...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 457590 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
น้องดิษน่ารักจัง อยากรับเลี้ยง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หัวร้อนหนักกว่าโจ๊กอีกค่ะ โจ๊กยังรู้ใจตัวเอง แต่เฮียเจ๋งนี่ อืม เกาอกต่อไปค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เพื่อนเจ๋งฉลาดนะ แต่ดิษเนี่ยดูบื้อๆมากเลย

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 6


   อันที่จริง ดิษกรก็อยากจะวางข้อสงสัยของพวกพี่ๆเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ แต่เพราะชักจะสงสัยพฤติกรรมของเพื่อนสนิทไปด้วย เขาก็เลยอดไม่อยู่ ตัดสินใจพิสูจน์อย่างเงียบๆ ในเย็นวันหนึ่งที่ปกฉัตรจำเป็นต้องหอบหิ้วหนังสือจำนวนมากกลับบ้าน


ดิษกรอาสาขับรถพากลับ แต่ตั้งเงื่อนไขว่าปกฉัตรจะต้องมาหาเขาที่คณะ


ทว่า...พอถึงเวลาจริงๆ...งานชิ่งเนียนๆก็มา


   “ปก...กูต้องคุยงานต่อว่ะ มึงรอกูหน่อยได้เปล่า แล้วค่อยกลับพร้อมกัน” หนุ่มร่างใหญ่เจ้าของรอยยิ้มแฉ่งรีบวิ่งลงจากตึกมายกมือไหว้ประหลกๆปกฉัตรที่เพิ่งเดินมาถึงตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี


   “อ้าวเหรอ...ก็ได้ งั้นกูนั่งรอตรงนี้แล้วกัน” ปกฉัตรคนง่ายๆ ยอมรอโดยไม่มีเงื่อนไข


   “กูจะรีบคุยงานให้เสร็จเร็วๆ มึงรอกูแป็บเดียว!”


   “เออๆ ไปเถอะ กูรอได้” พอเพื่อนรักรับปาก แถมทรุดตัวลงนั่งปักหลักที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียบร้อย ดิษกรก็รีบวิ่งกลับขึ้นไป เขายึดที่นั่งริมระเบียงชั้นสามเป็นสถานที่สังเกตการณ์ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่าเพิ่งจะสี่โมงห้านาที หวังว่า...คนที่เขารอ จะไม่ปล่อยให้รอนานนักหรอกนะ

……………………………….

   เจตน์สาบานกับตัวเอง ว่าเขาไม่เคยคิดอยากจะไปยุ่งกับแฟนของใคร ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวยิ่งแล้วใหญ่ ชายหนุ่มมีทางเลือกมากมาย ไม่จำเป็นต้องรู้สึกดี รู้สึกชอบคนที่มีเจ้าของแล้ว


   ...แต่...บางอย่างก็อยู่นอกเหนือความคิด...


   ...เพราะความทรงจำและความรู้สึก...บางครั้งก็ทรยศ...


   ร่างสูงโปร่งในชุดนิสิตถูกระเบียบแบบเด็กปีหนึ่งอันได้แก่เสื้อเชิ้ต ผูกไท และกางเกงสแล็กนั่งอยู่ที่หน้าตึกเรียนของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และก็คงจะเป็นนิสิตปีหนึ่งทั่วๆไปที่เจตน์มองผ่านไปอย่างไม่สนใจใยดี ถ้าหากว่า...ไม่ใช่ปกฉัตร


   ... ไม่ได้เรียนคณะนี้ แต่ก็มาที่นี่ แถมมาไม่พอยังนั่งสลอนอยู่ที่โต๊ะหน้าตึกล่อตาโจรฉิบหาย!...


   ดวงตาเรียวเหลือบมองซ้ายมองขวา เห็นรุ่นพี่คุ้นหน้าหลายคนมองตรงไปที่ปกฉัตรเป็นตาเดียว บางคนคงไม่รู้ข่าวลือที่ติดตัวไอ้ปีหนึ่งคนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมัธยม ถึงได้มองตาเป็นมัน


   ...ข่าวลือที่ว่ามันมีแฟนแล้ว และแฟนมันก็คือไอ้ดิษนั่นแหละ...


   ...ขืนปล่อยไว้อย่างงี้ แม่งโดนเต๊าะแน่ๆ...


   แม้จะสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว ยิ่งแฟนของคนใกล้ตัวยิ่งไม่เข้าใกล้ แต่...เขาก็เดินตรงดิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่เพียงลำพัง


   “เฮ้ย!” ส่งเสียงทักห้วนๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนก็หันมอง ก่อนจะยกมือไหว้


   “ทำไมมานั่งคนเดียว?! แล้วไอ้ดิษไปไหน” เจตน์ยืนค้ำหัว หน้าตาถมึงทึงเหมือนมาไล่ที่


   “มันบอกว่าต้องคุยงานต่อ”


คนเป็นรุ่นพี่ทำหน้าหงุดหงิด


   “ที่ไหน?!”


ปกฉัตรมองซ้ายมองขวา ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิทไปคุยงานที่ไหน แต่ล่าสุดก็เห็นมันวิ่งขึ้นตึกด้านหลังของเขาไป


   “บนตึกมั้งครับ”


   “แล้วทำไมมึงไม่ขึ้นไปหามัน”


   “อ่า ไม่ดีหรอกครับ ผมไม่ได้เรียนคณะนี้”


เจตน์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เหลือบตาไปมองรอบตัวอีกที ก็พบว่าพวกรุ่นพี่ที่มองปกฉัตรเมื่อกี้นี้ ยังคงนั่งกันอยู่ที่เดิม ขืนเขาปล่อยอีกฝ่ายไว้คนเดียวแล้วเดินจากไป พวกนั้นคงพุ่งถลาเข้ามาเสียบแทบไม่ทัน


   พอเห็นภาพในจินตนาการเป็นฉากๆ ร่างสูงก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น เขาทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะด้วย ทำเอาอีกฝ่ายมองเขาตาปริบๆ


   “มองอะไร?! นี่คณะกู! กูจะนั่งตรงไหนก็ได้!!” พูดอีกก็ถูกอีก แถมปกฉัตรไม่ได้อยู่คณะนี้อีกต่างหาก นิสิตจากต่างถิ่นพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายร่วมโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้


   เจตน์ร่วมโต๊ะเหมือนคนไม่รู้จักกันแต่บังเอิญถูกจับมานั่งด้วยกัน เขานั่งเฉยเหมือนไม่รับรู้การมีอยู่ของหนุ่มรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์ แต่สำหรับปกฉัตร...มันไม่ใช่


   คนอย่างปกฉัตร ไม่มีทางยอมนั่งเฉยๆแล้วให้เจตน์มองเขาเป็นแค่อากาศธาตุแน่นอน


ร่างโปร่งลุกจากเก้าอี้ ทำเอาคนที่นั่งเฉยต้องเงยหน้ามอง


“ผมว่า...ผมกลับเองเลยดีกว่า ไม่รอไอ้ดิษแล้ว” เขาเอ่ยปาก สีหน้าเรียบๆแบบที่ทำจนชิน


“อ้าว! แล้วมึงนั่งมาตั้งนาน เพิ่งมาตัดสินใจจะกลับตอนกูนั่งด้วยเนี่ยนะ?!” ยิ่งกว่าคำพูดหาเรื่องคือดวงตาเรียวๆที่จ้องจิกคนที่ลุก ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อย คำพูดของเจตน์บอกเขาว่าอีกฝ่ายเห็นเขานั่งรออยู่นานแล้ว ถึงได้เดินมานั่งด้วย


หัวใจเต้นรัว แต่...ใบหน้าขาวก็ยังเรียบเฉยเหมือนเคยในขณะที่ปรายสายตามามองเจตน์


“ก็...ผมอยากกลับแล้ว...” คนพูดยังยืนอยู่ที่เดิม ที่ตั้งท่ามาทั้งหมดเป็นแค่การสร้างสถานการณ์ให้หันมาสนใจกันเท่านั้น


แถมได้ผลด้วย...เพราะร่างสูงที่อุตส่าห์เอาตัวเองมานั่งเป็นไม้กันหมาชักจะไม่สบอารมณ์


“เกลียดกู ไม่อยากนั่งกับกูก็พูดมาสิ! กูก็ไม่ได้ชอบมึงนักหรอก! แต่พวกรุ่นพี่ในคณะกูมันนั่งมองมึงมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว!”


“พูดถึงใคร” ปกฉัตรย้อนถามอย่างงุนงง กวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นจะมีใครสนใจเขาเลย กลุ่มผู้ชายใกล้เสาตึกนั่นนั่งจับกลุ่มคุยกัน ส่วนอีกกลุ่มก็กำลังเตะบอลพลาสติกตรงลานใกล้ๆ ไม่มีใครมองมาทางนี้ทั้งสิ้น


ทว่าสำหรับเจตน์ที่รู้เช่นเห็นชาติพวกผู้ชายในคณะด้วยกันดี ถึงกับกรอกตา


“กูล่ะอยากรู้จริงๆว่า ไอ้ดิษเอาอะไรให้มึงแดก โง่จนวัวควายเรียกพี่”


“ไม่ประชดแล้วพูดเอาแต่เนื้อได้มั้ย” ปกฉัตรย้อนเรียบๆ จากเมื่อกี้ที่ลุกขึ้นยืน เจ้าตัวก็นั่งลงที่เดิม ทำเหมือนว่าต้องการคุยกันให้รู้เรื่อง


“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู! ไอ้หอก!”


“ผมชื่อปก” เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรย้อนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าเรียบๆ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีแววระยับ ไม่ว่างเปล่าเหมือนที่แล้วมา


“กูรู้! ไอ้สัด!”


“รู้ก็เรียกผมดีๆสิ ผมยังไม่เห็นเคยเรียกพี่แบบที่พี่เรียกผมเลย”


“ก็มึงลองเรียกกูแบบที่กูเรียกมึงสิ! กูชกปากแตกแน่!”


“ทีพี่ยังเรียกคนอื่นได้”


“แต่มึงเรียกกูแบบนั้นไม่ได้! ไอ้เชี่ย!”


“ไอ้ปก…” แล้วบทสนทนาก็หยุดลงแต่เพียงเท่านั้น เจตน์ชะงักเพราะจำเสียงได้ดี ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเรียกนี้


“อ้าว! เฮียเจ๋ง” แล้วเจ้าของเสียงเมื่อครู่ก็ถลามานั่งร่วมโต๊ะด้วย เก้าอี้ม้าหินมีสี่ตัว ตัวหนึ่งเจตน์นั่ง ตัวหนึ่งปกฉัตรนั่ง อีกตัวมีกระเป๋าเป้วางอยู่ และอีกตัวว่าง แต่…ดิษกรกระแซะตัวใหญ่ๆของตนเองลงนั่งเบียดกับปกฉัตรแถมยิ้มแฉ่ง เจตน์เหลือบตาไปเห็นวูบเดียว ก็รีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น


...แม่ง รู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน เบียดกันตำตากูอยู่นั่นล่ะ...


“แล้วทำไมมานั่งด้วยกันได้” ดิษกรถามหน้าตาเหรอหรา มองเพื่อนสนิทที มองรุ่นพี่ร่วมคณะที


“กูก็ไม่รู้” คนตอบคือปกฉัตร เจตน์เข่นเขี้ยวตวัดสายตามาจิก


“เออ! กูเสือกมานั่งเอง! มีไรมั้ย!!”


“โอ๋ๆ ไม่มีไรหรอกเฮีย เฮียมานั่งกับไอ้ปกก็ดีแหละ” ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของเพื่อนสนิท แต่เขาก็ยังทำหน้าเฉยๆทั้งๆที่ในใจกำลังหวั่นว่าดิษกรจะรู้เห็นอะไร


เป็นเพื่อนกันมานานเสียด้วย สนิทกันมากอีกต่างหาก เขากลัวดิษกรจับได้ว่ากำลังเนียนเข้าใกล้รุ่นพี่ที่มันเคารพรัก ไม่รู้ว่ามันจะยอมรับไหมที่เพื่อนสนิทผู้ชายของมันจะชื่นชอบรุ่นพี่ผู้ชายของมัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ให้รู้ตอนนี้ไม่ได้หรอก นอกจากจะกลัวเพื่อนไม่ยอมรับแล้ว ดิษกรยังเป็นพวกเก็บความลับไม่มิด เกิดหลุดปากออกไป จบเห่กันพอดี


“ดีเชี่ยอะไร! กูจะกลับล่ะ!” เจตน์ด่ากลับ แต่รุ่นน้องอย่างดิษกรซึ่งทั้งเคารพและเทิดทูนยังยิ้มแฉ่งไม่มีสะทกสะเทือนกับเสียงตะคอกของหนุ่มตาเรียวหน้าตาเอาเรื่องเลยแม้แต่นิด


“ถ้าเฮียจะกลับ งั้นผมฝากไอ้ปกกลับด้วยได้มั้ยอ่ะ”


“หะ?!!” ทั้งปกฉัตรทั้งเจตน์หันขวับแทบพร้อมกัน ดิษกรทำสายตาอ้อนวอนมองเพื่อนของตนทีหนึ่ง มองรุ่นพี่ของตนทีหนึ่ง


“คือ...วันนี้มีธุระด่วน ผมฝากเฮียไปส่งไอ้ปกได้เปล่า บ้านมันอยู่ติดบ้านผมเลย” คนถามมองหน้ารุ่นพี่รอคอยคำตอบ แต่ใครอีกคนก็รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อไม่แพ้ดิษกรเลย


ปกฉัตรนั่งเงียบ แต่หัวใจเต้นถี่แรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ลุ้นคำตอบของคนร่างสูงใหญ่


“แล้วเพื่อนมึงกลับเองไม่เป็นรึไง” แต่คำตอบของเจตน์เป็นการย้อนถาม และเป็นการย้อนที่ทำเอาหัวใจคนลุ้นแทบหยุดเต้นในวินาทีนั้น


...คาดหวังอะไรอยู่นะ...คาดหวังอะไรกับคนที่เขาไม่ได้เห็นหัวกันเลยสักนิด...


ร่างโปร่งลอบถอนหายใจเบา แล้วหันไปทางเพื่อนสนิทของตนเอง


“ดิษ กูกลับเองได้” เป็นประโยคสั้นๆ ที่มีความเศร้าแฝงมาด้วย


ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนิทสนมกับเขา ที่ทุกวันนี้ได้พูดคุยกันก็เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของดิษกร และดิษกรเป็นรุ่นน้องที่เจตน์สนิทด้วย ถ้าไม่มีดิษกรเป็นคนกลาง ระหว่างเขาและเจตน์ก็ไม่ต่างกับโลกสองใบที่ไม่มีทางมาซ้อนทับกันได้หรอก


“แต่วันนี้มึงบอกว่าขนหนังสือกลับไปอ่านเยอะไม่ใช่เหรอวะ” หนุ่มปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีท้วงเพื่อนต่างคณะที่มานั่งรอตั้งแต่เลิกเรียนคาบบ่าย ปกติ ปกฉัตรไปกลับมหาวิทยาลัยด้วยตนเอง แต่เพราะวันนี้ดิษกรรู้ว่าเขาจะยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านหลายเล่ม เลยชวนให้กลับพร้อมกันด้วยรถญี่ปุ่นคันเล็กๆของมัน


แต่...ดิษกรมีธุระด่วน กลับตอนนี้ไม่ได้


คนมีธุระหันไปมองเจตน์แล้วไหว้วานอีกที


“เฮีย ผมวานไปส่งไอ้ปกหน่อยได้เปล่า ไอ้ปกมันแบกหนังสือกลับเยอะ” เจตน์หันไปมองปกฉัตรที่นั่งเงียบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ทอดมองมาที่เขานั้นไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเคย มันมีแววเหมือนจะน้อยใจ


...หรือว่าแม่งน้อยใจเพราะโดนไอ้ดิษเทเฉยเลยวะ ไอ้เชี่ยนี่จะไปธุระก็เสือกให้แฟนมานั่งรออยู่ได้ แม่งเอ๊ย!...


ปกติไม่ใช่คนใจบุญสุนทาน แต่ไม่รู้เป็นอะไร ดวงตาเศร้าๆของปกฉัตรทำให้เจตน์ทนไม่ไหว


“ไหนล่ะหนังสือที่จะเอากลับ” เขาตั้งคำถามห้วนๆ


“ในกระเป๋าเป้” ปกฉัตรตอบ เจตน์เลยลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอีกตัว ก่อนจะหยิบขึ้นมากะน้ำหนักแล้วก็ต้องเบ้หน้า


“นี่มึงขนกระเบื้องหลังคาตึกคณะมึงกลับบ้านรึไง หนักฉิบหาย!”


“ก็...หนังสือหลายเล่ม” คนขนหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านตอบเบาๆ


“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง! ไป เดี๋ยวรถติด” แล้วร่างสูงก็หมุนตัวถือเป้ของอีกฝ่ายเดินนำออกไป ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่ทันร้องเรียกอะไร อีกฝ่ายก็ถือกระเป๋าของเขาเดินลิ่วไปแล้ว ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นยืนแล้วหันไปลาเพื่อนสนิท


“อ่า งั้นกูไปก่อนนะ พี่มึงเอากระเป๋ากูไปเฉยเลย” ปกฉัตรรีบวิ่งตามหลังไปดึงกระเป๋าเป้ในมือของเจตน์ แต่หนุ่มตาเรียวคณะบัญชีหันมาจิกตาใส่อีกรอบ


“มึงเดินตามกูมาเฉยๆเถอะ!”


“กระเป๋าผม ผมถือเองก็ได้”


“กลับรถกู! กูจะถือ!!” เจตน์ขึ้นเสียงใส่แถมถลึงตาอีกหน่อยก่อนจะหมุนตัวเดินนำต่อทันที ปกฉัตรก็ไม่มีอำนาจต่อรองอีก ได้แต่เดินตามหลังตัวเปล่าๆไม่มีอะไรในมือสักอย่างเดียว


 ดิษกรมองตามเพื่อนสนิทและรุ่นพี่เดินเคียงกันหายไปทางอาคารจอดรถแล้วก็ได้แต่เคาะนิ้วลงกับโต๊ะม้าหินเป็นจังหวะ ก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์หาใครบางคน


“ฮัลโล อานิศ วันนี้กลับเร็วเปล่า อ่ะ! ถึงบ้านแล้วเหรอ เยี่ยมเลย หลานรักมีเรื่องจะวานหน่อย”


“เรื่องดีสิอา เรื่องไม่ดีดิษกรไม่ทำนะ จริงๆ...คือวันนี้ไอ้ปกมันไม่ได้กลับกับผมนะ เดี๋ยวจะมีคนไปส่งมัน ฝากอาส่องให้หน่อยสิ ว่าส่งอย่างเดียว หรือมีอย่างอื่นด้วย”


“กลับไปส่องเองไม่ได้หรอกอา ดิษมีธุระนิดหน่อย บอกอาไม่ได้เหมือนกันว่าธุระอะไร แหะๆ”


“ฝากดูหน่อยนะอา เดี๋ยวกลับไปฟังรายงาน” ดิษกรกำชับกับคนที่บ้านเสร็จสรรพก็วางสาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยตา แต่ฝากอาช่วยดูให้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาคุณอามือโปรของเขาไปได้


หนุ่มปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชียิ้มกระหยิ่ม แล้วแหงนหน้ามองตึก จากระเบียงทางเดินบนชั้นสาม มองลงมาที่โต๊ะม้าหินนี้ เห็นชัดแจ๋ว ถึงจะไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นคุยอะไรก็เถอะ


 ...มีเพื่อนรักปากแข็งโป๊กกับรุ่นพี่ปากไม่ตรงกับใจ จะเสือกแต่ละทีก็ต้องสร้างสถานการณ์กันหน่อย ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยให้ไอ้ปกนั่งรอ ในวันที่เฮียเจ๋งมีเรียนที่ตึกนี้แถมเลิกเย็นหร้อกกกกก...

.............................

   เพราะไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะได้มาขึ้นรถของเจตน์ ปกฉัตรเลยทำตัวไม่ถูก แม้จะพยายามมีสติและท่องหนึ่งถึงร้อยในใจไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้ แต่เขาก็ยังควบคุมร่างกายให้ผ่อนคลายไม่ได้ ตอนนี้ร่างสูงโปร่งของหนุ่มปีหนึ่งจากคณะรัฐศาสตร์เลยเกร็งทื่ออยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ


   เจ้าของรถแตะเบรกเมื่อสี่แยกข้างหน้าเป็นไฟแดง ก่อนจะเหลือบมองคนข้างกายที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัย


   “นี่มึงหายใจอยู่รึเปล่า” คำถามแรกจากเจ้าของรถก็ทำเอาปกฉัตรแทบลืมอาการเกร็งในวินาทีนั้น บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหัวใจเล่นตลกให้มาแอบชอบผู้ชายปากแบบนี้ได้ยังไงทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ซึ่งหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจตน์ คนใจเย็นเป็นน้ำแข็งอย่างเขาคงอาจถึงขั้นต่อยคนพูดปากแตกไปแล้วก็ได้


   “ยังไม่ตายครับ”


   “ก็ดี จะได้บอกทาง กูจำไม่ได้หรอกว่าบ้านไอ้ดิษไปทางไหน” ปกฉัตรพยักหน้ารับรู้ ในรถเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เจตน์จะพูดขึ้นมา


   “ไอ้เชี่ยดิษก็ประหลาด ธุระอะไรหนักหนาอยู่ดีๆมาทิ้งมึง” ร่างสูงไม่ได้คิดจะยุแยงให้แตกแยก ใจจริงเขาอยากเตือนสติคนข้างกายในเวลานี้ด้วยซ้ำ คนเป็นแฟนกัน อยู่ดีๆมีอย่างที่ไหนมายกหน้าที่รับส่งให้คนอื่นเฉยเลย ถึงแม้ว่าคนอื่นที่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักและไว้ใจได้อย่างเขาก็เถอะ


   “คงเป็นธุระสำคัญ...” ปกฉัตรแก้ต่างแทนเพื่อน


   “แต่มันก็ควรไปส่งมึงก่อน” เจตน์ย้ำ ถึงเขาจะมีแฟนมากมาย แต่เขาก็คบทีละคน และเขามั่นใจว่าทุกคนที่เป็นแฟนของเขา ล้วนได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเขาเสมอ ถึงแม้...เขาจะปากไม่ดีก็ตาม


   แต่การย้ำของเจตน์ กลับทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นภาระให้ลำบาก ปกฉัตรข่มกรามเพื่อเก็บกักความน้อยเนื้อต่ำใจลงไปให้ลึกที่สุด แล้วเอ่ยเบาๆ


   “ถ้าพี่ไม่สะดวกไปส่งผม จอดข้างหน้าก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”


   “กูพูดเหรอว่ากูไม่สะดวก?!”


   “อ้าว ก็...ผมเห็นพี่พูดเรื่องดิษ...”


   “ที่กูพูดเพราะอยากให้มึงสอดส่องพฤติกรรมมันเว้ย!!”


   “ผมจะไปสอดส่องพฤติกรรมไอ้ดิษทำไม” ปกฉัตรย้อนถามอย่างไม่เข้าใจปนหงุดหงิดที่ถูกอีกฝ่ายหาเรื่อง เจตน์เองก็เริ่มหงุดหงิดเช่นกันที่คนข้างกายไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย!


   …ถ้าโดนไอ้ดิษสวมเขานะ กูจะไม่แปลกใจเลยสัด!...


   “เออ! งั้นมึงไม่ต้องส่อง!! บอกทางกูได้แล้ว!! สี่แยกนี้เลี้ยวมั้ย?!”


   “ไม่เลี้ยวครับ ตรงไปเรื่อยๆ” อยู่ดีๆก็โดนด่า อยู่ดีๆก็โดนขึ้นเสียง แม้จะแอบปลื้มมาตลอด แต่ปกฉัตรก็ชักหมั่นไส้อีกฝ่าย ไม่รู้ถูกเลี้ยงมาแบบไหน ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้


   ภายในรถไม่มีเสียงพูดคุยหาเรื่องอีก เพราะปกฉัตรบอกทางแทบจะทุกๆห้านาที ในที่สุด รถหรูของหนุ่มบัญชีปีสองก็เลี้ยวเข้าซอย ก่อนที่คนข้างกายจะก็บอกให้จอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ปิดเงียบ


   ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีเข้มแล้ว แต่บ้านทั้งหลังเหมือนไม่มีคนอยู่ แตกต่างจากบ้านหลังข้างๆที่เปิดไฟสว่างโร่ เจตน์ขมวดคิ้วมุ่น


   “นี่บ้านมึงเหรอ ไม่มีคนอยู่เลยรึไง หรือยังไม่มีคนกลับ” เขาตั้งคำถาม แม้บ้านข้างๆจะสว่างกว่า แต่เขากลับสนใจบ้านเงียบๆของปกฉัตร


   “ผมอยู่คนเดียว” ปกฉัตรตอบแล้วปลดเข้มขัดนิรภัย


   “อ้าว แล้วพ่อแม่มึงล่ะ” เป็นคำถามที่เจตน์อยากรู้ หลังจากก่อนหน้านี้ดิษกรเคยพูดให้เขาได้ยินว่าปกฉัตรตัวคนเดียว


   “ไปทำงาน”


   ...อ้อ ก็ไม่ตัวคนเดียวนี่หว่า ไอ้สัดดิษ! ตอแหลอีกแล้ว!!...


   “แล้วไปทำงานไม่กลับเลยรึไง”


   “อื้อ ต่างประเทศน่ะ”


   …อ้าว...งั้นมันก็อยู่คนเดียวน่ะสิ...


   “แล้วมึงต้องอยู่คนเดียวทุกวันเลยเหรอ” คำถามของเจตน์ทำเอาปกฉัตรต้องหันมอง


   “ครับ”


   “เวลาไม่มีคนอยู่แล้วมันมืดๆเงียบๆแบบนี้ ไม่กลัวโจรขึ้นบ้านรึไง” คำถามแบบปากไม่ดีของร่างสูงทำเอาคนที่ต้องอยู่คนเดียวทุกวันถลึงตาใส่ เจตน์ไม่ใช่คนยอมคน ถูกอีกฝ่ายถลึงตามา เขาเลยถลึงตากลับ


   “กูพูดจริง! บ้านเงียบๆแบบนี้น่ะเป้าหมายโจรทั้งนั้นแหละ”


   “เรื่องจริงก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ปกฉัตรไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีก เขาหันไปจะเปิดประตูรถเพื่อจะลง แต่อยู่ดีๆคนขับกลับพูดขึ้นมา


   “ไม่คิดจะชวนกูเข้าไปกินน้ำสักแก้วเลยรึไง”


ร่างโปร่งหันกลับมามองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง และโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไร เจตน์ก็เป็นฝ่ายเปิดประตูลงจากรถไปยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน


   ...เป็นอันว่า...วันนั้นเจตน์ก็ได้เข้าบ้านที่ทั้งมืดทั้งเงียบเป็นครั้งแรก...

...........................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


นิศรากลับมาถึงบ้านนานแล้ว วันนี้นอกจากจะเลิกไว รถยังไม่ติดด้วย ตอนแรกตั้งใจว่ากลับมาถึงบ้านจะทำอาหารเย็นของโปรดหลานชายเพียงคนเดียวเอาไว้ให้ แต่ปรากฏว่าหลานเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูมาแต่เล็กกลับโทร.มาฝากฝังเสียก่อน


‘…คือวันนี้ไอ้ปกมันไม่ได้กลับกับผมนะ เดี๋ยวจะมีคนไปส่งมัน ฝากอาส่องให้หน่อยสิ ว่าส่งอย่างเดียว หรือมีอย่างอื่นด้วย’


   พอหล่อนบอกให้กลับมาสอดส่องเอง หลานชายสุดที่รักกลับบอกว่ามีธุระ แถมไม่บอกอีกต่างหากว่าธุระอะไร นิศราสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ทำตามที่หลานชายฝากเอาไว้อย่างดี


   หญิงสาววัยสี่สิบยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนั่งเล่นแล้วมองออกไปด้านนอก ถึงจะเย็นมากแล้ว แต่ข้างนอกก็ยังไม่มืดสนิท หล่อนพอจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านของบ้านหลังถัดไป


   รถยนต์หรูที่ไม่คุ้นตาแล่นเข้ามาจอด จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งลงมา นิศราไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่อึดใจต่อมาคนที่หล่อนคุ้นเคยดีเพราะเห็นมาตั้งแต่เล็กก็ลงจากรถอีกคน


   ปกฉัตรเดินนำไปเปิดประตูรั้วบ้าน จากนั้นผู้ชายคนที่หล่อนไม่รู้จักก็เดินตามเข้าบ้านไปด้วย


   ...แปลก...ปกฉัตรพาเพื่อนมาบ้าน...


   ...นี่ล่ะมั้ง ที่ดิษฝากฝังให้ช่วยดูเอาไว้...


   นิศรารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความบอกหลานชายอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่รู้ว่าคนที่พาปกฉัตรมาส่งเป็นใคร แต่ถ้าหลานชายฝากให้ช่วยสอดส่อง ก็หมายความว่าผู้ชายคนนั้นอาจไม่น่าไว้ใจ นิศราเป็นกังวล ยังคงยืนอยู่ที่หน้าต่างเหมือนเดิม แล้วมองไปยังบ้านหลังข้างๆด้วยความห่วงใย

.....................

   ในขณะที่คุณอาข้างบ้านยังคงยืนมองออกมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยความเป็นห่วง ที่บ้านของปกฉัตร ทั้งเจ้าของบ้านและแขกกำลังยืนเงียบกันอยู่ที่หน้าประตู ทางซ้ายมือเป็นโซนรับแขก ส่วนทางขวาคือประตูห้องครัว


   “เอ่อ...พี่ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมเอาน้ำให้ อ่า...มีแค่น้ำเปล่ากับกาแฟ จะทานอะไร”


   “แดกกาแฟตอนนี้ กูจะได้หลับกี่ทุ่ม” เจตน์ถามกลับ คนที่เสนอเรื่องกาแฟขึ้นมาอย่างตกประหม่าเลยได้แต่เม้มปาก เพิ่งรู้ตัวก็ตอนนี้ว่าการที่อีกฝ่ายเข้ามาเหยียบในบ้านของเขา ยิ่งทำให้ปกฉัตรตั้งสติแทบไม่ได้


   “อ่า...งั้น...งั้นน้ำเปล่าแล้วกัน เดี๋ยวผมเทให้” ปกฉัตรเดินเลี้ยวเข้าครัวทางขวามือ ดวงตาเรียวของหนุ่มรุ่นพี่จากต่างคณะมองตามร่างสูงโปร่งของเจ้าของบ้านแล้วก็ตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าเดินตามเข้าไป


   ในห้องครัวที่ฝั่งหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนอีกฝั่งมีโต๊ะอาหารขนาดสี่ที่นั่ง ทั้งสองฝั่งถูกกั้นด้วยเคาน์เตอร์และเก้าอี้สตูลบาร์ เป็นห้องครัวขนาดใหญ่เกินไปสำหรับอยู่คนเดียว อันที่จริงบ้านหลังนี้ก็ใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียวนั่นแหละ


   ...ไม่เหงาบ้างรึไง ไม่กลัวบ้างรึไง ประตูหน้าต่างเยอะแยะขนาดนี้ ตัวคนเดียวจะปิดล็อคทุกบานครบได้ยังไง...


   “อ้าว...ทำไมไม่นั่งรอที่โซฟาล่ะ” ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อยเมื่อหันกลับมาจากตู้เย็นแล้วพบเจตน์ยืนอยู่กลางห้อง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหลือบตาไปมองคนถามแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้สตูล


   “พ่อแม่มึงกลับมาหาบ่อยมั้ย” เขาไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ แต่จงใจตั้งคำถามใหม่ อะไรไม่รู้ที่ทำให้เจตน์นึกสงสาร บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เล็กแคบอะไร แต่หากต้องอยู่คนเดียวทั้งวันทั้งคืน ก็คง...เหงา


   “ก็...ปีละ 2-3 ครั้ง” ปกฉัตรตอบ แล้ววางแก้วน้ำลงตรงหน้า


   “ไม่เหงาเหรอ” คำถามของเจตน์ทำเอาอีกฝ่ายชะงัก แต่ก็ส่งยิ้มจางตอบกลับไป


   “ก็เหงา แต่...พ่อกับแม่ไปทำงาน ถ้าผมเอาแต่ใจ เขาก็จะห่วงหน้าพะวงหลัง อีกอย่าง...ไอ้ดิษก็อยู่บ้านข้างๆ อานิศ อาของดิษก็อยู่ วันไหนเหงามากๆก็แวะไปกินข้าวด้วย ก็หายเหงาลงนิดนึง”


   “แต่วันนี้มันไม่อยู่” เจตน์โบ้ยหน้าไปที่บ้านข้างๆ รู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมรุ่นน้องร่วมคณะ เพราะสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม เจตน์เคยคิดว่ารุ่นน้องคนนี้มีความรับผิดชอบ แต่แล้ววันนี้...คงจะดีแตก เพราะมันทิ้ง...แฟนมันหน้าตาเฉย


   “ทุกคนก็มีธุระส่วนตัวกันทั้งนั้นแหละ”


   “แล้ววันนี้มึงเหงารึเปล่า” ปกฉัตรชะงักเป็นรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนถามด้วยความงุนงง


   “ที่นี่มีอะไรแดกมั้ยล่ะ กูจะแดกเป็นเพื่อน” ยิ่งกว่าได้ยินว่าดาวอังคารมีสิ่งมีชีวิตก็ข้อเสนอนี้ของเจตน์ คนถูกถามนิ่งตะลึงตาค้าง อ้าปากค้าง ไม่เชื่อหู


   “เฮ้ย กูถามว่าที่นี่มีอะไรแดกมั้ย” หนุ่มตาเรียวแห่งคณะบัญชีถามซ้ำ ปกฉัตรต้องรีบคว้าสติตัวเองกลับมาในวินาทีนั้น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะควานหาเสียงตัวเองเจอ


   “พี่...จะกินข้าวที่นี่เหรอ”


   “เอ้า! สัด ก็กูพูดเมื่อกี้ว่ากูจะแดกเป็นเพื่อนมึง ฟังภาษาไทยไม่ออกรึไง”


   “อ...ออก...ฟังออก...เอ่อ...เดี๋ยว...เดี๋ยวผมดูก่อนว่ามีอะไรกินมั่ง” ปกฉัตรรีบตอบอย่างรวดเร็ว ยังตะลึงไม่หายที่เจตน์จะทานข้าวด้วยกันที่นี่ แต่พอจะก้าวเท้าเร็วๆไปที่ตู้เย็น ก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาแสดงออกมากเกินไป เลยต้องพยายามตั้งสติให้มากกว่าเดิมแล้วก้าวเท้าในจังหวะที่เป็นปกติ


   ...พี่จะกินข้าวด้วย พี่จะกินข้าวที่นี่ด้วย...


   ...กินอะไรกันดีล่ะ มีข้าว มีไข่ ข้าวไข่เจียวคนละจานจะธรรมดาไปมั้ยนะ...


   “วันนี้จะได้แดกมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังสอดส่องมองไปทั่วตู้เย็นต้องหันไปมอง แล้วก็พบว่าแขกผู้มีเกียรติอัญเชิญตัวสูงใหญ่มายืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วเรียบร้อย แถมช่วยส่องตู้เย็นบ้านของเขาอีกต่างหาก


   “อ่า...คือ...ผมไม่ได้ไปซื้ออะไรมาเก็บไว้เลย มีแต่ไข่ แล้วก็ผัก...” ผักที่ว่าคือแครอทและกะหล่ำปลี ซึ่งมีอายุยืนยาวในตู้เย็นแต่สภาพมันก็ดูเหมือนจะถูกเก็บมานานแล้ว


   “ผักมึงสภาพนี้เอาไปปลูกยังไม่แตกหน่อเลย เอาไปทิ้ง!” ปากไม่พูดอย่างเดียว แต่มือใหญ่คว้าผักทั้งสองอย่างในมือปกฉัตรไปทิ้งถังขยะทันที


   “อะ...เอ่อ...แล้ว...แล้วพี่จะกินอะไร”


   “มีข้าวมั้ย”


   “มีครับ”

   
   “มีแบบไหน ถ้าแบบขึ้นรากูไม่แดกหรอกนะ”


   “ยังไม่ขึ้นสักหน่อย เพิ่งหุงเมื่อวาน เก็บใส่ตู้เย็นไว้” ปกฉัตรชักจะหมั่นไส้คนปากไม่ดี ถึงจะยอมรับว่าผักสองอย่างเมื่อครู่นี้มันไม่น่าจะกินได้แล้วก็ตามที


   “งั้นข้าวไข่ดาว เอาข้าว เอาไข่ออกมา” คนตัวใหญ่ว่าอย่างนั้น ก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่หน้าเตาแก๊ส สำรวจว่าอุปกรณ์อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ในขณะที่เจ้าของบ้านรีบคว้าวัตถุดิบทุกอย่างออกมาจากตู้เย็น พออ้าปากจะพูดอะไร คนที่มาอย่างแขกก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


   “มึงเอากระทะ เอาตะหลิวออกมาด้วย เดี๋ยวกูทำเอง ชอบแบบไหนไข่แดงสุกมั้ย ไข่ขาวกรอบมั้ย บอกมาให้ครบ!” แล้วนับจากนั้นเจตน์ก็กลายร่างเป็นคนออกคำสั่ง ส่วนเจ้าของบ้านอย่างปกฉัตรก็กลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย

.............................

   ปกฉัตรเคยคิดว่าบ้านตัวเองใหญ่เหลือเกินเมื่ออยู่เพียงลำพัง แต่แล้ววันนี้ที่ผู้ชายตัวสูงใหญ่กำลังยืนทอดไข่ดาวอยู่ที่หน้าเตาแก็ส เสียงน้ำมันร้อนๆกับไข่ดาวดังเป๊าะแป๊ะไปทั่วห้อง ทำให้รู้สึกว่าทั้งบ้าน ทั้งครัวของเขาทั้งเล็กและเสียงดังไปในทันที


“ยืนเซ่อทำไม เอาจานมาสิ มึงจะแดกในกระทะเหรอ” แถมเสียงโหวกเหวกของพ่อครัวจำเป็นอีกหน่อย เจ้าของบ้านก็รีบหันไปหยิบจานที่มีข้าวอุ่นร้อนแล้วมาส่งให้ มือใหญ่หันมารับไปตักไข่ดาววางบนข้าวอีกที ก่อนที่มื้อเย็นง่ายๆที่ไม่มีความหรูหราตรงไหนเลยจะเกิดขึ้นที่เคาน์เตอร์ครัว


ปกฉัตรมองข้าวร้อนๆที่ถูกวางทับด้วยไข่ดาวสองฟองของตนเองแล้วก็เหลือบไปมองจานของเจตน์


ของเจตน์ก็มีสองฟองเหมือนกัน แต่...แต่ดูๆแล้วข้าวในจานของเขาเยอะกว่าของเจตน์อยู่ดี


“พี่กินเยอะ เราแลกจานกันมั้ย” ดวงตาเรียวของคนถูกขอแลกจานตวัดขวับไปมองอย่างเอาเรื่อง


“อ่า...เอ้อ...ไม่แลกก็ได้ แต่แบ่งจากผมไปหน่อยนึงได้รึเปล่า เยอะขนาดนี้ผมกินไม่หมดหรอก” ปกฉัตรเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่ แต่ก็ยังมีความหมายเดิมคือให้ร่างสูงแบ่งข้าวไปบ้าง


“แดกให้หมด!” คนถูกสั่งทำหน้าหงอย แต่ไม่หงอ เพราะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับเมื่อถูกขัดใจ


“ผมกินไม่หมดจริงๆนี่นา ผมเคยบอกพี่แล้วว่าทุกคนไม่ได้กินเท่ากัน”


“ไหนมึงเขี่ยให้กูดูซิ ว่ามึงกินได้เท่าไร”


เพียงเท่านั้น ปกฉัตรก็รีบกันส่วนที่ตัวเองจะกินไหวออกจากส่วนที่กินไม่ไหว ซึ่งส่วนที่กินไม่ไหวมีมากกว่าส่วนที่กินไหวเยอะกว่ามากกกกก...


“มึงแดกน้อยขนาดนี้ แล้วจะให้กูทำให้มึงแดกทำไม ทีหลังแดกอาหารเม็ดสิ!”


“ผมก็อยากกินอาหารเม็ดเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทำกินเอง” แถมกินง่าย เข้าปากทีเดียวจบ ไม่ต้องเคี้ยว ไม่ต้องนั่งกินให้หมดจานอย่างเหงาๆ เพราะใช้ชีวิตเพียงลำพัง


หากจะมีคนที่อยากกินอาหารเม็ดแทนข้าว นอกจาก คนที่ยุ่ง คนที่ไม่มีเวลา คนที่ไม่เห็นว่าเรื่องกินคือเรื่องใหญ่แล้ว ก็คง...เป็นคนอย่างปกฉัตร...ที่ต้องกินข้าวคนเดียวทุกวัน


...จะทำกินให้มันหรูหราทำไม ในเมื่อต้องทำคนเดียว กินคนเดียว อยู่คนเดียว...


ท่าทางเหงาๆของคนตรงหน้าทำเอาเจตน์นึกคำด่าไม่ออก แต่เพราะเป็นคนแข็งๆ ก็เลยพูดดีๆไม่ค่อยเป็น


“ตอนนี้ไม่มีอาหารเม็ด ก็แดกอาหารคนไปซะ! ตรงนี้คือมึงไม่แดกใช่มั้ย เดี๋ยวกูช่วย” ร่างสูงชี้ข้าวฝั่งที่ปกฉัตรกันออก ก่อนจะยื่นช้อนไปตัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นมอง แล้วก็กลายเป็นชะงักเมื่อพบว่าช้อนที่ยื่นมาตักนั้น เจตน์เอาเข้าปากไปแล้ว


“อะไร หรือว่ารังเกียจน้ำลายกู” เป็นคนที่หาเรื่องเก่งที่สุดในโลก แค่มองตาค้างนิดเดียว หาเรื่องว่ารังเกียจน้ำลายเฉยเลย


“ป...เปล่าครับ พี่ตักเลย ตักเยอะๆ”


“ลามปามแล้วมึง กูช่วยแค่นี้” คนช่วยรีบเอาช้อนมากันเอาไว้ ก่อนที่ปกฉัตรจะดันข้าวฝั่งของตนเองไปอยู่ฝั่งที่ไม่ทานเพิ่มขึ้น พอถูกจับได้ ร่างโปร่งเลยก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ คนอายุมากกว่ามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มอยู่กับจานแล้วในใจก็เหมือนไหลบ่าไปด้วยความสงสาร


...สงสารเพราะเห็นมันเหงา สงสารเพราะเห็นมันอยู่คนเดียว สงสารเพราะเห็นมันไม่มีใคร...


...ทำไมสงสารแต่มันก็ไม่รู้...


“แดกให้เยอะๆ จะได้ไม่ผอมแคระแบบนี้ ถ้ามึงแข็งแรง มึงเรียนจบ มึงทำงาน มึงมีปัญญาจะไปหาพ่อแม่มึง หรือจะให้พ่อแม่มึงกลับมาอยู่ด้วยก็ได้ไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงแข็งแรง มึงจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”


เป็นประโยคปลอบใจและให้กำลังใจที่ปกฉัตรคาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน เขาเงยหน้ามอง สบตากับดวงตาเรียวสีดำสนิทคู่นั้น ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเจตน์เบี่ยงสายตาหนีไป


แล้วจากนั้นในห้องครัวก็ตกอยู่ในความเงียบ


แต่...มีคนหนึ่งที่หัวใจพ่ายแพ้ให้กับกำลังใจของเจตน์


...พ่ายแพ้...อย่างสิ้นเชิง...

.............................

เกือบสองทุ่มแล้ว ไม่มีกิจกรรมใดๆให้แขกผู้มีเกียรติต้องอยู่ในบ้านเงียบๆหลังนี้อีก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินนำออกจากบ้าน มีเจ้าของบ้านเดินตามเงียบๆ คนหนึ่งทำตัวเหมือนจะกลับ ส่วนอีกคนก็ทำเหมือนจะไปส่งที่รถ แต่...ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่มีใครพูดอะไรสักคำ


สายตาของเจตน์มองออกไปที่นอกประตูรั้วซึ่งมีรถของเขาจอดอยู่ อึดใจหนึ่ง เขาอยากให้รถของตนเองจอดไกลกว่านี้อีกนิด


...มีเรื่องอยากจะคุยกับไอ้คนที่เดินข้างๆอีกหน่อย...


แต่บ้านหลังนี้มีพื้นที่ไม่มาก จากหน้าประตูบ้านถึงประตูรั้ว เดินไม่ถึงหนึ่งนาที พวกเขาทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ที่รั้วแล้ว ไม่มีข้ออ้างจะหาเรื่องคุยอะไรอีกแล้ว


“กู...ไปล่ะ” ร่างสูงหันมาลา


“ครับ ขอบคุณที่มาส่ง” เสียงที่ตอบกลับมานั้นออกจะแผ่ว ปกฉัตรใจหายที่เวลาของเขาและอีกฝ่ายหมดลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ 


เจตน์มองคนที่เอาแต่มองเมินไปทางอื่นแล้วรู้สึกเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่...มันติดอยู่ที่ปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากจะคุยอะไร อยากจะพูดอะไร


...ปิดบ้านดีๆ ล็อกบ้านดีๆ มีอะไรก็...โทร.มา...เอ่อ...ไม่สิ ไม่มีเบอร์กันนี่หว่า มีอะไรก็...191 แล้วกัน...


“ปิด...” เขากำลังจะเอ่ย แต่แสงไฟจากบ้านข้างๆไหววูบเสียก่อน พอหันมองถึงได้เห็นว่าเป็นไฟจากหน้ารถยนต์ที่กำลังเลี้ยวเข้าบ้าน


ปกฉัตรหันมองก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย


“สงสัยไอ้ดิษกลับมาแล้ว” เขาเปรย ชื่อของดิษกรทำเอาทุกประโยคที่เจตน์อยากพูดหายวับลงท้องไปทั้งหมด


...ไอ้ดิษมา กูก็ต้องไปสินะ...


“งั้นกูไปล่ะ” แล้วเขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการออกจากบ้านของปกฉัตร ร่างโปร่งจะเอ่ยลา แต่ไม่ทันแล้ว เพราะอีกฝ่ายก้าวเท้าไปที่รถ เปิดประตู กระโดดขึ้นนั่ง แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็จากไปไวอย่างกับสายลม


   แต่ไม่ใช่เพียงปกฉัตรคนเดียวที่ไม่เข้าใจ เพราะเจตน์ที่ขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่ก็งุนงงกับสิ่งที่ตนเองทำเหมือนกัน


...พอไอ้ดิษมา กูก็ไป...


...เฮ้ย! นี่มันชู้ชัดๆไม่ใช่เหรอวะ?!!...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

หลังจากเรื่องที่แล้ว อิโจ๊ก เละสมชื่อโจ๊ก เรื่องนี้ก็เลยตั้งชื่อเฮียเจ๋งแก้เคล็ดค่ะ แต่สรุป เละพอกับญาติของเฮียนะคะ

วันนี้สภาพบัวไม่ไหวแล้ว เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน แถมเมื่อเช้าไปทำงานด้วย ร่างจะแหลกกับการไปทำงานหลังจากเที่ยวแล้วค่ะ ฮืออออออ

เจอกันพฤหัสหน้าเหมือนเคย

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงและคนติดตามทุกๆคนค่ะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
“ไม่ประชดแล้วพูดเอาแต่เนื้อได้มั้ย”  :m20: :m20:
บอกตรงๆว่าคำกับประโยคนี้เป็นนาที ชอบเค้าจริงเหรอลูก
ทำไมพูดแทงใจได้ขนาดนั้น ตลก 55555555555555555555555555

ทุกครั้งที่อ่านประโยคของเฮียเจ๋งรู้สึกเหนื่อยมากค่ะ ตะโกนในใจตัวเองตลอดเวลา
ตอนอ่านโจ๊กยังไม่รู้สึกตะโกนขนาดนี้ อ่านไปขำไป
ละเฮียมีอะไรทำไมไม่ถามเค้าตรงๆ
มโนแจ่มเหลือเกิน
ล่าสุดมโนว่าตัวเองเป็นชู้  :hao3:
เอาเข้าไปสิ เฮ้ยเป็นคนตลกอ่ะ ดูแคร์ปกมาก
แต่เพราะไม่ถามว่าปกโสดมั้ย การแสดงออกเลยกระอักกระอ่วน
ดูตะโกนกลบเกลื่อนกลัวชาวบ้านจะรู้ใจตัวเอง ขำไปหมด  :hao7: :hao7:


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เฮียเจ๋งคะ เฮียควรนอนเป็นเพื่อนน้องที่บ้านนะคะ เป็นห่วงน้อง กลัวโจรปล้น :z2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจตน์ นี่คิดเองเออเองตลอดๆ

ท่าทางของดิษ กับปก ก็ไม่บอกไปในทิศทางว่าเป็นแฟนกันแท้ๆ
แล้วเห็นแค่นี้ดิษจะอ่านออกไหมนะ

ที่แน่ๆ ปก มีความสุขไปแล้ว
เฮียเจ๋งทั้งมาส่ง ทั้งมาทำอาหารให้ ทั้งกินข้าวด้วย ปกฟินนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ chnokky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนโจ๊กก็ว่าน่าสงสารแล้ว มาเจอเฮียเจ๋ง ยิ่งกว่าโจ๊กไปอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HeIsMine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮียเป็นชู้  :hao6:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เฮียเจ๋งเป็นชู้ววววววววว~

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ถ้ารู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนกันจะทำไงนิ55555

อ่านเรื่องเฮียโจ๊กจะอารมณ์แบบ ขึ้นๆลงๆเหมือนเป็นไบโพลา อ่านเรื่องเฮียเจ๋งล่ะเหนื่อย เหมือนต้องตะโกนด่าตามเค้าตลอด5555

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เราว่าบางทีเฮียเจ๋งก็ต้องพูดสิ่งที่คิด(ในด้านดี)ออกไปบ้าง หรือคุยอะไรกันให้สุดๆสักครั้ง จะได้เข้าใจตรงกันสักที

มีความหมั่นไส้ปนๆกับสงสารเฮียเบาๆ ฮาาาาา

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เกรี้ยวกราวไปงั้นแหล่ะ แต่ก็ทำให้เขาตลอดนะเฮีย รีบเลิกคิดไปเองได้แล้วนะ 555+

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สถานะชู้เอาไปเลยค่ะ ไม่ถามก็เป็นชู้ต่อไปเด้อออ  :hao7:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
สงสารปกอยู่คนเดียว ฮือ จะเหงาขนาดไหนนะ เฮียแกใจดีแต่ปากร้าย ต้องข้ามผ่านไปให้ได้นะ
เมื่อไรแกจะเลิกมึนว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันสักทีนะ เฮียอย่าดุน้องนะ สงสาร

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ความลับกำลังจะถูกเปิดเผย..ยยยยย อิพี่เจ๋งปากร้ายมาก อบอุ่นจนร้อน..นนนนน เอ็นดูปกฉัตรจริงๆ  รอตอนหน้าจ้า  :a11: :a11: :a11:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
เมื่อไหร่จะรู้ เจ๋งสมชื่อหน่อยค่ะ เพื่อน! ไม่ใช่แฟน! แต่คำปลอบดีงาม พยายามรู้ใจและรู้ความจริงต่อไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จากเจ๋งมันจะกลายเป็นเจ้งไหมคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เฮียเจ๋งปากร้ายแต่ใจดี  :L1:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เฮียเจ๋งนี่ที่สุดของความคิดไปเองจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปากบอกว่า "ไม่" แต่มือนี่ขยับช่วยน้องตลอด  :mew4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เฮียเจ๋งนี่ไม่เจ็บคอบ้างเหรอคะขยันตะคอกเหลือเกิ้นนน แอบขำกับสถานะชู้มโนของเฮีย เอ้อ ไหวมั้ยคะเนี่ยกว่าจะจีบปกได้กลัวเฮียแกจะไบโพล่าร์ซะก่อน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ปากเสียๆเนี่ยเลิกซะทีเฮียเจ๋ง

ออฟไลน์ sebest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขุ่นพี่จะฉุนเฉียวไปไหนนนนน เกรี้ยวกราดเบอร์ใหญ่ใหญ่มากก เจ็บคอแทน

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เจ๋งปากเสียมากเลย แต่ทำไมไม่บอกว่าเข้าใจว่าปกเป็นแฟนกับดิษให้เข้าใจกันน้า

ออฟไลน์ Zalzah_iP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เอ็นดูนาง พี่เจ๋งเป็นคนที่เกรี้ยวกราดได้น่ารักมากเว่อร์ เป็นห่วงแบบฮาร์ดคอร์หน่อยๆ อ่ะ5555555555555

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เกลียดความคิดเองเออเองของอิพี่มันจริงๆ
งานนี้ดิษกรเป็นพ่อสื่อ

ออฟไลน์ a.amyw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมไม่ถามมมซะที!!!! เมื่อไหร่จะรู้ว่าเขาไม่ใช่แฟนกันนน อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดนิดๆอะขัดใจเฮียเจ๋งปากไม่ตรงกับใจ แต่ถ้าเฮียรู้เมื่อไหร่แล้วรุกจีบปกนะคงมีคนตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ555555 แต่ชอบบุคลิคเฮียเจ๋งมากเลยนะเหมือนหมีตัวโตๆอะ น้องปกก็น่ารักน่าเอ็นดู เฮียต้องดูแลน้องดีๆนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด