ต่อนะคะ
สายลมอ่อนๆพัดมาโดนร่างทำให้ดวงตาสีน้ำตาลของผมค่อยๆกระพริบแล้วลืมขึ้นอย่างงัวเงีย อาการเวียนหัวและความเจ็บปวดก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิงมีเพียงความรู้สึกชาๆบริเวณข้อเท้านิดหน่อยเท่านั้น
นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกัน
แล้วลูก้าอยู่ไหน
หลายคำถามผุดเข้ามาในหัวระหว่างที่พยุงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียงสีขาวสะอาด ดูจากเตียงคงอยู่ที่โรงพยาบาลของศูนย์วิจัยสินะ...
“สาม”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับร่างของลูก้ากระโดดขึ้นมาบนเตียง ดวงตาสีเงินสั่นระริกเมื่อมองมายังผมที่หันหน้าไปหา
“ลูก้า...”
“เพราะผมใช่ไหม”ยังไม่ทันได้พูดอะไรอยู่ๆลูก้าก็ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าคลอน้ำตา
“...พูดเรื่องอะไร”
“ก็ที่สามต้องเจ็บและหลับไปเกือบ3วันนี่เป็นเพราะพิษของผมไม่ใช่เหรอ”
“รู้มาจากไหน?”ผมจ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ
“พี่จันบอก”
“พี่จัน...”ก่อนที่ผมจะหมดสติรู้สึกว่าจะบอกพี่จันแล้วนะว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้ลูก้ารู้
ที่ไม่อยากให้บอกไม่ใช่เพราะต้องการปิดบังแต่เพราะผมรู้ตัวว่าตัวเองต้องสลบไปนานแน่ ถ้าลูก้ารู้ก็จะโทษตัวเองเหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้
“เพราะผม...”ลูก้าก้มหน้าลงราวกับกำลังสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ
“ไม่ใช่ความผิดของลูก้า”ผมรีบพูดแทรก
“จะไม่ใช่ได้ยังไง...ผมเป็นคนทำให้สามต้องเจ็บนะ”
“ที่ผมเจ็บเป็นเพราะผมไม่ระวังเอง”
ใช่...เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผมไม่ระวัง
ผมรู้อยู่เต็มอกถึงพิษที่ลูก้ามีแต่กลับประมาทจนเกิดเรื่องแบบนี้
ลูก้าไม่รู้ว่าตัวเองมีพิษร้ายแรงอยู่ในร่างดังนั้นจึงไม่มีการระวังเป็นพิเศษ
“แต่ถ้าผมรู้สามก็คงไม่เจ็บ”ลูก้าเถียง
“อืม...การที่ลูก้าไม่รู้เป็นเพราะผมไม่ได้บอก ดังนั้นคนที่ผิดคือผมเอง”
“ไม่ใช่...ผมบอกแล้วไงว่าคนที่ผิด...”
“ลูก้า”ผมเรียกเด็กตรงหน้าเสียงดังเพื่อให้เลิกเถียงกันไปมาแบบนี้
“...เพราะผม”
“เฮ้อ...มานี่ลูก้า”ผมเรียกพลางดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดหลวมๆ ลูก้าขยับตามแรงดึงผมอย่างไม่ขัดขืนแถมยังเป็นฝ่ายกอดแน่นอีกด้วย เส้นผมสีฟ้าแซมแดงถูกลูบไปมาเบาๆให้อารมณ์เย็นลง
เถียงกันไปมาแบบนั้นวันนี้คงไม่จบพอดี
“...ขอโทษ...ขอโทษนะสาม”เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมแขนที่กอดผมแน่นกว่าเดิม
ถึงจะพูดว่าไม่ใช่ความผิดของลูก้าก็คงไม่เป็นผลอยู่ดีสินะ
“ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่เพราะลูก้า...แต่ถ้ายังโทษตัวเองอยู่แบบนั้นผมก็จะบอก...ผมยกโทษให้...เลิกโทษตัวเองได้แล้ว”พูดจบผมก็เปลี่ยนจากลูบเส้นผมมาเป็นลูบแผ่นหลังที่กำลังสะอื้นแทน
“อึก...สาม...สาม...”
“ไม่เป็นไรแล้ว...เห็นไหมว่าผมปลอดภัย”ผมปลอบต่อ
พึ่งรู้ว่าขี้แงเหมือนกันนะเนี่ย
“...นึกว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาซะแล้ว...”เสียงพูดปนสะอื้นทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ
ตลอดเวลาที่ผมหลับไปลูก้าจะอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ
เขาจะรู้สึกยังไงที่เห็นผมนอนอยู่นิ่งโดยไม่ขยับเขยื่อน
ถึงจะไม่รู้แต่ก็พูดได้ว่าไม่รู้สึกดีนักหรอก
“ขอโทษที่ตื่นช้า”
“...นี่สาม”
“หื้ม?”
“บอกผมได้ไหม”
“เรื่องอะไรล่ะ”ผมถามกลับ
“พิษที่ว่าคืออะไร”น้ำเสียงของลูก้าดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาคงต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นรวมทั้งวิธีที่จะจัดการกับตัวเอง
“คงถึงเวลาที่ต้องบอกแล้วสินะ”ความจริงอยากให้โตกว่านี้อีกหน่อยแท้ๆ
“บอกไม่ได้?”
“เปล่า...แค่อยากให้โตกว่านี้น่ะ”
“ผมก็โตแล้วนะ”
“คนที่โตแล้วไม่ร้องไห้กันง่ายๆหรอกนะ”ผมล้อ
“...ไม่ได้ร้อง”
“เหรอ...ผมจะเชื่อดีไหมนะ เสื้อผมเปียกไปหมดแล้ว”
“ไม่ได้เปียกสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้ร้องด้วย”ลูก้าผละออกจากผมไปนั่งขัดสมาธิอยู่ปลายเตียง
“คิก...”
“หัวเราะอะไร”ลูก้าถามทันทีที่เห็นผมหลุดขำ
“เปล่านี่”
“ก็เห็นอยู่ว่าขำ”
“คิดไปเองแล้ว”
“สาม”เสียงเรียกชื่อผมเคืองๆนั่นเรียกรอยยิ้มของผมให้ปรากฏขึ้น
แบบนี้สิลูก้าที่ผมรู้จัก
เด็กที่ทั้งโทษตัวเองและขี้แยผมไม่รู้จักหรอก
“ครับๆ...มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...ก่อนจะเข้าเรื่องพิษอยากจะบอกถึงตัวตนของลูก้าก่อน”
“ตัวตน...ของผม”
“ใช่...รู้ไหมว่าทำไมตัวเองถึงสามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้”ผมเริ่มเกริ่น
ในเมื่อต้องพูดเรื่องพิษในร่างของลูก้าก็อยากจะพูดทุกๆอย่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลย
“...ไม่รู้”ลูก้าส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ในร่างกายของลูก้ามียีนของไดโนเสาร์กับมนุษย์ผสมกันอยู่ นั่นทำให้สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์และไดโนเสาร์ได้”ระหว่างอธิบายผมก็ชี้ไปยังร่างของลูก้า
“...”
“พวกเราเรียกคนที่มียีนของไดโนเสาร์และมนุษย์อยู่ในร่างเดียวกันว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์”ผมอธิบายต่อไปอีก
“...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ แปลว่าไม่ได้มีแค่ผม”
“ใช่...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์มีอยู่เยอะพอสมควรแต่ลูก้าเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นไดโนเสาร์น้ำ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะทุกวันนี้ไดโนเสาร์ที่ก่อความวุ่นวายหรือหลุดออกมาไม่ได้จำกัดแค่บนท้องฟ้าหรือบนพื้นดินเท่านั้น มีหลายเหตุการณ์ที่ต้องต่อสู้ในทะเล และด้วยความทักษะการต่อสู้ในน้ำของไดโนเสาร์บนบกไม่สามารถต่อสู้กับไดโนเสาร์น้ำได้เต็มที่ทำให้ดร.ฟรานซิสสร้างไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มียีนของไดโนเสาร์น้ำขึ้นมา”
“...เพราะถูกสร้างเลยต้องอยู่เพียงลำพังเหรอ”คำถามต่อมาดังขึ้นพร้อมลูก้าที่ทำหน้าเศร้า
“ไม่ใช่หรอกลูก้า...ตอนนี้ลูก้ามีผมไง”ผมตอบคำถามนั้น
“แต่ถ้าอยู่ในร่างไดโนเสาร์ก็ต้องอยู่คนเดียว”
“ครั้งหน้าผมลงไปว่ายน้ำด้วยดีกว่า”
“ไม่ได้นะ...ถ้าสามเจ็บขึ้นมาอีกละ”ลุก้ารีบพูดค้านทันทีที่ได้ยิน
“อ้อ...เหมือนจะลืมบอกเรื่องพิษไปสินะ พิษของลูก้ามีอยู่สองที่...ที่แรกคือตามเกราะสีแดงบนหลังกับเส้นใยหนวดสีฟ้าเข้ม ถ้าว่ายอย่างระมัดระวังก็ไม่โดนหรอกน่า”พิษของลูก้ามีของแมงกระพรุนกล่องและปลาหินผสมอยู่ซึ่งถ้าถามถึงระดับอันตรายของพิษเหล่านั้นผมคงให้เป็นอันดับ1ของไดโนเสาร์กลายพันธ์ทั้งหมด ไม่สิ อาจจะเป็นอันดับต้นๆของสัตว์บนโลกนี้เลยก็ได้
แมงกะพรุนกล่องคูโบซัว เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงานว่ามันฆ่าคนไปแล้วหลายหมื่นคน พิษของมันนั้นจะแล่นเข้าไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญถ้าโดนพิษเข้าไปจะให้ความรู้สึกทรมานและเจ็บปวดอย่างที่สุดจนกว่าจะสิ้นลม
สำหรับปลาหินหรือStonefish เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดของโลก ซางมีต่อมพิษใต้ผิวหนังในครีบแข็งของมัน พิษจะถูกปล่อยออกมาเมื่อเนื้อเยื่อหุ่มบริเวณปลายหนามฉีกขาด โดยพิษของปลาหินนอกจากจะได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล้วหากได้รับพิษไปในปริมาณมากจะส่งผลให้เกิดอาการเพ้อ ขาดสติ และส่งผลให้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน
ตอนอ่านข้อมูลสายพันธ์ต่างๆที่ผสมอยู่ในตัวลูก้าผมก็อยากจะเห็นหน้าของเซโครตอนฟังพ่อตัวเองอธิบายถึงความพิเศษของลูก้าซะเหลือเกิน เพียงแค่พิษชนิดเดียวก็มากพอและมากเกินที่จะใช้ป้องกันตัวแล้วแต่ดันผสมมาถึง2ชนิด
ผมคงต้องเตรียมการป้องกันในเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อนคิดจัดการมันจะสายเกินแก้ พิษที่ลูก้ามีผมต้องนำมาวิเคราะห์และทำวัคซีนเฉพาะขึ้นมาใหม่
ในปัจจุบันแม้จะมียาแก้พิษอยู่แล้วแต่ยังไม่มียัวไหนแก้พิษที่ผสมกันของแมงกระพรุนกล่องกับปลาหินมาก่อน
“ทำไมถึงต้องมีพิษด้วย”
“พิษนั้นจะใช้เป็นอาวุธเมื่อลูก้าต่อสู้”
“ต้องสู้เหรอ”ดวงตาสีเงินที่เงยขึ้นมาประสานกับดวงตาสีน้ำตาลของผมอย่างขอคำตอบ
“ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ส่วนมากจะสู้เพื่อปกป้องมนุษย์”
“มนุษย์...”
“มันยังไม่ใช่เรื่องที่ลูก้าต้องคิดหรอก ค่อยๆเรียนรู้ไปทีละนิดเถอะ”พูดจบผมก็เอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีฟ้าแซมแดงไปมา
“เข้าใจแล้ว”ลูก้าพยักหน้าตอบกลับมา
“จบเรื่องนี้แล้วนะ...ต่อไปก็ไปว่ายน้ำเล่นกันดีกว่า”อย่แต่กับเตียงมาหลายวันรู้สึกว่าร่างกายตึงๆไปเยอะเลย
“แต่แผล...”ลูก้าพูดแล้วก้มมองยังบริเวณข้อเท้าที่มีร่องรอยเหมือนโดนอะไรรัดรอบๆ
“ไม่เป็นไรแล้วน่า...เดี๋ยวใช้ผ้าพันแผลกันน้ำเอา”
“แน่ใจว่าไม่เป็นไร”น้ำเสียงห่วงๆนั่นทำให้ผมยิ้มออก
การมีคนคอยห่วงรู้สึกดีจริงๆ
“ไม่เป็นไรแน่นอน”ผมลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่รอให้ลูก้าพูดอะไรต่อ ผ้าพันแผลกันน้ำถูกหยิบออกมาจากตู้ยาด้านข้างก่อนจะจัดการพันแผลบริเวณข้อเท้าอย่างชำนาน
ดูจากรอยคงจะกลายเป็นแผลเป็น แต่สำหรับผมไม่คิดมากเรื่องนั้นอยู่แล้ว
ไม่ได้จะโชว์เท้าให้ใครดูสักหน่อย
หลังจากนั้นผมก็พาลูก้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ดำน้ำ เสื้อชูชีพ หน้ากากและถังใส่ออกซิเจนมีให้หยิบกันได้ตามต้องการ สิ่งที่ผมหยิบมีแค่เสื้อชูชีพเพราะยังไงวันนี้ก็คงสอนได้แค่ว่ายน้ำเท่านั้น
ดำน้ำเอาไว้สอนวันอื่นละกัน
“อ้อ...หน้ากากด้วย”ผมหันไปหยิบหน้ากากมาหนึ่งอันก่อนจะเดินออกไป
ลูก้ายังไม่เคยอยู่ในน้ำทะเลในร่างมนุษย์ผมเลยไม่รู้ว่าเขาสามารถลืมตาในน้ำได้ไหม ถ้าลืมไม่ได้ก็จะให้ใช้หน้ากากนี่
สถานที่ที่ผมพาลูก้ามาเป็นชายหาดห่างจากตึกวิจัยอยู่พอสมควร ที่นี่ไม่ได้เป็นหาดทราบสีขาวแต่เต็มไปด้วยหินและน้ำทะเลในระดับที่ลึกพอสมควร ตอนแรกก็ว่าจะพาไปชายหาดปกติอยู่หรอกแต่กว่าจะว่ายไปตรงน้ำลึกก็เสียเวลาแถมแดดยังร้อนอีกไม่เหมือนกับตรงนี้ที่ด้านบนเป็นหน้าผาสูงช่วยบดบังแสงจากพระอาทิตย์ได้
“ใส่เสื้อชูชีพกับหน้ากากนี่ไว้นะ”ผมจัดการสวมทุกอย่างให้ลุก้าพร้อมพูดอธิบายถึงหลักการว่ายน้ำไปเรื่อยๆ
“แล้วของสามล่ะ”ลูก้าถามกลับ
“ผมไม่ต้องใส่หรอก”ไม่คิดว่าตัวเองจะจมด้วย
“งั้นผมก็ไม่ใส่ด้วย”
“ไม่ได้ๆ...ต้องใส่ไว้ก่อน ถ้าว่ายได้ค่อยถอดออก”ยังไม่ทันรู้เลยว่าว่ายได้ไหมขืนปล่อยให้ถอดหมดแล้วกระโดดลงไปอาจไม่ลอยขึ้นมาก็ได้
ถึงอีกร่างจะเป็นไดโนเสาร์น้ำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในร่างมนุษย์จะว่ายน้ำเป็น
“ผมว่ายได้น่า”
“เอาน่า...ตอนนี้มายืดกล้ามเนื้อก่อน”ผมพูดก่อนจะเริ่มท่ายืดกล้ามเนื้อ ลูก้ามองมาสักพักก่อนจะทำตามอย่างเสียไม่ได้
พอทำเสร็จทุกท่าผมก็ถอดเสื้อออกวางพาดไว้บนโขดหินเหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่เตรียมไว้ ผิวสีน้ำผึ้งเผยออกมาสะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่อง
“ผมลงไปก่อนนะ”หันไปบอกลูก้าเสร็จก็ลงไปยังน้ำทะเลด้านล่าง ด้วยระดับน้ำที่สูงแต่ยังยืนถึงทำให้ผมไม่เสี่ยงที่จะกระโดดลง
“ผมลงได้รึยัง”ลูก้าถาม
“อืม...ลงมาเลย”ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่าย
ตู้ม
ลูก้าที่ได้รับอนุญาตก็กระโดดลงมาจนน้ำรอบข้างกระจายออกเป็นวงกว้างแม้แต่ผมเองยังต้องหลบน้ำที่กระเซนมา ผมเตรียมหันไปบ่นการกระทำของลูก้าเต็มที่แต่พอมองไปกลับเจอเพียงเสื้อชูชีพที่ลอยอยู่กับหน้ากากดำน้ำเท่านั้น
“ลูก้า!”ผมตะโกนเสียงดังอย่างตื่นตระหนก
อย่าบอกนะว่าจมน่ะ
แล้วทำไมเสื้อชูชีพกับหน้ากากถึงหลุดออกได้ง่ายขนาดนี้เนี่ย
น้ำตรงนี้ก็อยู่ระดับอกผมเรียกว่าไม่ลึกมาก ดังนั้นก็ไม่น่าจะจมได้
“...เรียกทำไมสาม”
“ลูก้า”เสียงจากด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับมองอย่างรวดเร็ว ด้านหลังผมมีลูก้าลอยคอมองมาด้วยสายตางงๆราวกับไม่เข้าใจว่าผมเสียงดังทำไม
“เสียงดังนะสาม”
“จะไม่ให้เสียงดังได้ยังไง...บอกแล้วไงว่าให้ใส่เสื้อชูชีพกับหน้ากากไว้น่ะ”หัวใจผมเกือบจะวายแล้วเชียว
“สามบอกว่าถ้าว่ายได้ค่อยถอดออกนี่ ตอนกระโดดลงน้ำก็รู้แล้วว่าว่ายได้เลยถอดออก”ลูก้าอธิบายเสียงใส
“ถอดเร็วเกินไปแล้ว”
“ก็มันอึดอัดนี่...แบบนี้สบายกว่า”พูดจบลูก้าก็มุดลงไปใต้น้ำ ร่างมนุษย์แหวกว่ายรอบตัวผมด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ท่วงท่าของการว่ายไม่เหมือนกับคนที่เคยเรียนมา ท่านั้นเป็นท่าตามธรรมชาติราวกับว่าร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของสายน้ำ
ผมมองลูก้าว่ายสักพักก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเท่าที่นับอยู่รู้สึกว่าจะกลั้นหายใจมามากกว่า5นาทีแล้วนะ
ว่ายน้ำครั้งแรกส่วนมากแค่3นาทีก็แทบไม่ไหวแล้ว
“สาม...ไม่ว่ายเหรอ”ลูก้าโผล่ขึ้นมาบนน้ำก่อนจะถาม
“อ่า...ว่ายสิ...นี่ลูก้าทำไมถึงได้กลั้นหายใจได้นานขนาดนั้นทั้งที่ทำเป็นครั้งแรก”
“ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย...ตอนอยู่ในร่างไดโนเสาร์ก็ทำบ่อยๆ แต่เหมือนจะต่างกันอยู่เยอะ ในร่างนี้หายใจไม่ออก”
“ที่ลูก้าทำในร่างไดโนเสาร์ไม่ใช่การกลั้นหายใจแต่เป็นการหายใจ ที่ในร่างมนุษย์ทำแบบนั้นไม่ได้เหราะมนุษย์หายใจไนน้ำไม่ได้...ที่ทำได้คือการกลั้นหายใจ”ผมอธิบายขยายความให้ลูก้าฟัง
ดูเหมือนเขาจะสับสนกับร่างกายทั้งสองของตัวเองอยู่ไม่น้อย
ดีที่ไม่หายใจเข้าไปไม่งั้นคงสำลักน้ำแน่
“สามก็กลั้นหายใจได้สินะ”
“แน่นอน...ได้นานด้วยนะ”ขออวดสักหน่อยเถอะ
“ผมจะกลั้นได้นานอย่างสามไหม”
“ไม่รู้สิ เรื่องนี้มันอยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน”ถึงจะฝึกเหมือนๆกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลั้นหายใจได้ในเวลาเท่ากัน
“เหรอ...”
“แล้วตาน่ะ...ไม่แสบใช่ไหม”ผมถามต่ออีก
เห็นลืมตาว่ายไปมาอยู่ตั้งนานไม่เห็นมีอาการระคายเคืองอะไรเลย
“ไม่นี่”
“ดีแล้ว...งั้นไปว่ายต่อเถอะ”ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายดำลงไปก่อนจะว่ายไปยังน้ำที่อยู่ลึกกว่านี้ ด้วยขอบเขตสายตาของมนุษย์เมื่ออยู่ในน้ำจะแคบลงแต่ก็ยังมองเห็นอยู่พอสมควร
บรรยากาศใต้น้ำต่างจากด้านบอย่างสิ้นเชิง ความเย็นของน้ำโอบอุ้มร่างกายไว้ในทุกการเคลื่อนไหว ถ้ายิ่งว่ายฝืนก็จะไปต่อไม่ได้แต่ถ้าปล่อยตัวไปตามกระแสน้ำทุกอย่างก็จะลื่นไหล
ผมชอบความรู้สึกเมื่ออยู่ใต้น้ำแบบนี้
มันทั้งสงบและสบายใจ
สีฟ้าเป็นสีที่มองเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยเบื่อ
ผมพลิกร่างตัวเองขึ้นมามองผิวน้ำด้านบนที่กระเพื่อมไปมาด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆคลี่ออก แสงระยิบระยับเมื่อมองจากด้านล่างนี่ช่างงดงามจริงๆ
เหม่อมองด้านบนได้สักพักก็ถูกลูก้าที่ว่ายตามมาดึงแขนผมให้ว่ายตามไปในระดับที่ลึกขึ้น ความจริงก็อยากจะบอกให้หยุดแต่รอยยิ้มมุมปากของลูก้านั่นทำให้ผมเลือกที่จะตามอีกฝ่ายไป
ลูก้าดึงผมไปจนถึงส่วนลึกของทะเล เหล่าปะการังหลากสีสันขึ้นเรียงรายอยู่ตามพื้นทรายไปจนถึงโขดหิน ฝูงปลาขนาดเล็กแตกระจายออกเมื่อลูก้าและผมว่ายเข้าไปใกล้
ที่นี่ยังถือเป็นทะเลน้ำตื้นอยู่เลยเจอแค่ปลาตัวเล็ก ถ้าไปดำทะเลลึกคงจะสุดยอดกว่านี้หลายเท่า
ด้วยความที่อากาศในปอดใกล้จะหมดผมเลยกระตุกมือที่ถูกลูก้าจับไว้แทนคำพูด ลูก้าเองก็เหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่ผมจะบอกเลยพยักหน้าก่อนพวกเราจะค่อยๆว่ายขึ้นไปยังด้านบน
“อ่า...”ความร้อนของด้านบนปะทะเข้าร่างทันทีที่โผล่ขึ้นมาหายใจ ผมหายใจเข้าออกสักพักก็สังเกตว่ายังไม่ได้ยินเสียงลูก้าเลยหันกลับไปมองด้านข้าง
ลูก้าที่มักจะทำหน้านิ่งอยู่เสมอตอนนี้กลับกำลังยิ้มแม้จะไม่ใช่การยิ้มกว้างแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้
“ลูก้า...”
“สุดยอดเลย...เวลาอยู่กับสามผมรู้สึกดีมากๆเลย”
“ผมก็เหมือนกัน”การที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้รู้สึกดีกว่าอยู่คนเดียวเยอะเลย
หลังจากว่ายน้ำจนพอหนำใจผมก็ลากลูก้าขึ้นฝั่ง ที่ต้องใช้คำว่าลากเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ยอมขึ้นจากน้ำทั้งที่ว่ายไปหลายชั่วโมงแล้ว พละกำลังของลูก้ามีมากกว่ามนุษย์ปกติทำให้ผมลากเขาแทบไม่ไป ยังดีที่ลูก้ายอมผ่อนแรงให้ผมลากขึ้นฝั่งได้ง่ายๆ
ห้องอาบน้ำที่ผมพาไปเป็นห้องอาบน้ำของพนักงานดูแลสัตว์น้ำที่อยู่ไม่ไกล พวกเราแยกกันอาบคนละห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดที่ผมเตรียมไว้ก่อนมานี่ พอแต่งตัวเสร็จก็พาลูก้าไปกินข้าวและพากลับห้องในที่สุด
“ไม่เจ็บแผลใช่ไหม”ลูก้าเอ่ยถาม
“ไม่เจ็บหรอก แค่ชานิดหน่อย”ระหว่างตอบผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็กผมออกมา
“เพราะผมดึงสามลงมา...”
“ไม่ๆๆ...อย่าทำหน้าแบบนั้น บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดของลูก้า”ผมรีบพูดแทรกแล้วเดินไปหาอีกฝ่ายบนเตียง
“ทำไมถึงไม่โทษผมทั้งๆที่ดูยังไงผมก็เป็นฝ่ายผิดล่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ลูก้าคิดแบบนั้นหรอกนะ...แต่ผมจะบอกไว้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ใช่ความผิดของลูก้าเลยสักนิดเดียว”สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เพราะโอ๋ลูก้าแต่มันคือความจริง
ลูก้าผิดที่ดึงผมตกน้ำแต่ก็เป็นความผิดผมที่อ่านพฤติกรรมนั้นไม่ออกทั้งที่จบสายนั้นมา
ดูยังไงคนที่ผิดก็คือผม
“ผมยังอยู่กับสามได้ใช่ไหม”ลูก้าถามต่อพลางขยับตัวมากอดผมไว้ ผมได้แต่ยิ้มบางๆแล้วเอื้อมมือไปกอดตอบอีกฝ่ายบ้าง
คำตอบของคำถามนั่น
ผมไม่จำเป็นต้องคิดสักนิด
“แน่นอน”
................................................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพเร็วเป็นพิเศษแทนขอขวัญวันปีใหม่จากเรานะคะ
อาจจะมาหลังปีใหม่นานหน่อย แบบว่าพึ่งแต่งเสร็จ555
เนื้อเรื่องช่วงนี้ยังค่อยเป็นค่อยไปอยู่ค่ะ ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นเต้นนักแต่อีกไม่กี่ตอนจะเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นค่ะ
เราอยากแต่งให้มีโมเม้นของความสัมพันธ์ในช่วงแรกก่อนจะขยับไล่เป็นขั้นๆไป
ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกอยากหาเด็กสักคนมาฟัดใฟ้หายอยากเลย
ลูก้าแม้จะเป็นเด็กแต่ความคิดค่อนข้างไปไกลกว่าเด็กธรรมดามากและโตเร็วสุดๆ
ฉากใต้น้ำเป็นฉากที่เราพยายามบรรยายออกมาให้เห็นภาพมากที่สุด ไม่รู้จะทำได้ดีไหมแต่ก็จะพยายามเต็มที่ค่ะเพราะจุดเด่นของภาคนี้คือน้ำ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า
ขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
บ๊ายบาย
--มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์--
ในวันนี้ขอเปลี่ยนจากไดโนเสาร์เป็นแมงกะพรุน ซึ่งแมงกระพรุงชนิดนี้ก็เป็นหนึ่งในยีนของลูก้า
แมงกะพรุ่นกล่องนั่นเอง
แมงกะพรุนกล่อง ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับชนิดของสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
แมงกะพรุนหลายชนิดมีพิษ โดยบริเวณหนวดและแขนงที่ยื่นรอบปาก เรียกว่า เข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อ หรือทำให้เหยื่อสลบก่อนจับกินเป็นอาหาร ซึ่งโดยมากเป็น ปลา และใช้สำหรับป้องกันตัว ภายในเข็มพิษของมันมีน้ำพิษที่เป็นอันตรายทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเป็นแผลเรื้อรังได้ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
แมงกะพรุนกล่องชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเซลล์เข็มพิษมากถึง 4-5,000,000,000 ล้านเซลล์ ในหนวดทั้งหมด 60 เส้น ซึ่งมีผลทางระบบโลหิต โดยไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้โลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตลงได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
เครดิต
https://teen.mthai.com/variety/78017.htmlnicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪