▐ เรื่องรัก นายกายสิทธิ์ ▐ 009 ▐ 01-01-2019 ▐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▐ เรื่องรัก นายกายสิทธิ์ ▐ 009 ▐ 01-01-2019 ▐  (อ่าน 5930 ครั้ง)

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




:pig2:
มาฝากเนื้อฝากตัวจ้า เพิ่งเคยเขียนครั้งแรก มันก็จะ งง ๆ หน่อย
เปิดเรื่อง 7-11 2017






:hao3:

เรื่องอื่น ๆ


เรื่องสั้น
Sweet sin จบแล้วจ้า
☁ ปลายทางของความคิดถึง☁ จบแล้วจ้า

 :mew6:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2019 19:28:36 โดย คิณทรธ »

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ


บทนำ


   กายครับ กายสิทธิ์ – เมื่อไหร่คนที่ใช่ จะมาหา

   ผมนั่งมองมือถือที่กำลังแสดงภาพ ผู้ชายสองคนกำลังจูบปากกันอย่างดูดดื่ม

   หนึ่งในนั้นเป็นแฟนเก่าผม ส่วนอีกหนึ่งเป็นเด็กใหม่มันนั่นแหละ สาบานเถอะว่าผมไม่เคยเกลียดความคมชัดของหน้าจอมือถือของผมเท่าวันนี้

   ผมนั่งถอนหายใจสมเพชตัวเองที่ชีวิตรักครั้งแล้วครั้งเล่า พังครืนลงมาเพราะความเจ้าชู้ของแฟนตัวเอง นี่ก็เพิ่งขึ้นปี 2 ทำไมถึงผ่านความผิดหวังมากมายขนาดนี้

   นี่ก็รายที่ 3 แล้วนา

   ผมปัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำให้กัวเย็นลง แต่งตัวใหม่เสื้อนักศึกษาแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ตัวเดิมที่ใส่มาร่วมอาทิตย์แล้ว

   สองขอพาร่างอันหนักอึ้งเดินตามถนนใน ม. มุ่งตรงไปยังคณะนิเทศศาสตร์ แห่งมหาวิทยลัยคิณทรธ สถานที่นัดทำงานกลุ่มของผมกับเพื่อน ๆ อีก 3 ชีวิต

   เรานัดกันที่เวิร์คสเปซที่ชั้น 7 ของตึกเรียนรวมคณะนิเทศฯ แต่ยังไม่ทันจะได้ขึ้นตึกเลย หางตาก็เหลือบไปทาง โซนม้าหินอ่อนข้าง ๆ ตึก ที่ปกติเหล่านักศึกษาชายมักจับกลุ่มกันสูบบุหรี่ ทันได้เห็นนักศึกษาชายรูปร่างกำยำ หน้าตาหล่อเหลา มีดีกรีเป็นถึงเดือนสาขาวิชาการโฆษณา กำลังกำคอเสื้อเพื่อนร่วมสาขามัน ท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง ส่วนมืออีกข้างง้างขึ้นในอากาศ เตรียมสวนหมัดหนัก ๆ ใส่คู่กรณี ที่ก็หล่อไม่แพ้กัน

   “ไอ้เตอร์” ผมตะโกนเรียกก่อนขาจะออกวิ่งตรงไปยังพวกมันทั้งคู่ แล้วไอ้พวกเด็กโฆษณาอีก 4-5 ชีวิต แถมยังมีสตาฟคณะรวมอยู่ด้วย กลับมัวแต่อัดนิโคตินใส่ปอดกันสบายใจ ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนกันเลย ทั้งที่คนกำลังจะตีกันตรงหน้า เหี้ยกันจริง ๆ

   ผมคว้าหมัดไอ้คอปเตอร์ไว้ได้ทันก่อนมันจะประเคนใส่หน้าไอ้เติร์ก แล้วเอาตัวเองแทรกตัวไปอยู่ตรงกลางระหว่างพวกมัน

   “ทำเหี้ยอะไรกัน นี่ในมหาลัยนะมึง” ผมฉุดมันออกจากไอ้เติร์กคู่กรณีของมันได้ทันก่อนที่มันจะได้ลงไม้ลงมือกัน ความเศร้าความดราม่าเมื่อเช้าเป็นอันลืมเลือนมันไป เวลานี้ผมเหลือแค่ความตระหนก กับกลัวว่าพวกมันจะหน้ามืดแล้วโดนลูกหลงเข้าสักหมัดเหมือนกัน ดีที่พอผมจับแยกเพื่อนตัวเองออกมา ฝั่งนั้นก็ดูเหมือนจะถูกลากออกไปด้วยฝีมือไอ้ทอมเพื่อนสนิทมันเหมือนกัน

   ผมมองหน้าไอ้เติร์กกับไอ้ทอม สองเพื่อนซี้คูกรณีไอ้เตอร์ เบาใจที่พวกมันไม่ได้มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย เหมือนที่ไอ้เตอร์คนเหี้ยกำลังทำอยู่

   ไม่รู้ครั้งนี้เพื่อนผมมันไปโมโหอะไรมา แต่ปกติมันก็ไม่ถูกคอกันอยู่แล้ว เป็นที่รู้กันในสาขาโฆษณาว่าอย่าให้พวกนี้อยู่ใกล้กัน

   “มึงอย่ายุ่งกาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง” ไอ้เตอร์ที่โดนจับแยก ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ กลายร่างเป็นเหี้ยเตอร์ไปแล้ว

   “ใจเย็นก่อนไอ้เตอร์ กูขอ” ไม่รู้จะเอาสิทธิ์อะไรไปขอมัน ถ้าจะบอกอาตมาขอบิณฑบาตก็ไม่ได้อีก เพราะไอ้กายไม่ใช่พระ ขอมันในฐานะเพื่อนสนิทแล้วกัน ก็ได้แต่หวังว่ามันจะฟังบ้าง

   “กูเห็นแก่เดือนวราสารอุตส่าห์ขอร้องนะ กูจะไม่เอาเรื่องมึง” ไม่ใช่ไอ้เหี้ยเตอร์หรอกที่บอกจะไม่เอาเรื่องนะ แต่เป็นไอ้เติร์ก คู่กรณีเพื่อนผมนู้น

   กูไปขอร้องแม่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้หอกหัก

   “มึงก็อย่ากวนตีน” ผมด่าไอ้คนกวนตีนที่เรียกผมเสียเต็มยศออกไป แต่ไอ้คนโดนด่ากลับยิ้มมุมปาก ดูจะสนุกที่ได้ยั่วโมโหเพื่อนผม


   “พวกมึงก็เหมือนกัน คนจะตีกันตายห่าอยู่แล้วยืนดูเฉย” ผมหันไปด่าพวกไทยมุง แล้วเหี้ยเถอะแต่ละคนนี่ปีสูง ๆ ทั้งนั้น แถมยังเป็นสต๊าฟคณะกันอีก

   “ก็มันบอกห้ามพวกกูยุ่ง”

แล้วนึกจะมาเชื่อฟังพวกมันอะไรตอนนี้ละว่ะ
   
ผมลากไอ้เหี้ยเตอร์เพื่อนรักออกมาจากไอ้เติร์กได้ในที่สุด โดยไม่มีใครบุบสลาย แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะก่อนออกมาไอ้เติร์กไม่วายกวนประสาทเหี้ยเตอร์ขอผมอีก โดยการคว้ามือผมไว้ ยกยิ้มมุมปากดูอารมณ์ดี

   “แล้วเจอกันนะ” แล้วเจอกันนะห่าอะไรของมันไม่รู้ ผมยังไม่ทันได้ด่ามันไป เหี้ยเตอร์กลับเป็นฝ่ายลากผมขึ้นมาชั้น 7 เสียเอง




   “เป็นอะไรกัน หน้าตาดูเหี้ย ๆ นะ” ใบเฟิร์นคนสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยทัก

ผมกรอกตาไปมาก่อนจะนั่งลง ร่วมโต๊ะกับคนสวยคนหล่อของคณะ ไอ้เปากับใบเฟิร์นสองผัวเมียเดือนและดาวคณะ แปลกใจละซิทำไมเพื่อน ๆ ผมถึงมีตำแหน่งติดตัวกันทุกคน

   ผมรู้จักพวกมันก็ตอนที่เขาประกวดดาว เดือนคณะกันตั้งแต่สมัยเป็นละอ่อนเฟรชชี่ตอนปีหนึ่งนู้นแหละ จะด้วยทำบุญร่วมกันมาจากชาติที่แล้ว หรือเพราะนิสัยไม่ดีเหมือนกันจนไม่มีใครคบเป็นเพื่อนก็ไม่รู้ เลยต้องมาสนิทกันเอง

   ความลับแรกของผมที่พวกมันรู้คือ ผมเป็นเกย์

   “ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร” ใบเฟิร์นว่า ในตอนที่เรานั่งพักระหว่างซ้อมบล็อกกิ้งก่อนขึ้นเวทีประกวด แล้วเหลือบมาเห็นหน้าจอมือถือผมที่กำลังสั่นเพราะมีสายเข้า รูปคู่โชว์หน้าเต้มหน้าจอ พร้อมกับชื่อคนโทรที่ผมบันทึกไว้ “ผัว”

   พวกมันไม่ได้ดูรังเกียจอะไรกับรสนิยมเรื่องเพศของผม

   แต่เอาเข้าจริง ๆ ผมก็ไม่ได้คิดจะปกปิดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศหรอก

   ความสนิทสนมระหว่างพวกเราแนบแน่นจนกระทั่งผมเปลี่ยนแฟนเหี้ย ๆ มา 3 คนแล้ว และรายสุดท้ายดูเหมือนจะหนักสุดเพราะมันตามตื้อผมไม่หยุด ล่าสุดก็ส่งรูปมันนัวกับเด็กใหม่มาอวด

   เพราะแบบนี้ไงไอ้กายเลยเกลียดคนเจ้าชู้ ความเจ้าชู้มันเคยทำให้ชีวิตใครดีขึ้นไหมว่ะ

   “จะนั่งทำหน้าอมทุกข์อีกนานไหม” ผมหันไปมองสาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่ม

   “จะเล่าไม่เล่า” ใบเฟิร์นถามต่อ พร้อม ๆ กับสายตาอยากรู้อยากเห็นจากไอ้เปาเพื่อนรักที่ผมคิดไม่ซื่อกับมัน

   “เรื่องเดิม” ผมว่าก่อนจะหยิบมือถือที่เปิดแอพสนทนายอดฮิตของคนไทย หน้าจอแสดงภาพที่ชวนให้โมโห

   “บล็อกไปไหมจะได้จบ ๆ” ไอ้เปาที่รับมือถือไปดูแล้วเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้ามันดูก็รู้ว่ากำลังด่าผมว่าโง่อยู่เห็น ๆ ใบเฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วยกับแฟนมัน

   “กูจัดการได้” ผมแย่งมือถือคืนจากมือไอ้เปา กดลบแชททิ้งไปเหมือนที่เคยทำประจำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะหลังจากที่เลิกกันไปผมก็โดนมันส่งรูปพวกนี้มาเย้ยเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็ด่ากลับอยู่หรอก แต่หลัง ๆ เริ่มปลงตก มันส่งมาก็แค่ลบทิ้ง

   “จัดการได้ยังไงของมึง ถึงได้ซึมเป็นหมาโดนทิ้ง” เหี้ยเตอร์ยกมือตบหัวผมจนแทบจมโต๊ะ

   นี่ห่วงกูจริงป่ะนะ รุนแรงไปนะบางที ยิ่งโง่ ๆ อยู่ด้วย เกลียดเหี้ยเตอร์แล้ว

   “ว่าแต่กู มึงเถอะไอ้เตอร์ ทำไมถึงไปฟัดกับไอ้เติร์กมันได้” ผมเปลี่ยนเรื่องให้หนีจากเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของตัวเอง

   “มีเรื่องกัน?” ใบเฟิร์นถาม อันความเสือกมันอยู่ในจิตวิญญาณชาวนิเทศฯ เป็นทุนอยู่แล้ว ถ้าชีวิตไม่ฝักใฝ่ใคร่รู้เรื่องชาวบ้านชาวช่องจงอย่ามาเรียนในคณะนี้ ไอ้กายบอกเลย

   “เรื่องขี้หมู ขี้หมา” ไอ้เตอร์ตอบ มองหน้าใบเฟิร์นเหมือนกับจะบอกนางกลาย ๆ ว่า อย่ายุ่งเรื่องของกู

   “ไม่หมูไม่หมามั้ง... กระชากเสื้อ ง้างหมัด” ผมพูดลอย ๆ มองหน้ามันขอคำตอบ แต่เหี้ยเตอร์หลบตา หันไปมองใบเฟิร์นราวกับจะขอความช่วยเหลือแทน แต่พอโดนสายตาใครรู้ของสาวสวยไล่บี้ มันเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปยังไอ้เปาเปา

   “อะไร” ไอ้เปาเอ่ยปาก “ทำหน้าอ้อนตีน” มันว่าต่อ

   ไอ้เตอร์ทำหน้าเหม็นเบื่อ แล้วถอนหายใจเซ็ง ๆ เมื่อคราวนี้ไม่มีใครยอมช่วยมัน

   “เรื่องไร้สาระน่า” ไอ้เตอร์บอกปัด ทำหน้ายุ่ง ๆ

   เป็นที่รู้กันดีว่าไอ้เตอร์ของพวกผม หนุ่มหล่อเดือนสาขาการโฆษณา ไม่กินเส้นกับไอ้เติร์กเหตุเพราะ สตาฟคณะดันเอาพวกมันไปนินทา ว่าถ้าไอ้เติร์กลงประกวดนะ เดือนคณะต้องตกเป็นของสาขาโฆษณาแน่ ๆ แต่เพราะส่งไอ้คอปเตอร์ลงประกวดชิงตำแหน่ง ทำให้สาขาโฆษณาพลาดตำแหน่งสำคัญไปแล้วได้รองเดือนกลับมา

   ปากคนอ่ะเนาะ

   แต่ถึงแม้พวกผมจะโดนไอ้เปาแย่งตำแหน่งนี้ไปครองก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนเราสั่นคลอน แต่กลับสร้างความบาดหมางกันในสาขาการโฆษณาของไอ้เตอร์มันเนี่ยสิ

   แต่จริง ๆ มันก็ทะเลาะกันอยู่แค่ 2 คนนั่นแหละ คนอื่นเขาไม่ได้อะไรกับพวกมันหรอก

   “มึงก็หัดใจเย็นบ้าง เรื่องมันผ่านมาเป็นชาติแล้ว ยังจะทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ แย่งของเล่นกันไปได้” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้เปามัน

   “กูจบแล้วแต่มันกวนตีนไง” ไอ้เตอร์เถียงต่อ “พวกมึงก็รู้ว่ามันนิสัยไม่ดี”

   “มันเจ้าชู้อ่ะนะ” ผมถาม มันพยักหน้าให้

   “ก็เหมือนมึงเลย” ไอ้เตอร์ทำท่าอึกอักเถียงไม่ออก เมื่อผมจี้โดนจุด ใบเฟิร์นกับไอ้เปาถึงกับแอบขำ

   “ไม่ใช่ดิ่ กูไม่เคยหลอกใคร” มันแก้ตัว จะหลอกไม่หลอกก็เอาแล้วเฉดหัวทิ้งเหมือน ๆ กันแหละ

   “แล้วยังไง มันแย่งเด็กมึง? พวกมึงแย่งเด็กกัน” ใบเฟิร์นซักมันต่อ

   “ใช่ก็เหี้ยแล้ว พวกมึงก็รู้มันเป็นเกย์ จะแย่งเด็กกันได้ไง” เหี้ยเตอร์ทำท่าขนลุกขนพอง จนผมหมั่นไส้ เลยคว้าสมุดบนโต๊ะ ประเคนไปกลางกะบาลมันทีหนึ่ง

   “น้อย ๆ หน่อย” มันจะรู้เรื่องกันไหมวันนี้

   “ทำงาน ๆ” ไอ้คอปเตอร์เปลี่ยนโหมดเสียดื้อ ๆ มันแย่งสมุดในมือผมโยนลงกลางโต๊ะ แล้วจับยัดหนังสือเรียนให้แทน “เอ้าเร็ว เดี่ยวงานไม่เสร็จ”
   ผมมองหน้าเพื่อนรักอีก 2 ชีวิตพวกมันพยักหน้าให้ เป็นอันจบเรื่อง แม้จะสงสัยใคร่รู้มากก็ตาม ว่าคราวนี้มันผิดใจกันด้วยเรื่องอะไรขนาดถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
   เอาเถอะ ถ้ามันอยากเล่ามันก็เล่าเองเหมือนทุกทีนั่นแหละ




   หลังจากทำรายงานกันเสร็จพวกมันก็แยกย้ายกันไปเรียนเพราะมีเรียนต่อ แต่ของผม อ. ดันยกเลิกคลาสไปเพราะติดธุระ ผมเลยพาตัวเองกลับลงมาห้องสมุดคณะ หามุมเงียบ ๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งกับพื้นพรมนุ่น ๆ ข้าง ๆ ชั้นหนังสือ

   หวังจะทอดอารมณ์นั่งทำตัวเหงา ๆ สักหน่อย แต่พอกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ดันเจอกับคู่กรณีของไอ้เหี้ยเตอร์ของผมพอดี รุ่นพี่ปีสามในกลุ่มสะกิดเรียกให้ไอ้เติร์กที่หันหลังให้ผมอยู่ หันมามอง

ผมถอนหายใจเบื่อ ๆ ล้วงเอามือถือมากดเล่นเกม ไม่สนใจสายตาที่มองมา แม้จะหวั่น ๆ อยู่บ้าง เพราะมันเพิ่งมีเรื่องกับเพื่อนผมไปเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน แต่พวกมันเองก็ไม่เคยทำอะไรพวกผมหรอกนะ แม้จะไม่ถูกกับไอ้เหี้ยเตอร์ของผม แต่มันก็ไม่เคยไประรานใคร

ไอ้เตอร์เคยบอกว่าอย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เวลามันไม่อยู่ด้วย

   ถึงแม้จะชินกับสายตาที่คนอื่นมองมาบ่อย ๆ แต่กับสายตาที่เคยหมายหัวเพื่อนรักตัวเองไว้มองแล้วมองอีกแบบนี้ แกร่งแค่ไหนก็มีใจเสียกันบ้างแหละว่ะ ยิ่งกับคนที่เพิ่งจะพลักอกมันด้วยแล้ว ไม่รู้มันพาลโกรธผมจนหมายหัวไปด้วยอีกคนหรือยังเนี่ยสิ

   ยิ่งตัวคนเดียวด้วยตอนนี้ จะโทรหาไอ้เหี้ยเตอร์ให้มาช่วยก็กลัวมันเรียนอยู่ ซึ่งมันก็เรียนอยู่จริง ๆ นั่นแหละ

   โบราณว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่อยุ่ยาก แล้วจะอยู่ทำไมละ แม้คนจะเยอะ แต่ถ้าโดนสักหมัดเข้าให้ ก็น็อคหาห้องสมุดนี่ไม่ไหวนะ

   ยิ่งนึกถึงคำพูดสุดท้ายของไอ้เติร์กมันที่บอกแล้วเจอกันนะ นี่ไม่รู้มันจะอยากเจอผมด้วยเรื่องอะไร เอาเป็นว่าไอ้กายยังไม่อยากรู้โว้ย

   ผมเก็บข้าวเก็บของตัวเอง ทำเป็นบิดขี้เกียจ 2 ทีจะได้ไม่ดูมีพิรุธจนเกินไป เดียวมันหาว่าไอ้กายหนีหน้าพวกมัน เดินเลยผ่านโต๊ะมันไปด้วยใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ เพื่อไปเข้าห้องน้ำเนียน ๆ

   ผมยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเข้ามาในห้องน้ำได้ หันหลังกลับไปมองไม่มีใครตามมาก็เป็นอันโล่งใจ ที่เหลือก็ตอนกลับออกไป

   แต่พอไอ้กายยืนทำธุระยังไม่ทันเสร็จ ไอ้คนที่ไม่อยากเจอหน้าก็ดันเสนอหน้ามายืนฉี่อยู่ข้าง ๆ

   “อื้อหื้อ ของโคตรดี” ไอ้เติร์กชะโงกหน้ามามองกายน้อยของผม จะเก็บก็ทำไม่ได้ ยังไม่เสร็จ

   ก็รู้หรอกว่าเป็นเกย์ แต่ไม่คิดว่าจะกวนตีนขนาดนี้

   “กวนตีนแล้ว” ไอ้คนโดนด่าหัวเราะขำ

   “ให้ช่วยถือไหม” ไอ้คนหน้ามึนแสดงน้ำใจ แถมยังยื่นมือมาอีก พาน้องหลบเกือบไม่ทัน ถ้าเป็นเรื่องอื่นมันคนดี แต่เนี่ย รู้สึกคันตีนขึ้นมาแล้วเนี่ย

   “ถ้ามึงไม่หยุดนะเติร์ก เจอตีนกูแน่” ผมรีบเก็บน้องชายตัวเอง เดินหัวเสียไปอ้างล้างมือ เพราะมันนั่นแหละกวนตีนไม่หยุด ฉี่เลอะมือไปหมด

   ไอ้เหี้ยเอ้ย

   “ฉี่เสร็จไม่สะบัดแบบนี้สกปรกนะครับ น้องไม่สบายตัวแย่เลย” เสียงแว่วลอยตามหลังมา มันเพราะใครละว่ะ

   “เรื่องของกู Kกู”

   ไอ้เติร์กเดินตามมาล้างมือข้าง ๆ มันจ้องผมในกระจก “เดือนวรารสารทำไมซกมกขนาดนี้ล่ะครับ”

   “มันเพราะใคร ที่เล่นเหี้ย ๆ ก่อนล่ะ” เนี่ยเจอมันไม่ถึง 2 นาทีเลย แต่ผมกลับอารมร์เสียขนาดนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เหี้ยเตอร์ของผมมันจะง้างกำปั้นใส่ไอ้นี่

   ผมดึงทิชชู่มาซับมือให้แห้งแล้วรีบเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่โดนมันรั้งไว้

   “จะอะไรกับกูอีก” ผมจ้องหน้าไอ้เติร์ก มันยิ้มมุมปาก ดูอารมณ์ดี พยายามดึงมือตัวเองที่โดนดึงไว้ออก แต่มันจับแน่นขึ้นปอีก

   “ดุจัง”

   “เติร์กถ้ามึงจะกวนตีนกู....”

ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบมันก็แทรกขึ้นก่อน

   “กายยังไม่ได้รูดซิปกางเกงนะครับ”


2 be con.... o18

 









ฝากนักอ่านทุกคนช่วยเอ็นดูผมด้วยนะครับ
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องของผม

 :L2: :L2:


ปล. รักนะจ๊ะ
ปลปล. ตัวการ์ตูนเนี่ย น่ารักดี กดเล่นเพลินเลยอ่ะ ชอบ 555



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
001
กายครับ กายสิทธิ์ – มีจัญไรแรก ย่อมมีจัญไรต่อ ๆ มา



   เชื่อเถอะว่าคนเราพอมีครั้งแรกแล้ว ย่อมมีครั้งต่อ ๆ มาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม อย่างไอ้เติร์กเนี่ย ที่เมื่อก่อนไม่ยักกะเจอมันบ่อยอะไร แต่หลังจากที่มันเข้ามากวนประสาทผมในห้องน้ำ จนฉี่เลอะมือตัวเองวันนั้น ก็ต้องประสบพบเจอหน้ามันอยู่เนือง ๆ

   “บังเอิญจังนะครับ ไม่คิดว่าจะเจอเดือนวรสาร ในที่แบบนี้ด้วย” ผมชะงักขาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สถานที่อโคจรของใครหลาย ๆ คนแต่สำหรับคนอย่างผมที่แบบนี้มันที่ทานข้าวเย็นชัด ๆ ไอ้ที่เรียกกันว่าร้านเหล้าเนี่ย ผมมองหน้าไอ้เติร์กที่ยืนสูบบุหรี่ อยู่ข้าง ๆ พุ่มดอกแก้วที่ปลูกยาวเป็นแนวรั่ว ริมฟุตบาธหน้าร้านเหล้าที่ไอ้เตอร์นัดผมมาเพื่อกินข้าวเย็นวันนี้

   “เดินระวัง ๆ หน่อยนะเดี๋ยวจะตกหลุมรัก” หลุมรักพ่อมึง ผมนึกอยากจะด่ามันด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ แต่ผมก็ด่าใครไม่เป็นนี่สิ อันนี้เดานะจากที่ผ่าน ๆ มา เลยเลือกที่จะเมินมันไปเสีย ไม่อยากจะเสวนาอะไรกับคนกวนตีนอย่างมันให้มาก

   “เขินเหรอครับ ไม่พูดไม่จา”

   “ไม่ตลก ไอ้เหี้ย” ผมว่า เริ่มมีอาการฉุนมันแล้ว อยากจะรู้ว่าใครหน้าไหนกันที่ชอบยัดเยียดว่าเกย์ต้องตลก ต้องอารมณ์ดี ต้องร่าเริง พร้อมเป็นเพื่อนเล่นให้ต่อปากต่อคำต่ำตมจังตลอดเวลา หนึ่งในพวกที่ไม่ตลกก็คงเป็นผมนี่แหละ ดูได้จากไอ้บทที่แล้วสิ พยายามแล้วจะให้มันตลก อยากฟีลกู๊ดบ้างอะไรบ้างแต่มันสำเร็จเสียที่ไหนกัน ขำแห้งกันไป

   ที่บ่น ๆ มานี่แค่อยากบอกว่า คนเรามันก็มีอารมณ์หม่น ๆ โลกดูเป็นสีเทาเหมือนมีฝนฟ้าบ้างสิ แล้วไอ้คนที่ไม่สนิทกันเนี่ย ใช้อะไรคิด ใครสั่งใครสอนมาให้เล่นมุกเห่ย ๆ สมัยไฮไฟว์เป็นการทักทายกันว่ะ

   หลังจากที่ทักทายเพื่อนร่วมสาขาไอ้เตอร์พอหอมปากหอมคอเรียบร้อยแล้วก็ถึงคราวที่ต้องทักทายไอ้คนชวนผมมาบ้าง “โต๊ะหน้าซ้ายสุดข้างลำโพง” มันว่ามาแบบนี้ เลือกโลเกชั่นได้แย่สมกับคนห่วย ๆ ได้เป็นมันจริง ๆ

   “เป็นห่าไรของมึง หน้ามุ่ย ๆ” หมายใจว่าจะทักทายมัน แต่มันชิงทักก่อน บทสนทนาที่เตรีมมาอย่างดีเป็นอันต้องพับเก็บ เปลี่ยนมาตอบคำถามมัน

   “เรื่องเดิม” ผมว่ารับแก้วเบียร์จากมันมาดื่มให้ชื่นใจ แก้วเดียวกับมันนั่นแหละ ไม่ต้องมากพิธี เด็กเสิร์ฟในร้านก็วิ่งกันวุ่น รอให้เอาแก้วใบใหม่มาให้ คอเป็นผงกันหมด

   “นี่ไง ถึงได้ชวนมาส่องผู้ชายกัน ลืม ๆ มันไปเถอะไอ้บอลนะ” ผมถอนหายใจ เหลือบมองหน้าไอ้คนพูดที่ตั้งอกตั้งใจรินเบียร์เพื่อไม่ให้เกิดฟองฟอดจนล้นออกจากแก้วอีกรอบ

   ไม่ใช่เพราะผู้ชายที่เจอในร้านเหล้านี่เหรอถึงได้เจ็บใจอยู่แบบนี้ ฟังไว้เลยนะริจะหาผัวอย่าหาจากร้านเหล้าเพราะแม่งเหี้ยเหมือน ๆ กันหมด เจ้าชู้ประตูดิน แต่ไม่คิดจะบอกมันหรอก พวกมันรู้แค่ว่าผมเจอกับไอ้บอลเด็กมัธยมปลายหัวเกรียนเหมือนพี่ไผ่ ฮอร์โมน ในร้านอาหารแถวฝั่งธน เพราะบ้านผมอยู่แถวนั้นไง

   บอลเรียนมัธยมชื่อดังแถวบางรัก เพราะรูปร่างที่ดูสูงใหญ่เกินวัย แถมยังเจอกันในร้านเหล้าอีก ใครจะคิดล่ะว่ามันยังไม่จบ ม.ปลายด้วยซ้ำ แถมอายุแค่ 16 คุก คุก คุก

   “ซี้กันกับเจ้าของร้านนะ พี่เขาเลยให้เข้ามานั่งได้ แต่นี่ก็แอบ ๆ นะกลัวพ่อจะลง” มันมาบอกเอาตอนหลัง ไม่ใช่หลังจากออกจากร้านเหล้าด้วยนะ แต่เป็นหลังจากที่โดนมันเล่นจนเสียหายไปหลายหนแล้วด้วย เก๋ไก๋มากป่ะล่ะชีวิต

   เพราะภูมิหลังอันดำมืดแบบนี้ไง เลยต้องกุเรื่องมาหลอกพวกมันว่าผมกับบอลนะ พบรักกันแบบใสใสหัวใจสองดวง แต่ก็มารู้เอาที่หลังว่ามันมีมากกว่าสี่ด้วยซ้ำ สมน้ำหน้าตัวเองหลอกคนอื่นไว้ โดนไอ้บอลตลบหลังกลับ

   “พี่คนเดียวนะที่ผมเรียกว่าแฟน คนอื่นมันแค่ขำ ๆ” คำแก้ตัวในวันที่เลิกกัน หลังจากไปปะกันแฮ่มในร้านเหล้า แต่แค่เจอกันในร้านเหล้าก็ไม่น่าเลิกจริงป่ะ ถ้าเจอนั่งในร้านก็คงจอย ๆ ฟีลสังสรรค์กับเพื่อนไง ปกติจะตายห่า แต่นี่เจอมันออกจากห้องน้ำพร้อมกับจูงมือตุ๊ดหน้าเทารองพื้นผิดเบอร์เมื่อเจอแสงไฟนีออนในห้องน้ำนั่นไง

   มันคงเข้าไปลูบหลังกันเพราะอีกคนเมาหนักจนอ้วก เห็นตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า แล้วเลียปากแผล่บ ๆ อีก คงจะโก่งคออ้วกจนหมดไส้หมดพุง ดูน่าสงสาร

   คิดแล้วแค้น เวรเอ้ย

   พอกันทีกับผู้ชายเจ้าชู้ ถึงมันจะน่าดึงมาดูดแค่ไหนก็ตาม จะไม่ยอมใจอ่อนให้ผู้ชายเจ้าชู้หน้าไหนอีกเด็ดขาดเข็ดแล้ว ไอ้กายเข็ด รายล่าสุดนี่เจ้าชู้ไม่พอ แถมยังโรคจิตอีก

   “เอ้า เอาให้เมากันไปข้าง” ผมรับแก้วเบียร์จากเดือนโฆษณามาดื่มอีกอึกใหญ่ ก่อนส่งให้มันรับไปจิบต่ออีกครึ่งแก้ว

   “คิดยังไงมากินแถวนี้ ปกติต้องร้านหรู ไฮโซ” ผมเปิดปากถามไอ้คนที่ปกติจะคะยั้นคะยอจะลากผมไป RCA ให้ได้แต่ให้ตายเถอะ คอนโดผมอยู่ตรงกลางระหว่างแยกเกษตร กับ แยกรัชโยธิน ตรงข้ามเป็นเมเจอร์ไง ที่เขามาดูหนังอ่ะ แล้วอีร้านเหล้าเนี่ยก็อยู่ถัดจากคอนโดผมมานิดเดียวไปเดินนาทีครึ่งก็ถึง

   “อยากฟังเพลง” มันให้เหตุผล แต่ใครจะเชื่อคนอย่างมัน พวกผมมันสนิทกันจนเห็นไส้เห็นพุงกันหมด แค่กระพริบตาปริบ ๆ ยังรู้เลยว่ามันผิดปกติ

   “คราวนี้ใครก่อเรื่องล่ะ” คงไม่พ้นเรื่องเด็กมันอีกนั่นแหละ อาจจะรถไฟชนกัน อาจจะอ้อนขอของแบรนด์เนม หรือไม่มันก็เบื่อคิดจะเขี่ยทิ้งแต่เด็กแม่งตื้อ สลัดไม่หลุด เลยรมณ์บ่จอย

   “เรื่องที่บ้าน” เป็นอันเดาผิด ไอ้คอปเตอร์มันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน เป็นหนุ่มอีสานแต่หล่อฟีลเกาหลี บ้านอยู่หนองบัวลำภู พ่อมันเป็นเจ้าของโรงสี แม่มันปล่อยกู้กินดอก รวยระดับเศรษฐีบ้านนอกเลยแหละ มันถึงได้ใช้เงินมือเติบแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละเพราะบ้านมันรวย เงินเลยเหลือกินเหลือใช้ ลูกเต้าก็โตกันหมด เมียก็หาเงินใช้เองแทบไม่ต้องแบมือขอผัว มีเหลือส่งให้ลูกชายคนเล็กถลุงเล่น พ่อมันเลยแบ่งปันให้อีหนูวัยมัธยมนมปริญญาเอกบ้าง นักร้องตามคาราโอเกะบ้าง ลูกหนี้เงินดอกแม่มันบ้างประปรายแล้วแต่โอกาส มีข้อแลกเปลี่ยนเป็นใช้แรงบนเตียงนิดหน่อย

   พอแม่มันจับได้ทีก็วุ่นวายใหญ่โต โทรมาระบายด่าทอพ่อมันให้มันฟัง รู้ว่าเลวแต่ก็ไม่เห็นจะเลิกกันสักที มันเองก็เบื่อบรรยากาศแบบนั้นเลยเลือกที่จะมาใช้ชีวิตหนุ่มเจ้าสำราญในเมืองหลวงแบบนี้ จะเรียกอะไรดีเชื้อไม่ทิ้งแถว ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอะไรแบบนั้นมั้ง

   “ไม่สบายใจก็เมาให้เต็มที่ กลับไม่ไหวค้างคอนโดกู เดี๋ยวกูหิ้วขึ้นไปนอน” ผมบอกมันพลางยิ้มอย่างใจกว้าง ยินดีที่จะแบ่งเตียงอีกครึ่งกับมัน ไม่ต้องมีคำปลอบใจว่าไม่เป็นไร เพราะมันเป็นแน่ ๆ หนักด้วย ไม่ต้องบอกว่าอย่าคิดมาก เพราะใครมันจะไปทำได้กันล่ะ

   แต่...กูไม่น่าปากพล่อยไปบอกกับเหี้ยเตอร์แบบนั้นเลย

   เพราะหลักจากที่ผมปลอบมันในแบบของผม คือการไฟเขียวให้มันเมา แล้วรับปากจะดูแลมันเอง ไอ้เพื่อนที่ไม่มีความเกรงอกเกรงใจมันก็เอาแต่แดกไม่ลืมหูลืมตา จากที่เคยกินแบบแก้วเดียวกันครึ่ง ๆ มันล่อสองแก้ว ให้ผมครึ่งแก้ว เวรตะไลเอ้ย เดือดร้อนผมขอแก้วเพิ่มอีกใบจะได้ไม่ต้องแย่งคนหม่นหมองกิน

   สุดท้ายก็หมาดี ๆ นี่เองหมดกันความหล่อเกาหลีที่อุตส่าห์ชมเหลือแต่เหี้ยน้อย ๆ ที่กำลังจะเป็นภาระผมต่อจากนี้

   ความพยายามในการพาคนเมาเดินไปข้างหน้าให้ได้มากกว่า 3 ก้าวคือเรื่องท้าทายใหม่สำหรับผม

   “เหี้ยเตอร์อย่าเพิ่งอ้วกนะมึง” ผมดุไอ้คนเมาที่พอพ้นจากร้านเพราะเด็กเสิร์ฟช่วยพยุงกันออกมาด้วยความทุลักทุเล พอพ้นหน้าร้านถึงฟุตบาธปุ๊บ หมดหน้าที่รับผิดชอบของพวกมันทันที จำไว้เลยนะครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาร้านนี้ ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ คอนโดก็อยู่แค่นี้เอง ไม่คิดจะช่วยกันเลย ไม่น่าให้ทิปพวกแม่งเลยให้ตาย

   ไอ้ที่กิน ๆ ไปกำลังกึ่ม ๆ ได้ที่ เป็นอันหมดกัน แอลกอฮอล์ผมโดนขับออกทางเหงื่อหมดเสียดาย แพงด้วยนะวันนี้แถมผมยังต้องจ่ายคนเดียวด้วย มันใช่เรื่องไหม เพราะไอ้ห่านี่เมาไม่รู้เรื่อง ตอนเรียกเช็คบิลจะออกมา ถามหากระเป๋าตังค์แม่งไม่มี ผมเองก็ทั้งควักทั้งล้วงหาเจอแต่ไข่มัน จนแม่งจะเสร็จคามืออยู่แล้ว ถ้ามันแข็งสู้มืออะนะ

   “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงสวรรค์ ผมรีบหันกลับไปมองด้านหลัง สบตากับเจ้าของเสียงอบอุ่นเป็นมิตร แถมยังใจดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนกำลังลำบาก

   “มึง..” สัสเติร์ก ประโยคหลังถูกผมกลืนมันลงท้องที่กำลังป่องเพราะเบียร์ที่กินไป นี่ก็ยังไม่ได้ลุกไปฉี่เลย มิน่าอึดอัดแปลก ๆ

   ผมมองหน้าไอ้เจ้าของเสียงสวรรค์ที่นึกชื่นชมมัน แต่ตอนนี้เริ่มลังเลแล้วว่าจะไม่ใช่คนที่สวรรค์ส่งมาช่วย แต่คงเป็นซาตานแน่ ๆ ที่ส่งมันมาลงทัณฑ์ไอ้เหี้ยเตอร์ มึงตายห่าแน่ไอ้เตอร์

   ถึงจะไม่รู้ว่าลับหลังพวกมันมีเรื่องอะไรกันบ้าง แต่จากปากหมา ๆ ของเพื่อนผม ไอ้คนตรงหน้าไม่ใช่คนดีแน่ ๆ ล่ะที่รู้ แถมยังจ้องจะทำร้ายกันตลอดเมื่อมีโอกาส

   นี่ไงโอกาส มันมาถึงแล้ว ซวยแล้วมึงเหี้ยเตอร์เอ้ย ผมผิดเองที่ไม่เตือนมันว่าเจอศรัตรูมันที่ร้าน ก็ใครจะไปนึกล่ะว่ามันรอโอกาสเล่นไอ้เตอร์ตอนเมาแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรเหี้ยเตอร์ ถึงมันจะเหี้ยยังไง แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดี กูจะปกป้องมึงเองไอ้เพื่อนยาก

   “มะ ไม่เป็นไร กูไหว” ผมบอกมันเสียงสั่น กลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย เพราะก่อนเข้าร้านไปก็ทำหน้ายักษ์ แถมกวนตีนมันไปอีก มันคงไม่ปล่อยหรอก

   “มั่นใจเหรอ เห็นออกมาตั้งนานแล้วยังยืนอยู่ที่เดิม” ไอ้คนพูดขำในลำคอ แต่ก็ดังพอให้ผมได้ยิน ลูกค้าที่เดินออกมาจากร้าน หลายคนสภาพเหมือนซอมบี้ในหนังที่เคยดู แต่ไอ้เหี้ยที่ผมกำลังพยุงเนี่ยเหมือนคนตายห่าไปแล้ว ไอ้เหี้ย ช่วยมีสติหน่อย กำลังจะซวยกันแล้วเนี่ย ห่าราก

   “ไม่ไหวก็อย่าฝืน” ไอ้เติร์กเดินเข้ามาหิ้วปีกไอ้เตอร์จากอีกฝั่งแล้วพรากเพื่อนรักไปจากอกผม ไอ้ห่านี่ก็หลับคอพับคออ่อนซุกหน้ากับซอกคอไอ้นักบุญคนใจดีไปเรียบร้อยแล้ว “หนักเหี้ย” มันบ่น

   ผมลังเลมองไอ้เตอร์ที่กำลังอยู่ในมือมาร จะไปแย่งมันคืนก็ไม่ไหว สภาพคงเหมือนมูลนิธิกำลังยื้อแย่งศพกัน แต่จะปล่อยไว้ก็ห่วงความปลอดภัยคนเมา

   “อ้าวจะให้ไปที่ไหนครับ ไม่ได้เอารถมาใช่ไหม เรียกแท็กซี่เร็ว” ไอ้คนที่อุ้มซากศพเพื่อนรักผมเร่ง “เร็วดิ ไอ้เหี้ยเนี่ยจะดูดคอผมแล้ว” โอ๊ยยโลก กายเหนื่อย เอาไงดีว่ะ

   “หมดสภาพอย่างกับหมา” หายนะอย่างที่สอง เมื่อไอ้คนใหม่มาสมทบ “มาคนละข้าง” ไอ้ทอมที่มักตัวติดกันตลอดกับได้เติร์กมาช่วยเพื่อนมันพยุงไอ้เตอร์กันคนละข้าง เพื่อแบ่งกันรับน้ำหนักคนเมา

   เออ...แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ...ไม่ใช่ล่ะไอ้เหี้ย

   ซวยแล้วเพื่อน มึงกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของศรัตรูหมายเลขหนึ่งและสองตามลำดับ นึกอยากจะควักมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปมันไว้ สร่างเมาไอ้เตอร์คงดีใจตายห่า

   “หรือกายก็เมาเหมือนกันครับ ผมเอารถมานะให้ไปส่งไหม” ไอ้เติร์กผละจากร่างหลับใหลของไอ้เตอร์ ปล่อยให้ไอ้ทอมมันพยุงคนเดียว ปรี่มาประชิดตัวผมทันที ก็ถอยสิครับจะยืนบื้อทำไมกันล่ะ

   “ไม่ได้เมา” ผมว่าส่ายหน้าไปมารัว ๆ เพื่อยืนยันว่า กูมีสตินะ ไม่ได้กินกูหรอก อย่าหวัง ในหัวก็พยายามหาทางช่วยไอ้เตอร์ให้รอดคืนนี้ไปได้แบบครบ 32 กลับไปหาเถ้าแก่โรงสีกับอาเจ้เงินดอกที่หนองบัวลำภูให้ได้

   “อ้าวก็เห็นยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไหวแน่นะให้ไปส่งไหม” ผมลังเลใจ แต่พอเห็นสีหน้าของไอ้ทอมที่พยายามอดทนพยุงร่างควาย ๆ ของไอ้เหี้ยเตอร์ จะไม่ไหวแล้วนั่น “เร็วหนัก” และไอ้ความอดทนที่ว่านั้นคงใกล้หมดเต็มทน จนนึกสงสาร

เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน




   “วางมันลงตรงเตียงเลย” ในที่สุดไอ้เตอร์ก็ปลอดภัย กลับมาถึงห้องผมโดยสวัสดิภาพ ไม่มีชิ้นส่วนไหนในร่างกายบุบสลาย ผมจัดการปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนให้มัน แถมกระดุมกางเกงให้เพื่อความสบายตัวด้วย

   ผมหันกลับมาส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ให้ไอ้ยักษ์สองตนที่ยืนมองสภาพทุเรศของไอ้เตอร์ ใบหน้ามันพวกมันมีเหงื่อเกาะ คงจะเหนื่อยกัน

   “ขอบคุณมากนะเว้ย ถ้าไม่ได้พวกมึงกูแย่แน่เลย”

   “ไม่ได้คิดจะช่วยฟรี ๆ หรอกนะครับ” เอาแล้วไงกู กูว่าแล้วมันแปลก ๆ ที่ศรัสตรูจะแปรมาเป็นมิตรในชั่วเบียร์ พันห้าหมดคงไม่มี เออ...คืนนี้กูหมดไปพันห้า ไอ้ควาย

   ผมมองหน้าไอ้เติร์กอย่างหวาด ๆ มันจะมาไม้ไหน อยากได้อะไรมึงเอาไปเลย จะตัดหู ตัดนิ้วไอ้เหี้ยเตอร์ก็คงต้องยอม ขอแค่ไอ้กายสิทธิ์คนแมนรอดก็พอ นึกถึงค่าเบียร์พันห้าทิปเด็กอีกร้อยหนึ่ง แถมผมยังกินเบียร์มันไปแค่ สามแก้วแล้วก็ปรี้ดแตก

   “อย่าทำไรมันเลย สงสารมัน” ถึงจะเกลียดมันยังไงแต่เหี้ยนี่ก็เพื่อนกัน “มันกำลังมีปัญหากับที่บ้านด้วย ไอ้ที่ผ่านมาถือว่ากูขอโทษแทนเหี้ยเตอร์ไปแล้วกัน” จะได้ไม่ได้อ้างไปก่อน เผื่อพวกมันจะเห็นใจ ยอมไม่เอาเรื่องไอ้เตอร์

   “คิดอะไรชั่ว ๆ ในหัวอยู่เหรอ” ไอ้ทอมเลิกคิ้วถาม “นี่ไม่ใช่ว่าไอ้ที่พูดติด ๆ ขัด ๆ ทำตัวแปลก ๆ นะเพราะกลัวพวกกูรุมยำหรอกนะ” ก็เรื่องจริงไม่ใช่เหรอว่ะ

   “เหอะ” มันพ่นลมหายใจออกจากปาก กรอกตาไปมา

   “ก็เห็นเขม่นกันอยู่”

   “เด็กวรสารอ่านบนละครมากไปป่ะ ถึงได้คิดเรื่องไร้สาระแบบมึงได้” อ่านแต่บทละครนั่นมันเด็กฟิล์มกับเด็กการแสดงโว้ย ผมเถียงกลับไอ้ทอมในใจ




( มีต่อด้านล่างจ้า )
 :hao3:




ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
   จะบอกว่าในความโชคร้ายมักมีความโชคดีซ่อนอยู่เสมอ โชคร้ายคือ ผมพาร่างอันไร้สติของเหี้ยเตอร์มาอยู่ท่ามกลางดงศรัตรูของมัน แต่ความโชคดีคือ ไอ้เติร์กและไอ้ทอม มันไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสเล่นงานไอ้เตอร์ตอนที่มันกำลังไร้สติ และอ่อนแอ อย่างที่ผมตีโพยตีพายคนเดียวอยู่ในใจ แต่มันกลับช่วยผมพาไอ้ภาระชิ้นโตเท่าควายกลับไปส่งถึงห้องอย่างปลอดภัยหายห่วง

   และที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ไม่รู้นี่นับเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ที่ผมได้มานั่งร่วมโต๊ะกินบะหมี่ข้างเมเจอร์ ฝั่งตรงข้ามตอนโดผมเองแหละ

   ไอ้ผมก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรแบบนี้นักหรอก เพราะหลังจากหายเครียดแล้ว สมองก็ผ่อนคลาย ร่างกายมันอยากพักผ่อน อยากจะล้มตัวลงนอนหลับไปพร้อม ๆ กับไอ้เตอร์ ที่ป่านนี้คงกำลังนัวสาวในฝันมันไปแล้วแน่ ๆ

   “หิว เลี้ยงข้าวหน่อยสิ” ในเมื่อผู้มีพระคุณเอ่ยปาก คนดีที่ไหนจะไม่ตอบแทนกันเล่า เราคนไทยด้วยกันบุญคุณต้องทดแทนอยู่แล้ว แล้วไอ้ประโยคบุญคุณข้าวสุกหนึ่งจาน ที่โดนสอนกันมาตั้งแต่เด็ก จึงถูกผมนำมาใช้ ก็ครั้งนี้มันไม่ทำอะไรไอ้เตอร์ ไม่ได้แปลว่าครั้งหน้ามันจะไม่ทำนี่น่า สร้างบุญคุณกับพวกมันไว้ นับว่าเป็นเรื่องดี ทั้งได้ตอบแทนมันที่ช่วย แถมสร้างมิตรไว้อีก นี่กูทำเพื่อมึงสุด ๆ เลยนะเตอร์ ทุ่มสุดตัวเลยเว้ย

   ฉลาดป่ะล่ะเหี้ยเตอร์เพื่อนมึง

   “บะหมี่ข้างทาง พวกมึงกินได้นะ” ผมถามเพื่อนร่วมโต๊ะ ไม่ได้คิดจะดูแคลนว่าพวกมันคุณชายจะไม่เคยกินของแบบนี้ แต่พวกมันคุณชายจริง ไฮโซพอ ๆ กับไอ้เตอร์เพื่อนผมแหละ แต่จะว่าไปเด็กมหาลัยผม มันก็รวยเหี้ย ๆ กับแทบทุกคนแหละ เพราะมันเป็นเอกชนไง ค่าเทอมนี่สาม สี่เท่าของมหาลัยรัฐบาลอยู่แล้ว

   ถามถึงผมนะเหรอ? ไม่ใช่ว่ารวยมากมายอะไรหรอก จนแล้วเสือกโง่ไงประเด็น พอมันจวนตัวไม่มีที่จะเรียน มันก็ต้องที่นี่แหละว่ะ มหาวิทยาลัยคิณทรธ ความก้าวหน้าของทุกอาชีพในฝัน มันว่ามาแบบนี้ ผมเชื่อคนง่ายอยากก้าวหน้าก็ลงทะเบียนแล้วได้เรียนเลย ฮ่า ๆ คนโง่ที่แท้ทรู

   “ดึกขนาดนี้ เหลือร้านเดียวแล้ว ไม่งั้นคงข้าวกล่องเซเว่น” ผมแนะทางเลือกให้ เผื่อคุณชายทั้งสองจะกินไม่ได้จริง ๆ

   “กินได้สิ กายกินอะไร เติร์กกินได้หมด” ไอ้เติร์กเงยหน้าขึ้นมาตอบ พร้อมรอยยิ้มพิฆาตใจเก้ง กวาง ยังคงไม่ลืมใช่ไหมครับที่ว่าไอ้หล่อที่นั่งข้างผมเนี่ย มันหล่อถึงขั้นจะได้เป็นเดือนคณะไปเลยนะ แถมมันยังเป็นเกย์อีกด้วย หล่อแล้วยังไม่ปิดบังตัวเองแบบนี้ เก้ง กวางเกือบครึ่งถวายตัวให้มันกันหมด แต่ผมไม่หลงกลมันหรอก แม่งเจ้าชู้ฉิบหาย

   “หยุดทำตาหวานหยดใส่กูได้แล้ว กูไม่เคลิ้มหรอก” ผมรับกระดาษต่อจากมือมัน มาจดเมนูของตัวเองบ้าง

   “สักนิดเดียวก็ไม่เหรอครับ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่ผมไม่หลบแถมยังยักคิ้วท้าทายมันอีกสองจึ้ก ขืนหลบมันหาว่ากลัวมันอีก กายสิทธิ์เสียอย่าง ไม่หวั่นไหวกับมึงหรอก แข็งแกร่งขนาดนี้ การันตีด้วยผัวเหี้ย ๆ สามคนเหมือนที่ไอ้เตอร์มันด่า มีภูมิคุ้มกันคนเหี้ยแล้ว สบายใจจัง

   “มึงกินอะไร” หลังเขียนไอ้ที่ต้องการจะกินเสร็จผมก็เปิดปากถามไอ้ทอมที่นั่งดูเมนูฝั่งตรงข้าม อาสาจะจดให้มันเลยจะได้ไม่เสียเวลา แถมยังได้แสดงน้ำใจกับมันอีก ระหว่างรอมันเลือกก็นึกในใจหรือพวกมันจะไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวกันว่ะ มันไม่มีใครกินก๋วยเตี๋ยวแล้วนั่งดูเมนูกันหรอก บะหมี่หมูแดงมันก็ขายเหมือนกันทั่วประเทศ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ เนื้อน้ำตก เป็ด ปลา มันก็เหมือนกันอีก เป็นการสั่งก๋วยเตี๋ยวที่นานที่สุดแล้วตั้งแต่ผมกินก๋วยเตี๋ยวมา ให้ตาย

   “มึงกินอะไรว่ะ” ในที่สุดมันก็ตัดสินใจถาม ผมถอนหายใจหน่าย ๆ ก่อนก้มลงอ่านเมนูให้มันฟัง

   “กูกินบะหมี่หมูแดง พิเศษไม่ชี เหี้ยเติร์กแดกบะหมี่หมูแดงต้มยำ กับเกี๊ยวนะ...น้ำด้วย” ผมหันไปยิ้มแห้ง ๆ กลับไปมองไอ้เติร์ก เรียกเหี้ยเต็มปากเต็มคำเลย ไอ้ทอมเองก็พยายามกลั้นขำกับหน้าตาผมที่กำลังแสดงออกตอนนี้แน่ ๆ มันต้องเจื่อนและประหลาดสุด ๆ


   “กูเอาเหมือนมึงแล้วกัน ง่ายดี” มันว่าแถมยังยักคิ้วล้อ ๆ ผมด้วย แฮ่ ๆ

   “กินน้ำไร มีเก๊กฮวย สมุนไพร น้ำอัดลมมีนะ” ผมถามต่อ

   “ให้กายเลือก” ไอ้เติร์กชิงตัดหน้าพูดก่อนที่ไอ้ทอมจะได้สั่ง ผมเลิกคิ้วถามความเห็นไอ้ทอม แต่เจ้าตัวพยักหน้าหน่าย ๆ เป็นเชิงบอกว่าตามนั้นก็ได้

   “เอาโค้กแล้วกัน ชื่นใจดี” ในเมื่อให้เลือกก็ตามใจผมดิครับ พูดจบลุกขึ้นไปส่งรายการรอฟังลุงคนขายทวนรายการ แล้วพยักหน้าหงึกหงักเป็นการยืนยันว่า ทุกอย่างถูกต้องตามนั้นเลยลุง ก็กลับมานั่งที่เดิมทันที

   รอไม่นานบะหมี่ร้อน ๆ ก็ยกมาเสิร์ฟ ควันหอมฉุยเรียกน้ำลาย ก่อนจะโซ้ยทันที อ่า...ร้อนโว้ย ความโง่ไง ลืมเป่า ลิ้นพองไปสิ เพราะตะกละแท้ ๆ เลยไอ้กาย

   “กายไม่ปรุงเหรอ” ไอ้เติร์กถาม มือตักพริกป่นลงในชาม ไอ้ทอมก็ไม่ต่างกัน

   พวกมันก็กินเป็นนี่หว่า

   “ไม่อ่ะ แบบนี้ก็อร่อยแล้ว” ผมตอบไปซู้ดปากไป ก่อนจะยกน้ำขึ้นดูดจ๊วบ ๆ เพราะไอ้เติร์กชวนคุยแหละ ไอ้ห่าลืมเป่าอีกแล้ว

   “มึงนี่ตะกละจริง เขาเอามาเป็นเดือนได้ไงว่ะ” ไอ้ทอมปากมอมมันถากถางผม

   “ตอนเลือกเขาไม่ได้ให้กูแดกโชว์นะ เขาวัดกันที่หน้าตาว่ะ” นี่เอาซี้ ได้ทีข่มมันบ้างความขี้เหร่อย่างไอ้ทอมไม่มีวันเข้าใจหรอก

   “เหรอ กูนึกว่ามึงเป็นตุ๊ดที่แมนสุดแล้วในสาขา เขาเลยจำใจเลือก”

   “มึง...” ยังไม่ทันจะด่ามันกลับ ไอ้เติร์กก็ชิงด่าเพื่อนมันก่อน

   “มึงก็เลิกปากหมากับกายมันได้แล้ว” สมโดนด่าแล้วแต่มันยังไม่สำนึก กลับยิ้มมุมปาก พออกพอใจเสียอย่างนั้น

   “กายกินเกี๊ยวไหม” ปากมันถาม แต่มือไอ้เติร์กมันก็ตักเกี๊ยวน้ำชิ้นโตลงในชามให้ผมแล้ว

   “เฮ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวมึงไม่อิ่ม กินเลย ๆ” ผมปรามมันก่อนจะตักหมูแดงมาให้ผมเพิ่ม

   “เติร์กกินไม่หมดหรอกเยอะขนาดนี้”

   “รู้ว่ากินไม่หมดสั่งมาทำไมว่ะ”

   “สั่งมาเผื่อกายไงครับ กินด้วยกัน” ผมชะงักช้อนที่กำลังตัดครึ่งเกี๊ยวในชาม หันมองหน้าไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ โต๊ะก็กว้างนะ ข้าง ๆ มันก็เหลืออีกเยอะ แต่มันก็ยังเลือกที่จะนั่งเบียดผมจนขยับตัวทีแขนก็ชนกันทีแบบนี้

   จะว่าแปลก ก็แปลกทำไมมันพูดเพราะแปลก ๆ ว่ะ ไหนจะมุกเห่ย ๆ สมัยไฮไฟว์ตอนหน้าร้านเหล้านั่นอีก แล้วยังการกระทำที่คลุมเครือเดาที่มาที่ไปไม่ได้ของมันอีก ชักไม่น่าไว้ใจ

   “มึงจีบกูป่ะเนี่ย”

   แค่ก ๆ ๆ ไอ้ทอมที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับสำลัก ไอหน้าดำ หน้าแดง

   “ไอ้ตะกละ” ไอ้ทีผมถากถางมันกลับบ้าง

   “จะไอก็ปิดปากมึงบ้างไอ้ห่า ลงชามกูหมด” ผมด่ามันพร้อม ๆ กับยกชามหนีเศษบะหมี่ที่หลุดจากปากมันเวลาไอ

   ยี๋...สกปรก

   “เอาอะไรมาคิดว่าคนอย่างไอ้เติร์กจะจีบมึงห๊ะไอ้กาย”หลังจากมันหยุดไอแล้วพักหายใจหายคอแล้ว มันก็เปิดปากถามผมทันที

   “อ้าวกูจะไปรู้เรอะ” การกระทำมันฟ้องไง นี่ไม่ได้โง่นะ การันตีด้วยผัวเหี้ย ๆ สามคนเลยเอ้า ไอ้สามคนนี่คือจีบติดนะ ระหว่างนั้นมีมาจีบอีกเยอะ แต่ไอ้กายไม่เซย์เยสไง ไม่งั้นคงมีผัวเหี้ย ๆ มาการันตีประสบการณ์ร่วมสิบรายเลย นี่ขนาดเราคัดแล้ว คัดอีก ยังเจอเหี้ยเลยคุณ เพราะฉะนั้นถ้ามาเหี้ยแบบเปิดเผยอย่างไอ้เติร์กนี่ ไม่ต้องเสียเวลามาจีบ ไม่ต้องเหนื่อยมาศึกษากันและกันหรอกว่ะ บอกเลยกูไม่เอา ไปหลอกแดกเด็กปีหนึ่งที่ไม่รู้กำพืชมึงนู้นไป๊

   “หลงตัวเอง” ไอ้ทอมปากมอมมันเยาะ ผมเลิกสนใจมัน หันมาฟังคำตอบจากเจ้าตัวที่ยังเก็บเงียบอยู่

   “กายคิดมากไปเอง เติร์กก็ทำแบบนี้กับทุกคน”

   “จะบอกว่าเป็นเพราะประสบการณ์ความเจ้าชู้ที่โชกโชนเลยทำให้ทรีตคนเก่งว่างั้น” ผมถามกลับ

   พรวด !! คราวนี้สำลักคู่เลยจ้า ดีที่ไอ้ทอมมันฉลาดขึ้นมาหน่อยคายลงชามตัวเองไป ไม่เดือนร้อนผมให้ต้องหอบชามหนีอีกรอบ

   หรือผมจะพูดแรงไป คงจี้ใจดำแม่งแหละ เลยสำลักกันขนาดนี้ ไถ่โทษด้วยการรินโค้กให้พวกมันคนละแก้วแล้วกัน

   “ไหวไหมนั้น” ผมถามแต่ไม่ได้ลูบหลังมัน เพราะมันไม่ได้จะอ้วก มองมันกับไอ้ทอมที่สำลักจนหมดหล่อแล้วก็ขำ

   “กายพูดซะเติร์กดูแย่ไปเลย” ไอ้เติร์กมันว่า หยิบทิชชู่สีชมพูกลิ่นแปลก ๆ แถมยังแข็งหาความนุ่มละมุนในเนื้อสัมผัสก็ไม่มี เอามาเช็ดปากลวก ๆ

   “ก็เรื่องจริงไง” คราวนี้มันเถียงไม่ออก แต่ไอ้ทอมหัวเราะ หึ ๆ ถูกอกถูกใจ

   “นี่เติร์กปกติสุดแล้ว กายอย่าคิดมากสิ”

   เอ่อ ... ได้ยินมันยืนยันแบบนี้ กายค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

   ผมพยักหน้ารับ แล้วก้มกินต่อรีบ ๆ จัดการไอ้บะหมี่ชามนี้ให้หมด ๆ ไปจะได้ไปดูแลไอ้คนเมาเสียที ไม่รู้ป่านนี้อ้วกเละเทะเต็มเตียงผมไปหรือยัง

   จะเรียกมารขวางความสุขหรือเรียกอะไรก็ได้ ที่กำลังใช้ตีนเขี่ย ๆ ผมอยู่ ผมเงยหน้าที่ซุกกับหมอนหอม ๆ ของตัวเองขึ้นมองไอ้เตอร์ที่หน้ายับผมชี้โด่ชี้เด่ บนหน้าอันแสนหล่อเหล่าของมันมีน้ำเกาะเต็มไปหมด ตาขาวมีเสีนเลือดสีแดงแทรก ดูน่ากลัว

   “ตื่นแล้วก็ลุกไปส่งกู” ไอ้มารขวางความสุขมันว่า ตีนยังไม่หยุดสะกิดปลุก ผมดิ้นแด่ว ๆ ขัดใจ ขาก็ยกขึ้นถีบมันกลับ พร้อม ๆ กับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปรงจะนอนต่อ

   “เหี้ยกายครับ กูมีเรียนเก้าครึ่ง” ใครสนกูมีเรียนสิบเอ็ดตรง มีเวลางีบอีก

   “กูจะสายแล้ว สิบห้านาทีล๊อกห้องนะ เร็ว” มันเร่งผมจำใจต้องลุกมานั่งมองหน้ามัน

   ลำบากกูจัง เรื่องเมื่อคืนยังไม่ชำระความกับมันเลย นี่อะไรมากวนเวลาพักผ่อนกันอีก ไอ้คนไม่สำนึกบุญคุณคน

   “จะให้ส่งที่ไหน” ถามมันหน่อยเดี๋ยวมันงอน ยื้อเวลาบิดขี้เกียจต่ออีกหน่อย เพราะมันตั้งใจมาเมาตั้งแต่แรกหรืออะไรไม่ทราบได้ ไอ้คนที่ปกติขับรถไปไหนมาไหนเองเลยนั่งแท็กซี่มากินเหล้าข้างคอนโดผมเมื่อคืน

   “หอกูสิ” ห่ารากคอนโดมันแถวสะพานควาย ดงรถติดชัด ๆ เหลือบมองนาฬิกา แปดโมงครึ่ง ชั่วโมงเดียวไม่มีทางทันแน่ ๆ

   “กูว่าไม่ทันมึงตัดใจเถอะ” ผมมองหน้าหงอย ๆ ของมันก็สงสาร สุดท้ายมันเลยต้องอาบน้ำแล้วใส่ชุดนักศึกษาผมแล้วไปเรียนแทน เป็นไงถึงจะเมาเหมือนหมาแต่มีความรับผิดชอบนะครับ

   ไอ้เตอร์นะเข้าเรียนทันเวลาแถมยังไปแอบงีบในห้องเรียนอีกแบบชิว ๆ แต่ไอ้กายสิครับ ไอ้เหี้ย หลังจากที่ลงมาส่งไอ้เตอร์ ไอ้กายที่แสนจะขี้เกียจและรักการพักผ่อนเป็นชีวิตจิตใจ ก็กลับมาฝังร่างลงบนเตียงเรียนสิบเอ็ดตรงแต่ตื่นสิบห้าสิบ วิ่งสิไอ้กายวิ่ง ไม่งั้นแม่งตาย

   วิชานอกคณะอีกแล้ว คราวนี้ตรงดิ่งไปที่คณะเทคโนฯ ภาคคอม เพื่อเรียนการใช้โปรแกรมพื้นฐานมองซ้ายมองขวาก่อนแอบเข้าห้อง แต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาคมดุจเหยี่ยวได้

   “เด็กนิเทศฯ เข้าไม่ต้องตรงเวลาเหรอ” นั่นไง ไม่ได้ทักธรรมดาเสียที่ไหน จารย์ทักออกไมค์ คนทั้งคลาสสามสิบชีวิต และเพราะมันเป็นวิชานอกคณะ แถมยังพื้นฐานเบสิกสุด ๆ อีก พวกวิศวะข้างหน้า สถาปัตย์ทางซ้าย นิติฯ และบริหารอีกครึ่งห้อง เลยหันมามองพร้อมทำหน้าเหยียด ๆ ใส่กูอีก แต่เดี๋ยวเถอะ ไอ้พวกที่มอง ๆ นั่นแต่งตัวเรียบร้อยผูกไทด์ตามระเบียบตั้งแต่หัวจรดตีนเลย นี่มันปีหนึ่งชัด ๆ จะโทษคนคิดหลักสูตรหรืออะไรดี ที่ดันยัดวิชาพื้นฐานที่คนคณะอื่นเรียนตั้งแต่ปีหนึ่ง มาให้เด็กนิเทศฯ อย่างพวกผมเรียนกันตอนปีสอง ผลคือขายขี้หน้าเด็กมันไง

   “โทษครับจารย์” ผมยกมือไหว้ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ พวกนิเทศฯ พวกเดียวกันแต่ต่างสาขา จ้า ไอ้กายคนอินดี้ ไม่ได้สนิทชิดเชื้อคนในสาขาสักคน ไม่ใช่ว่าหยิ่งอะไรนะ แต่เขาไม่คบจ้า นิสัยไม่ดีจ้า ที่สนิทสุดเลยกลายเป็นไอ้คอปเตอร์จากโฆษณา ใบเฟิร์นกับเปาเปา จากบรอดแคสต์

   “รู้วิธีเปิดคอมนะ นี่เรียนมาสามสัปดาห์แล้วนะคะ” หัวเราะสิรออะไร นักศึกษาร่วมสามสิบชิวิตหัวเราะกันเสียงดัง ก่อนอาจารย์สาวสวยที่แสนจะใจดี หลังจากถามไถ่ผมด้วยความเป็นห่วงก็เริ่มสอนต่อทันที

   ทีคนอื่นสายไม่เห็นจารย์จิกขนาดนี้ ใช่ซี้เด็กนิเทศฯ มันไม่ใช่ลูกรักนี่

   ข้อดีของวิชานี้คือทำงานเป็นชิ้น ๆ ส่งในชั่วโมง ไม่มีการบ้าน ไม่มีรายงาน ไม่มีจับกลุ่ม แต่ขอเสียคือกูทำไม่ทันไง สายแค่ยี่สิบนาทีจารย์ไม่เห็นใจกันเลย

   ผมที่ก้ม ๆ เงย ๆ จากหนังสือสลับกับมองโปรเจ็คเตอร์ที่กำลังฉายโปรแกรมพิมพ์งานที่ปกติเรามักจะก๊อปปี้ วาง ปริ้น ส่ง อย่างเดียวแต่นี้ไอ้โปรแกรมห่านี้ มันทำอะไรได้ตั้งเยอะแบบไม่เคยรู้มาก่อน เครื่องไม้เครื่องมือเยอะจนงงไปหมด แค่จำเครื่องมือในโฟโตช็อปกับคีย์ลัดมันก็ว่าเหนื่อยแล้ว นี่ยังต้องมาหัดใช้เครื่องมือในเวิร์ดแถมจำคีย์ลัดเพิ่มเพื่อเอาไปสอบแค่อย่างเดียวนะ ในชีวิตจริงใช้แค่ ก๊อปปี้ กับวางแค่นั้นอ่ะ

   นี่เรียนวรสารนะ ปีนี้มีการเขียนเพื่องานวรสารแค่นั้นแหละที่เป็นวิชาในสาขา นี่เสียเวลาไปปีกว่า ๆ เพื่อเรียนอะไรไม่รู้ไม่เกี่ยวกะสาขาที่ลงเรียนเลยให้ตายเถอะ

   “มีไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงสวรรค์ดังอีกแล้ว ถ้าจำไม่ผิดได้ที่นั่งข้าง ๆ นี่เด็กฟิล์มนะ พวกเรียนภาพยนตร์อะรู้กันเนาะ เป็นสาขาที่เท่ห์มาก ออกกองแต่ละทีเรื่องราวใหญ่โต น่าสนุก บรอดแคสต์เหมือนพวกเปาเปาเรียนก็เท่ แต่ไม่วุ่นวายเท่าเด็กฟิล์มหรอก เพราะส่วนใหญ่ถ่ายรายการกันในสตูดิโอ ส่วนวรสารอย่างผมนี่อาวุธมีแค่กล้อง กับมือถือเพื่อบันทึกเสียงสัมภาษณ์ มีสมุดโน้ตแล้วก็ปากกาไว้จดยึกยือ แล้วก็ต้องมานั่งแกะว่า กูเขียนห่าอะไรลงไปว่ะ พวกติส ๆ หน่อยก็เด็กโฆษณา เรียบร้อยสุดพวกพีอาร์ สาขาการประชาสัมพันธ์นะ เพราะพวกนี้ใส่สูทเรียน เพื่อความน่าเชื่อถือ ไม่ได้ปล่อยเป็นลูกลิงลูกหมาเหมือนสาขาอื่น ๆ ในคณะ ผู้ดีสุดแถมเป็นหน้าเป็นตาให้คนในคณะก็พวกเรียนประชาสัมพันธ์นี่แหละ แต่ถ้าว่ากันเรื่องหน้าตาและความสามารถเยอะนี่ต้องเด็กสาขาการแสดง พวกนี้แอคติ้งเยอะ ดูไม่ค่อยออกว่ารู้สึกอะไรอยู่ ไม่ใช่เพราะเก็บอารมณ์หรือเสแสร้งเก่งนะ แต่เพราะโบท๊อก กร๊ากกกกก ไอ้นี่ก็ไปว่าเขา

   ผมหันไปหาไอ้คนข้าง ๆ ด้วยความปิติ แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงเหมือนลูกโป่งโดนเจาะลม

   “เหี้ยเติร์ก”

   “เรียกเติร์กเหี้ยอีกแล้วนะ ทักกันดี ๆ บ้างสิ” มันว่าแต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไร ผมมองซ้ายมองขวา เห็นไอ้ทอมนั่งอยู่มุมห้อง ข้างมันเป็นไอ้เด็กฟิล์มคนนั้น ก่อนจะหันมามองไอ้คนข้าง ๆ

   “นักศึกษานิเทศฯที่มาสายคะ ตั้งใจฟังดิฉันด้วยค่ะ” เวรละไง จารย์เล่นไอ้กายอีกแล้ว

   “ขอโทษครับจารย์” ผมว่าเสียงอ่อย

   “เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นตั้งใจเรียนอย่ารบกวนคนอื่นที่เขาตั้งใจ จะขอบคุณมากค่ะ” นางทิ้งท้าย ก่อนจะเปิดปากสอนต่อเนียน ๆ เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากเพื่อนร่วมคลาสอีกรอบ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวปัญหาที่นั่งข้าง ๆ

   “ตั้งใจสิ มันว่า” ก่อนจะยื่นมือมาแย่งเม้าส์จากผม แล้วทำส่วนที่ผมยังติดอยู่ให้ทันที่จารย์สอน ด้วยอิริยาบถที่มันเอาตัวมาใกล้จนได้กลิ่นโคโลนจ์หอมฟุ้ง แต่ไม่ยักจะฉุนจนแสบจมูก เหมือนเวลาอยู่กับคนอื่นในลิฟต์

   “จะแอบดมคอเติร์กเหรอครับ” มันหันกลับมา ยิ้มมุมปากแล้วทำตาเจ้าชู้ใส่ เหอะ ๆ หลงตัวเอง มันผละออกเมื่อทำเสร็จ ไวจัง

   “มึงเอนตัวมาหากูเอง”

   “ถ้าไม่ชอบก็ขยับตัวหนีได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องทนดมกลิ่นคนอื่นเลย หรือจริง ๆ กายชอบครับ เติร์กให้ดมได้นะไม่หวง” ไอ้เหี้ย โมโห

   “มึง” ยังไม่ทันที่จะได้แก้ตัว มันก็ยกมือมาปิดปากให้เงียบก่อน แล้วมองไปหน้าห้องเหมือนจะเตือนว่าเด่ะก็โดนดุอีกรอบหรอก เลยต้องเงียบปากไว้ แอบเห็นอาจารย์คนสวยเหลือบมองมานิดหนึ่ง ก่อนจะสนใจหน้าจอต่อ

   ไอ้เติร์กหันกลับไปทำงานตัวเองต่อ มีหันมาอธิบายให้ผมฟังด้วย เพราะมาสายไปยี่สิบนาที แถมวิชานี้ยังเรียนแค่ชั่วโมงเดียว ไม่ได้เรียนสามชั่วโมงต่อครั้งเหมือนวิชาอื่น ๆ สิ่งที่ผมพลาดไปเลยมากทีเดียว สิบนาทีสุดท้ายให้เครียร์งานให้เรียบร้อยก่อนจะเซฟแล้วส่งเข้าเมลล์จารย์คนสวยเหมือนทุกครั้งที่เรียน

   “อะไร” พอหลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานจนเสร็จ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าไอ้เติร์กจ้องผมอยู่

   “ไปกินข้าวกัน เที่ยงพอดี”

   “ไม่ล่ะ นัดเพื่อนไว้แล้ว” ถึงไม่ได้นัดก็เถอะ ไอ้เตอร์เรียนเสร็จเที่ยงครึ่งพอดี ยังไงไปรอมันที่ใต้ตึกคณะพอมันลงมาก็เนียน ๆ ไปกินข้าวกับมัน

   “แต่กายติดเลี้ยงข้าวเติกร์อยู่นะ” มันทวงเพราะไอ้เมื่อคืนที่ตั้งใจพามันมากินก๋วยเตี๋ยวเพื่อตอบแทนที่มันอุตส่าห์แบกไอ้เตอร์กลับห้องให้ แถมมันยังละเว้นไม่ทำร้ายไอ้ที่เมาเยี่ยงหมานั่นอีก แต่คนมันลนไง รีบมากจนลืมหยิบกระเป๋าตังค์ลงมาด้วย สุดท้ายคนเลี้ยงเลยเป็นไอ้คนข้าง ๆ ผมแทน แถมไอ้ทอมปากมอมเพื่อนมันยังทำสีหน้าดูถูกดูแคลนผมเสียใหญ่โต

   ขายหน้าไหมล่ะ นึกแล้วก็โมโหไอ้ตัวต้นเหตุ อยากกระทืบแม่งให้ตายคาตีน

   “หรืออยากเจอเติร์กบ่อย ๆ เลยดึงเวลาครับ” รอยยิ้มกวน ๆ แต่ตาเจ้าชู้ฉ่ำหวาน จ้องผมอย่างไม่ปกปิด เอ่อก็ใจสั่นแหละว่ะ มีผู้ชายหล่อ ๆ มาทำแบบนี้ใส่ แถมเราเองก็ชอบผู้ชายอีก ใครไม่หวั่นไหวนี่แนะนำให้ไปบวชเถอะ

   บ๊ะไอ้ห่านี่ ไหนบอกไม่ได้จีบไง แต่จะเคลิ้มไปกับมันไม่ได้เด็ดขาด

   “เที่ยงครึ่งเจอกันโรงอาหาร วิศวะ” โรงอาหารวิศวะนี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย แถมยังได้เยอะ เพราะธรรมชาติผู้ชายคณะนี้ตะกละ เลยกลายเป็นที่ฝากท้องของคนครึ่งมหาลัย และเด็กนิเทศฯ เองก็ชอบแถมคณะเรายังติดกันอีก เดินไปเหงื่อยังไม่ซึมก็ถึงแล้ว สะดวกป่ะล่ะ

   ไอ้เติร์กยักคิ้วให้สองจึ้กเป็นอันตกลง ก่อนจะเดินกอดคอไอ้ทอมจากไป


2 Be con ...

 :L2: :L2:


คำผิดเยอะเนาะ แก้เท่าไหร่ก็ไม่หมด /กุมขมับ

ปล. ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านงานเขียนของเราจ้าาา
รักนะตัว...

 :L1: :pig4: :L1:



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
002


กายครับ กายสิทธิ์ – คนจะซวย ซวยที่ใด ใช่ที่นี่ คนจะดี ดีที่หม ขอดมหน่อย #คอปเตอร์ดีหม



   จะอะไรก็ช่างโกรธมันเลยตั้งตัสด่ามันไป ไม่แท็กด้วย ไม่กล้าพอ เกรงใจญาติพี่น้องมันในเฟซบุ๊กด้วยแหละ เผื่อมาเจอเดี๋ยวจะหาว่าคบเพื่อนหยาบคาย แต่คนหน้าหนาอย่างมันมีเหรอจะสะดุ้งสะเทือน

คอปเตอร์ ไม่เพ้อเจ้อนะ – มีปังยาทำได้แค่นั้นอ่อ? กาก กูหาสัมผัสกับความลื่นไหลไม่เจอ ถ้ากูเป็นจารย์กูจะยึดเกรด A วิชาการเขียนเพื่องานนิเทศฯ คืน

   เจ็บ เจ็บกว่าการที่มันด่ากลับอย่างเจ็บแสบเสียอีก เพราะไอ้วิชาที่ไอ้เตอร์พูดถึงเป็นวิชาคณะที่เด็กปีหนึ่งทุกคนต้องเรียน เพราะได้ชื่อว่านิเทศฯแล้ว มันหนีไม่พ้นการสื่อสารทุกคนต้องมีทักษะ สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดยังไงล่ะ

   กายทำได้ไม่ดีพอตรงไหนกัน

พริ้งพริ้ง ขาเผือก – ถ้าจะเกริ่นมายาวเพื่อจะเอา ดีหม มาด่าเพื่อนแบบนี้นะ ด่าตรง ๆ เถอะพี่ขอ เสียเวลาไปเท่าไหร่ ไหนพูดสิคะ

   อารมณ์บูดยิ่งบูดหนักกว่าเดิมเมื่อแกล้งมันแล้วไม่สำเร็จ รอไม่นานไอ้เตอร์ก็เดินออกจากลิฟต์มาพร้อมกับไอ้เปาและใบเฟิร์น วันนี้พวกมันเรียนวิชาคณะกันตั้งแต่เช้า เมื่อเจอเป้าหมายเป็นไอ้หล่อสูงใหญ่ ผมจึงพุ่งตัวกระโดนขี้หลังมันทันที

   “โอ๊ย ๆ ลง ๆ หนักอย่างกับช้างสาร” ไอ้เตอร์โวยวาย แถมยังสลัดผมให้ลงจากหลังมัน ใบเฟิร์นหัวเราะใหญ่

   “เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ อายพวกปีหนึ่งมันบ้าง” คนสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มว่า แต่อารมณ์บูดมันมีมากกว่าอารมณ์อาย ถึงจะเพิ่งเปิดเทอมได้แค่สามสัปดาห์ และเราควรอยู่ในอารมณ์เงียบขรึมให้น้องมันเกรงอกเกรงใจบ้าง แต่ใครสน เอาอารมณ์หงุดหงิดมาลงกับไอ้เหี้ยเตอร์นี่ถูกแล้ว

   “จะลงไม่ลง” ไอ้เตอร์ขู่เสียงเขียว แต่ผมกระชับกอดคอมันแน่นขึ้น ขาก็เกี่ยวเอวมันไว้กลัวตก เตรียมรับมือไอ้เตอร์เวอร์ชั่น เกรี้ยวกราด แต่มันเหนือกว่า ไอ้เตอร์เลือกที่จะขยำก้นเด้งดึ่งของผม แทนการสลัดให้หลุดจากหลังมัน

   “ฮ่า ๆ ๆ ไม่เอาเหี้ยเตอร์ พอ ๆ กูลงแล้ว ฮ่า ๆ” ผมดิ้นคลุกคลัก หอบจนตัวโยนบนหลังมัน พยายามจะฝีนลงแต่ไม่สำเร็จเพราะมือมันไม่ยอมปล่อยจากก้นผม เอาซะเต็มไม้เต็มมือเลยแหม่ ถ้าเป็นเปาทำเนี่ยระทวยไปแล้ว เสียตรงที่มันไม่เคยแต๊ะอั๋งผมเลย มีแต่ผมเนี่ยที่ชอบจับนั่นนี่ของไอ้เปามัน ให้ใบเฟิร์นโวยวายใส่ แต่ไอ้คนที่จับตอนนี้มันเหี้ยเตอร์ไง คอปเตอร์คนเหี้ย เลยไม่รู้สึกอะไรนอกจากจั๊กจี้ที่ตูด

   “ยอมหรือยัง”

   “กายยอมแล้วครับคอปเตอร์ พอเถอะเด่ะจู๋แข็ง” ผมว่า หยุดดิ้น หอบแฮ่ก ๆ ซบหน้าลงกับไหล่มัน

   “จัญไรมากเหี้ยกาย” ไอ้เปาด่า แต่คนสวยข้างมันกลับขำไม่หยุด ดูชอบใจใหญ่ ในที่สุดไอ้เตอร์ก็ยอมปล่อยผมลง มันจัดเสื้อผ้าที่ยับย่นด้วยหน้าตาบูดบึ้ง

   พอหลุดจากไอ้เตอร์ได้ อารมณ์ผมก็ดีขึ้นหันไปกระแซะไอ้เปาต่อ

   “หยุดเลยเปาเปา” ผมว่าชี้หน้าขู่ไอ้เดือนคณะไปด้วย พอมันเงียบเลยกระแซะเข้าไปไกล ควงแขนล่ำๆ มันด้วย แต่เปาเปา มันรักเพื่อนไม่ว่าอะไร แขนขวาเป็นของน้องกาย แขนซ้ายของเดือนสุดหล่อเป็นของเมียมัน ส่วนข้างขวาผมหนีบได้เตอร์มาควง กันท่ามันจากสาว ๆ ให้มันอารมณ์เสียเล่น สะใจดี เดินตรงไปยังโรงอาหารคณะวิศวะ เพราะก่อนมารอ มันใต้ตึกนัดกับพวกมันไว้แล้ว เรื่องอะไรจะไปกินข้าวกับไอ้เติร์กตามลำพัง ขนาดมันยังพกไอ้ทอมไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไปคนเดียวเสียเปรียบแย่ หนีบเพื่อนอีกสามไปเป็นไม้กันหมา โดยที่พวกมันไม่รู้ด้วยด้วนนะ แสนดีไหมล่ะ เพื่อนพวกมึง

   “กายมาเร็วกว่าเวลานัดด้วย” ชะงักกันสิ ไม่ไช่แค่หนึ่ง แต่ได้ถึงสี่ เพราะทันทีที่มาถึงโรงอาหาร ไอ้เติร์กก็พาหน้าหล่อ ๆ มันมาตอนรับ

   “ใครนัดมึง” ไอ้เตอร์ถามเสียงแข็ง มองหน้าไอ้เติร์กอย่างหาเรื่อง แถมยังมองผมอย่างสงสัย

   “กูคุยกับมึงเหรอ” ไอ้เติร์กถามกลับเสียงห้วน เลิกคิ้วสูงดูกวนตีน จนผมกลัวใจไอ้เตอร์เหลือเกิน

   จะด้วยความบังเอิญหรือผีห่าซานตานกลั่นแกล้งไอ้เตอร์ก็ไม่รู้ เมื่อโต๊ะยาวที่พอจะนั่งสี่คนในเวลาเที่ยงสิบห้านาทีในโรงอาหารคณะวิศวะไม่ว่างเลย แต่โต๊ะที่ไอ้ทอมนั่งหัวโด่อยู่กลับพอที่จะยัดร่างควาย ๆ ของผู้ชายสี่ห้าคนได้แบบสบาย ๆ แถมยังมีที่เหลือ ๆ ให้ร่างสวยอย่างใบเฟิร์นนั่งได้อีก

   ถ้าจะกินและไม่อยากนั่งกับพวกมัน ต้องแยกกันสองกลุ่ม และอาศัยนั่งรวมกับคนอื่น ผมเลยไม่ต้องโน้มน้าวอะไรให้พวกมันยอมนั่งร่วมโต๊ะกับไอ้เติร์ก

   “กายกูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกัน อีกยาว”เหี้ยเตอร์มันกระซิบ ก่อนจะดันให้ผมนั่งตรงกลาง โดยมีข้างขวาเป็นใบเฟิร์น และข้างซ้ายเป็นมัน และไอ้เปาเปาของผมต้องระเห็จตัวเองไปนั่งฝั่งตรงข้ามข้าง ๆ ไอ้เติร์กเลย ก็ที่มันไม่พอ

   “กินอะไรดี” สาวสวยหนึ่งเดียวเอ่ยถามเสียงใส พยายามเมินบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะ และแม้อาการสงสัยใคร่รู้ในแววตาของนางจะแสดงออกอย่างชัดเจนจนปิดไม่มิดว่าคุณเธอนั้นกระหายใคร่รู้ว่าผมสนิทกับพวกนี้ได้ยังไง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม

   บอกแล้วว่าถ้าไม่ชอบเผือกร้อน ๆ นี่เรียนคณะห่านี้ไม่ได้หรอก เชื่อสิ

   “ก๋วยเตี๋ยวไหมคนไม่เยอะ อยากกินอะไรร้อน ๆ” ไอ้เตอร์เสนอ ผมส่ายหัวพรืดใหญ่ รสชาติยังติดอยู่ปลายลิ้นอยู่เลย

   “ไม่อยากกินเส้น” เอียนและคงจะไม่กินไปอีกนาน

   “ข้าวหมูแดงไหมล่ะ ได้เยอะดี ร้านเดียวกัน” ไอ้เปาออกความเห็น มะ...หมูแดงอีก นี่ก็ไม่เอา

   “ไม่เอามันอ้วน” ผมบอกปัด ตอนนี้อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ทั้งก๋วยเตี๋ยวและอีหมูแดง กินไม่ลง

   “เรื่องมาก” ไอ้ทอมเปิดปาก มองผมอย่างเอือม ๆ

   ไอ้ที่เรื่องมากนี่มันเพราะใครกันครับ พวกมึงคือต้นเหตุล้วน ๆ เลยไหมเล่า

   “ยุ่งไรกับเรื่องของพวกกูครับ พวกมึงจะกินอะไรไปสั่งสินั่งฟังพวกกูคุยกันทำไม ไม่มีมารยาท” เย็นไว้ไอ้เตอร์ กูอุตส่าห์ช่วยมึงไว้เมื่อคืน อย่าทำเสียแผนสิ แต่จะบอกมันยังไงล่ะ

   “ถามว่านั่งฟังทำไม ก็อยากรู้กายมันกินอะไร” ไอ้เตอร์ชะงักปากที่จะเถียงต่อ กูว่าบรรยากาศแปลก ๆ แบบเมื่อคืนแม่งกลับมาแล้วว่ะ แล้วดู ๆ ไปออกจะเข้มข้นกว่าด้วยซ้ำ ไหนว่าไอ้เติร์กไม่ได้คิดจะจีบกูไง

   พอหมดจากไอ้เติร์ก ก็เหลือไอ้ทอม หรือไอ้ทอมมันจะชอบผม นี่ก็ของแสลงครับ เพื่อนกันระดับความเหี้ยก็ไม่น้อยหน้าอะไร แต่ที่สงสัยคือ ไม่เคยเห็นมันมีแฟน แถมยังไม่ได้ยินข่าวว่ามันควงใครด้วย ดูเป็นคนเข้าถึงยาก นิ่ง ๆ แบบพระเอกนิยายเกย์ที่เคยอ่านเลย หรือว่าบางที พวกมัน...

   ไม่นะเว้ยย กูไม่หมู่กับพวกมึงนะ แค่นึกก็ขยาดแล้ว

   “นี่คิดอะไรชั่ว ๆ อีกหรือเปล่านะ” ไอ้ทอมถาม ไม่ถามเปล่ายื่นมือมาวางแหมะกลางหน้าผาก จะไม่โกรธมันหรอกถ้ามันวางธรรมดา แต่นี่ไม่ไงใช้กริยาว่า ฟาด น่าจะตรงกว่า

   “เฮ้ย เกินไปแล้วไอ้เหี้ย” ไอ้เตอร์ลุกพรวดพร้อม ๆ กับง้างหมัด ดีที่ผมกับใบเฟิร์นครุบทัน

   “เตอร์ใจเย็นสิ ไปสั่งข้าวไป เฟิร์นเอาบะหมี่หมูแดงนะ กายกินไร” นับว่าเป็นความฉลาดของแม่คุณห้ามทับพร้อมกับหลอกล่อกันพวกมันออกจากโต๊ะไปในคราวเดียว

   “กูจะกินข้าวมันไก่ เดี๋ยวไปซื้อเอง” ผมว่าเตรียมลุกไปด้วยกันจะได้เคลียร์กับห่าเตอร์ไปด้วยเผื่อมันจะใจเย็นลง

   “ข้าวมันไก่มึง มันไม่อ้วนกว่าข้าวหมูแดงไอ้เปาตรงไหน” อีนี่ก็ขยี้จัง ผมส่งสายตาดุ ๆ ปรามแม่คนสวยหนึ่งเดียวในโต๊ะ

   “กายไม่ต้อง เอาข้าวมันไก่ต้มนะไม่เอาผักชีใช่ไหมครับ เติร์กก็อยากกินข้าวมันไก่เหมือนกัน มึงก็จะกินเหมือนกันใช่ไหมทอม เดี๋ยวกูไปซื้อให้ มึงไปซื้อน้ำแล้วกัน กายเฝ้าโต๊ะนะ” ไอ้เติร์กจัดแจงเสร็จสรรพก็ลุกเดินตรงไปยังร้านข้าวมันไก่ ในขณะที่ไอ้ทอมเพื่อนมันมองตามงง ๆ แถมยังทำหน้าเซ็งไล่หลังด้วย เหมือนจะตามความคิดเพื่อนตัวเองไม่ทัน แต่ก็ยอมเปิดปากถามในที่สุด

   “เอาโค้กเหมือนเดิมใช่ไหม”

   ไอ้ทอม ไอ้คนไม่มีมารยาท พอมันถามเสร็จมันรอคำตอบที่ไหนกัน ขายาว ๆ ก้าวดุ่ม ๆ ตรงไปร้านน้ำทันที แถมทิ้งระเบิดไว้ให้ผมอีก ไอ้เตอร์กับไอ้เปาที่เตรียมจะไปซื้อบะหมี่มันนั่งลงที่เดิมทันที พร้อม ๆ กับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้

   “กินเสร็จกูว่าไปนั่งย่อยที่ตอนโดไอ้กายกันเถอะ” ไอ้เปาเปิดปาก แต่สายตามันจ้องจับผิดผมเต็มที่

   “พวกมึงไม่มีเรียนกันหรือไง” ผมถาม ไม่ได้จะเลี่ยงพวกมันแต่ตารางเรียนมันผมจำได้ พักแค่ชั่วโมงเดียว ไปกลับคอนโดผมก็หมดเวลาแล้ว ไหนกว่าจะแดกเสร็จกันอีก

   “จารย์แคนเซิลคลาสว่ะ เสียใจด้วย ระหว่างนี้มึงเขียนสคริปรอกูได้เลย” ไอ้เตอร์ว่าทิ้งท้าย ตบไหล่ผมหนัก ๆ ก่อนจะลากคอไอ้เปาไปร้านบะหมี่

   “เดี๋ยวนี้หัดมีความลับนะ” ใบเฟิร์นพูดลอย ๆ ตาจับจ้องที่แผ่นหลังไอ้เปา สอดส่ายสายตาดูว่าใครอ่อยผัวมันบ้าง

   น่ากลัวแปลก ๆ แฮะวันนี้

   “รู้ด้วยว่าชอบกินโค้ก และไม่กินผักชี ไม่ธรรมดา” นางยังคงพึมพำให้ได้ยิน ยอมแล้วจ้า กายสิทธิ์ยอมแล้ว จะคายทุกอย่างเลยจ้า ผมส่งยิ้มหวานเจี้ยบให้ใบเฟิร์น

   ทำไมอานุภาพของความกระเหี้ยนกระหือรืออยากรู้เรื่องชาวบ้านมันน่ากลัวแบบนี้

   คิดว่าหายนะมันจบลงตรงที่ไอ้เติร์กกับไอ้ทอม มันโดนผีเข้าเพราะอยู่ ๆ ก็เกิดอยากอยู่ในโครงการ คนหล่อขอทำดี อาสาซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้ผมแล้วล่ะก็ คิดผิดเพราะพ่อคุณทอมมี่เพื่อรักไอ้เติร์กมันกวนตีนซื้อน้ำมาแค่สามแก้วครับ ของมัน ของไอ้เติร์กเพื่อนมัน และก็ของผมเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ผิดคาดหรอก เพราะคนไม่ถูกชะตากันจะให้มีน้ำใจให้กันนะเหรอ เลิกคิดเถอะ เดือดร้อนไอ้เปาต้องวิ่งไปซื้ออีกรอบ

   “ก็ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรกัน ซื้อมาไม่ถูกใจหาว่ากูแกล้งอีก” มันว่าก่อนลงมือกินข้าวในจานไปเงียบ ๆ

   และความเจ้าชู้ของไอ้เติร์กก็สำแดงเดชอีกรอบเมื่อตลอดเวลามื้อเที่ยง มันเอาอกเอาใจผมออกนอกหน้า จนไอ้เตอร์ไม่พอใจ แถมยังซื้อไก่ต้มอีกจานใหญ่ มาแบ่งเหมือนเกี๊ยวน้ำตอนเที่ยงคืนไม่มีผิด ผมต้องส่งสายตาดุ ๆ ให้มันหยุด แต่มันก็ยิ่งแกล้งยั่วโมโหไอ้เตอร์หนักกว่าเดิม

   “กายถลึงตาใส่เติร์กทำไมครับ” เวรเอ๊ยย กูดุมึงไง

   ดูเหมือนการที่ไอ้เติร์กเอาใจผมจะทำให้ไอ้เตอร์หัวเสีย มันกระฟัดกระเฟียดไม่หยุด ส่วนไอ้ทอมที่ดูอยู่เงียบ ๆ ก็ดูจะชอบเหมือนกันที่ไอ้เตอร์เกือบ ๆ จะแปลงร่างจากเหี้ยเป็นหมาบ้า

   “ค่าข้าวค่าน้ำเท่าไหร่” ผมถามเตรียมควักเงินให้มัน ไม่ลืมหรอกนะที่นัดมากินข้าวเนี่ย เพราะมันขอให้เลี้ยงข้าวหรอก จ่าย ๆ มันไปจะได้จบกันแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่ต้องเจอกันอีก หมาบ้าเตอร์จะได้กลับร่างเหี้ยเตอร์เหมือนเดิม ดูน่ารักกว่าเยอะ

   กูทำเพื่อมึงคนเดียวเลยนะเหี้ยเตอร์ จระเข้น้อย ๆ ของน้องกาย

   ไอ้เปาที่นั่งตรงข้ามมองอย่างสนใจ ขมวดคิ้วสงสัยว่าผมเลี้ยงข้าวพวกแม่งด้วยเหรอว่ะ

   “มันทำอะไรมึง” ไอ้เตอร์ถามเสียงห้วน “มันขู่อะไรมึงบอกกูมา ทำไมต้องมากินข้าวกับมัน แถมยังต้องเลี้ยงมันด้วย”

   “พวกมึงแม่งเหี้ยว่ะ” ไอ้เตอร์กำหมัดแน่น สายตาดุดันจ้องไอ้เติร์กกับไอ้ทอมเขม็ง

   “เตอร์ใจเย็นมันไม่ได้ทำอะไรกู” ผมบอก ไอ้เตอร์มองหน้า แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เชื่อ

   “มึงไม่ได้ต้องกลัวมันนะ พวกหมาหมู่ มึงเพื่อนกู เพื่อนต้องช่วยเพื่อนสิ” เอ่อสิเพื่อนต้องช่วยเพื่อน กูก็กำลังช่วยมึงอยู่นี่ไง แต่มึงกำลังจะทำเสียเรื่องไงเหี้ยเตอร์ พ่อคนดีของกู นั่งลง ผมดึงมันนั่งลงได้สำเร็จในที่สุด

   “สรุปค่าข้าวมึงเท่าไหร่” ผมหันไปถาม รีบเคลียร์ให้จบ ๆ จะได้แยกกันเพราะนี่ก็ใกล้วางมวยกันแล้ว

   “กายผิดสัญญาเติร์ก” คู่กรณีไอ้เตอร์เปิดปาก “เติร์กชวนกายมากินข้าวด้วยกัน หมายถึงแค่กายนะ แต่กายพาเพื่อนมาด้วยแบบนี้เป็นโมฆะนะ เอาไว้คราวหน้าเราไปกินข้าวกันสองคนนะครับ”




   ไอ้เตอร์ดูหัวเสียหนักกว่าเดิมดูมันทุรนทุรายเมื่อรู้ความจริงจากปากผม เพราะทันทีที่มาถึงคอนโดผมก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้พวกมันฟัง ไอ้เตอร์สีหน้าขยะแขยงดูรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าโดนไอ้พวกนั้นกอดรัดมันด้วยครามรัก อันที่จริงผมก็เล่าแบบพิเศษใส่ไข่แหละ หมั่นไส้มันที่ให้ผมเผชิญหน้ากันพวกนั้นตามลำพังคนเดียว

   “ซอกคอไอ้เติร์กหอมไหมล่ะ เห็นมึงเอาหน้าซุกไม่ยอมปล่อย”

   “ไอ้เหี้ยกาย ขนลุก” ไอ้เตอร์ถีบขาผมเบา ๆ มันดูหัวเสียเมื่อโดนล้อ

   “พวกมันก็ดูเป็นคนดีนี่” ใบเฟิร์นว่า

   “ใช่ม่ะ พวกมันก็ไม่ได้แย่อะไร ไอ้เตอร์เล่าซะจนพวกมันดูเป็นนักเลงหัวไม้” ใบเฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วย

   “มึงอ่ะเลว ถ้าเกิดพวกแม่งเป็นเหมือนที่มึงเล่า กูไม่อยากคิดว่ากายมันจะมีสภาพเป็นยังไง ก่อเรื่องไปทั่ว” ไอ้เปาตบหัวไอ้เตอร์เสียเต็มรัก

   “หาเรื่องเดือดร้อนให้เพื่อนจนได้นะมึง” เห็นแมะคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ จากสายตาคาดคั้นจับผิดเมื่อตอนกลางวันกลายมาเป็นสายตาเห็นอกเห็นใจเมื่อผมต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ส่วนเหี้ยน้อย ๆ ของผมก็ได้รับความเอ็นดูเสียโครมใหญ่ สมน้ำหน้า

   “เอ่อ ๆ กูขอโทษ กูผิดไปแล้ว” เหี้ยเตอร์มันขอโทษอย่างสำนึกผิด

   “เดี๋ยวค่าข้าวกูไปเคลียร์ให้เอง มันจะได้เลิกยุ่งกับมึง” ผมยิ้มไม่หุบ

   “ของคุณนะจระเข้น้อยของกู” แถมหยิกแก้มมันแรง ๆ ด้วยความเอ็นดูไปอีกหนึ่งที “ค่าเหล้ากูเมื่อคืนด้วย”

   “เอ่อ”

   น่าเอ็นดูจริง

   หลังจากเผือกจนพวกมันหายใจหายคอคล่องแล้ว มันก็อัญเชิญตัวเองกลับโดยมีไอ้เตอร์ลงไปส่ง ส่วนผมไถหน้าจอกระดิกตีนรอ เพราะไม่มีอารมณ์อยากจะดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่

   “เรื่องที่กูบอกว่าอยากให้มึงเลิกยุ่งกับพวกไอ้เหี้ยเติร์กนะ กูจริงจังนะกาย” ไอ้เตอร์ที่กลับขึ้นมาอีกครั้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้มีแววล้อเล่นอย่างเคย

   “พวกนั้นมันไม่น่าคบหรอก นิสัยมันเหี้ยจริง ๆ มึงก็รู้” น้ำเสียงเป็นกังวลของไอ้เตอร์ทำให้ผมต้องลุกมามองหน้า สบตาที่หลุกหลิกและสีหน้าที่กังวลใจของมัน

   ใช่ผมรู้ ไม่ใช่แค่ผมหรอก เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วทั้งคณะแหละว่าไอ้เติร์กจริง ๆ ควรเรียกมันว่า พี่เติร์ก ด้วยซ้ำเพราะประวัติความเกเรของมันใช่ย่อยที่ไหน ทั้งเรื่องความเจ้าชู้ เสเพล ทะเลาะวิวาทกันในมหาลัย นี่ก็เป็นมหาลัยที่สามของมันแล้ว แต่ล่ะที่ไม่เคยขึ้นปีสองสักที ที่นี่ที่แรกที่มันผ่านปีหนึ่งมาได้แบบไม่ต้องไปเป็นเฟรชชี่มหาลัยที่สี่ในชีวิตมัน ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงยอมกลับตัวมาตั้งใจเรียน และทำตัวดีขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มาอาจจะเพิ่งคิดได้ หรือที่บ้านยื่นคำขาดก็ไม่อาจรู้ได้ แต่อย่างน้อยวันนี้มันก็ไปเรียนทันแบบไม่สายเหมือนผม

   อยู่ปีสองแต่อายุเท่ากับพวกปีสี่ไปแล้วเหี้ยเติร์กนะ

   “อย่าทำเหมือนมึงหึงกูไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้แบบนี้ดิ่”

   “ก็เหี้ยล่ะ” มันว่าผลักหัวผมจนหงายหลังลงกับโซฟา “กูซีเรียส”

   “กูรู้ แต่กูดูแลตัวเองได้” ผมกลับขึ้นมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม ตบบ่ามันปุ ๆ เพื่อยืนยันว่ากูดูแลตัวเองได้จริง ๆนะเว้ย

   “กูไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”

   “แล้วมึงกังวลเรื่อง”

   “กลัวว่ามึงจะหลงเสน่ห์มัน แล้วมันจะทำมึงเสียใจ”

   “นี่ไง หึงกูชัด ๆ”

   “ไอ้สัสกาย กูจริงจัง” มันจับผมล๊อคคอจนดิ้นไม่หลุด

   “เจ็บไอ้เตอร์ ปล่อย”

   “หรือกูควรจับมึงปล้ำทำเมียกูไปเลยจะได้จบ ๆ” ไม่ว่าเปล่าไอ้เตอร์ก้มลงหอมแก้มผมทันที

   โอ้โห้ ไอ้เหี้ยขนลุกไปหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นเปาเปาของผมโดนแบบนี้คงจู๋ตั้ง แต่ก็นั่นแหละนี่มันไอ้เหี้ยเตอร์ ขนลุกอย่างเดียวพอ

   “ปล่อยอีเตอร์ หอมกูแบบนี้เดี๋ยวราคาตก” มันหัวเราะชอบใจ แต่ก็ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ สีหน้ามันดีขึ้นไม่ได้บูดบึ้งแล้ว

   “กลับห้องมึงไปได้แล้ว กูจะนอน” ผมไล่ มันทำท่าไม่อยากกลับ แต่ผมรู้ว่ามันก็ฝืนเต็มทนแล้ว สุดท้ายมันก็ยอมกลับคอนโดเพื่อพักผ่อน

   “มีเรื่องอะไรโทรหากูนะ เข้าใจไหม แล้วก็เรื่องไอ้เติร์กอย่าไว้ใจมันมาก” แต่ก็ไม่วายกำชับหนักแน่นเรื่องอริมัน ผมเลยพยักหน้ารับให้มันสบายใจ มองมันเดินไปโบกแท็กซี่หน้าคอนโดจนรถมันแล่นออกไปผมเลยกลับขึ้นห้องไปพักผ่อน


มีต่อด้านล่าง
.
.
.

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
   จวบจนแสงสุดท้ายหายลับไปจากท้องฟ้าแล้วนั่นแหละเป็นเวลาตื่นของผม ตื่นมาก็หิวสิ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นมาหน่อย หิ้วตระกร้าผ้ารวมทั้งชุดของไอ้เหี้ยเตอร์ด้วย ลงไปส่งร้านซักรีดใต้คอนโดแล้วออกไปหาไรกินที่เมเจอร์ บ้านอยู่ใกล้ห้างก็ดีแบบนี้แหละ ข้ามสะพานลอยเดินดูของข้างทางอีกหน่อยก็ถึงแล้ว

   เดินดูของเพลิน ๆ เท้าก็ดันไปเหยียบอิฐปูพื้นของ กทม. ที่มันสภาพพัง ๆ จนเข่าอ่อนเกือบจะล้มลงไปกองให้ได้อายประชาชีในเวลาหนึ่งทุ่มแบบนี้ ถ้าไม่ใช้เพราะคนข้างหลังคว้าไว้ทัน

   “เป็นอะไรไหมครับ” อย่าได้คิดว่านี้จะเป็นเสียงสวรรค์ ผมได้ยินจนจำได้โดยไม่ต้องหันไปมองมันแล้ว ไอ้เจ้าของเสียงนรกนี่

   “ทำไมกายซุ่มซ่ามแบบนี้ละครับ” มันถามต่อ แต่ดูเหมือนมันหลอกด่าชอบกล ก่อนจะปล่อยมือจากเอวผม มันไม่ได้อ่อยอิง ไม่มีอารมณ์เสียดายไม่อยากปล่อยอะไรแบบนั้น ไม่ต้องฟินกัน


   “ขอบคุณ” กายสิทธิ์เป็นคนมีมารยาทนะเอ่อ จะให้เชิ่ด ๆ แล้วบอกไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อยนั่นไม่ใช่นิสัยหรอก

   “กายมาดูหนังเหรอ” มันถาม คราวนี้มันมาคนเดียวว่ะ ไม่ได้มีไอ้ทอมตามมาด้วย

   “มาหาข้าวเย็นกินอ่ะ” ผมตอบมันไปตามมารยาท

   “พอดีเลย เติร์กก็ตั้งใจจะมาหาอะไรกินเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมครับ” กำลังจะตอบตกลง แต่ไอ้เตอร์เตือนให้อยู่ห่าง ๆ มันไว้นี่ ผมลังเลสุดท้ายก็เชื่อเพื่อน ผมคนรักเพื่อนอยู่แล้ว กำลังจะอ้าปากปฎิเสธมันแต่มันฉลาดชิงพูดก่อน

   “กายยังไม่ได้เลี้ยงข้าวเติร์กเลยนะ” นั่นไง แต่จะบอกมันยังไงว่าไอ้เตอร์จะจัดการเคลียให้ มันจะคืนค่าบะหมี่แถมด้วยค่าข้าวมันไก่กับโค้กให้พรุ่งนี้

   “ไปเถอะ กายอยากกินอะไร” อ้าวยังไม่ได้ตกลงเลยนะเฮ้ย

   “กินเสต็กไหม” ผมถาม หลงกลมันจนได้สิ เอาเถอะพรุ่งนี้ค่อยเบิกค่าเสต็กจากไอ้เตอร์มัน เหมือนกันแหละ ดีเสียอีกผมเคลียเรื่องให้จบเร็วกว่าที่คาด แล้วก็ไม่ลืมคลำหากระเป๋าตังค์กันพลาด เดี๋ยวหน้าแตกอีกรอบคราวนี้ของแพงด้วย

   “เอาสิตามใจกายเลย”

   “เฮ้ยไม่ได้ ๆ กูจะเลี้ยงขอบคุณมึงที่ช่วย ต้องตามใจมึงสิ”

   “เติร์กอยากกินเสต็ก”

   “แน่นะ” มันยืนยันด้วยการพยักหน้าแล้วรุนหลังผมให้เดินเข้าร้านเสต็กสีเขียว ในเมเจอร์

   ระหว่างรออาหารที่สั่งก็ลุกไปตักสลัดมากินรอหยิบเยลลี่กับมูสช็อคมากินด้วยอร่อยดี นาทีนี้จะของคาวของหวานไม่ต้องสนแล้ว หิวคือกิน จะกินก่อนกินหลังมันลงไปรวมกันในท้องอยู่ดี

   “กายทานซุปไหม” ไอ้เติร์กถาม ผมส่ายหัวไปมา ไม่ชอบ

   รอไม่นานพ็อคช็อปชิ้นโตก็มาเสิร์ฟพร้อม ๆ กับเสต็กอกไก่ของไอ้เติร์ก พวกเล่นกล้ามนี่น่าเบื่ออะไร ๆ ก็อกไก่ ไอ้เปาอีกคน

   เสต็กร้านนี้อย่างแรกที่ต้องกินคือขนมปังเพราะมันอร่อยผมฉีกขนมปังแผ่นเล็กเข้าปากเคี้ยวหมุบหมับไม่ได้สนใจไอ้คนตรงหน้า

   “ชอบเหรอกาย” ผมพยักหน้ารับเพราะปากยังเคี้ยวอยู่ แม่สอนว่าเวลาอาหารอยู่ในปากห้ามคุย มันเสียมารยาท “เอาของเติร์กไปด้วยสิ ช่วงนี้งดแป้ง” มันบอกพร้อมกับใช้ส้อมจิ้มขนมปังมันมาให้ในจาน

   “ได้ไง คาร์โบไฮเดรตก็สำคัญนะ ต้องทานด้วย” ถึงไม่ได้รู้หรอกว่ามันงดแป้งทำไม แต่เคยอ่านในหนังสือเรียนเขาบอกต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่ไง มันสำคัญหมด

   “งั้นกายป้อนเติร์กหน่อย” นั่นไงไอ้นี่

   “จีบกูป่ะเนี่ย” ผมวางขนมปังในมือลงกับจานยกน้ำขึ้นดื่ม ไอ้เติร์กยิ่งแฉ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

   “ไม่ได้คิดจะจีบตอนนี้” มันว่า เอ่อแบบนี้ไอ้กายค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ... สบายใจกับผีนะสิ ไม่ได้คิดจะจีบตอนนี้ แปลว่าในอนาคตมันจะจีบงี้เหรอ

   “เลิกคิดเถอะ กูไม่ชอบคนเจ้าชู้” จะเล่นจะจริง บอกมันไว้ก่อนจะหาว่าไอ้กายหลงตัวเองก็เอาเถอะ

   “ไม่คิดจะให้โอกาสกันบ้างเหรอ”

   “ไม่ล่ะ รู้ ๆ กันอยู่ คบคนเจ้าชู้ไม่มีอะไรดีหรอก” มันเงียบปากไป ถอนหายใจแรง ก่อนก้มหน้าก้มตากินไปเงียบ ๆผมก็เหมือนกัน รีบกินให้หมดจะได้ไปตักสลัดมาเพิ่ม ฮ่า ๆ สวัสดีพุงจ้า

   แต่แล้วผลของความเจ้าชู้มันก็สำแดงเดชเมื่อเด็กไอ้เติร์กเดินหน้าบึ้งเข้ามายืนจังก้ามองหน้ามันกับผมสลับกันไปมา

   “พี่เติร์กนัดป้องมาดูหนังสองทุ่มครึ่ง แต่แอบมากินข้าวกับคนอื่นลับหลังป้องแบบนี้ได้ไง” น้องป้องของมันหน้าตาบูดบึ้งมองผมอย่างไม่เป็นมิตร

   “ก็ป้องนัดพี่แค่มาดูหนังไม่ได้บอกว่าจะทานข้าวเย็นด้วยจะให้พี่ทำไงล่ะ” ไอ้เติร์กดูหงุดหงิด แต่มันพยายามข่มใจไม่เสียงดัง

   “แล้วนี่ใคร เด็กใหม่เหรอ” สายตาอาฆาตถูกส่งผ่านมาให้ผม โห่นี่มันชีวิตจริงหรือละครช่องเจ็ดกันว่ะ เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกเนี่ย ขนาดผมเวลาจับได้ว่าผัวเหี้ย ๆ มันมีชู้ยังไม่เคยวีนแตกแบบนี้ มารยาทน้องป้องรู้จักไหมเอ่ย แล้วอย่าเหมารวมว่าทุกคนจะนิสัยเหมือนตัวเองสิครับ ผมได้แต่ด่าในใจ พยายามสร้างภาพคนดีไว้ ไม่โวยกลับ

   คนมันคิดจะไปมีคนอื่น คือมันหมดรักแล้ว มีสิทธิ์อะไรไปด่าทอเขา ถ้ามันชอบเหี้ย ๆ ก็ปล่อยมันไป ไม่เคยคิดจะรั้งอยู่แล้ว แต่อีน้องป้องอะไรนี้ คงจะถูกอกถูกใจไอ้เติร์กแน่ ๆ ถึงได้กล้าวีนแรงเบอร์นี้ อาจจะเป็นตัวท็อปของมันก็ได้

   “ป้อง นี่กายเพื่อนที่คณะพี่ ให้เกียรติพี่เขาด้วย พี่เคยให้เรายุ่งเรื่องส่วนตัวพี่เหรอ แล้วพี่ก็แค่บังเอิญเจอกับเพื่อนเลยแวะทานข้าวรอเราแค่นั้น” อีเด็กป้องหน้าซีด เมื่อไอ้เติร์กดุมัน แต่ดูเหมือนจะยิ่งกระตุ้นให้อีเด็กป้องนี้เลือดขึ้นหน้า แต่ก็พยายามความคุมอารมณ์

   “ป้องขอโทษ”

   “ป้องก็อยู่ในที่ของป้อง พี่เคยบอกว่ายังไง” โห้มีที่ของป้องด้วย และแน่นอนไอ้กายเดาไว้เลยต้องมีที่สำหรับคนอื่น ๆ อีกเยอะแน่ ๆ

   ยิ่งไอ้เติร์กต่อว่า ไอ้เด็กป้องก็เหมือนจะยิ่งเกลียดผมมากขึ้นไปอีก สายตาดุดุนรุนแรงถูกส่งมาให้ผมอย่างไม่ปิดบัง

   ได้...เกลียดไอ้กายเหรอ อกแตกตายไปเลยไอ้เด็กเวรเอ้ย ไม่รู้ไอ้เติร์กทนพวกนิสัยแบบนี้ได้ยังไง สงสัยเรื่องบนเตียงคงถึงอกถึงใจมัน

   “เติร์กก็ใจเย็น ๆ สิครับ” ผมพูดเสียงนุ่มทำตัวเป็นแม่พระ พร้อม ๆ กับเลื่อนมือไปกุมมือไอ้เติร์กมันมองอย่างแปลกใจ พอ ๆ กับที่ไอ้เด็กป้องตาโตจนแทบถล่นออกมาจากเบ้า

   “เติร์กก็ไม่ได้บอกกายเหมือนกันนะว่านัดดูหนังกับคนอื่นไว้ เจอรถไฟชนกันแบบนี้แล้วกายจะกลับยังไงล่ะทีนี้” ผมแอบทำหน้าเศร้า แต่ก็ยักคิ้วท้าทายไอ้เด็กป้องไปด้วย แน่นอนว่าไม่ได้คิดจะปิดบังได้เติร์ก ความร้าวฉานคืองานของเรา เรื่องใส่ไฟ ยุแยงตะแคงรั่วนี่ก็อีกสันดานหนึ่งของเด็กนิเทศฯนะ

   “พี่เติร์ก” ยังไม่ทันที่ไอ้เด็กป้องจะได้โวยวายต่อ ไอ้เติร์กก็จัดการลากแขนเด็กมันออกไปนอกร้าน แต่เพราะเรานั่งติดกระจก พวกมันสองคนเลยอยู่ในสายตาผมตลอด ไอ้เติร์กยัดเงินห้าร้อยบาทให้เด็กป้อง คงจะให้ไปซื้อตั๋วหนังรอ ก่อนไปไม่วายหันมามองผมตาขวาง แต่ใครแคร์ล่ะ

   ร้ายใช่เล่นนะเราเนี่ย กลัวใจตัวเองแฮะ

   “กายร้ายจังนะครับ” ไอ้เติร์กกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม ถึงปากมันจะว่าแบบนั้นแต่ดูมันอารมณ์ดี ทั้งที่เพิ่งทะเลาะกับเด็กมาเนี่ยนะ เป็นไอ้เตอร์นะ มันกลายร่างเป็นหมาบ้าไปแล้ว พิลึกคนจริง ๆ

   “เด็กมึงกวนตีนกูก่อน มองเหมือนกูแย่งผัวมันงั้นแหละ ไม่ชอบเลยว่ะ” ผมบ่น ไอ้เติร์กหัวเราะในลำคอ

   “ก็ไม่เชิงหรอก” ห๊ะ มันว่าอะไรนะ อะไรไม่เชิง

   “นี่ตกลงจะจีบกูใช่ไหม” ผมถามอย่างเหลืออด “หรือจะเขี่ยเด็กป้องนั้นทิ้ง เลยใช้กูเป็นเครื่องมือ”

   “ก็บอกว่ายังไม่คิดจะจีบตอนนี้” ไอ้เติร์กยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เหมือนเดิมถ้าหลบคือกลัวมัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่หลบ จ้องหน้ามันตอบอย่างท้าทาย “กายถามไม่ตรงคำตอบสักทีนี่ ถ้ากายถามเติร์กว่าทำแบบนี้เพราะอะไร เติร์กก็จะตอบว่า ทำไปเพราะชอบกายนะครับ”

   ไอ้เหี้ยขนดากลุก
.
.
.
.
2 be con... :katai5:



จัดหน้าเหนื่อยมากตัว

ปล. ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่สละเวลามาอ่านนิยายของคิณทรธนะครับ
ปลปล. รอเม้นท์แรกอยู่นะ ฮ่ออออออลลลลลลลล

รักนะตัว

 :L2: :pig4: :L2:




ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปักไว้

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกค่ะ เขาดูแซ่บทั้งคู่เลยจ้าาา ชอบกายอ่ะ 55

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
003
กายครับ กายสิทธิ์ – รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ให้มันหาเจอ


   หลังจากที่ตัวเองนั้นจับพลัดจับผลูต้องกินข้าวกับได้เกย์คิงสุดฮอต 3 มื้อติดในระยะเวลา 18 ชั่วโมง แถมมันยังสารภาพว่ามันชอบผม แต่ดีหน่อยที่มันเองยังไม่ได้คิดจะจีบผมตอนนี้ จากที่ฟังมันพล่ามอะนะ

   ความซวยกำลังจะมาเยือนประตูหลังขนาดนั้น ใครจะไปยอมกันล่ะ นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องซวยเบอร์ไหนถ้าได้คนอย่างมันเป็นผัว เหอะ ๆ ถึงความหล่อ ความรวยของมันจะดึงดูดเก้งครึ่งค่อนมหาลัย ให้ต่างก็พากันแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนคณะนิเทศฯ แต่เก้งกวางชาวพิราบอย่างเรา ๆ ต่างก็รู้ดีถึงความเหี้ยของมัน ป๊อบแค่ช่วงปีหนึ่งเทอมแรกแค่นั้นแหละ จากนั้นมาก็เข็ดกัน หลงเหลือไว้แค่ความชื่นชมเรื่องหน้าตาดีไปวัน ๆ ของมันเท่านั้นแหละ อารมณ์ดูแต่ตา แต่ไม่คิดอยากแตะต้องมัน แต่ก็มีเหยื่อนอกคณะมาติดกับมันเรื่อย ๆ ยืดยกภูมิใจได้ไม่เกินสองวัน จากนั้นชีวิตบัดซบทันที

   โดนฟันแล้วทิ้งไง ฮ่า ๆ สงสารจุงกะเบย

   นี่ชีวิตจริงครับ ไม่ใช่ในนิยาย ไม่ต้องคิดว่า ใคร ๆ ก็ต่างพาตัวเองใส่พานให้มัน หวังจะพิชิตใจและเป็นคนสุดท้ายของพี่เติร์ก ถุย

   ใคร ๆ ก็อยากเจอรักดี ๆ ทั้งนั้น ถึงมันจะรวยแค่ไหน แต่อย่าลืมนี่มหาลัยเอกชน แหล่งรวมผู้รากมากดีนะจะบอกให้ ไอ้ประเภทคบเพราะเงินทองนั้น เด็กมหาลัยนี้ไม่สนจ๊ะ แค่ที่พ่อ แม่ ประเคนให้ก็เหลือกินเหลือใช้กันแล้วคุณ

   ในเมื่อหายนะกำลังจะมาเยือนถึงที่แถมยังนำพาราคีมาแปดเปื้อนตำแหน่งเดือนสาขาวรสารของผม ถึงตำแหน่งมันจะกระจ่อยร่อยถ้าเทียบกับตำแหน่งเดือนคณะของเปาเปาอะนะ แต่มันก็คือความภูมิใจของไอ้กายสิทธิ์คนนี้ไง

   แต่ครั้งนี้นั้นจะหลบมันวิธีไหนกันล่ะ หลังจากหลบมันได้ตั้งเกือบ ๆ อาทิตย์แล้ว นี่ก็ครบรอบต้องเรียนวิชาเดียวกับมันอีกครั้งก็วิชาจารย์คนสวยไง

   “เป็นอะไรมึงหลุกหลิก ๆ” ไอ้เตอร์เปิดปากถาม ตาก็มองสไลด์ไปด้วย มือมันก็จดยิก ๆ ตามจารย์ วันนี้ผมให้มันแวะรับมาเรียนกับมันแต่เช้า นี่ก็นั่งฟังจารย์สอนไปด้วย แกล้งเหี้ยเตอร์ไปด้วย

   “ตื่นเต้นจะได้เจอไอ้เติร์กอะดิ่” ใคร ใครมันเห่าแถวนี้ว่ะ

   “พ่อมึงอ่ะ ส้นตีน” ไอ้ตินติน เพื่อนร่วมสาขาของไอ้เตอร์มัน เป็นห่าไรไม่รู้สาขาโฆษณานี่ ต.เต่า ทั้งนั้น เพื่อนมันอีกสามสี่คนที่ลงเรียนด้วยกันผมก็พอคุ้นหน้ากันดี เที่ยวด้วยกันบ้างประปราย พวกนี้เด็กเรียนแต่ไม่เนิร์ดนะ กินเหล้าสูบบุหรี่ นิสัยดีทุกคนเหี้ยหน่อยก็ไอ้เตอร์นี่ไง แต่ส่วนใหญ่ไอ้เตอร์มันใช้เวลากับผมและก็สองผัวเมียดาวเดือนคณะมากกว่า “พวกนั้นดีเกินไปที่กูจะสุงสิงด้วย” มันบอกเมื่อครั้งที่ผมถามว่า เอาแต่หมกตัวอยู่กับพวกผม ไม่ยอมอยู่กับเพื่อน ๆ มันบ้าง และไอ้เปาก็ตบหัวมันฉาดใหญ่ สมน้ำหน้ามัน

   “นี่ตินตินเองกาย ไม่ตีนเนาะ”

   ถามว่าทำไมมันถึงรู้นะเหรอ ก็หลังจากวันนั้น วันที่ผมกินเสต็กกับไอ้เติร์ก เช้าวันต่อมาผมก็มาเล่าเรื่องที่ไอ้เติร์กชอบผมให้เหี้ยเตอร์ฟัง ด้วยอาการขนลุกขนพองราวกับเจอผี จึงไม่ได้คิดให้รอบคอบ เปิดปากเล่าให้พวกแม่งรับรู้กันหมด มันเลยแซวไม่หยุด มีชื่อเล่นว่า เติร์กดาร์ลิ้ง ด้วยขนลู๊กกกไปหมดแร้วค้าาา

   “เอาน่ามันไม่ทำอะไรหรอก เราไม่เล่นด้วยซะอย่าง จะกลัวอะไรมัน” ไอ้ต้อมที่นั่งข้าง ๆ หันมาคุยด้วย ไอ้นี่มีเหตุมีผล นั่นสิผมจะกลัวมันทำไม ก็ไอ้เตอร์แหละ เอะอะก็บอก ระวัง ๆ มัน ผมก็พลอยกลัวไปด้วย

   “มันกลัวเป็นขี้ปากเขาอะดิ่ เกิดชาวบ้านชาวช่องรู้เข้าว่า ไอ้เติร์กตามจีบเดือนวรสารปีสอง รับรองมันเป็นจุดสนใจคนทั้งคณะแน่ ๆ” นั่นแหละไอ้ตีน นั่นคือสิ่งที่กูกลัวอีกอย่างล่ะ ผมพยักหน้าหงึกหงักให้มัน

   “มึงก็ไปพูดให้มันกลัว เดี๋ยวไม่กล้าไปเรียน นี่ทั้งอาทิตย์กูต้องไปรับ ไปส่งมันที่หน้าห้องเรียน จนเขาเข้าใจผิดหมดแล้วว่ากูเป็นผัวมัน” ไอ้เตอร์ว่าอย่างเซ็ง ๆ กูเองก็เซ็ง ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจเลยเถอะ

   “พวกมึงไปเรียนกับกูม่ะล่ะ ไปม่ะตีน ไปม่ะต้อม” ไม่ได้จริงจังหรอก ชวนไปงั้นแหละ วิชาที่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ มันมีจำกัดต่อห้องถึงมันไปพวกมันก็ต้องนั่งรอหน้าห้องเรียน พวกมันส่ายหน้าไปมา

   “พวกกูยังไม่เลิกคลาสเลยแมะ ตอนมึงเรียนอ่ะ แถมต้องไปคณะเทคโนฯอีกไกลไปป่ะ” หาเหตุผมมาอ้างแบบจริงจังสมกับเป็นไอ้ต้อม รู้แล้วค้าบบบว่าพวกคุณ ๆ ไม่ไปด้วย

   สองขาค่อย ๆ ก้าวไปตามบันไดทีละขั้น ทีละขั้น ลิฟต์เสียเหรอ? ป่าวหรอก อยากยืดเวลาเจอกับมันไปอีกนิด ผมเลยลงลิฟต์ที่ชั้น 5 แล้วเดินไปชั้น 7 อันเป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะเทคโนโลยีและสารสนเทศ นี่ไม่ได้บอกแต่กำลังอ่านป้ายสีเงินวาววับให้ฟัง

   ทำไมมันถึงเร็วแบบนี้ว่ะ ไอ้ห่า ลงไปใหม่อีกรอบดีไหม คราวนี้เดินตั้งแต่ชั้น 1 เลย

   “กายทำอะไรนะครับ” สะดุ้งสิ ไอ้เสียงที่ผมจำได้ดี และเคยบอกว่ามันเป็นเสียงสวรรค์นั่นแหละ คราวนี้นรกของจริง

   “ไงมึง หวัดดีเว้ย” เป็นไงล่ะ ทักทายได้เป็นธรรมชาติสุด ๆ โบกมือให้มันด้วยเพื่อความสมจริง

   “หึ” ไอ้ทอมที่ยืนสูบบุหรี่ อยู่ข้าง ๆ เพื่อนมันส่ายหัวไปมา

   “มึงนี่ ทำตัวประหลาดขึ้นทุกวัน” ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกมึงจะมายืนสูงบุหรี่กันตรงนี้โว้ยยย กูหลบหน้าพวกมึงไง เจองี้ก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ มึงสิประหลาด ได้แต่เก่งในใจแหละ ใครจะกล้าด่าโต้ง ๆ

   คืองี้ บันไดทางขึ้นลงตึกอ่ะ มันติดกับส่วนที่เป็นระเบียงมีไว้สำหรับให้สูบบุหรี่นั่นแหละ เพราะเป็นอาคารสูงไอ้ครั้นจะให้ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปสูบข้างล่าง คนมันก็ขี้เกียจ ถ้าไม่มีไว้มันก็ไปสุมหัวกันสูงในห้องน้ำกันหมด นี่ขนาดมีโซนสูบบุหรี่ทุกชั้น มันก็ยังมีพวกที่แอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำอยู่ดี

   “ไม่ได้คุยกับกายตั้งหลายวันเลย” ไอ้คนพูดยิ้มมุมปาก ก่อนจะดับบุหรี่แล้วก้าวเข้ามาหา

   ก็ไม่อยากคุยไงว่ะ ถึงได้หลบหน้าอ่ะ แค่นี้ทำมาเป็นพูด ใคร ๆ ก็รู้กัน

   ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มให้มันแทน แต่คงเป็นยิ้มที่ดูประหลาด ๆ แหละ รีบจ้ำอ้าวเดินไปห้องเรียนดีกว่ายืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้ามัน มันเองก็เดินตามต้อย ๆ แต่พอถึงหน้าห้องน้ำ ไอ้คนที่เดินตามมาอยู่ดี ๆ ก็กระชากผมเข้าไปข้างในห้องน้ำที่ร้างผู้คนด้วยกัน

   อะไรกันกายยังไม่ปวดนะ เพิ่งเข้าที่คณะมาเอง ไอ้เหี้ยใครก็ได้ตอนนี้มาเข้าห้องน้ำก่อน เร็ว ปกติเข้าทีไรไม่เคยว่างนะ แต่คราวนี้คนไปไหนหมดว่ะ ไอ้เหี้ยเอ้ย

   “ชู่” มันยกมือขึ้นปิดปาก กอดผมเข้าประชิดตัวมัน หลังแนบไปกับหน้าอกแน่น ๆ ที่ใครต่อใครอยากสัมผัส แต่ไม่ใช่กูตอนนี้ นรกเถอะ กลิ่นบุหรี่ที่ติดมือมัน ลอยอวลในจมูกก่อนไหลลงปอด มันยกตีนถีบประตูให้เปิดออกก่อนจะดันผมเข้าห้องน้ำ ห้องแรกสุดแล้วล็อคประตูทันที

   “ถ้าเติร์กปล่อย อย่าร้องนะครับ” มันกระซิบชิดใบหูเสียงเบา ลมร้อนที่ออกจากปากมันทำเอาขนลุก ผมพยักหน้ารัว ๆ ให้ไอ้คนที่กอดผมจากทางด้านหลังแน่นไม่ยอมปล่อย “พยักหน้านี่คือตกลงกันแล้วนะ กายเคยดูละครไหมครับ ถ้าโวยวายเจอชกท้องทรุดเลยนะ” ผมตาโตกลัวมันจนมือไม้สั่น ไอ้เหี้ยนี่มันกลางมหาลัยเลยนะ มึงจะตุ๋ยท้องกูกลางวันแสก ๆ เลยเหรอว่ะ “เติร์กไม่ได้ขู่กายเล่น ๆ นะครับ”

   ผมพยักหน้าอีกรอบ เพราะปากยังพูดไม่ได้ ไอ้เติร์กก้มลงจูบที่ซอกคอผม ผมขนลุกทั้งตัว ดิ้นแด่ว ๆ ออกจากอ้อมแขนมัน

   “ชู่... หยุดดิ้นครับ กายรู้ไหมเติร์กต้องข่มอารมณ์แค่ไหน อย่าทำให้เติร์กโมโหกว่านี้เลย กายคงไม่อยากเห็นเติร์กโมโหหรอก จริงไหมครับ” ไอ้เตอร์ นาทีนี้ผมคิดถึงไอ้เหี้ยเตอร์ คิดถึงมันที่เอาแต่เตือนว่าให้อยู่ให้ห่างจากไอ้เติร์ก ใครจะคิดว่ามันจะบ้าบิ่นขนาดจับคนอื่นปล้ำในห้องน้ำมหาลัยว่ะ

   จมูกของไอ้คนข้างหลังก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอผม “เอียงคอหน่อยครับเติร์กไม่ถนัด” เอียงให้ก็เหี้ยแล้วครับ ไอ้เหี้ยมันมีใครในโลกนี้อีกที่คิดจะปล้ำคนอื่นด้วยถอยคำสุภาพทุกคำบ้างว่ะ ไอ้เหี้ยนี่มันน่ากลัว ไหนจะรอยยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สานั่นอีก ตาคมที่ปกติฉายแววเจ้าชู้หยอกล้อ แต่ตอนนี้กลับดุดันจนน่ากลัว ผมก้มหลบสายตารับรู้อาการที่ร่างกายตัวเองกำลังสั่นเทาไปทั้งตัว จนไม่มีแรงดิ้นรน ถึงมีผมก็ไม่รู้ว่าจะสู้จนรอดจากมันได้หรือเปล่า

   “จารย์เข้าแล้วนะ อีกห้านาทีเริ่มสอน” เสียงจากข้างนอกดังเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นไอ้ทอมเพื่อนมัน พร้อม ๆ กับเสียงเดินอีกสองสามคน คงจะเป็นเพื่อนร่วมคลาสหรืออาจเป็นคลาสอื่นที่มาทำธุระก่อนเริ่มเรียน

   “กายได้ยินไหมครับ เอียงคอให้เติร์กหน่อย รับรองไม่ทิ้งรอยไว้” เสียงนุ่นกระซิบริมหู แต่สายตาอันดุดันของมันทำให้ผมต้องยอมแพ้ เอียงคอออกเงยหน้าไปกับไหล่ไอ้คนข้างหลัง ให้มันได้ฝังจมูกลงกับคอผม

   ความอุ่นวาบกับสัมผัสชื้นแฉะตวัดไล้แผ่วเบา จนขนลุกทั้งตัว ผมไม่ได้รู้สึกดีการการปรนเปรอของมันด้วยซ้ำ กลัวก็แต่เสียงที่เล็ดรอดออกมาจากการดูดเม้ม และพลิกลิ้นไปมาไล้กับซอกคอนั้นจะทำให้คนข้างนอกสงสัย แต่ไอ้คนทำเหมือนจะรู้เหมือนกัน ขายาวของมันยกขึ้นกดคักชักโครกจนเกิดเสียงน้ำดังกลบเสียงที่มันกระทำ

   เอ่อ...แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย พ่อมึงเถอะ มันใช่เวลาเล่นไหมเหี้ยกาย

   จวบจนมันพอใจถึงได้ถอนจมูกและปากออกจากซอกคอผม

   “เจอกันในห้องเรียนนะครับ กายออกไปก่อน ถ้าออกไปพร้อมกันเดี๋ยวคนอื่นสงสัยเอานะครับ” ไม่ต้องบอกก็ไม่คิดจะทำ ใครมันจะอยากให้คนอื่นรู้ว่ามาทำเรื่องต่ำ ๆ นี้ในห้องน้ำมหาลัย โดยเฉพาะคู่กรณีคือไอ้เหี้ยนี้ด้วย ยิ่งไม่ไปกันใหญ่

   “ไม่ต้องบอกกูก็ไม่คิดจะออกไปพร้อมมึง” ผมกระซิบเสียงเบา ชกเข้าท้องมันทีหนึ่ง ไอ้เติร์กกระเด็นชนประตูดังกึก มันงอตัวเหมือนกุ้งในหม้อชาบูที่ผมชอบกิน มือที่เคยใช้ปิดปากผมกุมที่ท้องตัวเอง อีกข้างเท้ากับเข่า เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดไปกองกับพื้นห้องน้ำ

   สะใจโว้ย เป็นไงล่ะไอ้กายไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่าย ๆ นะครับ

   ไอ้เติร์กเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะรอบผมเข้าไปกอดแน่น ปากมันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเหี้ย ๆ เหมือนเดิม “ไปรอเติร์กที่ห้องเรียนนะ ถ้าเติร์กตามกลับเข้าไปแล้วไม่เจอ จะยุ่งเอานะ” ผมรู้มันเอาจริง ไอ้เติร์กปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะเปิดประตู้ห้องน้ำให้ผมออกไปก่อน ห้องน้ำว่างไม่มีคนอยู่ ร่วมถึงไอ้ทอมเพื่อนมันด้วย ดีเหมือนกันจะได้ไม่ทำตัวมิพิรุธให้ใครจับได้

   “อ้าว พี่นิเทศฯที่สายคราวก่อนนี่ครับ วันนี้มาทันด้วย” คนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ทัก ดูจากเสื้อที่ใส่เป็นเสื้อเฟรชชี่ของคณะสถาปัตย์ คราวนี้ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยเหมือนคราวก่อนที่เจอ

   “เออ” ผมตอบรับมัน สำรวจตัวเองในกระจก มันไม่ได้ทิ้งรอยไว้ตามที่มันบอก ผมถอนหายใจอย่างโลกอก ก่อนจะปลดกระดุมแล้วควักน้ำขึ้นมาล้างน้ำลายมัน ไอ้เติร์กผิวปากอารมณ์ดีออกจากห้องน้ำ เดินมาล้างมือข้าง ๆ กัน ผมเลยกวักน้ำถูกแรง ๆ ให้มันรู้ว่าผมรังเกียจมัน

   “เป็นไรพี่ ไปให้ใครดูดคอมา ทำไมต้องล้างขนาดนั้น” ผมชะงักหันมองไอ้เด็กถาปัตย์ ที่นึกจะมาฉลาดรู้ทันอะไรตอนนี้ รู้เด็กมันแค่แซวแหละ แต่คนมันมีชนักติดหลังไง ไอ้เติร์กยิ้มมุมปาก

   “มึงไม่คิดว่ากูจะร้อนบ้างหรือไงว่ะ” แต่ไอ้กายสิทธิ์เสียอย่าง ไม่ได้ตื่นตูมเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก ทำหน้านิ่ง ๆ อาศัยว่าอยู่ปีสอง แผ่รังสีโหดขู่เด็กมันไปก่อน

   “โห่พี่ ผมแค่แซว พี่ก็รีบไปนะจารย์จะสอนแล้ว” มันว่าก่อนวิ่งหายไปทันที

   “เจอกันที่ห้องเรียนนะครับกาย” มันสั่งก่อนล้วงกระเป๋าเดินออกจากห้องน้ำไป

   หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ เสื้อท่อนบนเปียกไปครึ่ง แต่ไม่มีเวลาทำให้แห้งหรอก เดี๋ยวจะสายแล้ว มีขามันวิ่งได้ก็วิ่งเข้าห้องเรียนทันที ไม่อยากจะเป็นตัวตลกให้เด็กมันขำอีกแล้ว เห็นจารย์คนสวยคนเดิมสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะเหลือบตามามองผม

   “อ่าว กายสิทธิ์ เด็กนิเทศฯ ปีสอง” นั่นไง กูว่าล่ะคราวนี้จำชื่อได้แล้ว เลยมาเต็มยศเลย ดีไม่บอกสาขาด้วย ให้ยิ่งอับอายไปกันใหญ่ สายก็ทักตรงเวลาก็ยังจะทักอีกเหรอจารย์

   “จะอาบน้ำทำไมไม่ถอดเสื้อก่อนคะ” นางว่า และเหมือนเดิมเสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งคลาส ในช่วงชีวิตที่มันหม่นหมองเหมือนคนเพิ่งถูกข่มขืนมาแบบนี้ ยังต้องมาเป็นตัวตลกอีก ชีวิตบัดซบจริงไอ้กาย

   “โห่จารย์มันร้อน” จะแก้ตัวทำไมไอ้กายเอ้ย ไม่ได้อยากจะตอบนางหรอกแต่ปากมันไวกว่าสมองไง

   “ร้อน วันหลังก็ต้องรีบเข้าเรียนค่ะ ห้องเรียนเปิดแอร์เย็นฉ่ำ 20 องศา ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็ไม่ต้องตาลีตาเหลือกวิ่งขาขวิดให้เหงื่อออกแบบนี้นะคะ” นั่นไงแม่คุณ มาเป็นชุด พวกที่เหลือมึงก็ขำสิ เอาเลยเต็มที่ ถึงไอ้กายสิทธิ์มันจะเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มาสด ๆ ร้อน ๆ ก็ไม่ต้องแคร์

   ไม่มีใครมาร่วมแบ่งเบาความทุกข์ใจของมันด้วย ชีวิตมันบัดซบ

   “หาที่นั่งเจอไหมคะกายสิทธิ์ เด็กนิเทศฯ ปีสอง ไหนตรงไหนว่างเรียกเพื่อนเรียกพี่กายสิทธิ์นั่งด้วยนะคะนักศึกษา” นี่ก็ย้ำจังชื่อกูเนี่ย อย่าคิดว่าผมจะซวยได้นั่งข้างไอ้เติร์กอะไรนั่น ถึงมันจะส่งสายตาข่มขู่ให้ผมไปนั่งข้างมันก็ตาม ความบังเอิญมันไม่ได้มีบ่อย และผมยังพอจะมีโชคดีอยู่บ้าง เมื่อที่นั่งข้างไอ้เด็กถาปัตย์ที่เจอในห้องน้ำมันว่างอยู่ วันนี้นั่งหน้าห้องนะครับ ตั้งใจเรียนเหี้ย ๆ

   “กูนั่งด้วย” ไม่รอให้มันอนุญาต ไม่ถามด้วยว่าเพื่อนที่นั่งข้างมันไปไหน จะมาสายหรือโดดก็ช่างแม่ง กูจะนั่งตรงนี้

   “นั่งเลยพี่”

   “มีปัญหาอะไร” ไอ้นี่ก็มองกูจัง ผมเมินมัน เปิดโปรแกรมพิมพ์งานขึ้นมา ก้มลงมองชีทสลับกับโปรเจคเตอร์ไปด้วย

   “ดีใจได้นั่งข้างพี่”

   “กู” ผมชี้นิ้วหาตัวเอง มันอมยิ้มพยักหน้ายืนยัน

   “พี่ดังมากเลยนะ มาสายคราวก่อน ใคร ๆ ก็พูดถึง บอกว่าพี่น่ารักดี ขวัญใจคนทั้งเซ็กเลยพี่” โถ่ไอ้เหี้ย มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับกูครับ

   “กายสิทธิ์ เด็กนิเทศฯ ปีสอง อย่าเพิ่งชวนน้องคุยค่ะ จารย์เข้าใจว่าตื่นเต้นได้เจอเพื่อนใหม่ แต่เก็บความดีใจไว้ก่อน ฮึบไว้ ตั้งใจเรียนก่อนนะคะ” หัวเราะกันสิมึงรอให้พ่อมึงเปิดงานเหรอ เอาให้ระงมทั้งห้องเลยคุณ หัวเราะกันเข้าไป ไม่ต้องมองหน้ากูล่ะ

   ผมมั่นใจมากว่าจากนี้เด็กปีหนึ่งทั้งหลายทั้งแหล่ที่เรียนด้วยกันพวกมันก็จะเรียกผมติดปากว่า พี่กายสิทธิ์ เด็กนิเทศฯ ปีสอง เป็นแน่แท้

   “เพราะมึง” ผมด่ามันรอดไรฟัน เหลือบมองจารย์ที่จ้องผมไม่วางตา เลยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วหลบตาจารย์ ทำเป็นตั้งใจเรียนต่อ

   “ผมไม่ได้โง่นะ แต่ไอ้เด็กนี่มันชวนคุย เลยไม่ทัน” ผมแก้ตัว ตอนที่จารย์คนสวยเดินตรวจท้ายชั่วโมงแล้วบอกว่าไอ้ที่ผมทำนะมันผิด แถมยังมีลูกลิงลูกค้างเด็กปีหนึ่ง มุงดูผมด้วย ไอ้พวกนี้นี่

   “ใครทำเสร็จแล้วส่งเข้าเมลล์ครูเลยนะนักศึกษา ส่วนเราอย่ามัวแต่ขำช่วยพี่เขาด้วยปกรณ์” ก่อนไปไม่วายทำผมเป็นตัวตลกอีก ไอ้เด็กถาปัตย์ที่นั่งข้างผมมันชื่อปกรณ์ แต่ไม่ได้หล่อเข้มมีหนวดเหมือนพี่บอยช่องสามนะครับ ไอ้นี่หล่อน่ารักฟีลเจมส์จิแหละ

   แต่ดีตอนแรกรู้สึกเซ็ง ๆ ที่ไอ้ปกรณ์มันบอกทำนองว่าผมเป็นตัวตลกที่พวกเฟรชชี่ชอบอกชอบใจ แต่ไม่ได้มีไว้ขำอย่างเดียวว่ะ ก็ไอ้พวกที่ล้อมหน้าล้อมหลังช่วยดูงานให้ด้วย

   พี่กายซึ้งใจ แต่จะดีมากถ้าพวกมึงไม่ช่วยไปขำคิก ๆ กันไปด้วย

   “พี่ทำให้หนูอยากเรียน โมโครซอฟฯทุกวัน” สาวสวยหนึ่งในคนที่ช่วยผมแก้งานบอกกับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตาเป็นประกาย มีแววขบขัน

   ไมโครซอฟฯ นี่ชื่อวิชานี่แหละ ชื่อเต็ม ๆ คือไมโครซอฟต์ ออฟฟิศ ฟอร์ สดิวเด้นท์ นอกจากมีโปรแกรมพิมพ์งาน ยังมีโปรแกรมที่ใช้พรีเซ้นต์งาน และโปรแกรมคำนวณ สามโปรแกรมยอดฮิตในสำนักงานหรือองค์กรทั่วโลกเลยแหละ

   แต่พี่ไม่อยากมาเรียนเลยครับ นี่ถ้ายังเป็นแบบนี้ได้ดรอปแน่นวลครับพี่น้อง ผมบ่นในใจ ก่อนจะเซฟงานแล้วส่งเข้าอีเมลล์จารย์ หันมาส่งรอยยิ้มพร้อมกับโบกมือลาเด็กมัน เก็บข้าวเก็บของก่อนเดินออกไปอย่างมาดแมน

   เหนื่อยเหลือเกิน วิชาที่เรียนแค่ชั่วโมงเดียวทำไมมันเหนื่อยและสูบพลังเท่า ๆ วิชาเรียนสามชั่วโมงไปได้ว่ะ ยิ่งเห็นรอยยิ้มมัจจุราช ของไอ้เติร์กที่ยืนรออยู่นอกห้อง แล้วเหนื่อยเพิ่มไปอีก 3 เท่า

   ลมเย็น ๆ ที่ลอยปะทะใบหน้ากับบรรยากาศสวย ๆ ริมน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้ทำให้ผมเจริญอาหารเลยสักนิด ผมมองคนตรงข้าม ที่ก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือ ก็พาลไม่สบอารมณ์ขึ้นมาดื้อ ๆ

   หลังจากที่มันบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย มันก็บอกลาเพื่อนสนิทมัน และลากผมขึ้นรถมาได้ มันก็ขับตรงจากบางเขนถ่อมาถึงอยุธยาทันที ห่าลาก จะหนีก็ไม่ได้ด้วย หนียังไงล่ะ เปิดประตูรถที่วิ่งเร็วปานจรวดแล้วหมุนตัวกลิ้งหลุน ๆ ลงมาคอหักตายนะเหรอ ผมยังไม่อยากตายนี่ เห็นแบบนี้ก็ยังอยากมีผัวเหี้ย ๆ คนที่สี่อยู่นะครับ

   “ไหนบอกมีเรื่องจะคุยกับกูไง” ผมถามไอ้เหี้ยที่ลากผมมาไกลขนาดนี้ เพื่อจะนั่งไถมือถือเล่น ว่างมากสินะชีวิตมึงไอ้เหี้ยเติร์ก เวลามันคงเหลือ ๆ อะไรแบบนั้น

   “กินข้าวเสร็จก่อนค่อยคุยก็ได้ครับ คุยตอนนี้เดี๋ยวกายกินข้าวไม่ลงก็แย่สิ” มันว่า พอดีกับที่กุ้งแม่น้ำเผาตัวโตยกมาเสิร์ฟ ไอ้เติร์กแกะกุ้งเนื้อขาวฟู แล้วตักมันกุ้งสีส้มสดน่ากินราดลงไปบนเนื้อกุ้งตามด้วยน้ำจิ้มที่ท่าทางจะแซบน่าดู ก่อนจะตักใส่จานให้ผมอย่างเอาใจ ผมมองการกระทำของมันอย่างไม่เข้าใจ

   “กินสิครับ เดี๋ยวกายจะไม่มีแรงคุยกันนะ” คำพูดสองแง่ สามงามของมันทำเอาผมหน้าตึงขึ้นมา อยู่กับไอ้ห่านี่ผมคงจะเป็นประสาทเข้าสักวัน

   “แรงคุยไม่มีแต่แรงกระทืบมึงเหลือเฟือแน่ ๆ” ไอ้ห่า ไอ้เติร์กยิ้มมุมปาก

   “เชื่อครับเชื่อ ที่ชกเมื่อกลางวันเติร์กยังจุกไม่หายเลยนะ กายนี่แรงเยอะใช่เล่น” ถึงปากมันว่าอย่างนั้น แต่หน้ามันยังระรื่น อ้อนตีนไม่เลิก เหอะ ไอ้นี่รับมือยากจริง ๆ

   เกิดมาไม่เคยเจอใครเหมือนมัน ไอ้ประเภทตื้อเท่านั้นที่ครองโลกนะ เห็นมีแต่ในนิยายกับละครหลังข่าวแค่นั้นแหละ ชีวิตจริงถ้าลองแสดงออกมากขนาดผมว่าไม่ชอบ มันก็ถอดใจหนีหายไปหมด ใครมันจะดันทุรังต่อว่ะ

   นี่ไอ้กายการันตีด้วยผัวเหี้ย ๆ สามคนเลยนะ ถ้าไม่ป่วยโรคประสาทก็คนบ้าที่จะทำ

   “กายชอบทานกุ้งนี่ครับ เติร์กรู้นะ” จำกันได้ใช่ไหมว่าผมเคยด่ามันว่าเพราะนิสัยเจ้าชู้ ช่างเอาใจของมันทำให้มันทรีตคนเก่ง

   มันรู้อีกว่ากายชอบกินกุ้ง คิดว่าใช้ของกินล่อแล้วกูจะยอมเหรอ ถ้าเมื่อก่อนคงใช่ แต่หลังจากที่มันไซร้ซอกคอจนเหม็นน้ำลายและกลิ่นบุหรี่ของมันไปแล้ว ไม่ใช่แน่ ๆ ล่ะไอ้เหี้ย

   “ต้มยำก็อร่อย” มันว่าก่อนจะตักต้มยำกุ้ง แถมแกะเปลือกกุ้งให้อีก ท่าทีแข็งขันน่ามองแถมยังชวนให้ใจสั่น ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้กำพืชมัน คงจะหวั่นไหวไปกับการเอาอกเอาใจของมัน แถมตอนนี้มันยังดูดีไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ราวกับคนละคน

   แต่เสียใจไอ้กายไม่เคลิ้มไปกับเปลือกไร้ประโยชน์เหมือนเปลือกกุ้งที่มันกำลังแกะนั่นแหละ สีสวยแต่เป็นได้แค่เปลือกกินไม่ได้

   “กูแกะเองได้ ไม่ได้เป็นง่อย” ผมบอกมัน แต่ไอ้คนที่เอาแต่ใจอย่างมันฟังที่ไหนกันล่ะ มันเงยหน้าจากกุ้งตัวโตในจานที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแกะให้ผม หันมายิ้มให้

   “เติร์กอยากเอาใจกายนี่ครับ” ผมถอนหายใจ ทอดสายตาออกไปมองแม่น้ำสายหลักของประเทศ ถ้าเป็นคนอื่นผมยอมรับว่าอาจจะหวั่นไหวกับการเอาอกเอาใจ แถมยังปากหวาน ๆ ของมัน จนพาลชอบมันไปแล้ว แต่พอเป็นคนตรงหน้า ทุกอย่างมันกลับว่างเปล่า ติดจะรำคาญด้วยซ้ำที่มาวุ่นวายแบบนี้ แถมมันยังทำเรื่องเหี้ย ๆ ในห้องน้ำวันนี้อีก คะแนนมันยิ่งติดลบเข้าไปใหญ่

   “มึงเองก็รีบกินเถอะ มันจะได้หมด ๆ กูรอฟังธุระของมึงอยู่” มันถอนหายใจ มองผมด้วยแววตาเหมือนหมาถูกเจ้าของดุ

   “กายคงโกรธเติร์กไปแล้วใช่ไหมครับ”

   “กูคงดีใจมั้งไอ้เหี้ย ดูสิเนื้อเต้นเลยไอ้สัส”

   “แต่เติร์กดีใจนะที่ได้ทำแบบนั้น”

   “ไอ้..” จนปัญญาจะสรรหาคำมาด่ามัน ไอ้หน้าด้าน ไอ้เหี้ยเอ้ย

   “เติร์กชอบกายนะครับ”

   “มึงทำเหี้ย ๆ แบบนี้กับคนที่มึงบอกชอบทุกคนเลยป่ะ”

   “ใคร ๆ ก็อยากทำแบบที่เติร์กทำ กับคนที่ตัวเองชอบทั้งนั้นแหละครับ ไม่อยากทำสิแปลก” เป็นอีกครั้งที่ผมหาถ้อยคำมาเถียงกับมันไม่ได้

   เวรเอ้ย

   “กายหลบหน้าเติร์ก นิสัยไม่ดีเลยนะครับ” ผมมองหน้ามัน ไอ้หล่อที่แกะกุ้งอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่มันไม่ได้กินเอง กุ้งสีขาวเนื้อแน่นมีสีชมพูแซมบ้าง ถูกนำมาวางในจานของผม

   “ถ้ากายไม่หลบหน้าเติร์ก เติร์กคงไม่คลั่งขนาดนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะกายเลยนะครับ” ผมมองไอ้คนที่ป้ายความผิดให้ผมอย่างหน้าซื่อตาใส

   ไม่ได้สำนึกแล้วยังโยนความผิดให้คนอื่นอีก นรกแล้วชีวิตไอ้กาย

   “เหอะ มึงนี่มันสุด ๆ เลยว่ะ” ผมมองกุ้งที่มันแกะให้วางเรียงรายในจาน ก่อนจะตักของโปรดใส่ปาก ในเมื่อมันอยากให้กิน ไอ้กายก็จะกินให้ ดีซะอีกของฟรีใคร ๆ ก็ต้องชอบสิว่ะ แต่ผมกลับรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด ดีที่รสชาติอาหารมันอร่อย เลยพาให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

   “ได้กินของโปรดแล้วอารมณ์ดีเหมือนเด็ก ๆ เลยนะกายเนี่ย” ผมชะงักช้อน มองหน้าไอ้คนตรงข้ามที่ยิ้มให้ผมอย่างขำขัน เอ้าตลกเข้าไป

   “แล้วคุณมึงจะทำไมครับ”

   “ไม่ทำไมครับ ก็แค่ ...น่ารักดี” เหอะ หยอดมาเถอะพ่อ ไอ้กายไม่สะเทือนหรอก อย่าคิดว่ามันจะเขินหน้าแดง หูแดงกับลมปากคนเจ้าชู้อย่างมึงไอ้เติร์ก หยอดจนคอแห้งเป็นผงก็เสียแรงเปล่า

   “กูไม่หวั่นไหวไปกับมึงหรอก อย่าพยายามเลย”

   “เดี๋ยวกายก็รักเติร์กเองแหละ ถึงเวลานั้นอย่าเรียกหาแต่เติร์กนะครับ” มันเอาอะไรมามันใจเบอร์แรงขนาดนั้นว่ะครับ ผมส่ายหัวอย่างหน่าย ๆ กินกุ้งที่ไอ้เจ้าชู้มันแกะเปลือกให้อย่างสบายอารมณ์ กุ้งสามรสนั่นก็อร่อย กุ้งทอดซอสมะขามก็ดี

   “เอ่อ เรื่องที่กายหนีเติร์กไปพลอดรักกับไอ้เด็กถาปัตย์นั่น”

   พรวด!! แค่ก ๆ พลอดรักพ่องสิ ไอ้ห่า

   “จี้ใจดำกายเหรอครับ”

   “พลอดรักบ้านมึงสิ กูไม่ใช้มึงที่เงี่ยนตลอดเวลา สมองถึงได้คิดแต่เรื่องใต้สะดือ” แม้จะด่ามันขนาดนี้มันยังหน้าระรื่นแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำทำเอาผมปากค้างพะงาบ ๆ กับความหน้าหนาเสียยิ่งกว่าพื้นถนนของมัน

   “ช่วงนี้เงี่ยนแค่กับกายคนเดียวนะครับ”

   ล้มโต๊ะได้ล้มไปแล้ว ติดตรงที่ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้ร้านนี่สิ อาจจะรวมถึงค่ารักษาพยาบาลของได้หื่นตรงหน้านี้ด้วย

   “ใครเชื่อมึงก็บ้าแล้วครับ วันนั้นเป็นไงล่ะ ดูหนังกับไอ้เด็กป้องเสร็จกันไปกี่น้ำ”

   “กายหึงเติร์กเหรอครับ ดีใจจัง” ทันทีทันใด ไอ้สกิลต่อปากต่อคำไอ้ห่าเติร์กนี่ อยากซื้อไปเผาทำลายทิ้งจริง ๆ มันย้อนผมได้เร็วมาก เร็วกว่าเหี้ยเตอร์อีก แถมยังการยั่วโมโหคน ไอ้นี่ก็ใช่ย่อย เล่นเอาคันตีนยิก ๆ เลย

   “กายเนี่ยในหัวก็มีแต่เรื่องทะลึ่งเหมือนกันเลยนะครับ เนื้อคู่ชัด ๆ”

   “พ่อมึงสิ”

   “ถามถึงเรื่องครอบครัวเติร์กด้วย ดีใจจังครับที่กายใส่ใจว่าที่แฟนแบบนี้ วันหลังไปบ้านเติร์กกันนะ” นั่นปะไร ไอ้เหี้ย เหนื่อยวันนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยสุด ๆ ไปเอากุ้งมาอีก กูจะกินจนมึงหมดตัว ไอ้เหี้ย

   “หึ ๆ” มึงขำแต่กูไม่ แพ้วันนี้ไอ้กายแพ้ยับเลย

   “พูดถึงป้อง เติร์กบอกเลิกไปแล้วนะครับ เผื่อกายจะอารมณ์ดีขึ้น” ดีกับผีอะไรล่ะ  “รับรองเดตครั้งหน้า ไม่มีรถไฟชนกัน เติร์กไปส่งกายได้แน่ ๆ”

   โว้ยยยยยยยยยยย อยากจะทึ้งหัวตัวเอง ไอ้กายจะบ้าตาย บอกที บอกไอ้กายทีควรจะรู้สึกยังไง

   “เรื่องของมึงสิไม่เห็นอยากรู้”

   “แล้วก็อีกเรื่อง” ไอ้นี่ก็เรื่องเยอะจริงพ่อคุณ ภาวนาให้มันหมดวันเร็ว ๆ ไอ้กายจะไม่ไหวแล้วครับ

   “เรื่องที่เติร์กบอกว่ายังไม่คิดจะจีบกาย ตอนนี้เติร์กรอไม่ไหวแล้ว เติร์กจะจีบกายแล้วนะครับ”

   บอกไอ้กายที ว่าตอนนี้มันควรจะรู้สึกยังไง ที่ไอ้เหี้ยนี่บอกว่าจะจีบมันแล้ว หายนะแล้วไอ้กาย



2 be con  :hao7:



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ  :pig4:

ปล. ทักทาย คุณ Just_m และคุณ Fahsaizzz นะครับ  :L2:
ปลปล. ผมเขียนต้นฉบับช้ามากเลยครับ คงได้ละอาทิตย์ละตอน ถ้าพิมพ์เสร็จเร็วก็จะลงให้อ่านเร็ว



 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


รักนะตัว


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทั้งขำทั้งสงสารกาย พี่เติร์กแกโหดจริง ๆ ดูยิ้มๆใจดี พูดเพราะ แต่ก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
004
กายครับ กายสิทธิ์ – จะเหี้ยอะไรก็เข้ามาเถอะ

   ช่วงนี้ไอ้เติร์กไม่ได้มากวนใจผม แล้วผมก็ไม่ต้องหลบหน้ามันอีกแล้ว เพราะหลังจากที่มันพูดต่อหน้าซากศพกุ้งแม่น้ำราคาหลายพัน ว่าจะจีบผม ไอ้กายคนฉลาดเลยตั้งข้อแม้ให้มันว่า จะจีบก็ได้ แต่ต้องไม่ทำที่มหาลัยเด็ดขาด ห้ามให้คนอื่นในคณะรู้ด้วยว่ามันจะจีบผม ถ้าไม่ตกลงก็คอนเวิร์ส ทางใครทางมึงเถอะครับสัสเติร์ก

   มันตกลงว่ะ แถมมันยังอารมณ์ดีสั่งกุ้งเผาเอาใจผมอีกจานใหญ่ ก่อนรบเร้าจะมาส่งผมถึงคอนโด

   “เป็นไงกาย วันนั้นเห็นขึ้นรถไปกับไอ้เติร์กด้วย” ผมชะงักมือที่กำลังเปิดดิกชั่นนารีแปลบทความทำรายงานส่งนวลฉวีอีกแล้ว ถึงจะใจดีแต่การบ้านเยอะมาก จะสั่งอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ ดีที่ทุกงานจะเป็นงานกลุ่มนี่แหละ

   “เปาเปาหึงอ่อ” ตลกกลบเกลื่อนมันไปก่อน เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้เล่าให้มันฟัง

   “อย่าเฉไฉ ครับไอ้กายจะเล่าดี ๆ หรือให้กูบีบคอหักก่อน” ไอ้เหี้ยเตอร์เว่อร์ชั่นหมาบ้า วางปากกาลงแล้วมองหน้าผม ดูจากสีหน้ามัน มันไม่เล่น ๆ แน่นวลคราวนี้

   “เอาที่ไหนมาพูดครับ มึงตาฝาดป่ะเหอะ กูจะไปกับไอ้เติร์กได้ไง จำผิดแล้ว” เรื่องสิจะยอมรับง่าย ๆ ไม่จนด้วยหลักฐาน ไม่ยอมรับหรอกครับ

   “บีเอ็มซีรีส์ 7 หน้าคณะเทคโนฯ เวลาเที่ยงสิบนาที เอ่ วันนั้นใครมันเรียนไมโครซอฟ ที่คณะเทคโนฯ เสร็จเที่ยงพอดีน้า แถมยกเลิกนัดกินข้าวเที่ยงเพื่อน ๆ บอกว่าติดธุระด่วนด้วย ธุระที่ว่านี่ใช้แถวอยุธยาหรือเปล่าน้า” โอเคจบ กูยอมมึงแล้วเปาเปา ไอ้กายยอมแพ้แล้วครับเปาครับ เรื่องความเสือกคนในคณะนี่มันธรรมดาเสียที่ไหน อย่าได้แปลกใจที่ดาราดังมีข่าววงในสารพัด เพราะพวกหูตากว้างไกล ของนักข่าวชาวนิเทศฯ แบบนี้ไง น่ากลัวเหี้ย ๆ

   “ไอ้กายรีบ ๆ เล่าก่อนกูจะฆ่ามึง” ไอ้เตอร์ก็อีกคน

   “ไปกินข้าวกับไอ้เติร์กมา ว่าแต่มึงรู้ได้ไง” ผมยิ้มแห้ง ๆ ให้มัน ไม่ลืมถามหาแหล่งข่าวจากมัน อย่าให้กูเจอนะ

   “เด็กแอดมาถามกูอ่ะ ว่าไอ้เติร์กมันจีบมึงเหรอ เพราะเห็นเรียนเสร็จก็เดินตามกันต่อย ๆ ขึ้นรถขับออกไป ถามจากไอ้ทอมเห็นบอกไปอยุธทยา” โอเคจบ ลืมไปได้ไงว่าในคลาสนั่นเองเด็กนิเทศฯ ก็เรียนร่วม ๆ สิบชีวิต จะมีคนเห็นก็ไม่แปลก

   แล้วแบบนี้เรื่องที่ไอ้เติร์กจะจีบผม มันจะเป็นความลับได้นานแค่ไหนกันว่ะ เครียดโว้ย

   “ไหนมึงบอกเคลียจบแล้ว ทำไมยังต้องไปกินข้าวกับมันอีก” ไอ้เตอร์หน้าเครียด

   “มึงก็ ไอ้เติร์กมันชอบไอ้กายเพื่อนเรา มันก็หาโอกาสอยู่ด้วยกันเพื่อทำคะแนนสิ ลงทุนเหี้ย ๆ ไปกินข้าวกันที่ยุดยาเลย” สาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มที่รับหน้าที่พิมพ์งานลงในเวิร์ด เงยหน้าจากหน้าจอ มายิ้มล้อ ๆ ให้ผม

   “มึงรู้ด้วย” ผมจำได้ว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องไอ้เติร์กให้พวกมันฟังเลยนะ มีแต่เหี้ยเตอร์คนเดียวที่รู้กับเพื่อนมันอีกสองแค่นั้น

   “จากมัน” ใบเฟิร์นว่า พร้อมทำปากยื่นปากยาวไปทางไอ้เตอร์ กูว่าแล้วไง ไอ้เหี้ย

   ชีทถูกม้วนในมือผมก่อนจะฟาดกลางกระบาลมัน โทษฐานเปิดเผยข้อมูลทางราชการ ถึงไม่ได้คิดจะปิดเป็นความลับ แต่อยากเล่าเองมากกว่าไง

   “มึงไม่ต้องมาโมโหกลบเกลื่อนเลยครับกายสิทธิ์ รีบ ๆ เล่า” เหี้ยเตอร์เวอร์ชั่นหมาบ้าเต็มตัวเร่ง ท่าทางกระหายใคร่รู้เต็มแก่ของมันทำเอาไม่อยากเล่า อกแตกตายไปเลยมึง

   “ไอ้นี่ก็ทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาว หรือจริง ๆ มึงหึงไอ้กายห๊ะคอปเตอร์” ไอ้เปาปากหมา โพล่งขึ้นมา มองผมสลับกับไอ้เตอร์ไปมา เมียมันเองก็ตาโต เหมือนจะเห็นด้วยกับผัวมัน

   “ก็เหี้ยแล้วครับ กูเป็นห่วงเพื่อนไง พวกมึงก็รู้ ๆ อยู่นิสัยมันเป็นยังไง กูไม่อยากให้เพื่อนโดนเอาฟรี”

   “เท่าที่ฟัง ๆ กายมันเล่า ไอ้เติร์กอะไรนี่ก็นิสัยดีออก ติดที่เช้าชู้ไปหน่อย ไม่แน่นะมึงคราวนี้มันอาจจะชอบเพื่อนเราจริง ๆ ก็ได้ ทำไมไม่ลองให้โอกาสมันว่ะ” มันไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกเฟิร์น กูผิดเองที่เจอความเหี้ยมันช้าไปหน่อย แต่จะบอกพวกมันยังไงล่ะ ว่าโดนไอ้เติร์กไซร้ซอกคอกลางตึกเทคโนฯ ไปแล้วอ่ะ เห็นแบบนี้ก็ยังมีความอายบ้างอะไรบ้างนะครับ

   “เลิกฝันเถอะ มันไม่ได้จริงจังหรอก ไอ้กายเพื่อนเรามีอะไรดีพอให้ไอ้เติร์กมาจริงจังด้วยครับ มีผัวมาแล้วสาม ประวัติด่างพร้อยขนาดนี้” อ้าวให้เหี้ย ฟัง ๆ แล้วทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่า ทำแบบนี้คราวหลังลากกูไปตบหน้ากลางโรงอาหารวิศวะ ยังไม่รู้สึกหน้าชาขนาดนี้เลยนะเว้ย

   “เปาก็คิดเหมือนไอ้เตอร์มัน ระวัง ๆ ตัวไว้หน่อยก็ดีนะกาย อย่าพลาดท่ามันแล้วกัน หรือจริง ๆ แล้วกายก็อยากลองกับมันสักท่าอยู่เหมือนกันล่ะ” เหมือนจะดีแต่ก็ไม่วายหลอกด่าไอ้กายเหมือนเดิม มีเพื่อนดี ๆ นี่ชีวิตมันมีความสุขจริง ๆ ครับควายเอ้ย

   “ก็เหี้ยแล้วครับเปาเปา” ถ้ากับเปาเปาก็ว่าไปอย่าง อยากลองหลาย ๆ ท่าเลยแต่เมียมันคงไม่ยอม

   ขำกันเข้าไปครับ ชีวิตกูเกิดมาเพื่อสร้างสีสันให้คนรอบตัวจริง ๆ

   “ทำงานเถอะ มาเสือกเรื่องชีวิตกู ไม่ได้ทำให้พวกมึงไอ้เอนวลฉวีกันนะ”

   กว่าจะปั่นกันเสร็จก็กินเวลาเกือบ ๆ สองชั่วโมง เล่นเอาเหนื่อย ดีที่ไอ้เตอร์กับไอ้เปามันเก่งภาษาอังกฤษ พาร์ทแปลเลยเสร็จไว มาลำบากตรงเขียนเป็นภาษาไทยสำนวนสวย ๆ อ่านแล้วรื่นหูนี่สิ โง่พอกันทุกคน

   “เสร็จแล้วโว้ย” เมื่อชื่อและรหัสนักศึกษาถูกกรอกลงจนครบในชิ้นงาน ก็ค่อยหายใจหายคอคล่องขึ้นมาหน่อย

   “หมูกระทะรามอินทรากัน” ชะนีแน่งน้อยชวนเมื่ออีเมลล์งานส่ง อ. นวลฉวีเรียบร้อยแล้ว เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา ห้าโมงครึ่งกว่าจะถึงก็เกือบ ๆ ทุ่มเลยแหละรถคงติดน่าดู หิวได้ที่พอดี

   เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพก็แยกย้ายกันสองผัวเมียนั่นก็ไปมินิของนังใบเฟิร์นมัน รถไอ้เปาเองก็มีมันขับเบนซ์ ไฮโซฟีลผู้ดีครับ แต่เมียมันไม่ชอบมันเลยใช้รถใบเฟิร์นแทน รถไอ้เปาเลยจอดให้ฝุ่นเกาะใต้คอนโดมัน ส่วนไอ้เตอร์ขับซีวิคโดยมีตุ๊กตาหน้ารถเป็นผมไง

   ไอ้ผมก็มีรถเป็นของตัวเองนะแต่ไม่ค่อยได้ขับมามหาลัยหรอก เพราะคอนโดอยู่ในย่านรถติด แถมไม่ไกลจากมหาลัย นั่งรถตู้สิบบาทเอง เร็วกว่าด้วย ถ้าวันไหนรีบนั่งพี่วินแค่สี่สิบเอง รถผมเลยมีไว้ขับกลับบ้านแถวนครปฐมกับขับไปร้านเหล้า แบบนาน ๆ ที เพราะส่วนมากไอ้เตอร์จะมารับถึงคอนโดอยู่แล้ว ถ้าไอ้เตอร์มันไม่สะดวกยังมีไอ้เปาเปาอีกคน

   เดินลงจากตึกมาก็เห็นพวกเด็กโฆษณานั่งจับจองกันเต็มพื้นที่ ไอ้เติร์กเห็นผมเข้าพอดี มันยิ้กทักทาย ไม่ได้มิพิรุธใครให้จับได้ ไอ้เตอร์ที่เดินตามมาติด ๆ ยกแขนขึ้นพาดไหล่แล้วดึงผมเข้าไปชิดตัวมัน ทันได้เห็นไอ้เติร์กมุ่ยหน้าไม่ชอบใจ แต่ไอ้เหี้ยเตอร์กลับส่งเสียงหึในลำคอ

   “เล่นอะไรของมึง” ผมถามไอ้คนที่ยังโอบไหล่ผมไม่ปล่อย เดินเลยมายังลานจอดรถ ปกติไอ้เหี้ยเตอร์มันชอบให้ใครมาเกาะแกะมันที่ไหนกันล่ะ เดี๋ยวสาว ๆ ไม่สนใจมัน มีแต่ผมก็ที่ชอบกระแซะเอาตัวเองยัดเยียดให้มันควงเพื่อกันท่ามันจากสาว ๆ เห็นมันหัวเสียแล้วสนุกดี

   “กูหวงของกูอ่ะ” มันว่าเปิดประตูรถให้อีก แหม่ดีจริง ช่วงนี้มีไอ้หน้าหล่อคอยเอาอกเอาใจไม่ห่าง แต่ผมรู้สึกเหมือนหายนะกำลังจะมาเยือนในไม่ช้าเลย นี่ผมยังจำที่ไอ้เติร์กบอกมันหัวเสียเพราะผม มันเลยมาดูดคอเพื่อให้มันเย็นลงได้อยู่เลย

   หวังว่ามันคงไม่เป็นบ้าเป็นบอกับการที่ไอ้เตอร์โอบไหล่ผมหรอกนะ

   ผมมองดูใบเฟิร์นพลิกหมูหมักบนกระทะเพื่อให้สุกทั่วทั้งชิ้นดี น้ำจิ้มที่ปรุงด้วยกระเทียมสับพริกสดปั่น เติมความซีดซ้าดด้วยน้ำมะนาวในชามแล้วก็มองตาละห้อย แบ่งพื้นที่ให้กูย่างด้วยสิเฟิร์น กายไม่อยากกินหมูต้มหรอกนะ ไหนกันมาดคุณหนูผู้ดีที่ไม่เคยกินหมูกระทะในชีวิตเลย

   ผมยังจำได้ครั้งแรกสมัยปีหนึ่งที่ชวนพวกมันมากิน ใบเฟิร์นตื่นเต้นใหญ่บอกว่าไม่เคยกินอาหารร้านแบบนี้เลย อยากจะลองสักครั้งแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะบรรดาเพื่อน ๆ คอนแวนไม่มีใครเคยเข้าร้านแบบนี้ ไอ้เปาก็ไม่ต่างกัน ดีหน่อยที่ไอ้เตอร์มันแดกได้ทุกอย่าง เพราะความเป็นคนบ้านนอกของมันและความจนของผม ทำให้ผมและมันแข็งแกร่ง

   แต่เสน่ห์ของการกินหมูกระทะคือการแย่งชิง ใครเร็วใครได้เว้ย

   “ไอ้เติร์กก็มาว่ะ” สาวสวยหนึ่งเดียวชี้บุ้ยชี้บ้ายไปหน้าร้าน เห็นไอ้เติร์กกับเพื่อนมันสี่ห้าคนเดินเข้ามานั่งอีกฟากของร้าน

   ทำไมหลังจากที่เจอมันในเวิร์คสเปซคราวนั้น ไม่ว่าที่ไหนก็เจอมันตลอด ไอ้หนึ่งปีที่ผ่านมา นึกว่ามันเป็นผี ได้ยินแค่ชื่อเจอกับมันนับครั้งได้ มีแต่ความเหี้ยของมันที่ไอ้เตอร์คอยกรอกหูแค่นั้นแหละที่ช่วยยืนยันว่าไอ้เติร์กยังไม่ตาย และคอยเขม่นไอ้เตอร์อยู่เนือง ๆ

   “สนใจมันทำไม กินไปหมูจะไหม้แล้วนั่น” ใบเฟิร์นหน้าหงิก แต่ก็เลิกสนใจคนมาใหม่ พลิกหมูหมักที่เริ่มส่งกลิ่นหอมให้อีกด้านสุก ก่อนจะจ้วงลงน้ำจิ้มจนติดพริกกระเทียมขึ้นมาด้วยเข้าปาก

   “หมูหมดแล้ว เปาไปตักของเพิ่มกัน กายไปเติมน้ำ เฟิร์นเอาโคล่านะ” แม่นางพญาหนึ่งเดียวสั่งพร้อมกันยื่นแก้วเครื่องดื่มที่หมดเกลี้ยงเหลือแค่น้ำแข็งติดก้นแก้วมาให้

   “อีกแล้วเหรอ ระวังอ้วนนะเว้ย น้ำเปล่าก็มีรู้จักไหมน้ำเปล่า” ผมบ่นแต่ก็ยอมเดินไปกดน้ำให้พวกมัน เอาเหมือนกันหมดนี่แหละ แก้วสลับกันไปมา ช่างมันไม่สนใจ

   “กายมากินร้านนี้บ่อยเหรอครับ” นั่นปะไรล่ะ ไอ้เติร์กที่เดินมากดน้ำเหมือนกัน ในมือถือแก้วสองใบ รอตักน้ำแข็งต่อจากผม

   “บ่อยนะเดือนละ 2-3 ครั้ง” ผมตอบคำถามมันเปล่าประโยชน์ที่จะอมพนำ ไม่พูดไม่จากับคนข้าง ๆ ที่ตักน้ำแข็งจนเต็มแก้ว

   “คราวหลังเรามากินกันนะครับ” ผมหันมองไอ้คนชวนด้วยคำแปลก ๆ กำกวม กวนส้นตีน ไม่รู้ว่ามันปกติหรือเป็นเพราะไอ้คนถามเป็นไอ้เติร์ก ผมเลยรู้สึกคันตีนยิก ๆ ที่คำว่า “เรามากินกัน” หลุดออกจากปากคนอย่างมัน

   “ไม่รับปาก”

   “แต่กายอนุญาตให้เติร์กจีบแล้วนะครับ แถมยังห้ามแสดงออกในมหาลัยด้วย ถ้าไม่ออกข้างนอกด้วยกันเติร์กจะจีบกายยังไงล่ะ” ก็นั่นแหละที่ต้องการ ก็ไม่อยากให้มึงจีบไงครับเติร์ก ไม่น่าถาม

   “เติร์กคิดถึงกายใจจะขาด อยากคุยด้วย อยากเดินข้าง ๆ กายเป็นคนใจร้ายมากรู้ตัวไหมครับ” ผมมองไอ้เติร์กที่หน้ามุ้ย ยิ้มหวาน ๆให้มันไปหนึ่งที

   “รู้ว่ากายใจร้าย ก็เลิกจีบสิครับพี่เติร์ก” ยักคิ้วให้มันสองจึ้ก ก่อนจะลำเลียงแก้วใส่ตระกร้าใส่ผักสีชมพูหวาน ที่ผมดัดแปลงมาเป็นถาดใส่แก้วแทน ก็มีสองมือนี่ครับ ใครจะไปถือแก้วสี่ใบได้ ไม่อยากเดินสองรอบด้วย

   “รางวัลที่จีบติดดีขนาดนี้ ใครจะถอดใจง่าย ๆ ล่ะครับ ยิ่งกายยิ้มให้เติร์กแบบนี้ แถมยังเรียกพี่เติร์กอีก ก็มีกำลังใจจีบต่อแล้ว”

   ไอ้เหี้ยไม่น่าเลยกู จากที่ตั้งใจจะประชดมัน กลับกลายเป็นมันชอบอกชอบใจใหญ่จนยิ้มกว้างอีก พลาดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่ได้นับ หนีสิรอให้มันจับไปจูบเหรอ หันหลังเปิดแน่บกลับโต๊ะทันที

   “ยืนคุยอะไรกันนานสองนาน นี่ไอ้เตอร์จะพุ่งไปลากมึงกลับ แต่กูห้ามไว้ก่อน” ตัวกินหมูเปิดปากถาม ทันทีที่ตูดผมแตะลงบนเก้าอี้ เบื่อความเผือกของเพื่อนจังครับ รู้งี้คบเพื่อนต่างคณะเสียก็ดี

   “ไม่มีไร” ใครจะเล่าล่ะว่าผมพลาดท่าอ่อยมันกลาย ๆ นะ

   “ทำไมมันชอบวอแวกับมึงจังว่ะ” ไอ้เตอร์ถาม

   “กูจะรู้ไหมล่ะ เพื่อสนิทมึงนี่ครับคอปเตอร์”

   “ไอ้กาย” เหี้ยเตอร์ขู่ผมรอดไรฟัน เหมือนหมาดุ ๆ “ฟังกูชัด ๆ อีกที ไอ้เหี้ยนั่นไม่ใช่เพื่อนกูครับ”

   “กายมึงก็ไปยั่วโมโหมัน เกิดมันเอาตะเกียบไล่แทงไอ้เติร์กทำไง” ไอ้เปาหัวเราะขำ คีบหมูที่สุกแล้วใส่จานผมที ใส่จานใบเฟิร์นที แต่ไอ้เตอร์อด ไอ้หมาหัวเน่า ไม่มีใครรัก

   ไม่รู้ว่าพวกเพื่อนผมลืมสมบัติผู้ดีไว้ที่คอนโดหรือยังไง ถึงได้กินไม่ลืมหูลืมตา นี่ก็รอบที่ห้าแล้ว ที่เดินมาตักหมู ผักไม่ต้องพูดถึง ถึงจะมีร่างสาวสวยระดับดาวคณะนิเทศฯ การันตี แต่อย่าถามหาวิถีแห่งการทานผักรักษาหุ่นจากมัน เนื้อล้วน ๆ ครับ มีทานเห็ดบ้างประปราย พอไม่ให้อับอายโต๊ะข้าง ๆ เวลามองมาแล้วเจอแต่หมูกับเนื้อ

   “กายกินกุ้งเผาไหมครับเดี๋ยวเติร์กทำให้” ไม่รู้ว่ามันเล็งผมอยู่ตลอดหรือฟ้าดินแกล้งกัน ที่พอผมลุกไปเติมน้ำทีไอ้นี่ก็ถือแก้วเปล่ามาเหมือนกัน พอผมมาหยิบของกินเพิ่มมันก็ถือจานเปล่าใบเล็กในมือมายืนข้าง ๆ รอบนี้จานสีเขียวว่ะ มีรอยไหม้ขอบจานด้วย

   “ไม่อ่ะขี้เกียจแกะ”

   “เติร์กแกะให้ได้นะ” มันยืนยัน มองดูกุ้งในถาดอันใหญ่ที่นอนแอ้งแม้งในน้ำแข็ง

   “อย่าเลย” เพราะแค่นี้ไอ้เตอร์ก็แทบจะกินหัวกูอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่ได้ใบเฟิร์นดึงไว้แล้วลากมันไปโซนของหวาน มันพุ่งมาถึงตัวผมแล้ว นับถือในพลังช้างสารของดาวนิเทศฯ จริง ๆ

   ถ้าถามหาความบัดซบในชีวิตไอ้กายแล้วล่ะก็ โดนไอ้เหี้ยที่โคตรเจ้าชู้ตามจีบว่าแย่แล้ว แถมมีเพื่อนที่เสือกในทุกย่างก้าวของชีวิตให้ต้องโกหกตอแหลพวกมันไปวัน ๆ แต่ยังไม่แย่เท่ากับการเจอไอ้บอลควงเด็กมาแดกไกลถึงแถวนี้

   จำไอ้บอลกันได้ใช่ม่ะ ไอ้เหี้ยที่สูงรูปแลกลิ้นกับเด็กมันมาให้ผมดูไง

   “อ้าวกาย มากินข้าวเหรอ จริงสิกายเรียนแถวนี้นี่” ไอ้บอลเดินมาแทรกระหว่างผมกับไอ้เติร์ก ตอนนี้ในหัวว่างเปล่า ไม่รู้ว่าอะไรแย่กว่ากันระหว่างต่อปากต่อคำกับไอ้เติร์ก หรือทักทายแฟนเก่าโรคจิตของตัวเองให้เป็นธรรมชาติที่สุด

   ทำไมต้องธรรมชาติว่ะ ทำไมต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มันทำเหี้ยกับมึงไว้ขนาดนั้น โกรธมันสิ ด่ามันไปเลยสิว่ะ อย่าปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่แบบนี้

   “อืมมึง มากับ” ผมหันมองผู้ชายในชุดนักศึกษา มหาลัยรัฐบาลที่อยู่ใกล้ ๆ ทำไมถึงรู้ก็หัวเข็มขัดมันไง อันใหญ่เท่าฝ่ามือ ฟาดหัวทีคงเย็บหลายเข็ม

   “อ่อนี่ นุ๊กแฟนใหม่บอลเอง” ไอ้เหี้ยบอลแนะนำ แฟนใหม่ให้แฟนเก่ารู้จักแบบไม่มีท่าทีขัดเขิน “ส่วนนี่กายแฟนเก่าบอลเองครับนุ๊ก”

   ไอ้เหี้ยเอ่ย หน้าซีดไปสิไอ้นุ๊ก ใครมันจะยิ้มระรื่นได้ถ้าไม่ใช่ไอ้บอลคนเดียว ที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำของมัน แถมไอ้นุ๊กอะไรนี่ยังไม่ใช่คนเดียวกับเด็กในรูปแลกน้ำลายของมันอีก นี่แค่สองสัปดาห์กว่า ๆ เองมั้ง

   “กาย” ไอ้เตอร์กับใบเฟิร์นที่คงเห็นสถานการณ์เข้าประชิดตัวผม ไอ้เปาที่นั่งเฝ้าโต๊ะก็คอยืดคอยาวมองมา มันคงเห็นตั้งแต่ต้น แต่จะทิ้งโต๊ะมาก็ไม่ได้ ไหนจะของมีค่า ไหนจะหมูที่กำลังจะไหม้บนกระทะอีก

   “มึงโอเคนะ” มันกระซิบถาม “ต้องการเหี้ยไรจากเพื่อนกูอีกน้อง” ไม่ใช้ไอ้เตอร์หรอกครับ แต่ดุแบบนี้นังใบเฟิร์นเลยครับที่เปิดปากถามไอ้บอล ส่วนไอ้นุ๊กที่มาด้วย หน้าซีดเผือด เดินเลี่ยงออกไปตักของกินด้วยทาทางน่าสงสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

   “ไม่ได้ต้องการไรครับเจ้ แค่แวะมาทักทายของที่มันเคย ๆ กันอยู่ก็แค่นั้น” มันว่า ยิ้มยียวนให้ใบเฟิร์น

   “จะพูดอะไรหัดให้เกียรติคนอื่นบ้าง เดี๋ยวเขาจะว่าได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน” สกิลต่อปากคนอื่นของใบเฟิร์นยังเป็นที่น่าพอใจสำหรับผม เรื่องเพื่อนก็เหมือนเรื่องตัวเอง ใบเฟิร์นเคยพูดกับผม ไม่แปลกถ้าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันแบบนี้ ตลอดหนึ่งปีที่รู้จักกันมา ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เล่าให้กันฟัง ถึงจะมีโกหกบ้างเพื่อให้เรื่องมันดูดี แต่เวลาทุกข์ใจก็พวกมันนี่แหละที่เคียงข้างกันมาไม่เคยทิ้งกัน

   พวกมันให้ในสิ่งที่แฟนเก่าทั้งหลายทั้งแหล่ให้ผมไม่ได้ ความสบายใจ ความเชื่อใจกัน

   “หึ ระวังปากไว้เถอะมึง” ไอ้บอลทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินแทรกผมกับใบเฟิร์นไป แต่มือเล็ก ๆ เรียวสวยกลับแรงเยอะกว่าที่ไอ้บอลจะคิด แถมในเวลานี้เพื่อนผมกำลังโมโหอีก ใบเฟิร์นกระชากแขนไอ้บอลจนเซตัวเอียง นี่ขนาดยืนในส้นสูงนะ

   “กูสิต้องบอกมึงได้เด็กเวร จำใส่กะโหลกกลวง ๆ ของมึงไว้ อย่าคิดมาวอแวกับเพื่อนกูอีก ถ้ากูรู้ว่ามึงยังไม่เลิกสันดานเดิม ๆ กูจะตามไปถลกหนังหัวมึง” ใบเฟิร์นว่าเสียงเย็นพร้อมท่าทีคุกคามของมันทำเอาไอ้บอล เลิกลั่ก ไม่คิดว่าผู้หญิงท่าทางบอบบางแบบนี้จะเอาเรื่องเป็น ไม่งั้นไอ้เปาจะอยู่ในโอวาทมันได้เหรอ

   “ถ้ามึงอยากลองของก็ลองดู” มันเหวี่ยงจนไอ้บอลเซกระแทกชั้นวางของ “อุ้ย ขอโทษทีค่ะพี่เดินไม่ระวังเอง เจ็บแย่เลย” คนทำแสร้งพูดเสียงดังเมื่อคนอื่นหันมามอง ไอ้บอลฮึดฮัดกลับไปหาเด็กมันที่โต๊ะ สิ้นลายเด็กกวนตีน

   “เหี้ยเตอร์พาเพื่อนมึงกลับ” จวบจนใบเฟิร์นเร่งไอ้เตอร์กับผมถึงได้สติขึ้นมาหน่อย มันที่จ้องหน้าไอ้เติร์กอย่างหาเรื่องหันมาสนใจผม ผมเองก็ไม่รู้ตัวแน่ชัดว่ารู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น รู้แค่ไม่มีแรงจะทำอย่างอื่นแล้ว ถูกไอ้เตอร์พากลับไปที่โต๊ะ ไอ้เปาเองก็ลูบหัวลูบหลังปลอบใจผมไม่หยุด

   ผมไม่ได้สนใจไอ้เติร์กอีกเลย ตั้งแต่เจอหน้าไอ้บอล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำหน้ายังไง จะแปลกใจ เห็นใจ หรือขบขันที่ผมเจอแฟนเก่าควงคนใหม่มาเย้ยกับแบบไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้

   “กินเหล้าไหม” เสียงกระซิบข้างหูของไอ้เปาดึงสติผมกลับมา

   “เอาให้เมาปลิ้นไปเลย” ใบเฟิร์นสำทับ “เดี๋ยวเจ้เลี้ยงเอง” ผมเคยบอกไปหรือยังว่าการมีเพื่อนดี ชีวิตเราจะดี แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนที่ปลอบใจด้วยการเลี้ยงเหล้าเนี่ย มันคือเพื่อนที่ดีใช่ไหมว่ะ

   เสียงดนตรีกระแทกหูในผับย่านทองหล่อ แสงไฟวิบวับกับแอลกอฮอล์ ชวนให้มัวเมา ผมมองหน้าเพื่อนรักทั้งสาม ที่เอาแต่จ้องผมไม่วางตา แทบไม่มีใครแตะเครื่องดื่มตรงหน้าเลย

   “ไม่เป็นไรแน่นะ ท่าทีมึงปกติมาก จนพวกกูกลัว” .ใบเฟิร์นเปิดปากถาม แม้ในแสงสลัวแบบนี้ก็ดูออกว่าความห่วงใยในสายตามีมากแค่ไหน

   ขอบใจพวกมึงจริง ๆ ว่ะ ผมขอบคุณพวกมันในใจ ไม่ได้บอกออกมาเป็นคำพูดเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันหวานเลี่ยน

   “ไม่หรอก ตอนอยู่ในร้านคงแค่ช็อคนะ ไม่คิดว่าจะเจอ ตอนนี้หายแล้ว” พวกมันพยักหน้าแต่ยังไม่คลายสีหน้ากังวล ไอ้เหี้ยเตอร์ที่ปกติจะกวนตีน ตอนนี้ยังเงียบปากสนิท

   โถ่ ไอ้เหี้ยน้อยของกู คงหมดสนุกกันไปหมด

   “มาชน หมดแก้ว ใครไม่หมดเป็นหมา” ผมชูเครื่องดื่มในมือขึ้น พวกมันที่เหลือลนลานหยิบแก้วกันมายกขึ้นชน ท่าทางตลกดี

   “เอาชน ๆ” ไอ้เปาพยายามทำตัวครื้นเครงทั้งที่ปกติจะเงียบขรึม ทำตัวหล่อไปวัน ๆ

   “เอ้ามาสนุกกัน พวกมึงก็ช่วยสนุกกันหน่อย อย่าเอาแต่นั่งเงียบกันสิ”

   “พวกกูเป็นห่วงมึงนะ รู้ใช่ไหม” รู้สิที่พวกมันทำทั้งหมดเพื่อให้ผมสบายใจ ถึงมันจะเป็นวิธีเด็ก ๆ แต่ก็รู้ว่าพวกมันตั้งใจกันจริง ๆ แม้ว่าในใจจะยังหนักอึ้ง เพราะแผลที่ผมคิดว่าตกสะเก็ดไปแล้ว แต่ไอ้คนทิ้งแผลไว้ให้กลับคอยวนเวียนมาสกิดแผลที่ใกล้จะหายอยู่เนือง ๆ .ทำให้ไอ้แผลนี้ไม่มีวันหายขาดสักที

   แต่ครั้งล่าสุดเหมือนโดนมันเอามีดมากระซวกซ้ำตรงรอยแผลเดิม แถมยังกรีดปากแผลให้ลากยาวลงมาอีก เพราะคนก่อน ๆ มันไม่เคยเรียกใครว่าแฟน แต่กับไอ้นุ๊กคำเรียกสถานะแฟนเต็มปากเต็มคำ ไอ้บอลมันมีแล้ว มันเจอใครคนนั้นที่มันพอใจ คนที่ดีพอให้มันเรียกว่าแฟนนอกจากผม ที่ที่ผมเคยยืน มันหาคนมาแทนได้แล้ว ส่วนผมล่ะมีใคร มันตอกย้ำให้ผมเจ็บ มันตอกย้ำผมว่า คนดี ๆ รักเดียวใจเดียวมันน่าเบื่อและไม่มีใครเอา

   ถึงแม้ปากจะด่าว่ามันยังไง แต่คนมันเคย ๆ กันอยู่ เหมือนไอ้บอลมันว่าแหละ ระยะเวลาที่เคยใช้ด้วยกันมันก็ต้องผูกพันป่ะว่ะ วันหนึ่งเลิกกันไปจะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ มันคือคนไม่รักกันเลยต่างหาก ถ้าไม่รักมันเลยตอนเลิกกันผมคงไม่ฟูมฟายให้พวกมันปลอบกันหรอก ใครมันจะไปทำใจได้ง่าย ๆ กัน

   “กูโอเคจริง ๆ ว่ะ” ผมโกหกพวกมันยกเหล้าขึ้นดื่ม จนหมดแก้ว

   “มึงยืนยันแบบนี้พวกกูก็สบายใจขึ้นมาหน่อย” ไอ้เตอร์มีท่าทีผ่อนคลายลง แต่ก็ไม่ได้เรียกว่ามันวางใจกับอาการของผม มันรินเบียร์รสชาติดีที่นำเข้าจากญี่ปุ่นให้อีกแก้ว

   ผมเคยบอกหรือเปล่าว่าพวกผมชอบดื่มเบียร์กัน ไม่ค่อยได้กินเหล้ากันหรอก

   “มึงไปหลีสาวมึงเถอะ เห็นมึงอยู่กับร่องกับรอยแบบนี้ กูไม่สบายใจ” ผมแหย่มัน เจ้าตัวหัวเราะขำ

   “ไม่ได้ดิ วันนี้วันของมึง คืนนี้ให้มึงสำคัญสุด” มันหยอดคำหวานที่ปกติมันมักจะใช้กับสาว ๆ ของมัน ก่อนจะพาไปจบบนเตียง แต่กับผมคงไม่ใช่แน่ ๆ แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัว

   “เปาเปาอ่ะ คืนนี้ใครสำคัญสุด” ผมแหย่ไอ้เดือนสุดหล่อ ที่เบียร์แก้วแรกยังไม่ลดถึงครึ่งเลย ผมเข้าใจมันดี มันต้องขับรถกลับ ใบเฟิร์นฝากชีวิตไว้กับมัน มันจะเมาไม่ได้ ถ้าวันไหนขับรถมาเองไอ้เปาดื่มไม่เกิน สองแก้วหรอก ทั้งที่มันก็คอทองแดงเหมือนกัน ถึงดื่มเยอะกว่านั้นมันก็ยังไหว แต่เลือกที่จะไม่ดื่มเองมากกว่า

   “ฉันสิย่ะ” ไอ้เปายังไม่ได้ตอบนังเมียหวงผัวก็ชิงตอบก่อน ยื่นแก้วมาชนกับผม “อย่าคิดว่าเฮิร์ตแล้วจะเต๊าะผัวคนอื่นยังไงก็ได้นะมึง”

   “นิด ๆ หน่อย ๆ ไอ้เปามันไม่สึกหรอก ถึกจะตาย”

   “ไม่ได้ย่ะ” ไม่พูดเปล่าทิ้งตัวลงพิงอกไอ้เปาให้ผมอิจฉาเล่นอีก แต่เห็นพวกมันรักกันดีผมก็มีความสุข อยากมีผัวดีดีแบบไอ้เปานี่จะหาจากไหน

   เบียร์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งลงคอผม จิบเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีก็มึนหัว รู้สึกสมองเต้นตุบ ๆ ไปแล้ว

   “ไหวแน่เหรอว่ะนั่น ไม่ใช่อีกเดี๋ยวแหกปากร้องไห้ลั่นร้านนะกาย” ผมมองไอ้เปาที่ขมวดคิ้วมองอย่างเป็นห่วง ไอ้เตอร์ก็อีกคน

   “ไหวสิ พวกมึงเคยเห็นกูเมาแล้วร้องไห้เหรอ”

   “ก็ไม่อ่ะ กลัวจะมีครั้งแรกไง” หึ เมาแล้วก็หลับคอพับคออ่อนไปสิ ไอ้เมาแล้วโวยวายนะ ไม่มีเสียหรอก

   ยิ่งดึกคนก็ยิ่งคึกคัก ไอ้เหี้ยเตอร์ที่ปากก็บอกคืนนี้ผมสำคัญสุด พอเจอเด็กที่เคยควงเข้ามาทักก็เดิมตามตูดเข้าต่อย ๆ ไปไม่ได้สนใจผมเลย

   แต่ปล่อยมันเถอะ ความสุขของมันนี่เนาะ ไม่ได้คิดจะดึงเพื่อนให้จมอยู่กับตัวเองจนชีวิตไม่มีความสุขหรอก

   “แค่ไปคุยเป็นเพื่อนเขา ไม่ไปต่อหรอก” มันบอกมางี้ แต่เชื่อเถอะลองแม่ผู้หญิงอ่อยเบอร์แรงขนาดนี้ มีเหรอมันจะพลาดไม่สานต่อ ไอ้เหี้ยเตอร์ซะอย่าง

   เบียร์แก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ถูกยกขึ้นจิบ อีสองผัวเมียดาวเดือนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เริ่มยุกยิก ๆ หลังจากที่ใบเฟิร์นขอตัวไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ทำท่าทางแปลก ๆ มองนาฬิกาบ่อยผิดปกติ

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามออกไปในที่สุด อาจจะมีเรื่องด่วน ไอ้ผมก็ไม่ได้เหี้ยขนาดรั้งเพื่อนให้อยู่กับตัวเองหรอก คนเรามันก็ต้องมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะแยะ

   





 
มีต่อข้างล่างนะครับ
.
.
.

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
   สำหรับคืนนี้ผมก็ได้รับจากพวกมันมากพอแล้วแหละ นี่บางทีอาจจะเรียกแท็กซี่กลับเองด้วยซ้ำ ปล่อยเหี้ยเตอร์ขึ้นสวรรค์กับเด็กมัน ขัดความสุขคนอื่นไม่ดีแน่ ๆ เดี๋ยวเป็นเวรกรรมให้ผมหาผัวคนที่สี่ยากขึ้นไปอีก ถึงจะเจ็บจนอกมันกลัดหนอง แต่ผู้ชายไอ้กายก็ยังต้องการอยู่นะครับ ไม่เข็ดง่าย ๆ หรอกจะบอกให้

   “งานวิชาเขียนข่าวนะ มีปัญหาไฟล์หายแล้วต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย” ในที่สุดมันก็ยอมรับ ผมพยักหน้ารับ

   “แล้ว”

   “ต้องกลับไปปั่นให้เสร็จ ไม่แน่ใจว่าต้นฉบับก่อนจะรวมเป็นไฟล์เดียวมันอยู่หรือเปล่า”

   “รีบไปเถอะ คะแนนสำคัญนะ วิชาคณะด้วย”

   “แต่มึงก็สำคัญไม่แพ้คะแนนนะเว้ย”

   “กูไม่เป็นไรไอ้เตอร์ก็อยู่ รีบกลับเถอะ ท่าทางจะยาวคืนนี้”

   “มันอยู่ที่ไหน นัวกับชะนีเผือกอยู่นู้น เดี๋ยวกูไปตามจิกมันกลับ” ไม่ว่าเปล่าใบเฟิร์นทำท่าจะลุกขึ้นไปตามจริง ๆ ผมเลยต้องห้ามไว้ก่อน

   “ปล่อยมันเถอะ อาทิตย์ก่อนทั้งอาทิตย์กูลากมันไปไหนมาไหนด้วย เด็กมันคงอึดอัด ปล่อยให้มันระริกระรี้ไป”

   “ไม่เป็นไรแน่นะมึง หรือเล็งใครไว้ว่ะ ไล่กูเชียว” ใบเฟิร์นหันซ้ายหันขวา มองหาใครสักคนที่พอจะเตะตาผม

   “นี่ก็เกินไป กายมันเล็งใครแล้วจะทำไม ไปยุ่งอะไรเรื่องของมันเนาะ” ไอ้เปาปรามแฟนมัน ใบเฟิร์นหน้าบึ้งดูแล้วตลกดี

   “ก็จะช่วยกันดูไง อีพวกที่ผ่านมานั่นดูเองแล้วเป็นไงล่ะ ได้เรื่องแมะ” ผมไม่โกรธที่เหมือนจะโดนเพื่อนรักหาว่าตาถั่ว คว้าเหี้ยมาทำผัวสามครั้งสามครา ก็มันพลาดไปแล้วทำไงได้ว่ะ

   “เปาพามันกลับเถอะ กายกลัวได้ทุบชะนี”

   “อีกาย” ใบเฟิร์นแผดเสียงใส่ ผมกับเปาหัวเราะขำ “ดูแลตัวเองนะมึง อย่างเพิ่งพลาดท่าใครเขาล่ะ”

   กว่าแม่คุณจะกลับไปได้ก็ล่ำลาผมเสียยกใหญ่ หนักเสียยิ่งกว่าผมจะไม่ได้เจอมันอีก ดูท่ามันจะห่วงผมจริง ๆ จนไอ้เปาทั้งฉุดทั้งลากออกไปนั่นแหละถึงยอมกลับ แต่ก็ไม่วายย้ำกับผมว่ามีอะไรให้โทรหาได้ตลอด ถ้าไอ้เตอร์ทิ้งผมไว้แล้วไปต่อกับเด็กมัน ให้ฟ้องมันเลย มันจะตามไปอาละวาดถึงที เชื่อเถอะว่าใบเฟิร์นมันพูดจริงทำจริง

   พอเพื่อนหนีหายไปหมดแล้ว โต๊ะตัวใหญ่ที่เคยจุคนสี่คน ก็ดูกว้างจนน่าใจหาย ผมถอนหายใจก่อนจะยกเบียร์ในแก้วขึ้นจิบ มองเงินสดที่ถูกวางทับด้วยกระเป๋าตังค์ตัวเอง

   ใบเฟิร์นมันบอกจะเลี้ยงแต่พอเอาเข้าจริง เงินที่ให้ผมมาก็ของไอ้เปามันทั้งนั้น ส่วนที่ร้านหมูกระทะก็ไอ้เหี้ยเตอร์จ่ายเองคนเดียว ผมบอกแล้วว่าจะจ่ายเองแต่พวกมันไม่ยอม สุดท้ายก็ตามใจมัน ขนหน้าแข็งมันไม่ร่วงกันหรอก

   จริง ๆ ไม่น่าไล่พวกมันกลับไปเลย เหงาชิบหาย เหี้ยเตอร์เองก็ดูแล้วไม่น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ด้วย

   รีบกลับมาสักที จระเข้น้อยของกู

   “นั่งด้วยคนได้ไหมครับ” ผมหันควับไปมองไอ้เติร์ก ไอ้เหี้ย มาไกลขนาดนี้ยังจะตามมาเจอกูอีก

   “นี่มึงตามกูมาเหรอ” ผมมองไอ้เติร์กกับไอ้ทอม ที่นั่งลงที่ว่างของโซฟาโดยที่ผมยังไม่ได้อนุญาตด้วยซ้ำ

   “ใครเขาจะตามมึงมา” ไอ้ทอมปากมอมมันว่า แต่น้ำหน้าอย่างพวกมันเชื่อได้ที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้หลงตัวเองหรอก

   “รู้ได้ไงว่ากูอยู่ร้านนี้” ผมหันมาถามไอ้เติร์กที่นั่งเบียดกับผมแทนที่ไอ้เตอร์ แถมมือมันยังถือวิสาสะยกขึ้นโอบไหล่ผมอีกต่างหาก ผมปราบมันด้วยสายตา แต่ไอ้เหี้ยเติร์กดูจะไม่สนใจเมื่อมันยังไม่คิดจะยกแขนออกแถมยังดึงตัวผมให้เอนพิงลงกับอกมันอีก

   ท่าเดียวกับใบเฟิร์นนั่งกับเปาเปาเลย

   ไอ้เติร์กกดมือถือยุกยิก ๆ ก่อนส่งให้ผมดู ในหน้าจอแสดงแอพเฟซบุ๊ก มีรูปของผมที่นั่งก้มมองแก้ว ถูกแท็กโดยใบเฟิร์นพร้อมแคปชั่นมา พาคนอกหักมาปลอบใจ ถึงจะเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ผมก็ยิ้มออก ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้จับมือถือเลยไม่รู้ว่าเพื่อนรักเช็คอินร้านนี้

   นั่นป่ะไรล่ะ ตามกูมาจริง ๆ ด้วย

   “อ่อน” ไอ้ทอมเปิดปาก เหมือนมันจะด่าเพื่อนมันมากกว่า

   เอาเถอะมีพวกมันนั่งด้วยอาจจะดีกว่านั่งเหงา ๆ คนเดียวล่ะมั้ง


2 be con......


:3123: :pig4: :3123:


หายไปนานเลยหวังว่านอ่านจะไม่ทิ้งกันนะครับ
ขอบคุณทุก ๆ คนที่สละเวลามาอ่านนิยายของผมครับ


ปล. ทักทายคุณ oilzaza001 และคุณ Fahsaizzz นะครับ


รักนะตัว



ปล. พรุ่งนี้มาอีกตอน แฮ่ ๆ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
คนแต่งมาแล้ววววว  คถ นุ้งกายมาก

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
005


กายครับ กายสิทธิ์ – สุราพาบรรลัย



   “เพื่อนทิ้งเหรอมึง” ไอ้ทอมปากมอมยกเหล้าเข้าปาก จิบเหล้าในมือด้วยมาดผู้ดี แต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ๆ เห่าไปทั่วอยู่ดี หมามันก็คือหมาวันยังค่ำแหละจะให้มันคำรามเหมือนราชสีห์ก็คงไม่ใช่

   “ยุ่งไรเรื่องของกู” รวนมันไปก่อน เกิดพูดจากดีเดี๋ยวมันหาว่ากลัวมัน แล้วอีกอย่างเวลาเห็นไอ้ทอมคนปากปีจอมันนิ่วหน้าขัดใจแล้วตลกดี

   “ปากมึงนี่นะ” มันส่ายหัวไปมา ยกเหล้าขึ้นจิบอีก ไม่ต่างจากเพื่อนมันเท่าไหร่ แก้วเหล้าไม่ห่างปากเลยสักนิด

   นาทีนี้ผมต้องการใครสักคน มีคนให้พูดคุยด้วยมันก็ดีกว่านั่งมองหยดน้ำแข็งเกาะแก้วเบียร์ แล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกกระทบพื้นโต๊ะ เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์สักคนพูดไว้นั่นแหละ แต่คนอย่างไอ้กายมันโง่ จำไม่ได้หรอก แถมนี่ยังมึน ๆ เพราะเบียร์แม่ดาวคณะคนสวยอีก สมองยิ่งใช้การได้ลดประสิทธิภาพลงแปรผกผันกับจำนวนแอลกอฮอล์ที่ถูกกลืนลงท้อง ถูกใช่ไหมว่ะไอ้ที่ว่าแปรผกผันกันนะ

   รู้ว่าเหล้ามันไม่ดี แต่เหล้ามันไม่เคยหลอกใคร กินทีไรแม่งก็เมาทุกที ดีเสมอต้นเสมอปลาย กายชอบ กายรักเหล้ารักเบียร์ เสียยิ่งกว่าซากุระที่รักน้ำรักปลา

   “ดีขึ้นหรือยัง” ไอ้เติร์กกระซิบถาม ผมหันหน้ามองไอ้คนข้าง ๆ ใกล้จนจมูกเฉียดกันไปนิดเดียว ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตายังคงแสดงความเจ้าชู้อยู่เหมือนเดิม ไอ้นี่มันอยากได้ผมแค่ดูตาก็รู้แล้ว

   “ก็ไม่ได้เป็นอะไรตั้งแต่แรก” ผมมองหน้าไอ้เติร์กอย่างหลงใหล ปกติว่ามันหล่อมาก ๆ แล้ว ตอนนี้มันยิ่งหล่อมากขึ้นไปอีก ไม่รู้เป็นเพราะความเมามายหรืออะไร ทำให้ภูมิคุ้มกันคนเหี้ยผมลดลง ผมถึงได้รู้สึกว่าอยากจูบกันมันสักครั้ง อยากรู้ลิ้นในปากมันจะอ่อนนุ่น และนำพาให้สติเตลิดไปได้ไกลแค่ไหน รสชาติจูบอันเร้าร้อนของคนเชี่ยวงานอย่างมัน จะพาให้ใจหวั่นไหวได้แค่ไหนกันเชียว

   รสจูบของผู้ชายเจ้าชู้อย่างไอ้เติร์กจะสั่นคลอนหัวใจผมบ้างไหมนะ

   ผมหันหน้าหนีเมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ สติผมยังคงทำงานได้ดีกว่าที่คิด แม้ว่ามันใกล้จะเกินลิมิตเต็มทนแล้ว ดูได้จากการที่ผมอิงแอบกับมันโดยไม่ได้ขัดขืนเหมือนในยามปกติ เจ้าตัวหัวเราะถูกใจ

   “นึกว่าจะได้จูบกายแล้วเสียอีก” มันก้มลงกระซิบ แถมยังกดจมูกลงกับแก้มผมด้วย “ว่าง่ายจัง ไม่ขัดขืนเติร์กด้วย” สมองกูไม่ปกติไง มันสั่งร่างกายไม่ได้แล้ว มึงมันเลวไอ้เติร์กฉวยโอกาสกับคนเมา

   มันน่ากลัวเหมือนไอ้เตอร์เตือนจริง ๆ แต่ร่างกายผมมันไม่ฟังสมองแล้ว มันฟังบ้างไม่ฟังบ้าง มันมาติด ๆ ดับ ๆ เหมือไฟตก กระพริบปริบ ๆ แบบในหนังผี คล้าย ๆ เวลาที่สัญญาณมือถือที่ขาด ๆ หาย ๆ

   “อายไอ้ทอมทอม แวร์ยูโกลาสไนท์ มันด้วย” ไอ้เติร์กขำ เพราะชื่อที่ผมเรียกเพื่อนมันนั้นเป็นชื่อแอคเค้าท์เฟซบุ๊กของไอ้ทอมมัน แล้วพิมพ์เป็นภาษาไทยด้วย นอกจากเพื่อนมัน พวกโต๊ะข้าง ๆ ก็มองกันใหญ่แล้ว เห็นแบบนี้ก็อายเป็นนะเว้ย

   “มันไม่สนใจเราหรอก” ไอ้เติร์กอ้อน กดจูบลงบนขมับ ก่อนวนจมูกมันไปมาข้างแก้ม แต่ผมไม่สนใจ ยกเบียร์ขึ้นจิบอึกใหญ่ จะเรียกว่ากระดกก็ได้แต่เกรงว่ามันจะดูไม่ดี

   ในเมื่อห้ามร่างกายมันไม่ฟัง งั้นกินต่อให้หน้ามันหนาขึ้น จะได้ลืมอายบ้าง

   “เบียร์หมดแล้วนี่ เอาอีกไหมครับ” ไอ้เติร์กถาม พร้อม ๆ กับพยักหน้ากับเพื่อนมันให้สั่งเบียร์อีกขวด กูยังไม่ได้บอกว่าจะเอาเลยนะ กูคิดว่ากูจะพอแล้วว่ะ นี่ก็จะกลับบ้านไม่ได้แล้วนะ ลำบากไอ้เตอร์มัน แต่บ่นเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ยินหรอก ขนาดผมเองยังไม่ได้ยินเลย เสียงมันดังแค่ในใจเท่านั้น นี่ผมบังคับปากไม่ได้แล้วเหรอว่ะ

   “เอาอะไรเหมือนเดิม?” ไอ้ทอมถามยกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านไปผ่านมา

   “โฮการ์เด้น โรเซ่” เอ้าไอ้เหี้ย ก็ยังใช้ได้นี่หว่า เอ่อเนี่ย ไอ้กายได้ยินเสียงตัวเองแบบนี้ ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาเปาะหนึ่ง.. ไม่ใช่แล้วโว้ย

   ผมสั่งไอ้ทอมไป ไม่รู้ปากเร็วกว่าสมอง หรือสมองมันช้ากว่าปาก ถึงได้เปิดปากสั่งเบียร์เพิ่ม แต่ที่รู้คือเริ่มมึนแล้วกินอาซาฮีต่อไม่ไหวแน่ ๆ มันหนักบาดคอกินไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังอยากจะกินต่อ

   ไม่นานนักเบียร์สีชมพูสวยฟองฟอดก็ถูกรินใส่แก้วให้โดยไอ้ทอม

   “จะมอมกูเหรอพวกมึง กูไม่หมู่นะ” ผมรับเบียร์ที่ไอ้ทอมยื่นให้มาจิบ ไอ้เติร์กถึงกับสำลัก ส่วนไอ้ทอมหน้าตึงขึ้นทันที ถ้ามันมอมผมจนเมาแล้วลากไปรุมโทรมนี่ไม่ไหวนะ เตือนมันไว้ก่อน ถึงแม้ว่าถ้าพวกมันคิดจะทำจริงในสถานการณ์แบบนี้ ผมคงดิ้นรนให้ตัวเองรอดยากตาม

   “เห็นพวกกูเป็นคนยังไง” ไอ้ทอมถาม แถมยังยิ้มเยาะผมอีก

   “ก็เหี้ยอะ ในสายตากู เจ้าชู้ ฟันแล้วทิ้ง รวม ๆ ก็ดูเป็นคนระยำ” ผมยอมรับออกมาตรง ๆ อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ได้ที่ทำให้ผมกล้าที่จะเปิดปากพูดถึงพวกมันในทางที่ไม่ดี

   “ที่พูดมานะไอ้เติร์กคนเดียว” ไอ้ทอมยิ้มมุมปาก มองหน้าเพื่อนมัน ผมทันเห็นมันด่าไอ้เติร์กแบบไม่มีเสียงว่า ไอ้ระยำ แล้วยกยิ้มพอใจด้วย

   “ในสายตากาย เติร์กดูเป็นคนที่แย่จนไม่น่าคบเลยเหรอครับ” ไอ้เติร์กเปิดปากถาม

   “ในสายตาใคร ๆ ก็เหมือนกันอ่ะ คนเจ้าชู้ไม่เคยทำให้ชีวิตคู่ใครดีขึ้นหรอก เห็นได้ทั่วไป” และผมก็ตอบแบบไม่เสียเวลาคิดเลย จากประสบการณ์ตรงกูก็มี ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกก็รู้ได้ด้วยตัวเองเหอะ

   ไอ้ทอมถึงกับยกแก้วมาชนกันผม หมดแก้วสิครับรออะไร นาน ๆ ผมกับไอ้ทอมจะมีความเห็นตรงกันสักที นี่มันโอกาสดี หมดแก้วไปเลยเพ่

   “น้อยใจนะเนี่ย คนเจ้าชู้แต่ถ้าได้รักใครแล้วรักจริงนะครับ” ไอ้เติร์กมันว่ารับแก้วเบียร์ของผมจากไอ้ทอมยื่นให้ พอผมจะรับมันกับชักมือหนี

   “เติร์กป้อนกายดีกว่าเนาะ” แก้วบรรจุเบียร์สีสวยถูกยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากผม “ไม่กล้าดื่มเหรอครับ”

   เมื่อโดนท้าทายขนาดนี้ ไอ้กายไม่ยอมให้ใครมาลบเหลี่ยมหรอก ของเหลวรสชาติหวานซ่าถูกผมกลืนลงคอจนหมดแก้ว ไอ้เติร์กยิ้มพอใจ ก่อนก้มลงขบเม้นริมฝีปากผมเบา ๆ ไล้ลิ้นเลียฟองเบียร์ที่ติดตามริมฝีปากผม สัมผัสร้อนแถมชื้นแฉะ แต่ก็อ่อนนุ่มจากมันพยายามกดแทรกเข้ามาในโพรงปาก แต่ผมไหวตัวทัน หันหน้าหน้า แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเมื่อหันมาเจอไอ้ทอมกำลังยกเหล้าขึ้นจิบ แถมยังมองผมสองคนไม่วางตา

   กูไม่หมู่นะมึง

   “สงสัยยังไม่พอว่ะ” ไอ้เติร์กพึมพำ ส่งแก้วเปล่าให้ไอ้ทอม

   “ตามสบายเลย” มันว่าก่อนจะเอาแก้วผมไปรินเบียร์เพิ่มให้ เบียร์ถูกรินเพิ่มจนเต็มแก้ว แล้วยื่นมาให้ผม ไม่ได้ให้เพื่อนมันเหมือนครั้งที่แล้ว

   “คิดจะมอมกูจริง ๆ ด้วย” ผมว่ามองแก้วเบียร์ในมือไอ้ทอม ไอ้เติร์กหัวเราะในลำคอ พวกมึงมันเหี้ย

   “รู้ด้วยเก่งจังเลยครับ” ไอ้เติร์กกระซิบ ก้มลงงับใบหูของผม แถมยังใช้ลิ้นเลียเบา ๆ จนรู้สึกหวามไหวไปทั้งตัว เพราะมันแหละ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เอาแต่คิดเรื่องมัน จนผมไม่มีเวลาช่วยตัวเองเลย พอจะเริ่มหน้ามันลอยมาตลอด จนพาลให้กายน้อย คอพับคออ่อน หมดอารมณ์ก่อนทุกที ไม่ได้เวิร์ค เวิร์ค เวิร์ค เวิร์คค เวิร์คคค อึดอัดอ่ะ

   พอมาโดนกระตุ้นนิด ๆ หน่อย ๆ เครื่องเลยติดง่าย โอเค...ยอมรับก็ได้ว่าปกติเป็นคนขี้เงี่ยนอยู่แล้วนั่นแหละ พอมาโดนเล้าโลมแบบนี้ มันก็ตื่นสิ

   “รู้ว่าพวกกูมอมแล้วจะกินป่ะล่ะ” มันเป็นแค่คำถาม ไม่ใช่การท้าทาย และผมก็รู้ว่ามันเป็นกับดัก แต่ก็ยังจะโดดลงไปในหลุมพรางที่มันช่วยกันขุดไว้รอผมนั่นอีก

   ผมรับแก้วเบียร์มาจากมันอย่างงง ๆ ยกขึ้นดื่มในขณะที่เพื่อนมันซุกหน้ากับซอกคอผมไม่ปล่อย จวบจนเบียร์ในแก้วหมดลง ไอ้เติร์กจึงรับแก้วเปล่าไปจากมือผม

   “กายเด็กดี ให้เติร์กจูบนะครับ” น้ำเสียงยั่วยวนใจของมัน ราวกับยมทูตกำลังล่อลวงดวงวิญญาณให้คล้อยตาม เพื่อกระซากลงไปยังขุมนรก แต่ก็ไม่อาจทัดทานมันได้

   คราวนี้ผมแพ้ให้มันอีกแล้ว

   ไอ้เติร์กกดจูบลงมานุ่มนวล แผ่วเบาในคราแรก ลิ้นของมันส่งเข้ามาตวัดไปทั่วทั้งปาก รสชาติละมุนเหมือนได้จิบเหล้าราคาแพง แถมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งโพรงปากเวลามันตวัดลิ้นไปมา มือที่ใช้โอบไหล่ผมไว้เลื้อยลงไปบดขยี้หัวนมผ่านเสื้อของผม มืออีกข้างยกขึ้นมาลูบแก้มผมแผ่วเบา

   “หวาน” มันพูดเสียงแหบพร่า ก่อนบดริมฝีปากเข้าหาผมอย่างรวดเร็วแต่ก็นุ่นนวล หลอกล่อพาให้เคลิ้มตามการชักนำของมัน อกซ้ายสั่นไหวรุนแรง เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอันเร้าร้อนทว่าอ่อนโยน ความต้องการดิบตามสันชาติญาณตื่นตัวเต็มที่ ผมมองหน้าไอ้เติร์ก ในขณะที่ปากก็จูบแลกน้ำลายกับมันอยู่

   มือที่ว่างของผมดึงมือมันออกจากแก้ม ก่อนพามันไปสัมผัสความตื่นตัวเบื้องล่าง นิ้วมือไอ้เติร์กนวดเฟ้นตามความยาวไปมา จนผมครางกระเซ่า

   “กลับบ้านไหมล่ะถ้าเครื่องร้อนขนาดนั้น” ไอ้ทอมที่คงดูอยู่นานขัดจังหวะขึ้น ไอ้นี่นอกจากปากมอมแล้ว ยังไม่รู้จักเวลาเวลา นี่คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มโว๊ย อุตส่าห์ปล่อยตัวแล้วให้แล้ว ยังจะมาขัดอีก

   ไม่เป็นงานเลยไอ้นี่

   “จิ๊” ไอ้เติร์กผละออกส่งเสียงขัดอกขัดใจ มือที่ขยี้หัวนมผมเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมไปมา

   “ขอโทษนะครับ เติร์กรู้ว่าในที่แบบนี้ควรให้เกียรติกาย แต่เติร์กห้ามตัวเองไม่อยู่” คนพูดไม่ได้รู้สึกผิด ดูจากหน้ามันก็รู้ เบียร์แก้วใหม่ถูกส่งมาให้โดยฝีมือไอ้ทอม แต่ไอ้เติร์กรับไปถือแทน

   “กายจะไม่ไหวเอานะครับ เติร์กว่าพอเถอะนะ”

   ผมมองหน้าไอ้คนที่ขโมยแก้วเบียร์ไปจากผม มันต้องการอะไรแน่ อยากได้ผมไม่ใช่เหรอ ทั้งที่ได้เบียร์แก้วนั้นไปผมก็เสร็จมันง่าย ๆ แล้วแท้ ๆ ยังจะลีลาทำไม

   “มึงอยากต่อจากเมื่อกี้ไหมล่ะ ถ้าอยากก็เอาเบียร์มาให้กู” ไอ้เติร์กลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมันจะยิ้มกว้าง แล้วยื่นแก้วเบียร์มาชิดริมฝีปากผม

   “งั้นให้เติร์กป้อนกายนะครับ” หึ ทำเป็นลีลาท่ามาก ผมสบตากับมันก่อนจะดื่มน้ำเมาจากมือไอ้เติร์กจนหมดแก้ว แถมมันยังยกเหล้าของมันที่เหลืออยู่เกินครึ่งให้ผม กะเอาให้ตายว่างั้น

   แสงแดดที่แทรกจากม่านเข้ามาในห้อง รบกวนการนอนของผม ห้องที่ผมไม่คุ้นเอาเสียเลย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะรู้ตัวดีว่า เมื่อคืนผมกับไอ้เติร์กจบกันบนเตียงที่คอนโดของมัน

   นึกย้อนถึงเมื่อคืน ที่ผมตั้งใจมอมตัวเอง โดนมีไอ้เติร์กกับเพื่อนของมันช่วยอีกแรง หลังจากกินเบียร์ที่มันป้อนให้เสร็จตามด้วยเหล้าตบท้ายอีกแก้ว มันก็หิ้วปีกผมกลับคอนโดมัน โดยมีเหี้ยเตอร์ร้องเรียกตามหลังในลานจอดรถ แต่ดูเหมือนจะถูกไอ้ทอมกันไว้

   พอมาถึงคอนโดของไอ้เติร์ก จุดหมายแรกที่มันพาผมมาหย่อนไว้ก็คือเตียงนอนของมัน จัดเจนดีป่ะล่ะ ไม่มีลีลาไม่มีการถามไถ่ชวนให้ดื่มน้ำหรือไปปัสสาวะก่อน ไม่ให้เวลากูเตรียมตัวสักนิด เสื้อผ้าผมโดนมันถอดทิ้งโยนลงข้างเตียงจนเปลือยล่อนจ้อน ก่อนที่ตัวควาย ๆ ของไอ้เติร์กจะขึ้นมาทาบทับ บดบังแสงไฟจากเพดานในห้องนอนมัน

   “แสบตา” ผมยังจำได้ถึงประโยคแรกที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกจากปากของผม ไอ้เติร์กขำก่อนจะผละไปปิดไฟให้ เหลือไว้แค่โคมไฟหัวเตียงเท่านั้น

   “ดีขึ้นไหมครับกาย เติร์กไม่ปิดไฟนะ เติร์กอยากมองกายให้ชัด ๆ” ผมพยักหน้ารับ จะทำไรก็ทำเถอะ กูเมาไม่รับรู้อะไรหรอก

   คนที่ทาบทับผมอยู่ก้มลงซุกไซ้ขบเม้นไปทั่วตัว ไล่ขึ้นไปยังซอกคอ ตวัดลิ้นเลียใบหูจะผมดิ้นพล่าน เอียงคอให้มันได้ทำตามความต้องการอย่างเต็มที ไม่คิดจะขัดขืนหรอก มาขนาดนี้แล้ว

   มือข้างที่ว่างมันเลื่อนลงไปเล่นกันลูกชายผม นวดเฟ้นปลุกปั่นจนมันตื่นตัว ปากมันก็บดจูบกับผมอย่างเร่าร้อน

   “จะทำจริง ๆ ใช่ไหม กูไม่ได้เตรียมตัวนะ จะให้ลุกไปทำตอนนี้ก็ไม่มีแรง” ผมถามเตือนสติมัน เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าไอ้ที่เรากำลังจะทำนั้นมันไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อกิจกรรมแบบนี้ มันเป็นแค่ออฟชั่นเสริมที่ใช้แทนกันได้ในรายที่ไม่มีอีกอย่างให้ทำแบบพวกผม และหน้าที่หลักมันยังคงใช้ขับของเสียจากร่างกาย มันก็ต้องมีบ้างที่ของเสียมันตกค้าง หากไม่ทำความสะอาดให้ดี มันก็มีเล็ดรอดของมาให้อับอายขายขี้หน้าเจ้าของกันได้

   “รู้แล้วครับ ไม่ต้องกังวลนะ” มันกระซิบปากยังไม่ละจากซอกคอผม ต้องเงี่ยนขนาดไหนถึงยอมรับเหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้แบบนี้

   หึ มึงนี่สุด ๆ ไปเลย

   “กูเตือนแล้วนะเติร์ก อย่าลืมถุงยางด้วย” ถึงจะเมาแค่ไหน แต่ก็ห่วงตัวเอง ไม่รู้ว่าไอ้เติร์กผ่านมากี่ร้อนกี่พัน สนุกครั้งเดียว ซวยทั้งชีวิตก็ไม่ไหว

   “ครับ เติร์กรู้น่า” มันว่าก่อนผละไปที่ลิ้นชักข้างเตียงหยิบเจลล่อลื่นกับถุงยางอนามัยออกมา

   “กายชอบแบบไหน ร้อนหรือเย็นดีครับ แบบธรรมดาหมด” ผมขมวดคิ้วมองขวดเจลในมือมัน ปกติก็ไม่เลือกนะ มีแบบไหนให้ใช้ก็ใช้ไป ขอแค่ไม่เจ็บเวลาลงสนามก็พอแล้ว

   “แล้วแต่มึงเถอะ”

   “ไม่ได้ดิ ใช้กับกาย ต้องให้กายเลือก”

   “เอาแบบเย็น” ผมว่า เพราะฤทธิ์เหล้าในตัวก็ร้อนวูบวาบ จนเหมือนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว ไอ้เติร์กยิ้มโยนอีกขวดทิ้งไป ก่อนบีบเจลสีใส่เย็นฉ่ำในมือ ก่อนโป๊ะลงทางประตูหลังผม นวดวนเบา ๆ ก่อนสัมผัสเย็นจะแผ่วาบเข้ามาในตัวจนผมเกร็งตัวขึ้น ปากงับอากาศ พยายามผ่อนคลายตัวเองช่วยมันอีกแรง จะได้ไม่เจ็บตัวด้วย

   จวบจนไอ้เติร์กจับน้องชายมันไล่วนไปมากับประตูหลังผม ก่อนมันจะค่อย ๆ กดแทรกตัวตนของมันเข้ามาช้า ๆ จนสุด สีหน้ามีความสุขของมันฉายชัดจนหน้าหมั่นใส้ มันลืมตาขึ้นมองผม เราจ้องกันนิ่ง ไอเติร์กเผยรอยยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มตัวลงหา ประกบปากแลกลิ้นกัน และตามด้วยเอวของมันจะเริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ จนตัวผมโยกไปตามแรงส่งของมัน ไอ้เติร์กเสือกไสน้องชายมันเข้าออกในตัวผม ก่อนจะขยับเปลี่ยนจังหวะและทำหน้าที่ได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง

   ยอมรับเลยว่าไอ้เติร์กมืออาชีพมาก ถึงแม้มันจะพกความโอฬารมาด้วยแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย ไม่รู้เป็นเพราะความเก่งของมัน หรือเพราะผมมันเจนสนามจนหลวมโพรกไปแล้วก็ไม่รู้ถึงได้รับมันเข้ามาได้ง่าย ๆ

   ครั้งนี้ผมโทษฤทธิ์แอลกอฮอลล์แล้วกัน โทษมันไว้ก่อน เพราะโฮการ์เด้น โรเซ่สองขวดนั่นแหละ

   เซ็กส์แสนเร่าร้อนระหว่างผมกับมันดำเนินไปอย่างดุเดือดก่อนจะจบลงตรงที่มันเสร็จไปสองรอบของผมล่อไปสาม

   เพราะความเพลียบวกกับความเมาไอ้กายเลยหลับเป็นตายหลังจากโดนมันเอาจนหนำใจ ส่วนหายนะจากเรื่องเมื่อคืนผมก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะตื่นมาแล้วเตียงก็ยังคงมีผ้าปูที่นอนเรียบร้อย ไร้คราบเปื้อนให้แสลงใจ แถมร่างกายผมยังสะอาดเอี่ยม จะเสียก็แต่ผมยังไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นติดตัวนะสิ

   เสียงดังนอกห้องเล็ดลอดเข้ามา ไอ้เจ้าของห้องที่มันล่อผมจนหนำใจเมื่อคืนคงจะอยู่ข้างนอกนั่นแหละ ผมก้าวลงจากเตียง เดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่ได้เติร์กแขวนไว้หน้าประตูห้องน้ำมาใส่ มันไม่ได้ใจดีซักให้หรอก คงแค่ผึ่งลมไม่ให้มันเหม็นอับเท่านั้นแหละ สะบัดทีสองทีสภาพก็พร้อมใช้งานเหมือนเดิม ผมควานหากระเป๋าตังค์กับมือถือตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ป่านนี้ ไอ้เหี้ยเตอร์อาละวาดไปหรือยัง

   เฮ้อสร้างเรื่องให้พวกมันเป็นห่วงอีกแล้ว คราวนี้โดนบ่นหูชาแน่

   “ตื่นแล้วเหรอครับ” ไอ้เติร์กในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเดินเข้ามาหา ยกมือขึ้นโอบเอวผมไว้ ผมเพิ่งสังเกตหน้าไอ้เติร์ก มุมปากมันเป็นแผล มีเลือดซึมนิดหน่อย ผมลังเลใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบมุมปากมันเบา ๆ

   “ไปได้แผลมาจากไหนว่ะ” จำได้ว่าเมื่อคืนผมก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นกัดปากกันจนเลือดไหลสักหน่อย จำได้ว่ามีสติจนเอากันมันเสร็จนั่นแหละ ถึงได้หลับไป

   “เพื่อนใครไม่รู้มือหนักฉิบหาย” ไอ้คนพูดไม่ได้มีแววสลด แถมยังยิ้มหน้าตาเฉย

   “ไอ้เตอร์?” ผมถามมัน แต่ไอ้เติร์กส่ายหัวไปมา

   “ใบเฟิร์น” ผมถึงกับหลุดขำ เมื่อชื่อที่หลุดจากปากมัน ทำให้ผมนึกไปถึงท่าทางเกรี้ยวกราดของเธอ นี่ถึงขนาดลงมือทำร้ายไอ้เติร์กจนได้เลือดขนาดนี้ ไม่ใช่โมโหธรรมดาแล้ว แค่คิดว่าถ้ากลับไปต้องโดนคุณเธอซักฟองก็เหนื่อยใจแล้วป่ะ เหี้ยกายเอ้ยไม่น่าหาเหาใส่หัวเลย

   “ปล่อยกูได้แล้ว” ผมดึงแขนมันออก ไอ้เติร์กเองก็ปล่อยผมออกง่าย ๆ ไม่ได้รั้งไว้ ผมเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มันมาใช้ด้วย ซับหน้าซับตาจนดูสดชื่นขึ้นมาหน่อย ปลดกระดุมเสื้อออกสำรวจตัวเองในกระจก

   หึ ดีที่ไม่มีร่องรอยอะไรทิ้งไว้ให้เจ็บใจ ตอกย้ำความคิดโง่ ๆ ของตัวเอง ที่คิดจะประชดชีวิตรักด้วยการนอนกับไอ้เติร์ก ใช่ผมประชดตัวเอง มีไอ้เติร์กที่ชอบผมเป็นเครื่องมือ มีเบียร์เป็นตัวช่วย มอมตัวเองให้ลืมเรื่องความผิดชอบชั่วดีไปชั่วขณะ กระทำในสิ่งที่ตัวเองรังเกียจ มีเซ็กซ์กับคนของคนอื่น

   ความคิดต่ำ ๆ มันเข้ามาในหัวตอนไอ้เติร์กเข้ามานั่งด้วย หรือจริง ๆ แล้วผมเริ่มคิดตั้งแต่ใบเฟิร์นแซวว่าผมเล็งใครไว้หรือเปล่า แต่ไอ้เติร์กก็เข้ามาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี

   มันก็แค่เซ็กส์ ผมบอกอีกคนที่อยู่ในกระจก แต่ไม่เห็นจะรู้สึกดีขึ้นมาเลย ไอ้การเป็นชู้เนี่ย

   เหี้ยเอ้ย พลาดแล้วไอ้กาย ทำไปแล้ว ทำลงไปแล้ว เป็นชู้กับผัวชาวบ้าน โถ่เว้ย

   แต่ช่างมันเถอะ ไอ้เติร์กก็ไม่ได้จะวอแวกับผมนักหรอก มันได้ในสิ่งทีมันอยากได้แล้ว คนของมันไม่ทันรู้ด้วยซ้ำ มันก็เลิกยุ่งกับผมแล้ว

   ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเสร็จมันเร็วขนาดนี้ อาทิตย์ก่อนยังหนีมันหัวซุกหัวซุน แต่ไหงอยู่ ๆ ยอมทอดร่างเสนอตัวให้มันง่าย ๆ แบบนี้ว่ะ ไอ้ตอนทำไม่คิด เพราะสร่างแล้วเป็นไงล่ะกลุ้มอกกลุ้มใจ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกว่ะ

   เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงเจ้าของห้อง

   



มีต่อจ้า
.
.
.
 :katai5:


ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ


       

        “กายทำอะไรนะครับ ไม่เป็นไรใช่ไหม”

   “ไม่ ปกติดีทุกอย่าง” ผมตะโกนตอบมัน ก่อนจะเปิดประตูออกไปเห็นมันยื่นรออยู่ ในมือถือถุงของคลินิก

   “ทำแผลให้เติร์กหน่อย” ยังไม่ทันได้ถามมันก็ชิงบอกเสียก่อน เตรียมการมาดีนี่ ผมชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าให้มัน ไอ้เติร์กเดินไปทรุดลงที่ปลายเตียง ก่อนจะวางถุงยาไว้ข้างตัว

   “นั่งตักเติร์กนะครับ” มันตบตักตัวเองแปะ ๆ ส่งสายตาเช้าชู้มาให้ไม่เลิก

   “มากไป” ผมนั่งลงข้างถุงยา มองไอ้เติร์กที่หน้ามุ้ยขัดอกขัดใจ “อย่าคิดว่ากูจะยอมมึงทุกอย่าง”

   ผมเปิดดูยาในถุง หยิบขึ้นมาอ่านฉลากว่ามันได้อะไรมาบ้าง แล้วหยิบเจลทาแผลขึ้นมาเปิดบีบใส่นิ้ว ก่อนจะค่อย ๆ ทาลงบนมุมปากให้มัน

   “กายเป็นเมียเติร์กแล้วนะ ทำไมยังหวงตัวอยู่อีก” มันถามจับมือผมที่ทายาให้มันไว้แน่น

   ก็เพราะมันไม่ชอบไง ถามมาได้

   “แค่พลาดมีอะไรกัน อย่านับกูเป็นเมียเลย”

   “แต่กายเป็นเมียเติร์กไปแล้วจริง ๆ นี่ครับ”

   “ถ้ามึงให้ทุกคนที่มีเซ็กส์กับมึงเป็นเมีย บอกกูซิมีเมียกี่ร้อยคนแล้วล่ะ” ไอ้เติร์กยิ้ม

   “หึงเติร์กด้วย เมียใครว่ะน่ารักจัง” ผมถอนหายใจ ไม่มีอารมณ์ต่อปากกับมัน คนยิ่งเครียด ๆ อยู่ไอ้เหี้ยนี่

   “อย่าให้กูได้ยินคำว่าเมียจากปากมึงอีก” ผมชี้หน้ามันด้วย เพื่อให้มันรู้ว่ากูเอาจริง

   “คนอย่างเติร์กมันน่ารักเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอกาย” ไอ้เติร์กถามมันจ้องหน้าผมไม่วางตา ยกมือขึ้นลูบแก้มผมเบา ๆ

   “เติร์กก็มีหัวใจนะ คนเจ้าชู้ก็รักคนอื่นเป็น แต่ที่ต้องเปลี่ยนคนไปเรื่อย เพราะมันยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ไง แต่พอเจอแล้ว เราก็หยุดทุกอย่างที่เคยทำ เราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่เรารักได้นะ กายจะเชื่อเติร์กไหมว่า คนนั้นของเติร์กก็คือกายนะครับ”

   ผมเงียบมองหน้ามันอย่างหาคำตอบ แต่ไม่เห็นจะเจออะไรนอกจากสายตาเจ้าชู้ของมันที่ใช้มองผม ไม่ต่างจากเวลาปกติ ที่มันมักจะมาวอแวกับผมเท่าไหร่ นี่ไอ้เติร์กมันสารภาพรักกับผมจริงหรือเปล่า เป็นไปไม่ได้หรอก เวลาที่รู้จักกันรวม ๆ แล้วไม่ถึงสามสัปดาห์เลยด้วยซ้ำ คนเรามันตกหลุมรักคนอื่นได้ง่ายขนาดเลยหรือไงว่ะ

   “ตลกล่ะ กูไม่หลงกลมึงง่าย ๆ หรอก” ผมจิ้มนิ้วที่มียาติดอยู่นิดหน่อยลงบนมุมปากมัน

   “โอ๊ย ๆ เจ็บนะครับกาย เติร์กเจ็บนะครับ” ไอ้เติร์กทำท่าทุรนทุราย ยกมือปิดปากตัวเอง

   “สมน้ำหน้ามึง” ผมหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กของมัน

   “กะไว้แล้วล่ะว่ากายคงไม่เชื่อเติร์ก แต่ก็ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายเติร์กเลยนี่ครับ ใจร้ายว่ะเมียใครไม่รู้”

   สิ้นสุดคำว่าเมียจากปากมัน คราวนี้ไม่ใช้นิ้วแต่เป็นกำปั้นนี่แหละ แต่ไอ้คนเช้าชู้มันไหวตัวทัน กระโดหลบลงจากเตียง ด้วยสปีดที่เร็วยิ่งกว่าหมาโดนสาดน้ำร้อน แล้วมองผมหน้าตื่น

   “โอเค ครับยอมแพ้แล้ว ไม่พูดแล้ว”

   การจราจรช่วงเที่ยงของถนนพหลโยธินติดลากยากตั้งแต่หน้าวัดพระศรีฯ หลังจากทายาให้มันเสร็จแล้ว ไอ้เจ้าเล่ห์ก็ทำท่าจะไม่ยอมไปส่งผมแถมยังชวนค้างอีกสักคืน เลยเกือบ ๆ จะโดนผมจัดชุดใหญ่ ออกจากคอนโดมันมาแล้วถึงรู้ว่าคอนโดมันอยู่แล้วรามอินทรา คนละฝั่งกับคนโดผมเลย มีมหาลัยเราอยู่ตรงกลาง

   “ไม่ค้างต่อจริง ๆ เหรอครับ” ผมเหลือบมองไอ้คนขับรถ ที่หันมองหน้าผมอย่างออดอ้อน

   อ้อนตีนอย่างเดียวแหละอารมณ์นี้

   “ติดใจอะไรกูนักหนา ถ้ายังไม่หายเงี่ยนไปเอากับเด็กมึงนู้น” ผมถอนหายใจหน่าย ๆ มองไฟแดงที่แยกเกษตรแล้วเหนื่อยใจ มาติดอะไรเวลานี้ เพราะแบบนี้ไง ผมเลยไม่ขับรถไปเรียนเอง แถมถ้าขึ้นสะพานข้ามแยกป่านนี้ถึงคอนโดผมแล้ว

   “เติร์กก็อยากดูแลกายบ้างนี่ครับ กายอุตส่าห์ทำแผลให้เติร์กแล้ว เติร์กอยากตอบแทนอะไรกายหน่อย”

   “แค่ไปส่งกูที่คอนโด แล้วจากนั้นทางใครทางมัน ก็ถือว่าตอบแทนกูแล้ว”

   “ทำไมพูดจากห่างเหินกันแบบนี้ล่ะครับกาย ก็เราเป็นผัว..”

   ผมหันหน้ามามองไอ้คนขับรถ ที่พูดจาพาให้คันไม้คันมือ แถมคันตีนด้วยอีกอย่าง ถ้าไม่โดนตีนสงสัยไอ้เติร์กจะไม่สบายใจ

   “ถ้ามึงไม่เข้าใจว่าผัวเมียเขาปฏิบัติต่อกันยังไง ก็อย่าใช้มั่ว ๆ เลย เดี๋ยวมันไม่ขลัง” ไม่รู้คนอย่างมันเข้าใจไหม แต่ผมเดาว่าไม่หรอก

   ชีวิตเกย์มันรันทด อยากจะใช้คำแสดงสถานะอย่างคนอื่นเขานี่ก็ลำบาก เห็นเข้าใช้เรียกกันก็ปวดหนึบในใจ ไอ้อยากมีมันก็อยาก ในชีวิตก็อยากมีคนให้เรียกผัวจริง ๆ จัง ๆ สักทีแหละ แต่ไม่เอาผัวเหี้ย ๆ แล้วนะ เหนื่อยใจว่ะ ถ้ามีใครสักคนให้เรียกว่านี่ ผัวกู มันคงรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้เป็นเมียมัน

   แต่ก็นะคนสมัยนี้เอากันเสร็จ ก็ผัวจ๋า เมียจ๋าแล้ว มันเลยฟังดูแย่ ดูไม่ให้เกียรติกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วคำนี้มันดูศักดิ์สิทธิ์มาก มันเหมือนเป็นคำมั่นสัญญาว่า ชีวิตทั้งชีวิตต่อจากนี้ไป เราจะมีแค่ผัวและเมียคนเป็นคู่ชีวิต เราจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น จะดูแลซึ่งกันและกันทั้งในยามสุขหรือแม้แต่ในยามทุกข์ และจะไม่มองใครอื่นดีกว่าผัวเมียตัวเอง จะซื่อสัตย์มั่นคงในรัก จะยกย่องเทิดทูนและให้เกียรติซึ่งกันและกัน

   สำหรับผม ผัว เมีย มันไม่ต่างจากการให้คำมั่นสัญญาในวันแต่งงานหรอก

   แต่กับไอ้เติร์กมันคงใช้พร่ำเพรื่อไปเรื่อย

   ผมพลิกกระเป๋าตังค์ในมือเล่นไปมา ระหว่างรอไปแดงรอบที่สามแล้ว จะติดอะไรกันนักกันหนา หิวข้าวก็หิว จริง ๆ ไอ้เติร์กมันชวนกินข้าวแล้ว ตอนเราผ่านเซ็นทรัลรามอินทรา แต่เล่นตัวไง ไม่อยากอยู่กับมันด้วย แถวนี้คนในมหาลัยยุบยับไปหมด จะไปไหนมาไหนกับมันต้องระวังตัว กลัวเป็นขี้ปากชาวบ้าน นี่ก็ไม่รู้ว่าคอนโดมัน มีเด็ก ม. คิณทรธ อยู่กี่คน คอนโดใกล้มหาลัยแบบนี้ คนใน ม. พักกันเพียบ

   ในตู้เย็นก็ไม่รู้อะไรเหลือบ้าง เอาเถอะมีอะไรก็กินไปก่อน ถ้าไม่มีจริง ๆ คนลงมาหาของกินอีกรอบ

   ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อไอ้เติร์กขับรถมาเทียบหน้าคอนโด สัมภาระทั้งตัวมีแค่กระเปาตังค์กับมือถือที่แบตหมดไปแล้ว เลยไม่ต้องกังวลว่าจะลืมอะไรไว้ ให้ต้องมาเจอกับมันอีก

   “เดี๋ยว” ไอ้เติร์กยึดแขนผมไว้ ไม่ยอมให้ลงจากรถ  ผมมองหน้าไอ้คนที่ถ่วงเวลาผมอย่างขัดใจ อะไรของมึงอีกครับ ไอ้ห่า นี่ก็ถึงบ้านกูแล้วปล่อย ๆ กูไปเถอะ

   “ไม่ลืมของนะ”

   พ่อมึง เกิดมาห่วงอะไรกูตอนนี้ครับ

   “ไม่โว้ย ปล่อยได้แล้วเหนียวตัว อยากอาบน้ำ”

   “เย็นนี้จะมารับไปกินข้าว” ผมชะงักหันมองไอ้คนที่ยังยึดแขนผมไว้ไม่ปล่อย มึงตัดไปเลยไหมล่ะจะได้จบ ๆ ไอ้ห่านี่

   “ไม่ต้อง” ผมสะบัดจนหลุด แล้วรีบพุ่งตัวออกจากรถมันได้สำเร็จ ปิดประตูให้ด้วย ไอ้กายคนมีมารยาทเสียอย่าง แต่ฝั่งตรงข้ามนั่นไอ้เติร์กก็ลงมาจากรถ ก้าวดุ่ม ๆ มาประชิดตัวผมทันที เหี้ยไวไปนะบางที

   ไอ้เติร์รวมเอวผมเข้าชิดตัวมัน ขยุกขยิกแถวก้นผมด้วย ผมมองซ้ายมองขวา ไอ้เหี้ยเกิดมีคนมาเห็นทำไง เพราะคอนโดนี้เด็กใน ม.ก็พักอยู่เยอะนะเว้ย

   “เย็นนี้จะมารับไปทานข้าวนะครับ” พูดจบมันก้มลงจูบแต่ผมดันมันไว้ทัน ไอ้เหี้ยเกินไปแล้ว กำปั้นสิไอ้กายกำปั้น แต่ไอ้คนมากเล่ห์อย่างไอ้เติร์กรู้ทันผม มันผละออกห่าง ผิวปากล้อเลียนก่อนจะเดินกลับขึ้นรถมันไป

   “กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น” ไอ้เติร์กยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่าเหยียบให้จมตีน มันหายเข้าไปในรถก่อนจะเลื่อนกระจกลงแล้วยักคิ้วกวน ๆ ให้

   “เดี๋ยวเติร์กมาหากายเองก็ได้ครับ”

   “ไม่ต้อง” มันหัวเราะ ชอบอกชอบใจ โอ๊ยประสาทจะกิน

   “ฝากของไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเย็นนี้มารับคืน” ห๊ะ ของ ของอะไร อยากบอกนะว่าหัวใจมันนะ พ่อจะกระทืบให้แหลก

   “ไม่รับฝากโว้ย” ผมโวยหันหลังกลับเข้าคอนโด ไอ้บ้าเอ้ย

   “ฝากไว้ในกระเป๋าหลังนะ อย่าทำหายล่ะ” ผมชะงักขา หันกลับไปมองมัน มือก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเอง

   น..นี่มัน กระเป๋าตังค์ แต่แบบนี้ไม่ใช่ของกูแน่ ๆ ครับ

   ผมมองตามรถของไอ้เติร์กที่วิ่งออกถนนใหญ่ รถติดมันขับไปได้ทีละนิด ถ้าไปเคาะกระจกคืนมันยังทัน รีบเลยเหี้ยกาย รีบไปให้ว่อง

   “กลับบ้านได้แล้วเหรอ กายสิทธิ์” ผมหันไปตามเสียงเรียกทันที ชัดเลย สามเกลอเพื่อนรัก ผู้หน้าตาดีของผมเอง ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้เล่า

   แต่คนจะซวยมันก็ซวยอยู่ดีครับ หันกลับไปมองอีกฝั่ง รถไอ้เติร์กแล่นหายไปแล้ว

   “อาลัยอาวรณ์จังเลยนะ”

   ไม่ใช่โว้ยยยยยยยยยย



2 be con
.
.
.


:L1: :pig4: :L1:



ปล...คำผิดแก้ยังไงก็ไม่หมดอะเนาะ โง่ด้วยไรด้วย นิ้วใหญ่นิ้วแพร่ดด้วย เซ็ง
อ่านแล้วรู้สึกยังไง ชอบไม่ชอบบอกกันด้วยนะครับ น้อมรับทุกคำติชมเลยน้า

ปลปล ... ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านเช่นเดิมครับ
ปลปลปล....  ทักทายคุณ ฟ้าใส fahsaizzz เหมือนเดิมมม วันหยุดยาวแบบนี้เที่ยวไหนกันครับ


รักนะตัว  เจอกันสัปดาห์หน้าเด้อ

 :pig4:



ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ เราชอบเรื่องนี้นะ มันดูเรียลๆยังไงบอกไม่ถูก คู่พระนางดูไม่แสนดีจนเกินจริง แล้วก็ไม่ได้แบดจนเป็นละคร 555

ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ แต่อยู่ในจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ไปก็เหมือนไป รถเยอะมาก



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
006
กายครับ กายสิทธิ์ – จุดเริ่มต้นของปัญหา คือ ปุจฉา วิสัจชนา คือ อะไรว่ะ


   ชีวิตไอ้กายในตอนนี้คือจุดต่ำสุดของชีวิตช่วงวัยรุ่น เมื่อบรรดาเพื่อนรักที่อยู่ ๆ ก็เกิดกลางร่างเป็นหมาบ้ากันหมด แถมยังดุอีกต่างหาก

   “กายจะไปมีอะไรกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ไอ้เติร์ก” ไอ้เตอร์ที่ดูจะหัวเสียสุด เอาแต่ด่าปาว ๆ ไม่หยุดตั้งแต่เข้าห้องมาได้ ไปกินรังแตนที่ไหนมาก็ไม่รู้

   โอเค รู้ก็ได้แต่ไม่อยากเป็นคนผิดนี่หว่า

   “มันต่างกันตรงไหนอ่ะ แค่เซ็กส์นี่” ผมเถียง กอดอกเชิดหน้า ให้รู้ไว้ว่า ผมเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน

   “แต่กับไอ้เติร์กเนี่ยนะ ก็รู้ ๆ นิสัยมันอยู่” ไอ้เตอร์ว่าต่อ เสียงอ่อนลงนิดหน่อย แต่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้อยู่ดีว่ามันโกรธ

   “หรือมึงหึงไอ้เติร์ก ไอ้เหี้ยเตอร์ ถึงเอาแต่ห้ามกูยุ่งกับมันนะ”

   “ใช่ที่ไหนกันเล่า โธ่เว้ย” ไอ้เตอร์ขยี้หัวแรง ๆ ก่อนทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตรงข้าม

   “ก็มึงเอาแต่พูดชื่อมันไม่หยุด ให้กูคิดยังไงล่ะ” นี่แหนะ ได้เวลาไล่บี้มันคืน จะใช่ไม่ใช่ โยงไว้ก่อน มันจะได้หยุดขึ้นเสียงใส่ผมสักที

   “หรือมึงหึงไอ้กายมัน” ไอ้เปาชี้มาที่ผม มองผมกับไอ้เตอร์สลับไปมา

   “ไปกันใหญ่แล้ว” เจ้าตัวว่า สีหน้าหงุดหงิดเต็มที่

   “แล้วมันยังไงล่ะ ที่มาเนี่ยเพราะห่วงสวัสดิภาพของเพื่อน มาดูว่ามันไม่ได้ถูกข่มขืน รุมโทรม จนตายห่าไปแล้ว เห็นมันอยู่รอดปลอดภัยกลับมา มึงก็ควรเบาใจแล้วป่ะ ส่วนไอ้กายมันจะไปเอากับใคร ก็เรื่องของมันสิโต ๆ กันแล้วนะ” ใช่แมะใบเฟิร์นเห็นดุ ๆ ทีแรกยังเข้าอกเข้าใจผมเลย ตอนแรกเธอก็ใส่ไม่ยั้ง หาว่าผมไม่ดูแลตัวเอง แถมยังติดต่อไม่ได้อีก ทั้งที่กำชับแล้วกำชับอีกให้ผมดูแลตัวเอง เพราะนางเข้าใจว่าผมเมาจนไม่รู้เนื้อรู้ตัวจนถูกไอ้เติร์กหิ้วกลับบ้าน แต่พอผมเปิดปากเล่าให้ฟังว่า ผมเต็มใจไปกับไอ้เติร์กเอง คุณเธอก็เย็นลง ไม่ได้ว่าอะไรต่อ ถึงแม้จะดูอึ้ง ๆ ไปหน่อยก็ตาม

   “แต่ไอ้เติร์กมันเหี้ยไง”

   “ถึงมันเหี้ยแต่เราก็รู้จักมัน ดีกว่าเพื่อนมึงโดนใครลากไปรุมทึ้งก็ไม่รู้ ตื่นมาไม่รู้แม้แต่ชื่อคนเอา เหมือนมึงอะนะ นี่ถ้ามันเป็นอะไรมายังรู้ตัวคนรับผิดชอบแน่ ๆ มึงก็เลิกบ้าเถอะ” ไอ้เปาปรามเหี้ยเตอร์ นี่มันต้องเอาอย่างไอ้สองผัวเมีย ดาวเดือนนี่ ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์ มาถึงก็ด่าปาว ๆ

   “ส่วนมึงกาย จะทำอะไรบอกเพื่อนก่อนได้ไหมว่ะ ไม่ต้องต้องถึงขั้นบอกกูก็ได้ว่าจะไปเอากับใคร แต่ถ้ามึงจะไปต่อ ก็ควรบอกเพื่อนดิ เขาเป็นห่วง พวกกูตามหามึงกันทั้งคืน จะบุกคอนโดเหี้ยเติร์กก็ไม่รู้แม่งอยู่ไหน” ผมก้มหน้าเงียบเมื่อไอ้เปาหันมาสอนผมเหมือนพ่อสอนลูก เออดี เป็นพ่อกูให้หมดเลยพวกมึง

   “กูเมานี่หว่า” ผมบอกเสียงอ่อย ในหัวมีแต่เรื่องไอ้เติร์ก กับภาพไอ้บอลควงแฟนใหม่มันมาเย้ยไง เลยไม่ได้คิดเรื่องอื่น แต่จะให้มันรู้ไม่ได้ว่า ที่ยอมให้ไอ้เติร์กเอาเพราะประชดผัวเก่า ไม่งั้นได้โดนด่าหูชา หาว่าทำอะไรสิ้นคิดอีกแน่ ๆ

   “มึงรู้ไหมกายตอนไอ้เตอร์โทรมาหาพวกกูเมื่อคืน น้ำเสียงมันร้อนรน พูดจาไม่ได้ใจความ แต่พอรู้คร่าว ๆ ว่ามึงโดนไอ้เติร์กที่โผล่มาจากไหนไม่รู้หิ้วมึงขึ้นรถไป พวกกูทิ้งทุกอย่างที่ทำ ทิ้งงานทิ้งการบ้าน ออกมาหาไอ้เตอร์ ช่วยกันตามหามึงกันหัวหมุน ในหัวพวกกูคิดแค่ถ้ามึงเป็นอะไรไป พวกกูต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่ทิ้งมึงไว้คนเดียว” ใบเฟิร์นเล่าด้วยสีหน้าผิดหวัง ปากสวย ๆ ของมันเบะออก ตาแดงก่ำมีน้ำใส ๆ เอ่อคลอ ก่อนเจ้าตัวจะยกนิ้วขึ้นเช็ดออก “พวกกูรักมึงมากนะเว้ย ถึงจะแกล้งกันบ่อย ๆ แต่มึงคือเพื่อนรักของกู อย่างทำแบบนี้อีก กูขอร้อง”

   หง่อยไปสิผม ความรู้สึกผิดตีขึ้นในอก ก่อนจะรู้สึกแสบ ๆ โพรงจมูกตามด้วยน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม

   “ก็ขอโทษแล้วไง ...ฮึก...รู้ว่าเป็นห่วง แต่คนมันไม่มีสตินี่หว่า ฮึก ...จะ...จะไม่ทำอีกแล้ว ไม่ทำตัวเหี้ย ๆ เหมือนเหี้ยเตอร์ ที่เอากับคนอื่นไปทั่วอีกแล้ว ไม่เห็นรู้สึกดีขึ้นมาเลย ฮึก” ผมร้องไห้โผเข้ากอดไอ้เปา เพราะมันอยู่ใกล้สุด ซบหน้าเข้ากับอกหอม ๆ ของมัน ไอ้เปายกมือขึ้นลูบหัวไปมา

   “อ้าว ทำไมด่ากูล่ะครับ”

   “ก็เพราะมึงไม่อยู่เฝ้ากูไง กูเลยต้องไปกับไอ้เติร์ก” โบ้ยไว้ก่อน เอาความผิดของตัวเองโยนทิ้งให้ห่างตัวมากที่สุด กูพาล กูโมโห และที่สำคัญ กูเพิ่งออกหักจากคนเดิมมา มึงรู้ตัวบ้างสิ มันใช่เวลามานั่งด่ากูไหม

   ฮรือออออ เสียใจว่ะ

   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วหยุดร้องเถอะ หน้ามึงตอนร้องไห้โคตรอุบาด” ไอ้เหี้ยเปาเปา มันใช่เวลาเล่นไหม นี่มันดราม่านะ ไม่ใช่เรื่องตลก ผมเงยหน้ามองไอ้คนที่กอดผมอยู่ ก่อนรัวกำปั้นทุบอกมันรัว ๆ

   “โอ๊ย ๆ พอแล้วยอมแล้ว ๆ โอ๋ ๆ มา กอดกัน ๆ” ไอ้เปารวมผมไปกอดแน่น ลูบหัวปลอมเหมือนเดิม ส่วนผมก็ยอมมันดิ เลิกร้องแล้วแต่ยักซุกหน้ากับอกมันเหมือนเดิม นาน ๆ ที่มันจะเป็นคนเริ่มกอดผมก่อน ปกติมีแต่บังคับให้มันทำ กำไรเห็น ๆ

   “แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง หิวว่ะ” ผมถามมองหน้าพวกมันไปมา

   “เอาเวลาที่ไหนไปกิน เพราะมัวแต่ห่วงแรด” ไอ้เตอร์ที่เว่อร์ชั่นหมาบ้ากลับร่างเหี้ยเตอร์แล้วเอ่ยขึ้น มองหน้าผมอย่างคาดโทษ

   “พิซซ่าไหม ง่ายดี ไม่อยากออกข้างนอกด้วย ตาบวมหมด” ผมเสนอ ให้ไปหาอะไรกินสภาพนี้ไม่ไหวแน่ ๆ

   “โถ่อีแรด จะตายห่าอยู่แล้วยังห่วงสวย” ใบเฟิร์นเอื้อมมือมาผลักหัวผม แรงจนหงายลงกับโซฟา ไม่แปลกใจที่ทำไอ้เติร์กปากแตกได้

   “ขยับออกห่างจากอีเปาด้วย ทำมาบีบน้ำตา ให้ผู้ชายปลอบ แผนตื้น ๆ” เห็นแมะ เพิ่งดราม่ากันไปหยก ๆ มันเปลี่ยนโหมดกันได้ไหว เสียยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี

   บางทีไอ้กายก็คิดนะ ว่าที่พวกมึงห่วง ๆ กูนี่ พวกมันห่วงจริงหรือไปจำจากพวกเด็กการแสดงมาว่ะ เด็กคณะนี้เล่นละครเก่งกันทุกคน โง่หน่อยก็แค่ผมนี่แหละ

   ผมขยับออกห่างจากผัวมัน มองดูอกไอ้เปาเห็นคราบน้ำตาเป็นดวง ๆ แล้วก็สงสารมัน ไม่มีเสื้อให้เปลี่ยนด้วย ผมผละเข้าห้องนอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ บังคับให้ไอ้เตอร์โทรสั่งพิซซ่าแล้วด้วย ออกมาคงได้กินพอดี จัดการชาร์จแบตมือถืออีกเป็นอย่างสุดท้าย

   ผมกลับออกมาจากห้องนอนด้วยชุดใหม่พร้อมกับกลิ่นครีมอาบน้ำและแชมพูที่ไอ้เปาเคยบอกว่าหอมดี กลิ่นเดียวกับใบเฟิร์นใช้นั้นแหละ เพราะความแรดที่อยากให้ไอ้เปาดมหัวบ่อย ๆ เลยซื้อมาใช้บ้าง มันก็หอมดีนะใช้จนชิน หลัง ๆ บังคับไอ้เตอร์ใช้ด้วย ซื้อให้มันเองเลย สุดท้ายมันก็ติดใจเลิกใช้แชมพูสูตรเย็นที่มันชอบ

   ผมนุ่มสลวยเป็นญาญ่ากันไปหมดทั้งกลุ่ม

   พิซซ่าสองถาดใหญ่ พร้อมขนมปังกระเทียม ไก่อีก แถมยังมีผักโขมอบชีส และสปาเก็ตตี้อีกสองกล่อง ผมเห็นใบเฟิร์นนั่งขัดสมาธิกับพื้น พวกมันเลื่อนโซฟาออก เพราะโต๊ะมันเตี้ยเกินจะนั่งกินบนโซฟา ส่วนโต๊ะที่ไว้กินข้าวก็เล็กกินจะนั่งกินกันสี่คน ผมเลยใช้วิธีนั่งพื้นแบบนี้แหละ ใบเฟิร์นสาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มจ้วงสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าใส่ปากจนแก้มอูม ขนาบข้างด้วยไอ้เปาและไอ้เตอร์ ที่ยัดพิซซ่าชิ้นโตจนตาเหลือก

   โอ๊ยยย โลกมนุษย์หลังจากเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มาทำไมกูต้องมาเห็นภาพแบบนี้ด้วย

   หมดกับภาพคุณหนู ลูกหลานเจ้าของธุรกิจจิลเวอร์รี่ส่งออก กับไอ้คุณชายว่าที่ผู้บริหารธุรกิจเครื่องดื่มพันล้าน ส่วนไอ้เสี่ยเจ้าของโรงสีนั่น มันไม่มีมาดอะไรกับเขาหรอก ถึงเห็นมันกินขี้ยังไม่แปลกใจเลย

   “ไปตายอดตายอยากมาจากไหนพวกมึง” ผมนั่งลงข้าง ๆ ไอ้เตอร์ตักผมโขมอบชีสที่เย็นจนชีสไม่ยืดแล้วเข้าปากเคี้ยวสองทีแล้วกลืนเลย

   “ไม่ได้ต่างกันนะครับ ฟันมีปัญหาเหรอถึงไม่ใช้” ไอ้เตอร์ด่าก่อนจะแย่งผักโขมอบชีสไปกินบ้าง บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงเหลือไว้แค่ คนตะกละสี่ชีวิต ที่กินกันลืมตาย

   “ว่าแต่เหี้ยเตอร์ปากมึงช้ำนี่ ไปโดนอะไรมา” เหมือนของไอ้เติร์กเลย ไอ้เตอร์บุ้ยใบ้ไปทางใบเฟิร์น

   “ถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ”

   “สั่งสอนมัน โทษฐานที่ดูแลมึงไม่ดี มันน่าไหมล่ะ เพื่อนตัวเท่าควายแต่โทรมาบอกว่าทำเพื่อนหายไปกลางร้านเหล้านะ” ผมขำ ยกมือลูบหัวไอ้เตอร์ไปมา เหมือนที่ไอ้เปาทำกับผม

   “ต่อยหน้าเลยเหรอโหดจัง”

   “ต่อยที่ไหน ทุบหลังมันต่างหาก แต่มันรนหาที่เจ็บเงยหน้ามารับกำปั้นเอง” ผมขำใบเฟิร์นคงกะทุบไอ้เตอร์ระบายอารมณ์หงุดหงิด ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเพื่อนให้เจ็บตัวหรอก แต่ใบเฟิร์นมันเป็นผู้หญิงแรงเยอะ เรียนเทควันโดกับมวยไทยตั้งแต่เด็ก จัดว่าเป็นผู้หญิงน่ากลัวคนหนึ่งเลย

   “ไอ้เติร์กก็ปากแตก บอกใบเฟิร์นทำ” ผมหันไปถาม แม่คุณกรอกตาไปมา

   “นั่นก็ลูกหลง เพราะเมื่อเช้าพอแยกย้ายกันกลับจากการพยายามตามหาแรดหลงฝูงตอนตีห้าใช่ป่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ไอ้เตอร์ไปดักรอไอ้เติร์กที่คณะก่อน เพราะวันนี้มันเรียนเช้า พอพวกกูทำธุระเสร็จก็บุกไปหาไอ้เตอร์จะถามเรื่องมึงแหละ พอมันบอกไม่ได้เรื่อง ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยทุบมัน ไอ้เติร์กโผล่มาพอดี คิดว่ากูจะตีไอ้เตอร์มันจริง ๆ มั้ง เลยเข้ามาห้ามแล้วก็พลาดไปโดน” เล่าได้เห็นภาพเป็นฉาก ๆ เลย แต่ก็ยังด่ากูว่าแรดอยู่ดี

   “มันไปฟ้องมึงเหรอว่ากูชกมัน” ใบเฟิร์นยิ้มถาม อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ผมส่ายหน้าไปมา

   “มันเอายามาให้ทาให้นะ เลยถามว่าไปได้แผลมาได้ไง”

   “หึ มีทายงทายาให้กัน กูว่าไม่ใช่แค่วันไนท์แสตนด์แน่ ๆ” ไอ้เปาสอดขึ้นมา “ไอ้เติร์กติดใจเพื่อนกูแล้วมั้ง”

   “ก็เหี้ยแล้ว” ผมว่า หยิบพิซซ่าขึ้นมากินต่อ “เลิกพูดเรื่องมันได้แล้ว พาลจะแดกไม่ลง” ถึงปากจะบอกแบบนั้นแต่ความหิวมีอำนาจเหนือกว่า พิซซ่าชิ้นที่สามถูกผมกินจนหมด และชิ้นที่สี่ตามมาติด ๆ

   “จริง ๆ แล้วมันก็ดูเป็นคนดีนะเว้ย เพราะคนอื่นยืนดูกูทุบไอ้เตอร์ตั้งนาน แต่พอมันเห็นมันก็เข้ามาช่วย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ค่อยถูกกันป่ะ แถมยังยืดอกรับอีกว่ามันขโมยมึงมาจากเหี้ยเตอร์เอง แล้วจะพามาส่งให้พวกกูมาดักรอมึงที่คอนโดอ่ะ” ไม่รู้แค่แสดงความคิดเห็น หรือเจาะจงพูดเชียร์มัน แต่อาการที่จ้องหน้าผม แล้วยิ้มมุมปากนั้นมันแปลก ๆ

   “อะไรล่ะ” อย่ามาเชียร์มันแถวนี้นะเว้ย กูไม่เอา

   “มึงว่ามันจะจริงจังกับเพื่อนเราป่ะ” ใบเฟิร์นถาม มือซ้ายมีน่องไก่ มือขวามีพิซ่าชิ้นโต มูมมามเหมือนกันนะพวกนี้ คบพวกมันเป็นเพื่อนได้ไงก็ไม่รู้

   “ไม่มีทางอ่ะ เพื่อนเราแรดไปให้เขาเอาถึงที่ ไม่เกินสองที ก็เบื่อแล้ว” ไอ้เตอร์ปากหมา ตอบอย่างฉุน ๆ น้ำเสียงเจือความโมโห ผมเลยประเคนมะกอกกลางกบาลให้มันหนึ่งโป้ง

   “ไม่คิดว่ากูจะทิ้งมันก่อนเหรอ กูไม่คิดจะมีครั้งที่สอง สามหรอก”

   “ให้มันจริงอย่างที่ปากมึงพูดเถอะ กูกลัวมึงนี่แหละจะแรดวิ่งหามันเอง กูเห็นกี่ราย ๆ ก็ติดใจมันหมด” เบื่อไอ้เตอร์ว่ะ  “มันเอาเก่งมากเหรอว่ะ”

   พรวด!! แค่ก ๆ สำลักเลยไอ้ห่า มันจะมีชายแท้สักกี่คนบนโลกมานั่งสนเรื่องบนเตียงของเกย์กันว่ะ ไอ้เหี้ยนี้ก็ชักแปลกขึ้นทุกวัน หรือผมจะมีอิทธิพลกับพวกมัน

   “ถามเหี้ยไรของมึงสัสเตอร์” เอ่อ ไอ้เปามันยังรู้เลยว่า คำถามมึงมันเหี้ยนะสัสเตอร์ อย่าได้ถามเหี้ย ๆ แบบนี้อีกเป็นอันขาด

   “เอ้าก็อยากรู้ หรือพวกมึงไม่อยาก”

   “อยาก/อยากดิ”

   พรวด!!



   หลังจากจัดการตัววุ่นวายไปจากชีวิตจนหมด ก็พักผ่อนดิ เมื่อคืนกินไปเยอะ นอนดึกแถมยังมีการออกแรงอีก มันก็จะรู้สึกเพลีย ๆ หน่อยอะนะ

   หลับตาชาร์จแบตให้ชีวิตได้นานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวตื่นก็เพราะมือถือที่ชาร์จเต็มแล้วสั่นครืดคราดเหมือนโดนผีเข้าอยู่นี่แหละ

   มารขัดความสุขที่ไหนอีกว่ะ เวรเอ้ย

   ควานหาก็แล้ว ตีนกวาดหาก็แล้วไม่เจอ เลยจำใจลุกขึ้น สะบัด ๆ ผ้าห่มจนไอ้ตัวการปลุกผมมันร่วงตุบออกจากผ้าห่ม ราวกับเล่นกล

   เอ้าสั่นเข้าไปลูก สั่นให้คอนโดมันถล่มไปเลย ผมหยิบไอ้มือถือที่สั่นจนเครื่องดิ้นไปมาเหมือนมันกำลังเดินได้มากดรับสายทันที

   “ใครว่ะ”

   “เติร์กเองครับกาย” ห๊ะ ไอ้เติร์กโทรมา มีเบอร์ผมได้ไงว่ะ

   “มึงไปเอาเบอร์กูมาจากไหน” ผมถามอย่างหัวเสีย

   “เบอร์เดือนวรสารปีสอง หาไม่ยากเลยครับ ถามกับสต๊าฟในคณะมีกันทุกคน” พวกมึงนะพวกมึง อย่าให้รู้นะว่าได้มาจากใคร กูจะตามไปฉีกอกพวกมึงให้หมด เวลามาขอให้กูช่วยงานกูจะไม่ยอมช่วยพวกมึงคอยดูเถอะ กูงอนว่ะแม่งเอ้ย แต่ไอ้สต๊าฟคณะนี่มีหลายสิบคนเลยเนี่ยสิ

   “แล้วมีอะไรถึงได้รบกวนเวลาพักผ่อนกูครับ” ปลายสายหัวเราะชอบใจ

   “เติร์กจะไปเอากระเป๋าตังค์ได้ตอนไหนครับ ที่ลืมไว้นะ” ลืมพ่องสิ เห็นชัด ๆ ว่ายัดใส่กางเกงกูเองกับมือ

   “ไม่ต้องมา เดี๋ยวกูฝากไอ้เตอร์ไปคืนพรุ่งนี้เช้า”

   “เหรอครับ พอดีเติร์กขับผ่านแถวนี้พอดี เลยแวะสักหน่อย นี่ก็นั่งรอในร้านกาแฟใต้คอนโตกายพอดีเลย รบกวนเอาลงมาคืนให้เติร์กจะได้ไหมครับคนดี” คนดีห่าอะไรอีก โว้ยยเกลียดมัน อยากรอรอไปสิ กูไม่ลงซะอย่าง นั่นไปยันเช้าเลยมึง

   “ไม่ไป” ผมด่ามันก่อนตัดสายทิ้ง

   นั่งหอบจนตัวโยนอยู่ข้างเตียง ก่อนทิ้งตัวลงนอนแผ่ราบ นี่ก็เพิ่งรู้ว่าการคุยโทรศัพท์กับคนที่เกลียดนี่ กินพลังชีวิตไปโข ให้ตายสิ เหนื่อยเป็นบ้า

   ครืด ครืด

   เอ้าสั่นมันเข้าไป

   สินสมุทร ไม่ได้เป็นเดือน ส่งรูปภาพถึงคุณ

   ไอ้เติร์กนี่... มันจะมาไม้ไหนอีก รูปที่มันส่งมาผมถึงกับเข่าอ่อน เห็นรูปผมที่นอนหลับตาพริ้มซบกับอกเปลือยเปล่าของมัน ส่วนเจ้าตัวยิ้มแฉ่งอวดฟันเรียงสวยทั้งปาก ยิ้มให้กล้อง ถึงไม่ได้เห็นไปมากกว่าหน้าอกลงไป แต่ใครได้ดูรูปพวกนี้ก็รู้ป่าวว่ะ ว่าคนในรูปเพิ่งจะทำอะไรกันมา คงไม่ใช่นอนหลับพักผ่อนแน่ ๆ แหละ

   “ไอ้เหี้ย”

   ตึ่ง! กระเป๋าเงินราคาแพงของมัน ถูกวางลงบนโต๊ะกระจก ในร้านกาแฟใต้คอนโดของผม เวลาหลังเลิกงานแบบนี้ ลูกค้าเลยเยอะเป็นพิเศษ

   “มึงต้องการอะไรว่ามา” ผมมองหน้าไอ้ตรงข้าม ที่นั่งไขว้ห้างยิ้มทักทายให้ผมตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน ไม่ได้มีท่าทีทุกร้อนอะไร

   “ไม่ได้ต้องการอะไรเลยครับแค่อยากเจอกายก็เท่านั้น” ไอ้เติร์กยกกาแฟขึ้นจิบก่อนจะเลื่อนชีสเค้กในจานมาให้ผม

   “กูหมายถึงที่ถ่ายรูปพวกนั้นไว้ มึงต้องการอะไร” ผมถามมันเสียงเบา ในใจก็อยากโวยวาย ทุบมันด้วยเก้าอี้แข็ง ๆ ให้มันตาย ๆ ห่าไป จะได้จบ ๆ

   “กินก่อนสิครับ เค้กร้านนี้อร่อยนะ กายลองหรือยัง” ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันอร่อย ก็กินแทบทุกวันนั่นแหละที่กลับมาทัน ร้านปิดสามทุ่ม แต่ส่วนมากผมจะกลับไม่ทันนะสิ ส่วนตอนเช้าก็รีบไปเรียนหัวซุกหัวซุน ไม่มีเวลาแวะหรอก วันไหนตื่นเช้าใบเฟิร์นดีใจใหญ่ที่ได้ขนมร้านนี้เป็นของฝาก

   ผมเหลือบมองชีสเค้กในจานมีรอยแหว่งไปนิดหน่อย แล้วมองหน้าไอ้คนใจดีที่เชื้อเชิญให้ผมกินขนม ก็พาลกินอะไรไม่ลงไปทันที กระเพาะดูต่อต้านอาหารทุกอย่างเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างไอ้เติร์ก

   “กินไม่ลง” ผมว่า เลื่อนจานคืนให้มันเหมือนเดิม ในใจร้อนราวกับมีไฟสุมอยู่กองใหญ่ มีเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ใครมันจะกินอะไรลงว่ะ

   “อย่าดื้อสิครับ อยากคุยเรื่องรูปไม่ใช่เหรอ กินให้หมดก่อนสิ” ไอ้เติร์กเลื่อนจานขนมมาตรงหน้าผมอีกครั้ง “หรืออยากให้เติร์กป้อนครับ” ผมรีบคว้าจานขนมไว้ เพราะเห็นไอ้คนพูดยื่นมือมาหยิบช้อนด้วย เกิดให้มันป้อนจริงอายเขาตายห่า ไม่รู้มีเด็กใน ม. นั่งอยู่กี่คน แค่นั่งกินเค้กชิ้นเดียวกับมันก็เป็นชี้ปากชาวบ้านเขาแล้ว อย่าให้ถึงกับตักขนมป้อนใส่ปากกันเลย

   “นี่มัน พ.ศ. ไหนแล้วไอ้สัส ยังจะใช้วิธีแบล็คเมลล์แบบโบราณใช้กันอีก” ผมด่าก่อนจะตักเค้กชิ้นโตยัดลงท้อง มองหน้าไอ้คนที่ยกกาแฟขึ้นจิบ แล้วยิ้มอย่างพอใจที่ผมยอมทำตามมัน

   “หมดแล้ว” ผมเลื่อนจานเปล่าคืนมันไป “รีบ ๆ พูดมา”

   มัวชักช้าลีลาอยู่นั่น แหละผมไม่เคยเจอใครกวนประสาทได้น่ากระทืบเท่าไอ้เติร์กมาก่อน ไม่เห็นน่ารักเหมือนเหี้ยเตอร์ของผมเลย

   “อย่าใจร้อนสิครับกาย เอาดื่มน้ำก่อน จะได้คุยกันคล่อง ๆ” แก้วน้ำเปล่าเย็นเฉียบ ถูกเลือนมาตรงหน้า แต่อารมณ์นี้ผมหมดความอดทนกับมันแล้ว

   “มึงจะเอายังไง ก็รีบ ๆ พูดมาสักทีสิว่ะ” เผลอลืมตัวตะคอกมันเสียงดัง จนคนชะงักทั้งร้านแล้วหันมองผมเป็นตาเดียว

   เวรเอ้ย ยิ่งไม่อยากเป็นจุดสนใจอยู่

   “ก็เรื่องรูป”

   “ไปคุยกันบนห้อง” ไอ้ห่านั้นก็เสียงดังไม่แพ้กัน ใครจะยอมให้ความลับรั่วกันล่ะว่ะ

   ผมเดินปรี่ด้วยความโมโหไปรอหน้าลิฟต์ กดรัว ๆ เพื่อลิฟต์จะมาเร็วขี้นแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะมันเคยช้ายังไงตอนนี้มันก็คงช้าอยู่อย่างนั้น

   “ใจเย็นสิครับกาย เดี๋ยวก็ได้คุยกันแล้ว ใจร้อนไปได้” ไอ้เติร์กเดินทอดน่อง ยิ้มอย่างอารมณ์ดีเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นโอบเอวผมอย่างถือวิสาสะ

   “เอามือออกไป ไอ้เหี้ย”

   “รูป” คนพูดยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงผมเข้าประชิดตัว พอดีกับที่ลิฟต์เปิดออก ไอ้เติร์กดันผมเข้าไปในลิฟต์ กดชั้น 11 เพราะมันเคยมาแล้วเมื่อครั้งที่หิ้วไอ้เตอร์มาส่ง

   “คิดถึง” ไอ้เติร์กก้มลงกระซิบแล้วกดจมูกลงข้างแก้มผมเร็ว ๆ

   “จะทำอะไรให้เกียรติกูบ้าง กูไม่ใช่คู่ขามึงนะ ที่จะชอบอะไรแบบนี้” ผมสะบัดตัวออกมายืนข้าง ๆ มัน ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง พลันความรู้สึกเหมือนกำลังแบกของหนักไว้บนบ่าทั้งสองข้าง ก็ทำเอาจะยืนแทบไม่อยู่ รู้สึกหมดแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

   “ขอโทษครับ ครั้งหน้าเติร์กจะระวังตัวให้มาก” มือใหญ่จับผมหัว ขยี้ไปมาเหมือนมันเล่นกับหมา ผมหันหน้ามองไอ้เติร์กยิ้มให้ผมอยู่ก่อนแล้ว

   “ไปกัน” มือมันเลือนจากหัวมากุมมือผมเดินออกจากลิฟต์ ก่อนมาหยุดหน้าห้องผม รอให้ผมเปิดประตูให้มัน

   เอาเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว

   “เข้าเรื่องมึงได้แล้ว” ผมเดินนำมันมาทิ้งตัวลงบนโซฟา หันหน้ามองออกไปนอกระเบียงที่มืดสนิท ไอ้เติร์กที่เดินตามเข้ามาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับผม แขนมันยกขึ้นโอบไหล่ก่อนจะดึงตัวผมให้เอนพิงอกมัน เหมือนที่เคยนั่งในร้านเหล้า

   “เข้าธุระมึงสักที” ผมเร่งนั่งพิงอกแน่น ๆ เต็มไปด้วยกล้ามของมัน ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะไม่ต้องแคร์สายตาใครอยู่แล้ว มือไอ้เติร์กยกขึ้นลูบหัวผมไปมา นิ้วมือทั้งห้าของมันสอดเข้าไปในเส้นผม สางเล่นไปมา

   “มารับไปกินข้าวเย็น” เสียงมันอ่อนลง โน้มหน้าเข้ามาใกล้

   “งั้นมึงกลับไปเถอะ”

   “มารับไปกินข้าวแค่ข้ออ้าง จริง ๆ เติร์กแค่อยากมาเจอกายนะครับ” จมูกโด่งมันกดลงกลางกระหม่อน ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดหัวผมชวนให้รู้สึกหวิวในอก

   “เรื่องรูปล่ะ” ผมถามหันมองหน้ามัน ตาสีดำดุมีแววเจ้าชู้มองสบกับผม

   “เติร์กไม่ลืมสัญญาที่กายเคยบอกว่าจะให้เติร์กจีบหรอกนะ” ไอ้เติร์กเปิดปากเล่า แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรูปบนเตียงของมันว่ะ

   “ถ้ากายไม่ให้เติร์กจีบต่อ เติร์กจะบอกให้ทุกคนรู้เรื่องของเรา”

   “ไอ้เหี้ย” ผมดิ้นออกจากอ้อมกอดมัน อยากกระทืบมันให้หน้าเละตรงนี้ เสียแต่ว่าผมยังติดเหง็กอยู่กับอกมันนี่สิ

   “มึงมันเลว ที่ได้ไปยังไม่พอใจอีกใช่ป่ะ” ผมกัดฟันถาม พยายามจะสะบัดตัวให้หลุด

   “อย่าดื้อสิครับกาย” ไอ้เติร์กรัดผมแน่นขึ้นไปอีก แต่ยิ่งแน่น ผมก็ยิ่งดิ้น กูหลุดไปได้เมื่อไหร่มึงตายแน่ไอ้เติร์ก คุกก็คุกว่ะ งานนี้

   ในเมื่อเจอแต่คนเหี้ย ๆ ไปหาผัวเหี้ย ๆ ในคุกต่อก็ได้

   “หยุดดิ้นได้แล้วกาย อยากให้เติร์กโมโหเหรอ เห็นใจดีเข้าหน่อยแล้วดื้อนะ” หยุดสิครับ ถึงจะเจ็บใจที่ต้องทำตามคำสั่งมัน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องรูปในมือมัน คิดว่าไม่ดื้อจะเป็นผลดีมากกว่า

   “เราจะเริ่มคุยกันได้หรือยังครับ คนดี”

   “บอกข้อเสนอของมึงมา”

   “กายต้องให้เติร์กจีบกายต่อ เงื่อนไขยังเหมือนเดิมอยู่ในมหาลัย เติร์กจะไม่วุ่นวายกับกาย ถ้าเติร์กอดใจไหวนะ แต่กายเองก็ต้องให้ความร่วมมือกับเติร์กด้วย เพราะอนุญาตให้เติร์กจีบแล้ว ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทำคะแนนบ้างสิครับ เราต้องไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน กินข้าวดูหนังเหมือนคู่ปกติทั่วไปที่เขาจีบกัน แล้วที่สำคัญต้องให้เติร์กมาค้างคืนด้วย”

   โอเคอย่างอื่นพอรับได้ แต่ไอ้ข้อสุดท้ายของมันนี่สิ เกินเรื่องไปมากแล้ว

   “มากเกินไปแล้ว”

   “ไม่เลยสักนิดครับ มันคุ้มกับรูปของกายนะ ว่าไหมครับ”

   “อย่างอื่นพอรับได้ แต่ให้มาค้างด้วยนี่คงไม่ว่ะ

   “งั้นกายไปค้างกับเติร์กก็ได้ครับ”

   “ไม่โว้ย กูค้างกับมึงมึงค้างกับกูต่างกันตรงไหนว่ะ  ไม่ว่าอันไหนกูก็เสียเปรียบมึงอยู่ดี กูบอกว่าไม่ก็คือไม่”

   “โอเคครับ เราจะผลัดกันมานอนคอนโดของเติร์กบ้าง คอนโดของกายบ้าง แล้วแต่กรณีไป”
   “ไอ้...”

   “รูป”

   โอเคจบ



2 be con...
:L2: :pig4: :L2:


ดีใจอย่างน้อยก็มีคนชอบนิยายเรา  :o12:
ปล. กำลังใจมาเต็มเลยคุณ Fahsaizzz

เม้าท์เม้าท์...กรุงเทพร้อนมากกกก อิจฉาคนที่บ้านหนาว ๆ เนาะ อยากไปเที่ยว

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
007
กายครับ กายสิทธิ์ – มันก็จะรู้สึกเหี้ย ๆ หน่อย

   ความลำบากและน่าเบื่อหน่ายสำหรับชีวิตนักศึกษาคือการสอบ มาบ่อยยิ่งกว่าเมนส์ของนังใบเฟิร์นชะนีหนึ่งเดียวในกลุ่มซะอีก ในหนึ่งเทอมเราจะเรียนกันสิบสี่สัปดาห์ และนักศึกษาถูกบังคับให้ต้องสอบมิดเทอมในสัปดาห์ที่เจ็ด และยังมีไฟนอลในสัปดาห์ที่สิบสี่ นี่ก็สัปดาห์ที่ห้าของเทอมหนึ่งในชีวิตนักศึกษาปีสองของไอ้กายแล้ว ชีวิตช่วงนี้พวกเราคนสวยคนหล่อชาวนิเทศฯ เลยต้องใช้เวลากับการอ่านหนังสือ เพราะมันยังมีบางวิชาที่เรียนรวมกับคณะอื่นไง สอบมาได้คะแนนน้อยนี่อายเขาตายห่า ยิ่งวิชาที่เรียนกับพวกเฟรชชี่คณะอื่นยิ่งต้องขยัน ไม่ได้ดิ เดี๋ยวมันหาว่าโง่

   พื้นที่ใช้สอยสาธารณะประโยชน์อย่างเวิร์คสเปซที่ในสัปดาห์แรก ๆ พวกเราใช้เป็นที่ดูหนังออนไลน์ผิดกฎหมาย ส่วนผมใช้ดูเทยเที่ยวไทย หลัง ๆ มาไม่ค่อยได้ดูแล้ว เพราะมัวแต่หนีไอ้ห่าเติร์ก จนหัวซุกหัวซุน บัดนี้มันได้กลายเป็นสถานที่ติวสอบ ส่วนสภาพนักศึกษาชาวนิเทศฯ นั่นก็ยังคงไร้ซึ่งสมบัติผู้ดี ที่นอนระเกะระกะ ตีลังกาอ่านหนังสือ เหมือนอยู่บ้านพวกมันนั่นแหละ และที่มากกว่าอ่านหนังสือก็คือปั่นงานส่งก่อนมิดเทอมไง ให้เดาไอ้กายอยู่ในประเภทแรกหรืออันหลัง

   โง่ ๆ แบบนี้ปั่นงานอยู่แล้ว หนังสือหนังหาช่างมันก่อน งานส่งไม่ครบนี่คะแนนหายบานเลยนะครับไอ้กายจะบอก

   แต่มันจะมีความสุขมากถ้าไอ้เติร์กไม่มานั่งข้าง ๆ แบบนี้ แค่ปั่นงานก็เครียดมากพอแล้ว นี่ยังมีสายตาของพวกชอบเสือกอีกครึ่งคณะ หมดกันภาพลักษณ์ของไอ้กาย

   “มึงไม่คิดจะย้ายที่จริง ๆ ใช่ไหม” ผมหันไปถามไอ้เติร์กที่นอนเฝ้าผมอยู่ ใช่ครับมันนอน ในมือถือชีสวิชาโฆษณาอะไรสักอย่างของมัน ไม่ได้สนใจ เพราะตั้งแต่ที่มาถึงคณะเจอมันใต้ตึก มันก็ปรี่ ใช้คำว่าปรี่เข้ามาประชิดตัวผม เรียกสายตาเพื่อนพ้องชาวประชานิเทศฯ ให้หันหันมาเพ่งความสนใจ

   วันนี้ได้นั่งมุมห้อง อยู่ในหลืบเพราะโต๊ะที่มันมีปลั๊กไม่ว่าง โดนคนอื่นจองไปก่อน เลยต้องลากโต๊ะญี่ปุ่นมากาง แล้วนั่งกับพื้นปั่นงานไป ส่วนไอ้เติร์กที่ตามมาเฝ้า ก็ไปหยิบหมอนที่มันเหลือ ๆ จะบอกว่าหยิบก็ไม่ถูก เพราะมันไปแย่งมาจากพวกรุ่นพี่สาขาการแสดงมา ไอ้ที่มันไปเอามานั่นก็เด็กเก่ามันนั่นแหละ เคยเห็นมันควงช่วงปีหนึ่ง มันพูดไม่ถึงสามคำ ก็หอบหมอบใบโตติดมือมาสองใบ ให้ผมรองนั่งด้วย ส่วนมันก็เอามาหนุนหัวนอนอ่านชีสของมันไป

   “เพื่อนกายยังไม่มากันเลยนะ อยู่คนเดียวได้เหรอ” มันวางชีสบนอก หันมาคุยกับผม สามสหายเพื่อนเกลอของผมติดเรียน เลิกสี่โมงเย็นนู้น วันนี้เลยฉายเดี่ยว

   แต่ว่าไอ้เหี้ยที่ไหนมันบอกกูว่าจะไม่ยุ่งกับกูเวลาอยู่ในมหาลัยว่ะ แล้วที่มานอนเฝ้ากูเนี่ย คนไม่สงสัยเลยมั้ง แต่จะโวยวายมากก็ไม่ได้ เพราะอะไร ๆ มันก็เอาเรื่องรูปมาอ้าง

   “วันนี้ไปสยามกันไหม” มันเปลี่ยนเรื่อง เพราะหลังจากที่มันเอารูปมาขู่ผมวันนั้น ผมยังไม่ได้ไปไหนมาไหนกับมันเลย เพราะเรื่องที่ต้องปั่นงานส่ง ไหนจะอ่านหนังสืออีก ดีที่มันว่าง่ายยอมเข้าใจ

   “กูมีงานต้องทำ”

   “อันนี้ตัวสุดท้ายแล้วนี่ครับ กายทำมาทั้งอาทิตย์แล้ว พักบ้างเถอะ” ผมเหลือบมองตัวการที่ทำให้งานผมไม่เดิน มันหน้าบึ้ง ไม่พอใจ

   คิดว่าตัวเองน่ารักตายแหละทำหน้าแบบนั้น เหอะ

   “มึงไม่อ่านหนังสือเหรอ” ปากผมถามมันไป ตามองจอมือก็คลิกเม้าท์รีทัชภาพในโปรแกรมโฟโตช็อปไปด้วย ใครมันคิดโจทย์ว่ะ ไอ้ที่ให้กูรีทัชตาเพิ่มจากสองเป็นสี่เนี่ย ผมก็ไม่เข้าใจอีตาคนสอนหรอก แต่โจทย์มันมางี้ก็ต้องนั่งทำไป ตั้งแต่ทำมานี่เพิ่งจะย้ายคิ้วเสร็จ ยากจะตายคิดถูกแล้วที่ไม่เรียนโฆษณาอย่างไอ้เตอร์ นี่แค่เรียนพื้นฐานการใช้โปรแกรมตัวเดียวก็แทบตายแล้ว

   “เติร์กอ่านพอแล้ว ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์” ไอ้เติร์กเลื่อนมือมาวางบนเอวผม มันลูบเบา ๆ ให้ผมหันมอง รอยยิ้มบนมุมปากมันดูพอใจที่ผมไม่ได้ปัดมือมันออก

   “มึงมาช่วยกูดูหน่อย แบบนี้เนียนหรือยัง” วิชานี้เป็นวิชาในสาขาไอ้เติร์กมัน พวกมันเรียนตั้งแต่ปีหนึ่ง สาขาผมเรียนในเทอมนี้ ไอ้เหี้ยเตอร์ไม่อยู่ ไม่มีใครช่วย ก็ต้องถามมันสิ มันขยับลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือมาจับเม้าส์ แถมยังเอาหน้ามาวางบนไหล่ผมอีก

   “นี่ เยอะไปแล้วมึง” ผมดันหน้ามันออก แต่แทบไม่ขยับเลย ไอ้เติร์กขำ ดูพอใจที่ได้แกล้งผม ไอ้เหี้ยนี่

   “จะให้เติร์กสอนไหมล่ะ”

   “บอกห่าง ๆ กูก็เข้าใจไหมเล่า” ผมดันมันออก แต่มันก็เข้ามาใหม่อยู่ดีคราวนี้มันกอดเอวผมไว้ด้วย จะนั่งให้มันกอดทำไมเล่า ต้องดิ้นสิ แต่ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัดแน่นขึ้น ชาติที่แล้วแม่งเป็นงูแน่ ๆ เรื่องกอดรัดเหยื่อนี้งานถนัดไอ้เหี้ยนี่แหละ

   “อยู่นิ่ง ๆ สอนแบบนี้มันถนัดกว่า แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ทนหน่อยสิ” มันใช่เรื่องที่ผมต้องทนไหมล่ะ เดี๋ยวหาว่ากูยอมมึงอีก “ถ้าดิ้นอีกเติร์กจูบนะครับ” โอเค อยู่นิ่งก็ได้ นี่เพราะเพลียจากงานบ้า ๆ นี่นะ นั่งทำมาชั่วโมงกว่า ๆ แล้วได้แค่นี้เอง ผมยังหมั่นไส้พวกที่ทำเสร็จในชั่วโมงอยู่เลย แม่งจะเทพไปไหนว่ะ ของผมนี่ต้องเอากลับมาทำข้างนอกต่อตลอด ก็คนมันไม่ถนัดนี่หว่า

   “เกลี่ยสีผิวตรงขอบ ๆ อีกนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ใช้อันนี้ค่อย ๆ ดูดสีจากข้าง ๆ แล้วโป๊ะลงไป ค่อย ๆ ทำ เสร็จแล้วใช้อันนี้เกลี่ยทับอีกที มันจะดูเนียนขึ้น” ไอ้เติร์กมันสอน เปลี่ยนโหมดเร็วจนตามไม่ทัน ผมพยักหน้าทำความเข้าใจ มองดูมันทำเป็นตัวอย่าง มือมันนิ่งมาก ดูดสีได้ตรงเฉดไม่มีพลาดเหมือนผม ที่พอเกลี่ยสีลงไปแล้วมันดูลอย ๆ ไม่เนียนสักที

   “ได้ไหม” ผมพยักหน้าให้มัน ค่อย ๆ ทำต่อ

   “ตอนมาโนชสอนไม่ตั้งใจฟังอ่ะดิ่ เลยทำไม่ได้” มาโนชนี่ อ.สาขามัน เป็นคนแก่ที่ทันสมัยสุด ๆ แถมยังเข้าใจเด็ก จะว่าไป อ. คณะผมแม่งติส แถมเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เรียนด้วยแล้วสบายใจ

   “คนเรามันต้องมีอะไรที่ไม่เก่งบ้างสิ” ผมเถียง จะให้เทพทุกอย่างไม่ไหวนะเหนื่อยตายเลย

   “เวลากายตั้งใจทำอะไรแบบนี้ แล้วก็ดูน่ารักดีเนาะ”

   “คนอย่างกูน่ารักตลอดเวลาแหละ นี่ใครครับ มึงกำลังอยู่ตรงหน้าเดือนวรสารปีสองนะเว้ย” ไอ้คนไม่มีตำแหน่งอย่างมันไม่เข้าใจหรอก ฮ่า ๆ ไอ้เติร์กยกมือขยี้หัวผม ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

   ไอ้นี่ก็ชอบจังเลยตัวกูเนี่ย เดี๋ยวจับ เดี๋ยวลูบอยู่นั่น

   “หลงตัวเองด้วยว่ะ” ของมันแน่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่กูนะที่หลงตัวเอง เหี้ยอย่างมึงยังมาหลงกูเลย แต่เรื่องอะไรจะพูดให้มันได้ยิน เกิดมันหมั่นใส้ขึ้นมาทำไง แค่นี่ก็นัวเนียจนจะได้กันอยู่แล้ว

   เวรเอ้ย ไม่เกินเย็นนี้ เตรียมตัวเป็นขี้ปากชาวประชามหาเสือกได้เลย พังหมดชื่อเสียงที่สั่งสมมา

   ผมจิ๊ปากขัดใจ โยกหัวลบมือมันไปมา มันจะเสร็จไหมว่ะงานกูวันนี้ ไอ้เหี้ยเนี่ยชักกวนตีนใหญ่ ผมเลยหันหน้าไปหาไอ้คนก่อกวน ยกขาถีบมันแต่มันกลับหัวเราะชอบใจ

   สนุกใหญ่เลยไอ้เหี้ย แต่งานกูนี่ไฟลนตูดแล้วครับ ไอ้กลิ่นตุ ๆ แล้วโครตรเผางาน

   “กวนตีนแบบนี้งานกูจะเสร็จไหมล่ะ นี่บ่ายสองแล้ว เดตไลน์คือสี่โมงเย็นนะ” ผมชี้หน้ามันคาดโทษ ไอ้เติร์กยกมือยอมแพ้

   “ไอเค ไม่กวนแล้วครับ”

   “มึงทำให้กูเลย” ผมว่าก่อนจะล้มตัวลงนอนราบกับพื้น เหนื่อยอ่ะ เพราะมันแหละ จากที่ล้าเพราะงานตอนนี้หอบแดกเพราะมันแกล้ง ถึงงานมันจะเร่งแต่ทำไปก็ไม่มีสมาธิอยู่ดี นอนพักก่อน แถมบิดขี้เกียจด้วย พักสักหน่อยค่อยทำต่อ ผมหลับตาลงยกมือนวดขมับเบา ๆ เหนื่อยใช่เล่นนะ เพราะมันไม่ถนัดด้วยแถมยังต้องเพ่งหน้าจออีก นี่อีกนิดหัวจะทะลุจอเข้าไปอยู่แล้ว

   ผมแอบลืมตามอง ไอ้เติร์กโน้มตัวคล่อมผมไว้กับโต๊ะญี่ปุ่นไปทำงานให้ผมจริง ๆ ด้วยว่ะ

   “เฮ้ยกูพูดเล่น ไม่ต้องทำก็ได้” ผมเตรียมจะลุกขึ้นไปทำต่อให้เสร็จ แต่ไอ้เติร์กกดผมให้นอนราบลงไปกับพื้นเหมือนเดิม

   “อีกนิดเดียวเอง เติร์กทำต่อให้เอง”

   “เอางั้นเหรอมึง” มันหันมายิ้มให้ “กูไม่มีอะไรให้นะ”

   “ไปเที่ยวกับเติร์กเย็นนี้ก็พอ” คนพูดไม่ได้หันมามอง มันยังคงทำงานให้ผมอย่างตั้งใจ

   “เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ยมึง” ชมมันหน่อย ไหน ๆ มันก็อุตส่าห์ทำงานให้

   “นอนหนุนตักเติร์กไหมครับ เติร์กจะได้มีกำลังใจทำงานให้กายไง”

   “โอเคพอ กูทำเองงั้น”



   สยามในเย็นวันศุกร์ คึกคักไปด้วยผู้คนที่เลือกจะมาใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจหลังจากลุยงานมาทั้งสัปดาห์ ส่วนผมนั้นไม่ได้อยากมาหรอก เพราะการพักผ่อนที่ดีที่สุดของผมคือการนอน โง่ ๆ ในคอนโดตัวเองโน้น ไม่ใช่มาแย่งกันกินแย่งกันใช้ เดินไหล่ชนกันในห้างแบบนี้ แต่ดูเหมือนไอ้คนข้าง ๆ ผมมันจะพออกพอใจ ที่ได้มาแรดในที่แบบนี้

   แล้วมันเรื่องอะไรที่ต้องมากับมันนะเหรอ ก็เหตุผลเดิม ๆ คือไอ้กายต้องยอมมาเที่ยวกับมัน เพราะไอ้กายยินยอมให้มันจีบแล้ว แถมยังต้องตอบแทนที่มันปั่นงานแทนจนเสร็จก่อนเดตไลน์ตั้งชั่วโมง จนมีเวลาเหลือ ๆ ลากผมออกมากจากมหาลัย โดยไม่ได้เจอคนสวยคนหล่อของคณะที่นัดกันไว้หลังพวกมันเลิกเรียน

   เหอะ ไม่น่าหาเหาใส่หัวเลย

   “กายไม่สนุกเหรอครับ” มันหันมาถามระหว่างเดินบนลานน้ำพุหน้าพารากอนไปสยามเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะไปซ็อปอดิดาส ที่เจ้าตัวมันบอกว่า อยากได้เสื้อใส่ออกกำลังกายตัวใหม่ ผมเลยต้องเดินเซ็ง ๆ ข้างมันไป

   “ก็บอกว่าไม่อยากมา อยากกลับไปนอน”

   “งั้นเรากลับกัน” ไอ้เติร์กหันหลังกลับ ฉุดมือผมเดินกลับเข้าไปในพารากอน

   “เฮ้ยเดี๋ยว ไปไหน”

   “อ้าว ก็กายเหนื่อยนี่ครับ เติร์กจะพากลับไง เห็นกายไม่มีความสุขเติร์กไม่อยากฝืนใจ” ผมรั้งมันให้หยุด ตกใจกับความคิดมัน แถมยังแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่มันบอกจะตามใจผม แต่ว่าถ้าจะตามใจจริง ๆ มึงไม่ควรพากูมาแต่แรกนะ

   “แต่มึงจะซื้อของนี่ มาถึงแล้วไม่ไปซื้อล่ะ วันหลังกูไม่พามาอีกแล้วนะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดกับมันไปแบบนี้ แต่พอเห็นหน้ามุ้ย ๆ ของมันก็เกิดอยากตามใจมันขึ้นมา เฮ้อ กูหน่อกู

   ไอ้เติร์กยิ้มแป้นทันที ก่อนยกมือขึ้นโอบไหล่ผม เดินกลับไปฝั่งสยามเซ็นเตอร์ เอาเถอะไหน ๆ ก็มาแล้ว แถมมันยังอุตส่าห์ช่วยทำงานส่งด้วย ตามใจมันหน่อยจะเป็นไร

   “สีอะไรดีครับกาย ดำหรือเทา” มันยกเสื้อที่ผมเห็นเขาใส่ ๆ กันเวลาเข้าฟิตเนสมาให้ผมดู มันเรื่องอะไรที่ต้องมาช่วยมันตัดสินใจอีกเนี่ย

   “มึงชอบอันไหนล่ะ” ผมถามกลับมองเสื้อในมือมันดำก็ดี แต่เห็นคนใส่กันเยอะ เทาก็สวยนะ แต่ดำสวยกว่า

   “เติร์กว่าสีเทา” ผมพยักหน้าให้มัน “กายชอบไหมครับถ้าเติร์กใส่สีนี้ ปกติใส่แต่สีดำนะ” ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าพ่อคุณจะจีบ แต่ถ้าจะเยอะขนาดนี้ก็เหนื่อยใจไหมล่ะ

   “ถ้าเอาชัวร์ ๆ ก็สีดำเพราะมึงเคยใส่ ถ้าอยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้างก็สีเทาไป” ผมตอบคำถามมันก่อนจะก้มลงตอบแชทที่ถามเรื่องผมกับมัน

   ทั้ง ๆ ที่รับแอดเฉพาะเพื่อนสนิท ๆ และคนในคณะ รวม ๆ แล้วมีไม่ถึงสี่ร้อยคนด้วยซ้ำ ไม่เหมือนพวกเพื่อน ๆ ผมที่มีเฟรนด์ลิสร่วมพันกว่า เฉพาะไอ้เหี้ยเตอร์ สาว ๆ ของมันก็แปดเก้าร้อยคนไปแล้ว

   แต่วันนี้แชทเด้งกันรัว ๆ เลย รายแรกนี่รุ่นน้องในสาขาปีนี้ น้องรหัสสาวแว่นสุดเนิร์ด

   กิ๊บกิ๊ฟ สวยใสเช้งกะเดะ
   บอกมานี่อะไร /แนบรูปไอ้เติร์กเอาคางเกยไหล่ผมมาด้วย

   กายครับ กายสิทธิ์
   มันแกล้งครับไม่มีอะไร .ให้มันช่วยดูงานให้

   กิ๊บกิ๊ฟ สวยใสเช้งกะเดะ
   แกล้งยังไงพี่ ดูยังไงก็กอดก่าย ถ่ายเทไออุ่นให้กันและกัน

   ถ่ายเทพ่องสิ โอ๊ยย บ่นได้ในใจ แต่ต้องคีพลุค ไอ้กายคนดีพี่ปีสองให้น้องมันเคารพ

   กายครับ กายสิทธิ์
   ไม่มีไร ฝากบอกต่อ ๆ ด้วย ไม่ต้องถามมาก ขี้เกียจตอบ

   ผมถอนหายใจ มองไอ้เติร์กที่มองผมอยู่เหมือนกัน

   “กายโอเคนะครับ เติร์กเห็นมองมือถือแล้วดูเครียด ๆ” เครียดเพราะมึงไง แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้

   “อือ เรื่องไร้สาระนะ เลือกได้ยัง”

   “ยังลังเลอยู่” ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนก้มลงอ่านแชทแล้วไล่ตอบทีละคน จริง ๆ มันก็ไม่เยอะอะไรมากหรอก ส่วนมากก็พวกคนที่สนิท ๆ กันจริง ๆ ที่แชทมาถาม

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
   อีกายมีอะไรจะเล่าก็ให้เปิดปากเล่ามาไว ๆ

   นี่ก็อีกรายรุ่นพี่สุดสวยของผม ปีนี้ก็ปีสี่แล้ว แต่ได้ข่าวทำโปรเจ็คจบอยู่นี่หว่า เทอมหน้าก็ฝึกงาน เลยไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว เมื่อก่อนผมชอบเข้าไปอ้อนขอกินขนม เพราะบ้านพี่พริ้งทำร้านเบเกอร์รี่ มักจะมีติดมือมามหาลัยทุกวัน

   กายครับ กายสิทธิ์
   ไม่สนใจงานตัวไปล่ะ ไม่โฟคัสเรื่องงานแล้ว? จะยุ่งเรื่องส่วนตนน้อง? ว่างมากงี้?

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
   อย่ามารวนกูโว้ยยยยยยยยยย มึงตอบตำถามกูมา
   /แนบรูปไอ้เติร์กเอาคางเกยไหล่ผมมาด้วย
   /แนบรูปไอ้เติร์กถือกระเป๋าแลปทอปให้ มืออีกข้างวางบนสะโพกที่หน้าลิฟต์

   อื้อหื้อฝีมือปาปารัซซี่ ผมไม่แปลกใจหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเรื่องของผมกับไอ้เติร์กมากขนาดนี้ กับคนอื่น ๆ ก็แค่เม้าท์ป่ะว่ะ กับกูนี่รูปมาเพียบ ดีไม่มีแท็กมาหน้าวอร์

   กายครับ กายสิทธิ์
   จริง ๆ รูปที่เห็นกายกับเติร์ก แค่แกล้งกันเล่น ๆ ไม่คิดว่าคนจะสนใจเรา มากขนาดนี้ 
   คือภาพที่ออกมามันดูสวีท แต่จริง ๆ เรานั่งกันหลายคน เพื่อนๆก็อยู่กันเยอะ
   ก็ไม่เข้าใจทำไมมีแค่รูปเราสองคนที่ถูกถ่าย
   ความสัมพันธ์กับเติร์กคือ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ปรึกษากันเรื่องเรียนมากกว่า
   ตอนนี้อยากโฟคัสเรื่องสอบ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตครับ

   ก็ไม่ได้อะไรหรอก แกล้งเจ้แกไปงั้น ตอบเป็นแพทเทิร์นแบบนี้ สนุกดี เห็นเวลามีข่าวซุบซิบแอบถ่ายที่ไร ดาราดังชอบตอบแบบนี้ จนนักข่าวไม่ต้องไปจ่อไมค์สัมฯ ก็แทบจะนั่งเขียนข่าวที่ออฟฟิศได้เลย

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
    /แนบรูปไอ้เติร์กเอาคางเกยไหล่ ถ่ายจากระยะไกล มุมกว้าง
   ไหนเพื่อนมึง

   กายครับ กายสิทธิ์
   โห่เจ้ ไม่มีไรเว้ย

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
   มันตามจีบมึง? หรือจีบติดแล้ว?

   กายครับ กายสิทธิ์
   ก็มันบอกว่าชอบ แต่ก็ตามตูดไม่ห่าง ไม่มีไรมากกว่านั้น

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
   ก็แค่นั้นที่อยากรู้ กูจะได้ไปเม้าท์ต่อถูก ทำมาลีลา พ่อเซเลป พ่อเดือนผีผลัก

   กายครับ กายสิทธิ์
   อีเจ้ อย่ามาหมิ่นเกียรติตำแหน่งน้อง คราวหลังมีไรไม่บอกแล้ว
   รู้แล้วก็ช่วยปิดแมะ ไม่ใช่ขยายต่อ

   พริ้งพริ้ง ขาเผือก
   กูจะช่วยมึงปิดยังไงให้มันมิดว่ะ
   ขนาดฉันอยู่นอกวงโคจรยังได้รูปมาเร็วขนาดนี้
   เอาเถอะเจ้เข้าใจ มันแซ่บ จะเอากันก็อย่าลืมใส่ถุงล่ะ ติดโรคมาไม่คุ้มแมะ

   โอเคพอ ผมไม่ต่อความให้เรื่องมันเข้าหาตัวเองอีก ปล่อยคนขี้เสือกเดาเรื่องกันต่อเอง เพราะเรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว จะปิดยังไงไหว

   แต่ทำไม ผมไม่ได้รู้สึกร้อนรน เป็นกังวลเท่าที่คิดเลย มันดูเฉยจนตัวเองก็แปลกใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลัวแทบตาย ว่าคนจะรู้ว่าไอ้เติร์กมันจีบ พอเริ่มมีคนเม้าท์กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แม้แต่รูปที่ถูกแอบถ่าย เห็นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร นอกว่า

   มันก็ดูน่ารักดีแฮะ

   “กายแชทกับใครครับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ผมเงยหน้าจากมือมือ เลิกตอบแชทคนอื่น ๆ ผมเชื่อใจเจ้พริ้ง ถึงปากจะว่าแบบนั้น แต่แกก็ต้องแก้ความเข้าใจผิดให้ผมอยู่แล้ว แต่จะแก้ยังไงว่ะ คนเขาเม้าท์อะไรกันผมยังไม่รู้เลย มีแต่ถามว่ารูปพวกนี้มันมายังไง?

   ไม่มีคำถามว่า เป็นแฟนกัน? ให้ผมแก้ตัวสักหน่อย

   เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ไอ้กายเอาอยู่

   “คุยกับรุ่นพี่นะ” ว่าแต่กูยิ้มเหรอ นี่กูยิ้มกับเรื่องของไอ้เหี้ยเติร์กเหรอว่ะ

   “ดูหลายอารมณ์จังนะครับ เดี๋ยวหน้าบึ้งเดี๋ยวยิ้ม”

   “ถามอะไรมากเล่า มึงเถอะเลือกได้ยัง นานแล้วนะกูหิว”

   “ถ้าเติร์กใส่สีนี้กายชอบไหมครับ” ไอ้เติร์กยกเสื้อสีเทาขึ้นทาบกับตัวให้ผมดู สีหน้ามันดูไม่มั่นใจ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมันทำตัวแบบนี้ ปกติมีแต่ทำเจ้าชู้ใส่

   “เอาที่มึงชอบนั่นแหละ อะไรที่ทำแล้วฝืนใจ หรือทำเพราะเอาใจคนอื่น มันไม่ทำได้ไม่นานหรอก เพราะมันฝืนความเป็นตัวเอง อะไรที่มึงคิดว่าดีกับมึง มึงก็เอาอันนั้น แต่ถ้ามึงทำแล้วเขาไม่ชอบ ก็แสดงว่ามึงไม่ใช่สำหรับเขา อย่าฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นเลย” ผมไม่รู้ว่ามันเข้าใจไหม แต่มันนิ่งและฟังผมอย่างตั้งใจ

   ไอ้เติร์กยิ้มกว้าง พยักหน้าให้ผม

   “แต่คนเรามันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันนะครับ แล้วอีกอย่างกายไม่ใช่คนอื่นสำหรับเติร์กนะ” ไอ้ห่าอายพนักงานขายเขาบ้างอะไรบ้าง นั่นกลั้นยิ้มกันใหญ่

   “จะซื้อเสื้อหรือจะหยอดกู” โด่อย่าคิดว่ากูจะเคลิ้มกับลมปากหวาน ๆ ของมึง แต่ไอ้อาการใจเต้นแรงตุบตับนี่มันอะไรว่ะ

   อย่าหลงกลมัน อย่าหลงกลมัน ท่องไว้มึงไอ้กาย ผมว่าภูมิคุ้มกันคนเหี้ยของผมมันชักจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ แล้ว ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ สักวันต้องพลาดท่าให้มันแน่ ๆ

   “งั้นเอาสีเทาแล้วกัน” ไอ้เติร์กยิ้มให้พนักงานขาย ส่งเสื้อให้เขาพร้อมกับเดินตามหลังไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์


มีต่อจ้าา



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
   ออกจากสยามเซ็นเตอร์ไอ้เติร์กก็กึ่งลากกึ่งจูงผมไปข้ามไปฝั่งสยามสแควร์เพื่อหาข้าวเย็นกินกัน อากาศเมืองไทยนี่มันร้อนจริง ๆ ขนาดว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว มันยังร้อนไม่หาย ผมเดินปาดเหงื่อตามหลังไอ้เติร์ก มาหยุดที่หน้าร้านอาหารเกาหลี ไอ้เติร์กเข้าไปจองคิวแล้วสั่งอาหาร ก่อนเดินออกมารอคิวอยู่นอกร้านเพราะลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ จนไม่มีที่ให้รอในร้าน

   “หิวมากไหมครับ” ไอ้เติร์กถาม ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากให้

   “เห้ยสกปรก ไม่ต้อง ๆ” ผมยกมือห้ามมัน วันนี้ก็ตั้งแต่เช้า ใช้ชีวิตเหนื่อย ๆ มาทั้งวัน แถมออกจากมหาลัยก็ตรงมาสยาม ไม่ได้แวะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน

   “เติร์กไม่เคยคิดว่ากายสกปรกเลยนะ กายรอเติร์กแป๊บนึงนะครับ” ไอ้เติร์กเดินตามซอยไปทางมาบุญครอง ผมมองตามหลังมันอย่างสงสัย ไม่นานมันก็กลับมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับน้ำชาไข่มุกสีเขียวในมือแก้วใหญ่ อีกมือถือทิชชู่มาด้วย

   “ชาเขียวนะ กายกินได้นะครับ” ผมพยักหน้ารับชาไข่มุกแก้วใหญ่จากมือมันมาเจาะกินทันที เอ่อรอดไปได้อีกสักสิบนาที แบบนี้ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย ไอ้เติร์กยกทิชชู่ในมือขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผากให้ เซอร์วิสดีแบบนี้นี่เอง ไม่น่าเด็กมันเยอะ เจ้าชู้แค่ไหนก็ยังหลงมันหัวปักหัวปำ ยอมให้มันทุกอย่าง แต่ยกเว้นไอ้กายไว้คนหนึ่งว่ะ

   “ไปหยิบของเขามาเยอะแบบนี้เขาไม่ว่าเหรอ” ผมรับทิชชู่จากมือมันมาซับเหงื่อตามซอกคอไปด้วย ผมเป็นคนขี้ร้อนเหงื่อออกง่าย เลยไม่ชอบไปไหนแบบนี้ ส่วนมากมากจะไปในที่ที่มีแอร์

   “เขาให้เติร์กมาเองนะ บอกจะเอาไปซับเหงื่อให้แฟน” ผมหันมองมันทันทีเมื่อคำว่าแฟนหลุดจากปากไอ้เติร์ก

   “มั่วไปเรื่อย” ไม่ได้เขินหรอก เพราะอยู่กับมันมาก ๆ แล้วก็เริ่มชินกับความเจ้าชู้ของมันแล้วด้วย ว่าแล้วก็ดูดชาเขียวในแก้วอีกอึกใหญ่

   “จะไม่แบ่งเติร์กบ้างเหรอครับ คอแห้งเหมือนกันนะ”

   “อ้าวทำไมไม่ซื้อมาสองแก้ว”

   “ก็ซื้อแก้วใหญ่มาแล้วนี่ครับ แบ่งกันกินสิ”

   “แต่กูใช้หลอดไปแล้ว”

   “เติร์กไม่ถือ” กูถือไงไอ้เวร ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น

   “นะครับกาย เติร์กคอแห้งแล้ว ขอคำหนึ่งก็ได้ คำเดียว” มันไม่พูดเปล่า ๆ นะมันยกนิ้วชี้ใหญ่ ๆ ขึ้นมายืนยันคำพูดของมันด้วย

   ผมมองไอ้หมีควายมันอ้อนขอกินน้ำอย่างทึ่ง ๆ เฮ้ยอ้อนก็เป็นด้วยว่ะ

   เห็นแบบนี้แล้วก็สงสาร ขนาดผมยังทั้งหิวทั้งร้อน มันก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก ก็มาด้วยกันนี่หว่า ผมเลยยื่นแก้วชาไข่มุกให้มัน แต่แทนที่มันจะจับแก้ว ไอ้เติร์กจับมือผมยกขึ้นกิน ดูดชาเขียวลงคอ แถมยังมองหน้าผมอีก

   บรรยากาศโรแมนติกเหมือนในหนังรักแห่งสยาม เหมือนที่โต้งกับมิวเจอกัน เหมือนปุณณ์มาเที่ยวกับโน่ เหมือนธีร์เดินเที่ยวกับฟิวส์

   ใช่ก็ผีล่ะ ร้อนเหี้ย ๆ ขนาดนี้ แถมไอ้คำเดียวของไอ้ยักษ์นี่ยังทำผมโมโห

   “อ้าวหมดเลย” ไอ้เติร์กว่า เขย่าแก้วที่มีแต่น้ำแข็งเปล่า ๆ กับเม็ดไข่มุกติดก้นแก้วไปมา คนหรือเครื่องสูบน้ำไอ้ห่า สงสัยจะคอแห้งจริง ๆ จ้วบเดียวหมด

   “เป็นไงล่ะ คำเดียวมึง” ผมว่า ยกตีนเตะขามันด้วย ไม่น่าหลวมตัวเลย นี่ผมยังไม่อิ่มเลยนะ กินไปนิดเดียวเอง

   “ขี้โกงนี่กว่า เห็นแก้วใหญ่นึกว่าจะได้เยอะ นี่มีแต่น้ำแข็ง” ไอ้เติร์กมองแก้วในมืออย่าง งง ๆ เอ่อกูก็งง กินยังไงของมึง

   “หมดแล้วก็ปล่อยมึงกูเถอะ”

   “ไม่ปล่อยครับ” มันว่าหน้าระรื่น ใช้มืออีกข้างที่ว่างแย่งแก้วชาไข่มุกไปดูดต่อ จนเกิดเสียงดัง นี่ยังจะกินอีก มันหมดแล้วโว้ยไอ้เหี้ย

   “อร่อยจนหยดสุดท้าย” เอากับมันสิ กินเป็นเด็ก ๆ แต่จะว่าไปมันก็น่ารักดีแฮะ นี่ดีแค่ไหนมันไม่ฉีกพลาสติกที่ซีลปิดปากแก้วออก แล้วเอาน้ำแข็งมาเคี้ยวเล่น

   “กายอดกินเลยเนาะ เติร์กแย่งกินคนเดียวหมดเลย” ตาคมจ้องชาไข่มุกเม็ดสุดท้ายในแก้ว มันปล่อยมือผมไปหยิบหลอดควานหาเม็ดไข่มุก ก่อนจะดูดเข้าปาก

   “ฮ่า ๆ ๆ” ในที่สุดกูก็หลุดขำ อุตส่าห์กลั้นตั้งนาน ไอ้เติร์กยิ้มให้ผม

   “เห็นไหมเติร์กก็ทำให้กายหัวเราะได้” มันยิ้มกว้างทำตาเจ้าชู้ใส่ ใครไม่ขำมึงก็บ้าแล้วไอ้เหี้ย นี่คนดีนะเว้ย ผมส่ายหน้าไปมา หันเข้าไปดูคิวในร้าน อีกคิวเดียวก็จะได้กินแล้ว

   “เติร์กหึงนะ ที่กายเอาแต่ยิ้มกับมือถือตอนเติร์กเลือกเสื้ออยู่นะ เติร์กก็อยากให้กายยิ้มให้เติร์กบ้างเหมือนกันนะครับ ไม่ใช้เอาแต่หน้าบึ้ง พอเห็นกายดูเหมือนไม่มีความสุขที่อยู่กับเติร์ก ก็เกือบถอดใจเหมือนกันนะ” ผมหันมองไอ้เติร์ก ที่อยู่ ๆ ก็พล่ามความในใจมันออกมา “เติร์กชอบกายจริง ๆ นะครับ ยิ่งได้อยู่ใกล้ ๆ ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ”

   “กายเชื่อใจเติร์กนะ ให้เวลาเติร์กพิสูจน์ตัวเองเพื่อกายนะครับ” ไอ้เติร์กจับมือผมมันใช้นิ้วโป้งนวดวนที่หลังมือผมเบา ๆ การกระทำเล็ก ๆ ของมันกลับทำให้ผมใจเต้นแรง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมมองไอ้คนตรงข้าม ตั้งแต่รู้จักมันมา ยังไม่เห็นข้อเสียมันเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับความเอาแต่ใจ กับชอบบังคับนิด ๆ หน่อย ๆ

   ผมมองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ด้วยมือไอ้เติร์ก มันกระชับมือแน่นขึ้นเหมือนจะเรียกร้องความสนใจ แต่เรื่องอะไรจะเงยหน้าสบตาเจ้าชู้ของมันล่ะ ถ้าจะลองให้โอกาสมันสักครั้ง คงไม่เสียหายอะไรมั้ง แถมผมก็ยังไม่มีใคร พลาดท่าเสร็จมันไปแล้วด้วยนี่หว่า

   “เติร์กกู...”

   “พี่เติร์ก” มือที่ไอ้เติร์กกุมผมอยู่ ถูกกระชากให้หลุดไปไม่แรงนัก “จะมาเที่ยวแถวนี้ทำไม ไม่บอกป้องบ้างล่ะครับ ป้องคิดถึงพี่เติร์กนะ”

   ผมหันไปมองคนข้างตัวมัน ไอ้เด็กป้องที่เจอกันแถวคอนโดผมวันนั้นนี้ วันนี้ใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยเชียวดูน่ารักดี ถ้าไม่ติดตาขวาง ๆ เหมือนหมาบ้าของมันอะนะ ข้าง ๆ กับมีเพื่อนผู้หญิงของน้องสองคน ยิ้มหวานอยู่ท่าทางน่ารักดี

   “อ้าว สวัสดีครับเพื่อนพี่เติร์ก” เด็กป้องทัก ผมพยักหน้ารับ ไม่มีอารมณ์จะทักกลับ น้องป้องของไอ้เติร์กยิ้ม ยกแขนขึ้นเกาะแขนไอ้เติร์ก จ้องหน้าผมเหมือนนางร้ายในละครชอบทำ

   ร้ายใช่เล่นนะอีเด็กคนนี้ เดี๋ยวกูเลาะฟันให้หมดปาก

   “เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า คนอื่นทัก ถ้ามีมารยาทก็ทักตอบดิ่ ไม่ใช่นิ่งแบบนี้”

   “ป้อง นั่นเพื่อนพี่นะครับ จะพูดอะไรดูด้วย รู้จักเคารพกันบ้าง พี่ไม่ชอบคนนิสัยเสียแบบนี้” ไอ้เติร์กขึ้นเสียง ดึงแขนไอ้เด็กป้องออก เด็กมันก็ฮึดฮัด แต่สู้แรงไอ้เติร์กไม่ไหวหรอก หน้าบึ้งยอมปล่อยแขนที่มีแต่กล้ามของไอ้เติร์กไปตามเรื่อง โดนตอกหน้าหงายขนาดนั่น เป็นผมร้องไห้ไปแล้วจริง ๆ เพื่อนน้องเองก็หน้าเจื่อนไปนิดเหมือนกัน

   “กายรอแป๊บนะครับ” เติร์กยื่นบัตรคิวให้ผม ก่อนหันไปหาเด็กมัน

   “ตามพี่มา” มันกระชับต้นแขนเด็กป้องแน่น มอง ๆ แล้วเด็กมันคงเจ็บน่าดู แล้วลากให้เดินตามมันออกไป แต่ผมรั้งมันไว่ก่อน

   “เติร์ก ค่อย ๆ คุยนะมึง อย่าทำอะไรน้องล่ะ กูไม่ได้คิดมากอะไร” น้องป้องของพี่เติร์กยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ เมื่อไอ้เติร์กส่งยิ้มให้ผม มันไม่ได้รับปากที่ผมบอกแต่พยักหน้าให้แทน ก่อนหันไปจ้องเด็กมันด้วยสายตาดุ ๆ แล้วลากออกไปอีกซอย ทิ้งผมไว้กับสาวสวยสองคนแทน

   “ไม่ตามไปดูเพื่อนเราหน่อยเหรอ น่าเป็นห่วงนะนั่น” ทั้งสองหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้ผมก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แทน คงจะกลัวไอ้เติร์กมัน เป็นกูกูก็กลัว ไอ้เหี้ย ดุขนาดนั้น

   “ไม่ดีกว่า ปล่อยเขาเคลียกันเองเนาะมึง”

   “เอ่อ อืม”

   “พวกหนูขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ”

   “สวัสดีค่ะ” ผมรับไหว้อย่างงง ๆ ก่อนเพื่อนเด็กไอ้เติร์กจะข้ามถนน ไปฝั่งสยามสแคว์วัน แล้วเดินขึ้นห้างไป เพื่อนกันยังไงว่ะนั่น หนีเอาตัวรอดเฉยเลย

   “คิวที่ 11 เชิญค่ะ” ผมหันมายิ้มให้พนักงานที่อุตส่าห์ออกมาตามนอกร้าน หันมองไปทางฝั่งที่ไอ้เติร์กเดินหายไป อดรู้สึกกังวลไม่ได้อยู่ดี เอาเถอะขอแค่ไม่ทิ้งให้กูแดกคนเดียวก็คงพอมั้งนะ

   แต่ก็รู้สึกผิดจังที่เป็นคนทำให้มันทะเลาะกับเด็ก แถมยังมีอะไรกับมันอีก เฮ้อกูแม่งเลวได้ใจจริงไอ้กาย

   “สองที่นะคะ”

   “ครับ” ผมรับคำ แม้จะไม่มั่นใจว่ามันจะกลับมาไหม ก่อนจะเดินตามหลังพนักงานไปในร้าน

   เหี้ยจริง ๆ มึงไอ้กาย


2 be con...

 :L2: :pig4: :L2:


ขอบคุณและสวัสดีทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนิยาย คิณทรธจ้าา
ปล. แจ้งนิดนุง นิยายจะอัพทุก เสาร์ อาทิตย์เด้อ ถ้าเสร็จเร็วก็อัพเลยจ้า

รักนะตัว  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
008
กายครับ กายสิทธิ์ – เรื่องไม่เป็นเรื่อง

   Bai Fern
   มีอะไรจะสารภาพไหม

   กายครับ กายสิทธิ์
   สารภาพอะไรครับแม่

   รู้อยู่แก่ใจแต่เฉไฉไปก่อน ถ้าลองเจ้พริ้งรู้ มีเหรอพวกเพื่อนผมจะพลาดนะ เผลอ ๆ พวกมันต้องตอบคำถามพวกที่ไม่กล้ามาถามผมตรง ๆ แต่ไปถามเอากับเพื่อนสนิทแทนด้วย ซวยไปสิพวกมัน

   Bai Fern
   หรือจะให้ไอ้เตอร์ไปเยี่ยมมึงดีน้า
   ยกเลิกนัดเพื่อน ไปอี๋อ๋อกับผู้ชาย
   ควรจัดการยังไงดี?

   เกลียด กูเกลียดพวกมึง ผมนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง เหลือบมองนาฬิกาสี่ทุ่มแล้ว หลังจากที่ไอ้เติร์กหายไปกับเด็กมันประมาณ สิบนาทีได้ มันก็กลับเข้ามาในร้านด้วยในหน้ายิ้มแย้ม อาหารที่สั่งไว้มาพอดี

   ไอ้ผมก็อยากถามนะว่าเป็นไงมึง คุยอะไรกันว่ะ แต่จะเอาสิทธิ์อะไรไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวมันล่ะ เพราะมันบอกแค่ชอบผม และจะจีบ ไม่ได้แปลว่าผมมีสิทธิ์วอแวกับเรื่องส่วนตัวมัน
   ถึงผมจะอ้างสิทธิ์ที่มึงจีบกู มึงไม่ควรมีความลับป่ะว่ะ มันก็คงพออ้างได้แหละ แต่ไอ้กายยังมีมารยาทพอที่จะไม่หลุดปากถามมันออกไป กินเสร็จมันก็บึ่งพาผมมาส่งที่คอนโดทันที แถมยังมองตามตาละห้อยเหมือนหมาถูกทิ้ง เพราะมันขอค้างด้วยแต่ผมไม่ยอมไง

   กายครับ กายสิทธิ์
   ไม่มีอะไร มันก็จะจีบกูต่อ
   ง่วงแล้วจะนอน

   ผมตัดบท ไม่อยากตอบคำถามมันมาก พวกมันยังไม่รู้เรื่องที่ไอ้เติร์กเอารูปมาขู่ เพื่อที่จะจีบผมต่อ ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เลยยังไม่บอกใคร เอาไว้จวนตัวจริง ๆ ค่อยปรึกษาพวกมัน

   Bai Fern
   เพิ่งจะสี่ทุ่ม
   เดี๋ยวกูไปหาแล้วกัน
   ตั้งตารอเลย

   เฮ้ย เดี๋ยว ไอ้เหี้ย คอนโดแม่คุณอยู่สุขุมวิท ส่วนคอนโดไอ้เปาเปาอยู่สีลม กลางเมืองเลย นี่ไม่รู้มันอยู่บ้านใคร แต่จะถ่อมาเพื่อเสือกเรื่องของผมที่รัชโยธิน โอเคยอมใจและนับถือในพลังแห่งการเสือก

   และก็เป็นไปตามคาดเมื่อสามสิบนาทีต่อมา เหี้ยเตอร์โทรหาบอกว่ามาถึงแล้วผมจึงต้องลงไปรับมัน มันอยู่สะพานควาย เหมาะกับคนควาย ๆ อย่างมันดี ดึก ๆ รถไม่ติดมาก จากคอนโดมันมาหาผมราว ๆ นี่แหละ ยี่สิบนาทีไม่เกิน แต่ถ้ารถติด สี่ชั่วโมงแม่งยังไม่พ้นห้าแยกลาดพร้าวมาเลย

   “จะมาทำไมว่ะ ไม่หลับไม่นอนกันไง พวกมึง” ผมบ่นพวกมัน นอนกอดหมอนบนโฟซา ตาดูชีต้าร์ไล่กวดควายป่า ในทุ่งหญ้าแห้งสีทอง มีไฮยีน่าดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ไอ้เตอร์ลงไปรับสองผัวเมียคนสวยคนหล่อขึ้นมาบนห้อง ในมือพวกมันมีอาซาฮีหลายขวด แถมยังมีของกินติดมือมาด้วย

   ควายในทีวีน่าสงสาร กูเองก็น่าสงสาร ถ้าลองเพื่อนรักแห่กันมาเพราะรักในความเสือกขนาดนี้ กูจะเหลือไหม

   ผมมองถุงท็อปส์ที่พวกมันคงแวะซื้อก่อนเข้ามาหาผมแล้วมองหน้าไอ้คนถือ เปาเปา คิดถึงมันว่ะ ช่วงนี้ไม่ได้คลอเคลียมันเลย ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ตบที่ว่างข้างตัวให้มันนั่ง มันก็ว่าง่ายหย่อนก้นลงทันที ส่วนใบเฟิร์นนั่งกับพื้นไปตรงข้ามเป็นไอ้เตอร์ ที่ไปขนจานชามมาแกะของกินเทใส่

   “แดก ๆ” คนสวยแต่หน้าชักชวน ส่วนมารยาทความเรียบร้อยหาได้มีในตัวมัน นี่บางทีผมก็นึกว่าทั้งกลุ่มมันคือชายล้วน ผมยังอิ่มอยู่เลย ใบเฟิร์นแกะปูอัด ก่อนจะจิ้มกับโชยุผสมกับวาซาบิเข้าปาก แล้วป้อนผัวมันด้วย

   “มีอะไรกินบ้างมึง” เห็นพวกมันกินแล้วก็หิวแมะล่ะ

   “มีแซลม่อนด้วย ไก่ทอดเกาหลีก็มี กูไปขนมาจากคอนโดเปาเปา” อ่อ ไอ้ที่บอกว่าแวะซื้อนะ เป็นอันปัดตกไป ที่แท้ก็ไปขนเสบียงผัวมากิน แซลม่อนแพ็คใหญ่ไม่ใช่แค่หนึ่งแต่มากถึงสาม ราคากี่พันกันแม่ มึงไปขโมยของเขามาหมดนี่เลยเหรอว่ะ

   นี่ยังมีปูอัดด้วยสองแพ็ค ผมหันมองหน้าไอ้เปา มันทำหน้าปลง ๆ ก่อนจะรับแซลม่อนชิ้นโตจากเมียมันเข้าปาก

    “นี่คือจะมาแดกข้าวบ้านกูถูกแมะ” ผมถามไอ้เตอร์กับใบเฟิร์นที่ครองแซลม่อนคนละกล่อง กินกันจริงจังมาก

   “แต่กูห่อมาเอง” นางว่า “บ้านมึงไม่เคยมีไรให้กูอิ่มท้องหรอก” มันก้มกินต่อ แล้วก็ป้อนเปาเปา ที่เอาแต่เงียบให้ผมกระแซะอยู่ข้าง ๆ

   “อ้าว ก็ของกินอยู่หน้าบ้านกูเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องตุนนี่หว่า” นี่หลังเมเจอร์ยังเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ มีขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเลย ข้าง ๆ เป็นตลาดนัด ร้านเหล้าก็มี ถัดไปอีกนิดทางขวามือเป็นแยกเกษตรของกิน ขนมเปิด 24 ชั่วโมงก็มี เลือกดิ่ จะต้องลำบากตุนอะไรอีก

   “เปาดูมันว่าเขาดิ่” ผมกระแซะเข้าไปใกล้ไอ้เปา กอดเอวมันก่อนก้มดมเสื้อมันตรงหัวนม แต่นี่มันกลิ่นน้ำหอมของใบเฟิร์นที่นางใช้กลบร่างเน่า ๆ ของนาง กลิ่นเมียติดชัด ๆ เนี่ย

   “ก่อนมาพวกมึงทำห่าไรกัน ทำไมกลิ่นเน่า ๆ มึงติดผัวกูทั้งตัวแบบนี้ห๊ะ” ผมเอาตีนเขี่ยนังใบเฟิร์น มันตวัดตามองหน้าแดง

   อีเหี้ยเอ้ย ปิดหน่อยไหมล่ะ ไม่ใช่มาเสียจริตทำเหนียมอายใส่กูแบบนี้ ไอ้เปาก็อีกคนเอาแต่ยิ้ม แล้วยังมายักคิ้วให้กูอีก เวร

   “ไปสาระแนไรเรื่องของเขาเล่า” เหี้ยเตอร์ว่า ปากเคี้ยวของกิน ตาก็จ้องลูกเสือชีต้าร์ สามตัวที่วิ่งหยอกล้อกันในทีวี ดู ๆ ไปก็เหมือนแมวเล่นกัน น่ารักดี

   “ทีพวกมึงยังขนกันมาสาระแนเรื่องกูถึงที”

   เบื่อพวกมัน เลิกกอดไอ้เปาด้วย เลื้อยลงไปนั่งพื้นกับเหี้ยเตอร์ มันยื่นแซลม่อนมาให้เลยงับเข้าปาก อร่อยดีเหมือนกัน

   “เอาเบียร์มา” ผมรับเบียร์จากไอ้เตอร์มาเปิด ส่งให้พวกมันคนละขวดนี่ยังเย็นอยู่เลย

   “นี่คือที่หิวกันขนาดนี้ เพราะมัวแต่เอาของกินที่คอนโดไอ้เปาไม่เสร็จเหรอมึง” ผมถามใบเฟิร์นมันตาโตมอง อ้าปากพะงาบ ๆ พูดไม่ออก ก่อนผมจะหันไปมองไอ้เปา ยกเบียร์ชนกับมัน

   “แต่หัววันเลยไอ้สัส” ผมว่าก่อนใบเฟิร์นจะใช้ตะเกียบเคาะหัวผม เจ็บจี้ดขึ้นสมอง นี่กูยิ่งโง่ ๆ ยังจะมาตีอีก ไอ้เปาลูบหัวปลอบนั่นแหละถึงดีขึ้นมาหน่อย

   “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละย่ะ” แม่คุณเปิดปาก จับมือผัวมันออกจากหัวผม เอ่อนังขี้หวง ผมเบะปากใส่ หันมาทำหน้าทำตาล้อเลียนมันกับไอ้เตอร์ ใบเฟิร์นเคาะตะเกียบลงบนหัวผมอีกครั้ง ย้ำที่เดิมเดะ ๆ แม่นอะไรเบอร์นั้นล่ะว่ะ

   หัวกูเหม็นโชยุกับน้ำลายมึงหมด เวรเอ้ย แล้วมันก็กินต่อไม่เปลี่ยนตะเกียบด้วยนะ

   “ไม่มีก็ไม่มีสิ ตีกูทำไม” ผมขำ แต่เชื่อมันแหละ แหย่ไปงั้นสนุกดี มันคบกับมาปีกว่า จะบอกว่าได้กันมาก็หลายหนก็จะดูเหี้ยไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พวกมันไม่ได้มาทำเขินอายหรอก ยิ่งเวลาเฟิร์นมันเตรียมตัวจะอ่อยไอ้เปานะ เพื่อนนี่ไม่รู้เลย เปาเมื่อคืนฝันไม่ดีเลยอ่ะ เปาไปค้างที่คอนโดเฟิร์นนะ จ๊ะแม่คุณ ฝันร้ายกันทั้งคืนเลยดิ

   หรือหนักเข้าหน่อยก็จะทำมาเป็นบ่น ๆ เมื่อคืนค้างคอนโดเปา นอนไม่พอเลยเหนื่อย มันน่ารักที่ไหนกันนังนี่

   “เรื่องมึงเถอะ มีอะไรที่พวกกูไม่รู้แมะ” คงจะอิ่มได้ที่ เหี้ยเตอร์ของผมเลยเปิดปากถาม กระดกอาซาฮีไปด้วยอึกใหญ่ ตาดุ ๆ เลิกสนใจทีวีแล้ว

   “เอ่อทำไมอยู่ ๆ ไปนั่งกอดกันกลมกลางชั้นเจ็ด คนเยอะด้วยวันนี้” ไอ้เปาถามบ้าง มันคงอยากรู้เต็มแก่ แต่มาดผู้ดีมันทำให้ไม่กล้าเสือกเท่าเพื่อนรักสองตัวที่เหลือ

   “มันบอกกูว่าจะจีบกูต่อว่ะ” ผมเริ่มเล่า ยกเบียร์ขึ้นจิบด้วย จะได้ชุ่มคอ เพราะรู้สึกน้ำลายมันหนืดชอบกล เวลาจะเริ่มต้นเล่าอะไรในใจ แบบไม่ให้หลุดความลับมากเกินไป แต่ก็ต้องทำเป็นว่านี่แหละความลับของกูทั้งหมด กูบอกหมดแล้วงี้

   “โดนเอาไปทีแล้ว ก็เลยใจอ่อนว่างั้น” นี่ก็ตรงไปไหมแม่คุณ ผู้ชายสองคนในห้องมันยังไม่ถามตรงขนาดนี้ ผมเกลียดนังใบเฟิร์นตรงนี้แหละ

   “มันบอกกูว่ามันขอโอกาส”

   “มันจะเลิกเจ้าชู้” ไอ้เตอร์ถามต่อ ผมพยักหน้า เกิดความเงียบไปชั่วครู่ “แล้วมึงก็เชื่อมัน”

   “ยังหรอก แต่คิดว่าจะลองดู” ไอ้เปายกมือมาวางบนไหล่ มันบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

   “เผื่อใจไว้บ้างล่ะ อย่าเพิ่งให้เขาไปหมด นิสัยบางอย่างมันเลิกกันไม่ได้ง่าย ๆ นะ” ผมพยักหน้าให้มัน

   “มันไม่ได้มาขู่อะไรมึงให้เป็นเด็กมันใช่ไหมว่ะ” ผมชะงัก มองหน้าใบเฟิร์น ผู้หญิงนี่เซ้นส์แรงจริง ๆ หวังว่ามันคงไม่จับพิรุธที่ผมแสดงออกหรอกนะ ผมยกเบียร์ขึ้นจิบกลบเกลื่อนอาการน้ำท่วมปากของตัวเอง

   “กูก็คิดเหมือนมึงเฟิร์น อย่างไอ้เติร์กไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ” เหี้ยเตอร์นี่ก็ย้ำจัง แบบนี้แหละผมถึงไม่อยากให้มันมาเจอตอนที่อะไร ๆ มันยังใหม่อยู่แบบนี้ กลัวจะปิดมันไม่อยู่

   แล้วทำไมผมถึงกลัว ทำไมผมต้องกลัวมันรู้ด้วยล่ะ เหี้ยแล้วไง

   “ทำไมเฟิร์นคิดแบบนั้นล่ะ” ไอ้เปาถามเมียมัน ยกมือที่วางบนบ่ามาลูบแก้มผมเบา ๆ ผมชอบให้ไอ้เปามันเล่นหัวเล่นหางบนแบบนี้จัง มันดูเป็นที่รักของมัน

   “ก็ตอนแรกมันยังหนีเขาจะเป็นจะตาย พอโดนเขาเอาเสร็จแล้วเปลี่ยนใจว่างั้น แต่ก่อนหน้ามันยังยืนยันว่าจะไม่มีอะไรอีกแค่ครั้งเดียวแล้วจะเลิกยุ่งเกี่ยวกัน พอมาวันนี้มีรูปนั่งกอดกันกลางคณะ ไม่มีใครว่ามันแปลก ๆ เหรอว่ะ” ผมเงียบ ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกอึก นี่ยังไม่ได้เปิดปากแก้ตัวเลยเหี้ยเอ้ย พูดอะไรบ้างสิว่ะ อย่าเอาแต่เงียบให้พวกมันต้อนเข้ามุมแบบนี้ ผมสบตากับแม่นักสืบสาวจำเป็น ที่วิเคราะห์ได้เป็นฉาก ๆ อย่างกับรู้ทุกเรื่อง

   “ถ้าไม่ใช่เพื่อนเราติดใจมัน ก็ไอ้เติร์กใช้วิธีไม่ดีดึงให้ไอ้กายจำเป็นต้องอยู่กับมันต่อ ถ้าเพื่อเราแม่งมีใจให้มันตั้งแต่แรก กูจะไม่สงสัยอะไรเลย แต่มันไม่ใช่ไง” เหี้ยเตอร์วิเคราะห์บ้าง เกิดมาฉลาดอะไรเอาตอนนี้ก็ไม่รู้

   หรือคราวนี้ผมจะแพ้พวกมันว่ะ เพราะที่พวกมันพูดมานั่นจริงทั้งหมดนะสิ แล้วผมเองก็ไม่อยากจะโกหกพวกมันด้วย เลยเอาแต่เงียบกรอกเบียร์ที่พวกมันติดมือมาฝากลงคอไป

   “ถ้ามันขู่อะไรมึง แล้วมึงไม่เต็มใจ บอกพวกกูได้นะเว้ย ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำส้นตีนอะไรว่ะ” ผมเกือบสำลักเบียร์ที่ยกขึ้นจิบ กำลังจะซึ้งแล้วเฟิร์นเอ้ย นี่มันผู้หญิงจริง ๆ ป่ะว่ะ กูชักสงสัย

   “พวกมึงก็เว่อร์ไป มันจะทำอะไรกูได้ถ้ากูไม่ยอมเอง” ผมมองพวกมันจ้องตาแบบไม่หลบด้วย ให้รู้ว่ากูพูดจริง “ไหน ๆ ก็เสร็จมันไปแล้ว มันอยากจะต่อมันขอโอกาสก็ไม่เสียหายอะไรนี่”

   “แล้วเด็กมันล่ะ มึงจะไปอยู่ในฐานะไหน เป็นเมียหลวงมันงี้” ไอ้เตอร์ถามต่อ คีบแซลม่อนเข้าปาก เคี้ยวงุบหงับ

   “ไม่สิ มันอยากคบมันต้องมีกูคนเดียว ถ้าทำไม่ได้ก็ทางใครทางมัน” ผมจ้องขวดเปล่าในมือ หมุนมันเล่นไปมา เพราะไม่รู้จะทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ดี ในใจมันสับสน ผมกำลังถามใจตัวเองว่าเพราะอะไรถึงยอมมัน เพราะเรื่องรูปที่มันขู่จริง ๆ นะเหรอ หรือผมเองก็เริ่มจะชอบมันแล้ว

   “มึงแน่ใจเหรอว่ามันจะเลิกกับเด็ก ๆ ของมันจริง” ใบเฟิร์นซักต่อ ผมเงยหน้าขึ้นมองมันกับไอ้เตอร์ ที่จ้องผมรอคำตอบ ผมถอนหายใจ รับเบียร์อีกขวดจากไอ้เตอร์ แล้วปล่อยขวดเปล่าในมือให้กลิ้งทิ้งไปก่อนจะไหลไปหาไอ้เตอร์

   “พวกมึงก็ซักมันจัง” ไอ้เปาลูบหัวผมไปมา ผมยิ้มกับการกระทำของมัน รู้สึกสบายใจขึ้นมานิด

   “วันนี้มันเลิกกับเด็กของมันตอนอยู่กับกู ตอนนี้มันบอกว่ามีกูแค่คนเดียว” ผมนึกไปถึงตอนที่อยู่บนรถกับมันระหว่างทางที่มันมาส่งผมกลับคอนโด หลังจากมื้อเย็นในร้านอาหารเกาหลีที่สยามกับไอ้เติร์กจบ

   หลังจากที่มันพาผมขึ้นทางด่วนมาได้ สิ่งแรกที่มันบอกกับผมก็คือ

   “เติร์กเลิกยุ่งกับป้องแล้วนะครับ เด็ดขาดเลยคราวนี้” ผมแปลกใจมองคนที่นั่งข้าง ๆ ตามันมองออกไปบนถนน ก่อนจะหันมาสบตาผม

   “เพราะกูเหรอ” ผมชี้ตัวเอง สงสารน้องมันขึ้นมา “กูแย่งแฟนคนอื่นเหรอว่ะ” ความรู้สึกเสียใจผุดขึ้นมา เหมือนกับตอนที่เห็นไอ้บอลจูงมือใครอีกคนออกมาจากห้องน้ำในร้านเหล้า

   ไอ้เติร์กเลื่อนมือมากุมมือผม มันบีบมือผมแน่น.เหมือนเรียกร้องให้ผมมองหน้ามัน

   “กายไม่ได้แย่งแฟนใครนะครับ เติร์กยังไม่มีแฟนเลยนะ”

   “คนเจ้าชู้แม่งไม่เคยยอมรับกับคนอื่นหรอกว่ามีแฟนนะ” อยู่ ๆ บรรยากาศในรถก็ชวนให้รู้สึกอึดอัด ห้องโดยสารมันดูคับแคบไปหมด จนหายใจแทบไม่ออก

   “กายฟังเติร์กนะครับ คนพวกนั้นเข้าหาเติร์กเพราะอยากสบาย เติร์กให้เงินเขา พวกเขาให้ความสุขกับเติร์กเป็นการแลกเปลี่ยน ระหว่างเติร์กกับพวกเขาเราไม่มีอะไรมากไปกว่าเซ็กส์ ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนรู้ใจ ไม่ใช่แม้กระทั่งความสบายใจเลยด้วยซ้ำ แต่กายรู้อะไรไหม เติร์กเพิ่งจะเคยมีความสุขจริง ๆ สักที ก็ตอนที่ได้ใช้เวลาอยู่กับกายนะครับ”

   ผมเงียบไม่รู้จะเชื่อคำพูดมันได้สักแค่ไหน ไอ้เติร์กมองหน้าผมไม่ได้หลบตา มันบีบมือผมเบา ๆ แต่กลับอุ่นซ่านไปทั้งใจ

   มันชักจะแปลกไปแล้วนะหัวใจ จะไหวแน่เหรอว่ะ

   “เชื่อเติร์กนะครับ ตอนนี้เติร์กเหลือแค่กายคนเดียวแล้วนะครับ”

   “มึงเชื่อด้วย” ผมมองหน้าไอ้เตอร์ มันหมุนขวดเบียร์เปล่าของผมเล่น

   “ไม่รู้ว่ะ แต่คนนี้กูเจอสองครั้งแล้ว มันบอกกูว่า บอกเลิกไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่เด็กมันไม่ยอม ครั้งนี้มันเลยทำให้เด็ดขาด มันเลือกกู ไม่ใช่เด็กมัน”

   “เหอะ เอาจริงเหรอว่ะ เสือจะถอดเขี้ยวเล็บน่าสนใจว่ะ ว่าง ๆ นัดมันมาเจอกันสิ เดี๋ยวพวกกูช่วยดูให้”

   ผมกับไอ้เตอร์ ส่ายหัวพร้อมกันรัว ๆ ไม่ดีแน่ ๆ ยังไม่ได้สำคัญถึงขนาดต้องพามาเจอเพื่อนว่ะ ถึงมันจะรู้จักกันในมหาลัยแล้วก็เถอะ แถมยังไม่กินเส้นกับเพื่อนสนิทอีกคนด้วย นรกเห็น ๆ

   นี่ยังไม่ลืมบรรยากาศบนโต๊ะที่โรงอาหารวิศวะนะ

   “ก็เหี้ยล่ะ อย่าคิดจะเอามันมาเกลือกกลั้วกับพวกกู” เหี้ยเตอร์ว่า ขี้หน้าผมด้วยสายตาดุดัน

   “มึงไม่บอกกูก็ไม่คิดจะทำเหี้ยเตอร์”

   “ทำไมล่ะว่ะ ก็จะได้รู้จักมันให้มากขึ้นไง” .ใบเฟิร์นถาม ทำหน้ามุ้ย “พวกกูช่วยได้นะ”

   “ขืนพามา มันก็ได้ใจหาว่ากูใจอ่อนยอมเปิดตัวว่าคบกับมันดิ ถ้าถึงขนาดพามาเจอเพื่อนสนิท ชีวิตกูต้องวุ่นวายกว่าเดิมไปอีก ไม่เอาแน่ ๆ ล่ะ ไว้มันจีบติดเมื่อไหร่ ก็ได้เห็นเองแหละ”

   “ไม่ใช่ว่าหวงเก็บไว้ดูคนเดียวนะเว้ย หล่อกว่าไอ้เตอร์เราอีก” ใบเฟิร์นแหย่ ทำหน้ากะลิ่มกะเหลี่ย ยกเบียร์ขึ้นชนกับผม ก่อนยกขึ้นจิบ

   “มากไปล่ะแม่คุณ มากไป” ไอ้เตอร์ว่า ไม่สบอารมณ์ที่ใบเฟิร์นที่ชมคู่อริมันต่อหน้า ก็หล่อกว่าจริง ๆ นี่หว่า

   “อย่าลืมเผื่อใจไว้ล่ะ ขนาดที่ว่าดี ๆ ยังออกลายเลย นี่เห็นสันดารกันชัด ๆ เลย” ไอ้เปาบอกมือมันยังลูบหัวผมอยู่ ผมเลยเอนซบตักมัน ยิ้มหวาน ๆ อ่อยไอ้เปาด้วย

   “ยังไงเราก็ให้เปาที่หนึ่ง ไม่มีใครแทนที่เปาเปาของกายได้หรอก”

   “เห็นพูดแบบนี้ตลอด แล้วก็หายหัวไปกับผู้ชายอื่น พออกหักทีก็ร้องไห้ขี้มูกโป้งกลับมาหาที คราวนี้ไม่เอาแล้วนะ ไม่อยากปลอบคนอกหักแล้ว เปาอยากให้กายมีความสุข”

   หู้ยซึ้งว่ะ ผมยิ้มกว้างให้มัน อยากจูบสักที แต่ติดที่กลัวเมียมัน เลยทำได้แค่ยกมือมันขึ้นมาจูบ ไอ้เปาหัวเราะชอบใจ ขยี้หัวผมเหมือนมันเล่นกับหมา

   “อีนี่ก็แรดเกินเบอร์ไปมากนะวันนี้ เห็นกูเงียบหน่อยล่ะเอาใหญ่” นั่นไง มีเมียเหมือนมีมารนะเปาเปา

   “ขัดกูจัง” ถีบมันด้วยเบา ๆ หมั่นไส้ ชะนงชะนีก็ไม่สนล่ะ

   บรรยากาศอึน ๆ กับความขมุกขมัวในใจจางหายไป บรรยากาศระหว่างพวกผมกับเพื่อนผ่อนคลายขึ้น การมีเพื่อนให้ร่วมแบ่งเบาความหนักอึ้งในใจเป็นเรื่องดีจริง ๆ ถึงแม้จะอึดอัดที่ถูกซักไซ้ แต่พอได้ระบายมันออกมาบ้างกลับโล่งใจอย่างไม่น่าเชื่อ

   รักพวกมันว่ะ แต่ไม่พูดให้มันล้อหรอก เก็บไว้ในใจงี้แหละ

   ช่วงเวลาแห่งความสุขใดจะเท่าช่วงหลังสอบเสร็จกันครับสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไอ้เติร์กไม่ได้มากวนใจกับผมนัก มันยังคงมาดักรอหน้าห้องเรียนบ้าง แวะมารับไปกินข้าวข้างนอกบ้าง

   วันนี้ก็เหมือนกันที่ไอ้คนเช้าชู้นั่งจับกลุ่มกันสูบบุหรี่รอใต้ตึก ทันทีที่เห็นผมมันก็ดับบุหรี่ บอกลาเพื่อน ๆ มันแล้วตรงมาหาผม กลิ่นบุหรี่ยังคงลอยคลุ้งรอบตัวมัน

   “ทำข้อสอบได้ไหม” นี่ก็อีกเรื่อง ความสุภาพและที่ลงท้ายครับของมันเริ่มหายไปบ้าง ไม่รู้เพราะเริ่มสนิทกัน หรือเพราะมันขี้เกียจจะใช้ก็ไม่รู้ แต่หลัง ๆ มามันใช้น้อยลง แต่ความกวนตีนของมันนี่ไม่มีน้อยลงนะ

   “อืม ได้มั้ง” ผมตอบเซ็ง ๆ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก แต่ทำได้น้อยกว่าที่คาดนิดหน่อย

   “วันนี้ไปกินเหล้ากับเติร์กไหมครับ” ผมมองหน้ามันชัด ๆ ไอ้เติร์กรอคำตอบ เดินไปลานจอดรถหน้าตึกด้วยกันผมเริ่มชินกับการมีมันอยู่ในชีวิตทีละนิด ไม่ได้อายสายตาใครแล้วเวลาอยู่กับมัน แต่คนในคณะยังคงให้ความสนใจผมกับมันอยู่ดี

   “ไม่พักบ้างเหรอว่ะ เพิ่งสอบเสร็จ”

   “ฉลองสอบเสร็จไง” ไอ้เติร์กเปิดประตูรถให้ ผมทิ้งตัวลงบนเบาะ รอจนมั่นวิ่งมาอีกฝั่งแล้วนั่งประจำที่นั่งหลังพวงมาลัย “ว่าไงครับกาย ไปกับเติร์กไหม”

   “เหนื่อยอ่ะอยากนอนมากกว่า มึงไปเถอะ”

   “แต่เติร์กอยากพากายไปด้วยกันนี่” ผมมองหน้าไอ้คนที่คะยั้นคะยอให้ผมไปร้านเหล้ากับมัน อะไรจะขนาดนั้น คนเพิ่งสอบเสร็จควรเอาเวลาไปพักผ่อนนอนให้เต็มอิ่มสิ ไม่ใช่ตะลอน ๆ แดกเหล้าไปเรื่อยแบบนี้ ในหัวผมนี่นึกถึงร้านหมูกระทะ ไม่ก็สุกี้ ชาบู อะไรแบบนั้น

   “ไม่ดีเหรอ ไปคนเดียวมึงจะหิ้วใครกลับมาก็ได้นะ กูไม่รู้ด้วย”

   “กายครับ เติร์กมีแค่กายคนเดียวนะครับ ไม่คิดจะมีใหม่ด้วย ถ้ากายไม่ไป เติร์กก็ไม่ไปครับ จะโทรยกเลิกนัดพวกไอ้ทอม” ไอ้สารถีจำเป็นหน้าบึ้ง ก่อนมันจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป แต่ทางกลับมันไม่ใช่คอนโดกูโว้ย อ้าวเฮ้ยไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่น่า ผมแตะแขนมันเรียกให้ไอ้คนขับรถหันมอง

   “จะไปไหน” จริง ๆ ก็พอจะรู้อยู่แล้วแหละ แต่ยังจะถามมัน จุดหมายปลายทางคงไม่พ้นรามอินทรา คอนโดมันไงล่ะครับ แต่ว่าที่คุยกันก่อนเข้าห้องสอบมันไม่ใช่แบบนี้ไง

   “วันนี้ค้างห้องเติร์ก”



มีต่อเด้ออ

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ

   “กูเหนื่อย ไม่มีแรงจะทะเลาะกับมึงนะ มึงรับปากกูแล้วไงว่าสอบเสร็จจะไปส่งกูที่คอนโด กูเลยยอมขึ้นรถมากับมึงเนี่ย สัสเติร์ก”

   “ก็กายไม่ยอมไปกินเหล้ากับเติร์ก ตามใจเติร์กบ้างสิ จะคอนโดเติร์กหรือคอนโดกาย ก็นอนได้เหมือนกัน ต่างตรงไหน”

   “ต่างตรงกูไม่ชินที่ไง” ผมเถียง อ้างไปงั้นผมไม่ใช่คนนอนหลับยากอะไร แต่ไม่อยากอยู่กับมันไง แถมอยู่ในที่ของมันด้วย

   “แต่ที่เราตกลงกันว่าจะให้เติร์กค้างด้วย นี่เติร์กยังไม่ได้ขึ้นคอนโดกายเลยนะครับ ทุกทีก็ปล่อยผ่านตลอดแต่คราวนี้เติร์กคงปล่อยไม่ได้อีกแล้ว” ไอ้เติร์กหันมามองหน้าผม “เตรียมใจไว้เลย”

   เตรียมจงเตรียมใจเหี้ยอะไรล่ะโว้ย ไอ้นี่ ถ้าคิดจะเอากูนะฝันไปเถอะ ไอ้กายซะอย่าง เหอะ ผมกอดอกหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ก่อนถึงคอนโดไอ้เติร์กมันต้องผ่านเซ็นทรัลด้วย ไอ้คนที่บังคับผมให้มาค้างคอนโดมันเลี้ยวรถเข้าไปเลย ผมหันมองหน้ามัน

   “เติร์กหิว เราแวะหาอะไรกินกันก่อน” มันบอกก่อนจะวนหาที่จอดรถ ผมเองก็หิวเหมือนกันแหละวันนี้สอบเช้าตัวเดียวเหมือนมัน ไอ้เหี้ยเตอร์มันก็บ่น ๆ ช่วงนี้นอนน้อย สอบเสร็จก็กลับไปนอนเหมือนกันเราเลยไม่ได้เจอกันวันนี้ แต่ไอ้เปากับใบเฟิร์นมีสอบบ่ายอีกตัว

   “กายอยากกินอะไร” ก็กำลังมองหาอยู่นี่ไงครับ เวลาเที่ยงแบบนี้คนเยอะเหมือนกัน ผมมองหน้าไอ้เติร์ก

   “อะไรก็ได้ที่คนไม่เยอะ ไม่อยากรอคิว” ผมกับมันเดินวนดูร้านกันรอบหนึ่ง ก่อนจะจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมีราเม็งขาย กับข้าวหน้าต่าง ๆ ไม่เคยกินด้วย ผมสั่งข้าวหน้าเนื้อไป กับทาโกะยากิมากินเล่นด้วยอีกอย่าง

   “จะไม่ไปร้านเหล้าจริงเหรอครับ” ไอ้คนตรงข้ามถามหลังจากสั่งอาหารของมันเสร็จ นี่พวกหายใจเข้าออกเป็นร้านเหล้าเลย ห่าราก

   ผมกรอกตาไปมา อย่างหน่าย ๆ “ถ้ามีอารมณ์ก็จะไป แต่ตอนนี้กูอยากนอน” มันพยักหน้าหงอย ๆ รับ แล้วยกน้ำขึ้นจิบ

   “ถ้าเปลี่ยนใจบอกเติร์กนะครับ” ร้านเหล้ามันสำคัญอะไรขนาดนั้นว่ะไอ้นี่

   ผมหยิบมือถือมากดเล่นระหว่างรออาหาร ในหน้าฟีดมีแต่คนบ่นเรื่องสอบไปเสียเกือบครึ่ง ส่วนอีกครึ่งคือนัดกันไปกินเหล้า ให้ตาย อะไรจะขนาดนั้นกัน นี่บ้างคนนัดกันไปไกลถึงรังสิตเลยก็มี แถวนั้นก็มีมหาลัยดัง ๆ เยอะด้วย ผมเองก็เคยถูกไอ้เตอร์ลากไปเหมือนกัน ดูคึกคักดี แต่ไกลบ้านไปหน่อยเลยไม่ได้ไปบ่อย

   “กายติดมือถือเหรอครับ” ผมเหลือบมองไอ้คนที่เท้าคางมองผมอยู่

   “ไม่ได้ติด เล่นบ้างเวลาไม่มีอะไรทำ” มันพยักหน้า จะชวนคุยต่อแต่พนักงานเสิร์ฟยกอาหารที่สั่งไว้มาพอดี มันเลยเงียบปากส่งยิ้มให้แทน ผมหันไปขอบคุณพี่สาวที่ยกข้าวมาเสิร์ฟ ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ด้วย

   “นอกจากกุ้งกายชอบกินอะไรอีก” ผมเงยหน้ามองมัน แล้วพยายามนึกถึงของที่ชอบ ทำไมกูต้องจริงจังกับคำถามมันขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้

   “โค้กมั้ง” ผมตอบตักข้าวเข้าปาก นี่ไม่ชินเลยเวลามากินอาหารญี่ปุ่นแล้วต้องใช้ตะเกียบกินข้าว กินข้าวมันควรใช้ช้อนซ้อมป่ะว่ะมึง นี่ก็ไม่ได้สันทันนะเว้ย ก็ไม่ได้อยากฟีลญี่ปุ่นขนาดนั้นป่ะ

   “ไม่เอาโค้กดิ่ อันนั้นเติร์กรู้แล้ว” ไอ้เติร์กกินราเม็ง ซดน้ำซุปมิโซะลงคอ ก่อนมองหน้าขอคำตอบ

   “หมูกระทะก็กินบ่อยนะเมื่อก่อน อันนี้ก็ชอบ แล้วมึงไปรู้มาจากไหนว่ากูชอบกินกุ้ง” ผมถามมันบ้าง ข้องใจมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่มันลากผมไปอยุธยานั่นแหละ ถึงจะแปลกใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้ถามว่าไปรู้มาจากไหน

   “ถามกับพวกสต๊าฟคณะ” มันบอกไอ้เหี้ยพวกสต๊าฟ มึงนี่คายความลับกูไปกี่อย่างว่ะ มันน่าโมโห

   “คนเดียวกับที่ให้เบอร์มึง ไปตีซี้กับพวกสต๊าฟเหรอว่ะ”

   “ไม่หรอก ก็ถามเรื่องกายจากพวกเขาแค่นั้นแหละ เติร์กไม่ค่อยสนิทกับคนในคณะเท่าไหร่นะ ยิ่งสาขาอื่นยิ่งแทบไม่เคยคุยกันเลย ไม่รู้ทำไม เติร์กไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก เขาคงมองว่าเติร์กนิสัยแย่มั้ง ใคร ๆ ก็เอาแต่หนี นี่พวกสตาฟคณะก็เจอกันในร้านเหล้านะ คุยถูกคออยู่ไม่กี่คน ส่วนมากเป็นพวกปีสามปีสี่” ผมพยักหน้ารับ จะว่าสงสารหรืออะไรดี แต่ผมก็ชอบเห็นมันอยู่กับไอ้ทอม แล้วก็พวกรุ่นพี่ที่เป็นสตาฟนี่แหละ ที่มักจับกลุ่มกันสูบบุหรี่ใต้ตึกคณะ กูหมายหัวพวกมึงไว้เลย ถ้าใครติดต่อกูให้ช่วยงานเล่นหนังสั้น ทำโปรเจ็คจบหรือห่าอะไรก็ตาม กูจะไม่ช่วยพวกมึง

   “แล้วเวลาเรียนไม่ลำบากเหรอ ไม่หาเพื่อนเยอะ ๆ อ่ะ”

   “ไม่สนิทกันนะครับ ไม่ได้ถึงกับไม่มีคนคบ เวลาทำงานกลุ่มอะไรแบบนี้ก็มีคนชวนเข้ากลุ่มนะ แต่เรียนเสร็จก็ทางใครทางมัน เจอกันแค่ในห้องเรียน”

   จะว่าไปมันก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ที่เพื่อนสนิทเป็นคนนอกสาขากันหมด แต่ผมก็ไม่ได้ถึงกับคนอื่นหนีนะ เพื่อนในสาขาก็พอมีบ้าง เวลาพวกไอ้เตอร์ไม่ว่าง ก็มีนั่งกินข้าวกินขนมด้วยกันได้ เวลาเข้าโรงอาหารก็มีคนชวนให้ร่วมโต๊ะ บ่อย ๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้เที่ยวนอกมหาลัยด้วยกันแค่นั้น

   “มึงไปหลอกเพื่อนเขาไว้เปล่า เขาเลยพลอยไม่ชอบมึงไปกันหมด” มันชะงักตะเกียบ นี่กูไม่ได้พูดอะไรแทงใจดำแม่งนะ

   “คงงั้นมั้ง เติร์กได้ยินคนอื่นพูดกันบ่อย ๆ ว่าให้ระวังคนแบบเติร์ก” เอ่อกูเองก็โดนเตือนจากเหี้ยเตอร์ไง

   “กูเองก็โดนเหมือนกัน” ไอ้เติร์กขำ

   “วกมาเรื่องเติร์กได้ไงครับ ตอนแรกคุยเรื่องของชอบกายนี่” มึงเล่าเองแมะล่ะ ควาย นี่ไม่ได้ซักสักหน่อย

   “แต่เติร์กดีใจนะ ที่กายไม่ได้หนีเติร์กแล้วนะ”

   “กูจำใจไหมล่ะ มึงขู่จะปล่อยรูปกู” ผมก้มลงกินน้ำอัดลมสีดำ จริง ๆ ผมชอบน้ำอัดลมจะโค้กจะแป๊บซี่ก็มาเถอะ กินได้หมด ไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้น แต่ถ้าเลือกได้ก็จะกินโค้ก

   “กายไม่ถามเติร์กบ้างเหรอครับว่าชอบกินอะไร” ผมเลิกคิ้วมองมันตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก ก็ไม่อยากรู้นี่หว่า แต่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจมันอ่ะ เหี้ยเติร์กผู้น่าสงสาร เหี้ยจนไม่มีใครเอา

   “เกิดมึงตอบว่าชอบกินกู กูต้องทำหน้ายังไง” ไอ้เติร์กระเบิดหัวเราะ หน้ามันแดงลามไปถึงหู หือหรือกูจะทายถูก ไอ้สัส

   “รู้ทันด้วยว่ะ ร้ายใช้เล่น” เหอะ ก็ไม่คิดว่าจะเล่นอะไรแบบนี้

   “กายเป็นคนที่เติร์กรับมือด้วยยากมากเลยรู้ไหมครับ” ไม่รู้หรอกมึงไม่เคยเปิดปากบอกกูนี่หว่า

   “ยังไง” ถามมันสักหน่อย กูออกจะเป็นคนอ่านง่าย เหี้ยเตอร์มันบอก แถมโง่ด้วยใบเฟิร์นมันว่า นี่กูยังเป็นคนรับมือยากด้วย ถ้าอิงจากคำพูดไอ้เจ้าชู้จนคนรังเกียจไปทั้งคณะอย่างมันอะนะ

   “กายแปลก แต่ไม่ใช่คนประหลาดนะ ทำเหมือนกลัวเติร์กมาก ๆ แต่ก็เปิดช่องให้เข้าถึงตัวได้ เวลาเติร์กหวานใส่ก็จะทำหน้าเบื่อ เติร์กเลยเข้าหาไม่ถูก ปากหวานมาก ๆ กายก็ไม่ชอบอีกแถมยังดูรำคาญเติร์กด้วย เติร์กดูออกนะมันว่ามันไม่ใช่การเล่นตัว” มันทำท่านึก “เอาใจยาก แต่ไม่ได้น่ารำคาญ หรือรู้สึกเบื่อเลยครับ เติร์กเลยต้องคิดอยู่ตลอดว่าจะเข้าหากายยังไงดี”

   กูดูเป็นคนแบบนั้นเหรอว่ะ

   “กูมีภูมิคุ้มกันคนเหี้ยนะ” แต่ก่อนจะคิดปากมันก็ไวกว่าสมองอีกแล้ว ไอ้เติร์กหน้ามุ้ย

   “เติร์กเหี้ยเหรอครับ” ผมส่ายหน้าแต่ปากมันก็ดันตอบ “มั้งนะ” ออกไปด้วย

   “มึงบอกจะจีบกู รู้ใช่ไหมกูเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน” ไอ้เติร์กพยักหน้าให้ บอกว่ามันรู้ ผมเลยเล่าต่อ “แฟนคนแรกกูคบตอน ม.ปลาย เลิกกันช่วงก่อนเข้ามหาลัย”

   “ทำไมละครับ” ไอ้เติร์กถาม ผมก้มลงดูดน้ำอึกใหญ่

   “มันนอนกับเพื่อนสนิทกู แอบคบกับลับหลังมานานแล้วด้วย” ไอ้เติร์กเงียบ แต่สีหน้ามันดูอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ให้ความเห็นอะไร “คนที่สอง เจอกันในร้านเหล้าเป็นรุ่นพี่อายุเยอะแล้ว ยี่สิบเจ็ดมั้ง คนนี้กูไปเป็นชู้กับเขา แฟนพี่เขาเป็นวิศวะกร ทำงานที่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับมาหากัน แต่กลับมาครั้งล่าสุด ก็มาเจอแจ็คพ๊อต เจอกูบนเตียงกับผัวตัวเอง คนนี้คบได้ไม่นาน”

   “กายรู้หรือเปล่าว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว” ผมส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้ “งั้นกายก็ไม่ผิดสักหน่อย”

   “แต่กูให้ใจเขาไปแล้วไง เจอแบบนี้ไปมันก็เคว้งไปเหมือนกันนะ อันนี้ก็โครตเจ็บว่ะ”

   “รักมากเหรอ” ผมมองหน้าหม่น ๆ ของไอ้เติร์กแล้วก็ชวนให้อึดอัดใจแปลก ๆ ไม่ชอบเลยที่มันทำหน้าเศร้าแบบนี้

   “ไม่ขนาดนั้น แต่คนนี้หวังไว้มากไง ผิดหวังจากคนแรกอุตส่าห์เปิดใจรับคนใหม่ ไม่คิดว่าจะทำกับกูแบบนี้ แล้วมันยังรู้สึกผิดด้วยที่ตัวเองทำให้ผัวเมียเขาทะเลาะกัน มันเหมือนที่เพื่อนกูทำกับกูไง กูแม่งก็เลว”

   “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนะ คนที่หลอกกายต่างหากที่เลว” ผมมองไอ้คนเจ้าชู้ที่ด่าคนเจ้าชู้ว่าเลว มันชักจะแปลก ๆ นะ แต่เอาเถอะ

   “คนที่สามคนล่าสุด ที่มึงเจอในร้านหมูกระทะ คนนี้มันไปมีคนอื่นว่ะ เผลอ ๆ แม่งอาจจะเป็นกูมั้งที่เป็นชู้กับมันอีก มึงรู้อะไรไหม สิ่งที่พวกมันมีเหมือน ๆ กันคือ มันปากหวาน เอาอกเอาใจเก่ง คนเจ้าชู้มักจะเทคแคร์คนเป็น ใครอยู่ใกล้เป็นต้องใจอ่อน ไม่งั้นมันไม่มีคนหลงมันจนมีเด็กซ่อนไว้หรอก ถ้าเหี้ย ๆ มาเลย ใครมันจะไปชอบว่ะ” ไอ้เติร์กสบตาผม ก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ นิ้วโป้งไล้เบา ๆ “พวกมันสามคน นิสัยเหมือนมึงเลยว่ะ”

   “แต่เติร์กมีแค่กายคนเดียวนะครับ”

   “สามคนนั้นก็พูดแบบมึง กูถึงบอกไง เพราะกูเจอมันมาหมดแล้ว กูเลยมีภูมิคุ้มกันคนเหี้ย ไอ้สิ่งที่มึงทำ มันเลยไม่ได้ทำให้กูรู้สึกเคลิ้มหรือหลงไปกับมึงเลย ตรงกันข้าม มันตอกย้ำความผิดในอดีตของกู มันเตือนให้กูไม่ก้าวพลาดไปกับวังวนเดิม ๆ แต่แม่งก็พลาดเสร็จมึงจนได้ บ้างทีกูอาจจะชอบคนเจ้าชู้มั้ง”

   “กายครับ เติร์กไม่รู้นะว่ากายจะเชื่อใจเติร์กหรือเปล่า แต่เติร์กจะไม่ทำให้กายผิดหวัง เชื่อเติร์กนะครับ ให้โอกาสเติร์ก ลองเปิดใจให้กับเติร์กบ้าง เติร์กจริงจังนะ ทุ่มสุดตัวเลยเพื่อกาย” ผมกระชับมือมันแน่น บีบกลับไปให้มันรู้

   “อืมกูจะรอดู” หวังว่าคงจะไม่ทำให้กูผิดหวังนะ ถ้ามันจะเจ็บอีกสักครั้งจะเป็นไรไปว่ะ ในเมื่อการมีมันอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้แย่

   ลองเสี่ยงกับคนเช้าชู้อีกสักทีก็คงไม่เป็นไรมั้ง

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าเห็นใจกายนะ ส่วนเติร์กนี่ก็ยังไม่น่าวางใจเท่าไหร่

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ถ้าเติร์กทำกายเจ็บอีก จะฝากเตอร์และพ้องเพื่อนไปกระทืบเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ยังรออยู่นะคะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สนุกกกก
ติดตามค่า :mew2:

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
009
กายครับ กายสิทธิ์ – มันก็จะหวาน ๆ หน่อย

   สุขใดเล่าจะเท่าการนอน
   
ไอ้เติร์ก ไอ้คนบาป – 2017
   
ไอ้มารขัดความสุข ผมเคยบอกหรือเปล่าว่าผมชื่นชอบการนอนหลับพักผ่อนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไอ้เหี้ยเติร์กมันดันปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหล

   “ถ้าไม่ตื่นเติร์กจะลักหลับแล้วนะครับ” มันกระซิบข้างหูมือไม้ก็ยุกยิก ๆ ไปตามพุง นี่กูอนุญาตให้ทำแบบนี้กับกูได้เหรอว่ะ แต่ก่อนที่มือมันจะหายเข้าไปในกางเกงนอน ซึ่งก็คือบ๊อกเซอร์ผมนั่นแหละ ผมก็ลืมตามองไอ้เหี้ยที่ปลุกผม ไม่ได้ตกอกตกใจ ปัดป้องมือมันหรอก จ้องมันด้วยสายตาดุ ๆ เท่านั้น

   “ถ้าล้วงไปโดน กูกลับ” หึเป็นไง หง่อยไปสิ แถมมันยังชักมือออกทันที เหมือนโดนของร้อน

   “ลุกเร็วห้าโมงแล้วนะครับ นอนต่อระวังปวดหัวนะ” ผมบิดขี้เกียจ เรื่องนอนต่อนะฝันไปเถอะ ใครมันจะไปหลับต่อได้ล่ะ

   “ตอนกูหลับแอบทำอะไรกูไปบ้าง” ไม่ได้จะจริงจัง แต่อาการหลุกหลิกของมันทำเอาผมเปลี่ยนความคิด ไอ้เหี้ยนี้ทำจริงใช่ไหม ผมจับหมอนฟาดไอ้เติร์กจนหน้าหงาย

   “รุนแรงจัง” ไอ้เติร์กขำกอดหมอนใบโตแน่น ก่อนจะพลิกตัวมามองหน้าผม

   “แค่นั่งมองหน้าเฉย ๆ เถอะ ใครจะกล้า” คนอย่างมึงไง ผมเถียง สะบัดหัวไปมาไล่อาการงัวเงีย ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นตื่นเต็มตา จากที่คิดว่าง่วงหลังจากกินข้าวกันเสร็จมันก็พาผมกลับมาคอนโดมันทันที ไม่ได้แวะไหนต่อ พอหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็หลับยาวเลย ความรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปสิบนาทีเอง นี่มันโคตรง่วงเลยนี่หว่า หลับห่าอะไรขนาดนั่น ดีไม่หลับมาในรถ

   “ปลุกกูมาทำไม” ผมออกมาจากห้องน้ำมองไอ้คนซุกหน้ากับหมอนใบที่ผมหนุนแล้วก็รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ ไอ้เติร์กผละออกจากหมอนแล้วยิ้มแฉ่งให้

   “เติร์กหิว” เวรตะไลเอ้ย ปลุกกูเพราะแบบนี้เนี่ยนะ ผมกรอกตาไปมา “ไปแต่งตัวเดี๋ยวพาไปซื้อของโลตัสมาทำอะไรกินกัน” เอ้าไปก็ไป

   ผมเดินไปหยิบกางเกงมาสวม ผมมองเงาสะท้อนของไอ้เติร์กในกระจก มันมองผมไม่วางตาเลย ไอ้เหี้ยจ้องขนาดนี้ก็ก็เขินแมะล่ะ วันนี้สอบเลยต้องใส่สแลคเรียบร้อย ปกติใส่ยีนส์ ก็ดูแปลก ๆ ไงไม่รู้มันไม่ชินกับอะไรแบบนี้ ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนนอนหยิบเสื้อยืดไอ้เติร์กมาใส่ด้วย จะได้นอนสบาย แล้วแม่งนอนสบายจริงด้วย หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

   ผมสำรวจตัวเองในชุดเสื้อยืดกับสแลคขาเดฟเข้ารูปแล้วจึงหันไปหาเจ้าของห้องที่นั่งจ้องผมบนเตียงไม่วางตา

   “ไปดิ่ จ้องไปกูก็ไม่สะท้านหรอก ระวังมึงจะอกแตกตายนะ” ไอ้เติร์กขำ คลานลงจากเตียง

   “นี่ก็ใกล้แล้วครับ” มันเอามือวางบนเอว เปิดประตูห้องให้ก่อนดันผมออกไปนอกห้องนอน ผมสวมรองเท้าแตะของมัน ไม่อยากใส่คัทชูไง มันจะดูเรียบร้อยครึ่งท่อนไปหน่อย

   โลตัสที่มันพามานี่แถวหลักสี่ ไม่รู้มีที่อื่นใกล้กว่านี้ผม เพราะผมเองก็ไม่คุ้นชินกับอะไรแถวนี้ นอกจากร้านหมูกระทะก็ไม่ได้เคยมาแถวนี้เลย

   “จะทำอะไรอ่ะ” ผมถามไอ้เติร์กที่เข็นรถเข็นเดินตีคู่กันมา นึกครึ้มใจอะไรของมันจะทำกับข้าวกินเอง

   “สุกกี้” ก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า นึกว่าจะโชว์ฝีมือพิสดารอะไร “กายทำเป็นไหมครับ”

   “เป็น ทำไม” นี่อยากบอกนะ

   “เติร์กทำไม่เป็น” กูว่าล่ะ ไอ้คนเจ้าชู้อย่างมึงนอกจากเอาเก่งแล้วมีอะไรอีกบ้างที่ทำเป็น แต่กายไม่พูดนะครับเดี๋ยวแม่งได้ใจหาว่าชมมันอีก

   “แต่ซื้อของได้นะ กายกินผักอะไรบ้างครับ” มันหันมาถาม

   “ปกติไม่กินผัก”

   “ถ้าไม่มีผักเลยก็ไม่อร่อยดิ” มันก้ม ๆ เงย ๆ เลือกผักบุ้งมากำหนึ่ง ผักกาดขาวอีกหัว ผมเดินตามมันไปเงียบ ๆ ไอ้ที่บอกซื้อของได้คงจะจริงของมัน เพราะดูมันเลือกดูนู้นดูนี่ ไม่ได้หยิบส่ง ๆ “เอาเห็ดด้วยไหม” ผมพยักหน้าให้

   “ไข่สดอยู่ไหน ไข่” ไอ้เติร์กพึมพำ เข็นรถเข็นมองหาไข่ ผมเลยผละไปดูเนื้อหมู ไม่ได้จะซื้อเนื้อเป็นกิโลไปทำเองหรอก ดูที่เขาสไลด์มาแล้วเป็นแพ็ค ๆ นะ เอาเบค่อนอีกสองแพ็ค นี่ของชอบเลย

   “เติร์กเอาอกไก่ด้วย” ผมหยิบอกไก่สไลด์ให้มันเพิ่มอีกแพ็ค “เอาไปสักสองแพ็ค เผื่อไอ้ทอมด้วย”

   “นัดเพื่อนด้วย” ผมถาม อารมณ์ไหนของมัน

   “เพื่อนยิ่งมีน้อย ๆ อยู่หลุดจากมันนี่เติร์กต้องเรียนคนเดียวเลยนะ” ฮ่า ๆ รู้ตัวด้วยว่ะ

   “เอาหมูเพิ่มไหม” ผมมองหมูสองแพ็คในรถเข็น หมูสอง เบค่อนสอง อกไก่สอง ผมลังเลแต่พวกมันเหมือนจะไม่กินหมูกันนะ ผมคนเดียวคงพอ

   “คงพอแล้วมั้ง”

   “เอาปูอัดกับลูกชิ้นไหม” เอ่อจริงด้วย เอาอย่างอื่นไปเสริม ผมเดินไปหยิบปูอัดกับลูกชิ้น เอาวุ้นเส้นกับเต้าหู้เพิ่ม ชักเริ่มเยอะแล้วนะ เหลือน้ำจิ้มสุกี้อีก หยิบไปสองขวดไม่ชัวร์ว่าอันไหนจะอร่อย คนเราต้องมีแผนสำรองกันไว้บ้าง

   “เอากุ้งไหมครับ” ผมมองกุ้งในกระบะ ส่ายหัวให้มัน

   “มันต้องแกะเปลือกนะ ขี้เกียจ”

   “มันมีกุ้งแช่แข็งที่แกะเปลือกแล้วเป็นแพ็ค ๆ ด้วย ของพรานทะเล” ไอ้นี่มันฉลาด แบบนี่ถ้าจะอยู่ด้วยกันยาว เป็นอันตกลง

   “ไปดูเบียร์กัน” พูดจบมันก็ลากรถเข็นไปโซนเครื่องดื่มน้ำเมา ละลานตาไปหมด นี่ถ้าผมรวยหน่อยจะทำห้องไว้เก็บเบียร์โดยเฉพาะเลย

   ถึงจะชอบแอลกอฮลล์แต่ผมก็ไม่ลืมจะหยิบโค้กของโปรดไปด้วยนะ จะได้กินคล่อง ๆ หน่อย

   ได้ของครับแล้วก็กลับคอนโดกันโล้ดด ผมช่วยมันถือถุงข้าวของที่ซื้อมา ถึงของจะไม่เยอะมากแต่จะให้มันถือคนเดียวได้ไง ผมก็ผู้ชายนะ ไม่ได้อ่อนแอจนต้องเอาเปรียบมันขนาดนั้น

   “ไปตึกบีกัน” คอนโดไอ้เติร์กมีสองตึก ฝั่งเอกับบี ฝั่งเออยู่ด้านหน้า ราคาแพงกว่าเพราะวิวดี แต่ฝั่งบีจะสงบกว่านิดหน่อย ส่วนเรื่องวิวถ้ามีซีเรียสมากจะฝั่งไหนมันก็เหมือน ๆ กันป่ะ วิวรามอินทรานะมึง ไม่ใช่กลางเมืองอย่าง สีลม สาทร มันจะมีอะไรให้มองกัน

   “อย่าบอกนะว่าไอ้ทอมก็อยู่คอนโดนี้”

   “ใช่ครับ” ไอ้นี่ก็ไม่เคยบอกอะไรกูเลย หรือเป้นเพราะกูไม่ถามเองว่ะ แต่จะไปอยากรู้เรื่องของมันทำไมนักเล่าไอ้กาย ไอ้เติร์กหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออกให้ไอ้ทอมมารับ แต่ผิดคาดคนที่ลงมากลับเป็นสาวสวย เธอยิ้มทักทายได้เตอร์ แถมยังเผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้ผมด้วย

   “กายนี่พี่แจง แฟนไอ้ทอม” ผมตาโต เหี้ยทอมปากหมามีแฟนสวยงี้เลยเหรอว่ะ

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ คนสวยรับไหว้ทันที สวยแถมยังมารยาทดีอีกต่างหาก ไม่น่าคบกับเหี้ยทอมเลย เสียของไปอีก

   “ส่วนนี่กายนะครับ” พี่แจงยิ้มนำพวกเราเข้าไปในลิฟต์

   “ทอมเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน หน้าตาดีใช้ได้เลยนะเนี่ย” ผมยิ้มรับรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อย ๆ “ให้พี่ช่วยถืออะไรไหม”

   “ไม่เป็นไรครับ นิดเดียวเอง”

   ห้องไอ้ทอมอยู่หัวมุมห้องใหญ่กว่าไอ้เติร์กอีก ผมเห็นไอ้ทอมในในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าขายาวสีเทาเหมือนที่เห็นเขาใส่ออกกำลังกายกัน ดูแปลกตา แถมมันยังใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลหันหน้าเข้าเตา เอ่อยอมรับเลยว่ามันดูดีมาก

   “จ้องไอ้ทอมมาก ๆ พี่แจงหึงแย่เลย” สะดุ้งสิ อยู่ ๆ มาทักแบบนี้ ไอ้ทอมหันมามอง มันยิ้มมุมปาก ส่วนพี่แจงโบกไม้โบกมือพัลวัน

   “โอ๊ย หึงเหิงอะไร อยากมองมองไปเถอะค่ะ เติร์กเองหรือเปล่าที่หึงน้องกายนะ”

   “มองผู้ชายอื่นตาเยิ้มขนาดนั้น มันก็มีบ้างแหละพี่ ปากก็ว่าเราเจ้าชู้ แต่ตัวเองก็แอบมอง ผู้ชายคนอื่นเหมือนกันแหละ” น้อยใจให้ตายห่าไปสิ ไม่สนหรอก ผมหยิบของในถุงออกมาวางบนโต๊ะ ให้พี่แจงจัดใส่ชาม ส่วนไอ้เติร์กเอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็น

   “ชอบคนใส่ผ้ากันเปื้อนเหรอ เห็นมองไม่วางตาเลย” ไอ้ทอมถาม พ่องเถอะ ถามซะกูดูโรคจิตไปเลย

   “ชอบก็บ้าแล้ว แค่มันดูแปลกตา ไม่ชินนี่หว่า ปกติเห็นแต่หน้ายักษ์ไม่คิดว่า จะมีมุมที่ดูสาวขนาดนี้” มันไม่ได้สาวหรอก ออกจะดูดีเหมือนบาริสต้าอะไรทำนองนั้น

   “ก็เหี้ยล่ะ”

   พี่แจงกับไอ้เติร์กหัวเราะท้องคดท้องแข็ง ที่ขำนี่ก็คิดเหมือนกันใช่ม่ะ ผมรับผักที่ล้างเสร็จจากพี่แจงมาหั่นต่อ ดูไอ้เติร์กที่หยิบหมอต้มไฟฟ้ามาตั้งกลางโต๊ะกินข้าว แล้วยกหม้อน้ำซุปที่มันต้มจนเดือดแล้วเทลงใส่หม้อสุกี้

   “ทำเองเหรอว่ะ” ผมชิมน้ำซุปฝีมือไอ้ทอม อร่อยว่ะ มีข่าตะไคร้ รากผักชีกับกระเทียมบุบหยาย ๆ ลอยอยู่ในหม้อด้วย นี่ปกติผมใส่น้ำโยนซุปก้อนลงปิดฝารอให้เดือดแล้วก็กินเลยนะ ไม่เสียเวลามาเคี้ยวน้ำซุปหรอก

   แล้วไอ้ที่ทำทีเป็นมาถามว่าเราทำสุกี้เป็นไหมตอนอยู่โลตัสนั่นอะไร หรือแค่อยากลองภูมิกันว่างั้น ชักจะคันตีนขึ้นมายิก ๆ แล้วว่ะ

   แต่ก็ดีแหละไอ้กายจะได้ไม่ลำบากอะไร

   “ให้แม่บ้านทำให้มั้ง เห็น ๆ อยู่ว่ากูทำเอง” เอ้ากูถามดี ๆ ไอ้ห่านี่กวนตีน

   “ดูสนิทกันดีนะ” พี่แจงทักหยิบผักลงในหม้อ

   “ตรงไหนว่ะ/ตรงไหนพี่”

   “นี่ไง ใจตรงกันด้วย” พี่แจงขำ อยากจะบ้าตาย ให้สนิทกับไอ้ทอมนี่ เลิกคิดเถอะ คนสวยแจกจ่ายจานชามให้ทุกคน ไอ้เติร์กดึงผมนั่งข้าง ๆ มัน เลื่อนแก้วเบียร์มาให้

   “นั่งเถอะ ที่เหลือปล่อยเจ้าบ้านทำไป เราป็นแขก” ไอ้เติร์กมันว่า แถมยังหยิบของกินในตู้เย็นเขามาแกะแกล้มเบียร์หน้าตาเฉย

   “ไปเอาของเขามากินนะ มึงขอเจ้าของเขาหรือยังเติร์ก” ผมถามหยิบปลาหมึกแผ่นขึ้นกิน ก่อนจะจิบเบียร์ตามอึกใหญ่ ชื่นใจจัง

   “โอ๊ยตามสบายเลย ทอมเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่พี่เห็นแล้วก็ชอบซื้อกลับมาประจำ” พี่แจงบอก ท่าทางใจดี ทำไมมาพลาดท่าให้ไอ้ทอมได้ว่ะ นึกว่าสเปคมันจะอกตู้มเท่าสมโอ สะโพกเท่าโอ่งมังกร อะไรแบบนั้น ไม่คิดจะเรียบร้อยแบบนี้

   “อันนี้อร่อย” มันว่าส่งปลากหมึกเส้นให้ คนยิ่งหิว ๆ อยู่ก็เลยงับเข้าปาก แล้วหันไปยิ้มกับเมียเจ้าของห้อง ขี้เหล้าอย่างไอ้ทอมนี่นะไม่ชอบกับแกล้มแบบนี้ แปลกคน ขนาดไอ้กายยังชอบเลยนะ ปลากรอบนั่นก็อร่อยรสเผ็ดติดปลายลิ้น กินกับเบียร์แล้วซู่ซ่าดี

   “ไปเที่ยวบ่อยเหรอครับ” ผมชวนคุย เมื่อทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาเตรียมกินมื้อเย็นนี้ด้วยกัน ผมคีบหมูลงในหม้อที่น้ำกำลังเดือดได้ที่ หย่อนลูกชิ้นกับปูอัดลงไปอีก จะได้สุกไว ๆ ส่วนผักไม่เอา ฮ่า ๆ

   “ชวนมากินข้าว ไม่ได้ให้มาสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว” โว้ยไอ้ห่า ไอ้ทอมปากมอม คนเรามันก็ต้องชวนคุยไหมล่ะ มารยาททางสังคมนะโว้ย ไอ้คนมนุษยสัมพันติดลบแบบพวกมึงไม่มีวันเข้าใจหรอกนะ ทั้งชีวิตมันคบกันเองอยู่แค่สองคนนี้ละมั้ง

   “เปล่าหรอก พี่ทำงานโรงแรมที่เกาะช้างนะ กลับบ้านเดือนละไม่กี่ครั้งเอง กลับมาทีก็ซื้อของฝากกลับมาแบบนี้แหละ”

   “เหรอพี่น่าสนุกจังกายก็ชอบทะเลนะ ของฝากแถวนั้นก็ชอบนะหลายอย่างเลยด้วย ทุเรียนกรอบกับน้ำสองรองกระป๋องนะพี่ ซื้อที่จัน รุ่นพี่ที่คณะเวลากลับบ้านที่ตราด แกก็แวะซื้อมาฝากทีเหมือนกัน”

   “โอ๊ยเยอะแยะ พี่ไม่รู้ว่ากายจะชอบ ได้ยินทอมพูดถึงอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วแบบนี้ พี่ไม่กินทุเรียนไง เลยไม่เคยซื้อมาเลย ไว้คราวหลังนะ” ผมยิ้มพยักหน้ารับ ไม่ได้เห็นแก่กินนะ แต่ผู้ใหญ่จะให้ของ แถมยังของกินนี่ไม่ขัดศรัทรานะบอกเลย

   “กายนี่ยังไง เขาเอาของกินล่อหน่อย ยิ้มไม่หุบ” ไอ้เติร์กตักกุ้งใส่ในชามให้ ปากมันก็บ่นผมไม่หยุด “มาไม่ถึงชั่วโมงลืมคนพามาแล้วมั้ง”

   “อ้าวไม่ได้ตั้งใจพากูมารู้จักเหรอ” ก็ตอนแรกใครล่ะที่จะไปร้านเหล้ากับไอ้ทอมนะ แล้วทำไมอยู่ ๆ เปลี่ยนมาอยู่บ้านกันหมดเลยนะ พามารู้จักก็ต้องคุยกันสิ จะมานั่งกินอย่างเดียวแล้วกลับอึดอัดแย่

   “ก็ตั้งใจแหละ พี่แจงแกมาเซอร์ไพร้ไอ้ทอมมัน เลยถือโอกาสเปิดตัวบ้าง” ไอ้เติร์กมันว่ามางี้ มาเปิดตงเปิดตัวอะไรเล่า มันก็เขิน ๆ หน่อยอะนะ แต่นิดเดียวนะเว้ย นิดเดียว

   “จริง ๆ แอบมาดูว่ามันพาใครขึ้นคอนโดไหมเวลาพี่ไม่อยู่” ผมขำ นึกภาพออกเลย คนหนึ่งยังเรียนอยู่แถมหน้าตาดีอีก เวลาว่างก็เยอะโอกาสที่ได้เจอคนใหม่ก็เยอะตามไปอีก ส่วนอีกคนก็อยู่ไกลกัน ต้องทำงานไม่มีเวลามาดูแล เอาใจมันก็มีระแวงกันบ้างเป็นธรรมดาแหละ ขนาดบางคู่อยู่ด้วยกัน แม่งยังมีคนใหม่ได้เลย

   “บอกว่าไม่มีก็ไม่มีไง ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย” ไอ้ทอมหน้าบึ้ง แต่พี่แจงยิ้มหน้าบาน ตักอกไก่ให้ไอ้ทอม ดูรักกันดีนี่หว่า มิน่าล่ะ ไม่เคยเห็นมันควงใครเลย แถมยังไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิงอีก ที่แท้แม่งมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนี่เอง

   “ว่าแต่กายเถอะ พี่ได้ยินจากทอมว่า ช่วยเติร์กจีบเราอยู่พักหนึ่ง แล้วทำไมจีบติดเร็วนักล่ะ” ผมขำ ไอ้ทอมเนี่ยนะช่วยไอ้เติร์กจีบผม ตรงไหนที่มันช่วยว่ะ เรื่องดูต้นทางในห้องน้ำ หรือเรื่องมอมเบียร์ผม แล้วขวางไอ้เตอร์วันนั้น มันใช่เหรอว่ะ นี่มันเรียกช่วยกันรวบหัวรวบหางเหอะว่ะ

   “ทำไมทำหน้าประหลาด ๆ แบบนั้น” ไอ้ทอมปากมอมถาม เหอะ

   “ยังจีบไม่ติดหรอก แต่โดนพวกมันช่วยกันมอมจนเมาแล้วให้ไอ้เติร์กหิ้วขึ้นคอนโดซะก่อน”

   พรวด !! ไอ้ทอมกับเพื่อนมันถึงกับสำลัก กูพูดเรื่องจริงนะ ไม่ปิดบังด้วย พี่แจงตาโต หันมองหน้าไอ้ทอม

   “ทำไมนิสัยแบบนี้” พี่แจงดุ แถมยังบิดหูไอ้ทอมอีก

   “โอ๊ย ๆ แจงพอก่อน พอ มันเจ็บ” พอปล่อยมือได้แกก็ฟาดฝ่ามือใส่หลังมันรัว ๆ

   “เราโอเคนะ” พี่แจงสีหน้าเป็นกังวล จนผมยิ้มให้ นั่นแหละถึงได้คลายคิ้วที่ขมวดลง

   “ไม่เป็นไรพี่”

   “แทนที่จะห้ามกัน นี่จีบยังไงของพวกมันกันว่ะ” แกบ่น มองหน้าไอ้เติร์กที ไอ้ทอมที ไอ้ทอมหงอยไปเลย พึ่งเคยเห็นมันสลดก็วันนี้แหละ

   “ผมรับผิดชอบของผมน่า ไม่ต้องห่วง” ไอ้เติร์กว่า มือมันเอื้อมมาจับมือผมไปวางบนตักมัน และเพราะมันเป็นโต๊ะกระจก พี่แจงที่มองมาเลยเห็นไปด้วย แกยิ้มพอใจ แถมยังตักเบค่อนมาใส่ในจานให้ผมอีก

   “เดี๋ยวคราวหน้าต้องซื้อทุเรียนกรอบมาฝากเยอะ ๆ แล้ว ทอมมันทำเรื่องไม่ดีกับเราแบบนี้” ผมเขี่ยอกไก่ที่ติดมากับเบค่อนใส่ในจานไอ้เติร์ก มันจะรังเกียจไหมไม่รู้ แต่ไอ้กายไม่กินไง มันเหมือนกินทิชชู่ไปทั้งก้อน อร่อยตรงไหน

   แต่ไอ้เติร์กก็หยิบตะเกียบขึ้นคีบอกไก่ชิ้นนั้นใส่ปากทันที ทั้งที่ในจานมันก็มีอีกหลายชิ้น จะมาดีใจอะไรกับเรื่องแบบนี้กันห๊ะไอ้กาย หุบยิ้มไปมึง อย่ายิ้มไอ้เหี้ย

   แต่ปากแม่งไม่เคยจะฟังกันเลย

   มันทรยศผมอีกแล้ว เอาเข้าไป เอาให้หน้าบานไปเลยมึงไอ้กาย เอาให้เข้ารู้กันไปหมดว่ามึงเขิน เขินที่ไอ้เติร์กกินไก่ ไอ้เหี้ยเอ้ย ไปพูดให้ใครเขาฟังนี่อายกันชิบหาย

   “เดี๋ยวกูไปเอาเบียร์เพิ่มอีกดีกว่า” ไอ้ทอมลุกเดินอ้อมไปเปิดตู้เย็น ค้นหาของในตู้เย็นดังกุกกัก

   “งั้นพี่ไปดูเห็ดมาเพิ่มด้วยเหมือนกัน” ทั้งที่ครัวกับโต๊ะกินข้าวมันก็ไม่ได้ห่างกันแมะเดินสามก้าวก็ถึง ทำไมรีบกันแปลก ๆ พี่แจงหันหน้าเข้าซิงค์ล้างจาน เปิดน้ำในอ่างล้างเห็ดอีกแพ็ค ผมมองเจ้าบ้านอย่างงง ๆ

   “อร่อย” ไอ้เติร์กยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบริมหูก่อนมันจะก้มลงหอมแก้มผม ผมหันมองมันอย่างหวาด ๆ มันยิ้มแป้น ไม่ได้สำนึกเลยว่าแอบหอมแก้มคนอื่นกลางโต๊ะกินข้าว

   “ตักให้เติร์กอีกนะ กายตักให้แล้ว มันอร่อยกว่าเติร์กตักเองอีกอ่ะ” พ่อแก้วแม่แก้วไอ้กายเขิน ไอ้เหี้ยบรรยากาศแม่งแปลก ๆ ปะว่ะ ไม่น่าจะมาถึงจุดนี้ได้เลยนะ ทำไมอยู่ ๆ โลกมันก็ดูเป็นสีชมพูไปหมด

   แล้วกูไม่ได้ตั้งใจตักให้ด้วยประเด็น มันติดมาเว้ยมึง กูไม่กินเลยจะเขี่ยทิ้ง อย่ามาทำเป็นดีใจเลย

   ยังไหวอยู่ไหม หัวใจไอ้กาย

   นี่ที่ปลีกตัวออกไปกันหมดนี่ เปิดทางให้ไอ้เติร์กมันถูกไหม ไปส่งซิกกันตอนไหนว่ะ ไอ้กายไม่โง่นะเว้ย มีพิรุธกันทุกคน ไม่มีความเป็นธรรมชาติเลยเถอะ ให้ตาย

   “เกรงใจไอ้ทอมมันบ้างเถอะ ไม่ใช่ห้องเรา” ไอ้เติร์กผละออกไป พอดีกับที่ไอ้ทอมถือเบียร์ออกมาอีกสองขวด

   “อ้าวเบียร์ยังเหลือนี่” มันก็เหลือสิโว้ย เพิ่งกินไปขวดเดียว ผมเอือมกับพวกมัน บรรยากาศสีชมพูที่ว่ามันจางหายไปทันที ที่พี่แจงถือเห็ดกลับมา ทั้งที่ในโถใบใหญ่ ยังมีเห็ดอยู่เต็ม

   “ยังไม่ได้กินเห็ดไปเลยนี่” พอกัน พี่แจงมองเห็ดในมือ สลับกับในโถผัก กูไม่แปลกใจล่ะทำไมไอ้ทอมมันมอมกูให้ไอ้เติร์กวันนั้น

   แม่งพอกันทั้งหมดนั้นแหละว่ะ

   นอกจากบะหมี่หมูแดง ไอ้กายจดไว้ในบัญชีหนังหมาเลย ว่าจะเลิกแดกเห็ดเข็มทอง ส่วนเบียร์ยังเลิกไม่ได้ ฮ่า ๆ

   ผมส่ายหัวอย่างปลงตก ตักอกไก่ให้ไอ้เติร์ก คราวนี้ตั้งใจตักเลย

   มือเย็นจบลงตอนสองทุ่มกว่า ๆ ผมเลยชวนไอ้เติร์กกลับห้องมัน ไม่ได้เก็บกวาดห้องช่วยไอ้ทอมมันด้วย พี่แจงบอกจะทำเอง ให้ย้ายกันมานั่งกินเบียร์หน้าทีวีแทน

   “อยู่กินเบียร์นั่งคุยกันก่อนสิ ยังไม่ดึกสักหน่อย ห้องก็อยู่แค่นี้เอง รีบกลับทำไม” พี่แจงชวน หยิบของฝากใส่ถุงให้อีก นี่ทั้งกินทั้งห่อกลับบ้านเลยให้ตาย

   แต่ถามว่าไอ้กายเอาไหม เอามาอีกเยอะ ๆ เลยครับ น้องกายช๊อบชอบ มันก็เกรงใจอยู่หรอก แต่ไม่ได้กินนานไง มันก็โหยหาเป็นธรรมดา นี่เจ้พริ้งไม่ได้กลับบ้านนานแล้วเถอะ เลยอดของฝากไปด้วย

   “ไม่อยากรบกวนเวลานี่ครับ พี่แจงบอกเองว่านาน ๆ จะได้กลับบ้านที กายก็คิดว่าเผื่อไอ้ทอมมันจะอยากใช้เวลากับแฟนสองต่อสองอะไรแบบนี้” ผมยิ้มมองพี่แจงกับไอ้ทอมไปมา คนสวยเขินหน้าแดง

   “เอ่อรู้ตัวว่ารบกวนเวลาคู่อื่นเขาก็รีบ ๆ พาไอ้เติร์กมันกลับห้องไปได้แล้ว เกะกะ” ไอ้ทอมบ่น แต่ก็ยังเห็นชนแก้วกับไอ้เติร์กไม่หยุด ผมล่ะงงกับพวกขี้เหล้า

   “งั้นตีสองค่อยกลับแมะ เบียร์ยังเหลือเยอะ กูเห็นมีเหล้าในตู้ด้วยนะ” ยิ่งมันไล่กูก็จะดันทุรังอยู่ ไอ้ทอมชักสีหน้า ขำดี เวลามันขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้

   ผมรินเบียร์ที่เหลือใส่แก้ว ก่อนจะรินให้ไอ้เติร์กอีก จะได้หมดขวดสักที แล้วกลับไปนอนตีพุงต่อ ชักจะไม่ไหวกินไปตั้งเยอะ ชนแก้วกับพวกมัน พี่แจงก็เอาด้วยแต่เป็นโค้กที่ผมซื้อมานะ นี่ยังไม่ได้กินโค้กเลย

   พอกินหมดแก้วไอ้ทอมก็ลงมาส่งข้างล่าง  ส่วนพี่แจงเก็บห้องรอ ในมือผมมีของฝากจากจันทบุรีถุงใหญ่ รอดตายไปได้อีกเป็นอาทิตย์เลยนะ

   “มึงทำกูเจ็บตัว” ไอ้ทอมชี้หน้าผม ไอ้เติร์กเลยตบกลาบเพื่อนมัน

   “แผนมึงชั่วเอง” ไอ้เติร์กด่า เอ่อโคตรชั่วเลยด้วย นี่ใครอย่าได้อุตริมาให้ไอ้สองตัวนี่ช่วยจีบใครอีกเด็ดขาดนะ เหี้ยของจริงบอกเลย

   “แต่มันก็ได้ผล ถ้าจีบแบบมึง ป่านนี้จะได้ไอ้กายมาควงแบบนี้ไหม ไม่สำนึกบุญคุณ” เหอะ ถ้าเป็นคนอื่นพวกมึงได้ตายห่ากันไปแล้ว แต่นี่กูไง กูช่วยมอมตัวเองไปด้วยครึ่งหนึ่ง จริง ๆ จะว่าไปผมเองก็ผิดแหละ แต่ไม่บอกมันหรอก เดี๋ยวพวกมันด่าว่าแรด หรือมันก็รู้ว่ะ ช่างเถอะอย่าไปคิดอะไรเลย ทำไปแล้วนี่หว่า มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

   “ไอ้ผลเกินคาด” หมั่นใส้โว้ย มาคุยอะไรกันทั้งที่เจ้าตัวก็อยู่ด้วยแบบนี้ ไอ้เติร์กมองผมด้วยสายตาเจ้าชู้ ตามมันฉ่ำเพราะเบียร์ที่กินไป ไอ้ทอมก็ด้วย

   “ไว้เจอกันมึง” ไอ้ทอมตบไหล่เพื่อนสนิทมันปุ ๆ ก่อนได้เติร์กจะวางมือลงบนสะโพกผมแล้วดันให้เดินออกไป

   ก็น่ารักดีนะ นอกจากความปากมอมแล้ว ยังดูเป็นคนดี แถมยังรักแฟนมันอีก แล้วไมไอ้เพื่อนมันถึงไม่ได้ครึ่งไอ้ทอมมันบ้างล่ะ

   “คิดอะไรอยู่” ไอ้เติร์กถามระหว่างอยู่ในลิฟต์กันสองคน มันยกนิ้วเขี่ยแก้มผมพร้อมกับยิ้มให้ ตาเจ้าชู้หวานฉ่ำจ้องมองมา

   “มึงเมาแล้ว” ไอ้เติร์กหัวเราะในคอ

   “แค่มึน ๆ นิดหน่อยไม่ถึงกับเมา กายกลัวไหมครับ” มันขยับเข้ามาใกล้ มือที่วางบนสะโพกรั้งผมเข้าไปกอด กดจมูกลงกับขมับ ลมหายใจอุ่น ๆ ของมันพ่นรดใบหู

   “กลัวอะไร” ผมไม่กล้ามองหน้ามันแล้ว กลัวจะเคลิ้มไปกับสายตาเจ้าชู้ของมัน นี่ภูมิคุ้มกันคนเหี้ยของผมลดลงไปอีกแล้ว

   “อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ กลัวคนเมาปล้ำไหม” ผมขำ ไม่ได้ตอบคำถามมัน ว่าถ้ากล้าปล้ำก็ลองดูสิ เห็นแบบนี้แต่กูก็ผู้ชายนะ พอดีกับที่ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 7 อันเป็นที่ตั้งของห้องไอ้เติร์กมัน ผมเดินมันออกมานอกลิฟต์ เริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะเป็นผมที่ปล้ำมันนะสิ

   ประตูห้องถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง ผมตรงดิ่งเข้าห้องนอนมันทันที ต้องรีบอาบน้ำให้หายมึน อยู่ในอาการกึ่ม ๆ แบบนี้กับมันไม่ดีแน่ ๆ ผมถอดกางเกงที่ใส่อยู่ออกเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์เพราะอึดอัดเต็มที ไอ้เติร์กตามเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียง จ้องผมที่กำลังถอดเกงเกง

   “จะอาบน้ำเลยไหม” มันถามคลานลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ ผมพยักหน้าให้มัน รับผ้าขนหนู มาพันรอบเอว ถอดเสื้อมันที่ผมยืมใส่ตั้งแต่ตอนบ่ายออกรวมทั้งบ๊อกเซอร์แล้วก็ชั้นใน ใช้เท้าเขี่ยไปไว้ข้างตะกร้าใส่ผ้าใช้แล้วของมัน

   “จะอ่อยกันเหรอกาย” ไอ้เติร์กทำเสียงล้อ นั่งมองผมอยู่ปลายเตียง

   “มึงมันหื่นเองต่างหาก” ผมหันมองหน้ามัน ไอ้เติร์กกลืนน้ำลายลงคอ แถมยังเลียปากด้วย โอ๊ยนี่คิดไปถึงไหนกันว่ะ รีบสิก่อนจะเสร็จมัน

   พอน้ำอุ่น ๆ ไหลอาบลงบนหัว ไอ้ที่มึน ๆ หน่อยก็ชักจะหายเป็นปลิดทิ้ง ครีบอาบน้ำของไอ้เติร์กเป็นแบบของผู้ชาย ใช้แล้วเย็นจนขนลุกไปทั้งตัว แชมพูมันก็เหมือนกัน นี่เย็นตั้งแต่หัวไปถึงง่ามตีนเลย ผมใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ซับน้ำตามตัวให้แห้งพันผ้าขนหนูที่เอวแล้วก้าวออกจากห้องน้ำ แอร์เย็น ๆ นอกห้องปะทะตัว ทำเอาขนลุกซู่เหมือนกัน

   “กายโคตรเอ็กซ์เลยครับ” โคตรเอ็กซ์ห่าอะไรของมึง ฟังดูโบราณ ผมรับเสื้อยืดตัวใหม่กับบ๊อกเซอร์จากมันมาใส่ หาความเกรงใจจากไอ้กายไม่ได้นะบอกเลย เอากูมานอนนี่เอง มันต้องรับผิดชอบชีวิตไอ้กายสิ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียมมามันก็ต้องใช้ของไอ้เติร์กนี่แหละ แล้วไอ้บ๊อกเซอร์นี่เหมือนกัน ก็เคยได้กันไปแล้วป่ะว่ะ จะให้มาทำเหนียมอายที่จะใช้ของด้วยกันไปได้

   “มึงไม่อาบล่ะ” ผมถาม ดึงบ๊อกเซอร์ขึ้นใส่ก่อน ท่อนบนช่างมัน ขอข้างล่างปลอดภัยไว้ก่อน ถึงจะปากดียังไง แต่ยังไม่พร้อมมีครั้งที่สองกันมัน เดี๋ยวมันจะหาว่าอ่อยมันอีก

   “ดูกายแต่งตัวก่อนดิ ไม่ได้เห็นกันง่าย ๆ นะแบบนี้” ผมกรอกตาไปมา ดึงผ้าเช็ดตัวออกมาซับน้ำบนหัว แล้วตามด้วยหยิบเสื้อมาสวมทับ ปกปิดหัวนมที่กำลังตั้งชันเพราะแอร์ในห้อง

   “เสร็จแล้วเนี่ย หมดรอบแล้วไปอาบน้ำเลยไป” ไอ้เติร์กขำ คลานลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนู

   “กำลังเพลินเลย” ผมส่ายหัวหยิบผ้าขนหนูขึ้นซับผม ออกไปห้องนั่งเล่น ดูทีวีดีกว่า ยังไม่ง่วงนอนเลย เพิ่งตื่นเมื่อห้าโมงเย็นด้วยแหละ

   “ไม่อยู่ดูเติร์กอาบน้ำก่อนเหรอครับ”

   “ไม่”

   “เติร์กไม่ล๊อคห้องน้ำนะครับ เผื่อกายจะเข้ามา”

   “ไอ้เหี้ย”

   ไอ้เติร์กหัวเราะร่วนเข้าห้องน้ำไป ผมไม่รู้ว่ามันไม่ล๊อคประตูจริงไหม เพราะก่อนที่มันจะเข้าห้องน้ำผมก็นั่งแมะบนโซฟาหน้าทีวีแล้ว แถมยังเอาเบียร์ในตู้เย็นมันมาเปิดกินอีก หยิบกับแกล้มที่พี่ให้มาเปิดจกกินจากห่อเลย ไม่ต้องเทใส่จาน เพราะชักจะขี้เกียจล้างแล้ว

   ไม่ถึงสิบนาทีไอ้คนที่อาบน้ำก็เดินออกมามันนั่งลงกับพื้นหันหลังพิงโซฟาข้างหน้าผม เอนหัวลงกับหน้าท้องที่ตอนนี้กำลังป่องเพราะเบียร์ที่กินเข้าไป

   “นุ่ม เด้งได้ด้วย” ไอ้เติร์กโยกหัวไปมา ไอ้เหี้ยเดี๋ยวอ้วกพุ่ง

   “เดี๋ยวจุก อย่าเล่น” ผมผลักหัวมันออก ไอ้เติร์กหันมองหน้า

   “อยากจุกไหนล่ะ”

   “ไม่” ผมว่าเสียงห้วน ยกเบียร์ขึ้นจิบ เปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย จนเจอการ์ตูนเลยว่างรีโมท ดูการ์ตูนแกล้มเบียร์ ไอ้เติร์กแย่งแก้วจากผมไปกินต่อจนหมดแล้วรินเบียร์เพิ่มให้

   ทำไมอยู่ ๆ ผมกับมันถึงได้ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียไปได้ว่ะ ทุกอย่างมันดูเป็นธรรมชาติจนน่าตกใจ นี่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจคบกับมันเลยด้วยซ้ำนะ แฟนคนอื่น ๆ ถึงจะคบกันก็ไม่เคยมีอารมณ์แบบนี้เลยสักครั้ง เราเจอกันบ้างตามเวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวย มีค้างด้วยกันแต่ไม่เคยมีโมเม้นท์ นั่งหยอกล้อกับไปดูทีวีด้วยกันไปแบบนี้สักที ถ้าไม่นับหยอกบนเตียงอะนะ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา ผมไม่เคยได้ครอบครองหัวใจของคนที่ผมเรียกเขาว่าแฟนเลยสักคนล่ะมั้ง

   แล้วกับไปเติร์กนี่ล่ะ...

   “นี่” ไอ้เติร์กเรียกเงยหน้าลงหนุนตักผมไปเรียบร้อยแล้ว ผมก้มลงมองมัน เชิงถามว่ามีไร

   “อึดอัดหรือเปล่า” มันถาม เงียบไปครู่ก่อนจะเปิดปากขยายความให้กระจ่าง “อึดอัดหรือเปล่าที่อยู่กับเติร์ก” ผมยกมือลูบหัวมันเบา ๆ มันหลับตาบนตัก ปากยกยิ้มพอใจ

   “ก็ดี ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร” มันยิ้มกว้างลืมตามอง

   “ดีจัง เติร์กกลัวว่ากายจะอึดอัด ได้ยินแบบนี้แล้วมีความสุขจังว่ะ” มันยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ใสซื่อจนผมยิ้มตามเสียกว้างเต็มหน้า

   “อือ กูก็มีความสุข”




 :mew6: :mew6:
หายไปเกือบปี ดีใจที่มีคนบอกว่าสนุกและรอติดตาม
ไม่รู้ตอนนี้ยังจะรออ่านหรือเปล่า แต่เราอยากขอบคุณ
ถ้าได้ผ่านเข้ามาอ่านอีกครั้ง ขอบคุณนะคะ
คุณทุกคนทำให้เรายิ้มได้ ขอโทษที่ทิ้งไปเสียนาน

ขอบคุณจากหัวใจ
 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2019 21:43:57 โดย คิณทรธ »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ดีใจที่กลับมาอัพนะคะ
แล้วก็สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :m1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด