...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 462525 ครั้ง)

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆๆ o13

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แค่ถามก็จบแล้วเฮีย!!! จะอมพะนำอะไรนักหนา จะได้จีบๆสักที ว้อยยยยยยย :ling1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมเฮียเจ๋งไม่เจ๋งเหมือนชื่อเลยอ่ะ ถามไปเลยว่าเป็นแฟนกันรึป่าว นี่ก็มัวแต่คิดไปเองจนจะจบเอกมโนศาสตร์แล้วเนี่ยเฮีย สงสารปกด้วยเนี่ย

ออฟไลน์ plearnly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อีเฮีย จะต้องเกรี้ยวกราดตลอดเลยหรอ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เกรี้ยวกราดจังพ่อคุณ :hao7:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
เขาเป็นเพื่อนกันค่ะเฮีย  :katai1:

ออฟไลน์ pandant

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮียไม่คิดเองเออเองค่ะเฮีย!!
ปกรับมือเฮียได้ดีอยู่แล้วเน่ะ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เป็นชู้ไม่รู้ตัวของปกไปซะงั้น5555555

ออฟไลน์ +pEnGuIn+

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่โจ๊กเป็นไบโพล่า พี่เจ๋งก็ดูจะเป็นคนย้อนแย้งนะคะ
ปากร้าย ด่าเค้าสารพัดแต่ก็ห่วงเค้า แถมยังจะเป็นชู้อีก
โอ๊ยยยย สงสาร..สงสารที่ไม่รู้อะไรเลยนี่แหละว่าเค้าแค่เพื่อนกัน
ถถถถถถถถถ รอตอนต่อไปนะ อยากให้เฮียเจ๋งรู้ตัวเองซักทีเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 7


ทั้งที่หัวใจเปรียบเปรยว่าการกระทำของตัวเองเหมือนคนเป็นชู้ แต่เจตน์ก็อดไม่ได้ ยิ่งพอได้รู้ว่าปกฉัตรอยู่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศกันหมด เขาก็ยิ่งเป็นห่วง ไหนจะเรื่องที่ดิษกรทิ้งๆขว้างๆอีก


   ...ก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านหรอกนะ ไม่อยากจะวุ่นวาย ไม่อยากจะทำตัวเหมือนเป็นชู้ใคร…


 แต่...อดเสือกไม่ได้จริงๆว่ะ!...


   หนุ่มปีหนึ่งร่างสูงโปร่งจากต่างคณะนั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะม้าหินตัวเดิมหน้าตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีอีกแล้ว และไม่รู้จะด้วยสวรรค์สรรสร้างความบังเอิญนี้ขึ้นมาหรือไม่ เจตน์ถึงได้ลงจากตึกเรียนมาเจอหน้ารุ่นน้องคนนี้…อีกแล้ว


   หนุ่มตี๋ตาเรียวแห่งคณะบัญชีหงุดหงิดงุ่นง่าน ที่เคยพูดเคยเตือนไป ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สำนึกเลยสักนิดเดียว!


   …ต้องให้กูมาตามจ้ำจี้จ้ำไชอยู่นั่นล่ะ!!...


   เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปสั่งสอนอีกสักหน แต่...ใครอีกคนกลับก้าวไปถึงโต๊ะของปกฉัตรไวกว่า


   ธนทัตเพื่อนรักจากคณะเศรษฐศาสตร์นั่นเอง


   เจตน์ขมวดคิ้วฉับ มองเพื่อนสนิทของตนเองยืนอยู่ข้างโต๊ะของปกฉัตร แถมคุยอะไรไม่รู้ ต่างคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอย่างดี


   ...เชี่ยไทแม่งจะตีท้ายครัวไอ้ดิษแล้วไง!!...


   ...เนี่ย! กูไม่ได้อยากจะเข้าไปเสือกจริงๆนะ! แต่...แต่สถานการณ์มันเรียกร้องกูมากๆ!!...


   “ไท!” เจตน์ก้าวเท้าอย่างเร็วตรงไปที่โต๊ะแล้วร้องเรียกชื่อเพื่อนสนิท ธนทัตหันมามองแล้วยิ้มให้ แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร หนุ่มบัญชีเจ้าของสถานที่ก็ชิงถามขึ้นมาทันที


   “มาทำอะไรที่นี่วะ?!”


   “กูเห็นปกนั่งอยู่ เลยแวะมาหา” ธนทัตตอบตรงเผงชนิดที่คนถามขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ตวัดสายตาไปทางรุ่นน้องเหมือนจะบอกว่า ‘กูบอกมึงแล้วใช่มั้ย?!! ว่านั่งตรงนี้มันล่อเสือล่อตะเข้!!’ แต่คนถูกมองก็ยังทำสีหน้าเฉยๆ ทำเอาคนกระแทกกระทั้นในใจต้องสูดลมหายใจเช้าลึกแล้วตั้งคำถามใหม่


   “แล้วไอ้ดิษไปไหน?!”


   “อยู่บนตึกครับ” ปกฉัตรตอบเรียบๆ สีหน้าเหมือนเดิม แม้ในใจจะดีใจที่อีกฝ่ายแวะมาชวนคุยด้วย...ด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าคุยด้วยก็เถอะ


   “บนตึกอีกแล้ว?! แล้วทำไมมึงไม่มาตอนมันลงจากตึกแล้ววะ?!!” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเจตน์เหมือนไล่แขกจากต่างคณะยังไงชอบกล


   “ก็...ผมเลิกเร็ว ก็เลยมาก่อน แล้ว...ดิษมันก็บอกว่ามันช้าหน่อย”

   “ช้าหน่อยเชี่ยอะไร?! นี่จะหกโมงอยู่แล้ว!!” ในขณะที่เจตน์โวยแหลก ธนทัตกลับแนะนำด้วยน้ำเสียงเป็นผู้เป็นคนแตกต่างจากเพื่อนสนิทอย่างเห็นได้ชัด


   “ปกโทร.หามันมั้ย พี่ว่าเลิกช้าก็ไม่น่าจะเลทขนาดนี้นะ”


   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้รีบอะไร รอได้” ปกฉัตรตอบแล้วยิ้มจางๆ คนฟังมีสองคน คนหนึ่งพยักหน้ารับอย่างตามใจ อีกคน...หน้าหงิกชนิดที่บอกบุญก็ไม่รับ


   “แล้วถ้าแม่งลงจากตึกสองทุ่ม มึงไม่ต้องรอมันสองทุ่มเลยรึไง!” คนหน้าหงิกสวนทันควัน


   “คงไม่ถึงสองทุ่มหรอก” ร่างโปร่งตอบ เจตน์อยากจะเถียงแต่เสียงของเพื่อนรักคณะเศรษฐศาสตร์ดังขึ้นเสียก่อน


   “ถ้าไอ้ดิษลงมาช้า งั้นปกไปหาไรกินกับพี่มั้ย พี่ว่าจะไปหาข้าวเย็นกินพอดีเลย” ธนทัตชวนโต้งๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอารมณ์ น้ำเสียงและสีหน้าของเจตน์เลยแม้แต่นิด


   ...จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง จะล้วงคอหมีอย่างไอ้เจ๋ง ยิ่งต้องนิ่งเข้าไปใหญ่...


   “ไม่ต้องไป!” เจตน์สวนขวับ


   “เฮ่ย มึงจะห้ามอะไรน้องมันวะ” ธนทัตแย้ง ปกฉัตรได้แต่มองหนุ่มรุ่นพี่สองคนด้วยความงุนงง ที่จู่ๆก็กลายมาเป็นเถียงกันเรื่องของเขาเสียแล้ว


   “มันมารอไอ้ดิษ! มึงจะมาลากมันไปไหนไม่ได้!” ฝ่ายหนึ่งหน้าตาถมึงทึง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่ขี้หงุดหงิดแถมชอบตะโกน


   ธนทัตทำเป็นแคะหู ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


   “มึงจะตะโกนทำไมวะ เจ๋ง อยู่กันแค่นี้” พอถูกทักเข้าหน่อย คนที่อยู่ดีๆก็โหวกเหวกอย่างไม่มีเหตุผลก็ชะงักไปนิด ก่อนจะทำมึน


   “ก...กูก็พูดปกติของกู! ไม่ได้ตะโกน!” เพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปีอยากจะบอกมากนักว่าเสียงระดับนี้ไม่ใช่ระดับปกติของผู้ชายที่ชื่อเจตน์เลย แต่...เห็นแก่เพื่อนหน้าด้านกล้าแถโต้งๆ ก็จะทำเป็นเชื่อๆไปก็แล้วกัน...


   “ไม่ตะโกนก็ไม่ตะโกน...” ว่าแล้วก็หันไปทางปกฉัตรแล้วยิ้มหวานเจี๊ยบให้หนุ่มรุ่นน้องอีกที


   “...ปกว่าไง ไปกินข้าวกับพี่มั้ย”


   “ก็กูบอกแล้วว่ามึงจะลากมันไปไหนไม่ได้!” คนถูกถามไม่ทันได้ตอบ เสียงตะโกนก็ดังสวนมาจากคนหน้าตาถมึงทึง ธนทัตปรายตามองเพื่อนสนิท


   “แล้วเกิดปกหิวล่ะ?”


   “หิวก็เรียกไอ้ดิษลงมา!”


   “ก็น้องมันบอกอยู่แหม่บๆว่าไม่เรียก รอได้”


   “รอได้ก็รอแม่งตรงนี้! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!!”


“อะไรของมึงวะ! กันท่ากูฉิบหายเลย! กลัวกูจะทำอะไรปกรึไง ดูด้วยนี่น้อง!” ธนทัตชี้ปกฉัตรให้เพื่อนรักดูเต็มสองตาว่าหนุ่มปีหนึ่งคนนี้มีสถานะเป็น ‘น้อง’ เจตน์ตวัดสายตาไปมอง ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งร่วมโต๊ะกับปกฉัตรราวกับจะบอกให้รู้ว่าถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ ธนทัตจะมาพาปกฉัตรไปไหนไม่ได้!


“ก็น้องกูเหมือนกัน!” ร่างโปร่งชะงักกึก เผลอใจหันมองคนพูดในวินาทีนั้นอย่างคาดไม่ถึง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นตะลึงค้างจับจ้องเจตน์เนิ่นนาน หัวใจอิ่มเอิบจนแทบคับอก


... ‘น้อง’...วันนี้ได้เป็นน้องของพี่แล้ว...


ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมองคนที่เขาออกปากว่าเป็น ‘น้องกู’ แล้วก็ชักจะรู้สึกคันยุบยิบที่อกจนต้องยกมือขึ้นเกา ยิ่งพอหันไปมองธนทัตเพื่อนสนิทที่กำลังจ้องมาที่เขา เจตน์ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนน้ำลายจะหายไปจากปากและคอของเขาทั้งหมด


“อ...เอ่อ...น้อง...น้องโรงเรียน...” เป็นการให้เหตุผลที่แถเอาสีข้างเข้าถูยิ่งกว่าอะไร แถมไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทที่รู้หัวรู้หางกันดีอีกต่างหาก


“แหม...มึงคงมีน้องโรงเรียนหลักหมื่นคนเลยล่ะ” ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะสอดรู้สอดเห็นความแปลกของเจตน์อย่างเงียบๆ แต่ธนทัตก็อดไม่ได้ที่หยอกเอิน เขามองทั้งเพื่อนสนิท ทั้งรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์แล้วก็เห็นความอิหลักอิเหลื่อของคำว่า ‘น้อง’ ระหว่างสองคนนี้


แต่...ถ้าจะเอาให้ชัด ก็ต้องเล่นใหญ่ขึ้นอีกหน่อย


“เอาล่ะ ในเมื่อไอ้เจ๋งไม่ให้ปกไปกินข้าวกับพี่ งั้นพี่ขอนั่งรอด้วยคนก็แล้วกันนะ” แล้วหนุ่มเศรษฐศาสตร์ปีสองก้าวเท้าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยเป็นคนที่สาม เขาหันไปพูดกับปกฉัตรแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมอย่างเจตน์


   “กูนั่งคณะมึงได้ใช่มั้ย เจ๋ง” เจ้าของสถานที่รู้สึกหมั่นไส้หูตาแพรวพราวของเพื่อนสนิทอย่างบอกไม่ถูก อุตส่าห์ขวางไม่ให้ไปกินข้าวด้วยกันได้แล้ว มันก็ยังสู้อุตส่าห์นั่งร่วมโต๊ะกับปกฉัตรจนได้!


   “จะนั่งตรงไหนก็เรื่องของมึง!” แต่ที่แน่ๆ เจตน์จะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น ถ้าหากดิษกรยังไม่ลงจากตึกมาพาปกฉัตรกลับบ้าน ดวงตาเรียวของหนุ่มปีสองคณะบัญชีเหลือบไปมองคนผิวขาวร่างโปร่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วก็นึกหงุดหงิด คันอกยิบๆอีกแล้ว


   ...ไอ้เชี่ยนี่ก็ไม่เคยรู้เรื่องห่าเหวอะไรเลย! ไอ้ไทจ้องจะงาบแม่งก็ยังบื้ออยู่ได้!...

…………………….

   ห้านาทีหลังจากนั้น ดิษกรถึงได้ลงจากตึกมาพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง แต่ไม่ทันจะได้ทักรุ่นพี่สองคนตามประสาคนมีมารยาท เจตน์ที่นั่งหน้าหงิกมาตั้งแต่แรกก็แสดงมารยาทก่อนใคร


   “ทำไมเพิ่งลงมา!! มึงช่วยยามปิดตึกรึไง!” คนนั่งรอมาตั้งแต่สี่โมงอย่างปกฉัตรยังไม่ออกตัวแรงขนาดนี้เลย เป็นอีกครั้งที่ธนทัตเช็กลิสต์อากัปกิริยาของเพื่อนรักในใจ


   “ก็...งานไม่เสร็จน่ะเฮีย”


   “งานอะไรของมึง” ดิษกรกะพริบตาปริบๆที่เห็นรุ่นพี่ร่วมคณะขึ้นเสียงขั้นสุด


   “ก็...งานคณะ...” ปากตอบเจตน์ แต่ตาเหลือบไปมองเพื่อนรักเหมือนจะเป็นคำถามว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมจู่ๆเจตน์ถึงหงุดหงิด ปกฉัตรยกไหล่อย่างไม่มีคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดแทรก


   “กลับเถอะ”


   แต่ดิษกรอุตส่าห์เรียกปกฉัตรมานั่งรอ แถมจับมือกับธนทัตให้เข้ามาแจม จะกลับทั้งๆแบบนี้ ก็เสียเปล่า


   “เดี๋ยวดิ...ไหนๆ เฮียไทกับเฮียเจ๋งก็อยู่นี่ สนใจไปกินข้าวบ้านผมกันมั้ย” ตาสามคู่มองมาที่ดิษกรเป็นตาเดียว


   ตาคู่แรกเป็นของปกฉัตรที่ดูจะสงสัยกับคำชวนของเขา


   ตาคู่ที่สองเป็นของธนทัตที่ดูจะเห็นดีเห็นงามด้วย


   และตาคู่สุดท้าย...ตาคู่นี้เอาเรื่องหน่อยเพราะถลึงใส่ด้วย


   แต่...ดิษกรทำเป็นไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่ร่วมคณะ เขายังยิ้มเห็นฟันเกือบครบทุกซี่


   “อาผมทำกับข้าวไว้เยอะเลย มีแต่ของอร่อยๆ ถ้ายังไงไปกินข้าวบ้านผมกันนะ อานิศบอกว่ามีของชอบมึงด้วยนะปก” ท้ายประโยค ดิษกรหันมาชักชวนเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านติดกัน ปกฉัตรพยักหน้ารับเพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และเขาก็แวะไปทานข้าวด้วยบ่อยๆ ส่วนรุ่นพี่อีกสองคน ถึงไม่เคยไปกินข้าวที่บ้านของดิษกรมาก่อน...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าคิดหนัก


   “น่าสน งั้นกูไปด้วย” ธนทัตเห็นชอบ คราวนี้ทุกคนเลยหันมามองชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่มีคำตอบ และดูเหมือนจะหน้าหงิกกว่าเดิม


   “มึงไปด้วยกันมั้ย” 


เจตน์เหลือบไปมองรุ่นน้องสองหน่อและธนทัตแล้วก็นึกเข่นเขี้ยวไอ้ปีหนึ่งจากรัฐศาสตร์นั่นยิ่งกว่าใคร ทั้งๆที่เขาเคยพูดแล้วว่าเพื่อนของเขาไม่ได้ชวนคุยเพราะหวังสนิทแบบผู้ชายสนิทกัน แต่...ไอ้หน้า A4 นั่นก็ดูเหมือนจะไม่สนใจคำเตือนของเขาเลย!


   ...ไอ้ไทก็อีกคน! ตีท้ายครัวกลางวันแสกๆต่อหน้ากูด้วยนะมึง!!...


   “เจ๋ง คิดนานไปมั้ย จะไปไม่ไป?” ธนทัตถามซ้ำ เจตน์พ่นลมหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิด คันอกยิบยับไปหมดที่เห็นปกฉัตรยังทำหน้าตาเฉยๆเหมือนไม่รู้เห็นว่าเพื่อนของเขาเสนอตัวขนาดนี้


   “ที่ห้องกูก็ไม่มีอะไรแดกเหมือนกัน!” คำตอบของหนุ่มตี๋ตาเรียวทำเอาเพื่อนสนิทเลิกคิ้ว


   “คำพูดของมึงหมายความว่า ที่ห้องไม่มีอะไรแดก และจะไปแดกที่บ้านไอ้ดิษด้วยกันใช่มั้ย” คราวนี้ดวงตาเรียวตวัดมามองธนทัตอย่างเอาเรื่อง คนถูกจ้องเลยต้องรีบยกสองมือปิดปากไม่พูดจาจี้ใจดำใดอีกๆ


   เจตน์ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร เขาลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะ แต่เดินไปได้ไม่ไกล เจ้าตัวก็หันกลับมาที่สมาชิกร่วมโต๊ะมื้อเย็นในวันนี้ที่ยังยืนกันอยู่ที่เดิม


   “เอ้า! แล้วพวกมึงจะยืนกันอยู่อย่างงั้นรึไง!! ไปขึ้นรถสิวะ!” คนหน้าหงิกสั่ง แต่พอจะก้าวเท้าเดินต่อ เสียงของเพื่อนสนิทจากคณะเศรษฐศาสตร์ก็ดังขึ้น


   “กูไม่รู้ทางไปบ้านไอ้ดิษ” 


ร่างสูงหันขวับกลับมามองแทบไม่ทัน คนรู้ทางมีสองคนคือเจ้าของบ้านอย่างดิษกร และคนบ้านติดกันอย่างปกฉัตร แต่...ถ้าดิษกรเอารถมา มันต้องส่งปกฉัตรไปนั่งเป็นเนวิเกเตอร์ในรถของธนทัตแน่นอน


   “งั้นปก มึงไปนั่งกับเฮียไท” ไม่ผิดไปจากที่เจตน์คาดการณ์เอาไว้เลย เพราะเจ้าของบ้านที่พวกเขาจะไปทานมื้อค่ำหันไปบอกปกฉัตร


   แต่ก่อนที่ปกฉัตรจะเดินไปหาธนทัต หนุ่มตาเรียวแห่งคณะบัญชีก็รีบร้องบอก...แบบหน้าหนาที่สุดแล้วของวันนี้


“กูก็ไปไม่เป็น!”


   “อ้าว...แต่เฮียเคยไปส่งไอ้ปกไม่ใช่เหรอ บ้านผมก็อยู่ติดกับบ้านไอ้ปกอ่ะ” ดิษกรย้อนถาม สองมือไขว้หลังตัวเองเอาไว้เพื่อจิกเล็บไม่ให้ยิ้มเพราะเดี๋ยวหมีตัวใหญ่อย่าง ‘เฮีย’ จะรู้ซะก่อนว่าเขาเริ่มรู้ทันอะไรเข้าให้แล้ว


   “กูลืมไปแล้ว!!” แต่หมีตัวนี้ก็ยังอาศัยความมึน พูดจาเสียงดังหน้าตาบึ้งตึง


   “เอาไงดี ผมก็เอารถมาซะด้วย” เจ้าของบ้านสำหรับมื้อเย็นในวันนี้เปรย ก่อนจะตัดสินใจในวินาทีต่อมา


   “งั้น...เฮียเจ๋งขับรถตามเฮียไทได้มั้ย”


   “แล้วไอ้นี่ล่ะ” เจตน์ชี้ขวับไปที่ปกฉัตรอย่างรวดเร็ว


   “ก็นั่งไปกับกูไง” ธนทัตตอบแทน


   “แล้วทำไมไม่ให้มันนั่งไปกับกู แล้วมึงขับรถตามกู?” เจตน์แย้ง


   “เอาล่ะครับ ไม่ต้องเถียงกัน” ปกฉัตรรีบพูดแทรกก่อนที่รุ่นพี่สองคนจะเถียงกันมากกว่านี้ เขามองธนทัตที มองเจตน์ที ก่อนจะตัดสินใจ


   “เดี๋ยวผมนั่งรถไปกับพี่ แล้วให้พี่ไทขับรถตามก็แล้วกัน จะได้เลิกบ่น” ร่างโปร่งพูดแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นไหล่ สีหน้าเรียบเฉยติดไปทางหงุดหงิดกับเสียงโหวกเหวกของเจตน์ด้วยซ้ำ แถมคำพูดคำจาก็เหมือนเป็นการตัดสินใจที่ตัดปัญหาจากคนเรื่องมากและชอบหาเรื่องอย่างเจตน์ ทว่า...ไม่มีใครทันเห็นรอยยิ้มจางๆที่มุมปากของปกฉัตรสักคน


   เป็นการตัดสินใจไปนั่งรถของเจตน์ ด้วยความอยาก ไม่ใช่เพื่อตัดปัญหาสักหน่อยน่ะ


   “นี่มึงหาว่ากูบ่นงั้นเหรอ?!”


   “ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” ปกฉัตรก้าวเท้าออกเดิน มีเจตน์เดินข้างๆพร้อมกับหาเรื่องไปด้วย


   “กูไม่ได้บ่นโว้ย! เลี้ยวทางนี้ รถกูจอดอยู่ข้างหลัง!” เป็นการต่อล้อต่อเถียงที่เถียงกันไป บอกทางกันไป โดยมีสายตาสองคู่ของธนทัตและดิษกรที่มองตาม


   “กูไม่อยากจะเปรียบตัวเองเป็นหมาหรอกนะ แต่ไอ้เจ๋งแม่งกลายร่างเป็นไม้กันหมาจริงๆว่ะ” หนุ่มรุ่นพี่จากคณะเศรษฐศาสตร์เอ่ยปาก ดิษกรพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย


   “ที่น่าแปลกคือเพื่อนผมก็ยอมอยู่เฉยๆให้ไม้กันด้วยนี่สิ...”


   สองหนุ่มต่างชั้นปีมองหน้ากัน แล้วหัวเราะเบาๆในคอราวกับจะบอกว่าเห็นความแปลกของเพื่อนรักชัดแจ้งแล้ว

...............................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


อาหารเย็นที่บ้านของดิษกรเดิมที่มีกันแค่สองคนอาหลาน แต่วันนี้ได้ต้อนรับแขกร่วมโต๊ะเพิ่มอีกสามคน คนหนึ่งเป็นคนคุ้นเคยอย่างปกฉัตรที่อยู่บ้านข้างๆ ส่วนอีกสองเป็นรุ่นพี่ที่ดิษกรสนิทสนมดีอย่างเจตน์และธนทัต


   “ถ้าบอกว่าเป็นอานี่ผมไม่เชื่อเลยนะครับ อานิศดูเหมือนอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ” คนคุยเก่งอัธยาศัยดีคือธนทัต


   “อาสี่สิบแล้วจ้ะ” คนอาวุโสที่สุดในโต๊ะคืออาของดิษกร เป็นหญิงสาวร่างท้วม ยิ้มง่ายเหมือนหลานชายแต่หน้าตาไม่มีเค้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว


   “ที่อาดูไม่แก่ เพราะว่าผมเลี้ยงง่ายน่ะเฮีย” ดิษกรรีบออกตัว ทำเอาคนเป็นอาต้องหันไปเขกหัวหลานชายอย่างหมั่นไส้


   “ครับๆ เลี้ยงง่ายมากเลยหลานคนนี้ เลี้ยงง่ายเพราะมีเพื่อนบ้านอย่างปกช่วยเลี้ยงน่ะสิ” คนเป็นอาหันไปมองปกฉัตรที่นั่งข้างหลานชาย หนุ่มข้างบ้านร่างสูงโปร่งยิ้มจาง


   “หลานอานิศเลี้ยงง่ายจริงๆนะครับ หาขนมให้กินก็เงียบ เปิดแอร์หาผ้าห่มให้ก็หลับ หาฟุตบอลแล้วชี้ออกไปนอกบ้านก็วิ่งออกไปเล่นคนเดียวได้ด้วย”


   “เชี่ยปก เลี้ยงง่ายของมึง ทำไมกูฟังดูไม่ดีเลยวะ” ดิษกรหันไปบ่นเพื่อนรัก แต่ปกฉัตรกลับหัวเราะเบาๆ ธนทัตเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย จะมีก็แต่เจตน์ที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทที่หัวเราะไปกับสองอาหลานและเพื่อนข้างบ้าน


   “ไอ้ดิษกับเพื่อนมันสนิทกันดีนะ มึงว่ามั้ย” พูดเหมือนชี้โพรงให้กระรอก แต่จริงๆแล้วคือการพยายามดึงกระรอกเพื่อนรักออกมาจากโพรงต่างหาก


   ...ไม่รู้ไอ้ไทมันตาบอดรึไง! ถึงได้ไม่เห็นว่าสองคนนั้นสนิทกันขนาดไหน!...


   “เออ แล้วปกก็น่ารักมากด้วย มึงว่ามั้ย” ธนทัตถามกลับ ทำเอาเจตน์หันขวับไปมองเพื่อนสนิททันที


   “มึงคิดอะไร” แต่เพื่อนรักไม่มีคำตอบนอกจากยิ้มกวนๆแล้วหันไปสนใจอาหารบนโต๊ะต่อ


 ในเมื่อทำอะไรเพื่อนสนิทไม่ได้ เจตน์ที่หงุดหงิดงุ่นง่านก็เลยหันไปหาแพะตัวต่อไปอย่างปกฉัตรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนแทน รายนั้นกำลังจะจิ้มทอดมันกุ้งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็เลยหยิบส้อมไปจิ้มทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายมาใส่จานของตัวเองทันที


   “อ้าว...” คนถูกแย่งทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายไปหน้าตาเฉยถึงกับร้องออกมาหน้าตาเหรอหรา ดิษกรที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามอง ทันเห็นเหตุการณ์ที่ทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายไปอยู่ในจานของเจตน์พอดี เขายิ้มร่าแล้วโยกหัวเพื่อนสนิทอย่างเอ็นดู


   “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะปก เดี๋ยวกูให้อานิศทำให้กินใหม่ก็ได้” ปลอบใจเพื่อนแต่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นสนุก เพราะดิษกรเอามือถูศีรษะจนผมปกฉัตรกระเซิง เจตน์ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด แต่ความหงุดหงิดของเขาคือการเอาไปลงกับเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยการจิกตาให้ธนทัตเห็นถึงความสนิทสนมของปกฉัตรและเจ้าของบ้าน


   แต่ธนทัตทำเป็นยักไหล่อีกที ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องปีหนึ่งจากคณะรัฐศาสตร์


   “ปกชอบทอดมันกุ้งเหรอ”


   “ยิ่งทอดมันกุ้งฝีมืออานิศ ไอ้ปกชอบมากกกกกก...” หลานชายที่แสนเลี้ยงง่ายของนิศราชิงตอบ


   “งั้นไว้คราวหน้า พี่จะซื้อทอดมันกุ้งเจ้านึงมาให้ชิม จะได้รู้กันว่าจะสู้ฝีมืออานิศได้มั้ย”


แล้วธนทัตคนอัธยาศัยดีก็กอบกู้สถานการณ์ด้วยรอยยิ้มและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อีกครั้ง ความหงุดหงิดและหาเรื่องของเจตน์ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย


มื้อเย็นวันนั้น...จบลงด้วยดีตอนหัวค่ำ


สองหนุ่มรุ่นพี่ลาเจ้าของบ้านทั้งอาทั้งหลานอยู่ที่หน้าบ้านซึ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟจากภายในบ้านและหน้าประตูบ้าน


“ขอบคุณมากครับอานิศ อาหารอร่อยมากเลย” ทั้งเจตน์ทั้งธนทัตยกมือไหว้ แต่คนพูดคือหนุ่มเศรษฐศาสตร์เจ้าของรอยยิ้มกว้างขวาง


“ไว้ว่างๆแวะมากินอีกนะ คราวหน้าอาจะทำของที่ดิษบอกว่าอาทำอร่อยที่สุดให้กิน” เจ้าของบ้านอย่างนิศราต้อนรับขับสู้อย่างดี


“โอ้โห พูดอย่างงี้ สงสัยผมต้องรีบทำตัวว่างแล้วครับอา” นัดแนะกันคร่าวๆเรียบร้อยว่าคราวหน้าธนทัตจะแวะมากินข้าวด้วยอีก ก็ถึงเวลากลับ


ปกฉัตรซึ่งอยู่บ้านติดกันยกมือไหว้นิศรา เจตน์และธนทัต ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบ้านไป รถยนต์สองคันของแขกผู้มีเกียรติที่มาทานข้าวด้วยในวันนี้จอดขวางอยู่หน้าบ้านของดิษกรและเขา คันที่ขวางหน้าบ้านดิษกรคือรถของธนทัต ส่วนคันที่จอดเลยไปทางหน้าบ้านของเขาคือรถยุโรปของเจตน์


แค่เห็นป้ายทะเบียน เขาก็จำได้ดี เขาจำได้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจตน์นั่นแหละ แต่...ดูเหมือนรายนั้นจะไม่พอใจกับการที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายเลย


...ทำไมนะ พออะไรๆมันเหมือนจะดี ก็เหมือนว่า ‘พี่’ จะหงุดหงิดขึ้นมาทุกที...


“เฮ่ย” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาปกฉัตรที่กำลังก้าวเท้าเอื่อยๆไปยังบ้านของตนเองต้องหันมอง เจตน์ออกมาจากประตูรั้วบ้านของดิษกร แล้วก้าวเท้าไวๆมาหาเขา ดวงตาเรียวๆนั่นวาววับอย่างไม่พอใจ ซึ่ง...ปกฉัตรไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเขาเรื่องไหน


...ทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายก็ยกให้ แถมยังไม่พูดหาเรื่องอะไรสักคำ วันนี้เราน่าจะคุยกันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ...


“กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ แต่ไอ้ไทมันเพื่อนกู!” ปกฉัตรงงตึ้บ อยู่ดีๆเจตน์ก็มาชี้แจงสถานะตนเองกับธนทัตให้เขาฟัง


“ผมรู้ว่าพี่ไทเป็นเพื่อนพี่”


“และมึงก็ควรรู้ว่าไอ้ดิษนับถือไอ้ไทมาก!” ปกฉัตรขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“เกี่ยวอะไรกับดิษ”


“ก็มึงมีไอ้ดิษแล้ว! มึงจะอ่อยเพื่อนกูอีกไม่ได้!” คนฟังชะงักกึก เข้าใจในวินาทีนั้นเองว่าเจตน์หงุดหงิดเขาเรื่องอะไร


...เพราะคิดว่าเป็นแฟนกับดิษ แล้วก็คิดว่าอ่อยพี่ไทด้วย ก็เลย...ไม่พอใจ...


ร่างโปร่งหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย แต่ก็พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องหงุดหงิดใส่เขาอีก


“แล้วถ้าผมบอกว่าผมกับไอ้ดิษเป็นเพื่อนกันเฉยๆล่ะ” ดวงตาสีน้ำตาลจางๆที่สะท้อนกับแสงไฟจากเสาไฟข้างถนนนั้นมีแววประหลาด


“มึงคิดว่ากูโง่รึไง! กูได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่กูอยู่ม.6 มึงจะบอกว่าไอ้ที่กูได้ยินเป็นแค่ข่าวลืองั้นสิ! กูถามหน่อย ผู้ชายประเภทไหนปล่อยให้มีข่าวลือเชี่ยๆนี่มาหลายปีแล้วไม่ทำห่าอะไรเลย!!”


“ก็ผมไม่เดือดร้อนอะไรนี่นา ไอ้ดิษก็ไม่เห็นจะว่าอะไรด้วย”


มาเจอโดนย้อนแบบนี้ เจตน์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนปากเหว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ข่าวลือที่ว่าเขาก็ได้ยินมานาน นาน...จนไม่คิดว่าจะเป็นแค่ข่าวลือ แล้วทั้งดิษกรและปกฉัตรก็รู้เรื่องข่าวลือนี้ทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไรกับมันเลย แถมบางครั้งยังทำตัวสนิทสนมสมกับข่าวลือที่ว่านั่นด้วย


ถ้าเขาเชื่อคำพูดของปกฉัตร แล้วก้าวเท้าลงเหวไปล่ะ...หรือจะไม่เชื่อ แล้วถอยกลับออกมาจากปากเหวนั่นดี?


“พี่...หงุดหงิดผมเรื่องนี้เหรอ” คำถามดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ แถมด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของคนถามอีก


   “ก็มึงมันน่าหงุดหงิด!” ไม่รู้หงุดหงิดตรงไหน ตา หู จมูก ปาก ความสูง ความผอมขี้ก้าง ทุกอย่างของปกฉัตร แค่เจตน์เห็นก็หงุดหงิดไปหมด!


   “ผมไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆนั่นก็มีแววอ่อนโยน จนมองสบนานๆไม่ได้ต้องหันไปมองทางอื่น


   “แต่มึงยุ่งกับเพื่อนกู!!” หลับหูหลับตาด่า เพราะเวลานี้เจตน์ไม่กล้ามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆที่มีแววประหลาดนั่นสักนิดเดียว


   “เพื่อนพี่มายุ่งกับผมเองต่างหาก” แต่คราวนี้คำพูดไม่เข้าหู จากตอนแรกที่หันหนี เจตน์ถึงกับตวัดสายตามาจิกคนพูดทันที


   “ถึงเพื่อนกูมายุ่งกับมึง มึงก็ไม่ควรไปยุ่งกับมัน!”


   “แต่ถ้าผมไม่มีใคร แล้วเพื่อนพี่ไม่มีใคร ถ้าเราจะยุ่งกัน มันก็ไม่เห็นจะมีใครเสียหายเลย”


   “ไอ้เชี่ย ปากดี!!” เจตน์ไม่รู้ว่าความหงุดหงิดที่อยู่ในใจตอนนี้มันเริ่มมาจากตรงไหน แต่ยิ่งอีกฝ่ายพูด ก็เหมือนจะไม่เข้าหูเขามากขึ้นทุกที โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น


   ‘ถ้าเราจะยุ่งกัน มันก็ไม่เห็นจะมีใครเสียหายเลย’


   “ไม่มีใครเสียหาย แต่กูไม่ชอบเว้ย สัด!!”


   เขาพูดรอดไรฟันอย่างโมโหแล้วกระชากแขนขาวของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนมากระแทกกับอกแข็ง ตั้งใจจะทำแรงๆให้อีกฝ่ายเจ็บตัว จะได้หยุดปากดี แต่...ดูเหมือนมันจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม เมื่อร่างโปร่งกระแทกมาโดนร่างเขา แขนข้างหนึ่งกลับไม่รักดี โอบร่างของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ร่างผอมๆนี้กระเด็นออกจากอ้อมอกของเขา


   ปกฉัตรพูดอะไรต่อไม่ออก ไม่ว่าจะด้วยเพราะพวกเขาใกล้ชิดกันมากเกินไป หรือเพราะคำพูดของเจตน์ที่ตีความนัยไม่ออก หรืออาจจะเพราะ...นี่คือช่วงเวลาที่ดวงตาของพวกเขาได้มองสบกันโดยไม่มีอะไรขวางกั้น


   ...แค่ชั่ววินาที...ที่อคติ ทิฐิ และการปิดบังเข้ามาเยือนไม่ถึง...


   ...ตาสองคู่สบกัน มองเห็นประกายบางอย่างในกันและกัน...ประกายที่ซุกซ่อน ประกายที่ลึกล้ำ ประกาย...ที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็น...


   ดวงตาเรียวของเจตน์ มีนัยน์ตาสีดำสนิท มันทรงพลัง ดูลึกลับ น่าค้นหาจนดิ่งลึกลงไปในนั้น ยิ่งมองเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดึงรั้งอยู่ในนั้นจนหาทางออกไม่เจอ


   ดวงตาของปกฉัตร เป็นทรงกลม หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ทุกๆครั้งที่เจตน์มองเข้าไปในตาคู่นี้มักจะเห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่ก็หมอกหนาๆที่ทำให้อ่านความรู้สึกนึกคิดไม่ออก แต่มาวันนี้...มาวันนี้มันมีประกายแปลกๆ ราวกับโหยหา ราวกับสุขใจ ปนเปไปกับความโดดเดี่ยวและเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ข้างใน


   ไม่ทันระวังหัวใจตัวเอง ปลายนิ้วของร่างสูงก็แตะเข้าไปที่หางตาของปกฉัตรเบาๆ


   “ทำไม...ตาเศร้า...” เสียงทุ้มเอ่ยราวกับกระซิบ แต่ไม่มีคำตอบจากคนตาเศร้านั้นเลย ใบหน้าของเจตน์ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น มากขึ้น และ...สุดท้ายนัยน์ตาสองคู่ก็มองไม่เห็นกันและกันอีก เมื่อใบหน้าของพวกเขาใกล้กันเสียจน...ริมฝีปากของเจตน์แนบสัมผัสลงกับริมฝีปากของปกฉัตร


   นุ่มนวลและปลอบประโลม ทว่าชั่วอึดใจหนึ่งมันก็ถอยห่างออกไป


   ตอนที่ริมฝีปากแยกจากกัน ปกฉัตรถึงได้รู้สึกตัว เขายืนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลงอย่างคาดไม่ถึง ตกตะลึงยิ่งกว่าการกระทำของร่างสูงคือความรู้สึกในหัวใจของเขาที่พรั่งพรูเหมือนถูกปลดออกมาจากการกักขังที่ยาวนาน


ภาพในอดีตที่เขานั่งมองเจตน์อยู่ที่อัฒจันทร์ไหล่บ่าเข้ามาในความทรงจำ วันนั้น...เขามองเจตน์อย่างชื่นชม อยากเป็นอย่างเจตน์ ยกเจตน์เป็นต้นแบบ แต่วันนี้...สิ่งที่ท่วมท้นออกมาจากหัวใจไม่ใช่แค่ความชื่นชมอีกแล้ว มันเป็นอย่างอื่นที่มากกว่า เป็นความรู้สึกอื่นที่ทำให้หัวใจพองคับอกราวกับเลือดทั้งร่างไหลไปกองอยู่ที่เดียวกันจนร้อนผะผ่าวในขณะที่เนื้อตัวเย็นเฉียบ


   สายลมเย็นพัดผ่านหน้า ปลุกสติให้ปกฉัตรรู้สึกตัว เขากะพริบตาถี่ๆเพื่อตั้งสติแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าตรงหน้าคือความว่างเปล่า


   ...ว่างเปล่า...


เจตน์หายไป


   เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ปกฉัตรหันมองก็ถึงได้เห็นว่ารถยนต์หรูของเจตน์เปิดไฟหน้าสว่างจ้า จากนั้นคนที่ไม่รู้ว่ากระโจนกลับไปที่รถตั้งแต่เมื่อไรก็หมุนพวงมาลัยพุ่งตัวออกจากหน้าบ้านของปกฉัตรไปอย่างรวดเร็ว


   ...ถูกพี่จูบ...


...แล้ววินาทีต่อมา พี่ก็รีบขับรถออกไป...


   ในหัวใจที่ร้อนผ่าวกลายเป็นเย็นเฉียบในชั่ววินาที เลือดทั้งร่างที่กองอยู่ที่เดียวกันเหมือนถูกแช่แข็งด้วยอุณหภูมิที่ต่ำยิ่งกว่าติดลบ ความรู้สึกมากมายที่เพิ่งรับรู้ในวันนี้ ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง จากความชื่นชมที่กลายเป็นความรู้สึกอย่างอื่นที่มากกว่า และ...มันเป็นอย่างอื่นที่...ทำให้เจ็บกว่า


   ดวงตาแสนเศร้าปิดเปลือกตาลงแล้วถอนหายใจเบา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่บ้านตัวเองอย่างเชื่องช้าและอ่อนแรง


   ...จูบแรก...


   ...ที่ไม่ดีใจเลย...

..................................

   เสียงเพลงในรถถูกปิดไปตั้งแต่ออกมาจากซอย เจตน์ไม่รู้สึกว่าเพลงร็อกเมื่อครู่นี้ทำให้จิตใจของเขาสงบลงเลยสักนิด ตรงกันข้าม...มันทำให้หัวใจเต้นถี่และหนักจนแทบระเบิดออกมาจากอก หายใจไม่สะดวกจนต้องเผยอปากเพื่อรับอากาศ แต่พอเผยอ เขากลับพบว่าลิ้นไม่รักดีกำลังเลียริมฝีปากตัวเองเหมือนกำลังลิ้มรสชาติสุดท้ายที่เหลืออยู่ของรอยจูบเมื่อครู่


   ...จูบไปแล้ว...


   ...จูบมันไปแล้ว...


   ...ไม่ใช่ไม่เคยจูบใคร แต่...ไม่เคยมีใครที่จูบด้วยความรู้สึกแบบนี้มาก่อน...


   หัวใจเหมือนจะพลิ้วไหว แต่พอนึกถึงข่าวลือที่ว่าปกฉัตรเป็นแฟนกับดิษกร เจตน์ก็ได้แต่เม้มปากแน่น เขาไม่เคยทรยศหักหลังใคร ยิ่งกับคนใกล้ตัวที่สนิทกันอย่างดิษกร เขายิ่งทำไม่ได้


   ชายหนุ่มพิงศีรษะกับเบาะ มือหนึ่งกุมพวงมาลัยแน่น อีกมือปิดปากตัวเอง เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ย้อนกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง


   ผลไม้ต้องห้ามนั้นดูเหมือนจะหวานฉ่ำ แต่ทันทีที่กัดกิน ยาพิษก็ไหลซึมเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว


   จูบนั้น...เหมือนเคลือบด้วยยาพิษชั้นดี มันทำให้หัวใจปลิดปลิวไปกับสายลม...ต่อให้คว้ากลับมาได้...ก็ไม่มีทางเหมือนเดิม...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   อย่าโกรธเฮียยยยยยยย...เฮียสับสน เฮียไม่รู้ว่าเฮียจะเชื่ออะไรดี เชื่อข่าวลือ เชื่อตัวเอง หรือเชื่อน้อง เฮียผิดไปแล้ว
   
อ้อ...ขอแก้ข่าวแทนเฮียนิดนึง คือเฮียแกก็พูดดีๆเป็นนะคะ ไม่ได้ต้องพกสเต็ปซิลตลอดเวลา แต่แบบ...คนมันเขินเนาะ คันยุบยิบหัวใจไปหมด คันไปพูดเบาไปก็เดี๋ยวจะไม่ได้ยินกัน เลยต้องพูดดังๆค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า เฮียจะกลับมากู้โลกด้วยมือของเฮียเอ๊ง!


ออฟไลน์ chnokky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารเฮียเจ๋งเหลือเกิน ไม่เป็นไรนะเฮีย เดี๋ยวช่วยโดเนทสเต็ปซิลให้ :laugh:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MNIMD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เมื่อไหร่สองคนนี้จะคิดตรงกันสักทีคะเศร้า เฮียเจ๋งคิดไปทาง น้องปกคิดไปทาง ในที่สุดพี่เจ๋งก็รู้แล้วว่าน้องปกไม่ได้เป็นแฟนกับดิษ ลุยจีบเขาให้เต็มที่เลยค่ะพี่เจ๋ง
เอาตามตรงคืออ่านแล้วชอบผู้ชายสไตล์เฮียเจ๋งมากๆ โคตรขี้หวง ขี้ห่วง ขี้หึง ความจริงที่ปกมาคณะไม่ใช่เพื่อรอดิษแต่เพื่อมามองแกตังหากเฮียเจ๋ง
ตอนต่อไปพี่เจ๋งต้องกลับมาคุยกับนุ้งปกนะ นุ้งปกคิดมากแล้ว
ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อาการออกแบบปิดไม่อยู่แล้วเฮีย 55555555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขนาดบอกว่าเป็นเพื่อนยังไม่เชื่อเลย เฮียเจ๋งงงง โอ้ยยย จะทำยังไงกับพี่ดี สงสารน้องงงงง 55555555

ออฟไลน์ Khanomni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอสคิปไปอาทิตย์หน้าเลยเถอะ. ฮืออออ แต่กว่าเฮียจะรู้ใจตัวเองจริงๆ ปกจะเข้าใจผิดไปแล้วรึป่าวอ่าาา

ออฟไลน์ pandant

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่โกรธ​เฮีย โกรธ​นักเขียน​เนี่ยยยยย อยากให้ถึงวันพฤหัสบ​ดี​แล้ว ชอบ ฮื้ออ

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
สงสารปกกกก เฮียแม่งงง ฮืลลลลลล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
 “มึงจะตะโกนทำไมวะ เจ๋ง อยู่กันแค่นี้”  :m20: :m20: :m20:
เจอประโยคนี้ขำขี้แตก 55555555555555555555555555555555555555
เค้าจูบกันแล้วเรายังไม่หยุดขำ ความสับสนของเฮียเจ๋ง
ยิ่งกว่าสาววัยแรกรุ่น

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เลิกอึนล๊าวววว :impress2:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เอ็นดูเฮียเจ๋ง  รีบเข้าใจตัวเองได้แล้ว สงสารน้องปก

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ยุใ้ห้ปกเลิกชอบดีมั้ย อิพี่ทำน้องเสียใจตลอด

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เดี๋ยวนะ ๆ  :a5:

ปก...เก่งมากลูกกกก เอาตัวเองเนียน ๆ เข้ามาใกล้เฮียได้ขนาดนี้ (รอยยิ้มมุมปากนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน 555)  แต่ปกดูเฮียเขาไม่ออกเลยเหรอ ใคร ๆ เขาก็ดูออกหมดนะ ยังถือว่าอ่อนหัดจ้ะลูก 555

เฮียเจ๋ง... กาก ค่ะ ไร้สกิลการปกปิดอารมณ์ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของตัวเองอย่างสิ้นเชิง แล้ว 1.จูบ 2.เผ่น นี่คืออะไรคะ ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน ? :angry2:

รอเฮียกลับมากอบกู้โลกกาก ๆ ของเฮียนะคะ อย่าปล่อยให้ปกโดดเดี่ยวไปกว่านี้อีกเลย

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:

ปล.ดิษทำได้ดีมาก (ยื่นลูกบอลให้ 555)

ออฟไลน์ plearnly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮียไมจูบแล้วหนีเลยอะ โอ้ยๆๆๆน้องคิดมากแล้วเนี่ยสงสารปกเลยยิ่งอยู่บ้านคนเดียวอยู่ ทั้งเหงาทั้งเศร้าแน่ๆๆ ฮื้อๆๆอยากวิ่งไปกอดน้องปก  :z3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล่ว แล่ว แล้ว...........
การเข้าใจไปเองว่าคู่นั้นชอบกัน
บางทีเป็นการฟังมาจากการล้อๆกัน แค่เห็นเขาเดินด้วยกันบ่อยๆ
แล้วคู่นั้นไม่แก้ต่าง
ก็เหมือนเจตน์ที่คิดไปเองว่าใช่เขาชอบกัน

แต่เจตน์จูบปกแล้ว  :z3: :z3: :z3:
แล้วหายตัวไปราวกับชิ่งหนีของร้อน
ปก ไม่เวิร์กแน่ๆ
เฮียเจ๋ง ทักว่าตาปกเศร้า แต่เฮียทำให้ปกใจเศร้า เสียใจเพิ่มซะแล้ว   :angry2: :angry2: :angry2:

เฮียเจ๋ง ปกฉัตร  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กราบเฮียค่ะ เลิกคิดไปเองสักที อยากรู้อะไรถาม! อย่ามโนแล้วตบตีกับตัวเอ๊งงงงง

ออฟไลน์ wiseducky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เวลาอ่านก็แอบตะโกนเสียงในใจตามเฮียเจ๋ง
เหมือนจะน็อตหลุดได้บ่อยๆ55555555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้ำตาจะไหล..คิดถึงใจน้องปก อิเฮียใจ่ร้าย..ยยยยยย   :m16: :m16: :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด