13
หลังจากเดินเที่ยวกันจนเหนื่อยหอบ กินอาหารค่ำนั่งชมวิวริมน้ำกันจนดึก ผมกับครามก็กลับมาที่ห้องพัก VIP ของพี่แก้ม
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องก็เห็นเตียงขนาดคิงไซส์ตั้งเด่นสง่า กลางเตียงมีเทียนหอมที่แม่บ้านคงจะเข้ามาจุดเตรียมไว้ แสงไฟสีเหลืองนวลเข้ากับการตกแต่งไสตล์เก่า มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นวิวแม่น้ำยามค่ำ บรรยากาศเรียกว่าดีมากสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ
ผมและครามสลับกันเข้าไปอาบน้ำ โดยที่ครามเข้าไปอาบทีหลัง
ระหว่างที่ผมนั่งๆ นอนๆ บนเตียงรอคนร่างสูงออกมาจากห้องน้ำ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าบรรยากาศที่นี่มันดีมากไม่พอ แต่ยังเป็นใจอีกด้วย
คนเป็นแฟนกัน มาเที่ยวด้วยกันและนอนเตียงเดียวกัน รอบกายอวลด้วยกลิ่นเทียนหอม ภายใต้แสงเดือนแสงดาวยามค่ำที่ส่องลอดผ่านหน้าต่าง
ผมเริ่มนั่งทับเข่าอยู่บนเตียงด้วยความประหม่า
ในความประหม่าที่รู้สึก มีความหมองหม่นปนอยู่หน่อยๆ ด้วย อาจเพราะผมรู้ว่าครามเคยมาที่นี่ และพักที่ห้องนี้กับแฟนเก่า
ผมรู้ เพราะพี่แก้มเผลอพูดออกมาตอนที่พวกเรากลับมาจากการเที่ยวว่า
“พี่กันห้องเดิมให้แกเลยนะคราม เพราะรู้ว่าแกชอบวิวห้องนั้นที่สุด”
พอได้ยินว่าห้องเดิม ผมก็รู้ว่าคงเป็นห้องที่ครามเคยมาพักกับแฟนเก่าที่ชื่อป่าน และเพราะบรรยากาศมันดีขนาดนี้ ครามกับแฟนเก่าก็คงไม่ได้แค่นอนจับมือกันเฉยๆ บนเตียงหลังนี้
ผู้หญิงกับผู้ชายมานอนค้างต่างจังหวัดด้วยกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเป็นคนรักกัน และฝ่ายหญิงก็เป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเองได้ คงจะผิดคาดเอามากๆ หากทั้งคู่ไม่มีอะไรเกินเลย
อดสงสัยไม่ได้ว่าบทรักบนเตียงของครามกับแฟนเก่า จะเร่าร้อนแค่ไหน ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายโน้มนำ แล้วครามจะพึงพอใจในตัวแฟนเก่ามากกว่าผมหรือเปล่า
แก๊ก
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ รีบเอนตัวลงนอนก่อนที่ครามจะก้าวออกมา
“นอนแล้วเหรอแดน” ร่างสูงเอ่ยถาม ขณะที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว
สายรัดเอวที่มัดลวกๆ ทำให้เสื้อคลุมเปิดลึกให้เห็นแผ่นอกกว้างและหน้าท้องสวย ครามไม่มีทีท่าว่าจะหยิบเสื้อผ้าใส่เสียด้วย ผมจึงทำเสียงงัวเงียพลางกระแอมไอ
“อื้อ...แค่กๆ”
อาจจะฟังดูเนียนอยู่บ้าง เพราะวันนี้เราเดินเที่ยวกันหลายที่ เดี๋ยวตากแดดเดี๋ยวตากแอร์ นอกจากนี้ผมก็คิดว่าตัวเองตัวรุมๆ อยู่นิดหน่อยเหมือนกัน
“ไม่สบายเหรอ” ครามรีบก้าวเข้ามายังเตียง มือใหญ่วางแนบกับหน้าผากผมเพื่อจับอุณหภูมิ
“ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่ได้เอ่ยขัดอะไร
“ถ้าอย่างนั้นกินยากันไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวโทรบอกฟร้อนต์ให้เอายามาให้”
เดือนร่างสูงยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังฟร้อนต์ของที่พัก ก่อนเอ่ยไปยังปลายสาย
“ขอยาพาราให้ห้อง xxx ได้ไหมครับ...ครับ ขอบคุณครับ”
หลังจากวางสาย ครามก็เดินไปใส่ใส่เสื้อผ้า รอไม่นานก็มีพนักงานมาเคาะห้องและนำยามาให้
ครามเรียกให้ผมลุกขึ้นมากินยาและดื่มน้ำตามมากๆ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ผมนอนพักผ่อน โดยเขาขึ้นเตียงมานอนข้างๆ ผม แขนแกร่งข้างหนึ่งสอดใต้ศีรษะให้ผมหนุนนอน ส่วนอีกข้างวางกระชับข้างเอวผมหลวมๆ
“ไม่กลัวติดเหรอ” ผมเอ่ยเสียงเบา ดวงตามองเขาส่งยิ้มอบอุ่น
“ไม่เลย ถ้าเราไม่สบาย แดนจะได้ดูแลเราไง”
ผมหัวเราะคิก มือยกขึ้นลูบโครงหน้าคมคายไปด้วย
“ได้ ถ้าครามติดเรา เราจะดูแล เช็ดเนื้อเช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำให้”
คนข้างกายเลิกคิ้ว ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาฝากจุมพิตดูดดื่ม คล้ายคำพูดเมื่อครู่ของผมไปกระตุ้นให้เขาอยากจะไม่สบายเพราะติดจากผมจริงๆ
“อื้ม...”
ปลายลิ้นแลกกันยากจะผละออก ความร้อนในกายเริ่มก่อตัว ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะห้ามตัวเองไม่ไหว ผมก็ยกมือดันไหล่ครามเบาๆ
อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป ดวงตาทอประกายฉ่ำหวาน
“อยากไม่สบาย แล้วให้แดนดูแลแล้วสิ”
ผมยิ้มจนตาหยีตอบ ความสุขมีมากจนล้น ทว่าไม่นานก็เอ่ยออกไป
“ขอโทษนะ”
“เรื่อง?” เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่ง “ที่ไม่สบาย?”
ผมตอบไม่ออก เพราะรู้ดีว่าความจริงแล้วผมไม่ได้ไม่สบายขนาดทนไม่ไหว หากแต่สาเหตุที่แสร้งทำ ก็เพราะผมไม่อยากมีความทรงจำครั้งแรกกับครามในสถานการณ์ที่เรามีสติทั้งคู่ ในสถานที่ที่ครามเคยมากับแฟนเก่า
ครามเอาหน้าผากมาวางแนบกับหน้าผากผม พลางส่งเสียงทุ้มต่ำ
“วันนี้พวกเราเที่ยวกันตั้งหลายที่ แดนจะเหนื่อยก็ไม่แปลกหรอก แค่แดนชอบที่เรามาเที่ยวด้วยกันก็พอแล้ว”
“ชอบสิ ชอบมากเลย” รีบตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด
ผมชอบที่ได้ไปเห็นสิ่งต่างๆ กับคราม ชอบที่เราได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นไว้เราไปเที่ยวกันอีกนะ คราวหน้าให้แดนเป็นคนเลือกว่าจะไปที่ไหน”
“อื้อ”
น้ำเสียงที่เปล่งออกไปเปี่ยมไปด้วยความสุข จนอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ จึงลูบศีรษะผมเบาๆ
“คืนนี้นอนพักกัน หลับฝันดีนะแดน”
“ฝันดี”
ผมกอดครามไว้ และนอนอยู่ในอ้อมอกเขาทั้งคืน
.
.
ผมได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังจากโทรศัพท์ตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง
ครามเป็นคนตั้งเวลาปลุกเอาไว้ ผมลืมตาอย่างสลึมสลือมองคนร่างสูงเดินไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะออกมาเรียกผมเบาๆ ให้ตื่นนอน
“แดน...ไปตักบาตรกัน”
ผมดันตัวลุกขึ้นพลางขยี้ตา ไม่รู้มาก่อนว่าครามนับถือพุทธ จึงเอ่ยถาม
“เอ๋...ครามนับถือพุทธด้วยเหรอ...นึกว่า...” เอ่ยด้วยความงัวเงีย
“ไม่ได้นับถือหรอก แต่ได้ยินว่าทำบุญตักบาตรร่วมกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก”
สมองเบลอๆ ของผมตื่นทันที แถมใบหน้าก็แดงเถือกแต่เช้า เผลอก้มหน้ามุดหมอนด้วยความอายไปอีกรอบจนครามก้มลงมากระซิบ
“ตื่นเร็วครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ให้ลุกจากเตียงนะ” แล้วเรียวปากชุ่มชื้นก็แนบกับข้างแก้ม ผมจึงรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาเจอเดือนร่างสูงที่นั่งรออยู่ด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ ท้องฟ้าเริ่มถูกย้อมเป็นสีส้มทองสวยแล้ว เสียงนกร้องยอมเช้าก็ขับขานรับกันน่าฟัง
พวกเราเดินไปรอตักบาตรพระที่ริมน้ำ ทางที่พักจัดชุดตักบาตรให้เรียบร้อย พระสงฆ์ที่นี่บางรูปจะพายเรือมารับบาตร ซึ่งไม่มีทางเห็นภาพแบบนี้ในกรุงเทพฯ บรรยากาศริมน้ำในตอนเช้าก็แสนร่มรื่น ผมจึงถือโอกาสเก็บภาพไว้หลายภาพ
ส่วนครามที่เป็นคนชวนผมลงมาทำบุญ เขาทำท่างกๆ เงิ่นๆ ให้เห็นเพราะไม่เคยตักบาตรมาก่อนในชีวิต เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นท่าทีของเขาแบบนี้ จึงอดยิ้มและถ่ายวีดีโอเก็บไว้ไม่ได้
“แน่ะ แอบถ่ายเหรอ คิดค่าถ่ายนะ”
ผมหัวเราะ พลางกดชัตเตอร์เก็บภาพคุณแฟนยกนิ้วชี้เหมือนครูดุเด็กนักเรียน
“หายกันไง เมื่อวานครามก็ถ่ายเราไปตั้งเยอะ”
ถ้าหากเราไม่ได้กำลังตักบาตร และมีพระผ่านไปมา ผมอาจจะโดนครามทำมิดีไม่ร้ายตรงนี้ก็ได้
หลังจากนั้นพวกเราก็ออกจากที่พัก ขับรถแวะเที่ยวกันอีกนิดหน่อยก่อนจะกลับกรุงเทพฯ
ทริปเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกกับคราม หากไม่นับเรื่องที่ผมรู้ว่าครามเคยพาแฟนเก่ามาที่เดียวกัน ผมสนุกและประทับใจมาก ยิ่งรู้ว่าอย่างน้อยครามก็ไม่เคยทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกับเธอคนนั้น ผมก็ยิ่งดีใจจนตัวลอย และยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุตลอดการเดินทางกลับ
.
.
รถของครามขับเข้ามาจอดในคอนโด ผมจึงแวะนั่งพักที่ห้องของเขาก่อน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องที่อวลไปด้วยกลิ่นของคราม หัวใจของผมก็สงบจนน่าแปลก ผมอยากรู้ว่าเขาจะคิดเหมือนกันเวลาที่อยู่ในห้องของผมหรือเปล่านะ?
ขณะที่คิดไปไกล เสียงทุ้มต่ำก็ดังให้ได้ยิน
“ไม่สบายอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง” ครามเอ่ยถามขึ้นเมื่อเราทั้งคู่นั่งพักกันที่โซฟาห้องนั่งเล่น
แขนแกร่งโอบไหล่ผมขณะที่เราเอนกายไปกับพนักโซฟา
ผมลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อคืนไม่สบาย จึงรีบพยักหน้ารัวๆ ให้อีกฝ่าย
“ดีขึ้นแล้ว” ศีรษะเอนซบบ่าของครามเล็กน้อย
“ดีแล้ว”
แล้วเราก็อิงแอบกันท่ามกลางความเงียบ หากผมกลับไม่รู้สึกเงียบเหงา ในใจอุ่นซ่านไปด้วยความสุข จนอยากให้เวลานี้คงอยู่ไปนานๆ
“คราม...”
“หืม?”
“มีเรื่องอยากถาม”
ผมพูดอย่างไม่มั่นใจ แต่คิดว่าเอ่ยถามไปให้ไม่ค้างคาใจคงดีกว่าเก็บเอาไว้ไม่บอก เพราะผมคงจะอึดอัดและคิดมากไปตลอด
“เรื่องอะไร”
“ที่พี่แก้มพูดถึงเรื่องแฟนเก่าของคราม...”
ครามนิ่งไปนาน ก่อนจะตอบ
“ถามมาสิ”
ผมสูดหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ย “เป็นคนสวยมากเลยใช่ไหม”
“ไม่รู้สิ สวยมั้ง”
มองไม่ออกว่าครามตอบด้วยความรู้สึกยังไงกันแน่
“อยากเห็น...”
“ไม่ได้เก็บรูปไว้เลย”
“เค้าเป็นคนยังไงเหรอ มีแต่คนพูดถึง ต้องสวยและเก่งมากแน่ๆ”
ครามหัวเราะหึในลำคอ ทว่าสีหน้าไม่ยิ้มแย้ม “ที่คนพูดถึง คงเพราะพี่ป่านเค้าคุยและเข้าหาคนเก่งมั้ง เจอใครก็คุยทักเหมือนสนิทกัน คนก็เลยจำได้...ส่วนเป็นคนยังไง...ไม่รู้สิ ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องพยายามนึกน่ะ”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
คำถามนี้ทำให้เดือนร่างสูงเงียบไปอีกครั้ง
เป็นเวลานาน กว่าจะได้ยินเสียง “เค้ามีคนอื่น”
ใบหน้าหล่อเหลาหม่นไปเล็กน้อย หัวใจผมจึงรู้สึกเศร้าไปด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่เลือกคราม
“ถ้าคุณ...ป่าน...ไม่มีคนอื่น ครามก็คง...” ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะบอกอะไรกันแน่
ถ้าแฟนเก่าของครามไม่มีคนอื่น ผมเองก็คงไม่มีสิทธิแม้แต่จะเข้าใกล้เขาแบบนี้เลย ผมนึกได้เป็นฉากๆ ว่าครามจะต้องรักและดูแลผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน
“ถ้าไม่มีคนอื่น เราก็มีแดนอยู่ดี”
คราวนี้คนข้างกายหันมายิ้มอบอุ่นให้ผม ดวงตาไม่กล้าสบมองสายตาร้อนแรง จนต้องรีบเอนศีรษะซบกับอกกว้าง
“นี่...หรือว่าที่แดนไม่สบายเมื่อวาน เพราะหึงรึเปล่าน้า?”
“........”
ผมตอบไม่ออก แน่นอนว่าความเงียบ ทำให้ครามเข้าใจว่าผมหมายความว่า 'ใช่'
“แดนรู้มั้ย ว่าห้องนี้...ไม่เคยมีใครมาค้างนอกจากแดนนะ”
“........”
“เราไม่เคยกอดใคร...บนโซฟานี้”
“........”
ร่างกายถูกดันจนแผ่นหลังผมนอนราบไปกับเบาะ คนตัวใหญ่ขยับตัวเข้ามาแทรกกลางสองขาที่ถูกแยกออก ทำให้ท่าทางของผมของครามตอนนี้ดูหมิ่นเหม่
“บนเตียง...ก็ไม่เคย”
ใบหน้าของผมร้อนวูบวาบ เมื่อเสียงกระซิบผะแผ่วข้างหู
“เราจะไม่โกหกแดน ว่าไม่เคยมีอะไรเกินเลยกับผู้หญิงคนนั้น”
ผมไม่ได้กังวลเรื่องอดีตของครามเลย ไม่แคร์ ไม่สนใจด้วย ผมก็แค่ไม่มั่นใจเท่านั้นเองว่าผมจะดีมากพอ หรือดีเท่าแฟนเก่า
“แต่เราไม่เคยจูบใคร อย่างที่เคยจูบกับแดน”
“........”
“ไม่เคยรังแกใคร เหมือนที่รังแกแดน” ริมฝีปากยิ้มเห็นฟัน เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ไม่น้อย
ครามดันเอวเข้ามาจนติดกับหว่างขาผม จมูกโด่งกดลงมาสูดดมกลางอก
“แดนหอมจัง อยากจูบ” เขาเอ่ยก่อนจะเงยขึ้นมองผมด้วยนัยน์ตาเว้าวอน “จูบได้มั้ย”
ไรขนอ่อนทั่วกายลุกชูชันเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ดุนดันแถวสะโพก ทว่าคนด้านบนไม่สะทกสะท้านที่ร่างกายมีปฏิกริยาอะไร กลับคลอเคลียทั้งข้างแก้ม ทั้งลำคอผมไม่หยุด มือร้อนสอดเข้ามาในเสื้อสัมผัสไปตามร่างกายจนใจสั่น
“คราม...” น้ำเสียงที่ส่งผ่านลำคอสั่นเครือ และแหบพร่า “...บนเตียงได้มั้ย”
คนด้านบนตอบรับ พลางยิ้มให้ผม
.
.
CONT.
TALK ไหนใครว่าพิครามร้าย คนร้ายกว่าชื่อแดนไท 5555
ตอนหน้าอาจจะมีคนเสียเลือด หุหุ