V
v
v
พองานเริ่มขึ้น ไอติมก็สนใจแต่สิ่งตรงหน้า งานประกาศรางวัลของที่นี่ดูไม่ทางการเท่าออสการ์หรืองานประกาศรางวัลทางการแสดงของหนังปกติทั่วไป การแสดงบนเวทีเป็นโชว์เชิงวาบหวิว แต่ไม่ถึงกับโป๊เปลือยโชว์ของเด็ดชายหญิงอะไรแบบนั้น มีทั้งของฝั่งหญิงสาว ฝั่งชายหนุ่ม และแบบรวมกัน มีการเต้นประกอบเพลงของศิลปินดังจากทีมนักเต้นสาวที่ใส่ชุดหนังสีดำรัดรูป ทรงชุดว่ายน้ำวันพีชออกมาเต้นพร้อมกับเก้าอี้ ทีเด็ดของพวกเธอคือการเต้นได้พร้อมเพรียงสวยงาม ลายเต้นชัดแข็งแรง เรียกเสียงหวีดร้องได้เป็นระยะ และพอโชว์จบลงก็ได้รับเสียงปรบมือดังไปทั่วโรงละครที่ใช้จัดงาน
“Good evening brother and sister!” พิธีกรชายสูงวัย แต่ไอติมจำได้ว่าลีลาเขาแซ่บแค่ไหนในหนังเดินควงพิธีกรสาวผมทองตัดสั้นซอยในชุดราตรีดำแหวกไปถึงสะดือออกมา เสียงปรบมือและเสียงหวีดร้องดังกระหึ่มต้อนรับทั้งสองคน
“We back again, the Oscar of porn industry! (เรากลับมาอีกครั้ง ออสการ์ของวงการหนังโป๊!)” เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังจนไอติมรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย ดนตรีที่เปิดเป็นซาวด์แบ็คกราวด์เร้าใจน่าดู พูดคุยทักทายปล่อยมุกกันอยู่พักหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่การประกาศรางวัล โดยเริ่มจากรางวัลดาวรุ่งหญิงก่อน รางวัลนี้ไม่มีจำกัดจำนวนคนเข้าชิง ใครหน้าใหม่มาในปีนั้น จับเข้าชิงชัยหมด ถ้าปีไหนไม่มีหน้าใหม่เกิดขึ้นเลย ก็คือไม่มีใครได้รางวัลนี้ไปในปีนั้น ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วเท่าที่ไอติมตามมา เนื่องจากใช่ว่าทุกคนจะเดินเข้าสู่วงการหนังโป๊ได้ตลอดเหมือนวงการแสดงปกติ
ตอนที่จอ LED กำลังฉายภาพและวิดีโอสั้น ๆ จากหนังที่นักแสดงหญิงแสดง (แต่ไม่เห็นฉากนั้น) แคสโทรลก็เดินเข้ามานั่งข้างแอนโทนี่ ไอติมเอ่ยทักทาย แคสโทรลยื่นมือทักทายแซ็คกับลูคัสด้วย
“And the male rising star goes to…” เสียงซาวด์ดนตรีกลองตีรัวดังทั่วโรงละคร แสงไฟบนเวทีสลับวิววับก่อนที่อีกพักหนึ่งพิธีกรจะประกาศชื่อของผู้ที่ได้รับรางวัล ไอติมปรบมือแม้ว่าจะไม่รู้จักคนที่ได้รับรางวัลหรือผู้เข้าชิงอีกสี่คนเลยก็ตาม คนที่ได้รับรางวัลเป็นฝรั่งที่เห็นครั้งแรกคือนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นหนุ่มประเทศอะไรได้อีกนอกจากอเมริกัน ตัวสูง ผิวขาวขุ่น หุ่นล่ำสมส่วน โครงหน้าโหนกกรามตามฉบับสายฝอ ผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงนิดหน่อยราวกับเพิ่งตื่นนอนมารับรางวัล
“Thank you for…” ไอติมมองโทรฟี่รางวัลสีทองที่ไอติมจำได้ตอนแซ็คถือเมื่อได้รับรางวัลปีแรกว่าเป็นรูปชายหญิงกอดกันกลมเกลียวรวมกันเป็นร่างหนึ่งเดียว ด้านล่างเป็นฐานรางวัลสีดำ จะมีชื่อเวที ชื่อรางวัลและปีที่ประกาศสลักอยู่บนแผ่นทองคำอีกที
“เล็กซี่จะไปเข้าชิงปีหน้าใช่มั้ยฮะ”
“ช่าย ปี่นี้ส่งหมั่ยทัน แข่ยัดไอ่ไบร่อั้นมาลง เจคก่อคุยกับเจ่าของเวทีหน่านมาก” ไอติมพยักหน้าแล้วหันไปมองบนเวทีต่อ ทีมนักเต้นวาบหวิวหนุ่มสาวออกมาสะบัดลีลาอยู่ราวหนึ่งนาที แล้วจากนั้นบนจอ LED ก็ฉายหนังสั้นเกี่ยวกับเวทีนี้ เป็นเหมือนแก๊กตลกล้อเลียนวงการหนังโป๊และจิกกัดใครหลายคนที่ไอติมไม่อาจคาดเดาได้ ที่รู้เรื่องก็เพราะแอนโทนี่บอกทั้งนั้น
“กั่ดผ่วกสปอนเซอร์แหล่วก็นายทุนบางรายน่ะ บอกปัยเถ่อก่อยังหมั่ยรุจัก” ไอติมพยักหน้าและมองพิธีกรคู่เดิมเดินกลับมา พูดคุยอะไรสักแปบกับคนในงานจนเกิดเสียงหัวเราะ
การประกาศรางวัลดำเนินต่อไป โดยที่สามรางวัลใหญ่สุดของงานคือ นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม นักแสดงชายยอดเยี่ยม กับหนังยอดเยี่ยมจะอยู่ท้ายสุด ซึ่งรางวัลของแซ็คแบ่งออกเป็นเดี่ยวชายเดี่ยวหญิง ถือว่าเป็นสาขาใหญ่ไม่แพ้กัน แต่ก็ยังเล็กกว่านักแสดงนำชายหญิงที่เขาเอากันเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าแสดงเดี่ยว
“Best editing porn goes to…” เสียงซาวด์ดังสักพักก่อนที่เสียงประกาศชื่อจะดังขึ้น หญิงสาวร่างอวบผมสั้นคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วชูมือด้วยความดีใจ เธอเดินลงบันไดไปเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงดนตรี เธอขึ้นไปรับรางวัลแล้วกล่าวขอบคุณ ไอติมหันหน้าไปยิ้มกว้างกับลูคัส ก่อนที่รอยยิ้มจะชะงักเมื่อมองตาแซ็ค แต่ก็ยังคงยิ้มแม้จะไม่กว้างเท่าอีกคนก็ตาม
ไอติมต้องขอชมในใจว่าการจัดงานของเขาดีมาก ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีของเหล่าคนในวงการนี้ ที่น่าประทับใจที่สุดคือตอนจอแสดงผลให้เห็นหน้าผู้เข้าชิงทั้งห้าคน คือทุกคนมากันครบ และร่วมยินดีไปกับผู้ที่ได้รับรางวัล แม้ไอติมจะไม่เคยดูงานของคนเหล่านั้น เพราะปีที่ผ่านมามุ่งมั่นแต่เรื่องแซ็ค แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในวงการนี้และได้มาเห็นบรรยากาศการประกาศรางวัลแบบนี้ ไอติมก็สัญญากับตัวเองว่าจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จะไม่หยุดพัฒนาเพียงเพราะมีคนบอกว่าทำดีแล้ว
“And the next is one of the exciting awards that we are waiting for it. (และรางวัลต่อไปเป็นหนึ่งรางวัลอันน่าตื่นเต้นที่เรารอมันอยู่ค่ะ)”
“Yes, and as always, lady first. (ใช่ครับ และก็เช่นเคย สุภาพสตรีก่อน)” พิธีกรเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไอติมขอปรบมือให้ว่ามืออาชีพและคล่องแคล่วมาก ๆ ฟังแล้วไหลลื่น ไม่มีสะดุด ไม่น่าเบื่อ ไม่ยืดเยื้อ และตอนประกาศก็มีจังหวะที่ดีมาก ไอติมเคยดูตอนปีก่อนหน้านี้ (ซึ่งเน้นแค่ปีแซ็ค) ไอติมคิดว่าพิธีกรปีนี้มีพลังดีกว่า หรือเพราะไอติมได้มาเห็นของจริงถึงรู้สึกพลังของงานนี้มากกว่าตอนดูผ่านยูทูปก็ไม่รู้
“And this is our nominee in best male solo. (และนี่คือผู้เข้าชิงของเราในสาขา นักแสดงชายเดี่ยวยอดเยี่ยม)” จอ LED ฉายภาพนักแสดงชายคนแรกที่เข้าชิงในสาขานี้จนกระทั่งมาถึงแซ็คที่อยู่คนที่สาม ทางเวทีตัดช็อตริมทะเลที่ไอติมถือล้องสัมภาษณ์แซ็คที่นั่งสวมหมวกสานอยู่บนชายหาด ไอติมลืมตัวเลยหวีดร้องออกมาอย่างดัง ดีที่ไม่เป็นจุดเด่นมากเพราะแอนโทนี่กับแคสโทรลก็ร่วมวงด้วย พอคนที่สี่ขึ้นมา ไอติมถึงหยุดแล้วหันไปหัวเราะตาหยีกับลูคัสและแซ็ค ขวัญใจไอติมยิ้มอ่อน
“This is you that you always be with me. (นี่คือนายที่เป็นกับฉัน)” ไอติมยิ้มอ้าปากค้างแวบหนึ่ง
“อ้อ…” ไอติมหุบปากลงแล้วยิ้มบาง ก่อนหันกลับไปมองข้างหน้าต่อ พิธีกรสาวหยิบซองสีดำขึ้นมาเปิดออกก่อนหยิบกระดาษแข็งสีขาวขึ้นมาเปิดแล้วยื่นให้พิธีกรชายอ่าน ไอติมยกสองมือขึ้นมากุมตรงอก มองด้วยความลุ้น หัวใจเต้นตึกตัก
“And the award goes to…” เสียงซาวด์ดนตรีดังรัว ยิ่งพาให้หัวใจไอติมเต้นตุบหนักหน่วง เผลอหันไปมองแซ็คด้วยความตื่นเต้น หนุ่มตาสีเทาอ่อนยิ้มกริ่ม จังหวะที่ไอติมหันไปมองบนเวทีก็เป็นตอนที่พิธีกรชายเปิดปากอ่านชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล
“Bryan Steve from happy holiday!” “ว้ากกก!!” ไอติมกระโดดชูสองแขนขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะตามด้วยปรบมือรัว ๆ เหลียวหน้าไปมองแซ็คที่ยิ้มกว้างและกำลังลุกขึ้นยืน ลูคัสนั่งหัวเราะอารมณ์ดีพร้อมกับปรบมือดัง ๆ บนจอสองข้างเวทีฉายภาพแซ็คยืนขึ้นเต็มตัวแล้วกำลังพูดอะไรสักอย่างกับไอติมที่ส่ายหัวหน้าตื่นเป็นการปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ถูกแซ็คลากออกไปจากแถวที่นั่งด้วยกันจนได้
ไอติมหูอื้อและตาลายเพราะแสงไฟวูบวาบ และกำลังช็อคที่แซ็คบอกให้ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกัน ไอติมก้าวเท้าเดินไปอย่างคนมีสติไม่เต็มร้อย มีแซ็คจูงมือนำถึงเดินต่อไปได้ เสียงหวีดร้องดังอื้ออึงแข่งกับเสียงเพลง และเสียงพิธีกรที่พูดอะไรไอติมก็ฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่ประโยคเดียว รู้ตัวอีกทีคือตอนเดินขึ้นไปยืนข้างแซ็คหน้าแท่นวางรางวัลสีดำที่มีโทรฟี่วางรออยู่แล้ว ไอติมมองฝูงคนด้านหน้าตัวเองด้วยความตื่นตูม แล้วก็เขยิบไปยืนซ่อนตัวข้างหลังแซ็ค สร้างเสียงหัวเราะครืนดังไปทั่วโรงละคร
แซ็คยิ้มกว้าง ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยมีไอติมเกาะเอวเดินตาม พระเอกหนังผู้ใหญ่ยื่นมือขวาไปหยิบรางวัลขึ้นมาจากแท่นแล้วชูขึ้น เสียงปรบมือดังอึกทึกอีกรอบ แซ็คก้าวเท้าเดินไปตรงไมค์กลางเวที มีไอติมที่เอาหน้าผากวางชิดแผ่นหลังเขาเดินตามมาติด ๆ เสียงหัวเราะดังเหมือนเสียงคลื่นวิทยุ
“Thank you for this award. This is the fourth time that I am on this stage. Many of you might be wonder who this little boy is, (ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้ครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่ผมอยู่บนเวทีนี้ พวกคุณหลายคนอาจจะสงสัยว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นใคร)” แซ็คเหลียวหลังไปมองไอติมที่ยังคงเอาหน้าผากแนบชิดกับแผ่นหลังของเขาแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปพูดต่อ
“He is the person that made me get this award. He is the scripter, the director, the editor and the inspirator of me. (เขาคือคนที่ทำให้ผมได้รับรางวัลนี้ เขาเป็นนักเขียน ผู้กำกับ คนตัดต่อ และเป็นผู้ให้แรงบันดาลใจของผม)” เสียงปรบมือดังอีกครั้ง แซ็คยกแขนขวาขึ้น ก้มหน้าลงพูดกับไอติม
“Hey, show your face to them, just a bit. (เฮ้ โชว์หน้าให้พวกเขาเห็นหน่อย นิดนึงน่า)” ไอติมดึงหน้าผากออกจากหลังแซ็คก่อนจะเอียงหน้าไปด้านขวา มองเหล่าผู้คนบนที่นั่งแล้วคลี่ยิ้มกว้าง มือขวายกโบกมือให้ทุกคนที่ส่งเสียงตอบรับอย่างเป็นมิตร ไอติมยิ้มตาหยีก่อนจะซุกหน้ากับหลังแซ็คตามเดิม
“That’s him. Thank you. (นั่นเขาครับ ขอบคุณ)” แซ็คพาไอติมเดินออกจากไมค์ เสียงปรบมือดังส่งท้ายอีกครั้ง ไอติมเปลี่ยนไปเดินข้างซ้ายของแซ็ค ก้าวให้ทันขายาว ๆ ของเขาจนกระทั่งลงเวทีไป
“My heart is ooooooh. (หัวใจผมแบบ อู้วววว)” ไอติมไม่รู้จะบรรยายยังไง มือขวาตีที่อกซ้ายเบา ๆ สีหน้ายังคงแสดงออกถึงความตื่นเต้น แซ็คยิ้มกว้าง
มีสตาฟชายหัวล้านที่หูมีหูฟังเดินเข้ามาหาแซ็คและคุยอะไรกับเขาสักพักก่อนที่ฝรั่งตาสีเทาอ่อนจะพยักหน้า แล้วหันมาหาไอติม “You go to wait with Anthony and Lukas. I must go to take a photo at behind the stage. (นายไปรอกับแอนโทนี่และลูคัส ฉันต้องไปถ่ายรูปหลังเวที)”
ไอติมทำหน้างง แซ็คหันไปหาสตาฟ สื่อสารกันครู่สั้น ๆ แล้วสตาฟก็พยักหน้า แซ็คหันมาหาไอติม พยักหน้าให้หนึ่งทีแล้วพาเดินขึ้นบันไดกลับไปตรงแถวที่นั่ง พอไปถึงตรงนั้นแซ็คก็ตะโกนบอกให้แอนโทนี่รู้ว่าตัวเองต้องไปถ่ายรูปเลยพาไอติมมาส่ง แอนโทนี่บอกไอติมเป็นภาษาไทยอีกที ไอติมร้องอ๋อแล้วหันไปพยักหน้ากับแซ็ค ขวัญใจไอติมเดินลงบันไดกลับไปหาสตาฟคนเดิมที่รออยู่
“What’s up superstar?! (ว่าไงซูเปอร์สตาร์)” ลูคัสเอ่ยแซวตอนที่ไอติมนั่งลงบนเบาะ ไอติมหันไปยิ้มตาหยีและหัวเราะด้วยความเขิน ยกสองไหล่ขึ้นด้วยความเขินอาย ลูคัสยื่นมือขวามาขยี้หัวไอติมเบา ๆ ก่อนดึงออกแล้วยกนิ้วโป้งให้หนึ่งทีเป็นการชมว่ายอดเยี่ยม
“เดี๋ยวค่อยฉลองแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันมีงาน ไม่อยากเมา” ลูคัสพูดจากบนรถ แซ็คพยักหน้า ไอติมยิ้มกริ่มและโบกมือให้ลูคัสกับแอนโทนี่ ประตูกระจกเลื่อนขึ้นพร้อมกับที่รถของลูคัสถอยหลังออกไป แซ็คใช้รีโมตกดเปิดประตูบ้าน ไอติมเดินนำเข้าไปก่อน มือขวาถือโทรฟี่รางวัลของแซ็คแน่นเพราะกลัวทำของเขาตก
“Hungry? (หิวมั้ย)” แซ็คถามตอนที่ไขกุญแจเปิดประตูหน้าบ้าน ไอติมถอดรองเท้าแล้วก้มลงใช้มือซ้ายถือขึ้นมา
“No. Just want water. (ไม่ฮะ แค่ต้องการน้ำ)” แซ็คบิดลูกบิดแล้วดันประตูเข้าไปข้างใน ไอติมเดินเข้าไปในบ้าน มีแซ็คเดินตามหลัง ร่างผอมฝ่าความสลัวไปที่ครัวของบ้าน วางรองเท้าไว้บนพื้น วางโทรฟี่ไว้บนเค้าน์เตอร์ เปิดตู้เย็นออกแล้วหยิบขวดแก้วที่บรรจุน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด หันไปอีกทีก็เห็นแซ็คถือรองเท้าตัวเองไว้ให้และถือโทรฟี่ไว้แล้ว แซ็คพยักหน้า ไอติมหยิบแก้วหนึ่งใบ ก้าวเท้าตามแซ็คไปทางห้องนอน
“Where is key? (ไหนกุญแจ)” แซ็คก้มหน้าลงไปมองกระเป๋าเสื้อสูท ไอติมใช้มือขวาหยิบพวงกุญแจบ้านของแซ็คออกมา เข้าไปในห้องก็กดเปิดไฟให้ความสว่าง แซ็คใช้เท้าดันตู้วางรองเท้าลง วางของตัวเองกับของไอติมลงบนนั้นก่อนปล่อยเท้าออกให้ชั้นตีกลับขึ้นไปปิดตามเดิม
“You want to take a shower? (อยากอาบน้ำมั้ย)” แซ็คถาม ไอติมที่เทน้ำใส่แก้วอยู่พยักหน้า
“You? (คุณล่ะ)” แซ็คส่ายหัว
“I’m going to upstairs, bring the rest of stuff here. We are going to move out from here tomorrow. (ฉันจะขึ้นไปข้างบน ไปเอาของที่เหลือลงมา เราจะย้ายออกจากที่นี่พรุ่งนี้)” ไอติมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม มองแซ็คที่นั่งตรงปลายเตียงนิ่ง แปลคำพูดของเขาในหัว และพอแปลได้ก็ดึงแก้วน้ำออกจากปาก อ้าปากหวอ มองหน้าแซ็คด้วยความตกใจ
“Move tomorrow? (ย้ายพรุ่งนี้)” แซ็คพยักหน้า ไอติมหันไปมองรอบห้อง ยังไม่มีของชิ้นไหนได้เก็บสักอย่าง
“We don’t keep things put in bag. (เรายังไม่ได้เก็บของใส่กระเป๋า)”
“I don’t have much and I think you too. We can keep it in three or four hours. (ฉันไม่มีของเยอะนักหรอก และฉันคิดว่านายก็ด้วย เราเก็บสามหรือสี่ชั่วโมงก็เสร็จ)” แซ็คไม่เคยเห็นไอติมไปช็อปเสื้อผ้าหรือของอะไรเพิ่มเติมเลยนอกจากของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ประเมินจากจำนวนของที่ไอติมเอาเข้ามาตอนมาอยู่ที่นี่ แซ็คมองว่ามันไม่ได้เยอะจนต้องใช้เวลานาน และเขาเองก็ของไม่ได้เยอะอย่างที่ว่า
“You need help? (ให้ช่วยมั้ยฮะ)”
“It’s fine. Go to take a shower. (ไม่เป็นไรหรอก ไปอาบน้ำเถอะ)” ไอติมพยักหน้า แซ็คลุกขึ้นยืนถอดสูทตัวนอกออก ปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นไปกองที่ข้อแขน ไอติมถอดสูทออกบ้าง เดินไปหยิบผ้าขนหนูตรงตู้เสื้อผ้ามาพันรอบเอว จัดการถอดกางเกงออก แล้วตามด้วยถอดเสื้อเชิ้ต ไอติมหยิบเสื้อผ้าใส่ลงตะกร้า แซ็คเดินไปที่ประตูห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอติมเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่เกินสิบห้านาทีไอติมก็เดินตัวแห้งออกมาข้างนอก เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนออกมาใส่ นึกตามคำพูดของแซ็คว่าจะต้องย้ายออกพรุ่งนี้แล้ว แม้จะยังไม่รู้เวลาว่าจะออกไปตอนไหน แต่ไอติมก็เริ่มทยอยเก็บของลงกระเป๋าเดินทางไว้ก่อน เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไม่วุ่นวาย
ไอติมนั่งเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางของตัวเองจนหมดตู้ เหลือเพียงชุดที่จะใส่ออกไปจากบ้านในวันพรุ่งนี้ ไอติมเดินวนรอบห้องเช็กของว่าอะไรตกหล่นอีกหรือไม่ พอแน่ใจว่าไม่น่าจะลืมอะไรก็ดันกระเป๋าไปไว้ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์แต่ยังไม่ปิด เพราะคิดว่าตอนเช้าจะทวนกับตัวเองอีกรอบ เผื่อตอนนี้มันใกล้เวลานอนแล้วอาจจะเบลอจนลืม
จะเที่ยงคืนครึ่งแล้ว…
ไอติมกับแซ็คกลับมาถึงบ้านตอนห้าทุ่ม แซ็คหายขึ้นไปข้างบนเป็นชั่วโมงแล้ว ไอติมเดินไปจะหยิบขวดน้ำมาเทน้ำดื่ม แต่ขวดน้ำหายไป สงสัยแซ็คคงเอาออกไปด้วยเพราะหมดแล้ว ไอติมเดินไปเปิดประตูห้อง ออกไปในความมืดสลัวอีกครั้ง เดินตรงไปห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ตอนที่กำลังปิดประตูตู้เย็นและจะเดินกลับห้อง ไอติมก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านบน ไอติมอ้าปากหวอ นิ่งเงียบฟัง วางขวดน้ำไว้บนเค้าน์เตอร์ครัว กระเถิบเท้าเดินไปทางบันไดพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน
“ซะ…” ไอติมกำลังจะอ้าปากเรียกแซ็ค แต่นึกได้ว่ามันดึกแล้ว และไม่ได้มีแค่แซ็คอยู่คนเดียว
“Hey, what happened? (เฮ้ มีอะไรเหรอ)” ไอติมที่กำลังโลเลก้มหน้าลงมองผู้มาใหม่ แคสโทรลที่สูทพาดแขนอยู่ถามด้วยความสงสัย
“I don’t know. Bryan go to above and I heard some sound. (ไม่รู้ฮะ ไบรอั้นขึ้นไปข้างบนแล้วผมก็ได้ยินเสียงบางเสียง)”
“Why don’t you go to upstairs? Don’t be afraid. You live here. (ทำไมไม่ขึ้นไปดูข้างบนล่ะ ไม่ต้องกลัวน่า นายอยู่ที่นี่นะ)”
“I am not owner this house. (ผมไม่ใช่เจ้าของบ้านนี้)”
“Don’t think like that. Come on. Follow me then. (อย่าคิดแบบนั้นสิ มานี่มา ตามฉันมาแล้วกัน)” แคสโทรลเดินนำไอติมไปขึ้นบันได ไอติมเห็นว่ามีคนพาขึ้นไปก็รีบเดินตามอย่างไว เพราะใจก็อยากขึ้นไป เผื่อเมื่อกี้เป็นเสียงแซ็คทำของหล่นแล้วต้องการคนช่วยหรือเปล่า
ตอนที่เดินไปจะถึงตรงห้องแซ็ค แมนดี้ที่ท่าทางกระฟัดกระเฟียดก็เปิดประตูห้องออกมา ไอติมชะงักกึก ก่อนที่จะเบิกตากว้างเพราะสภาพห้องของเธอนั้นเละเทะ แมนดี้มองค้อนไอติมก่อนดึงประตูปิดดังปัง สาวเท้าเดินตึง ๆ ไปทางบันได ในมือซ้ายถือกระเป๋าสะพายของผู้หญิงไปด้วย ไอติมหันไปมองแคสโทรลที่เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง
“Good night. (ฝันดี)” แคสโทรลกระซิบ ก่อนหมุนตัวเดินไปอีกฝั่ง เดินเข้าไปในซอยติดกับระเบียงชมวิวหลังบ้าน ไอติมเดินไปทางห้องแซ็ค เห็นแสงไฟลอดออกมาจาง ๆ ก็โล่งใจว่าเขาอยู่ในนี้ ไอติมบิดลูกบิดแล้วดันประตูเข้าไปด้านใน วินาทีที่ประตูเปิดผางไอติมก็นึกได้ว่าตัวเองควรเคาะประตูห้องก่อน
“Sor—I.” จังหวะที่จะดึงประตูกลับเพื่อปิดแล้วขอเคาะประตูห้องก่อนเปิดใหม่อีกรอบ ไอติมก็ตัวแข็งทื่อเหมือนโดนเมดูซ่าสาปให้เป็นหินกับภาพตรงหน้าของตัวเอง แต่ก็ยังมีสติเหลือพอที่จะรีบปิดประตูแล้วเดินหนี
“No, don’t go. (ไม่ อย่าไป)”
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้ 
ก็ยังคงชอบสีหน้านี้ 555555 ตอบโจทย์
ช่วงนี้เม้าน้อยเพราะเร่งปิดต้นฉบับอยู่ค่ะ ทั้งปั่น ทั้งพรูพ ยอมรับว่าเหลือแรงน้อย และในทวิตก็อะไรนักหนาไม่รู้ อินทั้งการเมือง และหวีดลูกสาว 555555 พออินอะไรสักอย่างเสร็จก็กลับมาเขียนต่อวนไป เหมือนเป็นการเบรกจากการเขียน ฮ่าาา
อ่านคอมเม้นจากตอนก่อนแล้ว ไม่กล้าแคปไปเม้าต่อนอกรอบเลย 55555 อินเนอร์มาอะเนอะ !
ลบข้อความโดย ผู้ดูแลห้อง Boy's love story