6
ขณะที่ผมออกมายืนรอที่หน้าปากซอยคอนโด อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่เข้ามาปิดตาจากด้านหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของมืออบอุ่นคู่นี้เป็นของใคร เพราะคนเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมตกอยู่ในห้วงภวังค์จากกลิ่นหอมที่อวลจากกาย มีแค่ครามเท่านั้น
“ทายสิว่าใคร”
ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆ แบบนี้ด้วย
“ใครอะ กุนต์เหรอ”
“......”
เหมือนได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจ แล้วมือใหญ่ก็เคลื่อนออกจากสายตา
ภาพของครามปรากฏตรงหน้า วันนี้เขามาในเสื้อโปโลสีขาวและกางเกงห้าส่วน เรือนผมมัดรวบไว้ด้านหลังลวกๆ
“นี่นัดกับคนอื่นเหรอ ถึงได้ทายไม่ถูก” เสียงทุ้มเข้มขึ้นเล็กน้อย
ริมฝีปากผมยิ้มจนตาแทบปิด หัวใจพองโตอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วร่างก็ถูกรวบเข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว
หางตาถูกแนบประทับเร็วๆ ด้วยกลีบปากคนร่างสูง
ผมตกใจไม่น้อย เพราะนี่เรายืนกันอยู่ด้านนอก โชคดีที่ตอนกลางคืนไม่มีใครเดินพลุกพล่านและไม่มีใครสังเกตเห็น
“คราม...”
เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อผมส่งเสียง
พอเห็นหน้าของคนตรงหน้าแล้ว สุดท้ายผมก็เบี่ยงเบนเรื่องและเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“เอ่อ...จะไปกันยังไงเหรอ นั่งแท็กซี่รึเปล่า”
“เดี๋ยวขับรถไป”
“แล้วรถอยู่ไหนล่ะ”
“ที่คอนโด”
ผมอ้าปากเหวอ จนครามหัวเราะออกมาก่อนเอ่ย
“ก็อยากให้แดนเดินไปด้วยกัน”
“......”
ไม่รู้จะเอ่ยตอบอะไร เพราะถ้าเอ่ยออกไป อาจจะกลายเป็นพ่นรุ้งใส่เขาก็ได้
แล้วครามก็สอดประสานนิ้วทั้งห้าเข้าแทรกเข้ากับมือผม กายสูงเดินพาผมไปที่คอนโดของเขา
ระหว่างทางที่เดิน ดวงไฟสีส้มข้างทางดูสวยจนน่าแปลกใจ
...ไอ้แดน หยุดเพ้อได้แล้ว
บอกตัวเองอย่างพยายามควบคุมสติ โชคดีที่ระยะทางสั้นๆ ไม่นานเราก็มาถึงคอนโดของครามแล้ว ขืนเดินจูงมือกลางสาธารณะนานกว่านี้ ความคิดเพ้อเจ้อของผมคงไปไกลกู่ไม่กลับ
ผมขึ้นไปนั่งรถของคราม เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นมานั่งรถอีกฝ่าย เพราะปกติครามจะไม่ขับรถไปมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ แล้วถ้าวันไหนเรากลับด้วยกัน ก็จะใช้รถสาธารณะหรือแท็กซี่ซะมากกว่า
พอก้นถึงเบาะและปิดประตู ครามก็เอี้ยวตัวมาดึงเข็มขัดและคาดให้ผม
ภายในรถเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนอีกฝ่ายจะเปิดปาก
“เหมือนไม่ได้อยู่กับแดนสองคนเงียบๆ แบบนี้มาสักพักเลยเนอะ”
“......”
ก็ตั้งแต่ที่ผมถูกปล่อยให้ค้างเติ่งกลางเวหา ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้เปิดโอกาสให้ตัวเองอยู่กับครามสองต่อสอง
“วันนั้น...เราทำให้แดนโกรธรึเปล่า”
ผมอึ้งไป ถึงวันนั้นจะอารมณ์ค้างยังไง ผมก็ไม่มีทางโกรธครามได้
“ม..ไม่ จะโกรธได้ยังไง”
“ถ้าไม่โกรธ งั้นต่อไปนี้ห้ามหลบหน้า”
พอใบหน้าหล่อเหลายื่นคำขาด ผมก็เผลอกัดปากตัวเองเล็กน้อย
ครามเห็น ก็ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าผม ปลายนิ้วโป้งดันให้กลีบปากล่างเผยอออก
นัยน์ตาเห็นคนตรงหน้าคลี่ยิ้ม ก่อนจะโน้มใบหน้าคมคายบดเบียดสัมผัสเนิบช้า ปลายลิ้นแทรกผ่าน และหยอกล้อไปยังจุดต่างๆ ในปากราวกับกำลังสำรวจ ทั้งเพดานปาก ทั้งแนวฟันแต่ละซี่ และทุกส่วนของเรียวลิ้น
แผ่วเบาเมื่อแรกสัมผัส และลุ่มลึกขึ้น ริ้วลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มจนใบหน้าร้อนฉ่า
ผมไม่เคยชินกับสัมผัสแบบนี้เลย แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นฝ่ายเฝ้ารอที่จะซึมซับความหวานฉ่ำอยู่ตลอด
ครามผละออกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกลับไปนั่งที่นั่งคนขับดีๆ มือใหญ่คาดเข็มขัดให้ตัวเอง หลังจากนั้นจึงออกรถ
ระหว่างทาง เดือนสถาปัตย์ก็เคาะปลายนิ้วพลางฮัมเพลงคลอเสียงเพลงเบาๆ ในรถไปด้วย ส่วนผมตอนนี้ฟังอะไรก็ไม่เข้าหัว เพราะสติหลุดไปตั้งนานแล้ว
.
.
หลังจากขับรถออกจากตัวเมืองที่รถแน่นขนัด พวกเราก็มาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว คนร่างสูงก็โทรศัพท์หาคนรู้จักว่ามาถึงแล้ว และกำลังจะเดินเข้าไป
มองจากด้านนอก บรรยากาศของร้านอาหารดูดี ตัวร้านเป็นเรือนไทย และมีโต๊ะอาหารตั้งในส่วนของสวน เพลงที่เปิดก็ไม่ดังเหมือนร้านอาหารในตัวเมือง
พนักงานสาวสวมชุดไทยเป็นคนมาต้อนรับ ดูแล้วถูกฝึกมารยาทมาอย่างดี
พอเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาโต๊ะที่จอง ก็เห็นคนนั่งในร้านเกือบเต็มทุกโต๊ะ มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เรียกว่าแขกเยอะไม่น้อย ทว่าดูไม่พลุกพล่านและไม่มีเสียงโหวกเหวกดังหนวกหู
โต๊ะที่พวกเรานั่งเป็นโต๊ะที่อยู่ในส่วนของศาลากลางส่วน ไม่รู้ว่าครามจองยังไงถึงได้ที่ดีขนาดนี้เหมือนกัน
อาหารที่นำมาเสิร์ฟรสชาติดี ของก็สดใหม่ พอรวมกับบรรยากาศดีๆ ของร้านแล้ว ไม่แปลกใจที่ครามอยากให้ผมมาที่นี่ เพราะผมชอบมากจริงๆ
พวกเรากินอาหารจนใกล้จะหมดแล้ว ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาครามที่โต๊ะ
“ไงคราม รสชาติร้านพี่ยังถูกปากเหมือนเดิมมั้ย” ชายคนนั้นเอ่ยกับเดือนสถาปัตย์
“อร่อยเหมือนเดิมครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ
อีกฝายพยักหน้า ก่อนจะหันมาทางผม
“นี่แดนครับ”
ครามแนะนำผมให้คนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน
ผมยกมือไหว้ไม่รอช้า
“สวัสดีครับ อาหารร้านนี้อร่อยมากจริงๆ ครับ บรรยากาศก็ดี พนักงานก็บริการดี”
“น้องชอบพี่ก็ดีใจ ที่จริงร้านนี้ก็ได้บ้านครามช่วยไว้ ยังไงอยากสั่งอะไรก็ตามสบายเลยนะ พี่บอกให้ครามมาที่นี่ตั้งหลายครั้งก็ไม่ยอมแวะมาสักที ครั้งสุดท้ายที่มาก็ตอนเข้ามหา'ลัยใหม่ๆ ได้รึเปล่านะ คราม”
“ครับ”
“สองปีได้กว่าจะเห็นหน้า พี่ยังจำได้อยู่เลยว่าตอนนั้นครามมากับสาวฮ๊อตหุ่นเซียะ เออ พูดถึงแล้ว คุณ...ป่านใช่มั้ย? ไม่มาด้วยเหรอ”
พอพี่เจ้าของร้านถาม ผมก็รู้สึกได้ว่าครามนิ่งไป สีหน้าแม้จะเรียบเฉย แต่ภายในดูยากจะคาดเดา
“ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วครับ”
“อ้าวเหรอ แล้วเสปคเรายังเป็นสาวอายุมากกว่าอยู่รึเปล่าล่ะ ถ้าสนใจ พี่แนะนำให้ได้นะ”
ครามส่ายหน้าเบาๆ และเริ่มตักกับข้าวใส่จานผมเพิ่ม
“กุ้งตัวสุดท้าย แดนกินสิ”
ผมได้แต่ยิ้มแหย หูผึ่งอยากฟังพี่เจ้าของร้านต่อ แต่หลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่องของสัพเพเหระ เรื่องของร้านอาหารนี้ที่มีส่วนที่เป็นห้องพักแรมสำหรับนักท่องเที่ยว
พวกเราอยู่ที่ร้านกันจนดึก ดูโชว์การแสดง และเดินไปดูเรือนไทยสำหรับห้องพัก หลังจากที่ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างมื้ออาหาร ผมก็ได้โอกาสเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ เอาไว้ และไม่ลืมถ่ายรูปศาลาที่ผมและครามนั่งทานอาหารด้วยกัน
ตอนที่ครามขับรถส่งผมกลับคอนโด ในหัวผมมีคำถามอยากจะถามครามเรื่องของผู้หญิงคนที่เจ้าของร้านพูดถึง
ไม่ต้องบอกก็เข้าใจได้ว่าครามเคยพาแฟนเก่าที่อายุมากกว่ามากินอาหารที่ร้านนี้ แต่แฟนคนนั้นก็คงจะเลิกกันไปแล้ว
แต่สุดท้ายต่อให้สงสัยยังไง ผมก็ไม่กล้าถามออกไปอยู่ดี ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
.
.
หลังจากครามส่งผมที่คอนโดแล้ว เขาก็กลับไปห้องของตัวเอง ไม่ได้อยู่ค้างเหมือนที่เคยทำ
ส่วนผมพอกลับมาถึง ก็นั่งเหม่ออยู่ข้างเตียงได้ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจอาบน้ำ เผื่อว่าจะช่วยให้เลิกคิดฟุ้งซ่านได้บ้าง
ขณะที่สายน้ำไหลผ่านร่าง ผมก็นึกถึงท่าทีของครามตอนที่พี่เจ้าของร้านพูดถึงแฟนเก่า ใบหน้าหล่อเหลานั้นแปลกไปจริงๆ
ตอนที่เคยถามครามเรื่องที่ทำไมเขาไม่มีแฟน ทั้งๆ ที่ก็มีผู้หญิงมากมายสนใจ แล้วอีกฝ่ายตอบว่าไม่ได้คิดกับพวกนั้นทำนองนั้น
หรือที่จริงแล้วสาเหตุที่ไม่มีใคร...เพราะครามยังคิดถึงแฟนเก่า?
ก็สีหน้าของครามดูนิ่งไปตอนที่พี่เจ้าของร้านทักนี่นา
แล้วเสปคของครามคือผู้หญิงอายุมากกว่าเหรอ? แถมแฟนเก่ายังหุ่นดีเสียด้วย จะว่าไปก็ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ หากครามจะชอบแบบนั้น
ภาพของครามเคียงข้างด้วยผู้หญิงสวยหุ่นสะบึมผุดขึ้นในสมอง
ครามจะเคยจูบกับผู้หญิงคนนั้น อย่างที่จูบผมไหมนะ?
มือใหญ่นั้นจะสัมผัสไปตามเนื้อตัว ริมฝีปากฝากจุมพิตร้อนไปทุกส่วน เนินอกที่จับแล้วเต็มไม้เต็มมือ สะโพกผายที่รับกับกายแข็งแกร่ง
ยังไงกับผู้หญิง...ก็ต่างจากผู้ชายอยู่แล้วใช่ไหม? ผู้ชายอย่างผม จับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก มือก็สาก ตัวก็ไม่นุ่มนิ่ม
วันนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเหล้า ผมก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะคิด
สมองเริ่มเตลิดนึกถึงภาพของครามปรนเปรอสัมผัสให้ผู้หญิง ร่างกายสมบูรณ์แบบกอดรับกับหญิงสาว ปลายลิ้นหยอกเย้ากับยอดอก
แต่แล้วภาพของผู้หญิง ก็ถูกแทนที่ด้วยภาพของตัวผมเอง ทุกที่ที่มือใหญ่สัมผัสรู้สึกร้อนฉ่า ส่วนใต้ท้องน้อยลงไปก็ร้อนรุ่มขึ้นมาเสียอย่างงั้น
ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลผ่านกาย ผมเลื่อนมือลงไปสัมผัสความร้อนด้านล่าง หยุดคิดถึงน้ำเสียงทุ้มหวาน และท่าทีเอาอกเอาใจของอีกฝ่ายไม่ได้
ปลายนิ้วที่กอบกุมความแข็งขืนขยับไปตามแรงปรารถนา หากผมกลับรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ ภายในกายต้องการมากกว่านี้
หัวใจเต้นแรงเมื่อมืออีกข้างที่ว่างเคลื่อนไปด้านหลัง ลมหายใจหอบถี่ไม่หยุด ผมสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วแทรกเข้าไปด้านในความรุ่มร้อนพร้อมกับอีกมือที่ยังคงไม่หยุดสัมผัส
ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากโครงหน้าไร้ที่ติของคราม เสียงของคราม และสัมผัสของคราม
“อา...คราม...” ส่งเสียงแผ่วเรียกชื่อใครคนนั้น
จนกระทั่งอารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมา
ผมทรุดลงกับพื้นห้องน้ำ ใบหน้าร้อนฉ่าทั้งๆ ที่ร่างกายชุ่มไปด้วยหยาดน้ำจากฝักบัว
อยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงให้มันรู้แล้วรู้รอด
“อ๊ากกกกกก”
ผมร้องโหยหวนให้กับความน่าอายของตัวเอง มือขยี้หัวแรงๆ โชคดีจริงๆ ที่วันนี้ครามไม่มาค้างด้วย ไม่งั้นถ้าผมเดินออกจากห้องน้ำด้วยหน้าแดงๆ ไม่วายเขาต้องสังเกตเห็นอะไรผิดปกติแน่
นี่ผมนึกถึงหน้าครามตอนช่วยตัวเองไม่พอ ยังจะใช้...
หัวสะบัดไปมาอย่างต้องการสลัดความคิด
ผมว่าผมอาการหนักแล้ว หนักจนกู่ไม่กลับด้วย!
.
.
CONT
TALK อาการน้องแดนเป็นแบบนี้ ต้องให้พิครามมาช่วยแล้วแหละ อิอิอิ ขอบคุณรีดทุกคนที่ช่วยติดตามครามแดนน้า แล้วไรท์จะรีบมาต่อ จุบุจุบุ ^^