...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 457036 ครั้ง)

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
นี่ขนาดพี่เจ๋งยังไม่รู้ตัวนะเนี่ย ถ้ารู้ตัวไม่หลงน้องหัวปักหัวปำหรอ?

อ้ออออ มันอยู่ในสายเลือดของพี่น้องตระกูลนี้สินะ ฮาาาา

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ใจจะละลายติดพื้นนนน :mew3: :-[

ออฟไลน์ Cuddlemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดูปกนิ่งๆแต่น่าจะร้ายกว่าโจ๊กอีกนะเนี่ยยยย

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
งือ เราชอบน้องปกจังเลยอะะะ
ฮือ แผนน้องแยบยลมาก
ทำไมน้องน่ารักกกกก เชียร์น้องขาดใจ
อิพี่เจตน์นี่ก็ทำซึน แหม ไม่เจอเขาก็คิดถึง
เห็นเขากับเพื่อนก็หงุดหงิด
ทำมาเป็นบอกตัวเองว่าแค่อิจฉา
แหมมมมมมม มองจากฟ้ายังรู้เลยว่าชอบเขาน่ะ
5555555555

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตามมาจากโจ๊กกับโซ่

ปกแลดูเจ้าแผนการณ์

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
พี่เจ๋งคนซึน  :mew1:

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
น่ารักมากกกกก อ่านละหุบยิ้มไม่ได้เลย  :-[

เหมือนตัวละครมีชีวิต อินมาก ชอบบรรยากาศ ภาษา โฮ่ รู้สึกเจอเรื่องนี้เร็วเกินไป เพิ่ง4ตอนเอง จะขาดใจ

รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
รอรอรอ สนุกมาก  :mew1:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 5   


   เพราะดิษกรต้องมาติวหนังสือที่คอนโดของเจตน์ถึงสามวันในสัปดาห์นี้ ก็เลยกลายเป็นว่าปกฉัตรต้องติดตามมาทั้งสามวันเช่นเดียวกัน ตั้งแต่วันจันทร์ วันพุธ จนกระทั่งวันนี้...วันศุกร์


มุมติวหนังสือของดิษกรคือที่โต๊ะกินข้าว ส่วนมุมประจำในการรอของปกฉัตรคือโซฟาหน้าโทรทัศน์ ในขณะที่เจ้าของห้องอย่างเจตน์เดี๋ยวสอนมั่ง เดี๋ยวปล่อยให้อ่านเองมั่ง เดี๋ยวก็หายเข้าไปในครัวทำของกินง่ายๆออกมาให้ และเดี๋ยว...ก็มาวุ่นวายกับปกฉัตร


   “วันๆมึงเรียนอะไรบ้างวะ อะไรเนี่ย โทษประหารชีวิต?”


มือใหญ่วางจานแอปเปิ้ลที่ปอกแล้วลงบนโต๊ะกระจกเล็กหน้าโซฟา แล้วเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มหนาภาษาอังกฤษล้วนไปเปิดผ่านๆ จากนั้นก็โยนปุลงมาวางที่เดิม ทำเอาคนกำลังพิมพ์รายงานลงในโน้ตบุ้คเครื่องเล็กที่พกมาด้วยต้องเงยหน้ามอง


   “ประเด็นโทษประหารชีวิตเป็นประเด็นใหญ่ มีทั้งคนเห็นด้วย ทั้งไม่เห็นด้วย” เจตน์พยักหน้าเหมือนไม่สนใจเท่าไร แล้วกวาดตามองหนังสือเล่มหนาที่วางซ้อนๆกันข้างร่างโปร่ง


   “แล้วมึงต้องอ่านหนังสือหมดนั่นเพื่อทำรายงานเหรอ”


   “ครับ” ปกฉัตรตอบสั้นๆ แล้วหันกลับไปพิมพ์รายงานต่อ เจ้าของห้องเหลือบมองดวงหน้านิ่งเฉยที่ไม่ค่อยบอกอารมณ์ แล้วเหลือบตาไปมองรุ่นน้องอย่างดิษกร ที่ตอนนี้สลบเหมือดหน้าคว่ำคาหนังสือไปแล้ว สองคนนี้ไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้ คนหนึ่งชอบแสดงความรู้สึกทางสีหน้า ส่วนอีกคน...นิ่ง ขรึม ไม่ถามก็ไม่พูด


   “แดกแอปเปิ้ลให้หมดล่ะ วางไว้นานๆมันจะดำ” เขาพูดลอยๆเหมือนไม่สนใจ แต่ทำเอาคนกำลังหันไปสนใจพิมพ์รายงานต่อต้องเงยหน้ามอง ดวงตา 2 คู่สบกันอีกหน นัยน์ตาสีอ่อนของปกฉัตรนั้นเต็มไปด้วยความงุนงงและสงสัย ในขณะที่นัยน์ตาสีเข้มของเจตน์เหมือนไม่รู้ไม่ชี้


   “แต่ถ้ามึงยังไม่หิวก็เอาไปแช่ตู้เย็น ไม่ใช่แดกแอปเปิ้ลอิ่ม ข้าวเย็นไม่แดก กูจะจับกรอกปากให้”


แล้วเจ้าของคอนโดหรูก็ทำเสียงเข้มขู่อีกหน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าครัว ร่างโปร่งมองตาม แล้วเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว...เขามาที่นี่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำไมจะไม่รู้ว่าเวลาใกล้หกโมงแบบนี้ เจตน์จะต้องเข้าครัวทำอาหารเลี้ยงคนที่มาสถิตอยู่ในคอนโดนี้


   ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบกลับไปมองรายงานที่ยังพิมพ์ค้างอยู่ในโน้ตบุ้ค ก่อนจะตัดสินใจเซฟงาน ปิดหน้าจอลง แล้วลุกขึ้นหยิบจานแอปเปิ้ลเดินเข้าไปในห้องครัว


   “ผมยังไม่กินแอปเปิ้ลได้มั้ย จะได้ช่วยพี่ทำกับข้าว” เสียงของร่างโปร่งดังขึ้นในนั้น แล้วกิจวัตรแบบเดิมๆตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


   เจตน์ทำอาหารเย็น โดยมีปกฉัตรเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ


   ดิษกรเงยหน้าจากหนังสือ มองเข้าไปในครัว เพราะครัวของคอนโดนี้เป็นครัวแบบเปิด ไม่ต้องแอบมองก็เห็นคาตาว่าปกฉัตรกำลังหั่นผักเตรียมวัตถุดิบ ส่วนเจตน์กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา


หนุ่มบัญชีปีหนึ่งลุกอย่างช้าๆ แล้วย่อตัวตัวคลานเข้าไปใกล้ประตูห้องครัวให้มากที่สุด


... ขอฟังหน่อยสิ รุ่นพี่ที่เคารพกับเพื่อนที่รัก เวลาคุยกันเขาคุยกันยังไง...
……………………

   ในขณะที่นอกห้องครัวเป็นการแอบฟังอย่างเงียบเชียบ ภายในครัวเองก็เป็นการทำอาหารอย่างเงียบๆเหมือนกัน...แต่...ก็เงียบได้ไม่นานเท่าไร


   “กูจะทำหมูกระเทียมพริกไทย แต่ถ้ามึงจะสับกระเทียมแหลกขนาดนั้น มึงไปเอาครกมาเลยไป เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนเมนูเป็นตำน้ำพริกแทน” เจ้าของครัวหันไปบ่น


   “แต่ถ้าไม่หั่นเล็กๆ ดิษก็กินไม่ได้”


   “ก็ลองมันไม่แดกของที่กูทำสิ!!” เจอเข้าแบบนี้ ปกฉัตรก็พูดต่อไม่ออก ต้องยอมหั่นกระเทียมออกเป็นชิ้นใหญ่ขึ้นมาหน่อย


   “มึงเองก็ด้วย ถึงบ้านกูจะรวย กูก็ไม่ชอบให้ใครมากินทิ้งกินขว้าง!” พอเลิกบ่นเรื่องกระเทียม เจตน์ก็หันมาบ่นเรื่องการกินทิ้งกินขว้างแทน ประเด็นนี้ปกฉัตรโดนบ่นมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่มาฝากท้องไว้ที่นี่ เพราะเจ้าของห้องตักข้าวให้เขามากเกินกว่าที่จะทานหมด


   “ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่ามันเยอะเกินไป”


เนื่องจากเจตน์เป็นเจ้าบ้าน เจ้าตัวเลยถือว่ามีสิทธิ์ขาดในการตักข้าวให้ทุกคน แถมยังตักแบ่งทุกจานอย่างเท่าๆกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าจานของปกฉัตรเท่ากับจานของเจตน์และดิษกร คนผอมกะหร่องที่กินข้าวไม่เยอะขอให้ตักส่วนที่เขาทานไม่หมดออกตั้งแต่แรก แต่คนตักไม่ยอม สุดท้ายต้องให้ดิษกรช่วยทาน ซึ่งรายนั้นยอมช่วยแบบที่พอเอาคำสุดท้ายเข้าปาก ก็เกือบตาเหลือกเพราะความอิ่ม แต่เจตน์ยังพูดหน้าตาเฉยว่าถ้าเขากินน้อยแถมให้เพื่อนช่วยกินแบบนี้ ชาตินี้ก็ไม่มีวันโต


   “กูกับไอ้ดิษยังแดกหมด มันจะเยอะเกินไปได้ยังไง!” เป็นตรรกะที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปกฉัตรได้แต่ค่อนแคะในใจ


   “คนเราไม่ได้กินเท่ากันทุกคน” ฝ่ายกินน้อยพยายามแย้งอย่างใจเย็น


   “แต่มาบ้านกูก็ต้องแดกเท่ากู!” เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งเถียงไม่ออก ไม่เข้าใจตัวเองว่าไปหลงใหลได้ปลื้มคนอย่างเจตน์ได้ยังไง


   “เข้าใจที่กูพูดรึเปล่า?!” พอเขาเงียบ ก็ยังมาคะยั้นคะยอให้รับปากอีกต่างหาก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบไปมอง เพราะลองว่าพูดแบบไม่มองหน้า เดี๋ยวก็ได้ถูกแกล้งแรงๆแบบครั้งก่อนอีก


   “เข้าใจ แต่ผมกินเท่าพี่ไม่ได้หรอก”


เจตน์โยนมีดลงในอ่างล้างจานดังเคร้ง


   “มึงไม่มีคำว่าแต่สักเรื่องได้มั้ย?!”


   “เอาเป็นว่าผมจะพยายามทานให้มากขึ้นแล้วกัน”


   “งั้นมาตักข้าว!! กูจะดูซิว่ามึงจะพยายามได้เท่าไร”


แล้วจากนั้นเจตน์กับปกฉัตรก็ใช้เวลาอีกเกือบห้านาทีที่หน้าหม้อหุงข้าว คนหนึ่งบอกให้ตักข้าวเพิ่มจากเดิมอีกหนึ่งทัพพีพูนๆ อีกคนต่อรองเหลือ 1 ใน 4 ทัพพีที่เพิ่มขึ้นมา และสุดท้ายจบลงที่เจตน์แย่งทัพพีมาตักข้าวโปะลงไปในจานของปกฉัตรอีก 1 ทัพพีตามความต้องการของตนเอง


   “ผมทานไม่หมดแน่ๆ” ปกฉัตรมองปริมาณข้าวในจานแล้วถอนหายใจ เถียงมาตั้งนานเพื่ออะไร สุดท้ายเจตน์ก็บังคับตักข้าวเท่าที่ตัวเองอยากตักอยู่ดี


   “เออ! กูรู้ มึงแดกได้เท่าไรก็เท่านั้น! ที่เหลือกูแดกต่อเอง! แม่ง! เรื่องมากฉิบหาย! ข้าวก็ข้าวกู!” แล้วร่างสูงก็บ่นอีกชุดนึง ก่อนจะเดินไปหยิบกระทะมาผัดหมูกระเทียมเพื่อนำมาราดข้าว 3 จานที่ตักรอไว้แล้ว


   แล้วมื้อเย็นวันนั้น ข้าวจำนวนมากในจานของปกฉัตรก็หมดลง ไม่ใช่เพราะเขาขอให้ดิษกรช่วยในส่วนที่ทานไม่หมดเหมือนวันก่อน แต่คนที่เอื้อมช้อนมาตักไปคือเจ้าของคอนโดแห่งนี้เอง

...............................

   หลังจากมื้อเย็นอันได้แก่ข้าวราดหมูกระเทียมพริกไทและไข่ดาว ดิษกรก็นั่งติวหนังสือต่อ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปิดสมุดแล้วผลักออกไปไกลตัวด้วยความอ่อนล้า


   “โอย เฮีย พอก่อน ผมไม่ไหวแล้ว” เจตน์หันมองหนุ่มรุ่นน้องที่ผลักหนังสือออกห่างจากตัว


   “พอวันนี้ วันหน้ารีไทร์เอามั้ย” ไม่มีการให้กำลังใจใดๆ ขู่ล้วนๆลูกเดียว ดิษกรถึงกับอ้าปากหวอ


   “โฮ เฮีย ให้กำลังใจกันบ้างก็ได้นะ”


   “ให้เพื่ออะไร กำลังใจมึง มึงก็หาเอาเองสิ” คนเป็นรุ่นน้องทำหน้ายู่ ก่อนจะนึกถึงกำลังใจสุดที่รักหนึ่งเดียวที่พกมาด้วย


   “เออ ไอ้ปกล่ะ” เขามองไปที่โซฟาหน้าโทรทัศน์อันเป็นที่สิงสถิตของปกฉัตรในช่วงที่มาคอนโดของเจตน์ รายนั้นก็เงียบเหมือนกัน ดิษกรรีบลุกขึ้นเดินไปดู ถึงได้พบว่าปกฉัตรที่นั่งทำงานอยู่กับพื้นฟุบหลับลงกับโต๊ะกระจกเล็กหน้าโซฟาไปแล้ว


   “เพื่อนมึงหลับหรือตาย” เสียงของรุ่นพี่เจ้าของคอนโดดังขึ้นข้างหลัง ดิษกรหันไปมอง


   “ถ้าตายก็ตายเพราะข้าวหมูกระเทียมเฮียนั่นล่ะ เดี๋ยวผมปลุกมันกลับบ้านดีกว่า” หนุ่มรุ่นน้องกำลังจะก้มลงสะกิดเพื่อนสนิทให้ตื่นเพื่อชวนกลับบ้าน แต่เสียงของเจตน์ดังขึ้นก่อน


   “กูว่าคืนนี้มึงนอนที่นี่เถอะ” รุ่นน้องร่วมคณะหันมองอย่างงุนงงกับคำชวน


   “เพื่อนมึงสภาพนี้ มันจะขับกลับยังไง มึงเองก็ขับรถไม่แข็งไม่ใช่เหรอ”


   “อ่า...ก็จริง...” ดิษกรมองสภาพเพื่อนรักที่นั่งฟุบอยู่กับกองหนังสือจำนวนมากก็พอรู้ว่าปกฉัตรทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ตัวเขาเองก็ขับรถไม่แข็ง


   “แต่ว่า...จะรบกวนเฮีย...” เขาเอ่ยเบาๆอย่างเกรงใจเจ้าของห้อง


   “ถ้ารบกวน กูไม่ชวนหรอก กูมีฟูกอยู่ เดี๋ยวเอาออกมาให้ มึงก็ไปอาบน้ำซะ ผ้าเช็ดตัวอยู่บนชั้นหน้าอ่างล้างหน้า จะใช้ผืนไหนก็หยิบเอา กูจะเอาเสื้อผ้าให้ยืม” พอเจตน์ออกปากแบบนั้น ดิษกรที่ก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะยกมือไหว้


   “ขอบคุณเฮียมากครับ”


   “ขอบคุณเชี่ยอะไร กูให้ค้าง ไม่ได้ยกห้องให้เลย” คนขอบคุณถึงกับหัวเราะก๊าก


   “โฮ เฮีย นึกว่าจะป๋า”


   “ป๋าพ่อง! ไป ไปอาบน้ำ จะได้มาปลุกเพื่อนมึงไปอาบน้ำต่อ”  เจตน์สั่งแล้วชี้ไปทางห้องน้ำ รุ่นน้องตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นก็รีบตะเบ๊ะแล้วพุ่งตัวไปห้องน้ำอย่างว่องไว ทิ้งเขาเอาไว้กับคนที่นั่งฟุบหลับ ดวงตาเรียวมองใบหน้าด้านข้างของคนที่หลับอยู่กับโต๊ะ วูบหนึ่งเขาเหมือนดำดิ่งลงไปกับใบหน้านี้ แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์เมื่อครู่ก็ไหลกลับเข้ามาในสมอง


   ...กำลังใจของไอ้ดิษ...


   ...พวกมันเป็นแฟนกันจริงๆด้วย...


   ...เป็นแฟนกันจริงๆ...


   รู้สึกเหมือนคันยิบๆอีกแล้ว เจตน์ยกมือขึ้นถูอกตัวเองไปมาแล้วรีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น เขาเม้มปากราวกับจะอดกลั้นกับอะไรบางอย่างที่ทำให้หายใจไม่ออก ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าไปที่บันไดแล้วก้าวเร็วๆหายขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยังหลับอีกเลย

................................   

   “ไอ้ปก ไอ้ปก ตื่นมาอาบน้ำก่อนค่อยนอนต่อ” ดิษกรที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงเลของรุ่นพี่เจ้าของห้องสะกิดเพื่อนรักที่ยังหลับสนิทแรงๆ ปกฉัตรสะดุ้งลืมตาตื่นแล้วมองไปรอบตัวอย่างตื่นๆ


   “ดิษ...อ่า...เอ่อ...มึงติวเสร็จแล้วเหรอ”


   “อือ เที่ยงคืนแล้วมึง เฮียเจ๋งเลยให้นอนที่นี่ อ่ะ นี่เสื้อผ้า เฮียเอามาให้มึงยืม ผ้าเช็ดตัวอยู่ที่ชั้นตรงอ่างล้างหน้า หยิบใช้ได้เลย” ปกฉัตรขมวดคิ้วเล็กน้อย พอลดสายตามองก็ถึงได้พบว่าดิษกรเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มีผ้าขนหนูพาดอยู่ที่ไหล่


   “มึง...อาบน้ำแล้วเหรอ?”


   “เออสิ ไป มึงไปอาบน้ำ ได้มานอน” ดิษกรโบ้ยไปที่ฟูกนอนที่ถูกปูอยู่หน้าโทรทัศน์ มีหมอน ผ้าห่มเรียบร้อย ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง กว่าจะตั้งสติได้ก็เกือบนาที


   “น...นอนที่นี่?”


   “เออ! มึงนี่เพิ่งตื่นแล้วเบลอรึไง”


   “อ่า...จ...จะดีเหรอ...” แม้ใจจะเต้นตึ่กตักเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ค้างที่นี่ แต่ปกฉัตรก็รู้สึกเก้อๆอย่างบอกไม่ถูก


   “ดีสิวะ คืนนี้มันดึกมากแล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ นี่กูโทร.บอกอานิศแล้วด้วยว่ามึงจะค้างกับกูที่คอนโดเฮียเจ๋ง” เป็นอันปิดหนทางจะได้กลับบ้าน เพราะดิษกรพูดจบแล้วก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนฟูกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ปกฉัตรได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก


   ...ค้างที่นี่ วันนี้จะได้ค้างที่นี่...


   ร่างโปร่งลุกจากพื้นแล้วหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำทันที เพราะเกรงว่าขืนยังชักช้ากว่านี้อีกนิด จะถูกไล่ให้กลับบ้านไปทั้งๆที่กำลังดีใจแบบนี้

..................................

   ห้องน้ำของคอนโดหรูแห่งนี้มีสองห้อง ห้องหนึ่งอยู่ชั้นบนในห้องนอน ส่วนอีกห้องอยู่ชั้นล่างติดกับห้องทำงาน ปกฉัตรเคยใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องใช้ห้องน้ำพร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าของเจตน์


   ร่างโปร่งเปิดประตูออกจากห้องน้ำ กระจกบานสูงที่ติดอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามประตูทำให้มองเห็นเภาพเต็มตัวของเขา ปกฉัตรยืนนิ่ง เผลอมองเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเขานาน


เสื้อยืดและกางเกงเล บอกให้รู้ว่าเจ้าของตัวจริงทั้งตัวใหญ่ ไหล่กว้าง และอกหนา


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองภาพสะท้อน มือขาวลูบเสื้อเนื้อนิ่มอย่างแผ่วเบา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสขนาดนี้...มีโอกาสได้ใส่เสื้อของเจตน์


   ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยมาตลอด มาวันนี้มันมีรอยยิ้มที่ทำให้ริมฝีปากบางขยับแย้มจนเห็นฟันขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีแววเขินยามมองสบตัวเองในกระจกด้วยซ้ำ เขาก้มหน้าลง ยกคอเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสูดกลิ่นผงซักฟอกทีติดอยู่บนเสื้อ


   ...กลิ่นเสื้อของ ‘พี่เจ๋ง’...


   ภวังค์ที่มีแต่ใบหน้าของเจตน์ดึงดูดให้เขาเข้าไปอยู่ในโลกนั้น ทว่าเสียงประตูเปิดฉุดสติปกฉัตรกลับออกมา


   เขารีบดึงหน้าตัวเองออกจากเสื้อแล้วหันไปมองคนเปิดประตู เจตน์กำลังจ้องเขาอยู่


   “มึงทำไร” ปกฉัตรกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อยากบอกมากๆว่าเสื้อหอม เสื้อนิ่ม ใส่แล้วสบายทั้งใจทั้งกาย


   แต่...พูดความจริงคงถูกมองแปลกๆ


   “เอ่อ...รู้สึกว่าเสื้อพี่กลิ่นแปลกๆ” เจ้าของเสื้อขมวดคิ้วฉับ ก้าวเท้าไวๆเข้ามาหาแล้วคว้าชายเสื้อไปดม


   “เฮ้ย” คนที่สวมเสื้ออยู่ แต่จู่ๆก็ถูกดึงชายเสื้อเปิดขึ้นไปถึงหน้าอกร้อง ทำเอาเจตน์รีบปล่อยเสื้อออกจากมือ แต่สายตาก็ดันเห็นหน้าท้องแบนราบรำไรนั่น


   “ก...กลิ่นผงซักฟอก! ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน!” ตะกุกตะกักนิดหน่อย เพราะเมื่อกี้ที่ดึงเสื้อมาดมนั่นไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง พอได้ยินเสียงร้องนั่นแหละ ถึงได้รู้สึกตัว


   “เอ่อ...ครับ คงจะอย่างนั้น...”


   “มึงไปนอนได้แล้ว” คนถูกไล่ไปนอนยังไม่อยากนอน ยิ่งได้งีบหลับไปแล้วพักหนึ่งก่อนจะถูกปลุกมาอาบน้ำ ตอนนี้ยิ่งตาสว่างมาก


   “แล้วพี่...” ปกฉัตรถามด้วยความอยากรู้ เจ้าของคอนโดหรูขนาดสองชั้นเหลือบไปมองที่โต๊ะทำงานซึ่งมีหนังสือกองพะเนินอยู่ข้างๆโน้ตบุ้ค


   “อ่านหนังสือ แต่เดี๋ยวกูเอาขึ้นไปอ่านข้างบน ไม่กวนมึงหรอก” วินาทีนี้ ปกฉัตรชักจะไม่ชอบความหรูหราของคอนโดขนาดสองชั้นนี่แล้ว เพราะมันทำให้เขาถูกกันเอาไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนเจตน์ก็มีตัวเลือกที่จะขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบน


   ใบหน้าขาวของหนุ่มรุ่นน้องนิ่งไป เจตน์มองเห็นความเอาแต่ใจของริมฝีปากที่ถูกยกขบเล็กน้อย เขาอยากถาม แต่...พอคิดถึงใครอีกคนที่นอนอยู่ที่หน้าโทรทัศน์ก็ทำให้เขานึกถึงสถานะของคนตรงหน้าขึ้นมาได้


   ปกฉัตรกับดิษกรเป็นแฟนกัน


   เจตน์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เขาคิดอยากจะถาม อยากจะรู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรของคนตรงหน้าก็ตาม สถานะของดิษกรและปกฉัตรต้องโผล่ขึ้นมาเสมอ


   “มึงไปนอนซะ” เขาออกปากไล่แล้วหมุนตัวเดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน ทำเป็นไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีก ร่างสูงไม่เห็นแม้แต่น้อยว่าคนที่ยืนมองเขาอยู่นั้นกำลังทอดสายตาแบบใดมาให้


   แต่ต่อให้จะไม่รับรู้สายตา ปกฉัตรก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ตัวตนของเขาสักนิด


   “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้า”


   “อือ” เจตน์นิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับสั้นๆโดยไม่หันมอง


   “ขอบคุณที่ให้ใช้ห้องน้ำ”


   “อือ” ตอบอีกรอบ และไม่หันมองอีก



   “ฝ...ฝันดีนะครับ”



   “อือ” เขารับคำแล้วอึดใจต่อมาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะอ่านหนังสือไม่ได้จะนอน ทว่าพอหันกับไปมองเจ้าของคำอวยพรให้นอนหลับฝันดีก็พบเพียงความว่างเปล่าแล้ว


   ‘…ฝันดีนะครับ’ เสียงเมื่อครู่ดังซ้ำอยู่ในหัว เป็นอีกครั้งที่รู้สึกคันยุบยิบที่หน้าอกจนต้องเกา เจตน์คว้าหนังสือที่ตั้งจะอ่านคืนนี้เดินออกจากห้องทำงาน เดินเกาอกตัวเองออกตรงไปที่บันได แต่แล้วหางตาก็เห็นเจ้าของคำพูดเมื่อครู่นี้


   ดวงตาเรียวหันไปมองเต็มสองตา หนุ่มรุ่นน้องสองคนที่นอนออยู่ข้างกันทำเอามือที่กำลังเกาหยุดชะงัก เจตน์มองภาพนั้นนาน ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าก้าวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว


   ไม่ใช่แค่คันยุบยิบ...แต่มันเสียวแปลบจนไม่กล้านึกถึงภาพเมื่อครู่อีกเลย

.................................

   สัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบกลางภาค ไม่ว่านิสิตคณะไหนๆก็ตื่นตัว แต่ที่เห็นจะตื่นเป็นพิเศษก็คือปีหนึ่งที่เพิ่งจะได้สอบในระดับมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก


ที่คณะรัฐศาสตร์ บรรดารุ่นพี่หัวกะทิรวมตัวกันจัดโครงการพี่ติวน้อง ปกฉัตรเองก็ตั้งใจจะร่วมติวด้วยเช่นกัน แต่...ปัญหามันอยู่ที่ว่าการติวของรัฐศาสตร์จัดขึ้นในตอนเย็น เวลาเดียวกับที่ดิษกรต้องไปติวกับเจตน์


“กูเลิกทุ่มนึง เดี๋ยวไปหามึงที่คอนโดเฮียของมึงแล้วกัน” ปกฉัตรตัดสินใจ แต่เป็นการตัดสินใจที่ทำให้เพื่อนรักที่คบหากันมานานขมวดคิ้วมุ่น


“กูว่ามันลำบากมึงไปเปล่าวะ งั้นกูไม่เอารถไปดีกว่า มึงติวเสร็จจะได้กลับบ้านเลย ไม่ต้องไปหากูที่คอนโดเฮียเจ๋ง” ร่างโปร่งชะงักไปวูบหนึ่ง สอบก็ต้องสอบ แต่เขาก็อยากเห็นหน้าของเจตน์เช่นกัน


แต่...เรื่องอยากเห็นหน้าเจตน์ จะให้ดิษกรรู้ไม่ได้


“แต่มึงเลิกดึกไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับบ้านยังไง” หลังจากตั้งสติเป็นอย่างดี ปกฉัตรก็หันไปถาม


“ไม่เห็นยากเลย แท็กซี่ก็มี”


“แท็กซี่จะรับมึงเหรอ หน้ามึงเหมือนโจรนะดิษ”


“โห เชี่ยปก” ดิษกรอยากจะยกขาถีบเพื่อนรักสักที แต่เห็นแก่มาดดูดีอย่างกับคุณชายของมัน เขาก็เลยด่าแต่ปากพอ ปกฉัตรยิ้มจางแล้วใช้น้ำเสียงเรียบๆอย่างเป็นผู้ใหญ่ หมายจะให้ดิษกรคล้อยตามให้ได้


“มึงเอารถไปนั่นแหละ กูติวเสร็จจะตามไป แล้วจะขับรถกลับให้” สีหน้าคนฟังดูไม่เห็นด้วยเท่าไร ดิษกรเกรงใจ แต่ปกฉัตรไม่อยากให้เกรงใจเรื่องนี้เลย การที่เพื่อนรักไปติวหนังสือกับเจตน์ เป็นเรื่องดีสำหรับเขา แม้จะทำให้ต้องกลับบ้านดึกหน่อยก็เถอะ


“มึงคิดดูนะดิษ ถ้ามึงไม่เอารถไป ทั้งกูทั้งมึงก็ลำบาก กูเลิกทุ่มนึง กว่าจะกลับถึงบ้าน แถมต้องเดินเข้าซอยอีก มึงก็รู้ว่าซอยบ้านเรามันเงียบ ยิ่งดึกๆก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ส่วนมึงเอง เลิกติวก็ดึกแล้ว หาแท็กซี่กลับบ้านก็ไม่ใช่จะง่าย แล้ว...สังคมสมัยนี้ก็อันตราย ถึงมึงจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ แต่ถ้ามันหมาหมู่มาสักสามคน มึงก็ไม่รอด” คนมาดดูดีน่าเชื่อถือยกเหตุผลมาอ้าง


“เชี่ย! พูดไรเนี่ย! กูกลัว!” ผู้ชายตัวใหญ่ที่ชื่อดิษกรนั้นใจปลาซิวปลาสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ปกฉัตรยิ้มน้อยๆเหมือนจะปลอบใจ


“มึงเอารถไป แล้วกูตามไปหาที่คอนโดของเฮียมึงน่ะ ดีที่สุดแล้ว…เชื่อกูสิ” และไม่ว่าจะด้วยมนต์วิเศษข้อใด ในประโยคสุดท้ายว่า ‘เชื่อกูสิ’ ของปกฉัตร ก็ทำให้ดิษกรคล้อยตามยอมพยักหน้าอย่างง่ายดาย


“ก็ได้ งั้นมึงตามไปนะ เดี๋ยวกูบอกเฮียเจ๋งให้เอง”

............................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


เจ้าของคอนโดหรูไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจมากเท่าไรนัก เมื่อวันนี้มีรุ่นน้องเพียงคนเดียวมาที่คอนโดของเขา อันที่จริงก็มีแค่คนเดียวที่เขาติวให้ แต่อีกคน...อันนั้นกาฝากของแท้


...กาฝากก็จริง...แต่...ไม่เห็นหน้ามันแล้ว...เริ่มจะหงุดหงิดอีกแล้วว่ะ!...


“ไอ้ปกมันต้องติวที่คณะมันน่ะเฮีย เดี๋ยวมันตามมาเอง” ดิษกรอธิบาย


“คณะมันก็ดีนะเฮีย มีติวหนังสงหนังสือให้ด้วย” ดวงตาเรียวของหนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะตวัดฉับไปมองคนพูด


“แล้วคณะกูมันไม่ดีตรงไหน?!”


“อุ้ย! ดุทำไม ไม่ได้บอกสักคำว่าคณะเราไม่ดี แค่ชมคณะไอ้ปกเฉยๆ เฮียนี่หูหาเรื่อง” รุ่นน้องขี้ตกใจทำหน้าตางุนงงที่อยู่ๆเจตน์ก็ฉุนเฉียว พอถูกทักแบบนั้น ก็ดูเหมือนเจ้าของสถานที่จะรู้ตัว เขาสูดลมหายใจลึก ปรับน้ำเสียงใหม่ แต่ก็ยังฟังแล้วห้วนอยู่ดี


“แล้ว มัน…เอ่อ…เพื่อนมึงจะมายังไง ไหนมึงบอกว่าขาไม่ดี” ดิษกรเอียงคอเล็กน้อย


“ผมบอกเหรอว่าไอ้ปกขาไม่ดี”


“อ้าว! ไอ้เชี่ยดิษ! ก็มึงพูดเองตอนที่กูไล่ให้มันไปซื้อของ!!” รุ่นน้องปีหนึ่งหัวเราะแหะๆ


“ก็…ตอนนั้นเฮียเจ๋งใจร้ายกับไอ้ปกอ่ะ ผมก็กลัวเพื่อนผมเสียใจ อยากให้เฮียตามไป แต่ว่า…ถ้าบอกตรงๆเฮียไม่ตามแน่เลย จริงๆแล้วเฮียก็ห่วงไอ้ปกใช่มั้ยล่ะ แต่ทำไมชอบทำเป็นด่ามัน”


“กูจะด่ามึงด้วย! ไอ้เชี่ย! หลอกกู!!”


“ผมขอโทษ อ่า…แต่จริงๆไอ้ปกมันก็ข้อเท้าแพลงบ่อยนะ ตอน ม.ต้นมันเล่นบาส แล้วข้อเท้าพลิกบ่อยเกิน มันก็เลยเลิกเล่น แต่บางทีเดินๆอยู่ เจอฟุตบาธไม่ดี แม่งเท้าพลิกเฉยเลยก็มี”


“นั่นก็เพราะเพื่อนมึงเซ่อน่ะสิ!” เจตน์ด่าเข้าให้ แต่ดิษกรยังหัวเราะ


“มันเซ่อจริงๆนั่นแหละ แต่ชอบเก็ก ชอบมีฟอร์ม มันตัวคนเดียวนี่นะ ก็ต้องมีมาดให้ดูน่าเกรงขามนิดนึง”


“ตัวคนเดียว? หมายความว่าไง พ่อแม่มันล่ะ” ดิษกรทำตาโตหุบปากแล้วส่ายหน้า แน่นอนว่าเจตน์อยากรู้ แต่จะให้ไปเค้นคอคาดคั้นเพื่อที่จะได้รู้เรื่องของรุ่นน้องสักคนที่ไม่สนิทกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาจะทำ


“ไม่พูดก็ไม่พูด ไม่พูดก็มาติวได้แล้ว เปิดสมุดขึ้นมา” แล้วจากนั้น บทสนทนาในคอนโดของเจตนฺ์ก็ไม่มีเรื่องไหนเกี่ยวกับปกฉัตรอีกเลย แต่...น่าแปลกที่ในใจของเจ้าของห้อง กลับติดใจเรื่องของรุ่นน้องคนนั้นจนไม่มีที่ว่างให้เรื่องอื่นอีกแล้ว


...แน่นอน เจ้าของหัวใจไม่รู้ตัว...

.....................................

กว่าจะติวเสร็จ กว่าจะออกจากคณะ กว่าจะหารถแท็กซี่ได้ กว่าจะมาถึงคอนโดหรูใจกลางเมือง นาฬิกาบนข้อมือของปกฉัตรก็บอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว มือขาวข้างหนึ่งลูบท้องตัวเองเบาๆ เพราะนอกจากน้ำเปล่าที่พกเข้าไปดื่มในห้องช่วงที่ติวหนังสือ ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีก


...แต่...ไปเจอหน้าพี่ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่น...


เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปในตึก มือกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทที่อยู่ในห้องของเจตน์ 


“ฮัลโล ดิษ กูอยู่ที่ล็อบบี้ ลงมารับหน่อย”


ปลายสายรับคำแล้วก็ตัดสายไป ปกฉัตรยืนรออยู่อึดใจ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เดินเลี้ยวออกมาจากโถงลิฟต์ด้านใน


ดิษกรก็ตัวสูงใหญ่แบบนี้ แต่...คนนี้ตาเรียว โหนกแก้มสูง และผิวขาวเหลือง


...พี่...


ปกฉัตรไม่คิดว่าคนที่ลงมารับจะเป็นเจตน์ แม้จะตะลึง แต่เขาก็ยกมือไหว้เงียบๆ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร มองหน้าเขาแล้วก็หมุนตัวเดินไปที่โถงลิฟต์อย่างเก่า โดยมีร่างโปร่งเดินตาม


ระหว่างเจตน์และปกฉัตรมีแต่ความเงียบ ยืนข้างกันในลิฟต์อย่างเงียบๆ แต่หากเจตน์จะหันมามองคนข้างกายสักนิด ก็คงรู้ว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นคอยแต่จะเหล่มองอยู่เสมอ


...วันนี้ได้เจอกันแล้ว วันนี้ที่เหนื่อยมาก หิวมาก แต่พอได้เจอพี่ ก็เหมือนทุกอย่างมันเบาสบายไปหมด...


“แดกอะไรมารึยัง” แล้วจู่ๆ ก่อนที่ลิฟต์จะขึ้นไปถึงชั้นของเจตน์ เสียงทุ้มจากร่างสูงก็ดังขึ้น ปกฉัตรหันมองเต็มสองตาอย่างไม่เชื่อหู แต่คนพูดยังเอาแต่จ้องตัวเลขบนแผงลิฟต์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละชั้น


“เอ่อ ยัง...”


ประตูลิฟต์เปิดพอดี เจตน์ไม่พูดอะไรแต่เดินนำไปที่ห้องตัวเอง แม้จะไม่อยากคาดหวัง แต่ก็อดลุ้นไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเก็บอาหารเอาไว้เผื่อเขาสักจาน...แค่จานเดียวก็ยังดี


ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้อง เพียงเท่านั้นคนที่นั่งอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นอยู่ที่โต๊ะอาหารก็หันมามอง


“ปก!” ดิษกรร้องราวกับเพื่อนรักเป็นน้ำหยดเดียวท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง


“มึงไม่ต้องหาตัวช่วย ไอ้ดิษ” แต่เจตน์ก็เหมือนดวงอาทิตย์ที่แสนใจร้าย เผาผลาญน้ำหยดเดียวหยดนี้ให้หายวับไปในพริบตา เขาหันไปมองคนที่เดินตามเข้ามาในห้องแล้วชี้ไปที่ชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์ที่ปกฉัตรใช้เป็นประจำช่วงที่มารอดิษกรที่นี่


“ส่วนมึง ไปอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องมาอยู่กับไอ้ดิษ เดี๋ยวแม่งเสียสมาธิ”


นี่แหละถึงได้บอกว่าไม่อยากคาดหวังอะไร ปกฉัตรถอนหายใจเล็กน้อย มาถึงก็โดนด่าว่ามาเพื่อทำลายสมาธิดิษกร ส่วนที่เจตน์ถามเรื่องปากท้องในลิฟต์ ก็คงถาม...เพราะเห็นว่าเงียบล่ะมั้ง


ร่างโปร่งไม่ต่อล้อต่อเถียง วันนี้ทั้งเรียน ทั้งติวสอบ เหนื่อยจนแทบจะไม่อยากเดินด้วยซ้ำ พอถูกไล่ให้ไปสถิตที่ประจำ เขาก็ไม่หือไม่อือ ก้าวเท้าช้าๆไปที่โซฟา ก่อนจะพบว่าบนโต๊ะกระจกเล็กๆหน้าโซฟามีอาหารวางอยู่ ข้าวสวยถูกตักใส่จานมีพลาสติกห่ออย่างดี มีกับข้าวพวกผัดผักและของทอดวางอยู่รอบๆ แถมยังมีจานผลไม้วางอยู่ถัดไปอีก


ปกฉัตรหันกลับไปมองเจ้าของห้องที่ยืนคุมรุ่นน้องร่วมคณะอ่านหนังสือ ดูเหมือนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องแห่งคณะบัญชีจะรู้ตัวว่าถูกมอง เจตน์และดิษกรเลยพากันเงยหน้าขึ้น


“เอ่อ...นี่ของผมเหรอ” ร่างโปร่งถามแล้วชี้นิ้วไปที่อาหารบนโต๊ะกระจกเล็ก


“ใช่ๆ เฮียเจ๋งทำไว้เผื่อมึง” คนตอบคือดิษกร แน่นอนว่าเจตน์ถึงกับเหล่ตาลงไปมองคนที่ควรจะมีสมาธิอ่านหนังสือ แต่นับตั้งแต่เพื่อน...เอ่อ...แฟนของมันมาถึง มันก็แทบจะจดจ่อกับหนังสือไม่ได้อีกเลย


“ไม่ต้องเสือก ไอ้ดิษ อ่านหนังสือไป” ร่างสูงดุหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง และออกมาพร้อมกับกับข้าวอย่างที่สาม เป็นต้มจืดที่เพิ่งอุ่นไมโครเวฟเสร็จ เขาถือถ้วยต้มจืดไปวางบนโต๊ะกระจก ก่อนจะมองหน้าคนที่เหมือนจะตกตะลึงไปแล้ว


“แดกให้หมด” ปกฉัตรก้มลงมองกับข้าวสามอย่าง ข้าวสวยพูนจาน และผลไม้อีกหนึ่งจานเล็กๆ...ทั้งหมดตรงหน้านี้ ต่อให้หิวแค่ไหนก็ยัดลงท้องไม่ไหวแน่ๆ


“อ่า...ผมว่า มันเยอะไปมั้ย”


เจตน์แทบกรอกตามองเพดาน ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงไม่มีข้อแม้กับเขาสักครั้งไม่ได้!


“กูบอกว่าแดกให้หมด!”


เป็นน้ำใจล้นเหลือที่ปกฉัตรคาดไม่ถึง แต่สิ่งที่คาดถึงคือเจ้าของห้องที่ชื่อเจตน์ก็ยังเป็นคนเอาแต่ใจและชอบบังคับให้คนอื่นกินเยอะๆอยู่ดี!

.........................................

   ผ่านพ้นสัปดาห์แห่งการติวหนังสือที่คอนโดของเจตน์ เข้าสู่สัปดาห์ของการสอบกลางภาคของนิสิตทั้งมหาวิทยาลัย ปกฉัตรไม่ได้ไปที่คอนโดหรูใจกลางเมืองนั่นอีก รวมไปถึงไม่ได้เจอหน้าเพื่อนสนิทข้างบ้านด้วย แต่...ก็แค่ช่วงสอบเท่านั้น เพราะพอสอบเสร็จ เพื่อนรักร่างใหญ่ยักษ์เจ้าของรอยยิ้มกว้างเห็นฟันขาวครบทุกซี่ก็พุ่งตัวมาที่คณะรัฐศาสตร์ทันที


   “สวัสดีปกเพื่อนรัก กูรู้ว่ามึงสอบเสร็จแล้ว” ดิษกรยิ้มแฉ่ง ยืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนของเพื่อนสนิทตอนสี่โมงเป๊ะ ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ให้คนมาเยือนพูดก่อน


   “คือว่า...วันนี้มึงว่างมั้ย”


   “มึงจะให้ทำอะไร” ร่างโปร่งเอ่ยปากถาม แล้วก้าวเท้าช้าๆออกมาจากหน้าห้องเรียนที่เพิ่งเลิก มีดิษกรเดินขนาบข้างจนไหล่แทบเกยกัน


   ...ดูรู้เลยว่ามันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ...


   “คือ...กูสอบเสร็จแล้ว แล้ว...เฮียเจ๋งชวนไปกินข้าวที่คอนโด” เท้าที่กำลังก้าวช้าๆของปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังมีสติพอจะหยุดสองเท้าให้อยู่กับที่โดยไม่ล้มไปซะก่อน


   ...อันตราย อันตราย...ได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้นทีไรแล้วควบคุมร่างกายลำบากทุกทีเลย...


   “กินข้าว?” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองพร้อมการย้อนถาม ดิษกรพยักหน้ารัวๆ


   “ใช่ๆ เฮียจะเลี้ยงพิซซ่าอิตาเลียนแท้ มึงคิดดูนะเว้ย เทอเรซคอนโดเฮียมีสระว่ายน้ำวิวเมืองด้วยนะมึง! แล้วแดกพิซซ่าไป ชมวิวกรุงเทพฯไปด้วย โอ้โฮ...โอกาสนี้ ไม่รวยจริงทำไม่ได้!” เพื่อนรักขายฝันกันสุดฤทธิ์ แต่ปกฉัตรยังทำหน้าตาเฉยๆ


   “โฮ ปก...มึงช่วยทำหน้าตาอินไปกับกูหน่อยสิ! นะ...ไปกับกูเหอะ อานิศบอกว่าถ้ามึงไม่ไป กูก็ไม่ต้องไป คราวก่อนที่ค้างห้องเฮียเจ๋ง กูโดนดุว่าไปกวนเขามากเกินไป คราวนี้ห้ามค้าง ให้กลับมานอนบ้าน แล้วมึงคิดดูดิ แดกพิซซ่าก็ต้องมีเหล้าเป็นกับแกล้มเปล่าวะ แล้วถ้ากูเมา แล้วกูต้องขับรถกลับ เกิดอะไรขึ้นมาทำไง”


พูดมาเป็นฉาก แถมหน้าตาเล่นใหญ่เหมือนยกละครเวทีมาตั้งตรงหน้า ซึ่ง...แม้สีหน้าของปกฉัตรจะยังเฉยๆกับคำพูดของเพื่อน แต่ใจนี่สิ...ตีปีกไปถึงคอนโดของเจตน์แล้ว


   ก็...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะได้เจอกันวันนี้ก็ไปเจอกันที่คอนโดแถมด้วยพิซซ่าเป็นดินเนอร์อีกต่างหาก


   “ปก...ไปกับกูนะ ไปเหอะนะ” เห็นเพื่อนยังเงียบ ดิษกรก็ชวนอีกรอบ แถมแกว่งแขนขาวๆของเพื่อนรักไปมาเหมือนเด็กขอของเล่น


   “เออ ไปก็ได้” คำตอบที่รอคอย ดิษกรยิ้มแฉ่งกว่าเดิม ในขณะที่ปกฉัตรยิ้มน้อยๆเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่าการตามใจเพื่อนรัก ทั้งๆที่ในกอจริงๆแล้ว คือการตามใจตัวเองต่างหาก


   ...จะได้เจอ ‘พี่’ แล้ว...


...เป็นกิจกรรมหลังสอบที่เยี่ยมไปเลย...

………………………………

   วันนี้คอนโดของเจตน์แตกต่างจากช่วงติวหนังสือสอบอย่างเห็นได้ชัด เพราะเต็มไปด้วยเพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนสนิทกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ดิษกรรู้จักทุกคนและสนิทกับทุกคนตามประสาคนมนุษยสัมพันธ์ดี ตรงข้ามกับปกฉัตรที่แม้จะคุ้นหน้าค่าตา แต่จะให้เข้าไปนั่งหัวเราะเอิ้กอ้ากกลางวง เขาก็ทำไม่เป็น เลยพาตัวเองออกมานั่งเล่นโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยพิซซ่าในจานหนึ่งชิ้นอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วสอดส่องว่าเจ้าของคอนโดกำลังทำอะไรจะดีกว่า


   ...นู่น...พี่อยู่ในครัว อยากเข้าไปช่วยนะ แต่...แต่มันจะดูเสนอตัวเกินไปน่ะสิ...


   “ไม่ไปกินเหล้ากับไอ้ดิษเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอาปกฉัตรต้องหันมอง ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มสวยและดวงตาแพรวพราวยืนอยู่ใกล้ๆเขาโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิด


   “พี่ชื่อไท จำพี่ได้มั้ย เราเคยเจอกันบ่อยๆตอนเรียนมัธยมไง ปกมานั่งรอไอ้ดิษเตะบอลทุกเย็นเลย” ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่เคยคุยกันแต่ก็จำหน้าได้ เพราะหนึ่งในสมาชิกชมรมฟุตบอลประจำโรงเรียนมัธยม นอกจากเจตน์แล้ว รุ่นพี่คนนี้ก็ดังไม่แพ้กัน


   “จำพี่ไม่ได้แน่เลย งั้นพี่แนะนำตัวอีกที พี่ชื่อไทนะ อยู่เศรษฐศาสตร์” คนที่ออกตัวว่าชื่อไทพูดแล้วยิ้มอย่างมีมนุษยสัมพันธ์ ก่อนจะยิงคำถามต่อ


   “เราชื่อปกใช่มั้ย”


   “ครับ” คนที่เข้ามาชวนเขาไปร่วมวงกับคนอื่นๆในตอนแรกกลับเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆของเขาออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง แม้จะเป็นการกระทำที่ออกจะกะทันหัน แต่อีกฝ่ายก็เว้นระยะห่างจนไม่น่าอึดอัดนัก


   “ไอ้ดิษบอกว่าเรียนอยู่รัฐศาสตร์ ภาคอะไรนะ”


   “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ”


   “หืม...พี่เองก็เคยอยากเป็นทูต แล้วเรียนเป็นไงบ้าง เห็นว่าทำเปเปอร์หนักกว่าสอบใช่มั้ย” ธนทัตนั้นเชี่ยวชาญเรื่องจีบผู้หญิง ถึงแม้ปกฉัตรจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็อาศัยความสามารถพิเศษเรื่องนี้ทำให้ตัวเองชวนอีกฝ่ายคุยได้ไม่ยาก อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดจะจีบอะไรรุ่นน้องคนนี้หรอก แต่เห็นนั่งแกร่วอยู่คนเดียวมานาน ดิษกรก็ไม่ได้สนใจเพื่อนสักนิด เขาทนเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบๆทั้งๆที่คนอื่นๆกำลังโหวกเหวกโวยวายเสียงดังแล้วนึกสงสาร เลยมาหาเรื่องชวนคุยซะหน่อย


   “เห็นพวกรุ่นพี่ในคณะเขาว่าอย่างนั้น แต่ผมเพิ่งปีหนึ่ง เปเปอร์ไม่เยอะเท่าไร”


   “ปกเรียนอะไรบ้างล่ะ”


   “ก็...เรื่องที่เป็นประเด็นตอนนี้ อย่าง...เอ่อ...โทษประหารชีวิต...” ปกฉัตรรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาเป็นหัวข้อหลักในการพูดคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันเลย แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายกลับยิ้มแย้ม นัยน์ตาระยิบอย่างนึกสนุก


   “จริงน่ะ น่าสนุก มีวิชาไหนเป็นเลือกเสรีให้เด็กคณะอื่นไปลงเรียนได้มั้ย พี่ชักอยากเรียนแหะ”


   “จริงๆแล้วมันไม่สนุกหรอกครับ” ปกฉัตรตอบซื่อๆ อย่างที่ทำเอาธนทัตหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู เสียงหัวเราะของเขาเริ่มทำให้ปกฉัตรผ่อนคลาย ธนทัตเป็นผู้ฟังและผู้พูดที่ดี และมีมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะ จากตอนแรกที่ปกฉัตรต้องนั่งเงียบๆ เลยกลายเป็นว่าเขาเริ่มหัวเราะ


ทว่า...ความสุขไม่ยืนยาว เพราะจู่ๆ เสียงทุ้มๆและหาเรื่องก็ดังขึ้น


   “ไอ้ไท เด็กมึงโทร.มา” ธนทัตและปกฉัตรหันมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน เจตน์ยืนอยู่ที่ประตูครัวแต่มือชี้ไปที่โทรศัพท์ของเพื่อนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์ น่าแปลกที่เจตน์ซึ่งเพิ่งออกมาจากครัวกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่าย


   ชายหนุ่มร่างสูงจากคณะเศรษฐศาสตร์มองเพื่อนรักอย่างงุนงง แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินไปที่โทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาดู แต่ไม่เห็นมีสายเรียกเข้า จะอ้าปากถามเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งดื่มเหล้าเล่นไพ่โล้งเล้งกันอยู่ก็คิดว่าคงไม่มีใครสนใจจะได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาแน่ ธนทัตหันกลับไปจะถามเจตน์ แต่เจ้าของคอนโดกลับสั่งปกฉัตรเสียงดุ


   “มึงน่ะเข้ามาช่วยกูในครัว! นั่งเฉยๆอยู่ได้ น้ำใจน่ะมีมั้ย” แล้วปกฉัตรก็ถูกดึงเข้าครัวไปหน้าตาเฉย หนุ่มเศรษฐ
ศาสตร์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง


   ...อะไรวะ บอกกูว่าเด็กกูโทร.มา แล้วมันก็ลากน้องเข้าครัวเฉยเลย นี่มันฉกกันหน้าด้านๆเลยนะเว้ยเฮ้ย...

..................................

   ปกฉัตรไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยที่อยู่ดีๆก็มาขึ้นเสียงหาเรื่องเขาแบบนี้ เท่าที่จำได้ วันนี้เขายังไม่หาเรื่องอีกฝ่ายก่อนด้วยซ้ำ เห็นว่ามีเพื่อนของเจตน์มากันเยอะ ก็เลยไม่ต่อปากต่อคำด้วย อดใจแทบแย่ แต่กลายเป็นอยู่ดีๆเจตน์ก็เหมือนจะเอาอารมณ์มาลงกับเขา


เขาก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าไม่ได้เป็นทั้งเพื่อนสนิท เป็นทั้งรุ่นน้องร่วมคณะ หากจะชี้นิ้วมาที่ใครสักคนในคอนโดแห่งนี้ที่มีสถานะห่างเหินกับเจ้าของสถานที่ ก็คงเป็นเขา แต่หงุดหงิดอะไรมาแล้วมาลงที่เขาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน


   “ทำไม?! มองกูอย่างงั้นมีปัญหาอะไร” เจ้าของสายตาหาเรื่องหันมาถามเขา


   ...เนี่ย อยู่ดีๆก็มาทำตาขวางใส่ แล้วมาถามว่ามีปัญหาอะไร ไม่อยากบอกหรอกนะ ว่าปัญหาไม่มี แต่มีอย่างอื่นมาให้แทน จะเอามั้ย...


   “พี่ต่างหากที่มองผม”


   “นี่มึงหาว่ากูเป็นฝ่ายเสือกก่อนเหรอ?!”


   “ก็แล้วจริงมั้ยล่ะ”


   “อย่าหาเรื่องกู!” เจ้าของหน้าตาหล่อเหลาแต่ถมึงทึงชี้หน้าเขา ปกฉัตรถอนหายใจเบา ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเขาเลย คุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆด้วย


   “ผมไม่ได้จะหาเรื่อง...เฮ้ย! เจ็บ!” พูดไม่ทันจบขากรรไกรก็ถูกมือใหญ่เอื้อมมาบีบแรงๆจนต้องร้องออกมา


   “มึงคิดว่ากูอยากเสือกเรื่องของมึงนักเหรอ!! ช่วยแล้วยังไม่สำนึกอีก! อยากจะเป็นเมียไอ้ไทรึไง!!”


   “หะ?!” ร่างโปร่งกะพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ เจตน์ยอมปล่อยมือตัวเองออก แต่ก็ถือโอกาสผลักหน้าคนงงไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้


   ...ไอ้ห่าไทก็ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย! ไอ้นี่เป็นแฟนไอ้ดิษ! ยังจะเสือกไปยุ่งอีก!...


   “กูไม่ได้ห่วงมึงหรอกนะ!! แต่กูไม่อยากให้ไอ้ดิษเสียใจ!! มึงเองก็หัดดูคนให้เป็นบ้าง! ไม่ใช่ใครเข้ามาคุยด้วยแม่งก็คุยกับเขาไปหมด! เพื่อนกูน่ะมันเป็นคนดี! แต่คนดีก็เอาเป็น! เข้าใจรึเปล่า?!” ปกฉัตรยังงุนงงและนิ่งงัน แต่เมื่อถูกถามเขาก็พาซื่อพยักหน้า ทั้งๆที่เหมือนจะไม่เข้าใจนิดๆด้วยซ้ำ


   “แล้ว...แล้วเรื่องเพื่อนของพี่ มันเกี่ยวอะไรกับผม กับไอ้ดิษ?” เจตน์กรอกตามองเพดานแล้วถอนหายใจแรงๆ


   “ก็เพื่อนกูมันคุยหวังฟันน่ะสิ! แค่นี้มึงดูไม่ออกรึไง!! ไอ้ห่า!! ไอ้ดิษเอาอะไรให้แดก! ตาถั่วแถมโง่อย่างกับควาย!! มานี่!! มาช่วยกูทำ!!” ทั้งถูกด่า ทั้งถูกสั่งในเวลาเดียวกัน ปกฉัตรก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่ามันขัดใจคนขี้หงุดหงิดเช่นเคย


   “กูบอกให้มาช่วยกูไง! จะแดกมั้ย!”


   “ช่วย...ช่วยก็ได้ แต่...ไหนว่าจะกินพิซซ่า?” ปกฉัตรเดินตามไปยืนใกล้ๆ แต่ไม่วายตั้งคำถาม ดวงตาเรียวเหมือนตาเหยี่ยว ยิ่งเวลาอารมณ์ไม่ดียิ่งดุเป็นพิเศษตวัดมามอง


   “พิซซ่ามีแต่แป้ง กูจะแดกลงได้ไง มึงมาช่วยกูล้างผัก กูจะทำสลัด” ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไร เพราะตลอดสัปดาห์ติวหนังสือสอบที่ผ่านมา ที่ดิษกรและเขามาอ่านหนังสือที่นี่ อาหารทุกมื้อที่เจตน์ทำ มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และแป้ง ดูใส่ใจกับเรื่องอาหารไม่เหมาะกับคนปากร้ายโผงผางแบบนี้เลย


   “พี่ชอบทำอาหารเนอะ”


ในครัวเงียบๆ มีเพียงเสียงน้ำจากอ่างล้างจานที่ปกฉัตรใช้ล้างผัก และเสียงตีน้ำสลัดในมือของเจตน์


   ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมองคนพูดที่เอาแต่ก้มหน้าล้างผักไปเรื่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในครัว แต่อยู่ดีๆก็ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนี้


   ...กี่ครั้งแล้ววะ กี่ครั้งแล้วที่มันยืนอยู่ข้างกันแบบนี้...


   ...ถ้าวันหนึ่ง...กูชินที่จะเห็นมึงอยู่ในห้องครัวของกูขึ้นมา จะทำยังไง...


   “มึงออก...” อ้าปากจะไล่ให้ปกฉัตรออกไปจากห้องครัวนี้ ออกไปจากความคุ้นเคยนี้ แต่เจตน์ก็นึกขึ้นได้ว่าที่เขาลากอีกฝ่ายเข้ามาก็เพื่อให้พ้นจากธนทัตเพื่อนของเขา


   “ออก?...ออกไปไหน ให้ผมไปเอาอะไรเหรอ” ปกฉัตรหันมาถาม ดวงตาสีน้ำตาลจางๆนั่นไม่มีพิษมีภัย แถมดูเต็มใจจะช่วยทำทุกอย่างตามที่เจตน์ขออีกต่างหาก


   ร่างสูงกลืนน้ำลายเอื๊อก


   “ไม่ต้องออก เอ่อ...กู...กูเพิ่งนึกออกว่า...ว่ากูเอาของเข้าครัวมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรอยู่ข้างนอก” เขาอ้อมแอ้มตอบ ก้มหน้าก้มตาตีน้ำสลัดเพื่อไม่ให้สนใจคนที่ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในความคุ้นเคยของเขาอีก


   ...จะให้มันมาอยู่ใกล้ๆไม่ได้ มันเป็นแฟนไอ้ดิษ...


   ... ‘ไอ้ปก’ มีแฟนแล้ว...


   เจตน์พยายามตั้งสมาธิอยู่กับชามน้ำสลัด เขาตีจนมันเข้ากันดีแล้วก็หยิบช้อนเล็กมาชิม ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนที่ถูกเขาลากมาช่วยลากผักซึ่งดูเหมือนจะล้างเสร็จนานแล้ว เพราะมันกำลังยืนมองเขาอยู่


   ...แล้ว...แล้วมอง...มองด้วยสายตาที่...ที่...มีประกายแปลกๆด้วยนะ!...


   “ม...มึงจะชิมรึเปล่า” เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เจตน์ก็เลยเสนอให้อีกฝ่ายลองชิมน้ำสลัดฝีมือเขา ปกฉัตรพยักหน้ารับ ขยับตัวเข้ามาใกล้แต่เจตน์ไม่ยอมหันมอง เขาใช้ช้อนจ้วงน้ำสลัดขึ้นมาส่งให้ คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะใช้มือรับไปชิม แต่...ไม่ใช่


   ปกฉัตรเอื้อมมือมาจับมือของเขา แล้วก้มลงหาช้อนนั้น ก่อนจะอ้าปากชิมน้ำสลัดบนช้อนในมือใหญ่ เจตน์ที่กลายร่างเป็นคนป้อนโดยไม่รู้ตัวกลืนน้ำลายอีกเอื๊อก ตาเหลือกอย่างคิดไม่ถึง แต่ดูเหมือนคนที่เข้ามาชิมน้ำสลัดจะไม่รู้ตัวสักนิดว่าทำอะไรให้เขาตกตะลึงไปแล้ว


   ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่นน้องช้อนตามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีประกายบางอย่างที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่รู้สึกเหมือนหัวใจสั่น!


   “ผมว่า...มันยังไม่เปรี้ยวนะ” ทว่าประโยคแรกหลังจากชิมน้ำสลัดคือการติชม เจตน์ชะงักไปเล็กน้อยก้มลงมองน้ำสลัดในชามแล้วใช้ช้อนคันเดิมตักน้ำสลัดขึ้นมาชิมอีกที แล้วก็พบว่าลิ้นของปกฉัตรกับเขาให้คำตอบเดียวกันจริง เขาหันไปหยิบมะนาวมาบีบเพิ่มแล้วตีอีกครั้งก่อนจะใช้ช้อนเดิมตักให้ปกฉัตรอีกหน


   แน่นอน...วิธีการชิมของปกฉัตรยังเป็นแบบเดิม แบบที่ทำให้เจตน์ใจสั่นนั่นแหละ!


   แต่คราวนี้พอชิมแล้ว เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เป็นสัญญาณว่ารสชาติน้ำสลัดพอดี คนทำเลยลองตักเข้าปากอีกที ก่อนจะหันมายิ้มตอบให้คนข้างกาย


   ชั่วอึดใจที่ต่างคนต่างเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยิ้มให้กัน ก็เป็นฝ่ายเจตน์ที่หลบสายตาไปก่อน ในขณะที่ปกฉัตรอมยิ้มน้อยๆแล้วเดินกลับไปที่ชามผักสลัดเหมือนเดิม


   พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ถึงอย่างนั้น...ในครัวของเจตน์วันนี้ก็สร้างความทรงจำให้พวกเขาเก็บเอาไว้คนละหนึ่งอย่าง


   ความทรงจำ…ที่พวกเขายิ้มให้กัน

............................

   ในขณะที่ในครัวเป็นการทำงานของเจ้าของคอนโดและแขกที่ไม่รู้ว่าถูกเชิญมารึเปล่าอย่างปกฉัตร ที่วงเหล้าก็เกิด ‘ท็อปปิค’ ใหม่ที่คนเริ่มพูดก่อนคือธนทัต


   “กูว่าไอ้เจ๋งมันแปลกๆว่ะ” หลังจากโดนซิวปกฉัตรไปอย่างหน้าตาเฉย หนุ่มเศรษฐศาสตร์ปีสองก็อดปากไม่ไหวต้องปรึกษาผองเพื่อนร่วมก๊วน แน่นอนว่ามีหนึ่งรุ่นน้องอย่างดิษกรเสนอหน้าเข้ามาร่วมแจมด้วย


   “แปลกยังไง เฮียไท”


   “ก็แปลกกับเพื่อนมึงน่ะสิ เมื่อกี้กูคุยกับปกอยู่ดีๆ ไอ้เจ๋งมาบอกว่าเด็กกูโทร.มา เสร็จแล้วแม่งก็ลากปกเข้าครัวไปเฉยเลย”


   “ก็ฟังดูไอ้เจ๋งเป็นคนดีมีน้ำใจอยู่นะ โทรศัพท์มึง แต่มันก็ยังหูตาไวเห็นว่ามีคนโทร.มาแล้วเอามาบอก” การุนหนุ่มแว่นหันมาตอบ แต่ธนทัตเบ้ปาก


   “น้ำใจพ่อง! มือถือกูเงียบเป็นป่าช้า! ไม่มีใครโทร.มาสักคน!”


   “อ้าว แล้วมันบอกแบบนั้นทำไม”


   “นี่ไง! กูถึงได้บอกว่าไอ้เจ๋งมันแปลก” ดิษกรรับฟังอย่างเงียบๆ สมองประมวลผลความประหลาดของรุ่นพี่คนสนิทแล้วก็พลอยคิดไปถึงเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย


   ...ถ้าจะบอกว่าเฮียเจ๋งแปลก ไอ้ปกก็แปลกเหมือนกัน...


   ...แต่แปลกยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแปลก...


   “ไอ้ดิษ เป็นไรวะ หรือมึงรู้อะไรเพิ่ม เอามาแชร์ซิ” รุ่นพี่คนอื่นๆปลุกสติให้ดิษกรหลุดออกมาจากภวังค์ เขาทำเป็นยิ้มเผล่แล้วเกาศีรษะเก้อๆ


   “ไม่รู้อะไรเลยเฮีย เดี๋ยวผมถามเฮียเจ๋งให้แล้วกันนะ”


   “มึงถามไอ้เจ๋ง พวกกูก็โดนมันด่าน่ะสิ!!!” แล้วหลังจากนั้น เหล่าพี่ๆในวงเหล้าก็ต้องช่วยปรับทัศนคติรุ่นน้องที่รักให้สงบปากสงบคำ เพราะขืนดิษกรเอาเรื่องที่พวกเขาตั้งข้อสังเกตไปถามกับเจตน์ตรงๆ มีหวังทุกคนจะได้ทักทายฟาร์มสุนัขนับร้อยในปากเพื่อนสนิทเป็นแน่แท้!

ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)

ไงล่ะ เฮียเจ๋งโดนเพื่อนจับได้แล้วเห็นมั้ยยยยยย

ส่วนปกก็อ่อยมากกกกก อ่อยเรี่ยราด อ่อยแบบตั้งใจสุด สงสารเฮียเจ๋งเขานะคะ โดนศึกรอบด้าน ไหนจะสถานะแฟนของปกกับดิษ ไหนจะโดนปกอ่อยอีก เหมือนโดนแอทแท็ครัวๆ ฮ่าฮ่า

สัปดาห์นี้มาไว เพราะพรุ่งนี้บัวไปเที่ยว กลับมาอีกทีพุธกลางคืน เพราะงั้นอาทิตย์หน้าจะมาลงวันพฤหัสเหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

เจอกันพฤหัสนู้นค่ะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เฮียเจ๋งมโนเก่งกว่าผู้หญิงอีกบอกเลย

ออฟไลน์ Khanomni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เค้ายิ้มให้กันด้วยแหละะ><  กรี๊ดดดดดดด ปกอ่อยจริงๆ555555 อยากให้เฮียเจตน์รู้ใจตัวเองเร็วๆๆ
ขอบคุณพี่บัวสำหรับนิยายดีดีนะคะ สู้ๆ^^

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 822
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
นี่เจ๋ง มโนแจ่มรึเปล่าคะ อะไรมันจะคิดเองเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น 555555555555 แล้วคือปกคือวางมาดเยอะเว่อ ดิษกรก็ยังไม่รู้ 55555555555555

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เฮียเจ๋งคนซื่อ โดนปกปั่นซ้ายปั่นขวาเข้าให้แล้ว
ฉงฉานนนน 5555

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
โอยยยย ชอบโมเม้นท์ครัว
น้ำสลัดแอทแทคไปอีกกกก

ความใช้ช้อนเดียวกันนี้...ไม่สนิทใจจริงไม่มีใครทำนาจา
อย่าว่าแต่นุ้งปกอ่อยเบย เฮียเองก็เปิดพื้นที่เช่นกัน แหมมมม ^^
คือเราต้องรู้สึกเองว่าจะทำแบบนี้กับคนนี้ ทำโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอ่ะ มันดีย์~~~

เอาใจช่วยให้เฮียเจ๋งรู้ตัวรู้ความเพื่อนสนิทแท้ๆ ของดิษกับนุ้งปกเร็วๆ อยากเห็นความขี้หวงทวีคูณ 555

ออฟไลน์ chnokky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมสัมผัสได้ถึงความกากในตัวเฮียเจ๋ง เจริญรอยตามโอจ๊กใช่มั้ยเนี้ย 555555555 น้องปกของเราก็อ้อยเรี่ยราดมาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

“แท็กซี่จะรับมึงเหรอ หน้ามึงเหมือนโจรนะดิษ" เราฮาตอนนี้มากค่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เฮียเจ๋งจะเป็​น​ไบโพลาแล้ววว :hao7:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เฮียเจ๋งใกล้เป็นไบโพล่าร์ตามเฮียโจ๊กแระ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
น่ารักอ้ะ ด่าเค้า พูดจาหมาๆ ใส่กลบเกลื่อนไปวันๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม มีหวงเพื่อนตัวเองด้วยนะเฮียเจ๋ง
ไงละ โดนมือพิฆาตของปกมาจับ
ใจสั่นไปเลยดิ  :z2:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อยากชิมน้ำสลัดผักดูบ้างจัง คงจะหวานน่าดู :hao7:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ว้ายยยยย โดนเพื่อนจับได้แล้ว

ขนาดเพื่อนเขายังรู้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนกัน ตัวเองไปเอาความมั่นใจแบบไม่ถามใครนั่นมาจากไหนเนี่ย?
คันยุบยิบต่อไปเถอะ...ฮาาาา

และน้องปก อ้อยแรงมากลูก แต่พี่เขาก็ยังมึนต่อไปอ่ะเนอะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่าเฮียเจ๋งน่ารัก ถึงจะอารมณ์แปรปรวนไปหน่อย แต่ถ้ารู้ใจตัวเองเมื่อไหร่ คงคลั่งรักน้องปกมากมายแน่ๆ  :m13: :m13: :m13:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นี่ไม่รู้จะสงสารหรือขำเฮียเจ๋งก่อนดี คือเฮียควรไปเรียนรู้เรื่องความเจ้าเล่ห์แสนกลจากอิพี่โจ๊กมันบ้างนะคะไม่งั้นเฮียก็โดนน้องปกปั่นหัวอยู่แบบนี้นี่แหละ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยเขินเด้อออ
น้ำสลัดมันจะเปรี้ยวได้ไง
ก็สองคนเขาหวานกันขนาดนี้
อร๊อยยยยย

 :hao6:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เฮียเจ๋งก็น่ารักนะเนี่ย ได้ฟีลสาวน้อยแก้มแดง 55555

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เฮียเจ๋งน่ารัก

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
กว่าจะได้รักกัน เฮียเจ๋งน่าจะเป็นไบโพล่าร์ก่อน ขึ้นๆ ลงๆ สุด หลงน้องไม่ได้รู้ตัวเลย หึงด้วยไรด้วย สงสารเขานะคะ
ส่วนคนน้องภายใต้สีหน้าเรียบๆ นั้น ก็ร้ายนัก แต่พี่เขาใจดีเนอะ ทำกับข้าวไว้เผื่อด้วย ดูแลดีอ่ะ น้องถึงรัก
เมื่อไรเฮียแกจะรู้ว่าเขาไม่ได้แฟนกัน ตอนชวนปกเข้าครัวโคตรตีมึน โกหกเพื่อนยังกล้าอ่ะคนเรา

ขอบคุณค่ะ สนุกมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด