Fall in lust, Chapter 23 :: Special from Zach Knighthood. Special from Zach Knighthood
“แซ็ค…” ผมที่นอนมองทะเลสีฟ้าครามอมเขียวมรกตผ่านแว่นตากันแดดสีดำหันไปมองเจ้าของเสียงใสที่เดินมาในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ โชว์ผิวขาวเนียนละเอียดและกล้ามเนื้อขนาดกำลังสวยที่ผมเป็นคนปั้นขึ้นมาให้เองกับมือ
“ลูคัสล่ะ” เขาถามก่อนยกลูกมะพร้าวในมือขึ้นดูดน้ำจากหลอดที่เสียบอยู่
“นู่น” ผมบุ้ยปากไปในทะเล ไอติมเลื่อนสายตามองตามก่อนจะโฟกัสที่ลูคัสกับดัสตินที่ถอดเสื้อโต้คลื่นอ่อน ๆ อยู่ในทะเล
“เฮ้ มองฉันบ้างก็ได้” ไอติมที่นั่งดูดน้ำมะพร้าวและกำลังมองวิวเบื้องหน้าเพลิน ๆ หันมามองผมด้วยความงุนงง แต่เพราะเห็นว่าผมหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เขาเลยคลี่ยิ้มขำและวางน้ำมะพร้าวลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กที่วางคั่นกลางระหว่างเก้าอี้อาบแดดของผมกับของเขา
“ผมก็มองคุณอยู่ตลอด” ผมเงียบ เพราะไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมานั้นแฝงอะไรหรือเปล่า หรือบางทีถ้าไม่แฝงอะไร แต่มันมักจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมได้อยู่บ่อย ๆ และดูไอติมจะรู้ทันเลยหัวเราะก่อนลุกเดินมานั่งคร่อมตัวผมแล้วโน้มตัวลงมา เอาคางเกยแขนขวา มองหน้าผมด้วยรอยยิ้มทะเล้น ผมวางสองมือลงบนบั้นท้ายงอนสวยได้รูปกลมกลึงของเขา
“ผมแค่จะบอกว่าผมไม่มีทางไม่มองคุณหรอก” ไอติมยกนิ้วชี้ซ้ายขึ้นแตะปลายจมูกของผมและคลี่ยิ้มบาง ผมดันแว่นกันแดดขึ้นไปไว้บนหัวเพื่อจะได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายสดใสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“แม้กระทั่งตอนที่ฉันสภาพย่ำแย่ที่สุด” ผมยิ้มเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่มือของเขากุมมือผมไว้แม้ผมจะรู้ว่าเขาเองก็ต้องฝืนใจไม่ใช่น้อย แต่เพราะความเป็นไอติม เป็นกระต่ายลามกของผม เขาถึงกุมมันไว้แน่นจนฉุดผมออกมาได้
“แคร็อทของคุณที่ว่าใหญ่ ยังไม่เท่าน้ำใจผมเลย” เขาแลบลิ้นแล้วยิ้มตาหยีเพราะความเขินกับคำพูดของตัวเอง ผมหัวเราะ รู้ว่าเขาไม่ได้พูดยกยอปอปั้นตัวเอง เป็นคำพูดเปรียบเปรยเล่น ๆ ของเขา
แต่ถ้าเขาจะอวยตัวเอง ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะว่าเขาหรอกนะ
“ฉันโชคดี” ผมยื่นหน้าไปจุ๊บปากเขา และมองเขาด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ไอติมคลี่ยิ้มแบบไม่เห็นฟันและพยักหน้า
“ใช่ แต่คุณจะไม่โชคดีอีกต่อไป ถ้าคุณละเมิดข้อตกลงของผมที่คุณสัญญาแล้วว่าจะทำตามอย่างเคร่งครัด” ไอติมยักคิ้วขวาหนึ่งที แววตาที่มองผมมีความเชือดเฉือนเล็ก ๆ แต่ถึงยังไงมันก็เหมือนกระต่ายขู่อยู่ดี ผมเลยยิ้มขำ
“ฉันมืออาชีพแค่ไหน นายก็รู้” คนบนตัวผมเบะปาก ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงบนตัวผม
“ก็ขอให้รักษาความโปรเฟซชั่นนอลนี้ต่อไปก็แล้วกัน…” ผมคลี่ยิ้ม ยกมือขวาขึ้นทำท่าตะเบ๊หนึ่งครั้ง ไอติมยักไหล่ขวา
“…แต่ข้อห้า ข้อหกและข้อเจ็ดใช้ความโปรเฟซชั่นนอลไม่ได้หรอกนะ ต้องใช้สติ คุณรู้ใช่มั้ย”
“ข้อห้าตัดออกได้เลย เป็นนายแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนหกและเจ็ด ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว นายก็รู้” ผมยิ้มขื่น หัวใจรู้สึกบีบรัดเหมือนมีอะไรมาบีบมันเอาไว้จนรู้สึกอึดอัด
ไอติมยกนิ้วโป้งสองข้างขึ้นและยิ้มกริ่ม “Good boyfriend.”
ผมยิ้มกับประโยคนั้น หัวใจที่บีบรัดเมื่อครู่คลายตัวออกอย่างรวดเร็ว รู้สึกสบายหัวใจ ความอบอุ่นโอบล้อมก้อนเนื้อในอกซ้ายทำให้เกิดความรู้สึกดี “Yes, I’m your boyfriend. And you are mine, too. (ใช่ ฉันเป็นแฟนนาย และนายก็เป็นแฟนฉันด้วย)”
“ประกาศศักดาเหลือเกินนะ นี่ถ้าลูคัส ดัสตินไม่อยู่ใกล้ ๆ ผมล่ะก็…” ผมขมวดคิ้วแล้วพูดแทรกทันควัน
“…ไม่ใช่สักหน่อย ทำไมถึงชอบคิดว่าฉันหวงนายแค่ตอนมีผู้ชายคนอื่นใกล้นะ”
“ก็มันจริงนี่”
“ใช่ มันจริง แต่เวลาอื่นฉันก็หวงนายเหอะ” ผมพูดด้วยความรู้สึกจริงจังและแอบน้อยใจลึก ๆ ที่เขาชอบมองเห็นความหวงของผมที่มีต่อเขาแค่เฉพาะเวลามีผู้ชายคนอื่นวนเวียนอยู่ใกล้เขา
“จริงอ้ะ? คำว่ารักยังไม่ค่อยจะพูดกับผมเลย” ผมมองใบหน้าเรียวสวยได้รูป มองความน่ารักบนหน้าของเขาด้วยสายตาหวงแหน
“ต้องพูดบ่อยขนาดไหนกัน การกระทำฉันยังไม่เพียงพอเหรอ” ไอติมทำตาโตและทำหน้าประมาณว่าเอาจริงเหรอ และนั่นทำให้ผมรู้ว่าคำพูดตัวเองแว้งมากัดตัวเองจนได้
“อันนี้คุณหลุดปากหรือตั้งใจพูด” ผมทำหน้าเซ็งและยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ แฟนผมหัวเราะตาหยี เสียงหัวเราะของเขานั้นใสและสดใสเช่นเคย จนทำให้ผมยิ้มตามได้
“บางทีฉันก็อยากให้นายใจแคบ” ไอติมคลี่ยิ้ม
“ผมใจแคบ แต่ถ้าตัวคุณใจกว้างกับผู้หญิงคนอื่น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ” ผมรู้นะว่ามันเป็นคำตอบที่โง่และไม่ฉลาดเลยที่ตอบออกไปแบบนี้ แต่ผมก็พูดทั้งที่รู้ว่าไม่ควรพูด
“ทำให้ฉันเกรงใจและเกรงกลัวนายไง” ไอติมยิ้มบางเบา และส่ายหัวช้าๆ
“ไม่หรอก…” เขาถอนหายใจแผ่วเบา
“…แม่ผมก็ใจแคบ แล้วพ่อผมเกรงใจแม่มั้ยล่ะ ก็ไม่ ผมจึงเลือกที่จะอยู่กับคุณด้วยความเข้าใจธรรมชาติของคุณ” ผมมองเขาด้วยความรู้สึกปนเปกัน ทั้งขอบคุณและใจหาย
“วันนึงฉันคงเป็นผู้ชายที่นายพูดได้เต็มปากว่าแฟนนายเป็นคนดี”
“ผมรู้ ผมเข้าใจ และผมหมายความตามนั้นจริงๆ” เขายิ้ม ไม่ได้เสแสร้งแกล้งยิ้ม ไม่ได้ยิ้มเศร้า เป็นยิ้มให้กำลังใจผมเหมือนที่เคยมีให้กันมาตลอด และผมขอบคุณเหลือเกินที่ผมยังได้รับรอยยิ้มนี้จากเขาอยู่
“เราไม่มีคลิปให้แฟน ๆ ดูนานแล้ว ริมทะเลสักคลิปมั้ย” ผมยิ้มยั่ว สองมือสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นของเขาและลูบขึ้นลงช้า ๆ ไอติมหันไปมองชายหาดสีขาวสะอาดตากับทะเลสีฟ้าเขียวพักหนึ่งก่อนหันกลับมามองผมด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด
“หาดมันดูโล่ง ๆ มันจะมีที่ให้เราเอากันเหรอ”
“ลองหาก่อนสิ เผื่อมีที่เหมาะๆ” ไอติมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะยักคิ้วทั้งสองข้าง
“จะถ่ายเองเหรอ เรียกลูคัส ดัสตินหรือเดนนี่ไปถ่ายให้มั้ย” ผมกลอกตา แต่ไม่ได้อารมณ์เสียหรือขุ่นเคืองใด ๆ มันเป็นอารมณ์ว่า เฮอะ!
“นายอยากให้ใครถ่ายให้ล่ะ” ผมถาม มือขวาล้วงเข้าไปจับไอติมแท่งของเขาและชักเข้าออกเบาๆ
“เดนแล้วกัน คุ้นเคยกันสุด” และเป็นคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าสุด
“All right. (ก็ได้)” ผมตอบน้ำเสียงอย่างเสียไม่ได้ ไอติมยิ้มกัดริมฝีปากล่างแล้วคลี่ยิ้ม ผมย่นคิ้ว
“ฉันถ่ายเองก็ได้มั้ง” ผมมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ไอติมทำตาโตและขยับหน้าไปซ้ายขวาเหมือนกำลังเต้นเพลงอินเดีย ผมทำหน้าเอือมและพ่นลมหายใจเบาๆ
“เดนนน!” กระต่ายตัวขาวจั๊วะของผมตะโกนไปทางบังกะโลของพวกเรา เขามองทางระเบียงหน้าบังกะโลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างผิวสีเข้มและกำยำแข็งแรงจะเดินออกมายืนเกาะขอบระเบียงไม้
“อะไร” เพื่อนสนิทของไอติมถามพร้อมกับยกมือขวาเสยผมสีดำยุ่งเหยิงของตัวเอง
“เข้าสวนแคร็อทกัน” ถึงจะพูดภาษาไทยกัน แต่ผมก็เข้าใจคีย์เวิร์ดสำคัญของประโยคสนทนานี้ และเดนนี่ก็เข้าใจเช่นกัน ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มมุมปาก
“ที่ไหน” ไอติมหันไปทางทะเลอีกรอบและชี้นิ้ววนไปรอบแบบไร้จุดหมายที่ชัดจน
“เดินดูก่อน เจอที่ไหนเหมาะ ๆ ก็ตรงนั้นแหละ เอามือถือไปด้วยนะ” เดนนี่พยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปข้างในบังกะโลของพวกเรา
“เฮ้ ให้หมอนั่นเป็นแค่ตากล้องไม่ได้รึไง” ไอติมยิ้มตาวิบวับ
“ก็ถ้าเดนอยากป้อนแคร็อทผมด้วย ก็ต้องให้ แต่ถ้าเขาจะถ่ายอย่างเดียวก็ได้” ผมเบ้ปากเล็กๆ
“มันคงถ่ายอย่างเดียวหรอกนะ” ไอติมหรี่ตามองผม
“ก็เดนนี่…” ผมยกมือห้ามไว้ และพยักหน้าหนึ่งทีเพื่อตัดบท ไอติมยิ้มกว้าง ห่อไหล่สองข้างด้วยความเขิน ก้มหน้าลงมาใกล้กับหน้าผมและจูบปากผมไปที
“ทาครีมกันแดดก่อนแล้วกัน” ไอติมพยักหน้า ดันตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงก่อนเหวี่ยงขาออกจากตัวผมไปยืนบนพื้นทราย หยิบครีมกันแดดออกมาจากกระเป๋าผ้าที่วางอยู่บนพื้น ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงแว่นลงมาวางบนจมูกตามเดิม ไอติมถอดเสื้อกล้ามและกางเกงออกจนตัวเปลือยเปล่าโดยไม่ได้สนบรรยากาศรอบข้างแล้วมานั่งตรงหว่างขาของผม
“คุณทายัง” ผมยื่นมือซ้ายไปกอบกุมกลางลำตัวเขาไว้ มือขวาบีบขวดครีมกันแดดลงบนอกของเขา
“ทาแล้ว” ไอติมยิ้ม เอาหัววางบนไหล่ขวาของผม ผมก้มลงหอมแก้มซ้ายของเจ้ากระต่าย ไอติมใช้สองมือช่วยผมทาครีมบนตัวเขาเองโดยที่มือซ้ายของผมยังคงกอบกุมตรงนั้นไว้เพื่อที่อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าเป็นการกันโป๊
“Hey, your a bit on the side has sent messages to you again. (เฮ้ กิ๊กของคุณส่งข้อความหาคุณอีกแล้วนะ)” เดนนี่เดินมาแล้วยื่นโทรศัพท์สีดำมาให้ผม ไอติมยกมือขวาไปลูบซิกซ์แพ็คของเพื่อนตัวเอง เจ้าของกล้ามท้องยืนนิ่งให้เพื่อนตัวเองลูบ ผมยื่นมือขวาไปรับโทรศัพท์มาเปิดดูแอพพลิเคชั่นแชทสีเขียวแล้วขมวดคิ้วก่อนจะกดดีลีทข้อความนั้นทิ้ง ในหัวไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องตอบหรือไม่
“เดนทาครีมกันแดดยัง” ไอติมถามพลางลูบครีมไปตามขาของตัวเอง
“ยัง มึงมาทาให้ดิ๊” แฟนผมพยักหน้า แต่ยังคงนั่งทาครีมให้ตัวเองอยู่ ผมใช้มือขวาช่วยลูบครีมไปบนแผ่นหลังขาวละเอียดที่มันเคยเรียบเนียนกว่านี้
“เสร็จยัง…” เจ้าของแผ่นหลังถาม ผมขอบคุณแว่นตาที่บดบังความเสียใจในแววตาผมไว้ ผมลูบมือไปตามร่องรอยแผลเป็นบนหลังไอติมด้วยความรู้สึกแค้นใจ
แค้นใจตัวเอง“…แซ็ค” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ไอติมส่งยิ้มมาให้ และบอกผ่านทางสายตาว่าไม่เป็นไร ผมกระตุกยิ้มอ่อนและตามด้วยพยักหน้า ดึงมือออกจากแผ่นหลังของเขา ไอติมลุกออกจากเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกับผมไปยืนเปลือยตรงหน้าเพื่อนตัวเอง ผมบีบครีมกันแดดใส่มือซ้ายแล้วยื่นให้ไอติมรับไป ผมกระเถิบตัวไปนั่งขอบเก้าอี้อาบแดด ปาดครีมลงบนก้นขาวเนียนแสนงอนของเขา ไล่มือไปตามต้นขาหลังและตรงน่อง พอปาดครีมเป็นจุด ๆ จนเสร็จก็ใช้สองมือลูบครีมไปทั่วผิวขาวเนียน และไอติมเองก็กำลังใช้สองมือทาครีมกันแดดให้กับเดนนี่อยู่เช่นกัน
หึๆ!
“บันนี่ มาใส่เสื้อผ้าก่อน” ผมหยิบเสื้อผ้าเขาขึ้นมาจากปลายเท้าของผม ไอติมที่แทบจะนั่งคร่อมตักเดนนี่หันมามองผมและคลี่ยิ้มให้ ผมมองมือซ้ายของเดนนี่ที่กำลังบีบก้นฝั่งขวาของไอติมเบา ๆ แล้วทำหน้าเซ็ง
“ข้างหลังทาแล้ว ข้างหน้านายก็ทาเองได้มั้ง” เดนนี่ขำแบบไร้เสียง พยักหน้าขึ้นให้ไอติมเป็นเชิงบอกให้มาใส่เสื้อผ้า กระต่ายตัวขาวหมุนตัวกลับมาหาผมและหยิบเสื้อกล้ามไปใส่ก่อนตามด้วยกางเกงขาสั้นตัวเดิม
“เดนเอาเจลหล่อลื่นมามั้ยอะ” ไอติมนั่งลงบนตักผม ผมยกแขนซ้ายโอบรอบเอวเขาไว้ หันไปมองลูคัสกับดับดัสตินที่กำลังเดินขึ้นมาจากทะเล ลูคัสถือห่วงยางสีดำขนาดใหญ่ที่ยืมทางที่พักมาเล่นกลับขึ้นมาด้วย
“กูเอากล้องมาด้วย” ไอติมพยักหน้า กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่พอหันไปเห็นสองคนที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากทะเลก็ยิ้มกว้าง
“หิวมั้ยฮะ” ลูคัสวางห่วงยางไว้บนพื้นทรายและส่งยิ้มให้แฟนผมที่มองเต้านมของผู้ชายวัยใกล้จะเลขห้าแล้วตาเป็นประกาย
“กินม้าได้ทั้งตัว” ลูคัสตอบพลางเสยผมเปียกของตัวเองขึ้น ไอ้ดัสตินหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและยืนก้มหน้าดูโทรศัพท์
“ผมสั่งอาหารไว้ให้แล้ว คุณไปแจ้งที่ร้านอาหารของรีสอร์ทได้เลย เดี๋ยวเขาเอามาเสิร์ฟ” ลูคัสมองไอติมด้วยความชื่นชมและยิ้มละมุนซะเหลือเกิน
“Wow, thank you, my daughter.” ลูคัสก้มลงจูบปากไอติมหนึ่งทีและยกมือขวายีหัวลูกสาวที่เขาเรียกด้วยความเอ็นดู
“Hey, you don’t have to kiss him. Just say thank you. (เฮ้ ไม่ต้องจูบก็ได้ แค่บอกขอบคุณก็พอ)” ลูคัสหันมามองผมแล้วหัวเราะเบาๆ
“Why? Daddy kissed his baby. That’s all. (ทำไมล่ะ พ่อจูบลูกตัวเองก็แค่นั้น)”
“Make sure if you feel with him a real daddy or a step daddy. (เอาให้แน่ว่ารู้สึกกับเขาว่าเป็นพ่อจริง ๆ หรือพ่อบุญธรรม)” ไอ้ดัสตินเงยหน้าขึ้นพูดและส่งยิ้มยียวนให้ลูคัสที่ยิ้มกว้าง แต่ไม่ได้ยิ้มตอบคนพูดหรอกนะ ยิ้มให้แฟนผมนี่แหละ ส่วนแฟนผมก็ยิ้มร่าตอบ ตั้งแต่ภาษาอังกฤษคล่องแคล่วก็ตอบรับคู่สนทนาได้สมูทเชียวล่ะ
“Look like you guys are going somewhere. (ทำท่าเหมือนจะไปไหนกัน)” ดัสตินถามและมองมาที่ผมกับไอติมก่อนหันไปมองเดนนี่แล้วเลิกคิ้วขึ้น
“Do a vlog. (ถ่ายวล็อกน่ะ)”
“Sex vlog?”
“Yes. (เออ)” ผมตอบเสียงห้วน ลูคัสกับดัสตินหัวเราะ ไอ้รอยสักมังกรชี้ที่ผมสามคนและทำหน้าว้าวก่อนจะร้องวู้ว ๆ เป็นเชิงล้อ ลูคัสแกล้งแซวไอติมด้วยการชูมือขึ้นเป็นเลขสี่และเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม กระต่ายของผมหัวเราะตาหยีพร้อมกับทำท่าทางเขินอายได้น่าตีให้เนื้อแตก
“ฉันจะถือว่านั่นตกลงนะ”
“จะทิ้งฉันได้ไงกัน มากันห้าคน ก็ต้องห้าคนสิ” ไอ้ดัสตินพูดจบก็นำทีมโห่แซวเสียงครึกครื้น มันยื่นมือไปตีมือลูคัสกับเดนนี่สนุกสนาน ผมเองก็ร่วมหัวเราะไปด้วย ส่วนตัวกลางที่ตัวบอบบางที่สุดในกลุ่มอย่างไอติมก็ยิ้มจนหน้าแดง และเขินตัวบิดแล้วบิดอีก จนผมต้องยกมือซ้ายตีหน้าผากเขาไปที
“น้อย ๆ หน่อยไอ้กระต่าย” ไอติมหัวเราะคิกคักจนตาหยี ผมยิ้มตามรอยยิ้มนั้น
“เดี๋ยวฉันไปบอกพนักงานแล้วกัน” ดัสตินเป็นคนอาสาเดินไปบอกพนักงานให้เอาอาหารมาเสิร์ฟ ลูคัสนั่งลงบนห่วงยาง ผมดันให้ไอติมลุกขึ้นยืนแล้วลุกตามเขา เดนนี่เอากล้องถ่ายรูปคล้องคอก่อนจะลุกขึ้นตามบ้าง
“เดี๋ยวเจอกันนะฮะลูคัส”
“Have fun!”
“Oh, it’s gonna be fun surely. (Oh มันต้องสนุกแน่นอน)” ผมตอบกลับและยิ้มมุมปาก พาไอติมเดินออกไปสู่แดดอันร้อนแรงของเมืองไทย มีเดนนี่เดินขนาบข้างไอติมอีกข้างหนึ่ง
ตกค่ำเราทั้งห้าคนไปดินเนอร์กันที่ร้านอาหารของรีสอร์ท พวกเราสั่งอาหารทะเลมาอย่างเต็มที่ ไอติมสั่งกุ้งเผามาราวกับว่ากลัวโต๊ะอื่นจะแย่งตัวเองกิน ผมเป็นคนดื่มน้อยที่สุด เพราะไม่อยากดื่มเยอะ ไม่อยากเมา ส่วนไอติมไม่ชอบดื่มอย่างไร ก็ยังคงไม่ดื่มอย่างนั้น และเขายังคงไม่ชอบไปร้านเหล้าเข้าผับเข้าคลับที่ไหน เว้นแต่จะไปดูผมเต้นโชว์ แต่นั่นมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ถ้าจะเต้น ผมก็เต้นโชว์เขาคนเดียวเนี่ยแหละ
“โปรเจ็คต์เรียลลิตี้สปอนเซอร์เข้ามาให้เลือกไม่น้อยเลยล่ะ ส่วนมากก็เชื่อมือไอศกรีมกันทั้งนั้น” ลูคัสว่าอย่างอารมณ์ดี ใช้ที่หนีบกล้ามปูหนีบเปลือกแข็ง ๆ จนแตกก่อนหยิบเนื้อปูเข้าปาก
“แต่ทางนั้นก็จะทำรายการแข่งกับเราว่ะ” เขามุ่ยหน้านิดหน่อย ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มตามเนื้อปูเข้าไป ก่อนส่ายหัวด้วยท่าทีเซ็งๆ
“ไม่เห็นเป็นไรเลยฮะ ผมว่าดีซะอีก จะได้มีตัวเปรียบเทียบชัด ๆ ว่าของใครสนุกกว่ากัน ซึ่งเราก็ต้องทำให้สนุกกว่า” กระต่ายตัวจ้อยทำหน้ามั่นใจแต่ก็ไม่ใช่มั่นจนน่าหมั่นไส้ เหมือนเขาให้กำลังใจตัวเองและลูคัสมากกว่า
“ฉันรู้ว่ามันต้องสนุก ฉันเชื่อมือเธอเสมอ” ไอติมยิ้มภูมิใจ ลูคัสเองก็มองไอติมด้วยความภูมิใจ ก็นะ ปั้นมากับมือ เชื่อใจและไว้ใจไอติมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ และเขาแทบไม่ผิดหวังเลย แค่ผิดคาดไปบ้างตามปกติของการทำงานที่ไม่อาจเป๊ะ ๆ ไปหมดทุกครั้ง
“I do really wanna join this project. (ผมอยากร่วมรายการด้วยจัง)”
“มึงไม่ต้องเลยไอ้เดน” ไอติมแหวใส่เดนนี่ที่หน้าแดงคล้ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เพื่อนสนิทไอติมหัวเราะเสียงทุ้ม ดัสตินหัวเราะด้วยอีกคน ไอติมหยิบแตงกวาที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปาหัวเดนนี่ คนโดนแตงกวาปาหัวหัวเราะอารมณ์ดี
เรานั่งกินไปคุยไปเรื่อย ๆ แบบไม่ได้เร่งรีบเพราะไม่ต้องรีบไปไหนในวันรุ่งขึ้น ไอติมคอยแกะกุ้งแกะปูและคอยตักอาหารป้อนผมไม่ขาด ผมก็อยากช่วยทำอะไรให้เขาบ้างนะ แต่พอเขาทำให้แบบนี้มันเพลินแล้วก็รู้สึกดีมาก ๆ ผมเลยนั่งให้เขาดูแลผมไปตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ที่ร้านอาหาร
เที่ยงคืนกว่า ๆ พวกเราพากันเดินกลับบังกะโลริมหาดของเรา ห้องที่เราอยู่เป็นห้องพักขนาดใหญ่ เหมาะแก่การพักห้าคนขึ้นไป เต็มที่ได้ถึงสิบคน ลูคัสกับดัสตินเมาหนักสุดแต่ยังสามารถประคองตัวเองเดินกลับได้โดยไม่โซซัดโซเซ เดนนี่เมาน้อยกว่าเลยยังเดินได้ตรงตามปกติแค่อาจจะยิ้มง่ายและหัวเราะเร็วกว่าปกติหน่อย ส่วนกระต่ายของผมน่ะเหรอ หอบกุ้งเผามากินด้วย มีความสุขกว่าใครในโลกหล้าแล้วล่ะตอนนี้
“พรุ่งนี้ว่ากัน” ดัสตินล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนใคร ดึงผ้านวมขึ้นห่มได้ก็หลับตาทันที
“ไม่แปรงฟันก่อนรึไง” ลูคัสถาม คนถูกถามส่ายหน้าแล้วพลิกตัวเข้าหาผนังริมห้องฝั่งตัวเอง ลูคัสเดินเข้าไปทางห้องน้ำคนเดียว เดนนี่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“ไปนั่งกินข้างนอกเถอะ” ผมชวนไอติม เขาพยักหน้าแล้วก้าวเท้าเดินออกไปนั่งเก้าอี้หน้าระเบียงด้วยกัน ผมมองเขาแล้วยิ้ม เขาสบตากับผมและยิ้มตอบทั้งที่ปากยังเคี้ยว
“ผมรู้นะว่าการบอกให้ตัวเองเลิกคิดมากมันยาก แต่ผมก็อยากให้คุณทำ”
“อาการฉันชัดเจนมากเลยเหรอ” ไอติมส่ายหัว
“คุณก็เป็นอย่างนี้มาตลอด แต่ผมรู้ว่าคุณไม่ได้คิดมากเรื่องสาว ๆ ของคุณหรอก คุณคิดมากเรื่องที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว” ผมยิ้มขำปนขื่น ขำที่รู้สึกเหมือนโดนกัดก่อนนิดหน่อยก่อนตามด้วยความขื่นกับความเป็นจริงที่เขาบอกว่าเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ผมพยักหน้าเบา ๆ “ขอบคุณที่อยู่กับฉัน”
“ก็ผมรักคุณนี่” ไอติมยิ้มกว้างเขินอาย ยกไหล่ขึ้นด้วยความเขิน ผมคลี่ยิ้มกว้าง
“นายบอกรักฉันอีกแล้ว” ไอติมหยิบกุ้งเข้าปากแล้วทำตีมึน ผมยิ้มบางก่อนหันมองเข้าไปในห้องพัก มองเดนนี่ที่กำลังนอนใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าอยู่บนเตียงก่อนหันกลับมามองไอติมที่กำลังเคี้ยวกุ้งและมองผมตาใส พอเขากลืนกุ้งลงคอเขาถึงได้เปิดปากพูด
“เราคุยกันแล้วนี่หน่าอันนี้อะ” ไอติมดูดนิ้วดังจ๊วบ ๆ ผมทำปากยู่ ก่อนจะยักไหล่หนึ่งทีแล้วตามด้วยพยักหน้า ไอติมยิ้มพอใจ
“กินเสร็จแล้วห้ามไปนอนทันทีนะ” เขาพยักหน้ารับ รู้ว่าผมเป็นห่วง กลัวว่าเขาจะเป็นโรคกรดไหลย้อน ไอติมเสี่ยงจะเป็นไม่ใช่เพราะกินอาหารไม่เป็นเวลาหรอก เสี่ยงเป็นเพราะหลายทีชอบกินแล้วนอนเลย
ผมนั่งรอไอติมกินกุ้งจนหมดก็พาเขากลับเข้าไปในห้อง เราสองคนเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันด้วยกัน ลูคัสกับดัสตินนอนหลับไปแล้ว เดนนี่นั่งเล่นเกมในมือถืออยู่ แต่ผมรู้แหละว่าอีกเหตุผลนึงที่เขายังไม่นอนเพราะอะไร ก็เหตุผลเดียวกับผมนี่แหละ
“เดน นอนกันเถอะ” เขาพยักหน้า กดปิดเกมแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนขอบไม้บนหัวเตียง ไอติมล้มตัวลงนอนตรงกลาง พลิกตัวเข้ามาหาผมและเอาแขนขาก่ายกอดผมไว้ ด้านหลังมีเดนนี่นอนซ้อนและแขนซ้ายกอดเอวไอติม ผมเอื้อมมือไปปิดโคมไฟตรงโต๊ะข้างเตียง ห้องเราตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์ส่องทะลุผ่านม่านสีขาวบางเข้ามาเท่านั้น
เรากลับมาที่บ้านไอติมกลังจากบุกทะเลอยู่หลายวันจนผิวเปื่อย บ้านไอติมกลายเป็นที่พักพิงของทุกคนเวลาเดินทางมาประเทศไทย ต้องยอมรับว่ามันสะดวกสบายกับคนต่างถิ่นอย่างพวกเรามาก เริ่มแรกเดิมทีเพื่อน ๆ จากต่างประเทศที่มาพักบ้านไอติมนั้นก็มีความเกรงใจ แต่เพราะเจ้าของบ้านแสดงถึงความเต็มใจในการต้อนรับจึงทำให้เบาใจและรู้สึกผ่อนคลาย
“วันนี้นายต้องออกกำลังกาย ฉันให้นายกินเยอะเกินไปแล้ว” ไอติมหน้ายู่เมื่อผมพาเขามาออกกำลังกายที่ฟิตเนสแถว ๆ บ้านเขา เจ้าของฟิตเนสก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เขากับน้าแพนนั่นแหละ แต่ในทางปฏิบัติควบคุมดูแลก็จะเป็นผมซะมากกว่า
“ยังขี้เกียจอยู่เลยอ่า…” เขาบ่นในขณะที่ใส่กางเกงขาสั้นสำหรับออกกำลังกายอยู่ในห้องล็อคเกอร์ พอใส่เสร็จเขาก็ยืดตัวตรงแล้วมองผมตาวิบวับ
“…ออกกำลังกายแบบอื่นไม่ได้เหรอ” เขายิ้มยั่วยวนชวนเชิญ กระเถิบเข้ามาใกล้ผม มือขวาลูบเป้าผมวนไปทางขวา
“ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ อย่ามาขี้โกง” ไอติมยิ้มกว้างตาหยี ปล่อยมือออกจากเป้าผม หยิบเสื้อสำหรับออกกำลังกายมาใส่
“ได้ พร้อมแล้ว!” ผมยิ้มมุมปาก ยื่นมือขวาไปจับมือซ้ายของเขาและเดินจูงมือเขาออกไปข้างนอกเพื่อพาไปออกกำลังกาย ผมต้องเดินจูงมือเขาแบบนี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เพราะมีลูกค้าในฟิตเนสของเราคนนึงแสดงท่าทีออกว่าชอบแฟนผม แต่ท่าทีอีกฝั่งน่ะไม่สำคัญเท่าความอัธยาศัยดีของกระต่ายตัวนี้หรอก
“Zach, your friend is waiting at the drawing room. (แซ็ค เพื่อนคุณรอคุณอยู่ในห้องรับแขก)” ตอนที่เราเดินผ่านเค้าน์เตอร์เซ็นเตอร์ของฟิตเนส เทรนเนอร์ผู้ชายใส่แว่นคนหนึ่งที่วันนี้รับหน้าที่ดูแลส่วนนี้ชูมือขึ้นเรียกเราสองคนและตะโกนบอกผม แต่ไม่ได้ตะโกนลั่น
“Who? (ใครเหรอ)” เขาส่ายหัว สีหน้าไม่รู้จริงจัง
“He said he wants to make you surprise. (เขาบอกว่าเขาต้องการทำให้คุณเซอร์ไพร์ส)” ผมขมวดคิ้ว ไอติมกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง
“ใครอ่า”
“ไม่รู้ ไปดูที่ห้องรับรองกัน” ไอติมพยักหน้า ผมขอบคุณเทรนเนอร์คนนั้นที่ยิ้มตอบกลับมา เราสองคนเดินไปทางห้องรับรองของฟิตเนสที่อยู่โซนเดียวกับห้องล็อคเกอร์และอยู่ใกล้กับห้องน้ำ ประตูกระจกสีดำสนิทปิดอยู่ ผมดันประตูเข้าไปด้านใน ไม่ต้องเสียเวลามองหา เพราะคนที่มารอพบเรานั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางห้องรออยู่แล้ว ผมมองคนตรงข้ามด้วยความตกใจ แต่ที่มากกว่าความตกใจคือความโกรธที่ปะทุอยู่ในอก
“เจค็อบ!” ผมหันไปมองไอติม เขาหน้าถอดสีก่อนกระเถิบตัวมายืนหลังผม ผมหันกลับไปมองผู้มาเยือนคนนั้น เขาคลี่ยิ้ม มองมาที่ผมด้วยสายตาละมุนละไมซะเหลือเกิน
“Why are you here?! (มาที่นี่ทำไม?!)” ผมถามเสียงเรียบ ใบหน้าตึงไร้อารมณ์ใดๆ
“I’m coming to see both of you. (ฉันก็มาหานายสองคนไง)” เขาตอบน้ำเสียงนุ่มทุ้มและยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มดูดี
“We don’t want to see you. (เราไม่ต้องการพบแก)” ผมพูดเสียงแข็งและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว
“อู้ววว…” เจค็อบห่อปากสูดปากเสียงเบาและทำสีหน้าเสียอกเสียใจ
“…So mean. (ใจร้ายจริงเชียว)” แล้วเขาก็คลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับเลื่อนสายตาวาววับของเขามองไอติมที่โผล่หน้ามามองเขาจากด้านหลังของผม
“Hi, ice-cream. (สวัสดี ไอศกรีม)” เขาเอ่ยทักทายไอติมเสียงยานคางผสมเสียงหัวเราะในลำคอเล็กๆ
“Fuck off mother fucker. (ไปให้พ้นไอ้แม่***)” เจค็อบหัวเราะเสียงดังขึ้นกับคำด่าของไอติม รอยยิ้มกว้างของเขาสนุกสนานกับสถานการณ์ตอนนี้
“How lovely you are. (เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้)” เขาพูดน้ำเสียงระรื่นราวกับเมื่อกี้ไอติมเอ่ยชมเขา ผมมองเจค็อบตาไม่กะพริบ ส่วนเขามองเราสองคนแล้วยิ้มกว้างราวกับเป็นคนโรคจิต
ไม่สิ เขามันโรคจิต
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้ อุ๊ต๊ะ พี่แซ็คมายังไง
ไม่พูดเยอะค่ะ ไม่ได้เจ็บคอนะ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร 555555
เอาเป็นว่า Keep reading กันนะคะ ตอนนี้ทางตอมสามารถพูดได้เต็มปากเลยค่ะว่ามันกลางเรื่องมาตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้ว เรื่องกำลังดำเนินสู่พาร์ทหลัง ๆ ของเส้นเรื่องนิยายเรื่องนี้ค่ะ
แต่ถามว่าใกล้จะจบรึยัง แล้วมีกี่ตอน อันนี้ตอบไม่ได้จริง ๆ คือมีในใจนะคะ แต่ยังไม่กล้าเผยออกมา เพราะนิยายตอมไม่เคยจบได้ตามตอนที่คิดไว้เลยสักเรื่องตั้งแต่เขียนมา (เหมือนเยอะ มีอยู่สองเรื่องอะเธอ) 5555555
ยังไงก็เจอกันตอนหน้าเนอะ ส่วนถ้าใครติดตามเพจกับทวิตเตอร์ตอมอยู่
ลบข้อความโดย ผู้ดูแลห้อง Boy's love story ขอบคุณพลังบวกและกำลังใจดี ๆ ที่มีให้กันนะคะ
แท็กเรื่องนี้ #ประสบกามประสบรัก