...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 464402 ครั้ง)

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เป็นกำลังใจให้น้องปก  :mew2:

แต่จเจ๋งกับเอียโจ๊กนี่เหมือนกันนะ บ้าบอพอกัน  :hao7:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
   ตอนที่ 10


   ตั้งแต่วันนั้น…วันที่เจตน์แสดงออกถึงความจริงจังและจริงใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขา วันที่เจตน์ไม่สนใจเสียงลือหรือสายตาใดๆ บอกปัดความอึดอัดในใจตนเองแล้วเลือกที่จะนั่งทานข้าวท่ามกลางสายตาคนอื่นๆ เพื่อที่ปกฉัตรจะได้ขึ้นเรียนทันเวลาในคาบบ่าย


   เจตน์เลือกเขา


   ...จะฝากความรู้สึกทั้งหมดไว้กับพี่ได้ใช่มั้ย...


   ...พี่จะไม่ทิ้งกันไปตอนหลังใช่มั้ย...


   “ปก?...ไอ้ปก...” เสียงเรียกดังขึ้นทำเอาคนที่อยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งแล้วหันมอง แต่เจ้าตัวไม่หันมองอย่างเดียว เพราะมือที่ถือสายยางรดน้ำต้นไม้หันตามไปด้วย น้ำจากสายยางเลยพุ่งตรงไปที่คนเรียกทำเอาเจ้าตัวร้องว้าก


   “เปียก!!” ดิษกรร้องแล้วกระโดดหนี


   “โทษๆ! กูไม่ได้ตั้งใจ...” ปกฉัตรรีบกดสายยางลงต่ำ โชคดีว่าระหว่างพวกเขาสองคนคือพุ่มไม้และรั้วเตี้ยๆ น้ำจากสายยางเลยไปถึงดิษกรที่อยู่อีกฝั่งของรั้วไม่มากนัก


   “เป็นไรของมึงวะ กูเห็นยืนรดต้นเข็มจนรากจะเน่าแล้วมั้ง”


ปกฉัตรก้มลงมองที่พุ่มไม้ น้ำเจิ่งนองบอกให้รู้ว่าเขายืนรดน้ำตรงนี้มากเกินไปจริงๆด้วย ร่างโปร่งรีบวิ่งไปปิดก๊อก ก่อนจะเดินกลับมาเก็บสายยางสีเขียวๆที่น้ำหยุดไหลไปแล้ว


   “มีไรเปล่า ปก หน้าตามึงดูไม่ดีเลย” ดิษกรชักเป็นห่วง


   คนถูกถามถอนหายใจเบาๆ มือที่กำลังรวบสายยางดูเหมือนจะล้าแรงขึ้นมาทันที


   “กู...กลัว”


เพื่อนร่างใหญ่เหมือนเห็นภาพในอดีต อดีตที่เด็กชายปกฉัตรซึ่งเคยร่าเริงกลายมาเป็นปกฉัตรคนที่ยิ้มน้อยๆและไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก


   “เดี๋ยวกูไปหา” ดิษกรพูดแค่นั้นก็ใช้สองแขนค้ำรั้วเตี้ยแล้วกระโดดข้ามไปยืนอยู่ในอาณาเขตของบ้านเพื่อนสนิททันที เขาแตะแขนปกฉัตรเบาๆ สัมผัสใบหน้าและซอกคอด้วยหลังมือเพื่อวัดอุณหภูมิ ร่างกายของเพื่อนดูปกติดี แต่ที่ไม่ดี...น่าจะเป็นเรื่องของจิตใจ


“มึงกลัวอะไร ใครทำอะไรมึง เฮียเจ๋งเหรอ”


ปกฉัตรส่ายหน้า ดิษกรเลยดึงไปนั่งที่เก้าอี้ม้านั่งยาวใกล้ๆ เก้าอี้ตัวนี้เก่ามากแล้ว ในอดีตมันดูใหญ่กว่านี้ แต่เวลานี้...เพื่อนสองคนต่างเติบโต มันก็เลยดูเล็กลงไปถนัด แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี...มันก็ยังทำหน้าที่เป็นที่นั่งของปกฉัตรและดิษกรได้อย่างดี


“ดิษ...มึงเคยบอกกูใช่มั้ยว่าเฮียของมึงเป็นคนจริงจัง” เพราะดิษกรนั่งเงียบๆ คนพูดก่อนก็เลยเป็นปกฉัตร


ร่างโปร่งถูมือสองข้างบนใบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติ แต่...สติกลับมาได้ยากเหลือเกิน เพราะยิ่งตั้งสติรับรู้ความจริงจังของเจตน์มากเท่าไร ก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น


“เขาจะจริงจังกับกูจริงๆมั้ยวะ กูกลัว...ว่าสุดท้าย...ถึงเขาจะจริงจัง แต่เขาก็จะไปจากกู...”


ปกฉัตรมีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็จริง มีบิดามารดาที่รักและเอาใจใส่ก็จริง แต่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่เติบโตขึ้นมากับความเหงาและว้าเหว่สอนให้เขาเรียนรู้ความไม่ยั่งยืน ความรู้สึกที่จริงจัง ความรู้สึกที่หนักแน่น สุดท้ายแล้ว...ก็อาจเหลือเพียงความว่างเปล่า เหลือเพียงเขาที่อยู่ตรงนี้เพียงลำพัง จนต้องสร้างความเข้มแข็งขึ้นมาเป็นเปลือก ทั้งที่ภายในอ่อนไหวและเปราะบาง


ดิษกรถอนหายใจเบาด้วยความสงสาร เรื่องครอบครัวของปกฉัตร หากจะโทษว่าเป็นความผิดของใครสักคนก็คงต้องโทษความไม่คุยกันอย่างตรงไปตรงมา โทษคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ โทษคำว่า ‘ดูแลตัวเองได้’ แต่...จะขุดเรื่องในอดีตขึ้นมาหาคนผิด ก็เลยเวลานั้นมามากแล้ว เวลานี้...สิ่งที่ควรทำคือไม่ทำซ้ำเดิมกับที่แล้วมา


“ถ้ามึงไม่อยากให้เขาไปจากมึง มึงก็ต้องบอกเขาตรงๆ เลิกสักทีไอ้คำว่าไม่เป็นไร อยู่ได้หรืออะไรพวกนั้นน่ะ” ดิษกรแนะนำ เขาจิ้มนิ้วกับหน้าอกของเพื่อนรัก


“บอกสิ่งที่อยู่ในใจมึงให้เขารู้ วางสมองลงบ้างเถอะ เรื่องบางเรื่องก็ควรเป็นหน้าที่ของหัวใจอย่างเดียว”


...สมองมีไว้เพื่อกำหนดทิศทางและควบคุม แต่ไม่ใช่ครอบงำ...


...เพราะเรื่องของความรู้สึก...เป็นเรื่องของหัวใจ...


มันเป็นเรื่องของหัวใจ ที่ควรจะให้หัวใจรับรู้มากกว่าใช้สมองตัดสิน


ปกฉัตรหันมองเพื่อนรักแล้วยิ้มจาง ดิษกรเป็นเพื่อนที่แสนดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนที่เข้าใจเขายิ่งกว่าใคร และเวลานี้ เพื่อนคนนี้ก็คือคนที่เตือนสติให้เขาใช้หัวใจมากกว่าสมอง


“ขอบใจนะดิษ” ดิษกรยิ้ม วางมือลงบนศีรษะของเพื่อนร่างผอมที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้านของเขาตั้งแต่เด็กๆ


สมัยก่อนยังตัวเท่าๆกัน แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็กลายเป็นเพื่อนไซส์ยักษ์ ในขณะที่ปกฉัตรผอมกะหร่องแบบนี้


“ทำอะไรกัน?!!!” เสียงตะคอกดังลั่นทำเอาคนกำลังเอ็นดูเพื่อนรักถึงกับชะงักชักมือกลับแทบไม่ทัน ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของเสียงคือเจตน์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามายืนในอาณาเขตบ้านของปกฉัตรตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่รู้คือหน้าหงิกมากกกกกก!!!


“อ...อ้าวเฮีย...มาได้ไงอ่ะ” หนุ่มรุ่นน้องร่วมคณะของคนหน้าหงิกทำเป็นถามตาใสเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ทั้งๆที่เพิ่งถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าลูบหัวปกฉัตรอย่างแสนจะเอ็นดู!


“เปิดประตูเข้ามา!” คนมาใหม่ตอบกลับ แล้วก้าวฉับๆตรงมาที่เก้าอี้ม้านั่งยาว


“สรุปว่าเมื่อกี้พวกมึงทำไรกัน?!”


ปกฉัตรกับดิษกรมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านเอ่ยเรียบๆ


“คุยกันนิดหน่อย เอ่อ...พี่รอแป๊บนึง ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”


เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ปกฉัตรมีนัดทานข้าวกับสายรหัส เจตน์อาสาไปรับไปส่ง ก็เลยมาเห็นฉากเด็ดดิษกรลูบหัวปกฉัตรพอดิบพอดี!


ร่างโปร่งลุกจากม้านั่งเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งเหยื่อตัวใหญ่อย่างดิษกรเอาไว้กับหมีหน้าหงิกที่ตวัดสายตามาจิกจะเอาความจริง


หนุ่มรุ่นน้องทำหน้าหวาด แต่จะลุกหนีก็ไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ร่วมคณะยืนกอดอกจังก้าจ้องตาไม่กะพริบ


“บอกกูได้รึยังว่าเมื่อกี้ทำอะไร?!”


ดิษกรกลืนน้ำลายเอื๊อก อยากจะบอกรุ่นพี่ที่เคารพรักเหลือเกินว่าเขากับปกฉัตรน่ะสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาล ยิ่งกว่าลูบหัวก็เคยมาแล้ว!


…แต่...รักชีวิตเถอะ อย่าพูดเลยว่านอกจากลูบหัวแล้ว เคยทำอะไรไอ้ปกบ้าง!...


“ก็...ก็ไอ้ปกมันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย”


“ปัญหาอะไร ทำไมมันไม่บอกกู!!”


“เฮียก็ไปถามมันสิ ว่าทำไมมันไม่บอกเฮีย”


“เดี่ยวกูไปถามมันเองว่าทำไมมันไม่บอกกู! แต่ที่กูถามมึงตอนนี้คือกูถามว่ามันมีปัญหาอะไร?!!”


ดิษกรกลืนน้ำลายอีกเอื้อก ไม่รู้จะหาทางเลี่ยงยังไง


...แต่...บอกความจริงก็คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะนอกจากเฮียจะไว้ใจได้แล้ว เฮียยังตั้งใจจีบไอ้ปกอีกต่างหาก...


“เฮีย...รู้ใช่มั้ยว่าพ่อแม่มันอยู่เมืองนอก”


“เออ! แล้วไง?!!”


“ก็...มันก็เลยโตมาแบบเด็กเหงาๆ แล้วทีนี้...มันก็...มันก็กลัวว่าเฮียจะทิ้งให้มันเหงาอีก”


เจตน์ขมวดคิ้วฉับ


“หมายความว่ามันไม่เชื่อใจกูงั้นสิ?! สัด! กูพูดปากเปียกปากแฉะว่ากูจริงจัง! ตามรับตามส่งทุกวัน ใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่ากูอยู่คนเดียวซะอีก! แล้วยังเสือกกลัวว่ากูจะทิ้งมันเนี่ยนะ?!!!” กลายเป็นว่าเจตน์หงุดหงิดไปซะงั้น ดิษกรอ้าปากค้าง ดูท่าเขาจะทำให้เพื่อนซวยซะแล้ว


“เอ่อ...ไอ้ปกมันแค่กลัว มันอยากได้ความจริงจังนะเฮีย แต่...พอได้กลับมามากๆ มันก็กลัวว่าวันนึงจะหายไป อ่า...แต่ถ้าเฮียทำให้มันมั่นใจเรื่อยๆ ผมรับรอง! เพื่อนผมจะไม่กลัวอีกต่อ...ไป...” หนุ่มรุ่นน้องพยายามกอบกู้สถานการณ์ แต่พอโดนเจตน์ตวัดสายตามาจิก คนตัวใหญ่ก็หดลีบ


“เดี๋ยวเพื่อนมึงจะต้องเคลียร์กับกูแน่! กลัวเชี่ยอะไรไม่เข้าท่า!”


เจตน์หมายมาดด้วยหน้าตาหงิกๆตามนิสัย เห็นแล้วดิษกรก็อยากจะส่งซิกแนลบอกเพื่อนรักเหลือเกินว่านอกจากปกฉัตรอาจจะต้องเลิกกลัวความเหงาแล้ว ควรจะหันมากลัวผู้ชายที่เข้ามาทำให้ชีวิตไม่เหงาจะดีกว่า!

......................

   เจตน์เป็นคนขับรถมาส่งที่ร้านอาหารที่ปกฉัตรนัดแนะกับสายรหัสเอาไว้ คนที่ยืนรออยู่หน้าร้านคือรุ่นพี่ปีสองร่างป้อม


   “คนนั้นพี่รหัสมึงใช่มั้ย” ตลอดการเดินทางที่เงียบเชียบ ในที่สุดคนขับรถก็พูดขึ้นมา


   “ครับ พี่ฟาง” เจตน์พยักหน้ารับรู้ ไม่พูดอะไรอีก ปกฉัตรไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรเขาหรือไม่ แต่นับตั้งแต่ออกจากบ้านเขา เจตน์ก็ไม่พูดอะไรเลย


   “เอ่อ...ถ้าเลิกแล้วจะโทร.บอกนะ...” เป็นฝ่ายปกฉัตรพูดก่อน คำแนะนำของดิษกรยังดังอยู่ในหู ให้พูดความรู้สึกจากหัวใจ ไม่ใช่สมอง แม้สมองจะบอกให้เกรงใจ แต่หัวใจ...บอกว่าอยากให้เจตน์เป็นคนมารับ


...ไม่รู้ว่าจะรบกวนมากเกินไปหรือเปล่า แต่...ก็อยากนั่งรถกับพี่อย่างนี้...


   “อือ” เจตน์รับคำสั้นๆ


   เป็นอันว่าพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีก ต่างคนต่างเก็บเรื่องที่อยากพูดเอาไว้ก่อน เย็นนี้...ขากลับที่เจตน์มารับ ก็คงมีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น


   ทว่า...สิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นจริง


หลังจากสังสรรค์ทานข้าวกับสายรหัสเสร็จแล้ว พี่ใหญ่สุดในสายที่ชื่ออรรณพก็ไล่ถามรุ่นน้องรายตัวว่าแต่ละคนกลับอย่างไร


   “รถเมล์” พี่ปีสามที่ชื่อสิตางศุ์ตอบด้วยหน้าตาซื่อๆ


   “สัด กลับรถเมล์ แค่ยืนอยู่ที่ป้ายมึงก็โดนสอยแล้วมั้ง ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกูไปส่ง” อรรณพตัดบท คนจะนั่งรถประจำทางกลับทำท่าเหมือนจะค้าน แต่พี่ซีเนียร์หันไปทางหญิงสาวคนเดียวของสายรหัสสายนี้แล้ว


   “แล้วเราล่ะ ฟาง”


พี่ปีสองร่างเล็กป้อมอย่างทิฆัมพรยิ้มกระมิดกระเมี้ยน “อยากกลับรถโฟร์วีลค่ะ พี่เวฟ”


   “เออ ไปรถพี่” เจ้าของรถโฟร์วีลบอก ก่อนจะหันมาที่คนสุดท้าย...ปกฉัตร ปีหนึ่ง


   “แล้วเรากลับไง ปก”


   “เดี่ยวผมโทร.ให้คนมารับครับ”


   “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่ง”


   “แต่ว่า...” ปกฉัตรจะค้าน ทั้งเกรงใจ ทั้งอยากให้เจตน์มารับ


   “มึงจะให้คนมารับทำไม เสียเวลา เปลืองน้ำมัน รถกูจอดอยู่หน้าร้าน เดี๋ยวกูขับไปส่งรายคน”


   “ตามใจลุงเขาหน่อยปก ลุงเขาขี้เหงาเอาแต่ใจ ชอบบริการน้องๆ” ทิฆัมพรบอกพร้อมรอยยิ้ม


   “เออ รู้ว่าขี้เหงาเอาแต่ใจ ก็ตามใจด้วย! มึงโทร.ไปบอกคนที่จะมารับว่าไม่ต้องมา เดี๋ยวกูไปส่งให้เอง บอกเขาว่าไม่ต้องห่วง กูขับรถดี ไม่ซิ่ง ไม่แว้น”


   “พี่เวฟขับรถดี สุภาพ มีน้ำใจสุดๆเลย ถ้าเห็นคนยืนรอข้ามทางม้าลายนะ พี่เวฟจอดจนคันหลังแทบชนตูดมาแล้ว” สิตางศุ์ช่วยสนับสนุนอีกแรง เล่นเอาคนขับรถสุภาพต้องเหล่ตามองน้องรหัสผิวขาวที่สุดในบรรดาสามคน


   “นี่มึงชมกูใช่มั้ยไอ้โซ่”


   “ชมสิ ไม่มีใครขับรถได้อย่างพี่เวฟสักคนนะ”


   “ทำไมกูไม่ดีใจเลยเนี่ย” อรรณพบ่น น้องรหัสหัวเราะสดใสแต่ไม่วายหันไปกำชับกับน้องปีหนึ่งอย่างปกฉัตรให้มั่นใจ


   “ปกไม่ต้องห่วงนะ บอกคนที่จะมารับด้วยว่าไม่ต้องห่วง พี่เวฟขับรถดีจริงๆ” พอถูกพี่ๆคะยั้นคะยอให้กลับด้วยกันโดยรถโฟร์วีลของพี่ปีสี่ ปกฉัตรก็ค้านต่อไม่ออก เขาได้แต่พยักหน้าก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์บอกเจตน์ คราวนี้...เจตน์ไม่ว่าอะไรเลยที่เขาจะกลับรถของคนอื่น นอกจากรับคำว่า ‘อือ’ แล้วก็ตัดสายไป


   ความกลัวแล่นพล่านอีกครั้ง ปกฉัตรได้แต่กลืนน้ำลาย จิกเล็บลงกับมืออย่างไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี

...............................

   เจตน์หายเงียบไปนับตั้งแต่ที่ปกฉัตรโทรศัพท์ไปบอก แล้วพอถึงบ้าน เขาส่งข้อความไปแจ้งอีกครั้งว่าถึงแล้ว ข้อความก็ไม่ถูกอ่านด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเงียบ...ไม่มีสัญญาณใดๆจนคนกลัวยิ่งหวั่นใจ


   ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เส้นผมชื้นๆหลังสระถูกขยี้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มือถือของตัวเองเอาไว้ บนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว


ทุกๆวัน เวลาแบบนี้ จะมีใครบางคนโทร.มาชวนเขาคุย แต่...วันนี้ ใครคนนั้นหายเงียบไป


   …ความกลัวกำลังมาเยือน ความกลัวจากการถูกทิ้งกำลังครอบงำจิตใจ...


   ...โดนทิ้งเหรอ?...


...พี่กำลังอยู่กับคนอื่นรึเปล่า?...


...หรือว่า...พี่อาจจะไม่สบาย?...


   ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเจตน์ถึงเงียบ สุดท้ายเลยตัดสินใจกดโทร.ออกหาเบอร์ล่าสุดที่เขาเพิ่งโทร.ไปหาเมื่อตอนเย็น


เขานั่งฟังเสียงสัญญาณรอสายเหมือนใจเย็น ทั้งๆที่ในสมองมีความคิดมากมายวิ่งวนเต็มหัว


รอจนกระทั่ง...


   ‘ฮัลโล...’


ถึงแม้จะเป็นฝ่ายโทร.ไปหาเอง แต่พอได้ยินเสียงคนรับที่คุ้นเคย ปกฉัตรก็ถึงกับสะดุ้งโหยง แต่ไม่ทันจะพูดอะไรตอบกลับไป เสียงจากปลายสายก็ดังมาอีก


   ‘ฮัลโล! โทร.มาไม่พูด! คิดจะหาเรื่องกวนตีนกูรึไง?!’


   “เอ่อ...เปล่า...ผม...ผม...เอ่อ...พี่ว่างรึเปล่า”


   ‘ไม่ว่างกูจะรับทำไม?!’


   “ก็...” ปกฉัตรพูดไม่ออก เขาปล่อยให้ความเงียบครอบงำอยู่นานก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย แล้วตามมาด้วยคำพูดสั้นๆ


   ‘แบตกูจะหมด!’


   “อ้าว เหรอ งั้น...” ปกฉัตรไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายจะต้องวางสายแล้ว ทั้งๆที่อยากคุย อยากสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองด้วยเสียงของเจตน์ แต่...เจตน์ต้องวางสายแล้ว


   ‘ให้กูไปหามั้ย?!’ คำถามประโยคต่อมาทำเอาร่างโปร่งนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบกลับไป


   “ปกติไม่เห็นเคยถาม”


   ‘ปกติมึงก็ไม่เคยโทร.หากูแล้วไม่พูดอะไรเหมือนกัน!’ คนโทร.ไปหาเงียบไปอีกหน เขารู้ว่าต่างคนต่างไม่ปกติ โดยเฉพาะเจตน์ที่ไม่พูดไม่จาไม่ติดต่อเขาเลย


   “ถ้าพี่ว่าง...”


   ‘ถ้ากูไม่ว่าง กูไม่รับโทรศัพท์มึงตั้งแต่แรกแล้ว! รอเปิดประตูบ้านให้กูแล้วกัน เดี๋ยวกูไปหา!’


แล้วสายก็ถูกตัดไป ปกฉัตรได้แต่ลดโทรศัพท์ลงมามอง ก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปที่ชั้นล่าง


บ้าน 2 ชั้นที่ทั้งเงียบและวังเวงถูกเปิดไฟสว่างโร่อีกครั้ง และหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง รถหรูคุ้นตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้ว เจ้าของบ้านเดินออกไปเปิดประตูให้แขกผู้มีเกียรติยามวิกาลที่หันมาทักทายด้วยคำพูดห้วนๆ


   “กูหิว มีอะไรให้กูกินมั่ง!”

.................................



ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


โจ๊กซองกึ่งสำเร็จรูปดูจะเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนหิวตอนดึกๆ


เจ้าของบ้านกำลังยืนคนโจ๊กอยู่ที่หน้าเตาแก๊ส ในขณะที่แขกผู้มาเยือนนั่งรออยู่ที่สตูลบาร์ใกล้ๆ ดวงตาคมจับจ้องร่างโปร่ง สูง เก้งก้าง ผอมกะหร่อง...และถ้าเทียบกับเจตน์ก็...ตัวนิดเดียว


   เจ้าของบ้านหันมาเห็นสายตาที่จับจ้องมาก็ถึงกับชะงักไปอึดใจหนึ่ง รู้สึกตกประหม่าเล็กน้อย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ชินกับการที่มีอีกฝ่ายเข้ามานั่งอยู่ในบ้าน แต่วันนี้ที่เจตน์มา...กลับ...รู้สึกแปลกๆเหมือนทุกอย่างมันชวนให้หวั่นไหวไปหมด


“มองอะไร”


   “กูหิว เมื่อไรจะเสร็จ”


   “เสร็จแล้ว” ปกฉัตรยกหม้อโจ๊กลงจากเตาตักแบ่งใส่ถ้วย 2 ใบ ก่อนจะยกมาวางตรงหน้าร่างสูง แล้วนั่งลงบนสตูลบาร์ตัวข้างๆ


   ภายในครัวเต็มไปด้วยความเงียบ แต่คนอย่างเจตน์ไม่ใช่มนุษย์อดทน หลังจากตักกินไปได้ 3 คำถ้วน เขาก็ตั้งคำถามขึ้นอย่างฉุนๆ


   “สรุปมึงโทร.หากูมีเรื่องอะไร” เขาจ้องคนข้างกายอย่างจริงจัง ปกฉัตรเหลือบตามาสบได้อึดใจเดียวก็ต้องหลบสายตาหนีไปมองถ้วยโจ๊ก


   “เอ่อ...ผม...เห็นพี่เงียบไป ก็เลย...”


   “มึงรู้รึเปล่าว่าทำไมกูเงียบ” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองคนถาม ก่อนจะส่ายหน้าไปมา


   “เพราะกูรอให้มึงพูดเอง! กูอยากรู้ว่ามึงจะพูดอะไร! กูไม่ถามหรอกนะว่ามึงเป็นอะไร! มีเหตุผลเหี้...เอ่อ...มีเหตุผลอะไรที่ไอ้ดิษต้องมาลูบหัวปลอบใจมึง! เพราะมึงควรจะรู้ว่ามึงต้องเป็นคนบอกกู!!”


ร่างโปร่งได้แต่ก้มหน้านิ่ง จนคนที่เก็บความหงุดหงิดฉุนเฉียวเอาไว้ในใจมาตั้งแต่เช้าถึงกับพ่นลมหายใจพรูด้วยความใจอ่อน เห็นท่าทางหงอยๆของอีกฝ่ายแล้วก็ดุไม่ลงเลย


“...กูอยากรู้เรื่องของมึงนะปก แต่มึงล่ะ...อยากให้กูรู้บ้างมั้ย” คราวนี้ปกฉัตรเงยหน้ามองอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิด


“ผมอยาก...ให้พี่รู้...”


“งั้นมึงก็บอกกูบ้าง เรื่องเมื่อวานนี้ของมึง เรื่องวันนี้ของมึง เรื่องวันพรุ่งนี้ของมึง เรื่องที่มึงอยากทำ เรื่องที่มึงคิด เรื่องที่มึงรู้สึก เปิดใจมึงให้กูบ้างสิวะ ที่กูทำทุกวันนี้ มึงมองไม่ออกเหรอว่ากูเต็มใจจีบมึงจริงๆ กูตั้งใจจีบมึงจริงๆ ทุกๆอย่างที่กูทำ มึงบอกกูซิว่ามึงเห็นตรงไหนที่กูทำเป็นเล่นงั้นเหรอ?”


   “ไม่เลย...” ปกฉัตรตอบเสียงเบาแล้วส่ายหน้า


   “มึงเห็นว่ากูจริงจัง แล้วทำไมไม่เปิดใจให้กู”


ดวงตาสีน้ำตาลจางเหลือบมองคนถาม มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและบอบช้ำ


   “ก็ผมกลัว...” ปกฉัตรตอบแล้วได้แต่เม้มปากแน่น


   “มึงกลัวอะไร”


   “กลัว...พี่ทิ้งผม...” เจตน์ท่องหนึ่งถึงร้อยในใจ เมื่อกี้พูดตั้งยาวว่าเขาจริงจังแค่ไหน แต่ปกฉัตรกลับตอบหลับมาว่ากลัวเขาทิ้ง


   ...นี่ถ้าไม่ใช่ว่ากูจีบมึงจริงๆนะ! กูชกมึงเรียกสติแล้ว!!!...


   “กูจริงจัง! กูจะทิ้งมึงได้ยังไง!” เขาถามกลับ พยายามไม่ให้โมโหมากไปเพราะเกรงว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังเสียงแข็งโป้กตามประสาคนใจร้อนขี้โมโหอยู่ดี


   “พ่อแม่ผม...ยังทิ้งผมเลย” ทว่าประโยคนี้ของคนอายุน้อยกว่ากลับทำให้ร่างสูงถึงกับชะงักในวินาทีนั้น ปกฉัตรเม้มปากแน่น กลืนความรู้สึกที่ทำให้หัวใจปริร้าวลงในอก ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น


   “พ่อแม่ผมไม่ผิดหรอก ผมเป็นคนบอกให้เขาไปเอง แต่...มันก็บอกให้ผมรู้ ความรู้สึกน่ะ...ต่อให้จริงจังแค่ไหน วันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลง พี่จริงจังวันนี้ แต่พรุ่งนี้พี่อาจจะไม่จริงจังแล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคต...” ริมฝีปากที่ถูกเม้มจนแดงก่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะราบเรียบ แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าเสียงแบบนี้ทั้งสั่นและไหวเพราะความเจ็บช้ำ

   
เจตน์มองคนตรงหน้าที่เอาแต่เลี่ยงสายตาไปทางอื่น ต่างคนต่างรู้ดีว่าไม่มีคำว่าตลอดกาลในโลกใบนี้ ไม่มีใครรับประกันว่าความรู้สึกในวันนี้จะยาวนานไปอีกกี่วัน อีกกี่เดือน หรืออีกกี่ปี แต่...สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือความรู้สึกที่เขามียามมองคนตรงหน้า


ปกฉัตรที่ไม่ค่อยพูด ปกฉัตรที่ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก ปกฉัตรที่มักจะมีประกายบางอย่างในดวงตา และนานๆครั้งถึงจะยิ้มให้เห็นชัดๆสักที


ทั้งหมดของปกฉัตร...คือสิ่งที่เขาอยากดูแล


   ร่างสูงจับไหล่ผอมให้หันมามองเขาตรงๆ ตาสบตา ตาคู่หนึ่งทั้งหวั่นใจทั้งกลัวใจจะเจ็บปวด ส่วนตาอีกคู่...ทั้งมั่นใจทั้งจริงจัง


   “ปก ถ้าวันนึงความรู้สึกที่กูมีมันหายไป กูก็จะยังอยู่กับมึง จะอยู่กันอย่างเพื่อน อย่างพี่อย่างน้อง จะไม่ทิ้งมึง”


   “กูไม่มีอะไรมารับประกันคำพูดของกู แต่กูจะทำให้มึงเห็น...มึงเปิดใจให้กูอยู่ข้างๆได้มั้ย ให้กูทำให้มึงเห็น ว่ากูจริงจัง ว่ากูจะอยู่ตรงนี้ กูจะไม่ไปไหน”


ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา เต็มไปด้วยความแน่วแน่ เจตน์ตั้งใจจริงแค่ไหน เจตน์จริงจังแค่ไหน ต่อให้ปกฉัตรจะไม่อยากเชื่อใจความจริงจังเหล่านี้อีกแล้ว แต่ก็อดไม่ได้...อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว อดไม่ได้ที่หัวใจจะร่ำร้องให้เชื่อ และอดไม่ได้...ที่จะทำตามหัวใจอีกสักครั้ง


   ...จะยอมเชื่อใจความจริงจัง จะยอมเชื่อใจ...ว่ามันจะไม่ทำให้เจ็บปวดเหมือนที่แล้วมา...


   ปกฉัตรยื่นมือออกไป แต่ไม่ทันจะแตะก็ถูกอีกฝ่ายรวบไปจับแน่นด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาโอบไหล่เขาให้เอนเข้าหา เป็นการกอดไหล่หลวมๆ ทว่าก็ทำให้หัวใจของคนเปล่าเปลี่ยวอบอุ่นจนรู้สึกได้ ก่อนที่วินาทีต่อมา สัมผัสอุ่นๆจะแนบลงมาแรงๆที่ข้างขมับ ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่สัมผัสนั้นแนบแน่นอยู่กับขมับของเขานาน ก่อนจะผละจากไป พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้นต่อมา


   “...ถ้ากูตายห่าไปก่อน มึงก็หาผัวใหม่แล้วกัน แต่กูว่ากูไม่มีทางยอมตายก่อนแน่ๆล่ะ”


   แล้วบรรยากาศในห้องครัวก็เปลี่ยนจากฟ้าเป็นเหว เจตน์ปล่อยแขนที่โอบหลวมๆออก ขยับกลับไปนั่งตัวตรง ตักโจ๊กเข้าปากด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางอยู่บนหน้าขา...และยังจับมือของปกฉัตรอยู่อย่างนั้น


   ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ ถ้าความจริงจังไม่มีอยู่จริง ความโรแมนติกของเจตน์ก็ไม่มีอยู่จริงยิ่งกว่า!


   คนกำลังซึ้ง อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากชกเจตน์สักหมัดจริงๆ!


   มือขาวข้างซ้ายที่ถูกเจตน์จับไม่ปล่อยเริ่มขยับยุกยิกจนคนจับเหลือบตามามอง


   “ดูด้วยว่ากูเอามือมึงวางไว้ตรงไหน ขยับอยู่ได้ เดี๋ยวก็ขึ้นหรอก” พอร่างสูงพูดอย่างนั้น เจ้าของมือถึงได้เห็นว่ามือของเขาวางอยู่บนตักของอีกฝ่าย เขาอ้าปากค้าง อยากดึงมือคืนกลับมาแต่เจตน์ก็ออกตัวไว้แล้วว่า ‘เดี๋ยวก็ขึ้นหรอก’


   “งั้นพี่ก็ปล่อยมือผมสิ”


   “ไม่! ปล่อยมือมึงเดี๋ยวมึงก็คิดมากอีก กูจับไว้อย่างงี้แหละ สบายใจทั้งกูทั้งมึง” ไม่รู้ว่าใครสบายใจกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ เจตน์กินโจ๊กหมดภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ก็ยังนั่งอยู่เดิม รอจนปกฉัตรกินเสร็จ


   “พี่ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปล้างจาน”


ตอนนั้นแหละ เจตน์ถึงยอมปล่อยมือ แต่ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม มองดูเจ้าของบ้านล้างชามสองใบแล้วคว่ำไว้ข้างอ่างเรียบร้อย ปกฉัตรถึงได้หันกลับมา แน่นอน...เจ้าตัวเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนังด้วย


   ...จะเที่ยงคืนแล้ว...


   “พี่...ไม่กลับเหรอ ดึกแล้วนะ”


   “มึงเรียกกูมา กูทำทุกอย่างให้มึงสบายใจ เสร็จแล้วมึงก็ไล่กูกลับงี้เหรอ? นี่คือตอบแทนกูแล้วใช่มั้ย?”   


   “อ้าว...แล้ว...แล้วพี่จะ...จะเอายังไง”


   “กูจะนอนที่นี่” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของบ้านตาค้าง แต่เจตน์ยังจ้องอย่างจริงจัง


   “หรือมึงจะให้กูขับรถกลับคอนโดกูดึกๆดื่นๆ? อยากให้กูตายห่าระหว่างทาง จะได้หาผัวใหม่?” คราวนี้นอกจากจะตาค้าง ปกฉัตรยังอ้าปากค้างอีกด้วย เจตน์เป็นมนุษย์ที่ปากไม่ดีที่สุดในโลกเลย


   “พูดอะไรของพี่เนี่ย”


   “งั้นก็ให้กูค้างที่นี่” เจ้าของบ้านยังเงียบ นอกจากพ่อกับแม่ที่ปีหนึ่งจะกลับมาค้างแค่ไม่กี่วัน กับดิษกรที่อยู่บ้านข้างๆ บ้านหลังนี้...ก็ไม่เคยต้อนรับใครอีกเลย


   แต่วันนี้...มีผู้ชายคนหนึ่งหาเหตุผลอะไรสักอย่างแล้วยื่นคำขาดว่าจะนอนที่นี่ให้ได้


   “กูไม่ค้างทุกวันหรอก แต่วันนี้...กูไม่อยากให้มึงอยู่คนเดียว” เหมือนถูกเจตน์อ่านใจออกทะลุปรุโปร่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองคนพูดที่ยังคงมองตรงมาที่เขา สายตาที่มั่นคง สายตาที่จริงจัง


   ทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้...ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเล่นเลย


   “ผม...จะปูที่นอนให้แล้วกัน”


   ถ้านี่คือโอกาสที่จะทำให้ปกฉัตรหันกลับมาเชื่อในความจริงจังอีกครั้ง เขาก็จะมอบโอกาสนั้นให้กับผู้ชายคนนี้...คนที่ชื่อเจตน์

..................................

   “ดิษ...” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำเอาดิษกรที่กำลังจับสังเกตบ้านเพื่อนสนิทหลังข้างๆต้องหันมอง แต่ก่อนจะหันมอง เขาก็ทันเห็นว่าชั้นล่างของบ้านถูกปิดไฟ เหลือแค่ไฟนอกบ้าน ก่อนที่ไฟที่ชั้นสองจะถูกเปิดจนแสงส่องผ่านออกมาทางม่านหน้าต่าง


   “อานิศ...” นิศราคุณอาสุดที่รักของเขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างเช่นกัน


   “คนที่มาหาปกน่ะ ใช่รุ่นพี่ของดิษที่มากินข้าวบ้านเราคราวก่อนรึเปล่า”


ดิษกรหวนคิดความหลังเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ


   “รุ่นพี่คนไหน? คนที่ยิ้มเก่งๆ หรือคนหน้าหงิกๆ” หลานชายตัวใหญ่ถึงกับหัวเราะก๊าก เลยโดนคนเป็นอาตีไปที


   “เอ๊! จะหัวเราะอาทำไม ก็อาพูดจริงนี่นา สองคนนั่นเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ คนนึงเหมือนจะด่าคนทั้งโลก อีกคนก็น่ารักอัธยาศัยดี เขาชมอาว่าอาดูวัยรุ่นด้วยนะ”


   “คนที่ชมอาว่ายังสาวน่ะชื่อเฮียไท ส่วนคนหน้าหงิกชื่อเฮียเจ๋ง”


   “แล้วสรุปคนไหนที่มาหาปก”


   “คนหน้าหงิกสิอา” คราวนี้นิศราทำหน้าตาเป็นห่วง มองออกไปยังบ้านหลังข้างๆอีกที


   “ไว้ใจได้แน่รึเปล่าดิษ ไม่ใช่รุ่นพี่คนนี้ทำอะไรปกนะ พ่อแม่ของปกฝากเราให้ช่วยกันดูแล จะให้ใครทำอะไรปกไม่ได้นะ”


   “รายนี้ไว้ใจได้นะอา ถึงเฮียเจ๋งแกจะหน้าหงิกไปหน่อย แต่นิสัยไม่หงิก ใจดี พึ่งพาได้ ไว้ใจได้” ถึงหลานชายจะออกปากแบบนั้น แต่นิศราก็ยังไม่วางใจ


   “แล้วทำไมต้องมาหาดึกๆดื่นๆด้วยก็ไม่รู้”


   “เอาหน่า ไอ้ปกมันก็โตแล้ว”


   “โตแล้ว แต่อาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี” หล่อนเห็นปกฉัตรมาแต่เล็ก ยิ่งพ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศเหลือเจ้าตัวเพียงลำพัง หล่อนก็ยิ่งเป็นห่วง คนข้างบ้านกันก็ต้องคอยสอดส่อง มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันเวลา


   “อาก็ห่วงแต่ไอ้ปก ไม่เห็นมาห่วงหลานอาบ้างเลย ไปนอนดีกว่า อาไม่รัก” ดิษกรตีบทแตกเรียกร้องความสนใจเดินหน้าบูดบึ้งกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง นิศรารู้ว่าต้องง้อหลานชาย แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองบ้านข้างๆผ่านทางหน้าต่างบานเดิมด้วยความห่วงใย


   หล่อนควรจะส่งข่าวคราวเรื่องรุ่นพี่หน้าหงิกให้พ่อแม่ของปกฉัตรรู้ดีไหมล่ะนี่?

.............................

   ห้องนอนของปกฉัตรเป็นห้องนอนขนาดย่อมบนชั้นสองของตัวบ้าน มีตู้ โต๊ะ เตียงครบถ้วน ห้องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรก็เลยดูคับแคบนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพื้นที่ข้างเตียงที่พอจะให้ปูฟูกเสริมได้


   “กูไม่นอนพื้น” แต่แขกผู้มีเกียรติที่ชื่อเจตน์ประกาศก้อง เจ้าของห้องเหลือบตามอง


   “ผมนอนพื้นเอง พี่ขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ”


   “กูไม่ให้มึงนอนพื้นด้วย!”


   “อ้าว แล้วจะนอนกันยังไง”


   “มึงนอนเตียง” เจตน์สั่ง


   “แล้วพี่ล่ะ”


   “นอนเตียงกับมึง” ปกฉัตรชะงัก หันกลับไปมองที่เตียงตนเอง ถึงจะใหญ่กว่าเตียงเดี่ยวขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดเตียงคู่


   “จะนอนได้ยังไง เตียงผมมันแคบ”


   “ก็เอาไอ้กองหมอนข้างของมึงออกไปให้หมด มึงนอนข้างใน แล้วกูนอนตะแคง” แขกผู้มีเกียรติตัดสินใจเสร็จสรรพ ก่อนจะปรายตามองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างกาย ปกฉัตรอยู่ในชุดเตรียมนอนแล้ว อย่างน้อยไอ้กางเกงยางยืดเนื้อนิ่มๆนั่นก็บอกเขาแบบนั้น


   “นี่มึงอาบน้ำแล้วใช่มั้ย”


   “ครับ แล้วพี่...จะอาบรึเปล่า”


   “ถ้ากูอาบแล้วมีเสื้อผ้าให้กูเปลี่ยนรึไง” 


ถึงปกฉัตรจะสูง แต่ก็ผอมกะหร่อง แตกต่างจากมนุษย์หมีบ้าพลังที่ทั้งสูงทั้งหนาแบบเจตน์อย่างเห็นได้ชัด


   “ก็...ของไอ้ดิษ” ชื่อชายอื่นที่แม้จะเป็นชายบ้านข้างๆแต่ก็ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับ


   “มึงมีของไอ้ดิษได้ไง?!”


   “มันมาค้างบ่อย” ตามประสาเพื่อนสนิท และตามประสาดิษกรที่เห็นปกฉัตรอยู่บ้านเพียงลำพังทุกวันทุกคืน


   “แล้วมันนอนไหน?!” และนี่คือคำถามที่เจตนที่อยากรู้ที่สุด


   “นอนพื้น” คำตอบน่าพอใจ คราวนี้จะยอมปล่อยไปก่อน แต่หลังจากนี้อย่าหวังว่าเพื่อนสนิทสองคนจะได้นอนห้องเดียวกันโดยไม่มีเขาอีกเลย!


   “งั้น...เดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนแล้วกัน”


   “เปลี่ยนทำไม มึงนอนได้กูก็นอนได้”


ปกฉัตรส่ายหน้าหวือ ไม่กล้าสบตาเพราะชักเขิน...จะให้นอนบนเตียงที่ผ้าปูเตียงมีแต่กลิ่นของเขา มันก็...


   “เออ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวกูช่วย” เจตน์เห็นสีหน้าก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้เขินมากกว่าเดิม ภายในห้องนอนมีแค่เสียงสะบัดผ้าปูที่นอน เสียงปลอกหมอนเสียดสีกับตัวหมอน แล้วก็เสียงหมอนถูกโยนไปไว้บนเก้าอี้ คนโยนไม่ใช่ใครที่ไหน เจตน์ผู้ซึ่งจะนอนบนเตียงกับปกฉัตร หมอนข้างจำนวนมากนั่นเกะกะ เขาอนุโลมให้มีแค่หมอนหนุนศีรษะสองใบพอ


   พอล้มตัวลงนอนข้างกัน คนที่ออกปากว่าจะนอนตะแคงก็ดันนอนหงาย เตียงที่ไม่ได้ใหญ่พอสำหรับสองคนก็เลยกลายเป็นว่าไหล่ของปกฉัตรเบียดชิดกับไหล่ของเจตน์


   ร่างโปร่งเหลือบมองคนข้างกายที่หลับตาไปแล้ว หัวใจมันหวิวไหวซาบซ่านอยู่หรอก แต่แบบนี้...เห็นทีคืนนี้จะไม่ได้นอน


   “พี่...ไหนว่าจะนอนตะแคง”


คนถูกทักลืมตาขึ้นมาเหล่มอง ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ทันที ปกฉัตรชะงัก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหันหนีกันแบบนี้


   ...พี่อุตส่าห์นอนไหล่ชนกันอยู่ดีๆ ก็ดันไปทักให้เขานอนหันหลังให้...


   นึกเจ็บใจตัวเอง ได้แต่นอนมองแผ่นหลังกว้างของร่างสูงอยู่อย่างนั้น ได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาขยับทีละนิด ทีละนิดแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไปมหันต์ มีโอกาสได้นอนด้วยกันทั้งที แต่กลับทำให้อีกฝ่ายหันหลังให้กันแบบนี้


แต่...ถ้าเขาขยับเข้าไปหาอีกหน่อย ก็คงไม่รู้ตัว


เจ้าของห้องขยับเข้าหาอย่างช้าๆ มีช่องว่างระหว่างพวกเขาแค่ไม่กี่เซนติเมตร ทว่าก่อนจะหลับตาลง คนที่นอนหันหลังให้ก็พลิกตัวกลับมา คนทำเนียนเข้าไปนอนใกล้เลยสะดุ้งเฮือก แต่จะถอยหลังก็ไม่ทันแล้ว เพราะเจตน์คว้าเอวเขาไว้หมับ


“กูให้โอกาสมึงอธิบายว่าทำไมเตียงโคตรแคบแล้วยังเสือกมาเบียดกู”


“เอ้อ...คือ...” นึกข้ออ้างใดๆไม่ออกแม้แต่นิด ได้แต่ก้มหน้ามองอกแข็งๆของเจตน์ ทั้งๆที่ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคงมองเขาด้วยสายตาระยิบระยับแค่ไหน


“นับหนึ่งถึงสาม...ถ้าตอบไม่ได้ กูจะนอนกอดมึงทั้งคืนเลย” บทลงโทษของการตอบไม่ได้ทำเอาหัวใจปกฉัตรยิ่งไหวหนัก


...ถึงจะเขิน...แต่ถ้าถูกพี่กอดทั้งคืน ก็...


“หนึ่ง สอง สาม หมดเวลา!” ไม่รู้ใครเร็วกว่ากัน ระหว่างคนนับหรือคนจะถูกลงโทษ เพราะพอเจตน์รั้งเข้าไปหา ปกฉัตรก็ไม่มีทีท่าจะขัดขืนแต่อย่างใด ร่างของเขาจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของผู้ชายตัวใหญ่อย่างง่ายดาย และหากเจตน์จะก้มลงมองสักนิด ก็คงเห็นว่าบทลงโทษนี้ทำให้คนถูกลงโทษถึงกับยิ้มเขินจนหน้าแดงไปหมด


“นี่มึงตอบไม่ได้ หรือว่าไม่อยากตอบเพราะอยากให้กูกอดวะ”


 “พี่บ้า...” เจ้าตัวงึมงำอยู่กับอกแข็งๆนั่น ก่อนจะสอดมือเข้ากอดเอวของเจตน์เช่นกัน เจ้าของอกที่ถูกด่าและถูกกอดไม่รู้สึกเคืองหูเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะในคอ แล้วโอบร่างโปร่งเข้ามาชิดมากกว่าเดิม


คืนนี้...ที่ห้องนอนของปกฉัตร มีคนสองคนที่นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดของกันและกัน

……………………….

   ทว่า...คืนนี้กลับมีใครอีกคนที่ยังไม่เข้านอน


   เจฟฟรี่จ้องมองโทรศัพท์ของตนเองนานแล้ว ชื่อและเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอถูกเก็บอยู่ในนั้นมาหลายปี ช่วงหนึ่งเขาเคยติดต่อเบอร์นี้ทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็หยุดลง หยุด...เพราะเขาเลือกเอง


   ต่างคนต่างเติบโต ต่างคนต่างเข้ามหาวิทยาลัย คงจะได้พบเจอใครอีกมากมาย ความสัมพันธ์ที่ห่างไกล อย่างไรเสียวันหนึ่งก็ต้องจืดจาง


   ครั้งหนึ่งเขาคิดเช่นนั้น แต่...ผ่านไปหนึ่งปี ความรู้สึกที่อัดแน่นก็ยังไม่คลี่คลาย และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลับมาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้ง


   หนุ่มลูกครึ่งตัดสินใจกดโทร.ออกไปหาเบอร์นั้น ทว่าพอเขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูก็พบว่าเป็นสัญญาณอัตโนมัติ


   ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่เปิดใช้บริการ...’


   เป็นความผิดหวังจนต้องหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ เจฟฟรี่ไม่คิดมาก่อนว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เขายังเก็บเอาไว้ มาบัดนี้มันถูกปิดไปแล้ว คงเกลียดกันมาก คงไม่อยากเจอหน้ากันอีก คงไม่คิดถึงกันอีกแล้ว แต่...เขายังคงรัก ยังคงอยากเจอหน้า ยังคงคิดถึง


   วันนี้...ถึงได้กลับมา


   แม้จะถูกทำให้ผิดหวังจากเบอร์โทรศัพท์ที่ยังเก็บเอาไว้ แต่วันนี้เขาไม่ได้กลับมาเพื่อพ่ายแพ้ เขากลับมา...เพื่อขอโอกาสอีกสักครั้ง และนี่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ขอนิดนึง...เนื่องจากตอนที่แล้วมีตัวประกอบค่าตัวแพงคนหนึ่งมาออก พี่แกออกมาพูดไม่กี่ประโยค แต่ความขี้อิจฉาเอาใจคนอ่านไปกันหมด ฮ่าฮ่า รู้เลยนะคะว่ารักและเอ็นดูตัวประกอบคนนี้มากแค่ไหน

ส่วนตอนนี้ หวังว่าความจริงจังของเฮียเจ๋ง จะทำให้คนอ่านรักและเอ็นดูได้สักครึ่งนึงของที่มีให้กับพี่โจ๊ก ปกครองบ้างนะคะ (ขอความเห็นใจให้พระเอก ที่นิสัยพระเอก แต่ปากผู้ร้ายแบบเฮียด้วยค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสฯหน้า


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ปกพูดน้อยมาก ดีที่ดิษช่วยพูดให้เปิดทางไปบ้าง คนอ่านนี่ลุ้น
แต่เฮียเขาชัดเจนและน่ารัก ตอบไปตวาดไปขู่ไป พระเอกฉัน น้องปกเหลือตัวกะติ๊ด
ชอบเฮียเจ๋ง จริงจัง ขี้หึงมากด้วย
เดี๋ยวเจฟฟรี่ไรนี่ใคร ของปกแน่เลย ลุ้นอีก

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ gemgems

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ช็อตคว้ากันไปกอดนี่คือ ว้อยยยย ละลายมาก เขินมาก กอดกันซะไม่ให้อากาศผ่านไปเลยจ้าาา

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เขาคือครายยยย เจฟฟรี่่ อี้ อี้

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เจฟฟรี่นี่ใครรรร เพิ่งมาใช่มั้ย มาทำไม
ถ้าจะเข้ามาหาน้องปกล่ะก็...คงช้ำในตายแน่ เฮียเจ๋งขย้ำคอตายยยย

แต่ถ้าเป้าหมายคนละคนก็แล้วไป
อย่าได้มาแหยมน้องปกของเฮีย จำไว้!! << ทำไมต้องจริงจังเบอร์นี้!! 555

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
เจฟฟรี่กับใคร
จะมาขอโอกาสกับใคร เฮียเจ๋งหรือปก :a5:

ออฟไลน์ Faii0518

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบคุณคำปรึกษาดีๆของดิษที่ทำให้ปกกล้าพูดทุกอย่างที่รู้สึกออกไป
และก็ขอบคุณปกที่ช่วยพูดให้เฮียเข้าใจตัวตนของปกมากขึ้น
ขอบคุณความจริงจังและจริงใจของเฮียที่มีให้น้อง
..แต่ตอนนี้อยากรู้ว่าคนที่เจฟฟรี่กลับมาขอโอกาสอีกครั้งคือใครหว่า?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เขากอดกันแล้วววววว
 :กอด1:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ nnnnnnni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดิษเป็นเพื่อนที่ดีมากๆเลยอ่ะ  แต่ว่าเจฟฟรี่นี้ใคร :ruready

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ตอนนี้ก็ปรบมือให้ดิษรัวๆ
เฮียเจ๋งได้ทีกอดน้องนอนเลยแฮะ
 :-[

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
คืนนี้ไม่เหงาแล้วนะปก :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เขินฉากกอดกันบนเตียงมากกอะ
ไม่ได้ทำไรกันแท้ๆ ทำไมเขินขนาดนี้
อ่านไปยิ้มไปแก้มปริเลยค่ะ
เฮียเจ๋งเป็นผลเก้วกราดดที่น่ารักมากอะ
รู้ว่าน้องไม่กล้าพูดก้อดทนใจเย็นไม่ถาม
แต่สุดท้ายก้ต้องมาเค้นคอปกให้พูดจนได้
ปกต้องเจอแบบนี้แหละ เค้นให้พูดไม่งั้นก้เก็บเอาไว้เต็มไปหมด
แล้วเจฟฟรี่นี่คืออะไรร ใคร มาจากไหน จะมาหาใครร ดูไม่ได้มาดีเลยค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เจฟฟรี่กะดิษรึเปล่า????? น้ำตาไหลเอ็นดูน้องปก เด็กขี้เหงาเอ๋ย  :sleep2:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เค้ากอดกันแล้วค่ะแม่ เขินเวอร์รรรรรร

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ยกเจฟฟี่ให้น้องดิษเลยคับ ปล่อยให้ยอดชายนายเจตน์มีความสุขไปเถอะ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เจฟฟรี่คือใครอ่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สุขสมหวังกันเรียบร้อยไปแล้วนะน้องปกพี่เจ๋ง  :กอด1:

ออฟไลน์ italy18

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เดี๋ยว ๆ เจฟโทรหาปกแม่นก่อ??? งานนี้มองเห็นสงครามโลกย่อม ๆ อยู่ร่ำไร ๆ ซะแล้ว...เมื่อเจฟบอกว่าการกลับมาครั้งนี้...ไม่ได้มาเพื่อพ่ายแพ้   :jul1:

ออฟไลน์ 。Atlas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หืม เดี๋ยวนะ เจฟฟรี่คือเพื่อนในคณะปกคนนั้นที่ปกยืมเลคเชอร์
แล้วคืออะไรยังไงหว่า เคยมีเบื้องหลังอะไรกันมาก่อนเหรออ

พอตัดเข้าซีนเจฟฟรี่แล้วอารมณ์วูบจากฉากที่เค้ากอดกันเลยทีเดียว 555555
คู่นี้พัฒนาการเร็วมากกก โจ๊กจะอิจฉาก็ไม่แปลกเลยจริง ๆ โถลูกกก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มันฮาตรง ถ้ากูตายมึงหาผัวใหม่ได้เลย นี่แหล่ะ
จะหาใหม่ได้ไง เฮียยังไม่ได้เป็นผัวเลย 5555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เขินๆจากฉากบนเตียง แล้วเรื่องเจฟฟรี่นี้คืออะไร

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนเฮียเจ๋งหันมากอดนี่แบบว่าาาา   :hao5: :hao5:
เกิดมาไม่เคยอยากเป็นปกเท่านี้เล้ย !!
ละเจฟฟรี่นั่นมันอะไรรรร อยากเตือว่าระวังตัวไว้
ถ้าจะมาจีบปก เฮียไม่ยอมแน่นอน  :z6: :z6:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ้อ ก็โรแมนติกตามสไตล์พี่เจ๋งอะเนอะ 55555555555

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ฮูอิสเจฟฟี่?

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อุ้ย คืบหน้านะเนี่ยนอนกอดกันด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด