LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว  (อ่าน 36911 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่ท็อปคนดีที่หนึ่งเลย ขอให้ผ่านด่านคุณพ่อบุ๋นไปแบบสบายๆเลยนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตอนที่ 54 : ไฮโดรควิโนน







“บุ๋น คุณบดินทร์มาแล้ว” พี่แจน สาวสวยผู้จัดการร้านเครื่องสำอางของพ่อพี่บุ๋น ชะโงกหน้าเข้ามาบอกในห้องรับรองที่พวกผมทั้งแปดคนนั่งรอกันอยู่หลังร้าน

พี่บุ๋นคว้าแขนพี่ท๊อปออกจากห้องแทบจะทันที



“ชาๆ” พี่ตองเขย่าแขนผม “รีบตามไอ้บุ๋นไปกันเถอะ”

“เอางั้นเลยเหรอ” ผมไม่ค่อยแน่ใจ ถึงจุดประสงค์ของการมาในวันนี้จะเพื่อมาเป็นทัพเสริมให้พี่ท๊อปกับพี่บุ๋น แต่การจะให้เดินตามสองคนนั้นไป มันก็ยังทำให้รู้สึกเกร็งๆอยู่ดี

“ดีซิ เผื่อเกิดเรื่องขึ้น เราจะได้ช่วยได้ อย่างน้อยอยู่แถวๆนั้น พ่อไอ้บุ๋นจะได้ไม่กล้าของขึ้นมากนัก”

“โอเคๆ” เอาวะ



ผมกับพี่ตองรีบเดินตามออกไปที่หน้าร้าน แต่....



“พี่กั้ง!!” ผมหลุดเรียกคนที่เห็นตรงหน้าออกมาทันที มันยั้งไม่ทันจริงๆ จู่ๆก็เห็นพี่กั้งมายืนอยู่ในร้านพ่อพี่บุ๋น

“อ้าว น้องน้ำชา” พี่กั้งก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นผม “มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“คือ...”

“อะแฮ่ม” พี่ตองกระแอม แต่ในเสียงขัดจังหวะนี้ผมรู้สึกถึงอารมณ์หงุดหงิดใจได้อย่างชัดเจน “ตรงนี้ไม่ได้มีคนยืนอยู่คนเดียวนะ”

อือหืออออ ทำพูดลอยหน้าลอยตานะพี่ตอง ท่าทางจะอารมณ์บูดจริงที่มาเจอคนๆนี้ ไม่ได้แคร์ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเลยนะ

“ตอง” กรรม พี่กั้งก็ทักพี่ตองแค่ผ่านๆแบบชัดเจน เกลียดเวลาที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จังเลย “แล้วสรุปว่าน้องน้ำชามาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

“นี่ร้านของพ่อพี่บุ๋นครับ ผมมา...”

“มาทำงานของพวกเรา” พี่ตองก็แทรกขึ้นมาอีกแล้ว แต่ไม่ใช่แค่แทรกเสียงนะ ตัวใหญ่ๆของพี่เค้าก็เดินเข้ามาแทรกด้านหน้าระหว่างผมกับพี่กั้งไว้เหมือนกัน “ว่าแต่... พี่เถอะ ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอที่มาโผล่ที่นี่ ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่ามีคนพยายามตาม... แฟนของผมอยู่”

“ถ้าจะตามคิดว่าจะห้ามผมได้เหรอ” เอาแล้วไง ผมรีบคว้ามือพี่ตองมาจับไว้แน่นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผมอยู่ตรงนี้และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อเป็นการห้ามไม่ให้ไอ้คนเลือดร้อนสองคนถลาเข้าใส่กันกลางร้านเครื่องสำอางค์ด้วย “แต่โทษทีนะที่ต้องทำให้ผิดหวัง พอดีผมมาในนามนักศึกษาวิจัย”

“วิจัย?” พี่ตองยังคงไม่วางใจคนตรงหน้า “ในร้านเครื่องสำอางแบบนี้ จะทำวิจัยอะไรไม่ทราบ”

“ผมเรียนวิทย์เครื่องสำอาง... นี่ไง” พี่กั้งชูอุปกรณ์ที่ปกติมักเห็นในแล็บทดลองขึ้นมาให้ดู “หวังว่าคงเข้าใจนะ เจ้าชายตอง”

“หวังว่าจะไม่มายุ่งกับ...”

“งั้นเราปล่อยให้พี่ทำงานก็แล้วกันนะครับ” ผมพยายามพูดเพื่อระงับสถานการณ์ “ไปกันเถอะพี่ตอง”

“ไว้เจอกันครับ” ยังจะพูดอีกนะพี่กั้ง

“ไปซิ” พี่ตองก็ยืนนิ่งมองหน้าพี่กั้งไม่กระดิกเลย ผมพยายามดึงแขนพี่ตองให้ออกจากตรงนี้แล้วนะ



“คิดว่าตลกมากนักหรือไง” เสียงใครตะคอกวะ

ชิบหายล่ะ ลืมไปเลย

พี่ท๊อปกับพี่บุ๋นกำลังโดนชายในชุดสูทดำคนหนึ่งตะคอกใส่กลางร้าน ไม่ใช่แค่ผมนะที่ตกใจ ลูกค้าที่เดินอยู่ในร้านก็แอบมีชะงักเหมือนกัน

ผมว่าทุกคนคงเดาออกนะว่าใครที่กำลังส่งเสียงดังอยู่....

“นั่นพ่อพี่บุ๋นใช่ไหม?”

“ใช่เลย” พี่ตองเลิกสนใจพี่กั้ง

ผมกับพี่ตองรีบเดินตรงไปที่จุดเกิดเหตุ หวังว่าจะเบาอารมณ์เดือดดานของพ่อพี่บุ๋นได้บ้างนะ



“คุณบดินทร์ สวัสดีครับ” พี่ตองกล่าวทักทายทันทีที่ไปถึง ผมยกมือไหว้ตาม ส่วนพี่ท๊อปกับพี่บุ๋นก้มหน้านิ่งอย่างกับคนสารภาพผิด “สบายดีไหมครับ”

“ก็คงจะสบายดีอยู่หรอก” พ่อพี่บุ๋นยังไม่คลายโมโหลงนัก “ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ลูกคนนี้มาพูดอะไรไร้สาระ เคยเห็นพ่อขำกับอะไรแบบนี้หรือไง พูดมาได้ยังไงว่าจะมาขอคบกันกับ... ไอ้หนุ่มนี้”

“นี่คือพี่ท๊อปครับคุณบดินทร์ เป็น...”

“ผมไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นใคร” พี่ตองถูกสกัดการพูดไว้ นี่ฉุนเฉียวเบอร์สุดเลยนี่หว่า เอาไงดีวะกู “ไหนบุ๋น พูดมาซิว่านี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหม”

“ป...เปล่าครับคุณพ่อ..” พี่บุ๋นตอบอย่างกลัวๆ

“ยังจะมาพูดเล่นอีก!!!” เสียงตะคอกระรอกที่สองนี่ดังกว่าเดิมอีก

“เราไม่ได้พูดเล่นกันนะครับคุณพ่อ” พี่ท๊อปพูดบ้าง นี่คงกำลังใจดีสู้เสืออยู่ซินะ “ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะมาขออนุญาตคุณพ่อคบหากับน้องบุ๋น”

“หุบปาก!!!! กูไม่ใช่พ่อมึง...”

!!!!!!!!

ชิบหายละมึง ระเบิดลงของจริงแล้วไง

“คุณบดินทร์ครับ” พี่ตองรีบแสดงความช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองอย่างรวดเร็ว “แต่พี่ท๊อปเป็นคนดีมากนะครับ และผมคิดว่า...”

“นี่ตองจะมาช่วยกันพูดใช่ไหม” พ่อพี่บุ๋นเบรกพี่ตองไว้อีกแล้ว

ทำไมถึงเป็นคนมีจุดเดือดต่อเนื่องได้ขนาดนี้นะ

ทันใดนั้นเองที่ท่านสังเกตมาเห็นว่าผมกับพี่ตองจับมือกันอยู่

“อ๋อ... แบบนี้นี่เอง เธอสองคนก็คงกำลังทำเรื่องผิดๆกันอยู่ใช่ไหม” นั่นไง กูโดนลูกหลงไปด้วยจนได้ “เพราะแบบนี้ใช่ไหมบุ๋น ลูกถึงได้มีความคิดประหลาดๆแบบนี้”

“มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นนะครับพ่อ” พี่บุ๋นเริ่มเถียง

“ไอ้ลูกคนนี้...”

“พอก่อนเถอะครับทุกคน!!!” ครั้งนี้เป็นผมเองที่พูด

“เธอเป็นใคร?” โดนคำถามนี้จากพ่อพี่บุ๋นเข้าไป จุกเลยกู

“ผมจะเป็นใครก็ช่างเถอะครับ แต่ตอนนี้คนมองมาทั้งร้านแล้ว และผมเกรงว่า... จะเกิดความเสียหายกับทางร้านนะครับ ลูกค้าอาจจะตกใจได้”

คุณบดินทร์เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวเอง ท่านมองไปรอบและเห็นลูกค้าหลายคนมองมา

“เราไม่คุยกันหลังร้านดีกว่านะครับ” ผมเสนอ

พ่อพี่บุ๋นไม่พูดอะไร แต่ก็เดินตรไปยังด้านในห้องรับรองตามคำแนะนำของผม

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเดจาวูเลย คล้ายๆกับตอนที่ไปเจอพ่อพี่ตองตอนนั้น โดนด่ากระเจิงแต่ก็ระงับเหตุไว้ได้ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ

พวกหัวธุรกิจนี่หวงความเสียหายต่องานมากกว่าเรื่องอื่นจริงๆ แต่ถ้าเข้าห้องรับรองได้ คราวนี้พี่ท๊อปกับพี่บุ๋นได้เจอระเบิดของจริงแน่ๆ



“ขอโทษนะครับ คุณเป็นเจ้าของร้าน Refresh ใช่ไหมครับ” อะไรอีกกกกก จู่ๆพี่กั้งก็เข้ามาขวางพ่อพี่บุ๋นไว้

“ใช่ มีอะไร” คุณบดินทร์ยังคงหัวเสียอยู่ “ผมกำลังรีบ”

“ผมเป็นตัวแทนนิสิตจากมหาวิทยาลัยมัณฑนาครับ” พี่กั้งแนะนำตัวพร้อมกับถือขวดโลชั่นยี่ห้อหนึ่งไว้ในมือ

“แล้วยังไง?”

“ผมควรจะพูดให้ท่านฟังชัดๆนะครับ ผมเป็นนิสิตจากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง และวันนี้ผมมาทำวิจัยเรื่องการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เวชสำอางทุกร้านในห้างนี้... นี่ครับ” พี่กั้งยื่นเอกสารสองสามแผ่นให้คุณบดินทร์ “ใบยินยอมให้ทำการสำรวจจากเจ้าของห้างสรรพสินค้ากับใบรับรองงานวิจัยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข”

“คุณมาบอกผมทำไม จะตรวจอะไรก็เชิญ ผมไม่ว่างมาต้อนรับหรอกนะ ผมมีปัญหาให้ต้องดูแลเยอะแยะ”

“งั้นนี่ก็เป็นปัญหาที่ท่านควรจะต้องมีส่วนในการดูแลรับผิดชอบนะครับ”

“อะไร!?” นั่นซิ อะไร ทำไมพูดแบบนั้นวะ

“ในโลชั่นขวดนี้ตรวจพบสารไฮโดรควิโนนครับ”

“อะไรนะ!! เป็นไปไม่ได้”

“นั่นซิ เป็นไปไม่ได้” พี่บุ๋นสนับสนุน “โลชั่นยี่ห้อนี้ผมเป็นคนไปจัดหามาเอง... ตอนไปเกาหลีไง พี่ท๊อปจำได้ไหม?”

“ได้ครับ” พี่ท๊อปตอบทันที “ต...แต่พี่ไม่ได้ไปด้วย”

พ่อพี่บุ๋นหันมาหาคำตอบจากพี่บุ๋น เรื่องนี้คงสำคัญมากจนทุกคนลืมเรื่องที่ยังค้างคาอยู่เมื่อกี๊ไปเสียสิ้น

“ผมเช็คแล้วแน่นอนครับพ่อ” พี่บุ๋นยืนยัน “สิ่งสำคัญที่พ่อบอก สเตอร์รอยด์ ปรอท ไฮโดรควิโนน ร่วมถึงสารเจือปนเล็กๆน้อยๆ ไม่มีทางที่ผมจะพลาด อย. ก็ให้ผ่านมาแล้ว มันจะมีไฮโดรควิโนนอยู่ในนี้ได้ยังไง”

“นั่นซิกั้ง” พี่ท๊อปแสดงความสงสัย “โลชั่นยี่ห้อนี้กำลังดังในเกาหลีเลยนะ ไม่น่าจะมีสารอันตรายอยู่ได้ ตรวจดีแล้วแน่นะ”

“จะดูอีกทีก็ได้นะ” พี่กั้งวางอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ชุดเล็กๆ ลงบนเค้าเตอร์ใกล้ๆ จากนั้นบีบโลชั่นเล็กน้อยลงบนจานหลุม ก่อนจะตักผงสีเหลืองๆใส่ลงไปด้วยกัน และเมื่อคนจนเข้ากันเพียงวินาทีเดียว โลชั่นก็กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม “นี่ไงครับ ไฮโดรควิโนน จากระดับความเข้มของสีโลชั่นที่เกิดปฏิกิริยา ผมว่ามีปริมาณไฮโดรควิโนนอยู่เยอะเลยล่ะครับ”

“นี่หมายความว่ายังไงบุ๋น” พ่อพี่บุ๋นหันมาหาลูกชายตัวเองอีกครั้ง

“แต่ผมเช็คดีแล้วจริงๆนะพ่อ” พี่บุ๋นท่าทางไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“เช็คดีแล้วมันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

“ใจเย็นก่อนนะครับ ผมขอคุยกับคุณแจนได้ไหมครับ” พี่ท๊อปเสนอ “บางทีอาจจะไม่ได้ผิดที่โลชั่น แต่ถ้าเราสามารถเช็คย้อนกลับไปได้ว่า โรงงานที่ผลิตโลชั่นตัวนี้ไม่ตรงตามโรงงานผลิตปกติที่ผลิต อาจจะบอกได้ว่าเป็นการปลอมแปลงสินค้า... คือผมพอจะรู้จักเกาหลีประมาณนึงครับ ผมทำงานที่นั่น”

“จะทำอะไรก็ไปทำ” คุณบดินทร์บอก “แต่อย่าให้ร้านนี้ต้องเดือดร้อนก็แล้วกัน”

“ผมจะพยายามครับ” พี่ท๊อปนี่โคตรพระเอกเลย ทั้งๆที่เพิ่งจะโดนตะคอกใส่หน้าเมื่อกี๊ แต่กลับยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างกับเป็นร้านของตัวอง “...บุ๋นมากับพี่หน่อย พี่ต้องให้ช่วยดูชื่อโรงงาน”

“ครับ...” แล้วพี่บุ๋นก็เดินตามพี่ท๊อปไปหาพี่แจนที่ยืนรับลูกค้าอยู่หน้าร้าน



“แต่ถึงยังไงผมก็จำเป็นต้องบันทึกผลการทดสอบครั้งนี้ลงงานวิจัยนะครับ” โอ้โห ไอ้พี่กั้ง มึงไม่ได้ดูบริบทของเรื่องเลยใช่ไหมว่าร้านเขาไม่ได้มีเจตนา นอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังวางขวดกับเก็บผลวิจัยลงซองเก็บตัวอย่างหน้าตาเฉย “และผมคงต้องบอกนะครับว่า ผลการตรวจนี้จะส่งถึงมือกระทรวงสาธารณสุขแน่นอน”

“อะไรกันพ่อหนุ่ม” คุณบดินทร์ท่าทางวิตกกังวลอย่างชัดเจน ซ้ำยังเสียงอ่อนลงคล้ายเป็นการขอร้อง “นี่มันเหตุสุดวิสัย ร้านของผมทำธุรกิจอย่างถูกต้องและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เหตุเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทำเป็นลืมๆไปไม่ได้เหรอ”

“ไฮโดรควิโนนเป็นสารอันตรายนะครับ” พี่กั้งพูดเสียงเรียบ นี่กูผิดไหมที่อยากจะตันหน้าไอ้รุ่นพี่คนนี้ซักหมัด “ผมเรียนมาทางด้านนี้ ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเป็นจรรยาบรรณอันดับแรกที่ผมถูกสอนมา คงลืมไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ”

พ่อพี่บุ๋นเดินเข้าไปใกล้พี่กั้งก่อนจะกระซิบ แต่ผมก็ยังได้ยินนะ “เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะ ผมจะให้ผู้จัดการดูแลค่าใช้จ่ายในการวิจัยนี้ให้และสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แต่อย่าเขียนเรื่องนี้ส่งสาธารณสุขได้ไหม หรือถ้าขาดเหลือค่าใช้จ่ายอีกเท่าไหร่ก็บอกผมได้เลย ผมยินดีสนับสนุน”

“รู้จักใช้คำพูดดีนะครับท่าน” ไอ้พี่กั้งนี่ยังไงวะ ผู้ใหญ่ยอมทำขนาดนี้แล้วยังจะพูดเสียงแข็งกลับมาอีก “แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้นครับ”

คุณบดินทร์แสดงสีหน้าบอกความสิ้นหวังอย่างชัดเจน

“เพียงแต่....” จู่ๆ ไอ้นักทดสอบเครื่องสำอางก็หันหน้ามาทางผม “ถ้ามีคนพาผมไปนั่งทานมื้อเที่ยงสักชั่วโมงนึง ก็อาจจะทำเป็นลืมๆไปได้ครับ”

“ได้เลย!!” คุณบดินทร์ยิ้มร่า แต่พี่ตองนี่แสดงออกคนละสีหน้าเลย “เดี๋ยวผมหาคนพาไปทางอาหารดีๆเลยนะ หรือคุณจะเป็นคนเลือกร้านเองก็ได้”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ แค่...”

“ผมไปเองครับ” ผมอาสา

“ไม่ได้นะชา” พี่ตองห้ามผมทันที

ให้ตายเหอะ ใครๆก็ดูออกว่าไอ้พี่กั้งมันต้องการอะไร พูดมาซะขนาดนี้ กะว่าจะให้กูไปนั่งกินข้าวด้วยละซิ กูไม่ได้โง่นะ

“ยังไงพี่ก็ไม่ให้ชาไป” พี่ตองยังคงยืนยัน ผมรู้ว่าพี่ตองเองก็ดูออก แต่จะทำใจได้ยังไง ผมก็พอเข้าใจนะ ถ้ามองในสถานการณ์กลับกัน ผมเองก็คงไม่ยอมให้พี่ตองไปนั่งกินข้าวกับใครเหมือนกัน แต่...

“ไม่ต้องห่วงครับ” ผมมองตาพี่ตองอย่างจริงจัง “ชาไม่เป็นไร เพราะแค่... ไปนั่งกินข้าวเฉยๆ ใช่ไหมครับพี่กั้ง”

“ใช่เลย” ดูมันตอบ ไม่ต้องเป็นพี่ตองหรอก กูเองยังอยากจะซัดหน้าไอ้คนพูดเลย แต่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ข่มใจไว้ก่อน ต้องพาเรื่องนี้ให้ผ่านไปด้วยดีให้ได้ “แค่มื้อเที่ยง แค่เราสองคน”

“ไอ้...”

“พี่ตอง” ผมรีบห้ามพี่ตองไว้ อย่าต้องให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างเพื่อให้พี่ตองดู “ชามีโทรศัพท์ มีอะไรจะรีบโทรหาทันทีเลย”

"......." ถึงพี่ตองจะดูไม่วางใจนักแต่ก็พอเข้าใจสถานการณ์ เพียงแต่เรื่องที่พี่ตองเหมือนโดยหยามนี่ซิ อาจจะทำให้พี่เค้าหมดความอดทนเหมือนไหร่ก็ได้

“เชื่อใจชานะ” ผมให้ความเชื่อมั่นต่อพี่ตอง

“......” พี่ตองยังคงไม่ตอบ เอาแต่เบือนหน้าหนีผมไป นี่คงเป็นสัญญาณของการยอมรับแบบไม่เต็มใจซินะ เอาเถอะ ยังไงก็ถือว่าไม่มีปัญหาแล้ว ผมจึงเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระเป๋าเสื้อตัวเอง

“ไปกันเลยไหมครับพี่กั้ง” ผมหันไปถาม

“ทันทีที่น้องน้ำชาพร้อมครับ” ยังจะมาทำพูดเสียงอ่อนเสียงหวานใส่กูอีก รีบพาออกจากร้านดีกว่า

“ไปครับ”



“ฝากดูแลแทนผมหน่อยนะ” คุณบดินทร์พยายามพูดตามหลังผม "มาเบิกค่าใช้จ่ายกับผมได้นะ"



ผมเดินนำพี่กั้งออกจากร้านไป ระหว่างที่เดินออกมาก็เจอกับพี่ท๊อปที่พยายามเรียกผม แต่ผมไม่สนใจหยุดคุยด้วย ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วดีกว่า

นี่กูต้องออกไปกินข้าวเที่ยงกับไอ้คนที่พยายามสร้างความร้าวฉานในความรักจริงๆใช่ไหมเนี่ย



“พี่ขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม” พี่กั้งเอ่ยขึ้นเมื่อออกมาจากร้านได้สักพัก

“เชิญครับ” ผมตอบ ไม่อยากมองหน้ามันเลย พูดตรงๆ



ผมเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องน้ำสักพัก จนมาระลึกได้ว่าตัวเองก็เริ่มปวดฉี่แล้วเหมือนกัน จึงเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ

ตุ๊บ

หึ!! เสียงอะไรวะ

ระหว่างเข้าประตูห้องน้ำ ผมเหมือนจะเห็นในกระจกแวบๆว่าพี่กั้งทิ้งอะไรลงถังขยะ ที่สังเกตเห็นได้ก็เพราะไม่มีใครเข้าห้องน้ำอยู่เลยในขณะนั้น

“อ้าวน้ำชา จะเข้าห้องน้ำหรอ” พี่กั้งสะดุ้งเล็กน้อยที่เจอผมเข้า

“ครับ” ผมตอบ

“งั้น... ให้พี่เฝ้าไหม”

“อย่าเลยครับ เอ่อ.... ผมเขินน่ะครับ พี่ช่วยออกไปก่อนได้ไหม... นะครับ”

“ก็ได้... แต่พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้บ่อยๆนะ พี่ชอบ”

“ครับ”

แล้วพี่กั้งก็เดินออกไป

ไอ้ส้นตีนเอ๊ย มึงคิดว่ากูอยากพูดออดอ้อนแล้วก็ทำท่าเหนียงอายให้มึงงั้นเหรอ กูทำเพราะกูมีแผนเว้ย ซึ่งแผนนั่นก็คือการไล่ให้พี่กั้งออกไปจากห้องน้ำก่อน เพื่อดูว่ามันทิ้งอะไรลงถังขยะ


ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
!!!!!!!!

แบบนี้นี่เอง

ทันทีที่ผมเห็นขยะชิ้นเดียวในถังขยะใบเล็กของห้องน้ำ ผมก็เหมือนจะจับประเด็นอะไรได้นิดหน่อย

รีบเก็บดีกว่า

ผมนำทิชชู่ในห้องน้ำมาเป็นตัวรองหยิบสิ่งที่พี่กั้งทิ้งลงถังยะ ก่อนจะม้วนมันด้วยทิชชู่อีกหลายๆรอบแล้วเก็บใส่กระเป๋าสะพายข้าง

แผนการครั้งนี้สำเร็จแล้ว แต่ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้อีก คงยังไม่สามารถทิ้งน้ำเสียงออดอ้อนของตัวเองไปได้



“เอ่อ... พี่กั้งครับ” ผมเรียกพี่กั้งหลังจากออกมาจากห้องน้ำด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอีกฝ่ายอยากฟัง เชื่อไหมว่าเมื่อกี๊ผมลืมฉี่ ก็มันมีเรื่องอื่นมาดึงความสนใจไปก่อนนี่นา

“ครับน้องน้ำชา” โอเค เป็นไปตามที่คิด ไอ้พี่กั้งดูจะตกหลุดพลางผมแล้ว “มีอะไรเหรอ”

“พี่กั้งหิวมากไหมอ่ะ คือพอดีว่าชาอยากจะเดินช็อปปิ้งสักแป๊บนึง... ได้ไหมอะครับ”

“ได้ซิครับ พี่ยังไม่หิวมากหรอก”

“ขอบคุณนะครับ พี่ใจดีจัง ไม่เหมือน... พี่ตองเลย พี่ตองชอบดุชา แถมยังขี้โมโหด้วย”

“ก็พอจะมองออกครับ มากับพี่รับรองว่าน้องน้ำชาจะสบายใจแน่นอน จริงๆน้องน้ำชาอยากซื้ออะไรก็บอกพี่ได้เลยนะ เดี๋ยวพี่จ่ายให้”

“เกรงใจจังครับ”

“เกรงใจอะไร พี่เต็มใจต่างหาก น้องน้ำชาจะได้เห็นว่าพี่จริงใจแค่ไหน”

“พี่ใจดีจริงๆด้วย งั้นก็ขอบคุณนะครับ ไปช๊อปปิ้งกันเถอะครับ”

“เชิญครับ... ว่าแต่ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“เดี๋ยวชาพาไปครับ เป็นของพิเศษแน่นอน”



เอาล่ะ เป็นไปตามที่วางแผนไว้

หลังจากนั้นผมพาพี่กั้งไปซื้อของอย่างที่ว่าไว้ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่พักใหญ่เลยแหละ ผมก็ไม่ได้อยากจะเสียเวลานานขนาดนี้นะ เพียงแต่ว่าของแต่ละอย่างมันอยู่คนละโซนของห้างเลย จนเมื่อซื้อเสร็จเราก็ได้มาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารปิ้งย่างร้านนึง



“เอาเซ็ตใหญ่เลยครับ” พี่กั้งสั่งรายการอาหารกับพนักงาน แหม สั่งเซ็ตใหญ่ คิดจะโชว์ป๋าเหรอ กะจะให้กูประทับใจว่างั้น

"ค่ะ" พนักงานรับและเดินจากไป

“ขอบคุณนะครับที่พาชาออกมาช๊อปปิ้ง” อะๆ เล่นกับมันซะหน่อย

“ยินดีอยู่แล้วครับสำหรับน้องน้ำชา” หวานเข้าไป แต่หยอดแค่นี้ บอกเลยว่าไม่ทำให้กูใจสั่นได้สักนิด ไม่ติดฝุ่นการหยอดระดับพระกาฬของพี่ตองได้เลย “ว่าแต่ว่า น้องน้ำชานี่ซื้อของแปลกๆนะครับ ไม่เหมือนคนช๊อปปิ้งทั่วไป สมุดปากกาอะพอเข้าใจได้ แต่อุปกรณ์แต่งหน้า ต้องใช้ด้วยเหรอครับ พี่ว่าหน้าตาธรรมชาติของน้องน้ำชาก็น่ารักดีอยู่แล้วนะครับ”

“ก็ชาเป็นผู้นำเชียร์นิครับ ต้องมีของพวกนี้ไว้บ้าง”

“อ๋อ... แล้วไอ้แป้งสีดำๆ ถุงมือยาง กับเทปกาวนี่เอามาทำไหมครับ”

“แป้งสีดำนี่เรียกว่าผงคาร์บอนครับ ผงคาร์บอนกับถุงมือยาง ชาจะเอาไปใช้ในแล็บ ก็เด็กวิทยาศาสตร์นิครับ ส่วนเทปกาวนี่ก็... ซื้อเผื่อไปงั้นแหละครับ เห็นพี่กั้งใจดีก็เลยเผลอซื้อเยอะไปหน่อย ขอโทษนะครับ”

“บอกแล้วไงว่าพี่ยินดี มากกว่านี้พี่ก็ให้ได้”

“ใจดีแบบนี้ งั้น... พี่กั้งช่วยอะไรชาอย่างนึงได้ไหมครับ”

“หลายอย่างก็ได้ครับ”

“คือ... ชาเป็นคนที่ชอบความรู้อะไรใหม่ๆ พี่กั้งอธิบายเกี่ยวกับสารไฮโดรควิโนนให้ชาฟังหน่อยได้ไหมครับว่ามันคืออะไร ชาไม่ได้เรียนมาทางนี้เลย”

“อ๋อ สารไฮโดรควิโนนอะเหรอ ก็คือสารเคมีชนิดหนึ่งครับ มันช่วยเร่งให้ผิวขาว ลดฝ้า ลดกระได้รวดเร็ว แต่เป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เพราะเป็นอันตรายต่อผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ แดง ลอก ระคายเคือง ยิ่งถ้าใช้มากๆ ก็จะทำให้เกิดผิวด่าง แรกๆที่ใช้อาจจะดูเหมือนว่าดีนะ แต่แทนที่กระหรือฝ้าจะหาย อาจกลายเป็นว่าจะต้องอยู่กับมันแบบถาวรเลยก็ได้”

“โห... ถ้าอันตรายขนาดนี้ ชาจะรู้ได้ยังไงละครับว่าเครื่องสำอางตัวไหนมีไฮโดรควิโนนหรือเปล่า”

“ก็ทดสอบอย่างที่พี่ทำไงครับ”

“อ๋อ... จริงด้วย แล้วชาจะหาซื้อชุดทดลองแบบที่พี่กั้งมีได้ที่ไหนอะครับ”

“มันเป็นของที่ต้องเบิกจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่านั้นครับ แต่ถ้าน้องน้ำชาอยากได้ ก็อาจจะไปทำเรื่องขอซื้อก็ได้นะ ที่กรมน่าจะขาย”

“ยุ่งยากจัง แบบนี้กว่าจะรู้ ชาไม่เผลอใช้ไปเยอะแล้วเหรอครับ ไม่มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นเหรอ”

“ทำไมน้องน้ำชาอยากรู้เรื่องนี้จังครับ ชอบความรู้จริงๆเหรอ” เอาแล้วไง โดยสงสัยแล้วกู

“ก็....” จะตอบยังไงดีล่ะ “ก็ไม่เชิงครับ ไหนพี่กั้งบอกว่าชาน่ารักไง ขืนชาเผลอไปใช้เครื่องสำอางที่มีไฮโดรควิโนนขึ้นมา แล้วเสียโฉม ชาก็ไม่น่ารักให้พี่กั้งชมอีกน่ะซิ”

ได้ผลแฮะ ไอ้พี่กั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย ไอ้ใส้ติ่งหมาเอ๊ย รู้จักแอ็คติ้งไหม กูแอ็คติ้งอยู่ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ต้องให้มันเผยความรู้ออกมาเยอะๆ

“ไงล่ะครับ สรุปว่าไม่มีวิธีที่ตรวจหาไฮโดรควิโนนแบบง่ายๆแล้วเหรอ”

“ก็มีครับ”

“ยังไงอ่ะ” เสียงออดอ้อนต้องมาอีกรอบซินะ “นะนะ บอกชาหน่อยนะ”

“ใช้ผงซักฟอกครับ ใช้ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นละลายกับน้ำเล็กน้อย แล้วหยดลงบนครีมที่เราสงสัย ถ้าครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ก็คือให้ผลเป็นบวกครับ"

"บวก?"

"แปลว่าอาจจะมีไฮโดรควิโนนอยู่ในนั้นไง”

“อ๋อ..... ง่ายๆแบบนี้เอง”

“ใช่ครับ ง่ายๆ งั้นน้องน้ำชาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียโฉมแล้วนะครับ”



“ได้แล้วค่ะ” พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร



“งั้นชามีอะไรจะมาสอนพี่กั้งเหมือนกัน” ผมเปิดประเด็นอีกครั้งเมื่อพนักงานจากไป “ในฐานะเด็กวิทย์”

“อะไรเหรอครับ” ดี ให้ความสนใจแบบนี้แหละดี หลังจากนี้จะได้เห็นของดีจากกูบ้าง “ใส่ถุงมือทำไมครับ”

“ก็จะแสดงให้ดูไง ใจเย็นๆซิครับ” ผมสวมถุงมือยางแล้วเอาของที่ซื้อมาออกมาวางบนโต๊ะ และสิ่งที่ผมเก็บมาจากถังขยะเมื้อกี๊ซึ่งมันยังคงถูกพันด้วยทิชชู่ “ผมบอกพี่ไปแล้วใช่ไหมครับว่าอันนี้เรียกว่าผงคาร์บอน”

“ครับ บอกแล้ว...”

“ผงคาร์บอนปกติจะถูกใช้เป็นอุปกรณ์พลางตัว​ ที่พวกทหารใช้ทาตามตัวหรือหน้าน่ะครับ แต่เพราะมันมีความละเอียดสูงมากจึงมีประจุไฟฟ้าอ่อนๆ และแถมยังมีคุณสมบัติในการยึดเกาะกับไขมันได้ดี ก็เลยถูกนำมาใช้แบบนี้” ในที่สุดผมก็เผยให้เห็นสิ่งที่ผมเก็บมาจากถังขยะ มันคือ...เข็มฉีดยาที่ถูกใช้งานแล้ว ยังคงมีของเหลวบางอย่างอยู่ในหลอดพร้อมกับเข็มปลายแหลมด้วย... พี่กั้งสะดุ้งทันทีที่เห็น  “ถ้าเราใช้แปรงขนนุ่มๆอย่างเช่นแปรงแต่งหน้าที่พี่กั้งซื้อให้ เอามันจุมลงไปในผงคาร์บอนแล้วนำมาปัดเบาๆบนบริเวณที่เราคิดว่ามีการใช้นิ้วมือสัมผัส เราก็จะพบร่องรอยการใช้งาน... พี่กั้งคิดว่าบนเข็มฉีดยาด้ามนี้มีคนเคยสัมผัสมาก่อนไหมครับ”

“...............” คนตรงหน้าของผมไม่ตอบ ก็ดี งั้นฟังต่อไป

“พี่ไม่รู้เหรอ แต่ผมว่ามีนะ... นี่ไง! เห็นแล้วๆ มีใครบางคนใช้เข็มฉีดยานี่จริงๆด้วย รอยนิ้วมือโผล่ขึ้นมาเลย เห็นไหมครับ..." เข้าใจอารมณ์ของผมใช่ไหม ผมกำลังยิ้มกริ่มและซะใจหน่อยๆ "จากนั้นผมก็จะเอาเทปกาวแบบใสแปะลงไปบนรอยนิ้วมือที่ตรวจเจอแบบนี้ แล้วก็ดึงออกมา เห็นไหมครับ รอยนิ้วมือชัดเจนแล้ว แต่ถ้าอยากจะเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานด้วยก็เอาเทปกาวที่มีรอยนิ้วมือนี่ไปแปะลงบนกระดาษสีขาวแบบนี้... เรียบร้อยแล้ว เห็นไหมครับ และนี่คือสิ่งที่ผมจะสอนพี่ การเก็บรอยนิ้วมือจากหลักฐาน”

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ นี่พี่ดูไม่ออกเหรอ พี่จำเข็มฉีดยาอันนี้ไม่ได้หรือไง"

"........." อึ้งไปเลย โดนกูพูดตรงจุดซินะ

"พี่ต้องเรียนรู้จากผมอย่างนึงนะ ผมอ่ะเก่งนะพี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เหตุผลปะติดประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ผมนี่เก่งสุดๆไปเลย มาลองฟังดูนะครับ รอยนิ้วมือบนเข็มฉีดยานี่ ผมมั่นใจมากว่าเป็นรอยนิ้วมือของพี่กั้งแน่นอน ผมเห็นนะว่าพี่ทิ้งมันลงถังขยะในห้องน้ำ เชื่อไหมว่านี่ไม่ใช่รอยเดียวที่ผมจะเก็บได้ บนเข็มนี้ยังมีอีกหลายรอยนิ้วมือที่พี่ทิ้งไว้ รวมถึงบนขวดโลชั่นขวดนั้นด้วย ขวดโลชั่นที่พี่โกหกว่ามีสารไฮโดรควิโนนผสมอยู่  พนันกันไหมละว่าผมจะเจอรอยเข็มฉีดยาอยู่ที่ขวดโลชั่น และที่สำคัญ ผมว่าผมเดาไม่ผิดนะ ในเข็มฉีดยาด้ามนี้ต้องเป็นสารไฮโดรควิโนนแน่ๆ ผมรู้ว่าพี่ต้องพกมันมาด้วย เพราะพี่ต้องใช้สาธิตให้เจ้าของร้านดูเพื่อเปรียบเทียบการเกิดปฏิกิริยาที่เหมือนกันระหว่างสารไฮโดรควิโนนที่เตรียมมากับสารไฮโดรควิโนนที่พบในเครื่องสำอาง แต่เมื่อตอนที่พี่แสดงการทดสอบให้พ่อพี่บุ๋นดู พี่ไม่แสดงผลการทดลองเปรียบเทียบให้ดู นั่นก็แสดงว่าพี่แอบใช้มันไปแล้ว... พี่คิดว่าไง คิดว่าผมปะติดปะต่อเรื่องราวเก่งไหม"

"................" ยังคงไม่ตอบ

"แต่ก็คงขอบคุณพี่นะที่ช่วยสอนผมเรื่องการทดสอบหาไฮโดรควิโนนด้วยผงซักฟอก เพราะพี่ช่วยสร้างสถานการณ์ที่ทำให้พี่ท๊อปกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาว”

“ท๊อป?”

“ใช่ครับ” ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมา “เห็นนี่ไหมครับ ผมแอบกดโทรศัพท์หาพี่ท๊อปตั้งแต่ก่อนออกมาจากร้านแล้ว ตลอดเวลาที่ผมออกมากับพี่ ผมเปิดสายคุยกับพี่ท๊อปอยู่ตลอด... อยากฟังไหมครับ เดี๋ยวผมเปิดลำโพงให้ฟัง... ฮัลโหลครับพี่ท๊อป”

“ฮัลโหล น้ำชา” ปลายสายคือเสียงจากพี่ท๊อปจริงๆ ผมคิดอยู่แล้วว่าพี่ท๊อปต้องยังไม่ว่างสายจากผมแน่นอน เพราะพี่เค้าเห็นผมเดินออกมากับพี่กั้ง มันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ “ขอบใจมากนะสำหรับข้อมูล ตอนนี้พี่กำลังทดสอบไฮโรควิโนนในโลชั่นขวดอื่นๆด้วยน้ำผงซักฟอกอยู่ ขอบใจอีกครั้งนะครับ”

“ยินดีครับ อย่าลืมโชว์ผลงานให้พ่อพี่บุ๋นดูด้วยนะครับพี่ท๊อป ผมว่าพ่อพี่บุ๋นต้องชอบพี่มากขึ้นแน่ๆ... แค่นี้ก่อนนะครับ” ผมกดวางสาย

"นี่น้ำชาหลอกพี่เหรอ"

"พี่กล้าต่อว่าผมด้วยคำพูดนี้ได้ยังไง พี่หรือเปล่าที่เริ่มต้นหลอกคนอื่นก่อน กล่าวหาพ่อพี่บุ๋นด้วยการแอบฉีดสารอันตรายลงไปในโลชั่น คำว่าจรรยาบรรณที่พี่พูด สำหรับพี่มันมีอยู่จริงหรือเปล่า ผมขอถามหน่อยเถอะ" อย่าให้กูต้องพูดมากไปกว่านี้นะ ไม่อยากถูกใครหาว่าเป็นคนพูดจาปีนเกรียวกับรุ่นพี่ "เอาเป็นว่าอย่างงี้ก็แล้วกันนะพี่... พี่กั้งขู่พวกเราด้วยเรื่องไฮโดรควิโนนใช่ไหม? งั้นผมก็จะขู่พี่คืนด้วยเรื่องไฮโดรควิโนนเหมือนกัน ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูอาจารย์ประจำงานวิจัยของพี่ ไม่ซิ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจ พี่จะไม่ได้ล้มเหลวแค่การทำวิจัยแน่นอน คิดว่าพี่คงเข้าใจนะ... เพราะงั้น หลักฐานพวกนี้ผมขอเก็บไว้ก่อนนะครับ เอาไว้เตือนใจพี่ว่า ​อย่ามายุ่งกับผมอีก ไม่งั้นผมจะไม่แค่หลักฐานไว้กับตัวเอง... ผมไปนะครับ อ้อ ขอบคุณนะครับที่ช่วยซื้ออุปกรณ์พวกนี้ให้ มันใช้ตรวจหาลายนิ้วมือได้ดีเลยล่ะครับ ส่วนเรื่องมื้อเที่ยงของเรา ผมขอบายนะ ทานมื้อเที่ยงคนเดียวให้อร่อยนะครับ”

“เดี๋ยวก่อน... โอเค ก็ได้ พี่ยอมรับผิด แต่แค่นั่งกินด้วยกันแค่มื้อเดียว มันลำบากใจนักเหรอ”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังกล้ารั้งกูไว้อีก หน้าด้านเกิ๊น “พี่กับไฮโดรควิโนนเหมือนกันอยู่อย่างนึงนะครับ รู้ไหม... เหมือนจะดี”

ซะใจชะมัด

ผมลุกออกจากเก้าอี้และหยิบหลักฐานทั้งหมดก่อนจะก้าวเท้าอย่างผู้มีชัยออกนอกร้านทันที ปล่อยไอ้คนข้างหลังให้นั่งอยู่อย่างนั้นแหละ







“แสบนะเรา”

“พ...พี่ตอง” จู่ๆ ผมก็เจอพี่ตองยืนอยู่หน้าร้านปิ้งย่าง “มาทำอะไรอยู่ตรงนี้อ่ะ”

“ก็ตามแฟนพี่มาซิครับ” ดูมันตอบ

“นี่อย่าบอกนะว่าสะกดรอยตามชามาตลอด”

“ตลอดครับ”

“งั้นรู้แล้วซิว่า...”

“รู้แล้วครับว่ามีคนฉีดสารแปลกแปลมใส่โลชั่น พี่แอบฟังทั้งหมดนั่นแหละ แต่แฟนพี่ร้ายกว่าหลายเท่าเลย”

"ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนที่ห้องพี่ตองโดนพี่แอมถล่มตอนนั้น ชาลองศึกษาเกี่ยวกับการเก็บหลักฐานมาบ้าง ได้เอามาใช้อีกจนได้"

"ถึงได้บอกว่าร้ายไง" พี่ตองขำ ผมก็ด้วย

"กลับกันเถอะ" ผมชวน



#เสียงข้อความจากโทรศัพท์ (ของพี่ตอง)



"พี่ท๊อปไลน์มา" พี่ตองบอกระหว่างเดินกลับร้านของพ่อพี่บุ๋น

"ว่าไงอ่ะ" ผมสนใจ

"ทดสอบโลชั่นขวดอื่นๆแล้ว ไม่เจอสารอันตราย พ่อไอ้บุ๋นถูกใจใหญ่เลย แล้วก็... มีรอยเข็มเจาะบนขวดที่พบสารจริงๆด้วย"

"กะแล้วไม่มีผิด... บอกพี่ท๊อปให้หน่อยว่าอย่าเพิ่งให้ใครจับขวดโลชั่นนะ ชาจะไปเก็บรอยนิ้วมือ"

"โอเคครับ" พี่ตองพิมพ์ตอบตามที่ผมบอก "เรียบร้อย... พี่ท๊อปบอกว่า เก็บขวดแยกไว้ให้แล้ว"

"ดีครับ"

"เห้อออออออ" จู่ๆ พี่ตองก็ถอนหายใจ

"ถอนหายใจทำไม"

"ต่อไปพี่เองก็คงต้องระวังตัวให้ดีซินะ"

"ทำไม?"

"ก็มีแฟนเป็นนักสืบแบบนี้ ขืนเผลอนอกใจขึ้นมา พี่คงโดนจับได้แน่ๆ จะโดนลงโทษยังไงก็ไ่รู้"

"ไม่ต้องห่วง ชาไม่ทำอะไรพี่หรอก"

"ห๊ะ ไม่คิดจะหึงจะหวงพี่บ้างเลยเหรอ พี่อุตส่าพูดขนาดนี้แล้วนะ"

"ไม่ทำอะไร แปลว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่อีก จบกันทันที ชาไม่เสียเวลามาตามจับผิดพี่ตองหรอก"

"โห... โหดของจริง แต่พี่ไม่ทำหรอกครับ แฟนพี่ทั้งเก่งทั้งน่ารักแบบนี้.........





...............ใครนอกใจก็โง่แล้ว"

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่กั้งเล่นไม่ซื่อแบบนี้ต้องเจอน้ำชาหน่อย สุดยอดไปเลย โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย เหมือนจะดี 5555555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​......................................................................

คำสารภาพอันเว้าวอน


ขออภัยที่ช่วงนี้นักเขียนหายหน้าหายตาไป เนื่องจากนักเขียนถูกเรียกไปคัดตัวนักกีฬาแบดมินตัน การฝึกซ้อมทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนไม่สามารถเขียนนิยายได้เลย แม้ใจจะอยากประพันธ์ผลงานเพียงใดก็ตาม กราบขออภัยอย่างยิ่ง

สำหรับตอนที่ 55 นี้ เป็นตอนที่นักเขียนกลัวที่จะต้องแต่งที่สุด เพราะคือสัญญาณของโค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วจริงๆ และมีเนื้อหาที่ค่อนข้างสะเทือนใจ แล้วก็จริงอย่างที่คาดไว้ ระหว่างเขียนก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ถึงอย่างไรเสีย อีกไม่นานก็คงจะสิ้นสุดนิยายเรื่อง Love Leader แล้ว จึงอยากใคร่ขอกราบขอพระคุณผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ หลังจากจบนิยายเรื่องนี้แล้ว ก็คงพักยาว แต่ถ้าจะหันกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งคงกลับไปเขียนแนว Fantasy ที่ตนเองถนัด หากมีผลงานอื่นๆในคราวต่อไปหวังใจอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ให้ความสนใจเช่นเคย



ขอความสุขจงมีแก่ท่าน

K.R.

………………………………….





ตอนที่ 55 : ความเจ็บปวด







“อิชาๆ ถึงคิวมึงแล้ว” “โอเคๆ” “อิเล็ก ช่วยกูยกกล่องนี้หน่อย” “สุ่ยกับข้าวเจ้าอยู่ไหน” “ต่อไปคิวใคร ท๊อปจะร้องเพลงจบแล้วนะ” “อิชาค่ะพี่ปิงปิง กำลังจะออกไปแล้วค่ะ” “ปฏิทินเซ็นชื่อไปถึงไหนแล้ว ข้างนอกหมดแล้วนะ” “กำลังยกไปค่ะเจ๊ซีซี่”

เป็นไงละครับ แค่เสียงที่ได้ยินก็คงรู้แล้วใช่ไหมว่าพวกเรากำลังวุ่นงายกันสุดๆ

ผม พี่ตอง ไอ้ต้อม ขิง พี่บุ๋น พี่ท๊อป กำลังทำหน้าที่ให้ความบันเทิงในแจกปฏิทินในช่วงบ่าย หลังจากที่จัดการกับตัวร้ายอย่างพี่กั้งได้แล้ว

แต่ปัญหาก็คือ แผนการแจกปฏิทินของวันนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผมขอร้องให้แม่เลื่อนกำหนดการเข้ามา ก็เลยไม่มีทีมงานมาดูแลงานมากนัก พวกบัดดี้ของลีดมหาลัยและแก๊งนางฟ้าเพื่อนหญิงพลังหญิงของผมก็เลยต้องมาช่วยจัดการดูแลงานแจกปฏิทินในครั้งนี้ ส่วนไอ้สุ่ยกับไอ้ข้าวก็กลายเป็นสองคนใหม่ที่ถูกให้ความสนใจจากบรรดาเหล่าคนที่มารอรับการแจกปฏิทิน ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะคนแค่หกคนเริ่มจะเซ็นชื่อลงบนปฏิทินไม่ทันแล้ว



“...แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง ได้อยู่ในนั้นซึ่งฉันไม่ควรได้เข้าไป แค่เท่านี้ก็ดีพอกับใจ ของเธอ....”



ขอบอกเลยว่า งานนี้ต้องขอบคุณพี่ท๊อปมากๆสำหรับความเป็นศิลปินที่มีอยู่ในตัว เพราะพี่เค้าเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถดึงคนดูอยู่ได้

สำหรับผมแล้ว นี่อาจจะดูวุ่นวายและรับมือยากนะ แต่ไม่ใช่กับพ่อพี่บุ๋น การมีคนจำนวนมากมาจอแจอยู่หน้าร้านขายเครื่องสำอางของตน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียนี่กะไร ยิ่งพี่ท๊อปพยายามช่วยพูดดึงดูดลูกค้าให้เข้าในร้าน เรียกได้ว่าเอาใจพ่อพี่บุ๋นไปเต็มๆ แม้ท่านจะยังดูมีมาดอยู่บ้าง แต่สัญญาณนี้ก็ถือว่าดีมากๆ อีกไม่นานพี่ท๊อปคงกลายเป็นที่รักของพ่อพี่บุ๋นเป็นแน่แท้

กลับมาที่งานงานแจกปฏิทิน มันไม่หมูอย่างที่คิดเลย พวกเราไม่ใช่แค่ต้องรับมือกับคนมากมายที่โหมกระหน่ำเข้ามายื้อแย่งปฏิทิน แต่ต้องสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ได้ด้วย ให้ความบันเทิง ร้องเพลง สัมภาษณ์กันเอง ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้การแจกปฏิทินไม่กร่อย หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้บริษัทของแม่ผมต้องเสียหน้า

แต่กว่างานจบงาน มันช่าง.........



“เห้ออออออ ไม่ตายเหอะ ปวดขาชะมัด” ผมบ่นออกมา ก็เพราะในที่สุดงานวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เรายังไม่ได้กลับกันนะ ผมและทุกๆคนยังอยู่ที่ห้องรับรองของร้านพ่อพี่บุ๋น ทุกคนอยากพักเหนื่อยกันก่อน สภาพแต่ละคนไม่ต่างกันเลย แทบจะทิ้งตัวไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ยกเว้น... “อิเจสซี่ มึงทำอะไรน่ะ”

“เอาปฏิทินส่วนที่กั๊กไว้ใส่กล่องพัสดุไง” อิช้างตอบผม จริงๆเท่าที่สังเกต อิเล็กกับวาวาก็กำลังทำอย่างเดียวกัน

“จะส่งไปให้ใครวะ” ผมถาม

“ก็ลูกเพจไง หมายถึงแฟนเพจของมึงนั่นแหละ พวกต่างจังหวัดที่มารับปฏิทินไม่ได้ อย่ามาด่าว่ากูกั๊กของนะ นี่ถือเป็นค่าตอบแทนที่กูมาช่วยงานมึงวันนี้”

“มึงจะทำอะไรก็ทำเหอะ กูไม่ว่าหรอก... เออว่าแต่ มึงช่วยส่งไปที่ท่าเรือ KTYC ซักสามอันได้ไหม”

“ห๊ะ” อิช้างสงสัยอะไม่แปลกหรอก แต่พี่ตองก็สงสัยด้วย จะไม่ให้สงสัยได้ไง นั่นบริษัทท่าเรือของพ่อพี่ตองนี่นา

“มีพนักงานบริษัทของพ่อพี่ตองอยากได้อ่ะ” ผมอธิบาย “ตอนที่ไปที่นั่น พวกพี่เค้ามาขอไว้”

“จริงอ่ะ” พี่ตองยิ้ม

“แล้วมึงมีชื่อไหมล่ะ” อิเจสซี่ถาม “ขืนส่งไปมั่วๆ คนคงแย่งกันตาย กูเช็คล่าสุด ราคาขายปฏิทินเซ็ตปีนี้เก้าพันเลยนะคะขอบอก”

“จริงอ่ะ" โหดสัสรัสเซีย "แต่เออวะ กูก็ไม่รู้ชื่อเหมือนกัน... อ้อ เอางี้ จ่าหน้าว่า ฝ่ายวิเคราะห์ ละกัน”

“โอเค ได้ ดีนะที่กูกั๊กไว้เยอะ มีเหลือพอดี มึงจะส่งไปให้ใครอีกไหมล่ะ”

“ไม่อ่ะ แต่กูขอไว้ซักสองสามอันละกัน จะเอาไปแจกที่โรงบาลมหาลัย”

“ค่าาาาานายแม่ กูทำงานดีขนาดนี้ สรุปคือกูได้เป็นบัดดี้ของมึงชัวร์แล้วใช่ป่ะ”

“เออๆๆ มึงได้เป็นแน่ ถ้ากูได้เป็นลีดมหาลัยอะนะ”

“เดี๋ยววันจันทร์ผลก็ออกแล้วครับ” พี่ตองพูดขึ้น

“จริงเหรอคะ” อิช้างตื่นเต้นกว่าผมอีก

“กูต้องเป็นคนถามไหมอิช้าง” ผมแขวะ ก่อนจะหันไปคุยกับพี่ตองต่อ “วันจันทร์นี้จะประกาศชื่อสิบสองคนสุดท้ายแล้วเหรอ”

“ครับ” พี่ตองตอบ

“ตื่นเต้นเลย อีกสองวันเอง” การเดินทางทั้งหมดกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว กำลังจะถึงปลายทางแล้วซินะ ทั้งตื้นเต้นและแอบใจหายไปพร้อมๆกัน



“พี่ว่าเรากลับกันเถอะ” พี่ท๊อปเสนอขึ้นมาหลังจากเรานิ่งสงบกันในห้องรับรองมาสักพัก “ห้างน่าจะปิดแล้วนะ ไม่มีคนแล้วล่ะ”

“นั่นซิ” พี่บุ๋นสนับสนุน “กลับไปพักผ่อนกันดีกว่า อยากเห็นเตียงแย่แล้ว”

"คิดถึงเตียงเหรอจ๊ะบุ๋นน้อย" ดูมัน ไอ้พี่ตองแซวเพื่อนตัวเอง "มีกิจกรรมอะไรจะทำกับพี่ท๊อปบนเตีบงเหรอ"

"เออ ทำไม อยากดูไหมล่ะ เดี๋ยวกูทำให้มึงดูตรงนี้เลย"

ช็อกกันทั้งห้อง พี่บุ๋นเวอร์ชั่นกล้าพูดนี่ออกแนวฮาร์ดคอร์หน่อยๆแฮะ

“โอเคๆครับ” ผมรีบขัดจังหวะไว้ก่อนดีกว่า อิสามตัวเพื่อนผมน้ำลายจะหกท่วมห้องอยู่แล้ว “งั้นเดี๋ยวผมออกไปเรียกรถตู้ให้นะ”

“พี่ไปด้วย” พี่ตองลุกตามผมออกมาในทันที



ผมกับพี่ตองเดินออกจากห้างทางด้านประตูหลังฝั่งที่จอดรถ แต่ลานจอดรถแทบจะไม่มีรถเหลืออยู่เลย บรรยากาศเงียบเฉียบและเปลี่ยวถึงแม้จะมีไฟส่องสว่างก็ตามที มันก็ดูน่ากลัวอยู่ดี



“รู้งี้ขอเบอร์คนขับรถไว้ซะก็ดี” ผมบ่น

“อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวหรอกครับ” ไอ้พี่ตองเอ๊ย จะโชว์แมนว่างั้น

“อยู่กับพี่นี่แหละที่น่ากลัวที่สุด”

“หมายความว่าไงครับ พี่เป็นถึงเจ้าชายตองเชียวนะ จะน่ากลัวได้ไง”

“อือหือ เพิ่งเคยเห็นคนอวยตัวเอง”

“เอ... นั่นใช่รถตู้บริษัทแม่ชาหรือเปล่า”

“อืม ใช่ๆ”

“ทำไมประตูรถเปิดไว้อย่างงั้นอ่ะ”

ไหน? จริงด้วย “พี่คนขับรถอาจจะนอนหลับอยู่ก็ได้”

ดูท่าว่าพี่ตองจะไม่ได้คิดแบบผม พี่เค้าเร่งฝีเท้าไปที่รถตู้ที่อยู่ข้างหน้า ผมก็เร่งตามนะ แต่ไม่ทันจริงๆ ทำไมต้องขาสั้นด้วยวะ ไอ้คนข้างหน้าก็ขายาวเกิ๊น



“เห้ยยยย” อะไรวะ พี่ตองร้องทำไม ผมก็เลยต้องรีบวิ่งดิ

“เห้ย” ผมก็อุตทาน ทั้งที่ยังไม่ถึงรถตู้ แต่ผมเห็นร่างของพี่คนขับรถ นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นข้างๆประตูรถ “เกิดอะ.... อุ๊”

“เห้ย ปล่อยนะเว้ย”

“อ่อยอู อ่อย” จู่ๆผมก็โดนใครก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาปิดปากและจมูกไว้ ผมพยายามหันไปมองแต่สู้แรงไม่ไหวจริงๆ อาจจะด้วยทั้งความตกใจและความเหนื่อยที่ทำงานมาทั้งบ่าย

“กูบอกให้...”

ระวังงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!

​ผมได้แค่คิดเท่านั้น

“อ๊ะ”

ไม่นะ!!!! ม่ายยยยย

“อี่อองงงงง  อ่อยอู อ่อยอู” ผมพยายามตะโกนให้ปล่อย แต่ก็มีเพียงเสียงอู้อี้ออกมาเท่านั้น

ไอ้โหม่งชุดดำสี่ห้าคนที่ไหนก็ไม่รู้ วิ่งมาโจมตีพี่ตองจากข้างหลังด้วยไม้ท่อนใหญ่ จนพี่ตองนอนลงไปกองกับพื้น

​ไอ้เลวเอ๊ย

ตอนนี้กูไม่สนใจอะไรแล้ว ดิ้นแม่งให้สุดชีวิต ใช้กำลังทุกอย่างเท่าที่มีหลุดไปจากตรงนี้เพื่อไปช่วยพี่ตองให้ได้

“พี่ตอง” คำอธิฐานสัมฤทธิ์ผล ผมหลุดออกมาได้จริงๆด้วย

ผมแทบจะไม่หันกลับไปสนใจไอ้คนที่เพิ่งฉุดผมไว้ด้วยซ้ำ แต่เลือกที่จะวิ่งตรงไปหาพี่ตอง พี่เค้ากำลังถูกรุมทำร้ายโดยปราศจากอาวุธป้องกันตัว ผมคล้ายว่าจะเห็นพี่ตองพยายามลุกขึ้นมาต่อสู้และพยายามหันมาช่วยผม



“มานี่”

“อ่ะ!!!” เหมือนถูกกระตุกวิญญาณให้ย้อนกลับ ก็เพราะไอ้คนร้ายที่ผมเพิ่งหลุดจากพันธนาการของมันวิ่งตามมากระชากคอเสื้อของผม

“มึงเป็นใครวะ” กูทนไม่ไหวแล้วนะ จากตอนแรกที่ไม่ได้สนใจมัน ตอนนี้มึงดึงความสนใจกูสำเร็จแล้ว

ผมกระชากตัวเองอย่างแรงเพื่อให้คอเสื้อของตัวเองขาดจะได้หลุดจากการถูกรั้งไว้

แคว้กกกกกก

และเมื่อทำได้ก็หันกลับไปประจัญหน้ากับไอ้คนที่พยายามเข้ามาทำร้ายผม

แม้เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ แต่ผมก็มองเห็นคนร้ายว่ามันมาในชุดดำ คลุมศีรษะทั้งหมดไว้ด้วยหมวกสีดำ ในมือของมันไม่ได้มีอาวุธเหมือนคนที่รุมทำร้ายพี่ตอง มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กที่ใช้ปิดปากผมไว้เท่านั้น

และวินาทีนั้นเองที่ผมเห็นมันจะเข้ามาโจมตีผมอีกรอบ ครั้งนี้มันคงไม่หวังแค่การปิดปากผมไว้อีกแล้ว

“อ่า” คนร้ายที่พยายามเข้ามาทำร้ายผมถูกผมซัดเข้าลิ้นปี่ด้วยอาศัยจังหวะและผมตัวเล็กกว่ามัน ทำให้โจมตีเข้าวงในได้ง่าย ทำให้ไอ้คนร้ายหงายหลังลงไปกองกับพื้น

มึงเล่นผิดคนแล้ว คิดว่าคนอย่างกูเป็นหมูในอวยหรือไง ถึงกูจะมีพี่ตองคอยปกป้องแต่กูไม่ใช่คนอ่อนแอนะเว้ย ทักษะกีฬากูก็มี ตัวต่อตัวแบบนี้กูไม่ยอมหรอก

บั๊ก

เอาไปอีกดอก ก่อนที่มันจะหายจุกและลุกขึ้นมาทำร้ายผมต่อได้ ผมซัดหมัดหนักๆเข้าลิ้นปี่ของมันอีกครั้ง และ...

บั๊ก

เตะหนักๆเข้ามากลางกกหูอย่างจัง ไม่หมดสติให้มันรู้ไป



“ใครวะ?” ด้วยปฏิกิริยาที่เป็นอัตโนมัติ ผมถอดโหมงดำคลุมหัวของไอ้คนที่สลบเหมือบเบื้องล่างออก แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครอยู่ดี

​".............................." เกิดอะไรขึ้น

วินาทีต่อมาผมรู้สึกเหมือนจะวูบหลับลงไปทั้งๆที่ยังมีสติดีอยู่

นี่อย่าบอกนะ

ผ้าขนหนูอันนั้นต้องชโลมยาสลบไว้แน่ๆ

ด้วยสติที่ยังพอเหลืออยู่ผมควานหาของจากตัวคนร้าย

“พ...พี่ตองงงงงง” ผมพยายามตะโกนเรียกด้วยสติและกำลังที่พอจะต่อสู้กับฤทธิ์ยาได้

เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับ ผมจึงพยายามหันไปหาพี่ตอง ภาพมันขมุกขมัวไปหมด แต่ก็เหมือนจะเห็นว่าพี่ตองลุกขึ้นมาต่อกรกับกลุ่มคนร้ายได้แล้ว เพียงแต่ยังมาช่วยผมไม่ได้

เชี่ยยยยยยย

เหมือนจะวูบลงไปอีกครั้ง ผมรีบเอาหมวกไอ้โหม่งกับของที่ได้จากตัวคนร้ายยัดใส่ในเสื้อของตัวเองแล้วพยายามลุกเพื่อไปช่วยพี่ตอง แต่ร่างกายผมไม่ตอบสนองเลย แค่ยืนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตั้งสติ ตั้งสติ ตั้งสติไว้

ผมคิดว่าผมคงยังไม่โดนยาสลบไปมาก อาจจะสูบเข้าไปบ้าง แต่ถ้าคงสติไว้ได้ก็คงพอจะนึกอะไรออกบ้าง

ทำยังไงดี ต้องทำยังไงดีเพื่อเรียกคนมาช่วย พี่ตองยังถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องอยู่เลยแม้จะลุกขึ้นมาได้แล้ว แต่พวกมันมีอาวุธกันทุกคน ถ้าจะตะโกน แค่เสียงของเรากับสติที่ไม่เต็มร้อยคงไม่พอจะให้ใครได้ยิน

เสียง*!!!!*

นึกออกแล้ว

ผมพยายามลุกขึ้นอีกครั้งและเดินไปข้างหน้า แต่ทิศทางที่ผมเดินไปไม่ใช่เพื่อไปหาพี่ตอง ผมเล็งสิ่งที่อยู่ใกล้กว่านั้น.....



ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น ปี๊น

เสียงสัญญาณกันขโมยของรถดังขึ้น

ใช่แล้ว ผมตรงเข้าไปหารถยนต์ของใครก็ไม่รู้ที่จอดอยู่ใกล้ที่สุด พยายามดึงสลักประตูรถและทุบแรงๆ โชคดีที่มันส่งเสียงออกมาอย่างที่ผมต้องการ



“มันตามคนมาช่วย ไปจัดการมันก่อนเร็ว”

บ้าเอ๊ย พวกมันไม่หนี แต่กลับคิดจะเข้ามาทำร้ายผมแทน

ผมได้ยินเสียงกลุ่มคนร้ายวิ่งมา แต่ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ทรุดลงไปกองข้างรถยนต์ด้วยสติที่ใกล้จะหายไป

เอาวะ จะเจ็บก็เจ็บ ยอมเจ็บแค่ไม่นาน เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาช่วย



“มึง มึงจะทำเ-ี้ยไรแฟนกู มึง.... โอ๊ย”​

“พ...พี่...ตอง” ตาของผมกำลังจะปิดแล้ว สิ่งที่ผมเห็นมีแต่หน้าพี่ตองที่อาบไปด้วยเลือดและรอยแผลกับความชลมุนวุ่นวายที่อยู่เบื้องหลังพี่เค้า



นั่นมัน*!!!!*

“ห..หยุด หยุด” อย่าทำ อย่าทำร้ายพี่ตองนะ “อ...ออก... ออกไป พี่... ตอง ออกไป” ทำไมต้องเอาตัวเข้ามากั้นผมไว้ด้วย

“พ...พี่รักชานะ” ยังจะมาพูดอีก

ผมไม่เหลือแรงเลย แม้แต่จะผลักให้พี่ตองออกไปจากการเอาตัวเองมาเป็นโล่มนุษย์เพื่อปกป้องผมก็ทำไม่ได้ ผมทำได้เพียงนิ่งอยู่ในการคุ้มครองของชายคนรัก ได้เพียงมองดูเหตุการณ์เลวร้ายซึ่งไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้

ออกไปซิ เอาตัวพี่ออกไป ไม่ต้องทำ ไม่ต้องทำแบบนี้ อย่าเอาตัวเองมารับความเจ็บแทนชานะ ได้โปรดออกไป

“ข...ขอร้อง ห...หยุดเถอะ” ผมไม่ไหวแล้ว ผมเอ่ยคำวิงวอนต่อกลุ่มคนร้ายด้วยน้ำตาที่ไหลพรากและเสียงที่แทบจะไม่มีใครสนใจได้ยิน พวกนั้นยังทุบตีมาที่พี่ตองไม่ลดละ ผมได้แต่มองดูสติของพี่เค้าที่กำลังจะหมดสิ้นไป แต่ก็ด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้พี่เค้ายังคงไม่คลายการป้องกันออกจากตัวผม พี่ตองพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะรักษาสติของตัวเองไว้ “ย...ยอมแล้ว ยอม...แล้ว หยุดท...ทำร้ายพี่ตอง... ขอร้อง ย....ยอมแล้ว ได้โปรด ขอร้องล่ะ”

ไม่มีเลยที่เสียงทุบตีด้วยท่อนไม้จะเบาบางลง มีเพียงกลิ่นเลือดและไอร้อนจากเหงื่อของพี่ตองเท่านั้นที่มากขึ้น

ได้โปรด หยุดทำร้ายพี่ตองเถอะ

หัวใจของผมแทบจะแตกสลายอยู่แล้ว

ทำไมกูถึงได้อ่อนแอขนาดนี้

ทำไมกูไม่สามารถช่วยอะไรพี่ตองได้เลย

ถ้าพี่ตองไม่รักกูมากขนาดนี้ก็คงไม่เอาตัวเองมารับความเจ็บปวดแทน กูนี่มันแย่จริงๆ

“พ...พี่ตอง” ผมทำได้เพียงเรียกเบาๆ “ช...ชาขอโทษ ชา...ชาร...รักพี่ตองนะ”



“เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตอง น้ำชา” “อิชา!!!!!!!”

“ชิบหาย มีคนมา หนีเร็ว” "พาไอ้โย่งไปด้วย เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก"



มีคนมาแล้ว....

มีคนมาช่วยแล้วจริงๆใช่ไหม

พุ๊บ!!!!!



“พ...พี่ตอง” ในที่สุดพี่ตองก็ปล่อยการคุ้มครองออกจากตัวผม แต่ไม่ใช่เพราะพวกคนร้ายหนีไป เป็นเพราะพี่เค้าสิ้นสติที่จะทำอะไรได้อีกต่อไปจนต้องทิ้งตัวเองลงไปนอนกองอยู่ข้างๆผม "ช...ช่วยด้วย..."

และนั่นคือภาพสุดท้ายที่ผมมองเห็น ก่อนจะบอกลาสติสัมปชัญญะไปด้วยรอยน้ำตา.......









“ต้อม ชารู้สึกตัวแล้ว”

“ไหน? ไอ้ชาเย็น ไอ้ชา”

“ข...ขิง ต้อม” ผมตื่นมาพบกับไอ้ต้อมกับขิงในห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมคิดว่าคงเดาได้ไม่ยากหรอก ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาล

“เป็นไงบ้างวะมึง” ไอ้ต้อมถามผม ผมแอบเห็นว่ามันกับขิงเกือบจะน้ำตาไหนออกมา

“ไม่เป็นไร"

"หลับทั้งวันทั้งคืนเลยนะมึง กูกับน้ำขิงเป็นห่วงแทบแย่"

"ขอบใจนะมึง” ผมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “แล้วพี่ตองล่ะ พี่ตองเป็นยังไงบ้าง”

“เอ่อ....” จู่ๆไอ้ต้อมก็อ้ำอึ้งที่จะตอบ

“เกิดไรขึ้นอ่ะ” อย่านะ อย่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นนะ “พี่ตองอยู่ไหน กูจะไปหาพี่ตอง”

“ใจเย็นมึง” “ชาอย่าเพิ่งลุกซิ”

“ไม่ กูจะไปหาพี่ตอง”

“พี่ตองไม่ได้เป็นอะไร” ไอ้ต้อมพยายามดันผมให้ลงนอนเหมือนเดิม

“ถ้าไม่เป็นไรกูก็ต้องไปหาได้ดิ”

“มึงไปไม่ได้ เพราะมึงเองก็ยังไม่หาย มึงดูตัวเองก่อนไหม สายน้ำเกลือยังเสียบอยู่เลย”

“แค่นี้เอง กูไม่เป็นไรหรอกน่า ให้กูไปเหอะ กูเป็นห่วงพี่ตอง”

“ไม่ได้ บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ดิวะ รอหมอก่อน”

“ให้กู....”

“พี่ตองอยู่ห้องไอซียู”

“ห๊ะ! ขิงพูดว่าอะไรนะ” นี่กูฟังผิดหรือเปล่า

“พี่ตองอยู่ห้องไอซียู” เหมือนผมถูกฟาดด้วยไม้แรงๆ “แต่ไม่ต้องห่วง ถึงพี่ตองจะยังไม่ได้สติ แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้น”

“แล้วทำไมต้องอยู่ไอซียูด้วยล่ะ” ผมยังร้อนใจ

“เพราะกล้ามเนื้อหลายที่มีเลือดคลั่งแล้วก็มีแผลที่ต้องเย็บ หมอไม่อยากให้เคลื่อนย้ายพี่ตองไปไหน เป็นการป้องกันเชื้อโรคด้วยน่ะ”

“เห้ยมึง อย่าร้องไห้ดิวะ” ไอ้ต้อมรีบปลอบใจผมทันทีที่ผมทรุดตัวเองลงบนเตียงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา “พี่ตองไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้นหรอก พี่ท๊อปกับพี่บุ๋นก็เฝ้าอยู่ตลอด”

“กูทำให้พี่เขาต้องเจ็บตัว จะไม่ให้กูเสียใจได้ไงวะ”

“มึงจะบ้าเหรอ ไอ้พวกนรกนั่นต่างหากที่เป็นคนทำ อย่าร้องนะเพื่อน... ว่าแต่ มึงรู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายมึงกับพี่ตอง พวกกูออกไปไม่ทัน แม่งหนีกันไปก่อน”

“ไม่รู้อ่ะ กูไม่รู้จัก” เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ “มีใครเห็นของที่กูเก็บมาไหม ที่อยู่ในเสื้อ.... เสื้อ? เสื้อกูหายไปไหน”

“ไม่ต้องห่วงชา” ขิงเอ่ย “ข้าวเจ้ากับสุ่ยจัดการให้แล้ว สองคนนั้นรู้ว่าต้องทำยังไง”

“งั้นเหรอ แล้ว...”



“ขออนุญาตค่ะ” การสนทนาถูกแทรกโดยแขกผู้มาใหม่ คุณหมอนั่นเอง “อ้าว ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างคะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบทันที

“เวียนหัวไหม มีผื่นหรือหายใจไม่ออกหรือเปล่า”

“ไม่ครับ”

“ดีแล้วล่ะ แต่ถ้ามีอาการอะไรแปลกๆก็รีบแจ้งพยาบาลเลยนะ หมอกลัวว่าจะแพ้ยาสลบ แต่เท่าที่ตรวจดูในปอดก็ไม่มีปัญหานะ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ เอ่อ หมอครับ ผมขอไปเยี่ยมเพื่อนได้ไหมครับ”

“เพื่อน? อ๋อ คนที่อยู่ไอซียูอะเหรอ”

“ครับ”

“จะดีเหรอ พักก่อนดีไหม”

“ผมไหวครับ” ผมแทบจะตะโกนออกมา “ให้ผมไปเถอะนะครับ ผมเป็นห่วงพี่เค้า”

“เอ่อ.... โอเค ก็ได้ เดี๋ยวหมอจะโทรไปบอกพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินให้ก็แล้วกันว่าจะเข้าไปเยี่ยม แต่ต้องเตรียมใจไว้หน่อยนะ คนไข้โดนมาค่อนข้างหนัก อาจจะสะเทือนใจนิดหน่อยที่ได้เห็น”

“ค...ครับ” ไม่มีอะไรสะเทือนใจผมไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“งั้นญาติไปเอารถเข็นมาพาคนไข้ไปนะ รู้ใช่ไหมว่าอยู่ห้องไหน”

“ทราบครับคุณหมอ” ไอ้ต้อมตอบ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็พักผ่อนนะ อาการของเราไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ พรุ่งนี้ก็ออกได้แล้ว”

“ขอบคุณครับ”

แล้วคุณหมอก็จากไป

ไอ้ต้อมนำรถเข็นมาพาผมไปยังห้องไอซียูซึ่งต้องลงลิฟท์ไปอีกชั้นหนึ่ง หัวใจของผมแทบจะกระเด็นออกมานอกตัวด้วยร้อนใจอยากเจอพี่ตอง

ในที่สุดก็มาถึง...

ห้องไอซียู ห้องนี้ถูกปิดม่านและห้ามคนเข้าออกโดยพละการ ไอ้ต้อมต้องแจ้งพยาบาลหน้าห้องเพื่อให้ผมสามารถเข้าไปได้

หลังจากเจรจากันอยู่สักพัก ปรากฏว่าไอ้ต้อมกับขิงเข้าไปไม่ได้เพราะต้องสวมชุดปลอดเชื้อ พี่ท๊อปก็เลยต้องออกมารับผมแทนเพื่อนำเข้าไปด้านในห้อง



“ขิง ขอโทรศัพท์หน่อย” ผมขอโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากลูกพี่ลูกน้องก่อนจะเข้าไปในห้อง

และเมื่อผ่านประตูและม่านกั้นเข้ามา....



“พ....พี่ตอง” ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ใจจริงแทบอยากจะดึงสายน้ำเกลือออกแล้วโผเข้าไปหาร่างที่นอนนิ่งของคนตรงหน้าด้วยซ้ำ

ดวงตาพี่ตองปิดสนิท มีทั้งรอยแดงรอยเขียวช้ำเต็มตัวและใบหน้า ผ้าพันแผลก็พันทั้งแขน ขา และศรีษะ ขาซ้ายถูกยกให้ลอยขึ้นจากเตียงและมีการด้ามด้วยเฝือก

“พี่ตอง... ฮื่อ...” ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่อายใคร “พี่ตอง เป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม”

“ไอ้ตองไม่เป็นอะไรมากหรอกชา” เสียงพี่บุ๋นดังขึ้น พี่เค้านั่งหลบอยู่ที่มุมห้องผมจึงไม่เห็น

“เอ่อ... พี่ว่าเราออกไปข้างนอกก่อนดีกว่านะบุ๋น” พี่ท๊อปชวนพี่บุ๋น “ให้น้ำชาอยู่กับเจ้าตองตามลำพังเถอะ”

“ก็ได้” พี่บุ๋นตอบ “มีอะไรก็เรียกกูนะไอ้น้ำชา”

ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่บุ๋น เพราะมัวแต่สนใจคนที่นอนนิ่งตรงหน้า

เมื่อพี่ท๊อปกับพี่บุ๋นออกไป ผมยันตัวเองออกจากเก้าอี้รถเข็น ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างๆพี่ตอง

“ฮื่อ...” ผมไม่สามารถห้ามความเสียใจนี้ได้จริงๆ ยิ่งเห็นสภาพของคนที่ผมรักเป็นแบบนี้ผมยิ่งเจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากแบ่งความเจ็บปวดนี้มาบ้าง ไม่อยากเห็นพี่ตองในภาพแบบนี้เลย

เมื่อตั้งสติได้ ผมยกมือถือของตัวเองขึ้นและกดเข้าไปยังแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค ก่อนที่จะ...

ไลฟ์เฟสบุ๊ค

“ท...ทุกคน ส...สวัสดีครับ” ผมพยายามที่จะพูดกับคนดูการถ่ายทอดสดนี้ทั้งๆที่น้ำตายังอาบสองแก้ม ผมไม่ได้สนใจว่าจะมีจำนวนคนดูมากน้อยเพียงใด รู้แต่ว่าผมอยากทำสิ่งนี้ “วันนี้.... ผมมาทำตามสัญญาแล้วนะครับ...สัญญาที่ให้ไว้กับทุกคนถ้าช่วยให้ผมผ่านเข้ารอบยี่สิบสี่คนได้ แต่พ...พี่ตองเค้า...” ผมไม่สามารถพูดต่อได้

ผมสูดหายใจเข้ายาวๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่หัวเตียง พยายามเลือกมุมที่เห็นทุกอย่างได้ชัดเจนที่สุดเพื่อที่ว่าผมจะได้ไม่ต้องเป็นคนอธิบายออกมาเอง ผมไม่อยากที่จะพูดว่าพี่ตองเจ็บหนักอยู่ในโรงพยาบาลและนอนนิ่งไม่ได้สติ มันเป็นคำพูดที่บาดหัวใจของผมมากจนเกินไป

อึดใจเดียวหลังจากนั้นผมกุมหัวลงต่ำ ค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองลงไปยังใบหน้าของคนเบื้องล่าง และพูด...

“ชามาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคนแล้วนะ พี่ตองดีใจไหม ถ้าพี่ได้ยิน ตื่นขึ้นมานะ ชาคิดถึงพี่... ได้โปรด”

"............" ในที่สุดริมฝีปากของผมก็จรดลงบนริมฝีปากของพี่ตองด้วยความรู้สึกอาลัยรักอันมากล้น แม้ในคำสัญญาตอนนั้นจะพูดแค่ว่าผมจะหอมแก้มพี่ตอง แต่ ณ เวลานี้ ผมยินดีแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อได้คนที่รักกลับคืนมา ผมไม่สนว่าใครจะพูดว่ายังไง ขอเพียงให้พี่ตองปลอดภัยเท่านั้นก็พอ



“ช...ชา”



!!!!!!!!!!!!!!!!



“พ...พี่ตอง พี่ตอง” ผมแทบคลั่งเมื่อได้ยินเสียงของคนบนเตียง

“น...น้ำ...ชา” พี่ตองเป็นคนพูดจริงๆด้วย พี่เค้าเริ่มลืมตาขึ้นมาแล้ว แม้จะยังไม่ใช่การมีสติเต็มร้อยก็ตาม

“พี่ตอง นี่ชาเอง” ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก ทั้งดีใจและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน ตอนนี้ยากจะอธิบายความรู้สึกทั้งหมดที่มี “นี่ชาเอง พี่เป็นยังไงบ้าง”

“ชา....” พี่ตองยังคงพูดชื่อผมซ้ำๆ “ช...ชาปลอดภัย ม...ไหม”

“ปลอดภัยซิ ชาปลอดภัย... ฮื่อ... พี่ตอง” ผมอยากจะจับมือพี่ตองใจแทบขาด แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องมากนัก กลัวจะยิ่งทำให้เจ็บ

“พี่... พี่รักช...ชานะ”

“ชาก็รักพี่ พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พี่ไม่เจ็บใช่ไหม”

“ไม่... ไม่เจ็บเลยค...ครับ” พี่ตองพยายามพูดและมองหน้าผมด้วยตาที่ยังลืมไม่ขึ้นทั้งหมด แล้วจะไม่ให้ผมร้องไห้ได้ยังไงล่ะ “พ...พี่ยอมเ...เจ็บแทนชาได้ ขอแ...แค่ชาปลอดภัยก็พอ”

“อย่าพูดแบบนี้ซิ อย่าทำแบบนี้อีกนะ”

“พี่ส...สัญญาแล้วไง จ..จะไม่ทำให้ชาต้องลำบาก.....







.....ความเจ็บปวดทั้งหมด พี่ขอรับไว้เอง”

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ใครคือคนร้ายล่ะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0


ตอนที่ 56 : เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ และตลอดไป (ตอนจบ) Part1

                     *มีตอนพิเศษอีก 1 ตอน*





“มึงว่าไงนะ”

“กูพูดไปแล้ว”

“ใช่ กูรู้ว่ามึงพูดไปแล้ว แต่มึงบ้าไปแล้วหรือไง” ไอ้ต้อมโวยวายใส่ผมในตอนเที่ยงของวันจันทร์

หมออนุญาติให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมกำลังเก็บข้าวของในห้อง แต่ผมไม่ได้มีจุดประสงค์จะออกจากโรงพยาบาล ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าพี่ตองยังนอนเจ็บอยู่ที่นี่

“ไอ้ชา มึงหยุดเลยนะ” ไอ้ต้อมพยายามรั้งผม

“กูจะไปห้องไอซียู” ผมไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับมันหรอก “ถอย”

“ไม่ได้ กูไม่ให้มึงไป กูมาที่นี่ก็เพื่อจะมารับมึงไปที่โดมรวมใจ การประกาศรายชื่อผู้นำเชียร์สิบสองคนสุดท้ายจะเริ่มขึ้นอยู่แล้ว กูไม่ได้โดดเรียนทั้งเช้าเพื่อมาฟังมึงปฏิเสธเรื่องนี้หรอกนะ นี่มันความฝันของมึง กูจะบอกให้ถ้าเกิดมึงดันลืมเรื่องนี้ขึ้นมา”

“ไม่ใช่... ไม่ใช่เลย การเป็นผู้นำเชียร์งั้นเหรอ นั่นมันไม่เคยเป็นความฝันของกูด้วยซ้ำ มึงเป็นเพื่อนกู มึงน่าจะเข้าใจได้แล้วว่าจริงๆ กูอยากเป็นลีดมหาลัยก็เพื่อแค่อยากจะได้ใกล้ชิดกับพี่ตองก็เท่านั้น และตอนนี้พี่เค้าก็เจ็บหนักอยู่ในไอซียู มึงจะให้กูไปฟังผลงี่เง่านั่นแล้วทิ้งพี่เค้าไว้งั้นเหรอ”

“เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไง กูถึงรู้ว่าอะไรที่มึงควรจะทำตอนนี้ มึงอยากมางอแงตอนนี้ได้ไหมวะ กูรู้ว่าพี่ตองยังไม่ดีขึ้น แต่พี่เค้าก็พ้นขีดอันตรายแล้วนะเว้ย ส่วนมึงอ่ะยังไม่พ้น ถ้ามึงไม่ไปร่วมพิธีประกาศผลวันนี้ก็เท่ากับมึงยอมรับการสละสิทธิ์ ใครๆก็รู้ว่ามึงเป็นตัวเต็งของวันนี้”

“กูบอกว่ากูไม่ไป ใครจะเป็นสิบสองคนสุดท้ายก็เป็นไป ลีดมหาลัยไม่จำเป็นต้องมีกูก็ได้ กูจะอยู่ที่นี่กับพี่ตอง และจะไม่มีใครมาขวางกูได้ ต่อให้เป็นมึงก็ตาม... ถอยไป! อย่ามาขวางกู มึงไม่อยากมีเรื่องกับกูแน่”

“ก็เอาดิ ถ้ามึงจะต่อยเพื่อนรักที่พยายามปกป้องความฝันของมึงก็เอาเลย ให้มันรู้ไปว่ากูเป็นแค่หมาหัวเน่า เป็นแค่เพื่อนโง่ๆของไอ้น้ำชา คนที่มึงจะเฉดหัวทิ้งหลังจากที่มีแฟนแล้ว”

“ไอ้ต้อม ม...มึง...”

“ใช่ กูนี่แหละไอ้ต้อม ขอบใจที่ยังจำกูได้ แล้วถ้ามึงยังจำได้ กูนี่แหละที่เป็นเพื่อนมึง คอยช่วยเหลือและเป็นห่วงมึงทุกอย่าง ก่อนที่มึงจะทันได้พูดประโยคแรกกับพี่ตองมาเป็นปีๆ กูไม่ได้จะรื้อฟื้นความเป็นเพื่อนกับมึงนะไอ้ชา แต่มึงช่วยมีสติกว่านี้หน่อย พี่ตองปลอดภัยดีแล้ว ส่วนมึงมีภารกิจต้องไปทำในอีกหนึ่งชั่วโมงนี้”

“ก็กู... จะให้กูทำยังไงวะ จะให้กูทิ้งพี่ตองไว้โรงพยาบาลในขณะที่กูยืนยิ้มรอรับตำแหน่งผู้นำเชียร์ มึงคิดว่ากูจะทำได้ยังไง กูทำไม่ได้ มึงเข้าใจไหม... ก...กู...ทำไม่ได้” ในที่สุดผมก็เผยความอ่อนแอของตัวเองออกมา ผมไม่รู้ว่าช่วงนี้ทำไมผมถึงได้เสียน้ำตาปล่อยขนาดนี้ แต่เหตุการณ์นี้มันเล่นงานกับความรู้สึกของผมมากเหลือเกิน

“กูเข้าใจ มานี่มา” ไอ้ต้อมดึงผมเข้าไปกอด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก “กูเข้าใจว่ามึงเป็นห่วงพี่ตองและอยากอยู่กับพี่เค้ามากแค่ไหน ถ้าเป็นน้ำขิงที่นอนอยู่ที่ห้องไอซียู กูก็คงมีสภาพไม่ต่างจากมึง แต่กูเชื่อนะเว้ยว่า มึงก็จะทำอย่างที่กูทำ ตอนนี้มึงแค่สับสน ไม่นึกถึงเหตุผล และใช่ มันไม่ง่ายที่จะไปมีความสุขโดยทิ้งคนที่เรารักไว้ข้างหลัง แต่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น เราไปร่วมงานแค่ไม่นาน จากนั้นเราก็กลับมา พี่ตองไม่ได้หายไปไหน พี่เค้าปลอดภัยแล้ว และเชื่อกูดิ ไม่มีใครมาทำร้ายพี่เค้าได้อีกแล้ว”

“.......” ผมเอาแต่ร้องไห้

“ไม่คิดจะถามกูเหรอว่า ‘ทำไม’”

“ทำไม อะไรวะ” ผมตั้งสติและออกจากกอดของไอ้ต้อม

“ทำไมถึงไม่มีใครมาทำร้ายพี่ตองได้อีกแล้วไง”

“มึงจะพูดอะไร”

“พี่เค้าไปแล้ว...”

“ไปไหน!?!?!?” หมายความว่าไงวะ

“ใจเย็น กูจะมาบอกมึงว่า มึงอยู่นี่ก็ไม่มีประโยคอะไร เพราะพี่ตองถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลของมหาลัยเราแล้ว ไปเมื่อไม่นานนี้เอง”

“ยังไง ทำไมกูไม่รู้เรื่อง”

“กูก็เพิ่งรู้ พี่พ่อตองสั่งให้ลูกน้องมาดูแลแล้วก็ย้ายพี่เค้าไปที่โน่นแล้ว ก็ว่าจะรีบมาบอกมึง แต่พี่ตองวานให้กูไปทำอย่างนึงก่อน ก็เลยมาบอกมึงช้าไปหน่อย สรุปว่ามึงจะยังอยู่ที่นี่อยู่ไหม”

“ไม่อยู่แล้ว ไปมหาลัยกัน...”

“ใจเย็นนนน มึงนี่ข้ามฉ็อตเร็วเนาะ ปกติมึงต้องถามกูแล้วนะว่าพี่ตองวานให้กูไปทำอะไร”

“ช่างมันเถอะ กูไม่อยากรู้ รีบไปมหาลัยกัน”

“ไม่ได้ เพราะนี่มันเกี่ยวกับมึง”

“อะไร?”

“รอแป๊บ” ไอ้ต้อมเปิดตู้เสื้อผ้าของโรงพยาบาลออกก่อนจะหยิบของออกมา “นี่ไง ชุดนิสิตของมึง ชุดที่พี่เค้าตัดให้มึงวันเปิดห้องเชียร์อ่ะ จำได้รึเปล่า”

“จ...จำได้”

“จำได้ก็ดี กูอุตส่าห์ขับรถกลับไปเอามาให้ กว่าจะหาคอนโดของพี่ตองเจอ หลงทางตั้งสองรอบ คราวนี้ก็เข้าใจแล้วนะ ไม่ใช่แค่กูที่อยากให้มึงไปร่วมงานวันนี้นะไอ้ชาเย็น พี่ตองเค้าก็อยากให้มึงไป น้ำขิง พี่ท๊อป พี่บุ๋น ไอ้สุ่ย ข้าวเจ้า หรือแม้กระทั่งแฟนคลับของมึงทุกคนต่างก็อยากเห็นมึงในวันนี้ทั้งนั้น มึงเป็นคนมีเหตุผลที่สุดเท่าที่กูรู้จักใครมา คงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากนะ”

“กูขอ... ไปเยี่ยมพี่ตองก่อนได้ไหม”

“ไม่ได้ เอ๊ะไอ้นี่ มึงเป็นเด็กหรือไงเนีย แค่นี้ก็จะไม่ทันอยู่แล้ว รีบเปลี่ยนชุดเร็วๆเข้า”

“แต่...”

“เร็วเหอะน่า เสร็จงานแล้วกูจะพามึงไปถึงโรงพยาบาลเองเลย”

เห้อออออ

จะบอกว่าเข้าใจมันก็เข้าใจนะ แต่มันก็รู้สึกไม่โอเคอยู่ดีนั่นแหละ

เอาวะ เสร็จงานแล้วค่อยไปหาพี่ตองก็ได้………









กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



โอ้โห

ไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดดังสนั่นขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย



ตอนนี้ผมและผู้เข้ารอบทั้งยี่สิบสี่คนมายืนอยู่บนเวทีเพื่อรอการถ่ายทอดสดพิธีประกาศรายชื่อผู้นำเชียร์สิบสองคนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว เกือบมาไม่ทันแน๊ะ โชคดีที่พี่ชมพู่ไม่อยู่ ไม่งั้นโดนด่าแน่ๆ แต่งานสำคัญแบบนี้พี่ชมพู่หายไปไหนนะ



“สวัสดีครับ/ค่ะ” พิธีกรคู่ขวัญของมหาลัยเริ่มกล่าวทักทายผู้คนทันทีหลังสัญญาณถ่ายทอดสดเริ่มขึ้น

“มาถึงกันแล้วนะครับสำหรับช่วงเวลาสำคัญของมหาวิทยาลัยเรา”

“ใช่แล้วค่ะ ในที่สุด เราก็จะได้รู้แล้วว่าใครคือผู้นำเชียร์ทั้งสิบสองคนของมหาวิทยาลัยมัณฑนาของเราในปีนี้ ไหนของเสียงเชียร์ให้กับว่าที่เจ้าชายและเจ้าหญิงหน่อยค่า...”



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ผมก็ได้ยินเสียงเชียร์ชื่อตัวเองนะ ที่พอจะบอกได้ก็คงมาจากพวกพี่วิศวะ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ในความเป็นจริงแล้วจิตใจของผมไม่ได้อยู่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ

อยากเจอพี่ตองจัง



“และในโอกาสนี้ เพื่อให้การประกาศรายชื่อสิบสองผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาประจำปีการศึกษา 2560 เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ขอเสียงปรบมือต้อนรับผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยรุ่นปัจจุบันขึ้นบนเวทีด้วยค่ะ”



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“และนี่คือ.... เอ๋?” พี่พิธีกรหยุดกระทันหันด้วยสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติ “ผู้นำเชียร์นาวาพล...เอ่อ...”

พี่บุ๋นรีบเอียงหน้าไปบอกพิธีกรเบาๆ

“อ๋อ” พิธีกรถึงบางอ้อ “น่าเสียดายนะครับที่วันนี้เจ้าชายตองของเราไม่สามารถมาร่วมพิธีประกาศชื่อผู้นำเชียร์รุ่นใหม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะถึงอย่างไรแล้ว...”



“เดี๋ยวก่อนครับ”

จากที่ผมยืนเหม่อลอยคิดถึงพี่ตองอยู่ก็ได้มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาจากฝั่งคณะกรรมการ ก.น.ช.

พี่กั้ง

มีอะไรวะ

“ในฐานะคณะกรรมการควบคุมการรับร้องและการใช้สิทธิโดยมิชอบ ขอขัดค้านการคัดเลือกผู้นำเชียร์สิบสองคนสุดท้ายครับ”



ห๊ะ**!?!?**



“ห... อะไรนะครับ” พิธีกรถึงขั้นอึ้งสนิทที่ได้ยินพี่กั้งตะโกนแบบนั้นท่ามกลางนิสิตและเจ้าหน้าที่มหาลัยนับพันในโดมรวมใจ

“ได้ยินถูกต้องแล้วครับ” พี่กั้งยังคงยืนยัน

ผมแอบเห็นว่าพี่ท๊อปและพี่ ก.น.ช.คนอื่นๆต่างก็มีท่าทีไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน คงไม่ได้เตี๊ยมกันมาซินะ งั้นก็ชัดเจน นี่เป็นการกระทำจากพี่กั้งเพียงคนเดียว

จะมาไม้ไหนอีก….. ไม่จบไม่สิ้นกับคนๆนี้ซะที

นี่อย่าบอกนะว่าจะแก้แค้นกูเรื่องที่ไปหักหน้าพี่เขาวันก่อน นี่มันถ่ายทอดสดเลยนะ

“ถึงแม้ ก.น.ช.จะมีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของนิสิตปีหนึ่ง” คนคัดค้านยังคงชี้แจ้งต่อ “แต่ส่วนหนึ่ง เราก็มีหน้าที่ดูแลกิจกรรมห้องเชียร์ตลอดปีการศึกษาให้เป็นไปตามกฎที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด การคัดเลือกตัวแทนผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑนาต้องได้รับการยอมรับจากผู้นำเชียร์รุ่นเก่าทุกคนและไร้ข้อคัดค้าน แต่ตอนนี้ เรามีรุ่นพี่แค่สิบเอ็ดคน ไม่ใช่จำนวนทั้งหมดอย่างที่ควรจะเป็น”



อือหือ เอางี้เลยเหรอ



“เอ่อ...” พิธีกรชายและหญิงที่เป็นมืออาชีพอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ตลอดมากลับเอาแต่มองหน้ากันและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ



“แต่ถ้าในกรณีเหตุสุดวิสัย” พี่แอมพยายามชี้แจ้ง “ก็สามารถ...”

“ขอดูกฎขอนั้นหน่อยได้ไหมครับ” พี่แอมถูกตัดบทจากพี่กั้ง เอาล่ะซิ ตอนนี้แทนที่ทุกคนจะสนใจการประกาศรายชื่อผู้นำเชียร์กลับต้องมาดูมวยแทน “ถ้าผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยจะอ้างถึงเรื่องเหตุสุดวิสัย ขอดูกฎที่เป็นลายลักษณ์อักษรหน่อยได้ไหมครับ เพราะตามข้อมูลที่ผมมีในมือ ไม่มีกฎเรื่องนั้นอยู่”

“.......” ผมรู้ว่าพี่แอมอยากเถียง แต่ว่าเถียงไม่ออก



“ผมขอใช้สิทธิ์เจ้าของธงเกียรติยศในการเปลี่ยนกฎครับ” คราวนี้เป็นพี่บุ๋นบ้าง “ผมขอเปลี่ยน...”

“ไม่มีกฎให้ประธานลีดจากคณะอันดับหนึ่งสามารถเป็นกฎของลีดมหาลัยได้นะครับ” นั่นไง กูว่าแล้ว ทำไมรู้สึกเหมือนไอ้พี่กั้งมันเตรียมคำแก้ต่างทั้งหมดมาแล้ววะ



โห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่...........

เริ่มเกิดเสียงการประท้วงขึ้นแล้ว ซึ่งต้นเสียงไม่ได้มาจากที่ไหนไกลเลย พวกพี่วิศวะปีสองนั่นเอง



“น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา*”*

เดี๋ยวๆๆๆ แล้วจะตะโกนเชียร์ชื่อผมขึ้นมาทำไม



ไอ้พี่กั้งไม่ได้สนใจการโห่ประท้วงแต่อย่างใด แต่กลับเดินตรงมาที่แท่นพิธีกรและแย้งพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปหน้าตาเฉย

กล้าเกินไปแล้ว นี่กะจะแก้แค้นกูจริงๆใช่ไหม



“ผมเข้าใจนะครับว่าหลายคนในที่นี้มีผู้นำเชียร์ในดวงใจและอยากจะให้ได้รับคัดเลือก แต่ชื่อเสียงของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงเป็นวงกว้าง ทั้งยังเป็นเสมือนเอกลักษณ์สำคัญของมหาวิทยาลัยเรา ถ้าเราที่เป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยไม่ช่วยกันรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎที่เขียนขึ้นมาเป็นสิบๆปีนี้ไว้ คุณค่าของเหล่าผู้นำเชียร์ก็จะหายไป”

ไม่อยากยอมรับเลยว่าเหตุผลนี้ฟังดูเข้าท่า ทำเอานิสิตและเจ้าหน้าที่ในโดมรวมใจเริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นวงกว้าง



“ขออนุญาตครับ”

เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ขิง!!!

ขิงตะโกนจากด้านล่างเวที ยืนเด่นท่ามกลางเพื่อนๆที่นั่งกับพื้น

ไม่เคยคิดเลยว่าขิงจะมีความกล้าระดับนี้ได้

“ผมชื่อคฑาเทพ ธนกฤษครับ ทำหน้าที่เป็น Stand controller ปีนี้ อยากจะขอถามพี่ ก.น.ช.หน่อยครับ” สายตาขิงเอาจริงมาก ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

“.....” พี่กั้งยืนลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง “ว่ายังไงครับ”

“ผมขอถามว่า หากเราไม่ประกาศรายชื่อสิบสองคนสุดท้ายวันนี้ ก็ต้องเลื่อนออกไปจนกว่ารุ่นพี่ผู้นำเชียร์จะมาครบ แบบนี้ถึงจะถูกต้องตามกฎใช่ไหมครับ”

“ถูกต้องครับ”

“แล้วถ้าการเลื่อนประกาศผล นานจนทำให้ไม่สามารถแสดง Power Cheer ได้ทันเวลาละครับ แบบนั้นมหาวิทยาลัยของเราจะถูกยกย่องในคุณค่าของผู้นำเชียร์ หรือถูกประเดิมในฐานะสถานบันที่ไร้ประสิทธิภาพและขาดความรับผิดชอบกันแน่ครับ สำหรับพี่แล้ว อย่างไหนสำคัญกว่ากัน?”



โอ้โหขิง สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ติดว่ายืนเก๊กอยู่บนเวที จะกระโดดหอมแก้มซะที

แหม ไอ้ต้อม ยิ้มเชียวนะมึง



“งั้นน้องยินดีใช่ไหมครับที่จะเป็นคนลดคุณค่าในผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยตัวเอง” ไอ้คนคัดค้านก็ยังไม่ยอม ยังคงแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าหลังชนฝา หน้าพร้อมลุยจริงๆ “น้องจะยินดีใช่ไหมครับที่ผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนาจะขาดความศักดิ์สิทธิ์ไปเพราะน้ำมือของนิสิตรุ่นของน้อง น้องจะยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ทำลายความภาคภูมิใจในสิ่งที่รุ่นพี่ทั้งสามสิบแปดรุ่นช่วยกันสร้างมาใช่ไหมครับ”

“...........” ขิงนิ่งไปอีกคน เจอแบบนี้ใครก็นิ่งวะ

นี่มันเตรียมข้อแก้ต่างมาอย่างดีแล้วจริงๆด้วย แบบนี้ใครจะเถียงมันได้วะ ไอ้ห่าเอ๊ยยยยย





“ผมยอมรับได้ครับ” เอาวะ กูเอง กูจะไม่เงียบอีกต่อไปแล้ว กูจะพูดบ้าง เป็นไงเป็นกันซิ

“ยอมรับ?” นี่ผมไม่ได้คิดไปเองนะ ไอ้พี่กั้งแม่งยิ้มเย๊าะใส่ผม “น้องคนเดียวยอมรับ แต่นี่เป็นกิจกรรมของมหาวิทยาลัยนะครับ น้องคงสำคัญตัวผิดไปถ้าจะแค่บอกว่าตัวเองยอมรับแล้วสามารถเปลี่ยนกฎนี้ได้”

“ผมไม่ได้สำคัญตัวครับ” ผมตะโกนให้ดังที่สุด ด้วยว่าไม่มีเครื่องขยายเสียงช่วย บอกแล้วไงว่าเป็นไงเป็นกัน แต่ถ้าพูดใส่กูต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้กูก็ไม่ยอมเหมือนกัน “ผมไม่ใช่คนสำคัญด้วยซ้ำ จริงๆแล้วผมแทบจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ยี่สิบสี่คนที่ยืนอยู่บนนี้ ผมรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำเชียร์ ไม่มีสิ่งที่ผู้นำเชียร์ที่ดีควรจะมี ไม่ได้มีหน้าตาหรือหน่วยกานอันเป็นที่ต้องการ แต่ดูนี่ซิครับ ผมทั้งพยายาม อดทน ฝึกซ้อม เพิ่มพูนทักษะ ฝ่าฟันทุกภารกิจ จนในที่สุดผมก็มายืนอยู่ตรงนี้จนได้ เพราะผมไม่เชื่อในกฎบ้าบออะไรทั้งนั้น ผมไม่เชื่อในอะไรก็ตามที่มาตัดสินตัวของผม มันจะไม่มีวันนี้ ถ้าผมมัวเชื่อแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อวาน และอย่างที่บอกไปแล้ว ผมยอมรับได้.... ผมจะเป็นวันพรุ่งนี้ให้ดู....” ผมหันไปหาทุกคนในโดมรวมใจ หายใจเข้าลึกๆก็จะตะโกนให้ดังสุดเสียง... “ผมยอมรับแล้ว ทุกคนยอมรับได้ไหมคร้าบบบบบบ”



เฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้

“ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...ยอมรับ...”



ว้าวววววว

ถึงผมเป็นคนปลุกไฟของทุกคนขึ้นมาเอง แต่ก็ยอมรับเลยว่าผมเองยังขนลุกเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่คำพูดของผมจะสามารถสร้างความหึกโหมได้ขนาดนี้



“ต.... แต่กฎระบุไว้ชัดเจน” นี่มึงจะยังไม่ยอมอีกเหรอไอ้เวรพี่กั้ง “ผมมีเอกสารกฎของผู้นำเชียร์อยู่ในมือ ผมจะอ่านให้ฟัง...”



โห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่หห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่หห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่หห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่หห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่

เสียงโห่ประท้วงหนักแน่นกว่าทุกครั้ง จนไอ้คนคัดค้านเริ่มประหม่า

“ฟังก่อนครับทุกคน กฎว่าด้วยผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนา....”



“กฎนั่นมีเก้าข้อ ผมและเพื่อนๆเป็นคนเขียนไว้เอง”


ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Part 2



!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

นี่ซิช็อกของจริง

อาจารย์หมอพิชิตมาเองเลย อาจารย์ท่านโผล่มาจากทางเข้าของโดม

“พี่น้ำชา” “พี่น้ำชา....” น้องๆผู้ป่วยที่ผมเคยดูแลก็มาด้วย มาฝนชุดผู้ป่วยเด็กเลย น้องๆพยายามใช้เสียงเล็กๆตะโกนชื่อผม

บ้าเอ๊ย ทำแบบนี้ก็ซึ้งตายกันพอดี

ผมแทบจะกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่ มันไม่ใช่ความเสียใจนะ แต่มันตื้นตันแบบสุดจะบรรยายเลย

อาจารย์หมอค่อยๆพาเด็กๆ เดินตรงมาที่เวทีโดยมีพี่ดวงคอยช่วย ขิงเองก็รีบวิ่งไปช่วยดูแลน้องๆ

“ผมเป็นคนเขียนพวกนั้นขึ้นมาเอง” อาจารย์ท่านพูดอีกครั้งเมื่อขึ้นมาถึงบนเวที ส่วนเด็กๆยืนมองผมตาแป๋วจากด้านล่าง ผมพยายามยิ้มและโบกมือให้น้องๆ “และผมขอบอกเลยว่า มันไม่ได้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรแบบนั้นหรอก ไม่ได้ลงอักขระ ไม่มีเกจิอาจารย์มาปลุกเสก มันก็แค่กฎที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างในครรลองที่ควรจะเป็นเท่านั้น ไอ้เรื่องที่ว่ามันศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ผมว่ามันเป็นค่านิยมที่สังคมสร้างให้กับกฎเสียมากกว่า สิ่งสำคัญของการเป็นผู้นำเชียร์ไม่ใช่คนที่ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดหรอกนะพ่อหนุ่ม เราเชื่อในการเป็นผู้นำและจิตวิญญาณ”

“แต่นั่น...”

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ” อาจารย์หมอตัดบทได้ซะใจมาก “ถ้ามันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ งั้นเดี๋ยวผมเขียนกฎให้ใหม่ก็ได้ ผมเป็นคนเขียนขึ้นเอง ถ้าผมเปลี่ยนก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหม”

“.....” อึ้งไปเลยซิมึงไอ้พี่กั้ง

ผมนี่อยากจะกระโดดกอดอาจารย์หมอเป็นคนที่สองจริงๆ

“เอาเป็นข้อที่เกี่ยวกับพิธีรับผู้นำเชียร์ใหม่ดีไหม ว่า... ไม่จำเป็นต้องมีรุ่นพี่มากันครบสิบสองคนก็ได้ ขอเพียงเป็นเหตุอันสมควรก็ให้มีพิธีประกาศได้”

“ก...ก็ถ้าอาจารย์จะว่าอย่างนั้น ผมก็คงไม่ขัดข้องครับ”

“งั้นก็....”



“จะไม่มีใครเปลี่ยนกฎทั้งนั้น”

อะไรอีก

นี่ยังไม่หมดเรื่องเซอร์ไพส์อีกหรือไง

อ้าว*!* พี่ชมพู

พี่ชมพู่นี่นา

“กฎของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนา ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงค่ะอาจารย์พิชิต” พี่ชมพู่บอก ก่อนจะเผยให้เห็นคนที่ตามพี่เขามาด้วย “เพราะรุ่นพี่ทุกคนมาพร้อมแล้ว"

"..." นั่นมัน.....



พ.......พี่ตอง....... “พี่ตอง”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมตะโกนชื่อพี่ตองด้วยความรักและห่วงหาอาทรโดยไม่รู้สึกอายใครทั้งนั้น น้ำตาไหลออกมาจริงๆแล้ว



พี่ตองมากับพี่ชมพู่ ด้วยไม้เท้าผู้ป่วยค้ำยัน และผ้าพันแผลเต็มตัวไปหมด

แล้วนั่น....!!

ไม่ใช่แค่พี่ตองที่มา คนที่ประคองพี่ตองอยู่ก็คือ... พ่อและแม่ของพี่ตอง ทั้งยังมีลูกน้องสามคนผู้ซึ่งเคยพยายามขับรถตู้มาพาตัวพี่ตองไป พนักงานหญิงจากท่าเรือคนที่เคยคุยกันกับผมก็มาด้วย

“ม....แม่” ให้ตายเหอะ แม้แต่แม่ของผมก็มาด้วย ผมรู้ว่าทุกคนในที่นี้คงจะอึ้งเป็นทิวแถวที่เห็นการปรากฏตัวของ T-Queen แต่ผมมองเห็นแค่แม่ที่แสนดีของผมเท่านั้น



สายตาของผมกลับมาที่พี่ตองอีกครั้ง พี่เค้ากำลังถูกประคองขึ้นมาบนเวที และเมื่อขึ้นมาได้ก็เดินมาหาผมเพียงลำพัง ส่วนคนอื่นๆหยุดอยู่กันที่ด้านล่างของเวที

ผมได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง ผมไม่ได้แล้งน้ำใจนะ ผมรู้ว่าผมควรจะเดินเข้าไปประคองพี่ตอง แต่ความรู้สึกในตัวมันปั่นป่วนไปหมด



“พี่....พี่มาแล้วนะ” พี่ตองพูดหลังจากมายืนอยู่ต่อหน้า

“พ...พี่ตอง” ผมพยายามกอดให้เบาที่สุดแล้วนะ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนั้นเหมือนกัน รู้แต่ว่าอยากจะกอดคนตรงหน้าเอาไว้ให้นานที่สุด



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



ถ้าอยู่ในภาวะปกติผมคงแยกออกได้ว่าเสียงดังที่ได้ยินนี้ประกอบด้วยทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ เสียงปรบมือ และเสียงแซว แต่ผมไม่สนใจอะไรหรอกตอนนี้



“อะแฮ่ม” พี่ชมพู่กระแอมใส่ไมค์

โอเค ผมสนใจก็ได้

ผมปล่อยกอดจากพี่ตอง แต่ไม่ปล่อยมือจากพี่เค้านะ ไม่เอาแล้ว ไม่ปล่อยอีกแล้ว

“ในเมื่อทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว” พี่ชมพู่พูดอีกครั้ง ก่อนจะเบียดให้พี่กั้งออกไปจากแท่นพิธีกร “งั้นเรามาประกาศรายชื่อผู้นำเชียร์มหาวิทลัยมัณฑนาสิบสองคนสุดท้ายกันดีกว่า ปีนี้ถือว่าพิเศษหน่อยนะคะเพราะดิชั้นจะประกาศด้วยตัวเอง.... มาเริ่มกันเลยค่ะ....”



เปลี่ยนอารมณ์ไว้มาก การปรากฏตัวของพี่ชมพู่สามารถเคลียร์ทุกอย่างได้เสมอ



“......มิโอะ มิโอรุ ฮิโยชิ  วิทยาลัยนานาชาติ

เกรซ สุโทธนา  ขันกสิกิจ คณะเกษตรศาสตร์

พาย แพรวไพลิน  เสมอเหมือน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์

อุ้ม อารีรัตน์  พืชมาก คณะศึกษาศาสตร์

มาย นฤมล  พรมกาฬ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

เกตุ เกตุวลี  โพธิ์สุวรรณ คณะวิทยาศาสตร์

อาร์ม ดนุรุท พ่วงพี คณะวิศวกรรมศาสตร์

มิค ไมเคิล  บัวชู วิทยาลัยนานาชาติ

สุ่ย สุรเดช  สมนคร คณะวิทยาศาตร์

ข้าวเจ้า พัฒนวิทย์ ศุภเจริญกุล คณะสังคมศาสตร์

ต้อม ศริภพ อาจแผ่นดิน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

และ........  น้ำชา ธชานา ธนกฤษ คณะวิทยาศาสตร์”



เฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้



ในที่สุด......

ในที่สุด.................

ที่พยายามมาทั้งหมด..........................

ที่ซ้อมมาทั้งหมด...........................................

ที่อดทนมาทั้งหมด......................................................

สำเร็จแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



“เก่งมากครับ” พี่ตองกระซิบ

“ขอบคุณ....ครับ” ผมตอบ



“ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับสิบสองคนสุดท้ายด้วยนะคะ” พี่ชมพู่กล่าวต่อ “และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่กฎของผู้นำเชียร์ของเราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่ในโอกาสนี้ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับฝ่าย ก.น.ช.ด้วยนะคะที่ต้องขอแจ้งให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น” หึ!?!?!? “คุณตำรวจ เชิญค่ะ”

ตำรวจ?????? ตำรวจอะไร ไหนวะ?



เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายคือแขกคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเข้ามาที่นี่ที่สุด แต่....



“เห้ย**!!!** มาจับผมทำไม” พี่กั้งโดนตำรวจรวบตัวอย่างรวดเร็ว



“ไม่ต้องค่ะคุณพี่ตำรวจ หนูขออธิบายเองค่ะ” พี่ชมพู่อาสาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านไมโครโฟนและการถ่ายทอดสด “เธอถูกแจ้งจับในข้อหาจ้างวานผู้อื่นให้ไปทำร้ายตองและน้ำชาไง ไอ้คนชาติชั่วใจหมา มึงคิดจะทำร้ายน้องกูเหรอ อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณพี่ตำรวจ”



ห๊ะ**!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!**

นี่เรื่องจริงเหรอ



“ผมไม่ได้ทำ มีหลักฐานอะไร กูไม่ได้ทำโว๊ยยยยย ปล่อยกู”

“หลักฐานอะมีแน่ คนร้ายที่เธอจ้างคนนึงโดนน้องน้ำชายึดกระเป๋าสตางค์มาได้พร้อมกับหมวกคลุมหัวที่ใช้ก่อเหตุ พวกนั้นไม่ได้บอกเหรอ มีทั้งชื่อทั้งดีเอ็นเอจากเส้นผม หาตัวไม่ยากหรอกนะ”

ใช่แล้วครับ ของที่ผมเอามาจากตัวคนร้ายที่มาทำร้ายผมก็คือกระเป๋าเงินของมัน กะว่าจะเอามาใช้ค้นหาคนร้าย ส่วนหมวกคลุมหัวที่เอามาด้วยเพราะรู้ว่าต้องมีเส้นผมของคนร้ายติดมาด้วยแน่ๆ ข้าวเจ้าคงเอาหลักฐานพวกนี้ไปขอให้พี่ชมพู่ช่วยระหว่างที่ผมนอนอยู่โรงพยาบาล

“ม...ไม่จริงๆ ผมไม่ได้ทำนะ ผมไม่ได้ทำ”

“เอาไว้ไปคุยกับพวกที่เธอจ้างเองก็แล้วกันนะ เพราะพวกนั้นโดนจับหมดแล้ว และที่สำคัญทุกคนก็ซัดทอดมาที่เธอ หรือจะเอาหลักฐานที่เธอโอนเงินค่าจ้างไปให้พวกนั้นด้วยไหม แค่นี้พอไหม ไปคุยกันต่อเองในคุกซะนะ พวกนั้นคงมีเรื่องคุยกับเธอเยอะเลย”

“ม...ไม่จริงๆ ไม่จริงนะครับคุณตำรวจ ไม่จริงนะ ผมถูกใส่ร้าย”

“เอาตัวไปเถอะค่ะคุณพี่ตำรวจ ขอบคุณที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนนะคะ”

“ป...ปล่อย ปล่อยนะ ปล่อยยยยยย”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมและทุกคนในโดมรวมใจได้ยิน



“จริงเหรอเนี่ย” เอาจริงๆนะ ผมยังไม่อยากเชื่อเท่าไหร่เลย ไม่คิดว่าพี่กั้งจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น นี่คือหมดอนาคตเลยนะ

 “เออ จริง” ไอ้สุ่ยเป็นคนตอบ มันยืนอยู่ข้างๆผม มันก็เลยได้ยินผมพึมพำ “มึงโชคดีมากที่มีกูเป็นเพื่อน ไม่งั้นคดีไม่เร็วขนาดนี้หรอก”

“ทำไมวะ”

“ก็พ่อกูเป็นตำรวจไง”

“จริงอ่ะ”

“ทำไมต้องทำเสียงเหมือนไม่เชื่อด้วยวะ เออ....จริง แต่มึงขอบใจข้าวเจ้าโน่น พูดกับพ่อกูโคตรเก่งอ่ะ พ่อกูเจอข้าวเจ้าวันเดียวแทบจะรักกว่ากูที่เป็นลูกมาตั้งหลายปีอีก”

“ข้าว” ผมหันไปเรียกไอ้ข้าว

“ยินดี” ไอ้ข้าวตอบทันที มันคงได้ยินอยู่แล้ว



“เอาล่ะๆ” พี่ชมพู่พูดอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนในโดมที่ตื่นตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่กลับมาสู่บรรยากาศที่ควรจะเป็น “เรื่องวุ่นวายผ่านไปแล้ว จบไป มาพูดเรื่องวันนี้ของเรากันดีกว่านะคะ ตามธรรมเนียมแล้วก็ต้องมีรุ่นพี่มากล่าวอะไรเล็กน้อย ดิชั้นขอถือสิทธิ์ยกไมค์ให้อดีตเซ็นเตอร์ของเราเลยก็แล้วกัน เจ้าชายตองของพี่ พอจะพูดไหวไหมลูก”

“ไหวครับ” พี่ตองตอบรับ พี่ชมพู่จึงเดินเอาไมค์มาให้ “ขอโทษทุกคนที่ผมมาช้านะครับ จนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ถ้าหากเลือกได้ ผมก็คงจะอยากมาในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้”

ไม่เป็นไรรรรรร

เสียงจากด้านล่างเวทีแทรกขึ้นมานิดหน่อย

“ก็ขอแสดงความยินดีกับน้องๆทั้งสิบสองคนนะครับที่ได้รับตำแหน่งผู้นำเชียร์ประจำปีนี้ โดยเฉพาะ..... น้องน้ำชา” คงไม่ต้องบอกนะว่ามีคนส่งเสียงแซวมามากแค่ไหน “ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่คอยเชียร์และเป็นกำลังใจให้กับ....แฟน....ของผม”

เอาจริงดิ พูดแบบนี้เลยเหรอ จากที่ว่าจะไม่เขิน ตอนนี้เขินจริงๆแล้ว เล่นพูดใส่ไมโครโฟนต่อหน้าคนเป็นพันๆ ใครมันจะไม่เขินบ้างล่ะ

“สุดท้ายนี้ ผมขอถือโอกาสบอกกับทุกคนที่คิดจะจ้างงานผมนะครับ” พี่ตองหันมาหาผมแต่ปากยังพูดอยู่ที่ไมโครโฟน ทำไมต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วยล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าคนมองมันจะ... หลงรักได้มากแค่ไหน “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมไม่รับงานเดี่ยวแล้วนะครับ..... ผมรับแต่งานคู่เท่านั้น”



ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว



“..................” ไอ้พี่ตองบ้า



งานคู่.... งั้นเหรอ

ใครบอกล่ะ

ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคือ....



....ชีวิตคู่ต่างหาก





‘ขอบคุณกิจกรรมห้องเชียร์ ขอบคุณการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ขอบคุณโอกาส ขอบคุณโชคชะตา ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณศัตรู ขอบคุณตัวเอง ขอบคุณทุกๆคน ขอบคุณทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุด ขอบคุณ...พี่ตอง เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เชียร์ให้รักของผม..... มาลงในล็อคที่ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้พานพบมาก่อน......... ขอบคุณครับ’







สุดท้าย ผมขอเริ่มชีวิตรักของผมต่อจากนี้ ด้วยคำว่า........









..................ตลอดไป

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนพิเศษ : Seven





------------7 วันผ่านไป---------------



“ชนแก้วววววววว” นี่คือเสียงของพี่บุ๋นครับ “ขอบใจพวกเอ็งทุกคนมากๆเลยนะที่ทำให้พาวเวอร์เชียร์ปีนี้ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะงั้นก็ดื่มให้เต็มที่ กูเลี้ยงเอง”

“เดี๋ยวนะพี่” น้ำชาขัด “เมื่อวานพวกพี่ลีดมอก็เลี้ยงไปแล้วนิ ผมนึกว่าวันนี้เรามาเนื่องในวันปีใหม่ซะอีก”

“เออ นั่นแหละ กูควบให้สองงานเลย แดกๆเข้าไปเหอะ ขาดเหลืออะไรบอก เดี๋ยว.... ไอ้น้องข้าวเจ้าทำให้กิน ฮ่าๆ”

“โหพี่ ใช้งานแฟนผมหนักไปแล้วนะ” สุ่ยโวยวายนิดหน่อย “สถานที่ก็ใช้บ้านผม ยังจะใช้งานแฟนผมอีก”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า” ผมรีบออกตัว “กินกันเต็มที่เลยนะทุกคน อยากได้อะไรก็บอก”

“เห็นไหมไอ้สุ่ย มึงหวงไอ้น้องข้าวเจ้าเกินไปแล้ว”

“ข้าวเจ้าไม่ยอมบ้างก็ได้นะ” สุ่ยหันมาเอ็ดผมแทน

“อย่าทำให้เสียบรรยากาศซิ” ผมเอ็ดกลับ “พี่บุ๋นก็พูดไปงั้นแหละ ทุกคนก็ช่วยกันอยู่ดี นานๆมีเพื่อนมาเที่ยวบ้านสุ่ยบ้าง ไม่ดีหรือไง”

“ไม่รู้อ่ะ ถ้าใครใช้ข้าวเจ้าอีก สุ่ยจะทำเอง ข้าวเจ้านั่งเฉยๆตรงนี้แหละ”

“ดีๆ ไอ้สุ่ย” ต้อมพูดขึ้น “มึงจะทำเองใช่ไหม งั้นมึงไปเอาน้ำแข็งมาเลย หมดแล้วเนี่ย”

“นี่กูเพื่อนมึงนะ” ไหนบอกจะทำไง ไม่ทันจะทำอะไรก็โวยวายซะแล้ว เชื่อเขาเลย

“เออน่า ไปเอามาเหอะ ก็บ้านมึงนี่หว่า กูจะไปหยิบก็เกรงใจ”

“เออๆๆ”

“ต้อมก็เบาๆหน่อยก็ได้นะ” น้ำขิงหันมาเตือนต้อม “เดี๋ยวก็ขับรถกลับไม่ไหวหรอก”

“ไหวอยู่แล้วครับบบบ ต้อมดื่มแทนส่วนของพี่ตองไง พี่ตองยังไม่หายดี”

“อ้าว ไอ้เวรต้อม” พี่ตองพูดทันที “นี่มึงเยาะเย๊ยกูเหรอ มึงมาโดนยำตีนเหมือนกูบ้างไหม จะได้เข้าใจความรู้สึก”

“ผมก็แซวเล่นหน่อยเดียวพี่ อะๆๆ พี่กินโค๊กนะ ไว้หายดีเดี๋ยวค่อยมาดวลกับผม”

“เดี๋ยวเหอะมึง...”





“ข้าวเจ้าๆ”

หึ! ใครเรียกหว่า

“คุณอา! เรียกผมเหรอครับ” พ่อของสุ่ยเรียกผมมาจากประตูหน้าบ้าน ดูเหมือนท่านจะเพิ่งเลิกงาน ยังอยู่ในชุดตำรวจอยู่เลย

“อาขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

“ครับ” ผมรีบลุกเดินไป โดยพ่อของสุ่ยเดินออกไปรอผมที่หน้าบ้าน “คุณอาเรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ก็...” คุณอาทำไมดูอ้ำอึ้ง “อาจะขอคุยเรื่องข้าวเจ้ากับเจ้าสุ่ยหน่อยน่ะ”

“...........” ซวยแล้วไง อย่าบอกนะว่าคุณอารู้เรื่องแล้ว “เอ่อ.... คือ..... เอ่อ......” นี่เรากลายเป็นคนติดอ่างไปได้ยังไงกัน

“เปล่าๆ อาไม่ได้จะมาต่อว่าอะไร อาก็พอดูออก”

“ครับ?” ดูออก? หมายถึงยังไง

“อาอยากจะขอบใจข้าวเจ้ามากกว่าที่ทำให้เจ้าสุ่ยมันเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้ซะที” หึ อะไรนะ ที่ได้ยินคือเรื่องจริงใช่ไหม “ปวดหัวกับมันมานานแล้ว ขนาดมันมีพ่อเป็นตำรวจมันยังไม่ค่อยจะกลัวอะไรอาเลย เห็นมันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ไปฟันผู้หญิงมั่วซั่วจนเป็นปัญหา อาก็สบายใจมากแล้ว ยิ่งช่วงนี้เห็นมันชอบอ่านหนังสือกับข้าวเจ้าแล้วอาก็อดปลื้มใจไม่ได้ นี่ถ้าข้าวเจ้าไม่เข้ามาในชีวิต อาก็คงยังหาทางออกกับมันไม่ได้ ยังไงอาก็ฝากข้าวเจ้าดูแลมันหน่อยนะ มันเสเพลมานาน อดทนกับมันหน่อย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆโทรบอกอาเลย เดี๋ยวอาจะช่วยส่งพวกตำรวจใหม่ที่ สน.ไปจัดการมันให้”

“ม...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณอา สุ่ยก็ไม่ได้ทำตัวแย่ขนาดนั้น ผมเองซะอีกที่ต้องกราบขอบคุณคุณอาที่ไม่ว่าอะไรเรื่องผมสองคน”

“อาจะไปว่าได้ไงล่ะ ก็... อาก็แค่จะมาพูดคุยกับข้าวเจ้าแค่นี้แหละ โตๆกันแล้ว อาไม่อยากให้คาลาคาซัง คุยกันให้รู้เรื่อง จะได้ไม่คิดกันไปเอง.... เอาเป็นว่าเรื่องของอา ไม่มีปัญหาอะไรนะ ส่วนเรื่องฉลองก็เต็มที่เลย เดี๋ยวอาต้องกลับเข้าที่ทำงานอีกรอบ ร้อยเวรโทรมาบอกว่ามีจับยารายใหญ่ได้ เดี๋ยวส่งเรื่องให้ผู้การไม่ทัน”

“ครับคุณอา ระวังตัวด้วยนะครับ”

“อ...อ๋อ ขอบใจมากลูก นี่ไงอาถึงชอบข้าวเจ้า อาเลี้ยงไอ้เจ้าสุ่ยมาสิบแปดปีมันไม่เคยเป็นห่วงอะไรอาเลย โอเค อาต้องไปจริงๆแล้วนะ ฝากดูแลบ้านด้วยล่ะ”

“ครับ”

แล้วพ่อของสุ่ยก็ขึ้นรถยนต์ขับออกไป.....





“คุยอะไรกับพ่ออ่ะ”

“เห้ย*! สุ่ย*” ผมสะดุ้งโหยง กำลังมองรถขับออกไปเพลินๆ “ตกใจหมดเลย”

“ขอโทษๆ แล้วคุยไรกับพ่อเหรอ”

“อ๋อ...” จะพูดว่าไงดีนะ “คุณอาบอกว่าถ้าเทอมนี้สุ่ยได้เกรดต่ำกว่าสามจะไม่อนุญาตให้ไปอยู่กับข้าวเจ้าอีก”

“ห๊ะ!!! อะไรนะ จะบ้าเหรอ สุ่ยไม่ใช่คนอัจฉริยะเหมือนไอ้ชานะ แค่ได้เกินสองก็บุญโขแล้ว เรียนมาจนจะจบเทอมอยู่แล้วด้วย ตั้งใจตอนนี้ยังไงทำไม่ได้หรอก ไม่เอาอ่ะ ยังไงพ่อก็ห้ามสุ่ยไม่ได้หรอก ถ้าจะไปหาข้าวเจ้าซะอย่าง”

ว่าแล้วเชียว “ใช่ คุณอาก็พูดแบบนี้แหละ ข้าวเจ้าก็เลยบอกว่า ถ้าสุ่ยได้เกรดต่ำกว่าสาม ข้าวเจ้าจะลาออกจากมหาลัยเอง”

“ห๊ะ เห้ย!! ไม่ได้นะ แล้วสุ่ยจะอยู่กับใครล่ะ”

“เพื่อนก็มีเยอะแยะ สาวๆที่รอสุ่ยก็ยังมีอยู่อีกเยอะนะ ไม่เห็นต้องสนใจเลย แค่คนๆเดียวหายไป”

“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า”

“งั้นก็ต้องได้สามขึ้น”

“แต่....” เพิ่งเคยเห็นสุ่ยทำไมเหมือนคนจะร้องไห้ครั้งแรกเลย

“งั้น... เอางี้ ถ้าได้เกินสองจุดห้า ข้าวเจ้าจะคุยกับพ่อให้ ทำได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องต่อรองแล้วนะ”

“ก.....ก็ด้ายยยยย แต่ข้าวเจ้าต้องช่วยสุ่ยด้วยนะ”

“ไม่มีปัญหา แต่แค่เทอมเดียวนะ เทอมหน้ายังไงก้ต้องสาม”

“นี่พ่อเป็นคนพูดจริงเหรอ ไม่ใช่ข้าวเจ้าพูดเองนะ”

“หาว่าข้าวเจ้าโกหกเหรอ”

“ป....เปล่าๆ โอเคๆ ก็ได้ แต่เทอมหน้านะ เทอมนี้สองจุดห้า เห้อออออ”

“ถอนหายใจทำไม”

“ก็มันยากนี่นา ฟิสิกส์นะ สูตรเยอะจะตาย วันนี้กินเหล้าแค่นี้ดีกว่า ไม่งั้นสมองเบลอแน่ๆเลย ถ้าสองจุดห้าก็คงต้องเริ่มอ่านหนังสือคืนนี้เลย”

โห ทำหน้าเศร้าซะผมรู้สึกผิดที่โกหกเลย

“ก็ถ้า....สุ่ยตั้งใจอ่านหนังสือทุกคืน ข้าวเจ้าก็จะให้รางวัลทุกคืนเหมือนกัน ถ้าแบบนี้มีแรงจูงใจพอหรือยัง”

“จริงอ่ะ มีมากกกกกกเลย งั้นไปอ่านหนังสือกันเลยดีกว่า ปะ”

“มากไปๆ เอาน้ำแข็งไปให้คนอื่นก่อนไป”

“ครับบบบบบบ”

ไอ้บ้าสุ่ย

นี่ชีวิตผมมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันนะ

มันเริ่มต้นที่เรามีน้ำชาเป็นไอดอลเหรอ

หรือมันเริ่มต้นที่การมีสัมพันธ์รักกับไอ้เสือผู้หญิงนั่นโดยไม่ตั้งใจ

หรือว่าจริงๆแล้ว ทุกอย่างมันในเริ่มต้นมานานแล้ว แค่รอให้คนสองคนมาเจอกันเท่านั้น..............









--------- 7 สัปดาห์ผ่านไป ---------



“ไหนเอามาดูซิ”

“เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นนะครับ น้ำขิงต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไปโกรธต้อมอ่ะ”

“ทำไม มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่า...”

“หน่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้ดูยังทำหน้าโหดขนาดนี้เลย แล้วต้อมจะกล้าให้ดูได้ไงอ่ะ”

“ต้อม เอามา”

“แต่....”

“งั้นวันนี้กลับไปนอนหอตัวเองเลย”

“โห่ น้ำขิงโหดอ่ะ อ่ะๆๆๆ ให้ดูก็ได้”

“ไหน” ในที่สุด กว่าผมจะได้ดูใบผลการเรียนของคนตรงหน้าก็ต้องเสียเวลาเป็นนาน

ไหนดูซิ ทำไมถึงไม่อยากให้ดู.....

A

B+

B

A

B

B

B+

ผ่าน

ผ่าน

ผ่าน

GPA = 3.43



“ส....สามจุดสี่สาม” ผมแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น

“ครับ”

“ท... ทำไมได้เยอะขนาดนี้ล่ะ แล้วทำไมเมื่อกี๊.... อ๋อ นี่หลอกขิงใช่ไหม”

“โห่ ที่รักครับ ใช้คำรุนแรงจัง ต้อมแค่แกล้งนิดหน่อยเอง ไม่ได้เรียกว่าหลอกซะหน่อย โอ๋ๆๆๆๆ ไม่งอนนะ ล้อเล่นนะครับล้อเล่นนะ...”

“.....” ก็ไม่รู้หรอกว่างอนคืออะไร แต่หลังจากที่คบกับคนๆนี้มาตลอดเทอม ผมก็รู้สึกว่าตัวเองแสดงพฤติกรรมอะไรที่ไม่เคยทำมากมายไปหมด การตีหน้าไม่พอใจนี้ก็เช่นกัน ทั้งๆที่ก็แอบดีใจลึกๆนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนไม่มีทักษะด้านการเรียนแบบนี้ ผมจะสามารถผลักดันเขาให้มาถึงจุดนี้ได้ ผลการเรียนระดับนี้ น่าจะถึงขั้นติดท๊อปห้าของคณะสถาปัตย์

“หายงอน หายงาน หายงอนนะครับบบบ”

“พอเลยๆ จะมาจับขิงโยกทำไม เวียนหัว”

“ห๊ะ! จับโยกเหรอ ฮั่นแน่ ที่รักคิดอะไรอยู่น่ะ”

“หยุดความคิดลามกไว้เลยนะ”

“ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ แต่ยังไงต้อมก็ยังห่างไกลจากน้ำขิงอยู่ดี คนอะไรเรียนได้สามจุดเก้าแปด ที่รักเอาสมองไปเก็บไว้ไหนเนี่ย”

“แต่ชาได้สี่จุดศูนย์ศูนย์เลยนะ”

“โอะ ไอ้ชาเย็นนั่นปล่อยมันไป มันไม่ใช่คนแล้ว... ว่าแต่ ต้อมเรียนได้เกินสามขนาดนี้ ไม่มีอะไรพิเศษให้ต้อมบ้างเหรอ”

“มีซิ”

“จริงอ่ะ... อะไรอ่ะ ตื่นเต้นจัง”

“รอแป๊บนึง” ผมลุกเดินไปที่ชั้นหนังสือมุมห้อง ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาให้คนที่เรียกร้อง “อะนี่”

“อะไรอ่ะ.... เห้ย นี่มันหนังสือแคลคูลัสสองนิ”

“ใช่ ขิงไปหาซื้อมาให้ต้อมอ่านล่วงหน้า นี่เป็นหนังสือเรียนเทอมหน้าของต้อม”

“ไม่เอาแบบนี้ดิ”

“ไม่ได้ เทอมนี้ทำได้สามแล้ว เทอมหน้าและเทอมต่อๆไปก็ต้องไม่ตก ไหนจะวิชายากๆที่จะเพิ่มมาอีก ต้องเตรียมตัวไว้”

“แต่นี้มันปิดเทอมวันแรกนะ”

“ก็ใช่ไง เพราะปิดเทอมไง ถือเป็นโอกาสให้ต้อมอ่านหนังสือเยอะๆ”

“ง่า..... ไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้างไม่ได้เหรอ สอบก็เครียด อ่านหนังสือก็ดึกมาตั้งเป็นเดือนๆ”

“ก็ได้ ไปเที่ยวก็ได้”

“ห๊ะ จริงอ่ะ”

“จริง”

“ว้าว น้ำขิงน่ารักมากเลย แล้วเราจะไปเที่ยวไหนกันดี”

“ก็แล้วแต่ต้อมซิ จะไปทะเล จะขึ้นเขา หรือไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้ แต่... ไม่ใช่คำว่าเรานะ แค่ต้อม ขิงไม่ไปด้วยนะ ขิงจะอ่านหนังสือ ส่วนต้อมก็.... เที่ยวให้สบายใจนะ”

“โห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ห่ น้ำขิงใจร้ายอ่า....”

“ขิงไม่ได้ห้ามให้ต้อมไปเที่ยวซะหน่อย ใจร้ายได้ยังไง”

“ก็ถ้าให้ต้อมไปโดยไม่มีน้ำขิง ไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดมันก็ไม่มีความสุขหรอก”

ก็กะไว้แล้วล่ะว่าต้องออกมาแบบนี้

“สรุปว่าจะไปหรือไม่ไป”

“ไม่ไปก็ได้” มีทำหน้างอนด้วย “ไหนๆก็ไม่ไปแล้ว งั้น.... ขอขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดตรงนี้เลยก็แล้วกันนะ”

“ด...เดี๋.....”

จบเรื่องของผมสองคนไว้แค่นี้ดีกว่านะครับ ผมอยากให้ทุกคนจดจำผมในภาพลักษณ์เด็กเนิร์ดมากกว่า

อ่อ แต่มีอย่างนึงที่ผมอยากจะพูด แต่ยังไม่กล้าพูดออกมาจริงๆหรอก ถ้าวันใดวันหนึ่งที่ผมกล้าพอ ผมอยากจะพูดกับชา ลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญของผมว่า ขอบคุณที่ชาเป็นเพื่อนกับต้อม เพราะมันทำให้ผมได้พบแฟนคนแรกและคนเดียวที่ดีที่สุดในโลก.............









-------------- 7 เดือนผ่านไป --------------------





“ตื่นเต้นไหม”

“ไม่ตื่นเต้นก็บ้าแล้ว”

“ไม่ต้องเครียดนะ บุ๋นแค่ทำใจให้สบาย บุ๋นมีเสน่ห์อยู่แล้ว พี่ว่าพวกเขาต้องชอบแน่ๆ”

“พี่ก็พูดได้นิ พี่ผ่านแล้วนิ”

“โอเคครับบบ และว่าอะไรพี่ก็ได้ ถ้าทำให้บุ๋นสบายใจ”

“ก็ถ้าไม่จบเรื่องของวันนี้ ก็ไม่มีอะไรมาทำให้สบายใจทั้งนั้นแหละ แล้วบุ๋นต้องพูดเกาหลีด้วยไหมอ่ะ”

“แค่ช่วงแนะนำตัวก็พอ ที่เหลือจะใช้ภาษาอังกฤษก็ได้ เอเจนซี่เขาคงเข้าใจ”

เห้ออออออออออ

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมมีความคิดที่บ้าดีเดือดขนาดนี้

นี่กูมายืนอยู่หน้าค่ายเพลงเกาหลีแล้วจริงๆเหรอ กูคิดยังไงของกูวะถึงบังอาจจะมาออดิชั่นเป็นศิลปินฝึกหัดค่ายเดียวกับเอเจนซี่ที่ดูแลพี่ท๊อปอยู่ ช่างไม่เจียมกะลาหัวเลย

แต่เอาจริงๆนะ ผมคงไม่กล้าขนาดนี้หรอก ถ้าไม่บังเอิญว่าพี่ท๊อปเอาโปรไฟล์ของผมมาให้ทางค่ายดูแล้วเขาดันสนใจขึ้นมาจริงๆ



“บุ่น.... บุ๋น”

“ห๊ะ” ผมถูกเรียกสติที่เหม่อลอยไปเพราะความตื่นเต้น

“เข้าไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว”

“อ....โอเค”

“ไปครับ... เดี๋ยว... แล้วทำไมบุ๋นเดินแปลกๆอย่างงั้นล่ะ เจ็บขาเหรอครับ”

“เปล่า”

“แล้วเป็นอะไรอ่ะ หรือเป็นตะคริว”

“เปล่า”

“แล้ว....?”

“บุ๋นเจ็บ.... เอ่อ.... เจ็บเอว”

“เจ็บเอว? ทำไมอ่ะครับ ไปเดินชนอะไรมาเหรอ”

“ยังจะมาถามอีก ก....ก็.....”

“ก็?”

“ก็เมื่อคืนนี้ไงเล่า พี่ท๊อปนั่นแหละรุนแรงกับบุ๋นอ่ะ ยังจะมาถามอีก”

“................”

“ไม่ต้องมาทำหน้าอึ้งเลย ไม่รู้ตัวบ้างหรือไง คบกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว มีอะไรกันมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ไม่เคยลดความรุนแรงลงเลยนะ”

“ก็.....”

“ก็อะไร” เห็นพี่ท๊อปสุภาพอ่อนโยน ลุคหน้าใสเกาหลีแบบนี้นะ ไม่อยากจะบอกเลยว่าเป็นพวกอารมณ์ทางเพศรุนแรงสุดๆ อีกนิดเดียวก็จะเข้าขั้นซาดิสอยู่แล้ว คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทำเรื่องอย่างว่าได้เกือบทุกวัน แถมยังแสดงสีหน้าแล้วก็พูดจาหื่นกามสุดๆเวลาอยู่บนเตียง ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับคนแบบนี้

“ก็พี่รักบุ๋นมากนิครับ”

“ไม่ต้องมาพูดเลย”

“แล้ว.... บุ๋นไหวไหมอ่ะ ถ้าออดิชั่นไม่ไหว พี่จะบอกทีมงานให้ เผื่อจะเลื่อนไปได้”

“ไม่ต้องหรอก ชินแล้ว แค่เคล็ดนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย เข้าบริษัทได้แล้ว เดี๋ยวก็สายจริงๆหรอก”

“งั้นคืนนี้.....”

“พอ”

“.........................”

โอ๊ยยยยยย “อะๆ ก็เดี๋ยวค่อยว่ากันก็แล้วกัน คิดเรื่องออดิชั่นตอนนี้ก่อนไหมล่ะ”

สุดท้ายผมก็ยอมเหมือนเดิมทุกวันอ่ะ ไม่รู้ว่าพี่ท๊อปมันไปฝึกทำหน้าเศร้ามาจากไหน เห็นทีไรใจอ่อนทุกที

ช่างมันเถอะ ก็รักไปแล้วนี่นา......................









------------- 7 ปีผ่านไป -------------



“ฮ่าๆๆๆๆๆ” “จริงแก” “แต่ว่าก็ว่านะ....”

“อะแฮ่ม.... พี่ดาว พี่หยก พี่ใหม่ ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำอะไร กำลังพูดถึงบอสกันอยู่”

“โอ้โหพี่ดาว นี่จับกลุ่มนินทาผมอยู่แล้วยังจะมีหน้ามายอมรับซื่อๆอีกนะ”

“เปล่านะคะบอส พี่แค่บอกว่าเราสามคนพูดถึงบอสอยู่ ไม่ได้แปลว่าพูดไม่ดีถึงบอสนะคะ ใครจะกล้านินทาบอสน้ำชาสุดที่รักของพวกเราไปได้ละคะ”

“หรา..... ปากหวานจริงๆนะพี่เนีย พูดได้ดีครับ แล้วงานที่ผมสั่งไปล่ะครับ ออกมาดีหรือเปล่า ไหนครับแผนวิเคราะห์การสั่งซื้อเรือขนส่งไตรมาสหน้า เสร็จหรือยัง”

“แหม บอสค่ะ นี่พี่ดาวเองนะคะ คิดว่าจะไม่เสร็จได้ยังไง นี่ค่ะ วิเคราะห์เรียบร้อยด้วยความยาวสิบสองหน้ากระดาษเอสี่ ทั้งขนาดทั้งรุ่นแถมระบบการดูแลรักษาไว้ให้ด้วยเลย”

“ยาวไปไหมครับพี่”

“พี่คิดอยู่แล้วเชียวว่าบอสต้องพูดแบบนี้ก็เลยทำหน้าสรุปไว้ให้แล้วค่ะ อยู่หน้าแรก อ่านได้เลย นี่ค่ะๆ เป็นไงค่ะ พี่ดาวควรจะได้รางวัลพนักงานแห่งปีของ KTYC นะคะปีนี้”

“ผมขอตรวจก่อนก็แล้วกันนะครับ ค่อยว่ากันในเรื่องรางวัล แล้วพี่ใหม่กับพี่หยกละครับ งาน...”

“หยุดค่ะบอส” ผมถูกหยุดการทวงงานด้วยแฟ้มเอกสารสีชมพูเรียบร้อย “นี่ค่ะบทวิเคราะห์การใช้งบประมาณแบบขาดดุลสามปีย้อนหลังที่บอสสั่งพี่กับยัยดาวทำ เรียบร้อยสวยงามในแฟ้มแล้วค่ะ”

“โอเคๆ ไม่คิดตะเปิดช่องโหว่ให้ผมตำหนิอะไรได้เลยว่างั้น”

“แน่นอนซิคะบอส” พี่หยกตอบทันที “เราสามคนมีผู้จัดการฝ่ายที่เก่งขนาดนี้ จะให้พวกเราหยุดพัฒนาได้ยังไงละคะ”

“เอาเป็นว่าผมขอดูความถูกต้องก่อนก็แล้วกันนะครับ”

“ได้เลยค่ะบอส แต่พี่หยกขอคอนเฟิร์มไว้ตรงนี้เลยนะคะว่า พวกเราไม่มีพลาดแน่นอน”

“แต่จะว่าไปนะ ที่พวกเราเก่งกันจนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งบริษัทขนาดนี้ก็เพราะได้บอสมาเป็นผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์เลยนะ” พี่ดาวเอ่ย “ฝ่ายเราเปิดมาได้แค่สามปี มีกันแค่สี่คน แต่กลายเป็นตัวแปรสำคัญของบริษัท อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้บอสเลยนะ”

“พูดชมผมขนาดนี้อยากได้อะไรครับ จะให้ผมขอเพิ่มเงินเดือนให้พวกพี่หรือไง”

“โอ๊ย ไม่ต้องแล้วละคะบอส ตอนนี้แผนกเราได้เงินเดือนสูงกว่าแผนกอื่นเกือบเท่าตัวแล้ว ไหนจะเงินโบนัสทั้งปีอีก รู้ไหมค่ะว่าคนแผนกอื่นเขม่นพวกเราคนสามคนจะแย่ ทุกวันนี้ไม่กล้าไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัทคนเดียวแล้วเนี่ย”

“งั้นผมจะไปขอลดเงินเดือนให้ก็แล้วกัน ดีไหม”

“บอสค่ะ เอาเป็นว่าไม่เพิ่มไม่ลดก็โอเคแล้วคะ โดนเขม่นบ้างก็ได้”

“แต่เราสามคนรู้สึกขอบคุณบอสมากเลยนะคะ” พี่ใหม่ยังมีเรื่องจะพูดอีก “ทั้งๆที่พวกเราไม่เก่งงานด้านคิดวิเคราะห์เลย หลักการ เหตุผล คณิตศาสตร์ ตัวเลข ห่วยสุดๆ แต่ก็ได้บอสช่วยสอนให้ อดทนสอนพนักงานกะโหลกกะลาอย่างเราสามคนมาเป็นปีๆ จนกลายเป็นคนที่ทำเรื่องยากๆได้ บริษัทก็พลอยไว้วางใจจับเซ็นสัญญาตลอดชีพแถมสวัสดิการอีกเพียบ นี่ถ้าไม่ติดว่าบอสอายุน้อยกว่า จะกราบเบญจางคประดิษฐ์ตรงนี้เลยค่ะ”

“ครับบบบ ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานเหมือนกันนะครับ งั้นผมขอตัวไปตรวจงานก่อนดีกว่าเนาะ”

“นี่มันเที่ยงนะคะบอส ยังจะทำงานอีกเหรอ”

“ก็....”

“ก็กำลังรอผู้จัดการตองมารับอยู่ละซิ คิคิคิ”

“พี่ใหม่ ผมเป็นบอสนะ”

“โอ๊ยบอส ก็แซวบ้าง บอสไม่โกรธหรอกพี่รู้ พี่แค่จะบอกว่า ขนาดบอสกับคุณตองห้องทำงานติดกันขนาดนี้ยังไม่เห็นมีเวลาให้กันบ้างเลย สามปีมานี้พวกพี่ไม่เห็นบอสกับคุณตองจี๋จ๋ากันเท่าไหร่เลย ไม่น้อยใจเหรอค่ะ”

“ฝ่ายคอมพิวเตอร์งานยุ่งจะตาย แล้วผมก็อายุยี่สิบห้าแล้วนะพี่ จะให้มาจี๋จ๋าอะไรอีก”

“โอ้โหๆ บอสค่ะ พูดเรื่องอายุนี่พี่ขึ้นเลยนะคะ วัยสามสิบอย่างพี่ก็สามารถทำอะไรสวีทหวานแหววได้ค่ะ”

“ใช่ ชั้นเชื่อแกนะ” พี่หยกพูดขำๆ “แต่ประเด็นคือแกจะไปสวีทหวานแหววกับใครวะ เสาเรือหรือไง”

“โอ้โหหยก ร้ายกาจมาก แกก็ขึ้นคานเดียวกันชั้นนี่แหละ หล่อนด้วยยัยดาว ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะชั้นเลย... อย่ามาสนใจพวกเราเลยค่ะบอส สนใจตัวบอสเถอะ นี่ก็คบกันมาตั้งเจ็ดปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีซะทีล่ะ”

“ข่าวดี? ยังไง... เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่าพี่หมายถึง...”

“ใช่ค่ะ แต่งงานไงคะ คบกันมาตั้งเจ็ดปี ไม่คิดจะแต่งงานหรือไงคะ”

“บ้าเหรอพี่ เรื่องแบบนี้มันปกติที่ไหนกัน ใครเขาจะไป.... บ้าแล้ว คงแปลกตายเลย ผู้ชายแต่งงานกันเอง อยู่แบบนี้ก็พอแล้ว”

“บอสค่ะ พนักงานที่นี่นับรวมตอนนี้ก็หลักพันคนแล้วนะคะ ทุกคนก็รู้เรื่องของบอสสองคนทั้งนั้น ไม่เห็นจะมีใครว่าแปลกเลย มีแต่คนพูดว่าแปลกที่ไม่แต่งงานกันซะทีนั่นแหละคะ บอสใหญ่ก็หลงรักบอสน้ำชาออกนอกหน้านอกตาขนาดนี้ แค่พูดว่าอยากแต่ง ไม่วายปิดท่าเรือจัดงานให้เลยเหรอค่ะพี่ว่า”

“พูด....”





“น้ำชา”

หึ!!!

ใครเข้ามาในห้องแผนกเราหว่า

เห้ยยยยยย

“แม่” แม่ของผมมา แล้วก็มีอิเจสซี่ อิเล็ก กับวาวามาด้วย

ผมรีบวิ่งไปกอดแม่

“เป็นไงบ้างลูก สบายดีไหม” แม่ผมถาม

“สบายดีครับ คิดถึงแม่มากเลย”

“มาอยู่กับครอบครัวพี่ตองนึกว่าจะไม่คิดถึงแม่ซะแล้ว”

“ได้ไงกันเล่า ก็ชาไม่ชอบทำงานสื่อนี่นา ไม่งั้นก็คงไม่มารับงานที่นี่หรอก”



“T-Queen สวัสดีค่ะ” พี่พนักงานทั้งสามของผมเดินตามมากล่าวทักทายแม่ของผมอย่างตื่นเต้น

“เรียกวิจิตราก็ได้ค่ะ” แม่ผมบอก

“ค่ะ คุณวิจิตรา”



“อิชา.....” อิเจสซี่แทบร้องเมื่อเห็นผม “เป็นไงบ้างมึง ไม่เจอกันนาน มึงดูมาตรนักธุรกิจขึ้นเยอะนะ”

“มึงสามคนก็เหมือนกันนิ ดูอัพเกรตขึ้นนะ ไปทำอะไรกันมาวะ”

“แน่นอนซิ ตอนนี้กูสามคนเลื่อนมาเป็นทีมเอ็กซ์ของ T-Queen World Wide แล้วค่ะ”

“ทีมเอ็กซ์! หมายถึง ทีมผู้ช่วยส่วนตัวของแม่อะเหรอ”

“ใช่จ๊ะ” แม่ผมตอบ “เพื่อนชาสามคนนี้เก่งนะ ทำงานก็เก่ง คิดก็เร็ว มีไอเดียตลอด แถมแก้ปัญหาเก่งด้วย แม่ก็เลยให้ทั้งสามคนมาอยู่ทีมส่วนตัวเลย”

“โห...” ผมร้อง “ดีมากพวกมึง ไม่เสียแรงที่กูฝากฝังให้ไปทำงานกับแม่กู”

“อย่าลืมซิค่ะว่ากูสามคนเคยเป็นอดีตบัดดี๊ของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนามาก่อน ศักยภาพเต็มร้อยค่ะ” ชูคอใหญ่เชียวนะอิช้าง



“ว่าแต่ แม่มาที่นี่ทำไมอ่ะครับ” ผมกลับมาถามแม่ มัวแต่คุยเพลินเลย

“อ๋อ คือเจ้าสัวมีเรื่องอยากคุยกับแม่น่ะ” แม่ผมตอบ

“พ่อพี่ตองอ่ะเหรอ แล้วเจอกันหรือยังอะครับ ให้ผมพาไปหาไหม”

“เจอแล้ว คุยกันเรียบร้อยแล้ว”

“เหรอครับ แล้วคุยกันเรื่องอะไรอ่ะ”

“เอ่อ....”

“ครับ?” แม่อ้ำอึ้งทำไม

“ตอนนี้แม่ว่าน้องน้ำชาโตมากแล้วนะ เพราะงั้น... ออกไปข้างนอกกันดีกว่า”

“ห๊ะ” ไปข้างนอก? เกี่ยวอะไรกันกับโตแล้ว แม่พูดอะไรของแม่เนีย

“มาๆๆๆ อิชา มานี่ ไปข้างนอกกัน” อิเพื่อนสามคนของผมดึงผมออกไปจากห้องแผนก

“เดี่ยวๆ พวกมึงจะพา...”



โอ้ มาย ก็อดดดดดดด



WILL YOU MARRY ME?



ทำไมมีป้ายใหญ่เขียนคำนี้มาอยู่ตรงนี้ล่ะ

พนักงานมาล้อมกันทำไมเยอะแยะ

แล้วนั่น.... พี่ตองใช่ไหม  กำลังทำอะไร....?  เดินเข้ามาทำไม....?  ถืออะไรในมือน่ะ.....?



“น้ำชาครับ”

ท........ทำไม

จู่ๆพี่ตองก็คุกเข่าลงกับพื้นท่ามกลางพนักงานที่รายล้อม หัวใจของผมเต้นแรงเสียยิ่งกว่ารู้สึกว่าทั้งหมดในชีวิต พี่ตองยื่นกล่องสีแดงในมือออกมา เผยให้เห็น..... แหวน

“แต่งงานกันนะครับ.”







“...ครับ”







#จบบริบูรณ์







...

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่อง LOVE LEADER นี้ นักเขียนคนนี้ขอกล่าวคำขอบคุณอย่างไม่สิ้นสุด แม้นิยายจะไม่ได้โด่งดังหรือได้รับการยอมรับมากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ยังเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับผมเสมอ ขอบคุณที่ให้โอกาสนักเขียนโนเนมคนนี้ได้จรดบทประพันธ์ให้ท่านได้อ่าน หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในนิยายเรื่องนี้ที่ทำให้ท่านผู้อ่านท่านใดไม่พอใจหรือเกิดความไม่สำราญใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาได้สร้างประสบการณ์ที่มีค่าให้กับนักเขียนคนนี้จริงๆ ผมได้ทุ่มเท ใส่ใจ และมอบทั้งประสบการณ์ ความคิด ความเชื่อ ความรู้ และจินตนาการลงไปอย่างสุดฝีมือแล้ว หวังใจว่าจะได้รับใช้ผู้อ่านอีกในโอกาสต่อไป

แด่ความรักที่สวยงาม

K.R.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:46:08 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องหนึ่งนะคะ เราชอบมากเลย จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Nattarat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Persoulle

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณมากค่ะ เรื่องนี้มันดีต่อใจมากค่ะชอบตอง ชา น้ำชานิสุดยอดจริงๆอยากฉลาดได้แค่สักขี้เล็บของน้องจัง...(เกลียดคณิตมากกกกกกกๆ) :sad4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบแล้วหรอออออ อยากอ่านอีกกกก :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ miwmiwzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อ่านจบแล้วววววว สนุกม๊ากกกกกกก น้ำชาเก่งมากกก รักทุกคนเลยทั้งต้อมขิงสุ่ยข้าวเจ้าท็อปบุ๋นเกตุ เราจะยกนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดอีกเรื่องนึงเลย แล้วจะกลับมาอ่านอีกครั้งง
แน่นอน ชอบบบบบ  o13

ออฟไลน์ Cherrchill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไร้ที่ติ ชอบความเรียลของตัวละครทุกตัว สมเหตุสมผลในทุกๆ เหตุการณ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้เสพนิยายทีมีคุณภาพแบบนี้ค่า  :pig4:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ที่มาและคำขอบคุณ
«ตอบ #144 เมื่อ25-06-2018 00:07:19 »

ที่มาและคำขอบคุณ


หลังจากแต่งนิยายเรื่อง LOVE LEADER นี้ จบไปสักพัก ก็เริ่มมีกระแสผู้อ่านเข้ามามากขึ้น ขอบคุณในการชื่นชมและการอ่านของทุกท่าน ในความตั้งใจแรกเริ่มนั้นต้องขอท้าวความไปยังนิยายและซีรีย์ Y ชื่อดังอย่าง "เดือนเกี้ยวเดือน" หลังจากดูและอ่านบทประพันธ์ของเรื่องนี้แล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจและได้รับพลังงานด้านบวก มันเป็นความรู้สึกพองโตที่อยู่ข้างในจิตใจจนอยากจะระบายออกมาและส่งต่อความรู้สึกดีๆแบบนี้ ผมจึงได้เกิดไอเดียในการแต่งนิยายเรื่อง LOVE LEADER ขึ้น เพื่อส่งต่อพลังงานของความสุขและความรักไปยังผู้อื่นบ้าง แต่เพราะไม่เคยแต่งนิยายประเภทความรักมาก่อน จึงไม่มีคอนเซ็ปเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ด้วยตัวผมเองมีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำเชียร์ เป็นนักคณิตศาสตร์ เป็นนักกีฬา และเป็นดนตรี ผมจึงใช้ประสบการณ์จากเรื่องจริงเหล่านี้มาสร้างเป็นบทนิยาย บวกกับประสบการณ์ความรักอีกนิดหน่อย ( 5555 ) และอยากขอบคุณกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ชื่อของตัวละครทุกตัวในนิยายเรื่องนี้นั้นมาจากชื่อของเพื่อนๆของผมเองที่มีตัวตนอยู่ในชีวิตจริง มันช่วยทำให้จำได้ง่ายและจับคาแร็คเตอร์ได้อยู่ตลอด (และขอโทษบางคนจริงๆนะ เก๊าผิดไปแล้ว) ส่วนเรื่องที่ผู้อ่านหลายๆท่านชื่นชมนิยายเรื่องนี้ในแง่ของการมีเหตุมีผลและตัวละครไม่งี่เง่า อันนี้ก็คงมาจากประสบการณ์อีกเช่นเดียวกัน ด้วยความที่ผมเป็นนักคณิตศาสตร์ จึงมองการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ใดๆก็ตามอย่างมีที่มาที่ไปและอาจจะด้วย ผมเป็นคนไม่ชอบคนงี่เง่าด้วยละมั้ง และที่สำคัญคือผมเคยแต่งแค่นิยายประเภทวิทยาศาสตร์มาเท่านั้น เรื่องมันก็เลยเป็นเหตุเป็นผลมากไปหน่อย จนอาจทำให้ผู้อ่านบางท่านไปไม่ถึงจุดฟินสุดๆ ( 5555 หัวเราะอะไรเยอะแยะ ) สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านที่ยังเข้ามาอ่าน ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ และขอบคุณที่หลายๆท่านเข้าไปติดตามผลงานเพลงของผมใน Youtube ซึ่งใช้ประกอบนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างสูง และเพื่อแสดงความขอบคุณนั้น ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการ รีไรท์(แก้ไขบทนิยายและคำผิด) นิยายเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อการอ่านที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ได้ทำการรีไรท์เรียบร้อยแล้ว หวังว่าคำผิดจะน้อยลงและผู้อ่านได้รับอรรถรสอย่างเต็มที่นะครับ

ขอบคุณด้วยหัวใจ

K.R.

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
งื้อออออออ น่ารักทุกคู่เลยค่า
แต่ตอนจบสั้นๆไปหน่อย อยากให้มีสเปเชี่ยลบรรยายของแต่ล่ะคู่เลยก็จะดีมาก  o13 o13
อ่านแล้วรู้สึกถึงตอนเวบาเป็นลีดมหาลัยเลยอะ ซ้อมหนักมาก กลับบ้านดึกทุกวัน แต่สนุกมากๆเลย

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น่ารัก นายเอกพระเอกฉลาดมากค่ะ ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ขอบคุณฮะสำหรับนิยายดีๆ เนื้อเรื่องแปลก มีมุมมองใหม่ๆต่างจากรักระหว่างวัยรุ่นทั่วๆไป
ตัวละครมีมุมดี ร้าย และน่าสนใจทุกคน
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคร้าบบบบ
 :pig4:

ออฟไลน์ คุณหนูไฉไล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านเพลินเลย ชอบนิยายเรื่องนี้มาก

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ขอบคุณฮะสำหรับนิยายดีๆ เนื้อเรื่องแปลก มีมุมมองใหม่ๆต่างจากรักระหว่างวัยรุ่นทั่วๆไป
ตัวละครมีมุมดี ร้าย และน่าสนใจทุกคน
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคร้าบบบบ
 :pig4:

อ่านเพลินเลย ชอบนิยายเรื่องนี้มาก

ตอนนี้มีภาคสองมาแล้วนะครับ หากสนใจก็เชิญเข้าไปร่วมอ่านด้วยกันได้เลยนะครับ
(ลิ้งค์ภาคสอง https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68006.0 )

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด