วิญญาณเสน่หา
บทที่ ๑๑
ไม่มีคำปฏิเสธจากร่างที่มีเพียงวิญญาณแต่เต็มไปด้วยความรัก ดินได้แต่ปรนเปรอจูบหวานไปทั่วร่างกาย
ขาวโพลนที่นอนทอดกายท่ามกลางดินโคลนและห่าฝนที่เทลงมาจนน้ำในคลองกระจายเป็นวงกว้าง มือเย็นชื้นลูบไล้
หนักหน่วงกลับสร้างความร้อนระอุอยู่ในอารมณ์แห่งรักของมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
“ดิน ดินของผม”
ไตรภูมิผวาเบียดกายเข้าหา เนื้อตัวของเขาถูกลูบไล้ไปทุกสัดส่วนด้วยปากลิ้นและมือของดิน ที่ทั้ง
ทะนุถนอมแต่ก็ปรนเปรอรสสวาทแทบขาดใจ ไตรภูมิพาดขาไปบนไหล่กว้างเปิดทางให้ดินได้สัมผัสช่องทางรัก ดิน
โน้มกายลงไปดึงแก่นกายงดงามกลืนกินจนหมด นิ้วใหญ่สอดลึกเปิดทางไปพร้อมกันจนไตรภูมิแอ่นกายดิ้นพล่านไปกับ
ดินโคลน
“คุณพุ่มของไอ้ดิน ไอ้ดินจะไม่รักใครอีกแล้ว”
“อ๊า ดิน”
ไตรภูมิผวาเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาปนเปื้อนไปกับสายฝน ไอ้ดินไม่รอช้ามันสวนกายอัดท่อนเนื้อ
เข้าหาจนไตรภูมิแทบสำลักความสุข
“ดิน ดินจ๋า ผมเองก็รักดิน”
ไตรภูมิยกตัวขึ้นกอดแผ่นอกกำยำไว้แน่น เป็นฝ่ายใช้ปลายลิ้นกระดกรัวอยู่ที่ยอดอกสีคล้ำของดิน ดิน
เงยหน้าครางลั่นก่อนจะกระแทกกายเข้าหาจนเกิดเสียงดัง
“ฮึก ฮึก อ๊า ดิน ผมจะไม่มีใครนอกจากดิน”
ลางสังหรณ์บอกไตรภูมิว่าร่างไร้เลือดเนื้อที่ทาบทับอยู่เบื้องบนกำลังจะจากเขาไป ความอาลัยอาวรณ์
อาบไปทั่วหัวใจแต่ไตรภูมิไม่ต้องการให้ความรู้สึกของเขาฉุดรั้งดินไว้ มีแต่จะตักตวงความสุขครั้งสุดท้ายไว้ในได้มาก
ที่สุด ไตรภูมิเด้งเอวรับแรงจากดิน มือเรียวดึงใบหน้าคมเข้มเข้ามาจูบ ปลายลิ้นยิ่งเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นจนแทบหายใจ
ไม่ออก ไตรภูมิเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อร่างกายของเขากำลังบีบคั้นครั้งสุดท้าย
“อ๊า ดิน”
“โอ คุณพุ่ม”
ดินเกร็งกายแช่ค้างเมื่อได้มอบความสุขให้แก่ยอดดวงใจของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขามองสบตาไตรภูมิที่
ยังหายใจหอบเหนื่อยแล้วกดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากเกลี้ยง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องจากและไม่รู้ว่า
จะมีอีกไหมที่จะได้พานพบ
“ถึงเวลาที่ไอ้ดินต้องไปแล้วลาก่อน คุณพุ่มของไอ้ดิน”
แม้จะรู้ว่าเวลานี้ต้องมาถึงแต่ไตรภูมิก็ยังอดใจหายไม่ได้ ร่างกายที่ไตรภูมิกอดก่ายไว้จางหายลงทีละ
น้อย ไตรภูมิร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นร่างของดินค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายก่อนเลือน
หายไปท่ามกลางความมืดมิดในที่สุด
18ปีผ่านไป
“สายจนได้นะเรา”
ไตรภูมิในวัยหนุ่มใหญ่บ่นกับตนเองขณะกำลังเดินขึ้นอาคารเรียนภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง วันนี้เป็นวัน
เปิดเทอมวันแรกที่เขาต้องสอนนักศึกษาในวิชาที่รับผิดชอบอยู่
เหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องดังอยู่ในสังคมพักใหญ่ เมื่อบ้านโบราณของเขาถูกไฟไหม้จนไม่
เหลือเค้าเดิม เจ้าหน้าที่พบศพชายคนหนึ่งแต่ไม่ใช่เจ้าของบ้านอยู่ท่ามกลางซากไม้สีดำ ไตรภูมิให้การว่าอาวุธเพื่อน
ของเขามาเที่ยวที่บ้านและหนีออกมาไม่ทันเมื่อเกิดไฟไหม้
และเมื่อมีการรื้อถอนซากออกไปกลับพบโครงกระดูกมนุษย์ที่ไม่สามารถระบุว่าเป็นกระดูกของใครอยู่ใต้
เสาบ้านต้นหนึ่ง เมื่อไตรภูมิได้เห็นเขาก็ร้องไห้ออกมาและนำโครงกระดูกนั้นไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้
เมื่อความโศกเศร้าจางไปไตรภูมิกลับมามีชีวิตตามปกติ เขากลับมาอยู่ที่คอนโดมิเนียม เรียนหนังสือ
วาดรูป มีกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นทำบุญจนกระทั่งเรียนจบปริญญาโทไตรภูมิจึงได้มาเป็นอาจารย์สอน
คณะสถาปัตยกรรมในวิชาวาดรูปเบื้องต้น
ปัจจุบันนี้ไตรภูมิเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในวัยสามสิบแปดปีที่ยังดูดีหน้าตาอ่อนกว่าวัย และหลังจาก
วันที่ดินจากไปเขาไม่เคยมีคนรักอีกเลย
ไตรภูมิรู้จักหัวใจตนเองดี รู้ว่าเขาคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อความรักของเขามีให้เพียงชายไทย
ใบหน้าคมที่มักจะมองเขาอย่างเทิดทูน
“คุณพุ่มของไอ้ดิน”
วลีนั้นยังขับขานอยู่ในใจจนไม่อาจรักใครได้อีก แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะผ่านมาสองชาติภพแล้วก็ตาม
ร่างสูงเพรียวของไตรภูมิอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งก้าวไปยืนบนเวที ด้านข้างมีโต๊ะ
สำหรับคอมพิวเตอร์พกพาต่อตรงกับเครื่องฉายไปยังจอรับภาพ เบื้องหน้าของเขาเป็นเหล่านักศึกษาปีหนึ่งที่นั่งกระจาย
ตัวอยู่บนเก้าอี้เรียนที่เรียงตัวสูงขึ้นไปภายในห้อง เขาคว้าไมโครโฟนขึ้นมาใกล้ปากและเริ่มต้นกล่าวคำทักทายในวันแรก
ของภาคเรียน
“สวัสดีครับนักศึกษา ขอโทษทีที่อาจารย์มาช้าไปหน่อย แต่คงจะไม่ช้าเกินกว่าเราจะรู้จักกันในคาบ
เรียนแรกใช่ไหมครับ”
ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยแจกรอยยิ้มไปรอบห้องจนนักศึกษาสาว ๆ ทำตาปรอยพลางซุบซิบกันเบา ๆ
“วันแรกขอเช็คชื่อเพื่อเราจะได้รู้จักกันนะ วันต่อไปก็ไม่เช็คแล้วล่ะ ใครอยากเห็นหน้าอาจารย์ก็มา
ทุกคาบก็แล้วกัน ขอให้มีงานส่งตามกำหนดและเข้าสอบให้ผ่านเท่านั้น”
ไตรภูมิก้มหน้าอ่านรายชื่อจากแผ่นกระดาษในมือและให้นักศึกษายกมือรับทีละคน เขายิ้มรับให้นักศึกษาทุก
คนจนกระทั่งถึงชื่อหนึ่งที่เขาเอ่ยออกไป
“ปฐพี”
“ผมครับ”
“........”
ไมโครโฟนร่วงหล่นจากมือเมื่อไตรภูมิมองเห็นนักศึกษาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังแถวบนสุด
หัวใจของอาจารย์หนุ่มเต้นโครมครามจนเกือบจะหลุดมานอกทรวงอกเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตา
คมคู่นั้น
จนกระทั่งเสียงไมโครโฟนที่หล่นกลิ้งอยู่กับพื้นส่งเสียงหวีดหวิวไตรภูมิเพิ่งจะได้สติ เขาก้มลงเก็บมันทั้ง
ที่มือสั่นระริกก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาคมวาวคู่นั้นอีกครั้ง
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อสบตา
ก็นั่นน่ะ มันดวงตาของดินชัดๆ!
ไตรภูมิจบการสอนในคาบเรียนแรกตั้งแต่ยังไม่หมดชั่วโมงด้วยซ้ำ บอกตรง ๆ ว่าเขาไม่มีสมาธิกับการ
สอนเอาเสียเลย ในเมื่อคอยแต่จะหันไปสบตากับดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองมายังเขาไม่วางตาเช่นกันจนกระทั่งเขาจำต้อง
เอ่ยปากจบการเรียนการสอนและอนุญาตให้นักศึกษากลับออกไปได้
นักศึกษาทยอยออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงร่างสูงของนักศึกษาที่ชื่อปฐพีที่ยังคงนั่งนิ่งและ
ลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย ไตรภูมิหายใจขัดไปหมดเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเดินลงมาจากแถวที่นั่งบนชั้นสูงแล้วก้าวตรงมายัง
เขาช้า ๆ
รูปร่างสูงโปร่งไว้ผมทรงสั้นอย่างเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะพ้นจากการไว้ผมเกรียนมาหมาด ๆ แต่งผมด้วยเจล
จนอยู่ทรงตามสมัยนิยม คิ้วเข้มดกดำพาดอยู่เหนือดวงตาคมที่ทำให้ไตรภูมิใจสั่นขณะที่ยังจ้องมาทางเขา จมูกโด่งรั้น
นิด ๆอย่างคนเอาแต่ใจราวกับเป็นคุณชายน้อยที่ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจ ติ่งหูข้างหนึ่งใส่ต่างหูสีเงินแวววาว
ไตรภูมิกัดริมฝีปากตนเองไว้เมื่อกลายเป็นว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้เลย หัวใจของเขาเต้นโครมคราม
ไร้เหตุผล เขาได้แต่ดุตนเองพลางเบนสายตาหลบจากดวงตาคมคู่นั้นด้วยการหันไปเก็บตำราหอบใหญ่บนโต๊ะด้านข้าง
“โอ๊ย บ้าจริง”
สบถอย่างไม่ได้ดังใจเมื่อมือไม้อ่อนจนพลาดกลายเป็นทำหนังสือหลายเล่มร่วงลงจากโต๊ะ อาจารย์
หนุ่มทรุดตัวลงไปเพื่อจะเก็บหนังสือเหล่านั้น
“ผมช่วยครับ”
เสียงนุ่มดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับก้มตัวลงมาช่วยเก็บ ไตรภูมิชะงักเมื่อมือข้างหนึ่งที่คว้าหนังสือขึ้นมากลับ
ถูกสัมผัสจากปลายนิ้วของหนุ่มน้อยลูกศิษย์ปีหนึ่งของเขา
ชายหนุ่มที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาจนอายุเกือบสี่สิบกลั้นเสียงสะอื้น ขอบตาร้อนผ่าวไปหมดเมื่อรู้สึกถึงไอ
อุ่นจากปลายนิ้ว ไตรภูมิสัมผัสได้ถึงความมีเลือดเนื้อเหล่านั้น เสียงของหัวใจที่เต้นอยู่ในทรวงอกที่ซ่อนอยู่ในชุด
นักศึกษามันทำให้ไตรภูมิตื้นตันเหลือเกิน
“อาจารย์ร้องไห้”
“ปละ เปล่า ผมเคืองตานิดหน่อย”
ไตรภูมิยิ้มออกมาจนได้เมื่อลุกยืนขึ้นมา ปฐพีที่ยืนอยู่ตรงหน้าก้มหน้ามองเขาเพราะเด็กหนุ่มสูงกว่าเกือบ
คืบ
“ผมปล่อยก่อนเวลา นักศึกษาไม่ไปพักก่อนเรียนวิชาต่อไปหรือ”
“เรียกผมว่าเอิร์ทดีกว่าครับ”
รอยยิ้มอันอบอุ่นเกิดขึ้นบนใบหน้าของลูกศิษย์
“ให้ผมช่วยถือหนังสือพวกนี้ไปส่งดีกว่า ท่าทางจะหนักน่าดู”
ไตรภูมิพยักหน้ารับ เขาเดินนำปฐพีไปทางห้องพักของเขาโดยปราศจากการพูดคุยอีก
เสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังสร้างความอบอุ่นในหัวใจที่อับเฉามาเนิ่นนาน ไตรภูมิรู้สึกฉ่ำชื่นราวกับต้นไม้ใน
ทะเลทรายอันแร้นแค้นที่ได้รับการประพรมจากสายฝนแรกจากท้องฟ้า เขาก้มหน้ายิ้มให้กับตัวเองเมื่อเดินมาถึงห้องพัก
ของเขา
“วางหนังสือไว้บนโต๊ะของผมตรงนี้แหละ ขอบคุณที่ช่วยนะ เอ่อ เอิร์ท”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจที่สุด”
ปฐพีฉีกยิ้มให้เขาจนไตรภูมิเผลอยิ้มตอบ ใบหน้าของเขายิ่งสว่างไสวจนปฐพีจ้องไม่วางตา
“อาจารย์ครับ ผมกับอาจารย์ เราสองคน เอ่อ เคยรู้จักกันมาก่อนไหมครับ”
ไตรภูมิสะดุ้งในใจ เขาเงยหน้าเอียงคอมองปฐพี
“อะไรทำให้เอิร์ทคิดอย่างนั้นล่ะ”
ปฐพียักไหล่ ลักษณะของเขาเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่เพราะเหตุใดจึงได้จับใจไตรภูมินัก เขาเองก็สุดจะรู้
“ก็ไม่รู้สิครับ อันที่จริงผมรู้สึกคุ้นชื่ออาจารย์ตั้งแต่เลือกเซคชั่นลงวิชานี้แล้ว ยิ่งเห็นหน้าอาจารย์ครั้งแรก
มันก็ยิ่งคุ้นตาเหลือเกิน”
ไตรภูมิใจสั่นไปหมดแล้วตอนนี้ สายตาของเด็กหนุ่มที่มองมาช่างสื่อความหมายมากมายเกินกว่าคำพูดที่
หลุดออกมาจากปาก เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นบอกถึงความโหยหาอาดูรโดยที่ปฐพีไม่รู้ตัว
“คุ้นว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน คุ้นว่าเราเคยระ…”
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาจากดวงตาของปฐพีที่รีบยกมือขึ้นปาดทิ้งอย่างตกใจตัวเองพลางหัวเราะกลบ
เกลื่อน
“บ้าจริงผมนี่ พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ คงทำให้อาจารย์ตกใจหมดเลย”
“เอิร์ท”
อาจารย์หนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มปลอบโยน ปฐพีมองใบหน้าอ่อนโยนนั้นแล้วเขาก็ห้ามใจไม่
ได้อีกต่อไป
ร่างสูงของเด็กหนุ่มดึงไหล่ไตรภูมิเข้าไปกอด วงแขนกว้างโอบรัดจนไตรภูมิจมเข้าไปในแผงอก ปฐพี
วางใบหน้าแนบไปบนกระหม่อมของไตรภูมิ
“อาจารย์ครับ ผมขอโทษ แต่ช่วยอยู่นิ่ง ๆ แบบนี้สักพักได้ไหมครับ”
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ต่างก็อยู่ในท่านั้น ไตรภูมิแนบหูลงไปกับหน้าอกของปฐพี เสียงหัวใจที่เต้นเร็ว
และแรงทำให้เขาอบอุ่นจนเผลอยกแขนกอดตอบ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานดังขึ้นทั้งคู่จึงได้สะดุ้งและผละ
จากกัน
ไตรภูมิไม่กล้าสบตาเมื่อรู้สึกว่าเลือดลมแถวใบหน้าจะสูบฉีดแรงจนหน้าร้อนเห่อเพราะปฐพีมองมาด้วย
สายตาแพรวพราวผิดปกติ เด็กหนุ่มหัวเราะแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเมื่อก้าวห่างออกไปจากตัวเขา
“ไม่รบกวนเวลางานของอาจารย์แล้วครับ ผมขอตัวก่อน”
ร่างสูงก้าวเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันพ้นประตูปฐพีก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้
หัวใจของไตรภูมิยิ่งสูบฉีดเลือดหนักกว่าเดิม
“หนังสือของอาจารย์หนักมากพรุ่งนี้ผมจะช่วยอาจารย์แบกมันแทนอาจารย์จะได้ไม่เหนื่อย ถ้าเป็นไป
ได้ให้ผมช่วยทุกวันเลยนะครับ อาจารย์ไตรภูมิ”
มีต่ออีกนิด...