ก็ช่างเหมือนสวรรค์แกล้ง อย่างกับกลัวว่าคนตกตะลึงจะเห็นการแสดงสดเมื่อกี้ไม่ชัด จู่ ๆ กิ่งไม้ก็เกิดเปราะแต่ไม่ถึงกับหัก เพียงแต่โน้มลงมาพานพาให้ร่างเด็กชายหย่อนลงต่ำจนเผชิญหน้ากับร่างบางที่ยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ได้เห็นสภาพศพใกล้ ๆ ของที่กินเข้าไปแทบสำลอกออก ช็อกเกินกว่าจะเดินถอยหลังและยิ่งเบิกตากว้างเข้าไปใหญ่ตอนเห็นว่าริมฝีปากคล้ำของคนที่ตายไปแล้วขยับถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย  ‘คุณฆ่าผมทำไม’ 

เด็กชายผู้ตายตาไม่หลับจ้องอย่างกับจะกล่าวโทษ ส่วนคนไม่ผิดก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวันและละล่ำละลักปฏิเสธ  ‘ฉะ …ฉันเปล่า’  เป็นแค่คน ๆ หนึ่งที่มีเจตนาดีมาช่วยและแม้ว่าจะทำอะไรชักช้าไม่ทันการ แต่ความผิดมันก็ไม่น่าร้ายแรงถึงขนาดต้องโดนปักปำว่าเป็นฆาตกร

ถึงจะยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ทำ แต่คำถามเดิม ๆ ก็ยังตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเริ่มรบเร้าเหมือนจะเอาคำตอบเดี๋ยวนั้น จาก ‘ฆ่าผมทำไม’  กลายเป็น  ‘นายฆ่าฉันทำไม’  สัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นและแสนสงสัยเจือปนอยู่น้ำเสียงกระด้างก่อนที่ใบหน้าของคนบางคนจะซ้อนทับกับใบหน้าเด็กชายนิรนาม  ‘ฆ่าฉันทำไมภัค’

ตอนแรกนึกว่าหูฝาดแต่พอเพ่งสายตามองชัด ๆ ร่างบางยิ่งออกอาการลนลาน ตัวสั่นงันงก รีบยกมือยกไม้โบกไปมาระหว่างก้าวสองขาถอยหลัง  ‘ฉะ …ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ตั้งใจ…’

ทั้งที่เป็นฝ่ายถอยออกมา แต่ภาพตรงหน้าที่ควรจะมีขนาดเล็กลงกลับขยายใหญ่ขึ้น ร่างสูงใหญ่ที่มีผ้าพันรอบคอไว้คล้ายกับเป็นโซ่ตรวนจองจำหยุดยืนค้ำหัวคนที่สะดุดขาตัวเองจนล้ม มองร่างบางพนมมือขอโทษด้วยความหวาดกลัวและกรีดร้องราวกับคนเสียสติ ยังไม่มีใครทันทำอะไร แต่เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเคยทำอะไรไว้ถึงได้ร้อนรน คิดถึงขนาดที่ว่าอีกคนจะกลับมาเอาชีวิตจากปรโลก จึงยกมือไหว้งก ๆ เพื่อหวังให้อภัยกัน  ‘ฉะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...’

‘ฉันไม่ได้ตั้งใจ’ 

‘ไม่ได้ตั้งใจ… ฉะ’


“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…!!” 

ราวกับมีมือปริศนาช่วยกระชากผมออกจากฝันร้าย ภัคสะดุ้งตกใจตื่นทั้งสภาพใบหน้าซีดเผือด ภาพผู้ชายในฝันตาเหลือกตาปลิ้นยังติดตาทำเอาหวาดผวาถึงโลกปัจจุบัน แต่แล้วก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นเหมือนฝันซ้อนฝันอีกที เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของผีสางจึงกระวีกระวายงัดท่อนแขนหนาออกจากร่างกาย

ปล่อยให้ความกลัวครอบงำชั่วครู่ แล้วค่อยรู้สึกได้ว่าผิวหนังที่สัมผัสมันอุ่นร้อน ไม่ใช่เหมันต์ แต่เป็นคิมหันต์ที่นอนกกกอดตัวเองเสียแน่น ร่างบางแหงนหน้ามองแฝดพี่ที่หน้าพิมพ์เดียวกับน้องชายผู้ล่วงลับท่ามกลางความมืดแล้วยื่นมือจับซีกแก้มแผ่วเบา ค่อย ๆ รับรู้ว่าอีกคนเป็นมนุษย์ผ่านลมหายใจที่ยังผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ

ก่อนมือเรียวจะชักกลับหลังเผลอทำรุ่มร่ามมากไปจนนายตำรวจขยับตัวและคลายวงแขน ภัคจึงได้จังหวะพลิกตัวหันออกด้านนอกและกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมภายในห้องพักโรงพยาบาลโดยอาศัยแสงจากดวงจันทร์ น้าชายนอนมองหลานสาวที่หลับสนิทอยู่บนเตียงเหล็กจากโซฟาและช่วงเวลาเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นหมอนข้างอย่างดี แขนขาววางทับกับท่อนแขนหนาที่เลื่อนมาโอบรอบเอวอย่างหวงแหน 

คิมหันต์พลิกตัวนอนตะแคงข้าง เบียดร่างกายกับแผ่นหลังบางพลางสวมกอดไว้ แม้ยามหลับก็ยังทำให้ประชาชนอุ่นใจ คอยประคองไม่ให้ตกจากเบาะหนังที่แน่นอนว่าทั้งเล็กและคับแคบ แถมไม่เหมาะกับการใช้นอนสำหรับผู้ใหญ่สองคน แต่เพื่อเด็กหญิงทั้งคู่จึงยอมทน ไม่ปริปากบ่นสักคำ ละทิ้งความสบายส่วนตนเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันในค่ำคืนไร้ดาว

คำว่าครอบครัวคือการที่จะไม่ปล่อยให้ใครสักคนนอนหนาวเพียงลำพังและถึงจะไม่ได้กอดร่างของหลานสาวไว้แต่ภัคก็มั่นใจว่าไม่ได้ลืมห่มผ้าให้หลาย ๆ ชั้นเพราะรู้ว่ากลางดึกสะงัดอากาศจะยิ่งเย็นเป็นเท่าตัว กลัวก็แต่เด็กหญิงจะฝันร้ายเพราะต้องนอนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยการเวียนว่ายตายเกิด แต่เท่าที่เฝ้าสังเกตมาสักพักทุกอย่างก็ดูเป็นปกติดี พอหมดเรื่องกังวล ความง่วงก็เข้ามาทักทายร่างบางอีกครั้ง

หนังตาหนักอย่างกับมีหินถ่วง ร่างกายกำลังจะล่วงเข้าสู่สภาวะจำศีลแต่ขณะกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ดันได้ยินเสียงพึมพำ บนเตียงเหล็ก เด็กหญิงกำลังละเมอเพ้อพก น้าชายทันลืมตาเห็นหนูดาโบกมือไหว ๆ ในอากาศ เป็นท่วงท่าปัดป้องที่ไม่ว่าวัยไหนก็ต้องเคยใช้ในยามที่ไม่อยากให้ใครบางคนทำอะไรกับเราและภัคก็เข้าใจว่า ‘ใครบางคน’ ของเด็กหญิงคือมารดา     

“อย่าทำหนู  …แม่จ๋า อย่า”  ถึงน้ำเสียงจะเบาและสะอึกไห้แค่ไหนก็ไม่ยากต่อการจับใจความ ร่างบางนอนฟังประโยคเดิมซ้ำ ๆ จนทนทำตัวใจเย็นไม่ไหว เกือบจะลุกขึ้นนั่งหรือปลุกคนข้างกายให้ตื่นมาช่วยกันดูอยู่แล้วถ้าไม่เผอิญว่าเด็กหญิงหยุดละเมอไปเสียก่อน

หนูดาหลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและทิ้งให้น้าชายนอนตาค้างทั้งคืนด้วยความสับสน ใช้เวลาแต่ละนาทีไปกับการคิดหาคำตอบจากโจทย์ที่ว่าคนเป็นแม่เคยทำอะไรลูกน้อยและหนึ่งในช้อยส์ตัวเลือกทั้งสี่แน่นอนว่าก็มีประเด็นเรื่องผลักตกบันได นี่ฉันมองข้ามความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไงนะ





มีต่อด้านล่าง...




   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 22:41:41 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๘) ๒๔.๐๖.๖๑
«ตอบ #46 เมื่อ25-06-2018 20:11:30 »


ข่าวดีในช่วงสายของวันหลังจากที่หมอเข้ามาตรวจอาการก็คืออนุญาตให้หนูดากลับบ้านได้ สามารถกลับไปพักตามอัธยาศัยภายใต้คำเตือนไม่มีข้อ หนึ่งอย่าลืมทานยาตามที่หมอสั่ง สองอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังค่อยกลับมาดูเฝือกที่บริเวณแขนและสามถ้าหากระหว่างนี้เกิดอะไรที่ดูผิดสังเกตไปก็ให้ญาติรีบพาตัวเด็กหญิงมาโรงพยาบาล

น้ำเสียงใจดีของคุณหมอกำชับว่าสภาพจิตใจเป็นเรื่องสำคัญพอ ๆ กับบาดแผลนอกกายและใช่ว่าทุกคนจะจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างเด็ดขาด อาจต้องเฝ้าดูกันไปสักระยะและระวังอย่าให้อยู่คนเดียวแถวบันไดเจ้าปัญหา ซึ่งคนเป็นน้าชายก็พยักหน้ารับทุกคำแนะนำและให้คำสัตย์ว่าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ก่อนนายตำรวจจะเดินออกไปพร้อมกับหมอและพยาบาล ตามไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย ไหนจะเรื่องหยูกยา เสียงทุ้มต่ำบอกแค่ว่าจะรีบกลับมา ระหว่างที่รอภัคจึงจับเด็กหญิงเปลี่ยนชุดซะใหม่ ช่วยแต่งตัวโดยระวังไม่ให้กระทบกระเทือนแขนซ้ายแล้วถึงได้ยินเสียงขอบคุณเบา ๆ หลานสาวยังทำตัวน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจนคนช่วยมัดโบหนีไปไหนไม่รอด

ถึงจะไม่อ้อนมากเหมือนเก่า แต่เท่านี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เชื่อว่าถ้าให้เวลาอีกสักนิด เด็กหญิงผู้มีจิตใจอ่อนโยนจะกลับมาร่าเริงดังเดิมอย่างแน่นอน กลับมาเป็นหนูดาที่ช่างฉอเลาะ เอาอกเอาใจ สักวันต้องหายจากอาการเหี่ยวเฉาและเซื่องซึม รวมถึงลืมเรื่องราวเลวร้ายที่ไม่ควรค่าต่อการจดจำ เรื่องสับปะรังเคในบ้านหลังนั้นด้วย

ขณะที่กำลังกับเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า น้าชายก็เหลือบมองหลานสาว เห็นนั่งกอดตุ๊กตาอยู่เฉย ๆ เลยถามว่าอยากมาช่วยกันจัดของไหม แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าเบา ๆ พอเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะรบเร้าและปล่อยให้นั่งรอเงียบ ๆ ต่อไปตามเดิม

“น้าภัค …”  แต่จู่ ๆ คนอายุน้อยกว่าก็เริ่มส่งเสียงและสร้างความประหลาดใจให้น้าชายกับคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาที่ช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน  “น้าภัค ทำไมคุณแม่ถึงไม่เดินเหมือนหนูล่ะ…” 

คนรู้คำตอบดีชะงักและวางมือจากงานที่ทำในทันทีทันใด  “คุณแม่ป่วยค่ะ เลยต้องนั่งรถเข็น”  ภัคอธิบายในขณะหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ บนเตียงเหล็กมีที่ว่างเยอะแยะ  “ทำไมหนูถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกล่ะ”  จำได้ว่าหนูดาเคยถาม แล้วก็ให้คำตอบไปแล้วเมื่อนานมาก่อน  การย้อนกลับมาถามใหม่เพราะความใคร่รู้ของเด็กหญิงทำให้ยิ่งมั่นใจในบางอย่าง แต่ร่างบางไม่อยากคาดคั้น อยากให้เป็นการสมัครใจที่จะเล่าออกมาเองมากกว่า  “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

หนูดาเอาแต่ส่ายหน้าจนหวั่นใจว่าจะติดเป็นนิสัยเข้าสักวัน อีกอย่างหนึ่งที่น่ากลัวก็คือว่าถ้าได้ลองลิ้มรสชาติของการโกหกครั้งแรกแล้วก็ย่อมต้องมีครั้งต่อไป หลานสาวหลบสายตาทันทีที่น้าชายจ้องหน้า เด็กตัวเล็กแค่นี้หัดเรียนรู้ที่จะมีความลับกับผู้ใหญ่ แล้วภัคก็ไม่มีทางปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ไหน ๆ ก็ได้โอกาสอยู่กันตามลำพังแล้ว 

“หนูดาเล่าให้น้าภัคฟังได้ไหมคะว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”  ยื่นมือแตะเฝือกที่แขนเล็กแผ่วเบาเพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่าวันนั้นที่หมายถึงคือวันไหน ก่อนจะนั่งคอยอย่างใจเย็นพอจนสามารถรอคำตอบได้ทั้งวัน 

“หนู… ตกบันได”  เสียงนั้นเบาราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน   

“ตกเองเหรอคะ”   

เด็กหญิงพยักหน้าน้อย ๆ แม้จะได้รับการยืนยันแล้วแต่ร่างบางก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ ท่าทางการตอบคำถามอันไร้ความหนักแน่นนั้นทำให้ต้องงัดเรื่องคำมั่นสัญญาขึ้นมาพูด  “หนูดาจำที่เราเคยสัญญากันไว้ได้ไหมคะ …ที่ว่าเราจะไม่มีความลับต่อกัน” 

หลานสาวเงยหน้ามองน้าชายด้วยนัยน์ตาหวั่น ๆ  “วันนั้นหนูดาตกลงไปเองหรือมีใครผลักหรือเปล่าคะ”  น้ำเสียงอ่อนโยนถามช้า ๆ ชัด ๆ พร้อมทั้งให้คำสัตย์ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องราวที่ได้รู้  “หนูไม่ต้องกลัวนะ แค่บอกความจริงมาแล้วน้าภัคสัญญาว่าจะไม่บอกใคร”  พูดจนขนาดนี้แล้วแต่กลายเป็นว่าร่างเล็กยังเอาแต่เงียบ  “หนูดา …”

“โทษทีที่ช้า พอดี …มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”  คิมหันต์เปิดประตูห้องพรวดพราดเข้ามาพร้อมคำอธิบายที่หายไป ก่อนจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ ลูกสาวนั่งทำหน้าเศร้าเหมือนโดนดุ ส่วนผู้ใหญ่ข้าง ๆ ก็นั่งทำสีหน้าเรียบเฉย

นายตำรวจยืนรอคำเฉลยจนขาแข็งแต่ภัคก็แค่ถอนหายใจแล้วบอกปัด  “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

ที่สุดแล้วหนูดาก็ไม่ได้บอกความจริงอันชวนน่าตกใจที่ว่า …มีใครบางคนผลักตกลงบันได เพราะเด็กหญิงรักคน ๆ นั้นโดยไม่มีเงื่อนไขและกลัวแค่ว่าถ้าพูดไป แม่จะถูกตำรวจจับอย่างที่น้าชายสอนบ่อย ๆ ว่าคนทำไม่ดีต้องถูกลงโทษ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่เคยใยดีกันเลยก็ตาม แต่ถ้าถามว่ารักใครมากที่สุดในโลกก็คงตอบว่าแม่จ๋าอยู่ดี

ลูกน้อยยังคงจงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณไม่เปลี่ยน แต่แค่ยังอยู่สภาวะหวาดกลัวจึงยืนหลบสายตาเกลียดชังอยู่แต่ข้างหลังน้าชายระหว่างเดินเข้าบ้านและเดินผ่านมินตราที่เข็นรถมารอต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เธอถามไถ่อาการเด็กหญิงราวกับอยากรู้เสียเต็มประดา แถมอ้าสองแขนออกเป็นนัย เรียกให้ร่างเล็กที่สุดเดินเข้ามาสวมกอด หนูดาที่รอคอยวันนี้มาตลอดก็หลงกล ค่อย ๆ เดินหาก่อนจะโดนเตือนข้างหูว่าถ้าแกบอกให้ใครรู้ ฉันจะฆ่าแก่แน่   

แล้วคนเป็นแม่ก็เล่นละครตบตาอยู่หลายฉาก ทั้งถามว่าเจ็บไหมด้วยความห่วงใย ร้อยวันพันปีไม่เคยหอมแก้มเด็กน้อยแต่ตอนนี้กำลังค่อย ๆ บรรจงหอมด้วยความเอ็นดู สร้างความงวยงงให้กับผู้ใหญ่อีกสองคนเป็นอย่างมาก อย่างกับเคยทำความผิดไว้เลยต้องมาเอาใจทีหลังและภัคเองก็ไม่เคยปักใจเชื่อกับท่าทางแสดงความรักที่ช่างดูปลอมเปลือก

เลือกจะดึงเด็กหญิงออกมาแล้วพาไปอยู่ในที่ที่อากาศปลอดมลพิษ น้าชายอุทิศเวลาทั้งวันให้กับหลานสาว โดยจะแวะเวียนมาหานายตำรวจที่นั่งทำงานในห้องนอนเป็นครั้งคราว เอาอาหารคาวหวานขึ้นมาเสิร์ฟ พอเริ่มจะเลยเถิดก็รีบขอตัว แต่ก่อนจากไปไม่ลืมกระซิบกระซาบทำการนัดแนะเวลา เมื่อราตรีมาถึงจึงจะเป็นเวลาสนุกของเรา   

ภัคพาหนูดาเข้านอนในตอนหัวค่ำ ร้องเพลงกล่อมจนหลับสนิทแล้วค่อยปลีกตัวไปอาบน้ำอาบท่า ใช้เวลาทำภารกิจส่วนตัวอยู่เกือบชั่วโมงครึ่ง นึกว่าเสร็จแล้วแต่ที่ไหนได้ยังใช้เวลาหน้าโต๊ะแป้งอีกหลายนาที พิถีพิถันกับการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ จนกระทั่งเหลือบเห็นเข็มนาฬิกาที่เดินเกือบเข้าใกล้เวลานัดหมายถึงได้ลุกเดิน ก่อนจะสาวเท้าเข้าใกล้เตียงและจัดเรียงหมอนหลายใบให้กลายเป็นรูปร่างคน เสกมายากลง่าย ๆ ขึ้นมาโดยใช้เวลาไม่เท่าไหร่ ไม่ลืมเอาผ้าห่มคลุมทับ หลานสาวจะไม่ได้รู้ว่ากำลังกอดหมอนแทนตัวน้าชายที่ค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบ   

ฝ่าเท้าขาวเหยียบพื้นไม้ราวกับโจรย่องเบาที่ฝึกฝนการเข้านอกออกในมาอย่างดี ดูยังไงก็เหมือนพวกมีประสบการณ์ แค่เคาะประตูส่งสัญญาณให้คนด้านในได้ยิน ประตูที่ปิดก็เปิดออก แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของนายตำรวจที่แทบจะจับเปลื้องผ้าเพื่อตรวจหาอาวุธร้ายแรงตั้งแต่หน้าประตูห้อง เมื่อบ่ายคิมหันต์อ้างว่ามีเรื่องของลูกอยากปรึกษา ไป ๆ มา ๆ บทสนทนาตลอดค่อนคืนแทบจะไม่เกี่ยวกับเด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบ มีแต่ภัคที่ขึ้นควบด้วยความชำนิชำนาญ   
   
สถานการณ์ปัจจุบันคือเตียงขนาดหกฟุตกำลังเขยื้อนตามแรงขย่ม หลังจากก้มมอง มือก็ประคองแก่นกายให้ตรงและกดก้นลงจนท่อนเนื้อหายเข้าไปในโพรง สะโพกงอนก็เคลื่อนไหวอย่างเมามัน ปลดปล่อยความร่านเงียบที่กักเก็บมานาน ยิ่งคิมหันต์นอนคำรามด้วยความเสียวซ่านเท่าไหร่ ภัคก็ยิ่งแกล้งให้ขาดใจ ตัวเองก็กรีดร้องไม่ขาดปาก ระหว่างยกบั้นท้ายขึ้นลงเป็นจังหวะคงที่ ก็ใช้ปลายนิ้วบี้ตุ่มไตบนแผงอกนายตำรวจอย่างสนุกมือเรียกเสียงอืออ้า มีบ้างที่ก้มลงละเลงด้วยปลายลิ้นเล็กขณะร่อนเอวตัวเองอย่างเนิบนาบแล้วบดแก้มก้นกับต้นขาหนา สลับกับรุนแรงขนาดที่ว่าแก่นกายใหญ่หลุดออกจากช่องทางร้อนฉ่า ตั้งตระหง่านไม่ทันไรก็โดนมือดีฉวยไปและถูกจับยัดกลับเข้าในความคับแคบดังเก่า

ยิ่งทำนานเท่าไหร่ยิ่งสัมผัสได้ถึงความสุข นายตำรวจลุกขึ้นนั่งกะทันหัน ก้มมองส่วนที่เชื่อมต่อกันระหว่างควบคุมการขยับด้วยการจับเอวคอด พอตอนได้จังหวะก็เป็นฝ่ายเด้งสวน เล่นทำเอาภัคครวญครางอย่างกับถูกกระหน่ำตอกด้วยตะปูปลายทู่นับพันที่มัดรวมกันเป็นกำ ต่างฝ่ายต่างถูกความกระสันเข้าครอบงำจนกู่ไม่กลับ พอถึงจุดที่ร่างกายประท้วงว่าอดกลั้นไม่ไหว สองมือรีบผสานรัดตึงง่ามนิ้วไว้ก่อนตัวจะกระตุกตามกันไปติด ๆ ชนิดวินาทีต่อวินาที แล้วก่อนที่จะมีใครจับได้ว่ามีคนทำเรื่องบัดสีภายในบ้าน ทั้งสองก็โผจูบกันอย่างโหยหา 

สองกลีบปากบดเบียดช่องว่างจนแหลกละเอียด ละเลียดรสชาติความหวานตัดคาว ก่อนความแวววาวที่เห็นจากหางตาจะทำให้ภัคเกิดอาการขัดเขินขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อลองขยับมือก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างสวมอยู่ที่นิ้วนาง หลังรื้อฟื้นความจำก็ได้ความว่านายตำรวจเป็นคนสวมแหวนให้ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกดันตัวลงนอนบนเตียงแทน

ร่างบางยกมือตัวเองขึ้นมาดูแหวนลูกเกลี้ยงสีเงินใกล้ ๆ ขณะเดียวกันก็เห็นใบหน้าทรงเสน่ห์ผ่านง่ามนิ้วตัวเองที่แยกออก เห็นว่าคิมหันต์มองอยู่ ด้วยความที่ไม่รู้จะตอบแทนสำหรับของขวัญอย่างไรเลยเอาวิธีของหลานสาวมาใช้ หอมแก้มกร้านซ้ายขวาและนั่งหลังตรงตอนจำได้ว่าที่ก้านนิ้วยาวก็มีแหวนหน้าตาลักษณะเดียวกัน คิมหันต์บอกว่ามันคือแหวนคู่ แต่ไม่ยอมบอกว่าเอาเวลาอู้งานตอนไหนดอดไปหาซื้อ ภัคจึงพูดดักว่าไม่ใช่ไปรูดมาจากนิ้วมือผู้หญิงคนเก่าหรอกนะ เรียกเสียงหัวเราะที่พอได้ยินกันสองคน 

ท่ามกลางความเงียบสงัด หลีกเลี่ยงการคุยเสียงดังและหันมาใช้การกระซิบกระซาบและส่งผ่านทางสายตากับกิริยาแทน ร่างบางเคยดูละครน้ำเน่ามาก็มาก เห็นฉากรักที่พระเอกบันดาลทุกอย่างเพื่อทำให้นางเอกมีความสุขมาก็เยอะและไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอฉากแบบนั้นกับตัวเข้าสักวัน

คิมหันต์กลายเป็นคนแรกที่ปฏิบัติกับภัคเยี่ยงเจ้าหญิง จริงอยู่ที่ว่าเพิ่งผ่านการร่วมรักอันแสนร้อนแรงมามาด ๆ การสมสู่อย่างป่าเถื่อนทำเอาเลือดในกายสูบฉีดและใจระส่ำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้าแดงเหมือนผลมะเขือเทศแล้วใจเต้นแรงเป็นกลองรัวเท่าตอนนั่งมองอีกคนจูบตามนิ้วตัวเองซ้ำ ๆ อย่างอ่อนโยน

นายตำรวจจรดริมฝีปากกับทุกนิ้วเรียว เกี้ยวพาราสีด้วยการยักคิ้วลิ่วตาให้ร่างบางอย่างกวน ๆ สายตาหวานเชื่อมดูเหมือนจะชวนทำเรื่องอย่างว่าอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่เจตนาก็เถอะแต่ดันเจอคนชอบคิดไกล ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากว่าอยากได้ ภัคก็พร้อมจะจับตัวเองใส่พานถวายอีกหน โดยคิมหันต์มีหน้าที่แค่ล้มตัวลงนอนรอรับการปรนนิบัติอย่างถึงอกถึงใจ อาศัยช่วงเวลาว่าง ๆ เฝ้ามองการยักย้ายส่ายสะโพกอย่างช่ำชองของร่างบาง ช่างดูไร้ยางอายแต่มันก็กลายเป็นเสน่ห์มัดใจชายชาติชาตรีได้อยู่หมัด เรียกว่าพรสวรรค์ได้หรือเปล่านะ

พี่สาวชอบกล่าวว่าน้องชายสมองทึบ ซึ่งภัคพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่

ภายใต้ใบหน้าอ่อนเยาว์มีร่างของแม่เสือสาวซ่อนอยู่และฉลาดเป็นกรดเวลาปั่นหัวผู้ชาย ถนัดทำให้เหยื่อหลงใหล หลอกล่อด้วยกลอุบายแล้วพอติดกับก็ค่อยลากไปทรมานอย่างเลือดเย็น คิมหันต์เป็นอีกรายที่หลงหัวปักหัวปำ 

ยามภัคเขยื้อนบั้นท้ายครั้งใหม่แต่ด้วยเจตจำนงเดิมที่ว่าต้องการโค่นล้มแก่นกายให้พ่ายแพ้ คิมหันต์แหย่ก้านนิ้วที่สวมแหวนเข้าในปากร่างบาง ระหว่างควบม้าออกศึกก็ล้วงลึกลงไป กว่าสงครามรักจะจบลงก็ตอนเกือบใกล้รุ่งสาง หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดและสมศักดิ์ศรีก็กลับมาสมานฉันท์ ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันทั้งสภาพล่อนจ้อน   

ภัคนอนหลับไปแค่ช่วงสั้น ๆ และตื่นขึ้นเองตามสัญชาตญาณของคนตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นว่าสีท้องฟ้านอกหน้าต่างยังคงเป็นสีครามอมเขียวก็เอื้อมมือเก็บเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนพื้นขึ้นมาใส่ ไม่ลืมกระซิบล่ำลานายตำรวจที่อุตส่าห์ลุกจากเตียงเดินมาส่งถึงหน้าประตูด้วยสภาพพันผ้าขนหนูลวก ๆ คิมหันต์ที่ง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้นพยายามรั้ง ออดอ้อนร่างบางให้อยู่ต่อ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ได้รับแค่การจูบลาพอเป็นพิธีกับประโยคทิ้งท้ายว่าเดี๋ยวคืนนี้มาหาใหม่

ช่วงกลางวันทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง เลี้ยงเด็กกับตามจับโจร พอตกกลางคืนทั้งสองคนก็แอบนัดเจอกันพร้อมสลัดคราบ วางคำว่าศีลธรรมไว้ข้างล่างแล้วกระโจนลงบนเตียงที่ว่างเพื่อพลอดรักอย่างเริงรมย์ ช่วงสองสามวันแรกแอบไปมาหาสู่กันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ และเป็นภัคที่เดินกลับออกมาจากห้องคิมหันต์ในตอนเช้ามืด

จนกระทั่งเข้าคืนที่สี่เริ่มย่ามใจ กลายเป็นนายตำรวจที่บุกมาหาร่างบางถึงห้องนอนในยามวิกาล โชคดีที่ว่ากล่อมหลานสาวหลับไปแล้ว เพราะถ้าหนูดายังนอนลืมตาแป๊วก็คงจะได้เห็นภาพอุจาดตา ความจริงแล้วเซ็กส์ก็เป็นเรื่องปกติของชีวิตคู่ แต่ความน่าเกลียดอาจจะอยู่ที่ผู้ใหญ่ไม่รู้จักยับยั้งชังใจและกำลังไม่เลือกที่ทำ

ที่จริงน้าชายก็พยายามชวนคนรักออกไปข้างนอก อยากกลับไปหลับนอนที่ห้องเดิมเพื่อความสบายใจ กระทั่งเจอเล้าโลมก็ไปไม่เป็น โดนมือใหญ่เค้นหน้าอกระหว่างที่นั่งตกลงกันก็หวั่นไหว สุดท้ายเสียท่า แก้ผ้าแก้ผ่อนแค่ท่อนล่างและลงเอยด้วยท่ายันฝ่ามือกับผนังขณะกางขาโก่งก้นเพื่อให้คนที่สมอ้างว่าอยากหาน้องให้ลูกสาวกระทำชำเลาได้ถนัด

แก่นกายขนาดโตเต็มวัยผลุบหายเข้าไปในช่องทางลับท่ามกลางความเนืองนองของน้ำกาม แล้วชักกลับออกมาอย่างรีบร้อน คิมหันต์ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังขณะเร่งจังหวะจะโคน มือข้างหนึ่งตบลงมาก้นงอนฉาดใหญ่ เสียงดังเพี้ยะสะท้อนอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม ทั้งที่ควรจะมีเพศสัมพันธ์กันอย่างเงียบสงบ ข่มจิตข่มใจค่อย ๆ ทำกลับยิ่งคึกคะนอง

จนน้าชายต้องเอ่ยปากอยากให้ทำเบา ๆ เนื่องจากเกรงใจหลานสาวที่หลับ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยุ ไม่รู้ว่าเก็บกดความเครียดมาจากไหน คิมหันต์เลือกทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่เสียงเครือร้องขอ เพราะรู้ว่าร่างบางเองก็กำลังพึงพอใจ สังเกตได้จากสีหน้าเคลิบเคลิ้มที่หันกลับมามองอยู่เป็นระยะ เสียงต้นขากระทบกับบั้นท้ายพั่บ ๆ กำลังขับกล่อมทั้งสองคนให้ยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินจนทำอะไรเกินขอบเขตไปมาก 

สำหรับภัคแล้วการลับลอบมันหอมหวานเสมอ แต่ก็ไม่เคยต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและน่าตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน ทั้งพะว้าพะวงว่าหนูดาจะตื่นขึ้นมาเห็นหนังสิบแปดบวกกลางคัน ไหนจะต้องกลั้นเสียงน่าอายภายในห้องที่ก็ไม่ได้กว้างมากพอจะเลี่ยงไปทำกิจกามกันไกล ๆ เตียงอยู่ห่างจากผนังออกไปแค่ไม่ฟุตกว่า ๆ เอง 

คิมหันต์เหมือนจะรู้ว่าอีกคนกำลังกังวลเรื่องเด็ก เข้าใจว่าคงกระด้างอายจึงยิ่งจงใจทำให้ขายหน้า พาเปลี่ยนมุมใหม่ ให้น้าชายได้เห็นใบหน้าของหลานสาวยามหลับภายใต้โคมไฟสีส้มชัด ๆ เพราะกลัวว่าถ้าขัดขืนแล้วจะมีปัญหา รู้หรอกว่านายตำรวจเอาปืนจ่ออยู่ที่ก้น คนมือเปล่าจะทำอะไรได้นอกจากเม้มปากระหว่างเท้ามือกับขอบเตียงที่ยุบตามแรงกด

ภัคอาจจะคอนโทรลเรื่องการเปล่งเสียงร้องได้แต่ไม่ใช่กับแรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวหลายริกเตอร์ การเคลื่อนไหวช่วงล่างของคนเบื้องหลังส่งผลยังร่างบางโดยตรงและส่งต่อถึงเตียงอีกทอด เตียงที่มีเด็กหญิงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวกำลังขยับอันเป็นผลมาจากความมักมากในกามของผู้ใหญ่ ความใกล้จะแตกอยู่แล้วแต่คนเล่นพิเรนทร์ก็ยังดำเนินกิจกรรมทางเพศต่อไป เบี่ยงเบนความสนใจของร่างบางที่ออกอาการร้อนรนเกินกว่าเหตุด้วยการดันอวัยวะเพศเข้าออกไว ๆ จนจวนใกล้จะต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยอยู่แล้วเชียว อีกเดียวทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

แต่จู่ ๆ สถานการณ์ก็พลิกผัน หนูดาทำท่าจะตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผู้ใหญ่สองคนรีบหันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ส่งสายตาถกปัญหาทางโลกว่าจะเอายังไงต่อดี ก่อนคนมีสติกว่าจะชิงลงมือทำเรื่องค้างคาให้เสร็จไป นายตำรวจตัดสินใจขยับไอ้นั้นโดยพละการอีกครั้งระหว่างโอบแขนรอบอกร่างบางและดึงตัวออกห่างจากเตียงเล็กน้อย สะโพกสอบยังขยับสอยถี่ ๆ ท่อนเนื้อเสียดสีช่องทางชื้นแฉะไม่ได้หยุดหย่อน ไม่ได้ผ่อนแรงหรือความเร็วลงเลยสักนิด

มีการถามชิดกกหูว่าชอบไหม กระเส่าเย้าแหย่ว่าอายอะไร รู้สึกสะใจเหมือนได้ข่มขืนแม่ต่อหน้าลูก 

จนภัคแทบจะล้มทั้งยืน ถูกคลื่นลูกใหญ่สาดซัดจนสั่นทั้งสรรพางค์ ยิ่งถางขาขณะควานมือไปข้างหลังจนคว้าสีข้างนายตำรวจได้ จับยึดไว้เป็นหลักระหว่างมองหน้าหลานด้วยสายตาพร่ามัว ทั้งกลัวแล้วก็ลุ้น ภาวนาว่าขออย่าให้โดนจับได้ ยิ่งเข้าสู่ช่วงนาทีสุดท้ายหัวใจนี่แทบหยุดเต้น เหงื่อเป็นเม็ดกระเซ็นออกจากเนื้อตัวที่สั่นเทา ผมเผ้าสยายพลิ้วไหวปกหน้าปกตา ก่อนทั้งคู่จะสำเร็จความใคร่ได้ทันเวลาแบบฉิวเฉียด มือใหญ่รีบตะคลุบปากร่างบางที่หลุดครางแล้วฉุดร่างลงหมอบกับพื้นพอดีกับที่เด็กหญิงละเมอลุกขึ้นมานั่งทั้งหลับตา มือข้างที่ใช้ได้ควานหาหมอนข้างแล้วค่อยคลานไปนอนซุก

คิมหันต์เป็นคนแรกที่โผล่หน้าขึ้นมาดูลูกสาวหลับต่อ ก่อนจะดึงตัวน้าชายที่หัวใจแทบวายอยู่ข้างเตียงให้ขึ้นมาดูภาพน่ารัก ๆ ด้วยกัน เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภัคที่ตกอยู่ในอาการหน้าบางเลยพลอยได้ถอนหายใจโล่งอกแล้วค่อยคิดบัญชีกับคนข้าง ๆ ใช้กำปั้นชกต้นแขนคนที่ยังยิ้มล่าได้หน้าตาเฉย เคยสะทกสะท้านกับใครเขาที่ไหน บางทีก็เกลียดที่นายตำรวจทำเหมือนว่าควบคุมทุกอย่างได้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบในความบ้าดีเดือดเช่นกัน …คนที่วัน ๆ อยู่แต่ในกล่องย่อมต้องหลงรักคนที่เดินมาเจาะรู้กระดาษจนทำให้มองเห็นโลกทัศน์ใบใหม่

พอมานั่งนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วก็ขำ สัมผัสได้ว่าคนข้าง ๆ ก็กำลังยิ้มจนแก้มบุ๋มเช่นกัน หัวไหล่มนโดนต้นแขนหนากระแซะเบา ๆ ก่อนจะชนหนักเข้าเมื่อยังไม่ได้รับความสนใจ เมื่อแผนแรกใช้ไม่ได้ผลก็เปลี่ยนเป็นแผนสอง คิมหันต์ระดมจูบไหล่ราดผ่านเสื้อนอนลามขึ้นยันลำคอระหงและคงจะเลยขึ้นไปถึงพวงแก้ม ถ้าไม่มีฝ่ามือบางดันออกทันและหลวมตัวหันหน้ามองจนเห็นว่าอีกคนจ้องอยู่ก่อนแล้ว

มองด้วยแววตายากแท้หยั่งถึง ไม่ได้ทะลึ่งตึงตังแต่ดูจริงจังว่าครั้งไหน ๆ ภัคกะจะไถ่ถามว่าเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้เอื่อยเอ่ยสักประโยคออกมาเพราะว่าอยู่ในช่วงติดพันกับจูบสุดแสนจะละมุนละไม ที่ทำเอานึกว่าจูบอยู่กับผู้ชายผิดคน โหมดสุภาพกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่ยังคงคุณภาพของความประทับใจไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง

แสงสีส้มจากโคมไฟทำให้บรรยากาศยิ่งดูสวยสดงดงาม ผู้หญิงด้วยกันถึงได้ชอบห้ามกันเองว่าอย่าแต่งหน้าภายใต้แสงไฟสลัวเด็ดขาดเพราะมันอาจจะหลอกตาจนทำให้เกิดความพลาดอย่างมหันต์ 

“รู้ไหม ว่าผมอยากจูบริมฝีปากนี้ตั้งแต่วันแรกที่เห็นเลยนะ”  เสียงทุ้มเปล่งวาจามาจากใจ หายหยาบคายและมันดังพอได้ยินกันสองคนก่อนจะปล้นจูบจากริมฝีปากที่ว่าอีกครั้งอย่างไว ๆ         

แม้จะสงสัยแต่ร่างบางก็ไม่ได้ถามว่าเราเจอครั้งแรกที่ไหน  “แล้วพอได้จูบจริง ๆ คุณรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า”

“ไม่เลย”   

คิมหันต์ตอบโดยแทบไม่ใช่เวลาคิด เป็นภัคต่างหากที่นิ่งเงียบไปราวกับคนกำลังใช้สมองไตร่ตรองอย่างหนัก  “แล้วถ้าผมเคย …ทำเรื่องไม่ดีบางอย่างลงไป แล้ววันหนึ่งคุณมารู้ทีหลัง คุณจะยังอยากจูบริมฝีปากนี้อยู่ไหม”

“ก็ต้องดูก่อนว่า ‘เรื่องไม่ดีบางอย่าง’ ของคุณมันคืออะไร”  นายตำรวจทำเป็นพูดเสียงแข็งกะจะแกล้งเล่น จนเมื่อเห็นว่าร่างบางมีสีหน้าเคร่งเครียดถึงได้กลับคำพูด  “เด็กโง่ ผมใจดีกว่าที่คุณคิดนะ สัญญาด้วยว่าผมจะไม่ตีก้นคุณเหมือนเมื่อกี้”  ถ้าแค่พูดเพราะหวังให้คนฟังหลุดขำก็ถือว่าทำสำเร็จ ภัคยิ้มบาง ๆ ไปจนถึงกว้างตอนตอบโต้อีกคนกลับ 

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วสักหน่อย ไม่ใช่ลูกคุณด้วย”

“ได้กันไปตั้งหลายครั้งนี่คิดว่าผมอยากให้คุณเป็นแค่ลูกเหรอ”

ร่างบางแบะปาก รออีกคนหันไปอีกทางและได้จังหวะเอาคืน  “คุณพ่อ…”

คิมหันต์รีบหมุนคอแทบเคล็ดไปทางเตียงยามได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ภัคกำลังกลั้นขำหลังจากทำการดัดเสียงแกล้งคนที่ยังขมวดคิ้วมุ่น  “คุณทำเกือบผมหัวใจวายนะ”

“ทีเมื่อกี้ยังดูไม่กลัวว่าหนูดาจะตื่นขึ้นมาเห็นเลยเถอะ”

   “เปลี่ยนจากคุณพ่อเป็นคิมหันต์ได้ไหม”

“อะไร”  ถามกลับอย่างงง ๆ ขณะนั่งมองอีกคนถกเสื้อกล้ามออกทางหัวอย่างรวดเร็ว 

“เรียก”

“คิมหันต์…”   

“เรียกอีกที”

“พี่… คิมหันต์”

“ถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนก็ให้โทษตัวเองแล้วกัน”  คนพูดหายใจฟึดฟัด

แล้วร่างบางก็ถูกดันลงนอนราบกับพื้นพรมทันทีที่สิ้นสุดคำเตือน นายตำรวจเองก็เคลื่อนหายไปจากกับขอบเตียง มีเพียงเงาดำที่สะท้อนเป็นภาพเคลื่อนไหวบนผนังปูน ถ่ายทอดเรื่องราวที่ว่า ‘มนุษย์เป็นของคู่กันกับราคะ’ มาแต่ช้านาน












------------------------------
ลั่นดาลมีแท็กในทวิตเตอร์เป็นของตัวเองแล้วนะคะ แท็กนี้เลยๆ #ลั่น_ดาล ตุ๊กติ๊กอยากอ่านความเห็นเยอะๆ มาติดแท็กให้กันเถอะนะคะ ตอนนี้เฉามากอยากรู้ความรู้สึกนึกคิดของทุกคน ชอบไม่ชอบตรงไหนโปรดบอกกัน ฮื่อออออออ  :

ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 20:59:57 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #47 เมื่อ25-06-2018 20:41:16 »

หรือว่าภัคจะไม่ได้ตั้งใจฆ่า แต่เข้าไปเห็น เราเริ่มสงสัยธันวาอีกคนแล้ววว เซ็กส์ซีนเรื่องนี้เป็นอะไรที่อึดอัดมากค่ะ หวาดระแวงตลอดเวลา  :hao5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #48 เมื่อ25-06-2018 21:03:11 »

อื้อหืออออ เป็นตอนที่เลือดสาดมากมายจริงๆ คนอ่านก็ลุ้นกลัวเด็กตื่นมาเห็น ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นความร้ายของตัวละคร นี่คิดว่าคิมหันต์น่าจะรู้แล้วนะว่าใครเป็นคนร้าย แต่แค่รอเวลาให้เปิดเผยตัวมากกว่า ซึ่งใจนี่ไม่อยากคิดว่าเป็นภัคนะเพราะเห็นคนเขียนชงมาเหลือเกินว่าเป็นคนร้าย แต่ก็กลัวนักเขียนสับขาหลอกเช่นกันว่าจริงๆแล้วภัคนี่แหละแน่ๆ ถ้าถามเราเราสงสัยอยู่สองคนคือธันวากับภัค เหตุจูงใจของธันวาก็คงจะเป็นแอบชอบภัคแล้วรู้ว่าภัคไปนอนกับเหมเลยกำจัดเหมเพื่อให้ตัวเองมีโอกาส ส่วนของภัคนี่ถ้าให้เดาจากการที่คิมฝันเห็น คาดว่ารสนิยมเซ็กส์ของเหมต้องเป็นแนว sm แน่ๆ ชอบความเจ็บปวดอย่างถูกรัดคอหรือทำให้หายใจไม่ออก แล้วระหว่างทำกันภัคอาจเผลอหนักมือไปตามแรงอารมณ์เลยทำให้เหมตายก็ได้ แล้วเลยจัดฉากเป็นฆ่าตัวตายเพื่อให้รอยเชือกมันกลืนกัน

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #49 เมื่อ25-06-2018 22:43:11 »

เราว่าภัคไม่ได้ฆ่า แต่อาจรู้เห็นแล้วปล่อยผ่าน

ไว้ใจใครไม่ได้เลยเรื่องนี้  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-06-2018 22:43:11 »





ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #50 เมื่อ25-06-2018 23:22:24 »

ยังงัยละหนออออออ
หรือคดีจะพลิก แต่เราก้ยังคิดว่าภัคทำอยู่ดี

ไม่อยากจะคิดไปถึงตอบจบ
ถ้าเกิดภัคฆ่าจริง คิมหันต์คงไม่ปล่อยแน่ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #51 เมื่อ26-06-2018 06:14:14 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #52 เมื่อ26-06-2018 07:48:54 »

ภัคอาจจะเลวสุดคิอแอบมีอะไรกะพี่เขย​ แต่ไม่น่าเป็นฆาตกร​ แต่พี่สาวภัคไม่แน่อาจจะร่วมมือกับคนดูแลนางฆ่าเหม​ ขนาดลูกยังคิดทำลายได้เลย

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #53 เมื่อ26-06-2018 19:07:20 »

:กอด1: :3123: :pig4:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #54 เมื่อ26-06-2018 20:28:03 »

๑๑





คงเพราะว่าโตแล้วจนไม่จำเป็นต้องรอฟังคำอนุญาตจากใคร  เป็นผู้ใหญ่พอที่จะตัดสินใจชีวิตเอง พักหลังก็เลยไม่ค่อยทำตัวเกรงใจและไม่คิดปิดบังว่ากำลังปลุกต้นรักร่วมกันอยู่ แต่ดูไปแล้วก็เหมือนพวกดาราดังที่ยังกักสถานะ ไม่ยอมบอกคนอื่นในบ้านสักทีว่าลึกซึ้งถึงขั้นไหน ความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียยังดำเนินไปท่ามกลางความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย

เมื่อไหร่ที่ดวงจันทร์เข้ากะทำงานตอนกลางคืน ภัคจะลืมตาขึ้นหลังจากแกล้งหลับไป คิมหันต์เองที่นอนกอดลูกสาวไว้ก็จะเคลื่อนย้ายตำแหน่ง หลังแสดงบทคุณพ่อผู้อ่อนโยนมาตั้งแต่หัวค่ำก็ได้เวลาสลับบทบาท เปลี่ยนเป็นชายฉกรรจ์ปลุกปล้ำคนช่างยั่วที่ส่งสายตาหาตั้งแต่หลานสาวยังวิ่งเล่นรอบห้องนอน หนูดาดีใจแทบตายตอนคุณพ่อบอกว่าจะย้ายมานอนด้วยอีกแล้วในคืนนี้ แต่ถ้าสักวันต้องรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองนอนกอดค่อนคืนเป็นหมอนข้างก็ไม่รู้ว่าจะยังดีใจอยู่อีกหรือเปล่า ใกล้รุ่งเช้านั่นแหละที่จะได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวจริง ๆ เด็กหญิงนอนคดในอ้อมอกน้าชายโดยมีนายตำรวจนอนซ่อนหลังและแขนก็พอยาวจะโอบกอดอีกสองร่างซึ่งต่างขนาดกัน นอนอัดเป็นปลากระป๋องตรงกลางเตียงและอาศัยเสียงนกร้องเป็นนาฬิกาปลุก แต่วันนี้ดูเหมือนผู้ใหญ่จะลุกช้ากว่าเด็ก
 
หนูดาหยัดตัวขึ้นนั่งทั้งสภาพงัวเงียแล้วเรียกหาบิดาที่ขานรับในลำคอทั้งสภาพหลับตา นิสัยขี้เซาถอดมาจากใครคงไม่ต้องบอก ก่อนคุณพ่อขาจะลืมตาข้างเดียวตอนได้ยินเสียงเล็กเรียกน้าชายและหยัดกายขึ้นนั่งบ้างพลางถามว่าหนูต้องการอะไร นิ้วเล็กจึงชี้ไปที่ประตูห้องน้ำ นายตำรวจอ้าแขนกว้างให้ลูกสาวกระโจนใส่ตักแล้วอุ้มออกไปจากเตียงทั้งสภาพทุลักทุเลพลางกำชับว่าอย่าเพิ่งกวนน้าภัคเพราะอยากให้ได้นอนพักเอาแรง ทั้งที่บอกไปอย่างนั้นเองแท้ ๆ แต่ก็เหมือนแกล้ง สองพ่อลูกหยอกล้อกันไม่พอยังส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จนคนนอนอยู่พลิกตัวกลับมานอนหงาย ปรือตาถึงได้เห็นว่าเจ้าของเสียงดังทั้งคู่กำลังนั่งเล่นอยู่ตรงปลายเตียง 

"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะ"

ภัคลุกขึ้นมานั่งพับผ้าห่มอย่างเงียบ ๆ แล้วค่อยเอ่ยปากถามหาเหตุผล แต่นอกจากจะไม่ตอบคำถามสองคนที่ตื่นก่อนกลับปรี่เข้ามารุมล้อมร่างบางด้วยความดีใจ นัยน์ตาสองพ่อลูกเปล่งประกาย เมื่อได้มองใกล้ ๆ แล้วใบหน้ายิ่งคล้ายเคียง ไม่เหมือนกันก็แค่เพียงเพศสภาพกับขนาดตัวเท่านั้น   

“อรุณสวัสดิ์”  คิมหันต์ทักทายแล้วหอมแก้มซ้ายของคนตื่นสายกว่าก่อนจะพยักหน้าเป็นนัยให้เด็กหญิงลองทำตาม หนูดายืดตัวจนสุดเพื่อกล่าว  “อรุณสวัสดิ์น้าภัค”  แล้วตบท้ายด้วยการหอมแก้มขวาและถูกน้าชายรวบตัวไว้เพื่อหอมแก้มคืนบ้าง แต่ยังไม่ทันคลายอ้อมกอดจากตัวเด็กหญิง ก็มีคนยื่นหน้าเข้ามาสอด อยากจะโดนหอมแก้มคืนเหมือนหนูดาบ้าง ภัคลังเลเล็กน้อยว่าควรทำดีหรือไม่ จนผู้ใหญ่เริ่มทำสีหน้างอแง แค่ช้านิดช้าหน่อยก็ไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ได้สมใจอยากและมากไปด้วยซ้ำ ทั้งคู่จุ๊บกันลับหลังร่างเล็กแบบไว ๆ แล้วตีสีหน้ามึนเสมือนไม่มีอะไรยามนัยน์ตากลมโตหันกลับมามอง   

“วันนี้คุณต้องเข้าสถานีหรือเปล่า”

“เข้า แต่ไปสายหน่อยก็ได้”

“งั้นเดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานรองท้องก่อนไปนะ”

“จ้ะเมีย”  ดันหลุดปากขานรับด้วยประโยคที่ปกติใช้ยามอยู่กันสองต่อสอง ไม่ใช่ตอนมีเด็กวัยห้าขวบจ้องตาวาวแล้วถามกลับด้วยความไม่รู้  “เมียคืออะไรเหรอน้าภัค”  น้าชายถึงกลับใบ้กินไปชั่วขณะก่อนจะรีบโยนหน้าที่แปลความหมายให้คุณพ่อที่ยังยิ้มหน้าระรื่น  “คุณเป็นคนพูดก็อธิบายให้แกเข้าใจเองเลยนะ” 

“เมียก็คือน้าภัคไงคะ”

“นี่คุณ…”

“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะสาวน้อย”  หากพูดแค่นี้คงไม่มีทางทำให้เรื่องมันจบ จึงนำความสามารถในการโน้มน้าวและเบี่ยงเบนความสนใจมาใช้ เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถึงกิจกรรมสุดพิเศษที่ไม่มีเด็กคนไหนกล้าปฏิเสธไปได้  “ไหน ใครอยากเล่นฟองสบู่กับพ่อบ้าง”

“หนู!”  หนูดารีบแทบถลาตัวหาคนเป็นพ่อที่รอรับขณะถามร่างบางข้างกายไปด้วย  “คุณจะอาบด้วยกันเลยไหม”

“คุณกับหนูดาอาบกันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะจัดเสื้อผ้าไว้รอ”

คนฟังพยักหน้าตกลงตามนั้นและหอมขมับร่างบางอีกที
แล้วค่อยช้อนตัวลูกสาวขึ้นพาดบ่าพาเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำ

“ขวดสีขาวคือครีมอาบน้ำ สีชมพูคือยาสระผมนะครับ”  ภัคตะโกนบอกไล่หลังและมีเสียงตอบโอเคกลับมาจากในห้องน้ำเป็นอันรับทราบ

หลังจากบอกสิ่งที่นายตำรวจจำเป็นต้องรู้เสร็จร่างบางก็เริ่มทำตัวเป็นประโยชน์ ตระเตรียมผ้าขนหนูไว้เผื่อสองผืน กางเกงชั้นในเด็กและชุดกระโปรงฟูฟ่อง ส่วนชุดของผู้ใหญ่แค่แวะบอกคนในห้องน้ำว่าจะไปเอาชุดใส่ทำงานมาให้ เล่นน้ำรอกันไปพลาง ๆ ก่อน ภัคเดินออกจากห้องเพื่อมายังห้องของคิมหันต์และหยิบชั้นในชายคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย เพราะเคยได้ช่วยถอดบ่อย ๆ จนเกิดความด้าน ความจริงแล้วนับตั้งแต่วันตกเป็นของกันและกันก็ได้แอบปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะดูแลอีกคนอย่างดี จะเป็นศรีภรรยาที่ไม่ทำตัวน่ารำคาญ แต่จะทำให้สามีคิดถึงสามเวลาหลังอาหารและรู้สึกขาดไม่ได้เหมือนอากาศ

สิ่งที่วาดฝันไว้แม้จะดูไกลเกินเอื้อมไปหน่อยแต่ก็มั่นใจเต็มร้อยว่าสามารถทำได้ แค่คิดตามคำพูดนายตำรวจที่คุยทิ้งท้ายกันไว้ก่อนหลับไปเมื่อใกล้รุ่งสางก็หลุดยิ้มหวานอย่างกับคนบ้า อยากจะมีบ้านน่ารัก ๆ สักหลังแล้วก็สร้างสวนย่อมเอาไว้ให้หนูดาวิ่งเล่น นอนคิดกันไปถึงขั้นว่าถ้าลูกอยากเป็นอะไรก็จะให้เป็นตามนั้น จะไม่มีการบังคับให้เดินตามความฝันของผู้ใหญ่หรือเอาความหวังไปฝากไว้ที่ตัวเด็กจนเกินพอดี แต่จะคอยสนับสนุนทุกอย่างอย่างเต็มที่

ความคิดความอ่านแบบคุณพ่อสมัยใหม่ทำให้คนพูดประโยคพวกนั้นออกมายิ่งดูไร้ที่ติและเป็นโชคดีของร่างบางที่ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเดินใจลอยจนลืมมองทางจนเป็นเหตุให้ระหว่างขากลับเดินชนเข้ากับธันวาที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องพี่สาวด้วยสติที่ไม่เข้าร่องเข้ารอยพอกัน แก้มที่ด้านขวาปรากฏรอยฝ่ามือครบทั้งห้าจาง ๆ
  บทลงโทษของคนที่พักหลังชอบทำตัวนอกเหนือคำสั่ง ยกตัวอย่างก็เช่นเรียกรถพยาบาล

“ฝีมือพี่สาวฉันอีกแล้วสินะ”  ภัคที่สะดุดตากับร่องรอยจากการถูกทำร้ายเอ่ยดักด้วยน้ำเสียงเคืองอยู่เนือง ๆ พลางยกมือลูบไล้แก้มกร้านแผ่วเบา ส่วนชายหนุ่มผิวขาวซีดก็ยังยืนรูดซิปปาก ปล่อยให้ร่างบางจับใบหน้าอีกครั้งในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา แค่ยืนฟังเสียงดุที่ไพเราะกว่าเสียงนักร้องในโทรทัศน์ โดยที่เข้าใจดีว่าทุกคำพูดมันมาจากความห่วงใย  “ทีหลังก็หัดตอบโต้ซะบ้างนะ ไม่ใช่ว่าเอาแต่ยืนเฉย ๆ ให้อีกฝ่ายทำร้ายอย่างเดียว เกิดวันดีคืนดีพี่สาวฉันคว้ามีดขึ้นมานายจะทำยังไง จะยืนเฉยให้เธอแทงเหรอ” 

“ผมขอโทษครับ”  หากหวังว่าจะได้ยินประโยคตอบกลับที่ยาวได้สักครึ่งของที่ภัคพูดคงไม่มีทางสมหวัง ธันวาเป็นที่รู้จักกันดีในนามของคนพูดน้อย ถึงบางทีนิสัยไม่ค่อยพูดจาจะทำให้คู่สนทนารู้สึกหงุดหงิดบ่อย ๆ แต่ภัคก็ไม่ใช่ประเภทชอบหยิบยกประเด็นยิบย่อยขึ้นมาถกเถียงให้เป็นปัญหาใหญ่ กลับกันคือรู้สึกผิดอยู่ในใจลึก ๆ ตลอดเวลา ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ชีวิตผู้ชายตรงหน้าต้องมาติดแหงกกับบ้านหลังนี้

แถมต้องเข้ามาพัวผันกับผู้หญิงอย่างมินตราจนวิถีชีวิตแทบไม่ต่างจากคนคุก ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนที่เรียกว่าคำขอร้องจากผู้มีพระคุณ  “ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษนาย ต้องดูแลผู้หญิงอารมณ์ร้ายแบบนั้นคงทำนายลำบากแย่”

     “แต่คุณภัคครับ…”  กำลังจะต่อท้ายประโยคว่าผมเต็มใจแล้วมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยสักนิด แลกกับการมีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอน รวมถึงได้เฝ้ามองภัคในทุกช่วงทุกตอนของวัน ความสุขทางใจอย่างหลังมันมีค่ากว่าเงินเดือนทั้งเดือนเสียอีก เหตุผลที่ยอมอดทนแทนที่จะปลีกตัวจากไปหลังมีเงินเก็บมากมายก็เพราะคำว่ารักวงเล็บต่อท้ายว่าข้างเดียวมาเสมอ นับตั้งแต่วันที่เจอกันโดยบังเอิญและอีกคนก็เดินเข้ามาช่วยฉุดมือขึ้นจากนรก  “…ผม”   

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณ…”

“ภัค ชุดผมล่ะ”  ไม่ใช่แค่เสียงเปิดประตูที่ทำให้บทสนทนาสะดุด ประโยคทวงถามหาชุดทำงานหลุดออกจากปากคนยืนเท้าแขนกับขอบประตูซึ่งอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันถอนล่างเท่านั้น คิมหันต์ไม่พูดอะไรต่อแค่ยืนรอเฉย ๆ แต่เหมือนจะเอ่ยกดดันทางสายตาว่าคนกลางจะเลือกข้างไหนระหว่างคนที่มีสถานะไม่ต่างจากคนใช้กับคนที่มีหน้าที่การงานเป็นถึงนายตำรวจของประชาชน ภัคมองหน้าผู้ชายสองคนสลับไปมาอย่างกับว่ากำลังรักพี่เสียดายน้อง แต่เมื่อต้องเลือกจริง ๆ คนเราก็ต้องคว้าสิ่งที่ดีที่สุดไว้   

สุดท้ายสองขาก้าวเดินออกมาไม่ล่ำลาสักคำ ทำเหมือนธันวาไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเกิดกลับใจทำท่าจะหันกลับไปมอง ท่อนแขนยาวก็รีบช้อนเอวคอดเข้าห้องแต่ก่อนจะล็อกประตู คิมหันต์ไม่ได้แค่สบตากับชายหนุ่มผิวสีซีดอย่างเดียว ยังเที่ยวป่าวประกาศความเป็นเจ้าของ ขยับปากบอกคนนอกห้องเป็นข้อความไร้เสียงว่าคนนี้ของฉันว่ะ

ตลอดเวลาชั่วโมงกว่า ๆ ที่หมดไปกับหุงหาอาหาร ภัคก็ทำตัวเป็นภรรยาที่ดี ที่มึนตึงไปดูเหมือนจะเป็นฝ่ายนายตำรวจที่แม้แต่ตอนร่างบางช่วยตรวจตราความเรียบร้อยของชุดลำลองเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังไม่วายทำสีหน้าเย็นชา   

แต่แล้วก็นึกครึ้มถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  “หมอนั่นเป็นคนยังไงเหรอ”

“ครับ…?”

“ธันวา”  พูดชื่อแล้วรอดูปฏิกิริยา จนเห็นว่าร่างบางชะงักไปเล็กน้อยแล้วค่อยฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ทำทีช่วยจัดเสื้อแจ็คเก็ตขณะบรรยายลักษณะเด่นของชายอีกคนเท่าที่เคยได้คลุกคลี 

“ก็เป็นคนเงียบ ๆ ครับ บางวันก็แทบจะไม่พูดเลย ไม่มีปากมีเสียงแล้วก็มักจะชอบทำตามใจคนอื่นเสมอ ๆ”

“รวมถึงตามใจคุณด้วยไหม”

“อะไรนะครับ”

“ผมแค่จะพูดว่าคุณดูรู้จักเขาดีนะ”  ภัคมองหน้าคนพูดจาแปลก ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไหวพริบดีพอจะแก้ไขสถานการณ์ที่สัมผัสได้ว่าเจือปนไปด้วยความประชดประชัน   

“ก็แหม อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี ถ้าผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนน่ะสิแปลก”

“ผมจะพูดตรง ๆ นะภัค”  สองมือใหญ่ลูบท่อนแขนขาวแล้วยึดไว้เพื่อให้เจ้าตัวอยู่เฉย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคคำสั่งออกมา  “…อย่าให้ผมเห็นว่าคุณอยู่กับเขาสองต่อสองอีก”  เอ่ยปากอย่างไม่มีการอ้อมค้อมใด ๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งตีความหมายกันไปแบบผิด ๆ  “แล้วก็ตอนพูดถึงธันวา อย่าทำสีหน้ามีความสุขเหมือนเมื่อกี้นี้อีกเด็ดขาด”

“ผมก็แค่…”

“ผมไม่ชอบสายตาหมอนั่นเวลาที่มองคุณ”

“คุณคิดมากไปแล้วนะ”

“ผมไม่สนว่าก่อนหน้านี้คุณสองคนจะสนิทกันมากสักแค่ไหน”  นายตำรวจแสดงความใจกว้างผ่านทางคำพูด นัยยะแอบแฝงก็คือผมไม่สนว่าอดีตคุณจะเคยทำอะไรไว้ แต่ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของใครก็ควรจำใส่สมองซะ  “แต่ตอนนี้คุณเป็นของผม …เข้าใจตรงกันนะ” 

ร่างบางพยักหน้าตอบอย่างว่าง่ายและไม่ลืมปั้นยิ้มหวานตอนคิมหันต์หอมแก้ม

“งั้นผมไปล่ะ เห็นว่าผลชันสูตรของเหมันต์ออกมาแล้ว” 

อารมณ์ที่ดีขึ้นชั่วพริบตาของคนหันกลับมาโบกมือให้ไม่ได้ช่วยทำให้คนยืนโบกรับสบายใจเลยแม้แต่น้อย ภัคเผลอทำสีหน้ากังวลคล้อยหลังนายตำรวจเดินไปไม่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลไหนกันแน่ระหว่างห้ามเข้าใกล้ธันวาหรือผลชันสูตรคนตายออกมาแล้วที่ทำให้เป็นทุกข์ จนเมื่อหมุนตัวกลับเข้ามาในบ้านถึงได้เห็นสีหน้าไม่มีความสุขพอกันจากคนยืนแอบฟัง ชายหนุ่มพูดน้อยเดินออกจากที่ซ่อนด้วยสีหน้าหวั่นวิตก คงเพราะได้ยินที่ร่างบางถูกสั่งห้ามให้เข้าใกล้หรือไม่ก็เพราะผลชันสูตรของเหมันต์ออกมาแล้วเหมือนกัน 
















อุตส่าห์ตื่นนอนเร็วกว่าเวลาเดิมตั้งหนึ่งชั่วโมง แต่เมื่อลงมาด้านล่างแล้วกลับไม่พบอะไรนอกจากแห้วและความว่างเปล่า แม้จะเห็นลูกสาวในห้องนั่งเล่นแต่ก็นับเด็กหญิงว่าเป็นธาตุอากาศหรืออะไรทำนองนั้น ที่ต้องการเจอคือคิมหันต์ที่ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนออกไปทำงานอะไรนักหนา มินตราทำสีหน้าผิดหวังระหว่างล้อไถลไปตามทางเดินอย่างเรื่อยเปื่อย

รู้ตัวอีกทีคือตอนเมื่อยมือเกินกว่าจะกดปุ่มบังคับรถเข็นและล้อก็หยุดห่างจากท่อนขาเล็กเพียงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น คนเป็นแม่แค่แอบดูลูกวาดภาพและทำการลงสีด้วยมือข้างเดียวอย่างเงียบ ๆ เกิดความใคร่รู้อยู่ครู่หนึ่งว่าเด็กหญิงวาดอะไรและยิ่งจ้องก็ยิ่งได้เห็นความผิดปกติ สีหน้าฉงนเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธเป็นฝืนเป็นไฟขณะกำมือกับพนักแขนไว้แน่น

พี่สาวออกตามหาน้องชายระหว่างที่ในมือถือกระดาษหนึ่งแผ่น

ก่อนจะขยำเป็นก้อนแล้วปาไปที่หน้าคนเพิ่งเดินย้อนกลับเข้ามาในบ้านอย่างแม่นยำ กระดาษโดนแก้มภัคอย่างจัง ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดมากเท่าไหร่แต่ก็พอสร้างความระคายเคืองได้อยู่

“ไม่มีที่อื่นให้ทำแล้วหรือไงถึงได้ต้องทำเรื่องทุเรศ ๆ ต่อหน้าเด็กมัน”

น้องชายจะไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่พี่สาวพูดจนกว่าจะหยิบกระดาษขึ้นมาคลี่ออก ภัคจึงลองเก็บคำเฉลยขึ้นมากางและเพ่งมองภาพวาดด้วยสายตาเฉยชา ก็แค่มนุษย์กางปลาสองคนกอดกัน มันทุเรศตรงไหนไม่ทราบละอยากจะถามอีกคนกลับจริง ๆ  “ไม่มีวิธีหาเรื่องที่มันดีกว่านี้แล้วหรือยังไงครับ ผมไม่เห็นว่าภาพพวกนี้มันจะทุเรศตรงไหน”

“ก็ตรงที่มันเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ไงล่ะ!”  ลองถ้าอคติบังตาต่อให้มนุษย์กางปลาใส่กระโปรง หญิงสาวก็จะโยงเรื่องเข้าหาคนที่เกลียดเพื่อด่าอยู่ดี  “เด็กมันจะวาดภาพแบบนี้ไหมถ้ามันไม่ได้เห็นเองกับตาน่ะ นี่คงจะไม่มีความละอายใจกันเลยใช่ไหม”

“อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะทำอะไร ๆ ต่อหน้าหนูดาหรอก แต่พี่คิมหันต์น่ะสิเอาแต่รบเร้า …เขาจะเอาผมท่าเดียวเลยนะ”  ร่างบางเอ่ยประโยคสองแง่สองง่ามหน้าตาเฉย จะเรียกว่าเป็นกำลังเผยธาตุแท้ต่อหน้าญาติผู้พี่ที่มีแม่คนเดียวกันก็ได้ 

“หางโผล่ได้สักทีนะน้องรัก”

“คงเพราะเบื่อจะสร้างภาพเป็นคนดีแล้วมั้ง อีกอย่างไม่รู้จะทำดีกับคนที่คิดทำร้ายลูกตัวเองไปทำไมเหมือนกัน”  ภัคลากมินตราเข้าประเด็นที่เพียงแค่ต้องการคำรับสารภาพเท่านั้น  “พี่เป็นคนผลักหนูดาตกบันไดใช่ไหม”

“ทำไม เด็กนั่นฟ้องแกเหรอ แล้วแกก็เชื่อมันงั้นสิ”

“ผมเชื่อแค่ว่าพี่สามารถทำเลว ๆ แบบนั้นได้ คนใจยักษ์ใจมารอย่างพี่ทำได้อยู่แล้วล่ะ”

“แกไม่เห็นเหรอว่าฉันนั่งรถเข็น แล้วฉันจะเป็นคนทำเรื่องอย่างที่ว่าได้ยังไง”

ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิดแต่ภัคกำลังหลุดหัวเราะ เชิดหน้าชูคอระหว่างยืนกอดอก  “…นี่พี่จะปิดเรื่องที่ตัวเองเดินได้ไปถึงเมื่อไหร่”  น้องชายถามเพราะความสงสัยในขณะที่พี่สาวชะงักไป แต่ไม่นานก็กลับมามีสติและเอาคืนด้วยคำถามที่เต็มไปด้วยความอยากรู้มากพอกัน  “งั้นเมื่อไหร่แกถึงจะสารภาพว่านอนกับผัวฉันล่ะ…”

รับกันไปคนละหนึ่งแต้มสำหรับการเล่นเกมต่อปากต่อคำ

“แล้วพี่หมายถึงผัวคนไหนล่ะ”
สำหรับแต้มที่สองมีแค่น้องชายที่ได้ไป  “หมายถึงแฝดน้องหรือแฝดพี่กันเหรอ”  จีบปากจีบคอถามกลับ ถ้ามีผมยาวหน่อยก็คงจะทำเป็นม้วนลอนเล่น ประหนึ่งเมียน้อยที่ไม่เคยเห็นหัวเมียหลวงที่ชอบมาทวงผัวกลับบ้าน  “อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าพี่กำลังจะใช้ความน่าสงสารเรียกร้องความสนใจ มุกแบบนี้มันเชยไปแล้ว ความสงสารก็คือความสงสาร ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นความรัก”

“เขารักฉัน”  มินตรายืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เขาก็แค่เคยรักพี่และตอนนี้เขาเป็นของผม”

“คิดว่าเขาจะจริงจังกับแกหรือไง” 

ไม่ว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหน ภัคก็แก้ทางได้หมด คราวนี้ตอกหน้าด้วยการชูมือให้พี่สาวยลโฉมชัด ๆ  “คิดว่าไงล่ะ พี่ว่าสวยไหม”  ถามไปอย่างนั้น อันที่จริงก็แค่อยากอวดแหวนบนนิ้วนางก่อนจะหันมือตัวเองกลับมาดูบ้าง  “ถึงจะเรียบไปหน่อยก็เถอะ ผมว่าน่าจะหลวมกว่านี้สักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร สงสัยคนซื้อให้จะชอบเป็นคับ ๆ”

“แก!”  หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความฉุนเฉียว ทั้งยังใช้นิ้วชี้หน้า  “ฉันจะบอกคิมหันต์เรื่องที่แกเคยนอนกับน้องชายฝาแฝดเขา”

“ก็เอาสิ ผมก็จะบอกว่าพี่เดินได้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน”  น้องชายปัดมือที่จ่อตรงหน้าออกไปเพราะรู้สึกเกะกะสายตา  “คิดดูสิว่าเขาจะเลือกเชื่อใคร ระหว่างพี่สาวที่วัน ๆ เอาแต่ทำตัวลอยไปลอยมา พิการขาอย่างเดียวไม่ว่ายังลามไปถึงสมอง แม้แต่ลูกในไส้ตัวเองก็ไม่เคยเหลียวแลกับน้องชายผู้แสนดีที่อาสาเลี้ยงลูกให้แทนเพราะความรัก ไม่เคยแม้แต่จะตอบโต้พี่สาวที่ชอบด่าให้เกิดความอับอาย เป็นฝ่ายถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด”   

“ตอแหล…”

“เขาเรียกว่าคนฉลาดต่างหาก เรียนหนังสือมาก็ตั้งสูง ไม่เคยได้อ่านเรื่องการวางตัวมาบ้างเลยหรือไง”

“แกก็ไม่ได้ดีกว่าฉันนักหรอก ก็แค่เด็กมีปมด้อยที่พ่อแม่ไม่รัก เห็นฉันได้ทุกอย่างก็อิจฉา ความจริงแกเองก็อยากได้อยากมีเหมือนฉันใช่ไหมล่ะ ถึงได้พยายามเสนอตัวจนได้ใช้ผัวมือสองต่อจากฉัน”  ความอัดอั้นทั้งหลายพรั่งพรูผ่านริมฝีปากไม่หยุด

ยามน็อตหลุดอะไรก็เอาไม่อยู่ รู้แค่ว่าต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามช้ำใจหนักกว่าตัวเอง  “จะบอกอะไรให้นะ ฉันกับคิมหันต์ก็เคยมีอะไรกันมาก่อน ตอนเราคบกันช่วงมหาลัย แกคิดว่าฉันกับเขาจะแค่จับมือแล้วนอนหลับไปหรือไง …แกก็เป็นได้แค่ที่สอง เป็นรองฉันอยู่ดีนั่นแหละ พวกผู้ชายที่แกนอนด้วยล้วนเคยเป็นของฉัน”

“แน่ใจเหรอที่พูดออกมา”  แต่ผิดคาดที่ภัคยังนิ่งได้อย่างน่าชื่นชม ไม่หวั่นไหวไปกับลมปากของหญิงสาวที่สักแต่จะข่มคนอื่นด้วยเรื่องโง่ ๆ ที่ระบายออกเสียยืดยาวก็เท่ากับประจานตัวเองไปด้วยในตัว  “แล้วพวกผู้ชายที่ว่ารวมถึงธันวาด้วยหรือเปล่า”

“นี่แก…”

“ผนังห้องมันบางนะคุณพี่สาว ผมเข้าใจว่าบางทีคนเราก็คงมีอารมณ์เปลี่ยวกันบ้าง แต่เที่ยวป่าวประกาศว่าผัวตัวเองมีชู้อย่างนั้นอย่างนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับคนตายนะว่าไหม ในเมื่อตัวพี่เองก็ทำเหมือนกัน อาจจะนานพอ ๆ กับที่ผัวพี่มีนอกใจด้วยซ้ำ”  ความรู้มากของภัคกำลังทำให้เป็นต่อในสงครามน้ำลาย แล้วก็กลายเป็นน้องที่ถอนหงอกพี่  “อย่าเห็นแก่ตัวสิ ในเมื่อพี่ทำได้ผัวพี่ก็ทำได้เหมือนกัน”

“แต่มันไม่เหมือนกัน! ฉันแค่ แค่…!”

“แก้ตัวไปก็เปล่าประโยชน์น่า จะเพราะอะไรก็ฟังไม่ขึ้นหรอก”

“แต่ยังไงฉันก็จะบอกเรื่องเลว ๆ ของแกกับคิมหันต์”

“เอาเลย ยังไงก็รีบ ๆ บอกตอนที่ตัวเองยังมีโอกาสซะล่ะ”  ยักไหล่ไม่ยี่ราแถมท้าทายไม่เกรงกลัวสักนิด ดูกล้าได้กล้าเสียผิดปกติจนมินตรารู้สึกสังหรณ์ใจ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของลางร้ายแปลก ๆ  “แกหมายความว่ายังไง”

“จำไว้นะว่าพี่เป็นคนบีบให้ผมต้องทำอย่างนี้เอง”  จากเด็กชายตัวน้อยที่คอยเดินตามพี่สาวต้อย ๆ เพราะอยากเล่นด้วยสู่ผู้ใหญ่ใจเด็ดที่ไม่เห็นแม้กระทั่งหัวคนในครอบครัว  “แล้วเวลาหมามันจนตรอกน่ะมันกัดไม่เลือกหรอกนะ”

“หมาอย่างแกจะทำอะไรฉันได้”  มองด้วยสายตาเหยียดหยาม หนำซ้ำยังหัวเราะเยาะใส่ราวกับไม่เชื่อฝีมือน้องชายว่าจะทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน   

“คอยดูกันต่อไปสิคุณพี่สาว แล้วก็… กำคำว่าอิสรภาพที่ตัวเองมีไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ อย่าได้ปล่อยให้หลุดมือเชียว”  พอข่มขู่เสร็จก็กะว่าจะหันกลับหลังเดินจากไป แต่หญิงสาวดันไถลรถเข็นมาดักหน้าไว้ เวลาข้องใจมีอะไรก็ถาม  “แกคิดจะทำอะไร”

“ช่วยตำรวจจับคนร้ายไง”   

“คนร้าย…? คนร้ายบ้าบออะไรของแก”

“ไหนว่าตัวเองฉลาดนักหนา แค่นี้ไม่มีปัญญาคิดเองเหรอ” 

“แก…!”

“อยากเดินตามมาก็ได้นะ คนในบ้านจะได้รู้กันหมดว่าใครกันแน่ที่ตอแหล”

ผู้ชนะแบบขาดลอยเดินจากไป ทิ้งให้ผู้แพ้โวยวายกับผลคะแนนที่คิดว่าไม่เป็นธรรม  “ภัคกลับมาเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้แกกลับมา!”  มินตราโกรธจนตัวสั่น อาการย่ำแย่เข้าขั้นผู้ป่วยทางจิตที่ถูกขัดใจนิดขัดใจหน่อยก็คลุ้มคลั่ง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างแรงก่อนมือจะขย้ำพนักแขนรถเข็นจนเลือดไม่เดิน  “ฉันจะฆ่าแก!... ฉันจะฆ่าแก” 





มีต่อด้านล่าง...




   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 22:42:05 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๐๙) ๒๕.๐๖.๖๑
«ตอบ #55 เมื่อ26-06-2018 20:35:29 »


ชายดูแลหญิงพิการทำหน้าที่บกพร่อง จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยเพราะมัวแต่คอยชะเง้อคอมองหาโอกาสเข้าถึงตัวภัคตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันเป้าหมายก็เอาแต่คลุกตัวอยู่กับลูกพี่สาว แทบจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว แม้แต่ตอนเข้าครัวเด็กหญิงก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ จนตะวันบ่ายคล้อยก็แล้ว วี่แววว่าจะได้เข้าหาก็ยังไม่มี แต่โชคยังดีตรงที่ว่าแอบได้ยินร่างบางคุยโทรศัพท์และจับใจความได้ว่าคืนนี้คนในสายจะไม่กลับมานอนที่บ้าน

น้าชายพาหลานสาวเข้านอนแต่หัววันและพอมีเวลาก็เล่านิทานกล่อมจนร่างเล็กผล็อยหลับไป มือเรียวถึงได้ค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความส่งหานายตำรวจว่ากำลังจะนอนตามด้วยอิโมติคอนรูปหัวใจ ภัคได้แต่อมยิ้มให้กับข้อความตอบกลับที่แสนจะเรียบง่าย ขนาดปิดไฟแล้วไถลตัวลงนอนก็ยังอ่านถ้วนคำว่าฝันดีซ้ำ ๆ เอาให้จิตใต้สำนึกจำได้จนเก็บไปฝันต่อยามนิทรา ร่างบางหลับคาเครื่องมือสื่อสาร กำไว้ในมือด้านที่ถนัดแต่ไม่นานก็สะดุ้งตื่นเพราะมือนั้นดันยื่นออกนอกเตียงและเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกจนก่อให้เกิดเสียง

น้าชายเอียงหน้ามองหลานสาวว่ายังหลับดีอยู่ไหมก่อนจะถอนหายใจโล่งอก แต่ต้องมาตกใจสุดขีดก็ตอนเหลือบเห็นเงาตะคุ่มที่ปลายตีนหรือเรียกอย่างสุภาพว่าปลายเท้า เงาดำเป็นเหตุผลที่ทำให้คนตระหนกรีบเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟจนกระทั่งเห็นใบหน้าของผู้บุกรุกยามวิกาล เมื่อนั้นจึงกล้าหายใจแต่ยังไงก็ขอบ่นสักหน่อยเถอะ  “นายทำฉันตกใจนะ” 

“ผมขอโทษครับ แต่ผมแค่มีเรื่องอยากคุยกับคุณ”  ธันวาแจ้งความจำนงเสียงเบา ที่แอบลอบเข้ามายามดึกไม่ได้มีเจตนารบกวนแต่อย่างใด แค่หาจังหวะในตอนกลางวันไม่ได้จึงต้องกลั้นใจทำพฤติกรรมอย่างที่รู้ดีว่าอีกคนไม่ค่อยชอบ

“คุยกันเวลาอื่นไม่ได้หรือไง”  ความจริงมีอะไรอยากเทศนาเยอะแยะ แต่ดันเห็นหนูดาเริ่มนอนกระสับกระส่าย ภัคเลยเข้าใจว่าคุยกันในนี่คงไม่สะดวกอีกแล้ว  “ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”  ร่างบางเอ่ยปากชวนและเป็นคนเลือกสถานที่เอง เดินนำลงมาด้านล่างและจูงมือชายหนุ่มอีกคนพามายังห้องครัว ด้วยความที่กลัวว่าจะมีใครจะมาเห็นเข้าจึงปิดประตูอีกชั้น ล็อกลูกบิด เปิดสวิทช์ไฟแล้วหมุนตัวกลับมาจ้องสีหน้าวิตกกังวลเต็มสองตา 
 
“ตกลงมีอะไร ถ้าเรื่องที่นายจะพูดไม่สำคัญมากพอละน่าดู”

ธันวานิ่งไปแต่ไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่ กำลังใช้เวลาเรียบเรียงประโยคในหัวอยู่ต่างหาก มีคำถามอยากถามร่างบางมากมายจนต้องมายืนไล่เรียงลำดับความสำคัญ ก่อนจะเริ่มด้วยคำถามอันดับแรกสุด  “คุณคบกันคุณคิมหันต์เหรอครับ”

“ตกลงนี่คือเรื่องที่นายอยากคุยกับฉันงั้นเหรอ”  ทั้งแปลกใจทั้งหงุดหงิด ก็หลงคิดไปว่าจะเป็นเรื่องสำคัญกว่านี้ ถ้ารู้แต่แรกว่าอีกคนจะถามอะไรคงไม่ถ่อลงมาถึงข้างล่างนี่หรอก คงบอกความจริงไปแล้วตั้งแต่อยู่ในห้อง  “แล้วฉันกับเขาดูเหมือนคนคบกันไหมล่ะ”  ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่พอบอกได้ว่าอารมณ์กำลังขุ่นมัว

ส่วนตัวชายหนุ่มผิวซีดเองก็ไม่ได้ถือสาหาความ ก็ตอบสั้น ๆ ไปตามที่เข้าใจ  “…ครับ”

“ก็ตามนั้น”  ร่างบางเฉลยแบบขอไปทีระหว่างชักสีหน้า ทำตัวไม่น่ารักไม่ต่างจากพวกได้หน้าลืมหลัง ไม่ระวังเรื่องการแสดงกิริยากับคนที่อาจเอาความลับไปเปิดโป่งได้ในอนาคต  “นายหมดคำถามแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับขึ้นไปนอน”         

“แต่ผมไม่อยากให้คุณยุ่งกับเขา” 

“เหตุผล…?”

“เพราะเขาเป็นตำรวจ”  เกิดความเงียบชั่วขณะ คำว่าตำรวจของธันวาดังกึกก้องในสมองของภัคที่ตอนแรกแทบลืมความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท  “ผมได้ยินว่าเขาสั่งห้ามคุณไม่ให้ยุ่งกับผมอีก คุณจะทำตามอย่างที่เขาสั่งจริง ๆ หรือเปล่า”

“ตอนนี้นายพูดเยอะกว่าทั้งเดือนรวมกันซะอีกนะ”  ร่างบางมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับคนสำนึกได้แล้วว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในสถานการณ์ที่มีความเป็นความตายเข้ามาเกี่ยวข้องและเลือกมองหาแต่ช่องทางเอาตัวรอดไปก่อนเท่านั้น  “ฉันอาจจะทำจริง ๆ หรือไม่ทำตามก็ได้ จะให้ฉันเมินนายทั้งที่นายเคยดีกับฉันมาก ๆ น่ะเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอก”

“ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวผมเอาความลับไปบอกใครเหรอครับ”  ลืมคิดก่อนพูด พอหลุดปากประชดไปแล้วก็มายืนเสียใจทีหลัง กลัวไปต่าง ๆ นานาว่าร่างบางจะโกรธ แต่ผลกลับออกมาในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

ภัคเลิกทำอะไรบุ่มบ่ามและกลับมามีสติกับปัจจุบันมากขึ้น เลิกยืนรักษาระยะห่างเป็นวาและเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนทั้งที่เมื่อตอนเช้ายังรับปากนายตำรวจอยู่เลยว่าจะเชื่อฟัง  “วันนี้นายพูดเยอะจริง ๆ นะ”  เอ่ยพร้อมทั้งจับเนื้อผ้า ฝ่ามือลูบตามความราบเรียบของเสื้อยืดตรงหน้าก่อนจะยืนพิง เอาแก้มอิงแอบกับช่วงอกอุ่น  “กำลังจะแบล็กเมล์ฉันอยู่หรือไง”

เย้าแหย่ในเรื่องที่รู้ดีว่าอีกคนจะไม่มีวันทำด้วยน้ำเสียงล้อเล่น เมื่อร่างบางยิ่งเอนตัวซบ วงแขนยาวก็ถือวิสาสะโอบหลวม ๆ ด้วยความคิดถึง  “เปล่าครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น”

“ธัน ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน แต่เราเคยตกลงกันไว้ว่ายังไงจำได้หรือเปล่า” 

“ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ เราจะไม่มีวันเป็นคนรักกันอย่างเปิดเผยได้…” 

น้ำเสียงราบเรียบพูดครบทุกคำเหมือนท่องจำมาตั้งแต่วันที่ได้ยิน คิดถึงวันแรก ๆ แล้วก็เศร้า ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวความรักต้องห้ามมันจะดำเนินมาไกลขนาดนี้ จนถึงขั้นที่กลายเป็นการหลอกใช้ ใช่ว่าไม่รู้แต่พยายามหลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็นก็แค่นั้น   

“นายก็ยังจำมันได้นี่”  ภัคยกมือกุมใบหน้าของชายที่แสดงออกว่ากำลังน้อยอกน้อยใจจนหลบสายตาเอียงไปทาง ร่างบางต้องรั้งใบหน้านั้นกลับมามองตรง ยกมือลูบผิวเกลี้ยงเกลา เผื่อจะช่วยบรรเทาความเดียวดายทำให้ธันวารู้สึกว่าตัวเองยังอยู่ตรงนี้  “ฉันไม่เคยไปไหน ฉันยังคงเป็นของนายเสมอจำได้ไหม”

“ผมจำได้แค่ว่าผมเจอคุณได้แค่ในความฝัน”

“โธ่…”  คนฟังอุทานอย่างเห็นใจก่อนจะสวมกอดร่างกายใหญ่ มือข้างหนึ่งกดท้ายทอยให้โน้มลงจนใบหน้าโศกเศร้าซบเข้ากับไหล่ราด  “ฉันขอโทษนะถ้าทำให้นายรู้สึกแบบนั้น ยังไงถ้ามีอะไรให้มาบอกฉันอย่างที่นายเคยทำมาตลอด ถ้าต้องการอะไรมาบอกกันก่อนนะ”

ฝ่ายนึงรับปากว่าจะช่วยเยียวยาเท่าที่สามารถ แต่สำหรับอีกฝ่ายนั้นแค่ได้กอดก็เหมือนฝันเป็นจริง ยิ่งได้กลิ่นหอมที่ชอบยิ่งเข้าใจว่าไม่ได้ทึกทักสร้างภาพมายาขึ้นมาเองแล้วค่อยหมดซึ่งความเกรงใจ ลองได้กอดแล้วไม่มีทางปล่อย ขณะที่ธันวาค่อย ๆ กอดตอบเสียแนบแน่น ภัคก็แหงนหน้าหาเพดาน ยิ้มหวานพร้อมลูบกลุ่มผมดำเล่นอย่างเพลิดเพลิน 

“เด็กดี…”

“ผมยังมีสิทธิ์หวงคุณได้ใช่ไหม”  พึมพำถามหาสิทธิ์ของตัวเองเสียงเบา ทั้งที่เคยลั่นวาจาว่าช่วยแบบไม่ได้หวังผล แต่พอโดนเอาเปรียบหนัก ๆ ก็อยากจะทวงค่าตอบแทนขึ้นมา

ในเมื่ออีกคนพูดเองว่าต้องการอะไรก็ให้บอกประกอบกับลองไตร่ตรองแล้วว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้าย ลืมไปซะสนิทว่ามีเรื่องจะสารภาพ เป็นความลับที่เก็บงำมาตลอดหลายวัน เรื่องสำคัญที่ความจริงก็จำได้แต่เลือกจะไม่พูดขึ้นมาแม้มันจะคอขาดบาดตายแค่ไหน กลัวว่าถ้าพูดไปตนจะชวดช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดร่างบาง หลังจากยืนรวบรวมความกล้าไม่นานธันวาก็เริ่มเอ่ยเท้าความถึงวันเก่า ๆ ก่อน  “ตอนนั้นที่คุณบอกว่าจะให้รางวัล แต่ผมปฏิเสธไป คุณจำได้ไหมครับ”

“จำได้สิ”  ตอบแทบจะในวินาทีถัดมาเพราะว่าจำ ‘เหตุการณ์ตอนนั้น’ ได้แม่น

ภาพทุกภาพมันยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำทั้งยามหลับและยามตื่น 

“ตอนนั้นผมบอกแค่ว่าอยากทำเพื่อตอบแทนบุญคุณคุณ…”

“พูดความต้องการของนายมาเถอะธัน ไม่ว่ายากเย็นแค่ไหนฉันก็จะทำให้นาย”

“งั้นถ้าผมจะขอทวงรางวัล …เป็นการขอสัมผัสคุณอีกครั้งจะได้ไหม…ครับ”

ฟังคำขอเสร็จแล้วภัคถึงกลับยิ้มกว้าง ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็คงจะแอบลังเลอยู่สักหน่อย  “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” 

ต่างฝ่ายต่างคลายอ้อมกอดอัตโนมัติเพราะตระหนักได้ถึงเวลาที่มีอย่างจำกัด อีกไม่กี่ชั่วโมงวันใหม่ก็จะมาทักทาย ทั้งคู่หยุดสบตาในระยะประชิดแล้วเคลื่อนริมฝีปากแนบสนิทกัน ธันวาอุ้มร่างบางขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์กลางห้องครัวทั้งที่ยังนัวเนียไม่ห่าง ภัคตะวัดขาทั้งสองข้างล็อกเอวสอบขณะยินยอมให้มือกร้านปลดกระดุมเพื่อเปลื้องผ้า

เสื้อนอนร่นลงจากบ่าจนเห็นเนื้อหนังมังสากับรอยรักประปรายฝีมือนายตำรวจ ระหว่างที่ชายผิวสีซีดหยุดมองภัคต้องเป็นฝ่ายชวนแลกลิ้นอย่างมูมมาม ทำน้ำลายเลอะขอบปากโดยมีธันวาที่เพิ่งได้สติคอยตามล้างตามเช็ด กลับมาเป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ยืนรอมือเรียวช่วยถลกเสื้อออกทางหัวชั่วอึดใจแล้วโถมกายเข้าใส่ โอบวงแขนรอบแผ่นหลังบางระหว่างไล่เลียยอดอกที่แอ่นสู้

ภัคกำลังหูอือตาลาย หงายหน้ามองดวงไฟเหนือศีรษะขณะถูกเฟ้นฟอดตามตัว รสมือจากผัวคนแรกทำให้อารมณ์ยิ่งเตลิด กิเลสตัณหาเกิดประทุง่ายดายหลังถูกชายที่กลายมาเป็นชู้เล้าโลม จากที่เคยต้องจินตนาการเอาและแอบสาวมือในห้องน้ำเพื่อประทังความต้องการของตัวเองไปวัน ๆ มาตอนนี้ธันวาเหมือนได้ย้อนกลับไปสู่บรรยากาศเก่า ๆ วันที่สองเราเคยพลอดรักกันอย่างลึกซึ้งและทำเรื่องทะลึ่งตึงตังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า   

นัยน์ตาดำคนยืนก้มหน้ามองสะท้อนภาพเคลื่อนไหวของมือที่กำลังช่วยสาวของลับ มือเรียวพยายามปั้นแก่นกายที่ไม่ใช่ของตัวเองให้แข็ง บีบนวดอย่างแรงเพื่อเร่งการขยายจนอวัยวะเพศพองคับมือ จะถือไว้ก็หนัก จะใช้ปากช่วยสถานที่ก็ไม่อำนวยเท่าไหร่ ด้านสุดท้ายคือให้สอดใส่แก่นกายเข้ามาในร่างทั้งแท่ง ก่อนแสงตะวันจะมาเยือนแทนที่จะมัวอารัมภบทก็ให้เริ่มถดกายเข้าออกอย่างเชื่องช้าหลังจากคาอยู่ปากอ่าวไม่นาน 

เล่นยัดของใหญ่ใส่รูที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่ามาก ภัคต้องถ่างขากว้างกว่าเก่าและเท้าฝ่ามือขอบเคาน์เตอร์ด้านหลัง ส่วนกลีบปากแดงก็อ้าไม่หุบเหมือนหว่างขา ส่งเสียงสั้น ๆ เคล้าไปกับตอนธันวาขยับช่วงล่าง ใช้แก่นกายเปิดทางเพื่อสร้างความคล่องตัวทีละนิด มือกร้านปลดกางเกงนอนกับชั้นในที่ติดตรงปลายเท้าขาวอย่างหมิ่นเหม่ออก รวมถึงลดกางเกงของตัวเองลงถึงเข่าแล้วค่อยช้อนข้อพับขาร่างบางดึงเข้าหาเพื่อรับแรงกระทุ้งที่ทำเอาสะดุ้งตัวโยน เมื่อมีหนแรกก็ต้องมีหนสอง ต่อด้วยสาม จังหวะที่สี่และห้าตามมาไม่หยุดยั้ง ประดังประเดเข้ามาจนพูดไม่เป็นภาษา 

ฝ่ามือเสียดสีกับเคาน์เตอร์จนเกิดเสียงเข็ดฟัน แต่คงไม่มีอะไรทำให้เสียวซ่านได้มากเท่าการขยับอย่างกระชั้นชิดจนเป็นเหตุให้สีหน้าบิดเบี้ยว สองขากลับมาเกี่ยวเอวสอบไว้อีกครั้งหลังสะเทือนเพราะแรงกระเด้า 

ภัคคิดไม่ออกเลยว่าพรุ่งจะก้าวเดินยังไงไหว ส่วนธันวาก็แค่ทำอย่างที่เคยได้แต่นึกและพยายามกอบโกยความรู้สึกของการได้ครอบครองคนที่รักไว้ให้ได้มากที่สุด ยื้อยุดไว้ด้วยลีลาทำรักที่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ถ้าไม่มีน้ำยามินตราก็คงจะไม่เก็บไว้หรอก หญิงสาวคงจะไล่ออกไปจากบ้านตั้งนานโทษฐานทำอะไรไม่ถึงอกถึงใจ

คนเป็นน้องชายเองก็ยอมรับว่าเสียดายที่ต้องสละผู้ชายตรงหน้าให้พี่สาวและลึก ๆ แล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยมือจากธันเลย แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างมีหวังสุดท้ายคงลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมชิงรักหักสวาท ยังถือว่าโชคดีที่เมื่อเช้าไม่ได้ถึงขั้นสบถสาบานกับคิมหันต์ว่าถ้าผิดคำสัญญาขอให้ฟ้าผ่าตาย ไม่อย่างนั้นก็คงสิ้นอายุขัยตายคาอกแกร่งลงตรงนี้ 

ก็จริงที่กินน้ำใต้ศอกเขาเป็นรองพี่สาวมาตลอด แต่กับธันวาที่ได้ก่อน พอมองย้อนไปแล้วก็แอบสะใจ มินตราจะรู้ไหมว่ากำลังนอนกับไส้ศึกที่ถูกฝึกปรือโดยน้องชาย หญิงสาวคงอกแตกตายถ้ารู้ว่าชายผู้อยู่ในโอวาทลอบเอาความลับมาขายทุกเมื่อเชื่อวัน เจ้านายที่แท้จริงของธันวาคือภัคและเป็นรักแรกและรักเดียวมาโดยตลอด 

“สุดยอด…อ้า”  เอ่ยชมเพื่อโหมไฟพิศวาสให้กระพือ

มือเรียวเคลื่อนสะเปะสะปะและปัดโดนตะกร้าผักจนมันตกจากที่สูง

ลูกมะเขือเทศผลใหญ่กลิ้งให้เกลื่อนพื้นก่อนจะถูกธันวาที่ยืนบดบี้จนแหลก

ผลสีแดงปริออกจากกันจนเห็นด้านในที่ฉ่ำน้ำและไหลเยิ้มเป็นคราบลงตามร่อง

นอกจากแสงสว่าง เสียงครางก็เป็นอีกอย่างที่ลอดออกมาจากช่องใต้ประตูเกือบยันเช้า
















เพราะไม่เคยลองจับก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังงอก อีกอย่างคิมหันต์ก็มัวเอาแต่นั่งมองผนังว่างเปล่าระหว่างยกเท้าพาดกับโต๊ะทำงานบนสถานีตำรวจที่ปราศจากบุคคลนอก ลูกน้องมีเหลือบางตา ณ เวลารุ่งสาง แต่ใครกำลังทำอะไรนั้นนายตำรวจไม่ได้สนใจ แค่วางมือรองใต้ท้ายทอยแล้วค่อยเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ระหว่างครุ่นคิดถึงคำพูดหมอชันสูตรที่สรุปผลว่ามีคนทำให้แฝดน้องถึงแก่ความตาย ดูเหมือนว่าศพของเหมันต์จะสามารถบอกอะไรได้ตั้งหลายอย่าง 


‘ฆาตกรรมอำพราง…?’

‘ผู้ตายเสียชีวิตจากขาดอากาศจริงค่ะ แต่กรณีนี้มีความซับซ้อนกว่าที่คิด’

‘ยังไงครับ’

‘แม้ในร่างกายของผู้ตายจะมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ตกค้างแต่ก็ไม่มากพอทำให้ขาดสติค่ะ ถ้ามองเผิน ๆ แล้วก็เหมือนรูปแบบการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอธรรมดา แต่ว่าที่ลำคอของผู้ตายกลับมีแผลถลอกมากกว่าหนึ่งรอยและทั้งสองรอยนั้นต่างขนาดกัน รอยแรกมีขนาดเล็กกว่าและบาดลึกกว่า สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดมาได้ทั้งจากสายไฟฟ้า เน็คไทด์ เชือก สายโทรศัพท์หรือแม้กระทั่งผ้าพันคอ ส่วนรอยที่สองมีขนาดใหญ่กว่าซึ่งก็ชัดเจนว่ามาจากผ้าห่มที่ใช้แขวนคอผู้ตาย’ 

‘คุณพูดว่าใช้แขวนคอผู้ตาย…’

‘ใช่ค่ะ แม้จะไม่พบรอยนิ้วมืออื่นนอกเหนือจากของผู้ตายบนผ้าห่ม แต่จากรอยอื่นที่พบก็สามารถทำให้เชื่อได้ว่ามีคนทำให้เขาถึงแก่ความตาย’

‘ผมไม่เข้าใจ’

‘ฉันลองตั้งข้อสันนิษฐานดู คนร้ายอาจจะรัดคอผู้ตายด้วยอาวุธบางอย่างจนขาดอากาศหายใจและหมดสติในที่สุด ก่อนจะจัดฉากให้เป็นการฆ่าตัวตาย พอจะเห็นภาพไหมคะ อีกอย่างคนร้ายต้องวางแผนมาดีไม่รู้ก็วิธีทำลายหลักฐานมากพอสมควรและต้องเป็นคนที่ตัวใหญ่ประมาณคุณหรือตัวเล็กกว่าคุณไม่เท่าไหร่ถึงจะแบกร่างผู้ตายได้ค่ะ’

‘หมายความว่ามีใครบางคนฆ่าน้องชายผมเหรอ’

‘หรือทั้งหมดก็อาจจะไม่ใช่ แต่ตอนที่ร่างถูกส่งมาชันสูตร ฉันพบว่าอวัยวะเพศของผู้ตายมีการแข็งค้าง ปกติแล้วในบางรายที่มีการผูกคอตายก็จะพบเห็นอาการแบบนี้ได้เช่นกัน …แต่ฉัน ขอโทษที่ต้องถามคำถามส่วนตัวนะคะ แต่คุณพอจะรู้ไหมว่าน้องชายมีรสนิยมทางเพศแบบไหน’

‘ไม่ครับ เราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ว่าแต่คุณถามทำไม’ 

‘ฉันพบรอยรัดรอบอวัยวะเพศของผู้ตาย พอมาบวกกับรอยที่คอ มันก็ทำให้ฉันคิดถึงคดีฆาตกรรมนึงที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศน่ะค่ะ’ 

   ‘คดีอะไรครับ’

‘คุณตำรวจเคยได้ยินคำว่า ’ออโต้อีโรติค’  ไหมคะ’

‘ออโต้อีโรติค…?’

‘ใช่ค่ะ การมีเซ็กแบบวิตถาร …ทำให้ขาดอากาศหายใจเพื่อสำเร็จความใคร่’













------------------------------
อ่านคอมเม้นนักอ่านที่วิเคราะห์แล้วขนลุกเลยค่ะ รู้สึกขอบคุณมากๆและดีใจมากๆที่ตัวเองสามารถเขียนชี้นำไปทางนั้นได้ หลังจากนี้จะมีอะไรชวนตะลึงอีกมาก ทั้งยังท้าทายตัวคนแต่งด้วย ช่วยเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถคอมเม้นหรือติดแท็ก #ลั่น_ดาล ได้เลย แล้วตุ๊กติ๊กจะรออ่านความเห็นค่ะ ขอบคุณค่ะ  :

ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 21:00:07 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๑๐) ๒๖.๐๖.๖๑
«ตอบ #56 เมื่อ26-06-2018 21:03:40 »

เป็นเรื่องฆาตกรรมอำพราง ลึกลับ ซ่อนเงื่อน และก็หื่นแบบสุดๆ
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๑๐) ๒๖.๐๖.๖๑
«ตอบ #57 เมื่อ26-06-2018 22:15:26 »

เปิดมาอีกปมแล้วววววววว
นุ้งภัคสรุปนุ้งจะฟาดผู้ชายทั้งบ้านแบบนี้เลยเหรอ
แล้วตกลงใครเปนพระเอก เราจะลงเรือผิดรำไหม
แต่ที่น่าจะเดาไม่ผิดคือภัคต้องเผลอทำเหมมันต์ตายแน่ๆ
อาจจะแบบกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแล้วเกิดลงมือแรงไป
ตามที่ตำรวจสันนิฐานแปะเลยแน่ๆ

ตอนภัคตอกเสาเข็มกับคิมหันต์ว่าแซ่บแล้ว
แต่พอกับธันมันแซ่บกว่าอีกค่ะ
ผู้ชายพูดน้อยแต่เ_ดุนี่มันแซ่บจริงๆ
 :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๑๐) ๒๖.๐๖.๖๑
«ตอบ #58 เมื่อ27-06-2018 01:06:54 »

อื้อหืออออ กับธันนี่คิดไว้แค่แอบรักนะไม่คิดเลยว่าจะเป็นผัวคนแรกของภัค ภัคนี่กะเหมาผู้ชายหมดบเานจริงๆเหรอ ถ้ามีจอมทัพอีกคนนี่จะอึ้งมากอะ ส่วนเรื่องอื่นๆดีใจที่ตัวเองเดาได้ค่อนข้างถูกเยอะ ไม่เสียแรงที่ชอบดูโคนัน ฮ่าๆ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ———— ลั่นดาล ———— (๑๐) ๒๖.๐๖.๖๑
«ตอบ #59 เมื่อ27-06-2018 02:29:24 »

ฉันงงไปหมดแล้วพี่ตา 5555

ขอเดาว่าเรื่องนี้เป็น incest ด้วยค่ะ หึหึหึหึ
(โคตรมั่ว 5555555)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด