(ต่อนะคะ)
พวกเราเดินมาเรื่อยๆจนถึงส่วนของแมงกะพรุน ภายในนี้มีแมงกะพรุนเกือบทุกสายพันธ์ที่ถูกรวบรวมมากจากทั่วโลก โซนนี้ยังมีการให้สัมผัสเนื้อแมงกะพรุนที่ตายแล้วด้วย...
ถ้ามาถูกเวลานะ
“จับได้สินะ”ลูก้าเดินเข้าใกล้พนักงานในชุดสีขาวด้วยความสนใจ บนโต๊ะด้านหน้ามีแมงกะพรุนประมาณ3ชนิดให้จับได้
“จับได้ครับ เราเอาพิษออกเรียบร้อยแล้ว...โอ๊ะ ด๊อกเตอร์นทีธารใช่ไหมครับ”พนักงานในชุดขาวหันมาถามผมด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย ดูจากเสื้อผ้าด้านในคงเป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานสินะ
“ครับ”
“อยากเจอตัวจริงมานานแล้ว เห็นว่าคุณสามารถแยกสัตว์น้ำที่ป่วยได้เพียงแค่การมองเท่านั้นจริงเหรอครับ”น้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้ยินนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
“ก็จริงอยู่นะ แต่มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก ถ้าเราคลุกคลีกับพวกมันมากๆเราจะรู้ถึงลักษณะนิสัยของแต่ละสายพันธ์ พอเรารู้ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่าพวกมันต่างจากปกติยังไง”ผมอธิบาย
“จะบอกว่าคุณสามารถจำลักษณะของสัตว์น้ำทุกตัวได้หมดเหรอครับ”
“ไม่หรอก จำได้แค่ส่วนมากน่ะ”
“งั้นถ้าไปเจอสัตว์ที่จำลักษณะไม่ได้จะทำยังไงครับ”เด็กคนนี้มีคำถามเยอะดีแฮะ
“ก็ต้องดูเป็นเคสๆไป...”
“สาม”ลูก้าเรียกพร้อมกับดวงตาสีเงินหันมาสบ
สายตานั่นเหมือนเด็กที่กำลังเรียกร้องความสนใจเลย
“ครับลูก้า...อยากจับไม่ใช่เหรอ จับได้นะ”คิดถึงตอนลูก้าเป็นเด็กเลย
“อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กสิ ผมโตแล้วนะ”
“โตแค่ตัวเท่านั้นแหละลูก้า”ผมบอกพลางส่งยิ้มไปให้
ถ้าโตจริงคงไม่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาหรอก
“โตกว่าสามละกัน”
“อย่าพูดเรื่องส่วนสูงนะ”แค่เดินด้วยกันก็เป็นปมแล้ว
“สามดูเด็กกว่าผมอีก”
“ลูก้า”
“สาม”
“เอ่อ...ผมว่าอย่าทะเลาะกันดีกว่านะครับ พวกเด็กกำลังมองมาอยู่นะ”เสียงเรียกจากนักศึกษาฝึกงานทำให้ผมหันไปมองด้านข้างที่มีเด็กประถมหลายสิบคนกำลังมองมา
เพียงแค่เห็นสายตาของพวกเด็กๆผมก็รีบคว้าแขนลูก้าเดินไปยังโซนต่อไปทันที
เล่นทำตัวเด็กๆต่อหน้าเด็กซะได้
น่าอายจริงๆ
“เพราะลูก้านั่นแหละ”ผมบ่นเสียงเคือง
“สามเริ่มก่อนนะ”
“จะโทษกันเหรอ”
“สามแหละโทษผมก่อน”
“เฮ้อ...”เถียงกันต่อสักพักผมก็ถอนหายใจยาวออกมา
“เป็นอะไร...เหนื่อยเหรอ”ลูก้าที่ก่อนหน้านี้ยังยืนเถียงกลับเดินเข้ามาใกล้อย่างห่วงๆราวกับลืมไปแล้วว่ากำลังทะเลาะกันอยู่
เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มออกมาบางๆ
ถึงจะทะเลาะหรือเถียงกันบ่อยแต่ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกแย่จนไม่อยากคุยกันสักนิด
“เปล่า...แค่คิดว่าเป็นอย่างที่ยุว่าเลย”
“อะไร”
“ก็ที่ยุบอกว่าเวลาผมอยู่กับลูก้าจะเหมือนเด็กไง”ที่พูดคงไม่ใช่แค่ความสูงแต่เป็นท่าทางตอนอยู่ด้วยกัน
ผมไม่ใช่คนที่ชอบยืนเถียงกับใครแต่พอเป็นลูก้ากลับรู้สึกว่าคุมตัวเองไม่ได้
“ก็เหมือนเด็กจริงๆ”
“ลูก้า”ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเคือง
“ครับ”
“ไม่ต้องมายิ้มเลย...กวนกันเห็นๆ”
“ใครเห็นเหรอ?”
“...อ่ะ...”เล่นเอาพูดไม่ออกเลยเนี่ย
“สามนั่นปลาอะไร”ลูก้าถามพลางชี้นิ้วไปยังตู้กระจกขนาดใหญ่ยักษ์ เพราะเดินเถียงกันตลอดทางตอนนี้เราเลยมาถึงยังโซนสัตว์น้ำลึกแล้ว ตู้กระจกนี้ยาวหลายร้อยเมตรและมีที่นั่งสำหรับดูโชว์ดำน้ำให้อาหารปลา
ด้านข้างของตู้กระจกนี่เชื่อมกับอุโมงค์ยาวจนออกไปถึงส่วนของการแสดงโลมาด้านนอกเลย
สัตว์ที่ลูกาชี้ไปยังปลาตัวแบนสีออกน้ำตาลเทากลืนกับพื้นด้านล่าง เรียกว่าถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงจะมองไม่เห็นแน่
“ตาดีจังนะ”ปกติไม่มีใครมองไปยังด้านล่างที่มีแต่เศษหินพวกนั้นหรอก
“สามไม่รู้เหรอ”ลูก้าหันมามองเมื่อผมไม่ยอมบอกว่าปลาตัวนั้นคืออะไร
“รู้สิ...นั่นปลาฉลามนางฟ้า เป็นปลาฉลามที่มีลำตัวแบนราบเหมือนปลากระเบนโดยมีความยาวประมาณ2เมตร พวกมันอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ1300เมตร”ผมบอกไป
“ที่พูดมาเหมือนกับที่เขียนติดไว้เลย”พูดจบลูก้าก็เบนสายตาไปยังผนังด้านข้างที่มีป้างของฉลามนางฟ้าติดไว้ ตัวอักษรบนป้ายเหมือนกับผมที่พึ่งพูดไปเลย
แบบนี้ยอมไม่ได้
“ยังไม่จบสักหน่อย ปลาฉลามนางฟ้าเป็นปลาฉลามที่ออกลูกเป็นไข่ซึ่งไข่ที่ว่าจะไม่ได้คลอดออกมาเหมือนเต่าแต่จะอยู่ในท้องของตัวเมียค่อยๆเติบโตจนคลอดออกมาเป็นตัวครั้งประมาณละ13ตัวได้ การล่าเยื่อของปลาฉลามนางฟ้านั้นจะซุ่มรอเหยื่ออยู่เงียบๆโดยกลืนกับพื้นทะเล...บางครั้งก็จะอยู่กับที่นานเป็นวันเลย”ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับปลาฉลามนางฟ้าถูกพูดออกมาหมด
พูดขนาดนี้คงจะไม่มีติดอยู่ที่ป้ายไหนอีกหรอกนะ
“สุดยอด”
“แน่นอน”ผมมั่นใจเรื่องข้อมูลพวกนี้มากเลยล่ะ
กว่าจะจำได้ขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องค่อยๆใช้เวลาในการจดจำรวมถึงไปศึกษากับตัวจริงด้วย
“ว้าว ใหญ่จังเลย”
“ปลาตัวใหญ่มาก”
ไม่นานเหล่าเด็กประถมก็มาถึงยังตู้ปลาใหญ่นี้ มีเด็กหลายคนที่วิ่งเข้าไปเกาะกระจกเพื่อให้ดูปลาขนาดใหญ่ใกล้ขึ้นแต่ก็มีอีกหลายคนที่มองดูจากที่ห่างๆ ไม่แน่อาจกลัวก็อยู่ก็ได้
“เด็กๆ...ดูเสร็จแล้วไปนั่งตรงนั้นเลยนะ เดี๋ยวจะมีการให้อาหารปลาด้วย”
“ได้ค่า/ครับ”เสียงของเด็กหลายสิบคนดังประสานกันจนลูก้าต้องนิ่วหน้า
“ลูก้า...ปิดหูไว้สิ”ถึงจะช่วยไม่ได้มาแต่ผมก็เอื้อมมือไปปิดหูทั้งสองข้างให้แต่ด้วยความสูงที่ค่อยข้างต่างกันผมเลยต้องเขย่งจนใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมากขึ้น
ลูก้าเองแทนที่จะขยับหน้าออกกลับขยับเข้ามาใกล้ขึ้น นั่นทำให้ผมถอยหลังไปจนติดกับตู้กระจกด้านหลัง ในตอนนี้เสียงเด็กมากมายไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด
สิ่งที่สะกดให้ผมสนใจคือดวงตาคมสีเงินที่จ้องประสานมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“...สามใจดี”ลูก้าโน้มตัวมากระซิบให้ผมได้ยินเบาๆ
“ขะ...ขยับออกไปได้แล้ว”ผมบอกเสียงสั่น สภาพในตอนนี้ไม่ได้น่าดูสักนิด
“อีกแป๊บได้ไหม”
“อย่ามาต่อรองเหมือนตอนนอนนะ”
“แปลว่าไม่ได้”
“ก็ไม่ได้น่ะสิ”ผมพูดเข้าใจอยากตรงไหน
“ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจะมีให้อาหารปลา”อยู่ๆลูก้าก็เปลี่ยนเรื่องก่อนจะขยับตัวออกไป
“ใช่...เป็นรอบๆ...แต่วันนี้คงมีรอบพิเศษสำหรับเด็กๆที่มา”ผมบอกพร้อมหันไปมองเหล่าเด็กที่นั่งกันจนเต็มพื้นที่ไปหมด
ประมาณห้าร้อยกว่าคนได้มั้ง
“เราอยู่ดูได้ไหม”
“ได้สิ...ตรงนี้มองไม่ค่อยชัดไปแถวนั้นเถอะ”ผมพาลูก้ามายืนบริเวณที่เหมาะกับการดู แน่นอนว่าต้องอยู่ใกล้เหล่าเด็กน้อยที่ส่งเสียงดังแทบตลอดเวลา
ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังไม่มีการแสดงเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่เด็กที่หันไปถามว่าเมื่อไหร่จะเริ่มแต่เหล่าอาจารย์เองก็หันซ้ายหันขวาเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”ผมเดินเข้าไปหาหนึ่งในอาจารย์เพื่อสอบถาม
“คือทางพิพิธภัณฑ์บอกเราว่าจะจัดการแสดงตอนเที่ยงให้แต่เลยเวลามาเยอะแล้วไม่เห็นเลยค่ะ เราก็ไม่รู้จะติดต่อกับใครได้”อาจารย์สาวตอบกลับมา
“เดี๋ยวผมไปสอบถามให้นะครับ”
“คุณเป็นพนักงานที่นี่เหรอคะ?”
“ก็ใกล้เคียงครับ...ขอตัว”ผมเดินแยกออกไปหาลูก้าที่ยืนรออยู่
“เกิดอะไรขึ้นสาม”
“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน เราต้องไปถามดู”
“จะไปถามที่ไหน”ลูก้าถามกลับ
“ถามกับเจ้าหน้าที่ไง”
“ยังไง”
“นั่น”ผมชี้ไปยังประตูที่เขียนว่าเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้นก่อนจะเดินนำลูก้าเข้าไป
บันไดทางขึ้นยาวไปจนถึงด้านบนของตึก สิ่งแรกที่เห็นคือสระขนาดใหญ่ที่มีเครื่องควบคุมแรงดันน้ำติดตั้งไว้รอบด้านโดยมีกลุ่มคนยืนคุยกันอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเครียดๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับ...ตอนนี้น่าจะมีคนลงไปให้อาหารปลานี่”ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะทักทายเหล่าพนักงานที่หันมามองอย่างงงๆว่าผมเป็นใคร
“สาม?...ทำไมมานี่ได้ล่ะ”ชายผมดำซอยส้นอายุประมาณ40กว่าหันมาถาม
“พอดีพาลูก้ามาเดินเล่นครับ...สรุปเกิดอะไรขึ้น”ชายที่ผมคุยอยู่นี่เป็นหัวหน้าคอยดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ชื่อคุณไก่
“ลูก้า?...อ้อ...ใช่เด็กที่มีข่าวลือว่าเป็นลูกเธอสินะ”
“เขาไม่ใช่ลูกผมครับ”ผ่านมาตั้งนานข่าวลือยังไม่หายไปอีกเหรอเนี่ย
“มาก็ดีเลย...ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”
“ใครครับ?”จะให้ใครช่วย
“จะใครล่ะถ้าไม่ใช่เธอน่ะสาม”
“ครับ?”
“ช่วยลงไปให้อาหารปลาหน่อย”
“ห๊ะ?”ผมถึงกับหน้าเหว๋อเมื่อได้ยิน
“พอดีคนที่จะลงวันนี้เกิดท้องเสียกะทันหัน”
“แล้วตัวสำรองล่ะครับ”ปกติน่าจะมีคนแสดงไม่ต่ำกว่า6คน ถ้าคนหนึ่งป่วยก็น่าจะให้ที่เหลือลงไปแทน
“ก็ทั้งกลุ่มนั่นไปกินส้มตำด้วยกันเลยท้องเสียพร้อมกันน่ะ”
“...”สถานการณ์แบบนี้อยากขำแต่ขำไม่ออกสักนิด
ก่อนวันงานใครให้ไปกินส้มตำเล่า
“ช่วยหน่อยนะสาม...เธอดำได้อยู่แล้วนี่”เขายังคงพูดต่อ
“มันก็ได้อยู่หรอกแต่ผมไม่รู้ต้องทำยังไงให้คนดูนี่”ถ้าแค่ดำเฉยๆก็คงไม่อยากแต่นี่เป็นการแสดงให้พวกเด็กๆดู
“ง่ายๆ...ก็แค่ให้อาหารปลา นานๆทีก็เกาะปลาว่ายเล่นเข้าไปถ่ายรูปกับเด็กบ้างเท่านั้นเอง”คุณไก่อธิบายรวบๆ
“สรุปคือผมต้องทำใช่ไหมครับ”
“ใช่”อีกฝ่ายพยักหน้า
“ก็ได้ครับแต่ผมไม่ลงคนเดียวนะ”
“ถ้าจะหาใครลงเป็นเพื่อนบอกเลยว่าที่นี่ไม่มีหรอกนะ...ฉันเองก็ดำไม่เก่งแถมอายุมากขนาดนี้แล้วด้วย”คุณไก่พูดต่อ
“ไม่ใช่คนที่นี่หรอกครับแต่เขาอยู่ที่นี่ด้วย...ลูก้าไง”ผมหันไปมองลูก้าที่กำลังสนใจกับสระน้ำขนาดใหญ่จนไม่เดินตามผมมา
“เขาเหรอ...ว่ายน้ำเป็นรึเปล่า”หน้าของคุณไก่บ่งบอกถึงความหนักใจที่จะให้ใครก็ไม่รู้ลงไปดำน้ำ
“เขาว่ายน้ำเป็นก่อนพูดด้วยซ้ำครับ”หมายถึงในร่างไดโนเสาร์อ่ะนะ
“เธอพูดเองแบบนี้ก็เบาใจหน่อย...เอาสิ...ไปเปลี่ยนชุดซะ ถังออกซิเจนก็อยู่ตรงนั้น”
“อ้อ...ผมลืมบอกไปว่าพวกเราจะไม่ใช้ถังพวกนั้นครับ ขอแค่ชุดกับหน้ากากก็พอ”ผมรีบหันไปบอกเมื่อเห็นพนักงานทำท่าจะไปเตรียมอุปกรณ์ให้
“การให้อาหารต้องใช้เวลาเป็นสิบนาทีเลยนะ คิดว่าจะกลั้นหายใจได้นานขนาดนั้นรึไง”
“ไม่ต้องห่วงครับ...ผมทำได้”นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกเผื่อต้องเกิดการต่อสู้ในน้ำ
ผมไม่คิดว่าถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้วจะสามารถหอบถังออกซิเจนไปไหนมาไหนด้วยหรอกนะ
“เธอทำได้แต่อีกคนล่ะ”
“ลูก้า...นายดำน้ำได้นานสุดกี่นาที”ผมตะโกนถามไป
จะว่าไปก็ยังไม่เคยถามเลยนี่นะ
“นาที?...ผมกลั้นได้เป็นชั่วโมงนะ”
“...”คำตอบที่ได้รับทำเอาผมยกยิ้มขึ้นผิดกับคนอื่นที่ทำตาโตกันเป็นแถว
สมแล้วที่มีอีกครึ่งเป็นไดโนเสาร์น้ำ
“เราจะไปดำน้ำกัน”ผมเดินไปบอก
“ที่ไหน?”
“ในนี้ไง”ผมชี้ลงไปยังสระตรงหน้า
“น่าสนุกดี...งั้นไปเลย...”
“เดี๋ยวก่อน...หยุด ห้ามแม้แต่ก้าวขาเชียว”ผมรีบดึงเสื้ออีกฝ่ายไว้เมื่อลูก้าคิดจะกระโดดลงไป
“ทำไมล่ะ”
“เราจะลงไปให้อาหารปลา...นายต้องเตรียมของแล้วก็เปลี่ยนชุดด้วย”ผมอธิบายต่อ
“เปลี่ยนชุดทำไม”
“ชุดนี่เวลาอยู่ในน้ำจะทำให้ตัวหนักและเคลื่อนไหวลำบาก...เราต้องเปลี่ยนเป็นชุดที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว”
“ปกติผมก็ใส่ชุดแบบนี้...”
“กรณีของนายน้ำหนักของเสื้อผ้าคงไม่มีความหมายเท่าไหร่สินะ...แต่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องเปลี่ยน”ลองคิดสภาพผมกับลูก้าลงไปด้านล่างโดยที่ผมใส่ชุดดำน้ำแต่ลูก้าเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวสิ
น่าขำจะตายไป
“...ก็ได้”นิ่งไปสักพักลูก้าก็ยอม
“ดีมาก...ไปเปลี่ยนชุดกัน”
ไม่ถึง5นาทีผมกับลูก้าก็กลับมายังริมขอบสระขนาดใหญ่ในชุดสีดำของนักดำน้ำ กรณีของผมค่อนข้างชินกันการใส่ชุดแนบเนื้อที่ค่อนข้างอึดอัดนี่แต่ลูก้าเหมือนจะไม่ชอบสุดๆ ดูจากใบหน้าตึงๆนั่นก็เดาได้แล้ว
“ถอดได้ไหม”นี่เป็นคำถามครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“ไม่ได้”และผมก็ตอบกลับไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วเช่นกัน
“อึดอัด”
“เดี๋ยวลงไปก็จะชินเอง”ผมบอกพลางรับหน้ากากมาจากเจ้าหน้าที่ด้านข้าง
“ไม่เอา”ลูก้าหันไปส่ายหัวบอกเจ้าหน้าที่ที่ยื่นหน้ากากสำหรับดำน้ำไปให้
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรครับ เขาไม่จำเป็นต้องใช้หรอก”ผมเป็นฝ่ายตอบแทน ถ้ายังบังคับให้ใส่หน้ากากอีกคงอารมณ์บ่อจอยกันพอดี
ความจริงผมเองจะไม่ใส่ก็ได้แต่แรงดันน้ำขนาดนั้นอาจทำให้ตาผมเป็นอันตรายได้ ครั้งก่อนที่กระโดดลงไปหาลูก้าถึงจะมีระดับน้ำลึกแต่ก็ไม่ได้ลึกไปลึกขนาดทำให้ดวงตาเป็นอันตราย อีกอย่างครั้งก่อนผมใส่คอนแทคเลนส์ที่สร้างขึ้นมาช่วยป้องกันสายตาได้แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาคอนแทคเลนส์มาด้วย
ต่อจากนี้ผมคงต้องพกคอนแทคเลนส์ติดตัวไปตลอด
“เป็นอะไรสาม”ลูก้าเดินมาสะกินเมื่อเห็นผมนิ่งไป
“เปล่า...ลงไปกันเถอะ”
“อืม...”
“เดี๋ยว...ฉันอยากให้พวกเธอระวังสเตน็อปเทอรีเจียสไว้หน่อย”หัวหน้าอย่างคุณไก่รั้งพวกเราไว้ก่อนจะเอ่ยเตือน
“สะเต...อะไร?”ลูก้าถึงกับงงเมื่อได้ยินชื่อยาวๆจากปากของคุณไก่
“สเตน็อปเทอรีเจียส...เป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลคล้ายโลมาที่มีความยาวได้ถึง4เมตร พวกมันมีส่วนปากเรียวยาวค่อนข้างแหลมกับฟันซี่เล็กๆภายในสำหรับกินสัตว์ทะเลอย่างปลาหรือปลาหมึก...ตัวนี้ไงที่ผมบอกว่ามีไดโนเสาร์อยู่น่ะ ถึงมันจะไม่ใช่ไดโนเสาร์ก็เถอะนะสเตน็อปเทอรีเจียสเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคเดียวกับไดโนเสาร์”ผมหันไปอธิบายให้ลูก้าฟัง
“อันตรายไหม”ลูก้าถามอีก
“อืม...คิดว่าอันตรายอยู่แต่ไม่มาก...ถ้าเข้าหาอย่างถูกวิธีก็ไม่เป็นอันตรายหรอก”สเตน็อปเทอรีเจียสของพิพิธภัณฑ์มีขนาดอยู่ที่2เมตรกว่า ใหญ่กว่าผมเท่าตัวได้ สัตว์ต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหนถ้าเข้าหาอย่างถูกวิธีก็จะไม่เป็นอันตราย
“อืม”
“นี่ลูก้า...ห้ามกลับร่างไดโนเสาร์เชียวนะ”ผมดึงอีกฝ่ายมากระซิบเสียงเบา
“ทำไมล่ะ”
“ผมไม่อยากให้เด็กๆแตกตื่นกัน”ขืนเห็นคนกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ใบบ่อโชว์ให้อาหารคงกลายเป็นเรื่องดังข้ามคืนเป็นแน่
“ก็ได้”น้ำเสียงอ่อยๆนั่นแปลว่าคิดจะกลับร่างงั้นสิ
“ไปกันเถอะ”ปล่อยให้รอนานกว่านี้คงไม่ดี
พอลงไปในสระแล้วลูก้าก็ดำลงไปพร้อมกับถังใส่อาหารที่เจ้าหน้าที่พึ่งส่งให้ทันที ผมเองก็ตั้งสมาธิก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดจึงจะมุดลงไปใต้น้ำบ้าง
ความเย็นของน้ำแทรกเข้าในชุดดำน้ำจนต้องเม้มปากแน่น นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
ด้วยความที่จำลองเป็นทะเลในระดับน้ำค่อนข้างลึกเลยจำเป็นต้องมีการควบคุมทั้งแรงดันและอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่เสมอ
บรรยายด้านใต้เหมือนลงมาอยู่ใต้ทะเลจริงๆถ้าไม่ติดว่าด้านนอกกระจกนั่นเต็มไปด้วยเด็กๆที่วิ่งว่าเกาะกระจกกันด้วยความสนใจ
ลูก้าในชุดดำน้ำแหวกว่ายไปมาโดยมีฝูงปลากะมงยักษ์ว่ายตามอยู่ทั้งฝูง ปลากะมงยักษ์นี่เป็นปลาที่มีลำตัวสีเงินแวววาวและมีความยาวสูงสุดอยู่เกือบ2เมตร อย่างตัวที่ว่ายมาขนาบข้างลูก้าก็เป็นตัวที่ยาวสุดของที่นี่
ปลากะมงยักษ์ตัวนั้นดูจะสนใจลูก้าเพราะว่ายมาคลอเคลียตลอด แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการอาหารเพราะถังใส่อาหารถูกวางตกไว้บริเวณก้นบ่อแล้ว
ว่ายน้ำเล่นสบายเลยนะ
ลืมไปรึเปล่าว่าเราต้องมาโชว์ให้อาหารน่ะ
ผมได้แต่บ่นในใจระหว่างที่พาตัวเองลงไปยังพื้นด้านล่าง เหล่าปลากะมงและกระเบนนับสิบพุ่งเข้ามาขออาหารกันพร้อมหน้า เรียกว่าผมนี่แทบขยับตัวไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่ปลากระเบนแต่ปลาฉลามเสือดาวก็ว่ายมาฉกแย่งอาหารจากมือผมไปเช่นกัน
เมื่อถูกสัตว์น้ำหลายตัวเบียดผมก็ตัดสินใจทิ้งที่ใส่อาหารแล้วว่ายหนีออกมาก่อน การที่พวกมันมารุมแบบนี้แปลว่าการถูกมนุษย์ให้อาหารทุกวันทำให้เกิดความคุ้นเคย
กรรร
ระหว่างที่ว่ายออกมาเสียงเหมือนคำรามก็ดังขึ้นพร้อมกับกระแสน้ำที่เปลี่ยนไป พอหันไปมองก็พบกับสเตน็อปเทอรีเจียสสามตัวว่ายตรงมา แน่นอนว่าไม่ได้ว่ายมาหาผมแต่เป็นลูก้าที่ว่ายเล่นอยู่กับฝูงปลากะมงยักษ์
ลูก้าเหมือนจะรู้สึกได้เลยหยุดว่ายและหันไปเผชิญหน้ากับสเตน็อปเทอรีเจียสตรงๆ สเตน็อปเทอรีเจียสตัวที่ใหญ่สุดว่ายมาตรงหน้าลูก้า...ดวงตาขนาดใหญ่ที่ช่วยให้มองเห็นในทะเลชัดขึ้นนั่นกำลังจ้องไปยังดวงตาสีเงินอย่างหาเรื่อง
ลูก้ากำลังโดนหาเรื่อง
ถึงผมไม่รู้ภาษาของพวกมันแต่ถ้าเป็นพฤติกรรมผมรู้ดี อย่างท่าทางที่เผชิญหน้ากันตรงนี้เป็นการหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายจะทำยังไง เป็นไปได้ว่าเพราะพวกมันสัมผัสได้ว่าลูก้าเป็นอะไรจึงมีส่วนหนึ่งที่ยอมจำนนโดยดีอย่างฝูงปลากะมงกับพวกปลากระเบน ส่วนสเตน็อปเทอรีเจียสที่ไม่ยอมจำนนอาจมีสาเหตุมาจากพวกมันเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่
การที่มีใครมาทำตัวเหนือกว่าถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้
ลูก้า
ผมว่ายเข้าไปใกล้ลูก้าพร้อมสะกิดเบาๆ พอดวงตาสีเงินหันมาสบผมก็พยายามอย่างมาที่จะสื่ออกไปว่าห้ามมีเรื่อง การต่อสู้ในร่างนี้เสียเปรียบมาก ยิ่งอีกฝ่ายมีสามตัวยิ่งแล้วใหญ่
ไม่รู้ว่าลูก้าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อไหม เขาทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสบกับดวงตากลมโตสีดำของสเตน็อปเทอรีเจียสอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้ลูก้าและสเตน็อปเทอรีเจียสจ้องกันนิ่งๆอยู่สักพักก่อนที่สเตน็อปเทอรีเจียสจะเป็นฝ่ายหมุนตัวกลับ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอยากถอนหายใจออกมาถ้าไม่ติดว่าอยู่ใต้น้ำ
ท่าทางแบบนั้นแปลว่าพวกสเตน็อปเทอรีเจียสยอมลูก้าแล้ว
ลูก้าหันมาสบตากับผมพร้อมรอยยิ้มบางๆก่อนจะมองลงไปด้านล่างที่มีที่ใส่อาหารวางอยู่ แม้ไม่ได้ยินเสียงผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ลงไปให้อาหารปลาต่อ
นี่เองเหรอที่เรียกว่าการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด
ไม่ใช่แค่ผมที่เข้าใจดูเหมือนลูก้าเองก็เข้าใจสิ่งที่ผมอยากพูดด้วย
การโชว์ให้อาหารปลาจบลงท่ามกลางความชื่นชมของหัวหน้าอย่างคุณไก่และเหล่าเด็กๆที่วิ่งมาถ่ายรูปฝ่ายตู้กระจกจนผมแทบจะกลั้นหายใจไม่ไหว
ลูก้าเองก็ดูจะสนุกมากที่ได้ว่ายเล่นกับปลานานาพันธ์ ช่วงก่อนขึ้นก็มีพวกสเตน็อปเทอรีเจียสว่ายมาเล่นด้วย
ภาพของลูก้าแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางฝูงปลาในร่างมนุษย์ไม่ได้ดูขัดเลยสักนิด รอยยิ้มมุมปากที่ปรากฏขึ้นแทบจะตลอดเวลานั่นทำให้ผมยิ้มตาม
รู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์นี่จะกลายเป็นสระว่ายน้ำของลูก้าไปแล้วล่ะ
................................................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพตอนต่อไปแล้วนะคะ
สำหรับตอนนี้เราแต่งขึ้นด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ตอนที่ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้วเห็นคนมาโชว์ให้อาหารปลาเรารู้สึกว่าถ้าตัวเองได้ลงไปอยู่ตรงนั้นบ้างจะเป็นยังไงนะ คงจะรู้สึกดีมากๆเลย เราชอบพวกสัตว์และธรรมชาติมากเลยเอาสิ่งที่อยากทำมาแต่งจนได้ตอนนี้ 555
พูดตรงๆ ว่ารู้สึกตลกเวลาสามและลูก้าเถียงกันไปมา
ให้ความรู้สึกไร้สาระแต่อบอวนไปด้วยความละมุนแปลกๆ ซึ่งเราชอบมาก
ใครที่รอฉากบู๊อดใจไม่นานได้อ่านแน่นอนค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจกันมาเสมอนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า
บ๊ายบาย
---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---
วันนี้ขอนำเสนอสเตน็อปเทอรีเจียส
สเตน็อปเทอรีเจียส อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแถบยุโรปซึ่งเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายโลมา ขนาดตัวจะอยู่ประมาณ 2-4 เมตร คาดว่ามันกินปลาหมึกเป็นอาหารและมีดวงตาขนาดใหญ่ไว้สำหรับการมองเห็นใต้น้ำ
เครดิต : Dinosaur Planet
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪