LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4  (อ่าน 41445 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 22 ความหมายของเกียร์



บ่ายสามละครับ

สุดที่รักยังไม่ตื่นเลย

ตอนนี้ผมกำลังทำกับข้าวรอขนมตื่นอยู่ นี่เหลือแค่ลวกกุ้งก็เสร็จแล้ว ผมกะว่าถ้าทำกับข้าวเสร็จคงจะไปปลุกน้อง ผมตื่นตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ ออกไปซื้อยาแก้ปวดกับเบาะรองนั่งมาให้คนตัวเล็กด้วย เพราะผมคิดว่าน้องคงจะปวดน่าดู ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปเรียนไหวไหมด้วย ผมคิดว่าถ้าขนมไปมอนี่จะต้องโดนเพื่อนแซวแน่ๆ และก็คงจะมาบ่นให้ผมฟังตอนเย็น

เป็นแบบนี้ประจำ

คนตัวเล็กน่ะขี้บ่นพอสมควรเลยนะครับส่วนมากจะเรื่องงาน งานน้องจะเยอะมากเพราะว่าอยู่ในคณะกรรมการนักศึกษาไงซึ่งมันไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ แต่ถึงขนมจะบ่นยังไงเจ้าตัวก็ตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุด ผมเห็นงานที่น้องรับผิดชอบหลายๆอย่างมันออกมาเพอร์เฟ็คเลย นี่ยังแค่ปี 1 เองแท้ๆแต่ทำงานได้มากถึงขนาดนั้น คิดได้เลยว่าในชีวิตการทำงานในอนาคตเนี่ยะจะต้องดีมากแน่ๆ

ครืดดด....ครืดดด....

“ ใครโทรมาวะ ” ผมหยิบโทรศัพที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมาดู แม่โทรมาครับ สงสัยจะคิดถึงผม “ ฮัลโหลครับ ”

( ขุนศึกลูกรัก สบายดีไหมหืม )

“ สบายดีครับผม แล้วนี่แม่ทำอะไรอยู่ครับเนี่ย ”

( แม่ก็นั่งคิดถึงขุนอยู่ไง )

ผมอมยิ้มทันทีที่แม่พูดแบบนั้น “ เขินเลยนะครับเนี่ย แล้วพ่อไปไหนล่ะครับ ”

( พ่อเราไปประชุมน่ะสิ ถ้าว่างๆก็แวะกลับมาค้างที่บ้านบ้างนะแม่คิดถึงน่ะ )

“ หลังสอบไฟนอลละกันนะครับ จริงสิ....ขุนมีเรื่องจะบอกแม่ด้วยนะ ”

( เรื่องอะไรคะไหนว่ามาซิ....นี่อย่าบอกนะว่าขุนไปทำผู้หญิงท้องป่องน่ะ แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ป้องกันตลอด เรานี่มันจริงๆเลยนะ )

“ เดี๋ยวสิครับแม่ ขุนยังไม่ได้พูดอะไรเลย ” ผมตักกุ้งใส่จานแล้วปิดเตาแก๊สก่อนจะยืนพิงตรงเคาท์เตอร์ครัวเพื่อคุยกับแม่ต่อ “ อีกอย่าง....ขุนเลิกเจ้าชู้แล้วนะครับ ”

( คนอย่างขุนเนี่ยนะจะเลิกเจ้าชู้ได้ ลูกแม่นี่หัวบันไดบ้านไม่แห้งมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วนะ แม่นี่หวั่นใจกลัวว่าจะเป็นย่าตั้งแต่ยังสาว )

“ ฮ่าๆๆๆ เลิกเจ้าชู้แล้วครับ เพราะว่าขุนมีแฟนแล้ว ” แถมแฟนยังน่ารักมากด้วยนะครับแม่

( มีแฟน....ใครกันที่เอาชนะใจขุนได้ แม่อยากเห็นหน้าซะแล้ว )

“ แฟนขุนเป็นคนน่ารักครับ ทำงานเก่งด้วย น้องเรียนอยู่นิเทศปี 1 น่ะ ” ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ “ แต่ว่า....น้องเค้าเป็นผู้ชายนะครับ ”

(.....ผู้ชายงั้นหรอ )

“ ใช่ครับ ถ้ามีโอกาสผมจะพาน้องไปเจอแม่ แม่จะรู้ว่าทำไมผมถึงรักน้อง ”

( แม่เข้าใจขุนนะเรื่องแบบนี้น่ะ แต่ขุนรู้ใช่ไหมว่าพ่อเค้าเป็นคนยังไง )

“ เข้าใจครับ แม่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพ่อนะครับ ไว้ขุนจะบอกกับพ่อด้วยตัวเอง ”

( ได้ค่ะ....หืมว่าไง.....โอเค เดี๋ยวแม่ค่อยโทรหาขุนนะ )

“ ได้ครับ แค่นี้ครับแม่ ” ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เคาท์เตอร์

ได้บอกแม่แบบนี้ก็สบายใจไปครึ่งนึงอ่ะนะ

คือแม่ของผมท่านรับได้ครับสำหรับเรื่องรักร่วมเพศน่ะ แต่ว่าพ่อนี่ไม่เลย ผมเป็นลูกคนกลางของบ้าน มีพี่ชาย 1 คนและน้องชาย 1 คน พี่ชายผมชื่อขุนพลครับ เรียนอยู่คณะแพทย์ปี 5 ละ ส่วนน้องชายผมชื่อขุนเขา ยังเรียนมัธยมอยู่ปีนี้ก็ม.6 เมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ม.6 ส่วนพี่พลเขาอยู่ปี 3 เขามาบอกกับพ่อครับว่าเขาเป็นเกย์ พ่อค่อนข้างจะรับไม่ได้ที่เขาเป็นแบบนั้น บรรยากาศในบ้านมันหม่นมากเลยครับช่วงนั้นน่ะ พี่พลก็เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่คอนโดที่พ่อเคยให้ตัวเองไว้

เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย

คือตัวพี่พลเนี่ยะเขาติดบ้านครับ ถึงแม้ว่าบ้านจะอยู่ไกลมหาลัยมากก็ยังเพียรที่จะขับรถไปกลับทุกวัน แต่เพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พี่พลก็ต้องย้ายออกไปอยู่คนเดียวข้างนอก คือในบ้านมันไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โตนะครับแต่แบบพ่อเลือกที่จะไม่คุยไม่ตอบพี่พลเลยเวลาเขาถาม ข้าวก็ไม่กินร่วมโต๊ะกัน ผมเคยไปถามพ่อด้วยว่าทำไมถึงทำแบบนั้นเพราะผมมองว่าถึงจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย พี่พลก็ยังเป็นพี่พลคนเดิม แต่คำถามของผมก็ไม่ได้คำตอบจากพ่อครับ ท่านแค่บอกกับผมว่า อย่าเป็นเหมือนพี่พล

คิดถึงเรื่องนี้นี่หน่วงเหมือนกันนะ

แต่ว่าผมจะต้องหาทางทำให้พ่อยอมรับความรักของผมกับขนมให้ได้ มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยแต่ไม่เป็นไร ผมอดทนรอได้อยู่ละ ขนมเนี่ยะเป็นคนฝึกให้ผมมีความอดทนมากขึ้น เมื่อก่อนที่ยังไม่เจอน้องผมใจร้อนกว่านี้มากครับ ทำอะไรไม่ค่อยคิดด้วย พอได้มาไล่ตามจีบน้องนั่นแหละ ชีวิตก็ต้องใจเย็นลง ทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ มันดีตรงที่ผมเอาไปปรับใช้กับทุกๆเรื่องในชีวิตไง ช่วงแรกเพื่อนๆนี่ทักเลยว่าผมเปลี่ยนไป

เป็นขุนศึกในวันนี้ได้ก็เพราะขนมนี่แหละ

พูดถึงขนม....

“ ต้องปลุกสินะ ” ผมเดินออกจากครัวก่อนจะเข้าไปในห้องนอน

คนตัวเล็กยังคงหลับอยู่บนเตียง ผมค่อยๆเดินไปนั่งลงข้างๆก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปเกลี่ยแก้มใสเบาๆ ไม่ใช่หน้าผมคนเดียวที่ใสสินะ หน้าน้องเองก็ไม่ต่าง เออผมมีเรื่องนึงที่จะต้องทำก่อนน้องตื่นครับ พอคิดได้แบบนั้นผมก็เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะใกล้ๆหัวเตียงก่อนจะหยิบสมุดบันทึกสีเหลืองกับปากกาออกมา สมุดเล่มนี้ผมไว้เขียนความคืบหน้าเกี่ยวกับความรักของผมครับ ในนี้มีตั้งแต่เรื่องที่เจอน้องวันแรกเลยนะ

นึกถึงวันนั้นแล้วก็ตลกเหมือนนะเนี่ยะ

อยู่ดีดีก็หลงรักเด็กเก็บนกซะได้

ผมเปิดไปหน้าเรื่องที่ต้องทำครับ คือผมเขียนไว้เป็นข้อๆว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ข้อล่าสุดก็คือเซ็กซ์ครับ ซึ่งผมได้ทำมันตามที่เขียนไว้เรียบร้อย เดี๋ยวต้องบรรยายด้วยว่าปริ่มใจมาก สมุดเล่มนี้นี่จะให้น้องเห็นไม่ได้เลยนะ เชื่อเลยว่าถ้าขนมมานั่งอ่านสิ่งที่ผมเขียนน้องจะเขินจนบิดไปมาแน่ๆ

เขาเป็นเด็กขี้เขิน

“ เรียบร้อย ” หลังจากที่ผมจดบันทึกเสร็จผมก็เก็บสมุดใส่ลิ้นชักไว้เหมือนเดิมก่อนจะถอดสร้อยที่มีเกียร์คล้องอยู่ออกมาใส่ให้น้องแทน

มันถึงเวลาที่น้องควรจะใส่มันไว้แล้วครับ

อยากรู้จังว่าถ้าน้องตื่นมาเห็นเกียร์ห้อยอยู่ที่คอตัวเองน้องจะทำยังไงต่อ จะแสดงรีแอคชั่นอะไรออกมาให้ผมเห็น ไม่เคยคิดเลยนะครับว่ามันจะมีวันที่ถอดเกียร์แล้วให้คนอื่นใส่แทนแบบนี้น่ะ ตอนที่ได้รับเกียร์มาก็คิดไว้แหละครับว่าจะเก็บไว้ให้คนที่รักและก็อยากจะอยู่ด้วยตลอดไป และคนๆนั้นก็ยังคงหลับไม่ตื่นอยู่ตรงหน้าผมเนี่ยะ

“ ขนมครับ ”

“ อื้ออ.อ.อ....”

“ ตื่นได้แล้วครับ พี่ทำของที่หนมอยากกินไว้เยอะแยะเลยนะ ” ผมลูบหัวน้องเบาๆ

“ อื้มม.ม....” คนตรงหน้าค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆพร้อมกับทำหน้ามุ่ยทันที “ ปวดเอว ” น้องเอ่ยบอกด้วยเสียงที่แหบพร่า แน่ล่ะ เมื่อคืนใช้เสียงไปเยอะมากเลยนี่นะ

ไม่แหบก็แปลกละ

“ ก็เดี๋ยวกินข้าวแล้วก็กินยาไงครับ ”

“ อื้ออ.อ.อ...” มือเรียวยกมือมาเสยผมตัวเองขึ้นก่อนจะขยี้ตามองผม “ กี่โมงแล้วอ่ะ ”

“ บ่ายสามกว่าละครับ หนมนอนนานมากเลยนะ ”

น้องตีผมทีนึงก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่ “ เพราะพี่ขุนนั่นแหละ ”

“ เพราะหนมต่างหาก ” ผมยิ้มหวานก่อนจะช้อนตัวน้องอุ้มขึ้นมา “ เดี๋ยวพี่พาไปล้างหน้า ”

“ อย่ามาอุ้มเหมือนหนมเป็นผู้หญิงได้ไหม หนมเดินเองได้น่ะ ” คนตัวเล็กโวยวายใส่ผม

“ แน่ใจหรอว่าจะเดินเองได้  ”

“ แน่ใจสิ ”

ดื้อจริงๆเลยนะ

ผมยอมวางน้องลงตามคำขอ แต่พอขาขนมแตะพื้นแล้วผมปล่อยมือออกคนตัวเล็กก็ลงไปกองกับพื้นทันทีแถมยังแหกปากร้องลั่นอีกต่างหาก ผมยืนมองภาพตรงหน้าพลางอมยิ้ม ขนมกำลังนั่งเบะปากอยู่กับพื้นครับ แต่เจ้าตัวก็พยายามที่จะชันตัวลุกขึ้นมาด้วยตัวเองอยู่ พอเห็นแบบนี้แล้วน่ารักชะมัด

อยากจะฟัดอีกสักรอบ

“ วันนี้จะถึงห้องน้ำไหมครับ ” ผมย่อตัวลงก่อนจะพยุงน้องขึ้นมา “ เราน่ะมันดื้อ ”

“ หนมเปล่า ”

“ ยังจะเถียงพี่อีก ” ผมงับหัวน้องเป็นการลงโทษก่อนจะพาเดินเข้ามาในห้องน้ำ

น้องยืนเท้าเคาท์เตอร์อ่างล้านหน้าแล้วมองผมผ่านกระจก “ พี่ขุนใส่เสื้อผ้าให้หนมหรอ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ พี่เช็ดตัวให้หนมด้วยครับ รับรองว่าสะอาดทุกซอกทุกมุม ” ผมยิ้มหวานก่อนจะส่งแปรงสีฟันให้น้อง

“ แอบทำอะไรตอนหนมหลับป้ะเนี่ย ” คนตัวเล็กจ้องอย่างจับผิดก่อนจะเริ่มแปรงฟัน

“ พี่จะแอบทำไปทำไม ในเมื่อคืนพี่ทำไปจนเต็มอิ่ม ”

“ แค่กก.ก.....แค่กก.ก.....” น้องตีผมทีนึงหลังจากที่ตัวเองสำลักยาสีฟัน “ พูดอะไรก็ไม่รู้ ”

“ ก็มันจริงนี่นา ”

น้องมองค้อนใส่ผมก่อนจะแปรงฟันต่อ ผมก็ได้แต่ยืนมองแล้วก็อมยิ้มอยู่ข้างๆ พอขนมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเจ้าตัวก็ถอดเสื้อออกก่อนจะทำตาโตมองตัวเองในกระจกอยู่อย่างนั้น มือเรียวยกขึ้นลูบที่เกียร์ที่ห้อยอยู่ที่คอตัวเองเบาๆ แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ กำลังเขินอยู่แน่ๆ คนตัวเล็กจับเกียร์ไว้ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา ยิ้มกว้างมากด้วยครับ คงจะมีความสุขอยู่แน่ๆถึงได้ยิ้มกว้างออกมาถึงขนาดนั้น

นี่แหละสิ่งที่ผมอยากเห็น

“ เกียร์ของพี่ขุน ”

“ ตอนนี้มันเป็นของหนมแล้วครับ ”

“ ทำไมถึงให้หนมใส่ไว้ล่ะ ”

“ เกียร์ที่พี่ให้หนมมันก็มีความหมายว่าพี่เป็นของหนม และหนมก็เป็นของพี่ มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเรารักกันนะ ”

“ ขอบคุณนะครับ ” คนตัวเล็กขยับเข้ามากอดผมไว้ “ ขอบคุณจริงๆ ”

“ พี่รักเรามากเลยนะ ” ผมยกมือลูบหัวน้องเบาๆ

“ หนมก็รักพี่ขุนเหมือนกัน ” เจ้าตัวเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มหวาน

ผมก้มลงไปจุ๊บปากขนมเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้น้อง โมเม้นท์นี้มันมีความสุขมากเลยครับ ผมไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะเพราะผมไม่เคยมีแฟนไง พอได้มาทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกันนี่มันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยครับ ขอบคุณตัวเองเหมือนกันนะที่เก็บความรักเอาไว้ตลอดแค่เพราะคิดว่าจะได้ใช้กับคนที่รู้สึกรักจริงๆ

ตอนนี้ก็เจอแล้วครับ

แล้วก็จะดูแลให้ดีด้วย



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



โคตรปวดเอว

ปวดโคตรๆ

ดีนะที่ยังขยับได้

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวรอพี่ขุนยกกับข้าวมาให้ครับ นี่ก็บ่ายสามกว่าละ ผมนอนไปนานมากจริงๆนั่นแหละ ทั้งหมดมันก็เพราะพี่ขุนอ่ะ ผมจำได้ว่าทำจนถุงยางหมดแต่ว่าพี่ขุนไม่ยอมหยุดแล้วแบบอยู่ดีดีก็โลกมืดไปเลย ตื่นมาอีกทีก็เพราะว่าพี่มันไปปลุกผมนั่นแหละ ไม่งั้นผมต้องยังคงนอนตายอยู่บนเตียงแน่นอน

อ่อนล้าอ่อนเพลียสุดๆ

พี่ขุนพยุงผมเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันครับ ตอนแรกนางนี่อุ้มผมเป็นเจ้าหญิงเลย นี่ผมยังคิดเลยนะว่าตัวเองเบาขนาดนั้นเลยหรอวะถึงได้อุ้มตัวลอยได้ แต่คือผมไม่อยากถูกอุ้มไงผมก็เลยบอกว่าเดินเองได้ พี่ขุนก็ยอมปล่อยให้ผมเดินเองนะครับ พอขาถึงพื้นเท่านั้นแหละแม่งทรุดเลย ไอ้ที่ปวดแม่งปวดหนัก พอพี่ขุนเห็นว่าผมลุกเดินเองไม่ได้นางก็พยุงผมเดินเข้าห้องน้ำ นาทีนั้นนี่คิดว่าให้พี่มันอุ้มไปตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ

ไม่น่าดื้อเลยผมเนี่ยะ

วันนี้มีสิ่งที่มันให้ผมยิ้มแบบกว้างมากด้วยนะครับ ตอนที่อยู่ในห้องน้ำผมอยากเห็นรอยที่พี่ขุนทำไว้บนตัวก็เลยถอดเสื้อออกแต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นก่อนเลยคือสร้อยที่มีเกียร์ห้อยอยู่ และมันก็อยู่ที่คอของผม ผมรู้ความหมายของเกียร์วิศวะครับเพราะเคยถามไอ้ขันเพื่อเก็บข้อมูลมาแต่งนิยาย เด็กวิศวะส่วนมากจะมอบเกียร์ให้กับคนที่ตัวเองรัก ไอ้ขันมันบอกว่าเกียร์เนี่ยะ ถ้าให้ไปแล้วก็คือให้จะไม่มีวันเอากลับคืนอีก เพราะงั้นการที่จะให้เกียร์กับใครสักคน ก็ต้องมั่นใจแล้วว่าคนๆนั้นจะเป็นเจ้าของหัวใจเราไปตลอดทั้งชีวิต

รู้สึกดีจริงๆที่เกียร์นี้กลายมาเป็นของผม

“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ ”

“ ไม่ชอบรึไงที่หนมยิ้มบ่อยๆ ”

“ ชอบสิครับ ” พี่ขุนยกกับข้าวมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะตักข้าวให้ผม “ แต่ยิ้มให้พี่พอนะ อย่าไปยิ้มให้คนอื่นล่ะ พี่หวง ”

“ หนมจะไปยิ้มให้ใคร อีกอย่างนี่ไม่ใช่คนที่ยิ้มง่ายขนาดนั้นนะ ”

“ ก็ดีแล้วครับ ” พี่ขุนถามก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม “ เบาะเป็นไงนั่งสบายไหม ”

“ ก็สบายดี ” ดีกว่านั่งพื้นแข็งๆแน่นอนอ่ะ “ ขอบคุณนะที่ซื้อให้หนม ”

“ ไม่เป็นไรครับ กินข้าวกันดีกว่าหนมจะได้กินยาแก้ปวดไง ” พี่ขุนบอกก่อนจะตักแกงเขียวหวานมาใส่จานให้ผม

กับข้าวแต่ละอย่างนี่น่ากินชิบ

ผมนั่งมองของกินตรงหน้าอย่างเป็นสุข มีแต่ของที่ผมชอบทั้งเลยครับ กุ้งเอย แกงเขียวหวานเอย วันนี้มีปลาทอดด้วย พี่ขุนทำทุกอย่างที่ผมบอกว่าอยากกิน ดีจริงๆที่แบบอ่อนเพลียหนักๆมาแล้วได้มากินของที่ชอบแบบนี้ ส่วนเรื่องรสชาติเนี่ยแน่ใจได้เลยครับว่ามันจะต้องอร่อยมาก ยังไงหลังไฟนอลผมก็ต้องพาพี่ขุนไปบ้านให้ได้ แม่ต้องชอบใจที่ลูกเขยทำกับข้าวเก่งแน่ๆเลย

อา....ลูกเขย

พูดเองก็เขินเอง

“ เป็นไงอร่อยไหม ”

ผมพยักหน้ารับ “ อร่อยมาก ” ผมบอกก่อนจะตักแกงเขียวหวานให้พี่ขุนบ้าง

“ อร่อยก็กินเยอะ จะได้อ้วนขึ้นบ้าง เวลาพี่จับมันจะได้เต็มไม้เต็มมือหน่อย ”

“ แค่กก..ก...แค่กก.ก....” ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มหลังจากที่สำลักข้าว “ พูดอะไรของพี่เนี่ย ”

“ พูดความจริงหนิ หนมน่ะผอมเกินไปรึเปล่า นี่ถ้าเจอลมแรงๆหน่อยก็ปลิวไปกับลมแล้ว ”

“ เว่อร์ละ ใครมันจะปลิวไปกับลม ”

“ หนมไง ” เจ้าตัวบอกก่อนจะยิ้มหวาน “ แต่ไม่เป็นไร ถ้าหนมปลิวไปเดี๋ยวพี่ไปตามเก็บกลับมาเอง ”

มึงพูดเหมือนกูเป็นว่าวอ่ะพี่ขุน

ไอ้บ้า

ผมทำหน้ามุ่ยใส่คนตรงหน้าก่อนจะกินข้าวต่อ ผมว่าเราควรกินกันแบบเงียบๆครับเพื่อหลีกเลี่ยงการสำลักอีก แม่ผมเคยไว้ครับว่าเวลากินข้าวเนี่ยะอย่ากินไปพูดไปหรือว่าหัวเราะครับเพราะมันจะทำให้เราสำลักได้ ถ้าโชคร้ายสุดๆนี่ข้าวติดคอตายได้เลยนะ คือแบบเป็นการตายที่อนาถมาก เพราะงั้นก็ควรจะนั่งกินข้าวแบบสงบๆ นั่งดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารไป คือวันนี้ผมก็สำลักยาสีฟันไปแล้วไงนี่ไม่คิดว่าจะมาสำลักข้าวด้วย

ทำไมชีวิตน่าสงสารขนาดนี้ล่ะขนม

ผมนั่งกินข้าวไปด้วยพลางมองพี่ขุนไปด้วย หน้าหล่อๆนี่ใสปิ๊งเลย โคตรผ่อง แม่งสูบคอลลาเจนไปจากผมแน่ๆ แต่เท่าที่ผมส่องตัวเองในกระจกก็หน้าใสอยู่นะ เออจะบอกว่ารอยจูบเนี่ยะเต็มตัวไปหมดเลยครับว่าจะบ่นพี่มันตั้งแต่ในห้องน้ำละแต่ว่าเจอเรื่องเบี่ยงความสนใจไปซะก่อน เออผมต้องบ่นเรื่องที่พี่มันทำโดยที่ไม่สวมถุงด้วย แม่งน่าตีชิบ ถ้ารู้ว่าจะทำเยอะขนาดนั้นทำไมไม่หยิบถุงยางมาสองกล่องวะ

กินข้าวเสร็จก่อนเถอะเดี๋ยวจะบ่นให้หูชา

สังเกตผมพี่ขุนนี่ยาวขึ้นเยอะเลยนะครับ ตรงโคนผมก็มีผมสีดำแซมออกมาแล้ว นี่นึกตอนที่เจอพี่มันครั้งแรกที่โรงอาหารได้เลย ตอนนั้นน่ะพี่มันยังผมดำอยู่ แต่พอวันที่เอาดอกกุหลาบมาให้ผมหัวก็กลายเป็นสีเทาแทน มันเหมาะนะครับไม่ใช่ว่าไม่เหมาะ เพราะพี่ขุนมันผิวขาวไงพอย้อมผมสีเทามันก็ยิ่งขับให้หน้าสว่างขึ้นไปอีก อะไรมันดลใจให้มันมาย้อมผมสีเทาวะ

อยากรู้ต้องถาม

“ พี่ขุน ”

“ ว่าไงครับ เอาข้าวอีกไหม ”

“ เอานิดนึงก็ได้ เออพี่หนมมีเรื่องอยากรู้อ่ะ ”

พี่ขุนตักข้าวเพิ่มให้ผม “ เรื่องอะไรหืม ”

“ ทำไมพี่ถึงย้อมผมสีเทาล่ะ ”

“ อ๋อ คือแม่พี่ชอบน่ะพี่ก็เลยย้อมตามใจแม่ ”

“ งี้นี่เอง แต่นี่ผมพี่ก็ยาวขึ้นเยอะเลยนะ จะไปย้อมใหม่ป้ะ ”

“ ก็ว่าจะย้อมกลับดำอ่ะหรือไม่ก็น้ำตาล เดี๋ยวต้องดูก่อน แต่ที่แน่ๆคือต้องตัดผม ” เจ้าตัวเสยผมไปด้านหลัง “ มันทิ่มตา ”

ช่างเป็นท่าเสยผมที่กร้าวใจจริงๆ

“ พี่ขุนตัดสกินเฮดดิ่ หนมอยากเห็น ” ผมบอกก่อนจะตักกุ้งให้

“ พี่มีรูปสมัยมัธยมด้วยนะที่ตัดสกินเฮดอ่ะ เดี๋ยวพี่เปิดให้ดู ”

ผมนั่งกินข้าวไปเรื่อยๆพลางมองพี่ขุนที่กำลังเปิดรูปในโทรศัพท์ ถ้าคนตรงหน้าหัวเกรียนๆมันจะเป็นยังไงวะ ผมไม่เคยตัดสกินเฮดเลยครับ สมัยมัธยมนี่ตัดอันเดอร์คัตมาตลอด พอมหาลัยก็ปล่อยให้ผมมันยาวเผื่อจะได้ดูเซอร์ๆ แต่ตอนที่ผมเริ่มยาวเนี่ยะไอ้ขันมันบอกว่าผมเหมือนพี่เสก โลโซ คือเลวร้ายมากอ่ะ ผมก็เลยพยายามไม่ปล่อยให้มันยาวมากเกินไป คือถ้าผมม้าทิ่มตาเมื่อไหร่ก็ต้องไปตัดละ

“ นี่ไงครับรูปพี่ ”

ผมรับโทรศัพท์มาดู “ โห ขนาดหัวเกรียนนะเนี่ยะ พี่ดัดฟันด้วยหรอ ”

“ ดัดสิ พี่เพิ่งถอดเหล็กออกตอนเข้ามหาลัยอ่ะ ”

“ งี้นี่เอง พี่นี่หล่อมาตั้งแต่สมัยก่อนเลยเนอะ ”

พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะเอื้อมมือมากุมแก้มผมเบาๆ “ ชมแบบนี้พี่เขินนะ ”

“ ก็มันจริงนี่นา หรือว่าเพราะหน้าพี่หล่อวะ ทำผมทรงไหนก็เลยหล่อ ” ผมส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ขุน

“ พี่ก็ไม่รู้สิ พี่ว่าพี่ยังหล่อสู้พี่ชายพี่ไม่ได้นะ ”

ผมเลิกคิ้วมองคนตรงข้ามทันที “ พี่ชายงั้นหรอ พี่ขุนมีพี่ชายด้วยหรอ ”

“ ใช่ พี่มีพี่ชายกับน้องชาย พี่เป็นลูกคนกลางของบ้านน่ะ ”

เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย

ผมพยักหน้ารับรู้ มือก็ตักกุ้งมากิน ผมนึกว่าพี่ขุนเป็นลูกคนเดียวมาตลอดเลยนะครับเพราะแบบดูจากที่พ่อพี่มันซื้อโน่นนี่ให้ นี่ไม่คิดเลยว่าจะมีพี่น้องแถมยังเป็นผู้ชายหมดเลยด้วย บ้านนี้นี่ลูกชาย 3 คนเลยแฮะ การที่บ้านมีลูกชายล้วนนี่ต้องใช้เงินเยอะมากนะครับผมคิดว่า เพราะแบบผู้ชายอ่ะต้องเป็นฝ่ายไปสู่ขอผู้หญิงไง เวลาแต่งงานอะไรแบบเนี้ยะ อ่าวแล้วแบบนี้พี่ขุนกับผมเป็นผู้ชายแล้วใครจะไปสู่ขอใครอ่ะ แต่ถ้าคิดจากเรื่องเมื่อคืน ผมอ่ะเป็นเมียพี่มัน เพราะงั้นมันต้องมาสู่ขอผมสิ

นี่ผมคิดอะไรอยู่วะ

บ้าบอชิบ


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 22 ----------


“ ส่ายหัวทำไมหืมหนม ”

“ ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ” ผมรวบช้อนไว้กลางจาน “ หนมอิ่มแล้ว ”

“ งั้นก็กินยาซะ จะได้หายปวด ” พี่ขุนส่งยาแก้ปวดมาให้ ผมก็รับยามาก่อนจะรีบกลืนลงคอแล้วกระดกน้ำตามลงไปหลายอึก

เกลียดการกินยาสุดๆเลยให้ตายสิ

“ หนมอยากเอาจานไปล้างให้นะแต่แบบหนมปวดเอวมากเลยอ่ะ ”

“ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพี่ล้างให้เอง เราอยากย้ายไปนั่งที่โซฟาแทนไหม ”

ผมพยักหน้ารับคำ พี่ขุนก็ลุกขึ้นก่อนจะมาประคองผมให้ลุกตาม โอ้ยยย เหมือนเอวจะหักเลยอ่ะ ผมว่าเดี๋ยวผมจะต้องเริ่มออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะครับ อย่างน้อยก็ให้แข็งแรงมากกว่านี้หน่อย เผื่อในอนาคตผมจะต้องโดนอะไรแบบนี้อีกร่างกายผมมันจะได้โอเคมากกว่านี้

อย่างน้อยก็จะได้เดินได้ด้วยตัวเอง

พี่ขุนประคองผมมาปล่อยไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินไปเก็บจานไปล้างในครัว ผมก็นั่งมองเขาอยู่อย่างนั้น ความพ่อบ้านนี่มันดีจริงๆเลยนะ โน่นก็ทำได้นี่ก็ทำได้ หล่อก็หล่อ เรียนก็เก่ง ชีวิตนี่จะดีชิบหายไปไหนวะ คิดยังไงก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆนั่นแหละ ผมว่าช่วงที่พี่ขุนต้องไปตามดูแลน้องช่วงประกวดดาวเดือนนี่จะต้องมีคนมาถูกตาต้องใจมันแน่นอน ผมหวังว่าพี่มันคงจะไม่ไปถูกตาต้องใจใครหรอกนะ

ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นนี่ผมจะทำยังไงดีวะ

ผมไม่ได้คิดจะรับมือกับเรื่องแบบนี้เลย แต่ถ้าสมมุติว่าวันนึงพี่ขุนมันไปเจอคนที่ถูกใจมากกว่าผม ผมก็คงจะปล่อยมันไปอยู่ดี ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆผมคงจะเสียใจมาก แค่คิดนี่ก็หน่วงละ พอๆเลิกคิดเลยขนม อนาคตมันไม่มีอยู่จริงอย่าลืมสิ ผมจะต้องไม่เอาเรื่องที่มันไม่แน่นอนมาบั่นทอนตัวเองเล่น แล้วสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือ ดูแลความรักที่มีให้ดีและก็เชื่อใจกันให้มาก

ผมรักพี่ขุนมากครับและก็จะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆ

“ ทำไมหน้าหน้าแบบนั้นล่ะครับ ” พี่ขุนเดินถือถุงขนมมานั่งลงข้างๆผม “ คิดอะไรอยู่หืม ”

“ คิดเรื่องไม่เข้าเรื่องน่ะ ในหัวนี่งี่เง่ามากเลย ”

“ เรื่องที่คิดเนี่ยะ เกี่ยวกับพี่สินะ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ พี่จะเริ่มไปดูแลน้องๆดาวเดือนเมื่อไหร่อ่ะ ”

“ ก็เริ่มพรุ่งนี้เป็นวันแรก ” มือเรียวหยิบขนมขึ้นมาป้อนผม “ หนมจะไปกับพี่ไหม ”

“ ไม่เอาอ่ะ พี่ทำงานหนิ อีกอย่างเรื่องเก็บตัวดาวเดือนมันไม่ได้อยู่ในหน้าที่ของหนม ”

“ งั้นก็อดทนหน่อยนะครับ แค่อาทิตย์กว่าๆเอง ”

“ พี่ต่างหากที่ต้องอดทน พี่ทำงานนะหนมไม่ได้ทำอะไรเลย ” ผมหยิบขนมป้อนพี่ขุนบ้าง “ หนมนี่เรียนเสร็จก็กลับไปนอนสบายใจเฉิบที่หอได้ ”

“ น่าอิจฉาจังเลยนะ ” พี่ขุนดึงแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว

“ มือเลอะขนมน่ะ ”

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะยกมือเช็ดหน้าตัวเอง พี่ขุนก็ทำตาใสเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น กวนตีนชิบ พอเห็นแบบนั้นผมก็ตีไหล่เจ้าตัวไปแรงๆ พี่มันก็ทำหน้าเหวอใส่ผม น่าหมั่นไส้จริงๆนี่ถ้าไม่ติดว่าปวดเอวนะมึงยับแน่พี่ขุน เออพูดถึงปวดเอวก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องสะสาง

“ พี่ขุน ”

“ ครับ ”

“ ทำไมถึงทำต่อทั้งๆที่ถุงยางมันหมดห้ะ ” ผมกระชากคอเสื้อพี่มันมาใกล้ “ อยากตายหรอ ”

“ โหดจัง ” เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะรั้งเอวผมเข้าไปใกล้ “ กลัวแล้วครับ ”

ผมจ้องใบหน้าหล่อ “ ยังจะมาเล่นอีก บอกหนมมาเลยนะ ”

“ ก็พี่อยากทำอ่ะ แต่หนมไม่ต้องห่วงนะครับเพราะว่าพี่ไม่ได้ปล่อยไว้ข้างในน่ะ ”

ฉ่า

แก้มร้อนเฉยเลยว่ะ

“ เอ่อ....ถึงพี่จะพูดแบบนั้นก็เถอะ ถ้ามีแบบนี้เกิดขึ้นอีกหนมจะโกรธพี่มากเลยนะ ”

“ โอเคครับ เดี๋ยววันหลังพี่จะซื้อถุงยางมาสักสิบกล่อง จะได้ใช้ให้หนำใจไปเลย ” เจ้าตัวบอกก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม

เกลียดสีหน้าเจ้าเล่ห์นี่ชะมัด

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมมานั่งอยู่บนตักพี่ขุนเรียบร้อยแล้วครับ พี่มันก็โอบไว้แน่นด้วยนะ คือถ้าผมตอนปกติดีนี่คงดิ้นลงไปได้เรียบร้อยละ เพื่อไม่เป็นการทำให้เอวตัวเองระบมไปมากกว่านี้ผมจะยอมนั่งนิ่งๆ นางอยากกอดให้นางกอดไป ผมหยิบขนมขึ้นมากินพลางคิดถึงช่วงเวลาว่างๆที่มีอันน้อยนิด ผมจะต้องเร่งแต่งนิยายให้ได้ 70% ก่อนไฟนอลครับ คือจะต้องแต่งดองไว้หลายตอนหน่อยเพื่อจะได้มีลงให้อ่านในช่วงที่ผมสอบไฟนอล ตอนนี้ก็ได้ข้อมูลเด็ดอย่าง Nc มาเรียบร้อยแล้วด้วย มันจะเป็นประโยชน์กับผมมากสำหรับแต่งตอนพิเศษ

หวังว่าเหล่ารี้ดคงจะชอบ

ผมตั้งใจว่าจะให้นิยายของตัวเองจบก่อนที่จะมีงานกีฬาสีครับ เพราะว่าผมคงจะยุ่งวุ่นวายกับช่วงนั้นมาก อีกอย่างผมกำหนดบทจบไว้ที่ 35 บท ซึ่งบทที่ลงไปล่าสุดนี่ก็บทที่ 21 ครับ มันเลยครึ่งเรื่องมาแล้วถ้าคิดก็ประมาณ 60% พระเอกกับนายเอกในนิยายผมก็คบกันแล้วเรียบร้อย ส่วนบทต่อๆไปผมก็แค่แต่งตามพล็อตที่วางไว้ อาจจะมีปรับบ้างแต่ว่าเดี๋ยวผมต้องดูอีกทีนึง ช่วงที่พี่ขุนมันไปทำงานดาวเดือนนี่แหละในการปั่นนิยายให้เสร็จไวไว ผมอยากให้นิยายจบสักทีจะได้เอาส่งสำนักพิมพ์ให้เขาพิจารณา

อยากเห็นมันกลายเป็นเล่ม

ตื้อดึ่ง

“ เสียงโทรศัพท์พี่ขุนอ่ะ ”

มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเปิดเข้าไปในไลน์ “ ใครไลน์มาวะ ”

“ เรื่องงานรึเปล่า ” ผมถามก่อนจะชะเง้อมองจอโทรศัพท์ “ ขุนพลคือใครหรอ ”

“ พี่ชายพี่เองน่ะ ”

“ เค้าบอกว่าจะมาหานี่ ”

ปิ๊งป่องงงง

อย่าบอกนะ

“ แปปนึงนะครับ ” พี่ขุนขยับให้ผมลงจากตักก่อนจะเดินไปเปิดประตู

เชี่ยยยยยย

ผมมองร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องแบบอึ้งๆ พี่ชายพี่ขุนโคตรหล่อเลยอ่ะ ผิวขาวจัดนั่นได้โดนแดดบ้างไหมวะ ดวงตาคมสีดำมีเสน่ห์ที่ไม่ต่างจากพี่ขุนเท่าไหร่นัก จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางนั่นอีก เรือนผมสีดำสนิทถูกเซ็ตอย่างเรียบร้อย สองคนนี้เป็นพี่น้องที่หน้าตาคล้ายกันชิบ แต่ว่าพี่ชายของพี่ขุนดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า แถมในมือนั่นก็ถือถุงกระดาษกับเสื้อคลุมสีขาวไว้ ถ้าผมมองไม่ผิดนั่นมัน....เสื้อกราวน์ของคณะแพทย์

เรียนหมอเลยหรอ

“ ขนมนี่พี่พล เป็นพี่ชายของพี่ ” พี่ขุนบอกผมก่อนจะหันไปบอกพี่ตัวเอง “ พี่พลนี่ขนม เป็นแฟนขุนเอง ”

ผมยกมือไหว้พี่พลช้าๆ “ สวัสดีครับ ”

“ สวัสดีครับ ” เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ “ น่ารักเหมือนที่ขุนไปอวดไว้จริงๆด้วย ”

คำพูดของพี่พลทำให้ผมหันมองพี่ขุนทันที “ อวดงั้นหรอ ”

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ” พี่มันยิ้มหวานก่อนจะนั่งลงข้างผม มันต้องมีอะไรแน่ๆ รอยยิ้มมึงมันมีพิรุธมากเลยนะพี่นะ

“ แล้วนี่เรียนอะไรหืม ”

“ เรียนนิเทศครับ ”

“ รู้จักไอ้หมีไหม ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ รู้จักครับ ” นี่มึงไปทำอะไรพี่พลเขาไว้รึเปล่าวะไอ้หมี หรืออย่าบอกนะว่านี่คือหนึ่งในคนที่มึงหักอกน่ะ ถ้าใช่นี่ผมจะด่ามันว่าโง่เลย

“ หนมกับไอ้หมีมันเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ” พี่ขุนบอกก่อนจะหยิบขนมมากินต่อ

“ งี้นี่เอง งั้นพี่ฝากไปบอกไอ้หมีหน่อยว่า หมอเบลล์บ่นว่าคิดถึงมัน ”

“ ได้ครับ ” ผมยิ้มรับคำฝากบางๆ

หมอเบลล์คือใครวะ

ไอ้หมีไม่เคยพูดถึงคนชื่อหมอเบลล์เลยอ่ะ อาจจะเป็นหนึ่งในบรรดาพี่ๆของมัน ไอ้หมีเนี่ยะมีคนรู้จักทุกคณะเลยนะครับ โดยเฉพาะวิศวะเนี่ยะมันจะรู้จักเยอะมาก และทุกชั้นปีจะต้องมีคนรู้จักมันแน่ๆ แต่แบบผมไม่คิดว่าพี่พลที่เป็นพี่ชายพี่ขุนจะรู้จักมันด้วย แล้วจากการที่เขาเรียกมันว่าไอ้หมีเนี่ยะ แปลว่าก็คงจะสนิทกันในระดับนึงเลย

มึงนี่มันร้ายจริงๆไอ้บ้าหมี

“ ว่าแต่พี่พลกำลังจะไปไหนรึเปล่า ”

“ เข้าวอร์ดตอนเย็นน่ะ กะว่าจะไปโกนหนวดซะหน่อย ”

“ หน้าไม่เห็นจะมีหนวด จะไปจีบคนโกนหนวดก็บอกมา ”

“ อย่ามาทำเป็นรู้ดีน่ะ ” เจ้าตัวบอกก่อนจะส่งถุงกระดาษมาให้ “ พี่แวะมานี่ก็เพราะหมอเบลล์ฝากของมาให้ขุน ”

“ ของอะไรอ่ะ ” เจ้าตัวรับมาเปิดดูในถุงก่อนจะทำตาโต “ เห้ยยยยยยย ”

เห้ยอะไรวะ

“ ชอบเลยสิ ”

พี่ขุนพยักหน้ารับรัวๆ “ ชอบ ฝากบอกพี่หมอเบลล์ว่าขอบคุณครับ ”

“ โอเค งั้นพี่ไปก่อนละกัน วันหลังไปกินด้วยกัน ขนมก็ไปด้วยล่ะ ”

“ ครับ ”

“ งั้นพี่ไปละ ” พี่พลบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ส่วนผมก็ได้แต่โบกมือบ๊ายบายจากด้านหลังโดยที่พี่เขาไม่รู้ตัว ความรู้สึกนี้เหมือนได้อิมเมจพระเอกนิยายเรื่องต่อไปเลยอ่ะ ความหล่อนั้นความหมอนั้น

นิยายที่พระเอกเป็นหมอก็กร้าวใจดีนะครับ

ผมหันมองพี่ขุนที่ดูปลื้มปริ่มกับของในถุงมาก เหมือนกับว่ารอคอยวันนี้มานานมากอย่างนั้นแหละ ด้วยความสงสัยว่าข้างในมีอะไรผมก็เลยแย่งถุงมาจากมือพี่ขุนแล้วก็หยิบมันออกมา สิ่งที่อยู่มือทำให้ผมอึ้งไปแปปนึงเหมือนกัน มันคือกางเกงในครับ เป็นกางเกงในแบบจ็อกสแตรป ที่จะไม่มีด้านหลังอ่ะ คือแบบว่าเวลาที่ใส่มันจะปิดแค่ข้างหน้าอ่ะครับ เป็นกางเกงในโชว์ก้นนั่นเอง แล้วแบบในถุงนี้มีตั้ง 3 ตัว สีเหลือง สีแดง สีดำ

นี่พี่ขุนชอบอะไรแบบนี้หรอวะ

ผมหรี่ตามองพี่ขุนทันที “ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่มีรสนิยมแบบนี้น่ะ ” ลองจินตนาการถึงตอนที่พี่มันใส่สิ

อา....พูดไม่ออกจริงๆ

“ คือพี่จะซื้อไปเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้แกงมัน คือไอ้เกียร์มันอยากเห็นเมียมันใส่น่ะ ด้วยความที่พี่รักเพื่อนไงก็เลยฝากพี่หมอเบลล์หาให้หน่อย ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ งี้นี่เอง หนมก็นึกว่าพี่อยากจะใส่อะไรแบบนี้ซะอีก ”

“ พี่ไม่ใส่หรอก แต่ว่าพี่ก็อยากเห็นหนมใส่นะ ” เจ้าตัวหยิบกางเกงในตัวสีเหลืองขึ้นมา “ เพราะงี้ถึงมีตัวสีเหลืองไง ”

“ ม่ายยยยยยยยย หนมไม่ใส่นะ ” ผมส่ายหน้ารัวๆ

“ ว้า เสียดายจัง ” พี่ขุนทำแก้มป่องใส่ผม “ จะไม่ใส่จริงๆหรอ ”

“ เออไม่ใส่ ”

พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม “ แบบไม่ใส่พี่ก็ชอบนะ ”

“ พี่ขุนนนนน ”

ผมตีไหล่พี่ขุนรัวๆทันที ทำไมชอบพูดจาแบบนี้ออกมาห้ะ ไม่รู้รึไงว่าคนฟังหัวใจจะวายแล้วก็เขินตัวจะแตกน่ะ เจ้าตัวดูชอบใจมากเลยนะครับที่ทำให้ผมเป็นบ้าแบบนี้ได้ มือเรียวของพี่ขุนรวบมือผมไว้ก่อนจะดึงเข้าไปกอด พี่แม่งร้ายกาจชะมัด พอหลังจากที่ได้กันนี่เหมือนสกิลปากจะอัพขึ้นนะ เดี๋ยวผมจะต้องหาทางกำราบละก่อนที่มันจะเหิมเกริมไปมากกว่านี้

ให้หายปวดเอวก่อนเถอะมึง

“ โอ้ยยย ปล่อยเลยไม่ต้องมากอด ”

“ ไม่ปล่อย ”

“ ปล่อย ”

“ ไม่ ” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผมหนักๆ “ แก้มหอมจัง ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หอมแก้มผมอีก

“ อย่าหอมนะ ” ผมพยายามที่จะหันหนีแต่ก็โดนจับคางไว้ “ อื้ออ.อ.อ...เจ็บ ”

“ เจ็บก็อยู่นิ่งๆ พี่จะหอมแก้มแฟนพี่เข้าใจไหม ”

ผมทำหน้าจริงจังใส่ “ ไม่ ”

“ ไม่ให้พี่หอมหรอ ”

“ ใช่ ไม่ให้หอม ”

“ งั้นพี่จูบละกัน ” สิ้นคำริมฝีปากบางก็กดลงมาทาบทับที่ปากผม

ตึกตัก

ผมกระพริบตามองคนตรงหน้าช้าๆ ริมฝีปากที่ประกบอยู่นั่นมันให้ความรู้สึกอุ่นๆ มันรู้สึกดีจนอดใจสั่นไม่ได้จริงๆ ผมไม่รู้ว่านี่เป็นจูบที่เท่าไหร่แล้วสำหรับเรา แต่ว่าทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสนี้มันก็ทำให้ผมใจเต้นแรงได้เสมอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนนี้มันดีมากจริงๆนั่นแหละ

ใจบางไปหมดแล้ว

พี่ขุนถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง “ พี่รักเรานะครับ ”

จูบเสร็จแล้วบอกรักนี่มันคืออะไรกันวะ

“ อา.....”

“ แก้มแดงจังเลยล่ะหนม ”

ไม่ต้องมาขำเลยนะ

“ เพราะพี่ขุนนั่นแหละ ”

เพราะพี่คนเดียวเลย




TBC.

ใครที่เล่นทวิตก็ไปหวีดกันได้นะคะ สปอยจะลงที่นั่นบ่อยๆ แฮชแท้กนี้เลย #LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ถ้าชอบคอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าา

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 23 แตกหัก



สองวันแล้วแท้ๆ

ทำไมมันยังไม่หายปวดสักทีล่ะ

งอแงมาก

ตอนนี้ผมกำลังเดินขึ้นตึกเรียนครับ เพื่อนๆเนี่ยะขึ้นไปรอผมอยู่บนห้องกันอยู่แล้ว ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไรถึงได้รีบขึ้นกันจัง ปกติพวกมันจะต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะไง อยากจะบอกเมื่อวานที่มามอนี่โดนแซวแบบมหาศาลเลยครับ เพราะแบบผมเดินขาจะถ่างหน่อยๆ ก็มันปวดอ่ะจะให้ทำไง นี่ดีแค่ไหนที่เดินได้อ่ะ เพื่อนๆแต่ละคนนี่ก็ไม่มีหรอกจะเข้ามาช่วยพยุง แม่งมัวนั่งหัวเราะกัน

น่าบ้องหูชะมัด

คลาสที่กำลังจะเรียนนี้ผมจะต้องเรียนรวมกับอีกสาขานึงครับ แน่นอนว่าการเรียนรวมนี้จะทำให้ผมเจอกับใครบางคนที่ตัวเองไม่ค่อยชอบใจแน่นอน หลายคลาสละครับที่ผมโดนแขวะแบบงงๆ แต่ผมก็ทำเป็นเมินไม่สนใจไป แม่ผมสอนตลอดเลยนะครับว่าใครจะพูดว่าเรายังไงก็ปล่อยเขาไป ตัวเรารู้ตัวดีที่สุดว่าอะไรมันเป็นอะไร ก็ประมาณว่า....

หมาเห่าอย่าเห่าตอบ

มีหลายครั้งนะครับที่ผมรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมาได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหูน่ะ ผมก็ต้องบอกตัวเองว่าให้ทำใจร่มๆ และก็ตั้งใจเรียนต่อไป อีกอย่างคือผมมีผู้พิทักษ์ประจำกายอยู่ก็คือไอ้หมีครับ ทุกครั้งที่เกิดการแขวะเนี่ยะไอ้หมีมันจะออกโรงแขวะกลับทันที แถมยังทำหน้ายียวนอย่างกวนตีนด้วย แต่ว่าผมว่ามันก็เหมาะกับพวกชอบแขวะพวกนั้นจริงๆนั่นแหละ ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนก็พบกับมือแขวะอันดับหนึ่งที่หันมองมาทางผมพร้อมกับเบ้ปาก

ผู้หญิงที่เป็นดาวคนสวยของนิเทศ

แก้มใสไงครับ

ผมเหลือบมองเธอแวบนึงก่อนจะหันมองไปทางด้านหลังที่เพื่อนๆนั่งกันอยู่ มือเรียวของไอ้หมีมันโบกมือเรียกผมยิกๆเลยครับ ดูเหมือนไอ้เผือกมันยังไม่มาแฮะ หรือว่ามันไปเข้าห้องน้ำวะ ช่างแม่ง ผมเดินช้าๆเพราะยังปวดเอวอยู่ ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านโต๊ะของแก้มใสก็มีประโยคนึงดังขึ้นมา

“ ผิดเพศ ” คนพูดเหลือบมองผมด้วยหางตา ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยิน กะว่าจะหันมาเบ้ปากใส่แต่ร่างสูงของเพื่อนรักเดินเข้ามาคล้องคอผมซะก่อน

“ มาช้าจังล่ะหนม ” ไอ้เผือกถามผมก่อนจะหันมองแก้มใส “ มึงนี่เป็นผู้หญิงที่สวยแต่หน้าจริงๆนะ ”

“ มึง ” แก้มใสแผดเสียงใส่ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที “ เสือกอะไรด้วยห้ะ ”

“ กูต้องถามมึงมากกว่าว่าจะเสือกอะไรกับเพื่อนกูนักหนา เป็นถึงดาวคณะแท้ๆแต่ดูทำตัวสิ กูเห็นแขวะอยู่ได้ทุกคลาสน่ะแขวะจัง เป็นอะไรมากไหม หาหมอดีไหมมึงน่ะสมองดูปัญหานะ ”

“ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”

“ เผือกพอแล้ว ” ผมดึงแขนไอ้เผือกเชิงปราม แก้มใสกรี๊ดดังลั่นเลยครับตอนนี้

“ กูอัดอั้นตันใจมานานละ หมั่นหน้า ถ้ากูเป็นผู้หญิงกูตบมึงปากฉีกไปแล้ว ”

“ ไอ้เผือกพอแล้วววววว ”

“ เพื่อนมึงมันดีอะไรนักหนาห้ะ กูเห็นปกป้องกันจังเลย ”

“ ดีกว่ามึงละกัน ” ไอ้เผือกมันยกยิ้ม “ ไม่งั้นพี่ขุนเค้าขอเพื่อนกูเป็นแฟนหรอ ”

“ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”

อูยยย.ย.ย....หูจะแตก

ผมมองสถานการณ์ที่เริ่มบานปลาย ไอ้พวกเพื่อนที่นั่งกันอยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงเชียร์เย้วๆ ไม่คิดจะมาช่วยห้ามหน่อยหรอวะ ไอ้เผือกนี่ก็องค์ลงของจริงเลย ปกติไม่ค่อยจะพูดแต่วันนี้นี่ด่าไฟแลบ แถมยังด่าดาวคณะอีกต่างหาก แก้มใสดูโมโหมากเลยนะครับ หน้านี่แดงลามไปยันหูมือก็กำหมัดแน่น ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบลากไอ้เผือกมาที่โซนด้านหลัง อาจารย์ก็เข้าห้องมาพอดี แก้มใสก็ยอมนั่งลงที่เดิม

โคตรวุ่นวายเลย

ผมนั่งลงข้างไอ้หมี บรรดาเพื่อนๆนี่เชิดชูไอ้เผือกกันใหญ่เลย ไอ้เผือกมันด่าแรงมากเลยนะครับเมื่อกี้น่ะ แต่ว่ามันเองก็คงจะหมดความอดทนจริงๆถึงได้ระเบิดออกมาแบบนั้น ผมก็สะใจอยู่นะเมื่อกี้ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะไม่จบแค่นี้แน่ๆ คนอย่างแก้มใสไม่น่าจะยอมอะไรง่ายๆ

หวั่นใจเหมือนกันแฮะ

“ คิดอะไรอยู่วะหนม ” ไอ้ปั้นมันถาม

“ กูคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ”

“ อย่าไปหยองสิวะ ” ไอ้หมีมันยกมือคล้องคอผม “ มึงมีกูกับไอ้เผือกอยู่มึงจะกลัวอะไร ”

“ กูแค่ไม่อยากให้มันวุ่นวายเฉยๆอ่ะ ”

“ มันวุ่นวายมาสักพักนึงละ ” ไอ้ภีมบอกก่อนจะหาว “ กูก็ไม่เข้าใจแก้มใสเหมือนกันว่าจะแขวะอะไรมึงนักหนา ”

“ กูก็ไม่รู้ว่ะ สงสัยอาจจะเพราะพี่ขุนมั้ง แต่ช่างแม่งเถอะ เรียนกันดีกว่า ” ผมบอกก่อนจะหยิบสมุดเลคเชอร์กับปากกาขึ้นมา

ตอนนี้ประมาณบ่ายกว่าๆ วันนี้ผมเลิกตอนบ่ายสามครับ กะว่าจะแวะไปหาพี่ขุนก่อนแล้วค่อยกลับหอ พี่ขุนเริ่มไปดูแลและทำกิจกรรมกับน้องๆดาวเดือนตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ไอ้เป้มันก็ต้องไปเข้าร่วมกิจกรรม ส่วนไอ้หมีมันเป็นคนรับผิดชอบงานส่วนนี้ การเก็บตัวดาวเดือนนี้ถ้าไม่มีบัตรสต๊าฟนี่เข้าไปดูไม่ได้นะครับ

เพราะงั้นเดี๋ยวผมต้องไปแอบจิ๊กมา

เมื่อวานหลังจากที่ทำกิจกรรมดาวเดือนเสร็จ พี่ขุนกลับมาที่หอด้วยสภาพที่ดูไร้วิญญาณมากครับ บ่นให้ผมฟังใหญ่เลยว่าน้องๆดื้ออย่างโน้นน้องๆดื้ออย่างนี้ ผมก็ทำได้แค่ปลอบใจแล้วบอกให้ทนๆไป เพราะมันเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่วันเอง เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ประกวดแล้ว ผมว่าสอบไฟนอลที่ตามมาเนี่ยะน่าเหนื่อยกว่างานประกวดดาวเดือนอีก เดี๋ยวจะต้องรีบปั่นนิยายเก็บไว้และตัวผมก็จะต้องตั้งใจอ่านหนังสือมากๆ

อา....สู้ๆนะขนม





“ ทำไมสมองกูมันเบลอไปหมดแบบนี้วะ ”

“ กูเห็นสมองมึงก็เบลอทุกคาบอ่ะไอ้หมี ”

“ เออ ให้กูเอาค้อนทุบให้ไหมล่ะ ”

“ ไม่ต้องเลยนะไอ้บ้าเป้....โอ้ยยย กูบอกว่าไม่ต้องไง ”

“ เสียงดังไอ้สัสหมี ”

“ ทำไมมีแต่คนว่าหมีเล่า ”

ก็เพราะมึงมันน่าว่าไงไอ้หมี

ผมเก็บของใส่กระเป๋าพลางมองไอ้หมีที่ยืนเบะปาก เรียนเสร็จแล้วครับ และก็กำลังจะไปหาพี่ขุน เมื่อกี้คุยกันเรียบร้อยละ มีผม ไอ้หมี และก็ไอ้เป้ที่จะไปห้องประชุมที่เขาจัดกิจกรรม ส่วนไอ้พวกที่เหลือจะกลับหอไปนอน เมื่อกี้ตอนที่เลิกคลาสผมเห็นสายตาอาฆาตแค้นของแก้มใสมองมาด้วยครับ รู้สึกเสียวสันหลังยังไงแปลกๆ

ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

“ ไปกันหนม ” ไอ้หมีมันคล้องคอผมไว้

“ คล้องได้แต่อย่าทิ้งแรงโถมมาได้ไหมกูหนัก ”

“ กูไม่เห็นจะหนัก ”

“ คนหนักมันคือกูนี่ไงไอ้ฟาย ”

ไอ้เป้มันเอาค้อนลมตีหัวไอ้หมี “ เออเข้าใจไหมไอ้ฟาย ”

“ มันเจ็บนะ ” ไอ้หมีมันโวยวายใส่ “ เดี๋ยวกูจะเอาเข็มมาเจาะค้อนมึงให้พรุนเลย โอ้ยยยยยย ไอ้เชี่ยเป้ ”

“ พูดมาก วันนี้จะถึงประชุมไหมห้ะ มึงเป็นคนรับผิดชอบนะอย่าลืม ”

“ เพราะมึงนั่นแหละไอ้เป้บ้า ”

“ จะยืนเถียงกันอีกนานไหมวะ ” น้ำลายเต็มหัวกูแล้วเนี่ยะไอ้สัส

ผมเอามือไอ้หมีที่คล้องคอผมออกก่อนจะเดินนำพวกมันออกมา เสียเวลาโคตรๆ คือพวกดาวเดือนเขานัดซ้อมโน่นนี่กันตั้งแต่สี่โมงเป็นต้นไปไงครับ นี่ก็บ่ายสามกว่าละ ถ้าผมไปช้าผมก็จะมีเวลาอยู่กับแฟนผมนิดเดียวไง คือกว่าพี่มันจะเลิกก็ดึกด้วย เมื่อวานพี่ขุนถึงหอเกือบสี่ทุ่ม ตอนเช้าก็ต้องรีบตื่นไปเรียน มีการปลุกผมให้ขึ้นมาหอมแก้มตัวเองด้วยนะ นางบอกว่าถ้าไม่หอมจะไม่มีกำลังใจเรียน

น่าเบ้ปากใส่ชะมัด

ตอนนี้คนในตึกนี่พลุกพล่านพอสมควรเลยนะครับเพราะเป็นช่วงเลิกเรียน ผมและสองสหายเดินมาถึงห้องประชุมของคณะที่เขาใช้เป็นที่จัดกิจกรรมเก็บตัวดาวเดือนละ ไอ้หมีมันหยิบป้ายสต๊าฟออกมาคล้องคอให้ผม ก่อนจะเป็นพาเข้าไปในห้อง พวกดาวเดือนก็ทยอยกันมาบ้างแล้ว ผมกวาดสายตามองหาพี่ขุนก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังนั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบตีมือกับพี่เกียร์อยู่ด้านหลังห้อง

เล่นอะไรเป็นเด็กๆเลยว่ะ

“ โอ้ยยยยย มันเจ็บนะ มึงตีเบาๆไม่ได้รึไง ”

“ อย่ามางอแงว่ะขุน ทีมึงตีกูมือแทบแตกกูยังไม่บ่นเลย ”

“ ก็มึงมันพวกชอบความเจ็บปวดหนิ ” พี่ขุนโวยวายใส่พี่เกียร์ก่อนจะเหลือบมาเห็นผม ใบหน้าหล่อก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที “ ขนม ”

ผมเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงที่นั่งอยู่ “ หนมแวะมาหาพี่ขุนก่อนกลับหอน่ะ ”

“ ดีใจจังครับ ” พี่ขุนยื่นมือมาให้ผมดู “ ดูสิหนม ไอ้เกียร์มันตีพี่มือแดงไปหมดแล้ว ”

“ ขี้ฟ้องชิบ ” พี่เกียร์เบ้ปากใส่ก่อนจะตีไหล่พี่ขุนแรงๆ

“ โอ้ยยยไอ้สัสนี่ ” เจ้าตัวหันไปผลักพี่เกียร์จนร่วงเก้าอี้ก่อนจะหันมาทางผม “ พี่เจ็บมืออ่ะ ”

“ แล้วพี่จะให้หนมทำยังไง ”

“ เป่าให้หน่อย ”

“ พี่ขุนนี่จริงๆเลยนะ ” ผมลูบบนหลังมือพี่ขุนที่เป็นรอยแดงก่อนจะยกขึ้นมาเป่าเบาๆ “ โอเคไหม ”

“ หายเจ็บแล้วครับ หนมเก่งจัง ” พี่มันบอกก่อนจะยิ้มหวาน

ผมอมยิ้มมองคนตรงหน้า ผมว่าพี่มันไม่ได้เจ็บอะไรมากขนาดนั้นหรอก ที่ทำไปนั่นก็แค่อยากอ้อนผมเท่านั้นแหละ เอาใจนางหน่อยครับ จะได้ตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี ในห้องนี้มีดาวเดือนคณะของปีก่อนมาคอยดูแลน้องตัวเองก็หลายคณะอยู่นะเท่าที่ผมเห็น แต่ว่าไม่มีไอ้พี่หน้าตี๋ที่ไม่ถูกกับพี่ขุนนะครับ ผมว่าดีละ ขืนไอ้พี่นั่นมันมาพี่ขุนกับมันคงได้ซัดกันแน่ๆเลย แล้วไอ้หมีมันก็อาจจะองค์ลงก็ได้นะ

มันจะเป็นยังไงวะ

คือไอ้หมีมันหน้าที่สำคัญในงานนี้มากเลยนะครับ ถ้ามีคนมาก่อเรื่องวุ่นวายมันเองก็คงจะไม่ปล่อยไปเฉยๆ ผมไม่ได้อยากจะให้มีเรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นนะ แต่ว่าอีกใจก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะจัดการยังไง ตอนนี้ไอ้หมีมันกำลังเตรียมสคริปกับจัดลำโพงอยู่ครับ สีหน้าดูจริงจังกับงานมากเลย ส่วนไอ้เป้ก็นั่งเป่าค้อนลมอยู่ข้างๆ รายนั้นก็ดูจริงจังกับค้อนลมในมือตัวเองมากเหมือนกัน

“ หนมครับ ”

“ หืม ”

“ ถ้าพี่เลิกกิจกรรมแล้ว ไปกินข้าวมันไก่กันไหมครับ ”

“ ก็ได้นะ หนมจะแต่งนิยายรอที่หอละกัน ” ผมส่งกระเป๋าถือให้พี่ขุน “ เดี๋ยวหนมมานะ ”

“ จะไปไหนอ่ะ ”

“ จะไปเข้าห้องน้ำ ปวดฉี่ ”

“ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม ไม่ใช่สิ ” พี่ขุนชะงักไปนิดนึงก่อนจะยิ้มหวานมองผม “ ให้พี่ไปเป็นแฟนไหม ”

“ ไม่ต้องอ่ะ ” มึงนี่นะ มุขหยอดห้าบาทสิบบาทก็ยังจะเล่น

เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ผม “ งั้นรีบมานะครับ ”

“ รู้แล้วน่ะ ” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องประชุม

พวกดาวเดือนทยอยมากันใกล้จะครบแล้วล่ะครับ ผมดูนาฬิกาที่ข้อมืออีกสิบนาทีก็จะสี่โมงละ เดี๋ยวเข้าห้องน้ำเสร็จผมก็จะไปเอากระเป๋าแล้วก็กลับหอไปแต่งนิยาย มีเวลาหลายชั่วโมงอยู่กว่าพี่ขุนจะเลิกกิจกรรม วันนี้ผมจะต้องฮึดแต่งให้เสร็จบทนึงให้ได้ ยิ่งรีบปั่นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เหล่ารี้ดจะได้อ่านกันอย่างไม่ทิ้งช่วงมากนัก

ขอกำลังใจเยอะๆด้วยนะครับ

หลังจากที่ผมเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ ผมก็เดินออกมาเพื่อจะกลับไปที่ห้องประชุม อยู่ดีดีก็มีแรงกระชากจากด้านหลังให้ผมหันกลับไป

เพี้ยะ

“ โอ้ยยยยย ” หน้าผมหันไปตามแรงตบทันที ผมยกมือกุมหน้าตัวเองก่อนจะหันมองคนที่ตบหน้าผม “ แก้มใส ”

มือบางเข้ามาจิกหัวผมอย่างแรง “ คนปกป้องเยอะนักหรอมึงน่ะ ”

“ ปล่อยนะ ” ผมจับข้อมือที่จิกหัวผมและพยายามจะดึงมันออก แต่เจ้าของมือก็จิกแรงขึ้น

“ กูรอวันนี้มานานนะมึงรู้ไหม ลากมันมานี่ ” สิ้นคำของแก้มใส เพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆก็เข้ามารั้งตัวผมก่อนจะลากเข้ามาในห้องน้ำหญิง ผมพยายามจะต้านแรงแต่ก็สู้ไม่ได้เพราะว่าอาการปวดที่เอวกับสะโพก

“ ปล่อย ทำแบบนี้ทำไมวะ ” จะสะบัดแขนออกแต่ก็โดนพวกเพื่อนๆของเธอจิกไว้แน่นจนเลือดซิบ

มือบางเลื่อนมาบีบแก้มผมแรงๆ “ ยังจะมีน้ำหน้ามาถามอีกหรอห้ะ มึงแย่งพี่ขุนไปจากกู ”

“ กูไม่เคยแย่งใคร ” ผมตอกกลับในทันที “ กูไม่ใช่มึงนะ ”

“ อีหนม!!!!! ” เล็บคมๆจิกลงที่แก้มผม

“ ตบมันเลยแก้ม ”

“ เออ ตบให้หน้าแหกไปเลย ”

“ ก็เอาสิ ” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างสมเพช “ ยังไงพี่ขุนเค้าก็ไม่มีทางรักมึงแน่นอน เพราะเค้ารักกู และก็เป็นของกู ”

“ พี่ขุนเป็นของกู!!! ” แก้มใสตวาดลั่นก่อนจะสะบัดมือใส่หน้าผมอย่างแรง

ซี๊ดด..ด...ปากแตกแน่เลยว่ะ

ผมเบี่ยงหน้าหลบมือแก้มใสไปเรื่อย เธอก็พยายามตบผมอยู่แบบนั้น อีสองคนที่ล็อคผมอยู่นี่ก็แรงเยอะชิบหาย ผมพยายามดึงแขนออกแรงๆ เล็บยาวๆของพวกเธอก็ข่วนเต็มแขนผมไปหมด เมื่อมือผมเป็นอิสระผมยกมือขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้ ไอ้สัสเอ้ยนี่ถ้าไม่ปวดเอวนี่วิ่งหนีไปละ ด้วยความที่ร่างกายผมไม่เอื้ออำนวยผมก็ต้องทำได้แค่ยกแขนกันไว้เพื่อทำให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด

ใครก็ได้มาช่วยหน่อยโว้ยยยย

ชาไปทั้งแขนแล้ว

“ นี่ทำอะไรกันน่ะ ” เสียงหวานดังแว่วเข้ามา “ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ” ร่างบางเข้ามาผลักแก้มใสที่กำลังกระหน่ำตีผมออกไปก่อนจะเอาตัวเองมากั้นกลาง

ผมยกมือจับเอวตัวเองด้วยความปวด มืออีกข้างก็ยันผนังห้องน้ำไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองทรุด ตามแขนผมนี่มีเลือดซิบตรงรอยข่วนเต็มไปหมดเลยว่ะ ผมมองคนที่เข้ามาช่วยหยุดแก้มใส ร่างบางเจ้าของผมลอนสีน้ำตาลสวย ผมคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีเพราะเธอเป็นแฟนของพี่สาวผม

เจ้าขา

“ มึงมาเสือกอะไรด้วยห้ะ นี่เรื่องของกูกับมัน ”

“ เราจะไม่ยุ่งเลยถ้าคนที่เธอตบไม่ใช่เพื่อนของเรา ” เสียงหวานตอบกลับอย่างจริงจังก่อนจะเหลือบมองผม “ ไม่เป็นอะไรนะขนม ”

“ ปวดเอวมากเลยอ่ะ ”

“ ตอนแรกกูว่าจะตบแค่มัน ตอนนี้กูตบมึงด้วยละกัน ” แก้มใสง้างมือจะตบเจ้าขา แต่เธอรับทันก่อนจะบิดข้อมือแก้มใสแล้วรั้งเข้ามาใกล้ “ โอ้ยยยย อีบ้า กูเจ็บนะปล่อยเดี๋ยวนี้ ”

“ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเราหักแขนเพื่อนของเธอแน่ ” เจ้าขาขู่เพื่อนของแก้มใส

“ ปล่อยกูนะอีบ้า ”

“ เธอต้องขอโทษขนมก่อน ”

“ กูไม่ขอโทษ....โอ้ยยยยย ”

“ เธอทำตัวไม่น่ารักเลยนะ ” เจ้าขาผลักแก้มใสอย่างแรงจนไปกระแทกกับขอบอ่างล้างหน้า “ ไปซะ ไม่งั้นเราจะหักแขนเธอจริงๆ ”

“ หึ้ยยย.ย....ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ” แก้มใสตวาดลั่นก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องน้ำพร้อมกับเพื่อนๆของเธอ

ผมค่อยๆทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องน้ำช้าๆ ไม่น่าปวดเอวเลยจริงๆ ถ้าเป็นผมในตอนปกติผมต้องสู้แรงผู้หญิงพวกนี้ได้แน่ แต่นี่แบบโอ้ยยย..ย....ปวดเอวมากครับตอนนี้ คือขนาดเดินเองยังแบบมีเซเลยอ่ะแล้วโดนตบแบบเนี้ยจะเอาแรงตรงไหนไปสู้วะ อีกอย่างคือแก้มใสเป็นผู้หญิงด้วยไง คือถ้าเป็นผู้ชายผมก็คงฮึดสู้อยู่หรอก เพราะออกแรงต้านตอนโดนดึงเข้ามาในห้องน้ำนี่แหละเอวผมเลยระบม ดีนะที่เจ้าขาเข้ามาช่วยไว้ได้

ไม่งั้นสภาพคงจะเละกว่านี้เยอะ

“ เจ็บมากเลยสินะ ” เสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะลูบเบาๆตามรอยข่วน “ เลือดซิบเลยอ่ะ จิตใจพวกนั้นทำด้วยอะไรก็ไม่รู้ ”

“ ขอบใจเจ้าขามาเลยนะที่มาช่วยเราอ่ะ ”

“ ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว ” เธอบอกก่อนจะยิ้มหวานให้ผม “ เมื่อกี้เราเห็นหนมอยู่ในห้องประชุมหนิ มาหาพี่ขุนศึกใช่ไหม ”

“ ใช่ นี่แค่จะแวะมาเข้าห้องน้ำน่ะ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ”

“ ดีนะที่เรามาเจอน่ะ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มาเจอให้เร็วกว่านี้ ”

ผมยิ้มบางๆให้ “ แค่เจ้าขามาช่วยก็ดีแล้วล่ะ ”

“ ลุกไหวไหมเดี๋ยวเราช่วยพยุงนะ ” ร่างบางค่อยๆประคองผมให้ลุกขึ้นก่อนจะพาเดินมานั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องน้ำ “ รอเราก่อนนะเดี๋ยวค่อยกลับไปห้องประชุมพร้อมกัน ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ โอเค ”

เจ้าขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมยกแขนตัวเองขึ้นมามอง ถ้าพี่ขุนเห็นสภาพของผมจะเกิดอะไรขึ้นนะ เจ้าตัวคงจะโมโหมากแน่ๆเลยที่ผมโดนแก้มใสตบ จะเลี่ยงไม่เจอพี่ขุนเลยก็ไม่ได้อีก กระเป๋าผมเองก็อยู่ห้องประชุม โทรศัพท์ก็อยู่ในกระเป๋าอีกทีนึง ผมว่ากลัวถ้าพี่ขุนเห็นมันจะระเบิดลงใส่แก้มใส อาจจะเสียงานเสียการเลยก็ได้ สิ่งที่แก้มใสทำกับผมนี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากและก็ผิดกฎมหาลัยร้ายแรงด้วย

ผมควรบอกท่านอธิการบดี

ท่านอธิการบดีของมหาลัยนี้คือคุณลุงสำราญ ท่านเป็นเพื่อนของพ่อผม เรื่องนี้ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องบอกท่าน ผมไม่ยอมโดนตบฟรีแน่ๆ นี่แจ้งความได้ด้วยนะข้อหาทำร้ายร่างกายอ่ะ ผมมีหลักฐานคือรอยแผลบนตัวและมีเจ้าขาเป็นพยาน ฝ่ายผมก็ไม่ได้มีการตอบโต้ด้วย เรื่องนี้แก้มใสผิดเต็มๆ เธอควรโดนปลดจากตำแหน่งดาวคณะผมด้วย คนแบบนั้นไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้หรอก

คนที่ดีพร้อมมากกว่ามีเยอะแยะเอาจริงๆ

แต่ก่อนอื่นผมควรจะทำยังไงกับตัวเองในตอนนี้ดีวะ ใจผมยังไม่อยากให้พี่ขุนเห็นครับ จะให้วานให้เจ้าขาไปหยิบกระเป๋ามาให้พี่ขุนก็คงต้องถามแน่ๆ พวกเพื่อนๆถ้ารู้เรื่องนี้ก็คงหัวเสียไม่น้อย แต่ที่น่ากลัวสุดคือไอ้ขันครับ ผมจะทำยังไงให้มันไม่เห็นผมในสภาพนี้ได้ จริงอยู่ว่าตึกวิศวะกับตึกนิเทศมันไกลกันมาก ไอ้ขันมันไม่มีทางจะหลงเดินมาได้แน่ๆ แต่ถ้ามันอยากเจอผมแล้วเรียกไปหาล่ะผมจะแถยังไงและอีกอย่าง....

ความบังเอิญมันเกิดขึ้นได้เสมอ

หวั่นใจเรื่องนี้ที่สุดเลย


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 23 ----------



“ ไปกันเถอะหนม ” เจ้าขาเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะค่อยๆพยุงผม

“ ซี๊ดด.ด....” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องปวดอะไรขนาดนี้วะ ปวดอย่างกับไปออกรบมาแน่ะ

“ น้องหนม ”

เสียงนี้มัน.....

เจ้าขาหันไปมองตามเสียงเรียกด้านหลัง “ อ่าว....พี่แช่มพี่ขัน มาทำอะไรที่นี่คะ ”

ช่วยบอกผมทีว่าเจ้าขาไม่ได้พูดถึงชื่อไอ้ขัน

ชิบหายละหนมเอ้ย

“ พวกพี่แวะมาเรื่องกิจกรรมดาวเดือนนี่แหละ แล้วหนมเป็นอะไรรึเปล่าทำไมต้องพยุงกัน ” พี่แช่มถาม

“ หนม....คือว่าสะดุดแล้วขาพลิกนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไร ”

“ มึงนี่มันเซ่อจริงๆ ” ไอ้ขันมันบอก “ ที่แขนมึงมันรอยอะไร ”

ผมรีบยกมือขึ้นกอดอกทันที “ กูซุ่มซ่ามไปโดนอะไรข่วนไม่รู้ ”

“ งั้นหรอ ” เสียงเรียบเอ่ย ก่อนที่จะมีแรงกระชากให้ผมหันไปด้านหลัง “ นี่มันอะไรเนี่ยะ ”

ผมยืนจับเอวตัวเองมองไอ้ขันนิ่งๆ ที่มันกระชากเมื่อกี้นี่ปวดจี๊ดขึ้นมาเลย จับกูหันดีดีก็ได้ไหมล่ะ ไอ้ขันมันไล่มองผมตั้งแต่หน้าลงไป มือหนาเลื่อนขึ้นมาแตะแผลรอยจิกที่หน้าผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาลูบตามรอยข่วนที่แขน ดวงตาดูสั่นๆแถมสันกรามขบกันแน่นอีกต่างหาก ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ผมว่ามันกำลังโกรธอยู่แน่ๆ

ชิบหายหนักเลยคราวนี้

“ ใครเป็นคนทำ ”

“ คือ......” ผมอึกอัก ถ้าบอกว่าแก้มใสทำมันต้องคิดว่าเพราะเรื่องของพี่ขุนแน่ๆ เพราะมันเคยเห็นแก้มใสไปโวยวายใส่พี่ขุนเรื่องผมมา

“ กูถามว่าใครทำไงขนม ” ไอ้ขันมันเริ่มเสียงดัง

พี่แช่มดึงแขนปราม “ ใจเย็นก่อนไอ้ขัน ”

“ จะให้กูเย็นได้ไงวะ น้องกูทั้งคน ” ไอ้ขันสะบัดมือออกจากพี่แช่มก่อนจะมองผมด้วยสายตาจริงจัง “ บอกกูมาว่าใครทำมึง ”

“ แก้มใสเป็นคนทำกู ”

“ แก้มใส....ที่เป็นดาวนิเทศงั้นหรอ ” ไอ้ขันมันกำหมัดแน่นก่อนจะเค้นหัวเราะ “ เมียเก่าไอ้ขุนสินะ ”

“ พี่ขุนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะ ”

“ มันผิดสัญญาที่ให้ไว้กับกู มันบอกว่ามันจะดูแลมึงให้ดีมันจะปกป้องมึง แต่มึงก็มีสภาพแบบนี้จนได้ ”

“ ไอ้ขัน....”

“ กูเคยพูดไว้เองว่ากูจะกระทืบมันเพราะงั้น.....” พอไอ้ขันมันพูดจบมันก็รีบเดินไปห้องประชุม

ผมเห็นแบบนั้นก็จะวิ่งตามแต่ก็ทรุดลงกับพื้นไปซะก่อน พี่แช่มกับเจ้าขาก็เข้ามาประคอง ไอ้ขันมันเข้าไปในห้องประชุมแล้วอ่ะ พอเห็นแบบนั้นพวกผมก็รีบตามเข้ามาทันที ไอ้ขันมันเดินเข้าไปท่ามกลางพวกดาวเดือนที่นั่งกันอยู่ก่อนจะไปหยุดที่ตรงหน้าที่ขุนแล้ว....

พลั่ก

“ เห้ยยยยยยย ”

“ โอ้ย....พี่ขัน ” พี่ขุนเซไปตามแรงต่อยก่อนจะหันมองไอ้ขันอย่างไม่เข้าใจ “ นี่มันอะไรอ่ะพี่ ”

ไอ้ขันกระชากคอเสื้อพี่ขุนเข้ามาใกล้ “ มึงยังจะกล้าถามอีกหรอว่าอะไร เพราะมึง มึงทำให้น้องกูเป็นแบบนั้น ” ไอ้ขันมันตวาดใส่ด้วยความโมโห

“ ไอ้ขันอย่า....”

“ มึงไม่ต้องมายุ่งเลยไอ้หนม ” มันหันขวับมาบอกผมก่อนจะหันมองพี่ขุน “ มึงผิดคำพูดที่ให้ไว้กับกู ”

พลั่ก

ไอ้ขันซัดหน้าพี่ขุนอีก พวกพี่เกียร์ พี่แช่ม ไอ้เป้กับไอ้หมีก็พยายามที่จะไปแยกสองคนนั้นออกจากกัน ในห้องตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายมากครับ ไอ้ขันมันประเคนหมัดใส่พี่ขุนไม่ยั้ง ส่วนพี่ขุนก็ทำได้แค่ยกมือขึ้นกันไม่ได้สวนกลับไป ไอ้ขันมันเห็นว่าพี่ขุนกันส่วนหัวไว้มันก็ต่อยเข้าที่กลางตัวแทน ไอ้พวกที่เข้าไปห้ามนี่สู้แรงไอ้ขันกันไม่ได้สักคนเลยหรอวะ

วุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว

“ ไอ้ขันหยุด ”

“ หยุดก่อนพี่ขัน ” ไอ้เป้มันรั้งแขนไอ้ขันไว้แต่ก็โดนสะบัดออก

“ ไอ้ขันหยุดได้แล้ว ” ผมตะโกนบอก

“ เอายังไงดีล่ะขนม มันวุ่นวายไปหมดแล้ว ” เจ้าขาถามก่อนจะเหลือบไปเห็นแก้มใสที่กำลังอัดวิดีโออยู่ “ นี่หยุดนะ ” โทรศัพท์ของแก้มใสถูกเจ้าขาคว้ามาก่อนจะปากับพื้นจนแตกกระจายทันที

“ นี่มึงกล้าดียังไงห้ะ!!!!!!! ”

“ ต้นเหตุมันเพราะเธอแท้ๆ ยังไม่สำนึกแล้วทำตัวแบบนี้อีก ”

“ อีบ้านี่ ” แก้มใสง้างมือจะตบเจ้าขาแต่เจ้าขาชิงตบแก้มใสได้ก่อน แรงตบทำให้แก้มใสล้มลงไปกองกับพื้น “ โอ้ยยยยยย ”

“ เพื่อนๆช่วยจับหน่อยนะ ” เจ้าขาบอกบรรดาดาวเดือนคนอื่น พวกดาวก็มาจับแก้มใสไว้

“ ปล่อยนะ ปล่อยกูนะอีพวกบ้า ”

ไอ้หมีมันมองสถานการณ์วุ่ยวายตรงหน้าอย่างหงุดหงิด ไอ้ขันมันยังไม่หยุดซัดพี่ขุนเลยครับ ใครที่เข้าไปห้ามก็โดนลูกหลงไปตามๆกัน ไอ้เป้นี่ปากแตกอ่ะ โดนศอกไอ้ขันไป ผมว่าผมควรเข้าไปห้ามเพราะอย่างน้อยผมก็เป็นน้องมัน มันคงไม่ทำให้ผมเจ็บตัวแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นผมก็เลยค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะดึงเสื้อไอ้ขัน

“ พอแล้วไอ้ขัน ” ผมตะโกนห้ามเสียงดัง

“ อย่ามายุ่ง ”

“ กูบอกว่าให้มึงพอไง ” ผมจับแขนมันที่กำลังง้างอยู่ไว้

“ กูบอกว่าอย่ามายุ่ง ” มันบอกก่อนจะสะบัดออกจนผมเซไปกระแทกกับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

โอ้ยยยยย เอวพังของจริงเลยงานนี้

ไม่น่าหาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มเลยหนมเอ้ย

“ ไอ้หนม ” ไอ้หมีมันเห็นผมทรุดลงกับพื้นก็รีบเข้ามาดู “ มึงเจ็บไหม ”

“ กูปวดเอวอ่ะมันกระแทกเมื่อกี้มันก็ยิ่งเจ็บ ”

“ จิ๊....แม่งเอ้ย ” ไอ้หมีมันสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเข้าไปรั้งตัวไอ้ขันออกมาจากพี่ขุนอย่างแรง พวกที่เห็นว่าพี่ขันเสียหลักไปก็รีบดึงพี่ขุนให้ออกห่าง ไอ้หมีมันเดินเข้ามากั้นอยู่ตรงกลาง ไอ้ขันมันไม่ได้สนใจ ตั้งท่าแต่จะใส่พี่ขุนอีกครั้ง

เพี้ยะ

“ นี่มึงกล้า....”

เพี้ยะ

ผมมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไอ้หมีมันตบไอ้ขันครับ ตบไอ้ขันไปสองที มีเลือดซึมออกมาจากมุมปากไอ้ขัน เจ้าตัวเองก็มองไอ้หมีแบบคาดไม่ถึงเหมือนกัน สถานการณ์ที่ชุลมุนเมื่อกี้ก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ไอ้หมีมันมองไอ้ขันนิ่งๆ แววตาเย็นชาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ มือหนาของไอ้ขันยกขึ้นแตะที่มุมปากตัวเองเบาๆ ต้องแรงเยอะขนาดไหนถึงจะตบให้ปากแตกได้ด้วยหลังมือ

ไอ้หมีไม่ธรรมดาจริงๆ

“ รู้ว่าโมโห รู้ว่าโกรธมาก ” ไอ้หมีเอ่ยเสียงเรียบอย่างจริงจัง “ แต่จะทำอะไรก็คิดถึงฐานะของตัวเองซะบ้าง ”

“ นี่มึง ”

“ ออกไปซะ ”

พี่แช่มรีบเดินเข้าไปดึงแขนไอ้ขัน “ ไปเถอะขัน ”

“ มันไม่จบแค่นี้หรอกนะ ” ไอ้ขันเหลือบมองผมกับพี่ขุน “ ยังไงกูจะทำให้มึงสองคนเลิกกันให้ได้ ” มันเอ่ยอย่างจริงจังก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม

ไอ้หมีมันหันไปมองแก้มใสที่โดนจับอยู่ “ มึงก็ออกไปซะ มึงไม่ใช่ดาวของนิเทศอีกต่อไป ”

“ มึงมีสิทธิ์อะไรมาไล่กูห้ะ ”

“ มึงเลือกเอาว่าจะไปดีดีหรือให้กูโยนออกไป ”

“ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยย ” แก้มใสกรี๊ดลั่นก่อนจะสะบัดจนหลุดจากการจับ “ กูไม่ยอมพวกมึงหรอกนะ มึงเจอกูแน่ ” เธอแผดเสียงใส่ก่อนจะเดินสะบัดออกไปทันที

 ผมค่อยๆคลานเข้ามาหาหาพี่ขุนที่นั่งทรุดอยู่ ใบหน้าหล่อมีรอยช้ำเต็มไปหมดแถมยังปากแตกด้วย มือเรียวของพี่มันยกขึ้นมาลูบเบาๆบนรอยจิกที่แก้มผม ดวงตาคมมีน้ำตาคลอ พอผมเห็นแบบนั้นผมก็ยกมือขึ้นไปเช็ดมันออก ผมไม่อยากให้มันต้องมาเสียน้ำตาให้ผม ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกผิดมากที่ทำให้ผมอยู่ในสภาพแบบนี้ ไอ้ขันแม่งก็ต่อยไม่ยั้งเลย รอยช้ำบนหน้าพี่มันจะหายทันวันงานประกวดไหมก็ไม่รู้

“ พี่ขอโทษนะหนม ” มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมไว้แน่น

“ มันไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก ”

“ พี่ปกป้องหนมไม่ได้ พี่ทำให้หนมต้องเจ็บตัว ”

“ ไม่มีใครปกป้องใครได้ตลอดเวลาหรอกจริงไหม หนมต่างหากที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ ” ผมยกมือขึ้นไปลูบแก้มพี่ขุนเบาๆ “ เพราะงั้นอย่าโทษตัวเองเลย ”

“ แต่ว่า....”

“ ไม่มีแต่....”

ไอ้หมีมันเดินมานั่งลงข้างๆผม “ สภาพไม่ค่อยต่างกันเลยนะตอนนี้น่ะ ”

“ กูขอโทษนะหมีที่ทำให้งานของมึงมันวุ่นวายแบบนี้ ” ผมเอ่ยบอกมันอย่างรู้สึกผิด

“ ช่างแม่งเหอะว่ะ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องนี้อยู่ละ แล้วมึงจะเอายังไงกับแก้มใสต่อวะหนม ”

“ กูจะบอกอธิการบดี ”

“ ไม่ได้ ” ไอ้หมีมันสวนทันควัน “ มึงอย่าลืมว่าไม่ได้มีแค่แก้มใสที่ตบมึง แต่มันมีพี่ขันที่มาต่อยพี่ขุนด้วย ”

จริงด้วยว่ะ

ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย

ถ้าเรื่องที่แก้มใสตบผมถึงอธิการบดี เรื่องที่ไอ้ขันต่อยพี่ขุนก็คงจะถึงเหมือนกัน แก้มใสอาจจะบอกตอนที่โดนสอบแน่ๆ ห่าขันเอ้ย แม่งไม่น่าใจร้อนเลย กลายเป็นว่าจะเอาเรื่องก็เอาเรื่องไม่ได้ไปละ คือถ้ามีการทะเลาะวิวาทเนี่ยะเขาจะตัดคะแนนวินัย 30 คะแนน ถ้าโดนตัดครบ 40 คะแนนจะโดนพักการเรียนครับ ผมไม่รู้ว่าไอ้ขันมันโดนตัดคะแนนไปบ้างไหม แล้วที่สำคัญคือถึงแม้ว่าการรับน้องจะผ่านไปแต่ตำแหน่งเฮดว้ากก็ค้ำคอมันอยู่ คือถ้ามันโดนเรื่องวินัยก็ลำบากแน่ๆ

ไหนจะป๊ากับแม่อีก

ผมไม่อยากให้พวกท่านรู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ

“ งั้นเอางี้ไหมหนม เดี๋ยวกูจะบอกคณบดีของนิเทศว่าให้ปลดแก้มใสออกจากตำแหน่งดาวคณะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเรื่องพี่ขันกับพี่ขุนขอให้จบแค่นี้นะ ”

“ เอาสิ กูก็ไม่อยากมันบานปลายไปมากกว่านี้แล้ว แต่แก้มใสยังไงก็ต้องปลดนะ เธอไม่เหมาะจะเป็นดาวของคณะเรา ”

“ เออโอเคงั้นตามนี้ ” หมีมันเลื่อนหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม “ พี่ขันยังอยู่ข้างนอกนะ ออกไปหาหน่อยไหม ”

“ เออเดี๋ยวกูออกไป ” ผมบอกมันก่อนจะหันมามองพี่ขุน “ เดี๋ยวหนมมาแปปนึงนะ พี่เกียร์ช่วยทำแผลให้พี่ขุนหน่อยนะครับ ”

“ หนมจะไปไหนอีก ” มือเรียวจับมือผมไว้แน่น

“ คือไอ้ขันมันรออยู่หน้าห้องน่ะ ”

“ พี่เข้าใจแล้ว ” พี่ขุนยอมปล่อยมือ “ รีบมานะ ”

“ ครับ....ไอ้หมีมึงพยุงกูไปตรงประตูหน่อย ” พอผมพูดจบไอ้หมีมันก็พยุงผมมาตรงประตู

ผมแง้มม่านที่ปิดประตูเพื่อดูไอ้ขัน มันนั่งอยู่กับพี่แช่มครับในมือมีกล่องยาด้วย มันคงไปเอามาจากไหนสักที่ ที่นั่งอยู่นั่นคือจะรอทำแผลให้ผมสินะ ไอ้หมีมันเปิดประตูให้ผมเดินออกไป พอพี่แช่มเขาเห็นผมเดินเดี้ยงมาก็รีบเข้ามาประคองไปนั่งลงข้างๆไอ้ขัน ผมมองหน้ามันนิ่งๆ ก่อนจะยกมือแตะมุมปากมันเบาๆ

“ เจ็บมากไหมวะ ”

“ เจ็บใจมากกว่า ” มันเปิดกล่องยาก่อนจะเริ่มทำแผลให้ผม

“ มึงไม่น่าใจร้อนเลยขัน....โอ้ย....เบาๆสิ ”

“ ถ้าไม่มีคนห้ามนะ มันตายห่าไปละไอ้ขุนน่ะ ”

“ ทำไมมึงต้องไม่ชอบพี่ขุนถึงขนาดนี้ด้วยวะ ”

“ กูไม่ชอบคนเจ้าชู้มึงก็รู้ ”

“ แต่มันก็เลิกเจ้าชู้แล้วนะ เรื่องของแก้มใสน่ะก็เคลียร์กันไปหลายรอบแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมจบเอง พี่ขุนไม่รู้เรื่องวันนี้เลยนะ ”

“ มึงพูดแบบนี้มึงอยากให้กูเข้าไปขอโทษมันงั้นสิ ” ไอ้ขันเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย

“ เปล่า ” ผมเอาสำลีชุบน้ำขึ้นไปเช็ดมุมปากมัน “ กูจะขอบคุณมึงต่างหากที่เป็นห่วงกูมากขนาดนี้ ที่กูพูดไปก็แค่อยากมึงฟังไว้ส่วนมึงจะคิดยังไงมันก็เรื่องของมึง ”

ไอ้ขันมันมองผมนิ่งๆ ก่อนจะลงมือทายาทำแผลให้ผมเงียบๆ ถ้าตัดเรื่องที่มันชอบกวนตีนและชอบแกล้งผมออกไปมันก็เป็นพี่ชายที่ดีนะครับ ตอนเด็กๆผมซนมากจนได้แผลประจำก็มีมันนี่แหละที่คอยทำแผลให้ เวลากินข้าวที่บ้านผมไม่ชอบอะไรมันก็จะเอาไปกินแทน ส่วนของที่ผมชอบมันก็จะตักมาให้ กุ้งมันก็เป็นคนแกะให้ผมตลอด ผมรู้ว่ามันเป็นคนที่เป็นห่วงผมมากกว่าใครแค่มันจะแสดงออกมาในวิธีของมันเท่านั้น

“ เสร็จละ ” มันเก็บของใส่กลับกล่องยา “ กูไปล่ะ ”

ผมดึงชายเสื้อช้อปมันไว้ “ เดี๋ยว.....”

“ อะไร ”

“ ขอบคุณ ”

“ หึ....” มันหันมามองก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผม “ มันเป็นเรื่องที่กูต้องทำอยู่แล้วถูกไหม....กูเป็นพี่ชายมึงนะ ” ไอ้ขันมันคลี่ยิ้มบางก่อนจะเดินไปพร้อมพี่แช่ม

“ เหมือนไม่ได้คุยกันดีดีมานานมากเลยว่ะ ”

“ เพิ่งรู้หรอ ”

ผมหันขวับไปตามเสียงก็พบไอ้หมีที่โผล่หน้าออกมาดู “ ไอ้หมี มึงมาก็ดีละเอาซากกูกลับเข้าไปในห้องหน่อย ”

“ ได้เบยครับเพื่อนหนม ” ไอ้หมีมันเข้ามาประคองผม “ เออหนม พี่ขันเค้าเจ็บมากไหมวะ ”

“ มันบอกว่าไม่นะ ว่าแต่มึงนี่ก็ตบแรงเหมือนกันนะ ล่อซะปากแตก ”

“ ถ้ากูไม่ทำแบบนั้นกูก็หยุดเค้าไม่ได้น่ะสิ อยู่ยากแล้วล่ะกูน่ะ ”

ผมนึกถึงตอนที่ไอ้หมีมันตบไอ้ขัน สีหน้ามันนิ่งมากเลยนะครับ เดาไม่ได้เลยว่าคิดอะไรอยู่ มันเย็นชามากๆ คิดๆดูไอ้หมีคงจะหน่วงใจไม่น้อยที่ต้องทำอะไรแบบนั้น มันต้องตบคนที่มันชอบมากเลยนะ ส่วนไอ้ขันก็คงไม่ชอบไอ้หมีหนักเข้าไปใหญ่เลยเพราะไปตบมัน เรื่องของสองคนนี้คิดยังไงก็วุ่นวายใจจริงๆว่ะ

“ โอ้ยยยไอ้สัสหมีเบาๆ ”

“ แฮะๆ ลืมไปว่าเพื่อนเดี้ยง ”

“ ตัวเดี้ยงแต่ปากกูยังด่ามึงได้นะ ” เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยไอ้บ้า

ปวดเอวหนักกว่าเดิมเลยให้ตายสิ











TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อให้กำลังใจกันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :a5:

รุ่นแรงจริงๆ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 24 ความเชื่อใจ



ผ่านไปหลายวันแล้ว

รอยข่วนยังไม่หายเลย

เห็นละหงุดหงิดชิบ

ผมนั่งแต่งนิยายอยู่ที่หอคนเดียว ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่ม พี่ขุนยังไม่กลับมาเลยครับ จากวันที่ทะเลาะกันนี่ก็ผ่านไปจะอาทิตย์นึงละ อีกสองวันจะเป็นการประกวดดาวเดือน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผมแต่ว่าต้องไปช่วยเตรียมงานแล้วก็เช็คพวกกล้องให้พร้อม ผมว่ามันจะต้องวุ่นวายมากแน่เลยว่ะ

เพลียใจจริงๆ

หลายวันมานี้ผมไม่เจอแก้มใสที่มหาลัยเลยครับ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดี ผมไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ช่างแม่งดีกว่า คนแบบนั้นเราอย่าไปคิดถึงเลย ดาวคณะคนใหม่ของผมเธอชื่ออิงฟ้า เป็นหนึ่งในคนที่เรียนเก่งของสาขาผมเลยนะครับ ในตอนแรกเนี่ยะก็มีแก้มใสกับอิงฟ้านี่แหละที่เข้าตาพี่กริม แต่ว่าอิงฟ้าเธอไม่อยากเป็นดาวน่ะครับเพราะว่ากลัวจะเสียเรื่องของการเรียน ถ้าอิงฟ้าไม่กังวลกับเรื่องนี้นะผมว่าดาวคณะก็เธอนี่แหละ

ครืดดด...ด...ด...

“ ใครโทรมาวะ ” ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายโดยยังไม่ได้ดูชื่อ “ ฮัลโหล....”

( คิดถึงจังครับ )

รู้ละครับว่าใครโทรมา

“ คิดถึงเหมือนกัน...แล้วนี่พี่ขุนทำอะไรอยู่ ไม่ซ้อมหรอ ”

( เลิกซ้อมแล้วครับ พี่กำลังแวะซื้อข้าวอยู่แต่มันรอนานอ่ะ )

“ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วน่า เออพี่ขุนซื้อโกโก้เข้ามาให้หนมหน่อยได้ไหม ”

( ได้สิครับ เอาอะไรอีกรึเปล่า )

“ ไม่ล่ะ รีบกลับมานะ ขับรถดีดีด้วย ”

( โอเคครับ แค่นี้นะ )

ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาพี่ขุนดูซึมๆ ไปเลยนะครับ ดูไม่สดใส ไม่ค่อยยิ้มด้วย อาจจะเพราะว่าตัวเองยังคงรู้สึกผิดอยู่มากที่ทำให้ผมเจ็บตัว อาการมันไม่ค่อยโอเคจนผมต้องจับมานั่งคุยกันแบบเป็นทางการเลย กว่าเจ้าตัวจะอาการดีขึ้นมานี่ต้องปลอบใจแล้วปลอบใจอีก นี่ผมกับพี่ขุนนี่นั่งทายาให้กันทุกวันเลย แขนพี่มันเป็นรอยช้ำเยอะมากเลยครับจากที่ไอ้ขันต่อยอ่ะ

แตะทีนี่ร้องโอดโอย

รอยจิกที่หน้าผมก็เริ่มจะหายดีแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะเป็นแผลเป็นไหมเดี๋ยวค่อยหายามาทาเอา หลังจากวันที่มีเรื่องกัน ไอ้ขันมันโผล่มาให้ผมเห็นบ่อยมากเลย คงกลัวที่จะมีคนมาดักตบผมอีกล่ะมั้ง เวลาที่พี่ขุนกับไอ้ขันเจอกันนี่บรรยากาศโคตรมาคุอ่ะ แบบผมนี่ต้องเอาตัวกันไว้เลย ความคนกลางนี้ปวดใจมากเลยนะครับ อีกคนก็แฟนอีกคนก็พี่ ผมจะทำยังไงให้ไอ้ขันมันล้มเลิกความคิดที่จะทำให้ผมเลิกกับพี่ขุนดีวะ

คิดไม่ออกเลยเอาจริงๆ

ความจริงจังในน้ำเสียงที่ไอ้ขันมันพูดน่ะบ่งบอกว่ามันต้องทำแน่ๆ และก็คงจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ด้วย แต่ว่าผมจะไม่ยอมให้มันทำสำเร็จหรอกครับ พี่ขุนเองก็คงจะไม่ยอมเลิกกับผมหรอก อีกอย่างผมกับมันก็เพิ่งจะคบกันเอง ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แถมผมก็ตกเป็นเมียมันไปแล้วด้วย มันต้องรับผิดชอบผมไปทั้งชีวิตสิถูกไหม ผมไม่ยอมให้อะไรมาทำให้เราเลิกกันหรอกบอกเลย ผมกับพี่ขุนจะเลิกกันก็ต่อเมื่อเลิกรักกันเท่านั้นแหละ สัญญากันไว้แล้วหนิว่าจะผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

ผมเชื่อว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น

“ เสร็จสักที ” ผมมองนิยายอีกบทที่ตัวเองแต่งเสร็จพลางบีบไหล่ตัวเองไปด้วย “ อยากให้คนนวดไหล่กลับมาไวไวจัง ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

สงสัยจะมาละมั้งครับ

ตายยากจริงๆ

ผมลุกเดินไปเปิดประตูก็พบผู้ชายหัวเทายืนทำหน้าสะลึมสะลืออยู่ ในมือถือถุงข้าวกับโกโก้ที่ผมสั่งให้ซื้อ ดูจากสภาพนี่คงจะเหนื่อยน่าดู แน่ล่ะมันใกล้วันงานแล้วนี่นะ พี่ขุนก้มมาจุ๊บหัวผมก่อนจะเดินนำเข้ามาในห้อง ผมก็ปิดประตูแล้วเดินตามมา พี่ขุนเดินไปหยิบจานมาเทข้าวใส่ให้ วันนี้มาแปลกเหมือนกันนะครับ ดูเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ปกติพี่ขุนจะต้องเอ่ยทักผมตลอดไง

นี่โดนใครทำอะไรมาป้ะวะ

“ พี่ขุน ”

“......ว่าไงครับ ”

“ เป็นอะไรรึเปล่า ดูเงียบๆ นะ ”

“ พี่แค่เหนื่อยๆ น่ะ ”

“ ไหวไหมเนี่ยะหืม ” ผมเลื่อนมือไปกุมแก้มพี่ขุน “ เหนื่อยมากขนาดนั้นเลยหรอ ”

พี่ขุนเลื่อนมือมากุมมือผมที่ข้างแก้มตัวเองไว้ “ แค่เห็นหน้าหนม พี่ก็ดีขึ้นแล้วครับ ”

“ ให้มันจริงเถอะ ”

“ จริงสิครับ กินข้าวกันดีกว่าเนอะ อ่ะนี่โกโก้ของหนม ” พี่ขุนส่งโกโก้มาให้ผมก่อนจะเริ่มกินข้าว

ผมนั่งมองพี่ขุนเงียบๆ มือก็ตักข้าวขึ้นมากินบ้าง ผมว่าพี่ขุนมันต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่มันไม่ยอมบอกผม เจ้าตัวคงจจะมีเหตุผลที่ไม่บอกแหละครับ อาจจะเรื่องไอ้ขันก็ได้ ผมไม่อยากเห็นพี่มันเป็นแบบนี้เลย จะไปตื๊อถามมันก็คงบอกปัดไป ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปถามจากไอ้หมีเอา ผมว่าไอ้หมีอาจจะรู้เรื่องนี้ก็ได้ เพราะว่ามันน่าจะอยู่กับพี่ขุนตลอด

เดี๋ยวต้องลองถามมันดู

ผมกับพี่ขุนนั่งกินข้าวกันเงียบๆ เงียบผิดปกติจากทุกวันเลย ผมควรจะทำยังไงให้พี่ขุนร่าเริงกว่านี้วะ มันไม่ชินเลยครับที่มันเป็นแบบนี้น่ะ หรือว่ามันกำลังจะป่วยก็เลยดูซึมๆ ก็เป็นไปได้ ผมไม่เคยเห็นพี่ขุนป่วยเลยไง ตอนที่กุมแก้มพี่มันเมื่อกี้ก็รู้สึกเหมือนตัวมันรุมๆ ด้วยนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมหายาให้มันกินไว้เพื่อดักไข้ดีกว่า มะรืนนี้ก็วันงานละ ถ้าพี่มันป่วยนี่ต้องแย่มากแน่ๆ

“ หนม ”

“ หืม....”

“ พี่รักหนมนะครับ ” เจ้าตัวเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มบาง มือเรียวก็เลื่อนมากุมมือผมไว้ “ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้หนมเชื่อในตัวพี่นะ ”

“ พูดแบบนี้นี่แอบไปทำอะไรมารึเปล่าเนี่ยะ ” ผมทำเป็นจ้องอย่างจับผิด “ มีเมียน้อยหรอห้ะ ”

“ ฮ่าๆๆๆๆ มีแค่หนมคนเดียวพี่ก็พอใจแล้วครับ ”

“ จริงนะ ”

“ จริงสิครับ พี่มีเมียน่ารักขนาดนี้อยู่แล้ว ไม่ไปดิ้นรนหาคนอื่นหรอก อีกอย่างถ้าพี่มีนอกใจหนมนะพี่ขันคงจะกระทืบพี่จนตายจริงๆ ”

“ ไม่ต้องถึงมือไอ้ขันหรอก พี่จะตายเพราะหนมก่อนแน่ๆ ”

“ โหดจังเลยนะ ” พี่มันหยิกแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว ผมก็ทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะจับมือเจ้าตัวออก

ดีจังที่เห็นมันกลับมายิ้มแบบปกติละ

เอาจริงๆ ที่พี่มันบอกรักผมเมื่อกี้ก็งงใจอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะอยู่ดีดีมันก็พูดออกมาเฉยๆ วันนี้อาจจะไปเจออะไรบั่นทอนใจมาจริงๆ แหละ ไม่งั้นคงไม่มาพูดว่าให้เชื่อในตัวมันหรอก คำพูดมันผิดปกติเกินไป ผมน่ะเชื่อใจในตัวพี่ขุนมาตลอดนะครับตั้งแต่ตอนที่มันตามจีบผมแล้ว ความเสมอต้นเสมอปลายของมันนั่นแหละที่ทำให้ผมเชื่อในตัวมันอย่างสนิทใจ พี่ขุนมันไม่เปลี่ยนไปเลยนะตั้งแต่ที่รู้จักกันมา จะมีเพิ่มมากขึ้นก็ตรง...

หื่นกามกับมักมากนี่แหละ

แต่ก็อย่างว่านะครับ คนมันยอมอดทนมาตลอดตั้งเกือบสามเดือน ช่วงจีบนี่ได้เต็มที่คือแค่จับมือ พอได้เป็นแฟนกันความหื่นก็อัพขึ้น มีกอดบ้างล่ะหอมแก้มบ้างล่ะ แต่พออัพขึ้นเป็นผัวเมียกันนี่เดี๋ยวจูบเดี๋ยวฟัด ผมก็สู้แรงพี่มันไม่ได้เลย ดีว่าหลังจากช่วงมีเรื่องกันเนี่ยะเรื่องพวกนี้ก็เพลาลงไป พี่ขุนคงไม่อยากให้ผมเจ็บตัวเพิ่มมั้งครับ ถ้าหายดีเมื่อไหร่มันก็คงจะมาไล่ฟัดผมเหมือนเดิม ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าเดิม

ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรอสินะ

“ พี่ขุน ”

“ ว่าไงครับ ” พี่มันรวบช้อนไว้กลางจานก่อนจะเงยหน้ามองผม “ มีอะไรหรอ ”

“ กินข้าวเสร็จไปเอายามากินด้วยนะ หนมว่าพี่ตัวรุมๆ กลัวว่าจะไม่สบาย ”

“ อื้ออ.อ.อ....ไม่อยากกินเลย ” พี่ขุนบอกก่อนจะเบะปาก

“ ไม่ได้ ” ผมเอ่ยอย่างจริงจัง “ พี่ต้องกินยา ”

“ ขนม....”

“ หนมเป็นห่วงพี่ขุนนะ ถ้าพี่ขุนไม่สบายขึ้นมาแล้วหนมติดไข้พี่ขุนต่อล่ะ พี่ขุนอยากให้หนมป่วยหรอ ”

“ โอเคครับพี่จะกินยา ” พี่มันบอกก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บหน้าผากผม “ ขอโทษที่ดื้อใส่นะครับ ”

“ หึ....ไปเอายามากินได้แล้วไป ”

“ ครับผม ” เจ้าตัวรับคำก่อนจะลุกไปหยิบยากิน

ผมนั่งมองพลางกินข้าวต่อ ดีนะที่พี่ขุนมันยอมกินยาแต่โดยดีน่ะ ถ้ามันไม่ยอมนี่มีจับกรอกปากแน่ เดี๋ยวถ้ากินข้าวเสร็จผมจะต้องนั่งแก้คำผิดของนิยายก่อนและก็ไปอาบน้ำ จบด้วยการนั่งทายาให้พี่ขุน เสร็จทั้งหมดนี่ก็นอนได้ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าไปเตรียมงานที่มอด้วย ผมอยากจะเห็นการแสดงความสามารถพิเศษของไอ้เป้จริงๆ เห็นมันซุ่มซ้อมอยู่หลายวันละครับ ไอ้เป้น่ะเป็นหนึ่งในตัวเต็งของเดือนมหาลัยปีนี้เลยนะ

เดี๋ยวต้องเอาป้ายไฟไปโบกเชียร์

แต่ก่อนโบกนี่ต้องหายปวดไหล่ก่อน

“ กินยาเสร็จแล้วมานวดไหล่ให้หนมด้วยนะ ”

“ ได้ครับ หอมแก้มพี่เป็นค่านวดให้ด้วยนะ ”

“ โอเคได้ ”

กูจะหอมแม่งสักยี่สิบที....เอาให้แก้มช้ำตายกันไปข้างเลยเอ้า


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
------------ ต่อจากบท 24 ------------


“ เผือกมึงเซ็ตลำโพงเสร็จยัง ”

“ เรียบร้อยละ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาไล่เช็คหน้างานอีกรอบ ”

“ โอเค ไอ้ภีมมึงไปติดต่อเรื่องรันคิวกับดาวเดือนแล้วรึยัง ”

“ ติดต่อละ ตารางคิวเดี๋ยวกูจะเอาไปพิมพ์ให้เสร็จเย็นนี้น่าจะได้ ”

“ เออเย็นนี้อย่าลืมเอามาให้กูนะ ส่วนมึงไอ้ไผ่สคริปของพิธีกรเสร็จแล้วรึยัง ”

“ เสร็จแล้ว ”

“ เออดีมาก แล้วก็ไอ้ปั้นตารางพิธีการของกูล่ะ ”

“ เสร็จเรียบร้อยอยู่ในแฟ้มงานกู ”

“ โอเคงั้นเดี๋ยวกูไปดูดาวเดือนซ้อมก่อน พวกมึงก็คอยดูงานตรงนี้ไป เดี๋ยวกูอีกสักพักกูจะกลับมาดูอีกทีนึง ฝากด้วยล่ะ ” ไอ้หมีมันสั่งงานเสร็จมันก็เดินไปในตึก

โคตรหัวหมุนอ่ะจริงๆ

ไอ้หมีนี่มันสั่งงานได้คล่องมากเลยนะครับ งานนี้คงจะทางถนัดมันจริงๆ ช่วงที่มันยุ่งเรื่องประกวดดาวเดือนนี่สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนเลยนะครับว่าเหนื่อยมาก แต่ว่ามันก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุดนะ เรามักจะเห็นไอ้หมีมันทำตัวบ้าบอบ่อยๆ ก็จริง แต่เวลาทำงานนี่ก็คนละเรื่องเลยนะครับ มันเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมากเลยนะครับ และงานทุกอย่างที่มันทำก็จะออกมาดีเสมอด้วย

เพื่อนหมีของเรานี่สุดยอดจริงๆ

ตอนนี้ประมาณบ่ายกว่าๆ แล้วครับ อีกสักพักพวกดาวเดือนจะมาซ้อมใหญ่กันที่นี่ พวกผมก็ต้องจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม เมื่อเช้าตอนที่เตรียมของกันนี่วุ่นวายมาก นี่นัดกันตั้งแต่ตีห้าครับ ไม่รู้แม่งจะรีบไปไหน คนนัดก็คือไอ้หมีนั่นแหละ มันจะนัดสักเจ็ดโมงก็ไม่ได้ กว่าผมจะลากสังขารตัวเองมามอได้นี่โคตรลำบากยากเย็น พี่ขุนมันก็มามอกับผมด้วยนะครับมาช่วยเตรียมอุปกรณ์เหมือนกัน พอช่วยผมเสร็จก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

เหนื่อยกว่าผมก็พี่ขุนนี่แหละ

เมื่อเช้านี้พี่ขุนดูอาการดีกว่าเมื่อวานเยอะเลยครับ ไม่เป็นไข้ ไม่ซึม ดีแล้วแหละที่มันโอเคดีน่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะได้พักกินข้าวรึยัง ตั้งแต่โดนไอ้ขันซัดไปพี่ขุนก็กินข้าวน้อยลงไปเยอะเลยครับ ไม่รู้ว่าเจ็บปากกินไม่ถนัดหรือยังไง แต่ผมดูแล้วรู้เลยว่ามันผอมลง เวลากอดนี่ยิ่งรู้สึกเข้าไปใหญ่ เดี๋ยวพอผ่านช่วงนี้ไปจะต้องพาไปขุนให้ตัวเท่าเดิมสักหน่อย

เวลากอดจะได้อุ่นๆ

“ อมยิ้มอะไรหนม ”

ผมหุบยิ้มทันทีที่ไอ้ภีมถาม “ ไม่มีไร ”

“ ใช่รึเปล่า ” มันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

“ ใช่สิวะ เออภีม มึงว่าไอ้เป้จะชนะป้ะ ”

“ ไม่รู้สิ แต่มันก็ดูตั้งใจดีนะ ”

“ ใช่ ” ไอ้ปั้นเดินมาคล้องคอไอ้ภีม “ เหมือนกับว่ากำลังตั้งใจทำเพื่อใครสักคนอยู่เลย ” ท่านประธานเอ่ยออกมาก่อนยิ้มหวานให้

ไอ้ไผ่มองไอ้ปั้นตาแป๋ว “ อเจนด้าหรอปั้น ”

“ รู้มากนะมึงอ่ะ ” ไอ้ภีมมันดีดหน้าผากไอ้ไผ่ก่อนจะงับแขนไอ้ปั้นที่คล้องคอมันอยู่แรงๆ “ มึงก็รู้มากเหมือนกัน ”

“ เขารู้กันจะทั่วบ้านทั่วเมืองละ ”

“ น่าหมั่นไส้จริงๆไอ้พวกรู้มาก ” ไอ้ภีมมันเบ้ปากใส่ก่อนจะเดินไปไหนของแม่งไม่รู้

ไม่ใช่ไปหลับตรงไหนนะน่ะ

ผมมองเหล่าเพื่อนๆ อย่างสงสัย สิ่งที่พวกมันพูดนั่นคือตั้งใจจะแซะไอ้ภีมแน่นอนอ่ะ ว่าแต่พวกมันรู้เรื่องของไอ้เป้ไอ้ภีมด้วยหรอ ผมนึกว่ามีผมคนเดียวนะที่รู้อ่ะ แล้วนี่มันไปรู้กันตอนไหนวะ รู้แล้วไม่คิดจะบอกกูบ้างเลยหรอวะไอ้พวกบ้า เออ อาจเพราะว่าพวกมันยังไม่ค่อยมั่นใจในความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ได้นะถึงยังไม่บอกผม โอ้ยช่างแม่งเหอะ จะเอาเรื่องของคนอื่นมาคิดให้ตัวเองปวดหัวทำไมวะเนี่ยะหนม

บ้าบอชะมัด

ตื้อดึ่ง

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ได้ยินเสียงไลน์ดัง ข้อความที่แสดงอยู่ที่หน้าจอมันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ

ขุนจึกกก : คิดถึงจังเลยครับ *สติ๊กเกอร์รูปหมีนั่งกอดเข่า*

คาหนม : คิดถึงมากเลยไหม

ขุนจึกกก : คิดถึงมากๆ เลยครับ อยากกอด อยากหอม อยากจูบ อยาก....

ไอ้....นี่มีเลศนัยนะเนี่ย ร้ายกาจนักนะขุนศึก

คาหนม : ไอ้อยาก....นี่คืออะไร

ขุนจึกกก : อยากให้พูดให้ฟังใกล้ๆ ไหมล่ะ

คาหนม : มาสิ

อ่อยมันสักหน่อยครับ หัวใจจะได้กระชุ่มกระชวย ปกติผมจะไม่ค่อยเล่นแบบนี้กับพี่ขุนมันเท่าไหร่หรอกนะครับ เพราะว่าถ้าเล่นอะไรแบบนี้แล้วพี่ขุนมันเอาจริงแน่ๆ และคนที่จะแย่ก็คือผม

ขุนจึกกก : เดี๋ยวจะโดนนะยั่วพี่น่ะ

คาหนม : ไม่ได้ยั่วซะหน่อย

ขุนจึกกก : หึ....

คาหนม : *สติ๊กเกอร์แลบลิ้น*


เจ้าตัวอ่านแล้วครับแต่ไม่ได้ตอบอะไร ผมว่าพี่มันอาจจะแอบไลน์มาแน่ๆ เพราะถ้ามันพักมันคงจะโทรหาผมแล้ว เดี๋ยวต้องดุสักหน่อยละล่ะที่แอบเล่นไลน์ทั้งๆ ที่ยังทำกิจกรรมอยู่ ถึงแม้ว่าไลน์มันจะเป็นการไลน์มาเพื่อบอกว่าคิดถึงผมก็เถอะ แต่เรื่องนี้ก็ยกเว้นไม่ได้

กลับไปหอต้องทุบ



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



“ ฮัดเช้ย...ฮัดเช้ยยยยยย ”

“ จามอะไรขนาดนั้นวะขุน ” ไอ้เกียร์มันหันมามอง

“ ไม่รู้ว่ะ ฮัดเช้ยยยย....โอ่ยจมูกกู ” ผมยกมือขึ้นถูจมูกเบาๆ นี่จะเป็นหวัดหรอวะเนี่ย

“ มึงจะป่วยป้ะเนี่ย ”

“ ไม่รู้ว่ะ แต่เมื่อวานกูก็กินยาไปแล้วนะ ”

“ เมื่อวานกับวันนี้มันไม่เหมือนกันนะมึง ไปหายาแก้แพ้กินไป ”

“ ไม่เอาเดี๋ยวหลับ กูไม่ได้เป็นไรน่ะเชื่อกูสิ ”

“ มึงนี่มันดื้อจริงๆเลยนะ ” มันบอกก่อนจะตีผมแรงๆ ทำไมมึงชอบใช้ความรุนแรงกับกูจังเลยวะเกียร์

ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง งานซ้อมน้องๆ ดาวเดือนนี่หนักหนาเหมือนกันนะ เมื่อปีก่อนพวกผมคือคนที่ต้องเตรียมแสดงไง ไม่ได้คิดว่างานของพี่ๆ มันจะหนักขนาดนี้ งานประกวดรุ่นผมนี่โคตรป่วนอ่ะ ดีนะที่รุ่นนี้ไม่ค่อยดื้อสักเท่าไหร่

ลองดื้อดิ่

โบกหัวทิ่มเลยอ่ะ

เมื่อหลายวันก่อนที่ผมมีเรื่องกับพี่ขันน่ะมันทำให้ผมเฟลแดกเลยครับ รู้สึกผิดมากด้วยที่ทำให้ขนมเจ็บตัว ผิดคำพูดที่ว่าจะปกป้องน้องอีกต่างหาก ผมไม่กล้าสู้หน้าพี่ขันเลยสักนิด จากที่พี่ขันบอกว่าจะทำให้ผมกับขนมเลิกกันให้ได้นั่นเขาเอาจริงแน่ครับ เมื่อวานตอนที่ผมลงจากตึกผมไปได้ยินพี่ขันคุยกับพี่ฉายและพี่เฌอโดยความบังเอิญ เรื่องที่คุยกันก็ทำให้ผมปวดใจมากเลย

เพราะเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับผมและขนม

พี่ขันถามพี่ฉายกับพี่เฌอว่าจะทำยังไงให้ผมเลิกกับขนมดี ผมจุกมากเลยครับตอนที่ได้ยินน่ะ ถึงขั้นปรึกษาเพื่อนด้วยนี่ก็คงจะทำตามที่พูดจริงๆ แต่เท่าที่ฟังพี่ฉายกับพี่เฌอไม่เห็นด้วยนะครับ แถมยังเทศน์พี่ขันแบบยาวมากๆ จนเจ้าตัวโวยวายใส่แล้วก็บอกว่าจะจัดการเรื่องนี้คนเดียว ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึงเลยนะครับที่พี่เฌอกับพี่ฉายไม่เห็นด้วยน่ะ ชอบคำพูดของพี่เฌอมากครับ พี่เขาพูดว่าที่ผมกับขนมเจอมันก็แค่อุปสรรคเล็กน้อยของความรัก ถ้าคนมันรักกันจริงเดี๋ยวมันก็จับมือผ่านไปด้วยกันได้ คนที่เป็นครอบครัวก็ควรจะคอยช่วยประคับประคองไม่ใช่มาขัดขวางแบบนี้

คำพูดพี่เฌอนี่โคตรเฉียบ

ผมไม่คิดว่าคนที่อกหักซ้ำซากแบบพี่เฌอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้เลยนะครับ และตอนที่เขาบอกพี่ขันน่ะน้ำเสียงจริงจังมากด้วย ค่อนข้างผิดไปจากลุคตัวเองเลย พี่เฌอเป็นคนที่เท่นะครับถ้านั่งนิ่งๆ อ่ะ ห้ามให้ขยับเด็ดขาด เพราะถ้าขยับเมื่อไหร่จะดูเงอะงะขึ้นมาทันที แล้วก็ชอบชนโน่นชนนี่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เหมือนมองไม่เห็นรอบข้างอ่ะ แต่ว่าพี่เขาเป็นคนที่มีทัศนคติมองโลกต่างจากคนอื่นมากเลยนะครับ และก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีของบรรดาน้องๆ ด้วย

เดี๋ยวผมอาจจะต้องไปปรึกษาเขา

ผมไม่รู้ว่าพี่ขันจะทำให้ผมกับขนมเลิกกันยังไง เขาจะใช้วิธีไหนจัดการ ตอนนี้หวั่นใจไปหมดเลยครับ แต่ว่าผมจะไม่ยอมให้พี่ขันทำสำเร็จหรอก ผมรักขนมมากเลยนะและจะไม่ยอมเลิกเด็ดขาด ตัวน้องเองก็คงคิดแบบผมเหมือนกัน ขนมน่ะคอยให้กำลังใจผมตลอด เรื่องวุ่นวายที่เข้ามาก็บอกซ้ำๆ ว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม น้องนี่ดูผมออกทะลุปรุโปร่งเลย เมื่อวานก็ถามว่าผมเป็นอะไร ด้วยความที่ผมไม่อยากให้น้องต้องมีปัญหากับพี่ขันก็เลยก็ต้องบอกปัดไปว่าแค่เหนื่อย พอเจ้าตัวเห็นแบบนั้นก็ปลอบใจผมด้วยนะ

น่ารักแบบเนี้ยะ จะไม่ให้รักได้ไง

“ น้องๆ ครับ เดี๋ยวเราไปซ้อมกันที่เวทีนะ พี่จะซ้อมแค่รอบเดียวแล้วก็จะปล่อยให้ได้กลับไปพักเพราะงั้นตั้งใจให้มากๆ โอเคไหม ”

“ โอเคครับ / ค่ะ ”

“ โอเคงั้นเราย้ายสถานที่กันได้เลย ไอ้หมีมึงจัดการด้วย ” ไอ้เกียร์หันไปสั่งไอ้หมีก่อนจะหันมองผม “ เราก็ไปกันเถอะเพื่อนรัก ”

“ เออเดี๋ยวกูถือกระติกน้ำไป มึงถือขนม ”

“ เออได้ ” มันส่งกระติกน้ำมาให้ผมก่อนจะถือขนม “ ไปกัน ”

“ มึงเดินนำสิ ไวไวด้วยกูหนัก ”

“ แค่นี้มาทำหนัก มึงนี่มันเว่อร์จริงๆ ” มันหันมาเบ้ปากใส่ผม

ผมจ้องมันอย่างหมั่นไส้ “ มึงเคยเดินอยู่ดีดีแล้วตัวเปียกไหมไอ้สัส ”

“ ทำมาเป็นโหด ”

“ กวนตีน ” พอผมด่ามันก็หัวเราะลั่นออกมา

มึงบ้าป้ะเนี่ยะ

ผมแบกกระติกน้ำเดินตามหลังไอ้เกียร์ต้อยๆ หมั่นไส้อยากจะเอาน้ำสาดใส่มันเหมือนกันนะครับ กวนตีนได้กวนตีนดีจริงๆ มันกวนตีนผมตั้งแต่มัธยมยันตอนนี้เลยอ่ะ ดูทรงแล้วก็คงจะกวนตีนต่อไปยันลูกบวช ไม่ได้สิ ทั้งผมทั้งมันคงจะไม่มีลูกอ่ะนะ จะว่าไปไอ้เกียร์กับไอ้แกงนี่ก็คบกันมาปีแล้วนะ นึกถึงตอนที่มันจีบกันก็ตลกว่ะ ไอ้เกียร์แม่งโคตรเสร่อเลย ไอ้แกงเองก็เกลียดขี้หน้าไอ้เกียร์มาก แต่สุดท้ายก็ได้กัน

อะไรของพวกแม่งไม่รู้

พ่อสื่อแบบผมนี่ปวดจิตมากเลยแหละ แต่มันรักกันได้ก็ดีแล้วแหละครับ หวังว่าผลบุญที่ผมทำให้มันสองคนรักกันได้นี่จะส่งผลให้ความรักของผมกับขนมผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้ด้วยดีเถอะ

“ น้องหนม ” ไอ้เกียร์ยิ้มฉีกยิ้มหวานก่อนจะเดินเข้าไปหาแฟนผมที่กำลังยืนดูเรื่องของเวทีอยู่ ผมนี่อยากจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อนรักแล้วเขย่าแรงๆ แล้วตะโกนอัดหน้ามันว่า....

อย่าเจ๊าะแจ๊ะกับเมียกูได้ไหม!!!!

แต่ทำไม่ได้ไง

“ อ่าว พี่เกียร์ ” น้องหันมองมันก่อนจะมองผมแล้วอมยิ้ม “ พี่ขุน ”

“ พี่เองครับที่รัก ” ผมบอกก่อนจะยิ้มหวาน แก้มใสๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อทันทีที่ผมเรียกว่าที่รัก คงเขินสินะ แก้มแดงๆนั่นมันน่าจับเอามาฟัดซะจริงๆ

หมั่นเขี้ยวว่ะ

“ มาที่รงที่รักอะไรวะจะอ้วก ” ไอ้เกียร์มันเบ้ปากใส่

“ เสือก ” ผมด่ามันก่อนจะเดินมาหาขนม “ เหนื่อยไหมครับ กินข้าวรึยังหืม ”

“ ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่หรอก หนมกินแล้วด้วย ละพี่ขุนล่ะกินข้าวรึยัง ”

“ พี่กินข้าวแล้วครับแต่ว่า....” ผมเลื่อนหน้าลงไปกระซิบข้างหูน้อง “ พี่อยากกินขนม ”

น้องหน้าแดงหนักกว่าเดิม ก่อนจะดันหน้าผมออก “ ก็...ไปซื้อกินสิ ”

“ หืม....ให้พี่ซื้อกินได้หรอ ”

“ ได้สิ...เดี๋ยวนะ ” คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะคิดอะไรอยู่ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาคนเดียว “ ซื้อกิน ”

“ ตกลงซื้อกินได้ไหมครับ ”

“ ไม่ได้....ซื้อกินไม่ได้ ถ้าพี่ไปซื้อกินล่ะก็ หนมเอาพี่ตายแน่ๆ ” น้องบอกเสียงเข้มก่อนจะทำท่ายกมือปาดคอให้ดู

ผมอมยิ้มกับการกระทำของน้องก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ “ เอาพี่....ตายเลยหรอ ใครจะตายก่อนกันเนี่ย ”

“ พี่ขุนอ่ะ หนมไม่คุยด้วยแล้ว ” น้องทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินหนีไปนั่งลงข้างเผือก

น่ารักจริงๆ เลยแฟนผมเนี่ย

ไอ้หมีมันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ไอ้เกียร์ “ พี่เกียร์....ได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ ป้ะ ”

“ กูก็นึกว่ากูเหม็นความรักอยู่คนเดียว มึงก็เป็นเหมือนกันหรอไอ้หมี ”

“ เป็นสิพี่ ความรักเหม็นขนาดนี้ไม่ได้กลิ่นได้ไง ฮ่าๆๆๆๆๆ ” ว่าแล้วมันก็หัวเราะลั่น

“ พวกมึงนี่น่ารำคาญจริงๆ แยกย้ายกันทำงานสิโว้ย ” ผมแหกปากใส่ก่อนจะมายืนมองน้องๆ เตรียมตัวกันอยู่ข้างเวที ความจริงอยากจะไปนั่งข้างขนมอยู่หรอก แต่ว่าเดี๋ยวจะไม่เป็นอันทำงาน

ผมคงแหย่น้องไม่หยุดอ่ะเอาจริงๆ

ตอนนี้รอยจิกที่หน้าน้องใกล้จะหายแล้วครับ รอยข่วนกับรอยช้ำตามตัวก็ด้วย แต่ของผมนี่คงจะหายช้ากว่า ผมโดนต่อยนี่นะน้องแค่โดนตี พี่ขันมือหนักชิบ เจอทีเดียวก็ปากแตกเลยอ่ะ แต่ผมว่าคนที่มือหนักกว่าคือไอ้หมีครับ เพราะมันตบพี่ขันให้ปากแตกได้ด้วยหลังมือ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะกล้าทำแบบนั้นกับคนที่ตัวเองชอบ พี่ขันเองก็ดูอึ้งอยู่นะที่โดนไอ้หมีตบ เดิมทีพี่ขันก็ไม่ชอบไอ้หมีอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องแบบนี้อาจจะไม่ชอบเข้าไปใหญ่

สงสารไอ้หมีมันเหมือนกันนะ

ผมรู้จักไอ้หมีก็ตั้งแต่ตอนที่ปี 1 เรียนซัมเมอร์กัน ผมได้ยินชื่อมันมาผ่านๆ รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนต่างคณะของลันตา มันเคยพากันมากินเหล้าข้างโต๊ะผมอยู่ ตอนที่เจอไอ้หมีครั้งแรกก็หมั่นไส้อยู่เหมือนกันนะครับ หน้าตามันดูกวนตีนแถมมันยังรู้จักคนโน้นคนนี้ไปทั่วเลย ผมว่าผมเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะพอสมควรละนะ แต่ไอ้หมีนี่กินขาดผมจริงๆ มันรู้จักพี่พลก่อนจะรู้จักผมด้วยซ้ำ นี่ก็ได้แต่สงสัยว่าไปรู้จักกันได้ยังไงวะ

ตึกคณะก็อยู่กันคนฟาก

ผมกับเพื่อนๆ ก็เลยยกให้ไอ้หมีมันเป็นยอดมนุษย์ครับ รู้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ผมเพิ่งจะมาสนิทแบบไอ้หมีก็ตั้งแต่ที่จะเริ่มจีบขนมนี่แหละ ดีเหมือนกันนะที่มันเป็นเพื่อนขนมน่ะ นี่ถ้าไม่มีมันคอยช่วยหลายๆ เรื่องผมก็คงจะลำบากเหมือนกัน ไอ้หมีนี่เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ความรักของผมสมหวังเลยนะ เพราะงั้นผมจะต้องช่วยให้มันสมหวังกับพี่ขันให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทน

แค่คิดก็ยากแล้วว่ะ

ความจริงผมไม่เห็นพี่ขันสนใจใครเลยนะ คนเข้าหาพี่ขันเยอะมากเลยนะครับทั้งผู้ชายและก็ผู้หญิง แต่พี่เขาก็ไม่เลือกใครสักคน พี่แช่มเคยเล่าให้ฟังในวงเหล้าด้วยครับว่าที่พี่ขันไม่ยอมเลือกใครสักคนมันเป็นเพราะว่าเขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว แต่ว่ามันมีเหตุที่ทำให้ต้องแยกจากกัน ตอนนี้พี่ขันก็ยังคงตามหาคนๆ นั้นอยู่ ผมอยากรู้เหมือนกันนะว่าคนที่พี่ขันรักเป็นใคร แล้วไอ้หมีน้องรักของผมเนี่ยะพอจะสู้เขาได้ไหม

เฮ้อ

แค่คิดก็ปวดใจแทนไอ้หมีแล้วว่ะ

“ พี่ขุนนี่สคริปของพี่ พี่เป็นพิธีกรช่วงบ่ายนะ ” ไอ้คนที่ผมเพิ่งนึกถึงยื่นสคริปมาให้

“ เออได้ แล้วพรุ่งนี้มึงทำอะไรอ่ะ ”

“ ก็เป็นสต๊าฟไง ทำทุกอย่างเลยตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ เป็นมึงนี่ก็เหนื่อยเนอะ ”

“ ก็แค่งานนี้แหละพี่ โน่นคนที่เหนื่อยตัวจริงคือแฟนพี่โน่น พรุ่งนี้มันต้องแบกกล้องทั้งวัน ยังไงก็นวดไหล่ให้มันด้วยละกัน ”

“ กูก็นวดไหล่ให้หนมทุกวันอยู่แล้วนะ ”

“ พี่นี่แม่งโคตรสามีตัวอย่างเลยว่ะ เห้ยไอ้เป้...มึงเต้นผิดนะตะกี้น่ะ ” หมีมันแหกปากด่าไอ้เป้ที่อยู่บนเวที

“ เออหมีกูถามไรหน่อยดิ่ ”

“ ว่ามาเลยพี่...ไอ้สัสเป้ มือมึงทำไมไม่ยกตามเขาวะ ”

“ มึงเอาแต่วิ่งตามพี่ขันแบบนี้ ” ผมเหลือบมองมัน “ มึงไม่เหนื่อยบ้างหรอวะ ”

 “ ทำเพื่อคนที่ตัวเองรักใครเขาเหนื่อยกันวะพี่ ” ไอ้หมีมันหันมาคลี่ยิ้มบางๆ ให้ผม “ ไอ้เชี่ยเป้มึงเต้นผิดสามรอบละนะ ต้องให้กูขึ้นไปตบใช่ไหมห้ะ ” มันโวยวายก่อนจะขึ้นไปจัดการไอ้เป้บนเวที

ตลกชิบ

ที่ไอ้หมีพูดมามันก็จริงอยู่นะครับ ทำเพื่อคนที่ตัวเองรักมันจะเหนื่อยได้ยังไง ตอนที่ตามจีบขนมใหม่ๆ ผมไม่รู้เลยนะว่าผลลัพธ์มันจะออกมายังไง ไม่เคยคิดจะหยุด ไม่เคยคิดว่าตัวเองเหนื่อยหรือท้อในการจีบน้องด้วย สุดท้ายผมก็ได้ความรักจากน้องมา แน่นอนว่ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่ผมพยายามมาโดยตลอด ผมหันไปทางขนมก็พบว่าน้องเองก็มองผมอยู่เหมือนกัน คนตัวเล็กยิ้มบางๆ ให้ผมพร้อมกับชูสองนิ้ว อา....กำลังใจมาเต็มเปี่ยมเลยอ่ะ

กลับหอไปต้องให้รางวัลซะหน่อย

หึ....



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



หลังจากที่ผ่านการซ้อมใหญ่มา ผมกับพี่ขุนก็กลับมาหอกันได้สักพักแล้วครับ วันนี้เลิกซ้อมเร็วเพราะว่าให้ดาวเดือนได้พักอย่างเต็มที่เพื่องานประกวดวันพรุ่งนี้ ดีจังที่กิจกรรมของเดือนนี้จะหมดแล้ว แต่ถึงว่าจะไม่มีงานแต่ก็ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ไฟนอลกำลังจะมาในอีกไม่ช้า เดี๋ยวผมจะต้องรีบเคลียร์งาน เคลียร์นิยายให้เสร็จเพื่อเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ แต่ก่อนจะเคลียร์อย่างอื่น ผมต้องเคลียร์พี่ขุนก่อน

หอมคาอยู่ได้แก้มเนี่ย

“ พี่ขุนพอแล้ว ”

“ ไม่พอ ” จมูกโด่งยังคงฝังอยู่ที่แก้มผม ผมพยายามจะดันหน้ามันออกแล้วนะครับแต่เจ้าตัวก็รวบมือผมก่อนจะกอดไว้แน่น

ร้ายไหมล่ะ

“ หนมเจ็บนะ ”

“ เจ็บอะไรหรอครับ ” ใบหน้าหล่อละออกไป “ หอมแก้มแล้วเจ็บหรอ ”

“ ใช่ ”

“ งั้นพี่จูบก็ได้นะ ” เจ้าตัวว่าก่อนจะทำปากจู๋ใส่ผม หน้าแม่งโคตรตลกเลยว่ะ

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าไปซุกคอพี่ขุน “ ไม่เอาไม่ต้องมาจูบเลย ”

“ ทำไมล่ะหืม....ขอจูบหน่อยไม่ได้หรอ ” พี่มันเอ่ยเสียงอ่อน มือเรียวก็เลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

“ ไม่ได้ พี่หอมแก้มหนมไปเยอะแล้ว แก้มช้ำไปหมดละเนี่ยะ ”

“ ก็พี่รักหนมอ่ะ ”

ผมผงกหัวขึ้นมามอง “ รู้แล้วว่ารัก แต่มันเจ็บแก้มจริงๆนะ เนี่ยะรอยจิกมันยังไม่หายดีเลย ”

“ งั้นพี่รอหนมหายก่อนก็ได้ ” เจ้าตัวยิ้มกริ่ม “ เสร็จพี่แน่ ”

ผมตีไหล่พี่ขุนแรงๆ ทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้นมานั่ง พี่มันนอนอมยิ้มมองผมอยู่อย่างนั้น สีหน้านี่อารมณ์ดีจริงๆ เชียวนะ พอเห็นแบบนั้นผมก็ลองเอาหมอนตีมันไปอีกทีนึง พี่ขุนมันก็นอนนึ่งๆ ไม่ตอบโต้ ผมก็เลยได้ใจกระหน่ำตีพี่มันรัวๆ

“ ยัง....”

“ นี่แน่ะ ” ตายห่าไปซะพี่ขุน

“ ยังไม่หยุดอีก ”

ผมเอาหมอนตีพี่ขุนครั้งสุดท้าย “ โอ่ยเหนื่อย พอละ แต่งนิยายดีกว่า ” ผมเอื้อมไปหยิบโน้ตบุ๊คมาก่อนจะขยับไปนั่งพิงขาพี่ขุนที่ชันอยู่ “ ทำขาแข็งๆซิ จะพิง ”

“ มาพิงอกพี่นี่ ไปพิงทำไมล่ะขาน่ะ ” มันบอกก่อนจะลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง เห็นแบบนั้นผมก็ขยับไปนั่งพิงอกเจ้าตัว

“ พี่ขุนได้อ่านนิยายของหนมบ้างไหม ”

“ อ่านสิครับ อ่านละเหมือนเห็นตัวเองเลยอ่ะ นี่เอาตัวพี่ใส่ลงไปหรอหืม ”

“ เปล่าหนิ มันบังเอิญมั้งเถอะ ”

“ งั้นหรอ ” พี่มันบีบจมูกผมเบาๆ “ ร้ายนักนะเราน่ะ ”

“ ไม่ได้ร้ายสักหน่อย หนมแต่งนิยายแล่วห้ามรบกวน ” ผมบอกก่อนจะเริ่มพิมพ์นิยาย พี่ขุนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นส่วนมือที่ว่างอีกข้างก็ลูบหัวผมไปเรื่อยๆ

รู้สึกดีจริงๆ

การที่พระเอกในนิยายของผมแสนดีไม่มีที่ติมันก็เพราะผมมีแฟนที่แสนดีแบบนี้ไง แต่พระเอกในนิยายผมก็ไม่ได้หื่นเท่าพี่ขุนหรอกนะครับ อย่างว่าแหละนะมันจะเหมือนไปทุกอย่างเลยก็ไม่ใช่ ผมชอบนะครับที่ได้เห็นเหล่ารี้ดที่รักดูมีความสุขที่ได้อ่านนิยายที่ผมเขียนน่ะ ตอนนี้มันยังไม่จบแต่ว่าก็มีคนถามถึงการรวมเล่มแล้วนะครับ ผมนี่ปลื้มปริ่มเลยแบบว่าเอาวะอย่างน้อยมีคนที่อยากได้นิยายเป็นเล่ม 1 คนละ

เชื่อไหมว่าแค่คำพูดของคนๆ เดียวก็ทำให้ผมใจมาได้เลยนะ

เพราะงั้นผมจะพยายามแต่งออกมาให้ดีที่สุดเพื่อคนที่รออ่านทุกคน ส่วนเรื่องเรียนเรื่องงานหรือเรื่องสอบผมก็จะต้องตั้งใจให้มากเหมือนกัน เหนื่อยหน่อยแต่ว่าผมก็มีคนที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ถ้าไม่มีพี่ขุนผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไง นิยายที่เขียนมันจะออกมาเป็นแบบนี้ไหม คนอ่านจะชอบแบบนี้รึเปล่า ไอเดียและแรงบันดาลใจในช่วงกลางเรื่องก็มาจากพี่ขุนทั้งนั้นแหละนะ

ผู้มีอิทธิพลต่อใจที่แท้ทรู

“ ปากบอกว่าแต่งนิยายแต่มองหน้าพี่ใหญ่เลยนะ หน้าพี่เหมือนพระเอกในนิยายรึไง ”

ก็เออน่ะสิ

ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่ขุนเบาๆ “ you're my inspiration นะครับ ” หลังจากที่ผมพูดจบแก้มขาวของพี่ขุนก็ขึ้นสีระเรื่อด้วยแฮะ

“ พูดแบบนี้พี่ก็....เขินแย่สิ ”

“ ฮ่าๆๆๆๆ น่ารักว่ะ ” ผมหัวเราะออกมาก่อนจะหันมาแต่งนิยายต่อ บทพระเอกเขินนี่ก็น่าใส่ลงไปในนิยายเหมือนกันนะเพราะว่า....มันทำให้ใจบางมากเลย

พี่ขุนนี่มันจริงๆ เลย

หึ้ยย.ย.ย.....






TBC.

ถึงตอนปัจจุบันละนะคะ ต่อจากนี้เราจะลงอาทิตย์ละตอน น่าจะเป็นวันพุธไม่ก็พฤหัสฯ
ชอบก็กดคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2017 21:59:49 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
​บทที่ 25 งานประกวดดาวเดือน



วันประกวดดาวเดือนนี่วุ่นวายมากกว่าวันถ่ายภาพนิตยสารโปรโมทมหาลัยอีกอ่ะ

มึนงงสับสนมากครับ

ตอนนี้ผมอยู่หลังเวทีประกวดครับ กำลังนั่งเช็คกล้องอีกครั้ง ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆ ก็ประจำอยู่ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ผมเห็นไอ้หมีมันวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าละอ่ะ ยังไม่เห็นมันนั่งเลยครับ น้ำสักหยดได้กินรึยังก็ไม่รู้ นี่เป็นห่วงว่ามันจะช็อคตายซะก่อนเหมือนกัน ตอนนี้พวกดาวเดือนกำลังแต่งตัวกันอยู่ในห้อง รู้สึกว่ากิจกรรมช่วงเช้าเนี่ยะจะเป็นอะไรวะ พิธีเปิดมั้งครับ ประมาณ 10 โมง ไม่มีใครเอาตารางเวลามาให้ผมดูเลยอ่ะ นี่เป็นงานแรกที่ไม่รู้อะไรเลย

ปวดใจจังวะ

เวทีนี้เป็นเวทีกลางแจ้งจัดอยู่ที่ลานบลูของคณะผมและก็ค่อนข้างที่จะใหญ่พอสมควรเลยครับ แบบว่าสามารถตั้งเครื่องดนตรีหลายอย่างได้ หลังจากประกาศดาวเดือนมหาลัยแล้วก็จะมีวงดนตรีขึ้นเล่นด้วยนะ แต่ผมไม่รู้ว่าวงของใคร เรื่องนี้ไอ้หมีมันเป็นคนจัดการ นี่ถือว่าเป็นเหมือนงานปาร์ตี้ฉลองก่อนสอบไฟนอลเลยนะครับ

ควรดีใจไหมเนี่ยะ

ผมยกมือปิดปากหาว นี่มามอตั้งแต่เช้ามืดละ เพลียเหมือนกันนะที่ต้องตื่นแต่เช้าติดกันหลายวันแบบนี้น่ะ เมื่อคืนผมนอนดึกด้วยครับเพราะว่าแต่งนิยายไง นิยายของผมตอนนี้แต่งดองเก็บไว้ถึงบท 27 ละครับ ก็จะมีลงไปจนถึงช่วงสอบไฟนอลด้วย ปกติผมจะลงนิยายอาทิตย์ละบท ลงช่วงหัวค่ำหน่อย ตอนที่ผมเรียนเรื่องเกี่ยวกับสื่อเนี่ยะ ผลสำรวจออกมาว่าช่วงประมาณหัวค่ำคือช่วงที่คนจะเล่นโซเชี่ยลเยอะนะครับ ผมก็เลยเลือกช่วงเวลานั้น

เรียนมาต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์

“ หนม ”

ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็พบเพื่อนภีมที่ยืนหอบแดก “ เป็นไรวะ ทำไมหอบแบบนั้นอ่ะ ”

“ หมาวิ่งไล่อ่ะดิ่ โอ้ยกูจะตาย ” มันบอกก่อนจะนั่งลงข้างผม

“ มึงไปโดนหมาที่ไหนวิ่งไล่มาวะ ”

“ หมาแถวหอนั่นแหละ คือว่าการแสดงพิเศษของไอ้เป้มันจะเล่นกีต้าร์ไง กูก็เลยกลับไปเอามาให้ แต่หมาที่ไหนไม่รู้เสือกมาวิ่งไล่ กูกะจะเอากีต้าร์หวดแม่งละ ”

“ ใจเย็นนะมึงนะ อ่ะนี่น้ำ ” ผมยื่นน้ำให้มัน “ แล้วมึงเอากีต้าร์ไปให้ฝ่ายเตรียมของรึยัง ”

ไอ้ภีมพยักหน้ารับเบาๆ “ เดี๋ยวพองานประกวดจบนะกูจะตบไอ้เป้แรงๆ สักที กูเตือนตั้งแต่เมื่อคืนละเรื่องกีต้าร์ มัวแต่เล่นเกม ”

“ เมื่อคืนก็ไปนอนด้วยกันหรอ ”

“ เอ่อ.....” เจ้าตัวอึกอัก “ คือ.....กูโทรเตือนมันไงเมื่อคืนนน่ะ ”

ผมหรี่ตามองมันอย่างสงสัย “ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันเล่นเกม ”

“ ก็....ไอ้เป้มันจะทำอะไรนอกจากเล่นเกมวะ มึงก็รู้หนิ ”

“ มันจะใช่เร้อ ” ผมยกยิ้มมองมัน แม่งมีพิรุธเต็มไปหมดอ่ะ สีหน้าท่าทางนี่แสดงออกมาหมดเลยนะครับ

ตลกชะมัด

ไอ้ภีมมันจะเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง เวลามันอยากจะเอาตัวรอดจากอะไรสักอย่างมันก็แค่ทำมึนไป หาวกลบเกลื่อนไม่สนใจอะไรทำนองนั้น แต่ถ้าให้มันมาหาข้ออ้างโน่นนี่มาพูดล่ะก็ ยังไงก็ไม่เนียน ในกลุ่มนี่คนที่โกหกได้เนียนที่สุดคือไอ้ไผ่ครับ เคยมีครั้งนึงมันเคยทำแก้วใบโปรดของอาจารย์อมรตกแตก มันก็พูดอะไรสักอย่างจนอาจารย์เขาเข้าใจว่าลมพัดเข้ามาในห้องจนทำให้แก้วร่วงแตก

ลมต้องโคตรแรงอ่ะถึงทำให้แก้วร่วงแตกได้

อาจารย์ก็เชื่อมันด้วยไงประเด็น

ผมก็ยังสงสัยเรื่องที่เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านเหล้าอยู่นะ ที่พี่ฉายเขาทำท่าเหมือนจะรู้จักไอ้ไผ่น่ะ ไปรู้จักกันได้ยังไงวะ คือไอ้ไผ่นี่ก็เป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยนะครับ เวลาเลิกเรียนเสร็จผมก็ไม่ค่อยเห็นมันได้เห็นนะ เอ๊ะ รึเพราะว่าผมรีบกลับหอบ่อยวะก็เลยไม่รู้เรื่องรู้ราว อาจจะใช่ก็ได้ ครั้นจะถามตรงๆ กับตัวมัน ผมว่าก็ไม่น่าเวิร์ค

มันคงเล่าวนอยู่สามรอบแน่นอน

“ ไอ้หนม ” ไอ้หมีมันเดินมาหาก่อนจะส่งใบอะไรสักอย่างให้ผม “ นี่ตารางเวลา ”

“ เออ แล้วนี่ดาวเดือนใกล้เสร็จรึยัง มันจะสิบโมงละนะ ”

“ ใกล้แล้วแหละ เออพิธีกรอ่ะโคตรหล่อเลย ”

“ พี่เกียร์อ่ะนะ ”

“ พี่ขุนสิวะ พิธีกรมีสองคนนะ วันนี้พี่ขุนหล่อมากเลยด้วย ”

“ พี่ขุนก็หล่อปกติป้ะวะ ” ผมยกกล้องขึ้นลองถ่ายไอ้หมี

คนโดนถ่ายสะดุ้งก่อนจะทำหน้าทำมุ่ยใส่ “ จะถ่ายทำไมไม่บอกก่อนวะกูจะได้ทำหน้าดีดี ”

“ หน้ามึงนี่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นมาหรอก ” ไอ้ภีมมันบอกก่อนจะเบ้ปากใส่

“ มึงนี่มันปากดีจริงๆ ” ไอ้หมีมันมองไอ้ภีมก่อนจะยกยิ้ม “ เก็บปากไว้เชียร์ผัวดีกว่าไหม ”

“ ไอ้สัสหมี ” ไอ้ภีมมันถลึงตาใส่ไอ้หมี ส่วนไอ้คนพูดนี่ก็ยิ้มร่าเหมือนกับว่าตัวเองชนะอะไรสักอย่าง

อะไรของพวกมึงกันวะ

ผมนั่งมองไอ้หมีกับไอ้ภีมที่นั่งแหย่กัน ไอ้หมีมันคงว่างงานแล้วล่ะครับถึงมาป่วนตรงนี้ได้ พวกที่เหลือนี่ตอนนี้ก็แยกกันอยู่คนละที่เลย ไอ้ปั้นมันรอเป็นคนไปเชิญท่านอธิการบดี ส่วนไอ้เผือกนี่ไปซื้อข้าวกับไอ้ไผ่ ไปตั้งชาตินึงละตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ส่วนเพื่อนเป้ก็เตรียมตัวประกวด ความสามารถที่ไอ้เป้แสดงก็คือเล่นกีต้าร์สินะ ไอ้เป้มันดีดกีต้าร์เก่งมากเลยนะครับแต่ว่าจะไม่ค่อยเห็นมันร้องเพลงสักเท่าไหร่

ตั้งแต่รู้จักกันมาผมได้ฟังไปเพลงเดียว

ในกลุ่มผมน่ะมีคนที่ร้องเพลงเพราะมากๆ อยู่คนนึงนะครับ ร้องเพราะอย่างไม่น่าเชื่อเลยแหละ นั่นก็คือไอ้หมีไง ไม่มีใครคิดหรอกครับว่าคนที่เก่งแต่แหกปากแบบมันจะร้องเพลงเพราะขนาดนั้น แต่ว่ามันเองก็ไม่ค่อยอยากจะร้องให้ใครฟังนะ มันให้เหตุผลว่าทุกครั้งที่มันร้องเพลงเนี่ยะก็จะมีคนหลงเสียงของมัน แล้วก็จะตามชอบมันน่ะครับ เป็นเหตุผลที่น่าหมั่นไส้ไปหน่อยแต่ว่ามันก็เป็นความจริงล่ะนะ

เกิดเป็นไอ้หมีนี่ลำบากเนอะ

“ กูว่าเราไปหน้าเวทีกันเถอะ เก็บภาพบรรยากาศ ” ไอ้ภีมบอกก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาคล้องแขน

“ เอองั้นพวกมึงก็แสตนด์บายได้เลย เดี๋ยวกูไปห้องแต่งตัวก่อน ” ไอ้หมีมันบอกก่อนมันจะเดินไป

“ มึงเอาเมมมากี่อันอ่ะภีม ”

“ กูมีสามอ่ะ พอไหม ”

“ พอแหละ เพราะกูก็มีสาม ” เอาจริงๆ เมมหกอันนี่ก็เกินพออ่ะ

“ งั้นไปกันเถอะหนม ” ไอ้ภีมบอกก่อนจะลากผมออกมาด้านหน้าเวที ไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ ก็ชอบลากผมจังวะ พี่ขุนนี่ก็ตัวดีเลย รายนั้นนี่ถ้าแบกผมเดินได้ก็แบกละ

“ มึงไม่ต้องลากกูก็ได้ภีม ”

“ โทษทีกูลืมอ่ะว่ามึงขาสั้น ”

ผมตีไหล่มันไปแรงๆ ทีนึง “ มึงขายาวเกินชาวบ้านต่างหาก ”

“ เนี่ยะ คนเราไม่ชอบยอมรับความจริง ”

“ ไอ้ภีม ” ผมหยิกแขนมันอีกทีก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับคนที่เดินออกมาจากใต้ตึก

เชี่ยยยยย

ร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ เรือนผมสีเทาถูกเซ็ตและเสยขึ้นไปด้านบนจนทำให้เห็นใบหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน ดวงตาคมมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ผม เจ้าตัวยกยิ้มก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

ตึกตัก

อา...เข้าใจว่าคำว่าหล่อมากของไอ้หมีแล้วครับ

ผมเห็นพี่ขุนอยู่ในชุดนักศึกษาบ่อยนะ แต่ทำไมวันนี้มันดูพิเศษกว่าวันอื่นๆ วะ ออร่าสีส้มนี่ฟุ้งไปทั้งตัวเลยอ่ะ ตอนที่มีงานถ่ายรูปของนิตยสารของมหาลัยมันก็ไม่ได้ดูหล่อเว่อร์ถึงขนาดนี้นะ เอาง่ายๆ คือแบบแค่เห็นก็ใจสั่นแล้ว ผมเชื่อด้วยว่าต้องไม่ใช่ผมคนเดียวด้วยที่เป็นแบบนี้ ใครก็ตามที่เห็นพี่ขุนนี่ต้องเหลียวหลังมองแน่ๆ

ก็นะ....หล่อลากซะขนาดนี้

" มองพี่ตาค้างเลยนะครับ " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยิ้มหวาน

ผมทำเป็นเบ้ปากใส่ " หลงตัวเองจริงๆ เลยนะ "

" ก็พี่หล่อจริงๆ นี่นา "

" น่าหมั่นไส้อ่ะ "

พี่ขุนยกมือขึ้นมาดึงแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว " นี่แน่ะ หมั่นไส้พี่หรอ "

" หนมเจ็บนะ " ผมตีมือพี่ขุนแรงๆ

" อื้ออ...อ..เจ็บ "

ผมตีซ้ำที่เดิมหลายๆ ที " นี่แน่ะ ทำหนมดีนัก "

" พอแล้ว...พี่เจ็บ "

" ไม่พอ " ผมกระหน่ำตีมือมันอยู่อย่างนั้น

" จิ๊..." พี่ขุนจิ๊ปากก่อนจะรวบมือผมไว้ " อย่าหือกับพี่ได้ไหม "

" ทำไม "

" ถ้าพี่เอาคืนขึ้นมา....เดี๋ยวเราจะลุกจากเตียงไม่ขึ้น "

ฉ่า

เอ่อ...เอ่อ

พูดไม่ออกเลยว่ะ

ผมมองพี่ขุนตาปริบๆ รู้สึกได้เลยว่าแก้มร้อนมากครับ จะเอามือขึ้นลูบก็ไม่ได้เพราะพี่ขุนจับไว้อยู่ คนตรงหน้านี่ยิ้มจนแก้มปริเลยครับ คงชอบใจไม่น้อยที่ทำผมเขินได้น่ะ ไม่น่าไปตีพี่มันเลยหนมเอ้ย พี่ขุนนี่ก็เหลือเกินจริงๆ อ่ะ เดี๋ยวนี้พูดอะไรนิดหน่อยก็จะพาลงเตียงอย่างเดียวเลย จากประสบการณ์ครั้งแรกนี่ ทำให้ผมเจ็บช้ำหลายอย่างอยู่ เพราะงั้น....

ครั้งที่สองมันไม่มีง่ายๆ หรอกโว้ยยย

ขอทำใจสักสามเดือน

" หึ้ยยย...ยย...." ไอ้หมีมันเดินมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ขุนก่อนจะแยกมือเราสองคนออก " เหม็นความรักจริงๆ "

" มึงก็กลั้นหายใจสิ จะได้ไม่ได้กลิ่น "

" นี่...ยังจะมายอกย้อนน้องอีก พิธีกรน่ะขึ้นไปบนเวทีเลยไป " ไอ้หมีมันโบกมือไล่พี่ขุนก่อนจะหันมองผม " ส่วนมึง เป็นตากล้องก็ไปถ่ายรูปสิวะ ดาวเดือนมากันแล้วนั่นน่ะ "

" เออ มึงก็ไปจัดการงานของมึงไปเดี๋ยวกูไปถ่ายรูป "

" ได้ ไปสักทีสิพี่ขุน ต้องให้หมีดันขึ้นไปใช่ไหมห้ะ " ไอ้หมีมันทำเสียงเหี้ยมก่อนจะดันพี่ขุนให้เดินไป

" อะไรของมึงเนี่ยะไอ้หมี " พี่ขุนโวยวายใส่มันก่อนจะหันมามองผม " หนมช่วยพี่ด้วย "

" ลาก่อนนะ "

" อื้ออ.ออ.....ไอ้สัสหมีเดี๋ยวกูล้ม "

" ไม่ล้มหรอกน่า....ขึ้นไปเร็ว "

โคตรวุ่นวายเลย

ผมยืนมองไอ้หมีที่ดันพี่ขุนขึ้นไปบนเวทีอย่างทุลักทุเล นางอาจจะงอนผมก็ได้นะครับที่ไม่ยอมช่วยน่ะ แต่ว่ามันใกล้จะถึงเวลางานแล้วนี่นะ ขืนยังมัวแต่เล่นกันเดี๋ยวจะโดนไอ้หมีทุบ พี่ขุนยืนมองผมอยู่บนเวทีพร้อมกับเบะปากไปด้วย มันคงคิดว่าทำอะไรแบบนั้นจะดูน่ารักมั้งครับ พอเห็นแบบนั้นผมก็ชูสองนิ้วให้พี่มันพร้อมกับยิ้มหวาน

ให้กำลังใจนางหน่อยครับ....จะได้ตั้งใจทำงาน

" หนม "

" หืม " ผมหันไปตามเสียงเรียก " ว่าไงภีม "

" ดาวเดือนมาละ ไปถ่ายรูปกัน อีก 15 นาทีจะเปิดงาน "

ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะหันไปมองพี่ขุน " หนมไปทำงานละนะ พี่ขุนก็ตั้งใจทำงานล่ะ "

" พี่จะตั้งใจทำงานครับ....ให้รางวัลความตั้งใจด้วยนะ "

ไอ้หมีมันเดินมาบังพี่ขุนไว้ " ไปทำงานกันได้แล้วโว้ยยยยยยยยย " มันแหกปากดังลั่น สงสัยท่านหมีจะองค์ลงแล้วล่ะครับ

เพราะงั้นรีบไปดีกว่า

" ไปเร็วภีม " ผมรีบลากไอ้ภีมหนีออกมา " ไอ้หมีมันองค์ลงละ "

" ช่วงนี้มันองค์ลงบ่อยนะกูว่า....สงสัยนอนน้อยจนบ้ามั้ง "

" กูก็ว่างั้น....นั่นไอ้เป้ " ผมชี้ให้ไอ้ภีมมองไปทางซุ้มดอกไม้ที่พวกดาวเดือนยืนกันอยู่

ร่างสูงของเพื่อนรักยืนอยู่ข้างอิงฟ้าครับ วันนี้มันดูหล่อเป็นพิเศษ ออร่าจับมากอ่ะ นี่แหละนะรัศมีของคนจะเป็นเดือนมหาลัยน่ะ อิงฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สวยไม่แพ้กัน เดี๋ยวต้องเอาใจช่วยทั้งสองคน ผมเหลือบมองไอ้ภีม มันยืนมองไอ้เป้ตาค้างเลยครับ เหมือนที่ผมมองพี่ขุนเปี๊ยบ พอเห็นแบบนั้นผมก็ยกกล้องขึ้นไปถ่ายมัน

แชะ

" เห้ย ถ่ายอะไรวะหนม " คนโดนถ่ายสะดุ้งก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ผม

" หน้ามึงเหวอดีอ่ะ กูชอบ " ผมยิ้มบางๆ ให้มันก่อนจะเดินมาหาไอ้เป้ " ถ่ายรูปหน่อยครับคุณเดือนนิเทศ "

ไอ้เป้ฉีกยิ้มทันที " พูดอย่างงี้มันเขินนะมึง "

" จะมาเขินอะไรวะ อิงยืนใกล้ๆ ไอ้เป้หน่อย....นั่นแหละ " พอจัดแจงท่าเสร็จผมก็ยกกล้องขึ้นมาถ่าย

" กล้องนี้ด้วยนะครับ " สิ้นเสียงไอ้ภีมไอ้เป็ก็หันไปมองกล้องมัน แววตาที่มองมานั่นมันไม่ธรรมดาว่ะ ที่สำคัญคือไอ้เป้ไม่ได้มองเลนส์กล้องนะครับ

มันมองไอ้ภีม

โมเม้นท์ดีๆ แบบนี้ผมอดยกกล้องขึ้นมาถ่ายไม่ได้เลยว่ะ

" มึงถ่ายกูหล่อป้ะเนี่ยะไอ้ภีม " ไอ้เป้มันเดินมาดูรูป

" ก็หล่อน้อยกว่ากูอ่ะ "

" ปากดี " ไอ้เป้มันโขกหัวไอ้ภีมก่อนจะหันมาผม " แล้วดอกกุหลาบจะไปเอากี่โมงอ่ะหนม "

" สักบ่ายๆ อ่ะ เดี๋ยวกูไปกับไอ้ปั้น "

ไอ้เป้พยักหน้ารับคำ " โอเค กูไปหลังเวทีละ "

" สู้ๆ นะมึง " ผมชูสองนิ้วให้เพื่อนรัก เจ้าตัวก็ยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินไป

พวกดาวเดือนพากันเดินไปด้านหลังแล้วครับ นี่ก็จะใกล้เปิดพิธีแล้ว บนเวทีก็มีพี่เกียร์กับพี่ขุนยืนคู่กันอยู่ รู้สึกพวกดาวมหาลัยเมื่อปีก่อนจะมาในช่วงที่เริ่มกิจกรรม พวกพิธีการช่วงเช้าก็จะเป็นหน้าที่ของสองคนนี้ ตอนนี้มีพวกนักศึกษาจากคณะอื่นไม่น้อยเลยนะครับที่มาเชียร์การประกวดน่ะ คนนี่เต็มลานเลย พวกตากล้องจากคณะอื่นก็มีเหมือนกัน ดีนะว่าพวกผมได้พื้นที่ยืนใกล้เวทีน่ะ เดี๋ยวจะต้องสะกดจิตตัวเองว่าให้ถ่ายรูปทุกคนอย่างเท่าเทียม

ไม่ใช่ถ่ายรูปพี่ขุนแค่คนเดียว

จากงานรับน้องของวิศวะครั้งก่อน ก็พบว่ามีรูปพี่ขุนอยู่เต็มเมมไปหมดเลยครับ รูปคนอื่นน้อยมาก ผมนี่โดนเพื่อนๆ ดุเลย รู้สึกผิดอยู่แหละแต่ตอนนั้นมันควบคุมตัวเองไม่ให้ถ่ายพี่ขุนไม่ได้จริงๆ อ่ะครับ มันเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมอยากจะกดชัตเตอร์ถ่ายรัวๆ และแต่ละรูปที่ถ่ายได้นี่ไม่มีหลุดเลยนะครับ แม่งออกมาดูดีทุกรูปเลยอ่ะ

คนอะไรก็ไม่รู้

" หนม "

" ว่า "

" อย่าถ่ายแค่พี่ขุนนะ....ไอ้หมีมันเอามึงตายแน่ "

" กูรู้แล้วน่ะ....มึงก็อย่าถ่ายแค่ไอ้เป้ล่ะ "

" มึงนี่มัน...."



---------- 50 % ---------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2017 21:49:49 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 25 ----------



อากาศตอนบ่ายสองนี่มันร้อนจริงๆ เลยนะครับ

เหมือนตัวจะระเหยเลยอ่ะ

ตอนนี้ผมอยู่บนรถครับกำลังจะไปเอาดอกกุหลาบที่สั่งไว้ บอกเลยว่าโคตรเมื่อยแขน ตั้งแต่เปิดพิธีผมก็ถือกล้องถ่ายรูปมาตลอดเกือบสี่ชั่วโมง แล้วกล้องของผมใช้เลนส์ 70-200 มันหนักเกือบสองโลครับ ผมล้าแขนมาก ช่วงที่ผมมาเอาดอกกุหลาบนี่ก็เปลี่ยนให้ไอ้เผือกถ่ายแทน ตามตารางคิวนี้ตอนนี้คงใกล้จะอยู่ในช่วงแสดงความสามารถพิเศษ ดาวเดือนจาก 12 คณะ ก็น่าจะกินเวลาเกือบสองชั่วโมงได้ ขอให้กลับไปดูไอ้เป้แสดงให้ทันด้วยเถอะ

อยากเห็นเพื่อนเป้ร้องเพลงครับ

เดี๋ยวผมจะต้องเหมากุหลาบสักร้อยดอกเพื่อไปให้ไอ้เป้มัน ดาวเดือนน่ะเขาจะมีรางวัลป๊อปปูล่าโหวตด้วยดอกกุหลาบ ตอนแรกผมเสนอไอ้หมีให้เอาอย่างอื่นไปโหวตด้วยนะ คือผมว่าดอกกุหลาบมันเอ้าท์อ่ะ ที่อื่นเขาก็ทำกัน ไอ้หมีเอาเรื่องนี้ไปลองขอดูแต่ว่าไม่ผ่านทางสำนักกิจการศึกษาครับ ก็เลยต้องเอาเป็นกุหลาบเหมือนเดิม น่าเสียดายเหมือนกันนะ ของโหวตที่ผมเสนอไปคืออมยิ้มไง ถ้าไอ้เป้ได้เยอะพวกเราก็จะได้เอามากินได้

เนี่ยะเห็นไหมว่าผมมองการณ์ไกลมาก

" หนม "

" หืม...."

" มึงว่าใครจะชนะเดือนปีนี้วะ "

ผมเหลือบมองไอ้ปั้น " อย่าว่ากูอวยไอ้เป้เลยนะ แต่กูว่าไอ้เป้ชนะแน่ "

" แต่ตัวเต็งมีหลายคนเลยนะมึง เท่าที่กูดูอ่ะที่สูสีมากๆ ก็มีอยู่สามคณะนะ "

" หรอวะ กูจำแค่ไอ้เป้เป็นตัวเต็งอ่ะ แต่ไม่รู้ว่ามีใครอีก เอาจริงๆ กูไม่ได้สนใจใครเลย "

" สนใจแต่พี่ขุนไงมึงอ่ะ "

" เดี๋ยวไอ้สัส...คนละเรื่องละ " ผมเบ้ปากใส่มันไปทีนึง " ว่าแต่ไอ้ตัวเต็งอ่ะมีคณะไหนอีกวะ "

" ก็มีแยมของวิศวะ กับสิบสามที่เป็นเดือนแพทย์ "

ผมพยักหน้ารับ " เดือนแพทย์ที่มันหน้านิ่งๆ เลยใช่ป้ะวะ กูเห็นอยู่ครั้งนึง แต่มันหล่อมากเลยนะมึงแบบขนาดกูเป็นผู้ชายกูว่ามันหล่อเลยอ่ะ "

หล่อจริงหล่อจังเลยนะครับเดือนแพทย์น่ะ สีหน้านิ่งเฉยนั่นก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย ผมว่าเจ้าตัวอาจจะโดนบังคับมาเป็นเดือนก็ได้ เพราะว่ามักจะทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ตลอดเวลา ผมว่าผมเป็นคนที่หน้าดูนิ่งมากแล้วนะ แต่ว่าไอ้เนี่ยนิ่งกว่าผมอีกอ่ะ แล้วชื่อก็แบบ...หื้ม.ม.ม....ชื่อสิบสาม มันจะมีสักกี่คนในโลกอ่ะครับที่ชื่อนี้อ่ะ เรียนแพทย์ ชื่อก็เฟี้ยว แถมยังหล่อมากอีกต่างหาก แต่ถึงจะหล่อมาจากไหนก็สู้พี่ขุนของผมไม่ได้หรอกครับ

ฮ่าๆๆๆๆๆ

งานอวยแฟนต้องมา

" ยิ้มอะไรวะหนม "

" ห้ะ...เปล่า "

" เปล่าห่าไรล่ะ กูเห็นมึงยิ้มอยู่ "

" กูก็แค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ ไม่มีไรสักหน่อย "

เพื่อนปั้นเหลือบมองผมก่อนจะยกยิ้ม " ตั้งแต่มึงคบกับพี่ขุนนี่ มึงยิ้มบ่อยขึ้นนะ "

" จริงหรอวะ "

" ใช่สิ กูว่ามันก็ดีนะ เพราะว่าเวลามึงยิ้มมันน่ารักน่ะ "

" ทำไมชอบเอาคำว่าน่ารักมาใช้กับกูวะ "

" ก็มึงน่ารัก น่ารักในที่นี้มันมาจากการกระทำ ผู้ชายที่ถูกชมว่าน่ารักมันไม่ได้หมายความว่าเขาเหมือนผู้หญิงสักหน่อย นึกถึงเวลาที่แม่ชมมึงว่าน่ารักสิ มันก็ไม่ได้ต่างกันหนิ จริงไหม "

" มันก็จริง เห้ยไอ้ปั้นนนนนน "

ปี๊นนนนนนนนนนน

" ขับรถภาษาอะไรของมันวะ " ไอ้ปั้นสบถออกมาอย่างหัวเสีย ส่วนผมก็ได้หอบหายใจแรงๆ ออกมา

หัวใจเกือบจะวายตายแน่ะเมื่อกี้

มันมีรถกระบะสีดำออกมาจากซอยครับ แล้วมันตัดหน้าพวกผมไปเลย คือผมมาทางตรงกันไง ถ้าไอ้ปั้นมันเบรกไม่ทันนี่มีชนแล้วอ่ะจริงๆ แล้วไอ้กระบะคันนั้นก็ขับออกไปเลยนะครับ ดีนะที่รถด้านหลังพวกผมไม่มีน่ะ ไม่งั้นนะแย่แน่เลย ผมไม่ชอบแบบนี้เลย คนที่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาอ่ะ

ไม่กลัวตายบ้างรึไงนะ

" มึงโอเคไหมหนม "

" กูโอเค เสียงดายที่เห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด "

" นั่นสิ เห็นแก่ตัวชิบ เมื่อกี้นี่ความเป็นความตายของชีวิตเลยนะ "

" ใช่ไง เฮ้อ รีบไปเถอะ เพื่อนๆ รอเราอยู่ "

" โอเค " ไอ้ปั้นมันออกรถอีกครั้ง " หงุดหงิดเลยว่ะ "

" กูก็หงุดหงิด ไม่รู้แม่งจะรีบไปไหน "

" เสียบปลั๊กเตารีดทิ้งไว้มั้งกูว่า " ไอ้ปั้นมันเอ่ยอย่างติดตลก ผมก็หลุดขำออกมาเพราะคำพูดมัน

เก่งจริงๆ เลยนะเรื่องเปลี่ยนบรรยากาศเนี่ย

ถ้าคนที่มาด้วยคือไอ้เผือกหรือไอ้เป้นะ มันคงขับตามไปเอาเรื่องแล้วอ่ะ ดีไม่ดีมีกระทืบด้วยเอ้า ดีว่าผมมากับไอ้ปั้น มันเป็นคนใจเย็นครับ คือเรื่องไหนปล่อยไปได้ก็ปล่อย ไอ้กระบะคันดำเมื่อกี้มันไปละไง จะเอาเรื่องก็ไม่ทันแล้วอ่ะ ที่มันบอกว่ามันหงุดหงิดนี่ก็หงุดหงิดจริงแหละแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็พูดเปลี่ยนเรื่องไป นิสัยของไอ้ปั้นนี่เป็นประโยชน์มากเลยนะครับเวลาคุยงานของคณะน่ะ

นี่แหละผู้เชื่อมความสัมพันธ์ที่แท้ทรู

" เออหนม เราสั่งดอกกุหลาบไปเท่าไหร่นะ "

" สองพันดอก ส่วนเงินไอ้หมีมันจ่ายไว้เรียบร้อย มันบอกว่าเจ้าของร้านคือคนที่มันรู้จัก "

" ไอ้หมีนี่ก็รู้จักคนเยอะไปหมดเลยเนอะ ทุกสาขาทุกอาชีพ ทุกชั้นปี เด็ก ผู้ใหญ่ ดีไม่ดีหมาในมอมันอาจจะรู้จักก็ได้ "

" ฮ่าๆๆๆๆ ก็จริงของมึงอ่ะ แต่ก็ดีนะกูว่า เวลาทำอะไรก็จะได้สะดวกหน่อย "

" แต่กูว่าไอ้หมีมันเก่งนะ หลายคนที่มันรู้จักมีไม่น้อยที่ไม่ชอบขี้หน้ากันใช่ไหมล่ะ แต่ตัวมันดูไม่มีปัญหาในส่วนนี้เลย กูว่าคนในกลุ่มเราที่มีวาทะศิลป์ดีเลิศก็มันนี่แหละ "

" นั่นสินะ เออปั้น ไอ้หมีมมันเคยเล่าเรื่องฝันร้ายให้มึงฟังไหม "

" ไม่ เคยบอกว่าฝันร้ายตอนที่จะมาค้างที่หอกู กูถามแต่ว่ามันก็ไม่เล่า บอกแค่ว่าสักวันนึงเดี๋ยวจะบอกเอง กูก็ไม่เซ้าซี้ถาม " เจ้าตัวเหลือบมองผม " อะไรที่ทำให้มันสบายใจ กูก็ตามใจมัน "

" อยากรู้อ่ะมึงว่าฝันร้ายของมันคืออะไร "

" ทุกคนอยากรู้หมดแหละ แต่ว่าเราก็ต้องรอให้มันเป็นคนเล่าออกมาเองล่ะนะ "

ผมพยักหน้ารับคำที่ท่านประธานพูดเบาๆ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ อีกนานแค่ไหนกันวะที่มันจะเล่าออกมาให้ฟังน่ะ ช่วงนี้ไอ้หมีมันยุ่งงานดาวเดือนก็เลยไม่มีเวลามานั่งคิดโน่นคิดนี่มั้งครับ สีหน้านี่เหนื่อยเพราะงานอย่างเดียวเลย แต่ว่ามันอาจจะเก็บไว้ไม่ให้ใครเห็นก็ได้นะ เพราะปกติก็เป็นแบบนั้น พวกบรรดาเพื่อนๆ ที่อยากรู้เรื่องมันก็ต้องอดใจรอไปก่อน ไม่แน่ว่ามันอาจจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตอน 10 ปีข้างหน้าก็ได้นะ

แต่ไม่เป็นไรครับเราจะรอวันที่เพื่อนหมีพร้อม

" เห้ยปั้น นั่นมันกระบะคันนั้นหนิ " ผมชี้ให้มันดูรถกระบะสีดำคันที่ตัดหน้ารถของพวกเรา " กำลังจะติดไฟแดงว่ะ "   

" แซงแล้วลงไปบวกเลยไหมล่ะ "

" หืม...มึงจะเอาหรอ "

" กูพูดเล่นน่ะ เราไม่ได้ว่างขนาดนั้น "

" เออก็จริง " ผมมองรถกระบะที่เร่งความเร็วเพื่อฝ่าไฟแดงโดยไม่ดูรถที่กำลังจะขับข้ามแยก " เห้ยปั้นมันฝ่าไฟแดงว่ะ "

" เห้ยนั่นรถ "

โครมมม

" ชิบหายละ " ผมมองรถยนต์คันนึงที่หักหลบกระบะคันเมื่อกี้จนเสียไปพุ่งเข้าไปชนกับเสาไฟฟ้า " ไอ้ปั้นมึงจอด "

" เออๆ ควันออกเต็มฝากระโปรงรถเลยว่ะ " ไอ้ปั้นมันรีบขับมาจอดด้านหลังรถคันดังกล่าว เขาจะเป็นอะไรไหมวะนั่นน่ะ เมื่อกี้ผมเห็นป้ายทะเบียนชัดเลยนะครับ เดี๋ยวต้องแจ้งความละ ขับรถเห็นแก่ตัวขนาดนี้

" ไอ้ปั้นมึงรีบโทรเรียกรถพยาบาลเลย กูจะไปดูอาการเค้า " ผมหยิบขวดน้ำที่เบาะหลังก่อนจะรีบลงไปช่วย

ตอนนี้ควันเต็มไปหมดเลยครับ เข้าไปในห้องผู้โดยสารด้วย ผมวิ่งมาจนถึงกระจกข้างคนขับ เห็นผู้ชายคนนึงอยู่ในรถ น่าจะรุ่นเดียวกับป๊าครับ หัวเขาแตกแต่ว่ายังดูมีสติดีแต่เหมือนขาจะติดรึเปล่าวะ ผมรีบเปิดประตู ควันที่อยู่ในรถตอนแรกพวยพุ่งออกมา พอเห็นแบบนั้นผมก็เทน้ำใส่ผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเอาไปปิดจมูกเขาไว้

" พยายามอย่าสูดควันเข้าไปนะครับ ผมจะรีบช่วยคุณลุงออกมา "

" ขาของฉัน....มันติด "

" ผมจะช่วยเองนะครับ " ผมบอกก่อนจะหันไปหาไอ้ปั้น " ไอ้ปั้นมึงหยิบชะแลงมาช่วยงัดหน่อยขาเขาติดออกไม่ได้ แค่กกก...ก...เร็วๆ " ผมเทน้ำใส่เสื้อแจ็คเก็ตตัวเองก่อนจะเอาขึ้นมาปิดจมูก

ไอ้ปั้นวิ่งมาพร้อมกับชะแลง " หนมมึงหลบ " ไอ้ปั้นมันสอดชะแลงเพื่อจะงัดเหล็กขึ้น

" มาๆ เต็มแรงเลยนะมึง " ผมเข้าไปช่วยไอ้ปั้นงัดสุดแรง

" อื้ออ.อ.อ..อ.อ......"

" โอ้ยสัสอย่างแข็ง.....คุณลุงอดทนก่อนนะครับ " ผมบอกก่อนจะออกแรงงัดขึ้นไปอีก

" มีอะไรให้ช่วยไหมครับน้อง " เสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ก็พบผู้ชายสี่คน ด้านหลังรถของผมก็มีรถคันนึงจอดอยู่ คงเป็นรถของพวกเขา

" มีครับ ช่วยงัดหน่อยครับ ขาเขาติดออกมาไม่ได้ "

" โอเค จิมมึงไปอีกฝั่งนึง ไอ้ยัพมึงทำยังไงก็ได้ให้ควันมันจางหน่อย " พี่หัวส้มสั่งเพื่อนๆ ก่อนจะมาจับชะแลงอยู่ข้างๆ ผม " เอาล่ะนะ 3.....2.....1 "

" อื้อออ.อ.อ.อ..... "

พวกผมกับพวกพี่ๆ ออกแรงงัดกันสุดพลัง คุณลุงเองก็คงอดทนอยู่เหมือนกัน พี่หัวทองก็วิ่งถือแผ่นกระดาษแข็งมาพัดไล่ควันให้ เมื่อไหร่รถพยาบาลจะมาวะ เลือดคุณลุงนี่ไหลไม่หยุดเลยครับ ผมเป็นห่วงเขามากเลยอ่ะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นอะไรกับผมก็เถอะ เขาไม่น่าต้องตกมาเป็นผู้เคราะห์ร้ายของคนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้

น่าหงุดหงิดใจจริงๆ

" ขยับแล้วๆ ออกแรงอีก ลุงอดทนก่อนนะครับ อ่ะพวกเราพร้อมกัน 3...2...1 " พี่หัวส้มส่งสัญญาณ ผมก็ออกแรงงัดเต็มที่

กึก

" ได้แล้วๆ เนย์มึงรีบพาลุงเขาออกมาเร็วๆ "

พี่ผมยาวรีบประคองคุณลุงออกมาจากรถอย่างระมัดระวัง " อดทนหน่อยนะครับลุง เดินได้อยู่ใช่ไหมครับ "

" อื้อออ..อ....เดินได้แต่เจ็บขาน่ะ "

พอได้ยินแบบนั้นผมจึงเข้าไปช่วยประคองอีกคน " งั้นช้าๆ นะครับ ไปครับ "

ผมกับพี่ผมยาวค่อยๆ ประคองคุณลุงเดินออกมาจากรถ พี่คนที่คอยพัดให้ก็ไปหยิบเก้าอี้เล็กในรถมาตั้งให้คุณลุงนั่งก่อนจะยืนพัดให้อยู่แบบนั้น เฮ้อ ค่อยโล่งหน่อยที่เขาไม่เป็นอะไรมาก พี่หัวส้มเข้าไปหยิบพวกกระเป๋าเอกสารกับโทรศัพท์ออกมาให้คุณลุงด้วย ตอนนี้รถมีควันโขมงเต็มไปหมดเลยครับ น้ำมันซึมออกมาจากด้านล่างด้วย ไม่รู้ว่าไฟจะไหม้รึเปล่า กว่าผมจะช่วยคุณลุงกันออกมาได้นี่ก็กินเวลาเกือบสิบนาทีเลยนะ

สิบนาทีแล้วแต่รถพยาบาลยังไม่มาเลยอ่ะ

" แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นหรอ ทำไมรถถึงชนเสาไฟฟ้า " พี่ผมยาวถาม

" มันมีกระบะมีดำฝ่าไฟแดงน่ะพี่ แล้วลุงเขาหักหลบรถก็เลยไปชนเสาไฟ "

พี่ถือพัดพยักหน้ารับ " แล้วจำทะเบียนรถได้ไหม "

" จำได้ครับ ทะเบียน กกXXXX "

" ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะ คนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ " พี่หัวส้มบ่นอย่างหัวเสีย

วี่หว่ออออออออออ

ผมหันไปตามเสียง รถพยาบาลแล่นเข้ามาจอด " มาแล้วครับ "

" พวกพี่คงตามไปช่วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะเพราะว่ามีงานที่มอ เราสองคนชื่ออะไรล่ะ พี่จะได้จำไว้ " พี่ผมยาวถาม

" ผมชื่อปั้น ส่วนเพื่อนชื่อขนมครับ "

" พี่ชื่ออาคเนย์นะ ไอ้หัวส้มนั่นชื่อบูรพา ไอ้ที่พัดอยู่ชื่อพายัพ ส่วนไอ้ฟูนั่นชื่อประจิม "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะยกมือไหว้ " ขอบคุณพวกพี่นะครับที่เข้ามาช่วย "

" ไม่เป็นไรครับ เรื่องแบบนี้มันต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว " พี่พายัพบอกก่อนจะยิ้มหวาน

" ใช่ พี่ดีใจนะที่ได้เจอคนดีๆ แบบเราสองคนน่ะ ถ้ามีโอกาสหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ " พี่บูรพาบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณลุง " หายไวไวนะครับลุง รักษาตัวด้วย พวกผมขอตัวก่อน "

" ขอบใจพวกเธอนะ "

" ไม่เป็นไรครับ " พี่ๆ พากันยกมือไหว้คุณลุงก่อนจะเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป

โชคดีจริงๆ ที่เขาผ่านมากันน่ะ

ลำพังผมสองคนก็คงงัดไม่ไหวอ่ะครับ ดีนะที่มีคนมาช่วยเพิ่ม ไม่งั้นคุณลุงต้องแย่แน่ พวกหน่วยพยาบาลก็มาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคุณลุง เขาจะมีลูกหลานไหมนะ จะได้ติดต่อให้มาดูแล ขาของเขาน่าเป็นห่วงอยู่นะครับ ยังไงก็ต้องไปให้หมอตรวจ ตอนนี้ไอ้ปั้นมันคุยกับตำรวจอยู่ มันคงโทรหาตำรวจด้วยล่ะมั้ง แต่ก็ดีละ จะได้จับคนผิดมาลงโทษ

คนแบบนี้ต้องติดคุกซะให้เข็ด

" คุณลุงให้ผมโทรหาญาติให้ไหมครับ "

" เดี๋ยวฉันจะโทรหาภรรยาน่ะ แต่ตอนนี้เธอติดประชุมสำคัญอยู่ คงต้องรออีกสักพัก "

" งั้นผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงจนกว่าเธอจะมานะครับ " ผมบอกก่อนจะหันไปหาไอ้ปั้น " ปั้น...กูจะไปโรงพยาบาลกับลุงเขา ส่วนมึงไปเอาดอกกุหลาบแล้วรีบกลับมอ "

" เอางั้นหรอ แล้วมึงจะกลับยังไง "

" เดี๋ยวกูโทรให้มึงมารับละกัน แล้วก็ไม่ต้องบอกใครเรื่องนี้นะ กูไม่อยากให้วุ่นวาย "

" เอางั้นก็ได้ "

" โอเคตามนี้ " ผมเดินขึ้นรถพยาบาลก่อนจะนั่งข้างเปลที่คุณลุงนอน " พวกเอกสารผมจะเก็บไว้ให้นะครับ "

" ขอบใจเธอจริงๆ นะ "

ผมยิ้มรับบางๆ ดีใจนะครับที่ได้ช่วยคุณลุงเขาน่ะ แม่ผมสอนไว้ครับว่าอย่าลังเลใจที่จะช่วยเหลือใคร ถ้าเรามีโอกาสก็ทำไปเลย การช่วยเหลือของเราอาจจะช่วยชีวิตเขาไว้เลยก็ได้ มันก็น่าเสียดายอยู่ที่อาจจะไม่ได้ไปเชียร์เพื่อนเป้ แต่ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวส่งไอ้ปั้นไปแทน ส่วนผมก็จะส่งแรงใจไป

สู้เขานะเป้เพื่อนรัก





โรงพยาบาล M

ตอนนี้ผมนั่งเฝ้าคุณลุงอยู่ เขาหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา อาการของคุณลุงไม่เป็นไรแล้วครับ ก็หัวแตกแล้วก็อาจจะปวดตามข้อขา ผลตรวจนี่ไม่เจอว่ากระดูกหักหรือร้าวนะครับ ถือว่าโชคดีไป ตอนนี้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆ แล้ว ผมว่าดาวเดือนคงใกล้ประกาศผลแล้วล่ะ ตื่นเต้นจังไม่รู้ว่าใครจะได้ตำแหน่ง

อยากรู้ข่าวเร็วๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมหันไปตามเสียงประตู ก็พบผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ผม นี่คงจะเป็นภรรยาของคุณลุง มีผู้ชายเดินตามมาด้วยครับ น่าจะเป็นลูกชายมั้งครับ ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย ผมยกมือไหว้คุณป้า เขาก็รับไหว้พลางยิ้มบางๆ

" เธอคือคนที่ช่วยสามีของฉันสินะ "

" ใช่ครับ "

คุณป้าเดินเข้ามากุมมือคุณลุง " เขาเป็นอะไรมากไหม "

" แต่หัวแตกแล้วก็ฟกช้ำน่ะครับ หมอบอกว่ารอดูอาการสองสามวันก็กลับบ้านได้ "

" ขอบคุณเธอจริงๆ นะที่ช่วยเขาน่ะ และก็ขอโทษด้วยที่ทำให้รอนาน "

" ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง "

" ขอบคุณนะครับที่ช่วยพ่อของผม " ลูกชายเขายกมือไหว้ผม ผมเองก็รับไหว้ไว้

" พี่ยินดีครับ "

" แม่จะให้เขาโทรหาพี่ๆ ไหมครับ "

" ไม่ต้องค่ะ พวกพี่ๆ เขาคงยุ่ง อีกอย่างพ่อของเราคงจะไม่อยากให้พี่ๆ รู้หรอก "

" เอาแบบนั้นก็ได้ครับ....เอ่อ พี่ชื่ออะไรหรอครับ "

" พี่ชื่อ ขนม "

น้องเขาพยักหน้ารับเบาๆ " ขนม....."

ครืดดด...

" สักครู่นะครับ " ผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ " ฮัลโหลว่าไงปั้น....มารับแล้วหรอ "

" ชื่อคุ้นๆ "

" เออได้เดี๋ยวกูไป...โอเค " ผมกดวางสายก่อนจะหันมองทางคุณป้า " ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ เพื่อนมารับแล้ว "

" จ่ะ ขอบคุณเธออีกครั้งนะ "

ผมยิ้มหวานให้ " ไม่เป็นไรครับ ผมลาล่ะครับ สวัสดีครับ " ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง

โล่งใจจัง รู้สึกดีในสิ่งที่ทำมากเลยนะครับ เดี๋ยวต้องเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ผมได้ช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็ต้องรอหลังไฟนอลล่ะนะ ผมเดินมาหน้าตึกก็พบรถของไอ้ปั้น คงประกาศผลเสร็จเรียบร้อยละล่ะถึงได้มารับน่ะ ตื่นเต้นเรื่องดาวเดือนจะแย่ ผมรีบขึ้นรถก่อนจะคาดเบลท์

" ลุงเป็นไง "

" ปลอดภัยดี ขาไม่หัก อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้ "

" ดีจังที่เขาไม่เป็นอะไรมาก " ไอ้ปั้นยิ้มบางๆ ก่อนจะออกรถ

" เออว่าแต่ ผลดาวเดือนอ่ะยังไง "

" ดาวมหาลัยคือเจ้าขา ส่วนตำแหน่งเดือนตกเป็นของไอ้เป้ "

" เย่!!!! กูบอกแล้วว่ามันต้องชนะ " ผมยิ้มแป้นอย่างดีใจ มีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัยแล้วครับ ปริ่มสุดใจอ่ะบอกเลย

" มันมีพีคกว่านั้นอีกหนม มึงต้องเข้าไปดูคลิปในเฟซไอ้หมี "

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าไปในเฟซบุ๊ก " มีคลิปไรวะ "

" มันเป็นคลิปที่ไอ้เป้มันขอ 3 อย่างจากไอ้ภีม " คนพูดเหลือบมองผม " ไอ้ภีมมันบอกไอ้เป้ไว้ว่าถ้ามันชนะ ได้เป็นเดือนมหาลัยมันจะให้ไอ้เป้ขอมันได้ 3 อย่าง มึงดูคลิปเอาละกัน แล้วมึงจะอ้วกอ่ะ โคตรเหม็นความรักกูบอกเลย "

" ขนาดนั้นเลยหรอวะ " ผมกดเข้ามาหน้าเฟซบุ๊กไอ้หมี ก็พบไอ้คลิปที่ว่า

คำขอ 3 ข้อ

คลิปเพิ่งลงไปได้ไม่นานแต่ยอดวิวเป็นพันเลยว่ะ ยอดแชร์อีกเป็นร้อย จำนวนไลค์กับคอมเม้นต์นี่ไม่ต้องพูดถึง เปิดคลิปมามันจะอยู่ตอนที่ไอ้เป้มันกำลังพูดความในใจ เสียงกรี๊ดดังลั่นเลยครับ เข้าใจฟีลว่าไอ้เป้มันพูดผ่านไมค์บนอยู่บนเวทีไหม แล้วไอ้ภีมมันอยู่ตรงลานข้างล่าง อยู่ตรงกลางด้วยประเด็น

แม่งอย่างเด่น

" โหยยยปั้นนนน " ผมตาโตทันทีที่ได้ยินคำขอแรก " หมายความว่าไงไม่ปิดบังอีกต่อไป "

" ก็มันคบกันมาตั้ง 3 ปีไง ตั้งแต่ม.5 "

ผมเบิกตากว้างทันที่ได้ยิน " โหหหหหหห "

" ตอนกูรู้กูโหยาวกว่ามึงอีก แถมตบกะโหลกมันไปคนสองทีด้วย กับเพื่อนกับฝูงเนี่ยะมีความลับไอ้ชิบหาย "

" แต่มันปิดกันมานานมากเลยนะ มันมีช่วงที่เราไปฟาร์มแกะอ่ะกูไปเห็นว่ามันไปคล้องกุญแจคู่รักด้วยกัน กูถึงสงสัยในตัวมันสองคน "

" กูสงสัยมาตั้งแต่เทอมซัมเมอร์ละ คิดว่ามันอาจจะได้กัน แต่ไม่คิดว่าจะคบกันมานานขนาดนั้น "

" เออแม่ง โหยละแบบคำขอ โอ้ยยยยย กูยอมแล้ว " ผมยกมือลูบหน้าไล่ความร้อนเบาๆ เขินแทนไอ้ภีมครับไม่ใช่อะไร ตอนนั้นมันคงมีความสุขมากแน่ๆ

ยิ้มแก้มปริซะขนาดนั้น

" แม่งทำไรไม่เกรงใจคนโสดอย่างกูเลย "

" มึงก็หาสิวะ " ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า " อย่างมึงหาได้อยู่แล้ว "

" ถ้าคู่นอนก็หาง่ายอยู่หรอก แต่คู่ชีวิตมันหายากนะมึง ทำไมเหมือนในกลุ่มจะชอบผู้ชายกันหมดเลยวะ เหลือกูคนเดียวหรอที่ชอบผู้หญิง "

" อืม.ม.ม....ความรักมันไม่เลือกเพศนี่หว่า "

" ก็จริงของมึง ความรักก็คือความรักอ่ะนะ " มันยิ้มออกมาบางๆ " เออหนม พี่ขุนถามหาด้วยนะแต่กูหาข้ออ้างไปให้ละ "

" ขอบใจมากนะมึง ว่าแต่มึงหาข้ออ้างอะไรบอกเขาไปวะ "

" กูบอกว่ามึงหายไปฝึกท่ายากเอาใจพี่เขาอยู่ "

ผมหันขวับมองมันทันที " ไอ้สัสปั้น มึงว่าไงนะ "

" กูล้อเล่นน่ะ คือกูบอกพี่ขุนไปว่ามึงมีธุระที่บ้านนิดหน่อยแต่ว่าเดี๋ยวจะกลับมา "

" ค่อยยังชั่ว " ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

วันนี้ก็วุ่นวายเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ได้ดูพี่ขุนทำหน้าที่พิธีกรของช่วงบ่ายเลย น่าเสียดายอยู่ หวังว่าพวกไอ้เผือกมันจะถ่ายรูปพี่ขุนไว้ให้ผมดูนะ เดี๋ยวจะต้องไปแสดงความยินดีกับเพื่อนเป้ด้วยครับ แล้วก็ต้องด่าเรื่องที่มันเก็บงำความรักมาตลอด 3 ปีด้วย จากนั้นก็กลับหอนอนพักผ่อน วันนี้ผมคงไม่ได้แต่งนิยายต่อเพราะว่าอ่อนล้ามากๆ แขนนี่ปวดหนักเลยครับ เดี๋ยวผมต้องให้พี่ขุนนวดให้ซะหน่อย

มีคนนวดประจำตัวนี่ดีจริงๆ เลยนะ

" อยู่ดีดีอย่ามายิ้มสิวะ "

เอ้าไอ้นี่....แบบนี้ต้องสวนกลับ

" มึงไม่มีแฟนให้คิดถึงมึงเลยไม่เข้าใจกูไงปั้น "

" เอ้า....ปากดี "

ฮ่าๆๆๆๆๆ

ขนมวินครับ









TBC.

ใครเล่นทวิตก็เข้าไปหวีดกันได้นะคะ #LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม ขอบอกว่าสปอยบ่อยและแหละหลาญมาก
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2017 08:44:56 โดย chaleeisis »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

พ่อแม่พี่ขุนแน่เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2017 11:30:38 โดย Billie »

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 26 วันครบรอบ 1 เดือน



“ ตกลงมึงจำได้รึยังไอ้หมี ”

" ก็ไอ้ที่กูพูดไปเมื่อกี้ไง กูพูดอะไร "

“ จำไรวะ ”

“ ก็การผลิตข่าวเชิงทีวีไง ”

“ นี่ติวกฎหมายอยู่นะ มึงเอาผลิตข่าวมาจากไหน ”

“ อ่าวหรอ ”

“ ไอ้ฟายเอ้ยยยยยยย ” หลังคำด่าไอ้หมีก็กระเด็นไปตามแรงค้อนลมที่ไอ้เป้หวดใส่

วุ่นวายดีจริงๆ

ผมนั่งมองสงครามย่อมๆ อย่างเหนื่อยใจ ตอนนี้เรามานั่งติวหนังสือกันที่หอของไอ้หมีครับ มาตั้งแต่เช้าละ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้อะไรใส่หัวสักเท่าไหร่เลย เพราะมันมัวแต่เล่นกัน คนที่ตั้งใจนั่งอ่านหนังสือกับชีทแบบจริงๆ จังๆ ก็มีไอ้ปั้น ไอ้เผือกแล้วก็ไอ้ไผ่นี่แหละครับ ส่วนไอ้ภีมนี่หลับอยู่ ไม่รู้ว่าอดหลับอดนอนมาจากไหน มันหลับตั้งแต่เช้าอ่ะ ตอนนี้จะบ่ายละมันยังไม่ตื่นเลย

สงสัยเมื่อคืนไอ้เป้คงจะใช้งานหนักน่าดู

ดูอ่อนเพลียแปลกๆ

จากวันที่มีงานประกวดดาวเดือนนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วครับ แล้วก็อีกสองวันข้างหน้าจะเป็นวันสอบไฟนอลวันแรกของพวกผม คณะผมเนี่ยะสอบ 5 ตัวครับ สอบติดกันทุกวันไม่เว้นวันหยุดเลย ผมว่าจะติวหนังสือหนักๆ วันนี้ ส่วนพรุ่งนี้ก็พักสมอง ปกติผมตั้งใจเรียนในห้องอยู่แล้วไง ความรู้มันก็อยู่ในหัว ที่อ่านพวกหนังสือกับชีทนี่ก็แค่ทบทวนให้มันแม่นเข้าไปอีก แล้วก็เป็นการช่วยติวเพื่อนๆ ไปในตัวด้วย

ไงล่ะ คนดีที่แท้ทรู

เดี๋ยวพอผมสอบเสร็จผมก็จะพาพี่ขุนไปบ้านครับ ไปทำความรู้จักกับป๊ากับแม่ เดี๋ยวต้องดูวันที่ไอ้ขันมันจะไม่อยู่ เพราะถ้าไอ้ขันอยู่แล้วผมพาพี่ขุนไปนี่อาจจะมีเรื่องกันได้ พี่ขุนนี่สอบเสร็จหลังผมวันนึง วันที่พี่มันมีสอบวันสุดท้ายน่ะมันเป็นวันครบรอบที่เราคบกัน 1 เดือนพอดีเลยครับ ผมก็เลยกะว่าจะมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าตัวสักหน่อย ผมแอบไปสั่งทำรูปที่ถ่ายพี่มันทั้งหมดไว้รอละเดี๋ยวรวมเป็นอัลบั้มแล้วให้ทีเดียว

พี่มันต้องชอบมากแน่ๆ

“ อื้อออ.อ....เสียงดังอะไรกัน ” เสียงสะลึมสะลือของภีมเพื่อนรักดังขึ้น เจ้าตัวก็ลืมตาขึ้นมามองปรือๆ

ไอ้เป้เห็นแบบนั้นมันก็เดินไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะดึงแก้มคนที่นอนอยู่อย่างหมั่นเขี้ยว “ เมื่อไหร่มึงจะตื่นห้ะ ”

“ อื้อออ.อ....ตื่นแล้วนี่ไง ”

“ สภาพอย่างนี้น่ะนะ ” ไอ้เป้มันจับไหล่ไอ้ภีมก่อนจะเขย่าแรงๆ “ ตื่นเดี๋ยวนี้ ”

เอ่อเดี๋ยว....นี่มึงเป็นแฟนกันจริงป้ะเนี่ย

ไอ้ภีมนี่หัวสั่นเลย

“ มึงอย่าไปทำมันสิเป้ เดี๋ยวมันตาย ”

“ มันไม่ตายหรอก ตื่นสิโว้ยภีม ” มันแหกปากลั่นก่อนจะล้มทับไอ้ภีมที่นอนอยู่

“ อื้ออ.อ.อ...ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ นะไอ้บ้า ”

“ เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำหรอห้ะ ” ไอ้เป้มันหยิบหมอนมากดหน้าไอ้ภีม “ ตายซะ ”

ไอ้หมีมันมันเดินไปถีบไอ้เป้จนตกเตียงไป “ นี่แน่ะไอ้สัส เล่นกันเตียงกูพังหมดแล้ว มึงด้วยไอ้ภีม ลุกมาอ่านหนังสือสักที ” มันทำหน้ามุ่ยก่อนจะดึงให้ไอ้ภีมลุกขึ้นมา

ไอ้เป้มันโผล่หน้าขึ้นมามอง “ มึงได้ลองดีกับกูแน่ไอ้หมี ”

“ ไม่กลัวหรอกโว้ย ” ว่าแล้วมันก็แลบลิ้นใส่

อะไรของพวกมึงวะ

ผมนั่งเท้าคางมองพวกมันอย่างเพลียใจ ไอ้เป้นี่ก็โหดกับแฟนตัวเหลือเกิน ผมจัดการโขกหัวมันไปคนละสองทีเรียบร้อย โทษฐานเก็บเงียบเรื่องเป็นแฟนกันมาตั้งนาน หลายวันมานี้เรื่องของไอ้สองคนนี้เป็นที่พูดถึงมากเลยนะครับ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมอง มีเอฟซีมาขอถ่ายรูปด้วยเอ้า ในโซเชี่ยลก็แชร์กันอย่างแพร่หลายเลยนะครับไอ้คลิปขอ 3 ข้อของไอ้เป้อ่ะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะถ้ายอดแชร์จะเยอะ

ก็ดีต่อใจซะขนาดนั้น

ผมถามมันสองคนด้วยนะว่าจะปิดบังเรื่องนี้ทำไม ไอ้ภีมบอกว่ามันไม่อยากให้ไอ้เป้มีปัญหากับที่บ้านเรื่องนี้ก็เลยคบกันเงียบๆ เหมือนว่าที่บ้านของไอ้เป้ไม่ยอมรับเรื่องนี้มั้งครับ แต่ตอนนี้ผมก็ไม่รู้จะยังไงนะ ไอ้เป้มันเป็นคนขอไอ้ภีมเองด้วยว่าให้เลิกปิดบังเรื่องที่คบกัน แปลว่ามันต้องไปจัดการเรื่องของครอบครัวมาแล้วแน่ๆ ถือว่าเรื่องดีนะ มันสองคนจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก

ถึงจะหมั่นไส้อยู่แต่ก็ต้องยินดีแหละนะ

พอเอาเรื่องไอ้เป้กับไอ้ภีมมาคิดทีไรก็นึกถึงเรื่องของตัวเองเหมือนกัน คือทางบ้านผมน่ะไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ทางบ้านพี่ขุนนี่สิ พี่มันไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟังเลยนะ เท่าที่ผมรู้ก็แค่มันมีพี่ชายกับน้องชาย บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พี่ขุนรักแม่มาก ทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นย้อมผมเทาหรือใส่ชุดนอนลายสัตว์ ส่วนพ่อพี่ขุนนั้น....

พี่มันไม่เคยพูดถึงเขาเลย

แปลกเหมือนกันนะเนี่ย

“ ไอ้หมี ”

“ ว่าไงหนม ”

“ มาคุยกับกูหน่อยกูมีเรื่องอยากรู้ ” ผมบอกก่อนจะลากมันเพื่อให้ออกมาที่ระเบียง “ มึงหนักขึ้นป้ะเนี่ยะ ทำไมลากแล้วไม่ค่อนขยับเลยวะ ”

“ กูอ่ะตัวเท่าเดิม แต่มึงมันขี้ก้างไง ” มันบ่นก่อนจะเป็นลากผมออกมาแทน

ผมตีไหล่มันแรงๆ “ กูไม่ได้ขี้ก้าง ”

“ มึงมันขี้ก้าง ว่าแต่มีอะไรถึงต้องเรียกกูมาข้างนอก ”

“ มึงรู้เรื่องทางบ้านของพี่ขุนไหม ”

“ ก็....รู้ ”

“ รู้อะไรบ้างวะ ”

“ รู้หลายอย่าง ” ไอ้หมีมันหยิบลูกอมมาแกะใส่ปากก่อนจะเหลือบมองผม “ มึงเถอะ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านพี่ขุนบ้าง ”

“ กูอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเอ่อ....พ่อพี่ขุนน่ะ พี่ขุนไม่ค่อยพูดถึงพ่อเท่าไหร่กูก็เลยสงสัย ”

“ พ่อพี่ขุนเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังเลยนะ เป็นเจ้าของคอนโดหลายแห่ง แถมยังรวยมากด้วย บ้านนี้เค้ามีลูกชาย 3 คนเลยนะ มึงรู้ใช่ไหม ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ รู้ พี่ขุนเพิ่งบอก ”

“ แล้วมึงรู้ไหม ว่าครอบครัวพี่ขุนไม่ยอมรับเรื่องที่ลูกชายจะคบกับผู้ชาย ”

ไม่ยอมรับงั้นหรอ

ผมนิ่งไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ไอ้หมีพูดออกมา ครอบครัวพี่ขุนจะไม่ยอมรับเรื่องที่ผมคบกับมันหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นเราต้องเลิกกันอย่างนี้น่ะนะ แค่คิดว่าจะต้องเลิกกันเพราะเรื่องที่บ้านใจผมก็หน่วงไปหมดละ เพราะเป็นแบบนี้นี่เองพี่ขุนถึงไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟัง นี่ถ้าผมไม่ถามไอ้หมีผมก็ไม่รู้เลยนะ ผมคิดว่าพี่ขุนคงจะบอกผมในสักวันน่ะแหละ แค่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง แต่พอรู้ก่อนแบบนี้ก็ปวดใจใช่ย่อยเลยว่ะ

จะทำยังไงดีวะ

“ ทำไม....มึงถึงรู้เรื่องนี้ได้วะไอ้หมี ”

“ ก็กูสนิทกับพี่ชายของพี่ขุนน่ะ มึงรู้จักพี่พลไหมล่ะ เคยเจอบ้างรึเปล่า ”

“ กูเคยเจอครั้งนึง ”

ไอ้หมีมันนั่งลงที่เก้าอี้ริมระเบียงก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ “ พี่พลน่ะเป็นเกย์ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่พ่อเค้ารับไม่ได้ พี่พลก็เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว พี่พลบอกกูว่าพ่อเขาคงจะยอมรับเรื่องนี้ได้ในวันนึง แค่มันต้องใช้เวลาน่ะ ”

“ อย่างนี้นี่เอง ก็แปลว่าอย่างกูกับพี่ขุนก็แค่ต้องรอเวลางี้น่ะสิ ”

“ ก็ใช่ เอาเป็นว่ากว่าจะถึงตอนนั้นมึงก็แค่รักษาความรักของตัวเองไว้ให้ดีละกัน ” ไอ้หมีมันยกมือขึ้นแตะไหล่ผมเบาๆ “ พี่ขันเค้าเอาจริงนะเรื่องที่จะทำให้มึงเลิกกับพี่ขุนน่ะ ”

“ มึงพูดเหมือนมึงรู้อะไรมา ”

“ รู้ได้ด้วยสัญชาติญาณน่ะ พี่ขันรักมึงมากนะ อะไรที่ทำเพื่อเป็นการปกป้องไม่ให้มึงเจ็บตัวหรือเสียใจน่ะเค้าทำทุกอย่างแหละ ”

“ เรื่องนั้นกูก็พอเข้าใจอยู่หรอก....แต่เรื่องนี้มันก็นะ ”

“ มึงสงสัยป้ะหนม ว่าแก้มใสหายไปไหน ”

ผมพยักหน้ารับ “ ก็ตั้งแต่วันที่มีเรื่องแก้มใสก็หายไปเลยอ่ะ ไม่มีใครรู้ด้วยว่าไปไหน ”

“ กูรู้ว่ามันหายไปไหน ”

“ ไหนมึงเล่ามา ”

“ คืองี้ ทางบ้านของแก้มใสน่ะทำกิจการโรงแรมที่สระบุรี แล้วทีนี้กูก็แค่ไล่เช็คข่าวขำๆ อ่ะ ก็พบว่าโรงแรมนั้นถูกซื้อไป ไม่รู้ว่าทางนั้นเค้าเต็มใจขายให้หรือว่าโดนบังคับนะ ”

“ ซื้อกิจการแล้วยังไงวะ ”

“ ก็คนที่ซื้อกิจการก็คือบ้านมึงไง ”

พ่อเป็นคนซื้อหรอวะ

สิ่งที่ไอ้หมีพูดออกมาทำให้ผมอึ้งอีกรอบ ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ เพราะว่าผมไม่ได้กลับบ้านเลยไงช่วงที่ผ่านมา ไม่มีใครโทรมาเล่าอะไรให้ผมฟังด้วย เรื่องนี้ถือว่าแปลกนะครับ มันบังเอิญเกินไปที่ป๊าผมจะซื้อกิจการโรงแรมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยน่ะ เพราะโรงแรมในเครือก็มีเยอะอยู่แล้ว อีกอย่างที่แปลกคือป๊าซื้อโรงแรมในโซนที่ไม่ใช่ภาคเหนือกับภาคใต้ ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่าที่คิดแน่ๆ เลยว่ะ

“ แล้วมึงรู้อะไรมากกว่านี้ไหมไอ้หมี ”

“ ก็รู้ว่า ครอบครัวของแก้มใสออกจากประเทศไทยไปแล้วน่ะ รู้สึกว่าจะไปอยู่กับญาติที่จีน บ้านหรือทรัพย์สินก็ขายทอดตลาด กูเองก็งงใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ แต่ถ้าจะคิดได้อยู่ก็เรื่องเนี่ยะมันคงมาจากที่แก้มใสมาตบมึงนั่นแหละ และคนที่คิดเรื่องพวกนี้ก็คงจะเป็น....”

“ ไอ้ขัน ”

“ ใช่ ” ไอ้หมีหยิบลูกอมเม็ดใหม่มาแกะก่อนจะใส่ปาก “ กูคิดว่าถ้าแก้มใสเป็นผู้ชายพี่ขันคงกระทืบจนตายไปแล้วอ่ะ แต่ติดว่านางเป็นผู้หญิงไง ก็เลยจัดการทางด้านธุรกิจแทน พี่มึงนี่โคตรหัวหมอเลยนะที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ กูว่ามันอาจจะมีการดิสเครดิตก็ได้นะ พ่อของแก้มใสถึงต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ที่อื่น....มึงคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะหนม ”

“ มันก็ดีที่แก้มใสจะไม่มาวอแวกับกูหรือพี่ขุนอีก แต่กูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ ”

“ เพราะงี้ไง มันถึงเตือนใจเราได้ว่าให้คิดก่อนทำ เพราะว่าผลที่ตามมามันอาจจะเปลี่ยนชีวิตเราได้ ”

“ ว่าแต่ทำไมมึงถึงรู้โน่นนี่เยอะจังเลยวะ ”

“ เพราะกูคือหมีไง คนรู้จักกูเยอะอ่ะ สงสัยก็แค่ไปลองถาม ” มันบอกก่อนจะหยิบลูกอมขึ้นมาแกะ

ผมแย่งลูกอมในมือมันมาใส่ปากตัวเองแทน “ ทำไมมึงถึงกินลูกอมเยอะจังวะ ”

“ พยายามจะเลิกบุหรี่อยู่น่ะ ก็เลยกินลูกอมแทน ”

“ อย่างนี้นี่เอง แล้วทำไมอยู่ดีดีก็อยากเลิกวะ ”

“ ก็คิดแค่ว่าจะเอาเงินที่ซื้อบุหรี่ไปซื้อเหล้ากินแทนน่ะ ”

“ มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกันไหมวะ ” ผมบอกก่อนจะทำหน้าเอือมใส่ไอ้หมี

นอนน้อยจนประสาทแดกสินะมึงน่ะ

หลังจากผ่านวันประกวดมาไอ้หมีก็ดูไร้วิญญาณยังไงไม่รู้ครับ มีบางครั้งนั่งเหม่ออยู่คนเดียวด้วยเหมือนไม่มีสติอ่ะ พวกผมก็เลยเข้าใจกันว่ามันนอนน้อยก็เลยอาจจะสมองเบลอ หรือไม่ก็ไปเจออะไรบั่นทอนชีวิตมาสักอย่างแต่ว่าก็เก็บเงียบพยายามไม่ให้ชาวบ้านรู้ อีกอย่างคือนึกครึ้มอะไรไม่รู้ที่อยู่ๆ ก็จะเลิกบุหรี่ มันก็เป็นเรื่องดีแหละนะแต่ว่ามันก็เป็นเรื่องแปลกด้วย พออยากรู้เรื่องความทุกข์ของมันแล้วมันไม่ยอมเล่าให้ฟังนี่มันน่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ

อยากจะบีบคอบังคับให้มันพูดออกมา

แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ไง

“ เห้ยพวกมึง ” ไอ้ปั้นมันโผล่หน้าออกมา “ เดี๋ยวจะติววิชาผลิตสื่อละนะ ”

“ กูยังติวกฎหมายไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ ”

“ ก็มึงมัวแต่นั่งเอ๋อไงไอ้บ้า ” ไอ้ปั้นมันเดินมาโขกหัวไอ้หมี “ เดี๋ยวกูค่อยทวนให้มึงอีกที มานี่ ” ว่าแล้วไอ้ปั้นมันก็ล็อคคอไอ้หมีก่อนจะลากเข้าไปในห้อง

โคตรใช้ความรุนแรงเลยว่ะ

ผมเดินตามพวกมันกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะมานั่งติวร่วมวงกับเหล่าเพื่อนๆ เหมือนเดิม วันนี้พี่ขุนเลิกเรียนห้าโมงครับ มันบอกว่าถ้าเลิกแล้วเดี๋ยวจะมารับ มีการบอกให้ผมตั้งใจติวหนังสือด้วยนะ แถมยังฟัดแก้มผมอย่างเมามันส์ด้วยนะเมื่อเช้าน่ะ กว่าจะไล่ให้ไปเรียนได้นี่แก้มช้ำอ่ะ ตอนแรกผมจะไม่ยอมให้หอมด้วย แต่มันก็ใช้ลูกอ้อนต้อนเอาจนได้อ่ะ

มีแฟนขี้อ้อนนี่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสุดๆ

เกิดเป็นขนมนี่ต้องขนาดนี้เลยหรอวะ

ปวดใจ





" หนมครับ "

" หืม "

" หืมแล้วหันมามองพี่ด้วยสิครับ "

ผมหันมามองคนที่กำลังขับรถอยู่ " มีอะไรไหนว่ามาซิ "

" อยากเห็นหน้าเฉยๆ น่ะ " มันเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มหวาน ไอ้บ้านี่ ขับรถอยู่แท้ๆ ยังจะมาเล่นอะไรแบบนี้อีก

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ " ที่พี่ควรมองคือถนนต่างหาก หน้าหนมค่อยกลับไปมองที่หอก็ได้ "

“ มากกว่ามองได้ไหม ”

“ ไม่ได้ ”

“ ว้า แย่จัง ” มันทำเสียงอ่อนพลางทำแก้มป่องไปด้วย

น่าทุบจริงๆ เลย

พี่ขุนเลี้ยวรถเข้ามาจอดในหอผม ผมก็รีบลงจากรถก่อนจะเดินหนีมันขึ้นห้องก่อน มันก็เดินทำหน้ามุ่ยตามผมเข้ามา เจ้าตัวถอดเสื้อช้อปออกก่อนจะไปแขวนไว้ ส่วนผมก็กระโจนไปนอนแผ่ลงบนเตียง แค่ติวหนังสือเองนะ ทำไมมันล้าๆ แบบนี้วะ หรือว่าผมใช้แรงห้ามไอ้เป้กับไอ้หมีไม่ให้ตีกันมากเกินไปวะ เออน่าจะใช่เรื่องนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงชอบกัดกันนัก ต้องให้ไอ้ปั้นห้ามอ่ะถึงจะยอมหยุดกัน

เหลือเกินจริงๆ ไอ้พวกบ้านี่

ผมนอนมองพี่ขุนที่ทำโน่นเก็บนี่ไปเรื่อย วิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงอยู่ครับ มันเป็นแบบนี้ประจำนะไอ้เรื่องที่ต้องกลับมาแล้วเก็บของก่อนน่ะ เจ้าตัวไม่เคยดุผมด้วยนะที่ทำให้ห้องรก ตามเก็บตามทำให้ไม่มีบ่นสักคำ พอเป็นแบบนี้ผมก็ชักจะเคยตัวแล้วล่ะครับ ทุกครั้งที่จะทำห้องรกก็จะนึกถึงหน้าคนเก็บขึ้นมา ทุกวันนี้ก็เลยพยายามทำให้มันรกน้อยที่สุดเพื่อที่พี่ขุนจะได้ไม่ต้องมาตามเก็บ

อัก

“ อื้ออ.ออ....ข้าวแทบพุ่ง ” ผมหยิกแขนคนที่นอนทับผมอยู่เต็มแรง “ หนมจุกนะ ”

“ พี่เจ็บนะครับ หนมหยิกพี่ทำไมเนี่ย ”

“ ยังไม่ลุกออกไปอีก ”

พี่ขุนพลิกให้ผมไปนอนทับตัวเองแทน อ้อมแขนแกร่งก็กอดเอวผมไว้แน่น “ แบบนี้โอเคไหม ”

“ ไม่โอเค ปล่อยหนมเลยนะ ”

“ อะไรเล่า พี่คิดถึงหนมนะ ไม่ได้เจอทั้งวันเลย ” พี่ขุนพูดพลางส่งสายตาปริบๆ มาให้ “ ขอใกล้ชิดหน่อยไม่ได้หรอ ”

“ ไม่ ”

พี่ขุนเบะปากน้อยๆ ใส่ผม “ ทำไมแฟนพี่ใจร้ายแบบนี้ล่ะ ”

“ พี่มันสมควรโดนแล้ว ไม่ต้องมองหน้าหนมเลยนะ ” ผมบอกก่อนจะเอาหน้าตัวเองแนบอกมันอยู่แบบนั้น พี่ขุนมันขำเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผม

“ น่ารักจัง ”

“ ไม่ ” ผมดมเสื้อพี่ขุนฟุดฟิดๆ “ กลิ่นบุหรี่ฉุนเชียว ”

“ งั้นหนมลุกก่อนเดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำ ”

“ ไม่ ” ผมนอนจ้องพี่ขุนอยู่อย่างนั้น “ หนมขออะไรอย่างนึงได้ไหม ”

“ อะไรล่ะครับ ”

“ เลิกบุหรี่ได้ไหม ” ผมเอ่ยบอกพี่ขุนอย่างจริงจัง

พี่มันเงียบไปก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ ช่วงที่คบกันใหม่ๆ เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ คือผมน่ะไม่ได้ชอบกลิ่นบุหรี่อยู่แล้วแหละ แล้ววันนี้มาเห็นไอ้หมีคิดจะเลิกบุหรี่ ผมก็เลยอยากให้พี่ขุนเลิกสูบได้เหมือนกัน มันจะได้อยู่กับผมไปได้นานๆ ไง อีกอย่างคือตัวมันจะได้หอมๆ ด้วย คือปกติก็หอมอยู่หรอกแต่แบบมันก็ชอบมีกลิ่นบุหรี่เข้ามาปนไง ผมอยากสูดกลิ่นตัวพี่ขุนแบบไม่มีอะไรมาเจือปนอ่ะ

ทำไมพูดแล้วเหมือนโรคจิตเลยวะ

“ ว่าไงพี่ขุน ” ผมจิ้มแก้มพี่มันเบาๆ เพื่อเรียกสติ “ เลิกบุหรี่เพื่อหนมได้ไหม ”

“ เลิกได้สิครับ ”

“ ดีมาก ต้องเลิกให้ได้นะ มาเกี่ยวก้อยสัญญากันก่อน ” ผมชูนิ้วก้อยขึ้นมา

พี่ขุนเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวสัญญา “ เลิกได้ครับ ชีวิตนี้มีอย่างเดียวแหละที่พี่เลิกไม่ได้ ”

“ อะไรอ่ะ ”

“ เลิกรักหนมไง....แค่เรื่องนี้เลยที่พี่ทำไม่ได้ ”

ตึกตัก

เอ่อ....

ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองแก้เขิน “ พี่นี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ”

“ พี่พูดความจริงไงครับ ” พี่ขุนผงกหัวขึ้นมาหอมแก้มผม “ เดี๋ยวพี่ขอไปอาบน้ำก่อน จะได้หอมๆ ”

“ รีบอาบนะเพราะเดี๋ยวหนมจะอาบบ้าง ”

พี่ขุนยิ้มกริ่มมองผม “ ไปอาบด้วยกันไหมครับ ”

“ ไม่ ” ผมลุกออกจากตัวพี่ขุนก่อนจะคว้าหมอนไปฟาดทีนึง “ ไปอาบน้ำเลยคนลามก ”

“ เดี๋ยวเถอะทำร้ายร่างกายพี่ ออกมาเดี๋ยวเจอแน่ ” พี่ขุนคาดโทษผมก่อนจะหยิบผ้าห่มเดินเข้าห้องน้ำไป คิดว่าขนมคนนี้จะกลัวหรอห้ะ

แบร่ๆๆๆๆ

ผมแลบลิ้นใส่ประตูห้องน้ำก่อนจะเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คมานั่งบนเตียง ต้องลงนิยายครับ มันถึงวันลงแล้ว เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ นี่แหละกำลังดีเลย ตื่นเต้นอยู่นะที่นิยายของตัวเองอีกไม่ถึง 10 บทก็จะจบแล้ว ผมคิดเรื่องการส่งพิจารณากับสำนักพิมพ์ไว้หลายอย่างมากเลยครับ แบบว่าถ้าสมมุติว่ามีบุญนิยายผ่านการพิจารณาผมก็ต้องปิดบางบทใช่ไหมล่ะ ผมไม่รู้ว่ามันจะยังไงแต่ส่วนตัวแล้วผมไม่อยากปิดเลยอ่ะ อยากจะแต่งเป็นบทพิเศษเพิ่มไปแทน แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหม

เอาเป็นว่าแต่งให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

สู้ๆ นะไรท์หนม


----------- 50 % ------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2017 08:18:31 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
------------ ต่อจากบท 26 ----------




“ เออมึงไม่ F หรอกน่า ”

( มึงรู้ได้ไงวะหนม )

“ แหมไอ้สัส งานก็ส่งทุกอย่าง คะแนนก็สวยอยู่นะ เต็มที่ก็ B แหละ ”

( กูกลัวติด F เลยอ่ะมึง ถ้าติดนะพ่อต้องให้กูออกไปเลี้ยงวัวแน่เลยอ่ะ )

“ มึงก็เว่อร์ไปว่ะไอ้หมี แล้วนี่มึงจะหากูรึยังเนี่ยะ ”

( เนี่ยะ กำลังจะถึงห้องมึงละ เดี๋ยวกูเคาะแปป )

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

จะเคาะเพื่อ

ผมเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นเพื่อนตัวดีมันยืนยิ้มแฉ่งอยู่ “ ถ้ามึงจะมาถึงห้องกูแล้วมึงจะโทรมาดราม่าทำไมวะ ”

“ ก็ชีวิตมันเศร้าอ่ะมึง นี่จะไปเลยป้ะ พี่จ๊อบตื่นแล้ว ”

“ กูหยิบกระเป๋าแปปละกัน ” ผมบอกมันก่อนจะเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าผ้า

ผมจะไปซื้อของมาแต่งห้องเพื่อเซอร์ไพรส์พี่ขุนครับ ส่วนไอ้หมีมันจะแวะไปลงสีดอกกุหลาบที่หลัง มันบอกว่าเดี๋ยวมันจะช่วยผมแต่งห้องเอง คือตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องแต่งห้องโน่นนี่หรอก แต่ไอ้หมีนั่นที่เป็นคนยุยง ผมก็บ้าจี้เอาตาม ไม่เป็นไรครับลองทำหลายๆ อย่าง เผื่อผมจะเอาเหตุการณ์นี้ไปใส่ลงนิยายก็ได้ เดี๋ยวต้องรอดูโมเม้นท์

ถ้ามันดีเหล่ารี้ดที่รักจะได้อ่านแน่ๆ

ตอนนี้พี่มันคงกำลังตั้งใจทำข้อสอบอยู่แหละ ส่วนผมน่ะสอบไฟนอลเสร็จแล้วเรียบร้อย โล่งใจสุดอ่ะ ยังไงเทอมนี้เกรด A ต้องมาครบทุกตัวแน่นอน ผมยกข้อมือดูนาฬิกา ตอนนี้ประมาณเกือบเก้าโมงละเดี๋ยวต้องรีบไปแล้วรีบกลับมาเตรียมนั่นโน่นนี่ เอาจริงๆ กว่าไอ้หมีมันจะลงสีกุหลาบเสร็จก็ครึ่งวันแล้วมั้ง

“ ไปเร็วหนมเดี๋ยวพี่จ๊อบหลับรอ ” ไอ้หมีมันรีบลากผมลงมาด้านล่าง

“ มึงจะรีบไปไหนเนี่ยะ ”

“ รีบไปลงสีไง มันเยอะนะมึงไม่ใช่น้อยๆ ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะยัดผมขึ้นรถ ตัวมันก็เดินมาประจำตำแหน่งคนขับ “ เออหนม ละพี่ขุนเค้าเลิกกี่โมง ”

“ สอบเสร็จห้าโมงเย็นอ่ะ ”

“ เอองั้นก็ทันอยู่แหละ ” ไอ้หมีมันคาดเบลท์ก่อนจะออกรถ

“ เออหมี กุหลาบมึงนี่กุหลาบแบบไหนวะ กูจำไม่ได้แล้วอ่ะ ”

“ ก็แบบเป็นพุ่มแล้วก็มีเถาวัลย์ มีหนามล้อม ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักครั้งเลย ”

“ เห็นก็บ้าแล้ว มันอยู่ที่หลังมึงหนิ ” ผมหยิบขนมที่เบาะหลังมาแกะกิน “ เออว่าแต่มึงจะลงสีอะไร ”

“ สีแดงสิวะ กูชอบสีแดงหนิ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ เออหมี แล้วทำไมมึงถึงไม่สักหลังช่วงบนอ่ะ ”

“ ก็มันมีรอยสักสำคัญที่กูสักไว้ ว่าแต่ทำไมมึงถามกูเยอะจังวะ ”

“ ก็อยากรู้เฉยๆ ป้ะวะ ” ผมยัดขนมใส่ปากมันก่อนจะหันมองวิวข้างทาง

อยากเห็นเหมือนกันนะรอยสักไอ้หมีน่ะ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นมันถอดเสื้อให้เพื่อนคนไหนเห็นเลยนะครับ ที่ผมรู้ว่ามันมีรอยสักกุหลาบอยู่ที่หลังก็เพราะว่าเห็นเอง เมื่อก่อนมันมานอนที่ห้องผมบ่อยไง แล้วเสื้อมันเลิกขึ้นไปผมก็เลยเห็นโดยบังเอิญ แต่ตอนที่เห็นก็เป็นเส้นที่ร่างไว้นะครับ ยังไม่ได้ลงสี ถ้าวันนี้มันลงสีเสร็จผมจะขอมันดูให้เป็นบุญตาสักหน่อย อยากเห็นผิวใต้ร่มผ้าของไอ้หมีที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะชนน่ะ

แม่งต้องแรร์มากแน่ๆ เลยว่ะ

“ มึงคิดอะไรชั่วๆ อยู่แน่เลย ”

รู้ว่ากูคิดอะไรอีก

มึงมันเกินไปแล้วไอ้บ้าหมี





JOBTAT

ไอ้หมีมันมันลากผมเข้ามาในร้านสักของพี่จ๊อบ พี่จ๊อบไหนไม่รู้ครับแต่มันพูดชื่อให้ผมฟัง ก็คงจะเป็นหนึ่งในคนรู้จักของมันอาจจะคล้ายๆ กับพี่กล้วยอะไรทำนองนั้น เอาจริงๆ หน้าร้านเขาเขียนป้ายว่าเปิดบ่ายสองนะ ไอ้หมีมันคงมีสิทธิพิเศษอะไรสักอย่างที่ทำให้มาสักก่อนชาวบ้านได้

โคตรขี้โกง

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ในร้านส่วนไอ้หมีมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆๆ อะไรสักอย่าง จากนั้นไม่นานก็มีร่างสูงของผู้ชายคนนึงเดินออกมาจากด้านใน มือเรียวยกขึ้นลูบใบหน้าขาวของตัวเองเบาๆ สภาพเหมือนเพิ่งตื่นนอนน่ะครับ คนนี้คงจะเป็นพี่จ๊อบสินะ ตอนที่พี่เขาเดินออกมาเห็นไอ้หมีที่นั่งยิ้มอยู่ คิ้วเข้มๆ นั่นก็ขมวดทันที

หงุดหงิดแน่ๆ

" มึงมาทำไม "

" มาลงสีไง หมีบอกพี่จ๊อบไว้แล้วนะ ตัวเองตกลงเองแท้ๆ อย่ามาทำมึน "

" กูง่วง มึงค่อยมาใหม่ไป "

" ไม่เอา " ไอ้หมีมันลุกไปดึงแก้มพี่จ๊อบทั้งสองข้าง " สัญญาต้องเป็นสัญญานะ "

" มึงนี่มันน่ารำคาญไม่เปลี่ยนจริงๆ "

" ห้ามรำคาญน้อง เออพี่นี่ขนม มันเป็นเพื่อนหมีเอง "

ผมยกมือไหว้พี่จ๊อบ " สวัสดีครับ "

" ครับ " พี่จ๊อบรับไหว้พลางยิ้มบางๆ สายตาคมก็ไล่มองผมทั้งตัว " มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ด้วยหรอ "

น่ารักอีกแล้วหรอวะ

ชมกูหล่อบ้างได้ไหม...หล่อ

"  รู้นะว่าคิดอะไร แต่ว่าไม่ได้นะ " ไอ้หมีมันเข้าไปกระซิบอะไรข้างหูพี่จ๊อบสักอย่าง

พี่ขาทำตาโตมองไอ้หมีทันที " จริงจัง "

" เออสิพี่ หมีจะหลอกพี่ทำไม " มันบอกก่อนจะหันมามองผม " มึงเข้าไปดูกูสักด้วยไหมหนม "

" เอาดิ่ กูอยากเห็น "

" งั้นก็ตามมา....ไปเร็วพี่จ๊อบ เสร็จละจะได้นอนไง " ไอ้หมีมันลากพี่จ๊อบให้เดินเข้าไปในด้านใน ส่วนผมก็เดินตามเข้าไปเงียบๆ

ในห้องด้านในนี่ก็จะมีเตียงอยู่กลางห้อง ข้างๆ ก็จะมีพวกอุปกรณ์ที่ใช้ในการสัก บนผนังนี่มีรูปรอยสักสวยๆ เต็มไปหมดเลยครับ ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ส่วนไอ้หมีมันก็ขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงเพื่อรอสัก พี่จ๊อบก็เตรียมอุปกรณ์ไปเรื่อย ผมนี่นั่งเตรียมเก็บข้อมูลเลยครับ เผื่อจะเอาไปไว้ใช้แต่งนิยายในอนาคต

ชีวิตนักเขียนนี่เจออะไรก็ต้องยัดใส่หัวไว้ก่อน

พี่จ๊อบเลิกเสื้อไอ้หมีขึ้น " มึงจะขาวไปไหนวะหมี "

" อิจฉาน้องล่ะสิ โอ้ยยยย....อย่าตีสิมันเจ็บนะ "

" มึงมันสมควรโดน " พี่จ๊อบบอกก่อนจะเริ่มทำความสะอาดบริเวณรอบๆ รอยเส้นกุหลาบที่จะลงสี

" เบาๆ นะพี่จ๊อบ " ไอ้หมีมันหันมามองผมตาแป๋ว " ถ้าพี่จ๊อบทำกูแรงมึงวิ่งมาเตะเค้าได้เลยนะหนม ”

“ ไม่อ่ะ กูจะปล่อยมึงตายอยู่ตรงั้นแหละ ”

“ อีเลว โอ้ย พี่จ๊อบจะจิ้มก็บอกสิ ให้เตรียมใจก่อนได้ไหม ” ไอ้หมีมันโวยใส่

“ มึงนี่มันพูดมาก ”

“ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”

แค่เพิ่งเริ่มสักก็แหกปากลั่นขนาดนี้ ถึงว่าพี่จ๊อบเอาเฮดโฟนมาใส่ไว้ทำไม

เพราะงี้นี่เอง





“ ไอ้หมีตรงนั้นมันเบี้ยวน่ะ ”

“ กูแสบหลังนี่หว่า มึงปีนเองไหม ”

“ กูปีนไม่ถึง มึงนั่นแหละทำ มึงบอกเองนะว่ามันจะสวยน่ะ ”

“ กูไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ” ไอ้หมีมันขยับริบบิ้นสีขาวไปอีกทาง “ โอเคยัง ”

“ โอเค ลงมาได้ละ ”

ไอ้หมีมันปีนลงมา “ โอ้ยหลังกู ”

“ มึงนี้มันอ่อนแอซะจริง ” ผมเก็บพวกเศษริบบิ้นไปทิ้ง “ แต่ก็ขอบใจมึงมากนะที่ช่วยกูแต่งห้องน่ะ ”

“ เออ รักกูให้มากๆ ล่ะ กู๊ดเฟรนแบบกูมีคนเดียวในโลกนะมึง ”

“ กูรู้แล้วน่า ” ผมหันมายิ้มหวานให้มันก่อนจะดูไปรอบห้องตัวเอง

ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยลูกโป่งสีเหลืองที่ลอยอยู่ มีริบบิ้นสีขาวระโยงระยางเต็มไปหมด มองเผินๆ ก็สวยนะ แต่ถ้าตั้งใจมองนี่โคตรรก ไอ้หมีมันว่าดีผมก็เลยเออดีก็ได้วะ ของขวัญที่ผมเตรียมให้พี่ขุนผมก็ห่อเตรียมไว้เรียบร้อย นี่ก็ประมาณห้าโมงแล้วครับ เดี๋ยวพี่มันก็คงจะมา ตื่นเต้นไปหมดแล้ว อยากรู้ว่าถ้ามันเห็นผมเตรียมอะไรแบบนี้ให้มันจะทำหน้ายังไง ไม่ใช่ว่ามันจำวันครบรอบไม่ได้นะ

เออ ถ้าจำไม่ได้วะ

ความจริงไอ้เรื่องจำวันโน้นนี้ไม่ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเก็บมาซีเรียสนะครับ แต่ว่าที่ผมอยากทำอะไรแบบนี้ให้มันเนี่ยะ ผมก็แค่อยากให้พี่ขุนรู้สึกว่าตัวเองพิเศษและก็เป็นคนสำคัญของผมจริงๆ

“ งั้นกูไปละนะหนม โชคดี ”

“ อ่าว....มึงจะไปละหรอ ”

“ เออสิเดี๋ยวพี่ขุนมาก่อน ” ไอ้หมีมันหยิบกระเป๋าก่อนจะหันมาโบกมือให้ “ ลาก่อยนะ ขอให้มีความสุขกับเมนสิเวอร์ซารี่ของมึงละกันนะ ”

“ ขอบใจ ขับรถกลับบ้านดีดีนะมึง ”

“ บายยยย ” มันบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

ผมเดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บบรรยากาศห้องไว้ เดี๋ยวจะเอาลงไอจีด้วยครับ จนป่านนี้พี่ขุนก็ยังไม่ได้ฟลอโล่ว์ไอจีผมนะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ช่างมันไม่ฟลอก็ดีละ ถ้ามันหลงมาเห็นนี่ต้องมาไล่แซวผมจนเขินตัวแตกกันไปข้างอ่ะ ผมชอบไปส่องไอจีพี่ขุนนะครับ ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรูปผมทั้งนั้น เหล่าเพื่อนๆ มันนี่ก็ตามมาเม้นต์เหม็นความรักกันเต็มไปหมด แล้วพี่ขุนก็ชอบไปตอบเม้นต์ว่า....

ก็เป็นคนรักแฟนมากๆ ก็ชอบอวด อวดแล้วมีความสุข

น่าหมั่นไส้ไหมล่ะ

ครื้ดดด.ด....ครื้ดด.ด.....

ผมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “ ฮัลโหล....ว่าไงพี่ขุน ”

( อยู่หอรึเปล่าครับ )

“ อยู่สิ มีอะไรหรอ ”

( พี่แวะไปซื้อของเข้าหอมาน่ะ มันเยอะมากเลยถือไม่ไหว หนมลงมาช่วยพี่ถือได้ไหมครับ )

“ ได้ครับ งั้นแปปนึงนะ ” ผมกดวางสายก่อนจะเดินลงไปช่วยพี่ขุนขนของ

แปลกแฮะ ถ้าจำไม่ผิดนี่เพิ่งจะไปซื้อของกันเมื่อก่อนสอบเอง ผมไม่ค่อยรู้หรอกครับว่าของใช้อะไรหมดเพราะพี่ขุนจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง ผมเดินลงมาข้างล่างก็พบว่าเจ้าตัวยืนยิ้มหวานรออยู่

“ สอบเป็นไง เหนื่อยไหม ”

“ เห็นหน้าหนมพี่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ ”

“ ทำเป็นปากหวาน แล้วไหนของล่ะ เดี่ยวช่วยถือ ”

“ นี่ไง ” พี่ขุนกดเปิดประตูหลัง “ ของหนมทั้งหมดเลย ”

เชี่ยยยยยย

ผมยืนมองดอกกุหลาบสีขาวที่เต็มท้ายรถไปหมด ตรงกลางนั่นมีตุ๊กตาเต่าตัวใหญ่วางไว้ด้วยครับ ดอกกุหลาบสีขาวพวกนี้นี่มันทำให้นึกถึงตอนที่มันเอาดอกไม้มาให้ผมได้เลยอ่ะ นี่ที่ให้ผมลงมานี่มันเป็นแผนสินะ คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะทำอะไรแบบนี้ ผมเดินเข้าไปหยิบตุ๊กตาเต่ามากอดไว้แน่นก่อนจะหันมามองพี่ขุนพร้อมกับยิ้มหวานให้

“ เซอร์ไพรส์หรอ ”

“ ใช่ครับ ชอบไหม ”

“ ชอบมาก ” ผมเอาตุ๊กตาเต่าไปแตะปากมันเชิงว่าผมเป็นคนจูบ “ ขอบคุณนะ ”

พี่ขุนคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ ต้องใช้ปากตัวเองสิ ใช้ปากเต่าได้ไง ”

“ ก็มันหน้าหอหนิ จะใช้ปากตัวเองได้ไง ขึ้นห้องเถอะ ส่วนกุหลาบเดี๋ยวค่อยมาขน ”

“ เอาแบบนั้นก็ได้ ” พี่ขุนเลื่อนมือมับมือผมก่อนจะพาเดินขึ้นห้อง

ถึงคราวเป็นเซอร์ไพรสของผมบ้างละ ไม่คิดว่าจะมาเซอร์ไพรส์เหมือนกันนะเนี่ย ความใจตรงกันนี้มันคืออะไรวะ ผมชอบสิ่งที่พี่ขุนทำให้นะครับ หวังว่าพี่มันจะชอบในสิ่งที่ผมทำให้เหมือนกันนะ

“ อ่ะนี่พี่กุญแจ ” ผมส่งกุญแจให้พี่ขุนมันก็รับไปไข

มือเรียวเปิดประตูออกก่อนจะยืนมองนิ่งๆ “ นี่มัน ”

“ สุขสันต์วันครบรอบ 1 เดือนของเรานะครับ ” ผมดันหลังพี่ขุนให้เดินเข้าห้องไป “ ไงล่ะอึ้งไปเลยสิ ”

“ อึ้งสิครับ หนมทำให้พี่หรอ ”

“ ใช่สิ ” ผมเอาตุ๊กตาเต่าไปวางบนเตียงก่อนจะหยิบของขวัญที่ห่อไว้เดินเอามาให้ “ นี่เป็นของขวัญของหนม หนมตั้งใจทำมันให้พี่เลยนะ ลองแกะดูสิ ”

พี่ขุนรับไปก่อนจะแกะกระดาษที่ห่อออก มือเรียวลูบปกอัลบั้มรูปเบาๆ ก่อนจะเปิดไล่ดู ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น ชอบสีหน้ามีความสุขแบบนี้จริงๆ เลย นี่มันเป็นโมเม้นท์ที่ดีมากเลยนะครับ พี่ขุนเหลือบมองผมพลางเปิดดูรูปไปเรื่อยๆ จนหมด เจ้าตัวปิดอัลบั้มก่อนจะวางไว้บนเตียง มือของพี่ขุนเลื่อนขึ้นมากุมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาจูบ

จูบแนบอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีการล่วงล้ำเข้ามา

แค่นี้ก็รู้สึกดีละจริงๆ

เจ้าตัวละจูบออกไปก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่ “ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย ”

“ หนมยินดีที่จะทำให้พี่ขุน เหมือนกับที่พี่ก็ตั้งใจทำให้หนมเหมือนกัน ”

“ พี่มีความสุขจริงๆ นะ ” นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มใสของผมเบาๆ “ ดีจริงๆ ที่คนตรงหน้าพี่คือหนมน่ะ ”

ผมเลื่อนมือไปกุมมือข้างที่ว่างของพี่ขุนไว้ “ ดีเหมือนกันแหละที่พี่เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะผ่านมันไปด้วยกันใช่ไหม หนมไม่ได้อยากจะหยุดอยู่แค่เมนสิเวอร์ซารี่นะ ”

“ เราจะอยู่จนกว่าจะได้แอนนิเวอร์ซารี่ด้วยกัน ” พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะก้มเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผมไว้ “ แล้วก็อยู่แอนนิเวอร์ซารี่กันไปสัก 80 ปี ”

ผมหลุดขำออกมาทันที “ จะมีชีวิตอยู่เป็น 100 ปีเลยรึไง ”

“ ไม่รู้สิว่าจะถึง 100 ปีไหม....แต่พี่จะอยู่กับหนมตลอดไปนะครับ ”

“ หึ....หนมรักพี่ขุนนะ ” ผมขยับเข้าไปกอดพี่ขุนไว้แน่น

มือเรียวเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “ พี่ก็รักหนมครับ อยู่กับพี่ไปนานๆ นะ ”

ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก

รักมากขนาดนี้อ่ะ

วันนี้มันเป็นวันที่ผมมีความสุขมากเลยครับ วันครบรอบในเดือนแรกของเราสองคนมันเหมือนเป็นการเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่างเลย ผมรู้ว่าหลังจากนี้ความรักของเรามันอาจจะมีอุปสรรคที่ต้องเจอ แต่ถึงยังไงผมก็จะไม่ยอมเสียมันไปเด็ดขาด เราจะต้องผ่านทุกอย่างไปด้วยกันให้ได้ ผมเชื่อมั่นในความรักของเราครับ

ปัญหาร้อยแปดอะไรก็มาเถอะ

จะผ่านไปแบบคูลๆ ให้ดู















TBC.

ชาลมาส่งขุนหนมแล้วค่ะ เพิ่งเสร็จเลยยังไม่ได้แก้คำผิด เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะคะ ขอโทษด้วยที่มาซะดึกเลย
บทนี้ตัดพาร์ทยิบย่อยมาก นี่ไม่ใช่ตอนจบนะ หวานกันไปงั้นแหละต้องรอติดตามกันต่อไป
ทุกคนสามารถติดต่อพูดคุย หรือติดตามข่าวสารการสปอยนิยายได้ที่ทวิตนะคะ Chaleeisis
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2017 08:22:15 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

 :-[

หวานๆ
ชอบ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
​พาพี่ขุนเข้าบ้าน



“ พี่ขุนใส่ตัวสีเหลืองสิ ”

“ พี่ใส่ไม่ได้ เห็นไหมว่ามันตัวเล็กน่ะ ”

“ อื้อออ.อ....ใส่ได้ ”

“ พี่ซื้อไซส์หนมมาพี่จะใส่ได้ไงเล่า ”

“ ก็หนมอยากใส่สีเทาอ่ะ พี่ขุนเอาสีเหลืองไปใส่เลย ”

“ ไม่ต้องมางอแง เราใส่สีเหลืองไปน่ะดีแล้ว ”

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่ใส่โว้ย

ผมนั่งทำหน้าบึ้งพลางมองเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองที่อยู่ในมือ คือไอ้เสื้อเนี่ยะมันเป็นเสื้อคู่ที่พี่ขุนซื้อมา ตัวนึงจะสีเทา ตัวนึงจะสีเหลือง แล้วลายสกรีนของเสื้อสีจะตัดกัน คือตัวสีเหลืองก็สวยนะแต่ผมอยากใส่สีเทาไง ขอพี่ขุนยังไงมันก็ไม่ยอมเอาเสื้อตัวสีเทามาให้ บอกว่าเสื้อตัวสีเหลืองเล็กบ้างล่ะ บอกว่าผมใส่แล้วดูดีบ้างล่ะ แม่งโคตรข้ออ้างเลย ไม่รู้แหละถ้าวันนี้ผมไม่ได้ใส่เสื้อสีเทาตัวนั้นผมจะไม่ไปไหนจริงๆ ด้วย

วันนี้หนมจะแข็งข้อบ้าง

“ ไม่ต้องมาทำหน้าบึ้งใส่พี่เลย ”

“ หนมจะใส่เสื้อสีเทา ”

“ เสื้อสีเทามันไซส์พี่ มันตัวใหญ่เนี่ยะเห็นไหม ”

“ หนมใส่ได้ ”

มือเรียวเลื่อนมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ “ พี่รู้ว่าหนมใส่เสื้อพี่ได้ แต่พี่เนี่ยะใส่เสื้อไซส์หนมไม่ได้ ”

“ แล้วทำไมตอนพี่ขุนซื้อถึงไม่ซื้อมาไซส์เดียวกัน สีเดียวกันล่ะ ”

“ พี่ว่าสีเทามันสวยแต่พี่ก็ชอบสีเหลืองไงครับ ” พี่ขุนยิ้มบางๆ ก่อนจะรั้งเอวผมเข้าไปใกล้ “ พี่อยากให้คนที่ตัวเองรักใส่เสื้อสีที่พี่ชอบมันแปลกตรงไหน ”

ฉ่า

เอ้อออออ

กูยอมใส่เสื้อสีเหลืองก็ได้

ผมถอดเสื้อกล้ามที่สวมอยู่ออกก่อนจะใส่เสื้อยืดสีเหลืองเข้าไปแทน ความจริงไม่ได้อยากจะยอมหรอกนะครับ แต่ยอมก็ได้วะ ไว้ครั้งหน้าถ้าผมไปซื้อเสื้อคู่เองนะ ผมจะเอาสีเดียวกันไซส์เดียวกัน พี่ขุนมันจะได้ไม่ต้องมาบ่น อีกอย่างถ้ามัวเถียงกันเรื่องเสื้อเดี๋ยวจะเสียเวลาไปซื้อของ วันนี้นัดกับที่บ้านไว้แล้วครับว่าจะไปกินข้าว และก็เป็นการพาพี่ขุนไปไหว้ป๊ากับแม่ด้วย

ฝากตัวพ่อตาแม่ยายไรงี้

วันนี้ไอ้ขันมันไม่อยู่ครับ ป๊าบอกว่ามันไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ อีกหลายวันกว่าจะกลับ ผมเลยคิดว่ามันเป็นเวลาที่ดีเลยที่จะพาพี่ขุนไปบ้าน ตอนนี้ก็ประมาณเที่ยงละ เดี๋ยวต้องแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของไปทำกับข้าวด้วย จะให้พี่ขุนไปเป็นลูกมือแม่ ส่วนผมก็จะยืนเป็นกำลังใจให้อยู่ห่างๆ

“ ไปเลยไหมครับ ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระเป๋าผ้าของตัวเองมาถือ “ ไปสิ ” ผมดันพี่ขุนให้ออกไปก่อนจะล็อคห้องไว้

“ เออหนมเดี๋ยวไอ้หมีมันมาเอาของนะ ”

“ มันบอกพี่หรอ ”

“ ใช่ เอาอะไรของมันไม่รู้อ่ะ สักบ่ายสามเดี๋ยวมันมา ”

“ อื้อ ” ผมเก็บกุญแจห้องใส่กระเป๋า

พี่ขุนเลื่อนมือมาคล้องไหล่ผมก่อนจะพาเดินลงตึก “ หนมนี่ไว้ใจไอ้หมีมันมากเลยนะ ถึงขั้นให้กุญแจสำรองไว้กับมัน ”

“ หนมก็ไว้ใจเพื่อนทุกคนนะ ถึงจะยังรู้จักกันไม่ถึงปีก็เถอะ ”

“ เท่าที่พี่ดู เพื่อนๆ หนมก็ไว้ใจหนมเหมือนกันนะ ”

“ แน่ล่ะ ก็เป็นเพื่อนกันหนิ ”

“ เออ พี่จะบอกอะไรอย่างนึง ”

ผมเหลือบมองเจ้าตัว “ อะไรอ่ะ ”

“ ถึงจะเป็นเพื่อนที่รักหรือสนิทมากยังไงก็ตาม มันก็ต้องมีสเปซนะ ”

“ ทำไมต้องมีสเปซ ”

“ พี่เป็นคนขี้หึง รู้อยู่แก่ใจหรอกว่าเป็นเพื่อนแต่มันก็อดหึงไม่ได้ ” พี่มันเอ่ยเสียงอ่อน “ เผื่อวันดีคืนดีไอ้หมีมันหน้ามืดเกิดหลงรักหนมขึ้นมาล่ะ พี่นี่ไม่เป็นบ้าเลยหรอ ”

ผมหลุดขำออกมาในสิ่งที่มันพูด “ พี่ขุนนี่เลอะเทอะจริง ไม่มีใครมาหลงรักหนมหรอก ”

“ ก็ดี ให้พี่หลงรักคนเดียวพอละ ใครมายุ่งมีวอร์ ”

ห้าวซะจริง

ผมส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความบ๊องของพี่ขุนก่อนจะเดินขึ้นรถ คนขี้หึงก็ขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ พี่ขุนนี่ขี้หึงจริงๆ นะครับ นี่ถามผมทุกวันอ่ะว่าเมื่อไหร่จะได้แว่นมาใส่ มันชอบบอกว่าคนอื่นชอบมองผมเหมือนจะแดกเข้าไป คือปกติผมก็คิดว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรโดดเด่นต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ แค่ไม่ได้ใส่แว่นและก็แค่สีผมเปลี่ยนเอง ถ้าเทียบกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ผมก็ยังดูจืดชืดอยู่ดี

เหมือนเป็นแกงจืดที่อยู่ท่ามกลางต้มแซ่บอ่ะ

อารมณ์นั้นเลย

ชีวิตผมช่วงที่ไม่มีแว่นนี่ก็เหนื่อยยากอยู่เหมือนกันนะครับ ตาพร่าบ่อยมาก ผมก็เลยหลีกเลี่ยงการเดินในที่แจ้ง หรือว่าถ้าจำเป็นต้องเดินจริงๆ ก็จะสวมหมวกช่วยบังแสงให้ ใจนี่อยากกลับไปใส่แว่นจะตาย ยังไงแว่นกันแสงก็ดีที่สุดละสำหรับผมน่ะ อีกอย่างถ้าผมกลับไปใส่แว่นเหมือนเดิม พี่ขุนจะได้หึงน้อยลง

“ หนมครับ ”

“ หืม....”

“ พี่ขันเค้าไม่อยู่ใช่ไหม ”

“ ใช่ มันไปทะเลกับเพื่อนๆ มันน่ะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกว่ามันจะมากระทืบ ”

“ ไม่ได้กลัวว่าจะโดนกระทืบหรอก เชื่อไหมว่าหลังจากวันที่มีเรื่องกันพี่กับพี่ขันก็ไม่ได้คุยกันเลย ”

“ ไม่ต้องไปคุยกับมันหรอก มันบ้า ”

พี่ขุนเหลือบมองผม “ อย่าไปว่าพี่ขันว่าบ้าสิ นั่นไอดอลพี่เลยนะ ”

“ หนมไม่เห็นว่ามันจะเหมาะที่จะเป็นไอดอลคนอื่นเลย มันเป็นคนเลว ”

“ อื้ออ.อ.อ....อย่าว่าพี่ขัน ” เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ผม “ พี่น้องต้องรักกันนะรู้ไหม ”

“ ก็รักอยู่หรอก แต่ก็จะด่าด้วยอ่ะ ”

“ เรานี่มันจริงๆ เลยนะ ” เรานี่มันจริงๆ เลยนะอะไรของมึงวะ

กูจริงจังนะเนี่ย

ผมหรี่ตามองพี่ขุนอย่างจับผิด นี่มึงแอบไปมีซัมติงอะไรกับไอ้ขันป้ะเนี่ยะ ด่าแค่นี้ปกป้องมันจัง จำได้ว่าเพิ่งโดนมันต่อยไปไม่กี่อาทิตย์ มึงลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นไปแล้วหรอวะพี่ขุน ผมนี่ลืมไม่ลงเลยอ่ะ ถึงไม่ได้เป็นคนโดนไอ้ขันต่อยก็เถอะ แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็อาจจะดีก็ได้นะครับที่พี่ขุนไม่ได้รู้สึกโกรธในสิ่งที่ไอ้ขันมันทำน่ะ ความเคารพที่พี่ขุนมีให้มันก็คงยังเหมือนเดิม ผมที่เป็นคนกลางก็ควรจะสบายใจถูกไหม

เฮ้อ....

มันไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยเอาจริงๆ

หลังจากที่ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ พี่ขุนก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ผมหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินลงจากรถ พี่ขุนก็เดินตามลงมาก่อนจะเลื่อนมือมาโอบไหล่ผมไว้ แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่เลยครับ ถึงแม้ว่าข้างนอกนี่จะมีแค่หมา 3 ตัวที่นอนอยู่ก็เถอะ

อยากทำไรทำเลย

" พี่ขุนไปเอารถเข็นมาสิ "

" ได้ครับ " เจ้าตัวยิ้มรับก่อนจะเดินไปเอารถเข็นแล้วมายืนข้างๆ ผม " คิดไว้รึยังว่าอยากกินอะไร "

" หนมอยากกินแกงเขียวหวาน "

" แล้วมีอย่างอื่นที่อยากกินอีกไหม "

" ปลาสามรส ผัดเผ็ดปลาดุก กุ้งทอด "

พี่ขุนพยักหน้ารับ " งั้นเดี๋ยวไปโซนของสดกัน "

" ไปสิ " ผมดันพี่ขุนให้เดินนำ ส่วนตัวเองก็เดินตามหลัง มือก็จับชายเสื้อพี่ขุนไว้

ผมชอบเดินจับชายเสื้อพี่ขุนนะ ถึงมันจะดูเหมือนเด็กไปหน่อยก็เถอะ ผมชอบการเดินแบบนี้มากกว่าเดินจับมือกันอีก พี่ขุนไม่เคยบ่นเลยนะที่ผมรั้งชายเสื้อมันแบบนี่นะ

ลองบ่นสิ....จะทุบให้

" หนมจะซื้อขนมไปฝากคุณพ่อคุณแม่ไหมครับ "

" อาจจะซื้อชาเอิร์ลเกรย์ไปให้แทนน่ะ ป๊าหนมชอบดื่ม "

"  พ่อพี่ก็ชอบเหมือนกันนะชาเอิร์ลเกรย์ "

" อ๋อ....เออพี่ขุน พ่อแม่ของพี่ขุนเนี่ยะเป็นท่านเป็นคนยังไงหรอ "

" แม่พี่เป็นคนใจดีน่ะ และก็รักหมารักแมวมาก ถึงขั้นสร้างบ้านพักพิงของสุนัขและแมวไว้เลยนะ " พี่ขุนยิ้มหวานให้ผมก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนลง " แต่ว่าพ่อจะเป็นคนเงียบขรึม ค่อนข้างเข้มงวดมาก เป็นคนเจ้าระเบียบด้วย "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ " แล้วพี่ขุนคิดจะพาหนมไปไหว้พวกท่านไหม "

" คิดสิครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย...คือคนที่บ้านพี่ไม่ค่อยว่างน่ะ "

" นั่นสินะ บ้านพี่ขุนทำธุรกิจใหญ่ ถ้าไม่ว่างก็ไม่แปลกหรอก "

" เดี๋ยวถ้าที่บ้านพี่โอเคเมื่อไหร่ พี่จะพาหนมไปละกันละนะครับ "

โอเคในที่นี้หมายถึงยอมรับในความสัมพันธ์สินะ

" ได้สิ หนมจะรอวันนั้นนะ " ผมยิ้มบางๆ ให้ พี่ขุนก็เลื่อนมือมาขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนจะพาเดินไปโซนของสด

ผมว่าพี่ขุนคงคิดจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ที่บ้านยอมรับแน่ๆ แต่เจ้าตัวเองก็คงยังคิดวิธีอยู่ ผมรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับกันง่ายๆ กว่าที่ครอบครัวของพี่ขุนจะยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ของเราได้ผมก็คงจะต้องให้กำลังใจพี่มันไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องเอาชนะอุปสรรคของครอบครัวไปให้ได้ครับ ผมว่านะถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ เรื่องอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเราแล้วล่ะ

ผมกับพี่ขุนรักกันมากนะ

ใครก็มาแยกเราออกจากกันไม่ได้หรอก

พี่ขุนพาผมเดินมาหยุดอยู่โซนของสด ร่างสูงก็เดินไปเลือกโน่นหยิบนี่มาใส่รถเข็น ส่วนผมก็ยืนมองตาแป๋วพลางเฝ้ารถเข็นไปด้วย เก่งเนอะผู้ชายที่เลือกพวกวัตถุดิบเป็นน่ะ ผมจำตอนเรียนการงานอาชีพฯ เมื่อสมัยมัธยมได้ครับ วิธีเลือกปลาสดๆ อ่ะจำยากจะตาย ที่ต้องตาใสไม่เหม็นคาว บลาๆๆๆ วิธีเลือกผักเงี้ยะ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเลยนะ ไม่รู้ว่าทำไมพี่ขุนถึงจำอะไรพวกนี้ได้

“ ทำไมเราไม่เอาตัวใหญ่ๆ นั่นล่ะพี่ขุน ” ผมชี้ไปที่ปลาสีชมพูที่ตัวใหญ่กว่า

“ มันไม่ค่อยสดน่ะครับ ในบรรดาปลาทั้งหมดที่วางอยู่พี่ว่าตัวที่พี่เลือกมามันดีที่สุดแล้ว ”

“ พี่นี่เหมาะไปเรียนพวกคหกรรมเนอะ ”

“ ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นนะ ”

ผมหันขวับมองคนพูดทันที  “ อ้าว....แล้วทำไมถึงมาเรียนวิศวะฯ ได้ล่ะ ”

“ แพ้พนันพี่พลน่ะ ก็เลยต้องเรียนวิศวะ ”

“ แค่นี้เองน่ะนะ แล้วพี่พลเขากำหนดรึเปล่าว่าพี่ต้องเรียนโยธา  ”

“ ก็ไม่นะ ”

“ ถ้าไม่กำหนด หนมว่าพี่น่าเรียนพวกวิศวกรรมอาหารอะไรพวกนั้นนะ ถ้ามีชอบอะไรพวกนี้ ”

“ ที่พี่เรียนโยธาเพราะว่าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับไอ้เกียร์น่ะ ” พี่ขุนหยิบผักใส่รถก่อนจะเดินนำผมไปโซนผลไม้ต่อ “ สัญญากันไว้ตอนม.3 ว่าถ้ามันสอบติดสถาปัตย์แล้วถ้าพี่มีโอกาสได้เรียนวิศวะ พี่ต้องเรียนโยธา ”

“ พี่ก็เรียนมาได้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดเนี่ยนะ ”

“ ลองคิดในอีกแง่มุมนะ ถ้าพี่ไม่เรียนวิศวะโยธา พี่อาจจะไม่มีเพื่อนที่ดีแบบไอ้พวกบ้านั่น และพี่อาจจะไม่ได้เจอหนมก็ได้ ”

“ มันก็จริง ” ผมหยิบแอปเปิ้ลมาใส่รถเข็น “ ถ้าพี่ขุนเรียนพวกคหกรรมพี่ขุนคงเป็นแฟนกับหมู กับไก่ กับปลาไปแล้วแหละ ”

“ ฮ่าๆๆๆ แต่ตอนนี้พี่เป็นแฟนหนมนะครับ ”

“ รู้แล้วน่า ได้ของครบก็ไปโซนขนมได้แล้ว ” ผมบอกก่อนจะดันพี่ขุนให้เดินไปโซนขนม

คนที่เดินนำผมอยู่ข้างหน้านี่ดูอารมณ์ดีอยู่นะ อย่างน้อยก็อารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนที่คุยเรื่องครอบครัว ผมว่าพี่ขุนเก่งนะที่เรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่เชิงว่าชอบได้อ่ะ แถมยังเรียนได้ดีอีกต่างหาก คะแนนอยู่ในระดับท็อปอย่างเงี้ยะ เป็นผมนี่ไม่ยอมเลยนะถ้าไม่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองเลือก ตอนแรกป๊าผมน่ะอยากให้เรียนบริหารไม่ก็เรียนการโรงแรม เพราะว่าที่บ้านผมทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมไง ป๊าบอกว่าถ้าไม่เรียน 2 คณะนี้ก็ไม่ต้องเรียนก็ได้ ให้ผมนั่งกินนอนกินไป เดี๋ยวไอ้ขันหาเลี้ยงเอง

มันเป็นเหตุผลที่ดีนะครับ

แต่ผมคิดว่าผมทำอะไรได้มากกว่าที่จะนั่งกินนอนกินอ่ะ ผมก็เลยบอกป๊าว่าจะเรียนนิเทศ เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกชอบมาตั้งแต่ขึ้นสมัยมัธยมละ สายวารสารนี่ที่หนึ่งในใจเลย แน่นอนว่าสิ่งที่ผมอยากเรียนนั้นป๊าคัดค้านครับ ป๊าบอกว่ามันไม่น่าจะมาช่วยอะไรธุรกิจที่บ้านได้ แต่สุดท้ายป๊าผมก็ยอมให้ผมเรียนในคณะที่ตัวเองเลือก คือไอ้ขันมันเป็นคนไปพูดให้ป๊ายอม เหมือนกับว่าไปสัญญาอะไรไว้สักอย่าง ผมเคยถามมันด้วยนะแต่ว่ามันไม่บอก ที่บอกมาก็แค่ให้ผมตั้งใจเรียนในสิ่งที่ตัวเองเลือก

มาดพี่ชายที่แสนดีสัสๆ

ตอนนี้ไอ้ขันมันคงอยู่ทะเลแล้วล่ะ อาจจะดำผุดดำว่ายไปคุยกับปลาอยู่ เดี๋ยวต้องโทรบอกให้มันซื้อขนมมาฝากเยอะๆ ผมจะแบ่งไปให้ไอ้หมีด้วย ถ้ามันรู้ว่าไอ้ขันเป็นคนซื้อขนมมาให้มันต้องเก็บไว้จนเน่าแน่เลยว่ะ

“ หนมครับ ”

ผมสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะหันมองพี่ขุน “ มีอะไรหืม ”

“ พี่เห็นหนมเหม่อๆ เป็นอะไรรึเปล่า ”

“ หนมก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ” ผมบอกปัดก่อนจะหยิบขนมมาใส่รถเข็น “ แล้วนี่จะซื้ออะไรอีกไหม ”

พี่ขุนทำท่าคิดอะไรอยู่แปปนึงก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ ซื้อถุงยางไหมครับ ”

ห้ะ

“ ซะ.....ซื้อทำไม ”

“ จะไม่ให้พี่ใส่หรอ ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ “ ก็ได้นะ ”

ฉ่า....

“ ไม่ใช่นะ....หนมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ พี่นี่มันบ้าจริงๆ เลย ” ผมตีไหล่พี่ขุนก่อนจะเดินหนี มือก็ยกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆ หน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย

พี่ขุนเข็นรถเดินมาอยู่ข้างๆ ผม “ เขินหรอ ”

“ เปล่าสักหน่อย ”

“ เขินอยู่ชัดๆ ” มือเรียวเลื่อนมาบีบแก้มผม “ แก้มนี่แดงเชียว ”

“ หึ้ยยยย.ย..ย.....ถ้ารู้แล้วจะถามทำไมเล่า ”

“ น่ารัก....ไปจ่ายเงินกันดีกว่า จะได้รีบไป ”

“ ไม่ซื้อแล้วใช่ไหมไอ้นั่นน่ะ ”

พี่ขุนยกยิ้มก่อนจะก้มมากระซิบข้างหูผม “ พี่ลืมไปน่ะครับว่ามันมีอยู่เต็มลิ้นชักที่หอพี่เลย เดี๋ยวค่อยไปเอามาไว้ที่หอหนม ”

“ พี่นี่มัน......”

แล้วเมื่อกี้พูดว่าจะซื้อทำไมวะไอ้บ้าเอ้ยยยยย

จิ๊....น่าหงุดหงิดชะมัด


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 27 ---------




บ้านขนม

ผมช่วยพี่ขุนเดินถือของเข้ามาในบ้าน ไม่มีใครอยู่ที่ห้องรับแขกเลยครับ คนไปไหนกันหมดเนี่ยะ หรือว่าอยู่กันที่สวนหย่อมหลังบ้านวะ อาจจะใช่ ผมเหลือบมองพี่ขุน เจ้าตัวดูตื่นเต้นมากเลยนะครับที่เห็นบ้านผมน่ะ มองโน่นดูนี่ไปเรื่อย

“ เอาของไปเก็บที่ครัวก่อนละกัน ตามหนมมา ” ผมบอกก่อนจะเดินนำพี่ขุนมาที่ครัว

“ บ้านหนมนี่ใหญ่เหมือนกันนะ ”

“ ใหญ่หรอ ”

“ ใหญ่สิ ก็พอๆ กับบ้านพี่ ” พี่ขุนเอาของสดไปใส่ตู้เย็นไว้

“ หนมว่าบ้านหลังใหญ่อ่ะ มันดูเหงาๆ นะเวลาที่คนอยู่น้อยน่ะ ”

“ ก็จริงแหละ บ้านพี่นี่เงียบเหงามาก แต่ว่าช่วงคริสต์มาสก็คึกครื้นอยู่นะ ”

“ อินเทศกาลคริสต์มาสด้วยหรอบ้านพี่ ”

“ พี่เป็นคริสต์น่ะ คริสต์มาสก็ต้องอินสิ บ้านพี่จะแต่งต้นสนทุกปีเลยนะ ตอนเป็นเด็กพี่ได้ของขวัญทุกปีเลยด้วย ”

ผมเอียงคอมอง “ จากซานตาคลอสน่ะหรอ ”

“ ใช่สิ ต้องเป็นเด็กดีด้วยนะถึงจะได้ของขวัญน่ะ ” พี่ขุนเอ่ยอย่างจริงจัง ผมก็อมยิ้มให้กับท่าทางพวกนั้น

นี่เพิ่งรู้เลยนะครับว่ามันนับถือศาสนาคริสต์น่ะ ถึงว่าเวลาเดินผ่านพวกศาลที่มหาลัยพี่ขุนไม่เคยยกมือไหว้เลย มันเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง ผมชอบนะพวกเทศกาลหลายๆ อย่างของชาวคริสต์น่ะ ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาสหรือว่าฮาโลวีน หรืออิสเตอร์อะไรพวกเนี้ยะ ผมว่ามันเป็นเทศกาลครอบครัวที่สนุกนะ เดี๋ยวคริสต์มาสที่จะมาถึงนี้ผมให้ของขวัญที่ขุนดีกว่า

อยากอินเทศกาลบ้าง

“ โอเคเสร็จละ ” พี่ขุนเดินไปล้างมือเมื่อเก็บของใส่ตู้เย็นเสร็จ

“ งั้นไปที่สวนหย่อมกันเถอะ ป๊ากับแม่น่าจะอยู่ที่นั่น ”

“ งั้นหนมนำพี่ไปเลยครับ ”

“ ได้ ตามมาเลย ” ผมบอกก่อนจะเดินนำพี่ขุนไปที่สวมหย่อมหลังบ้าน ป๊ากับแม่ผมกำลังให้อาหารปลาคาร์ฟในบ่ออยู่พลางหยอกกันแบบคู่รักวัยหนุ่มสาวด้วยครับ

“ นั่นคุณพ่อคุณแม่ของหนมใช่ไหม ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ป๊า แม่ หนมกลับมาแล้วนะครับ ” สิ้นเสียงของผม ป๊ากับแม่ก็หันมามอง พี่ขุนเห็นแบบนั้นมันก็ยกมือไหว้แล้วก็ยิ้มหวานให้

“ สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า ”

“ นี่น่ะหรอคนที่หนมบอกป๊าว่าเขาตามจีบหนมสามเดือนน่ะ ”

พี่ขุนเหลือบมองผม “ มาเล่าอะไรให้ท่านฟังหรอ ”

“ หนมเปล่าสักหน่อย....คิดถึงแม่จังเลยครับ ” ผมโผเข้ากอดแม่ก่อนจะหอมแก้มท่าน “ หนมพาลูกมือมาช่วยแม่ทำกับข้าวด้วยนะ ”

“ หนุ่มหล่อนี่น่ะหรอที่จะเป็นลูกมือแม่น่ะ ”

“ เอ่อ...ผมชื่อขุนศึกนะครับ เป็นแฟนของขนม ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะก้มหัวให้อย่างนอบน้อม “ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ”

ป๊าเลื่อนมากระซิบข้างหูผม “ หาลูกเขยได้เยี่ยมมาก ”

“ ชอบใช่ไหมล่ะ ”

“ ก็ได้อยู่นะ ” ป๊ายิ้มบางๆ ให้ผมก่อนจะเก๊กเสียงเข้มใส่พี่ขุน “ เดี๋ยวอยู่คุยกันสักแปปนึงละกันนะพ่อหนุ่ม ส่วนหนมไปช่วยแม่ในครัวซะไป ”

“ ไหงงั้นล่ะ ”

“ ไปอยู่กับแม่ในครัวก่อนนะหนม ส่วนเราก็คุยกับคุณป๊าไปก่อนละกันนะ ” แม่ยิ้มหวานบอกพี่ขุนก่อนจะลากผมเข้าบ้านทันที

แบบนี้ก็ไม่รู้น่ะสิว่าคุยอะไรกันน่ะ

ผมเดินหน้ามุ่ยตามแม่เข้ามาในครัว ทำไมไม่ให้หนมอยู่ฟังด้วยล่ะป๊า แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปถามพี่ขุนเอาก็ได้ ใจชื้นอยู่นะที่ป๊าบอกว่าหาลูกเขยได้เยี่ยมมาก พี่ขุนมันเริ่มต้นแนะนำตัวเองได้ดีนะครับ แถมยังบอกเองกับปากเลยว่าเป็นแฟนผม รอยยิ้มหวานๆ นั่นคงทำให้ผมป๊ากับแม่พอใจอยู่ไม่น้อยเลยนะ ไหนจะท่าทางนอบน้อมนั่นอีก

“ แฟนลูกนี่ หล่อนะหนม ”

“ แม่คิดว่ามันหล่อหรอครับ ”

“ หนมก็คิดแบบแม่ใช่ไหมล่ะ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ แต่หล่อน้อยกว่าหนมนิดนึงนะ ”

“ จ้า พ่อคนหล่อ ” แม่เปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบของที่พี่ขุนเพิ่งยัดเข้าไปออกมา “ แล้วนี่จะทำอะไรบ้างล่ะ หนมอยากกินอะไร ”

“ แกงเขียวหวาน ปลาสามรส กุ้งทอด แล้วก็ผัดเผ็ดปลาดุกครับ แม่จะทำกับข้าวเพิ่มอีกก็ได้นะเพราะว่าซื้อของมาเผื่อเยอะเลย ”

“ งั้นเดี๋ยวทำของโปรดป๊าเราละกัน หนมเอาผักพวกนี้ไปล้างนะ ทำได้ใช่ไหม ”

“ ทำได้สิ ระดับหนมซะอย่าง ” ผมรับผักจากแม่ไปล้างที่ซิงค์

“ ช่างจ้อจังนะ รีบๆ ล้างเข้า ”

ผมเริ่มลงมือล้างผัก นึกถึงฉากที่นายเอกในนิยายของผมยืนล้างผักเลยอ่ะ แล้วก็กำลังล้างเพลินๆพระเอกก็จะเดินมากอดจากด้านหลัง แถมยังเอาคางเกยไหล่นายเอกไว้ด้วย ผมว่ามันเป็นโมเม้นท์ที่น่ารักนะครับ แล้วสองคนก็ช่วยกันล้างผัก ช่วยกันทำกับข้าวกันงุ้งงิ้งๆ คือนิยายของผมอ่ะนายเอกจะทำอาหารเก่งแต่พระเอกไม่เลย ทำได้แค่ยืนจับโน่นส่งนี่ให้ ตัดภาพมาชีวิตจริงที่เป็นผมที่ทำอะไรไม่เป็น ส่วนพี่ขุนจะเป็นคนทำทุกอย่างเอง

ผมนี่ทีมรอกินอย่างเดียว

ในขณะที่ผมยืนล้างผักอยู่เพลินๆ คนที่ผมเพิ่งนึกถึงไปก็เดินมายืนข้างๆ ก่อนจะช่วยล้างผัก อ่าวนี่มึงคุยกับป๊าเสร็จแล้วหรอ แล้วนี่เดินมาตอนไหนทำไมไม่ได้ยินอะไรเลยวะ

“ ผักกาดต้องล้างทีละใบนะรู้ไหม ”

“ ไม่รู้ ละนี่คุยกับป๊าเสร็จแล้วหรอ คุยไรกันบ้าง ”

“ ไม่บอกหรอก มันเป็นความลับของผู้ใหญ่ ”

“ ตัวเองโตกว่าตายแหละ ” ผมโวยใส่

“ ขนม ” แม่เอ็ดผม “ อย่าเสียงดังในครัวสิ ”

 “ หนมเปล่านะแม่ ”

พี่ขุนหันเอาผักที่ล้างแล้วส่งไปให้แม่ผม “ ขนมไม่ฟังหรอกครับ เค้าเป็นเด็กดื้อ ”

“ ใช่จ่ะ เค้าดื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ”

“ แม่อ่ะ ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่แม่ก่อนจะหันมาตีไหล่พี่ขุนแรงๆ “ นี่แน่ะ ว่าหนมดื้อหรอ ”

“ เดี๋ยวโดนพี่ตีคืนหรอก ”

“ ไม่กลัวหรอก ” ผมแลบลิ้นใส่มันก่อนจะลงมือล้างผักต่อ พี่ขุนก็ยืนช่วยอยู่ข้างๆ

พอล้างผักเสร็จผมก็มานั่งดูนิ่งๆ ครับ ปล่อยให้แม่กับพี่ขุนช่วยกันทำกับข้าวไป แม่ดูชอบใจพี่ขุนมากเลยนะครับ แน่ล่ะ นางเป็นลูกมือชั้นเยี่ยมเลยนะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้หมด แม่ผมนี่แค่ยืนบอกสูตรอ่ะเอาจริงๆ นอกนั้นพี่ขุนเป็นคนทำเองหมดเลย ผมเห็นแบบนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนที่กำลังทำกับข้าวอยู่ก่อนจะกดเข้าไปในเฟซบุ๊ก เอาแคปชั่นรูปอะไรดีนะ อืมม.ม...อันนี้ไง

ที่บ้านเรามีขุนศึกด้วยล่ะ

โคตรเป็นแคปชั่นที่น่าหมั่นหน้ามาก

ผมกดแท้กพี่ขุนไปด้วยครับแล้วค่อยโพสลงเฟซ เพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาเยอะพอสมควร เสียงเตือนพวกนี้เป็นเสียงเตือนของคอมเม้นต์ครับ ผมกดเข้าไปดูก็ต้องหัวเราะออกมากับคอมเม้นต์จากเพื่อนรัก

หมีน้อย กลอยใจ : ไม่อิจฉาหรอกโว้ยยยยยยยยยย บ้านมีขุนศึกหรอ บ้านกูก็มีพี่เสือนะ มึงรู้จักพี่เสือไหม พี่เสือทำเค้กเป็นด้วยนะ พี่เสือหล่อมากด้วย พี่เสือกูคือที่สุดของที่สุดแล้วววววววววววววววววววววว

นี่จะเกรี้ยวกราดอะไรเบอร์นั้น

แล้วพี่เสือไหนของมันวะ......ด้วยความสงสัยผมจึงไปเม้นต์

Kanom Kananut : พี่เสือไหนของมึงวะ

หมีน้อย กลอยใจ : เสือกกกกกกกกกกก

เอ้าไอ้สัส....แล้วมึงจะพูดถึงพี่เสือทำไมวะ

ไอ้เชี่ยหมีเดี๋ยวมึงเจอกู



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



" เอาอะไรอีกไหมล่ะขุน "

" ไม่ไหวแล้วครับคุณแม่ ผมอิ่มมากเลย "

" ให้หนมหนิแม่ "

" เราน่ะสามชามแล้วนะ พอแล้ว "

น้องหน้าบึ้งทันทีที่โดนห้าม " อะไรเล่า "

" พอแล้วครับหนม จะกินของหวานต่อไม่ใช่หรอ "

" เอางั้นก็ได้ "

" ขุนนี่เก่งจริงนะที่เอาเด็กดื้อแบบนี้อยู่น่ะ "

" หนมไม่ดื้อ " น้องบอกก่อนจะฉีกยิ้มให้คุณป๊า

น่ารักจัง

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มละครับ เราเพิ่งกินข้าวเสร็จกัน เดี๋ยวป้าแม่บ้านจะเอาไข่หวานมาเสิร์ฟให้ ผมทำเองนะไข่หวานน่ะ หวังว่าคนในบ้านนี้จะชอบ ก่อนหน้านี้ผมก็ไปเป็นลูกมือคุณแม่ในครัวมา ท่านดูชอบผมมากเลยนะที่ผมทำอาหารได้ แถมยังบอกสูตรอาหารที่หนมชอบให้ผมด้วย ดีเลยผมจะได้ทำให้น้องกินบ่อยๆ

เดี๋ยวจะขุนให้อ้วนเลย

ผมชอบครอบครัวของหนมมากเลยนะครับ มันอบอุ่น คุณป๊ากับคุณแม่ก็ใจดีมาก ท่านให้ผมเรียกว่าป๊ากับแม่เหมือนที่หนมเรียกด้วยนะ ได้ฟีลลูกชายอีกคนของบ้านมากเลย วันนี้พวกพี่ๆ หนมไม่อยู่เลยสักคน น่าเสียดายเหมือนกันนะ ผมอยากเห็นพี่สาวทั้งสองคนของน้องมากเลย น้องอวดผมไว้เยอะไงว่าพี่สาวสวยมาก แต่ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้า ผมต้องได้เจอทั้งครอบครัวแหละน่ะ

" นี่ของหวานค่ะคุณท่าน " ป้าแม่บ้านถือของหวานมาให้

" น่ากินจัง "

" มันคืออะไรอ่ะพี่ขุน "

" ไข่หวานไง หนมเคยกินไหม "

น้องส่ายหน้ารัวๆ " เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเนี่ยะ "

" งั้นลองกินดู พี่รับรองว่าอร่อย "

" ได้ " น้องตักไข่หวานใส่ปาก " อื้มมม...ม...อื้ออออออ "

" อะไรอื้มอื้อ "

" อร่อยอ่ะ "

" ใช่อร่อย " คุณป๊ายิ้มบางให้ผม " ไม่หวานไป ไข่ไม่คาวด้วย เรานี่ทำอาหารเก่งจริงเลยนะ "

ผมยิ้มหวานให้ท่านก่อนจะก้มหัวเล็กน้อย " ขอบคุณครับ "

ผมว่าคุณป๊าของหนมเนี่ยะเป็นคนที่ใจดีมากเลยนะครับถ้าเทียบกับพ่อผม ตอนแรกผมนึกว่าท่านจะดุกว่านี้ คุณป๊านี่มีอะไรสงสัยก็ถามตรงๆ เลยครับ ตอนที่ท่านบอกจะคุยกับผมน่ะ ท่านก็ถามโน่นถามนี่ ชอบขนมได้ยังไง ไปรักกันได้ยังไง จีบขนมยากไหม อะไรทำนองนี้น่ะครับ แต่มันพีคตรงคำถามสุดท้ายน่ะครับ ท่านถามว่า.....

ผมมีอะไรกับขนมรึยัง

ยอมรับเลยว่าตาเบิกกว้างมากตอนนั้น ไม่คิดว่าท่านจะถามอะไรแบบนี้ครับ ตอนแรกผมกะจะบอกว่ายัง แต่อีกใจก็อยากบอกไปตรงๆ ผมไม่อยากโกหกไง คุณป๊าเห็นผมอึกอักก็เลยยกมือแตะไหล่และบอกผมว่า ถ้าได้กันแล้วก็บอกว่าได้เถอะ มันเรื่องธรรมชาติ ป๊าไม่ว่า ป๊าแค่อยากรู้ พอท่านบอกแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับแล้วก็บอกว่าได้กันแล้วครับ

รู้สึกเขินแปลกๆ ยังไงไม่รู้

" พี่ขุนเป็นอะไรอ่ะ หน้าแดงจัง "

" หืม....อ๋อพี่ร้อนๆ น่ะ " ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะตักไข่หวานชามตัวเองไปให้น้อง " หมดนี่พอแล้วนะ "

" โอเคเลย "

" แล้วนี่สองคนจะนอนที่นี่ไหม หรือกลับไปนอนที่หอ " คุณแม่ถามพลางเช็ดปากให้คุณป๊า

คนตัวเล็กเหลือบมองผม " พี่ขุนจะนอนที่นี่ไหม นอนที่ห้องหนมน่ะ "

ห้องหนมงั้นหรอ

" ก็...." ผมรู้สึกถึงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่จึงล้วงขึ้นมาดู หน้าจอแสดงว่าพ่อโทรมา " ขอตัวสักครู่นะครับ " ผมลุกเดินออกมาหน้าบ้านก่อนจะกดรับโทรศัพท์

( อยู่ไหน )

" ขุนมากินข้าวบ้านรุ่นน้องครับ "

( รุ่นน้องงั้นหรอ )

" ใช่ครับ พ่อมีอะไรรึเปล่า "

( 3 ทุ่มแล้วมาหาฉัน มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย )

" ได้ครับพ่อ แล้วเจอกันครับ " ผมกดวางสายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร

" มีอะไรรึเปล่าพี่ขุน "

" พ่อโทรมาให้เข้าบ้านน่ะ " ผมนั่งลงข้างน้อง " พี่คงไม่ได้ค้างกับเรานะ "

" ไว้วันหลังก็ได้ "

" รีบไปรึเปล่าล่ะขุน "

" พ่อบอก 3 ทุ่มครับ อีกสักพักเดี๋ยวค่อยไป "

" งั้นป๊าขอพูดอะไรให้เราฟังหน่อยนะ "

ผมพยักหน้ารับ " อะไรหรอครับ "

" หลังจากนี้มันอาจจะมีอุปสรรคที่หนักเข้ามานะ ป๊าว่าขุนรู้ว่ามันคือเรื่องอะไร ป๊าอยากให้ขุนใจเย็นๆ และใช้เหตุผลให้มากๆ นึกถึงหน้าน้องไว้ ถ้าปัญหามันหนักและไม่ไหวจริงๆ มาบอกป๊า ป๊าจะช่วยเราเอง "

" ขอบคุณครับป๊า "

" เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ " คุณป๊ายิ้มให้ผม คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เลื่อนมือมากุมมือผมไว้

ดีจริงๆ นะครับ เหมือนได้ที่พักพิงใจเลยอ่ะ ผมค่อนข้างคิดมากเรื่องที่บ้านนะ แล้วยิ่งพ่อโทรมาให้กลับบ้านมันก็ทำให้ผมยิ่งคิดหนักขึ้นไปอีก ผมกลัวพ่อจะรู้ว่าผมคบกับผู้ชาย อย่างน้อยถ้าพ่อรู้มันก็ควรจะเป็นเพราะผมบอกเอง ไม่ใช่รู้มาจากคนอื่น หวังอยู่ในใจลึกๆ นะครับว่าเรื่องสำคัญที่พ่อจะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องนี้ เอาจริงๆ ก็ได้แต่หวัง

อืมม..ม.....

เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะครับหนม









TBC.

มาส่งขุนหนมแล้วค่ะ ขอโทษที่ลงช้าไป 1 วันนะคะเพราะว่าคอมที่บ้านพังแบบพังจากไปจริงๆ ชาลไม่สะดวกใช้โทรศัพท์ลงในเล้าจริงๆ
ขอสปอยบทหน้าเลยนะคะ มันหน่วง โอเคพอแค่นี้ จะเป็นยังไงรอติดตาม ทุกคนสามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ พวกสปอยชาลก็จะลงที่นั่น
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

การได้รับความเข้าใจ และการยอมรับจากที่บ้านเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่28 อุปสรรคใหญ่ของความรัก



อาการใจสั่นนี่มันคืออะไรวะ

สั่นไม่พอลางสังหรณ์ก็ไม่ดีอีก

รู้สึกแย่ชะมัด

ผมกำลังขับรถกลับบ้านใหญ่ อีก 10 นาทีจะ 3 ทุ่มแล้วครับ ดีว่ารถไม่ค่อยติดเท่าไหร่อีกแปปนึงเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว บอกตามตรงเลยว่าใจไม่ค่อยดียังไงไม่รู้ กลัวเรื่องที่พ่อกำลังจะพูดมากครับถึงแม้ว่าผมยังไม่รู้เรื่องนั้นก็เถอะ ถ้าสมมุติว่าเรื่องที่พ่อจะพูดเป็นเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายล่ะ ผมยังไม่ได้คิดเลยว่าควรจะพูดกับเขายังไงให้เขายอมรับเรื่องนี้ มันไม่ง่ายเลยอ่ะ เพราะถ้าพ่อจะยอมรับเขาก็คงยอมรับตั้งแต่เรื่องของพี่พลแล้ว

หวั่นใจจัง

ครื้ดดดด.ด....ครื้ดดด.ด....

ผมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “ ฮัลโหลว่าไงเขา....พี่ขับรถอยู่ ”

( พี่ขุนอย่ากลับมาบ้านเลยนะ )

“ ได้ไงล่ะ ก็พ่อให้กลับ ” ผมหยิบบลูทูธมาใส่แทน “ แล้วทำไมเราถึงไม่อยากให้พี่กลับ ”

( ก็พ่อดูโมโหอะไรไม่รู้อ่ะ )

“ เรื่องของพี่มั้ง ”

( งั้นพี่ก็อย่าเพิ่งกลับสิ ไว้พ่อเย็นกว่านี้ค่อยมาก็ได้ )

“ ถ้าพี่ทำแบบนั้นพ่ออาจจะโมโหมากขึ้นก็ได้ ” ผมบอกน้องก่อนจะผ่อนลมหายใจ สิ่งที่เขาพูดนี่ก็ชัดแล้วล่ะว่าพ่อจะคุยเรื่องอะไรกับผม

( แต่ว่า..... )

“ ไม่มีแต่หรอกเขา....มาเปิดประตูให้พี่ด้วย ถึงหน้าบ้านแล้ว ” ผมบอกก่อนจะกดวางสาย

ตอนนี้ใจเต้นหนักกว่าเดิมอีก ฟีลเหมือนทำความผิดร้ายแรงมาแล้วพ่อจับได้เลยอ่ะ ความรู้สึกแบบนี้ผมเคยเจอมาสมัยมัธยมตอนที่ไปยกพวกตีกับโรงเรียนข้างๆ ตอนนั้นพ่อโกรธมากเลยนะแถมยังสั่งกักบริเวณผมด้วย ไม่คุยกับผมไปหลายวันเลย โอเคตอนนั้นผมผิดผมยอมรับมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ดูเรื่องนี้สิ เรื่องที่ผมคบกับขนมเนี่ยะ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดเลยนะ อาจจะผิดที่ขัดคำสั่งแต่ว่าผมก็ไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้ใครป้ะวะ

ซี๊ดด.ด....เครียดขึ้นมาเฉยๆ เลยว่ะ

เย็นไว้ก่อนขุน

ผมมองเขาที่เปิดประตูให้ก่อนจะลดกระจกรถลง “ ขอบใจ ”

“ พี่ไม่น่ามาเลยอ่ะ ”

“ เออน่า รีบตามเข้ามาละกัน ” ผมขับรถเข้าไปจอดในโรงรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเดินมารออยู่หน้าประตู

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ เหมือนไม่เจอพี่นานเลยนะ ”

“ งั้นก็ควรดีใจที่พี่กลับบ้านสิถูกไหม ” ผมบอกน้องพลางยิ้มบางๆ แต่คนตรงหน้าก็ส่ายหัวรัวๆ “ ส่ายหัวนี่คือไม่ดีใจรึไง ”

“ กลับมาเพราะแบบนี้ไม่ดีใจหรอก ”

ผมยกมือขึ้นไปขยี้หัวน้อง “ อย่าคิดมากนักเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดถูกไหม เข้าบ้านกันดีกว่า ”

เขาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินนำผมเข้าในบ้าน บรรยายกาศอึมครึมนี่มันคืออะไรกันวะ ไม่ชอบใจอะไรแบบนี้เลย ผมเดินตามเขาเข้ามาที่ห้องรับแขกก็เห็นพ่อนั่งรออยู่ที่โซฟา โดยมีแม่นั่งลูบแขนเชิงให้ใจเย็นอยู่ข้างๆ สีหน้าของพ่อดูบึ้งตึงขึ้นทันทีที่เห็นผม แม่ก็หันมองพลางทำหน้าเหมือนกับลำบากใจอะไรสักอย่างอยู่ เขาเดินไปนั่งโซฟาข้างๆ เหลือแค่ผมที่ยืนอยู่ตรงนี้

อา....ใจเย็นนะขุน

ใจเย็นไว้

“ สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ ” ผมยกมือไหว้ท่านทั้งสองพลางยิ้มบางๆ “ ขุนกลับมาแล้วนะครับ ”

“ ขุน ”

“ ฉันนึกว่าแกจะลืมบ้านไปแล้วซะอีก ”

“ ผมเพิ่งสอบไฟนอลเสร็จเมื่อไม่กี่วันเองครับ ก็ตั้งใจจะกลับมาบ้านอยู่แล้ว ”

“ งั้นหรอ....แล้วแกคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ” พ่อหยิบรูปถ่ายที่กองอยู่บนโต๊ะปาใส่มาทางผม “ เรื่องที่แกมีแฟนเป็นผู้ชายเนี่ยะห้ะ!!!! ”

“ คุณคะ ”

ผมก้มลงหยิบรูปทั้งหมดมาดู มันเป็นรูปของผมกับขนมแต่ว่ามันมีการเบลอหน้าน้องไว้ ถ้าพ่อส่งคนให้ไปตามถ่ายก็ไม่จำเป็นต้องเบลอหน้ารึเปล่า เว้นแต่ว่ารูปนี้จะถูกทำเบลอก่อนจะส่งมาที่บ้านของผม ที่สำคัญคือเบลอเฉพาะหน้าขนมทำไม ทำเหมือนกับว่าไม่อยากให้รู้ว่าคนที่อยู่กับผมเป็นใคร เจตนาของคนทำเรื่องนี้ก็ชัดเลยว่าต้องการให้ผมมีปัญหากับที่บ้าน เขาคงรู้ว่าบ้านผมไม่โอเคกับเรื่องนี้ ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่มากมันอาจจะส่งผลให้ผมกับขนมเลิกกันได้ คิดๆ ดูแล้วคนที่ต้องการให้เป็นแบบนั้นก็มีอยู่เดียว

พี่ขัน

“ เงียบทำไมล่ะห้ะ ” พ่อยืนขึ้นประจันหน้ากับผม “ อธิบายไอ้รูปพวกนี้มาซะ ”

“ นี่เป็นแฟนของขุนเองครับ เราคบกันมาได้เดือนนึงแล้ว ”

“ ขุนศึก!!!! แกไม่ละอายปากบ้างหรอที่พูดเรื่องแบบนั้นออกมาน่ะ ”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “ ขุนไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าละอาย ”

“ การที่แกคบกันผู้ชายเนี่ยนะมันไม่น่าละอาย ”

“ ใจเย็นก่อนนะคะคุณ ”

พ่อสะบัดมือแม่ที่ลูบแขนอยู่ออก “ ไม่เย็นละคุณ รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ ว่ามันคือคำสั่ง แต่ลูกก็ยังกล้าขัดคำสั่งของผม คุณนั่งฟังไปเงียบๆ พอ เดี๋ยวผมจัดการเอง ”

แม่ยอมนั่งลงแต่มือก็เลื่อนไปจับมือพ่อไว้ “ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จานะคะ ”

“ พูดดีด้วยแล้วเป็นยังไงล่ะ ” พ่อเหลือบมองทางผม “ ไม่รักดี ”

อื้มมม.ม.....

ผมมองพ่อนิ่งๆ พลางข่มอารมณ์ตัวเองไปด้วย เข้าใจความรู้สึกของพี่พลแล้วครับว่าตอนนั้นว่ามันแย่แค่ไหน เรื่องของพี่พลพ่อก็ไม่ได้โมโหขนาดนี้นะอาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนบอกเอง แต่ของผมมันเป็นเพราะคนอื่นมาบอก ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยว่ะ ผมขอแค่เวลาที่จะหาเหตุผลดีดีมาอธิบายให้พ่อฟังเท่านั้นว่าทำไมผมถึงมีแฟนเป็นผู้ชาย

ทำไมผมถึงมีแฟนเป็นขนม

แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

“ ขุนศึก แกลืมสิ่งที่ฉันพูดกับแกไปแล้วรึไงเรื่องเนี้ยะ ”

“ ขุนไม่ได้ลืมครับ ”

“ ถ้าแกไม่ลืม แล้วทำไมแกถึงคบกับผู้ชายล่ะห้ะ ”

“ เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้หนิครับ เห็นครั้งแรกก็แค่รู้สึกว่าชอบแต่พอได้รู้จักก็เริ่มรัก ” ผมเอ่ยบอกพ่ออย่างจริงจัง “ ขุนกับน้องรักกันมากเลยนะครับ ”

“ ฉันไม่สนใจความรักของแกหรอกนะ ฉันไม่โอเคกับเรื่องนี้ซึ่งนั่นแกก็รู้ แต่แกก็ยังทำแบบนี้อีก ”

“ ขุนไม่เห็นว่าการที่ขุนมีแฟนเป็นผู้ชายมันจะสร้างความลำบากให้ใครเลย เราสองคนแค่รักกันเอง ”

“ ความรักมันเป็นของแกสองคนแต่คนอื่นในสังคมเค้าจะคิดยังไง ฉันเป็นนักธุรกิจที่มีลูกเป็นเกย์ถึง 2 คนเนี่ยะนะ แกคิดว่าคนอื่นเค้าจะมองฉันยังไง ”

“ พ่อแคร์คนอื่นมากกว่าขุนหรอครับ ” ผมถามพ่อเสียงอ่อน “ แคร์คนอื่นมากกว่าพี่พลด้วยหรอ ”

สิ่งที่พ่อพูดออกมามันทำให้ผมรู้สึกเสียใจมากเลย ทั้งผมและพี่พลก็ต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีตามอย่างที่พ่อคาดหวัง ตั้งใจเรียนให้เก่งและก็พยายามไม่สร้างปัญหาให้ที่บ้าน ทำไมแค่ผมมีความรักกับผู้ชายมันถึงได้ดูแย่ในสายตาของเขาถึงขนาดนั้น ความรักแบบนี้มันผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ

ผมไม่เข้าใจจริงๆ

“ แกไม่ใช่ฉัน แกไม่เข้าใจหรอก ” ผมละสายตามองทางอื่น “ ไปเลิกซะ ”

“ ไม่ครับขุนไม่เลิก ”

“ ขุนศึก!!!! ”

“ พ่อเคยสอนขุนว่าถ้าเจอคนที่ตัวเองรักแล้วก็ต้องดูแลเค้าอย่างดี เหมือนกับที่พ่อเจอแม่แล้วพ่อก็ดูแลแม่อย่างดี ยังไงขุนก็ไม่จะเลิกกับน้องเด็ดขาด ”

“ นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันอย่างงั้นหรอ ”

“ ถ้าขุนกับน้องจะเลิกกันขุนก็อยากให้มันเป็นเพราะเลิกรักกัน ขุนขอโทษนะครับที่ไม่สามารถทำตามที่พ่อสั่งได้ ขืนถ้าขุนยังอยู่ตรงนี้พ่ออาจจะโมโหมากกว่านี้เพราะงั้นขุนขอตัวก่อน ” ผมยกมือไหว้พ่อก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินออกไป

“ แฟนของแกมันมีดีอะไรนักห้ะ!!!! ”

ผมหยุดเดินก่อนจะหันมายิ้มบางๆ ให้พ่อ “ น้องเค้าเป็นคนดีครับ ถ้าพ่อได้มีโอกาสรู้จักเค้าพ่อจะรักเค้าเหมือนที่ขุนรัก ”

“ ขุนศึก!!!! ”

ผมรีบเดินออกมาโดยไม่ฟังเสียงเรียกนั้นอีก พ่อโมโหเกินที่เราจะคุยกันด้วยเหตุผล อีกอย่างคำสั่งของเขาผมไม่สามารถทำได้แน่นอน คิดดูสิว่าเราสองคนเพิ่งฉลองครบรอบ 1 เดือนไปเองนะ แล้วผมก็เป็นคนบอกขนมเองด้วยว่าเราอยู่จนได้ฉลองครบรอบปีด้วยกัน เราตกลงกันแล้วว่าถ้ามีอุปสรรคอะไรเราก็ผ่านไปด้วยกัน ผมเชื่อนะว่าทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปด้วยดีแค่มันต้องใช้เวลาเท่านั้นแหละ

แต่อันนี้อาจจะนานหน่อย

ผมกับพ่อคงมองหน้ากันไม่ติดไปสักพักใหญ่เลยล่ะ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีปัญหากับที่บ้านหนักขนาดนี้เลยนะ และก็ไม่เคยเห็นพ่อโกรธมากขนาดนี้ด้วย รู้สึกสงสารแม่นะครับ สีหน้าดูลำบากใจมาก จะเข้าข้างผมตรงๆ เลยก็ไม่ได้ จะเลือกเข้าข้างพ่อก็คงจะสงสารผมเหมือนกัน ตอนนี้คงจะเป็นห่วงผมน่าดู เดี๋ยวต้องโทรหาแต่ว่าคงไม่ใช่วันนี้

“ พี่ขุน ”

ผมหันมองไปตามเสียงก็พบเขาที่วิ่งออกมาจากบ้าน “ หืม ”

“ พี่.....” น้องโผเข้ามากอดผมแน่น “ ไม่เป็นไรนะ ”

“ ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นไร ”

“ ไม่เป็นไรแน่หรอ ”

“ ใช่สิ ” ผมยกมือลูบหัวน้องเบาๆ “ พี่เก่งแค่ไหนเขาก็รู้ ”

“ ถึงพี่จะพูดแบบนั้นก็เถอะ.....”

ผมคลายกอดจากน้องก่อนจะจับไหล่คนตรงหน้าไว้ “ ฟังพี่นะขุนเขา พี่ไม่เป็นไรจริงๆ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเอง ”

“ แล้วพี่จะทำไงต่อ ”

“ ก็อาจจะใช้ชีวิตตามปกติ ” ผมเอ่ยก่อนจะยิ้มหวานให้น้อง “ พี่อาจจะไม่ค่อยได้กลับบ้านแล้ว ดูแลแม่กับพ่อให้ดีดี และตั้งใจเรียนให้มากๆ เข้าใจไหม ”

เขาพยักหน้ารับเบาๆ “ ครับ พี่ขุนก็ดูแลตัวเองดีดีนะ ”

“ พี่รู้แล้วน่ะ เข้าบ้านได้แล้ว บายนะ ” ผมบอกน้องก่อนจะเดินขึ้นรถ เขาก็เดินไปเปิดประตูให้ผม

มันยากนะครับที่ต้องแกล้งว่าตัวเองไม่เป็นไรทั้งๆ ที่ใจไม่โอเคเลยสักนิด ตอนที่เขากอดผมเมื่อกี้ขอบตามันร้อนผ่าวยังไงไม่รู้ เหมือนน้ำตาจะไหลเลยว่ะ มันดีนะที่ในช่วงเวลาที่แย่ก็ยังมีคนที่คอยประคับประคองผมอยู่ ในใจของผมตอนนี้อยากจะไปกอดขนมแน่นๆ กอดเและก็บอกว่าผมจะอยู่กับน้องตรงนั้น จะไม่ไปไหน แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละผมทำแบบนั้นไม่ได้ ขนมจะต้องไม่รู้เรื่องนี้

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้

ผมขับรถออกมาจากบ้าน ผมต้องการคนที่จะรับฟังเรื่องทั้งหมดนี้ ผมคิดว่าตัวเองเข้มแข็งนะแต่มันคงไม่มากพอที่จะผ่านไปคนเดียวแน่ๆ เรื่องนี้มันทำผมดาวน์จนคิดอะไรไม่ออกและก็ฟุ้งซ่านมากด้วย ผมต้องการระบายมันออกมาไม่งั้นผมคงทนไม่ไหวและคิดทำอะไรบ้าบอแน่ๆ

จิ๊....ไม่ชอบแบบนี้เลย





คอนโดขุนพล

ผมรีบเดินเข้ามาในคอนโดอีกสาขานึงของที่บ้านก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด พี่พลอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดนี้ครับเหมือนกับผมที่อยู่ชั้นบนของอีกคอนโดนึง ผมยืนมองวิวนอกลิฟต์นิ่งๆ แสงไฟยามค่ำคืนมันดูสวยนะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใจผมรู้สึกดีขึ้นเลย

ทุกอย่างมันดูหม่นไปหมด

หลังจากที่ลิฟต์มาถึงชั้นบนผมก็เดินออกไปก่อนจะดิ่งไปห้องที่อยู่ริมสุด หวังว่าพี่พลคงอยู่ห้องนะ ผมไม่ได้โทรหาเขาด้วย นี่ถ้าเขาไม่อยู่ขึ้นมาผมจะเอายังไงชีวิตต่อดีวะ

ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง

ผมกดออดหน้าห้องรัวๆ ตอนนี้มือมันสั่นไปหมด ผมอาจจะไม่ไหวจริงๆ พอเห็นมือสั่นๆ ของตัวเองแบบนี้ก็ตลกอยู่เหมือนกันนะ เป็นคนบอกน้องเองแท้ๆ ว่าตัวเองไม่เป็นไร ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้เลยว่าต้องรับมือกับความรู้สึกนี้ยังไง

กระจอกจริงๆ เลยว่ะ

หลังจากที่ผ่านไปแปปนึง ประตูตรงหน้าผมก็เปิดออกโดยเจ้าของห้อง “ กดขนาดนี้นี่มัน.....”

“ พี่พล ” ผมขยับเข้าไปกอดพี่พลทันที “ พี่พล ”

“ ขุน....เป็นอะไร ”

“ พี่พล....ฮึก ” ผมก้มหน้าซบไหล่พี่พลอยู่อย่างนั้น

มือเรียวยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “ ใจเย็นก่อนนะ เกิดอะไรขึ้นบอกพี่มาซิ ”

“ ฮึก....พ่อรู้เรื่องของขุนแล้วนะ ”

“ นี่ทะเลาะกับพ่อมาหรอ ”

“ ใช่....ฮึก....” ผมตอบรับเสียงอู้อี้ “ พ่อสั่งให้ขุนเลิกกับหนมด้วย....ฮึกกก....ขุนทำไม่ได้อ่ะพี่พล...ขุนรักหนมอ่ะ...ฮึก ”

ผมปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กๆ มันยากนะที่จะกลั้นน้ำตาไว้ทั้งๆ ที่ใจไม่โอเคขนาดนี้ ผมรู้เลยว่าตัวเองกำลังอ่อนแอมาก ต่อหน้าน้องผมต้องเข้มแข็งเพราะว่าผมเป็นพี่ชายของเขา แต่ต่อหน้าพี่พลผมไม่ไหวจริงๆ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่เรายังเป็นเด็กแล้ว เวลาที่พวกเรามีปัญหาทุกข์ใจจนต้องร้องไห้ ผมจะเป็นคนคอยปลอบน้องตลอดและพี่พลจะเป็นคนคอยปลอบผมอยู่เสมอ ส่วนตัวเขาถ้ามีปัญหาทุกข์ใจอะไรเขามักจะเก็บมันไว้คนเดียว ยิ้มหวานให้น้องๆ และก็บอกว่าตัวเองไม่เป็นไร

ผมอยากทำแบบนั้นบ้างแต่มันก็ไม่ไหวจริงๆ

พี่พลผ่านเรื่องพวกนั้นมาได้ยังไงวะ

“ โอ๋นะ ” พี่พลเอ่ยเบาๆ ฝ่ามืออุ่นๆ นั่นก็ลูบหัวปลอบผมอยู่อย่างนั้น “ ทุกอย่างมันมีทางแก้รู้แล้วใช่ไหม ”

“ฮึก....รู้ ”

“ แล้วรู้ใช่ไหมว่าเวลามันจะช่วยทุกอย่างให้ดีขึ้น ”

“ รู้ครับ ”

“ เพราะงั้นใจเย็นๆ ” พี่พลผละออกก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ “ พี่คิดมาตลอดว่าขุนโตแล้ว แต่วันนี้พี่รู้แล้วว่าขุนก็ยังเป็นน้องชายขี้แยของพี่อยู่ดี ”

“ ฮึก....ไม่ได้อยากร้องสักหน่อย ”

“ พี่ไม่ได้บอกว่าร้องไห้มันจะแย่สักหน่อย บางครั้งการร้องไห้มันก็เป็นวิธีที่ดีสำหรับการระบายสิ่งไม่ดีออกมา ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยให้มันไปกับน้ำตาเถอะ เราจะได้รู้สึกดีขึ้นไง ”

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ ฮึก....ขอบคุณนะพี่พล ”

“ มันเป็นเรื่องที่พี่ต้องทำอยู่แล้ว ” พี่พลยิ้มหวานก่อนจะปัดผมที่ปรกหน้าออกให้ “ พี่เป็นพี่ชายของเราหนิ ”

ดีจริงๆ ที่เขาเป็นพี่ชายของผมน่ะ

ยอมรับเลยนะว่าที่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมานั่นทำให้รู้สึกดีขึ้นพอสมควร การปลอบของพี่พลก็ทำให้ผมรู้สึกโอเคขึ้นเยอะ อย่างน้อยมันก็มากกว่าตอนแรก หลังจากนี้ก็คงต้องมานั่งคิดว่าจะทำยังไงต่อ ผมไม่รู้ว่าพ่อคิดทำอะไรรึเปล่า ไม่มีใครเดาใจเขาได้เลย ผมคิดว่าพ่อคงยังไม่รู้ว่าแฟนผมเป็นใคร แต่ว่ามันก็ไม่ยากที่จะสืบ อา....คิดอะไรวุ่นวายตอนนี้แล้วปวดหัวชะมัด วันนี้ผมคงต้องฮีลตัวเองให้หายเป็นปกติก่อน ไว้มีสติมากกว่านี้แล้วค่อยคิดโน่นคิดนี่

เอาใจช่วยพี่ด้วยนะครับหนม

พี่รักหนมนะ



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



---------50%---------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2017 07:33:39 โดย chaleeisis »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------------- ต่อจากบทที่ 28 ----------------





“ ให้หนมเอาต้นนี้ไปวางไว้ตรงไหนหรอป๊า ”

“ เอามาวางไว้ตรงป๊าเนี่ยะ ”

ผมถือกระถางต้นไม้มาวางไว้ข้างๆ ป๊า “ อันนี้มันต้นอะไรนะ ”

“ ต้นคริสติน่าไง ”

“ ทำไมมันยอดมันเป็นสีแดงอย่างเดียวอ่ะ ทำไมไม่แดงไปทั้งต้น ”

“ หนมลองถามมันสิ ”

ถามแล้วเหมือนมันจะตอบอ่ะ

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ป๊าก่อนจะไปขนต้นไม้ที่เหลือมาวางเรียงๆ กัน ตอนนี้ผมกำลังช่วยป๊าจัดสวนอยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะสั่งต้นไม้มาทำไมเยอะถึงขนาดนี้ รถเอามาส่งนี่เป็นร้อยกระถางอ่ะ ต้นอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ผมไม่รู้จัก มีทั้งมีดอกและก็ไม่มีดอก มีหลายต้นเลยครับที่ผมแอบเด็ดดอกออกไปลอยน้ำในบ่อปลาคาร์ฟน่ะ

ห้ามบอกป๊านะครับ

เมื่อวานที่พี่ขุนมาบ้านเนี่ยะ ป๊าก็ชอบใจลูกเขยมากจนมีมาคุยกับผมนอกรอบด้วยนะ ถามโน่นถามนี่ และก็บอกว่าถ้ามีโอกาสพาพี่มันมาอีกก็ให้พามา จะทำการต้อนรับอย่างดี แต่ผมคิดว่ามันคงจะยากหน่อยครับถ้าไอ้ขันอยู่บ้าน เออเมื่อวานไอ้พี่ตัวดีมันถ่ายรูปกุ้งเผาส่งมาให้ผมดูด้วย คือจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่ส่งมาตอน 5 ทุ่มครึ่ง แม่งโคตรเลว ผมนี่อัดคลิปเสียงด่ามันเลยอ่ะ

ฉุนเฉียวชิบหาย

ไม่รู้ตอนนี้พี่ขุนทำอะไรอยู่ หลังจากที่พ่อเรียกให้ไปหาพี่มันก็ไม่ได้ติดต่อผมมาเลย โทรไปก็ไม่ติดครับเพราะว่าปิดเครื่องไว้ ผมเลยคิดอีกแค่ว่าแบตฯ โทรศัพท์อาจจะหมด ไว้รอมันติดต่อมาเองดีกว่า ผมหวั่นใจอยู่นะเรื่องพ่อพี่ขุนน่ะ กลัวว่าเขาจะเรียกเข้าไปคุยเรื่องของเราสองคน ถ้าเป็นแบบนั้นนี่ผมว่ามันต้องหนักมากแน่ๆ เลยอ่ะ ฟังจากที่ไอ้หมีเล่าให้ฟังมันก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว พี่พลถึงกับต้องย้ายออกจากบ้านเลยนะ พอคิดแบบนี้แล้วเป็นห่วงพี่ขุนจัง

ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นไงบ้าง

ครืดดด.ดด.....ครืดดด.ด.ด.....

ผมล้วงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาดู รายชื่อที่แสดงอยู่ที่หน้าจอทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทันที พี่ขุนโทรมาครับ แม่งตายยากจริงๆ เลยนะเพิ่งนึกถึงเมื่อกี้เองแท้ๆ ผมกดรับสายก่อนจะยกขึ้นแนบหู “ ฮัลโหลครับ ”

( คิดถึงจังครับ )

“ หึ....คิดถึงมากเลยไหม ”

( ม้ากมาก )

“ เสียงหวานเชียวนะ ละนี่พี่ทำอะไรอยู่ ”

( พี่ขับรถอยู่ครับ นี่กำลังจะไปรับหนม พี่กะว่าจะไปล้างบ่อเต่าน่ะเลยอยากให้หนมไปช่วยหน่อย )

“ ได้สิ ” ผมหยิบหูฟังในกระเป๋ากางเกงมาเสียบต่อโทรศัพท์ “ เมื่อคืนหนมติดต่อพี่ขุนไม่ได้เลยอ่ะ เป็นไรรึเปล่า ”

( โทรศัพท์พี่แบตฯ หมดน่ะครับ แล้วพี่ก็ยุ่งๆ จนไม่ได้ดูว่าแบตฯ มันหมด ขอโทษด้วยนะ เป็นห่วงพี่มากเลยน่ะสิ )

“ ใครเค้าเป็นห่วงพี่กัน ” ผมยกต้นไม้มาเรียงกันเรื่อยๆ “ แต่ว่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ”

( เนี่ยะ เป็นห่วงพี่ชัดๆ )

“ เปล่าโว้ย หนมช่วยพ่อเรียงกระถางต้นไม้ก่อน พี่ขุนก็รีบมา ขับรถดีดีด้วยนะ ”

( ได้ครับ แล้วเจอกันนะ )

“ ครับ ” ผมกดวางสายก่อนจะเดินไปยกต้นไม้อีกชุดมาวางตามแนวที่ป๊าบอก

รู้สึกสบายใจจังที่พี่มันไม่เป็นไร

น้ำเสียงพี่ขุนดูโอเคเลยนะครับ แปลว่าเมื่อวานคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะมั้ง หรือว่ามีแต่พยายามกลบเกลื่อนวะ เออก็อาจเป็นไปได้ งั้นแบบนี้ต้องรอสังเกตสีหน้าและท่าทางเอา พี่ขุนเนี่ยะมองออกง่ายกว่าไอ้หมีเยอะเลยนะ คือมองหน้าแล้วรู้เลยว่าเหนื่อย มองแล้วรู้เลยว่าไปเจออะไรบั่นทอนใจมา ถึงแม้ว่าเจ้าตัวพยายามที่จะยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนมันก็ตามเถอะ หลายครั้งที่ผมมองออกแต่ไม่ได้บอกเพราะผมรู้ว่าพี่ขุนคงไม่อยากให้รู้ พอเป็นแบบนั้นผมก็ได้แต่ปล่อยให้ผ่านไปแล้วก็ค่อยส่งไอ้หมีให้ไปสืบมาให้

มันเป็นหน่วยกล้าตายที่รู้แทบทุกอย่างนี่นะ

“ เมื่อกี้ขุนโทรมาหรอหนม ”

“ ใช่ครับป๊า เดี๋ยวพี่ขุนจะมารับหนม ”

“ จะไปไหนกันล่ะ ”

“ ไปล้างบ่อเต่าที่บ้านของพี่ขุนครับ ”

ป๊าเหลือบมองผม “ บ้านหลังไหน บ้านใหญ่งั้นหรอ ”

“ ไม่ใช่ครับ บ้านที่พี่ขุนอยู่คนเดียว ” ผมบอกก่อนจะเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย “ ป๊ารู้ด้วยหรอว่าพี่ขุนมีบ้านหลายบ้าน ”

“ ก็....ก็ป๊าถามขุนไง ตอนที่หนมไปช่วยแม่ในครัวน่ะ ”

“ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เออป๊าไอ้ขันมันจะกลับวันไหนป๊ารู้ไหม ”

“ วันมะรืนซะมั้ง ”

“ งั้นวันนี้หนมชวนพี่ขุนนอนบ้านเรานะ ”

“ ก็เอาสิ ป๊าตามใจเรานั่นแหละ แต่อย่าทำอะไรเสียงดังนักล่ะ ห้องมันไม่เก็บเสียง ”

“ ป๊าอ่ะ ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ป๊าทันที “ พูดอะไรก็ไม่รู้ ”

ดีนะว่าคนที่ป๊าบอกคือผม ถ้าไปบอกพี่ขุนนะมีหวังได้บ้าจี้ทำตามที่ป๊าเสี้ยมแน่ๆ เรื่องนี้นี่ไม่ได้เลย ยิ่งห้องไม่เก็บเสียงนี่ยิ่งไม่ได้ใหญ่ จากประสบการณ์ครั้งที่แล้วเนี่ยะผมรู้ตัวเองเลยว่าไม่สามารถกลั้นเสียงได้ แถมยังครางออกมาดังมากอีกต่างหาก ตอนตื่นมานี่ก็เสียงหายเลย

วันหลังต้องเตรียมน้ำมะนาวไว้จิบละ

“ หนมครับ ”

ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบร่างสูงที่เดินเข้ามาหา “ พี่ขุน ”

“ คุณป๊าสวัสดีครับ ” เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะยกมือไหว้

“ จ้า จะมารับหนมใช่ไหม เอาไปเลย จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเลย ”

“ โถ่ป๊า ไม่รั้งหนมหน่อยหรอ ”

ป๊าสายหน้ารัวๆ ทันที “ ไม่ ”

“ ทำไมใจร้าย ”

“ อย่างอแงสิครับหนม ” พี่ขุนยกมือขยี้หัวผม “ แล้วนี่พร้อมจะไปรึยัง ”

“ ขอไปล้างมือแปปนะ ” ผมบอกก่อนจะเดินไปล้างมือ แอบเห็นป๊ากระซิบกระซาบอะไรกับพี่ขุนไม่รู้ด้วยครับ แน่ะ มีความลับปิดบังผมอีกแล้วนะสองคนนี้

“ โอเคครับ ”

“ คุยอะไรกันน่ะ ”

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ เราไปกันเถอะ ขอตัวก่อนนะครับคุณป๊า ” พี่ขุนยกมือไหว้ป๊าอีกครั้งก่อนจะลากผมมาที่รถ ก็บอกหลายครั้งแล้วว่าพาเดินมาดีดีก็ได้ ทำไมต้องลากด้วยวะ

พี่ขุนลากผมมาจนถึงรถก่อนจะทำการยัดผมใส่เข้าไป ผมก็ได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ยใส่ เจ้าตัวเดินขึ้นรถมาเห็นผมก็ทำเป็นยิ้มหวานให้ ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ พี่ขุนคาดเบลท์ก่อนจะออกรถ ผมนั่งมองใบหน้าหล่อนิ่งๆ ทำไมตามันดูแดงแปลกๆ วะ หรือว่าพี่ขุนจะเป็นโรคตาแดงอ่ะ ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ พอผมคิดได้แบบนั้นผมก็ทำวิธีที่เคยได้ยินมาทันที

แบร่

พี่ขุนเหลือบมองผม " หนมแลบลิ้นใส่พี่ทำไมครับ "

" ก็พี่ขุนตาแดงอ่ะ หนมเคยได้ยินนะว่าต้องแลบลิ้นใส่ แบร่ "

" อ๋อ พี่ก็นึกว่าแลบลิ้นเพราะอยากให้พี่จูบซะอีก "

" ใครเค้าอยากโดนจูบกัน " ผมบ่นอุบอิบก่อนจะหันหนีไปมองข้างทางแทน

" เขินหรอครับที่รัก "

ผมหันขวับมามองพี่ขุนทันที " อย่ามาเรียกว่าที่รักนะ "

" ทำไมล่ะครับ "

" ก็เขินไง ไม่อยากเห็นหนมเขินจนตายห้ามเรียกแบบนั้นนะ "

" ฮ่าๆๆๆ " มือเรียวเลื่อนมาดึงแก้มผมเบาๆ " น่ารักจัง "

ไม่ต้องมาน่ารักจังเลย

ผมหันมองออกข้างทางพลางคิดอะไรไปเรื่อย เดี๋ยวถ้าล้างบ่อเต่าเสร็จผมขอยืมโน้ตบุ๊คพี่ขุนแต่งนิยายดีกว่า ใกล้จะจบแล้วต้องเร่งปั่นหน่อยจะได้มีเวลาแต่งตอนพิเศษด้วย ผมคิดไว้ว่าจะแต่งตอนพิเศษ 5 ตอนครับ ตอนนี้ก็เริ่มของส่วนนั้นละ มันจะได้เสร็จพร้อมกับนิยายเลย เดี๋ยวต้องมารีไรท์ทั้งเรื่องอีกครั้งด้วยก่อนจะส่งสำนักพิมพ์ ผมจะต้องทำทั้งหมดนี้ให้เสร็จก่อนเปิดเทอมด้วย

งานรออยู่เต็มไปหมดเลยแฮะ

กิจกรรมใหญ่ของเทอมหน้าคือกีฬาสี เดี๋ยวต้องไปประชุมแล้วก็แบ่งหน้าที่กัน พวกปี 1 ก็รับงานทำแสตนด์ไปครับ ส่วนปี 2 ก็ทำขบวนพาเหรด ปี 3 นี่สต๊าฟมั้ง และพวกลุงๆ ป้าๆ ปี 4 ก็คอยให้กำลังใจน้องๆ กันไป ผมชอบงานกีฬาสีนะถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อยชิบหายก็ตาม ผมว่าตัวเองคงไม่พ้นหน้าที่ถ่ายรูปแน่ๆ เลยว่ะ

" ไม่ลงหรอครับหนม "

" ห้ะ....อ่าวถึงแล้วหรอ "

" ถึงแล้วครับ " พี่ขุนปลดเบลท์ให้ผม " หรือว่าจะรอให้พี่อุ้มลงไป "

" เปล่าสักหน่อย " ผมเดินลงจากรถก่อนจะดิ่งไปที่หลังบ้านทันที

พี่ขุนหยิบกะละมังเดินตามผมมา " เดี๋ยวพี่ไปเอาแปรงแปปนึง หนมจับพวกมันออกมาได้ใช่ไหม "

" ได้สิ เชื่อใจหนมได้เลย "

" ครับ งั้นเดี๋ยวพี่มา " เจ้าตัวบอกก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็เดินมาชะเง้อคอมองเจ้าเต่าทั้ง 3 ตัวในบ่อ

" วันนี้หนมจะมาขัดบ้านให้นะ "

ผมจัดการอุ้มเจ้าเพชร เจ้าเงิน เจ้าทอง มาใส่กะละมังไว้ ผมชอบเต่ามากเลยนะครับ ชอบแบบชอบมากๆ ตอนที่ผมเห็นเจ้าพวกนี้ผมก็ตื่นเต้นมากเลยนะ ไม่คิดเลยว่าพี่ขุนจะเลี้ยงเต่าด้วย ตอนเด็กๆ ผมเคยขอเลี้ยงเต่าด้วย แต่ว่าป๊าไม่อนุญาติเพราะกลัวว่าเต่าจะมาไล่กินปลาคาร์ฟ คือเต่าที่ผมขอเลี้ยงมันเป็นเต่าบกไง

มันจะกินปลาคาร์ฟได้ไงวะ

ก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยมาจนถึงตอนนี้ ผมว่าเต่าเป็นสัตว์ที่น่ารักนะ ผมชอบที่มันไม่ส่งเสียง ไม่วิ่งหนีเรา คือถ้ามันวิ่งเราก็จับทันแน่นอนอ่ะ อีกอย่างคือพวกมันอายุยืน มันจะได้อยู่กับผมไปเป็นสิบๆ ปีไรงี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าป๊าไม่ให้เลี้ยง เพราะงั้นเลี้ยงก็ช่วยเลี้ยงเต่าของพี่ขุนแทนไป

อะไรที่เป็นของแฟนก็เหมือนของเราแหละครับ

" มาแล้วครับ " พี่ขุนเดินออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด

" หนมจับพวกมันออกมาให้เรียบร้อย "

" พวกมันเชื่องกับหนมมากเลยนะ ถ้าพี่จับนี่จะโคตรวุ่นวายอ่ะ "

" ขนาดนั้นเลยหรอหรอ "

เจ้าตัวพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยน้ำออกจากบ่อ " มันรักหนมมั้งมันก็เลยเชื่อง "

" อย่างนี้นี่เอง "

" พวกมันก็เหมือนพี่อ่ะ " พี่ขุนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม " เพราะพี่รักหนม พี่ก็เลยเชื่อง "

ตึกตัก

พี่ขุนนี่มัน....

" เขินหรอ แก้มแดงเชียว " เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มผมหนักๆ

" อื้ออออ...อ...พี่นี่ ทำอะไรอายเต่าบ้างเซ่ "

เต่ามันเขินแทนจนแก้มแดงหมดละน่ะ

ผมนั่งมองพี่ขุนที่หัวเราะร่าก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ พอครับเราควรเลิกมองหน้าหล่อๆ นั่น คิดได้แบบนั้นผมก็หยิบแปรงมาขัดกระดองให้เจ้าเต่าทั้งสาม ส่วนพี่ขุนก็เริ่มขัดบ่อไป ผมแอบหันมองเจ้าตัวเป็นระยะ ช่วงที่ขัดแรกๆ ก็ดูปกติดี พอนานเข้าสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่สีหน้าที่บ่งบอกว่าเหนื่อยเพราะขัดบ่ออ่ะ ดูเหม่อๆ ซึมๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ คงเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เศร้ามาก

เมื่อวานมันไปเจออะไรมานะ

สีหน้านี้เศร้ากว่าทุกครั้งที่ผมเคยเห็นนะ สิ่งที่พี่ขุนเจอมามันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ขนาดนั่งมองมันอยู่ตลอดแบบนี้มันยังไม่รู้ตัวเลย เหม่อแบบเหม่อเลยอ่ะ ขัดพื้นวนอยู่ที่เดิมอยู่อย่างนั้น พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยเดินไปเปิดน้ำก่อนจะเอาฉีดพี่ขุน

" อะ...นี่หนมทำอะไรเนี่ย " คนเหม่อได้สติก่อนจะหันมามองผมแบบงงๆ

" ก็พี่ขุนอ่ะ นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ นี่แน่ะๆ " ผมยังคงฉีดน้ำใส่พี่ขุนอยู่อย่างนั้น

ร่างสูงวิ่งมาแย่งสายยางในมือผม " พี่ไม่ยอมเปียกอยู่คนเดียวหรอกนะ "

" โอ้ยพี่ขุนหยุดนะ " ผมยื้อแย่งสายยาง ตอนนี้เปียกไปทั้งตัวแล้วเนี่ยะ ที่ตั้งใจไว้มันไม่ใช่แบบนี้ไหมห้ะขนม ตั้งใจให้พี่ขุนเปียกโว้ยยยยย

ไม่ใช่มาเปียกเองแบบนี้

" ทำพี่ก็ต้องโดนแบบนี้แหละ " พี่ขุนรวบผมเข้าไปกอดไว้ " เด็กดื้อ "

" หนมไม่ได้ดื้อนะ ก็พี่ขุนเหม่อเอง "

" พี่เนี่ยะนะเหม่อ "

" ใช่สิ ถ้าพี่ไม่เหม่อหนมจะฉีดน้ำใส่พี่ทำไมล่ะ "

เจ้าตัวคลายกอดออกก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน " พี่ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเอง "

" บอกหนมมาเดี๋ยวนี้นะว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น "

ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างจริงจัง พี่ขุนดูอึ้งไปเมื่อเห็นว่าผมมองตัวเองออก แน่ล่ะก็เล่นนั่งเหม่อแล้วทำหน้าเศร้าขนาดนั้น ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว ยังไงวันนี้ผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อวานพี่ขุนไปคุยอะไรกับพ่อมา ถ้ามันเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาเราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ไข ขืนพี่มันเก็บไว้คนเดียวแบบนี้มีหวังได้บ้าตายพอดี

ยังไม่อยากเป็นโสดเพราะผัวตายหรอกนะ

" ว่าไงพี่ขุน เมื่อวานพ่อเรียกไปคุยเรื่องอะไร "

" คือ....ไม่มีอะไรหรอกครับ "

" ฟังหนมนะพี่ขุน " ผมยกมือขึ้นกุมแก้มคนตรงหน้าให้มองมาที่ผม " ถ้าเรื่องที่พ่อพี่คุยมันเป็นเรื่องของเรา 2 คน หนมก็ควรที่จะรับรู้มัน หนมรู้ว่าที่บ้านพี่ไม่โอเคเรื่องที่เราคบกัน หนมรู้มาตลอด ถ้าปัญหาที่พี่เจอมาเป็นเรื่องนี้พี่ก็บอกหนมเถอะ "

" หนมรู้มาตลอดเลยหรอ "

" ก็ใช่ รู้มาสักพักแล้วล่ะ หนมก็คิดว่าที่พี่ขุนยังไม่บอกก็เพราะว่าจะจัดการทุกอย่างให้มันโอเคก่อนแล้วค่อยมาบอกหนม แต่ดูจากสีหน้าพี่แล้วทุกอย่างมันคงไม่เป็นไปตามที่พี่คิดสินะ "

พี่ขุนพยักหน้ารับเบาๆ " หนมเข้าใจถูกหมดทุกอย่าง เมื่อวานพี่โดนพ่อเรียกไปคุยเรื่องนี้มาจริงๆ "

" โดนมาหนักเลยสินะ " ผมเกลี่ยขาวเบาๆ " ไม่งั้นคงไม่แสดงสีหน้าออกมาเศร้าขนาดนั้น "

" มองออกขนาดนั้นเลยหรอครับ "

" มองออกสิ หนมเป็นแฟนพี่นะ อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งกี่เดือน " ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะขยับเข้าไปกอดพี่ขุนไว้แน่น

" ขนม...."

" ไม่เป็นไรนะ....หนมอยู่ตรงนี้ "

ผมลูบหลังคนตัวสูงเบาๆ พี่ขุนก็กอดผมกลับ กอดแน่นมากๆ เหมือนกับว่าไม่อยากให้ไปไหน ผมเข้าใจความรู้สึกพี่ขุนนะ คงจะเจอมาหนักแบบหนักสุดๆ เมื่อวานที่ติดต่อไม่ได้ก็น่าจะเป็นเพราะแบบนี้ รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่ช่วงเวลาที่พี่ขุนกำลังเจอเรื่องแย่ๆ แต่ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างน่ะ นี่ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องบั่นทอนขนาดนั้นมาได้ยังไง แต่ถ้ามีอะไรแบบนี้ผมจะต้องคอยให้กำลังพี่มันให้มากกว่านี้

จะไม่ทำให้แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาอีกแล้ว

" พี่ขุน "

" หืม...."

" พี่ขุนรู้ใช่ไหมว่าหนมรักพี่มาก "

" รู้ครับ "

" งั้นเวลาที่มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วมันเกี่ยวกับเราพี่ช่วยบอกหนมเถอะ " ผมคลายกอดก่อนจะมองหน้าพี่ขุน " หนมอาจจะช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ไม่มากแต่ว่าให้หนมช่วยแบ่งเบามันเถอะนะ เราสัญญากันแล้วหนิว่าจะผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน หนมอยากเป็นคนที่พี่พึ่งพาได้ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม พี่เข้าใจที่หนมพูดใช่ไหม "

พี่ขุนพยักหน้ารับ " เข้าใจครับ พี่ขอโทษนะที่เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวตลอด หลังจากนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกพี่จะบอกหนม เราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน ขอบคุณนะครับที่คอยอยู่ข้างๆ พี่ "

" มันเป็นเรื่องที่หนมต้องทำอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยคิดหาทางแก้กันไปนะ ส่วนตอนนี้เรามีภารกิจต้องทำก่อนน่ะ " ผมหันไปมองทางบ่อเต่า

พี่ขุนหลุดขำออกมา " นั่นสินะ "

" ช่วยกันรีบล้างเร็ว ถ้าเหม่ออีกหนมเอาน้ำฉีดพี่ขุนแน่ "

" หนมน่ะควรโดนพี่ฉีดน้ำใส่มากกว่า " เจ้าตัวเอ่ยพร้อมกับยิ้มกริ่ม " ฉีดใส่เยอะๆ ให้เลอะไปทั้งตัว "

ฉ่า

" พี่ขุนนี่....หึ้ยยย..ยย...ไปขัดบ่อเลยนะ "

" เขินใหญ่เลย เขินมากๆ ก็ระวังจะโดนฉีดนะครับ "

พี่ขุนนี่แม่ง

เมื่อกี้ยังทำตัวซึมๆ อยู่เลย ตอนนี้ก็กลายเป็นคนหื่นกามพูดจาสองแง่สองง่ามอีกแล้ว ร้ายกาจจริงๆ เลยนะคนเราอ่ะ แต่พอเห็นพี่มันโอเคขึ้นผมก็รู้สึกสบายใจนะ เดี๋ยวพอล้างบ่อเต่าเสร็จก็ต้องมาคุยเรื่องปัญหาที่บ้านกันอย่างจริงๆ จังๆ มันจะได้หาทางแก้ได้ ต้องเค้นให้หมดเปลือกเลย เรื่องเมื่อวานมันอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ได้ เพราะมันแปลกนะอยู่นะที่ก่อนหน้านี้ พ่อพี่ขุนไม่มีวี่แววว่าจะรู้เรื่องนี้เลย ที่เขามารู้เนี่ยะอาจจะเป็นเพราะมีคนบอกก็ได้นะ

ถ้าเป็นแบบนั้นนี่คิดออกอยู่คนเดียวเลย

" หนมครับไอ้เพชรมันคลานหนี ไปจับมันเร็ว "

" เพชร!!!!! "

" ไอ้เงินอย่าตามไปเซ่ "

" ใจเย็นนะทุกตัว ใจเย็นเย้นนน "

ชีวิตก็วุ่นกันมากพอแล้วยังต้องมาวุ่นจับเต่าอีก

เฮ้อ....เพลียใจจริงๆ ว่ะ















TBC.

ชาลมาส่งขุนหนมแล้วค่ะ มาช้าไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะเพราะแต่งจบก็รีบเอามาลงเลย เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะ

หน่วงเนอะแต่ว่าชีวิตจริงคนเรามันก็มีเรื่องหน่วงๆ มากกว่านี้ล่ะนะ ชาลนี่แต่งเองก็ร้องไห้ตามไปด้วย555555 สงสารพี่ขุน ก็เอาใจช่วยความรักของคู่นี้ไปนะคะ จะเป็นยังไงรอติดตาม

ชาลอยู่ในช่วงป่วยหนักกว่าปกติ อาหารเป็นพิษแล้วก็ความดันต่ำ เมื่อวานไปหาหมอมา หมอสั่งให้พักผ่อน แต่ด้วยความที่แบบมันเดดไลน์ชาลก็เลยต้องฮึ้ดหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยพักก่อนลุยหยัมปองต่อ

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ช่วงนี้ชาลเหนื่อยมากจริงๆ กำลังใจจากทุกคนมันช่วยฮีลชาลได้นะ สามารถติดต่อข่าวสารกับสปอยได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2017 07:34:19 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้นะ
สู้สู้

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
เรื่องของพี่น้อง



ทำไมหลายวันมานี้โลกมันหม่นจังวะ

ไม่สดใสเลย

เวลาประมาณห้าโมงกว่าๆ กับผมนั่งมองวิวของสวนหย่อมอยู่ริมระเบียง ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านตัวเองครับ นอนที่บ้านมาหลายวันแล้วหลังจากวันที่พี่ขุนเล่าเรื่องปัญหาที่บ้านให้ฟัง พี่มันเครียดหนักเลยแหละกับเรื่องนี้ จะไปห้ามไม่ให้คิดมากก็ไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่ ผมก็ทำได้แค่ให้กำลังใจและก็บอกว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน

มันต้องดีขึ้นกว่านี้สิ

ผมเชื่อแบบนั้นนะ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นอาจแค่ต้องใช้เวลาหน่อย พี่ขุนเล่าให้ผมฟังทุกอย่าง ที่ทางบ้านของพี่มันรู้ก่อนก็เพราะว่ามีคนส่งรูปถ่ายไปให้ แต่ว่ามีการเบลอหน้าผมไว้ ตอนที่ได้ยินก็คิดถึงไอ้ขันคนแรกเลย เพราะมันเป็นคนที่อยากให้เราสองคนเลิกกันมากที่สุด แต่ทำกันถึงขนาดนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอวะ ใช้เรื่องที่บ้านมาบีบบังคับกันเนี่ยะนะ

ไม่ชอบใจเลย

ผมจะบุกไปด่ามันตรงๆ ก็ไม่ได้เพราะตัวเองก็ไม่มีหลักฐาน มันไม่แปลกถ้าไอ้ขันจะรู้ว่าพ่อพี่ขุนคือใคร ดูอย่างกรณีของแก้มใสสิ มันต้องเก่งกล้ามากแค่ไหนถึงได้ซื้อกิจการทางบ้านนั้นมาได้ และอาจจะเชื่อมโยงไปจนถึงการดิสเครดิตจนทำให้ครอบครัวนั้นต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น มันทำได้มากกว่าที่ผมคิดเลยนะ ทั้งหมดนี่แค่เพียงเพราะจะปกป้องผมเท่านั้นเอง ก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามันเป็นห่วงผมมาก แต่ก็นะ....

เวลาคิดเรื่องพวกนี้นี่ลำบากใจชิบ

อีกฝ่ายนึงก็พี่ อีกฝ่ายนึงก็แฟน ผมคิดไว้นะว่าถ้าผมรู้ว่าไอ้ขันเป็นคนทำผมจะต้องทำยังไง เรื่องนี้ปรึกษากับไอ้หมีแล้วเรียบร้อยครับ มันบอกว่าใช้วิธีนี้เวิร์คแน่นอน มันบอกว่าผมต้องบิ๊วท์อารมณ์ให้มากๆ ถ้ามีโอกาสได้ทำแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าวิธีที่ไอ้หมีบอกมันจะดีจริงๆ ไหม แต่เดี๋ยวต้องลองดู

ครื้ดดด.ด....ครื้ดดด......

ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย " ฮัลโหลครับ "

( คิดถึงหนมจังเลยครับ )

" เมื่อเช้าก็เจอกันนะ "

( ก็คิดถึงนี่ครับ พี่ไม่ได้นอนกอดเรามาตั้งหลายวัน )

ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะเสียงอ่อนๆ นั่น " เมื่อเช้าก็ได้กอดไปแล้วหนิ "

( มันก็แค่แปปเดียวเอง เวลาพี่นอนกอดหนมพี่ได้กอดทั้งคืนเลย )

" อดทนไปก่อนนะ "

( จะทนไม่ไหวแล้วครับ อยากงอแงมากๆ )

" โอ๋นะ แล้วนี่พี่ขุนทำอะไรอยู่ "

( พี่อยู่คอนโดไอ้หยัม มาคุยกันเรื่องกีฬาสี เย็นนี้ว่าจะไปกินเหล้ากัน ขออนุญาตินะครับ )

น่ารักชะมัด

" ครับ ตามสบาย อย่าดื่มเยอะเกินล่ะเดี๋ยวปวดหัวนะ "

( ไม่เยอะหรอก เพราะพรุ่งนี้พี่มีประชุมที่มอ )

" หนมก็มีประชุมกีฬาสีเหมือนกัน "

( งั้นเดี๋ยวพี่แวะไปรับ ห้ะ เออกูรู้แล้ว หนมครับพี่ขอวางสายก่อนนะ เพื่อนๆ จะประชุมต่อละ )

" โอเค ตั้งใจทำงานนะ "

( ครับผม รักนะครับ )

เอ้อออออ....รักเหมือนกัน

ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ปากก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น มีความสุขจังถึงแม้ว่าเราจะได้คุยกันแค่แปปเดียว ช่วงนี้มันเป็นเหมือนช่วงทดสอบความรักของผมกับพี่ขุนเลย ไม่ได้นอนด้วยกันมาหลายวัน คุยกันน้อยลงมาก ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งๆ ที่เป็นช่วงปิดเทอมแท้ๆ เราตกลงกันไว้ครับว่าจะห่างกันช่วงนึง พี่ขุนกังวลเรื่องว่ามีจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม เพราะแบบนี้ผมถึงอยู่บ้านตลอดเลยนี่ไง

ปั่นนิยายวนไปเลยครับ

การที่ผมไม่ได้เจอพี่ขุนมันก็มีข้อดีอย่างนึงตรงที่มีเวลาแต่งนิยายได้อย่างเต็มที่นี่แหละ นี่เหลืออีกแค่ 3 บทก็จะจบแล้วครับ ผมแต่งดองไว้ลงไง นิยายของผมไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้หลายอย่างแล้วนะ เหลือแค่เนื้อเรื่องหลักกับตอนพิเศษจบ รีไรท์เสร็จก็ส่งสำนักพิมพ์ได้ จากนั้นก็รอผล อาจจะหลายเดือนหน่อยถึงจะรู้ว่าผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านผมก็จะรีไรท์แก้ไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะผ่าน

นิยายของผมต้องได้ตีพิมพ์สิน่า

อย่างน้อยต้องมีหวังแหละวะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

" เข้ามาเลยครับไม่ได้ล็อค " ผมตะโกนไปแบบนั้น ประตูถูกเปิดออกโดยพี่สาวคนสวยของผม คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่พี่เขมนะครับแต่เป็นพี่แข ทำไมความรู้สึกเหมือนไม่เจอเธอมานาน

เพราะทำแต่งานแน่ๆ

" ห้องรกเหมือนเดิมเลยนะ "

" ไม่เห็นจะรกเลย " ผมเดินเข้าไปกอดพี่แข " คิดถึงจังครับ เหมือนไม่ได้เจอนาน "

" ก็หนมไม่ค่อยกลับบ้าน แต่ว่าเราอย่างเดียวก็ไม่ได้ พี่เองก็ไม่ค่อยได้กลับ "

ผมคลายกอดก่อนจะมองหน้าพี่แข " ก็พี่แขทำงานนี่นะ งานเยอะมากเลยหรอครับ "

" ก็เยอะนะ งานบริหารน่ะเหนื่อยตาย นี่อยากให้ไอ้ขันมันรีบเรียนให้จบใจแทบขาด จะได้มาช่วยงาน "

" ไอ้ขันมันจะทำหรอ ไม่ตรงสายที่มันเรียนมาเลยนะ "

" มันต้องทำสิ ก็เป็นคำสัญญา "

" คำสัญญางั้นหรอ "

พี่แขยิ้มหวานให้ " เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ ไว้อายุ 21 แล้วพี่จะเล่าให้ฟัง "

" อะไรกันเล่า " ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่แขก่อนจะลากเธอมานั่งที่ริมระเบียงด้วยกัน

พี่แขนั่งลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดอะไรไม่รู้ยุกยิกๆ แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกต่างหาก สงสัยคุยกับแฟนมั้งครับ ทั้งบ้านเนี่ยะมีเธอคนเดียวนี่แหละที่ไม่ได้มีคนรักในเพศเดียวกัน แฟนพี่แขเป็นผู้ชาย หล่อมากด้วย ผมเคยเห็นอยู่ครั้งนึงตอนที่เธอพามา แต่จำชื่อไม่ได้ว่ะเพราะมันก็นานมามากแล้ว เวลาผมเจอพี่แขผมก็มักจะถามอย่างนึงเสมอ

คำถามนั้นก็คือ.....

" เมื่อไหร่พี่แขจะแต่งงานอ่ะ "

" เมื่อหนมอายุ 21 "

ผมหันขวับมองทันที " เกี่ยวอะไรกับหนมเล่า คนแต่งคือพี่แขนะ "

" ก็มันต้องรอหนมอายุ 21 จริงหนิ " เจ้าตัวเอ่ยพลางยิ้มบางๆ " อยากให้พี่แต่งงานไวไว เราก็รีบโตสิ "

" หนมโตขึ้นทุกวันนะ "

" นั่นสิน้า โตจนมีแฟนแล้วนี่ เสียดายวันที่แฟนเรามาพี่ดันไม่ว่างซะนี่ ได้ข่าวว่าหล่อและทำกับข้าวเก่งหรอ "

" ใช่ ทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะ รสมือเดียวกับแม่เลย "

" สงสัยพี่ต้องหาโอกาสชิมฝีมือสักครั้งแล้วล่ะ " พี่แขเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า " แล้วเรื่องที่เรามีแฟนนี่ ไอ้ขันมันว่ายังไงบ้าง "

" มันก็ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด คือแฟนของหนมอ่ะเป็นน้องรหัสมัน เมื่อก่อนแฟนหนมป็นคนเจ้าชู้ไง แต่พอมาตามจีบหนมมันก็เลิกเจ้าชู้ เที่ยวน้อยลงเพื่อเวลาตรงนั้นมาจีบหนมนี่แหละ ไอ้ขันมันไม่เห็นช่วงเวลาเหล่านั้นเลย "

" พี่ก็เข้าใจไอ้ขันล่ะนะ ก็อย่างที่หนมบอกว่ามันไม่เห็นกับตามันไง เอาเป็นว่าอดทนให้มากละกัน "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ " แล้วพี่แขว่ายังไงเรื่องที่หนมมีแฟน "

" ถึงพี่จะชอบดุหนมเรื่องระเบียบก็เถอะ แต่พี่ก็เคารพในการตัดสินใจของหนมนเรื่องนี้นะ " มือบางยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ " คนที่หนมเป็นคนเลือกเองก็แปลว่าเค้าต้องดีที่สุดสำหรับหนมแล้วจริงไหม ป๊าบอกว่าหนมยิ้มบ่อยขึ้นตั้งแต่ที่มีแฟนซึ่งพี่ก็มองว่ามันเป็นเรื่องดี เพราะการที่หนมยิ้มได้แปลว่าหนมมีความสุข "

" ใช่ หนมมีความสุขมาก ถึงช่วงนี้จะมีอุปสรรคก็เถอะ "

" ผ่านมันไปให้ได้นะ ความรักก็แบบนี้แหละ เอ้อ พี่ซื้อเค้กมาให้ด้วยนะ ลงไปกินเค้กกัน "

" โอเคครับ " ผมอมยิ้มก่อนจะเดินตามพี่แขออกมาจากห้อง

รู้สึกสบายใจเหมือนกันนะที่ได้คุยกับพี่แขเรื่องนี้ ปกติผมกับพี่แขไม่ค่อยได้นั่งคุยกันแบบนี้เท่าไหร่หรอกตั้งแต่ผมย้ายไปอยู่หอ พี่แขเองก็ทำงานหนักขึ้น เวลาที่ผมกลับมาบ้านผมจะไม่ค่อยเจอเธอ ถ้าเจอก็แค่แปปเดียว และส่วนมากพี่แขจะดุผมเรื่องห้องรกด้วย มันจะเป็นแบบนี้ประจำเลยครับ พอมานั่งคุยกันวันนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

แปลกแต่ดีนะ

ในจังหวะที่ผมกับพี่แขกำลังจะเดินเข้าครัวก็ได้ยินไอ้ขันมันกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ พอพี่แขได้ยินแบบนั้นเธอก็ดึงแขนผมไว้เพื่อให้รอฟังอยู่ด้านนอกก่อน

" จริงสิวะ หนมมันนอนบ้านทุกวันเลยนะ ดีไม่ดีกูว่าเลิกกันละ "

ผมหันมองพี่แขทันที " พี่แข...."

" ชู่วววว " เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาเป่าบ่งบอกว่าให้ผมเงียบ " อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่ามันคุยอะไร " พอพี่แขถามแบบนั้นผมพยักหน้ารับก่อนจะตั้งใจเงี่ยหูฟัง

" ทำไมมึงชอบด่ากูจังวะแช่ม ก็กูอยากให้มันสองคนเลิกกันอ่ะ " ไอ้ขันบอกก่อนจะหยิบน้ำออกมาเท " ไม่รู้หรอกเพราะกูเบลอรูปก่อนส่งไป "

เป็นมันจริงๆ ด้วยเรื่องรูปนั่น

ผมกำหมัดมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ ตั้งสติไว้ก่อน นี่แหละเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดแล้วที่จะทำตามแผนของไอ้หมี ผมหวังว่ามันจะเวิร์คนะ

" ไม่รู้ว่ะ ถ้ามันยังไม่เลิกกันกูก็ไม่รู้จะทำไงละ แต่เปอร์เซ็นต์เลิกก็สูงป้ะวะเพราะทางบ้านไอ้ขุนไม่ยอมรับเรื่องนี้แน่ๆ "

ผมหันมองพี่แข " พี่แข "

" ไปสิ พี่จะยืนมองอยู่ตรงนี้แหละ " พี่แขยกมือขึ้นแตะไหล่ผม " ทำตามที่ใจเราอยากทำเลย "

ผมยิ้มบางๆ ให้พี่แขก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแล้วดึงให้ไอ้ขันมันหันมาเผชิญหน้า มันอึ้งมากที่เห็นผม ในใจมันก็คงจะคิดว่าผมต้องได้ยินเรื่องทุกอย่างหมดแล้วแน่ๆ ในหัวก็คงจะคิดวิธีแถอยู่เหมือนกัน อยากรู้นะว่ามันจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง

เดี๋ยวขอบิ๊วท์อารมณ์แปปนึง

" หนม "

" กูไม่คิดเลยว่ามึงจะเป็นคนส่งรูปไปทางบ้านพี่ขุน "

ไอ้ขันกดวางโทรศัพท์ก่อนจะตีหน้าซื่อ " มึงพูดอะไรกูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย "

" มึงไม่ต้องมาแถเลยขัน กูได้ยินเต็มสองหูกูเลยแท้ๆ มึงจะทำมาเป็นไม่รู้เรื่องได้อีกหรอ "

" แล้วยังไง " คนตรงหน้าเปลี่ยนมาทำหน้านิ่งใส่ผมแทน " กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู "

" กูจะไม่สนใจเลยถ้าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับกูอ่ะ " ผมตวาดใส่มันลั่น " ทำไมมึงเป็นคนใจร้ายแบบนี้วะ "

" ใครจะไปใจดีได้เท่าแฟนมึงล่ะ "

" ไอ้ขัน "

" มึงรู้จักกับมันมากี่เดือน กูรู้จักกับมันมากี่ปี มึงไม่เคยเห็นหรอกว่ามันทำอะไรไว้บ้าง "

" มึงก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันว่าพี่ขุนทำอะไรบ้าง " ผมเอ่ยบอกมันอย่างจริงจัง " มึงก็มองแค่อดีตอ่ะ ปัจจุบันมันเป็นยังไงมึงได้มองบ้างรึเปล่า ตัวกูเมื่อก่อนเป็นยังไงแล้วตอนนี้กูเป็นยังไงมึงมองเห็นบ้างไหม กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกูแต่ตอนนี้คนที่กำลังทำลายความสุขที่กูมีก็คือมึง "

ไอ้ขันมันชะงักทันทีเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น ดวงตาคมฉายแววความรู้สึกผิดออกมาแต่แค่แวบเดียว มันเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะหันมองผมด้วยสายตานิ่งๆ เหมือนเดิม

" กูผิดมากเลยงั้นสิ "

" ใช่มึงผิด มึงทำให้พ่อกับลูกเค้าทะเลาะกัน ตอนนี้ไม่มีใครมองหน้าใครติดต่างฝ่ายต่างเครียด ตอนนี้มึงอาจจะเห็นหน้าพี่ขุนว่ามันเปื้อนยิ้มนะแต่แววตาแบบนั้นคือคนที่พร้อมตายได้ตลอดเวลา มึงใจร้ายกับคนที่เคารพมึงมากกว่าใครๆ ได้ลงคอมึงทำได้ไงวะ กูเคยด่ามึงให้พี่ขุนฟังด้วยแต่มันก็ห้ามไม่ให้กูด่ามึง เพราะมึงคือคนที่มันยกว่าเป็นไอดอล " ผมเอ่ยบอกมันเสียงสั่น รู้สึกได้ว่าดวงตาร้อนผ่าว

" ขนม....."

" กูเข้าใจแหละ....ฮึก....ว่ามึงไม่ชอบที่มันเคยเจ้าชู้อ่ะ แต่ตอนนี้มันก็มีแค่กู ดูแลกูอย่างดี กูรู้ว่ามึงจะไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น กูรู้ว่าคนที่บ้านจะไม่เห็นกูถึงแสดงมันออกมาทางสีหน้าแทนว่ากูกำลังมีความสุข....ฮึกกก....."

".........."

" กูเสียใจกับสิ่งที่มึงทำมากเลย " ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ " มึงลองคิดในมุมกลับกันนะ....ฮึก....ถ้ามึงมีแฟน มึงกับเค้ารักกันมาก แต่แฟนมึงมีพี่ชายอยู่คนนึง....ฮึกกก.ก....เค้าไม่ชอบนิสัยของมึงอย่างนึง....เค้าไม่โอเคเรื่องที่มึงสองคนคบกัน พยายามขัดขวางทุกวิถีทาง....ฮึกกก....กูถามจริงๆ เถอะ ถ้าเป็นมึงอ่ะมึงยอมแพ้ไหม "

คนตรงหน้าส่ายหน้าเบาๆ " ไม่ "

" กูก็ไม่เหมือนกัน....ฮึกกก...ก....ถ้ากูกับพี่ขุนจะเลิกกันจริงๆ กูก็อยากให้มันเป็นเพราะเราเลิกรักกัน "  ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอีกครั้ง " อุปสรรคครั้งนี้กูกับพี่ขุนจะผ่านมันไปได้เหมือนกับทุกๆ ครั้ง มันไม่เป็นไปอย่างที่มึงคิดหรอก " ผมบอกมันก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว

" เดี๋ยวก่อนไอ้หนม "

พี่แขรั้งแขนไอ้ขันไว้ " ปล่อยน้องไป ส่วนมึงอ่ะมีเรื่องต้องคุยกับกู "

ผมได้ยินแบบนั้นผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองทันที โอ่ย เหมือนไม่ได้ร้องไห้นานเลยว่ะ แสบตาชิบหาย ผมหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อไลน์หาไอ้หมี ตอนแรกนึกว่าจะบิ๊วท์ให้ตัวเองร้องไห้ไม่ได้ซะอีก นี่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้นะ

หวังว่าจะสำเร็จด้วยเถอะ

คาหนม : กูทำตามแผนไปแล้วนะ ไอ้ขันดูตกใจมาก

หน่องหมี : *สติ๊กเกอร์หมีตกใจ*

หน่องหมี : มึงมันร้ายเหมือนกันนี่หว่าไอ้หนม

คาหนม : มึงอย่าลืมว่านี่เป็นแผนของมึง เออแล้วเรื่องรูปที่ส่งไปที่บ้านพี่ขุนอ่ะมันเป็นคนทำจริงๆ แหละ กูได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับพี่แช่มพอดี

หน่องหมี : ก็จังหวะเหมาะที่จะทำตามแผนเลยแหละนะ กูว่าพี่ขันเค้าคงจะไม่ทำอะไรแล้วแหละ ที่น่ากังวลก็คือเรื่องของทางบ้านพี่ขุนอย่างเดียว

คาหนม : นั่นสินะ กูว่าก็คงทำได้แค่รอแหละว่ะ

หน่องหมี : กูก็เชื่อว่ามันจะดีขึ้นนะ

คาหนม : กูก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน


ผมวางโทรศัพท์ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แผนของไอ้หมีที่มันบอกผมก็คือทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ขันรู้ว่าผมเสียใจกับสิ่งที่มันทำ เสียใจจนร้องไห้ ไอ้ขันมันรักผมมาก ถ้ามันรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นทำให้ผมเสียน้ำตามันจะต้องหยุดแน่ๆ ผมก็คิดนะว่ามันคงจะหยุดจริงๆ จากสีหน้าตอนที่แสดงออกมานั้นก็รู้สึกผิดและก็เสียใจมากอยู่

ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง

แต่ขอให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นด้วยเถอะ



---------- 50% --------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2018 11:26:20 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 29 ------------




[ บันทึกพิเศษ : ขัน ]


รู้สึกแย่นะ.....ที่ทำให้ขนมต้องร้องไห้น่ะ

ไม่ได้เรื่องเลยว่ะขัน

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับพี่แขในศาลาที่สวนหย่อมหลังบ้าน ไม่รู้จะปั้นสีหน้ายังไงเลยว่ะ แต่ที่รู้แน่ๆ คือคงจะโดนด่า พี่แขได้ยินเรื่องที่ผมกับขนมทะเลาะกัน ถึงขั้นให้มาคุยนี่ก็ต้องมีการเทศนาผมแน่นอนอย่างไปต้องสืบ

เฮ้อ.....

ความรู้สึกแม่งแย่ชิบ

" มีอะไรจะบอกกับกูไหมล่ะ " พี่แขเอ่ยถามผมเสียงเรียบ

" ไม่มี พี่ก็ได้ยินไปหมดแล้วหนิ "

" ใช่ กูได้ยินหมดนั่นแหละ ดีนะที่คนที่ได้ยินเป็นกูไม่ใช่พี่เขม ถ้าพี่เขมรู้เรื่องนี้มึงตายแน่ไอ้ขัน "

ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ " ไม่เหลือซาก "

" ก็รู้ตัวดีหนิ " พี่แขนั่งเท้าคางมองผม " กูถามจริงๆ เถอะ มึงทำทั้งหมดนั่นไปเพื่ออะไรวะ อยากให้หนมกับแฟนเลิกกันงั้นหรอ "

" ใช่ แฟนหนมมันเป็นคนเจ้าชู้มากเลยนะ เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหนมก็โดนเมียเก่ามันมาตบด้วย "

" อ๋อ อีลูกสาวของเครือโรงแรมที่มึงใช้อิทธิพลของป๊าไปหาทางดิสเครดิตเค้าแล้วสั่งซื้อกิจการมาเพื่อเพิ่มงานให้กูน่ะนะ "

ผมยิ้มแห้งๆ ให้พี่แขทันที " ใช่ "

โป๊กกกก

" นี่แน่ะ อยู่ดีไม่ว่าดีนัก "

ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเบาๆ " แม่สอนว่าห้ามตีน้อง "

" น้องอย่างมึงน่ะสมควรโดนแล้ว กูก็ไม่รู้ว่ามึงจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไม แล้วไงล่ะดูสิว่ามันแลกกับอะไรในชีวิตมึงบ้าง กูเข้าใจนะว่ามึงรักน้องแต่บางครั้งมันก็มากเกินไป " พี่แขบ่นยาวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ " ถึงขนมจะอายุ 19 แต่มึงก็ต้องยอมรับนะว่าน้องโตขึ้นเยอะแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ แบบเมื่อก่อน "

ผมนั่งฟังที่พี่แขพูดอย่างสลด เกิดมา 21 ปีไม่เคยโดนดุหนักแบบนี้เลย เออผมรู้ตัวแหละว่าตัวเองก็ทำเกินไปที่คิดจะใช้เรื่องครอบครัวมาบีบให้ไอ้ขุนกับขนมเลิกกัน แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่พอทำได้นี่หว่า ถึงขนมจะบอกว่าไอ้ขุนไม่เจ้าชู้แล้วแต่ใครมันจะไปเชื่อได้สนิทใจวะ เหมือนเสือที่มันเคยกินเนื้อมาตลอด แต่อยู่ดีดีเสือกเปลี่ยนมาแดกผลไม้ พูดแบบนี้ใครจะเชื่อได้ทันทีวะ

เสือก็ยังเป็นเสืออยู่ดี

" ไอ้ขัน "

" ครับ "

" กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงน้อง แต่มึงจะไปบังคับทุกอย่างในชีวิตน้องไม่ได้ กว่ามึงจะโตมาเป็นมึงไม่มีใครบังคับอะไรมึงได้เลย ป๊าอยากให้มึงเรียนบริหารมึงก็ดื้อไปเรียนวิศวะ เออป๊าเค้าก็ต้องยอมเพราะนั่นเป็นสิ่งที่มึงเลือกเอง กูพูดถูกไหม "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ " ถูก "

" เออเพราะงั้นมึงก็ไปบังคับหนมไม่ได้หรอกว่าจะไม่ให้รักกับคนโน้นคนนี้ ถ้าน้องจะเสียใจกับสิ่งที่น้องเป็นคนเลือกนั่นมันก็เป็นบทเรียนชีวิตของน้อง ชีวิตขนมไม่ใช่ของมึงนะ ป๊ากับแม่ที่เป็นคนสร้างหนมมายังเป็นเจ้าของชีวิตหนมได้แค่ครึ่งเดียวเอง ส่วนอีกครึ่งนึงมันก็เป็นของขนม น้องต้องเลือกชีวิตของน้องเอง มึงเข้าใจที่กูพูดป้ะเนี่ยะไอ้สัส ทำหน้ามึนอยู่ได้ "

" เข้าใจสิ นี่เสียใจอยู่นะ ไม่ได้ทำหน้ามึนสักหน่อย "

" ขัน...." พี่แขเลื่อนมือมาแตะไหล่ผมเบาๆ " คนเป็นพี่อ่ะมีหน้าที่แค่ดูแลเวลาที่น้องล้ม คอยดุเวลาที่น้องทำเรื่องที่ไม่ดี คอยให้กำลังใจเวลาที่น้องท้อแท้ คอยสนับสนุนเวลาที่น้องต้องการคนซัพพอร์ต คอยปลอบเวลาที่น้องเสียใจ คอยเช็ดน้ำตาในวันที่น้องร้องไห้ แค่นั้น "

" วันนี้ขันทำให้ขนมต้องร้องไห้ " ผมยกมือกุมขมับตัวเอง " ขันมันแย่จริงๆ แหละ "

" กูเห็นด้วยแหละที่มึงคิดว่าตัวเองแย่อ่ะ เพราะสิ่งที่มึงทำมันแย่จริงๆ อีกอย่างแฟนของขนมเป็นน้องรหัสมึงไม่ใช่หรอ มึงก็ต้องรู้จักมันมานานกว่าขนมถูกไหม มันไม่มีเรื่องดีดีให้น่าจดจำบ้างรึไงมึงถึงได้ไม่ชอบมันขนาดนั้น "

" ถ้าตัดเรื่องเจ้าชู้ออกไปมันก็เป็นคนดีเลยแหละ "

พี่แขพยักหน้ารับก่อนจะยกยิ้ม " ก็คล้ายมึงนะ ถ้าตัดความเป็นมึงออก กูว่ามึงก็เป็นคนดีเลยแหละ "

" เหมือนโดนด่าเลยอ่ะ " ผมเบะปากน้อยๆ

" ก็ด่าไงไอ้โง่ กูว่ามึงเอาเวลาที่มาขัดขวางความรักของน้องไปตามหาความรักของตัวเองดีกว่าไหม ไอ้ความรักที่ฝังใจมึงมาตลอดเกือบ 4 ปีน่ะ "

" นั่นสินะ " ผมยกมือเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออกไป " ขันต้องจัดการเรื่องนี้สักที "

" เออ ไปจัดการซะ ส่วนขนมน่ะเดี๋ยวกูคุยกับน้องเอง " พี่แขหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาก่อนจะควักแบงค์พันหลายใบออกมาก่อนจะส่งให้

ผมมองแบงค์พันเป็นฟ่อนนั่น " อะไรอ่ะ "

" เอาไปแดกเหล้ากับเพื่อน ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับบ้าน " เธอบอกก่อนจะเดินเข้าบ้านไปทิ้งผมไว้ให้อยู่กับเงินหลายพัน นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงดีใจนะแต่ตอนนี้ดีใจไม่ออกจริงๆ ว่ะ

เฮ้อ....

ผมคงต้องรามือจากเรื่องของขนมกับไอ้ขุนจริงๆ แล้วล่ะ คือถ้าอุปสรรคทางบ้านไอ้ขุนมันผ่านไปได้ผมคงจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ทั้งสองคนคบกันไป ถ้าไอ้ขุนมันทำให้ขนมเสียใจผมก็คงต้องทำได้แค่รอปลอบน้องสินะ สิ่งที่พี่แขพูดให้ฟังนั่นก็ถูกทั้งหมดเลย ผมควรเอาเวลาที่ขัดขวางความรักของน้องไปตามหาความรักของตัวเอง

ถึงเวลาที่ผมจะจริงจังกับมันสักที

ผมล้วงโทรศัพท์ก่อนจะกดโทรไปหาเฌอ ".....ฮัลโหล มึงอยู่ไหน "

( กินข้าวกันแฟนอยู่ )

" มึงไปมีแฟนตอนไหนอีกเนี่ยะ "

( เมื่อสองวันก่อน มึงเถอะโทรมานี่มีไร )

" พี่แขให้เงินมาเยอะเลย บอกให้กูชวนเพื่อนไปแดกเหล้า "

( เออเอาสิ ไม่ทักเข้าไลน์กลุ่มวะ จะโทรมาหากูคนเดียวทำไม )

" ก็กูอยากโทรหามึงอ่ะ ทำไมโทรหาไม่ได้รึไง "

( โทรไม่ได้ อยู่กับแฟน มีไรค่อยคุย )

" เดี๋ยว....ไอ้เฌอ " ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่โดนตัดสายออกไป

ไอ้เพื่อนเลว

ผมมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดก่อนจะกดเข้าไลน์ มีข้อความเยอะชิบหายที่ผมไม่ได้เปิดอ่านเพราะว่าไม่รู้จักว่าไอ้พวกที่ทักมานี่เป็นใคร ไลน์ผมนี่เป็นของสาธารณะขนาดนั้นเลยหรอวะ เดี๋ยวให้พ้นปี 3 ก่อน จะลบไลน์ทิ้งแม่ง มีห่าไรให้โทรหาเอา ผมเลื่อนแชทลงไปเรื่อยๆ จนเจอกลุ่มไลน์ของเหล่าเพื่อนรัก โคตรเกลียดชื่อกลุ่มอ่ะเอาจริงๆ

แก๊งค์ป่วนก๊วนปลาทอง

ไอ้สัสแช่มมันตั้ง

ขาน : แดกเหล้ากันกูเลี้ยง

ฉายเอง : ร้านพี่กู?

ขาน : ได้หมด

แช่มนะ : กูอยากไปนั่งชิว

ทัลเล : แน่ะ

ฉายเอง : แน่ะ

พิเฌอ : แน่ะ


นี่กูต้องแน่ะตามพวกมึงไหม

ขาน : แน่ะ

แช่มนะ : แน่ะห่าไรนักหนาไอ้ชิบหาย เอาเป็นว่าเจอกันนั่งชิว สองทุ่มครึ่ง จบแยกกูจะนอน

ทัลเล : แจกันจ่ะ

ผมเก็บโทรศัพท์ก่อนจะเดินมานั่งริมบ่อปลาคาร์ฟพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมควรไปขอโทษขนมไหมนะหรือว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าขอโทษน้องผมก็ต้องไปขอโทษไอ้ขุนด้วยน่ะสิที่ผมให้มันมีปัญหากับที่บ้าน เอาไงดีวะ งั้นช่างแม่งละกันไม่ขอโทษใครทั้งนั้นแหละ ปล่อยให้มันจบไปเงียบๆ ยึดวิถีของคนโฉดไป

เมื่อไหร่จะ 2 ทุ่มวะ

อยากแดกเหล้าแล้วโว้ย




ร้านนั่งชิว

ผมเดินเข้ามาในร้านนั่งชิวตามเวลานัดแบบเป๊ะๆ 2 ทุ่มครึ่งไม่ขาดไม่เกิน กวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เห็นเงาของเพื่อนแช่มที่กำลังเต๊าะข้าวหอมอยู่ ที่มันชวนมากินเหล้าที่นี่ก็เพราะว่ารู้ว่าพวกปี 2 จะมาสินะ

ร้ายชิบหาย

ผมเดินมาหามัน " นั่งโต๊ะไหน "

" พี่ขันสวัสดีครับ " พวกปี 2 ยกมือขึ้นไหว้ผม

" เออสวัสดี " ผมรับไหว้ก่อนจะไล่มองหาไอ้ขุน " ไอ้ขุนล่ะ มันไม่มาหรอ "

" ไปแถวหลังร้านอ่ะพี่ "

" อ๋อเออ แล้วนี่มึงนั่งไหนเนี่ยะแช่ม "

ไอ้แช่มชี้ไปทางโต๊ะที่เพื่อนๆ นั่งกันอยู่ " อัญเชิญไปโน่น "

" เออ " ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะที่พวกเพื่อนๆ นั่งกันอยู่ เห็นไอ้ทะเลกำลังยกเหล้าขึ้นซด ผมก็แย่งแก้วในมือมันมาก่อนจะกรอกเข้าปากตัวเองจนหมด

อื้มม.ม.ม.....

โคตรบาดคอ

" มาช้าแล้วยังมาแย่งเหล้ากูแดกอีก "

" กูมาตรงเวลา พวกมึงนั่นแหละที่มาเร็วเอง " ผมวางแก้วไว้บนโต๊ะ " เดี๋ยวกูมานะ กะว่าจะไปสั่งงานไอ้ขุนสักหน่อย "

" เออ กูชงเหล้ารอ " ผมพยักหน้ารับคำก่อนเดินไปทางหลังร้าน ระหว่างนั้นก็มีพวกเด็กวิศวะทั้งปี 1 ปี 2 ยกมือไหว้กันเป็นแถบๆ

การที่เป็นเฮดว้ากเนี่ยะค่อนข้างลำบากนะครับ ต้องคีพลุคอยู่ตลอดเวลา สายรหัสของผมเป็นสายเฮดว้ากมาตั้งแต่รุ่นไหนไม่รู้ รู้แค่ว่านานมากจากที่ฟังรุ่นพี่เล่ามานะ คนที่จะมารับตำแหน่งแทนผมปีหน้าก็คือไอ้ขุนนี่แหละ คิดไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ในปีนี้ทุกคนจำมาดมันในอดีตเดือนที่แสนจะดูใจดีและเป็นมิตรไปแล้วน่ะนะ ไม่รู้ว่ามันจะทำโหดใส่รุ่นน้องปีหน้าได้แค่ไหน

เรื่องนี้ต้องรอดู

ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงทางออกประตูหลังร้าน เห็นไอ้ขุนนั่งเหม่อคนเดียวอยู่ใต้ต้นไม้ สีหน้าดูเพลียอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์เหมือนพวกอดหลับอดนอน หลายวันมานี้มันคงเครียดมากจริงๆ ผมรู้เรื่องที่บ้านมันนะว่าพ่อมันไม่โอเคกับเรื่องนี้ ผมรู้จักพ่อมันดีด้วยเพราะว่าท่านเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อผมไง แน่นอนว่าเรื่องนี้ไอ้หนมมันไม่รู้เพราะว่ามันไม่ค่อยกลับบ้าน

ไอ้ขุนเองก็คงไม่ต่าง

ตอนแรกผมยังคิดว่าโลกโคตรกลมเลยที่ไอ้ขุนเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ บ่อยครั้งนะที่พ่อกับแม่ไอ้ขุนมาทานข้าวที่บ้านผม แต่พวกท่านก็ไม่เคยเจอขนมเลย วันที่ขนมกลับบ้านก็มักจะคาดไปไม่กี่วันเอง ถ้าบ้านนั้นรู้ว่าขนมเป็นแฟนลูกชายตัวเองก็อาจจะยอมรับได้ไม่ยากนะเพราะว่าอย่างน้อยก็เป็นลูกชายของเพื่อนสนิท พอคิดได้แบบนั้นผมถึงได้รีบทำอะไรหลายๆ อย่างก่อนไง

ผลที่ได้ก็เห็นกันไปในวันนี้แล้วนี่แหละ

เฮ้อ....

" จิ๊....." อยู่ดีดีไอ้ขุนมันก็จิ๊ปากออกมาก่อนจะหยิบซองบุหรี่ออกมาถือไว้ " ไม่ได้สิขุน สัญญากับขนมไว้แล้วไงว่าจะเลิก " มันพูดออกมาก่อนจะกำซองบุหรี่แล้วเดินไปทิ้งถังขยะ

เลิกบุหรี่เพราะขนมสินะ

" หึ...." ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นมันทำแบบนั้น ผมไม่สูบบุหรี่อยู่แล้วครับเพราะว่าไม่ค่อยชอบกลิ่นสักเท่าไหร่ และไม่เคยคิดจะลองด้วย

ตอนที่ขนมยังเป็นเด็กมากๆ วันนั้นผมพาน้องไปปั่นจักรยานเล่นกันที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน แล้วเราดันปั่นผ่านกลุ่มวัยรุ่นที่เขาสูบบุหรี่ ขนมงอแงแล้วบอกว่าเหม็น แถมมีการบอกว่าถ้าผมโตขึ้นก็ไม่อยากให้ผมทำแบบนั้น ไม่อยากให้ผมตัวเหม็นแบบนั้น เด็กน้อยในตอนนั้นน่ารักมากจริงๆ นะ

ตัดภาพมาที่ปัจจุบันสิ

คิดละปวดใจชิบ

ในขณะที่แอบยืนมองไอ้ขุนอยู่นั้นก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้าไปหามัน เป็นผู้หญิงที่สวยเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นรุ่นน้องวิศวะอุตสาหการมั้ง

จะทำไรวะ

" พี่ขุนคะ "

เจ้าตัวหันมองตามเสียง " ครับ ว่าไงหืม "

" แฟนพี่ไม่มาด้วยหรอ "

" ไม่มาครับ " มันบอกก่อนยิ้มบางๆ

ผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปคล้องแขนไอ้ขุนพลางเอาหน้าอกใหญ่ๆ เบียดไปด้วย " ถ้าแฟนพี่ไม่มา งั้นวันนี้ไปต่อกับหนูนะคะ "

" ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจังวะ " ผมยืนกอดอกมองทั้งสองคนจากตรงนี้ด้วยอารมณ์ที่เริ่มมาคุ ถ้าเป็นมันเมื่อก่อนนี่คงพากันไปแดกตั้งแต่พี่ขุนคะละอ่ะ เดี๋ยวดูซิว่ามันจะตอบอีน้องนั่นยังไง

จะไปหรือไม่ไป

" ไม่ล่ะครับ " มันบอกก่อนจะแกะมือผู้หญิงคนนั้นออก " พี่รักแฟนพี่และพี่จะไม่นอกใจเค้า "

" ก็ไม่ได้ให้นอกใจนี่คะ ให้นอกกายเฉยๆ เอง "

ไอ้ขุนส่ายหน้าเบาๆ " อะไรที่ไม่เป็นความซื่อสัตย์พี่จะไม่ทำครับ พี่ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว "

" ว้า น่าอิจฉาแฟนพี่จัง " เสียงหวานเอ่ยบอกอย่างเง้างอน " ไว้ถ้าพี่โสดเมื่อไหร่ อย่าลืมคิดถึงหนูนะคะ "

" พี่คงไม่เป็นโสดอีกแล้วล่ะครับ "

" คนนี้จริงจังมากเลยหรอคะ " เธอเอ่ยพลางทำแก้มป่อง " เค้ามีดีถึงขนาดนั้นเลยหรอคะ "

" ก็ดีมากพอที่พี่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อเค้า แล้วก็พี่จริงจังกับเค้ามากเลยล่ะ "

" งั้นก็โชคดีนะคะ บาย " เธอบอกก่อนจะเดินออกไป ส่วนไอ้ขุนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ยอมรับนะครับว่าพอใจในสิ่งที่มันพูดมาก ที่ขนมพูดก็คงจะจริงตามนั้นแหละ เรื่องที่ว่าผมไม่เคยเห็นเลยว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแค่ไหน มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ว่ะ ผมได้ยินบ่อยนะช่วงที่มันสองคนคบกันใหม่ๆ แล้วมีคนเอาขนมไปต่อว่าต่างๆ นานา ตอนนั้นผมโกรธมากที่ไอ้ขุนทำให้น้องผมโดนด่า โกรธทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้เลยว่าลับหลังผม มันพูดถึงขนมดีแค่ไหน

ผมมันโง่จริงๆ แบบที่พี่แขพูดนั่นแหละ

" อ่าวขัน "

ผมหันตามเสียงเรียก " มึงเพิ่งมาหรอเฌอ "

" เออ ละนี่มึงทำไรอยู่วะ "

" อ๋อกูกะจะไปเข้าห้องน้ำน่ะ แต่เห็นกระรอกมันปีนต้นไม้เลยแวะดู "

" มืดขนาดนี้ยังมองเห็นอีกหรอวะ " มันชะเง้อคอมองตาม

" มึงมันเซ่อไง " ผมคล้องคอมันก่อนจะลากกลับเข้าร้าน " แดกเหล้ากันดีกว่า มึงมาช้าด้วยเนี่ยะต้องโดนทำโทษ "

" อะไรของมึงวะขัน "

" เออน่า " ผมรีบลากไอ้เฌอกลับมาที่โต๊ะก่อนจะนั่งทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมมองน้ำสีอำพันในแก้วพลางคิดทบทวนเรื่องอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องไม่ดีที่เคยทำไว้กับไอ้ขุนและขนม ผมรู้สึกผิดนะแต่ทิฐิมันก็มากเกินที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไป เอาเป็นว่าผมจะคอยตามดูแลไอ้คู่นี้อยู่ห่างๆ จะพยายามสนับสนุนมันสองคนอย่างเงียบๆ จะไม่ขัดขวางความรักของพวกมันอีกแล้ว หลังจากที่ผมคิดเรื่องพวกนี้ในหัวเสร็จผมก็ยกเหล้าขึ้นซดจนหมดแก้ว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้ขุนเดินผ่านโต๊ะ

" พี่ๆ สวัสดีครับ " มันยกมือไหว้เพื่อนๆ ผมก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มบางๆ " สวัสดีครับพี่ขัน "

ผมวางแก้วเหล้าก่อนจะรับไหว้ " เออ "

" ผมไปที่โต๊ะก่อนนะพี่ " มันหมุนตัวเพื่อจะเดินไป

" ไอ้ขุน....."

ขอบใจนะที่ดูแลขนมมาตลอด....ขอบใจจริงๆ

" มีอะไรหรอพี่ "

" เปล่า....มึงไปเหอะ "

จิ๊....อะไรของมึงวะขัน

บ้าบอชะมัด


[ จบบันทึกพิเศษ : ขัน ]










TBC.

มาส่งขุนหนมแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนานมาหลายวัน บทนี้นี่มีพาร์ทพี่ขันคนโฉดยาวๆ น้องหนมของเรานี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ ทีนี้ก็เหลือปัญหาแค่ทางบ้านของพี่ขุนอย่างเดียว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อรอติดตาม
ชาลสั่งทำปกนิยายของขุนหนมแล้วนะคะ โดยให้เพื่อนเป็นคนวาดตัวอิมเมจให้ ส่วนเรื่องบีจีกับการใช้สีชาลคงจะทำเอง ปกมันอาจจะไม่ได้สวยเวอร์วังมาก แต่ว่าจะทำให้มันเป็นเอกลักษณ์และก็ทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ อาจจะให้ได้เห็นกันหลังจากที่ชาลฝึกงานเสร็จก็ช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาฯ ก็นิยายเรื่องนี้ก็คงจะจบไล่ๆ ตอนนั้นพอดี ชาลคิดว่าจะเปิดพรีออร์เดอร์ LoveWriteเขียนสื่อรัก ประมาณเดือนมีนาคมค่ะ อยากจะรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะกลับไปเรียนอีกเทอมนึง เดี๋ยวจะชี้แจงเป็นระยะๆ นะคะ
คือตอนนี้มีแพลนว่าจะแต่งเรื่องสั้นที่หนมแต่งเป็นบทหนังสั้นที่เล่นกันในเรื่อง คือเริ่มแต่งไปแล้วแหละแต่ว่ายังไม่เสร็จ ไว้ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวจะเอามาลงให้อ่าน อีกอย่างคือกำลังปั่น สเปเชี่ยลปีใหม่ อยู่นะคะ เพราะงั้นขอกำลังใจเยอะๆ เลยนะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2018 11:27:27 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :z6: อัดอิพี่ขันสักที นี้เป็นแม่ยกหมี ถ้ามันไม่รักก็มาซบอกแบนๆของป้ามาลูก อย่าไปรักมัน

รออิตอนอิพี่ขันเมื่อไหร่ละก็ จะไห้ขนมจัดขวางไห้เข็ด

พึ่งเข้ามาอ่านแบบยาวๆๆเลย ชอบมาก ชอบน้องหมีมาก เรียกได้ว่าแย่งซีนคู่หลักสุดๆสำหรับเรา ฮ่าๆ เอ็นดู และสงสสารไปพร้อมกัน
เพราะดูท่าแล้วอิพี่ขันมันโง่!!!!!!!

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
[ Special Chapter ] - Happy New Year


* เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตหลังจากจบเรื่อง I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ *



------------------------------------





ช่วงเทศกาลปีใหม่นี่เป็นช่วงที่ดีเนอะ

ดีทุกอย่าง....ยกเว้นการจราจร

เฮ้อ....

ผมนั่งมองวิวข้างทางที่เห็นมาประมาณเกือบชั่วโมงอย่างเหนื่อยใจ รถแทบไม่ขยับเลยครับ ในรถนี่เปิดแอร์เย็นมากนะแต่ก็อดหัวร้อนไม่ได้จริงๆ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายกว่าๆ เมื่อช่วงสายๆ ผม พี่ขุน ไอ้หมี ไอ้ขัน ตกลงกันว่าจะไปซื้อพวกของสดมาทำเป็นบาร์บีคิวปิ้งกินกัน เพื่อฉลองคืนเคาท์ดาวน์ คือของเนี่ยะซื้อเสร็จก่อน 11 โมงละ พอจะขับรถกลับนี่รู้เรื่องเลย

โคตรน่าหงุดหงิด​

" ทำไมรถมันติดแบบนี้นะ "

" ก็คนเค้าออกต่างจังหวัดกันไงครับ "

" น่าเบื่ออ่ะ ไม่ชอบเวลารถติดเลย "

" มึงนี่บ่นมากจริงๆ เลยนะไอ้หนม "

ผมหันไปมองคนที่นั่งเบาะหลัง " เรื่องของกู แบร่บๆๆๆๆๆ " ว่าแล้วผมก็แลบลิ้นใส่มัน

" ไอ้น้องเวรนี่ ดะกูก็บ้องหูให้ "

" ไอ้ขัน!!!!! "

" หนมครับ " พี่ขุนปรามผม " อย่าเสียงดังสิ "

ไอ้หมีมันตีมือไอ้ขัน " พี่ก็เลิกแกล้งหนมมันสักที "

" เอ๊ะ มึงนี่ "  คนโดนตีทำหน้าเหี้ยมก่อนจะบีบแก้มไอ้หมี " อยากตายหรอ"

" อยากนอนนอกห้องไหมล่ะ ถ้าไม่อยากก็เอามือออก " หลังจากที่ไอ้หมีมันเอ่ยเสียงเรียบ ไอ้ขันมันก็ยอมเอามือออกแล้วนั่งมองข้างทางไปเงียบๆ

กลัวเมียหนิไอ้สัส

ผมเบ้ปากใส่ไอ้ขันทีนึงก่อนจะหันกลับมานั่งอย่างเดิม เอาจริงๆ ไม่ได้อยากเคาท์ดาวน์ร่วมกับไอ้ขันเลยนะแต่แบบเพราะไอ้หมีไงก็เลยต้องยอม ทริปเคาท์ดาวน์ปีนี้คึกครื้นมากครับ มีแก๊งค์ผม แก๊งค์พี่ขุนและก็มีพวกสมปองด้วย ไอ้หมีบอกว่าพวกนั้นโดนบังคับให้มา ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็นะงานปีใหม่ คนมากันเยอะๆ มันก็สนุกดี

คงเป็นความสนุกที่วุ่นวายมากๆ

สถานที่สำหรับเคาท์ดาวน์ในปีนี้ก็คือฟาร์มของป่ะป๊าไอ้หมีครับ ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานเหมือนกันว่าบ้านไอ้หมีทำธุรกิจฟาร์มโคนม และเลี้ยงแกะ เพราะงี้ตอนที่ไปเที่ยวฟาร์มกันเมื่อช่วงหยุดยาวไอ้หมีถึงดูชอบแกะมาก เรื่องของที่บ้านไอ้หมีมันไม่เล่าให้เพื่อนฟังเลยนะ คือถ้าไอ้ขันไม่มาบอกแล้วผมไม่ไปเค้นไอ้หมีต่อก็ไม่รู้อ่ะ

เก็บเป็นความลับเงียบ

พูดถึงไอ้ขันกับไอ้หมีนี่ใจนึงก็รู้สึกดีใจนะที่มันมารักกันได้ แต่อีกใจก็รู้สึกหมั่นไส้เหมือนกัน กว่าจะลงเอยกันผมนี่เกลียดไอ้ขันไปช่วงนึงเลย คิดแล้วโคตรหงุดหงิด แต่ก็นะ มันกำลังจะปีใหม่ละ เรื่องเก่าๆ ก็ลืมไปดีกว่า ถ้าปีหน้าไอ้ขันมันทำตัวชั่วอีกเมื่อไหร่ผมจะไล่กระทืบมันเอง

" หนมครับ "

" หืม " ผมหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ " มีอะไรครับ "

" หงุดหงิดขนาดนั้นเลยหรอ "

" ก็หงุดหงิดนะ ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกที่อยู่ที่ไร่จะทำไรกันอยู่ "

" พี่ว่าคงนอนกันนั่นแหละ ก็เมื่อคืนมาถึงกันก็เกือบตีสองเสือกนั่งเล่นไพ่กันต่ออีก กว่าจะได้นอนก็เมื่อเช้า "

" นั่นสินะ " ผมเปิดเก๊ะก่อนจะหยิบขนมออกมาแกะกิน " แล้วทำไมพี่ขุนถึงไม่อยู่เล่นไพ่กับเพื่อนๆ ล่ะ "

" พี่เห็นว่าหนมง่วง "

ผมยื่นขนมไปป้อนให้เจ้าตัว " เกี่ยวอะไรกับหนม "

" ก็พี่อยากไปนอนกอดหนมมากกว่านี่ครับ " พี่ขุนบอกก่อนจะยิ้มหวาน

" พี่นี่มัน....." ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น " บ้าจริงๆ "

" พี่ขันมีถุงป้ะ "

ไอ้ขันมองหาถุงให้ไอ้เพื่อนตัวดี " มึงจะเอาไปทำไรวะ "

" เหม็นความรัก....จะอ้วก "

พี่ขุนเบ้ปากให้ไอ้หมี ตาก็มองมันผ่านกระจกหลัง " มึงก็ลงไปอ้วกข้างทางสิ "

" เดี๋ยวมึงก็ได้ลงไปเข็นรถหรอกไอ้ขุน " ไอ้ขันมันบอกเสียงเหี้ยม

ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ มือก็ป้อนขนมพี่ขุนไปเรื่อยๆ อยู่กันเงียบๆ ดีกว่าไม่งั้นคงได้มีการทะเลาะวิวาทกันใหญ่โตแน่ๆ มองไอ้หมีกับไอ้ขันผ่านกระจกหลังก็เห็นมันหยอกอะไรกันไม่รู้อยู่สองคน แหวะ มาบอกว่าคู่กูเหม็นความรัก มึงสองคนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก กลิ่นความรักนี่เอียนจนจะคลื่นไส้ละ กลับถึงฟาร์มนี่ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกก่อนสักสองรอบ

จิ๊....รถห่านี่ก็ติดจังเลยโว้ยยยย



TB : FARM

หลังจากที่เสียเวลาให้กับการจราจรไปเกือบ 3 ชั่วโมง เราทั้งสี่คนก็กลับมาถึงฟาร์มแล้วครับ ตอนนี้กำลังช่วยกันแบกของเข้าครัวอยู่ บรรดาเพื่อนๆ ผมก็มาช่วยถือกัน ส่วนพวกเพื่อนๆ พี่ขุนนี่ไม่เห็นเลยสักคนสงสัยยังไม่ตื่นกันล่ะมั้ง แต่นี่มันจะสี่โมงแล้วนะ เดี๋ยวพอขนของเสร็จผมต้องไล่ให้พี่ขุนไปปลุกเพื่อนๆ ให้หมดเพราะมันใกล้จะเย็นแล้ว แม่ผมสอนไว้ว่าห้ามนอนตอนช่วงเย็น เพราะมันอาจจะทำให้ปวดหัว แล้วหลับต่อตอนกลางคืนไม่ได้

" พี่ขุน "

" ว่าไงครับ "

ผมส่งถุงเนื้อไปให้ " ถ้าขนของเสร็จไปปลุกเพื่อนๆ ด้วยนะ "

" พี่ก็กะทำอย่างนั้นอยู่เหมือนกันเพราะว่าจะให้พวกมันมาช่วยเตรียมของ "

" พี่จะเป็นคนหมักใช่ไหม "

" ใช่ครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง " เจ้าตัวยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน แหม่ะ ผมนี่มีแฟนเป็นพ่อบ้านตัวอย่างจริงๆ เลยนะ

ไงล่ะ....อิจฉาล่ะสิอิจฉา

" ไอ้หนม " ไอ้ปั้นมันเดินมาคล้องคอผมก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ " ไปลำธารกันป้ะ "

" เอาดิ่ ใครไปบ้าง "

" ก็พวกเรานี่แหละ ให้พวกพี่เค้าเตรียมของกันไป "

" เออได้ งั้นกูไปบอกพี่ขุนก่อน " ผมกำลังจะเดินเข้าไปในบ้านแต่ไอ้ปั้นมันรั้งข้อมือไว้ " จะดึงกูไว้ทำไมเนี่ยะ "

" ไม่ต้องบอกหรอก ไปกัน " ว่าแล้วมันก็ลากผมไปทันที อะไรของมันวะ

ผมกลัวว่าถ้าหายไปไหนแล้วไม่บอกก่อนเดี๋ยวพี่ขุนจะโกรธเอา อีกอย่างคือไม่อยากให้มันเป็นห่วงด้วย ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นฟาร์มของบ้านไอ้หมีก็เถอะ แต่ดูท่าคงจะไม่ได้บอกแล้วแหละครับไอ้ปั้นเล่นลากผมมาซะขนาดนี้

เอาเป็นว่า....หนมขอโทษนะพี่ขุน

ไอ้ปั้นมันลากผมมาจนถึงทางเดินเข้าลำธาร บรรดาชาวแก๊งค์ทยอยเดินตามกันมา ไอ้หมีมันคล้องคอสมปองมาด้วย ทริปนี้ลันตาไม่ได้มากับพวกเรานะ ถามสมปองมันก็บอกว่าลันตาไปกกผัว ทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงบลาๆๆๆ แต่สีเทียนก็แซะมันกลับประมาณว่า มึงก็พูดได้สิ มึงมากับผัวหนิ

หลังจากนั้นก็เงียบกริบ

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก

คำพูดของสีเทียนนี่สังหารได้ทุกคนอ่ะ โดนกันมาหมดละไอ้พวกที่นั่งรถมาด้วยกันเมื่อวาน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่หน้าสวยขนาดนั้นปากร้ายได้ถึงขนาดนี้ แต่สีเทียนดูเข้ากันได้ดีกับไอ้หมีมากเลยนะ เอาจริงๆ ไอ้หมีมันก็เข้าได้กับทุกคนแหละ ผมรู้ว่าไอ้ขันมันหงุดหงิดใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ต่อหน้าคนอื่นมันก็ปรามได้ไม่มาก แต่คิดว่าถ้ามันอยู่ด้วยกันสองคนไอ้หมีมันคงตายแน่

ตายแบบไม่เหลือซาก

" หมี "

" ว่าไงครับเพื่อนหนม " มันยิ้มแฉ่งก่อนจะเลื่อนแขนอีกข้างมาคล้องคอผมไว้ " เรียกเพื่อนหมีทำไมหืม "

" มึงเบื่อไอ้ขันบ้างป้ะ "

" กูจะเบื่อแฟนตัวเองได้ไง มึงนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ "

" ไม่เห็นจะแปลกเลย ขนาดกูเป็นน้องมันกูยังเบื่อมันเลย "

ไอ้หมีหยิกแก้มผมแรงๆ " มึงมันเป็นน้องที่ไม่น่ารักไง "

" มันทำตัวเป็นพี่ที่น่ารักตายห่าแหละ " ผมบอกก่อนจะเบ้ปากใส่

" มึงเห็นพี่ขันเป็นแบบนั้นแต่เค้าก็รักมึงมากยิ่งกว่าใครๆ เลยนะ " ไอ้หมีมันเอ่ยอย่างจริงจังก่อนจะเบะปาก " ขนาดกูอ่ะ พี่ขันยังไม่รักถึงขนาดนั้นเลย "

มึงจะดราม่าทำไมวะ

ผมตบไหล่มันเบาๆ " เสียใจด้วยละกัน กูรำคาญมึงละว่ะ ไปเดินกับไอ้เผือกดีกว่า "

" เอ้าไอ้สัส "

ผมแกะแขนไอ้หมีที่คล้องคออยู่ออกก่อนจะเดินมาขนาบข้างไอ้เผือกกับไอ้ไผ่ ไม่รู้ว่าอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงลำธาร ผมว่าที่ไอ้พวกนี้มันอยากไปที่นั่นก็เพราะไอ้หมีมันโม้ไว้ให้ฟังนั่นแหละ เมื่อวานที่นั่งรถมามันอวดใหญ่เลยครับว่าลำธารที่ฟาร์มมันสวยมาก น้ำใสมองเห็นปลางี้ แถมมันยังบอกด้วยว่าเดี๋ยวมันจะลงไปว่ายน้ำเล่นกับปลาให้ดู

มึงคิดว่าตัวเองเป็นแอเรียลหรอวะ

อา....ไม่น่าคิดภาพตามเลยหนมเอ้ย

เมื่อคืนที่มาถึงกันน่ะผมว่าอากาศที่นี่เย็นมาก น่าจะเป็นเพราะติดกับช่องเขา คือคิดได้เลยว่าน้ำในลำธารมันต้องเย็นยะเยือกแน่นอน อุณหภูมิเมื่อคืนก็แค่ 20 องศาเอง ยังไงแม่งก็ต้องหนาวอ่ะวันนี้ ที่ผมไปลำธารกับพวกมันนี่ก็ไม่ได้คิดจะเล่นน้ำนะครับ

คิดจะไปเพื่อถีบไอ้หมีตกน้ำโดยเฉพาะ

" จะถึงแล้วเหล่าเพื่อนรัก ตามเพื่อนหมีมา " มันบอกก่อนจะเดินนำขบวนไป

" ทำไมอากาศมันเย็นจังวะ " ไอ้ภีมมันยกมือแนบแก้มตัวเอง

" ไม่เห็นจะเย็น " ไอ้เป้จับมือไอ้ภีมที่แนบหน้าอยู่ก่อนจะสอดเข้ากระเป๋าเสื้อฮู้ดตัวเอง " มึงนี่มันขี้หนาวจริงๆ "

" ใครจะหนังหนาอย่างมึงล่ะ "

" มึงนี่...." ไอ้เป้มันยกยิ้มก่อนจะเลื่อนหัวเข้าไปใกล้ " อยากโดนเอาข้ามปีไหม "

ไอ้หมีมันหันขวับมามองทันที " เฮ้ยกูได้ยินนะ มึงนี่มันร้ายจริงๆ เลยหน่าเพื่อนเป้ "

" เมียปากร้ายต้องโดนกำราบ "

" ระวังได้นอนข้างนอกนะมึงน่ะ "

ไอ้เป้ยิ้มกรุ้มกริ่ม " ชอบเอาท์ดอร์หรอครับเมีย ก็ได้นะ "

" มึงนี่มัน...." ไอ้ภีมเบือนหน้าหนี แก้มขาวๆ นั่นแดงก่ำเลยว่ะ นี่ถ้ามีกล้องนะผมคงถ่ายเก็บไปละ

โมเม้นท์หายาก

เมื่อก่อนจะมีแค่ผมกับพี่ขุนที่ทำให้คนรอบข้างเหม็นความรักกันบ่อยๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ตอนนี้มันก็มีคู่ไอ้เป้กับไอ้ภีมเพิ่มเข้ามา ส่วนไอ้ขันกับไอ้หมีก็ไม่ได้หวานให้เห็นอะไรขนาดนั้น ไอ้เป้มันดูชอบใจนะครับเวลาที่เมียมันโดนแซวน่ะ สนับสนุนเต็มที่ด้วยไม่มีการปกป้อง ไอ้ภีมนี่เขินวันละสิบล้านรอบได้ เห็นแล้วก็สงสาร แต่ในความสงสารก็มีความสะใจนิดๆ

ฮ่าๆๆๆๆ

" ยิ้มห่าไรของมึงวะไอ้หนม "

เสือกกับการยิ้มของกูอีก

ผมหุบยิ้มทันทีที่มีเสียงไอ้เป้ทัก ทำไมเดี๋ยวนี้เวลาที่ยิ้มออกมาชอบมีเพื่อนขัดตลอดเลยวะ ทีเมื่อก่อนนี่อยากให้กูยิ้มกันจัง น่าหมั่นไส้จริงๆ นะไอ้พวกบ้า พี่ขุนไม่เห็นห้ามไม่ให้ผมยิ้มแบบนี้เลย รายนั้นดูชอบอกชอบใจด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมยิ้มหวานๆ มันก็ชอบดึงเข้าไปกอดไปหอมเป็นประจำด้วย นี่สินะที่เขาบอกว่าเพื่อนกับแฟนน่ะมันต่างกัน พอพูดถึงพี่ขุนแล้วก็....

คิดถึงจัง

หวังว่าคงจะไม่ทะเลาะกับไอ้ขันอยู่หรอกนะ


[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]


" มันจะแดกได้จริงป่ะเนี่ยะไอ้ขุน "

" จริงสิพี่....วานส่งเกลือให้ผมหน่อย "

มือหนาหยิบขวดสีขาวส่งมาให้ผม " อ่ะ เอาไป "

" นี่มันน้ำตาล เกลือมันอีกอันนึงพี่ขัน "

" ใครจะไปรู้วะก็มันขวดสีขาวเหมือนกัน " เจ้าตัวบ่นก่อนจะหยิบขวดสีขาวอีกขวดส่งมาให้ " อ่ะ คงถูกอันละนะ "

" ถูกละพี่ " ผมรับขวดมาก่อนจะโรยเกลือใส่ชามที่หมักเนื้อ

" เออขุน เวลาไอ้หนมมันอยู่กับมึง มันดื้อมากไหม "

" ไม่เลยนะพี่ น้องน่ารักมาก ขนมเป็นคนมีเหตุผลนะ "

พี่ขันเลิกคิ้วมอง " หรอวะ "

" ใช่สิ เวลาอยู่กับพี่ขัน หนมดื้อมากเลยหรอ "

" ดื้อดิ่ ตอนเด็กๆ ก็น่ารักอยู่หรอก " พี่ขันบ่นก่อนจะหยิบแตงกวาไปกินเล่น " มันไม่ดื้อกับมึงก็ดีแล้วล่ะนะ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกันถ้าไอ้หมีโผล่มาบอกว่ากูอยู่ที่ห้อง "

" ได้เลยพี่ " ทันทีที่ผมรับคำ พี่ขันก็เดินออกไปจากครัว

ดีจริงๆ นะที่ผมกับพี่ขันคุยกันได้อย่างปกติน่ะ

ช่วงตลอดปีที่ผ่านมานี่มีเรื่องให้ต้องหมางใจกันอยู่ตลอดเลย แต่ก็ดีที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนั่นมันจบลงได้ด้วยดี ช่วงที่ไอ้หมีกับพี่ขันมีปัญหากัน ขนมนี่เครียดหนักเลยเพราะตัวเองเป็นคนกลางไง ย้อนไปคิดก็สงสารอยู่เหมือนกันนะ ผมทำอะไรไม่ค่อยได้เลยตอนนั้น เต็มที่ก็ทำได้แค่กอดปลอบ แล้วพยายามทำให้น้องยิ้ม

ผมทำได้แค่นั้นจริงๆ

พอๆ เลิกคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วดีกว่า คิดไปก็หน่วงใจเปล่าๆ คิดถึงขนมยังเข้าท่ากว่าเยอะเลย พูดถึงขนมผมก็ไม่รู้ว่าน้องหายไปไหน อาจจะนั่งเล่นนอนเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ล่ะมั้ง เดี๋ยวพอผมหมักพวกเนื้อเสร็จก็จะไปตามน้องมาอาบน้ำ ส่วนเรื่องเตรียมเตาปิ้งเดี๋ยวให้ไอ้สยามมันจัดการ พวกเพื่อนๆ ผมมันซื้อพวกพลุโอ่งกับไฟเย็นมาเยอะเลยครับ ในส่วนตรงนี้เดี๋ยวไอ้ชาจะเป็นคนจัดการเตรียมจุดตอนเคาท์ดาวน์

" ไอ้ขุน "

ผมหันมองตามเสียงเรียกก็พบกับไอ้สยามที่เดินทำหน้าบึ้งมา " มีไรวะ แล้วมึงเป็นไรเนี่ยะ "

" เมียหาย "

" กูก็นึกว่าเรื่องอะไร " ผมส่ายหัวอย่างเอือมๆ " แตกตื่นไปได้นะมึง "

" เมียมึงก็หายไปด้วยนะ "

ผมหันขวับไปมองทางมันทันที " จริงจัง "

" จริงจังสิสัส เรื่องเมียใครเค้าล้อเล่นกันวะ " มันบอกเสียงขุ่นก่อนจะเดินมานั่งข้างผม " หายไปกันไปหมดเลยพวกปี 1 น่ะ ไม่รู้ว่าไปเล่นซนกันที่ไหน "

" มึงลองหาทั่วแล้วหรอ "

" เออหาทั่วแล้ว ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว แถมยังหนาวอีก กูเป็นห่วงปอง มันกลัวความมืดมึงก็รู้ "

" กูว่าคงไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ "

" หวังงั้นเถอะ เดี๋ยวกูไปเตรียมเตารอละกัน " มันบอกก่อนจะเดินออกไป หงุดหงิดน่าดูเลยนะน่ะ

ผมเองก็ชักจะหงุดหงิด

ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไปไหนให้บอกกันก่อน ไม่คิดเลยว่าน้องจะผิดคำพูดกับผม เดี๋ยวจะต้องลงโทษหน่อยละโทษฐานที่ดื้อและทำให้เป็นห่วง ผมเอาผ้าขาวมาคลุมชามหมักเนื้อไว้ก่อนจะเดินไปล้างมือ ผมเตรียมของเสร็จหมดแล้วครับ ตอนนี้ก็ 6 โมงกว่าๆ ละ พวกเราตั้งใจว่าจะเริ่มกินกันประมาณ 3 ทุ่ม แล้วก็ต่อกันไปยาวๆ เลยคืนนี้

ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน

ผมเดินออกมาหน้าบ้านพลางมองวิวไปรอบๆ เริ่มมืดแบบที่ไอ้สยามบอกจริงๆ ด้วย แถมอากาศก็เริ่มเย็น ได้ยินเสียงโวยวายดังเข้ามา หันไปมองก็พบกับพวกเด็กปี 1 ที่เดินมากันด้วยสภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัว ขนมนี่ตัวสั่นเดินนำมาเลย

ไปทำอะไรกันมาวะ

" พะ....พี่ขุน " ทันทีที่น้องเห็นผมก็ยิ้มแห้งๆ ออกมาทันที

" ไปไหนมาครับ " ผมถามเสียงเข้มพลางมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า " ทำไมถึงได้เปียกแบบนี้ "

" หนมไป....เล่นน้ำมา "

" เราตกลงกันไว้ว่ายังไง "

คนตรงหน้าเบะปากขึ้นหน่อยๆ " ก็....ถ้าไปไหนให้บอกก่อน "

" ใช่....แล้วหนมได้บอกพี่ไหม "

" ไม่ครับ " น้องบอกเสียงอ่อนก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือผม " แต่หนมมีเหตุผลนะ คือว่า...."

" ไปคุยกันที่ห้อง " ผมตัดบทก่อนจะรีบลากน้องเข้ามาในห้องพัก ตอนนี้มือขนมเย็นมาก ผมเข้าใจว่าน้องคงหนาวเพราะงั้นให้รีบไปอาบน้ำก่อน

กลัวน้องไม่สบายครับไม่ใช่อะไร

" พี่ขุนโกรธหนมหรอ "

" ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน "

" กะ...ก็ได้ " คนตัวเล็กเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะหันมองผม " รอแปปนึงนะ " เจ้าตัวบอกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ทำไมมันน่าฟัดจังวะ

ผมยกมือลูบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อข่มอารมณ์ เสื้อที่มันแนบเนื้อแบบนั้นทำเอาใจสั่นได้เหมือนกันนะ แก้มขาวๆ นั่นก็น่ากดจมูกลงไปถูแรงๆ เป็นบ้า อา....ทำไมผมถึงได้คิดอะไรลามกแบบนี้วะ คงเป็นเพราะว่าผมห่างเรื่องพวกนี้กับน้องมาได้สักพักนึงมั้ง สองเดือนมานี้ผมไม่ได้มีอะไรกับขนมเลยอ่ะ พยายามต้อนแล้วนะแต่น้องก็ไม่ใจอ่อน

กะให้ผมลงแดงตายงี้

ผมกับขนมคบกันมาครึ่งปีกว่าๆ แล้วนะ มีอะไรกันไปแค่ 3 ครั้งเองอ่ะ นี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอดทนมาได้ยังไง แต่ว่าทุกครั้งที่มีอะไรกันนี่หนักเลยนะครับ ขนมก็ชอบมาบ่นว่าทำมากเกิน ร่างกายจะอย่างโน้นอย่างนี้ ผมเลยต่อรองไปว่างั้นเปลี่ยนเป็นทำอาทิตย์ละครั้งไหม ครั้งละรอบ คนตัวเล็กก็ไม่ยอมแถมเอาหมอนตีผมด้วย

นี่ผิดไรอ่ะ

งงใจมากๆ

หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักขนมก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยิ้มยิงฟันให้ผม " เสร็จแล้ว "

" มานี่ " ผมตบตักตัวเองเบาๆ " มาเร็วๆ "

" หนมไม่ได้ตัวเล็กๆ นะ ถึงจะให้ไปนั่งตัก " น้องบ่นอุบอิบ แก้มขาวๆ ก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ

ซี๊ดด.ด....มันช่างน่า....

" อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำสิครับ "

" พี่ขุนอ่ะ " น้องทำหน้ามุ่ยก่อนจะยอมเดินมานั่งบนตักผมแต่โดยดี " อย่ามาบ่นว่าขาชานะ "

ผมโอบรอบเอวน้องไว้ " พี่เคยบ่นด้วยหรอหืม "

" หื้อออ.อ.อ...."

" ไม่ต้องมาหื้อเลย เรามีคดีติดตัวอยู่นะ เดี๋ยวจะโดน "

" คืองี้นะ " ขนมหันมองผม " ไอ้ปั้นอ่ะมันมาชวนหนมไปที่ลำธาร ตอนแรกหนมก็บอกมันแล้วว่าจะมาบอกพี่ขุนก่อน แต่มันก็ไม่ยอมให้มาบอกอ่ะ มันลากหนมไปเลยนะ แล้วพี่ขุนดูตัวมันกับตัวหนมสิ ใครจะสู้แรงได้ถูกไหม อีกอย่างหนมไม่ได้อยากเล่นน้ำหรอก แต่ไอ้หมีมันดึงลงไป หนมรู้ว่าหนมผิดที่ไม่ได้บอกแต่หนมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เรื่องนี้ถ้าจะโทษก็โทษไอ้ปั้นเพราะมันลากหนมไป "

ผมนั่งฟังคนตัวเล็กร่ายยาวก่อนจะหลุดยิ้มออกมา น่าถ่ายวิดีโอเก็บไว้ชิบ สีหน้าตอนที่ขนมอธิบายมันน่ารักมากเลยอ่ะ ทำตาใสแบบนั้นใครจะไปโกรธลง น้องรู้แหละว่าถ้าทำหน้าแบบนี้ใส่ผมตัวเองจะรอดแน่ๆ รู้อยู่หรอกว่าวิชามารนี้ไอ้หมีเป็นคนสอนขนมมา เดี๋ยวไว้ไปจัดการไอ้หมี

แต่ตอนนี้ต้องจัดการขนมก่อน

" แล้วไง "

คนบนตักทำคิ้วขมวดใส่ทันที " หมายความว่าไง พี่ไม่เชื่อหนมหรอ "

" เชื่อ แต่หนมก็ผิดอยู่ดีจริงไหม "

" อื้ออ.อ.อ.....ไม่ผิด " น้องบอกเสียงอ่อนก่อนจะซุกหน้าที่ไหล่ผม " ไม่ผิดนะ "

" ผิดสิ "

ขนมผละออกมาจากไหล่ก่อนจะมองผม " หนมผิดตรงไหน "

" ก็ผิดตรงที่...." ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกเราชนกัน " หนมทำตัวน่ารักเกินไป "

" พี่ขุน...."

" หึ....." ผมกดริมฝีปากลงไปทาบทับกับปากบางๆ นั่น

เสร็จพี่เถอะคนดี

น้องพยายามจะดิ้นหนีแต่ขอบอกเลยว่ามันไม่สะทกสะท้านผมเลยสักนิด ขนมเม้มปากเพื่อจะไม่ให้ผมล่วงล้ำเข้าไปด้านใน เห็นแบบนั้นผมก็ขบปากล่างน้องแรงๆ พอเจ้าตัวเผลอเปิดปากออกผมจึงสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากเล็ก สองมือก็กดให้น้องนอนราบไปกับเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมไว้ ปากก็แลกจูบอยู่แบบนั้น

รู้สึกดีจริงๆ

ผมไล่ต้อนลิ้นเล็กอยู่อย่างนั้นพลางขบเม้มที่ริมฝีปากน้องไปด้วย แก้มใสแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด มือบางเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอผมช้าๆ เริ่มเคลิ้มแล้วสินะ ดีมากครับที่รัก พี่รอเวลานี้มานานแล้วรู้ไหม ผมเลื่อนมือเข้าไปลูบผิวเนียนใต้เสื้อเบาๆ ก่อนจะถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง

ปากสีแดงเจ่อๆ นี่เร้าอารมณ์จริงๆ เลยนะ

" แฮ่ก....คนลามก "

" พี่ลามกตรงไหนหรอ " ผมไล่จูบไปตามซอกคอขาว " นี่ยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ "

" ยังจะมีหน้ามาพูดอีก....อื้ออ.อ.อ...อย่าลูบ...อ๊ะ "

ผมวนลูบรอบยอดอกน้องเบาๆ " ก็ดูชอบนี่ครับ "

" อื้ออ.อ...พี่ขุน "

" เรามีเวลาอยู่นะ หนมรู้ใช่ไหม " ผมเลิกเสื้อน้องขึ้นมาก่อนจะไล่จูบวนแถวหน้าท้อง " เพราะงั้น....โดนพี่แง่มซะดีดีเถอะ "

" ไม่ "

" หึ....." ผมเลื่อนมือมาจะเพื่อจะดึงกางเกงน้องลง " คิดว่าจะขัดขืนพี่ได้หรอ "

" พี่ขุน!!! "

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

จิ๊....ใครวะ

" สัสเอ้ย " ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะลุกออกมาจากตัวน้อง ขนมรีบรั้งเสื้อลงก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่อตัวไว้ทันที เดี๋ยวจัดการคนที่มาขัดจังหวะก่อน แม่งมาตอนเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะมึงนะ

" เปิดเร็วๆ สิวะ มึงทำอะไรกันอยู่ "

เสียงนี้มัน.....

ผมรีบเปิดประตูทันที " พี่ขัน เอ่อ....มีอะไรอ๋อพี่ "

" ไอ้หนมอ่ะ "

" กูอยู่นี่ " น้องรีบย่องลงมาจากเตียงโดยที่ยังมีผ้าห่มคลุมตัวอยู่ " มีไรวะ "

" คือ....กูมีเรื่องจะคุยด้วย ไปกับกูแปปนึง " ว่าแล้วพี่ขันก็ลากขนมออกจากห้องไปทันทีโดยไม่สนใจผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย

วัทททท

" เชี่ยไรเนี่ยะ " ผมยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พี่ขันนะพี่ขัน มีเรื่องคุยอะไรตอนนี้วะ

จะได้แง่มขนมอยู่แล้ว

ผมปิดประตูก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก อารมณ์ค้างแบบค้างเลย เมื่อกี้นี้ผมคิดว่าจะแง่มน้องจริงๆ นะครับไม่ได้เล่นๆ อย่างน้อยก็สักครั้ง แต่ตอนนี้โดนพี่ขันทำลายแผนการแง่มของผมไปแล้ว โผล่มาเหมือนรู้เลยอ่ะ เดี๋ยวไปด่าไอ้หมีดีกว่าโทษฐานที่ปล่อยให้พี่ขันมาขัดขวางความสุขของผม

ส่วนขนม....หลังเคาท์ดาวน์เดี๋ยวเจอกัน

เราไม่รอดจากพี่หรอกครับที่รัก


[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]


------------- 50% -------------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
------- ต่อจาก [ Special Chapter ] - Happy New Year ------



" นี่กุ้งครับหนม "

" ขอบคุณครับ....เอ้าไอ้สัสขัน กุ้งของกูนะน่ะ "

" กูจะแดกอ่ะ "

" มึงนี่มันเลว!!!! "

" ไม่เป็นไรครับหนม นี่ตัวใหม่ "

ผมกำลังจะเอื้อมมือไปรับกุ้งตัวใหม่มาจากพี่ขุน แต่ไอ้ขันมันก็ชิงแย่งไปอีก " เอ้า....มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ยะ "

" กูจะแดกให้หมดเลย " ไอ้ขันมันยิ้มหวานก่อนจะยัดกุ้งตัวใหม่เข้าปาก

" อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก "

ไอ้พี่เชี่ยยยยยยยย

ผมว้ากใส่มันดังลั่นก่อนจะกระหน่ำตีไปอีกหลายทีจนพี่ขุนต้องเข้ามาห้าม ไอ้ขันมันสมควรตาย ถึงมันจะมีบุญคุณที่มาช่วยผมไม่ให้โดนพี่ขุนแง่มก็เถอะ แต่มันก็สมควรตายอยู่ดี

" พี่ขัน " ไอ้หมีที่ยืนปิ้งเนื้ออยู่หน้าเตาหันมามอง " มาช่วยปิ้งนี่มา "

" มึงก็ปิ้งไปสิ "

" พี่ขัน "

" เออกูได้ยินละ " มันทำเสียงขุ่นก่อนจะเดินไปช่วยไอ้หมีปิ้ง

นี่สิผู้มีอำนาจเหนือไอ้ขัน

ผมแอบแลบลิ้นใส่มันก่อนจะหันมาสนใจของกินตรงหน้าต่อ พี่ขุนก็แกะกุ้งตัวใหม่ก่อนจะส่งมาให้ผม ตอนนี้พวกเราชาวแก๊งค์นั่งเปิดตี้รอเวลาเคาท์ดาวน์กันอยู่ นี่ก็นั่งกินมาเรื่อยๆ จนเกือบ 5 ทุ่มแล้วครับ อากาศตรงลานหน้าบ้านนี่ก็หนาวจับใจเลย ดีนะที่มีกองไฟให้ผิงนะ ฟีลนี้นึกถึงสมัยที่เรียนลูกเสือเลยแฮะ

" พี่ขุนเอาเหล้าไหม " ผมถามพลางเทเหล้าใส่แก้ว

" เอาเราด้วยได้ไหมครับ "

ผมหันขวับมองมันทันที " พี่นี่....."

" กูได้ยินนะไอ้ขุน " พี่สยามหรี่ตามองพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม " จะปีใหม่แล้วยังหื่นกามไม่หายเลยนะมึง "

" มึงมากกว่าไหมที่หื่นกาม กูเห็นนะว่าสมปองเดินขาถ่างออกมาจากห้องน่ะ " พี่ก้องบอกก่อนจะเบ้ปาก

" พูดอะไรเนี่ยะพี่ เพราะมึงเลยพี่สยาม " คนที่โดนพาดพิงถึงหันไปกระหน่ำตีพี่สยามรัวๆ

" อื้ออ.อ.อ....ดะก็ตบด้วยปากเลย "

นั่นนนนน....งานตบด้วยปากก็มา

" มึงนี่มันร้ายนะไอ้สยาม "

" ไม่ได้ครึ่งมึงหรอกไอ้ขุน " พี่สยามยิ้มหวานก่อนจะยกแก้วขึ้นชนกับพี่ขุนสองคน

น่าหมั่นไส้จริงๆ

ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ สายตาก็ไปสะดุดกับคู่ผัวเมียที่ยืนหยอกล้อกันอยู่หน้าเตาย่างบาร์บีคิว เนื้อที่ย่างอยู่นั่นหวานตายห่าแล้วมั้งนะ พอเห็นแบบนั้นผมก็เดินถือแก้วเหล้าก่อนจะไปยืนแทรกกลางมันสองคน ไอ้ขันมองผมงงๆ สงสัยสินะว่ากูมายืนทำไม

มายืนไม่ให้มึงสวีทกันไงโว้ยยยย

" นี่เหล้าของมึงหมี " ผมส่งเหล้าให้ไอ้หมีพลางยิ้มบางๆ

" มึงมายืนทำไรตรงนี้วะ "

" เสือก "

" พูดงี้นี่มึงอยากโดนปิ้งไปพร้อมกับเนื้อไหม "

ผมหันมองไอ้ขันก่อนจะแลบลิ้นใส่ " แบร่บๆๆๆๆๆๆ "

" ไอ้หนม!!!! "

" เดี๋ยวกูตัดเนื้อให้นะหนม " ไอ้หมีมันบอกก่อนจะคีบเนื้อที่สุกแล้วไปตัดใส่จานให้ผม " พี่ขันเอาด้วยไหม "

" ไม่ต้องให้มันแดก " ผมชิงพูดก่อน

" มึงไปไกลๆ เลยป่ะ " ไอ้ขันมันผลักผมให้ออกห่างไอ้หมี " ไปนั่งกับผัวมึงโน่น ไป้!!!! "

" อย่าเสียงดังสิพี่ขัน " ไอ้หมีมันปรามก่อนจะส่งจานเนื้อมาให้ผม

" อย่าดุกูต่อหน้าไอ้หนมได้ไหม เสียอำนาจหมด "

ผมยกยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหูไอ้ขันเบาๆ " มึงหมดอำนาจไปนานแล้วไอ้.....ฟาย "

" ไอ้เชี่ยหนม!!!!! "

ฮ่าๆๆๆ

ขนมวินครับ



23.45 น.

หลังจากที่พวกเรานั่งสังสรรค์กันอย่างบันเทิงเริงใจแล้ว ก็เหลือเวลาอีกแค่ 15 นาทีก็จะเข้าปีใหม่แล้วครับ ตอนนี้ผมกับพี่ขุนนั่งเล่นไฟเย็นกันเงียบๆ อยู่สองคน คนอื่นก็เตรียมตัวนับถอยหลังเพื่อจะจุดพลุโอ่งกัน นี่เตรียมกล้องไว้ถ่ายรูปละ ผมว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ

" หนมครับ "

" หืม...."

" มีอะไรจะบอกพี่ก่อนปีใหม่ไหมครับ "

ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหันมองพี่ขุน " ก็มีนะ "

" ไหนว่ามาซิ "

" ก็ขอบคุณที่พี่ขุนเข้ามาในชีวิตหนม มันเป็นเรื่องดีที่สุดในปีนี้เลยนะ "

" เขินจัง " เจ้าเอ่ยพลางตัวยิ้มหวาน " พี่ก็มีอะไรจะบอกหนมนะ "

" อะไรอ่ะ "

" พี่รักเรานะครับ " พี่ขุนบอกก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผม " ปีต่อๆ ไปพี่ก็จะรักเราแบบนี้เหมือนกัน "

ตึกตัก

อา....ใจสั่นไปหมดแล้ว

ผมยิ้มหวานก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่ขุนคืน เจ้าตัวดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มหวานออกมาให้ผมเหมือนกัน โชคดีจริงๆ เลยที่มีผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตน่ะ ถึงแม้ว่าตลอดปีที่ผ่านมามันจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายเลยก็เถอะ แต่พี่ขุนก็เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือผมมาตลอด ผมไม่รู้นะว่าปีหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ว่าเราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนกับปีนี้

จับมือผ่านมันไปด้วยกัน

" ใกล้ได้เวลาแล้วครับ " พี่ขุนยกนาฬิกาขึ้นดู " เหลืออีกนาทีเดียว " เจ้าตัวบอกก่อนจะจูงมือผมมาร่วมวงกับบรรดาชาวแก๊งค์

" เตรียมจุดพลุเลยมึง เหลืออีก 30 วิ " พี่ชาบอกก่อนจะเตรียมไฟแช็ก

พี่หอมเป่ามือตัวเองเบาๆ " แปปๆ ก็หมดปีแล้วเนอะ "

" นั่นสิ เหมือนเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเอง "

" แต่ปีนี้มันก็สอนอะไรเราหลายอย่างเลยนะ " ไอ้ขันมันยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเลื่อนไปกุมมือไอ้หมีไว้ " สอนให้เราได้รู้ด้วยว่าปีหน้าเราควรจะใช้ชีวิตยังไง "

ไอ้หมีมันหลุดยิ้มออกมา " ขอให้มันเป็นปีที่ดี "

" อีก 10 วิ " พี่สยามบอกก่อนจะเริ่มจุดพลุโอ่ง

" 9...." สมปองเริ่มนับ

สีเทียนส่งแก้วเหล้าให้ทุกๆ คน " 8...."

" 7...." แยมนับต่อ

" 6...." พี่เกียร์นับตาม " นับสิแกง "

" 5...."

ไอ้ปั้นนับต่อ " 4...."

" 3...." ตามด้วยไอ้เป้

" 2...." จบที่ไอ้ภีม

ผมหันมองหน้าพี่ขุน " 1 "

" สวัสดีปีใหม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! "

ฟู่วววววววววววว

ผมยืนมองพลุโอ่งที่พุ่งขึ้นสูงและสว่างไสวไปรอบๆ มือก็ยกกล้องขึ้นมาถ่าบรูปบรรยากาศเหล่านี้เก็บไว้ ชอบฟีลนี้จริงๆ เลย มันเป็นโมเม้นท์ที่ดีเลยนะ อะไรดีดีก็ควรใส่ลงไปในนิยายถูกไหม เนื่องในโอกาสปีใหม่ ไรท์หนมขอสัญญาต่อหน้าพลุโอ่งพวกนี้เลยว่าจะตั้งใจแต่งนิยายต่อไปเรื่อยๆ จะหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ มาเขียนเพื่อให้เหล่ารี้ดที่รักได้อ่านอย่างแน่นอน

จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้พวกคุณมีความสุข

ไรท์หนมขอสัญญา

" ชนแก้วกันหน่อยเร็ว " พี่สยามชูแก้วขึ้นสูง

กึก

" ขอให้ตลอดทั้งปีนี้มีความสุขมากๆ " ไอ้ขันเริ่มอวยพรก่อน

" คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนา....สุขภาพร่างกายแข็งแรง " ไอ้ปั้นเอ่ยพลางยิ้มบางๆ

" ร่ำรวยเงินทองนะ " พี่สยามยิ้มหวานก่อนหันมองสมปอง " จะได้เอามาเปย์เมีย "

" ฮ่าๆๆๆๆๆๆ "

พี่ขุนยิ้มหวานให้ผม " ขอให้ได้อยู่เคาท์ดาวน์ด้วยกัน....ตลอดไป "

" ใช่...."

ตลอดไป....

สวัสดีปีใหม่นะครับ








-------- FIN. --------





สวัสดีปีใหม่นะคะเหล่ารี้ดที่รักของชาลทุกคน ขอบคุณที่ติดตามชาลมาตลอดในช่วงปี 2017 ในฐานะของนักเขียนมือใหม่ก็อยากบอกว่า จะพยายามพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณรี้ดทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนิยายของชาล ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ คำติชมหรือว่ากำลังใจที่มีให้กันมาตลอด ในปีหน้าชาลก็จะตั้งใจทำงานให้มากขึ้น จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีไปพร้อมๆ กันไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องฝึกงาน หรือเรื่องนิยาย ปีหน้าเป็นปีของขันหมีค่ะ อดใจรอกันอีกหน่อย ชาลจะพยายามแต่งให้มันออกมาดีที่สุด จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังค่ะ

ขออวยพรตามที่หนุ่มๆ อวยพรเลยนะคะ และก็อยู่เคาท์ดาวน์ในปีต่อๆ ไปด้วยกันนะ ใครที่เดินทางไกลในช่วงปีใหม่ก็ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัยนะคะ รักษาสุขภาพกันด้วย

สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ

ชาลรักรี้ดทุกคนน้าาาาา....ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด