LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4  (อ่าน 39897 ครั้ง)

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่ขันรู้บ้านจะไหม้ไหมเนี้ย 555555555

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :-[
 :L2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ขนมน่ารักมาก

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 13 ตามติดชีวิตขุนศึก




สามวันแล้วครับที่ผมกับไอ้ขุนห่างกัน

ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่าว่ามันช่างยาวนาน

ตอนนี้ก็ประมาณเกือบเที่ยงแล้วครับ ผมนั่งติวหนังสือกันอยู่หน้าตึกที่เดิมที่ประจำ โดยสามวันมานี้ผมก็พยายามตั้งใจจะอ่านหนังสือนะครับ แต่อ่านไปอ่านมาบางทีมันมีหน้าของใครบางคนแม่งลอยเข้ามาแทรก

หน้าไอ้ขุนไง

บ้าไหมล่ะ

“ ไอ้ห่าหมีกูบอกกี่ครั้งละว่าไม่ใช่ ”

“ โถ่เพื่อนเป้ ก็ทฤษฎีมันเยอะอ่ะ เพื่อนหมีก็ต้องจำสับสนบ้างสิ ”

“ งั้นมึงก็จำแล้วก็ไปสับสนในห้องสอบนะ ” ไอ้เป้มันบอกก่อนจะใช้ค้อนลมตีหัวไอ้หมี มันจะจำไม่ได้เพราะมึงตีมันนี่แหละ

“ เจ็บนะ มึงนี่มันโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนา โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ”

ผมนั่งมองไอ้หมีที่โดนไอ้เป้กระหน่ำตีไม่หยุดก็ได้แต่ถอนหายใจ ไอ้เป้นี่ก็จะโหดไปไหนของมันวะ ไอ้หมีเองก็กวนตีนไม่หยุด วันนี้จะติวกันรู้เรื่องไหมเนี่ย วิชาที่ติวตอนนี้คือวิชา MediaLiteracy [ มีเดีย ลิทเทอเรซี่ ] เรียกแบบไทยๆวิชารู้เท่าทันสื่อครับ มันเป็นวิชาที่สำคัญมากๆกับสายวารสารอย่างพวกผม ส่วนตัวผมคิดว่าวิชานี้มันไม่ได้ยากเท่าไหร่นะ แต่มันต้องจำเยอะ มันมีทฤษฎีและก็แนวคิดเยอะมากครับ แต่ผมจำได้หมดแล้ว ในกลุ่มนี่จะมีคนที่มีปัญหากับวิชานี้มากที่สุดก็คงเป็นไอ้หมี เพราะมันจำสลับกันหมด

ทีเรื่องไอ้ขันล่ะจำได้แม่นชิบ

น่าหมั่นไส้

“ พอแล้วเป้ เดี๋ยวหมีมันตาย ” ท่านประธานปราม

“ เออ มานั่งติวใหม่เร็ว ” ไอ้ภีมมันบอกก่อนจะดึงแขนไอ้หมีให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้

“ เจ็บหัวอ่ะภีม หัวกูแตกแล้วมั้งเนี่ย ”

“ ไม่ต้องมาโอดโอยเลยนะมึง ”

“ ไอ้ใจร้าย ”

“ มึงอยากโดนอีกรอบหรอห้ะ ”

“ พอๆ เลิกกัดกันแล้วก็ติวได้แล้ว เสียเวลาจริงๆเลยพวกมึงเนี่ยะ ” ผมออกปากสั่ง เอาสิ ถ้าไม่หยุดนะกูจะเอาค้อนลมนั่นมาไล่ตีให้สมองฝ่อเลย

“ งื้อ....ก็ได้ ” ไอ้หมีมันเบะปากใส่ผมส่วนไอ้เป้ก็นั่งเงียบๆไม่ได้พูดอะไรออกมา เออดี จะได้ติวกันแบบจริงๆจังๆสักที

“ ฟังกูนะไอ้หมีคือทฤษฎีมันมีแบบนี้...... ” และผมนั่งอธิบายให้ไอ้หมีฟังไล่เป็นข้อๆ อธิบายแบบสรุปน่ะครับ ผมว่าการติวให้เพื่อนฟังมันถือว่าเป็นการทบทวนที่ดีเลยนะ เพราะเหมือนเราได้เอ่ยและนึกถึงในสิ่งที่เราเรียนมา มันทำให้จดจำได้ง่ายและมันจะส่งผลดีกับการสอบ โดยขณะที่ผมอธิบายทฤษฎีนั้นเพื่อนๆก็ช่วยเสริมอยู่เรื่อยๆ บางทีไอ้หมีมันก็ทำหน้าเข้าใจ บางทีมันก็ทำหน้าไม่เข้าใจ

ตกลงมึงเข้าใจไหมเนี่ยะ

“ พยักหน้านี่มึงเข้าใจรึเปล่า ”

“ เข้าใจนะ เพื่อนหมีเข้าใจ ”

“ อ่ะไหนมึงลองบอกทฤษฎี Stereotype [ สเตอริโอไทป์ ] ให้กูฟังดิ้ ” ไอ้ภีมมันถาม

“ ก็แบบเป็นการชี้เหมารวมไง การมองโดยภาพรวมอ่ะ ”

“ ยังไง ”

“ ก็แบบที่เพื่อนหนมใส่แว่นนี่ไง ”

“ อ่ะ แล้วยังไงต่อ ”

“ ก็ถ้ามองแบบเหมารวม คนที่ใส่แว่นก็จะเป็นคนเฉิ่ม ”

เฉิ่มพ่อง

กูขอสักที

โป๊กกกก

“ โอ้ยยยยยยย เพื่อนหมีเจ็บนะ เพื่อนหนมโขกหัวเพื่อนหมีทำไม ” ไอ้หมีมันยกมือกุมหัวตัวเอง หมั่นไส้นัก น่าโขกอีกสักทีสองที

“ มึงเข้าใจทฤษฎีถูก แต่มึงมองภาพเหมารวมผิด คนที่ใส่แว่นคนเค้าต้องคิดกันว่าเป็นคนสายตาสั้นไม่ใช่คนเฉิ่มไอ้บ้า ” ผมโวยใส่มัน คนใส่แว่นเป็นคนเฉิ่มหน้ามึงดิ่ คนไม่ใส่แว่นแต่เป็นคนเฉิ่มก็มีเยอะไป ไม่รู้เรื่องอะไรซะเลย

“ สมน้ำหน้ามึงไอ้หมี โดนหนมด่าเลย ” ไอ้ปั้นมันซ้ำเติม

“ เออ สมน้ำหน้า ” ไอ้เป้ก็เอากับเขาด้วย

“ พอเลยเลิกด่า ไปต่อเลยเพื่อนภีม ทฤษฎีต่อไปเลย ” ไอ้หมีมันเท้าคางรอฟัง

“ ต่อไปก็ทฤษฎี Agenda Setting [ อาเจนด้า เซ็ตติ้ง ] ”

“ อันนี้ก็แบบเหมือนพาดพิงหรือพูดชักจูงเพื่อให้คนที่ฟังนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง แบบเราไม่ต้องพูดเองโดยตรงอ่ะใช้การพูดชี้นำ ”

“ มึงลองยกตัวอย่างมาซิ ”

ไอ้หมีมันหันมามองหน้าผม “ ก็แบบพวกมึงดูดิ่ สามวันมานี้เพื่อนหนมมันดูหงอยผิดปกติเหมือนกำลังคิดถึงใครสักคนอยู่เลยว่ะ ”

เดี๋ยวนะ.....

ทำไมมึงเอาทฤษฎีมาใช้กับชีวิตกูล่ะ

“ ก็จริงของมึงนะหมี ” จริงอะไรของมึงวะไอ้ปั้น

“ คิดถึงใครอยู่หรอหนม ” ไอ้ภีมมันถามผมพลางอมยิ้ม ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้สัส เดี๋ยวกูจะให้เป้จัดการมึง

“ ใช่เด็กวิศวะรึเปล่า ” เดี๋ยวเถอะไอ้เป้ กูจะให้จัดการไอ้ภีมแท้ๆดันมาแซวกูไปด้วยอีก กูพึ่งใครได้บ้างวะตอนนี้

ผมหันมองไปทางไอ้เผือกที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ที่เริ่มติวกันแล้ว “ เผือก.....” ส่งสายตาปริบๆไปให้มันด้วยครับ ช่วยเพื่อนหนมหน่อยครับ

“ คิดถึงพี่ขุนหรอ ”

ห่าเผือก

ไม่ช่วยแถมยังเอ่ยชื่อออกมาด้วย

มึงนี่มัน

“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้เผือกไม่ช่วย วั้ยๆๆๆๆๆๆ ” ผมหันควับไปมองไอ้หมีทันทีพร้อมกับสายตาเหี้ยมไปให้มันด้วย อารมณ์ประมาณว่าถ้ามึงไม่หยุดขำมึงตายแน่

“ กูงอนพวกมึงแล้ว ” หันหนีแม่ง ทำไมพวกมันชอบแซวชอบแกล้งผมนักวะ สนุกกันนักรึไง

แต่เอาจริงๆมันก็มีส่วนที่เป็นความจริงแบบที่ไอ้หมีมันพูดนะครับ ผมเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเองแปลกๆไป เหมือนกับว่าสายตาคอยมองหาใครอยู่ตลอด หูก็คอยฟังเสียง มีหลอนเหมือนได้ยินไปเองด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เป็นแบบนี้อ่ะ

ต้องยอมรับแล้วสินะว่าคิดถึงไอ้ขุนมันจริงๆ

ที่ผมคิดไว้ว่าจะไปแอบตามดูชีวิตมันเงียบๆนั่นผมยังไม่มีเวลาว่างไปครับ แบบว่ามีเรียนทั้งวันแถมบางวันยังมีคลาสเสริม บางวิชาเก็บควิซนอกเวลาก็มี เวลากินข้าวนี่ยังหาได้ยากเลย มีวันนี้แหละที่พอจะว่างติวกัน แต่มันก็ไม่ว่างมากพอที่จะไปตึกวิศวะ และอีกอย่างคือมันก็ค่อนข้างจะยากนะครับสำหรับการไปตามดูแล้วไม่ให้ไอ้ขุนมันรู้เนี่ย ผมอาจจะต้องให้ไอ้หมีช่วยเรื่องแบบนี้ไอ้หมีมันน่าจะถนัดเพราะมันแอบตามดูไอ้ขันอยู่เป็นประจำ

ว่าแล้วอยากเจอหน้าจัง

สักแปปนึงก็ยังดี

“ ฮัลโหลครับอาจารย์.....วันนี้ยกคลาสหรอครับ ” ผมทันไปมองไอ้ปั้นทันทีที่ได้ยินคำว่ายกคลาส นี่ถ้ายกคลาสจริงๆผมก็ว่างเลยนะเพราะวิชาที่จะเรียนนี่เป็นวิชาสุดท้ายของวัน

“ อาจารย์ว่าไงวะ ” หมีมันถามด้วยสีหน้าที่ลุ้นสุดๆ ผมเองก็ลุ้นอยู่ในใจ ขอให้ยกคลาสทีเถอะจะได้มีเวลา

“ บ่ายยกคลาสครับ ”

“ เย่!!!!!!!!! ” ผมสะดุ้งกับการเย่ของหมี ไอ้บ้านี่มึงจะเย่เสียงดังทำไมวะ รู้แล้วว่าดีใจแต่ไม่ต้องเสียงดังก็ได้กูตกใจไอ้สัส

“ เสียงดังไอ้ห่าหมี ” ไอ้เป้มันด่า

“ ก็กูดีใจหนิ มึงคิดดูว่าเราแม่งแทบไม่มีเวลาว่างเลย ”

“ ก็จริงของมึงแหละนะ เดี๋ยวกูจะกลับหอ แล้วนี่พวกมึงจะไปไหนกันต่อ ” ท่านประธานถามครับ ตอบไงดีวะ ถ้าบอกไปว่าไปตึกวิศวะนี่ผมต้องโดนแซวแน่ๆ

“ กูจะไปส่องพี่ขันที่ตึกวิศวะ ” ไอ้หมีพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่ง มึงนี่ก็ตรงดีเหลือเกิน

“ กูกลับหอแหละ ” ไอ้ภีมมันบอกพร้อมกับหาวไปด้วย มึงคงอยากจะกลับไปนอนสินะ

“ กูก็เหมือนกัน ” ไอ้เป้มันว่าพลางเก็บค้อนลมใส่กระเป๋า

“ กูจะไปตึกแพทย์ ” คำว่าตึกแพทย์ที่ไอ้เผือกพูดออกมานั่นทำให้เพื่อนๆทุกคนหันไปมองทันที มันไปทำไรที่ตึกแพทย์วะ

“ แน่ะ ไปทำอะไรที่ตึกแพทย์ห้ะ ” ไอ้หมีมันจ้องหน้าไอ้เผือกอย่างคาดคั้น เดี๋ยวมึงก็โดนมันเตะหรอกหมีไปจ้องมัน

“ เรื่องของกู มึงจะเสือกทำไม ”

“ โถ่เพื่อนเผือกพูดงี้เพื่อนหมีเสียใจหน่า ” ไอ้หมีมันยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตา

“ แล้วมึงอ่ะหนม จะไปไหน ”

“ กูว่าจะไปหาไอ้ขันหน่อยอ่ะ ”

“ หาพี่ขันหรือหาพี่ขุน ”

“ เออน่า หาใครก็ได้กูโตแล้ว 6 โมงลากสังขารมาติวที่หอกูด้วยห้ามสายห้ามเลทนะตามนี้เลย จะซื้ออะไรมากินก็แล้วแต่พวกมึง ส่วนไอ้หมีมึงมากับกู ” ผมแร็ปใส่พวกมันก่อนจะรีบล็อคคอไอ้หมีแล้วลากออกมาทันที ไม่ได้ครับถ้าอยู่ตรงนั้นจะโดนแซวแบบย่อยยับแน่ๆ

“ เดี๋ยวเพื่อนหนม คลัมดาวน์นะเพื่อนหมีหายใจไม่ออก ”

ผมปล่อยไอ้หมีออกหลังจากที่เดินมาถึงลานจอดรถ “ กูมีเรื่องให้มึงช่วย ”

“ เรื่องอะไรไหนว่ามาซิ ”

“ กูจะไปแอบตามดูชีวิตไอ้ขุน ”

“ มึงจะแอบไม ”

“ มันก็เหมือนที่แอบตามดูไอ้ขันนั่นแหละ ”

“ โนวๆ ไม่เหมือนกันนะครับหนม ”

“ ไม่เหมือนกันยังไงวะ ”

“ ก็พี่ขุนเค้าชอบมึง แต่พี่ขันเค้าเกลียดกู ” ไอ้หมีมันพูดเสียงอ่อน ดวงตาฉายความเศร้าออกมาชัดเจน นี่ผมไปพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปสินะ

“ หมีกูขอโทษ ”

“ มึงจะขอโทษกูทำไมมึงไม่ได้ทำอะไรผิด ”

“ แต่.....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดไอ้หมีมันก็ยกมือขึ้นมาปิดปากผม ผมก็ได้แต่มองมันนิ่งๆ มันเองก็มองผมนิ่งๆไม่ต่างกัน ไม่ชินกับไอ้หมีที่เป็นแบบนี้เลยว่ะ ไม่ชินเลยจริงๆ

“ ช่างมันเถอะนะหนม กูโอเค ” สายตามึงมันไม่โอเคชัดๆ

ผมค่อยๆจับมือมันที่ปิดปากผมออก ใจก็อยากจะพูดอยากจะถามมันหลายอย่างแต่คิดไปคิดมาคนตรงหน้านี่คงอยากจะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวแน่ๆ อาจเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นห่วงหรือกังวลกับสิ่งที่มันเจอ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆไอ้หมีมันก็เป็นคนที่เข้มแข็งและอดทนมาก และไอ้รอยยิ้มนั่นก็คงจะไว้ใช้กลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง

“ มึงจะเล่าให้กูฟังสักวันนึงที่ไม่ใช่วันนี้สินะ ”

“ ใช่แล้วหนม สักวันนึง ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะลากให้ผมเดินมาที่รถมัน “ เนี่ยะ มัวแต่ดราม่าเสียเวลาส่องผู้ชิบ ” ไอ้หมีมันบ่นพร้อมกับยัดผมขึ้นรถ ตัวมันก็ตามขึ้นมาอยู่ฝั่งคนขับ

“ ไอ้หมี วันนี้ไอ้ขุนมันมีเรียนไหม ”

“ มี...มึงยังไม่บอกกูเลยนะหนมว่าทำไมต้องไปแอบตามดู ”

“ คือเวลาที่ไอ้ขุนอยู่กับกูมันดีมากอ่ะ กูอยากรู้ว่าชีวิตลับหลังมันเป็นยังไงก็แค่นั้นเอง ”

“ กูเข้าใจละ แต่เราคงไปในสภาพนี้ไม่ได้นะ ”

“ แล้วจะไปสภาพยังไงวะ ”

“ เรื่องนั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง ” ไอ้หมีมันพูดพร้อมกับยิ้มเหี้ยม รู้สึกเสียวสันหลังวาบกับคำว่ากูจัดการเองยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็เอาวะ ถ้ามันจะเนียนๆแอบตามดูไอ้ขุนได้ผมก็ยอม

ป่านนี้มันจะทำอะไรอยู่นะ



---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 13 ----------





โรงอาหารตึกวิศวะกรรมศาสตร์

ตอนนี้ผมกับไอ้หมีมานั่งเนียนๆอยู่ในโรงอาหารตึกวิศวะครับ เวลาเที่ยงกว่าๆแบบนี้คนก็พลุกพล่านพอควร แต่ผมยังไม่เห็นพวกไอ้ขุนมันเดินมาเลยนะสงสัยว่ายังไม่พักล่ะมั้ง ละคือตอนนี้ผมกับไอ้หมีก็ปลอมตัวกันมาโดยการใส่แมซปิดปากใส่หมวกบังหน้าและก็สวมเสื้อช้อปที่ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้หมีมันไปหามาจากไหน

“ มึงว่าแบบนี้จะเวิร์คหรอวะหมี ”

“ เวิร์คดิ่เชื่อเพื่อนหมี ”

“ แล้วถ้าวันนี้พวกไอ้ขุนไม่มานั่งตรงนี้ล่ะ ”

“ มันเป็นโต๊ะประจำ ยังไงพี่ขุนก็ต้องมานั่ง เชื่อกูเถอะหน่า ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะเอาทำเป็นเอาชีทขึ้นมาอ่านบังหน้าบังตา

ผมมองไปรอบๆโรงอาหาร หวั่นเหมือนกันนะครับว่าจะเจอไอ้ขันก่อน กลัวมันจำได้ด้วย ถ้ามันเจอผมมันต้องด่าผมหูชาแน่ๆเรื่องที่มันโทรหาผมแล้วผมไม่รับสายมันเลย และจนวันนี้ผมก็ไม่ได้โทรกลับหามันแต่อย่างใด ไลน์ก็ไม่ได้ตอบแถมไม่เปิดอ่านด้วย ก็นะผมไม่อยากมานั่งไล่ตอบคำถามมันอ่ะว่าผมไปไหนทำอะไรอยู่กับใคร แล้วถ้าบอกว่าอยู่กับไอ้ขุนนี่ผมคงโดนสวดยับแน่ๆ

“ พี่ขุนมาละหนม ” ผมหันไปมองด้านหลังทันทีที่ไอ้หมีพูดจบ

ร่างสูงเดินมาพร้อมกับเพื่อนๆในมือก็ถือหนังสือกับชีทหลายปึก ใบหน้าหล่อที่ผมไม่เจอมาสามวันนั่นดูหมองแปลกๆแถมสีหน้ายังแสดงว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิดอยู่อย่างเห็นได้ชัด ผมไม่คุ้นกับหน้ามันที่เป็นแบบนี้เลย มันเป็นอะไรกันนะ

“ หันมาไอ้หนมเดี๋ยวพี่เค้ารู้ว่ามึงจ้องเค้าอยู่ ” ผมหันกลับมาทันที่ไอ้หมีมันพูดจบ จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะด้านหลัง พวกไอ้ขุนคงมานั่งกันแล้วแน่ๆ เอาล่ะครับจากนี้ก็เป็นเวลาแอบฟังของผมละ

“ คอยบอกกูด้วยนะว่ามันทำอะไร ” ผมบอกไอ้หมี มันเองก็พยักหน้ารับ

“ เพิ่งจะ 3 วันเองหรอวะ ” เสียงที่ดังเข้าหูผมนั่นแน่นอนว่าเป็นเสียงไอ้ขุนชัวร์ๆ ที่ได้ยินชัดขนาดนี้คงเป็นเพราะมันนั่งอยู่ด้านหลังผมแน่ๆเลยว่ะ

เลือกที่นั่งเหมือนรู้เลยนะมึง

“ มึงเป็นอะไรวะไอ้ขุน หลายวันมานี้กูว่ามึงแปลกๆนะ ”

“ เออแปลกจริง ดูหงุดหงิดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ”

“ อ่านหนังสือจนเป็นบ้าหรอวะ ”

“ คิดถึงขนมจนเป็นบ้าต่างหาก ” เสียงขุ่นๆนั่นบ่งบอกถึงความหงุดหงิดจริงๆแหละ ที่มันเป็นแบบนี้นี่เพราะมันคิดถึงผมหรอวะเนี่ย อาการหนักเหมือนกันนะมึง

พอๆกับกูเลย

ผมยอมรับไปแล้วนะครับว่าผมคิดถึงมัน แค่อาการของผมกับของมันแสดงออกมาต่างกันเท่านั้นเอง ผมจะเหม่อลอยและก็เบลอๆ ส่วนมันก็คงจะหงุดหงิดและก็คล้ายๆกับว่าจะรำคาญรอบๆข้างด้วย

“ อ่อนแอจริงนะมึง ” เสียงนี้น่าจะเป็นพี่สยาม

“ เงียบไปเลยนะไอ้สัส ใช่สิ มึงเดินไป 3 โต๊ะมึงก็เจอแฟนมึงแล้วหนิ กูขอให้สมปองไล่มึงไปนอนที่อื่น ” อันนี้คือเสียงไอ้ขุนโวยวาย อยากเห็นหน้ามันตอนนี้ว่าจะเป็นยังไง ลำบากเหมือนกันนะครับที่ฟังได้แต่เสียงเนี่ยะ

“ ปากหมานะมึงไอ้ขุน เดี๋ยวกูก็แช่งไม่ให้ได้กับขนมหรอก ”

“ ไอ้สยาม!!!!! ”

“ เห้ยๆอย่าตีกัน ใจเย็นๆ ” นี่เสียงพี่แกงแน่นอน พี่คงคอยห้ามไอ้ขุนกับพี่สยามอยู่สินะ

“ ตลกอ่ะหนมมึงน่าจะได้เห็น พี่ขุนนี่หน้าอย่างกับยักษ์ ” ไอ้หมีมันกระซิบบอกผมเบาๆ เออโชคดีกับมึงด้วยที่ได้เห็นหน้ายักษ์นั่นแทนกู

“ แล้วไมมึงไม่ไปโทรหาน้องวะขุน ” เสียงเอื่อยๆนี่ต้องเป็นพี่ชาแน่ๆ

“ ก็กูตกลงกับน้องไว้ว่าจะไม่ติดต่อไปจนกว่าจะสอบเสร็จ ”

“ แล้วมึงก็มานั่งหงุดหงิด....กูถามจริงๆเถอะ ทำไมต้องยอมน้องมันขนาดนั้นวะ ”

ผมนั่งตั้งใจฟังในสิ่งที่ไอ้ขุนกำลังจะพูดต่อจากนี้ อยากรู้ครับว่าทำไมมันต้องยอมผมขนาดนี้ เผื่อนั่นจะเป็นคำตอบให้ผมได้เหมือนกันว่าทำไมหลายๆอย่างผมถึงได้ยอมมัน ยอมทั้งๆที่ไม่เคยยอมให้ใคร และก็คิดว่าจะยอมแค่มันคนเดียวด้วย

“ ก็รัก...”

ตึกตัก

ระ...รักงั้นหรอ

“ หูมึงแดงมากเลยนะหนม ” พอได้ยินไอ้หมีบอกแบบนั้นผมยกมือข้างนึงจับหูตัวเอง มืออีกข้างยกขึ้นทาบหน้าอกก็สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงมาก หน้านี่ร้อนสุดๆ เมื่อกี้ผมคงไม่ได้หูฝาดแน่ๆ ไอ้ขุนมันบอกว่าที่มันยอมผมทั้งหมดนั่นเพราะว่ามันรักผม งั้นไอ้ที่ผมยอมมันนั่นก็เพราะ....รักมันงั้นหรอ

บ้า มันจะเป็นไปได้ไง

รึเป็นได้วะ

โอ้ยสับสน

“ รักเลยใช่ป้ะ ”

“ เออรัก ไม่รักจะยอมหรอวะ กูเลิกทุกอย่างที่คิดว่าน้องไม่ชอบ กูไม่ได้ฝืนตัวเองด้วยเพราะกูมีความสุขมากที่ได้ทำทุกอย่างนั่นเพื่อน้อง ”

“ แล้วถ้าน้องมันไม่รู้สึกเหมือนกับที่มึงรู้สึกอ่ะ ”

“ อย่างน้อยกูก็พยายามแล้ว พยายามเท่าที่กูจะทำได้ กูก็จะสู้ไปเรื่อยๆจนกว่าน้องจะเป็นคนบอกให้กูหยุดเอง ”

“ มึงนี่พระเอกมากเลยนะ ”

“ ถ้ากูเป็นพระเอก กูก็อยากให้ขนมมาเป็นนางเอกอ่ะ แต่น้องจะมาเป็นนางเอกได้ไงวะน้องไม่ใช่ผู้หญิง โอ้ย กูนี่เลอะเทอะใหญ่แล้ว ” เออ เลอะเทอะจริงๆมึงอ่ะ

ผมนั่งอมยิ้มให้กับสิ่งที่ได้ยินจากปากไอ้หล่อมัน ใจละมุนมากครับแบบว่าเออรู้สึกดีอ่ะ ชอบที่มันบอกว่ามันไม่ได้ฝืนตัวเอง ชอบที่มันบอกว่ามันมีความสุขที่ได้ทำเพื่อผม ชอบที่มันบอกว่ามันจะสู้จนกว่าผมจะเป็นคนบอกให้มันหยุด

ชอบว่ะ ชอบจริงๆ

“ พี่ขุนเค้าเอาชีทมาคลุมหัวตัวเองว่ะ ” ไอ้หมีมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปไอ้ขุนก่อนจะส่งให้ผมดู ตลกว่ะ ในรูปคือไอ้ขุนที่นั่งฟุบแล้วเอาชีทมากองๆทับหัวตัวเองอยู่ ทำอะไรบ๊องๆแบบนี้ก็ได้สินะมึงน่ะ

“ มึงนี่บ้าจริงๆไอ้ขุน เห้ยขุนเด็กเก่ามึงเดินมานั่นว่ะ ” คำว่าเด็กเก่านี่ทำผมหูผึ่งขึ้นมาทันที เด็กเก่าที่ไหนวะ อยากจะหันไปดูก็หันไปดูไม่ได้

“ ใครมาวะไอ้หมี ”

“ ดาวนิเทศ....เดินตรงดิ่งมาโต๊ะพวกพี่มันเลยนะ ” ดาวนิเทศก็.....แก้มใสน่ะสิ

มาทำไมวะ

“ งานมาแล้วไอ้ขุน ”

“ พวกมึงเงียบๆเลยนะ ปล่อยให้ไอ้ขุนมันจัดการ ” สิ้นเสียงของพี่แกงโต๊ะนั้นก็เข้าสู่ความเงียบทันที ส่วนผมกับไอ้หมีก็รอฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

“ นางเดินมาถึงโต๊ะละมึง ” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ในใจนี่อยากหันไปดูมาก อยากรู้ครับว่าแก้มใสจะมาหาไอ้ขุนทำไม จะมาตามง้ออีกหรอวะ

“ พี่ขุน ”

“ มีอะไร ”

“ เรื่องขนมมันหมายความว่ายังไง ” มีชื่อผมเอ่ยออกมาด้วยว่ะ ที่นางมาหาไอ้ขุนนี่เพราะเรื่องผมสินะ

“ พี่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้แก้มฟัง ”

“ ทำไมล่ะ ที่พี่ทิ้งแก้มไปเป็นเพราะพี่ไปติดขนมหรอ มันเป็นผู้ชายนะ แถมไม่ได้มีอะไรดีเลยด้วยซ้ำ เห่ยก็เห่ยหรือว่าเพราะมันลีลาดี พี่ขุนถึงได้หลงมัน ” แก้มใสโวยวายเสียงดัง ดังในระดับที่คนจะต้องหันมามองกันอย่างแน่นอน ตอนนี้ผมหัวร้อนมากเพราะถูกด่าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากนั่งกำมือแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ ไอ้หมีมันเห็นอาการผมมันก็ได้แต่ลูบแขนผมเบาๆเชิงว่าให้ผมใจเย็น

ใจเย็นอยู่นะแต่หัวร้อนมาก

“ พี่ว่าแก้มกลับไปเถอะนะ ” ไอ้ขุนมันเอ่ยเสียงเรียบ ผมคิดว่ามันก็คงจะข่มอารมณ์อยู่เหมือนกัน

“ แก้มไม่กลับ ทำไมล่ะพี่ขุน ที่แก้มพูดมันเป็นความจริงสินะ ขนมมันมีอะไรดีหรอพี่ถึงต้องทิ้งแก้มไปหามันอ่ะ ”

ปึง!!!

ผมสะดุ้งกับเสียงทุบโต๊ะที่ดังขึ้น “ ไอ้ขุนมันทุบโต๊ะหรอ ” ผมถามไอ้หมีมันเบาๆ

“ เออ จากหน้าพี่ขุนนี้คงจะโกรธน่าดูเลยแหละ ” ไอ้หมีมันมองผมสลับกับไอ้ขุนอยู่ด้านหลัง พอเห็นแบบนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

ร่างสูงยืนประจันหน้ากับแก้มใส ใบหน้าหล่อนั่นแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน แก้มใสหน้าซีดนิดหน่อยเพราะเห็นว่าไอ้ขุนมันโมโหแต่นางก็ยังทำเป็นใจดีสู้เสือยืนจ้องหน้าไอ้ขุนอยู่อย่างนั้น พวกพี่ๆก็ดูหัวร้อนกันอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะพี่สยามกับพี่แกง ผมเห็นว่าพี่สองคนนั้นโดนดึงเสื้อไว้ด้วย คือถ้าไม่โดนดึงเอาไว้ก็อาจจะลุกไปเอาเรื่องด้วยก็ได้

“ พี่จะทิ้งแก้มได้ยังไงเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ”

“ แก้มเป็นเมียพี่ ”

“ แก้มคิดว่าพี่มีเมียกี่คน แล้วแก้มเองก็ไม่ใช่เมียพี่แค่คนเดียว ”

“ แก้มมีแค่พี่จริงๆนะพี่ขุน ”

“ ตอแหลชิบ ตอนนั้นยังกกไอ้ปั้นอยู่เลย ” ไอ้หมีมันพูดอย่างฉุนๆพร้อมกับเบ้ปากใส่

“ เลิกพูดในสิ่งที่ตัวเองก็รู้ดีเลย ไม่รู้สึกอายบ้างหรอ ”

“ พี่ขุน!!!! ”

“ เราตกลงกันไว้ว่ายังไงอย่าแสร้งทำเป็นจำไม่ได้เลย ” พอไอ้ขุนมันพูดแบบนั้น สีหน้าซีดๆของแก้มใสก็แดงก่ำขึ้นด้วยความโกรธ

“ เป็นเพราะขนมสินะ พี่ขุนถึงได้เป็นแบบนี้ ”

“ เรื่องของเรามันจบก่อนที่พี่จะรู้จักขนมด้วยซ้ำ แก้มจะด่าจะว่าอะไรพี่ก็เชิญ แต่แก้มไม่มีสิทธิ์มาว่าอะไรขนมเพราะเค้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ”

“ ปกป้องมันจังเลยนะ ขนมมันดีมากเลยสิ ” แก้มใสตวาดใส่ไอ้ขุนลั่น

“ ใช่....ขนมดีมาก ดีกว่าแก้มเยอะ และพี่จริงจังกับขนมมากด้วย ”

“ แต่มันเป็นผู้ชาย พี่ขุนเป็นเกย์ไปแล้วรึไงถึงได้มาชอบผู้ชายน่ะ แค่คิดก็น่าขยะแขยง ”

“ เป็นเกย์แล้วยังไงวะ ชอบผู้ชายแล้วมันยังไง ” พี่สยามปัดมือที่ดึงเสื้อตัวเองไว้ก่อนจะเดินเข้ามาหาแก้มใสอย่างเอาเรื่อง “ ไม่มีใครบอกว่าผู้ชายต้องรักเฉพาะผู้หญิงหนิ ขยะแขยงนักก็กลับตึกมึงไปเลยไป กลับไป้!!!! ” เสียงพี่สยามตวาดดังลั่นโรงอาหาร พี่เค้าคงเหลืออดมากจริงๆ ไม่ใช่แค่พี่สยามหรอกผมว่าทุกคนก็คงทนไม่ไหวแล้วคือถ้าแก้มใสไม่ใช่ผู้หญิงก็คงโดนรุมกระทืบไปแล้วอ่ะ

“ อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ” แก้มใสกรี๊ดใส่พวกพี่มันดังลั่น “ พวกผิดเพศ มันไม่จบแค่นี้หรอก จำไว้เลยนะพี่ขุน พี่กับมันไม่ได้รักกันแบบสงบๆแน่ ” นางเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดแสดงถึงความจริงจังในสิ่งที่พูด

“ ก็ดี....พี่ชอบความตื่นเต้น ” ไอ้หล่อมันยกยิ้ม ส่วนผมก็รู้สึกเป็นห่วงมันยังไงแปลกๆ

“ เราจะได้เห็นดีกัน ” แก้มใสทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนจะเดินสะบัดออกไปทันที

“ เออไปเลยอีวอกกกก อย่าให้กูเจอนะมึง!!! ” พี่สยามตะโกนด่าไล่หลัง พี่นี่แม่งปากจัดชิบ อยากเห็นหน้าแฟนพี่สยามที่ไอ้ขุนมันพูดถึงจริงๆ คนแบบไหนวะถึงจะทนกับปากแบบนี้ได้

“ สัสเอ้ย ประสาทจะแดก ” ไอ้ขุนมันยกมือกุมหัวตัวเอง

พี่ก้องแตะไหล่ไอ้ขุนเบาๆ “ ไงล่ะมึงพ่อนัก-เจ็ดราตรี ปวดหัวเลยสิ ”

“ เออปวดหัว แม่งวุ่นวายชิบ ”

“ กูว่ามีเรื่องวุ่นวายมาอีกว่ะ ” พี่แกงบอกกับไอ้ขุนพร้อมกับส่งสายเชิงให้มันหันไปดูด้านหลัง ผมมองตามไปก็พบกับร่างสูงที่ตัวเองคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี มันคือคนที่ผมไม่อยากเจอและก็หนีหน้ามาหลายวัน

มันคือไอ้ขันครับ ไอ้ขันที่ทำหน้าดุกว่าปกติด้วย

“ หลบเร็วหนม ” ไอ้หมีมันรั้งให้ผมหันกลับมาก่อนกดหัวผมลงกับโต๊ะ “ ทำเป็นฟุบไป ”

ผมฟุบนิ่งๆตามที่ไอ้หมีมันบอก หูก็ต้องรอฟังในสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ไอ้ขันมันมาหาไอ้ขุนทำไมวะหรือว่าเพราะเรื่องเมื่อกี้งั้นหรอ อาจจะใช่ก็ได้ ผมว่าเหตุการณ์เมื่อกี้นี่คงเป็นเรื่องเม้าท์เรื่องใหญ่ของเด็กวิศวะแน่ๆ เพราะเสียงทะเลาะกันมันดังลั่นทั้งโรงอาหาร ใครไม่ได้ยินก็แปลกล่ะนะ

“ พี่ขัน....สวัสดีพี่ ” เสียงไอ้หล่อมันสั่นเล็กน้อยแฮะ จะเป็นอะไรไหมเนี่ย

“ กูมีเรื่องต้องคุยกับมึง ตามกูมา ” ตามมาอะไรวะ นั่นจะไปไหนกัน

“ ไอ้หนม พี่ขันพาพี่ขุนเดินไปแล้ว ” ผมเงยหน้าขึ้นมาทันทีก่อนจะกวาดสายตาหาไอ้ขุนกับไอ้ขันแต่ก็ไม่เห็น

“ ไหนวะไอ้หมี ”

“ เดินออกโรงอาหารไปแล้ว ตามกูมา ” ไอ้หมีมันลากผมให้เดินเนียนๆออกมาเพื่อไม่ให้พวกพี่ที่ยืนกันอยู่เห็น “ ถ้าอย่างพี่ขันกูว่าน่าจะลากไปคุยที่สวนหย่อม ”

“ มึงรู้ได้ไงวะ ”

“ กูคือเพื่อนหมีไง ” ไอ้หมีมันรีบลากผมเดินมาที่สวนหย่อม เป็นแบบที่มันพูดจริงๆครับ ไอ้ขันมันเดินนำไอ้ขุนมาที่นี่ ทำไมต้องเดินมาไกลถึงสวนหย่อมด้วยวะ

ผมกับไอ้หมีค่อยๆย่องมาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ สองคนนั้นยังยืนประจันหน้ากันนิ่งๆ ยังไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ตอนนี้ความสงสัยนี่เต็มหัวเลยครับว่าไอ้ขันมันจะพูดอะไรกับไอ้ขุน

“ พี่ขันมีอะไรหรอครับ ”

“ กูอยากให้มึงเลิกยุ่งกับขนม ”

“ สัสขัน....อื้ออ.อ...” ยังไม่ทันที่ผมจะออกไปด่าไอ้ขันไอ้หมีมันก็เอามือปิดปากแล้วรั้งผมไว้ก่อน ห้ามกูทำไมวะหมีมึงไม่ได้ยินที่มันพูดรึไง มันกำลังเข้ามายุ่งกับชีวิตส่วนตัวกูอยู่นะ

“ ชู่ววววว ฟังไปก่อนอย่าเพิ่งวู่วาม ” ไอ้หมีมันกระซิบปรามผมเบาๆ

“ ไอ้เอา อ่อยอูอ้ะ ”

“ ถ้ามึงไม่เงียบ กูจะลากมึงกลับตึกคณะทันทีแล้วมึงจะไม่ได้ฟังอะไรเลยนะ มึงจะเอายังไง ” ไอ้หมีเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง พอเห็นแบบนั้นผมก็ได้แต่มองมันนิ่งๆ โถ่ไอ้สัสหมี ทำไมโหมดนี้มึงดูโหดจังวะ

เออ กูยอมก็ได้

พอไอ้หมีมันเห็นผมนิ่งมันก็เลยเอามือที่ปิดปากผมออก ไอ้บ้าหมีนี่เรื่องนี้ถึงหูไอ้เป้แน่ กูจะเอาไปฟ้อง หลังจากที่ผมคาดโทษไอ้หมีในใจเสร็จผมก็หันไปมองทางเดิม ไอ้ขุนมันยังไม่พูดอะไรออกมาเลยครับหลังจากที่ไอ้ขันบอก แต่สีหน้าของไอ้หล่อดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ คล้ายๆลำบากใจยังไงก็ไม่รู้ ถ้าไอ้ขุนมันเลิกยุ่งกับผมตามที่ไอ้ขันสั่งจริงๆล่ะ

แบบนั้นไม่เอานะ

“ ว่าไงไอ้ขุน มึงจะเลิกยุ่งกับน้องกูได้รึเปล่า ”

“ ไม่ได้ครับ ” ไอ้ขุนมันบอกอย่างจริงจังพร้อมกับสบตากับไอ้ขัน “ เรื่องนี้แค่เรื่องเดียวที่ไม่ได้ ”

“ จิ๊....เอาตรงๆเลยนะ มึงเป็นน้องที่ดีของกูมาตลอด กูโอเคกับมึงทุกอย่างยกเว้นเรื่องการใช้ชีวิตของมึง กูไม่ชอบที่มึงเจ้าชู้และกูก็ไม่ต้องการให้คนแบบนั้นมายุ่งกับน้องของกู ”

“ แต่ตั้งแต่ที่ผมได้เจอขนม ผมก็เลิกทุกอย่างเลยนะพี่ เพื่อพิสูจน์ว่าผมจริงใจกับน้อง และผมก็ไม่ได้ยุ่งกับใครแล้วด้วย ”

“ ถึงมึงบอกว่ามึงเลิกยุ่งกับคนอื่น แล้วคนอื่นเลิกยุ่งกับมึงไหม วันนี้กูต้องมาได้ยินคนอื่นมาว่าน้องกูเสียๆหายๆ มึงคิดว่ากูโอเคหรอ ” น้ำเสียงแบบนั้นบ่งบอกว่าไอ้ขันมันกำลังหงุดหงิด

ผมไม่เข้าใจไอ้ขันเลยครับ ไม่เข้าใจว่ามันจะมาห้ามทำไม โอเคว่ามันอาจจะเป็นห่วงผมก็ได้เลยไม่อยากให้ผมยุ่งกับคนเจ้าชู้อย่างไอ้ขุน แต่เรื่องนั้นคนที่ตัดสินใจเลือกควรเป็นผมป้ะวะ มันเป็นชีวิตของผมอ่ะไม่ใช่ชีวิตมัน และช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาผมคือคนที่อยู่กับไอ้ขุนตลอด ไอ้ขันมันไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าไอ้ขุนมันดีกับผมมากแค่ไหน

ไม่เคยเห็นเลยสักอย่าง

“ ผมขอโทษที่ทำให้ขนมโดนคนอื่นว่า ผมแก้ไขอดีตไม่ได้ก็จริง แต่ต่อจากนี้ผมจะดูแลและปกป้องขนมให้ดีที่สุด ผมจะไม่ให้ใครมาทำอะไรขนมได้ทั้งนั้น ”

“ คือมึงจะไม่เลิกยุ่งกับน้องกูจริงๆสินะ ”

“ ใช่ครับ ผมจริงจังกับขนมจริงๆ ”

“ มึงตามจีบมันมานานเท่าไหร่ละ”

“ เกือบ 3 เดือนแล้วครับ ”

“ โอเคงั้นเรามาเดิมพันกัน ”

“ เดิมพัน....”

“ ถ้าหลังจากช่วงหยุดยาวสอบมิดเทอม มึงทำให้น้องกูไปเป็นแฟนมึงไม่ได้ มึงต้องเลิกยุ่งกับน้องกู ” หลังจากที่ไอ้ขันมันพูดออกมา ผมก็ต้องข่มอารมณ์อย่างหนัก มึงแม่งบงการชีวิตกูสัสๆ ผมคิดว่าไอ้ขันมันรู้ว่ามันห้ามและก็บังคับผมไม่ได้มันเลยไปสั่งไอ้ขุนแทน แม่งใช้ความเกรงใจเป็นเครื่องมือชัดๆ

ไอ้พี่ชั่ว

กูฟ้องแม่แน่มึงไม่รอดหรอก

“ แล้วถ้าผมทำให้ขนมเป็นแฟนผมได้ล่ะ ”

“ กูก็จะยอมให้มึงคบกัน กูจะไม่ขัดขวาง เว้นแต่ว่าถ้ามึงทำให้ขนมเสียใจหรือต้องร้องไห้ กูจะไปกระทืบมึงและเอาน้องกูคืน ”

“ งั้นก็ตกลงครับ ผมรับคำเดิมพันของพี่ ”

“ สัญญาของลูกผู้ชาย ” ไอ้ขันยื่นกำปั้นมา

“ สัญญาครับ ” ไอ้ขุนก็ยื่นกำปั้นมาแตะกำปั้นไอ้ขันเบาๆ

“ เย็นนี้มาประชุมรับน้องด้วย บอกไอ้สยามด้วยละกัน กูไปล่ะ ” ไอ้ขันมันสั่งงานก่อนจะเดินออกไปทันที ไอ้หมีมันก็ชะเง้อคอมองตาม ขนาดนั้นมึงก็ตามมันไปเลยหมี

“ ซี๊ด.ด.ด...ปวดหัวชิบ ” ไอ้หล่อมันทรุดตัวนอนลงกับพื้นหญ้า ผมเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสารมันแปลกๆ เจอแก้มใสมาวีนใส่ไม่พอ ยังจะมาเจอไอ้ขันมาห้ามบ้าห้ามบออะไรไม่รู้ ใจนี่อยากจะเดินไปแตะไหล่แล้วก็บอกว่าสู้ๆจริงๆเลย

แต่ทำไม่ได้ไงได้แต่แอบมองเนี่ยะ

“ หนม ”

“ หืม ”

“ มึงเข้าใจในสิ่งที่เค้าเดิมพันใช่ไหม ”

“ กูเข้าใจ ”

“ เออ แล้วมึงจะเอายังไง ” เอายังไงหรอวะ

ผมรู้สึกสับสนมากนะครับในตอนแรกน่ะ แต่พอมีเรื่องของแก้มใสกับไอ้ขันเข้ามามันก็ช่วยทำให้ผมได้คำตอบกับคำถามที่ตัวเองตั้งไว้ได้หลายอย่าง ตอนที่แก้มใสมาแว้ดๆๆใส่ไอ้ขุนผมก็อยากจะเดินออกไปฉะด้วยตัวเองด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้นางมายุ่งกับไอ้ขุนอีก ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมันทั้งนั้นอ่ะ แล้วเรื่องไอ้ขันผมก็ไม่พอใจมากที่มันมาบอกให้ไอ้ขุนเลิกยุ่งกับผม ผมมีความสุขผมแฮปปี้มากที่ไอ้ขุนมันเป็นส่วนนึงในชีวิตของผม ถ้าอยู่ดีดีมันจะเลิกยุ่งกับผมเพราะคนอื่นบอกผมก็ไม่โอเคแน่ๆ

มันทำให้ผมติดมันแล้วนี่

มันต้องรับผิดชอบสิ

อีกอย่างคือผมไม่อยากเสียไอ้ขุนไปด้วย ห่างกับมันแค่ 3 วันก็จะบ้าแล้ว ผมคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มันอยู่กับผมไปตลอด เรื่องของอนาคตผมไม่รู้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ผมขอแค่มีมันอยู่ในชีวิตของผมทุกวันก็พอ

คงถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงแบบเต็มๆปากแล้วสินะ

“ กูว่า....กูชอบไอ้ขุนว่ะ ”

“ มึงเพิ่งรู้ตัวหรอ ชาวบ้านชาวช่องเค้าดูออกกันหมดละไอ้ห่า ”

“ กูดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ ”

“ เออสิวะหนม มึงไม่เคยยอมให้ใครยุ่มย่ามกับตัวมึงแต่มึงยอมพี่ขุนหมดเลย หอมึงก็ยอมให้เค้าเข้า บ้านเค้ามึงก็ไปค้าง การกระทำมึงอ่ะแสดงออกทุกอย่างว่ามึงชอบ แต่มึงแม่งติดซึนไม่ยอมรับ ” ฟังจากที่ไอ้หมีพูดนี่ก็คงจริงของมัน

เออแต่ช่างแม่งตอนนี้ยอมรับแล้วไงว่าชอบ

ชอบและก็จะไม่ยอมเสียมันไป

“ เออ กูผิดเองแหละ คนมันไม่เคยมีความรักนี่หว่ามันก็ต้องสับสนบ้างป้ะวะ ” ความรักกับผู้ชายด้วยไงมึง แถมเป็นผู้ชายที่หล่อและเพอร์เฟ็คมาก กูนี่ถึงกับสับสนหนัก

“ หราหนมหรา ” ไอ้หมีมันเบ้ปากใส่ผม เดี๋ยวเถอะมึง ผมหันมองไอ้ขุนที่ยังนอนอยู่กับพื้น มือเรียวของมันล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาคล้ายกับว่าดูอะไรสักอย่างอยู่

“ กูคิดถึงมึงนะหนม เป็นกำลังใจให้กูด้วยนะ ” ไอ้หล่อมันพูดออกมาก่อนจะจุ๊บที่หน้าจอโทรศัพท์เบาๆ ผมรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ไอ้ที่มันจุ๊บเมื่อกี้แม่งต้องเป็นรูปผมแน่ๆเลยว่ะ

ไอ้บ้านี่ทำให้เขินได้ตลอดจริงๆ

“ กูเป็นกำลังใจให้มึงเสมอแหละไอ้บ๊อง ” ผมรู้ครับว่าพูดไปไอ้ขุนมันก็ไม่ได้ยิน แต่ก็สบายใจนะที่ได้พูดออกไป

“ ให้กำลังใจใบไม้หรอมึง ”

“ ยุ่งจริงๆมึงอ่ะ ” ผมหยิกไอ้หมีทีนึงก่อนจะเหลือบไปเห็นไอ้ขุนมันลุกแล้วก็เดินออกไป คงไปเรียนล่ะมั้ง ตั้งใจเรียนนะไอ้ขุน อยากตะโกนบอกแต่ทำได้แค่บอกในใจจริงๆว่ะ

แต่ไว้วันข้างหน้ากูจะบอกมึงทุกวันเลย

โอ้ยยยยย คิดเองก็เขิน

ความรักนี่ทำให้เรากระเหี้ยนกระหือรือจังวะ

“ ตามไปเรียนกับพี่เค้าเลยไหม ”

“ เรียนอะไรของมึงวะ เพ้อเจ้ออ่ะไอ้หมี ”

“ เออกูมันเพ้อเจ้อ ยังไงกูก็แสดงความยินดีกับมึงด้วยละกันที่ตกลงกับความรู้สึกตัวเองได้ ” ไอ้หมีมันแตะไหล่ผมเบาๆ นี่มึงประชดกูป้ะเนี่ยะ

“ เออไอ้สัส แต่จากนี้กูก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อว่ะหมี ”

“ อย่าไปคิดมาก คนสองคนถ้าชอบกันจะคบกันก็ไม่แปลกนะ ”

“ ถึงมึงพูดแบบนั้นก็เถอะ ”

“ เออน่า....กูมีความคิดดีดีอยู่นะ ”

“ อะไรวะ ”

“ ก็เนี่ยะ มึงลืมไปแล้วหรอว่าเราต้องไปถ่ายหนังสั้น ” เออว่ะ ลืมเรื่องหนังสั้นไปเลย

ผมตกลงกับเพื่อนๆไว้ครับว่าจะไปถ่ายหนังสั้นกันที่บ้านพักริมทะเลของพ่อไอ้เป้ช่วงที่ปิดยาวหลังสอบมิดเทอม ผมเขียนบทหนังเสร็จนานแล้วตั้งแต่ก่อนทำงานนิตยสารโปรโมทมหาลัย องค์ประกอบของหนังสั้นพวกผมเนี่ยพร้อมทุกอย่างแล้วยกเว้นนักแสดงที่ยังไม่ได้หา

นักแสดงงั้นหรอ

“ มึงจะให้ไอ้ขุนเป็นนักแสดงอ๋อ ”

“ ใช่ดิ่ พี่ขุนอ่ะเหมาะกับบทที่มึงเขียนสุดแล้ว และอีกอย่างนะมึงกับพี่เค้าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน คือถ้าตอนแรกมึงยังไม่รู้ใจตัวเองกูก็วางแผนกับเพื่อนๆไว้แล้วแหละว่าจะทำยังไงให้มึงได้กับพี่ขุน ”

“ โถ่ไอ้เลว มีวางแผนกันลับหลังกูด้วย”

“ กูวางกันไว้หลายแผนมากกูบอกเลย มึงกับพี่ขุนห่างกันอยู่ใช่ป้ะล่ะ งั้นเรื่องนี้กูจะจัดการเอง ”

“ เออ เอางั้นก็ได้ กูขอบใจมึงมากนะไอ้หมี ทุกอย่างเลย ”

“ ไม่เป็นไร กูเป็นกู๊ดเฟรนด์ไง อะไรที่จะทำให้เพื่อนมีความสุขกูทำทุกอย่างอยู่ละ ” ไอ้หมีมันบอกพร้อมกับยิ้มหวานแบบที่มันชอบทำ

ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเยอะเลยครับหลังจากที่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง หลังจากนี้ผมก็ต้องตั้งใจติวและอ่านหนังสือสอบก่อน และก็ต้องอดทนกับความคิดถึงที่มีต่อไอ้ขุนด้วย มันเองก็กำลังอดทนมากอยู่เหมือนกันอาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำเพราะมันมีเรื่องให้ต้องคิดเพิ่ม เอาวะอีกแค่อาทิตย์กว่าๆเอง เรื่องเกรดสำคัญเพราะงั้นต้องพยายาม ส่วนเรื่องหัวใจไว้จัดการหลังสอบเสร็จ

ที่กูชอบมึง

กูจะบอกให้มึงฟังจากใจกูเลย





TBC.
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเน้ออออ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L1: :L2: :L1:

น้องหมี,,สงสาร
เป็นผู้ช่วยนายเอกที่เก่งเวอร์ แต่ทำไมต้องเศร้า ฮื่ออ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หรือว่าหมีกับพี่ขันนั้น ไปโดนกันมาแล้ววววววววววววววววว หืมมม

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 14 เปลี่ยนลุค



“ หนม ”

“ หืม ”

“ กูว่ามึงเลิกใส่แว่นเหอะ ”

“ ทำไมกูต้องเลิกใส่แว่นด้วยวะ ”

“ มึงใส่แว่นแล้วมึงเฉิ่มอ่ะ ”

โป๊กกกก

“ โอ้ยยยย ทำไมชอบทำเพื่อนหมีตลอดเลยล่ะ ”

“ เพราะมึงมันน่าหมั่นไส้ ” อยู่ดีดีไม่ว่าดีจริงๆไอ้บ้าหมี

หลังจากที่เรียนเสร็จเมื่อเที่ยงผมก็กลับมาอ่านหนังสือที่หอตัวเองครับโดยมีไอ้หมีมาขออยู่เพื่ออ่านหนังสือด้วย แต่ตั้งแต่มันมานี่มันยังไม่หยิบหนังสือหรือเอาชีทขึ้นมาอ่านเลยสักนิด มีแต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วก็กวนตีนผมเล่นเนี่ยะ เป็นบ้าอะไรของมันไม่รู้ แล้วอยู่ดีดีมันก็มาบอกให้ผมเลิกใส่แว่น ขืนถ้าผมไม่ใส่แว่นไว้นะผมคงแสบตาจนตายอ่ะ

“ เลิกเถอะเชื่อกู ”

“ กูแสบตา ”

“ กูว่าเพราะตามึงมันแห้งนั่นแหละ เดี๋ยวกูหาน้ำตาเทียมมาให้หยอด ”

“ ทำไมกูต้องทำอะไรยุ่งยากแบบนั้นด้วยวะ ”

“ เพราะว่าหลังจากนี้มึงจะไม่มีแว่นใส่ ”

“ กูจะไม่มีแว่นใส่ได้ไง มึงมันเพ้อเจ้อ ”

“ ไม่มีได้ดิ่เพราะว่ามันจะหัก ” ทันทีที่ไอ้หมีพูดจบ มันก็เลื่อนมือมาดึงแว่นออกไปจากหน้าผมก่อนจะ....

กร๊อบบบบ

ไอ้เชี่ยหมี!!!!!!!!!!!

หักแว่นกูทำม้ายยยยยยยยยยยยย

ผมมองซากแว่นที่อยู่ในมือไอ้หมีอย่างอึ้งๆ มันเป็นแว่นที่ต้องผมสั่งทำพิเศษ แล้วถ้าสั่งทำใหม่ก็ต้องรออีกหลายเดือนแน่ะกว่าจะได้ แว่นอันนี้ผมใส่มาตั้งแต่มัธยมแต่วันนี้มันพังแล้ว พังเพราะไอ้บ้าหมี

วัทเดอะฟัคคคคคคคคคคคคคคคค

“ มึงทำอะไรของมึงห้ะ ” ผมบีบคอไอ้หมีพร้อมกับเขย่าแรงๆ มึงตายไปซะเถอะไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว

“ แค่กก.ก....เพื่อนหมี...หายใจไม่ออก ”

“ มึงมันสมควรตาย ” ตายไปพร้อมแว่นกูนั่นแหละไอ้เลววววว

“ แค่กก.ก....ไอ้หนม ” ไอ้หมีมันจับข้อมือผมที่บีบคอมันอยู่ก่อนจะออกแรงพลิกให้ตัวเองมาอยู่ด้านบนแทน แรงควายชิบหาย ไปเอาแรงแบบนี้มาจากไหนวะ

จากตอนแรกที่ผมบีบคอไอ้หมีอยู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าไอ้หมีมันคร่อมผมไว้ทั้งตัว มือมันก็กดมือผมไว้แน่น แน่นแบบแน่นเลยอ่ะ ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันแรงเยอะมากแบบนี้ หรือผมแรงน้อยเอง มันก็ไม่ใช่ป้ะวะ

แล้วจะคร่อมกูอีกนานไหมไอ้สัส

“ ไอ้เชี่ยหมีกูหนัก มึงลุกออกไปเลย ” ผมดิ้นอย่างแรงแต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะสะเทือนไอ้หมีมันเท่าไหร่เลยว่ะ ไอ้เพื่อนตัวดีที่คร่อมผมอยู่มองด้วยสายตาที่เหนือกว่า

“ เวลาไม่ใส่แว่นมึงน่ารักมากเลยนะ ”

“ น่ารักบ้าอะไรของมึง ลุกไป้!!!! ”

“ กูพูดจริงๆหน่า ”

“ กูบอกให้ลุกออกไปไงโว้ยยยยยยย ”

แอ๊ดดดด

ผมหันไปมองที่ประตูทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียง ร่างสูงของเพื่อนภีมยืนทำหน้ามึนอยู่ตรงนั้น ดูจากสภาพมันคงกลับหอไปนอนมาพักนึงก่อนจะตื่นแล้วก็ลากสังขารมาที่นี่ในสภาพที่ใส่กางเกงเจเจขาสั้นสีแดงแปร๊ดกับเสื้อกล้ามสีเขียวนีออนและรองเท้าช้างดาว ผมม้าที่ปรกหน้าอยู่นั่นก็ถูกเสยขึ้นไปโดยมีกิ๊ฟรูปกระต่ายติดไว้เพื่อกันผมร่วงลงมาทิ่มตาด้วยนะ แม่งโคตรฟีลไอ้เจิดหลานลุงแย้มคนสวนที่บ้านผมเลยอ่ะ

แต่งตัวได้สวนทางกับหน้าตาสุดๆ

“ ทำไรอ่ะ จะแดกกันเองหรอ ”

ผมอาศัยจังหวะไอ้หมีเผลอก่อนจะถีบมันอย่างแรงจนมันร่วงเตียงไป “ แดกห่าอะไรล่ะ ละมึงแต่งตัวอะไรมึงวะ ”

“ น้องภูมิบอกว่าเป็นแฟชั่นใหม่ ”

“ น้องมึงหลอกมึงแล้วไอ้หน้าโง่ ” ไอ้หมีมันโผล่หน้าขึ้นมามองไอ้ภีม มองไม่พอแถมแขวะไปอีกต่าง

“ น้องภูมิไม่เคยหลอกกูมึงอย่ามาใส่ร้าย ”

“ น้องหลอกมึง ”

“ ม่ายยยยยยยยย ”

“ โว้ยยยยยพอแล้วไอ้พวกบ้า ” ผมโวยใส่มันทั้งสองคนก่อนจะส่งสายตาเหี้ยมไปให้ไอ้หมี “ เอาค่าทำแว่นมาให้กูด้วย แว่นกูไม่ใช่ถูกๆนะไอ้สัสหมี ”

“ ไม่ให้....แบร่ๆๆๆ ” มันไม่ว่าเปล่านะครับ มันแลบลิ้นใส่ผมด้วย ไม่สำนึกที่หักแว่นกูเลยนะ

“ อ้าว แว่นหักหรอหนม ” ไอ้ภีมมันหยิบเศษแว่นขึ้นมาดู ผมก็พยักหน้ารับมันเบา

พอเห็นซากแว่นในมือเพื่อนภีมก็รู้สึกปวดใจแปลกๆว่ะ นี่จะต้องอยู่แบบทรมานสายตาไปอีกหลายเดือนเลยหรอวะ ผมไม่มีแว่นสำรองด้วยนะมีแค่อันเดียวทั้งชีวิตเนี่ยะ จะไปซื้อแว่นกันแสงแบบทั่วไปมาใช้มันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี หลังจากนี้การใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งกับหน้าคอมของผมต้องลำบากมากแน่ๆเลยว่ะ

เพราะไอ้ห่าหมีคนเดียวเลย

“ กูว่าไม่มีแว่นใส่ก็ดีนะ หน้าตาน่ารักๆของมึงจะได้ไม่มีอะไรมาปิดบัง ”

“ น่ารักอะไรของมึงวะภีม แล้วแว่นที่กูใส่นั่นไม่ได้เอาไว้บังหน้านะ เอาไว้กันแสงต่างหาก แสบตาตายห่าแน่กูอ่ะ ”

“ มึงก็เว่อร์ไปอ่ะหนม กูบอกว่าเดี๋ยวหาน้ำตาเทียมมาให้หยอด แล้วมึงอ่ะหัดแดกผักซะบ้างมันจะได้มีวิตามินบำรุงสายตา ”

“ กูก็กินผัก ” แค่ไม่ค่อยชอบกินสีเขียวเท่านั้นแหละว่ะ

“ มึงต้องกินผักสีเขียว กูเห็นมึงชอบเขี่ยออก ” ก็ผักสีเขียวมันเหม็นเขียวอ่ะภีม กูไม่ชอบกลิ่นทำไมกูต้องกินด้วยเล่า

“ ตีมันเลยไอ้ภีม ไอ้หนมมันกำลังเถียงมึงอยู่ในใจ ”

“ รู้ดีนักนะไอ้บ้านี่ ” ผมเอาหมอนปาใส่ไอ้หมี หมั่นไส้จริงๆมีสักเรื่องไหมที่จะไม่รู้น่ะห้ะ

ผมหยิบเศษแว่นในมือเพื่อนภีมมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะถ่ายรูปส่งไปให้แม่ดู แม่อ่านไวมากครับและก็ตอบกลับมาด้วยเลข 5 ที่ยาวมาก แม่จะ 5 ยาวๆใส่หนมทำไมครับ แม่ต้องปลอบใจหนมสิแว่นหนมหักนะ แม่ต้องซื้อให้หนมใหม่ด้วยนะครับ เพราะไม่งั้นหนมคงจะตายจากอาการแสบตาแน่ๆ

“ ฟ้องแม่หรอ ”

“ เออ กูบอกแม่แล้วด้วยว่ามึงเป็นคนทำ แม่ตีมึงแน่ ” ขู่มันเฉยๆครับ แม่ผมไม่ได้บอกหรอก ไอ้หมีมันเป็นที่เอ็นดูของแม่ผมมาก แทบจะเป็นลูกชายอีกคนของบ้าน

“ แม่มึงไม่ตีกูหรอก แม่มึงรักกู ”

“ น่าหมั่นไส้ ” ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะหันมามองจอโทรศัพท์ต่อ แม่บอกว่าเดี๋ยวจะสั่งทำให้ใหม่ ให้ผมรอไปก่อนและก็ยังบอกให้ผมอดทนกับความลำบากที่ผมจะเจอหลังจากนี้ อย่ามองว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีให้มองว่านี่เป็นการทดสอบนึงของชีวิต ให้ยิ้มรับและก็ก้าวผ่านมันไป

ไงเล่า....คำสอนแม่ผม

ซาบซึ้งกินใจสุดๆ

ผมออกจากไลน์ก่อนจะเข้ามาเล่นเฟซบุ๊ก ช่วงนี้ผมเข้าไปเล่นบ่อยนะครับ ไม่เชิงว่าเล่นหรอกเรียกว่าเข้าไปส่องชาวบ้านบ่อยดีกว่า ชาวบ้านคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ขุนนั่นแหละครับ หลังจากวันที่แอบไปดูมันที่ตึกนั่นก็เพิ่งผ่านมา 2 วันเอง พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งผมหยุดวันนี้ก็เลยกะว่าจะไปนอนที่บ้าน คิดถึงแม่และแกงเขียวหวานของแม่ครับ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้ากลับบ้านไปเจอหน้าไอ้ขันผมจะทำไงดี

ผมต้องโดนมันด่าแน่ๆ

แต่มันก็มีคดีกับอยู่ผมนะเรื่องที่มันไปบอกให้ไอ้ขุนเลิกยุ่งกับผม แต่จะเอาเรื่องนี้ไปด่ามันก็คงจะไม่ได้ไม่งั้นก็เท่ากับว่ามันรู้ว่าผมแอบไปฟังมา แล้วไปๆมาๆแม่งก็คงด่าผมหนักกว่าเดิม จะว่าไปอยากรู้เรื่องของไอ้ขันบ้างละว่ะ เรื่องมันกับไอ้หมีอ่ะมันเป็นยังไงกันแน่ มันไม่ชอบไอ้หมีจริงๆหรอแล้วทำไมถึงไม่ชอบ เรื่องนี้ถามไอ้หมีไม่ได้เพราะมันไม่ยอมบอก ถ้าถามไอ้ขันมันก็อาจจะบอกผมหรือว่าอาจจะไม่บอก

โอ้ย เรื่องของชาวบ้านนี่คิดแล้วปวดหัวจังวะ

เปลี่ยนมาคิดเรื่องของขุนศึกดีกว่า

“ บ่นห่าอะไรเต็มเฟซเลยวะ ” ผมพึมพำเบาๆเพื่อไม่ให้เพื่อนรักทั้งสองได้ยิน เดี๋ยวมันแซวผมอีก ไม่ใช่ว่าเขินนะครับ รำคาญ

ผมเลื่อนหน้าไทม์ไลน์ไอ้ขุนลงดูไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มห่างกันมันก็พร่ำเพ้อในเฟซมากกว่าปกติ ผมเห็นนะแต่ไม่ได้กดไลค์ มีลงรูปผมด้วย มีบ่นว่าคิดถึง บ่นว่าอยากเจอ อะไรของแม่งก็ไม่รู้ ผมรู้สึกดีนะครับที่มันทำแบบนั้นแต่แบบบางทีมันก็อันตรายต่อใจผมมากเกินไป เวลาที่ผมเห็นโพสต์ว่าคิดถึงของมันทีนึงนี่ผมก็ใจสั่นตลอด เคยอยากจะคอมเม้นต์ด้วยนะว่า เออ กูรู้แล้ว แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้

อดทนไปก่อนนะไอ้ขุนนะ

“ หนม ”

“ อะไร ” ผมละจากจอขึ้นมามองไอ้หมี “ เอาน้ำแดงไปนั่งแดกบนเตียงกูอีกละเดี๋ยวมันก็หกอีก ”

“ ไม่หกหรอกน่า....เออเรื่องหนังสั้นอ่ะ มันจะมีตัวหลักอยู่ 2 ตัวใช่ไหม ”

“ เออแล้วไง ”

“ ก็กูไปคุยกับพี่ขุนมาแล้ว พี่ขุนเค้าก็โอเคแต่ว่าคนที่จะแสดงคู่กับเค้าอ่ะเค้าขอมาว่าให้เป็นมึง ”

ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทันที “ กูเนี่ยนะ ”

“ เออ มึงนั่นแหละ พี่ขุนบอกว่าถ้าไม่ใช่มึงเค้าก็คงไม่มีใจจะเล่น ” ใจบ้าใจบออะไรของมึงวะไอ้บ้าขุน มึงนี่มันจริงๆเลย เจอหน้าจะบ่นให้หูชา

“ กูว่ามึงเล่นก็ดีนะหนม บทที่มึงเขียนอ่ะยังไงมึงก็เข้าใจดีที่สุดแล้ว แล้วก็นะหนังสั้นเรามันเป็นความรักของชายชายอ่ะ มันหาคนที่จะมาเล่นให้ก็ยาก แล้วอีกอย่างถ้ามึงเห็นคนอื่นมาเล่นคู่กับพี่ขุน มึงจะทนดูได้หรอ ” คำพูดของไอ้ภีมมันทำให้ผมนิ่งไปในทันที

ก็จริงแบบที่มันพูดอ่ะนะ

บทหนังสั้นหัวข้อความรักผมเป็นคนเขียนเองผมย่อมเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครดีอยู่แล้ว และเรื่องนักแสดงมันก็หายากจริงๆนั่นแหละ คนที่มันจะเล่นได้คนที่มันจะเหมาะสมกับบท ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าพวกผมไม่หานะครับ ไอ้หมีมันไปตามหาแล้วแต่มันก็ไม่ถูกใจ ส่วนเรื่องถ้าผมเห็นไอ้ขุนเล่นคู่กับคนอื่นผมจะทนดูได้ไหม

ไม่รู้ว่ะ

แต่ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะเห็นนะ

โมเม้นท์หวานๆนั่นเป็นของผมคนเดียวก็พอ

“ เออ กูเล่นก็ได้ ” เฮ้อ บทก็เขียนยังจะต้องมาเล่นเองอีก ชีวิตหนมนี่มันลำบากยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน

“ เยี่ยมมากเพื่อนหนม แล้วมึงรู้ใช่ไหมว่าคาแรคเตอร์นักแสดงเป็นยังไง ” ไอ้หมีมันมองผมพร้อมกับยิ้มกริ่ม ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้เลยว่ะเหมือนชีวิตจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

“ กูจำได้ว่านายเอกเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ” ใช่ภีม กูเขียนไว้แบบนั้น

“ แต่ไอ้หนมมันไม่มีเสน่ห์อะไรเลยไง หน้าตามันน่ารักมากก็จริงแต่มันก็ยังไม่พอว่ะ ”

“ กูไม่ได้น่ารัก ”

“ มึงน่ารัก เอองี้ไงภีม กูว่าจับไอ้หนมมันไปโกนหนวดไปตัดผม ตอนนี้สภาพโดยรวมมันดูซกมกมากอ่ะ ” ผมหันมองไอ้หมีทันทีด้วยสายตาที่จ้องจะแดกหัว ถึงผมกูจะไม่ได้ตัดหนวดกูจะไม่ได้โกนแต่กูไม่ได้ซกมกป้ะวะ

“ ย้อมผมหน่อยก็ดีนะ ”

“ เออ เอาสีทอง ”

“ ทองหน้ามึงอ่ะไอ้หมี เชิญมึงหัวทองไปคนเดียวเถอะไอ้สัส ” ไอ้คนหัวทองก็ทำหน้ามุ่ยใส่ผมทันที ทำไมมีปัญหารึไงห้ะ

“ สีทองไม่เหมาะกับหนมหรอก เดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการเองละกัน ” ว่าแล้วไอ้ภีมมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครไม่รู้ครับ

“ โทรหาใครวะ ”

“ โทรหาน้องภูมิ ”

“ หยุดเลยนะมึง ” ไอ้หมีมันแย่งโทรศัพท์มาจากไอ้ภีมทันที เจ้าของโทรศัพท์หน้าเหวอไปนิดนึง มึงจะเหวอทำไมวะ

“ มึงจะเอาโทรศัพท์กูไปทำไม กูต้องปรึกษาน้องภูมิเรื่องลุคใหม่ของไอ้หนมนะ ”

“ เดี๋ยวน้องภูมิของมึงก็เปลี่ยนไอ้หนมให้กลายเป็นคนบ้าเหมือนมึงหรอก ไม่ต้องเลย ” ไอ้หมีมันกดปิดโทรศัพท์ก่อนจะยัดใส่กางเกงยีนส์มันไว้

“ น้องภูมิเป็นแฟชั่นนิสต้าเลยนะ ”

“ นิสต้าก็เชี่ยละ คนบ้าดีดีนี่ล่ะน้องมึงอ่ะ ”

“ อย่ามาว่าน้องภูมิ ” เออสัสเถียงกันเข้าไป

สงสัยสินะครับว่าน้องภูมิเป็นใคร

น้องภูมิเป็นน้องชายสุดที่รักของไอ้ภีมครับ เพิ่งอยู่ม.5เอง ไอ้ภีมมันเคยพาน้องมันมากินหมูกระทะกับพวกผมครั้งนึง ตอนที่เจอนี่ก็คิดนะว่าเออเดี๋ยวนี้เด็กมันโตไวว่ะ น้องไอ้ภีมมันสูงมากครับ สูงเท่าไอ้หมีเลยและดูท่าน้องมันก็น่าจะสูงไปได้มากกว่านี้ด้วย ส่วนหน้าตาไม่ต้องพูดถึง แม่งหล่อแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง เห็นไอ้ภีมก็ว่ามันหล่อแล้วนะครับแต่น้องมันเหมือนคูณสองเข้าไปอีก

น่าอิจฉาพวกเบ้าหน้าดีจริงๆ

“ มึงอ่ะอย่าไปเชื่อน้องมันมาก มันจะแกล้งมึง มึงไม่รู้หรอ ”

“ น้องภูมิไม่เคยแกล้งกู ”

“ หรา....ไม่ค่อยแกล้งเลยเนอะดูให้มึงแต่งตัวสิ ”

ผมเดินเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างไอ้หมีกับไอ้ภีม “ เลิกเถียงกันเถอะว่ะ ตกลงมึงจะเอายังไงกับกูกันแน่ ” มัวเถียงกันแต่เรื่องน้องภูมิเนี่ยะเสียเวลาชิบ

“ เอางี้หนม เดี๋ยวกูจะพามึงไปตัดผมร้านพี่ที่กูรู้จักแล้วกัน ละก็ไปซื้อน้ำตาเทียมด้วย ” ไอ้หมีมันร่ายให้ผมฟังก่อนจะหันไปมองไป้ภีม “ ส่วนมึงอ่ะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องไป ”

“ กูไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา แล้วทำไมกูต้องเปลี่ยนด้วยวะ ชุดนี้ก็ออกจะดี ” ดีในสายตามึงคนเดียวอ่ะภีม

“ กูไม่อยากเดินกับคนบ้า ไปเอาชุดหนมมาใส่เดี๋ยวกูหาให้ ” ว่าแล้วไอ้หมีมันก็ลากไอ้ภีมไปรื้อตู้เสื้อผ้าผมอย่างเมามันส์ ไม่สนใจเจ้าของเสื้อผ้าอย่างผมเลยด้วย

พวกห่านี่มันจริงๆเลย

ผมทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียงรอไอ้หมีกับไอ้ภีมที่กำลังวุ่นวายกับเสื้อผ้าของผม คิดไปคิดมานี่ต้องเปลี่ยนตัวเองจริงๆหรอวะ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนตัวเองดิ่ต้องเรียกว่าเปลี่ยนลุค ผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แล้วมันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากที่ผมเปลี่ยนลุคไปแล้ว นี่จะเป็นการเปิดโลกของผมสินะ มันก็น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน ถ้าไอ้ขุนมันเห็นผมในลุคใหม่มันจะเป็นยังไง

มันจะชอบไหมนะ

มันต้องชอบสิ....ถึงแม้ว่าผมจะเปลี่ยนลุคแต่ยังไงผมก็เป็นขนมคนเดิม

คนเดิมที่มันชอบไง โอ้ยยยยย เขินว่ะพูดเองเขินเอง

“ นั่นก็เป็นบ้าไรอ่ะดิ้นไปมาบนเตียงอยู่ได้ ”

ไม่สงสัยสักเรื่องก็ไม่ตายหรอกไอ้สัสหมี





ร้าน BANANA BARBER

“ ไงล่ะไอ้หมีกูบอกแล้วว่าหนมเหมาะกับผมสีนี้ ”

“ เออ ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย ”

“ เป็นผู้เป็นคนไรวะ กูแสบตาอ่ะมึง ”

“ อย่าขยี้ตาสิหนม ” ไอ้ภีมมันจับมือผมที่กำลังขยี้ตาตัวเองอยู่

“ กระพริบตาช้าๆไอ้หนม แล้วก็มองตัวเองในกระจกดีดี ” ผมค่อยๆกระพริบตาช้าๆตามที่ไอ้หมีมันบอก ไม่ชอบแสงจ้าๆแบบนี้เลยว่ะ ใครก็ได้ไปปิดไฟทีได้ไหม

“ โอเคไหมหนม ” ผมพยักหน้ารับคำไอ้ภีมเบาๆก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเงาตัวเองที่อยู่ในกระจก

นี่คือผมจริงๆหรอวะ

ผมหยักศกสีดำที่ยาวปิดหน้าปิดตา ตอนนี้ถูกตัดให้สั้นขึ้นพร้อมกับย้อมให้เป็นสีน้ำตาลทอง หนวดเคราก็โกนออกจนเกลี้ยงเกลาทำให้เห็นหน้าได้ชัดขึ้น ผมไม่คิดเลยว่าแค่เปลี่ยนสีผมกับทรงผมมันจะทำให้เราดูเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หรือเพราะว่าผมไม่ได้ใส่แว่นด้วยวะมันเลยไม่มีอะไรปิดหน้า จะว่าไปลุคแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ

เสียอย่างเดียวคือแสบตา

ได้อย่างต้องเสียอย่างสินะ

“ เป็นไง ชอบลุคนี้ไหมเรา ”

ผมหันไปมองตามเสียงของพี่กล้วยที่เดินออกมาจากด้านใน “ ชอบครับ มันดูโอเคขึ้นเยอะเลย ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มบางๆให้

พี่กล้วยคือเจ้าของร้านนี้ครับและก็เป็นคนที่จัดการเปลี่ยนลุคให้ผมด้วย พี่เขาหน้าตาดีเกินกว่าจะเป็นช่างตัดผมนะ แถมยังหุ่นดีมากๆด้วย ผมว่าพี่เขาเป็นนายแบบได้สบายเลย ไอ้หมีมันบอกว่าพี่กล้วยเป็นพี่ที่มันรู้จักมาตั้งแต่สมัยมัธยม แถมยังเคยบอกว่าแลกแก้วเหล้าสาบานเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วด้วยแม่งโคตรยิ่งใหญ่อ่ะ น่าสงสัยเหมือนกันนะครับว่าไอ้หมีมันมีพี่ทั้งหมดกี่คน มีเป็นพันซะมั้งผมว่า คนโน้นก็รู้จักคนนี้ก็รู้จัก

“ ดีแล้วล่ะที่เราชอบ พี่ไม่คิดเลยว่าไอ้หมีมันจะมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ”

“ เพราะว่าหมีน่ารักไงพี่กล้วย ก็เลยมีเพื่อนน่ารัก ” ไอ้หมีมันฉีกยิ้มแฉ่ง

“ มึงมันน่ารำคาญไอ้หมี ” พี่กล้วยโขกหัวไอ้หมีก่อนจะยิ้มหวานให้ผม “ ถ้าอยากตัดผมก็มาร้านพี่ได้ตลอดเลยนะ พี่ยินดีต้อนรับเราเสมอ ”

“ ได้เลยครับ ”

“ พอเลยพี่กล้วยเลิกมองไอ้หนมมันได้แล้ว ” ไอ้หมีมันเอามือขึ้นไปปิดตาพี่กล้วย “ รู้นะว่าคิดอะไรอ่ะ ”

“ มึงนี่มันรู้ดีไปทุกเรื่องจริงๆ ” พี่กล้วยเขาเอามือไอ้หมีออกพร้อมกับมองมันนิ่งๆ “ ไม่เหมือนกับไอ้โง่นั่นที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ”

“ พูดอะไรเนี่ยะ มานี่เลยพี่กล้วย ” ว่าแล้วไอ้หมีมันก็ลากพี่เขาไปหลังร้าน มึงจะลากพี่เขาไปทำไมวะเขาเพิ่งเดินออกมา แล้วไอ้เรื่องเมื่อกี้มันคืออะไรวะ เหมือนพี่กล้วยแขวะใครเลย

“ กูไปจ่ายเงินมาให้แล้วหนม ” ไอ้ภีมมันเดินมายืนหาวอยู่ข้างๆผม ง่วงสินะเพื่อนภีม

ผมยกนาฬิกาที่ข้อมือดูตอนนี้ก็เกือบ 5 โมงแล้วครับ ใช้เวลาทำทั้งหมดนี่นานเหมือนกันว่ะ เดี๋ยวให้ไอ้หมีไปส่งผมที่บ้านเลยดีกว่า ส่วนชีทกับหนังสือผมว่าจะไม่อ่านแล้วล่ะครับ เพราะว่าผมอ่านและก็ทบทวนมันไปเยอะมากๆ ผมควรปล่อยให้สมองตัวเองพักให้เต็มที่ แม่ผมเคยสอนไว้ครับว่าก่อนจะสอบเนี่ยะเราต้องทำให้สมองปลอดโปร่งที่สุดเพื่อที่เวลาสอบจะได้มีสมาธิ

ไอ้หมีมันเดินออกมาหลังจากที่หายไปแปปนึง “ ไปกันหนม ”

“ แล้วพี่กล้วยอ่ะ ” มึงเดินเข้าไปพร้อมพี่กล้วยไม่ใช่หรอแล้วทำไมถึงได้เดินออกมาคนเดียววะ

“ กูปาดคอทิ้งไปแล้ว ไปเหอะ เดี๋ยวตำรวจมา ” ว่าแล้วไอ้หมีมันก็ลากผมกับไอ้ภีมออกมาจากร้านทันที เดี๋ยวนะที่ว่าปาดคอนี่มึงพูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ยะ แล้วมึงไปปาดคอเขาทำไมไอ้เชี่ยหมี

ไอ้ฆาตกรรรรรรรร

“ หมีมันล้อเล่นน่ะหนม มึงอย่าไปคิดจริงจังสิ ” ไอ้ภีมมันบอกผม มึงรู้ได้ไงว่ากูคิดอะไรอยู่

“ ไอ้หนมมันบ๊อง เออหนมเดี๋ยวกูพาไปซื้อน้ำตาเทียม เสร็จแล้วกลับหอเลยไหมหรือจะหาไรกินก่อน ”

“ กูว่าจะกลับบ้านอ่ะ พวกมึงไปกินข้าวบ้านกูสิกูบอกแม่ไว้แล้ว ” ผมบอกเพื่อนรักทั้งสอง ไอ้ภีมมันก็พยักหน้ารับมึนๆ อันนี้คือมึงไปใช่ไหม ส่วนไอ้หมีมันก็ทำหน้าลังเลเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ปกติแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ชวนไปกินข้าวที่บ้านนี่ไอหมีมันจะตอบรับแบบทันทีเลยนะครับ แต่ทำไมวันนี้มันดูต้องคิดเยอะแปลกๆ หรือว่าเพราะมันมีธุระอื่น หรือเพราะว่า....

“ มึงลังเลเพราะไอ้ขันหรอ ”

“ ก็....อืม ” เป็นแบบที่ผมจริงๆว่ะ เนี่ยะพอไอ้หมีมันมันมีอาการกระอักกระอ่วนแบบนี้ผมก็ชักจะอยากรู้เรื่องมันกับไอ้ขันเข้าไปอีก ไปตามสืบกับใครได้บ้างวะเนี่ย

“ มึงคิดแค่ว่ามึงไปหาแม่หนมสิหมี อาหารของแม่หนมอร่อยนะ ” ไอ้ภีมมันแตะไหล่ไอ้หมีเบาๆ

“ เออใช่ มึงอย่าไปสนใจหรือลังเลอะไรเลยนะ คิดซะว่าไปหาแม่กู ”

“ เออ เอางั้นก็ได้ ไปซื้อน้ำตาเทียมกันเถอะ ” ไอ้หมีมันยิ้มปากบานให้ก่อนจะเดินนำผมกับไอ้ภีมไป เห็นมันเป็นแบบนี้รู้สึกไม่สบายใจจริงๆเลยว่ะ มันไม่ใช่ไอ้หมีผู้ร่าเริงที่แท้จริง

“ ภีม ”

“ หืม ”

“ มึงรู้ไหมเรื่องไอ้หมีกับไอ้ขันน่ะ ”

“ ในเชิงลึกกูไม่รู้หรอก แต่เท่าที่สังเกตช่วงนี้ไอ้หมีมันเหมือนกับอดทนอะไรอยู่แล้วก็แสดงสีหน้าปวดใจออกมาบ่อยมาก ”

“ กูเป็นห่วงมันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ”

“ เอาน่ะหนม มันไม่ไหววันไหนเดี๋ยวมันก็พูดออกมา ” ไอ้ภีมมันคล้องคอผมให้รีบเดินตามไอ้หมีให้ทัน ถึงมึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะภีม มันจะมีหรอวะวันที่มันจะพูดออกมาน่ะ

ผมคิดว่าวันที่ไอ้หมีมันจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ผมฟัง สภาพมันในตอนนั้นมันต้องย่ำแย่มากแน่ๆ และต้องเป็นวันที่มันฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว ผมค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าต้องมีไอ้ขันเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ผมยังไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงแต่ถ้าไอ้ขันคือคนทำให้ไอ้หมีมีสภาพแบบนี้ล่ะก็นะผมจะซัดหน้ามันให้ ถึงมันจะเป็นพี่ผมก็เถอะ

ผมไม่ปล่อยไว้เฉยๆแน่


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 14 ----------




บ้านขนม

ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับไอ้หมีและไอ้ภีม กลิ่นหอมของแกงเขียวหวานลอยเข้าจมูกผมมาในทันที แม่ทำอาหารอยู่ครัวแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลากเพื่อนรักทั้งสองโผล่หน้ามายังครัว

“ แม่ครับ ”

ไอ้หมีไอ้ภีมมันยกมือไหว้แม่ผม “ สวัสดีครับแม่ ”

“ กลับมาแล้วหรอลูก ภีมหมีก็มาด้วยหรอ ” แม่หันมามองแล้วยิ้มหวาน ผมก็เดินเข้าไปเอาหน้าถูไหล่แม่

“ ครับ หอมจังเลย ” ผมสูดกลิ่นแกงเขียวหวานตรงหน้าจนชุ่มปอด โง้ย อยากกินแล้วเนี่ย

“ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว หมีกับภีมอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวแม่ทำให้ ”

“ หมีอยากกินไก่ทอดกระเทียมครับ ”

“ ส่วนภีมกินได้ทุกอย่างครับแม่ ” ภีมมันยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากหาว ง่วงขนาดนั้นไปนอนรอที่ห้องกูไหม

“ ไปรอกันข้างนอกก่อนก็ได้นะ ป๊าลูกอยู่ในสวนน่ะไปหาเค้าสิบ่นว่าคิดถึงหนมอยู่ ”

“ โอเคครับ งั้นไปกันเถอะมึง ” ผมลากเพื่อนรักทั้งสองมาที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ก็พบกับคุณผู้ชายของบ้านที่กำลังนั่งดูดไปป์อย่างสบายใจเฉิบอยู่บนม้านั่ง

เท่ซะไม่มีอ่ะ

“ ป๊าสวัสดีครับ ” ผมกับผองเพื่อนยกมือไหว้กันอย่างพร้อมเพรียง ป๊าก็หันมามองตามเสียง มองอยู่แวบนึงก่อนจะหันไปทางเดิม เดี๋ยวนะ ไม่พูดอะไรกับลูกเลยหรอครับ

“ กูกับไอ้ภีมไปรอที่ศาลานะ มึงก็ง้อป๊าไป ” ไอ้หมีมันกระซิบบอกเบาๆ

“ เดี๋ยวๆ ง้อทำไมวะ ”

“ ป๊าเค้างอนมึง เออตามนี้ ไปภีมกูหาที่นอนให้มึงได้ละ ” ไอ้หมีมันลากไอ้ภีมไปที่ศาลาในสวนทันที ส่วนผมค่อยๆเดินมานั่งลงข้างๆป๊าแบบเนียนๆ ป๊าก็เหลือบมามองผมแต่ก็ยังไม่พูดอะไร นี่งอนผมจริงๆสินะ

“ หนมกลับมาแล้วนะครับ ”

“ จำได้ด้วยหรอว่ามีบ้านน่ะ ” จากน้ำเสียงนี่น่าจะโกรธมากกว่างอนว่ะ

“ จำได้สิครับ แต่ว่าหนมก็ต้องมีโน่นนี่นั่นให้ทำเยอะอ่ะ แถมติดอ่านหนังสือสอบด้วยนะ ”

“ เหนื่อยมากไหม ”

“ ก็เหนื่อย ”

ป๊าหันมามองผมด้วยสายตาจริงจัง “ งั้นเลิกเรียนเอาไหม ”

“ ไม่เอาครับไม่เลิก ” ผมส่ายหน้ารัวๆทันที ถ้าเลิกเรียนไปจะเอาอะไรกินล่ะป๊า

“ เห็นว่าเหนื่อยก็จะให้เลิกซะ ”

“ หนมไม่เลิกเรียนหรอก เหนื่อยก็จริงแต่จะไม่เลิกแน่ๆ ” ผมเอ่ยบอกกับป๊าอย่างจริงจัง ทำไมชอบบอกให้เลิกเรียนจังเลยนะ ไม่เข้าใจเลย

“ ทำเสียงเข้มเลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ ” ป๊าหัวเราะลั่นพร้อมกับเลื่อนมือมาขยี้หัวผมจนฟู

“ ป๊าแกล้งหนมอีกแล้วอ่ะ ”

“ ก็หนมมันน่าแกล้ง ”

“ ไม่เห็นจะน่าแกล้งตรงไหนเลย หนมไม่อยู่บ้านเข้าหน่อยป๊าติดนิสัยชอบแกล้งมากจากไอ้ขันหรอครับ ” พูดถึงไอ้ขันตั้งแต่เข้าบ้านมายังไม่เจอมันเลยว่ะ สงสัยอยู่บนห้อง ช่างแม่งจะอยู่ไหนก็ช่างแม่ง

“ ป๊าเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วต่างหาก แล้วแว่นไปไหน ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ”

“ ก็ไอ้หมีมันทำแว่นของหนมหักน่ะสิ แล้วหนมก็มีงานถ่ายหนังสั้นน่ะครับก็เลยต้องเปลี่ยนลุคนิดหน่อย ”

“ หนมแสดงงั้นหรอ ” ผมพยักหน้ารับคำป๊าเบาๆ ป๊าก็ทำหน้าเหลือเชื่อออกมา มันก็ไม่แปลกล่ะนะ

ปกติผมจะทำงานเป็นเบื้องหลังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว การที่จะมาเป็นนักแสดงนี่ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะต้องทำ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำออกมาได้ดีรึเปล่า ไม่ใช่ทางถนัดนี่ครับแต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะพยายามให้เต็มที่เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด

“ ถ้าทำเสร็จแล้วเอามาเปิดให้ป๊าดูหน่อยนะ ”

“ ได้เลยป๊า เรื่องนี้หนมเขียนบทเองด้วยรับรองว่าสนุก ”

“ งั้นหรอ แล้วหนมเล่นบทอะไรล่ะ ”

“ บทงั้นหรอ เล่นเป็นนายเอกครับก็เหมือนนางเอกอ่ะ คือหนังสั้นของหนมมันเป็นแบบชายรักชายอ่ะป๊า ” ผมบอกป๊าไปตามความจริง ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบังคนที่บ้านอยู่แล้วครับ

ครอบครัวของผมเนี่ยะค่อนข้างที่จะคิดแบบสมัยใหม่ ผมจำได้ว่าตอนที่ไอ้ขันมันจบม.6และกำลังจะขึ้นมหาลัย มันก็มาบอกป๊ากับแม่ว่ามันไม่ได้ชอบผู้หญิงและมันก็คิดว่ามันคงจะเป็นเกย์แน่ๆ ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะเป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตแต่ไม่เลยนะครับ ป๊ากับแม่ยิ้มรับให้ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม่ก็เลยสอนผมไว้ว่าความรักมันก็คือความรัก มันสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ และไม่จำเป็นที่ผู้ชายจะต้องคู่กับผู้หญิงเสมอไป ครอบครัวจะไม่โกรธแม้ว่าลูกๆจะรักคนในเพศเดียวกัน

โชคดีนะครับที่ครอบครัวผมเป็นแบบนี้

“ ป๊าชักจะอยากเห็นหน้าพระเอกของหนมแล้วสิ คนแบบไหนกันนะที่จะมาเล่นคู่กับลูกชายป๊า ”

“ มันเป็นคนที่หล่อมากๆเลยนะป๊า แถมทำอาหารเก่งด้วย ไว้มีโอกาสหนมจะพามาหา ” ผมยิ้มแป้นออกมาทันทีที่นึกถึงไอ้คนที่กำลังพูดถึง

“ ยิ้มปากบานผิดหูผิดตาเลยนะ ชอบเค้ารึไง ” ผมหุบยิ้มทันทีก่อนจะมองหน้าป๊านิ่งๆ จะตอบไงดีวะเนี่ย จะบอกไปว่าชอบตรงๆป๊าจะตกใจไหมวะ ถึงจะบอกว่าที่บ้านโอเคกับเรื่องนี้ก็จริง แต่ผมเป็นคนที่ไม่เคยมีความรักอะไรให้กับใครเลยไง คนที่บ้านคงแปลกใจมากๆถ้าผมชอบใครสักคน และคงสงสัยและก็อยากเจอตัวมากด้วยแน่ๆ

เอาไงดี

“ คือหนม.....”

“ ไม่ต้องพูดละ หน้าเรามันบอกป๊าออกหมดทุกอย่าง ” ป๊าบอกก่อนจะหยิกแก้มผม “ แก้มแดงซะขนาดนี้ คงจะชอบคนๆนั้นมากจริงๆนั่นแหละ ”

“ มันแดงมากเลยหรอป๊า ” ผมยกมือปิดหน้าตัวเอง

“ ใช่น่ะสิ....เรื่องมันเป็นมายังไงไหนเล่าให้ป๊าฟังซิ อยากรู้จริงๆเลยว่าใครมันทำให้ลูกชายป๊าตกหลุมรักได้ ”

“ ตกหลุมรักอะไรล่ะป๊า ไม่ใช่สักหน่อย ” ผมบ่นอุบอิบ คนที่ตกหลุมรักมันคือไอ้ขุนต่างหากไม่ใช่ผม

“ หรอ ไหนเล่าให้ป๊าฟังซิ ”

“ ก็....มันเป็นรุ่นน้องไอ้ขันอ่ะ เป็นเดือนคณะเมื่อปีก่อนด้วย มันมาบอกหนมว่ามันชอบแล้วมันก็ตามจีบมาตลอดเกือบ 3 เดือนอ่ะ ”

“ ตามจีบตั้งแต่ที่หนมยังสภาพเหมือนซอมบี้น่ะนะ ”

“ หนมไม่ได้ซอมบี้ซะหน่อยนะป๊า ” เขาาเรียกว่าเซอร์ ไม่ได้เรียกว่าซอมบี้

“ ฮ่าๆๆ งั้นหรอๆ แล้วยังไงต่อหืม ”

“ ก็ช่วงที่ผ่านมาหนมสับสนมากเลยแหละ แต่หนมรู้สึกดีมากเลยนะที่มีมันอยู่ในชีวิตน่ะ ก่อนจะสอบนี่ตกลงกันไว้ว่าจะหยุดติดต่อกันชั่วคราวเพื่อที่จะอ่านหนังสือ หนมก็คิดถึงมันแล้วก็มารู้ตัวเองว่าชอบมันนี่แหละ ” พูดให้ป๊าฟังแบบนี้ก็รู้สึกแก้มร้อนเหมือนกันแฮะ

“ ได้ฟังแบบนี้ป๊าก็ชักอยากจะเจอตัวเร็วๆแล้วสิ รีบพามาบ้านนะ ”

“ ได้ครับ ไว้หนมจะพามาหา ”

“ ป๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ” ผมสะดุ้งกับเสียงแหกปากดังลั่นบ้านนั่น มีแค่คนเดียวเท่านั้นล่ะครับที่โวยวายเก่งที่สุดในบ้าน

ไอ้ขันไง

ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับไอ้ขันที่สวมชุดไปรเวท มันกำลังจะออกไปข้างนอกแน่ๆ เออดีจะออกไปไหนก็ไปเลยไอ้สัส ไอ้ขันมันมองผมที่นั่งข้างๆป๊า สีหน้าของมันบึ้งตึงขึ้นมาทันทีเหมือนจะไม่ชอบใจอะไรสักอย่าง

“ ไอ้หนม ” มันเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ แว่นมึงไปไหน แล้วทำไมมึงทำผมสีนี้ ไปโกรกกลับเลยนะ ”

“ กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู มึงจะยุ่งทำไม ” ยุ่งกับชีวิตกูหลายเรื่องเหลือเกินนะไอ้บ้า

“ ป๊า หนมมันดื้อกับขันอ่ะ ” พอเห็นผมเถียงกลับมันก็ไปฟ้องป๊า ขี้ฟ้องชิบ เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่คืน

“ เรื่องนี้ป๊าไม่ยุ่ง พี่น้องคุยกันเองเลย ” ป๊าบอกก่อนจะหยิบไปป์ขึ้นมาสูบแล้วก็มองนกมองไม้ไปเรื่อย วั้ยๆๆสมน่ามึงไอ้ขัน ป๊าไม่เข้าข้าง

“ ป๊าอ่ะ ” ไอ้ขันเบะปากใส่ป๊าก่อนจะหันมองผมอย่างจริงจัง “ ทำไมมึงถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้ เพื่อนมึงบอกให้ทำรึไง ” สายตาคมเหลือบมองไปยังเพื่อนรักทั้งสองที่นั่งอยู่ในศาลา

“ ไม่เกี่ยวอะไรกับเพื่อนกูเลย อย่าหาเรื่อง ”

“ แล้วอยู่ดีดีมึงจะเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีขึ้นทำไม ถ้าไม่มีคนอื่นมายุยง ”

“ กูต้องทำงาน ”

“ งานอะไร ”

“ มึงจะถามอะไรเยอะแยะวะ ” เริ่มจะหัวร้อนละ มึงอยากรู้อะไรนักหนาเนี่ย เดี๋ยวกูก็ถามเรื่องไอ้หมีกลับเลยว่ะไอ้บ้านี่

“ นี่มึง....”

“ พอๆ ให้คุยกันเองก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยสินะ เมื่อขันเรียกป๊าไม่ใช่หรอ มีอะไรล่ะ ” ไอ้ขันมันดูหัวเสียไม่น้อยที่โดนปราม ดีเหมือนกันนะที่ป๊าห้ามเราสองคนไม่งั้นอาจจะตีกันตายได้

“ คือขันจะไปติวหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ คงไม่ได้กินข้าวเย็นและก็อาจจะกลับช้า ”

“ อืม ไปเถอะ ขับรถดีดีล่ะ ”

“ ครับป๊า ” มันรับคำป๊าก่อนมองผม “ ไว้เดี๋ยวกูจะกลับมาจัดการมึง น้องเวร ” คาดโทษผมเสร็จแม่งก็เดินไป เออไปเลยนะไอ้พี่บ้า หงุดหงิดชะมัดผมไม่ค่อยอยากจะกลับบ้านก็เพราะมันนี่แหละ

ผมมองไอ้หมีที่มันชะเง้อคอมองตามไอ้ขันด้วยหน้าตาเศร้าๆ ดีเหมือนกันนะที่ไอ้ขันมันจะไม่อยู่กินข้าวที่บ้าน ไอ้หมีมันจะได้ไม่ต้องแสดงสีหน้าปวดใจออกมา เดี๋ยวถ้าไอ้ขันมันกลับมาแล้วก็ถามผมโน่นนี่นั่นนะผมจะถามมันกลับเรื่องมันกับไอ้หมี ดูซิว่ามันจะตอบไหม ถ้ามันไม่ตอบผมก็จะไม่ตอบมันเหมือนกัน

งานนี้ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน

“ ทะเลาะกันไม่เปลี่ยนเลยนะเรา 2 คน ”

“ ก็ไอ้ขันมันชอบหาเรื่องหนมอ่ะ ชอบแกล้งด้วย ”

“ เห็นแบบนั้นขันเป็นห่วงหนมมากนะ พี่เค้าแค่แสดงออกมาผิดวิธีเท่านั้นแหละ ” ผิดวิธีไปเยอะด้วยป๊า

“ เลิกพูดเรื่องนี้เนอะ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ” ผมเอาหัวพิงไหล่ป๊าเหมือนอย่างที่ผมชอบทำ

เหนื่อยว่ะ ไม่ได้ทำอะไรแท้ๆแต่มันก็รู้สึกเหนื่อย เหนื่อยใจมั้งครับ ผมเบื่อมากเลยนะเวลาที่ต้องมามีปากเสียงกับไอ้ขันน่ะ พี่น้องมันไม่ควรทะเลาะกันเรื่องนั้นผมรู้ แต่เวลาเจอไอ้ขันมันก็อดไม่ได้จริงๆอ่ะ มันเองก็ขยันเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาเป็นประเด็นได้ตลอดจริงๆเลยเชียว

อยู่กันแบบสงบๆไม่ได้เลยสินะไอ้ขัน

ไอ้พี่บ้า











TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: LoveWrite เขียนสื่อรัก [ บทที่ 14 : 14/11/2017 ]
« ตอบ #39 เมื่อ: 14-11-2017 20:18:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 15 ระยะห่างที่สิ้นสุด



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



คิดถึง

คิดถึงมาก

คิดถึงเธอแทบใจจะขาดดดดดดดดดดดดดด

“ โอ้ย ไม่ไหวแล้ว ” ผมทิ้งตัวนอนแผ่ลงอยู่ท่ามกลางกองชีท จิตใจไม่สงบมาหลายวันแล้วครับ นี่ยังดีนะที่ยังทำข้อสอบได้น่ะ ถึงแม้ว่าเวลาทำมันจะสาหัสเอาการเลยก็เถอะ เมื่อก่อนผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ แต่ที่เป็นแบบนั้นก็มีสาเหตุเดียวนั่นแหละ

คิดถึงขนม

งื้อออออออออ

ตอนนี้ผมอยู่คอนโดไอ้สยามครับ แต่ไอ้เจ้าของห้องมันออกไปรับเมียมัน ผมก็เลยต้องนอนดราม่าอยู่คนเดียวแบบนี้ เกือบจะสองอาทิตย์แล้วครับที่ผมไม่ได้เจอน้อง ไม่ได้เจอแบบไม่เจอเลยจริงๆ แถมในเฟซบุ๊กน้องก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดใดเลยอีกต่างหาก มีแต่ผมเนี่ยะที่โพสถึงน้อง หวังนะครับว่าจะให้น้องมาเห็นมาคอมเม้นต์หรือมากดไลค์บ้าง แต่ว่ามันไม่มีเลยอ่ะ

แบบนี้พี่ขุนก็เศร้าสิน้องหนม

กระซิกๆ

พรุ่งนี้จะเป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้วครับ ผมจะเป็นไทและก็จะได้เจอน้อง ไม่รู้ว่าป่านนี้คนตัวเล็กจะเป็นยังไงบ้าง ช่วงที่ไม่เจอนี่ผมรู้สึกเป็นห่วงน้องมากครับ ขนมน่ะเวลาตั้งใจจะทำอะไรก็จะตั้งใจมาก ผมกลัวว่าน้องจะอ่านหนังสือจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ข้าวจะได้กินบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ และอีกอย่างเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนสอบผมมีเรื่องกับแก้มใสไปด้วยผมไม่รู้ว่าเธอจะไปวีนอะไรใส่ขนมรึเปล่า

เป็นห่วงเรื่องนี้สุดๆเลย

ผมไม่เข้าใจแก้มใสเลย ผมกับเธอควรจบกันไปตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังตอแยอยู่ไม่เลิก แค่กับผมมันยังไม่เท่าไหร่แต่นี่เริ่มจะลามไปหาเรื่องขนมด้วย ไม่ชอบใจเลย พอเกิดเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมนึกย้อนไปดูตัวเองเมื่อก่อนเหมือนกันนะ ถ้าผมไม่เจ้าชู้เรื่องวุ่นวายมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

โคตรรู้สึกแย่ที่ทำให้ขนมมาโดนว่าทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไร

และก็ยิ่งรู้สึกแย่หนักเข้าไปใหญ่เมื่อพี่ขันมาสั่งให้ผมเลิกยุ่งกับขนม พี่ขันเป็นคนที่ผมเคารพมาก ส่วนขนมก็เป็นคนที่ผมรักและผมก็พยายามจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อน้อง ตอนตัดสินใจแม่งโคตรลำบากใจชิบหาย ผมไม่อยากหักกับพี่ขันแต่ก็ไม่อยากตัดใจจากขนมเหมือนกัน ผมพูดไว้เองด้วยว่าผมจะหยุดต่อเมื่อน้องบอกให้ผมหยุด จนสุดท้ายแล้วผมก็เลือกที่จะไม่เลิกยุ่งกับน้อง

รักขนาดนี้จะให้เลิกยุ่งได้ไง

ไม่มีทาง

เอาจริงๆนึกว่าจะโดนกระทืบแล้วตอนนั้นอ่ะยังดีว่าพี่ขันยังปราณีผมอยู่ แต่การเดิมพันของพี่ขันก็ถือว่าหนักหนาสำหรับผมอยู่เหมือนกัน ผมมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวที่จะทำให้ขนมตกลงปลงใจเป็นแฟนผม ผมไม่ค่อยแน่ใจเลยครับว่าตัวเองจะทำให้น้องมาเป็นแฟนผมได้ไหม ผมคิดไว้ว่าจะขอสักวันนึงแต่ไม่คิดว่าจะต้องขอไวขนาดนี้ แล้วถ้าผมขอขนมเป็นแฟนแล้วน้องไม่ตกลง ผมก็ต้องเลิกยุ่งกับน้อง

แค่คิดก็ปวดใจ

 ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของน้องมันยังไงกันแน่ เหมือนมันจะแสดงออกมาชัดแต่มันก็ยังชัดไม่พอ น้องอาจจะชอบผมแต่ผมก็ไม่รู้ว่าน้องจะชอบผมมากพอที่จะยอมคบกับผมรึเปล่า ชีวิตน้องไม่เคยมีใครมาก่อนด้วยมันยิ่งทำให้ผมคิดหนักเข้าไปใหญ่

เฮ้ออออ

“ กูจะทำยังไงดีเนี่ยะหนม ”

แอ๊ดดดดด

ผมนอนมองคู่ผัวเมียที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง ในมือถือของพะรุงพะรังเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมนั่นแหละครับ ไอ้สยามมันชอบมาบ่นว่าเมียมันอ้วนอย่างโน้นอ้วนอย่างนี้ แต่มันก็ก็ซื้อขนมให้สมปองกินตลอด ไม่รู้ว่าแม่งจะมาบ่นเพื่ออะไร น่าหมั่นไส้ชิบหาย

“ มึงไปนอนสุมกับกองชีททำไมวะ ” ไอ้สยามมันถามผมพลางเอาของทั้งหมดไปวางบนโต๊ะ

“ เรื่องของกูหน่า ” ผมเอาชีทขึ้นมาปิดหน้าหนีมัน

“ ปัญญาอ่อนจริง อย่าเพิ่งกินสิสมปอง เอามานี่เลย ”

“ อะไรเล่า นั่นมันขนมกูนะ ”

“ เงินกูทั้งนั้นอ่ะที่ซื้อมา ไม่รู้แหละรอกินหลังกินข้าวเลย ”

“ งื้ออ.อ.อ.อ.....”

“ ไม่ต้องมางื้อเลย อย่าดื้อให้มันมากเดี๋ยวกูก็จัดซะให้หรอก ” ผมแง้มชีทออกมาดูทันทีที่ได้ยินคำว่าจัดซะให้หรอก

เพื่อนรักของผมกับแฟนของมันกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงโต๊ะ สมปองนี่หน้าแดงแปร๊ดเลยว่ะ ตอนแรกผมไม่คิดว่าสองคนนี้จะมาลงเอยกันได้เลยนะเอาจริงๆ สมปองน่ะรำคาญไอ้สยามออกจะตายไป แต่ผมก็ดูออกตั้งแต่แรกละล่ะว่าไอ้สยามมันชอบสมปอง

แน่ล่ะแม่งมองอย่างกับจะแดกน้องมันเข้าไปทั้งตัว

“ ขอกินถุงนึงไม่ได้หรอ ” สมปองดึงเสื้อเพื่อนรักผมพลางกับส่งเสียงอ่อนคล้ายๆว่าจะอ้อน

“ ไม่ได้ ”

“ นะนะนะพี่สยาม ขอกินหน่อยนะ ”

“ ไม่ต้องมาอ้อนเลย ” ไอ้สยามมันดึงแก้มสมปองอย่างหมั่นเขี้ยว “ น่ารักมากๆเดี๋ยวก็โดนกูกินหรอก ”

“ คนลามก ” น้องมันบ่นอุบอิบพลางอมยิ้ม

“ เด็กบ๊องเอ้ย ” ไอ้สยามมันดึงตัวน้องเข้าไปกอดไว้ ส่วนผมก็ได้แต่นอนมองอย่างอิจฉาริษยาอยู่ตรงนี้ อยากทำอะไรแบบนี้กับขนมบ้างอ่ะ

ผมจะมีบุญได้ทำไหม

ผมมองทางสองคนที่กอดกันจนกลมก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกมึงนี่ไม่สงสารคนโสดที่อยู่ในโหมดโศกเศร้าบ้างเลยนะ แต่ว่าจะไปว่ามันก็ไม่ได้เพราะผมเสร่อขอมาอาศัยอยู่ที่นี่เอง อยู่ห้องคนเดียวมันเปล่าเปลี่ยวเอกาอ่ะครับไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แถมพรุ่งนี้หลังสอบเสร็จผมก็จะต้องไปชะอำเพื่อไปถ่ายหนังสั้นของขนมด้วย

ขอบอกเลยว่าตื่นเต้นมาก

เมื่ออาทิตย์ก่อนไอ้หมีมันมาหาผมที่คณะเพื่อมาบอกว่าให้ผมไปเป็นพระเอกหนังสั้นให้หน่อย ผมยังไม่ได้ตอบตกลงไปในตอนแรกหรอกนะครับ แต่พอรู้ว่าขนมเป็นคนเขียนบทเท่านั้นแหละผมก็ตอบรับคำในทันที ไอ้หมีมันก็เล่าพล๊อตเรื่องให้ผมฟังคร่าวๆ มันเป็นหนังสั้นหัวข้อความรักที่เกี่ยวกับชายรักชาย ผมได้ยินแบบนั้นจึงยื่นเงื่อนไขให้ว่าถ้าผมเป็นพระเอก คนที่จะมาเล่นคู่กับผมต้องเป็นขนมเท่านั้น

ไม่งั้นคงจะไม่มีใจเล่น

ฮ่าๆๆๆ

ผมว่ามันยากนะครับที่จะแสดงบทของผู้ชายที่รักผู้ชายคนนึง ผมกลัวว่าตัวเองจะไม่อินด้วยถ้าเป็นคนอื่นมาแสดง แต่ถ้าเป็นขนม ผมคงจะแสดงออกมาได้ธรรมชาติมากแน่ๆ เพราะความรู้สึกที่ผมมีต่อน้องมันเป็นของจริง

“ พอได้แล้ว อายพี่ขุน ” ขนาดนี้ไม่ต้องอายพี่ก็ได้ครับ

“ ไม่ต้องไปอายมันหรอกหน่า ไหนมาหอมแก้มหน่อย ”

“ ไม่เอา ปล่อยนะ ”

“ มาให้กูฟัดซะดีดี ” เออๆ เอาเข้าไปนะพวกมึงนะ เอาให้เต็มที่เลย ถึงวันของกูเมื่อไหร่พวกมึงจะต้องอิจฉาจนตาร้อนผ่าว

ผมมองไอ้สยามที่ไล่ฟัดสุดที่รักของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย มันดูตลกดีนะครับที่ผู้ชายตัวหนาๆสองคนมาหยอกกันแบบนี้ คู่นี้นี่ถือว่าซอฟต์ๆนะ ถ้าเป็นคู่ไอ้เกียร์กับไอ้แกงนี่ฟัดกันนี่ติดอิโรติกตลอด เมื่อก่อนผมก็รู้สึกแปลกๆอยู่หรอกที่เห็นอะไรแบบนั้นแต่ไปๆมาๆมันก็เริ่มจะชินชา ถึงรอบๆข้างผมจะมีแต่สหายชาวสีม่วงแต่ผมก็ไม่ได้คิดที่จะหันมามองหรือว่าชอบผู้ชายนะครับ

จนมาเจอกับขนมนี่แหละ

แอ๊ดดดดด

“ เห้ยๆ จะเอากันก็ไปทำในห้องนอนสิวะ ”

“ เออ เกรงใจไอ้ขุนมันบ้าง ”

“ พวกมึงนี่มันหน้าด้านจริงๆ ”

ผมมองสหายรักทั้งสามที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับด่าเจ้าของห้องไปด้วย ละนี่พวกมึงนัดปาร์ตี้ชุดนอนกันงั้นหรอถึงได้ใส่ชุดนอนมากัน ในห้องนี้มีแค่ผมเท่านั้นเลยครับที่ยังแต่งเต็มยศ ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะๆแถมเนคไทก็ยังพันคออยู่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ถอดออก เนี่ยะพอนึกถึงแต่เรื่องของขนมผมก็ลืมทุกอย่างเลย

โคตรบ้าเลยว่ะ

“ พวกมึงมากันทำไมวะเนี่ย กูไม่ได้เปิดการ์ดอัญเชิญนะ ” ไอ้สยามมันบ่นอย่างหัวเสีย ส่วนสมปองก็วิ่งหนีเข้าห้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สงสัยจะเขินจัดที่โดนพวกเพื่อนๆผมแซว

“ กูเป็นมอนเตอร์พิเศษ อัญเชิญตัวเองได้ ” ไอ้ชาบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆผม “ แล้วทำไมมึงถึงนอนกองอยู่กับชีทวะขุน ” มันถามผมพร้อมกับเอนตัวลงนอนโดยที่หนุนเอวผมไว้ ทำไมจะต้องมานอนหนุนกูด้วยวะ

“ เออนั่นดิ่ โซฟามีก็ไม่นอน ” ไอ้หอมมันทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา

“ ใช่ โซฟามีก็ไม่นอน ” พูดจบไอ้ก้องมันก็ทิ้งตัวนอนลงทับไอ้หอมอีกที

“ แล้วทำไมพวกมึงถึงมาสุมกันอยู่ที่ห้องกูกันหมดได้วะเนี่ยะไอ้สัสสสสสสส ” เจ้าของห้องแหกปากด่าลั่นเลยครับ สีหน้าที่แสดงออกมานั่นคงจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แน่ล่ะมีคนมาขัดจังหวะมันฟัดกับแฟนมันนี่นะ เป็นผมก็คงจะหัวร้อนอยู่เหมือนกัน

“ อยู่กันหมดที่ไหนไอ้แกงมันไม่ได้มาด้วยซะหน่อย ”

“ ใช่ นี่ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมนะ ”

“ ถูก พูดอีกก็ถูกอีก ”

“ โว้ยยยยยยไอ้พวกเชี่ย ” ไอ้สยามมันมองค้อนใส่ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอน “ เดี๋ยวกูเรียกขวัญเมียกูกลับมาก่อน เดี๋ยวจะกลับมาด่าพวกมึงต่อ ไอ้พวกเลว ไอ้สัส ” แล้วมันก็เดินเข้าห้องนอนไปทันที ไม่รู้ว่าจะไปเรียกขวัญหรือไปทำอย่างอื่นกันแน่

ไอ้สยามน่ะมันร้าย

ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาดูรูปขนมเพื่อบรรเทาความคิดถึง พรุ่งนี้ก็จะได้เจอแล้วสงบใจไว้นะไอ้ขุนเอ้ย ยอมรับเลยนะครับว่าช่วงเวลาที่ไม่เจอน้องนี่ผมหงุดหงิดมาก รู้สึกรำคาญและก็ขัดหูขัดตาไปหมดทุกอย่าง

จะรำคาญสุดตอนนี้ก็คือเพื่อนชาเย็นนี่แหละ

“ มึงจะเขี่ยขากูทำไมวะชา ”

“ กูวาดรูปอยู่ ”

“ วาดห่าอะไรล่ะ เอาหัวมึงออกไปเลยกูหนัก ” ผมดันหัวไอ้ชา มันเองก็ยอมลุกขึ้นแต่หันมามองผมด้วยหน้ามึนๆตามสไตล์มัน “ มองกูทำไม ”

“ มึงดูไรอยู่อ่ะ คลิปโป๊หรอ ” คลิปโป๊พ่องอ่ะ มึงนี่ไม่เคยว่างเว้นจากเรื่องพวกนี้เลยสินะ

“ กูดูรูปขนมอยู่ ”

“ ไหนดูมั่ง ”

“ ไม่ให้ดู ” ผมเก็บโทรศัพท์ก่อนจะแลบลิ้นใส่มันไปทีนึง รูปที่ผมไปแอบถ่ายมาได้นั้นน้องจะดูน่ารักมากกว่าตอนปกติ ผมจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นแน่ๆ

เพื่อนก็เพื่อนเถอะ

“ ไอ้ขี้งก รูปที่มึงมีนั่นเป็นรูปน้องเมื่อสมัยก่อนใช่ไหม ”

“ เมื่อสมัยก่อน....มึงหมายความว่าไงวะชา ”

“ ก็ตอนนี้น้องแว่นมันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ไม่สิ จะเรียกว่าน้องแว่นไม่ได้แล้ว ” ผมลุกขึ้นมานั่งแล้วก็มองหน้าไอ้คนพูดทันที หมายความว่าไงที่ว่าเรียกน้องแว่นไม่ได้แล้ว

“ ทำไมวะ เกิดอะไรขึ้นกับขนม ”

“ ก็ตอนนี้น้องมันไม่ได้ใส่แว่นแล้ว น้องมันตอนที่ไม่ได้ใส่แว่นนี่น่ารักว่ะ ยิ่งทำผมสีนั้นนะแม่งโคตรดูดี ”

“ ไอ้ชา ” ผมกระชาคอเสื้อเพื่อนรักเข้ามาใกล้ “ มึงหลอกกูป้ะเนี่ย มึงไปเห็นที่ไหนมา ”

“ เดี๋ยวเสื้อกูขาดอ่ะขุน ”

“ ถ้ามึงไม่บอกกูจะฉีกเสื้อมึงให้เป็นเศษผ้าเลย บอกมา ”

“ ก็เห็นที่ร้านไอติมหลังมอไง วันที่กูชวนมึงไปแดกแล้วมึงไม่ยอมไปอ่ะ วันนั้นน้องหนมมันก็มากินไอติมกับเพื่อนๆ กูก็เลยเจอเข้า ไม่แค่กูที่เห็นนะไอ้สยามกับสมปองมันก็เห็น ” พอได้ยินแบบนั้น มือของผมก็ค่อยๆคลายออกจากคอเสื้อของเพื่อนรัก นี่ถ้าเป็นแบบที่มันพูดจริงๆนี่ก็....

ชิบหายละ

ขนมน่ะตอนที่ไม่ใส่แว่นก็ว่าน่ารักแล้วนะครับ แล้วถ้าเปลี่ยนสีผมจริงๆผมก็คิดว่าน้องน่าจะเด่นขึ้นมากแน่ๆเลย ผมคิดว่าน้องจะทำผมสีอะไรก็น่าจะเหมาะเพราะน้องผิวขาว โอ้ย อยากเห็นกับตาตัวเองว่ะ อยากรู้ว่าจะน่ารักขึ้นมากขนาดไหน ถ้าน้องน่ารักขึ้นกว่าเดิมมากๆนี่ผมต้องเป็นบ้าแน่เลย ถ้ามีคนอื่นมาหลงกับความน่ารักของน้องล่ะ ผมไม่ต้องตามไล่กระทืบเรียงตัวเลยหรอวะ

“ ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะขุน มึงไม่ดีใจหรอที่น้องน่ารักขึ้น ”

“ ไม่ดีใจเว้ย แล้วอีกอย่างกูยังไม่เห็นน้องเลย พวกมึงอาจจะโม้กูก็ได้ เห็นกูจะเป็นบ้าไงเลยมาปั่นกู ”

“ กูจะปั่นมึงทำไม กูเห็นอะไรมากูก็แค่บอก ”

“ น้องน่ารักขึ้นเยอะขนาดนั้นเลยหรอวะ ”

“ ก็น่ารักจนมีคนเข้าไปขอเบอร์อ่ะ ”

ห้ะ!!!!

ขอเบอร์!!!!

“ มันเป็นใครห้ะมึง ” ผมแหกปากลั่นออกไปอย่างหัวเสีย กล้ามากเลยนะที่มาขอเบอร์สุดที่รักของผมเนี่ย

“ ใจเย็นๆก่อนนะเพื่อน มันเป็นใครกูไม่รู้หรอก แต่เท่าที่กูดูน้องไม่ได้ให้เบอร์มันไปนะ ” ไอ้ชามันลูบแขนผมเชิงว่าให้ใจเย็น ใครมันจะไปเย็นไหววะ มีใครไม่รู้คิดจะมาเกาะแกะกับขนมเลยนะ พอเป็นแบบนี้ผมจะรีบทำอะไรสักอย่างละ รอช้าไม่ได้เดี๋ยวจะมีคนมายุ่งกับขนมมากกว่านี้อีก

“ มึง กูกลับหอละ ”

“ กลับไปทำไมวะ ”

“ อ่านหนังสือสอบ ”

“ ถามจริง ”

“ เออ ฝากบอกไอ้สยามด้วยละกัน กูไปล่ะ ” ผมลุกเดินออกมาจากห้องทันที ตอนนี้ผมอยากจะคิดอะไรเงียบๆคนเดียว เพราะงั้นกลับไปอยู่สงบๆที่หอตัวเองจะดีกว่า ผมจะทำยังไงดีวะ ปกติผมจะเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างง่ายๆสบายๆไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเยอะแยะแบบนี้ แต่กับเรื่องของขนมนี่มันไม่ใช่เลย อาจเป็นเพราะว่าน้องยังไม่ได้มาเป็นคนของผมด้วยล่ะมั้ง แต่ว่านะอีกไม่นานนี้หรอก

น้องเสร็จผมแน่


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 15 ----------




วันสอบวันสุดท้าย

ผมนั่งเปื่อยอยู่ในห้องสอบจิตใจนี่กระวนกระวายสุดๆ ผมทำข้อสอบเสร็จแล้วครับแต่ถ้าเวลายังไม่หมดก็ไม่สามารถออกจากห้องสอบได้วิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายด้วย ตอนนี้ก็บ่ายสามกว่าๆแล้ว ผมไม่รู้น้องจะสอบเสร็จรึยัง เมื่อวานพอผมกลับถึงหอผมก็อ่านหนังสือแล้วก็เก็บของกับเสื้อผ้าเพื่อที่จะเตรียมไปชะอำในเย็นวันนี้ เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาทีเดี๋ยวผมก็จะเป็นไทละ

สงบสติอารมณ์ไว้ขุนศึก

“ หมดเวลาค่ะเชิญออกจากห้องสอบได้ ” ทันทีที่ผมได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกเดินออกมาด้านนอกห้องสอบทันที ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกแว่วๆอยู่นะ แต่ช่างแม่งมีอะไรค่อยโทรหากูกันเอาละกันเพื่อนรัก

หลังจากที่เดินผ่านทางเชื่อมตึกเพื่อจะมาลงบันไดผมก็เห็นมีกลุ่มนักศึกษายืนจับกลุ่มกันทำไมไม่รู้ ใส่ชุดนักศึกษาแบบนั้นคงจะเป็นพวกปี 1 แน่ๆ วันนี้ชั้นปีอื่นใส่เสื้อช้อปมากันครับเพราะต้องไปถ่ายรูปทำบัตรสต๊าฟไว้ใช้ในการรับน้อง เด็กปี 1 พวกนั้นทะเลาะกันหรอวะหรือว่าอะไร สงสัยนะแต่คงไม่ว่างไปดูเพราะตอนนี้ผมจะต้องรีบไปหาขนมให้เร็วที่สุด ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนตัวเล็ก ตอนนี้น้องอาจจะยังอยู่ที่ตึกคณะตัวเองก็ได้ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะได้ไปรับน้องเลย

“ ฮัลโหล อยู่ไหนครับ ”

( อยู่ตึกคณะมึงเนี่ยะ )

“ งั้นหรอ แล้วอยู่ตรงไหนของตึกล่ะ ”

( อยู่หน้าตึกเลย รีบมาซิเนี่ย )

“ โอเคๆ เดี๋ยวรีบไป ” ผมวางสายจากน้องก่อนจะรีบวิ่งลงตึกมาอย่างไวผ่านไอ้ตรงที่มีเด็กนักศึกษาจับกลุ่มมาด้วย มองไปรอบๆหน้าตึกก็ไม่เห็นน้องเลยนะครับ

อยู่ตรงไหนวะ

“ อย่าหยิ่งนักเลยหน่า ขอเบอร์แค่นี้เอง ”

“ ก็บอกว่าไม่ให้ไง ” เสียงคุ้นหูนี่มัน....

ผมหันมองไปตามเสียงด้านหลังก็เห็นร่างของใครบางคนยืนประจันหน้ากับกลุ่มนักศึกษากลุ่มนึงอยู่ ร่างบางที่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทอง ในมือนั่นถือแจ็คเก๊ตสีน้ำเงินซึ่งเป็นเสื้อคลุมของเด็กคณะนิเทศศาสตร์ ลักษณะท่าทางรวมถึงรูปร่างแบบนั้น มองจากด้านหลังก็รู้แล้วครับว่าเป็นใคร

“ ขนม ”

คนที่ยืนหันหลังให้ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันมาหา “ มาช้าจังเลยล่ะไอ้ขุน ”

ตึกตัก

เชี่ยยยยย

ผมกระพริบตาปริบๆเพื่อมองคนตรงหน้าอีกครั้ง กระพริบตาไม่พอยกมือขยี้ตาอีกรอบด้วยเอ้า ขนมเป็นไปแบบที่ไอ้ชามันพูดจริงๆครับ ใบหน้าใสนั่นไม่มีแว่นตาปิดอีกต่อไปแล้ว ผมฟูๆของน้องก็ถูกตัดให้ดูเป็นทรง ส่วนไอ้ผมที่ปรกหน้าก็ถูกตัดให้ไม่มาบังหน้าบังตาอีก สีผมที่ย้อมก็ยิ่งทำให้หน้าน้องดูใสกว่าเดิม เมื่อก่อนผมคิดว่าคนตรงหน้าก็น่ารักมากแล้วนะแต่พอมาเจอเวอร์ชั่นนี้มันก็ยิ่งน่ารักไปเป็นเท่าตัวเลยอ่ะ

ไปไหนไม่รอดแล้วว่ะผม

“ เป็นอะไรของมึงเนี่ย ” ผมสะดุ้งทันทีที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่แขน เมื่อกี้น้องตีผมหรอวะ

“ ปะ...เปล่า ละนี่เกิดอะไรขึ้น ” ผมมองขนมสลับกับพวกเด็กปี 1 “ มีเรื่องอะไรกัน ”

“ มะ....ไม่มีอะไรครับพี่ขุน ” ไม่มีอะไรทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นวะ

ผมหันมองขนม “ ไอ้พวกนี้มันทำอะไรมึง ”

“ พวกนี้มันตื๊อจะขอเบอร์กูอ่ะ กูไม่ให้ก็ยังตื๊อไม่เลิก ” ขนมบอกเสียงขุ่น ผมก็หันมามองทางพวกปี 1 อีกครั้งด้วยสายตานิ่งๆ

“ ไหนบอกไม่มีอะไรไง ”

“ พวกผมขอโทษครับพี่ขุน พวกผมไม่รู้ว่าเป็นเด็กพี่ ” พวกเด็กๆบอกเสียงสั่น จะสั่นไปไหนเนี่ยะไอ้สัส

“ รู้แล้วก็ไปได้ละ ” พอผมพูดแบบนั้นไอ้เด็กพวกนั้นก็ยกมือไหว้ก่อนจะรีบพากันวิ่งหนีไป ผมหันมามองทางขนมก่อนจะถอดเสื้อช็อปของตัวเองออกมาคลุมหัวน้องเอาไว้ “ คลุมไว้ซะ ”

“ ทำไมกูต้องคลุมด้วยเนี่ยะ ”

“ กูจะไม่ให้เด็กวิศวะที่ไหนมาเห็นมึงอีกแล้ว กูหวง ” หวงจริงจังด้วย หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่

“ หวงบ้าหวงบออะไรของมึง ” คนที่อยู่ใต้เสื้อช้อปบ่นอุบอิบ หน้าแดงด้วยนะ น่าฟัดชะมัด

“ ไม่ได้หวงบ้าหวงบอ กูหวงมึงนี่แหละ ไปคุยกันที่รถมีเรื่องจะดุเยอะเลยนะรู้ไหม ” ผมจูงมือน้องเดินออกมาจากหน้าตึก น้องเองก็ว่าง่ายยอมให้ผมจูงมือโดยไม่บ่นสักคำ มาถึงที่จอดรถผมก็ยัดน้องใส่รถตัวเองก่อนจะเดินขึ้นมาประจำที่ฝั่งคนขับ

ขนมหันมองผมโดยที่เสื้อช้อปยังปิดหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น “ จะดุจริงๆหรอ ” เสียงอ่อนๆกับดวงตาใสๆนั่นใครสอนให้ทำหืม ไอ้หมีมันสอนใช่ไหม

มันน่ารักนะแต่พี่จะไม่ใจอ่อนให้หรอกครับ

“ ใช่จะดุ ” ผมแกล้งเก๊กเสียงเข้มใส่น้อง “ เรื่องแรกเลยนะ ทำไมไม่ใส่แว่น ”

“ ก็ไอ้หมีมันหักแว่นกูอ่ะ ”

“ แล้วทำไมถึงน่ารักขึ้นหืม ”

“ ไม่ชอบรึไงที่กูน่ารักขึ้น ”

“ ชอบ กูถามมึงอยู่นะอย่ามาเฉไฉสิ ” ผมบีบแก้มขนมด้วยความหมั่นเขี้ยว “ ละทำไมถึงมาตึกวิศวะ รู้ไหมว่าที่นี่มันอันตรายอ่ะ ”

“ อันตรายตรงไหนเมื่อก่อนกูก็มาออกจะบ่อย ”

“ เมื่อก่อนมึงยังเฉิ่มไง แต่ตอนนี้ไอ้ความเฉิ่มนั่นมันหายไปแล้ว รู้ไหมว่าตัวเองฮ็อตขึ้นขนาดไหนอ่ะ ”

“ ไม่รู้หรอก กูไม่ได้สนใจคนอื่นอ่ะ กูสนใจแค่มึงคนเดียว ”

ตึกตัก

ดาเมจนี้มันอะไรวะ

ผมฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยแก้เขิน หน้าร้อนเลยว่ะ สองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกันนี่เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย มีใครมาทำอะไรกับคนตัวเล็กของผมรึเปล่า ชอบนะครับที่ขนมพูดอะไรแบบนั้นแต่ความรู้สึกของผมมันก็ยังสัมผัสได้ถึงความแปลกไง

“ เป็นอะไรของมึง ” สัมผัสได้ถึงแรงลูบที่ท้ายทอย “ จะเอาหน้าฟุบพวงมาลัยทำไม ”

ผมไม่ตอบแต่จับมือน้องที่ลูบหัวผมอยู่มาแนบไว้ข้างแก้มแทน อุ่นจังแถมมือยังนิ่มมากอีกต่างหาก สัมผัสนี้คือของจริงสินะ น้องนั่งอยู่ข้างๆผมจริงๆ ผมไม่ได้ละเมอไม่ได้ฝันด้วย ระยะห่างสองอาทิตย์มันจบลงไปแล้วจริงๆว่ะ ผมเงยหน้าขึ้นมองน้องก่อนจะยิ้มหวาน “ พี่คิดถึงขนมนะ ”

“ มึง....” แก้มใสนั่นขึ้นสีระเรื่อทันที เขินสินะ ไม่รู้ว่าเขินเพราะว่าผมบอกว่าคิดถึงหรือผมเรียกแทนตัวเองว่าพี่ หรือไม่ก็อาจจะทั้งสองอย่าง

“ เขินหรอ ”

“ เขินสิวะ ” น้องเอามือข้างที่ว่างขึ้นมาลูบแก้มตัวเอง “ ขับรถได้แล้ว ไปที่หอไอ้เป้ก่อน ”

“ ได้เลยครับ ” ผมออกรถตามที่คนตัวเล็กสั่ง

มือของผมกับขนมยังจับกันอยู่แบบนั้น น้องไม่ได้ชักมือออกแต่อย่างใดนะครับ พอเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีจัง ผมเหลือบมองคนตัวเล็กเป็นระยะ ขนมเล่นโทรศัพท์อยู่ครับ ดูจากหน้าจอนั่นน่าจะเล่นอินสตาแกรม นี่น้องเล่นไอจีด้วยหรอวะเพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยวต้องไปแอบส่องละ

ขนมละจากจอขึ้นมามองผม “ มึงเตรียมของเสร็จแล้วใช่ป้ะ ”

“ เสร็จแล้ว แล้วมึงอ่ะ ”

“ เรียบร้อยละของอยู่ที่รถไอ้หมีอ่ะ ”

“ อ่อ ละนี่คือไปกันทั้งกลุ่มเลยใช่ไหม เอารถใครไปบ้างอ่ะ ”

“ ก็มีรถมึงกับรถไอ้หมี แบ่งกันนั่งไปคันละ 4 คนก็พอแล้วมั้ง เออพวกอุปกรณ์ถ่ายหนังอ่ะกูขอใช้รถมึงขนนะ ”

“ โอเคครับ ” ผมเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้าหอของเป้ เพื่อนๆของขนมก็นั่งรอกันอยู่ จากสีหน้ามุ่ยๆนั่นถ้าน้องลงไปคงโดนบ่นไม่ใช่น้อยแน่ๆ

“ รออยู่นี่แหละ ” ขนมบอกก่อนจะลงจากรถ

ผมนั่งมองน้องอยู่ในรถ ขนมโดนเพื่อนบ่นจริงๆด้วยครับแต่เจ้าตัวก็ทำเป็นโวยวายใส่แล้วก็สั่งให้เพื่อนๆช่วยกันขนของขึ้นรถ โคตรมีอำนาจเลยว่ะ เท่าที่ผมสังเกตน้องคงจะเป็นศูนย์กลางและเป็นที่รักของเพื่อนๆมาก ทุกคนนี่ดูเป็นห่วงกันไปหมด ไอ้เผือกเคยมาคุยกับผมด้วยนะครับในช่วงที่ผมเพิ่งจีบขนมใหม่ๆ มันมาบอกว่าถ้าผมทำให้ขนมเสียใจล่ะก็มันจะกระทืบผมเอง ผมก็ตอบกลับไปว่าผมจะไม่ทำให้ขนมเสียใจเด็ดขาด

ชนแก้วสัญญาแบบลูกผู้ชายด้วยนะ

ใช้เวลาไม่นานขนมกับบรรดาผองเพื่อนก็ขนของขึ้นรถกันจนเสร็จ โดยที่รถของผมมีไอ้หมีกับไอ้เผือกมานั่งอยู่ด้านหลัง ขนมก็มานั่งหน้าคู่กับผม ตอนนี้ประมาณเกือบ 5 โมงแล้วครับ ผมเคยไปชะอำมากับเพื่อนๆเมื่อปีก่อน จากที่นี่ถึงนั่นก็ใช้เวลาสัก 3 ชั่วโมงกว่าๆ

“ ตามไอ้เป้มันไปเลยอ่ะ ” ผมพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะออกรถขับตามไป

“ เป็นไงพี่ขุน ”

“ เป็นไงอะไรวะไอ้หมี ”

“ ก็เรื่องสอบแล้วก็เรื่องลุคใหม่ของไอ้หนมอ่ะ ”

“ เรื่องสอบก็ไม่เท่าไหร่ ส่วนเรื่องลุคใหม่ของขนมนี่....” ผมเหลือบมองน้อง “ น่ารักมาก ”

“ น่ารักบ้าอะไรวะ ” คนข้างๆพึมพำก่อนจะทำเป็นหันไปมองข้างทางแทน

“ แน่ะ เขินสินะมึงน่ะ ”

“ หุบปากได้แล้วไอ้หมี ” ไอ้เผือกมันมองไอ้หมีนิ่งๆ ไอ้คนที่ถูกมองก็เอามือยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที มึงกลัวมันสินะ

ผมยกมือไปขยี้หัวขนมเบาๆ “ หิวไหมครับ ”

“ ไม่อ่ะ ไอ้เป้บอกว่าให้ป้าแม่บ้านเตรียมกับข้าวไว้แล้ว กูจะรอไปกินปูนึ่ง ”

“ ชอบกินจริงๆเลยนะปูกับกุ้งเนี่ย ”

“ ชอบสิ ก็มันอร่อยหนิ ไอ้หมีมึงเอาขนมมาซิ ”

“ นี่ครับเพื่อนหนม ” ไอ้หมีมันส่งขนมมาให้ก่อนจะเอนตัวพิงไอ้เผือกเล่นโทรศัพท์ต่อ

“ ขอบใจ ” น้องรับขนมมาแกะก่อนจะหันมามองผม “ กินไหม ”

“ กินครับ ป้อนหน่อยสิ ”

“ ก็กินเองสิวะ ”

“ จะกินได้ยังไงล่ะขับรถอยู่...ป้อนหน่อยนะ ” ผมทำเสียงอ่อนอ้อนน้อง คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมาป้อนผม “ อื้ม...อร่อยจัง ”

“ เว่อร์ละ ”

“ พูดจริงๆนี่นา ” ผมยิ้มหวานให้น้องที่แก้มแดงจางๆ เขินอะไรของเขาวะ นี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

การเดินทางไปชะอำในครั้งนี้มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าจดจำแน่ๆเลยว่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นการมาทำงานก็เถอะ ผมมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวที่จะทำให้น้องตกลงเป็นแฟนของผม แต่เรื่องนั้นคงจะต้องจัดการหลังจากที่ถ่ายหนังสั้นเสร็จเพราะผมคิดว่าขนมจะต้องเอางานมาเป็นหลักแน่นอน จะเป็นยังไงก็คงจะต้องรอลุ้นต่อไปสินะ

“ ไม่ได้อิจฉาเลยโว้ยยยยยยย ”

ไอ้หมีเอ้ย ถึงทะเลเมื่อไหร่กูจะเอามึงไปกลบทราย

หมั่นไส้



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]





บ้านพักริมทะเล ณ ชะอำ

หลังจากที่นั่งรถจนเมื่อยตูดก็มาถึงบ้านพักริมทะเลของพ่อไอ้เป้แล้วครับ พวกผมช่วยกันขนของเข้าไปในบ้านทันที ไอ้เป้บอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ จะมีก็แค่ลุงคนสวนกับป้าแม่บ้านที่อยู่ที่เรือนเล็กหลังบ้านคอยดูแลบ้านหลังนี้ให้ ตอนนี้ก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆแล้วครับ วิวทิวทัศน์รอบบ้านก็มืดไปหมดเลย มีความวังเวงในระดับนึง

“ ห้องนอนมี 4 ห้อง ใครจะนอนกับใคร กูนอนกับไอ้ภีม ” เจ้าของบ้านถามและก็ชิงพูดก่อนเลย กลัวใครแย่งตอบหรอสัส

“ ทำไมต้องนอนกับไอ้ภีมตลอดเลยวะ ทำไมไม่นอนกับคนอื่นบ้างล่ะ ” ไอ้หมีมันเลิกคิ้วมองไอ้เป้ด้วยความสงสัย

“ เรื่องของกูอีกอ่ะ เดี๋ยวกูจะไล่มึงไปนอนชายหาด ”

“ ง่า....ใจร้ายจังเลยนะไอ้สัส ” ไอ้หมีมันมองค้อนไอ้เป้ไปทีนึง “ งั้นเอางี้ กูนอนกับไอ้เผือก ไอ้ไผ่นอนกับไอ้ปั้น ส่วนมึงไอ้หนมนอนกับพี่ขุนละกัน ” ไอ้หมีมันจัดแจงเสร็จสรรพไม่ถามคนอื่นสักคำ

“ ไม่อยากนอนกับกูหรอ ” ไอ้ขุนมันกระซิบถามผมเบาๆ

“ กูนอนได้ทุกที่แหละ ทำไมถึงถามวะ ”

“ ก็มึงทำหน้าเหมือนไม่อยากนอนกับกูอ่ะ ”

“ คิดมากน่ะมึง ” ผมยกกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะบอกกับเพื่อนๆ “ แยกย้ายเอาของไปเก็บป่ะได้ลงมากินข้าวกัน กูหิวละ ” ผมเดินนำไปที่ห้องของตัวเอง ผมตกลงกับไอ้เป้แล้วล่ะครับว่าจะนอนที่ห้องนี้

ห้องที่เห็นชายทะเลได้ชัดๆไงเล่า

ผมเอาเสื้อผ้ากับของใช้ออกจากกระเป๋ามาเรียงกันให้เป็นระเบียบในตู้ ไอ้ขุนมันก็มานั่งเรียงเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ข้างๆผม เสื้อผ้าของผมกับมันนี่ไม่ได้ต่างกันเลยนะ มีแค่ไซส์เท่านั้นอ่ะที่ไม่เหมือนกัน พูดถึงไซส์ยังนึกถึงกางเกงในที่มันให้ผมมาได้เลยว่ะ ผมยังจำคำพูดที่บอกว่ามันไซส์เล็กไปใส่ไม่ได้อยู่เลย

น่าหมั่นไส้นัก

“ ทำไมบ๊อกเซอร์ขาสั้นจังอ่ะ ” ไอ้หล่อมันหยิบบ๊อกเซอร์ผมไปกางดู

“ มันก็ต้องสั้นอยู่แล้วป้ะ ”

“ มันสั้นเกินนะ ”

“ ใส่อยู่ในห้องไม่เป็นไรหรอก ”

“ หึ ” ผมมองหน้าไอ้คนที่หึใส่ผมเมื่อกี้ หึใส่ทำไมวะ ไอ้หล่อมันก็ทำมึนใส่ผมก่อนจะพับบ๊อกเซอร์ตัวนั้นวางไว้ที่เดิม อะไรของมึงวะไอ้บ้า มึงทำกูงงนะเนี่ย

หลังจากที่พวกผมเก็บของเสร็จก็พากันไปกินข้าวครับ แล้วก็นัดแนะเรื่องการถ่ายทำของซีนวันพรุ่งนี้ ผมมีเวลาไม่เยอะเพราะงั้นต้องรีบหน่อย และถ้าเสร็จไวก็อาจจะได้ไปเที่ยวกันต่อ อยากจะบอกว่ากับข้าวที่ป้าแม่บ้านทำนั้นอร่อยมาก อาหารทะเลที่นี่มันสดมากจริงๆ ผมก็เลยกินเยอะกว่าปกติ ตอนนี้ก็แน่นๆพุงอยู่ไม่ใช่น้อย และตามสเต็ปก็คือเวลาที่เรากินอิ่มๆเนี่ยะ หนังท้องจะตึงและหนังตาเราก็จะหย่อน

เพราะงั้นนอน

“ ลุกขึ้นมาก่อนเลย กินอิ่มๆไปนอนได้ไงเดี๋ยวก็จุกหรอก ” ไอ้หล่อมันบ่นทันทีที่เห็นผมนอนแผ่อยู่บนเตียง คนเรากินอิ่มมันก็ต้องนอนสิวะไอ้ขุน มึงนี่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตชาวโลกเลย

“ กูง่วงแล้ว ”

“ ถึงจะง่วงก็ต้องอดทนก่อน ถ้ามึงนอนเลยทันทีมึงอาจจะจุกนะอาหารอาจจะไม่ย่อยด้วย ” ไอ้ขุนเดินมาฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นมานั่ง “ มันทรมานนะอาการพวกนั้นอ่ะ กูเป็นห่วงมึงเนี่ยะเข้าใจไหม ”

ผมมองหน้าไอ้ขุนที่แสดงสีหน้าความเป็นห่วงออกมา “ รู้แล้ว ยังไม่นอนก็ได้ ”

“ ดีมากครับ ไปดูดาวกันดีกว่า ” พอมันพูดจบก็ลากผมมาที่ระเบียงทันที อากาศด้านนอกเย็นนิดหน่อยอาจจะเป็นลมทะเลมั้งครับ

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำที่มีดาวประดับอยู่เต็มไปหมด ข้อดีของต่างจังหวัดก็คือเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวได้ชัดนี่แหละนะ ถ้าเป็นในเมืองดาวจะเห็นดาวได้ไม่เยอะเท่านี้นะครับเพราะแสงไฟรบกวนจะเยอะมาก ฟีลตอนนี้นี่เหมือนตัวเองเป็นนายเอกในนิยายเลยว่ะ ตอนล่าสุดที่ผมแต่งที่บ้านไอ้ขุนไปนั้นก็คือฉากที่พระเอกง้อนายเอก พระเอกของผมง้อนายเอกด้วยการพาไปดูท้องฟ้าจำลองครับ ถึงมันจะไม่ใช่ดาวจริงๆแต่มันก็ดาวเหมือนกัน

“ สวยเนอะมึง ”

“ ใช่ ” ผมละสายตามามองไอ้ขุน มันไม่ได้มองท้องฟ้าแต่มันยืนมองหน้าผมอยู่ หน้ากูมีอะไรติดหรอวะ

“ มองหน้ากูทำไม ไม่มองดาวอ่ะ ”

“ ก็มองอยู่ ”

“ นี่หน้ากู ไม่ใช่ดาวสักหน่อย ”

ไอ้ขุนยิ้มบางๆก่อนจะยกมือขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “ มึงเป็นดาวที่สวยที่สุดของกูแล้ว ”

ตึกตัก

มึงนี่มันจริงๆเลย

ผมมองใบหน้าหล่อที่ยิ้มหวานออกมา พอเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะ ตอนนี้ในใจแม่งโคตรละมุนมากอ่ะ นี่ถ้าตัวลอยได้ผมว่าผมคงลอยไปอยู่กับดาวข้างบนนั่นละเอาจริงๆ

เก่งจริงๆเรื่องทำให้เขินเนี่ยะไอ้บ้า

เดี๋ยวผมเอามั่งๆ

“ เออขุน กูว่ากูยังไม่ได้บอกมึงอยู่อย่างนึง ”

“ อะไรอ่ะ ”

“ ก็ช่วงสองอาทิตย์ที่เราห่างกันอ่ะ ”

“ อื้ม ทำไมอ่ะ ”

“ กู.....” ผมยกมือไปเกลี่ยแก้มมันเบาๆเหมือนกับที่มันทำ “ คิดถึงมึงมากเลยว่ะ ”

ร่างสูงตรงหน้ามองผมตาค้าง หน้าหล่อๆนั่นเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ ไงล่ะมึงเขินสิเขิน วันหลังถ้ามันทำผมเขินผมจะต้องทำให้มันเขินกลับละ รู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะเลยที่ทำให้คนอย่างไอ้ขุนมันเขินได้ ผมชอบหน้ามันเวลาเขินมากเลยนะมันให้ความรู้สึกดีอ่ะ

ความจริงก็ไม่ได้ชอบแค่หน้าอ่ะนะ

ผมชอบทุกอย่างที่เป็นมันเลยตอนนี้

ชอบมากจริงๆ

“ มึงนี่ร้ายเหมือนกันนะหนม ”

“ กูติดมาจากมึงทั้งแหละ ”

ไอ้บ้าขุน








TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L1:น้องหนม


 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 16 ใจตรงกัน



“ หนม ”

“ หืม ”

“ เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างวะ ”

“ ยังไงอะไรของมึงวะไอ้หมี ”

“ ได้ป่ามป๊ามกับพี่ขุนยัง ”

“ ป๊ามหน้ามึงอ่ะไอ้สัสหมี ”

“ ด่าเพื่อนหมีทำไม ”

“ เลิกพูดมากละก็แบกของตามมาได้แล้ว ” ทำกูหน้าร้อนแต่เช้าแต่เลยไอ้เพื่อนบ้า

ผมเดินถือบทออกมานอกบ้านโดยมีไอ้หมีถืออุปกรณ์พวกกล้องกับขาตั้งกล้องตามออกมา ตอนนี้ประมาณ 6 โมงครับ ฟ้าก็เริ่มจะสว่าง ความแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้านี่มันทำผมมึนเหมือนกันนะ เท่าที่พวกผมคุยเรื่องบทเมื่อวานนั่น ก็กะว่าจะรีบถ่ายให้เสร็จภายในสองวัน โดยที่เราจะถ่ายกันแบบหฤโหดทั้งวันแบบแค่พักกินข้าวเที่ยง

เอาให้ตายกันไปข้างนึง

ผมกับไอ้หมีเดินมาที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชายทะเล ฉากหลักๆเราจะถ่ายที่นี่ครับ วิวตรงนี้นี่สวยใช้ได้เลยนะ ด้านหน้าเป็นทะเลส่วนด้านหลังก็เป็นต้นสนเรียงกันไปเป็นแนว ไม่มีคนรบกวนด้วยเพราะว่าพื้นที่ส่วนนี้เป็นของพ่อไอ้เป้ทั้งหมด ทุกคนมารอกันอยู่ที่นี่หมดแล้วในสภาพที่ดูง่วงซึมแปลกๆ มีแค่พระเอกของผมที่ดูแฮปปี้กว่าชาวบ้าน

เขินว่ะ

พระเอกของผม

“ นานจังวะ ” ไอ้ปั้นนี่บ่นก่อนชาวบ้านเลย

“ แหม่ให้กูกับไอ้หนมไปขนมากันแค่สองคนยังจะมีหน้ามาบ่น ” ไอ้หมีมันมองค้อนก่อนจะวางอุปกรณ์ทั้งหมดไว้บนเสื่อที่ปูไว้

“ ไอ้เผือกมึงเซ็ตอุปกรณ์เลย เดี๋ยวอีก 20 นาทีเริ่มซีนของต้นไม้นะ ” ไอ้ภีมมันสั่งงานไอ้เผือกก่อนจะหันมาหาไอ้เป้ “ แล้วของที่กูให้มึงเตรียมไว้อ่ะเป้เสร็จรึยัง ”

“ เสร็จหมดแล้ว ความทรงจำ 10 อย่าง ”

“ โอเค...สคริปของกูอ่ะไผ่ ”

“ นี่ ” ไอ้ไผ่มันยื่นสคริปของบทมาให้ไอ้ภีม วันนี้มันดูแอคทีฟมากเลยนะครับไอ้ภีมน่ะ ปกติจะเห็นมันเอาแต่ง่วงหงาวหาวนอน

ไอ้เผือกที่กำลังง่วนอยู่กับการเซ็ตอุปกรณ์หันมาหาไอ้ภีม “ มึงจะใช้กล้องกี่ตัว ”

“ 2 ตัวกล้องกว้างกับกล้องแคบ ส่วนอีกตัวนึงเดี๋ยวให้ไอ้ปั้นไปเก็บอินเซิร์ท ส่วนมึงไอ้หมีไปเซ็ตไวเลสซะ ”

“ ได้เลยครับผม ”

ผมนั่งฟังเพื่อนรักที่แจงหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ ปกติไม่ค่อยเห็นความตั้งใจทำงานแบบนี้เลย แต่ครั้งนี้ทุกคนดูจริงจัง ผมคิดว่าพวกแม่งคงอยากจะรีบๆ ทำและก็พากันไปเที่ยวแน่ๆ ชะอำมันที่เที่ยวเยอะนี่ครับและพวกผมหลังจากนี้พวกผมก็จะไม่มีเวลาแล้วด้วย จะพักผ่อนก็โอกาสนี้แหละเหมาะสุด

“ หนม ”

“ หืม ”

“ บทนี่มึงเขียนเองหรอ ”

“ อืม เป็นไงบ้าง ”

“ มันก็ละมุนดีนะ แต่กูกับมึงเข้าซีนกันไม่กี่ซีนเอง ” ไอ้ขุนมันทำหน้ามุ่ย

“ อย่าทำหน้าแบบนี้สิวะ ” ผมยกมือไปดึงแก้มขาวๆนั่น “ เป็นพระเอกก็ต้องทำหน้าให้มันหล่อๆสิ ”

ไอ้ขุนมันอมยิ้มแล้วเลิกคิ้วมองผม “ เดี๋ยวนี้มึงกล้าทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอ ”

“ ทำอะไร ”

“ ก็ดึงแก้มกูเนี่ยะ ”

“ ไม่เห็นจะแปลกเลยหนิ หรือว่ากูจับไม่ได้ ” ผมปล่อยมือออกจากแก้มมันทันทีแต่มือเรียวของไอ้หล่อมันก็ชิงมาจับมือผมไปแนบแก้มไว้อย่างเดิม

“ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กูชอบซะด้วยซ้ำ อยากจะจับจะคลำก็ทำตามใจเลย กูยอม ”

“ ไอ้บ้า ” ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยนะไอ้สัส

ใจกูสั่นหมดแล้ว

“ นักแสดงตรงนั้นจะหวานอีกนานไหมครับ ทีมงานโดนมดกัดหมดแล้ว ” เสียงแซวจากไอ้หมีดังนำมาก่อนที่ตัวมันจะตามมาด้วย หน้ามันนี่แบบเดินมองบนมาเลยอ่ะ

น่าหมั่นไส้ชิบ

“ เอาไบกอนไหมล่ะไอ้หมี ” ไอ้ขุนถาม

“ เอามาฉีดมดหรอพี่ ”

“ เอามาฉีดมึงนั่นแหละ ” พอไอ้ขุนพูดแบบนั้นไอ้หมีมันก็ทำหน้าบูดทันที ฮ่าๆ สมน้ำหน้า

“ ใจร้ายจริงๆเลย มาให้หมีติดไวเลสให้ก่อนละค่อยสวีทกันนะ ”

ผมอยากจับไอ้หมีกดน้ำชะมัด

คันไม้คันมือ

ขณะที่ไอ้หมีกำลังติดไวเลสให้พวกเราอยู่นั้นผมก็ยกบทขึ้นมาอ่าน เอาจริงๆบทหนังสั้นที่ผมเขียนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนนะครับ พล็อตหนังมันเล่าถึงคำสัญญาของคนสองคนที่เคยให้กันไว้ก่อนที่จะห่างกันไปไกลเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง และบทที่พระเอกกับนายเอกเข้าซีนด้วยกันก็มีแค่นิดเดียวแล้วนอกนั้นก็แยกถ่ายเดี่ยว

ดีละผมจะได้ไม่ต้องเขินไอ้ขุนมันเยอะ

หนังสั้นเรื่องนี้ชื่อว่า distance ครับแปลว่า ระยะห่าง เรื่องราวเล่าถึงความรักของน่านน้ำกับผืนฟ้าครับ ผืนฟ้าเป็นลูกคุณหนูที่เพิ่งจบม.6แล้วก็ตัดสินใจมาเที่ยวทะเลฉลองให้กับชีวิตมัธยมที่จบไป โดยเลือกที่มาทะเลคนเดียวครับ แล้วมันก็เป็นโชคร้ายของผืนฟ้าที่ดันตะคริวกินตอนที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่เลยทำให้ตัวเองจมน้ำ และคนที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์นั้นและเข้าไปช่วยก็คือน่านน้ำครับ นั่นเป็นครั้งแรกที่สองคนนี้เจอกัน

และมันเป็นเหมือนรักแรกพบ

น้ำเน่าเนอะ

ผืนฟ้ามีเวลาอยู่ที่นี่ได้แค่อาทิตย์เดียวก่อนจะกลับไปที่บ้าน ในระยะเวลานั้นน่านน้ำก็อาสาเป็นคนพาผืนฟ้าเที่ยว สองคนนี้เริ่มผูกพันกันในระหว่างนั้นถึงแม้ว่าเวลาจะแค่สั้นๆก็ตาม และวันสุดท้ายที่สองคนอยู่ด้วยกัน น่านน้ำก็พาผืนฟ้ามาใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะบอกว่าตัวเองกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จะกลับมาไทยปีละครั้งแต่มันจะไม่ตรงกับช่วงเวลาที่ผืนฟ้ามาเที่ยวที่นี่ ก็คือว่าจะไม่ได้เจอกันนั่นแหละครับ

เศร้าว่ะ

แต่การจะไม่ได้เจอกันนั่นแหละที่จุดเริ่มต้นของสัญญา สองคนนี้เลือกที่จะไม่ทิ้งที่ติดต่อไว้ให้กันนะครับแต่ว่าตกลงกันไว้ว่าในทุกปีถ้าใครคนนึงมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ ให้ฝังสิ่งของและจดหมายเอาไว้เพื่อเล่าเรื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ไม่ได้เจอกัน ถ้าปีไหนไม่มีสิ่งของฝังทิ้งไว้ก็ให้จำไว้ว่าความรู้สึกของใครคนใดคนนึงเปลี่ยนไป และก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาที่นี่อีก เริ่มต้นชีวิตใหม่ซะ

เศร้าอีกละ

แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะให้มันจบแซดเอนด์หรอกนะครับ ใครๆก็ชอบเรื่องที่มันจบแบบมีความสุขใช่ไหมล่ะ พอสองคนสัญญากันไว้แบบนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องจากกัน ทุกๆ ปีทั้งน่านน้ำและผืนฟ้าก็เอาของมาฝังไว้ตามสัญญาและก็มักจะนั่งคิดถึงเรื่องราวตอนที่อยู่ด้วยกันที่ใต้ต้นไม้นี้

อันนี้ซึ้งอยู่

พอเวลาผ่านไป 5 ปี น่านน้ำก็กลับมาอยู่ประเทศไทยแบบถาวร แล้วผืนฟ้าก็มาที่นี่และสองคนนี้ก็เจอกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน 5 ปีนั้นสองคนนี้ก็เปลี่ยนไปเยอะแต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือความรู้สึกครับ มันยังเหมือนกับตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก และสุดท้ายพอมาเจอกันก็พูดความในใจที่มีทั้งหมดให้กันฟังและก็คบกัน

จบบริบูรณ์

ปรบมือ แปะๆๆๆๆ

“ ไหนลองพูดดิ้หนม ” ไอ้หมีสั่งผมหลังจากที่มันติดไวเลสให้ผมเสร็จ

“ ไอ้สัสหมี ”

“ เออชัดละ อีก 10 นาทีเริ่มถ่ายนะ ทำใจให้ปลอดโปร่งซะ ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะเดินไปหาไอ้ภีม

“ ตื่นเต้นไหมหนม ”

“ ไม่อ่ะ ”

“ กูตื่นเต้นจัง ”

“ ตื่นเต้นทำไมวะ ”

“ ก็ได้แสดงหนังที่มึงเขียนเลยนะ ” คนพูดพลางยิ้มหวาน “ กูจะพยายามให้เต็มที่ หนังของมึงมันจะต้องออกมาดีที่สุด ” มือเรียวยกขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ ผมเองก็คลี่ยิ้มบางๆให้มัน

ผมยืนมองคนตัวสูงนิ่งๆ ดีจังที่มันบอกว่ามันจะพยายาม ฉากของไอ้ขุนมันถ่ายก่อนผมด้วย เดี๋ยวจะต้องมาดูความพยายามของมันครับ ดูซิว่าเดือนวิศวะของปีที่แล้วเนี่ยะจะมีสกิลการแสดงดีมากแค่ไหน ตัวผมเองพอถึงฉากของตัวเองก็ต้องพยายามให้มากเหมือนกันเพราะว่านี่เป็นงานแรกที่ผมมาทำเบื้องหน้า ผมจะไม่ต้องทำให้เพื่อนๆเสียเวลา

แต่ว่าประหม่าเหมือนกันแฮะ

“ พี่ขุนเข้าฉากเลยครับ ” เสียงไอ้หมีแหกปากเรียกดังลั่น ไอ้ขุนจึงเดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ตามบทที่เขียนไว้ครับ ส่วนผมก็เดินมาอยู่หลังกล้องกับท่านผู้กำกับภีม

เข้ ตำแหน่งโคตรเท่

“ เอาเลยนะครับ ” ไอ้ภีมส่งสัญญาณให้เหล่าทีมงาน “ กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน ”

ไอ้ไผ่ก็ถือเสลดไปยืนอยู่หน้ากล้อง “ ซีน 1 คัท 1 เทค 1 แอคชั่น ”

การถ่ายเริ่มขึ้นแล้วครับ ตอนนี้ก็ทุกคนก็เข้าสู่ความเงียบ มีแต่เสียงคลื่นทะเลกับนกร้องในยามเช้า เวลาตอนนี้น่าจะ 7 โมงกว่าๆแล้วล่ะครับ แสงจากพระอาทิตย์นี่กำลังสวยเชียวและก็ยังไม่ร้อนมากด้วย ซีนที่ถ่ายตอนนี้เป็นซีนที่พระเอกนั่งมองทะเลนิ่งๆ เดี๋ยวผมก็ต้องเล่นซีนนี้เหมือนกัน ใครอาจจะมองว่าซีนนี้เล่นง่ายๆนะครับ แค่นั่งมองทะเลชิวๆ

แต่มันไม่ง่ายนะบอกเลย

เราจะไม่คิดว่าร่างสูงที่นั่งมองทะเลตอนนี้คือไอ้ขุนครับ เราต้องคิดว่านั่นคือน่านน้ำ น่านน้ำที่กำลังอายุ 19 น่านน้ำที่ไม่ได้เจอผืนฟ้ามา 1 ปี ความคิดถึงที่มันแสดงออกมาทางสีหน้านั้นผมว่ามันยากนะครับ แล้วก็ต้องถ่ายซีนแบบเนี่ยะแต่ช่วงอายุเพิ่มขึ้น ความรู้สึกคิดถึงที่มันเพิ่มขึ้น เดี๋ยวจะต้องเปลี่ยนชุดและก็ทำผมให้มันแตกต่างกันในแต่ละปีด้วย มันก็จะยุ่งยากหน่อยๆ

“ คัทครับ ” หลังจากที่ไอ้ขุนนั่งมองทะเลนิ่งๆไปสักสิบกว่านาทีท่านผู้กำกับก็สั่งคัท “ ต่อไปเป็นซีนเดินเลาะชายหาดนะครับพี่ขุน ”

“ เป็นไงบ้าง ใช้ได้รึเปล่า ” ไอ้หล่อมันถาม

“ ใช้ได้เลยพี่ แม่งดูคิดถึงจริงๆอ่ะ ” ท่านผู้กำกับมีอวยไอ้พระเอกด้วยว่ะ แต่มันก็จริงๆแบบที่ไอ้ภีมพูดนั่นแหละครับ ไอ้ขุนมันแสดงสีหน้าออกมาได้อารมณ์จริงๆ

อารมณ์คิดถึงนะครับอย่าคิดเป็นอย่างอื่น

“ ตอนนั่งคิดถึงใครอยู่อ่ะพี่ ” ไอ้หมีมันจ้องจะเอาคำตอบจากไอ้หล่อครับ มึงนี่ก็เสือกจริงๆเลยนะ

“ ชีวิตกูจะคิดถึงใครนอกจากขนมวะ ”

ฉ่า

แก้มร้อนเลยว่ะ

“ เห้ยไอ้หนมมันแก้มแดง ” ไม่ต้องมาแซวเลยนะไอ้สัสเป้

“ กูร้อนเฉยๆหรอกน่า รีบๆไปถ่ายกันต่อได้ละ ชักช้ากูซัดคว่ำจริงๆด้วย ” ผมขู่พวกมันก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากตรงนั้น ไม่อยากโดนแซวครับเดี๋ยวจะเขินหนักเข้าไปอีก

ผมไม่ชินกับการถูกไอ้ขุนหยอดจริงๆ ยังไงก็ไม่ชินอ่ะ บางทีมันก็ไม่ได้คิดจะหยอดหรอก แต่แค่คำพูดธรรมดาๆของไอ้ขุนมันก็ทำให้ผมเขินและก็ใจเต้นแรงได้แล้วอ่ะ ถ้าสมมุติว่าผมคบกับมันขึ้นมาแล้วก็ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมจะทนกับความเขินนี้ได้ไหมนะ ต้องทนได้สิเหมือนกับคำพูดที่ว่า

เราจะทนทุกอย่างได้เพื่อคนที่เรา....

“ เดี๋ยวไอ้หนม นั่นมันผิดทางแล้ว ”

นี่แหละที่มาของคำว่าความรักทำให้เราหลงทาง

ขอบใจมากเพื่อนหมีที่เตือนสติคนเด๋ออย่างกู เฮ้อ อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ยขนม

บ้าชะมัด





“ หิวข้าวโว้ยยยยยยยย ”

“ จะเสียงดังทำไมวะไอ้หมี ”

“ ก็กูหิวข้าวอ่า ”

“ ก็ไม่เห็นต้องเสียงดังเลยป้ะวะ ”

“ ทำไมมีแต่คนบ่นเพื่อนหมีล่ะ เพื่อนหมีเสียใจนะ ” ไอ้คนที่บอกว่าเสียใจยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตา

น่าทุบจริงๆเลยโว้ย

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้วครับ ทีมงานคุณภาพของพวกผมก็ถ่ายเก็บซีนใบ้ไปได้หลายซีนละ เอาจริงๆฉากหลักๆนี่ถ่ายเสร็จไปเกินครึ่งแล้วนะไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้เหมือนกัน ผมว่ามันน่าจะเป็นเพราะความอยากไปเที่ยวของพวกมันแน่ๆถึงรีบทำให้งานมันเสร็จ และถึงงานจะเสร็จไวแต่ก็ไม่ชุ่ยนะครับ ถ้างานชุ่ยพวกผมก็คงจะโดนอาจารย์ตัดคะแนนย่อยยับ

และเอก็จะหายวับ

ผมกับเดอะแก๊งค์เดินกลับมาที่บ้านครับเพื่อกินข้าว เบรกกอง 1 ชั่วโมงก่อนจะเตรียมไปถ่ายกันต่อ ฉากตอนบ่ายคือฉากที่เจอกันครั้งแรกครับ เป็นฉากที่ผมจะต้องจมน้ำด้วย ไอ้พวกทีมงานนี่ส่งสายตาจิกผมเป็นว่าเล่นเลยเพราะมันบอกว่าผมจะได้เล่นน้ำก่อนชาวบ้าน

โคตรเลอะเทอะเลยแต่ละคน

“ กินกุ้งไหมหนม ”

“ กิน ”

“ มานั่งนี่มา ” สิ้นคำไอ้หล่อผมก็เดินลงมานั่งข้างๆมัน มือเรียวก็แกะกุ้งส่งมาให้ผม ส่วนเพื่อนๆ ก็เอาแต่มองผมกับไอ้ขุนแล้วก็ทำปากขมุบขมิบ

“ เป็นบ้าอะไรของพวกมึง ” ผมหยิบซากเปลือกกุ้งปาใส่พวกมัน

“ ไอ้บ้าหนม แม่มึงสอนว่าห้ามเอาของกินมาปาไง ” ไอ้หมีมันโวยวายใส่ผมทันที

“ ของกินหน้ามึงอ่ะ มึงกินเปลือกกุ้งหรอไอ้สัสหมี ”

“ ก็อร่อยนะมันจะกรุบๆ ”

“ กรุบพ่องอ่ะ ” ผมมองค้อนใส่ไอ้หมี ตัวมันก็ทำหน้าเหลอหลาใส่ผม น่าหมั่นหน้าชิบ ไว้งานเสร็จก่อนเถอะไอ้หมีกูจะส่งมึงไปอยู่ก้นทะเล

หลังจากที่ปะทะฝีปากกับไอ้หมีเสร็จผมก็นั่งกินข้าวเงียบๆ ครับโดยมีไอ้หล่อนั่งแกะกุ้งให้ผมกินไปด้วย ดีเนอะมีคนแกะกุ้งประจำตัวด้วยอ่ะ แถมคนแกะกุ้งยังหน้าตาดีมากๆ อีกต่างหาก ปกติกุ้งเนี่ยะผมจะไม่แกะเองนะครับเพราะว่าขี้เกียจ แต่ชอบกินไง ถ้าไปกินกุ้งกับเพื่อนๆ ไอ้เผือกมันจะเป็นคนแกะให้ผม แต่ถ้ากินกุ้งที่บ้านคนที่จะแกะให้ผมคือไอ้ขัน

นี่แหละเรื่องดีหนึ่งเดียวในตัวมัน

“ หนม ”

“ หืม ”

“ อร่อยไหม ”

“ อร่อยมากๆ ” ผมเคี้ยวกุ้งแก้มตุ่ย

“ ถ้าอร่อยไหนลองยิ้มให้ดูดิ้ ”

“ ทำไมต้องยิ้มให้ดูอ่ะ ”

“ อยากเห็น ” ไอ้ขุนมันจ่อกุ้งที่ปากผม “ มึงยิ้มแล้วน่ารักอ่ะกูจะได้ใจมาตอนถ่าย ”

“ ใจมาอะไรของมึงไอ้บ้า ” ผมงับกุ้งที่มันป้อนก่อนจะอมยิ้มมองมัน เจ้าตัวที่เห็นผมอมยิ้มให้มันก็ยิ้มแก้มปริออกมา มึงจะมีความสุขอะไรขนาดนั้นล่ะพ่อหนุ่ม

“ อื้ออ.อ.อ...น่ารัก ” ไอ้หล่อมันยกมือขึ้นมาจิ้มแก้มผมเบาๆ เดี๋ยวนะ มือมึงแกะกุ้งมาไม่ใช่หรอไอ้สัส

ผมหุบยิ้มก่อนจะนั่งกินข้าวต่อ หางตาก็เห็นไอ้หมีมันแอบป้องปากคุยอะไรกับไอ้ปั้นไม่รู้พลางส่งสายตากวนตีนมองมาทางผม ผมกะจะด่ามันละแต่เสียดายเวลากินข้าว ช่วงนี้ไอ้หมีมันดูโอเคขึ้นมากว่าช่วงที่ผ่านมาครับ สีหน้ามันดีขึ้นจนผมรู้สึกได้ มันไม่ค่อยทำหน้าปวดใจละ แต่ผมก็ไม่รู้นะว่ามันแฮปปี้จริงๆรึเปล่า มันอาจจะยังเศร้าเหมือนเดิมแต่แค่เก็บความรู้สึกทุกอย่างให้มันลึกมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น

มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ

“ เป็นอะไรรึเปล่า ”

ผมส่ายหน้าตอบคนถาม “ เปล่า ถามทำไม ”

“ ก็สีหน้ามึงดูแปลกๆ ”

“ มึงมองออกด้วยหรอวะขุนว่ากูกำลังรู้สึกอะไร ”

“ ก็พอมองออกนะ สีหน้าเมื่อกี้เหมือนมึงเป็นห่วงหรือกังวลอะไรสักอย่างอยู่ ”

“ ทำไมมึงถึงรู้ได้อ่ะ ” หน้าผมมันแสดงออกมาง่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ

“ กูตามจีบมึงมาจะ 3 เดือนเลยนะหนม กูก็ต้องสังเกตและจดจำสิ่งที่เกี่ยวกับตัวมึงสิ ถ้าเรื่องแค่นี้กูยังไม่รู้แม่งก็แย่มากอ่ะจริงๆ ”

ตึกตัก

เอาอีกแล้ว

ไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับว่าทำไมคำพูดธรรมดาๆมันถึงทำให้ใจเราเต้นแรงขนาดนี้ได้

“ อะไรกัน พูดแค่นี้ถึงกับเขินเลยหรอ ” ไม่ต้องมายิ้มเลยนะไอ้สัส

“ กูร้อนต่างหาก รีบๆกินซะจะได้ไปถ่ายกันต่อ ” ผมบอกมันก่อนจะมองทางผองเพื่อน “ พวกมึงก็ด้วย รีบๆกิน ”

“ ทำไมต้องแวะมาแถวนี้วะ ”

มึงอีกแล้วนะไอ้สัสหมี


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 16 ----------


บ่ายสองกว่าๆที่แดดเปรี้ยงมากๆ

แสบตาแค่ไหนถามใจดู

ผมยืนหรี่ตามองทะเลเบื้องหน้า ตอนนี้กำลังจะถ่ายฉากจมน้ำครับ อากาศตอนนี้ร้อนระอุมากๆ ผมนี่แทบจะระเหยไปพร้อมกับน้ำทะเล นอกจากจะแสบตาแล้วผมก็ยังแสบผิวด้วยไอ้ครีมกันแดดที่ทามาก็ไม่น่าจะเอาอยู่อ่ะกับแดดประเทศนี้ แล้วนี่ต้องลงน้ำทะเลอีก รับรองได้เลยว่าไหม้แน่นอน

เตรียมนั่งลอกผิวหนังได้

“ เอาเลยนะครับ ” เสียงท่านผู้กำกับภีมตะโกนสั่งมาแล้วครับ ผมก็เตรียมเล่นตามบท

“ กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน ”

“ ซีน 4 คัท 1 เทค 1 แอคชั่น ”

ทันทีที่ผมได้ยินเสียงคำว่าแอคชั่นผมก็เดินเลาะตามหาด มีเตะน้ำทะเลบ้างก้มหยิบเปลือกหอยมาดูบ้าง ผมค่อยๆเดินลงทะเลพลางเล่นน้ำไปด้วย คลื่นที่กระทบร่างผมนี่แรงเอาเรื่องเลยว่ะ ปกติบ่ายสองคลื่นไม่น่าจะแรงถึงขนาดนี้นะครับ แต่ไม่เป็นไรคลื่นแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ตามบทผมจะต้องเป็นตะคริวผมกะว่าจะไปให้มันลึกกว่านี้หน่อยตอนนี้น้ำยังแค่ระดับเอวของผมเอง

น้ำทะเลนี่เค็มจังวะ

ผมชอบทะเลนะครับชอบมองอ่ะไม่ชอบเล่น ผมไม่ชอบที่น้ำมันเค็มแล้วพอน้ำเค็มๆแบบนี้เข้าตามันก็จะแสบตา ผมเคยโดนคลื่นซัดจนไปเกยบนชายหาดด้วยแหละแบบโคตรหมดสภาพอ่ะ พอหลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำทะเลมาตลอด นี่เป็นเพราะงานหรอกนะผมถึงยอมลงในทะเลอ่ะ

ไม่ใช่งานนี่อย่าหวัง

ตอนนี้ผมเดินลุยคลื่นลงมาจนตอนนี้ระดับน้ำถึงกับช่วงหน้าอกแล้วครับ นี่ก็ลงมาลึกแล้วนะแต่ไอ้คลื่นที่ซัดเข้ามาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงเลยว่ะ ผมนี่ทำได้แต่กระโดดให้ตัวเองอยู่สูงกว่าคลื่นเพื่อที่จะไม่ให้โดนซัดไป ผมเห็นสัญญาณมือของท่านผู้กำกับยกบอกให้ผมเริ่มแสดงให้ตัวเองกำลังจมน้ำได้

“ อื้ออออ.อ....ขามัน ” ยังไม่ทันที่จะพูดจบผมก็จมลงในน้ำทันทีพร้อมกับอาการปวดรุนแรงที่ขาขวา มันปวดและเกร็งมากจนขยับไม่ได้ อาการนี้มัน...

ตะคริว

ไม่นะ

ผมกลั้นหายใจก่อนจะบีบขาตัวเองเพื่อให้กล้ามเนื้อมันคลายออก แต่มันก็ยากลำบากมากเพราะคลื่นแรงๆที่ซัดอยู่ใต้น้ำ ผมพยายามจะตะเกียกตะกายจะขึ้นไปหายใจแต่ดูจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่มีแค่มือผมข้างเดียวเท่านั้นที่โผล่ขึ้นไปเหนือน้ำได้ กล้ามเนื้อคลายสักทีสิวะกูจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย

“ อื้ออ..อ.อ....” แรงคลื่นซัดเข้าซ้ำที่ผมจนทำให้อากาศที่กลั้นอยู่โดนปล่อยออกไปทันที ผมกลืนน้ำทะเลลงไปหลายอึก อากาศผมถูกทะเลแย่งชิงไปแล้ว

ขาผมมันขยับไม่ได้ และตัวของผมก็กำลังจะหมดแรง ผมกำลังจะจมน้ำจริงๆ ตามบทที่ผมเขียน ผมมองเห็นแค่เงาพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่ด้านบนลางๆ ในใจก็หวังว่าไอ้ขุนมันจะมาช่วยผมทันเหมือนที่น่านน้ำมาช่วยผืนฟ้าทัน ตอนที่ผืนฟ้าจมน้ำยังมีโอกาสตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ผมไม่มีแม้แต่โอกาสนั้น เชื่อแล้วครับที่เขาบอกว่าคนที่กำลังจะตายมักจะเห็นหน้าคนที่เรารัก ผมเห็นหน้าครอบครัว ผมเห็นหน้าเพื่อน และผมก็เห็นหน้า....

ไอ้ขุน

กูขอโทษนะ



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



“ แค่กก.ก....ขนม ” ผมรั้งร่างบางขึ้นมาก่อนจะรีบพากลับเข้าฝั่ง ไอ้คลื่นเชี่ยนี่ก็จะแรงไปไหนเนี่ยะไอ้สัส

ตอนที่ผมนั่งดูน้องอยู่บนฝั่งก็รู้สึกละว่ามันแปลกๆ น้องจมลงไปในน้ำแต่ดันไม่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือตามบท แต่กลับโผล่มือขึ้นมาแทนแถมยังดูตะเกียกตะกายยังไงก็ไม่รู้ เป็นแบบนั้นแหละผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่การแสดง น้องจมน้ำจริงๆ ผมก็รีบวิ่งลงไปในน้ำทันทีหวังจะช่วยน้อง แต่น้องก็จมหายไปต่อหน้าต่อตาผม

ใจไม่ดีเลยตอนนี้

พวกเพื่อนๆน้องก็รอบนหาดด้วยความเป็นห่วง ผมรีบอุ้มน้องขึ้นมานอนลงบนหาดก่อนจะเอาหูแนบหน้าอกน้อง หัวใจขนมไม่เต้นแล้ว ไม่เอาสิไม่เอาแบบนี้

“ ไม่นะหนม ” ผมปั๊มหัวใจให้น้องทันทีตามแบบที่เคยเรียนมา “ ฟื้นสิหนม ”

“ ไอ้หนม ”

“ หนมครับฟื้นมาหาพี่สิ ” ผมปั๊มหัวใจให้น้องไปเรื่อยๆ แต่คนตรงหน้าผมก็ยังนอนนิ่งไม่ตอบสนอง ผมจึงจับให้หน้าน้องเงยขึ้นก่อนจะบีบจมูกและก้มลงเป่าลมเข้าไปในปาก ตาก็เหลือบมองหน้าอกน้องไปด้วย

ร่างเล็กตรงหน้าผมยังคงไม่ขยับ ผมก็ได้แต่ผายปอดให้น้องอยู่แบบนั้นสลับกับปั๊มหัวใจ มันเป็นความผิดของผมเองที่รู้ตัวช้าไปและก็ไปถึงน้องช้าเกิน ผมสัญญากับตัวเองแล้วแท้ๆว่าจะคอยดูแลน้องให้ดี แต่แค่นี้ผมยังช่วยน้องไว้ไม่ได้ ไม่เอานะแบบนี้น่ะ ผมยังไม่ได้บอกรักน้องเลย พระเจ้าจะเอาน้องไปจากผมไม่ได้

“ หนมครับกลับมาหาพี่สิ ” ผมก้มผายปอดน้องก่อนจะกุมแก้มใสไว้ “ กลับมาหาพี่ก่อนนะครับ พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญให้เราฟังเลยนะ ” หยดน้ำตาของผมหล่นใส่แก้มใสของน้องเบาๆ ผมไม่พร้อมที่จะเสียน้องไปตอนนี้

ไม่พร้อมจริงๆ

“ กลับมาหาพี่ก่อนขนม ”

พี่รักขนมนะ

“ แค่กก.ก.ก...แค่ก.ก.ก.ก.ก.....” เสียงสำลักน้ำดังออกมาจากร่างเล็กพร้อมกับเสียงโกยหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ดวงตาที่ปิดอยู่ในตอนแรกค่อยๆลืมตามองขึ้นมามองผม

" ขนม "

“ ไอ้ขุน ” ดวงตาใสมีน้ำตาคลอออกมา ร่างเล็กโผกอดผมไว้แน่น “ ไอ้ขุนนนนน....ฮึกก.ก.ก....นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้ามึงอีกแล้ว ” เสียงสะอื้นนั่นพึมพำอยู่ข้างหูผม ขอบคุณพระเจ้าครับที่พาน้องกลับมา ขอบคุณที่ยังให้น้องอยู่กับผม

“ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษที่ไปช่วยเราช้า ” ผมลูบหัวปลอบขนมเบาๆ “ ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ ”

“ ฮึกก.ก....ขอบคุณที่ช่วยกูไว้...ฮึกก.ก....ขอบคุณจริงๆไอ้ขุน ”

ผมนั่งปลอบขนมอยู่แบบนั้น น้องคงจะขวัญเสียมากในตอนนี้ เวลาจมน้ำมันน่ากลัวนะครับผมเคยจมน้ำมาก่อน มันทรมานมากความรู้สึกในตอนนั้น ดีจริงๆที่น้องปลอดภัย

ขอบคุณนะครับที่กลับมาหาพี่

พี่จะไม่ยอมเสียเราไปอีกแล้ว



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



ผมนั่งมองทะเลนิ่งๆอยู่ที่ระเบียงห้อง นี่ถ้าไอ้ขุนมันช่วยผมไว้ไม่ทันผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอกเอาจริงๆ ช่วงเวลาที่จมน้ำนั่นเป็นเหมือนฝันร้ายเลยว่ะ

และมันจะเป็นฝันร้ายไปตลอดชีวิตของผม

ตอนนี้ก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆแล้วครับ หลังจากผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายในชีวิต ผมก็ถูกเพื่อนๆพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อนแต่ละคนนี่หน้าซีดมากไอ้ไผ่กับไอ้ภีมนี่น้ำตานองหน้าเลยครับมันกลัวว่าผมจะตาย ผมไปเช็คร่างกายมา ตอนแรกเหล่าเพื่อนรักอยากให้ผมนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนแต่ผมก็ขอมันกลับมาที่บ้านดีกว่า

“ ทำไมมานั่งให้ลมโกรกล่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ” ผมหันมองคนพูดที่เดินมานั่งลงข้างๆ มือเรียวนั่นก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวผมไว้

“ ขอบคุณนะ ”

“ ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นเรื่องที่กูต้องทำให้มึงอยู่แล้ว ” คนข้างๆยิ้มหวานให้ผม ดีใจว่ะที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีก

“ กูนึกว่ากูจะตายไปแล้ววันนี้น่ะ ”

“ กูก็นึกว่าจะเสียมึงไปแล้วเหมือนกัน ” ไอ้หล่อมันยกมือลูบหัวผม “ ตอนที่กูเห็นมึงจมลงไปในน้ำกูใจไม่ดีเลย ”

“ แต่มึงก็เป็นคนที่ช่วยกูขึ้นมาได้หนิ....ขอบคุณจริงๆนะ ” ผมคลี่ยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า

ดีแค่ไหนที่มีมันอยู่ในชีวิต ดีแค่ไหนที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าชีวิตของคนเรามันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ เราอาจจะตายทั้งๆที่เรายังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ เราอาจจะตายทั้งๆที่เรายังไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูด

มันน่าเสียดายนะ

ตอนที่ความตายมันใกล้เข้ามาในชีวิตผมนั้นผมรู้สึกเสียใจหลายอย่างเลยนะครับ ที่ยังไม่ได้พูดไม่ได้บอกกับคนที่อยากจะบอกเลย ไหนจะครอบครัว ผมจะต้องตายไปทั้งๆที่ยังทะเลาะกับไอ้ขันอยู่ ไหนจะครัวซองของพี่เขมที่ยังกินไม่หมด พี่แขให้จัดห้องผมก็ยังไม่ได้ทำ แม่บอกว่าปลูกดอกไม้ใหม่ผมก็ยังไม่ได้ไปดู ผมยังไม่ได้พาไอ้ขุนไปเจอพ่อเลย แล้วก็เรื่องวุ่นๆของบรรดาเพื่อนๆ อีกที่ผมยังอยากจะรู้อยากจะเห็น นิยายที่แต่งก็ยังไม่จบด้วย ที่สำคัญสุดคือ....

ยังไม่ได้บอกกับไอ้ขุนเลยว่าผมรู้สึกยังไงกับมัน

ไอ้ขุนมันเป็นหนึ่งในหน้าของคนที่ผมเห็นก่อนที่ผมกำลังจะตาย ความรู้สึกตอนนี้ยังไงก็มากกว่าชอบจริงๆแหละ ผมว่าผมรักไอ้ขุนครับ รักจริงๆ ผมไม่รู้ว่าอนาคตระหว่างผมกับมันจะเป็นยังไง แต่ผมจะชักช้าลีลาไปอีกไม่ได้แล้ว ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหนและก็ไม่รู้ว่ามันจะตายวันไหนเหมือนกัน

ถ้าใจเราตรงกันแล้วก็ไม่ควรเสียเวลารออีก

“ ไอ้ขุน ”

“ ว่าไงครับ ”

“ ขอจับมือหน่อย ” ทันทีที่ผมพูดผมมือเรียวก็เลื่อนมากุมมือผมไว้

“ ทำไมอยู่ดีดีถึงอยากให้จับมือหืม ”

“ ก็วันนี้มันมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น กูก็อยากจะลืมโดยการให้มันมีเรื่องดีดีเข้ามาแทนที่ ”

“ ก็เลยจับมือกูงั้นสิ ” ผมพยักหน้ารับมันเบาๆ เอาล่ะขอกูตั้งสติเรียบเรียงคำพูดก่อน

โอเคพร้อมละ

“ ไอ้ขุน ”

“ ครับ ”

“ กูอยากจะบอกมึงว่าช่วงเวลาที่ผ่านมากูมีความสุขมากที่มีมึงอยู่ข้างๆ ” ผมเอ่ยบอกกับไอ้ขุนที่ตอนนี้แก้มขาวนั่นขึ้นสีเล็กน้อย

“ กูก็มีความสุขเหมือนกันนะ ” ไอ้หล่อมันยิ้มหวานบอกผม อย่าเพิ่งมาทำให้กูเขินสิวะไอ้บ้านี่

เดี๋ยวกูพูดผิด

ผมตั้งสติก่อนจะมองหน้าไอ้ขุน “ กูสบายใจนะที่ได้เจอหน้ามึงทุกวัน ได้เห็นรอยยิ้มของมึงทุกวัน ช่วงระยะเวลาที่เราห่างกันกูก็คิดถึงมึงมากจริงๆนั่นแหละ เราห่างกันแค่แปปเดียวแท้ๆแต่กูก็ไม่ชอบช่วงเวลานั้นเลย มันทำให้กูรู้สึกว่าตัวเองจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง ”

“ ขนม....”

“ กูดีใจที่มึงเข้ามาในชีวิตกู ดีใจที่มึงคอยอยู่ข้างๆ กูเสมอเวลาที่กูทำงานหรือเวลาที่กูมีปัญหา กูอ้อนอะไรก็ให้ ไม่เคยขัดใจ ทุกอย่างนี้มันเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆนั่นแหละ ถึงมันจะเป็นคำพูดซ้ำๆกูก็อยากบอกมึงจริงๆว่าขอบคุณ ” ผมยิ้มบางๆให้มัน “ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ”

ใบหน้าหล่ออมยิ้มมองผม ตอนนี้ในใจมันคงจะมีความสุขมากแน่ๆ ใจมันก็อาจจะเต้นแรงเหมือนกับใจของผม

ถึงเวลาแล้วล่ะครับ

“ แล้วก็ความรู้สึกที่มึงเคยบอกกู ” ผมสอดนิ้วเข้าประสานกับนิ้วมันก่อนจะจับไว้แน่น “ ตอนนี้กูก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ”

“ ขนม....” ใบหน้าหล่อมันมองผมด้วยสายตาอึ้งๆ อึ้งอะไรของมึงวะ

ไม่เคยโดนสารภาพรักหรอ

“ กู...พูดไปแล้วนะ ” ผมมองมันก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “ มึงก็พูดออกมาดิ่ ”

“ พูด.... ” อ่าวๆทำงง เดี๋ยวกูตบให้หายงงเลยไอ้สัส

“ เออ พูดดิ่เนี่ยะ ” ผมทำเป็นยื่นหูเข้าไปใกล้ “ กูรอฟังอยู่นะ ”

“ หึๆ....” ไอ้ขุนมันหัวเราะในลำคอเบาๆ “ มึงนี่มันร้ายเหมือนกันนะ ” ร้ายอะไรวะไม่เห็นจะรู้เรื่อง

ผมเหลือบมองไอ้ขุน ตอนนี้มันกำลังอมยิ้มแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เหมือนเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง

“ ขนมครับ ” มือเรียวยกมือผมขึ้นมาจุ๊บบนหลังมือเบาๆ “ เป็นแฟนกันนะ ”

ตึกตัก

นี่แหละสิ่งที่อยากได้ยิน

ผมอมยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ “ เออ เอาดิ่ ”

“ กูรักมึงนะหนม ” ไอ้ขุนมันบอกก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมกอดนี้มันอุ่นจริงๆเลยว่ะ

“ กูก็....รักมึงเหมือนกัน ” ผมลูบหัวไอ้ขุนที่กอดผมอยู่เบาๆ “ ดูแลกูให้ดีดีด้วยล่ะ ”

“ จะดูแลอย่างดีที่สุดเลยครับ ”

“ สัญญานะ ”

“ สัญญาครับ ”

แล้วจะคอยดูนะครับ

แฟน....





TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นตืเพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เกือบไปแล้ว

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 17 ข้อตกลงของการเป็นแฟน


“ คัทครับ ”

เฮ้อ โล่ง

เกือบหลุดขำละตะกี้

เพราะไอ้บ้าขุนนี่แหละ

“ เบรกกองครึ่งชั่วโมงนะ นักแสดงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเล่นซีนสุดท้ายเลยนะครับ ” พอสิ้นเสียงสั่งจากท่านผู้กำกับทุกคนก็แยกย้ายกันกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

แลดูรีบเนอะแต่ละคน

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆครับ วันนี้อากาศดีกว่าเมื่อวานเยอะเลยแดดก็ไม่ค่อยแรง แสงนี่สวยเชียว เหมาะกับการถ่ายหนังมาก เราถ่ายกันมาตั้งแต่เช้าแล้วครับจนตอนนี้เหลือแค่ซีนสุดท้ายกับการเก็บอินเซิร์ท ตอนแรกเจ้าพวกเพื่อนๆผมบอกว่าให้ผมพักวันนี้ก่อนเพราะเมื่อวานเจอเรื่องร้ายๆมา แต่ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมโอเคที่ถ่ายต่อทันทีเพื่อที่งานมันจะได้เสร็จไวไวและพวกเราก็จะได้พักทีเดียว

ไงล่ะ สปิริตแรงกล้ามาก

อีกอย่างเมื่อวานน่ะมันไม่ได้มีเรื่องร้ายอย่างเดียวนะครับ มันมีเรื่องดีมากๆเกิดขึ้นด้วยนั่นก็คือเรื่องที่ไอ้ขุนกับผมตกลงคบกัน นึกแล้วก็เขินว่ะ เมื่อคืนนี่จับมือนอนด้วยกันทั้งคืนเลย ก่อนนอนบอกฝันดีแล้วพอตื่นเช้ามาก็บอกอรุณสวัสดิ์แถมไอ้หล่อมันยังจุ๊บมือผมแล้วยิ้มหวานด้วยนะ

ใจจะละลายอ่ะบอกเลย

“ แก้มแดงอีกแล้วเป็นอะไรเนี่ย ” ไอ้คนที่เดินอยู่ข้างๆถามผม “ นึกถึงเรื่องดีดีรึไง ”

“ อย่ามาทำเป็นรู้มาก ”

“ แปลว่าใช่สินะ ”

“ เออใช่ ” ผมเหลือบมองมัน “ แต่ไม่บอกมึงหรอกว่าเรื่องอะไร ”

“ ทำไมงั้นล่ะ ” ไอ้หล่อมันทำหน้ามุ่ย “ บอกหน่อยไม่ได้หรอ ”

“ ไม่ได้ ไปเปลี่ยนเสื้อได้แล้วไป ” ผมรีบยัดเสื้อผ้าใส่มือไอ้หล่อแล้วดันมันเข้าไปเปลี่ยนชุดในเต๊นท์ทันที

“ ไม่เข้ามาด้วยกันหรอ ”

เข้าหน้ามึงอ่ะ

“ ไม่เข้า รีบๆเปลี่ยนเลยนะ ” ผมสั่งมันเสียงขุ่น เปลี่ยนช้ากูเข้าไปทุบจริงๆด้วย

ผมนั่งรอไอ้ขุนอยู่หน้าเต๊นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าครับ เมื่อกี้ตอนที่ถ่ายซีนช่วงอดีตมันแกล้งผมด้วย เลวมาก ผมนี่เกือบจะหลุดขำ แม่งมีความนอกบทชิบหายด้วยแต่ว่ายังดีที่พากันแถได้ ท่านผู้กำกับก็คงเห็นว่าเล่นกันแบบไหลลื่นก็เลยไม่สั่งคัทปล่อยให้แถกันอยู่นั่นอ่ะ

เกือบจะตาย

หนังสั้นของพวกผมถ่ายกันจนมาถึงซีนสุดท้ายแล้ว เสร็จนี่ก็ปิดกองละส่งเทปไปตัดต่อได้เลย ซึ่งคนที่ทำหน้าที่ตัดต่อนั่นก็คือไอ้บ้าหมีนั่นเอง คือมันตัดต่อพวกวิดีโอเก่งมากครับเชื่อมือมันได้เลยเรื่องนี้ และเมื่อวานตอนที่อยู่โรงพยาบาลพวกผมคุยเรื่องงานกันแต่ไอ้หมีมันไปเข้าห้องน้ำ เหล่าผองเพื่อนก็ตกลงกันไว้ว่าพอปิดกองปุ๊บจะให้ไอ้หมีตัดต่อปั๊บและพวกที่เหลือก็จะไปเที่ยวกันทันทีโดยทิ้งไอ้หมีให้ทำงานที่บ้านคนเดียว

เป็นความคิดที่โคตรเลว

น่าสงสารเพื่อนหมีเนอะ

ไอ้หมีมันจะต้องงอแงมากแน่ๆอ่ะครับถ้ามันทำงานอยู่คนเดียวโดยที่เพื่อนๆพากันไปเที่ยวจนหมด ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อนมันแล้วก็คอยดูงานไปเรื่อยๆด้วย เผื่อมีอะไรช่วยมันได้ก็จะได้ช่วยงานจะได้เสร็จไวไวและก็จะได้ไปเที่ยวกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

ไงล่ะ คนดีไปอีกอ่ะ

หลังจากผ่านไปไม่นานไอ้หล่อก็ออกมาจากเต๊นท์ด้วยชุดใหม่ หน้าหล่อก็ยิ้มแฉ่งมองผม “ เสร็จแล้ว หล่อไหม ”

“ ไม่ ”

“ เดี๋ยวสิ ” ไอ้ขุนมันดึงข้อมือผมไว้ “ ไม่หล่อจริงหรอ ”

“ จริง ”

“ ออกจะหล่อ ”

“ หลงตัวเองจริงๆเลยนะมึงอ่ะ ” น่าหมั่นไส้ชิบ

“ ใช่สิ ” ไอ้หล่อมันเลื่อนมือขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ “ ก็ตัวเองน่ารักขนาดนี้เค้าจะไม่หลงได้ยังไง ”

ตึกตัก

โอ้ยยไอ้สัสเอ้ยยยย

“ มึงนี่มัน....กูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล่ว ” ผมรีบเดินหนีเข้าไปในเต๊นท์ทันที อยู่ยากละตรงนี้อ่ะ

หน้าโคตรร้อนเลยอ่ะ เขินว่ะเขินชิบหายแล้วเนี่ย ไอ้ขุนนี่มันเก่งเรื่องแบบนี้จริงๆเลยนะ ไม่เคยคิดด้วยว่ามันจะพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนั้นออกมา เค้ากับตัวเองนี่นะ โอ้ยไม่ไหวๆ เลิกคิดเลยนะหนมแล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะงานรออยู่จะชักช้าไม่ได้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกมาจากเต๊นท์ทันที

นั่งยิ้มซะหน้าบานเชียวนะมึง

“ เสร็จแล้วหรอครับ ”

“ เสร็จแล้ว ไปสิเดี๋ยวพวกมันรอนาน ” ผมบอกก่อนจะเดินนำไอ้ขุนกลับไปที่กองถ่าย ป่านนี้ไอ้พวกนั้นคงจะรอกันอยู่แล้วล่ะมั้ง

“ หนมครับ ”

“ หืม ”

“ ขอเทคเดียวผ่านเลยนะ ”

“ ถ้ามึงไม่พากูออกนอกบทอีกล่ะก็นะ ” ถ้ามันนอกบทก็อาจจะเสียหลายเทคเพราะคิดสดไม่ทัน

“ รอบนี้ไม่พาออกนอกบทแน่ ” ไอ้หล่อมันบอกพร้อมกับยักคิ้วให้ผม

เออกูจะรอดู

ผมกับไอ้ขุนเดินมาจนถึงกองแล้วครับตอนนี้เหล่าทีมงานก็เตรียมอุปกรณ์กันอย่างเต็มที่ ผมเองก็ต้องเตรียมสติเหมือนกันจะได้ถ่ายผ่านในเทคเดียวเลย ส่วนไอ้ขุนไม่น่าเป็นห่วงเพราะมันจำบทได้แน่ๆแต่เดี๋ยวจะคอยดูครับว่ามันจะพานอกบทไหม ถ้ามันทำอีกคงจะต้องมีบทลงโทษกันบ้าง

โดนแน่มึง

“ ซีนสุดท้ายแล้วนะครับทุกคน ” ท่านผู้กำกับบอกกับเหล่าทีมงาน “ พร้อมแล้วเอาเลยนะ ”

ผมมองไอ้ขุนที่กำลังจะสวมบทเป็นน่านน้ำ ผมเองก็เป็นผืนฟ้า ยากเหมือนกันนะที่ต้องเค้นความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกัน 5 ปีออกมา ผมว่าผืนฟ้าจะต้องคิดถึงน่านน้ำมากแน่ๆเลยว่ะ ขนาดผมไม่เจอไอ้ขุนแค่ 2 อาทิตย์นี่แทบจะเป็นบ้า ละคู่นี้ไม่เจอกันตั้ง 5 ปี

แต่ไม่เป็นไรผืนฟ้า

เดี๋ยวจะได้เจอน่านน้ำแล้วล่ะ

“ กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน ”

ไอ้ไผ่ถือเสลดมาอยู่หน้ากล้อง “ ซีน 5 เทค 1 คัท 1 แอคชั่น ”

ผมค่อยๆเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ช้าๆ ก่อนจะหันหน้ามองออกทะเล ตอนนี้ก็แค่มองทะเลบิวท์อารมณ์ไปนิ่งๆครับรอให้ไอ้ขุนมันเดินเข้ามาหา คลื่นลมตอนนี้นี่สงบกว่าเมื่อวานเยอะเลยครับ ทะเลนี่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็น่ามองไปหมดแหละ ให้หลายอารมณ์และความรู้สึกดีจริงๆ

เดี๋ยวแต่งนิยายให้มีฉากทะเลดีกว่า

“ ฟ้า ” ผมหันไปตามเสียงก็พบกับไอ้ขุนที่ยืนอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ในมือนั่นถือดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่มาด้วย พอเห็นแบบนี้แล้วนึกถึงวันที่มันเอาดอกไม้ไปให้ผมได้เลยว่ะ

คิดแล้วเขินแปลกๆแฮะ

“ น้ำ ”

“ ใช่ฟ้าจริงๆด้วย ” ร่างสูงค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ ไม่เจอกัน 5 ปี ฟ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ”

“ น้ำก็เหมือนกัน ”

“ แต่ความรู้สึกของน้ำยังเหมือนเดิมทุกอย่างนะ ” มือเรียวค่อยๆยื่นช่อกุหลาบขาวมาทางผม “ น้ำยังจำได้ทุกอย่างว่าฟ้าชอบอะไรและก็ไม่ชอบอะไร ”

ผมรับช่อกุหลาบขาวมาถือไว้ก่อนจะยิ้มบางๆ “ ขอบคุณนะที่ยังจำได้ ขอบคุณที่น้ำยังเหมือนเดิม ”

“ ฟ้าก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม ”

“ เหมือนเดิมสิ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฟ้าได้อยู่แล้ว ”

เลี่ยนว่ะ แต่งเองรู้สึกเลี่ยนเอง

“ น้ำมีเรื่องจะอยากเล่าให้ฟ้าฟังหลายอย่างเลยนะ ” ไอ้ขุนมันยกมือขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “ แต่ว่ามีเรื่องๆนึงที่สำคัญมากๆและน้ำก็ต้องบอกฟ้าก่อนเรื่องอื่น ”

“ เรื่องอะไรหรอ ”

“ น้ำรักฟ้านะ ”

ตึกตัก

ผมยืนมองไอ้หล่อตาค้าง ถึงรู้ว่านี่คือบทก็อดเขินไม่ได้ว่ะ รู้สึกดีใจนะครับที่ผมเป็นเจ้าของไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อที่ยิ้มหวานๆอยู่นั่น เป็นเจ้าของมันในชีวิตจริง

ไม่ใช่แค่ในบทละคร

“ บอกรักแค่นี้อึ้งเลยหรอหืม ”

“ ปะ...เปล่าสักหน่อย ” ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ “ ก็อยู่ดีดีน้ำมาบอกรักอ่ะ ฟ้าก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ”

“ งั้นหรอ ” มือเรียวเอื้อมมาจับมือผมเอาไปกุมไว้ “ ฟ้าครับ ”

“ หืม ”

“ ต่อจากนี้ขอให้น้ำได้ดูแลฟ้าตลอดไปเลยนะครับ ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือผมขึ้นมาจูบเบาๆบนหลังมือ “ เป็นแฟนกันนะ ”

ตึกตัก

ฉากที่มันขอผมเป็นแฟนกลับมาเลยว่ะ

เขินโว้ยเขิน

“ ว่าไงครับฟ้า ตกลงไหม ”

“ ครับ ฟ้าตกลง ” ผมตอบรับพร้อมกับยิ้มหวาน พอหลังจากนี้กล้องมันก็จะแพลนไปทางอื่นแล้วก็รอฟังเสียงคัทจากท่านผู้กำกับก็จะเป็นอันจบแล้วครับ งานกำลังจะเสร็จแล้วโว้ย

ฟอดดดด

“ รักฟ้านะครับ ” ไอ้หล่อมันยิ้มหวานบอกผมหลังจากที่มันขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่

ไอ้สัสขุนนนนนน

มึงนอกบทอีกทำไมมมม!!!

“ ฟ้า....ก็รักน้ำครับ ” แถครับแถ ส่วนนี้แม่งไม่ได้อยู่ในบทที่ผมเขียน ไอ้บ้าขุนเอ้ยไว้คัทเมื่อไหร่มึงเจอกูแน่

ผมว่าไอ้ขุนมันต้องตั้งใจที่จะหอมแก้มผมตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ ร้ายกาจชะมัด ผมรู้อยู่หรอกว่าพอเป็นแฟนกันแล้วไอ้เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนเขาทำกันแต่ไม่คิดว่ามันจะมาทำเอาตอนนี้ไง โคตรของโคตรฉวยโอกาสเลยเอาจริงๆ

แบบนี้ต้องลงโทษละ

“ คัทครับ ”

“ เย่ปิดกอง ” เสียงแหกปากของไอ้หมีมันดังเข้ามาทันที คือกูไม่อยากทำให้เศร้านะหมีถึงแม้ว่าจะปิดกองก็จริงแต่มึงจะต้องทำงานต่อคนเดียว

“ เก็บของกลับบ้านเลย ” ท่านผู้กำกับสั่งเหล่าทีมงานครับ ผมมองค้อนใส่ไอ้หล่อก่อนจะเดินสะบัดหนีมันมาทันที

“ เดี๋ยวก่อนสิหนม ” ไม่ต้องมาเดี๋ยวก่อนเลยนะมึง

โดนกูลงโทษแน่ไอ้สัส

“ ขนของกลับบ้านซะ ” ผมสั่งมันด้วยเสียงจริงจัง หน้าหล่อนั่นเหวอไปนิดนึง มันคงจะคิดว่าผมงอนมันแน่ๆ ดีครับให้มันคิดแบบนั้นแหละ

เก็บของกลับบ้านเสร็จก่อนเถอะไอ้ขุน

เจอกูแน่





“ รู้ไหมว่ามึงทำอะไรผิดอ่ะ ”

“ รู้ครับ ”

“ รู้แล้วทำไมถึงทำแบบนั้น ”

“ ก็แค่อยากทำเอง ” ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนๆกับแววตาอ้อนๆเลยนะ

หลังจากที่เราขนของกลับมาที่บ้านเสร็จเรียบร้อยผมก็ลากไอ้ขุนเข้ามาคุยในห้องกันสองคน ไอ้หมีมันก็แยกไปตัดงานอยู่ที่ห้องส่วนไอ้พวกที่เหลือก็คงจะแอบย่องหนีไอ้หมีไปเที่ยว ไม่เป็นไรนะหมีเดี๋ยวกูเคลียร์กับไอ้หล่อมันแปปนึงเดี๋ยวกูจะไปอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง

“ อย่าโกรธเลยนะครับ แค่งอนพอนะ ” มือเรียวยื่นมากอดขาผมไว้ ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเตียงส่วนตัวมันนั่งอยู่กับพื้นครับ ใบหน้าหล่อๆเกยอยู่บนเข่าผมพร้อมกับส่งสายตาปริบๆ

น่าหมั่นไส้จริงๆเลย

“ มึงผิดคำพูดอ่ะ มึงบอกว่าจะไม่นอกบท ”

“ แต่ก็ผ่านในเทคเดียวนะ ”

“ ยังจะมาเถียงอีก ” ผมตีไหล่ไอ้ขุน “ มึงหอมแก้มกูด้วย ”

“ ก็อยากหอม ชอบอ่ะ แก้มนิ่ม ” คนพูดบอกก่อนจะยิ้มหวาน

ผมยกมือขึ้นไปดึงแก้มทั้งสองข้างของมันแรงๆ “ ไม่ต้องมายิ้มเลย โทษฐานที่มึงนอกบทมึงจะต้องทำตามที่กูสั่ง ”

“ ว่ามาเลยครับ กูทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ”

“ งั้นถอยออกไปให้ห่างจากกูเมตรนึงก่อน ” พอผมพูดเสร็จไอ้ขุนมันก็ถอยหลังออกไปให้ห่างจากผมพร้อมกับนั่งมองผมนิ่งๆ

ผมเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ไอ้ขุนมาก่อนจะกดไปที่กล้องเพื่อที่จะอัดวิดีโอ คืองี้ครับก่อนที่จะมาที่นี่ผมไปพนันกับไอ้หมีไว้ว่าถ้าผมถ่ายวิดีโอไอ้ขุนอย่างนึงไม่ว่าอะไรก็ได้แล้วเอาไปลงในเฟซบุ๊กหรือว่าไอจี และถ้ามียอดวิวมากกว่า 2000 วิวภายใน 3 วัน ไอ้หมีมันจะยอมบอกเรื่องที่ผมถามมันหนึ่งเรื่องโดยที่มันจะบอกความจริงทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง ผมว่าผมจะถามมันเรื่องไอ้ขันครับ

หึ เสร็จกูแน่ไอ้หมี

“ มึงจะให้กูทำอะไรอ่ะ ”

“ ทำตามที่สั่งก็พอแล้วก็พูดเพราะๆนะ ” ผมกดบันทึกวิดีโอถ่ายไอ้หล่อที่ทำหน้ามึนอยู่ “ ไหนยิ้มดิ้ ”

ไอ้ขุนมันฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ผมสั่ง “ นี่จะให้ทำอะไรเนี่ยะ ”

“ ชื่ออะไรหืม ”

“ ชื่อขุนศึกครับ ”

“ มีแฟนรึยัง ”

“ มีแฟนแล้วครับ ” แม่งยิ้มจนตาหยีเลยอ่ะ แถมแก้มขาวๆนั่นก็ขึ้นสีอีกต่างหากเขินอะไรของมึงวะไอ้บ้า

คนเขินมันควรเป็นกูหนิ

“ รักแฟนมากไหม ”

“ รักมาก ”

“ รักมากแค่ไหนทำมือให้ดูหน่อยดิ้ ”

“ รักมากเท่านี้เลย ” ไอ้ขุนมันวาดแขนออกจนสุดแล้วยิ้มหวานมองผม “ แล้วเรารักพี่ไหม ”

“ ไม่ ” ทันทีที่ผมบอกไม่ หน้าที่ยิ้มๆอยู่นั่นก็จ๋อยไปในทันที

ไอ้ขุนมันขยับเข้ามากอดขาผมไว้เหมือนเดิมก่อนจะเงยหน้ามองผมอย่างอ้อนๆ “ ต้องรักนะ ถึงงอนอยู่ก็ต้องรัก ”

“ ถ้าไม่รักอ่ะ ”

“ ไม่ได้ คนเป็นแฟนกันก็ต้องรักกันสิ อย่างอนเลยนะ ” ไอ้ขุนมันชูนิ้วก้อยมาทางผม “ ดีกันนะครับ ”

ผมอมยิ้มมองมัน “ ต้องใจอ่อนไหม ”

“ ต้องใจอ่อนครับ เพราะว่าพี่รักเรา ” ยอมแพ้กับไอ้รอยยิ้มหวานๆนี่จริงๆว่ะ

ผมยกนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยไอ้ขุน “ ไหนส่งจุ๊บให้กล้องดิ้ ”

“ จุ๊บ ” ไอ้บ้านี่ก็บ้าจี้ทำตามทุกอย่างเลยว่ะ ผมกดหยุดวิดีโอก่อนจะกดเข้าไปที่เฟซบุ๊กชื่อของไอ้ขุนนั่นแหละครับ แล้วก็จัดการอัพโหลดด้วยชื่อต้นคลิปว่า

บทลงโทษของขุนศึก

“ หายโกรธแล้วใช่ไหมครับ ” ผมพยักหน้ารับมันเบาๆก่อนจะมองวิดีโอที่ถูกอัพโหลดเสร็จแล้วอย่างพอใจ เดี๋ยวค่อยมาไล่ดูยอดวิวทีหลัง ผมจัดแจงส่งคลิปเข้าไปในไลน์ตัวเอง เดี๋ยวจะเอาไปโพสไว้ในไอจีครับ

ไอจีผมน่ะคลังแสงชีวิตไอ้ขุนเลย

ดีนะที่มันไม่ได้ฟอลโลว์ผม ไอจีผมตั้งเป็นไพรเวทไว้ตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าชอบไอ้ขุน ผมลงรูปมันอยู่ในไอจีผมเต็มไปหมด จนแบบเพื่อนๆนี่แซวแล้วแซวอีก ผมว่าพอลงคลิปอันนี้แล้วเดี๋ยวจะเปิดเป็นสาธารณะแล้วครับ เป็นแฟนกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดใครอ่ะนะ ตอนนี้ผมกับไอ้ขุนยังไม่ได้ตั้งสถานะคบกันเลยนะครับแต่คิดว่าจะต้องตั้งเพราะว่าผู้หญิงจะได้เลิกมายุ่งกับมันสักที

ผมหึงอ่ะบอกตรงๆจากใจ

“ อ่ะเอาไป ” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้ขุน

“ แอบทำอะไรเนี่ยะ ” ไม่บอกโว้ยยย เดี๋ยวมึงก็เห็นเองแหละ

“ ขุน กูว่าเราน่าจะมีข้อตกลงของการเป็นแฟนกันนะ ” เพื่อที่จะได้ปรับตัวเข้าหากันและอยู่ด้วยกันไปได้นานๆ

“ กูก็ว่าจะพูดเรื่องนี้กับมึงอยู่เหมือนกัน ”

“ อืมงั้นมึงว่ามาก่อนเลย ”

“ กูอยากให้เราพูดกันเพราะๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเพราะเว่อร์แต่ว่าอยากให้เปลี่ยนสรรพนามจากกูมึงอ่ะ เป็นไปได้ก็อยากจะได้ยินมึงเรียกกูว่าพี่ขุนแล้วก็แทนตัวเองว่าหนมนะ ”

ให้พูดเพราะๆนี่

เป็นเชี่ยอะไรที่ยากมาก

ผมนั่งมองไอ้ขุนนิ่งๆ เอาจริงๆไอ้การพูดเพราะมันก็พูดได้แหละแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพูดกับใครไง ผมใช้คำหยาบกับไอ้หล่อมันมาตลอดให้เปลี่ยนมาพูดดีดีก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหม มันชินไปแล้วหนิครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้พูดเพราะกับใครมากซะด้วย ขนาดไอ้ขันที่มันเป็นพี่แท้ๆของผม ผมยังไม่เคยเรียกมันว่าพี่เลย

เอาไงดีเนี่ยะหนม

“ นะครับหนมนะ น้าๆๆๆ ”

โอเคยอม

ยอมแล้วววววว

“ ก็ได้ กูจะ...ไม่สิ หนมจะพยายาม ”

“ ดีมาก ” ไอ้หล่อมันยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ “ พี่ก็จะพูดเพราะๆกับเราเหมือนกัน โอเคไหม ”

“ โอเค ” ผมพยักหน้ารับพี่มันเบาๆ “ เรื่องต่อมาคือเรื่องพวกกอดหอมแก้มจับมืออะไรเถือกๆนั้น ”

“ เรื่องนี้มันทำไมหรอ ”

“ คือเข้าใจว่าเป็นแฟนกันไอ้ที่จะทำเรื่องนี้ก็ไม่แปลก แต่ว่าบางทีก็ต้องดูสถานการณ์รอบข้างด้วยเข้าใจไหม อย่างวันนี้มึงอ่ะ....ไม่ดิ่ พี่อ่ะมาหอมแก้มหนมนอกบท เออละถ้าแบบหนมสติหลุดไปจนเสียเทคเงี้ยะมันก็ต้องเสียเวลาถ่ายใหม่ งานที่จะเสร็จไวมันก็จะช้ากว่าเดิม คือไม่ได้จะห้ามว่าไม่ให้ทำ แต่แค่อยากให้ดูเวลา ”

ทำหน้ามึนๆนี่เข้าใจหรือไม่เข้าใจวะ

“ ครับผม ต่อจากนี้จะระวังนะครับ ” ไอ้หล่อมันยื่นหน้าขึ้นมาใกล้ผม “ ตอนนี้อยู่ในห้องสองคนพี่ก็หอมได้สิ ”

“ ไอ้บ้า ” ผมดันหน้าพี่มันออกห่าง “ คิดแต่เรื่องแบบนี้นะ ”

“ แน่นอน หนมไม่รู้หรอกว่าพี่รอเวลานี้มานานแค่ไหน ” คนพูดส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับสายตาแทะโลมมาให้ด้วย

หวั่นใจแปลกๆว่ะ

ดักทางแบบนี้ต้องดักทางไว้

“ เดี๋ยวจะโดนนะ บางอย่างอ่ะต้องได้รับอนุญาติจากหนมก่อนถึงจะทำได้เข้าใจไหม ”

“ พี่รู้นะว่าเราคิดถึงอะไร ” มือเรียวเลื่อนขึ้นมาดึงแก้มผม “ เด็กลามก ”

“ พี่นั่นแหละลามก ” ผมตีไหล่มันไปสองที “ แล้วมีเรื่องอะไรอีก ”

“ เรื่องกางเกงของหนม ”

ผมเลิกคิ้วมองมัน “ กางเกงมันทำไมอ่ะ ”

“ เดี๋ยวพอกลับไปใช่ไหมพี่จะเอากางเกงสั้นๆของหนมไปทิ้งให้หมด ไม่ให้ใส่ ”

ม่ายยยย

เอาไปทิ้งไม่ได้นะ

ผมชอบใส่กางเกงขาสั้นเพราะว่ามันสบาย แล้วผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ไปข้างนอกป้ะวะ ก็ใส่อยู่แหละแต่ไอ้ที่แบบสั้นมากๆนั่นก็อยู่แค่ในหอไง ไม่มีใครได้เห็นอยู่แล้วนอกจากเพื่อนๆ นี่คิดว่าพี่มันจะไปเก็บกางเกงผมทิ้งก็ปวดใจแล้วอ่ะ

ไม่เอานะ

“ ไม่ทิ้งไม่ได้หรอ ”

“ ไม่เอา พี่หวง ขาขาวๆของเราพี่ควรได้เห็นมันแค่คนเดียว ”

“ ถ้าทิ้งหมดเลยแล้วเวลาอยู่ห้องจะใส่อะไร ให้ใส่กางเกงขายาวก็ไม่เอาหรอกนะ ”

“ ก็ไม่ต้องใส่ไง พี่ก็โอเคนะ ” วกกลับเข้ามาเรื่องอะไรแบบนี้อีกแล้วว่ะ

มึงนี่มันร้ายจริงๆเลยนะไอ้บ้าขุน

“ พี่นี่แม่ง....” ผมทำหน้ามุ่ยใส่มัน “ ไม่รู้แหละ กางเกงขาสั้นหนมจะเอาไว้ใส่นอนห้ามทิ้ง ”

“ ใส่สั้นมากๆระวังเราจะไม่ได้นอนนะ ”

“ พอๆเลิกคุยเรื่องนี้ ไว้มีข้อตกลงเพิ่มเติมค่อยบอก ” ไม่ไหวแล้วครับรู้สึกว่าไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไรมันก็เข้าไอ้เรื่องแบบนั้นตลอดเลย

โคตรหื่นกาม

ผมว่าหลังจากนี้มันก็จะต้องมีปรับตัวเข้าหากันหลายอย่างนั่นแหละ ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วยก็ไม่รู้ว่ามันต้องทำอะไรยังไงบ้าง เอาเป็นว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามสัญชาตญาณก็แล้วกันนะ และผมไม่รู้ด้วยว่าพี่ขุนมันเคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า ไม่เคยคิดจะถามด้วยครับ เพราะยังไงนั่นก็คือสิ่งที่เป็นอดีตไปแล้ว

เพราะงั้นช่างแม่ง

“ ไปหาไอ้หมีกัน เดี๋ยวจะไปคอยดูงานด้วย ”

“ ไปสิ แล้วเพื่อนๆเรานี่ไปเที่ยวกันจริงๆสินะ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ไว้งานเสร็จแล้วเราค่อยไปเที่ยวพร้อมกันเนอะ ”

“ พี่ยังไงก็ได้ แค่ได้อยู่กับหนมพี่ก็พอใจละ ”

“ ปากหวานจริงๆเลยนะ ” ผมลุกขึ้นก่อนจะดึงให้พี่มันลุกตาม “ ไปเร็ว ”

“ ครับผม ”

ผมเดินออกมาจากห้องตัวเองโดยมีพี่ขุนเกาะไหล่เดินตามมาด้านหลัง ตอนนี้น่าจะสักห้าโมงเย็นได้แล้วล่ะครับ มองด้านนอกผ่านหน้าต่างนี่พระอาทิตย์กำลังสวยเลย แดดอ่อนๆแบบนี้น่าไปเดินเล่นเหมือนกันนะ แต่วันอื่นละกันวันนี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนหมีก่อน

เดี๋ยวมันจะเป็นบ้าซะ

ผมเปิดประตูห้องไอ้หมี “ เป็นไงบ้างวะ ”

“ หมั่นไส้ ” มันหันมามองผมพร้อมกับเบ้ปาก “ ไปเป็นแฟนกันตอนไหนห้ะ ”

“ ก็เป็นเมื่อวาน ” ผมบอกก่อนจะเดินมานั่งข้างเพื่อนรักที่นอนทำงานอยู่โดยที่พี่มันก็มานั่งลงข้างๆผม ไอ้หมีมันก็ยังคงจ้องผมอย่างอาฆาตเหมือนเดิม

เป็นเชี่ยไรมึง

“ ทำไมอยู่ดีดีก็ไปคบกันได้เนี่ยะ ”

“ เออน่า คบก็คบสิวะมึงจะถามมากทำไม ” ผมมองจอโน้ตบุ๊คไอ้หมีที่กำลังตัดวิดีโออยู่ ตอนนี้มันจัดเสียงกับภาพให้ตรงกันแล้วครับ ต่อไปก็เหลือแค่ตัดแล้วก็ใส่เพลงใส่เอฟเฟ็ค เอาจริงๆก็เหลือเยอะแหละนะแต่ไม่เป็นไรเพื่อนหมี

กูจะให้กำลังใจมึงอยู่ตรงนี้เอง

“ หนมครับ ” ไอ้หล่อมันละสายตาขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ก่อนจะมองผม “ ลงคลิปที่ถ่ายพี่หรอ ”

“ ใช่ ไหนดูหน่อย ” ผมชะเง้อคอไปมองหน้าจอที่ปรากฎยอดวิวอยู่

รับชม 4,856 ครั้ง

ฮ่าๆๆๆเสร็จกูละเชี่ยหมี

“ คนแชร์เต็มเลยเนี่ยะ ”

“ เออคนแชร์เยอะจริง ” ผมมองยอดแชร์คลิปที่เกือบจะสองร้อย มึงนี่คนของประชาชนเหมือนกันนะเนี่ยพี่ ไม่ใช่แค่ยอดแชร์ที่เยอะคอมเม้นต์ก็เยอะชิบหายเหมือนกัน คอมเม้นต์บนสุดนี่คือไอ้คนที่ตัดต่อวิดีโออยู่นั่นเอง

หมีน้อย กลอยใจ : รำคาญ Kanom Kananut

Sayam naja : เรียกแฟนได้เต็มปากนี่คืออะไรห้ะไอ้เด็กเชี่ย มึงๆๆๆๆ Gangpaaa - Gong Rice - Khaw H - Cha Cha เปิดตัวของจริง

ลันตา อาอี้ยา : น้องรอแดกเหล้า555555

GE AR : จากเสือนี่กลายเป็นแมวเลยว่ะ เชื่องเชียว55555555555555555555555555555

อันนี้จากบรรดาผองเพื่อนครับ

เรามาดูจากแฟนคลับบ้าง

แนนนี่ ตุ๊ดซี่ผู้เลอโฉม : มึ้งงงงงงงงง ริชชี่ ตุ๊ดซี่ผู้เลอโฉม พี่ขุนเค้าเป็นจริงๆด้วยเห็นไหม

แป้งจี่ คนงาม : โอ้ยยยยยยยยเหมือนโดนพี่ขุนหักอกเลยอ่ะ T^T

เตยเองไง จะเป็นใครที่ไหนล่ะ : วรั้ยยยยยๆๆๆๆๆเค้าคบกันแล้วววววว คือนี่เคยเห็นอยู่ที่ตึกวิศวะบ่อยนะ คือเชียร์มาก ชอบบบบบบบบบบบ เคมีเข้ากันดีโคตร คือดี ใครคิดไงไม่รู้แต่มันคือดี คบกันนานๆนะคะพี่ขุนนนน *-*

ปลาอะไรเอ่ย เดินได้ : แฟนพี่ขุนคือใครอ่ะอยากเห็นหน้ามากๆ ไปดูที่หน้าเฟซมาก็เห็นหน้าตรงๆไม่ชัดเลย โง้ยยยยอยากเห็นอ่า

พระจันทร์ ยิ้มแฉ่ง : พระอาทิตย์ ตกดิน มึงมาดูพี่ขุน มีความอิฉามากโว้ยยยยยยย คือเข้าใจว่าพี่ขุนแม่งหล่อมากแต่ไม่คิดว่าจะมีมุมน่ารักชิบหายแบบนี้ด้วยอ่ะ โอ้ยยยยยยยยยย รักกันนานๆนะครับพี่ อยากเห็นหน้าแฟนพี่ชัดๆอ่ะอยากรู้ว่าใครมัดใจพี่ไว้ได้ // เลี้ยงสละโสดน้องด้วยนะครับอย่าลืมคำพูด อิอิ

และก็อีกมากมายหลายหลากคอมเม้นต์

อ่านสามเดือนก็ไม่หมดอ่ะจริงๆ

“ แฟนคลับพี่ฮือฮากันใหญ่เลย ”

“ ฮือฮาสิ พี่ว่าคนแอดเราไปเป็นพันละมั้ง ”

“ เว่อร์อ่ะ เค้าจะแอดหนมมาทำไม ”

“ เพราะหนมเป็นแฟนพี่ไง ” พี่มันบอกพร้อมกับยิ้มหวาน ผมก็อดไม่ได้ที่จะดึงแก้มขาวๆนั่น

“ ยิ้มอยู่ได้ ” ผมอมยิ้มมอง “ น่าหมั่นไส้นัก ”

“ เออน่าหมั่นไส้ แหมมมมมม พอเป็นแฟนกันนี่พูดกันไพเราะเสนาะหูเลยนะ ” ไอ้หมีมันมองค้อนใส่ มือมันก็ทำงานไปด้วย

“ ไม่อิจฉาสิหน่องหมี ”

“ ไม่อิจฉาหรอกพี่ ใครมีแฟนก็ไม่อิจฉา ” น้ำเสียงนี่ไม่ค่อยอิจฉาเลยนะมึงนะ

ผมนั่งมองไอ้หมีที่ทำงานต่ออย่างคล่องแคล่ว ไว้งานเสร็จแล้วก็อยู่กับมันสองคนก่อน เดี๋ยวจะถามให้รู้แจ้งแจ่มชัดเลยว่ากับไอ้ขันมันเป็นไงมาไงแน่ มันชอบไอ้ขันมากขนาดไหน ชอบขั้นจริงจังหรือแค่ปลื้มๆ แล้วที่ว่าไอ้ขันเกลียดมันนั่น เกลียดถึงขนาดไหน แล้วทำไมไอ้ขันถึงเกลียด ไม่ๆเรื่องนี้ควรไปถามไอ้ขันไม่ใช่ไอ้หมี ขืนไปถามแบบนั้นเดี๋ยวมันจะไปสะเทือนต่อมแซดไอ้หมีอีก

คนร่าเริงจะกลายเป็นคนซึมเศร้าไปในทันที

“ เออหมีซีนนี้เอาอินเซิร์ทนี้เข้าไปใส่นะ ”

“ ได้ แล้วตรงนี้ใส่เฟดเข้าใช่ไหม ”

“ อื้ม ใส่เสียงเอฟเฟ็ค 2 อ่ะ ” ในขณะที่ผมกำลังคุยกันเรื่องงานไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างก็เลื่อนลงมานอนหนุนตักผมเรียบร้อย

สบายเชียวนะมึง

ไอ้หมีมันจ้องพี่มัน “ หมอนก็มีนะพี่ขุน ”

“ กูจะหนุนตักหนม ”

“ พี่ไม่ถามหนมก่อนอ่ะว่าให้หนุนไหม ”

พี่มันมองผมแล้วยิ้มแฉ่ง “ พี่ขอหนุนหน่อยนะครับ ”

เออยอม

ยอมแล้วววววว

“ ก็ได้ แต่ต้องเงียบๆนะเพราะไอ้หมีมันต้องใช้สมาธิตัดงาน ”

“ ได้เลยครับ พี่จะเงียบๆ ” พี่มันรับคำก่อนจะเล่นโทรศัพท์ไปเงียบๆ ทำดีมากพ่อหนุ่ม ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิถึงจะน่ารัก

“ ไม่ได้อิจฉาหรอกนะ ” ไอ้หมีมันเบ้ปากใส่ผมอีกครั้ง “ เออแล้วคนอื่นๆอ่ะไปไหนวะ บ้านเงียบๆนะ ”

“ มันไปเที่ยวกัน ”

“ ถามจริง ” มึงจะทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้นวะไอ้บ้าหมี

“ อืม มันวางแผนกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละว่าปิดกองแล้วจะไปเที่ยวกัน ”

“ ไม่เห็นมีใครบอกกูเลย ” คนโดนเพื่อนทิ้งเบะปากอย่างน่าสงสาร “ พวกมันคือคนเลว ”

“ เอาน่ะ คนดีอย่างกูก็อยู่เป็นเพื่อนมึงแล้วนี่ไง ” ผมยกมือแตะไหล่ปลอบใจไอ้หมี “ รีบทำให้เสร็จพรุ่งนี้ไว้ไปเที่ยวพร้อมกัน ”

“ ซึ้งใจมากอ่ะหนม ไหนมาจูบปากทีมา ”

“ ไอ้หมี ” เสียงขุ่นจากคนที่นอนหนุนตักผมอยู่ดังขึ้นมา “ เดี๋ยวกูจะเตะมึง ”

“ โหดมาเชียว ” ไอ้หมีมันยิ้มแห้งๆก่อนจะทำงานต่อ อะไรของพวกมึงกันเนี่ยะไอ้บ้า

ถ้างานนี้เสร็จแล้วพรุ่งนี้พวกเราก็จะไปเที่ยวกัน และหลังจากนั้นก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันต่อไป กลับไปนี่พวกผมจะต้องเจอกิจกรรมรับน้องครับ พวกพี่กริมแม่งต้องหาเรื่องไว้แกล้งพวกผมแน่เลยว่ะ พอหลังจากรับน้องก็ต่อด้วยประกวดดาวเดือนในอาทิตย์ต่อไป งานนี้ต้องเอาใจช่วยเพื่อนเป้ให้มันชิงชัยตำแหน่งเดือนมหาลัยมาให้ได้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กลุ่มท่านประธานของพวกผม

ก่อนที่จะไปลุยกับกิจกรรม

ขอไปเที่ยวกับแฟนให้หนำใจก่อนละกัน

“ หน้าแดงทำไมไอ้สัสหนม ”

ตามองคอมอยู่แท้ๆยังรู้ว่าหน้ากูแดงได้

ยอมใจมึงจริงๆไอ้เพื่อนรัก









TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อให้กำลังใจกันได้นะคะ เรื่องนี้อยู่โปรเจ็กต์เดียวกับ S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าาาาา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 18 เที่ยวกับแฟน



อื้อ.อ.อ....

อึดอัดอ่ะ

เหมือนโดนอะไรรัด

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลัวจากโคมไฟที่หัวเตียงทำให้ผมรู้ว่าความอึดอัดที่รู้สึกนั่นมันเป็นเพราะอ้อมกอดจากร่างสูงที่หลับอยู่ข้างๆนั่นเอง ผมเงยหน้ามองใบหน้าหล่อที่อยู่ไม่ไกล ชอบจังที่ได้เห็นพี่มันหลับอยู่ใกล้ๆ พอเป็นแฟนกันพี่มันก็เอาหมอนข้างในห้องไปทิ้งไว้ห้องไอ้หมีแล้วก็บอกให้ผมกอดมันแทน

ร้ายไหมล่ะ

ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้วข้างนอกนั่นยังมืดอยู่เลย ป่านนี้ไอ้หมีมันจะตัดงานเสร็จรึยังก็ไม่รู้ ไอ้พวกเพื่อนๆพอมันกลับมาจากที่ไปเที่ยวก็พากันแยกย้ายเข้าห้องตัวเองทันที ไม่มีใครคิดจะแวะเข้าไปดูเพื่อนหมีผู้น่าสงสารสักคน ไอ้เป้มันบอกว่าที่ไม่เข้าไปดูไอ้หมีเพราะเดี๋ยวจะทำให้มันเสียสมาธิ เดี๋ยวงานจะเสร็จช้า

โคตรข้ออ้างอ่ะเอาจริงๆ

ผมว่าผมแวะไปดูไอ้หมีมันหน่อยดีกว่า

“ พี่ขุน ”

“ อื้ออ.อ....” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากคนขี้เซา “ พี่ง่วง ” อ้อมแขนที่กอดผมอยู่ก็กระชับแน่นขึ้นไปอีก

กูหายใจไม่ออกไงพี่

“ อื้ออ.ออ...พี่กอดหนมแน่นไปแล้วนะ หายใจไม่ออก ” จะตายแล้ว

อ้อมกอดค่อยๆคลายออก “ เรามันน่ากอดอ่ะ ”

“ น่ากอดอะไรเล่า ” ขนาดงัวเงียแทบจะไม่ได้สติยังจะทำให้กูเขินได้อีกนะพี่นะ

“ แล้วเรียกพี่ทำไมครับ ฝันร้ายหรอ ” พี่มันพึมพำเบาๆตาก็กำลังจะปิด

“ คือหนมมันจะไปดูหมีมันหน่อยอ่ะ พี่ก็นอนต่อเถอะเดี๋ยวหนมมา ”

“ ไปนานรึเปล่า ”

“ ไม่นานหรอก ” ผมยกมือลูบหัวพี่มันเบาๆ “ นอนไปก่อนเดี๋ยวกลับมานอนด้วย ”

“ ครับ รีบมานะ ” พี่มันหลับตาลง ผมก็ค่อยๆพาตัวเองออกมาจากเตียงเบาๆ

ผมเดินออกมาจากห้องตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องไอ้หมี นาฬิกาที่ติดอยู่ข้างผนังนั่นบอกเวลาประมาณตี 2 กว่าๆ ผมเห็นโน้ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้ หน้าจอแสดงไฟล์วิดีโอที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเรียบร้อย จะว่าไปก็เสร็จไวเหมือนกันนะแต่ก็แน่ล่ะมันนั่งทำไม่หยุดเลยนี่นา

ว่าแต่ไอ้หมีมันไปไหนวะ

“ ไอ้หมี ” หรือว่ามันอยู่ในห้องน้ำ

“ กูอยู่นี่หนม ” เสียงดังออกมาจากริมระเบียงทำให้ผมเดินออกมาดู

ร่างของเพื่อนรักนั่งมองทะเลอยู่นิ่งๆโดยที่ข้างกายมีกระป๋องเบียร์ตั้งอยู่หลายกระป๋อง มันคงมานั่งดื่มหลังจากที่งานเสร็จแน่ๆเลย สีหน้าที่ดูเหนื่อยๆนั่นให้ความรู้สึกแปลกๆอ่ะ เหมือนมันเหนื่อยกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานมากกว่า จะว่าไปสีหน้านี้คล้ายๆกับตอนที่มันอยู่ในช่วงปวดใจจากเรื่องไอ้ขันเลย

ไม่อยากเห็นไอ้หมีทำหน้าแบบนี้เลยว่ะ

“ งานเสร็จทำไมไม่นอนวะ ไม่ง่วงหรอ ”

“ ก็ง่วงแต่ยังไม่อยากนอนว่ะ ” มันส่งเบียร์มาให้ผม “ เอาหน่อยไหม ”

ผมรับกระป๋องเบียร์มาก่อนจะนั่งลงข้างมัน “ ยอดวิวคลิปกูมันมากกว่าสองพันนะไอ้หมี ”

“ เออกูเห็นละมึงแม่งขี้โกงชิบหาย ” มันเบ้ปากใส่ผม

“ กูไม่ได้ขี้โกงสักหน่อย ไม่รู้แหละมึงต้องทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับกู ”

“ เออว่ามา อยากรู้อะไรก็ถามเลย ” มันยกเบียร์ขึ้นกระดก

“ ความสัมพันธ์ของมึงกับไอ้ขันมันยังไงกันแน่ ”

“ แค่กกก..ก...” ไอ้หมีมันยกมือเช็ดปากหลังจากที่ตัวเองสำลักเบียร์ “ ถามไรเนี่ยะหนม ”

“ ก็ถามสิ่งที่กูอยากรู้ไง บอกมาซะว่ามึงกับไอ้ขันเป็นอะไรกันแน่ ” ไม่บอกกูจับมึงทิ้งลงทะเลแน่

ผมนั่งจ้องเพื่อนรักอย่างคาดคั้น วันนี้ต้องรู้ให้ได้แหละหมีว่ามึงกับไอ้ขันมันถึงขั้นไหนแล้ว แล้วที่มันดูเป็นทุกข์นี่เพราะไอ้ขันมันมาทำอะไรกันแน่ ผมจะได้จัดการไอ้ขันมันได้ไง และเผื่อมีอะไรที่ผมพอจะช่วยไอ้หมีได้ผมจะได้ช่วยมัน

เพื่อนเขาก็มีไว้ทำอะไรแบบนี้เนี่ยแหละ

ซึ้งว่ะ พูดเองซึ้งเอง

“ ก็เป็นแค่คนที่แอบชอบว่ะ ”

“ มึงชอบมันขั้นไหนเนี่ยะ ขั้นแบบจะเป็นแฟนอย่างงี้น่ะนะ ”

ไอ้หมีพยักหน้ารับ “ ก็คงจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ แต่ว่าพี่ขันเค้าเกลียดกูอ่ะ เพราะว่ากูเป็นคนเจ้าชู้ในสายตาของพี่เค้า ”

“ มึงแค่รู้จักคนเยอะป้ะวะ ทำไมไอ้ขันมันถึงไปคิดว่ามึงเจ้าชู้เนี่ย ”

“ ไม่รู้ว่ะหนม แต่มึงไม่ต้องไปพูดเรื่องอะไรพวกนี้ให้พี่ขันฟังนะ ไม่ต้องไปแก้ตัวไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆแหละ ”

“ ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆมึงจะโอเคหรอหมี ”

“ โอเคสิ เค้าไม่เกลียดกูไปมากกว่านี้มันก็ดีแค่ไหนแล้ว ” มันบอกเสียงอ่อนก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกระดกจนหมดกระป๋อง

รู้สึกปวดใจแทนไอ้หมีเลยว่ะ

มันต้องทนเรื่องแบบนี้มานานแค่ไหนวะเนี่ย ผมคิดว่าสิ่งที่มันอดทนเก็บไว้มาตลอดนี่ก็สาหัสต่อจิตใจมากเลยนะ แล้วก็แหม โลกนี้มีคนตั้งเยอะเสือกหน้ามืดมาชอบไอ้ขันได้ ผมรู้ดีว่าไอ้ขันมันไม่ชอบคนเจ้าชู้ อีกอย่างคือผมเคยแอบได้ยินมันคุยกับพี่แช่มครับ เหมือนกับว่าไอ้ขันมันมีคนที่มันรักแต่ต้องจากกันอะไรของแม่งสักอย่าง ตอนนี้มันก็น่าจะยังรักคนๆนั้นแค่คนเดียว เพราะหลายปีมานี้ผมไม่เคยมันมีแฟนสักคน

แม่งไม่สนใจใครเลย

ผมไม่รู้ว่าไอ้หมีมันรู้เรื่องนี้รึเปล่า อาจจะรู้ก็ได้เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องของไอ้ขันแล้วไอ้หมีมันรู้แทบทุกอย่าง แต่ถ้ามันรู้ว่าไอ้ขันมันมีคนที่รักแล้วมันก็ควรจะตัดใจนะจริงๆ มันไม่เหมือนกรณีของผมกับพี่ขุนอ่ะ พี่ขุนมันชอบผมแต่ผมไม่มีใครในใจไง ส่วนไอ้หมีมันชอบไอ้ขันแต่ไอ้ขันมันก็มีคนที่มันรักอยู่แล้ว คือต่อให้มันจะทุ่มเทให้แค่ไหนมันก็นะ...

ใครจะไปสู้คนในใจได้วะ

มีแต่แพ้กับแพ้

“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะหนม ” ไอ้หมีมันเลื่อนมือมาดึงแก้มผม “ มึงจะคิดเยอะแทนกูทำไม ”

“ ก็เป็นห่วงมึงนี่หว่า ”

“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กูเป็นคนเก่งมึงไม่รู้หรอ ” เพื่อนรักมันยิ้มหวานให้ผม เออจ้าไอ้คนเก่ง

ทำหน้าปวดใจอีกกูจะตบให้คว่ำ

“ ถ้าไม่ไหวมึงต้องบอกกูนะหมี ”

“ เออได้ ถ้าไม่ไหวแล้วกูจะบอก ไปนอนได้แล้วไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน ”

“ แล้วมึงอ่ะ ”

“ เดี๋ยวก็นอน ”

“ เอองั้น ฝันดีนะมึง ”

ไอ้หมีมันฉีกยิ้มหวานให้ผม “ ฝันดีหนม ” ปกติถ้าเห็นมันยิ้มแบบนั้นผมคงจะหมั่นไส้ แต่วันนี้จะหยวนให้ก็แล้วกันนะ

ผมเดินออกมาจากห้องไอ้หมีก่อนจะกลับมาที่ห้องของตัวเอง เรื่องไอ้หมีนี่เคลียร์ในระดับนึงแล้วครับ เดี๋ยวจะต้องใจดีสู้เสือไปถามไอ้ขันต่อ อยากรู้ว่าคนที่มันรักเป็นใคร ไม่รู้ว่าแม่งจะบอกไหม ต้องบอกสิมันต้องบอกผมถ้ามันไม่บอกผมก็จะไปให้แม่บังคับมัน ผมจะต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง

เสร็จกูแน่เชี่ยขัน

“ อื้ออ.อ....หนม ” เสียงงึมงำดังออกมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ละเมอหรืออะไรวะน่ะ

ผมค่อยๆคลานขึ้นมาบนเตียง “ หนมมาแล้ว ”

“ กลิ่นเบียร์ ” ดวงตาคมลืมตาขึ้นมองผมปรือๆ “ ดื่มเบียร์มาหรอหืม ”

“ นิดหน่อยอ่ะ พี่เหม็นรึเปล่าเดี๋ยวหนมไปแปรงฟันก่อนก็ได้ ”

มือเรียวของพี่มันคว้าผมเข้าไปกอดทันที “ ไม่เหม็น ไม่ให้ไปไหนแล้ว พี่จะกอด ” พี่มันกดหัวผมให้ซุกที่ซอกคอมัน   

ชอบกลิ่นนี้ชะมัด

มีแฟนตัวหอมนี่เป็นบุญกับชีวิตมากนะครับ

“ พี่นี่ตัวหอมจริงๆเลย ”

“ นอกจากตัวหอมแล้ว พี่ก็ปากหวานด้วยนะ ลองชิมไหม ”

“ ไม่ชิมมม ” ผมตีพี่มันไปทีนึง “ นอนไปเลยนะ ” สะลึมสะลือขนาดนั้นแล้วแท้ๆยังจะคิดเรื่องแบบนี้ได้อีก

“ อื้ออ.อ.อ.....นอนแล้วครับ ” พี่มันกอดผมแน่นขึ้นอีก รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ พี่มันคงหลับไปแล้วล่ะครับ

ผมเองก็ควรนอนเหมือนกัน ต้องชาร์จพลังไว้ไปเที่ยวครับ ที่ชะอำนี่มีหลายแห่งเลยที่ผมอยากจะไป ที่อยากไปที่สุดนี่คือสวนน้ำครับ อยากจะไปเจอความหวาดเสียว เดี๋ยวจะต้องออมเสียงไว้แหกปากพรุ่งนี้โดยเฉพาะ พอคิดได้แบบนั้นก็หลับซะนะเจ้าขนม

ฟี้....ฟี้....





วันแห่งการผจญภัยมันมาแล้ววววววว

เย่

ผมนั่งมองวิวข้างทางอยู่บนรถครับ วันนี้จะไปเที่ยวกันตามที่ได้คุยกันไว้ ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวกับสองแห่งนั่นก็คือ สวีท ชิพ ฟาร์ม และ ซานโตรินี่ วอร์เตอร์ แฟนตาซี นั่นเองครับผม คือตัวผมน่ะรอไปเล่นน้ำอย่างเดียวเลย แต่เพื่อนหมีเขาอยากจะดูแกะก็เลยแวะมาที่นี่ก่อน ส่วนเพื่อนๆก็ยอมตามใจเพราะว่าถือว่าเป็นรางวัลที่ไอ้หมีมันทำงานเสร็จไวและงานออกมาดี

เอาใจเพื่อนหมีมันหน่อย

“ หนมครับ ”

“ หืม ”

“ พี่อยากกินขนม ”

ผมหยิบถุงขนมออกมาแกะก่อนจะยื่นไปให้พี่มัน “ อ่ะ ”

“ พี่จะหยิบได้ไงล่ะครับพี่ขับรถ ”

“ พี่นี่จริงๆเลยนะ ” ผมหยิบขนมในถุงป้อนพี่มัน เจ้าตัวก็อ้าปากกินแล้วก็ยิ้มหวาน อย่ามามัวแต่ยิ้มสิวะ ขับไปรถน่ะ

ไอ้หมียื่นโผล่หน้ามาจากด้านหลัง “ ความจริงพี่ขุนไม่ได้อยากกินขนมหรอกใช่ม้า ”

“ อย่ามาทำเป็นรู้ดีว่ะไอ้หมี ”

“ รู้อะไรวะ ” ผมถามอย่างสงสัย นี่มึงสองคนพูดเรื่องอะไรกันเนี่ยะ

“ พี่ขุนอ่ะเค้าไม่อยากกินขนมหรอก เค้าอยากอ้อนมึง ”

อ้อนงั้นหรอ

ผมนั่งมองพี่มันนิ่งๆใบหน้าหล่อนั่นมีเหวอไปนิดนึงหลังจากไอ้หมีพูดจบ พี่มันเหลือบมามองผมก่อนจะยิ้มหวานให้ นี่ถ้าไอ้หมีไม่บอกว่ามันอ้อนผมก็ไม่รู้เลยนะ ไอ้เราก็คิดว่าอยากจะกินขนม แหม ที่ไหนได้

ร้ายจริงๆเลย

“ อ้อนทำไม ”

“ ก็แฟนน่ารักหนิ พี่ก็ต้องอยากอ้อนสิครับ ” ไม่ต้องมายิ้มหวานเลยนะ

“ ไม่ได้อิจฉาหรอก ” ไอ้ตัวดีมันเบ้ปากใส่

“ พูดมากว่ะไอ้หมี ” ไอ้เผือกดึงไอ้หมีไปก่อนจะกดหัวมันลงกับตักตัวเอง “ นอนนิ่งๆซะ ” พอไอ้เผือกมันสั่งแบบนั้นไอ้หมีมันก็เงียบกริบนอนนิ่งๆไม่ไหวติงแต่อย่างใด

นี่สิคนมีอำนาจที่แท้ทรู

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมานะครับ ผมก็มองวิวไปเรื่อยมือก็คอยป้อนขนมให้คนขับรถ มีหลายครั้งเลยครับที่มันงับนิ้วผมเข้าไปด้วย พอทำหน้าดุใส่ก็มาทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยปลอดภัยเลยว่ะเวลาเห็นรอยยิ้มนั้นอ่ะ

เหมือนจะโดนกินยังไงก็ไม่รู้

ก็คิดไว้อยู่หรอกว่าอาจจะโดนกินในวันใดวันนึง ยังไงซะผมก็คงไม่รอดจากพี่มันแน่ๆ ตั้งแต่ที่มันจีบผมมานี่ก็เกือบสามเดือนแล้ว มันอดทนมาสามเดือนเลยนะครับ ผมว่าถ้าไอ้วันที่ผมโดนกินมาถึงเนี่ยผมจะต้องไม่เหลือซากแน่ๆ ตัวพี่มันเองก็เคยพูดไว้ด้วยว่าถ้ามันมีสิทธิ์ในตัวผมเมื่อไหร่มันจะทำให้ผมช้ำไปทั้งตัว

หวั่นใจชิบ

ในขณะที่นั่งคิดโน่นคิดนี่เพลิน รถก็แล่นเข้าสู่บริเวณตัวฟาร์มแล้วครับ อยากจะบอกว่าทัศนียภาพนี่ดีมาก วิวโคตรสวย ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดมาแบบฟาร์มของเมืองนอกอะไรแบบนี้เลย ผมดูกิจกรรมแนะนำของที่นี่แล้วก็มีน่าสนใจหลายอย่างนะครับ เราสามารถให้อาหารน้องแกะได้ด้วย แล้วก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก ผมนี่คันไม้คันมืออยากจะถ่ายรูปแย่แล้ว และกิจกรรมสุดท้ายที่ผมจะพลาดไม่ได้นั่นก็คือ....

คล้องกุญแจคู่รักครับ

เขาว่ากันว่าถ้าคู่รักมาคล้องกุญแจด้วยกันที่นี่ก็จะครองความรักนิรันดร์ได้ คือผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อขนาดนั้นแต่ว่ามันก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ ก็เลยจะตามทำคนอื่นๆเขา ตอนที่แวะปั๊มผมก็แอบไปซื้อกุญแจมาแล้วเรียบร้อย พี่ขุนมันไม่รู้ด้วยเพราะว่าผมแอบมันไปซื้อมา

เดี๋ยวไว้ไปคล้องกันสองคน

เขินจรุม

“ หนมครับ ใส่หมวกด้วย ” พี่มันยื่นหมวกสีเหลืองของมันมาสวมให้ผม

“ พี่ไม่ใส่หมวกหรอ ”

“ ให้หนมใส่ เดี๋ยวหนมร้อน ”

ไอ้หมีมันโผล่หน้ามาอีกครั้ง “ ไม่ได้อิจฉาหรอกนะ ” มันเบ้ปากใส่ก่อนจะเดินลงจากรถไป

มึงนี่มันไอ้หมีจริงๆ

ผมเดินลงมาจากรถก่อนจะกวาดสายมองวิวโดยรวม เป็นฟาร์มที่สวยจริงๆเลยอ่ะ โชคดีที่วันนี้แดดไม่ได้แรงเท่าไหร่นะครับ อากาศก็กำลังดีแถมมีลมอยู่ตลอดด้วย แสงสวยๆแบบเนี้ยะเหมาะกับการถ่ายรูปที่สุดแล้ว

แชะ

ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองตามเสียงก็พบว่าตัวเองถูกถ่ายรูปไปแล้ว คนถ่ายก็คือพี่ขุนนั่นแหละ ผมทำหน้าบึ้งใส่มันทันที จะถ่ายก็บอกกก่อนได้ไหมล่ะ ไม่อยากมีรูปหน้าเหวอๆนะไอ้บ้า

“ แอบถ่ายทำไม ”

“ น่ารัก ”

“ ไหนเอามาดู ” ผมยื่นหน้าจะเข้าไปดูรูปแต่พี่มันก็หันหนี “ จะดู ”

“ ไม่ให้ดู ” มันยิ้มหวานใส่ผมก่อนจะเดินหนีไปหาไอ้หมี

เลว

กูไม่ดูก็ได้

พอผมงอแงอยู่คนเดียวในใจเสร็จ บรรดาเพื่อนๆก็พาเดินกันไปเสียค่าเข้าชมก่อนครับ ราคาก็ไม่แพงเลยแค่ 50 บาทต่อคน ผมว่ามันคุ้มเลยนะที่แบบจะได้มาชมวิวสวยๆแบบนี้แล้วก็ได้มาใกล้ชิดกับบรรดาน้องแกะนะครับ ไอ้หมีนี่ดูจะชอบใจเป็นพิเศษ เพราะมันวิ่งเข้าไปด้านในคนแรกเลย

“ หนมครับ ”

“ หืม ” ผมเหลือบมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“ ถ่ายรูปกัน ” พี่มันยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเอียงหัวเข้ามาชิดหัวผมแล้วยิ้มหวาน “ ยิ้มสิครับ ”

ผมยกยิ้มบางๆให้กล้องพี่มันก็กดถ่ายไปเรื่อย มึงจะเอากี่รูปวะเนี่ยพี่ นิ้วนี่รัวเชียว ในขณะที่ผมกับพี่ขุนกำลังถ่ายรูปกันอยู่นั้นก็มีเสียงซุบซิบเบาๆดังอยู่ไม่ไกล เจ้าของเสียงซุบซิบพวกนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ บรรดาผองเพื่อนของผมเอง ซุบซิบไม่เท่าไหร่แม่งมองกันอย่างจะแดกเลือดแดกเนื้อ

อะไรของพวกมึง

“ เป็นอะไรวะ ”

“ ป๊าว ” เสียงสูงเชียวนะไอ้ปั้น

“ ไม่มีใครอิจฉามึงทั้งนั้นแหละ ” ที่พูดมาจะใช่หรอวะภีม

“ กูก็ด้วย กูก็ไม่อิจฉาทำไม ” มึงพูดอะไรวะไผ่

“ พูดเชี่ยไรไม่รู้เรื่องเลยไอ้สัส ” ไอ้เป้มันโขกหัวไอ้ไผ่ทีนึง “ ไปกันได้แล้ว ไอ้หมีมันไปแย่งหญ้าแกะแดกแล้วมั้งน่ะ ”

เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับไอ้เป้ครับ

เรารีบไปก่อนที่ไอ้มันจะแย่งหญ้าแกะกินดีกว่า

ผมกับบรรดาชาวแก๊งค์เดินมากันจนถึงด้านในฟาร์มที่เป็นส่วนของคอกแกะ กิจกรรมตรงนี้เขาเรียกกันว่า เด็กเลี้ยงแกะครับ คือเราสามารถเข้าไปในคอกเพื่อให้อาหารแกะได้อย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดเหมือนไอ้หมีที่ตอนนี้มันอุ้มลูกแกะแล้วหมุนไปหมุนมา

อะไรจะมีความสุขขนาดนั้นวะ

ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไอ้หมี รอยยิ้มมันในตอนนี้นี่ให้ฟีลโลกสดใสมากอ่ะ ผมมองเพื่อนๆที่ทยอยกันเดินเข้าไปในคอก นิ้วก็กดถ่ายรูปพวกมันให้อาหารแกะกันไปเรื่อย พี่ขุนมันก็เข้าไปอยู่ในคอกเหมือนกันและก็กำลังโดนแกะรุมทึ้งอยู่ ตัวมันเองก็ทำหน้าเหวออีกละ ไม่รู้จะออกมาจากตรงนั้นยังไงสินะ

ต้องถ่ายความเหวอนี้เก็บไว้

“ น้องครับ ”

ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบผู้ชายหน้าตาดีคนนึง ในมือถือกล้องอยู่ด้วย “ อะไรหรอครับ ”

“ มาเที่ยวหรอครับ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่ครับ ”

“ อ๋อ....ชอบถ่ายรูปหรอ ” จะถามอะไรเยอะแยะวะเนี่ย

“ ก็ชอบนะ โดยเฉพาะถ่ายรูปคนที่รักนี่ชอบมาก ” ผมยกกล้องถ่ายพี่ขุนอีกครั้ง มองผ่านเลนส์นี่เห็นหน้าตึงๆของพี่มันอยู่นะ มันคงจะเห็นที่มีคนเข้ามาคุยกับผมแน่ๆถึงได้ทำหน้าแบบนั้น

นั่นไงเดินมาละ

“ หนมไม่เข้ามาในคอกกับพี่ล่ะ ” พี่มันถามผมพร้อมกับเหลือบมองผู้ชายข้างๆก่อนจะยื่นมือมาจับมือผม “ เข้าไปกับพี่น้า นะครับ ”

“ ไปก็ได้ ” ผมปีนข้ามคอกเข้ามา พี่ขุนมันก็เลื่อนมือมาโอบไหล่ผมไว้ก่อนจะรีบพาเดินมาจากตรงนั้นทีโดยไม่สนใจไอ้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย

โคตรแสดงความเป็นเจ้าของ

“ พี่หึงนะ ” พี่มันเอ่ยเสียงขุ่น

ผมเงยหน้ามองพี่มัน “ หึงทำไม ”

“ ก็มีคนมายุ่งกับแฟนพี่อ่ะ ”

“ เค้าก็แค่ถามว่าชอบถ่ายรูปไหมเอง ”

“ พี่ดูสายตามันออกนะว่าคิดยังไง ” พี่มันทำหน้ามุ่ย “ แล้วเราอ่ะตอบไปว่ายังไงล่ะที่มันถาม ”

“ ก็บอกไปว่าชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะถ่ายรูปคนที่รักนี่ชอบมาก ” ว่าแล้วผมก็หันกล้องใส่พี่มันก่อนจะกดถ่ายรูป

“ หนม ” ใบหน้าขึ้นสีแดงทันที “ บอกรักพี่แบบนี้พี่ก็เขินสิ ”

“ ไม่ชอบรึไง ”

“ ชอบแต่เขิน ” พี่มันยิ้มหวานจนตาหยี เห็นแบบนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้จริงๆเลยว่ะ ช่วงหลังมานี้ผมยิ้มบ่อยขึ้นนะ สาเหตุก็มาเพราะพี่มันนี่แหละ

พี่มันทำให้ผมมีความสุขไง

พอมีความสุขก็จะยิ้มออกมา

“ พี่ไปเป็นแบบให้หนมถ่ายรูปหน่อยไป ” พอผมพูดจบพี่ขุนมันก็ไปยืนให้อาหารแกะ

ผมกดถ่ายรูปพี่มันต่อพร้อมกับถ่ายบรรดาเพื่อนๆไปด้วย หลังจากที่พวกผมอยู่ในคอกแกะกันมาได้พักใหญ่ก็พากันเดินไปถ่ายรูปในโซนอื่นๆกันต่อ แล้วพอพวกเราถ่ายรูปกันหนำใจตอนนี้ก็พากันมาอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกครับ มีของฝากน่ารักๆหลายอย่างเลยผมเลือกซื้อเอาไปฝากคนที่บ้านแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ก็จะ 11 โมงแล้วเดี๋ยวเราจะต้องไปสวนน้ำต่อ

แต่ก่อนจะไปผมมีเรื่องต้องทำ

ผมสะกิดร่างสูงที่อยู่ข้างๆ “ พี่ขุน ”

“ ว่าไงครับ ”

“ ไปกับหนมหน่อยสิ ” ผมบอกก่อนจะรีบลากมันออกมาจากร้านขายของที่ระลึกทันที ถ้าชักช้าเดี๋ยวเพื่อนๆจะสงสัยซะก่อน

“ จะไปไหนครับ ”

“ เออน่า ” ผมรีบลากพี่มันเดินมายังโซนที่เขาไว้คล้องกุญแจครับแต่พอมาถึงผมก็ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่เห็น “ ไอ้เป้กับไอ้ภีม ”

ทำอะไรวะ

ผมยืนมองเพื่อนรักทั้งสองคนยืนอยู่หน้าตะแกรงเหล็กรูปหัวใจที่เขาไว้แขวนกุญแจน่ะครับ ที่มือไอ้เป้นั่นถือแม่กุญแจแล้วเขียนอะไรลงไปไม่รู้ก่อนจะมันจะส่งให้ไอ้ภีมเขียนต่อ และหลังจากที่ไอ้ภีมเขียนเสร็จมันก็จัดการเอาแม่กุญแจนั้นไปคล้องบนตะแกรงเหล็ก ทั้งไอ้ภีมและก็ไอ้เป้มันยิ้มให้กัน สีหน้าดูมีความสุขมากด้วยครับ

สองคนนี้นี่มันยังไงวะเนี่ย

“ เป้ภีมนี่เป็นแฟนกันหรอหนม ”

“ ไม่รู้ว่ะ เพิ่งเห็นพร้อมกับพี่นี่แหละ ” ผมมองเพื่อนรักที่พากันเดินไป นี่มันแอบไปได้กันตอนไหนวะเนี่ย เพราะงี้นี่เองไอ้ภีมถึงไปนอนที่หอไอ้เป้บ่อยๆ

มันเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง

“ ไว้ค่อยให้ไอ้หมีไปสืบละกันเนอะ ว่าแต่เราพาพี่มาที่นี่ทำไม ”

“ พามาเพื่อนี่ไง ” ผมลากพี่มันมาหยุดอยู่ตรงหน้าตะแกรงรูปหัวใจ “ เค้าบอกว่า ถ้าคู่รักได้มาคล้องกญแจด้วยกันที่นี่ก็จะรักกันไปน้านนาน ”

“ อย่างนี้นี่เอง...แล้วหนมมีกุญแจรึไง ”

“ มีสิ ” ผมล้วงแม่กุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ หนมแอบไปซื้อตอนแวะปั๊ม ”

“ ถึงว่า...ให้พี่รออยู่บนรถ ”

ผมยิ้มแฉ่งให้พี่มันก่อนจะหยิบปากกาเมจิกมาเขียนชื่อตัวเองลงไปก่อนจะทิ้งข้อความสั้นๆไว้ว่า รัก พอผมเขียนเสร็จก็ยื่นให้พี่มันเขียนบ้าง มือเรียวรับไปยืนดูก่อนจะยิ้มออกมา ผมยื่นหน้าไปมองตอนพี่มันเขียน มันเขียนชื่อมันไว้ข้างๆชื่อผมแล้วก็เขียนประโยคต่อจากคำว่ารักที่ผมเขียนไว้

เหมือนกัน

น่ารักจริงๆเลย

“ มาเดี๋ยวหนมคล้องเอง ” ผมเอาแม่กุญแจมาจากมือพี่มันก่อนจะล็อคไว้กับตะแกรงเหล็ก ไม่เคยคิดเลยว่าเกิดมาจะได้มาทำอะไรแบบนี้

โมเม้นต์นี้เอาไปใส่ไว้ในนิยายท่าจะดี

“ หนม ”

“ หืม.... ”

ฟอดดดดด

สัมผัสที่ข้างแก้มทำให้ผมหันไปมองพี่มันทันที ใบหน้าหล่อยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ “ พี่รักเรานะ ”

ตึกตัก

โอ้ยใจเอ๋ยใจ

“ รักเหมือนกันครับ ”

ว่าจะด่าที่มันหอมแก้มในที่โจ่งแจ้งซะหน่อย

แต่ช่างมันเหอะ


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 18 ----------


ณ เวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ขนมและแฟนของเขาและบรรดาเพื่อนๆของเขาก็ได้เดินทางออกมาจาก สวีท ชิพ ฟาร์ม เป็นที่เรียบร้อย และพวกเขาก็ได้เดินทางมาจนถึงสถานที่ผจญภัยที่ต่อไปแล้ว นั่นก็คือ....

ซานโตรินี่ วอเตอร์ แฟนตาซี!!!

โคตรตื่นเต้นอ่ะ

ผมยืนมองเครื่องเล่นในสวนนน้ำอย่างตื่นตาตื่นใจ ผมอยากจะมาที่นี่ตลอดเลยนะแต่แบบว่ายังไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมาเลย รู้สึกปลื้มปริ่มมากๆที่ได้มาเหยียบที่นี่ ผมตั้งใจว่าจะเล่นแม่งทุกอย่างเลยครับ

เครื่องเล่นไหนที่ว่าโหดเจอหนมแน่

“ ดูตื่นเต้นมากเลยนะ ”

“ ตื่นเต้นสิ หนมจะเล่นทุกอย่างเลย ”

“ งั้นเอาของไปเก็บกันจะได้รีบมาเล่นไง ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะถือของเดินมุ่งหน้าไปที่คาบาน่า

พวกผมจัดการซื้อบัตรและก็เช่าคาบาน่า มากันหลายคนไงครับจะเช่าล็อกเกอร์มันก็กระไรอยู่ เพราะงั้นเช่าคาบาน่าเลยละกัน จะได้ยัดของได้เต็มที่หน่อย คาบาน่านี่จะคล้ายๆกับบ้านพักอ่ะครับ นี่กะว่าเล่นจนเหนื่อยก็มาพักพอหายเหนื่อยก็ไปเล่นต่อ เออขอเม้าท์หน่อยว่าตอนที่ไอ้หมีมันเห็นบรรดาพวกเครื่องเล่นเนี้ยะมันหน้าซีดด้วย ไอ้ความร่าเริงแบบตอนที่อยู่ฟาร์มแกะหาบวับไปเลย

ไอ้หมีมันกลัวความสูงและอะไรที่ทำให้หวาดเสียว

มันโดนเพื่อนเล่นยับแน่

“ ตื่นเต้นไหมไอ้หมี ” ไอ้เป้มันคล้องคอไอ้หมีพร้อมกับยิ้มเหี้ยม

“ ไม่ตื่นเต้นหรอกเพราะว่ากูจะไปเล่นสระเด็ก ”

“ สระเด็กเค้าก็มีให้เด็กเล่นสิ ” คำพูดของไอ้ภีมทำให้ไอ้หมีมันเบะปาก

“ เออน่า กูยังเป็นเด็กอยู่เลย ”

ท่านประธานเดินเข้าไปแตะไหล่เพื่อนหมีเชิงปลอบใจ “ มึงไม่รอดหรอกว่ะ ”

“ พวกมึงอย่าพูดจาเหมือนเด็กขี้แกล้งได้ไหมเนี่ย ” ไอ้หมีมันเริ่มงอแง

“ เออพวกมึงอย่าไปพูดเหมือนจะแกล้งมัน ” ผมยกยิ้มมองเพื่อนรัก “ ไว้แกล้งมันเลยทีเดียว ”

“ เชี่ยหนม!!!! ”

ผมเดินหนีเสียงโวยวายจากไอ้หมีเข้ามาในคาบาน่าทันที ดีใจจังจะได้เล่นน้ำแล้ว ผมหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋า นี่ตั้งใจว่าจะใส่กางเกงเจเจขาสั้นสีเหลืองกับเสื้อยืดแขนยาวสีขาวครับ ที่ซานโตรินี่เนี่ยะเขาไม่ให้ใส่เสื้อผ้าที่มีกระดุมหรือซิปนะครับเพราะว่าอาจจะเป็นอันตรายให้กับผู้เล่นและสร้างความเสียหายให้กับเครื่องเล่นได้ ในขณะที่ผมกางเสื้อผ้าดูมือเรียวของพี่ขุนมันก็มาคว้าชุดที่ผมวางไว้ไปทันที

อะไรของมึงวะเนี่ย

“ ไม่ให้ใส่ ”

“ ทำไมไม่ให้ใส่อ่ะ ” ผมมองมันพร้อมกับเบะปากหน่อยๆ ไม่ได้นะพี่ กูตั้งใจมาอย่างดีว่าจะใส่ชุดนั้น มึงอย่ามาห้ามสิ

“ กางเกงมันขาสั้นมากแถมเสื้อก็ยังเป็นสีขาวอีก เปียกน้ำทีนี่ก็เห็นไปถึงไส้ติ่งอ่ะ พี่ไม่ให้ใส่ ”

“ ถ้าไม่ให้ใส่แล้วหนมจะเล่นได้ไงล่ะ นี่เอามาชุดเดียวนะ ”

“ พี่เตรียมมาให้หนมละ ” มันยิ้มหวานก่อนจะหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋ามันส่งมาให้ผม

ผมรับมาก่อนจะกางดู มันเป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงเจเจสีเหลืองขาทรงกระบอกความยาวน่าจะประมาณเข่าครับ คือเสื้อเนี่ยะของผมแต่กางเกงแม่งต้องไปซื้อมาใหม่แน่ๆ ผมมองหน้าพี่มันพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ส่วนเจ้าตัวนี่ยิ้มแก้มปริอย่างอารมณ์ดี น่าหมั่นไส้นัก อย่าให้มีคราวของกูนะมึง

จะเอาคืนให้สาสม

หลังจากที่ผมได้ชุดในการใส่เล่นน้ำแล้ว ผมกับเพื่อนๆก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ ตอนนี้แก๊งค์ท่านประธานนี่ครบองค์ประชุมเรียบร้อยและพร้อมมากสำหรับการผจญภัยในซานโตรินี่ เครื่องเล่นแรกที่ผมอยากไปท้าประลองก็คือ กามิกาเซ่ครับ มันเป็นสไลด์เดอร์ที่จะไหลลงมาเป็นแนวดิ่ง แม่งต้องได้ฟีลตกตึกแน่ๆเลยว่ะ

“ เล่นไรก่อน ”

“ กามิกาเซ่ ป่ะไอ้หมีไปกับกู ” ผมจัดการล็อคคอไอ้หมีแล้วลากมันเดินมา แต่มันเองก็ดิ้นสู้ไม่ยอมหยุด “ ไอ้เป้มึงมาลากมันไปดิ้ ”

“ ไม่เอานะไอ้สัสหนม ” ไอ้หมีมันจะวิ่งหนีแต่ไอ้เป้มันก็รั้งเอวมันไว้ “ ไอ้เป้ปล่อยกู ”

“ ไปสนุกกันเถอะหมี ” ไอ้เป้มันบอกก่อนจะลากไอ้หมีไปทันที

โชคดีเพื่อนรัก

“ ขี้แกล้งเหมือนกันนะเนี่ย ”

ผมมองหน้าคนพูดทันที “ ก็มันน่าแกล้งหนิ รีบเดินเร็วหนมอยากเล่น ”

ผมรีบลากพี่มันมาจนถึงสไลด์เดอร์แนวดิ่งสีขาวสะอาดตา ความสูงนี่ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะครับเนี่ย พอเดินขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดก็พบกับไอ้หมีที่นั่งกอดขาไอ้เป้อยู่ ดูจากสภาพนี่คงจะกลัวอยู่ไม่ใช่น้อย หลายคนอาจจะคิดว่า เห้ยเพื่อนกลัวอย่าไปแกล้งเพื่อนสิ ขอบอกเลยนะครับว่าสิ่งที่จะทำนี่ไม่ใช่การแกล้งแต่อย่างใด

มันการบำบัดความกลัว

กลัวอะไรก็ต้องถอนด้วยอันนั้นแหละ

“ มึง....กูอยากลง ” ไอ้หมีมันบอกเสียงสั่น

“ เนี่ยะเดี๋ยวก็ได้ลงละ ”

“ ไม่ๆ กูอยากลงทางบันได ”

“ ลงบันไดมันช้า ไหลลงไปนี่แหละไวดี เห้ยพวกมึงจับมัน ” สิ้นคำพูดไอ้เป้พวกไอ้ภีมไอ้เผือกและก็ไอ้ปั้นก็เข้ามาแงะไอ้หมีออกมาจากขาไอ้เป้ทันที

ไอ้ไผ่มันยืนมองตาแป๋ว

“ ม่ายยยยยยย อย่าทำกับกูแบบนี้ถ้ากูเป็นบ้าไปมึงจะทำยังไง ” แหกปากไปก็ไม่มีใครช่วยมึงหรอกหมีนาทีนี้อ่ะ

“ ปกติมึงก็เป็นบ้าอยู่ละ ” ไอ้เป้มันบอกก่อนจะพาไอ้หมีมาถึงทางลงสไลด์เดอร์ “ เอามือประสานอกไว้แล้วเอาขาไขว้ ”

“ ไอ้พวกเชี่ย!!!!!!! ”

บรรดาเพื่อนๆเอาไอ้หมีวางลง “ ลาก่อยเพื่อนหมี ” พวกมันดันให้ไอ้หมีไหลลงสไลด์เดอร์ไป

“ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”

“ ฮ่าๆๆๆๆ เสียงดังชิบหาย ” ผมหัวเราะลั่นออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงแหกปากดังลั่นของไอ้หมี โอ้ย ตลกว่ะ ไม่เป็นไรเพื่อนหมีนะเดี๋ยวเพื่อนหนมจะตามลงไป

พี่ขุนดึงแก้มผม “ หัวเราะลั่นเลยนะ ”

“ ฮ่าๆๆ ก็มันตลกนี่นา หนมไปเล่นแล่ว ” ผมเดินมาที่ปากทางลงสไลด์เดอร์ก่อนจะนอนราบเอามือประสานอกแล้วเอาขาไขว้ตามที่สต๊าฟบอก ตื่นเต้นว่ะตื่นเต้น

พอสต๊าฟเห็นว่าผมพร้อมแล้วเขาก็ดันผมให้ลื่นลงมา

“ เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”

เสียวโคตรรรรรรร

เพียงแค่เสี้ยวนาทีผมก็ลื่นลงมาจนถึงถึงด้านล่าง น้ำก็อัดเข้าไปในจมูกผมเต็มๆ “ แค่กก.ก....แค่กก.ก....”

ผมยกมือขึ้นเช็ดหน้าก่อนจะลุกเดินออกมาจากตัวสไลด์เดอร์ เสียววาบอ่ะบอกเลยแม่งแบบเหมือนหัวใจหยุดเต้นเลยอ่ะ แต่มันสนุกดีนะครับผมว่าแม่งเป็นอะไรที่สุดจริงถึงจะสำลักน้ำก็เถอะ ผมเดินมาหาเพื่อนหมีที่นอนแผ่อยู่ไม่ไกล เพื่อนรักนอนหน้าซีดหายใจพะงาบๆ พอมันเห็นผมมันก็พลิกตัวนอนคว่ำกับพื้นทันที

“ กูโป้งพวกมึง ”

“ กูว่ามันออกจะสนุก ” ผมนั่งลงข้างๆไอ้หมี

“ พวกมึงสิสนุก กูเนี่ยะจะตาย ไม่รู้โว้ยโป้งงงง ”

“ ไม่ง้อมึงหรอกนะ ”

“ ข่นใจร้าย ”

หลังจากที่ผมนั่งฝอยกับไอ้หมีไม่นานไอ้พวกที่เหลือก็พากันตามลงมาจนครบ คือแต่ละคนแม่งแบบแหกปากดังลั่นมากอ่ะ ยกเว้นแต่ไอ้ไผ่ที่ลงมาแบบเงียบกริบ คือมึงไม่รู้สึกเสียวหรืออะไรเลยหรอวะทำไมถึงลงมาเงียบจัง

“ ไปเล่นกันต่อเลยไหม ” ไอ้ปั้นมันถาม

“ ไปดิ่ กูอยากเล่นคิงครอปบร้า ”

“ เอาซากกูไปด้วย ” ไอ้คนที่นอนอยู่เอ่ยบอกเสียงเอื่อยๆ ไหวไหมมึง

บรรดาเพื่อนๆมันแบกซากไอ้หมีพากันเดินไปที่เครื่องเล่นต่อไป ส่วนผมเดินมาอยู่ข้างๆพี่ขุน ตอนนี้ผมสีเทาของมันนี่เสยขึ้นไปอยู่ด้านบนหมดละ ใบหน้าขาวๆนี่ออร่าเปล่งประกายชิบ มีผู้หญิงไม่น้อยเลยนะครับที่ชะเง้อคมมองตามพี่มัน เอาจริงๆก็ชะเง้อคอมองตามกันทั้งกลุ่มอ่ะ แน่ล่ะมีบรรดาหนุ่มหล่อมาเล่นน้ำกันเป็นฝูงขนาดนี้ไม่มองก็แปลกละ

“ พี่ขุน ”

“ ว่าไงครับ ”

“ ที่เล่นเมื่อกี้เป็นไง เสียวไหม ”

“ ก็เสียวดีนะ ” พี่มันก้มหน้าลงมาข้างหูผม “ หนมชอบเล่นอะไรเสียวๆแบบนี้หรอ ”

“ ก็ชอบนะ มันก็ตื่นเต้นดีอ่ะ ”

พี่มันยกยิ้ม “ พี่มีเครื่องเล่นแนะนำ ”

“ อะไรอ่ะ ”

“ ขุนศึก ” พี่มันจุ๊บหัวผมเบาๆ “ เสียวถึงใจแน่นอนพี่รับรองได้ ”

ตึกตัก

“ พี่นี่แม่ง.....” ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากด่า พี่มันก็วิ่งหนีผมไปแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย เข้าเรื่องแบบนี้ตลอดเลยสิเนี่ย

ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองที่โดนมันจุ๊บเมื่อกี้ วันนี้นี่โดนหอมแก้มแถมยังโดนจุ๊บอีก ที่สำคัญคือทำข้างนอกและทำตอนผมเผลออีกต่างหาก ไอ้ที่ตกลงกันไว้นี่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวเลยสินะ

พี่ขุนนี่มันร้ายกาจจริงๆ





คาบาน่า

หลังจากที่พวกผมไปผจญภัยกันมาร่วมสองชั่วโมงก็กลับมาพักก่อนครับ ไม่ไหวแล้วตัวนี่เปื่อยไปหมด เครื่องเล่นหวาดเสียวของที่นี่มันเสียวได้ใจมากจริงๆ แถมยังมีเยอะและก็หลากหลายด้วย คุ้มสุดๆอ่ะที่เล่นไป มีหลายอย่างเลยครับที่ผมยังไม่ได้ไปท้าประลอง เดี๋ยวขอชาร์จพลังก่อนเดี๋ยวจะสู้ด้วยใหม่

“ หนมครับ ” พี่ขุนมันเดินมานั่งข้างผม “ พี่ตั้งตัสคบกันในเฟซบุ๊กนะ ”

“ เอาสิ ” เขาจะได้รู้กันอย่างเป็นทางการสักที

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าไปในเฟซบุ๊ก แจ้งเตือนเยอะชิบ พอไปเปิดดูก็พบว่าเป็นแจ้งเตือนของรูปๆนึงที่พี่ขุนมันแท้กผมมา มันเป็นรูปที่ถ่ายด้วยกันตอนที่รอซื้อบัตรเข้าฟาร์มแกะน่ะครับ โดยหัวรูปขึ้นแคปชั่นไว้ว่า ***“ เที่ยวกับแฟน ”*** แม่งทำผมเขินอีกละ ส่วนยอดไลค์ยอดเม้นต์นี่ก็กระหน่ำอีกตามเคย ผมเห็นแว๊บๆด้วยนะว่ามีคนบอกว่าดีใจที่ได้เห็นหน้าผมชัดๆสักที มีทั้งคนที่ชมว่าผมน่ารักและก็บอกว่าผมหน้าตางั้นๆด้วย

หน้าตางั้นๆแต่ทำให้เดือนวิศวะมาตามจีบได้อ่ะนะ

“ พี่ขอไปแล้วนะครับ ”

“ เห็นละ ” ผมกดเข้าไปที่พี่มันส่งคำขอมาก่อนจะกดตกลง

KhunSuek Sutanunsawat กำลังคบกับ Kanom Kananut

ผมอมยิ้มให้กับหน้าจอที่ปรากฏอยู่ มันมีวันนี้จนได้ว่ะ ยอดไลค์นี่พุ่งขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่นาทีเลยครับ มีคนกดแสดงความรู้สึกเยอะเลยครับ ไหนดูคอมเม้นต์หน่อยสิ

Sayam naja : เสือร้ายมันมีเจ้าของแล้วโว้ยยยยยยยยย ยินดีกับมึงด้วยไอ้สัสจะได้เลิกมางอแงที่คอนโดกูสักที

Gong Rice : ปิดตำนานนัก**เจ็ดราตรี555555555555 ตามจีบมาตั้งนานก็คบให้มันนานๆล่ะ

Cha Cha : ก็เพลาๆมือกับน้องมันบ้างละกัน

Gangpaaa : ได้กันๆๆๆๆๆๆ


Khaw H : คนโสดจะหมดกลุ่มแล้วนะไอ้สัส มาเลี้ยงเหล้าพวกกูด้วยไอ้เด็กเชี่ย

GE AR : เห็นไหมกูบอกแล้วไอ้น้องแว่น ถ้าไอ้ขุนมันจะเอามันก็เอาจนได้555555555รักกันนานๆเด้อออ


แต่ละคนที่เหมือนอัดอั้นตันใจกันมานาน

“ ใครมากดโกรธวะ ” ผมได้ยินพี่มันพูดแบบนั้นจึงกดเข้าไปดูคนที่เข้ามากดโกรธ

Khan Kanakit

ไอ้ขันว่ะ

ผมหันหน้ามองพี่มันทันที ตอนนี้พี่มันทำหน้าเหวออยู่ ตอนแรกก็รู้สึกคิดหนักอยู่นะแต่พอเห็นหน้าเหวอๆนี่แบบ เออ ตลกว่ะ หน้าแบบนี้อย่าไปทำให้คนอื่นเห็นนอกจากกูเชียว

ผมยื่นมือไปดึงแก้มพี่มันเพื่อเรียกสติ “ เป็นไร ”

“ พี่ขันกดโกรธอ่ะ ”

“ ช่างมันเถอะ ถ้ามันกดโกรธแล้วพี่จะทำไม ”

“ ก็ไม่ทำไมหรอก ก็แค่แบบตกใจ ”

“ ฟังนะ ”ผมยื่นมือไปกุมมือพี่มันไหม “ ใครจะเป็นยังไงก็ปล่อยไป แค่เรารักกันมันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ ”

“ ใช่ครับ ” พี่มันเอียงหัวมาพิงไหล่ผม “ อนาคตไม่ว่าจะเจอกับอะไร ยังไงพี่ก็จะไม่ปล่อยเราไปแน่ๆ ”

“ หนมก็เหมือนกัน ”

ความรักของผมกับพี่มันเพิ่งจะเริ่ม ผมจะไม่ให้ใครมาทำลายมันแน่ๆ ส่วนเรื่องไอ้ขันเอาจริงๆผมไม่เชื่อนะที่มันบอกว่าถ้าพี่ขุนขอผมเป็นแฟนได้มันจะยอมปล่อยใหคบกันดีดี คนอย่างมันอ่ะต้องวางแผนร้ายไว้แน่ๆ อันนี้ต้องรอดูต่อไป เดี๋ยวถ้ากลับไปเมื่อไหร่ผมต้องพาพี่มันไปไหว้ป๊ากับแม่ด้วย เดี๋ยวจะเอาให้ไปเป็นลูกมือช่วยแม่ทำกับข้าว

แค่คิดแค่ตื่นเต้นแล้วว่ะ

ขอให้ป๊ากับแม่ชอบพี่มันด้วยเถอะนะ






TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์ให้กำลังกันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม

ปล. สถานที่ท่องเที่ยวที่ยกมาแต่งนั้น หากมีข้อผิดพลาดในเรื่องรายละเอียดบางอย่างต้องขออภัยไว้ ณ ทีนี้ และหากใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็บอกไรท์ได้เลยนะ จะนำไปปรับแก้ให้มันเรียลที่สุดค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 19 แฟนเป็นคนเอวดี



ชีวิตของนักเขียนนี่ถึงจะมีวันหยุดก็เหมือนไม่ได้หยุดอ่ะครับ

ปวดใจจัง

ตอนนี้ผมกำลังปั่นนิยายแบบเร่งรีบหลังจากที่ไม่ได้ลงมาอาทิตย์กว่าๆ ก็นะมันไม่ว่างเลยนี่ครับ เหล่ารี้ดที่รักต้องเข้าใจไรท์หนมแน่นอน นี่ก็ผ่านมาได้อาทิตย์นึงแล้วครับหลังจากที่เราไปถ่ายหนังสั้นกันที่ชะอำ ขอบอกเลยว่าช่วงอาทิตย์นี้ผมยุ่งและวุ่นมากเพราะว่ามันใกล้จะเข้าสู่กิจกรรมรับน้อง ตื่นเต้นเหมือนกันนะแล้วก็มีลางสังหรณ์ว่าแก๊งค์ของผมจะโดนพวกพี่ๆเล่นหนักด้วย

โดยเฉพาะไอ้หมีนี่น่าจะหนักกว่าชาวบ้าน

“ เสร็จสักที ” ผมมองจอที่ตอนนี้นิยายตอนต่อของผมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เดี๋ยวจะต้องมาไล่อ่านหาคำผิดเพื่อแก้ครับ ผมว่านิยายที่ใช้คำที่ถูกต้องน่ะเวลาอ่านมันได้อรรถรสมากกว่า

อา....ปวดไหล่ชะมัด

ตอนนี้คนนวดไหล่ยังไม่กลับครับนางมีเรียน ช่วงนี้บ่นอิดออดด้วยว่างานเยอะมาก ควิซก็มีงานคณะก็ต้องทำ นางหอบหนังสือหอบชีทมากองไว้ที่ห้องผมเต็มไปหมด เมื่อคืนนี่ก็นั่งทำรายงานยันเช้า แล้วก็ต้องลากสังขารไปเรียนต่อ ช่วงอาทิตย์นี้ยังนอนไม่ถึง 20 ชั่วโมงเลยมั้ง

น่าสงสารสุดๆอ่ะ

แล้วที่หนักหนาเข้าไปอีกคือนางเป็นทีมสันทนาการของวิศวะ ก็ต้องเป็นคนที่เตรียมกิจกรรมรับน้อง นอกนั้นก็ต้องไปประชุมงานของดาวเดือนด้วยครับ เพราะว่าหลังจากที่รับน้องเนี่ยะอาทิตย์ต่อไปมันจะประกวดดาวเดือนต่อ นางเป็นเดือนวิศวะไงก็เลยต้องไปดูแลน้องเดือนของตัวเอง พวกดาวเดือนคณะของปีนี้นี่ก็ยุ่งๆอยู่ครับ มันเป็นช่วงอบรมและเดี๋ยวมีต้องไปเก็บตัวก่อนประกวดด้วย ที่ผมรู้นี่เพราะว่าไอ้เป้มันมาบ่นให้ฟังครับ ผมก็ได้แต่ตบไหล่มันเบาๆแล้วบอกให้ทำใจนะ

ไงล่ะ นี่แหละกู๊ดเฟรน

“ เรียบร้อย ” ผมกดลงนิยายในเว็บเสร็จแล้วครับ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ พี่ขุนมันคงเลิกแล้วล่ะเพราะว่ามันนี้มีเรียนแค่คลาสยาวคลาสเดียว แต่ไม่รู้ว่าจะมีไปทำงานอื่นต่ออีกรึเปล่า ไม่ได้โทรหรือไลน์มาบอกผมด้วย

ตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ

คิดถึงจัง

ผมปิดโน้ตบุ๊คก่อนจะคลานขึ้นมาบนเตียง ผมว่าผมกำลังจะกลายเป็นคนติดแฟนแน่เลยว่ะ ห่างนิดเดียวก็รู้สึกคิดถึงละ แต่ว่ามันก็อาจจะปกติของคนเป็นแฟนกันก็ได้นะครับ คิดถึงกันก็ไม่น่าจะแปลก อีกอย่างเวลาที่เราอยู่ด้วยกันส่วนมากก็นั่งทำกันแต่งานอ่ะ พี่มันมานอนนี่ทุกคืนเลยนะครับแต่แบบพอเช้าก็แยกกันไปเรียน กลับมาก็ค่ำละ แล้วก็ต้องมาทำงานต่อ บางวันผมหลับไปก่อนพี่มันกลับห้องด้วยซ้ำ แล้วพอตื่นมาก็จะวนเข้าลูปเดิม

อยากจะหลุดพ้นช่วงเวลานี้ไปเร็วๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู พี่ขุนกลับมาแล้วแน่เลย จะว่าไปนี่ก็ถือว่าพี่มันกลับมาไวอยู่นะ ดีจังอยากเจอหน้าจะแย่แล้ว พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบวิ่งมาเปิดประตู

ไม่ใช่แฟนผมว่ะ

“ มึงมาทำอะไรไอ้หมี ”

“ ทำไมเห็นหน้ากูละหุบยิ้มล่ะ เป็นแบบนี้กูเสียใจหน่า ” มันเบะปากก่อนจะยกมือขึ้นทำเป็นปาดน้ำตา

“ กลับไปเล่นหอมึงไป ” ผมบอกมันอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเหมือนเดิม ไอ้หมีมันก็ปิดประตูและเดินตามมาทิ้งตัวนอนลงข้างผม

“ พี่ขุนไปเรียนหรอ ”

“ ใช่....เอาหมอนมันมานี่ ” ผมแย่งหมอนพี่ขุนมาจากไอ้หมีที่หนุนอยู่ “ ห้ามหนุน ”

“ ทำเป็นหวง ” มันเบ้ปากใส่ผม ผมก็เอาหมอนที่แย่งมาตีหน้ามัน “ โอ้ยยยเจ็บนะ ”

“ สมน้ำหน้า ว่าแต่มึงมาทำอะไรที่นี่วะ ”

“ คือกูนอนไง แล้วก็ฝันร้ายอ่ะ ”

“ ฝันร้ายอีกแล้วหรอ ”

“ ใช่ แย่เนอะ ทำร้ายกูตอนนี้กลางคืนไม่พอยังจะทำร้ายกูตอนกลางวันด้วย ”

“ เมื่อไหร่มึงจะเล่าความฝันของมึงให้กูฟังวะ ”

“ สักวันนึงว่ะหนม....ใครโทรมาวะ ” ไอ้หมีมันล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา “ ว่าไงพี่กล้วย ”

ผมนอนมองด้วยความสงสัย อยากรู้เรื่องฝันร้ายของมันมากครับ เรื่องนี้มันคาใจผมมาตั้งนานแล้วด้วย ฝันนี่มันฝันเห็นอะไรน่ากลัวหรอ ฝันว่าตกจากที่สูงอะไรทำนองนี้ป้ะวะ แล้วจากอาการไอ้หมีนี่คือฝันแบบนั้นทีก็สติกระเจิงนอนต่อไม่ได้ แถมยังต้องเร่ร่อนไปหาคนนอนด้วยถึงจะนอนได้ ใช้ชีวิตแบบนี่โคตรทรมานอ่ะเอาจริงๆ

ดีแค่ไหนที่มันไม่เป็นบ้ามากไปกว่านี้

“ ตอนนี้เลยหรอ โอเคก็ได้งั้นเจอกันเด้อ ” ไอ้หมีมันกดวางสายก่อนจะหันมาหาผม “ กูไปหาพี่กล้วยก่อนนะ ”

ผมพยักหน้ารับ “ ถ้ามีไรก็โทรหากูละกัน ”

“ ได้เลย ไปละบับบุยนะ ” มันส่งจุ๊บให้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ขนลุกว่ะ

ผมลูบแขนตัวเองเบาๆ ถึงไอ้หมีมันจะเป็นเพื่อนก็เถอะแต่เวลามันทำอะไรแบบนี้ผมก็ขนลุกตลอดเลยว่ะ ไม่ใช่แค่ไอ้หมีนะครับกับเพื่อนคนอื่นผมก็เป็น มีแค่กับพี่ขุนเท่านั้นแหละที่ผมไม่ได้รู้สึกขนลุกอ่ะ แถมยังชอบใจอีกต่างหาก ก็แฟนนี่นะใครจะไม่ชอบล่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมหันมองทางประตูที่มีเสียงเคาะ ไอ้หมีมันย้อนกลับมาเอาอะไรรึเปล่าวะ พักนี้ยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วยนะมันอ่ะ ผมลุกเดินจากเตียงก่อนจะไปเปิดประตูให้ ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ไอ้หมีครับ

แฟนผมเอง

“ อื้อออ..อ....หนม ” พี่ขุนเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะก้มหน้าซุกไหล่ผมไว้ “ พี่จะตายแล้ว ”

“ ไหวไหมเนี่ย ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง จากน้ำเสียงนี่คงจะง่วงมากเลยล่ะครับ “ ไปนอนที่เตียงก่อนไป ” พอผมบอกแบบนั้นร่างสูงก็เดินมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงทันที

สภาพอิดโรยสุดๆ

ผมปิดประตูก่อนจะเดินตามมา พี่ขุนนอนแผ่อย่างคนหมดแรง สงสัยวันนี้จะเจอมาหนักสภาพถึงได้ใกล้ปางตายแบบนี้ ผมนั่งลงข้างๆก่อนจะยกมือไปลูบหัวพี่มันเบาๆ เจ้าตัวค่อยๆเลื่อนหัวขึ้นมาหนุนตักผมไว้ ใบหน้าขาวตอนนี้หม่นหมองอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ นี่นับว่าแปลกนะ เมื่อก่อนมันก็เคยเหนื่อยแบบนี้แต่ไม่เห็นมันจะหมองหนักขนาดนี้เลย

“ หนมครับ ”

“ หืม ”

“ พี่ง่วงนอน ”

“ ก็นอนสิ ”

“ นอนไม่ได้เพราะว่าต้องไปสันทนาการน้องตอนบ่ายสาม ” พี่มันเอามือผมไปแนบแก้มตัวเองไว้ “ พี่กลัวว่าถ้าหลับไปแล้วจะไม่ตื่น ”

“ เดี๋ยวหนมปลุกก็ได้นะเอาไหม นอนสักสองชั่วโมงก็ยังดี ”

“ พี่ไม่ตื่นหรอก ” พี่มันอมยิ้มมองผม “ พี่ว่ามีวิธีดีดีที่จะเรียกสติพี่ได้อยู่ ”

“ วิธีอะไรล่ะ ”

“ จูบ ”

ผมมองพี่มันตาปริบๆทันทีที่ได้ยินคำว่าจูบ สีหน้าคนที่นอนอยู่บนตักตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะจริงจังมากเลยนะครับ จริงอยู่ว่าผมอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งอาทิตย์ แต่ว่านอกจากกอดกับหอมแก้มก็ไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น มีวันนี้นี่แหละที่พี่มันมาพูดถึงเรื่องจูบเนี่ยะ ผมก็รู้อยู่หรอกว่ายังไงมันก็ต้องมีวันที่จูบกันแต่ไม่คิดว่าจะเป็นวันนี้และตอนนี้

เอาไงดี

“ นะครับ นะ ” พี่มันบอกเสียงอ้อนก่อนเอาจมูกถูบนหลังมือผมเบาๆ “ พี่จะตาสว่างเลยแหละ ”

“ เชื่อได้ป้ะเนี่ย ” ผมหรี่ตามองพี่มัน ไม่ใช่ว่ามาทำเป็นจะตายเพื่อหาเรื่องจูบผมหรอกนะ

“ เชื่อได้สิครับ จูบพี่หน่อยนะ ”

“ เอางั้นก็ได้ แต่พี่ต้องหลับตานะ ห้ามมอง ” ถ้ามันมองผมมีหวังผมคงได้เขินตาย

“ ได้ครับ ” พี่มันหลับตาลง

ผมมองใบหน้าหล่อที่ตอนนี้หลับตารอรับจูบจากผมอยู่ ใจเต้นแรงชิบ ผมค่อยๆก้มหน้าลงไปใกล้พี่มันเรื่อยๆ ก่อนจะแตะริมฝีปากปากนั่นเบาๆ เจ้าตัวเผยยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ชอบใจสินะ แค่เอาปากแตะกันแค่นี้เองแท้ๆ ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกหลายอย่างเลยวะ ที่แน่ๆคือรู้สึกดีมากๆ มันรู้สึกดีจริงๆ ในขณะที่ผมกำลังจะขยับออก มือเรียวของพี่มันก็กดท้ายทอยของผมไว้ก่อนที่ลิ้นร้อนจะแทรกเข้ามาในปาก

เดี๋ยวนะพี่ขุนมึงทำอะไรเนี่ย

ผมพยายามเอารั้งหัวออกแต่ก็สู้แรงจับของพี่มันไม่ได้ พี่มันยังไล่ลิ้นคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากลิ้นผม อื้ออออ....อ....มันให้ความรู้สึกแปลกๆอ่ะ จูบแลกลิ้นมันเป็นแบบนี้เองสินะ เคยอ่านแต่ในนิยาย ไม่รู้เลยว่าของจริงมันจะให้ความรู้ที่แตกต่างกันมากถึงขนาดนี้ ผมตีแขนพี่มันเพื่อเป็นการบอกให้มันพอได้แล้ว ไม่รู้ว่าพี่มันจูบผมนานแค่ไหนแต่ว่าเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้วครับ

จะมาขาดใจตายเพราะถูกจูบไม่ได้นะขนม

“ อืมมม..ม....” พี่มันละจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง “ สุดยอดเลย ” ใบหน้าหล่อยิ้มหวานทันที

ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีก่อนจะตีไหล่พี่มันแรงๆ “ สุดยอดหน้าพี่สิ หนมเกือบขาดอากาศตายแล้ว ” ผมจ้องพี่มันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

“ อื้ออ.อ.อ...” พี่มันยกมือขึ้นมากุมแก้มผมไว้ “ พี่ขอโทษนะครับมันลืมตัวไปหน่อยอ่ะ ก็อดทนมาตั้งนาน ”

ตึกตัก

ทำหน้าอ้อนๆแบบนั้นกูก็ใจสั่นหมดสิ

“ พี่มันบ้า ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะหันหนี พี่มันลุกขึ้นมานั่งมองผม “ มองอะไรวะ ”

“ ฮื้ออ..อ.อ...น่ารักจังเลย ” พี่มันยิ้มหวานก่อนจะโถมตัวเข้ามากอดผมจนผมเอนล้มลงไป มีแฟนตัวใหญ่กว่านี่ก็ลำบากเหมือนกันนะครับ เวลาแบบนี้นี่สู้แรงแม่งไม่ได้เลย

“ ปล่อยเลยไม่ต้องมากอด ” ผมทำเสียงขุ่นใส่คนที่เอาคางวางไว้บนอกผม “ ไม่ต้องมายิ้มด้วย ”

พี่ขุนมันทำเป็นมองตาใสใส่ผม “ หนมงอนพี่หรอ ”

“ ยังจะมาถามอีก ”

“ งอนพี่ทำไมอ่ะครับ ” มันทำเสียงอ่อยก่อนจะเอาหน้าไถๆอยู่แถวหน้าอกผม ไอ้บ้านี่ มันจั๊กจี้นะไอ้สัส

“ อื้ออ.อ.อ...อย่า ” ผมจับหัวมันออกจากอกก่อนจะดึงแก้มขาวแรงๆ “ พี่แม่งเจ้าเล่ห์ ”

“ ช่ายยยยยยย พี่เป็นคนเจ้าเล่ห์ กว่าจะทำให้หนมรักพี่ได้นี่ก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมไปเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ ” นางว่าแล้วนางก็หัวเราะลั่น

น่าหมั่นไส้จริงๆ

ผมอมยิ้มมองพี่ขุนที่สภาพตอนนี้ดูโอเคกว่าตอนแรก อาการง่วงๆหายไปแล้วครับ นี่หายง่วงเพราะจูบจริงๆอ่ะ คนแบบนี้ก็มีในโลกด้วยหรอวะ แต่ผมก็แอบสงสัยอยู่ในใจลึกๆนะว่าไอ้อาการที่มันแสดงนั่นมันเรียลรึเปล่า ยิ่งมาบอกว่าตัวเองเจ้าเล่ห์ด้วย คิดแล้วปวดประสาทชะมัด พอๆเลิกคิด คิดไปก็ไม่ช่วยอะไรแถมยังเอาจูบกลับคืนมาไม่ได้ด้วย หลังจากนี้ผมก็คงทำได้แต่ระวังเนื้อระวังตัว แต่ว่าคนเป็นแฟนกันทำอะไรแบบนี้ก็ไม่แปลกหนิ

รู้สึกสับสนในตัวเองจังวะ

“ ทำไมคิ้วขมวดแบบนั้นล่ะครับ ” พี่มันจิ้มตรงกลางระหว่างคิ้วผม “ คิดอะไรอยู่หรอ ”

“ เปล่าหรอก ” ผมบอกปัดพี่มันไป “ หนักเนี่ยะ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะมานอนทับ ”

“ โอ๋ๆๆๆ ไม่ทับแล้วก็ได้ ” พี่มันลุกออกจากตัวผมก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า “ เห้ยยยย กางเกงตัวนี้มันกลับมาได้ยังไง ” มือเรียวชูกางเกงบ๊อกเซอร์สีเหลืองของผมให้ดูพลางส่งสายตาอำมหิตมาให้ผมด้วย

ผมตีหน้าซื่อใส่ทันที “ ไม่รู้สิ ” ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปครับ พี่มันจะได้ไม่ดุ

“ มันกลับมาเองงี้ ”

“ คงงั้นมั้ง ”

“ งั้นไม่เป็นไรครับ ” พี่มันยิ้มหวานให้ผมก่อนจะหยิบไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา “ ในเมื่อเอาไปทิ้งแล้วยังกลับมาเองได้ พี่ก็จะเผามันให้มอดซะ ”

“ เห้ยเดี๋ยวพี่ขุน ” ผมรีบวิ่งไปคว้ากางเกงตัวนั้นมาทันที พี่แม่งจิตใจโหดเหี้ยมมากอ่ะ กะอีแค่กางเกงตัวน้อยๆยังจะเผาได้ลงคอ

“ เอามาให้พี่เดี๋ยวนี้ ”

ผมส่ายหน้ารัวๆทันที “ ไม่เอา ”

“ ดื้อกับพี่หรอ....ใครโทรมาวะ ” มือเรียวล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “ เดี๋ยวพี่จะมาทุบเรา.....โทรมาทำห่าไรตอนนี้ไอ้สัสหยัม ” พี่มันโวยวายใส่ทันที ขอบคุณพี่สยามนะครับที่ช่วยต่อชีวิตกางเกงน้อง

ผมรีบเอากางเกงไปซ่อนในที่ปลอดภัยทันที ไม่ได้ครับเดี๋ยวพี่มันเอาไปทิ้งอีกรอบ ไม่ดิ่รอบนี้มันบอกว่าจะเผาอ่ะ ผมไม่คิดว่าพี่มันจะเอากางเกงผมไปทิ้งจริงๆแบบที่พูดนะแต่ผมคิดผิดไง พอกลับมาถึงวันแรกก็มาจัดแจงแยกประเภทเสื้อผ้าผมอย่างเมามันส์เลย กางเกงตัวไหนสั้นเกินทิ้ง เสื้อตัวไหนบางไปก็ทิ้งเหมือนกัน เสื้อคอกว้างก็ต้องใส่เฉพาะในห้องเท่านั้น กางเกงยีนส์ขาดตรงขาอ่อนก็ไม่ให้ใส่และอีกบลาๆๆๆๆ

นางห้ามยิ่งกว่าพ่อผมอีกอ่ะ

“ มึงมันเลว ” พี่มันทำหน้าบึ้งเดินเข้ามาในห้อง “ เออกูจะรีบไปแค่นี้ไอ้เชี่ยยย ”

“ พี่สยามมีอะไรหรอ ”

“ มันเลื่อนเวลาสันทนาการให้ไวขึ้นอ่ะสิ ตอนแรกบ่ายนัดบ่ายสามแม่งเลื่อนมาเป็นบ่ายโมง ”

ผมหันมองนาฬิกาทันที “ อีกห้านาทีจะไปทันหรอ ”

“ ไม่ทัน แม่งให้พี่ไปซื้อไม้กลองด้วยเนี่ยะ ”

“ งั้นพี่ก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวมันจะช้ามากกว่านี้ ”

“ ไอ้สยามมันอยากให้เราไปถ่ายรูปงานสันฯวันนี้ให้หน่อย แต่พี่ไม่อยากให้เราไปเลย ”

“ ทำไมอ่ะ ” กลัวผมเหนื่อยรึเปล่านะ อาจจะใช่ วันนี้เป็นหยุดของผมไง ผมควรได้พัก

“ พี่หวงอ่ะ เด็กวิศวะมันร้ายกาจจะตาย แฟนพี่น่ารักขนาดนี้ต้องตกเป็นเป้าสายตาแน่เลย ”

ตึกตัก

แม่งเอ้ยย

ผมนั่งลูบหน้าตัวเบาๆเพื่อไล่ความร้อน ที่ไม่อยากให้ไปเพราะอย่างนี้นี่เอง หลังจากที่พี่มันงอแงอยู่แปปนึงมันก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ก่อนจะส่งมาให้ผม มันเป็นกางเกงยีนส์เข่าขาดสีดำกับเสื้อยืดแขนยาวสีเทา นี่คงจะหมายความว่าให้ผมไปเปลี่ยนชุดสินะ แม่งเลือกเสื้อผ้าให้ผมโดยที่ไม่ดูสภาพอากาศเลย ผมรับเสื้อผ้ามาก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ไม่อยากจะยอมแต่ก็ต้องยอมครับ

แพ้ทางอ่ะต่อต้านไม่เคยจะได้

คือเอาจริงๆการอยู่ด้วยกันนี่ก็ต่างคนต่างยอมนะครับ พี่มันก็ยอมผมในหลายๆเรื่องเหมือนกัน อย่างผมเนี่ยะจะถูกพี่มันห้ามมากๆก็เรื่องการแต่งตัวครับ ส่วนผมจะห้ามมันมากๆก็เรื่องสูบบุหรี่ ช่วงนี้มันสูบบุหรี่หนักมาก มันก็พยายามสูบไม่ให้ผมเห็นนะ แต่แบบบางทีกลิ่นมันติดมาคลุ้งมากเลย ผมไม่ได้จะห้ามว่าไม่ให้สูบเลยหรอกครับแต่ว่าอยากให้เพลาๆลงหน่อย เป็นห่วงมันครับไม่ใช่อะไร

มันจะได้มีชีวิตอยู่กับผมไปนานๆ

“ หนมครับเร็วหน่อยยยย ไอ้หยัมไลน์มาด่าพี่แล้ว ”

“ เออรู้แล้ว ”

“ พูดไม่เพราะ ”

“ รู้แล้วครับ ”

เรื่องนี้ก็ต้องยอม


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 19 ----------


ตึกวิศวะกรรมศาสตร์

ผมถือกล้องเดินตามหลังพี่ขุนอยู่ต้อยๆ ได้ยินเสียงกลองแว่วดังเข้ามาด้วยครับ นี่มาเลทไปเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ เชื่อได้เลยครับว่าพ่อหนุ่มหัวเทาสุดหล่อในเสื้อช้อปสีน้ำเงินเข้มนี่จะต้องตกเป้าสายตาของเด็กเป็นร้อยแน่นอนเมื่อถึงลานเกียร์ ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ นี่รู้ได้ด้วยสัญชาติญาณเลยครับ เนี่ยะลานเกียร์อยู่ตรงหน้า ผมว่านับถอยหลังรอได้เลย

สาม

สอง

หนึ่ง

“ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”

นั่นไง

ทันทีที่พี่ขุนมันปรากฏตัวต่อสายตาของชาววิศวะเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นในทันที เห็นไหมผมคิดอะไรไม่เคยผิดเลย ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบด้วยนะครับว่าพาแฟนมาด้วย มีคนบอกว่าผมน่ารักด้วย ควรจะชมว่าหล่อสิไม่ใช่น่ารัก นี่คิดว่าตัวเองหล่อขึ้นนะตั้งแต่เปลี่ยนลุคอ่ะ ทำไมชอบบอกว่าผมน่ารักกันจังเลยวะ

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

ทำไมถึงมาช้าล่ะครับ ” พี่สยามถามพี่ขุนผ่านทางโทรโข่ง บรรดาเพื่อนๆพี่มันนี่ก็ได้แต่มองละก็เบ้ปาก

“ น่าจะรู้อยู่แก่ใจไหมเพื่อนหยัมว่าทำไมเพื่อนขุนถึงมาช้า ” พี่มันเอ่ยเสียงขุ่น

“ น่าอิจฉาว่ะ เขาพกแฟนเขามาด้วย ”

“ วิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ” สิ้นเสียงพี่แซวจากพี่ก้องเสียงแซวหนักๆจากพวกปี 1 ก็ดังมา พี่ขุนมันก็ยิ้มหวานให้ ส่วนผมนี่ก็หลบอยู่ด้านหลังพี่มัน

เขินครับ สั้นๆเลย

“ มาช้าแบบนี้ต้องโดนลงโทษนะ ” พี่ชาเอ่ยขึ้นมาอย่างมึนๆก่อนจะหันมองทางพวกปีหนึ่ง “ คนมาช้าต้องถูกทำโทษใช่ไหมน้องๆ ”

“ ช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ” ตอบเป็นเสียงเดียวกันเชียว

รอดยากว่ะพี่ขุน

“ เห้ยยยไม่เอาดิ่ ก็พวกมึงอ่ะเพิ่งบอกกูตอนกี่โมง แล้วไหนจะใช้ให้ไปซื้อไม้กลองอีก ”

ไม่รู้ไม่ชี้ มาช้าก็ต้องโดนทำโทษ ” พี่สยามยักคิ้วให้พี่ขุนพร้อมกับยิ้มอย่างเหนือกว่า “ ไปด้านหน้าเลย

“ พวกมึงนี่มัน สารเลว ” พี่มันด่าก่อนจะหันมาหาผม “ ไปอยู่กับพวกไอ้แกงไป ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินมายืนข้างๆพี่แกง

ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าน้องๆปี 1 ปากก็ยิ้มหวานให้น้องๆนะครับแต่ในใจมันนี่คงจะแบบหัวเสียน่าดู ผมว่านะพวกพี่สยามอ่ะตั้งใจที่จะแกล้งมันตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ อยากรู้อ่ะว่าพี่มันจะโดนลงโทษยังไง อัดวิดีโอไว้ดีกว่า โอกาสแบบนี้ไม่มีให้เห็นง่ายๆครับ

เดี๋ยวเอาไว้แหย่พี่มัน

“ จะสั่งทำโทษอะไร ” พี่มันยืนเท้าเอวมองอย่างเอาเรื่อง ผมเห็นมีรุ่นน้องเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันกันเต็มเลยครับ คนของสาธารณะที่แท้ทรู

ก็ไม่มีไรมาก ก็คิดว่าจะให้เต้น

“ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ” เสียงกรี๊ดดังมาอีกระลอก เอออยากเห็นพี่มันเต้นเหมือนกันนะว่าจะออกมาเป็นยังไง ผมว่าที่พี่มันจะเต้นในวันนี้มันจะต้องเป็นที่ฮือฮามากแน่ๆเลยว่ะ

“ มึงจะให้กูเต้นอะไร ”

“ กล้วยทับบบบบบ!!!!!! ” เสียงตะโกนคุ้นหูดังออกมาจากแถวจนใครหลายคนต้องหันมอง

เสียงนั้นถ้าผมจำไม่ผิดมันคือเป็นเสียงของลันตาครับ เราเคยกินเหล้าด้วยกันอยู่ครั้งนึง ไอ้หมีมันลากลันตามากินโต๊ะเดียวกับผมไงก็เลยรู้จักกัน ไม่คิดเลยว่าลันตาจะกล้าตะโกนขอเพลงออกมา พี่ขุนมันก็ทำหน้ายักษ์ใส่คนขอเพลงทันที ใบหน้าหวานก็ยิ้มแฉ่งไม่สะทกสะท้าน เด็กวิศวะคนอื่นๆก็ดูเห็นดีเห็นงามกับเพลงกล้วยทับนะครับ ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่เลย

งั้นเอากล้วยทับ

“ โหยยยยยอะไรวะ ”

ตั้งท่ากล้วยทับเร็วๆ

“ พวกมึงนี่มัน ” พี่ขุนมันนั่งลงคุกเข่ากับพื้นก่อนจะเอาแขนยันพื้นไว้ด้านหลัง “ เลววววววว ”

กล้วยทับพร้อมมม ” พี่สยามสั่งน้องๆ พี่ชาก็ประจำที่อยู่หน้ากลองเพื่อรอตี

ตื่นเต้นว่ะเห็นแค่ตั้งท่าก็ตื่นเต้นละ

“ พร้อมมมมมม ”

สาม....สี่....กล้วยทับ กล้วยทับ กล้วยทับ

ผมยกมือลูบแก้มทันทีที่เห็นพี่ขุนมันเริ่มโยกเอว มันทั้งตลกและก็ทั้งเขินว่ะ พวกปี 1 นี่ดูชอบใจกันมากเลยนะครับ เสียงกรี๊ดกับเสียงร้องเพลงนี่ปนกันใหญ่ พี่สยามร้องเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกพี่ขุนมันก็ต้องโยกเอวให้เร็วขึ้นตาม

ฮ่าๆๆๆๆตลกอ่ะ

แม่งเป็นการลงโทษที่สุดยอดจริงๆ

ใส่เกลือใส่น้ำตาลนิดหน่อยอร้อย อร่อย กล้วยทับ กล้วยทับ.....กล้วยทับ กล้วยทับ กล้วยทับ

“ แรปหรอไอ้สัส ” คนที่เต้นอยู่ตะโกนด่าไปด้วยแต่เอวก็ยังขยับไม่หยุดเลยนะครับ เห็นแล้วใจบางมากเลยว่ะ

นี่ผมมีแฟนเอวดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย

กล้วยทับอร้อย อร่อย ใส่เกลือใส่น้ำตาลนิดหน่อยอร้อย อร่อย กล้วยทับ กล้วยทับ.....ปรบมือให้พี่ขุนศึกของเราด้วยครับ ” พี่สยามร้องท่อนสุดท้ายจบก่อนจะบอกให้น้องๆพากันปรบมือ

แปะๆๆๆๆ

ผมนี่ก็ปรบมือแบบแมวน้ำเลยครับ ตื้นตันใจและรู้สึกโชคดีมากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ พี่ขุนมันลุกขึ้นมาก่อนจะเสยผมสีเทาที่ปรกหน้ามันไปทีนึง เชื่อไหมว่ากับอีแค่เสยผมอ่ะเด็กแม่งก็กรี๊ดกันจนลานจะแตก เท่าที่ฟังนี่เสียงกระเทยนะครับเพราะว่าคณะนี้ผู้หญิงมีน้อยไง หลังจากจบการเต้นกล้วยทับของคนหล่อประจำคณะพี่สยามก็เริ่มทำกิจกรรมต่อ ส่วนพี่ขุนมันหันไปยิ้มหวานให้น้องๆก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆผม

แบบนี้นี่ต้องแซวสินะครับ

ผมหรี่ตามองพี่มันแล้วอมยิ้ม “ เอวดีจังเลยนะพ่อหนุ่ม ”

“ ถ้าอยู่บนเตียงเอวจะดีได้มากกว่านี้อีกครับ ”

ตึกตัก

ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนแซวเองเลยวะ

“ พี่พูดอะไรเนี่ยะ ”

“ พี่พูดความจริง ” พี่มันก้มลงมากระซิบข้างหูผม “ อยากลองไหมล่ะ ”

ผมส่ายหน้ารัวๆทันที “ ยังไม่อยาก ”

 “ ว้า เสียดายจัง ” พี่มันทำแก้มป่องก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวผม “ อยากให้อยากสักทีอ่ะ พี่อ่ะอยากจนจะเป็นบ้าแล้ว ”

ผมยืนมองพี่มันตาปริบๆ ผมไม่ได้บ้องแบ๊วเกินจะไม่รู้ถึงความหมายของสิ่งที่มันพูดนะครับ ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดีเหมือนกัน ผมรู้สึกแค่นี้ตอนนี้ตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ใจนึงก็สงสารพี่มันนะครับ มันอดทนมาตั้งหลายเดือน บางทีที่ตอนนี้พี่มันดูหม่นหมองมากๆนี่ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้นะ มันคงถึงลิมิตของตัวเองแล้วแหละ

เอายังไงดีล่ะขนม

เห้ยตรงนั้นอ่ะ อย่ามาหวานกันให้มาก ชาวบ้านชาวช่องเขาอิจฉา

พี่สยามนี่มันจริงๆเลย....





หอ K2

หลังจากที่จบกิจกรรมสันฯของวิศวะผมก็กลับมาเคลียร์รูปที่ห้องครับ แต่ว่าพี่ขุนมีประชุมต่อ นี่ก็จะสองทุ่มละนางยังไม่กลับมาเลย ได้รู้กำหนดการณ์มาว่าวิศวะจะรับน้องใหญ่วันมะรืนนี้ รับก่อนคณะผมด้วย เดี๋ยววันที่วิศวะรับน้องผมก็ต้องไปตามถ่ายรูปให้อีกพี่สยามเขาขอร้องมาครับ ต้องได้เจอไอ้ขันแน่ๆวันนั้น ตั้งแต่ที่กลับมาจากชะอำผมยังไม่เจอหน้ามันเลย ถ้าเจอนี่คงจะต้องโดนด่าดีไม่ดีโดนทุบด้วย

หวั่นใจจริงๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ เข้ามาเลยไม่ได้ล็อค ” สิ้นเสียงตะโกนบอกของผมร่างบางเจ้าของผมสีทองก็เดินเข้ามาในห้อง ไอ้หมีเองครับไม่ใช่ใคร ในมือถือของมาเต็มเลยด้วย

“ พี่กล้วยเขาฝากขนมมาให้มึงอ่ะ ” มันบอกก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ

“ ฝากขอบใจเค้าด้วย ”

“ ได้เบย ” ไอ้หมีมันเดินมานั่งลงข้างๆผม “ ทำไรวะ ”

“ เคลียร์รูปที่ไปถ่ายงานสันฯวันนี้อ่ะ ”

ไอ้หมีมันเบะปากใส่ผม “ ทำไมไม่ชวนกู ”

“ ก็มึงไปหาพี่กล้วย แต่ถึงไปมึงก็ไม่เจอไอ้ขันหรอกมันไม่อยู่ ”

“ อ๋อ งั้นแล้วไป เป็นไงบ้างล่ะงานสันฯของวิศวะสนุกไหม ”

“ ก็ดีนะ พี่ขุนมันไปช้าก็เลยโดนลงโทษให้เต้นกล้วยทับ กูถ่ายคลิปมาด้วย เอวนี่โคตรดีอ่ะ ”

“ ก็ต้องเอวดีดิ่ นั่นนัก*เจ็ดราตรีเลยนะ ว่าแต่มึงเถอะ ” ไอ้หมีมันจับแก้มผมให้หันมามองมัน “ โดนสอยไปแล้วรึยัง ”

“ บ้า โดนสอยอะไรมึง ” ผมปัดมือมันออก “ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นอ่ะ ”

“ โหอะไรวะ กูนึกว่ามึงจะเสร็จพี่ขุนตั้งแต่วันแรกละ พี่แม่งใจเย็นชิบหายถึงว่าช่วงนี้หน้าตาซีดเซียวอย่างกับคนโดนของ ”

ผมนั่งประมวลผลสิ่งที่ไอ้หมีพูดให้ฟัง แปลว่าไอ้ที่ผมคิดว่าที่มันหม่นหมองเพราะไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นมันก็จริงน่ะสิ พอเป็นแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะเอาไงต่อหนักเข้าไปใหญ่ ถ้าพี่มันไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นไปเรื่อยๆมันจะโทรมมากกว่านี้อีกหรอวะ คิดแล้วก็สงสารว่ะ ถึงว่าพักหลังมานี่พูดจาสองแง่สองง่ามบ่อยๆ มันทนไม่ไหวแล้วนี่เอง

เอาไงดีหนมเอาไงดี

“ กูว่าพี่ขุนมันทนต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ ”

“ พี่มันทนไม่ได้มาตั้งนานแล้ว ดูก็รู้ ช่วงนี้บ่นว่าปวดข้อมือป้ะล่ะ ”

ผมพยักหน้ารับ “ มึงรู้ได้ไง ”

“ ก็แหม มีแฟนแต่มีอะไรกับแฟนไม่ได้พี่มันก็ต้องพึ่งมือตัวเองน่ะสิ ”

ฉ่า

งี้นี่เอง

“ อา.....” ผมยกมือลูบหน้าไล่ความร้อนออกไป “ กูควรทำยังไงดีวะหมี ”

“ มึงรักเค้า มึงมีอะไรกับเค้ากูว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะอีกอย่างมึงพี่ขุนเค้าก็รักมึงมากอ่ะเค้าได้มึงไปเค้าก็ไม่ทิ้งมึงหรอก ”

“ ถ้าทำแบบนั้นมันต้องเจ็บมากแน่ๆเลยว่ะ ”

ไอ้หมีมันยกมือขึ้นมาแตะไหล่ผมเบาๆ “ เจ็บมาก ” น้ำเสียงที่จริงจังแบบนั้นมันคืออะไรวะ

“ มึงเคยโดนแล้วหรอ ” ผมทำเป็นเนียนถามมันไปต่อ จากเกมหมุนขวดมันไม่ได้บอกนะครับว่าตัวเองซิงรึเปล่า เพราะงั้นต้อนๆมันไป

“ ถ้าไม่เคยกูจะรู้ได้ยังไงว่ามันเจ็บ ”

“ แล้วใครวะที่ทำให้มึงเจ็บ ”

มันหรี่ตามองผม “ ไม่ต้องมาเนียนถามเลย ”

“ ไหนๆบอกจะหมดอยู่ละ บอกให้หมดเลยไม่ได้หรอวะ ”

“ ไม่ เรื่องของกูคือเรื่องของกู มึงไม่ต้องกังวลเรื่องเจ็บหรอกมันเจ็บแค่ช่วงแรกๆอ่ะ เดี๋ยวมันก็เสียว อีกอย่างมึงทำกับคนที่มึงรักอ่ะยังไงมันก็ดี ” มันเอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนลง ดวงตาฉายแววเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้เศร้าแค่ดวงตาสิแต่เป็นทั้งสีหน้าเลย

พอเป็นแบบนี้แล้วอยากรู้เข้าไปใหญ่เลยว่าใคร

“ กูถามอะไรอีกอย่างได้ป้ะหมี ” ผมยกมือแตะไหล่มันบ้าง “ มึงเสียตัวตอนไหนวะ อายุเท่าไหร่ ”

“ กำลังจะขึ้นม.5 อายุประมาณ 16 ”

“ โอเคกูไม่อยากรู้อะไรละ มึงก็ยิ้มดิ่อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ได้ไหมวะ ” ผมดึงแก้มสองข้างมัน รู้ว่าเศร้าแต่ไม่เอาอย่าทำหน้าแบบนี้เลยว่ะ เพื่อนฝูงใจคอไม่ดีเลย

“ หึ....มึงนี่ตลกจริงๆเลยหนม ” ไอ้มือมันยิ้มบางๆก่อนจะขยี้หัวผม “ อย่าลืมให้พี่ขุนเค้าใส่ถุงยางล่ะ เพราะถ้าสดเนี่ยะมันจะทำความสะอาดยากแล้วเดี๋ยวมึงก็อาจจะไม่สบายได้ เดี๋ยวกูไปบอกพี่ขุนเองดีกว่า ”

“ ไม่เอาๆ เดี๋ยวกูบอกเอง ” ขืนมึงไปบอกแบบนั้นพี่ขุนมันคงรีบกลับมากระโจนใส่แล้วปู้ยี่ปู้ยำกูแน่ๆ

“ กูว่ามึงน่าจะเสียตัวประมาณสัก....หลังรับน้องก็ดีนะ มีเวลาให้มึงทำใจบอกลาพรหมจรรย์หลายวันอยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ”

ขำเชี่ยอะไรจะขนาดนั้นอ่ะ

ผมถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เอาก็เอาวะ เออเอาก็ได้ ถึงยังไงเรื่องแบบนี้มันก็ต้องเกิดขึ้นสักวันอยู่แล้ว นี่ผมก็แค่เลื่อนให้มันเข้ามาไวขึ้นก็เท่านั้นเอง ผมคิดว่ายังไงพี่ขุนมันก็ต้องอ้อนผมจนใจอ่อนได้อยู่ดีอ่ะ ขนาดจูบวันนี้ยังยอมเลย ถ้าคิดในแง่ดีเรื่องที่จะทำนี่มันอาจจะเป็นประโยชน์กับผมในการแต่งฉาก Nc นะครับ ใช่เราต้องคิดแบบนี้เพื่อความใจมา ผมจะได้ฮึกเหิมและก็ไม่กลัวถ้ามันจะเกิดขึ้น

เป็นกำลังใจให้หนมด้วยนะเหล่ารี้ดที่รัก

“ เอาน่ะเพื่อนรัก ” ไอ้หมีมันหันไปมองนาฬิกา “ เดี๋ยวกูไปละมีนัดว่ะ ”

“ เออ ขับรถดีดีนะมึง ”

“ บุยนะจ๊ะ ” มันยิ้มหวานก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ขุนเดินเข้ามาในห้องพอดี

“ มาไมวะ ” พี่ขุนถามไอ้หมี

“ เอาขนมมาฝากไอ้หนมมันน่ะ ไปละพี่มีนัด ” ไอ้หมีมันรีบวิ่งออกไปทันที ส่วนพี่ขุนก็เดินเข้ามาหาผม

“ กลับช้าจังอ่ะ ” ผมรั้งเอวพี่มันมาใกล้ก่อนจะเงยหน้ามองโดยที่คางตัวเองพิงอยู่กับหน้าท้องแน่นๆ

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานี่พี่มันไม่เคยถอดเสื้อให้ผมเห็นเลยนะ แต่รู้เลยว่าใต้เสื้อนี่ต้องแน่นมาก พี่มันก็ไม่เคยเห็นผมถอดเสื้อเหมือนกัน คือเวลาที่เราอาบน้ำเนี่ยะเราจะเอาชุดไปใส่ด้วย มันก็เลยยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปร่างของกันและกัน ตลกว่ะ แม่งเป็นแฟนกันแท้ๆแถมเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกต่างหาก

แต่ก็นะ เดี๋ยวหลังรับน้องก็ได้เห็นละ

“ ก็มันเสร็จช้าพี่ก็เลยมาช้า แต่ว่านี่รีบมาสุดๆแล้วนะ ” พี่มาลูบหัวผมเบาๆ “ กินข้าวรึยัง ”

ผมพยักหน้ารับ “ พี่อ่ะกินอะไรมารึยัง ”

“ ยัง แต่ว่าไม่หิวอ่ะพี่ง่วงมากกว่า ” เจ้าตัวว่าพลางหาวไปด้วย

ผมคลายมือออกจากเอวพี่มัน “ งั้นไปอาบน้ำนอนไป พรุ่งนี้พี่ก็เรียนเช้าอีก มะรืนก็รับน้องละ ”

“ โอเคงั้นพี่ไปอาบน้ำก่อน เหนื่อยจริงๆ ” ร่างสูงเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมปิดโน้ตบุ๊คก่อนจะคลานขึ้นมานอนบนเตียงรอพี่ขุน มือก็คว้าโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลา ผมเปิดเข้าไปในไอจี จนถึงตอนนี้พี่มันก็ยังไม่ได้มาฟอลโลว์ไอจีผมนะครับ ผมก็ลงรูปมันต่อไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่คบกันนี่ก็มีคนแอดเฟซผมมาเยอะมากเลย ยอดฟอลในไอจีก็เหมือนกัน แฟนคลับพ่อขุนศึกเขาทั้งนั้นอ่ะ

โคตรคนของสาธารณะ

มีบ่อยครั้งนะครับที่ผมรู้สึกรำคาญพวกคอมเม้นต์แบบที่บอกว่าผมกับพี่มันไม่เหมาะสมกัน ใจนี่อยากจะเม้นต์ตอบว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเหมาะสม ใครเป็นคนกำหนดมัน ขึ้นชื่อว่าความรักเอาแค่ความรักพอ คนสองคนรักกันจะคบกันก็ไม่แปลก เอาจริงๆผมไม่สนใจคำพูดคนอื่นเลยนะอยากพูดอะไรก็พูด ก็ทำได้แค่พูดอ่ะ ผมนี่ไม่อยากมีปัญหาก็เลยปล่อยผ่าน และก็มีความสุขกับแฟนผมสองคน

นี่แหละวินเนอร์ที่แท้ทรู

หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักพี่มันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมานั่งทาครีมทาโลชั่นทาโน่นทานี่แม่งทั้งตัว เจ้าสำอางสุดๆ มีบังคับให้ผมทาโลชั่นด้วยนะ บอกว่าอยากให้ผมตัวนิ่มๆ ผมจะทำไงได้นอกจากตามใจ แต่ถ้าผมอาบน้ำก่อนที่พี่มันจะกลับมาผมจะไม่ทาเลยนะครับเพราะผมขี้เกียจ ไม่แปลกใจเลยไอ้ผิวขาวอย่างกับหยวกของพี่มันได้มายังไง แต่ถึงพี่ขุนจะขาวมากแต่ก็ยังขาวสู้พี่ชาไม่ได้นะ

บอกแล้วรายนั้นน่ะแดกกลูต้าไปทั้งโรงงาน

“ มองอะไรหืม ” พี่มันเหลือบมองผม

“ มองพี่ไง ”

“ มองทำไมล่ะ ” พี่มันลุกมาจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะทิ้งตัวนอนลงข้างๆผม

“ ก็มองเฉยๆ พี่นี่ดูแลตัวเองดีจริงๆเลยนะ ” ผมจับแขนพี่มันมาดมกลิ่นโลชั่น

“ จะได้หล่อๆไง ” มือเรียวรั้งผมเข้าไปกอด “ เวลาที่คนอื่นเห็นพี่เค้าจะได้อิจฉาหนมที่มีแฟนหล่อและแสนดีขนาดนี้ ” พี่มันบอกก่อนจะยิ้มหวาน ความอวยตัวเองนี้มันน่าหมั่นไส้จริงๆ

“ ขี้โม้ ” ผมเบ้ปากใส่

“ อื้ออ.อ.อ....อย่าเบ้ปาก ” พี่มันเอานิ้วจิ้มแก้มผม “ พี่จูบนะ ”

“ พอเลย ไม่ให้จูบแล้ว ” ผมยกมือปิดปากพี่มัน “ นอนดีกว่า ฝันดีนะ ” ผมหลับตาหนีทันที

“ เรานี่มันจริงๆเลยนะ ” พี่มันฝังจมูกลงบนแก้มผม “ ฝันหวานครับ ”

เสียงนุ่มๆนั่นทำให้รู้สึกดีจริงๆ พี่มันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ผมก็ซุกหน้าอยู่กับอกพี่มัน อุ่นจริงๆเลย อุ่นไม่พอแถมยังหอมด้วย เกิดเป็นหนมนี่โชคดีจริงๆเลย ผมคงต้องนอนก่อนแล้วครับ เหนื่อยจากงานวันนี้เหมือนกัน อีกอย่างพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้าด้วยเดี๋ยวจะไม่มีแรงตื่นเพราะงั้น.....

คร่อกกกก...ก...





“ อื้อออ.อ..อ.....” ผมควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆแต่ก็พบกับความว่างเปล่า “ พี่ขุน ”

พี่ขุนหาย

ผมผงกหัวขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆห้อง เห็นไฟห้องน้ำเปิดอยู่ครับ พี่มันคงไปเข้าห้องน้ำสินะ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดดูเวลา ตอนนี้ตีสามกว่าๆครับ ยังมีเวลานอนต่อสินะ ในขณะที่ผมกำลังจะหลับตาลงหูก็ได้ยินเสียงพี่ขุนแว่วๆดังออกมาจากห้องน้ำ

เป็นอะไรรึเปล่าวะน่ะ

ผมรีบลุกออกมาจากเตียงก่อนจะเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงที่ได้ยินมันชัดขึ้นกว่าตอนแรก พี่ขุนมันกำลังทำอะไรสักอย่างในนั้น ฉี่หรอ แต่ถ้าฉี่มันจะพึมพำออกมาทำไมวะ ผมเอาหูแนบประตูห้องน้ำเพื่อฟังเสียงให้มันแน่ใจอีกครั้ง

“ อื้มม.ม.....หนม....ซี๊ดด.ด.....”

ตึกตัก

เชี่ยยยยยยย

ผมยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงครางแหบๆนั่น ใจเต้นแรงมากเลยว่ะ พี่ขุนมันไม่ได้เป็นอะไรครับมันก็แค่กำลัง....นั่นแหละ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นแบบนี้ทุกคืนนะ โห รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายกับพี่มันหนักเข้าไปใหญ่เลย ก่อนที่พี่มันจะออกมาผมก็รีบย่องกลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม ไอ้ที่ง่วงๆนี่ตาสว่างเลยครับ แม่งโคตรประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเลยว่ะ ที่พี่เรียกชื่อผมออกมานั่นก็เพราะนึกถึงผมอยู่สินะ

หน้าร้อนสัสๆเลยอ่ะตอนนี้

ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา พี่มันคงจะจัดการตัวเองเสร็จแล้วล่ะครับ ผมรับรู้ได้ถึงแรงยวบของเตียงกับแรงกอดจากด้านหลัง ที่ข้างแก้มก็รู้สึกได้ถึงจมูกที่กดลงมา แหนะ มีมาแอบหอมแก้มตอนกูหลับด้วยนะ

นี่ต้องไม่ใช่ครั้งแรกที่มาแอบทำแน่ๆ

“ พี่รักหนมนะ ” พี่มันกดจมูกลงมาอีกทีนึง “ เป็นของพี่สักทีเถอะครับ ”

อยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆแต่ทำไม่ได้ ตอนนี้ต่อสู้กับตัวเองหนักมากครับ ฟังจากเสียงหายใจที่ดังสม่ำเสมอนั่นพี่มันคงหลับไปแล้วล่ะ เหลือแต่ผมเนี่ยะที่หลับไม่ลง นี่ต้องนอนถ่างตาจนเช้าเลยหรอวะ แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าพี่มันต้องอดทนมากขนาดไหนเพื่อผม แต่ว่าผมจะไม่ให้มันทนอีกแล้วครับ

อา....เจอกันหลังรับน้องละกันนะ

จะเตรียมตัวเตรียมใจ....อย่างดีเลย

สู้ๆนะหนม







TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เขิลลล 55
ปวดข้อไปเฮียขุน :o8:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 20 มหกรรมการรับน้อง



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



วันรับน้องของคณะวิศวะ

ขอบอกเลยว่าผมง่วงมาก

ตานี่จะปิด

ผมนั่งมึนอยู่ที่ลานเกียร์ คือพวกรุ่นพี่นี่ต้องมาเตรียมตัวกันเช้ามาก เช้าที่ว่าก็ตีสี่ครึ่งไง คือแบบนี่เพิ่งได้นอนเมื่อตอนตีสองเอง อยากจะด่าคนสั่งแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าคนสั่งคือพี่ขันไง ตั้งแต่ที่ผมคบกับขนมพี่ขันก็ไม่พูดอะไรเลยนะครับ ผมคิดว่าพี่เขาคงจะไม่พอใจอยู่แหละ แต่ว่าผมก็ทำตามที่พนันไว้อ่ะ พี่ขันก็พูดเองว่าจะไม่ขัดขวาง ผมว่าพี่เขาใจมากพอที่จะรักษาคำพูดครับ

นี่เชื่อแบบนั้นจริงๆ

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณตึกที่มืดมิดมีแค่แสงจากไฟข้างทางสลัวๆเท่านั้น มหาลัยจะเปิดไฟให้ตอนตีห้าครับไอ้สยามบอกผมมา พวกบรรดาเพื่อนๆนี่ไปยกของกันอยู่ ส่วนผมก็มีหน้าที่นั่งเฝ้าของ นั่งอยู่คนเดียวด้วยเนี่ยแม่งโคตรวังเวง ตอนแรกผมกะจะไปช่วยพวกมันยกอยู่แหละแต่ไอ้แกงบอกว่าให้ผมอยู่นิ่งๆ ถ้าไปยกของหนักอีกเดี๋ยวข้อมือมันจะระบมเอา

ก็จริงของมันนั่นแหละ

ช่วงนี้ผมใช้ข้อมือหนักมากเลยครับทั้งขวาและซ้าย เนื่องจาก....นั่นแหละ ทุกวันนี้ส่องหน้าตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกสงสารตัวเอง หน้าผมนี่เหมือนคนโดนของเข้าทุกวันๆ ผมของขาดมาสามเดือนกว่าแล้วอ่ะ ตอนนี้นี่มาถึงจุดที่เริ่มทนไม่ไหว ผมต้องไปปู้ยี่ปู้ยำตัวเองทุกคืนเลยครับแล้วเป็นแบบนี้มาตั้งแต่กลับจากชะอำ

โคตรอัดอั้นอ่ะบอกเลย

ผมพยายามที่จะไล่ต้อนขนมให้สมยอมผมสักทีแต่น้องคนดีก็ยังไม่ยอมผมไง นี่ดีแค่ไหนที่ได้จูบ วันที่น้องจูบผมอ่ะผมไม่ได้ตั้งใจจะสอดลิ้นเข้าไปด้วยแต่แบบมันลืมตัวจริงๆ ดีไม่หน้ามืดแง่มน้องไปซะก่อน ปกติผมไม่เคยจะต้องอดทนหรืออดใจรออะไรแบบนี้เลยเพราะเมื่อก่อนมีคนเสนอตัวให้ผมอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมรักขนมไงและถ้าน้องไม่พร้อมผมก็ต้องรอต่อไป

ใช้มือทำหน้าที่แทน

“ อา....เจ็บปวดจัง ” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆพลางข่มสติ

นอกจากจะหน้าโทรมและหม่นหมองผมยังหงุดหงิดง่ายด้วย ไม่ว่าอะไรก็ดูขัดหูขัดตา สอบก็เยอะงานของคณะก็เยอะ ช่วงก่อนรับน้องนี่นัดสันฯกันแทบทุกวัน ด้วยความที่ผมเป็นเดือนของปีก่อนผมก็ต้องคีพลุคละยิ้มหวานๆไงทั้งที่ในใจนี่ไม่ได้หวานตามรอยยิ้มบนหน้าเลย พวกเพื่อนๆผมมันก็รู้นะครับว่าผมยังไม่ได้แง่มน้อง ไม่มีหรอกที่จะปลอบใจมีแต่ตอกย้ำซ้ำเติม น่าหมั่นไส้จริงๆแต่ละคน ทุกครั้งที่ผมโดนล้อผมก็ได้แต่สาปแช่งมันในใจ

ไอ้สยามนี่ตัวดี

“ เหงาไหมครับเพื่อนรัก ”

ตายยากตายเย็น

“ พูดมาก ทำไมไปกันนานจังวะ ” ผมถามไอ้สยามที่แบกกลองเดินมาทางผม

“ ก็พี่ขันเค้าบอกนัดแนะเรื่องวิ่งเกียร์ไง ” ไอ้สยามมันบอกพลางประกอบกลอง

ผมพยักหน้ารับ “ ละเกียร์อยู่กับใคร พี่ขันหรอ ”

“ ใช่ ดีใจว่ะจะได้แลกเกียร์กับเมียสักที ”

ผมเบ้ปากใส่มัน “ กูอ้วกใส่หน้ามึงได้มะ ”

“ หยี สกตะปก ” ไอ้สยามมันบอกพลางทำหน้าหยี น่าตบให้คว่ำจริงๆเลย

พูดถึงเกียร์นี่ผมก็ยังไม่ได้ให้เกียร์ขนมเลย เกียร์เป็นหัวใจและสัญลักษณ์ของชาววิศวะ เด็กวิศวะทุกคนมีเกียร์เป็นของตัวเองและมักจะมอบให้คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ เกียร์ของผมมันห้อยเป็นสร้อยอยู่ที่คอผมตลอดแต่ว่าเดี๋ยวมันจะต้องเปลี่ยนเจ้าของแล้วล่ะครับ ดีเหมือนกันนะถ้ามันไปอยู่ที่คอน้องน่ะเพราะมันคือการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างดีเลย

คนอื่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับแฟนผม

“ เออขุน วิ่งเกียร์อ่ะมึงเป็นคนถือธงคณะนำวิ่งนะ ”

“ อ่าวทำไมเป็นกูอ่ะ ”

“ พี่ขันเขาสั่งมาอ่ะดิ่ กูไม่รู้เหมือนกัน ปีนี้เค้าสั่งให้พวกคณะกรรมการนักศึกษาวิ่งนำรุ่นน้องหมดเลย ก็คือพวกเราทั้งแก๊งค์อ่ะ แล้วธงคณะที่เป็นสีเลือดหมูมึงอ่ะต้องถือนำขบวน ส่วนกูกับไอ้ก้องถือธงสีขาวในฐานะของประธานนักศึกษากับประธานสันธนาการ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ก็คือกูเป็นเซ็นเตอร์ใช่ไหมล่ะ ”

“ ใช่ เพราะมึงเป็นเดือนมั้งไม่ก็เพราะว่ามึงคือเฮดว้ากของรุ่นถัดไป ”

“ อ๋อเออกูเข้าใจละ....แล้วผ้าพันคออ่ะ ”

“ อยู่กับไอ้หอมเดี๋ยวมันเอามาให้ ”

“ เออละนี่กูต้องทำไรอีกนอกจากวิ่งนำขบวน ”

“ ก็......”

ผมนั่งฟังไอ้สยามเงียบๆ ปีนี้นี่ปรับเปลี่ยนพิธีหลายอย่างอยู่เหมือนกันนะ เด็กวิศวะมหาลัยผมจะมีประเพณีวิ่งเกียร์ครับ จะจัดขึ้นทุกปีในงานกิจกรรมรับน้องเพื่อให้รุ่นน้องปี 1 แสดงถึงความอดทนและความสามัคคี โดยที่จะให้วิ่งรอบมหาลัย 2 รอบ มหาลัยผมค่อนข้างที่จะใหญ่มากนะครับวิ่ง 2 รอบนี่ก็ไม่ใช่เล่นอ่ะ แต่ผมก็ผ่านมาละเมื่อปีก่อน มันเหนื่อยจริงครับแต่มันก็รู้สึกภูมิใจมากเลย ความเหนื่อยนั้นแลกมากับความทรงจำดีดีหลายอย่าง

และสำคัญคือวิ่งเพื่อเกียร์

เมื่อผ่านการวิ่งเกียร์เด็กปี 1 ก็จะเข้าสู่ครอบครัววิศวะอย่างสมบูรณ์ และพิธีตอนเย็นก็คือการบายศรีฯน้องๆครับแล้วก็เป็นอันจบพิธีการของวันนี้ ช่วงเช้าเดี๋ยวมันจะมีกิจกรรมสันฯอื่นๆแต่ว่าแก๊งค์ผมจะไม่ได้เป็นคนทำเพราะว่าต้องจัดการเรื่องประเพณีช่วงบ่าย อาจจะมีแวะเวียนไปหาน้องๆก่อน ไอ้สยามมันบอกว่าผมอ่ะควรแบกหน้าหล่อๆไปให้กำลังใจน้องๆ

แม่งไม่ดูสภาพหน้าผมตอนนี้เลย

ครืดด.ด...ครืด.ด.ด....

“ เช้าขนาดนี้ใครโทรมาวะ ” ผมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาดูรายชื่อที่หน้าจอก่อนจะกดรับสาย “ ว่าไงครับตื่นแล้วหรอ ”

สุดที่รักโทรมาครับ

( อื้ออ.ออ....ตื่นแล้ว )

“ งัวเงียขนาดนี้ตื่นแล้วจริงๆหรอ ไม่ใช่ว่าหน้าทิ่มอยู่กับหมอนพี่ ”

( อย่ามาทำเป็นรู้ดี )

“ ฮ่าๆๆๆ....แล้วนี่ทำไมรีบตื่นหืม มีเวลานอนอีกหลายชั่วโมงอยู่นะ ”

( ก็หมอนข้างหนมหาย )

“ ก็หมอนข้างต้องมาทำหน้าที่ไง เอาจริงๆหมอนข้างก็ง่วงมากเหมือนกัน ” ผมบอกน้องก่อนจะมือขึ้นปิดปากหาว ง่วงว่ะเดี๋ยวต้องหากาแฟกินละ ไม่งั้นนั่งๆอยู่ผมอาจจะหลับไปเลยก็ได้

( น่าสงสาร....โอ๋เอ๋นะ )

“ ขออ้อนหน่อย ”

“ แหยะ ขออ้อนหน่อย ” ผมหันไปมองตามเสียงไอ้สยามทันทีก่อนจะหยิบใบไม้ปาใส่มัน นี่แน่ะล้อเลียนกูดีนักนะไอ้บ้า

( มันจะอ้อนได้ยังไงล่ะ....เออพี่หนมว่าหนมมีอะไรจะบอก )

“ อะไรล่ะครับ ”

( ถ้าผ่านช่วงรับน้องไปแล้วอ่ะ....เรา....)

“ เราอะไรหืม ”

( เรามีเซ็กซ์กันไหม )

เซ็กซ์

เซ็กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกซ์

“ นะ...นี่หนมพูดจริงหรอ ” ผมหยิกแขนตัวเองทันที ความเจ็บนี่ก็แปลว่าไม่ได้ฝันน่ะสิ

( หนมพูดจริงๆ ก็หนมเห็นว่าพี่เองก็อดทนมาตั้งนานมากแล้ว พี่ขุนโทรมมากเลยนะช่วงนี้น่ะ หนมอยากเห็นพี่กลับไปหน้าหล่อใสเหมือนเดิมอ่ะ แล้วก็เห็นอยู่ว่าพี่ปวดข้อมือมากหนมก็เลย.....)

ผมนั่งฟังที่คนตัวเล็กอธิบายเหตุผลนิ่งๆ ไม่คิดว่าน้องจะรู้ด้วยว่าผมหม่นหมองเพราะห่างเรื่องบนเตียงมานาน ส่วนเรื่องปวดข้อมือเนี่ยะผมบ่นให้น้องได้ยินเองแหละ เจ้าตัวเองก็เอายามานั่งนวดให้ผมด้วยตอนแรกน้องอาจจะคิดว่าผมปวดข้อมือเพราะไปทำอย่างอื่นมา แต่ฟังจากที่พูดนี่คงจะรู้แล้วแหละครับว่าผมปวดข้อมือเพราะช่วยตัวเองเนี่ยะ

อา....เขินยังไงก็ไม่รู้ว่ะ

( ก็นั่นแหละ....นี่พี่ฟังหนมอยู่รึเปล่าเนี่ย )

“ ฟังครับ....ฟังอยู่  ”

( เห็นเงียบๆนึกว่าหลับไปซะแล้ว ) ไม่ได้หลับครับแค่กำลังนั่งเขินอยู่

“ พี่กำลังปลื้มปริ่มต่างหากที่จะได้แง่มหนมสักที ” ผมยิ้มจนแก้มปริ “ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีนะครับ ”

( รู้แล้วน่า...พี่เองก็ต้องตั้งใจทำงานของตัวเองวันนี้ด้วยแล้วก็ต้องรอหนมรับน้องเสร็จ )

“ ได้ครับพี่จะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หนมไปนอนต่อไปเดี๋ยวสิบโมงเจอกันที่มอ ”

( ครับ...แค่นี้นะ ) คนตัวเล็กบอกผมก่อนจะกดวางสาย

“ เย่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ” ผมแหกปากตะโกนลั่นทันทีที่สายตัดไปแล้ว

“ มึงจะเสียงดังทำไมวะกูตกใจไอ้สัส ” ไอ้สยามมันตีไหล่ผมแรงๆ มึงไม่เข้าใจกูหรอกหยัม มึงไม่เข้าใจหรอกว่าตอนนี้กูมีความสุขมากแค่ไหน

แฟนจะกลายเป็นเมียแล้วเว้ยยย

ผมนั่งลูบหน้าตัวเองเบาๆพลางข่มอารมณ์ รอวันน้องพร้อมมาตั้งนานและมันก็มาถึงแล้วครับ พีคสุดนี่คือน้องเป็นคนชวนเอง ใจผมบางมากเลยอ่ะตอนนี้ แบบอยากกด Skip ข้ามไปหลังรับน้องเลย ผมว่าถ้าขนมมาเจอผมน้องต้องเขินหน้าแดงแน่ๆ แค่คิดถึงแก้มใสๆนั่นก็อยากฟัดจะแย่ละ

อื้มม.ม...อดทนไว้ก่อนขุนศึก

“ เลิกทำหน้าหื่นกามแล้วไปจัดของซะไป้ ”

ไอ้สัสหยัมนี่มัน....





เวลาบ่ายสองนี่แดดประเทศไทยมันก็จะสว่างจ้ามากๆ

วิ่งเกียร์วันนี้หน้าไหม้แน่นอนอ่ะ

ผมยืนอยู่หน้าตึกวิศวะซึ่งเป็นจุดปล่อยตัวน้องๆครับ ตอนนี้กำลังเตรียมการและก็รูปขบวนอยู่ ส่วนพวกปี 1 ก็นั่งเข้าแถวอยู่ที่ลานเกียร์ ผมก็แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จสรรพก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่ผูกผ้าพันคอสีขาว ยอมรับแมนๆเลยว่าร้อนมาก นี่กลัวตัวเองวิ่งๆอยู่แล้วหน้ามืดเป็นลมไปเหมือนกันนะครับ ช่วงนี้ยิ่งขาดแรงกายแรงใจซะด้วย

เพราะงั้นผมต้องหากำลังใจก่อน

“ หนมครับ ” ผมกวักมือเรียกคนตัวเล็กที่ถ่ายรูปไอ้สยามอยู่

“ หืม ” น้องเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า “ มีอะไร ”

“ พี่อยากได้กำลังใจอ่ะ ”

“ สู้ๆนะ ” เอ่ยบอกไม่พอแถมยังชูสองนิ้วด้วย

ผมทำหน้ามุ่ยทันที “ ไม่ใช่กำลังใจแบบนี้สิ ”

“ ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต้องไว้รวบยอดทำหลังรับน้องทีเดียว โอเคไหม ” พูดแบบนี้ต่อให้ไม่อยากโอเคก็ต้องโอเคสินะ

“ ครับ พี่โอเคก็ได้ ” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าใส “ ถึงตอนนั้นเราก็ต้องโอเคทุกอย่างนะ ”

คนตัวเล็กแก้มขึ้นสีแดงจางๆพลางดันหน้าผมออก “ รู้แล้วน่า หนมไปถ่ายรูปตรงลานเกียร์ก่อนนะ ”

“ ครับผม ” ผมยิ้มหวานให้ คนตัวเล็กก็เดินแบกกล้องมุ่งหน้าไปยันลานเกียร์

น่ารักจริงๆเลยแฟนผมเนี่ยะ

ตอนที่น้องมาหาผมก็เดินแก้มแดงมาแต่ไกลเลยครับ โคตรน่าจับฟัด นี่ถ้าอยู่ห้องนะขนมเละไปละ ละพอน้องมาหาผมบรรดาเพื่อนๆก็ชอบแซว แซวตลอดแม่งแซวตั้งแต่ตอนจีบยันคบกันละเนี่ย คิดไปคิดมาในแก๊งค์ผมก็เหลือคนโสดแค่ 2 คนนะครับคือไอ้ก้องกับไอ้หอม แต่ไอ้หอมเนี่ยะไม่รู้ว่าพี่แช่มเขาจะยังไงกับมันกันแน่ เหมือนจะชอบแต่ก็ไม่ชอบ แต่ถ้าไม่ชอบจะมาตามหยอดทำไมวะ ตามหยอดมานานละด้วย อีกอย่างคือพี่แช่มนี่ตายยากมากนะครับ....

พูดถึงก็เดินมาโน่น

“ ตั้งแถวเลยอีก 5 นาทีน้องจะมาแล้ว ” พี่แช่มออกคำสั่ง พวกผมก็เดินเข้ามาตั้งแถวตามขบวนทันที

 “ ละพี่ขันอ่ะพี่ ”

“ เดี๋ยวมันเดินนำขบวนน้องๆมา มันจะส่งธงต่อให้มึง ” พี่แช่มบอกก่อนจะหันไปกวาดสายตามองพวกสต๊าฟ “ จัดการพื้นที่เลยน้องจะมาอีก 5 นาทีแล้ว ”

“ ไอ้ขุน ”

ผมหันไปตามเสียงเรียกของไอ้สยาม “ อะไรวะ ”

“ มึงตื่นเต้นป้ะ ”

ผมพยักหน้ารับ “ ห้ามล้มนะมึง ” ผมเอ่ยบอกมันอย่างจริงจัง วิ่งเกียร์เมื่อปีก่อนไอ้สยามมันล้มครับดีว่าผมกับไอ้ชาพยุงกันอยู่ไม่งั้นโดนเหยียบตายไปละ

“ เออน่า เดี๋ยวจะวิ่งแบบเท่ๆเลย ”

ผมหันไปเบ้ปากใส่มันก่อนจะหันกลับมายืนนิ่งๆ เห็นปลายธงสีเลือดหมูโผล่มาแล้วครับ พี่ขันเดินนำขบวนน้องๆมาแล้ว ร่างสูงที่สวมเสื้อว้ากเกอร์นั่นโคตรเท่ นอกจากพี่ขันก็มีจันทร์ฉายกับพี่ทะเลเดินถือธงขาวขนาบข้างมา สังเกตรอบนอกก็เห็นขนมกับบรรดาผองเพื่อนยืนถ่ายรูปกันอยู่ครับ เด็กจากคณะอื่นก็มีไม่น้อยเลยที่มาดูประเพณีวิ่งเกียร์ของวิศวะ พอเห็นแบบนี้แล้วผมก็ต้องทำให้ดีที่สุดสินะ

เอาวะ....ใจมา

พี่ขันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะส่งธงให้ “ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ”

“ ครับพี่ ” ผมพยักหน้ารับ

พี่ขันกับบรรดาพี่ว้ากขยับไปยืนไพล่หลังอยู่ด้านหน้าขบวน “ ผมขอบอกพวกคุณไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณห้ามทิ้งเพื่อนที่อยู่ข้างๆคุณเด็ดขาด ระยะทางมันอาจจะไกลหน่อยแต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณจะจับมือกันแล้วก้าวผ่านมันไปได้ไหม ประเพณีวิ่งเกียร์นั้นคุณจะทำสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณสามัคคีกัน ผมหวังว่าผมจะเห็นพวกคุณวิ่งเข้ามาถึงเส้นชัยด้วยกัน.....ขอให้โชคดี ” หลังจากที่พี่ขันกล่าวเสร็จเสียงปรบมือก็ดังขึ้น

บรรดาแก๊งค์ว้ากเกอร์เดินออกไปจากหน้าขบวน ผมก็ตั้งสติรอสัญญาณพลางเหลือบไปมองขนมที่ถ่ายรูปผมอยู่ คนตัวเล็กยิ้มหวานให้พร้อมกับชูสองนิ้ว น่ารักจัง นี่ใจมาเต็มล้านเลยครับ หลังจากที่ผมได้รับกำลังใจมาเต็มเปี่ยม พี่แช่มก็โบกมือให้สัญญาณ ผมจึงยกธงสะบัดสามครั้งก่อนจะจับตั้งแล้วพาดไว้บนบ่า

“ ข้าพเจ้า นายขุนศึก สุธานันสวัสดิ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบการวิ่งนำขบวนของรุ่นน้องชั้นปีที่ 1 ในประเพณีวิ่งเกียร์ครั้งที่ 21 ”

....ปัง....ปัง....ปัง....

ผมเริ่มออกวิ่งหลังจากที่เสียงยิงปืนดังขึ้น รอบๆข้างก็มีเสียงเชียร์ดังแว่วเข้ามา ฮึกเหิมครับนาทีนี้ต้องฮึกเหิม และก็ต้องมีสติด้วย แดดเปรี้ยงในตอนแรกก็เริ่มอ่อนลงเหมือนฟ้าจะเป็นใจ ดีละน้องๆจะได้ไม่ร้อนมาก ขอให้ประเพณีนี้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเถอะนะ สู้เขาขุนศึก

วิ่งเสร็จจะได้มากอดขนม



[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



ประเพณีวิ่งเกียร์ของวิศวะนี่สุดยอดจริงๆ

ตื่นตาตื่นใจมาก

ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่หอแล้วครับหลังจากงานรับน้องของคณะวิศวะเสร็จสมบูรณ์ นี่ก็นั่งเคลียร์รูปอยู่ วันนี้ถ่ายรูปมากันเยอะโคตรไม่ใช่แค่กล้องผมด้วยนะ มีของไอ้หมี ไอ้เผือกและก็ไอ้ปั้น ถ้าไปดูกล้องไอ้หมีนี่ก็น่าจะมีแต่ไอ้ขันอ่ะ ส่วนกล้องผมส่วนมากก็คงจะมีแต่พี่ขุน

เผลอถ่ายมาซะเยอะเลย

วันนี้ผมรู้สึกว่านางเท่ผิดปกติ นึกถึงตอนที่วิ่งนำขบวนน้องๆนี่เท่จริง ละแบบวิ่งสองรอบมหาลัยอ่ะ ตอนบ่ายสองกว่าๆงี้ ดีนะว่าตอนที่เขาจะวิ่งกันแดดมันอ่อนพอดีมันก็เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ผมดูสภาพเด็กวิศวะแต่ละคนนี่ก็หอบแดกเลยแต่สปิริตเขาแรงกล้ามากนะครับ วิ่งกันจนครบสองรอบแล้วมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีใครล้มหรือว่าบาดเจ็บ พี่ขุนเนี่ยะผมดูแล้วรู้เลยว่านางเหนื่อยมากแต่ว่าก็ต้องอดทนไม่แสดงมันออกมา แถมตอนวิ่งเสร็จก็เสยผมเรียกเสียงกรี๊ดอีกต่างหาก

บางทีนางก็ฮ็อตจนน่าหมั่นไส้

“ หนมค้าบบบบบบ ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนกระต่ายสีชมพู แม่นางซื้อมาให้ครับและไม่ได้มีแค่นี้นะ พี่มันมีสารพัดสัตว์อ่ะ

“ ว่าไง ”

“ พี่ขอกอดหน่อย ”

“ ตอนวิ่งเสร็จพี่ก็กอดหนมไปแล้ว ” ลากผมไปกอดที่ห้องน้ำด้วยนะประเด็น

“ พี่อยากกอดอีก ”

“ ไม่เอาหนมยังไม่ได้อาบน้ำ ”

พี่ขุนเดินมานั่งลงข้างๆผมก่อนจะยื่นหน้ามาดมฟุดฟิดๆ “ ไม่เห็นจะเหม็นเลย ”

“ เอาหน้าออกไปเลย ” ผมดันหน้าพี่มันออกก่อนจะส่งกล้องไปให้ “ เลือกรูปซะ ”

" หนมจะไปไหนอ่ะ "

“ ไปอาบน้ำไง ” พอผมบอกว่าจะไปอาบน้ำพี่ขุนก็ทำหน้ามุ่ยทันที ผมจึงดึงแก้มมันแรงๆ “ อยากกอดไม่ใช่รึไงเล่า ”

ใบหน้าหล่อยิ้มหวานก่อนจะพยักหน้ารัวๆ “ อยากมากครับ รีบอาบนะ ”

“ รู้แล้วน่า ” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

วันนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ ต้องถือกล้องถ่ายรูปทั้งวันเลย แต่ที่ผมเหนื่อยนี่คงยังไม่ได้ครึ่งของพี่ขุนหรอกครับ รายนั้นต้องตื่นแต่เช้าไปเตรียมงาน บ่ายต้องไปวิ่งเกียร์ ตอนเย็นก็ต้องรอบายศรีฯน้องๆอีก ถ้าผมเป็นรุ่นพี่ปีหน้าผมคงจะต้องเจองานอะไรแบบนี้แหละนะ แต่ของคณะผมเนี่ยะจะไม่มีพิธีการเยอะแบบวิศวะหรอกครับ แค่รับน้องก็คนละระบบละ จะว่าไปรับน้องวันพรุ่งนี้ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

หวังว่าพวกพี่กริมจะไม่เล่นผมหนักจนเกินไป

ก็แค่หวัง....


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 20 ----------



“ โว้ยยยยยยยพี่เตอร์คลัมดาวน์นะคลัมดาวน์ ”

“ หุบปากไปว่ะไอ้บ้าหมี ”

“ ฮ่าๆๆๆๆๆมึงดูหน้าไอ้หมี ”

“ พี่เตอร์!!!!!!!!!!!!!!!! ”

“ อยู่นิ่งๆ ”

หน้าไอ้หมีแม่งโคตรจี้

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆแล้วครับ กิจกรรมรับน้องของคณะนิเทศศาสตร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้เป็นกิจกรรมสันทนาการ ส่วนช่วงบ่ายจะมีประเพณีดาวล้อมด้ายครับ ได้ยินมาแค่ชื่อแต่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง เดี๋ยวต้องรอดูครับ ฟังจากชื่อนี่คงจะเกี่ยวกับด้ายแน่ๆ ประเพณีนี้จะจัดบนหอประชุมใหญ่ของมหาลัยครับ

ทำกันแบบลับๆ

“ พี่เตอร์แม่ง ” ไอ้หมีมันงอแงก่อนจะเดินกลับมานั่งที่แถวโดยที่หน้าขาวโพลน แก้มก็เลอะลิปสติกสีแดงเต็มไปหมด

“ มึงกากอ่ะหมี เนี่ยะเพราะแพ้ไงมึงเลยโดนทำโทษ ” ไอ้เป้มันบ่นก่อนจะโขกหัวไอ้หมี

“ เออใช่ คะแนนเราโดนกลุ่มดาวคณะแซงละน่ะ ” ไอ้ภีมมันก็บ่นตามมา

“ พวกมึงไม่ไปเล่นกันเองล่ะไอ้ชิบหาย ” ไอ้หมีมันเถียงกลับก่อนจะทำหน้าบู้บี้ “ พี่เตอร์แม่งจ้องจะเล่นกูอยู่แล้วแหละ แม่งไม่เคยจะใจดีหรืออ่อนข้อให้กูเลย กูเป็นน้องรหัสแม่งแท้ๆ ไอ้สัส ”

ผมหันมาหามัน “ มึงไม่ด่าให้พี่เตอร์ได้ยินวะหมี ”

“ ด่าให้ได้ยินก็เชี่ยละ หน้ากูแดงไม่พอรึไง ไว้แม่งเผลอก่อนเถอะกูจะถอดล้อจักรยานแล้วเอาไปซ่อน ”

สีหน้านี่เคียดแค้นจริง

ผมหันกลับไปมองบรรดาพี่สันทนาการด้านหน้า ตอนนี้กำลังเล่นเกมเพื่อเก็บคะแนนกันอยู่ครับ คือตอนนี้พวกปี 1 แบ่งกันออกเป็นหลายกลุ่ม และเกมที่จะได้เล่นเก็บคะแนนเนี่ยะมีอยู่ 5 เกมครับ ซึ่งตอนนี้ผ่านไป 3 เกมแล้ว กลุ่มพวกผมเพิ่งจะมาแพ้เกมเมื่อกี้นี่แหละเพราะไอ้หมีเลย เกมที่ไอ้หมีเล่นมันเป็นเกมใบ้คำ ไอ้บ้านี่มันทายไม่ถูกเลยสักคำ

โคตรหน้าโง่

ไม่อยากจะด่าแต่แบบมันคือความจริง

สนุกไหมครับน้องๆ ” เสียงพี่กริมแหกปากดังลั่นผ่านโทรโข่ง “ พร้อมสำหรับเกมต่อไปรึยัง

“ พร้อมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ”

“ เสียงดังดีมาก ก็เกมต่อไปนะจะเป็นเกมเก้าอี้ดนตรี เกมนี้ง่ายมากให้ส่งตัวแทนมากลุ่มละ 5 คน ” หลังจากที่พี่กริมจบพูดเหล่าตัวแทนจากแต่ละกลุ่มก็เดินออกไปอยู่ด้านหน้าเหลือกลุ่มผมเนี่ยะที่คนยังไม่ครบดี

“ เห้ยนั่นน่ะขาดอีกคน ไอ้หนมมึงไป ” ไอ้หมีมันพยายามจะดันผม

“ ไม่เอา ไอ้ไผ่มึงอ่ะไป ”

“ เออให้ไอ้ไผ่ไป ” ไอ้เป้มันก็เห็นดีเห็นงามกับความคิดผม ไอ้หมีมันก็ทำหน้าบูดใส่

“ กูต้องไปหรอ ” ไอ้ไผ่ถามมึนๆก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ เออมึงนั่นแหละออกไป ” ไอ้เป้มันเห็นไอ้ไผ่เอ๋อมันก็เลยยกเท้าขึ้นถีบส่งให้ไอ้ไผ่ไปด้านหน้า เด็กแม่งขำกันทั้งคณะ

เพื่อนไผ่นี่น่าสงสารจริงๆ

เอาล่ะถ้าคนครบแล้ว ก็ไปยืนล้อมเป็นวงได้เลยนะ

ผมนั่งมองไอ้ไผ่ที่เดินมึนๆไปยืนรวมเป็นวงกับเขา ฟีลเหมือนส่งลูกไปโรงเรียนครั้งแรกเลยว่ะ ดูเงอะงะๆ มันคงจะไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดีอ่ะครับผมว่า พอพี่กริมเริ่มเกมเพลงก็เริ่มดัง เหล่าเด็กปีหนึ่งก็พากันโชว์สเต็ปการเต้นกันอย่างเมามันส์ ผมเห็นไอ้ไผ่มันยืนเกาหัวมองคนอื่นเขาแปปนึง พอมันเห็นเขาเต้นมันก็เลยเต้นตาม

เต้นด้วยท่าส่ายตูดดุ๊กดิ๊กๆ

“ ท่าเต้นนี้มันไปเอามาจากไหนวะ ”

“ แม่งตลก มึงเลือกคนได้ดีจริงๆเลยหนม ” ทำดานะเพื่อนปั้น เพื่อนหนมตาเฉียบคมไง

“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เต้นเชี่ยอะไรของมึงไอ้เตี้ย ”

“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไอ้ไผ่แม่งอย่างจี้ ”

ผมนั่งมองสองผัวเมียนั่งหัวเราะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้เป้กับไอ้ภีมนั่นแหละครับ ผมยังไม่รู้หรอกว่ามันเป็นผัวเมียกันจริงๆรึเปล่าแต่ก็เรียกแบบนั้นไปก่อนละกัน เรื่องที่ฟาร์มแกะผมยังจำได้ดี เดี๋ยวจะหาทางจับผิดทั้งสองคนเร็วๆนี้แหละ พวกแม่งไม่รอดแน่

ปรี๊ดดดดด

หลังเสียงเป่านกหวีดพวกปีหนึ่งที่เต้นกันอยู่เมื่อกี้ก็พาเก้าอี้นั่งกันพัลวัน เพื่อนไผ่นั่งเก้าอี้ไปแล้วเรียบร้อยครับ เก่งมาก ขอให้รอบต่อๆไปได้นั่งแบบนี้ด้วยเถอะ เกมก็ไปต่อเรื่อยๆครับ ผมชะเง้อไปมองใต้ต้นไม้ใหญ่ก็พบกับหนุ่มหล่อหัวเทานั่งแอบถ่ายรูปผมอยู่

แอบถ่ายไปได้เป็นร้อยรูปแล้วมั้งน่ะ

เจ้าตัวคงเห็นว่าผมมองกล้อง ใบหน้าหล่อก็ละขึ้นมายิ้มหวานให้ ความจริงผมบอกว่าไม่ต้องมาก็ได้เพราะว่าเหนื่อยมาจากรับน้องเมื่อวาน แต่นางก็บอกว่าจะมาๆๆ ต้องมาคอยดูว่าผมจะโดนแกล้งอะไรรึเปล่า มีการบอกว่าถ้าโดนพี่กริมแกล้งมากๆเดี๋ยวจะด่าให้ด้วย

โหดไปอีก

“ กูไม่อิจฉามึงหรอก ” ไอ้หมีบอกพร้อมกับเบ้ปากใส่

“ พูดมากว่ะไอ้หมี ” ไอ้เผือกมันยกมือปิดปากไอ้หมีทันที คนโดนปิดปากก็ทำตาโตใส่ก่อนจะยอมอยู่นิ่งๆ สมน้ำหน้ามึงไอ้บ้าหมี

ผมหันไปมองพี่ขุนอีกครั้ง แต่ว่าพี่มันหายไปละครับ แค่แวบเดียวมึงหายไปไหนเนี่ยะ คนรึนินจาวะ สงสัยว่าอาจจะปวดฉี่ก็เลยไปเข้าห้องน้ำ ไม่ก็อาจจะหิวก็เลยไปหาอะไรกิน เมื่อเช้าพี่มันยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย ผมว่าอีกพักนึงเดี๋ยวพี่ก็คงมาแหละ หันมาสนใจเกมด้านหน้าต่อดีกว่า

“ เห้ยมึง รับน้องเสร็จไปกินเหล้ากัน ” ท่านประธานชวนครับ

“ กูไป ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะยิ้มแฉ่ง เรื่องเหล้านี่ไม่เคยพลาดเลยนะมึง

“ เออเอาดิ่ ” เป้มันเหลือบมองผม “ ละมึงอ่ะหนมไปรึเปล่า ”

“ ต้องถามพี่ขุนก่อนว่ะ ”

“ ให้ไปแหละเดี๋ยวกูขอให้ ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม “ ถือว่าไปเลี้ยงฉลองที่มึงจะเสียซิงด้วยฮ่าๆๆๆ ”

“ ไอ้บ้าหมี ” ผมตีไหล่ไอ้หมีแรงๆทันที มึงจะพูดทำไมเนี่ยะไอ้สัส

“ แหน่ะ ”

“ ไอ้หนมมันร้ายว่ะ ”

“ ไม่ทำดาๆ ”

พวกมึงนี่มัน.....





ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆ

ร้อนและก็หงุดหงิดชิบ

ผมต่อแถวเพื่อที่กำลังจะเดินขึ้นหอประชุมเพื่อร่วมประเพณีดาวล้อมด้าย อากาศโคตรร้อนเลยครับตอนนี้อยากจะขึ้นไปบนหอประชุมเร็วๆ เชื่อไหมว่าตั้งแต่สิบโมงพี่ขุนมันก็หายไปเลยครับ ช่วงพักผมก็ไม่เจอ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน โทรไปก็ไม่ติด คือไม่รู้ว่าไปเป็นตายร้ายดีตรงไหน ละอยู่ดีดีมันก็หายไปแบบเนี้ย

ถึงจะแค่แปปเดียวแต่ผมก็เป็นห่วงอ่ะ

“ หน้ามุ่ยจังวะมึง ”

ผมหันไปหาไอ้หมี “ ติดต่อพี่ขุนไม่ได้เลยว่ะแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ ”

“ มีธุระด่วนรึเปล่า ” ก็เป็นไปได้ที่ว่าจะมีธุระด่วน....แต่จะไม่บอกก่อนเลยหรอวะ

“ ก็น่าจะบอกก่อนถ้ามีธุระอ่ะ ”

“ ก็มึงรับน้องไง โทรศัพท์พี่ขุนอาจจะแบตหมดก็เลยติดต่อไม่ได้ ”

“ แต่ว่า....”

“ หนม....” หมีมันยกมือขึ้นแตะไหล่ผม “ กูรู้ว่ามึงอาจจะเป็นห่วงพี่ขุน แต่ตอนนี้มึงกำลังทำตัวงี่เง่าอยู่นะ บางอย่างมึงก็ต้องเข้าใจพี่มันบ้าง มันอาจจะไปแอบทำอะไรให้มึงอยู่ก็ได้ อย่าไปคิดเยอะเข้าใจไหม คนที่จะเป็นทุกข์ก็คือมึงเอง ”

ผมยืนฟังที่ไอ้หมีมันพูดนิ่งๆ มันก็จริงนั่นแหละ ผมไม่รู้เลยนะครับว่าตัวเองกำลังงี่เง่า นี่มันไม่ดีเลยว่ะ ผมว่าผมต้องใจเย็นให้มากกว่านี้ ผมเป็นห่วงพี่มันจริงๆนั่นแหละแต่ผมใช้อารมณ์มากเกินไปหน่อย อา....ต้องเอาขนมที่มีเหตุผลมากๆคนเดิมกลับมาละ

ดีนะที่ไอ้หมีมันเตือนสติ

“ กูเข้าใจละหมี ขอบใจมึงนะที่เตือนกูอ่ะ ”

ไอ้หมีมันยิ้มหวาน “ ไม่เป็นไรหรอก เพราะกูเป็นกู๊ดเฟรนไง ”

“ ไปเถอะหนม ถึงแถวเราขึ้นหอประชุมละ ” มันบอกก่อนจะดันให้ผมเดินตามหลังไอ้ปั้นไป

“ มันจะเป็นยังไงเนอะดาวล้อมด้าย ”

“ นั่นดิ่ แล้วนี่กูต้องถือขนมปี๊บขึ้นไปด้วยหรอ ” ไอ้ภีมมันถามพร้อมกับหาวไปด้วย มึงจะมาง่วงตอนนี้ไม่ได้นะไอ้สัส

“ มึงก็ฝากรุ่นพี่ไว้สิวะฝากพี่เตอร์ก็ได้น่ะ ” ไอ้หมีมันคว้าขนมปี๊บมาก่อนจะส่งให้พี่เตอร์ “ ฝากหน่อยนะพี่ ห้ามแดก เอ้ย ห้ามกิน ”

“ กูจะแดกแม่งให้หมดเลยไอ้สัส ” พี่เตอร์มองค้อนไอ้หมี มันก็แลบลิ้นใส่อย่างกวนตีน

อย่าตีกันเพราะขนมปี๊บได้ไหมเนี่ย

ขนมปี๊บนี่ได้มาจากที่ชนะเกมสันฯเมื่อเช้านั่นแหละครับ ผมว่าละว่ารางวัลแม่งต้องเป็นขนมปี๊บ ละกลุ่มนึงแม่งมีกันตั้งกี่สิบคนให้ขนมมาแค่ปี๊บเดียว แค่ไอ้หมีคนเดียวก็ไม่พอแดกละ งบประมาณคณะจะน้อยเกินไปไหมครับ ขอสักสามปี๊บก็ไม่ได้หรอ ไว้ปีผมก่อนเถอะเดี๋ยวจะขูดเลือดขูดเนื้อซื้อแจกน้องเอง คนละปี๊บนึงเลยเอ้า

ไงล่ะหนมสายเปย์

ผมค่อยๆเดินขึ้นบันไดหอประชุม รอบราวบันไดมีเชือกสีน้ำเงินร้อยอยู่ด้วยครับ เห็นแบบนี้แล้วตื่นเต้นว่ะมันจะร้อยไปจนถึงไหนเนี่ย ผมขึ้นมาจนถึงด้านบนก่อนจะเดินเข้ามาในหอประชุม ถึงจะไม่ได้เปิดไฟแต่ที่เห็นอยู่ก็คือรุ่นพี่ปี 2 ที่ยืนโยงเชือกสีน้ำเงินจนเป็นอุโมงค์เพื่อให้น้องๆเดินเข้าไป ด้านหลังโดยรอบมีเทียนโวทีฟสีขาวจุดส่งแสงประปรายเต็มไปหมด

โคตรสวยเลยอ่ะ

ประเพณีดาวล้อมด้ายมันเป็นอย่างนี่เอง

เทียนพวกนั้นคงเปรียบเป็นดาวสินะ เชือกสีน้ำเงินนั่นก็คือด้าย ปลายเชือกจากราวบันไดถูกผูกไว้กับธงสีน้ำเงินประจำคณะ เท่าที่สังเกตเชือกนี่ก็ล้อมรอบที่พวกผมนั่งอยู่ด้วย ในหอประชุมนี่เปิดเพลงคลอให้ซึ้งใจเล่นด้วยครับ ก่อนจะมีวีทีอาร์ฉายขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์เป็นภาพของงานกิจกรรมรับน้องที่เกิดขึ้นวันนี้

“ ฮ่าๆๆๆ มึงดูหน้าไอ้หมี ”

“ มีรูปมึงด้วยหนม ” เออกูเห็นละ รูปตอนกูทำหน้าเบ้ปากด้วยนะ พี่ตากล้องไม่มีรูปดีกว่านี้หรอครับ

“ เห้ยรูปนี้กูหล่อ ” ไอ้หมีมันชี้ให้พวกผมดู หน้ามึงขาววอกขนาดนั้นมันหล่อตรงไหนวะ

“ รูปไอ้เป้เต้นไก่ย่างว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ หน้าอย่างจี้ ”

“ มึงไม่ต้องมาขำเลยไอ้ภีม เดี๋ยวก็โดนกูทุบตายหรอก ”

“ มีกูด้วย ” เพื่อนไผ่เขามองรูปที่เขาเต้นส่ายตูดเขาก็ทำหน้าปลื้มปริ่ม มือบางสะกิดผม “ หนมดู นั่นกูเอง ”

“ กูเห็นแล้ว ”

หลังจากที่วีทีอาร์จบบรรดาคณะกรรมการนักศึกษาก็เดินขึ้นมายืนอยู่บนเวที ในมือก็ถือเทียนโวทีฟสีขาวไว้ พี่กริมก้าวขึ้นมาด้านหน้า บรรยากาศเงียบมากครับตอนนี้ เสียงเพลงในตอนแรกก็ถูกปิดลงไปแล้ว เหล่าเด็กปี 1 กำลังรอฟังสิ่งที่ท่านประธานของปี 2 จะกล่าว

“ ประเพณีดาวล้อมด้าย คือสิ่งที่จะสื่อว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เส้นด้ายถึงแม้ว่ามันจะบางหรือใครอาจจะมองว่ามันขาดง่าย แต่เส้นด้ายหลายๆเส้นมัดรวมกันมันก็แน่นหนามากพอที่จะไม่ถูกทำลายลงง่ายๆ น้องๆก็เป็นเหมือนกับเส้นด้ายเหล่านั้น ” พี่กริมส่งสัญญาณก็มีรุ่นพี่ปีสองทยอยกันเข้ามาผูกเส้นด้ายสีน้ำเงินที่ข้อมือให้เหล่าเด็กปีหนึ่ง

“ ขอบคุณครับ ” ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะมองด้ายสีน้ำเงินที่ผูกอยู่

“ พี่อยากให้น้องๆเป็นเหมือนกับเส้นด้ายที่ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง และอีกนัยนึงเส้นด้ายเปรียบกับสายสัมพันธ์ที่จะเชื่อมโยงกันอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ส่วนแสงที่ล้อมน้องๆอยู่นี้ ขอให้รู้ไว้ว่ามันคือพวกพี่และคณะอาจารย์ทุกคนที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือและประคับประคองน้องๆไปจนถึงความสำเร็จ ” พี่กริมเอ่ยก่อนจะยิ้มหวาน “ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวนิเทศศาสตร์ครับ ”

แปะๆๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั้งหอประชุม ประเพณีมันไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรเยอะนะครับแต่ผมว่ามันให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่ะ เหมือนแบบเราเป็นครอบครัวกันจริงๆ และองค์ประกอบทุกอย่างคือมันสวยมากครับทั้งอุโมงค์ด้ายหรือเทียนโวทีฟพวกนี้ ความหมายของตัวมันเองก็ดีมากด้วย

มันเป็นประเพณีที่ดีมากจริงๆ

“ ซึ้งว่ะ น้ำตากูจะไหล ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะทำเป็นปาดน้ำตา

“ ไหนร้องดิ้ กูอยากเห็นมึงร้องไห้มานานละ ” ไอ้ปั้นมันเท้าคางมอง

“ คนแกร่งเขาไม่ร้องไห้กันง่ายๆหรอกโว้ย ”

“ อย่าเสียงดังได้ไหมไอ้หมี ” ไอ้เผือกมันเอ่ยเสียงเข้ม ไอ้หมีก็เงียบทันที

“ เป็นไงหนม มึงก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหลเหมือนไอ้หมีไหม ” ไอ้ภีมมันถาม

“ ก็ซึ้งนะ กูชอบมากเลยว่ะ ” โมเม้นท์ดีดีแบบนี้ก็น่าเอาไปเขียนประกอบในนิยายเหมือนกันนะ

นิยายของผมเดี๋ยวก็จะมีช่วงรับน้องครับ ผมยังไม่ได้คิดเลยว่าจะให้มีอะไรในนิยายบ้าง แต่ตอนนี้คิดออกละครับว่าควรจะใส่อะไรลงไป อาจจะต้องดัดแปลงนิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปค่อยแต่งละกัน อยากเล่าเรื่องประเพณีนี้ให้พี่ขุนฟังจริงๆเลย ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่มันอยู่ที่ไหน

เฮ้อ

ยังไม่ตายใช่ไหมเนี่ยะ





หลังจากที่ประเพณีดาวล้อมด้ายจบลงผมกับเพื่อนๆก็พากันเดินออกมาจากหอประชุม ออกมาช้ากว่าชาวบ้านด้วยครับเพราะว่าผมโดนลากไปผูกข้อไม้ข้อมือตามประสาทายาทแก๊งค์ท่านประธานไง ตอนแรกด้ายที่ข้อมือก็มีเส้นเดียวแหละแต่โดนพวกพี่กริมผูกเพิ่มให้ เพิ่มให้เกือบทั้งแขน

สายใยแน่นแฟ้นสุดๆ

“ หนม ” ผมทันไปตามเสียงเรียกก็พบกับพี่ขุนที่ยืนรออยู่ด้านล่าง

นี่มึงหายไปไหนห้ะ!!!!

“ ไปไหนมาเนี่ยะติดต่อไม่ได้เลย ละนี่มือไปโดนอะไรมา ” ผมจับมือเรียวขึ้นมาดู มีรอยแดงเป็นจ้ำๆเต็มไปหมดเลยครับ พอผมแตะเบาๆเจ้าของมือก็สะดุ้ง

“ โอ้ย เจ็บครับ ”

“ ไปทำอะไรมาหืม ”

“ ก็ไปจุดเทียนข้างบนไง พี่ทำตั้งแต่เรียงยันจุด ยันน้ำตาเทียนลวกมือ ดีกางเกงยีนส์ไม่ไหม้ ”

“ ที่หายไปนี่คือไปเตรียมเทียนบนหอประชุม ”

พี่ขุนหยักหน้าเบาๆ “ ใช่ครับ ” เจ้าตัวยกมือขึ้นกุมแก้มผม “ ขอโทษนะที่ปิดเครื่องอ่ะ และก็ไม่ได้บอกก่อนด้วย ”

“ หนมสิต้องขอโทษ นี่คิดงี่เง่าจะด่าพี่ด้วย ทั้งที่พี่ไปเตรียมเทียนทั้งหมดนั่น ”

“ งั้นก็หายกันเนอะ ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยิ้มหวาน

ผมอมยิ้มบางๆพลางยกมือเรียวนั่นขึ้นมาเป่าเบาๆ แม่ผมสอนไว้ครับว่าเราจะไล่ความเจ็บได้จากการเป่า ถึงแม้ว่าจะแค่น้อยนิดก็เถอะ ใบหน้าหล่อเห็นผมเป่ามือให้ก็ฉีกยิ้มหนักกว่าเดิม นี่รู้สึกผิดจริงๆเลยนะที่ไปคิดอะไรงี่เง่าน่ะ ถ้าเทียนบนหอประชุมนี่พี่ขุนเตรียมเองทั้งหมดมันก็โคตรเยอะเลยอ่ะ ละทำไมต้องมาเตรียมเทียนด้วยวะ พี่มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคณะเลยแท้ๆ

เพราะอยากทำให้งั้นหรอ

“ จะหวานกันไปถึงไหนครับ ” เสียงไอ้หมีดังเข้ามาก่อนที่ตัวมันจะเดินมาคล้องคอผม “ พี่ขุน หมีมีอะไรจะขอ ”

“ อะไรวะ ”

“ วันนี้ขอยืมตัวไอ้หนมไปกินเหล้าฉลองหน่อยดิ่ ”

พี่มันเลิกคิ้วมอง “ ฉลองไรวะ ”

“ ก็.....” ไอ้หมีมันยื่นหน้าเข้าไปกระซิบอะไรข้างหูไอ้ขุนไม่รู้ครับ มันน่าสงสัยไหมเนี่ยะ

“ เออได้โอเคกูยอม ” พี่ขุนมันหลุดยิ้มกริ่มออกมาก่อนจะปรับสีหน้านิ่งๆ “ ดูแลแฟนกูให้ดี ห้ามให้ใครมายุ่ง ”

“ ได้เลยครับผม ” ไอ้หมีมันยิ้มแป้นก่อนจะเดินกลับไปยืนกับพวกเพื่อนๆ

ผมจ้องพี่ขุนอย่างจับผิด “ ไอ้หมีมันบอกอะไรพี่อ่ะ ”

“ เอาหูมาสิ ”

“ ได้ ” ผมยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ “ ไหนว่ามา ”

“ พี่....รัก....หนม....มาก....มาก....มาก ”

ตึกตัก

อา....โอเค

ไม่อยากรู้แล้วครับ

“ พี่นี่มันร้ายจริงๆนะพี่ขุน ”

คนบ้า....








TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 21 ครั้งแรก



ขนาดเหล้าหมดไปครึ่งขวดแล้วยังไม่หายตื่นเต้นเลย

ทำไมมันเป็นแบบนี้วะ

ผมนั่งมองน้ำสีอำพันในแก้วพลางคิดอะไรไปเรื่อย ตอนนี้อยู่กันที่ร้านจันทร์เจ้าครับ มันเป็นร้านเหล้าที่อยู่ไม่ไกลจากหอไอ้เผือก ร้านนี้นี่เรียกได้ว่าเป็นร้านประจำของพวกผมเลยก็ได้ถ้าจะมาหาเหล้ากินอ่ะนะ อีกอย่างพี่จันทร์เจ้าที่เป็นเจ้าของร้านเขาก็ใจดีมากเลยครับ ด้วยความที่ไอ้หมีมันสนิทกับพี่เขาพวกผมก็มักจะได้เบียร์มากินฟรีประจำ

สายเปย์ที่แท้ทรู

ตอนนี้ประมาณสามทุ่มแล้วครับ บรรยายกาศในร้านค่อนข้างที่จะคึกคักเลยนะเพราะว่ามันเป็นช่วงรับน้องไง โต๊ะของพวกผมนี่นั่งกันอยู่ใกล้ๆเวทีของร้านครับ ตั้งแต่ที่ผมมานั่งกันนี่ก็มีคนเดินเข้ามาทักไอ้หมีแบบมหาศาล ผมเคยคิดมาตลอดว่ามีแค่แฟนผมเท่านั้นที่เป็นคนของสาธารณะ แต่วันนี้รู้แล้วล่ะครับว่าเพื่อนตัวเองก็เป็นเหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือการที่ไอ้หมีรู้จักคนเยอะนี่ทำให้ได้เหล้าฟรีเบียร์ฟรีด้วยครับ

แม่งเต็มโต๊ะเลยเนี่ยะตอนนี้

“ ทำไมมีแต่คนเอาเหล้ากับเบียร์มาให้มึงวะหมี ”

“ ก็กูน่ารักอ่ะ ”

“ ที่บ้านไม่มีกระจกส่องหน้าตัวเองหรอไอ้สัสหมี ” ไอ้เป้มันโวยก่อนจะหยิบเปลือกถั่วปาใส่

“ เพื่อนหมีผิดอะไรอ่ะเพื่อนเป้ ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเบะปาก

“ ยังจะมีหน้ามาถามอีก ”

“ พอเถอะน่า แดกเหล้ามึงจะมาตีกันทำไมวะ ” ท่านประธานห้ามเพื่อนรักทั้งสอง ไอ้เป้มันปาเปลือกถั่วใส่หัวไอ้หมีอีกทีนึงก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆ

“ มึงมันชั่ว ” ไอ้หมีมันบ่นงุบงิบก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ผม “ เพื่อนหนมค้าบ ”

“ อะไรมึง ”

“ มาชนเพื่อฉลองการเปิดซิงของมึงกันหน่อยไหม ”

ผมมองค้อนใส่ไอ้หมีทันที “ มึงนี่มันจริงๆเลยนะ ” เขารู้กันทั่วราชอาณาจักรแล้วมั้งว่ากูจะเสียตัวเนี่ยะ

“ เอาหน่าๆ มาๆพวกมึง ชนให้กับไอ้หนมที่กำลังจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่หน่อย ” ไอ้ตัวดีมันชูแก้วไว้กลางวง บรรดาเพื่อนๆก็ยกแก้วขึ้นมาชนพลางยิ้มกันอย่างชอบใจ

“ มาสิหนม ชนเร็ว ” ไอ้ภีมมันเร่งผม พวกมึงนี่มันจริงๆเลยนะ

กึก

“ แด่เพื่อนหนมที่กำลังจะเสียตัวฮ่าๆๆๆ ” พอไอ้หมีมันเอ่ยแบบนั้นเพื่อนๆก็เฮฮากันใหญ่ เสียงดังจนโต๊ะข้างๆนี่หันมามอง ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องดี๊ด๊ากันขนาดนี้

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

หลังจากที่ผมชนแก้วกับพวกมันเสร็จ ผมก็ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นซดหมดในรวดเดียว อา....ความขมนี้บาดคอบาดใจดีจริงๆ ผมเป็นคนที่คอแข็งในระดับนึงเลยนะครับ ด้วยความที่ได้เหล้าฟรีมา ไอ้หมีมันเลยยกให้ผมขวดนึงเพื่อเป็นของขวัญแก่การเปิดซิง นี่ก็หมดไปครึ่งขวดแล้วครับไม่มีอาการใดใดแสดงออกมานอกจากปวดฉี่เลยเนี่ยะ ผมเห็นคนอื่นเขามาก็อยากจะได้ฟีลเมาแบบนั้นมั่งอ่ะ

อยากรู้ถึงความรู้สึก

อยากเมาหัวทิ่มแบบชาวบ้านเขาบ้าง

ในกลุ่มผมนี่ผมอยู่ทีมซัพพอร์ตกับไอ้หมีครับ เคยเก็บซากเพื่อนทุกคนกันมาแล้ว ไอ้หมีเนี่ยะก็เป็นคนที่คอแข็งนะครับ แต่ว่าถ้ามีคนเอานมไปกรอกใส่ปากมันคั่นระหว่างกินเหล้าละก็มันจะเมาหัวทิ่มทันที ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น อาจจะเมานมก็ได้มั้ง ผมเคยถามมันมันก็บอกว่ามันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเมาได้ ในกลุ่มเพื่อนที่คออ่อนที่สุดก็คือไอ้ปั้นครับ เจ้าตัวเองก็รู้ดี เวลามันมากินเหล้าเนี่ยะมันจะกินไม่เยอะครับแล้วก็จะเลือกกินโค้กแทน เวลาไอ้ปั้นเมานี่เหมือนไอ้หมีสองเลยอ่ะ

พูดมากน่ารำคาญสุดๆ

“ หนม ”

“ ว่าไง ” ผมหันมองคนเรียก “ มึงง่วงหรอวะภีม ”

“ เปล่า กูหาวเฉยๆ นี่ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะเสร็จพี่ขุนไปแล้วนะเนี่ย ”

“ ทำไมมีแต่คนชอบคิดว่ากูเสร็จพี่มันไปแล้ว ”

“ ใครไม่คิดก็แปลก พี่ขุนเค้าไม่ใช่ธรรมดานี่หว่า ” ไอ้ภีมมันบอกก่อนจะส่งเหล้าแก้วใหม่ให้ผม “ กูว่ามึงต้องรับศึกหนักแน่เลย ”

ผมรับแก้วเหล้ามาจากมันก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ “ ผู้ชายกับผู้ชายนี่เจ็บมากเลยหรอวะ ”

“ ก็เจ็บนะ เจ็บทุกครั้งที่เอาเข้าไปอ่ะ แต่ว่าเดี๋ยวมันก็รู้สึกดีว่ะ ”

ผมยกยิ้มทันทีที่มันพูดแบบนั้นออกมา “ มึงเคยโดนหรอวะภีม ”

“ ก็...เอ่อ ” เจ้าตัวทำหน้าเลิกลั่กทันทีที่ผมถามแบบนั้น สีหน้าแม่งโคตรมีพิรุธ ผมว่าการสันนิฐานว่ามันเป็นเมียไอ้เป้เนี่ยะเป็นความจริงแน่นอน ไม่งั้นมันคงไม่ลุกลี้ลุกลนขนาดนี้หรอก

ผมอมยิ้มให้กับอาการร้อนตัวของเพื่อนรัก มันจะรู้ตัวไหมวะว่าตัวเองเก็บอาการไม่เนียนเลย พอผมจับไต๋มันได้แบบนี้ก็ชักอยากจะรู้แล้วครับว่ามันสองคนไปได้กันตอนไหน เชื่อไหมว่าตั้งแต่ที่รู้จักและเป็นเพื่อนกันมาผมเห็นมันสองคนทะเลาะกันประจำ เหมือนไม่ถูกกันด้วยซ้ำ อย่าบอกนะว่าไอ้ที่ทะเลาะนี่ทำเพื่อบังหน้า ก็อาจจะใช่ก็ได้นะครับ ขนาดไอ้หมีมันยังยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าเลย เนี่ยะ นึกถึงไอ้หมีอีกละ ช่วงนี้เรื่องของไอ้หมีนี่จะอยู่ในหัวของผมบ่อยมากเลยว่ะ

อาจเพราะผมเป็นห่วงมันมั้ง

ผมยกแก้วเหล้าขึ้นซดพลางมองไอ้หมีที่ยิ้มร่าทักทายคนโน้นทีคนนี้ที ลองคิดๆดูแล้วไอ้หมีเนี่ยะมีคนชอบมันเยอะมากเลยนะครับ แต่ละคนก็ไม่ได้ธรรมดาเลยอย่างพี่จันทร์เจ้าที่เป็นเจ้าของร้านนี้ หรือว่าพี่เตอร์ที่เป็นพี่รหัสมันเองก็ตาม ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกแต่ว่าไอ้หมีมันมาเล่าให้ฟัง ไม่ได้มีแค่ผู้ชายด้วยนะครับคนที่ชอบมันอ่ะ ผู้หญิงก็มี แถมยังมีดีกรีเป็นถึงดาวมหาลัยของรุ่นไอ้ขันอ่ะครับ คือเพื่อนทุกคนตอนนั้นอิจฉาไอ้หมีมันมาก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ปฏิเสธความรักเขาไปด้วยเหตุผลที่ว่ามันมีคนที่มันชอบแล้ว

ไอ้สัสขันไง

“ ไอ้หนม ”

ตายยากตายเย็น

ผมหันไปตามเสียงเรียกอันคุ้นเคย “ อะไรมึง แล้วมาทำไมเนี่ยะร้านอื่นไม่มีแดกหรอ ”

“ กูต้องถามมึงมากกว่าไอ้น้องเวร ” ไอ้ขันมันเดินมาใกล้ผมก่อนจะโขกหัวผมแรงๆ “ กูกับมึงมีเรื่องที่ยังไม่ได้เคลียร์กันหลายเรื่องนะ ”

“ ไม่เคลียร์อะไรทั้งนั้นแหละ ไปไหนก็ไปป่ะ ” ผมโบกมือไล่ไอ้ขัน มึงมาทีนี่โต๊ะกูเงียบกริบเลย ไอ้หมีนี่เงียบสุด

“ มึงนี่มัน....”

“ ไอ้ขันไมไม่ไปโต๊ะวะ ” พี่จันทร์ฉายเดินมาหยุดข้างไอ้ขัน ก่อนจะเหลือบมองไอ้ไผ่ “ อ๋อ น้องหนม ”

“ ปากพูดน้องหนมแต่ตานี่มองไอ้ไผ่ตลอดเลยนะพี่ฉาย ” ไอ้หมีที่เงียบไปส่งเสียงแซวอย่างยียวนขึ้นมา

พี่จันทร์ฉายทำหน้ามุ่ย “ อย่าอเจนด้าสิวะ ”

“ เด็กวิศวะรู้ทฤษฎีของเด็กนิเทศได้ไงอ่ะ ” ไอ้หมีมันหรี่ตามองอย่างจับผิด “ ไปฟังใครสอนมา ”

ผมมองพี่จันทร์ฉายกับไอ้ไผ่สลับกัน มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้หรอวะ ไม่เห็นเคยได้ยินข่าวเลยนะไอ้หมีเองก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยด้วย แต่ดูจากการแซวของไอ้หมีนี่มันต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆเลยว่ะ ที่ยังไม่ได้บอกเพื่อนๆนี่อาจจะเพราะว่ายังไม่รู้ถึงเบื้องลึก ไว้เดี๋ยวมันรู้แบบแจ่มแจ้งเดี๋ยวมันก็คงจะมาเล่าให้ฟัง ไอ้ไผ่มันนี่มันร้ายเงียบเหมือนกันนะเนี่ย แอบไปมีซัมติงกับพี่จันทร์ฉายด้วย ทำไมกลุ่มผมมันพัวพันกับเด็กวิศวะนักวะ

คณะก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กันแท้ๆ

“ ไปเหอะขัน แถวนี้อยู่ยากว่ะ ” พี่จันทร์ฉายคล้องคอไอ้ขันก่อนจะยิ้มหวานให้พวกผม “ แดกกันให้สนุกนะน้องๆ ” พอพี่เขาพูดแบบนั้นจบเขาก็ลากไอ้ขันกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

“ ไอ้เอ๋อ ” ไอ้เป้ยังล็อคคอไอ้ไผ่เข้าไปใกล้ทันที “ มึงเป็นอะไรพี่ฉาย ”

“ เออ ทำไมเค้าถึงมองมึงแบบนั้น ” ไอ้ปั้นมันเท้าคางมองอย่างสงสัย “ อย่างกับจะแดกเข้าไปทั้งตัว ”

“ พูดอะไรกัน ไม่เห็นจะรู้เรื่อง ” ไอ้ไผ่มันทำหน้ามึนใส่ก่อนยกเหล้าขึ้นจะดื่มแต่ติดแขนไอ้เป้ “ จะล็อคคอกูอีกนานไหม กูจะได้เอาหลอดมาปักเหล้าดูดแทน ”

“ แหม ทีนี้พูดไม่ผิดเลยนะมึง ” ไอ้เป้มันเบ้ปากใส่ก่อนจะเอามือออกมาจากคอไอ้ไผ่

“ แล้วพี่ขุนอ่ะหนม ” ไอ้เผือกมันถามก่อนจะส่งเหล้าแก้วใหม่มาให้ผม

“ ก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนๆมันนั่นแหละ ”

ตอนแรกผมก็ถามพี่ขุนว่าจะมากินด้วยกันไหม พี่มันบอกว่าให้ผมมากินกับเพื่อนๆผม ส่วนมันก็จะไปกินกับเพื่อนๆมัน ร้านประจำของแก๊งค์นั้นมันคือร้านนั่งชิวอ่ะครับ พวกผมก็เคยไปมานะร้านนั้นอ่ะ ร้านมันเล็กกว่าร้านนี้ครับอีกอย่างคนแม่งเยอะโคตร  ผมไม่ค่อยชอบที่คนมันเยอะเท่าไหร่เพราะว่ารำคาญ ผมนัดพี่ขุนให้มารับตอนสี่ทุ่ม อีกเดี๋ยวเจ้าตัวก็คงจะมาแล้วแหละ เชื่อเลยว่าถ้าโผล่หน้ามาในร้านจะต้องเป็นที่ติดตาต้องใจใครหลายๆคนแน่

ชัวร์เลย

ผมนั่งดื่มไปเรื่อยพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลังจากนี้ก็มีงานใหญ่ที่พวกผมต้องจัดการนั่นก็คือการจัดประกวดดาวเดือนมหาลัย พวกผมแบ่งแยกหน้าที่กันไว้เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวจะต้องแอบไปทำป้ายไฟไว้เชียร์ไอ้เป้ด้วย พอจบจากงานประกวดดาวเดือนก็ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำแล้วนะครับสำหรับเทอมนี้ ส่วนเทอมหน้ามีกีฬาสีที่เป็นกิจกรรมใหญ่ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นผมต้องผ่านการสอบไฟนอลก่อน

ไฟนอลนี่เป็นอะไรที่โหดร้ายสำหรับชีวิตพวกผมมาก

มันเป็นสอบที่จะพลาดไม่ได้ยิ่งกว่าสอบมิดเทอม เพื่อคอนโดที่อยากได้ผมก็จะต้องตั้งใจให้มากๆ พอสอบเสร็จก็จะปิดเทอม มหาลัยผมมันไม่ได้ปิดเทอมนานแบบที่อื่นน่ะครับ มหาลัยอื่นอาจจะปิดหลายเดือนแต่ของผมปิดแค่เดือนเดียว เอาจริงๆช่วงที่ปิดนั่นก็ต้องเริ่มเตรียมกีฬาสีแล้วแหละ เด็กนิเทศนี่มีช่วงให้พักยาวเต็มที่ได้แค่สามวันเท่านั้นแหละครับ

คิดแล้วปวดใจชิบ

เดี๋ยวผมจะต้องรีบปั่นนิยายด้วย ตอนนี้ก็ครึ่งเรื่องแล้วครับ อยากจะปรบมือให้ตัวเองดังๆที่แต่งมาได้ถึงขนาดนี้ กระแสตอบรับก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมฝันไว้นะครับว่าถ้าผมแต่งนิยายจนจบได้ผมจะนำไปส่งสำนักพิมพ์ให้เขาพิจารณาเพื่อพิมพ์ออกเล่ม อยากเห็นนิยายตัวเองอยู่ในร้านหนังสือมากครับ พอผมตั้งใจไว้แบบนี้ผมก็จะต้องพยายามทำให้สำเร็จ ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆผมคงจะภูมิใจในตัวเองมาก

เพราะงั้นผมต้องทำให้ได้

“ เป็นไรวะ ตาลอยเชียว ” ไอ้หมีมันสะกิดผม สะกิดไม่พอแถมยังดึงแก้มผมด้วย มือมึงเปื้อนอะไรมาป้ะเนี่ยมาจับแก้มกู

“ ตาลอยอะไรของมึง กูก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ” ผมจับมือมันออกจากหน้าก่อนจะชงเหล้าแก้วใหม่

“ คิดถึงเรื่องที่จะเสียตัวหรอ ”

“ ดูมึงตื่นเต้นที่กูจะเสียตัวมากเลยนะไอ้หมี ”

“ ใช่สิ มึงจะได้เอาที่มึงโดนพี่ขุนปู้ยี่ปู้ยำไปแต่งนิยายสักที กูอยากอ่าน ”

ผมหรี่ตามองมัน “ ขนาดนั้นเลย ”

“ เออสิ กูนี่แฟนคลับตัวยงของไรท์ขนมนะ ” ไอ้หมีมันยิ้มแฉ่งพลางส่งสายตาปิ๊งๆ

“ ทำดีละ จงเป็นแฟนคลับกูต่อไป ”

“ หึ....โน่นหนม แฟนตัวจริงมึงเดินหัวเทามาโน่นละ ”

ผมหันไปมองทางเข้าทันทีที่ไอ้หมีพูดจบ ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองกับกางเกงยีนส์ที่มีรอยขาดรอบเต็มไปหมด เดี๋ยวผมจะแอบเอากางเกงตัวนี้ไปทิ้ง มันจะโชว์ขาอ่อนอะไรขนาดนั้นวะ กว่าพี่ขุนจะเดินมาถึงโต๊ะผมก็มีคนไม่น้อยที่กวักมือเรียกพร้อมกับส่งเหล้าให้ เจ้าตัวก็รับมาซดแล้วก็ยิ้มหวานไปเรื่อย เหมือนมีคนชวนนั่งด้วยนะครับแต่เท่าที่อ่านปากนั่นรู้สึกจะตอบไปว่า....มารับแฟน

ทำดีมากพ่อหนุ่ม

ผมเห็นพี่มันแวะไหว้ที่โต๊ะไอ้ขันด้วย ไอ้ขันนี่ทำหน้าบึ้งใส่เลย ส่วนพี่ขุนมันก็ยิ้มหวานเข้าสู้ ในใจมันอาจจะร้องไห้อยู่ก็ได้ครับ ผมไม่รู้ว่าไอ้ขันมันแอบไปทำอะไรพี่ขุนไว้รึเปล่า พี่ขุนไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟัง จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดอยู่นะว่าไอ้ขันมันต้องแอบทำอะไรสักอย่างแน่ๆ คนอย่างแม่งไม่มีทางยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ตองรอดูกันต่อไป หลังจากที่พี่ขุนแวะอยู่โต๊ะไอ้ขันไม่นานก็เดินยิ้มหวานเข้ามาหาผม

แซวนางสักหน่อย

“ คนของสาธารณะจังนะ แวะแทบทุกโต๊ะ ”

“ แต่ก็บอกทุกโต๊ะเลยนะว่ามารับแฟนอ่ะ ” เจ้าตัวยิ้มหวานให้ผมก่อนจะยกมือมาขยี้หัวผมเบาๆ “ พูดแบบนี้นี่หึงหรอ ”

“ ใครเค้าหึงกัน ” ผมกำลังจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม สายตาก็สังเกตได้ถึงการทำท่าล้อเลียนของไอ้หมีกับไอ้ภีม “ เดี๋ยวเถอะนะพวกมึง ”

“ อูยยยยย น่ากลัวจังเลย ฮ่าๆๆๆๆ ” ไอ้หมีมันบอกก่อนจะหัวเราะร่าออกมา กวนตีนชิบ เอาขวดเบียร์ตีหัวเพื่อนนี่ผิดไหมครับ

“ มึงอย่าไปแซวหนมสิวะหมี ฮ่าๆๆๆๆๆ ” มึงอ่ะตัวดีเลยไอ้บ้าภีม

“ พวกมึงนี่มัน....”

“ เอาหน่าหนมอย่าไปถือสาเพื่อนๆเลย ” พี่ขุนปรามก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผม “ พร้อมจะเป็นของพี่รึยังจ๊ะคนดี ”

ตึกตัก

อา....ทำไมขนลุกแปลกๆ

เพราะคำว่า จ๊ะ แน่ๆเลย

ผมเลื่อนหน้าออกมาไกลจากหน้าหล่อก่อนจะมองพี่ขุนตาปริบๆ เอ่อ ที่มันพูดเมื่อกี้ผมก็ใจสั่นอยู่หรอกนะครับ แต่ไอ้อาการขนลุกซู่นี่มันอะไรกันวะ ผมยกมือลูบแขนตัวเองเบาๆ “ หนมขนลุกอ่ะพี่ขุน ”

เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ผม “ ขนลุกเฉยเลย บอกลาเพื่อนๆได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปแวะซื้อของอีก ”

“ งั้นแปป ” ผมหันมามองเพื่อนๆ “ พวกมึง กูไปละนะ ”

“ เออไปเถอะ ” ไม่คิดจะรั้งกูไว้หน่อยหรอปั้น

“ โชคดีนะเพื่อนหนม เพื่อนภีมเป็นกำลังใจให้ ”

“ เพื่อนเป้ก็เหมือนกัน ”

“ บ้ายบาย ” ไอ้ไผ่โบกมือให้ผม ส่วนไอ้เผือกมันไม่พูดอะไรแต่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้แทน

“ เบามือหน่อยนะพี่ขุน ไอ้หนมมันอ่อนต่อโลก ” ไอ้หมีมันยิ้มปากบานบอกพี่ขุน ตัวอีพี่ก็พยักหน้ารับอย่างยินดี แหม่ เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ

 “ พอแล้ว เจอกันที่มอ บาย ” ผมบอกบรรดาชาวแก๊งค์ก่อนจะเดินตามที่ขุนออกมาจากร้าน

ร่างสูงเดินนำมาจนถึงรถฟอร์จูเนอร์สีขาว ผมขึ้นมานั่งบนรถ เจ้าตัวก็ขึ้นตามมาอยู่ในฝั่งของคนขับ ผมตื่นเต้นยังไงไม่รู้อ่ะ คือแบบไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงหรือพูดอะไรกับพี่มันดี มันเขินไปหมดเลยครับตอนนี้ พี่ขุนเองก็ไม่พูดอะไรออกมานะนอกจากอมยิ้มแล้วเหลือบมองผมเป็นพักๆเท่านั้น พอผ่านไปแปปนึงรถก็ขับมาจอดอยู่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต พี่ขุนดับเครื่องก่อนจะลากผมให้เดินเข้าไปด้วยกัน

จูงดีดีก็ได้พ่อหนุ่มจะลากทำไม

“ พี่เดินไวจังอ่ะหนมเดินตามไม่ทัน ”

“ โอ๋ๆ พี่ลืมไปว่าหนมขาสั้นอ่ะ ” ผมตีไหล่พี่มันแรงๆทันที เจ้าตัวก็มองผมตาโต “ ตีพี่ทำไมอ่ะครับ ”

“ ยังจะมาถามอีก แล้วนี่ทำไมมาซื้อของที่นี่อ่ะ ”

“ พี่จะซื้อพวกของสดด้วยอ่ะ เดี๋ยววันนี้เราจะไปค้างที่คอนโดพี่กัน ”

“ พี่มีคอนโดด้วยหรอ ” ผมถามก่อนจะหยิบตะกร้ามาถือไว้ ผมนึกว่าพี่ขุนมันมีบ้านอย่างเดียวนะเนี่ย ที่ไหนได้มีคอนโดอีก บ้านพี่มันคงโคตรรวยจริงๆอ่ะ ไม่งั้นซื้อไม่ได้หรอกทั้งบ้านทั้งคอนโดแบบนี้

“ มีสิ คอนโดพี่สวยมากเลยนะ พี่เคยคิดมาตลอดว่าอยากจะพาแฟนของตัวเองไป ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ แฟนนี่แค่หนมป้ะ ”

“ ใช่สิ หนมเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวที่พี่มีนะครับ ” มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมไว้ “ ไปซื้อกุ้งกันดีกว่า หนมชอบกินนี่นะ ”

ผมเดินอมยิ้มมองแผ่นหลังกว้างอยู่ที่ตรงหน้า ในที่สุดสิ่งที่คาใจผมมาตลอดก็ได้คำตอบแล้วครับ พี่ขุนไม่เคยมีแฟนมาก่อนและแน่นอนว่าไอ้การเทคแคร์ดูแลของนั่นผมได้รับจากพี่มันเป็นคนแรก ปลื้มปริ่ม ปกติก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษอยู่แล้วนะครับ พอมารู้แบบนี้รู้สึกพิเศษหนักเข้าไปใหญ่ มันดีเนอะที่เราเป็นแฟนคนแรกของกันและกันอ่ะ และมันก็คงจะดีถ้าเป็นแฟนคนสุดท้ายของกันและกันด้วย

อา....ใจละมุนไปหมดแล้ว

“ มีอะไรที่อยากกินไหม ” พี่ขุนถามหลังจากที่เราเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโซนผักและของสด

“ อยากกินกุ้งลวกจิ้ม อยากกินแกงเขียวหวานด้วย ”

“ งั้นซื้อไปหลายๆอย่างหน่อยละกัน ”

ผมพยักหน้ารับ “ หนมอยากกินปลาทอดกระเทียมด้วยอ่ะ ”

“ เอาปลาอะไรทอดดีหืม ”

“ ปลาที่สีชมพูอ่ะ ”

“ ปลาทับทิมหรอ ”

“ ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไรแต่เคยแม่ทำอยู่ ตอนที่ยังไม่ได้ทอดมันก็สีชมพูสวยอยู่หรอก พอทอดแล้วมันก็ไม่ชมพูแล้วแต่มันน่ากินมาก ”

“ ดูตื่นเต้นนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ทอดให้กินละกัน ”

“ โอเคเลย ”

ผมเดินตามพี่ขุนต้อยๆ พี่มันก็เลือกของใส่เต็มตะกร้าไปหมด พอได้ของครบเราก็ย้ายมาโซนขนมขบเคี้ยวครับ ผมก็กวาดขนมที่ตัวเองชอบมาใส่เต็มตะกร้า พี่ขุนเองก็หยิบขนมของตัวเอง ผมก็แอบย่องมาโซนอุปกรณ์ทางการแพทย์ครับ ด้วยความที่วันนี้ผมจะต้องป่ามป๊ามกับพี่ขุน ผมก็จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมหน่อย ไอ้หมีบอกว่าถ้าสวมถุงยางจะเจ็บน้อยลงครับ อีกอย่างคือต้องซื้อเจลหล่อลื่นด้วย สภาพอย่างผมคงไม่มีบุญเป็นผัวพี่มันแน่นอน เพราะงั้นผมควรจะมีไอเทมที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อยลง

อา....สู้เขานะขนม

ผมกวาดสายตามองหาเจลหล่อลื่น มันมีหลายยี่ห้อแล้วก็หลายแบบมากเลยครับ เอามาสักอันนึงละกันถ้ามันไม่เวิร์ครอบหน้าค่อยเปลี่ยน พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบเจลขวดสีชมพูที่อยู่ใกล้ที่สุดมา ก่อนจะเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงชั้นถุงยาง ผมไม่รู้ว่าพี่ขุนใส่ถุงยางไซส์ไหนนี่สิ แต่ปกติผู้ชายไทยก็น่าจะอยู่ที่ไซส์ 49 ไม่ก็ 52 นะครับ ถุงยางนี่ก็มีหลายประเภทเหมือนกันแฮะ มีอันที่มีปุ่มด้วยอ่ะ เราจะรู้สึกถึงปุ่มได้หรอถ้าเราโดน

ผมนี่ชักจะคิดอะไรติดเรทเกินไปละ

“ บ้าชะมัด ” ผมยกมือลูบหน้าตัวเองเบาๆก่อนจะหยิบถุงยางไซส์ 52 ขึ้นมาดู

“ ทำอะไรน่ะครับ ”

ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงพี่ขุน “ ตกใจหมดเลย ”

“ พี่หาเราตั้งนาน ” ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังผมก่อนจะชะเง้อมองดูของในมือ “ มาซื้อถุงยางอยู่นี่เอง ”

“ คือหนม.....คือ ”

“ ผิดไซส์นะ พี่ใส่ไม่ได้หรอก ” มือเรียวหยิบถุงยางไซส์ 52 กลับไปวางไว้ที่เดิมก่อนจะหยิบกล่องที่อยู่ข้างๆมายัดใส่มือผมแทน “ พี่ต้องใส่ 54 ”

ผมหันขวับไปมองพี่ขุนทันที “ 54 เลยหรอ ”

“ ใช่ แปลกหรอ ”

“ ก็....ช่างมันเถอะ ไปจ่ายเงินกันดีกว่านะ ” ผมโยนถุงยางใส่ตะกร้าก่อนจะรีบเดินนำมาที่เคาท์เตอร์จ่ายเงินทันที

นี่ไม่คิดเลยว่าพี่ขุนจะใส่ถุงยางไซส์ใหญ่แบบนั้น ไซส์ 54 นี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ เอาวะตัดสินใจไปแล้วนี่จะมาถอยตอนนี้ก็ไม่ได้ แล้วอีกอย่างยังไงวันนี้มันก็ต้องมาถึงอยู่ดี ผมคิดว่าพี่ขุนเองคงจะไม่ทำให้ผมเจ็บมากจนทนไม่ไหวหรอก คิดในแง่ดีไว้หนม สิ่งที่จะทำวันนี้มันคือการเก็บข้อมูล Nc ที่ดีที่สุดเลยนะ ไปอ่านจากที่ไหนก็ไม่เรียลเท่าด้วย เหล่ารี้ดที่รักเอาใจช่วยไรท์หนมด้วยนะครับ

อื้ออ.อ.อ....ใจสั่นไปหมดแล้วโว้ย


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 21 ----------




คอนโด L

ผมเดินตามพี่ขุนเข้ามาในคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง แถมยังติดริมแม่น้ำอีกต่างหาก คอนโดนี่ค่อนข้างที่จะอยู่ไกลจากมหาลัยมากเลยนะครับแล้วก็ไกลจากบ้านของพี่ขุนด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงซื้อคอนโดอยู่ไกลถึงขนาดนี้ อีกอย่างผมว่ากลางเมืองอ่ะรถจะชอบติดด้วย แต่ที่นี่มันใกล้กับสถานีรถไฟฟ้านะครับ แต่ว่าพี่ขุนมันก็ขับรถนี่นา สงสัยจังว่าทำไมถึงซื้อคอนโดนี้ ถ้าสงสัยเราต้องถามครับ

“ พี่ขุน ”

“ ครับ ” เจ้าตัวกดลิฟต์ชั้นบนสุดก่อนจะหันมาหาผม “ มีอะไรหืม ”

“ ทำไมถึงซื้อคอนโดนี้อ่ะ มันไกลจากมอเรามากเลยนะ ”

“ คือคอนโดเนี่ยะ มันเป็นของที่บ้านพี่เองอ่ะ ”

“ หมายถึงเป็นเจ้าของเลยอ่ะนะ ”

พี่ขุนพยักหน้ารับก่อนจะจูงมือผมออกมาจากลิฟต์ “ ชั้นบนสุดนี้เป็นของพี่แต่ยังครี่งเดียวนะ พ่อบอกว่าจะยกให้ทั้งหมดต่อเมื่อพาลูกสะใภ้ไปบ้านน่ะ ”

“ งี้นี่เอง แปลว่าชั้นนี้ไม่มีใครอยู่เลยน่ะสิ ”

“ ใช่ มีแค่เราสองคน ” พี่ขุนเปิดประตูห้องที่อยู่สุดทางเดินให้ “ เชิญครับ ”

“ ขอบคุณครับ ”

ผมเดินเข้ามาในห้องช้าๆ ไฟในห้องสว่างก็ขึ้น รอบๆห้องเป็นกระจกไปหมดเลยครับ วิวจากชั้นสูงสุดนี่สวยมาก น่าอิจฉาจริงๆเลยที่ได้เห็นวิวแบบนี้บ่อยๆ ในห้องของพี่ขุนอยู่ในโทนสีเหลืองแบบที่ผมคิดไว้จริงๆด้วยครับ มีตัดด้วยสีเทาเพื่อให้มันดูสมูทขึ้นด้วยนะ แต่งห้องได้ดีจริงๆเลย ผมเดินสำรวจไปรอบๆ พี่ขุนก็เดินเอาของไปเก็บที่เคาท์เตอร์ครัว ผมเห็นประตูใหญ่บานเดียวในห้องผมก็เดินมาเปิดดู

อู้ววว ห้องนอนของพี่ขุนล่ะ

ผมเดินเข้ามาในห้องนอน สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยก็คือรูปของผมที่อยู่ในกรอบใหญ่มากแถมไว้บนผนังตรงหัวเตียงเลยต่างหาก มันเป็นรูปตอนที่อยู่ชะอำครับ ไปแอบถ่ายมาตอนไหนก็ไม่รู้น่ะ ผมเดินมาดูใกล้ๆก็เจอโต๊ะข้างหัวเตียงที่เต็มไปด้วยกรอบรูปของผมวางอยู่เต็มไปหมด เห็นแบบนี้นี่เขินว่ะ มีรูปที่ผมกับพี่มันถ่ายด้วยกันที่ฟาร์มแกะด้วยนะ มีโพสอิทแปะไว้ข้างๆอีกต่างหาก

รูปที่ถ่ายด้วยกันครั้งแรก

พี่ขุนนี่จดจำทุกรายละเอียดเล็กๆจริงๆ ขนาดผมยังไม่ใส่ใจอะไรขนาดนี้เลย เออจะว่าไปนี่ก็เป็นรูปที่ถ่ายด้วยกันรูปแรกจริงๆแหละ ปกติจะแอบถ่ายกันซะส่วนใหญ่ เดี๋ยวผมเอารูปที่แอบถ่ายพี่ขุนมาได้ไปทำเป็นอัลบั้มแล้วมาให้เป็นของขวัญที่คบกันได้ 1 เดือน

หวังว่านางจะชอบนะ

“ อยู่นี่เอง ”

ผมสะดุ้งเมื่อพี่ขุนสวมกอดจากด้านหลัง “ พี่นี่....มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะ ”

“ หึ....พร้อมรึยังหืม ” เสียงนุ่มเอ่ยถามอยู่ข้างหู จมูกโด่งกดลงบนแก้มของผมแรงๆ “ ไปอาบน้ำก่อนไป ก่อนไปรับหนมพี่กลับไปอาบที่หอมาละ ”

“ โอเค ” ผมแกะมือที่กอดเอวผมออกก่อนจะหันหน้าเข้าหาพี่ขุน “ แปปนึงนะ ”

“ ครับ ” เจ้าตัวก้มลงมาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ “ พี่รอที่เตียงนะ ”

ผมพยักหน้ารับก่อนเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วลงมือชำระร่างกายตัวเองให้สะอาด ใจเต้นแรงมากเลยครับ ผมกดสบู่อาบน้ำของพี่ขุนเอามาชะโลมตัวเองก่อนจะขัดๆถูๆ มันต้องสะอาดทุกซอกทุกมุมครับ ผมเองก็ศึกษาเรื่องนี้มาพอสมควร ว่ามันจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง ตอนที่นั่งอ่านเรื่องพวกนั้นก็รู้สึกแปลกๆอยู่หรอก พอจะมาทำจริงๆนี่ให้ความรู้สึกอีกแบบเลยแฮะ

ตื่นเต้นไปหมด

หลังจากที่ผมใช้เวลาอาบน้ำไปเกือบยี่สิบนาทีผมก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่ห้อยอยู่มาสวมไว้ เอาน่ะหนมใจมาหน่อย คนรักกันทำเรื่องแบบนี้ก็ไม่ได้แปลกสักหน่อย พอคิดได้แบบนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พี่ขุนที่นั่งรออยู่ปลายเตียงพอเห็นผมเดินออกมาก็ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรด ริมฝีปากบางนั่นยกยิ้มทันที มือเรียวตบข้างเตียงเบาๆเชิงให้ผมไปนั่งตรงนั้น

“ อาบนานผิดปกติเลยนะ ”

“ เปล่าสักหน่อย ” ผมเดินมานั่งข้างๆพี่ขุน “ หนม ตื่นเต้นอ่ะพี่ ”

“ พี่ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ”

“ แต่ดูพี่ปกติมากเลยนะ ”

“ ก็ไม่นะ ” พี่ขุนเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม “ พี่เองก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน ”

ผมยื่นมือไปกุมมือเรียวคู่นั้นไว้ “ เขินว่ะ มันครั้งแรกของหนมเลยอ่ะ ยังไงก็เพลามือหน่อยละกันนะ ”

“ เรานี่มัน....” พี่ขุนก้มหน้าลงมาใกล้ผม “ น่ารักจริงๆเลยนะ ” ริมฝีปากบางกดจูบลงเบาๆ

ผมเปิดปากเพื่อให้พี่ขุนสอดลิ้นเข้ามาก่อนจะยกมือจับไหล่เจ้าตัวไว้ ลิ้นร้อนๆไล่คว้านวนอย่างละเมียดละไม ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆเลย มันต่างกับตอนที่เราจูบกันครั้งแรก จูบนี้มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าต้องการที่จะทะนุถนอมผมมากแค่ไหน พี่ขุนดันให้ผมนอนราบไปกับเตียงก่อนโดยที่ตัวเองก็คร่อมผมไว้ ปากก็แลกจูบกันอยู่อย่างนั้น ผมขยับลิ้นไล่ตามพี่ขุนไปอย่างเงอะงะจนพี่มันหลุดยิ้มออกมาก่อนจะละริมฝีปากออกไป

อะไรเล่าก็จูบไม่เป็นนี่

“ ทำไมพี่ถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ”

“ ก็เราอ่ะ ”

“ หนมยังไม่ทันทำอะไรเลย ”

“ เดี๋ยวพี่จะสอนให้จูบนะ หนมจะต้องขยับลิ้นแบบนี้ ” เจ้าตัวแลบลิ้นออกมาก่อนจะขยับวนคล้ายๆกับเลขแปด

“ แบบนี้ ” ผมแลบลิ้นออกมาขยับตาม “ แล้วยังไงต่อ ”

“ ก็ถ้าจะให้ได้อารมณ์หน่อยก็ควรจะดูดเบาๆ แบบนี้ ” พี่ขุนก้มลงมางับที่ริมฝีปากล่างผมก่อนจะดูดเบาๆแล้วละออกไป “ เข้าใจไหมครับ ไหนลองทำซิ ”

ผมผงกหัวขึ้นไปจุ๊บปากพี่ขุนก่อนจะงับและดูดเบาๆตามที่เจ้าตัวสอน “ เป็นไง ”

“ เก่งมาก ทำแบบนั้นแหละ งั้นพี่ทำต่อเลยนะ ” พี่ขุนก้มลงมาจูบผมอีกครั้งซึ่งผมรอรับจูบนั้นอยู่แล้ว

มือเรียวแหวกเสื้อคลุมอาบน้ำของผมออก ริมฝีปากละออกจากปากผมก่อนจะไล่จูบไปตามที่ซอกคอ จั๊กจี้ยังไงไม่รู้ว่ะ ทุกครั้งที่ปากอุ่นนั่นกดจูบลงมาผมก็ถดคอหนีจนพี่ขุนต้องยกมือมาประคองให้ผมอยู่นิ่งๆ เจ้าตัวค่อยๆจูบก่อนจะงับเบาๆไล่ลงไปจนถึงไหปลาร้า หลังจากนั้นไอ้การจูบเบาๆในตอนแรกก็กลายเป็นการขบเม้มแรงๆ ผมผงกหัวขึ้นมาดูเห็นผิวตัวเองขึ้นเป็นสีแดงจ้ำๆเหมือนกับที่ผมเห็นที่คอไอ้เผือก

การดูดมันเป็นแบบนี้เอง

“ พี่ขุน ”

เจ้าตัวช้อนตาขึ้นมองผม “ พี่ดูดแรงไปหรอครับ ”

“ เปล่า หนมแค่อยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงทำรอยตรงนั้น ”

“ ก็ถ้าพี่ทำรอยไว้ตรงคอคนอื่นก็จะมองเห็นน่ะสิ มันคงจะไม่เหมาะถ้าคนอื่นมาเห็นหนมมีรอยดูดอยู่ที่คอ ” พี่ขุนบอกก่อนจะขบเม้มแรงๆแถวๆน่าอก “ แต่ถ้าใต้ร่มผ้าน่ะ ทั้งตัวแน่นอน ”

ฉ่า

แก้มร้อนไปหมดแล้วโว้ย

“ พี่นี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ” ผมยกมือขึ้นมาบังหน้าตัวเองก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นที่ยอดอก “ พี่ขุนทำอะไรน่ะ ”

“ หนมอยากให้พี่พูดจริงๆหรอ ” ใบหน้าหล่อยกยิ้มให้ผมก่อนจะจูบเบาๆลงบนยอดอกแล้วเลียวนไปรอบๆ

“ อื้ออ.อ.อ.อ....”

ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันวะ

มือของผมจิกไหล่พี่ขุนเบาๆเมื่อพี่มันไล่เลียวนที่รอบยอดอกอยู่อย่างนั้น เลียไม่พอนะครับมีงับแล้วก็ใช้นิ้วลูบวนไปมาด้วย หลังผมนี่อยู่ไม่ติดกับพื้นเตียงเลย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องแอ่นเพื่อรับสัมผัสนั้นด้วย ความรู้สึกนี้เรียกว่าเสียวได้มั้ง อื้อ.อ.อ.อ....มันแปลกอ่ะ เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย เจ้าตัวดูชอบใจมากเลยนะครับที่ทำให้ผมแสดงอาการตอบสนองออกมาแบบนี้ ลิ้นร้อนนี่รัวหนักเข้าไปใหญ่

“ อื้ออ.อ...อะ...พี่ขุน ” หนมจะตายแล้ว

“ อะไรหืม ”

“ ทำไมถึงทำแต่ตรงนี้ล่ะ ” ผมถามพี่มันเสียงอ่อน รู้สึกหน้าร้อนมากครับ ตอนนี้แก้มผมคงแดงมากแน่ๆ

“ ก็หนมดูชอบตรงนี้เป็นพิเศษ ” ปลายนิ้วเรียวไล้วนรอบยอดอกผม “ พี่ก็ไม่คิดว่าหนมจะรู้สึกมากขนาดนี้ ”

“ รู้สึกสิ ” ผมยกมือขึ้นไปหยิกยอดอกพี่ขุนแรงๆ “ พี่รู้สึกไหมล่ะ ”

“ โอ้ยย อันนี้มันเจ็บเนี่ยะ ”

“ มันก็คล้ายๆกันนั่นแหละ ”

“ ไม่คล้ายกันสักหน่อย ” เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ผมก่อนจะเลื่อนมือมาถอดเสื้อของตัวเองออกไป

ตึกตัก

เชี่ยยยยยย

ผมมองคนที่คร่อมตัวเองอยู่อย่างอึ้งๆ หุ่นนี้ได้แต่ใดมาเนี่ยพ่อคุณ กล้ามเนื้อเป็นลอนสวยนั่นจะต้องผ่านการดูแลตัวเองมากอย่างหนักแน่ๆ ผิวพี่มันขาวและก็เนียนมากเลยครับ ผมเลื่อนมือมาลูบกล้ามท้องแน่นเบาๆ แข็งจริงไรจริง ผมชอบหุ่นแบบนี้มากเลยครับมันไม่หนาไปไม่บางไป ผมเคยคิดว่าอยากจะมีหุ่นแบบนี้นะแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าผมเป็นพวกขี้เกียจออกกำลังกายไง แต่มันก็เป็นโชคดีของผมที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนน่ะนะครับ แถมยังตัวบางๆด้วยซ้ำ ถึงผมจะหุ่นไม่ดีมาก

แต่ว่าแฟนผมหุ่นดีมากนะครับ

น่ากัด

“ มองตาไม่กระพริบเลยนะ ” พี่ขุนก้มหน้าลงมาจนจมูกชนกับจมูกผม “ อยากกัดสักทีสองทีไหมล่ะ ”

“ ใครเค้าอยากจะกัดกัน ”

“ ที่พูดนั่นใช่สิ่งที่คิดหรอ ” สายตาคมยังจับจ้องผมอยู่ไม่ห่าง แต่สัมผัสได้แรงลูบที่เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ

“ ใช่สิ แล้วทำไมต้องเอาหน้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยเนี่ย ”

“ พี่ก็ต้องอยากใกล้ชิดกับคนที่พี่รักสิครับ ” เจ้าตัวพูดพร้อมกับยิ้มหวาน

ยอมแล้วครับทูลหัว

ยอมแล้ว

“ หนมเขินมากเลยอ่ะ เหมือนจะตายยังไงก็ไม่รู้ ”

“ ฮ่าๆๆเด็กบ๊อง ” พี่ขุนหัวเราะร่าก่อนจะเลื่อนไปจุ๊บหน้าผากผม “ พี่ไม่ปล่อยให้เราตายง่ายๆหรอก ” เจ้าเอ่ยออกมาก่อนจะจูบปากผมอีกครั้ง

ตอนนี้ผมรู้สึกดีไปหมดเลย ทุกคำพูดทุกการกระทำมันทำให้ผมเขินเหมือนเป็นบ้า ผู้ชายคนนี้นี่มีอิทธิพลกับผมมากจริงๆ รับรองเลยว่าถ้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปแต่ง Nc เนี่ยะ เหล่ารี้ดของผมคงจะต้องหลงรักมันอย่างหัวปักหัวปำแน่ๆ ในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มอยู่กับจูบที่พี่มันมอบให้ ก็รับรู้แรงลูบๆคลำๆตรงช่วงล่าง เสื้อคลุมอาบน้ำของผมมันหลุดออกไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วไม่รู้ ตอนนี้มีแค่ตัวเปล่าๆนอนอยู่ใต้ร่างพี่ขุนเท่านั้น ที่สำคัญคือพี่มันรุกรานไปจนถึงหนมน้อยแล้วครับ

โอ้มายก๊อดดด

นอกจากแม่แล้วไม่มีใครได้แตะเลยนะครับ

พี่ขุนละจูบจากปากมาซุกไซร้อยู่รอบซอกคอผมแทน มือลูบหนมน้อยเบาๆก่อนจะเริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ อื้ออ..อ.อ.....ทำไมมันไม่เหมือนเวลาที่ผมช่วยตัวเองเลยวะ ความรู้สึกมันต่างกันมากเลย เพราะว่าโดนคนอื่นทำให้งั้นหรอ หรือว่าเพราะคนทำคือพี่ขุนวะผมก็เลยรู้สึกดีมากกว่าปกติ ยิ่งเวลาที่มือเรียวนั่นสาวขึ้นลงเน้นๆมันยิ่งทำให้รู้สึกดีเข้าไปใหญ่

“ ชอบไหมครับ ”

ผมพยักหน้ารับ “ อื้ออ.อ....มันเสียว ”

“ พี่ดีใจนะที่ทำให้หนมเสียวได้ ” เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะขยับมือหนักขึ้นอีก

“ อ๊ะ....พี่พูดอะไรก็ไม่รู้...อื้ออ.อ.อ.....”

“ พูดจริงๆนี่นา ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยออกมาเลยนะครับ ” พี่ขุนจุ๊บปากผมก่อนจะเร่งจังหวะมือขึ้นอีก

โอ้ยยย แบบนี้ก็ไม่ไหวสิ

“ ซี๊ดด..ด...จะเสร็จ....อื้ออ.อ...”

“ ก็เสร็จสิครับ ”

“ อ๊ะ....อื้ออ....พี่ขุนนน...อ๊ะ...อ๊า ”

ทำไมเหมือนโลกมันขาวโพลนไปหมดอย่างงี้วะ

ผมผ่อนลมหายใจออกมาหลังจากที่ตัวเองเพิ่งเสร็จ พี่ขุนหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะผละออกไป ผมเห็นน้ำรักสีขาวขุ่นที่เลอะเต็มมือพี่มัน อาจเพราะผมไม่ได้ปลดปล่อยมานานมันก็เลยเยอะมากกว่าปกติ พี่ขุนเอื้อมไปหยิบขวดเจลสีชมพูมาบีบใส่มือ ใบหน้าหล่อๆนั่นขึ้นสีนิดๆก่อนจะจับขาผมให้แยกออกจากกันแล้วเลื่อนมือไปลูบไล้ที่ช่องทางรักด้านหลังเบาๆ ผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อถูกสัมผัสที่ส่วนนั้น มันรู้สึกแปลกๆครับ ปลายนิ้วเรียวๆลูบวนอยู่อย่างนั้นก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาด้านในช้าๆ

อื้ออ.อ...เจ็บ

“ หนมเจ็บหรอ ”

“ เจ็บ ” ผมกัดปากตัวเองเบาๆเพื่อข่มความเจ็บ “ พี่ขุนเบามือหน่อยนะ ”

“ พี่จะทำเบาๆนะ ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บปากผม นิ้วเรียวค่อยๆขยับเข้าไปช้าๆ

“ อื้ออ.อ.อ....พี่ขุน ” ผมผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อไม่ให้ตัวเองเกร็ง ใจสู้หน่อยหนม เดี๋ยวต้องเจอของที่ใส่ไซส์ 54 เลยนะ นิ้วแค่นี้เทียบไม่ติดด้วยซ้ำ

แค่คิดก็....

“ ทำไมรัดนิ้วพี่แน่นจังเลยล่ะ ”

“ หนมเปล่านะ ” เรื่องแบบนี้อย่าพูดออกมาสิโว้ย

“ เปล่าอะไรล่ะ ขยับนิ้วแทบไม่ได้ แน่ะ ยังจะรัดแน่นขึ้นอีก ”

ก็กูเขินอ่ะไอ้สัสจะให้กูทำไง

“ ก็พี่ขุนอ่ะ....อ๊ะ...อย่าขยับพรวดพราดสิมันเจ็บ ”

“ โอ๋ๆ พี่จะทำให้หนมเจ็บน้อยที่สุดนะครับ ” พี่ขุนเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ

มือผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับเข้าออก มันเจ็บนะครับแต่มันก็รู้สึกวูบวาบๆที่ท้องน้อยด้วย พี่ขุนหยิบเจลมาบีบใส่เพิ่มก่อนจะเริ่มขยับนิ้วเข้าออกเร็วขึ้นแล้วค่อยๆสอดนิ้วเพิ่มเข้ามาเบาๆ ทำแบบนั้นจนนิ้วสอดเข้ามาครบทั้งสามนิ้ว ช่วงล่างนี่ให้ความรู้สึกหลากหลายมากครับ ทั้งเจ็บทั้งเสียวมันปะปนกันไปหมด มันรู้สึกดีทุกครั้งที่ปลายนิ้วมันไปโดนอะไรสักอย่างที่อยู่ด้านใน นี่สินะที่เรียกว่าจุดกระสัน

เคยอ่านแต่นิยาย พอมาเจอกับตัวนี่ยอมเลยเอาจริงๆ

เสียววูบวาบไปหมดแล้ว

“ แค่นี่ก็น่าจะพอไหวแล้วล่ะ ” พี่ขุนบอกก่อนจะถอนนิ้วออกไป รู้สึกโล่งทันทีเลยข้างล่าง

“ หนมก็คิดว่าน่าจะไหว ” ผมเห็นหน้าที่แดงก่ำของพี่ขุนก็อดไม่ได้ที่ยกมือขึ้นไปกุมไว้ “ ทำไมหน้าแดงอย่างนี้ล่ะ ”

“ พี่เขินอ่ะแล้วก็ประหม่าไปหมดเลย มีความสุขมากเลยนะหนมเพราะพี่รอเวลานี้มาตั้งนาน ”

“ นี่ก็เป็นรางวัลของความอดทนของพี่ไง ” ผมลูบแก้มแดงนั่นเบาๆ “ พอเห็นพี่แก้มแดงจัดแบบนี้ก็น่ารักเหมือนกันนะ ”

“ หนมต่างหากที่น่ารักอ่ะ แถมยังเป็นที่รักของพี่ด้วย ” พี่ขุนเอ่ยก่อนจะยิ้มหวาน

ผมยกมือจิ้มที่ริมฝีปากนั่นเบาๆ “ ปากหวานจังเลยนะ ”

“ หวานแค่กับแฟนคนเดียวเท่านั้นแหละครับ ” มือเรียวหยิบถุงยางมาคาบไว้ก่อนจะเลื่อนมือลงไปปลดกางเกงยีนส์ตัวเองออก

โอ้ยยยยยเชี่ยยยยย

ผมมองสิ่งที่โผล่ออกมาจากกางเกงอย่างหวั่นๆ ไม่แปลกใจเลยถ้าพี่ขุนจะใส่ถุงยางไซส์ 54 ไอ้ที่สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผมนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆครับ มันใหญ่มาก ขนาดยังไม่ได้เสียบเข้าไปก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆขึ้นมาแล้วอ่ะ เอาน่ะหนม มาไกลถึงขนาดนี้ละอย่ามาจิตใจอ่อนแอเพราะเจอของใหญ่หน่อยเลย ผมนอนมองพี่ขุนฉีกซองถุงยางก่อนจะสวมเข้าที่ลูกรักของตัวเอง โอ้ยหวั่นใจมากเลย มือเรียวจับให้ขาผมแยกออกจากกันมากกว่าเดิมก่อนจะประคองลูกรักมาถูวนรอบปากทางเข้าเบาๆ

อื้ออ.อ..อ...เสียวแปลกๆ

“ เบาๆพี่ขุน ”

ใบหน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้ “ พี่จะเบาที่สุดนะครับ ”

“ อื้ออ.อ..อ.....”

“ ซี๊ดด.ด....ผ่อนคลายหน่อยครับ ”

“ โอ้ยยยยยย...อื้ออ.อ....พี่ขุนหนมเจ็บ...อื้ออ.อ....”

“ พี่รักหนมนะ ”

“ โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ” ผมตีไหล่พี่ขุนแรงๆทันที “ พี่รักหนมจริงป้ะเนี่ย ”

“ รักสิครับ แต่ถ้าพี่มัวชักช้าหนมจะเจ็บมากกว่านี้ ” เจ้าตัวก้มลงมาจูบซับน้ำตาให้ผมเบาๆ “ พี่ขอโทษนะครับ เจ็บมากเลยหรอ ”

เจ็บสิโว้ยยยยยยย

เล่นเสียบเข้ามารวดเดียวแบบนั้นใครไม่เจ็บบ้างวะ

ผมนอนผ่อนลมหายใจหนักๆ ช่วงล่างนี่เจ็บมากครับแถมยังรู้สึกอึดอัดมากด้วย ที่อ่านในนิยายกับที่เจอในชีวิตนี่โคตรต่างกันเลย พี่ขุนเห็นผมเจ็บมากก็ได้แต่ไล่จูบประโลมไปรอบซอกคอ มือเรียวก็ลูบไล้รอบเอวเชิงให้ผมผ่อนคลาย ชอบนะครับที่พี่มันทำอะไรแบบนี้ ช่วงล่างยังคงนิ่งอยู่คิดว่าเจ้าตัวคงจะปล่อยให้ผมปรับตัวเองให้พร้อมขึ้นเพื่อรอรับแรงกระแทก

พูดเองก็ปวดใจเองแปลกๆ

“ ถ้าหนมพร้อมแล้วบอกพี่นะ ”

“ แล้วถ้าหนมไม่พร้อมอ่ะ ”

“ อีกสองนาทีเดี๋ยวพี่จะขยับนะครับ ” พี่ขุนเลื่อนขึ้นมาจุ๊บที่ปากผมเบาๆ “ ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว มันรัดแน่นมากเลยอ่ะ อื้อ.อ.อ....อย่าแน่นกว่าเดิมสิครับ พี่เจ็บเหมือนกันนะ ”

อย่าพูดออกมาเซ่

เขินตัวจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ย

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองไล่ความร้อน “ พี่ขุนขยับเลยก็ได้ หนมโอเคละ ” ความจริงก็ไม่ได้โอเคเท่าไหร่หรอกครับ แต่ถ้ายังชักช้ามากกว่านี้อาจจะล่มปากอ่าวก็ได้

“ งั้นพี่เอาเลยนะ ” ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาจูบผมก่อนจะที่จะเริ่มขยับช่วงล่างช้าๆ

“ อื้ม.ม.ม.....”

ผมยกมือโอบรอบคอพี่ขุนไว้พลางจิกหลังเจ้าตัวเบาๆเพื่อระบายความเจ็บ เอวสอบก็ขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ มือเรียวก็ยกขาผมขึ้นให้ไปเกี่ยวเอวตัวเองไว้ ปากก็ยังคงแลกจูบกับผมอยู่อย่างนั้น ไอ้ความเจ็บนั่นก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาร่วมด้วย

นี่สินะที่ไอ้หมีมันบอกว่าเดี๋ยวมันก็ดี

“ ซี๊ดด.ด....พี่ขอเร่งหน่อยนะครับ ”

“ อ๊ะ....อื้ออ.อ....” ผมกัดปากกลั้นเสียงตัวเองเมื่อพี่ขุนเร่งจังหวะขยับขึ้นอีก

“ อา....หนม ”

ตอนนี้ผมรู้สึกเสียวมากครับ ยิ่งพี่ขุนขยับเอวเร็วขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียวขึ้นไปอีก ลืมความเจ็บในตอนแรกไปหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่าทำจากข้างหลังมันจะทำให้เสียวได้มากขนาดนี้ อื้ออ.อ.อ...กลั้นเสียงไว้ไม่อยู่แล้วครับ มือเรียวของพี่ขุนเลื่อนมาจับหนมน้อยขยับไปด้วย โอ้ยยยย เสียวทั้งหน้าทั้งหลังแบบนี้ก็ไม่ไหวสิ

“ อ๊ะ....พี่ขุน...อื้ออ....”

“ อื้ม.ม...รู้สึกดีไหมครับ....อะ ” พี่ขุนถามก่อนจะกระแทกเข้ามาเน้นๆ

ผมพยักหน้ารับก่อนจะผงกหัวขึ้นไปจุ๊บปากพี่มัน “ อ๊ะ....ไม่ไหวแล้วพี่ขุน ”

เสียวใจจะขาดแล้วครับ

“ พี่ก็ไม่ไหวแล้ว ” พี่ขุนขยับใส่ผมสุดแรงเมื่อใกล้จะถึง มือก็ขยับขึ้นถี่ยิบ “ งั้นพร้อมกันนะครับ ”

“ อ๊ะ...อื้อ.อ.อ....พี่ขุน ”

“ อื้ออ.อ....”

“ อ๊ะ....พี่ขุน....อ๊ะ....อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา ”

“ อื้มมมมมมมมม...ม....หนม....”

แฮ่ก

ความหายใจไม่ทันนี่มัน...

ผมนอนหอบอยู่ใต้ร่างสูงหลังจากที่เจ้าตัวถอนลูกรักออกไปจากตัวผมแล้ว พี่ขุนเองก็หอบแรงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ใบหน้าขาวเต็มไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากที่ขึ้นสีแดงๆนั่นผมอดไม่ได้ที่จะผงกหัวขึ้นไปจุ๊บจริงๆ คนโดนจุ๊บยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนมือมาเกลี่ยแก้มของผมเบาๆ ผมยกมือไปเสยผมที่ปรกหน้าพี่ขุนขึ้นไปให้ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าป่ามป๊ามกันแค่ครั้งเดียวหน้าที่หมองๆก็เริ่มดูดีขึ้นมาหน่อย

เห็นผลไวดีจริงๆ

“ มีความสุขไหมครับ ”

“ ก็สุขอยู่นะ แต่มันเจ็บไปหน่อยอ่ะ ”

“ ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ ” พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะจับมือผมขึ้นมาจุ๊บเบาๆ “ หนมเป็นของพี่เต็มตัวแล้วนะครับ ”

ผมอมยิ้มก่อนจะผงกหัวขึ้นไปหอมแก้มขาว “ พี่ก็เป็นของหนมแล้วเหมือนกันนะ ”

“ พี่มีความสุขจัง คุ้มค่ากับที่ทนรอมาสามเดือน ”

“ ยิ้มหวานเชียวนะ ” ผมดึงแก้มพี่ขุนอย่างหมั่นเขี้ยว “ พรุ่งนี้หนมต้องขยับตัวไม่ได้แน่ๆ ”

“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ดูแลเอง เรื่องดูแลเราพี่เก่งอยู่ละ ” พี่ขุนถอดถุงยางออกไปก่อนจะหยิบอันใหม่เข้ามาสวม

เดี๋ยวนะ

สวมอันใหม่ทำไม

“ พี่ขุนจะทำอะไรอ่ะ ” ครั้งแรกของกูให้มันจบที่ครั้งเดียวไม่ได้หรอ มันเสียวก็จริงอยู่แต่มันก็จุก เสียด แน่น ด้วยนะ ถ้ากระแทกมันเข้าไปอีกนี่คงไม่ใช่แค่พรุ่งนี้นะที่ขยับไม่ได้

น่าจะขยับไม่ได้ไปอีกสามวัน

“ พี่เป็นคนที่รักษาคำพูดตัวเองครับ ”

ผมหรี่ตามองพี่มันทันที “ คำพูดอะไร ”

“ พี่เคยบอกว่าถ้าพี่มีสิทธิ์เมื่อไหร่ พี่จะทำให้หนมช้ำไปทั้งตัว เพราะงั้น....” พี่ขุนเลื่อนลงมากระซิบข้างหูผมเบาๆ “ หนมนอนนิ่งๆนะครับ ”

ตึกตัก

ถ้าทูลหัวจะบอกเสียงพร่าขนาดนี้หนมจะยอมนอนนิ่งๆก็ได้ครับ

นี่เพราะว่ารักหรอกนะ

“ อ๊ะ....พี่ขุน ”



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



ปริ่มมากครับ

ปลื้มปริ่มสุดๆไปเลย

ผมหยิบผ้าชุบน้ำไล่เช็ดทำความสะอาดตัวให้ขนมครับ ผมแง่มน้องจนน้องสลบไป จากเวลาตอนนี้ก็เกือบตีสี่แล้วครับ ผมไม่เคยมีเซ็กซ์นานขนาดนี้เลย นี่ยังคิดอยู่ว่าถ้าน้องไม่สลบไปก่อนผมก็อาจจะต่อไปจนเช้า ก็ใช้จนถุงยางหมดแล้วก็ต้องสดต่ออ่ะ รู้สึกทำบาปกรรมกับน้องมากเลย ถ้าคนตัวเล็กตื่นมาผมต้องโดนดุแน่ๆ เมื่อกี้ตอนที่เดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาผมเห็นหน้าตัวเองในกระจกนี่ผ่องมาก ไม่เห็นหน้าตัวเองขาวใสมานาน

ได้แง่มขนมทีนี่หน้าใสยิ่งกว่าฉีดเมโสอีกอ่ะ

สุดยอดจริงๆ

ผมหยิบกางเกงบ๊อกเซอร์มาสวมให้น้อง รอยจูบนี่แดงเถือกไปทั้งตัวเลยว่ะ มันหมั่นเขี้ยวไปหมดเลยครับไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตัวหนมนิ่มด้วยแถมผิวก็ขาวอีก ผมก็ได้ใจงับน้องใหญ่เลย นี่ถ้ามีคนมาเห็นรอยบนตัวขนมนี่คงคิดว่าผมเป็นโรคจิตแน่ๆ ผมเดินเอาผ้าไปตากที่ราวก่อนจะเดินมานอนที่เตียง ผมรั้งน้องเข้ามากอดไว้ก่อนจะลูบหัวเบาๆ น้องก็หลับสนิทเลยครับ คงเพลียมากจริงๆนั่นแหละ

ถ้าไม่เพลียก็คงไม่สลบหรอก

ขนมเป็นของผมแล้ว หลังจากนี้ผมก็ต้องดูแลน้องให้ดีและก็จะไม่ทำให้คนตัวเล็กเสียใจเด็ดขาด ตอนนี้เรื่องที่ผมหวั่นใจที่สุดก็คือเรื่องที่บ้านของผมเอง ผมคิดว่าพ่อผมคงจะไม่ยอมรับเรื่องนี้แน่ๆ เพราะตอนที่พี่ชายผมบอกกับพ่อว่าตัวเองเป็นเกย์ ที่บ้านก็ทะเลาะกันใหญ่โตจนพี่ชายผมต้องย้ายออกมาอยูข้างนอก ถ้าเป็นแบบนี้ผมควรจะเข้าทางแม่มากกว่า แม่ผมจะต้องรู้เรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยให้แม่ไปกล่อมพ่อวันละนิดๆ

เป็นความคิดที่ดี

“ อื้ออ.อ.อ.....พี่ขุน ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นมาทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ คนตัวเล็กขยับซุกเข้าหาอกผม “ พี่ขุน ”

ละเมอสินะ

น่ารักจริงๆ

“ พี่อยู่นี่ครับ ” ผมจุ๊บเรือนผมน้องเบาๆ “ ฝันหวานๆนะครับทูลหัวของพี่ ”

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดีจริงๆเลยที่มาจนถึงวันนี้ได้น่ะ หลังจากนี้เป็นยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากัน ผมมีเรื่องต้องทำหลายอย่างเลย แต่ตอนนี้ผมคงต้องนอนแล้วล่ะครับเพราะตื่นมาต้องทำกับข้าวให้ขนมกินอีก อีกอย่างคือต้องเตรียมหูไว้ฟังน้องบ่นด้วยครับ เจ้าตัวคงอยากบ่นผมหลายเรื่องๆแน่ แต่ไม่เป็นไร....ถ้าขนมบ่นมากๆผมจะจูบปิดปากให้

หึ....

เสร็จพี่แน่








TBC.

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อให้กำลังใจกันได้นะคะ
#LoveWriteเขียนสื่อรัก #ขุนศึกขนม #ขุนหนม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด