009
กายครับ กายสิทธิ์ – มันก็จะหวาน ๆ หน่อย
สุขใดเล่าจะเท่าการนอน
ไอ้เติร์ก ไอ้คนบาป – 2017
ไอ้มารขัดความสุข ผมเคยบอกหรือเปล่าว่าผมชื่นชอบการนอนหลับพักผ่อนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไอ้เหี้ยเติร์กมันดันปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหล
“ถ้าไม่ตื่นเติร์กจะลักหลับแล้วนะครับ” มันกระซิบข้างหูมือไม้ก็ยุกยิก ๆ ไปตามพุง นี่กูอนุญาตให้ทำแบบนี้กับกูได้เหรอว่ะ แต่ก่อนที่มือมันจะหายเข้าไปในกางเกงนอน ซึ่งก็คือบ๊อกเซอร์ผมนั่นแหละ ผมก็ลืมตามองไอ้เหี้ยที่ปลุกผม ไม่ได้ตกอกตกใจ ปัดป้องมือมันหรอก จ้องมันด้วยสายตาดุ ๆ เท่านั้น
“ถ้าล้วงไปโดน กูกลับ” หึเป็นไง หง่อยไปสิ แถมมันยังชักมือออกทันที เหมือนโดนของร้อน
“ลุกเร็วห้าโมงแล้วนะครับ นอนต่อระวังปวดหัวนะ” ผมบิดขี้เกียจ เรื่องนอนต่อนะฝันไปเถอะ ใครมันจะไปหลับต่อได้ล่ะ
“ตอนกูหลับแอบทำอะไรกูไปบ้าง” ไม่ได้จะจริงจัง แต่อาการหลุกหลิกของมันทำเอาผมเปลี่ยนความคิด ไอ้เหี้ยนี้ทำจริงใช่ไหม ผมจับหมอนฟาดไอ้เติร์กจนหน้าหงาย
“รุนแรงจัง” ไอ้เติร์กขำกอดหมอนใบโตแน่น ก่อนจะพลิกตัวมามองหน้าผม
“แค่นั่งมองหน้าเฉย ๆ เถอะ ใครจะกล้า” คนอย่างมึงไง ผมเถียง สะบัดหัวไปมาไล่อาการงัวเงีย ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นตื่นเต็มตา จากที่คิดว่าง่วงหลังจากกินข้าวกันเสร็จมันก็พาผมกลับมาคอนโดมันทันที ไม่ได้แวะไหนต่อ พอหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็หลับยาวเลย ความรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปสิบนาทีเอง นี่มันโคตรง่วงเลยนี่หว่า หลับห่าอะไรขนาดนั่น ดีไม่หลับมาในรถ
“ปลุกกูมาทำไม” ผมออกมาจากห้องน้ำมองไอ้คนซุกหน้ากับหมอนใบที่ผมหนุนแล้วก็รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ ไอ้เติร์กผละออกจากหมอนแล้วยิ้มแฉ่งให้
“เติร์กหิว” เวรตะไลเอ้ย ปลุกกูเพราะแบบนี้เนี่ยนะ ผมกรอกตาไปมา “ไปแต่งตัวเดี๋ยวพาไปซื้อของโลตัสมาทำอะไรกินกัน” เอ้าไปก็ไป
ผมเดินไปหยิบกางเกงมาสวม ผมมองเงาสะท้อนของไอ้เติร์กในกระจก มันมองผมไม่วางตาเลย ไอ้เหี้ยจ้องขนาดนี้ก็ก็เขินแมะล่ะ วันนี้สอบเลยต้องใส่สแลคเรียบร้อย ปกติใส่ยีนส์ ก็ดูแปลก ๆ ไงไม่รู้มันไม่ชินกับอะไรแบบนี้ ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนนอนหยิบเสื้อยืดไอ้เติร์กมาใส่ด้วย จะได้นอนสบาย แล้วแม่งนอนสบายจริงด้วย หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
ผมสำรวจตัวเองในชุดเสื้อยืดกับสแลคขาเดฟเข้ารูปแล้วจึงหันไปหาเจ้าของห้องที่นั่งจ้องผมบนเตียงไม่วางตา
“ไปดิ่ จ้องไปกูก็ไม่สะท้านหรอก ระวังมึงจะอกแตกตายนะ” ไอ้เติร์กขำ คลานลงจากเตียง
“นี่ก็ใกล้แล้วครับ” มันเอามือวางบนเอว เปิดประตูห้องให้ก่อนดันผมออกไปนอกห้องนอน ผมสวมรองเท้าแตะของมัน ไม่อยากใส่คัทชูไง มันจะดูเรียบร้อยครึ่งท่อนไปหน่อย
โลตัสที่มันพามานี่แถวหลักสี่ ไม่รู้มีที่อื่นใกล้กว่านี้ผม เพราะผมเองก็ไม่คุ้นชินกับอะไรแถวนี้ นอกจากร้านหมูกระทะก็ไม่ได้เคยมาแถวนี้เลย
“จะทำอะไรอ่ะ” ผมถามไอ้เติร์กที่เข็นรถเข็นเดินตีคู่กันมา นึกครึ้มใจอะไรของมันจะทำกับข้าวกินเอง
“สุกกี้” ก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า นึกว่าจะโชว์ฝีมือพิสดารอะไร “กายทำเป็นไหมครับ”
“เป็น ทำไม” นี่อยากบอกนะ
“เติร์กทำไม่เป็น” กูว่าล่ะ ไอ้คนเจ้าชู้อย่างมึงนอกจากเอาเก่งแล้วมีอะไรอีกบ้างที่ทำเป็น แต่กายไม่พูดนะครับเดี๋ยวแม่งได้ใจหาว่าชมมันอีก
“แต่ซื้อของได้นะ กายกินผักอะไรบ้างครับ” มันหันมาถาม
“ปกติไม่กินผัก”
“ถ้าไม่มีผักเลยก็ไม่อร่อยดิ” มันก้ม ๆ เงย ๆ เลือกผักบุ้งมากำหนึ่ง ผักกาดขาวอีกหัว ผมเดินตามมันไปเงียบ ๆ ไอ้ที่บอกซื้อของได้คงจะจริงของมัน เพราะดูมันเลือกดูนู้นดูนี่ ไม่ได้หยิบส่ง ๆ “เอาเห็ดด้วยไหม” ผมพยักหน้าให้
“ไข่สดอยู่ไหน ไข่” ไอ้เติร์กพึมพำ เข็นรถเข็นมองหาไข่ ผมเลยผละไปดูเนื้อหมู ไม่ได้จะซื้อเนื้อเป็นกิโลไปทำเองหรอก ดูที่เขาสไลด์มาแล้วเป็นแพ็ค ๆ นะ เอาเบค่อนอีกสองแพ็ค นี่ของชอบเลย
“เติร์กเอาอกไก่ด้วย” ผมหยิบอกไก่สไลด์ให้มันเพิ่มอีกแพ็ค “เอาไปสักสองแพ็ค เผื่อไอ้ทอมด้วย”
“นัดเพื่อนด้วย” ผมถาม อารมณ์ไหนของมัน
“เพื่อนยิ่งมีน้อย ๆ อยู่หลุดจากมันนี่เติร์กต้องเรียนคนเดียวเลยนะ” ฮ่า ๆ รู้ตัวด้วยว่ะ
“เอาหมูเพิ่มไหม” ผมมองหมูสองแพ็คในรถเข็น หมูสอง เบค่อนสอง อกไก่สอง ผมลังเลแต่พวกมันเหมือนจะไม่กินหมูกันนะ ผมคนเดียวคงพอ
“คงพอแล้วมั้ง”
“เอาปูอัดกับลูกชิ้นไหม” เอ่อจริงด้วย เอาอย่างอื่นไปเสริม ผมเดินไปหยิบปูอัดกับลูกชิ้น เอาวุ้นเส้นกับเต้าหู้เพิ่ม ชักเริ่มเยอะแล้วนะ เหลือน้ำจิ้มสุกี้อีก หยิบไปสองขวดไม่ชัวร์ว่าอันไหนจะอร่อย คนเราต้องมีแผนสำรองกันไว้บ้าง
“เอากุ้งไหมครับ” ผมมองกุ้งในกระบะ ส่ายหัวให้มัน
“มันต้องแกะเปลือกนะ ขี้เกียจ”
“มันมีกุ้งแช่แข็งที่แกะเปลือกแล้วเป็นแพ็ค ๆ ด้วย ของพรานทะเล” ไอ้นี่มันฉลาด แบบนี่ถ้าจะอยู่ด้วยกันยาว เป็นอันตกลง
“ไปดูเบียร์กัน” พูดจบมันก็ลากรถเข็นไปโซนเครื่องดื่มน้ำเมา ละลานตาไปหมด นี่ถ้าผมรวยหน่อยจะทำห้องไว้เก็บเบียร์โดยเฉพาะเลย
ถึงจะชอบแอลกอฮลล์แต่ผมก็ไม่ลืมจะหยิบโค้กของโปรดไปด้วยนะ จะได้กินคล่อง ๆ หน่อย
ได้ของครับแล้วก็กลับคอนโดกันโล้ดด ผมช่วยมันถือถุงข้าวของที่ซื้อมา ถึงของจะไม่เยอะมากแต่จะให้มันถือคนเดียวได้ไง ผมก็ผู้ชายนะ ไม่ได้อ่อนแอจนต้องเอาเปรียบมันขนาดนั้น
“ไปตึกบีกัน” คอนโดไอ้เติร์กมีสองตึก ฝั่งเอกับบี ฝั่งเออยู่ด้านหน้า ราคาแพงกว่าเพราะวิวดี แต่ฝั่งบีจะสงบกว่านิดหน่อย ส่วนเรื่องวิวถ้ามีซีเรียสมากจะฝั่งไหนมันก็เหมือน ๆ กันป่ะ วิวรามอินทรานะมึง ไม่ใช่กลางเมืองอย่าง สีลม สาทร มันจะมีอะไรให้มองกัน
“อย่าบอกนะว่าไอ้ทอมก็อยู่คอนโดนี้”
“ใช่ครับ” ไอ้นี่ก็ไม่เคยบอกอะไรกูเลย หรือเป้นเพราะกูไม่ถามเองว่ะ แต่จะไปอยากรู้เรื่องของมันทำไมนักเล่าไอ้กาย ไอ้เติร์กหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออกให้ไอ้ทอมมารับ แต่ผิดคาดคนที่ลงมากลับเป็นสาวสวย เธอยิ้มทักทายได้เตอร์ แถมยังเผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้ผมด้วย
“กายนี่พี่แจง แฟนไอ้ทอม” ผมตาโต เหี้ยทอมปากหมามีแฟนสวยงี้เลยเหรอว่ะ
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ คนสวยรับไหว้ทันที สวยแถมยังมารยาทดีอีกต่างหาก ไม่น่าคบกับเหี้ยทอมเลย เสียของไปอีก
“ส่วนนี่กายนะครับ” พี่แจงยิ้มนำพวกเราเข้าไปในลิฟต์
“ทอมเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน หน้าตาดีใช้ได้เลยนะเนี่ย” ผมยิ้มรับรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อย ๆ “ให้พี่ช่วยถืออะไรไหม”
“ไม่เป็นไรครับ นิดเดียวเอง”
ห้องไอ้ทอมอยู่หัวมุมห้องใหญ่กว่าไอ้เติร์กอีก ผมเห็นไอ้ทอมในในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าขายาวสีเทาเหมือนที่เห็นเขาใส่ออกกำลังกายกัน ดูแปลกตา แถมมันยังใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลหันหน้าเข้าเตา เอ่อยอมรับเลยว่ามันดูดีมาก
“จ้องไอ้ทอมมาก ๆ พี่แจงหึงแย่เลย” สะดุ้งสิ อยู่ ๆ มาทักแบบนี้ ไอ้ทอมหันมามอง มันยิ้มมุมปาก ส่วนพี่แจงโบกไม้โบกมือพัลวัน
“โอ๊ย หึงเหิงอะไร อยากมองมองไปเถอะค่ะ เติร์กเองหรือเปล่าที่หึงน้องกายนะ”
“มองผู้ชายอื่นตาเยิ้มขนาดนั้น มันก็มีบ้างแหละพี่ ปากก็ว่าเราเจ้าชู้ แต่ตัวเองก็แอบมอง ผู้ชายคนอื่นเหมือนกันแหละ” น้อยใจให้ตายห่าไปสิ ไม่สนหรอก ผมหยิบของในถุงออกมาวางบนโต๊ะ ให้พี่แจงจัดใส่ชาม ส่วนไอ้เติร์กเอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็น
“ชอบคนใส่ผ้ากันเปื้อนเหรอ เห็นมองไม่วางตาเลย” ไอ้ทอมถาม พ่องเถอะ ถามซะกูดูโรคจิตไปเลย
“ชอบก็บ้าแล้ว แค่มันดูแปลกตา ไม่ชินนี่หว่า ปกติเห็นแต่หน้ายักษ์ไม่คิดว่า จะมีมุมที่ดูสาวขนาดนี้” มันไม่ได้สาวหรอก ออกจะดูดีเหมือนบาริสต้าอะไรทำนองนั้น
“ก็เหี้ยล่ะ”
พี่แจงกับไอ้เติร์กหัวเราะท้องคดท้องแข็ง ที่ขำนี่ก็คิดเหมือนกันใช่ม่ะ ผมรับผักที่ล้างเสร็จจากพี่แจงมาหั่นต่อ ดูไอ้เติร์กที่หยิบหมอต้มไฟฟ้ามาตั้งกลางโต๊ะกินข้าว แล้วยกหม้อน้ำซุปที่มันต้มจนเดือดแล้วเทลงใส่หม้อสุกี้
“ทำเองเหรอว่ะ” ผมชิมน้ำซุปฝีมือไอ้ทอม อร่อยว่ะ มีข่าตะไคร้ รากผักชีกับกระเทียมบุบหยาย ๆ ลอยอยู่ในหม้อด้วย นี่ปกติผมใส่น้ำโยนซุปก้อนลงปิดฝารอให้เดือดแล้วก็กินเลยนะ ไม่เสียเวลามาเคี้ยวน้ำซุปหรอก
แล้วไอ้ที่ทำทีเป็นมาถามว่าเราทำสุกี้เป็นไหมตอนอยู่โลตัสนั่นอะไร หรือแค่อยากลองภูมิกันว่างั้น ชักจะคันตีนขึ้นมายิก ๆ แล้วว่ะ
แต่ก็ดีแหละไอ้กายจะได้ไม่ลำบากอะไร
“ให้แม่บ้านทำให้มั้ง เห็น ๆ อยู่ว่ากูทำเอง” เอ้ากูถามดี ๆ ไอ้ห่านี่กวนตีน
“ดูสนิทกันดีนะ” พี่แจงทักหยิบผักลงในหม้อ
“ตรงไหนว่ะ/ตรงไหนพี่”
“นี่ไง ใจตรงกันด้วย” พี่แจงขำ อยากจะบ้าตาย ให้สนิทกับไอ้ทอมนี่ เลิกคิดเถอะ คนสวยแจกจ่ายจานชามให้ทุกคน ไอ้เติร์กดึงผมนั่งข้าง ๆ มัน เลื่อนแก้วเบียร์มาให้
“นั่งเถอะ ที่เหลือปล่อยเจ้าบ้านทำไป เราป็นแขก” ไอ้เติร์กมันว่า แถมยังหยิบของกินในตู้เย็นเขามาแกะแกล้มเบียร์หน้าตาเฉย
“ไปเอาของเขามากินนะ มึงขอเจ้าของเขาหรือยังเติร์ก” ผมถามหยิบปลาหมึกแผ่นขึ้นกิน ก่อนจะจิบเบียร์ตามอึกใหญ่ ชื่นใจจัง
“โอ๊ยตามสบายเลย ทอมเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่พี่เห็นแล้วก็ชอบซื้อกลับมาประจำ” พี่แจงบอก ท่าทางใจดี ทำไมมาพลาดท่าให้ไอ้ทอมได้ว่ะ นึกว่าสเปคมันจะอกตู้มเท่าสมโอ สะโพกเท่าโอ่งมังกร อะไรแบบนั้น ไม่คิดจะเรียบร้อยแบบนี้
“อันนี้อร่อย” มันว่าส่งปลากหมึกเส้นให้ คนยิ่งหิว ๆ อยู่ก็เลยงับเข้าปาก แล้วหันไปยิ้มกับเมียเจ้าของห้อง ขี้เหล้าอย่างไอ้ทอมนี่นะไม่ชอบกับแกล้มแบบนี้ แปลกคน ขนาดไอ้กายยังชอบเลยนะ ปลากรอบนั่นก็อร่อยรสเผ็ดติดปลายลิ้น กินกับเบียร์แล้วซู่ซ่าดี
“ไปเที่ยวบ่อยเหรอครับ” ผมชวนคุย เมื่อทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาเตรียมกินมื้อเย็นนี้ด้วยกัน ผมคีบหมูลงในหม้อที่น้ำกำลังเดือดได้ที่ หย่อนลูกชิ้นกับปูอัดลงไปอีก จะได้สุกไว ๆ ส่วนผักไม่เอา ฮ่า ๆ
“ชวนมากินข้าว ไม่ได้ให้มาสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว” โว้ยไอ้ห่า ไอ้ทอมปากมอม คนเรามันก็ต้องชวนคุยไหมล่ะ มารยาททางสังคมนะโว้ย ไอ้คนมนุษยสัมพันติดลบแบบพวกมึงไม่มีวันเข้าใจหรอกนะ ทั้งชีวิตมันคบกันเองอยู่แค่สองคนนี้ละมั้ง
“เปล่าหรอก พี่ทำงานโรงแรมที่เกาะช้างนะ กลับบ้านเดือนละไม่กี่ครั้งเอง กลับมาทีก็ซื้อของฝากกลับมาแบบนี้แหละ”
“เหรอพี่น่าสนุกจังกายก็ชอบทะเลนะ ของฝากแถวนั้นก็ชอบนะหลายอย่างเลยด้วย ทุเรียนกรอบกับน้ำสองรองกระป๋องนะพี่ ซื้อที่จัน รุ่นพี่ที่คณะเวลากลับบ้านที่ตราด แกก็แวะซื้อมาฝากทีเหมือนกัน”
“โอ๊ยเยอะแยะ พี่ไม่รู้ว่ากายจะชอบ ได้ยินทอมพูดถึงอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วแบบนี้ พี่ไม่กินทุเรียนไง เลยไม่เคยซื้อมาเลย ไว้คราวหลังนะ” ผมยิ้มพยักหน้ารับ ไม่ได้เห็นแก่กินนะ แต่ผู้ใหญ่จะให้ของ แถมยังของกินนี่ไม่ขัดศรัทรานะบอกเลย
“กายนี่ยังไง เขาเอาของกินล่อหน่อย ยิ้มไม่หุบ” ไอ้เติร์กตักกุ้งใส่ในชามให้ ปากมันก็บ่นผมไม่หยุด “มาไม่ถึงชั่วโมงลืมคนพามาแล้วมั้ง”
“อ้าวไม่ได้ตั้งใจพากูมารู้จักเหรอ” ก็ตอนแรกใครล่ะที่จะไปร้านเหล้ากับไอ้ทอมนะ แล้วทำไมอยู่ ๆ เปลี่ยนมาอยู่บ้านกันหมดเลยนะ พามารู้จักก็ต้องคุยกันสิ จะมานั่งกินอย่างเดียวแล้วกลับอึดอัดแย่
“ก็ตั้งใจแหละ พี่แจงแกมาเซอร์ไพร้ไอ้ทอมมัน เลยถือโอกาสเปิดตัวบ้าง” ไอ้เติร์กมันว่ามางี้ มาเปิดตงเปิดตัวอะไรเล่า มันก็เขิน ๆ หน่อยอะนะ แต่นิดเดียวนะเว้ย นิดเดียว
“จริง ๆ แอบมาดูว่ามันพาใครขึ้นคอนโดไหมเวลาพี่ไม่อยู่” ผมขำ นึกภาพออกเลย คนหนึ่งยังเรียนอยู่แถมหน้าตาดีอีก เวลาว่างก็เยอะโอกาสที่ได้เจอคนใหม่ก็เยอะตามไปอีก ส่วนอีกคนก็อยู่ไกลกัน ต้องทำงานไม่มีเวลามาดูแล เอาใจมันก็มีระแวงกันบ้างเป็นธรรมดาแหละ ขนาดบางคู่อยู่ด้วยกัน แม่งยังมีคนใหม่ได้เลย
“บอกว่าไม่มีก็ไม่มีไง ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย” ไอ้ทอมหน้าบึ้ง แต่พี่แจงยิ้มหน้าบาน ตักอกไก่ให้ไอ้ทอม ดูรักกันดีนี่หว่า มิน่าล่ะ ไม่เคยเห็นมันควงใครเลย แถมยังไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิงอีก ที่แท้แม่งมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนี่เอง
“ว่าแต่กายเถอะ พี่ได้ยินจากทอมว่า ช่วยเติร์กจีบเราอยู่พักหนึ่ง แล้วทำไมจีบติดเร็วนักล่ะ” ผมขำ ไอ้ทอมเนี่ยนะช่วยไอ้เติร์กจีบผม ตรงไหนที่มันช่วยว่ะ เรื่องดูต้นทางในห้องน้ำ หรือเรื่องมอมเบียร์ผม แล้วขวางไอ้เตอร์วันนั้น มันใช่เหรอว่ะ นี่มันเรียกช่วยกันรวบหัวรวบหางเหอะว่ะ
“ทำไมทำหน้าประหลาด ๆ แบบนั้น” ไอ้ทอมปากมอมถาม เหอะ
“ยังจีบไม่ติดหรอก แต่โดนพวกมันช่วยกันมอมจนเมาแล้วให้ไอ้เติร์กหิ้วขึ้นคอนโดซะก่อน”
พรวด !! ไอ้ทอมกับเพื่อนมันถึงกับสำลัก กูพูดเรื่องจริงนะ ไม่ปิดบังด้วย พี่แจงตาโต หันมองหน้าไอ้ทอม
“ทำไมนิสัยแบบนี้” พี่แจงดุ แถมยังบิดหูไอ้ทอมอีก
“โอ๊ย ๆ แจงพอก่อน พอ มันเจ็บ” พอปล่อยมือได้แกก็ฟาดฝ่ามือใส่หลังมันรัว ๆ
“เราโอเคนะ” พี่แจงสีหน้าเป็นกังวล จนผมยิ้มให้ นั่นแหละถึงได้คลายคิ้วที่ขมวดลง
“ไม่เป็นไรพี่”
“แทนที่จะห้ามกัน นี่จีบยังไงของพวกมันกันว่ะ” แกบ่น มองหน้าไอ้เติร์กที ไอ้ทอมที ไอ้ทอมหงอยไปเลย พึ่งเคยเห็นมันสลดก็วันนี้แหละ
“ผมรับผิดชอบของผมน่า ไม่ต้องห่วง” ไอ้เติร์กว่า มือมันเอื้อมมาจับมือผมไปวางบนตักมัน และเพราะมันเป็นโต๊ะกระจก พี่แจงที่มองมาเลยเห็นไปด้วย แกยิ้มพอใจ แถมยังตักเบค่อนมาใส่ในจานให้ผมอีก
“เดี๋ยวคราวหน้าต้องซื้อทุเรียนกรอบมาฝากเยอะ ๆ แล้ว ทอมมันทำเรื่องไม่ดีกับเราแบบนี้” ผมเขี่ยอกไก่ที่ติดมากับเบค่อนใส่ในจานไอ้เติร์ก มันจะรังเกียจไหมไม่รู้ แต่ไอ้กายไม่กินไง มันเหมือนกินทิชชู่ไปทั้งก้อน อร่อยตรงไหน
แต่ไอ้เติร์กก็หยิบตะเกียบขึ้นคีบอกไก่ชิ้นนั้นใส่ปากทันที ทั้งที่ในจานมันก็มีอีกหลายชิ้น จะมาดีใจอะไรกับเรื่องแบบนี้กันห๊ะไอ้กาย หุบยิ้มไปมึง อย่ายิ้มไอ้เหี้ย
แต่ปากแม่งไม่เคยจะฟังกันเลย
มันทรยศผมอีกแล้ว เอาเข้าไป เอาให้หน้าบานไปเลยมึงไอ้กาย เอาให้เข้ารู้กันไปหมดว่ามึงเขิน เขินที่ไอ้เติร์กกินไก่ ไอ้เหี้ยเอ้ย ไปพูดให้ใครเขาฟังนี่อายกันชิบหาย
“เดี๋ยวกูไปเอาเบียร์เพิ่มอีกดีกว่า” ไอ้ทอมลุกเดินอ้อมไปเปิดตู้เย็น ค้นหาของในตู้เย็นดังกุกกัก
“งั้นพี่ไปดูเห็ดมาเพิ่มด้วยเหมือนกัน” ทั้งที่ครัวกับโต๊ะกินข้าวมันก็ไม่ได้ห่างกันแมะเดินสามก้าวก็ถึง ทำไมรีบกันแปลก ๆ พี่แจงหันหน้าเข้าซิงค์ล้างจาน เปิดน้ำในอ่างล้างเห็ดอีกแพ็ค ผมมองเจ้าบ้านอย่างงง ๆ
“อร่อย” ไอ้เติร์กยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบริมหูก่อนมันจะก้มลงหอมแก้มผม ผมหันมองมันอย่างหวาด ๆ มันยิ้มแป้น ไม่ได้สำนึกเลยว่าแอบหอมแก้มคนอื่นกลางโต๊ะกินข้าว
“ตักให้เติร์กอีกนะ กายตักให้แล้ว มันอร่อยกว่าเติร์กตักเองอีกอ่ะ” พ่อแก้วแม่แก้วไอ้กายเขิน ไอ้เหี้ยบรรยากาศแม่งแปลก ๆ ปะว่ะ ไม่น่าจะมาถึงจุดนี้ได้เลยนะ ทำไมอยู่ ๆ โลกมันก็ดูเป็นสีชมพูไปหมด
แล้วกูไม่ได้ตั้งใจตักให้ด้วยประเด็น มันติดมาเว้ยมึง กูไม่กินเลยจะเขี่ยทิ้ง อย่ามาทำเป็นดีใจเลย
ยังไหวอยู่ไหม หัวใจไอ้กาย
นี่ที่ปลีกตัวออกไปกันหมดนี่ เปิดทางให้ไอ้เติร์กมันถูกไหม ไปส่งซิกกันตอนไหนว่ะ ไอ้กายไม่โง่นะเว้ย มีพิรุธกันทุกคน ไม่มีความเป็นธรรมชาติเลยเถอะ ให้ตาย
“เกรงใจไอ้ทอมมันบ้างเถอะ ไม่ใช่ห้องเรา” ไอ้เติร์กผละออกไป พอดีกับที่ไอ้ทอมถือเบียร์ออกมาอีกสองขวด
“อ้าวเบียร์ยังเหลือนี่” มันก็เหลือสิโว้ย เพิ่งกินไปขวดเดียว ผมเอือมกับพวกมัน บรรยากาศสีชมพูที่ว่ามันจางหายไปทันที ที่พี่แจงถือเห็ดกลับมา ทั้งที่ในโถใบใหญ่ ยังมีเห็ดอยู่เต็ม
“ยังไม่ได้กินเห็ดไปเลยนี่” พอกัน พี่แจงมองเห็ดในมือ สลับกับในโถผัก กูไม่แปลกใจล่ะทำไมไอ้ทอมมันมอมกูให้ไอ้เติร์กวันนั้น
แม่งพอกันทั้งหมดนั้นแหละว่ะ
นอกจากบะหมี่หมูแดง ไอ้กายจดไว้ในบัญชีหนังหมาเลย ว่าจะเลิกแดกเห็ดเข็มทอง ส่วนเบียร์ยังเลิกไม่ได้ ฮ่า ๆ
ผมส่ายหัวอย่างปลงตก ตักอกไก่ให้ไอ้เติร์ก คราวนี้ตั้งใจตักเลย
มือเย็นจบลงตอนสองทุ่มกว่า ๆ ผมเลยชวนไอ้เติร์กกลับห้องมัน ไม่ได้เก็บกวาดห้องช่วยไอ้ทอมมันด้วย พี่แจงบอกจะทำเอง ให้ย้ายกันมานั่งกินเบียร์หน้าทีวีแทน
“อยู่กินเบียร์นั่งคุยกันก่อนสิ ยังไม่ดึกสักหน่อย ห้องก็อยู่แค่นี้เอง รีบกลับทำไม” พี่แจงชวน หยิบของฝากใส่ถุงให้อีก นี่ทั้งกินทั้งห่อกลับบ้านเลยให้ตาย
แต่ถามว่าไอ้กายเอาไหม เอามาอีกเยอะ ๆ เลยครับ น้องกายช๊อบชอบ มันก็เกรงใจอยู่หรอก แต่ไม่ได้กินนานไง มันก็โหยหาเป็นธรรมดา นี่เจ้พริ้งไม่ได้กลับบ้านนานแล้วเถอะ เลยอดของฝากไปด้วย
“ไม่อยากรบกวนเวลานี่ครับ พี่แจงบอกเองว่านาน ๆ จะได้กลับบ้านที กายก็คิดว่าเผื่อไอ้ทอมมันจะอยากใช้เวลากับแฟนสองต่อสองอะไรแบบนี้” ผมยิ้มมองพี่แจงกับไอ้ทอมไปมา คนสวยเขินหน้าแดง
“เอ่อรู้ตัวว่ารบกวนเวลาคู่อื่นเขาก็รีบ ๆ พาไอ้เติร์กมันกลับห้องไปได้แล้ว เกะกะ” ไอ้ทอมบ่น แต่ก็ยังเห็นชนแก้วกับไอ้เติร์กไม่หยุด ผมล่ะงงกับพวกขี้เหล้า
“งั้นตีสองค่อยกลับแมะ เบียร์ยังเหลือเยอะ กูเห็นมีเหล้าในตู้ด้วยนะ” ยิ่งมันไล่กูก็จะดันทุรังอยู่ ไอ้ทอมชักสีหน้า ขำดี เวลามันขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้
ผมรินเบียร์ที่เหลือใส่แก้ว ก่อนจะรินให้ไอ้เติร์กอีก จะได้หมดขวดสักที แล้วกลับไปนอนตีพุงต่อ ชักจะไม่ไหวกินไปตั้งเยอะ ชนแก้วกับพวกมัน พี่แจงก็เอาด้วยแต่เป็นโค้กที่ผมซื้อมานะ นี่ยังไม่ได้กินโค้กเลย
พอกินหมดแก้วไอ้ทอมก็ลงมาส่งข้างล่าง ส่วนพี่แจงเก็บห้องรอ ในมือผมมีของฝากจากจันทบุรีถุงใหญ่ รอดตายไปได้อีกเป็นอาทิตย์เลยนะ
“มึงทำกูเจ็บตัว” ไอ้ทอมชี้หน้าผม ไอ้เติร์กเลยตบกลาบเพื่อนมัน
“แผนมึงชั่วเอง” ไอ้เติร์กด่า เอ่อโคตรชั่วเลยด้วย นี่ใครอย่าได้อุตริมาให้ไอ้สองตัวนี่ช่วยจีบใครอีกเด็ดขาดนะ เหี้ยของจริงบอกเลย
“แต่มันก็ได้ผล ถ้าจีบแบบมึง ป่านนี้จะได้ไอ้กายมาควงแบบนี้ไหม ไม่สำนึกบุญคุณ” เหอะ ถ้าเป็นคนอื่นพวกมึงได้ตายห่ากันไปแล้ว แต่นี่กูไง กูช่วยมอมตัวเองไปด้วยครึ่งหนึ่ง จริง ๆ จะว่าไปผมเองก็ผิดแหละ แต่ไม่บอกมันหรอก เดี๋ยวพวกมันด่าว่าแรด หรือมันก็รู้ว่ะ ช่างเถอะอย่าไปคิดอะไรเลย ทำไปแล้วนี่หว่า มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
“ไอ้ผลเกินคาด” หมั่นใส้โว้ย มาคุยอะไรกันทั้งที่เจ้าตัวก็อยู่ด้วยแบบนี้ ไอ้เติร์กมองผมด้วยสายตาเจ้าชู้ ตามมันฉ่ำเพราะเบียร์ที่กินไป ไอ้ทอมก็ด้วย
“ไว้เจอกันมึง” ไอ้ทอมตบไหล่เพื่อนสนิทมันปุ ๆ ก่อนได้เติร์กจะวางมือลงบนสะโพกผมแล้วดันให้เดินออกไป
ก็น่ารักดีนะ นอกจากความปากมอมแล้ว ยังดูเป็นคนดี แถมยังรักแฟนมันอีก แล้วไมไอ้เพื่อนมันถึงไม่ได้ครึ่งไอ้ทอมมันบ้างล่ะ
“คิดอะไรอยู่” ไอ้เติร์กถามระหว่างอยู่ในลิฟต์กันสองคน มันยกนิ้วเขี่ยแก้มผมพร้อมกับยิ้มให้ ตาเจ้าชู้หวานฉ่ำจ้องมองมา
“มึงเมาแล้ว” ไอ้เติร์กหัวเราะในคอ
“แค่มึน ๆ นิดหน่อยไม่ถึงกับเมา กายกลัวไหมครับ” มันขยับเข้ามาใกล้ มือที่วางบนสะโพกรั้งผมเข้าไปกอด กดจมูกลงกับขมับ ลมหายใจอุ่น ๆ ของมันพ่นรดใบหู
“กลัวอะไร” ผมไม่กล้ามองหน้ามันแล้ว กลัวจะเคลิ้มไปกับสายตาเจ้าชู้ของมัน นี่ภูมิคุ้มกันคนเหี้ยของผมลดลงไปอีกแล้ว
“อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ กลัวคนเมาปล้ำไหม” ผมขำ ไม่ได้ตอบคำถามมัน ว่าถ้ากล้าปล้ำก็ลองดูสิ เห็นแบบนี้แต่กูก็ผู้ชายนะ พอดีกับที่ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 7 อันเป็นที่ตั้งของห้องไอ้เติร์กมัน ผมเดินมันออกมานอกลิฟต์ เริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะเป็นผมที่ปล้ำมันนะสิ
ประตูห้องถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง ผมตรงดิ่งเข้าห้องนอนมันทันที ต้องรีบอาบน้ำให้หายมึน อยู่ในอาการกึ่ม ๆ แบบนี้กับมันไม่ดีแน่ ๆ ผมถอดกางเกงที่ใส่อยู่ออกเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์เพราะอึดอัดเต็มที ไอ้เติร์กตามเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียง จ้องผมที่กำลังถอดเกงเกง
“จะอาบน้ำเลยไหม” มันถามคลานลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ ผมพยักหน้าให้มัน รับผ้าขนหนู มาพันรอบเอว ถอดเสื้อมันที่ผมยืมใส่ตั้งแต่ตอนบ่ายออกรวมทั้งบ๊อกเซอร์แล้วก็ชั้นใน ใช้เท้าเขี่ยไปไว้ข้างตะกร้าใส่ผ้าใช้แล้วของมัน
“จะอ่อยกันเหรอกาย” ไอ้เติร์กทำเสียงล้อ นั่งมองผมอยู่ปลายเตียง
“มึงมันหื่นเองต่างหาก” ผมหันมองหน้ามัน ไอ้เติร์กกลืนน้ำลายลงคอ แถมยังเลียปากด้วย โอ๊ยนี่คิดไปถึงไหนกันว่ะ รีบสิก่อนจะเสร็จมัน
พอน้ำอุ่น ๆ ไหลอาบลงบนหัว ไอ้ที่มึน ๆ หน่อยก็ชักจะหายเป็นปลิดทิ้ง ครีบอาบน้ำของไอ้เติร์กเป็นแบบของผู้ชาย ใช้แล้วเย็นจนขนลุกไปทั้งตัว แชมพูมันก็เหมือนกัน นี่เย็นตั้งแต่หัวไปถึงง่ามตีนเลย ผมใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ซับน้ำตามตัวให้แห้งพันผ้าขนหนูที่เอวแล้วก้าวออกจากห้องน้ำ แอร์เย็น ๆ นอกห้องปะทะตัว ทำเอาขนลุกซู่เหมือนกัน
“กายโคตรเอ็กซ์เลยครับ” โคตรเอ็กซ์ห่าอะไรของมึง ฟังดูโบราณ ผมรับเสื้อยืดตัวใหม่กับบ๊อกเซอร์จากมันมาใส่ หาความเกรงใจจากไอ้กายไม่ได้นะบอกเลย เอากูมานอนนี่เอง มันต้องรับผิดชอบชีวิตไอ้กายสิ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เตรียมมามันก็ต้องใช้ของไอ้เติร์กนี่แหละ แล้วไอ้บ๊อกเซอร์นี่เหมือนกัน ก็เคยได้กันไปแล้วป่ะว่ะ จะให้มาทำเหนียมอายที่จะใช้ของด้วยกันไปได้
“มึงไม่อาบล่ะ” ผมถาม ดึงบ๊อกเซอร์ขึ้นใส่ก่อน ท่อนบนช่างมัน ขอข้างล่างปลอดภัยไว้ก่อน ถึงจะปากดียังไง แต่ยังไม่พร้อมมีครั้งที่สองกันมัน เดี๋ยวมันจะหาว่าอ่อยมันอีก
“ดูกายแต่งตัวก่อนดิ ไม่ได้เห็นกันง่าย ๆ นะแบบนี้” ผมกรอกตาไปมา ดึงผ้าเช็ดตัวออกมาซับน้ำบนหัว แล้วตามด้วยหยิบเสื้อมาสวมทับ ปกปิดหัวนมที่กำลังตั้งชันเพราะแอร์ในห้อง
“เสร็จแล้วเนี่ย หมดรอบแล้วไปอาบน้ำเลยไป” ไอ้เติร์กขำ คลานลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนู
“กำลังเพลินเลย” ผมส่ายหัวหยิบผ้าขนหนูขึ้นซับผม ออกไปห้องนั่งเล่น ดูทีวีดีกว่า ยังไม่ง่วงนอนเลย เพิ่งตื่นเมื่อห้าโมงเย็นด้วยแหละ
“ไม่อยู่ดูเติร์กอาบน้ำก่อนเหรอครับ”
“ไม่”
“เติร์กไม่ล๊อคห้องน้ำนะครับ เผื่อกายจะเข้ามา”
“ไอ้เหี้ย”
ไอ้เติร์กหัวเราะร่วนเข้าห้องน้ำไป ผมไม่รู้ว่ามันไม่ล๊อคประตูจริงไหม เพราะก่อนที่มันจะเข้าห้องน้ำผมก็นั่งแมะบนโซฟาหน้าทีวีแล้ว แถมยังเอาเบียร์ในตู้เย็นมันมาเปิดกินอีก หยิบกับแกล้มที่พี่ให้มาเปิดจกกินจากห่อเลย ไม่ต้องเทใส่จาน เพราะชักจะขี้เกียจล้างแล้ว
ไม่ถึงสิบนาทีไอ้คนที่อาบน้ำก็เดินออกมามันนั่งลงกับพื้นหันหลังพิงโซฟาข้างหน้าผม เอนหัวลงกับหน้าท้องที่ตอนนี้กำลังป่องเพราะเบียร์ที่กินเข้าไป
“นุ่ม เด้งได้ด้วย” ไอ้เติร์กโยกหัวไปมา ไอ้เหี้ยเดี๋ยวอ้วกพุ่ง
“เดี๋ยวจุก อย่าเล่น” ผมผลักหัวมันออก ไอ้เติร์กหันมองหน้า
“อยากจุกไหนล่ะ”
“ไม่” ผมว่าเสียงห้วน ยกเบียร์ขึ้นจิบ เปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย จนเจอการ์ตูนเลยว่างรีโมท ดูการ์ตูนแกล้มเบียร์ ไอ้เติร์กแย่งแก้วจากผมไปกินต่อจนหมดแล้วรินเบียร์เพิ่มให้
ทำไมอยู่ ๆ ผมกับมันถึงได้ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียไปได้ว่ะ ทุกอย่างมันดูเป็นธรรมชาติจนน่าตกใจ นี่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจคบกับมันเลยด้วยซ้ำนะ แฟนคนอื่น ๆ ถึงจะคบกันก็ไม่เคยมีอารมณ์แบบนี้เลยสักครั้ง เราเจอกันบ้างตามเวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวย มีค้างด้วยกันแต่ไม่เคยมีโมเม้นท์ นั่งหยอกล้อกับไปดูทีวีด้วยกันไปแบบนี้สักที ถ้าไม่นับหยอกบนเตียงอะนะ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา ผมไม่เคยได้ครอบครองหัวใจของคนที่ผมเรียกเขาว่าแฟนเลยสักคนล่ะมั้ง
แล้วกับไปเติร์กนี่ล่ะ...
“นี่” ไอ้เติร์กเรียกเงยหน้าลงหนุนตักผมไปเรียบร้อยแล้ว ผมก้มลงมองมัน เชิงถามว่ามีไร
“อึดอัดหรือเปล่า” มันถาม เงียบไปครู่ก่อนจะเปิดปากขยายความให้กระจ่าง “อึดอัดหรือเปล่าที่อยู่กับเติร์ก” ผมยกมือลูบหัวมันเบา ๆ มันหลับตาบนตัก ปากยกยิ้มพอใจ
“ก็ดี ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร” มันยิ้มกว้างลืมตามอง
“ดีจัง เติร์กกลัวว่ากายจะอึดอัด ได้ยินแบบนี้แล้วมีความสุขจังว่ะ” มันยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ใสซื่อจนผมยิ้มตามเสียกว้างเต็มหน้า
“อือ กูก็มีความสุข”
หายไปเกือบปี ดีใจที่มีคนบอกว่าสนุกและรอติดตาม
ไม่รู้ตอนนี้ยังจะรออ่านหรือเปล่า แต่เราอยากขอบคุณ
ถ้าได้ผ่านเข้ามาอ่านอีกครั้ง ขอบคุณนะคะ
คุณทุกคนทำให้เรายิ้มได้ ขอโทษที่ทิ้งไปเสียนาน
ขอบคุณจากหัวใจ