11
“บอกง่ายๆ ได้ยังไงแดน ต้องให้เรารีดความลับจากแดนก่อนสิ”
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มเอ่ย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ตรงมาหาผมที่เตียง
ครามไม่เปิดโอกาสให้ผมยันตัวลุกนั่ง ร่างสูงใหญ่ขึ้นมาคร่อมผมไว้ สองแขนแกร่งวางยันอยู่ข้างเอว และเพียงแค่แหงนหน้าขึ้นมอง ผมก็พบกับใบหน้าหล่อเหลาซึ่งอยู่ห่างไปแค่ช่วงลมหายใจ
เมื่ออยู่ใต้ร่างเขาแบบนี้ ผมู้สึกเหมือนตัวเล็กลงไปถนัดตา ปลายผมยาวเปียกชื้นที่ทัดใบหูของร่างด้านบนตกลงมา โครงหน้าสวยไร้ที่ติคลี่ยิ้มบาง รับกับดวงตาคมที่ทอประกาย ไม่รู้ว่าเพราะแสงไฟนีออนที่ส่องจากเพดานทำให้ผมตาพร่าหรือไม่ ผมถึงได้รู้สึกว่าภาพตรงหน้าร่าวกับจะล่อลวงผมได้
“ทีนี้...แดนค่อยๆ บอกพาสเวิร์ดเรา โอเคไหม?”
ผมอ้าปากพะงาบ ไม่รู้ว่าจะบอกออกไปยังไง
เพราะไม่เข้าใจคำว่าค่อยๆ บอกของครามจริงๆ
แล้วปลายจมูกโด่งก็โน้มกดลงมาที่ข้างขมับ ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าของอีกฝ่าย
“หอมจัง”
ผมไม่ได้กลิ่นตัวเอง และไม่รู้สึกว่าตัวเองหอมอย่างที่ครามบอกแม้แต่น้อย
เพราะกลิ่นที่อวลอยู่ตรงหน้าหอมกว่าเป็นไหนๆ กลิ่นนี้ทำให้ผมเหมือนกำลังล่องลอยในความฝันได้ทุกครั้ง
ลมหายใจที่รดอยู่ข้างหู ริมฝีปากที่ส่งเสียงทุ้มหวานกดแนบสัมผัสกับข้างแก้ม แล้วเคลื่อนมายังเนินบ่า ทุกที่ที่ถูกสัมผัสราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน
“พาสเวิร์ดมีกี่ตัว”
“สะ...สิบสอง”
ผมรีบโพล่ง อยากรีบบอกไปให้หมดใจจะขาด
“งั้นต้องจูบสิบสองที เพื่อให้แดนบอกพาสเวิร์ดให้ครบเนอะ”
เสียงกระซิบข้างหูทำเอาหัวใจผมเต้นรัว ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา ทว่าไม่ต้องเห็นสิ่งใด ร่างกายก็รู้สึกถึงความร้อนจากกายที่อยู่เหนือร่าง แผ่นอกเปลือยไร้อาภรณ์ใดปกคลุมเสียดสีกับเสื้อนอนผมนิดๆ ไม่นับส่วนอื่นของร่างที่แนบชิดกันจนอุณหภูมิร้อนส่งผ่าน
แล้วสัมผัสชื้นของเรียวลิ้นก็ไล้เล่นอยู่ที่กลีบหู แผ่วเบายามลากไล้คล้ายกำลังสำรวจจุดที่ทำให้ผมอ่อนไหว ผมรู้สึกถึงคมฟันขาวที่ขบกัดติ่งหูเบาๆ ก่อนจะดูดเม้ม และทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ไรขนอ่อนทั้งร่างก็ลุกชูชัน ไม่คิดเลยว่าส่วนนั้นก็ทำให้เกิดความหวามไหวได้
“อา...”
เผลอครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ซีกหน้าที่คลอเคลียผมผละออก
“ตัวแรกคืออะไร”
พอได้ยินคำถาม ผมก็เอ่ยบอกเสียงแผ่ว
นี่แค่ตัวแรกเองเหรอ เหลืออีกตั้งสิบเอ็ดตัว ผมจะมีแรงบอกเขาจนครบไหม?
.
.
ริมฝีปากนุ่มเปลี่ยนจุดหมายจากใบหูมาที่มุมปาก แล้วเลื่อนมาแนบทับกับกลีบปากล่างแช่มช้า สัมผัสอุ่นชื้นของปลายลิ้นทำให้ริมฝีปากแห้งผากของผมรู้สึกกระหายอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อปลายลิ้นของร่างด้านบนแทรกเข้ามาสัมผัส ความหวานก็ซึมซาบเข้ามาในร่าง
เรียวลิ้นที่แทรกดันทำให้ผมเผยอปากขึ้น โครงหน้าหล่อเหลาเอียงองศาเพื่อให้เนื้อปากนุ่มเข้าแนบสนิทจนไม่เหลือช่องว่าง ฝ่ามือร้อนโอบกอดและสอดใต้เอวจนแผ่นอกเราแนบชิดหลอมรวมกลายเป็นหนึ่ง
“อื้อ...”
ลมหายใจคล้ายกับถูกกลืนกิน พร้อมกับลิ้นของผมที่ถูกดูดดึงเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย
ก่อนที่จะหายใจไม่ออก ครามก็ยอมถอนจูบที่ทาบทับ เปิดโอกาสให้ผมได้หายใจหายคอ
“ตัวที่สองล่ะ”
เสียงที่ถามหวานจนใจสั่น
ผมตอบออกไป ก่อนจะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
“คราม...”
ส่งเสียงทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าอยากจะบอกกับเขาว่าอะไร
“ครับ”
ร่างสูงขานรับ แต่ใบหน้ายังคงซุกไซ้กับข้างแก้ม
สมองของผมว่างเปล่า จนสุดท้ายก็ไม่ได้พูดกับครามสักคำ
“แดน...เรียกเราด้วยเสียงแบบนั้น หรือว่ายั่วกันอยู่?”
ผมส่ายหน้าพลางส่งเสียงครางในลำคอเมื่อคนร่างสูงเลื่อนกลีบปากลงไปที่ข้างลำคอ
“ทำเสียงเซ็กซี่แบบนั้น จะบอกว่าไม่ยั่วได้ยังไง”
“อื้อ...”
ริมฝีปากส่งเสียงครางเมื่อลิ้นชื้นลากเชื่องช้าตามแนวกระดูกไหปลาร้า แล้วมาหยุดเพื่อกดจูบตรงแอ่งกระดูกกลางลำคอ ผมรู้สึกถึงสัมผัสของจมูกโด่งที่สูดกลิ่นกาย จุดที่คนที่อยู่เหนือร่างฝากร่องรอยจางไว้ก็ร้อนฉ่า
ตอนที่บอกพาสเวิร์ดตัวที่สามให้ครามรู้ มือใหญ่ก็เลื่อนมาจับที่สาบเสื้อนอน
เขาปลดกระดุมด้านบนออก เผยอกขาวให้อีกฝ่ายเห็น หัวใจเต้นรัวแรง กายเริ่มสั่นด้วยความประหม่า
“คราม...เราบอกทีเดียวเลยไม่ได้เหรอ...”
ส่งเสียงอย่างเว้าวอน ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับเงยขึ้นส่งสายตาพลางยิ้ม
“เราไม่ใจร้อนหรอกแดน”
ผมทำหน้าอยากร้องไห้ ใจยิ่งสั่นเมื่อใบหน้าของครามอยู่เหนือแผ่นอก
“คราม...”
“ทำเสียงแบบนั้นอีกแล้ว”
เอ่ยพลางแนบจุมพิตเหนืออกด้านซ้ายที่เต้นตุบ อดกลัวไม่ได้ว่าเดือนตรงหน้าจะรับรู้ถึงความสั่นไหวผ่านผิวกายและเหงื่อชื้น
“เหมือนแดนกำลังบอกว่า...ให้เราช่วยทำอีก อย่าหยุด”
ครามเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงไปสนใจกับยอดอกด้านซ้าย
ผมสะดุ้งเมื่อส่วนปลายถูกอีกฝ่ายใช้ปลายนิ้วเขี่ยเล่น สะกิด ก่อนจะขบกัดเบาๆ
คราวนี้มือผมไม่สามารถอยู่นิ่ง ข้างหนึ่งต้องขยำผ้าปูจนยับยู่ยี่ อีกข้างยกขึ้นแล้วกัดกับหลังข้อนิ้วเพื่อไม่ให้ส่งเสียงน่าอายกว่าเก่า
สายตามองเห็นส่วนนั้นถูกดุนดึงเข้าไปในกลีบปาก ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้อายจนอยากไปหลบอยู่ใต้เตียง
ครามเล่นวนกับข้างซ้ายไม่พอ ยังทำกับข้างขวาด้วย ถึงอย่างนั้นกลับนับเป็นหนึ่งจูบซะนี่
มันควรจะนับเป็นสองจูบไม่ใช่เหรอ นี่ไม่นับรอยต่างๆ ที่เขาฝากเอาไว้หลายรอยนะ
คิดยังไงผมก็ขาดทุนย่อยยับ...แต่ผมได้แค่คิด ไม่ถามออกไปหรอก
จากหน้าอก ครามเปลี่ยนจุดหมายเป็นหน้าท้อง ดูเหมือนว่าแต่ละจูบ จะลงต่ำลงเรื่อยๆ จนน่าหวั่นใจ ร่องสะดือถูกลิ้นเลียไล้จนในมวลท้องเสียวซ่าน นี่ถ้าผมเป็นของเหลว ตอนนี้คงจะละลายไปทั้งตัวจนเปียกเตียงไปหมดแล้ว
และก่อนที่จะลงต่ำไปมากกว่านี้ ผมตัดสินใจที่จะหันหลังหนี ทว่าก็ถูกร่างใหญ่คว้าตัวไว้
แผ่นหลังของผมแนบติดกับหน้าอกแกร่ง เสียงกระซิบทุ้มต่ำส่งผ่านหลังคอ
“ตรงนี้ของแดนก็หอม...หอมทั้งตัวเลย ทำไงดี”
“......”
ไม่ไหว...ผมต่อต้านครามไม่ได้เลยจริงๆ
.
.
กว่าจะครบตัวที่สิบสอง ผมก็แทบนอนหมดแรงอยู่บนเตียง แต่ก็พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายยันตัวลุกขึ้นนั่ง และเข้าไปหลบในห้องน้ำด้วยข้ออ้างปวดฉี่
ครามได้พาสเวิร์ดไปแล้วก็ไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ใส่รหัส แล้วก็คลิ้กไปคลิ้กมา
ผมไม่กล้าอยู่ดูจึงมาหลบอยู่ในห้องน้ำนี้
ดวงตามองไปที่ส่วนอ่อนไหวของร่างกายที่ยังตื่นเต้นไม่หาย มันน่าอายจนอยากมุดโถส้วม แล้วกดตัวเองทิ้ง
พยายามคิดว่าเราเป็นแฟนกัน เรื่องกอดนิด จูบหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แค่นี้จะอายอะไร
...แต่ไม่เคยโดนจูบทั้งตัวแบบนั้นนี่
เสียงหนึ่งดังแทรกคัดค้าน
...รู้ได้ไง คืนนั้นก็จำอะไรได้ไม่หมดซะหน่อย
แล้วอีกเสียงก็ตอบกลับ
สมองเหมือนมีคนยืนเถียงกันไปมา ซึ่งไม่ช่วยให้ผมใจเต้นแรงน้อยลง และไม่ใช่ให้ความร้อนบนใบหน้าผ่อนลง ยิ่งตอนที่หันไปเห็นสภาพตัวเองในกระจก ก็รู้ว่าไม่ใช่แค่หน้าผมที่แดงเท่านั้น แต่แดงไปทั้งตัว
ทั้งลำคอ หน้าอก แผ่นหลัง ต้นขา...ถูกฝากไว้ด้วยรอยจางสีกุหลาบตัดกับผิว
ผมยกสองมือปิดหน้าแดงเถือก ถอยไปนั่งกับโถส้วม แล้วพยายามตั้งสติที่ไม่ค่อยจะมี ตอนนี้ครามคงกำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อย่างสบายใจ แล้วก็อาจจะคลิ้กดูโฟลเดอร์รูปของผมไปด้วย
...ทำใจให้สบายไอ้แดน ไม่มีอะไรหรอก คนเป็นแฟนกัน รับทุกอย่างของกันและกันได้น่า
ใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นาน นานพอที่ด้านนอกห้องน้ำเงียบสนิท
ผมหายใจเข้าออกยาวสองสามที แล้วทำใจแง้มเปิดประตูห้องน้ำออกไป
แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นครามที่ร่างกายท่อนบนเปล่าเปลือยนั่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์มองมาทางประตู
.
.
CONT.
TALK พิครามร้ายอะ เริ่มสงสารแดนเบาๆ จะโดนกินหมดตัวเมื่อไหร่น้อ