รวมเรื่องสั้น Sweet Sin :: เรื่องที่ 2 Amour [END] :: 11 06 2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รวมเรื่องสั้น Sweet Sin :: เรื่องที่ 2 Amour [END] :: 11 06 2018  (อ่าน 3980 ครั้ง)

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************



เรื่องสั้น Sweet Sin
คาดว่ามีหลายเรื่องในซีรี่ส์นี้
จะทำการลงต่อเนื่องในกระทู้เดียว เพื่อประหยัดพื้นที่บอร์ด
มาลุ้นกันจะรอดไหม

รายชื่อนิยายในชีรี่ส์ เรื่องสั้น Sweet Sin
01 บาปหวาน 3 ตอน [END]
02 Amour 2 ตอน [END]



เรื่องอื่น ๆ


เรื่องสั้น
☁ ปลายทางของความคิดถึง☁ จบแล้วจ้า


เรื่องยาว
เรื่องรัก นายกายสิทธิ์ ยังไม่จบเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ


 :mew6:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2019 19:28:00 โดย คิณทรธ »

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Re: รวมเรื่องสั้น :: Sweet Sin ::
«ตอบ #1 เมื่อ26-05-2018 18:25:24 »

Sweet Sin

บาปหวาน


ออม

ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร


บ้านไม้กึ่งปูนหลังเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยสวนเงาะ และทุเรียน สวนที่เคยมีความสุข เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ถึงแม้จะมีเสียงบ่นของผู้เป็นแม่บ้างบางคราว แต่ก็นับว่ามันเป็นความสุข

ผู้คนมากหน้าหลายตา บางคนก็คุ้นเคย บางคนก็เป็นคนแปลกหน้าเดินกันไปมาเต็มบ้านผมไปหมด ผมมองผู้คนเหล่านั้นพูดคุยถามไถ่ แสดงความสนิทสนมเป็นภาพที่ดูน่าประทับใจ แต่ผมไม่อยู่ในอารมณ์นั้น

สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผม มันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสารและเศร้าสร้อย

“ออม พระมาแล้วลูก” ผมเงยหน้ามองลุงธรด้วยความสงสัย พระมาแล้วยังไงกัน ด้านหลังลุงธรเป็นมะยมลูกชายคนโตที่หน้าตาหล่อเหลาถอดแบบพ่อมาไม่มีผิด และถัดจากมะยมไปด้านหลังเป็นขบวนพระสงฆ์

“ไม่เป็นไร” ลุงธรยิ้มให้ผมอย่างใจดีที่เห็นท่าทางเงอะงะของผม ก่อนจะหันกลับไปจัดการธุระด้วยตนเอง “มนต์ทางพี้คับ”

สำเนียงภาษาถิ่นที่ออกจากปากลุงธรช่างขัดกับหน้าตาของเจ้า ตัวแต่ผมไม่คิดจะบอกให้ลุงธรรู้ว่าผมชอบเวลาลุงธรพูดอีสาน

“ทำอะไรเป็นบ้างเนี่ย” มะยมชักสีหน้าใส่ ก่อนจะเดินตามพ่อตัวเองเข้าไปในตัวบ้าน ผมถอนหายใจกับคำตำหนิของมะยม

แม้ฝ่ายนั้นจะเด็กกว่าผมตั้ง 5 ปี แต่ก็ดูโตเกินไว จริง ๆ มะยมก็ดูโตสมวัยเขานั้นแหละ มีแต่ผมเองที่ยังคิดอะไรเป็นเด็ก ๆ แต่มันก็ใช่ความผิดผมที่ไหนล่ะ เพราะพ่อกับแม่ เลี้ยงผมมาแบบนี้

ตามใจและไม่ยอมให้ยุ่งกับงานในสวน

“เข้าไปนั่งฟังพะเพิ่นสวดแมะหล้า” ผมพยักหน้ารับ ยิ้มให้ฝ่ายนั้น ที่ผมเองก็ไม่รู้จัก คุ้นหน้าว่าเป็นเพื่อน ๆ ของพ่อ ก่อนจะเดินตามเพื่อนบ้านเข้าไปในบ้านตัวเอง

บ้านที่ความหมายมันฟังดูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไฟประดับกระพริบให้แสงสว่างดวงเล็ก ที่ประดับโยงโลงศพกลางบ้าน สวยงามเหมือนไฟประดับต้นคริสมาสต์ แต่มันช่างดูหดหู่ เมื่อคิดว่าร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในนั่นเป็นคนที่เรารู้จัก เป็นใครสักคนที่เรารัก หรือคนในครอบครัว

ผมในวัยเพียง 25 ปีต้องมาเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่

รถกะบะที่พ่อขับ มีแม่และน้องชายเป็นผู้โดยสาร ทั้งหมดเพิ่งกลับมาจากส่งผลไม้ลอตแรกของปีที่ตลาดขายส่งในเมือง คนขับรถบรรทุกที่เสพยาเสพติดเกิดอาการเมายาจนควบคุมรถไม่ได้ ทำให้รถพุ่งข้ามเลนมาชนกับรถพ่อของผม และเหตุการณ์นั้นส่งผลให้ครอบครัวของผมทั้งหมดเสียชีวิตคาที่

ผมได้แต่คิดว่าก่อนตาย พวกเขาจะทรมานหรือเปล่า หรืออาจจะสิ้นใจโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด ผมได้แต่ภาวนาให้เป็นอย่างหลัง

เพราะความเจ็บปวดมันทรมาน เหมือนผมที่มันเจ็บในอก

ความไม่ยุติธรรมในครั้งนั้นก็คือ คนขับรถคันนั้นกลับรอด พวกเขาผิดอะไร พ่อแม่และน้องชายผมผิดอะไร ทำไมถึงใจร้ายพรากเขาไปจากผม ทำไมคนที่ตายไม่ใช่คนขับรถบรรทุกนั่น

“ไม่เป็นไร ลุงจะอยู่ข้าง ๆ ออมเอง” ลุงธรกระซิบเสียงเบา ท่ามกลางเสียงสวดของพระสงฆ์ตรงหน้า พร้อม ๆ กับที่มะยมเป็นผู้ทำพิธีแทนผมทั้งหมด

ถ้าไม่มีลุงธรกับมะยม ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มสะสางเรื่องราวตรงหน้านี้ด้วยตัวเองยังไง



ผมมองช่องบรรจุอัฐิใต้โบสถ์ที่เรียงรายโดยรอบ มันเป็นบ้านหลังสุดท้าย เป็นที่ ๆ สักวันหนึ่งคนในหมู่บ้านก็ต้องมาอยู่กันตรงนี้ มันเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่กว่าฝ่ามือผมนิดเดียว

มะยมกับลุงธรช่วยกันฉาบปูนปิดช่องนั้น ก่อนจะตามด้วยหินอ่อนแกะสลักเป็นรายละเอียดของผู้ที่หลับไหลอยู่ในนั้น ช่องสี่เหลียมแคบ ๆ หวังว่าพ่อกับแม่และน้องของผมคงจะไม่อึดอัดกันนะ ผมอยากพาทุกคนกลับบ้าน แต่เหมือนจะไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดของผมเท่าไหร่นัก

“ให้เพิ่นอยู่นี้ละโยม ในวัดในวา สงบสุขร่มเย็น คั่นคึดฮอดเพิ่นกะจั่งมายาม เฮ็ดบุญให้เพิ่นเอา”
หลวงตาว่ามาแบบนี้ ผมที่ไม่ค่อยถูกโรคกับพระก็ไม่รู้จะขัดใจยังไร อีกอย่างในหมู่บ้านก็ไม่มีใครเขาทำ ไม่มีการเอาเถ้ากระดูกกลับบ้าน ไม่มีลอยอังคาร เผาเสร็จเก็บกระดูกเข้าช่องใต้โบสถ์เป็นอันเสร็จพิธีศพ

พิธีช่างเรียบง่ายและสงบ ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายใน 3 วัน เร็วจนผมใจหายแต่ก็ดีอีกนั่นแหละ ผมเองก็จะได้ไม่จมอยู่กับความเศร้านาน ๆ

“ฮ้อน” มะยมบ่นอุบหลังจากก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดคราบปูบออกจากแผ่นหินอ่อนเสร็จ ผมเลยส่งน้ำดื่มเย็น ๆ ที่ติดมือมาจากบ้านให้น้อง

อันที่จริงผมจะทำเองก็ได้แหละ ถึงจะโบกปูนไม่เป็นแต่งานเก็บกวาดเล็ก ๆ น้อย ๆ คนไม่เอาไหนอย่างผมมันก็พอจะทำได้ แต่ลุงธรสั่งให้มะยมทำแทน ให้เหตุผลว่ากลัวผมเลอะ

“กลับไปเก็บของแล้วเย็นนี้ไปนอนบ้านลุง” ไม่รู้ว่าเป็นประโยคแสดงน้ำใจหรือคำสั่งกันแน่ แต่ผมดูจากสีหน้าแล้ว น่าจะเป็นอย่างหลัง

หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยผมก็ทิ้งบ้านทิ้งชีวิตที่นี่ไปอยู่กรุงเทพฯ พ่อมักจะพูดเสมอว่าไม่อยากให้ผมทำไร่ทำสวน มันลำบาก ให้ผมเรียนสูง ๆ จบมาจับปากกา ทำงานในห้องแอร์ จะได้ไม่ต้องตากแดดทำงานหนักเหมือนพ่อแม่

เพราะแบบนี้ผมเลยเป็นลูกชาวสวนที่ทำสวนไม่เป็นเลย

แล้วมรดกสวนผลไม้ของผมนี่แหละที่ทำเอาผมหนักใจ

“มาอยู่กับลุงนะ” ลุงธรเอ่ยปากหลังจากที่ลุงเพิ่งจุดไฟเผาครอบครัวผม

เปลวไฟลุกไหม้เผาพ่อแม่และน้องผม แต่ลุงธรผู้แสนใจดีชวนผมไปอยู่ด้วยกัน ผมยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี จ้างคนดูแลสวน ซึ่งก็คงไม่พ้นลุงธร หรือไม่ก็ลาออกจากงานที่กรุงเทพ แล้วกลับมาใช้ชีวิตชาวสวนที่นี่

กลับมาเริ่มต้นชีวิตด้วยตัวเอง

อันที่จริงผมไม่เคยบอกพ่อกับแม่เลย ว่างานห้องแอร์ที่พ่อเป่าหูผมนักหนาว่ามันสบาย มันไม่ได้สบายอย่างที่พ่อแม่คิด

ทุกครั้งที่ผมถ่ายรูปตัวเองแล้วส่งไปให้น้องชายดู ผมตั้งใจจะบ่นงานให้ไอ้น้องชายตัวแสบฟัง แต่พอพ่อเห็นผมใส่เชิ้ตนั่งทำงานหน้าคอม พ่อจะยิ้มแล้วพูดอย่างภูมิใจว่า ‘ออมมันเรียนเก่ง ตั้งใจเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอจบมาก็ได้งานทำดี ๆ ในกรุงเทพฯนู้น ไม่ต้องตากแดดทำสวน เอ็มต้องตั้งใจเรียนแบบพี่ออมนะลูก’

แล้วเอ็มก็จะมาบ่นให้ผมฟังตลอดว่าพ่อรักผมมากกว่ามัน

“ออม” ลุงธรแตะที่แขนผม “เหม่ออะไร ลุงเรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน” สีหน้ากังวลของลุงธรทำผมรู้สึกผิด

“ออมคิดถึงพ่อ”

“แล้วไม่คิดถึงแม่กับเจ้าเอ็มเหรอ” ลุงธรถาม

“คิดถึงสิ ออมคิดถึงทุกคน” ก็นั่นมันครอบครัวของผมนะ

“แบบนี้ลุงจะกล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ถ้าไม่ไปนอนบ้านลุง เดี๋ยวลุงไปเก็บของมานอนบ้านออมเอง”

ผมที่ยังงง ๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ชินกับความเอาใจใส่ของคนอื่นแบบนี้

อันที่จริงลุงธรไม่ใช่ญาติ ผมรู้จักลุงธรเพราะแม่บอกให้รู้จัก เคยคุยกันแค่ 2-3 ครั้งในตอนที่ลุงธรเอาลำไยที่สวนของลุงมาฝาก ลุงธรเลิกกับเมียไปหลายปีแล้ว เพราะเธอหนีตามผู้ชายไป ทิ้งมะยมให้ลุงธรเลี้ยงคนเดียว

“ออมโตแล้วนะ เบญจเพสแล้วเนี่ย” ลุงธรยิ้ม ยกมือลูบหัวผมไปมา แววตาเอ็นดูที่ลุงธรมีให้ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“งั้นให้น้องมานอนเป็นเพื่อน เอาตามนี้ ไปกลับบ้านพักผ่อน”

สรุปเสร็จเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ ไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ ตามไปติด ๆ เป็นเจ้ามะยมลูกชายที่เหมือนจะโวยวายกับพ่อ จับใจความได้ว่าทำไมต้องบังคับให้มันไปค้างบ้านคนอื่น

แล้วไอ้คนอื่นที่ว่านี่มันคือผมไง ไอ้มะยม!



ชีวิตความเป็นอยู่ของผมในบ้านเกิดตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้น

นับจากวันสูญเสียครอบครัวไปผมได้นอนที่บ้านหลังนั้นแค่ 2 คืน เช้าวันถัดมาลุงธรก็มาหอบข้าวของของผมมาไว้บ้านตัวเอง ยกห้องนอนของตัวลุงธรเองให้ผม ส่วนเจ้าของบ้านต้องหอบที่นอนหมอนมุ้งมากางนอนกลางบ้าน เพราะบ้านมีแค่ 2 ห้องนอน

“อาการหนักอยู่” มะยมมันบ่นพ่อตัวเอง เพราะอีกอาทิตย์ถัดมาทั้งมะยมและลุงธรก็ขับรถมาขนของของผมที่กรุงเทพฯ โดยอ้างเหตุผลว่า

“ลุงเป็นห่วง ไม่อยากให้อยู่ไกลหูไกลตา”

นับจากวันนั้น รวม ๆ ก็เกือบ 3 เดือนแล้ว ที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในบ้านลุงธรให้แกเลี้ยง

ลุงธรบอกจะสอนงานในไร่ให้ แต่จนแล้วจนรอดงานที่ผมทำก็มีแค่ดูบัญชี จัดการค่าแรงคนงานบ้าง ในวันที่เก็บผลผลิต ที่เหลือก็เหมือนจะเป็นคนใช้เสียมากกว่า เพราะผมต้องคอยเก็บกวาดบ้าน ทำกับข้าว ดูแลงานบ้านทั้งหมด

“ออม” ลุงธรที่โผล่หน้าเข้ามาในบ้านเรียกหา พร้อมกับเงินในมือ “ลุงฝากหน่อย เดี๋ยวเย็นนี้ลุงต้องบ้านผู้ช่วย”

ไม่พ้นไปกินเหล้ากันตามประสาคนแก่เหมือนเดิม

ผมพยักหน้ารับรู้เป็นอันว่าเย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อลุงธร ผมนับเงินในมือเสร็จก็เดินไปกางสมุดบัญชีเล่มหนาแล้วจัดการแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าแรงคนงานที่มาช่วยเก็บเงาะของงวดนี้ ค่าใช้จ่ายของสัปดาห์นี้ แล้วส่วนที่เหลือก็ให้ลุงธรเก็บไปฝากธนาคาร ไม่ได้มีอะไรยุงยากซับซ้อน

หลังออกไปจัดการค่าแรงของคนงานเสร็จกลับเข้ามาในบ้านก็เจอลุงธรนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ยืนหันรีหันขวางไปมาอวดหุ่นอยู่กลางบ้าน จนผมใจคอไม่ดี เผลอดคิดไปว่าในผ้าขนหนูผืนนั้นลุงธรจะใส่อะไรไหม หรือเจ้าตัวจะโป๊

“ออมเห็นเสื้อลุงไหม” เจ้าของบ้านเอ่ยถามในที่สุด “ตัวที่ลุงใส่บ่อย ๆ”

“ออมเพิ่งซักไปเมื่อเช้า” เจ้าของเสื้อทำตาละห้อย ที่อดใส่เสื้อตัวเก่ง ดูแล้วน่าสงสารจนผมอดขำไม่ได้

“ก็ลุงใส่ซ้ำมา 3-4 ครั้งแล้ว ไม่เอามาให้ออมซักเสียที ออมเลยจัดการขนไปซักให้หมด”

“ลุงใส่แป็บเดียวก็ถอดผึ่ง ยังไม่เหม็นเลย ออมซักผ้าหอมจะตาย ใส่ซ้ำก็ยังหอม”

คำชมจากปากของลุงธรทำผมเขิน ผมดีใจที่ลุงธรชอบกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผมเลือก มันเป็นกลิ่นประจำของแม่ พ่อเองก็ชอบ ไม่นึกว่าลุงธรจะชอบด้วย

ผมมองราวเสื้อผ้ามุมบ้าน เพราะเจ้าตัวสละห้องให้ผม ของทุกอย่างเลยต้องเอามากองไว้แบบนี้

“มีตั้งหลายตัว ลุงก็เลือกใส่ไปสักตัวสิ หล่อ ๆ แบบนี้ใส่อะไรก็ดูดี” ผมเผลอชมลุงธรว่าหล่อไปในที่สุด กลัวลุงธรจะรู้ว่าผมคิดอกุศลกับร่างกายลุง ถ้าลุงรู้ความจริงเข้า จะยังเอ็นดูผมแบบนี้ต่อไปไหม

แต่ดูเหมือนว่าคนแก่ที่โดนชมว่าหล่อจะออกอาการเขิน ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย ลุงธรในวัย 45 ยังหล่อไม่สร่าง แถมยังหุ่นดี ไม่ถึงกับมีกล้ามหรือซิกแพ็ค แต่ก็ไม่ได้อ้วนลงพุงเหมือนคนวัยเดียวกันในหมู่บ้าน น่าแปลกที่ลุงไม่คิดจะแต่งงานใหม่

“พวกนี้มันไม่หอมเหมือนที่ออมซักให้ ลุงไม่อยากใส่”

ผมใจแกว่งไปกับคำสารภาพของลุง ว่าไม่อยากใส่เสื้อที่ผมไม่ได้เป็นคนซักให้

ถึงจะบ่นแต่สุดท้ายลุงธรก็เลือกเสื้อยืดพอดีตัวสีดำขึ้นสวม ก่อนจะปลดผ้าขนหนูที่พันเอวลง กึ่งกลางลำตัวที่นูนตุงกางเกงในออกมา บ่งบอกถึงขนาดที่ไม่ธรรมดา ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตัวเองเสียมารยาท จ้องอวัยวะส่วนนั้นของเจ้าของบ้านไปมากกว่านี้ แต่ก็ละลายตาไปไหนไม่ได้จริง ๆ ลุงธรหันหลังให้แล้วหยิบกางเกงขาสั้นทีเขียวขี้ม้ามาใส่

“เอ่อเดียวเย็น ๆ มะยมจะกลับมานะ ทำกับข้าวเผื่อน้องไว้หน่อยก็ดี” ผมพยักหน้ารับ เพราะในหัวมันมีแต่ภาพของลุงธรในกางเกงในสีดำรัดเป้า

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน

อาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดที่ผมต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของลุง หรือเพราะความใจดีที่เจ้าตัวหยิบยื่นให้จะทำผมเผลอคิดไปไกล หรือจริง ๆ แล้วมันคือความเลวของผม ที่คิดเกินเลยกับลุงธร

ตลอดเวลาเกือบสามเดือนผมมันจะแอบมองดูลุงธรเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบนี้บ่อย ๆ มันไม่ใช่ความผิดของลุงที่ลุงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางบ้าน ลุงธรไม่มีห้องส่วนตัว มันผิดที่ผมแอบมอง ผิดที่ผมอยากลองสัมผัส อยากจะกลืนกินลุงธร

ผมจะโทษว่ามันเป็นเพราะผมห่างหายจากการทีเซ็กส์ไปนาน แฟนคนสุดท้ายที่ผมคบก็ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าแฟนผมเป็นผู้ชายเหมือนกัน

คล้อยหลังลุงธร ผมต้องหอบใจเกเรดวงนี้ พร้อมกับภาพสุดท้ายที่เจ้าของบ้านทิ้งไว้เดินกลับเข้าไปในห้องที่เจ้าตัวยกให้ผม และไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูที่ลุงธรทิ้งไว้ติดมือไปด้วย

ผมล้มตัวลงนอนราบไปกับที่นอน ยกผ้าขนหนูที่เคยอยู่บนตัวเจ้าของมันขึ้นมาดม ความเย็นชื้นของเนื้อผ้าบวกกับกลิ่นขืน ๆ ของความเป็นผู้ชายผสมกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เจ้าตัวชอบทำผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว

มือข้างที่ว่างล้วงลงไปในกางเกง บีบเค้นมันสักพักก่อนจะควักความอึดอัดให้ออกมาสูดอากาศข้างนอก จมูกผมสูดกลิ่นหอมของลุงธร ในหัวจินตนาการว่ากำลังไล่จมูกไปตามความตุงแน่นที่ยังจดจำได้ไม่ลืม ลิ้นตวัดดูดรอยชื้นจากผ้าขนหนู กลืนกินกลิ่นตัวที่ผมกับน้ำลายตัวเองลงคอ มือขยับนวดความแข็งชูชันในมือ ส่วนอีกข้างที่ว่างยกขึ้นมาบดขยี้หน้าอกตัวเอง

ตั้งแต่ผมมาอยู่บ้านหลังนี้ ไม่เคยเห็นลุงธรติดต่อกับผู้หญิงที่ไหน จนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าเจ้าของบ้านหน้าหล่อแถมยังหนุ่มขนาดนั้น จะไม่คิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เลยหรือ

แล้วเวลามีอารมณ์ขึ้นมา ลุงธรจะช่วยตัวเองไหม มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ใคร ๆ ก็ต้องเคย ถึงแม้จะอยากรู้แต่ผมก็ไม่ได้โรคจิตถึงขั้นไปแอบดูลุงธรเวลาอาบน้ำแกจะช่วยตัวเองหรือเปล่าหรอกนะ

เพราะแค่แอบมองเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้านี่ก็ดูโรคจิตหนักอยู่

เสียงครางกระเซ่าเล็ดลอดจากลำคอตามจังหวะของมือที่เริ่มรัวเร็ว แม้จะรู้สึกผิดที่เอาผู้มีพระคุณมาคิดถึงในทางแบบนี้ แต่ความตื่นเต้นที่ได้จินตนาการถึงลุงธรตอนกำลังช่วยตัวเองตอนนี้มันมีมากกว่า ความสำนึกผิดเลยถูกเขี่ยทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

พายุอารมณ์ผ่านพ้น ที่หลงเหลืออยู่คือความสับสนกับความรู้สึกผิดตีกันวุ่นในหัว

รุนแรงเกินไป ครั้งนี้มันมากเกิน แม้จะแอบมองลุงธรเปลี่ยนเสิ้อผ้าบ่อย ๆ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เก็บเอามาใช้จินตนาการเวลาช่วยตัวเอง

ผมใช้ผ้าขนหนูของลุงธรซับคราบเหนียวข้นตามหน้าท้อง ขาหนีบความเย็นจากเนื้อผ้าที่ยังไม่แห้งเพราะเพิ่งผ่านการใช้งาน ทำเอาน้องชายที่เพิ่งสงบไปของผมตื่นตัวอีกครั้ง

ลุงธรนี่มันเซ็กซี่โคตร ๆ



ผมหลับหลังจากที่เสร็จไปสองรอบติด รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มะยมกลับมาถึงบ้าน แล้วเรียกหาคนในบ้านเสียงดัง พอไม่เจอใครน้องเลยโผล่เข้ามาในห้อง ผมเองก็ไม่ได้ล็อคห้องด้วยแหละ

“ขี้เซาว่ะ” ลูกชายเจ้าของบ้านบ่น

ผมที่ยังสลึมสลือบนหน้ายังมีผ้าขนหนูชื้น ๆ ของลุงธรปิดอยู่

หลักฐานคาหนังคาเขาแบบนี้ถ้าเป็นลุงธรมาเจอ ไอ้ออมตายโหง

“มะยมมีอะไร” ผมเอ่ยถามคนที่ยืนพิงประตูห้องนอนที่ถูกเปิดอ้าซ่าไว้ พร้อม ๆ กับยัดผ้าขนหนูของลุงธรลงในผ้าห่มแบบเนียน ๆ

รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

“พี่ออมเถอะ ดูตื่น ๆ เป็นอะไร” ผมชะงัก คำพูดติดอยู่ในปาก

“ตกใจไง คนหลับอยู่ โดนปลุกก็สะดุ้งตกใจ” ดีว่าฉลาดอยู่บ้าง แม้จะทำสวนไม่เป็น แต่ผมโกหกเป็น

มะยมในชุดนักศึกษาขำ เลิกเรียนแล้วก็คงจะตรงดิ่งกลับมาบ้านเลยทันที ปกติมะยมจะกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์ น้องตัองขับมอไซค์ไกลตั้งร้อยโลจากมหาลัยในเมืองกลับบ้าน เพราะต้องคอยช่วยพ่อทำงานในวันหยุด

ชีวิตเกษตรกรก็แบบนี้ ฟังจากที่ลุงธรเล่าให้ฟัง ถ้าช่วงไหนมีงานหรือการบ้านเยอะ ก็จะไม่กลับ ผมเคยบอกลุงธรไปแล้วว่าไม่อยากให้มะยมขับรถไกล ๆ แบบนี้เพราะมันอันตราย ผมไม่อยากให้ใครต้องจากไปเพราะอุบัติเหตุอีกแล้ว แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าถ้าไม่กลับมาช่วยพ่อ ใครจะช่วย ‘พี่ทำอะไรได้บ้างละ ยกลังเงาะได้ไหม ย้ายหัวสปริงเกอร์เป็นไหม ลากสายยางใหญ่ ๆ ในสวนไหวรึเปล่า ถ้าทำได้ ผมจะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา’ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นผมทำไม่ได้ มะยมเลยยังคงต้องกลับบ้านทุกวันเย็นศุกร์

ส่วนวันนี้เพิ่งจะวันพุธเองมะยมกลับบ้านเร็วกว่าปกติ 2 วัน

“ไม่มีเรียนเหรอ” ผมถามก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ใช้เท้าเขี่ยฟูกพับเก็บ เราไม่ได้นอนเตียงมีเพียงแค่ที่นอนยัดนุ่นคนละหลังปูกับพื้น

“มีแต่ขี้เกียจ แล้วนั่นใช้เท้าเขี่ยที่นอนอีก มันบาป” มะยมบ่นผมต่อ แต่ผมขี้เกียจฟังเดินไปผลักเจ้าตัวที่ยืนขวางเต็มประตู

เห็นแบบนี้แน่นเหมือนกันแฮะ ตัวแข็งยังกะก้อนหิน

ผมเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำที่อยู่ติดกับครัวหลังบ้านกลับออกมามะยมก็อยู่ในชุดใหม่แล้ว

“จะไปไหนนะ”

“ทำงานสิ” งานอะไรของเขา “ไปเปิดน้ำรดเงาะให้ใครบ้างคน เป็นเจ้าของแต่ไม่ทำอะไร”

อ่อที่แท้ก็ต้องดูแลสวนเงาะให้ผมนี่เอง ปกติจะเป็นหน้าที่ลุงธรที่เป็นคนวิ่งดูสวนเงาะของผม จริง ๆ งานมันเบาลงแล้วแหละ เพราะผลผลิตเงาะรอบสุดท้ายกำลังจะสุกแล้ว ลูกไม่ดกเหมือนรอบแรก ๆ แถมผลยังเล็กกว่ามาก

“อยากทำใจจะขาดแต่มีคนอาสาทำให้หมด”

“ปล่อยให้ทำเองเงาะเน่าตายหมดทำไง”

“ไอ้มะยม!” มันชักจะเกินไปแล้ว กะอีแค่หมุนวาล์วน้ำ แล้วเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำมันก็ไหลของมันเองไปตามท่อของมันเอง ไม่ได้ถือสายยางเดินรดไปทีละต้น

“เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าว” ขู่ไปงั้นแหละ มะยมอารมณ์ดี ขับมอไซค์ออกจากบ้าน จุดหมายปลายทางก็บ้านของผมนั่นแหละ

ผมตัดสินใจเข้าครัวทำกระเพราให้คนที่เพิ่งออกไปทำงาน เพราะนี่ก็ใกล้มืดแล้ว เสร็จจากทำกับข้าวผมก็ว่างแล้ว อาศัยช่วงที่คนไม่อยู่บ้านทำลายหลักฐาน เอาผ้าขนหนูของลุงธรมาซัก แต่มันจะดูมีพิรุธผมเลยต้องขนเสื้อผ้าของมะยมรวมกับของผมอีก

ครึ่งชั่วโมงต่อมามะยมก็กลับมากินข้าวเย็น

“ซักผ้าให้ด้วยดีว่ะ” ลูกเจ้าของบ้านตัวจริงเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย นั่งดูทีวีข้าง ๆ ผม ที่ดูทีวี ที่กินข้าว ก็ที่เดียวกันกับที่นอนลุงธรนั้นแหละ  ก็บ้านมันทีที่แค่นี้ ไม่ได้คับแคบอะไรนะ แต่บ้านนอกเรา ก็ทำบ้านแบบนี้แหละ ไม่ได้แยกส่วนอะไรชัดเจน ทั้งที่เนื้อที่จะสร้างบ้านมีเหลือเฟือ

“กินดี ๆ ทำตัวเหมือนเด็ก” ผมดุที่มะยมยังเคียวข้าวในปากไปด้วยพูดไปด้วย

“โตเป็นหนุ่มแล้วเหอะ” คนที่บอกว่าตัวเองเป็นหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจที่โดนดุ “มีเมียได้แล้ว”

“แล้วมีหรือยังล่ะ เมียนะ” ผมถาม พ่อเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น ตลอดช่วงวันหยุดอยู่บ้าน ไม่เคยเห็นมะยมติดต่อกับใคร น้องเป็นเด็กไม่ติดมือถือ เลยเดาว่าน่าจะยังไม่มีแฟนแน่ ๆ

“มีคนมาให้เอาเยอะแยะ แต่ไม่สนใจ” โอ้โห้ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาดีเหมือนพ่อนะ จะตบให้คว่ำ หลงตัวเองชิบหาย

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ผมแหย่ต่อ เด็กน้อยอึกอัก

“ผู้หญิงสิ”

“หญิงแท้หรือเปล่า” มะยมตาโตจนผมหัวเราะขำออกมาเสียงดัง

“พูดอะไรเนี่ยเดี๋ยวต่อยปากแตก”

“ถ้ายังไม่เคยลองอย่าเพิ่งตัดสินว่าอะไรมันดีไม่ดีนะ” แกล้งเด็กแล้วสนุกดี

“ถ้ายังไม่หยุดพูดต่อยจริงนะเว้ย แล้วเคยลองกับผู้ชายเหรอถึงรู้”

“เคยสิ” มะยมตาโต อ้าปากค้าง ส่วนผมเดินกลับออกไปหลังบ้าน เอาผ้าที่ปั่นไว้ออกมาตาก

“จะออกไปย้ายน้ำแล้วนะ” มะยมเดินมาบอกผมที่หลังบ้าน

“เอาน้ำติดมือไปด้วยนะ ไม่รู้ที่บ้านนู้นมีไหม”  ปกติลุงธรก็จะถือติดมือไปเหมือนกัน ผมเคยบอกให้ลุงธรเสียบปลั๊กตู้เย็นบ้านผมเอาไว้ จะได้แช่น้ำเย็น ๆ ไว้กิน แต่ลุงบ่นว่าเปลืองไฟเปล่า ๆ แค่น้ำเย็นถือไปจากบ้านเราก็ได้ ของที่บ้านผมเลยปล่อยทิ้งไว้เปล่า ๆ นาน ๆ ทีผมถึงตามไปทำความสะอาดบ้านบ้างพร้อมกับลุงธรดูแลสวนให้

น้องขานรับได้ยินเสียงเปิดปิดตู้เย็นในครัว ตามด้วยเสียงมอไซค์จากหน้าบ้านวิ่งไกลออกไป

วันนี้งานของผมเสร็จแล้ว ผมไม่ดูทีวี พอตกค่ำบ้านนอกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ ถ้าไม่ลงสวนตอนกลางคืน ชาวบ้านก็เข้านอนตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ผมเองก็เริ่มชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปแล้ว

ผมสะดุ้งตื่นตอนตอนสี่ทุ่มกว่า เพราะตัวหนัก ๆ ของลุงธร ล้มทับผมเต็มแรง กลิ่นเหล้าโชยหึ่งออกมา

“ใครมานอนแถวนี้ว่ะ” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาบ่น มือก็ควานจับตัวผมไปมา

“ลุงเมาเหรอ” ผมถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าลุงธรเมาหนัก ผมไม่เคยเห็นลุงธรเมาแบบนี้สักครั้ง นี่เป็นครั้งแรก

ผมเดินไปเปิดไฟในห้องให้สว่าง คนเมาหยี๋ตายกมือบังแสงน่าเอ็นดูเหมือนเด็ก ๆ

“ออมเหรอ”

“ก็ออมนะสิ เมาแล้วเลอะเทอะ”

“ออมมาแย่งที่นอนลุง”

“ลุงยกห้องนี่ให้ออมแล้วไง ออมไม่ได้แย่ง” ลุงธรสะอึก ล้มตัวลงนอนราบไปกับที่นอนของผม

“หิวน้ำ” คนเมาบ่นทั้งที่ยังคว่ำหน้านอน ผมถอนหายใจเดินไปหยิบน้ำเย็น ๆ ในครัวออกมาป้อนให้คนเมา

“จะนอนไหน เมาแล้ววุ่นวาย” คนเมาลืมตามองผมตาปรือ ใบหน้าแดงจัด

“ข้างนอกยุงกัด ให้ลุงนอนด้วยคน”

“กางมุ้งสิ”

“ลุงเมากางไม่ไหวหรอก” ว่าแล้วก็ฟุบลงกับที่นอนหลับตาสนิท แต่ยังมีเสียงครางหึ่ง ๆ เบา ๆ คงจะไม่สบายตัวนั่นแหละ

“ถอดเสื้อไหม” คนเมาไม่ตอบผมเลยจัดการดึงเสื้อออกจากตัวลุงธร นั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าคิดผิดที่ทำแบบนั้น

กล้าเนื้อแข็งแรงแน่นตึงลื่นมือ ผมเผลอบีบเบา ๆ ที่กล้ามแขน ตามองหน้าท้องแน่น ๆ กับไรขนใต้สะดือที่หายเข้าไปในการเกง

อยากล้วงใจจะขาด

“ลุง เช็ดตัวไหม ออมทำให้” ด้านมืดในจิตใจชนะศีลธรรมของผม ลุงธรไม่ตอบอะไรคงจะหลับไปแล้ว ผมหยิบเสื้อยืดในตู้ของตัวเองเทน้ำเย็น ๆ ในขวดจนชุ่ม ก่อนจะเช็ดใบหน้าที่ยังหล่อเหลาของลุงธร

“เย็นแถะ” คนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้นมอง จะขยับตัวหนี แต่ผมคว้าไว้

“จะได้สร่างเมา” ผมให้เหตุผล เช็ดไปตามซอกคอหัวไหล่ ไล่ไปตามแขนใหญ่ ๆ ลุงธรลืมตามองหน้าผม ผมชอบตาลุงธรตอนนี้ ดูเหมือนตาเด็ก ๆ

“นอนไปสิเดี๋ยวก็เสร็จ หลับตาด้วย” ผมสั่ง อันที่จริงแค่เขินที่ถูกลุงธรมอง ลุงธรเป็นเด็กดีวันนี้ ผมยอกอะไรก็เชื่อไปหมด

ผมเทน้ำลงบนเสื้อตัวเดิมอีกรอบ ค่อยไล่เช็ดหน้าอกลูบขึ้นลง ลุงธรเกร็งตัวตามจังหวะจนผมต้องพยายามข่มใจไม่ใช้มือเปล่า ๆ ลูบหน้าท้องลุงแทนเสื้อชุบน้ำของผม

จังหวะที่ผมเช็ดหน้าท้องลุงแบบอ้อยอิ่งไปมา หน้าท้องแข็ง ๆ ก็หดเกร็งทำให้มีช่องว่างระหว่างขอบกางเกงกับพุงแข็ง ๆ ผมเหลือบมองก่อนจะใช้นิ้วก้อยสอดเข้าไปแตะส่วนนุ่มนิ่มที่ขดตัวอยู่ข้างใน

ใหญ่ว่ะ

ถ้าแอบจับลุงธรจะรู้ตัวไหม ผมช่างใจเพิ่มนิ้วนางเข้าไปอีก ทำเป็นขยับเช็ดตัวไปมา สองนิ้วที่สอดเข้าไปก็ปัดป่ายน้องชายลุงธรแบบไม่ได้ตั้งใจ

“พ่อเป็นไร”

.
.
.
มีต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Re: รวมเรื่องสั้น :: Sweet Sin ::
«ตอบ #2 เมื่อ26-05-2018 18:29:06 »

ต่อเด้อจ้า



“พ่อเป็นไร” ผมสะดุ้งหันกลับไปมองที่ประตู มะยมตัวเปียกกำลังขมวดคิ้วจ้องผมกับลุงธรอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเห็นมือที่ผมแอบสอดเข้าไปในกางเกงพ่อตัวเองไหม

“ลงธรเมานะ มะยมพี่เลยเช็ดตัวให้” ผมหันไปหยิบขวดน้ำกับเสื้อยืดในมือลุกขึ้นจะเอาไปเก็บในครัว

“ปล่อยแกไว้แบบนั้นก็ได้ ไม่ต้องทำหรอก” ที่จริงทำเพราะอยากลวนลามคนเมาไงมะยม ผมแอบเถียงในใจ

“เห็นครางอืออา เลยสงสาร” มะยมเดินตามผมมาหลังบ้าน ก่อนจะถอดเสื้อกับกางเกงขึ้นผึ่ง แสงไฟสลัว ๆ ที่สาดจากในบ้านทำให้พอจะเห็นหุ่นแน่น ๆ ของมะยม อีกแล้วผมแอบมองต้นขาแข็งแรงกับซิกแพคน้อย ๆ ของน้อง หุ่นดีกว่าลุงธรอีก

“ไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียก” ผมชวนคุย

“ท่อมันหลุดกว่าจะใส่กลับเข้าไปได้ก็สภาพเป็นแบบนี้” มะยมที่ใส่แค่บ๊อกเซอร์บ่น แถมยังกางแขนกางขาให้ดูประกอบ ทั้งที่เสื้อผ้าเปียก ๆ ที่ตัวเองก็ถอดจนไม่เหลืออะไรแล้วยังจะอวด

ผมหัวเราะขำ ท่าทางเซ็ง ๆ ของน้อง

“รีบไปอาบน้ำนอนเดี๋ยวไม่สบาย” ผมไล่ไม่อยากยืนดูหุ่นเปลือย ๆ ของน้องแบบนี้ อารมณ์ผมยังมีไม่หาย ทั้งพ่อทั้งลูก ช่างยั่วผมแบบไม่ตั้งใจจริง ๆ

“พี่ก็นอน ๆ ไปเถอะ ปล่อยลุงขี้เมาแกนอนไป เช้ามาก็หายเอง”


ผมนอนไม่หลับ จะให้ข่มตานอนได้ยังไงในเมื่อ คนที่ทำให้จิตใจผมวุ่นวายนอนอยู่ข้าง ๆ แบบนี้

ผมตะแคงมองคนที่นอนข้าง ๆ เสียงกรนเบา ๆ ทำให้ผมรู้ว่าคนเมากำลังหลับสบาย และเป็นอีกครั้งที่ความมืดในจิตใจชนะ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแข็ง ๆ อย่างเบามือ ค่อย ๆ สอดมือลงไปในกางเกงของคนหลับ คราวนี้ผมจับได้เต็มไม้เต็มมือ

คนหลับยังคงกรนเบา ๆ ให้ได้ยินนั่นแปลว่าลุงธรไม่รู้สึกตัว ผมลุกขึ้นนั่งดึงมือออกมาเบา ๆ

“ลุง ลุงธร” ผมลองเขย่าตัวปลุกแต่คนหลับไม่ทีท่าทีว่าจะตื่น

มือผมรูดซิบกางเกงลุงธรลงอย่างเบามือ แกะกระดุมในความมืด อาศัยแสงสลัวจากข้างนอกพอมองเห็นแก่นกายในกางเกงในสีดำอยู่ตรงหน้า ผมลูบมันอย่าเผลอตัว ใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

ผมกำลังจะลักหลับลุงธร

ไม่สิ ผมทำมันไปแล้ว ผมมาไกลเกินกว่าจะถอนตัว มือผมสั่นน้อย ๆ ขยำเป้าลุงธรอย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงไปสูดดมกลิ่น กลิ่นตัวลุงธรทำสมองผมเบลอ มันไม่ได้หอม แต่ก็ไม่ใช่กลิ่นเหม็น กลิ่นคล้าย ๆ ที่ติดในผ้าขนหนู แต่ชัดกว่า ผมกดจมูกลงกับเป้าลุงธรอีกครั้ง ใช้ปากงับท่อนเนื้อผ่านกางเกงในจนมันเริ่มพองขยายตัว

ท่อนเนื้อนุ่นนิ่มเหมือนมาชเมลโล่ยักษ์อยู่ในปาก ผมดูดกลืนมันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าฟันจะโดนมันเข้าแล้วลุงธรจะตื่นมาเห็น กลิ่นเนื้อตัวลุงธรผสมในน้ำลายที่ผมกลืนมันลงท้องไปพร้อม ๆ กัน  นั้นกระตุ้นให้ผมตื่นตัว จริง ๆ ของผมมันแข็งตั้งแต่ผมดมกลิ่นของคนที่เมาหลับตั้งแต่แรก แต่ลุงธรไม่แข็ง มันแค่ขยายใหญ่ขึ้น แต่ยังนุ่มนิ่มในปาก

ผมช่วยตัวเองไปด้วยขณะใช้ปากดูดท่อนเนื้อของลุงธร สลับกับก้มลงไปใช้ลิ้นเลียไข่สองใบนั่นด้วย ทำอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล มันไม่ได้แข็งสู้ แถมลุงธรยังไม่เสร็จ มีแต่ผมคนเดียวที่ถึงฝั่ง

ผมฟุบหน้าลงกับหน้าท้องลุงธร และท่อนเนื้อของแกก็ยังอยู่ในปาก ผมกลืนกินน้ำลายตัวเองลงท้องอีกครั้ง ไล่ดูดเล็มส่วนเกินที่ไหลย้อนออกจากปากตามโคนและซอกขาลุงธรจนหมด แล้วดึงกางเกงในขึ้นปิดมันไว้ ไม่นานก็สงบลง ผมจัดการรูดซิปติดกระดุมกางเกงให้คนเมาไม่รู้ตัว แล้วกลับลงไปนอนข้าง ๆ คนเมาเหมือนเดิม

ผมโกรธตัวเอง ไม่ใช่เพราะผมทำเรื่องไม่ดีกับลุงธร ผมโกรธเพราะผมไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำเลยต่างหาก

เช้าวันนั้นผมตื่นมาในอ้อมกอดลุงธร ไม่ใช่กอดลึกซึ่งเกี่ยวก่าย แต่ลุงธรแค่พาดแขนบนหน้าอกผม จริง ๆ แขนมันแค่วางบนตัว แต่ผมก็เขิน ไม่กล้าขยับกลัวลุงจะตื่น เพราะผมอยากให้ลุงกอดผม หลังจากที่เราเกือบมีอะไรกัน ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเมื่อคืนลุงธรแข็งสู้ มันจะจบแค่ผมใช้ปากให้ลุงอย่างเดียวไหม

ผมนอนมองหน้าลุงนิ่ง ๆ จนกระทั้งใบหน้าหล่อ ๆ นั่นลืมตา ลุงธรมองหน้าผมแถมยังส่งยิ้มให้กัน ผมยิ้มตอบเลยได้รับการทักทายเป็นมือลุงธรขยี้หัวผมเบา ๆ ทั้งที่ยังไม่ลุกจากที่นอน

“นี่ลุงมาแย่งที่นอนออมเหรอ” อดีตเจ้าของห้องเปิดปากคุยกับผม ลุงธรมองที่นอนของผมที่มีแค่ผ้าห่มผืนบาง ๆ ปูไว้ กับหมอนหนึ่งใบของผม ส่วนลุงธรนอนบนที่นอนของผม แต่ก็ไม่มีหมอนอยู่ดี

“ที่นอนบ้านเรามีเยอะแยะ ทำไมไม่หามาปู ของลุงข้างนอกก็ได้”

“มันดึกออมขี้เกียจไปรื้อหาในตู้” ผมให้เหตุผล ลุงธรทำหน้าดุ

“เมาแล้วเดือดร้อนลูกหลาน” ลุงธรบ่นตัวเอง บิดขี้เกียจซ้ายที ขวาทีแต่ก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน

“คราวหน้าจะไม่เมาแล้ว สงสารออม” แต่ผมอยากให้ลุงเมา ผมแย้งในใจ รู้ดีว่าไม่ควรพูด

พอเห็นสีหน้าท่าทางปกติของลุงธร ผมก็เบาใจ ถึงจะไม่ได้รู้สึกผิดในเรื่องที่ตัวเองทำลงไป แต่ก็กลัวลุงธรจะโกรธ หรืออาจจะพาลเกลียดผมไปเลยก็ได้ ผมไม่อยากถูกรังเกียจ ผมเห็นแก่ตัวผมรู้ ผมชอบความเอาใจใส่และสายตาเอ็นดูที่ลุงธรมองผม

สิ่งที่ผมทำมันไม่ใช่เรื่องถูกแน่ ๆ ละผมมั่นใจ แต่ผมกลับอยากทำมันอีก ผมอยากให้ผมและลุงธรเสร็จไปด้วยกัน

ผมเลวมากไหม

ผมลุกตามหลังแขกร่วมห้องของผม ผมชอบข้าวสวย แต่ปกติลุงธรกับมะยมกินข้าวเหนียว หลังจากที่ผมมาอยู่ด้วยทุกคนเลยต้องกินข้าวสวยเหมือนผม แรก ๆ ลุงธรบ่นว่ามันไม่อุ่นท้อง แถมยังหิวบ่อย แต่ตอนนี้เลิกบ่นไปแล้ว เพราะต่อให้บ่นยังไงผมก็ไม่นึ่งข้าวเหนียวให้แกกินอยู่ดี

ผมลุกไปหุงข้าวแล้วทำต้มยำไก่เป็นมื้อเช้า เพราะคนที่นี่ต้องใช้แรงเลยทานอาหารหนัก ๆ กันทุกมื้อตั้งแต่เช้า บางวันเป็นส้มตำเลยก็มี

ผมอุ่นกะเพราของเมื่อคืนอีกอย่าง แล้วไม่ลืมน้ำปลาพริกป่นด้วยทุกมื้อ เพราะสองพ่อลูกนี่กินรสจัดแถมเลี้ยงง่าย ทำอะไรให้กินก็กิน ไม่มีบ่น

“อร่อย” มะยมชมหลังจากตักต้มยำไก่ขึ้นชิม “กับข้าวฝีมือพี่ออมนี่อร่อยทุกอย่าง”

“ทำกับข้าวเก่งเหมือนอร” อรนั่นคือชื่อแม่ของผม นี่ผมเลิกเศร้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ลุงธรยิ้มให้ผม ตักต้มยำไก่ขึ้นกินท่าทางจะอร่อยจริง

“ใส่ผงชูรสเยอะ ๆ ก็อร่อยเอง แม่เคยสอน” มะยมตาโตเท่าชามข้าว สำลักน้ำต้มยำ

“แค่ก ๆ” ผมมองดูน้องที่ไอ้จนหน้าดำหน้าแดง

“พูดจริงไหมเนี่ย กินเยอะ ๆ ผมร่วงหมด” มะยมบ่นแต่ก็ยังกินเหมือนเดิม “ใส่เยอะจริงเหรอ”

“ล้อเล่น” สีหน้าเบาใจของมะยมทำเอาผมเอ็นดู ส่วนลุงธรดูจะไม่กังวลเรื่องผมบนหัวเหมือนลูกชาย

“วันนี้ลุงต้องไปช่วยเขาเก็บเงาะ เดี๋ยวให้มะยมพาไปซื้อของแล้วกัน”

“ซื้อของอะไรลุง”

“ทำบุญ 100 วันไงไปจังหันด้วยกัน” ที่ผมเข้าใจว่ามาอยู่กับลุงธรเกือบสามเดือน จริง ๆ มันครบสามเดือนแล้วต่างหาก รู้สึกแย่ที่ไม่ใส่ใจเรื่องของตัวเองจนแทบลืมวันลืมคืน

“ซื้อของเสร็จแล้วลงไปช่วยงานในสวนด้วย” ไม่ใช่ผมหรอกที่ต้องลงสวน แต่เป็นมะยมนู้น เจ้าตัวพยักหน้ารับ



บรรยากาศในวัดร่มรื่นเหมือนเคย ผู้คนมาทำบุญไม่เยอะมากเพราะเป็นวันธรรมดา แต่ถ้าเป็นวันพระคนจะเยอะหน่อย

ชาวบ้านจะจัดเวรกันมาทำบุญทุกวัน เพื่อให้มีคนเข้าวัดตลอด

ผมเทกับข้าวในหม้อที่ขนมาจากบ้านลงหม้อของทางวัดมีมะยมคอยช่วย ส่วนลุงธรเห็นหายไปทางโบสถ์

หลังจากสวดมนต์ไหว้พระและถวายจังหันเสร็จ ชาวบ้านก็ช่วยกันยกอาหารก้นบาตรจากโบสถ์ไปโรงทานเพื่อกินข้าวและแบ่งอาหารกลับไปไว้ทานที่บ้าน

ผู้คนยิ้มแย้มทักทายกันพูดคุยระหว่างนั่งทางอาหารเป็นแถวยาว เป็นภาพที่ผมคุ้นชินตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนแม่ก็ชอบพาผมมาทำบุญด้วยแบบนี้ ผมเองก็ชอบเพราะขนมที่วัดอร่อย

“ยิ้มอะไร” มะยมถาม

“อยากกินขนม” คนที่ได้คำตอบไม่ตรงคำถามเลิกคิ้ว หยิบขนมเทียมตรงหน้าส่งให้

“ชอบเหรอ”

“ไม่ได้กินนาน” ก็ยังตอบไม่ตรงคำถามอยู่ดี แต่มะยมยิ้มรับแถมยังยกมือขยี้หัวผมเบา ๆ เหมือนที่ลุงธรทำกับผม

ไอ้เด็กลามปามนี่

พอทานเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเก็บกวาด ผมอาสาจะล้างจานช่วยป้า ๆ มะยมกับลุงธรเลยต้องรอผมก่อน

มะยมที่แข็งแรงก็มาช่วยยกกะละมังใส่จานชามที่ล้างสะอาดแล้วเข้าไปเก็บให้ งานเลยเสร็จเร็วขึ้น

เรากลับมาถึงบ้านกันตอนเกือบเที่ยงวัน มะยมแย่งของจากวัดไปถือเองจนหมดเดินลิ่วเข้าไปในครัว ไม่รู้จะกลัวใครแย่งถือ ผมมองน้องด้วยความระอาในความบ้าพลังของเด็ก ๆ หนักนะนั่นของตั้งเยอะ

“เรื่องคืนนั้นลุงรู้ตัวนะออม” ผมช็อค ที่อยู่ ๆ ลุงธรก็กระซิบข้างหูผม ผมไม่รู้ว่าลุงธรทำหน้ายังไงเพราะไม่กล้าสบตา แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกว่ารู้เรื่องที่ผมทำไม่ดีกับตัวเองตอนนี้

“อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่น”

ผมไม่รู้มันเป็นคำดุหรือแค่คำสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับใคร แต่ประโยคนั้นก็ทำให้ผมหันไปมองลุงธร เจ้าตัวยังคงยิ้ม เป็นรอยยิ้มในแบบที่ผมชอบ ก่อนมือหนัก ๆ จะยกขึ้นขยี้หัวผมเบา ๆ แล้วดันหลังให้ผมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน

ผมไม่เข้าใจลุงธร จะว่ามีใจให้ก็ไม่น่าใช่ หรือลุงธรจะโรคจิตเหมือน ๆ ผม แต่ก็ดูไม่น่าใช่อีกนั่นแหละ แล้วทำไมลุงไม่โกรธที่ผมทำแบบนั้น

แบบนี้ผมมีหวังหรือเปล่า

“พี่ออมเป็นไรมองพ่อไม่หยุด” มะยมทักมองผมสลับกับพ่อตัวเองไปมา

“สงสัยว่าลุงธรไม่ไปทำงานเหรอ”

“ก็เก็บเงาะไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน” มะยมเถียงแทนพ่อ “เคยรู้อะไรไหมเนี่ย” ลุงธมยิ้มขำผมกับมะยม

ขำไปเถอะ

“ขอเงินหน่อย” มะยมแบมือมาตรงหน้า กระดิกนิ้วดิก ๆ “จะกลับมอ”

“ขอลุงธรสิ มาขออะไรพี่” ผมมองได้เด็กกวนประสาท

“พ่อบอกว่าพี่ออมถือเงิน พ่อไม่มีสักบาท” ผมหันมองลุงธร เจ้าตัวยังสนใจทีวีตรงหน้าต่อ

“ให้เท่าไหร่ลุง” ปกติมะยมได้ค่าขนมอาทิตย์ละ 1000 นี่ยังไม่รวมค่าแรงที่ช่วยลุงธรทำงานในวันหยุดอีก มะยมเลยมีเงินใช้เหลือเฟือ แถมเจ้าตัวยังเป็นเด็กดี ไม่เห็นจะเที่ยวกลางคืนเหมือนเด็กรุ่นเดียวกัน

แต่เวลาอยู่หอก็ไม่แน่อะนะ ไกลหูไกลตา ต่อให้เมาเละขนาดไหนก็ไม่รู้อยู่ดี

“2000 ก็พอเอาไปทำไมเยอะ อาทิตย์นี้ก็เรียนไม่เต็มอาทิตย์”

ผมเดินไปหยิบเงินให้ลูกชายเจ้าของบ้าน แล้วก็ลบทำบัญชีใหม่อีก เนี่ยงานก็มีแค่นี้

“บ้านเราพี่ออมใหญ่สุดว่ะ” มะยมว่า

“ยังไงนะ”

“ก็ใครถือเงินคนนั้นมีอำนาจสุด” มะยมขำ “มะยมจะเชื่อฟังพี่ออมจะได้มีเงินใช้”

โถ่ ไอ้ออมก็แค่คนถือเงิน แต่คนมีอำนาจเบิกจ่ายก็คนนู่นนั่งกระดิกตีนหัวโด่อยู่กลางบ้านนู่น




โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอบคุณนักอ่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ  :pig4:



ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ลูงรู้น่ะ อิอิ
ออมจับกินให้หมดเลย ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Sweet Sin

บาปหวาน 02

ธร


ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง


ออมคือชื่อของเด็กคนนั้น

“ลุงเคยตามจีบอร” ออมตาโตหลังจากที่ถามว่าผมรู้จักกับครอบครัวของออมได้ยังไง

“ลุงธรเป็นแฟนเก่าแม่เหรอ”

“ลุงชอบอรแค่ตามจีบไม่ได้เป็นแฟนกัน”

“เหตุผลที่ลุงธรดูแลออม เพราะออมเป็นลูกของคนที่แอบรักเหรอ” ออมขมวดคิ้วมุ่น ทั้งที่อายุก็เลยช่วงวัยรุ่นแล้ว แต่กลับกลับมีความเป็นเด็กในตัว ออมน่ารักแบบไม่ต้องปรุงแต่ง

“ก็ใช่” ทุกครั้งที่มองหน้าออม ผมเห็นความเป็นอรอยู่ในตัวของเด็กคนนี้ ออมน่ารักเหมือนเธอ นั่นเลยทำให้ผมเอ็นดูออม

“แต่ออมน่ารักกว่า อรไม่ยอมให้ลุงจีบเลย” ออมเขิน เวลาผมชมออม ออมมักจะยิ้มเขิน ตาเป็นประกายดูมีความสุขเวลาถูกชม

ผมใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการตอบคำถามและเล่าถึงพ่อแม่ของออมตอนยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าอรจะไม่ได้ชอบผม แต่เธอและสามีก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ แต่ไม่ได้คุยเรื่องเด็ก ๆ กันมากนัก

ผมเองก็ไม่คิดว่าวันหนึ่ง จะต้องมาทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกของผู้หญิงที่หักอกผม ผมไม่เคยมองว่าออมเป็นภาระ แม้ผมจะได้ออมมาพร้อมกับสวนผลไม้อีกเกือบ ๆ 40 ไร่ แต่ผมก็ดูแลไหว อรกับสามีเลี้ยงดูลูกแบบไข่ในหิน งานหนักในสวนผลไม้ ทั้งคู่ไม่เคยให้ลูก ๆ วุ่นวาย ต่างจากผมที่ตัวคนเดียว มะยมเลยต้องช่วยผมทำทุกอย่าง

ออมเคยขอให้ผมสอนเรื่องงานในไร่ ผมมาเริ่มเข้าใจอรกับสามีก็ตอนที่เห็นออมเดินเหงื่อซกตามหลังผลในสวนเงาะ ใบหน้าแดงจัดเพราะอากาศร้อน ไหนจะมดแดงอีก

ความเป็นห่วงว่างานหนักจะทำให้หลานตัวเล็กไม่สบาย ผมเลยตัดสินใจทำงานทั้งหมดคนเดียว

อันที่จริงงานมันไม่ได้หนักหรอก ใช่ว่าเราจะต้องขุดดินถางหญ้ามันทุกวัน ยิ่งสวนที่ให้ผลผลิตแล้วแบบนี้ยิ่งไม่ต้องทำอะไรมัน ทุกอย่างเป็นไปตามฤดูกาล การดูแลรักษามันมีช่วงเวลาของมัน การใส่ปุ๋ยกำจัดแมลงก็จ้างคนงานทำทั้งนั้น จะมีก็แต่การให้น้ำที่ต้องทำเอง ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จ้างคนงานอีกนั่นแหละ ทำกันแค่คนในบ้าน ไม่ทันกินหรอก

เรื่องแบบนี้ออมไม่ต้องเปลืองแรงเป็นเถ้าแก่สวนผลไม้สบาย ๆ ไปนะดีแล้ว

ผมสบายใจเมื่อเห็นว่าออมปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ที่ไม่มีพ่อแม่และน้องชายได้แล้ว จะเรียกว่าเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ก็ไม่ต้อง มันอาจเป็นวิถีชีวิตที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกมากกว่า




“เย็นนี้ว่างไหม” ผมถามมะยมทางโทรศัพท์ หลังจากที่ช่วยคนงานคัดไซส์เงาะและลำเลียงผลผลิตงวดนี้ขึ้นรถกระบะเสร็จ ออมเองก็ช่วยงานด้วย เจ้าตัวคัดไปเคี้ยวเงาะไปด้วยจนแก้มตุ่ย

“ว่างนะ พ่อมีธุระไรอะ”

“จะพาออมไปเที่ยว แล้วกินข้าวเย็นในเมืองเลย จะออกมากินด้วยกันไหม”

“ไปสิ อยากเจอออม”

“พี่ออม ออมเขาเป็นพี่เรียกชื่อห้วน ๆ ได้ไง”ผมดุมะยม เดี๋ยวนี้ชักลามปามใหญ่

“พี่ก็พี่เอ้า” เหมือนจะยังไม่สำนึก เจอกันผมคงต้องสั่งสอนเสียใหม่

หลังจากวางสายจากลูกชาย ผมก็เดินเข้ามาในบ้าน เห็นออมนั่งกินเงาะอยู่กลางบ้าน อันที่จริงมันเป็นที่นอนของผมแล้วตอนนี้

“ยังไม่อิ่มอีกเหรอ ลุงเห็นเรากินไม่หยุด”

“เงาะลุงธรอร่อย ออมอยากกินอีกเยอะ ๆ” ออมเลียริมฝีปากประกอบก่อนจะใช้ปากกัดเงาะลูกใหญ่ทั้งเปลือก น้ำเงาะไหลย้อยจากมุมปากออมแต่เจ้าตัวก็ใช้นิ้วเช็ดก่อนจะดูดนิ้วตาม

นี่ยั่วกันชัด ๆ ผมรู้ดีว่าออมใช้ปากเก่งแค่ไหน

และการกินเงาะของออมครั้งนี้ มันทำให้ความอดทนของผมเกือบหมด

ไหนจะการที่บอกว่า ‘เงาะลุงธรอร่อย’ นั่นอีก

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ลงของเสร็จลุงจะพาไปเที่ยวในเมือง” โชคดีของผมที่ออมหยุดยั่วผมด้วยการกินเงาะและหายไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย ผมเก็บเงาะที่เหลือไปไว้ในตู้เย็น แล้วถอนหายใจต่อหน้ากะละมังเงาะ

ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน หลังจากโดนออมลักหลับคราวนั้น ผมก็มองออมไม่เหมือนเดิมอีก ผมไม่อยากใช้ออมเป็นที่ระบาย



“พี่ออมรู้ป่ะ พ่อเข้าเมืองบ่อยแต่ไม่เคยมาเลี้ยงข้าวมะยมเลยนะ” ผมมองมะยม พยายามดุด้วยสายตา แต่เหมือนไอ้ตัวแสบจะไม่กลัว

นี่ยังเคารพกันหรือเปล่า ไอ้ลูกคนนี้

“เงินก็ให้ โตแล้วก็หากินเองสิ”

“เห็นไหม พ่อรักพี่ออมมากกว่ามะยมอีก”

ออมที่นั่งข้าง ๆ ผมหัวเราะน้อย ๆ ตักหมูที่ลวกจนสุกแล้วเข้าปาก

ผมพาออมกับลูกชายมากินสุกี้ เพราะเจ้าตัวบอกอยากกิน ไม่ได้กินนานแล้วด้วย ผมเลยตามใจ

“ลุงธรไม่กินอะไรเลย” ออมหันมาถาม

“ลุงกินไม่เป็น” ผมแหย่เด็ก อันที่จริงผมกินอย่างอื่นด้วยต่างหาก ออมหยิบของกินมาเสียเยอะ

“ออมทำให้ ลุงธรชอบกินอะไร” ถึงปากจะถามแต่ออมก็ลวกหมูสไลด์ให้ผม ตามด้วยเนื้อสัตว์อื่นอีก

“หลอกเด็กอะลุง” มะยมมองผมตาเขียว “พี่ออมพอแล้ว ทำให้มะยมนี่ ไม่ต้องไปเอาใจพ่อแล้ว” พอเห็นมะยมแกล้งทำหน้ามุ่ยออมก็ทำลวกหมูให้มะยมบ้าง

“ออมกินเถอะมะยมมันมีมือ ให้มันทำเองบ้าง ตามใจมาก ๆ เดียวนิสัยเสีย” ออมหัวเราะขำ เป็นอีกหนึ่งข้อดี ผมชอบเวลาออมมีความสุข มันทำให้ผมมีความสุขตามไปด้วย

ออมเป็นน่ารักผมว่าผมเคยบอกไปแล้ว ตลอดมื้ออาหารออมคอยบริการผมสองคนตลอด พอเห็นว่าอาหารในจานหมด ออมจะถามว่าเอาอะไรเพิ่มแล้วลวกให้ทันที

ตบท้ายมื้อเย็นด้วยไอติมฝีมือมะยมผมเห็นไอ้ลูกชายลากออมไปดูของหวาน ก่อนจะพากันไปก้ม ๆ เงย ๆ แถวตู้แช่แล้วได้ไอติมมาคนละถ้วย

ผมเพิ่งรู้ว่าออมกินเก่ง ก็ตอนพามากินบุฟเฟต์  แล้วเป็นเด็กที่กินได้ทุกอย่าง ปกติเวลาอยู่บ้านเจ้าตัวไม่เคยบ่นเรื่องของกิน กินเท่าที่มี ออมไม่เคยร้องขอ เวลาผมไปจ่ายตลาดได้อะไรกลับบ้านมา ออมจะถามว่า ‘ลุงธรจะให้ออมทำอะไรให้กิน’ หรือบางทีเจ้าตัวก็จะคิดเมนูแล้วลงมือทำให้ผมกิน

“อันนี้อร่อย อ้าปาก” ผมมองช้อนในมือมะยม ที่ยื่นมาจ่อปากออม ก่อนคนถูกป้อนจะงับเอาไอติมเข้าปากแล้วหลับตาปี๋ ทำหน้าทรมาน

“ขม ไม่ชอบ”

“กาแฟไง มันก็ต้องขมสิ รู้แล้วยังจะกิน” ลูกชายผมบ่น เลียช้อนที่ออมเพิ่งงับไปในปาก แถมยังยิ้มมุมปากอีก แกล้งออมอีกแล้ว

“ก็มะยมว่ามันอร่อย” ออมแก้ตัว แล้วหันมากินไอติมรสมะนาวของตัวเองต่อ

“ลุงธรกินไหม” ผมส่ายหน้า เพราะอิ่มเกินจะกินอะไรไหว

หลังออกจากร้านอาหาร มะยมก็ลากออมให้พาไปดูเครื่องเขียน ผมมองมือออมที่ถูกลูกชายผมกุมแล้วรู้สึกแปลก ๆ

ออมเก่ง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการเลือกปากกา ออมรู้จักเครื่องเขียนดี ๆ หลายยี่ห้อ ถ้าถามผมปากกาอันไหนเขียนแล้วหมึกมันไม่ขาดตอนผมก็ว่ามันดีแล้ว แต่ออมรู้ว่าอันไหนเขียนลื่น อันไหนเส้นบาง เส้นหนา อันนี้สีน้ำเงินเข้มกว่าอีกอัน ผมฟังออมพูดเรื่องปากกาให้มะยมฟังแล้วก็ทึ่ง ดูก็รู้ว่าลูกชายผมเองก็โง่พอกัน

ผมมองดูเด็กสองคนช่วยกันเลือกเครื่องเขียนพอเห็นว่าตัวเองช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้เลยเดินไปดูหนังสือเล่าเรื่องผี หยิบมาเล่มหนึ่งเอาไว้อ่านแก้เบื่อ

หลังจากจ่ายตังค์เสร็จก็ได้เวลากลับ ผมถามออมว่าอยากทำอะไรอีก วันนี้ผมตามใจออม แต่เจ้าตัวบอกคิดถึงบ้านแล้ว

คิดถึงบ้านก็ต้องกลับบ้าน แต่คนคึดถึงบ้านกลับขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน

“สนิทกับออมแล้วเหรอ” ผมถามมะยมระหว่างรอออมเข้าห้องน้ำ

“อยู่บ้านเดียวกันก็สนิทสิ” มะยมมองหน้าผม แถมยังทำหน้าเหมือนผมถามคำถามแปลก ๆ กับเจ้าตัว

“เห็นตอนแรกไม่ชอบเขา แขวะเขาบ่อย”

“ก็น่ารักดี”

“เข้ากันได้ก็ดีแล้ว” ผมตบบ่าลูกชาย แล้วบีบเบา ๆ เหมือนเป็นคำชมว่ามะยมเด็กดี



“สนุกไหม” ผมถามออมตอนที่เรากำลังกลับบ้านกันสองคน หลังส่งมะยมที่หอพักข้างมหาลัยเสร็จแล้ว

“ดีกว่าอยู่บ้าน”

“อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวไม่สนุกเลยเหรอ” ออมยิ้มมองหน้าผม แววตาซุกซนดูชอบอกชอบใจ

“ก็สนุกไง ดีกว่าอยู่บ้านคนเดียวแบบไม่มีลุงธร” ผมหันมองเจ้าเด็กขี้อ้อน ไม่รู้ไปเอาคำพูดคำจาน่ารักแบบนี้มาจากใคร ต่างจากคนแม่ รายนั้นมีแต่เย็นชาใส่ผม

“ขี้อ้อนนะออม อ้อนลุงแบบนี้อยากได้อะไร” ผมยกมือขยี้หัวออมเบา ๆ เหมือนที่ชอบทำทุกครั้ง

ออมวางมือลงบนต้นขาผมแล้วบีบเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาลูบเป้ากางเกงผม จนลูกชายตัวน้อย ๆ ของผมชักจะมีน้ำโหที่โดนรบกวน ปลายนิ้วออมสกิดลูกชายคนโปรดของผมที่กำลังขยับตัวอย่างเกียจคร้าน แต่ถ้าออมยังไม่หยุดกวนมันตอนนี้ มันได้โมโหจริง ๆ แน่

“ซนนะออม” ผมรีบคว้ามือของเด็กซนไว้ ก่อนที่ออมจะขยำเป้าผมเต็มมือ

“ถ้าออมเป็นเด็กดี ออมขอรางวัลไม่ได้เหรอลุง”

“ออมเป็นเด็กดีของลุง”

เป็นคืนที่สองที่ผมนอนห้องออม




ออมเป็นเด็กที่ขยันยั่วผมและหลายครั้งออมทำเอาผมหมดเรี่ยวหมดแรง

“ทำไมวันนี้กวนลุงหลายรอบ” มันเป็นคืนที่เท่าไหร่ผมก็ไม่ได้นับ ที่ผมนอนห้องออม แต่คราวนี้หนักกว่าทุกครั้ง ออมทำให้ผมถึง 3 ครั้ง

“ก็ลุงธรไม่สนใจออมเลย ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับมานอนบ้านด้วย” ออมบ่นไปยกน้ำในขวดกรอกเข้าปากไปด้วย สงสัยคอจะแห้ง

“ก็ลุงต้องทำงาน เหนื่อยก็นอนบ้านออม ออมอยู่คนเดียวเหงาเหรอ” ช่วงนี้เงาะล๊อตสุดท้ายของสวนออมใกล้สุกแล้ว ส่วนสวนของผมผลผลิตในปีนี้หมดเป็นที่เรียบร้อย ผมเลยต้องเทียวไปเทียวมาสวนออม แถมที่นั่นก็มีบ้านทั้งหลัง เวลาให้น้ำเงาะกว่าจะเสร็จก็ค่อนคืน ถึงจะไม่ไกล แต่การค้างที่นั่นเลยก็สะดวกกว่า ช่วงนี้ผมเลยปล่อยให้ออมอยู่คนเดียว ก็ไม่คิดว่าเด็กมันจะเหงา

“เหงาสิ”

“กว่าลุงจะกลับก็ตีหนึ่ง ตีสองอยู่ดี กลับมาออมก็หลับไปแล้ว”

“แต่มันก็อุ่นใจกว่านอนคนเดียวไงลุงธร”

“งั้นคราวหลังไปด้วยกัน เปลี่ยนบรรยากาศไปค้างบ้านออมบ้างเป็นไง”

“แต่ออมชอบบ้านลุงธร” ผมไม่รู้จะดีใจไหม ออมไม่ได้ชอบผมมากไปกว่าบ้านของผม แบบนี้ไม่มีผมก็ได้

“ถ้าออมทำให้ลุงหมดแรงแบบวันนี้บ่อย ๆ ให้น้ำเงาะเสร็จก็เพลียจนลืมตาไม่ขึ้นทุกที”

“ลุงธรให้ท่าออมก่อน”

“ลุงให้ท่าออมยังไง ตอนไหน”

“ก็ลุงธรชอบแก้ผ้าต่อหน้าออม”

“ลุงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า ไอ้เด็กหื่น”

“นั่นแหละลุงธรให้ท่าออม”

ผมกับออมเราไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ของเรามันคลุมเครือ ออมเคยพยายามจะมีอะไรกับผมหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็จบลงตรงที่ผมไม่สู้ ก็เวลาเห็นเครื่องเพศของออมมันก็พาลทำให้ผมหดทุกที แม้จะลองปิดไฟแล้วก็ตาม

ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมไม่มีอารมณ์กับผู้ชาย แต่ออมเก่งเรื่องใช้ปาก ผมไม่รู้ว่าหลานไปหัดมาจากไหน แต่ทุกครั้งมันทำผมเสร็จสมมีความสุขดี ออมช่วยผม ผมช่วยออมในหลาย ๆ คืน

ผมไม่ได้รังเกียจที่ออมทำแบบนี้กับผม แม้ผมจะรู้สึกผิดต่ออรและสามีของเธอ หรือแม้แต่มะยมลูกชายแท้ ๆ ของผม แต่ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ลิ้นของออมทำผมเสพติดจนแทบคลั่ง และหลายครั้งผมปัดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทิ้งไปพร้อม ๆ กับที่ออมตวัดลิ้นเลียให้ผมไปมา



ผมนั่งในร้านสุกี้ร้านเดิมพร้อมกับออมและมะยม วันนี้ผมขนเงาะจากสวนของออมมาขายที่ตลาดขายส่ง และออมก็ตามมาด้วยเหตุเพราะมะยมลูกชายผมชวนออมมาดูหนัง

ผมนั่งฟังมะยมพูดถึงเรื่องราวคร่าว ๆ ของหนังที่มะยมอยากจะดูให้ออมฟัง

“เล่าขนาดนี้ไม่ต้องดูแล้วมั้ง” ออมทำหน้าสงสัย

“มันไม่เหมือนกันสิ ที่เล่านี่แค่บางส่วนไง ที่เหลือต้องไปดูในโรง” มะยมที่ยังคนมุ่งมั่นกับการจะดูหนังบอก ตักหมูสไลด์ที่ออมชอบให้เจ้าตัวไปด้วย นี่กะเอาใจออมเต็มที่

“ลุงธรไม่เห็นอยากดูเลย เนาะลุง” ออมหันมาคุยกับผม

“พ่อเคยเข้าโรงหนังที่ไหน วัน ๆ อยู่แต่กับเงาะลำไย ออกจากบ้านไกลสุดก็ตลาดเจริญศรีตอนมาลงเงาะนั่นแหละ” พูดมากไอ้ลูกคนนี้

“ที่ต้องทำงานหาเงินงก ๆ ไม่ได้เที่ยวนี่เพราะใคร” ออมวางมือลงบนต้นขาผมใต้โต๊ะ บีบเบา ๆ เหมือนปลอบใจ อันที่จริงผมไม่ได้เศร้าเสียใจ ที่ชีวิตไม่มีสีสัน ต้องอยู่แต่กับไร่กับสวน คือผมก็มีความสุขดี เข้าห้างซื้อของใช้บ้าง แค่ไม่ได้ใช้เงินกินเที่ยวเหมือนเด็ก ๆ สมัยนี้

“เดี๋ยวออมพาลุงธรเข้าโรงหนังเอง ไม่ต้องอายใคร”

“แล้วทำไมลุงต้องอาย” ลุงไม่เข้าใจเลยจริง ๆ


หลังกินข้าวกันเสร็จออมก็จูงมือผมเข้าโรงหนัง ผมจะอายก็เพราะออมจูงมือผมไม่ยอมปล่อยนี่แหละ มะยมก็ดูสนุก หัวเราะชอบใจที่ผมโดนออมจูงมือเดินตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร

ออมเป็นเด็กซนค่อนไปทางดื้อ

เด็กซนดูสนุก รอยยิ้มขบขันอยู่บนใบหน้า สายตาจับจ้องอยู่กับจอหนังตลอดเวลาที่หนังฉาย แต่มือออมมักจะยื่นมาจับเป้าผมเป็นระยะ ๆ นั่นเลยทำให้ผมไม่แน่ใจว่าหนังสนุกหรือแกล้งผมแล้วสนุกกันแน่

ผมเลยต้องจับมือซน ๆ นั่นไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ ดีที่รอบนี้คนไม่ค่อยเยอะ

กลับบ้านคราวนี้มีมะยมกลับด้วย ผมกับลูกชายเลยต้องช่วยกันยกมอไซค์ของมะยมขึ้นท้ายกระบะ โดยมีออมยืนกินไอติมให้กำลังใจ

“ไร้น้ำใจว่ะ” มะยมที่กำลังใช้เชือกยึดมอไซค์ไม่ให้ขยับไปไหนบ่น ส่วนผมยกช่วยก็หมดหน้าที่เหมือนกัน

“รถตัวเองก็จัดการเองถูกแล้ว” คนโดนบ่นไม่ได้สะท้านอะไรกับคำบ่น กลับกันออมกวนมะยมด้วยการดึงปลายเชือกไปมา

“มันจะได้กลับบ้านไหมวันนี้ ดึกแล้วเร็ว ๆ” มะยมพยายามแย่งเชือกคืน แต่เด็กซนก็ดูสนุกกับการได้แกล้ง เล่นกันเป็นเด็ก ๆ

“ไม่กลับก็นอนนี่ได้ ห้องกว้างจะตาย คีย์การ์ดก็อยู่กับพี่ มะยมนอนใต้หอนะ พี่กับลุงธรจะนอนกันสองคน”

“ผมขับรถกลับบ้านเองได้ ไม่มารับด้วยปล่อยให้นั่งรถโดยสารกลับเอง ตูดชาแน่” สุดท้ายออมก็ช่วยมะยมจนเสร็จ ผมนั่งดูเด็ก ๆ เถียงกันไปมาก็เพลินดี แปลกที่ผมไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด

“เฮ้ยของตัวเองก็มี” มะยมดึงไอติมที่ออมคาบไว้ในปากมากิน เจ้าของไอติมเลยโวยวายเพราะโดนแย่งของกิน

“คืน” มะยมดึงไอติมที่อมไปครึ่งแท่งคืนเจ้าของ แต่เหมือนออมจะไม่ต้องการมันแล้ว

“แย่งกันเป็นเด็ก” ผมดุอายุก็เลย 20 กันทุกคนแล้ว

“มีแต่น้ำลายใครจะกิน” ออมเดินมาหยิบไอติมอีกแท่งที่เหลือ จริง ๆ มันเป็นของมะยมนั่นแหละ

“ผมไง อันนี้ก็มีน้ำลายออมเต็มไปหมดผมยังกินเลย” มะยมกัดไอติมให้ดูคำใหญ่ “รังเกียจเหรอ” ยังมีหน้ามาถามต่อ

“มาก” ออมก็ตอบได้แสบพอกัน

.
.
.
มีต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ

ต่อเด้อจ้า


เช้าวันหยุดที่เป็นวันหยุดจริง ๆ วันนี้ไม่มีงานให้ทำ เงาะก็เพิ่งไปขาย ผมเลยตื่นสาย เมื่อคืนผมต้องนอนห้องนอนผม เพราะมะยมกลับบ้าน ออมเลยลากผมเข้าไปนอนด้วยไม่ได้ อันที่จริงห้องนอนผมมันเป็นที่กินข้าวของออมและผม และยังเป็นที่นั่งดูทีวีอีก

ผมชักสงสัยแล้วว่าใครเป็นเจ้าของบ้านจริง ๆ ออมหรือผมกันแน่

เสียงดังจากในครัวปลุกผมในตอนสายของวัน เป็นมะยมที่ไปกวนออมตอนทำกับข้าวอีกนั่นแหละ

ไอ้ลูกคนนี้ก็ขยันกวนใจออม ทีแรกละทำเป็นบ่นหาว่าเขาไม่เอาไหน ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง มาตอนนี้ก็เรียกหาแต่ออม

ออมทำผัดเผ็ดกบ

สิ่งที่ผมรับรู้อีกอย่างคือออมกินอาหารพื้นบ้านได้ ในขณะที่เด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันหลายคนเลือกที่จะไม่กินของพวกนี้แล้ว

“ไปได้กบมาจากไหน” ผมถามแม่ครัวหัวป่าที่ประจำบ้าน

“ตาไชยแกเอามาขายให้เมื่อเช้า โลละ 100 แหน่ะแพง” ออมตอบดูอร่อยกับผัดเผ็ดกบฝีมือตัวเอง

“ลุงไม่รู้ว่าออมชอบกินกบ”

“พ่อจะไปจับมาให้ออมกินเหรอ” มะยมเลิกคิ้วถาม

“ลุงจะให้มะยมไปจับให้”

“อ้าว” ออมขำหน้าตาเหรอหราของมะยม

“ออมไม่ได้ชอบ แต่ไม่ได้กินนานแล้วเลยนึกอยากจะกิน”

“แล้วออมอยากกินอะไรอีก” หลัง ๆ มามะยมชักจะทำตัวสนิทกับออมมากไปแล้ว ได้ยินกับหูว่าเรียกออมห้วน ๆ เหมือนผมสองครั้งแล้วนะเช้าวันนี้

“พี่ออม ไม่ใช่ออมเฉย ๆ” ผมย้ำ อันที่จริงไม่อยากสอนกันในสำรับแบบนี้ แต่ถ้าไม่พูดเดี๋ยวลืม

“พ่อเคยบอกแล้วออมเขาแก่กว่า ให้เกียรติเขาหน่อย”

“ครับ” มะยมรับคำ ส่วนออมตบบ่าทะยมเหมือนจะปลอบใจที่โดนผมดุ

ใจดีแบบนี้ไงเด็กมันเลยชอบปีนเกลียว



ช่วงสายผมพาออมมาดูทุเรียนที่ใกล้สุก เจ้าตัวดูตื่นเต้นที่จะได้กินทุเรียนของปีนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นทุเรียนในสวนตัวเองแท้ ๆ

“มันจะสุกหรือยังลุงธร” แววตาเป็นกระกายที่แหงนมองทุเรียนบนต้น ก่อนจะหันมาสบตากับผม บ่งบอกว่าเจ้าตัวตื่นเต้นกับมันจริง ๆ

“อีกสักหนึ่งถึงสองอาทิตย์ก็น่าจะเก็บได้แล้ว จริง ๆ มันเป็นของออมถามลุงได้ไง” ออมทำหน้ามุ่ย

“ก็ออมไม่เคยทำสวน พ่อกับแม่เคยสอนที่ไหน บอกว่าอยากกินพ่อก็หายเข้าในสวนกลับบ้านพร้อมทุเรียนทุกที” ออมเล่าพร้อมรอยยิ้ม แต่ตาดูสลด คงจะคิดถึงพ่อกับแม่และน้องนั่นแหละ

“ลุงก็ไม่เคยปลูกทุเรียนนะ ดูไม่เป็นเหมือนกัน”

“อ้าว แล้วแบบนี้มันจะรอดไหม” ออมทำหน้าช็อค คิ้วขมวดเป็นปม ตอนแรกยังทำหน้าตาภูมิอกภูมิใจกับสวนทุเรียนอยู่เลย

“ลุงล้อเล่น” ถึงจะไม่ได้ทำสวนทุเรียน แต่แถวนี้มีสวนทุเรียนตั้งหลายสวน แหล่งความรู้มันมี ใช่ว่ามีแค่บ้านออมสักหน่อย ผมเองก็พอมีความรู้อยู่บ้าง ถึงจะไม่เก่งเท่าพ่อของออม แต่ผมก็ศึกษาเพิ่มเติมหลังจากรับออมพร้อมกับสวนผลไม้ของออมมาไว้ในความดูแลของผม

ผมยกแขนพาดบ่าเจ้าของสวนก่อนจะพาออกเดินสำรวจให้ทั้งสวน ออมเองก็ยกแขนขึ้นกอดเอวผมเหมือนกัน

“ตัวลุงธรหอม” ออมยิ้นเขินหลัวจากที่เอาหน้าซุกกับอกผม

“หอมที่ไหน มีแต่กลิ่นเหงื่อ” ผมก้มลงดมเสื้อตัวเอง กลิ่นเหงื่อฉุนจนความหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มของออมไม่เป็นผล

“หอมแบบแมน ๆ แบบกลิ่นเหงือผู้ชาย” ออมหน้าแดงแต่ก็ดมผมอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเจ้าตัวชอบ

“ออมต่างหากที่หอม” ผมก้มลงหอมแก้มนิ่ม ๆ ของออม จนเจ้าของแก้มตกใจตาโต แถมยังหน้าแดงลามไปถึงใบหู

ออมน่ารัก

“พ่อ!!” ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก มะยมยืนหน้าบึ้ง ผมเลยปล่อยแขนที่พาดบ่าออมออก ออมก็ปล่อยแขนที่กอดเอวผมแน่นลงข้างตัว

“มีอะไรเรียกเสียงดัง”

“พ่อผู้ช่วยมาหา บอกให้ไปเจอที่บ้าน” มะยมพูดด้วยเสียงห้วน ผมพยักหน้ารับรู้ เดาว่าลูกชายคงจะเห็นผมหอมแก้มออมเต็ม ๆ ผมไม่รู้ว่ามะยมคิดยังไง จะโกรธ จะผิดหวังกับผมไหม แต่มะยมยังคงเงียบ มองผมกับออมด้วยสายตาแข็ง ๆ

“งั้นเรากลับบ้านกัน” ผมชวนคนข้าง ๆ ที่ก็ยืนตัวแข็งทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

“พ่อรีบไปเถอะ ผมพาพี่ออมกลับเอง ไปช้าพ่อผู้ช่วยเขารอ” มะยมเดินมาคว้ามือออมก่อนออกแรงกระตุกเบา ๆ ให้ออมเดินตาม

“มากับผม”

ออมไม่ได้ขัดขืน ยอมเดินตามมะยมที่ลากห่างออกไป

ผมแต่ก็ได้แต่มองตาม ไม่รู้ว่ามะยมหงุดหงิดแค่ไหน แต่ผมก็เตรียมคำตอบไว้ให้ลูกแล้ว ถ้าเจ้าตัวจะถามผมนะ

ผมเป็นห่วงออมแต่ธุระกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็สำคัญ เอาไว้ไปเคลียกันที่บ้านแล้วกัน

เรื่องที่ผู้นำชุมชนเรียกประชุมวันนี้เป็นเรื่องของงานผลไม้ประจำปีของอำเภอเรา ที่จะจัดกันทุกปีนั่นแหละ ปีนี้จัดช้ากว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทางนายอำเภอเลยขอความร่วมมือให้ไปออกงานขายผลไม้ งานจะได้คึกคัก แต่หลาย ๆ สวนผลผลิตดันเก็บเกี่ยวจนหมดไปแล้วเนี่ยสิ มันเลยเป็นปัญหาว่าชาวสวนไม่มีผลผลิตไปวางขาย

ผมแทบไม่ได้สนใจฟังการประชุมเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่เป็นห่วงออม

“ตาธร ห้วยฟังอยู่เบาะนิ่” ผมหันไปหาผู้ใหญ่บ้าน หลายคนมองมาที่ผมอย่างขำ ๆ

“คือใจลอยแถะละน้าธร คึดฮอดสาวทางได๋”

“คึดนำลูกนำเต้าซื่อ ๆ ดอก” ผมแก้ตัว “หว่างฮั่นว่าจั่งได๋เกาะ”

“ผมถามว่า น้าธรมีแนวไปลงตลาดขายนำหมู่เพิ่นบ่ซั่นดอก”

“ของผมบ่มีแล่วขายเบิ่ดพอแฮงแล้ว แนวปีนี้จัดซ้าหลาย แต่ของน้องออมยังพอมีเงาะแหน่อยู่ แต่ทุเรียนบ่ทันได้สุก”

“เอ่อเว้าเรื่องน้องออม เพิ่นเป็นจั่งได๋แหน่ละอาว มีหยั่งขาดเหลือกะบอกได้เด้อ คนกันเองซ่อยเหลือกันตั่วเนาะ” ผมยิ้มให้กับน้ำใจของชาวบ้านที่ถามไถ่ถึงออม ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยได้สนิทคลุกคลีกับชาวบ้านเท่าผมกับมะยม แต่ออมเป็นเด็กน่ารักใคร ๆ ก็เอ็นดู อีกทั้งอรกับสามีก็ช่วยเหลือไปมาหาสู่กับคนในหมู่บ้านไม่ขาด ลูกชายที่เหลืออยู่พลอยได้รับความเอ็นดูจากชาวบ้านไปด้วย

กว่าจะพูดคุยกันเสร็จก็เกือบค่ำ แถมพอคุยกันเสร็จพ่อผู้ช่วยดันยกเหล้าต้มออมมาอีกไห ผมเลยโดยคะยั่นคะยอให้อยู่กินเหล้าต่อ กลับถึงบ้านตะวันก็ตกดินไปแล้ว




ในบ้านเปิดไฟสว่างแต่ไม่มีเสียงพูดคุยกันของคนในบ้าน ไม่รู้ว่าหลับหรือทะเลาะกัน

ออมเดินออกมาจากห้อง ในมือมีผ้าขนหนู ผมมองเลยไปห้องข้าง ๆ ยังคงปิดประตูเงียบคงจะเข้านอนแล้ว

“ลุงธรกินข้าวเย็นมาหรือยัง”

“จะอาบน้ำเหรอ” ผมไม่ได้ตอบคำถามออม แต่ถามเจ้าตัวกลับแทน

“ครับเพิ่งกินข้าวเสร็จ” ออมตอบรับเสียงดูเหนื่อย ๆ ผมเดินเข้าไปใกล้ ดึงออมเข้ามากอด ลูบหัวออมเบา ๆ

“มะยมทำอะไรออมของลุงวันนี้ ฟ้องลุงสิ”

“น้องไม่ได้ทำ”

“ลุงขอโทษ ที่ไม่ระวังตัว” ผมปลอบใจเด็กในอ้อมกอด กดจูบลงกับผมนุ่ม ๆ ออมกระชับกอดผมแน่นขึ้น

“ตัวลุงธรหอมจริง ๆ นะ ออมชอบ” ผมหัวเราะกับความขี้อ้อนของออม มองประตูห้องที่ปิดสนิท ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูออมเบา ๆ

“ถ้าลุงอาบน้ำจะยิ่งหอมกว่านี้ ออมอยากอาบน้ำให้ลุงไหม” ออมมองผมตาโต

“ขอลุงถอดเสื้อผ้าก่อน ออมเข้าไปรอในห้องน้ำเลยเด็กดี” ผมมองออมเขินหน้าแดง เดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปรอผมในห้องน้ำ

อะไรก็ตามที่จะทำให้ออมมีความสุข ผมทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ออมไม่ทำหน้าเศร้าแบบนี้

ที่ผมทำมันถูกไหมอร ถ้าอรยังอยู่แล้วรู้ว่าธรทำอะไรกับลูกชายอรบ้าง ธรคงได้ไปอยู่ในคุกแน่ ๆ ผมยิ้มให้กับความคิดไร้สาระก่อนจะถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้ารอซัก ผันผ้าเช็ดตัวที่เอว ก่อนจะเดินไปให้ความสุขกับเด็กน้อยของผม

ประตูไม่ได้ล็อคออมเปิดแง้มไว้ แต่ผมก็เคาะเบา ๆ ให้คนข้างในรู้ตัวก่อนจะผลักประตูเปิดแล้ว

ออมอาบน้ำรออยู่แล้ว ผมปิดประตูลวกลอน ปลดผ้าเช็ดตัวขึ้นแขวนก่อนจะเดินเข้าใกล้ออม ดึงคนที่ฟอกสบู่ทั้งตัวมากอด

ทำหน้าเขินแบบนี้ค่อยเหมาะกับออมหน่อย ดีกว่าหน้าตาอมทุกข์ตั้งเยอะ

“จะอาบน้ำทำไมไม่ถอดกางเกงในละลุงธร” ออมถาม ตาก็จ้องแต่เป้าตุง ๆ ของผม นี่ไม่คิดจะมองหน้ากันจริง ๆ เหรอ

“รอเด็กดีถอดให้” ผมมองใบหูแดงเถือกของออม แล้วยกมือขึ้นลูบเบา ๆ ก่อนจะก้มลงงับ ออมหันมองผมอยากแปลกใจ

“วันนี้ลุงธรหอมออมสองครั้งแล้วนะ” สองที่ไหนแก้มหนึ่ง ใบหูหนึ่งต่างหาก

“อยากให้ลุงหอมอีกก็อาบน้ำให้ลุงสิ”

ออมตักน้ำมาเต็มขันก่อนจะราดลงบนตัวผม น้ำเย็น ๆ รดลงผิวทำเอาขนลุกทั้งตัว แต่ก็สดชื่นดี แถมสบายตรงไม่ต้องอาบเองนี่แหละ

“ลุงยังไม่ถอดกางเกงในเลย” ผมเตือนออมเห็นปกติชอบถอดเสื้อผ้าผมจะตาย มาวันนี้ไม่ยักจะถอด หรือจะเบื่อไม่อยากเล่นกับลูกชายผมแล้ว

“แบบนี้เซ็กซี่กว่าถอดหมดอีก” ออมให้คำตอบ ตาเป็นประกายซุกซน

“ตามใจออมเลยครับ”

ออมจัดการอาบน้ำให้ผมตามที่บอก ทุกครั้งที่ผมลูบฟองสบู่บนตัวออมจะตีมือผมแล้วบอกให้อยู่นิ่ง ๆ ทำเหมือนเวลาอาบมห้เด็กซน ๆ ยังไงยังงั้นเลย

มือออมลูบไล้ผมไปทั้งตัว แถมยังใช้แปรงขัดเล็บเท้าให้ผมอีก เรียกได้ว่าสะอาดไปทุกส่วนจริง ๆ

“ไม่สระผมให้ลุงเหรอ” ผมถามออมราดน้ำลางฟองจากตัวให้ผม ก่อนจะถอดกางเกงในออก โดยมีผมให้ความร่วมมือ เด็กซนก้มลงจูบลูกชายผม แล้วใช้มักชักมันเบา ๆ จนแข็งชูชันชี้หน้าออม ออมจับมันเข้าปากตวัดลิ้น ดูดกลืนจนผมต้องผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ด้วยความเสียว ผมนวดหัวออมตามจังหวะที่เจ้าตัวขยับเข้าออก ออมจับผมนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวเล็ก

“จะทำอะไรลุงคราวนี้” ออมยิ้มหยิบแชมพูมาบีบใส่มือแล้วขยี้ลงบนหัวผม ผมมองเจ้าเด็กซนอยากแปลกใจ

“ลุงยังไม่เสร็จเลย พอแล้วเหรอ”

“ยัง” ออมยิ้ม ก่อนจะหันไปหยิบออยทาตัวหลังอาบน้ำที่ออมชอบใช้ บีบมันลงในมือก่อนจะโป๊ะเข้าที่ก้นตัวเอง

“ออมลุงไม่” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ออมก็คุกเข้าจูบปิดปากผมไว้ ผมตกใจดึงออมออกห่าง

“ลุงทำไม่ได้”

“ลองสิ ออมอยากลอง” ผมมองออมทำหน้าผิดหวังแล้วก็สงสาร ผมลูบหัวออมเบา ๆ แต่ออมกับลูบน้องชายผมไปมา บีบออยชโลมจนทั่ว

“ลุงธรมองหน้าออมอย่างเดียวพอ ไม่ต้องสนใจอยากอื่น แค่มองออม” ออมขึ้นคล่อมผม จับชักผมไปด้วย ปากก็พยายามจูบกับผมจนรู้สึกเคลิ้ม

ก็ได้ ถ้ามันทำให้ออมมีความสุข ลุงจะทำเพื่อออม

ออมกดตัวเองลงมาจนแนบสนิทกับผม แก่นกายผมถูกออมกลืนกินไปจนหมด ความแน่นบีบรัดจนผมหลุดครางเบา ๆ

“ดีไหมลุงธร” ออมถามผมเสียงพร่า ก่อนจะโยกตัวขย่มผมเบา ๆ จนสติผมกระเจิง

ออมขย่มเก่ง

นอกจากจะเก่งเรื่องใช้ปากแล้ว ออมยังพิสูจน์ให้ผมรับรู้ตัวตัวเอง ทุกจังหวะที่ผมสวนสะโพกรับ ออมทำผมแทบคลั่ง มันเป็นเซ็กส์ที่ดีมากในรอบหลายปีของผม ออมทำให้ผมลืมไปเลยว่าออมเป็นผู้ชายเหมือนผม เซ็กส์ที่ทำกับออมไม่ต่างจากผู้หญิงเลยสักนิด

“มีความสุขไหม” ผมกระซิบถาม แต่ดูจากหน้าตาที่สุขสมของออมแล้ว ออมน่าจะชอบใจผม

“ออมชอบของลุงธร” ออมพยักหน้าตอบทั้งที่หลับตา แถมยังขยายความว่าชอบของผมอีก

สะโพกกลมขยับบดเบียดผมไปมาจนผมหลุดเสียงครางเป็นระยะ ออมเองก็ไม่ต่างจนผมจนจูบปิดปาก

“ลุงธรชักให้หน่อย”

“ต้องชักด้วยเหรอ” ก็ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนี่หว่า ปกติทำกับผู้หญิงก็เอาอย่างเดียว ไม่เห็นต้องช่วย

“ของลุงธรใหญ่ ออมเจ็บ” เล่นมาชมกันแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่

เด็กคนนี้ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะกว่าออมจะปล่อยผมก็ตอนที่รีดน้ำผมถึงสองรอบติด

ออมพลังชีวิตเยอะ

หลังจากทำผมเสร็จไปสองออมเสร็จสาม เจ้าตัวแสบก็ลุกขึ้นอาบน้ำใหญ่อีกรอบ ทิ้งคนแก่อย่างผม นั่งหมดแรงคาเก้าอี้

“ลุกสิเดี๋ยวเป็นหวัด” ผมทำตามลุกขึ้นยืนให้ออมอาบน้ำให้อีกรอบ แต่จังหวะฟองสบู่ที่ออมคุกเข่าฟองข้างล่างเจ้าตัวก็งับเอาน้องชายผมเข้าปากไปอีกรอบ

ไปคึกมาจากไหน

“ออมลุงพอแล้ว” ผมร้องห้าม

“มันยังแข็งอยู่เลย” ออมเถียง

“มันยังแข็งแต่ลุงไม่ไหวแล้ว” ออมทำตาละห้อยจนผมเกือบมจอ่อน แต่ก็กลัวตัวเองจะแย่

“ไหนใครบอกกลัวลุงเป็นหวัด”

“ขอออมบอกลามันก่อน” เด็กดื้อไม่ฟังยังคงใช้ปากให้ผมต่อจนเสร็จรอบสามจริง ๆ นั่นแหละถึงล้างตัวให้ผม

ผมรีบพันผ้าขนหนูกลัวจะมีรอบสี่ตามมา

คนแก่จะตายเอานะ

และผมก็แทบล้มทั้งยืนหลังออกจากห้องน้ำพร้อมกับออม เพราะมะยมที่นั่งฟุบหน้ากับเข่าร้องไห้อยู่หน้าห้องน้ำ



โปรดติดตามตอนต่อไป...



ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้าา :pig4:


ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Sweet Sin

บาปหวาน


มะยม


ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน


พ่อกับออมมีอะไรกัน

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แม้จะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่คนสองคนใช้เวลาในห้องน้ำด้วยกันนานสองนานมันจะทำห่าอะไรกันได้อีก

ไหนจะคำพูดคุยที่เด็ก 3 ขวบฟังก็ยังเข้าใจ
..ออมชอบของลุงธร..
..ของลุงธรใหญ่ออมเจ็บ..
..ขอออมบอกลามันก่อน..
..ดีไหมลุงธร..
ชัดเจนที่สุดแล้วมะยม

แล้วไหนจะเสียงครางสุขสมปานจะขาดใจนั่นอีก

ไหนใครบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับพ่อไง แล้วทำไมยังทำแบบนี้อีก

ผมไม่เข้าใจออม และพอ ๆ กับที่ผมรู้ว่าไม่มีใครใจร้ายได้เท่าออมอีกแล้ว

ถ้านี้คือการแก้แค้นของออม นับว่ามันได้ผล มันได้ผลดีเลยละ เพราะผมเจ็บ เจ็บเหมือนจะขาดใจ

ผมผิดที่ข่มขืนออมผมรู้ แต่นั่นเพราะผมรักออม แต่มันมีวิธีเอาคืนผมอีกเป็นแสนเป็นล้านวิธี แต่ออมกลับเลือกวิธีที่เลือดเย็นที่และใจร้ายกับผมที่สุด

ออมมีอะไรกับพ่อ

“มะยมลูก” พ่อเดินมาเตะผมแต่ผมขืนตัวออก

ผมร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ มันไม่ไม่ใช่การร้องไห้โวยวาย เพราะไม่ใช่นิสัยผม แต่ผมทรุดลงกับที่ นั่งร้องไห้ฟังเสียงคนสองคนร่วมรักกัน คนหนึ่งคือพ่อที่ผมรักและเคารพหมดหัวใจ กับอีกคนคือคนที่ผมยกใจให้ทั้งดวง

“มะยมลูก เป็นอะไร”  พ่อดึงผมเข้าไปกอด พร่ำบอกว่าขอโทษซ้ำ ๆ แต่คนที่ผมแคร์อีกคนกลับยืนนิ่งราวกลับไร้หัวใจ ใบหน้าเรียบเฉยหันมองไปทางอื่น

ออมจะรู้สึกผิดบ้างไหมที่เห็นผมร้องไห้เสียใจ

หรือออมจะรู้สึกสะใจที่เห็นผมใจแตกสลาย

พ่อลูบหัวปลอบผมเหมือนเด็ก ๆ สลับกับผละมามองหน้าผมแล้วใช้มือบรรจงเช็ดน้ำตาให้

พ่อเองก็ร้องไห้ ผมไม่รู้พ่อร้องไห้ทำไม ผมไม่อยากมองหน้าพ่อที่เต็มไปด้วยน้ำตา มันทำให้ผมทรมาน

ผมจะเข้มแข็ง ผมลุกขึ้นหันหลังให้กับสิ่งที่ทำผมเจ็บปวดและเสียใจ เดินเข้าห้องไปหยิบกุญแจรถ พ่อเดิมตามมาพร้อม ๆ กับออม

“มะยมจะไปไหนลูก ตอบพ่อหน่อย” ผมไม่ตอบ แต่ผมแค่อยากหนีไปจากตรงนี้ หนีจากคนใจร้าย

“มะยมอย่าเงียบกับพ่อ” ออมดุ เป็นคำแรกที่ออกจากปากออม

“เป็นแม่เหรอมาสั่ง” ออมหน้าเสีย แต่พ่อโกรธ

“มะยม มีเหตุผลหน่อย”

ผมหันหลังให้ความเสียใจอีกครั้ง

“มะยมอย่าไปอยู่คุยกันก่อนลูก” พ่อพยายามรั้งผมไว้ แต่ออมไม่พูดอะไรสักคำ

ผมรู้ว่าผมผิด แต่สิ่งที่ออมทำมันทรมานผมเกินไป แต่ถ้าออมขอให้ผมอยู่ หรือถ้าออมอธิบายผมจะฟัง ผมแค่อยากรู้ว่าออมทำไปทำไม

แค่บอกอะไรมาก็ได้คนอย่างผม พร้อมจะเชื่อฟังออม

ผมหยิบเสื้อคลุมพาดไหล่ เดินชนพ่อจนพ่อเซถอย

“ถ้าก้าวออกจากบ้านไป มะยมไม่ต้องมาคุยกับออมอีก” ตัวผมชงักทันที หันมองออมเต็ม ๆ ตา ออมร้องไห้เงียบ ๆ

น้ำตาเม็ดเล็ก ๆ ไหลลงจากตาแดงก่ำของออม ออมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะสั่งเสียงเด็ดขาดที่ทำเอาผมไม่กล้าขัด

“เข้านอนซะ สงบสติให้ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันพรุ้งนี้ แต่ถ้าไม่อยากคุยกันอีกแล้วก็ไป”

พูดจบออมก็เดินเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่กลางบ้าน จนพ่อเดินมาประคองผมกลับเข้าห้องแล้วเดินออกไปเงียบ ๆ

ใครมันจะไปหลับลงว่ะ แค่อยู่คนเดียวสมองมันก็คอยแต่จะย้ำเตือนถึงสิ่งที่ได้ยินในห้องน้ำ

เสียงของพ่อกับออม

ผมพลิกตัวไปมา ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะตัดสินใจออกนอกห้อง เดินตรงไปที่ครัวแต่พอพ้นประตูครัวผมก็ต้องหยุดเพ่งมองเลาสลัว ๆ ในความมืด

“มะยมเหรอลูก” ผมก้าวเดินไปข้างหน้า เดินไปคลำสวิซไฟแต่พ่อห้ามไว้ก่อน

“ไม่ต้องเปิดหรอก มานั่งคุยกับพ่อนี่มา” ผมทำตามอย่างว่าง่าย ลาก เดินไปนั่งลงกับพื้นครัวข้าง ๆ พ่อ

พ่อถอนหายใจหนัก ๆ ยื่นขวดเบียร์มาให้ผม ผมไม่รู้ว่าพ่อเอามันมาจากไหน อาจจะออกไปซื้อมาตอนที่ผมนั่งร้องไห้อีกรอบในห้องตัวเอง

ผมรับเบียร์มากรอกปากอึกใหญ่จนสำลักให้พ่อได้ลูบหัวลูบหลังปลอบ น้ำตาผมไหลอีกรอบคราวนี้ไม่ใช่เพราะผมร้องไห้ แต่เพราะผมสำลักเบียร์

ผมพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น

“ขี้แยจังลูกใครว่ะ” พ่อยกมือขึ้นปลอบ แย่งเบียร์ในมือผมกลับไป ผมยังไม่ทันจะกินมันด้วยซ้ำ พ่อก็แย่งมันไป

เหมือนที่พ่อแย่งออมไป

“มะยมผิดหวังในตัวพ่อไหม ที่พ่อทำตัวไม่ดี”

“ไม่ แต่เสียใจ”

“พ่อขอโทษ พ่อแค่อยากให้ออมมีความสุข” เหตุผลของพ่อมันฟังไม่ขึ้น

“พ่อรู้ว่าพ่อตามใจออมในเรื่องผิด ๆ แต่ออมเขาสูญเสียมามาก พ่อไม่อยากให้เขาผิดหวัง” ผมไม่เข้าใจพ่ออยู่ดี

“ตอนที่ออมทำเรื่องแบบนี้กับพ่อ พ่อไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ พ่อทำให้ลูกผิดหวัง พ่อมีอะไรกับผู้ชาย”

“พ่อไม่ได้รักออมเหรอ” พ่อยกแขนขึ้นโอบไหล่ผม

“รักสิ” พ่อตอบเสียงเบา “พ่อรักออมเหมือนกับที่พ่อรักมะยมไง”

“แล้วพ่อมีเซ็กส์กับออมได้ยังไง” ผมโมโห พ่อรักออมเหมือนลูก แต่พ่อมีเซ็กส์กับลูกเนี่ยนะ ไปกันใหญ่แล้ว

“ฟังพ่อก่อนสิ พ่อไม่อยากให้ออมเสียใจ ออมอยากทำ พ่อก็แค่ตามใจออม”

“พ่อ” ผมจนคำพูด นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ

“ถ้ามะยมไม่ชอบ พ่อจะเลิกทำเรื่องนี้ พ่อจะไม่ตามใจออม”

ผมไม่อยากฟังความใจดีของพ่ออีกแล้ว ผมลุกขึ้นยืน การเดินออกจากห้องอุดอู้เพื่อทำให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่านไม่เป็นผล

“มะยมลูก” พ่อรั้งผมไว้ มือของพอยังอบอุ่นเสมอ

“ผมรักออม” ผมตัดสินใจสารภาพ

“ผมเป็นเกย์ และผมรักออม”

“ทำไม มะยมไม่บอกพ่อ” ผมสะอื้น น้ำตายังคงไหลออกมา

“และอย่างสุดท้าย ที่พ่อควรรู้ไว้ ผมข่มขืนออม”

มือของพ่อหลุดจากมือผม ผมยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนพ่อลุกขึ้นมาปลอบ ผมไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง อาจจะเป็นเพราะผมยังเด็ก ผมรับมือกับความผิดของตัวเอง ไหนจะความผิดหวังครั้งใหญ่อีก

มันหนักหนาเกินไปสำหรับผม

“ไม่ร้องมะยมไม่ร้อง” ผมกอดพ่อแน่น ให้พ่อปลอบผมเหมือนเด็ก ๆ ผมรู้สึกปลอดภัยจากเรื่องร้าย ๆ ที่กำลังเจอ

เช้าวันนี้ไม่มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาจากครั้ง ไม่มีกลิ่นกับข้าวหอม ๆ ฝีมือออม ห้องออมที่พ่อยกให้ยังคงปิดสนิท ผมกับพ่อคิดว่าออมน่าจะยังไม่ตื่น หรือไม่ก็ไม่อยากเจอหน้าเราสองคนพ่อลูก

ออมหายไป

ในห้องที่ออมควรจะอยู่กลับไม่มีออม ข้าวของที่นอนยังว่างเรียบร้อยเหมือนไม่ได้ใช้งานเลยตั้งแต่เมื่อคืน รถยังอยู่ครับทุกคัน แม้แต่จักรยานที่ออมใช้ปั่นไปซื้อของที่ร้านป้าแดงก็ยังคนจอดอยู่ข้างบ้าน

มีเพียงออมกับร้องเท้าของออมที่หายไปจากบ้าน

ผมร้อนใจเป็นห่วงออม แต่พ่อเป็นห่วงกว่าทันทีที่รู้ว่าในห้องของออมไม่มีออม พ่อก็คว้ากุญแจรถแล้วบึ่งออกไปทันที

ผมกดโทรศัพท์โทรหาออม มันติด ผมรอให้ออมรับสายด้วยใจที่เต้นรัวสัญญาณหลังเกือบนาที แล้วก็ตัดไป ผมโทรหาออมซ้ำ ๆ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ออมจะรับสายผม

ผมไม่รู้จะเริ่มต้นตามหาออมได้จากที่ไหน กุญแจรถมอไซค์พร้อมกับเสื้อแขนยาวตัวเดิมที่ผมชอบ มันเป็นตัวที่ออมเลือกให้ ผมจะใส่มันเผื่อว่าออมเห็นแล้วจะจำเสื้อตัวนี้ได้ ออมจะได้รู้ว่าผมรักออมมากแค่ไหน

ถ้าผมเจอออมผมจะเป็นเด็กดีของออม ออมบอกอะไรผมก็จะเชื่อฟัง ผมจะเอาแค่สิ่งที่ออมพอจะให้ผมได้

ผมเริ่มต้นตามหาออมที่โรงเรียนประถมของผมกับออมเคยเรียน ออมไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านนอก พ่อแม่ออมให้สังคมดี ๆ กับออม ออมเรียนมัธยมในตัวอำเภอ และเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ สถานที่ที่ออมจะไปในหมู่บ้านเราเลยมีไม่มากนัก

คนเสียใจเขาจะไปไหนกัน ผมไม่รู้ว่าออมมีที่ที่ผูกพันไหม แต่บ้านออมไม่น่าจะไป เพราะมันตามตัวออมได้ง่ายเกินไป

แต่โรงเรียนก็ทำผมผิดหวังเพราะออมไม่ได้อยู่ที่นี่ โรงเรียนในวันหยุดเงียบเหงา มีแค่หมาจรจัด 2-3 ตัวที่นอนอาบแดดตรงเสาธงอันใหญ่ประจำโรงเรียน ประตูห้องเรียนปิดสนิท ทีเพียงตึกอำนวยการเล็ก ๆ ที่เปิดอยู่คงจะเป็นครูเวรที่มาอยู่เวร

ผมขับรถตรงไปที่บ้านของออม รอยล้อรถลากยาวหน้าบ้าน คงจะเป็นพ่อที่มาก่อน ผมจอดรถเดินเข้าไปตามหาออมในบ้านแม้จะรู้อยู่แล้วว่าออมไม่อยู่ในบ้าน แต่ผมก็เรียกหาออม

“ออม ออมอยู่ไหน” มีเพียงความเงียบตอบกลับ ผมโทรหาออมอีกครั้ง แต่เหมือนเดิมสัญญาณดังจนดับไปเอง

“ออมได้ยินมะยมไหม”

“ตอบมะยมหน่อยนะ”

ผมเดินลัดเลาะไปตามสวนหลังบ้าน มองหาที่ ๆ พอจะให้ออมซ่อนตัว แต่ทุกอย่างว่างเปล่าไร้ตัวของออม บนต้นทุเรียนไม่มีออม ผมมองดูทุกกิ่งของทุเรียน เผื่อออมจะปืนขึ้นไปแต่ไร้วี่แววของคนที่ผมตามหา

ผมเดินกลับมาที่บ้านของออม ออมหายไปอยู่ไหน ผมเป็นห่วง ผมมองรูปข้างฝาบ้าน มันเป็นรูปของเจ้าของบ้านคนเก่า ผมสบตาคนในรูปของให้ผมหาออมเจอ

มือถือผมสั่นครืดจนตกใจแทบล้มลงกับพื้น

ออมโทรมา ผมมองชื่อออมสบับกับมองรูปที่อยู่ข้างฝาบ้าน มือผมสั่นไปพร้อมกับมือถือ ผมกดรับสายของออม

‘อยู่ไหน’ ออมถามผมเสียงดุ

“อยู่บ้านออม” ยังไม่ทันที่ผมจะถามว่าคนปลายสายอยู่ไหนคำสั่งเด็ดขาดของออมก็ทำเอาผมรีบออกจากบ้านออมทันที

‘กลับบ้าน’ แม้จะยังงง แต่ออมสั่งให้กลับผมก็กลับ

ออมกลับมาบ้านแล้ว พร้อมกับของกินมากมาย พ่อเองก็นั่งกินข้าวข้าง ๆ ออม

“ออมหายไปไหนมา” ผมถามเสียงอ่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ ออม

“ไปวัด” คำตอบออมทำให้ผมเหมือนคนบ้า

“แล้วไปยังไง ออมไม่ได้เอารถไป” ผมยังคงซัก ออมมองหน้าผม

“เดิน” คำตอบของออมทำผมสงสาร วัดกับบ้านไม่ใช่ใกล้ ๆ ออมอยากไปวัดทำไมไม่ปลุกผมกับพ่อให้พาไป

“แต่เจอป้าน้อยหน้าบ้านแกเลยให้ซ้อนท้ายมอไซค์ไปจนถึงวัด” ออม! ผมอยากตะคอกออมเสียงดัง แล้วจับออมมาเขย่าตัวแรง ๆ ออมทำให้ผมเป็นห่วงแทบบ้า ผมขับรถวนครึ่งหมู่บ้าน แต่ออมกลับไปทำบุญที่วัด

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก จะไปไหนก็บอกมะยมสิ หรือถ้า ถ้าออมเกลียดมะยม ก็บอกพ่อให้พาไปก็ได้”

“พูดเหมือนลุงธรเลยมะยม”

“ก็มันจริง” พ่อสวนขึ้น มองออมดุ ๆ

“ก็เห็นกินเหล้ากันทั้งพ่อทั้งลูกเลยไม่อยากกวน จริง ๆ เมื่อเช้าทำกับข้าวเสร็จออมก็ไปถามหากุญแจรถมอไซค์ของมะยมนะ เขย่าเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”

ออมทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่

ผมมองหน้าพ่อรายนั่นก็นั่งเงียบไม่ปริปาก

ออมไม่ได้หนีไปไหน แล้วเช้านี้ครัวก็ไม่ได้เงียบอย่างที่ผมเข้าใจ กับข้าวฝีมือออมก็อยู่ในตู้กับข้าวเหมือนเดิม พ่อเมาเบียร์จนตื่นสาย ส่วนผมก็หลับตอนใกล้สว่าง แถมทั้งเพลียทั้งเครียดไหนจะร้องไห้เกือบทั้งคืน เลยหลับเป็นตาย สรุปตื่นสายทั้งคู่

ผมรับปิ่นโตที่มีข้าวสวยมาไว้ในมือ แล้วลงมือกินข้าวที่ออมได้มาจากวัด

“ออมไม่ได้หนีออกจากบ้านใช่ไหม” ผมถามเพื่อความแน่ใจ ออมตวัดตามองดุ ๆ

“จะให้หนีไปไหนได้ ทำอะไรก็ไม่เป็น หนีไปก็อดตายสิ” คำตอบของออมทำผมอยากหัวเราะทั้งน้ำตา ออมคิดที่จะหนีออกจากบ้านจริง แต่ออมกลัวอดตายเลยอยู่ให้พ่อกับผมเลี้ยงดูแบบนี้ต่อ

ผมมองหน้าพ่อที่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อไม่ต่างกัน แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจปลง ๆ มองออมที่กินข้าวอีกรอบทั้งที่พ่อเล่าให้ฟังว่าไปเจอออมนั่งกินข้าวที่วัด แถมยังชวนพ่อกินข้าวด้วยกันหน้าตาเฉย ไม่ได้สังเกตุสีหน้าของพ่อด้วยซ้ำ ว่ามันทั้งดีใจโล่งใจ และโมโหออมมาก ๆ ด้วย

พ่อเป็นคนเจอออม ผมรู้สึกว่าตัวเองแพ้ให้พ่อในเรื่องนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาแข่งกัน จะใครเจอก่อนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือออมไม่ได้ไปไหนไกลหรือได้รับอันตราย ออมปลอดภัยดี แถมยังร่าเริงเป็นออมคนเดิม เหมือนชีวิตออมไม่ได้ผ่านเรื่องร้ายแรงอะไร

ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนออมก็ร้องไห้หนักเหมือนกัน

‘รู้จักคอนซีลเลอร์ไหม’ ออมถามแต่ผมไม่รู้จัก พ่อก็ไม่รู้จัก ออมบอกมันคือเครื่องสำอางค์ แค่ออมบอกว่าแต่งหน้าไปทำบุญก็จบแล้ว แต่ออมก็ยังถามคำถามให้วุ่นวาย




.
.
.
ต่อด้านล่างเด้อ

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
.
.
มาต่อ



เรื่องราวของเราผ่านไปเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดถึงมันอีก แล้วเราทุกคนรับรู้และยังรู้สึกถึงบาดแผลจากมัน

บ่ายวันหนึ่งมันเป็นวันหยุดที่อากาศร้อนแต่ผู้คนคึกคักผมมาช่วยออมเฝ้าแผงขายผลไม้ ในวันหยุด พ่อเองต้องไปเป็นกรรมการตัดสินธิดาชาวสวน เป็นตัวแทนของหมู่บ้านเรา

เรื่องตลกคือออมขอพ่อลงประกวดธิดาชาวสวน แต่ออมเป็นผู้ชายผมกับพ่อค้านกันแทบตายเพราะออมบอกว่า แค่ใส่วิกก็ไม่มีใครดูออก

ดูไม่ออกกับผีสิ

ออมไม่ได้ออนแอ้นเหมือนกะเทย ออมน่ารักแต่ออมก็เป็นผู้ชาย ผมมองออมปอกทุเรียนให้เด็กนักเรียน ที่น่าจะเป็น ม.ปลาย มากับกลุ่มเพื่อน

ออมเป็นคนเก่ง และออมปอกทุเรียนเป็น

“ลุงธรสอน ออมบังคับให้ลุงสอน” ออมบอกอย่างภาคภูมิใจว่าตัวเองปอกทุเรียนได้ยังไง “แต่ก็เละไปหลายลูก” ผมไม่แปลกใจที่กลับมาบ้านแล้วในตู้เย็นมีแต่ข้าวเหนียวทุเรียน และพ่อบอกว่าเป็นฝีมือออม

“ทุเรียนแพงจะตายพ่อไม่บ่นเหรอ ออมทำเสียไปหลายลูก”

“ออมเป็นเจ้าของสวน จะปอกทิ้งปอกขว้างยังไงก็ได้” โอเคยอม ผมมองออมทำหน้ากวนแล้วแงะทุเรียนใส่โฟมอย่างคล่องแคล้ว ไม่น่าเชื่อว่าสองวันก่อนยังทำไม่เป็น

“250 บาท” ออมรับเงินมาทอน แล้วหันไปคุยกับลูกค้าคนอื่นต่อ ร้านเราขายดีมักจะหมดเป็นเจ้าแรก ๆ ของวัน อาจเป็นเพราะออมที่ดึงดูดลูกค้า ถ้าเป็นผม ผมก็ซื้อร้านออม พ่อค้าน่ารักขนาดนี้ใครจะใจร้ายไม่ยอมซื้อกัน

“พี่มีแฟนหรือยัง” ผมได้ยินแว่ว ๆ ใครมีแฟนนะ ลูกค้าวัยรุ่นทั้งผู้ชายผู้หญิงท่าทางกล้า ๆ หน่อยยืนจ้องหน้าออม

“ทำไมจะจีบพี่เหรอ” ออมถามกลับ เล่นเอาคนถามอายหน้าแดง แต่เจ้าตัวก็ยังทำกล้า

“เพื่อนหนูชอบพี่ แต่มันไม่กล้า” เธอชี้ไปที่เพื่อนผู้ชายที่มาด้วยกัน คนโดนพูดถึง ตกใจละล่ำละลักปฏิเสธ แต่เพื่อนยังขายไม่หยุด “มันมาซื้อเงาะร้านพี่สองรอบแล้ว เพ้อว่าพี่น่ารักไม่หยุด หนูรำคาญเลยพามาจีบพี่”

โอ้โห้ใจกล้าเว้ยแต่เหมือนคิ้วไอ้มะยมจะกระตุก นี่มะยมนั่งเฝ้านอนเฝ้าเขายังไปอ่อยพ่อมันเฉย นี่พวกมึงเป็นใคร จะมาสอยเงาะที่มดแดงเฝ้าแบบนี้ ไอ้มะยมไม่ยอม ผมเดินไปทำหน้ายักษ์ข้าง ๆ ออม

“มีอะไรออม” ผมมองหน้าออมสลับกับมองหน้าไอ้เด็กซื้อเงาะคนนั้น พยายามแสดงตัวว่าออมมีเจ้าของแล้ว

“เด็กมาจีบให้จีบไหม” ออมถามผมแล้วยิ้มมุมปาก

“ไม่” ผมตอบทันที ใครจะยอมว่ะ ผมยังจีบออมไม่ติดเลยด้วยซ้ำ

“โทษทีนะ ผัวพี่มันหวง คงไม่ยอมให้พี่มีแฟนเพิ่ม”

ออมแม่งเด็ด

เด็กกลุ่มนั่นแตกไปคนทิศละทาง ผมมองคนที่ยืนขำอย่างอึ้ง ๆ ออมเรียกผมว่าผัว แม้จะไม่รู้ว่าออมคิดยังไงกับผม แต่มันดีใจว่ะ

“ไปดูลูกค้า” ออมใช้ศอกสะกิดให้ผมไปดูคุณป้าที่ก้มมองเงาะอยู่หน้าร้าน เลยต้องผละออกมา อยากจะถามกันให้ชัด ๆ ว่าออมให้ผมเป็นผัวจริง ๆ ไหม

มื้อเย็นเป็นกะเพราไข่ดาวที่ผมอยากกิน และก็มีกับข้าวอีก 2-3 อย่างที่ออมได้มาจากตลาดเห็นว่าเป็นอาหารใต้ออมบอกอย่างนั้น

“อันนี้อะไร” พ่อถามอย่างสนอกสนใจมองดูกระดูกหมูผัดกับขมิ้น ที่รู้ว่าเป็นขมิ้นเพราะมันเหลือง ๆ

“คั่วกลิ้ง กับแกงไตปลา” ออมบอก ก่อนจะตักแกงไตปลาที่ว่านั่นใส่ในจานของพ่อ

“เผ็ดอย่างเดียวเลย เค็มด้วย” พ่อบ่นแต่ก็กิน

“ชอบอาหารใต้เหรอ” ผมถาม ออมมักจะทำให้ผมแปลกใจอยู่เสมอ

“ไม่ได้กินนานเลยอยากกิน” ออมยิ้มตักคั่วกลิ่งใส่จานพ่ออีกแล้ว ออมเอาอกเอาใจพ่อ ผมเองก็อยากให้ออมเอาใจผมบ้าง

ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์หึงหวงออม แต่ผมไม่ชอบใจที่ออมเอาใจพ่ออยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่ผมก็นั่งอยู่ด้วยทั้งคน

“อันนี้อร่อย มะยมลองกินสิลูก” พ่อพยักเพยิดไปที่จานกระดูกหมูสีเหมือนขี้

เอ่อผมพาล

ผมชอบกระเพราผมก็จะกินแต่กระเพรา

“ออมเก่งรู้จักของอร่อยเยอะ” พ่อชมออมไม่ขาดปาก ดีที่พ่อตักเองได้แล้วโดยไม่ต้องพึ่งออม อีกนิดจะคิดว่าพ่อเป็นง่อยแล้ว

“แฟนเก่าออมเป็นคนใต้ไงลุงธรเลยได้กินบ่อย”

“แค่ก ๆๆ” ผมถึงกับสำลักข้าว ออมรีบรินน้ำเย็น ๆ จากขวดส่งให้

“กินดี ๆ สิ” พ่อดุ แล้วก็กลับไปกินต่อ ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติเหมือนผม

“ออมเคยมีแฟนด้วยเหรอ” ทุกคนชะงักมองหน้าผมราวกับผมเป็นตัวประหลาด

“เคยสิออมอายุ 25 แล้วนะ อีกไม่กี่เดือนก็ 26 แล้ว ไม่เคยมีแฟนสิแปลก”

“อ่อ” ผมเกาหูแก้เก้อ แล้วแฟนเก่าออมนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ผมถามในใจ มองออมที่ยังขมวดคิ้วเป็นปม ส่วนพ่อกินข้าวคำโต ตาก็มองทีวีไปด้วย

“เป็นผู้ชายด้วยนะ”

“ห๊ะ” ผมโพล่งเสียงดัง พ่อเองก็ชะงักช้อนที่จะตักข้าว

“แปลกใจอะไรมะยม เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะแปลกใจกับเรื่องแค่นี้อีกเหรอ”

“โถ่ ออม” ผมครางออกมาอย่างจนด้วยคำพูด



วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง หลังจากกินข้าวกันเสร็จผมช่วยออมเก็บกวาดจานชาม แล้วก็คอยมองดูออมเดินไปเดินมาอยู่ในครัว

“เกะกะว่ะมะยม มีอะไรทำก็ไปทำไป” ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ ออมนี่

“มะยมอยากช่วย”

“ช่วยอะไร ล้างจานแทนไหม ออมจะได้ไปดูละครกับลุงธร”

“ไม่ได้” เรื่องอะไรจะยอมให้ออมอยู่ใกล้พ่อ ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น

“หึง?” ผมอึกอัก ออมยิ้มมุมปาก แต่ก็หันกลับไปนั่งล้างจาน

ผมมองแผ่นหลังของออม แผ่นหลังเล็ก ๆ นั่นหมายถึงมันเล็กกว่าผม ทำให้ผมอยากปกป้อง ผมอยากเป็นที่พักพิงให้กับออมเหมือนที่พ่อเป็น และผมอยากให้ออมสนใจแค่ผม

ผมเดินกลับออกมาจากครัว มีแค่ทีวีที่เปิดทิ้งไว้ พ่อคงจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ออมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ แต่ออมไม่เคยบ่น ทุกครั้งที่ได้กลิ่นบุหรี่ ออมจะเดินเลี่ยงไปทำอย่างอื่น พอพ่อรู้พ่อก็ไม่เคยสูบบุหรี่ในบ้านอีกเลย

ผู้ชายคนนั่นทำทุกอยากเพื่อออมจริง ๆ

แคร่หน้าบ้านมีผู้ชายจับจองอยู่ แสงบุหรี่แดงวาปทำให้รู้ว่าผมเดาไม่ผิด ผมเดินไปนั่งลงข้าง ๆ พ่อหันมอง ส่งบุหรี่ให้ผม มันเป็นยาเส้นกับกระดาษ ต้องมวนเอง

“ออมไม่ชอบบุหรี่” ผมบอก ไม่รู้ทำไมถึงเริ่มต้นประโยคด้วยชื่อออม และหัวข้อก็ยังเป็นเรื่องของออม อาจเป็นเพราะเราสองพ่อลูก ผูกพันกับออม หรือไม่ก็รักออมเหมือน ๆ กัน

เรื่องหนักใจนี้ทำเอาผมนอนไม่หลับไปหลายคืน ผมนอนกับเมียพ่อ แถมยังข่มขืนเขาด้วย

ถึงแม้ออมจะไม่ใช่เมียพ่อแบบนั้นแต่ระหว่างผมกับพ่อ พ่อมาก่อนผม และออมเข้าหาพ่อเหมือนผมที่เข้าหาออม

ผมไม่มีทางสู้คนที่อยู่ในใจออมได้ นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามบอกตัวเอง

“ผมขอโทษ” ผมเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา พ่อยกมือขยี้หัวผมเบา ๆ

“กับออมไปถึงไหนแล้ว” พ่อถามต่อ

“ออมชอบพ่อ ไม่ได้ชอบผม” พ่อถอนหายใจ หยิบบุหรี่ไปมวนใหม่

“ถามออมหรือยัง”

“ไม่ต้องถามก็รู้”

“อย่าคิดไปเองสิ ถ้าไม่ถามเราจะไม่มีทางมั่นใจอะไรได้” พ่อพ่นควันสีขาวออกจากปาก แล้วมองหน้าผม

“มะยม ลองขอออมคบสิ” ผมมองหน้าพ่ออย่างไม่เข้าใจ แต่ผมก็ดีใจอยู่ลึก ๆ ที่พ่อสนับสนุนผมเรื่องออม

“พ่อไม่โกรธเหรอ”

“พ่อจะโกรธมะยมเรื่องอะไร”

“พ่อรักออมไหม” พ่อยิ้มให้ผม

“รักสิ พ่อรักออม” พ่อมองหน้าผม สูบบุหรี่ในมือก่อนจะพ่นควันออกจากปากและจมูก “แล้วพ่อก็รักมะยมด้วย”

“แต่..”

“ยังคิดมากอยู่อีกเหรอ พ่อบอกแล้วไงว่าพ่อจะเลิกทำแบบนั้นกับออมแล้ว แล้วออมก็เข้าใจออมเขาก็จะเลิกทำกับพ่อเหมือนกัน”

“พ่อ” ผมเรียกพ่อแผ่วเบา ทุกอย่างมันจุกแน่นในอก

“เรื่องของพ่อกับออมมันไม่ใช่ความรัก มันแค่อารมณ์ชั่ววูบของพ่อ มะยมจะให้อภัยพ่อกับออมได้ไหมลูก” ผมน้ำตาร่วงโผเข้ากอดผู้ชายตรงหน้าผมแน่น

“มะยมรักพ่อ”

“พ่อขอโทษ” พ่อกระซิบแผ่วเบา แล้วลูกหัวผมเหมือนเคย

“แต่พ่อขออย่างหนึ่ง อย่าพาออมไปจากพ่อ มะยมอย่าพาเขาไปไหน” ผมไม่เข้าใจคำขอของพ่อแต่ในน้ำเสียงมันมีความอาทรในนั้น พ่ออาจจะผูกพันกับออมไปแล้ว ไม่สิเราสองคนพ่อลูกผูกพันกับออมจริง ๆ



เช้าวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผมจะได้อยู่กับออม แต่ผมก็ทำตามใจตัวเองที่อยากอยู่กับออมไม่ได้ พ่อพาผมลงสวนเก็บเงาะเพื่อให้ออมขายในช่วงบ่าย แถมยังต้องเผื่อขายพรุ้งนี้อีก ออมเลยต้องไปเฝ้าแผงคนเดียว ไม่รู้มีใครมารุมจีบหรือเปล่า กว่าผมจะได้เจอออมอีกที่ก็บ่ายสอง

“เหนื่อยไหม” ออมถามตอนผมขนเงาะมาลงเพิ่ม ทุเรียนที่เตรียมมาขายหมดเกลี้ยงไปแล้ว

“เหนื่อยสิ พอเก็บเงาะเสร็จพ่อก็ทิ้งมะยมไปเลย เห็นว่าไปบ้านพ่อผู้ช่วย ฉลองเรื่องได้รางวัลธิดาชาวสวน” ออมพยักหน้ารับ หันไปขายของต่อเพราะลูกค้ามาถามเรื่องทุเรียนพอดี ผมมองดูคนทำหน้ายิ้มแย้มแล้วหายเหนื่อย

“เก็บของหรือยัง” ออมถามหลังจากลูกค้าคนนั้นไปแล้ว

“ไม่มีอะไรให้เก็บสักหน่อย” พูดแล้วก็ใจหายเย็นนี้ผมก็ต้องกลับหอแล้ว กว่าจะได้เจอออมอีกทีก็วันศุกร์ แถมนี่ก็ใกล้สอบบางทีผมอาจต้องอ่านหนังสือสอบอีก มันอาจยาวเป็นเดือนที่ผมจะไม่ได้เจอออม

ผมไม่เคยเกลียดการอยู่ห่างบ้านเป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเท่าตอนที่ผมตกหลุมรักออม ออมทำให้ผมคิดถึงบ้าน

“ลุงธรให้ค่าขนมเท่าไหร่อาทิตย์นี้”

“พ่อให้แค่พันเดียว” ออมก้มลงไปนับเงินในกระเป๋าแล้วส่งให้ผมเพิ่มอีก สองพัน

“ค่าแรงไง” ผมยัดเงินกลับให้ออม ผมไม่อยากได้เงินออม ผมอยากได้ความรัก แต่คนอย่างผมมันป๊อด ทั้ง ๆ ทีอาจจะไม่ได้เจอออมเป็นเดือน ผมควรเติมพลังใจให้ตัวเองเยอะ ๆ แต่ผมก็ไม่กล้า

“พอใช้เหรอ” ผมพยักหน้ารับ “แต่ช่วงนี้ใกล้สอบนี่ ไหนจะเคลียงานส่ง ไหนจะของกินดึก ๆ อีก ใช่เงินเยอะนะ” ออมเข้าอกเข้าใจเด็ก อาจเป็นเพราะเราวัยใกล้กัน และออมก็เพิ่งผ่านชีวิตช่วงมหาลัยมาไม่นาน แต่การขอเงินคนที่จะจีบใช้มันไม่เท่เลยสักนิด ผมอยากให้ออมประทับใจ

สุดท้ายเงินสองพันบาทก็อยู่ในกระเป๋าเงินผมอยู่ดี

“ถ้าไม่พอใช้บอกออมนะ ไม่ต้องกลัว อย่าอดช่วงสอบต้องบำรุงเยอะ ๆ” ผมพยักหน้ารับ อยากจับออมมาจูบแรง ๆ ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้

 ผมพาออมกลับบ้านตอนบ่ายสามกว่า ๆ ออมขายของหมดเร็วยิ่งกว่าเมื่อวาน เพราะออมอ้อนให้ลูกค้าช่วยซื้อของเยอะ ๆ ให้เหตุผลว่าน้องต้องรีบกลับเข้าเมือง ถ้าขายไม่หมดต้องกลับช้า มืดแล้วจะเป็นอันตราย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พอเจอออมพูดแบบนี้ก็ช่วยกันซื้อที 4-5 กิโล เงาะเกลี้ยงแผงไปอย่างรวดเร็ว

ผมมองคนเดินอารมณ์ดี ฮัมเพลงไปด้วยนับเงินไปด้วย มีความสุขเกินไปแล้ว ออมนั่งทำบัญชีที่ผมเห็นแล้วปวดหัว เพราะค่าใช้จ่ายเยอะแยะไปหมด เห็นออมแยกเงินเป็นซอง ๆ ไว้แล้วก็ทึ่ง ตอนพ่อทำเองไม่เห็นวุ่นวายขนาดนี้ มีตั้งแต่ค่าไฟค่าของกินของใช้ลามไปถึงค่าบุหรี่ลุงธร

แต่ผมจะปล่อยให้ไอ้การทำบัญชีนี่มาแย่งเวลาออมไปจากผมไม่ได้

“ออมไม่สนใจมะยมเลย” ออมหันมองผมแว๊บหนึ่ง แค่แว๊บเดียวจริง ๆ ก่อนจะหันไปจดยุกยิก ๆ ลงสมุด

“มะยมทำไม” ออมถาม ปิดสมุดบัญชี ก่อนจะหยิบอีกเล่มมาเปิดผมมองดูหน้าปกที่เขียนกำกับไว้ ตัวหนังสือตัวโตด้วยลายมือของออมว่า ‘สวนออม’ เล่มก่อนหน้าคือ ‘สวนลุงธร’

“มะยมอยากให้ออมสนใจ” ออมมองหน้าผมก่อนจะยิ้มมุมปาก

“เป็นเด็กเหรอ”

“ไม่เด็กแล้ว มะยมโตแล้ว แต่อยากให้ออมสนใจ” ออมหลุดขำ นี่ผมจริงจังนะ ออมหันมองก่อนจะเก็บสมุดบัญชีลง แล้วโน้มคอผมลงไปรับจูบ

“เปิดปากสิ” ออมกระซิบเสียงพร่า แล้วชกจูบผมอีกรอบ ลิ้นนุ่มนิ่มของออม แทรกเข้ามาในปากให้ผมได้ดูดเบา ๆ เนิ่นนานจนผมพอใจ

“มะยมชอบออม” ออมนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

“มะยมเคยบอกออมแล้ว พอออมบอกไม่ได้คิดอะไรมะยมก็ลากออมไปใต้ต้นเงาะ”

ผมจูบปิดปากออม ไม่ให้พูดถึงความผิดของผมอีก ผมอยากให้ออมลืมมัน อยากให้ออมลืมเรื่องไม่ดีที่ผมเคยทำ แต่ผมก็รู้อยู่เต็มอกว่าออมลืมมันไม่ได้ เหมือนที่ผมเองก็ลืมไม่ได้ว่าเคยทำร้ายออม

“มะยมขอโทษ” ผมผละออก ลูบหัวออมเหมือนที่พ่อเคยทำ ผมไม่รู้ ออมอาจจะชอบให้ลูบหัว ผมแค่ลอง ผมอยากให้ออมรู้สึกดี เพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับออมเลย อาจเป็นเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันน้อยมาก ออมอยู่กับพ่อ ส่วนผมอยู่กับการเรียน

ผมไม่กล้าโทรหาออมบ่อย ๆ เพราะไม่มีข้ออ้างในการคุยกับออม ทุกครั้งที่โทรมาผมจึงถามถึงแต่เรื่องพ่อ ผมอยากบอกคิดถึงออม อยากกอดออมใจจะขาด แต่สิ่งที่ผมบอกกับออมก็มีแค่ ‘อย่าตามใจพ่อมากนะ’ เพราะผมอิจฉาพ่อที่ได้รับความรักจากออม

ยิ่งหลังจากเกิดเรื่องคราวนั่น เหตุผลในการโทรหาออมเลยเป็นศูนย์ ผมได้แต่นั่งจ้องหน้าจอ พิมพ์คำว่าขอโทษซ้ำ ๆ แล้วลบ แล้วพิมพ์ใหม่ ผมไม่รู้ว่าออมยกโทษให้ไหม แต่พอผมกลับบ้านมาคราวนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ออมไม่โกรธ ทุกคนทำตัวปกติเหมือนไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงในบ้าน

และเรื่องของผมกับออมดูเหมือนจะมีความหวังเล็ก ๆ

“ออมรอให้มะยมมาขอโทษตั้งนาน” ออมยิ้ม เป็นรอยยิ้มเศร้าจนผมปวดใจ ผมก้มลงจูบออมเบา ๆ สอดลิ้นเข้าไปในปากที่ผมได้แต่มอง ผมดูดลิ้นออมเบา กลืนน้ำลายในปากออมลงคอ ดูดเม้มริมฝีปากนิ่ม ๆ ของออม ดึงคนที่นั่งแหงนหน้าจูบกับผมให้ลุกขึ้นยืน

ออมแข็ง ไม่ใช้ตัวออมแข็งทื่ออะไรแบบนั้น แต่ออมมีอารมณ์ ไม่ต่างจากผม ผมดันความแข็งตุงกางเกงเข้ากับออม ดูดลิ้นออมแรงขึ้นแทบจะกลืนลงในท้องอยู่แล้ว

ออมใช้มือลูบเป้าผมเบา ๆ จนตัวผมกระตุก ผละออกมามองหน้าออม ผมชอบที่ออมดูพอใจกับมัน ออมสอดนิ้วเข้าไปในกางเกงผม ใช้นิ้วเขี่ยทักทาย มันที่อยู่ในกางเกงก็เด้งตัวสู้นิ้วออม

ผมลากออมเข้าห้องของผม ห้องที่ผมเคยคิดอยากแชร์กับออม ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของออมและออมก็เป็นส่วนหนึ่งของผม ออมดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน

“ออมยังกลัวมะยมอยู่ไหม” ผมถามตอนที่ผลักออมล้มลงบนที่นอนของผม

“เคยกลัวที่ไหน” ออมตอบเสียงเบา ผมเลยหอมแก้มให้รางวัล

“มะยมขอนะ”

“ยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ออมผลักอกผมไว้เบา ๆ แต่ผมซุกจมูกลงกับซอกคอออม ดูดเนื้อนุ่ม ๆ ของออม ผมไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมอยากมีเซ็กส์กับออม

“มะยมรอไม่ไหวแล้ว” ผมกระซิบเบียดมันลงกับตัวออม ร่อนเอวเบา ๆ ไปหายืนยันว่ามันพร้อมสู้เต็มที่ ถ้ามันไม่ได้เข้าไปในตัวออมเร็ว ๆ นี้ไอ้มะยมคงขาดใจตาย

“ถ้าเลอะอย่ามาโทษกัน” ออมอ้อมแอ้มบอก เคยรังเกียจที่ไหน ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าออมกังวลอะไร

“อายเหรอ”

“ใครบ้างไม่อาย ออมไม่ได้เตรียมตัวนี่” ออมเงียบไปมองหน้าผม “มะยมมีถุงยางใช่ไหม”

“ไม่ใช้ได้ไหม”

“ไม่ได้มันสกปรก” ออมยื่นคำขาดผลักอกผมออก ผมเอื่อมไปหยิบถุงยางส่งให้ออม คนที่รับไปตาโต

“นี่ออมจะไม่รอดจริงเหรอ” ผมถึงกับหลุดขำ เป็นคนเริ่มเองแท้ ๆ

ออมอึด ถึกและโคตรทน

หลังจากผมจัดการออมเสร็จไปรอบหนึ่งในห้อง จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกออมจัดการผมมากกว่า เวลามีเซ็กส์กันออมเหมือนเป็นนางพญาและผมเหมือนตกอยู่ใต้อำนาจของออม ออมก็ลากผมมาอาบน้ำล้างตัวและจัดการผมอีกรอบในห้องน้ำ และอีกรอบในห้องของผม

เรี่ยวแรงผมแทบหมด นอนกอดออมที่หลับตาพริ้มให้ผมลูบหลังเบา ๆ ผมมองคนที่ซุกตัวเข้าหาผมเหมือนแมวขี้อ้อน ใจผมเต้นรัว มีความสุข

มีความสุขจนแทบสำลักมัน

ผมก้มลงจูบออมที่กลางหน้าผาก คลอเคลียออมไม่ห่าง จนเจ้าตัวต้องมองด้วยตาดุ ๆ

“จะทำอีกเหรอ” ออมทำหน้าสงสัย อะไรทำให้ออมคิดแบบนั้น

“มะยมหมดแรงแล้ว” ผมสารภาพ แถมความสุขที่ได้จากออมยังจุกจนล้นอกอีก ถ้าทำมากกว่านี้คงได้ตายคาอกจริง ๆ

“แล้วกวนออมไม่หยุด” ออมบ่น ซุกตัวเข้าหาผม ผมกระชับออมแน่นขึ้น ดึงผ้าห่มผืนบางที่อบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ออมเลือก

“หนาวไหม” ผมถาม ออมส่ายหน้าไปมา

“จะกลับกี่โมง” ออมถามเสียงแผ่ว

“อย่าทำเสียงเหมือนไม่อยากให้มะยมกลับสิ คนยิ่งไม่อยากไปไหน”

“ไม่ได้ เป็นเด็กเป็นเล็กต้องตั้งใจเรียน” ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเถียงคอเป็นเอ็นว่าผมไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ตอนนี้ผมอยากเป็นเด็กสำหรับออม ผมชอบที่ออมเอ็นดูผม

“ครับมะยมจะตั้งใจเรียน”

เขาว่ากันว่าความสุขคนเราหาได้รอบตัว

ผมในตอนนี้เจอความสุขของผมแล้ว แม้มันจะดูแปลกในสายตาคนอื่น และเรื่องราวมันไม่ได้โรแมนติกเหมือนในละคร

แต่ผมก็จะมีความสุขไปกับมัน

และผมไม่เคยเกลียดหอตัวเองเท่าวันนี้มาก่อน


จบแล้วจ้าา
 :mew1:




Talk….


ไม่รู้ว่าชอบกันไหม เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็นแนวบาป ๆ ถึงจะหม่นแต่ก็หวาน อยากให้จบแบบ มันยังไงนะแก?

เรื่องนี้เล่าผ่านตัวละคร 3 ตัว
แต่ละพาร์ทเราจะได้รู้ได้เห็นเรื่องจากมุมของคนเล่าอย่างเดียว เหมือนคนเราที่ก็ไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่าง และคนทุก ทุกคนย่อมมีบางอย่างที่ปิดบัง
มีใครอ่านแล้วสงสัยว่า ออม ลุงธร ทะยม ปิดบังอะไรไว้ไหม เราอยากให้คนอ่านมีอารมณ์แบบ ไม่ไว้ใจใครเลย ลุงธรจบเรื่องกับออมจริงเหรอ มะยมไว้ใจออมกับพ่อไหม ทำไมหายโกรธเร็ว เรื่องมันเกิดจากความไม่ตั้งใจ อารมณ์พาไป หรือเป็นเพราะใครที่ทำรถอ้อยคว่ำเรี่ยราด มาเม้าท์กัน
ตั้งใจอยากให้คนอ่านมีความระแวง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีมากพอที่จะทำให้คนอ่านจะสัมผัสได้ไหม

ขออภัยหากอ่านแล้วไม่ถูกใจ ติชมกันได้จะเก็บไปพัฒนาตัวเองต่อ

สุดท้ายขอบคุณที่ผ่านเข้ามาอ่านจ้าา


 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบนึกว่า 3 p  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ถ้าไรท์อยากให้ระแวง และสงสัยในตัวละครบอกเลยค่ะว่าสำเร็จ...... o22 แบบเราต้องเลื่อนมาดูตอนจบเลยว่าลงเอยแบบไหน เพราะ...
1.ตอนแรกเราเชียร์น้องมะยมเว้ย แบบเคมีกับออมมันได้ ทะเลาๆแล้วได้กัน  :hao7:
2.อ่านมาเรื่อยๆเอ้า ลุงธรนี่ดีเกินไปมะ หวังมรดกออมป่าว55555555 อ่านมาเรื่อยๆเอ้าเห้ยหรือลุงจะเป็น บาปของเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่จ้าาาา เพราะบาปกันหมด :z6: แล้วยังมีออรัล เซ็กส์ตั่งต่าง.... :a5: โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
3.อ่านพาร์ทลุง แล้วแบบ เอาแล่วๆรัก3เส้าอยู่ มันคงจะไม่3p ไหมเพราะไม่ไหวเราไม่ชอบแนวนี้
แต่หลังจากแอบอ่านตอนจบแล้วนั้นน้องมะยมวินว่ะ เลยเอ้อ สู้ๆนะลูกกกกกกกกกกกกกก เพราะตอนจบก็ยังไม่ได้เคลียร์ความรู้สึกกันเท่าไหร่ว่ารักน้องไหม ระหว่างลุงธรนี่แค่ผูกพันเนาะๆๆๆ  :z3: ไรท์มันต้องมีสเปนะเอาจริง ขอมุมมองมองภาพรวมๆทุกอย่างของออมอะะะะ และเรื่องนี้ประทับใจสุดคือภาษาอีสานจ้า อินี่ ก็อ่านออกสำเนียงตาม 55555555555555555555555555 แต่นี่สงสัยิอีสานจ.อะไรปลูกเงาะ ลำไย ทุเรียนได้อะ...อันนี้สงสัยเฉยๆนะ บ้านเราปลูกข้าวไง 5555555555555555 สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับบาปนี้ค่า  o1355555555555555 ขอสเปซักตอน กราบบบบบบบ  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ลุ้นให้เป็น3pเลยนะเนี่ย :katai2-1:

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Sweet Sin


Amour 01




ผมแตกต่าง


ผมเกิดมาพร้อมกับความผิดแผกจากคนทั่วไป

มันไม่ใช่ว่าผมมี 3 ขา 4 ตา อะไรแบบนั่น แต่ผมชอบผู้ชาย ผมไม่เคยคิดว่าผมแตกต่างจากคนอื่น ๆ แต่คนอื่นต่างหากที่บอกว่าพวกเรานั้นไม่เหมือนพวกเขา

การใช้ชีวิตที่ต้องปิดบังครอบครัวตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไหร่ ผมไม่กล้ามีแฟนเพราะกลัวเรื่องที่ผมชอบผู้ชายจะถึงหูพ่อกับแม่ แต่ถึงจะอยากมีให้ตายแค่ไหน ที่ ๆ ผมอยู่ก็ดูเหมือนจะห่างไกลเกินกว่าจะมีเกย์มาเกิด

ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของตัวเอง

ผมในอายุ 17 เลยต้องจากบ้านเกิดเพื่อมาเรียนต่อในกรุงเทพ ที่ที่เกย์มีมากกว่าเสาไฟฟ้า และผมหวังว่าผมจะเจอเนื้อคู่ของผมอยู่ซักซอกมุมหนึ่งของเสาไฟฟ้าสักต้นที่นี่

การจะมาเรียนในที่ไกลหูไกลตาพ่อกับแม่เป็นเรื่องลำบากอีกนั่นแหละ ผมต้องชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาหว่านล้อมให้พ่อกับแม่ฟังว่า มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ กับมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดของเรานั้นมันดีต่างกันอย่างไร ดีที่ได้น้าแก้วน้องสาวแท้ ๆ ของแม่ช่วยพูด แถมยังออกปากว่าจะดูแลหลานให้ แม่ผมเลยยอมปล่อยมา

“ใกล้ถึงแล้วโทรหาน้า” เสียงสุดท้ายของคุณน้าแสนสวยแถมยังใจดีบอกกับผม ก่อนขึ้นรถทัวร์เที่ยวเช้าสุด และถึงกรุงเทพในตอนเย็น ๆ

อันที่จริงครอบครัวผมไม่ได้ลำบากการเดินทางด้วยเครื่องบินก็ดูสะดวกดี แถมประหยัดเวลากว่าการนั่งรถ 10 ชั่วโมง แต่เพราะผมเกรงใจน้าแก้วที่เป็นธุระให้ ถึงแม้น้าแก้วจะบอกว่า จะจัดการเรื่องตั๋ว แต่พ่อกับแม่ที่ไม่อยากปล่อยผมไปไหนก็ยื่นคำขาดมาว่า ‘ถ้าแค่นั่งรถทัวร์ยังทนลำบากไม่ได้ ไปอยู่หอคนเดียวจะเอาตัวรอดได้ยังไง’ การนั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพเลยเป็นบททดสอบแรกของผม

ผมมาถึงหมอชิตในตอนเย็น เพราะรถที่ติดตั้งแต่รังสิตลากยาวมาจนถึงหมอชิตทำให้ผมมาถึงช้ากว่ากำหนดเกือบ ๆ สามชั่วโมง เชื่อแล้วว่ารถมันติดจริง ๆ

ผมโทรออกหาน้าแก้ว ว่าหลานชายสุดที่รักมาถึงกรุงเทพแล้ว ในตอนที่เดินต่อแถวกับคนอื่น ๆ ลงจากรถ

“น้าโจไปรอลูกหินที่หมอชิตแล้ว เดี๋ยวน้าโทรบอกน้าโจก่อน” น้าโจคือแฟนน้าแก้ว ทั้งสองคนแต่งงานกันเมื่อ 2 ปีก่อน ผมเคยเจอน้าโจ2-3ครั้งก็ตอนงานหมั้น งานแต่งแล้วก็ตอนที่น้าแก้วไปเยี่ยมที่บ้าน

ผมไม่ได้สนิทกับน้าโจเพราะน้าโจเป็นคนข้างเงียบพูดน้อย แต่น้าแก้วบอกว่า ‘ถ้าสนิทแล้วจะรำราญ เพราะโจพูดไม่หยุด’

น้าโจหล่อ ‘เป็นผู้ชายที่ใคร ๆ เห็นแล้วก็ต้องอยากได้ทำผัว’ ผมจำมาจากเพื่อน ๆ น้าแก้วพูดกันในงานแต่ง แต่ผมว่าน้าโจน่ากลัว ตาดุ แถมยังทำหน้านิ่ง แถมถามคำตอบคำอีกต่างหาก

“มาช้า” ผมสะดุ้งเพราะโดนกระชากกระเป๋าไปจากมือ ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดุดันแถมมันยังดูน่ากลัวเพิ่มไปอีกเพราะเหมือนน้าโจกำลังโมโห

“สวัสดีครับน้า” ผมพนมมือกลางอกทักทายคนมารับอยากเก้ ๆ กัง ๆ

“ของมีแค่นี้เหรอ” น้าโจยกเป้ขึ้นสะพายไหล่

“มีอีกสองใบใต้ท้องรถ” ผมยกแท็กรับกระเป๋าในมือให้ดู

“ขนอะไรมาเยอะแยะ” คนมารับมุ้ยหน้า ผมเลยต้องรีบไปเอาสัมภาระตัวเอง ก่อนน้าโจจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้

ทำไมน้าแก้วใจร้ายกับผมแบบนี้นะ แทนที่จะมารับกัน

พอต้องมาเจอน้าโจแบบนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูก เคยเจอกันไม่กี่ครั้งเองด้วย

คนหงุดหงิดเดินนำไปข้างหน้า เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน เปียกแนบไปกับลำตัว รอยเปียกตามจั๊กแร้ กับแผ่นหลัง ทำให้ผมพอจะรู้สาเหตุที่คนรอหงุดหงิด แต่ความผิดผมที่ไหนล่ะ

อากาศกรุงเทพนี่ก็แปลกตะวันตกดินไปตั้งหลายชั่วโมงแต่อากาศก็ยังร้อน ขนาดผมเพิ่งลงจากรถแอร์เย็นฉ่ำ เหงื่อยังผุดซึมตามขมับจนผมต้องยกแขนเสื้อขึ้นซับมันออกก่อนจะไหลเข้าตา

ผมเดินตามหลังน้าโจต้อย ๆ เพื่อไปลานจอดรถหน้าหมอชิต

แค่ผมมาถึงที่นี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงยังร้อนขนาดนี้แล้วคนมานั่งรอล่ะ ผมสงสารน้าโจ

“คราวหลังนั่งเครื่องบินมา” ผมสะดุ้ง น้าโจเร่งแอร์ในรถ ปลดกระดุมลง 3 เม็ด พิงหลังกับเบาะ หลับตาสูดอากาศ ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ ตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปอีก

“แม่ไม่ให้หินนั่ง” ผมบอก

“ให้แก้วซื้อตั๋วให้” น้าโจมองหน้าผม “มาแบบนี้ลำบากคนอื่น” ผมถึงกับสะอึก พูดไม่ออก น้าโจไม่ได้บ่นอะไรต่อ หันไปเข้าเกียร์รถแล้วขับออกไปข้างหน้า

ผมนั่งตัวลีบลงกับเบาะ พยายามทำให้ตัวเองเล็กที่สุด คือรู้แหละว่ามันไม่ได้เล็กลง คนเราย่อขนาดตัวเองไม่ได้ แต่มันเป็นความรู้สึกว่าเราตัวเล็ก

ผมมองผู้คนเดินริมถนน หอบข้าวของเยอะแยะ บ้างกำลังซื้อของกินตามรถเข็น บ้างกำลังรอรถตามป้ายรถเมย์

ผมกำลังมองอนาคตของตัวเอง อีกไม่กี่วันผมก็จะกลมกลืนไปกับคนเหล่านั้น

ใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและเร่งรีบนี้

ไอ้หินคิดถึงอากาศบริสุทธิ์ที่บ้านนอกจัง

“เป็นเกย์เหรอ” ห๊ะ ผมหันมองคนถามตาโต อะไรดลใจให้น้าโจถามผมแบบนี้หลังจากนั่งเงียบกันมานาน หรือน้าโจจะดูออก คนกรุงเทพน่ากลัวว่ะ

ผมไม่ได้ตอบคำถามเพราะไม่รู้จะตอบมันยังไง เลยหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ที่กำลังวิ่งขึ้นทางด้วย ภาพผู้คนริมถนนเปลี่ยนเป็นตึกสูง มองเห็นยอดตึกที่เปิดไฟอยู่ไกลลิบ

เมืองที่ไม่เคยหลับไหลเขาว่ามาแบบนี้

“เห็นนั่งจ้องนมกัน”

“หินไม่ได้จ้อง หินมองน้าโจที่ไหน” ผมเถียง ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมก็เอาแต่มองออกนอกรถ ไม่ได้หันไปสนใจอะไรทางนั้นสักหน่อย

“ไม่ได้มองน้า แต่ก็เอาแต่มองผู้ชายนอกรถ” คราวนี้ผมเถียงไม่ออกเพราะผมมองจริง ๆ แต่ที่มอง ก็แค่อยากรู้ว่า เกย์มันมีมากกว่าเสาไฟฟ้าจริงไหม แต่ผมไม่เห็นจะดูออกว่าใครเป็นไม่เป็น ผู้ชายมันก็เหมือน ๆ กันหมด



ผมถือของเดินเข้าบ้านน้าโจ ระหว่างรอหาหอผมต้องอยู่ที่นี่ และกว่าจะเปิดเทอมก็อีกหลายเดือน

‘หลานมันจะได้ปรับตัว’ น้าแก้วให้เหตุผลกับแม่ เพราะผมต้องมากรุงเทพก่อนกำหนดเปิดเทอมเกือบ ๆ 2 เดือน ‘ลงซัมเมอร์ปรับพื้นฐานก่อน จะได้เจอเพื่อน ได้ลองใช้ชีวิตคนเดียวด้วย’

แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ลองใช้ชีวิตคนเดียวอะไรนั่นอยู่ดี เพราะหลุดจากพ่อกับแม่ก็มาเจอน้าแก้วกับน้าโจ

น้าแก้วยืนยิ้มรอรับผมหน้าบ้าน ก่อนจะพาผมไปดูห้องนอนของผม

“แคบหน่อยนะหิน” น้าแก้วลูบหัวผมไปมา

“แคบอะไรละน้าแก้ว ใหญ่กว่าห้องที่บ้านอีก แถมมีห้องน้ำด้วย” น้าแก้วขำ ช่วยผมยกของไปวางบนเตียง

บ้านน้าโจหลังใหญ่ มันก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนในละคร แต่บ้านแบ่งเป็นสัดส่วน มีห้องหลายห้อง หลังบ้านมีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ที่ผมยังไม่เห็น แต่เดาว่าไม่น่าจะเล็กหรอก

“เดี๋ยวค่อยจัด ไปกินข้าวกันน้าโจรอ” พูดถึงเจ้าของบ้านแล้วก็ขนลุกขนชัน คนอะไรดุเหมือนหมาตำรวจ ถ้าไม่ติดว่าหล่อผมแทบไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำ

บ้านน้าโจไม่มีแม่บ้าน งานบ้านเป็นของน้าแก้วและมันกำลังจะเป็นของผมในเร็ว ๆ นี้

“ไม่ได้ให้มาอยู่ฟรี ๆ” น้าโจบอก

ผมรู้แหละว่าการมีสมาชิกเพิ่มมันก็คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายไปด้วย ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารการกิน แต่โดนพูดมาขนาดนี้ ผมก็ทำตัวไม่ถูก

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการออกมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่มันลำบาก ผมไม่ใช่คนรักสบาย อยู่บ้านผมทำงานบ้าน ซักผ้าเอง ว่าง ๆ ผมทำให้พ่อกับแม่ด้วย

แต่การโดนบอกว่าไม่ได้ให้มาอยู่ฟรี ๆ แบบนี้ก็หน้าชาเอาเรื่อง

“เดี๋ยวหินดูแลบ้านให้” ผมบอกก่อนจะ เก็บจานชามบนโต๊ะเดินเข้าครัว

“น้าฝากหน่อยนะลูกหิน น้าขอกลับขึ้นไปอาบน้ำก่อน” น้าแก้วที่เก็บโต๊ะเสร็จเดินถือจานมาวางลงในอ่าง

“ครับน้าแก้ว”

“อย่าคิดมากนะ น้าโจเขาไม่ได้รังเกียจลูกหินหรอก เขาปากเสียแค่นั่นแหละ” ผมถึงกับหลุดขำ น้าแก้วลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนเดินจากไป

ไม่ให้คิดมากได้ไง คนมันคิดไปแล้ว

“โกรธน้าเหรอ” น้าโจเดินมาพิงเค้าเตอร์ล้างจาน กอดอกหันมองผม

“ลูกหิน” น้าโจเรียกซ้ำ ผมรู้ว่าผมกำลังเสียมารยาท ที่เอาแต่เงียบไม่คุยกับผู้ใหญ่ แต่ผมกลัวจะเผลอหงุดหงิดใส่น้าโจต่างหาก

“หินไม่ได้ชื่อลูกหิน” น้าโจยิ้ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนผมเด้งตัวหลบ

“ยอมคุยกันแล้วเหรอ” ผมกลับมาล้างจานให้เสร็จจะได้ไปเก็บของต่อ เลิกสนใจน้าโจที่คงมาง้อผมแหละ แต่ผมงอนอยู่ อารมณ์ไม่ดีด้วย

“น้าไม่กวนแล้ว กลัวลูกหินไม่ชอบน้า” พูดจบน้าโจก็ตบก้นผมเบา ๆ

“ก้นนิ่มด้วย”

“น้าโจ!!” ไหนใครบอกกลัวหินไม่ชอบ แล้วมาทำแบบนี้ใครเขาจะชอบ คนอะไรผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วนี่มันวิธีที่คนกรุงเทพใช้ง้อกันเหรอว่ะ ตีก้นนี่นะ ใครมันจะไปหายโกรธ

ผมมองตามหลังเจ้าของบ้านที่เดินผิวปากอารมณ์ดีขึ้นไปบนชั้น 2 จะโวยวายมากก็ไม่ได้เดี๋ยวน้าแก้วตกใจ จะสะดีดสะดิ้งขัดใจก็กลัวน้าโจจับได้ว่าเป็นเกย์ ได้แต่ยืนกัดฟันถูกจานแรง ๆ ให้หายโมโห



ผมติดละคร เพราะชีวิตในบ้านอกหลังเลิกเรียนกลับมาบ้านก็ไม่มีอะไรให้ทำ จะเล่นเฟซบุ๊กก็น่าเบื่อเกิน เพราะผมเองก็ดันระแวงว่าใครจะมาแอบดูความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กแล้วคาบข่าวไปบอกแม่ผมไหม เพราะเพจหนุ่มหล่อต่าง ๆ ที่ผมแอบกดไลก์ไว้เงียบ ๆ จะไลก์รูปก็ไม่ได้ จะคอมเมนท์ก็ไม่ได้ ได้แต่เซฟลงเครื่องไว้ดู

ผมนั่งดูละครที่ผมชอบ น้าแก้วหลังกินข้าวเย็นเสร็จก็ขึ้นห้องนอนตลอด เห็นบ่นว่าแค่ทำงานก็เหนื่อยพอแล้ว ขอเอาเวลาไปนอนดีกว่า ส่วนเจ้าของบ้านอีกคน ก็นั่งจิ้มมือถืออยู่ข้าง ๆ น้าโจไม่ดูละคร แต่ก็นั่งคุมผมแบบนี้มา 2 วันแล้ว พอละครจบน้าโจก็กลับขึ้นห้องไปนอน ไม่มีการพูดคุยกัน

น้าโจทำผมอึดอัดเพราะผมเขินพระเอกละครได้ไม่เต็มที่ ได้แต่ยกหมอนอิงมากอด กำหมอนแน่น ระบายความฟินออกมา

“เป็นเกย์จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” น้าโจโยนหมอนใส่

“น้ายุ่งไรล่ะ” ผมโยนกลับ ความเกรงใจเริ่มไม่มี น้าโจกวนประสาทผมตลอด

“ชอบเหรอ มันกับน้าใครหล่อกว่า” ไม่รู้น้าโจไปเอาความกล้ามาจากไหนมาถามคำถามแบบนี้

“หลงตัวเอง” แค่ 3 วันผมก็แทบจะบ้าตาย ดีที่กลางวันผมอยู่บ้านคนเดียว และ wifi บ้านน้าโจแรงผมเลยหาอะไรดูแก้เบื่อ

แรงยวบของโซฟาทำให้ผมละสายตาจากหน้าจอหันมามอง น้าโจขยับเข้ามาให้ ดึงผมเข้าไปกอด ผมตกใจตัวแข็งทื่อ

“น้าถามอีกที น้าหล่อถูกใจหินไหม” ผมที่ทำอะไรไม่ถูก เกิดมาก็เพิ่งเคยโดนผู้ชายหล่อ กอดแน่นแบบนี้ น้าโจยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หน้าดุ ๆ ของเจ้าตัวทำผมใจสั่น

“ตอบสิไม่ตอบไม่ปล่อย” น้าโจขยับเข้าใกล้จนผมหลับตาปี๋ กลั้นหายใจ ลมหายใจอุ่น ๆ ของน้าโจกระทบข้างแก้ม ใจผมเต้นแรงไปกับสัมผัสอุ่น ๆ ของลมหายใจ

กลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวน้าโจทำผมเคลิ้ม มันชวนให้หลงไหล จนผมอยากลองจูบ ผมอยากชิมรสชาติของบุหรี่ที่ติดในปากน้าโจ เพราะเพื่อนผู้หญิงในห้องชอบบอกว่า ผู้ชายสูบบุหรี่เวลาจูบจะได้กลิ่นบุหรี่ติดลิ้น มันทำให้รสชาติของจูบอร่อย

ผมอยากรู้ว่าจูบมันอร่อยยังไง

“หล่อ” ผมตอบทั้งที่ยังหลับตา ได้ยินเสียง หึ เบา ๆ ก่อนน้าโจจะปล่อยผม แต่เจ้าของบ้านไม่ได้ขยับกลับไปนั่งที่เดิม

ผมมองน้าโจที่หันกลับไปสนใจหน้าจอมือถือของตัวเอง แล้วมองต่ำลงไปตามลำตัวแน่น ๆ ในเสื้อยืดพอดีตัว กับบอกเซอร์ขาสั้นที่พอนั่งทีไรก็รัดไข่ตลอด

เซ็กซี่โคตร ขนาดขนขายังเซ็กซี่

ผมไม่กล้ามองนาน กลัวจะโดนขาน้าโจเตะก้านคอ

“น้าไปนอนแล้ว” น้าโจบอก ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจผมมองทันจังหวะที่เสื้อน้าโจเปิดขึ้น เห็นขนหน้าท้องที่เรียงตัวกันหายลงไปในกางเกง เลือดในกายผมสูบฉีด หัวใจเต้นแรงเกินกว่าผมจะควบคุม และอย่างสุดท้ายผมดันมีอารมณ์

คืนนี้ผมจะหลับได้ยังไง ในเมื่อผมสลัดภาพขนหน้าท้องน้าโจออกจากหัวไม่ได้สักที



น้าโจและน้าแก้วเป็นวิศวกร น้าโจเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็ก ๆ น้าแก้วเป็นคนบอกว่าเล็กอีกนั่นแหละ แต่ผมไม่เคยไปหรอก เลยไม่รู้ว่าออฟฟิศน้าโจมันเล็กหรือใหญ่

“แก้วไปตรวจบ้านต่างจังหวัดไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ” ผมในฐานะผู้อาศัยแต่ตื่นสายกว่าเจ้าของบ้านตลอด พอเดินเข้าครัวปุ๊บก็เจอน้าโจนั่งจิบกาแฟในครัว

คนที่ทำผมฟุ้งซ่านไปค่อนคืน นั่งยกกาแฟขึ้นจิบ ตาดุจ้องมือถือในมือ

หล่อแฮะ

“น้าโจไม่ไปทำงานเหรอ” ตาดุหันมามอง แต่มุมปากเจ้าตัวอมยิ้ม ผมเริ่มจับทางน้าโจได้แล้ว คนหน้าดุ ไม่ได้ดุเลยสักนิด

“ไล่เหรอ” ผมพยักหน้ารับ หยิบขนมปังกับแยมผลไม้ออกจากตู้เย็น

“ร้ายนะเรา กินแต่ของไม่มีประโยชน์เหมือนแก้ว” น้าโจบ่น ทั้งที่ตัวเองก็จิบแค่กาแฟดำ ไม่เห็นกินอะไรเป็นมื้อในตอนเช้า เพราะพอผมตื่นมาก็มีแค่แก้วกาแฟในอ่างล้างจานแค่นั้น ไม่มีจานชามอย่างอื่นให้ผมล้างในตอนเช้า

ผมนั่งกินขนมปังทาแยมผลไม้ เห็นว่าผลิตจากทางเหนือ น้าโจซื้อมานานแล้ว แต่น้าแก้วไม่ชอบเพราะมันหวานและน่าจะทำให้อ้วน ผมเลยต้องกินแทนเพราะเสียดาย

แต่พอรู้ว่าใครซื้อมาแล้วก็พลอยทำให้รสชาติมันเฝื่อน ๆ คอหอยชอบกล

“ติดให้น้าหน่อยสิ” ผมมองมือขาวเนียนของน้าโจ เส้นเลือดหลังมือทำให้มันดูเซ็กซี่จนผมใจเต้นแรง

นี่ผมบ้าผู้ชายเกินไปแล้ว

ผมมองหน้าเจ้าของบ้าน เจ้าตัวพยักหน้าเร่ง ผมมือสั่นเล็กน้อย ตื่นเต้นที่ได้ติดกระดุมข้อมือให้น้าโจ ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่น้าโจให้ทำแบบนี้เหมือนผมเป็นเมียน้าโจไม่มีผิด

น้าโจเดินเข้ามาใกล้ยกมืออีกข้างให้ กลิ่นน้ำหอมจากตัวน้าโจลอยเข้าจมูก ผมแอบมองริมฝีปากน้าโจ มันติดรอยยิ้มมุมปาก ไรหนวดสีเขียวยิ่งทำให้น้าโจดูหล่อเข้าไปอีก

เป็นครั้งแรกที่ผมอยากโดนน่าโจหอมแก้ม

ไรหนวดสาก ๆ นั่นจะจักจี้ไหมนะ แล้วปากที่ผมอยากจูบนั่นอีก คราวนี้คงเต็มไปด้วยกลิ่นกรุ่นของกาแฟ รสชาติขมอมเปรี้ยวของกาแฟดำที่ผมเคยกิน จะต่างจากรสชาติกาแฟในปากน้าโจไหม

ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบน้าโจ ผมชอบทุกอย่างที่เป็นน้าโจ ผู้ชายคนนี้อันตรายต่อหัวใจผมจริง ๆ

ผมจะชอบน้าโจไม่ได้เด็ดขาด ผมพยายามเตือนสติตัวเอง

แต่ผมก็ต้องโยนสติทิ้งไปเหมือนแก้วที่โดนปัดทิ้งลงจากโต๊ะ มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนจำรูปร่างเดิมของมันแทบไม่ได้ เพราะน้าโจก้มลงใช้จมูกกดลงข้างแก้มผมเบา ๆ ไรหนวดที่ทิ่มโดนแก้มทำผมสะดุ้ง กลิ่นน้ำหอมของน้าโจลอยอวลรอบตัว

“ลูกหินหน้าแดง เขินน้าเหรอ” ผมตกตลึงกับการกระทำของคนตรงหน้า น้าโจรั้งผมเข้าไปกอดแนบชิดกับเจ้าตัว ไออุ่นของร่างกายส่งผ่านมาถึงกัน

รู้สึกดี

“น้าโจปล่อยหิน” ความคิดสับสนตีกันวุ่นวายในหัว ผมชอบน้าโจ ผมใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้น้าโจ แต่ผมไม่ควรปล่อยให้น้าโจทำกับผมแบบนี้

“จัดไทด์ให้น้าหน่อย” น้าโจกระซิบข้างหู กอดผมหลวม ๆ ผมผลักน้าโจออกห่างแต่น้าโจกอดผมแน่นเหมือนเดิม

“จัดไทด์ก่อนแล้วน้าจะปล่อย”

“น้าโจกอดหินไว้แบบนี้หินจะจัดได้ไง” ผมต่อรอง จ้องหน้าคนกอด น้าโจทำหน้าลังเลแต่ก็ยอมปล่อยผม ผมยกมือสั่น ๆ ไปขยับไทด์ให้

“ไปทำงานได้แล้ว” ผมไล่ น้าโจยิ้มยกกาแฟที่เหลือขึ้นจิบ “เจ้าชู้ว่ะ”

“น้าไม่ได้เจ้าชู้” คนโดนนินทาทำหน้าดุ

“หินจะฟ้องน้าแก้ว”

“เอาสิ” คนทำผิดท้า ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวสักนิด “แล้วเรามาดูกันแก้วจะเชื่อใคร หินหนือน้า”



ผมหลบหน้าน้าโจ อันที่จริงไม่หลบหน้าก็ได้ เพราะแต่ละวันผมเจอหน้าน้าโจแค่ตอนมื้อเย็นกับตอนนั่งดูละครหลังมื้อเย็นเท่านั่น แต่หลังจากวันนั้นโต๊ะอาหารก็มีแค่น้าแก้วกับน้าโจกินกันสองคน

“หินลดน้ำหนักนะน้าแก้ว ไม่กินอะไรหลังหกโมงเย็น กลัวใส่ชุดนักศึกษาแล้วไม่หล่อ” น้าแก้วขำแล้วบ่นผมว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว เริ่มดูแลรูปร่าง ส่วนน้าโจเหมือนจะโกรธผมอยู่ตลอดเวลา

ผมกะเวลาให้ทั้งคู่กินข้าวเสร็จแล้วค่อยออกจากห้องมาเก็บจานไปล้าง พอทำทุกอย่างเสร็จก็ปิดไฟในบ้านเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างของตัวเอง

“ไม่เห็นหินออกมาดูละครเลย” น้าแก้วถามผมในวันหยุด แต่น้าโจมีงานด่วน เลยต้องออกไปตรวจงาน

ผมช่วยน้าแก้วซักผ้าในตอนเช้า สาย ๆ น้าแก้วจะพาผมไปซื้อของใช้ในห้าง นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่ผมมาอยู่บ้านน้าโจ

“นอนดึกทำให้อ้วน อีกอย่าง หินดูละครย้อยหลังตอนกลางวันได้ ฉายจบปุ๊บลงออนไลน์ให้ดูทันทีเลย” ถึงจะบ้านนอกแต่ไอ้หินไม่โง่ให้น้าแก้วจับพิรุธได้หรอก

“เอาจริงเหรอ น้าว่าลูกหินของน้าหุ่นดีออก” ผมยิ้มให้น้าแก้วแทนคำตอบ

“หินไปเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวน้าพาไปซื้อของเลย เพราะเย็นนี้น้ามีนัดฉลองกับเพื่อน หินอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม หรือจะไปกับน้า ปาร์ตี้สาว ๆ นะ”

“หินอยู่ได้ น้าแก้วไปสนุกเถอะ” น้าแก้วลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนผละเข้าบ้านไปเปลี่ยนชุดเหมือนกัน

.
.
.
มีต่อด้านล่าง




ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ

ต่อจ้าา



ผมดูข้าวของมากมายกลางห้อง น้าแก้วซื้อของเก่ง อันนั้นก็จำเป็นอันนี้ก็ต้องใช้ แค่ซื้อชุดนักศึกษาผมไม่คิดว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ อาทิตย์หน้าผมต้องไปปรับพื้นฐานแล้ว นี่ยังไม่รวมเรื่ิองหาหอพักอีก จะไปดูเองก็ไม่รู้จักที่ทาง น้าแก้วไม่ยอมให้ไปเองอีกด้วยแหละ

ไหนใช้ชีวิตคนเดียวที่น้าแก้วบอกแม่ รอบตัวผมมีแต่น้าแก้วน้าโจคอยอำนวยความสะดวกทั้งนั้น

“เดี๋ยวน้าจะออกแล้วนะดูแลบ้านดี ๆ ละ” ผมพยักหน้ารับ เดินมาส่งน้าแก้วที่หน้าบ้าน โบกมือบายบาย เหมือนเด็ก ๆ ก่อนจะปิดประตูบ้านแล้วกลับไปนอนเลื้อยดูทีวีตรงโซฟา

ผมเผลอหลับปล่อยให้ทีวีดูตัวเองเหมือนที่แม่ชอบบ่นเวลาผมหลับหน้าทีวีที่บ้าน มาสะดุ้งตื่นตอนที่รู้สึกถึงก้อนหนัก ๆ ทับบนตัวจนหายใจไม่ออก

ใบหน้าหล่อเหลาที่ผมพยายามเลี่ยงมาตลอดหลายวัน กลับอยู่ตรงหน้าผม ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจที่ผสมไปด้วยกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ ตาดุจ้องผมจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน

“หลบหน้ากันทำไม” น้าโจถาม

“น้าโจลวนลามหิน”

“ก็หินน่ารัก น้าอดใจได้ที่ไหน”

“ได้ไม่ได้ก็ต้องอด น้าโจแต่งงานแล้ว”

“เวลาอยู่ด้วยกันอย่าพูดถึงคนอื่นสิ”

“คนอื่นที่ว่ามันน้าหินไง” ผมผลักตัวหนัก ๆ ของน้าโจออก แต่แทบไม่ขยับ น้าโจจับข้อมือผมกดลงกับโฟซา

“น้าโจปล่อยหิน” ผมยื้อแขนตัวเองกลับ พยายามบิดข้อมือให้หลุด

“หินกำลังดื้อกับน้า” คนเมาก้มลงหอมแก้มผม ผมเลยดิ้นแรงขึ้นให้หลุดไปจากน้าโจ แต่แรงเรามันต่างกัน ผมเลยดิ้นไม่หลุด

“น้าโจปล่อย”

“รู้แล้วเหรอว่าดิ้นไปก็เสียแรงเปล่า”

“หินไม่เล่น”

“น้าก็ไม่เล่น” พูดจบคนที่ทับผมอยู่ก็ซุกไซร้ซอกคอผม ลิ้นชื้น ๆ ของน้าโจตวัดเลียตามลำคอมเบา ๆ ผมขนลุกซู่ สะดุ้งทุกครั้งที่น้าโจขยับลิ้นไปมาสลับกับดูดเนื้อผม

ความเสียวมันแล่นวูบวาบไปทั่งตัวตั้งแต่ปลายเท้าลากมาถึงกลางหัว ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมได้เรียนรู้จากน้าโจ มันทั้งตื่นเต้น รู้สึกดี จนผมไม่อยากให้หยุด

น้าโจเลิกเสื้อผมขึ้นไปกองบนอก ผมสะดุ้งเพราะคนที่ผละออกจากซอกคอผม ก้มลงไปกัดเบา ๆ ที่หัวนม

“หินชอบไหมครับ” น้าโจถามเสียแหบ ขยับขึ้นมาหอมแก้มผม ส่วนนิ้วมือก็วนเขี่ยหัวนมผมเบา ๆ

ผมไม่ได้ตอบคำถามน้าโจเพราะละอายใจเกินกว่าจะยอมรับว่าผมรู้สึกดี และผมชอบเอามาก ๆ

น้าโจเก่งทำผมระทวยไปหมด ผมเกลียดตัวเองที่สุดท้ายก็ปล่อยอารมณ์ไปกับน้าโจ เราจูบกันครั้งแล้วครั้งเล่า น้าโจเล่นกับร่างกายผมจนทั่วไปหมดและสุดท้ายมันจบตรงที่ ผมมีอะไรกับน้าโจบนโซฟาหน้าทีวี

ผมมองน้าโจดึงกางเกงขึ้นสวมติดกระดุมกลับเข้าที่ แล้วก้มหยิบเสื้อเชิ้ตมาถือไว้ในมือ มันเป็นภาพที่ผมคุ้นเคย ผมเห็นในทีวีบ่อย ๆ เวลาตัวโกงได้เสียกับนางร้าย มันก็ลุกขึ้นแต่งตัวแบบนี้ ไม่ได้กอดก่ายกันเหมือนที่พระเอกทำกับนางเอก

ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้

ผมมองน้าโจ้แต่งตัวช้า ๆ ส่วนผมก็ลุกมาใส่เสื้อผ้าเองบ้าง มันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด แค่รู้สึกโหวง ๆ ที่ก้น พอ ๆ กับที่ใจมันเจ็บ

ผมทำเรื่องไม่ดีลับหลังน้าแก้ว ผมเป็นชู้กับผัวน้า น้าที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแม่

ผมลุกขึ้นยืนหันหลังเดินกลับเข้าห้อง แต่น้าโจดึงแขนผมไว้

“หินอย่าคิดมากนะ” ผมมองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง น้าโจบอกไม่ให้ผมคิดมาก ผมไม่เข้าใจความคิดผู้ชายคนนี้ เราเพิ่งทำเรื่องไม่ดีมาก ๆ กันไป เขาแทบจะข่มขืนผมด้วยซ้ำในตอนแรก แต่คำพูดแรกจากปากเขาคือ ไม่ให้คิดมาก

ไม่มีคำขอโทษจากปากน้าโจ ผมอยากรู้ผู้ชายคนนี้รู้สึกผิดบ้างไหม เขาจะรู้สึกแย่เหมือนที่ผมกำลังรู้สึกอยู่หรือเปล่า

“อยากให้น้าอยู่เป็นเพื่อนไหม” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ “แก้วเขาดื่มหนักคงจะค้างกับเพื่อน ๆ น้านอนเป็นเพื่อนหินได้นะ”

ผมดึงมือตัวเองออกจากน้าโจแล้วหอบสติพัง ๆ ของตัวเองกลับเข้าห้อง สำนึกสุดท้ายก่อนหลับไปคือเสียเคาะประตูหน้าห้อง แต่ผมไม่สนใจจะเปิดมัน รู้อยู่แล้วว่าคงเป็นเจ้าของบ้านนั่นแหละ



ผมตื่นในช่วงสายของวันถัดมา ร่างกายปกติดีไม่มีอะไรสึกหรอ ความรู้สึกโหวง ๆ ที่ก้นยังมีอยู่ สัมผัสของน้าโจยังชัดเจนในความรู้สึก ผมถอนหายใจหนัก ๆ

เป็นการเริ่มต้นวันได้แย่จริง ๆ

น้าแก้วกลับมาบ้านแล้ว

เสียงดังในครัวกับกลิ่นอาหารเรียกความสนใจของผม น้าแก้วที่หันหน้าเข้าเตากำลังทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ

นี่ผมทำอะไรลงไป

“ตื่นแล้วเหรอเรา” ผมยิ้มทักทายน้าแก้ว

“มีอะไรให้หินช่วยไหม”

“หินช่วยยกกับข้าวที่เสร็จแล้วไปบนโต๊ะให้น้าหน่อย” ผมพยักหน้ารับ ยกกับข้าวไปที่โต๊ะกินข้าว

น้าโจนั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถืออยู่ ผมวางกับข้าวลงบนโต๊ะ คนที่เล่นมือถือเลยเงยหน้าขึ้นมอง

“หินโอเคใช่ไหม เมื่อคืนน้าเคาะประตูตั้งนานไม่ยอมเปิด”

ผมเดินหนีน้าโจกลับเข้ามาในครัวยกกับข้าวที่เหลือ น้าแก้วทำกับข้าวอย่างสุดท้ายเสร็จพอดี

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารชวนให้อึดอัด ผมไม่อยากมองหน้าน้าโจด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นน้าโจกับน้าแก้วคุยกันกระหนุงกระหนิงผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

“หินไม่สบายหรือเปล่าทานน้อยจังเลย” น้าแก้วถาม ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมกินก็ตอนโดนทักนี่แหละ

“หินไม่ค่อยหิว”

“เหรอ มีอะไรบอกน้าได้นะ” มันบอกได้ที่ไหนล่ะ หรือถ้าบอกไปแล้ว น้าแก้วจะมองผมเหมือนเดิมไหม

“ไปหาหมอไหมน้าพาไป” น้าโจถาม สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยนั่นยิ่งทำให้ผมไม่ชอบใจน้าโจ

“หินสบายดี น้าโจไม่ต้องเป็นห่วง” ผมมองสีหน้าเป็นกังวลของน้าแก้วแล้วก็เจ็บในใจแปลก ๆ

ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ผมไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

“อันที่จริง หินอยากคุยเรื่องหอ”

“ทำไมล่ะ” น้าแก้วถาม ส่วนน้าโจมองหน้าผมทันทีแถมยังขมวดคิ้วเป็นปม

“ก็มันใกล้จะเปิดเรียนแล้ว แต่หินยังไม่ได้หอเลย หินกลัวหอดี ๆ จะเต็มก่อน”

“จริง ๆ หินอยู่กับน้าก็ได้ น้าโจเขาก็เต็มใจให้หินอยู่ด้วย ไม่ต้องเกรงใจน้านะ จะได้ประหยัดเงินค่าเช่าหอด้วย”

“หินคิดมาหลายวันแล้วน้าแก้ว หินเกรงใจ” ผมโกหก ผมเพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี่แหละ ผมทนอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนี้ไม่ไหวแน่ ทนเห็นหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวของน้าแก้วไม่ได้

“อยู่บ้านน้ามันไม่ดีตรงไหน” น้าโจถามก่อนจะลุกจากโต๊ะ ทิ้งให้น้าแก้วมองตามด้วยความเป็นห่วง

“หินทำให้น้าโจงอนแล้วรู้ตัวไหม”


น้าโจพยายามจะเข้ามาคุยกับผมหลายครั้งแต่ผมก็เลี่ยงได้ตลอด

ไม่ว่าน้าโจน้าแก้วจะชวนผมไปทำอะไรกินข้าวนอกบ้าน หรือแม้แต่เดินเที่ยวห้าง หรือซื้อของเข้าบ้านผมก็ไม่ยอมไปด้วย ถ้ามีน้าโจ

“หินหลบหน้าน้า ไม่ยอมคุยกับน้า น้าง้อหินหลายวันแล้ว หินไม่สงสารน้าเหรอ” น้าโจถามผมในครัว เพราะผมมีหน้าที่ล้างจานผมเลยเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกน้าโจขึ้นห้องไปแล้วผมไม่คิดว่าน้าโจจะกลับลงมาอีก

“น้าชอบหินนะ อย่าทำแบบนี้กับน้า” ผมมองคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่ยังมาบอกชอบผมอย่างไม่อายปาก

“น้าโจแค่เมา น้าโจไม่ได้ชอบหินจริง ๆ หรอก” ผมเถียง พยายามใจเย็นไม่ใช่อารมณ์ กลัวน้าแก้วจะได้ยิน

“หินเป็นน้าเหรอถึงได้รู้ว่าน้าชอบหินจริงหรือไม่จริง”

“หินไม่ชอบคนเห็นแก่ตัว”

“หิน เรามาคุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ”

“น้าแต่งงานแล้ว จะมายุ่งกับหินทำไม”

“หินไม่เข้าใจ แก้วก็ส่วนแก้ว หินก็ส่วนหิน”

“เห็นแก่ตัว”

“หิน หินไม่เข้าใจน้า”

“จะให้หินเข้าใจอะไรคนเจ้าชู้ เอาได้แม้กระทั่งหลานเมียตัวเอง”

“น้าเสียใจว่ะ หินไม่พยามเข้าใจน้าเลย หินไม่ยอมฟังน้า”



ผมไม่ได้คุยกับน้าโจอีกสกิลการหลบหน้าผมยังเก่งเหมือนเคย น้าแก้วดูเป็นกังวลที่ผมไม่ยอมกินข้าวด้วยแม้จะคะยั้นคะยอยังไงก็ตาม ผมให้เหตุผลเดิมคือ คุมน้ำหนัก

น้าโจดูเศร้าลงไปมาก ตาดุ ๆ ของน้าโจดูเศร้าเวลามองผม ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า แต่ผมจะใจอ่อนไม่ได้ ถ้าผมยอมให้น้าโจ เราก็จะทำเรื่องไม่ดีกันอีก

วันเปิดเรียนมาถึงโดนที่ผมยังไม่ได้หอ น้าแก้วขับรถมาส่งที่มหาลัยในตอนเช้า

“ตื่นเต้นไหมเรา” หน้าแก้วที่มาส่งผมดูกระตือรื้อร้นกว่าผมเสียอีก ชี้ชวนให้ดูคณะต่าง ๆ ในมหาลัยไม่หยุด

“น้าแก้วดูตื่นเต้นกว่าหินอีก” น้าแก้วขำ ลูบหัวผมเบา ๆ

“น้าเคยอยากเรียนที่นี่ แต่โง่สอบไม่ติด ลูกหินของน้าเก่งสอบติด ตั้งใจเรียนนะ” ผมน้ำตาคลอ โผเข้ากอดน้าแก้ว จนคนตื่นเต้นแทนผมหัวเราะร่วน

“ใช้ชีวิตให้คุ้มนะ ทำตามใจตัวเองบ้างก็ได้ บางอย่างคนอื่นอาจมองว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี แต่ถ้าเรามีความสุข ก็ไม่ต้องแคร์อะไร” ผมฟังที่น้าแก้วสอนอย่างตั้งใจ น้าแก้วทำท่าเหมือนจะพูดต่อ แต่ก็หยุดไปก่อน “น้ารักหินนะ”

“ร้องไห้เป็นเด็ก ๆ”

“ไม่ได้ร้อง” ผมเช็ดน้ำตาจากแก้มก่อนจะยืนมองน้าแก้วที่ขับรถออกจากคณะผมไป

ผมเริ่มปรับตัวให้เข้ากับชีวิตนักศึกษา เพื่อนใหม่ รวมไปถึงบรรยากาศการเรียนที่แตกต่างไปจากตอนเรียนมัธยม

ผมสนุกกับสังคมใหม่นี้ของผม โยนเรื่องทุกข์ใจทิ้งไป ทำความรู้จักและเรียนรู้สิ่งที่เข้ามา ผมมีปัญหาที่ต้องให้เจอทุกวันทั้งเรื่องขึ้นรถเมย์ผิดสาย นั่งเลยป้าย รถที่ติดหนักจนผมเพลียหรือแท็กซี่ที่ไม่ยอมให้ผมขึ้น ชีวิตในกรุงเทพของผมไม่ง่ายเลย

“หินเดี๋ยวตอนเที่ยง ๆ น้าจะพาไปดูหอนะ” น้าแก้วโทรบอกผมในช่วงสายของวัน มันเป็นช่วงพักเบรคพอดี

แม้จะแปลกใจที่อยู่ ๆ น้าแก้วก็ยอมให้ไปอยู่หอ อาจจะเป็นเพราะผมบ่นเรื่องการเดินทางให้น้าแก้วฟังทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็น และน้าแก้วเองก็ไม่ได้ว่างมาส่งผมทุกวันเพราะงานน้าแก้วก็ยุ่งมากเหมือนกัน

ผมเดินออกจากโรงอาหารคณะในตอนเที่ยง น้าแก้วบอกว่ามาถึงแล้ว เพราะกลัวน้าแก้วจะรอนานเลยรีบเดินออกมาจนเกือบสะดุดบันไดลงไปกองกับพื้นให้ได้อับอาย

“รีบอะไรขนาดนั้น” เสียงดุดังมาจากข้างหลัง ผมที่ตั้งสติได้หันมอง ดวงตาคมดุจ้องผมอย่างตำหนิ น้าโจเดินมาแย่งกระเป๋าผมไปถือในมือ ก่อนที่มืออีกข้างจะฉวยมือผมไปกุม

“น้าโจปล่อยหิน” ผมพยายามบิดข้อมือผมออกจากคนฉวยโอกาสตรงหน้า

“หินไม่อายเพื่อน ๆ เหรอมองกันใหญ่แล้ว” ผมมองตาม มีบ้างที่คนมองผมกับน้าโจด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อย่าโวยวายแล้วเดินตามน้ามาดี ๆ” พูดจบคนที่ไม่น่าจะอยู่แถวนี้ได้ ก็ลากผมขึ้นรถตัวเอง ปิดประตูแล้วล็อครถทันที เหมือนรู้ว่าผมอยากหนีไปจากตรงนี้

“หินใจร้ายมากรู้ตัวไหม” น้าโจหันมาต่อว่าผมเสร็จก็ขับรถออกจากมหาลัยตรงไปยังห้างที่อยู่ใกล้ ๆ กัน

รถจอดนิ่งสนิทในลานจอดรถแต่น้าโจยังไม่ยอมปลดล็อค เอานั่งเงียบอยู่พักใหญ่

“พาหินมาที่นี่ทำไม” น้าโจหันมองหน้าผม เอื้อมมือมากุมมือผมบีบเบา ๆ ผมมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับรอดูว่าน้าโจจะทำอะไรต่อ

“หิน น้าเป็นเกย์”


 :pig4:

สวัสดีคุณ Kun ,niyatann ,yunnutjea ,twinmonkey0311 นะคะ


Amour เป็นซี่รี่ส์ Sweet Sin เรื่องที่ 2 ค่ะ
เรื่องนี้ 2 ตอนจบค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

เจอกันตอนหน้าจ้า

 :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เดาว่าน้าแก้วคงรู้อยู่แล้ว และคงมีข้อตกลงอะไรบางอย่างที่แต่งงานกัน รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
หืมมมมมมมม ตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องต่อ แงๆๆ 555555555555
ถ้าน้าแก้วรู้เห็นเป็นใจด้วย มันก็จะไม่(ค่อย)บาปนะ หรือยังไง....
เรื่องนี้ไม่เชียร์น้าโจว่ะ ถึงแม้ความจริงในตอนหน้าจะมีเบื้องหลัง แต่แบบที่ทำกับหิน และน้าแก้วแบบนี้มันไม่gentle เลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คืออะไร????? รอตอนหน้าด้วยใจจดจ่อ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ติดตามค่ะ
ไม่ชอบอาโจเลย ถ้ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรจริงก็ควรจะบอก คุยกันก่อนที่จะมีอะไรกับน้อง

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
Sweet Sin

Amour 02




น้าโจเป็นเกย์

น้าโจร้องไห้ตอนบอกกับผมว่าตัวเองเป็นเกย์

ท่าทางอ่อนล้าที่น้าโจแสดงออกทางสีหน้า ทำให้ผมสงสารน้าโจจับใจ ดวงตาที่เคยดุดัน มาตอนนี้มันแดงก่ำ เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“น้าเสียใจ แต่น้าไม่เคยคิดจะหลอกแก้วนะ แต่สังคมเขาไม่ยอมรับคนแบบเราไง หินเองน่าจะเข้าใจน้า” น้าโจทิ้งตัวลงกับเบาะยกแขนขึ้นปิดหน้าตัวเอง

เสียงสะอื้นเบา ๆ ของน้าใจทำผมปวดใจยิ่งกว่าตอนที่ผมปิดบังน้าแก้วเสียอีก ผมมองดูคนที่เคยสุขุม ความเท่ในตัวที่ใครหลายคนต่างชื่นชมและดึงดูดคนให้หันมอง แต่บัดนี้เปลี่ยนเป็นความเปราะบาง ไม่หลงเหลือมาดวิศวกรหนุ่มที่เราเจอกันครั้งแรก

“พ่อกับแม่น้าเขาอยากให้น้าแต่งงานมีครอบครัว เพื่อน ๆ ก็อยากให้น้ามีหน้ามีตางานการมั่นคง มีคนชื่นชม แก้วเองก็อยากให้น้าเป็นสามีที่ดีให้เธอ แล้วมีใครรู้บ้างว่าน้าต้องการอะไร น้าแค่อยากมีคนเข้าอกเข้าใจน้า รักน้าในสิ่งที่น้าเป็นจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่น้าพยายามสร้างมัน” น้าโจมองหน้าผม แววตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“หิน น้าเหนื่อยแล้ว น้าทนไม่ไหวแล้ว ตอนที่น้ารู้ว่าหินจะมาอยู่กับเรา น้าดีใจมากเลยรู้ไหมครับ”

“น้าโจหิน” น้าโจยกมือขึ้นมาปิดปากผม นิ้วหัวแม่มือลูบริมฝีปากผมเบา ๆ

“หินเป็นคนคนนั้นให้น้าได้ไหม อยู่เคียงข้างน้า เป็นคนรักของน้านะครับ”

“แต่น้าแก้วละ”

“แก้วก็อยู่ส่วนแก้ว น้าเคยบอกหินแล้ว”

“แต่ว่า”

“ถ้าหินไม่ยอมเป็นเมียน้า น้าก็จะไปหาคนอื่น”

“แต่ถ้าหินอยู่กับน้าโจ มันก็นอกใจน้าแก้วอยู่ดี”

“แต่น้าทนอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าหินไม่ยอมน้า น้าก็นอกใจแก้วไปมีคนอื่นอยู่ดี หินรับได้เหรอที่น้ามีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว หินรับได้เหรอที่น้าอาจจะไปเจอคนไม่ดีแล้วแย่งน้าไปจากแก้ว หรือพยายามทำให้น้ากับแก้วเลิกกัน แก้วเองก็คงไม่มีความสุขหรือสบายใจแน่ ๆ ที่สามีไปมีเมียน้อย กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ หรือไม่กลับเลย แต่ถ้าหินยอมเป็นของน้า น้าก็อยู่แค่กับหินและแก้ว อยู่ในบ้านของเรา แก้วจะไม่มีวันว่าเรื่องของเรา หินคิดดี ๆ ทุกอย่างน้าให้หินตัดสินใจ”

เหมือนน้าโจเป็นคนดีที่ยกอำนาจตัดสินใจให้ผม แต่การโยนหน้าที่สำคัญแบบนี้มาให้ผมน้าโจช่างเป็นคนเลือดเย็นจริง ๆ

มือใหญ่แต่เรียวสวยของน้าโจวางลงบนต้นขาของผม เส้นเลือดบนหลังมือนูนชัดที่ผมเคยชอบ น้าโจบีบต้นขาผมเบา ๆ มองหน้าผมด้วยสายตาเว้าวอน

“นะหิน”

“แต่หิน” น้าโจโน้มตัวมาจูบผม ผมไม่รู้ว่าคนเศร้าเสียใจหยุดร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาแดงช้ำจากการร้องไห้เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเจ้าของมันร้องไห้

ลิ้นนุ่มของน้าโจแทรกเข้ามาในปาก หลอกล่อหันเหความสนใจจนผมหลงกล เบาะนั่งโดนปรับเอนลง

“น้าโจนี่มันกลางห้างนะ” ผมดันไหล่น้าโจไว้ เจ้าตัวยิ้มให้ผม ยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มผมไปมา ลูบมันเบา ๆ ด้วยนิ้วโป้ง

“น้าคิดถึงหิน แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว” จมูกโด่งของน้าโจจู่โจมซอกคอผมทันที ลิ้นชื้นแฉะตวัดเลียจนผมเสียวสะท้านไปทั้งตัว กระดุมเสื้อนักศึกษาโดนปลดแบบไม่รู้ตัว น้าโจหลอกล่อพร้อม ๆ กับจัดการต้อนผมจนจนมุม สุดท้ายผมก็ถูกน้าโจจัดการในรถของน้าโจ



“หินว่าที่เราทำมันไม่ถูกต้องนะน้าโจ” ผมก้มมองตักตัวเองด้วยความสับสน สองมือขยุ้มกางเกงบนหน้าขา หลักฐานความผิดพลาดยังหลงเหลืออยู่ตรงหน้า กางเกงที่ยังไม่รูปซิป กับรอยเปียกดวงเล็ก ๆ บนกางเกงในของผม ตอกย้ำความผิดในใจ

“หินมองหน้าน้า” น้าโจประคองผมให้หันสบตากัน

“หินชอบน้าไหม ไม่ต้องคิดถึงเหตุผลความถูกผิด แค่ชอบหรือไม่ชอบ” น้าโจถาม แผ่นอกขาว ๆ กับซิกแพคเป็นลอนสวยของน้าโจดึงดูดสายตา ผมยืนมอไปลูบมันเบา ๆ น้าโจมองตามมือผม ก่อนจะทาบทับมือตัวเองลงไป

“หิน… หินชอบน้าโจ” น้าโจยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายระยับบ่งบอกว่าเจ้าตัวพอใจกับคำตอบของผม

“แต่เราไม่ต้องทำแบบนี้กันก็ได้ น้าโจแค่เลิกกับน้าแก้ว แล้วเรามาคบกัน”

“หินไม่เข้าใจน้า” น้าโจหน้ามุ้ยทิ้งตัวลงกับเบาะ ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนพูดต่อ “แก้วท้อง”

ผมร้องไห้ น้ำตาผมไหลออกมาโดนที่ผมไม่รู้เนื้อรู้ตัว ภาพน้าโจที่เคยชัด ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มเลือนลาง พล่าเบลอไปในที่สุด

นี่ผมทำอะไรลงไปบ้าง

น้าโจดึงผมเข้าไปกอด เอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ว่า น้าขอโทษ พร้อมกับลูบหลังผมไปมา

“ทุกอย่างต้องโอเค ถ้าหินตกลงเป็นเมียน้า จะไม่มีใครต้องเสียใจ แก้วก็ยังมีสามี หลานของหินจะยังมีพ่อ และหินก็มีน้า แต่ถ้าหินไม่ตกลง น้าก็ไม่รับประกันอนาคตเหมือนกัน ว่าน้าจะเจอคนที่รักแก้ว รักลูกของน้าได้เหมือนหินไหม น้ารู้ว่ามันยาก แต่เชื่อน้า เราจะผ่านมันไปด้วยกัน เชื่อใจน้านะหิน”

“ทำไมทำกับหินแบบนี้ ทำไมถึงให้หินตัดสินใจเรื่องแบบนี้” ผมถามเสียงแผ่ว ไม่ว่าทางไหนก็แย่ไปหมด ผมไม่อยากให้น้าแก้วกับลูกในท้องขาดพ่อ

“ตอนนี้หินยังเด็ก หินอาจจะไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่ แต่เชื่อน้าเถอะหินโตกว่านี้อีกหน่อย หินจะเข้าใจมัน เราทุกคนจะเข้าใจกัน” น้าโจติดกระดุมเสื้อให้ผม ทั้งที่ของตัวเองก็ยังไม่ได้ติดเหมือนกัน

“หินเชื่อใจน้าไหม” น้าโจถามย้ำ

ให้เชื่ออะไรเรื่องอะไร เชื่อเรื่องว่าทุกอย่างจะโอเค เชื่อว่าน้าโจจะทำให้ทุกคนมีความสุขนะเหรอ

มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อตอนนี้ มันมีแต่ความทุกข์



น้าโจกลับบ้านดึก แถมผมยังพยายามหลบหน้าน้าโจอีก เราเลยแทบไม่ได้คุยกัน

หลังจากเรื่องที่เกิดในลานจอดรถวันนั้นผมยังไม่ได้ให้คำตอบกับน้าโจ และผมก็ไม่ได้ย้ายออกจากบ้านน้าโจ เพราะผมไม่มีโอกาสได้ไปดูหอ แถมน้าแก้วยังขอให้อยู่ด้วยกัน น้าแก้วให้เหตุผลว่าตัวเองท้อง อีกหน่อยจะจัดการงานบ้านไม่สะดวก พออ้างเรื่องงานบ้านเรื่องแพ้ท้องสารพัด ผมก็หมดหนทางจะสู้

“หินไม่ต้องดูแลน้าก็ได้ แต่จะไม่มีคนคอยดูแลน้าโจ น้าเป็นห่วงโจนะ”

ผมก็เลยต้องอยู่บ้านน้าโจต่อ

“พักนี้โจทำตัวแปลก ๆ” น้าแก้วบ่นบนโต๊ะอาหาร พอรู้ว่าตัวเองท้องน้าแก้วก็ทานมื้อเช้าทุกวัน แถมยังกินเยอะเอามาก ๆ

“หินว่าโจเขามีเมียน้อยหรือเปล่า” ผมสะดุ้งแทบทำช้อนหล่นจากมือ

“ทำไมน้าแก้วคิดแบบนั้นละ” น้าแก้วทำหน้าเครียด จ้องหน้าผม

“ช่วงนี้ที่น้าท้อง น้ากับโจไม่ได้มีอะไรกันเลยนะ แล้วพักหลัง ๆ มาโจเขากลับบ้านดึก น้าว่ามันผิดปกติ” คิ้วน้าแก้วขมวดเป็นปมกลางหน้าผาก

“น้าโจอาจจะงานยุ่ง น้าแก้วก็บอกเองว่า ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องก็ไม่ค่อยออกต่างจังหวัด น้าโจก็ต้องทำแทนส่วนของน้าแก้วไง” ผมให้เหตุผล พยามพูดไม่ให้น้าแก้วคิดมาก แม้ตัวผมเองจะกังวลอยู่เหมือนกัน

‘น้าจะไปมีคนอื่น’ น้าโจเคยบอกผม

“โจเขาเป็นเจ้าของบริษัทนะหินงานมันไม่เยอะขนาดนั้น แล้วงานของน้าอะก็โยนไปให้ผู้ช่วยกับลูกทีมน้าทำ น้าไม่ได้โยนงานให้โจ”

“น้าแก้วอย่าคิดมากสิ น้าโจรักน้าแก้วจะตาย”

“คงเป็นเพราะน้าท้องแน่เลย ปกติโจเขาก็ไม่เคยทำตัวไม่ดี อาจจะงานยุ่งจริง ๆ ก็ได้ หินรีบกินเถอะ เดี๋ยวไปเรียนสาย”

“ครับ” ผมยิ้มให้น้าแก้ว อยากปลอบให้น้าแก้วสบายใจมากกว่านี้ แต่ผมในเวลานี้คิดคำพูดดี ๆ ไม่ออกเลยจริง ๆ



วันทั้งวันผมเรียนแทบไม่รู้เรื่องเอาแต่คิดเรื่องน้าโจ ในหัวผมมีแต่จะทำยังไงไม่ให้น้าโจมีคนอื่น เห็นใจน้าแก้วก็ส่วนหนึ่ง แต่ลึก ๆ ในใจผมรู้ดีว่าผมหึง

ผมหึงน้าโจกับคนอื่น ซึ่งมันเป็นใครก็ไม่รู้

ผมตัดสินใจไปเดินห้างหลังเลิกเรียน พยายามสลัดภาพน้าโจกอดคนอื่นออกจากหัว แต่แล้วผมก็แทบสะดุดขาตัวเองล้มหัวทิ่ม เมื่อเจอน้าโจนั่งอยู่ในร้านอาหารกับผู้ชาย

ผมลังเลว่าควรเอายังไงดี ผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นลูกค้าหรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานน้าโจก็ได้ แม้จะร้อนใจแต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปวุ่นวายกับชีวิตของน้าโจขนาดนั้น

ผมก้าวถอยหลัง หมุนตัวเดินจากไป ภาพที่น้าโจยิ้มกว้างให้ผู้ชายอีกคนติดอยู่ในหัว ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นของน้าโจเป็นใคร



ผมเปลี่ยนช่องทีวีเป็นสารคดี เบื่อละครที่มีแต่ตบตีแย่งผู้ชายกันไปมา

น้าโจยังไม่กลับบ้าน และวันนี้ผมรอน้าโจ

แสงไฟสาดเข้ามาพร้อมกับเสียงรั้วหน้าบ้าน เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของบ้านกลับมาถึงบ้านแล้ว ช้ากว่าปกติตั้งหลายชั่วโมง

“น้าโจไปไหนมา” ผมลุกขึ้นยืนมองหน้าเจ้าของบ้าน

“ทำงานไง” น้าโจขมวดคิ้ว เดินเลยผมไปที่บันได

“เดี๋ยว” น้าโจหยุดเดินหันหลังมองมาทางผม

“หินมีอะไร น้าเหนื่อย”

“พรุ่งนี้ น้าโจไปส่งหินหน่อย” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง ไม่ถามเรื่องผู้ชายคนนั้น เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่จะถามได้ไหม น้าโจเคยบอกว่าชอบผมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวน้าโจได้ อีกอย่างน้าโจดูเหนื่อยจริง ๆ ผมไม่อยากชวนทะเลาะตอนนี้

“ได้ น้าไปนะ” น้าโจเดินต่อ แต่ก็หยุดชะงักก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาดึงผมเข้าไปกอด

ปากนุ่ม ๆ ของน้าโจประกบจูบลงมากับปากผม ฟันคมกัดริมฝีปากล่างผมเบา ๆ ก่อนน้าโจจะใช้ลิ้นตวัดเลีย แล้วดูดมันเข้าปากตัวเอง

“รอน้ากลับบ้านเหรอ” น้าโจยิ้ม แม้สีหน้าดูเหนื่อยล้าไปบ้าง แต่ตาคมดุมีประกายแวววาว ชวนหลงไหล

น้าโจไม่รอให้ผมตอบก้มหน้าซุกลงกับซอกคอผมใช้ปากขบเม้มไปตามผิวหนังจนผมหลุดเสียงคราง มือผมสอดไปตามเส้นผมหนาแต่ก็นุ่มมือ น้าโจผละออกมองหน้าผม เราประกบจูบแลกลิ้นกันอีกครั้ง ก่อนเจ้าของบ้านจะผละห่าง

“พรุ่งนี้ น้าจะรอหิน”

“ครับ” ผมครางรับ น้าโจก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นชั้นสอง ทิ้งผมให้นั่งกุมอกตัวเอง หัวใจเต้นรัว



ผมตื่นสาย เพราะเมื่อคืนคิดมากเรื่องผู้ชายที่นั่งในร้านอาหารกับน้าโจ แถมเรื่องที่น้าโจบอกจะรอผม กว่าจะข่มตาหลับก็เกือบตีสอง

ทันทีที่ลุกผมรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก รถน้าโจยังจอดอยู่ที่เดิมแสดงว่าน้าโจยังไม่ไปทำงาน ผมรีบเดินกลับเข้าบ้านไปจัดการธุระของตัวเอง

“ยิ้มอะไรนะหิน” น้าโจเลิกคิ้วมอง กอดอกในชุดพร้อมไปทำงานรอหน้าประตูห้องผม

“หินตื่นสาย ก็นึกว่าน้าโจจะไม่รอหินแล้ว แต่เมื้อกี้วิ่งไปดูรถมา รถยังอยู่ น้าโจยังรอหิน หินดีใจ” น้าโจทำหน้าแปลกใจ ยิ้มมุมปากแถมยังหูแดงด้วย

“น้าก็ดีใจ ที่หินยอมให้น้าไปส่ง”

“งั้น หินไปอาบน้ำนะ” น้าโจพยักหน้าเปิดประตูห้องให้ผม แต่ไม่ยอมหลบ ผมต้องแทรกตัวเองเข้าไปใกล้กันจนได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวน้าโจ ผมอยากหยุดอยู่ตรงนั้น แล้วซุกตัวเองเข้ากับอกหน้าโจ สูดกลิ่นหอมนั่นให้เต็มอิ่ม แต่ก็ได้แค่คิดเพราะแค่นี้ น้าโจก็ไปทำงานสายแล้ว

ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามหลัง น้าโจปิดประตูให้แต่ไม่ได้ตามเข้ามา แถมก่อนปิดยังทำตาเจ้าชู้ใส่อีก ส่วนตัวผมเองก็รีบหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ผมใช้เวลาในห้องน้ำราวสิบนาที รีบจนแทบจะลื่นล้มหัวแตกเพราะกลัวน้าโจรอ

แต่พอก้าวออกจากห้องน้ำ ร่างใหญ่ ๆ ที่นอนราบไปกับเตียงของผมกลับทำให้ผมแปลกใจ ผมก้าวเท้าเข้าไปดูใกล้ ๆ น้าโจนอนหลับตากอดหมอนที่ผมหนุนไว้ในอก ผมกวาดสายตามองสำรวจคนแอบมานอนในห้องผมอย่างพิจราณา

หล่อ

คำเดียวที่ผุดขึ้นในหัว ผมนั่งลงข้าง ๆ น้าโจ เจ้าตัวลืมตาช้า ๆ

“น้าโจง่วง”

“น้าไม่ได้ง่วง น้าแค่อยากนอนกอดหิน” น้าโจมองหน้าผม ยกหมอนที่กอดในอกขึ้นดม แต่ตามองหน้าผม

“ได้ไหม” น้าโจถามย้ำ

“ทุกทีไม่เห็นขอ อยากได้ก็ทำตลอด”

“น้ากลัวหินโกรธ” ใจผมเต้นรัว ทั้งน้ำเสียงทั้งสีหน้าแววตาที่น้าโจใช้มองผม มันทำให้ผมสั่นรัว ใจอ่อนโอนเอนคล้อยตาม

น้าโจจับมือผมไปลูบเบา ๆ ที่เป้ากางเกง กดมือผมให้กำรอบแท่งเนื้อใต้กางเกง ผมมองหน้าคนที่นอนหลับตาพริ้ม ครางเบา ๆ ตามจังหวะนวดเฟ้นของผม

“หิน จะทำอะไรน้า” ใจผมสั่นไหวกับคำพูดนั้น ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่ม กลับมากล่าวหาว่าผมเป็นคนเข้าหา

ผมเลื่อนตัวลงต่ำปลดซิบกางเกงน้าโจลง ล้วงเข้าไปสัมผัสมันข้างใน น้าโจกระดกสู้มือผม ผมลูบมันเบา ๆ ก่อนจะควักออกมานอกกางเกง น้าโจลืมตามองหน้าผม ดวงตาฉ่ำวาวไปด้วยแรงอารมณ์

ผมขมับมือขึ้นลงตามความยาว เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันเป็นชัด ๆ เต็มสองตา เส้นเลือดนูนขดเลื้อยไปตามความยาว ผมกลืนน้ำลายลงคอ

ใหญ่ขนาดนี้ เข้าไปในตัวผมได้ไงว่ะ

น้าโจเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดแต่ผมหยุดมือนั่นไว้

“ทำไมละหิน น้าอึดอัด” น้าโจถามเสียงพล่า ทำหน้าอ้อนขอ

“หินชอบแบบนี้” น้าโจยิ้มขยับพิงหมอน

“ชอบหนุ่มออฟฟิศเหรอเรา” น้าโจแซวต่อ

ก็แค่รู้สึกว่าแบบนี้มันเซ็กซี่ดี

ผมก้มลงดมมันใกล้ ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ดึงดูดให้ผมอ้าปากอมมัน ผมตวัดลิ้นเลียมันเบา ๆ น้าโจสดุ้งแอ่นเอวขึ้นตาม ก่อนจะหลุดเสียงครางจากในลำคอ

ผมดูดมันแรงขึ้นกลืนมันลงคอจนสำลักแต่ก็ไม่ยอมหยุด ยิ่งน้าโจครางไม่หยุดผมยิ่งได้ใจ

น้าโจต้องคิดถึงแต่ผม ผมไม่รู้ว่าเก่งพอให้น้าโจติดใจไหม แต่ฟังจากเสียงครางทุ้มต่ำในคอกับเอวที่ลอยแทบไม่ติดเตียงของน้าโจผมว่าผมสอบผ่านในเรื่องนี้

ผมอมแท่งเนื้อพองใหญ่คับปากลงจนสุดโคน แม้มันจะทิ่มคอจนแทบขย้อนอ้วกออกมา แต่เสียงครางของน้าโจมันทำให้ผมได้ใจ ผมจะสู้ เพื่อให้น้าโจเป็นของผมคนเดียว

ผมกลืนกินน้าโจสบับกับใช้มือขยับช่วยเป็นจังหวะ ลิ้นตวัดเลียส่วนหัวดูดกินของเหลวรสชาติเค็มปะแล่มเข้าปาก

กลิ่นของน้าโจทำผมมัวเมาไหนจะรสชาติของน้าโจอีก มันทำให้ผมไม่อยากที่จะหยุดกลืนกินมัน

ผมควานมือเข้าไปในกางเกงน้าโจ ควักไข่แฝดนั้นออกมาข้างนอก ผละจากแท่งเนื้อใหญ่โตลงไปลงเลงลิ้นหยอกล้อกับมัน ความนุ่มยุ่นสัมผัสกับลิ้น รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย กระตุ้นให้ผมอยากทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น

“หิน น้าจะเสร็จแล้ว พอก่อน” น้าโจใช้มือยันหัวผมไว้ หอบหายใจหนัก ๆ

“ไม่เอา” ผมจับมือน้าโจ ตวัดเลียแท่งเนื้อตรงหน้าเบา ๆ ลากลิ้นขึ้นลงตามความยาว ก่อนจะเลือนต่ำลงไปยังถุงเนื้อนุ่มนิ่ม

น้าโจกัดฟันครางเบา ๆ ผมมองมบหน้ามีความสุขนั่น หัวใจก็พองคับอก ลิ้มตวัดเอาถุงเนื้อเข้าปาก ดูดกลืนมันจนเจ้าของแอ่นตัวตาม จมูกซุกลงสูดกลิ่นน้าโจเข้าปอด ลิ้นตวัดเลียถุงเนื้อในปาก ตาจับจ้องมองหน้าเจ้าของทันอย่างไม่อาจละสายตา

“หิน น้าจะไม่ไหวแล้ว” ผมผละออก ก่อนจะครอบปากตัวเองลงกับแท่งเนื้อ ตวัดดูดกลืนจนน้าโจบิดตัวไปมา ก่อนจะเกร็งไปทั่งตัว เด้งสะโพกสวนปากผมจนแทบสำลัก

“หิน” น้าโจเรียก ใช้มือดันหัวผมเบา ๆ มห้ผมคายแท่งเนื้อนั้นออกจากปาก แต่ผมไม้ยอม ใช้มือตัวเองยึดทือน้าโจไว้ สอดนิ้วมือประสานกันทั้งสองมือ ปากดูดกลืนทำหน้าทีสร้างความสุขสมให้คนปรือตามองผม ครางเครือไม่หยุด

น้าโจสวนสะโพกรัวขึ้น ลิ้นผมก็ตวัดเลียมนปากไม่แพ้กัน

“หิน” ของเหลวอุ่นร้อนพุ่งเข้าในคอ ผมกลืนกินมันจนหมดไมีมีเหลือ น้าโจครางเสียงต่ำทิ้งตัวลงกับหมอน ผงกหัวขึ้นสบตากับผม หอยหายใจหนัก ๆ

ผมยังดูมันเบา ดูดกลืนทุกหยด ใช้มือขยับปลุกมันเบา ๆ

“ซน” น้าโจดุ แต่ดวงตาพราวระยับบ่งบอกว่าเจ้าตัวพออกพอใจให้ผมเล่นกับมันได้ตามสบาย


.
.
.
มีต่อด่านล่าง

ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ
.
.
.
มาต่อกันรูยยย


น้าโจหน้าบึ้งแถมยังหงุดหงิดผมด้วย สาเหตุก็เพราะ ผมไม่ยอมให้น้าโจต่อรอบสอง คนที่ถูกผมขอให้พามาส่งเลยงอแง

ผมลังเลว่าควรคุยเรื่องผู้ชายในร้านอาหารนั่นไหม ดูจากอารมณ์น้าโจแล้วผมก็ไม่อยากเสี่ยงทะเลาะกัน

“ช่วงนี้ทำไมกลับบ้านดึก” แต่ความสงสัยในใจมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะถาม

“ก็…ทำงานไม่เสร็จ” น้าโจตอบ ตาดุยังจ้องมองถนน

“แต่น้าแก้วบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทงานไม่เยอะ” คราวนี้น้าโจหันหน้ามามองผม เลิกคิ้วสงสัย

“ใครบอกงานไม่เยอะ หินก็รีบ ๆ เรียนให้จบแล้วมาช่วยงานน้า”

“หินเรียนบัญชี ไม่เรียนวิศวะเหมือนน้าแก้วน้าโจ หินจะช่วยอะไรได้”

“ช่วยน้าดูบริษัทไง” คนบอกให้ผมดูบริษัทพูดหน้าตาเฉยเหมือนพูดเรื่องซื้อของในตลาด นี่น้าโจเข้าใจอะไรผิดไปไหม

“เดี๋ยวน้าสอน”

“รอสอนลูกตัวเองนู้น”

“หืม หินหงุดหงิดอะไรน้าไหม” เราสบตากันในรถ ก่อนจะเป็นผมที่หันหน้าหนีไปอีกทาง

“หินหันมาคุยกันก่อนสิ น้าต้องเป็นคนงอนหินไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ ๆ กลายเป็นหินที่งอนน้าละ”

“น้าโจมีสิทธิ์อะไรมางอนหิน” ผมทิ้งตัวลงกับเบาะหยิบมือถือขึ้นมาตอบแชทเพื่อนในคลาสที่นัดกันทานมื้อเที่ยงหน้ามหาลัย

“งอนเป็นผู้หญิง” น้าโจถอนหายใจ ขับรถต่อ

“จะไม่บอกน้าจริงเหรอว่างอนเรื่องอะไร น้าง้อไม่ถูก” น้าโจฉวยมอผมไปกุม บีบเบา ๆ ให้รู้ว่าเจ้าตัวรอคำตอบอยู่

“ทำไมกลับบ้านดึก”

“เรื่องนี้เหรอ ปกติหินก็ไม่ยอมเจอหน้าน้าอยู่แล้วนี่ จะกลับช้ากลับเร็วก็ไม่ได้เห็นหน้าหินอยู่ดี”

“มีคนอื่นเหรอ” ผมถามออกไปในที่สุด มอที่กุมมือผมอยู่บีบแน่นขึ้น

“มีแค่หินคนเดียว” น้าโจบอก น้ำเสียงหนักแน่นทำให้ผมมั่นใจว่าเจ้าตัวพูดจริง

“กลับดึกไม่ใช่ว่าไปเที่ยวกับเด็กที่ไหนนะ” น้าโจหัวเราะในลำคอ ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ

“ทำตัวเหมือนเมียเข้าไปทุกที”

“ก็อยากได้หินเป็นเมียไม่ใช่เหรอ” คราวนี้น้าโจหันมาทำหน้าดุ แต่กลับยิ้มมุมปาก

“คิดดี ๆ ก่อนพูดอะไร น้าไม่ให้เปลี่ยนใจนะ”

คราวนี้ผมเงียบ หันมองคนขับรถจำเป็น ที่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว

ผมชอบน้าโจ ข้อนี้ผมแน่ใจ

แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องของเรามันควรเป็นไปในทิศทางไหนดี แอบคบกันหลับลังน้าแก้วต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ มันจะมีความสุขจริงนะเหรอ แต่ถ้าผมปล่อยน้าโจไป นั่นแหละทุกข์แน่ ๆ

ผมเลวมากไหม

“คิดมากอะไรอีก” น้าโจถามตายังมองถนนเหมือนเดิม

“คิดเรื่องตัวเองเป็นเมียน้อย”

รถวิ่งมาจอดริมถนนหน้ามหาลัย ถัดไปอีกไม่กี่ร้านเป็นร้านข้าวที่ผมนัดกับเพื่อน ๆ ไว้ น้าโจหันมามองผม วางมือลงบนหน้าขาแล้วบีบมันเบา ๆ

“เชื่อน้าสิ หินตัดสินใจถูกแล้ว” น้าโจก้มลงหอมแก้มผม

“น้าดีใจที่หินยอมเป็นของน้า”

“หินยังไม่ได้ตกลงสักหน่อย”

“ถึงจะไม่ได้พูดเป็นคำพูด แต่อาการหึงเนี่ยมันก็ชัดแล้วว่าหินคิดยังไงกับน้า” ผมมองคนเจ้าชู้ ทำหน้าภูมิอกภูมิใจแล้วหมั่นไส้

น้าโจปลดเข็มขัดนิรภัยโน้มตัวลงมาใกล้ ยกมือขึ้นลูบแก้มผมเบา ๆ สายตาแวววับบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการอะไร ปากนุ่นฉกจูบลงมา ผมเปิดปากรับลิ้นน้าโจเข้ามาในปาก ขยับองศาให้เราจูบกันได้ถนัด ๆ

“น้าโจนี่หน้ามหาลัยนะ” ผมเตือนสติ

“นิดเดียวน้า หินไม่ยอมให้น้าเอาเมื่อเช้า” น้าโจเถียง ไม่ยอมท่าเดียวจะจูบต่อ

“แต่หินใช้ปากให้จนเสร็จไปแล้ว”

“อยากเอาไง ยังไม่ได้เอามันก็ไม่หายอยาก” คนหน้าหงิกเถียงต่อ จับหน้าผมล็อคไว้ก่อนจะป้อนจูบให้ผมอีกคำใหญ่ น้าโจผละออกซบหน้าผากลงกับไหล่ ก่อนจะเลือนจมูกเข้าซอกคอผม

“โจ” ผมดุ

“อีกทีสิ” น้าโจมองหน้าผม ผมยิ้มถูกใจ “เรียกน้าอีกทีสิ”

“โจ” คราวนี้เสียงดังกว่าเดิมด้วย น้าโจหัวเราะ

“ลามปามว่ะ จับจูบให้ปากแตก” แม้จะดุแต่สีหน้าและแววตา ของน้าโจดูพออกพอใจ

“ถ้าพูดไม่ฟังหินไม่เคารพแล้ว”

“ครับโจไม่ทำก็ได้ครับ” คำแทนตัวเองของผู้ชายวันสามสิบกว่า ๆ ดูน่ารักจนผมใจเต้นรัว “เรียกบ่อย ๆ นะโจชอบ เหมือนได้เป็นเด็กอีกรอบเลยว่ะ” น้าโจบ่นกับตัวเอง ปากก็ยิ้มไม่หุบ

ท่าจะบ้า



ความสัมพันธ์แบบผิดบาปของผมน้าแก้วน้าโจ ดำเนินต่อไป ผมยังคงเป็นหลานที่ดีต่อหน้าน้าแก้ว แต่ลับหลังผมกับน้าโจก็แอบมามีอะไรกันในห้องผมบ้าง หรือโรงแรมบ้างตามแต่น้าโจจะพาไป

วันนี้ก็เช่นกัน น้าโจกอดผมไว้หลวม ๆ จากด้านหลัง  เราเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล น้าแก้วคลอดแล้วได้ลูกชาย หน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู

‘ให้หลานชื่ออะไรดีหิน’ น้าแก้มถามผมตอนที่ผมไปเยี่ยม หน้าตาน้าแก้วซีดเซียวแต่ก็ดูมีความสุข สองแขนประคองทารกตัวน้อยในมือ

‘ลูกน้าแก้วนี่ ถามหินทำไม’ ผมมองทารกน้อยที่หลับพริ้มในอกน้าแก้ว นี่ถ้าโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าโดนลูกพี่ลูกน้องแย่งพ่อไป มันจะลุกขึ้นมาต่อยผมไหม

น้าโจยิ้มไม่หุบ อยากอุ้มไอ้ตัวเล็กแต่น้าแก้วเองก็ไม่ยอมปล่อยให้อุ้ม

‘ขอโจอุ้มบ้าง’ น้าโจขออีกรอบ คนเป็นพ่อทำตาละห้อยมองหนูน้อยในมือแม่

‘โจเพิ่งกลับจากไซต์งาน ฝุ่นเต็มตัว สกปรก บอกให้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ไม่ยอม’ คนเห่อลูกทำหน้าสลด

‘หินอุ้มน้องไหม’ น้าแก้วถาม ผมหันมองน้าแก้วสลับกับน้าโจ แล้วก้มมองหนูน้อย

‘หินอุ้มได้เหรอ’ ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

‘ได้สิ’ น้าแก้วบอกก่อนจะยกหลานให้ผมอุ้ม ผมประครองเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด เกร็งตัวไปหมดจนน้าแก้วขำ กลัวว่าจะอุ้มน้องแรงเกินไป

‘กลับไปคิดชื่อให้น้องด้วย’ น้าแก้วสั่ง ผมพยักหน้ารับ ส่วนน้าโจได้แต่มองตามตาละห้อยเหมือนเดิม


“โจ” ผมเรียกคนที่นอนกอดผม

“อะไร”

“ตั้งชื่อลูกได้ยัง”

“แก้วให้หินตั้งให้”

“แล้วโจไม่อยากตั้งชื่อลูกเองเหรอ”

น้าโจเงียบไป ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนจะกดจมูกลงกับท้ายทอยผม ผมรู้สึกลิ้นชื้นแฉะตวัดไปมากคบหลังคอ ขนในกายลุกชัน มือน้าโจลูบตามตัวผมไปมา ก่อนจะหยุดที่หัวนม

“โจตามใจหินอยู่แล้ว” น้าโจกระซิบกลับไปขบหลังคอผมต่อ

“โจ เพิ่งเอาเสร็จไปเองนะ” ผมปราม ยังไม่พร้อมต่ออีกรอบ น้าโจอึดแถมยังเครื่องติดไวอีก ถ้าไม่อยากเปลืองตัวอย่าวอแวกับน้าโจ

และอย่าปล่อยให้น้าโจวอแวกับตัวเองตัว

“ไม่ทำแล้ว แค่กอดเฉย ๆ”

“มันแค่กอดตรงไหนเนี่ย”

“จะให้ทำยังไง” ผมไม่ตอบ หยุดมือน้าโจไว้บอกเด็ดขาดว่าไม่ให้เอาต่อแล้ว

“หอม” ผมพูดจบน้าโจก็ก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“เอาอีกไหม” คนที่เพิ่งหอมแก้มผมเอ่ยถาม

“โจกวนตีน” คนถูกดุหัวเราะร่วน

“ชื่อเพราะ คล้องกับหินด้วย” รู้ด้วยว่าไอ้ที่บอก ‘หอม’ นะ ชื่อลูก

“คล้องตรงไหน แค่มี หอหีบเหมือนกัน”

“โจชอบชื่อนี้ น้องหอม แล้วชื่อจริงล่ะ” น้าโจกระชับกอดแน่น ทวงถามชื่อจริงของลูกชายตัวเอง

“ตั้งเองสิ แบ่งกันตั้ง หินตั้งชื่อเล่น โจตั้งชื่อจริง”

“ได้สิ ลูกของเรา”

“ลูกโจกับน้าแก้วต่างหาก”

“ลูกของเรา” น้าโจย้ำ ผมขี้เกียจเถียงด้วยเลยปล่อยเลยตามเลย

เช้าวันถัดมาผมต้องตื่นไปรับพ่อกับแม่ที่เดินทางมาเยี่ยมน้าแก้วถึงกรุงเทพฯ

ห้องพิเศษในโรงพยาบาลคึกคักไปด้วยญาติ ๆ ที่มาเยี่ยมหลานตัวน้อย สมาชิกใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

“หลานชื่อหอม หินเป็นคนตั้งให้” น้าแก้วพูดอย่างภูมิใจกับชื่อลูกน้อยในอก

“ยัยแก้วนี่ก็เอาอะไรมามั่นใจให้ไอ้หินมันตั้งชื่อลูก” แม่บ่น “แล้วดูมันตั้งสื่อถึงคนเป็นพ่อแม่ที่ไหน มันตั้งเอาพ้องชื่อมัน”

“น้องหินชื่อหอมมันก็ถูกแล้วแม่”

“แล้วตาโจว่ายังไง ชื่อลูกตัวเองให้ไอ้หินมันตั้งจะดีเหรอ” พอไม่ได้ดั่งใจแม่ก็หันไปหาพวกทางน้าโจ หารู้ไม่นั่นแหละตัวตามใจไอ้หินเลย

“หลานตั้งชื่อเพราะครับ น่าเอ็นดู” น้าโจว่า แม่จิ๊ปากขัดใจ

“สงสารเด็กมันชื่อประหลาด” ยังไม่วายบ่นหงุงหงิงกับพ่อกันสองคน

ลูกตัวเองก็ไม่ใช่แต่เดือดร้อนกว่าใครก็แม่นี่แหละ

“ทำยังกะตัวเองตั้งชื่อลูกดีนักแหละ” น้าแก้วย้อนแม่

“ไอ้หิน เพราะจะตายความหมายดี” นั่นแหละชื่อเต็ม ๆ ผม น้าแก้วที่รับไม่ได้เลยเรียกผมว่า ‘ลูกหิน’ แทนฟังรื่นหูกว่า ‘ไอ้หิน’ ของแม่เป็นไหน ๆ

ผมได้เจอญาติ ๆ ฝั่งน้าโจอีกครั้งตอนสาย ๆ ครอบครัวคนจีนท่าทางเคร่งขรึม ดูแล้วน่าอึดอัด ดีที่แวะมาแป๊บเดียวก็กลับไป แต่ไอ้หอมนี่สิทั้งตัวเต็มไปด้วยทองเส้นโต

ของรับขวัญหลานหนักจริง ๆ

ช่วงเที่ยงน้าโจอาสาพาพ่อกับแม่และผมไปทานข้าวเที่ยงกัน ปล่อยให้น้าแก้วนอนเซ็งติดเตียงในโรงพยาบาล เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่น้าแก้วแข็งแรงอีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

“หินมันรบกวนหรือเปล่า” พ่อถามน้าโจระหว่างรออาหาร

“หลานไม่ได้กวนอะไร” น้าโจตอบ

“ให้หลานย้ายไปอยู่หอก็ได้นะ ตอนแรกก็ว่าจะไปอยู่หอ แต่ทำไมไป ๆ มา ๆ มาเป็นภาระน้าเขาได้” พ่อกับแม่ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้บอกมารู้อีกทีว่าลูกตัวเองมาอยู่บ้านน้องเขยก็ปาไปสามสี่เดือนให้แล้ว แถมยังเป็นเมียเขาอีกแหน่ะ

“หลานช่วยดูแลบ้านให้ ช่วยดูแลแก้วด้วย อยู่กันหลายคนก็สนุกดี บ้านไม่เงียบ” ผมมองคนแก้ตัวแทนผมยึกยัก ไม่เงียบกับผีสิ เจอหน้ากันแค่ตอนมื้อเย็น แถมกินเสร็จก็สลายตัว มีบ้างที่เจ้าของบ้านเกิดเหงาขึ้นมาก็บังคับให้ผมดูทีวีเป็นเพื่อน หลัง ๆ มาผมดูทีวีย้อยหลังแล้ว วันไหนต้องดูทีวีปลอม ๆ ก็แค่มานั่งเอาขาเขี่ยกันไปมาบนโซฟา ให้น้าโจหายเหงา

เอ่อมีแอบจูบกันบ้างดูดลิ้นกันบ้างตามประสาคนเป็นชู้เป็นไรกัน

บาปกรรมแหละ

“เดี๋ยวหินต้องช่วยน้าแก้วเลี้ยงลูกอีก ย้ายออกใครจะช่วย”

“ช่วยเป็นภาระนะสิ” แม่ยังคงบ่นผมต่อ นี่ใจคอไม่คิดจะเข้าข้างลูกเลย ส่วนพ่อก็ตามใจแม่

ผมแยกกับน้าโจหลังกินข้าวเสร็จไปส่งพ่อแม่ที่สนามบิน

“อย่าดื้อกับน้ารู้ไหมหิน” แม่สั่งกำชับ “ดูแลน้าแก้วด้วย”

“ครับ” ผมรับคำกอดลาพ่อกับแม่

“แล้วเรื่องแฟนนะ คิดจะบอกแม่เมื่อไหร่” ผมมองหน้าแม่ ที่อยู่ ๆ ก็ถามเรื่องแฟน

“แน่ใจเหรอว่าอยากรู้” น้าโจไงแม่ รู้ความจริงขึ้นมามีหวังบ้านแตก

“ก็อยากรู้สิ” พ่อเป็นคนตอบ

“ไว้แน่ใจแล้วจะบอกแล้วกัน” แม้จะสงสัยว่าพ่อกับแม่ไประแคะระคายอะไรมา แต่ถ้าเป็นเรื่องของผมกับน้าโจก็ไม่น่าใช่ หรือจริง ๆ แค่แม่อาจจะโยนหินถามทางไปงั้น

“ระหว่างรอให้แน่ใจ อย่ารุนแรงกันมากล่ะ”

“อะไรแม่”

“แม่เห็นรอยที่คอหิน ไม่ใช่แฟนทำเหรอ” ผมรีบตะครุบคอตัวเองทันที

น้าโจนะน้าโจ

“ตรงท้ายทอย” แม่แก้ให้

“แม่” แม่หัวเราะที่ได้แหย่ผม ก่อนจะเดินเข้าเกตไป

ผมเบาใจที่พ่อกับแม่ไม่เซ้าซี้เรื่องผมมีแฟน แม้จะหนักใจว่าถ้าอนาคตแม่ขอเจอแฟนผมล่ะ จะเอาใครที่ไหนมาบอกกับแม่ว่านี่แฟนหิน

แต่เรื่องอนาคตก็ปล่อยมันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน



น้าแก้วจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ และแน่นอนหลานที่ดีต้องไปรับน้าแก้วกับน้องหอมกลับบ้าน

“เราหาแม่บ้านดีไหม” น้าโจถามระหว่างเราเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรับน้าแก้ว

“หามาทำไม ช่วยเลี้ยงลูกเหรอ”

“ช่วยทำงานบ้านด้วย  สักสองคน” ผมมองคนขับรถนั่งเคาะมือกับพวงมาลัยรถ

“มีคนเพิ่มมาในบ้าน จะย่องเข้าห้องหินยังไงไม่ให้แม่บ้านจับได้ว่าคุณผู้ชายแอบกินกับหลานเมียตัวเอง” น้าโจหันมอง

“จริงของหิน งั้นไม่เอาแล้วแม่บ้าน”

“อ้าว”

“ถ้าอดเอาหิน ต้องอกแตกตายแน่ ๆ เลยว่ะ”



ผมปล่อยให้สองสามีภรรยาจัดการของไปส่วนตัวเองไปเดินเรื่องติดต่อขอออกจากโรงบาลให้

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ผมเดินกลับมาที่ห้องเตรียมจะเข้าไปแต่ก็หยุดยืนหน้าห้องเพราะเสียงที่คุยกัน

“บอกหินเรื่องนี้ไม่ได้” มันมีชื่อของผมในบทสนทนา

“แต่จะปล่อยให้หินรู้สึกผิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะแก้ว”

“แก้วรู้ ขอเวลาอีกนิดให้หินโตอีกหน่อย เราค่อยคุยเรื่องนี้กัน”

“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาถาม ทักเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“เปล่าครับ แค่เช็คใบเสร็จ” ผมโบกใบเสร็จที่ได้จากการเงินไปมา พยาบาลยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูเชิญผมเข้าห้อง

“เรียบร้อยนะคะ” พยาบาลสอบถามและให้คำแนะนำคุณแม่อีกนิดหน่อยก่อนจากไป

“กลับบ้านกันเนาะ พี่หินจัดการให้แล้ว” น้าแก้วยิ้มให้ทารกที่กอดแนบอกก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป

“หินกลับบ้านเรากัน” น้าโจยกมือขึ้นโอบไหล่ผม ดันให้เดินไปข้างหน้า

“โจ” ผมเอ่ยถาม เรื่องที่ได้ยินก่อนหน้า เรื่องที่น้าโจอยากบอกผมมันคือเรื่องอะไร

น้าแก้วกับน้าโจมีอะไรจะบอกผมงั้นเหรอ ผมสงสัยแต่ไม่กล้าถาม

หรือน้าแก้วจะรู้เรื่องของผมกับน้าโจแล้ว แล้วทำไมนัาแก้วไม่โกรธ ถ้ารู้ความจริงเรื่องผมเป็นชู้กับน้าโจ

“อะไร” น้าโจหันมอง ดันผมเดินไปข้างหน้า

ผมมองน้าแก้วสลับกับน้าโจ ผมควรถามดีไหม

“ไม่มีไร” น้าโจยกมือขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ

“บอกแล้วทุกคนจะมีความสุขด้วยกัน” น้าโจยิ้มให้ผม “อีกไม่นาน”

ผมมองน้าแก้วที่นั่งประคองหอมในมือ สลับกับมองน้าโจที่ยิ้มให้ผม ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล

เรื่องราวผิดบาปของผมยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับเรื่องคาใจที่ผมไม่กล้าเอ่ยปากถาม ยิ่งคำพูดของน้าโจมันชวนให้ผมสงสัย

ว่าแท้จริงแล้วเรื่องผมกับน้าโจเรื่องราวผิดบาปที่เราทำกันอยู่มันเป็นเรื่องผิดพลาดที่เกิดจากความใกล้ชิดเผลอไผลหรือมันเป็นความตั้งใจของใครกันแน่

[END]
 :mew1:



ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
หวังว่านักอ่านจะมีความสุขกับเรื่องราวคาว ๆ กันค่ะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ

จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ


ออฟไลน์ คิณทรธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • ทวิตเตอร์เด้อ


Talk


สวัสดีอีกครั้งค่ะ เขียนจบไป 2 เรื่องแล้ว ไม่รู้ว่านักอ่านงง ไม่เคลียตรงไหนหรือเปล่า


แต่คินเองตั้งใจให้เป็นแบบนี้เองค่ะ ถ้ามันจะขัดใจไปบ้างขออภัยนะคะ แต่แบบชอบอารมณ์ประมาณนี้ค่ะ มันให้ความรู้สึกว่าเป็นเรื่องสั้น ๆ เหมือนเราผ่านไปได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าจากใครสักคน คือมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะรับรู้เรื่องราว เรื่องราวหนึ่งโดยละเอียดรอบด้าน คินมองว่ามันเป็นเสน่ห์แบบ ให้เราได้คิด สงสัย ตั้งข้อสังเกตุกับเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง



อย่างที่คินเคยบอกไปค่ะ ว่าคินเองยังเป็นมือใหม่มาก ๆ ฝีมือยังไม่เก่งพอจะทำให้นักอ่านอินกับมัน คินน้อมรับทุกคำติค่ะ สัญญาจะพัฒนาตัวเองต่อไป


ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่แวะมาอ่านเรื่องของคินนะคะ

สวัสดีค่ะ
 :pig4:



ตอบคำถามคุณ yunnutjea โลเกชั่นในเรื่อง บาปหวานเป็นบ้านเกิดคินเองเด้อ อยู่อุบลจ้า ปลูกหมากไม้ได้คือกัน ปลูกยางกะมี 555


ทักทายคุณ Sirin_chadada ,คุณyunnutjae ,คุณniyantaan ,คุณtasteurr

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เอ้า อิหยังนิ :katai1:
ค้างเด้อ 55555555555555555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งูย..ยยยย คืออะไ??? ผัวเมียคู่นี้ปิดอะไรเอาไว้ อยากรู้  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ทักทายค่ะ คุณคิณทรธ
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้คุณคินยังต้องการให้คนอ่านระแวงอยู่ไหม แต่อ่านจบแล้วเราระแวงน้าโจมากเลยค่ะ ทั้งคำพูดที่กดดันลูกหิน ผช.ที่ร้านอาหาร บทสนทนาในห้องพักคนไข้ และประโยคที่ว่า"ทุกคนจะมีความสุขด้วยกัน อีกไม่นาน" คิดได้หลายแง่มาก
แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงเราว่าน้าโจก็ลอยตัวสุด ลูกหินที่ยังไงก็ต้องทนรับความรู้สึกผิดในใจ(หรือไม่รู้สึกผิด เพราะหลังๆก็เหมือนน้องจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการเป็นชู้แล้ว ฮา)
ส่วนน้าแก้วถ้าไม่รู้เรื่องมาก่อนก็น่าสงสาร แต่ถ้ารู้อยู่แล้วก็ใจร้ายกับลูกหินมากเลยที่ปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้

รู้สึกว่าทั้งสองเรื่องจะมีอีกความเชื่อมโยงตรงที่ ลุงธรก็มักพูดว่าเพื่อความสุขของออม น้าโจก็บอกว่าเพื่อความสุขของทุกคน

ขอบคุณคุณคินมากๆนะคะที่มาแต่งนิยายให้อ่านกัน  จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ถ้าคอมเม้นเรางงๆ ขอโทษด้วยนะคะ เราเรียบเรัยงความคิดมาเป็นตัวอักษรไม่เก่งเลย
 :pig4:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อ้าว เดี๋ยว เออ สรุปแล้วมันยังไง จบแบบปลายเปิดให้คิดต่อ คิดเอาว่ามันต้องเป็นความตั้งใจจของทั้งสองน้าแน่ๆแต่แบบว่า บาปปปปปจริง ทั้งสองเรื่อง แต่เฮ้ยยยสนุกกกว่ะ ชอบๆ ถึกใจคักเด้อ 55555 เรื่องแรกอยากให้จบที่ลุง ชอบคนมีอายุไงมันกร๊าวใจดี แต่ไง๊จบที่ลูกถ้าได้จริงกับพ่อก็แอบสงสารลูกอยู่ แต่ชอบรุ่นลุงไง 55 ลุงธรก็แบบอะไรเนี้ย ไม่รู้ใจตัวเอง นายเอกทั้งสองชวนบาปก่อนตลอด 5555 ชอบว่ะชอบ สนุกดี อยากอ่านอีก 55

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
สนุกมากเลยค่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
้ว้าวมากค่ะ สุดๆ เอาจิงอยากให้มาต่อเรื่องหินต่อจัง คิดได้หลายมุมมากๆจนอยากรู้ว่าคนเขียนอยากให้คิดแบบไหน
ปล. อยากให้แต่งอีกหลายๆเรื่องค่ะ รออ่านนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด