...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 507166 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เฮียเจ๋ง คนจริง2018 หางี้ได้ที่ไหนอีกกก เถรตรงสุด

ออฟไลน์ Ezi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮียเจ๋งง ไอคนขี้หวง 55555
เป็นแฟนกันแล้วววว อาการหนักกว่าอีกไหมเนี่ยเฮียย

น้องปกมันร้ายนะคะ เฮียยยย เฮียไม่รอดหรอก

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เฮียเจ๋งดิ้นหนีปกไม่หลุดแล้วสินะ คิคิคิ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนที่ 12

   อรรณพ นิสิตปีสี่ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่ใครๆก็รู้จักกันดีในนาม ‘พี่เวฟ’ ก้าวเท้าออกจากโรงอาหารโดยมีจุดหมายปลายทางที่ห้องสมุด ชีวิตนิสิตปีสี่ไม่ค่อยวุ่นวายอีกแล้ว แต่...ก็ยังมีน้องรหัสที่ต้องคอยดูแล ชีวิตของอรรณพก็เลยยังคงวนเวียนเช้า สาย บ่าย เย็นที่คณะอยู่ดี


   “พี่เวฟ...” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาชายหนุ่มปีสี่ต้องหันมอง หญิงสาวร่างเล็กป้อมผมหยิกวิ่งดุ๊กๆมาหาเขา


   “วันนี้มีเรียนเหรอพี่ เข้าคณะด้วย?” ทิฆัมพรตั้งคำถามเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า หล่อนเป็นน้องรหัสของสิตางศุ์ หรือนับง่ายๆก็เป็นหลานรหัสของเขาเอง


   “เปล่า แต่ตอนเย็นจะไปช่วยติวน้องปีหนึ่ง”


   ช่วงนี้ใกล้ปลายภาคเข้าไปทุกทีแล้ว โครงการพี่ติวน้องของคณะรัฐศาสตร์กลับมาอีกครั้ง อรรณพย่อมต้องแวะมาสอดส่องดูแล ตามประสา ‘ผู้มีบารมีแห่งรัฐศาสตร์’


   หญิงสาวปีสองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นว่าเพิ่งจะบ่ายโมงตรง


   “ติวน้องปีหนึ่งมันห้าโมงไม่ใช่เหรอ”


   “เออ...” ใจอยากตอบแค่นั้น แต่สายตาของน้องในสายรหัสทำเอาอรรณพพ่นลมหายใจแล้วยอมพูดต่อ “...แต่จะไปหาไอ้โซ่ที่ห้องสมุดก่อน พักนี้ลางไม่ดี รู้สึกเหมือนมีคนจ้องจะงาบมันอยู่” คราวนี้ทิฆัมพรหัวเราะร่วน


   “ใครๆก็จ้องพี่โซ่ทั้งนั้นแหละ พี่รหัสฟางน่ะเขาสเป็คสาธารณะ”


   “รู้ว่าไอ้โซ่มันสเป็คสาธารณะ แต่คราวนี้แม่งมากกว่าทุกที คนแรกก็ไอ้กอล์ฟ ปกครอง รุ่นเรานั่นแหละ ไอ้นี่จ้องไอ้โซ่มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ส่วนอีกคน...ยังไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าจะเจอมันบ่อย...”


ตัวละครลับที่อรรณพยังไม่อยากฟันธงแต่ซุ่มสังเกตการณ์อย่างเงียบๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ‘โจ๊ก ปกครอง’ แต่...ใครๆก็ว่ามันไม่ค่อยสนใจอะไร อรรณพก็อยากให้มันไม่มาสนใจน้องรหัสของเขาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม พักหลังมานี่ เขาถึงเห็นมันวนเวียนอยู่รอบตัวสิตางศุ์บ่อยเหลือเกิน!


   “อาจจะเนื้อคู่พี่โซ่ก็ได้นะ”


   “จะเนื้อคู่เนื้อคี่ ไอ้โซ่ก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี ยิ่งใกล้ปลายภาคแบบนี้ มันจะแดกชีทแทนข้าวแล้วมั้ง แล้วนี่เราจะไปไหน” อรรณพวกกลับมาถามเรื่องของหญิงสาวตรงหน้าแทน


   “ไปกับพี่เวฟ” หนุ่มรุ่นพี่ปีสี่เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่พอเจ้าหล่อนยิ้ม เขาก็ไม่ถามอะไรต่อ ก้าวเท้าเดินตรงไปยังห้องสมุด มีหญิงสาวร่างป้อมตามไปด้วย


   ไม่ใช่แค่เรื่องลางสังหรณ์เกี่ยวกับน้องรหัสอย่างสิตางศุ์หรอก แต่เขาก็ชักเอะใจพฤติกรรมของหลานรหัสอย่างทิฆัมพรเช่นกัน พักหลังมานี่หล่อนตามติดเขาแจ


   “พี่เวฟจะไปนั่งกับพี่โซ่ใช่มั้ย เดี๋ยวฟางตามไปนั่งด้วยนะ” หล่อนหันมาบอก ตอนเข้ามาในห้องสมุดแล้ว


สิตางศุ์สเป็คสาธารณะนั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะขนาดสี่ที่นั่ง ไม่มีคนเข้าไปนั่งด้วย แต่...หลายสายตามองตรงไปที่คนผิวขาวจัดรายนั้น


   อรรณพพยักหน้า แยกกับหลานรหัสที่เลี้ยวเข้าซอกระหว่างตู้หนังสือ ส่วนตนเองตรงดิ่งไปหาสิตางศุ์ สายตาหลายคู่ที่มองมา พากันหลบวูบเมื่อเขาปรากฏตัว


   “อ้าว พี่เวฟ” ส่วนคนที่เอาแต่อ่านหนังสือจนไม่รับรู้สายตาใครเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ช่วงใกล้สอบ ใกล้ส่งเปเปอร์ก็แบบนี้ สิตางศุ์คนขยันแทบไม่ละไปจากหนังสือที่ต้องอ่านสอบและใช้ประกอบการทำรายงานเลย


   อรรณพทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะด้วย กวาดตามองสารรูปน้องรหัสเป็นอย่างแรก


   “แดกข้าวรึยัง”


   “กินแล้ว แต่...ไม่ค่อยเยอะ กินไม่ค่อยลง เปเปอร์อาจารย์พุธยังไม่เสร็จเลย” เจ้าตัวสารภาพ หรือต่อให้ไม่สารภาพ อรรณพก็คิดว่าน้องรหัสของเขาดูซูบลงไปเยอะทีเดียว


   “เปเปอร์แม่งก็ไม่มีทางเสร็จอยู่แล้วเปล่าวะ ถ้ามึงไม่ตัดใจส่ง”


   “ผมส่งไม่ได้นี่นา รู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ”


   “แต่ยังไงมึงก็ต้องส่งอยู่ดี แล้วเดธไลน์เมื่อไร”


   “หลังไฟนอลวันสุดท้าย 7 วัน” อรรณพพยักหน้ารับรู้ เรื่องเปเปอร์ของนิสิตคณะรัฐศาสตร์ล้วนเป็นของคู่กันจนไม่ต้องให้กำลังใจกันและกันอยู่แล้ว คราวนี้เขาก็เลยเหลือบมองไปซ้ายบ้างขวาบ้าง พบว่าไอ้พวกหนุ่มๆทั้งหลายที่เคยนั่งอยู่ใกล้ๆโต๊ะของสิตางศุ์หายหัวไม่เหลือแม้แต่เงา!


   แต่...มีใครบางคนไม่หายไปไหน มันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังของสิตางศุ์ อรรณพจำได้ว่าตั้งแต่เขานั่ง ก็ไม่มีใครเดินมานั่งแถวนี้อีก แสดงว่า... ‘มัน’ นั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก และพอเขามา ‘มัน’ ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทำเป็นก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์


   “มองไรเหรอ” สิตางศุ์เห็นสายตาพี่รหัสก็เอี้ยวตัวไปด้านหลัง เห็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างภาควิชานั่งอยู่เพียงลำพังและดูเหมือนจะไม่สนใจใครด้วยซ้ำ นอกจากโทรศัพท์ในมือ


   “โจ๊กนี่...นั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร”


   “มึงไม่รู้เหรอ ว่ามันนั่งข้างหลังมึง” คนเป็นพี่รหัสที่มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเอ่ยปากถาม สิตางศุ์หันกลับมาแล้วส่ายหน้า


   “ไม่รู้หรอก อ่านชีทอยู่” แล้วก็ยกเอกสารในมือให้ดู เห็นพฤติกรรมการอยู่ในโลกที่มีแต่หนังสือและการเรียนของน้องรหัสแล้ว อรรณพก็ไม่อยากจะถามอะไรอีกเลย แต่...ทิฆัมพรก็เป็นน้องในสายรหัส มีอะไรก็น่าจะช่วยกันดู ช่วยกันสังเกต


   “แล้วมึงรู้เรื่องไอ้ฟางบ้างมั้ย” เขาตั้งคำถาม ทำเอาคนที่กำลังจะก้มหน้าอ่านเอกสารประกอบการเรียนต้องเงยหน้ามอง


   “ฟางทำไม?”


   “กูรู้สึกว่าพักนี้มันตามกูตลอด กูไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่กูว่ามันหลุกหลิก”


   “ยังไง”


   “เหมือนหนีใครแล้วเอากูมาบังหน้า” สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆ


   “น้องจะหนีใครล่ะ? หรือมีคนจะทำร้าย?!”


   “กูก็ไม่รู้” สิตางศุ์เองก็จนปัญญาได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน


   “ถามปกดีมั้ย ปีหนึ่งกับปีสองน่าจะเจอกันบ่อยกว่าพวกเรา ปกอาจจะรู้” อรรณพพยักหน้าเห็นด้วย สิตางศุ์เลยวางเอกสารในมือลงแล้วหันไปวุ่นวายอยู่กับการติดต่อน้องรหัสปีหนึ่งอย่างปกฉัตร คนเป็นพี่เลยมีโอกาสมองไปที่โต๊ะด้านหลังอีกครั้ง


   ‘โจ๊ก ปกครอง’ ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่สนใจโลก


แต่...โทรศัพท์น่ะ เล่นที่ไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องมานั่งเล่นข้างหลังสิตางศุ์


อรรณพหรี่ตาอย่างจับผิด แต่อีกฝ่ายก็นิ่งเกินกว่าเขาจะจับสังเกตใดๆได้ แต่ถึงจะจับสังเกตไม่ได้ พี่รหัสที่ตามดูแลสิตางศุ์มาตั้งแต่น้องเข้าปีหนึ่งก็ต้องคอยกันเอาไว้ดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง!


   “โซ่ เดี๋ยวเย็นนี้มึงอยู่ดูติวน้องกับกูนะ เสร็จแล้วกูจะพาไปกินข้าวแล้วพาไปส่ง!”


   ตัดกำลังคู่ต่อสู้ในทุกๆทางคืองานของอรรณพ ไม่ว่า ‘โจ๊ก ปกครอง’ จะคิดอะไรกับน้องรหัสของเขาหรือไม่ แต่เขาก็ต้องประกาศให้มันรับรู้ว่าถ้า ‘นายอรรณพ’ ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็มายุ่งกับสิตางศุ์ไม่ได้เป็นอันขาด!

...........................

   โครงการพี่ติวน้องยังคงเหมือนเมื่อตอนกลางเทอม สนับสนุนการติวโดยรุ่นพี่หัวกะทิในระดับปีสอง ปีสาม และปีสี่ อันที่จริง สิตางศุ์เป็นนิสิตระดับหัวแถวของคณะและภาควิชา แต่อรรณพไม่อนุญาตให้น้องรหัสสภาพสะโหลสะเหลไปสอนไปติวใครอีกแล้ว นอกจากแวะมานั่งดูเฉยๆ


   ส่วนปีหนึ่งอย่างปกฉัตรที่เข้าร่วมโครงการนี้ก็บอกเจตน์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาต้องติวกับเพื่อนๆและจะเลิกค่ำ รายนั้นไม่ถาม ไม่ห้าม พยักหน้าอย่างเดียวแล้วบอกว่าจะไปรอที่ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์


   กว่าจะเลิกติวก็เกือบทุ่มตรง สภาพนิสิตปีหนึ่งแต่ละคนที่เรียนตั้งแต่คาบเช้าจนถึงคาบติวพิเศษในตอนค่ำนั้นดูใกล้จะสลบเหมือดกันไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็ยังอาศัยแรงฮึดสุดท้ายกวาดหนังสือและเอกสารทั้งหมดเก็บลงกระเป๋าเป้แล้วบอกลาเพื่อนๆในห้อง ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกมา


   ...เพราะพี่รออยู่...


   คำสั่งเดียวในสมองตอนนี้คือต้องรีบไปห้องสมุดเพราะเจตน์รอที่นั่น จนทำให้เขาไม่ทันสังเกตสิ่งรอบตัวเลยสักนิด


   “จะไปไหน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านใครบางคน ร่างโปร่งชะงักแล้วหันกลับไปมอง ก็พบว่าคนที่ออกปากว่าจะรอที่ห้องสมุด ตอนนี้ยืนพิงเสาอยู่ที่โถงตึกที่เขาเพิ่งเดินผ่าน


   “อ...อ้าว...ไหนพี่ว่าจะรอห้องสมุด”


   “กูเห็นว่ามันจะทุ่มแล้ว เลยเดินมาดู มึงติวเสร็จแล้วเหรอ” แม้จะค่ำแล้ว แต่ที่โถงตึกก็เปิดไฟสว่างโร่ เจตน์เห็นสีหน้าอ่อนล้าของคนตรงหน้าแล้วก็นึกเป็นห่วง


   “ครับ อ่ะ...เอ่อ...ผมถือเองก็ได้...” ปกฉัตรรีบบอก เพราะอีกฝ่ายดึงกระเป๋าเป้ของเขาไปถือ


   “หน้าซีดๆแบบมึงน่ะเดินอย่างเดียวก็พอ ไป...เดี๋ยวกูพาไปแวะกินข้าวแล้วจะพาไปส่งบ้าน มึงจะได้อ่านหนังสือ” เจตน์เอ่ยปากแล้วเดินนำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการเดินนำที่คอยหันกลับมามองข้างหลังตลอดเวลา และบ่อยครั้งที่คนเดินไวยอมก้าวให้ช้าลงเพื่อที่จะให้ปกฉัตรเดินตามทัน แล้วในที่สุด...ตอนที่เดินผ่านจุดซึ่งแสงสว่างจากเสาไฟเข้าไม่ถึง เจตน์ก็คว้าแขนปกฉัตรไปจับเอาไว้


   “เดินดีๆ ตรงนี้มันมืด”


   ทว่า...พอพ้นจากจุดมืด มือของเจตน์ก็ยังจับอยู่แบบนั้น ปกฉัตรก้มลงมองมือใหญ่ที่จับแขนของเขาเอาไว้แล้วยิ้มจางกับตนเอง


   ...เรียนหนักมันก็เหนื่อยจริงๆนั่นแหละ แต่พอเห็นพี่ก็หายเหนื่อย...


...แล้ว...พอพี่ดูแลกันดีแบบนี้ ก็ชัก...อยากจะทำเป็นเหนื่อยต่ออีกสักหน่อย...


    เดินมาจนถึงรถ เจตน์ก็เปิดประตูหลังโยนกระเป๋าเป้ของคนรักเข้าไปในนั้น เขาเห็นปกฉัตรเดินไปเปิดประตูนั่งที่นั่งข้างคนขับแล้ว ก็เลยเดินไปขึ้นตำแหน่งคนขับบ้าง ชายหนุ่มดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ปากก็เอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆ


   “มึงอยากกินอะไร เดี๋ยวกู...” เจตน์พูดไม่ทันจบก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกายเอนศีรษะพิงเบาะแล้วหลับตา หัวใจของผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับหมีถึงกับอ่อนยวบ


“ปก...” เขาเรียกเเผ่วเบา


เสียงของเขาทำให้ร่างโปร่งลืมตาขึ้นมอง ความมืดสลัวของยามค่ำทำให้มองไม่ออกว่าหน้าซีดหรือไม่ แต่ที่เขารับรู้คือความเหนื่อย...ปกฉัตรทั้งเหนื่อยทั้งล้า


“ไปหาหมอมั้ย” เขาถาม ทาบหลังมือกับหน้าผากของคนรัก ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเล็กน้อย


“ผมแค่เหนื่อย ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ของีบสักพักได้รึเปล่า”


ขอมาแบบนี้ มีหรือเจตน์จะไม่อนุญาต เขาพยักหน้ารัวๆ อยากบอกว่าถ้าปกฉัตรอยากจะหลับในรถของเขา ชายหนุ่มก็เต็มใจจะขับรถวนกรุงเทพฯสักรอบก็ได้ เพื่อให้อีกฝ่ายมีเวลาพักนานขึ้น


...ไม่สิ มันยังไม่ได้กินข้าว ควรจะหาอะไรทานแล้วจะได้นอน ตื่นขึ้นมาอีกทีจะได้มีแรงอ่านหนังสือต่อ...


ทว่าเจตน์ไม่ทันได้พูดอะไรอีก ปกฉัตรก็พิงศีรษะกับเบาะอีกครั้งแล้วหลับตาลง เจ้าของรถไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย จึงยืดตัวข้ามไปกดปรับเบาะให้


“อ๊ะ..” เสียงจากคนที่ถูกเขายืดตัวคร่อมดังขึ้นเบาๆ เจตน์เหลือบตาลงมองคนที่เมื่อครู่นี้หลับตา แต่ตอนนี้ลืมตามองเขาอย่างตื่นๆ


“กูปรับเบาะให้ จะได้นอนสบาย”


“ข...ขอบคุณครับ” เพราะจู่ๆระหว่างพวกเขาก็ใกล้ชิดกัน ปกฉัตรก็เลยได้แต่อ้อมแอ้มพูดเบาๆแล้วไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีก


เบาะถูกปรับให้เอนราบลงอีกหน่อย เจตน์ก็ถึงขยับไปนั่งที่นั่งของตนเองตามเดิม คนข้างกายหลับตาไปแล้ว ไม่รู้จะได้ยินในสิ่งที่เขาจะพูดไหม แต่ร่างสูงก็ยังเอ่ยปาก


“เดี๋ยวกูแวะซื้อข้าวต้มให้นะ”


หลังจากนั้้นรถหรูก็เคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถ คนขับหันไปสนใจกับถนนข้างหน้าแล้ว และไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่เขาคิดว่าหลับ ลืมตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเขา


รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ก่อนที่จะหายไปเมื่อเจ้าตัวหลับตาลง

...............................

ปกฉัตรไม่ได้หลับจริงอย่างที่อีกฝ่ายคิด เขาแค่หลับตานอนนิ่งๆ รับรู้ว่ารถของเจตน์กำลังเคลื่อนตัวไปบนถนน แต่ก็ไม่รู้ว่าเคลื่อนตัวไปทางไหน


ช่วงหนึ่งรถจอดที่ริมฟุตบาธ คนขับดับเครื่องยนต์ กดหน้าต่างลงนิดหน่อยแล้วลงจากรถ ก่อนจะล็อกเอาไว้ คนที่แกล้งทำเป็นหลับเลยลืมตาขึ้นมองรอบตัวก็พบว่ารถมาจอดที่หน้าร้านข้าวต้มเจ้าดังที่มีลูกค้ามากมาย หนึ่งในคนเหล่านั้นคือผู้ชายตัวใหญ่อย่างเจตน์ที่ยืนรออยู่หน้าร้าน ครู่ใหญ่ๆ ถึงเดินกลับมาที่รถพร้อมด้วยข้าวต้มหลายถุงในมือ ปกฉัตรแกล้งหลับตาต่ออีกครั้ง


รถเคลื่อนตัวออกสู่ถนนอีกหน ขับต่อไปอีกพักหนึ่ง รถก็เลี้ยวซ้ายแล้วจอดสนิท ร่างโปร่งยังหลับตา จนกระทั่งแรงสะกิดที่ไหล่ของเขา


คนแกล้งหลับทำเป็นลืมตาตื่น


“ถึงแล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นนั่ง แต่พอมองออกไปนอกรถก็พบว่านี่ไม่ใช่ละแวกบ้านของเขาเลย


“คอนโดกูเอง คืนนี้มึงค้างที่นี่แหละ” ปกฉัตรชะงัก หันมองคนพูดเพราะไม่เชื่อหูกับประโยคหลัง


...ค้างที่นี่...พี่ชวนให้ค้างที่คอนโดของพี่...


มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแถมหัวใจยังเต้นถี่ด้วยความดีใจ โชคดีที่รอบตัวมืดสลัว ไม่อย่างนั้นเจตน์คงรู้แน่ว่าเขาอยากนอนที่นี่ขนาดไหน


 “เอ้อ...กู...กูเห็นว่าสภาพมึงเป็นแบบนี้ กูไม่อยากให้มึงกลับไปนอนที่บ้านคนเดียว แล้ว...แล้วมึงก็ขนหนังสือมาแล้วใช่มั้ยล่ะ คืนนี้ก็...อ่านหนังสือห้องกูนี่แหละ” เจตน์ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาพามาค้างที่ห้องของเขาเพราะหวังอย่างอื่น นอกจากเป็นห่วง


ทว่าสำหรับปกฉัตรผู้ซึ่งเต็มใจจะค้างคอนโดของเจตน์มานานแล้วต้องพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉย แล้วทำเป็นก้มหน้าจนคางชิดอกเหมือนกำลังตกประหม่า


...ก็ประหม่าจริงๆนั่นแหละ ครั้งที่ 2 เองนี่นาที่จะได้ค้างห้องของพี่...


“แต่ว่า...ผมไม่มีเสื้อผ้า...” ปกฉัตรก็ยังทำเป็นถามเหมือนจะหาข้ออ้างที่จะไม่ค้างที่นี่


...โชคดีจริงๆ...ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...


“เสื้อผ้ากูไง แล้วชุดนิสิตที่จะใส่พรุ่งนี้ ก็ชุดที่มึงใส่อยู่ เดี๋ยวกูซักปั่นแล้วรีดให้”


“พี่หมายถึง...พี่จะซักรีดให้ผมเหรอ”


“ก็เออสิ มึงคิดว่าว่าจะมีร้านไหนเปิดทำให้มึงด่วน ส่งซักวันนี้พรุ่งนี้ได้ใส่เหรอ”


ยิ่งกว่าโชคสองชั้น เพราะนอกจากจะค้างที่นี่แล้ว เจตน์ยังจะเอาเสื้อผ้าไปซักรีดให้อีกต่างหาก


หัวใจของปกฉัตรเต้นรัว ยิ่งเต้นเท่าไรก็ยิ่งพูดไม่ออกมากเท่านั้นเพราะเกรงว่าเสียงที่ส่งออกไปจะทำให้ถูกจับได้ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้อยากจะกลับบ้านเลยสักนิด


...ใจแทบจะขึ้นไปรอหน้าประตูคอนโดของพี่อยู่แล้ว...


“เอาไง ค้างมั้ย ถ้ามึงไม่อยากค้าง กูก็จะพาไปส่งที่บ้าน” เจตน์เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบก็ชักกังวล กลัวจะถูกคนรักมองว่าตนเองหาเหตุผลมาหวังรวบหัวรวบหาง ถึงใจจะเป็นห่วง แต่...ถ้าไม่อยากค้างที่นี่ จะพาไปส่งที่บ้านก็ได้! แล้วจะขอค้างที่บ้านด้วย!


“ค...ค้าง...ที่นี่ก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องขับไปบ้านผมอีก...” พอร่างโปร่งตัดสินใจอย่างนั้น เจตน์ก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเปิดประตูลงจากรถ ช่วยหิ้วกระเป๋าและถือถุงข้าวต้มเดินนำเข้าไปในอาคารสูง


เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรยิ้มเพียงลำพังโดยที่คนรักไม่ทันเห็น


...เหนื่อยแล้วแกล้งหลับมันดีแบบนี้เอง...

..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 21:04:17 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8


คอนโดหรูขนาดสองชั้นยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเคย แต่ไม่ว่าจะมาสักกี่ครั้งก็ยังทำให้ปกฉัตรตื่นเต้นจนได้แต่ยืนอยู่เฉยๆกลางห้องแล้วปล่อยให้เจ้าของห้องเป็นฝ่ายพูดก่อน


   “มึงไปอาบน้ำ กูจะหาเสื้อผ้าให้ใส่” ประโยคแรกของเจตน์ทันทีที่วางข้าวของทั้งหมดลงกับโต๊ะคือการไล่แขกไปอาบน้ำ ปกฉัตรได้แต่พยักหน้ารับ กำลังจะหมุนตัวจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่ติดกับห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นล่าง แต่เสียงเจ้าของห้องดังขึ้นเสียก่อน


   “ไปใช้ข้างบน” ร่างโปร่งชะงัก หันมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง


ข้างบนที่ว่าคือห้องน้ำที่ชั้นบนซึ่งเป็นห้องน้ำในห้องนอน แม้จะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่...ก็ไม่เคยก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสักที


   เจตน์เองก็เห็นว่าคนตรงหน้านิ่งไป เขาขยับตัวเล็กน้อย มือไม้เกาอก รู้สึกคันยุบยิบอีกแล้ว


   “ส...เสื้อผ้ากูอยู่ข้างบน” แล้วร่างสูงก็หมุนตัวเดินนำขึ้นบันไดทันที แน่นอนว่าคนอยากมาค้างที่นี่จะแย่ได้แต่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ


   บนชั้นสองมีแค่ห้องนอนและห้องน้ำ ปกฉัตรพยายามจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่สนใจเตียงกว้างกลางห้องนอน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง


   ...เตียงใหญ่ ผ้าปูเตียงสีน้ำตาล แล้วก็...มีหมอนสองใบ...


   ...พี่นอนกับใคร นอนคนเดียวมั้ย...


   “มองเตียงกูทำไม” คราวนี้สายตาอยากรู้อยากเห็นจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไม่อาจลอดพ้นสายตาของเจ้าของห้องที่เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ หนุ่มรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์นึกคำแก้ตัวไม่ออก


   “ง่วงแล้วล่ะสิ” เจตน์เดาเอาว่าอีกฝ่ายคงเพลียจนเห็นเตียงแล้วอยากนอน


   “ก็...ครับ” ปกฉัตรเองก็ไม่โง่พอจะปฏิเสธ ให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขามองเตียงเพราะง่วง ดีกว่ารู้ว่าเขามองเตียงเพราะอยากนอนกับเจตน์


   ...โชคดีแล้วจริงๆ ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...


   “งั้นก็ไปอาบน้ำซะ ออกมากินข้าวแล้วค่อยนอน ไว้ตื่นมาแล้วค่อยอ่านหนังสือ” ร่างสูงส่งเสื้อผ้าสะอาดและแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังอยู่ในกล่องอย่างดีให้อีกฝ่าย ปกฉัตรได้แต่รับไปเงียบๆ แล้วระลึกเอาไว้เสมอว่าทำไมวันนี้ถึงได้มาค้างที่นี่


   ...มาเพื่ออ่านหนังสือ...


   ...มาเพราะพี่เป็นห่วงไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียว...


   ร่างโปร่งหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำช้าๆโดยไม่พูดอะไรอีก พอประตูห้องน้ำปิดลง กั้นคนสองคนให้อยู่กันคนละฝั่ง ปกฉัตรอยู่ในห้องน้ำ ส่วนเจตน์ยังยืนอยู่ที่เดิมในห้องนอน


   ดวงตาเรียวของเจ้าของห้องจับจ้องบานประตูห้องน้ำแล้วได้แต่กวาดตามองเพดานหนึ่งรอบ ตามด้วยการกัดลิ้นตัวเองแรงๆหนึ่งทีแล้วสบถกับตัวเองอีกหนึ่งชุด


   “ทำหน้าเหมือนอยากให้กูอาบให้เลยเว้ย! ไม่! เชี่ยเจ่ง คิดอะไรวะเนี่ย ไอ้ปกมันไม่ได้คิดแบบกูหรอก!”


   สะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองแล้วก็รีบหมุนตัวลงจากชั้นสองทันที ไม่รู้สักนิดว่าคนที่อยู่ข้างหลังประตูห้องน้ำกำลังทำหน้าเหงาๆ และอยากชวนเจ้าของห้องเข้ามาอาบน้ำพร้อมกันเหมือนที่เจตน์คิดนั่นแหละ!

........................

เจ้าของห้องหายลงไปชั้นล่างเพื่อจัดการเรื่องข้าวต้มก่อนจะยกขึ้นมาที่ชั้นบน นี่คือการเอาอาหารขึ้นมากินบนห้องนอนเป็นครั้งแรกในชีวิต นับตั้งแต่เคยถูกอาม่าดุเพราะแอบเอาขนมไปซุกอยู่ซอกเตียงสมัยเด็กๆ


แต่ถ้าวันนี้อาม่าจะแวะมาดุ ก็จะบอกกับอาม่าตรงๆว่าคนที่มาค้างด้วยไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้มันเดินขึ้นเดินลงเลย


…อ่า ไม่สิ ก่อนที่อาม่าจะดุ คงต้องอธิบายกับอาม่าก่อนว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงให้ใครสักคนมาค้างด้วยกันสองต่อสองแบบนี้…


…ไอ้ปกมันเป็นแฟนครับอาม่า…


…เป็นแฟนผมเอง…


ชายหนุ่มท่องบอกตัวเองในใจ ตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะพาปกฉัตรไปแนะนำให้อาม่าได้รู้จัก


เสียงประตูห้องน้ำเปิดดังขึ้น ปกฉัตรเดินออกมาแล้วก็ชะงักเล็กน้อยที่เห็นเขายังถือถาดถ้วยข้าวต้มอยู่ในมือ


“กินบนนี้แหละ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลง” เจ้าของห้องออกปาก คนที่ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงก็คือคนที่สภาพดูไม่สู้ดี ส่วนเจตน์ซึ่งแข็งแกร่งเยี่ยงหมีป่า ต่อให้ขึ้นลงสักสิบรอบก็ไหว


ปกฉัตรพยักหน้ารับน้อยๆ ดูเจ้าตัวจะเขินๆกับการใส่เสื้อผ้าของเจตน์พอดู


“เสื้อผ้ากูเหม็นอีกรึเปล่า” เจ้าของเสื้อผ้าถาม คราวแรกที่ปกฉัตรมาค้างที่นี่และหยิบยืมเสื้อผ้าของเขา เจ้าตัวบอกว่ากลิ่นแปลกๆ


“ไม่เหม็น” คำตอบน่าพอใจ เจตน์กำลังจะบอกให้อีกฝ่ายมาทานข้าวต้มที่ยังร้อน แต่ปกฉัตรที่ดูเอื่อยเฉื่อยกลับพูดขึ้นมาไวกว่า


“แล้วก็สบู่พี่หอมมาก ผิวไม่แห้งด้วย”


ร่างสูงชะงักกึก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปกฉัตรเดินเข้ามาใกล้ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ ที่จู่ๆก็เหมือนได้กลิ่นหอมๆจากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ 


เจตน์กลืนน้ำลายเอื้อก เหลือบตาลงมองช่องว่างระหว่างเขาและปกฉัตรที่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ท่อนแขนขาวของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นแขนเสื้อยืดของเขาดูนิ่ม นุ่ม และหยุ่น...น่าจับ


...น่าจับ...


แขนที่เห็นได้บ่อยๆ แขนที่ไม่ใช่ส่วนปกปิดมิดชิดใดๆ แต่ก็อยากจับ


...ผิวไม่แห้งจริงไหม ผิวจะหอมสบู่จริงไหม...


...น่าจับมากกกกก...


เจตน์กลืนน้ำลายอีกเอื้อก แล้วเสียงตะโกนของตัวเองก็ดังขึ้นในหัว


...แขนเองนะเว้ย! ไอ้เจ๋ง! แค่แขน! มึงจะกลืนน้ำลายเอื้อกๆเเค่เพราะอยากจับแขนไม่ได้!!...


“ข้าวต้มน่าทาน” ในขณะที่คนหนึ่งตกลงไปในหลุมของความคิดที่อยากแต๊ะอั๋ง อีกคนกลับชวนคุยไปเรื่องอื่น เจตน์พยายามดึงสติออกมาจากหลุมที่ตัวเองพลัดตกลงไปเพียงเพราะคำชมเชยเรื่องสบู่


“เอ่อ...ม...มึงกินข้าวต้มปลาหรือข้าวต้มเป็ดล่ะ”


“อะไรก็ได้ พี่ทานอะไร”


“มึงกินปลาแล้วกัน” แล้วร่างสูงก็พยายามอย่างยิ่งที่จะสนใจแต่ข้าวต้มในถ้วย เขานั่งลงบนโซฟายาวที่ริมห้อง แล้วยกถ้วยข้าวต้มเป็ดขึ้นมาทาน ปกฉัตรเห็นอาการของร่างสูงที่ทำเหมือนไม่สนใจเขา ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ตาค้างและเหม่อลอย


รู้เลยว่ากำลังติดใจเรื่องสบู่


หนุ่มปีหนึ่งยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ก่อนจะเจือรอยยิ้มให้หายไปเพียงไม่กี่วินาทีแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกัน แน่นอน...เขาไม่ได้นั่งชิด แต่เว้นระยะห่างเอาไว้หน่อย ก่อนจะยกถ้วยข้าวต้มมาถือ


และก็แน่นอนอีกเช่นกัน ที่แม้จะไม่นั่งชิด ปกฉัตรก็มีวิธีเรียกร้องความสนใจในแบบของตนเอง


เขาตักเข้าปากไปหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยปาก


“อร่อยดีนะ พี่ชิมไหม”


เจตน์เงยหน้ามองคนพูดทันควัน ประโยคที่มีแค่ประธานกับกริยาแบบนี้ หัวใจที่แข็งแกร่งของเขาเกือบจะหลอมละลายเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้ชิมอะไร


...ชิมแขนมึงก่อนเลยได้มั้ย...


...จะได้รู้ว่าหอมจริงรึเปล่า...


“พี่ ชิมข้าวต้มปลาของผมมั้ย” คำถามของปกฉัตรดังซ้ำ ปลุกสติร่างสูงอีกที


“ม...ไม่ กูกินบ่อยแล้ว” รีบตอบ แล้วรีบก้มหน้า แต่อีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจถามเขา เขาก็ควรมีน้ำใจถามกลับไปเช่นกัน


“ม...มึงชิมเป็ดของกูมั้ยล่ะ เจ้านี้ทำเป็ดอร่อย ไม่เหม็น” เจตน์ตักข้าวต้มเป็ดขึ้นมาให้ดู แล้วชั่ววินาทีต่อมา ใบหน้าของปกฉัตรก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะรับข้าวต้มในช้อนเข้าปากไป ในขณะที่เจ้าของช้อนถึงกับสูดลมหายใจยาวลึก


...หอม หอมจริงๆ สบู่กูหอมจริงๆด้วย!...


“อร่อย” เสียงของปกฉัตรดังขึ้น เจตน์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขายังคงถือช้อนค้างอยู่กลางอากาศทั้งๆที่ร่างโปร่งกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิมแล้ว


“อะ...เอ่อ...งั้น...งั้นมึงจะกินก็ตักกินเองแล้วกัน”


“พี่ป้อนผมอีกไม่ได้เหรอ”


เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงตาเหลือก เงยหน้ามองคนพูดทันที ทว่าปกฉัตรกลับหัวเราะน้อยๆเหมือนเมื่อครู่นี้พูดเรื่องตลก ทว่า ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับแจตน์เลย


...ทำไมจะป้อนอีกไม่ได้ล่ะ...


เขาตักข้าวต้มขึ้นมาหนึ่งคำ แล้วยื่นไปใกล้ เสียงหัวเราะหายไปในทันที มีแค่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมา


ไม่มีคำพูดอะไรต่อกัน ปกฉัตรก็อ้าปากรับข้าวต้มเข้าไปอีกคำ อมยิ้มน้อยๆขณะที่เคี้ยวข้าวต้มในปากช้าๆ ก่อนจะตักข้าวต้มปลาในถ้วยป้อนให้เจตน์ทานบ้าง


มื้อข้าวต้มในค่ำวันนี้เต็มไปด้วยความเงียบและรอยยิ้มเขินอายของคนสองคน

...........................

อิ่มข้าวต้มกันทั้งคู่โดยที่เจตน์ไม่คะยั้นคะยอให้คนรักทานหมดถ้วยเหมือนแต่ก่อน เพราะหนุ่มตัวใหญ่เขินจนแทบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ถ้าเรื่องที่เขาและปกฉัตรป้อนข้าวต้มกันและกันในวันนี้รู้ถึงหูเพื่อนสนิทของเขาเข้าล่ะก็ มีหวังคงล้อกันไปจนแก่


เจ้าของคอนโดหรูเป็นคนยกถ้วยเปล่าลงไปเก็บล้างพร้อมด้วยเสื้อผ้าของปกฉัตรที่ถูกนำไปซักและปั่น กลับขึ้นมาอีกทีก็พบว่าร่างโปร่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขาก็เลยเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเรียบร้อยออกมาอีกทีก็พบว่าปกฉัตรยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม แต่สภาพสะโหลสะเหลเต็มทน


“ไปนอนก่อนสิ หน้ามึงจะปักหนังสืออยู่แล้ว แล้วค่อยตื่นมาอ่านดึกๆ” เขาท้วง ปกฉัตรเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองที่เตียง


“ก็...ผมไม่รู้ว่าพี่จะให้นอนตรงไหน” โอ้โห หัวใจคนฟังแทบจะไหลลงไปกองกับพื้น คำพูดคำจาของแขกผู้มีเกียรติที่เจตน์เต็มใจให้ค้างอย่างยิ่งกลับพูดเหมือนคนห่างไกล


“จะนอนไหน ก็นอนเตียงสิวะ!” แต่ถึงหัวใจจะมลายกลายเป็นน้ำ แต่คนปากไม่ดีก็ยังโหวกเหวกเหมือนอีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหู


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงแผ่วที่แทบเป็นกระซิบ


“พี่ยังไม่นอน ผม...ก็ไม่กล้า...” หัวใจคนฟังที่เมื่อครู่นี้ละลายเป็นน้ำ มันไหลไปกองบนเตียงเรียบร้อยพร้อมจะกระโดดขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับปกฉัตรตลอดเวลา!


“เออ! กูนอนเลยก็ได้!”


ปกฉัตรเดินไปนอนลงบนเตียง ในขณะที่เจตน์ปิดไฟจนเหลือแค่ไฟจากโคมไฟข้างเตียงที่ยังให้ความสว่างอยู่นิดหน่อย


“กูเปิดโคมไฟไว้นะ เผื่อมึงตื่นมาดึกๆจะได้มองเห็น” เขาหันมาบอกคนที่นอนตะแคงมองมาทางเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมานั้น เจตน์ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่มันเชิญชวนจนใจสั่นไปหมด


เขาพยายามกลืนน้ำลายหลายๆที ก่อนจะนอนลงบนเตียงเดียวกัน แล้วความเงียบก็ตามมาอีก


แม้จะเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่...บรรยากาศรอบตัวก็ยังน่าประหม่าอยู่ดี เจตน์กลืนน้ำลายซ้ำๆจนแทบไม่มีอะไรจะกลืน ก่อนจะเหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ปกฉัตรยังนอนตะแคงมาทางเขา และยังคงมองอยู่


“ม...มองอะไรวะ?! หลับได้แล้ว!”


“เตียง...มีแต่กลิ่นพี่ทั้งนั้นเลย” คำพูดของปกฉัตรทำเอาคนถามไปไม่เป็น ได้แต่มองคนพูดตาค้าง แล้วก็ยิ่งตาค้างกว่าเดิมเมื่อร่างโปร่งเบี่ยงใบหน้าลงกับหมอนแล้วสูดลมหายใจลึก


“เป็นกลิ่นพี่จริงๆด้วย...”


หมดความอดทนสำหรับคนที่พยายามกลืนน้ำลายมาตลอด เจตน์พลิกร่างโปร่งลงนอนราบกับเตียงแล้วตามขึ้นคร่อมอย่างชิดใกล้


“กลิ่นกู...ก็ดมจากตัวกูสิ ไม่ใช่ดมจากหมอน”


ปากว่าอย่างนั้น แต่กลายเป็นเจตน์เสียเองที่กดจมูกและริมฝีปากลงกับแก้มขาวหนักๆ ลากเลื้อยลงสู่ซอกคอ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ปลายคาง จวนเจียนจะเบียดลงกับริมฝีปากของคนที่อยู่ใต้ร่างอยู่แล้ว แต่เสียงของปกฉัตรท้วงขึ้นมาเบาๆ


“พี่...คืนนี้เราต้องตื่นมาอ่านหนังสือนะ”


“กูรู้...” หลังคำพูดนั้นคือริมฝีปากของเจตน์ที่แนบเข้าหา คนท้วงไม่ได้ปัดป้อง กลับตอบรับจูบนั้นอย่างยินดี


ชั่วลมหายใจหนึ่ง เจตน์ก็ถอยออกห่างไปคลอเคลียที่กลีบปากล่าง เปิดโอกาสให้คนรักท้วงอีกหน


“พี่...ใกล้สอบไฟนอลแล้วนะ”


“กูรู้...” หลังคำพูดนั้นคือริมฝีปากของเจตน์ที่แนบกลับเข้าหาริมฝีปากของปกฉัตรอีก รสจูบยังคงหวานฉ่ำเหมือนเมื่อครู่ บดเบียดเคล้าคลึงแล้วแทรกสอดปลายลิ้นเข้าหาลิ้นของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆถอยห่างเล็กน้อย


“พี่...”


“กูรู้ มึงต้องนอน นอนซะ...” เจตน์ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้วเบี่ยงใบหน้าลงซุกอยู่กับซอกคอขาว ไม่ยอมขยับกลับไปนอนที่เดิม เขายังคงนอนคร่อมให้อีกฝ่ายอยู่ใต้ร่างของเขาอยู่อย่างนั้น  ในเมื่อไม่ได้มากกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็ควรจะได้ค่าชดเชยด้วยการนอนกกปกฉัตรแบบนี้ ได้ดมดอมในสิ่งที่อยากดม ได้กกกอดในสิ่งที่อยากแตะต้อง


...อย่างน้อย ก็ได้รู้ว่ากลิ่นสบู่กับกลิ่นผิวมันแม่งเข้ากันจริงๆ!!...


…หอม! แถมเนื้อตัวก็นิ่มมากด้วย!!!...


ปกฉัตรรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังซุกจมูกอยู่กับซอกคอของเขาไม่หยุด ถึงจะจั๊กจี้แต่ก็ยินดีให้เจตน์ทำตามใจชอบ เขายิ้มจางอย่างอารมณ์ดีแล้วฝังใบหน้ากับลาดไหล่แข็งแรงของคนรักตัวใหญ่ที่ทาบทับอยู่เบื้องบนเช่นกัน


ยอมให้เจตน์ดมตามใจชอบแล้ว เขาก็ขอพูดตามใจชอบบ้างก็แล้วกัน


“พี่...ตัวหอมจริงๆนะ...”


นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ปกฉัตรจะหลับตาลง เป็นประโยคราตรีสวัสดิ์ที่ทำเอาคนฟังได้แต่ครางฮือในหัวใจ


...ฮือออออ กูอยากกดมึงเดี๋ยวนี้เลย!!!!!...

..................................

นิศราวางจานผลไม้ลงตรงหน้าหลานชายก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วค่อยวกไปดูที่นาฬิกาบนฝาผนัง ดึกมากแล้วแต่บ้านหลังข้างๆที่หล่อนรู้จักเจ้าของเป็นอย่างดี ยังคงปิดเงียบ


“ปกยังไม่กลับเลย” หล่อนเปรย ทำเอาดิษกรต้องหันมองตาม บ้านของปกฉัตรทั้งมืดและเงียบบอกให้รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่


“เห็นว่าวันนี้ที่คณะมันมีติวนะ”


“ติวอะไร ป่านนี้แล้วยังไม่เลิก”


“อาจจะแวะกินข้าวมั้ง”


“จะไปแวะที่ไหน ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว” นิศรายังบ่นไม่หยุด จนหลานรักหันมายิ้มปลอบ


“เฮียเจ๋งไปรับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเฮียก็พามาส่ง” คราวนี้คุณอาสุดที่รักของดิษกรชักจะขมวดคิ้ว


“แล้วทำไมเฮียเจ๋งของดิษต้องไปรับปกด้วยล่ะ เลิกเรียนพอดีเหรอ” ดิษกรชะงักไปเล็กน้อย ลืมนึกไปสนิทว่าความสัมพันธ์ของปกฉัตรและเจตน์เป็นที่รับรู้ของเขาและคนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ในขณะที่อาของเขาไม่รู้เรื่อง


“ก็...เฮียอยู่คณะพอดีน่ะอา”


“อ้อ คงจะอ่านหนังสือเตรียมสอบสินะ แล้วหลานอาล่ะ ไม่อ่านหนังสือเตรียมสอบกับเขาบ้างเหรอ”


“อ้าว มาลงที่ผมซะงั้น”


“ก็อายังไม่เห็นหลานอาอ่านหนังสือเลยนี่ครับ หือ?” กลายเป็นหวยมาออกที่ดิษกรผู้ซึ่งขี้เกียจตัวเป็นขน หนุ่มปีหนึ่งร่างยักษ์ทำหน้าบูดบึ้ง


“ก็เวลาหลานอ่าน อาก็ไม่เห็น พอไม่อ่าน อาก็เห็นตลอด แบบนี้ไม่แฟร์ ไม่แฟร์สำหรับดิษกรเลย!”


แล้วคนเป็นหลานก็ทำปั้นปึ่งกับความไม่แฟร์ ลุกขึ้นเดินหนีขึ้นห้องไป โดยไม่ลืมหยิบจานผลไม้ติดมือไปด้วย นิศรามองตามหลังหลานชายด้วยความมันเขี้ยว แต่...พอหล่อนเหลือบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยังคงเห็นบ้านหลังข้างๆปิดไฟเงียบ ความกังวลก็เริ่มกลับมาอีกหน


‘เฮียเจ๋ง’ อาจจะไว้ใจได้สำหรับดิษกร แต่สำหรับนิศรา หล่อนคิดว่าพ่อแม่ของปกฉัตรควรรู้ว่าพักหลังมานี่ มีหนุ่มรุ่นพี่จากโรงเรียนมัธยมเดียวกันเข้ามาวนเวียนในชีวิตของปกฉัตร และ...ไม่น่าวางใจเลย!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สำหรับตอนนี้ น้องปกเอาคะแนนอ่อยไป สิบ สิบ สิบ ไม่มีจุดใดให้หักจ้า (โซ่เอาคะแนนความบื้อไป สิบ สิบ สิบ เช่นกัน ฮ่าฮ่า)

ส่วนเฮียเจ่ง มนุษย์ลูกไก่ในกำมือ ปากเก่งจิกแสบๆคันๆแต่เอาเข้าจริงโดนน้องชักใยซ้ำแล้วซ้ำอีก สงสารเขานะคะ (ส่วนเฮียของเฮียเจ๋งอีกทีก็เอาคะแนนความนกไป สิบ สิบ สิบ เช่นกันกันค่ะ มองโซ่จนแทบจะสูบ แต่พี่เวฟก็เข้ามาขวางทุกทีไป)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อ่อยให้สุดแล้วหยุดที่ห้ามตัวเองไม่ได้ค่ะ!!!! แต่ละคนนี่คือ ทามมาเปงงงง เนียนเก่งงงงง  :hao6: นี่ว่าอีกไม่นานเรื่องต้องไปถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่แน่ๆเลยค่ะพี่  :ling1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องปกน่ารัก เฮียเจ๋งตามน้องไม่ทันอีกแล้ว

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อ่อยขนาดนี้ ขอให้ได้ ขอให้โดนจ้า  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้องปกลู๊กกกกกกก ช่างอ้อยเสียจริง สอนพี่โซ่บ้างนะคะ5555555

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ปกมันร้ายจริงๆ เฮียตามไม่ทันหรอก 555+

ออฟไลน์ Faii0518

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เฮียเจ๋งที่ว่าแน่ก็แพ้ทางน้องปกอ่ะค่ะ น้องไม่ได้อ่อยเล่นๆน้องจริงจัง พี่ไม่ต้องคิดมาก อยากทำอะไรก็ทำโลด

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จุดพลุให้ค่ะเฮียเจ๋งอย่างน้อยก็ได้กอดน้องนะคืนนี้

ออฟไลน์ chnokky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องอ่อยไส้ใจน้องปกค่ะ!!! อ้อยเนียนๆแบบนี้เฮียเจ๋งจะไปไหนรอด

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
น้องปกกกกก ฮืออ น้องอ่อยได้มีชั้นเชิงมาก
อ่อยแบบไม่น่าเกลียด แต่น่ากด
ฮื้ออออออ อยากให้พี่เจ๋งจับกดน้องไปเลย!
น้องเหมือนเคะราชินีในคราบลูกแกะ555
เหมือนจะใสๆแต่แผนน้องเยอะอย่าบอกใคร55

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ร้ายยมากเลยนะปก ไม่ยักรู้ว่าที่เงียบมาแต่ก่อนแอบซ่อนความร้ายลึกไว้
ว่าแต่ดิษ มีแก้งงอนด้วย บอกน้าไปว่าเฮียที่ตามปกทุกวันนะ เป็นแฟนกัน

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น้องปกอ่อยแบบนิ่งๆ ทำเอาพี่เจ๋งเกือบตบะแตก :laugh:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
บอกเลยว่าร้ายมาก ร้ายกาจมาก อำนาจทำลายล้างสูงมากกกก
น้องปกกก อะไรยังไงอย่างงี้ ยั่วทุกตรง น่าให้อีคนพี่ทนไม่ไหวจริงๆ
เฮียเจ๋งว่าที่ประธานชมรมพ่อบ้านใจกล้า(ที่กลัวเมีย) สงสารเขานะคะจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ปกลูกกกกกก หนูอ่อยพี่เขาขนาดนั้นนี่ ควรจะสงสารพี่เจ๋งดีไหมเนี่ย?
ฮาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ความอ่อยของปกนี้ มันน่าโดนกดจริงๆ นะเฮียเจ๋ง 5555 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีน้องอ่อยอีพี่ แต่มันติดที่อีน้องง่วงนอนเสียก่อน ฝากอีพี่จัดการต่อแล้วกันนะ ตามซิบาย  :mew4:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ปกร้ายยยยยยย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 ...โชคดีแล้วจริงๆ ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...555
รอพฤหัสหน้าด้วยใจจดจ่อ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น้องมันขี้อ่อยอิพี่ก็เอะอะหื่นตลอด ดีต่อใจจจ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เฮียเก่งมาก ทนได้ 5555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปกจ๋าหนูไปเรียนสกิลการอ่อยแบบนี้มาจากไหน  o13  o13

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เฮียเจ๋งตามปกไม่ทันเลยจริงๆ ถ้าพ่อแม่ปกรู้จะออกมาแบบไหนน้า

ออฟไลน์ gemgems

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮียเจ๋งซวยแล้ววววว 5555555

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เอาคะแนนอ่อยเต็ม 100 ไปเลยค่ะ
พี่โจ๊กจะไปไหนรอด   :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด