พิมพ์หน้านี้ - << วิญญาณเสน่หา >>[สนพ.Sensebook]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 05-11-2017 21:35:19

หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >>[สนพ.Sensebook]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-11-2017 21:35:19

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ดการกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



                                :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12:


                     นิยายเรื่องนี้เคยเป็นหนึ่งในเรื่องสั้นจาก X-Theme the series Season 2

                     และผู้แต่งนำมาแต่งใหม่ให้เป็นเรื่องยาวโดยใช้เพียงโครงเรื่องดั้งเดิมมาเป็นพื้น


                          ดังนั้น บทบรรยายและบทสนทนาจะเปลี้ยนไปจากเดิมเสียส่วนใหญ่

                                               เมื่อรับทราบแล้ว เรียนเชิญทัศนา




สารบัญ


บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3731713#msg3731713)
บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3735817#msg3735817)
บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3744831#msg3744831)
บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3749926#msg3749926)
บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3757460#msg3757460)
บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3761104#msg3761104)
บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3763507#msg3763507)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3768378#msg3768378)
บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3772988#msg3772988)
บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3780809#msg3780809)
บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3786852#msg3786852)
บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3790927#msg3790927)
บทที่ 12 (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63527.msg3793896#msg3793896)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3796246#msg3796246)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3799471#msg3799471)
บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3800827#msg3800827)
บทที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3801614#msg3801614)
บทที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3802200#msg3802200)
บทที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3803184#msg3803184)
บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63527.msg3803207#msg3803207)






                                                 

                                               ขอบพระคุณที่ติดตามจนจบค่ะ


                                           :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:















หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-11-2017 21:50:59


                                                                              วิญญาณเสน่หา

                                                                                     บทนำ

              “ฮัก ฮัก โอ ดิน ดินของฉัน”



               เนื้อตัวขาวผ่องเป็นยองใยประหนึ่งมิเคยถูกแสงแดดมาแผดเผากำลังบิดกายอย่างปวดร้าว แผ่นหลังนุ่มเนียนถูกประคองไว้

ด้วยมือหยาบกร้านเพื่อไม่ให้แตะต้องแปดเปื้อนไปกับผืนดินกระด้างเบื้องล่างที่ใช้ต่างที่นอนนุ่มเมื่อร่างกำยำคล้ำไอแดดกำลังชำแรก

แทรกกายพาให้เคลื่อนคล้อยไปยังสวรรค์ที่เห็นอยู่รำไร



             “คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน ช่างหวานเหลือเกิน”



              สลับเสียงคร่ำครวญไม่ยิ่งหย่อนเมื่อร่างกายที่เฝ้าทะนุถนอมยิ่งกว่าชีวิตกำลังตอดรัดบีบบังคับรัดรึงให้เสียวซ่านไปทั้งแก่น

กายที่สอดแทรกคับแน่น ปวดหนึบไปหมดจนต้องเลื่อนมือไปยึดจับที่สะโพกหนั่นแน่นแล้วสวนเอวตัวเองเข้าออกอยู่ในช่องทางเบื้อง

ล่างของคนที่โอบรัดท่อนขาอยู่รอบลำตัวพลางแอ่นอกให้ปลายลิ้นร้อนเชยชมไม่เว้นว่าง



              “ดิน ดิน ฉัน อา ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ดินจ๋า”



               หอบหายใจถี่จนแทบขาดใจไปกับกายสั่นสะท้านเมื่อแท่งร้อนสวนกระแทกเน้นย้ำอยู่ตรงจุดกระสัน มือนุ่มคว้าท่อนเนื้อของ

ตนไว้ในอุ้งมือพลางสาวเร่งเร้าจังหวะแต่กลับถูกดึงออกและแทนที่ด้วยมือสากหนาเข้ามากอบกุมกลับยิ่งทำให้กระเจิดกระเจิงจนแทบ

ขาดใจ และยิ่งต้องเบียดกายไปกับลอนกล้ามแข็งแกร่ง



              “รักเหลือเกิน กระผมรักคุณพุ่มเหลือที่จะกล่าว”



              ประโยคบอกรักด้วยเสียงกระเส่าปะปนกับเสียงหอบลึก มือหนาชักขึ้นลงพาให้อีกฝ่ายยิ่งกระโจนใกล้สวรรค์อยู่รอมร่อ



              “ฉันก็รักดิน รักตลอดไป”



               ลิ้นร้อนในปากหยักบนใบหน้าคมเข้มสอดลึกเข้าไปในโพรงปากหวานเป็นรางวัล บดจูบเค้นคลึงจนแทบหายใจไม่ทัน เอว

สอบกระแทกกระทั้นหนำใจจนเอวลอยไม่ติดพื้น ไม่นานนักกล้ามเนื้อก็บีบรัดไปทุกสัดส่วน


            “คุณพุ่มของไอ้ดิน ขึ้นสวรรค์พร้อมกันเถิดขอรับ”



             กัดฟันงัดเอวนุ่มขึ้นสูง ไอ้ดินทะลวงสะโพกไม่ยั้งจนใบหน้างดงามบิดเบี้ยวพลางสวนเอวโต้กลับ ไอ้ดินสาวมือรูดท่อนเนื้อ

เหมาะมือจนกระทั่งน้ำแตกเปรอะเปื้อนมันจึงซอยสะโพกถี่ยิบให้แตกอัดอยู่ภายในก่อนที่มันจะแช่ค้างให้สวรรค์ของมันบีบรัดจนตาแทบ

ค้าง



              ไอ้ดินปรนจูบไปทั่วใบหน้า พุ่มได้แต่แหงนคอตอบรับกับเสียงพึมพำจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง



            “ไอ้ดินขอสาบานกับเจ้าพ่อต้นไทรริมคุ้งน้ำแห่งนี้ ไอ้ดินจะรักคุณพุ่มจนวันตาย และถึงตายก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”



           ฟ้าคำรามลั่นทั้งที่ไม่มีเค้าแห่งฝนสักนิด ราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรับรู้คำแห่งสาบานรักคำนั้น
 


                                                                       TBC


 


วันนี้ฤกษ์ดี แวะมาจองที่เป็นสิริมงคล


"วิญญาณเสน่หา" ในเรื่องยาวนี้ จะแต่งใหม่โดยใช้เพียงโครงเรื่องเดิมนะคะ

ด้วยเวลาที่ผ่านมาบทบรรยายอาจจะต่างไปจากเดิมบ้าง

และอาจไม่มีบทเลิฟซีนถี่เท่าในเรื่องสั้น (ขออภัยสายหื่น)

หวังว่าจะถูกใจมิตรรักแฟนคลับกันบ้างก็อย่าลืมคอมเมนท์ให้บ้างนะคะ
    :a2: :a2: :a2: :a2: :a2: :a2:



หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 05-11-2017 23:23:30
 :pig2:

เข้ามารอ เรื่องเต็มของคุณพุ่มกับดินจร้า

 :3123:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-11-2017 06:05:11
ติดตามเช่นเคยค่ะ  น้องดินชาติปัจจุบันจะได้เป็นคนไหมนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: mizuamechang ที่ 06-11-2017 14:20:07
รอค่ารอ /ปูเสื่อ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-11-2017 23:50:02
รอเรื่องนี้มานานมาก สมหวังแล้ว เย้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-11-2017 18:51:45
ปูเสื่อรอเลย
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-11-2017 23:40:28


                                                                            วิญญาณเสน่หา

                                                                                 บทที่ 1



                  ไตรภูมิขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเขาแล่นไปตามถนนของจังหวัดปริมณฑลอย่างไม่รีบร้อน เขามักจะทำเช่นนี้ใน

วันหยุดของเขาที่ไม่มีงานค้าง ไตรภูมิชอบที่จะขับรถไปในสถานที่ต่าง ๆ แล้วแวะเที่ยวชมโบราณสถานหรือบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรม

สมัยเก่าผิดกับวัยของเขาที่มีอายุแค่ยี่สิบปี จนแม้แต่มารดาที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ยังอดเย้าไม่ได้

                “ลูกแม่นี่เหมือนคนโบราณกลับชาติมาเกิด มีอย่างที่ไหนอายุแค่นี้กลับชอบเข้าวัดไปดูจิตรกรรมฝาผนัง บางทีก็ไปยืนส่อง

บ้านโบราณจนแม่กลัวเขาจะหาว่าลูกเป็นโจร”



                 จำได้ว่าไตรภูมิหัวเราะชอบใจเมื่อได้ฟังคำเย้าของมารดาที่นาน ๆ จะมาเยี่ยมสักที



                “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชอบนะแม่ แต่ไตรว่ามันสวยดีและคนวาดคงตั้งใจมากกว่าจะทำได้แบบนั้น”



               ไตรภูมิชอบวาดรูป เขาวาดรูปเก่งและล่ารางวัลจากการประกวดตั้งแต่เด็ก พอถึงช่วงมัธยมเขาก็เริ่มใช้ฝีมือวาดรูปที่เป็น

งานอดิเรกหาเงินเข้ากระเป๋าได้เงินเก็บเป็นกอบเป็นกำและในที่สุดเมื่อจะต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยไตรภูมิก็เลือกเข้าเรียนต่อด้านศิลปะ

ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะมารดามีความรักครั้งใหม่หลังจากที่เลี้ยงไตรภูมิคนเดียวมาตั้งแต่บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก


มารดาซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้และยกรถยนต์ที่ใช้อยู่ไว้ในไตรภูมิ เมื่อไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ยังโอนเงินค่าใช้จ่ายมาให้

ทุกเดือน เขาเป็นคนไม่ฟุ้งเฟ้อเหมือนวัยรุ่นคนอื่น ๆ เงินที่แม่ให้รวมกับเงินจากภาพวาดของไตรภูมิทำให้เขามีเงินเก็บในธนาคารมาก

พอดู ไตรภูมิอยู่คนเดียวอย่างไม่เดือดร้อนเพราะเขาชอบความเงียบและสันโดษอยู่แล้ว

                    เขาขับรถบนถนนเลียบลำคลองเส้นใหญ่ไปเรื่อย ๆ บ้านเรือนยังหนาตาเพราะอยู่ในเขตชุมชน จนกระทั่งถึงบริเวณที่

ลำคลองเปลี่ยนทางเลี้ยวจนเกิดเป็นคุ้งน้ำ ตรงนั้นบ้านเรือนบางตาไปบ้าง นั่นเองที่เรียกความสนใจจากไตรภูมิได้ ชายหนุ่มจ้องบ้าน

หลังหนึ่งที่เห็นอยู่ไกล ๆ จนตาไม่กะพริบ เขาเหลียวมองหาเส้นทางจนพบถนนเส้นเล็กนำเขาไปสู่หน้าประตูรั้วของบ้านหลังนั้น


ไตรภูมิก้าวลงจากรถและเดินไปที่ประตูรั้วราวกับมีแรงดึงดูด ดวงตาเรียวจ้องมองไปที่ตัวบ้านอย่างไม่อาจละสายตา บ้านเก่าสองชั้น

สร้างสไตล์โคโรเนียล มีมุขหกเหลี่ยมยื่นออกมาทางฝั่งหนึ่ง ชายขอบสลักลวดลายขนมปังขิงเป็นแนวยาวตลอดทางที่เป็นระเบียง

ไตรภูมิมองออกทันทีว่าบ้านหลังนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่หก

                  สนามหน้าบ้านรกครึ้มไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไร้ระเบียบอย่างขาดการดูแล ตัวบ้านมองเห็นความเก่าแก่จนนึก

เสียดาย ตรงที่เขายืนอยู่เป็นประตูรั้วเหล็กต่อเนื่องกับกำแพงอิฐมอญฉาบปูนที่เพิ่งจะสร้างใหม่ไม่นานมานี้ ทั้งหมดเรียกร้องความสนใจ

จากไตรภูมิให้เหม่อมองจนลืมตัว


                   อยู่ ๆ ขอบตาของไตรภูมิก็ร้อนผ่าว ความอาลัยอาวรณ์แปลกประหลาดพุ่งเข้าจู่โจมจนหัวใจบีบตัวหนักหน่วง ไตรภูมิ

ก้าวเดินไปยังประตูรั้วเหล็กพร้อมกับใช้มือทั้งสองเกาะมันไว้และแนบหน้าไปจนชิดเพื่อจะมองบ้านโบราณให้ใกล้ชิดที่สุด เขายกหลังมือ

ป้ายหยดน้ำตาที่ไหลลงมาและบอกตัวเองว่าบ้านหลังนี้มีความสำคัญยิ่งยวดที่ไตรภูมิจะปล่อยไปไม่ได้


                  ทันใดนั้นเองที่มือข้างที่ยังเกาะรั้วอยู่ของเขาสัมผัสกับกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูรั้วเหล็ก ไตรภูมิรีบพลิก

กระดาษแข็งแผ่นนั้นกลับ เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นข้อความประกาศขายพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ ชายหนุ่มไม่รอช้าเขาดึงโทรศัพท์มือถือ

ขึ้นมากดเบอร์ที่ปรากฏอยู่ทันที ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงตอบกลับ เจ้าของเบอร์เป็นนายหน้าขายบ้านและเมื่อรู้ว่าไตรภูมิสนใจบ้านหลังนี้

เสียงพูดคุยก็เต็มไปด้วยความยินดี



                    “บ้านหลังนี้เปลี่ยนเจ้าของมาหลายรุ่นแล้วครับคุณ”



                    นายหน้าขายบ้านชี้แจงเสียงใส



                    “แต่เดิมเป็นบ้านขุนนางเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้าที่หกนู้นแน่ะ ก็ตกทอดมากับทายาทและขายเปลี่ยนมือมาหลาย

ทอด เห็นด้านนอกตัวบ้านโบราณแบบนั้นแต่ข้างในรีโนเวทเป็นสมัยใหม่แล้วนะครับ มีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนห้องใหญ่ มีห้องน้ำด้าน

นอกมีไฟฟ้าใช้ครบถ้วน เจ้าของคนล่าสุดเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่เสียหายจากพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ เขาตั้งราคาขายไม่แพงเลย”



                  “ไม่มีคนสนใจซื้อเลยหรือครับ”



                  ไตรภูมิตั้งข้อสังเกต บ้านเก่าโบราณที่ยังสมบูรณ์ขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดสายตาจากบรรดานักนิยมบ้านเก่ามาจนถึง

ตอนนี้ นายหน้าขายบ้านอ้ำอึ้งพักหนึ่งก่อนจะตอบเขาด้วยน้ำเสียงชวนเชื่อ



                  “ก็มีพวกไม่หวังดีเอาไปพูดกันน่ะครับว่าบ้านหลังเก่ามันเฮี้ยน แต่คุณอย่าไปสนใจเลยพวกนั้นมันก็พูดไปเรื่อย บ้านเมือง

เจริญกันขนาดนี้แล้วมัวแต่ไปเชื่อเรื่องเหลวใหลก็ไม่ต้องทำอะไรกัน คุณสนใจไหมล่ะครับ บ้านโบราณพื้นที่กว้างขวางอยู่ไม่ไกลจาก

ลำคลอง ทำความสะอาดเสียหน่อยก็ใหม่เรี่ยมเร้ ผมลดราคาให้สุด ๆ เลยเอ้า”



               ไม่ต้องถามว่าไตรภูมิตอบอย่างไร เขาตัดสินใจตั้งแต่ได้ยินราคาขายแล้ว มันไม่แพงเลยเทียบกับราคาบ้านเก่าในตลาดคน

นิยมบ้านโบราณที่ไตรภูมิรู้ และเงินเก็บของเขามีพอที่จะจ่ายเพื่อให้เขาได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้



                “ตกลงครับ ผมซื้อบ้านหลังนี้ ทำสัญญาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะครับ”
 






                   ใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวการซื้อขายก็เสร็จสมบูรณ์ ในที่สุดบ้านโบราณทรงโคโรเนียลก็ตกเป็นของไตรภูมิ ในวันหยุด

สุดสัปดาห์นั่นเองเขาจึงเกณฑ์เพื่อนฝูงที่เรียนคณะเดียวกันไปช่วยซ่อมแซมบูรณะบ้านที่เขาเป็นเจ้าของ หญ้ารกถูกตัดจนเตียนโล่ง ตัว

บ้านได้รับการทำความสะอาดและทาสีขาวทับลงไปใช้เวลาทั้งเสาร์และอาทิตย์จึงเสร็จเรียบร้อย บ้านโบราณหลังเก่าอวดรูปโฉมใหม่

อย่างสง่าผ่าเผย ไตรภูมิยืนมองอย่างภูมิใจ



                 “มึงจะมาอยู่ที่นี่เหรอ”



                 อาวุธ เพื่อนของไตรภูมิเอ่ยถาม เขาเรียนคณะเดียวกับไตรภูมิแต่คนละสาขา ไตรภูมิพยักหน้ารับอาวุธมองอย่างเป็นห่วง



                “กูว่านะ มึงคิดอีกทีดีกว่า ที่นี่ไกลมหาวิทยาลัยของเรามาก และมันใหญ่โตเกินไปที่มึงจะอยู่คนเดียว หากไอ้พวกโจรมันรู้

มันอาจจะทำร้ายมึงก็ได้”



                 อาวุธเป็นเพื่อนที่ห่วงใยเขาเสมอ ไตรภูมิรู้ดี แต่ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ไตรภูมิมั่นใจมากที่สุด เขาแทบจะขนของมาอยู่

ที่นี่คืนนี้ด้วยซ้ำ



                  “คิดมากน่าไอ้วุธ ไม่ใช่ว่าบ้านอยู่ไกลตั้งอยู่หลังเดียวเสียเมื่อไหร่ บ้านคนอื่นเขาก็อยู่ไม่ไกลมีอะไรกูก็พอช่วยเหลือตัว

เองได้มึงอย่ากังวลสิวะ ไป ซ่อมบ้านเสร็จแล้วไปเดินเล่นกันดีกว่าพวกเรา”



                    ไตรภูมิตะโกนเรียกเพื่อน ทั้งกลุ่มพากันเดินไปยังคุ้งน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก เดินคุยกันแซวกันยังไม่ทันจบเรื่องก็

ถึงแล้ว พวกเขาที่เรียนทางด้านศิลปะมองภาพตรงหน้าอย่างพึงใจ



                    สายน้ำทอดยาวไหลโค้ง น้ำในคลองยังใสสะอาดน่าแหวกว่าย ตรงผืนดินริมคุ้งน้ำยังปรากฏต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งที่มี

รากอากาศแผ่ขยายลงมาปกคลุมจนถึงพื้นดินและผิวน้ำ ไตรภูมิถึงกับชะงักงันและขนลุกเกรียวขึ้นมา


                  เขาต้องเคยเห็นต้นไทรต้นนี้แน่ ๆ ทั้งที่ไตรภูมิมั่นใจว่าเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกในชีวิต ความรู้สึกในตอนนี้ปะปนไปด้วย

ความอบอุ่นและความเจ็บช้ำจนแยกไม่ถูก เขาสะดุ้งเมื่อเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมา



                  “มีต้นไทรด้วยโว้ย แม่ง จินตนาการถึงฉากพลอดรักสาบานหน้าต้นไทรในเรื่องไอ้ขวัญกับอีเรียมขึ้นมาเชียว เฮ้ย ไอ้ไตร

ถ้ากูจะถ่ายหนังส่งอาจารย์กูจะมาใช้วิวแถวบ้านใหม่มึงนี่แหละ”



                 สาบานรัก


                 ทำไมไตรภูมิจึงเจ็บแปลบราวกับมีเข็มมาทิ่มแทงเช่นนี้ เขาเหม่อมองภาพตรงหน้าในขณะที่เพื่อน ๆ ของเขาจับกลุ่ม

ชื่นชมภาพตรงหน้า มีเพียงอาวุธที่ผิดสังเกต



                 “มึงเป็นอะไรหรือเปล่าไอ้ไตร ยืนเหม่ออยู่ได้”



                ไตรภูมิสะดุ้งสุดตัว เขาสะบัดหน้าเรียกสติก่อนจะหันไปฝืนยิ้มให้อาวุธ



                  “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร แค่เห็นว่าแถวนี้สวยดีน่าวาดรูปแค่นั้นเอง เฮ้ย พวกเรากลับกันได้แล้ว ขอบใจที่มาช่วยนะ เดี๋ยวกู

เลี้ยงข้าวเย็นตอบแทน”



                 ไตรภูมิกัดฟันหันหลังให้ลำคลองและเดินนำกลับไปยังบ้านของเขา ชายหนุ่มปิดประตูรั้วเมื่อขับรถที่มีเพื่อนของเขานั่ง

เบียดกันอยู่ออกมาแล้ว สายตาของเขาทอดมองพร้อมกับหัวใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น



                 “รออีกไม่นานแล้ว ผมจะมาอยู่กับคุณ”



                     ไม่รู้ว่าไตรภูมิพึมพำกับใคร เขารู้แต่ว่าบ้านหลังนี้รอให้เขามาอยู่ ไตรภูมิตัดใจหันหลังเดินไปยังรถยนต์เพื่อกลับไปยัง

เมืองหลวงที่มีแต่ความวุ่นวาย แต่ทันใดนั้นไตรภูมิก็ขนลุกชัน



                   คล้ายกับมีกระแสลมบางเบามาอาบไล้อยู่บนท่อนแขนของเขา บางเบาแต่ก็รู้สึกได้ ราวกับอะไรบางอย่างรับรู้ในความ

ปรารถนาของไตรภูมิ


                  ไตรภูมิบอกตัวเองว่าเขาคิดมากเกินไป เขาสะบัดหน้าขับไล่ความรู้สึกเหล่านั้นและขับรถพาเพื่อน ๆ กลับโดยไม่ได้หัน

มองกระจกหลังเพราะมัวแต่สนใจเพื่อนที่ชวนคุย


                    เงาบาง ๆ ทอดยาวอยู่ตรงทางเดินเข้าบ้าน โดยที่ไม่มีใครมองเห็นแม้แต่คนเดียว



มีต่ออีกนิด...



 
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-11-2017 23:47:17


ต่อกันตรงนี้...




                   อีกไม่กี่วันหลังจากนั้นไตรภูมิก็อาศัยฤกษ์สะดวกขนข้าวของจำเป็นจากคอนโดมิเนียมมายังบ้านเก่าที่เป็นบ้านหลังใหม่

สำหรับเขาในบ่ายวันหนึ่งหลังจากเรียนเสร็จแล้ว เขาเลือกห้องนอนใหญ่ที่อยู่ชั้นสองเป็นห้องพัก ภายในจัดแต่งด้วยเตียงไม้อย่างดี

พร้อมกับที่นอนยัดนุ่น ในห้องกว้างขวางกินพื้นที่รวมมุขหกเหลี่ยมอยู่ด้วย ไตรภูมิสั่งซื้อตู้เสื้อผ้าหลังใหม่ให้เข้ากับเตียง กว่าจะลงตัว

เวลาก็ผ่านไปจนมืดค่ำ ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ยกขาตั้งเฟรมวาดรูปมาจากรถ

                      ไตรภูมิไปที่รถ เขายกขาตั้งไม้สำหรับวางเฟรมวาดรูปจากในรถเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มสบถเบา ๆ เมื่อขาตั้งกระแทกกับ

ด้านบนของกรอบประตูจนต้องลดระดับมันลง ไตรภูมิไม่ทันมองว่าเศษผ้าสีแดงเก่าคร่ำคร่าผืนหนึ่งที่ติดอยู่กับขอบด้านบนของวงกบ

ประตูถูกขาตั้งเฟรมเกี่ยวจนขาดหลุดลอยไปตามลม

                     สายลมพัดกรูวูบหนึ่งพัดผ่านกายจนขนลุกชัน ไตรภูมิสะดุ้งโดยไม่รู้ตัว เขารีบสะบัดหน้าเรียกสติกลับคืนมา


                    “จะบ้าไปแล้วไอ้เหี้ยไตร”


                       บ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะวางขาตั้งเฟรมไว้บนพื้น ไตรภูมิทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาตัวยาวที่เขาสั่งซื้อมาวางอยู่ตรง

มุขหกเหลี่ยมชั้นล่างไว้สำหรับรับแขกและนั่งพักผ่อน ชายหนุ่มกวาดสายตามองอย่างพอใจเมื่อรู้สึกถึงความเป็นบ้าน เขาจัดโซนหนึ่ง

เป็นครัวง่าย ๆ มีตู้เย็นกับเตาไมโครเวฟก็เพียงพอสำหรับหนุ่มโสดอย่างเขา

                      ความเหนื่อยล้าทำให้ไตรภูมิเอนกายลงไปบนโซฟานั่นเอง เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลง เขาคล้อยหลับไปอย่างง่ายดายด้วย

ความอ่อนเพลียกับภารกิจที่มีตลอดทั้งวัน




                สายลมหวีดหวิวยามดึกพัดหอบเศษใบไม้แห้งให้ลอยวนอยู่เบื้องนอก ไตรภูมินอนขดตัวด้วยความเหน็บหนาวอยู่บนเก้าอี้

โซฟาราวกับสายลมนั้นกรูเข้ามาอาบไล้อยู่ตามร่างกายในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น



                  “อื้อ”



                  ไตรภูมิครางแผ่วเบาเหมือนกับมีใครบางคนวางมือเย็นเยียบลูบไล้ไปตามท่อนแขน เปลือกตาหนาหนักเต้นระริกอยากจะ

ลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น



                      “คุณพุ่ม”



                       ใคร?



                      เสียงเบาจนแทบจับใจความไม่ได้ลอยวนอยู่ในโสตประสาท ไตรภูมิกระสับกระส่ายอย่างอึดอัด เขาอยากจะสะบัดความ

รู้สึกเหล่านั้นออกไปก็ทำไม่ได้ ราวกับมีแรงบางอย่างพันธนาการเขาไว้จนไม่อาจขยับตัว



                    “ใครน่ะ”



                     ไตรภูมิตะโกนถามอยู่ในความมืดมิด เขาอดนึกกลัวไม่ได้กับสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร



                      “ในที่สุด คุณพุ่มก็กลับมาหาไอ้ดินแล้วนะขอรับ”
 
 



                                                                         TBC

                                                    :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:






หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-11-2017 00:02:34
ตอนที่ 1 มาแล้ว จริงๆก็ลืมๆไปแล้วนะว่าเนื้อเรื่องตอนเรื่องสั้นเป็นไงแต่ไม่เป็นไรนับหนึ่งจากเรื่องยาวเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-11-2017 22:35:57
      เป็นแนวที่ชอบอ่านมาก แนวกลับชาติมาเกิด แนวย้อนอดีต แนวคนนึมาเกิดแล้วอีกคนยังรอคอยเป็นวิญญาณ
แต่ม่เเค่ตอนเเรกก็น่าจะมีแววมาม่าหนักแน่ ไม่เอาเศร้านะค่ะ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 16-11-2017 12:19:29
รอออออ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-11-2017 01:30:10
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 17-11-2017 07:04:27
มาแล้วววววว
ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ใน เอ็กซ์ธีม
รอเค้าเจอกันอยุ่นะคะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 23-11-2017 16:16:23
นึกถึงวันเก่าๆ 5555 อยากอ่านตอนต่อไปล้าว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ 1 [๑๒/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-11-2017 09:38:00
คุณพุ่มมาแล้ว รอออออออ
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-11-2017 21:41:04

                                                                          วิญญาณเสน่หา

                                                                                  บทที่ 2

                    ความอึดอัดทวีมากขึ้น แปลกที่ไตรภูมิกลับรู้สึกโหยหาแรงบีบรัดนั้น มันอุ่นร้อนสลับหนาวเหน็บชวนให้หัวใจเต้นรัวด้วย
ความบีบคั้น
                 
                   “คุณพุ่ม ลืมไอ้ดินแล้วหรือขอรับ”


                เสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนอยู่ไกลคนละฟากฟ้า แต่ไตรภูมิรู้ว่ามันดังแว่วอยู่แถวข้างหูนี่เอง


                “ดิน ดินไหน”


                 ไตรภูมิดิ้นรนเพราะความอึดอัด เขาอยากจะลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกนั้นให้ถนัดแต่ก็ทำไม่ได้ ชื่อที่ได้ยินทำให้


ไตรภูมิใจหาย เขาต้องเคยรู้จักใครสักคนที่ใช้ชื่อนี้แน่ ๆ


                    “อีกไม่นาน คุณพุ่มจะต้องจำได้ อีกไม่นาน”


                     “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว”


                     RRRRR


                    เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ดังลั่นจนไตรภูมิผวา เขาลุกพรวดขึ้นมาจากท่านอนแล้วยกมือกุมหน้าอกด้านซ้าย


เอาไว้ เหงื่อเหนียวหนับไปทั่วทั้งตัวผิดกับอากาศเย็นชื้นในยามเช้าตรู่ ไตรภูมิสะบัดหน้าขับไล่ความมึนงงอย่างยากเย็น


                  “เกิดอะไรขึ้นวะ ผีอำเหรอ”


                    เคยได้ยินเรื่องผีอำมาบ้างว่าแขนขาจะขยับไม่ได้ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ไตรภูมิไม่เคยพบด้วยตนเองจนกระทั่งวันนี้


เขาลุกขึ้นจากโซฟาไปยังห้องน้ำอย่างสะลึมสะลือ แต่เมื่อได้เห็นตนเองยามถอดเสื้อผ้ายืนหน้ากระจกดวงตาของไตรภูมิกลับกระจ่างใน

ทันที


                     เขาเพ่งสายตามองผิวกายบนหน้าอกจากกระจกที่สะท้อนมาก่อนจะก้มหน้ามองตัวเอง คิ้วโก่งเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อ

เห็นรอยสีแดงจางปรากฏอยู่บนเนื้อกายสีขาวเป็นรอยจ้ำ ไตรภูมิยิ่งงงงันหนักว่ารอยสีกุหลาบเหล่านั้นมีที่มาจากไหน จะว่าผื่นแดงจาก


แพ้ผงซักฟอกก็ไม่ใช่เพราะเขาก็ใช้ยี่ห้อเดิมมานานมากแล้ว ไตรภูมิได้แต่เก็บความสงสัยไว้ก่อนที่เขาจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดิน


ออกไปนอกตัวบ้าน




                     “นิมนต์ครับหลวงพ่อ”


                    ไตรภูมิกล่าวอย่างนอบน้อม รอจนกระทั่งพระภิกษุวัยชราก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มจึงได้วางถุงบรรจุข้าวและ


กับข้าวใส่ลงไปในบาตร หลวงพ่อที่เปิดบาตรรับมองชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีที่ไม่คุ้นตาอย่างแปลกใจและเอ่ยถามเมื่อเห็นไตรภูมิใส่


บาตรเรียบร้อยแล้ว


                  “พ่อหนุ่มซื้อบ้านหลังนี้หรือ”


                       “ครับ ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวานนี้เอง”


                  ไตรภูมิขานรับด้วยรอยยิ้มละมุน ใบหน้าของเขายิ่งดูสว่างไสวชวนมอง หลวงพ่อเพ่งสายตาพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ


ออกมา


                    “ในที่สุดก็มาพบกันจนได้สินะ ทั้งบุญและกรรมส่งผลจริง ๆ”


                   “อะไรนะครับหลวงพ่อ” ไตรภูมิเอ่ยถามอย่างสงสัย “ใครพบกับใคร ผมมีบุญกับกรรมอย่างไรหรือครับ”


                   หลวงพ่อทำท่าเหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่กลับทำเพียงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง


                  “เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้มาร้ายหรอกเป็นเพราะเคยผูกพันกันมาก่อนนั่นแหละ มีขวดน้ำเปล่าอยู่ไม่ใช่หรือ แผ่เมตตาส่งบุญ


กุศลให้เขาสักหน่อย กล่าวตามหลวงพ่อนะ”

                      ไตรภูมิไม่ทันได้คิดอะไรเมื่อเขาคว้าขวดน้ำออกมาค่อย ๆ รินลงไปใต้พุ่มไม้ใหญ่พลางกล่าวตามคำสวดแผ่เมตตาที่


พระภิกษุวัยชรากล่าวนำ จนกระทั่งจบลงหลวงพ่อจึงได้ควานหาอะไรบางอย่างจากย่ามที่สะพายอยู่ส่งมาให้เขา ไตรภูมิรับมาถือในมือ


จึงเห็นว่าเป็นเหรียญพระเล็ก ๆ คล้องอยู่กับเชือกร่มสีมอ


                      “ใส่ไว้เพื่อนำจิตใจให้สงบ นึกถึงพระพุทธคุณให้มากนะพ่อหนุ่ม”


                      พระภิกษุชราเดินจากไปแล้วทิ้งไว้แต่ความสงสัยใคร่รู้ ไตรภูมิยักไหล่เมื่อหาคำตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาคล้องพระ


ไว้ที่คอก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านและเตรียมตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตามปกติจนกระทั่งลืมเลือนเรื่องนี้ไปในที่สุด




                      “เป็นไงวะไอ้ไตร นอนบ้านเก่าคืนแรกผีเจ้าบ้านหลอกมึงหรือเปล่า”



                      ไตรภูมิเพิ่งจะมีเวลาคุยกับเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกันก็ตอนเย็นหลังจากที่กิจกรรมการเรียนทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้ว เขา


เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง


                      “ไม่รู้สิวะ มันครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่กูว่าเขาคงไม่ทำอะไรร้าย ๆ กับกูหรอก”


                   “มึงก็กล้าเนอะ บ้านเก่าหลังใหญ่ขนาดนั้นยังกล้าอยู่คนเดียวอีก เป็นกูนะสยองสัส”


                  เพื่อนอีกคนทำท่าขนลุกจนไตรภูมินึกขำ


                  “มึงไม่เอาไอ้วุธไปอยู่เป็นเพื่อนวะ มันคงเต็มใจน่าดู”


                    ไตรภูมิหันไปมองเพื่อนด้วยความสงสัย


                   “ทำไมกูต้องให้ไอ้วุธมันไปอยู่ด้วยล่ะ”


                  “เหี้ย มีมึงคนเดียวมั้งที่โง่ดูไม่ออกว่าไอ้อาวุธคิดกับมึงเกินเพื่อน ถ้ามึงเอ่ยปากนะ มันคงแทบจะขนของไปอยู่กับมึงไม่ทัน”


                     เสียงหัวเราะดังขึ้นในหมู่เพื่อน ไตรภูมิได้แต่ส่ายหน้า เขาเองก็ตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อยที่อาวุธคอยเอาอกเอาใจเขา


เกินกว่าความเป็นเพื่อนเช่นคนอื่น แต่ไตรภูมิก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออาวุธเองยังไม่ได้เอ่ยปากจริงจัง


                 จบบทสนทนาแล้วไตรภูมิจึงได้รีบขับรถกลับมาที่บ้านโบราณของเขา อะไรบางอย่างรบกวนจิตใจให้ชายหนุ่มเฝ้าคิดถึงและ


อยากจะกลับบ้านตลอดทั้งวันจนเขาต้องเฝ้าแต่ตั้งสติให้อยู่กับการเรียนอย่างยากลำบาก จนกระทั่งไตรภูมิเลี้ยวรถเข้ามาในเขตรั้วบ้าน


                        “ผมกลับมาแล้วนะครับ คิดถึงคุณจังเลย”


                     เผลอรำพึงออกมาราวกับบ้านหลังนี้มีชีวิต นึกแปลกใจกับความปวดหน่วงแปลบ ๆ ที่พุ่งขึ้นมาจนขอบตาล้นเอ่อ ไตรภูมิ


สลัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปและพยายามทำจิตใจให้สดใสขึ้น


                    “เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย”


                      ก่นด่าตัวเองก่อนจะเบนความสนใจด้วยการจัดแต่งห้องนอนให้เข้าที่ ไตรภูมิยกขาตั้งเฟรมวาดรูปมาวางไว้ตรงส่วนของ


หน้ามุขหกเหลี่ยมในห้องนอนเป็นสิ่งสุดท้าย เขากวาดสายตามองรอบห้องด้วยความพึงพอใจ


                    ไตรภูมิเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้มาใช้ตั้งแต่เตียงนอนกว้างและตู้เสื้อผ้า เขาได้ชั้นวางของไม้ลายเก่ามาจากตลาดมือสอง

ห้องนอนในตอนนี้เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยเกือบร้อยปีที่แล้วอย่างที่ไตรภูมิต้องการ

                      ชายหนุ่มทิ้งกายลงไปบนเตียงกว้าง ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เขาคล้อยหลับไปจนกระทั่งแสงจันทร์นวลคล้อยต่ำลง

เรื่อย ๆ เมื่อล่วงเข้าสู่ยามดึกสงัดในราตรีกาล


                      “คุณพุ่มของไอ้ดิน”


                     แว่วเสียงนั้นอีกแล้ว เสียงแห่งความรันทดและน้อยเนื้อต่ำใจเจียมตัวเจียมตนจนไตรภูมิสงสาร


                   “คิดถึงเหลือเกิน คุณพุ่มจะคิดถึงและเฝ้ารอเหมือนที่ไอ้ดินรอคุณพุ่มหรือไม่ขอรับ”


                    คิดถึงสิ คิดถึงเหมือนกัน


                    “รังเกียจไอ้ดินนักรึขอรับ แม้แต่เนื้อตัวยังมิให้แตะต้อง”


                     น่าแปลกที่ไตรภูมิได้ยินปลายเสียงระทดท้อนั้นราวกับกระซิบอยู่ข้างหูนี่เอง ผิวกายของเขาหนาวยะเยือกเมื่อรู้สึกคล้าย


กับความเย็นกำลังพยายามแตะไล้ไปทั่วทั้งตัว


                     “ทั้งที่ไอ้ดินเฝ้ารักเฝ้าคิดถึง รอให้คุณพุ่มมาหาและบอกกับไอ้ดินบ่าวผู้ต่ำต้อยว่าคุณพุ่มทอดทิ้งไอ้ดินเพราะเหตุใด”





มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-11-2017 21:52:54
ต่อกันตรงนี้




                   ไตรภูมิร้อนรนกระสับกระส่าย เขาอยากจะลืมตามองเหลือเกินว่าเจ้าของเสียงที่ตัดพ้ออยู่นี้เป็นใคร แต่ก็เหมือนกับมีอะไร

บางอย่างเป็นกำแพงขวางกั้นไว้


                 “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว คุณเป็นใครกัน”


                 พยายามจะส่งเสียงออกไป ไตรภูมิดิ้นรนทุรนทุราย เขาจับได้ถึงกระแสความอาวรณ์จนสะดุ้งตื่นกลางดึก เหงื่อไหลจน

เปียกชื้นทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากมายนัก


                  “อะไรกันอีกวะ”


                   ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือเช็ดเหงื่อ เนื้อตัวเหนียวหนับจนนอนไม่เป็นสุข ไตรภูมิจึงลุกไปยังห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำ

ราดตัวให้เย็นสบายขึ้น


                   “อ้าว เชือกคล้องพระเปียกเลย ลืมถอดก่อนอาบน้ำ”


                   ไตรภูมิส่ายหน้ากับความหลงลืมของตัวเอง เขาถอดพระออกจากคอวางไว้ที่ชั้นวางของก่อนจะกลับมานอนแผ่อยู่บนเตียง
ความเงียบสงัดของค่ำคืนทำให้ไตรภูมิหนังตาหนักอึ้ง แพขนตาหนาค่อย ๆ ปิดลง

                   แค่ปิดเปลือกตาไตรภูมิก็หลับ เขาหลับสนิทจนกระทั่งดวงจันทร์วันเพ็ญฉายแสงนวลเป็นเงินยวงเข้ามาทางหน้าต่างห้อง

ในยามใกล้รุ่ง ลมพัดกลิ่นชื้นของสายน้ำแตะต้องตามเนื้อตัวก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงแรงยวบลงของที่นอน


                     “ใคร”


                   ได้ยินเสียงตนเองถามออกไปทั้งที่ยังอยู่ในนิทรา แขนสองข้างถูกดึงออกกว้างเพื่อให้มวลหนาหนักแล่นมาโถมทับชวน

อึดอัด


                “ออกไป”


                 “รังเกียจไอ้ดินมากหรือขอรับ”


                  เสียงนั้นแว่วมาอีกแล้ว คราวนี้ตัดพ้อจนไตรภูมิใจหาย เขารีบปฏิเสธทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท


                 “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น”


                 “ไม่รังเกียจแต่ก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้”


                   สายลมเย็นพัดผ่านเนื้อตัวแต่กลับทำให้ไตรภูมิร้อนวูบไปทุกจุดที่สายลมแตะไล้ ราวกับมีมือร้อนกำลังลูบไล้ไปตาม

ร่างกายปลุกเร้าให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


                 “คิดถึงไอ้ดิน รอไอ้ดินเหมือนที่ไอ้ดินเฝ้ารอบ้างไหมขอรับ”


                 “อื้อ”


                 คราวนี้ราวกับสายลมนั้นจะรวมตัวกันเป็นมวลธาตุ มันหนาแน่นจนก่อเกิดเป็นเงาที่ชัดขึ้นทีละน้อย หากไตรภูมิจะลืมตาขึ้น

มองร่างโปร่งใสของชายฉกรรจ์ร่างกำยำหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่กำลังเอนกายลงเคียงข้างและใช้มือโปร่งแสงลูบไล้ไปบนกรอบ

หน้าของคนที่ยังนอนหลับ ดวงตาบนใบหน้าคร้ามทอดมองอย่างอาวรณ์พลางเลื่อนหน้าลงไปแนบริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มของ

ไตรภูมิ


                “ดิน ดิน”


                  ปากหยักเผยอร้องเรียกอย่างเผลอไผลจากจิตใต้สำนึกทำให้ดวงตาของร่างโปร่งแสงเบิกขึ้นอย่างยินดี แขนใหญ่โอบรัด

ร่างที่บอบบางกว่าเข้ามาในอ้อมกอดพลางบดปากลงไปอย่างโหยหา ปลายลิ้นเย็นค่อย ๆ สอดลึกลงไปจนไตรภูมิผวาอยู่ในความฝันเมื่อ

รู้สึกถึงร่างกำยำที่แสนคุ้นเคยกำลังบรรจงจูบหนักและตวัดลิ้นเกี่ยวรัดจนต้องเงยหน้ารับและโต้ตอบให้อีกฝ่ายดีใจ

                 ในฝันไตรภูมิแอ่นอกให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดนอนที่ทำจากผ้าฝ้ายนุ่มมือ กางเกงแพรถูกดึงจนหลุดออกไปจาก

ท่อนขา เขาเบียดตัวเข้าหาร่างร้อนรุมแน่นเนื้อให้ปากร้อนก้มลงฟอนเฟ้นดูดดึงทิ้งรอยสีแดงเรื่อไปทั่วร่าง


                “ดิน ดิน ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว ต้องการเอ็งเหลือเกิน”


                     ได้ยินเสียงของเขาเองกับบทสนทนาที่ไตรภูมิไม่เคยใช้ ได้ยินเสียงลมหายใจกระเส่าดังแว่วเข้าหูก่อนที่ท่อนขาจะถูกจับ

แยกออกจากกัน


                     “ไอ้ดินก็ต้องการคุณพุ่มเหมือนกันขอรับ ให้ไอ้ดินได้มอบความสุขแก่คุณพุ่มเถิดนะขอรับ”


                      “อื้อ ดิน อา”


                      ท่อนเนื้อร้อนจ่ออยู่ที่ปากทางค่อย ๆ ดันลึกเข้ามาแทรกกล้ามเนื้อจนวาบหวาม ไตรภูมิบิดกายดิ้นพล่านไปด้วยความ

กระสัน เอวยกลอยรอรับให้มันยิ่งสอดลึกเข้ามาจนเต็มลำ รู้สึกถึงความคับแน่นแทบระเบิด


               “ขยับสิดิน ข้าอยากให้เอ็งขยับ”


                 เสียงกระเส่าของไตรภูมิในความฝันออกคำสั่ง ร่างกายกำยำครางตอบรับแล้วกระแทกสวนเข้าคราวเดียว


                “อ๊า แรงอีกดิน แรงอีก”


                 “ขอรับ คุณพุ่ม โอ คุณพุ่มตอดกระผมเหลือเกิน”


                   เอวแกร่งขยับเร็วรี่ ไตรภูมิรัญจวนจนต้องห่อปากหายใจ เขาเอื้อมมือไปโอบรัดแผ่นหลังชื้นเหงื่อแล้วเบียดกายจนผสาน

รวมเป็นหนึ่งเดียว


                  “ดิน อีกนิด อ๊า อีก ฮัก ฮัก ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”


                 ไตรภูมิชะงักเกร็งค้างกล้ามเนื้อบีบตัวแน่นจนต้องบีบขาเข้าหากัน เขาเงยหน้าร้องลั่นเมื่อตัวเองปลดปล่อยออกมาในที่สุด


                    ชายหนุ่มลืมตาอยู่ในความมืดเพื่อพบว่าตนเองนอนหายใจกระเส่าอยู่บนเตียงพร้อมกับน้ำเมือกที่เปียกชื้นอยู่เต็มกางเกง

ชุดนอนที่ไตรภูมิสวมใส่อยู่




                                                                            TBC

                            ขออภัย อาจจะจัดหน้าไม่สวย วันนี้เล้าเป็ดจัดหน้ายากมากเลยจ้า ทนอ่านกันหน่อยน้า


                                                  o1 o1 o1 o1 o1



หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 28-11-2017 22:08:45
คืนที่2 ก็จัดการคุณพุ่มเลยนะ ไอดินนนน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-11-2017 22:14:27
อื้อหือน้องดินงานนี้ได้รื้อฟื้นความหลังอย่างไวว่อง ไม่น่าจะใช่ฝันนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 28-11-2017 22:38:59
 :hao6:อิอิชอบ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 28-11-2017 23:25:20
โดนซะแล้วคุณพุ่ม

 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-11-2017 00:07:42
อื้อหืออออแค่ฉากสองก็จัดแล้ว แซ่บพอๆกับเรื่องสั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-11-2017 00:09:57
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-11-2017 03:38:13
ชอบมากเลยค่ะแนวนี้แต่เวลาอ่านมันให้ความรู้สึกหน่วงๆคิดถึงอ่าเเล้วยิ่งอินค่ะ
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-11-2017 07:48:47
คนอ่าน เสน่หาทั้งคนทั้งวิญญาณเลยอ่า   :o8: :-[ :impress2:

อยากรู้ทำไมคุณพุ่มถึงทิ้งดินไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 29-11-2017 17:12:36
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-11-2017 20:54:29
คืนที่สองก็ฉ่ำรัก ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 29-11-2017 21:20:19
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-11-2017 21:37:18
ฝันเปียกมั้งน้องไตร อิอิ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๒ [๒๘/๑๑/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2017 22:29:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-12-2017 01:22:23


                                                                          วิญญาณเสน่หา

                                                                               บทที่ ๓



                      บรรยากาศของตลาดในยามสายที่ยังมีผู้คนจับจ่ายหนาตาทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ในร้านน้ำชาเล็ก ๆ ทอดสายตามองอย่าง

รื่นรมย์ ถนนหนทางที่สร้างทั่วพระนครตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ห้านั้นขยับขยายเสียจนกว้างขวาง

ผู้คนที่มีฐานะเริ่มหันมาสัญจรกันด้วยรถออร์โตโมบิลจากต่างประเทศจนขวักไขว่ แต่ถึงกระนั้นชาวบ้านก็ยังนิยมใช้การเดินทางด้วยเรือ

ในลำคลองเช่นเดิม นอกจากนั้นยังมีรถลากของเจ๊กที่เข้ามาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารวิ่งกันเกลื่อนกลาด


                    เมื่อถนนหนทางมีมากขึ้น ตลาดที่ตั้งบนบกจึงมีมากขึ้นไปด้วยนอกจากตลาดน้ำดั้งเดิมที่มีก่อนแล้ว การค้าขายขยับขยาย

กิจการหลายอย่างให้เข้ากับชาวตะวันตกที่เข้ามามีอิทธิพลต่อบ้านเมือง รวมไปถึงศิลปะความบันเทิงที่เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วในรัช

สมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน



                  หากแต่เสียงเอะอะเอ็ดตะโรกับความชุลมุนที่กำลังเกิดขึ้นไม่ไกลจากที่นั่งจิบน้ำชาอย่างสำราญนั้น ทำให้หัวคิ้วโก่งที่ตั้ง

อยู่บนกรอบหน้ารูปหัวใจนั่นต้องขมวดลงอย่างสงสัย ดวงตาเรียวที่มีขนตายาวเป็นแพปกคลุมเบื้องบนเพ่งมองอยู่ตรงบริเวณเกิดเหตุที่

เป็นริมถนนสายเล็กในตลาดยามเช้า



                 “ไอ้ฉ่ำ เอ็งไปดูทีว่าเกิดกระไรขึ้น”



                เสียงนุ่มออกคำสั่งแก่บ่าววัยกลางคนที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันอยู่ที่โต๊ะถัดไปของร้านน้ำชา ทำให้มันต้องเด้งตัวลุก

อย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปหาข่าวด้วยความชำนาญในการสอดรู้ ก่อนที่จะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนายพลางหอบเป็นหมาหอบแดดเมื่อรายงาน

ข่าวต่อผู้เป็นเจ้านายของมัน



                 “นายเหมือน ลูกชายเจ้าคุณฝั่งขะโน้นขอรับคุณพุ่ม กำลังให้พวกบ่าวรุมตีนไอ้หนุ่มคนหนึ่งอยู่ กระผมดูแล้วเห็นท่าจะอาการ

หนักเพราะคงจะโดนไปหลายตีนแล้ว”



                  คุณพุ่มของไอ้ฉ่ำถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้ถึงกิตติศัพท์ดีว่านายเหมือนบุตรชายของพระยาไกรสรสิทธิ์ที่มีบ้านเรือน

หลังใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับคุ้งแม่น้ำนั้นขึ้นชื่อเรื่องอันธพาลแค่ไหน แต่ที่ต้องถอนหายใจออกมาก็ด้วยความกลัดกลุ้ม พุ่มจะไม่สนใจเลยหาก

ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวของกับตระกูลนี้ด้วยการหมั้นหมายอยู่กับแม่ละมัยน้องสาวของนายเหมือน ที่ใกล้จะถึงกำหนดวิวาห์ในอีกไม่นานนัก

ด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย


                แต่ครั้นมองเห็นสภาพเจ้าคนเคราะห์ร้ายที่โดนรุมทำร้ายจากชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ในขณะที่มันมีเพียงสองมือกับสองเท้าเพื่อ

ปกป้องตนเองแล้วนั้น หากไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเกรงว่ามันอาจจะช้ำในจนตายคาถนนเสียก็เป็นได้ คิดได้ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนด้วย

ท่าทีงามสง่า


                   แม้พุ่มจะไม่ใช่ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ แต่ด้วยเพราะความสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านใบหน้าหมดจดนี่แหละที่

ทำให้พุ่ม หรือขุนพิพิธโสภณแห่งกรมช่างสิบหมู่สังกัดกรมวัง ผู้เป็นบุตรชายโทนของพระยาวิเชียรอัครภาคมีชื่อเสียงขจรขจายถึงความ

งดงามมีเสน่ห์รวมทั้งอุปนิสัยอ่อนน้อมและโอบอ้อมอารี ทำให้หญิงงามในพระนครเฝ้าถวิลหาและพากันเสียดายเมื่อเขามีภาระเกี่ยวดอง

อยู่กับแม่ละมัยเสียแล้ว


                พุ่มก้าวเดินข้ามถนนเส้นเล็กที่ชาวบ้านพากันมุงดูและพูดคุยด้วยความตื่นเต้นแต่กลับไม่กล้าให้ความช่วยเหลือเจ้าหนุ่ม

เคราะห์ร้าย เพราะคนต้นเหตุคือนายเหมือนที่กำลังยืนกอดอกหน้าเหี้ยมคุมเชิงให้ลูกน้องกลุ้มรุมทำร้ายคนดวงซวยอยู่ กิตติศัพท์ของ

นายเหมือนเป็นที่เลื่องลือถึงความเกกมะเหรกเกเรและได้บิดาให้ท้าย จะมีเพียงแต่ขุนพิพิธโสภณเท่านั้นที่กล้าเข้าไปกล่าวห้าม



                “หยุดก่อนเถิด กระผมว่าทำร้ายมันหนักมือเกินไปแล้วนะขอรับพ่อเหมือน”



                เสียงนุ่มแต่หนักแน่นทำให้นายเหมือนผู้ชายร่างโตหันหน้ามามองอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กล้าเข้ามาขัดขวางเป็น

ใครใบหน้าถมึงทึงจำต้องคลายออกอย่างไม่เต็มใจนัก



                 “นึกว่าใครที่กล้ามาห้าม ที่แท้ก็พ่อพุ่มนี่เอง หยุดก่อนพวกมึง ว่าที่น้องเขยกูเข้ามาห้าม ไม่มีตามองหรือกระไร”



                 เสียงโห่ฮาดังขรมจากคนที่ยังไม่สาแก่ใจในการรุมทำร้ายคนอื่น แต่พวกมันก็ยอมหยุดตามคำสั่งของเจ้านายพลางก้าวเดิน

ถอยหนีเปิดทางให้พุ่มได้มองเห็นชายหนุ่มวัยเพิ่งพ้นแตกพานนอนตัวงออยู่บนพื้นดิน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ร่องรอยฟกช้ำแต่ดวงตาคมคู่นั้น

ยังแกร่งกล้าไม่ยอมสยบถึงแม้จะหาทางสู้ไม่ได้  และทันใดดวงตาคู่นั้นกลับตวัดมองมายังเขา เมื่อพุ่มได้สบประสานสายตาหัวใจของ

เขากลับเต้นตึกตักจนต้องเบนสายตาหนีกลับมาอยู่กับผู้ร่วมสนทนา พุ่มเอ่ยถามนายเหมือนที่ยังมีทีท่าคุกคามไม่เลิกรา



                   “ไอ้หนุ่มคนนี้มันทำผิดกระทงไหนรึ พ่อเหมือนจึงได้ลงโทษมันแรงขนาดนี้”



                    “เฮอะ ถุย!”



                    เหมือนถ่มน้ำลายใส่ร่างงอนั้นจนมันหาญกล้าโงหัวขึ้นมาด้วยสายตาคั่งแค้น แต่ทันใดนั้นลูกน้องของนายเหมือนก็กระทืบ

ลงไปบนแผ่นหลังจนมันส่งเสียงร้องด้วยความแค้นที่ตอบโต้อะไรไม่ได้



                  “เพราะมันเหิมเกริมเข้าไปชิงอาหารที่พวกกระผมกำลังกินอยู่ไม่ทันอิ่มหนำ พ่อพุ่มลองตรองดูว่ามันเลวแค่ไหน”



                พุ่มลอบถอนหายใจ หากนับว่าผิดก็คงจะผิดจริงในโทษฐานขโมย แต่โดยปกตินายเหมือนก็ตั้งวงสุรากินทิ้งกินขว้างอยู่แล้ว

หากใจมีเมตตาสักนิดแบ่งปันให้คนยากไร้หิวโหยก็คงจะไม่เกิดเรื่องนี้ ยิ่งได้ยินเสียงซุบซิบมาจากชาวบ้านที่ล้อมวงยืนมองด้วยความ

เห็นใจด้วยแล้ว



                 “มันก็หยิบกินแต่ของเหลือไอ้ที่โยนทิ้งบนพื้นดอก มิใช่หยิบคว้าในสำรับเสียเมื่อไหร่”



                 มองร่างที่ฟกช้ำเพราะถูกทำร้ายแล้วพุ่มจึงตัดสินใจ หากเขาไม่ยื่นมือเข้าไป คล้อยหลังจากนี้คงถูกนายเหมือนและลูกน้อง

ทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตแน่



               “เอาเป็นว่ากระผมขอชีวิตมันไว้ก็แล้วกัน เห็นใจกลัวว่ามันจะตายเสียก่อน ขอให้กระผมได้จ่ายอัฐชดใช้ค่าอาหารให้พ่อ

เหมือน พ่อเหมือนจะคิดค่าเสียหายเท่าไรก็แจ้งมา”



                    นายเหมือนแสยะยิ้มเมื่อได้ยินคำขอนั้น และเมื่อกล่าวราคาค่าตัวของการช่วยเหลือออกไปก็เรียกเสียงฮือฮาจากชาวบ้าน

ที่มุงมองอย่างไม่เห็นด้วย



                  “ถ้าพ่อพุ่มใจดีจะเลี้ยงดูสำรับอาหารแทนไอ้สารเลวนี่ กระผมก็ขอคิดค่าอาหารแค่หนึ่งชั่งคงไม่มากเกินไป”



                  พุ่มนิ่งงัน หนึ่งชั่งสำหรับการช่วยเหลือมนุษย์ที่ไม่มีทางต่อสู้เขาไม่รู้ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ แต่เมื่อเห็นคนที่พยายามยันกาย

ตนเองขึ้นมานั่งอยู่ตรงพื้นนั่นแล้วพุ่มจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก เขาล้วงห่อเงินมาจากชายพกกางเกงแพรเนื้อดีแล้วโยนให้นายเหมือนคว้าไป

ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีแต่นายเหมือนที่กระหยิ่มกับอัฐที่ได้รับไป



               “พ่อเหมือนน่าจะพอใจกับค่าอาหารแล้วก็เชิญเถิด ส่วนไอ้หนุ่มคนนี้กระผมจะขอตัวไว้เอง”



                 นายเหมือนไม่ได้สนใจอีก เขาพาพวกเฮละโลจากไป พุ่มหันไปให้ความสนใจกับชายหนุ่มร่างผอมที่แรงพอจะฟื้นจน

สามารถยันกายขึ้นมานั่งคุกเข่าได้แล้ว



                “เอ็งชื่ออะไร”



               ร่างผอมกะหร่องเงยหน้าขึ้นมา มันจ้องมองใบหน้าของบุรุษที่งดงามที่สุดตั้งแต่มันเคยพบด้วยความนับถือและซาบซึ้งใน

น้ำใจที่ให้การช่วยเหลือคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างมัน



                “กระผมชื่อดินขอรับ ขอบพระคุณเหลือเกินที่ช่วยชีวิต กระผมเป็นหนี้ชีวิตของคุณแล้ว”



                “ไม่ต้องคิดว่าเป็นหนี้กระไรดอก ถือเสียว่าข้าช่วยลูกนกลูกกา เอ็งไปได้แล้วไอ้ดิน”



                  พุ่มแค่อยากจะช่วยชีวิตของคนไร้ที่พึ่ง เขาไม่ชอบเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วชาวบ้านที่ยืนออกันก็

ต่างแยกย้ายกันไป พุ่มจึงเดินกลับหลังเพื่อลงเรือเดินทางไปทำงาน เขาก้าวเดินไปยังท่าจอดเรือเรื่อย ๆ จนกระทั่งชะงักเมื่อไอ้ฉ่ำบ่าว

ติดตามสะกิดแขนยิก ๆ



                   “คุณพุ่มขอรับ ไอ้ดินที่คุณพุ่มเพิ่งช่วยไว้มันเดินตามมาไม่ยอมห่างเลยแน่ะขอรับ”



                  ไอ้ฉ่ำเอ่ยขึ้นทำให้พุ่มต้องหยุดเดินและหันกลับมามองดินอีกครั้ง



                  “เอ็งตามมาทำไมไอ้ดิน”



                   ดินทรุดตัวลงกราบแทบเท้าของพุ่ม



                 “กระผมเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตร ที่คุณช่วยกระผมไว้ครานี้เป็นบุญคุณที่ไม่อาจทดแทนหมด กระผมไม่มีที่ไป ขอไป

อยู่รับใช้คุณเพื่อทดแทนพระคุณเถิดขอรับ”



                พุ่มสบตากับมัน ดวงตาของมันกระจ่างใสไร้วี่แววกลับกลอกจนพุ่มนึกเวทนา



                “พ่อแม่เอ็งไม่มีรึ”



                “ตั้งแต่เกิดกระผมยังไม่เคยเห็นพ่อแม่เลยขอรับ กระผมอยู่กับหลวงตากินข้าวกินข้าวก้นบาตรจนโต นึกละอายแก่ใจที่โต

เป็นควายแล้วยังต้องแย่งไอ้แกละไอ้จุกที่วัดกินจึงกราบหลวงพ่อออกจากวัดแล้วมารับจ้างทำงานแลกอัฐแลกข้าว กระผมไปกับเรือขน

ซุงเดินทางขึ้นล่องไปค้าขายที่ปากน้ำโพ แต่เมื่อวันก่อนกระผมถูกไอ้เจ้าของเรือมันให้พวกของมันบังคับกระผมให้ทำงานและทำร้ายจน

บาดเจ็บตกเรือและลอยมาติดอยู่ที่ท่าน้ำขอรับ”



                   ดินเล่าประวัติของมันอย่างรันทด พุ่มยิ่งนึกเวทนาสงสารมันมากขึ้นไปอีก มองสภาพอิดโรยของดินแล้วพุ่มจึงตัดสินใจ



                  “เอาเถิด หากไม่มีที่ไปเอ็งก็ไปอยู่กับข้า บ้านเรือนใหญ่โตจะเลี้ยงเอ็งเพิ่มอีกสักคนคงไม่เสียหาย เอาไว้ข้าจะแจ้งแก่เจ้า

คุณพ่อของข้าเองก็แล้วกัน”



                นับจากวันนั้น ไอ้ดินก็เข้าไปอยู่อาศัยในเรือนหลังใหญ่ของพระยาวิเชียรอัครภาคบิดาของพุ่ม ช่วงแรกพุ่มให้ดินช่วยทำงาน

ที่ต้องใช้แรงงานในบ้านเช่นเดียวกับบ่าวผู้ชายคนอื่น ๆ ดินเป็นคนขยันขันแข็งและมีน้ำใจไม่นิ่งดูดาย ไม่นานนักมันจึงเป็นที่รักของบ่าว

ในเรือน และเพราะข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ร่างผอมโซของมันจึงค่อยมีเนื้อมีหนัง ผิวสีดำแดงของดินเป็นมันเงางามยามมีเหงื่อชโลม

กาย



                    “หน่วยก้านไอ้ดินมันไม่เลวนัก ให้มันมาติดตามพ่อพุ่มแทนไอ้ฉ่ำเถิด”



                    คุณหญิงพร้อมมารดาของพุ่มกล่าวกับเขาในวันหนึ่ง



                      “มันยังหนุ่มแน่น หน้าตาก็ดูไม่เลว จับมาฝึกมารยาทเสียหน่อยแล้วให้คอยติดตามรับใช้พ่อพุ่ม ไอ้ฉ่ำมันก็แก่ลงไปมาก

จะทำอะไรก็งก ๆ เงิ่น ๆ ไอ้ดินมันดูคล่องแคล่วว่องไว พ่อพุ่มจะได้ไม่ลำบากตอนที่ออกไปทำงานไกล ๆ”



                พุ่มทำงานที่กรมช่างสิบหมู่ได้ตำแหน่งขุนพิพิธโสภณ รั้งตำแหน่งช่างเขียนฝีมือดีโดยงานหลักนั้นคือวาดเขียนลงรักปิดทอง

ตามอุโบสถวัดหลวงแล้วแต่จะได้รับคำสั่งมาจากกรมวัง ในบางคราวหากต้องไปทำงานในวัดที่ห่างไกลพระนคร พุ่มก็ต้องนอนที่กุฏิพระ

แทนที่จะกลับบ้าน


                 หลังจากวันนั้นไอ้ดินก็กลายเป็นบ่าวคนสนิทของพุ่ม มันรับใช้เจ้านายของมันทั้งกลางวันและกลางคืนมิให้ขาดตกบกพร่อง

มันเทิดทูนเจ้านายมันจนขึ้นชื่อ


                   “คุณพุ่มของไอ้ดิน”



                   กลายเป็นคำติดปากยามที่ดินได้คุยกับใครต่อใครเรื่องคุณพุ่มของมัน ไอ้ดินชอบเวลาได้ติดตามเจ้านายออกไปทำงาน

เมื่อคุณพุ่มหรือขุนพิพิธโสภณกำลังออกแบบและวาดลวดลายวิจิตรอยู่ในอุโบสถของวัด ภาพที่เจ้านายของมันใช้สมาธิในการถือพู่กันลง

สีทีละน้อยช่างงดงามจนมันหลงใหล กว่าจะรู้ตัวไอ้ดินก็หลงรักนายของมันเข้าเต็มหัวใจ แต่มันก็ต้องหักห้ามไว้เพราะมันกับคุณพุ่มนั้น

ช่างห่างไกลจนมันไม่กล้าคาดหวัง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีกต่างหาก มันได้แต่คอยปรนนิบัติพัดวีดูแลนายของมัน ยุงไม่ให้ไต่ไร

ไม่ให้ตอมตั้งแต่เช้าจรดเย็น





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-12-2017 01:31:19


อ่านต่อตรงนี้...




                   ยามบ่ายวันหนึ่งที่พุ่มไม่ได้ทำงาน เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ชานบ้านโดยมีดินเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ไอ้ดินชะเง้อชะแง้มองหนังสือ

ในมือเจ้านายของมันด้วยความสงสัย


                  “คุณพุ่มอ่านตำราอะไรหรือขอรับ เห็นนั่งทอดถอนหายใจหลายรอบเหลือเกิน”


                   พุ่มวางหนังสือในมือลงแล้วหันไปยิ้มให้ดิน เพียงเท่านี้ไอ้ดินก็หัวใจพองโตแล้ว


                  “พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องมัทนะพาธา เอ็งเคยได้ยินหรือเปล่าดิน”

           
                   ไอ้ดินส่ายหน้าพรืด กระทั่งตัวหนังสือสักตัวมันยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร น้ำหน้าอย่างมันน่ะหรือจะอาจเอื้อมถึงกับอ่านงาน

พระราชนิพนธ์ได้


                    “ไม่เคยหรอกขอรับคุณพุ่ม”


                    “เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักที่น่าสงสารของนางอัปสรคนหนึ่งที่ผิดหวังในความรักจนกลายเป็นดอกกุหลาบ”


                   เพราะเห็นบ่าวคนสนิทนั่งฟังอยู่ด้วยความสนใจพุ่มจึงใจดีเล่าให้ฟัง


                 “มัทนาเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ มีเทวดาองค์หนึ่งหลงรักนางชื่อว่าสุเทษณ์ เทวดาองค์นี้ใช้ให้วิทยาธรบังคับด้วยมนตราไปพา

นางมา  แต่ครั้นขอความรักมัทนากลับปฏิเสธ สุเทษณ์จึงสาปให้มัทนาไปเกิดที่โลกมนุษย์ นางขอไปเกิดเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม สุ

เทษณ์จึงให้นางไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จะเป็นมนุษย์ได้ในคืนวันเพ็ญเท่านั้นต่อเมื่อมีความรักจึงจะพ้นสภาพการเป็นดอกไม้ และถ้าหาก

ทนทุกข์เพราะความรักให้อ้อนวอนแล้วสุเทษณ์จะมาช่วย”

                  “ที่โลกมนุษย์ฤาษีในป่าช่วยเลี้ยงดูนาง ต่อมีกษัตริย์ชื่อท้าวชัยเสนเดินทางเที่ยวในป่าและพบกับมัทธาจึงต่างหลงรักกัน

ท้าวชัยเสนทูลขอนางกับฤาษีและพากลับไปวัง แต่ปรากฏว่าท้าวชัยเสนนั้นมีเมียอยู่แล้ว และพระมเหสีก็โกรธและหึงหวงมากจึงหาเรื่อง

ออกอุบายใส่ไคล้ว่ามัทนาเป็นชู้กับทหารเอกของท้าวชัยเสน และแอบส่งข่าวให้พระบิดาส่งกำลังมาตีเมืองลูกเขย”


                    “เลวจริง ๆ ขอรับ”


                     ดินที่นั่งฟังตาแป๋วถึงกับสบถออกมา พุ่มยิ้มเมื่อเห็นดินโมโหแทนมัทนา


                   “ท้าวชัยเสนเชื่อมเหสีจึงสั่งประหารทั้งมัทธากับทหารเอก”


                   “อ้าว เลวกว่าอีกขอรับ” ดินอ้าปากหวอ


                    “แต่คนของมเหสีสำนึกผิดมาสารภาพกับท้าวชัยเสนว่าทุกอย่างเป็นแผนการชั่วร้าย ท้าวชัยเสนตกใจมากแต่โชคดีที่

ทหารที่รับหน้าที่เพชฌฆาตทูลว่ายังไม่ได้ประหารทั้งคู่”


                 “เฮ้อ โชคดี” ดินถอนหายใจโล่งอก


                   “ฤาษีรับมัทนากลับไปอยู่ในป่า นางอ้อนวอนให้เทวดาสุเทษณ์ช่วยให้นางกลับไปสวรรค์ สุเทษณ์ยังไม่คลายรักนางจึง

เอ่ยขอให้มัทนาปลงใจอีกครั้ง แต่มัทนาก็ไม่ยอมเพราะไม่ต้องการเป็นหญิงสองผัวและใจยังไม่อาจตัดจากท้าวชัยเสนได้ เทวดาสุ

เทษณ์โกรธมากจึงสาปให้มัทนากลายเป็นดอกกุหลาบตลอดไป ท้าวชัยเสนที่มาตามหาแต่ไม่ทันเสียใจมาก ฤาษีที่เลี้ยงมัทนาจึงได้

ช่วยให้พรว่าต้นกุหลาบมัทนาจะมีอายุขัยเท่ากับท้าวชัยเสน จากนั้นท้าวชัยเสนจึงนำต้นกุหลาบมัทนาไปปลูกในวัง”


                  “น่าสงสารนางมัทนานะขอรับ ยามรักก็ยอมทำได้ทุกอย่างแต่กลับต้องมาผิดหวัง”


                “ตรงกับคำประพันธ์ในเรื่องนี้อย่างไรล่ะ”


                 พุ่มคว้าหนังสือขึ้นมาเปิดและอ่านบทประพันธ์ให้ดินฟัง


                  “ความรักเหมือนโรคา           บันดาลตาให้มืดมน
 

                ไม่ยินและไม่ยล                     อุปสัคคะใดใด


                ความรักเหมือนโคถึก              กำลังคึกผิขังไว้


                ก็โลดออกจากคอกไป             บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง


                 ถึงหากจะผูกไว้                      ก็ดึงไปด้วยกำลัง


                 ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง                     บ หวนคิดถึงเจ็บกายฯ”
 



                       ยังมิทันจะอธิบายความหมายพุ่มก็ต้องวางหนังสือลงเมื่อบ่าวในเรือนวิ่งมาแจ้งว่าท่านเจ้าคุณวิเชียรฯผู้เป็นบิดาเรียกให้

ไปพบ พุ่มจึงต้องรีบไปหาบิดาทันที



                    “เจ้าคุณพ่อมีสิ่งใดกับกระผมหรือขอรับ”



                    เจ้าพระยาวิเชียรอัครภาคมองบุตรชายโทนด้วยสายตาเข้มงวด



                   “ถึงเวลาที่พ่อพุ่มต้องตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝากับแม่ละมัยได้แล้ว มันไม่งามที่จะปล่อยให้ลูกเต้าของเขากลายเป็นสาวเทื้อ

คาบ้าน ผัดผ่อนมาเป็นระยะเวลานานพ่อกับแม่เสียหน้ากับคำต่อว่าของเจ้าคุณฝั่งขะโน้นมิใช่น้อย”
 
 


                                                                                TBC

                                                    เด็ก ๆ รู้จักมัทนะพาธา กันหรือเปล่าเอ่ย

                                                           :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:






หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-12-2017 07:02:37
       รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ  :mew1:  :mew1:
ชอบจังเลยค่ะอ่านไปได้ฟิวแบบโบราณแบบนี้  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-12-2017 09:48:32
โถ่ ดินเอ้ย ชีวิตเอ็งนี้...ยังไม่เข้าช่วงไคลเเมกซ์แต่เราพอจะรู้ๆแล้วล่ะค่ะ...แงๆๆ ดินนนน สงสารอ่า! :hao5:

ปอลิง.อ่าา คิดถึงจังเลยน้า~ แบบเรียนสมัยเก่านี้ จำได้ว่าเคยท่องด้วย แหมๆ//บ่งบอกอายุ...
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-12-2017 11:43:17
น่าติดตามมาก ชีวิตช่างน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-12-2017 12:54:25
จำได้ว่าอ่านคู๋นี้ในเรื่องสั้นแล้วร้องอะจึ๋ยระยะอายุของพระเอกนายเอกตอนเกิดใหม่มากแต่ชอบแนวนี้แปลกใหม่ดี
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 08-12-2017 13:17:54
ไม่เคยอ่านกลอนเลยรู้สึกว่านักแต่งเก่งเข้าใจประยุกใช้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-12-2017 13:35:49
ไม่เคยอ่านเลยจ้าา เรื่องนี้พอแต่งแบบตอนยาวแล้วมีส่วนขยายเยอะจริงๆแหละและเหมือนจะปรับบทด้วย แต่ยังไงก็เห็นแววดราม่ามาแต่ต้นเลยนะเนี่ย ดินเอ้ยย หลงรักนายไม่พอยังต้องมารู้ว่านายต้องแต่งงานอีกดินจะทำใจยังไง
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-12-2017 13:59:55
บ่ฮู้จัก เน้อ คุณพุ่มของไอ้ดิน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 08-12-2017 16:07:27
 :o8: :o8: รออ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-12-2017 16:13:08
เคยอ่านกลอนค่ะแต่ว่าเรื่องราวของนางมัทนาเราจำไม่ได้แล้วว่าเคยเรียนไหม
พออ่านแล้วก้อสงสารเจ้าดินมันล่วงหน้าเลย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 08-12-2017 18:00:55
 :L1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-12-2017 20:05:25
ไม่เคยอ่ะ คราวนี้รู้แล้ว
ตามต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๓ [๐๘/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 08-12-2017 21:31:42
 :pig4:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-12-2017 00:29:24


                                                      วิญญาณเสน่หา

                                                         บทที่ ๔


                พุ่มถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ความคิดต่อต้านปะทุขึ้นมาจนเขาต้องหักห้ามไว้มิให้เอ่ยปาก

คัดค้านบิดาด้วยความรุนแรงผิดวิสัย หากเป็นเวลาก่อนพุ่มอาจมีเพียงแค่ความเฉยชามิได้กระตือรือล้นในการ

วิวาห์ แต่ในบัดนี้เขากลับรุ่มร้อนดังมีไฟมาลนที่ใจอันเนื่องจากสาเหตุใดพุ่มก็ยังอธิบายแก่ใจตนเองมิได้ เขา

รู้เพียงว่าเขาไม่ต้องการแต่งงานกับแม่ละมัย วูบหนึ่งคล้ายมีใบหน้าคมเข้มของบ่าวในปกครองกระจ่างขึ้นมา

จนเขาต้องรีบปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป
               


            “มีงานจิตรกรรมฝาผนังที่วัดบวรนิเวศที่กระผมได้รับมอบหมายในเดือนหน้าขอรับเจ้าคุณพ่อ

กระผมเกรงว่าอาจจะไม่มีเวลา…”



                “ไฮ้  พ่อพุ่มอย่าเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้าง”



                เจ้าคุณวิเชียรฯ โบกไม้โบกมือไปมาเพื่อหยุดคำปฏิเสธของบุตรชายโทนจนพุ่มต้องเงียบเสียง

ลง



                “ปีนี้พ่อพุ่มอายุอานามยี่สิบสี่แล้ว บวชเรียนรึก็ผ่านมาหมดรับราชการเจริญก้าวหน้า เป็นเวลาที่

เหมาะแก่การมีคู่ครองแล้ว ไม่รู้ละ เดือนหน้าก่อนถึงฤดูน้ำหลากพ่อจะจัดแจงงานวิวาห์ให้แก่พ่อพุ่มกับแม่ละ

มัย”



                น้ำเสียงเด็ดขาดของผู้เป็นบิดานั่นเองที่ทำให้เขาต้องกลับมานอนปวดหัวอยู่ในห้องตนเอง คิ้ว

โก่งย่นเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว จิตใจของพุ่มกระวนกระวายเมื่อถูกบังคับให้กระทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ



                “คุณพุ่มเป็นกระไรรึขอรับ สีหน้ามิสู้ดีเลย”



                ดินผิดสังเกตตั้งแต่มันยกโถใส่น้ำเข้ามาในห้องแล้ว เจ้านายของมันหายเข้าไปในห้องท่านเจ้า

คุณเสียนานจนมันถือโอกาสไปยกผ้าผ่อนของเจ้านายมาจากแม่แช่มที่เพิ่งจะซักอบจนหอมมาเก็บในห้อง

จนเสร็จเรียบร้อยมันเพิ่งจะเห็นพุ่มเดินออกจากเรือนใหญ่ของท่านเจ้าคุณด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดกับทุกวัน


                ผ้าชุบน้ำหมาดหอมกลิ่นมะลิที่ลูบไล้อยู่บนท่อนแขนรวมทั้งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

จากบ่าวที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่มีแต่ความกังวลนั้นได้ไม่ยาก พุ่มเหยียดแขนข้างหนึ่ง

ออกไปให้ไอ้ดินมันเช็ดเนื้อเช็ดตัวสร้างความสดชื่นให้ ตั้งแต่ไอ้ดินมาอยู่ด้วยพุ่มมีแต่ความสบายใจเมื่อมัน

ดูแลไม่เคยขาดตกบกพร่องจนเขาเอ็นดูมันกว่าบ่าวคนอื่นมากนัก


                เขามองหน้ามัน ไอ้ดิน เด็กหนุ่มที่เขารับมาเลี้ยงจากข้างถนน เพียงเวลาไม่นานมันกลายเป็น

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ เมื่ออยู่ในเขตบ้านมันจะเปลือยท่อนบนสวมใส่เพียงผ้าขาวม้ายกรั้งจนถึงต้นขา อวด

กล้ามเป็นมัดอยู่บนแผ่นอก ผิวเข้มคร้ามแดดใบหน้าของมันก็ดูคมกริบจนเขาเองยังใจเต้นเมื่อมองหน้ามัน

ตรงๆ หลายครั้งที่พุ่มเคยเห็นบ่าวผู้หญิงบางคนชม้ายชายตาให้มัน


                “ไอ้ดิน ปีนี้เอ็งอายุเท่าใดแล้ว”



                ไอ้ดินเงยหน้ามองคุณพุ่มของมันด้วยแววตาเทิดทูนอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก



                “ไอ้ดินอายุจะครบยี่สิบแล้วขอรับคุณพุ่ม”



                คุณพุ่มของมันมองสบตาอย่างมีนัยประหลาดที่ไอ้ดินแปลไม่ออก



                “อายุครบบวชแล้ว ข้าจะให้เอ็งบวช หลังจากนั้นถ้าเอ็งคิดจะมีเมียข้าจะไปขอให้ เอ็งไปรักไป

ชอบสาวคนไหนไว้บ้างหรือเปล่า”



                โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน



                ไอ้ดินคร้านจะบอกกับคุณพุ่มว่ามันจะไปรักไปชอบสาวคนใดได้ ในเมื่อมันยกหัวใจทั้งดวงให้

คุณพุ่มของมันไปหมดแล้ว ไอ้ดินได้แต่สุมความอึดอัดไว้จนคับแน่นในอก มันได้แต่ก้มหน้านิ่งเก็บอาการไว้



                “ดิน ขึ้นมาบนเตียงแล้วมานวดขมับให้หน่อย”



                ไอ้ดินเงยหน้าขวับ จ้องมองนายของมันที่ให้โอกาสมันขึ้นไปบนที่นอนยัดปุยนุ่นที่คุณพุ่มกำลัง

นอนหลับตาพริ้มอยู่นี่หรือ



                “เร็วสิไอ้ดิน อย่าชักช้า ข้าปวดหัวอยู่ไม่รู้หรือไร”



                ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ ไอ้ดินผวาขึ้นไปนั่งอยู่ด้านหัวเตียง มันยกศีรษะทุยได้รูปของคุณพุ่มมาวาง

อยู่บนตักของมันต่างหมอนอย่างทะนุถนอมพลางใช้ปลายนิ้วนวดวนอยู่ตรงขมับทั้งสองข้างให้นายของมัน



                “มือหนักดีแท้ นวดเสียหัวข้าแทบระเบิด”



                “คุณพุ่มเจ็บหรือขอรับ ไอ้ดินขอโทษ อย่าโกรธไอ้ดินนะขอรับ”



                มันรีบละล่ำละลักพูดพลางหยุดมือเพราะกลัวจะทำให้พุ่มไม่พอใจ แต่นึกไม่ถึงว่าพุ่มกลับ

ยกมือมาวางอยู่บนหลังมือของมัน ฝ่ามือของเจ้านายช่างนุ่มจนไอ้ดินอยากจะดึงมาแนบแก้มสากของมันยิ่ง

นัก



                “ใครบอกว่าข้าโกรธ ข้าชอบนะที่มีเอ็งอยู่ใกล้ ดิน ข้าขอบใจเอ็งที่มาดูแลข้าเป็นอย่างดี”



                น้ำเสียงคุณพุ่มฟังดูอ่อนล้าจนแม้แต่คนโง่อย่างไอ้ดินก็เข้าใจได้โดยง่าย



                “ถ้าอีกหน่อยข้ามีเมีย เอ็งคงจะมาอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว”



                ไอ้ดินใจหาย หน้ามันซีดเผือดเมื่อได้ยิน คุณพุ่มของไอ้ดินจะแต่งเมียเข้าบ้าน มือที่แตะอยู่ตรง

ขมับเจ้านายเผลอกำแน่นด้วยความรวดร้าว



                “ผู้หญิงอย่างแม่ละมัยคงจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ข้าเป็นแน่ ข้าคงจะคิดถึงเอ็งน่าดู อ๊ะ!”



                พุ่มอุทานอย่างตกใจเมื่อขณะที่นอนหนุนตักแข็งของไอ้ดินและหลับตาครุ่นคิดด้วยความไม่

สบายใจ จู่ ๆ ริมฝีปากของเขาก็ถูกปิดแนบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นเพียงกรอบ

หน้าคมของบ่าวคู่ใจที่โน้มกายก้มหน้าลงมาจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวรินรดอยู่ตรงปลายคาง ริมฝีปากแห้ง

ผากของไอ้ดินที่แนบชิดอยู่กับกลีบปากของพุ่มทำให้เจ้าตัวใจสั่นและหมดแรงห้ามปรามจนต้องปล่อยให้บ่าว

ต่ำต้อยเป็นฝ่ายผละใบหน้าออกไปเองเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่


                สิ้นไร้ซึ่งคำสนทนา มีเพียงดวงตาสองคู่ต่างจ้องสบตากันอย่างค้นคว้าเข้าไปในห้วงลึกของอีก

ฝ่าย ดวงตาคู่หนึ่งบอกถึงความรักและบูชาจนหมดใจในขณะที่อีกคู่หนึ่งกลับมีแต่ความสับสนและหวาดวิตก

กับสิ่งที่เกิดขึ้น



                “ดิน ... ข้า...”



                “ไอ้ดินขอโทษ ไอ้ดินมันเลวที่กระทำการจาบจ้วง ไอ้ดินมัน…”



                ดินเพิ่งจะได้สติว่ากระทำหยามเกียรติเจ้านายของมันนัก สีหน้าของมันแตกตื่นลนลานซีด

เผือด ดินกลัวว่าพุ่มจะโกรธและขับไล่มันให้ไกลห่าง หากแต่ดินไม่นึกเลยว่าพุ่มจะเป็นฝ่ายยกสองมือโน้มคอ

ดินลงมาให้มันได้มีโอกาสแนบชิดปากสากลงกับกลีบปากนุ่มของผู้เป็นนายอีกครั้ง


             ดินตกตะลึงแต่มันไขว่คว้าโชคของมันได้เร็วยิ่ง และคราวนี้มันไม่ยอมสูญเสียโอกาสที่จะขบเม้ม

ไปตามเรียวปากนุ่มอย่างที่ใจมันต้องการมาเนิ่นนาน ปลายลิ้นอุ่นค่อย ๆ แตะไล้ให้คุณพุ่มของมันเผยอปาก

รับจนมันสอดลิ้นลึกเข้าไปชิมความหวานจนได้ มือสากประคองกรอบหน้างดงามให้เงยรับจนความเร่าร้อน

เริ่มมาเยือนสู่จูบอันยาวนานของมัน


              เนิ่นนานจนเกือบขาดใจฝ่ามือนุ่มที่จับแค่ก้านพู่กันจึงได้ผลักไหล่มันออกให้ไอ้ดินหอบลึกใน

ขณะที่คุณพุ่มนอนร่างสั่นไหว กลีบปากที่ดินรู้แล้วว่าหวานฉ่ำนักสั่นระริกแดงเรื่อ ไอ้ดินคว้ามือนุ่มมาแนบ

แก้มได้สำเร็จอย่างใจนึก มันมองสบตาเรียวที่อยู่บนใบหน้าแดงซ่านของคุณพุ่มแล้วกดจูบไปที่กลางฝ่ามือ



                “คุณพุ่มไม่ต้องพูดกระไรดอกขอรับ บ่าวอย่างไอ้ดินได้เพียงแค่นี้ก็ดีใจเหลือเกินแล้ว”



                “ดิน ข้า…”



                ร่างกายของไอ้ดินกำลังต้องการมันรู้ตัวดี และร่างกายของคุณพุ่มก็กำลังต้องการมันเองมอง

ออกเช่นกัน ถึงอย่างไรทั้งเจ้านายและมันก็เป็นมนุษย์ปุถุชนที่ยังต้องการปลดปล่อยด้วยธรรมชาติ  แต่มันไม่

อยากให้นายของมันแปดเปื้อนไปยิ่งกว่านี้ ไอ้ดินขยับตัวไปด้านปลายเท้าของคุณพุ่มก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นพร่า



                “ให้ไอ้ดินช่วยคุณพุ่มได้มีความสุข นะขอรับ”



                บ่าวต่ำต้อยไม่รอคำตอบ มันเอื้อมมือไปปลดกางเกงแพรลื่นมือออกแล้วดึงขอบผ้าลงช้า ๆ

พลางลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนับเมื่อแก่นกายอันจ้อยที่เคยเห็นของนายในตอนนี้กลับฟูฟ่องชวนกลืนกิน

ไอ้ดินไม่รอช้ามันโน้มกายลงต่ำแล้วคว้ามากอบกุมในมือพลางเปิดปากใช้ลิ้นแตะลงที่ส่วนหัวสีสวยก่อนเม้ม

ปากตามลงไป



                “ดิน อา อย่าทำแบบนี้ มันไม่ดีต่อเอ็งด้วย”



                ผู้เป็นเจ้านายผงกศีรษะมองด้วยความตกใจ ไม่เคยมีใครแตะต้องพุ่มใกล้ชิดถึงเพียงนี้ แต่

ดวงตาคมของดินช่างแน่วแน่เสียเหลือเกินที่จะทำให้พุ่มมีความสุช



                “ชีวิตนี้ของไอ้ดินมีคุณพุ่มเป็นเจ้าของ ต่อให้ตายไปวิญญาณของไอ้ดินก็ยังจะภักดีต่อคุณพุ่ม

เพราะฉะนั้นเรื่องเพียงเท่านี้ คุณพุ่มอย่าได้เป็นกังวลเลยขอรับ”



                พุ่มสะดุ้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาทำเรื่องเช่นนี้ให้เขา ไอ้ดินเหลือบตาขึ้นมองอย่างพอใจ

เมื่อมันรูดปากลงไปช้า ๆ ให้แท่งร้อนของนายสัมผัสทุกส่วนของโพรงปากของมัน ลิ้นร้อนควานรอบจนได้ยิน

เสียงครางลึกจากคุณพุ่ม ตอนนั้นไอ้ดินก็เริ่มรูดรั้งยกหัวขึ้นลงรวดเร็ว



                “ฮัก ฮัก ดิน ไอ้ดิน”



                พุ่มเสียวสะท้านจนต้องเด้งเอวเข้าหา ดวงตาเรียวราวเนื้อทรายปรือฉ่ำหวานพลางสอดนิ้วขยุ้ม

กลุ่มผมดกดำของไอ้ดินไว้แน่น ท่อนเนื้อเกร็งหนักเมื่อพบกับความฉ่ำชื้น ไหนจะมือสากที่ลูบไล้บีบเค้นอยู่

ตรงต้นขานั้นอีกเล่า แต่ละอย่างเร่งเร้าให้พุ่มผวา เขาเกร็งกายพ่นลมหายใจร้อนระอุออกมาเมื่อร่างกาย

ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ



                “ไม่ไหวแล้วดิน อีกนิดเดียว อื้อ”



                ไอ้ดินดูดรั้งจนแก้มตอบเมื่อพุ่มกระตุกแล้วพ่นอัดน้ำคาวออกมาให้ไอ้ดินกลืนกินไปหมดสิ้น

พุ่มนอนดวงตาลอยคว้างหอบหายใจลึกเร็วจนคลายเหนื่อยจากนั้นจึงเผลอหลับไปอย่างสบายตัวที่ได้ปลด

ปล่อย ในขณะที่ไอ้ดินกระวีกระวาดทำความสะอาดให้นายของมันและนั่งมองอย่างพอใจเมื่อเห็นสีหน้าของ

นายผ่อนคลายเมื่อหลับใหล

               ส่วนตัวมันนั้นเล่าแค่ได้เห็นหน้านายและใช้มือสากกอบกุมตัวเองแล้วจินตนาการว่ามีคุณพุ่มอยู่

ในอ้อมกอดไอ้ดินก็ปลดปล่อยได้ไม่ยากเหมือนอย่างที่มันแอบกระทำอยู่เกือบทุกคืน แต่ในคืนนี้มันต้องรีด

น้ำตัวเองออกไปถึงสามคราวกว่าจะสบายตัวและบรรเทาความร้อนรุ่มในวัยหนุ่มได้หมด



                “คุณพุ่มของไอ้ดิน สุดที่รักของไอ้ดิน”



                มันพึมพำแผ่วเบาก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอยู่บนพื้นห้องข้างเตียงของเจ้านายนั่นเอง ดวงตาคม

ของมันปิดลงอย่างสุขสมและหลับฝันดีตลอดราตรีนั้น
 






              ไตรภูมิผวาสุดตัวจากการหลับใหล ร่างสูงโปร่งยกท่อนแขนเช็ดเหงื่อที่ไหลรินอยู่ตรงขมับ

ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาหมาด ๆ และดึกดื่นคืนนี้ก็อีกเช่นเคยที่องคาพยพใต้ร่มผ้าจะปลด

ปล่อยน้ำคาวออกมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวทั้งที่เพิ่งสะดุ้งตื่น หากแต่ที่แปลกคือในค่ำคืนนี้ความฝันของเขา

ชัดเจนเสียเหลือเกิน


                ชัดเจนเหมือนกำลังดูละครโทรทัศน์ ภาพของชายหนุ่มรูปร่างกำยำกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอนช่าง

คมชัด มันน่าแปลกที่เขารู้สึกผูกพันจนหน่วยตาชื้นร้อนผ่าว ไตรภูมิยกปลายนิ้วแตะขอบตาตนเองอย่างไม่

เข้าใจ


               หัวใจของเขาร้อนรนจนทนอยู่นิ่งบนเตียงไม่ไหว ร่างสูงของไตรภูมิก้าวลงจากเตียงแล้วก้าวไป

เปิดไฟกลางห้องจนสว่างไสวก่อนเดินไปที่แผ่นเฟรมผ้าใบที่ขึงกระดาษรออยู่แล้ว เขาหยิบชิ้นงานที่ทำค้าง

ไว้ออกไป คว้าดินสอขึ้นมาร่างเค้าโครงตามนิมิตอย่างรวดเร็ว       


                มันเป็นภาพที่ไตรภูมิร่างแบบได้เร็วที่สุดตั้งแต่เคยทำมาทั้งที่ไม่มีแบบให้เห็นนอกจากใบหน้า

เด่นชัดในความฝันเท่านั้น ปลายนิ้วเรียวจับดินสอลากเส้นบนกระดาษโดยไม่วอกแวกจนกระทั่งแสงสีทองเริ่ม

จับที่ขอบฟ้าไตรภูมิจึงได้ละมือเขายืนมองภาพที่ปรากฏอยู่บนเฟรมอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเป็นใบหน้าชาย

หนุ่มและลำตัวท่อนบนที่เปลือยเปล่า ลอนกล้ามเนื้อเป็นลูกตั้งแต่บ่ากว้างจนถึงใต้ราวนม ใบหน้าคมเข้ม

อย่างคนสมัยก่อน คิ้วดกดำเป็นปื้นจมูกโด่งคมสัน ดวงตาในภาพคมกริบราวกับจะจ้องตรงมายังเขา



                “สวัสดีนายดิน ในที่สุดเราก็พบกันเสียทีนะ”



                ปากหยักของคนในภาพคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างคนยิ้มยาก ไตรภูมิมองฝีมือตัวเองแล้วหัวใจหวาม

ไหวชอบกล เขาไม่รู้ว่าการที่จ้องมองภาพผู้ชายแล้วใจสั่นมันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่



                “ท่าจะเพี้ยนแล้วไอ้ไตร”



                เขาโคลงศีรษะเบา ๆ ก่อนหาวหวอดเมื่อความง่วงงุนมาเยือน ชายหนุ่มเดินหลับตาไปทิ้งตัว

ลงกลางเตียงและหลับสนิทลงอย่างรวดเร็ว



                มวลอากาศค่อย ๆ เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ตรงหน้าแผ่นเฟรมจนเกิดเป็นเงาจางก่อนจะเด่นชัดขึ้น

เรื่อย ๆ กลายเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับในภาพไม่ผิดเพี้ยน ร่างโปร่งแสงของชายหนุ่มจาก

มวลอากาศจ้องมองภาพของตนอย่างพึงพอใจ



                “ฝีมือของคุณพุ่ม ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปนานเพียงใดก็ยังงดงามไม่เคยเปลี่ยน”



               ร่างเงาชัดจนเกือบจะมองผ่านคล้ายมนุษย์ตรงไปยังเตียงที่ไตรภูมิหลับสนิท เขาเอนร่างลงไป

นอนตะแคงเคียงข้างจ้องมองใบหน้าของไตรภูมิอย่างแสนรัก



                “ถึงรูปกายภายนอกจะเปลี่ยนแปลงแต่ไอ้ดินรู้ว่าจิตของคุณพุ่มยังคงเป็นคุณพุ่มของไอ้ดิน”



                มือหยาบลูบไล้แผ่วเบาไปตามกรอบหน้าแล้วเลื่อนมาโอบรัดอยู่ตรงหน้าอก เขาวางแก้มแนบ

ลงไปกับกลุ่มผมนุ่มของไตรภูมิ



                “รออีกนิดนะขอรับ ตั้งแต่คุณพุ่มมาอยู่ใกล้ ๆ พลังของไอ้ดินก็ยิ่งมีมากขึ้น อีกไม่กี่วันเท่านั้น

เราจะได้พบหน้ากันเสียที”



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-12-2017 00:37:24
อ่านต่อตรงนี้...


               “กรวดน้ำหน่อยไหม ส่งบุญถึงเขา”


               หลวงพ่อบอกเขาในเช้าวันหนึ่งเมื่อเขางัวเงียมาใส่บาตร หลังจากจัดการท่องคำกรวดน้ำแผ่

เมตตาตามที่หลวงพ่อนำทางให้แล้ว พระภิกษุชราจึงได้เอ่ยถาม


               “พระที่ให้ไปไม่ได้คล้องคอไว้หรอกรึโยม”


               “เอ่อ…”           


               ไตรภูมิหัวเราะเจื่อนจนหลวงพ่อโคลงหัว ตั้งแต่วันที่ถอดออกจากคอแล้วไตรภูมิก็ลืมเสียสนิท


               “เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้มาร้ายหรอก หมั่นทำบุญไปให้นั่นแหละดีแล้ว”


               ไตรภูมิกลับเข้ามาในบ้านเพื่อเตรียมตัวออกไปเรียน เขาแวะเบื้องหน้ากรอบรูปที่เขาวาดและลงสี

เสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากวันแรกที่ลงมือวาดภาพผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้ภาพนั้นเสร็จสมบูรณ์มันช่างเหมือน

จริงราวกับคนในภาพกำลังจ้องมองเขาไม่วางตา


               “ผมไปเรียนก่อนนะดิน ค่ำ ๆ จะกลับมา ฝากบ้านด้วยล่ะ”


               เขาพูดเหมือนดินอยู่ใกล้ ไม่รู้สิ ไตรภูมิรู้สึกเช่นนั้นแม้จะไม่เคยเห็นดินแบบชัด ๆ และช่วงนี้เขาก็

หลับสนิทไม่ได้ฝันอีก ไตรภูมิยังไม่รู้ว่าเรื่องราวต่อจากในฝันจะเป็นอย่างไรทั้งที่เขาเองก็อยากรู้ใจจะขาด



               กว่าจะกลับมาถึงบ้านเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็ค่ำมืดเพราะการจราจรติดขัดจากฝนที่ตกหนาเม็ด

ไตรภูมิจอดรถยนต์ได้ก็รีบวิ่งเข้าบ้านเนื้อตัวเปียกปอนจนต้องรีบอาบน้ำ พอสบายตัวเขาก็คว้าพู่กันเตรียม

ทำงานที่ค้างไว้แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือด้านนอกกลับบังเกิดพายุฝนกระแทกหน้าต่างปิดดังปังใหญ่ เสียง

กระแสลมหวีดหวิวปะปนกับเสียงสายฝนที่เทลงมาราวกับฟ้ารั่วจนไม่ได้ยินอย่างอื่น ไตรภูมิขมวดคิ้วเมื่อแสง

ไฟกลางห้องติด ๆ ดับ ๆ ก่อนจะดับวูบลงจนมืดมิด


               “อ้าวเฮ้ย อย่าเพิ่งดับสิวะงานยังไม่เสร็จ”


               เขาสบถลั่นเพราะงานที่ต้องเร่งส่งอาจารย์ยังค้างอยู่ กำลังนึกหาไฟฉายว่าตนเองวางไว้ตรงไหน

พลางเดินส่งเดชมาจนถึงหน้ากรอบรูปของดินที่วางอยู่บนหลังตู้ใส่ของสูงขนาดเท่าเอวของเขา มือเรียวคลำ

หาไฟฉายจนคว้าอะไรบางอย่างที่เย็นเยียบ


               ไตรภูมิเอะใจ เขากะพริบตาถี่เพื่อให้ชินกับความมืดแล้วจึงเพ่งมองสิ่งที่ตนเองกำลังจับ


               ท่อนแขน!


               กลั้นหายใจจนเกือบหมดลมแต่หัวใจกลับเต้นถี่ยิบ ริมฝีปากสั่นไปหมดเมื่อเขาฝืนใจเงยหน้าช้า ๆ


               “เฮ้ย!”


               ผงะเมื่อเห็นกรอบหน้าคมแจ่มแจ้งแม้จะอยู่ในความมืด ดวงตาของไตรภูมิเบิกกว้างเหลือกลาน

เมื่อแน่ชัดว่าสิ่งที่ปรากฎในสายตามันไม่ใช่เพียงบุรุษในภาพ แต่เขาคนนั้นมีตัวตนจริง ๆ เสียแล้ว


                                                            TBC


                                       ไอดินกับคุณพุ่มกลับมาแล้วจ้า


                                         :-[ :-[ :-[ :-[ :-[









หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 21-12-2017 00:51:11
ตื่นเต้นๆ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-12-2017 03:26:50
ดินฟื้นพลังเพราะคุณพุ่ม พลังหื่นน่ะนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-12-2017 08:24:39
งานนี้สงสัยต้องมีสงครามย่อมๆ เกิดขึ้นแน่
โดนข้าสึกต่อสู้ กอดรัดฟัดเหวี่ยง แน่นวล
 :hao6:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-12-2017 08:38:54
คุนพุ่มกับดินจะคุยกันแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-12-2017 13:25:24
คิดถึงเรื่องนี้จ้าา ในที่สุดเขาก็ได้พบกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-12-2017 15:32:10
เจอกันแล้ว แต่มาแบบนี้ระวังคุณพุ่มหัวใจวายนะดิน 55555
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-12-2017 01:05:55
      ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะค่ะเราชอบมากเลย อ่านไปอินไปค่ะระหว่างความรักของคนสองคนที่ต่างชนชั้นกันและอะไรที่ทำให้คุณพุ่มในอดีตหายไปและอะไรคือสาเหตุที่ดินตายอ่านไปลุ้นไปว่าม่ามาจะเศร้าแค่ไหนกลัวเศร้ามากเกินไปสงสารทั้งตัวละค่ะและสงสารตัวเองค่ะอิอิกลัวจะร้องตามดินและคุณพุ่มไปด้วยอีกคน
      รออ่านตอนต่อไปนะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :pig4:  :pig4:  :pig4:
                                                            :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-12-2017 18:29:36
มาแล้ว เจอกันซะที
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๔ [๒๑/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 23-12-2017 22:46:08
เจอกันแล้วๆๆๆ
คุณพุ่มของดิน
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-12-2017 14:54:37

                                                                     วิญญาณเสน่หา

                                                                           บทที่ ๕

             แวบแรกระบบสั่งการอัตโนมัติบงการให้ไตรภูมิหวาดกลัวจนขนลุกเย็นเยียบไปหมดทั้งตัวเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขามั่นใจว่า
ไม่ใช่มนุษย์ ขาสองข้างหนักอึ้งราวกับก้อนหินขณะที่เขาก้าวถอยหลังให้ห่างไกลจากมวลอากาศหนาหนักที่เกาะกลุ่มกันจนกลายเป็น
ภาพชัดเจน

             ผี!

             แม้ว่าจะคุ้นตาอยู่ในความฝันจนถึงกับวาดออกมาได้เป็นภาพเหมือนคนจริง แต่เมื่อได้สบตากันคราแรกไตรภูมิก็ยังอด
หวาดหวั่นไม่ได้ ความรู้สึกนั้นทำให้เขาหนาวเยือกไปทุกอณูขุมขนตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า และทำให้เขาหมดแรงจนแข้งขาทรุด
              “คุณพุ่ม”


                ร่างที่ไตรภูมิรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ละลิ่วเข้ามารับร่างของไตรภูมิไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่ไตรภูมิจะลงไปกองอยู่กับพื้น ร่าง
เพรียวของเขาอยู่ในวงแขนเย็นเยียบที่กอดตระกองไว้ไม่ยอมปล่อย ไตรภูมิจึงได้ประสานสายตากับดวงตาคมคู่นั้นในระยะประชิด
ดวงตาที่มีแต่ความห่วงใยและอาวรณ์จนหัวใจของไตรภูมิสะท้านไปหมดทั้งดวง
           “ดิน”


               แม้จะสบตากันในความมืดแต่กระแสความผูกพันกลับชัดแจ้ง ภาพในความฝันที่เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดอยู่ใกล้แค่
คืบ จากที่หวาดกลัวหัวใจของเขากลับเต้นระรัวอย่างยินดี น้ำตาแห่งความตื้นตันเอ่อท้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อมือเรียวเอื้อมไปลูบไล้คางสาก
มือนั้น
                 “ในที่สุดเราก็ได้พบกันนะดิน”


              ดวงตาคมเบิกกว้างเป็นประกายด้วยความยินดี ใบหน้าเข้มอย่างชายชาตรีสว่างไสวอยู่ในความมืด มือเย็นไร้เลือดเนื้อวาง


แนบไปกับหลังมือของไตรภูมิก่อนจะกล่าวตอบด้วยความโหยหา




              “ดีใจเหลือเกิน ที่จิตของคุณพุ่มยังจำบ่าวที่ภักดีคนนี้ได้”




              เสียงของดินเอ่ยอยู่ใกล้หูและเพิ่งจะปลุกไตรภูมิให้ได้สติ เขากำลังเอนกายอยู่ในอ้อมกอดที่ไม่ใช่ของมนุษย์




              “ดิน คุณเป็นผีใช่ไหม”




               ถามออกไปน้ำเสียงสั่นพร่า ดินยิ้มเศร้าและกล่าวตอบชวนให้เศร้ากว่า




                  “หากคุณพุ่มจะเรียกกระผมว่าผีก็ตามแต่ใจคุณพุ่มเถิดขอรับ”




                “ไม่จริง เป็นผีแล้วทำไมผมจับตัวคุณได้ล่ะ”




                ไตรภูมิรีบยกมือแตะต้องสัมผัสที่ต้นแขนแน่นกล้ามของดินอย่างเหลือเชื่อ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้น่าหวาดกลัวคิดจะทำร้าย
อย่างเช่นผีหรือวิญญาณที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้วไตรภูมิก็กล้าที่จะพูดคุยกับดิน ดินช้อนร่างผอมขึ้นมาด้วยท่อนแขนแล้วอุ้มไตรภูมิ
ที่ยังสติกระเจิดกระเจิงมาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม


              “อาจเป็นเพราะแรงบุญที่คุณพุ่มส่งมาให้ พลังของกระผมจึงได้แกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ขอรับ กระผมดีใจที่คุณพุ่มยังไม่ลืมกระผม”


             สติของไตรภูมิเริ่มหลอมรวมกันได้เมื่อดินไม่ใช่ผีน่ากลัวอย่างที่เคยจินตนาการ ไตรภูมิกล้าจ้องมองใบหน้าคมเข้มนั้น แม้
ภายในห้องจะยังมืดมิดแต่เขากลับเห็นดินชัดเจนจนหัวใจกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง


                “ผมจำไม่ได้หรอกครับดินว่าเรื่องในอดีตมันเป็นยังไง ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่าผมดีใจที่ได้เจอคุณ”




               น้ำตาร่วงเผาะอยู่ตรงร่องแก้มเมื่อเงยหน้าจ้องร่างสูงที่ยังประคองเขาไว้ในอ้อมแขน ความอาวรณ์เอ่อล้นจนน้ำตาไหลพราก
ไม่รู้ตัว ดินสบตาอย่างสงสารพลางเอื้อมปลายนิ้วมาเช็ดน้ำตาให้ไตรภูมิ


                 “โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน อย่าได้ร้องไห้เลยขอรับ ไอ้ดินเห็นน้ำตาของคุณพุ่มแล้วใจจะขาดเสียให้ได้”




                ดินดึงร่างมนุษย์เข้ามาซุกแนบอกเย็นเยียบ ไตรภูมิร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่




                “มันทรมานนะดิน ไอ้ความรู้สึกที่ผูกพันแต่กลับจำไม่ได้สักนิด ผมอยากจำดินให้ได้เหลือเกิน อยากรู้ว่าทำไมผมถึงอยาก
พบเจอ ทำไมผมถึงคิดถึงดินขนาดนี้”


                   “คุณพุ่ม”




                ดินเชยคางเรียวขึ้นมาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เขารู้ว่ามีจิตของพุ่มอยู่ในกายหยาบของไตรภูมิ แม้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยน
ไปในชาติภพใหม่ แต่ความรู้สึกรักและบูชายังเปี่ยมล้นจนอดใจไม่ได้ที่จะก้มหน้าบดปากซีดเย็นลงกับกลีบปากนุ่มของไตรภูมิ


                   “อืม ดิน ดินจ๋า”




                ไตรภูมิครางแผ่วกับรสจูบที่คุ้นเคยเหลือเกิน ไม่รังเกียจสักนิดเมื่อเงยหน้าให้ดินไล่เม้มไปตามเรียวปาก เขาเปิดรับลิ้นลื่น
อย่างยินดีแถมยังเผลอไผลคล้องคอหนาให้ยิ่งเบียดหน้าแนบแน่น ร่างกายปะทุจนร้อนรุ่มอยู่กับกายเย็นของดิน เขาถึงกับผวาเมื่อดิน
ผละปากออกมา


              “ดิน ยะ อย่าหยุดได้ไหม คิดถึง คิดถึงดินเหลือเกิน”




                 เพิ่งรู้ว่าตนเองนั้นเฝ้ารอสัมผัสจากชายที่ไม่ใช่มนุษย์มานาน ไตรภูมิโหยหาจนร้องขออย่างลืมตัว ดินจ้องมองไตรภูมิด้วย
นัยน์ตาเปี่ยมรักพลางกดร่างมนุษย์ลงกับที่นอนนุ่ม มือเย็นดึงเสื้อยืดผ่านหัวของไตรภูมิออกช้า ๆ ตามด้วยกางเกงขาสั้นที่สวมใส่ ไม่นาน
ไตรภูมิก็เหลือแต่เนื้อหนังมังสาเบียดอยู่กับร่างที่ไร้เลือดเนื้อของดิน


             “ถ้าคุณพุ่มไม่ให้หยุดไอ้ดินก็จะไม่หยุดขอรับ เพราะไอ้ดินเองก็คิดถึงคุณพุ่มเหลือเกิน”




              ค่อย ๆ ก้มหน้าลงเฟ้นจูบหนักหน่วงจนไตรภูมิเริ่มหอบดินจึงได้ลากไล้ปากมาสัมผัสทั่วเรือนร่างอย่างกระหาย ไตรภูมิคราง
แผ่วกับสัมผัสจากปลายลิ้นที่แวะชิมไปทุกจุดจนกระทั่งดินยกขาของเขาขึ้นแล้วเม้มปากไปที่โคนขาอ่อนก่อนจับแยกออกจากกันเพื่อที่
จะได้ลิ้มรสอยู่ตรงทางแยก


              “ดิน อือ…”




             ผวาเมื่อดินห่อลิ้นแล้วแหย่เข้าไปในทางเข้า ไตรภูมิสะดุ้งวาบเผลอยกเอวจนลอยจากที่นอนนุ่มให้ลิ้นนั้นเข้าไปลึกกว่าเดิม
มือเรียวสอดขยุ้มเข้าไปในกลุ่มผมดกดำพลางจิกเล็บอย่างรัญจวน


              “คุณพุ่มของไอ้ดินยังหวานเช่นเดิม”




                 วิญญาณครางลึกอย่างได้ใจพลางเริ่มสอดนิ้วหนาเข้าไป คราวนี้ไตรภูมิครางกระเส่าเมื่อดินจัดการเขาทั้งมือและลิ้น
ร่างกายของเขากำลังต้องการดิน ไตรภูมิผงกหัวขึ้นมองเจ้าของเส้นผมที่ป้วนเปี้ยนอยู่ตรงกลางร่างกายของเขา


             “ดิน ดินครับ ใส่เข้ามาเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”




             “ขอรับ คุณพุ่ม”




         รับคำอย่างยินดี ทันใดนั้นผ้านุ่งยกรั้งที่สวมใส่ก็หลุดร่วงจากตัวดิน มันเอนกายทาบทับบดเบียดสะโพกหนาจนแก่นกายทั้งสอง
ถูไถซึ่งกัน ไตรภูมิผวาหอบหนักเมื่อดินแทรกกายเข้ามาช้า ๆ ในช่องทางของเขา


              “อึก อื้ม”




                เจ็บ แต่ทนได้ ไตรภูมิอ้าขากว้างเพื่อให้ดินดันกายเข้ามาได้อย่างเต็มที่แม้ว่าเขาจะเจ็บจนน้ำตาไหลแต่เขาอยากให้ร่าง
ของดินได้เติมเต็มในร่างของเขา


               “คุณพุ่ม โอ แน่นเหลือเกินขอรับ”




              ดินครางลึกเมื่อได้ฝังกายเข้าไปจนสุดลำในร่างกายที่มีจิตของคนที่เขารักและหวงแหน แม้ดินจะไม่เข้าใจว่าทำไมใน
อดีตกาลเนิ่นนานนั้นคุณพุ่มจึงไม่ได้ทำตามสัญญาก่อนที่ดินจะกลายเป็นวิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด


                       “ดิน เสียวมาก ฮื้อ”




                 ไตรภูมิเป่าปากเมื่อดินเริ่มขยับ แก่นกายเย็นเยียบกระแทกกระทั้นอยู่ในช่องทางอุ่นร้อน ไตรภูมิแอ่นตัวเข้าหาเบียดกาย
แนบชิดให้ดินได้สาวเอวกระแทกกระทั้น ไตรภูมิเพิ่งจะเคยลิ้มรสกับความสุขสมเมื่อร่างกายของเขาเกร็งค้างก่อนจะแตกทลายคล้าย
ทำนบน้ำพังครืน


                 “มีความสุขเหลือเกินครับดิน




                ไตรภูมิกระซิบเสียงสั่นพร่าจนดินดีอกดีใจ จากนั้นดินก็เริ่มต้นมอบความสุขให้กับไตรภูมิอีกครั้ง ไตรภูมิปล่อยให้ดินพาเขา
ลอยละล่องครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบรุ่งสางจึงได้คล้อยหลับท่ามกลางสายฝนที่ยังไม่หยุดโปรยปราย

               เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพียงเดียวดายในยามสายที่แสงอาทิตย์ลอดหน้าต่างเข้ามาจนอากาศอุ่นร้อนนั่นเองไตรภูมิจึงได้
สำเหนียกว่า เขากลายเป็นเมียผีไปเสียแล้ว
 




มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-12-2017 15:02:53


ต่อกันตรงนี้...




             พุ่มลืมตาตื่นเช้ากว่าทุกวันเพราะความที่หลับสนิทตลอดทั้งคืน อาจจะเพราะความสบายเนื้อตัวที่บ่าวคนสนิทจัดการให้ นึกถึง

เรื่องนี้ใบหน้าของพุ่มจึงเปลี่ยนสีเรื่อขึ้นกับความสนิทชิดเชื้อที่เขาไม่เคยมีกับผู้ใดมาก่อน


                 เขาลุกจากเตียงนอนเมื่อไม่เห็นดินในห้อง ปกติจะมีร่างสูงกำยำของดินที่ตื่นก่อนนอนทีหลังจัดน้ำล้างหน้าถูฟันมารออยู่

ก่อนแล้ว พุ่มเดินไปที่หน้าต่างห้องเขาเปิดผ้าม่านหน้าต่างผืนบางออกรับอากาศเย็นยามเช้า ตะวันยังส่องไม่เต็มลูกนักตอนที่พุ่มมอง

เห็นภาพบาดตา


               เบื้องล่างไม่ไกลจากเรือนของเขาที่ปลูกแยกมาจากเรือนของเจ้าคุณวิเชียรอัครภาค พุ่มมองเห็นร่างสูงของดินกำลังเจรจา

พาทีอยู่กับบ่าวผู้หญิงหน้าตาดีอยู่ พุ่มไม่เข้าใจกับความรู้สึกขุ่นข้องที่เห็นภาพนั้น ยิ่งเมื่อเห็นบ่าวตัวดียิ้มแย้มรับช่อดอกแก้วมัดเป็นพวง

มาจากแม่สาววัยขบเผาะเขาก็ยิ่งหงุดหงิดจนต้องเดินออกมาให้ห่างจากหน้าต่างเพื่อไม่ให้เห็นภาพบาดตา


                ปกติพุ่มเป็นคนใจเย็น แต่เมื่อเห็นภาพดังกล่าวหัวใจของพุ่มร้อนราวกับมีไฟสุม เขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในตัวดินและ

เจ็บแปลบยามที่ดินไปใกล้ชิดกับผู้อื่น พุ่มแปลกใจกับความคิดเหล่านั้นและไม่รู้ว่าเขาควรจะเรียกมันว่าอะไรกันแน่



             “อ้าว คุณพุ่มตื่นนอนแล้วหรือขอรับ”



               เมื่อเห็นคนต้นเรื่องเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาในห้องพร้อมโถใส่น้ำล้างหน้าพุ่มก็หน้าตึงขึ้นมา คิ้วโก่งย่นเข้าหากันพลางชายตามอง

จนไอ้ดินทำหน้าตาเหรอหรา



               “คุณพุ่มเป็นกระไรขอรับ หน้าตาบึ้งตึงเทียว หรือว่ายังไม่หายปวดหัวจะให้กระผมนวดให้อีกไหมขอรับ”



               “ไม่ต้อง” เสียงของคุณพุ่มห้วนจัดจนไอ้ดินตกใจ



               “อยากจะไปทำอย่างอื่นก็ไป”



                “โธ่คุณพุ่ม”



                ไอ้ดินวางโถน้ำที่โต๊ะแล้วจึงรีบกุลีกุจอมานั่งแทบเท้านายของมัน



               “กระผมทำได้อย่างเดียวคือดูแลคุณพุ่มของกระผมเท่านั้นขอรับ”



              น้ำเสียงซื่อ ๆ ที่เอ่ยออกมาทำให้พุ่มพอจะคลายหงุดหงิดลงบ้าง แต่เมื่อเห็นพวงดอกแก้วที่วางอยู่บนผืนผ้าสำหรับเช็ดหน้า

พุ่มก็ยังอดเอ่ยเสียงแข็งไม่ได้



              “นังแก้วที่มันให้ดอกแก้วเอ็งมาคงอดน้อยใจไม่ได้ที่เอ็งกล่าวเช่นนั้น หากจะปลีกเวลาไปดูแลมันบ้างข้าก็ไม่ว่ากล่าวเอ็งดอก

ไอ้ดิน”



              “อ๋อ”



               ดินพอจะเดาเรื่องได้บ้างแล้ว มันยิ้มกริ่มพร้อมกับคว้าพวงดอกแก้วมาวางไว้บนตักของพุ่มพลางกล่าวเสียงอ่อน



               “กระผมวานนังแก้วให้เด็ดดอกแก้วมาให้คุณพุ่มนี่แหละขอรับ เห็นดอกมันชูช่อสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งจึงอยากให้คุณพุ่มได้

ชมบ้าง ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรกับมันนอกเหนือจากนี้”



                “แต่มันคงอยากให้เอ็งคิดกับมันนอกเหนือจากเด็ดดอกแก้วกระมัง ถึงได้ยิ้มแย้มเล่นหูเล่นตาขนาดนั้น”



                แม้หัวใจจะพองโตเพราะฟังความจากดินแต่พุ่มก็ยังอดประชดประชันไม่ได้ จนกระทั่งบ่าวตัวดีกำเริบเสิบสานขยับขึ้นมานั่ง

เคียงข้างอยู่บนขอบเตียงและใช้วงแขนโอบกอดเขาไว้ พุ่มได้แต่ฝืนกายตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอด



             “คุณพุ่มอย่าคิดฟุ้งซ่านไปเช่นนั้น ทั้งที่คุณพุ่มก็รู้ว่าชีวิตของไอ้ดินมีแต่คุณพุ่มเพียงคนเดียวนะขอรับ”



              พูดจบมันก็กดปากแห้งของมันลงมากับแก้มนุ่มของเจ้านายพลางสูดลมหายใจเข้าดังฟอด จากนั้นมันก็เลื่อนปากปากของมัน

มาที่กลีบปากสีแดงอิ่มทันที



             “ดิน อย่า ข้ายังไม่ได้ล้างปาก อื้ม...”



                พุ่มจนใจจะขัดขวางเมื่อบ่าวใกล้ชิดชิงส่งปลายลิ้นเข้ามากวาดไล้จนหายใจแทบไม่ทัน จนเกือบขาดใจกว่าพุ่มจะดันไหล่

กว้างให้ออกห่างไปได้บ้าง ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวลูกตำลึงสุก แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่าเพราะจูบนั้นก็ทำให้ทั้งขวยเขินและอิ่ม

เอิบไปพร้อมกัน



                  “ปากของคุณพุ่มหวานเหลือเกิน บุญของไอ้ดินแล้วที่ได้ชิมรสจนติดใจ”



                   มันกระซิบคำหวานจนพุ่มต้องยกมือปิดปากมัน



                   “พอแล้วดิน”



                “หายโกรธไอ้ดินหรือยังขอรับ ไอ้ดินสัญญาว่าจะไม่เข้าใกล้ใครอื่นให้คุณพุ่มต้องทำหน้าบึ้งอีกแล้ว”



                 “ใครโกรธเอ็ง”



                 พุ่มฉวยโอกาสผลักไอ้ดินออกห่างพลางสะบัดหน้าหนี ไอ้ดินหัวเราะแย่งยื้อมือนุ่มมากุมไว้



                  “ใครก็ไม่รู้ขอรับ หน้างอเสียงแข็งจนไอ้ดินเสียวถูกหวายเฆี่ยนหลังลาย ยิ้มให้บ่าวหน่อยเถิดครับสักนิดก็ยังดี ถ้าไม่ยิ้มไอ้

ดินคงไม่มีใจจะทำงานแล้ว”



               พุ่มเขินจัด แต่เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนแล้วเขาก็คลี่ยิ้มออกไปจนได้ ไอ้ดินร่าเริงขึ้นมาทันที



                “ถ้าไม่ติดว่าคุณพุ่มต้องไปทำงานกระผมคงไม่ปล่อยให้คุณพุ่มไปไกลกว่าอ้อมกอดของกระผมเป็นแน่ คนดีของไอ้ดินมา

ล้างหน้าล้างตาเสียเถิดจะได้รีบไปทำงาน แล้วคืนนี้ไอ้ดินจะช่วยผ่อนคลายให้คุณพุ่มหลับสบายอีก”



                “น้อยหน่อยเถอะเอ็ง”



               พุ่มอดหัวเราะไม่ได้ เขาลุกขึ้นมาเตรียมตัวไปทำงาน



                “บทจะเกี้ยวก็เกี้ยวเสียจนข้าไปไม่เป็น แล้วข้าก็ไม่ได้เคร่งเครียดให้เอ็งต้องช่วยไปเสียทุกค่ำคืนดอก”



                 “ว้า”



                ไอ้ดินทำหน้าละห้อย



                “กระผมสู้อุตส่าห์หวังดีนะขอรับ คุณพุ่มกลับตอบมาให้เจ็บช้ำ”



              พุ่มส่ายหน้า เขาแสร้งส่งเสียงดังลั่นพลางกลั้นหัวเราะไว้อย่างยากเย็น



              “เอ็งนั่นแหละที่ไปเตรียมตัวได้แล้ว จะไปกับข้าไหมไอ้ดินถ้าไม่ไปข้าจะได้พาบ่าวคนอื่นไปแทน”



              “ขอรับ เดี๋ยวนี้เลยขอรับ”



                ไอ้ดินลนลานจนพุ่มอดขำไม่ได้ หัวใจของพุ่มเบิกบานเมื่อมีดินอยู่ด้วย เขาไม่อยากนึกเลยว่าหากวันข้างหน้าที่ขาดดินไป

ชีวิตของเขาจะอับเฉาแค่ไหน แต่ในเมื่อวันนี้เขายังมีดินอยู่เคียงข้างพุ่มก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นให้เจ็บในหัวใจ
 





             ตลอดทั้งวันพุ่มหรือขุนพิพิธโสภณไปนั่งประชุมอยู่ที่กรมช่างสิบหมู่เพื่อเตรียมการตกแต่งอุโบสถสร้างใหม่ของวัดพระอาราม

หลวง ส่วนไอ้ดินนั่งรอพร้อมบ่าวของเจ้านายคนอื่นจนกระทั่งยามบ่ายพุ่มจึงเลิกงานและก้าวออกมาจากสำนักช่างวาดของเขา ไอ้ดิน

กระวีกระวาดไปรับทันที



                 “เหนื่อยหรือไม่ขอรับคุณพุ่ม”


       
               มันเอ่ยถามอย่างอาทร



               “ไม่หรอกดิน วันนี้แค่วางแผนหารืองานเท่านั้น”



              “นั่นหนังสืออะไรหรือขอรับ กระผมถือให้”



               พุ่มส่งหนังสือเล่มหนาให้ดินรับไปถือขณะเดินไปที่ท่าน้ำสำหรับจอดเรือ



                “เรื่องพระอภัยมณี ของท่านครูภู่ หรือพระยาศรีสุนทรโวหาร แต่งไว้ตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่สอง เอ็งเคยได้ยินไหมดิน”



               “เคยได้ยินชื่อขอรับ”



                  ดินตอบคำถามขณะก้าวตามเจ้านายของมันลงไปในเรือ มันคว้าพายมาค่อย ๆ จ้วงลงไปในน้ำเพื่อเดินทางกลับเรือนเจ้า

คุณวิเชียรฯ



                “เป็นบทกลอนที่ไพเราะมากนะดิน ข้าหยิบเล่มนี้มาเพราะมีบทกลอนที่ข้าชอบที่สุด”



               “กระผมอยากรู้ คุณพุ่มอ่านให้กระผมฟังหน่อยได้ไหมขอรับว่าบทกลอนที่คุณพุ่มชอบจะไพเราะแค่ไหน”



                 พุ่มที่นั่งอยู่ตรงกลางลำเรือเปิดหนังสือมาอ่านขณะที่ดินพายเรือไปตามลำน้ำที่มีผู้คนใช้สัญจรไม่ขาดระยะ



              “ได้สิ ข้าจะอ่านให้เอ็งฟัง”
 



                          ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร                   ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน


           แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร                                       ขอพบพานพิสวาทมิคลาดคลา


              แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ                               พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา


             แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา                                      เชยผกาโกสุมปทุมทอง


             แม้เป็นถ้ำอำไพขอให้พี่                                         เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง


            ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง                           เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
 



               ไอ้ดินซาบซึ้งไปกับบทกลอนนั้น มันมองแผ่นหลังของคุณพุ่มด้วยความรักและภักดี มันสาบานกับตัวเองว่าความรักของมันจะ

เป็นเหมือนบทกลอนที่คุณพุ่มอ่าน ไม่ว่ากี่ชาติมันจะขอภักดีกับคุณพุ่มตลอดไป
 



                                                                 TBC

                                    สุนทรภู่ก็มาจ้า ยกบทนี้ให้เป็นบทหวาน ๆ เลยน้า

                                                         
:m10: :m10: :m10: :m10: :m10:






หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-12-2017 15:14:46
ดินทำดีมาก
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-12-2017 16:01:13
ดิน ไตรภูมิ เขาได้กันแล้วล่ะ ท่านผู้ช๊ม ขอให้ดินเป็นหนุ่มหล่อในภพปัจจุบันด้วยเถิด
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-12-2017 17:01:48
เขาได้กันแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-12-2017 17:49:51
      ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยรักกันในอดีตชาติแต่มีเหตุให้เเยกจากกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆคือดินรักและไ่ยอมไปเกิดใหม่รอจนได้กลับมาเจอกับคุูณพุ่มในชาติภพใหม่และจะต้องมีเหตุให้แยกจากกันอีกไหมละค่ะ...ขอให้ความรักครั้งนี้สมหวังนะค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-12-2017 22:00:23
ว๊ายยยยย เจอกันปุ๊บรำรึกความหลังกันปั๊บเลยนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๕ [๒๗/๑๒/๖๐]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-12-2017 22:53:50
อื้อหืออออ เพิ่งได้เจอกันในภพนี้แท้ๆแต่คุณไตรก็โดนดินจัดซะแล้ว  :z1:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-01-2018 00:04:55

                               วิญญาณเสน่หา

                                  บทที่ ๖




       เรือแจวลำเล็กล่องไปตามสายน้ำในยามเย็นย่ำเมื่ออาทิตย์อัสดง ผู้คนที่ใช้แม่น้ำเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั้ง

ชีวิตประจำวันและสัญจรไปมาบางตาลงทุกทีเพราะต่างก็พากันกลับถึงบ้านให้ทันก่อนฟ้าฝนต้นฤดูกาลจะเทลงมา ขุน

พิพิธโสภณแห่งกรมช่างสิบหมู่แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีส้มที่มีเมฆหนาปกคลุมอย่างกังวลอยู่ตรงหัวเรือ เขาหันไปเอ่ย

ปากกับบ่าวผู้ซื่อสัตย์ที่นั่งพายเรืออยู่ด้านหลัง


          “เร่งฝีพายเข้าเถิดดิน มิอย่างนั้นเราจะไม่ทันหลบฝนห่าใหญ่”


          “ขอรับคุณพุ่ม”


          ร่างกำยำคล้ำแดดที่นั่งจ้วงไม้พายอยู่ด้านท้ายเอ่ยปากรับคำแข็งขัน ก่อนออกแรงจ้วงตามคำสั่งของผู้

เป็นนายที่กุมหัวใจของมันไว้ ระหว่างทางล่องเรือกลับบ้านพุ่มสวนทางกับผู้ใหญ่ในกรมวังจึงหยุดพูดคุยกันเรื่องงานเป็น

นานจึงเสียเวลาไปมาก กว่าจะถึงละแวกบ้านอาทิตย์จึงใกล้ตกดิน ซ้ำร้ายยังมีพายุฝนตั้งเค้ารอรับดินจึงออกแรงพายเรือ

ยกใหญ่


        “อ้าว นึกว่าใคร พ่อพุ่มนี่เอง เหตุใดวันนี้จึงได้เห็นหน้าเห็นตาเมื่อยามใกล้พลบเช่นนี้เล่าขอรับ”


         เสียงทักทายด้วยสำเนียงนักเลงดังแว่วมาจากลำเรือเบื้องหลังก่อนที่จะเร่งฝีพายมาขนาบข้างตีเสมอจนไอ้

ดินต้องเหลือบมองอย่างไม่ไว้วางใจ หัวคิ้วเข้มของมันขมวดแน่นเป็นปมหนาเมื่อเห็นว่าเจ้าของลำเรือลำนั้นคือนาย

เหมือนและบ่าวไพร่ที่เป็นโจทก์เก่าของมันนั่งคัดท้ายหลังเรืออยู่อีกถึงสามคน


          “ปกติเห็นว่ากลับเรือนแต่หัววันมิเคยเห็นพ่อจะกลับเสียเย็นย่ำ ชะรอยจะอยากเปิดหูเปิดตายามราตรีกับ

กระผมเสียกระมัง”


           เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังอย่างน่ารังเกียจในความรู้สึกของพุ่ม ชายหนุ่มตวัดตามองนายเหมือนที่เคย

ร่ำเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยยังเยาว์ในวัดแถวบ้าน หากแต่นายเหมือนผู้นี้มิได้รักเรียนให้ก้าวหน้ากลับเสาะแสวงหาแต่

เรื่องบันเทิงเริงใจตั้งแต่เข้ารุ่นหนุ่มและทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ให้ชาวบ้านระอาเพราะถือว่าบิดานั้นร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์

ใหญ่โตคุ้มกะลาหัว


          “ตามสบายใจพ่อเหมือนเถิด กระผมมิใคร่นิยมเที่ยวเตร่เท่าใดนัก”


            คำพูดอย่างไว้ตัวของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันประกอบกับใบหน้าเฉยชาไม่แยแสสร้างความกรุ่น

โกรธให้นายเหมือนไม่น้อย ดวงตากร้าวอย่างนักเลงหัวไม้จ้องมองหน้าขาว ๆ ของเพื่อนในวัยเด็กพลางชักสีหน้าแสยะ

ยิ้ม


           ความจริงแล้วนายเหมือนลอบพึงใจในรูปร่างหน้าตาของนายพุ่มมาเนิ่นนานตั้งแต่เริ่มนมแตกพานใหม่ ๆ

หากแต่เก็บอยู่ในใจมิสามารถบอกใครได้ด้วยความที่เกรงจะเสียหน้าชาวบ้านว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ที่ทำได้คือเฝ้าวอแว

วนเวียนเป็นระยะและพยายามหาหนทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิด นายเหมือนทำแม้กระทั่งชักจูงแม่ละมัยผู้เป็นน้องสาวให้ลอบ

มองนายพุ่มเมื่อครั้งไปงานบุญ จนกระทั่งน้องสาวเองก็มีใจรักต้องรบเร้าให้ผู้เป็นบิดาพาไปออกงานจนได้พบปะกับเจ้า

คุณบิดาของนายพุ่มเกิดเป็นการหมั้นหมายกันไว้

            นายเหมือนคิดจะใช้ความเป็นญาติเกี่ยวดองเมื่องานแต่งงานของพุ่มกับแม่ละมัยผ่านไปแล้ว เพื่อ

เข้าหานายพุ่มและข่มเหงตามแต่ใจปรารถนา เขาเชื่อว่าเมื่อนั้นนายพุ่มจะไม่กล้ามีปากเสียงว่ากล่าวเมื่อตกเป็นเบี้ยล่าง

ของเขา แต่นายพุ่มกลับเลี่ยงงานแต่งเสียจนไฟในอกของเขาใกล้ปะทุเต็มทีเพราะรอจนใกล้เบญจเพสเขาก็ยังไม่ได้ลิ้ม

ลองร่างกายที่ปรารถนาเสียที


           “ทำไมรึ พ่อพุ่มทำหน้าเหมือนรังเกียจข้าเสียเต็มประดา เพื่อนเก่าอย่างข้ามันน่าเดียดฉันท์มากขนาด

นั้นเทียวรึ”


          ไม่ได้ต่อว่าแค่เพียงคำพูดด้วยเสียงหาเรื่องแต่นายเหมือนกลับคว้าข้อมือเล็กที่เคยแต่จับอุปกรณ์งานศิลป์

กระชากเข้าหาตัวจนหัวเรือทั้งสองต่างโคลงเคลง พุ่มตกใจพยายามสะบัดแขนหนีแต่มือของนายเหมือนก็ยังเหนียวหนึบ

ราวกับตีนตุ๊กแก

         พลัก!


         “ปล่อยมือจากคุณพุ่มเดี๋ยวนี้”


         “โอ๊ย อะไรวะ ทำเหี้ยอะไรของมึงไอ้ขี้ข้า”


          นายเหมือนร้องลั่นเมื่อถูกไม้พายฟาดโครมเข้าที่ท่อนแขนจนต้องปล่อยมือที่ยื้อยุดพุ่มไว้ เขาหันขวับไป

มองต้นเหตุอย่างเดือดดาล จึงเห็นว่าเป็นคนที่เคยเก็บอาหารเหลือของเขากินเพราะความหิวโหยจนถูกพวกตนเองหา

เรื่องรุมทำร้ายและได้พุ่มมาช่วยไว้ บัดนี้มันกลับดูดีขึ้นมากด้วยการชุบเลี้ยงจากพุ่ม แถมยังมองเขาอย่างโกรธแค้นมัน

ทำให้เขายิ่งโมโหหนัก


             “ชะ ไอ้คนจรจัด มึงนี่กำแหงนัก คราวที่แล้วรอดตายมาได้เพราะกูเมตตา แต่คราวนี้อย่าหวังว่าจะ

รอดเลยมึง”


           นายเหมือนออกคำสั่งเสียงดังลั่น ลูกน้องอีกสามที่นั่งคุมเชิงอยู่หัวเรือท้ายเรือจึงปล่อยหมัดเข้าหา ไอ้

ดินมีหรือจะยอม มันต่อสู้เพื่อป้องกันเจ้านายของมันอย่างไม่เกรงกลัว และนั่นเองทำให้เรือยิ่งเอียงไปมาน่าหวาดเสียว

ก่อนจะพลิกคว่ำในที่สุด

           พุ่มใจหายเมื่อทั้งดินและเขาร่วงจากเรือลงสู่สายน้ำ ฟ้าฝนยังไม่เป็นใจเทกระหน่ำลงมาจนผิวน้ำ

กระจาย เขาพยายามประคองตัวไว้ให้ได้พลางมองเหตุการณ์ที่พวกของนายเหมือนรุมไอ้ดินที่สู้สุดใจอยู่เหนือผิวน้ำ

อย่างไม่ยอมแพ้


           “หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ พ่อเหมือนสั่งให้ลูกน้องของพ่อเหมือนหยุดทำร้ายคนของข้า หากไม่หยุดข้าจะ

นำความไปบอกแก่พ่อของพ่อเหมือน แล้วการเกี่ยวดองของสองบ้านจะถูกยกเลิก”


        พุ่มส่งเสียงตวาดสู้กับสายฝน ภาพที่ดินถูกลูกน้องของนายเหมือนที่นั่งอยู่บนลำเรือใช้ไม้พายฟาดลงมา

ทำให้เขาตกใจยิ่งนัก


         พลัก!


         “ดิน”


          พุ่มผวาเข้าหาเมื่อไม้พายอันหนึ่งลอยละลิ่วมาฟาดเข้ากับหัวของไอ้ดินจนเลือดอาบ ดวงตาคมของดิน

ลอยคว้างจนพุ่มต้องรีบแหวกว่ายสายน้ำเข้าไปประคอง นายเหมือนจ้องภาพบาดตานั้นอย่างชิงชัง กิริยาอันเต็มไปด้วย

ความห่วงใยเกินนายกับบ่าวทำให้เขาสังหรณ์ใจอยู่ลึก ๆ เขากริ่งเกรงว่าความปรารถนาของเขาอาจจะมีอุปสรรคชิ้น

ใหญ่มาขัดขวาง

           แต่เพราะคำขู่ของพุ่มทำให้นายเหมือนจำใจต้องยกมือห้ามลูกน้อง นายเหมือนถ่มน้ำลายลงน้ำแล้ว

ออกคำสั่งให้ลูกน้องพายเรือจากไปโดยไม่สนใจไอ้ดินที่ยังหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของพุ่มกลางลำคลอง


         “ดิน ตื่นสิดิน”


         พุ่มใจเสียเมื่อเห็นดินยังไม่ได้สติ ดีที่ว่าเขาว่ายน้ำแข็งจึงลากคอของดินลอยตัวเข้าฝั่งที่อยู่ไม่ไกลนักให้

ขึ้นไปพักอยู่กลางลานดินตรงคุ้งน้ำใต้ต้นไทรใหญ่ รอยเลือดจากหน้าผากที่ปริแตกยังไหลซึมมาเรื่อย ๆ บ้านเรือนแถบ

นี้ก็มีน้อยจนเขาเป็นห่วงหากจะทิ้งดินไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น


         ในตอนนี้เองที่พุ่มเพิ่งจะมั่นใจความรู้สึกของตนเองว่าเขาเป็นห่วงบ่าวต่ำต้อยอย่างไอ้ดินแค่ไหน หัวใจ

ของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าดินจะจากเขาไป


         “ฟื้นสักทีเถิดดิน ข้าเป็นห่วงเอ็งมาก รู้ไหม”


         พุ่มก้มมองทรวงอกของดินก็พอใจชื้นว่ายังเคลื่อนไหว  เขาจ้องมองเลือดที่ยังไหลซึมเป็นทางที่ขมับ

อย่างกังวล พุ่มถอดเสื้อเปียกน้ำของตนออกอย่างไม่สนใจอากาศเย็นชื้นเพราะสายฝน เขาขยุ้มมันเป็นก้อนกดลงไปที่

ปากแผลเพื่อห้ามเลือด หัวใจของพุ่มเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทปรือตาขึ้นมาช้า ๆ


         “ดิน เอ็งเป็นเช่นไร”


         ละล่ำละลักถามอย่างดีใจ โน้มตัวเข้าไปเบียดกายขาวเข้าหาเจ้าของดวงตาคมที่กะพริบตาเรียกสติก่อนจะ

สะดุ้งมองอย่างตกใจ


        “คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน บาดเจ็บตรงไหนบ้างขอรับ โอ๊ย!”


         ไอ้ดินอุทานเมื่อเจ็บจี๊ดอยู่ตรงหน้าผาก พุ่มกดร่างหนาให้เอนกลับไปนอนอยู่บนลานดินดังเดิม โชคดีที่

สายฝนทิ้งช่วงขาดเม็ดแล้ว เลือดที่ไหลซึมจึงพอจะห้ามจนหยุดไหลได้


         “ข้าไม่เป็นไรดอก มีแต่เอ็งที่เจ็บหัวร้างข้างแตกเนื้อตัวเขียวช้ำเพราะข้า ขอโทษนะดิน”


         “คุณพุ่มอย่ากล่าวเช่นนั้น”


         ไอ้ดินผู้ต่ำต้อยรีบกล่าวออกไปพลางคว้ามือนุ่มมากุมแนบแก้ม


         “ชีวิตของไอ้ดินสละได้เพื่อคุณพุ่ม บ่าวคนนี้รักนายของมันเหลือเกิน รักจนสละได้ทุกอย่าง”


         “ดิน”


          พุ่มก้มลงสบตาคมอย่างซึ้งในน้ำใจ มือสากของดินยกมาลูบไล้อยู่ตรงกรอบหน้าเนียนก่อนที่ดินจะเปลี่ยน

ไปวางแนบที่ท้ายทอยของผู้เป็นนายและกดลงมาเพื่อที่เขาจะประทับริมฝีปากลงไปที่กลีบปากนุ่มอย่างลืมตัว


          “อื้อ อะ”


         พุ่มส่งเสียงท้วงอย่างคนไม่เคยแต่เพราะไอ้ดินนั้นนุ่มนวลเหลือเกิน ไม่นานนักพุ่มก็คล้อยตามจนกระทั่งไอ้

ดินออกแรงพลิกตัวกลับให้แผ่นหลังเปล่าเปลือยของนายมันเป็นฝ่ายแนบไปกับผืนดินชื้นน้ำ ไอ้ดินไล่เม้มเรียวปากให้

เปิดออกแล้วส่งปลายลิ้นอุ่นเข้าไปคลอเคลียซุกไล่หาความหวาน กดกายกำยำเบียดแนบถูไถจนร้อนผ่าวไปทั้งคู่ มือ

หยาบลูบไล้ไปตามเนื้อนุ่มให้เด้งกายรับไปทุกจุดไม่เว้นแม้แต่กึ่งกลางตัวที่ไอ้ดินเลื่อนไล้ปลายนิ้วสัมผัสปลุกเร้าให้ตื่น

ตัวอยู่ในโจงกระเบนเปียกน้ำ






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-01-2018 00:14:01
ต่อกันตรงนี้...



         “คุณพุ่มของไอ้ดินหวานเหลือเกิน ขอให้ไอ้ดินได้บังอาจชิมให้ทั่วทั้งตัวเถิดนะขอรับ”


          “อา ดิน ดิน”


        พุ่มครางกระเส่าเมื่อดินลากลิ้นผ่านลำคอไล่ขบเม้มอยู่ตามแผ่นหนังก่อนปหยุดชิมเม็ดทับทิมน้อยที่ผลิบาน

อยู่เหนือเนินอก ปลายลิ้นชื้นโลมเลียดูดดุนเรียกเลือดลมให้วิ่งพล่าน พุ่มแอ่นอกให้ดินกระดกลิ้นรัวจนลืมสนใจเมื่อไอ้

ดินกระตุกขอบโจงกระเบนสีกรมท่าเปียกน้ำให้หลุดออกจากกันแล้วกระตุกจนพ้นท่อนขาอย่างรวดเร็ว มือร้อนคว้าแก่น

กายงดงามเข้าอุ้งมือบีบเฟ้นทั้งหนักทั้งเบาจนพุ่มหอบลึก



          “ดิน ฮัก ฮัก เสียวเหลือเกิน ดินจ๋า”


          ครางหวานอย่างไม่รู้ตัวเมื่อบ่าวผู้ซื่อสัตย์ไล่มือนวดเฟ้นไปตามร่องสะโพกแล้วกดนิ้วเปิดทางช้า ๆ ทีละ

นิด พุ่มสะท้านไปทั้งตัวเมื่อด้านบนดินก็ยังไม่เลิกลิ้มรสยอดอกโอชะ ในขณะที่ด้านล่างสาละวนชักนิ้วเข้าออกหมุนวน

โดยรอบ ท่อนเนื้องดงามถูกปลุกปั่นจนมองเห็นทั้งเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดโปน พุ่มถอนหายใจอีกเฮือกน้ำเมือกก็พุ่งรดอยู่

ในมือหยาบที่ยังไม่หยุดรูดรั้ง


          “ไอ้ดินอยากจะล่วงเกินคุณพุ่มให้มากกว่านี้เหลือเกินขอรับ”


           เสียงสั่นพร่ากระซิบอยู่ข้างหูเจ้านายที่ยังหอบหายใจถี่ยิบ ดวงตาคู่หวานฉ่ำเยิ้มไปด้วยไฟรักที่มันปรน

เปรอ พุ่มไม่ตอบแต่กลับโน้มลำคอหนาของไอ้ดินลงมาบดจูบแทนคำอนุญาต ไอ้ดินลิงโลดกระตุกผ้านุ่งยกรั้งของมัน

ออกโดยเร็วพลางเอื้อมมือยกต้นขาขาวขึ้นสูงดึงปลายนิ้วออกมาแล้วเบียดสะโพกแนบแน่นส่งท่อนลำใหญ่โตเข้าไป

แทนที่


            “ดิน เจ็บ!”


            เจ็บจนน้ำตาซึมในคราแรก สองแขนที่โอบอยู่รอบไหล่เหนี่ยวรั้งเข้าหาตัวจิกเล็บไปบนไหล่กว้าง

พลางอุทานลั่น ไอ้ดินต้องรีบตวัดปลายลิ้นคลุกเคล้าให้เจ้านายคล้อยเคลิ้ม แท่งร้อนค่อย ๆ สอดลึกช้า ๆ อย่าง

ทะนุถนอมจนกระทั่งสุดลำ


           “คุณพุ่มของไอ้ดิน โอ รัดไอ้ดินแน่นเชียวขอรับ”


           มันเองก็อดปล่อยเสียงออกมาไม่ได้กับช่องทางที่คับแน่นรัดอยู่รอบลำแท่งจนร้อนระอุ บีบคั้นให้มันต้อง

ชักออกจนหมิ่นเหม่แล้วแทงกลับเข้าไปใหม่ด้วยแรงเสน่หา


         “ฮัก ฮัก โอ ดิน ดินของฉัน”


          สองมือของไอ้ดินสอดไปรอบลำตัวช้อนร่างเจ้านายยกสูง แรงกระแทกช่วงแรกทำให้พุ่มเจ็บไปหมดทั้ง

ตัว แต่เมื่อแท่งเนื้อชำแรกเข้าถึงจุดหนึ่งเขาถึงกับสะท้านกายไปด้วยความกระสัน เผลอไผลยกท่อนขาเกาะเกี่ยวไป

รอบเอวหนาให้ยิ่งกดลึกเข้าไปจนสุดโคน


         “คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน ช่างหวานเหลือเกิน”


            ดินโน้มตัวไปลิ้มรสอยู่แถวยอดอกอย่างติดใจ พุ่มปรือตาหอบถี่ทั้งแอ่นอกให้เชยชมทั้งสวนเอวเข้าหา

แท่งร้อน สองแขนยิ่งโอบรัดให้ร่างกายบดเบียดเร่าร้อนท่ามกลางสายฝนเม็ดโตที่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งจนผืนน้ำ

เบื้องหน้าแตกกระจายเป็นวงกว้าง


          “ดิน ดิน ฉัน อา ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ดินจ๋า”


           พุ่มร้องลั่นโต้กับเสียงลมฝนขณะร่างกายบีบคั้นแทบขาดใจเมื่อแท่งร้อนกระแทกจุดกระสันไม่ยั้ง อยาก

จะปลดปล่อยจนต้องใช้มือคว้าแก่นกายตนเองมาสาวรูด ไอ้ดินเห็นดังนั้นจึงดึงมือเขาออกและทดแทนด้วยมือหยาบของ

มัน แต่กลับยิ่งทำให้กระเจิดกระเจิงแทบกู่ไม่กลับ


           “รักเหลือเกิน กระผมรักคุณพุ่มเหลือที่จะกล่าว”


           “ฉันก็รักดิน รักตลอดไป”


            คำบอกรักตอบกลับจากผู้เป็นนายทำให้ไอ้ดินลิงโลดจนเร่งสาวเอวไม่หยุดพัก เสียงครางผลัดกันระงม

ปะปนกับเสียงสายฝนที่หนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ร่างเปียกปอนทั้งสองก็ยังไม่ยอมหยุดสอดประสานกายเข้าหากัน


           “คุณพุ่มของไอ้ดิน ขึ้นสวรรค์พร้อมกันเถิดขอรับ”


           ไอ้ดินรู้ ทั้งร่างกายของมันและคุณพุ่มกำลังบีบคั้นถึงขีดสุด มันเร่งจังหวะซอยเอวไม่มียั้งจนกระทั่งช่อง

ทางของเจ้านายตอดรัดยาวนานพ่นน้ำใส่มันอีกคำรบ มันจึงได้ปลดปล่อยพุ่งวาบออกมาก่อนที่มันจะหอบลึกอยู่พักใหญ่


ไอ้ดินปรนจูบไปทั่วใบหน้า พุ่มได้แต่แหงนคอตอบรับกับเสียงพึมพำจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง





         “ดิน ดินจ๋า”



          ไตรภูมิผวาเข้ากอดร่างเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งในขณะที่ตัวเขากลับร้อนระอุไปด้วยรสรัก เขายกขาให้ดิน

ได้สอดลึกเข้าไปจนถึงใจ ไตรภูมิหอบหายใจพลางส่งเสียงครางหวานไม่ขาดระยะ เขาติดใจในรสรักของดินที่มอบให้

อยู่ทุกค่ำคืนจนผ่านไปเป็นสัปดาห์ตั้งแต่เขาได้พบกับร่างอันไร้เลือดเนื้อนั้น


             ภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในหัวทีละเล็กทีละน้อยในขณะที่เขาไม่มีสติจะคิดอย่างอื่นให้เขาได้ปะติดปะ

ต่อเรื่องราว เมื่อร่างอันไร้วิญญาณกำลังปรนเปรอไม่ยอมหยุด



         “เสียวมากดิน โอ จัดเต็มเลยครับดิน”



         กล้ามเนื้อช่วงล่างตอดรัดถี่ยิบพากันเกร็งตัวค้างทั้งผีทั้งคน ไตรภูมิดวงตาล่องลอยเมื่อเขาถูกกระชากขึ้น

สวรรค์ เสียงบอกรักดังอยู่ข้างหูจนไตรภูมิแยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือจินตนาการในหัว



            “ไอ้ดินขอสาบานกับเจ้าพ่อต้นไทรริมคุ้งน้ำแห่งนี้ ไอ้ดินจะรักคุณพุ่มจนวันตาย และถึงตายก็ไม่มีวัน

เปลี่ยนแปลง”



            ฟ้าคำรามอยู่เบื้องนอกเสียงดังลั่นทั้งที่ไม่มีเค้าแห่งฝนสักนิด ไตรภูมิผวาเฮือกเมื่อได้ยินคำสาบานรัก

อันคุ้นเคยจากปากของดิน
 
 



                               TBC


                    สวัสดีปีใหม่ 2561


               ขอให้คนอ่านมีความสุขมากๆนะคะ

                  :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:






หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-01-2018 06:32:30
สวัสดีปีใหม่นะคะ. ขอให้ชาตอนี้สมหวังกันจริงๆนะแม้จะเป็นคนกับผีก้อตาม
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 01-01-2018 08:25:01
ไอ้ตัวร้ายมาอีกแล้ว
สงสารพ่อดินเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-01-2018 09:31:40
 :haun4:
กว่าจะได้รู้ว่า ภพที่แล้วเป็นอย่างไร คนอ่านเลือดกำเดาไหลหมดตัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-01-2018 11:14:06
สวัสดีปีใหม่คุณบีเลิฟด้วยค่ะ มาพร้อมของขวัญปีใหม่แบบนี้ดีกับใจจริงๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 01-01-2018 14:02:49
เลือดท้วมจอตอนรับปีใหม่ ขอบคุณคนแต่งค่าาส
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๖ [๐๑/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 01-01-2018 19:42:17
        :pig4: :pig4: :pig4:  Happy New Year 2018 ค่ะ
อ่านเรื่องนี้ทุกตอนก็สงสารความรักของทั้งคู่มากค่ะ
เพราะชาติที่แล้วก็รักกันแต่ไม่สามารถที่จะสมหวังได้ และชาตินี้ก็กลับมาเจอกันแล้ว ไม่รู้จะเจอขวากหนามอีกไหม
  เอาใจช่วยในความรักที่มั่นคงข้ามภพข้ามชาติของทั้งสองคนค่ะขอให้สมหวัง  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-01-2018 00:07:59


                                    วิญญาณเสน่หา

                                       บทที่ ๗



           ไหล่ของไตรภูมิถูกเขย่าเบา ๆ ปลุกเขาจากจากท่าฟุบหลับบนโต๊ะตัวเล็กในห้องเรียน ชายหนุ่มขยับ

ตัวช้า ๆ ก่อนจะสะบัดหน้าขับไล่ความง่วงงุนที่ยังเหลืออยู่ ไตรภูมิเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอหลับจนหมดคาบเรียนถ้าไม่ได้

อาวุธเพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันปลุกเขาก็คงจะยังไม่ตื่น

                “ไอ่ห่าไตร หลับแม่งยันหมดคาบเรียน”



                 อาวุธส่ายหน้าพลางมองเขาด้วยความห่วงใย



               “เป็นเหี้ยอะไรวะ ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ท่าทางมึงแย่มากนะช่วงนี้”



                เห็นแววตาของอาวุธแล้วไตรภูมิก็นึกเห็นใจ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปนักไตรภูมิพอจะมองออกว่าอาวุธ

ปฏิบัติกับเขามากเกินกว่าเพื่อนคนอื่น ไตรภูมิทำได้เพียงนิ่งเฉยและทำตัวตามปกติกับอาวุธ



                “กูวาดรูปดึกไปหน่อยน่ะ ช่วงนี้มีงานเร่ง”



                  เอ่ยตอบเพื่อนพลางหาวหวอด ไตรภูมิลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน

โดยมีอาวุธตามมาไม่ห่าง



               “ไม่ดึกไปหน่อยล่ะมั้งกูว่าคงโต้รุ่งเลยหรือเปล่า มึงรู้ไหมว่าหน้าตามึงตอนนี้ดูไม่ได้เลยนะ ขอบตาคล้ำเป็น

หมีแพนด้าเชียวแถมยังดูเหมือนคนอดหลับอดนอนจนผอมไปหมดแล้ว สภาพเหมือนโดนเล่นของชะมัดเลย”



               ไตรภูมิหยุดกึก เขายกมือขึ้นปัดปลายนิ้วของอาวุธที่เอื้อมมาปัดปอยผมของเขาโดยอัตโนมัติ สีหน้าของ

เขาบึ้งตึงเมื่อหันไปมองอาวุธ



                “กูไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวกู มึงลืมไปแล้วหรือไงไอ้วุธ ขอบใจนะที่มึงเป็นห่วงกู แต่กูไม่เป็นไรกูสบายดี”



                 เสียงของไตรภูมิห้วนจัด เขาเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้ผู้ใดมาสัมผัสแตะเนื้อต้องตัว อาวุธได้แต่

มองตามแผ่นหลังของไตรภูมิที่เดินห่างออกไปอย่างไม่สบอารมณ์


                อาวุธหลงรักไตรภูมิตั้งแต่แรกเห็น ทั้งที่ก่อนหน้าอาวุธก็ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนมาก่อน เขาเติบโตมา

อย่างปกติจนกระทั่งได้สบตากับไตรภูมิครั้งแรกในวันรับน้องของมหาวิทยาลัย และหลังจากวันนั้นเขาก็เฝ้าป้วนเปี้ยนใกล้

ชิดไตรภูมิมาแรมปี แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นคุณค่าของเขาสักนิดทั้งที่อาวุธก็ไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่มีต่อ

ไตรภูมิ

                และยิ่งระยะหลัง ๆ ในเดือนที่ผ่านมาท่าทีของไตรภูมิแปลกไปกว่าเดิม เรียกได้ว่าแทบไม่มีอาวุธอยู่ใน

สายตา หากไตรภูมินั่งคนเดียวเขาก็จะอมยิ้มราวกับตกอยู่ในภวังค์ และยังทำตัวห่างเหินกับอาวุธมากไปกว่าเดิม อาวุธ

กังขาในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างมาก


                อาวุธเดินตามไตรภูมิไปห่าง ๆ จนเห็นว่าคนที่เขาหลงรักเดินไปที่ลานจอดรถและขับรถยนต์ออกไปจาก

มหาวิทยาลัย อาวุธมองตามจนรถยนต์ของไตรภูมิลับสายตา เขาตัดสินใจแล้ว



               อาวุธจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไตรภูมิกันแน่
 







                  “ดิน มาแล้วหรือครับ คิดถึงจัง”



                  ไตรภูมิวางแขนอุ่นของตนเองแนบไปกับผิวเย็นของท่อนแขนที่สอดเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง ชาย

หนุ่มหมุนตัวกลับไปยกสองแขนคล้องรอบคอร่างที่ยังเลือนรางภายใต้แสงไฟสว่างกลางห้อง



                “ผมไปปิดไฟก่อนนะ จะได้มองดินได้ชัดๆ”



                  ไตรภูมิวางพู่กันลงกับถาดสี ทุกวันที่ผ่านมาค่อนเดือนเขาจะรีบกลับบ้านทันทีที่เรียนวิชาสุดท้ายจบลง

เพื่อนำงานที่ต้องส่งมาทำต่อที่บ้านในยามเย็น ไตรภูมิพยายามทำงานตุนไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เมื่อยามรัตติกาลมา

เยือนเขาจะได้พลอดรักกับร่างเหนือมนุษย์ได้อย่างเต็มที่ เขายอมรับว่าช่างมีความสุขในยามที่ปิดไฟทั้งบ้านให้มืดมิด

เพื่อให้มองเห็นดินได้ชัดเจนขึ้นในความมืดและเขาก็เสพติดรสรักจากวิญญาณหนุ่มตนนี้เข้าเสียแล้ว


                 ทันทีที่ไฟทั้งบ้านดับลงความมืดก็เข้ามาเยือน ไตรภูมิถูกดึงเข้าไปกอดรัดด้วยท่อนแขนแกร่งไปด้วย

กล้ามราวกับมนุษย์ แรงกอดนั้นทำให้ไตรภูมิยิ้มกว้าง



               “วันนี้กอดได้หนักหน่วงจริงๆนะดิน”



                “คุณพุ่มลืมไปแล้วหรือขอรับว่าวันนี้เป็นคืนวันเพ็ญที่พลังของกระผมจะมีมากกว่าวันอื่นๆ”



               “ผมไม่ลืมหรอกครับดิน”



                ไตรภูมิจูงแขนเย็นเยียบให้ก้าวตามมาที่เก้าอี้รับแขกตัวยาวที่หน้ามุขชั้นล่าง เขานั่งอิงแอบไปกับไหล่กว้าง

โดยมีท่อนแขนของดินตระกองกอด



               “นั่งตรงนี้จะได้มองพระจันทร์ชัด ๆ โรแมนติคดี”



              ดินคลี่ยิ้ม เขาไม่เข้าใจศัพท์แสงของคุณพุ่มในร่างนี้นัก แต่ว่าเห็นคุณพุ่มยิ้มแย้มแจ่มใสดินก็ยินดีแล้ว เขา

ได้แต่ก้มหน้ามองใบหน้าผุดผ่องของคุณพุ่ม ในขณะที่คุณพุ่มเงยหน้ามองพระจันทร์



             “มองพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้แล้ว ผมอยากจะมองพระอาทิตย์ยามเช้ากับดินจัง แต่มันคง...”



               ไตรภูมิไม่อยากเอ่ยคำว่าเป็นไปไม่ได้ นัยน์ตาคู่สวยหมองลงทันตา ดินได้แต่ลูบไหล่ของไตรภูมิเบาๆ แทน

การปลอบโยน


              “ทำไมถึงอยากมองพระอาทิตย์ยามเช้าล่ะขอรับคุณพุ่ม”

               “ก็เพราะความฝันวันก่อนโน้น ผมฝันว่าผมอ่านพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนพาธาให้ดินฟังไงล่ะ ผมก็เลยไปหาของจริงมาอ่าน แต่จริง ๆ แล้วก็เคยอ่านตั้งแต่มัธยมแล้วล่ะผมจำไม่ได้เอง มันมีอยู่บทหนึ่งที่เพราะมาก ๆ เลย เด็กรุ่นผมต้องท่องกันทุกคน”

                 “ไหนคุณพุ่มลองท่องให้กระผมฟังได้ไหมขอรับ”

                  เห็นคุณพุ่มมีความสุขดินจึงไม่อยากขัด เขาฟังคุณพุ่มเจรจาได้ทั้งคืนโดยไม่นึกเบื่อ คุณพุ่มของดินทำท่าระลึกความทรงจำครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา

                   “เป็นตอนที่ท้าวชัยเสนกล่าวเปรียบเปรยว่าความรักนั้นงดงามเหมือนแสงสว่างของพระอาทิตย์ในยามเช้า และสัญญาต่อหน้าฤๅษีที่เลี้ยงดูมัทนาว่าจะแต่งงานเคียงคู่กับมัทนาไปตลอดชีวิต”
 

                                      อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี                                         
ประดุจมโนภิรมย์ระตี  ณ แรกรัก                                         
แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์                                   
แฉล้มเฉลาและโสภินัก      นะฉันใด                                       
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย                                     
สว่าง ณ กลางกมลละไม    ก็ฉันนั้น                                     
แสงอุษาสะกาวพะพราว ณ สรรค์                                         
ก็เหมือนระตีวิสุทธิอัน      ว่างจิต                                           
อ้าอนงคะเชิญดำเนิรสนิธ                                         
ณ ข้าตะนูประดุจสุมิตร     มโนมาน                                              
ไปกระทั่ง ณ ฝั่งอุทกจีระธาร                                   
และเปล่งพจี ณ สัจจะการ ประกาศหมั้น   
ต่อพระพักตร์สุราภิรักษะอัน
เสด็จสถิต ณ เขตอะรัณ        - ยะนี่ไซร้
ว่าตะนูและน้องจะเคียงคระไล                                 

และครองตลอด ณ อายุขัย  บ่คลาดคลา
 

             เสียงเจื้อยแจ้วจำนรรจาเป็นบทกวีแสนไพเราะนั้นจับใจดินยิ่งนัก เขาค่อย ๆ ผละอ้อมแขนออกจากไหล่ของ

ไตรภูมิก่อนจะย้ายไปนั่งอยู่บนพื้นต่อหน้าไตรภูมินั่นเอง สายตาซื่อตรงของดินมองคุณพุ่มของมันด้วยความเทิดทูนไม่

เคยเปลี่ยนแปลง



              “ตลอดเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่ไอ้ดินจะไม่คิดถึงคุณพุ่ม ความรักของไอ้ดินยังมีให้

คุณพุ่มไม่เคยเปลี่ยนแปลง คุณพุ่มคือดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างเจิดจ้าในชีวิตของไอ้ดินที่มีแต่ความมืดมิด”


              ดินโน้มกายเข้าหา ดึงมือนุ่มของไตรภูมิมาแนบอก ดวงตาของมันฉายแสงทั้งรักทั้งหลงเป็นประกายหวาม

แข่งกับพระจันทร์ทรงกลดบนท้องฟ้าดำมืดที่ส่องแสงสีเงินยวงผ่านหน้าต่างเข้ามา


              “ขอเถิด ขอให้ไอ้ดินต่ำต้อยมันได้กอดรัดและบอกรักคุณพุ่มให้สมกับการรอคอยอันเนิ่นนานเหลือเกิน”


             ดินโน้มใบหน้าเข้าหา สูดดมความหอมจากแก้มนุ่มที่เอียงคอย ริมฝีปากเม้มกลีบปากอิ่มก่อนประกบแนบแน่น

พลางสอดลิ้นลึกเข้าไปตวัดรัดรึงอยู่กับลิ้นชื้นของไตรภูมิอย่างไม่มีใครยอมใคร มือสากถอดเสื้อผ้าสมัยใหม่ออกอย่าง

คล่องแคล่วมากขึ้นโดยมีไตรภูมิที่คอยช่วยเหลือ ไม่นานนักร่างกายไร้วิญญาณก็สนิทแนบแน่นอยู่กับกายอุ่นที่เริ่มหายใจ

หนักจนอกกระเพื่อมเมื่อดินก้มหน้าลงไปคลอเคลียอยู่ตรงจุดอ่อนไหว จัดแจงสาวรูดอยู่ในปากปลุกเร้าอย่างชำนาญ



             “อา ดิน ดินครับ ดินรู้ไหมว่าดินกำลังทำให้ผมแทบคลั่ง”



              เสียงกระเส่าครางฮือ ไตรภูมิเงยหน้าแหงนคอพาดอยู่บนพนักเก้าอี้ สองแขนวางพาดยาวไปบนนั้นมือกำ

เบาะหนังจนเล็บจิกพลางเด้งเอวเข้าหาปากที่กำลังดูดดุนแก่นกายของตนจนแก้มตอบ ต้นขานุ่มมือถูกจับแยกคร่อม

ร่างกายกำยำที่เริ่มใช้นิ้วคว้านลึกเปิดปากทางให้กว้างออก ไตรภูมิกัดปากตนเองจนห้อเลือด



              “ดิน ไม่ไหวแล้ว เข้ามาเถอะนะดิน”



              เอ่ยปากเรียกร้องเสียงกระเส่า เอวคอดถูกดึงร่นลงมาจนก้นพ้นเบาะนั่ง มือเย็นของดินที่ยึดจับอยู่ตรงต้นขา

นวดเฟ้นลากไล้ไปจนถึงปลายเท้าของไตรภูมิก่อนจะดันให้มันอ้ากว้าง ท่อนเอ็นแข็งขืนฟาดหน้าท้องไตรภูมิดังเผียะแวะ

ล้อเล่นอยู่กับแท่งร้อนของเขาที่พองฟูจากการปลุกเร้า แล้วจึงกรีดลงมาตามร่องจนกระทั่งถึงปากทาง ดินดันเอวสอด


ประสานเข้าไปช้า ๆ



           “ดิน อ๊า เสียวเหลือเกิน”


            เพียงแค่ท่อนเอ็นสอดลึกถึงครึ่งลำไตรภูมิก็ผวาร่างเข้าหาดินด้วยความกระสัน ดินโน้มกายลงมาใช้ปากโลม

เลียยอดอกที่พุ่งชูชันรอรับอย่างรู้หน้าที่ เขาดันสะโพกพรวดเข้าไปทีเดียวจนสุดเรียกเสียงระงมไม่ขาดปากจากไตรภูมิที่


โอบรัดเขาไว้แน่น



              “ร้อนเหลือเกิน ช่องทางของคุณพุ่ม มันเผาไหม้ไอ้ดินจนอยู่เฉยไม่ได้แล้วขอรับ”


             ดินผุดลุก เขาดันร่างไตรภูมิจนแทบจมไปกับเบาะหนัง จับต้นขาแน่นมือให้ยกสูง เอวสอบชักเข้าออกแต่ละ

ครั้งสุดลำเนื้อกายเสียดสีจนไตรภูมิหอบหนัก


          “ฮัก ฮัก ดิน แรงๆ เลยครับดิน จะแตกแล้ว อ๊า”


            ไตรภูมิปรือตาฉ่ำหวานอย่างสุขสมแต่ดินก็ยังไม่หยุดปรนเปรอ ไตรภูมิทิ้งกายลงไปทอดตัวนอนยาวกับโซฟา

รับแขกให้ดินจุดไฟครั้งใหม่โดยไม่ทันสังเกตสายตาของดินที่ลุกวาบจนทอแสงขาวโพลนเมื่อจ้องมองไปด้านนอกของ

ตัวบ้านทั้งที่ยังไม่หยุดขยับเอว


            “เหวออ”


             เป้าสายตาของดินที่กำลังหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ถึงกับตาเหลือก อาวุธล้มลงก้นจ้ำเบ้าเมื่อร่างกายสูงใหญ่นั้น

เงยหน้าขวับจ้องมองมายังตน ดวงตาสีขาววาบทำให้เขาแทบหมดสติ ผิวกายนั้นคล้ายจะกลมกลืนไปกับความมืดจนมอง

แทบไม่เห็นว่าเป็นร่างคน


              บางอย่างบอกให้อาวุธรู้แก่ใจว่านั่นไม่ใช่มนุษย์ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างจับยึดใบหน้าของเขาจนขยับไม่

ได้บังคับให้เขาต้องมองไตรภูมิกำลังร่วมรักอยู่กับอมนุษย์ ราวกับว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายของไตรภูมิต้องการ

แสดงความเป็นเจ้าของไตรภูมิให้อาวุธได้รู้

           อาวุธไม่นึกว่าการแอบติดตามไตรภูมิมาถึงบ้านในยามค่ำแล้วลอบเข้ามาซ่อนตัวเพื่อสืบความผิดปกติของ

ไตรภูมิจะทำให้เขาได้เห็นสิ่งไม่คาดคิด เขาพยายามตั้งสตินึกถึงบทสวดมนต์ที่พอจะนึกขึ้นได้อย่างลาง ๆ ทันใดนั้นแรง

ที่ยึดใบหน้าของเขาไว้ก็พลันหายไป อาวุธรีบลุกแล้วโกยออกจากเขตรั้วบ้านไปยืนหอบอยู่ด้านนอกบนถนนในซอย

             ไตรภูมิกลายเป็นเมียผี!


               อาวุธไม่อยากจะเชื่อ แต่ที่เห็นกับตาก็ยืนยันได้

              เขาต้องหาวิธีให้ไตรภูมิหลุดออกจากไอ้เหนือมนุษย์ที่กำลังครอบงำอยู่ให้ได้
 

มีต่ออีกนิด...(ปรับหน้ายากมาก ไม่ปรับแล้ว)


หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-01-2018 00:34:01


อ่านต่อตรงนี้...




         “เกิดอะไรขึ้นกับผมและดินหลังจากวันที่ตกลงไป ในน้ำแล้ว เอ่อ สาบานรักกันอยู่ใต้ต้นไทร”


         ไตรภูมิเอ่ยถามในขณะที่ย้ายมานอนกอดก่ายร่างเย็นอยู่บนเตียงนอนบนชั้นสองแล้ว แม้ว่าเวลาผ่านไป

ค่อนคืนและผ่านบทรักจนเหนื่อยอ่อนไตรภูมิก็ยังไม่อยากหลับ เขาอยากจะอยู่ใกล้ชิดดินให้มากที่สุดทั้งที่ตอนนี้เขา

แทบลืมตาไม่ขึ้นแล้วก็ตาม


          “ท่านเจ้าคุณของคุณพุ่มเร่งรัดงานแต่งงานให้เร็วขึ้นขอรับ คุณพุ่มบ่ายเบี่ยงจนทะเลาะกับท่านเจ้าคุณไป

หลายยก”


            ดินจูบที่ขมับของไตรภูมิ พลางกระชับวงแขนของคนที่คล้อยหลับราวกับจะเห่กล่อมให้ฝันดีเมื่อคนใน

อ้อมกอดเงียบเสียงไปแล้ว






            ดอกแก้วที่มัดเป็นกระจุกวางอยู่บนหมอนส่งกลิ่นหอมฟุ้งในยามค่ำคืนเมื่อพุ่มก้าวเข้ามาในห้องนอน

หลังจากที่เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงใหญ่แน่นด้วยมัดกล้ามของดินกำลังง่วนอยู่กับการจัดที่นอนรอ

ให้เจ้าของขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงพลางคว้าดอกแก้วขึ้นมาดมกลิ่นหอม



          “นังแก้วมันเด็ดดอกแก้วมาให้เอ็งอีกรึ มันคงอยากจะให้เอ็งเด็ดมันเสียเต็มทีแล้วกระมังไอ้ดิน”



          “โธ่คุณพุ่มขอรับ”



          ดินยิ้มอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่มันจงรักภักดีกำลังแง่งอนมันเสียอีกแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะได้ครอบครอง

ร่างกายและหัวใจของคุณพุ่มของมันเสียเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ไอ้ดินก็ยังเจียมตัวเจียมใจว่าเป็นแค่บ่าวต่ำต้อย
               


          “กระผมจะกล้าไปเด็ดใครได้ ในเมื่อหัวใจของไอ้ดินมีแต่คุณพุ่มเต็มไปหมด”



          “ช่างเจรจานักนะเอ็ง”



          พุ่มตวัดสายตาใส่ทั้งที่หัวใจเบ่งบาน เขาเพิ่งรู้ว่ายามจิตใจเอ่อท้นด้วยความรักนั้นเป็นเช่นไร



        “อย่าให้ข้าได้รู้เห็นว่าเอ็งไปมองเช่นนี้กับสาวบ้านไหน”



         “หากคุณพุ่มเห็นกระผมประพฤติเช่นนั้นก็ควักดวงตาของไอ้ดินทิ้งเสียเถิดขอรับ”



         ไอ้ดินนั่งเคียงอยู่บนพื้นข้างกายพุ่มพลางเงยหน้ามองเจ้านายของมันด้วยประกายคมกล้า



         “เพราะสายตาของไอ้ดินมีให้เพียงคุณพุ่มคนเดียวเท่านั้น”



          “ปากหวานนักนะเอ็ง”



          พุ่มมองกลับนัยน์ตาหวามไหว เขาวางมือไปที่ต้นแขนล่ำแล้วเอ่ยเสียงเบา



         “แล้วนั่นเอ็งจะนั่งตัวงออยู่บนพื้นอีกนานไหมไอ้ดิน คืนนี้อากาศเย็นนัก เอ็งจะไม่ลุกขึ้นมาทำให้ข้าอุ่น

กายเทียวรึ”



          ดินยันกายขึ้นมาจากพื้นทันที มันประคองร่างนุ่มของเจ้านายมันให้เอนกายลงไปบนที่นอนนุ่ม มือร้อน

ของไอ้ดินวางป่ายไปทั่วร่างกายเมื่อเจ้านายไม่ได้ห้ามปราม ทั้งที่พุ่มบ่นว่าอากาศเย็นแต่ไอ้ดินก็รีบถอดเสื้อผ้าอาภรณ์

ของพุ่มและตัวมันเองออกเสียสิ้น



          “คุณพุ่มของไอ้ดินงามเหลือเกิน”



           มันมองร่างกายเปลือยสมส่วนอย่างหลงใหล ก่อนจะเฟ้นกายนุ่มด้วยปากและมือ พุ่มผวาครวญคราง

เมื่อดินปลุกเร้าเขาจนตัวสั่น



         “ดิน อา แรงอีกเถิดดิน”



          ร่างบอบบางบิดกายจนเอวแทบขาดอยู่บนเตียงนอนขณะบ่าวคนสนิทที่กลายเป็นเจ้าของดวงใจกัดฟัน

ทะยานเร่งเร้าจนเสาเตียงโยกไหว



          “คุณพุ่ม อา หวานเหลือเกิน  ตอดรัดไอ้ดินแทบขาดแล้ว”



          “ดิน ฮัก ฮัก ดิน ข้าจะขาดใจเสียแล้ว เอ็งเร่งนำข้าขึ้นสวรรค์เสียทีเถิด”



          ประสานสายตาฉ่ำหวาน ไอ้ดินบ่าวไร้ที่มาสูดลมหายใจลึกรับคำแข็งขันพลางขยับเอวกระแทกนายเหนือ

หัวเรียกเสียงครางหนักหน่วง เนื้อกายเบียดแนบไม่มีช่องว่างร่างกายเหนียวหนับไปด้วยเหงื่อชื้นและคราบรักที่ผ่านมา

ไม่รู้กี่ยก มันจงใจควงเอวหมุนคว้านกระแทกจุดสำคัญเสียถนัดถนี่ก่อนเร่งเอวสาวลึกจนคุณพุ่มของมันกลั้นใจแล้วปล่อย

ทำนบจนแตก ไอ้ดินไม่รอช้าดันเอวย้ำลึกรับแรงตอดถี่ยิบก่อนแช่ค้างเมื่อติดตามนายของมันขึ้นสวรรค์ไปติด ๆ ร่าง

กำยำคล้ำไอแดดโผลงโซซบไปบนร่างขาวของคุณพุ่มพากันหอบกระเส่าแข่งกัน



           “อ้ายพุ่ม อ้ายลูกสารเลว”



           เสียงกำแหงหาญดังขึ้นหน้าประตูจากนั้นแม้บานประตูจะลั่นดาลไม้ก็มิอาจขัดขวางอารมณ์ราวกับไฟ

ไหม้ป่าของเจ้าคุณวิเชียรอัครภาคที่ก้าวเข้ามายืนจังก้าอยู่กลางห้อง ดวงตาเมื่อยามเห็นบุตรชายเพียงคนเดียวนอนทอด

กายให้ไอ้บ่าวต่ำต้อยยังตระกองกอดประสานกายแนบแน่นอยู่บนเตียงนั้นราวกับจะพุ่งไปบีบคอเสียให้แหลกคามือ คุณ

หญิงพร้อมผู้เป็นภรรยาและมารดาของพุ่มถึงกับลมจับอยู่หน้าประตูห้องเพราะไม่นึกว่าบุตรชายเพียงคนเดียวได้กลาย

เป็นเมียของบ่าวไร้ที่มาเสียแล้ว




                           TBC



       แม่ยกไอุ้ดินกับคุณพุ่ม ช่วยเม้นท์ให้คนแต่งบ้างน้า ใจหาย
                เม้นท์น้อยจัง หรือว่าไม่ชอบกันน้า

                  :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:




หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-01-2018 00:43:57
มาตามติดเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-01-2018 00:58:18
สงสารดินจังเลยค่ะ
เดาว่าอาวุธคือศัตรูหัวใจที่ตามกลับชาติมาเกิด  ไม่มีวาสนาต่อกันก้อแพ้ผีไปนะ ไม่เห็นต้องหาเรื่องใส่ตัวเลย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-01-2018 07:58:10
 :L2: :L1: :pig4:

สงสาร
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-01-2018 08:05:31
สงสารดินน่ะ แต่สูบพลังชีวิตของไตรภูมิจนเป็นหมีแพนด้า อย่างนี้ก็ไม่ดีน้าา
แล้วอาวุธละ เขาไม่ได้ผิด ดินอย่าได้ไปทำร้ายเขานะ นอกเสียจากว่ามาทำกับดินก่อน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า +1
 :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: tkung ที่ 09-01-2018 11:28:05
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ  :mew1:
สงสารดินกับคุณพุ่มจังเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-01-2018 18:08:46
ถ้ากินกันไปนานๆ ดินแข็งแรง แต่​คุณพุ่มตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-01-2018 21:56:34
ยังไงต่อล่ะคราวนี้ เจ้าคุณพ่อมาเห็นจังๆ งื้อออ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-01-2018 23:45:46
ทำไมไม่เห็นแจ้งเตือนว่าเรื่องนี้อัพแล้ว ถ้่จำไม่ผิดอาวุธนี่ก็คือคนที่ชอบหาเรื่องดินในอดีตและแอบชอบพุ่มใช่ไหม จำชื่อไม่ได้อะชื่อเหมือนรึเปล่านะ จากตรงนี้เดาว่าอีกไม่กี่ตอนดินจะได้กลับมาเกิดแล้วใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-01-2018 19:15:39
อยากอ่านต่อล้าว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-01-2018 23:58:01
โดนจับได้ซะแล้ววววว
มีหวังดินถูกเฆี่ยนหลังลายแน่ๆๆ
อาวุธนี้จุ้นไม่เข้าเรื่อง
เปนงัยละเจอของดีเข้าไปเตมๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๗ [๐๙/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-01-2018 00:54:34
       ความแตกแล้วซินะแล้วจะเป็นยังไงต่อไปค่ะทีนี้
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-01-2018 23:35:57


                                                                    วิญญาณเสน่หา

                                                                          บทที่ ­­­๘


                     “เจ้าคุณพ่อ”



                     พุ่มผวาด้วยความตกใจสุดขีด เขารีบดันกายหนักของไอ้ดินออกจากตัวพลางคว้าผ้านุ่งมาคลุมท่อนล่าง ใน

ขณะที่ไอ้ดินกลับถูกคนของบิดากรูกันมายึดจับท่อนแขนไพล่หลังแล้วกดร่างคว่ำหน้าลงกับพื้นห้อง เจ้าคุณวิเชียรฯเงื้อ

ไม้ตะพดขึ้นสุดแขนก่อนจะฟาดลงมาบนร่างของดิน พุ่มถลาเข้ามากันไม้ตะพดนั้นด้วยแผ่นหลังของเขา



                  “โอ๊ย!”



                 “พุ่ม ลูกแม่ อย่าขวางเจ้าคุณพ่อเลยลูก”



                   คุณหญิงพร้อมผู้เป็นมารดารีบถลาเข้ามาห้ามทั้งน้ำตาพร้อมทั้งดึงพุ่มให้ห่างจากดิน เมื่อเห็นผู้เป็นสามี

โกรธหนักเหลือเกิน



                   “มึงมันชั่ว มันเลวทั้งนายทั้งบ่าว”



                    เมื่อไม่มีบุตรชายมาขัดขวางท่านเจ้าคุณฟาดจึงไม้ตะพดลงบนแผ่นหลังของไอ้ดินไม่ยั้ง เสียงไม้กระทบ

เนื้อและใบหน้าของดินที่กัดฟันกลั้นเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดเอาไว้ทำให้พุ่มถึงกับร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่สามารถห้าม

โทสะของบิดาได้ เมื่อหนำใจแล้วท่านเจ้าคุณจึงหันมาชี้หน้าบุตรชายด้วยความโกรธจนควันออกหู



                   “มึงด้วยอีกคนไอ้ลูกไม่รักดี มึงเป็นชายแต่กลับมานอนทอดกายให้บ่าวของมึง หากรู้ไปถึงไหนก็คงจะอาย

ไปถึงนั่นที่บุตรชายของเจ้าคุณวิเชียรอัครภาคกลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศให้ฟ้าผ่า”



                   “ท่านเจ้าคะ พอเถิดเจ้าค่ะ เท่านี้ลูกก็เจ็บปวดแล้ว”



                  คุณหญิงพร้อมเอ่ยทั้งน้ำตาเมื่อเห็นบุตรชายร้องไห้ปานใจจะขาด



                  “ก็เพราะหล่อนนั่นแหละแม่พร้อม เลี้ยงลูกอยู่ในอกจนมันผิดเพศ ความผิดของหล่อนแท้ ๆ”



                 เจ้าคุณวิเชียรฯ เอ่ยปากเสียงดังกับพุ่ม



                 “กูจะไม่รอให้ความนี้หลุดไปให้ใครรู้เด็ดขาด อีกเจ็ดวันข้างหน้ามึงเตรียมแต่งงานเข้าหอกับแม่ละมัย กูจะเร่ง

งานวิวาห์เสียให้เรียบร้อยจะได้ไม่เป็นขี้ปากบ่าวไพร่”



                  ท่านเจ้าคุณวิเชียรฯ ออกคำสั่งแก่บ่าวรับใช้ คำสั่งนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ดินและพุ่มเหลือเกิน



                 “ระหว่างรอวันงานแต่ง ขังไอ้ลูกเลวไว้แต่ในห้องนี้ถ้ามันคิดหนีจะผูกตรวนมันเสียก็ได้ ยกข้าวยกน้ำมาให้มัน

กินแต่อย่าให้มันได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน ส่วนไอ้บ่าวทรพีพวกมึงจงเอามันไปแขวนโยงไว้กับขื่อตากแดดตากลมอยู่

ที่ท้ายบ้านอย่าให้มันหนีไปได้”



                    “ไม่นะ ดิน”



                    “คุณพุ่ม”



                   พุ่มสลัดแขนของคุณหญิงพร้อมออกก่อนจะผวาเข้ากอดดิน น้ำตาไหลราวกับสายน้ำบนใบหน้า เขารีบเอ่ย

คำพูดสุดท้ายก่อนที่ดินจะถูกพาออกไป พุ่มกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา



                 “หนีไปดิน ไปรอที่คุ้งน้ำในคืนวันแต่ง ข้าจะหนีไปพร้อมกับเอ็ง”
 








                 อาวุธเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาไตรภูมิตั้งแต่ยังปิดประตูรถยนต์ไม่สนิทด้วยซ้ำตอนที่ไตรภูมิขับรถยนต์ไปถึง

มหาวิทยาลัยเมื่อยามสาย เขากระชากแขนไตรภูมิให้หันมาสบตากร้าวของตนเอง



                “ไอ้ไตร มึงต้องย้ายออกจากบ้านเหี้ยหลังนั้นแล้วกลับไปอยู่คอนโดของแม่มึงซะ”



                ไตรภูมิมองหน้าอาวุธอย่างสงสัยในความหงุดหงิดที่เพื่อนแสดงออก



                 “เป็นเหี้ยอะไรของมึงไอ้วุธ ทำไมกูต้องย้าย”



                 “สัส นี่มึงไม่รู้หรือไงว่าไอ้บ้านหลังนั้นมันมีผีสิง”



                  อาวุธสบถรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้เขาตกใจไม่เลิก ไตรภูมิหรี่ตามองอาวุธเมื่อเขาหลุดคำพูดมี

พิรุธออกมา



                      “แล้วมึงรู้ได้ไง”



                     “ก็เมื่อคืนกูตามมึงไปไง แล้วแม่งกูเห็นมึงกำลังถูกไอ้ผีนั่น เอ่อ โอ๊ย กูไม่อยากจะพูด”



                    อาวุธหลุดปากออกไปทำให้ไตรภูมิเริ่มเคือง



                   “มึงตามกูไปบ้าน มึงทำเพื่ออะไร นั่นมันที่ส่วนตัวของกู มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวของกู”



                    “กูทำเพราะกูเป็นห่วงมึงไงไอ้ไตร มึงอย่าทำเป็นแกล้งโง่ไปหน่อยเลย มึงก็รู้ว่ากูคิดยังไงกับมึง”



                    อาวุธตะคอกเสียงขื่น ไตรภูมินิ่งมองเพื่อนแล้วถอนหายใจยาวเหยียด



                     “เออ กูขอบใจที่มึงห่วงแต่กูดูแลตัวเองได้ ส่วนเรื่องที่มึงคิดกับกูน่ะกูพอเดาได้ กูคงต้องขอโทษมึง กู

คงจะให้ความหวังมึงไม่ได้หรอกไอ้วุธ กูเห็นมึงเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น”



                       อาวุธมองไตรภูมิอย่างเจ็บช้ำ ตลอดเวลาแรมปีที่เขาได้รู้จักไตรภูมิ อาวุธทำดีต่อไตรภูมิทุกอย่างแต่อีก

ฝ่ายกลับมองไม่เห็นความดีเลยสักนิด เขากระชากต้นแขนของไตรภูมิเข้าหาตัวด้วยพายุอารมณ์



                 “มึงไม่รักกูซึ่งเป็นคนที่มีลมหายใจ แต่มึงกลับยอมไปเป็นเมียไอ้ผีฉิบหายนั่น มึงมันโง่ไอ้ไตร หึ กูอยากจะรู้

นักว่ารสชาติของไอ้ผีเหี้ยจะสู้คนเป็น ๆ อย่างกูได้หรือเปล่า”



                   พูดจบอาวุธก็ดึงไตรภูมิมาจูบ เขาบดปากลงไปอย่างกระหายและหนักหน่วงตามอารมณ์ผิดหวังเสียใจโกรธ

แค้น ไตรภูมิเค้นแรงผลักร่างของอาวุธจนกระทั่งท่อนแขนหลุดออกมาจากการจับยึด เขายกกำปั้นต่อยอาวุธจนหน้าหัน



                 “ไอ้วุธ มึงมันเหี้ย กูไม่ได้รักมึง ต่อให้กูไม่ได้ยอมเป็นเมียดินกูก็ไม่ได้รักมึงอยู่ดีจำใส่กะโหลกไว้ แล้วถ้ามึงยัง

อยากจะเป็นเพื่อนกับกูก็อย่าทำเหี้ยๆแบบนี้อีก ไม่งั้นมึงกับกูขาดกัน”



                    ไอ้ผีร้ายนั่นชื่อดิน และไตรภูมิก็ไม่ได้ตกเป็นของไอ้ผีนั่นด้วยอาคมใด ๆ น้ำเสียงปกป้องอมนุษย์จากการ

ด่าทอของเขาทำให้อาวุธรู้ว่าไตรภูมิกับผีตนนั้นมีเยื่อใยต่อกัน อาวุธคำรามหนักด้วยความแค้นเมื่อไตรภูมิเดินหนีเขาไป

เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะทำลายมันลงให้ได้ ไอ้ผีเลวที่ชื่อดิน ผีที่แย่งไตรภูมิไปจากเขา
 





                      “อ้ายไพร่สารเลว”



                     แรงอัดพุ่งตรงเข้าที่ลิ้นปี่ทำให้ดินถึงกับจุกจนร้องไม่ออก ร่างกายของดินอิดโรยเพราะยืนตากแดดตากฝน

มาห้าวันห้าคืนแถมแขนทั้งสองข้างยังถูกผูกโยงไว้กับเสาสองต้นจนไม่มีทางต่อสู้ เขาจ้องหน้าคนที่บุกเข้ามาทำร้ายใน

ยามวิกาลภายในเขตรั้วบ้านเจ้าคุณวิเชียรอัครภาคอย่างแค้นเคือง มันดึงผ้าที่ปิดบังใบหน้าออกให้ดินได้รู้ว่าเป็นผู้ใด



                  “มึงนั่นเอง ไอ้เหมือน”



                 ไม่มีความเคารพนบนอบแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงบุตรชายขุนน้ำขุนนาง แต่เพราะความกักขฬะเลวทรามที่เคย

ประสบทำให้ดินเคียดแค้นชิงชังนายเหมือนผู้นี้ยิ่งนัก



                   “ใช่ กูเอง แล้วกูนี่แหละที่เป็นผู้แจ้งแก่เจ้าคุณลุงให้ระวังมึงไว้ เกรงว่าจะเป็นไอ้แมวขโมยชาติชั่วกินบน

เรือนขี้รดบนหลังคา แล้วมึงก็ทำเสียจริง ๆ ไอ้ดิน”         



                นายเหมือนกระชากผมของดินไปด้านหลังจนหน้าหงาย ฝ่ามือหนาตบซ้ำ ๆ ลงบนใบหน้าเรียกเลือดออกจาก

มุมปากของดินจนหน้าบวมเห่อ แต่ถึงกระนั้นไอ้ดินก็ยังกัดฟันอดทนมิยอมปริปากร้องขอความเห็นใจ จนกระทั่งนาย

เหมือนหายใจหอบเพราะความเหน็ดเหนื่อยจึงต้องหยุดมือลงเองพลางมองดินอย่างเกลียดชัง ดวงตาช้ำเลือดของดิน

มองตอบอย่างเยาะหยัน



                “มึงกระทำไปเพราะหวังดีต่อน้องสาวของมึงที่กำลังจะตบแต่งเข้าหอกับคุณพุ่มหรือทำไปเพราะมึงหึงหวงแล

อิจฉาที่กูได้ครอบครองทั้งกายและใจของคุณพุ่มกันแน่รึไอ้เหมือน”



                 “ไอ้ดิน มึง”



                  กำปั้นแข็ง ๆ ทะลวงใส่ลำตัวไม่ยั้งมือจนดินแทบช้ำใน นายเหมือนเจ็บใจเหลือเกินที่ไอ้ไพร่ชั้นต่ำบังอาจพูด

แทงใจดำที่เขาเฝ้าเก็บไว้เป็นความลับจนใกล้จะอกแตก ดินปรือตามองอย่างสะใจแม้ว่าร่างกายของตนจะบอบช้ำเต็มที



                 “หึ ในเมื่อมึงรู้ความในใจของกูก็ดีแล้ว ชิชะ กูจะบอกมึงให้ กูเฝ้ารักพ่อพุ่มของกูมาหลายปีนัก กูรอโอกาสให้

พ่อพุ่มเข้ามากลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วจึงจะเชยชมเสียให้สมใจรักของกู เพราะถึงเพลานั้นพ่อพุ่มจะโวยวายหลีก

หนีก็ทำมิได้ แต่มึง ไอ้ดิน มึงมาชิงหัวใจของกูไป แต่กูก็ยังไม่รังเกียจเดียดฉันท์พ่อพุ่มดอก คอยดู กูจะทำให้พ่อพุ่มตก

เป็นของกูเสียให้ได้”



                   ก่อนจะเร้นกายจากไปในความมืดนายเหมือนยังลงมือทำร้ายดินที่ไม่มีทางต่อสู้เสียอีกยกใหญ่ ดินเจ็บใจ

เหลือเกินที่ร่างกายบอบช้ำอ่อนแอเยี่ยงนี้



                  “ตายละวาไอ้ดิน กูเดินไปเบาชั่วประเดี๋ยว เกิดเหตุอันใดกับมึงจึงได้เจ็บปางตายเยี่ยงนี้”



                บ่าวคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจเวรยามถึงกับตกใจเมื่อเห็นสภาพของดินที่ตอนนี้ใบหน้าเห่อช้ำ ลำตัวมีแต่จ้ำ

เขียว



                 “พี่ดำ ช่วยฉันหน่อยเถิดพี่ หากว่าพี่เห็นใจฉันแลคุณพุ่ม เห็นใจในความรักแม้จะผิดผีผิดธรรมเนียม แต่ฉันกับ

คุณพุ่มรักกันโดยแท้”



                ดินพยายามร้องขอความเห็นใจ บ่าวที่ชื่อดำมีสีหน้ายุ่งยากใจทันทีเพราะเขาสนิทกับดินมิใช่น้อย



               “ใช่ว่ากูจะไม่เห็นใจมึง แต่บ่าวอย่างกูจะช่วยกระไรมึงได้เล่า”



               “ช่วยได้แน่ ๆ พี่ดำ”  ดินโน้มน้าวให้อีกฝ่ายคล้อยตาม



               “เพียงแค่พี่ดำช่วยคลายเชือกที่มัดรั้งฉันอยู่ในหลวมลงสักหน่อย ก่อนย่ำรุ่งเมื่อพ้นช่วงเวรยามของพี่ไปแล้ว

ฉันจะไปโดยไม่ให้พี่เดือดร้อน”



                “ไฮ้ ไอ้ดิน มึงจะหาเหามาใส่หัวล้านกูรึ”



                สีหน้ายุ่งยากของเพื่อนบ่าวในบ้านทำให้ดินต้องรีบสำทับ



               “ไม่ดอกพี่ดำ อีกเพียงสองวันก็จะถึงวันแต่งงานของคุณพุ่ม ทุกคนในบ้านกำลังโกลาหลเตรียมงานกันวุ่นวาย

ไม่มีใครสนใจขี้ข้าอย่างฉันดอกพี่ พอผ่านงานไปท่านเจ้าคุณคงจะอารมณ์ดีจนไม่ทันสังเกตสังกา นะพี่ดำ เห็นใจฉันเถิด”
 





มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-01-2018 23:44:02
อ่านต่อตรงนี้...





                 พุ่มผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาตรอมตรมจากรักที่ถูกขัดขวางแม้ว่าในวันนี้จะเป็นวันวิวาห์ของเขากับ

แม่ละมัยที่ดีใจจนยิ้มไม่ยอมหุบในขณะที่เจ้าบ่าวอกไหม้ไส้ขม พุ่มปล่อยให้งานดำเนินไปอย่างไม่ใส่ใจเขาทำตัวราวกับ

หุ่นขี้ผึ้งเพราะมัวแต่กังวลเรื่องที่นัดกับดินไว้ว่าจะชิงหนีจากงานวิวาห์ไปใช้ชีวิตครองคู่อยู่ด้วยกัน

                 ป่านนี้ดินจะเป็นเยี่ยงไร จะหนีไปได้หรือไม่ แล้วจะไปรอเขาอยู่ตรงจุดนัดหมายหรือเปล่า ความคิดของพุ่มมี

แต่ความสับสนจนกระทั่งงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ล่วงมาถึงตอนค่ำที่ใกล้ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอเสียแล้ว

                   ถือโอกาสที่บรรดาผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านกำลังอยู่ในงานเลี้ยงฉลองสมรส เขาเลี่ยงออกมาจากงานโดยอ้างว่า

ปวดท้องหนัก พุ่มแอบย่องลัดผ่านชานเรือนบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาวที่จัดงานตามธรรมเนียมจนลงมาสู่พื้นดินเบื้อง

ล่าง ริมฝีปากอิ่มยิ้มอย่างดีใจเมื่อมองเห็นว่าจะทำตามแผนที่คิดไว้ได้สำเร็จ


                 “จะไปแห่งใดรึ พ่อพุ่ม”


                 พุ่มสะดุ้งตัวโยน เขาหันขวับไปทางต้นเสียงจึงเห็นร่างสูงใหญ่ของนายเหมือนเพื่อนแต่วัยเยาว์แฝงกายอยู่ใน

ความมืดของใต้ถุนเรือน นายเหมือนจ้องหน้าอย่างรู้ทันจนพุ่มต้องเชิดหน้ากัดริมฝีปากข่มความกลัวไว้


                   “มันเรื่องของข้า มิใช่เรื่องของเอ็ง”


                    “ชะ เดี๋ยวนี้พ่อพุ่มบังอาจเรียกตัวเองว่าข้าเรียกกระผมว่าเอ็ง ช่างผิดวิสัยคนสุภาพอ่อนโยนเสียเหลือเกิน”


                   นายเหมือนก้าวพรวดเข้ามาคว้าต้นแขนของพุ่มไปยึดไว้แน่น ดวงตาจ้องมองใบหน้าของพุ่มอย่างจาบจ้วง

พุ่มรีบฝืนตัวไว้แต่แรงของนายเหมือนก็มากมายเกินว่าเขาจะต้านไหว


                  “ปล่อยข้านะ”


                 “ปล่อยพ่อพุ่มไปหาไอ้ดินอย่างนั้นรึ ฝันไปเถิด”


                 “เอ็งรู้เรื่องนี้”


                   พุ่มตระหนกเพราะไม่คิดว่านายเหมือนจะรู้เรื่องของเขากับดิน นายเหมือนยิ้มเยาะ มือหนายิ่งบีบต้นแขนจน

พุ่มนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ


                   “รู้สิขอรับพ่อพุ่ม และยังเป็นคนไปแจ้งข่าวแก่เจ้าคุณพ่อของพ่อพุ่มให้สำเหนียกอีกด้วยว่าลูกชายกำลังมีผัว

แทนที่จะมีเมีย”


                 “ไอ้เหมือน”


                  พุ่มโกรธจัดจนลืมตัว ฝ่ามือบางที่เคยแต่จับพู่กันสะบัดแรงไปกระทบซีกหน้าของนายเหมือน ยิ่งเป็นการ

กระตุ้นโทสะของนายเหมือนจนลุกเป็นไฟ


                 “รักมันมากสินะ ไอ้ไพร่ไร้สกุลนั่น พ่อพุ่มชอบผู้ชายด้วยกันทำไมไม่บอกกระผม รู้บ้างไหมว่ากระผมอยากได้

พ่อพุ่มมาเป็นเมียใจแทบขาด กระผมจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลให้พ่อพุ่มสมใจ”


                “ไม่มีทางหรอก ข้าไม่มีวันยอมเป็นของใครนอกจากดินคนเดียวเท่านั้น”


                  พุ่มตะคอกใส่หน้าน้ำเสียงกระด้าง สายตาที่มองนายเหมือนเต็มไปด้วยความรังเกียจ นายเหมือนยิ่งลุกเป็น

ไฟเมื่อเห็นดังนั้น


               “ก็คอยดูว่าพ่อพุ่มจะทำได้หรือเปล่า”


                 พูดจบเหมือนก็ต่อยพุ่มเข้าตรงลิ้นปี่ พุ่มสะดุ้งเฮือกตาลอยหมดเรี่ยวแรงจนนายเหมือนผลักให้เขาหงายหลัง

ล้มลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น


                  “กระผมจะยัดเยียดความเป็นผัวให้พ่อพุ่มเอง”


                   พุ่มอ้าปากค้างเมื่อนายเหมือนกระโจนเข้าหา ร่างบอบบางพยายามดิ้นรนผลักไสทั้งน้ำตา


                  “อย่านะ อย่า!”






                      “อย่านะ อย่า!”



                      ไตรภูมิสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อตกใจตื่นจากนิทราที่แสนจะเหมือนจริง ร่างกายเปล่า

เปลือยท่ามกลางอากาศชื้นจากฝนมีแต่เหงื่อกาฬไหลจนเหนียวหนับ ทำให้ร่างกายเย็นเยียบที่นอนกอดก่ายเขาไว้ต้อง

ผงกหัวขึ้นมองอย่างตกใจไปด้วย



                 “คุณพุ่ม คุณพุ่มขอรับ เป็นกระไรขอรับ”



                   ไตรภูมิถอนหายใจเฮือกเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นความฝัน เขากวาดสายตามองโดยรอบเพื่อตั้งสติจึงได้เห็นว่า

ตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนที่ยังมีแต่ความมืดปกคลุมโดยมีร่างไร้ลมหายใจของดินตระกองกอดไว้เขายกมือ

ลูบหน้าตนเองพลางสะบัดหัวไล่ความมึนงง



                “นี่มันกี่โมงแล้วครับดิน”



                 ดินชี้มือไปยังนาฬิการุ่นเก่าที่แขวนอยู่บนผนังด้านหนึ่ง



                “เจ้าสิ่งนั้นมันส่งเสียงห้าครั้งแล้วขอรับคุณพุ่ม”



                 ตีห้า ไตรภูมิถอนหายใจเมื่อภาพในความฝันมันชัดเจนราวกับเรื่องจริง เขาหันไปสบตากับนัยน์ตาใสซื่อของ

ดินแล้วอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเมื่อใจกระหวัดคิดถึงความรักที่ต่างมีให้กัน



                “คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน”



                ดินดึงไตรภูมิไปกอด เขาบรรจงจูบซับน้ำตาเบาๆ



                 “อย่าร้องไห้ขอรับ ไอ้ดินใจจะขาดเมื่อเห็นน้ำตาของคุณพุ่ม”



                  ยิ่งปลอบประโลมไตรภูมิก็ยิ่งน้ำตาไหล เขายกมือประคองใบหน้าของดินไว้แล้วแนบหน้าผากของตนลงไป

กับคางสากของดิน



                    “ผมรักดินเหลือเกิน รักจนไม่อยากสูญเสียดินไป อยู่กับผมนะ”



                      ดินจูบลงที่หน้าผากเกลี้ยง เขาซ่อนความหนักใจเอาไว้ลึก ๆ จะบอกคนที่กำลังสะอื้นอยู่ในอ้อมอกนี้ได้

อย่างไรว่าอีกไม่นานจะใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปผุดไปเกิดเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว วิญญาณของดินมิได้ถูกคาถาอาคมใด

ห้ามเขาไว้ไม่ให้ไปเกิดใหม่ เพียงแต่เขายังติดอยู่กับปมอะไรบางอย่างที่ต้องรอให้ไตรภูมิเท่านั้นที่เป็นคนคลายมันออก
 
 



                                                                                      TBC


                                                                     
                                                                      กลับมาแล้วจ้า คิดถึงเค้าม้ายยย

                                                                       :m23: :m23: :m23: :m23: :m23:





หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-01-2018 01:13:10
 :m15:

สงสาร
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-01-2018 01:50:46
        มันก็คงจะหน่วงๆไปจนจบซินะค่ะ สงสารดินจังค่ะทั้งๆที่ไม่ได้โดนจองจำวิญญาณแต่อย่างไรแต่ก็ยังรอคุณพุ่มกลับชาติมาเกิดและดินจะสมหวังไหมค่ะTT
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-01-2018 07:18:31
โถ่พ่อดินคนดีหน่วงมาก
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-01-2018 16:05:00
ใจนึงก้ออยากให้ดินไปเกิดนะคะเพราะว่าแบบนี้นอกจากจะเศร้าซ้ำรอยเดิอีก
พอไปเกิดแล้วรีบโตนะน้องดิน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-01-2018 16:25:29
สงสารทั้งคู่เหลือเกินนะ แล้วอาวุธนี่ คงไม่ใช่นายเหมือนกลับชาติมาเกิดหรอกนะ
 :ling3:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 17-01-2018 16:47:58
คนเรานี่ถ้ามันจะเลว ไม่ว่าเกิดใหม่อีกกี่ชาติก็ยังเลวเหมือนเดิมเรอะ นายเหมือน ไม่คิดจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีบ้างหรือไร

ส่วนพ่อดินคนดี กับพ่อพุ่ม โอยยย สงสารเสียจับใจเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-01-2018 21:58:06
คิดถึงๆๆ เรื่องนี้

รอวันดินไปเกิดอยู่นะเนี่ย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดราม่ารึเปล่านี่สิหลังจากนั้นน่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 17-01-2018 23:34:26
งื้อออออ
สงสารทั้งคู่เลย
ชาติที่แล้วสรุปคุณพุ่มโดนไอ้เหมือนกระทำชำเราไหม
ไอ้นี่มันเลวมาก น่าจับมาสับๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-01-2018 18:41:39
โอ้ยสงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๘ [๑๖/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 21-01-2018 01:07:14
คุ้นๆว่าต้องเคยอ่านเรื่องสั้นมา แต่รอดูแนวทางของเรื่องยาวค่ะ
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-01-2018 21:09:42


                                วิญญาณเสน่หา

                                   บทที่ ­­๙


         แต่ตอนนี้สิ่งที่ดินทำได้ก็มีเพียงปลอบประโลมให้คุณพุ่มของมันคลายความวิตกลงไปบ้างเท่านั้น นิ้วเย็น

ยกเช็ดน้ำตาให้เจ้าชีวิตของมันจนหมดพลางเอ่ยคำหวานเบี่ยงเบนความสนใจไปจากความเศร้าสร้อย



        “ไอ้ดินก็รักคุณพุ่ม อย่ามัวแต่ร้องไห้อยู่เลย เงยหน้ามาให้ไอ้ดินได้จูบถนัด ๆ เถิดขอรับ”



        ไตรภูมิเงยหน้าอย่างเต็มใจให้ปากเย็นเฉียบแนบลงมา เขาเผยอปากรับให้ดินสอดลิ้นเข้ามาคลุกเคล้า

แม้ว่าจะผ่านบทรักร้อนแรงกันมาค่อนคืนแต่ไตรภูมิไม่เคยนึกเบื่อ มีแต่จะโหยหาร่างที่มีเพียงวิญญาณจนไม่อาจตัดใจ

อย่างเช่นในตอนนี้ที่เขาเองเบียดร่างเข้าหาดินและเป็นฝ่ายผลักดินให้เอนกายหงายหลังไปบนที่นอนนุ่ม



         “ดินทำให้ผมมีความสุขมาเยอะแล้ว ผมอยากให้ดินมีความสุขบ้าง ให้ผมได้ทำเพื่อดินบ้างเถอะนะ”



          ไตรภูมินอนคว่ำอยู่บนร่างกำยำ เขาใช้มือเรียวลูบไล้ไปทั่วกล้ามเนื้อเต็มมืออย่างหลงใหลก่อนเลื่อนตัว

ต่ำลงไปหยุดอยู่ตรงกลางกายแกร่ง สายตาจ้องมององคาพยพที่เริ่มตื่นตัวอวดความแข็งขันให้เห็น ไตรภูมิยึดโคนนั้น

อยู่ในมือ เขาเอียงหน้าเข้าหาแตะปลายลิ้นร้อนไปตรงรูแฉกโลมเลียไปมาแล้วจึงครอบมันไว้ด้วยปากของเขา



          “โอ คุณพุ่ม”



           ดินครางเสียงกระเส่า แท่งเนื้อใหญ่โตแข็งขืนจนเต็มกำมือเมื่อไตรภูมิค่อย ๆ ลากลิ้นลงมาจนถึงโคน

เขาโลมเลียไปตามเส้นเลือดทีละเส้นก่อนไปหยุดที่ปลายสามเหลี่ยมอีกครั้ง คราวนี้เขาเปิดปากให้กว้าง เปิดคอให้โล่ง

แล้วกลืนกินมันทีละนิดจนกระทั่งมันมิดเกือบสุดโคน



          “เสียวเหลือเกิน คุณพุ่มขอรับ”



          ขนาดนั้นใหญ่โตมากแต่ไตรภูมิก็พยายามจนหมด ท่อนเนื้อเย็นกระแทกอยู่ตรงลำคอให้เขาใช้เพดาน

ปากโลมไล้ทักทาย ก่อนที่เขาจะดึงหน้าขึ้นมาแล้วรูดปากซ้ำลงไปอีก



           “อะ อืม ดีมากขอรับ ดีเหลือเกิน คุณพุ่ม”



           เสียงกระเส่าชมเชยจากดินทำให้ไตรภูมิดีใจ ไตรภูมิจับจังหวะได้แล้วเขาเม้มปากครอบมันไว้แล้ว

จัดการสาวรูดจนดินถึงกับครางลึกอยู่ในลำคอ ไม่นานความแข็งขันก็พ่นของเหลวลื่นคาปากของไตรภูมิ ดินพ่นลมออก

จากปากก่อนจะเอื้อมมือมาดึงไหล่ไตรภูมิแล้วพลิกตัวให้ร่างโปร่งกลายเป็นฝ่ายนอนหงายอยู่บนเตียงบ้าง



          “เก่งมากขอรับคุณพุ่ม ไอ้ดินมีความสุขเหลือเกิน”



          ดินก้มหน้าไปจูบหนักหน่วงเป็นรางวัล มือเย็นลูบไล้ปลุกผิวกายของไตรภูมิให้ตื่นขึ้นมา ช่องทางที่ผ่าน

การร่วมรักมาแล้วตลอดทั้งคืนยังคงเปิดรับให้ดินสอดกายเข้าไป ดินเลื่อนใบหน้าลงมาแตะลิ้นลงบนเม็ดเล็กสีชมพูหวาน

ที่รอให้เขาได้กิน เขาเม้มปากลงไปดึงจนมันติดปากขึ้นมา ไตรภูมิครางลั่นและยิ่งแอ่นกายเข้าหาให้ดินได้กระแทกลึก

เข้าไปในช่องทาง ไตรภูมิอ้าขาออกกว้างเปิดทางรับร่างกายแข็งแรงที่โยกเข้าหาจนเขาสั่นคลอนไปทั้งตัว



           “ดิน โอ ดีมาก มีความสุขมากครับดิน อาตรงนั้น ดินครับรักดินเหลือเกิน”



           ไตรภูมิครวญครางไม่ขาดระยะ ไฟรักยามใกล้รุ่งกระพือโหมจนทั้งคู่ไม่ได้สนใจว่าตัวบ้านชั้นล่างมีเสียง

กุกกักผิดปกติ มันคือเสียงฝีเท้าที่พยายามย่องให้เบาที่สุดเข้ามาในตัวบ้านผ่านบันไดขึ้นมาจนกระทั่งมันมาหยุดอยู่ที่

หน้าประตูห้องนอนของพวกเขา



           “ทำรักกับคุณพุ่มมาหลายคราวแต่คุณพุ่มก็ยังตอดรัดไอ้ดินไม่เลิก ไอ้ดินฉุดไม่อยู่แล้วขอรับ”



           ดินเงยหน้าปล่อยเสียงครางอย่างสะใจ ร่างกายสูงใหญ่ดันเอวเข้าหาไตรภูมิที่ตาปรือไปด้วยความ

กระสัน สองขายกพาดไปบนบ่ากว้างของดินที่ยันกายสูงเพื่อที่จะกระแทกกระทั้นให้หนำใจ



          “ดิน ดินครับ ดิน ผมจะแตกแล้วครับ แรงอีกครับดิน อื้อออ”



          เอวบางยกลอยอย่างเสียวซ่าน ไตรภูมิสวนกายเข้าหารับแรงกระแทกให้ยิ่งลึกล้ำ ร่างกายบิดเกลียวไป

หมดเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน เขาดึงหน้าดินมาจูบหนักก่อนเกร็งไปทั้งตัว



            “ดิน อื้ม”



            ครางหนักยาวเมื่อปลดปล่อยออกมา ดินผวาเร่งเครื่องตามติดไปเร็วรี่เมื่อท้องน้อยกระตุกถี่ ในที่สุด

เขาจึงแช่ค้างนิ่งนานตามไตรภูมิขึ้นสวรรค์ไปติด ๆ


            แต่ทันใดนั้นราวกับสวรรค์ล่มพังครืนเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามาดังโครม ร่างที่ยังกอดก่ายกัน

อยู่บนเตียงหันขวับไปมองอย่างตกใจ และเมื่อเห็นผู้บุกรุกไตรภูมิก็ต้องเบิกตากว้าง



          “ไอ้วุธ มึงจะทำอะไร อย่านะ อย่าทำดิน”



          ไตรภูมิตะโกนลั่นเมื่ออาวุธสาดของเหลวบางอย่างที่บรรจุอยู่ในขวดแก้วใส่ร่างของดิน ดินร้องเสียง

โหยหวนด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืด ไตรภูมิมองภาพนั้นราวกับหัวใจของ

เขากำลังจะแตกสลาย
 





          “อย่านะ อย่า”



          แรงขัดขืนยิ่งอ่อนกำลังลงจนร่างกำยำของนายเหมือนเบียดกายเข้าทาบทับอย่างจาบจ้วง เสื้อคอปกตั้ง

ของชุดราชปะแตนสีงาช้างถูกกระชากออกจากกันจนเม็ดดุมขาดวิ่น เผยให้เห็นเนื้อในขาวเนียนจนนายเหมือนจ้องตา

ถลน  แม้ว่าพุ่มจะพยายามผลักไสด้วยความรังเกียจแต่เพราะความจุกเสียดจากการถูกทำร้ายร่างกายทำให้เขาหมดแรง

ไม่มีทางต่อสู้คนที่ใช้กำลังเข้าข่มเหงได้เลย



          “ปล่อยข้า ไอ้สัตว์นรก”



          น้ำตาเจิ่งนองท่วมเบ้าตาเมื่อรู้ว่าตนเองตกเป็นเบี้ยล่างให้เพื่อนแต่วัยเยาว์กำลังจะกระทำย่ำยีสมใจหมาย

มองหาใครช่วยเหลือก็เห็นแต่ความว่างเปล่า หัวใจอันอ่อนไหวแทบจะขาดรอน ๆ นึกถึงแต่ใบหน้าของผู้ครอบครองทั้ง

ใจและกาย



          “ดิน ดิน ช่วยด้วย”



          “เฮอะ ยังจะหวังให้อ้ายไพร่สารเลวนั่นมาช่วยอีกรึพ่อพุ่ม ทั้งที่ใกล้จะได้เป็นเมียกระผมอยู่รอมร่อ”



           นายเหมือนเงยหน้าหัวเราะกระหึ่มอย่างสาแก่ใจเมื่อบัดนี้เขาจะได้ในสิ่งที่รอคอยมาเนิ่นนาน มือไม้

หยาบกระด้างวางป่ายเปะปะไปทั่วเนื้อตัวเนียนด้วยใจร้อนรุ่มก่อนจะสาละวนดึงปมมัดโจงกระเบนสีกรมท่าให้คลายออก

จนเนื้อผ้าหลุดลุ่ยออกจากสะโพกกลมกลึงเผยให้เห็นจุดซ่อนเร้นที่ต้องการ



            “งามเหลือเกินพ่อพุ่มของไอ้เหมือน งามจนไอ้เหมือนกระสันอยากจะได้เสียแต่วินาทีนี้ อย่ามัวร่ำไร

อยู่เลย ยินยอมเป็นเมียของกระผมเสียเถิดอย่าได้ขัดขืน พ่อพุ่มจะได้มิต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวให้ขุ่นช้ำเสียเปล่า ๆ”



           “พ่อเหมือน ผมกราบละ อย่าทำกระผมเลย”



           พุ่มกลั้นใจประนมมือขอร้องทั้งน้ำตา เขาหวังใจว่าไม้อ่อนอาจทำให้นายเหมือนเปลี่ยนใจยอมปล่อยเขา



          “กระผมมิได้รักใคร่พ่อเหมือนฉันชู้สาวแม้แต่น้อย อย่าทำให้กระผมเสียหายกลายเป็นคนหลายผัวเลย

เห็นใจกระผมเถอะ”



           “เห็นใจพ่อพุ่ม แล้วปล่อยพ่อพุ่มไปเสวยสุขกับไอ้ขี้ข้าอย่างไอ้ดินกระนั้นรึ อย่าได้หวังเลยขอรับ

กระผมสู้อุตส่าห์อดเปรี้ยวมานานเกินพอแล้วจนกระทั่งไอ้ดินมันมาแย่งชิงพ่อพุ่มไป ขอให้กระผมได้กินร่างกายหวาน ๆ

ของพ่อพุ่มให้หนำใจนับแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด”



             ความรักของนายเหมือนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับโคถึก ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรก็ยังดึงดันให้ได้ในสิ่งที่

เขาต้องการ ดวงตานั้นเล่าก็ยิ่งมืดบอดไปกับเสน่หาบดบังจนลืมความผิดชอบชั่วดีไปหมดสิ้น ลำแขนใหญ่โตกดหน้าอก

ของคนเบื้องล่างแล้วตรึงไว้กับพื้นดินแข็งกระด้าง มือหนึ่งง้างงัดลำกล้องของตนออกมาจากผ้านุ่งหมายจะขืนทั้งใจและ

กายให้สุขสม


          นายเหมือนเบียดสะโพกลงให้พุ่มต้องเปิดทางกว้างอย่างไม่สนใจใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พุ่มน้ำตาไหลรินนองหน้าดิ้นรนขัดขืนมือไม้วาดส่ายสะเปะสะปะไปตามพื้นแข็งก่อนจะคว้าก้อนหินก้อนเขื่องพอเหมาะกับ

อุ้งมือมาได้ก้อนหนึ่ง หัวใจดวงน้อยแล่นวาบอย่างดีใจ เขากำมันแน่นเค้นแรงทั้งหมดที่มีแล้วยกขึ้นมาฟาดเปรี้ยงเข้าใส่

ขมับของคนที่กำลังจะข่มเหง



          “โอ๊ย!”



          นายเหมือนร้องลั่นเมื่อของแข็งกระทบที่ขมับเข้าอย่างจัง โลหิตหลั่งกระเด็นแดงฉานเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า

ที่สวมใส่ พุ่มรีบคว้าโอกาสที่นายเหมือนยังมึนงงผลักร่างเทอะทะให้ร่วงลงไปจากกายของเขาแล้วผวาลุกขึ้นคว้าผ้านุ่ง

พันตัวก่อนซมซานก้าวเท้าวิ่งหนีสุดชีวิต ริมคุ้งน้ำที่มีต้นไทรต้นใหญ่คือจุดหมายที่เขามุ่งหน้าเพื่อไปหาเจ้าของหัวใจที่

นัดหมายกันไว้


             ในเวลาโพล้เพล้เช่นนี้ชาวบ้านต่างกลับเข้าไปหุงหาอาหารจนไม่มีผู้ใดให้เห็นตามหนทาง พุ่มกัดฟัน

พาตนเองไปยังที่หมาย เท้าเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยบาดแผลจากเศษกรวดหินตามทางข่วนบาดแต่เขาก็ไม่สนใจ อีกไม่

นานก็จะถึงต้นไทรใหญ่ริมน้ำแล้ว พุ่มรีบสืบเท้าก้าวเดินทั้งที่ยังเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว ได้กลิ่นไอฝนกระทบพื้นดิน

คลุ้งจมูก แสงสว่างวาบจากท้องฟ้าสีแดงที่เต็มไปด้วยพยับเมฆพาดผ่านเพียงเสี้ยววินาที แต่แค่นั้นก็ทำให้พุ่มดีใจเหลือ

เกินเมื่อเห็นเงาของร่างที่คุ้นตานั่งหมอบรออยู่ริมตลิ่ง


           เตรียมจะป้องปากตะโกนเรียกให้อีกฝ่ายได้ยินแต่ทันใดนั้นท้ายทอยของพุ่มก็ถูกฟาดด้วยของแข็งจาก

ด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว สติของพุ่มพลันดับวูบล้มลงไปบนพื้นดิน สิ่งที่เห็นอยู่ในคลองสายตาครั้งสุดท้ายคือใบหน้า

ถมึงทึงของนายเหมือนที่ยืนจังก้าพร้อมกับลูกสมุนร่างสูงใหญ่นับไม่ถ้วนล้อมรอบเขาอยู่


            “ดิน!”



            คำพูดสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญญะจะเลือนหายจากปากของพุ่มยังเป็นชื่อศัตรูหัวใจเช่นเดิม บอกให้รู้ว่า

อย่างไรพุ่มก็ยังปักใจกับบ่าวไร้สกุล ทำให้นายเหมือนกัดฟันอย่างเคียดแค้นเมื่อจ้องมองร่างบอบบางที่หมดสติร่วงลงไป

กองอยู่กับพื้น เขาชี้นิ้วสั่งการไปยังลูกสมุนที่รออยู่แล้ว



           “อ้ายชิด มึงแบกพ่อพุ่มกลับเรือนบัดเดี๋ยวนี้ แจ้งต่อเจ้าคุณลุงว่าพ่อพุ่มคิดจะหนีพิธีส่งตัวเข้าหอไปกับ

ไอ้ขี้ข้าอย่างที่ข้าคาดการไว้ ให้เจ้าคุณลุงกักตัวพ่อพุ่มมิให้ออกไปไหนได้อีก”



          สมุนที่ชื่อชิดรีบคว้าร่างบอบบางของพุ่มขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งกลับทางเดิมอย่างรวดเร็วตามคำสั่ง ลูกสมุนที่

เหลือแสยะยิ้มรอคำสั่งเมื่อเห็นว่าคนสำคัญของเจ้านายถูกพาไปยังที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว



           “คุณเหมือนจะกระทำเยี่ยงไรกับอ้ายไพร่ชั้นต่ำนั่นเล่าขอรับ”



            นายเหมือนจ้องมองไปทางตลิ่งริมน้ำด้วยดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟแค้น



            “กูจะไม่ปล่อยให้มันต้องเป็นเสี้ยนหนามหัวใจของกูอีกต่อไป”
 



มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-01-2018 21:16:42
อ่านต่อตรงนี้...




          ดินยอบตัวอยู่บนพื้นดินริมตลิ่งใต้ต้นไทรอย่างอิดโรย กว่าจะเล็ดลอดหนีจากการหน่วงเหนี่ยวมัดรั้งไว้เขา

ก็แทบจะทรงกายไม่อยู่ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากฝีมือของนายเหมือนก่อนจะหาทางซมซานมารอที่จุดนัดพบ

อย่างกระวนกระวาย

           ป่านนี้คุณพุ่มของมันจะเป็นอย่างไรบ้างมันก็ไม่รู้ จะหนีงานวิวาห์มาหามันเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้หรือ

ไม่ หัวใจของดินเต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวล ร่างกายบอบช้ำก็ช่างไม่เป็นใจ ดวงตาของดินหรี่ปรือหมดแรง เขา

เฝ้ารอคอยอย่างระทดท้อเมื่อสายฝนตกกระหน่ำห่าใหญ่จนแทบมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือตนเอง


           “คุณพุ่ม”


          ดินตะโกนฝ่าสายฝนอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างเงาที่เดินตรงมาทางต้นไทร หัวใจของมันเริงโลดแต่เมื่อ

สายฟ้าฟาดเปรี้ยงส่องแสงสว่างวาบดินก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าร่างนั้นหาใช่คุณพุ่มของมันไม่


         “ไอ้เหมือน!”


          “เออกูเอง ไอ้ลูกหมาข้างถนน”


       นายเหมือนกระชากเส้นผมของดินจนหนังหัวแทบหลุด ร่างกำยำของเหล่าลูกสมุนยืนรายล้อมอย่างกระเหี้ยน

กระหือรือรอแค่คำสั่งของเจ้านาย


        “คุณพุ่มล่ะ ไม่ คุณพุ่มต้องมา คุณพุ่มไปไหน”


         ดินครางอย่างเจ็บปวดเมื่อมองไม่เห็นแม้แต่เงาที่เฝ้ารอ เจ็บที่หัวใจหนักหนาสาหัสเสียยิ่งกว่าร่างกายที่

กำลังถูกศัตรูทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงนายเหมือนหัวเราะเยาะหยันบาดลึกหัวใจให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก


        “คิดว่าพ่อพุ่มเขาจะมาหามึงกระนั้นหรือวะ มึงเป็นใครพ่อพุ่มเป็นใคร หือ ไอ้ขี้ข้า มึงลองชะโงกมองเงาใน

กะลาดูบ้างไอ้ดิน พ่อพุ่มเขาก็เห็นมึงเป็นแค่ของเล่นระบายความอยาก สุดท้ายคนสูงส่งอย่างนั้นก็ต้องเลือกคนที่คู่ควร

ไม่ใช่ขี้ข้าอย่างมึง”


          นายเหมือนถ่มน้ำลายใส่หน้าพลางกระแทกกำปั้นตามจนดินหน้าหงาย


          “ไม่ คุณพุ่มต้องไม่ทำเยี่ยงนั้น คุณพุ่มรักกู เขาต้องมาหากู คุณพุ่มไม่มีทางหลอกกู”


           ดินครางอย่างเจ็บช้ำ เจ็บกายที่โดนตีนรุมกระทืบยังไม่เท่าหัวใจที่จวนเจียนจะขาดเต็มที


           คำพูดเหล่านั้นยิ่งสร้างโทสะให้นายเหมือนเพราะความจริงที่เขารู้ดี เขาออกคำสั่งให้สมุนกลุ้มรุมทำราย

คนไม่มีทางสู้จนดินสลบเหมือด ลูกน้องมองหน้าเจ้านายเมื่อเห็นเหยื่อหมดทางต่อสู้ นายเหมือนมองร่างสลบไสลกลาง

สายฝนอย่างเหี้ยมโหด ทางเดียวที่จะกำจัดศัตรูหัวใจให้พ้นทางคือความตายเท่านั้น


           “หามมันไป ถัดจากริมตลิ่งไปสักร้อยหลามีเรือนเศรษฐีสร้างใหม่กำลังจะลงเสาเอกในรุ่งเช้านี้ กูจะเอา

มันไปโยนไว้ในหลุมแล้วเอาดินกลบ ให้มันตายทั้งเป็นกลายเป็นผีเฝ้าเรือนไม่ได้ผุดได้เกิด”


           นายเหมือนลงแรงกระทืบไปที่ร่างกายอันไร้สติของดินอย่างบ้าคลั่งเป็นการส่งท้าย


           “พ่อพุ่มจะไม่ได้เห็นหน้าไอ้ดินอีกต่อไป”








            “ไอ้วุธ ไอ้เหี้ย มึงทำอะไรดิน”



           ไตรภูมิตะโกนลั่นห้องเมื่อเห็นร่างกายไร้วิญญาณเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา เขาผวาลุกนั่งพลางไขว่

คว้าได้เพียงอากาศธาตุและสบตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ไตรภูมิหันขวับไปมองอาคันตุกะที่ไม่ได้รับ

เชิญด้วยสีหน้าเจ็บช้ำและโกรธเคืองก่อนจะก้าวลงจากเตียงพลางตรงดิ่งไปประเคนหมัดใส่อาวุธโดยไม่สนใจว่าตัวเองยัง

ปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์ห่อหุ้มกาย


          อาวุธหน้าหันไปตามแรงหมัดแต่เขาหาได้สนใจน้ำตาของไตรภูมิไม่ เมื่อหันกลับมาเผชิญหน้าอาวุธกลับ

จ้องตาไตรภูมิอย่างมั่นใจว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว



          “กูกำลังทำให้มึงตาสว่างและหลุดพ้นจากผีห่าซาตานที่ครอบงำมึงอยู่ไงไอ้ไตร มึงดูสภาพตัวเองสิว่า

ตอนนี้มันทุเรศแค่ไหน”



            อาวุธพุ่งเข้าล็อกคอของไตรภูมิทางด้านหลังและลากให้เดินตามมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่

สะท้อนให้เห็นเรือนร่างบอบบางเนื้อกายขาวผ่องที่ปรากฏรอยจ้ำสีแดงอยู่ทั่วทั้งตัว ดวงตางดงามแดงเรื่อด้วยหยาดน้ำ

ไตรภูมิสู้แรงไม่ไหว เขาได้แต่ฮึดฮัดสบตาอาวุธผ่านกระจก



          “เห็นตัวเองหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป มึงกำลังสมสู่อยู่กับผีกลายเป็นเมียผี กูกำลังจะช่วยมึงให้หลุดพ้น

จากความเลวระยำที่ครอบงำมึงอยู่และกลับมาสู่ความจริงว่ามีคนอย่างกูที่รักมึงอยู่”



          “กูจะสมสู่กับดินก็เรื่องของกู”



           ไตรภูมิตวาดลั่น เขามองอาวุธด้วยสายตาเกลียดชัง



          “ไม่มีอะไรมาครอบงำกูนอกจากความรัก กูรักดินไม่ได้รักมึงและเราก็รักกันมานานแล้ว อย่าหวังว่าทำ

แบบนี้แล้วกูจะยอมมึงเลยไอ้วุธ”



            อาวุธขบกรามกรอด ท่อนแขนที่รัดอยู่ตรงลำคอขาวผ่องยิ่งออกแรงแน่นเข้าจนไตรภูมิแทบจะหายใจ

ไม่ออกก่อนที่เขาจะล้วงอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วโปะเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของไตรภูมิให้เขาสูด

เอากลิ่นฉุนจัดเข้าไป ดวงตาเรียวที่เบิกกว้างด้วยความตกใจค่อย ๆ หรี่ลงทีละนิดพร้อมกับสติของไตรภูมิที่น้อยลง

เรื่อย ๆ ไม่นานนักเขาก็คอพับหลับลงไปในอ้อมแขนของอาวุธที่มองผ่านกระจกอย่างสาสมใจ อาวุธช้อนร่างหมดสติ

ไปวางอยู่กลางเตียง แสงสว่างของดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้เขามองร่างเปลือยเปล่าอย่างหลงใหล



            “ถึงแม้ว่าตอนนี้กูจะเอามึงได้โดยที่มึงไม่มีทางขัดขวาง แต่กูจะยังไม่ทำอะไรมึงหรอกไอ้ไตร”



            อาวุธลูบไล้ไปตามร่างกายของไตรภูมิอย่างกระหาย



            “ไม่ใช่ว่ากูจะปล่อยมึงไปหรอก แต่กูอยากจะให้มึงได้เปรียบเทียบรสชาติระหว่างกูกับไอ้ผีเหี้ยนั่นว่า

ใครจะเอามึงได้ถึงใจกว่ากัน และกูก็อยากจะให้ไอ้ผีผัวของมึงเห็นฉากเร่าร้อนของมึงกับกูด้วยตาของมันเสียก่อน”



              มุมปากของอาวุธถูกจุดยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ



             “พอจบฉากรักของเราแล้ว ไอ้ผีดินผัวของมึงจะต้องถูกปราบจนตายรอบสองด้วยของดีที่กูได้มา”
 
 
 
                                  TBC



          ช่วงนี้นักเขียนทำงานหนัก นิยายที่ออนแอร์ก็ชะงักตามไปด้วย
          ขอให้คนอ่านอดทนรอก่อนนะคะ ว่างเมื่อไหร่ก็จะรีบแต่งนิยาย ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ

                        :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-01-2018 21:20:37
 :z3:   อาวุธหรือนายเหมือนนี่ไม่น่ากลับมาเกิดเป็นคนได้เลยนะคะ เลวจนผีห่าซาตานยังเทียบไม่ติดเลยค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-01-2018 21:29:10
 :o12:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-01-2018 21:34:31
จะมีปาฎิหารย์ไหมนะ ขอให้ดินมีพลังมาช่วยไตรด้วยเถิด
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-01-2018 22:33:04
       สงสารท้้งคู่รอบที่ล้านค่ะ
ขอให้สมหวังมีความสุขนะค่ะ อย่าผิดหวังเสียใจดั่งชาติก่อนเลย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-01-2018 22:47:13
คิดจะกำจัดดินไม่ง่ายหรอกนะเพราะดินไม่ใช่ผีร้ายสักหน่อย ระวังวุธจะซวยเองนะ

ปล.เป็นกำลังใยให้นักเขียนนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-01-2018 23:05:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 31-01-2018 00:31:14
ดินรีบมาช่วยไตรภูมิเร็วๆๆ
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-02-2018 09:50:39
ชาติไหนๆ ก็ชั่วเหมือนเดิมนะวุฒิ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-02-2018 23:29:03
วุธไอ้ชั่ว ดินพึ่งโดนทำร้ายไปจะมีแรงมาช่วยคุณพุ่มมั่ย? แล้วชาติก่อนดินโดนโยนลงในหลุมเสาร์บ้านรึป่าว?
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 02-02-2018 23:39:54
โอ๊ยมีความลุ้นมากกกก ดินรีบมาช่วยคุณพุ่มน้า
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-02-2018 07:07:28
พอเห็นอัพโคตรดีใจคิดถึงบีเลิฟน้า
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 04-02-2018 08:06:02
โอ๊ยลุ้นค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๙ [๓๐/๐๑/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-02-2018 12:57:03
อาวุธก็ยังเลวเหมือนในอดีต
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-02-2018 23:33:41

                             วิญญาณเสน่หา
                                บทที่ ­­๑๐



         ไตรภูมิรู้สึกตัวอีกครั้งด้วยอาการปวดร้าวตามร่างกายราวกับกล้ามเนื้อจะปริแตก เปลือกตากะพริบถี่ขณะยก
ศีรษะขึ้นสำรวจตนเองจึงได้เห็นว่าเขากำลังนอนตะแคงคุดคู้อยู่บนเตียง อาวุธใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างลวกๆ ข้อมือทั้งสอง
ถูกมัดไพล่หลังติดกันอยู่ ไตรภูมิดันตนเองให้ลุกนั่งอย่างยากเย็น เขาเห็นแผ่นหลังของอาวุธที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรง
หน้าต่าง
          อาวุธหันขวับมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงไตรภูมิขยับตัว ดวงตาของเขาบอกถึงความรักความหลงที่มี
ต่อไตรภูมิอย่างไม่บิดบังในขณะที่เดินเข้ามาทรุดนั่งลงตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นมาบีบปลายคางให้ไตรภูมิสบตากับเขา
        “กูรอมึงตื่นอยู่นานแล้ว ได้เวลาเหมาะเจาะพอดี”

         ไตรภูมิสะบัดหน้าหนี เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่มันบอกให้รู้ว่าเขาหลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบทั้งวันจน
กระทั่งถึงตอนนี้ที่ได้เวลาพลบค่ำ แสงจากดวงอาทิตย์หายลับไปกับขอบฟ้าทิ้งไว้เพียงความมืดที่เข้ามาปกคลุม
บรรยากาศอีกครั้ง

           “มึงจะทำอะไรเหี้ย ๆ อีกไอ้วุธ”



           ไตรภูมิมองอาวุธด้วยความเจ็บใจ ไม่นึกเลยว่าความรักของอาวุธช่างรุนแรงและคิดครอบครองจนลงมือ
กำจัดศัตรูหัวใจได้ถึงแม้จะรู้ว่าไตรภูมิไม่มีใจให้ก็ตาม
           “ไม่น่าถามนะ กูก็จะปราบผีผัวมึงน่ะสิ”

           อาวุธตอบพร้อมแค่นยิ้ม นัยน์ตาของเขาปนเปไปด้วยแรงรักแรงใคร่ ยิ่งจ้องมองใบหน้าของไตรภูมิแล้ว

ก็ยิ่งดำดิ่งไปกับความต้องการอันแรงกล้าราวกับรอคอยที่จะครอบครองร่างกายและหัวใจของไตรภูมิมายาวนานเหลือเกิน



            “ถ้ามึงทำกูจะฆ่ามึง”



             ไตรภูมิตะโกนใส่หน้าอาวุธพร้อมกับดิ้นรนสะบัดข้อมือไปมา อาวุธสบถรุนแรงเมื่อเห็นการต่อต้านนั้น

เขาผลักให้ไตรภูมิเสียหลักหงายหลังลงไปอีกครั้งพร้อมทั้งโถมกายมานอนทับไว้จนไตรภูมิหมดทางต่อสู้



         “กูคงจะปล่อยให้มึงฆ่ากูหรอกนะไอ้ไตร หึหึ มึงจะฆ่ากูก็ได้แต่ต้องหลังจากที่มึงกลายเป็นเมียกูเสียก่อน”



         “ปล่อยกู ไอ้คนเลว ดิน ช่วยด้วย ดิน”



         อาวุธใช้ท่อนแขนดันแผ่นอกของไตรภูมิจนแทบจะจมลงไปกับที่นอน



        “คิดว่ามันจะช่วยมึงได้งั้นสิ แหกตาดูที่คอมึงก่อนแล้วมึงจะรู้ว่าคิดผิด”



          ไตรภูมิรีบผงกหัวมอง เขาเห็นพระเครื่องขนาดเขื่องคล้องอยู่ที่คอของเขา นี่คงเป็นปราการที่จะกั้น
ไตรภูมิไว้จากวิญญาณของดินที่อยู่คนละภพภูมิกับมนุษย์

           “ไอ้วุธ ไอ้เหี้ย”



           “ขอบใจโว้ยไตร กูเหี้ยได้มากกว่านี้อีกเพราะกูรักมึง กูจะเอามึงเป็นเมียให้ผัวผีของมึงดูเป็นขวัญตา
เฮ้ย ไอ้ดิน มึงโผล่ออกมาจากภพภูมิของมึงเดี๋ยวนี้”

         เสียงท้าทายของอาวุธดังก้องทั่วห้องนอนก่อนกลุ่มควันบางเบาจะปรากฏอยู่ตรงปลายเตียง มันรวมตัวกัน
หนาแน่นจนเกิดเป็นร่างกายสูงใหญ่ยืนจังก้าสบตากับอาวุธด้วยความชิงชังและโกรธแค้น
        “ไอ้เหมือน ไอ้สารเลว”

        เสียงเรียกชื่อด้วยความแค้นเคืองของดินทำให้ไตรภูมิตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองอาวุธอย่างคาดไม่ถึง



         อาวุธในปัจจุบันนี้คือนายเหมือนเมื่อชาติที่แล้ว คนที่ขัดขวางความรักจนพุ่มและดินต้องแยกจากกันและยัง
ตามมากระทำการเช่นเดิมเมื่อไตรภูมิได้มาเกิดอีกครั้ง
           “เรียกเหี้ยอะไรของมึงไอ้ผีห่าซาตาน กูไม่ได้ชื่อเหมือน กูชื่ออาวุธ คนที่จะทำลายมึงให้สิ้นซาก”

           อาวุธตวาดลั่น เขาเริ่มขาดสติเพราะความโกรธแค้นครอบงำจิตใจ ดวงตากร้าวจ้องมองดินราวกับไฟที่
พร้อมจะเผาไหม้ 

         “มาแล้วก็ดี มึงจะได้ยืนมองกูเอากับไอ้ไตรเมียของมึงไงล่ะ จะได้รู้ว่ากูจะทำให้เมียของมึงครางเสียงดัง
แค่ไหน”

            อาวุธหันกลับมามองไตรภูมิที่อยู่เบื้องล่างตัวเขา มือหยาบกระชากเสื้อผ้าของไตรภูมิจนขาดวิ่นก่อน
จะทุ่มแรงเข้าทาบทับร่างที่ดิ้นรนขัดขืน ดินตะโกนลั่นพลางพุ่งร่างเข้าหาหวังจะช่วยเหลือไตรภูมิ แต่เมื่อเข้าใกล้ร่างทั้ง
สองที่กำลังพัลวันกันอยู่บนเตียงรัศมีสว่างวาบก็พุ่งมาจากกรอบพระที่คล้องคอไตรภูมิ แสงนั้นบาดลึกเข้าไปในร่าง
วิญญาณจนดินแสบร้อนไปหมดทั้งตัว เสียงร้องโหยหวนของดินยิ่งทำให้อาวุธได้ใจหนักขึ้น

           “สะใจกูจริงโว้ย ฮ่า ๆ ทำอะไรกูไม่ได้ใช่ไหม ช่วยเมียมึงไม่ได้ใช่ไหม ดีล่ะ งั้นมึงก็ยืนมองกูขึ้น
สวรรค์กับเมียมึงเถอะไอ้ผีชั่ว”

           ไตรภูมิกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ห่วงทั้งดินห่วงทั้งตนเองที่กำลังจะกลายเป็นคนแปดเปื้อนราคีเพราะ
อาวุธ น้ำตาไหลรินเป็นทางเมื่อรู้ว่าเขากำลังหมดแรงที่จะต่อสู้ อาวุธกำลังบ้าคลั่งขาดสติมากขึ้นทุกที ต้นขาของเขา
ถูกบังคับให้อ้ากว้างไตรภูมิไม่มีแรงอีกต่อไปเมื่ออาวุธเตรียมดันกายเข้าใส่ เขาหลับตาลงเพราะไม่ต้องการรับรู้ความเลว
ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา

           “เฮ้ย!”



             เสียงอุทานด้วยความตกใจของอาวุธพร้อมน้ำหนักตัวที่ปลิวหายไปจากร่างทำให้ไตรภูมิต้องลืมตาขึ้น
มาอีกครั้ง เขามองภาพเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นเมื่อดินกระชากอาวุธจนลอยละลิ่วลงจากเตียงแล้วโถมกายสู้กับอาวุธจน
พากันล้มกลิ้งลงกับพื้นด้วยกันทั้งคู่ ร่างทั้งสองกลิ้งไปชนกับผนังของตัวบ้านดังปังทำให้ก้นบุหรี่ของอาวุธที่ยังไม่มอด
สนิทร่วงลงจากขอบหน้าต่างที่อาวุธวางทิ้งไว้ สะเก็ดไฟของมันกระเด็นไปติดเข้ากับผ้าม่านหน้าต่างจนไฟเริ่มติดผ้าลุก
โชนขึ้นมากลายเป็นเปลวร้อนลามเป็นวงกว้าง

         การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด ไตรภูมิเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพลังของดินจึงแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้กับ
มนุษย์ได้ ไตรภูมิได้แต่เป็นห่วงเมื่อเห็นดินเงื้อมือขึ้นต่อยหน้าของอาวุธเต็มกำลังจนอาวุธล้มลงก้นจ้ำเบ้า เมื่อเริ่มเสีย
เปรียบไฟรักและไฟโทสะก็เข้าบดบังดวงตาของอาวุธจนขาดสติไปแล้ว เขารีบลุกขึ้นเหยียดกายแล้วชี้หน้าดินด้วยความ
อาฆาต

          “กูจะปราบมึงให้ได้ไอ้ดิน”



          มือล้วงลึกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคว้าขวดพลาสติกขวดเล็กบรรจุน้ำมนต์ที่ได้มาจากเกจิอาจารย์ชื่อดัง
แล้วเปิดฝาขวดสาดใส่อมนุษย์ ดินร้องลั่นร่างวิญญาณเริ่มจางลงจนมองทะลุได้

         “ดิน ไม่นะ”



        ทั้งที่มือทั้งสองยังถูกพันธนาการไว้แต่ไตรภูมิใช้พลังเฮือกสุดท้ายจากความรักที่เขามีต่อดินกระชากจนเชือก
ขาดออกจากกัน แม้ว่ามันจะทำให้ข้อมือของเขาเกิดรอยบาดแผลจนเลือดไหลซึมไตรภูมิก็ไม่สนใจ และทันทีที่ร่างกาย
เป็นอิสระเขาก็พุ่งตัวไปกระแทกอาวุธที่กำลังจะใช้ผ้ายันต์จัดการขั้นสุดท้ายกับดินจนอาวุธเสียหลักล้มไปกับพื้น

           กลิ่นไฟติดผ้าลามไปที่แผ่นไม้ของตัวบ้านเริ่มมองเห็นควันหนาคละคลุ้ง เปลวเพลิงสีแดงฉานลามเลีย
เรือนไม้เก่าอย่างรวดเร็วด้วยแรงลมพายุจากด้านนอก ควันสีดำลูกใหญ่ลอยทะมึนไปบนท้องฟ้า ได้ยินเสียงไซเรนของ
รถดับเพลิงดังแว่วมาอยู่ไกล ๆ

            “ไอ้ไตร มึงรักมันมากใช่ไหม” 

       
            อาวุธแค้นจนแทบกระอักเลือดเมื่อเห็นการปกป้องดินจากไตรภูมิ เขาตัดสินใจในชั่วพริบตา

           “รักกันมากก็ตายไปพร้อมกับมันเถอะ”



           อาวุธเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ไตรภูมิ มีดสปริงอันเล็กที่เหน็บอยู่ตรงเอวถูกดึงออกมาแล้วใช้ร่างกายที่
ใหญ่โตกว่าโถมเข้าหากดร่างบอบบางของไตรภูมิให้หงายหลังกระแทกพื้นก่อนที่อาวุธจะตามมาใช้ปลายมีดจ่อเข้ากับ
คอของไตรภูมิ

            แต่ยังไม่ทันจะกดน้ำหนักมือลงไปอาวุธก็ถูกเตะงัดเข้าตรงปลายคางพอดิบพอดีจนร่วงลงไปกองกับ
พื้นด้วยหน้าแข้งของดินที่รวบรวมพลังงานขึ้นมาได้อีกครั้ง ดินก้าวไปนั่งคร่อมอยู่ที่หน้าอกของอาวุธแล้วใช้กำปั้น
ประเคนลงบนใบหน้าของอาวุธไม่ยั้งมือ

            “ดิน ดิน พอเถอะ”



            กลายเป็นไตรภูมิที่ต้องยั้งดินไว้ ท่อนแขนแกร่งของดินถูกไตรภูมิหยุดยั้งเมื่อเห็นอาวุธนอนหมอบ
กระแตไร้ทางสู้

            “แต่มันฆ่ากระผม มันทำให้กระผมกลายเป็นผีเฝ้าเรือนเช่นนี้คุณพุ่มยังจะให้กระผมไว้ชีวิตมันอีกหรือ
ขอรับ”

           ดินตะโกนด้วยไฟแค้นที่สุมอยู่ในอกตลอดเวลาเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ดวงตาแดงจัดจนไตรภูมิต้องกอด
ไหล่กว้างนั้นไว้ด้วยความสงสาร

           “ถ้าดินฆ่ามัน บาปจะติดตัวดินไปอีก เชื่อผมเถอะนะอย่างจองเวรกันอีกเลย ตอนนี้ไฟลามมากขึ้นแล้ว
ช่วยผมหาทางออกไปจากที่นี่ดีกว่า”

             ราวกับน้ำเย็นมาชโลมกายใจ ไอ้ดินได้สติเพราะคำเตือนนั้น เมื่อมันหันไปมองโดยรอบก็เห็นจริง
ตามคำกล่าวของไตรภูมิ ตอนนี้เปลวไฟได้ลุกลามมาถึงเตียงนอนที่ยิ่งกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี ไอร้อนแผดมาถึงไตรภูมิ
กับเขาที่ยืนอยู่ตรงที่ว่างหน้าประตู

             แม้จะยังเต็มไปด้วยความแค้นแต่ความปลอดภัยของไตรภูมิสำคัญกว่า ดินคว้าท่อนแขนของไตรภูมิ
เตรียมจะนำทางให้หลบหนีเปลวไฟ แต่ขณะที่กำลังจะก้าวเดินข้อเท้าของไตรภูมิก็ถูกกระชากไว้ด้วยมือของอาวุธจนล้ม
ลงไปกับพื้น

           “คุณพุ่ม ระวัง”



            “จะหนีกูไปไหน ไอ้ไตร”



            มือของอาวุธเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกแม้ว่าไตรภูมิจะใช้ฝ่าเท้าอีกข้างพยายามถีบไม่ยั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
อาวุธขยับโถมกายทับร่างของไตรภูมิไว้ ดินพยายามจะเข้าไปช่วยแต่พลังงานของเขาใกล้จะหมดเต็มที  ไตรภูมิสมอง
หมุนติ้วคิดหาทางรอด เขาเหลือบมองขึ้นไปบนเพดานที่คานบ้านไหม้ไฟใกล้จะตกลงมาทุกที เขาตัดสินใจใช้มือทั้ง
สองจับหัวอาวุธไว้แน่นก่อนจะใช้หน้าผากตัวเองโขกใส่อาวุธจนตาลอย

            ไตรภูมิผลักอาวุธด้วยแรงเท่าที่มีจนอาวุธกระเด็นออกไปจังหวะเดียวกับที่คานติดไฟร่วงลงมาทับ
ร่างกายของอาวุธไว้จนขยับไม่ได้

            “อ๊ากสสส”



             อาวุธร้องลั่นดวงตาเบิกโพลงเมื่อเปลวไฟเผาไหม้ร่างกายของเขา พยายามจะผลักคานไม้ขนาด
ใหญ่ออกไปก็ไม่สำเร็จ ร่างของเขาติดไฟอย่างรวดเร็ว

             “คุณพุ่ม หนีเร็ว”



             ดินตะโกนเตือนสติ ไตรภูมิได้แต่มองอาวุธที่ถูกทับไว้ด้วยไม้คานท่อนใหญ่เปลวไฟเผาไหม้ลามไป
ทั้งตัวจนดิ้นพล่านอย่างตัดใจแล้วจึงลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องด้วยการนำทางของดิน
 

             ไตรภูมิวิ่งหนีจนมาหยุดยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงริมคลองที่เขาเคยมาเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ลมพายุพัดโหม
จนแสงสีแดงของเปลวไฟฉายฉานกลางความมืดมิด เสียงไซเรนรถดับเพลิงกรีดร้องอยู่ในโสตประสาทมันทำให้เขาหมด
แรงจนเข่าทรุดอยู่ใต้ต้นไทรที่ช่วยบังละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา

             “คุณพุ่มเป็นกระไรมากหรือไม่ขอรับ โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน”



               ไอ้ดินทรุดตัวลงใกล้ ๆ ใช้มือใหญ่ของมันลูบไล้ไปตามกรอบหน้างดงามนั้น ไตรภูมิส่ายหน้า
พลางฝืนยิ้มให้ดิน

             “ไม่เป็นไรแล้วครับดิน ผมปลอดภัยดี แต่ว่าบ้านถูกไฟไหม้ไปแล้วดินก็ไม่ต้องกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน
แล้วใช่ไหม”

             ใบหน้าคมเข้มอย่างชายไทยหน้าเศร้าลงฉับพลันจนไตรภูมิใจหาย



            “ดิน มีอะไรปิดบังผมอีกอย่างนั้นหรือ”



            “อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับบ้านหลังนั้นดอกขอรับ ที่กระผมยังไปเกิดใหม่ไม่ได้เป็นเพราะกระผมยังติด
อยู่ในความสงสัยอยู่ประการเดียว มีเพียงคุณพุ่มที่จะคลี่คลายได้ กระผมเฝ้ารอจนได้พบคุณพุ่มอีกครั้ง”

          “อะไรหรือครับดิน ดินสงสัยอะไรเกี่ยวกับผมหรือครับ”



          ดินเงยหน้าสบตาไตรภูมิด้วยความข้องใจแกมเจ็บช้ำเมื่อระลึกถึงอดีต



          “ในคืนวันนั้น คืนที่เรานัดหมายกัน คุณพุ่มได้มาหากระผมที่นี่ ณ ริมแม่น้ำแห่งนี้ตามสัญญาของเรา
หรือไม่ขอรับ”

           “โธ่ ดิน”



         ไตรภูมิน้ำตาไหลพราก เขาคว้ามือดินมากุมและเบียดกายเข้าหาร่างเย็นเยียบท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
เช่นเดียวกับในคืนนั้นไม่มีผิด

             “แค่นี้เองหรือครับที่ทำให้ดินต้องติดอยู่ในภพแห่งวิญญาณเสียเนิ่นนาน ต้นเหตุเป็นเพราะผมอย่าง
นั้นหรือ ผมเสียใจเหลือเกิน”
 

มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-02-2018 23:43:13
อ่านต่อตรงนี้...



           เมื่อลืมตาได้สติขึ้นมาอีกครั้งตะวันก็แจ้งแก่สายตาจนแดดจ้าแล้ว พุ่มผวาลุกขึ้นจึงได้รู้ว่าตนนั้นนอนอยู่

บนเตียงในห้องหอโดยมีแม่ละมัยนั่งหน้าบึ้งอยู่บนตั่ง เขาทำท่าจะก้าวออกจากห้องหอนั้นแม่ละมัยรีบก้าวมาดึงรั้งแขน

เขาไว้


          “คุณพี่จะออกไปไหนหรือคะ นี่หนีงานเข้าหอเมื่อคืนที่ผ่านมาแล้วยังจะหนีหน้าน้องเมื่อตอนตื่นอีกหรือ”


          “แม่ละมัย”


           พุ่มหันกลับมาเผชิญหน้าดวงตาแดงก่ำ เขาเห็นใจแม่ละมัยจนไม่ได้นึกเคืองกิริยาของหญิงสาวที่ได้ชื่อ

ว่าเมียไม่ทันข้ามวัน


            “ฉันคงได้แต่ขอโทษแม่ละมัยที่ประพฤติตัวเลวทรามให้แม่ละมัยถูกติฉินนินทาตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน
แต่ฉันขอกล่าวกับแม่ละมัยตรง ๆ ว่าฉันมิได้คิดสมัครรักใคร่ในตัวแม่ละมัยแม้แต่น้อย”


           “คุณพี่ไม่รักน้อง แต่เราก็แต่งงานกันแล้วนะคะได้ชื่อว่าเป็นผัวเมีย อยู่ ๆ กันไปคุณพี่ก็คงจะผูกพันรัก

ใคร่ในตัวน้องบ้าง”


            แม่ละมัยเพียรอ้อนวอนจนพุ่มเองก็นึกสงสารแม่ละมัยไม่น้อย เหตุที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของแม่ละมัย

เลย หากพุ่มไม่ได้มีดินอยู่ในหัวใจเขาก็อาจจะใช้ชีวิตคู่ผัวตัวเมียกับแม่ละมัยได้ แต่เมื่อพุ่มปักใจกับดินและผูกสัมพันธ์

ลึกซึ้งไปแล้วเขาก็ไม่อาจกระทำการอันหลอกลวงทั้งตนและแม่ละมัย พุ่มได้แต่กุมมือแม่ละมัยภรรยาเพียงวันเดียวด้วย

ความเห็นใจ


         “ถึงแม้เราอยู่กันไปก็คงหาความสุขมิได้ เพราะฉันมิใช่ชายทั่วไปที่จะให้ความสุขแก่ภรรยาดอกแม่ละมัย”


          แม่ละมัยผงะหน้าซีดเผือด


          “คุณพี่หมายความว่ากระไร น้องมิเข้าใจ”


           พุ่มกัดฟันแน่น แต่เขาไม่อยากทำให้แม่ละมัยเสียใจไปมากกว่านี้ เสียใจเพียงครั้งเดียวก็คงจะเพียงพอ


           “หมายความว่าฉันเป็นผู้ชายที่มีผัวแล้วน่ะสิ และผัวของฉันก็คือดิน คนที่พี่ชายของแม่ละมัยพรากเขา

ไปจากฉัน อภัยให้ฉันเถิดนะแม่ละมัย ฉันขออโหสิกรรม ต่อจากบัดเดี๋ยวนี้ฉันขอมอบอิสระให้แม่ละมัยอีกครั้ง อย่าได้

ยึดติดกับคนมีกรรมอย่างฉันเลย”


           พุ่มไม่สนใจเสียงกรีดร้องโหยหวนของแม่ละมัย เขามุ่งหน้าไปยังคุ้งน้ำโดยไม่มีใครกางกั้นได้อีก แต่

สิ่งที่พบกลับไม่มีแม้แต่เงาของดิน พุ่มทรุดตัวร้องไห้อยู่ตรงใต้ต้นไทร


          “เจ้าพ่อต้นไทรเป็นพยาน ข้าจะไม่รักใครอีกแล้วนอกจากดิน”


            ร่างบอบบางเดินโซซัดโซเซจนกระทั่งถึงยังวัดที่พุ่มทำงานเขียนลายอุโบสถไว้ เขาเข้าไปทรุดตัว

หมอบกราบอยู่หน้าพระประธานในอุโบสถนั่นเอง


         “ลูกขอใช้ร่มพระพุทธคุณเป็นที่พึ่ง เพื่อให้จิตใจของลูกสงบร่มเย็นด้วยเทอญ”





          “คุณพุ่มบวชเป็นพระหรือขอรับ”



          ดินถามย้ำพลางกดกระหม่อมให้ไตรภูมิแนบอยู่กับอก



          “บวชตลอดชีวิต ผมอุทิศตนให้กับศาสนาและศิลปะไม่สึกอีกเลย”



          “คุณพุ่ม ช่างมีบุญนัก”



           “ผมอยากจะให้บุญของผมส่งถึงดินบ้าง ทั้งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าดินหายไปไหน”



           ดินดึงไหล่ไตรภูมิออกแล้วเลื่อนมือมาประคองใบหน้าเปียกชื้นละอองฝนมาจูบแผ่วเบา ไตรภูมิเงยหน้า

รับซ้ำยังคล้องแขนไปรอบคอเหนี่ยวให้ร่างของดินล้มกายตามมาทาบทับเขาที่เอนกายไปบนพื้นดินเปียก ไตรภูมิเป็น

ฝ่ายเปลื้องเสื้อผ้าตนเองออกจนหมด



          “บอกรักกับผมอีกสักครั้งได้ไหมครับดิน ให้ความรักของเราได้ติดอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป




                                 TBC



                            ฮือออ เรื่องมันเศร้าว้อยยย


                        :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:




หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 09-02-2018 23:48:38
ไอ้เหมือนไอ้ชาติชั่ววววว
สงสารดิน สงสารคุณพุ่ม
ขอให้บุญกุศลที่ไตรตั้งใจบวชให้
จงส่งผลให้ดินไปเกิดใหม่ในภพที่ดีๆ
แล้วมาครองรักกับคุณพุ่มอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-02-2018 07:05:01
น่าสงสารมาก คุณพุ่มก็ไม่ได้เห็นดินอีกเลย จนไปบวชตลอดชีวิต
ส่วนดิน ก็เฝ้ารอหลายร้อยปีติดอยู่ในใจว่าทำไมคุณพุ่มไม่มาหา
 :mew4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-02-2018 13:31:18
น่าสงสารทั้งคุณพุ่มและดิน ว่าแต่จะหากระดูกของดินเจอมั้ย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-02-2018 15:21:42
สงสัยผีไอ้เหมือนจะเฮี้ยนมากจริงๆ
เฮี้ยนกว่าดินก้ออาวุธนี่ล่ะ
หวังว่าคราวนี้คุณพุ่มจะหาทางออกได้นะ รักคนละภพยังไงก็คงเป็นไปไม่ได้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 10-02-2018 17:53:50
ทำไมเขาต้องจากกกกกันนะ โอ้ยยยยดีนะอ่านเรื่องสั้นมาก่อน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-02-2018 21:07:12
                                                       :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๐ [๐๙/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-02-2018 12:16:52
ทำไมเราไม่เห็นว่าอัพตอนใหม่ละเนี่ยเกือบพลาดไปแล้วมั้ยละ อาวุธนี่เลวตั้งแต่ชาติที่แล้วยันชาตินี้เลยก็หวังว่าจะหมดกรรมกันในชาตินี้นะ ส่วนดินคงใกล้ได้ไปเกิดแล้วสินะ รอๆ
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-02-2018 23:33:37


                                  วิญญาณเสน่หา

                                    บทที่ ­­๑๑




         ไม่มีคำปฏิเสธจากร่างที่มีเพียงวิญญาณแต่เต็มไปด้วยความรัก ดินได้แต่ปรนเปรอจูบหวานไปทั่วร่างกาย

ขาวโพลนที่นอนทอดกายท่ามกลางดินโคลนและห่าฝนที่เทลงมาจนน้ำในคลองกระจายเป็นวงกว้าง มือเย็นชื้นลูบไล้

หนักหน่วงกลับสร้างความร้อนระอุอยู่ในอารมณ์แห่งรักของมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ


           “ดิน ดินของผม”


           ไตรภูมิผวาเบียดกายเข้าหา เนื้อตัวของเขาถูกลูบไล้ไปทุกสัดส่วนด้วยปากลิ้นและมือของดิน ที่ทั้ง

ทะนุถนอมแต่ก็ปรนเปรอรสสวาทแทบขาดใจ ไตรภูมิพาดขาไปบนไหล่กว้างเปิดทางให้ดินได้สัมผัสช่องทางรัก ดิน

โน้มกายลงไปดึงแก่นกายงดงามกลืนกินจนหมด นิ้วใหญ่สอดลึกเปิดทางไปพร้อมกันจนไตรภูมิแอ่นกายดิ้นพล่านไปกับ

ดินโคลน


            “คุณพุ่มของไอ้ดิน ไอ้ดินจะไม่รักใครอีกแล้ว”


            “อ๊า ดิน”


           ไตรภูมิผวาเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาปนเปื้อนไปกับสายฝน ไอ้ดินไม่รอช้ามันสวนกายอัดท่อนเนื้อ

เข้าหาจนไตรภูมิแทบสำลักความสุข


          “ดิน ดินจ๋า ผมเองก็รักดิน”


          ไตรภูมิยกตัวขึ้นกอดแผ่นอกกำยำไว้แน่น เป็นฝ่ายใช้ปลายลิ้นกระดกรัวอยู่ที่ยอดอกสีคล้ำของดิน ดิน

เงยหน้าครางลั่นก่อนจะกระแทกกายเข้าหาจนเกิดเสียงดัง


        “ฮึก ฮึก อ๊า ดิน ผมจะไม่มีใครนอกจากดิน”


          ลางสังหรณ์บอกไตรภูมิว่าร่างไร้เลือดเนื้อที่ทาบทับอยู่เบื้องบนกำลังจะจากเขาไป ความอาลัยอาวรณ์

อาบไปทั่วหัวใจแต่ไตรภูมิไม่ต้องการให้ความรู้สึกของเขาฉุดรั้งดินไว้ มีแต่จะตักตวงความสุขครั้งสุดท้ายไว้ในได้มาก

ที่สุด ไตรภูมิเด้งเอวรับแรงจากดิน มือเรียวดึงใบหน้าคมเข้มเข้ามาจูบ ปลายลิ้นยิ่งเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นจนแทบหายใจ

ไม่ออก ไตรภูมิเกร็งกล้ามเนื้อเมื่อร่างกายของเขากำลังบีบคั้นครั้งสุดท้าย


            “อ๊า ดิน”


            “โอ คุณพุ่ม”


          ดินเกร็งกายแช่ค้างเมื่อได้มอบความสุขให้แก่ยอดดวงใจของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขามองสบตาไตรภูมิที่

ยังหายใจหอบเหนื่อยแล้วกดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากเกลี้ยง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องจากและไม่รู้ว่า

จะมีอีกไหมที่จะได้พานพบ


          “ถึงเวลาที่ไอ้ดินต้องไปแล้วลาก่อน คุณพุ่มของไอ้ดิน”


           แม้จะรู้ว่าเวลานี้ต้องมาถึงแต่ไตรภูมิก็ยังอดใจหายไม่ได้ ร่างกายที่ไตรภูมิกอดก่ายไว้จางหายลงทีละ

น้อย ไตรภูมิร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นร่างของดินค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายก่อนเลือน

หายไปท่ามกลางความมืดมิดในที่สุด




        18ปีผ่านไป
 



         “สายจนได้นะเรา”



         ไตรภูมิในวัยหนุ่มใหญ่บ่นกับตนเองขณะกำลังเดินขึ้นอาคารเรียนภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง วันนี้เป็นวัน

เปิดเทอมวันแรกที่เขาต้องสอนนักศึกษาในวิชาที่รับผิดชอบอยู่


         เหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องดังอยู่ในสังคมพักใหญ่ เมื่อบ้านโบราณของเขาถูกไฟไหม้จนไม่

เหลือเค้าเดิม เจ้าหน้าที่พบศพชายคนหนึ่งแต่ไม่ใช่เจ้าของบ้านอยู่ท่ามกลางซากไม้สีดำ ไตรภูมิให้การว่าอาวุธเพื่อน

ของเขามาเที่ยวที่บ้านและหนีออกมาไม่ทันเมื่อเกิดไฟไหม้


          และเมื่อมีการรื้อถอนซากออกไปกลับพบโครงกระดูกมนุษย์ที่ไม่สามารถระบุว่าเป็นกระดูกของใครอยู่ใต้

เสาบ้านต้นหนึ่ง เมื่อไตรภูมิได้เห็นเขาก็ร้องไห้ออกมาและนำโครงกระดูกนั้นไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้


           เมื่อความโศกเศร้าจางไปไตรภูมิกลับมามีชีวิตตามปกติ เขากลับมาอยู่ที่คอนโดมิเนียม เรียนหนังสือ

วาดรูป มีกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นทำบุญจนกระทั่งเรียนจบปริญญาโทไตรภูมิจึงได้มาเป็นอาจารย์สอน

คณะสถาปัตยกรรมในวิชาวาดรูปเบื้องต้น


           ปัจจุบันนี้ไตรภูมิเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในวัยสามสิบแปดปีที่ยังดูดีหน้าตาอ่อนกว่าวัย และหลังจาก

วันที่ดินจากไปเขาไม่เคยมีคนรักอีกเลย


           ไตรภูมิรู้จักหัวใจตนเองดี รู้ว่าเขาคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อความรักของเขามีให้เพียงชายไทย

ใบหน้าคมที่มักจะมองเขาอย่างเทิดทูน



           “คุณพุ่มของไอ้ดิน”



           วลีนั้นยังขับขานอยู่ในใจจนไม่อาจรักใครได้อีก แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะผ่านมาสองชาติภพแล้วก็ตาม


          ร่างสูงเพรียวของไตรภูมิอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งก้าวไปยืนบนเวที ด้านข้างมีโต๊ะ

สำหรับคอมพิวเตอร์พกพาต่อตรงกับเครื่องฉายไปยังจอรับภาพ เบื้องหน้าของเขาเป็นเหล่านักศึกษาปีหนึ่งที่นั่งกระจาย

ตัวอยู่บนเก้าอี้เรียนที่เรียงตัวสูงขึ้นไปภายในห้อง เขาคว้าไมโครโฟนขึ้นมาใกล้ปากและเริ่มต้นกล่าวคำทักทายในวันแรก

ของภาคเรียน



           “สวัสดีครับนักศึกษา ขอโทษทีที่อาจารย์มาช้าไปหน่อย แต่คงจะไม่ช้าเกินกว่าเราจะรู้จักกันในคาบ

เรียนแรกใช่ไหมครับ”



           ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยแจกรอยยิ้มไปรอบห้องจนนักศึกษาสาว ๆ ทำตาปรอยพลางซุบซิบกันเบา ๆ



            “วันแรกขอเช็คชื่อเพื่อเราจะได้รู้จักกันนะ วันต่อไปก็ไม่เช็คแล้วล่ะ ใครอยากเห็นหน้าอาจารย์ก็มา

ทุกคาบก็แล้วกัน ขอให้มีงานส่งตามกำหนดและเข้าสอบให้ผ่านเท่านั้น”



        ไตรภูมิก้มหน้าอ่านรายชื่อจากแผ่นกระดาษในมือและให้นักศึกษายกมือรับทีละคน เขายิ้มรับให้นักศึกษาทุก

คนจนกระทั่งถึงชื่อหนึ่งที่เขาเอ่ยออกไป



         “ปฐพี”



         “ผมครับ”



         “........”



          ไมโครโฟนร่วงหล่นจากมือเมื่อไตรภูมิมองเห็นนักศึกษาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังแถวบนสุด


          หัวใจของอาจารย์หนุ่มเต้นโครมครามจนเกือบจะหลุดมานอกทรวงอกเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตา

คมคู่นั้น


          จนกระทั่งเสียงไมโครโฟนที่หล่นกลิ้งอยู่กับพื้นส่งเสียงหวีดหวิวไตรภูมิเพิ่งจะได้สติ เขาก้มลงเก็บมันทั้ง

ที่มือสั่นระริกก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาคมวาวคู่นั้นอีกครั้ง


         น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อสบตา


         ก็นั่นน่ะ มันดวงตาของดินชัดๆ!
 







          ไตรภูมิจบการสอนในคาบเรียนแรกตั้งแต่ยังไม่หมดชั่วโมงด้วยซ้ำ บอกตรง ๆ ว่าเขาไม่มีสมาธิกับการ

สอนเอาเสียเลย ในเมื่อคอยแต่จะหันไปสบตากับดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองมายังเขาไม่วางตาเช่นกันจนกระทั่งเขาจำต้อง

เอ่ยปากจบการเรียนการสอนและอนุญาตให้นักศึกษากลับออกไปได้


           นักศึกษาทยอยออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงร่างสูงของนักศึกษาที่ชื่อปฐพีที่ยังคงนั่งนิ่งและ

ลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย ไตรภูมิหายใจขัดไปหมดเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเดินลงมาจากแถวที่นั่งบนชั้นสูงแล้วก้าวตรงมายัง

เขาช้า ๆ


           รูปร่างสูงโปร่งไว้ผมทรงสั้นอย่างเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะพ้นจากการไว้ผมเกรียนมาหมาด ๆ แต่งผมด้วยเจล

จนอยู่ทรงตามสมัยนิยม คิ้วเข้มดกดำพาดอยู่เหนือดวงตาคมที่ทำให้ไตรภูมิใจสั่นขณะที่ยังจ้องมาทางเขา จมูกโด่งรั้น

นิด ๆอย่างคนเอาแต่ใจราวกับเป็นคุณชายน้อยที่ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจ ติ่งหูข้างหนึ่งใส่ต่างหูสีเงินแวววาว


           ไตรภูมิกัดริมฝีปากตนเองไว้เมื่อกลายเป็นว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้เลย หัวใจของเขาเต้นโครมคราม

ไร้เหตุผล เขาได้แต่ดุตนเองพลางเบนสายตาหลบจากดวงตาคมคู่นั้นด้วยการหันไปเก็บตำราหอบใหญ่บนโต๊ะด้านข้าง



          “โอ๊ย บ้าจริง”



           สบถอย่างไม่ได้ดังใจเมื่อมือไม้อ่อนจนพลาดกลายเป็นทำหนังสือหลายเล่มร่วงลงจากโต๊ะ อาจารย์

หนุ่มทรุดตัวลงไปเพื่อจะเก็บหนังสือเหล่านั้น



          “ผมช่วยครับ”



         เสียงนุ่มดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับก้มตัวลงมาช่วยเก็บ ไตรภูมิชะงักเมื่อมือข้างหนึ่งที่คว้าหนังสือขึ้นมากลับ

ถูกสัมผัสจากปลายนิ้วของหนุ่มน้อยลูกศิษย์ปีหนึ่งของเขา


         ชายหนุ่มที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาจนอายุเกือบสี่สิบกลั้นเสียงสะอื้น ขอบตาร้อนผ่าวไปหมดเมื่อรู้สึกถึงไอ

อุ่นจากปลายนิ้ว ไตรภูมิสัมผัสได้ถึงความมีเลือดเนื้อเหล่านั้น เสียงของหัวใจที่เต้นอยู่ในทรวงอกที่ซ่อนอยู่ในชุด

นักศึกษามันทำให้ไตรภูมิตื้นตันเหลือเกิน



          “อาจารย์ร้องไห้”



         “ปละ เปล่า ผมเคืองตานิดหน่อย”



          ไตรภูมิยิ้มออกมาจนได้เมื่อลุกยืนขึ้นมา ปฐพีที่ยืนอยู่ตรงหน้าก้มหน้ามองเขาเพราะเด็กหนุ่มสูงกว่าเกือบ

คืบ



           “ผมปล่อยก่อนเวลา นักศึกษาไม่ไปพักก่อนเรียนวิชาต่อไปหรือ”



           “เรียกผมว่าเอิร์ทดีกว่าครับ”



            รอยยิ้มอันอบอุ่นเกิดขึ้นบนใบหน้าของลูกศิษย์



           “ให้ผมช่วยถือหนังสือพวกนี้ไปส่งดีกว่า ท่าทางจะหนักน่าดู”



           ไตรภูมิพยักหน้ารับ เขาเดินนำปฐพีไปทางห้องพักของเขาโดยปราศจากการพูดคุยอีก
               





          เสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังสร้างความอบอุ่นในหัวใจที่อับเฉามาเนิ่นนาน ไตรภูมิรู้สึกฉ่ำชื่นราวกับต้นไม้ใน

ทะเลทรายอันแร้นแค้นที่ได้รับการประพรมจากสายฝนแรกจากท้องฟ้า เขาก้มหน้ายิ้มให้กับตัวเองเมื่อเดินมาถึงห้องพัก

ของเขา



            “วางหนังสือไว้บนโต๊ะของผมตรงนี้แหละ ขอบคุณที่ช่วยนะ เอ่อ เอิร์ท”



            “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจที่สุด”



           ปฐพีฉีกยิ้มให้เขาจนไตรภูมิเผลอยิ้มตอบ ใบหน้าของเขายิ่งสว่างไสวจนปฐพีจ้องไม่วางตา



           “อาจารย์ครับ ผมกับอาจารย์ เราสองคน เอ่อ เคยรู้จักกันมาก่อนไหมครับ”



           ไตรภูมิสะดุ้งในใจ เขาเงยหน้าเอียงคอมองปฐพี



          “อะไรทำให้เอิร์ทคิดอย่างนั้นล่ะ”



          ปฐพียักไหล่ ลักษณะของเขาเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่เพราะเหตุใดจึงได้จับใจไตรภูมินัก เขาเองก็สุดจะรู้



          “ก็ไม่รู้สิครับ อันที่จริงผมรู้สึกคุ้นชื่ออาจารย์ตั้งแต่เลือกเซคชั่นลงวิชานี้แล้ว ยิ่งเห็นหน้าอาจารย์ครั้งแรก

มันก็ยิ่งคุ้นตาเหลือเกิน”



          ไตรภูมิใจสั่นไปหมดแล้วตอนนี้ สายตาของเด็กหนุ่มที่มองมาช่างสื่อความหมายมากมายเกินกว่าคำพูดที่

หลุดออกมาจากปาก เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นบอกถึงความโหยหาอาดูรโดยที่ปฐพีไม่รู้ตัว



         “คุ้นว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน คุ้นว่าเราเคยระ…”



           น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาจากดวงตาของปฐพีที่รีบยกมือขึ้นปาดทิ้งอย่างตกใจตัวเองพลางหัวเราะกลบ

เกลื่อน



           “บ้าจริงผมนี่ พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ คงทำให้อาจารย์ตกใจหมดเลย”



            “เอิร์ท”



             อาจารย์หนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มปลอบโยน ปฐพีมองใบหน้าอ่อนโยนนั้นแล้วเขาก็ห้ามใจไม่

ได้อีกต่อไป


           ร่างสูงของเด็กหนุ่มดึงไหล่ไตรภูมิเข้าไปกอด วงแขนกว้างโอบรัดจนไตรภูมิจมเข้าไปในแผงอก ปฐพี

วางใบหน้าแนบไปบนกระหม่อมของไตรภูมิ



           “อาจารย์ครับ ผมขอโทษ แต่ช่วยอยู่นิ่ง ๆ แบบนี้สักพักได้ไหมครับ”



           ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ต่างก็อยู่ในท่านั้น ไตรภูมิแนบหูลงไปกับหน้าอกของปฐพี เสียงหัวใจที่เต้นเร็ว

และแรงทำให้เขาอบอุ่นจนเผลอยกแขนกอดตอบ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานดังขึ้นทั้งคู่จึงได้สะดุ้งและผละ

จากกัน


           ไตรภูมิไม่กล้าสบตาเมื่อรู้สึกว่าเลือดลมแถวใบหน้าจะสูบฉีดแรงจนหน้าร้อนเห่อเพราะปฐพีมองมาด้วย

สายตาแพรวพราวผิดปกติ เด็กหนุ่มหัวเราะแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเมื่อก้าวห่างออกไปจากตัวเขา



          “ไม่รบกวนเวลางานของอาจารย์แล้วครับ ผมขอตัวก่อน”



          ร่างสูงก้าวเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันพ้นประตูปฐพีก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้

หัวใจของไตรภูมิยิ่งสูบฉีดเลือดหนักกว่าเดิม



           “หนังสือของอาจารย์หนักมากพรุ่งนี้ผมจะช่วยอาจารย์แบกมันแทนอาจารย์จะได้ไม่เหนื่อย ถ้าเป็นไป

ได้ให้ผมช่วยทุกวันเลยนะครับ อาจารย์ไตรภูมิ”






มีต่ออีกนิด...







หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-02-2018 23:43:54


ต่อกันตรงนี้...





          ปฐพียิ้มกับตัวเองขณะที่เขาหันกลับไปมองอาคารเรียนที่เพิ่งจะก้าวลงมา เขายังงงกับความรู้สึกเมื่อครู่ที่

ได้แสดงออกไปกับอาจารย์คนใหม่ของเขาทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันเป็นวันแรกแต่ปฐพีกลับดึงอาจารย์เข้ามากอดอย่างไม่มี

เหตุผล

         อันที่จริงต้องบอกว่าหัวใจของเขาไม่ได้เต้นในจังหวะเดิมอีกเลยตั้งแต่เห็นอาจารย์ที่ชื่อไตรภูมิก้าวเดินเข้า

มาในห้องด้วยท่าทางรีบร้อน ตั้งแต่วินาทีนั้นปฐพีก็ควบคุมสายตาไม่ได้อีกเลยเมื่อมัวแต่จ้องใบหน้าอ่อนกว่าวัยจนแทบ

ไม่ได้ฟังเนื้อหาที่อาจารย์สอน จนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังเวทีด้านล่างและดึงอาจารย์เข้ามากอดนั่นแหละ

         ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น มีเลือดเนื้อและทำให้ปฐพีเต็มไปด้วยความสุข เขาไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น

อย่างฉับพลันรู้เพียงแต่เขาไม่อยากจะปล่อยร่างนั้นออกไปจากอ้อมกอดเลยสักนิดถ้าเป็นไปได้


          “บ้าไปแล้วกู”


           บ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงอาหารในยามสาย เขากวาดสายตามองหาที่นั่งจนมอง

เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกันตั้งแต่มัธยม ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาพลางทักทาย


           “รุ้ง”


          ปฐพีนั่งลงตรงข้ามกับรุ้งงามที่กำลังตักข้าวเข้าปากแต่สายตากลับจ้องเอกสารการเรียนที่ถืออยู่ในมือ


          “ว่าไงเอิร์ท”


          “อะไรจะคร่ำเคร่งขนาดนั้นล่ะ กินข้าวให้หมดก่อนค่อยดูชีทก็ได้”


           รุ้งงามวางเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่


           “ไม่คร่ำเคร่งไม่ได้สิแก วันแรกก็มีการบ้านให้ทำแล้ว โหดว่ะ”


           เพื่อนของปฐพีสอบติดคณะอักษรศาสตร์ หญิงสาวทำหน้ามุ่ยพร้อมกับตักข้าวใส่ปาก


          “งานอะไรของแก”


          “ก็นี่เลยงานแรก วิเคราะห์วรรณคดี แล้วนี่ได้โจทย์ยากเลย”


           ปฐพีเลิกคิ้ว เขาหยิบการบ้านของรุ้งงามมาถือในมือ


           “เรื่องอะไรรุ้ง”


           “มัทนพาธา โคตรยากเลยแก โคลงฉันท์กาพย์กลอนร่าย ครบหมดเรื่องนี้”


            ปฐพีเลื่อนสายตามองตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนเอกสารแผ่นแรก เขาอ่านบทกวีนั้นอยู่ในใจ




                           อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี

                 ประดุจมโนภิรมย์ระตี           ณ แรกรัก

                        แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์

                 แฉล้มเฉลาและโสภินัก        นะฉันใด

                      หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย

                  สว่าง ณ กลางกมลละไม      ก็ฉันนั้น


           อ่านจบแค่เพียงท่อนแรกมือของปฐพีก็สั่น ความคุ้นเคยถาโถมเข้ามาจนหัวใจสั่นไหว ปฐพีเจ็บใจที่เขา

จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนหน้านี้



         “วรรณคดีสมัยรัชกาลที่หกไงแก แต่เรื่องมันเศร้ามากอะนะ ผู้หญิงคนหนึ่งยอมกลายเป็นดอกกุหลาบ

เพียงเพื่อรักษาความรักให้ผู้ชายที่ไม่เชื่อใจตัวเอง เฮ้อ อะไร ทำไมแกทำหน้าแบบนั้นล่ะเอิร์ท”


          “เป็นตอนที่ท้าวชัยเสนกล่าวเปรียบเปรยว่าความรักนั้นงดงามเหมือนแสงสว่างของพระอาทิตย์ในยามเช้า
และสัญญาต่อหน้าฤๅษีที่เลี้ยงดูมัทนาว่าจะแต่งงานเคียงคู่กับมัทนาไปตลอดชีวิต”



        ปฐพีถึงกับยกมือไปวางแนบหน้าอกข้างซ้ายเมื่อมันเต้นเร็วและแรงจนปวดหนึบเมื่อโสตประสาทได้ยินเสียง

นุ่มลอยล่องเข้ามา แต่เขายังจับใจความไม่ได้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ให้เขาฟัง

 


                                TBC


                         นั่นแน่ะ คู่นี้ยังไงกันน้า อิอิ



                        :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:




หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-02-2018 00:00:28
 :L2: :L1: :pig4:

ได้เจอกันแล้ว จะไม่เศร้าแล้วใช่ไหม รอกันมาตั้งนาน ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-02-2018 00:04:25
เจอกันแล้วว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-02-2018 10:25:14
น้องดินวัย18 จัดเลยค่ะ จะรออะไร  รอมา18ปีแล้ว
อื้อหือในที่สุด
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-02-2018 10:44:05
โหยลุ้นให้เขากลับมานักกันอีกกกก ถึงจะอ่านเรื่องสั้นแล้วก็เหอะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-02-2018 14:13:51
ดินกลับมาแล้ววววววววววว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-02-2018 14:18:11
วุ้ย...ดีใจแทนไตรภูมิ ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายอีกแต่ไป
ว่าแต่คนเขียน..อย่าให้อาวุธกลับมาอีกนะ ฮึ
ถ้ากลับมา ก็ขอให้มีแฟนเป็นของตัวเองไปนะ อิอิ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-02-2018 16:42:10
 o7 ในที่สุดดินก็กลับมาเกิดแล้วมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเพิ่งจะผ่านไปครึ่งเรื่องหรือใกล้จะจบแล้วก็ไม่รู้ แต่ต่อจากนี้คิดว่าเอิร์ทคงต้องเริ่มหาคำตอบแน่ๆ และหวังว่าจะหมดดราม่าแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-02-2018 22:01:55
สิบแปด สามสิบแปด เหมาะสม
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 17-02-2018 22:22:06
อิอิกินเด็กเฟ้ยยยย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-02-2018 15:51:54
        :pig4: :pig4: :pig4:
ในที่สุดเค้าก็ตามมาจนได้เจอกันและคงได้รักกันแล้วซินะค่ะ....รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๑ [๑๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-02-2018 23:44:42
 :katai5: :ling1:

อยากอ่านตอนต่อไปมากๆเลย
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-02-2018 00:25:19


                                 วิญญาณเสน่หา

                                    บทที่ ­­๑๒



          แวบหนึ่งในขณะที่ปฐพีกำลังถามตนเองอยู่นั้นกลับปรากฏใบหน้าของอาจารย์ที่สอนในวิชาล่าสุด ทำให้

เขาต้องดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วเปิดดูภาพที่เขาถ่ายรูปของอาจารย์ไตรภูมิในอิริยาบทต่าง ๆ บนเวที

ไว้หลายรูป ปฐพีไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดไตรภูมิจึงได้มาอยู่ในความคิดคำนึงของเขา


          “รูปใครน่ะเอิร์ท”


           รุ้งงามยื่นหน้ามองด้วยความใคร่รู้เมื่อเห็นปฐพีจ้องมองโทรศัพท์ไม่วางตา


           “โหย หล่ออะแก อาจารย์คณะแกเหรอ”  รุ้งงามส่งเสียงวี้ดว้ายตามประสาผู้หญิง




                           “หน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่งตัวก็ดี ไหนขอดูรูปอื่นซิ”


           หญิงสาวแย่งโทรศัพท์ไปจากปฐพีแล้วเปิดดูรูปที่เขาถ่ายมาพลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก


          “ว้ายแก ตอนยิ้มอ่อนนี้ทำเอาใจละลายเลย นี่ เอิร์ท รูปนี้ยิ่งหล่อ ชื่ออาจารย์อะไรเนี่ย”


          “อาจารย์ไตรภูมิ”


          ปฐพีตอบทันควันราวกับชื่อนั้นประทับอยู่ในความทรงจำของเขา ดวงตาคมจ้องมองภาพถ่ายพลางคลี่ยิ้ม

อย่างลืมตัว


          “โอ๊ยแก ผู้หญิงคณะแกโชคดีว่ะเอิร์ท ถ้าเป็นฉันไปนั่งเรียนแล้วมีอาจารย์ไตรภูมิเป็นคนสอนนะ ฉันคง

ได้แต่นั่งมองหน้าอาจารย์จนสอบตกเพราะไม่ได้ฟังเนื้อหา นี่ เอิร์ท ชอบรูปนี้ว่ะ แกส่งไลน์มาให้ฉันหน่อยสิ”


          เห็นรุ้งงามทำท่ากระดี๊กระด๊าแล้วปฐพีก็หงุดหงิด เขารู้สึกหวงภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่มี

สาเหตุ ปฐพีรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของจนต้องคว้าโทรศัพท์มาจากมือของรุ้งงาม


          “ไม่ให้”


          เสียงนั้นเข้มกว่าเคยแต่รุ้งงามยังไม่ทันผิดสังเกต รุ้งงามทำหน้าง้ำเมื่อปฐพีไม่ยอมตามใจ


          “อะไรวะแก แค่รูปอาจารย์ก็แบ่งไม่ได้ ไอ้คนขี้หวง แกจะเก็บรูปอาจารย์ไปทำไมเขาเป็นผู้ชายเหมือน

แกนะ แกก็ไปตามเก็บรูปเชอร์ปรางรูปน้องปัญของแกไปสิ”


          คำต่อว่าแม้จะไม่จริงจังนักแต่กลับสะดุดใจปฐพี ทำไมเขาจะต้องสนใจผู้ชายด้วยกันอย่างไตรภูมิด้วย

แล้วไหนจะความรู้สึกหวงแหนนั้นอีกเล่า


          “พอเลย”


          ยกมือเขกศีรษะรุ้งงามเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหนี หัวใจของปฐพีว้าวุ่นเกินกว่าจะอยู่คุยกับเพื่อนได้

และความว้าวุ่นนั้นก็ยังก่อกวนไปตลอดทั้งวันจนถึงดึกดื่น ปฐพีได้แต่ตอนกระสับกระส่ายพลิกไปมาหากแต่ข่มตาไม่หลับ

จนต้องคว้าโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ

         มัทนพาธา


         ปลายนิ้วไวเท่าใจคิด เขาพิมพ์ชื่อวรรณคดีลงไป ไม่กี่วินาทีข้อมูลก็ปรากฏต่อสายตา ปฐพีเลือกเข้าไปใน

เว็บไซด์หนึ่งซึ่งมีตัวอย่างบทประพันธ์ที่ดังที่สุดของเรื่องนี้
               

                  “ความรักเหมือนโรคา           บันดาลตาให้มืดมน


                ไม่ยินและไม่ยล                 อุปสัคคะใดใด


            ความรักเหมือนโคถึก                  กำลังคึกผิขังไว้
 

            ก็โลดออกจากคอกไป                  บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง


            ถึงหากจะผูกไว้                      ก็ดึงไปด้วยกำลัง


           ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง                       บ หวนคิดถึงเจ็บกายฯ”

 


          ปฐพีย่นหัวคิ้วเข้าหากันพลางท่องบทกวีนั้นซ้ำไปซ้ำมา เปลือกตาหนาหนักปิดเข้าหากันก่อน

สติสัมปชัญญะจะลดลงไปเรื่อย ๆ และแทนที่ด้วยภาพสีจาง ๆ คล้ายว่าเขากำลังมองฉากหนึ่งในภาพยนตร์ยุคโบราณ
 







            “ได้ดอกแก้วมาอีกแล้วรึ นังแก้วนี่มันคงจะมีใจให้เอ็งแน่แท้เสียกระมัง”



            เสียงแข็งกว่าเคยนั้นทำให้ไอ้ดินยิ้มแห้ง มันไถลไปตบเบาะนอนตบหมอนหนุนบนเตียงพลางวางช่อ

ดอกแก้วไว้บนหมอน ครั้งจะบอกความจริงว่านังแก้วนั้นมิได้มอบช่อดอกแก้วกะจิ๋วหลิวมาให้มันเสียเมื่อไหร่ จุดหมาย

ของบ่าวบนเรือนใหญ่คือลูกชายเจ้าของเรือนต่างหาก



          “พี่ดิน ข้าฝากดอกแก้วไปให้คุณพุ่มบ้างสิ”



           นังแก้วกระมิดกระเมี้ยนส่งช่อดอกไม้ที่มันปลิดจากต้นหน้าบ้านห่อด้วยใบจำปีมัดเสียเป็นช่อส่งให้ไอ้ดิน



          “นังแก้ว เอ็งนี่ชักจะเหลวไหล เป็นสาวเป็นนางใยส่งดอกไม้ให้ผู้ชายเช่นนี้”



          ไอ้ดินส่งเสียงดุแต่นังแก้วบ่าวแสนกะล่อนกลับมิได้นึกหวั่น มันลอยหน้าตอบไอ้ดินเสียงแจ๋ว ๆ



          “มัวแต่คิดมากแล้วเมื่อใดข้าจะได้ผัวดี ๆ กับเขาบ้างเล่า พี่ก็รับใช้เป็นทนายหน้าหอ(หมายถึงคนรับใช้

ออกหน้าออกตา//ผู้แต่ง) ก็ต้องรู้ดีว่าคุณพุ่มเนื้อหอมแค่ไหน หากข้าไม่เสนอตัวเป็นทางเลือกคุณพุ่มจะชายตาแลข้า

ก็คงไม่ นะพี่ดิน คิดเสียว่าช่วยเหลือลูกนกตาดำ ๆ เผื่อว่าข้าจะได้ดิบได้ดีเป็นเมียคุณพุ่มแค่เมียรองก็ยังดี ฝากดอก

แก้วช่อนี้ให้คุณพุ่มและบอกทีว่านังแก้วมันเด็ดให้หวังจะทำให้คุณพุ่มชื่นใจนอนหลับฝันดี”



           ไอ้ดินมันซื่อแต่ไม่โง่ มันรับช่อแก้วนั้นมาแต่มิได้บอกใจความที่คนฝากหวังจะให้เจ้านายที่มันรักได้รู้

ไอ้ดินเฉไฉไปตามเรื่องและหาทางพูดจาให้คุณพุ่มของมันเลิกสนใจที่มาของดอกแก้วที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง



          “โธ่ คุณพุ่ม อย่าได้สนใจนังแก้วเด็กแก่แดดกะโหลกกะลาเลยขอรับ มานี่ดีกว่า วันนี้คุณพุ่มเมื่อยขบ

เพราะวาดรูปที่อุโบสถเสียทั้งวัน นอนลงให้กระผมนวดเฟ้นให้หายเมื่อยเถิดขอรับ”



         รอยยิ้มปะเหลาะของบ่าวตัวดีทำให้พุ่มยอมเอนกายลงนอนแผ่ให้มือหนักออกแรงนวดเฟ้นพลางเปิดสมุด

บันทึกของตนออกมากางอ่านด้วยเสียงนุ่ม





            “ความรักเหมือนโรคา           บันดาลตาให้มืดมน


        ไม่ยินและไม่ยล                    อุปสัคคะใดใด


        ความรักเหมือนโคถึก                กำลังคึกผิขังไว้


         ก็โลดออกจากคอกไป               บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง


        ถึงหากจะผูกไว้                    ก็ดึงไปด้วยกำลัง


           ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง                  บ หวนคิดถึงเจ็บกายฯ”         



               “ไพเราะเหลือเกินขอรับ แต่มันหมายความถึงกระไรหรือขอรับคุณพุ่ม”


                พุ่มยิ้มบาง ๆ พลางหันไปสบตากับดิน เขาอธิบายถึงความหมายของบทกวีที่เขาชอบ


               “ความรักบางครั้งก็ทำให้ดวงตามืดบอด ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น เปรียบเสมือนวัวที่กำลังคึกคะนอง หาก

มัดมันไว้อยู่ในคอกมันก็จะดิ้นรนหาทางให้หลุดพ้นไปโดยไม่สนใจว่าจะเจ็บตัวแค่ไหน”


         ดินนิ่งคิดตาม มันเอ่ยถามเจ้านายด้วยความกังขา



         “ความรักมันอันตรายร้ายแรงขนาดนั้นเทียวหรือขอรับ”



         “ไม่หรอกดิน”



           พุ่มนึกเอ็นดูสีหน้าของบ่าวหนุ่ม เขาเอื้อมมือเรียวไปวางแนบบนใบหน้าเข้มพลางแตะไล้ที่ไรหนวดสีเขียวจาง



         “หากเรารักอย่างมีสติ รักนั้นย่อมไม่มีอันตราย”



         ดินยกมือสากวางทับไปบนหลังมือของพุ่ม มันจ้องมองใบหน้าของคนที่ครอบครองหัวใจของมันไปเสียทุกส่วน

คุณพุ่มของมันงามทั้งกายงามทั้งใจจนไอ้ดินไม่อาจหักใจ มันโน้มกายลงช้า ๆ จนกระทั่งรู้สึกถึงไออุ่นจากจมูกโด่งได้รูป

และกลีบปากนุ่มหวานฉ่ำ


            ดินประทับริมฝีปากของมันอย่างไม่รีบร้อนเพราะรู้ดีว่าคุณพุ่มของมันมิได้หนีหายไปไหน ดินเม้มกลีบปากหยุ่น

เบา ๆ ก่อนจะใช้ลิ้นของมันนำทางเข้าไปแตะไล้กับสบฟันของพุ่มและส่งปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากแสนหวาน


           “อืมมม ดิน”


          ได้ยินเสียงหอบหายใจดังมาจากลำคอของพุ่ม ไอ้ดินพลันตวัดเรียวลิ้นอุ่นเข้าหาพลางเอนกายกำยำของมันลง

ทาบทับบนเนื้อตัวนุ่มเนียน มือร้อนที่วางอยู่ตรงเอวสอดลึกเข้าไปในผ้าป่านบางเบาของพุ่มก่อนจะไปหยุดที่ตุ่มไตเม็ด

เล็กแล้วเคล้าคลึงเบามือ


         “อื้อ”


         ร่างโปร่งแอ่นสูงเบียดเข้าหามันอย่างลืมตัว ไอ้ดินแค่สะกิดเบา ๆ ปมมัดกางเกงผ้าแพรที่พุ่มสวมใส่ก็หลุดลุ่ย ดิน

ทิ้งน้ำหนักที่เอวไปมาจนชายกางเกงแพรเนื้อลื่นตัวนั้นพลันเลื่อนไหลออกจากท่อนขาเรียวไปกองอยู่ตรงปลายเท้าให้พุ่ม

สะบัดจนหล่นหาย เพียงไม่นานพุ่มก็เหลือเพียงกายไว้ให้ไอ้ดินได้มองอย่างหลงใหล


          “คุณพุ่มงามเหลือเกินขอรับ” มันเอ่ยเสียงกระเส่า


          “หมดจดไปหมดทั้งตัว หาได้มีไฝผ้ามาให้เกิดราคีแม้สักนิด”


           “ปากเอ็งหวานนัก”


           พุ่มมองกลับสายตาฉ่ำหวาน มืดนุ่มวางอยู่บนบ่ากว้างจิกเล็กลงไปเบา ๆ เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของท่อน

เนื้อที่บดเบียดลงมาจนต้องเปิดทางรับ


         “เอ็งจะไปกล่าวคำหวานเช่นนี้กับผู้อื่นบ้างหรือไม่”


        “หัวใจของไอ้ดินมีแค่คุณพุ่มเพียงคนเดียวขอรับ”


          ไอ้ดินกล่าวคำสัตย์ มันดันเอวล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายร้อนผ่าวทีละนิด สัมผัสเสียดสีเรียกเสียงครางแผ่วจากร่าง

ข้างใต้ที่ตั้งขายกฉากเพื่อให้สัมผัสนั้นสอดลึกยิ่งขึ้น


        “รวมถึงร่างกายนี้ก็มีเจ้าของเพียงคนเดียวคือคุณพุ่มเท่านั้นขอรับ”

         พูดจบไอ้ดินก็ดันเอวเข้าไปจนหมด หัวคิ้วดกดำย่นเข้าหากันเมื่อรับรู้ถึงความคับแน่นที่รอให้มันได้เชยชมใน

ค่ำคืนนี้ ร่างสูงเต็มไปด้วยพละกำลังหยัดกายขึ้นมา มันเฝ้ามองเนื้อตัวที่มีเงาจากตะเกียงดวงโตที่แขวนอยู่มุมห้อง แสง

เงาวูบวาบอยู่บนกายขาวผ่องยิ่งทำให้ไอ้ดินเต็มไปด้วยความเสน่หา


           ดินช้อนแขนเข้าไปใต้เข่าของพุ่มและยกขึ้นสูง เอวแกร่งเลื่อนกายเข้าออกช้า ๆ เพื่อเพิ่มแรงปรารถนาจนถึงขีด

สุด คุณพุ่มของมันแหงนหน้ากัดฟันพริ้มตา ร่างกายบิดพล่านซ้ายขวาเป็นสัญญาณให้ดินรู้ว่าเวลาของมันมาถึงแล้ว

ความเร็วและความแรงจึงทวีขึ้นเรื่อย ๆ จนพุ่มถึงกับผวาเข้ากอดรัด


        “โอ ดิน”


         สองแขนของพุ่มโอบรัดอยู่บนร่างกำยำชื้นเหงื่อ ได้ยินเสียงครางคร่ำครวญของตนปนเปไปกับเสียงกระทำหนัก

แน่นของบ่าวคู่ใจ พุ่มเป็นฝ่ายเอียงใบหน้าเข้าหาแล้วประกบริมฝีปากของเขากับปากแห้งผากของดิน ทั้งคู่ตวัดลิ้นเกี่ยว

พันดูดดื่ม ร่างของพุ่มถูกท่อนแขนของดินช้อนเข้าใต้แผ่นหลังและยกขึ้นมาจนกลายเป็นเขานั่งคร่อมทับอยู่บนเอวหนาที่

ยังออกแรงไม่มีตก


        “อื้อ ดิน อีกนิดเดียว”


        พุ่มขยับเอวขึ้นลงรับแรงของดิน ร่างกายของเขาสั่นระริกราวกับจะปริแตก ใบหน้าเนียนซุกลงไปกับไหล่กว้างและ

กัดฟันเต็มที่เมื่อกล้ามเนื้อส่วนล่างบีบอัด น้ำรักพุ่งวาบออกมาเปรอะเปื้อนอยู่เต็มแผ่นท้องของดิน  เสียงหวานหลุดลอด

จากลำคอยาวนานเมื่อพบกับความสุขสมและปล่อยให้ดินได้กระหน่ำเรี่ยวแรงตามติด


           “คุณพุ่ม อา ไอ้ดินจะตายเสียแล้วขอรับ”


            ช่องทางนั้นรัดรึงจนดินสุดจะทานทน มันกอดรัดพุ่มไว้แน่นพลางกลั้นใจออกแรงเฮือกสุดท้าย พิษรักของมัน

ฉีดอัดอยู่ในช่องทางร้อนระอุหากแต่หวานฉ่ำ ไอ้ดินเป่าปากพ่นคำรักหวานซึ้งออกมา


          “อา รัก ไอ้ดินรักคุณพุ่มเหลื่อเกิน คุณพุ่มของไอ้ดิน”





มีต่ออีกนิด....


หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-02-2018 00:39:58


อ่านต่อตรงนี้..





         “คุณพุ่มของไอ้ดิน”


          ปฐพีสะดุ้งเฮือกพลางลืมตาหอบกระเส่า แผ่นหลังของเขาชื้นเหงื่อทั้งที่ห้องนอนติดเครื่องปรับอากาศ

เปิดจนเย็นฉ่ำ เขาผุดลุกขึ้นมานั่งยกมือลูบใบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ ใบหน้าที่ปรากฏในความฝันยังตรึงตาจนบัดนี้


        ใครกัน!


        ปฐพีถามตนเองอย่างงงงันแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาดึงผ้าห่มออกจากตัวด้วยความรำคาญจนได้เห็นว่าช่วงล่าง

ของเขาเปียกชื้น และรู้สึกคล้ายกับว่าเพิ่งผ่านบทรักยาวนานเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา


รอจนหายใจเป็นปกติชายหนุ่มจึงได้สะบัดหน้าขับไล่ความมึนงง เขาหาคำตอบไม่ได้ว่าบุรุษที่อยู่ในความฝันนั้นเป็นใคร

กันแน่





           กว่าจะขับรถยนต์มาถึงมหาวิทยาลัยก็ช่วงสายของวัน ปฐพีจอดรถเรียบร้อยจึงได้เดินทอดน่องมาตาม

ทางเดินพลางคิดถึงความฝันของเขา ทำอย่างไรก็สลัดใบหน้านั้นให้หลุดไปจากจินตนาการไม่ได้เสียทีจนเริ่มจะ

หงุดหงิด แต่ความคิดของเขาก็พลันสะดุดเมื่อเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระน้ำกว้างของ

มหาวิทยาลัยที่จัดไว้เป็นสวนร่มรื่น เท้าของปฐพีก้าวเข้าไปหาทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง


          “สวัสดีครับอาจารย์”


           คนที่นั่งหันหลังและกำลังใช้ดินสอร่างภาพบนกระดาษหันขวับมา ปฐพีถึงกับสะดุ้ง


           แม้ใบหน้าจะไม่เหมือนกันแต่นัยน์ตาสดใสคู่นั้นไม่ต่างกันเลย อะไรบางอย่างทำให้ปฐพีนำใบหน้าของ

ผู้ชายสองคนมาซ้อนทับกัน หัวใจของเขาพลันเต้นรัว


         “อ้าว เอิร์ท”


         “ผมรบกวนเวลาของอาจารย์หรือเปล่าครับ”


          ปฐพีเพิ่งตั้งสติได้ เขายิ้มเฝื่อนด้วยความเกรงใจที่มาทำลายเวลาส่วนตัวของไตรภูมิ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า

ปฏิเสธแถมยังส่งยิ้มบาง ๆ มาให้


        “ไม่รบกวนหรอก ผมมาซ้อมฝีมือนิดหน่อยก่อนจะไปสอนน่ะ”


        “อาจารย์วาดสวยมากครับ”


          เบนสายตาไปมองภาพสเก็ตบนกระดาษ แม้ยังไม่คมชัดแต่ก็มองออกว่าเป็นภาพสระน้ำตรงหน้า ลาย

เส้นดินสอนั้นยิ่งสะกิดใจของปฐพีจนว้าวุ่น


         “ขอบใจนะ อ้าว ใกล้ถึงเวลาสอนแล้ว”


         ไตรภูมิลุกขึ้นยืนพลางทำท่าจะหยิบหนังสือเล่มใหญ่ข้างตัว ปฐพีรีบคว้ามันมาถือไว้ในมือทันที


         “ผมบอกแล้วว่าจะช่วยอาจารย์แบกหนังสือหนัก ๆ นี่ไงครับ”


         “มันไม่ได้หนักขนาดนั้น ผมถือเองได้”


          เสียงเบากล่าวแก้แต่ปฐพีก็ยังดื้อดึง


         “ให้ผมถือให้ดีกว่า ไปสิครับ วันนี้สอนที่ตึกไหนครับ”


          ไม่รู้ว่าปฐพีจะคิดไปเองหรือเปล่าว่าใบหน้าของไตรภูมิเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาหันริมฝีปากแดงเรื่อตาม

ธรรมชาติเม้มเข้าหากันก่อนที่ไตรภูมิจะเดินนำเขาออกจากสวนเล็ก ๆ แห่งนี้

           ปฐพีมองตามแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ ความอบอุ่นแล่นอาบเต็มหัวใจจนเผลอยิ้มออกมา ร่างสูงชะงักตาม

คนข้างหน้าที่หยุดเท้าลงแล้วหันไปมองต้นแก้วข้างทาง

            ไตรภูมิจ้องมองดอกแก้วดอกเล็กที่กระจายตัวกันอยู่บนพุ่มใบของต้นแก้ว ปฐพีเอ่ยถามทำลายความ

เงียบ


           “อาจารย์ชอบดอกแก้วหรือครับ”


           “ใช่” ไตรภูมิพยักหน้ารับ


           “ผมว่ามันมีเสน่ห์ กลีบสวยและมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ”


            อาจารย์หนุ่มใหญ่มองซ้ายมองขวาราวกับกลับไปเป็นเด็กก่อนจะยื่นมือเรียวไปเด็ดดอกแก้วมาช่อหนึ่ง

ไตรภูมิหันมายิ้มให้ปฐพีพลางขยิบตาให้


           “ขอเด็ดสักหน่อย คนสวนคงไม่จับได้หรอกนะ”


           ปฐพีลืมตัวจ้องมองใบหน้าสดใสนั้น เขากล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเคยใช้กับใคร


           “ผมก็อยากได้ดอกแก้วบ้าง”


           ไตรภูมิเอียงคอมอง


           “เด็ดสิ ช่วงนี้คนสวนยังไม่มาหรอก”


          ปฐพีส่ายหน้า ดวงตาคมพราวแสงเมื่อเขาชี้นิ้วไปที่ดอกแก้วในมือของไตรภูมิ


          “ผมไม่อยากได้ดอกแก้วบนต้นครับ ผมอยากได้ดอกแก้วในมือของอาจารย์ต่างหาก”




                                  TBC




                    โอ๊ยยย น้องเอิร์ทอย่าเพิ่งรุกแรง แค่นี้ก็หลงแล้ว

                      :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:






หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-02-2018 00:50:48
 :L2: :L1: :pig4:
วัยรุ่นใจร้อน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-02-2018 02:05:50
ใจเย็นนะไอ้หนุ่ม ฮิฮิ
ชอบที่ฝันนี่แหละค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-02-2018 07:16:29
มาตอนนี้ ทำเอาเลือดกำเดาไหลเลยนะ
 :haun4:
โอ๊ย...คิดถึงทั้ง 2 คน
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-02-2018 07:46:41
เขินไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-02-2018 09:59:30
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-02-2018 12:35:02
จะจีบอาจารย์ก็ค่อยไปจีบข้างนอกสิคะ จีบในมหาลัยเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก นี่ขนาดยังไม่แน่ใจอะไรน้องเอิร์ทยังรุกแรงขนาดนี้ถ้าแน่ใจแล้วอาจารย์ไตรภูมิจะมีแรงมาสอนมั้ยเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-02-2018 13:06:19
อ่อยได้อีกนะน้องเอิร์ท คุณครูหัวใจสยบแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 22-02-2018 13:25:59
เจอน้องเอิร์ทมาในแบบนี้ เล่นเอาอาจารย์ไปไม่เป็นเลย
ชอบฉากในความฝันมาก ฝันบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 22-02-2018 23:39:20
แอร๊ยยยย
เปนเด็กเปนเล็กริอาจจะเด็ดดอกแก้วซะแล้ว
คนเป็นอาจารย์จะทำไงดีหนอออออ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๒ [๒๒/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-02-2018 00:17:31
เริ่มจะจำได้แล้วสินะ
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-02-2018 00:01:20


                                  วิญญาณเสน่หา

                                     บทที่ ­­๑๓



           แก้มของหนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดฝาด ท่าทางเคอะเขินแสดงออกให้เห็นเด่น

ชัดทำให้ปฐพีอดยิ้มไม่ได้ อาจารย์ไตรภูมิหลบสายตาของเขาก้มมองได้แค่กระดุมชุดนักศึกษาเม็ดแรกจนปฐพีเอ็นดู

อะไรบางอย่างบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะรุกจนไตรภูมิตกใจ


          “ผมล้อเล่นน่ะครับอาจารย์อย่าถือสาเลย รีบไปเถอะครับแดดแรงมากขึ้นทุกทีแล้ว”


          พูดจบปฐพีก็ต้องยกคิ้วสูงอย่างแปลกใจเมื่อไตรภูมิยื่นมือที่ถือดอกแก้วมาตรงหน้าทั้งที่ยังก้มหน้าต่ำ


          “รับไปสิ”


           เสียงเบาแทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบดังมาจากใบหน้าที่ปฐพีจ้องมองอย่างเผลอไผล


           “อะไรนะครับอาจารย์”


           “ก็ถ้าเอิร์ทอยากได้ดอกแก้วผมก็ให้”


          หัวใจของปฐพีพองจนล้นอก เขายื่นมือไปรับดอกแก้วช่อนั้นมาจากไตรภูมิ กระทั่งปลายนิ้วที่สัมผัสกัน

ยังสร้างความหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ เขายกดอกแก้วขึ้นดอมดมจรดจมูก


           “ขอบคุณนะครับอาจารย์ ดอกแก้วที่อาจารย์ให้จะต้องหอมที่สุดในบรรดาดอกแก้วทั้งต้นเลย”


          ปฐพีมองเห็นเลือดฝาดนั้นแดงลามไปถึงใบหู ไตรภูมิรีบหันหลังให้ปฐพีและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายาม

ปกปิดความหวั่นไหวให้ได้มากที่สุด


          “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวผมไปสอนช้า”


            ร่างโปร่งนั้นเดินจ้ำอ้าวนำไปลิ่ว ๆ ปฐพีได้แต่อมยิ้มแล้วเดินตามต้อย ๆ เขาหย่อนดอกแก้วช่อเล็ก

ไว้ในกระเป๋าเสื้อชุดนักศึกษาอย่างทะนุถนอมราวกับมันเป็นสิ่งของล้ำค่าที่สุดของเขา








          ปฐพีอารมณ์ดีตลอดทั้งวันจนเพื่อนร่วมชั้นปีทักอย่างแปลกใจตอนที่เขาไปร่วมกิจกรรมรับน้องในช่วงเย็น


          “วันนี้ไอ้เอิร์ทแม่งยิ้มทั้งวัน ถามจริงไปโดนตัวไหนมาวะ”


          “ทำไม กูไม่ได้ดีดขนาดนั้นหรอก แต่คนอารมณ์ดีมันก็ต้องยิ้มสิวะ”


           เขาตอบเพื่อนไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเพราะอะไรถึงได้หุบยิ้มไม่ลงสักที


          “นี่ ฉันไปสืบข่าวเรื่องอาจารย์ไตรภูมิมาแล้วนะ”


          กลุ่มที่นั่งคุยด้านข้างเป็นกลุ่มหญิงสาว หัวข้อที่คุยนั้นเรียกความสนใจจากปฐพีได้ทันที เขาหูผึ่งลอบฟัง

สาว ๆ คุยกันเรื่องอาจารย์ไตรภูมิที่กลายเป็นจุดสนใจของนักศึกษาผู้หญิงหลายคน


         “โสดค่ะพวกคุณๆ ทั้งหลาย โสดสนิทไม่เคยมีแฟน อาชีพหลักเป็นอาจารย์สอนพวกเรา มีอาชีพเสริม

คือวาดรูปขาย แล้วแต่ละรูปเขาว่าขายได้ราคาแพงด้วยนะแก”


          “โอ๊ย สเป็คเลย ฮือ หล่อ เก่ง โสด จองนะคนนี้ เหมาะจะเป็นหลัวมาก”


          “อ้าว จองได้ไง ตบกันหลังเซเว่นปิดไหมจะได้จบ ๆ”


          “พวกแกหยุดแย่งกันเลยนะ ของกลางโว้ย สมบัติของมหาลัย มองได้อย่างเดียวห้ามแตะต้อง”


           ข้อมูลจากบทสนทนานั้นทำให้ปฐพีลิงโลด สถานะโสดของไตรภูมิทำให้เขาเกิดความมั่นใจหากจะเดิน

หน้าสร้างสัมพันธภาพ ในฐานะอะไรปฐพีก็ยังไม่รู้ เขารู้แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ไตรภูมิอยากเห็นไตรภูมิตลอดเวลา








          กว่าจะเลิกจากกิจกรรมเชียร์ก็ถึงเวลาพลบค่ำ ปฐพีรีบวิ่งไปที่รถยนต์คันเก่งที่บิดายกให้ใช้ท่ามกลาง

บรรยากาศขมุกขมัวและร้อนอบอ้าว ขึ้นนั่งบนรถยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องฝนก็เทลงมาหนาตา ปฐพีสบถออกมาเบา ๆ


         “เอาแล้วไง ตกอะไรตอนนี้ว้า แล้วจะถึงบ้านตอนกี่โมงล่ะเนี่ยรถติดตายห่า”


          ชายหนุ่มขับรถยนต์ออกมาจากมหาวิทยาลัยช้า ๆ ที่ปัดน้ำฝนทำงานถี่ดังขวับ ๆ ท้องฟ้ายามเย็นกลาย

เป็นสีดำมีเมฆฝนปกคลุมและสายฝนยังกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด การจราจรเริ่มติดขัดจนรถยนต์เคลื่อนที่ได้ทีละ

นิด ปฐพีมองไปนอกหน้าต่างเมื่อต้องหยุดรถตามคันหน้า พลันต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างคุ้นตาหลบฝนอยู่ที่ป้าย

รถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยปะปนไปกับคนอื่น ๆ  ชายหนุ่มรีบจอดเทียบและเปิดกระจกทันที


         “อาจารย์ครับ อาจารย์ไตรภูมิ”


          หันมองตามเสียงเรียก เจ้าของเสียงคือนักศึกษาปีหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ทุกครั้งยาม

สบตาคมคู่นั้น


         “อาจารย์ขึ้นมาบนรถของผมก่อนเถอะครับ”


          กลายเป็นเป้าสายตาให้หลายคนมองจนไตรภูมิวางหน้าไม่ถูก  เขาวิ่งฝ่าสายฝนไปที่ฝั่งด้านข้างคนขับ

ด้วยเนื้อตัวเปียกปอน เมื่อไตรภูมิขึ้นรถแล้วปฐพีจึงบังคับรถให้เคลื่อนที่ต่อ


         “หนาวไหมครับอาจารย์”


         เห็นไตรภูมินั่งสั่นเพราะความเหน็บหนาวปฐพีจึงรีบเพิ่มอุณหภูมิในรถให้อุ่นขึ้น เขาเหลียวมองคนที่นั่งอยู่

ด้านข้างด้วยความเป็นห่วง


        “ทำไมอาจารย์มายืนตากฝนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ อาจารย์ไม่มีรถยนต์เหรอ”


       “มี แต่ไม่ค่อยได้ใช้น่ะ จากคอนโดของผมมาที่มหาวิทยาลัยใช้รถไฟฟ้าสะดวกกว่า ไม่นึกว่าฝนจะตกด้วย”


        “คอนโดอาจารย์อยู่แถวไหนครับเดี๋ยวผมไปส่ง”


          ปฐพีรีบอาสาแต่ไตรภูมิมีท่าทีเกรงใจลูกศิษย์จนต้องเอ่ยปฏิเสธ


         “ไม่เป็นไรหรอก ผมกลับเองก็ได้ รบกวนเอิร์ทแค่สถานีรถไฟฟ้าก็พอแล้ว”


         “ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยครับ ผมเต็มใจอย่างยิ่งที่จะไปส่งอาจารย์”


           ชายหนุ่มหันหน้ามากล่าวด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะกลับไปสนใจการจราจรเบื้องหน้า


          “คอนโดอาจารย์อยู่ที่ไหนครับ”


          ไตรภูมิลอบมองเสี้ยวหน้าคมของคนที่นั่งข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงต้องนำปฐพีไปเปรียบเทียบ

กับดินด้วย เด็กหนุ่มที่เป็นลูกศิษย์ของเขาดูเหมือนจะเป็นคนเอาแต่ใจอยู่บ้างหรือไม่อย่างนั้นก็เป็นตัวของตัวเองอย่าง

มาก บุคลิกของปฐพียิ่งสร้างความน่าสนใจและน่าค้นหากลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขา


          “อยู่แถว....”


          ในที่สุดไตรภูมิก็ต้องยอมบอก ปฐพีส่งยิ้มมาให้จนหัวใจของไตรภูมิเต้นผิดจังหวะ


          “ประมาณสี่สถานี ความจริงก็ไม่ไกลแต่ตอนนี้คนใช้รถไฟฟ้าคงแน่นขนัดไปหมด ผมไปส่งอาจารย์น่ะ

ดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปเบียดใคร”


          “แต่รถมันติดมากและฝนก็ยังตกไม่หยุด ระยะทางใกล้ ๆ ก็คงจะนานกว่าจะถึง”


           “นานก็ดีสิครับ” ปฐพีหันมาสบตา ดวงตาคมส่องประกายวิบวับคล้ายจะแฝงความนัยในคำพูด


            “ผมจะได้อยู่ใกล้อาจารย์ คุยกับอาจารย์ได้นานขึ้นไงครับ”


           ลูกหยอดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของปฐพีทำงานได้ดีเมื่อไตรภูมิแสดงความขัดเขินออกมาอีกแล้ว แม้ว่าคน

สูงวัยกว่าจะพยายามเก็บอาการเหล่านั้นแต่ก็ไม่แนบเนียน ปฐพีเริ่มไม่มั่นใจว่าไตรภูมิจะมีอายุใกล้สี่สิบจริง ๆ อย่างที่

พวกสาว ๆ ในชั้นปีไปหาข้อมูลมาจริงหรือเปล่า เพราะอาจารย์ของปฐพีไม่ได้มีท่าทีกร้านโลกเหมือนคนวัยเดียวกันสัก

นิด

         ปฐพีเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นสัพเพเหระอื่น ๆ เพราะอยากให้ไตรภูมิพูดคุยกับเขาด้วยความคุ้นเคยมากกว่านี้

นึกอยากจะให้คอนโดมิเนียมของไตรภูมิอยู่ไกลออกไปเพื่อที่จะยืดระยะเวลานี้ให้มากที่สุด ปฐพีเสียดายเมื่อเขาขับรถ

มาถึงหน้าคอนโดมิเนียมของไตรภูมิในที่สุด


          “ขอบใจนะเอิร์ทที่มาส่ง”


            ใบหน้าอ่อนกว่าวัยหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนจนปฐพีแทบละลาย เขาตะลึงมองขณะที่ไตรภูมิกำลังจะก้าว

ลงจากรถ ปฐพีเอื้อมมือไปยึดข้อมือของไตรภูมิไว้อย่างลืมตัว


            “เอ่อ...อาจารย์”


            สมองของปฐพีทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อหาข้ออ้างที่เขารั้งไตรภูมิไว้


             “ผมปวดฉี่ ขอไปเข้าห้องน้ำที่ห้องของอาจารย์ได้ไหมครับ”





มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-02-2018 00:11:42


อ่านต่อตรงนี้....





          ไตรภูมิแปลกใจที่เขายอมให้บุคคลที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วันล่วงล้ำเข้ามาในห้องส่วนตัวได้ เพียงแค่เห็น

แววตาอ้อนวอนจากปฐพีเขาก็พยักหน้ารับและปล่อยให้ชายหนุ่มเดินตามหลังมาจนถึงห้องพักของเขา


          “ห้องน้ำอยู่ด้านนั้นนะเอิร์ท”


           ปฐพีเดินไปตามที่ไตรภูมิบอก เขากวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างรวดเร็ว ห้องพักของไตรภูมิมีพื้นที่

ใช้สอยเหมาะกับคนเมืองหลวง พื้นที่ตรงกลางจัดเป็นส่วนอเนกประสงค์ มองเห็นประตูห้องที่น่าจะเป็นห้องนอนอยู่ห้อง

หนึ่งถัดไปเป็นห้องน้ำและระเบียงแคบ ๆ ไตรภูมิเข้าห้องน้ำให้ตรงกับที่เขาอ้างเหตุผลมาเยือนที่แห่งนี้ เสร็จธุระแล้วจึง

เดินออกมามองเห็นเจ้าของห้องพักยืนอยู่ริมหน้าต่างที่เป็นกระจกใส ด้านหน้าของไตรภูมิเป็นขาตั้งสำหรับวางเฟรม

กระดาษวาดรูป


           “อาจารย์จัดห้องเป็นระเบียบมากเลยครับ”


       กล่าวชมอย่างจริงใจเมื่อก้าวเดินไปถึง ไตรภูมิถอดเสื้อผ้าเปียกชื้นออกแล้วและอยู่ใต้เสื้อคลุมตัวยาว เส้นผม

เช็ดจนหมาด สายตาที่จับจ้องภาพร่างบนเฟรมกระดาษอ่อนโยนจนปฐพีอดไม่ได้ที่จะมองภาพในกระดาษแผ่นนั้น


        ภาพนั้นเป็นเค้าโครงใบหน้าของผู้ชาย แม้จะยังเป็นเส้นหยาบ ๆ แต่ก็สามารถมองออกว่ามีใบหน้าคมเข้ม

อย่างคนไทยแท้ ปฐพีนึกอิจฉาคนในภาพที่ไตรภูมิจ้องมองด้วยนัยน์ตาหวานเจือรอยเศร้า


          “คนในรูปนี้เป็นใครหรือครับอาจารย์”


           ถามออกไปด้วยความอยากรู้พร้อมกับรอคำตอบด้วยหัวใจระส่ำระสาย ไตรภูมิถอนหายใจเบา ๆ


           “ผมกับเขาเคยรักกันในอดีต แต่ก็จากกันไปนานแล้วล่ะนะ ไม่ได้คิดถึงเขามาพักใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไม

อยู่ ๆ ช่วงนี้ถึงได้คิดถึงเขาขึ้นมา”


          ปฐพีเจ็บจี๊ดอยู่ในอกเมื่อรู้ว่าหัวใจของไตรภูมิเคยมีใครบางคนได้ครอบครองไว้ เขามองใบหน้าหรุบต่ำที่

ฉายแววเศร้าพลางถามคำถามโง่ ๆ ออกไป


           “อาจารย์ยังรักเขาหรือครับ ทั้งที่เขาไม่ได้อยู่เคียงข้างอาจารย์”


           กลีบปากแดงเม้มเข้าหากันอย่างพยายามสะกดอารมณ์ แพขนตาหนากะพริบถี่ มือเรียวยื่นไปแตะไล้

ใบหน้าบนกระดาษ


          “ขอแค่ได้รักเขาก็พอแล้ว”


           ปฐพีลืมตัว เขาแค่ไม่อยากเห็นไตรภูมิมีสีหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้ ชายหนุ่มกระชากต้นแขนของไตรภูมิให้

มาสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้มกว่าที่เคย


         “อดีตก็คืออดีต อาจารย์ไม่ควรจะจมอยู่กับมันนะครับ วันนี้คือปัจจุบันของอาจารย์ อาจารย์ควรจะรักคนที่

อยู่ในปัจจุบันของอาจารย์สิครับ”


          ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงในการกระทำที่แสนจะหุนหัน ปฐพีเพิ่งได้สติ มือที่ยึดต้นแขน

ทั้งสองของไตรภูมิตกลงมาแนบลำตัว


         “ขอโทษครับ ผมลืมตัวไปหน่อย งั้นผมกลับดีกว่ารบกวนอาจารย์นานแล้ว”


          “เอิร์ท...”


           ปฐพีฝืนยิ้ม หัวใจของเขาเหี่ยวแห้งผิดกับตอนแรกที่เดินเข้ามา


          “รีบเข้านอนนะครับ วันนี้อาจารย์เปียกฝนเดี๋ยวจะเป็นหวัด ผมไปละ”


            เขาก้าวไปทางประตูและเดินออกไป ไตรภูมิมองตามแผ่นหลังนั้นห่างไปจนกระทั่งประตูปิดลงอย่าง

ใจหาย เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้พลางมองภาพของดินในกระดาษด้วยความสับสน

          ไตรภูมิรักดิน ทุกวันนี้ก็ยังรัก


          แต่หัวใจของเขากำลังหวั่นไหวไปกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าถึงยี่สิบปี เพียงเพราะปฐพีมีดวงตาและอะไร

บางอย่างที่คล้ายกับดินแค่นั้นหรือ

        ไตรภูมิควรจะทำเช่นไรกับความรู้สึกของตนเองในตอนนี้ดีเล่า ช่างเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากเหลือเกิน







         ปฐพีล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเซ็ง ๆ หลังจากที่กลับมาถึงบ้านและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

เขาชูช่อดอกแก้วที่เหี่ยวแห้งอยู่ระดับสายตาก่อนจะถอนหายใจออกมา

          เฝ้าแต่ถามตนเองว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เฝ้าคิดถึงคนที่เพิ่งจะรู้จักได้ไม่กี่วัน หากแต่ความรู้สึกล้ำ

ลึกบางประการนั้นกลับรุนแรงราวกับรู้จักกันมายาวนาน

           คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องภาพหน้าจอซึ่งก็คือไตรภูมินั่นเอง ปฐพีสนใจผู้ชายคนนี้ เขาชอบมองใบหน้า

อ่อนเยาว์ เขาอยากรู้ความเป็นอยู่ของไตรภูมิว่าจะสุขหรือทุกข์ประการใด ยามดวงตาหวานฉายความเศร้าเขาก็อยากไป

ปลอบประโลม ความลึกซึ้งเหล่านี้เกาะกุมหัวใจแม้จะเพิ่งรู้ว่าไตรภูมิมีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว


          “เฮ้อ ไอ้เอิร์ท เป็นไรว้า อย่าบอกนะว่าชอบเขา”


          พึมพำเบา ๆ ก่อนจะวางดอกแก้วไว้บนหมอนข้างหู ปฐพีหลับตาลง


          “เขามีแฟนแล้ว เขาก็บอกอยู่โต้ง ๆ นี่มึงจะนกตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้นหรือไงวะ”


           ขนาดหลับตาก็ยังมีภาพของไตรภูมิปรากฏอยู่ ปฐพีเคลิ้มหลับไปทั้งที่ยังไม่เลิกคิดถึงไตรภูมิ






          “ดิน ดินครับ”


           เสียงนุ่มดังขึ้น ปฐพีลืมตาขึ้นมา เขาเหลียวมองโดยรอบและรู้ได้ว่าไม่ใช่ภายในห้องนอนของตน แต่

ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านไม้หลังหนึ่งที่คุ้นเคยเสียเหลือเกิน


          “ขอรับคุณพุ่ม”


           เขาขานรับด้วยภาษาที่ไม่เคยพูด ปฐพีเคลื่อนไหวราวกับไม่ใช่ตนเอง เขาก้มมองร่างกายโปร่งใสมอง

ทะลุได้ด้วยความแปลกใจ และยิ่งต้องแปลกใจมากขึ้นเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง ไตรภูมินั่นเองแต่เหมือนจะ

อายุรุ่นราวคราวเดียวกับปฐพี เขาเคลื่อนกายไปเคียงข้างและวางท่อนแขนลงไปบนเอวของไตรภูมิ


          “เรียกไอ้ดินทำไมหรือขอรับ”


          “ก็เห็นดินยืนเหม่อไงครับ มีอะไรหรือเปล่า”


          “จะมีกระไรนอกจากหาทางให้คุณพุ่มสุขสบายเท่านั้นเองขอรับ”


           “ปากหวานตลอดเลยดิน พูดกับผมแบบธรรมดาบ้างก็ได้”


           ไตรภูมิยิ้มเขิน ร่างกายไร้เลือดเนื้อได้แต่ดึงเขาเข้ามากอด


           “กระผมกล่าวตามที่ใจคิดขอรับ สิ่งใดที่จะทำให้คุณพุ่มมีความสุขได้ก็จะทำ”


           “ดินดีกับผมเหลือเกิน เมื่อไหร่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างคนทั่ว ๆ ไปบ้าง”


            “โธ่ คุณพุ่มของไอ้ดิน อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้เลย ไอ้ดินจะขาดใจตาย หันหน้ามาทางนี้เถอะ ให้

ไอ้ดินจูบรับขวัญนะขอรับ”


           ร่างเย็นบรรจงจูบไปกับเนื้ออุ่น มือใหญ่วาดมือสัมผัสแนบไปบนต้นขาบีบเค้นเป็นทาง ไตรภูมิสูดลม

หายใจช้า ๆ เมื่อถูกฟอนเฟ้นใบหูด้วยปลายลิ้น ส่วนอ่อนไหวตกอยู่ในกำมือหนาหนัก ไตรภูมิผวาเข้าหาพลางส่งเสียง

แหบพร่าพาให้เตลิด


          “ดิน รักดินจังครับ”


          เลื่อนกายลงต่ำไปอยู่ตรงเอวของไตรภูมิ จ้องมองแก่นกายพอเหมาะงดงามนั้น เขายึดมันไว้และขบเม้ม

เชยชมยอดอ่อนสีหวานก่อนจะลามกลืนกินเข้าไปจนหมดด้วยความเต็มใจ ได้ยินเสียงแผ่วหวานดังลอดมาจากกลีบปาก

งามเมื่อเขาขยับซ้ายขวา


           “หากคุณพุ่มชอบ กระผมก็ดีใจขอรับ”


           ส่งเสียงอู้อี้เพราะยังเอร็ดอร่อยเหลือเกิน น้ำลายเปียกชื้นอยู่โดยรอบจนเขาคอแหบแห้งแต่ก็ยังไม่

เลิกรา มือเย็นเคล้าคลึงตุ่มไตบนแผ่นอกเนียนเรียบจนมันชูชันขยายชัด คุณพุ่มของมันบิดพล่านไปมา


           “อื้อ ดินครับ อีกนิดเดียว”


             ได้ใจจนยิ่งออกแรงโยกหน้าขึ้นลง มือของคุณพุ่มที่กำแน่นบนบ่าจิกเนื้อลงมาพร้อมกับส่งเสียงดัง

กว่าเก่า น้ำรักผุดออกมาให้มันได้ลิ้มรสจนต้องดูดกลืนไม่มีเหลือ ตอนนั้นเองที่มันเพิ่งจะยอมคลายออกจากปากให้คุณ

พุ่มได้เป็นอิสระ มันผงกหัวมองใบหน้าหวานสุขสมด้วยความยินดี

           คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อใบหน้าคุณพุ่มในตอนนี้กลับซ้อนทับกับคุณพุ่มในอีกใบหน้าหนึ่ง แม้จะแตก

ต่างแต่กลับสนิทแนบแน่นราวกับเป็นคนเดียวกัน

           ปฐพีผวาตื่นขึ้นมานั่งหัวใจเต้นตึกตัก เมื่อในฝันเขากลายเป็นไอ้ดินที่กำลังเชยชมเรือนร่างของไตรภูมิ

ความรู้สึกเหล่านั้นชัดเจนราวกับผู้ที่กระทำต่อไตรภูมิคือตัวเขาเอง




                                TBC

                        กำลังสับสนทั้งคู่เลย เฮ้ออ

                  o9 o9 o9 o9 o9








หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-02-2018 07:09:52
ฝันดีตลอดแหละ  อิอิ
แต่ถ้าจะให้ดีกว่าฝันต้องรุกบอกชอบไปเลย เล่าความฝันไปเลยสิ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-02-2018 07:14:36
อิอิ ค่อยๆ ฉายอดีตทีละเล็กละน้อย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-02-2018 07:29:23
สนุกมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-02-2018 10:17:57
วาบหวามตลอดเลยนะ
 :haun4:
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-02-2018 10:28:43
รอให้มีอะไรมาทำให้ทั้งคู่รู้
สงสาร การรอคอยนานๆ :sad11:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิ mali ที่ 26-02-2018 11:08:52
เป็นคูที่รักกันรุนแรงจริงๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-02-2018 14:12:43
จะบอกว่าเอิร์ทฝันดีหรือฝันร้ายดีละแบบนี้  :hao6: อดีตเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆสำหรับเอิร์ทแล้วเหลือแค่เอิร์ทจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้มากแค่ไหนนี่แหละ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๓ [๒๖/๐๒/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-02-2018 15:10:53
:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-03-2018 22:06:44


                             วิญญาณเสน่หา

                               บทที่ ­­๑๔



         ปฐพีตื่นสายในวันรุ่งขึ้นเพราะกว่าจะข่มตาให้หลับต่อก็เกือบรุ่งเช้าแล้ว ดีที่เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องรีบ

ร้อนไปมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านด้วยสีหน้าที่ยังงัวเงียจนบิดาต้องเอ่ยปากทัก


        “ทำไมสภาพลูกชายพ่อเหมือนคนอดนอนล่ะนี่”


        “นอนไม่หลับครับพ่อ”


         ครอบครัวของปฐพีประกอบด้วยบิดามารดาและพี่ชายที่ไปเรียนต่อต่างประเทศอีกหนึ่งคน พ่อของปฐพีชื่อ

บัญชาเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ส่วนมารดาชื่อนลินีเป็นนักจิตวิทยา ฐานะทางบ้านแม้จะไม่รวยจนเรียกว่าเศรษฐี

แต่ก็มีใช้ไม่เดือดร้อน


        “พูดเหมือนเป็นคนแก่ อายุเท่านี้นอนไม่หลับด้วยหรือ”


         บัญชาหยอกเย้าบุตรชายอย่างสนิทสนม ปฐพีถอนหายใจพลางเดินไปเปิดตู้เย็นคว้ากล่องนมขึ้นมาดื่ม

เขากลับมานั่งที่เดิมและเอ่ยถามบิดา


         “พ่อ พ่อเคยฝันอะไรที่มันเหมือนจริง แล้วก็เป็นฉากเดิม ๆ หรือไม่ก็เรื่องต่อ ๆ กันเหมือนดูหนังไหม”


          “ไม่เคย”


         บัญชาละสายตาจากรายการข่าวทางโทรทัศน์แล้วหันมาให้ความสนใจกับปฐพีอย่างจริงจัง


        “ถามแบบนี้คือเพราะเราฝันอย่างนั้นหรือ เรื่องแบบนี้ลองปรึกษาแม่เขาดูไหม”


        “คุยอะไรกันพ่อลูก”


        นลินีเดินยกจานผลไม้ออกมาจากครัวมาวางลงตรงหน้าสามีและลูกชาย เธอมองหน้าหมองของปฐพีด้วย

ความสงสัย


          “เอิร์ทอยากเล่าให้แม่ฟังไหม”


          ครอบครัวของปฐพีอยู่กันอย่างอบอุ่น พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ ปฐพีจึงไม่ใช่เด็กมีปัญหาก็อาจจะมี

แค่เอาแต่ใจเล็กน้อยตามประสาลูกคนเล็ก เขาจึงเอ่ยปากเล่าเรื่องความฝันให้มารดาฟัง


         “เอิร์ทฝันถึงผู้ชายสองคนครับแม่ ฝันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ คนหนึ่งแต่งตัวโบราณ ๆ อีกคนหนึ่งเขา

เป็นอาจารย์สอนวาดรูปที่มหาวิทยาลัยของเอิร์ทเอง แต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เอิร์ทรู้สึกว่าผู้ชายสองคนนั้นเขาเป็นคน

เดียวกัน แล้วในฝันเอิร์ทก็ เอ่อ รักผู้ชายสองคนนี้”


        นลินีนิ่งฟังปฐพีอย่างตั้งใจ เมื่อบุตรชายเล่าจบเธอจึงให้คำแนะนำ


       “ความฝันมันแสดงจิตใต้สำนึกที่ซ่อนอยู่ เอิร์ทอาจจะชอบที่อาจารย์สอนดีสอนสนุกจนเก็บมาฝันถึงก็ได้นะ”


       “แล้วผู้ชายอีกคนล่ะแม่ เอิร์ทมั่นใจว่าไม่เคยเจอแน่ ๆ ทำไมเอิร์ทถึงคิดว่าเขาเป็นคนเดียวกับอาจารย์ล่ะ”


        คำถามของปฐพีทำให้นลินีไม่กล้าตอบในตอนนี้ ช่วงนี้เธอกำลังศึกษาทางด้านศาสนวิทยาเพิ่มเติม เธอเดา

ว่าบุตรชายกำลังได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง


       “แม่ไม่มั่นใจพอจะตอบเอิร์ทเลยเพราะความรู้แม่ยังไม่มากพอ ถ้าอย่างนั้นเอิร์ทไปกับแม่ไหมลูก แม่จะนำ

เงินทำบุญของแม่กับเพื่อน ๆ ไปถวายหลวงพ่อที่วัดที่แม่ไปเรียนเรื่องธรรมะพอดีเลย หลวงพ่อที่สอนแม่เขามีความ

รู้มากนะ”


          เพราะเหตุนี้เองครอบครัวของปฐพีจึงพากันไปยังวัดดังในแถบชานเมืองหลวงแห่งหนึ่ง นลินีเดินนำสามี

และบุตรเข้ามากราบนมัสการพระคุณเจ้าเจ้าอาวาสวัสแห่งนี้ นลินีและบัญชาพูดคุยกับพระภิกษุวัยชราอยู่ครู่ใหญ่จนเสร็จ

สิ้นธุระนลินีจึงได้เกริ่นนำเรื่องบุตรชาย


        “นอกจากเรื่องเงินทำบุญแล้วยังมีอีกเรื่องค่ะหลวงพ่อ ลูกชายดิฉันเขามาปรึกษาว่าฝันเรื่องเดียวกันมา

หลายคืน หลวงพ่อพอจะชี้แนะได้ไหมคะ”


          เมื่อมารดากวักมือเรียกปฐพีที่นั่งรออยู่ไม่ไกลนักจึงคลานเข่าเข้าไปกราบนมัสการ เมื่อเงยหน้าเขาจึง

สบตากับดวงตาแจ่มใสแม้จะฝ้าฟางไปบ้างเพราะวัยชรา


        “ยังมีบุญเกื้อหนุนซึ่งกันอยู่สินะ”


        ปฐพีงงงัน เขาสบตากับพระภิกษุวัยชราน่าเลื่อมใส


        “อะไรนะครับหลวงพ่อ ผมไม่เข้าใจ”


       “ดวงเขามาคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอกนะ โยมนลินี ลูกชายของโยมน่ะ เขามีดวงคู่เกื้อหนุนกันมานาน

แล้ว”


          ปฐพีเบิกตากว้าง ตะลึงงันกับคำกล่าวของหลวงพ่อ เขาหักห้ามความตื่นเต้นและกล่าวคำถามด้วยน้ำ

เสียงเบาหวิว


         “ทั้งหมดคือความจริงอย่างนั้นหรือครับ แต่ที่ผมเห็นมันปะติดปะต่อเรื่องไม่ชัดเลย”


         หลวงพ่อยิ้มให้อย่างมีเมตตาและตอบคำถามของเด็กหนุ่มด้วยความเต็มใจ


        “จิตบางจิตก็ละทิ้งเรื่องเดิมจนไม่มีสัญญาณใดๆ ติดมาเลย แต่บางจิตก็ผูกพันกันแน่นหนาด้วยบุญหรือ

กรรมก็แล้วแต่ จนเรื่องราวฝังอยู่ในจิตไร้สำนึกและบางทีก็แสดงออกมาให้รับรู้”


         ชายหนุ่มยังคงสับสน เขาตั้งคำถามต่อพระภิกษุวัยชราอย่างต่อเนื่อง


        “แล้วผมควรจะทำอย่างไรต่อครับหลวงพ่อ”


         ปฐพีไม่มั่นใจ หากเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงที่เขายังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ยากยิ่ง ไตรภูมิที่ปรากฏตัวใน

ความฝันจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วยหรือไม่


          “รู้หรือไม่รู้ก็ดีกันคนละอย่าง”


          หลวงพ่อตอบคำถามราวกับนั่งอยู่ในหัวใจของเขา


         “บางครั้งไม่รู้อะไรเลยก็ดี จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่ต้องสนใจอดีต บางครั้งรู้เรื่องไว้ก็ดี เพื่อจะได้

แก้ไขให้ชีวิตใหม่นั้นสมบูรณ์กว่าเดิม แต่รู้หรือไม่รู้ สิ่งที่ควรทำคือความดีเพื่อให้เป็นผลบุญต่อตนเองและคนที่เป็นดวง

เกื้อหนุนกับเรา”




         ปฐพียังคงครุ่นคิดในคำแนะนำของหลวงพ่อแม้ว่าจะเดินทางกลับแล้ว เขานั่งในตอนหลังของรถยนต์ที่

บัญชาและนลินีนั่งอยู่ด้านหน้า เขาปล่อยให้บิดามารดานั่งคุยกันไปขณะที่เขามองเหม่อไปนอกหน้าต่าง

       เขายังจำทุกอย่างไม่ได้ทั้งหมด เพียงแค่ความฝันกระท่อนกระแท่นไม่ได้ทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัด แต่สิ่งที่

ปฐพีมั่นใจที่สุดในตอนนี้คือความรู้สึกรักและผูกพันกับไตรภูมิตั้งแต่แวบแรกที่เขาเห็นผู้ชายคนนั้น และไตรภูมิจะคิด

อย่างไรต่อเขาปฐพีก็สุดจะรู้ ในเมื่อไตรภูมิยังมีใจให้คนในรูปวาดจนปฐพีนึกอิจฉา เขาอยากจะรู้นักว่าผู้ชายที่ไตรภูมิรัก

นักหนาในปัจจุบันนี้คือใคร


         “ยังคิดเรื่องความฝันอยู่หรือลูก”


         นลินีหันมาคุยกับเขา ปฐพีพยักหน้ารับ


        “เอิร์ทอึดอัดน่ะแม่ หากมันคือเรื่องจริง รู้ก็รู้แค่นิดหน่อยเหมือนดูหนังไม่จบเรื่อง”


         “หลวงพ่อท่านก็บอกแล้วนี่นาว่าไม่ต้องสนใจ รู้กับไม่รู้ก็เหมือนกัน ถ้าดวงมันจะเป็นคู่กันจริงเอ็งก็เดิน

หน้าลุยเลยสิวะไอ้เสือ”


         พ่อของเขาพูดอย่างอารมณ์ดีจนปฐพีอดหัวเราะไม่ได้


        “พ่อ ไม่ตกใจบ้างหรือไงที่ลูกชายฝันถึงผู้ชายด้วยกัน ตามปกติพ่อแม่คนอื่นเขาต้องห้ามสิ นี่ทำไมพ่อถึง

มายุให้ลูกไปจีบเขาล่ะนี่”


       “นั่นมันพ่อแม่ยุคไดโนเสาร์โว้ย นี่พ่อแกนะ แกไม่เห็นถึงความทันสมัยของพ่อบ้างเลยหรือไง เขารณรงค์

เรื่องความหลากหลายทางเพศกันโครม ๆ ไปทั่วโลก พ่อใช้อินเตอร์เน็ทเพื่อหาข่าวสารพวกนี้ ไม่ใช่เอาไว้ส่งรูปสวัสดี

วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์นะ”


         บุตรชายอมยิ้มกับวาทะของบิดา เขาหันไปหามารดาบ้าง


        “แม่ละครับ แม่คิดยังไงกับเรื่องนี้”


        นลินีหันมาแล้วยิ้มให้ปฐพีอย่างอบอุ่น


       “แม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว ส่วนทางเดินเอิร์ทก็ต้องเลือกเองนะลูกเพราะมันเป็นชีวิตของเอิร์ท ถ้าลูกมีความสุขแม่

ก็ดีใจแต่ถ้าลูกมีปัญหาแม่ก็จะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ โอเคนะเจ้าแสบ”


        ปฐพีนึกอยากจะโผเข้ากอดบิดามารดานัก เขาดีใจที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ดีเช่นนี้ อย่างน้อยก็เป็นบุญ

อย่างหนึ่งที่ปฐพีได้รับมาในชีวิต


        หางตาแลเห็นที่ดินว่างเปล่าผืนหนึ่ง ปฐพีหันขวับไปมองทันที เขาเบิกตากว้างพลางตะโกนลั่น


        “พ่อ พ่อจอดรถก่อน เร็ว ๆ”


        บัญชาเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง เขาและภรรยามองหน้ากันอย่างแปลกใจเมื่อเห็นบุตรชายลงจากรถเดินตรงลิ่ว

ไปยังที่ดินผืนเปล่าล้อมรั้วด้วยกำแพงอิฐไม่สูงมากนัก บัญชากับนลินีเดินตามไปยืนเบื้องหลังบุตรชายเมื่อเห็นปฐพีมอง

ที่ดินว่างราวกับตกอยู่ในภวังค์

        เขาต้องเคยรู้จักพื้นที่แถวนี้แน่ ๆ ปฐพีบอกตนเอง พื้นที่วางเปล่ามีต้นหญ้าขึ้นคลุมถึงหัวเข่าท่ามกลางบ้าน

เรือนหนาแน่น ไม่ไกลจากบริเวณนี้มีลำคลองเล็ก ๆ เต็มไปด้วยร้านอาหารสร้างอยู่ริมคลอง


       “มีอะไรหรือเปล่าเอิร์ท”


       นลินีเอ่ยถาม ปฐพีจึงได้ตื่นจากภวังค์และหันมาตอบมารดา


      “เอิร์ทว่า เอิร์ทคุ้นตาที่ตรงนี้น่ะแม่ ทั้งที่เพิ่งจะเคยมาแถวนี้ครั้งแรก”


       รั้วของบ้านหลังหนึ่งที่รั้วอยู่ชิดกับที่ดินเปล่ามีคนเปิดประตูออกมา เจ้าของบ้านหันมามองพ่อแม่ลูกที่ยืนอยู่

พลางเอ่ยทัก


       “สนใจที่ดินหรือครับ เจ้าของเขาไม่ขายนี่”


        ปฐพีเดินเข้าไปและกล่าวถามทันที


        “ใครเป็นเจ้าของที่ตรงนี้หรือครับ”


         เจ้าของบ้านหลังติดกันขมวดคิ้วเล็กน้อย


         “เอ เคยคุยกันไม่กี่ครั้งแต่ก็ลืมถามชื่อเขา รู้สึกจะเป็นครูหรือไงนี่แหละครับ แกนาน ๆ มาที มาก็หาคน

มาดายหญ้าบ้าง อะไรบ้างแต่ก็ไม่ยอมสร้างอะไรนะ คนมาถามซื้อกันเยอะเพราะมีถนนตัดเข้ามาแล้ว ด้านหลังก็มีคลอง

กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เจ้าของเขาก็ไม่ขายทั้งที่ราคาดีมาก ถ้าเขามาอีกผมจะถามชื่อกับเบอร์ติดต่อไว้ละกัน”


        ปฐพีได้แต่หันไปมอง แปลกที่เขาจินตนาการออกถึงบริเวณโดยรอบ เขาแทบจะมองเห็นต้นไทรต้นใหญ่ที่

ยังยืนต้นอยู่ริมคลองปล่อยให้รากอากาศทิ้งตัวลงสู่ผืนน้ำ รวมถึงศาลเพียงตาหลังเล็กจนไม้ผุที่ตั้งอยู่โคนต้น และที่

สำคัญคือบ้านไม้ที่มีหน้ามุขทรงหกเหลี่ยมตั้งอยู่กลางพื้นที่ว่างตรงหน้า


          หัวใจของปฐพียังเต้นเร็วไม่เลิกแม้ว่าบิดามารดาจะชักชวนให้ขึ้นรถยนต์กลับบ้านแล้วก็ตาม



มีต่ออีกนิด...







หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-03-2018 22:16:24
ต่อกันตรงนี้...



          ทั้งสัปดาห์นั้นไตรภูมิไม่เห็นปฐพีแม้แต่เงา

           วิชาวาดรูปที่ไตรภูมิสอนมีสัปดาห์ละสองวัน แต่ทั้งสองวันปฐพีไม่ได้เข้าชั้นเรียน ไตรภูมิได้แต่กวาด

สายตามองหา น่าแปลกที่หัวใจพลันห่อเหี่ยวได้แต่หวังว่าชายหนุ่มจะเดินเข้ามาแต่จนหมดชั่วโมงความหวังของเขาก็

หมดลง

          เป็นสัปดาห์ที่แสนจะทรมานจนเขานึกโมโหตนเองที่เฝ้าแต่นึกถึงเด็กหนุ่มที่เป็นลูกศิษย์เช่นนั้น ทั้งที่เขา

บอกตนเองแล้วว่าเขาควรจะซื่อสัตย์ต่อความรักที่มีต่อดิน ความละอายแก่ใจบังเกิดมาจนกระอักกระอ่วนจนต้องพยายาม

ตัดใจแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน

           อีกทั้งไตรภูมิไม่มั่นใจความรู้สึกที่ปฐพีมีต่อเขา ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นอาจจะไม่ได้คิดอะไรไปทำนอง

เดียวกัน อาจจะมีแค่ไตรภูมิที่ฟุ้งซ่านอยู่ฝ่ายเดียว และนั่นอาจทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่า ไตรภูมิทอดถอนหายใจในวัน

สุดท้ายของสัปดาห์ขณะที่เขากำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพักอาจารย์ของเขาเพื่อเก็บอุปกรณ์การสอนก่อนกลับบ้าน

            พลันสายตาเบิกกว้างเมื่อเห็นปฐพียืนอยู่ไม่ไกลนัก หัวใจของไตรภูมิเต้นระส่ำด้วยความยินดีก่อนที่มัน

จะเหี่ยวแห้งลงอีกครั้งเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ และพูดคุยกับปฐพีอย่างสนิทสนม

           นึกถึงความเป็นจริงที่ปฐพีอายุน้อยกว่าเขาถึงยี่สิบปี ความเหมาะสมนั้นมองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย

ไตรภูมิตัดใจจากภาพบาดตานั้นและหันหลังให้


           “จะกลับห้องพักหรือครับอาจารย์ไตรภูมิ”


          ไตรภูมิสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังอยู่เบื้องหลัง เขาไม่กล้าหันกลับไปมองจนเจ้าของเสียงต้องเดิน

อ้อมมาอยู่ตรงหน้า


         “มาครับ ผมช่วยถือ”


         “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกเอิร์ท”


        “อย่าดื้อสิครับ”


         ร่างสูงกว่าคว้าข้าวของในมือของไตรภูมิไปโดยไม่ฟังคำห้าม จนไม่รู้ว่าคนแก่กว่าหรือเด็กกว่ากันแน่ที่ดื้อ

ปฐพีส่งยิ้มชวนใจสั่นให้กับไตรภูมิ


           “ไปครับอาจารย์”


          ไตรภูมิหมดทางโต้แย้ง เขาได้แต่เดินนำปฐพีไปยังห้องพักเงียบ ๆ แม้จะหักห้ามเพียงไหนแต่แค่ได้ยิน

ฝีเท้าที่เดินตามหลังมาหัวใจของไตรภูมิก็อดเต้นรัวไม่ได้


         “ขอบใจนะเอิร์ท วางไว้บนโต๊ะนี่แหละ”


          ปฐพีวางของลงบนโต๊ะ สายตาคมจับจ้องใบหน้าที่ตรึงตาเขาตั้งแต่แรกเห็น ครั้นไตรภูมิเผลอหันมา

สบตาก็ถึงกับชะงัก เลือดในกายแล่นวูบวาบมารวมกันอยู่บนใบหน้าจนร้อนเห่อ เขากะพริบตาเรียกสติและเบนสายตา

หลบจากตาคมที่ยังมองเขาไม่มีหลุกหลิก


          “อากาศร้อนอบอ้าว เอิร์ทคงร้อนมาก เดี๋ยวผมจะไปหาน้ำมาให้...”


           ขณะกำลังหมุนกายเพื่อกลบเกลื่อนท่อนแขนของไตรภูมิกลับถูกปฐพียึดไว้ ชายหนุ่มเคลื่อนกายมายืน

อยู่เบื้องหลัง ลมหายใจอุ่นรินรดอยู่ใกล้ใบหูจนไตรภูมิตัวแข็งราวกับหุ่น


           “ไม่เห็นหน้ากันหลายวัน อาจารย์คิดถึงผมบ้างไหมครับ”


           “เอิร์ท!”


           “ผมพยายามแล้ว ลองที่จะไม่มาพบอาจารย์ ลองว่าจะเลิกคิดถึงอาจารย์บ้างไหม แต่ก็ไม่สำเร็จ”


           เสียงหัวเราะขมปร่าดังตามมาจนหัวใจของไตรภูมิอ่อนยวบ


           “ทำยังไงก็ยังคิดถึงอาจารย์อยู่ดี”


           “เราไม่ควรจะพูดกันเรื่องนี้”


           ไตรภูมิตอบโต้ ได้ยินเสียงตนเองสั่นพร่า


          “ผมเป็นอาจารย์ คุณเป็นลูกศิษย์ มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสม”


          “ผมเป็นมนุษย์ครับ อาจารย์ก็เช่นเดียวกัน ผมมีหัวใจและผมห้ามความรู้สึกไม่ได้”


           สองแขนของปฐพีโอบกอดไปกับร่างอุ่น แผ่นหลังของไตรภูมิแนบอยู่กับแผ่นอกของเขา แม้อีกฝ่ายจะ

ขืนกายไว้แต่ปฐพีก็ไม่ยอมปล่อย


           “คุณก็รู้ว่าผมมีคนรักอยู่แล้วนะเอิร์ท”


          “ถ้าอย่างนั้นคนรักของอาจารย์อยู่ไหนล่ะครับ ทำไมไม่มาแสดงตัว”


          “เขา เอ่อ เขาตายไปแล้ว”


          “ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งดีใหญ่ อาจารย์ควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่ต้องไปยึดกับคนรักที่ตายไปแล้ว”


          “เอิร์ท”


          ไตรภูมิฝืนกายตนเองออกจากอ้อมกอด เขาหันกลับมาเผชิญหน้า ดวงตาแดงก่ำ


          “ผมเคยสัญญากับเขาว่าจะมีหัวใจให้เขาคนเดียว”


           “ถ้าผมเป็นคนรักของอาจารย์ที่ตายไปผมคงเสียใจที่กักขังหัวใจของอาจารย์ไว้กับเขาและปล่อยให้คน

รักใช้ชีวิตอย่างคนไม่มีหัวใจ”


           น้ำเสียงของปฐพีเข้มและดึงดันในสิ่งที่เขาต้องการจนไตรภูมิเจ็บปวด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับเด็ก

หนุ่มตรงหน้า ทั้งที่ความจริงเขาหวั่นไหวกับปฐพีตั้งแต่แรกเห็น


            “มองผมสิครับอาจารย์”
               


                          มือของปฐพียึดต้นแขนทั้งสองของไตรภูมิไว้


           “ผมไม่รู้ว่าคนที่อาจารย์รักเป็นคนยังไงแต่ผมอยากเป็นคน ๆ นั้น อยากเป็นเขาที่อาจารย์มอบหัวใจให้

ผมอาจจะดีน้อยกว่าเขาที่จากอาจารย์ไป แต่ผมยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์และรักอาจารย์ไม่แพ้เขาแน่นอน ผมไม่ห้ามหาก

อาจารย์จะไม่ลืมเขา แค่อาจารย์เปิดใจให้รักผมอีกสักคน เริ่มต้นใหม่กับผมจะได้ไหม”


           หัวใจของไตรภูมิเกือบจะหยุดเต้นเมื่อปฐพีดึงเขาเข้าไป ร่างสูงก้มใบหน้าต่ำและแนบริมฝีปากลงมากับ

กลีบปากของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ความอุ่นร้อนของเลือดเนื้อและลมหายใจที่เป่ารดลงมาทำให้ไตรภูมิน้ำตาไหล มัน

ช่างเป็นสัมผัสที่คุ้นเคยและโหยหา


           “ดิน ดินของผม”



                               TBC


         เดี๋ยวจะงงกัน เอิร์ทฝันเห็นคุณพุ่มและไตรภูมิ แต่เขามองไม่เห็นหน้าตัวเอง

                      ว่าหน้าตาเหมือนดินนะเจ้าคะออเจ้าทั้งหลาย


                                                                        :teach: :teach: :teach: :teach: :teach:


 
 
 
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-03-2018 23:04:36
 :L2: :L1: :pig4:

จะได้รักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-03-2018 23:55:54
อาจารย์หักห้ามใจตนเองไม่ได้แล้วต่อ หัวใจสองดวงเค้าผูกกันไว้ สุดท้ายก็ได้รักกันอยู่ดี
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-03-2018 00:30:51
สนุกมากเลยค่ะในทีสุดความจริงที่ทั้งสองคนจะได้กลับมารักกันก็ไกล้เข้ามาละ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-03-2018 13:56:14
ไตรภูมิซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง
แม้ว่า มีใจให้อีกคนแต่ก็ยังยึดมั่น
ในคำสัญญา ดีแล้วที่รับรู้ว่ารอยสัมผัส
จากเอิร์ท นั้นเหมือนกันดิน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-03-2018 17:17:43
จูบนี้รอมานาน
สองชาติแล้วนะดิน ไม่รอแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-03-2018 21:51:42
จุ๊บบบบบบ กันแล้ว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 06-03-2018 14:00:53
ลุ้นหนักมากอยากให้เขาสมหวังกัน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๔ [๐๓/๐๓/๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-03-2018 16:10:16

เดี๋ยวจะงงกัน เอิร์ทฝันเห็นคุณพุ่มและไตรภูมิ แต่เขามองไม่เห็นหน้าตัวเอง

                      ว่าหน้าตาเหมือนดินนะเจ้าคะออเจ้าทั้งหลาย


อ๋ออถึงว่าสิ เอิร์ทฝันเห็นในมุมมองของตัวเองนี่เองเลยไม่เคยเห็นหน้าดิน ตอนแรกเราก็คิดว่าที่เอิร์ทจำดินไม่ได้จากรูปวาดเป็นเพราะหน้าตาคนละแบบกันซะอีก
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-03-2018 18:30:14


                                   วิญญาณเสน่หา

                                      บทที่ ­­๑๕



        ปลายลิ้นแทรกซึมเข้ามาตรึงไตรภูมิไว้ราวกับวิญญาณลอยหาย เขาแหงนหน้ารับโดยไม่รู้ตัวให้เด็กหนุ่มที่

อายุน้อยกว่าถึงยี่สิบปีขบเม้มริมฝีปากของเขาไว้ ปฐพียังคงโอบกอดร่างของเขาจนแทบจะจมไปกับแผ่นอก และกว่าจะ

รู้ตัวไตรภูมิก็ยกสองแขนขึ้นคล้องไปรอบลำคอของปฐพีและเหนี่ยวรั้งเขาไว้เมื่อจุมพิตคลายออก

        ไตรภูมิหลับตา ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวเมื่อยังตกอยู่ในภวังค์และดื่มด่ำไปกับจูบที่ร้างลามานาน หากไม่

ลืมตาไตรภูมิคิดว่าเจ้าของจูบนั้นคือดิน หากแต่เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นภาพของดินในจินตนาการกลับซ้อนทับกับ

ใบหน้าของปฐพี ไตรภูมิรีบผลักชายหนุ่มให้ห่างแต่อีกฝ่ายก็ยังดื้อดึงเหนี่ยวรั้ง


         “เอิร์ท ปล่อย ปฐพี ผมบอกให้คุณปล่อยผม”


         เสียงดุของไตรภูมิทำให้ปฐพีจำเป็นต้องปล่อย สีหน้าของไตรภูมิแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันหลากหลาย

ใจหนึ่งอิ่มเอมที่ปฐพีมีใจต่อเขา แต่อีกใจก็ยังละอายแก่ใจหากผิดคำสัญญา เขาสับสนว่าควรจะตัดสินใจอย่างไร


        “อาจารย์เองก็ชอบผม อย่าปฏิเสธเลยครับ”


        ปฐพีย้ำตรงจุด ไตรภูมิจูบตอบเขาและต้องยอมรับว่าเป็นจูบที่แสนหวาน เขายังเสียดายที่ต้องถอนริมฝีปาก

ออกมาจากความคุ้นเคยในรสจุมพิต คล้ายกับว่าเขาเคยได้ครอบครองเรียวปากหวานฉ่ำนี้มาก่อนทั้งที่นี่คือจูบแรก

ระหว่างเขากับไตรภูมิ


         “พอทีปฐพี”


         การที่ไตรภูมิเรียกชื่อจริงของเขาทำให้ปฐพีหน่วงในหัวใจ ความใกล้ชิดสนิทสนมถูกตัดรอนจากร่างโปร่งที่

กำลังกลั้นสะอื้น


         “ผมจะรู้สึกอย่างไรกับคุณก็ไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรผมก็ไม่อาจทำผิดสัญญาได้ อย่าให้ผมต้องรู้สึกผิด

ไปมากกว่านี้เลย”


         หากมีเข็มสักเล่มหล่นลงบนพื้นก็คงจะได้ยินเสียงเมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิท ปฐพีมองใบหน้า

ของไตรภูมิอย่างผิดหวัง เมื่อไตรภูมิเงยหน้าสบตาเขาถึงกับใจหายกับนัยน์ตาตัดพ้อคู่นั้น


        “ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ”


         ปฐพีเอ่ยหลังจากเงียบไปนาน


        “ผมจะต้องทำให้อาจารย์ยอมรับรักของผมให้ได้”

     
         ไหล่ของปฐพีลู่ลงจนไตรภูมิเกือบจะใจอ่อนตอนที่เขาหันหลังให้และเดินไปทางประตูห้อง ปฐพีกล่าวทิ้ง

ท้ายด้วยเสียงอ่อนระโหย


        “แต่ผมดีใจนะที่อาจารย์เป็นคนมั่นคงในความรัก คนรักของอาจารย์จะต้องภูมิใจมากแน่ ๆ”


        เสียงประตูเปิดและปิดลง ปฐพีจากไปแล้ว ไตรภูมิทรุดนั่งบนเก้าอี้และยกมือปิดหน้าตนเอง เขาร้องไห้ออก

มาเมื่ออยู่เพียงลำพัง


        เขารักปฐพี


        รักเด็กหนุ่มคนนั้นทั้งที่รู้จักกันแค่เดือนกว่า ๆ เป็นความรักที่ไร้เหตุผลสิ้นดี นัยน์ตาผิดหวังตัดพ้อของปฐพี

เหมือนคาถากรีดแทงจนหัวใจของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล

        ไตรภูมิได้แต่ก่นด่าตนเองที่เป็นคนสองใจ และเขาพยายามปลอบใจว่าทำถูกแล้วที่เลือกตัดรอนปฐพีแม้ว่า

เขาจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม







         คำปฏิเสธจากไตรภูมิทำให้ปฐพีเจ็บกว่าที่คิด เขาซมซานไปถึงรถยนต์และขับออกไปอย่างไร้จุดหมาย ใน

หัวสมองมีแต่เรื่องของไตรภูมิเต็มไปหมด เขาไม่เข้าใจว่าหากเขากับไตรภูมิเป็นดวงเกื้อหนุนกันจริงดั่งคำของหลวงพ่อ

ที่เอ่ยมาแล้ว เพราะเหตุใดไตรภูมิถึงยังไม่ยอมรับความรักของเขาอีก

         ขับรถฝ่าการจราจรมาแทบไม่รู้สึกตัว ปฐพีจอดรถยนต์ลงพลางมองไปนอกกระจกรถ คิ้วเข้มขมวดเข้าหา

กันเมื่อเห็นว่าตนเองนั้นขับรถมาถึงที่ดินเปล่าในย่านชานเมืองที่เพิ่งมาเมื่อวันหยุด ร่างสูงก้าวลงจากรถไปหยุดหน้า

ประตูรั้วของที่ดินเปล่าตรงหน้า

         ปฐพีเรียนคณะสถาปัตยกรรม เขานึกถึงแบบบ้านสไตล์โคโรเนียลสมัยรัชกาลที่หกสร้างอยู่บนพื้นที่ตรงนี้

สองเท้าพาปฐพีลัดเลาะไปตามซอยเล็กลัดไปทางด้านหลังของที่ดินผืนนั้น ไม่นานก็ถึงลำคลองสายเล็ก ที่เต็มไปด้วย

ร้านอาหารทั้งสองฝั่ง ความเจริญมาเยือนจนนึกถึงความเงียบสงบไม่ออก จะมีก็เพียงต้นไทรต้นใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ริมฝั่ง

ปฐพีก้าวตรงไปยังต้นไทรต้นนั้น

           ภายใต้ลำต้นขนาดหลายคนโอบ ปฐพีมองเห็นศาลไม้หลังเล็กเก่าคร่ำคร่า ปฐพีทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดิน

โดยไม่สนใจความสกปรก เขาทอดสายตาเจ็บช้ำผ่านศาลใต้ต้นไทรไปยังผืนน้ำในลำคลอง

          ถ้าเจ้าพ่อต้นไทรมีจริง ทำไมไม่ดลบันดาลให้เขาสมหวังในรักบ้างเล่า

          เขาตัดพ้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจ


         “ทั้งที่ผมมั่นคงในความรัก แต่ก็ยังไม่เคยได้เคียงคู่ ผมขอได้ไหมครับ กราบละ”


          ปฐพีก้มกราบลงหน้าศาลไม้เก่าผุพังตามกาลเวลา


          “หากผมยังมีบุญกุศลอยู่บ้าง ขอให้เขารักผมเหมือนที่ผมรักเขา ขอให้มีหนทางสมหวังเสียที”


          เสียงฟ้าร้องดังลั่นทั้งที่ไม่มีเค้าของฝนเลยสักนิด อยู่ ๆ สายฝนก็เทลงมาจนปฐพีต้องรีบวิ่งกลับไปยัง

รถยนต์และขับรถกลับบ้าน แต่ขับไปไม่ถึงนาทีฝนก็หยุดถนนเบื้องหน้าไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเม็ดฝน ราวกับพระพิรุณ

จะโปรยปรายเฉพาะจุดที่เขาจากมา





        กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำมากแล้ว บิดาของเขานั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ ส่วนมารดาอ่านหนังสือใกล้กัน ปฐพี

หยุดทักทายครู่ใหญ่จึงได้ขอตัวขึ้นห้อง


         “เอิร์ท อาบน้ำอาบท่าแล้วอย่าลืมสวดมนต์นั่งสมาธิอย่างที่หลวงพ่อแนะนำมานะลูก”


         “ครับแม่”


          รับคำมารดาแล้วเขาจึงเดินไปยังชั้นสอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องพระ

          ร่างสูงทรุดนั่งขัดสมาธิ เขาสวดมนต์ทำจิตให้เป็นสมาธิพยายามขจัดสิ่งรบกวนออกไปจนกระทั่งดำดิ่งลง

ไปเรื่อยๆ

          ท่ามกลางความมืดมิดปฐพีมองเห็นภาพสีจาง ๆ แล่นผ่านไป รู้สึกตัวอีกครั้งเขาก็หยุดยืนหน้าที่ดินล้อม

รั้วคุ้นตา แหกแต่คราวนี้ปฐพีมองเห็นสิ่งก่อสร้างเป็นบ้านสองชั้นหน้ามุขหกเหลี่ยมตั้งอยู่บนผืนดินนั้น


         ปฐพีเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย ร่างของเขาผ่านประตูเข้าไปราวกับไม่มีเลือดเนื้อ มองเห็นใครคนหนึ่ง

นั่งอ่านหนังสือเล่มโตอยู่บนเตียงกว้าง เมื่อคน ๆ นั้นเงยหน้ามาปฐพีจึงยิ้มกว้าง


         “คุณพุ่ม”


         เขาเรียกไตรภูมิว่าพุ่มอย่างนั้นหรือ ปฐพีอดสงสัยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่มีเวลาสงสัยนานนักเมื่อต้องเอนกาย

ลงไปนอนลงบนตักของไตรภูมิ


         “คุณพุ่มอ่านอะไรอยู่หรือขอรับ”


         ไตรภูมิยิ้มให้เขาทั้งปากและตา ความสดใสอาบใจจนปฐพีมองไม่วางตา


         “ผมไปยืมหนังสือมาจากห้องสมุด เป็นวรรณคดีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่สอง เรื่องพระอภัยมณี อ่านถึงตอน

พระอภัยสาบานรักกับนางละเวง”


        ปฐพีไม่เข้าใจที่ไตรภูมิพูด เขาดึงมือของไตรภูมิมาแนบที่ใบหน้าของเขา


        “อ่านให้กระผมฟังบ้างเถิดขอรับ จำได้ว่าคุณพุ่มเคยอ่านให้กระผมฟังแล้วครั้งหนึ่ง อยากฟังอีกสักครั้ง

เหลือเกิน”


        ไตรภูมิเปิดหน้าหนังสือ เสียงนุ่มอ่านบทกลอนอันไพเราะให้ไตรภูมิได้ฟัง




        ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร                         ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน

แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร                        ขอพบพานพิศวาสมิคลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ                       พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา

แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา                      เชยผกาโกสุมปทุมทอง

แม้เป็นถ้ำอำไพขอให้พี่                      เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง

ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง                เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป





      ไตรภูมิวางหนังสือลง เขามองปฐพีนัยน์ตาฉ่ำหวาน


      “บทกลอนบอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรักก็ยังจะคงอยู่ ขอให้เกิดเป็นคู่กันในทุก ๆ ชาติ”


      “เป็นดังนั้นขอรับ”


       ปฐพียันกายขึ้น เขาเอื้อมมือเชยคางไตรภูมิไว้


       “กระผมจะเป็นเช่นในบทกลอน ผมจะรักคุณพุ่มและขอติดตามคุณพุ่มในทุกชาติภพ”


       “ผมจะรอนะดิน รอวันที่คุณจะมาหาผม”


        ปฐพีโน้มกายมอบจุมพิต ไตรภูมิเงยหน้ารับพร้อมกับจูบตอบ ปฐพีรับรู้ถึงความอ่อนหวานก่อนจะค่อย ๆ

แปรเปลี่ยนเป็นความเสน่หาในกายของกันและกัน ร่างกายที่กอดรัดแน่นหนาพากันล้มลงไปบนเตียงกว้าง ปฐพีฟอน

เฟ้นกายเปลือยเปล่าของไตรภูมิด้วยจมูกและปาก


         “อา ดิน”


           ไตรภูมิเรียกเขาว่าดินแต่ปฐพีก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเชยชมร่างนุ่มด้วยแรงขับแห่งปรารถนา  เสียงครางแผ่ว

ของไตรภูมิทำให้ปฐพีสุขใจนัก เขาเอ่ยคำหวานกับคนที่เป็นเจ้าของหัวใจ


         “ขอให้ไอ้ดินได้มอบความสุขให้คุณพุ่มนะขอรับ”


         ปฐพีทอดกายทับ ร่างกายของไตรภูมิร้อนผ่าวในขณะที่เขาเย็นเฉียบคล้ายไม่มีเลือดเนื้อ เขาสัมผัสกอด

ก่ายก่อนจะแทรกกายเข้าไป ความแนบแน่นทำให้ปฐพีครางลึก


         “โอ คุณพุ่ม”


        “ขยับเถอะดิน ผมทนไม่ไหวแล้ว”


         สายตาเว้าวอนทำให้ปฐพีขยับกาย เขายันข้อมือไว้คร่อมร่างใต้ล่างพร้อมกับขับเคลื่อนเข้าออก ไตรภูมิ

กอดเขาทั้งแขนและขาพลางยกเอวสูงให้เข้าได้เคลื่อนที่เต็มกำลัง


        “ดิน ดินครับ ดีเหลือเกิน”


        ปฐพีรักในเสียงหวานยามใกล้จะถึงจุดสุขสม ไตรภูมิหอบกระเส่าเมื่อปฐพีกระแทกเข้าโดยแรง


       “มีความสุขพร้อมกันเถิดขอรับ”


        เขาออกแรงแข็งขัน ไตรภูมิครวญครางไม่ขาดระยะจนในที่สุดกายก็เกร็งค้างในเวลาไล่เลี่ยกัน


        “อา ดิน ไม่ไหวแล้ว”


        “คุณพุ่ม คุณพุ่มของไอ้ดิน โอ”


         ปฐพีตกใจ เขาเรียกตนเองว่าดินอย่างนั้นหรือ


         เมื่อร่างกายผ่านความสุขสมปฐพีก็หันขวับไปยังกระจกบนตู้เสื้อผ้า เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าตนเอง


        ก็นั่นนะ มันเป็นใบหน้าของผู้ชายในภาพวาดฝีมือของไตรภูมิชัดๆ!





          ปฐพีสะดุ้งจนหลุดออกจากสมาธิ เขารีบกำหนดลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะกราบพระพุทธรูปและกลับ

มายังห้องนอนตนเอง ร่างสูงนอนหงายมองเพดานห้องอย่างครุ่นคิด

          ความรู้สึกของเขาบอกว่าพุ่มกับไตรภูมิคือคน ๆ เดียวกัน และตัวเขาเองก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับนายดิน

ประกอบกับวาจาของหลวงพ่อว่าเขากับคนในฝันมีดวงเกื้อหนุนกัน

          ปฐพีคลี่ยิ้ม เขากล่าวคำขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจที่ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในที่สุด




มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-03-2018 18:44:35


ต่อกันตรงนี้...



       

          “อาจารย์คะ อาจารย์ไตรภูมิ หมดเวลาสอบแล้วค่ะ”


         ไตรภูมิสะดุ้ง เขาฝืนยิ้มกวาดสายตาไปทั่วห้องเรียน


         “ขอโทษทีนะ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย”


         “อาจารย์เหมือนคนอกหักเลย ใครนะทำอาจารย์หน้าเศร้าแบบนี้ หนูรับอาสาดามใจนะคะ”


          ขอบตาของไตรภูมิร้อนผ่าว เขาลอบมองไปยังตำแหน่งบนสุดของห้องเรียนที่มีเจ้าของประจำนั่งอยู่

หากแต่ดวงตาคมคู่นั้นกลับหันมองไปทางอื่น ปฐพีทำเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่มีปากเสียงกันเมื่อเดือนที่แล้ว

          ปฐพีไม่มาหาเขา ไม่มาช่วยยกหนังสือ เขาเข้าเรียนสัปดาห์ละสองวันตามปกติแต่กลับไม่เคยสบตากับ

ไตรภูมิยามที่ไตรภูมิกวาดสายตาไปทางเขา การกระทำของปฐพีทำให้ไตรภูมิเจ็บปวด แต่เขาก็ต้องกล้ำกลืนไว้เพราะ

นั่นคือสิ่งที่เขาเลือก เขาเป็นคนตัดรอนปฐพีออกจากชีวิตเอง


        “วาดกันเรียบร้อยแล้วก็รวบรวมมาส่งเลยนะครับ”


        แม้จิตใจจะยังไม่ปกติแต่ไตรภูมิก็พยายามปัดมันทิ้งเมื่ออยู่ต่อหน้านักศึกษา แต่เพราะวันนี้เป็นชั่วโมงสอบ

กลางเทอมและโจทย์ของไตรภูมิคือให้นักศึกษาวาดรูปของเขาด้วยดินสอ ตรภูมิจึงมีหน้าที่เพียงนั่งเป็นหุ่นเท่านั้น เมื่อ

ต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ ความคิดของไตรภูมิจึงวนเวียนแต่เรื่องของปฐพีจนเหม่อลอย


          “วาดสวยดีนี่”


          เขาเอ่ยชมนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ชื่นชมเขาจนออกนอกหน้า


        “ยังไม่หล่อเท่าตัวจริงเลยค่า”


         อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อได้พูดคุยกับลูกศิษย์จนกระทั่งเกือบทุกคนทยอยออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือ

เพียงร่างสูงที่นั่งอยู่หลังสุด ไตรภูมิถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายยังคงหันหน้าหนีไปทางอื่น เขาทำได้เพียงรวบรวมกอง

กระดาษวาดรูปผลงานของนักศึกษาแล้วเดินกลับไปยังห้องพัก

        ไตรภูมินั่งลงบนเก้าอี้ เขาหยิบกระดาษวาดรูปมาดูและให้คะแนนทีละแผ่น การทำงานทำให้พอลืมเรื่องส่วน

ตัวไปได้บ้าง จนกระทั่งถึงแผ่นสุดท้ายไตรภูมิจึงสะดุ้งวาบ มือเรียวที่จับแผ่นกระดาษสั่นเทาดวงตาของเขาเบิกกว้าง


       เป็นไปไม่ได้!


       ไม่ต้องดูชื่อที่เขียนอยู่ตรงมุมกระดาษก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร เส้นร่างคมชัดเกือบสมบูรณ์ ถ้ามีเวลาลงราย

ละเอียดอีกสักพักก็แทบจะไปวางขายได้ แต่สาระสำคัญอยู่ตรงที่บุคคลในกระดาษหาใช่ใบหน้าของไตรภูมิที่เป็นโจทย์

ให้วาด หากแต่เป็นใบหน้าของคนที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

       เสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของผลงานปรากฏตัว ไตรภูมิค่อย ๆ เงยหน้าสบตาทั้งที่หัวใจยังคงสั่นไหว


       ผมคิดว่าอาจารย์คงอยากพบผม”


       เสียงทุ้มดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคมจ้องมองไตรภูมินิ่งนาน


       “อยากจะถามอะไรผมไหมครับ”


       ไตรภูมิวางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะ จมูกของเขาร้อนชื้นไปหมด พยายามสกัดกลั้นเสียงสะอื้นแล้วเอ่ยถาม

ออกไป


       “โจทย์ของการสอบคือให้วาดรูปผม ทำไมเอิร์ทถึงวาดรูปนี้มาส่ง”


        ปฐพีก้าวเข้ามาใกล้ ห่างกันเพียงแค่มีโต๊ะทำงานกั้นไว้ ดวงตาคมเพิ่งจะเริ่มฉายแววสดใสดังเดิม


       “แล้วอะไรทำให้อาจารย์คิดว่ารูปนี้ไม่ใช่อาจารย์ครับ”


        ชายหนุ่มคว้ากระดาษฝีมือตนเองมาถือไว้ในมือ คิ้วเข้มยกสูงยั่วเย้า


        “ผมว่าลายเส้นของผมดีพอจะได้เกรดเอล่ะนะ วาดสุดฝีมือเลยนะครับแต่ถ้าอาจารย์ไม่ชอบจะหักคะแนน

ก็ได้”


        “เอิร์ท!” ไตรภูมิขัดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


        “อย่าเพิ่งล้อเล่น บอกผมมาก่อน”


         ปฐพีเปลี่ยนอารมณ์เป็นจริงจัง เขาวางกระดาษวาดรูปไว้บนโต๊ะเหมือนเดิมก่อนจะก้าวอ้อมโต๊ะทำงาน

เข้าหาไตรภูมิและดึงต้นแขนให้ไตรภูมิลุกขึ้นยืน


         “ผมเฝ้าแต่ฝันถึงใบหน้านี้ บางทีก็ฝันเห็นอาจารย์ พออีกทีมันก็ซ้อนทับกันจนกลายเป็นคนเดียวกัน ถ้า

โจทย์คือให้วาดรูปของอาจารย์ ก็นี่แหละครับ หรืออาจารย์คิดว่าไม่ใช่”


         ไตรภูมิน้ำตาหลั่งรินเมื่อเขาก้มไปมองลายเส้นบนแผ่นกระดาษอีกครั้ง เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าคนในรูป

ที่ชื่อพุ่มนั้นไม่ใช่ตัวเขา และใครเล่าจะรู้จักพุ่มจนวาดออกมาเป็นรูปได้นอกจากชายที่ชื่อดิน


          “ดิน ดินของผม”


         ไตรภูมิโผเข้าหา ปฐพีกางแขนรับไตรภูมิเข้ามาในอ้อมกอด ความตื้นตันเอ่อท้นจนน้ำตาคลอในขณะที่

ไตรภูมิร้องไห้จนเสื้อของเขาเปียกปอน ปฐพีวางใบหน้าไว้บนกระหม่อมของไตรภูมิและปล่อยให้ความยินดีหล่อเลี้ยง

จิตใจของเขา

         คราแรกเมื่อปฐพีมั่นใจว่าตนเองคือดิน เขายังไม่รู้ว่าไตรภูมิจะรู้เรื่องในอดีตด้วยหรือไม่ อาจมีเพียงเขาที่

ได้รับสัญญาณเหล่านั้นเพียงฝ่ายเดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาปฐพีจึงยังไม่รุกเร้าจนคล้ายมึนตึงทั้งที่ความจริงเขาอยากจะ

ดึงร่างของไตรภูมิเข้ามากอดเสียหลายครั้ง ปฐพีคิดหาหนทางพิสูจน์แต่ก็ยังคิดไม่ออกจนกระทั่งถึงวันสอบกลางเทอม

เขาจึงสบโอกาสเมื่อไตรภูมิให้นักศึกษาวาดรูปของไตรภูมิเองปฐพีจึงวาดรูปของพุ่มลงไป และผลที่ได้ก็ประสบความ

สำเร็จ


         ปฐพีและไตรภูมิรู้แล้วว่าทั้งคู่ต่างก็เกิดมาเพื่อกันและกัน

                                 TBC


                              เฮ้อ รู้กันเสียทีนะ


      เรื่องหน้าตานั้น ก็ตามหลักความจริงเลยจ้า คุณพุ่มกับไตรภูมิหน้าไม่เหมือนกัน ดินกับเอิร์ทก็ไม่เหมือนกันนะ

มาเกิดใหม่หน้าตาก็ต้องเหมือนพันธุกรรมตามพ่อแม่ มีแต่ดวงจิตนี่แหละที่ยังคงเดิมจ้า


                    :-[ :-[ :-[ :-[ :-[









หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-03-2018 18:55:40
ฟินเหลือจะกล่าวเจ้าค่า
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-03-2018 20:00:22
 :เฮ้อ:
ต่อไปคงมีความสุขนะ ไตรภูมิที่เศร้ามาตลอด
มั่นคงในรักแท้ ขอให้สมหวังนะ อาวุธ-นายเหมือน
ก็ขออย่าได้ตามมาอีกเลย ไม่งั้นโป้งคนเขียนจริงๆนะ
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-03-2018 22:16:58
 :L2: :L1: :pig4:

จะหวานแล้ววววว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-03-2018 00:22:19
                                                           :pig4: :pig4: :pig4:
                         ในที่สุดความรักของทั้งคู้ก็สมหวังละสมใจสมการรอคอยค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-03-2018 08:04:25
ชอบมุขวาดรูปพิสูทธิ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๕ [๐๖/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-03-2018 19:53:23
ดีต่อใจหุหุ
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-03-2018 20:02:49


                                วิญญาณเสน่หา

                                   บทที่ ­­๑๖



       “คราวนี้อาจารย์จะรับรักของผมได้หรือยังครับ”


       ปฐพีดึงไหล่ของไตรภูมิออกจากอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล เขาใช้ปลายนิ้วไล่เช็ดน้ำตาของไตรภูมิออกจนหมด

นัยน์ตาคมบ่งบอกถึงความรักและผูกพันที่เขามีต่อไตรภูมิ


         “อาจารย์จะได้เลิกคิดว่าตัวเองเป็นคนสองใจ เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ อาจารย์พิสูจน์แล้วว่าหัวใจของอาจารย์มี

ค่าเหลือเกิน”


       ไตรภูมิมองกลับจากตื้นตัน ตอนนี้รอยยิ้มของเขาเปิดเผยออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาพยักหน้ารับกับคำพูดของ

ปฐพีที่เฝ้ารอคำตอบอยู่


       “ผมรักเอิร์ทตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตาแล้วล่ะ”


       น้ำเสียงสดใสที่มาพร้อมรอยยิ้มทำให้ปฐพีอดใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาดึงไตรภูมิเข้าหาตัวและจูบที่ปากแดงอิ่ม

อย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีแรกปฐพีจูบอย่างคนบุ่มบ่ามใจร้อนแต่หลังจากนั้นเขาจึงลดความกระหายลงและเพิ่มความนุ่ม

นวลเข้าไปแทนที่ มือของปฐพีวางแนบไปกับท้ายทอยของไตรภูมิเพื่อให้ใบหน้านั้นเงยรับจูบจากเขาได้อย่างพอเหมาะ

ส่วนอีกข้างแตะอยู่ตรงกรอบหน้าลากไล่ลงมาจนถึงไหล่ลาด


         ไตรภูมิยืนแทบไม่อยู่ เขาตัวสั่นจนต้องสอดแขนโอบกอดไปรอบเอวของปฐพี สัมผัสนี้ที่เขาโหยหา

สัมผัสนี้ที่เขาใฝ่ฝัน อาการของไตรภูมิเรียกร้องให้ปฐพีเพิ่มน้ำหนักลงไปทีละนิดจนกระทั่งเขาเบียดแนบครอบครองเรียว

ปากอิ่มไว้ได้ทั้งหมด ปฐพีรุกไล่แตะลิ้นเปิดสบฟันขึ้นเพื่อที่เขาจะสอดลิ้นอุ่นเข้าไปกวาดต้อนความหวาน เขาลดมือลง

ไปวางแนบเอวบางพลางดึงเข้าแนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน


        “ผมรักอาจารย์นะครับ รักมาตลอด


         เผยความในใจแผ่วเบาขณะถอนลิ้นออกมาจนไตรภูมิใจหาย แต่ปฐพีไม่ได้ห่างไกลเมื่อเขาพรมจูบไล่แก้ม

นุ่มจนถึงคางก่อนจะขบเม้มลงไปที่ซอกคอจนไตรภูมิสะท้านไปทั้งกาย


       “เอิร์ท อา...ดิน


        ไตรภูมิน้ำตาคลอจากสัมผัสนั้น สัมผัสของเลือดเนื้อและลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดทุกครั้งที่เด็กหนุ่มปรน

จูบ ไตรภูมิไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้วนอกจากความคิดถึงที่เขามีต่อคนที่ยึดครองหัวใจของเขามาตลอด ไตรภูมิยกแขนขึ้น

โอบกอดตอบรับไปกับร่างของปฐพี


        ปฐพีลากลิ้นไล่ต่ำจากลำคอมาตามสาบเสื้อ กลิ่นกายของไตรภูมิช่างคุ้นจมูกถึงแม้ว่าเขาได้ดอมดมใกล้ชิด

ครั้งนี้เป็นครั้งแรก มันยากเหลือเกินที่เขาจะหักใจและยิ่งไตรภูมิมองเขาด้วยนัยน์ตาหวานซึ้งยิ่งทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจ

โอบเอวบางให้ลงมานอนราบอยู่บนพื้นห้องหลังโต๊ะทำงานนั่นเอง


        “เอิร์ท!


       “ผมต้องการอาจารย์


       ปฐพีพูดเสียงสั่นพร่า มืออุ่นจนร้อนดึงชายเสื้อเชิ้ตของไตรภูมิออกจากขอบกางเกงแล้วถลกจนเกือบถึงลำคอ

เขาวางมือลงไปบนเนื้อนุ่มที่โผล่พ้นออกมาจนไตรภูมิผวา


      “เดี๋ยวใครมาพบเข้าล่ะ”


       “ผมล็อกประตูห้องแล้ว”


        มากกว่านั้นก่อนเข้ามาในห้องปฐพียังเลื่อนป้ายสถานะที่ติดอยู่หน้าประตูว่าเจ้าของห้องไม่อยู่อีกด้วย เขามอง

ไตรภูมิด้วยนัยน์ตาเว้าวอน


       “นะครับ แต่ถ้าอาจารย์ไม่อยาก...


      ไตรภูมิยื่นหน้าไปบดจูบกับริมฝีปากของปฐพีแทนคำตอบรับ นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอกับความสุขสม

ทั้งกายและใจ คำตอบของไตรภูมิทำให้ปฐพีจูบกลับอย่างเร่าร้อน เขาดึงหัวเข็มขัดของไตรภูมิออกแล้วดึงกางเกงของ

ไตรภูมิจนพ้นสะโพกกลมกลึงก่อนจะรีบร้อนจัดการตัวเองให้อยู่สภาพเดียวกันทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ยอมละห่าง ไตรภูมิ

ถึงกับหอบหายใจเหนื่อยหนักยามเมื่อปฐพีผละปากลงไปที่เนินอกราบที่มียอดสวยคอยอยู่


       “ดิน ดินจ๋า


        เผลอครางคำหวานออกไปด้วยความคิดถึง รสลิ้นของปฐพีไม่ต่างอะไรกับดินของเขา ผิดกันตรงที่ร่างกายนี้มีเลือด

เนื้อและไออุ่นยามที่เขาเบียดกายเข้าหา ไตรภูมิขยับขาเปิดทางกว้างเมื่อปฐพีบรรจงสอดกายแทรกทีละน้อย ช่องทางที่

ร้างจากการสอดประสานมานานทำให้ไตรภูมินิ่วหน้าไปชั่วครู่ แต่สักพักเมื่อปรับตัวได้สัมผัสเสียดสีจึงสร้างความรัญจวน

จนต้องเป่าปาก


        “อา รู้สึกดีจัง


        ช่องทางแคบอุ่นจนร้อนยามดันลึกเข้าไปเรื่อย ๆ กล้ามเนื้อโอบอุ้มราวกับคุ้นเคยทั้งที่ปฐพีเพิ่งเคยรู้จักเป็นคราแรก

ความอบอุ่นตราตรึงไหลเวียนไปทั่วร่างยามเขาหมุนวนส่วนคับแน่นให้เสียดสีอยู่รอบหนทาง ลมหายใจร้อนผ่าวของ

ไตรภูมิที่รินรดอยู่ตรงเนินไหล่ยิ่งทำให้ปฐพีไม่อาจทนได้อีกต่อไป


         “อาจารย์ครับ ผมขอเรียกอาจารย์ว่าไตรได้ไหม”


        เขาป้อนเสียงหวานกระซิบข้างหู มีหรือที่ไตรภูมิจะปฏิเสธ


       “เอิร์ทจะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ เพราะผมจะตอบรับเอิร์ททุกครั้งที่ได้ยินเสียง”


        ไตรภูมิพูดเสียงกระเส่าอยู่ข้างหูเด็กหนุ่ม เขาขยับเอวตอบรับอย่างรู้จังหวะพลางแตะลิ้นลงที่ข้างหู สองแขนตวัด

โอบรัดรอบลำตัวเด็กหนุ่มเพื่อรองรับแรงกระแทก เขาพยายามกลั้นเสียงครางหวานเพราะกลัวว่าคนภายนอกจะได้ยิน

และอาจขัดขวางหนทางสวรรค์ที่เขาเฝ้ารอ


        “ถ้าอย่างนั้นผมจะเรียกไตรว่าที่รักดีไหม”


       ปฐพียั่วเย้า ดวงตาคู่คมพราวระยับเมื่อกำลังจูงมือไตรภูมิปีนป่ายใกล้ถึงสวรรค์เข้าไปเรื่อย ๆ


      “ไตรครับ ทั้งหวานทั้งเร่าร้อนจริง ๆ ที่รักครับ เอิร์ทรักไตรนะครับ


        กระซิบคำรักอย่างเช่นเก่าก่อนแม้ว่าสถานภาพจะเปลี่ยนแปลงแต่ความรู้สึกมั่นคงต่อรักยังไม่จางหาย กล้ามเนื้อใน

กายต่างบีบเค้นเมื่อใกล้สู่จุดหมาย ปฐพีเร่งจังหวะส่งให้ไตรภูมิเกร็งกายปวดร้าวก่อนจะคว้าชัยล่วงหน้าเขาจึงกัดฟันขยับ

เอวอีกไม่กี่ครั้งก็ติดตามไตรภูมิไป ปฐพีทิ้งกายลงซบบ่าของไตรภูมิจนกระทั่งความเหน็ดเหนื่อยบรรเทาลงเขาจึงผงกหัว

ขึ้นมองใบหน้าของไตรภูมิที่แดงก่ำจากความสุขสม


       “เป็นแฟนกันนะครับไตร

       ปฐพีเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีมาที่ชั้นล่างของอาคารเรียน เพื่อน ๆ กระจายตัวนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบในช่วง

บ่าย ชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสุนัขตัวผอมสกปรกเห่าใส่เขาจนดังขรม ปฐพีเลิกคิ้วมองอย่างระอา



     “ไอ้ล่องจุ๊น เมื่อไหร่มึงจะเลิกเห่าใส่กูสักทีวะ กูอยู่คณะนี้มาจนสอบมิดเทอมแล้วนะยังเห็นกูเป็นคนแปลกหน้าอยู่อีก

หรือไง”


       ส่งเสียงดุก็แล้ว เจ้าตัวต้นเสียงก็ยังยืนจังก้ามองเขาราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นจนรุ่นพี่ในคณะที่นั่งใกล้ ๆ ต้องไล่มัน

ออกไปด้วยความรำคาญ


      “อย่าไปถือสามันเลยว่ะ” 


      รุ่นพี่คณะคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ ๆ บอกเขา


       “มันเป็นหมากำพร้าไร้ญาติขาดมิตร ไอ้ล่องจุ๊นเกิดที่ใต้ถุนคณะนี่แหละ อยู่มาห้าปีกว่าละไม่ยอมไปไหน แต่ไม่

เห็นมันเคยเห่าใครนะนอกจากมึงน่ะเอิร์ท  ชาติก่อนมึงไปทำอะไรให้ไอ้ล่องจุ๊นโกรธหรือเปล่าวะ”


      “โธ่พี่ ผมเพิ่งจะเคยเห็นหน้ามันก็ตอนมาเรียนที่นี่แหละ จะไปทำอะไรมันได้”


      ปฐพีโอดครวญ


        “เออ มึงก็เลี่ยง ๆ มันหน่อยละกัน แต่ไอ้ล่องจุ๊นมันหน้าหม้อนะมึง โดยเฉพาะกับอาจารย์ไตรภูมิน่ะ แหม ไอ้หมา

เวรนี่เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ต้องไปนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง”


      “โห จริงหรือพี่ ไอ้ล่องจุ๊นนี่มันเป็นติ่งอาจารย์ไตรภูมิเหมือนหนูเลย”


      กลุ่มเพื่อนผู้หญิงชั้นปีเดียวกับปฐพีส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ชายหนุ่มได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจเพราะคนที่เพื่อนของเขาชอบ

นั้นกลายเป็นคนรักหมาด ๆ ของเขาไปแล้ว


     “ไปไหนมาวะเอิร์ท แล้วทำไมหน้าบานขนาดนี้ มึงไปโดนตัวไหนมา”


     เมื่อเดินไปถึงโต๊ะของกลุ่มเพื่อนที่เริ่มสนิทกัน เขาก็ถูกตั้งคำถาม


       “เหี้ย ไม่โดนตัวไหนทั้งนั้นแหละ กูอยู่ของกูเฉย ๆ กูอารมณ์ดีกูก็ยิ้มสิวะ”


     มันไม่ใช่ความจริง ปฐพีไม่ได้อยู่เฉย ๆ ตามที่บอกเพื่อน


      ปฐพีหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงไม่กี่นาทีที่ผ่านมากับความสุขสมที่ได้รับจากไตรภูมิ     เขาถอนกายจากช่องทางนั้น

ย่างเสียดายและใช้กระดาษทำความสะอาดให้ในขณะที่ไตรภูมิมองเขาอย่างขัดเขิน


     “ไตรมีความสุขไหมครับ”


    แกล้งถามเพราะเขาชอบเห็นใบหน้าเนียนเปลี่ยนสี ไตรภูมิกลบเกลื่อนด้วยการคว้าเสื้อผ้ามาใส่แก้เก้อ


    “เด็กบ้า ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้ในห้องทำงานนะ”


    ปฐพีหัวเราะ เขาหอมแก้มไตรภูมิดังฟอดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวบ้าง        เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ดึงไตรภูมิเข้า

มากอดอีกครั้ง


    “ขอโทษนะครับที่ครั้งแรกของเรามาเกิดขึ้นบนพื้นห้องหลังโต๊ะทำงาน ไม่ได้มีความโรแมนติกเสียเลย แต่เพราะเห็น

หน้าไตรแล้วอดใจไม่อยู่จริง ๆ เอิร์ทขอแก้ตัวใหม่นะ เย็นนี้ให้เอิร์ทไปส่งไตรที่คอนโด นะครับ”


      ปลายเสียงออดอ้อน ไตรภูมิเพิ่งจะรู้ตัวว่าการมีแฟนเด็กเป็นเช่นนี้นี่เอง       “ไปทำไมครับเอิร์ท พรุ่งนี้มีสอบอีก

ไม่ใช่เหรอ”


     “เอิร์ทจำเนื้อหาวิชาที่สอบพรุ่งนี้ได้หมดแล้ว นะครับ ให้เอิร์ทไปส่ง อยู่ไม่นานหรอก สัญญา”


     ห้ามไปก็คงไม่สำเร็จ ไตรภูมิจึงพยักหน้าตอบรับ ปฐพียิ้มอย่างดีใจก่อนจะจูบเขาอีกครั้งถึงได้ยอมออกจากห้องแล้ว

มานั่งยิ้มกริ่มตรงนี้


        “แอร้ย มีคนถ่ายรูปอาจารย์ไปลงทวิตเตอร์ด้วยว่ะ แฮชแท็กอะไรนะ อาจารย์ขามาสอนหนูหน่อย โอยแกดูสิ คนรี

ทวิตไปเป็นพันแล้ว หวงโว้ย”


        คนที่หวงน่าจะเป็นเขามากกว่า ปฐพีดึงโทรศัพท์มือถือมาจากมือของเพื่อนพลางจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ ไตรภูมิ

ขึ้นกล้องมาก ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอุ่นไม่ว่าใครเห็นก็ต้องชอบทุกคน


      “ใครได้อาจารย์ไตรภูมิไปเป็นแฟนต้องเป็นคนที่โชคดีมากเลย”


      สาว ๆ ยังพูดถึงไม่ยอมหยุด คนโชคดีที่ว่าได้แต่ยิ้มหน้าบาน


       ปฐพีมองรูปนั้นด้วยความอิ่มเอมใจที่อุปสรรคทั้งหลายจบลงเสียที

มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-03-2018 20:22:03


ต่อกันตรงนี้...





     “รอนานไหมครับ”


      ปฐพีวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงรถยนต์ของเขาที่มีไตรภูมิยืนรออยู่แล้วตามเวลานัดในตอนเย็น


      “ไม่นานหรอกเอิร์ท แล้วนี่วิ่งไปไหนมา”


      ปฐพีคลี่ยิ้มสดใส เขายื่นช่อดอกแก้วส่งให้ไตรภูมิ


      “แอบไปเด็ดดอกแก้วมาให้ไตรครับ”


      ไตรภูมิรับดอกแก้วมาพลางยิ้มขำ เขาสูดกลิ่นดอกแก้วจนชื่นใจ


      “ระวังคนสวนเขาจะว่าได้นะถ้าเขาเห็นน่ะ”


      “ไม่ว่าหรอกครับ คุณลุงคนสวนเขาจะตัดใบเล็มกิ่งพอดี เอิร์ทก็เลยรีบขอเขามา ไตรขึ้นรถเถอะครับ”


       ปฐพีเปิดประตูรถให้ไตรภูมิขึ้นไปนั่งก่อนที่เขาจะก้าวไปยังฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถขับไปยังคอนโดมิเนียมของ

ไตรภูมิ วันนี้การจราจรไม่ติดขัดนักไม่นานทั้งคู่ก็มาถึง สิ่งแรกเมื่อปฐพีก้าวเข้ามาในห้องพักของไตรภูมิคือเดินไปที่ภาพ

วาดของดินซึ่งตอนนี้ไตรภูมิลงรายละเอียดจนเหมือนจริงและใส่กรอบแขวนเรียบร้อย


        “เขาคือผมจริง ๆ ใช่ไหม”


        ปฐพีจ้องมองภาพนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เห็นใบหน้าของตนในอีกชาติภพ ไตรภูมิเดินตามไปยืน

เคียงข้าง และมองภาพของดินตามไปด้วย


        “ตามความรู้สึกของผมแล้ว ผมรู้ว่าเอิร์ทคือดินตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไป

แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือดวงตาของเอิร์ท”


        “เราผ่านอะไรกันมาบ้างครับไตร ทุกข์สุขอุปสรรคทั้งหลาย แล้วเรารักกันมากไหม”


        ไตรภูมิจูงมือปฐพีให้มานั่งบนเก้าอี้โซฟา


        “เรื่องมันยาว ครั้งหนึ่งเมื่อนานมากแล้วผมเป็นนายและเอิร์ทเป็นบ่าว ความรักของเราถูกขัดขวางเพราะ

เรื่องของชนชั้นทางสังคมและต้องจากกันด้วยความตายโดยที่ยังมีเรื่องค้างคาในใจ จนเอิร์ท เอ่อ ดินต้องอยู่เป็น

วิญญาณอยู่ในบ้านที่จองจำเขาไว้”


        “วิญญาณ!”


        เป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่สีหน้าของไตรภูมิไม่ได้บอกว่าเขาล้อเล่น รอยยิ้มเศร้าปรากฏไปพร้อมกับอดีตที่

ไตรภูมิถ่ายทอดให้ฟัง


        “แต่สุดท้ายเมื่อเรื่องที่ค้างคานั้นคลี่คลายลงไป ดินก็จากผมไปอีกครั้ง ความหวังของผมหมดไปแล้ว ผม

ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสในชาตินี้หรือเปล่าที่จะได้พบดินอีก ถ้าไม่พบในชาตินี้ผมก็ต้องทำบุญเยอะ ๆ และอธิษฐานให้ได้

พบดินในชาติภพหน้า ผมใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ สอนหนังสือ วาดรูปไปเรื่อยไม่มีจุดหมาย จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้พบกับ

เอิร์ท”


        “มิน่าล่ะ วันนั้นไตรถึงตกใจมากตอนที่เห็นหน้าผม”


       ไตรภูมิยกมือทั้งสองวางประคองแนบแก้มของปฐพี ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่ใต้ดวงตาคมนั้น


       “เห็นหน้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่นัยน์ตาคู่นี้น่ะสิทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลย”


       ปฐพีจำได้ว่าในคาบเรียนแรกนั้น เมื่อเขากับไตรภูมิสบตากันไตรภูมิก็ทำไมโครโฟนร่วงหล่นจากมือทันที

ชายหนุ่มรวบกายของไตรภูมิเข้ามากอดพลางมองตาเชื่อม


        “ตอนนี้ผมมาหาไตรแล้วนะครับ ผมจะอยู่ข้าง ๆ ไตร ชีวิตของไตรจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป”


        ใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบค่อย ๆ โน้มเข้าใกล้ ปฐพีเอียงจนได้จังหวะจึงได้แนบริมฝีปากลงไป ไตรภูมิเผยอ

กลีบปากรับเพื่อให้ปฐพีส่งลิ้นผ่านเข้าไปได้ ปฐพีไม่เร่งเร้าเขาละเลียดความหวานทีละนิด จูบนั้นเนิ่นนานจนพากัน

หายใจหอบ มืออุ่นสอดเข้าไปในชายเสื้อของไตรภูมิแตะต้องผิวกายจนผิวหนังนั้นเริ่มวูบวาบ

        ไตรภูมิไม่ยอมแพ้ เขารำลึกถึงประสบการณ์หวามไหวในอดีตและลงมือกระทำด้วยการจูบตอบจนปฐพีเริ่ม

ไม่อยู่สุข กระดุมเสื้อนักศึกษาของปฐพีถูกไตรภูมิปลดทีละเม็ดจนหมด มันถูกดึงออกจากกายและเหวี่ยงทิ้งลงพื้นเหลือ

เพียงเสื้อกล้ามสีขาว


        “ไตร”


         ปฐพีกระซิบข้างหู


        “ประตูตรงนั้นใช่ประตูห้องนอนหรือเปล่าครับ”


       “เอิร์ทอยากรู้ไปทำไม”


        ไตรภูมิส่งเสียงอู้อี้ตอบเพราะเขาถูกปฐพีบดริมฝีปากเข้าใส่


        ““ถ้าไตรไม่บอกว่าประตูห้องตรงหน้าใช่ห้องนอนหรือเปล่า เอิร์ทก็จะจัดการไตรตรงโซฟานี่แหละ ว่าไงครับ ไตรจะเลือกตรงไหน”


       น้ำเสียงสั่นพร่ายามกระซิบถามพลางขบเม้มติ่งหูของคนในอ้อมกอด ไตรภูมิหัวเราะออกมากับคารมของเด็ก

หนุ่ม เขามองกลับด้วยนัยน์ตาพราวระยับ


          “มันคือห้องนอนนั่นแหละ แต่ผมก็ให้เอิร์ทเลือกได้นะว่าอยากจะจัดการบนโซฟาเล็ก ๆ แคบ ๆ หรือ

จะหนำใจบนเตียงกว้าง ๆ นุ่ม ๆ มากกว่ากัน


       “ไตรท้าเอิร์ทเหรอ”


        ปฐพีส่งเสียงในลำคอ เขาลุกขึ้นยืนช้อนแขนเข้าไปใต้บ่าและเข่าของไตรภูมิพร้อมกับยกขึ้นมา สำหรับคนที่

ชอบเล่นกีฬาอย่างเขาร่างโปร่งของไตรภูมินั้นไม่เป็นปัญหาเลย ปฐพีอุ้มไตรภูมิตรงดิ่งไปยังประตูห้องนอนทันที




                              TBC


                          อีก 2-3 บทจะจบแล้ว

                         
                                                  :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:





หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-03-2018 20:37:11
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-03-2018 20:59:32
       สนุกมากเลยค่ะในที่สุดก็มีมุมหวานๆของทั้งคู่แล้ว
ถึงชาติที่แล้วๆจะไม่สมหวังแต่ชาตินี้ก็ตามมาจนเจอและได้รักกันซะทีนะค่ะ
       แต่ก็สงสารนายเหมือน เหมือนกันนะค่ะที่ชาตินี้ต้องมาเกิดเป็นหมา และยังรักไตรภูมิไม่เปลี่ยน หวังว่าเค้าจะได้รับความรักจากไตรภูมิบ้างนะค่ะถึงในฐานะเจ้าของหมาก็เถอะถึงแม้ความรักที่มีใชภพก่อยๆจะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ครอบครองไปหน่อยแต่มันก็คือความรักแต่ตามมารักในทุกๆชาตินับถืบความรักเค้าค่ะหวังว่าหมาตัวนั้นจะมีไตรภูมิเป็นเจ้าของนะค่ะ
                                                 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-03-2018 22:06:48
เจอกันทีไร เลือดกำเดาพุ่งทุกทีเลยคู่นี้
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2018 03:03:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-03-2018 10:20:22
วั๊ยมันโดน
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-03-2018 14:16:14


                                วิญญาณเสน่หา

                                   บทที่ ­­๑๗




         ปฐพีไม่เสียเวลาเปิดไฟ เขาอาศัยแสงไฟที่ส่องผ่านจากห้องโถงภายนอกก็เพียงพอแล้ว เตียงนอนน่า

สบายตั้งอยู่กลางห้องเมื่อเขาวางไตรภูมิลงไปก่อนจะโถมทับด้วยร่างของเขา


        “เอิร์ท เดี๋ยวสิ เปิดแอร์ก่อน”


        ไตรภูมิอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นความใจร้อนของปฐพี นิสัยของปฐพีในชาติภพนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง

คงเพราะยุคสมัยและการเลี้ยงดูจากครอบครัว เมื่อเป็นปฐพีเขาร่าเริงสดใสพูดคุยสนุก แต่ที่ไม่เปลี่ยนก็คงจะเป็นความ

มุ่งมั่นยามต้องการสิ่งใด และที่สำคัญคือความต้องการในเนื้อตัวของไตรภูมิ


          “ทนไม่ไหวแล้วนี่ครับ อยากกอดไตร”


        แต่ไตรภูมิเองก็ชอบในคุณสมบัตินี้ ยามที่ได้มีคนรักเคียงคู่อยู่ข้างกายและได้กอดก่ายแนบเนื้อเป็นเวลาที่

วิเศษสุด ๆ อย่างเช่นตอนนี้ที่เขาปล่อยให้ปฐพีจูบแลกลิ้น นิ้วมือเรียวยาวของเด็กหนุ่มลากไล้จากลำคอลงไปยังหน้า

ท้องแบนราบดึงเสื้อยืดเนื้อบางเบาของไตรภูมิให้ร่นขึ้นไปตามมือและดึงผ่านหัวอย่างง่ายดาย


          “เอิร์ท ถามจริง อายุสิบแปดหรือยัง”


         ปฐพีกลั้นขำจนเกือบสำลักเมื่อได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า กำลังจะขบเม้มไปที่ยอดอกสีอ่อนก็เลย

ต้องหยุดและเงยหน้าตอบคำถามของไตรภูมิให้สบายใจเสียก่อน


         “เลยสิบแปดมาหลายเดือนแล้วครับ ไตรสบายใจได้ รับรองว่าไม่เจอข้อหาพรากผู้เยาว์แน่นอน”


         ไตรภูมิหายใจโล่งอก แก้มเนียนเปลี่ยนสีจนแดงสุก ใครจะนึกว่าเขาจะได้พบรักกับเด็กที่อายุน้อยกว่าถึง

ยี่สิบปี


        “อย่าชวนคุยสิครับ ยิ่งคุยก็ยิ่งช้านะ ไตรไม่อยากมีความสุขเหรอ”


         แค่ชั่วอึดใจที่ต่างช่วยเหลือซึ่งกัน ร่างทั้งสองก็บดเบียดกันด้วยเนื้อหนัง ปฐพียันกายขึ้นมองไตรภูมิตั้งแต่

หัวจรดเท้าด้วยประกายตาวาววับราวกับเสือหนุ่มปราดเปรียวที่มองเห็นกวางน้อยยั่วตา เขางับเบา ๆ ที่หัวไหล่เนียนนุ่ม

เป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะสัมผัสทั่วทั้งตัวอย่างกระหาย ต้นขาเรียวของไตรภูมิถูกดันยกสูงเพื่อให้เขาเม้มเบา ๆ ตรงขาอ่อน

ขาวเนียน


          “อา เอิร์ท เมื่อไหร่จะ...อื้อ...


          ครางไม่เป็นภาษาเมื่อปฐพีเลื่อนใบหน้ามาที่จุดกึ่งกลาง ไตรภูมิบิดกายให้พล่านเมื่อปฐพีจัดการจนมัน

หายเข้าไปในช่องปากฉ่ำชื้น เส้นทางสวาทถูกปลายนิ้วนวดเฟ้นพักหนึ่งนิ้วนั้นก็เปิดทางภายในจนกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และ

เมื่อไตรภูมิพร้อมทั้งกายและใจปฐพีจึงดันเอวเข้าไปทีละนิด


         “อื้อ เอิร์ท”


         ปฐพีดีใจที่เสียงแผ่วหวานนั้นเรียกชื่อเขาไม่ใช่ดินอีกต่อไป อดีตก็คืออดีตถึงแม้จะผูกพันกันมาเนิ่นนาน

แต่เขาอยากให้ไตรภูมิเริ่มต้นกับเขาในปัจจุบันด้วยความเป็นปฐพี

         ไตรภูมิกัดฟันปรือตาหวานฉ่ำกับบทรักที่เริ่มต้นอย่างเนิบนาบ หากแต่ภายในคับแน่นที่สัมผัสกันนั้นมันทวี

ความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปฐพีเร่งจังหวะ ไตรภูมิยกมือทั้งสองให้ปฐพีจับประสานกันไว้เมื่อคนรักวัยหนุ่มส่งเขาถึง

ทางสวรรค์ในอีกไม่นานนัก


         “เป็นไงบ้างครับไตร


          เจ้าตัวขยิบตาใส่ ปฐพียังคงแข็งแกร่งอยู่ในร่างกายชื้นเหงื่อของไตรภูมิที่ตอนนี้หอบลึกด้วยความสุขสม

ปฐพีทิ้งเวลาไว้ชั่วครู่จนไตรภูมิเริ่มหายใจปกติเขาจึงดึงมือทั้งสองเพื่อให้ไตรภูมิลุกขึ้นมานั่งอยู่บนต้นขาของเขาที่วาง

ราบไปกับที่นอน


         “ลองขยับสิครับที่รัก


         “อึก เอิร์ท แต่ว่ามัน...


         “นะครับไตร


         เสียงออดอ้อนของปฐพีทำให้ไตรภูมิต้องยอมตามใจ เขาวางท่อนแขนลงไปบนบ่าของปฐพีและเริ่มบด

เบียดเอววนเป็นวงกลมอยู่บนต้นขาแข็งแรง


        “ซี้ด เอิร์ท มันดีมากเลย


        ปฐพีเป่าปากอย่างพอใจเมื่อภายในยิ่งสอดลึกเสียดสี เขาจับเอวของไตรภูมิไว้เพื่อช่วยยามที่ไตรภูมิขย่ม

สะโพกลงมาด้วยแรงขึ้นเรื่อย ๆ แผ่นอกเนียนของไตรภูมิล่อตาตรงหน้าปฐพีจึงกระดกลิ้นรัวไปที่ยอดอกสีสวยจนไตรภูมิ

ครางลั่น


         “เอิร์ท อื้อ ไม่ไหวแล้วครับ


         “แรงเลยครับไตร เต็มที่เลยครับ เอิร์ทเองก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน


         ปฐพีสวนเอวเข้าใส่จนไตรภูมิส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา กล้ามเนื้อบิดเกร็งเสียวสะท้านยามเคลื่อนไหว

ประสานกันอย่างลงตัว ไตรภูมิจูบปฐพีอย่างเร่าร้อนในอารมณ์หวามไหว ปลายลิ้นตวัดกันไปมาอยู่ในช่องปากที่บด

เบียดกันแน่นหนา ไตรภูมิตัวสั่นเหงื่อกาฬไหลเหนียวหนับเมื่อในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยออกมาคำรบสอง ปฐพีส่งเสียง

คำรามลั่นเมื่อช่องทางบีบรัดหนักหน่วง เขากอดเอวไตรภูมิไว้แน่นก่อนกระแทกกายไปอีกไม่กี่ครั้งก็สุขสมติดตามคนรัก

ไปจนหน้ามืด

          เมื่อลมหายใจกลับเป็นปกติแล้วจึงได้สบตากันอีกครั้ง ทั้งไตรภูมิและปฐพีต่างก็หัวเราะเมื่อเห็นสภาพบน

เตียงนอนที่กลายเป็นสมรภูมิรักจนยับเยิน






         ปฐพีกลับบ้านด้วยความอิ่มเอมใจ เมื่อเดินเข้าไปในบ้านบิดาเห็นหน้าลูกชายจึงทักขึ้น



        “หน้าบานขนาดนี้ แสดงว่าเลิกอกหักแล้วสิไอ้เสือ”



         คนเป็นลูกหัวเราะก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนหนุนตักมารดาที่นั่งชมละครอยู่หน้าจอโทรทัศน์



        “แม่ อาจารย์เขายอมเป็นแฟนเอิร์ทแล้ว”



       “มิน่าล่ะ ถึงได้สดใสผิดหูผิดตา”



        นลินีขยี้ผมบุตรชายอย่างมันเขี้ยว เดือนกว่าที่ผ่านมาปฐพีหน้าตาอมทุกข์จนเธอนึกสงสารแต่ก็เข้าไปช่วย

เหลือไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของปฐพี



       “ว่างวันไหนก็พาอาจารย์เขามาเที่ยวบ้านบ้างสิ แม่อยากรู้จักเนื้อคู่ของเอิร์ทเหมือนกันนะ”



         “ได้เลยครับ ถ้าแฟนเอิร์ทว่างเมื่อไหร่จะรีบพามาเลย แต่ตอนนี้เอิร์ทไปอาบน้ำนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้มี

สอบวิชาสุดท้าย ฝันดีนะครับแม่ พ่อด้วยนะ”



          เดินตัวปลิวไปยังห้องนอนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนสดชื่อปฐพีจึงคว้าโทรศัพท์มากดวีดิโอคอลหาไตรภูมิ



         “โทรมาทำไมอีกครับเอิร์ท นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องสอบอีกนะ”



         ไตรภูมิส่งเสียงดุเบา ๆ แต่ปฐพีไม่นึกกลัวเลยสักนิด ไตรภูมิน่ารักเหมือนแมวน้อยที่ขู่เขาฟอด ๆ



        “คิดถึงแฟน” ปฐพีส่งเสียงอ้อน “บอกรักเอิร์ทหน่อยนะ”



        “บอกหลายรอบแล้วนะครับวันนี้”



        “อยากได้ยินก่อนนอนอีกนี่ นะครับที่รัก”



        มองเห็นไตรภูมิส่ายหน้าพลางยิ้มขำ หากอยู่ใกล้ปฐพีคงดึงมากอดแล้ว



       “รักเอิร์ทครับ นอนได้แล้ว ฝันดีนะ”



        ไตรภูมิปิดหน้าจอลง หัวใจของปฐพีพองคับอกจนถึงกับกระโดดลงไปบนเตียงแล้วคว้าหมอนข้างมากอด



        เขาจะไม่ปล่อยให้เพชรในมือหลุดลอยไปเด็ดขาด
 








         “เอิร์ท ไอ้เอิร์ท”



         ปฐพีหันขวับไปตามเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อเขา รุ้งงามเพื่อนสมัยมัธยมนั่นเอง



        “ว่าไง รุ้ง แล้วมาทำไมที่นี่ล่ะ”



         รุ้งงามเรียนอักษรศาสตร์แต่เดินมาหาเขาถึงคณะสถาปัตย์ แม้จะไม่ได้ไกลมากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่



         “เอิร์ท แกพาฉันไปเจอตัวจริงอาจารย์ไตรภูมิบ้างสิ”



         คิ้วเข้มของปฐพียกสูงด้วยความสงสัย



        “อะไรของแกวะรุ้ง ทำไมถึงอยากเจอตัวจริงไตร เอ่อ อาจารย์เขาด้วยล่ะ”



        “ก็เนี่ย ที่มีคนถ่ายรูปอาจารย์ไปลงทวิตเตอร์ไง เพื่อน ๆที่คณะมันชอบมากเลยนะ ฉันก็เลยโม้ไปนิด

หน่อยว่ามีเพื่อนอยู่สถาปัตย์น่ะ มันเลยส่งฉันมาให้ถ่ายรูปแบบเน้น ๆ ไปให้พวกมัน”



        “ไม่ได้”



        ปฐพีเกิดอาการหวงเฉียบพลัน หน้าคมบึ้งตึงทันที



        “ทำไมล่ะแก ช่วยเพื่อนฝูงหน่อยสิว้า”



        รุ้งงามบ่นอุบ ปฐพีรีบส่ายหน้า



       “อาจารย์งานเยอะ เขาไม่มีเวลามาเป็นนายแบบให้แกถ่ายรูปหรอก”



       “เอิร์ท”



        เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลนัก ปฐพีได้แต่สบถอยู่ในใจเมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของไตรภูมิ  อุตส่าห์โกหกเพื่อน

ว่าไม่ว่างแล้วแท้ ๆ



        “จะมาทำไมตอนนี้นะ”



         เสียงพึมพำดังอยู่แค่ลำคอของปฐพีในขณะที่รุ้งงามกำลังตื่นเต้น



        “อ้าว คุยกับเพื่อนอยู่เหรอ งั้นผมไม่กวนละ..”



        “อาจารย์ค้า” รุ้งงามรีบรั้งไว้



        “หนูชื่อรุ้งงามอยู่อักษรเป็นเพื่อนเอิร์ทค่ะ หนูขอถ่ายรูปอาจารย์ได้ไหมคะ”



        แค่ไตรภูมิยิ้มบาง ๆ รุ้งงามก็ถึงกับทำตาโต ปฐพีมองอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นเพื่อนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

ไตรภูมิแบบรัว ๆ นายแบบเองก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นใจเหลือเกิน



         “เอิร์ท แกถ่ายรูปฉันคู่กับอาจารย์บ้างสิ ฉันจะไปอวดเพื่อน”



        “ไม่ถ่ายโว้ย”



        “เอิร์ท อย่าทำแบบนี้สิ”



         เสียงอ่อนดังเตือนพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน ปฐพียอมแพ้จนต้องถอนหายใจ



         เกลียดจริงเชียว แค่เห็นใบหน้าของไตรภูมิปฐพีก็ไม่เคยปฏิเสธอะไรได้



        “เอามือถือมานี่ ให้เวลาสิบวินาที”



        ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มาจากมือรุ้งงามและถ่ายรูปให้อย่างไม่ตั้งใจนัก



       “เอ้า เสร็จแล้ว”



       “โหไอ้เอิร์ท แกกดถ่ายแบบรัว ๆ ไม่เป็นหรือไง” รุ้งงามโวยวาย



       “แค่นี้แหละ อย่าเรื่องมาก กลับคณะแกได้แล้วไอ้รุ้ง”



       ปฐพีดันไหล่เพื่อนจนเจ้าตัวค้อนขวับ



       “เออ ไปก็ได้ อาจารย์ขา วันหลังหนูมาอีกน้า โอ๊ย ไอ้เอิร์ท แกจะผลักฉันทำไมเนี่ย ไปแล้วโว้ย”



       รอจนรุ้งงามพ้นสายตาปฐพีจึงหันมาทำหน้าบึ้งใส่คนรัก



      “เสน่ห์แรงจังครับ หวงนะ”



       ไตรภูมิส่ายหน้าไม่จริงจังนักก่อนจะยิ้มหวานให้



        “ว่าจะเลี้ยงข้าวฉลองสอบมิดเทอมเสร็จตอนเย็น ถ้าหน้าบึ้งแบบนี้อดก็แล้วกัน”



       ปฐพีฉีกยิ้มทันที



      “ไม่บึ้งแล้วครับไตร ยิ้มกว้างขนาดนี้ เลี้ยงข้าวเอิร์ทเลย”



       “อยากกินอะไรล่ะ”



       “อยากกินไตร โอ๊ย ทุบทำไมเนี่ย”



       “พูดเป็นเล่นเรื่อยเลย เด็กบ้า ไปช่วยยกหนังสือเดี๋ยวนี้เลย”



       “คร้าบที่รัก อย่าดุสิ กลัวแล้ว”



        เสียงหัวเราะดังประสานกันก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไปที่อาคารเรียน แต่พอเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเสียงสุนัขเห่า

ก็ดังขึ้นทันที



        “ไอ้ล่องจุ๊นเห่าอีกแล้ว”



        สุนัขเนื้อตัวสกปรกมีแผลโรคเรื้อนกระจายอยู่ตามลำตัวเห่าเสียงดังยิ่งกว่าเคย ไตรภูมิมองอย่างแปลกใจ



       “ปกติเจ้าล่องจุ๊นไม่เคยเห่านะ”



        “มันเจอเอิร์ทไง ไม่รู้ไปทำอะไรให้มันเข้าทั้งคณะเกลียดเอิร์ทคนเดียวนี่แหละ วันนี้เห่าเสียงโคตรดัง”



          ไตรภูมิเดินไปหาล่องจุ๊น เขานั่งลงลูบหัวมันเบา ๆ เจ้าหมาจรจัดเงียบเสียงทันทีแต่มันยังหันหน้ามอง

ปฐพีอย่างอาฆาตแค้น ตอนนั้นเองที่ปฐพีสะกิดใจ เขาจ้องตามันกลับพักใหญ่จนกระทั่งภาพใครบางคนซ้อนทับเข้ามา

จนปฐพีตกใจ



        “ไอ้เหมือน”



         ชายหนุ่มได้แต่พึมพำในลำคอ เขาได้แต่สมเพชในสิ่งที่รู้ แววตาของล่องจุ๊นดูเหมือนจะจำเขาได้เช่นกัน



        “ไตรครับ เอิร์ทว่าปล่อยไอ้ล่องจุ๊นไปดีกว่า เอิร์ทหิวแล้ว”



         ไตรภูมิลุกขึ้นยืน เขาหันมายิ้มให้ปฐพี



        “ไปสิ ล่องจุ๊น ไปก่อนนะเดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก”



        เมื่อไตรภูมิเดินห่างมาเสียงเห่าของล่องจุ๊นก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ปฐพีได้แต่หันไปมองพลางถอนหายใจ



        “กรรมของใครก็ของคนนั้น กูอโหสิกรรมให้มึงนะ ไอ้เหมือน”



         ปฐพีพูดในใจก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินเคียงคู่ไปกับไตรภูมิ




มีต่ออีกนิด...















หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-03-2018 14:28:23


ต่อกันตรงนี้...




         หลังสอบกลางเทอมครบทุกวิชาเป็นวันหยุดยาวสี่วัน ไตรภูมิใช้ช่วงโอกาสนั้นไปขลุกอยู่ที่คอนโดมิเนียม

ของไตรภูมิ เจ้าของห้องให้กุญแจเขาไว้ชุดหนึ่ง


        “เอิร์ทจะได้มาหาผมสะดวกไง” ไตรภูมิบอกเขาเช่นนั้น ปฐพีจึงรีบมาอย่างรวดเร็ว


        พอถึงวันหยุดวันที่สามปฐพีก็ได้รับโทรศัพท์จากนลินี


        “คร้าบแม่”


        “นี่พ่อตัวดี ไปขลุกอยู่กับแฟนใช่ไหม พ่อแม่จะลืมหน้าลูกแล้วนะ กลับบ้านกลับช่องบ้างเถอะ”


        นลินีพูดเสียงกลั้วหัวเราะไม่จริงจังนัก ความจริงคือเกรงใจไตรภูมิคนรักของลูกเพราะรู้ว่าเขาต้องทำงาน


       “โห เดี๋ยวนี้มีโทรตาม เดี๋ยวกลับครับแม่”


        “จ้ะ เกรงใจอาจารย์บ้าง บอกให้พามาทานข้าวบ้างก็ไม่พามาเลย”


        ปฐพีป้องปากพูดเสียงเบากับไตรภูมิ


       “แม่ชวนให้ไปกินข้าวที่บ้าน”


        ไตรภูมิส่งยิ้มตอบ


        “วันนี้ทำงาน พรุ่งนี้ไปได้”


        ปฐพีพยักหน้า เขาคุยกับนลินีอีกครู่ใหญ่จึงวางสาย


       “แม่บอกให้กลับบ้าน มาอยู่นี่เกรงใจไตร”


       “กลับไปบ้านก่อนเถอะครับเอิร์ท ผมจะได้รีบทำคะแนนสอบส่งฝ่ายให้เสร็จ”


       “แหม จะบอกว่าเอิร์ทกวนไตรจนไม่ได้ทำงานก็พูดเหอะ


        ปฐพีลุกมาหาและสอดแขนโอบเอวไตรภูมิจากด้านหลังแล้วหอมแก้มดังฟอด


        “เอิร์ทไม่อยู่อย่าโหมงานหนักนะครับ เอิร์ทเป็นห่วง ไหนหันมาให้จูบหน่อยเร็ว


         ไตรภูมิหันกลับไปเงยหน้ารับจูบของปฐพี จนกระทั่งเขาพอใจจึงได้ยอมละริมฝีปากออกมา ปฐพียกปลาย

นิ้วเกลี่ยไปตามกรอบหน้างดงามอย่างหลงใหล


           “รักมากนะครับไตร เอิร์ทไปล่ะ


          ปฐพีคว้าเป้ที่โต๊ะรับแขกและเดินออกไปจากห้อง ก่อนไปยังหันมาส่งจูบให้จนไตรภูมิต้องส่ายหน้าใน

ความทะเล้นของคนรักวัยหนุ่ม เขานั่งทำงานจนถึงตอนเย็นจึงเรียบร้อย ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น


        “ว่าไงครับเอิร์ท” ไตรภูมิตอบรับ


           “คุณป้าของเอิร์ทที่อยู่ต่างจังหวัดเสียชีวิตครับไตร เพิ่งรู้กันเมื่อสักครู่นี้เอง เอิร์ทต้องไปงานศพกับพ่อ

แม่สักสองสามวัน เดี๋ยวจะรีบไปกันคืนนี้เลย”


         “อ้าว เอิร์ทไปเถอะ ฝากแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”


        “ได้ครับไตร เอิร์ทไม่อยู่ไตรดูแลตัวเองดี ๆ นะ เอิร์ทเป็นห่วง”


           พูดคุยกันสักพักปฐพีจึงยอมวางสาย แต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นของคณบดี

ที่มหาวิทยาลัย ไตรภูมิรับสายอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายติดต่อมาในวันหยุด
         “สวัสดีครับอาจารย์ มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ


        “ครับอาจารย์ไตรภูมิ จะว่าด่วนก็ด่วนนะ ถ้าจะให้อาจารย์มาที่คณะตอนนี้เลยจะได้ไหมครับ


           คำสั่งของคณบดีทำให้ไตรภูมิต้องขับรถมาที่มหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า

อะไรทำให้เขาถูกเรียกตัวด่วนขนาดนี้จนกระทั่งทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับคณบดีที่มีสีหน้าเคร่งเครียดพลางยื่นโทรศัพท์

ของตนมาวางไว้ตรงหน้าไตรภูมิ เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและรีบคว้ามันมาดู และสิ่งที่เห็นทำให้เขาหน้าซีดเผือด


          มันเป็นรูปที่ไตรภูมิกับปฐพีจูบกันอยู่ภายในรถยนต์เมื่อกลับจากไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกันในวัน

สุดท้ายของการสอบกลางเทอม  ไตรภูมิเงยหน้าขึ้นมองคณบดีด้วยความตกใจ


         “รูปนี้ถูกอัพลงทวิตเตอร์ มีคนส่งมาให้ผมและบอกว่าการที่คุณกับนักศึกษามีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกัน

อาจจะทำให้คุณให้เกรดเด็กคนนี้ดีกว่าคนอื่นในคลาส ผมรู้มาว่าปฐพีได้คะแนนดีมากในการสอบใช่ไหม


           “อาจารย์เชื่อว่าผมมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาเพื่อแลกเกรดอย่างนั้นหรือครับ


            เสียงของไตรภูมิเบาหวิว ใบหน้าซีดยิ่งกว่ากระดาษเมื่อสบตากับคณบดี


           “ผมจะไม่ชี้ชัดลงไปหรอกนะว่าผมเชื่อเช่นนั้นหรือเปล่า แต่ผมอยากจะเตือนอาจารย์แค่ว่าภาพพจน์

ความเป็นอาจารย์มันจะเสียหายได้ถ้าเกิดว่ามีคนรู้เรื่องนี้ ทางที่ดีอาจารย์ควรจะเลิกติดต่อกับปฐพีไปเลยดีกว่า

เลิกติดต่อกับปฐพีเพราะสถานภาพอาจารย์กับลูกศิษย์อย่างนั้นหรือ


          ไตรภูมิคิดด้วยความปวดร้าว

 


                                 TBC

                ใกล้จบแล้ว ยังไม่วายมีดราม่า เฮ้อออ

  รบกวนออเจ้าทั้งหลายช่วยเขียนคอมเมนท์หลังอ่าน หรือ แนะนำกับสหายของออเจ้าให้บ้างนะเจ้าคะ

     อีกนิดเดียวจะจบ ยอดเมนท์ ไม่กระเตื้อง ข้าปวดใจ ปวดตับเหลือเกินเจ้าค่ะ             


                            o9 o9 o9 o9 o9









หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-03-2018 15:45:26
คิดว่าคงไม่โดนซุ่มจัมผิดนะ หรือว่ามียังมองไม่เห็นว่าใครจะเป็นตัวร้าย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-03-2018 17:24:44
 :m15: :ling1:

เขารักกันมาตั้งนาน อย่าเซซซซซซซ่

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-03-2018 18:40:52
อุตส่าห์สมหวังกันแล้วยังไม่วายมีดราม่า เราว่าไตรต้องเลือกลาออกเองแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-03-2018 18:43:41
ใครแอบถ่ายรูปไตรกับเอิร์ธ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 10-03-2018 22:35:51
งื้ออออออ
กำลังหวานๆอยู่เชียว
มีมาม่าชามโตโผล่มาเฉย
ใครมันมสแอบถ่าย น่าตีจริงเชียว
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 10-03-2018 23:54:59
 :z10:  :z10:

คลานเข่าเข้ามาจิ้มมมม
แอบสงสารเหมือนอ่ะ เวรกรรมจริงๆ อย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลยนะ


ปล. ลาออกจร๊ะไตร ถ้าไตรออกก็ไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันแล้ว 555
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-03-2018 23:58:38
ทั้งคู่จะแก้ปัญหานี้ยังไงนะ จริงอยู่ว่าในอดีตเคยรักกัน ต้องเจออะไรมาเยอะกว่าจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ มันคงเป็นความรู้สึกรักมาก เหมือนของรักที่หายไปได้กลับคืนมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานะทางสังคนในตอนนี้ของทั้งคู่คือศิษย์กับอาจารย์
ในความคิดเราคบกันได้นะ แต่เปิดเผยไม่ได้ จะทำอะไรเวลาอยู่ข้างนอกต้องระวัง อยากสัมผัสกันควรทำในที่ลับที่มั่นใจว่าปลอดภัย
เพราะถ้าคนนอกรู้ความสัมพันธ์นี้ต้องมองทั้งคู่ไม่ดีแน่ ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เลือกทางที่ต้องแยกจากกันอีก ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนด้านการวางตัวเวลาอยู่นอกบ้านนะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 11-03-2018 01:58:59
       สนุกมากค่ะแต่ไม่อยากให้จบเลย :mew2:
ตอนที่อ่านถึงบทของนายเหมือนที่ชาติปัจจุบันกลับมาเกิดเป็นหมาแถมป็นแผลอีกน่าสงสารจับใจแอบน้ำตาซึมโดยส่วนตัวรักหมาอยู่แล้ว และยิ่งมาเห็นความรักที่มีต่อคนที่เค้ารักแล้วก็ยิ่งสงสารถึงจะเป็นหมาในชาตินี้ก็ยังรัก ความรักบางครั้งมันก็ทำให้คนเราเลวร้ายได้เพื่อให้ได้มา เข้าใจความรู้สึกของนายเหมือนนะค่ะแต่ไม่ได้ยอมรับกับสิ่งเลวร้ายที่ทำไว้ แค่นับถือในความรักค่ะ
      ส่วนเรื่องระหว่างไตรภูมิกับปฐพีโดยส่วนตัวก็แอบคิดเเละเป็นห่วงอยู่แล้วเพราะฐานะที่ทั้งสองคนยื่นอยู่มันเสี่ยงต่อการตกเป็นประเด็นมาก
      ทางที่ดีที่สุดเราคิดว่าความรักไม่จำเป็นต้องหยุดลงทั้งสองทางทั้งความรักในอาชีพการสอนของไตรภูมิ และ ความรักที่มีต่อคนรักในฐานะลูกศิษย์ แค่ก้าวออกมานิดนึงก็พอค่ะ
      คนเป็นครูไม่จำเป็นว่าต้องสอนในสถาบันค่ะ สอนข้างถนนก็คือครูค่ะ  เราคิดว่าน่าจะขอหยุดการสอบในฐานะครูในมหาลัยเสียนะค่ะแล้วมาเปิดโรงเรียนสอนวาดรูปหรือสอนติวเกียวกับวิชาที่ต้องใช้ความสามารถในการวาดรูปเพื่อไปสอบเข้าตามมหาลัย
แทนการเป็นครูในสถาบันการศึกษาค่ะ และ ไม่เสียหายต่อภาพลักษณ์ด้วยถ้าจะคบกันต่อ ... สู้ๆนะค่ะเป็นกำลังใจให้ไรต์และเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนด้วยค่ะผ่านจุดๆนี้ไปให้ได้นะค่ะแค่นี้สบายขนาดข้ามภพข้ามชาติยังตามมารักกันได้เลยเเค่นี้สบายค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 11-03-2018 10:18:18
เรื่องของนักเขียนสนุกค่ะ  อ่านภาคแรกและติดถามภาคนี้ต่อค่ะ สู้ๆ ไม่ค่อยเม้น  แต่มีกำลังใจให้เพียบ :mew1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 11-03-2018 19:48:43
สงสารนายเหมือนมากค่ะเป็นหมาไปแล้วTT
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-03-2018 19:49:21


                                  วิญญาณเสน่หา

                                     บทที่ ­­๑๘



          ปฐพียุ่งอยู่กับงานศพของญาติจนกระทั่งเผาศพเรียบร้อยแล้วจึงไม่มีเวลาติดต่อไตรภูมิในช่วงสองสามวัน

ที่ผ่านมา บ่ายวันเผาศพบัญชาจึงขับรถกลับกรุงเทพ ปฐพีกำลังจะโทรศัพท์หาไตรภูมิด้วยความคิดถึงแต่รุ้งงามกลับ

โทรเข้ามาเสียก่อน


          “ว่าไงรุ้ง”


          “ไอ้เอิร์ท” น้ำเสียงของรุ้งงามฟังคล้ายกำลังร้อนรน


          “แกเปิดไลน์ของฉัน แล้วดูรูปที่ฉันส่งไปเดี๋ยวนี้”


          “อะไรของแกวะ”


           ปฐพีไม่เข้าใจ แต่รุ้งงามก็ยังกำชับมาตามเสียง


           “เร็วสิแก เรื่องสำคัญนะ”


           ชายหนุ่มเปิดแอพลิเคชันไลน์ เขาดาวน์โหลดรูปที่รุ้งงามส่งมาให้ เมื่อเห็นเต็มตาหัวคิ้วของปฐพีก็ย่น

เข้าหากันทันที เขารีบเอ่ยถามรุ้งงามเสียงเครียด


         “รูปนี้มาจากไหนวะรุ้ง”


         “รูปผู้ชายที่หันหลังอยู่ใช่แกหรือเปล่าเอิร์ท”


         รุ้งงามไม่ตอบแต่กลับชิงถามด้วยคำถามที่ปฐพีลำบากใจที่จะตอบ


         “รูปนี้น่ะ พวกที่เขาชอบอาจารย์ไตรภูมิไปถ่ายมาได้โดยบังเอิญแล้วมาอัพลงทวีต แต่พวกนั้นมันถ่ายรูป

คนที่จูบอาจารย์ได้มาแต่ด้านหลัง เขากำลังสืบหากันให้ควักว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”


         ปฐพีตกใจ เขานึกเป็นห่วงไตรภูมิว่ารู้ข่าวนี้หรือยัง


        “แกคิดว่าเป็นฉันเหรอรุ้ง”


         “ไอ้เอิร์ท ฉันเรียนห้องเดียวกับแกมาตั้งแต่มอสี่ แล้วก็นั่งอยู่หลังแกมาตลอด ทำไมฉันจะจำไม่ได้ว่าเป็น

แกวะ”


          รุ้งงามจำได้แน่นอนว่าผู้ชายที่อยู่กับไตรภูมิเป็นใคร


         “ถามจริงเอิร์ท แกกับอาจารย์คบกันเหรอ แต่แกกับอาจารย์น่ะอายุห่างกันตั้งเยอะนะ แล้วยังเป็นลูกศิษย์

กับอาจารย์กันอีก ถ้าหากคนอื่นเขารู้เรื่องนี้ล่ะแกว่าอาจารย์จะถูกมองว่าไงวะ”


        ไตรภูมิกดวางสาย หัวจิตหัวใจมีแต่ความว้าวุ่น เขารีบโทรไปหาไตรภูมิแต่มีเพียงเสียงสัญญาณที่ไม่มีผู้รับ


         “โธ่โว้ย”


         เขาสบถด้วยความหงุดหงิดจนนลินีที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถยนต์หันมามองด้วยความสงสัย


        “มีอะไรเอิร์ท ได้ยินเสียงดังตั้งแต่คุยกับรุ้งแล้ว”


         ปฐพีเล่าเรื่องที่รุ้งงามโทรศัพท์มาหาให้บัญชาและนลินีฟัง สีหน้าของปฐพีไม่ดีนัก


        “อาจารย์เขาเป็นคนคิดมากด้วย ไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องนี้หรือยัง ถ้ารู้ป่านนี้คงกลุ้มใจน่าดูนะแม่”


        “ลองโทรไปอีกสิ” คราวนี้บัญชาเป็นผู้แนะนำ “โทรจนกว่าเขาจะรับสายนั่นแหละ”


         รีบทำตามคำแนะนำที่บิดาบอก แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าไตรภูมิก็ยังไม่รับสาย ปฐพียิ่งใจคอไม่ดี


         “พ่อ ถึงไหนแล้วครับ เร็วอีกนิดได้ไหม”


         “ใจเย็นสิลูก อีกเดี๋ยวก็ถึงกรุงเทพแล้ว อาจารย์เขารับสายหรือเปล่า”


          นลินีเตือนด้วยความเป็นห่วง ปฐพีพยายามควบคุมอารมณ์ให้เข้มแข็งมากที่สุด เขาหลับตาลงและ

ภาวนาในใจ


          เจ้าพ่อต้นไทร หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็แล้วแต่ ขอช่วยดลบันดาลให้ไตรภูมิรับสายด้วยเถิด


         ปฐพีกดโทรศัพท์ไปหาไตรภูมิอีกครั้ง เขารอจนเกือบจะถอดใจ แต่ในที่สุดอีกฟากฝั่งก็รับสาย


         “ไตร ไปไหนมาครับ ทำไมไม่รับสาย เอิร์ทเป็นห่วงนะครับ”


         รอจนหัวใจร้อนรนจึงเพิ่งจะได้ยินเสียงไตรภูมิ


        “เอิร์ท”


         น้ำเสียงนั้นไม่สดใสและเป็นกังวลชัดเจน ปฐพีนึกรู้ทันทีว่าไตรภูมิรู้ข่าวแล้ว


        “ไตร ไตรรู้ข่าวในทวิตเตอร์แล้วใช่ไหมครับ บอกเอิร์ทมาเถอะ”


         เอ่ยเสียงร้อนรนลงไปแต่ไตรภูมิยังเงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงทอดถอนใจผ่านทางโทรศัพท์


         “ผมคิดว่าเราควรจะห่างกันสักพักนะเอิร์ท


         เมื่อได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าของไตรภูมิ ปฐพีก็ยิ่งตกใจ


         “นี่ไตรพูดเรื่องอะไร ไม่ เราจะไม่ห่างกัน ไม่มีเหตุผลที่เราต้องห่างกันเลยนะครับไตรในเมื่อเรารักกันมาก

ขนาดนี้ เราจะแก้ปัญหาไปด้วยกัน เอิร์ทจะไม่ยอมให้ไตรต้องสู้อยู่คนเดียวเด็ดขาด”


          ปลายทางเงียบเสียงลงอีกครั้ง พักใหญ่กว่าไตรภูมิจะยอมตอบกลับมา


          “ผมรู้ว่าเอิร์ทไม่ทิ้งผมหรอก แต่ปัญหาบางอย่างก็ไม่ใช่แก้ไขได้ง่าย ๆ และถ้ายิ่งแก้ไขด้วยอารมณ์มัน

ก็ยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ผมขอเวลาสักพักนะเอิร์ทถ้าทุกอย่างคลี่คลายแล้วผมจะติดต่อมาเอง   ดูแลตัวเองด้วยนะ ผมรัก

เอิร์ทนะครับ”


         “ไตร เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งวางหู ไตร!”


           สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว ปฐพีรีบกดโทรออกอีกครั้งและผลที่ได้คือไตรภูมิปิดเครื่อง ชายหนุ่ม

กระสับกระส่ายจนกระทั่งบัญชาขับรถถึงบ้านปฐพีจึงขอพ่อกับแม่ไปหาไตรภูมิ เขารีบขับรถไปยังคอนโดมิเนียมของ

ไตรภูมิ และสิ่งที่เห็นก็ยิ่งทำให้ปฐพีทั้งตกใจและกระวนกระวาย เมื่อหน้าประตูกลับมีป้ายประกาศขายห้องติดไว้


        “ไตร ไตรภูมิ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”


          เขาทุบประตูห้องจนเจ็บมือ ปฐพีใช้กุญแจที่ไตรภูมิให้ไว้เปิดประตูเข้าไป หัวใจของปฐพีหล่นหายเมื่อ

เปิดไฟสว่างแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ไตรภูมิไม่เหลือเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัวไว้แม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้น

ใหญ่และความเงียบสงัดจนปฐพีเดินคอตกออกนอกห้อง


          “อ้าวคุณ”


         ผู้ชายที่อยู่ห้องข้าง ๆ เดินออกมาพอดี เขาทักปฐพีด้วยความแปลกใจเพราะคุ้นหน้ากันอยู่ว่าเคยมาค้างที่

ห้องของไตรภูมิ


         “ลืมอะไรไว้เหรอ อาจารย์ไตรภูมิเขาย้ายออกไปแล้วนี่”


         ปฐพีรีบก้าวไปหาอย่างมีความหวัง


         “เขาย้ายไปไหนทราบไหมครับ”


        “เอ ไม่รู้เหมือนกันนะ เห็นเก็บข้าวของไปตั้งแต่สองวันก่อน นี่ยังฝากผมประกาศขายห้องอยู่เลย”


        ในที่สุดปฐพีก็ต้องกลับบ้านอย่างหมดหวัง นลินีที่รออยู่ด้วยความเป็นห่วงรีบถามเมื่อบุตรชายกลับบ้าน


       “เขาหนีเอิร์ทไปแล้วแม่”


         ชายหนุ่มนอนลงหนุนตักมารดา เขาหลับตาเพื่อปิดบังหัวใจที่แตกสลาย นลินีถอนหายใจก่อนจะลูบผม

ปฐพีเพื่อปลอบใจ


          “แม่ว่าเขาไม่ได้หนีหรอก เขารอเอิร์ทมานานขนาดนี้แค่อุปสรรคนิดหน่อยจะทำให้เขาทิ้งเอิร์ทได้ลง

เชียวหรือ”


         “เอิร์ทไม่อยากให้เขาทุกข์อยู่คนเดียว คนเรารักกันมันก็ต้องอยู่ด้วยกันทั้งทุกข์และสุขไม่ใช่เหรอแม่”


         น้ำเสียงของปฐพีอ่อนระโหยเต็มทีจนมารดาได้แต่สงสาร


       “เท่าที่เล่าให้แม่ฟัง เขาก็ไม่ได้จะทิ้งเอิร์ทไปนี่ เขาขอเวลาแล้วจะกลับมา ถ้าเอิร์ทคิดว่าเขามั่นคงต่อเอิร์ทก็

ลองให้เวลาเขาสักหน่อย แม่ว่าอีกไม่นานเขาต้องกลับมาหาลูก”


         คำพูดของมารดาเตือนสติปฐพี เขาเชื่อมั่นว่าไตรภูมิไม่ได้หนีหายไปไหน วันรุ่งขึ้นเมื่อไปมหาวิทยาลัย

ปฐพีจะไปถามไตรภูมิให้กระจ่างว่าเพราะเหตุใดถึงตัดสินใจเช่นนั้น





         ปฐพีไปถึงมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า เขาตรงดิ่งไปยังห้องพักอาจารย์ของไตรภูมิ ชายหนุ่มสบถออกมาเมื่อ

เห็นว่าป้ายชื่อของไตรภูมิที่ติดไว้หน้าห้องถูกถอดออกไปแล้ว ปฐพีกลับลงมาที่ใต้ถุนอาคารอย่างใจลอย



         “อาจารย์ไตรภูมิลาออกไปแล้วว่ะ”



          ปฐพีหูผึ่งเมื่อได้ยินเพื่อนในคณะพูดคุยกัน เขารีบก้าวเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทันทีและเอ่ยถามเสียง

เครียด



           “ลาออกทำไม”



            “รู้แล้วเหยียบไว้นะ ป้าแม่บ้านเม้าให้ฟังว่าคณบดีเรียกอาจารย์ไตรภูมิมาคุยเรื่องที่มีรูปอาจารย์กับ

นักศึกษาหลุดออกมาไง คณบดีบอกว่ามันไม่เหมาะสม อาจารย์เลยชิงลาออกไปเลย”



           “โอ๊ย สงสารอาจารย์ว่ะ แต่ก็นะ พวกโลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์ก็คงคิดว่ามันน่าเกลียดนั่นแหละ”



          “แต่ฉันฟินว่ะ สาววายอย่างฉันชายได้ชายคือนิพพาน ตอนนี้อยากรู้แค่ว่าไอ้คนที่คว้าอาจารย์ไตรภูมิสุด

หล่อของฉันไปกินมันคือใคร เสียดายคนถ่ายรูปไม่ได้ถ่ายหน้ามาให้ส่อง เออ ไอ้เอิร์ท ทรงแกก็คล้ายกับเด็กของ

อาจารย์เหมือนกันนะเนี่ย หรือว่าเป็นแกวะ ฉันเห็นแกไปช่วยถือหนังสือให้อาจารย์บ่อย ๆ นี่นา”



         ปฐพีทนฟังไม่ไหว เขาผุดลุกหนีจากกลุ่มเพื่อนไปนั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว นึกสงสารไตรภูมิเหลือเกินว่าจะ

ต้องเผชิญกับคำครหาแค่ไหน ตอนนี้ปฐพีได้แต่เป็นห่วงคนที่เขารักสุดหัวใจ





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ #จบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-03-2018 19:59:45
ต่อกันตรงนี...




          เวลาผ่านไปจนกระทั่งปฐพีสอบปลายเทอมครบทุกวิชาและปิดเทอมแล้วไตรภูมิก็ยังไม่ติดต่อกลับมา

ช่วงเวลาหลายเดือนนั้นปฐพีพยายามตามหาไตรภูมิด้วยวิธีต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้ผล ข่าวของไตรภูมิในมหาวิทยาลัยจางลง

เรื่อย ๆ ไม่นานก็ไม่มีใครพูดถึงอีก จะมีก็แต่ปฐพีที่เฝ้ารออย่างอดทน


         “เมื่อไหร่จะยิ้มได้สักทีวะไอ้เสือ”


          นายบัญชาบิดาของเขาพยายามให้กำลังใจบุตรชาย


         “รอกันมาตั้งนานยังรอได้ แค่ผ่านไปไม่กี่เดือนเองก็ต้องรอกันได้สิวะ”


          ปฐพีฝืนยิ้มให้บิดา รู้ว่าคนในครอบครัวเป็นห่วง ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด


         “ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเอิร์ท อย่ามัวแต่ทำตัวซังกะตาย นี่พ่อได้การ์ดเชิญเปิดแกลเลอรี่ภาพวาดมาจากลูก

ศิษย์ พวกเราไปเที่ยวกันดีกว่า”


          พ่อของปฐพีเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก่อนจะลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ลูกศิษย์เก่า ๆ บางคนก็ยัง

ติดต่อกันจนกระทั่งบัดนี้ ปฐพีไม่อยากให้บิดามารดาเป็นห่วงมากนักจึงยอมติดตามทั้งคู่มาด้วย


       “เขาแชร์โลเคชันมาให้ ช่วยกันดูหน่อย”


        บัญชาบอกให้ปฐพีดูเส้นทางในโทรศัพท์มือถือ


       “ลูกศิษย์พ่อคนนี้วาดรูปเก่งมากเลยนี่” 


       นลินีชวนคุย บัญชาพยักหน้ารับ


        “ใช่ วาดรูปสวยมาก โดยเฉพาะพวกลายเส้นแบบไทย ๆ รูปหนึ่งก็ขายได้หลายเงินอยู่ เรียกว่าหาเงินได้

ตั้งแต่ยังวัยรุ่นอยู่เลยเมื่อหลายปีมาแล้ว”


           ปฐพีฟังบ้างไม่ฟังบ้างเมื่อต้องคอยดูแผนที่ เขาเริ่มเอะใจเมื่อเส้นทางไปยังแกลเลอรี่เป็นเส้นเดียวกับที่

เขาเคยมาเมื่อหลายเดือนก่อน ความแปลกใจมีมากขึ้นพร้อมกันทั้งครอบครัวเมื่อในที่สุดบัญชาก็ขับรถมาถึงจุดหมาย


          “นี่มันที่ดินเปล่าที่พวกเราเคยมาตอนที่มาหาหลวงพ่อนี่นา”


          นลินีเอ่ยขึ้น ในวันนี้ที่ดินผืนนั้นไม่ใช่ที่ดินเปล่าอีกต่อไป สองฝั่งถนนด้านหน้ามีรถยนต์จอดเป็นแถวยาว

ประตูรั้วทางเข้าถูกเปลี่ยนใหม่ให้โปร่งสบายและทันสมัยมากขึ้น จากประตูรั้วมีถนนลาดยางเล็ก ๆ ตรงเข้าสู่ตัวบ้านที่

สร้างขึ้นกลางที่ดินเปล่า ด้านข้างของถนนลาดยางเรียงรายไปด้วยต้นแก้วตลอดทั้งสองฟาก บางต้นเริ่มมีช่อดอกแก้ว

ส่งกลิ่นหอมเย็นให้ชื่นชม

          เมื่อเงยหน้ามองบ้านสองชั้นไตรภูมิก็ยิ่งตกตะลึงจนตัวแข็ง ภายนอกเป็นบ้านปูนเปลือยตามสมัยนิยม

หากแต่ก่อสร้างในสไตล์โคโรเนียลในยุคร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ปฐพีจำมุขหกเหลี่ยมด้านหน้าได้อย่างแม่นยำ จำแม้

กระทั่งแผ่นประดับชายคาที่ฉลุลายขนมปังขิงด้วยซ้ำ

          หัวใจของปฐพีเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นยินดี จะมีใครสักกี่คนที่ออกแบบและสร้างบ้านได้ตรงกับใจของเขา

เช่นนี้ ชายหนุ่มรีบหันขวับไปหาบิดามารดาทันที


           “พ่อครับ ลูกศิษย์พ่อที่เป็นเจ้าของแกลเลอรี่ชื่ออะไรครับ”


           “ชื่อไตรภูมิ ทำไมเหรอ อ๊ะ หรือว่า...”


          “ไตรภูมิเหรอ คนรักของเอิร์ทก็ชื่อไตรนี่ เออ หรือว่า...”


          มารดาของเขาก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ปฐพีรีบคว้าข้อมือบิดามารดาให้ก้าวเข้าสู่ชั้นล่างของตัวบ้านที่

ตกแต่งสำหรับเป็นแกลเลอรี่ แขกที่มาในวันเปิดงานกระจายกันอยู่หน้าภาพวาดใส่กรอบพลางพูดคุยด้วยความชื่นชมใน

ฝีมือ ปฐพีกวาดสายตาไปทั่วกลับไม่เห็นคนที่เขาเฝ้ารอแม้แต่เงา

          ภาพวาดภาพหนึ่งปรากฏอยู่บนผนังสะดุดตาและดึงดูดให้ปฐพีก้าวไปหยุดยืนจ้องมองราวกับตกอยู่ใน

ภวังค์ ปฐพีนึกถึงลำคลองที่มีน้ำเย็นใสแจ๋ว ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ยืนต้นอยู่ริมคุ้งน้ำ เขามองเห็นกระทั่งรายละเอียดของผืน

ดินอ่อนนุ่มริมตลิ่งที่ถูกน้ำในคลองท่วมทับยามหน้าน้ำหลาก


         “ภาพนี้ไม่ขายครับ แต่ถ้าอาจารย์ชอบผมจะมอบให้อาจารย์”


         ปฐพีหันขวับไปทางต้นเสียงที่เขาได้ยิน ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างโปร่งยืนคุยกับบัญชาและนลินีด้วย

ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บิดาของเขายกมือตบต้นแขนคนตรงหน้าเบา ๆ อย่างสนิทสนมพลางแนะนำให้นลินีรู้จัก มารดา

ของเขาทักทายตอบเป็นกันเอง

         รอยยิ้มนั้นพิมพ์อยู่ในใจของปฐพีมาเนิ่นนาน เขาพิสูจน์ด้วยหัวใจตนเองแล้วว่าไม่มีวันไหนที่เขาจะลืม

เลือนคน ๆ นี้ได้เลย ปฐพีเดินตรงเข้าไปในกลุ่มสนทนาอย่างลืมตัว


         “เอิร์ท มานี่เร็ว นี่ไงลูกศิษย์ของพ่อสมัยที่ยังหนุ่มๆ...”


          ปฐพีดึงร่างนั้นเข้ามากอด เขาไม่สนใจสายตาของผู้ใดทั้งสิ้น พักใหญ่กว่าจะได้สติคลายวงแขนแต่ถึง

กระนั้นเขาก็ยังจ้องใบหน้าของคนในอ้อมกอดไม่วางตา


        “พ่อครับแม่ครับ”


        ปฐพีเอ่ยขึ้นเมื่อพอจะหักห้ามความยินดีได้บ้างแล้ว


        “คน ๆ นี้คือคนที่เอิร์ทรักมาตลอดเวลาที่ผ่านมา และจะรักตลอดไป”





          ไตรภูมิยืนอยู่ตรงหน้ามุขบนชั้นสองที่เขาจัดไว้เป็นห้องนอนของเขาเช่นในอดีต เขาทอดสายตามองสวน

หน้าบ้านเบื้องล่างลงไป แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าเมื่อแกลเลอรี่ปิดให้เข้าชมในวันแรกแล้ว เขาคลี่ยิ้มเมื่อมีแขน

สอดมาจากเบื้องหลังโอบกอดเขาไว้อย่างแน่นหนา



          “คนใจร้าย”



          เสียงนั้นดังอยู่ข้างหู เจ้าของอ้อมกอดจูบที่ขมับของเขาและตัดพ้อจนน่าสงสาร



         “หนีผมมาทำไม”



         ไตรภูมิยิ้มอย่างยินดี เขาพิงแผ่นหลังลงไปกับอกอุ่น นึกถึงเมื่อตอนกลางวันที่ปฐพีคว้าเขาไปกอดและ

สารภาพรักต่อหน้าพ่อกับแม่จนพากันตกตะลึง ไตรภูมิเองก็ตั้งตัวไม่ทันเขาไม่นึกว่าปฐพีจะบ้าบิ่นถึงขนาดนี้ แต่ดู

เหมือนบัญชาอาจารย์ของเขาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนกับนลินีภรรยาจะไม่ตกใจกับการกระทำของลูกชายนักและต่างพากันยิ้ม

ไปกับการแนะนำของปฐพี



         “ได้พบกันเสียที เอิร์ทพูดถึงคุณจนฉันอยากจะพบเหลือเกิน ในที่สุดก็มีวันนี้”



          นลินีเอ่ยเสียงอ่อนโยน ส่วนบัญชาหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ



          “โลกมันกลมดีแท้ ใครจะนึกว่าลูกศิษย์ที่สอนกันมาจะกลายมาเป็นแฟนของลูกชาย”



          ไตรภูมิดีใจมากที่ครอบครัวของปฐพีไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายและยังอายุมากกว่าปฐพี

หลายปี บัญชากับนลินีอยู่คุยกับเขาอีกพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำลา



         “ไปก่อนนะคะ ฝากเจ้าเอิร์ทมันด้วยล่ะ ท่าทางจะไม่ยอมกลับบ้านแน่ ๆ ว่างเมื่อไหร่ไปเที่ยวที่บ้านบ้าง

นะคะ”



          รอจนกระทั่งถึงกำหนดเวลาปิดแกลเลอรี่ไตรภูมิเพิ่งจะมีเวลาเป็นส่วนตัวกับปฐพีที่ไม่ยอมห่างจากเขา



         “ไม่ได้หนีนะครับเอิร์ท ผมบอกแล้วว่าขอเวลาเท่านั้น”



        หนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์จนเดาอายุไม่ถูกหันกลับไปหาคนรักพลางยกแขนคล้องคอ

ไตรภูมิไว้ ไตรภูมิซุกหน้ากับแผ่นอกที่รอรับอยู่



           “ตอนที่มีข่าวออกมาและท่านคณบดีเรียกไปตำหนิมันสับสนไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลย เขาบอกว่า

ผมควรจะเลิกกับเอิร์ทเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา แต่ผมตัดใจจากเอิร์ทไม่ได้ก็เลยตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะ

ว่าผมไม่อยากให้เรามีสถานะเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันอีก ผมอยากเป็นคนรักของเอิร์ทมากกว่า”



          “พูดได้ดีครับไตร” ปฐพียกนิ้วเขี่ยแก้มนวลเล่น



          “แล้วทำไมไม่ติดต่อกลับมาอีก หายไปตั้งหลายเดือน”



          “ก็มัวยุ่ง ๆ กับสร้างบ้านหลังนี้นี่แหละครับ หลังจากไฟไหม้เมื่อสิบแปดปีก่อนก็ไม่ได้ทำอะไรกับที่ดิน

อีก เรียกว่าไม่ได้สนใจเลยล่ะ พอลาออกจากงานก็ว่างไง แวะมาดูอีกทีเพิ่งจะรู้ว่ามันเจริญขึ้นมาก ถนนหนทางไปมา

สะดวกกว่าสมัยก่อนก็เลยตัดสินใจทำแกลเลอรี่ขายภาพอย่างที่เคยอยากทำ ผมก็เลยยุ่งกับการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่โดย

ใช้แบบบ้านทรงเดิม”



           “บ้านหลังนี้สวยมาก ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นของจริงนอกจากในฝัน”



          “ดีใจที่เอิร์ทชอบนะ”



           ไตรภูมิยิ้มบาง ๆ ดวงตาของเขาพลันกระจ่างใส ปฐพีสบตาแล้วก็อดใจไม่ไหว เขาเชยคางให้ไตรภูมิ

แหงนหน้าขึ้น



            “อย่าเพิ่งมาทำซึ้งเลยครับ ผมยังไม่ได้ลงโทษไตรเลยที่ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว”



            ปฐพีประทับริมฝีปากลงไปอย่างโหยหาพลางพร่ำบ่นเสียงกระซิบข้างหูของไตรภูมิ



            “คิดถึงใจจะขาด คิดถึงปากนี้ คิดถึงแก้มนุ่มของไตร”



           ปฐพีเริ่มจูบหนักหน่วง กระดุมเสื้อเชิ้ตของไตรภูมิถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วอึดใจเขาก็เหลือแต่

กายเปล่าอวดสายตาคนรัก มือร้อนวางแนบไปทั่วลำตัวโดยเฉพาะเม็ดเล็กเหนือทรวงอกที่ปฐพีขยุ้มปลายนิ้วทั้งห้าลงไป

ขยี้จนมันแข็งเป็นไต



         “คิดถึงตรงนี้ และก็ตรงนี้ด้วย”



         อีกมือเลื่อนลงล่างคว้าแก่นกายที่ยื่นออกมาเค้นคลึง ไตรภูมิถึงกับหอบหนักเมื่อเจอการรุกเร้าของปฐพี

มือที่จับแต่พู่กันตอนนี้ร้อนรนดึงเข็มขัดของปฐพีออกและรูดซิปลงทันที



         “คิดถึงเอิร์ทมากเหมือนกันครับ อยากให้ตรงนี้ทำงานเสียที”



         ไตรภูมิเองก็ขยับมือเข้าหาท่อนเนื้อร้อนที่แข็งขืนอยู่ภายในกางเกง แค่เขาเกี่ยวเบา ๆ มันก็ดีดผึงออกมา

ตั้งตรงผงาด ไตรภูมิใช้ปลายนิ้วแกล้งเขี่ยที่ยอดเบา ๆ ปฐพีก็ถึงกับครางออกมา เขาส่งเสียงกระเส่าใส่เมื่อตอนนี้พา

กันตื่นไปกับแรงปรารถนาที่เว้นว่างไปนาน



         “ไตร เดี๋ยวเถอะ”



          ร่างโปร่งของไตรภูมิถูกจับให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องพลางยกมือทั้งสองดันผนังไว้ ปฐพีใช้ต้นขาดัน

แทรกให้ไตรภูมิอ้าขาให้กว้างเพื่อเปิดทางให้เขาค่อย ๆ ดันเอวเข้าไปในช่องทางแสนหวาน



           “โอ เอิร์ท ดีจัง”



         ไตรภูมิเงยหน้าปรือตารับสัมผัสหวาม ท่อนเนื้อเติมเต็มเข้ามาในช่องว่างอย่างคุ้นเคยและอ่อนโยนจน

กระทั่งรู้สึกได้ว่ามันล้ำลึกสุดตัว ปฐพียกแขนวางแนบขนานไปกับแขนของไตรภูมิ เขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูของ

ไตรภูมิเสียงสั่นพร่า



            “ต่อจากนี้คือการลงโทษที่ไตรหนีผม ทิ้งผมให้อยู่คนเดียว ผมจะไม่ปรานีเด็ดขาด”



           ไตรภูมิหันหน้ากลับมายิ้มท้าทาย



           “ตามใจเอิร์ทเลยครับ ผมรอให้เอิร์ทลงโทษผมอยู่”



           ปฐพีส่งเสียงทุ้มลึกจากลำคอ เขากดมือของไตรภูมิไว้แน่น สะโพกแกร่งดึงเอวออกมาหมิ่นเหม่แล้ว

กระแทกเอวสวนเข้าไปสุดโคนจนไตรภูมิครางฮือ



         “อึก อื๊อ เอิร์ท ที่สุดเลยตอนนี้”



           ปฐพีได้ใจ เขายิ่งสาวเอวซ้ำไม่หยุดหย่อน ไตรภูมิตั้งท่ารอรับจนขาสั่นเมื่อปฐพีย้ำหนักทั้งเร็วและแรง

ลมหายใจของไตรภูมิอุ่นร้อนไปด้วยไฟเสน่หาเมื่อเขาหันหน้ากลับมารับจูบเร่าร้อนของปฐพี



          “รักไตรที่สุด รักคุณพุ่ม”



           ปฐพีครางลึก ช่องทางของไตรภูมิทำงานดีเช่นเคย มันสอดประสานและบีบรัดไปรอบท่อนเนื้อสร้าง

ความเสียวซ่านจนปฐพีอยากจะระเบิด เขาเลื่อนมือคว้าจุดอ่อนไหวของไตรภูมิไว้ในอุ้งมือแล้วโยกรั้ง รู้สึกถึงการตอดรัด

ถี่ยิบตามแรงหัวใจที่เต้นรัว



         “เอิร์ททท ฮื้อ ไม่ ไหว แล้ว”



          กลั้นหายใจเมื่อกล้ามเนื้อบีบอัดทะลักทลาย ไตรภูมิเนื้อตัวสั่นไปหมดเมื่อวิ่งไปถึงเส้นชัย แรงตอดรัด

เรียกเสียงคำรามจากปฐพี เขาโอบเอวไตรภูมิไว้แน่นหนาเมื่อเร่งจังหวะสุดท้ายก่อนปลดปล่อยตามมาติด ๆ



            ปฐพีทิ้งกายไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อของไตรภูมิจนไตรภูมิต้องแนบตัวติดผนังอย่างเหนื่อยอ่อน เหลือ

เพียงลมหายใจหอบหนักที่ยังแข่งกันอยู่พักใหญ่กว่าที่ปฐพีจะดึงกายออกและดึงไตรภูมิให้หันหน้ากลับมาทางเขา



           “เป็นไงบ้างครับที่รัก”



            ไตรภูมิช้อนสายตาหวานมองกลับด้วยความสุขสม



           “เกือบตายแน่ะเอิร์ท”



          “ไหนว่าไหวไงครับคุณอา”



           ยิ้มล้อเลียนก่อนจะช้อนแขนอุ้มไตรภูมิมาวางบนเตียงนอน



         “เมื่อกี้สำหรับเดือนแรกที่ทิ้งเอิร์ทไป”



          ไตรภูมิทำตาโตกลั้นยิ้ม



           “เอิร์ทอย่าบอกนะว่า...”



          “ทิ้งเอิร์ทไปกี่เดือนก็ตามนั้นแหละ จะคิดทบต้นทบดอกเลย”



           และแล้วปฐพีก็ซุกหน้าลงไปกับร่างของไตรภูมิอีกครั้ง
 
 



                                THE END



                    อ๊ะ ๆๆ อย่าเพิ่งลุกกันนะคะท่านผู้โชมมมม


                         มี End credit ต่ออีกนิดนึงจ้า

                             
                                                 :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: :teach: 














หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ #จบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-03-2018 20:11:20
เลือดหมดตัวแล้วยังไม่ลุก เอ้ย ยังไม่ไปไหน จะรออยู่นะจ๊ะ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-03-2018 20:28:59


                            วิญญาณเสน่หา

                              บทส่งท้าย



        “เอิร์ท กลับบ้านยังไง แกไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ กูไปส่งที่บ้านไหม”


        เพื่อนชั้นปีถามขึ้นเมื่องานรับน้องใหม่เสร็จสิ้นลง ตอนนี้ปฐพีเป็นรุ่นพี่ปีสองแล้ว เขาหันไปส่ายหน้าปฏิเสธ


        “ไม่เป็นไร เดี๋ยวมีคนมารับ”


        “ใครวะ เฮ้ย ไอ้เอิร์ทแม่งแอบซุ่ม มึงแอบไปมีแฟนแล้วใช่ไหม พามาให้เพื่อนรู้จักเลยนะมึง”


         ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี


        “เออ อันที่จริงพวกมึงก็รู้จักกันนะ”


        ท่ามกลางความงุนงงของกลุ่มเพื่อน รถยนต์คันหนึ่งขับมาจอดอยู่ใกล้กับอาคารคณะสถาปัตยกรรม เมื่อ

เจ้าของรถก้าวลงมานักศึกษาปีสองโดยเฉพาะสาว ๆ ก็ส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น


        “อาจารย์ไตรภูมิ”


        “แอร้ย อาจารย์ขา คิดถึงจังเลย”


         คนมาใหม่กลายเป็นจุดสนใจและถูกรายล้อมแย่งกันทักทาย ไตรภูมิโปรยยิ้มให้อย่างทั่วถึง


        “คิดถึงทุกคนเหมือนกันนะ”


        “แล้วนี่อาจารย์ลาออกไปทำอะไรคะ อยู่ที่ไหน อ้อ มีแฟนหรือยังคะ”


        ไตรภูมิยิ้มเขิน เขาชำเลืองมองไปยังร่างสูงที่กอดอกยืนคอยอยู่ด้านหลังวงล้อมของบรรดาเพื่อนนักศึกษา


        “ไปเปิดร้านขายรูปน่ะ แล้วก็ เอ่อ แฟนก็มีแล้ว”


        เสียงวี้ดว้ายดังขึ้นในกลุ่มสาว ๆ อีกครั้ง


        “จารย์ ใครเป็นแฟนอาจารย์คะ โคตรน่าอิจฉาเลย”


        แก้มเนียนแดงก่ำ ไตรภูมิเฉลยเสียงเบาหวิว


        “ก็รู้จักกันดีอยู่นะ ยืนอยู่ตรงนั้น”


        กลุ่มนักศึกษาทั้งชายหญิงที่ยืนรายล้อมต่างมีสีหน้าเหรอหรา กระทั่งคนหนึ่งในกลุ่มเอะใจ


       “เฮ้ย จริงสิ อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้เอิร์ท”


        เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีในขณะที่คนถูกพูดถึงยักไหล่เบา ๆ และก้าวมาสู่วงสนทนา


        “ไอ้เอิร์ทจริงด้วย แกเป็นผู้ชายในรูปที่จูบอาจารย์ใช่ไหม ถึงว่าคุ้น ๆ โอ๊ย ไอ้เอิร์ทนี่เองที่คาบอาจารย์

ของหนูไป”


          ปฐพีแสร้งถอนหายใจทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ


          “คนมันเสน่ห์แรงโว้ย โอ๊ย หยิกทำไมครับ”


          “น้อย ๆ หน่อยเถอะคุณปฐพี” ไตรภูมิมองอย่างหมั่นไส้


          “ขอโทษที่ทิ้งทุกคนไปกลางคันทั้งที่ยังสอนไม่จบเทอมนะ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงจริง ๆ”


          ไตรภูมิกวาดสายตามองไปทั่วทั้งอาคารเรียนที่เขาเคยทำงานมาหลายปี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มี

เปลี่ยน


        “เออ ล่องจุ๊นล่ะ หายไปไหนแล้ว”


       ถามถึงสุนัขประจำคณะที่เห็นกันเป็นประจำ ไตรภูมิไม่ทันสังเกตสีหน้าของปฐพีที่ขรึมลงเมื่อเอ่ยถึงสุนัขตัวนั้น


        “ไอ้ล่องจุ๊นมันตายแล้วค่ะอาจารย์”


       ไตรภูมิขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ


       “อ้าว แล้วมันเป็นอะไรตายล่ะ”


       “มีหมาติดเชื้อพิษสุนัขบ้าละแวกนี้ค่ะ หมาจรจัดก็เลยถูกจับไปหมด ไอ้ล่องจุ๊นมันวิ่งหนีจนถูกรถชนกระเด็น

ไปขาดใจตายในหลุมตอกเสาเข็มตรงอาคารใหม่ที่กำลังสร้างน่ะค่ะอาจารย์”


         ปฐพีแอบถอนหายใจ ตอนที่รู้จุดจบของล่องจุ๊นเขาก็ได้แต่อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรของเขา ปฐพี

ตระหนักในเรื่องผลแห่งกรรมจนถึงแก่นแท้


        “มัวแต่ชวนแฟนกูคุย ที่รักกลับบ้านเหอะ เอิร์ทง่วง”


        ชายหนุ่มดึงตัวเองออกจากความหดหู่แล้วส่งเสียงร่าเริงออกไปจนได้ยินเสียงโห่จากเพื่อน ๆ เขาเปิด

โอกาสให้ไตรภูมิพูดคุยล่ำลาอีกพักหนึ่งจึงคล้องแขนให้ไตรภูมิเดินตามไปขึ้นรถยนต์และขับไปยังบ้านของเขา เมื่ออยู่

กันลำพังไตรภูมิจึงเอ่ยถาม


         “ทำไมเมื่อครู่ทำหน้าเครียดล่ะครับเอิร์ท”


         ปฐพีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ


       “ไตรสังเกตด้วยหรือครับ”


       ไตรภูมิยิ้มรับ อะไรที่เกี่ยวกับปฐพีเขาย่อมใส่ใจอยู่แล้ว ปฐพียอมบอกความจริง


       “ทำไมไอ้ล่องจุ๊นมันเห่าเอิร์ทอยู่คนเดียวและชอบวิ่งกระดิกหางไปหาไตร ไตรรู้ไหมครับ”


        คนรักส่ายหน้า ปฐพีจึงเฉลยให้ฟัง


        “มีอยู่วันหนึ่งที่เอิร์ทมองตามัน วันนั้นเอิร์ทก็เลยรู้ว่า ไอ้ล่องจุ๊นมันเกลียดเอิร์ทและมันรักไตร ไหนลอง

บอกทีว่าลักษณะที่ว่ามาไตรจะนึกถึงใคร”


       ไตรภูมินิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเบิกตากว้าง เขาสบตากับปฐพีอย่างเหลือเชื่อ


       “อย่าบอกนะว่าล่องจุ๊นมันคือไอ้วุธ...โธ่เอ๋ย เวทนามันจัง”


        ปฐพียิ้มรับ เขาดึงมือของไตรภูมิไปกุมไว้


        “ยิ่งรู้ว่ามันตายยังไง เอิร์ทก็ยิ่งศรัทธาเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรก็มักจะได้ผลอย่างนั้น อย่างเอิร์ทรัก

ไตรมาก ไตรก็รักเอิร์ทกลับมากเช่นกัน”


        ปฐพียกหลังมือของไตรภูมิมาจูบ นัยน์ตาของเขาสื่อถึงความรู้สึกล้ำลึกที่มีต่อคนตรงหน้า


         “เอิร์ทรักไตรนะครับ เอิร์ทจะทำตัวดี ๆ จะหมั่นทำบุญแล้วอธิษฐานให้เราได้เคียงคู่กันอย่างนี้ตลอดไป

ทุก ๆ ชาติ”


        ไตรภูมิตื้นตันจนน้ำตาคลอ เขาดีใจที่อุปสรรคมากมายผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไปภายภาคหน้าไม่ว่าจะมีปัญหา

อะไร ไตรภูมิเชื่อว่าเขาและปฐพีจะฝ่าฟันไปได้ด้วยความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน


         “ผมก็รักเอิร์ท ไม่ว่าจะกี่ชาติภพผมก็จะรอเอิร์ทคนเดียวเท่านั้น”


         ประสานสายตากันด้วยความรักและเสน่หา ปฐพีโน้มใบหน้าลงไปประทับจุมพิตบนกลีบปากนุ่มของไตรภูมิ

แทนคำสัญญาระหว่างพวกเขา กาลเวลากลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าหัวใจของทั้งคู่จะมั่นคงซึ่งกันตลอดไป




                            The End
 
 


             ขอบพระคุณที่ติดตามไอ้ดินกับคุณพุ่ม ปฐพีกับไตรภูมิ มาจนถึงตอนจบ


            อ่านแล้วคิดเห็นเป็นประการใด อย่าลืมเล่าแจ้งแถลงไขให้บีเลิฟยินดีบ้างนะเจ้าคะ


                        :z9: :z9: :z9: :z9: :z9:













หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-03-2018 20:49:06
ขอบคุณนะ ที่มาต่อจนเรื่องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และก็คิดว่าจะถามเหมือนกันว่า
อยากให้ไตรรับล่องจุ้นไปเลี้ยง แต่ผลของกรรมเวร ก็ได้ทำหน้าที่ของมัน
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายดีๆ จ๊ะ
 :L2: :L2:
+1
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2018 21:06:07
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 12-03-2018 21:15:04
ฮืออออออ ในที่สุดก้สมหวัง
จะกี่ภพกี่ชาติก้จะตามรักกันตลอดไป
ประทับใจมากเลยค่ะคุณบีเลิฟ
ตอนเป็นเรื่องสั้นก้ชอบ พอเปนเรื่องยาวยิ่งชอบมาก
ขอบคุณที่ทำให้เรื่องที่มีบทสรุปที่สวยงามนะคะ
❤❤❤❤
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 12-03-2018 22:50:06

เอิ่ม.....

ดินกับเอิร์ทนี่ นอกจากหน้าที่เหมือนกัน

ยังมีความหื่นที่เหมือนกันอีกด้วย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-03-2018 01:52:23
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เวรต้องระงับด้วยการไม่ทำเวร สาธุ  :amen:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-03-2018 02:37:37
       สงสารหมาจังเลยค่ะเค้าก็รับผลไปแล้วไม่คิดว่าจะต้องหนักขนาดนี้แต่เวณใครกรรใครก็ชดใช้ไปตามกรรมของแต่ละคนนะค่ะ
แค่แอบคิดว่าตอนที่อ่านถึงตอนที่ไตรภูมิสร้างแกลลอรี่ขายภาพแล้วคิดว่าจะได้รับหมามาเลี้งเสียอีกแต่พออ่านถึงบทสรุปของมันแล้วใจหายจริงๆค่ะ
       ในที่สุดการรอคอยคนรักของทั้งคู่ก็มาถึงตอนสุดท้ายและความรักของพวกเค้าก็ได้สมหวังซะทีดีใจด้วยนะค่ะ... :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2018 04:49:16
สุดท้ายก้ได้ครองคู่กันสักที แฮปปี้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 13-03-2018 12:58:15
ในที่สุดก็สมหวังเสียที ขอบคุณบีเลิฟนะคะ เลือกเรื่องจากซีรีย์มาต่อตอนยาวได้ถูกใจเราทั้งสองเรื่องเลย (ผมกำลังจะกลับบ้านด้วย)  :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 13-03-2018 14:30:48
สงสารน้องหมาถึงชาติก่อนมันจะเลวกะเหอะ นึกถึงอีแพงณ บ่วงบาป

โอ๊ยอีแพงมันยังชะตากรรมดีกว่ามึงเยอะไอ้ล่องจ๊นกูสงสารมึงนัก
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 13-03-2018 14:31:41
งื้อ.....สงสารน้องหมาค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-03-2018 17:39:22
จบแล้ววว ในที่สุดคู่นี้ก็ไม่ต้องพลัดพรากกันอีกแล้ว ขอบคุณ Belove ที่ช่วยสานต่อเรื่องสั้นเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 14-03-2018 05:26:44
จบดีจังค่ะ

กลับมาเกิด ได้เจอกัน
แล้วก็มาอยู่ที่เดิม

เสียดายก็แต่ "ล่องจุ๊น" (ในฐานะคนรักหมา)
จริง ๆ อยากให้มาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ไม่อยากให้ตายเลย
แบบมาอยู่อย่างจงรักต่อพุ่ม-ไตร
แล้วยอมปรับนิสัยใหม่ จนที่สุดก็ภักดีต่อดิน-เอิร์ธได้

แต่คงเหลือเชื่อไปหน่อย  เฮ้ออออ ...

สุดท้าย ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดี ๆ
และจะรออ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 14-03-2018 11:04:23
 o13  ขอบคุณนิยายดีๆ คะคุณคนเขียน จะรอติดตามเรื่องต่อไปคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 16-03-2018 04:37:10
รอคอยกันมายาวนาน เกือบๆ 40 ปีแน่ะ สมหวังกันสักที  :m1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 14-04-2018 00:08:13
เคยอ่านตอนเป็นเรื่องสั้น พอเป็นเรื่องยาวก็ยังสนุกเหมือนเดิมครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ที่มีมาให้อ่านเสมอนะครับ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: WEAK ที่ 15-07-2018 22:22:16
กว่าจะได้อยู่ด้วยกัน งื้อ สมหวังซักทีนะ :mew6:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 15-07-2018 23:17:54

หนุกอะ เพิ่งมาเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ รออ่านเรื่องต่อไปนะคับ  :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: Papateeb ที่ 18-07-2018 16:17:27
อ่านจบแบบรวดเดียว ชอบมากกกกกกกกกกก ชอบในความคู่แท้รักมั่นคง :hao5:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: ahpanpit ที่ 21-07-2018 19:45:10
ขอบคุณนะคะ  :pig4: สนุกมาก ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันสักทีหลังจากที่รอคอยมานาน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> #พีเรียดระลึกชาติ#
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 21-07-2018 21:34:37
ขอบคุณมากค่า สนุกมากๆเลย อ่านรวดเดียวเลย ซึ้งในความรักของคุณพุ่มกับดินมาก ดีใจที่สุดท้ายเค้าก็ได้อยู่คู่เคียงกันซักทีค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 31-08-2018 13:51:55
ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายดีๆสนุกและฟินมากกก เคยอ่านตอนเรื่องสั้นก็ว่าสนุกแล้วนะ พอมารีไรท์ให้ยาวขึ้นก็ยิ่งได้อรรถรสมากขึ้นได้รายละเอียด มีแทรกกาพย์กลอนให้ด้วย งานของบีเลิฟทุกเรื่องที่ตามอ่าน มันดีย์ทุกเรื่องจริงๆ  :katai2-1: ทำไมชั้นเพิ่งมาเจอว่าเรื่องนี้มาแต่งเป็นเรื่องยาวแล้ว รู้งี้มาอ่านตั้งนานแล้วว.. เป็นกำลังใจให้ไรท์นะ ยังคงตามเก็บทุกเรื่องของไรท์อยู่
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2018 17:25:11
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 22-09-2018 18:38:13
 :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 28-11-2018 09:53:36
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ ลุ้นไปทุกตอน
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๘ [๑๒/๐๓/๖๑] #บทส่งท้าย #รบกวนย้ายไปห้องจบแล้ว#
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 28-11-2018 10:58:59
สนุกมากๆเลยค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 16:45:36
สนุกมากๆๆๆๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 01-12-2018 00:32:16
ขอบคุณครับ :L2:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 06-12-2018 10:49:19
ชอบมากค่ะ นิยายของคุณไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชื่อนี้การันตีได้เลยจะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 06-12-2018 14:59:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 07-12-2018 23:41:04
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๖ [๐๘/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-12-2018 21:38:32
ถึงขนาดเกิดเป็นหมาเลยเหรอ ใครอะนายเหมือนเหรอ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >> บทที่ ๑๗ [๑๐/๐๓/๖๑] #พีเรียดระลึกชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-12-2018 21:41:10
อาาาา เหมือนจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-12-2018 21:47:30
ขอบคุณนะคะ มีความสุขกันสักที จะว่าไปก็สงสารล่องจุ๊น

(อ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องน้องหมาเกินไป (ฮา))
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 14-12-2018 21:22:02
 o13
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 30-12-2018 00:24:28
อ่านมาสองรอบแล้วก็รักไม่เคยเปลี่ยน อยากจะบอกว่าเป็นคนชอบอ่านแนววิญญาณที่รักข้ามชาติมากๆ แล้วเรื่องนี้ก็แต่งออกมาดีด้วย ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องนี้ เรื่องนี้ทำให้ร้องไห้และยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน ทุกอย่างออกมาโอเคมากๆ ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องนี้ออกมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ขอบคุณมากจริงๆ
 :mew4: :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 27-01-2019 09:13:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 29-01-2019 00:33:03
ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นเรื่องชาติภพที่ดีเลย สอนเราไปในตัว ดีใจที่ครองคู่กันอย่างมีความสุขในที่สุด ตอนนี้เหมือนก็หมดเวรหมดกรรมแล้วนะแล้วก็ถูกอโหสิแล้ว ชาติต่อไปคงดีขึ้น ขอบคุณคนเขียนมาก
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-01-2019 12:48:48
สนุกมากค่ะ  o13 o13 o13 ว่าแต่ดินนี่ช่ำชองดีจริง ๆ เลยน้า  :z1: :haun4: :z1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Theera ที่ 03-03-2019 22:30:14
ชอบมากๆครับ​อ่านตั่งแต่ยังไม่แต่งเพิ่มเลยพอรู้ว่ามีตอนเพิ่มยิงชอบขึ้นไปอีก :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 14-03-2020 10:17:17
ชอบมากๆเลย ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 14-03-2020 13:43:52
 :z13:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-03-2020 23:14:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 16-03-2020 20:21:41
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วอินมาก

จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ

+1 ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 22-03-2020 14:00:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:40:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[ผ่านการพิจารณา สนพ.Sense]
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 16-11-2020 12:46:54
 :z10: :z10:  แฮปปรี้  เอ็นสะดิ้งซะที   อยากบอกไตรภูมิว่า  มีผัวเด็กต้องถึกต้องทน   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: << วิญญาณเสน่หา >>[สนพ.Sensebook]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 31-12-2020 02:02:46
 :pig4: