(ต่อค่ะ)
การเดินทางท่องเที่ยวตลอด1อาทิตย์ได้เริ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พวกเราเดินทางกันโดยรถยนต์คันสีเงินที่มีสามเป็นคนขับพายังสถานที่ต่างๆ สถานที่แรกที่พาไปเป็นตลาดที่มีคนเยอะมาก เรียกว่าเยอะจนเกิดอาการเวียนหัวขึ้นมา สามที่เห็นผมเป็นแบบนั้นก็รีบไปหาที่นั่งพักด้วยใบหน้าเป็นกังวล
สำหรับมนุษย์ปกติคงไม่เกิดอาการแบบนี้หรอก แต่เพราะอีกสายเลือดหนึ่งของผมมันมีประสาทสัมผัสที่ดีมากทำให้กลิ่นของมนุษย์หลายพันคนปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง
หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายพวกเราก็ได้มาพักยังโรงแรมสุดหรู ห้องนอนของพวกเรากว้างมากมีทั้งห้องครัวห้องรับแขกและห้องน้ำราวกับอยู่ห้องของสามเลย
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่พอใจคือการที่มีเตียง2เตียงอยู่ภายในห้อง พอมี2เตียงแน่นอนว่าต้องแยกกันนอนเพราะเตียงนึงก็ไม่ได้ใหญ่มากเหมือนห้องสาม
“ไม่ชอบเหรอลูก้า”เสียงนุ่มๆของสามถามก่อนจะพลิกตัวมาหาผมจากเตียงข้างๆ
“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ...”
“จะบอกว่าเฉยๆสินะ”ไม่ต้องให้พูดจบสามก็สามารถต่อประโยคที่ผมคิดได้
“ก็นะ...นี่สามเห็นว่าเคยเลี้ยงเม่นใช่ไหม”
“ใช่...ไปได้ยินมาจาก อ้อ พี่จันไม่ก็ดาวสินะ”
“อืม...พี่ดาวบอก”สมแล้วที่เป็นสาม ไม่ต้องรอเฉลยก็รู้แล้ว
“ว่าแล้วเชียว...ผมเคยเลี้ยงประมาณ2ปีมาแล้ว”
“ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว?”
“อยู่สิ อยู่ในพิพิธภัณฑ์น่ะ หอยเม่นเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ผมชอบมากที่สุด ครั้งแรกที่ได้เพาะพันธ์ก็เลยเลือกตัวนึงมาเลี้ยง ผมพามันไปทุกทีไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อนอยู่ห้อง”ระหว่างเล่าสามก็คลี่ยิ้มออกมาตลอด
“เพราะรักถึงได้พาไปทุกที่ แต่กับผมไม่ใช่แบบนั้นสินะ”ผมพูดเสียงเบา
“ลูก้า...ที่ผมไม่พาลูก้าไปทำงานไม่ใช่เพราะไม่รักแต่ถ้าลูก้าไปจะเบื่อมาก ห้องทดลองมีแต่ของอยู่เต็มไปหมด ทุกคนในนั้นทำงานกันแทบตลอดดังนั้นผมไม่มีเวลาดูแลลูก้าได้ ถ้าลูก้าอยู่กับดาวหรือพี่จันก็จะมีคนดูตลอด”
“เพราะผมยังเด็กสินะ”เพราะยังเด็กถึงได้ต้องมีคนมาคอยดูแล
“ใช่ ลูก้ายังเด็ก ผมยังไม่สามารถปล่อยให้ลูก้าทำอะไรหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเอง”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าโตล่ะ”ต้องใช้คำว่าเด็กไปถึงตอนไหน
“2ปี สำหรับลูก้าถ้าครบ2ปีก็แปลว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”สามคิดสักพักก่อนจะตอบออกมา
“อีกนานเลย”
“ไม่นานหรอกตอนนี้ลูก้าอายุ10เดือนแล้วนะ เหลือแค่ปีกับอีก2เดือนเอง”
“ไม่นาน...”
“อืม...ขอเล่าเรื่องหอยเม่นต่อนะ หลังจากผมเลี้ยงมันได้ประมาณอาทิตย์นึงผมก็คิดว่าสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับหอยเม่นไม่เหมาะที่จะถูกหิ้วไปมาแบบนี้ เพราะงั้นผมเลยพามันไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ ยังไงการเลี้ยงสัตว์ก็ไม่เหมาะกับผมที่ต้องทำงานตลอดหรอก”พูดจบสามก็แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน
“ทำไมสามถึงทำงานนี้ล่ะ น่าจะมีงานอีกเยอะที่สามสามารถทำได้”ไม่จำเป็นต้องทำงานที่หนักจนแทบไม่มีเวลาพักเลย
“นั่นสิ...ทำไมกันนะ ที่รู้คือการได้ทดลองหาในสิ่งที่ไม่รู้มันสนุกมากเลย ยิ่งการได้เพาะพันธ์และเลี้ยงดูเหล่าสัตว์น้ำหลากหลายชนิดมันทำให้ผมมีความสุข ผมชอบทะเล เพราะงั้นงานที่อยากทำจึงเป็นงานที่เกี่ยวกับทะเลแม้ว่างานนั้นจะมาพร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ก็ตาม”
“หน้าที่เหรอ?”
“หน้าที่น่ะ บางทีก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากทำแต่จำใจต้องทำ อย่างการเป็นหัวหน้าผมก็ไม่ได้ยากหรอกนะแค่มีคุณสมบัติที่คู่ควรเท่านั้นเอง”
“สาม...”
“เรื่องของผมคงจะน่าเบื่อเกินกว่าจะเป็นนิทานก่อนนอนนะ นอนกันเถอะ”สามลุกขึ้นเดินไปปิดไฟตรงผนังแล้วกลับมานอนที่เดิม
ความมืดที่เข้าปกคลุมไม่ได้ทำให้ความง่วงเพิ่มขึ้นสักนิด เตียงเย็นๆอุ่นขึ้นเพราะมีผ้าห่มผืนหนาแต่มันก็ยังไม่ใช่ความอุ่นที่ผมต้องการ
“สามนอนรึยัง”ผมพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิท
“เกือบแล้ว...นอนไม่หลับเหรอ”ร่างสามในความมืดขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวมาทางผม แม้จะมืดสนิทเพียงใดการเคลื่อนไหวนั้นก็ไม่อาจรอดสายตาผมไปได้
“...ไปนอนด้วยได้ไหม”ไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กแต่การกระทำของผมตอนนี้มันเด็กจริงๆ
“แคบนะ”
“ไม่เป็นไร”ยิ่งแคบก็ยิ่งสัมผัสถึงไออุ่นจากร่างกายได้มากขึ้นไปอีก
“งั้นก็มาสิ”
เพียงแค่ได้ยินคำตอบผมก็รีบสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วตรงไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของสามทันที สามขยับตัวไปริมเตียงเพื่อให้ผมมีพื้นที่นอนมากขึ้น
“ติดนอนกับผมแบบนี้ต่อไปจะนอนคนเดียวได้เหรอ”น้ำเสียงห่วงๆดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่เอื้อมมาลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงของผมเบาๆ
“ทำไมต้องนอนคนเดียวด้วย”พูดเหมือนกับว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
หมับ!
ร่างผมถูกสามที่ขยับเข้ามาใกล้คว้าตัวไปกอดแน่น ความแนบชิดทำให้สามารถสัมผัสถึงร่างกายของอีกฝ่ายที่สั่นได้ย่างชัดเจน
“สาม...”เป็นอะไร
อยากจะถามออกไปแต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงเอื้อมมือไปกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นเท่านั้น
บรรยากาศมืดๆแถมเงียบสงัดเกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรต่อ สามกอดผมไว้แน่นด้วยร่างกายสั่นๆ ผมเองก็กอดตอบสัมผัสด้วยความเต็มใจ
ผมอยากนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นในวันที่ตัวเองโตพอที่สามจะยอมบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจนี่สักที
หลังจากวันนั้นการท่องเที่ยวตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี สามพาผมไปเห็นโลกอันกว้างใหญ่และเห็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างน้ำตกหรือภูเขา บรรยากาศแสนร่มรื่นมีผู้คนไม่มากเหมือนอย่างตลาดก่อนหน้านี้ผมเลยค่อนข้างชอบ ยิ่งได้นอนพักค้างแรมท่ามกลางธรรมชาติก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ
เมื่อท่องเที่ยวเสร็จพวกเราก็ขับรถกลับมายังศูนย์วิจัย ข้าวของต่างๆถูกยกขึ้นไปจัดการส่งให้แม่บ้านซักก่อนที่ผมจะขอตัวไปแช่น้ำ การเที่ยวติดต่อกันหลายวันแม้จะทั้งสนุกและตื่นเต้นแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยอยู่พอสมควร
“ลูก้า ออกไปข้างนอกกัน”นี่คือคำถามแรกที่เจอเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“เราพึ่งกลับมานะ”จะไปอีกแล้วเหรอ
“อืม ไปกันเถอะ”
“ทำไมถึงทำหน้าเศร้า”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างสงสัย ใบหน้าสีน้ำผึ้งแสดงความเศร้าออกมาให้เห็น
“ขอยังไม่บอกนะ ไปกันเถอะ”สุดท้ายก็ต้องยอมเดินตามสามออกมาข้างนอกโดยไม่ได้รับคำตอบในสิ่งที่ต้องการ
สามพาผมเดินไปตาสะพานที่เป็นทั้งแหล่งเพาะพันธ์ บ่อพักสำหรับสัตว์ป่วยหรือแม้แต่การดูแลสัตว์น้ำซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในสัตว์เหล่านั้นที่อยู่ที่นี่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งที่กลับร่างไดโนเสาร์และทุกครั้งผมก็ต้องมาอยู่ในบ่อที่129เสมอ
ผมไม่รู้ว่าต้องควบคุมการกลายร่างยังไง สิ่งที่ผมรู้คือถ้าอยากอยู่ในร่างมนุษย์ให้นึกว่าอยากอยู่กับสาม
กลิ่นของอะไรบางอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นทำให้ผมหยุดขาที่ก้าวตามสามไป ตรงหน้านั่นมีเรือจอดอยู่ แน่นอนว่าแค่เรือไม่ทำให้ผมหยุดก้าวหรอกแต่เพราะสิ่งที่อยู่บนเรือนั่นต่างหาก
ความน่าเกรงขามในระดับที่ไม่เคยได้สัมผัส
ความน่าเคารพที่แม้ไม่เคยเห็นหน้ายังทำให้รู้สึกได้
ใครกัน
สัมผัสกับกลิ่นแบบนั้น
ไม่ใช่มนุษย์
“เห็นว่าพึ่งกลับจากไปเที่ยวเหรอทรี”เสียงทุ้มออกนุ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้ชายสองคนที่เดินลงมา คนแรกมีเส้นผมสีบลอนทองและมีดวงตาสีเขียวอมฟ้า ส่วนคนที่สองเป็นคนเดียวกับที่ผมสัมผัสได้เมื่อครู่..เส้นผมสีเทาแซมส้มกับดวงตาสีเหลืองอัมพันนั่นราวกับสัตว์ป่าที่ถูกจับให้มาอยู่ในร่างมนุษย์
เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้อันตราย
“ใช่...มาเร็วไปรึเปล่าเซโคร”ทันทีที่ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากสามผมก็นึกได้ทันทีว่าเป็นชื่อเดียวกับที่ได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ครั้งก่อน
หลังจากได้รับโทรศัพท์นั่นสามก็แปลกไป
“อยากเจอเร็วๆนี่นา สวัสดีลูก้าเราเคยเจอกันแล้วแต่คงจำไม่ได้สินะ”ชายที่ชื่อเซโครหันมาคุยกับผมบ้าง
“...ทำอะไรสาม”ผมรู้ว่ามันไม่ใช่คำทักทายที่ดีเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ในเมื่อสามไม่บอกก็มีแต่ต้องทำคนที่รู้เท่านั้น
“ฮืม? หมายถึงอะไร?”
“ตั้งแต่ที่คนชื่อเซโครโทรมาสามก็แปลกไป”
“พูดอะไรน่ะลูก้า”สามพูด
“พูดความจริงไง สามไม่ยอมบอกผมเลยต้องถามคนที่รู้”
“ลูก้า...”
“นี่ยังไม่ได้บอกเขาเหรอทรี”เซโครหันไปถามสามที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆ
“โทษที...”
“มีเรื่องอะไร”ผมถามย้ำอีกครั้ง
“ถ้าทรียังไม่บอกงั้นผมจะบอกให้ ก่อนอื่นของแนะนำตัวก่อนผมหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่หรือเซโคร ส่วนนี่คนรักและคู่หูของผมชื่อยูทาร์”เซโครผายมือไปยังชายด้านข้างด้วยรอยยิ้ม
“...ผมลูก้า”
“นายก็เป็นเหมือนผมสินะ”เส้นผมสีเทาแซมส้มถูกลมทะเลพัดไปมาจนยุ่งเหยิงแต่เจ้าของกลับไม่สนใจมันนัก เขาจ้องมองมายังผมอย่างสำรวจเช่นเดียวกับที่ผมมองไป
“อืม”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ แม้จะไม่มีคำพูดมากมายเราก็สามารถสื่อการได้
คนคนนี้เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์เหมือนผม
“ในเมื่อทักทายเรียบร้อยขอเข้าเรื่องเลยนะ ผมกับยูทาร์มารับลูก้ากลับไปอยู่กับพวกเราที่เกาะน่ะ”
“...พูดอะไร”ประโยคนั่นทำให้ร่างกายเบาโหวงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
กลับไปเหรอ
หมายถึงต้องไปจากสามเหรอ
ดวงตาสีเงินของผมหันไปประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของสามที่สั่นระริกอยู่ด้านข้างเพื่อถามว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่เรื่องจริง
ช่วยบอกผมสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“...ขอโทษที่ไม่ได้บอก”สามพูดเสียงสั่น
“สาม”ทำไมล่ะ
“ทรีทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว...ตั้งแต่ที่พาลูก้ามาก็คอยดูแลอย่างดีมาตลอด ทั้งสอนและพาไปเปิดหูเปิดตา ก็อยากให้เขาอยู่ต่อหรอกนะแต่จะรบกวนมากกว่านี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยอายุในตอนนี้มากพอจะให้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้แล้ว”เซโครเป็นฝ่ายตอบแทน
“...หน้าที่เหรอ”จะบอกว่าที่สามทำทั้งหมดมันเป็นเพียงหน้าที่งั้นเหรอ
“ลูก้า...”
“ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดมันคือหน้าที่ของสามงั้นสินะ”เพราะเป็นแค่หน้าที่ สามไม่ได้อยากมาอยู่กับผมด้วยความตั้งใจของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว
“ไม่ใช่นะลูก้า คือว่า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”ตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“แต่ว่า...”
“พวกคุณมาพาผมไปสินะ”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้า
“พูดให้ถูกคือมารับน่ะ”
“เอาสิ ผมจะไป”ถ้าสามพาผมมาที่นี่ก็แปลว่าต้องการให้ผมไปอยู่แล้ว
นั่นสินะ ก็ผมมันเป็นแค่เด็ก
เด็กที่สามต้องมาคอยดูแลเพราะเป็นหน้าที่
“ไม่ลาทรีหน่อยล่ะ”เซโครถามเมื่อเห็นผมเดินขึ้นไปบนเรือ
“ไม่จำเป็น...”
“ลูก้า!”สามตะโกนเรียกก่อนจะดึงแขนผมให้หันกลับไปหาแต่เพราะถูกขืนไว้เลยไม่สำเร็จ
“ขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่อย่างดีนะครับ”นี่เป็นคำลาสุดท้ายก่อนที่ผมจะสะบัดมือแล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนเสียงตะโกนเรียกที่ตามมา
“ลูก้า!!”
ตอนนี้ในหัวมันสับสนไปหมด
ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ผมกับสามยังมีความสุขกับการไปเที่ยวอยู่เลย
มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้
“จะดีเหรอ เขาร้องไห้อยู่นะ”เสียงทุ้มจากยูทาร์เรียกสติให้ผมหันไปมอง
“...ใคร”ผมถามทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้
“คนที่ชื่อสามไง”
“...”ทันทีที่ได้ยินหัวใจก็ชาวาบอย่างไม่มีสาเหตุ
สามร้องไห้
“แต่ถึงจะออกไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว”จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด ตอนนี้เรือได้แล่นออกจากท่าแล้ว
“ทำไมถึงร้อง”ทำไมสามถึงร้องไห้ คนที่อยากร้องมันคือผมต่างหาก
“ที่ร้องเพราะเสียใจที่จากกันไง”
“ไม่จริง ที่สามดูแลผมก็เพราะหน้าที่ เขาดีกับผมก็เพราะหน้าที่ ทุกอย่างมันเป็นหน้าที่ทั้งนั้น”เพราะเป็นแค่หน้าที่ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องเสียใจเลยนี่
“จริงเหรอ”
“อะไร”ผมเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเหลืองอำพันอย่างไม่เข้าใจ
“คิดว่าที่เขาทำมันเป็นแค่หน้าที่จริงเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่หน้าที่...ทำไมถึงไม่ห้าม ทำไมถึงพามาที่นี่ทั้งที่รู้ว่าผมต้องจากไปด้วยเล่า”ผมตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทด
ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“คำถามนั่นเก็บไว้ให้คนชื่อสามตอบดีกว่านะ”
“พูดเหมือนผมจะได้เจอเขาอีกงั้นแหละ”
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวนาย”
“หมายความว่ายังไง”
“ไว้ถึงเกาะเซโครจะบอกทุกอย่างที่นายคาใจ”พอพูดจบเขาก็เนออกไปด้านนอกปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองตามลำพัง
สามเสียใจที่ผมจากมาจริงเหรอ
สามไม่ได้ดูแลผมแค่เพราะหน้าที่จริงเหรอ
ทำไมถึงต้องพาผมมาที่นี่ทั้งที่ต้องเสียใจ
มีคำถามมากมายที่อยากรู้คำตอบ
เพียงแต่การกลับไปถามตอนนี้อาจไม่ได้รับคำตอบ
เพราะผมยังเด็กเลยไม่สามารถรับรู้อะไรได้สักอย่าง รวมถึงไม่อาจเข้าใจถึงสาเหตุที่สามทำแบบนี้
ถ้างั้นอีกหนึ่งปีสองเดือนผมจะกลับไป
จะกลับไปหาสามในวันที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่
จากนั้นผมจะถาม จะถามถึงทุกอย่างที่ค้างคาใจ
...........................................................................
มาต่อแล้วสำหรับตอนที่5
หลายคนที่อ่านมาถึงตอนนี้อาจมีความรู้สึกว่ามันค้างและหน่วงๆอยู่สักหน่อย
ตอนนี้อาจเป็นตอนที่หน่วงที่สุดในเรื่องแล้วล่ะค่ะ 555
ไม่ถนัดแต่งความรู้สึกหน่วงๆแบบนี้เท่าไหร่เลยค่อนข้างใช้เวลานาน
ขอแจ้งกำหนดการอัพหน่อยนะคะ เราจะพยายามอัพ1ตอนไม่เกิน2ทิตย์ซึ่งบางครั้งอาจมีช้ากว่าบ้าง ทุกคนก็ช่วยรอกันด้วยนะคะแต่เราจะพยายามอัพให้ได้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนสำหรับทุกๆคอมเม้นและทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
เห็นแบบนี้เราได้อ่านทุกคอมเม้นเลยน้า มีความสุขมาที่หลายๆคนชอบ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
----มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์----
วันนี้ขอเสนอเป็นสัตว์แทนนะคะเพราะยังไม่มีไดโนเสาร์ออกโรง

เม่นทะเล หรือ หอยเม่น อยู่ในกลุ่มเอคไคนอยด์ที่มีสมมาตร อาศัยอยู่ตามพื้นแข็ง มีสีต่างกัน ด้านที่เกาะกับพื้นเป็นปาก ทวารหนักอยู่กลางลำตัว ด้านบนสุด เม่นทะเลจะมีหนามสองขนาด หนามขนาดยาวใช้ในการผลักดันพื้นแข็ง ขุดคุ้ยสิ่งต่างๆหรือช่วยในการฝังตัว หนามเล็กสั้นใช้ยึดเกาะเวลาปีนป่าย เม่นทะเลที่มีพิษจะมีหนามที่กลวงและมีพิษอยู่ภายใน หนามนี้จะแทงทะลุผิวหนังได้ง่าย เมื่อหักจะปล่อยสารพิษออกมา
เครดิต :
http://phuketaquarium.org/sea-urchin/nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪