LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE LEADER เชียร์รักให้ลงล็อค (โลกของหนุ่มๆเชียร์ลีดเดอร์สุดฮอต) จบแล้ว  (อ่าน 34795 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 3 : ไวรัส





​ที่นี่คล้ายกับบ้านของไอ้ชาเย็นจริงๆด้วย

​ผมกำลังสะพายกระเป๋าของตัวเองและแฟนผู้น่ารักเพื่อตรงไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปในสวนหลังบ้าน

นี่คือบ้านของน้ำขิงครับ

ผมเพิ่งจะเคยมาที่นี่ครั้งแรก แต่กับครอบครัวของน้ำขิง นี่ไม่ใช่การพูดคุยครั้งแรก เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว จนถึงขั้นที่พ่อแม่ของน้ำขิงมาขอร้องให้ผมช่วยเป็นแฟนให้กับลูกชายตัวเอง

ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก พ่อกับแม่ของน้ำขิงมาขอร้องให้นายศริภพ อาจแผ่นดิน คนนี้แหละ ให้ช่วยคบกับลูกชายของพวกเขา

แต่ผมไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นดีไหม เพราะมันก็ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ แล้วที่สำคัญ ผมรู้นะว่าพวกคุณสนใจแต่เรื่องของไอ้ชาเย็นเพื่อนเกรียนของผม

จะเล่าดีไหมน้า.......

อะอะ  เล่าก็เล่า เผื่อมีคนอยากรู้

งั้นก็ต้องเริ่มจาก....



ย้อนกลับไปวันที่กลับมาจากเกาหลี



ไอ้ชาเย็นนี่มันยังไงวะ ทำไมวันนี้ไม่โทรหาผม มันจะไปเรียนหรือเปล่าเนีย หรือมันจัดหนักกับไอ้พี่ตองอีกแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมเคาะประตูห้องของไอ้เพื่อนเกรียนที่อยู่ในชั้นเดียวกัน

โห ไอ้นี่ กว่าจะมาเปิดประตูได้

"เจ็ดโมงแล้วมึง จะไปเรียนไหม"

"เออ" นี่มึงตอบกูหรือมึงละเม่อกันแน่วะ

"เออ อะไร จะไปเรียนไหม กูจะได้รอไปส่ง หรือจะรอผัวมึงไปส่งครับไอ้น้องน้ำชา"

"ไอ้สัด พี่ตองไม่มีเรียนวันนี้ แล้วมึงดูดิ ยังไม่ตื่นเลย" มันถอยให้ผมดูว่ามีร่างของพี่ตองนอนคว่ำเหมือนคนตายอยู่บนเตียง

"โอ้โห จัดหนักอีกแล้วเหรอวะ ที่เกาหลีกูก็ได้ยินมึงซัดกันทั้งคืนแล้วนะ กลับมายังมีต่ออีกเหรอ" ต้องเจอกูแซวซะหน่อย ไอ้ห่า ล้อกันทั้งคืน กูอุตส่าคิดว่ากูกับน้ำขิงจัดหนักแล้วนะ ไอ้คู่นี้สวิงกิ้งกันจนเกือบเช้า กูก็พลอยไม่ได้หลับไปด้วย

"พอเลยมึง" แนะ ทำเป็นเขิน "ไปๆๆ อีกครึ่งชั่วโมง"

มันปิดประตูใส่ผม

เอ๊า!



หลังกลับมาถึงห้องผมก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อพาไอ้ชาเย็นเข้ามหาลัย

จะว่าไปก็อิจฉาไอ้เพื่อนเกรียนกับแฟนมันเหมือนกันนะ มีมานอนด้วยกันด้วย แต่น้ำขิงนี่ดิ ไม่ยอมท่าเดียว บอกแต่ว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง ตอนจากกันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ป่วยหรือเปล่าหว่า ทำไมตอนนั้นทำสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะออกจากสนามบินเมื่อวานยังเห็นโทรศัพท์คุยหัวเราะยิ้มแย้มกับที่บ้านอยู่เลย

ลองส่งข้อความไปถามหน่อยดีกว่า

'มอนิ่งครับน้ำขิง' ผมเริ่มทักไลน์

'อืม' ตอบไว้แฮะ

'รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเข้าไปรับ รอไอ้ชาอยู่'

'ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ต้องมารับหรอก'

'อ้าว ทำไมอ่ะ ไม่ให้รับแฟนแล้วจะให้รับใครละครับ'

.......... อ่านแต่เงียบ

'น้ำขิงเป็นไรเปล่า'

'เปล่า พอดีขิงมีธุระด่วน ตอนนี้เข้ามาในมหาลัยแล้ว'

'อ๋อ งั้นเจอกันตอนเที่ยงครับ'

'ตอนเที่ยงก็มีธุระเหมือนกัน'

'แง่ๆ ทำไมธุระเยอะจัง คิดถึงจะแย่แล้ว'

'ขิงทำธุระก่อนนะ'

อ้าว อะไรหว่า ทำไมตัดบทเร็วจัง แล้วธุระอะไรมีแต่เช้าขนาดนี้



ผมเข้ามาเรียนในมหาลัยตามปกติ ภาคเช้าวันนี้มีเรียนองค์ประกอบศิลป์เบื้องต้น ผมชอบวิชานี้นะ แต่ทำไมวันนี้มันรู้สึกกระวนกระวายแปลกๆ รู้สึก.... ​เป็นห่วงน้ำขิงจัง

พอถึงตอนเที่ยง ผมรีบเดินไปที่ตึกคณะศึกษาศาสตร์ ถึงจะรู้ว่าข้ำขิงมีธุระ แต่ก็อยากเจอหน้าอยู่ดี ก็แฟนผมนิครับ ไม่ให้คิดถึงได้ไง

แต่พอไปถึงก็เห็นว่าตึกไร้ผู้คนแล้ว สงสัยคงไปกินข้าวกันหมด

เอ? หายไปไหนของเค้านะ

'น้ำขิงคราบบบ ทำไรเอ่ย' ผมตัดสินใจทักไลน์ไปหาในที่สุด

เงียบ ไม่มีการอ่านด้วยซ้ำ

หรือจะติดธุระจริงๆ

รีบไปกินข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวต้องเข้าห้องซ้อมแล้ว ไว้ถ้าน้ำขิงเห็นข้อความก็คงจะตอบกลับมาเองนั่นแหละ



แล้วช่วงบ่ายก็มาถึง วันนี้ผมและผู้นำเชียร์คณะสถาปัตฯ ยังคงซ้อมหนักเหมือนกับทุกวัน รุ่นพี่มักจะพูดเสมอว่า เพราะเราเป็นคณะเล็กจึงต้องพยายามมากกว่า ทุกวันนี้ผมก็เลยแทบจะละเมอเป็นท่าลีดอยู่แล้ว



"ต้อม ลืมท่าอีกแล้ว เป็นอะไร"

รุ่นพี่ลีดปีสองเตือนผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ผมไม่มีสมาธิในการเต้นเลย เพราะผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ยังไม่มีข้อความตอบกลับจากน้ำขิงเลย มันทำให้ผมเป็นกังวลและกระวนกระวายใจ

"มีสมาธิหน่อยซิ แล้วแบบนี้จะไปสู้ลีดคณะอื่นได้ยังไง" พี่หนิงพยายามเรียกกำลังใจ "อย่าให้ใครมาว่าเราได้ว่าเป็นแค่คนหน้าตาดีไม่มีสมอง สู้หน่อยค่ะ สู้หน่อย เดี๋ยวอีกแป๊บก็ต้องเรียนการถ่ายแบบต่อแล้ว ทนหน่อยค่ะ แป๊บเดียวนะ"



เห้อออออออออออออออออ

ในที่สุดวันนี้ก็จบลง เหนื่อยชิบ

แต่ข้อความในไลน์ก็ยังไม่ได้รับการอ่านอยู่ดี แบบนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว โทรหาเลยดีกว่า



#เสียงโทรศัพท์

หือ? ใครโทรมาพอดีเลย

​แม่จิตร

​นี่มันแม่ของไอ้ชาเย็นนี่นา

"ฮัลโหล สวัสดีครับแม่จิตร"

"ต้อมใช่ไหมลูก ว่างหรือเปล่า"

"ว่างครับแม่" ก็ต้องตอบว่าว่างก่อนนั่นแหละ "มีอะไรครับ"

"พอดี แม่จะถามต้อมว่า... ต้อมกำลังคบหาอยู่กับน้ำขิงหรือเปล่า"

"...." เห้ย อะไรยังไงวะ ทำไมแม่จิตรรู้เรื่องนี้

"คือ... พ่อกับแม่ของน้ำขิงอ่ะ เค้าบอกแม่ว่าน้ำขิงกำลังคบอยู่กับคนที่ชื่อต้อมอยู่ แม่ก็เลยลองโทรมาถามดูว่าใช่ต้อมที่แม่รู้จักหรือเปล่า เห็นเรียนที่เดียวกัน"

"ก็... ใช่ครับแม่" น้ำขิงบอกอะไรที่บ้านไปหว่า

"อ่อ จริงเหรอ งั้นก็พอดีเลย พ่อของน้ำขิงถือสายรออยู่พอดี ช่วยคุยกับเค้าหน่อยนะ เดี๋ยวแม่โอนสายต่อไปให้"

ห๊ะ อะไรนะ เชี่ยแล้ววววว

"ฮัลโหล"

"ฮ... ฮัลโหลครับคุณพ่อ"

"ต้อมใช่ไหม" ทำไมเสียงดูเครียดจังวะ กูกำลังจะโดนพ่อแฟนด่าหรือเปล่าเนีย

ตอบไงดีวะ "ครับ ผมต้อมครับ" ตอบๆไปเหอะ

"ต้อมที่เป็นแฟนกับขิง ลูกชายผมใช่ไหม"

"ค... ครับผม" เหงื่อตกเลยกู จะเกิดอะไรขึ้นต่อวะ

"​ช่วยขิงด้วย​"

หืออออออออออ?????

"ช่วย ช่วยอะไรครับ น้ำขิงเป็นอะไร"

"เอาเป็นว่ารีบไปหาขิงที่หอพักก่อนเลย"

"ด.. ได้ครับ แต่ผมไม่มีคีย์การ์ด กุญแจห้องก็ไม่มี เค้าไม่เคยให้ผมเข้าไปเลย"

"เดี๋ยวพ่อจะส่งรหัสเข้าหอพักไปให้ในข้อความ ตอนนี้รีบไปก่อนเลยนะ"

ผมไม่ตอบด้วยซ้ำ แต่รีบวางสายแล้วสตาร์ทรถทันที



เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ผมรีบกดรหัสเข้าหอพักที่ได้

เกิดไรขึ้นกับน้ำขิงกันแน่

มือของผมสั่นเทิมเพราะความเครียดและความกังวล

ห้อง 205 ชั้นสอง

ไหนวะ อยู่ตรงไหนวะ นี่ไง



"พ... พ่อบอกต้อมทำไมอ่ะ" เสียงน้ำขิงนี่นา เหมือนจะกำลังร้องไห้อยู่ด้วย

ผมเงี่ยหูฟังโดยไม่รู้ตัวทั้งๆที่กำลังจะเคาะประตูห้องอยู่แล้ว

"ขิงไม่อยากให้ต้อมมา พ่อก็รู้ นี่มันร้ายแรงนะ ฮือๆๆ"

หึ มันมีอะไรร้ายแรงวะ ถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าเรา นี่มันอะไรกันแน่

"ขิงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแล้ว... ไม่ ยังไงขิงก็จะไม่ไปหาเค้า พ่อรู้ไหมว่าไวรัสตับอักเสบมันร้ายแรงแค่ไหน"

......................................................................................

ไวรัสตับอักเสบ
น้ำขิงเป็นไวรัสตับอักเสบเหรอ หรือว่าอะไรกันแน่

ในหัวของผมว่างเปล่าเลยตอนนี้

"ถ้าพ่อให้ต้อมมา ขิงจะหนีไปจากที่นี่"

ห๊ะ จะบ้าเหรอ



ก๊อก ก๊อก​ ก๊อก​

"น้ำขิง"

ก๊อก ก๊อก​ ก๊อก​

"น้ำขิง นี่ต้อมนะ" ผมเรียกแฟนของตัวเองอย่างร้อนใจ

"....."

ผมรู้เลยว่าที่เงียบไปคงเพราะกำลังตกใจที่ผมบุกมาถึงห้องแล้ว

"เกิดอะไรขึ้น เปิดประตูให้ต้อมหน่อย"

"....."

ยังเงียบอีก นี่รู้ไหมว่าเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว พูดอะไรสักนิดซิ

"น้ำขิงครับ เปิดประตูให้ต้อมนะ ขอร้องละ ต้อมเป็นห่วง"

"ม... ไม่ได้ ม... ไม่ได้" เสียงพูดพร้อมน้ำตาแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าพังประตูเข้าไปได้จะพังเดี๋ยวนี้เลย ผมลองหมุนลูกบิดและเขย่ามันแรงๆ แต่ไม่มีอะไรขยับเลย

"เปิดเถอะครับ นะ ต้อมขอร้อง ต้อมเป็นห่วงน้ำขิงนะ อย่าร้องไห้คนเดียวโดยที่ไม่มีต้อมอยู่ข้างๆซิ อย่าทำแบบนี้เลย" ผมแทบจะตะโกนเข้าไปอยู่แล้ว โชคดีนะที่ช่วงเลิกเรียนใหม่ๆยังไม่มีคนกลับเข้าหอเท่าไหร่นัก ไม่งั้นคงออกมามุงดูความบ้าคลั่งของผมไปแล้ว

"ยังไง.. ยังไงก็ไม่ได้ ต้อมจะมาอยู่ข้างขิงไม่ได้เด็ดขาด"

"น้ำขิง..."



#เสียงโทรศัพท์

ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ

"ฮัลโหล!" ผมรับโทรศัพท์อย่างหัวเสีย

"นี่ผมเอง พ่อของขิง"

"อ๊ะ... เออะ.. ค... ครับคุณพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมน้ำขิงร้องไห้ขังตัวเองไว้ในห้องแบบนี้"

"ทำใจดีๆนะต้อม เมื่อวานคนที่บ้านโทรมาบอกพ่อว่า โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยส่งผลการตรวจร่างกายมาที่บ้าน ขิงหน่ะ มีภาวะไวรัสตับระยะที่สอง"

"ว... ว่าไงนะครับ" เหมือนลิ้นจุกปากผมเอาไว้ "ได้ไงกัน"

"ผมก็ไม่รู้ว่าขิงเป็นได้ยังไงหรือรับมาจากไหน แต่โรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและพ่ออยากให้เค้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้ พ่อเองอยากไปด้วยตัวเองใจจะขาด ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางมหาสมุทร พ่อจะขับรถไปเองเดี๋ยวนี้เลย" อะไรนะ ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว "พ่อมาเป็นผู้แทนรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ตรวจงานขนส่งทางทะเล โชคร้ายที่พาแม่เค้าออกมาด้วย เพิ่งออกจากอ่าวได้แค่วันเดียวเอง ไม่อยากนั้น พ่อจะไม่รบกวนต้อมเลย"

"......" เดี๋ยว ใจเย็น กูควรคิดไรก่อนดีวะ "ร... รบกวนซิครับ พ่อต้องรบกวนผม น้ำขิงเป็นแฟนผมนะครับ"

"ก็เพราะงี้แหละที่พ่อเป็นห่วง ตั้งแต่รู้เรื่องนี้ ขิงก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้ต้อมต้องติดเชื้อไวรัสไปด้วย คือ... พ่อเองก็ไม่รู้ว่าเราสองคนคบหากันไปถึงขั้นไหนแล้ว"

ผมรู้ว่าคุณพ่อก็พอจะเดาได้แล้วหละ

"เราสองคน... ก็..."

"พ่อไม่ว่าหรอกนะถ้าต้อมจะเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง พอรู้เรื่องพ่อก็รีบหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ถ้าต้อมเพิ่งจะสัมผัสกับขิงได้ไม่นาน พ่อคิดว่าต้อมยังมีทางรักษาได้ แต่ต้องไปหาหมอโดยด่วน ห่วงก็แต่เจ้าขิงนี่แหละ รายนั้นคงไม่มีทางหายแน่ๆ แต่ถึงยังไง พ่อก็อยากให้เค้าไปหาหมอ หาทางรักษาหรือควบคุมมันไว้ก็ยังดี"

หัวใจของผมเต้นแรงอย่างกับเสียงกลอง ลมหายใจก็ติดๆขาดๆ

"ขิงหนะ เป็นลูกชายคนเล็กของพ่อ เค้าทั้งขาดความมั่นใจและอ่อนไหวกับทุกเรื่อง ต้องมีคนคอยปกป้องอยู่ตลอด หลังจากเจอเรื่องนี้ พ่อห่วงเหลือเกินว่าจะมีใครกล้าเข้าใกล้เค้าหรือเปล่า แต่นั่นก็ยังไม่เท่าความรู้สึกที่ขิงต้องแบกรับอยู่ตอนนี้ ถ้าทำได้ พ่ออยากเป็นแทนเค้าเองด้วยซ้ำ" เสียงของคุณพ่อเริ่มสั่นเครือ

"มีซิครับพ่อ ผมนี่ไง ผมจะปกป้องเค้าเอง" ไม่รู้ละ กูจะติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อก็ช่างหัวมัน แต่ให้แฟนกูมานั่งแบกรับเรื่องร้ายอยู่คนเดียวแบบนี้ กูทนไม่ได้หรอก

"ขอบใจนะ ขอบใจมากนะต้อมที่ไม่รังเกียจลูกของผม"

"ไม่มีทางเลยครับ แต่ตอนนี้ เค้าไม่ยอมให้ผมเข้าไปในห้อง"

"ต้อมแน่ใจนะว่าจะรับเรื่องนี้ได้ รู้หรือเปล่าว่าโรคนี้เป็นยังไง กับบางคนก็รักษาไม่ได้นะ ไม่ใช่ทุกคนจะตอบสนองต่อการรักษา ถึงพ่อจะกลัวที่ลูกของพ่อติดเชื้อไปแล้ว แต่ถ้าต้องทำให้ต้อมติดเชื้อไปด้วย คงไม่ใช่แค่ขิงคนเดียวที่รู้สึกผิด พ่อกับแม่เองก็คงรู้สึกผิดไปด้วย"

ก็มันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นา ที่สำคัญกว่าผมตอนนี้คือน้ำขิงต่างหาก ป่านนี้จะเจ็บปวดใจมากแค่ไหน

ไอ้ประตูบ้านี่ก็จะมีทำไมก็ไม่รู้ ห่างกันอีกแค่ไม่กี่ก้าวเองก็เจอกันไม่ได้

"ผมจะตอบสนองหรือเปล่าก็อย่าเพิ่งไปสนใจเลยครับ น้ำขิงต่างหากที่ต้องไปหาหมอเดี๋ยวนี้ ​ไอ้ประตูบ้านิ​" ผมสบทอย่างลืมตัว

"ต้อมเป็นคนดีจริงๆ แต่อยากให้แน่ใจอีกครั้ง ต้อมรับความเสี่ยงนี้ได้แน่นะ มันหมายถึงชีวิตของเราเลยนะ ชีวิตที่อาจจะไม่ปกติ ชีวิตที่อาจจะไม่ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ชีวิตที่อาจจะเจอคนที่ดีกว่านี้ ต้อมยังเลือกที่จะออกห่างจากขิงได้นะ พ่อจะไม่โทษเลยแม้แต่นิดเดียว ต้อมมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าได้"

"ชีวิตที่ไม่มีน้ำขิงนะเหรอครับ จะให้ผมเลือกได้ยังไง... ผมเกิดมาตั้งสิบแปดปีกว่าแล้ว เพิ่งจะได้ทำสิ่งดีๆกับเค้ายังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ผมยังรักน้ำขิงได้ไม่มากพอเลย จะให้ผมเลือกออกไปจากชีวิตเค้าได้ไง" ผมสารภาพตามตรงเลยว่าตอนนี้หัวใจอ่อนแรงเหลือเกิน "ยังไงผมก็จะไม่ไปจากน้ำขิงเด็ดขาด"

"พ่อซาบซึ้งใจจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่ขิงได้พบกับต้อม งั้นพ่อขอร้องอย่างนึงได้ไหม..."

"ถ้าเพื่อน้ำขิง ผมทำได้ทุกอย่างครับ"

"ช่วยเป็นแฟนของลูกชายผมที"

"ต่อให้ไม่ขอ ผมก็จะเป็นครับ" ผมตอบด้วยน้ำตา มันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้เลย

"โอเค ถ้าอย่างนั้นทำตามที่ผมบอกนะ ลงไปที่ชั้นหนึ่ง จะมีล็อคเกอร์อยู่ตรงหน้าหอ"

"อะไรนะครับ" ถึงจะถามอย่างนั้น แต่เท้าของผมก็ขยับไปแล้วเรียบร้อย

"พ่อซ่อนกุญแจสำรองไว้ในนั้น"

ผมวิ่งตรงดิ่งไม่คิดชีวิตเลย

"ล็อกเกอร์หมายเลข 205 จะมีรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินอยู่ เห็นไหม"

รองเท้า... นี่ไง "ครับ"

"ในรองเท้ามีกุญแจอยู่"

ได้แล้ว ได้แล้ว นี่ไงกุญแจสำรอง "เจอแล้วครับพ่อ"

"ไปเลยต้อม ไปหาเค้าแทนผมที"

ผมตัดสายทิ้งทันที วิ่งกลับเข้าไปในหอพัก โฟกัสแค่ที่หมายเดียวเท่านั้น



แกร็ก

​ลูกบิดกุญแจถูกเปิดออก แต่....

ไม่มีใครในห้อง

"น้ำขิง น้ำขิง" ผมเรียก แทบจะเสียสติอยู่แล้วตอนนี้

"ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ขิง ขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย"

เสียงน้ำขิงนี่นา ดังมาจากไหนวะ

​ห้องน้ำ

​​บ้าเอ๊ยยยยย  อุตส่าเข้ามาให้ห้องได้แล้วเชียว แต่เจ้าตัวก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำอยู่ดี แถมยังล็อคกุญแจเสร็จสับ

"ขิงงงงง น้ำขิง เปิดประตูเถอะนะ อย่าทำแบบนี้ซิครับ ต้อมเป็นห่วงนะ"

"ต้อมนั่นแหละอย่าทำแบบนี้" เสียงสะอื้นไห้นี่มันช่าง... "รู้ไหมว่าตอนนี้ต้อมเสี่ยงแค่ไหนที่จะติดเชื้อ รู้ไหมว่าขิงรู้สึกผิดแค่ไหนที่ต้องทำให้คนอื่นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"

"แต่มันไม่ใช่ความตั้งใจของน้ำขิงนะ ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก ออกมาเถอะครับ ไปหาหมอกันนะ"

"ขิงรู้ว่าขิงต้องไปหาหมอ แต่ต้องไม่ใช่กับต้อมหรือใครทั้งนั้น จะต้องไม่มีใครมาเสี่ยงกับขิงอีกแล้ว"

"แล้วขิงจะให้ต้อมปล่อยขิงไว้ได้ยังไงกัน เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ต้อมเคยบอกไปแล้วไงว่าต้อมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าความรักของเรามันคือเรื่องจริง"

"นี่มันไม่ใช่เรื่องของการพิสูจน์ตัวเองนะต้อม นี่มันหมายถึงชีวิต ต้อมเข้าใจความหมายของมันจริงๆหรือเปล่า"

"ก็เพราะเข้าใจไง ต้อมถึงทิ้งไปไม่ได้ จะให้ต้อมทนเห็นน้ำขิงเจ็บปวดอยู่คนเดียวได้ยังไง"

"แล้วต้อมจะให้ขิงทำยังไง จะให้ขิงทนเห็นคนที่ตัวเองรักมาลำบากได้ด้วยเหรอ คิดบ้างไหมว่าขิงอาจจะเจ็บปวดมากกว่าเดิมก็ได้ อย่ายอมเสียสละมากมายเพื่อขิงขนาดนั้นเลย ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้เถอะนะ หยุดสงสารขิงเถอะ แค่นี้ขิงก็เวทนาตัวเองมากพออยู่แล้ว"

น้ำตาของน้ำขิงคงกำลังหลั่งรินอาบแก้มสองข้าง ตาของเค้าคงจะบวมด้วยความชอกช้ำ

ผมหายใจเข้าออกสองสามครั้งเพื่อชะลอการสาดอารมณ์ของเราทั้งสอง ตอนนี้น้ำขิงกำลังอ้างว่าง ผมต้องพิสูจน์ ผมต้องทำให้เค้าเห็นให้ได้ว่า ผมอยู่ข้างเค้าเสมอ

"น้ำขิงครับ ถามว่าต้อมตกใจไหมที่รู้เรื่องนี้ ตกใจซิครับ จนเกือบจะพูดไม่ออกเหมือนกัน ถามว่าต้อมกลัวไหมที่จะติดเชื้อไปด้วย กลัวที่สุด แต่ความรักของเรา มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของใครฝ่ายเดียวนะ ต้อมยังยืนอยู่ตรงนี้ก็เพราะว่าต้อมมั่นใจว่า ต้อมรักน้ำขิงเพราะน้ำขิงคือคนๆนี้ ไม่ใช่เพราะน้ำขิงมีหรือไม่มีอะไรอยู่ในตัว ทุกการกระทำของเรา ต้อมมีส่วนกับมันเสมอ อย่าทิ้งต้อมไปเลยนะ อย่าบอกให้ต้อมต้องไปไหน

รู้ไหม ว่าโลกใบนี้มีคนอยู่กี่คน มันจะมีเหตุผลอะไรที่ต้อมกับน้ำขิงรู้จักกับไอ้ชาทั้งคู่ มันจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้น้ำขิงมาติวเลขแทนไอ้ชา มันจะมีเหตุผลอะไรที่คนสองคนซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะมาเจอกันได้ มันจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้อมแทบจะตกหลุมรักน้ำขิงตั้งแต่แรกเห็น ถ้าไม่ใช่เพราะ... เราถูกกำหนดไว้แล้ว เราสองคนเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน อย่าให้อุปสรรคอะไรมาทำให้โชคชะตาหนึ่งในล้านนี้ต้องเปลี่ยนไปเลยนะ ออกมาเถอะครับ ออกมาสู้ไปด้วยกัน ต้อมสัญญาเลยว่าต่อให้ต้องเกิดอะไรขึ้น ต้อมจะไม่เสียใจเลย เพราะต้อมได้ทำเพื่อคนที่ต้อมรักแล้ว แล้วถ้าน้ำขิงยังรู้สึกว่ามันยังมีเหตุผลไม่มากพอ ก็ขอให้คิดว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญก็ได้ ในอีกแง่นึงต้อมกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่มันเกิดขึ้น เพราะมันทำให้แน่ใจว่า เราถูกโชคชะตาผูกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว...."

"..........."

เงียบสนิท เสียงร้องไห้ของน้ำขิงก็เงียบลงไปด้วย

สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดมันมากพอหรือยังนะ มันมากพอที่จะทำให้เค้ารับรู้ถึงความปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ของผมหรือยัง ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยให้ผมส่งเสียงไปถึงหัวใจของคนรักของผมที...

​แกร๊ก

​ผมแทบจะหยุดหายใจ น้ำขิงเปิดประตูห้องน้ำออกแล้ว มือของผมผลักบานประตูออกอย่างร้อนใจ กลัวว่ามันอาจจะปิดกั้นผมกับคนรักอีกครั้ง

ผมเข้าสวมกอดแฟนของผมทันที เจ้าของน้ำตาที่ทำให้ผมเป็นห่วงแทบใจจะขาด

"น้ำขิง น้ำขิง ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ไม่ต้องสู้อยู่คนเดียวแล้วนะ ต้อมอยู่นี่แล้ว" คำปลอบใจใดๆในโลกที่นึกออก ผมพยายามพูดมันออกมาให้หมด

น้ำขิงยังร้องให้อยู่ในอ้อมอกผม เค้าช่างบอบบางเหลือ เค้าช่างน่าสงสารจับใจ เค้าต้องทนทุกข์แค่ไหนกัน ผมบรรยายความอาทรนี้ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าอยากกอดเค้าไว้ให้แนบแน่นที่สุด จะไม่ทำให้อะไรมาพรากคนรักคนนี้ไปได้เลย

"ขิงก.. กลัว ขิงกลัวที่สุดเลย" คนตัวเล็กยังสะอื้นไห้ไม่หยุด "ขิงเหงา ขิงกลัวว่าต้องเสียต้อมไป"

"ขิงไม่เสียต้อมไปหรอกครับ ขิงได้ต้อมไปทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ"

​นั่นมันอะไรกัน

​เหมือนผมจะเห็นเลือดหยดอยู่ตามพื้นห้องน้ำ มันมาจากไหน

ผมผละร่างเล็กของแฟนผมออกแล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้า หรือว่าเค้าคิดสั้นไปแล้ว และผมมาไม่ทัน

ไม่มีนิ

"เลือดพวกนี้มาจากไหน" ผมถามอย่างร้อนใจ

"มันไหลออกมาจาก..." น้ำขิงชี้ไปที่ส่วนล่างด้านหลังของเขา มีคาบเลือดเลอะกางเกงขาสั้นตัวเล็ก มันยับยู้ยี้เหมือนกับถูกสวมใส่มาทั้งวัน แล้วก็ตามหน่องขาด้านหลังด้วย

"เกิดอะไรขึ้น" ผมแทบจะร้องออกมา

"ขิงไม่... รู้" อ้าวเวรละ ผมยิ่งทำให้เค้าร้องไห้หนักกว่าเดิม เค้าคงจะกลัวมากพออยู่แล้ว นี่มันอาจจะเป็นผลกระทบจากไวรัสตับระยะที่สองก็ได้

แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว

"เราไปที่โรงพยาบาลกันเถอะนะครับ" ผมจริงจัง "ต้อมสัญญาว่าขิงจะไม่เป็นไรนะ มันอาจจะแค่ขิงเครียดมากเกินไปก็ได้" ไม่รู้ดิ พูดไรก็ได้ ปลอบใจไว้ก่อน

"แต่..."

"ไม่ต้องกลัวครับ ต้อมอยู่ตรงนี้แล้ว ไปเถอะนะ เราจะรักษามันด้วยกัน"

ผมไม่ฟังอะไรต่อแล้ว รีบหากางเกงมาให้น้ำขิงเปลี่ยน แล้วก็เสื้อผ้า ปาดน้ำตาที่อาบแก้มไม่หยุด แล้วตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลทันที



เมื่อถึงโรงพยาบาล ทันทีที่พยาบาลเห็นท่าทีร้อนร้นของผมก็เข้ามาพาตัวน้ำขิงเข้าห้องฉุกเฉินทันที

ผมพยายามบอกข้อมูลต่างๆที่ตัวเองรู้ให้มากที่สุด ผมบอกแม้กระทั่งว่าผมเป็นแฟนของผู้ป่วยด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ช่างมันเถอะ

ผมตามเข้าไปแต่พยาบาลบอกให้รอหน้าห้องตรวจ

ผมเห็นคุณหมอคนนึงวิ่งเข้าไปในนั้นโดยมีพยาบาลซึ่งทราบข้อมูลทุกอย่างจากผมตามเข้าไปด้วย



​นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ

​ก่อนหน้านี้ผมยังพยายามทำให้น้ำขิงหายเครียดอยู่เลย แต่ทำไมเป็นผมเองหละที่เครียดแบบไม่ปล่อยวาง อยากเข้าไปดูเว้ยยยยยยยยยยยยย

ผมทั้งนั่งทั้งเดินไปเดินมา

สักพักมีพยาบาลออกมา แล้วก็เดินจากไป สักพักก็กลับเข้าไปในห้อง ถือเครื่องมือแพทย์กับแฟ้มเอกสารอะไรไม่รู้เข้าไปด้วย อยากจะถามนะ แต่อย่าเพิ่งขัดขวางการรักษาเลย



"คุณคะ"

"ครับ" ในที่สุดพยาบาลก็ออกมาเรียกผมสักที หลังจากรอมาเกือบสิบห้านาที

"เชิญญาติผู้ป่วยด้านในค่ะ" แฟนครับ ผมเป็นแฟน บอกแล้วไง

เธอเชิญผมให้เข้าไป แต่ตัวเธอเองไม่ได้กลับเข้าไปด้วย

ในห้องผมพบแค่หมอท่านหนึ่งในชุดกราวสีขาว กำลังนั่งคุยอยู่กับน้ำขิงซึ่งก็นั่งอยู่เหมือนกัน ผมก็เลยไปนั่งข้างๆน้ำขิง

"ไอ้เรื่องภาวะติดเชื้อไวรัสตับเนียนะ" คุณหมอเริ่มพูด เอาเลยเหรอวะ "หมอแน่ใจว่าคนไข้ไม่ได้การติดเชื้อนะ"

ห๊ะ เดี๋ยวๆๆๆๆ

"ต... แต่ ที่บ้านของเค้าโทรมาบอกว่ามีเอกสารจากโรงพยาบาลส่งไปที่บ้านว่าเค้าเป็นไวรัสตับอักเสบนะครับ ผมเพิ่งจะคุยกับพ่อของเค้าเมื่อกี๊นี่เอง"

"หมอว่ามีการเข้าใจอะไรผิดแล้วหละครับ การตรวจสุขภาพของนิสิตใหม่ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยนี้เป็นขั้นตอนปกติอยู่แล้ว แน่นอนว่า ย่อมมีขั้นตอนการตรวจโรคติดต่อหรือโรคเรื้อรัง แต่จากผลที่หมอดู ไม่มีอะไรผิดปกติเลยนะ" คุณหมอเปิดดูเอกสารอีกรอบ "แข็งแรงดีทุกอย่าง ไม่มีโรคประจำตัวด้วยซ้ำ ที่สำคัญ โรงพยาบาลเราไม่มีนโยบาลในการส่งผลวินิจฉัยโรคไปที่บ้านของผู้ป่วยนะ เพราะมันจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยจิตตกหนักกว่าเดิมจนอาจเป็นผลเสีย เราต้องมีวิธีการติดต่อให้เค้าเข้ามารับรู้และทำความเข้าใจอย่างละมุนละม่อม"

เอ่อออออออออออ ช็อกแป๊บ คือไรวะ

ผมหันไปมองน้ำขิง เค้าก็ดูจะไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน

"แล้วเรื่องเลือดละครับ" นั่นดิ แต่มันมีเลือดออกมานะ

"เอ่อ... นี่แหละ หมอก็เลยเรียกคุณเข้ามา" หมายความว่าไง "เห็นพยาบาลบอกว่าคุณสองคนเป็นแฟนกันใช่ไหม"

"ครับ" ผมตอบอย่างภาคภูมิใจ

"คือ... หมอคิดว่า ถ้าต่อไปคิดที่จะ... make love กันอีก ก็ขอให้ลดความ... รุนแรงกันลงมาหน่อยนะ คือมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากอะนะ แต่ถ้าเกิดเป็นแผลบ่อยๆเดี๋ยวแฟนอาจจะโดนเชื้อโรคอะไรเข้าไปได้ง่าย"

เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยแล้ววววววววววววววววววกูวววววววววววววววววววว

เขินหนักมาก บอกเลย อึ้ง และพูดไม่ออก น้ำขิงเองคงจะหน้าแดงแป๊ดเลยแหละ ไม่หันไปดูก็รู้

"แต่เป็นแค่แผลเล็กๆ หมอดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไร ถ้ายังจะทำอะไรต่อมิอะไรอีกก็ไม่ได้มีผลเท่าไหร่นัก..."

"พ... พอเถอะครับคุณหมอ" ผมรีบห้ามการให้คำปรึกษาอันลึกซึ้งของคุณหมอไว้ "ผ... ผมเข้าใจแล้วครับ แจ่มแจ้งเลย"

"อ่อ โอเค งั้นเอาเป็นว่าหมอจะให้แค่ยาทาสำหรับ... ตรงนั้นก็พอนะ ป้องกันการอักเสบ" หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยกู "แล้วก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแน่นอน วันนี้ก็กลับบ้านได้เลย"

ผมรีบขอบคุณคุณหมอและพาน้ำขิงออกมานอกโรงพยาบาลให้ไวเลย แต่! มีเรื่องนึงต้องเคลียร์ด่วนเลย



"ฮัลโหลครับคุณพ่อ" ผมโทรหาพ่อของน้ำขิงทั้งๆที่ยังขับรถอยู่ เปิดลำโพงด้วย น้ำขิงจะได้ได้ยิน

"ว่าไงต้อม"

"ผมพาน้ำขิงมาโรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่า โรงพยาบาลเค้าไม่ได้ส่งผลอะไรไปที่บ้านนะครับ ไวรัสตับอะไรก็ไม่มี ไม่เคยตรวจเจอ"

"อ... อ้าว ไปโรงพยาบาลกันซะแล้วเหรอ" อะไรของคุณพ่อวะ "งั้นความก็แตกแล้วซิ"

หือออออ?!?!?!?!?!? อะไรนะ

"พ่อแค่... อยากลองใจต้อมดู เห็นเจ้าขิงโทรมาสารภาพกับพ่อว่ากำลังคบกับใครอยู่ กลัวจะรักลูกพ่อไม่จริง ก็เลย... ลองดูนิดนึง"

"นี่พ่อเล่นอะไรของพ่อเนีย" ผมก็อยากจะพูดแบบนี้นะ แต่ให้เป็นหน้าที่ของน้ำขิงนั่นแหละดีแล้ว บ้านนี้เค้าคิดอะไรกันอยู่วะ ทำกูเครียดเลย

"เอาน่าาาาา กิจกรรมในครอบครัว ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่  นะ"

โอ้โหคุณพ่อ พูดได้หน้าตาเฉยมาก แล้วก่อนหน้านี้เนีย เสียงสะอื้น การขอร้อง คือไร? การแสดงใช่ไหม?

"ไม่ตลกเลยนะ ขิงเครียดจนไม่ได้มาเรียนเลยวันนี้ รู้หรือเปล่า" ลูกชายงอนพ่อ น่ารักเนอะ

"วันเดียววว ไม่เป็นไรหรอก ลูกพ่อเก่งจะตาย... แต่ก็คุ้มนิ ใช่ไหม ได้แฟนดีๆมาตั้งคนนึง คราวนี้ก็ภูมิใจได้เต็มปากแล้วนะ"

โอเคคุณพ่อ พูดได้ดี แบบนี้ผมยกโทษให้ เป็นคนมีวิสัยทัศน์นะเนี่ย

"พอเลยพ่อ วันหลังห้ามทำไรแบบนี้อีกนะ"

"ฮ่าๆๆๆ ไม่มีแล้วหละ แต่ยังไงก็ขอบใจต้อมมากนะ พ่อเห็นแล้วหละว่าเรารักขิงจริงๆ ยังไงก็ฝากดูแลด้วยนะ"

"แน่นอนอยู่แล้วครับ" ผมตอบเสียงชัดเจน



ไงละครับ เรื่องของผม พอจะสู้การลองใจของแม่ไอ้ชาเย็นได้ไหม

กว่าจะผ่านด่านบ้านน้ำขิงมาได้ ไม่ใช่แค่ต้องทนกับคำด่าเหมือนพี่ตองนะ ผมนี่ เครียดของจริง

แต่ก็เอาเถอะครับ ยังไงมันก็คุ้ม เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นบทพิสูจน์จริงๆ



ว่านี่คือคนที่ผมรักโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:16:24 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 4 : บทเรียนใหม่







"ไม่ใช่แล้ว ต้อมเขียนแบบนี้ได้ยังไง ก็บอกแล้วไงว่าทุกครั้งที่จะเขียนค่าอะไรลงไปต้องคำนึงถึงเครื่องหมายเท่ากับอยู่เสมอ กระบวนการทางคณิตศาสตร์มันต้องมีที่มาที่ไปซิ"

นั่นแหละครับแฟนผม นี่ขนาดกลับมาเยี่ยมที่บ้านช่วงสุดสัปดาห์นะ ยังไม่ลืมที่จะขนหนังสือมาติวให้ผมด้วยเลย

"ก็ต้อมง่วงนี่นา นี่มันก็ดึกแล้วด้วย อาบน้ำเสร็จสมองมันก็เลยเบลอๆ"

ผมก็แก้ตัวไป แต่ก็จริงนั่นแหละครับ กว่าจะเสร็จจากกินข้าวเย็นที่บ้านไอ้ชาเย็นก็มืดแล้ว กว่าจะมาถึงที่นี่แล้วก็อาบน้ำอีก หนังท้องกับหนังตาของผมมันก็มีจุดสิ้นสุดของมันเหมือนกันนะ

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา ไม่งั้นก็ได้ติวที่มหาลัยไปแล้ว"

"ต้อมก็อยากมาบ้านแฟนนิคร้าบบบ ไหนๆพี่ตองก็พาไอ้ชามาอยู่แล้ว ติดรถมาด้วยกันเลยจะเป็นไรไป"

"งั้นก็ห้ามบ่น พูดแล้วนะว่าจะติวเหมือนเดิม นี่บทเรียนใหม่ด้วย พหุนาม​"

อะไรนามๆนะ อะไรก็ไม่รู้ มีแต่ตัวแปรเต็มไปหมดเลย ไหนจะเลขยกกำลังอีก เห้อออออ

"แล้วสูตรกำลังสองสมบูรณ์หละ ต้อมจำได้หรือยัง"

อะไรสมบูรณ์อีกแล้ววะ

"นี่ต่างหากละครับ สองเราสมบูรณ์" ฮ่าๆๆๆๆ ก็มุกห้าบาทสิบบาทที่ผมเอาไว้แต๊ะอั๋งน้ำขิงนั่นแหละครับ

ตอนนี้ผมกระโดดมานั่งกอดเจ้าตัวเล็กที่โซฟาอีกตัวแล้ว

"ไม่ต้องมาทำเล่นมุกเลยนะ กลับไปติวเดี่๋ยวนี้"

น้ำขิงก็ยังเป็นคนที่ดุแล้วไม่ทำให้ผมกลัวเหมือนเดิมนั่นแหละ

"ก็นั่งตรงนี้ก็ได้นิคราบบบ" ผมอ้อน แต่จริงๆแล้ว ผมกำลังคิดแผนชั่วต่างหาก

"ต... ต้อม มาติวก่อนเร็ว"

น้ำขิงพยายามห้ามไม่ให้ผมเอาใบหน้าเข้าไปคลอเคลียร์และจูบที่เสื้อของเค้า

"ก็ติวอยู่นี่ไง" ผมไม่หยุดง่ายๆหรอก นี่มันบ้านเล็กกลางสวนนะ แถมอยู่กันสองต่อสอง ใครจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป "บทเรียนใหม่ไม่ใช่เหรอ ติวซิครับ"

"ก็ ก... บอกให้มา จำ สูตรไง" ปากก็คล้ายว่าจะดุนะ แต่ผมอ่ะรู้ดีว่าตอนนี้ สวิชต์ของน้ำขิงถูกสลับแล้ว

คุณไม่รู้หรอกว่าภายใต้เด็กน่ารัก เรียบร้อย รักเรียนจนแทบจะเป็นเด็กเนิร์ท ซ่อนอะไรเอาไว้

เดี๋ยวจะแสดงให้ดูเองว่า.........  เด็กเก็บกด มันเป็นยังไง



---------บทอัศจรรย์----------



"ไหนที่รักลองท่องสูตรให้ต้อมฟังหน่อยซิครับ" เสียงกระเซ่าหวานพร้อมลมปราณแห่งห้วงรักถูกกระซิบใกล้ใบหูคนตัวเล็กจนกายของเค้าแทบจะสั่น "อยากให้ต้อมเก่งไม่ใช่เหรอ ท่องซิครับ"

วันนี้แหละผมจะสอนบ**ทเรียนใหม่ให้กับน้ำขิงเอง

"ต... ต้อม" ช่างตอบสนองรวดเร็วเหลือเกิน

"ท่องนะครับ ท่องนะ ต้อมอยากเก่งขึ้น"

ผมยังพยายามออดอ้อน

"ส... สูตร กำลังสองสมบ.. บูรณ์ ก็ค... คือ..."

ภาพและเสียงของคนที่พยายามแสดงออกทั้งในด้านคนรักเรียนและคนระเริงรัก มันช่างน่าเย้ายวนเสียนี่กะไร

"คืออะไรนะ"

"น..น หน้ากำล..ลังสอง บว... บวก... อูวววว อ่าซ์"

เจ้าตัวเล็กเริ่มเสียอาการ เค้าจะรู้ไหมนะว่ากำลังส่งเสียงครางให้คนฟังลุ่มหลงได้มากขนาดไหน นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามือขวาที่โอบกอดเค้าไว้ เริ่มซุกไซ้ขยี้สัมผัสที่จุดกึ่งกลางความรู้สึกของเค้าก็เป็นได้

"บวก?" แน่จริงก็พูดสูตรให้จบซิครับที่รัก ผมอยากรู้จริงๆว่าอะไรจะแกร่งกว่ากันระหว่างเด็กเนิร์ทกับเด็กเก็บกด

"บ... บวก ส... สองหน้า หลัง อือออ อื.. อืออ บวกหล...หลัง กำลัง กำลัง กำลัง"

มีเหรอที่ผมจะผ่อนปรนการรุกเร้าให้น้อยลง

เมื่อมืออีกข้างแทรกผ่านเสื้อนอนตัวบางเข้าไปลูบไล้ผิวกายละเอียดเนียนข้างในได้ มันก็เร่งหาศูนย์ปะทุไฟสวาททันที มืออีกข้างก็ทำสำเร็จตามที่มันต้องการ เมื่อกางเกงนอนตัวบางไม่อาจกั้นขว้างสัมผัสลูบไล้ของเนื้อหนังอันแท้จริงได้อีกต่อไป

"อูวววว ซื๊ดดดดดด อ่าาาาา" เสียงครางมหาเสน่ห์ของคนในการเร้าโลมเริ่มหนักขึ้น

ขาสองข้างของน้ำขิงอ้ากว้างออกไปเองตามแรงปรารถนาของเค้าจนเป็นแนวเดียวกับโซฟา แล้วแบบนี้ผมเองจะทนต่อไปได้อย่างไร

"อื้อออออ อื้อ  อื้มมมมมม"

ผมกดริมฝีปากตนบดขยี้ลงอีกริมฝีปากเล็กๆที่เผยอรออยู่

"ซี๊ดดดดด"

คราวนี้กลายเป็นผมบางที่ถูกจู่โจม มือเล็กๆทั้งสองข้างของเจ้าตัวน้อยควานหาดุ้นแข็งขืนตื่นพร้อมของผมสำเร็จ เค้ากำมันแน่นด้วยสองมืออย่างกับว่าอยากจะครอบครองและกลืนกินมันให้ได้เดี๋ยวนี้

แม้ไฟตัณหาจะกระหน่ำท้วมบ้านหลังน้อยเพียงใด ผมก็ยังรู้สึกถึงความหวานและรสชาติอันน่าหลงไหลของริมฝีปากบางไม่คลาย หรือแม้แต่ในแซกคอเล็กๆ ให้ช่องที่เอาไว้รับเสียง ผมก็รู้สึกว่ามันหอมหวานไปเสียหมด

​แคว๊กกกกกกกก

​ผมเดาได้ว่านั่นคงเป็นเสียงยางยืดกางเกงนอนของผม ที่มันถูกดึงรั้งออกจนเกินจะคงสภาพไหว เพราะมืออันชุ่มรักของคนอีกคนก็ไม่อาจห้ามให้อยากสัมผัสความภาคภูมิใจของผมได้

​แคว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก

​และเพื่อแสดงให้ได้เห็นว่าผมเองก็ถึงจุดเดือดแห่งอารมณ์ไม่ต่างกัน จึงได้เกี่ยวดึงกางเกงนอนตัวบางของอีกคนจนวิ่นขาด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันฉีกกว้างไปแค่ไหน ขอให้เพียงมันเปิดช่องสานสัมพันธ์รักของเราสองได้ก็ถือว่าเต็มความประสงค์แล้ว

"อุ... อูยยยย"

ที่รักของผมยังส่งเสียงมาไม่หยุดทั้งที่ตัวเค้าเองก็กำลังพยายามฝากรอยรักด้วยริมฝีปากเล็กๆไปทั่วใบหน้าของผม

"ร... รักต้อมไหมครับน้ำขิง"

"ร...รัก อ่าซซซ์ รักต้อม รัก"

ผมชอบที่สุดที่ได้ยินเค้าเปิดเผยความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ใช่แค่ทำให้ชุ่มช่ำหัวใจแต่มันช่วยให้ผมอยากกระหน่ำรักใส่เค้ามากขึ้น

ทั้งเสียงครางเบา ครางหนัก เสมือนฟืนก่อไฟที่กำลังลุกท่วมให้ค้นหาความหมายแห่งลีลารักนี้ขึ้นไปอีก

ขาของน้ำขิงเกร็งแน่นและแยกออกอย่างไร้ความเหนียงอาย อันเผยถึงความต้องการอันสุดจะเก็บไว้

และเพื่อการนั้น เพื่อสนองบทรักที่ผมอยากให้น่าประทับใจยิ่งกว่าทุกครั้ง ผมได้ชอนขาสองข้างของน้ำขิงขึ้น และหงายให้ช่องสัมพันธ์รักของคนตัวเล็กมาจ่อที่ใบหน้าของผม

เค้าเองก็คงตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ก็ถูกทำให้ใบหน้าคว่ำลงไปแนบเข้ากับแท่งรักของผม

​ปึ๊บ ปึ๊บ ปึ๊บ

​แต่ไม่นานคนตัวเล็กก็ได้ทำอย่างที่ต้องการเสียที เค้าดึงเสื้อนอนตัวบางของผมออกจากการขัดขว้างท่อนชี้ตรงที่เค้าพยายามลองลิ้มชิมรส จนกระดุกหลุดออกหมด

"อ๊าซ์ซซซซซซ์ ที่รักครับ" ผมไม่อาจกดความเสียวซ่านนี้ไว้ได้เลย ริมฝีปากและลิ้นบางเล็กเที่ยวสาละวนกับดุ้นความรู้สึกของผมเฉกคนที่หิวกระหาย

แล้วผมหละจะนิ่งเฉยได้อย่างไร เมื่อช่องแคบขาวเนียนใสมาปรากฎต่อหน้าก็ยากที่จะให้หยุดดอมดมมัน ลิ้นอันซุกซนและเร้าร้อนของผมตวับเหวี่ยงอย่างแข็งขันและเสน่หา ไม่ให้มีสัมผัสใดในโลกที่จะทำให้ยอดรักของผมซาบซ่านไปมากกว่านี้อีกแล้ว

"อาาาา อ๊าาาาา ด..ดีจัง รู้สึกดีจัง" คำสารภาพของเด็กเนิร์ทที่หลงลืมความเป็นตัวเองเผยออกมา แม้ว่าจะมีดุ้นใหญ่คับอยู่ในปาก

"ชอบไหมครับท่ี่รัก ชอบโดนลงลิ้นไหม หรืออยากให้หยุด" คำพูดของผมเริ่มจาบจั้วมากขึ้น แต่คนฟังเองก็คงไม่มีสติมากพอในการกลั่นกรองแล้วตอนนี้

"ช..ช... ชอบซิ ชอบลิ้น ชอบลิ้นอีก อย... อย่าหยุดนะ เอาลิ้นอีก" คำกระตุ้นสวาทแสนชี้ชวนนี้ยิ่งทำให้ผมซุกไซ้ไล่เรียงอย่างบ้าคลั่งและหนักขึ้น

"อ๊าาาาาซ อ... อ.... อ๊าาาา... อ อุก อุก อุก"

เสียงครางเสียวซ่านของร่างที่ถูกจัดท่าทางให้คว่ำมุมมองลงเบื้องล่าง ยังพ่นเสียงออกมาไม่ขาดสาย แต่คนตัวเล็กก็ไม่ลืมความต้องการกลืนกินท่อนรักดุ้นสวาทของผม แต่กลับยิ่งจู่โจมมันหนักขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้ผมสัมผัสถึงแรงกามรมณ์

นิ้วมือเล็กๆสองข้างจิกหน้าขาของผมหนักขึ้นเมื่อผมไม่หยุดเร้าเลียช่องสัมผัสเสียวซ่านของเค้าลงเลย

"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซ์"

ไม่ไหวแล้วววววว

ผมเองก็ทนริมฝีปากลุ่มร้อนของยอดรักไม่ไหวแล้วเช่นกัน

ผมหยัดตัวยืนขึ้นพร้อมประคองร่างบางให้ราบไปกับโซฟา เค้ายังดูไม่อิ่มหนำกับรสชาติของผมเลย เอาแต่พยายามกลับหัวเข้ามาเพื่อจะคว้าเอ็นร้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ตอนนี้แท่งรักของผมอยากได้ความเสียวซ่านซะใจที่มากขึ้นกว่านั้น

แม้ส่วนล่างของคนตัวเล็กจะยังอยู่สูงกว่าธรรมชาติมนุษย์ แต่น้องชายผู้หิวโชของผมก็ไม่อาจทนอีกแล้ว ผมทิ่มแทงดุ้นร้อนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลื่นใส เข้าใส่ประตูสวรรค์ของคนเบื้องล่างอย่างไม่ปราณี

"โอ๊วววยยยวววยยยยววววอูววววว"

ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านั่นคือเสียงของความเจ็บหรือพลังสัมผัสอันเกินกลั้น รู้แต่ว่ามันยิ่งกระชากให้ความเกรียวกราดของผมทวีขึ้นไปอีก ผมไม่รู้สึกเลยว่านี่เป็นท่าทีที่ผิดแปลกไปจากการ่วมรักปกติ รู้แค่ว่ามันทำให้ผมอยากขยับมากขึ้น ตอกย้ำเสาเข็มของความภาคภูมิใจนี้ลงไปอีกเน้นๆ

"อ่าาาาา อ่าาาา อ อ่า"

น้ำเสียงของคนเบื้องล่างเริ่มชัดเจนในอารมณ์ยิ่งขึ้น

"อ.. อ... อ่าซ ซื...ซือ  ซืดดด ส... สะ... เสียว เสียวไปหมด ล... ล เลย โอ๊ยยย เสียวจัง อ๊าาาา ซ์"

"เสียวซิครับ เสียวมากไหมครับท.. ที่รัก"

ระดับทางภาษาของเราเริ่มหลุดออกไปไกลพ้นทะเล นี่แหละที่ทำให้ผมพิศวาสรักในตัวเค้าแบบไม่เคยพอ

"อ๊า ซ ซ.... เสียวจัง ส.. เสียวอีก เสียวอ... อีก"

ทนฟังไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยย

ผมโน้มตัวลงไปอุ้มร่างเล็กของคนเบื้องล่างให้ขึ้นมาทั้งๆที่กายเราทั้งคู่ยังเป็นของกันและกัน เพื่อให้ผมได้กดริมฝีปากลงไปบดขยี้เสียงครางชวนสวาทนั้นไว้

"อือ... ซ... อือออออ"

จึงกลายเป็นว่าท่วงท่ารักของเรายิ่งล้ำลึกมากขึ้นเพราะขาทั้งสองที่ถูกผมประคองรั้งไว้ แต่ในขณะเดียวกันตัวผมเองก็ยืนตรงกับพื้น คงไม่มีสัมผัสคร่าใดที่แนบชิดไปกว่านี้อีกแล้ว

เพราะอย่างนั้นผมก็ยิ่งเคลื่อนไหวกระหน่ำกามให้ท่วงสำนองรักยิ่งกระแทกหัวใจมากขึ้น

"อ๊าาาาาา อ..อ..อ..อ..อ.."

ข้ำขิงไม่อาจทนความรู้สึกที่พุ่งแรงนี้ไว้ได้ เค้าถอนริมฝีปากออก เพื่อระบายความเสียวซ่านนี้ออกมาเป็นเสียงร้อง

"ช... ชอบ ชอบจัง เสียวที่สุดเลย ไม่เคยเสียวแบบนี้มาก่อน" น้ำขิงยังพ่นคำฉ่ำกามออกมาอีกครั้ง เค้าช่างอ่อนไหวและเก็บความรู้สึกไว้ไม่เป็น แต่นั้นก็ยิ่งทำให้ผมหลงในกองอารมณ์มากเข้าไปอีก ตอนนี้มันแทบจะกักเก็บไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ

"ชอบเหรอ ช... ชอบให้ต้อมทำเหรอ"

""อูวววว วว ว ชอบครับ ชอบให้ต.. ต้อมทำ ชอบส.. เสียวที่ต้อมทำ"

"แล้ว.. ล... แล้วต้อมเป็นใครครับ"

"ป... เป็น... ต้อม ต้อมเป็นแฟ...แฟนไง"

"แบบนี้เรียกเป็นแฟนเหรอ" ผมยังปรารถนาในคำสวาทที่มากขึ้นอีก "ถ้าเป็นแฟนต้อมหยุดทำนะ"

"ไม่! ม.. ไม่หยุด อย่าหยุดนะ" ถึงจะขู่แบบนั้นแต่ผมก็ไม่อาจจะหยุดจังหวะรักนี้ลงได้หรอกครับ จนผมเองเริ่มไม่ไหวจริงๆแล้ว ผมพาเราทั้งสองไปพิงที่ผนัง เพราะหากถึงปลายทางแล้ว ผมอาจจะประคองคนตัวเล็กนี่ไว้ไม่ไหวก็ได้ ต้องให้ผนังเป็นตัวช่วย

"เรียกใหม่ซิ เรียกต้อมว่าผัวซิครับ"

"ผ... ผัว ครับ ต้อมเป็นผัว"

สุดอารมณ์จะหยั่งถึง ช่างว่าง่ายและแสนลุ่มหลงจริงๆ

"ขอร้องผัวคนนี้ซิครับ"

"ผัวค..ครับ ผัวครับ อ๊าาาา ซ์ ท.. อ่า... ทำขิงอีก อย่าหยุดนะ ทำอีก ท... ทำอีก โอววว ดี ดี ด... ดี ทำมาอีก... ร.. แรง แรงๆ อีกได้ไหม อ๊าาาาาาาาาาาาาาาซซซซซ์"

คราวนี้แหละได้รับแรงกระหน่ำถึงใจแน่ ผมขยับบั้นเอวอันภาคภูมิของผมเพื่อกระเซ่าดุ้นสวาทรักของผมให้จมดิ่งในพิมานฝัน

"ชอบบบ ไหม ชอบผัวทำไหม"

"อ.อ.อ.อ... ชอบ ผัว อ่า ผ.. ผัวทำเสียวมาก เสียว โอ๊ย เสียวมาก ไม่ไหวแล้ว เสียวจนจะไม่ไหวแล้วววววว"

งั้นก็รับคลื่นกระแทกสุดท้ายนี้ไปซะ

ตอนนี้ก๊อกน้ำของผมก็จะแตกออกมาอยู่แล้ว.....

"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ์"

เสียงครางไม่เป็นภาษาของคนตัวเล็กครางลั่นในหูของผม

ออกแล้ว

ออกมาแล้ววววว

ก๊อกน้ำแตกแล้ววววววววววว

ของเหลวฉ่ำรักของผมพุ่งปะทุในรังสวรรค์อย่างมิอาจกดกั้น เฉกเช่นเดียวกับผู้ถูกกระทำที่ปล่อยสายน้ำออกมาเองเพราะความเสียวซ่านถึงขีดสุดแม้ไม่มีสิ่งใดไปปลุกกระตุ้นก็ตาม

นี่ซินะความเก็บกดของน้ำขิง เด็กเรียนยอดรักของผม

มันปลอดโปล่งโล่งสบายเหลือเกิน แถมยังสนองการเสพสมจนถึงขีดสุดอีกด้วย



ก่อนจะหมดแรงลงไปผมรีบประคองร่างเบาบางของเค้าให้ลงไปนอนที่เตียงซึ่งอยู่ใกล้ๆ

น้ำขิงหลับตานิ่งอย่างหมดแรงอยู่บนท่อนแขนของผม เหงื่อยังชุ่มไปทั้งตัวแต่เนื้อตัวก็ยังหอมหวนชวนฝัน ผมอยากจะทำอีกสักรอบจัง แต่ถนอมไว้หน่อยดีกว่า เดี๋ยวแฟนผมจะช้ำในซะก่อน

ขอขโมยหอมนิดนึงก็แล้วกันนะก่อนนอน



---------------------------



"ว่าไงนะพี่ แม่จิตรเนี่ยนะลองใจพี่ด้วยการขอให้เลิกกับไอ้ชา"

ผมทึ่งกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินจากพี่ตองในสวนหลังบ้านไอ้ชาเย็น

"เออดิ กูจะโกหกทำไม"

"จริงดิ... นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ แม่จิตรใจดีออกขนาดนั้น แต่คนตระกูลนี้ก็แปลกเนาะ ชอบหาเรื่องลองใจคนจะมาเป็นเขย พี่รู้ไหม พ่อน้ำขิงนะ ลงทุนโกหกผมว่าน้ำขิงเป็นไวรัสตับเลยนะ"

"เฮ้ย หนักกว่ากูอีก"

"ใช่ดิพี่ กว่าจะรู้ความจริงต้องไปถึงมือหมอโน่น"



"พี่ตอง กลับได้แล้ว" ไอ้ชาเย็นมาเรียกให้ทุกคนเดินทางกลับมหาลัย

"ครับ... ปะต้อม"

แล้วเราก็ชวนกันเดินทางกลับมหาวิทยาลัยแห่งการซ้อมลีดเช่นเดิม

เห้ออออออออออออ

แต่ก็ดีใจนะที่เรื่องของผมกับน้ำขิงลงตัวได้ด้วยดี

เรื่องของผมต่อจากนี้ก็คงไม่ได้มีอะไรหวือหวานัก แต่คงไม่ใช่กับไอ้ชาเย็น เพราะเดี๋ยวอีกไม่นาน มันต้องได้ทำหน้าที่เป็น......



กามเทพสื่อรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:19:26 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตอนที่ 25 : วันที่ผิดพลาดและวันที่แก้ไข





เห้ออออออออ

วันนี้เหนื่อยจังเลย แทนที่จะได้มาดูลาดเลาน้องๆปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ เผื่อจะได้ปั๊มตราลีดให้ใครบ้าง กลับต้องไปนั่งคุยกับเอเจนซี่ที่เดินทางมาหาจากเกาหลี กว่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าต้องการอะไร

ดูดิ ตอนนี้ก็บ่ายซะแล้ว น้องๆพากันแยกไปตามคณะแล้ว ก็เลยไม่ได้ประทับตราอะไรให้ใครสักคนเลย

เอาเหอะ สงสัยเราจะไม่ได้เกิดมาเพื่อมอบโอกาสให้ใครมั้ง ยืนมอบดอกไม้ให้น้องตรงทางออกนี่ก็แล้วกัน



​นั่นใครนั่งอยู่ตรงนั้น

ผมมองเห็นเด็กหนุ่มคนนึงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่เก้าอี้แถวๆหน้าเวที ไม่ยอมลุกไปไหน จนคนจะออกไปหมดโดมรวมใจอยู่แล้ว น้องเค้าไม่สบายหรือเปล่า?



"น้องครับ" ผมตัดสินใจเดินเข้าไป พยายามเรียกแล้วแต่น้องกลับเอาแต่กำมือแน่นแล้วก็ก้มมองพื้น "น้องเป็นอะไรไหมครับ" ผมเอามือไปเขย่าตัวน้อง

หึ่ย

ตัวสั่นแบบนี้ น้องกำลังร้องไห้อยู่แหงเลย

ผมรีบคุกเข่าลงต่อหน้าน้องเพื่อดูสิ่งที่ตัวเองสงสัยให้ถนัดตา

นั่นไง ร้องไห้จริงด้วย ร้องจนฝ้าขึ้นเต็มแว่นไปหมด

"น้องเป็นอะไรครับ น้อง... บุ๋น" ป้ายสีชมพู แปลว่าอยู่คณะวิทยาศาสตร์อะดิ แล้วแถวนี้คนมันหายไปไหนหมด มีใครพอจะมาช่วยผมได้บ้างเนีย "ไอ้น้อง เป็นผู้ชายอย่ามาร้องไห้แบบนี้ดิ"

"พี่จะไปรู้อะไร!" น้องตะหวาดผมกลับ แต่ก็ยังก้มหน้านิ่งตัวสั่นหนักกว่าเดิมอีก "พ... พี่ไม่ได้เป็นลีดมหาลัยซะหน่อย"

หึ เดี๋ยวๆๆๆ เงยหน้ามองพี่หน่อยไหมไอ้น้อง "พี่ชื่อพี่ท๊อปครับ หัตถ์ดนัย ควรคะนึง รู้จักพี่ไหมพี่เป็นลีดมอ"

ทีอย่างงี้ละรีบหันขึ้นมาดูเชียวนะ

"พี่ท๊อป พี่ท๊อปจริงๆด้วย" น้องมองเห็นพี่จริงเหรอ แว่นยังเป็นฝ้าอยู่เลย "พี่ท๊อปครับ ปั๊มตราลีดมหาลัยให้ผมที นะครับ ผมขอร้องหละ นะพี่ ผมจะตอบแทนพี่ทุกอย่างเลย"

เห้ย อะไรกัน มาเป็นชุดเลย

"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ นี่มันหมดเวลาปั๊มแล้วนะน้อง จนเค้าจะกลับคณะกันหมดอยู่แล้ว" ผมลุกไปนั่งที่เกาอี้ข้างๆเค้า

"ยังไม่หมดหรอกพี่ นะครับ ผมจะไปลืมบุญคุณเลย"

"คือ... จะให้พี่ประทับตราให้คนที่มาขอร้องได้ยังไง เราไม่มีกติกาแบบนั้นนะครับ รุ่นพี่ต้องเป็นคนเลือกเอง" แล้วน้องก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์นั้นเลย ผมยาวรุงรัง แถมยังใส่แว่นหน้าเตอะอีกต่างหาก ขืนปั๊มให้ไปโดนพวกลีดมหาลัยด่าแน่ๆ

"ผม... ผม" น้องคงไม่รู้จะเถียงอะไร แล้วก็กลับไปนั่งเศร้าอีกครั้ง

ซะงั้น ทำไมอยากเป็นลีดจัง ท่าทางไม่น่าจะใช่คนชอบอะไรแบบนี้นี่นา

"ล.. แล้ว ทำไม ถึงอยากได้ตราประทับนักละครับ พอจะบอกเหตุผลพี่ได้ไหม"

"ผมจำเป็นต้องเป็นลีดมหาลัยให้ได้" น้องพูดเสียงอ่อยๆ เหมือนเล่าเรื่องออกมาแบบลอยๆด้วยซ้ำ ใบหน้าไม่มีชีวิตชีวาเลย "ผมไม่มีทางเลือก ผมทะเลาะกับพ่อ"

"มันไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหนเลย"

"พ่อมีธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางที่กำลังเติบโต พ่ออยากให้ผมเป็นลีดมหาลัยนี้ให้ได้ จะได้ใช้เป็นหน้าเป็นตาให้บริษัท ก็.. เลยบังคับให้ผมมาเรียนที่นี่ บังคับให้สอบเข้าคณะใหญ่ของที่นี่ บังคับให้ผมซ้อมเต้นตั้งแต่อยู่มอหก แต่ผมไม่ได้อยากเป็นลีดซะหน่อย ผมกับพ่อก็เลยทะเลาะกันมาเกือบทั้งปี ถ้าพ่อรู้ว่าผมไม่ได้รับคัดเลือกก็คง... ผมแค่... อยากทำให้พ่อภูมิใจแค่นั้นเอง"

เหตุผลมันฟังดูยิ่งใหญ่จังแฮะ แล้วก็คำพูดสุดท้ายนี้อีก ผมแพ้ทางเด็กกตัญญูซะด้วยซิ

"แล้ว... สรุปว่าบุ๋นอยากเป็นลีดหรือไม่อยากเป็นกันแน่ครับ"

"ถ้ามันทำเพื่อที่บ้านได้ ผมก็อยากจะทำ แต่ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเรียกร้องได้ เพราะผมไม่หล่อ ไม่เท่ เหมือนคนอื่น ยิ่งเห็นหน้าพี่ ผมยิ่งเข้าใจว่าตัวเองหมดสิทธิ์ตั้งแต่คิดแล้ว"

คิดไรอย่างนั้น ต้องปลอบใจซินะ "ไม่จริงหรอก พี่เองก็ไม่ได้เกิดมาหน้าตาดี นี่ความลับนะ พี่โดนสาวทิ้ง ก็เลยหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไหนหันหน้ามานี่ดิ"

ผมจับหน้าของน้องให้หันมาหาผม กระชับใบหน้าน้องมันไว้ให้แน่น เพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาพร้อมกับปาดน้ำตาออก

"อย่าเอาผมมาปิดหน้าปิดตาแบบนี้ดิ" ผมพูดไปด้วยมือก็ทำไปด้วย "แว่นตาเนียก็เลือกให้มันเค้ากับหน้าหน่อย เดี๋ยวนี้เค้ามีเลนซ์แบบบางแล้วนะ หรือไม่ก็ใช้คอนแทคเลนซ์ก็ได้... ลองเอาออกมาดูดิ"

หึ!!!

ใช่ได้นี่หว่า

ท่าทางพ่อของไอ้น้องนี่จะคิดไม่ผิด ภายใต้ผมรกรุงรังกับแว่นหนาๆนี่ ถ้าดูแลตัวเองหน่อยก็หล่อเลย เป็นสไตล์ลูกครึ่งระหว่างความหล่อแล้วก็ความน่ารักซะด้วย

"ผ... ผมมองไม่เห็น พี่" น้องบุ๋นพยายามคว้าแว่นตาคืน แต่ผมห้ามน้องไว้ก่อน แล้วหยิบบางอย่างออกมาจากในกระเป๋า

"เอางี้ ถ้าน้องสัญญาว่าจะเลิกร้องไห้แล้วก็หันมาสนใจใส่ใจดูแลตัวเอง พี่จะให้ในสิ่งที่น้องต้องการ"

"ค.. ห๊ะ อะไรนะพี่ พี่จะให้ตราประทับผมเหรอ"

"เออ แต่เอ็งต้องสัญญาก่อน ตามที่พี่บอก"

"ได้ๆ ได้เลยพี่ ผมจะเลี้ยงซูชิพี่เป็นการตอบแทนด้วยเลย"

ไอ้น้องมันรู้ได้ไงวะว่าเราชอบกินซูชิ เรื่องที่บอกว่าเรียนรู้ก่อนจะมาเรียนที่นี่คงไม่ได้โกหกซินะ

"เออ แบบนี้แหละ พูดจาฉะฉาน มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ เอ็งอะมีดีกว่าที่เอ็งรู้เยอะ เชื่อพี่เหอะ"

"ครับพี่ ผมขอแว่นตาคืนได้ไหม"

ผมก็คืนให้ แต่ก่อนที่แว่นจะกลับถึงดวงตาของน้องมัน



​แกร๊ก



​ตราประทับของผมก็ถูกปั๊มลงบนป้ายชื่อแล้วเรียบร้อย







"ท๊อป ท๊อป ท๊อป!"

หึ อะไร ใครเรียกเรา

อ้าว นี่ผมหลับอยู่เหรอ มาเผลอหลับในห้อง ก.น.ช. ตั้งแต่เมื่อไหร่

นึกว่ายังซ้อมเต้นอยู่ที่เกาหลีซะอีก เหนื่อยชะมัดยาดเลย เดินทางไปกลับแบบนี้ทุกอาทิตย์ แถมซ้อมหนักตลอด ความเพลียเรื่องสะสมแฮะ

แล้วเมื่อกี้นี้มัน ฝันเหรอวะ แต่... มันไม่ใช่ฝันซะหน่อย เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังอยู่ในความทรงจำเราอีกเหรอ สงสัยช่วงนี้ทะเลาะกับไอ้น้องบุ๋นบ่อย ก็เลยเก็บกลับมาฝันเลย

คงจะเพราะความรู้สึกผิด นึกว่าจะลืมมันไปแล้วซะอีก

"ไหวไหมท๊อป" เพื่อนผู้หญิงคนที่ปลุกผมถาม "พักงานก่อนไหม วันนี้ไม่ต้องทำงานของ ก.น.ช.ก็ได้ เราเข้าใจว่าท๊อปต้องเดินทางไปมาเกาหลี คงจะเหนื่อย กลับไปพักผ่อนเถอะ"

"ไหวๆ" ไหวดิ จะไม่ให้ไหวได้ไง ตั้งแต่โดนไอ้บุ๋นด่าว่าผมไม่เคยใส่ใจทำงานช่วยมหาลัย ก็รู้เลยว่าน้องมันยังจำเรื่องที่เราไปผิดสัญญากับน้องเมื่อปีที่แล้วได้ เพราะงี้ไง ผมถึงอยากจะกลับมาแก้ตัว "เดี๋ยวเราไปเอง ขอปรับตัวแป๊บนึงนะ,,, ขอบใจที่ปลุกนะ"

"แน่นะ... เอางี้แล้วกันเดี๋ยววันนี้ให้กั้งไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยกันทำงาน เนีย รู้ว่าตัวเองทำงานหนักแล้วทำไมถึงยังจะรับสังเกตุการณ์ที่คณะวิทย์อีก คณะเล็กๆมีให้เลือกตั้งเยอะแยะ เราเปลี่ยนให้ได้นะ เอาไหม"

"ไม่เป็นไรๆ ขอบใจมาก เราไหวจริงๆ"

"โอเค ไหวก็ไหว.... กั้งๆ มานี่หน่อยซิ" เธอเรียก กั้งเพื่อนคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่แล้วมันเป็นพี่วินัยให้คณะ ปีนี้ก็เลยต้องมาทำหน้าที่กรรมการ ก.น.ช.ด้วยกันกับผม แต่จำได้ว่าน้องๆในคณะมันจะชอบโดนพี่วินัยคนนี้ว๊ากเป็นพิเศษ ก็มันพวงตำแหน่งรองเดือนมหาลัยไว้ด้วยนี่นา ไม่แปลกที่สาวๆจะกรี๊ด "กั้ง วันนี้ช่วยไปคณะวิทย์กับท๊อปหน่อยนะ ท๊อปอยู่สังเกตุการณ์คนเดียวมาหลายวันแล้ว พอจะช่วยได้ไหม"

"ได้ เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" ไอ้กั้งตอบ "เห้ยไงไอ้ท๊อป ไหวเปล่าวะ"

"เออ ไหวๆ" ผมตอบ

"งั้นสองคนนี้ก็รับงานที่คณะวิทย์ยาวไปเลยก็แล้วกันนะ" เธอว่าต่อ "เดี๋ยวเราจะไปคณะเกษตรแล้ว พร้อมแล้วก็ไปกันเลยนะ... เอาหละเพื่อนๆทุกคนค่ะ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้วหนะ ห้องเชียร์จะเริ่มแล้ว"

"พร้อมยังวะ" ไอ้กั้งถามผม

"โอเค พร้อมแล้ว ไปกันเถอะ" ไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไปแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดไปในอดีต เผื่อว่ามันจะยังไม่สายเกินไป









ในมุมของน้ำชา



ซวยแล้วไงกู สายจนได้ จะเข้าห้องซ้อมทันไหมเนี่ย

เพราะเมื่อกี๊อาจารย์หัวหน้าภาควิชาวานให้ไปช่วยตรวจข้อสอบเด็กที่จะมาเข้าค่ายโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่มหาลัยช่วงเดือนหน้า อุตส่าเร่งตรวจแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็จะไปไม่ทันเวลาอยู่ดี

ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ก็เลยต้องรีบไปซื้อขนมปังใส้สังขยากับชาเขียวมากินระหว่างที่วิ่งไปห้องซ้อมแทน

​ซวยแน่เลยกู พี่บุ๋นยิ่งโหดๆอยู่ด้วยช่วงนี้ โดยด่ายับแหงเลย



"อุ!!!!"

เชี่ยยยยยยยย

อะไรกันอีกเนี่ย ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อน

จู่ๆก็มีพี่คนนึงเปิดประตูออกมาจากห้องซ้อมในขณะที่ผมกำลังวิ่งหน้าตั้งเข้าไป แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ ครีมสังขยาเลอะเต็มเสื้อพี่เค้าเลย ไหนจะน้ำชาเขียวอีก

กูเอ๊ยยยยยยยยยยย

"พี่ พี่ ขอโทษครับ ขอโทษครับพี่ ผ... ผมขอโทษจริงๆนะ เลอะหมดเลย ผมเช็คให้ครับ" ผมรีบแสดงความรับผิดชอบทันที รีบใช้แขนเสื้อนิสิตของตัวเองเสร็จคราบที่เลอะเป็นการใหญ่

"เห้ยไอ้น้อง ไม่ต้องๆ เอ็งจะเอาเสื้อนิสิตมาเช็คได้ไง" พี่เขารีบคว้ามือผมไว้ แล้วพยายามอยู่ห่างจากความหวังดีของผมให้มากที่สุด

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมต้องเช็คให้นะ"

"พอๆๆ ไม่ต้องๆ เช็คแล้วอย่างกับมันจะสะอาด แล้วนี่ก็แค่เสื้อคลุม พี่ถอดออกไปซักก็สิ้นเรื่องแล้ว"

เสื้อคลุม? หึ คุ้นๆแฮะ อ้าวนี่มันชื่อคลุมของพวกพี่ ก.น.ช.นี่นา

งานเข้ารอบสองแล้วกู ดันซุ่มซ่ามกับคณะกรรมการของมหาลัย

"พ... พี่ เป็น ก.น.ช.เหรอครับ เห้ยๆๆ พี่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ อย่าหักคะแนนผมนะพี่ มาๆ ถอดเสื้อออกมาเลยครับเดี๋ยวผมเอาไปซักให้"

"ไอ้น้อง! ใจเย็น พี่เป็น ก.น.ช.มีหน้าที่ในการดูแลไม่ให้เอ็งโดนรับน้องหนักเกินไป ไม่ใช่จะมาซ้ำเติมเด็กปีหนึ่งซุ่มซ่าม... เอ๊ะ นี่ น้องน้ำชา ใช่ป่ะ"

"ค... ครับ" รู้จักเราด้วยเหรอวะ ไม่เห็นคุ้นหน้าเลย คนหน้าตาดีขนาดนี้เราจะไปลืมได้ไง แต่อันนี้ไม่รู้จักแน่ๆอ่ะ

"อ๋อ ตัวจริงก็... น่ารักดีนี่หว่า เห็นว่าเต้นเพลงมิ่งขวัญได้นิ ใช่ไหม"

อ่อ รู้จักเราจากเรื่องนี้นี่เอง ลืมไปเลยว่ามหาลัยนี้ถ่ายทำกิจกรรมห้องเชียร์ตลอดเวลา



"มีไรเกิดขึ้นอ่ะ...  เห้ย ไอ้กั้ง ทำไมเสื้อเป็นสีเขียวอย่างงั้นวะ" พี่ท๊อปก็ออกมาจากในห้องซ้อม อ๋อ นี่รู้จักกันเหรอ "อ้าวชา มาช้านะเนี่ย ข้างในเค้าซ้อมกันแล้ว เข้าไปได้แล้ว"

"แต่ผมทำเสื้อพี่เค้าเลอะ..."

"เออ เอ็งไปเหอะ แค่เสื้อเปื้อน รีบไปซ้อมไป" พี่คนที่ชื่อกั้งไล่ให้ผมเข้าห้อง



"มาทำอะไรกันหน้าประตูห้องซ้อมครับ คุณ ก.น.ช."

ชิบหาย พี่บุ๋นออกมาเห็นเหตุการณ์อีกคนแล้ว

"ก็น้องคณะของน้องแว่นทำเสื้อคลุม ก.น.ช.ของเพื่อนพี่เลอะไงครับ" พี่ท๊อปปปปป เห็นใจน้องบ้างก็ได้ แค่นี้ก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว

"​แว่นไหนวะ​" พี่กั้งถาม

"อ๋อ พี่กั้ง ขอโทษแทนน้องผมด้วยนะครับ"

"ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้เอง"

"แต่เปื้อนบ้างก็ดีนะพี่ อย่าให้เสื้อพี่สะอาดเหมือนคนที่เค้าไม่รู้จักทำงานทำการเลย..." นี่กำลังแขวะพี่ท๊อปอยู่ใช่ไหม "เข้าไปข้างในไอ้ชา มาสายนะมึงอ่ะ ถึงเป็นน้องที่เอกก็ไม่มีข้อยกเว้นนะเว้ย ต้องโดนลงโทษตามกฎ"

ผมถูกพาเข้ามาในห้องซ้อมในที่สุด แล้วก็โดนสั่งให้ยืนการ์ดนับห้าสิบเป็นการลงโทษที่มาช้า

อาจารย์นะอาจารย์ ไม่ได้รู้เลยว่ากิจกรรมห้องเชียร์ที่นี่เขาจริงจังกันขนาดไหน



หลังจากการมาช้าของผม เราก็เข้าสู่การซ้อมหนักเช่นเคย

นี่เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ไม่เห็นพี่แอมกลับเข้ามาทำงานอีกเลย สงสัยคงรู้สึกเสียหน้ากับเรื่องที่ทำกับผมแล้วก็พี่ตองไว้

พอซ้อมไปสักพัก พี่ท๊อปกับพี่กั้ง(ซึ่งไม่มีเสื้อคลุม)ก็กลับเข้ามาสังเกตุการณ์ในห้องซ้อมเช่นเคย



"บุ๋นๆ" หลังจากการซ้อมกว่าสองชั่วโมงก็มีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซ้อม

เอ? คนนี้คือพี่ประธานสโสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หรอ

"ขอคุยด้วยหน่อย มีเรื่องด่วน"

"เอ่อ.... แป๊บนะ" พี่บุ๋นตอบ แล้วก็หันมาคุยกับพวกผม "เดี๋ยวให้พี่... พลอย มาช่วยดูต่อให้นะ พี่ไปคุยธุระแป๊บนึง"

แล้วพี่บุ๋นกับพี่ประธานก็เดินออกไปนอกห้องด้วยกัน

"น้องๆค่ะ มาซ้อมต่อเร็ว" พี่พลอยทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทันที "เดี๋ยวเก็บท่าต่อจากเมื่อกี๊นี่นะ ข้อศอกสองข้างต้องชิดกันนะ ทำเป็นรูปตัววีแบบนี้ อะไหน ลองทำท่านี้ค้างไว้ซิ ให้ดูแข็งแรงด้วย สุ่ย! ทำให้ดูเท่กว่านี้หน่อย เดี๋ยวก็ให้มาเต้นแทนลีดผู้หญิงหรอก..." เห็นแบบนี้ พี่พลอยถือว่าเป็นระดับคนสอนที่เบามากถ้าเทียบกับพี่บุ๋น

พวกเราถูกสอนให้เพิ่มรายละเอียดในท่าเต้นแบบท่าต่อท่า ทำแต่ละท่าค้างไว้นานๆ ตามด้วยการเต้นทุกๆท่าเหล่านั้นตามจังหวะที่ช้ากว่าปกติมากๆ เพื่อให้มีเวลาในการคิดที่จะใส่รายละเอียดลงไปในทุกๆการเคลื่อนไหว

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง แล้วพี่บุ๋นก็กลับเข้ามาในห้องซ้อม พวกลีดปีหนึ่งถูกสั่งให้พักแล้วเพื่อรอการสอนคลาสนอกในชั่วโมงสุดท้าย

แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งปกติแน่ๆ พี่บุ๋นเดินเข้ามาแล้วตรงดิ่งไปหาพี่ท๊อปที่นั่งอยู่หลังห้อง แถมยังพูดคุยอะไรเหมือนว่ากำลังขอร้องพี่ท๊อปอยู่

ไม่จริง นั่นต้องเป็นพี่บุ๋นตัวปลอม

สักพักพี่อีกคนก็เดินเข้ามาอีก เหมือนจะถูกพี่ท๊อปโทรตามมา

มีเรื่องอะไรกันหว่า?



"น้องครับ ช่วยมารวมกันหน่อยนะ" พี่บุ๋นเเรียกรวม "พี่มีกิจกรรมพิเศษมาแจ้งให้ทราบนะครับ คือ... วันศุกร์นี้ มหาวิทยาลัยของเราจะจัดการแสดงความสัมพันธ์ไทยเกาหลีขึ้น งานคณะมนุษยศาสตร์ และมันมีเรื่องนิดหน่อยตรงที่ คณะเราได้รับคัดเลือกให้ส่งตัวแทนผู้นำเชียร์ชายสองหญิงสอง โดยมีรุ่นพี่ปีสองหนึ่งคู่กับน้องปีหนึ่งอีกหนึ่งคู่ ไปรวมแสดงโชว์แลกเปลี่ยนการเป็นผู้นำเชียร์ของสองประเทศ จะมีนักศึกษาเกาหลีมาโชว์ด้วย ทางโน้นจะเต้นในแบบของเรา ก็เลยทำให้เราต้องโชว์เต้นในแบบ.. เกาหลี"

แบบไหนวะ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ไม่รู้ แต่ในห้องนี้ทั้งหมดก็ไม่รู้เหมือนกัน

"สำหรับปีสองก็คงเป็นหน้าที่ของประธานอย่างพี่ แล้วก็... พี่พลอย" ดูเหมือนว่าพี่บุ๋นจะยังไม่ได้ปรึกษาพี่พลอย จึงหันไปถามความคิดเห็น "ได้ไหมพลอย"

"ได้" พี่พลอยตอบทันที

"งั้นก็เหลือแค่ปีหนึ่ง... เอาเป็นว่าพี่จะให้น้องๆโหวตก็แล้วกันนะ เลือกเพื่อนออกมาเลย"

เสียงจอแจของลีดปีหนึ่งดังขึ้นทันที

"แต่พี่บอกไรไว้อย่างนะ" พี่บุ๋นแทรกขึ้นมา "เราไม่มีความรู้เรื่องการเต้นสไตล์เกาหลีเลย เพราะงั้น... พี่ก็เลยไม่ขอร้องพี่ท๊อป ให้เป็นคนช่วยสอนให้"

พี่ท๊อปเดินมาข้างหน้าเพื่อแสดงตัว

กรรมละ ถ้าเป็นพี่ท๊อปต้องเลี่ยงให้มากที่สุด เดี๋ยวไอ้พี่ตองจะคิดมากอีก

"ชาๆ มึงไปดิ" "เออๆให้ชาดีกว่า ไปคู่กับเกตุ เหมาะสุดแล้ว" "กูก็โหวตเกตุกับชา"

"ไม่เอา!" ไอ้พวกนี้นิ กูยิ่งเลี่ยงๆอยู่

"เออ มึงเหมาะสุดแล้ว" ไอ้สุ่ยยัดเยียด "ได้แล้วครับพี่ ชากับเกตุครับ" เห้ยเดี๋ยว! "ใครเห็นด้วยบ้าง"

พวกมึงก็สามัคคีกันเหลือเกินนะ ยกมือกันหมดเลย

กูเอ๊ยยยยย

ดีนะนี่เป็นวันจันทร์ ไอ้พี่ตองไม่ได้มาเฝ้า ไม่งั้นเกิดเรื่องแบบทันควันแน่ๆ



"โอเค งั้นตามนี้นะ" ไม่ต้องรีบยืนยันขนาดนั้นก็ได้นะพี่บุ๋น ถามผมนิดนึงไหม "เลิกคลาสแล้ว ชากับเกตุอยู่แป๊บนึงนะ คุยกันก่อนแล้วก็เอาเสื้อที่ต้องใช้ใส่ในงานไปด้วย พี่วางไว้หลังห้องแล้ว"



วันนี้พวกเรามีเรียนการแต่งหน้าและทำผม ถึงผมจะไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ แต่ก็เคยเรียนรู้มาบ้างแล้ว พอได้ลงรายละเอียดจริงๆแล้วก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น

พี่คนที่ถูกพี่ท๊อปโทรตามให้มารู้สึกว่าจะเป็นสาวประเภทสองนะ แต่ค่อยข้างเหมือนผู้หญิงมากเลย ผมไม่ได้จะตั้งใจจับผิดอะไรพี่เค้านะ แต่เพราะพวกพี่เค้าดูกำลังวุ่นวายกันอยู่หลังห้อง มันทำให้เป็นเป้าสังเกตุ



ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังจากล้างเครื่องสำอางที่ได้รับการเรียนในวันนี้

"ชา มานี่เร็ว" ผมถูกพี่บุ๋นเรียกทันทีที่จบกิจกรรมห้องเชียร์วันนี้

ตอนนี้ในห้องแทบจะไม่เหลือใครแล้ว มีแค่พี่ท๊อป พี่บุ๋น พี่พลอย พี่กั้ง พี่สาวสอง แล้วก็ผมกับเกตุ

"คืองี้นะคะ" พี่สองสาวเริ่มเปิดประเด็น เธอเปิดสมุดจดงานบางอย่างออกมากางดู "ท๊อปมีว่างแค่เย็นวันพฤหัสฯวันเดียว เพราะว่าวันนี้กับพรุ่งนี้มีถ่ายงาน ส่วนทุกวันพุธก็อัดเสียงให้เพลงเปิดกิจกรรมวันโชว์สปีริดสิ้นเดือนหน้า" อ๋อ ที่แท้ก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่เอง

"งานหนักเลยนะมึง" พี่กั้งแซว "แล้วจะมาซ้อมให้พวกน้องมันไหวเหรอ"

"ใช่ จะรับช่วยจริงเหรอ ชั้นเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ บอกว่าให้เพลาๆงาน ก.น.ช.บ้าง นี่ก็ไม่รู้ไม่โดนใครว่ามา เข้างานทุกวันเลย"

เอิ่มมมม ผมเห็นนะว่าพี่บุ๋นแอบสะดุ้งนิดนึง

"เออน่า ไหวๆ เราช่วยได้ ไม่งั้นใครจะช่วยหละ" ที่ท๊อปตอบปัด

"ไหวมากกกก เมื่อกี๊ประธาน ก.น.ช.โทรมาบอกชั้นว่าเธอไปหลับหมดแรงอยู่ในห้องกรรมการ นี่ถ้าโทรมขึ้นมาแล้วโดนเอเจนซี่ที่เกาหลีต่อว่า ชั้นไม่รู้ด้วยนะ" ผู้จัดการของพี่ท๊อปโหดน่าดูเลย



"น้ำชา"

หึ

อ้าว พี่ตองมารับแล้ว

เอ่อออออออ ยังคุยธุระไม่เสร็จ ยังไงดีหละ



"โอเค ก็ตามนี้แหละนะ เจอกันที่ตึกลีดมหาลัยแล้วกันนะ วันพฤหัสฯ" พี่ท๊อปสรุปให้ ทุกคนจึงได้แยกย้ายไปกลับ



"เดี๋ยวน้อง" พี่กั้งเรียกผมไว้ก่อนที่จะออกจากห้อง

"ครับพี่"

จู่ๆพี่เค้าก็โยนเสื้อคลุมมาให้ผม "บอกจะซักให้พี่ไม่ใช่เหรอ"

"อ... อ่อ ได้ครับ" ไหนบอกไม่เป็นไรวะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก กูทำเลอะนี่หว่า ก็ต้องรับผิดชอบ ถูกแล้ว

"พรุ่งนี้เอามาคืนก็แล้วกัน"

"ได้ครับพี่ ผมไปนะ พี่..." เกือบหลุดปากบอกไปว่าพี่ตองรอยู่ "หวัดดีครับ"



พี่ตองถามผมทันทีเลยว่าคุยอะไรกัน ผมก็เล่าเรื่องที่ผมโดนคัดเลือกไปโชว์ในงานให้ฟัง แต่ไอ้พี่ตองไม่ยักกะทำท่าหึงหวงอะไรแฮะ แปลกๆ

"ไม่ว่าเหรอ พี่ท๊อปต้องมาสอนชานะ" ผมสงสัย

"พี่ท๊อปเค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่น่าห่วงหรอก ว่าแต่ นี่ไปเอาเสื้อใครมา"

"ของพี่กั้งครับ"

"ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่"

"เปล่า ไม่ได้รู้จัก ชาเผลอไปทำเสื้อพี่เค้าเปื้อน ก็เลยเอามาซักให้"

"เหรอ" ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลย



#เสียงโทรศัพท์

สายเข้าเครื่องพี่ตอง

"ฮัลโหลบุ๋น"

ห๊ะ พี่บุ๋นโทรหาพี่ตองทำไม ก็เพิ่งจะจากกันเมื่อกี๊นี้เอง

"ห๊ะ ทำไมวะ.... อะๆๆ เดี๋ยวกูให้น้ำชาเอาไปให้ละกัน กูไม่เอาไปให้เองหรอกนะ" เห้ย เอาอะไรไปให้ใครวะ แล้วทำไมต้องเป็นกู "เออๆ ไม่เป็นไร... เออๆ"



"อะไรอ่ะ" ผมถามทันทีที่พี่ตองวางสาย

"ไอ้บุ๋นใช้ให้พี่ซื้อมาส์คหน้าไปให้พี่ท๊อป"

"หือ? ทำไมอ่ะ"

"ไม่รู้มัน อยู่ดีๆทำไมถึงจะซื้อของให้พี่ท๊อปก็ไม่รู้ แต่... ชาช่วยเอาไปให้แทนหน่อยนะ แล้วก็อย่าบอกหละว่าไอ้บุ๋นฝากมา"

นี่เล่นอะไรกัน แต่ถ้าคิดตามเหตุผลง่ายๆ มาส์คหน้านี้เพื่อขอบคุณที่ท๊อปหรือเปล่า หรือกลัวพี่เค้าหน้าโทรม



"เดี๋ยวๆ" ผมนึกบางอย่างขึ้นได้ "ผมลืมเสื้อที่ต้องใส่ในงานไว้ที่ห้องซ้อม"

"เดี๋ยวพี่ไปเอาให้"

"ไม่ต้องๆ ชาไปเอง พี่ตองรอแป๊บนึงนะ" ผมรีบวิ่งกลับไปที่ห้องซ้อมเพราะตอนนี้ยังออกมาไม่ไกล



"ขอบคุณนะ พ....พี่ท๊อป ที่มาช่วยเป็นธุระให้" หึ เสียงพี่บุ๋นนี่นา ยังมีคนเหลือในห้องซ้อมอีกเหรอ "ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากรบกวนหรอก"

"สรุปว่าไม่อยากรบกวนใช่ไหม" เสียงพี่ท๊อปตอบกลับ ผมก็ยืนแอบฟังหน้าห้องต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็ย

"ใครจะกล้าไปบังคับหละ"

"ไม่กล้าบังคับหรือกลัวพี่จะผิดสัญญาอีก"

".....แล้วจะผิดอีกไหมละ"

"....." สงสัยพี่ท๊อปจะอึ้งที่โดนถามตรงๆ รู้จักพี่บุ๋นน้อยไปซะแล้ว "ทำไมไม่ใส่แว่นแล้วหละ" เปลี่ยนเรื่องซะงั้น

"ก็เป็นคนบอกให้เลิกใส่เองไม่ใช่เหรอ"

"เชื่อคนง่ายเนอะ"

"ไม่ได้เชื่อคนง่าย แค่ไม่ชอบผิดสัญญากับใคร"

"โดนหลอกด่าซะงั้น โอเคๆ พี่จะ... ไม่ผิดสัญญาอีกก็แล้วกัน สัญญา"

"จะคอยดู"

"ยังไงก็ขอบใจนะ"

"ขอบใจเรื่องอะไร นี่ต่างหากต้องขอบใจ นี่เป็นคนไปขอร้องนะ"

"ก็ขอบใจที่ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวไง"

"......"

อือหือออออ ไม่ทิ้งลายโอ้ปป้าเลยนะพี่ท๊อป

แต่มันได้กลิ่นอะไรแปลกๆแฮะ รู้สึกว่าสองคนนี้จะมีอะไรไม่ธรรมดาซะแล้ว

คิดไรดีๆออกแล้ว

ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องซ้อม ทำทีว่าไม่ได้ยินใครกำลังคุยกันมาก่อนหน้านี้ พร้อมกับประโยคเด็ด รับรองว่างานนี้ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่ๆ





"พี่บุ๋นครับ มาส์คที่ฝากให้ผมแอบเอาไปให้พี่ท๊อป จะเอาสูตรไหนครับ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:22:37 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 26 : โอกาสเพื่อตัวเองและโอกาสเพื่อคนอื่น​







​ทำไมมาช้าจัง

​ผมนั่งรออยู่ในห้องซ้อมคณะวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ห้าโมงเย็นตามเวลาที่ถูกนัดไว้ โชคดีที่ทางคณะยอมให้ผมใช้ห้องซ้อมได้ทั้งๆที่เป็นเด็กปีหนึ่ง

แต่นี่รอมาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่เห็นมีวี่แววใครมาเลย

ตาก็เริ่มเจ็บเพราะใส่คอนแท็คเลนซ์นาน อุตส่าห์ตัดใจทิ้งแว่นตาที่ใส่มาตั้งแต่เด็กไปเพราะคำแนะนำ แต่ก็ดีเพราะมันก็ช่วยให้ผ่านรอบสอบสัมภาษณ์มาได้

เหลือก็แต่รอบแสดงเพลงมิ่งขวัญมัณฑนาในวันเปิดห้องเชียร์พรุ่งนี้นี่แหละ แต่ไอ้คนที่สัญญาว่าจะช่วยสอนให้ยังไม่โผล่มาเลย ฟ้าเริ่มจะมืดแล้วนะ

​พี่ท๊อปติดธุระอยู่ที่ไหนหรือเปล่านะ

​โทรหาตั้งหลายทีแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้เลย อย่างกับปิดเครื่องไว้

แถมตอนนี้ยังมีมาส์คแตงกวาที่พี่เค้าแนะนำให้ใช้อีกเป็นถุงใหญ่ พะรุงพะรังจนไม่ไหนไม่ได้



เฮ้อ

เฮ้อออออ

เฮ้อออออออออ

​เฮ้อออออออออออออออออ

​นี่มันนานเกินไปแล้วนะ สองชั่วโมงเข้าไปแล้ว แบบนี้ผิดปกติแล้ว

เอาไงดีวะกู

พี่ท๊อปเค้าลืมนัดเราหรือเปล่าวะ หรือว่าติดเรียนอยู่ที่ตึก คงไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญาหรอกมั้ง พี่เค้าก็ดูเป็นคนดีออก

เอางี้ดีกว่า.....



ทำไมตึกนี้มันน่ากลัวจังวะ

ผมตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้ามาที่ตึกคณะเภสัชศาสตร์ ตึกนี้อยู่ไกลจากศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยติดกับรั้วด้านหลัง ยิ่งเป็นช่วงพลบค่ำแบบนี้ที่ผู้คนหายไปหมดยิ่งน่ากลัว

โรงอาหารของคณะนี้อยู่ไหนวะ เผื่อจะมีคนอยู่แถวนั้น

​นั่นไง

​ผมเจอโรงอาหารในที่สุด มีคนนั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะแล้วตอนนี้ ผมเลือกที่จะตรงไปยังกลุ่มพี่ผู้หญิงที่นั่งคุยกันอยู่สามคน

"ข... ขอบโทษครับ"

"ค่ะ" พี่ๆเขาหันมาตอบรับผม "อุ๊ย! ปีหนึ่งน่าใส เด็กเภสัชปีนี้ก็มีหล่อๆเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะมีแค่น้องตองวิศวะ" ชื่อเสียงไอ้ตองดังตั้งแต่ยังไม่เปิดห้องเชียร์เลยเหรอ

"ป... เปล่าครับพี่ ผมอยู่วิดยาครับ คือ... ผมมาตามหาพี่ท๊อปอะครับ พี่ท๊อปเภสัชปี 2 ที่เป็นลีดมหาลัย พวกพี่พอจะรู้จักไหมครับ"

"รู้ซิ ใครจะไม่รู้จักท๊อปละ ดังออกขนาดนั้น"

"พอจะเห็นพี่เค้าไหมครับ พอดีผมมีนัดกับพี่เค้าอะครับ"

"ท๊อปเหรอ.... พวกแกเห็นไหม" เธอหันไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะ

"ไม่เห็นอ่ะ"

"อ๋อ นี่ๆ หรือว่าท๊อปจะไปเกาหลีแล้ว" พี่คนหนึ่งเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

"เออ ใช่ๆๆ ลืมไปเลยว่าค่ายเพลงที่เกาหลีมาทาบทามท๊อปให้ไปฝึกที่โน้นตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว... พี่ว่า สงสัยท๊อปจะไปถึงเกาหลีแล้วละมั้ง"

ห๊ะ ไม่จริงอ่ะ พี่เค้านัดไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาสอนเพลงมิ่งขวัญให้ ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ

"เอ๊ะ โน่นไงๆ ปิงปิง บั๊ดดี้ของท๊อป เดินมาพอดี ลองถามดูซิ"

ไหนหว่า?

พี่คนที่กำลังลงมาจากบันไดอะเหรอ



"พี่ครับๆ" ผมรีบวิ่งไปหาแหล่งข้อมูลใหม่

"ค่ะ" เสียงนี้มัน พี่เค้าเป็นสาวประเภทสองนี่หว่า

"พี่ปิงปิง บั๊ดดี้ของพี่ท๊อปใช่ไหมครับ"

"ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอ"

"คือผมมีนัดกับพี่ท๊อปวันนี้อะครับ แต่ไม่เห็นพี่เค้าไปตามนัด"

"น้อง... นี่น้องบุ๋นวิทยาศาสตร์ใช่หรือเปล่า"

"ค... ครับ" รู้จักผมได้ไง

"พี่ขอโทษษษ ลืมไปเลย มัวแต่โทรแคนเซิลงานให้ท๊อป คือพี่ท๊อปเค้าขึ้นเครื่องไปเกาหลีตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว พอดีต้องรีบไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงที่โน่น ขอโทษจริงๆนะ พี่ก็ลืมไปเลยว่าท๊อปฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย"

"..........................................................................................."

สรุป.... ว่าคือเรื่องจริงเหรอ หน้าตึงไปเลยกู

แล้วที่สัญญาว่าจะช่วยให้เราเป็นลีดมหาลัยละ

จากนี้กูต้องทำไงวะ



หรือว่าต้องเลิกเชื่อใจคนอื่นแล้วสู้ด้วยตัวเอง









"พี่บุ๋นครับ มาส์คที่ฝากให้ผมแอบเอาไปให้พี่ท๊อป จะเอาสูตรไหนครับ"

ชิบหายยยยยยยยยย

​ไอ้น้องเวร มึงจะพุ่งเข้ามาในห้องแล้วพูดอะไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย แล้วแม่งก็พูดซะชัดเลย

"มาส์คอะไรชา" นั่นไง ไอ้ห่าพี่ท๊อปนี่ก็หูดีอีกคน

"อ... อ้าว พี่ท๊อป ยังอยู่นี่อีกเหรอครับ" ไม่ทันแล้ว มึงนี่มันน่าเตะจริงๆ

แก้ตัวยังไงดีวะกู "ม... มึงกลับมาทำไม"

"ผ... ผมลืมเสื้อไว้ครับ ลืมเอาไปด้วย" ไอ้ห่าเอ๊ย มาเอาพรุ่งนี้ก็ได้มั้ง

"สรุปว่ามาส์คอะไรชา" นี่ก็ไม่คิดจะลืมเลยหรือไง

"ค... คือว่า..." ไอ้น้องเวร มึงแก้ตัวดีๆนะ อย่าให้เข้าตัวกู "พี่ต... ตอง แอบบอกผม ให้มาถามพี่บุ๋นว่าพี่ท๊อปชอบใช้มาส์คแบบไหนครับ คือ... พี่ตองจะซื้อมาส์คให้พี่ท๊อปครับ"

มึงรู้ตัวไหมว่า เป็นคนที่โกหกได้แย่ที่สุดในโลกเลย นอกจากจะไม่เนียนแล้วมึงยังแสดงพิรุจได้ชัดสุดๆ

"เจ้าตองเนี่ยนะ จะซื้อมาส์คให้พี่" เห็นไหมละ กูว่าแล้วว่ามันต้องสงสัย

"ใช่ครับ พี่ตองเห็นพี่ทำงานหนัก"

"อ๋อเหรอ... แล้วพี่ควรใช้มาส์คแบบไหนดีหละครับน้องแว่น"

"จะซื้ออะไรก็ซื้อไปเหอะ อย่ามายุ่งกับกู ไม่ใช่เรื่องของกู" ไม่รู้อ่ะ แก้ตัวทุกวิถีทางไว้ก่อน

"ไม่ต้องก็ได้ชา ฝากไปบอกพี่....ตองของชาด้วยนะว่าพี่ขอบใจมาก" ไม่ต้องมามองหน้ากูเลย

"งั้น... ชาขอไปหยิบเสื้อก่อนนะครับ พี่ตองรออยู่"

ไอ้ห่าเอ๊ย ทิ้งปัญหาไว้ให้กูแล้วก็ชิ่งเลยนะ

"ช... ชา" เดี๋ยวถ้าเราปฏิเสธเกินไป มันจะหาว่าเรามีพิรุจจริงๆ "บอกไอ้ตองว่าซื้อสูตรแตงกวาก็ได้"

"อ... อ๋อ ครับพี่"

แล้วไอ้น้องเจ้าปัญหาก็หยิบเสื้อวิ่งออกไป



"จำได้ด้วยเหรอ" ไอ้ห่าพี่ท๊อป มึงไม่ต้องมาทำยิ้มกริ่มใส่กูเลยนะ กูไม่ใช่สาวๆที่จะหวั่นใจกับหน้าตาโอ้ปป้าเกาหลีนะ

"กลับได้แล้วมั้ง จะปิดห้องซ้อม"

"โอเค เจอกันวันพฤหัสฯนะ" เออ รีบๆไป "จะเอามาส์คมาให้พี่วันพฤหัสฯก็ได้นะ"

​ชิบ

​โดนจับได้จนได้





"สวัสดีครับน้องหญิง" "สวัสดีค่ะพี่ปืน"

เสียงกล่าวทักทายของพิธีกรขาประจำดังมาจากทีวีและเครื่องฉายภาพรอบมหาลัย เป็นสัญญาณว่ากิจกรรมห้องเชียร์เริ่มขึ้นอีกวันแล้ว

จะผ่านไปกี่วันผมก็ยังต้องทำหน้าที่สอนลีดปีหนึ่งเหมือนเดิมอยู่ดี เพิ่งรู้ว่าการเป็นประธานลีดมันเหนื่อยขนาดนี้ นี่ถ้าแอมไม่ใจร้อน ทำอะไรบู่มบ่ามก็คงไม่ต้องมาลำบากถึงเราหรอก

เอาเหอะ ก็เป็นไปแล้วนิ ทำหน้าที่ไป



นั่นไง ก.น.ช.มาแล้ว ตรงเวลาเหลือเกินนะ

ไอ้ห่าพี่ท๊อปมันยิ้มอะไรของมันวะ

อย่าไปสนใจๆ ทำหน้าที่ตัวเองก็พอ

ไอ้ตองมาเฝ้าไอ้น้องชาอย่างที่เคยทำทุกวันอังคาร สรุปว่าไอ้สองคนนี้นี่เอาจริงเหรอวะ ตอนแรกเห็นไม่ถูกกันจะตาย ไปกระหนุงกระหนิงกันขนาดนี้ได้ยังไง นี่แหละน่า เขาถึงบอก หนีอะไรได้อันนั้น



"พี่ท๊อปครับ มาส์คแตงกวา พี่... ตองฝากมาให้" ไอ้น้องเวร มึงช่วยเนียนกว่านี้ได้ไหม แบบนี้ไอ้ห่าพี่ท๊อปก็จับได้หมดดิ "แล้วก็ อันนี้ เสื้อคลุมครับพี่กั้ง ผมซักมาคืนให้แล้ว ขอโทษอีกทีนะครับ" อ๋อ เสื้อที่มันทำของพี่เค้าเลอะเมื่อวาน

"ขอบคุณนะครับน้ำชา หอมจัง" หือ? พี่กั้ง ทำไมพูดกับไอ้ชาอย่างงั้นวะ

นั่นไง ไอ้ตองเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแล้ว

"น้องครับๆ รีบๆมารวมกันตรงนี้ได้แล้ว" ผมไม่ได้ทำเพราะหึงไอ้ชานะ แต่ทำเพื่อไอ้ตอง ยังไงผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว อีกอย่าง ไอ้นี่มันเลือดร้อน ขืนปล่อยให้พี่กั้งทำตาเล็กตาน้อยใส่ไอ้ชานานๆ เดี๋ยวห้องซ้อมคณะวิทย์จะกลายเป็นสนามมวย

การสอนของวันนี้เริ่มขึ้น ผมก็สอนเหมือนทุกวันนั่นแหละ

จะมาหาว่าผมโหดไม่ได้นะ ถ้าต้องแบกรับหน้าตาของคณะอันดับหนึ่งไว้บนบ่าก็จะเข้าใจเอง แต่ที่ทำให้ผมไม่มีสมาธิเลยวันนี้ก็คือ ไอ้ห่าพี่ท๊อป มันมองหน้าผมบ่อยเป็นพิเศษเลยวันนี้

มีไรติดบนหน้ากูเปล่าวะ



"พักประจำชั่วโมงได้ครับ" ผมปล่อยน้องไปพัก



"ประธานลีดปีสองครับ รบกวนมาทางนี้หน่อย" พี่กั้งตะโกนเรียกผมจากหลังห้อง

มีเรื่องไรวะ ปกติไม่เคยเห็นเรียก แปลกๆนะวันนี้

"มีไรครับ" ผมถาม

"ทำไมถึงมีลีดคณะวิศวะมาอยู่ในห้องซ้อมวิดยา"

หมายถึงไอ้ตองซินะ ไอ้นั่นก็ไม่รู้เรื่องเลยว่ามึงกำลังจะมีศัตรูหัวใจ เอาแต่คอยพัดให้แฟน จะมุ้งมิ้งกันไปไหน

"นั่นลีดมหาลัยครับ จะอยู่ห้องซ้อมคณะไหนก็ได้" เอาวะ ช่วยมันหน่อย

"แต่กฎนี้มีไว้เพื่อให้ลีดมหาลัยมาช่วยสอนน้องๆทุกคนในมหาลัยอย่างเท่าเทียมกันนะ ไม่ใช่เพื่อน้องคนใดคนหนึ่ง"

เอาไงดีหละ กูจะพูดไงดี พี่กั้งแม่งก็ดันพูดมีเหตุผลซะด้วย

"ไม่เป็นไรหรอกไอ้กั้ง" พี่ท๊อปแทรกขึ้นมา "ช่วงนี้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่คณะเค้า น้องประธานก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ใครช่วยหรอก จริงไหม"

อะไรของไอ้ห่าพี่ท๊อปวะ ชมกูต่อหน้าเลย

"แต่มันก็ไม่ควรเปล่าวะ" มันไม่ควรหรือพี่คิดไม่ซื่อกันแน่ "ยังไงถ้าเกิดอะไรขึ้น ประธานลีดก็รับผิดชอบแล้วกันนะ"

"ครับพี่" กูชักจะไม่อยากเคารพไอ้รุ่นพี่คนนี้แล้วนะ



"เดี๋ยวก่อน แว่น"

หึ! อะไรของไอ้พี่ท๊อปอีก

"อะ นี่"

"อะไร"

"น้ำตาเทียมไง ใส่คอนแท็กเลนซ์นานๆหัดใช้น้ำตาเทียมด้วย เดี๋ยวจะเจ็บตาเอา"

ไอ้บ้า ซื้อมาให้ทำไม ชักจะทำดีกับเราเกินไปแล้วนะ "ไม่ต้อง ซื้อเองได้"

"แลกกันกับมาส์คหน้าไง"

"ม...มาส์คอะไร ไม่ได้ซื้อให้ซะหน่อย ไอ้ตองโน่น"

"งั้น... อันนี้พี่ก็ไม่ได้ซื้อให้ ตองฝากมาให้เหมือนกัน" โกหกหน้าด่านๆ

ไอ้ห่าเอ๊ย รับก็รับวะ แม่ง จะซื้อมาให้ทำไมก็ไม่รู้



"มีไรเปล่าวะบุ๋น" ไอ้ตองถามผมตอนเดินกลับ มันคงสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง

"เปล่าๆ" มึงไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวจะหัวเสียซะเปล่า มุ้งมิ้งกับเด็กมึงต่อไปเหอะ

"แล้ว ก.น.ช.จะเรียกมึงไปทำไม"

มึงจะมาคาดคั้นอะไรกับกูเนีย กูทำเพื่อมึงนะเนี่ย "พี่เค้าซื้อน้ำตาเทียมมาให้กู" บ่ายเบี่ยงไปละกัน

"อ๋อ..." ไอ้ชาแทรกขึ้นมา "ถึงว่า ทำไมเห็นพี่ท๊อปจ้องหน้าพี่บุ๋นเป็นชั่วโมงๆ สังเกตุมาหลายวันแล้ว ที่แท้จะเป็นห่วงสุขภาพดวงตาของพี่นี่เอง"

"พูดมากนะมึงอ่ะไอ้ชา" ถ้าไม่เกรงใจว่าไอ้ตองนั่งอยู่ตรงนี้ จะสั่งยืนการ์ดซักแปดร้อย

"พี่ท๊อปซื้อให้มึงเหรอ"

"เออ มึงจะถามอะไรนักหนาวะ"

"อะไรกันวะ พี่เค้า... ​จีบมึงง่ะ"

"จีบพ่อง ไอ้เชี่ยตอง กูชอบผู้หญิงเว้ย มึงสองคนเลิกพูดเรื่องนี้เลยนะ"

"แน่ใจนะว่าให้กูเลิกพูด งั้นวันหลังกูไม่เป็นตัวกลางให้มึงกับพี่ท๊อปแล้วนะ มึงจะซื้ออะไรไปให้เค้า มึงก็ทำเองละกัน"

ไอ้เพื่อนทรยศ กูอุตส่าหวังดีคิดช่วยมึงนะ

"นั่นซิ ไม่เห็นต้องฝากใครไปให้เลย พี่ท๊อปยังกล้าให้พี่ตรงๆเลย" ไอ้ชา มึงไม่ต้องมาเห็นดีเห็นงามอะไรทั้งนั้น

"พอ! กลับไปซ้อม.... น้องๆครับ รวมแถว ซ้อมได้แล้ว" หงุดหงิดเลยกู



เชื่อหรือเปล่าว่าหลังจากวันอังคารอาการหงุดหงิดในใจของผมก็ไม่ได้หายไปเลย ไอ้ห่าพี่ท๊อปแม่งจ้องผมหนักขึ้นกว่าเดิมอีก แถมยังซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ ไม่รับก็ไม่ได้ พอบอกปฏิเสธแม่งก็ทำหน้าหงอยใส่ ก็เลยจำใจรับของมาจนจะรกห้องไปหมดแล้ว

แต่ก็ดีที่งานนี้ผมไม่ได้หงุดหงิดอยู่แค่คนเดียว ไอ้ตองนี่ถ้าจะหนัก มาเฝ้าไอ้ชาทุกวันเลย สงสัยมันจะเห็นสัญญาณความไม่ปกติบางอย่างจากพี่กั้ง พี่แกก็เหลือเกินจริงๆ เค้าก็เห็นกันทั้งมหาลัยว่าไอ้ตองมันแคร์ไอ้ชามากขนาดไหน ยังไม่วายมายุ่งกับน้องมันอีก อย่างน้อยก็น่าจะจำได้ว่าวันเปิดห้องเชียร์ ไอ้ตองมันซื้อกุหลาบไปให้หน้าเวที แต่จะว่าไป... ไอ้พี่ท๊อป มันก็ซื้อมาให้นี่หว่า สรุปว่ามันเอายังไงกับกูกันแน่วะ

หึ!

บ้างะ แล้วมันเรีื่องไรกับกูด้วยวะ ไอ้ห่านั่นมันจะชอบใครก็เรื่องของมันดิ



"ว้าวววว นี่นะเหรอ ตึกลีดมหาลัย" น้องเกตุแสนสวยตื่นตาตื่นใจที่ได้เข้ามาในตึกผู้นำเชียร์ของมหาลัยเป็นกรณีพิเศษ "หรูหราอย่างที่เค้าลือกันจริงๆด้วย ชักตื่นเต้นแล้วซิ ห้องน้ำอยู่ไหนน้า"

"ชั้นสอง ข้างบันไดซ้าย" นั่นไม่ใช่คำตอบของผมนะ ของไอ้ชา มันไปรู้ได้ไงว่ารายละเอียดตึกนี้เป็นยังไง

"รู้ได้ไงอ่ะ ชาเคยเข้ามาเหรอ" น้องเกตุถาม

"หนนึง"

อ่อ ไอ้เจ้าชายตองซินะ ใช้อภิสิทธิ์นั่นกับน้อง

"เจ๊ชมพู่ววววว" มีเซอร์ไพส์กว่าอีก ก็ไอ้ชาอะดิ วิ่งเข้าไปกอดเจ้าแม่ประจำตึกเฉยเลย ขาโหดนะนั่น กล้าได้ไงวะ

"อ... อะๆ หวัดดีน้ำชา เป็นได้บ้าง" แน๊ะ! เจ๊ชมพู่รู้จักชื่อไอ้ชาด้วย ขนาดชื่อกูเจ๊แกยังจำไม่ได้เลย

"สบายดีครับ วันนี้ขอมาใช้สถานที่หน่อยนะครับ" ลูกอ้อนนี้มึงไปได้แต่ไหนใด ไอ้ตองสอนมาซินะ มึงล้างสมองอะไรน้องกูเนีย

"เอาเลยๆ น้องท๊อปบอกไว้แล้วหละ แต่อย่าทำห้องชั้นพังละ"

"ครับผม" อยู่เป็นจริงๆมึงเนีย



ตอนนี้ผม พลอย ไอ้ชา ไอ้ตอง แล้วก็น้องเกตุมารอคนนัดอยู่ที่ห้องซ้อมชั้นหนึ่ง ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ไอ้ห่าพี่ท๊อปยังไม่โผล่มาอีก นี่ถ้ามันกล้าทำผิดซ้ำรอยเดิมอีก จะไม่ยกโทษให้มันแน่ๆ



"ขอโทษคร้าบบบ ที่มาช้า" มาจนได้ นึกว่าจะผิดสัญญาอีกรอบซะแล้ว "พอดีพี่มัวไปหาซื้อทาโกยากิมา เห็นจะคนที่นี่ชอบกิน"

อย่านะ อย่าเดินมาตรงนี้นะ กูสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

"อะ นี่ครับ น้องแว่น ชอบกินไม่ใช่เหรอ หาซื้อยากนะแถวนี้" ไอ้บ้าเอ๊ยยยย กูว่าแล้วไง

"อะๆๆพวกเรา พี่ฝากพี่ท๊อปซื้อมาให้ทุกคน มากินกันครับ" กูจำใจต้องโกหกนะ จะบ้างะ อยู่ดีๆเอาของมาให้กันตรงๆแบบนี้

"โห่ ใจร้ายสุดๆ" มึงไม่ต้องมาแอบกระซิบกับกูเลยนะ

"ถ้าว่างมากก็สอนได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ดึกหรอก พรุ่งนี้จะโชว์อยู่แล้ว"

"โอเค... น้องครับ เดี๋ยวระหว่างนี้ฟังเพลงเชียร์ในแบบของเกาหลีก่อนนะ มันจะไม่ได้เหมือนของบ้านเรา

ไอ้ห่าพี่ท๊อปเก๊กบ้านเป็นโอปป้าเกาหลีแล้วก็เดินไปเปิดเครื่องเสียงที่วางอยู่ข้างห้อง

​อือหืออออออออ

​อย่างกับเพลงพวกปอมปอมเชียร์ ทำไมจังหวะดนตรีมันเร็วขนาดนี้วะ ภาษาอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง

"คือพี่ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะครับ แต่ก็เคยเรียนผ่านๆมาบ้าง..."

"ท๊อปๆ"

หึ!

จู่ๆพี่ปิงปิง บัดดี๊ของไอ้พี่ท๊อปก็เดินเข้ามาในห้อง หน้าตาเร่งรีบเชียว

"มีไรปิงปิง"

"ไปเกาหลีด่วนเลย" ห๊ะ!!!!

"อะไรปิงปิง นี่มันวันพฤหัสฯนะ ไม่ใช่วันศุกร์ แล้วเราก็กำลังจะสอน..."

"ไม่ต้องสนใจเรื่องสอนแล้ว เมื่อกี๊ทางค่ายโทรมา บอกว่าจะส่งเธอเข้าร่วมรายการเซอร์ไววัลค้นหานักร้องหน้าใหม่ รายการนัดเซ็นสัญญาพรุ่งนี้แล้ว ด่วนเลย"

"เห้ย เดี๋ยว..."

"อะไรของเธออีก นี่ชั้นโทรไปจ้องตั๋วเครื่องบินแบบเร็วที่สุดไว้ให้แล้วนะ ช่วยรีบหน่อยได้ไหม"

"เราไปไม่ได้ เราต้องสอนพวกน้องๆ เราสัญญาไว้แล้ว"

"นี่ท๊อป มาจัดเรียงลำดับความสำคัญกันใหม่ไหม นี่มันแค่งานเล็กๆของมหาลัย เธอจะเอาอนาคตมาทิ้งไว้ตรงนี้ได้ยังไง เธอซ่อมมาตั้งปีกว่าแล้วนะ เหนื่อยขนาดไหนต้องบินไปบินกลับ ทางค่ายเปิดโอกาสขนาดไหนแล้วที่ส่งเธอให้ไปร่วมรายการ นี่มันโอกาสที่จะได้เดบิวท์เลยนะ นี่คือเป้าหมายของเธอไม่ใช่เหรอ"

เห็นโต้งๆเลยว่าไอ้พี่ท๊อปคิดหนัก

"นั่นดิพี่ ผมว่าพี่รีบไปก่อนเถอะนะ" ไอ้ตองก็เห็นด้วย "พี่ทุ่มเทกับมันขนาดนี้ พี่ควรไปนะ งานของมหาลัยมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย"

อยู่ๆดีไอ้คนคิดหนักก็มองหน้าผม "ปิงปิง.... โทรบอกค่ายได้ไหมว่าเราไม่สะดวกร่วมรายการ"

"อะไรนะ!"

เห้ยยยยยยย ไม่ได้นะ ไอ้พี่ท๊อป แบบนี้มันบ้าเกินไปแล้ว จะมาห่วงสัญญงสัญญาอะไรตอนนี้ นั่นมันโอกาสเจริญก้าวหน้าในชีวิตเลยนะ

"ไปครับ พี่ปิงปิง พาพี่ท๊อปไปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้" จะให้ผมมาเห็นแก้ตัวได้ยังไง เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ

"ก็บอกว่าไม่ไง"

ชิบหาย เงียบกันหมดเลย

ไม่เคยเห็นไอ้พี่ท๊อปหน้าดุขนาดนี้มาก่อน เห็นเป็นคนสุภาพๆ ไม่คิดว่าจะโมโหร้ายขนาดนี้

"บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไปไง ก็สัญญากันไว้แล้วนิ"

"ม... มันไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญญาซะหน่อย" ผมเถียง "จะทิ้งโอกาสตัวเองได้ไง"

"ชอบเหรอ ที่เห็นพี่คว้าโอกาสแต่ทิ้งสัญญาอ่ะ"

"......" ใครจะไปชอบหละ แต่เรื่องนี้มัน... จะมาทิ้งโอกาสตัวเองเพื่อโอกาสของคนอื่นทำไม

"ไม่รู้อ่ะปิงปิง ถ้าปิงปิงจัดการเรื่องนี้ให้เราไม่ได้ เธอก็ไม่ควรเป็นบั๊ดดี้ให้เราต่อ เราพูดชัดแล้วนะว่าไม่ไป"

"อ.. เอ่อ" พี่ปิงปิงที่ว่าโหดๆเหวอไปเลย สงสัยไม่เคยเจอไอ้พี่ท๊อปพูดแบบนี้มาก่อน "เดี๋ยวจะลองคุยกับทางค่ายให้ก็แล้วกัน"

"ดี.... งั้นพวกเรามาเริ่มซ้อมกันดีกว่า"

พี่ปิงปิงจำใจเดินออกไปจากห้อง

ส่วนผมอะเหรอ เดินตามไอ้พี่ท๊อปไปทันที

"พี่ท๊อป พี่ทำแบบนี้ผมรู้สึกผิดนะ" ผมต้องยอมรับว่าผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

"อย่าทำให้พี่ต้องโมโหอีกรอบได้ไหมบุ๋น"

"แต่..."

"อยากให้พี่ไปให้พ้นๆหน้านักใช่ไหม" คิดไรของมึงเนีย แล้วทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยวะ

"....." กูไม่กล้าเถียงเลย

"งั้นก็ฟังพี่ พี่ตัดสินใจแล้ว ทางค่ายจะว่ายังไงก็ช่างมันเหอะ พี่เคยเลือกโอกาสแล้วก็ต้องเสียใจไปรอบนึงแล้ว ครั้งนี้พี่จะไม่ทำพลาดอีก"

นี่.... ทำไมต้องทำเพื่อเราขนาดนั้นด้วยวะ

ไอ้พี่ท๊อปบ้าเอ๊ย ไม่ห่วงอนาคตตัวเองเลย



เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ไอ้พี่ท๊อปต้องการ การซ้อมก็เริ่มขึ้น ตอนแรกก็รู้สึกแย่นะ เหมือนจะไม่มีสมาธิ แต่ในใจจริงๆแล้วก็แอบดีใจแปลกๆ

จะมาดีจงดีใจอะไรของกู

ฝึกเข้าไป เพลงเชียร์ประเทศห่านี้ก็เต้นยากชิบหาย กระโดดอะไรกันตลอดเวลา แขนขาไม่ได้หยุดขยับเลย

ซ้อมไปซักพักพี่ปิงปิงก็เดินกลับเข้ามาที่ห้องซ้อม บอกว่าโดนทางค่ายต่อว่า แต่เค้าก็คงเสียดายไอ้พี่ท๊อปมั้ง บอกว่าให้ไปฝึกต่อตามปกติได้ ก็พี่มันหล่อซะขนาดนี้ ใครจะไม่เสียดายหละ

โอ๊ะ

​กูก็อะไรเนีย ไปชมไอ้บ้านั่นว่าหล่อได้ไง ชักจะบ้าไปกับมันแล้ว ซ้อมๆๆๆ



​เฮือกกกกกกกกก

​เหนื่อยสุดชีวิต ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้วะ แต่ไอ้พี่ท๊อปไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยเลย นี่แสดงว่าตอนอยู่เกาหลีคงจะซ้อมหนักไม่ใช่เล่นๆ

สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ยังไม่ได้ดั่งใจไอ้พี่ท๊อปเลย กูว่ากูเป๊ะแล้วนะ เจอเด็กฝึกเกาหลีเข้าไปกูนี่กระจอกไปเลย



ได้พักซะที

นี่จะซ้อมถึงเที่ยงคืนเลยรึไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็โทรมขึ้นเวทีกันพอดี

ว่าแต่ไอ้พี่ท๊อปเข้าไปคุยอะไรกับไอ้ชาวะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย ไม่รู้หรือไงว่าน้องมันมีเจ้าของอยู่แล้ว แม่ง ทำไรไม่น่าเคารพเลย



"เหนื่อยเหรอ อะนี่ น้ำ"

"ไม่ต้อง แค่นี้ไม่ตายหรอก" มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีกับกูเลยนะ ไปหาน้องน้ำชาของมึงโน่น

"เป็นไรแว่น โกรธไรพี่เนีย"

"ไม่ได้ชื่อแว่นเว้ย เลิกเรียกซะที"

"ก็... น่ารักดีออก ไม่มีใครมาเรียกซ้ำกับพี่ด้วย"

"น่ารักไปคนเดียวเหอะ ไม่ได้ชื่อน้ำชานะ ไม่ต้องมาพูดว่าน่ารงน่ารักหรอก จะอ้วก"

"อ่อ... ที่แท้จะหึงน้ำชานี่เอง"

"หึงบ้านมึงดิไอ้พี่ท๊อป" ไอ้นี่แม่งชักพูดไรไม่เข้าหูแล้วนะ

"โอเค ไม่หึงก็ไม่เห็นต้องเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้เลยนิ หรือว่าหึงจริงๆครับน้องแว่น"

ไอ้เวรเอ๊ย เถียงต่อก็มีแต่จะเข้าตัวเอง

"อะนี่ น้ำ เดี๋ยวต้องซ้อมอีกนาน จะหมดแรงซะก่อน เชื่อเถอะน่า เร็ว รับไป"

แม่ง ทำไมต้องบังคับด้วยวะ กูเป็นระดับประธานลีดแล้วนะ ไม่ใช่เด็กปีหนึ่งใสซื่อที่มึงจะมาบังคับได้

"รับไปซะทีดิ ต้องให้โมโหใช่ไหม" ไอ้ห่าพี่ท๊อป ดูหน้ามันดิ จะโมโหจริงเหรอ รับมาก็ได้วะ "แค่นั้นแหละ กินน้ำเยอะๆจะได้บำรุงสายตา คอนแท็กอ่ะเลิกใส่ได้แล้วมั้ง ได้เป็นลีดมหาลัยแล้วนิ จะมาทำตัวเองให้ลำบากอีกทำไม"

"ไม่มีแว่น ทิ้งไปตั้งนานแล้ว ก็บอกให้เลิกใส่ไม่ใช่หรือไง"

"อะนี่"

เห้ยยยยยยยยยย

แว่นตานี่หว่า เอามาจากไหนวะ

"จะบ้างะ ไม่เอา"

"นี่พี่ยังทำดีด้วยไม่พอใช่ไหม"

"ไม่ใช่ ตาคนเรามันสั้นมันเอียงเท่ากันที่ไหนหละ ใส่แว่นมั่วซั่ว เดี๋ยวก็ได้สายตาเสียไปกันใหญ่"

"ซ้ายสั้น 150 เอียง 50 ขวาสั้น 200 ไม่เอียง"

"......."

"น้ำชาบอกมา เห็นน้องบอกว่าสนิทกับเจ้าตองมาตั้งแต่สมัยมอปลายไม่ใช่เหรอ พี่ก็เลยลองฝากถามเจ้าตองมา ไม่คิดว่าจะรู้จริงๆ"

จะไม่รู้ได้ไงหละ สมัยก่อนก็เคยฝากมันตัดแว่นให้ เพราะบ้านมันอยู่ในเมือง

"สรุปว่าใส่ได้นะ รับไปซิน้องแว่น"

ทำตัวไม่ถูกเลยกูตอนนี้ นี่มันความรู้สึกแบบไหนกันวะ

"ไม่ต้องห่วงนะ ใส่แล้วรับรองว่าไม่ดูดีน้อยลงกว่าเดิมหรอก พี่ศึกษาโครงหน้ามาแล้ว.... ไปถอดคอนแท็คแล้วก็ใส่แว่นซะนะ เดี๋ยวจะเริ่มซ้อมต่อแล้ว"

"เดี๋ยวก่อน! .....





​ขอบคุณ... ครับ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:24:12 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แต่บางทีก็งงๆ เพราะอ่านแล้วไม่รู้ว่าเป็นของบุ๋น
อ่านๆไปก็เอ๊ะ....นี่ใคร
อยากให้ไรท์ ขึ้นที่หัวเรื่องว่า บุ๋น / ต้อม / ขิง...... ถ้าไม่ใช่น้ำชา

แสดงว่าพี่ท๊อป กับบุ๋น มีซัมติงกัน
เคยผิดสัญญากับบุ๋นมาก่อน

พี่ตอง น้ำชา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ชา นี่รักทรหดจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 27 : แรงบันดาลใจ





คณะมนุษยศาสตร์วันนี้คึกคักไปด้วยผู้คนตั้งแต่บ่าย บูทร้านค้าและแสงสีเสียงที่จัดขึ้นประหนึ่งคอนเสริตเคป๊อป ดึงดูดนิสิตที่ว่างเว้นจากการงดกิจกรรมห้องเชียร์ให้เข้ามาร่วมงานกันคับคั่ง จับจ่ายซื้อของกันไม่ขาดสาย

ส่วนผมตอนนี้ก็เข้ามาแต่งหน้าอยู่กับพี่บุ๋น พี่พลอย แล้วก็เกตุ พร้อมกับช่างแต่งหน้าอีกสองสามคนที่ห้องรับรองคณะมนุษยศาสตร์ เพื่อรอขึ้นแสดงบนเวที แต่คงจะอีกนาน ดูเหมือนว่าจะมีกิจกรรมบนเวทีมากมายพอสมควร

แม้กิจกรรมห้องเชียร์จะถูกงดไปในวันนี้ แต่การถ่ายทอดสดไม่ได้หยุดตามไปด้วย พิธีกรคู่ขวัญยังคงมาทำหน้าที่ ณ สถานที่จัดงาน เพราะถึงอย่างไรแล้ว การแสดงของผู้นำเชียร์ก็ยังมีอยู่ แล้วก็เป็นงานใหญ่ของมหาลัยที่จะประชาสัมพันธ์ให้โลกภายนอกรับรู้ด้วย



ว่าแต่...

พี่บุ๋นกำลังจ้องอะไรอยู่หว่า ผมชะโงกหน้าไปดูด้วยสันดานอยากรู้อยากเห็น

อ่อ.... ที่แท้ก็...

"ชั่งใจอยู่เหรอพี่ ว่าจะใส่แว่นตาหรือคอนแท็คเลนซ์ดี"

"เสือกนักนะมึงอะไอ้ชา" พี่บุ๋นก็ยังปากร้ายเหมือนเดิม แต่ว่าก็ว่านะ ผมกับพี่บุ๋นนี่โคตรจะต่างกันเลยนะ พี่เค้าดูออกแนวดาราไต้หวัน แถมยังโผงผางสุดๆ ไม่รู้พี่ท๊อปหันมาถูกใจแนวนี้ได้ยังไง แต่ก็ดีแล้วหละ คนดีๆอย่างพี่ท๊อปควรจะได้ในสิ่งที่อยากได้บ้าง ในฐานะที่ผมเคยได้รับการอุปการะจากพี่เค้ามาก่อน ผมจะช่วยเต็มที่ก็แล้วกันนะ "แล้วเรื่องของกูอะ มึงถือวิสาสะอะไรเอาไปบอกคนอื่นห๊ะ มึงเลิกเลยนะ ถ้าครั้งหน้ากูจับได้อีก กูจะไม่เกรงใจไอ้ตองแล้วนะ ไอ้เพื่อนห่านี่ก็อีกคน"

"โห พี่ ผมเป็นน้องเอกพี่นะ ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกับน้องเลยเหรอ"

"น้องกูก็ไม่เว้น กูเตือนแล้วนะ ระวังไว้เหอะมึง เดี๋ยวกูจะยุให้พี่กั้งจีบมึง"

เวรละ ขู่กูด้วยบทบัญญัติสูงสุดเลย นี่แหละเรื่องที่กังวลที่สุดในช่วงนี้ จากที่เคยใช้ชีวิตปกติดีๆ ทุกวันนี้ไอ้พี่ตองกลับมาคลุ้มคลั่งอีกแล้ว

"ผมก็ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษซะหน่อยพี่ ก็แค่ข้อมูลทั่วๆไป"

"อะไรก็ห้ามทั้งนั้นแหละ"

"ว่าแต่... พี่ไม่ลองใส่แว่นดูอ่ะ ผมว่าก็หล่อไปอีกแบบนะ บางคนอาจจะชอบที่พี่ใส่แว่นก็ได้" นี่กูหยอดแทนพี่ท๊อปอยู่ใช่ไหม ร้ายจริงๆกู

"...." มีลังเลซะด้วย ได้ผลแฮะ ยังงี้ต้องบอกพี่ท๊อปให้ขยันหยอดบ่อยๆ



"ไอ้เกรียนชาาาาา รู้หรือเปล่าาาาาาาา"

ไอ้ต้อมเพื่อนสารเลว มึงอย่ามาทำเป็นเรียกกูเสียงดัง มึงก็รู้อยู่ว่ากูอยู่ในนี้ กูเป็นคนให้มึงมาหาเอง

"ไอ้สัด มึงจะเสียงดังทำไม"

"โอ้โหเพื่อน มาถึงก็ด่ากูเลย ขอบคุณกูซักคำก่อนไหม กูอุตส่าไปเอาชุดมาให้คณะมึงเนีย งานกูก็ไม่ใช่ เสียเวลากูเดินสวีทกับน้ำขิงหมด"

"เออๆ ขอบใจ.... พี่ๆครับ ชุดได้แล้วนะครับ วางไว้ตรงนี้นะครับ"

ทุกคนเดินมาหยิบชุดของตัวเองไป

"แล้วมึงไปไงมาไงเนีย ทำไมมาเต้นงานเกาหลีกับเค้าได้"

"กูก็งงๆเหมือนกัน"

"แล้วมึงเต้นเป็นเหรอวะ ไอ้เกาหลีอะไรเนีย"

"จะไปเต้นเป็นได้ไง แค่เต้นลีดธรรมดาก็ลำบากจะตายห่าแล้ว แต่พี่ท๊อปเค้ามาช่วยสอนให้"

"ห๊ะ จริงดิ นี่พี่เค้ายังไม่เลิกจีบมึงอีกเหรอวะ ตอนโดนมึงปฏิเสธไปที่เกาหลี กูก็นึกว่าพี่เค้าได้สาวเกาหลีมาด้ามหัวใจไปแล้ว"

ไอ้ต้อม ไอ้เ-ี้ยยยยยยยยยยยย มึงพูดไรไม่ดูสถานการณ์เลย

"จีบบ้าจีบบออะไรของมึง พี่ท๊อปเค้าเคยจีบกูที่ไหน"

"กูไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้โง่เปล่าวะ คอยตามเทคแคร์มึงทั่วกรุงโซลซะขนาดนั้น กูนึกว่าพี่เค้าจะซื้อของให้มึงหมดตลาดเมียงดงแล้วมั้ง แบบนี้ไม่เรียกจีบให้เรียกไร"

มึงช่วยดูตากูหน่อยไหม มึงยังจะพูดอีก ไอ้ชิบหาย

"เป็นไรวะ เจ็บตาเหรอ" ไอ้สัด โง่ซ้ำซากนะมึงอ่ะ

​บั๊ก

​นั่นไง พี่บุ๋นวางแว่นตาลงบนโต๊ะอย่างแรง ดีนะแว่นไม่แตกหักเสียหาย

ตามด้วยการลุกไปเข้าห้องน้ำทันที

ชัดเจนนนน เลือกใส่คอนแท็คเลนซ์ซินะ

"มึงต้องเคลียร์กับกูนะไอ้สัดต้อม ทำกูเสียแผนหมด"

"แผนไรของมึงวะ วางแผนอะไรของมึงอีกแล้ว"

"เสือก"

"เออ กูไปละ น้ำขิงรออยู่ข้างล่าง เดี๋ยวแฟนกูจะโดนเด็กมนุษย์โฉบไปแดกซะก่อน"

รีบไปเลยนะ ไอ้เพื่อนเวร



เอ๊ะ นั่น พี่ท๊อปเข้ามาพอดี รีบไปรายงานเหตุวิกฤตเร่งด่วนก่อนดีกว่า เผื่อคิดแก้ปัญหากันได้



เชี่ยยยยยยยยยยย

พี่บุ๋นออกมาเจอพี่ท๊อปพอดี

"อ้าว พอดีเลยน้องแว่น นี่ ทาโกยากิ เห็นข้างล่างมีขายพอดี คราวนี้พี่ซื้อมาให้นะ อย่าเอาไปให้ใครอีกละ"

"ไม่แดกโว้ย เอาไปให้หมาแดกไป" ผมขอโทษที่ท๊อป ผมเข้าไปแทรกไม่ทันจริงๆ หน้าเหวอไปเลยพี่กู

"โกรธอะไรพี่เนีย"

"จะโกรธทำไม ไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย จะไปจีบใครก็ไป กูชอบผู้หญิง จำไว้ด้วยว่าคนอื่นเค้าไม่ใช่ตัวสำรอง" ความปากร้ายระดับสิบของพี่บุ๋น สงสัยจะเดือดจริงงานนี้ "น้องเกตุครับ แต่งหน้าเสร็จแล้วใช่ไหม ไปเดินเล่นงานข้างล่างกันครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงหนม"

เอาแล้ววววว งานประชดก็มา

"ค... ค่ะ" เกตุตอบรับแบบงงๆ



พี่บุ๋นแทบจะลากเกตุออกจากห้องไปทันทีเลย



"คือ...." ผมก็รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ท๊อปฟังทันที

ฟังจบพี่แกก็แทบจะกระโจนออกจากห้องเลย

"ท๊อป! เดี๋ยวก่อน! จะไปไหน มาแต่งหน้าก่อน เดี๋ยวคิวต่อไปก็ต้องขึ้นเวทีแล้วนะ" ยังไม่ทันจะออกจากห้อง พี่ช่างแต่งหน้าก็เรียกให้พี่ท๊อปกลับมา งานนี้คงเอาแต่ใจไม่ได้ พี่เค้าจึงจำใจต้องเดินกลับเข้าไปแต่งหน้าโดยดี

สงสารเลยกู ทาโกยากิเป็นหมันเลย



"ชา" พี่ตองมาถึงเช่นกัน "เสร็จยังครับ ไปเดินที่งานกันเถอะ"

"เสร็จแล้ว เดี๋ยวใกล้ขึ้นเวทีค่อยกลับมาแต่งตัว ชาหิวจะแย่แล้ว รีบไปกัน"



ทันที่ที่ผมลงมาถึงด้านล่างของบริเวณงาน

"ขอโทษนะคะ ใช่... น้ำชาคณะวิทย์หรือเปล่าคะ"

หือ? สาวๆกลุ่มหนึ่งเข้ามาทักผม

"ช...ใช่ครับ" ผมตอบงงๆ

"ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม" พวกเธอกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ที่เห็นว่าผมคือคนที่หมายถึง

"อ.. อ๋อ ได้ๆครับ"

เพิ่งเข้าใจอารมณ์ของการเป็นที่รู้จักก็ตอนนี้แหละ

"น่ารักมากเลย เราอยู่เกษตรนะ อะๆ อันนี้อมยิ้มเกาหลี เราให้นะ"

"ไม่.. ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เกรงใจ" เขินเลยกู จะให้มารับของที่คนอื่นซื้อมาได้ยังไง

"รับซิชา ห้ามปฏิเสธนะ​" พี่ตองกระซิบผม

"ข.. ขอบคุณครับ" ผมรีบยื่นมือไปรับตามที่พี่ตองแนะนำ

"เราด้วยๆ" "อันนี้ของเรานะ"

พวกเธอให้ของผมเต็มเลย เขินสุดๆกู งานนี้

"ยังไงอย่าลืมเชียร์น้องน้ำชาให้เป็นลีดมหาลัยด้วยนะครับ" ไอ้พี่ตอง แกพูดบ้าอะไรเนีย

"เชียร์แน่นอนค่ะ สู้ๆนะน้ำชา"

"ค... ครับ ขอบคุณมากนะครับ"

แล้วพวกเธอก็เดินจากไป ยังคงหัวเราะต่อกระซิบกันไม่หยุด

"เริ่มมีแฟนคลับแล้วนะ" พี่ตองแซว

"เค้าแค่สงสารที่ชาไม่มีแฟนคลับเหมือนคนอื่นต่างหาก"

​นั่นน้ำชานิ  น้องน้ำชาคณะวิทย์กับพี่ตองวิศวะนี่นา แกๆเข้าไปขอถ่ายรูปดีไหมอ่ะ มึงๆน้ำชาน่ารักมากอ่ะตัวจริง

​ไม่ทันขาดคำ เสียงคนพูดถึงผมก็ดังจอแจเต็มไปหมดเลย

"คนสงสารเยอะจังนะ" พี่ตองยิ้มกริ่ม



นี่ผมมีคนรู้จักเยอะขนาดนี้เลยเหรอ สงสัยจะเป็นเพราะแต่งหน้าทำผมด้วยละมั้ง ก็เลยทำให้เป็นเป้าสายตามากกว่าปกติ

ระหว่างเดินในงาน ก็ยังมีคนคอยเอาขนมมาให้ตลอดเลย แทบจะไม่ต้องซื้อเลย คนที่เอามาให้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้หญิงกับแก๊งนางฟ้า



"ไอ้ชาเย็น" ผมบังเอิญมาเจอไอ้ต้อมกับขิงที่บริเวณไม่ไกลจากเวที โอ้โห ไอ้ต้อมยิ่งกว่าผมอีก ของฝากเต็มไม้เต็มมือจนขิงต้องช่วยถือเลย "มึงขึ้นเวทีตอนไหนวะ"

"อีกสักพักแหละ เดี๋ยวก็ว่าจะขึ้นไปแต่งตัวแล้ว"

พอพูดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที เดี๋ยวจะได้มีประสบการณ์ใหม่ในการโชว์ต่อหน้าคนแบบเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว



"อิชาาาาาาาาา" คิดว่าใครกำลังเรียกผมอยู่ ผมว่าทุกคนคงจะเดาออก สามสาวเพื่อนหญิงพลังหญิงของผมนั่นแหละ "อุ๊ย พี่ตอง แล้วก็ต้อมสถาปัตย์ด้วย วันนี้กูต้องรีบไปทำบุญแล้ว แต้มบุญกูหมดแน่เลย แม่ชีทศพรเตือนกูมาในนิมิต"

"นี่ๆ กูก็เพื่อนมึงมั้ง" อิพวกนี้นิ เห็นผู้ชายหล่อๆหน่อยไม่ได้

"เอออออออ แต่วันนี้มึงก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ยอิชา ไม่เสียแรงที่กูจะเป็นบัดดี๊ให้"

"มัวละมึงอ่ะ แล้วพวกมึงมาเดินเที่ยวงานกันด้วยเหรอ"

"No ค่ะ กูมาทำหน้าที่บัดดี๊ส่วนตัวที่ดีของมึง กูเกณฑ์เพื่อนๆที่เอกแล้วก็ที่คณะมาเชียร์มึง อีกซักพักก็คงมากันแล้ว นี่ไง ดูซิ"

หึ ว่าไงหนะ มันโชว์อะไรในมือถือให้ดู

แล้วนั่นอะไร ทำไมในมือถือของพวกมันมีคำว่า ​น้ำชา โชว์อยู่

"เห้ย เอางี้เลยเหรอ จะทำทำไม กูอายเค้า"

"โอ๊ยยยย อายอะไร ต้องปลุกกระแสมึงไว้ตลอด เส้นทางบัดดี๊ลีดมหาลัยของกูต้องโรยด้วยกลีบกุหลาบเท่านั้น"

คิดจะถามกูบ้างไหม

"มึงๆๆ นั่นพี่ท๊อปนี่นา" วาวาเรียกให้มองไปที่เวที



ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ท๊อปจะถูกพิธีกรเชิญขึ้นไปบนเวที ซึ่งแน่นอนว่า เสียงกรี๊ดดังลั่นตึกเลย



"ขอบคุณพี่ท๊อปมากนะครับที่วันนี้ให้เกียรติมาพูดคุยกับเราบนเวที" พิธีกรกล่าว

"รบกวนพี่ท๊อปแนะนำตัวเป็นภาษาเกาหลีให้ทุกคนในงานฟังหน่อยได้ไหมคะ"

"ได้ครับ 안녕하세요  저는 TOP 입니다  반갑습니다​"

อือหือ โอ้ปป้าตัวจริงเลย สาวๆกรี๊ดกันแทบสลบ

"วันนี้ แน่นอนนะครับว่า เทศกาลไทยเกาหลีแบบนี้ ทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ต้องนึกถึงพี่ท๊อปอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้พี่เป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลีไปนานแค่ไหนแล้วครับ"

"ก็... ปีกว่าๆแล้วครับ เดี๋ยวเย็นวันนี้ก็ต้องขึ้นเครื่องไปที่โน่น"

"การเทรนที่โน้นเป็นยังไงบ้างคะ หนักมากไหมคะ"

"แรกๆก็หนักครับ ต้องเข้าไปที่บริษัทตั้งแต่เช้าเลย กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนตลอด แต่ถ้าช่วงไหนที่มีการทดสอบประจำรอบ ก็แทบจะไม่ได้นอนเลย"

"โอ้โห โหดสมคำล่ำลือจริงๆนะครับ"

"แล้วแบบนี้พี่ท๊อปจะมีผลงานออกมาเมื่อไหร่คะ"

"การเดบิวท์อะเหรอครับ ก็ต้องแล้วแต่ทางค่ายพิจารณาแหละครับ"

"ผมได้ยินว่ามันยากมากๆเลยใช่ไหมครับ กว่าที่ศิลปินฝึกหัดซักคนจะได้เดบิวท์"

"ใช่ครับ บางคนฝึกเป็นสิบๆปีแล้วไม่ได้เดบิวท์ก็มีนะครับ"

"โห จริงเหรอครับ แบบนี้... ถ้าสมมติผมจะให้พี่ท๊อปเปรียบเทียบความลำบากในการเป็นศิลปินที่เกาหลีให้น้องๆที่อาจจะอยากไปตามหาฝันเหมือนพี่ท๊อปฟัง จะเปรียบเทียบให้เราเห็นภาพได้ยังไงครับ"

"เปรียบเทียบเหรอครับ... ผมก็คงเปรียบเทียบกับการที่เราจะเจอคนรักซักคนมั้งครับ" สาวๆกรี๊ดกันอีกแล้ว "คือถ้าเราหลงผิดในภาพลักษณ์ของค่ายแล้วคิดว่ามันเหมาะกับเรา ทั้งๆที่มันไม่ใช่ที่ๆจะพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายได้ ก็เหมือนกับที่ผมเคยไปชอบใครซักคน แต่ผมกับเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน มันก็จะเป็นแค่เรื่องเสียเวลาเรื่องนึงเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน อาจจะมีค่ายบางค่ายที่เรามองข้ามมานานนับปีทั้งที่รู้จักดีอยู่แล้ว แล้วก็มีโอกาสที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้น นั่นอาจจะเป็นที่ๆรอเราอยู่ก็ได้ เหมือนผมที่มองข้ามคนสำคัญคนนึงมานาน ทั้งๆที่ผมไม่รู้เลยว่า ผมฝากหัวใจไว้กับเค้าตั้งนานแล้ว"



อือหืออออออออออออ

ชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ภาวนาให้พี่บุ๋นฟังอยู่ทีเถอะ



"นี่ถ้ากูเป็นผู้หญิงคนที่พี่ท๊อปพูดถึงนะ กูจะกระโดดขึ้นไปกอดพี่แกบนเวทีเดี๋ยวนี้เลย" ไอ้ต้อมอ้าปากค้างในความโรแมนติกของพี่ท๊อป

แต่คนที่พี่ท๊อปหมายถึงไม่ได้อยากทำอย่างงั้นอะดิ



"สมกับที่เป็นโอ้ปป้าในใจสาวๆหลายๆคนจริงๆเลยนะคะ" พิธีกรหญิงเสียอาการด้วยความความเขินจนม้วน

"เอาละครับก่อนที่น้องหญิงจะเขินไปมากกกว่านี้ วันนี้พี่ท๊อปมีเพลงเพราะๆมาฝากพวกเราทุกคนด้วย พร้อมจะฟังกันหรือยังครับ"

"​พร้อมมมมมมมมม​" ดังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

"ขอเสียงปรบมือด้วยคร้าบบบบบบบ"

​​กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



"ถ้าฉันคิดได้อย่างวันนี้

ตั้งแต่วันนั้นที่เธอยังอยู่

ถ้าฉันนั้นรู้ในถูกผิด เธอคงไม่คิดจะจากไป

ที่ฉันร้องไห้อยู่ตอนนี้

กลั่นจากส่วนลึกในหัวใจ ที่ร้องไห้เพราะใจกำลัง... คิดถึงเธอ

เธออยู่ที่ใด  ได้โปรดมาฟัง  บางสิ่งในใจที่ในวันนี้ยังติดค้าง

แต่ฉันไม่รู้  จะเจอเธอที่ไหน โลกใหญ่เกินจะค้นเจอ



อยากขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ

อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ

อยากให้เธออภัยในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย

อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา

อาจเพราะฉันมีตาแต่หามีแววไม่

ทำสิ่งดีๆหล่นหาย

ทำคนที่รักฉันเสียใจ

เธออยู่แห่งใดที่ไหน

ฉันละอายแก่ใจต่อเธอเหลือเกิน*…*



ฉันพร้อมชดใช้ให้เธอแล้ว

แววตาตอนนี้ฉันว่างเปล่า

ฉันขอให้ความเป็นเรา กลับคืนมาได้ไหม

เธออยู่ที่ใด ได้โปรดมาฟัง บางสิ่งในใจที่วันนี้ยังติดค้าง

แต่ฉันไม่รู้ จะเจอเธอที่ไหน โลกใหญ่เกินจะค้นเจอ

อยากขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ

อยากขอโทษอะไรที่ร้ายๆ

อยากให้เธออภัยในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย

อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา

อาจเพราะฉันมีตาแต่หามีแววไม่

ทำสิ่งดีๆหล่นหาย

ทำคนที่รักฉันเสียใจ

เธออยู่แห่งใดที่ไหน

ฉันละอายแก่ใจต่อเธอเหลือเกิน



อยากให้เธออภัยในสิ่งที่ฉันผิดพลั้งไปมากมาย

อยากขอโทษในวันที่ผ่านมา

อาจเพราะฉันมีตาแต่หามีแววไม่

ทำสิ่งดีๆหล่นหาย

ทำคนที่รักฉันเสียใจ

เธออยู่แห่งใดที่ไหน

ฉันละอายแก่ใจต่อเธอ.... เหลือเกิน”



ไม่อาจมีความคลั่งไคล่ใดที่ผู้ฟังจะแสดงไปได้มากไปกว่าการกรี๊ดเชียร์และปรบมือให้กับน้ำเสียงอันไพเราะและการสื่อความหมายเพลงที่ลึกซึ้ง

ผมยังแอบหวั่นใจเลยนะ พูดตรงๆ



"พี่ท๊อปชักจะหวานกว่าพี่แล้วนะ" ไอ้พี่ตอง พูดไรของมัน "ไม่ได้แล้ว พี่ต้องหวานกับชาบ้างแล้ว"

หึ! ยื่นอะไรมาให้อ่ะ "อะไรอ่ะ"

"ที่หนีบเน็คไท"

"แล้วทำไมต้องมีคำว่า TONG ด้วย"

"ก็คนอื่นจะได้รู้ไงว่า น้องน้ำชาคณะวิทย์มีแฟนชื่อตองแล้ว"

พูดไม่ออกเลยกู

ไอ้พวกที่อยู่รอบตัวกูนี่ก็อะไรไม่รู้ มึงไม่ต้องมาเขินแทนกูเลย แค่นี้กูก็เขินจะแย่แล้ว

"ส่วนพี่ก็..." อะไรอีก พี่ตองหยิบที่หนีบเน็คไทที่มีคำว่า NUMCHA มาหนีบไว้ที่เน็คไทของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ "พี่จะได้มีน้ำชาอยู่ใกล้ๆหัวใจตลอดไง"

"แหวะ จะอ้วก" กูต้องพูดบ้างแล้ว ไอ้พี่ตองบ้า อยู่ดีๆก็หยอดครั้งใหญ่ใส่กูเลยนะ แถมยังทำต่อหน้าเพื่อนๆอีก

พวกมึงก็เลิกเขินกันได้แล้ว จะมาบิ๊วกูเพิ่มทำไมเนีย



"หวานเนอะ พี่ท๊อปอ่ะ"

"อ้าว เกตุ" จู่ๆเกตุก็โผล่มา แล้ว... "ไม่ได้อยู่กับพี่บุ๋นเหรอ"

"พี่บุ๋นกับชาเหมือนกันตรงไหนรู้ไหม" อะไรหว่า "ก็ตรงที่ต้องคอยให้เกตุเตือนสติในช่วงวิกฤตกันทั้งคู่ไง ทำไมคนเราถึงชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องของตัวเองกันนักนะ พี่ท๊อปก็แสดงออกชัดเจนขนาดนี้"

นี่แปลว่า เกตุพูดเตือนสติพี่บุ๋นเหมือนที่เคยเตือนสติเรื่องของผมกับพี่ตองตอนนั้นซินะ

เกตุนี่น่ารักจริงๆ สมควรได้เจอผู้ชายดีๆนะเนี่ย



"ขอโทษครับ" มีคนใหม่เข้ามาอีกแล้ว

อือหือ คนนี้หล่อโฮก แต่งตัวดีด้วย ดูมีสกุลรุนชาติสุดๆ

"อ้าว กอล์ฟ มีไรวะ" หึ คนรู้จักของพี่ตองเหรอ "ทุกคน นี่เพื่อนพี่เองครับ ชื่อกอล์ฟ"

"นี่มัน... พี่ใช่พี่กอล์ฟเดือนมหาลัยปีที่แล้วหรือเปล่าคะ" อิเล็กผู้ตื่นเต้นร้องขึ้น

"อ๋อ ใช่ครับ" อ๋ออออ กูไม่แปลกใจเลย

"กรี๊ดดดดดด พวกหนูขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ"

"ก็... ได้ครับ แต่ว่า.... ถ้ามีใครขอเบอร์น้องเกตุให้พี่ได้ พี่จะยอมถ่ายรูปด้วย  แลกกัน"

โวววววววว  มีคนที่กล้าเข้ามาจีบผู้หญิงตรงๆแบบนี้ด้วยเหรอวะ แต่พี่กอล์ฟคนนี้ก็ดูจะเขินอายไม่ใช่น้อยๆเลย นี่ต้องรวบรวมความกล้ามาขนาดไหนเนีย แต่ก็นับถือใจเลย

"ผู้อยากได้เบอร์ชะนี สวยเซ็ง" อิเล็กบ่น "แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ถ่ายรูปก็ยังดี เอาไปเป็นผัวในจินตนาการเอาก็ได้... เกตตตตตตตตตุ เธอ นี่ จำเราได้ไหม คนที่จะเป็นบั๊ดดี้ในอนาคตของเกตุไง ช่วยให้เบอร์พี่กอล์ฟหน่อยได้ไหม นะนะนะนะ ถือว่าเราขอร้องหละ จะให้กราบก็ได้"

"เราก็ขอร้องด้วยคนนะ" "เราด้วยๆ พี่กอล์ฟเชียวนะ"

"จะบ้าเหรอ ทำอะไรกัน" อิพวกนี่ก็จะกราบจริง เรื่องผู้ชายนิพวกมึงทุ่มเทกันจริงๆนะ "เราไม่ให้เบอร์คนที่ไม่กล้าขอเบอร์ผู้หญิงด้วยตัวเองหรอก"

โอ้โห เกตุสวยและสตรองสุดๆไปเลย ไม่เขินและไม่มีการเดินหนีด้วย

อิพวกสามเกลอเอ๊ยยยย ยุพี่กอล์ฟใหญ่เชียวนะ

"คือ... น้องเกตุครับ พี่เห็นน้องมานานแล้ว.... แต่... ตัวจริงสวยกว่าในทีวีมากเลยนะครับ"

ผมละขำในความขี้เขินของผู้ชายที่ควรจะมั่นใจในตัวเองจริงๆ

"เกตุให้ขอเบอร์ค่ะพี่กอล์ฟ พูดว่า ​ขอเบอร์หน่อย ​ซิค่ะ" อิเล็ก อิช่างเสี้ยม

"ข... ขอเบอร์หน่อย  ครับ น้องเกตุ" พูดออกมาจนได้

เกตุยังยืนนิ่ง ลุ้นแทนเลยผม

เอาจริงๆนะ ผมนี่เชียร์สุดชีวิตเลย ในฐานะที่เกตุทำเรื่องดีๆให้ความรักของคนอื่นมามาก พี่คนนี้ถือว่าคือผลบุญที่เกตุได้สร้างสมมาจริงๆ

"สามเวลา" หึ! เกตุพูดไรอ่ะ "ต้องโทรมาสามเวลาทุกวัน เช้า กลางวัน ก่อนนอน ไม่งั้นเกตุจะไม่คุยด้วยอีก แล้วทุกวันอังคารกับพฤหัสฯก็ต้องมาเฝ้าเกตุซ้อมที่คณะด้วย"

"ด... ได้ครับ ยินดีครับ" พี่กอล์ฟทำท่าดีใจอย่างกับได้ถ้วยฟีฟ่าแชมเปี้ยนลีค

ก็นึกว่าอะไร เกตุนะเกตุ

"ชาไม่ต้องมายิ้มเลยนะ" เกตุเอ็ดผมเฉยเลย "ก็เพราะชากับพี่ตองนั่นแหละ ทำให้เกตุอิจฉา ว่าแต่... เพื่อนพี่ตองคนนี้ โอเคใช่ไหมคะ"

"โอเคมากครับ พี่เอาหัวเป็นประกันเลย ไม่ได้มีดีแค่ที่หน้าตาแน่นอน" โอ้โหไอ้พี่ตอง อวยเพื่อนขนาดนี้ ไม่ใส่พานมาถวายเลยหละ

"เย้ๆๆๆ" อิเล็กยังไม่ลืมเรื่องของตัวเอง "งั้นก่อนจะให้เบอร์อะไรยังไงกัน หนูและชาวคณะต้องได้ถ่ายรูปกับพี่กอล์ฟก่อน ใครจะไปเป็นแฟนใครตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ในหัวหนูได้เสียตัวให้พี่กอล์ฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาค่ะพวกมึง ถ่ายรูป"

นี่กูมีเพื่อนอย่างพวกมึงเข้าไปได้ยังไงเนีย



"ดีจังเลยนะ" พี่ตองกระซิบกันผม "ที่ความรักของเราเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ด้วย"

"เสียดายขนมที่กินเข้าไปจริงๆ จะอ้วก" เออ กูเขิน ไอ้พี่ตองบ้านิ เป็นแฟนกันแล้วยังจะขยันหยอดอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน

"เหลือก็แต่ไอ้บุ๋นซินะที่ความรักของเราเป็นแรงบันดาลใจให้มันไม่ได้"

เออ นั่นดิ สงสารพี่ท๊อปจัง พี่บุ๋นดูท่าจะไม่ใช่พวกยอมเปิดใจกับใครง่ายๆซะด้วย เอาไงดีน้า.... ต้องมีแผนอะไรบ้างดิวะ



"อิเจสซี่" ผมนึกอะไรออกแล้ว

"อะไร จะถ่ายรูปกับพี่กอล์ฟด้วยหรือไง สามีของมึงยังยืนอยู่ตรงนั้นทดโท้นะคะ"

"จะบ้ารึไง กูมีเรื่องให้ช่วย มึงอยากเป็นบั๊ดดี้ของกูจริงๆใช่ไหม งั้นทำไรให้กูอย่างนึงดิ"

แผนนี้ต้องได้ผลไม่มากก็น้อยแหละวะ



"เอาหละครับต่อไปเรามาส่งเสียงเชียร์ดังๆให้กับตัวแทนผู้นำเชียร์จากคณะวิทยาศาสตร์!!!!"

การแสดงของผมเริ่มต้นในที่สุด

จริงๆผมก็ตื่นเต้นนะ แต่มีอีกเรื่องที่ผมตื่นเต้นมากกว่า

เพลงเริ่มขึ้นแล้ว ผม เกตุ พี่บุ๋น และพี่พลอย ออกลีลาท่าเต้นตามที่ได้ซ้อมมาอย่างหนักเมื่อคืนนี้

และในสายตาของผมก็ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองวางแผนเอาไว้

อิเจสซี่ อิเล็ก วาวา และเพื่อนๆชาวคณะวิทยาศาสตร์ที่พวกมันเกณฑ์มาเพื่อเชียร์ผมหลายสิบคน กำลังชูป้ายเชียร์ ทั้งแบบใช้มือถือและป้ายเขียน แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ชื่อของผมนะ แต่มันเขียนว่า ​บุ๋น ​ต่างหาก

อย่าคิดว่าผมจะทำแค่นั้นนะ เพราะไฮไลท์จริงๆอยู่ที่คนที่ยืนอยู่ตรงกลางของป้ายเชียร์เหล่านั้นต่างหาก พี่ท๊อปกำลังถือป้ายทำมือที่ใหญ่ที่สุดในป้ายเชียร์ทั้งหมด ในคำว่า

'ขอโทษ'



ถึงจะอยู่ระหว่างเต้นก็ผมก็สังเกตุเห็นนะว่าพี่บุ๋นหน้าเหวอไปเลย หรือจริงๆแล้วแอบเขินกันแน่วะ



"ปรบมือให้กับโชว์ชุดพิเศษนี้ด้วยคร้าบบบบ... อ้าวๆๆ ใจเย็นๆครับน้องๆแฟนคลับ ได้มอบของให้คนที่น้องๆชื่นชอบแน่นอน ไม่ต้องแย่งกันนะครับ"

จบจากการเต้นที่หายใจหอบเล็กน้อย เหล่าคนดูที่ชื่นชอบในตัวพวกเราก็กรูกันเข้ามามอบของเล็กๆน้อยๆให้ บางคนก็ไม่เล็กน้อยนะ อย่างเช่นไอ้พี่ตองนี่แหละ

ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย ตุ๊กตาตัวใหญ่แถมมีชื่ออันใหญ่ปักที่หน้าอกว่า ตอง อีก นี่มึงกะจะให้เห็นกันทั้งโลกเลยหรือไง

เอ๊ะ! ว่าแต่ พี่ท๊อปให้อะไรพี่บุ๋นวะ

ผมที่ยืนอยู่ติดกับพี่บุ๋น เห็นพี่แกยืนเก้ๆกังๆจะรับอะไรบางอย่างจากพี่ท๊อป ทุกคนก็เหมือนจะรู้งานนะ หลบให้หมดเลย

นั่นมัน...

แว่นตาที่พี่บุ๋นทิ้งไว้ในห้องแต่งหน้านี่นา

อันนี้ผมไม่ได้วางแผนไว้นะ เป็นความโรแมนติกของพี่ท๊อปเอง แต่พี่ทำให้ผมเขินแทนเลยก็คือ....







"ขอโทษที่พี่เคยมองข้ามไป ตอนนี้พี่มองเห็นชัดแล้ว ขอโอกาสให้พี่ใหม่ ได้ไหมครับ...."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:26:04 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 28 : เฟรชชี่ไนท์





"ขอบใจมากนะทุกคน เดี๋ยวพี่จะเอาเสื้อไปคืนที่ร้านให้เองนะ ไปเดินเล่นที่งานกันเถอะ"

หลังโชว์เสร็จผมและทุกคนกลับขึ้นมาที่ห้องแต่งตัวของคณะมนุษยศาสตร์อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนชุด

"ใส่แว่นแล้วหล่อดีนะพี่" ไอ้ชา กูเปลี่ยนมาใส่แว่นตาแค่สิบวินาทีมึงก็มาแซวกูเลยนะ

"กูลืมเอาน้ำตาเทียมมาก็เลยต้องใส่แว่น" ไอ้น้องห่านิ แล้วกูโวยวายทำไมวะ

"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย ผมบอกว่าหล่อนะพี่" ไอ้น้องนี่มันชักจะไม่เห็นหัวกูแล้ว เดี๋ยวเถอะมึง "อ้าว พี่ท๊อป ไม่ไปเดินเล่นที่งานเหรอครับ"

หึ ไอ้พี่ท๊อปมาเข้าเหรอ ไม่หันไปดีกว่า

"ไม่อ่ะครับ เดี๋ยวพี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว"

"อ๋อครับ งั้นผมไปเดินเที่ยวงานก่อนนะครับ พี่ตองรออยู่"

"ครับ เจอกัน"

อ้าว หนีกูไปกันหมดเลย รีบเก็บเสื้อผ้าใส่ถุงแล้วรีบออกไปดีกว่า



"พี่ช่วยครับ"

"ไม่ต้อง" ไม่ต้องเข้าใกล้กูเลยนะไอ้พี่ท๊อป กูยังไม่พร้อมสบตามึง

"....."

โอ๊ยยยย ไอ้พี่ท๊อป ทำไมต้องทำหน้าเหมือนหมาหงอยอย่างงั้นด้วยวะ มึงอยู่ปีสามแล้วนะ งอนเป็นเด็กอยู่ได้

"ไปเก็บโต๊ะกับเก้าอี้ให้เข้าที่ก็แล้วกัน"

"ได้เลยครับ"

ทีอย่างงี้ยิ้มร่าเชียวนะมึง



"เสร็จแล้ว" หือ? ไว้เกิ๊นนนน "มาครับ พี่ถือชุดให้"

"ไม่ต้อง.... เออๆๆ เอาไป ถือดีๆหละ" รีบเดินไปดีกว่า ไอ้บ้านี่ชักอาการหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว

"เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปเกาหลีแล้วนะครับ"

"ก็ไปทุกอาทิตย์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะเกิดจิตอ่อนขึ้นมาอาทิตย์นี้รึไง"

"ก็ทุกอาทิตย์ไม่มีคนให้คิดถึงไง"

"ป... ประสาท" มึงพูดห่าอะไรของมึง ไอ้พี่ท๊อป กูไม่ใช่สาวกแฟนคลับมึงนะ "รีบเดินมาเหอะน่า... อะนี่ ถึงรถแล้ว เอาเสื้อผ้าใส่เข้าไปดิ จะรีบเอาไปคืนที่ร้าน"

"พี่พูดจริงๆน้าาา มันใจหายแปลกๆ ไม่เหมือนทุกที"

"พูดมาก หลบไป จะไปแล้ว" ไอ้คนกวนประสาท รีบหนีมันดีกว่า

​ก๊อก ก๊อก ก๊อก

​แหน๊ะ ปิดรถแล้วยังจะเคาะกระจกอะไรอีก



"อะไรอีก ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้ว"

"ก็... พี่ให้อะไรบุ๋นไปตั้งเยอะแล้ว ไหนๆพี่ก็จะไม่ได้เจอตั้งสองวัน ขออะไรพีหน่อยไม่ได้เหรอ"

"ไม่ได้ขอร้องให้เอามาให้ ยุ่ง"

"เดี๋ยวดิ... นะครับ อะไรก็ได้ ลูกอมซักเม็ดก็ยังดี"

โอ๊ยยยยยยยยยยย

เอานี้ไปละกัน

"อ่ะนี่"

"....." ทำหน้าช็อกทำไม ไม่คิดว่ากูจะเก็บมันไว้ตลอดอะดิ "นี่บุ๋นยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอครับ ป้ายชื่อ ​ที่พี่เคยประทับตราให้"

"เก็บไว้ จะทำไม แล้วห้ามทำหายนะ... พอใจแล้วใช่ไหม เอามืออกไปได้แล้ว"

ไม่สนใจแล้ว ปิดกระจกแล้วขับออกไปดีกว่า

บ้าชะมัด

​สุดท้ายกูก็ใจอ่อนจนได้





ในมุมของน้ำชา





นี่เป็นสุดสัปดาห์แรกที่ชีวิตของผมเป็นปกติที่สุด ไม่ต้องไปบ้านใคร ไม่ต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศ ไม่ต้องมีเรื่องให้หนักสมอง ได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ติวเลขให้พี่ตอง ออกไปกินแกงเห็ดเป็นมื้อค่ำ แถมเงินค่าส่งวิจารณ์งานวิจัยวิชาการก็เข้าบัญชีแล้วด้วย

มีความสุขที่สุด

ขอให้ชีวิตเป็นแบบนี้นานๆได้ไหม...........



"อ้าวละครับคุณผู้ชมทุกท่าน ในที่สุดก็ถึงสัปดาห์ครบรอบหนึ่งเดือนของการเปิดกิจกรรมห้องเชียร์แล้วนะครับ และนี่คือสัญญาณของสงครามแห่งการประกาศศักดา คืนเฟรชชี่ไนท์"

นี่คำขอร้องของผมไม่ทำให้เทพองค์ไหนได้ยินเลยใช่ไหม ความสุขมันช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ

มาว่ากันด้วยเรื่องกิจกรรมเฟรชชี่ไนท์นะครับ มันคือกิจกรรมสังสรรค์ครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัยที่มีเพื่อต้อนรับน้องปีหนึ่งทุกคน มีทั้งอาหารการกิน การออกร้าน เกมส์สนุกสนาน และชมการประกวดดาวเดือนของแต่ละคณะ แต่! ประเด็นก็คือทุกคณะมักจะใช้โอกาสนี้ในการประชันความแข็งแกร่งของผู้นำเชียร์คณะตัวเอง

ถึงแม้ว่าผมจะโล่งอกได้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นตัวแทนของคณะขึ้นโชว์พร้อมกับคณะอื่นๆ แต่ก็โล่งใจอยู่ไม่นาน เพราะคนที่ต้องรับหน้าที่นี้คือ ผู้นำเชียร์ในตำแหน่ง Center  ก็คือผมนี่ไง

งานเข้ากูอีกแล้ววววว

แต่ผมก็ยังถือว่าเหนื่อยน้อยกว่าเกตุเยอะที่ต้องทำทั้งการเต้นลีดและการเป็นตัวแทนดาวของคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้มาจากการเลือก คล้ายการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีนั่นแหละครับ ส่วนผู้ชายที่รับหน้าที่ในตำแหน่งเดือนก็คือไอ้สุ่ย ตี๋หนุ่มสุดหล่อ เหมาะสมแล้วหละ ผมเองก็ลงคะแนนเลือกสองคนนี้นะ

กลับมาที่เรื่องการโชว์เต้นลีดโชว์ในงานเฟรชชี่ไนท์

พี่บุ๋นที่เคยโหด ตอนนี้โหดหนักกว่าเดิมมาก เน้นหนักทุกวินาทีเพื่อให้ผมกับเกตุแสดงออกมาสมกับความยิ่งใหญ่ของคณะวิทยาศาตร์ ผมกับเกตุจึงไม่ได้เรียนในชั่วโมงสุดท้ายร่วมกับเพื่อนผู้นำเชียร์ด้วยกัน แต่ต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อมเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัย อ่ะๆๆ... ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดว่าผมเต้นได้อยู่แล้วใช่ไหมหละ ลบความคิดนั้นไปซะ เพราะไอ้ที่ผมเคยได้รับคำชมมาก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าผมยังไม่เคยได้มีโอกาสเรียนรู้ของจริง และโดนเฉพาะอย่างยิ่งของจริงในแบบฉบับของพี่บุ๋น

ที่น่าเจ็บใจที่สุดคืออะไรรู้ไหม พี่ท๊อปน่ะซิ ช่วงนี้เห็นดีเห็นงามกับไอ้พี่บุ๋นไปซะหมด ไม่มีห้ามปรามกันเล้ยยยย น้องเต้นจนแขนจะหลุดอยู่แล้ว นี่กูคิดผิดหรือเปล่าวะที่ช่วยพี่ท๊อปจีบพี่บุ๋น จากที่เคยถูกอนุญาตให้ซ้อมถึงห้าโมงเย็น กลับกลายเป็นสามสี่ทุ่มไปซะงั้น ไหนใครบอกว่า ก.น.ช.มีหน้าที่ช่วยไม่ให้ปีหนึ่งถูกทำทารุณกรรมไง นี่มันส่งเสริมกันชัดๆ

เชื่อไหมว่าผมเหนื่อยจนสามารถหลับในรถในขณะที่นั่งรถพี่ตองเพื่อกลับหอด้วยเวลาแค่ห้านาทีได้ ก็เลยมีหลายวันที่โดนอุ้มขึ้นไปบนห้อง

ไอ้ต้อมก็สภาพปางตายเหมือนผมเลย มันเองก็เป็นคนหนึ่งที่โดนสองหน้าที่ ทั้งตัวแทนลีดและเดือนคณะสถาปัตย์ ดีนะที่มันมีขิงคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง

จนในที่สุด..........



"เห้ยๆไอ้ชาเย็น ทางนี้ๆ" ไอ้ต้อมเรียกผม

ตอนนี้ผมเดินทางมาที่ห้องพักของผู้นำเชียร์ที่โดมรวมใจ สถานที่แรกที่ทำให้ผมได้เป็นนิสิตในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เหล่าตัวแทนผู้นำเชียร์ของแต่ละคณะถูกนัดให้มารวมกันที่นี่ในบ่ายของวันศุกร์ เพื่อเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ ผมเก้ๆกังๆนิดหน่อยเพราะเดินทางมาด้วยตัวเอง พี่ตองต้องเข้าไปที่ตึกลีดมหาลัยเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานนี้เช่นกัน เห็นบอกว่าอีกสักพักก็ต้องตามมาดูแลตัวแทนลีดปีหนึ่งอยู่ดี

"มาถึงนานยังวะ" ผมถามไอ้ต้อมทันทีที่ไปถึงบริเวณที่มันนั่ง ในห้องมีแต่คนสวยๆหล่อๆเต็มไปหมดเลย นับรวมกันนี่ก็หลายสิบชีวิตเหมือนกันนะ

"ซักพักแล้ว เป็นไง ซ้อมนักเลยดิมึงอ่ะ"

"เออดิ วันนี้กูจะยกแขนขึ้นหรือเปล่าก็ได้รู้ ถ้ากูรู้ว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์มันลำบากขนาดนี้นะ กูไม่รับเป็นตั้งแต่แรกหรอก"

"มันปฏิเสธได้ที่ไหนเล่าไอ้นี่ มึงก็รู้อยู่ เค้าวัดจากคะแนนโหวตอยู่แล้ว"

"เออ กูก็รู้แหละ บ่นไปอย่างนั้น"



"ชา มาถึงแล้วเหรอ" อ้าวเกตุนี่นา วันนี้ดูสวยผิดหูผิดตานะ เดินมาพร้อมกับไอ้สุ่ยเลย

"เกตุ... อ้าวสุ่ย มึงก็โดนนัดมาที่นี่ด้วยเหรอ"

"เออใช่ๆ รู้สึกว่าดาวเดือนก็ต้องใช้ช่างแต่งหน้าทีมเดียวกันนี่แหละ"



"เอาละค่ะน้องๆ" แก๊งนางฟ้าแก๊งใหญ่เดินเข้ามาในห้อง "มาเริ่มแต่งหน้าทำผมกันได้แล้วนะคะ เดี๋ยวพี่จะเรียกกันตามคณะนะ พี่ๆจะแต่งเป็น normal look นะคะ เรื่องจะเสริมเติมแต่งอะไรก็ทำกันเองนะคะ คงได้เรียนกันมาบ้างแล้วเนาะ มาคะ คณะแพทย์มาก่อนเลย คณะอื่นๆก็นั่งเล่นนั่งคุยกันไปก่อนนะ แต่อย่าเสียงดังมากล่ะ แล้วก็รอฟังพี่เรียกด้วยนะคะ"



"ตื่นเต้นจังเลยเนาะ" เกตุพูด

"นั่นซิ" ผมยอมรับ ครั้งนี้แตกต่างจากการเต้นโชว์งานเกาหลีในสัปดาห์ที่แล้วมาก เพราะอันนั้นเป็นแค่การโชว์ธรรมดา แต่อันนี้เหมือนเป็นการแข่งขันกันกรายๆ



พวกเรานั่งเล่นโทรศัพท์ต่างการพูดคุยอยู่สักพัก ก็โดนเรียกให้ไปแต่งหน้าและเปลี่ยนชุดให้เป็นชุดนิสิตแบบสะอาดเรียบเนียบกริบที่แต่ละคนเตรียมกันมาเอง ทุกคนดูจะวุ่นวายกับการส่องกระจกกันเป็นพิเศษเลย



"วันนี้แฟนพี่น่ารักจังเลยนะครับ"

หึ! ไอ้พี่ตอง มาถึงเมื่อไหร่เนีย "อ้าว มาถึงแล้วเหรอ"

แต่ฉ็อตเด็ดของผมในวันนี้ไม่ใช่การโดนพี่ตองแซวซะแล้ว แต่เป็นการพบกันอีกครั้งของผมกับพี่แอม หลังจากห่างหายกันไปนาน เธอมาทำงานในฐานะผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัย

ทำตัวไม่ถูกเลยงานนี้



"น้องๆคะ มารวมกันตรงนี้ได้แล้วค่ะ เดี๋ยวพี่ๆลีดมอจะตรวจความเรียบร้อยและนัดจุดบล็อกกิ้งให้" นั่นไง พี่แอมมาทำหน้าที่เป็นตัวหลักของงานวันนี้ "เดี๋ยวพี่จะบอกให้ยืนเรียงตามคณะดังต่อไปนี้นะ" พี่เค้าเริ่มไล่ลำดับการยืน โดยให้ผู้หญิงอยู่หน้าและผู้ชายเยื้องไปด้านหลัง ผมกับเกตุได้อยู่เกือบจะตรงกลางเลย



"เต้นดีๆนะมึงอ่ะ อย่าให้เสียชื่อคณะวิทย์นะ" พี่บุ๋นพูดเบาๆกับผม ขณะที่ทำทีว่าเดินตรวจเครื่องแต่งกาย กดดันผมไปอีกกกก



"น้องค่ะ"

เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ช็อกเลยกู

พี่แอมยืนอยู่ต่อหน้าผมเลย แล้วก็เรียกผมด้วย มองหน้าเขม็งซะขนาดนี้ คงไม่ได้หมายถึงคนอื่นแล้วหละ จากที่เคยทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ วันนี้ไม่ใช่แล้วหละ

พี่แกเดินเข้ามาหาผมช้าๆด้วยสายตาอาฆาตอย่างชัดเจน ก่อนจะยื่นมือมาจับที่เน็คไทของผม

"เราไม่อนุญาตให้มีที่หนีบเน็คไท ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม" โอ้โห พี่แอมเปลี่ยนไปมากเลย เธอดูไม่มีมาดอีกต่อไปแล้ว อย่างกับนางร้ายในละครเลย เมนเทอร์ลูกเกด ช่วยผมด้วย

"งั้นฝากตองไว้ก็ได้" จู่ๆพี่ตองก็เดินเข้ามา คว้าเน็คไทของผมออกไปจากมือพี่แอมเบาๆ ก่อนนะดึงที่หนีบออกแล้วหนีบเข้าพี่เน็คไทตัวเอง  จึงทำให้มีที่หนีบสองอันอยู่ติดกันบนเน็คไทของพี่ตอง......

NUMCHA

TONG

มีเสียงแซวเบาๆจากเพื่อนๆลีดที่อยู่ใกล้ๆผม

ไอ้พี่ตองบ้านิ เล่นทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเลยเหรอ ไม่อายใครเลย



"ก็ดี" พี่แอมเอ่ยมาอีก "ให้ของประเภทเดียวกัน​ อยู่ด้วยกันอย่างงั้นแหละ ดีแล้ว"

อ้าววววววว อีพี่แอม มันจะมากเกินไปแล้วนะ

"ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วซิ" พี่ตองพูดตีสีหน้าลอยๆออกมาก่อนที่แม่นางร้ายคนนี้จะเดินจากไป "ของที่คนรักเต็มใจมอบให้กัน มันก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ก็มันไม่ได้ถูกใครบังคับให้มาอยู่ด้วยกันนี่นา... ใช่ไหมครับชา เดี๋ยวพี่จะเก็บไว้ให้นะครับ เต็มที่นะวันนี้"

อือหือออออออ ผู้ชายมาดนิ่งสไตล์คูลๆแบบพี่ตอง พูดแบบนี้ก็เป็นด้วยเหรอ สงสัยจะทนไม่ไหวจริงๆ

ผมก็จะทำไรได้ล่ะ นิ่ง อึ้ง แต่ก็.... อยากขอบคุณไอ้คนที่เพิ่งจะเอ่ยวาจาร้ายกาจนี่เหมือนกัน

ส่วนพี่แอม ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าโกรธจัด ดูเธอจะเปลี่ยนไปมากจริงๆสำหรับเรื่องการควบคุมอารมณ์



เสียงเพลงและเสียงของความคึกคักจากในโดมรวมใจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่างานในคืนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

นี่เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว จากการเดินจอแจของคนที่ผ่านไปมาที่หน้าประตูก็ทำให้เห็นว่างานในวันนี้คงครื้นเครงน่าดู เสียงของพิธีกรคู่เดิมก็ดังมาอีกแล้ว



"เอาหละครับ และก่อนที่เราจะไปพบโฉมหน้าค่าตาของผู้เข้าแข่งขันดาวเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ ก็เป็นธรรมเนียมที่ตัวแทนจากผู้นำเชียร์ของคณะต่างๆต้องออกมาเปิดงานกันเสียก่อน ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันหรือยังครับ"

"พร้อมมมมมมมมมมมมม"

"ขอเสียงให้กับเหล่าตัวแทนผู้นำเชียร์จากทุกคณะด้วยค่าาาาาา"



"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

เสียงกรี๊ดถล่มถลายเลย

ผมและเหล่าตัวแทนผู้นำเชียร์เดินขึ้นเวทีด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างที่ได้ซ้อมมา ​กูหล่อ กูเท่ ท่องไว้ๆ

ผู้คนข้างล่างเวทีคล้ายว่าจะหยุดทำกิจกรรมอื่นๆ แล้วมาออกันที่หน้าเวทีทั้งหมด มีป้ายไฟป้ายกระดาษของเหล่าผู้คลั่งไคล้ระยิบระยับตาไปหมด

นั่นไง

แวบหนึ่งที่ตาผมกวาดไป ก็มองเห็นเพื่อนรักสามสาวพลังหญิงชูป้ายชื่อของผม พร้อมกับโบกไม้โบกมือเชียร์ เหมือนมันตะโกนชื่อผมด้วยนะ แต่เสียงคนกรี๊ดดังก็เลยไม่ได้ยิน แต่ก็ดีแล้วแหละ ไม่งั้นอายตายเลย

แต่ไอ้ที่ไม่ต้องเห็นแวบๆ ก็น่าจะเป็นป้ายเชียร์ชื่อไอ้ต้อมนี่แหละ ใหญ่โต มองเห็นได้ชัด และมีอยู่ทั่วทุกมุมเลย

เออ ไอ้หล่อ



"มัณฑนา พร้อม สาม สี่!" เสียงสัญญาณการขึ้นมือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงดังขึ้น

​หนึ่ง สอง สาม สี่

ผมนับสเต็ปที่ต้องทำในใจ เพื่อให้พร้อมเพรียงกับคนอื่นๆบนเวที



"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

เสียงกรี๊ดเชียร์ดังขึ้นมาอีกแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการเคลื่อนไหวของผู้นำเชียร์จะเป็นที่น่าสนใจไปเสียหมดเลย



​​รั้วสีทองส่องแสงในหล้า ศาสตร์มัณฑนา นำปัญญาพาข้าฯสู่หมาย......



เพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยมัณฑนาเริ่มขึ้น

ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าขึ้นตรงจังหวะหรือเปล่า แต่ก็เต้นไปแล้ว นี่ซินะที่เรียกว่าความตื่นเต้น

ปากของผมตอนนี้ยิ้มอยู่หรือมันแค่ทำเป็นเหมือนยิ้มกันแน่ ผมรู้สึกเกร็งๆบอกไม่ถูก ดีที่ว่าท่าเต้นเพลงนี้เป็นอะไรที่ผมคุ้นเคยมานาน ร่างกายมันจึงขยับได้เป็นอัตโนมัติ



ให้คำมั่นสัญญา ว่าจะเป็นคนดี บัญฑิตศรี...... แห่งรั้วมัณฑนา........

ท่อนสุดท้ายของเพลงจบลงในที่สุด



"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"



ผมและเหล่าตัวแทนทั้งหมดเดินลงพร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดนั่น บ้างก็ตะโกนชื่อคณะกันออกมา บ้างก็ตะโกนชื่อคนที่ตัวเองเชียร์ออกมา



"เฮ้ออออออออ ตื่นเต้นชะมัด" ไอ้ต้อมพ่นความโล่งใจออกมาหลังจากเดินมาถึงห้องรับรอง

"เออดิ ผ่านไปแล้ว ไม่รู้เต้นออกมาเป็นยังไงบ้าง" ผมบอก

"มึงจบแล้ว แต่กูอะดิต้องมีต่อ"

"เออดิ"

"ยังไงก็อย่าลืมเชียร์กูด้วยละ"

"เออๆ มึงก็เต็มที่ละกัน ถ้ามึงได้เดือนมหาลัยปีนี้ เดี๋ยวกูมีรางวัลเป็นการเลิกตบเกรียนมึงหนึ่งอาทิตย์"

"ไอ้สัด รางวัลใหญ่มาก"

"เออๆ เต็มที่ละกัน กูเปลี่ยนชุดก่อนนะ จะได้ไปเดินเที่ยวงานกับเค้า"

"เดี๋ยวๆ ตอนมึงออกไปงาน อย่าลืมโทรหาน้ำขิงด้วยนะ ไปคุมแฟนแทนกูด้วย เดี๋ยวใครจะมาฉุดแฟนกูไปทำมิดีมิร้าย ยิ่งบอบบางอยู่"

"วุ่นวายนะมึงเนีย"

แต่ผมก็ทำตามที่มันบอกนั่นแหละ เพราะถ้าไม่ให้ไปหาขิงแล้วผมจะไปเดินงานกับใครหละ

เราสองคนเดินหาซื้อของกินไม่ไกลจากเวที เพราะตอนนี้ใกล้ช่วงที่ดาวเดือนจะเริ่มแข่งแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า....

นึกภาพนะ ผมกับขิง เดินด้วยกัน เออ ผมยอมรับก็ได้ว่าเราสองคนหน้าตาจิ้มลิ้มทั้งคู่ มันก็เลยทำให้มีทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายแซว ผมจะไปทำอะไรได้ละ มันมีกันหลายคนนิ มีเรื่องขึ้นมาเดี๋ยวจะนับตีนไม่ทัน

แต่ไอ้ที่ไม่ได้แซวนี่ซิน่าหนักใจยิ่งกว่า เล่นเดินเข้ามาขอไลน์ขอเบอร์กันตรงๆเลยทีเดียว



"น้องครับ พี่ขอไลน์หน่อยได้ไหม เพื่อนพี่ชอบ ทั้งสองคนเลย"

เอาละซิ

"คือ...."



"นี่น้องผมครับ" เห้ย! ไอ้พี่ตองมาจากไหนก็ไม่รู้ "ส่วนนี่แฟนผม... ให้ไลน์ไม่ได้จริงๆ"

"ฟ... แฟนของตองเลยเหรอ" พี่คนนั้นอึ้งไปเลย ผมก็อึ้งในความใจกล้าของพี่มันเหมือนกัน "โอเคครับ งั้นผมไปละครับ"

"พูดไรของพี่เนีย" มันจะกล้าเกินไปแล้วนะ "คิดว่าเท่มากรึไง"

"แล้วเท่ไหมล่ะ"

เกลียดสายตาเจ้าชู้ของมันชะมัด ยังไงก็ยังไม่ชินอยู่ดี

"เผลอแป๊บเดียว คนตามจีบเชียวนะ งั้นต้องรีบจองไว้เหมือนเดิม" ไอ้พี่ตองเอาที่หนีบเน็คไทอันเดิมมาหนีบที่เน็คไทของผม "คราวนี้ ทุกคนจะได้เห็นกันชัดๆว่าน่ารักขนาดไหนก็มีแฟนแล้ว"

"ไปหน้าเวทีกันเถอะขิง" ไม่พูดกับไอ้บ้านี้แล้ว แม่ง หยอดได้ตลอดเวลา



ผม ขิง แล้วก็พี่ตอง เดินมาสมทบรวมกับแก๊งเพื่อนหญิงพลังหญิงของผม จากป้ายเชียร์ชื่อผมก็ถูกพลิกด้านให้กลายเป็นป้ายเชียร์ไอ้ต้อมซะงั้น

"นี่มึงไม่คิดจะเชียร์เกตุกับไอ้สุ่ยบ้างหรือไงวะ" ผมถามพวกมัน

"ไอ้เชียร์มันก็เชียร์ แต่ถามว่าหมายใครสุดก็ต้องคนนี้ ก็ต้องแสดงความเป็นเมียบ่าวอย่างเต็มที่ซิ"

อือหือ พูดไรไม่เกรงใจขิงเลย

แต่ขิงก็ไม่ได้ว่าอะไรอ่ะนะ สงสัยจะชินแล้วที่แฟนตัวเองถูกคุกคามด้วยคำพูดและสายตาบ่อยๆ

การประกวดดาวเดือนเริ่มขึ้นในที่สุด มหาลัยนี้เหมือนมีแต่พวกที่อยากจะเป็นดารานักแสดงมาอยู่กันทั้งนั้นเลย คนสมัยนี้หน้าตามันดีกันจังเลยเนาะ

รอบความสามารถพิเศษ ไอ้ต้อมงัดไม้เด็ดเอาใจสาวๆด้วยการถอดเสื้อวาดภาพระบายด้วยมือ ก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องถอดเสื้อทำไม ส่วนรูปก็ดูไม่ออกว่าสวยหรือเปล่า รู้แต่ว่าคนกรี๊ดมันเต็มไปหมด

แต่ถ้าเป็นฝั่งผู้หญิง ดูเหมือนว่าเกตุจะมาแรงตั้งแต่ต้นแบบไม่มีแผ่ว เอาใจหนุ่มๆด้วยการแต่งชุดแบบเมดสาวญี่ปุ่นมาเต้นเพลงน่ารักๆ จากสาวสวยสายสตรองกลายเป็นสาวคาวาอิ ทำเอาหัวใจหนุ่มๆละลายเป็นแถบๆ

แล้วผลการตัดสินก็เป็นไปตามคาด ไอ้ต้อมได้เดือนมหาลัยและเกตุก็ครองตำแหน่งดาว ส่วนสุ่ยก็ยังรั้งอันดับสามไว้ไม่ให้คณะเสียชื่อ

และเมื่อการแข่งขันดาวเดือนจบลง การแสดงดนตรีแบบเต็มรูปแบบก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง มีนักร้องที่มีชื่อเสียงมาในงานนี้ด้วย ผมว่าอันนี้แหละไฮไลท์ของเฟรชชี่ไนท์ของจริง สนุกสนานกันไปตามประสาเด็กมหาลัย

มาดูที่ฝั่งผม ไอ้พี่ตองโดนเพื่อนสามหน่อของผมลากไปเต้นด้วยตามธรรมเนียม และเช่นเดียวกันกับไอ้ต้อมที่ก็โดนเหมือนกันเมื่อมาถึง เอาเถอะ อิพวกนี้มันบ้าผู้ชายอยู่แล้ว ปล่อยมันไป

แต่เอ.....

ผมเหมือนจะเห็นแวบๆนะว่าพี่ท๊อปกับพี่บุ๋นเดินผ่านไป

แอบตามไปดูแป๊บนึงดีกว่า เผื่อมีไรเด็ดๆ โรคเผือกกำเริบ



"ผมไม่ใช่ไอ้ชานะพี่ท๊อปที่จะมาหวานแหววกับพี่อ่ะ"

ผมแอบตามมาจนถึงด้านหลังโดม ในส่วนที่ไม่มีคน ยังจำตอนที่ผมมาแอบเต้นคนเดียวได้ไหมครับ ตรงนั้นแหละ ที่เดียวกันเลย

"เลิกทำเป็นช่วยเหลือผมทุกอย่างได้แล้ว" เดี๋ยวนี้พี่บุ๋นมีแทนตัวเองว่า ​ผม ซะด้วย แต่ก่อนไม่เห็นพูดเลย แปลว่ามีอะไรคืบหน้าซินะ

"ก็พี่อยากช่วยนิครับ แค่เก็บของเล็กๆน้อยๆเอง" มาเก็บของอะไรเล็กๆน้อยๆกันที่มุมด้านหลังโดมไม่ทราบ ไปเก็บที่ห้องกันโน่น "ทีบุ๋นยังใส่ใจเรื่องของพี่เลย"

"ใส่ใจตอนไหน พี่คิดไปเองละ"

"ก็นี่ไง ป้ายชื่อของบุ๋นที่พี่ปั๊มให้ บุ๋นยังเก็บมาเป็นปีเลย แบบนี้ไม่เรียกใส่ใจจะเรียกว่าอะไร" หือ? จริงดิ

"เอาคืนมานี่เลย"

"ไม่ พี่จะเก็บไว้กับตัวตลอดเลย ถือว่าบุ๋นเป็นของพี่แล้ว"

"เป็นของพี่บ้าไร พูดดีๆนะ ยังไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย"

"ก็ใช่ดิ พี่จะเป็นไรได้ล่ะ พี่ไม่เหมือนตองกับน้ำชานิ ที่เค้ามีสถานะกันชัดเจน พี่ก็ทำได้แค่นี้แหละ ตามคนอื่นต้อยๆไปวันๆ ทั้งๆที่วันนี้ควรจะไปเกาหลีด้วยซ้ำ"

อือหืออออออ หน้าตาขี้อ้อนของพี่ท๊อปนี่เป็นยังไงวะ อยากดูจริงๆ แต่คำพูดนี่มัน.... เขินแทนเลย

"อ... เออๆๆ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว คิดว่าหล่อหรือไง"

"แล้วหล่อไหมละครับ"

"หึ ไปฝึกหยอดมาจากไหน ไอ้ตองสอนมาหรือไง"

"น่ะ พูดนั่นพูดนี่ก็ไม่ได้ สรุปว่าจะให้พี่ทำยังไงอ่ะ ก็บอกแล้วไงว่า ​ชอบ ​ต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง"

"เออๆๆ เลิกพูดได้แล้ว"

"โอเคครับ เลิกพูดก็เลิกพูด แล้วสรุปว่าที่เรียกพี่มาที่นี่ มีอะไรจะคุยกับพี่ครับ" อ้าว สรุปพี่บุ๋นเหรอที่เป็นคนที่ชวนพี่ท๊อปเข้ามาตรงนี้

"ก็... พี่เคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่า เสียเวลาไปปีนึงแล้วอ่ะ ก็นี่ไง ให้มาเริ่มต้นใหม่แล้ว ที่ๆเจอกันครั้งแรก จะ... ทำอะไรก็ทำ"

เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เขินจนม้วนเลยกู พี่บุ๋นนี่ก็นะ ทำท่านั้นท่านี้ สุดท้ายก็มาเปิดช่องให้คนอื่นเค้าจนได้

"แปลว่าให้พี่จีบได้แล้วใช่ป่ะ" ไม่ต้องตะโกนก็ได้พี่ท๊อป ผมได้ยินชัดเจนดี

"อ... เออ ก็บอกว่าจะทำไรก็ทำไงเล่า เข้าใจแล้วนะ งั้นไปแล้วนะ"

เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวดิ ผมยังแอบฟังอยู่ตรงนี้อยู่ ขืนมาตรงนี้ก็เห็นผมกันพอดีดิ รีบไปก่อนดีกว่ากู

"เดี๋ยวซิคร้าบบบบ" เสียงพี่ท๊อปรั้งพี่บุ๋นไว้ "ครั้งนี้พี่ยอมโดนเอเจนซี่ที่เกาหลีด่าเลยนะที่ไม่ไปโน่นอ่ะ จะบอกแค่ว่าให้พี่จีบได้แค่นี้เหรอ"

"แล้วจะเอาอะไรอีก ขืนทำอะไรมากว่านี้ผมต่อยพี่แน่"

"เปล่า ก็แค่...." ก็แค่อะไรวะ? ก็แค่อะไร

ไม่ไหวแล้วแอบดูหน่อยดีกว่า



เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

พี่ท๊อปกอดพี่บุ๋น

รีบไปดีกว่ากู ได้เห็นไฮไลท์ของงานเฟรชชี่ไนท์จริงๆแล้ว ฟินจิกหมอนเลยกูคืนนี้



ผมเดินกลับมาที่งาน ไอ้พี่ตองก็ยังอยู่เดิมเลย นี่ไม่ได้สังเกตุเลยใช่ไหมว่าหายไปทั้งคน..........







"เอาจริงเหรอครับ แต่นี่มันดึกแล้วนะ ไม่ต้องติวก็ได้"

ไอ้พี่ตองงอแงหลังจากกลับมาจากงาน ก็ผมเป็นห่วงการทดสอบในวันพรุ่งนี้นี่นา ได้ติวซะหน่อยก็ยังดี

ผมพยายามดันให้ไอ้พี่ตองขึ้นไปที่หอมันเพื่อติววิชาเลขให้ได้ ต่อให้เป็นสี่ทุ่มแล้วก็เถอะ

"ซักชั่วโมงนึงก็ยังดี เดี๋ยวพรุ่งนี้สอบตกทำไงล่ะ"

"พ่อพี่ไม่กล้าให้พี่กลับหรอกน้า ก็...."

เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

นี่มันอะไรกันวะ

ห้องพี่ตองเละไม่มีชิ้นดีเลย ข้าวของกระจัดกระจาย หนังสือถูกฉีกขาด เสื้อขาดก็ถูกฉีกจนขาดวิ่น เตียงก็มีหมึกอะไรไม่รู้ลาดเต็มไปหมดเลย

"ทำไมเป็นอย่างงี้อ่ะ!" ผมอุทาน

"คนเดียวที่มีกุญแจห้องนี้" พี่ตองกำลังจะบอก ดูซิว่าเป็นคนเดียวกับที่ผมคิดไหม "แอม" ใช่ คนเดียวกันจริงๆด้วย

ผมเดินเข้าไปในห้อง ไม่รู้จะเริ่มเก็บกวาดตรงไหนก่อนดีเลย

นี่คงเป็นซากความเสียหายที่เกิดจากการระบายอารมณ์ของพี่แอมซินะ ที่คิดไว้ว่าการแสดงออกของพี่แกเปลี่ยนไป ไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้นะ แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง แล้วนั่นข้อความอะไรที่เขียนบนกระจกด้วยลิปสติก....



​ไอ้วิปริต



"ไม่เป็นไรครับ ให้เค้าด่าพี่ไป" พี่ตองเดินมาจับมือผม........





........."ถ้าเรายังมีกันและกันอยู่ จะด่าอะไรพี่ก็ยอมทั้งนั้น"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:27:32 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  :mew1: :mew1: :mew1:

พอตอง แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบตัวเอง
แต่ไปชอบน้ำชา ของขึ้นจริงๆ ทำตัวได้เลววววววว  :fire: :fire: :fire:
มีสิทธิ์อะไรไปทำลายข้าวของ ฉีกหนังสือเรียน ด่าว่าเขา
นางมารชัดๆ รับความจริงไม่ได้ เพราะตัวเองเสียหน้า ตลกละ เอ๊ย.....ประสาทแดก  :angry2: :angry2: :angry2:
น่าถ่าย ทุกอย่าง ประจานลายมือความเลวนางนะ
หรือแจ้งความตำรวจ เก็บรอยนิ้วมือเป็นหลักฐานซะเลยก็ดี  :z6: :z6: :z6:

พี่ท็อป พี่บุ๋น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 29 : LOVE LEADER (Part 1)





"จะเอาอย่างนั้นจริงๆเหรอครับแม่"

ผมไม่กล้าพูดเต็มปากว่าเห็นด้วยกับความคิดของแม่สักเท่าไหร่ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ห้องพี่ตองถูกทำลายย่อยยับ พร้อมคำดูถูกร้ายกาจบนกระจก ทำให้พี่ตองต้องหกระเหเร่ร่อนมานอนที่ห้องผม แต่ก็คงเข้าทางที่พี่แกชอบนั่นแหละ หวังแต่จะมาห้องผมทุกคืน ยกเว้นก็แต่ว่าเรื่องเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องหาซื้อใหม่หมด

แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้จัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเลย เพราะผมกำลังรอพี่ตองที่กำลังทดสอบอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านกาแฟร้านเดิม การทดสอบคณิตศาสตร์รอบที่สองยังไม่ได้รับการยกเลิกแม้จะเกิดเรื่องขึ้น ผมเองก็คิดว่าดีแล้ว เรื่องส่วนตัวกับเรื่องเรียนมันคนละเรื่องกัน

ผมเล่าเรื่องนี้ให้ไอ้ต้อม ขิง พี่บุ๋น แล้วก็พี่ท๊อปฟัง ทุกคนจึงเดินทางมาที่ร้านกันหมด เพราะเป็นห่วงพี่ตองและอยากจะถามไถ่ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พี่ตองเองก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ทางบ้านฟังไปแล้ว ผมเองก็ได้โทรไปปรึกษาแม่ของผมเหมือนกัน การคุกคามนี้เริ่มจะไม่ใช่ปัญหาเรื่องรักใสๆในวัยเรียนอีกแล้ว แต่ปัญหาก็คือ.... คำแนะนำของแม่ ดูเหมือนจะเป็นทฤษฎีดับไฟด้วยไฟเสียมากกว่า ผมยอมรับเลยว่า ไม่แน่ใจในความคิดนั้น



"แม่ว่าดีนะ จะได้เป็นการประกาศตัวต่อสาธารณชนแบบจริงๆจังๆไปเลยว่า พี่ตองกับน้องน้ำชาคบหาเป็นแฟนกันอยู่ จะได้ตอกย้ำด้วยว่าทั้งสองคนพร้อมรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มนุษย์เรามันมีสัญชาตญาณของความอับอายในตัวเองอยู่นะ แม่ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่ชื่อแอมมีชีวิตเป็นมายังไง แต่นี่ไม่ใช่นางร้ายในละครที่จะขาดเหตุผลขนาดนั้นได้" นั่นคือคุณแม่ของผมในโหมด T-Queen "เว้นเสียแต่ว่าทางบ้านพี่ตองเค้าจะไม่โอเค"

"พ่อกับแม่พี่ตองไม่ว่าอะไรครับ ยังออกปากอยู่เลยเมื่อคืนนี้ว่าจะให้พี่ตองพาชาไปอยู่คอนโดส่วนตัว ไม่ไกลจากที่นี่นัก เหมือนพ่อพี่ตองจะซื้อคอนโดเอาไว้ครับ"

"ก็ดีนะ แม่ว่าปลอดภัยดีด้วย ฟังจากที่น้องน้ำชาเล่ามาแล้ว แม่ว่าในตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้อยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ เธออาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกก็ได้"

"งั้นเหรอครับ งั้นเดี๋ยวชาจะปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ตองอีกทีละกันครับ"

"แล้วเรื่องโปรเจ็คของแม่ล่ะ ว่ายังไง"

"เอ่อ.... ชาคิดว่าจะยิ่งทำให้เรื่องมันบานปลายไปกันใหญ่หรือเปล่าครับ"

"แม่ทำงานในวงการสื่อมานานนะ ของแบบนี้ มีทั้งดีและแย่ บางทีถ้าไม่ได้เป็นการไปกระทบต่อความเดือดร้อนใคร มันก็น่าเสี่ยงอยู่นะ... น้ำชาก็พาเพื่อนๆมาด้วยซิ ต้อมกับน้องน้ำขิงก็ได้ ทีมงานของแม่พร้อมอยู่แล้ว งานแค่นี้เอง"

"งานแค่นี้เหรอครับ นี่มันโปรเจ็คแห่งปีเลยนะแม่"

"ลูกกำลังพูดกับเจ้าแม่สื่ออยู่นะ"

เจอลูกมั่นใจของแม่เข้าไปแบบนี้ก็ต้องยอมแหละ "งั้น... ชาขอปรึกษาเพื่อนๆก่อนนะครับ"

"ยังไงก็บอกแม่นะ ถ้าพร้อมก็เข้ามาที่ทำงานแม่เลย พรุ่งนี้ตอนเช้า"

"ครับแม่"



จะเอาไงดีหว่า พี่ตองก็ยังสอบไม่เสร็จเลย

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงไม่ไปกดดันพี่แอมตรงๆ เชื่อเถอะครับ พี่แอมไม่ใช่คนโง่และเธอก็คงไม่ใช่คนที่จะยอมรับอะไรง่ายๆ ซ้ำร้ายเรื่องนี้อาจจะยิ่งเป็นการเปิดช่องให้เธอทำอะไรได้มากขึ้น เพราะงั้นผมจึงพยายามคิดหาวิธีที่จะแก้ไขในด้านของผมเองแทน



"ไอ้ต้อม เอ่อ... ทุกคนครับ" ผมเดินไปบอกเรื่องที่ได้รับการปรึกษาจากแม่ให้ทุกคนได้ฟัง "คือ... แม่ของผมมีความคิดว่า จะให้ผมกับพี่ตองไปถ่ายแบบและให้สัมภาษณ์เรื่องความสัมพันธ์ของเรากับนิตยสารที่แม่มีส่วนดูแลรับผิดชอบอยู่ครับ แม่คิดว่าถ้าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตองถูกประกาศชัดเจน อาจจะทำให้อะไรๆเปลี่ยนแปลง... แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่เลย"

"กูเห็นด้วยกับแม่จิตรนะ" ไอ้ต้อมออกความคิดเห็นหลังจากคิดอยู่ไม่นาน "สื่อในมือ T-Queen ถือว่าใหญ่และกว้างมาก การที่มึงกับพี่เค้าได้ไปลงคอลัมม์ อาจจะเป็นการยืนยันจุดยืนมากขึ้นก็ได้นะ พี่แอมอะไรนั่นจะได้รู้ว่าพวกมึงจริงจัง ไม่ใช่จะมายอมแพ้ง่ายๆ"

"แต่แบบนั้นจะไม่ยิ่งทำให้พี่เค้าโกรธอีกเหรอ ไหนจะผลกระทบที่เกิดกับธุรกิจของที่บ้านพี่ตองอีก" ขิงแสดงความเป็นห่วง

"กูก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่นะชา" พี่บุ๋นเสริม "แอมเป็นพวกประเภทที่... ใครขัดใจไม่ได้ อำนาจกับบารมีของที่บ้านแอมทำให้แอมเป็นคนเอาแต่ใจพอสมควรเลย กูกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับมึงขึ้นไปอีกอะดิ"

"งั้นก็ไม่ควรทำให้ชัดเจนเกินไป" พี่ท๊อปเสนอ "คนที่ทำโปรโมทเพลงในเกาหลีเคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าเราจงใจทำให้ศิลปินคนใดคนหนึ่งเด่นมากจนเกินไป จะทำให้คนๆนั้นเป็นเป้าของการจับผิดเป็นพิเศษ ศิลปินประเภทกลุ่มก็เลยเป็นที่นิยมของค่ายเพลงมากกว่า พี่ว่ามันก็ได้ผลนะ คือพี่ก็ไม่อยากจะให้น้ำชาต้องไปประกาศสงครามกับใครหรอกนะครับ แต่ถ้าพี่เป็นเจ้าตอง พี่คงเห็นด้วยกับแม่ของน้ำชา ก็แค่ลดระดับการสัมภาษณ์ลงมา ไม่ใช่การประกาศตัวว่าเป็นแฟนกัน แต่ให้บรรยากาศของภาพรวมมันพาไปแทน"

เฮ้ออออออออออออ

ความคิดเห็นของแต่ละคนดูจะยิ่งทำให้คิดหนักมากขึ้น

"แม่ให้ผมชวนทุกคนไปถ่ายด้วยกันด้วยนะครับ"

"ไม่เอานะ" ขิงแทบจะร้องปฏิเสธทันที "ขิงไม่ทำอะไรพวกนี้หรอก น่าอายจะตาย"

"ทำไมอ่าาาา" ไอ้ต้อมทำเสียงงอแง "ขิงก็น่ารักออก ถ่ายเป็นเพื่อนไอ้ชามัน ถือว่าเป็นการลองทำอะไรใหม่ๆด้วย คนอื่นจะได้รู้ซะทีว่าต้อมมีแฟนแล้ว ไม่เหนื่อยหรือไงที่ต้องคอยรับโทรศัพท์สาวๆให้ต้อมทุกวัน... หรือขิงไม่อยากให้คนอื่นรู้"

"ไม่ใช่แบบนั้น...." ขิงคงจะลำบากใจจริงๆ

"ส่วนพี่ไปได้นะ อาทิตย์นี้ไม่ได้ไปเกาหลีอยู่แล้ว เพราะ...." พี่บุ๋นมองพี่ท๊อปตาเขียวทันที อันเป็นสัญญาณว่าห้ามพูดอะไรพล่อยๆออกมาเด็ดขาด "ถ้าช่วยน้องได้พี่ก็อยากทำ"

"เออๆ กูไปถ่ายเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ แต่เรื่องสัมภาษณ์ไม่เอาด้วยนะ" พี่บุ๋นแพ้แรงกดดันรอบข้าง

"นี่สรุปว่า เราจะไปถ่ายกันจริงๆเหรอครับ" บอกตามตรงว่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่

"งั้นก็ถามแฟนมึงเองละกัน ออกมาแล้วหนะ" ไอ้ต้อมชี้ไปที่ประตูข้างหลัง พี่ตองออกมาจากห้องพร้อมกับอาจารย์คุมการทดสอบคนเดิม



"ยังเก่งเหมือนเดิมนะตอง ครั้งหน้าก็พยายามอีกละ" อาจารย์ท่านกล่าวชมพี่ตองก่อนที่จะร่ำลากันไป



ผมเล่าเรื่องการถ่ายแบบให้พี่ตองฟัง



"เอาซิครับ ดีมากเลยด้วย อะไรที่ทำให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นแฟนกันได้ พี่ยินดีทำทั้งหมดแหละ"



ว่าแล้วเชียวไอ้พี่ตองต้องพูดแบบนี้ รายนี้มีเหรอจะปฏิเสธ

สรุปความของวันนี้ก็เลยลงเอยกันที่ทั้งหกคนต้องไปถ่ายแบบในวันพรุ่งนี้



เอาเถอะ อาจจะดีก็ได้



ช่วงบ่าย ผมกับพี่ตองไปซื้อเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ใหม่เพื่อย้ายไปอยู่ที่คอนโด ส่วนหอผมยังไม่ได้ย้ายของไปไหน เพราะยังไม่มีเวลามากพอ แล้วผมก็อยากเก็บหอที่นี่ไว้ด้วย เผื่อวันไหนซ้อมเสร็จดึกๆ จะได้เข้ามาพักได้ เดี๋ยวค่อยทะยอยขนไปเรื่อยๆก็ได้







สำนักงาน T-Queen World Wide



"โอ้โห นี่เหรอ สำนักงานใหญ่ของ T-Queen ไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสเข้ามา"

พี่บุ๋นกำลังตื่นตาตื่นใจกับที่ทำงานของแม่ผม ขนาดผมเองยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่มาที่นี่เลย

"มากันแล้วเหรอเด็กๆ" แม่ของผมเดินลงบันไดกลางของสำนักงานลงมา

"แม่ครับ"

ทุกคนทึ้งกันหมดเลยในความสวยสง่าของแม่ผม ในยามที่ไม่ใช่คุณแม่แสนดีที่บ้าน ผมต้องยอมรับว่าผมมีแม่ที่นำเทรนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในชุดแซกสีขาววันนี้ยิ่งทำให้แม่ดูเป็นเจ้าแม่สื่อแฟชั่นตัวจริง

"สวัสดีครับ เป็นเกียรติมากเลยครับที่ได้พบ T-Queen ตัวจริง" พี่ท๊อปสมกับเป็นพี่ใหญ่จริงๆ พี่เค้ากล่าวทักทายได้อย่างมืออาชีพ

"วันนี้ผมจะไม่โดน T-Queen ต่อว่าอะไรใช่ไหมครับ" ไอ้พี่ตองพูดหยอกล้อกับแม่ของผม

"ไม่หรอก แม่ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แต่อย่าทำให้ช่างภาพหัวเสียก็แล้วกัน รายนั้นแม่ไม่รับรองนะ.... เธอสองคนมานี่หน่อยซิ" แม่ผมเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ "เดี๋ยวช่วยพาพวกลูกๆของชั้นไปที่ห้องฟิตติ้งนะ แล้วไปบอกโปรดิวเซอร์ทาคาดะด้วยว่านายแบบมากันแล้ว รหัส X007 อย่าลืมซะหละ ส่วนเธอตอนบ่ายรอต้อนรับดีเจไก่ พาเค้าไปที่บนชั้นสอง ชั้นเชิญเค้ามาสัมภาษณ์เด็กๆ ไปขอไฟล์สัมภาษณ์ในห้องเทคนิค เอาไปให้เค้าอ่านเตรียมตัว จำรหัสได้แล้วใช่ไหม"

"X007 ค่ะบอส"

"งั้นก็รีบไป... ทำให้เต็มที่ละเด็กๆ แม่ต้องขึ้นไปคุยงานต่อที่ชั้นบนแล้ว เดี๋ยวไว้เจอกัน ขอตัวก่อนนะ"

เป็นไงหละ อึ้งกันหมดเลยที่ได้เห็นการทำงานแบบโปรเฟชชั่นเนลของแม่ผม



"มาแล้วค่าาาาาา"



เห้ย นี่พี่ปิงปิง พี่ซีซี่ แล้วก็พี่ผู้หญิงที่คุ้นหน้าอีกคน นี่คือเหล่าผู้จัดการส่วนตัวของลีดมหาลัยนี่นา มากันหมดเลย



"ว้าววววว บุญพาวาสนาส่งให้ชั้นได้เข้ามาใน T-Queen World Wide บริษัทในฝันของกะเทยไทยอย่างฉัน" พี่ปิงปิงที่เคยเป็นคนวางตัวเนียบ วันนี้ดูเสียอาการอย่างหนัก พี่ซีซี่กับพี่ผู้หญิงก็ไม่ต่างกัน

"งั้นหายโกรธแล้วนะ" พี่ท๊อปแกล้งถามผู้จัดการตัวเอง

"โอเค แบบนี้ถือว่าคุ้มหน่อยที่โดนเอเจนซี่ด่าเรื่องเธอไม่ไปเกาหลีอาทิตย์นี้ ว่าแต่... น้องน้ำชาเป็นลูกชายของ T-Queen จริงๆเหรอคะ พี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะว่าพี่รักในงานแฟชั่นม๊ากกกกก ทั้งแฟชั่นยุคใหม่ วินเทจ ตะวันออก ตะวันตก ยันแฟชั่นนอกจักรวาลเลยก็ได้"

"เจ๊ด้วยนะน้ำชา เห็นแก่วันเก่าเก่าของเรานะ ถ้าได้ทำงานที่นี่พี่จะไปลืมพระคุณเลย" เจ๊ซีซี่เสริม

"ค... ครับ" ผมแอบขำในความกระตือรือร้นของพวกพี่เค้า



"เชิญทางนี้ค่ะ" พี่พนักงานเรียกให้พวกเราเดิน



พวกเราทั้งหมดถูกนำไปยังลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นสี่ของตึก

หลังจากรอในห้องอยู่สักพัก โปรดิวเซอร์ที่ดูแลแคมเปญนี้ก็เข้ามาในห้อง เขาเป็นชายชาวญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยได้เล็กน้อย ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันเพราะแทบจะไม่เคยเข้ามาที่ทำงานของแม่เลย

เราพูดคุยกันอยู่กว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานในวันนี้ หลักๆก็พอจะจับประเด็นได้ว่านี้เป็นการถ่ายแบบเพื่อลงนิตยสารรายสัปดาห์สองสามเล่ม และใช้ทำเป็นปฏิทินซึ่งจะใช้แจกในธันวาคมเดือนหน้า อีกทั้งจะมีการสัมภาษณ์เพื่อทำสกรุ๊ปเบื้องหลังด้วย

และในขณะที่หลายเรื่องยังอีรุงตุงนังอยู่ ทีมงานชุดใหญ่ก็เข้ามาในห้อง จับพวกผมลองชุด ถ่ายกรุ๊ปฉ็อตเพื่อนำไปวิเคราะห์อะไรก็ไม่รู้ แล้วก็มีอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดเลย พี่ตอง พี่ท๊อป กับพี่บุ๋นดูจะพอรับมือกับเรื่องนี้ได้ แต่เด็กปีหนึ่งสามคนได้แต่ยืนงง ก่อนจะถูกลากไปลากมาเป็นตุ๊กตา พี่ๆผู้จัดการสามคนก็เลยมาประกบดูแลพวกผมซะมากกว่าที่จะดูแลคนของตัวเอง

ครึ่งเช้าผ่านไปจนตอนบ่ายมาถึง การถ่ายทำเซ็ตแรกก็เริ่มขึ้น เราทั้งหกคนอยู่ในชุดสีแดงเขียวฉูดฉาด พร้อมหมวกซานต้าครอสและหูกวาง นี่น่าจะเป็นคอนเซ็ปคริสมาสต์นะ แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดสัตว์น่ารักๆ ชุดสูท ชุดนักศึกษา ชุดแฟชั่น ชุดที่ล้ำไปกว่าคำว่าแฟชั่น แล้วก็แอบมีเซ็กซี่เล็กๆน้อยๆด้วย แต่เรื่องถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คให้ไอ้พี่ตองกับไอ้ต้อมทำไปเหอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก

ด้วยความที่เป็นการถ่ายงานที่ค่อยข้างจริงจัง พวกเราจึงได้รับการกระตุ้นทั้งแบบใจดี แบบโหด แบบออกแนวโดนสะกดจิตนิดๆ และแบบ... เอ่อ... เหมือนเอาขนมมาหลอกเด็ก ทั้งหมดก็เพื่อให้แสดงเสน่ห์ออกมาตามที่โปรดิวเซอร์ต้องการ แรกๆมันก็ยากแหละครับ แต่พอทำกันมาได้ซักชั่วโมงกว่าๆก็เริ่มสนุก พวกผมหาชุดมาใส่มาลองกันเองก็มี พี่ทีมงานบางคนใจดีให้พวกผมเสนอไอเดียได้ด้วย เราทำงานกันจนลืมไปเลยว่าเดินเข้าออกกี่ห้องแล้ว ออกมาจากบริษัทอีกทีฟ้าก็ดำมืดสนิทและถนนเงียบเชียบแทบจะไม่มีรถผ่านเลย

.....................
(มีต่อ Part 2 นะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:49:02 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(Part 2)




"เอาหละคะคุณผู้ชม วันนี้เจ๊ดีใจมากๆๆๆๆ ไม้ยะมกล้านตัวไปเลยค่ะ ที่ได้รับเกียรติให้มาทำสกรุ๊ปสำภาษณ์เบื้องลึกเบื้องหลังของแคมเปญแฟชั่นเซ็ตในอาณาจักรแฟชั่นระดับชั้นนำของบ้านเรา และที่นี่คือ T-Queen World Wide" เป็นการเปิดรายการที่ยิ่งใหญ่มาก โดยดีเจเจ๊ไก่ พิธีกรชื่อดังที่แม่เชิญมา

ตอนนี้ผมกำลังนั่งดูสัมภาษณ์ของตัวเองผ่านทางทีวีในค่ำวันอังคารที่โรงพยาบาล พี่ตองก็นั่งอยู่ด้วย จริงๆอีกสี่คนก็นั่งอยู่ด้วยกันนี่แหละครับ พอรู้ว่าวันนี้จะมีออกอากาศสัมภาษณ์ในวันที่ไปถ่ายงานที่บริษัทของแม่วันนั้นก็แห่มาดูพร้อมกันที่โรงพยาบาล แต่ก็ดีครับ ช่วงเย็นมีคนมาช่วยดูแลเด็กๆเยอะเลย น้องโชกุนกับเด็กๆก็เลยพลอยได้มานั่งดูอยู่ด้วยกัน สนุกกันใหญ่เลย

เอาหละมาดูสัมภาษณ์กันต่อดีกว่า ดูซิว่าผมพูดอะไรไปบ้างวันนั้น ตื่นเต้นจนจำได้บ้างไม่ได้บ้าง



"สวัสดีค่ะคุณวิจิตรา สวัสดีค่ะเด็กๆ" พิธีกรกล่าวทักทายแม่ของผม ตอนนี้ผมได้เห็นพวกเราในทีวีแล้ว หน้าตาตื่นกล้องกันทั้งนั้นเลย "แหมผู้ชายเต็มเลยนะคะ ฮ่าๆๆ ขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการ 'จิกกล้องแตก' โดยดิชั้น ดีเจเจ๊ไก่ ผู้ดำเนินรายการค่ะ  วันนี้ เห็นแขกรับเชิญของดิชั้นแล้วนะคะ คุณผู้ชมหลายคนคงรู้กันแล้วนะคะ เจอบุคคลท่านนี้ในช่วงใกล้สิ้นปีพร้อมกับนายแบบหล่อๆแบบนี้ นี่คือเทปเบื้องหลังแคมเปญปฏิทิน T-Queen นั่นเองค่ะ แต่ว่าก่อนอื่น ดิชั้นในฐานะสาวกของ T-Queen ไม่อาจจะละเว้นแนะนำตัวผู้หญิงทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นอย่างคุณวิจิตราไปได้ ขอเสียงปรบมือให้กึกก้องให้กับ T-Queen อีกครั้งนึงค่าาาา"

เสียงปรบมือดังออกมา ผมจำได้ว่าเป็นทีมงานที่อยู่ในห้องนั่นแหละ

"ขอบคุณในการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่นะคะดีเจเจ๊ไก่ ขอบคุณด้วยที่วันนี้ให้เกียรติมาถ่ายทำบื้องหลังแคมเปญเล็กๆของบริษัทเรา"

"ว๊ายยยย พูดอะไรแบบนั้นคะ ดิชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เชิญมาเกือบจะทุกปี เรทติ้งรายการจิกกล้องแตกอยู่ได้เพราะช่วงสิ้นปีแบบนี้เลยนะคะ ฮ่าๆๆๆ ... เอาอย่างนี้ดีกว่าคะ ขออนุญาตเรียกว่าคุณวิจิตรานะคะ สำหรับแคมเปญนี้ที่บอกว่าเล็กๆ นั่นคือการถ่อมตัวที่ดิชั้นยอมไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะปฏิทินแฟชั่นเซ็ตของ T-Queen World Wide เป็นอะไรที่ศิลปินดาราใฝ่ฝันมากๆๆๆๆๆ ซุปตาร์บางคนยังไม่เคยได้รับโอกาสมาก่อนเลย ครั้งนี้ถือว่าบิ๊กเซอร์ไพส์มากๆ อะไรยังไงค่ะคุณวิจิตรา ทำไมถึงได้เป็นน้องๆหกคนนี้"

"ก็... ก่อนอื่นเลยคงต้องขอขอบพระคุณไปยังบอร์ดบริหารของ T-Queen World Wide ทุกท่านก่อนนะคะที่ได้ให้ความไว้วางใจในการตัดสินใจทำแคมเปญนี้ร่วมกันน้องๆขึ้นมา เพราะก็ต้องยอมรับอย่างนึงว่าเป็นไอเดียนี้เร่งด่วนพอสมควร ก็หวังว่าจะออกมาถูกอกถูกใจหลายๆท่านนะคะ เอ่อ... ส่วนเรื่องที่เลือกน้องๆจากมหาวิทยาลัยมัณฑนามาก็คือ ปีนี้เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแสดงความยินดีกับผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑนาที่ครบรอบ 39 ปีของการเป็นที่หนึ่งในด้านลีดเดอร์อะนะคะ"

"เอ๊ะ จริงหรือเปล่าคะเนี่ย ไม่เคยรู้มาก่อนเลย"

พวกผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะตอนนั้น แม่คงจะเตรียมตัวมาดีมากสำหรับเรื่องนี้ ในเวลาแค่วันเดียวคืนเดียวกลับสามารถสร้างความพร้อมได้ขนาดนี้ คราวนี้ผมไม่สงสัยแล้วว่าแม่ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

"ใช่แล้วค่ะ ก็คอนเซ็ปของเราปีก็เลยใช้ชื่อว่า LOVE LEADER ค่ะ"

"ฟังดูโรแมนติกจังเลยนะคะ ลีดเดอร์ที่รัก ประมาณนี้ใช่ไหมคะ... แล้วจะเริ่มแจกจ่ายกันเมื่อไหร่คะปฏิทินชุดนี้"

"ก็วางแผนไว้ว่าเป็น 25 ธันวาปีนี้แหละค่ะ"

"ดิชั้นจองหนึ่งชุดนะคะ"

"อ๋อ ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆกลุ่มนี้จะไปมอบให้กับสื่อต่างๆในช่วงคริสมาสต์ เป็นการขอบคุณสื่อที่อุปการะ T-Queen World Wide มาโดยตลอด รวมถึงในวันคริสมาสต์ 25 ธันวาคม เราก็มีแผนไปแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไปด้วย แต่เดี๋ยวกำลังคุยกันอีกทีว่าจะไปแจกในย่านไหนดี ต้องดูคิวของน้องๆด้วยค่ะว่าสะดวกกันที่ไหนยังไง แต่ยังไงก็มีแจกแน่นอนนะคะ ถือเป็นการส่งมอบความรักช่วงปีใหม่ด้วยค่ะ"

"พูดถึงความรักหันไปถามน้องๆกันบ้างดีกว่าว่าเป็นยังไงกันบ้างถ่ายแบบวันนี้ อินกับคอนเซ็ปความรักเหมือนเจ๊หรือเปล่า นี่พูดตรงๆนะ จากมุมที่เจ๊นั่งมองอยู่ตรงนี้ เจ๊จินตนาการไปไกลมาก... เดี๋ยวนะนี่ชื่ออะไรกันบ้างเนีย ท๊อปกับตองเจ๊รู้จักแล้ว คนอื่นๆละคะ แนะนำตัวให้คุณผู้ชมรู้จักหน่อยเร็ว เริ่มจากคนนี้ก่อนแล้วกัน หน้าตาคุ้นๆ"

"ผมชื่อบุ๋นครับ ศิวากร ราศรี"

"ทำไมหน้าตาคุ้นๆจัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน"

"ผมเป็นประธานผู้นำเชียร์คณะวิทยาศาสตร์ครับ"

"นั่นไง เจ๊ว่าแล้วเชียว เจ๊ไปงานเปิดกิจกรรมห้องเชียร์ที่มัณฑนาทุกปี จะพลาดหนุ่มหล่อขนาดนี้ได้ไง... ส่วนคนนี้ น้องต้อม เจ๊จำได้แม่นเลย ไหนแนะนำตัวหน่อยซิค่ะ"

"ครับผม ผมต้อมนะครับ นายศิรภพ อาจแผ่นดิม ผู้นำเชียร์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ"

"ได้เจอตัวจริงแล้ว หล่อกว่าที่ดูในทีวีวันนั้นอีกนะ แต่ตองไม่ต้องเสียใจนะ เจ๊ยังรักตองเป็นที่หนึ่งเสมอ" พิธีกรหัวเราะขำๆ "มาๆ คนนี้บ้าง"

"ข.. ขิงครับ คฑาเทพ ธนกฤษ" ขิงประหม่านิดหน่อย

"เดี๋ยวนะ..." พิธีกรดูสคลิป "น้องน้ำขิงใช่ไหมคะลูก จากศึกษาศาสตร์ แต่ไม่ได้เป็นผู้นำเชียร์ อ้าว แล้วแบบนี้จะเข้าคอนเซ็ปเลิฟลีดเดอร์ได้ไงคะ"

"ก็เป็นคนที่ลีดเดอร์รักไงครับ ใช่ไหมครับที่รัก" นั่นไง ความเล่นใหญ่ไฟกระพริบของไอ้ต้อม ดีนะที่มันทีเล่นทีจริง ภาพที่ออกมาก็เลยน่าหมั่นใส้น้อยหน่อย

"ตายแล้วววววววววววววววว เจ๊ตายอย่างสงบค่ะวันนี้ พูดเลย ขอบคุณ T-Queen อีกครั้งนะคะที่เชิญดิชั้นมาวันนี้"

"เอาเลยค่ะ วันนี้ดีเจเจ๊ไก่เป็นนางเอกอยู่แล้ว ถามได้เต็มที่เลย"

"แหมมมม ใครบอกคะ ตัวเอกของจริงในวันนี้คือคนนี้ต่างหาก น้องน้ำชา ลูกชายคนเดียวของเจ้าแม่สื่อแฟชั่นต่างหาก ใช่ไหมค่ะ... แนะนำตัวหน่อยลูก เผื่อบางคนยังไม่รู้จัก"

"ผมชาครับ ธชานา ธนกฤษ ผู้นำเชียร์จากคณะวิทยาศาสตร์ครับ"

"นี่ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่า น้องน้ำชาจะเป็นลูกชายแท้ๆของคุณวิจิตรา ไม่ใช่หมายถึงน้องหน้าตาไม่ดีนะ แต่เราไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อนเลย แล้วอยู่ดีๆก็ไปโผล่เป็นผู้นำเชียร์เฉยเลย"

"น้องน้ำชาค่อนข้างไม่ชอบออกสื่อน่ะค่ะ" แม่ผมให้เหตุผล "เค้าจะสนใจเฉพาะอะไรที่ตัวเองชอบมากกว่า"

"ในฐานะแฟนคลับของลีดมัณฑนานะลูก เจ๊เชียร์น้ำชานะ แต่ออกหน้าออกตามากไม่ได้ วันนี้เจอตัวจริงแล้วน่ารักกว่าในทีวีเยอะเลย"

"ขอบคุณครับ"

"เอาหล่ะ คราวนี้ดิชั้นขอถามคุณวิจิตราในฐานะ T-Queen เลยนะ ถามเผื่อหลายๆคนเลย คิดว่า การเลือกลูกชายตัวเองมาเป็นนายแบบให้กับปฏิทินชุดแห่งปีแบบนี้ กลัวจะเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไหมค่ะ หลายๆคนอาจจะคิดว่า T-Queen พยายามดันลูกชายตัวเองให้มีชื่อเสียง"

แม่ของผมยิ้มให้กล้อง ไม่มีสายตาของการเกรงกลัวคำถามแม้แต่น้อย

"เอาจริงๆแล้ว นอกจากเหตุผลที่ดิชั้นอยากร่วมเฉลิมฉลองให้กับ 39 ปีผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนา มันก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง แต่มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของดิชั้นและเด็กๆทั้งหกคนนี้ เอาเป็นว่า ดิชั้นไม่มีความจำเป็นอะไรต้องดันน้องน้ำชาให้โด่งดัง เพราะชื่อเสียงของตัวดิชั้นเองก็ไม่ต้องพึ่งบารมีลูกเด็กเล็กแดงที่ไหน T-Queen World Wide สร้างขึ้นด้วยประสิทธิภาพและความเป็นมืออาชีพของดิชั้น เพราะงั้นถ้าถามว่ากลัวไหม ​ไม่มีทาง ​เส้นทางของดิชั้นมาไกลเกินกว่าจะกลัวเรื่องอะไรแบบนั้นแล้วหละค่ะ"

"อู้วววววว ปรบมือซิค่ะคุณผู้ชม รออะไร" พิธีกรปรบมือชอบอกชอบใจ

"แล้วก็ดิชั้นเชื่อในทีมงานและตัวเด็กๆค่ะว่าพวกเค้าจะทำให้คอนเซ็ป LOVE LEADER ออกมาสมบูรณ์แบบ"

"ดิชั้นก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่า เบรคนี้ต้องขอบคุณคุณวิจิตรามากๆนะคะที่มาร่วมให้สัมภาษณ์กับเรา ขอบคุณค่ะ"

"ยินดีค่ะ"

"ช่วงหน้า เดี๋ยวเรามาคุยกันเหล่านายแบบทั้งหกคนแบบเต็มๆนะคะ ส่วนช่วงนี้ไปพักชมสิ่งที่น่าสนใจและภาพบรรยากาศเบื้องหลังการจัดทำปฏิทินแฟชั่นเซ็ตของน้องๆกัน จะฟินกันขนาดไหน ไม่ชมกันเลยคะ"



ภาพเบื้องหลังปรากฏมาอย่างที่พิธีกรเกริ่นไว้



นี่ต้องเป็นความตั้งใจของแม่แหงเลย ก็ในฉากเบื้องหลังส่วนใหญ่ เป็นการเล่นหยอกล้อที่ดูยังไงก็รู้ว่าพี่ตองกับผมกำลังหวานแหววกันอยู่ ทั้งเสียงเพลง ทั้งการตัดต่อ นี่แม่กะจะให้ทั้งประเทศรู้จริงๆใช่ไหมเนี่ย



"กลับมากันกับรายการจิกกล้องแตกกันอีกรอบนะคะคุณผู้ชม เอาหละเรามาพูดคุยกับน้องๆนายแบบกันบ้างดีกว่า เป็นไงคะเด็กๆ ถ่ายแบบวันนี้เป็นไงบ้าง ยากไหม... ถามน้องน้ำขิงก็แล้วกัน ในฐานะที่ไม่เคยผ่านงานตรงนี้มาก่อน"

"ก็... ยากครับ" ขิงตอบเขินๆ "แต่พี่ทีมงานช่วยดูให้ครับ พี่ๆก็ช่วยสอนการถ่ายให้เหมือนกัน"

"รู้สึกว่าจะต้องมีถ่ายกันต่อด้วยใช่ไหม"

"ครับ"

"น่าจะดึกนะวันนี้ ยังไงเดี๋ยวเจ๊อยู่เป็นเพื่อนนะคะ คอยเก็บเบื้องหลังกันต่อ เผื่อมีช่วงถ่ายแบบเอ็กคูซีฟ เจ๊จะได้อยู่ดูด้วย" พิธีกรหัวเราะหยอกเย้า

"ไม่มีขนาดนั้นหรอกครับ" พี่ท๊อปรีบปฏิเสธ "เราเน้นเป็นคอนเซ็ปน่ารักๆมากกว่าครับ ตามชื่อเลย LOVE LEADER"

"แหมมมมมม อ่ะๆๆ ไหนๆก็เปิดประเด็นมาแล้ว ถามเลยก็แล้วกัน คำว่าความรักของน้องท๊อป คืออะไรคะ"

พี่ท๊อปนิ่งคิดอยู่สักพักและสายตามองไปที่พี่บุ๋นอย่างชัดเจน

"คือการลองผิดลองถูกครับ" นั่นคือคำตอบ "บางครั้งต้องตามหา บางครั้งต้องใช้เวลา บางครั้งต้องมองให้ดี ผมว่า... คนที่ทำให้ผู้ชายมีระเบียบวินัยอย่างผมเกิดอาการอยากจะแหกกฎได้ นั่นก็คงเป็นความรักของผมละมั้งครับ"

"โว้ววววววววววววว" เสียงแซวของพวกผม ส่วนพี่บุ๋นอะเหรอ นั่งตาโตตัวตรงดิ่งอย่างกับโดนสาปให้เป็นหิน

"ตายแล้วววว ใครกันนะ จะทำให้เทพบุตรของเจ๊แหกกฎได้... ไปที่คำถามต่อไปดีกว่านะคะ ดูซิว่าบทสัมภาษณ์ของเราในวันนี้จะหวานหยดย้อยกันขนาดไหน คนนี้ดีกว่า เจ้าชายตองของเจ๊ เทศกาลปีใหม่ปีนี้มีคนที่น้องตองจะส่งมอบความรักให้หรือยังเอ่ย"

"มีแล้วครับ" นี่คือคำตอบแบบความเร็วแสงของไอ้พี่ตอง

"โอ้โหน้องตองคะ ตอบไม่ให้เจ๊มีความหวังเลยนะ ว่าแต่... เค้าเป็นใครบอกได้ไหม"

"ก็.. ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไรหรอกครับ อาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวเจ๊ไก่ก็ได้"

"ใครคะ ใครกัน ใกล้ตัวเจ๊ ตอนนี้ใกล้ตัวเจ๊สุดก็น้องน้ำชานี่แหละ"

"หูววววววววววววว"

นั่นไง นี่แหละฉ็อตที่ผมกลัวที่สุด จำได้เลยว่าตอนนั้นทำไรไม่ถูก

"ล้อเล่นค่ะลูก ดูซิ น้องน้ำชาหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว อะๆ ไม่แกล้งแล้วค่ะ ถามน้องตองต่อดีกว่าว่า ปกติมอบอะไรแทนความรักในเทศกาลสำคัญแบบนี้คะ"

"ถ้าปกติก็ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ครับ เห็นอะไรใกล้ๆตัวก็ซื้อเลย แต่ปีนี้อยากให้อะไรที่พิเศษๆหน่อย อย่างเช่นอะไรที่เกี่ยวกับความทรงจำของเรา"

"หล่อแล้วยังโรแมนติกอีก ไม่เอาไม่ถามต่อแล้ว เดี๋ยวเจ๊จะละลายตายลงตรงนี้ก่อน คนต่อไปนะ น้องบุ๋น คือ... คำถามนี้แรงนิดนึงนะ แต่ทางทีมงานขอให้เจ๊ถาม.... สำหรับน้องบุ๋นแล้ว ความรักจำกัดเพศไหมคะ"

จริงๆแล้ว พี่บุ๋นนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ๆ แต่ทีมงานคงตัดช่วงนั้นออกไป ทำให้เห็นว่าพี่เค้าตอบแทบจะทันที

"คง... ไม่จำกัดหรอกมั้งครับ ผมตอบในฐานะคนที่เรียนสายคณิตศาสตร์นะครับ ถ้าความรักจำกัดด้วยเรื่องเพศ งั้นลูกชายกับพ่อหรือลูกสาวกับแม่ ก็รักกันไม่ได้ซิครับ ที่สำคัญ... โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าเราจะมีความรักกับใคร ก็มีไปเถอะครับ"

"ตอบประทับใจเจ๊มาก งั้นสมมตินะ ถ้าอยู่ดีๆน้องบุ๋นเกิดจะต้องมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ จะเลือกคนแบบไหน ให้เลือกจากคนในนี้นะ อันนี้เจ๊ถามเพื่อความฟินของเจ๊เอง"

พิธีกรก็ช่างถามได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆ

พี่ท๊อปนิ่งอึ้งไปเลย

"ก... ก็... ผมเลือก..."

พี่ท๊อปก้มหน้ามองพื้นอย่างตั้งใจ ในใจคงจะลุ้นสุดๆ

"เจ๊ไก่ก็แล้วกันครับ"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด หวยมาออกที่เจ๊เฉยเลย ตอนแรกว่าจะให้เลือกหนุ่มๆในนี้ให้เจ๊ได้ฟิน แต่เลือกเจ๊ก็ฟินเหมือนกัน โอเค ถือว่าฉลาดตอบ อยู่เป็นนะคะน้องบุ๋น"

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่พี่ท๊อปดูจะหน้าเจื่อนๆไปนะ หลังจากที่พี่บุ๋นตอบออกไปแบบนั้น ตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมหันไปดู

หึ! นั่นพี่บุ๋นกำลังทำท่าอะไรน่ะ อย่างกับกำลังง้อพี่ท๊อปอยู่เลย มีโมเม้นแบบนี้ด้วยเหรอวะ



"มาๆๆ คนนี้กันบ้าง น้องต้อม ว่าที่เจ้าชายคนต่อไปของเจ๊ เชื่อในพรหมลิขิตไหมเราอ่ะ"

"เชื่อที่สุดเลยครับ" ไอ้ต้อมยิ้มกว้างเลย เจอคำถามนี้

"ตอบมั่นใจขนาดนี้ แสดงว่าเจอพรหมลิขิตแล้วแน่เลย นี่อย่าบอกนะว่าทำเจ๊อกหักอีกคนนึงแล้ว เบื่อจริงๆเลย เก็บหล่อๆไว้ให้เจ๊บ้างก็ไม่ได้... พรหมพิขิตหน้าตาเป็นยังไงคะน้องต้อม"

"หน้าตาก็คงจะคล้ายๆที่ผมเห็นอยู่เป็นประจำมั้งครับ แค่บางที มันจะต้องใช้เวลาให้จังหวะต่างๆมันลงตัว ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ ถึงจะเรียกว่าพรหมลิขิตไงครับ"

"โอเค มาถึงคนสุดท้ายกันดีกว่า น้องน้ำชา พูดถึงคำว่าลีดเดอร์กันบ้างนะ คิดว่าความรักสามารถนำทางเราให้ผ่านอุปสรรคต่างๆได้ไหม"

ผมรู้ในทันทีว่านี่คือคำถามที่แม่เตรียมมาให้ผมตอบโดยเฉพาะ แม่คงอยากให้ผมบอกกับพี่แอมให้ชัดเจนจริงๆ ไปเลย ซึ่งผมก็ตัดสินใจตอบอย่างเด็ดเดียวไปเลยเหมือนกัน

"ได้ซิครับ มันอาจจะยากหรือง่าย แต่ผมว่ามันก็จะผ่านไปได้ในที่สุด เพราะจริงๆแล้ว มันก็นำทางมาให้เราพบกับความรักแล้วครั้งนึง ก็แค่การนำทางให้พ้นปัญหาอุปสรรคไปก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ตราบเท่าที่ความรักมันมากพอ ผมว่า อุปสรรคไหนก็ต้องแพ้ครับ"

"ตอบสมกับเป็นลูกชายของ T-Queen จริงๆ"



"น่ารักจังนะครับ" ​พี่ตองกระซิบข้างๆผม น้องโชกุนหันมองอย่างสงสัย ส่วนผมอะเหรอ ก็ต้องเขินอยู่แล้วหละ ทำไงได้หละ ตัดสินใจพูดไปแล้วนิ



"วันนี้บรรยากาศสีชมพูมากเลย ขอบคุณน้องๆนายแบบทั้งหกคนของเราในวันนี้มากๆนะคะ ที่มาร่วมให้สัมภาษณ์กับรายการของเจ๊ หลังจากเทปนี้ออกอากาศคงจะมีกระแสตามมามากมาย ก็ขออวยพรให้ปฏิทินเซ็ตครั้งนี้ของน้องๆเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆคนนะคะ... กลับมาพบกับจิกกล้องแตกได้ใหม่สัปดาห์หน้า จะมีอะไรหน้าสนใจมาให้เจ๊ไปจิกไปเขี่ยมาให้คุณผู้ชมได้ดูอีก ไว้พบกันใหม่นะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ"



เห้อออออออออ

จบลงไปแล้ว หวังว่าจะโอเคนะ

หลังการชุมนุมดูทีวีจบลงก็ถึงเวลาเข้านอนของเด็กๆในโรงพยาบาลแล้ว พวกผมกำลังช่วยกันพาน้องๆเข้านอนตามเตียงของแต่ละคน



"คุณตองครับ"

จู่ๆผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งก็โผล่หัวมาจากประตูห้องแล้วเรียกหาพี่ตอง

"ครับ" พี่ตองขานรับ

"มีผู้หญิงที่ชื่อลูกแก้วโทรมาครับ ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ชั้นล่าง"



​เพล้งงงงงงง



หึ!?!?!?

เสียงอะไร

พี่ตองทำของเล่นร่วงพื้น แล้วทำไมทำหน้าอย่างกับโดนผีหลอกอย่างงั้นละ

ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเพื่อถามถึงความผิดปกติ แต่พี่เค้าก็เดินสวนผมออกไปอย่างไว ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลย จริงๆแล้ว แทบจะไม่เหล่ตามามองผมแม้แต่นิดเดียวเลยด้วยซ้ำ

ความรู้สึกแบบนี้คืออะไร

ผมหันมองหน้าทุกคนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันกับผม ยกเว้น! พี่บุ๋น

พี่บุ๋นหลบหน้าผมอย่างรวดเร็ว นั่นยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าพี่เค้าต้องรู้อะไรแน่ๆ



"พี่บุ๋น" ผมไม่รู้ว่าผมใช้น้ำเสียงแบบไหนกับพี่เค้า แต่ผมต้องการคำตอบในความสงสัยของผมเดี๋ยวนี้

"อะไร กูไม่รู้เรื่อง" ปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งคำถามแบบนี้ แปลว่าว่ารู้ชัวร์ กูต้องรู้ให้ได้

"ไม่รู้เรื่องอะไร พี่ตองเป็นอะไรอ่ะ แล้วใครคือลูกแก้ว" ทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆจัง เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน แต่นึกไม่ออก

"ก็บอกว่า..."

"บอกไปเถอะบุ๋น" พี่ท๊อปเดินเข้ามาอีกคน "ยังไงน้ำชาก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี"

รู้เรื่องอะไรวะ นี่มันเรื่องอะไรกันเนีย



พี่บุ๋นลังเลอยู่สักพัก "ค...คือ... พี่ลูกแก้วคนนี้ก็คือ....







.......คนที่เป็นเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ไอ้ตองมาเรียนที่มัณฑนา"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:51:08 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 30 : อุปสรรค








"มึงอย่าคิดมากน่า" ไอ้ต้อมพูดปลอบใจผมเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง "ไม่มีอะไรหรอก พี่บุ๋นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั่นเลิกกันไปแล้ว พี่ลูกแก้วอะไรนั่นหนะ"

"นี่มึงมีปุ่มกดข้ามหรือไงวะ ถึงได้ลืมรายละเอียดของเรื่องไป" ผมยอมรับว่าหงุดหงิดกับความเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย ผมได้แต่นั่งถอนหายใจใส่กับข้าว ทั้งๆที่มีแกงเห็ดอยู่ต่อหน้า แต่กลับไม่รู้สึกว่าอยากจะเคี้ยวอะไรลงคอเลย

ผมถูกไอ้ต้อมลากมาในตัวเมืองเพื่อรอขิงสอนพิเศษ มันพาผมมากินอาหารโปรดเพราะเห็นว่าผมเริ่มเครียดกับการหายตัวไปของไอ้แฟนบ้า สองสามวันมานี้พี่ตองแทบจะหายไปจากสารระบบ วันนี้ก็บอกว่าติดถ่ายแบบตั้งแต่บ่ายจนถึงดึก มีถ่ายงานอะไรกันทุกวันก็ไม่รู้ ทำให้ได้คุยกันแค่ทางโทรศัพท์สองสามครั้งต่อวัน ​รู้สึกไม่ดีเลย

​"เออ กูรู้ว่าพี่ลูกแก้วเป็นรักครั้งสำคัญของแฟนมึง เป็นผู้หญิงที่ทำให้พี่ตองพยายามมาเรียนที่มัณฑนา แต่ก็ยังไงวะ เค้าก็เรียนจบไปแล้ว ก็เลิกลากันไปแล้วไม่ใช่หรือไง พี่บุ๋นก็บอกอยู่ มึงคือปัจจุบันของพี่เค้า จะคิดมากทำไมวะ"

"แต่ว่าตั้งแต่ที่พี่ลูกแก้วโทรมา นี่ก็สามวันแล้วนะเว้ยที่ไอ้พี่ตองหายหน้าไป หรือเค้าจะเพิ่งคิดได้วะ"

"คิดได้อะไรของมึงไอ้ชาเย็น กว่ามึงกับพี่ตองจะผ่านอุปสรรคของสองบ้านมาได้ไม่ใช่ง่ายๆนะเว้ย แค่แฟนเก่าโทรหากริ๊งเดียวแล้วจะลืมความลำบากก่อนหน้านี้ไปได้เลย กูว่าตอนนี้มึงสนใจเรื่องซ้อมลีดก่อนไหม สิ้นเดือนนี้ก็จะโชว์สปีริดเชียร์อยู่แล้ว อาทิตย์นี้ก็ซ้อมหนักจะตาย ถือว่าดีอ๊อก มันจะได้ซ้อมได้เต็มที่"

"กูไม่มีอารมณ์วะ" นี่ผมพูดหรือคิดอยู่กันแน่ ทำไมรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ยังไงก็ไม่รู้

"โห ไอ้น้องน้ำชา ทีแต่ก่อนทำเล่นตัว ไม่ให้พี่ตองอยู่ใกล้มากเกินไป พอเค้าหายไปละจะเป็นจะตายนะมึงอ่ะ พี่ตองอ่ะเค้ารักกกกกกกมึง เชื่อกูดิ"

"มึงก็พูดได้ดิ มึงตัวติดกับขิงตลอดเวลานิ แล้วที่สำคัญนะ เรื่องการเฝ้ามองคนๆนึงนานๆอ่ะ กูเข้าใจความรู้สึกนั้นดี การพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆเค้า กูก็เข้าใจดี สนใจใส่ใจเรื่องของเค้า กูสัมผัสมาหมดแล้ว ถ้าไอ้พี่ตองมันจะยังมีความรู้สึกต่อพี่ลูกแก้วอยู่ กูก็คง..."

"นี่ไง! ไอ้ชาเย็น"

"เชี่ยไรมึงไอ้ต้อม" โห ไอ้ต้อม มึงเหิมเกริมถึงขั้นกล้าเอื้อมมือมาตบเกรียนกูเลยเหรอ

"เรียกสติมึงกลับมาไง ดราม่านะมึงอ่ะ นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่ละคร  อยากเปลี่ยนจากไอ้เกรียนเป็นไอ้เพ้อรึไง"

"ไอ้..."



"ต้อม ชา เห็นนี่หรือยัง" อะไรอีกหละ จู่ๆขิงก็เดินจ้ำอ้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับโชว์บางอย่างจากในไอแพ็ดให้ดู

"อะไรครับที่รัก" ไอ้ต้อมถามแฟนมัน มึงนิช่างไม่รู้จักอายจริงๆเนาะ "สอนเสร็จเร็วจังวันนี้"

"เพจแอนตี้แฟน" ขิงตอบ

อะไรนะ

"เพจอะไรนะ" ไอ้ต้อมถามก่อน

"นี่ไง เพจเฟซบุ๊ค ใช้ชื่อว่า Anti Love Leader คนกดถูกใจหลักห้าพันแล้วด้วย ​แค่วันเดียว"

ผมนี่รีบคว้าไอแพ็ดมาดูเลย

"เดี๋ยวนะ ไหนวันก่อนแม่จิตรบอกว่ากระแสคนชื่นชอบโปรเจ็ค Love Leader เยอะไง" ไอ้ต้อมสงสัย

ใช่ ผมเองก็ได้เข้ามาเช็คบ้างแล้ว จากภาพบางส่วนที่ T-Queen World Wide ปล่อยลงไปในสื่อออนไลน์ อาจจะมีคนไม่ชอบบ้าง แต่ภาพรวมก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีนะ

"นี่ไง" ไอ้ต้อมยื่นมือถือ เปิดคอมเม้นเฟซบุ๊คจากภาพที่พวกเราหกคนถ่ายมาให้ดูอีกครั้ง



^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

A : อ๊ายยยยย ^////^ จองทุกคนค่ะ

     (​20k Like)

B : นี่มันเซ็ตสามีแห่งชาตินี่นา #LoveLeader

     (18k Like)

            - C : เราว่าเซ็ตคู่จิ้นแห่งชาติมากกว่า ลองดูรูปอื่นๆซิ มีถ่ายเป็นคู่ๆด้วย

            - D : @C ใช่ๆ เราอยู่บ้านพี่ตองน้องน้ำชานะ หล่อกับน่ารัก เลือดพุ่งแป๊บ (ข่าวว่ามีภาพถอดเสื้อด้วย อ๊ายยยย)

            - B : ท๊อปบุ๋นเท่านั้น

            - E : ทุกคู่ ได้หมด แต่ขอแจมด้วย #พี่ตองน้องน้ำชา #ต้อมน้ำขิง #ท๊อปบุ๋น #LoveLeader

            - G : เกย์ สัด

            - C : @G ไปอยู่ในกะลามาหรือไงคะ มนุษย์ใช้นิ้วโป้งได้แล้วนะรู้ยัง

            - H : @G พ่องมึงดิสัด

            - B : @G ที่บ้านไม่รักง่ะ

F : เป็นปฏิทินเซ็ตแรกที่อยากได้มากที่สุด เบื่อดารา ลีดมอมัณฯหล่อกว่าตั้งเยอะ เจ๊ชอบกินเด็กค่ะ

     (15k Like​)

​           E : เห็นด้วย แจกที่ไหนยังไงบอกด้วยนะคะ @TqueenOfficial

           H : ด้วยยยยยยยยยย หนูจะไปดักรอทุกห้างเลย @TqueenOfficial​

I : ดันลูกชายชัดๆ

   (12k Like)​

​          C : @I ทำไมคะ ลูกชายทีควีนน่ารักจะตาย ทำไมจะดันไม่ได้

          G : ทีควีนกาก

          J : @G อ้าวๆ ด่าลูกชายเค้าไม่พอ มาด่าตัวแม่ของกะเทยไทยอย่างพวกกู เดี๋ยวไม่ได้ตายดีมึงอ่ะ

          A : @G ด่าทีควีน=ด่าแม่ อี G ส้นตีนหมา

              ---เปิดความคิดเห็นตอบกลับ 200 ข้อความ---

K : ขอเอาไปแต่งเป็นนิยายได้ไหม

     (19k Like)

​          L : แต่งเสร็จแล้วให้เราอ่านด้วยนะ #LoveLeader

          C : อ่านด้วยยยยย

M : อยากให้ถึงคริสมาสเร็วๆ จะเอาทุกคนเลย

     (8k Like)

​----แสดงความคิดเห็นอื่นๆ----

vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv



นี่ไง กระแสก็ไม่เห็นแย่ขนาดนั้นนี่นา



"ขิงรู้ แต่นี่ถึงขั้นมีเพจแอนตี้แฟนออกมาเลยนะ" ขิงมีสีหน้ากังวลใจ ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก คนที่ไม่คิดจะอยู่หน้าสื่อแบบขิงต้องมาโดนคนมากมายเกลียดแบบนี้ คงจะไม่เคยเจอมาก่อน แต่โชคดีที่อย่างน้อยขิงก็ยังมีไอ้ต้อมอยู่ให้กำลังใจใกล้ๆ ไม่เหมือนผมที่เหลือตัวคนเดียว

ผมหันมาดูเพจแอนตี้อีกครั้ง

​อือหือ

​คนพวกนี้จริงจังเกินไปไหมเนีย มีเวลาไปตัดต่อภาพให้ดูน่าเกลียด พร้อมกับคอมเม้นสบประมาทมากมาย เอาเป็นว่า.... ไม่ต้องไปสนใจหรอก ผมไม่อยากอ่านให้จิตตก เพราะตอนนี้ก็มีเรื่องให้จิตตกมากพออยู่แล้ว

"อย่าไปใส่ใจเลยขิง มีคนชอบมีคนไม่ชอบเป็นธรรมชาติของโลก" ผมพูดให้กำลังใจขิง ในขณะที่ตัวเองก็ไม่ได้มีกำลังใจสักเท่าไรนักหรอก "นักคณิตศาสตร์อย่างเรา ควรจะเข้าใจหลักการง่ายๆของโลกแบบนี้ เรื่องแค่นี้เอง"

"ชายังกังวลเรื่องพี่ตองอยู่เหรอ" ขิงถาม ผมคงจะแสดงสีหน้าไม่สบายออกมาชัดจริงๆ

"...." จะให้ตอบยังไงหละ

"แปลกนะที่ชาไม่รู้จักพี่ลูกแก้วมาก่อน"

"ทำไมอ่ะ" หมายความว่ายังไง คือก็รู้สึกคุ้นๆชื่ออยู่นะ แต่ผู้หญิงชื่อลูกแก้วก็มีเต็มประเทศไปหมด

"พี่ลูกแก้วน่ะ เค้าเป็นผู้นำเชียร์ของมหาลัยเรานะ ชาศึกษาเรื่องนี้มามาก ขิงนึกว่าชาจะรู้จักพี่เค้าอยู่แล้วซะอีก"



เดี๋ยวนะ



เห้ยยยยยยยยยยยย

​จริงด้วย!!!

นี่กูลืมผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไงกัน ตำนานอีกคนนึงของผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยมัณฑนานี่หว่า พี่ลูกแก้วคนนี้ เท่าที่จำได้คือเรียนจบไปแล้วนี่นา นิสิตจากคณะรัฐศาสตร์ คนที่เคยนำการแสดงผู้นำเชียร์ของไทยไปแสดงในต่างประเทศ ไม่นึกเลยว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับไอ้พี่ตองขนาดนี้ หรือว่า...

"จริงๆแล้วขิงว่า สาเหตุที่พี่ตองเป็นผู้นำเชียร์ของมหาลัยก็เพราะพี่ลูกแก้วนี่แหละ ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ขิงคิดว่า คนที่ทำให้พี่ตองพัฒนาทักษะด้านภาษาขึ้นมา ก็น่าจะเพราะคนเดียวกันนี้แหละ"

ยิ่งฟังยิ่งเหมือนจะแก้โจทย์ได้มากขึ้นเรื่อยๆแฮะ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกยินดีเลย

"มึงจะโทรหาใครวะ" ไอ้ต้อมสงสัย

"กูว่ากูเคยได้ยินชื่อพี่ลูกแก้วมาก่อนนะ คงมีคนนึงที่พอจะบอกได้" ผมกดโทรศัพท์หาคนที่คิดว่าจะสามารถคลายความสงสัยครั้งนี้ได้ "..... ฮัลโหลครับเจ๊ซีซี่"

"ว่าไงคะน้องน้ำชา"

"เจ๊ครับ ถามอะไรหน่อยซิ เหมือนผมจะเคยได้ยินเจ๊ซีซี่พูดถึงพี่ลีดคนสนิทของพี่ตองคนนึงใช่ไหมครับ คนที่ชื่อ... ลูกแก้วอะครับ"

"ก็.... ใช่จ้ะ แต่เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรนักหรอกนะ"

"หมายความว่ายังไงเหรอครับ"

"นี่ไปได้ยินอะไรมาหรือเปล่า"

"เปล่าครับ" ก็ต้องโกหกเท่านั้นแหละ จะให้บอกว่าโทรมาคาดคั้นความจริงได้ยังไง

"เจ๊ดูออกนะน้ำชา ถึงเจ๊จะไม่พูด แต่เจ๊ก็สนิทกับตองมานาน ตองกับน้ำชาอ่ะมีอะไรกันลึกๆอยู่ ถ้าอยากรู้เรื่องของพี่ลูกแก้วจริงๆ ทำไมไม่ถามจากตองเองหละ"

"ก็พี่ตองติดถ่ายแบบตลอดเลย ผมยังไม่มีโอกาสได้เจอเลยครับ"

"ติดงาน! ทั้งอาทิตย์นี้ไม่มีงานนอกเลยนะ จะติดงานได้ยังไง"

"ว่าไงนะ!!! แต่พี่ตองบอกว่าติดงานมาตั้งแต่วันพุธแล้วนะ" เรื่องบ้าอะไรอีกเนีย

"เอ่อ...."

"เจ๊ครับ บอกผมเถอะครับ" ผมพยายามอ้อนวอน เรื่องนี้มันชักจะมีเค้าผิดปกติแล้ว

"...." เจ๊แกเงียบไป "อะ... ก็ได้ ตองกับพี่ลูกแก้วเคยคุยๆกันอยู่พักนึง แต่เจ๊ไม่คิดว่าเค้าสองคนจะเคยคบกันหรอกนะ มันเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ตอนที่ตองอยู่ปีหนึ่ง พี่ลูกแก้วก็อยู่ปีสี่แล้ว แถมยังฝึกงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศหรืออะไรสักอย่าง ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน รู้แต่ว่าตองชอบตามพี่ลูกแก้วไปต่างประเทศบ่อยๆ" อ๋อ นี่ซินะ เหตุผลที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษได้ดี

"ทำไมเจ๊รู้เรื่องส่วนตัวของพี่ตองเยอะจัง" นี่กูควรจะอยากรู้อะไรเพิ่มอีกดีไหมวะ

"ก็เพราะ..."

"เพราะอะไรครับ"

"พี่ลูกแก้วขอตองให้เจ๊เป็นบั๊ดดี้เอง คือเจ๊รู้ว่าตองชอบพี่ลูกแก้ว ก็เลยไปขอร้องให้ช่วยพูดกับตองให้น่ะ"

"........." อย่างกับโดนค้อนทุบหน้าอกอย่างแรง

สำหรับพี่ตองแล้ว พี่ลูกแก้วสำคัญแค่ไหนกัน

"แค่นี้นะครับเจ๊" ผมไม่แน่ใจว่ากดวางสายไปหรือยัง



"ไม่เป็นไรนะมึง" ไอ้ต้อมคงเห็นว่าผมน้ำตาจะไหล



ทั้งคำโกหก ทั้งการกลับมาของคนรักเก่า และเรื่องการก่อตัวของกลุ่มแอนตี้แฟนอีก

ผมย้อนกลับมาคิดถึงคำให้สัมภาษณ์ที่มั่นอกมั่นใจของตัวเองว่าอุปสรรคทุกอย่างจะผ่านไปได้หากมีรักที่มากพอแล้วมัน..... สมเพชตัวเองชะมัด

ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไอ้คนที่กล้าโกหกผมมันยังมีคำว่ารักอยู่ในใจจริงๆหรือเปล่า



"โอ้ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องร้องนะ"

จู่ๆ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังอยู่ใกล้ๆกับร้านอาหารที่ผมกับเพื่อนนั่งทานข้าวกันอยู่ก็ทำให้ผมหันไปสนใจ

เธอเป็นหญิงสาวที่ผมยาวสวยในชุดราตรีสีชมพูอ่อน เหมือนกับว่าจะแต่งตัวไปงานสำคัญอะไรบางอย่าง แต่กลับวิ่งถลามาหาเด็กหญิงคนหนึ่งที่ยืนร้องไห้อยู่

"เป็นอะไรคะ แล้วพ่อกับแม่อยู่ไหนเอ่ย"

"แง่ๆๆๆๆ​" เด็กผู้หญิงร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม "มะ... แม่ แม่"

​"โอ้ๆๆๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ" ผมรู้ว่าเธอคงเดาได้แล้วว่าเด็กหญิงผลัดหลงกับแม่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี้ "คุณแม่ไปเข้าห้องน้ำนะคะ เดี๋ยวแป๊บเดียวก็มาแล้วนะ"

"แม่ แง่ๆๆๆๆ"

"ตอง ไปตามประชาสัมพันธ์มาให้หน่อย เร็วเข้า"

"............" ฺห๊ะ

นั่นมัน....

พี่ตอง

พี่ตองนี่นา

ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้หละ แถมยังใช้สูทหรูเต็มยศด้วย เดี๋ยวก่อนนะ งั้นผู้หญิงคนนี้ก็....

ช่วยเอามีดมาแทงตากูให้บอดทีเถอะ

พี่ลูกแก้วกับไอ้พี่ตองกำลังช่วยกันตามหาแม่ให้เด็กน้อยอยู่



"ไอ้ช..."

"เงียบๆ" ผมส่งสัญญาณให้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารทั้งสองของผมไม่ต้องพูดอะไร ในเมื่อตอนนี้ไอ้เจ้าตัวปัญหามันยังไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ ก็ดูมันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะรู้เหมือนกันว่าคำโกหกทั้งหมด มันทำขึ้นมาเพื่ออะไร



"อะ นี่ไง พี่กระต่ายน้อย" พี่ลูกแก้วหยิบพวงกุญแจรูปกระต่ายขนปุกปุยมาหลอกล่อเด็กสาวให้หยุดร้องไห้ แม้จะได้ผลไม่มากแต่ก็ถือว่าทำได้ดี "พี่สุดหล่อกำลังไปตามคุณแม่ให้หนูแล้วนะคะ... หนูชื่ออะไรเอ่ย"

"...." เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้น

"เด็กดีชื่ออะไรคะ บอกพี่กระต่ายหน่อยเร็ว" เธอหาวิธีถามชื่อเด็ก คงจะใช้เพื่อเป็นข้อมูลในการตามหาแม่ซินะ มีไวพริบไม่เบา

"ส.. แสนดี"

"น้องแสนดีคนเก่ง ไม่ร้องไห้นะคะ เดี๋ยวคุณแม่ก็มาหาแล้ว พี่กระต่ายจะรอเป็นเพื่อนเองนะ ไม่ร้องไห้ ไม่ร้องไห้ เย้... น้องแสนดีเก่งมากเลย"



นี่ซินะคนที่พี่ตองหลงรักจนถึงขั้นตามมาเรียนที่เดียวกัน พอเห็นแบบนี้แล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมไอ้บ้านั่นถึงยอมโกหกเพื่อมาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ ทั้งสวย ทั้งจิตใจดี แบบนี้... กูต้องยอมรับความจริงใช่ไหม



"มาแล้วครับ"

ผมถูกเรียกสติกลับมาเมื่อคนที่หายหน้าไปจากผมปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เค้ายังมองไม่เห็นว่าผมกับเพื่อนๆนั่งอยู่ในร้าน คงเป็นเพราะเครื่องตกแต่งในร้านช่วยอำพรางสายตาไว้ หรือไม่เค้าก็คงไม่คิดว่าผมจะมานั่งอยู่ตรงนี้และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้

"แสนดี ลูก แสนดีลูกแม่" หญิงร่างท้วมที่มาด้วยอีกคน ถลาเข้าหาลูกสาวตัวน้อยของเธอ "เป็นไงบ้างลูก แม่มาแล้วนะ"

"แม่" เด็กน้อยกอดแม่แน่น

"พอดีผมไปเจอคุณแม่ไปแจ้งประชาสัมพันธ์พอดี" พี่ตองเล่าให้พี่ลูกแก้วฟัง



แม้จะมีกระจกกั้นไว้ แต่ผมก็ได้ยินเสียงของไอ้คนตัวสูงอย่างชัดเจน มันช่วยไม่ได้เลยที่ผมจะน้ำตาไหลออกมา มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยากยิ่ง ทั้งโกรธ ทั้งเครียด ทั้งคิดถึง แต่ก็รู้สึกโล่งอก ในที่สุดก็ได้ยินเสียงและเห็นตัวจริงๆสักที ถึงมันจะเจ็บที่ได้รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกดีที่ได้เห็นหน้าเค้าจนได้



"ขอบคุณนะคะที่ดูแลน้องแสนดีให้แม่ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย" คุณแม่น้ำตาคลอ

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใครเห็นใครก็ต้องช่วย มีเด็กร้องไห้อยู่แบบนี้... อ่ะนี่จ้ะแสนดี พี่สาวให้พี่กระต่ายไว้นะ ต่อไปต้องเข้มแข็งนะคะ"

"ข.. ขอบคุณพี่เค้าซิลูก"

"ขอบคุณค่ะ" เด็กน้อยยังสนใจตุ๊กตาน่ารัก



"รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย"



ไอ้พี่ตองมันจะเร่งพาพี่ลูกแก้วไปไหน ท่าทางรีบร้อนอย่างกับจะกลัวใครมาเห็น

มาเดินควงกันขนาดนี้แล้วยังจะกลัวกูรู้เรื่องอีกหรือไง



"ได้จ้ะ... งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ"

"สวัสดีค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"

"ค่ะ"



"มึงจะไปไหน"

ไอ้ต้อมรั้งผมไว้ นี่มึงดูไม่ออกเลยหรือไงว่ากูจะไปไหน "มึงกลับไปก่อนเลยนะ"

"เห้ย เดี๋ยวดิ กูไปด้วย ยังไม่ได้คิดเงินเลย... น้องคิดเงินครับ"

ผมไม่สนใจแล้ว ผมรีบวิ่งออกจากร้าน หันมองหาจุดมุ่งหมาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:53:04 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(Part 2)

นั่นไง กำลังขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้ว

ลองทำเป็นโทรไปถามดีไหมนะว่าอยู่ที่ไหน ​ดูซิว่าจะโกหกว่ายังไง

​ไม่ดีกว่า ​เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตามไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า ขืนฟังคำโกหกอีก กูอาจจะรู้สึกแย่กว่านี้ก็ได้



ผมวิ่งกึ่งเดินตามไปอย่างระมัดระวัง ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังส่วนแยกของห้าง ส่วนที่มักจะใช้เช่าในการจัดงานสังสรรค์



"....."

ผมรีบหลบทันทีเมื่อทั้งสองหยุดเดิน ลืมไปเลยว่าเพิ่งจะน้ำตาไหลเสียใจไปเมื่อกี๊

ภาพที่เห็นคือพี่ลูกแก้วกำลังจัดแจงปกคอเสื้อและดูแลความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้ไอ้คนตัวสูงอย่างละเอียดละออ อย่างกับคู่รักแห่งปี ช่างเป็นภาพของคนสองคนที่คู่ควรกันจริงๆ

กูคิดถูกแล้วจริงๆเหรอที่วิ่งตามขึ้นมาเห็นสิ่งนี้

ผมต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เพราะแค่ทำตัวหลบๆซ่อนๆแบบนี้ก็เป็นที่สนใจของคนอื่นๆที่กำลังจะเดินเข้าไปในงานมากพออยู่แล้ว



​งานวันเกิดคุณนิวัฒน์ นิยมศิลป์ - เลี้ยวขวา



ผมอ่านป้ายบอกทางชั่วคราวที่เพิ่งจะมองเห็น

มางานวันเกิดเนี่ยนะ

​อ้าว ไปกันแล้ว

​ทั้งสองคนข้างหน้าออกเดินอีกครั้ง พวกเขาเลี้ยวขวาที่หัวมุม ผมก็รีบวิ่งตามทันที



เชี่ยยยยยยย

​เกือบไปแล้ว ผมไม่นึกว่าพ้นมุมเลี้ยวแล้วจะพบกับทางเข้างานเลย โชคดีที่พี่ตองไม่ทันมองเห็น

ผมกลับเข้ามาหลบที่มุมทางเดิน พยายามเงี่ยหูฟัง เพราะภาพสุดท้ายที่เห็นคือสองคนนั้นกำลังยืนหน้างานคุยกับใครบางคนอยู่ ใจจริงก็อยากแอบดูนะ แต่ถ้าทำพฤติกรรมแบบนั้นใกล้บริเวณงานขนาดนี้ คนคงจะหาว่าผมมาทำตัวน่าสงสัย ไม่วายโดนจับโยนออกนอกงาน



"สวัสดีค่ะ" นั่นคงเป็นเสียงพี่ลูกแก้ว

"ส... สวัสดี นี่..." ทำไมฟังน้ำเสียงของเจ้าภาพงานดูตกใจแปลกๆนะ

"สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆในปีนี้นะคะคุณลุง นี่คือของขวัญจากคุณปู่ค่ะ ท่านมาเองไม่ได้ ก็เลยส่งหนูมาแทน"

"อ.. อ๋อ หนูลูกแก้ว คุณท่านสบายดีเหรอ"

"สบายดีค่ะ แต่ช่วงนี้ทำงานหนักหน่อย เพราะว่าติดตรวจราชการอยู่ที่ชลบุรีน่ะค่ะ เห็นว่าช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่นั่นมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น คุณปู่ก็เลยลงพื้นที่ด้วยตัวเอง"

"ห๊ะ!"

"คะ?"

"อ๋อ ป.. เปล่าหรอก ก็ไม่เป็นไรหรอก ส่งหลานสาวนักการฑูตคนเก่งมาแค่นี้ก็ถือเป็นเกียรติให้ลุงมากแล้ว แล้ว..."

"อ๋อ ขอโทษทีค่ะ ลืมแนะนำไป นี่คือตองค่ะ" เริ่มแนะนำตัวกันแล้วซินะ "พอดีหนูไม่มีคนมางานเป็นเพื่อนน่ะค่ะ คงไม่ว่านะคะถ้าหนูจะพา​...แฟน...​มานั่งเป็นเพื่อน เก้าอี้คงจะพอว่างนะคะ"



"..........................................................."



อะไรนะ

รู้สึกเหมือนมีเสียงผึ้งตัวใหญ่กระพืบปีกรัวอยู่ในหู ลมหายใจก็ติดขัดเหมือนจะหายใจไม่ได้

ฟ... แฟน เหรอ?

แล้วกูที่ยืนอยู่ตรงนี้หละ คือตัวอะไร....



"ฟ... แฟน"

เสียงการสนทนายังคงเข้ามาในโสตประสาทของผม ขาของผมคล้ายว่ามันจะอ่อนแรงลง แต่ก็ไม่ทรุด เท้าอยากจะวิ่งออกไป แต่ก็เหมือนถูกรั้งไว้ สิ่งที่เพิ่งจะได้ยินคล้ายว่าจะสะกดนิ่งให้ตัวของผมหมดทางไป

"คะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมคุณลุงทำท่าตกใจขนาดนั้น หนูเห็นทำท่าตกใจตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ รู้จักแฟนหนูเหรอคะ"

"ค... คือ.. ลุงตกใจในความหล่อของพ่อหนุ่มน่ะ สมกันดีนะ หนูลูกแก้วก็สวย แฟนก็หล่อ แต่หล่อๆแบบนี้ ระวังไว้นะ เดี๋ยวจะโดนสาวๆคนอื่นแย่งเอาได้"

"ก็ทำยังไงได้ละคะ เค้าหล่อซะขนาดนี้ จริงๆก็มีสาวๆแอบมาตีสนิทเหมือนกันนะคะ บางคนถึงกับเข้าใจว่าตองเล่นด้วย เอาไปพูดเป็นตุเป็นตะว่าจะแต่งงานกัน หนูเค้นเค้าถามตั้งหลายรอบแล้วก็ไม่ยอมบอกว่าใครที่กล้าพูดขนาดนั้น ถ้ารู้ตัวนะ จะให้คุณปู่จัดการให้เข็ดเลย บังอาจมายุ่งกับแฟนของหนู นี่ยังไม่นับพวกที่เป็นข่าวคู่จิ้นอีกนะคะ"

"พูดไปนั่น ใครมันจะกล้าไปยุ่งกับแฟนหนูลูกแก้วได้ แถมผู้หญิงสวยชาติตระกูลดีขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนก็ไม่กล้านอกใจหรอกน่า"

"ตัวแฟนหนูไม่ค่อยห่วงหรอกค่ะ เพราะคบกันมาตั้งสองปีแล้ว แต่ห่วงสาวๆสมัยนี้มากกว่า ไม่น่าไว้ใจเลย"

แต่ละประโยคที่พี่ลูกแก้วพูดออกมา แม้มันจะปนไปด้วยเสียงหัวเราะเย้าล้อเล่น แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวแฟนหนุ่ม

เหมือนหัวใจของผมมันพร้อมจะหยุดเต้นลงตลอดเวลาเลย ทำไมมันจุกไปหมดแบบนี้



"มาทำอะไรไม่ทราบ"

นี่มันวันบ้าอะไรวะ ให้สมองกูได้พักเสียใจบ้างได้ไหม

จู่ๆ พี่แอม โจทก์เก่าก็ปรากฏตัวขึ้น มองหน้าผมเชิงสงสัยแต่ก็แสดงความรังเกียจอยู่ในที เธอเหมือนจะทำคิ้วขมวดอยู่ไม่นาน แต่สุดท้ายก็แสดงออกถึงรอยยิ้มของความมีชัยออกมา

สาวเจ้าคงเห็นสิ่งเดียวกับที่ผมสะกดรอยตามมา จริงๆเดาเอาจากสีหน้าบอกบุญไม่รับของผมก็พอรู้ว่าผมกำลังรู้สึกแย่แค่ไหน



"ยังไงก็แล้วแต่ เชิญสองคนในงานก่อนดีกว่านะ มีแฟนมาด้วยก็ดีแล้วล่ะ งานคนแก่แบบนี้ เดี๋ยวจะเบื่อเอาได้"

"งั้นเราสองคนขอตัวนะคะ สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะคะคุณลุง ไปเถอะที่รัก"

"สุขสันต์วันเกิดครับ"



บทสนทนาสุดท้ายยิ่งทำให้พี่แอมที่ยืนอยู่ต่อหน้าผมแสดงสีหน้าของความซะใจออกมาชัดเจนขึ้น



"ของที่แย่งคนอื่นเค้ามาน่ะ มันก็ไม่แปลกหรอกนะที่จะโดนแย่งไปบ้าง" เธอพูดด้วยรอยยิ้มแบบไม่มองหน้าผมสักนิด อย่างกับว่าการเห็นหน้าผมไปมากกว่านี้จะทำให้เธอติดเชื้อโรคร้าย "แต่ก็ดีแล้วละนะ จะได้มีเวลาซ้อมลีดมากขึ้น ไม่มัวไปสนใจเรื่องอื่น ยังไงก็แบกความรับผิดชอบของผู้นำเชียร์คณะวิทยาศาสตร์เอาไว้ รับผิดชอบด้วยก็แล้วกัน.... หรือไม่ก็...." นี่ถ้ามึงไม่ใช่ผู้หญิงกูจะกระโดดหวดก้านคอให้แน่นิ่งลงตรงนี้เลย อย่าคิดว่าใส่ชุดสวยๆมาแล้วกูจะไม่กล้านะ พูดมากขนาดนี้แล้วยังจะซ้ำเติมอะไรกูอีก "ถ้ามันอดใจวิปริตไปแย่งของคนอื่นไม่ได้จริงๆอะนะ ก็ลาออกไปซะ คณะวิทย์ควรจะมีคนดีๆให้สมเกียรติ"

"คนดีแบบไหนเหรอ" อย่าคิดว่ากูจะยอมง่ายๆนะ มึงมาด่ากูโต้งๆแบบนี้แล้วคิดว่ากูจะเป็นเต่าในกระดองหรือไง นี่กูไม่ใช่นางเอกหน้าโง่ในละครไทยนะ เตรียมรับมือกับกูให้ดีแล้วกัน อีพี่แอม "คนดีแบบที่เที่ยวอาละวาดทำลายข้าวของในห้องของคนอื่นอ่ะเหรอ หรือคนดีแบบที่ใช้อำนาจบุพการีมาบังคับฝืนใจให้คนอื่นมาแต่งงานกับตัวเอง ถ้าอวัยวะเพศของคนดีมันคันคะเยออยากโดนสากกระแทกมากขนาดนั้นละก็ คงจะสมเกียรติคณะวิทยาศาสตร์มากซินะ"

"แกกล้าดียังไง..."

"ลายมือ!"

"อะไรของแก พูดอะไร เสียสติไปแล้วรึไง" ยัง ยังไม่หมด ระลอกที่สองกำลังโจมตี มึงเริ่มก่อนเองนะ

"อาชญากรมักทิ้งร่องรอยของอาชญากรรมไว้เสมอ เคยได้ยินไหม? เสียดายนะที่เรียนคณะวิทยาศาสตร์มา ถึงได้ไม่รู้ว่าข้อความสั้นๆสามารถใช้ระบุเทียบเคียงตัวผู้เขียนได้ ต่อให้ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเขียนลงไปก็ตาม ไหนจะลิปสติก Guerlain KissKiss Gold And Diamonds Lipstick อีก​ ถูกไหม? คิดว่าในประเทศจะมีคนสั่งนำเข้าสักกี่คน .... อุตส่ายอมหัวสูงใช้ลิปสติกแท่งเป็นล้านเขียนข้อความสบประมาทคนอื่นลงบนกระจก คงจะลืมไปซินะว่าประเทศนี้ยังมีลูกชายของเจ้าแม่วงการแฟชั่นระดับโลกอยู่"

"......" ขอบใจนะที่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา คนอย่างมึงที่กูปล่อยให้พูดและทำอะไรตามใจชอบมานาน ควรจะโดนซะบ้าง คงไม่คิดละซิว่ากูตามสืบจริงจังขนาดนี้ ตอนแรกก็แค่กะว่าจะเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้เฉยๆ ทั้งๆที่พี่ตองบอกว่าไม่ต้องสนใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้ใจ ทำอะไรตามใจชอบมากเกินไปแล้ว

"บุกรุกทำลายข้าวของอาจไม่ใช่คดีร้ายแรง แต่ถ้ามันเป็นฝีมือของลูกสาวอธิบดีกรรมเจ้าท่า เรื่องนี้คงไม่เล็ก จริงไหม"

"....." สีหน้าของคนที่ต่อสู้ระหว่างความกลัวและความโกรธแสดงออกบนใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าผมอย่างชัดเจน แต่เธอก็สะบัดหน้ากลับไปเหมือนเดิมในเวลาไม่นาน "คนอย่าง​พวกเธอ​นี่มันก็น่าขำดีนะ เค้าประกาศชัดขนาดนั้นว่าคบหาอยู่กับคนอื่น ยังจะเอาตัวกระโดดเข้าปกป้อง ทำดีปิดทองหลังพระเหรอ ทุเรศ​... ส่วนเรื่องที่พูดน่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจตรงไหนเลย ​บุกรุก​งั้นเหรอ มากกว่านี้ชั้นก็ทำได้ แต่ถ้าคิดจะฟ้องก็เชิญตามสบายนะ อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าพวกโง่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เค้าไม่ได้รักตัวเองเนีย มันจะหน้าตาน่าสมเพชขนาดไหน"

"............................................." เออ

กูแพ้ มึงจะไปไหนก็ไป เชิญสะบัดผมเหยียดหยามกูให้เต็มที่

แม่ง ดันพูดถูกทุกอย่าง กูจะปกป้องเค้าไปเพื่ออะไรวะ ทั้งๆที่เค้า.... ที่ผ่านมามันคืออะไรวะ กูพยายามเพื่ออะไร กูไขว่คว้าวิ่งตามหลังมันมาถึงที่นี่เพื่ออะไร

ผู้นำเชียร์บ้าบออะไรกัน กูจะพยายามทำไม ​ทำไม



ผมเดินก้มหน้าน้ำตาไหลพรากอย่างอดกลั้นไม่ได้ แต่ละก้าวมันช่างไกลเหลือเกิน ​ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย​

เรื่องราวมากมายหมุนวนเข้ามาในหัวจนสับสนไปหมด แม้กระทั่งทางที่เดินอยู่ตอนนี้ผมยังแทบจะมองไม่เห็นมันด้วยซ้ำ ทั้งม่านน้ำตาที่บดบังไว้และสมองที่ไม่อาจประมวลผลได้

ผมได้แต่กักเสียงสะเอือนไว้ในลำคอไม่ให้มันระเบิดออกมาจนเป็นที่สนใจของคนในห้าง แต่มันก็ยากเหลือเกิน เหมือนมีจุกก๊อกใหญ่ๆอุดอยู่ในคอหอย ได้แต่เอามือแตะประคองผนังไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้จุดหมายของการเดิน



"หนูชอบพวกพี่มากเลยค่ะ... อ๊ายยยย ดีใจจังที่ได้เจอตัวจริง ขอบคุณที่ถ่ายรูปด้วยนะคะ" "หนูจะรอปฏิทินนะคะ" "แกๆถ่ายให้ชั้นบ้างซิ" "เห็นไหมแก บอกแล้วว่าเป็นพี่น้ำขิงจริงๆด้วย ก็ว่าอยู่ว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนจะเป็นติวเตอร์ของชั้นเลย"



เสียงจอแจเบื้องหน้าทำให้ผมต้องหยุดเดิน พยายามรวบรวมสติอีกครั้ง ผมมองเห็นไอ้ต้อมกับขิงยืนยิ้มถ่ายรูปให้เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งอยู่

ผมรีบหันหลังอย่างเร็ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่อยากให้ใครเห็นตัวเองในสภาพนี้



"แล้วพี่คนอื่นละคะ มาด้วยไหม" "ท๊อปบุ๋น" "ใช่ๆ พี่ตองน้องน้ำชาละ หนูชอบมากเลย พี่เค้ามาไหม หนูอยากขอถ่ายรูปด้วยจัง"

ในที่สุดก็เผลอปล่อยเสียงสะอื้นไห้ออกมา ทั้งๆที่พยายามกลืนมาลงท้อง แต่เพราะคำพูดนั้น ผมไม่อาจกลั้นความอึดอัดนี้ไว้ได้จริงๆ



"นั่นไงครับพี่น้ำชา... เห้ย ไอ้ชาเย็น น้องๆเค้าขอ.... เห้ย มึงเป็นไรเนี่ย" ไอ้ต้อมพยายามเดินมาเรียกผม แต่มันคงตกใจที่เห็นผมร้องไห้ ทำท่าเหมือนคนจุกอกหายใจไม่ออก มันลดเสียงเบาลง "เกิดไรขึ้นวะ"

"กรี๊ดดดดด พี่น้ำชา" "พี่น้ำชาจริงเหรอ" "พี่คะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อย"

"เดี๋ยวๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนครับน้องๆ" ไอ้ต้อมรีบกอดผมแล้วเอาหน้าของผมซุกไปที่หน้าอกของมัน ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้ผมอยากออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด "ค... คือ พี่น้ำชาแพ้แสงอย่างรุนแรง ตอนนี้ต้องพาไปโรงพยาบาลด่วนเลย ขอโทษนะครับ น้ำขิง ช่วยที"

"ห๊ะ! อ่า... เดี๋ยวเคลียร์ทางให้พี่น้ำชาหน่อยนะครับ" ผมได้ยินเสียงของขิง แล้วหลังจากนั้นอะไรๆก็ดูสับสนวุ่นวายไปหมด ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังถูกลากหรือพาไปไหน แต่ได้ยินเสียงเจียวจาวแปลกๆรอบตัว



หลังจากขึ้นมาถึงรถยนต์ได้ ไอ้ต้อมก็โทรหาพี่ตองทันที มันทั้งขับรถและถามไถ่พี่เค้าเสียงดัง ตามมาด้วยการด่าทอสารพัด

ไม่รู้ซิ ถ้าเป็นทุกครั้งผมคงห้ามมันไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกต้องการอะไรทั้งนั้น ผมรู้สึกไม่มีแรง ไม่อยากจะได้ยินอะไรเพิ่มเติมอีก

ทั้งหมด มันพังลงแล้ว....

แปดปีที่เราเฝ้ามองเค้า มันเป็นภาพลวงตาของคนที่โกหกตัวเองอยู่เหรอ.....

หรือที่จริงแล้วมันเป็นแค่มุกตลกครั้งใหญ่ของชีวิตเท่านั้น....











#เสียงโทรศัพท์

.......

.......

#เสียงโทรศัพท์​

.......

#เสียงโทรศัพท์​

..

#เสียงโทรศัพท์​

.

#เสียงโทรศัพท์​

#เสียงโทรศัพท์​

#เสียงโทรศัพท์​

#เสียงโทรศัพท์​

#เสียงโทรศัพท์​

#เสียงโท....



......ในที่สุดมันก็เงียบลงซะที  แบตเตอร์รี่คงจะหมดซินะ



"น้ำชาลูก" เสียงของแม่ผมดังมาจากด้านนอกห้อง

ผมขอร้องให้ไอ้ต้อมมาส่งผมที่บ้าน ทีแรกก็อยากจะพบแม่เพราะความเสียใจ แต่ตอนนี้กลับอยากจะอยู่คนเดียว หลังจากมาถึง ผมก็เลยขอแม่เข้ามาในห้องนอนทันที

"ทะเลาะกับพี่ตองมาใช่ไหม" แม่พยายามหาทางคุยด้วย แต่เธอเข้ามาในห้องที่ล็อคไม่ได้ "ต้อมเล่าให้แม่ฟังแล้ว แม่เป็นห่วงนะรู้ไหม"

"แม่ครับ ชาขออยู่คนเดียวสักพักได้ไหมครับ" ผมยังไม่อยากคุยอะไรจริงๆ

"แม่เข้าใจ แต่ว่า... อย่างน้อยก็ให้ขิงเข้าไปนอนเป็นเพื่อนได้ไหม  แม่ไม่อยาก..."

"ไม่เป็นไรครับแม่ ชาไม่คิดทำอะไรไม่ดีหรอกครับ แม่ไม่ต้องห่วง.... จริงๆนะ"

"..... ถ้างั้น มีอะไรก็เรียกแม่นะ ต้อมกับน้ำขิงก็นอนอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าน้ำชาต้องการเพื่อน"

"ครับ..."

ผมรู้ว่าแม่ยังยืนกังวลอยู่หน้าห้องสักพักก่อนที่จะตัดสินใจเดินจากไป



ขาของผมเดินไปอย่างไม่รู้ตัว ตรงไปหากรอบรูปข่าวจากกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าอันใหญ่ที่ผมใส่กรอบไว้เป็นอย่างดี



​เด็กชายใจกล้า โผกระโดดน้ำช่วยคน เด็กน้อยหวิดตายเฉียดฉิว



คำข่าววิ่งวนในหัวเหมือนควันลอยคว้างกลางห้องมืด

ภาพข่าวที่เหมือนสะกดให้ดวงตาเพ็งมองแต่ไร้ความเข้าใจ

ผมอยาก.... ผมรู้สึกอยากจะโยนมันทิ้ง หรือทุบมันให้แตก

แต่ว่า....

มันคือจุดเริ่มต้นของความหวังในชีวิตของผม ผมเฝ้ามองดูมันอย่างมีแรงบันดาลใจมากว่าแปดปี มันเป็นดั่งกล่องดวงใจที่ผมไม่อาจจะทำร้ายทำลายมันลงได้ด้วยมือตัวเอง



"ฮือ.... ฮือออออ........... "

ในที่สุดผมก็ยอมแพ้ต่อตัวเอง

เคยเห็นแต่ว่าในละครจะมีฉากที่คนกอดกรอบรูปร้องไห้กองอยู่กับพื้น ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะต้องมีเจ็บปวดรวดร้าวขนาดนี้ เหมือนมีมืออันใหญ่กำหัวใจดวงเล็กนี้ไว้แน่นและบีบคั้นร้าวจะให้มันแตกสลาย

​ทำไม่ได้  ผมทำไม่ได้

​​ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้

​​ผมเกลียดความอ่อนแอ

​​ทำไม... ทำไมผมถึงยังรักเค้าขนาดนี้

​​ได้โปรด.... หยุดความรู้สึกนี้ทีได้ไหม ได้ไหม... ขอร้อง ได้โปรด......







เช้าวันเสาร์ปรากฎขึ้นอย่างยากลำบาก

และมันยิ่งยากขึ้นอีกเมื่อผมต้องรับแขกที่ไม่คาดคิดมาก่อน...

​คุณวินัย



ผู้จัดการบริษัทด้านเรือขนส่งสินค้ารายใหญ่ของเอเชีย คนจากตระกูลขัตติยชาติ คนจากบ้านของ.... ​เค้าคนนั้น



"คุณหนูน้ำชาครับ" นั่นคือคำแรกที่ผมได้ยินหลังจากเรานั่งประจัญหน้ากันในสวนหลังบ้าน "ผมขอร้องให้คุณหนู...









.....ช่วย​ยกโทษให้คุณชายน้อยด้วยเถอะครับ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:53:55 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
หน่วงไปอี๊กกกก# ช่วยอัพเดทวันที่อัพโหน่ยค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 31 : ความทรงจำ







ท่าเรือแหลมฉบัง  จังหวัดชลบุรี



"มึงนี่ก็กล้าเนาะ เค้าชวนมาก็มา" ไอ้ต้อมแขวะผมหลังจากลงจากรถยนต์ได้

ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่สงสัย กูเองก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมกล้ามาถึงที่นี่

หลังจากการพบกันตอนเช้าระหว่างผมกับคุณวินัย เค้ามาพูดขอให้ผมยกโทษให้พี่ตอง แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังไปมากกว่าการชวนมาที่เขตโกดังท่าเรือของบริษัทตระกูลขัตติยชาติ

มันก็ยังงงๆ อยู่อะนะ

ความสับสนและความเศร้ายังกัดกินผมอยู่เนื่องๆตลอดการเดินทางมาที่นี่ แต่ทันทีที่ได้สัมผัสลมทะเล ก็คล้ายว่ามันจะช่วยพัดความโศกเศร้าไปได้สักพัก

ที่นี่มีเสียงหวูดเรือและรถวิ่งเข้าวิ่งออกจอแจ แต่ก็ยังดูมีระบบระเบียบในความวุ่นวายนี้

ผมเห็นเรือลำใหญ่มากมาย ทั้งจอดและกำลังแล่นอยู่บนทะเล แม้จะยังไม่ได้เข้าไปในเขตรั้วเหล็กแต่ก็มองเห็นลานซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่ทอดเชื่อมแผ่นดินกับมหาสมุทรไว้ด้วยกัน เสียงเลื่อนแม่แรงและเสียงเหล็กสลิงถูกตึงจนเหยียดยาว ช่างสร้างความสนใจให้กับผมได้ไม่น้อย

"แต่ที่นี่ก็เจ๋งดีว่ะ" ไอ้ต้อมพูดอีกครั้ง "ดีเหมือนกัน มึงจะได้ไม่คิดมาก มาเปิดหูเปิดตา แล้วตอนนี้พี่ตองอ่..."



"คุณหนูน้ำชา มาถึงแล้วเหรอครับ" เสียงคุณวินัยแทรกขึ้นมา เค้ากำลังวิ่งมาจากด้านในรั้วเหล็กสูง จากนั้นประตูก็ถูกสั่งให้เปิดออกเพื่อต้อนรับผม ไอ้ต้อม และขิงอีกคน

"สวัสดีครับ" ผมกล่าวทักทาย เอาจริงๆนะ ผมยังรู้สึกอยากหันหลังกลับขึ้นรถแล้วสั่งให้ไอ้ต้อมพาผมกลับอยู่ดี แต่ความรู้สึกค้างคาในใจบางอย่างก็ยังทำให้ผมอยากค้นหาคำตอบอยู่ดี คำตอบที่เผื่อว่ามันจะมีมากกว่านี้ นี่คงเป็นนิสัยแย่ๆของนักคณิตศาสตร์แบบผมซินะ

"เชิญข้างในดีกว่าครับ... เด็กๆ มาเอารถคุณหนูไปเก็บหน่อยเร็ว" คุณวินัยเรียกคนงาน "เดี๋ยวเรานั่ง club car (รถกอล์ฟ) กันไปดีกว่านะครับ คุณท่านชอบให้ใช้เครื่องยนต์เล็กในท่าเรือมากกว่า เพราะสัญจรสะดวก"

"คุณพ่.. เอ่อ คุณท่านอยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ" เกือบจะหลุดปากไปแล้วเชียว

"อยู่ครับ แต่อยู่ส่วนขนย้าย ไปกันเถอะครับ"

ไปก็ไปวะ



​KTYC Trading Co.,Ltd

​นี่ไงชื่อบริษัท ผมรู้จักมันมานานแล้วล่ะ ก็แน่ละซิ ผมต้องรู้อยู่แล้ว แต่ก็เพิ่งจะเคยเข้ามาครั้งแรก

ผมรู้สึกสะดุดตากับป้ายขาวกรอบสีแดงที่เหมือนจะเพิ่งถูกวางทิ้งให้นอนอยู่ใกล้กับส่วนทางเข้า สายตาก็พลันอ่านข้อความนั้นอย่างรวดเร็ว



​ด้วยคณะพิธีการนำเข้าทางเรือ กรมศุลกากร ได้รับการร้องเรียนด้านคุณภาพและกระบวนการขนส่งสินค้าของบริษัท เคทีวายซี จำกัด มหาชน เหตุอันน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ กรมศุลกากรขอออกคำสั่งโดยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 37 และมาตรา 38 เพื่อหยุดกระบวนการดำเนินงานภายใต้งานบริหารและ/หรือคำสั่งของบริษัท เคทีวายซี จำกัด มหาชน​ ไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อทำการตรวจสอบ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

​​ออก ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2560



วันที่เจ็ดเหรอ ก็วันพฤหัสฯที่ผ่านมาเองนี่นา ป้ายโดนรื้อออกแล้วเหรอ ข้อความแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ทำไมใช้เวลากันแค่วันสองวันเอง....



"ไอ้ชาเย็น ขึ้นรถได้แล้ว"

ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกเรียก กำลังคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่นี่ เมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งจะเกือบเสียหายเพราะเรือขนสินค้าไม่พอ โชคดีที่เรามาช่วยแก้ปัญหาให้ได้ทัน พ้นมาไม่กี่วันนี้ยังโดนตรวจสอบอีก ทำธุรกิจระดับชาติแบบนี้น่าปวดหัวจัง



"ชาเห็นนี่หรือยัง" ขิงส่งไอแพ็ดมาให้ผมดูอีกแล้ว "มีคนทำแฟนเพจให้พวกเราด้วยล่ะ"

"ห๊ะ?" จริงดิ

"ใช่ มีคนกดไลค์สองหมื่นกว่าแล้วนะ แค่คืนเดียวเอง"



​Love Leader Fan Team



​ตั้งชื่อเพจได้หึกเหิมสุดๆ แต่พวกเค้าจะรู้หรือยังนะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่พวกเค้ากำลังเชียร์อยู่

เห้อ....

เลิกคิดดีกว่า

หึ!?!?

เดี๋ยวนะ นี่มัน....



"เห็นนี่กันหรือยัง มีคนเอามาโพสลงแฟนเพจด้วยอ่ะ" ผมตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นมากกว่าบรรยากาศอลังการรอบข้างซะอีก

"อะไรวะ" ไอ้ต้อมสงสัย มันเพ็งมอง "อ๋อออออ รูปที่ท๊อปถ่ายคู่กับพี่บุ๋น แล้วไงวะ เค้าก็แค่ถ่ายรูปคู่กัน ก็ปกติแหละ นี่มันเพจคนที่เค้าชื่นชอบพวกเรานะเว้ย จะมีรูปสองคนนี้มันจะไปตื่นเต้นตรงไหนวะ รูปกูกับน้ำขิงที่ถ่ายกับน้องๆที่ห้างเมื่อวานก็มีลง มึงไม่เห็นตื่นเต้นบ้างล่ะ"

อือหือ มาเป็นชุด

"ไอ้สาดดดดด" เอานี่ไม่แดก

"ไอ้ชา มึงตบเกรียนกูทำเจี๊ยวอะไรของมึงวะ คนเยอะแยะ เสียลุคคนหล่อหมด"

"เดี๋ยวจะโดนอีกซะทีนะมึงอ่ะ นี่ มึงอ่านแคปชั่นก่อนไหม '​เมื่อคืนมาส่งท๊อปบุ๋นไปเกาหลี แอบไปฮันนีมูนกันหรือเปล่านะ​' แล้วมึงดูรูปนิ มีกระเป๋าสองใบด้วย เข้าใจรึยัง"

"ไหนๆ" ความรู้สึกช้าจริงนะมึง "เห้ย พี่เค้าไปเกาหลีด้วยกันเหรอวะ แล้ว... เค้าไปทำไรกันวะ"

"โอ๊ะ" เออ กูยอมในความโง่ของมึงแล้ว

"เออ กูรู้ แหม่... ก็เห็นมึงกำลังทำหน้าตาแจ่มใส ไม่อยากให้กลับไปเศร้าอีกไง" นั่นไง ถ้ามึงไม่พูด กูก็คงลืมได้อีกสักสองสามนาทีอยู่หรอก "น่ะ พูดไม่ได้เลย... มึงก็เลิกหลอกตัวเองเหอะ มึงยังรักพี่ตองอยู่ ไม่งั้นมึงจะมาที่นี่ทำไม จริงไหม"

"กูมาเพราะกูมีมารยาทเว้ย คุณวินัยเค้าเป็นผู้ใหญ่ ออกปากชวนเอง จะให้กูปฏิเสธได้ไง กูเป็นเด็กนะ" ไอ้เชี่ยต้อมสารเลว มึงชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ



"นี่ผมทำให้คุณหนูน้ำชาลำบากใจที่ต้องมาที่นี่เหรอครับ"

กรรมละไง ลืมไปเลยว่าคุณวินัยก็นั่งมาด้วย

"ป... เปล่าครับ" แก้ตัวว่าไงดีหละ "ผมก็อยากมาลองดูอะไรใหม่ๆบ้างเหมือนกันครับ ก็คุณวินัยเคยแนะนำให้ผมมาดูงานที่นี้มาก่อนไม่ใช่เหรอครับ ก็เลย... ดูไว้เป็นทางเลือกน่ะครับ เผื่อเรียนจบมาแล้วผมตกงาน"

"อย่างคุณหนูน้ำชาไม่ต้องกลัวตกงานหรอกครับ เก่งๆแบบนี้มีแต่บริษัทจะแย่งตัวกัน หรือถ้าไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ ที่นี่ก็ยินดีต้อนรับนะครับ... คือจริงๆแล้ว อย่าไปบอกคุณท่านนะครับว่าผมแอบเล่าให้ฟัง คุณท่านแอบสั่งให้ช่างมาออกแบบห้องทำงานใหญ่โตไว้ที่ตึกบริหาร ผมถามก็บอกแต่ว่าจะทำไว้ให้ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์"

"แล้ว...??" คือทำไมคุณวินัยต้องทำอย่างกับมันเป็นความลับขนาดนั้นด้วย แค่สร้างห้องทำงานเอง

"ก็มันเป็นตำแหน่งใหม่น่ะซิครับ ไม่เคยมีผู้จัดการฝ่ายนี้มาก่อน แถมยังสร้างไว้ติดกับห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ด้วย ห้องที่จะเป็นห้องทำงานของคุณชายน้อยในสองสามปีข้างหน้า ไม่มีหรอกครับที่ห้องผู้จัดการสองฝ่ายจะมาอยู่ติดกัน ยิ่งผมเห็นรายการสั่งซื้อแผนที่โลก แผนที่เดินทะเลทั้งแบบตั้งแบบนอน โต๊ะตารางสเกล กับอุปกรณ์เครื่องมือคณิตศาสตร์ชุดใหญ่ ผมรู้เลยล่ะครับว่าคุณท่านสร้างห้องทำงานไว้ให้คุณหนูน้ำชา ไหนจะที่ดินที่ริมทะเลที่ไปซื้อมาอาทิตย์ก่อนอีก ผมว่านะคุณท่านเตรียมสร้างบ้านไว้ให้คุณชายน้อยอยู่กับคุณหนูแน่เลย"

"เอ่อ............................" อึ้งไปเลยกู ยังไงละทีนี้



"โหวววววววววว พ่อแฟนมึงนิทุ่มทุนสร้างจริงว่ะ" ไอ้ต้อมทำตาโตใส่ผม "สงสัยจะเตรียมรอรับลูกสะใภ้คนเก่ง"

"ไอ้สั..." ไม่ได้ๆ ห้ามหยาบคายต่อหน้าพูดใหญ่อีก "หุบปากไปเลย... พี่ตองให้คุณวินัยมาพูดกับผมแบบนี้ใช่ไหมครับ" คุณวินัยเป็นคนมาขอร้องให้เรายกโทษให้เค้า งั้นสองคนนี้ก็ต้องมีส่วนรู้เห็นอะไรกันแน่ๆ

"ไม่ใช่นะครับ คุณชายน้อยไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน"

"งั้นก็บอกคุณท่านให้หยุดสร้างเถอะครับ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก" ต้องรู้อะไรกันแน่ๆ ผมไม่หลงกลหรอก

"งั้นก็รบกวนคุณหนูเรียนคุณท่านด้วยตัวเองเลยนะครับ"



​​ห๊ะ

​เอาแล้วไงกู นั่นพ่อพี่ตองนี่หว่า ที่ยืนอยู่หน้าโกดังใหญ่ กำลังควบคุมการทำงานของคนงานให้ยกของออกไปขึ้นเรืออย่างแข็งขัน ที่สำคัญคือผมมาถึงตรงนี้แล้วด้วย



"คุณท่านครับ คุณหนูน้ำชากับเพื่อนๆมาแล้วครับ"

"อ้าวๆๆ มาถึงกันแล้วเหรอ เป็นไงๆ สบายดีกันนะ ​​อั๊ยย๊า กล่องนี้มันใหญ่ ลื้อแบกกันสองคนได้ไงล่ะ เดี๋ยวข้าวของลูกค้าเสียหายหมด... เอ็งสองคนนั่น! มาช่วยกันยกกล่องนี้ซิ"

"ส.. สวัสดีครับค... คุณท่าน" ผมควรจะเรียกว่ายังไงดี สถานะของผมกับลูกชายของเค้าตอนนี้ เค้าจะรู้เรื่องหรือยังนะ

"บอกแล้วไงว่าให้เรียกตามอาตี๋เล็ก" นั่นไง แสดงว่ายังไม่รู้เรื่อง พูดยากแล้วล่ะ งานนี้ "คุณทงคุณท่านอะไรกัน อาน้ำชาก็เหมือนลูกป๊านะ ไปๆๆ เดี๋ยวเราไป..."

"เอ่อ คุณท่านครับ" คุณวินัยแทรกขึ้นมา

"อะไรอาวินัย ลื้อนี่ชอบขัดจังหวะจริงๆเลยนะ อั๊วจะพาอาน้ำชาไปเที่ยวโรงงาน"

"คือ... คุณหนูน้ำชามีเรื่องจะเรียนคุณท่านน่ะครับ"

นั่นไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนถูกกดดันวะ

"อะไรนะ? อาน้ำชามีเรื่องอะไรเหรอ เดือดเนื้อร้อนใจอะไร บอกป๊ามาได้เลย ไม่ต้องไปบอกผ่านอาวินัยก็ได้ ยังไงเราก็คนกันเองอยู่แล้ว นะ"

เอิ่มมมมม  ยิ่งพูดยากกว่าเดิมอีก

.....เอาวะ ยังไงก็พูดก่อนดีกว่า ก่อนที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่

"เรื่องห้องทำงานอะครับ"

"อั๊ยยย๊า! ใครบอกอาน้ำชาเรื่องนี้ อาวินัย! ลื้อเป็นคนบอกใช่ไหม อั๊วอุตส่าแอบทำเป็นความลับ กะว่าจะทำให้อาน้ำชาประหลาดใจ นี่มันของขวัญวันเรียนจบของอาน้ำชานะ แล้วแบบนี้อั๊วจะเอาอะไรไปเซอร์ไพส์ได้ล่ะ"

"ป... ประทานโทษอย่างยิ่งครับคุณท่าน"

"ลื้อนี่มันใช้ไม่ได้เลยนะ ห๊ะ เอาความลับอั๊วไปบ...."

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ อย่าไปว่าคุณวินัยเลยครับ คุณท... คุณพ่อ" เอาแล้วไงกู ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่โดนด่าต่อหน้าต่อตาเลย "ผมแค่จะบอกว่า ไม่ต้องสร้าง... เอ่อ ห้องทำงานไว้ให้ผมก็ได้ครับ คือตอนนี้ผมกั...."

"ไม่ได้ๆ จะไม่สร้างได้ยังไง" ท่านครับ ช่วยฟังผมให้จบก่อนได้ไหม แล้วก็ไม่ต้องทำเสียงอ่อนคุยกับผมก็ได้ครับ ทำเสียงดุๆเหมือนคุยกับพวกคนงานก็ได้ แบบนี้จะยิ่งทำให้ผมทำใจบอกความจริงกับท่านลำบากมากขึ้นนะ "จะมาให้อาน้ำชาทำงานรวมกับพนักงานทั่วไปได้ยังไง ต้องอยู่ในห้องเย็นๆ เครื่องไม้เครื่องมือดีๆ นี่แถมป๊ายังจะสร้างไว้ติดกับห้องทำงานของอาตี๋เล็กด้วยนะ อาตี๋มันจะได้คอยช่วยอะไรอาน้ำชาได้ไง"

"คือเรื่องนั้น..."

"อย่าบอกนะว่าอาน้ำชาไม่คิดอยากจะทำงานบริษัทป๊า"

"ก็..."

"อั๊ยย๊าาาา อั๊วนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ จะไปเจ้ากี้เจ้าการให้อาน้ำชามาทำงานที่นี่ได้ยังไง เอาหละๆ ป๊าข้าใจแล้ว คนเก่งๆเค้าก็คงอยากทำงานที่มันสบายๆ ไม่ต้องมาคอยแออัดอยู่กับคนงานแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร ถือว่าป๊าทำห้องพักไว้ให้ก็แล้วกัน นะ"

"ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำงานที่นี่นะครับ ที่นี่ก็น่าสนใจ..."

"งั้นก็ดีซิ มาทำงานที่นี่ดูก่อน นะ ถือซะว่าได้มาอยู่กับอาตี๋เล็กด้วย เรื่องเงินเดือนนะ อาน้ำชาอยากได้เท่าไหร่ก็บอกป๊าได้เลย ถ้าทำไปนานๆแล้วไม่ชอบจริงๆ ก็ไม่ต้องทำก็ได้ เออๆๆ นี่ๆ พอดีเลย ช่างเพิ่งจะเอารายการของมาให้ดู ป๊าก็ดูไม่ออกหรอกว่าอันไหนมันดีไม่ดี มันมีแต่ของที่เอาไว้คิดเลขคิดสูตรทั้งนั้นเลย ไหนๆอาน้ำชาก็รู้แล้ว งั้นก็ช่วยป๊าเลือกหน่อยก็แล้วกันว่าจะซื้ออะไรมาบ้างดี มีทั้งเครื่องวัดปรับระดับสะ.. สะ อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ไหนลองช่วยป๊าดูหน่อย"

คุณท่านนนนนนนนนนนนนนน  ช่วยหยุดฟังผมซักแป๊บนึงได้ไหม

หาจังหวะพูดไม่ได้เลยกู

แล้วอะไรเนีย โปชัวสินค้าเต็มเลย

หึ?! วงเวียนอะไรวะ โคตรล้ำ น่าซื้อมาลองใช้จัง

เอ๊ย!!!

ไม่ได้ๆ ต้องรีบคุยกับคุณท่านให้รู้เรื่องก่อน



"เดินไปคุยกันไปก็ได้ มาๆเดี๋ยวป๊าพาดูโกดัง เห็นวุ่นวายๆแบบนี้แต่ป๊ากับม้าก็จัดระบบไว้ดีนะ หลังจากที่เดือนที่แล้วได้มาลงทำงานเองอีกก็มีไฟอยากทำงานใหม่ นี่ต้องขอบใจอาน้ำชามากเลยนะที่ทำให้ป๊าไม่ไปอุดอู้อยู่แต่ในห้อง"



"คือ.... ท่านครับ" โอ๊ยยยย อะไรอีกไอ้ต้อม มึงให้กูพูดกับคุณท่านก่อนได้ไหม "ผมสองคนขอไปเดินเล่นที่โป๊ะได้ไหมครับ"

"ได้เลยๆ" คุณท่านตอบคำถามทุกคนอย่างว่องไวจริงๆ "อาวินัยก็ดูแลด้วยนะ"

"ครับท่าน"

"อ้าว นี่ไงอาน้ำชา" ห๊ะๆๆ อะไรอีกแล้ว คุณท่านเดินนำไปไหนแล้ว "อันนี้โกดังเก็บพวกรถยนต์ส่งออกนะ นี่ไง จำได้ไหม รถรุ่นนี้แหละที่เรือของเราขนไปส่งที่จีนเดือนที่แล้ว ลูกค้าทางโน้นชอบใจใหญ่ บอกว่าบริษัทผลิตรถในประเทศเราทำงานเร็ว จริงๆแล้วต้องชมว่าขนส่งเร็วมากกว่า จนอาทิตย์ก่อนบริษัทรถยี่ห้อนี้ถึงกับมาเซ็นสัญญาส่งออกกับท่าเรือของป๊า นี่น่ะเป็นผลงานของอาน้ำชาเลยนะ แล้วจะมาบอกไม่ให้ป๊าสร้างห้องทำงานให้ได้ยังไงหละ แค่นี้มันเล็กน้อยมาก อันนั้นโรงซ่อมบำรุงเรือเล็ก ถ้าเข้าไปก็จะเห็นโกดังที่เชื่อมต่อกับทะเล...."

แล้วคุณท่านก็สาธยายทุกอย่างให้ผมฟังไม่หยุด ผมหาจังหวะพูดด้วยไม่ได้เลย ยิ่งเห็นท่านพูดทุกอย่างออกมาด้วยความภาคภูมิใจแบบนั้นยิ่งไม่กล้าขัดคอ

แต่พูดก็พูดนะ การแก้ปัญหาของผมคนเดียวเมื่อเดือนที่แล้ว ถ้าฟังจากที่คุณท่านพูด เหมือนมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีไปเยอะพอสมควรเลย ผมก็แอบภูมิใจไปด้วยไม่ได้

ที่นี่มีลมทะเลพัดตลอดเวลาเลย การทำงานก็ไม่จอแจเกินไป ทั้งๆที่ใหญ่โตออกขนาดนี้ บรรยากาศเรียกว่าดีถึงขั้นดีมากเลยแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้ ผมคงจะดีใจสุดๆที่จะได้ทำงานที่นี่ ได้ออกมาจากเขตเมืองที่วุ่นวาย แถมยังได้ทำงานที่ตัวเองถนัด

แล้วคุณท่านก็พาผมไปแนะนำตัวกับพนักงานในส่วนบริหารบ้าง ก็ไม่ได้พูดหรอกว่าผมจะมาเป็นสะใภ้ พูดแค่ว่าผมจะมาเป็นผู้จัดการที่นี่ในอนาคต ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ ขืนแนะนำตัวแบบนั้นออกไป ผมคงอายน่าดู

แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนที่รู้จักผมนะ มีพนักงานสองสามคนที่หัวเราะต่อกระซิกกันไกลๆ ถ้าให้เดานะ คงรู้จักผมจากการไปถ่ายงานปฏิทินให้บริษัทของแม่นั่นแหละ



"ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ"

นั่นไง ว่าแล้วเชียว คุณท่านขอตัวไปเซ็นเอกสารในอีกห้องแค่แป๊บเดียว พนักงานสามคนก็รีบวิ่งมาขอถ่ายรูปกับผมทันที

"พี่ขอปฏิทินชุดนึงนะคะ สามคนชุดเดียวก็ยังดี" เธอคนหนึ่งร้องออกมาอย่างตื่นเต้น "เนีย ไม่เคยได้เลยสักปี ไหนๆปีนี้ อนาคตผู้จัดการทั้งสองคนก็ได้เป็นนายแบบแล้วทั้งที เก็บไว้ให้พี่ชุดนึงนะ เดี๋ยวเราสามคนจะตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีเลย... เนีย คุณท่านบอกว่าจะเปิดสมัครพนักงานเก่าที่อยากไปทำงานในฝ่ายวิเคราะห์ให้ลงชื่อสิ้นเดือนนี้ด้วย ตอนแรกไม่มีใครไปเลย ลือกันให้แซ็ดว่าเป็นงานยาก ต้องคอยแก้ปัญหาให้บริษัท คำนวณตัวเลขอะไรยากๆด้วย แต่ถ้าน้อง.... เอ๊ย ถ้าคุณหนูน้ำชามาเป็นผู้จัดการฝ่าย เราสามคนจะรีบไปสมัครให้ไวเลย แต่ว่า... อย่าลืมเรื่องปฏิทินน้าาา"

"ก็... ได้ครับ แต่มันก็ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอกนะครับ แค่ปฏิทินเอง" ผมเห็นแสงแห่งความหวังของพวกเธอแล้วก็รู้สึกผิดจังที่อยากได้ของแค่นี้จากผม

"ใครบอกละคะ" พี่สาวอีกคนพูดอย่างตื่นเต้น "นั่นปฏิทินแห่งปีเลยนะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ในเน็ตเค้าตามหาซื้อกันให้ควั่ก"

"แต่มันเป็นปฏิทินแจกฟรีนะครับ ไม่ได้มีขายที่ไหน ในเน็ตก็ไม่ได้ขายครับ"

"ก็ใช่ค่ะ แต่เค้าก็ประกาศขอซื้อกันไว้แล้ว แรกๆก็ซื้อขายกันไม่กี่ร้อย แต่พอเมื่อเช้า T-Queen World Wide ประกาศว่าจะผลิตแค่หนึ่งหมื่นชุด ราคาก็พุ่งขึ้นไปสามสี่พันแล้วค่ะ" เห้ยยยย จริงดิ "นี่ไงๆๆ เธอเอาโทรศัพท์ให้คุณหนูดูซิ"



เห้ยยยยยย

​นี่มันแฟนเพจ Love Leader Fan Team นี่นา

สามคนนี้ก็เป็นลูกเพจด้วยเหรอเนีย ภายในเวลาไม่กี่วันทำไมเราถึงกลายเป็นที่รู้จักขนาดนี้นะ



"คือว่า ทางแอดมินเพจเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายหรอก แต่คนต่างจังหวัดอย่างพวกเราอ่ะอยากได้กันเองก็เลยจะขอซื้อ เพราะว่าคงไม่ได้เข้าไปในกรุงเทพ ก็เลยต้องขอซื้อจากคนที่เค้าสะดวกไปรับด้วยไง"

"ใช่ๆ มีบางคนในเพจบอกว่าสามารถหามาได้แน่นอนด้วย คนก็เลยยิ่งคลั่งกันใหญ่ แห่แหนประมูลสู้กันสุดๆ เผลอๆ ช่วงใกล้คริสมาสราคาดีไม่ดีพุ่งไปถึงหมื่น"



คุณพระช่วยยยยยยย



​เดี๋ยวก่อนนะ!!!!!!!!

นี่มัน.....

อิสามทหารเสือเพื่อนเลวของผมนิ อิเจสซี่ อิเล็ก แล้วก็วาวา นี่พวกมึงเป็นแอดมินเพจรึไง

​​'เราสามคนทัพหน้าแห่ง Love Leader Fan Team จะขอสู้ตายเพื่อปฏิทินแห่งปีให้ได้ ขอรับรองว่าจะวิ่งสู้ฟั๊ดมาให้ลูกเพจที่น่ารักให้ได้ค่ะ'



"แต่ว่า.... พวกเราคงไม่มีปัญญาจ่ายเงินระดับนั่นหรอก นะคะผู้จัดการ ถือว่าทำเพื่อลูกน้องในอนาคตตาดำๆ นะคะ"

"จ.. จะพยายามนะครับ" เรียกผู้จัดการเลยเหรอ เขินแฮะ



"ทำอะไรกันลื้อสามคนน่ะ!!!"

เวรกรรม คุณท่านกลับมาแล้ว เห็นพนักงานมาคุยกับเราแบบนี้ จะโดนต่อว่าเพราะเราอีกไหมเนีย

"คือ..." จะช่วยพูดว่ายังไงดีวะ "พี่สามคนบอกว่าอยากมาทำงานฝ่ายวิเคราะห์อะครับ หมายถึง... ในอนาคต"

"อ้าว จริงเหรอ" โล่งอกไปที เหมือนคำตอบจะเป็นที่น่าพอใจ "เดี๋ยวสิ้นเดือนฝ่ายบุคคลจะมาเปิดรับสมัครนะ พวกลื้อสามคนก็อย่าลืมสมัครด้วยหละ"

"ค่ะ คุณท่าน พวกเราจะรีบสมัครให้ไวเลยค่ะ ​​นะคะ ผู้จัดการ" เธอกระตือรือร้นตอบ

"เห็นไหมละ ป๊าคิดไว้แล้วไม่มีผิด ที่นี่ต้องเป็นงานที่เหมาะกับอาน้ำชาที่สุด ขนาดลูกน้องเห็นหน้าผู้จัดการครั้งแรกยังอยากทำงานด้วยเลย" คุณท่านครับ อวยผมเยอะไปแล้ว ผมจะตัวลอยแล้วเนีย "กลับไปทำงานกันได้แล้วไป" อ้าว เปลี่ยนเสียงไว้จัง

"ค... ค่ะท่าน ​​ไปซิแก มัวยืนยิ้มอยู่ได้ เร็วๆ เดี๋ยวก็โดนหักโบนัสหรอก ยิ่งใกล้สิ้นปีอยู่​"

"ไปๆ เดี๋ยวป๊าพาไปดูท่าเรือนะ" นี่คุณท่านจะพาไปไหนอีกครับ ยังไม่พออีกเหรอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:55:59 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(Part 2)

แล้วผมก็มาถึงท่าเรือจนได้

ท่าเรือคอนกรีตขนาดยาว มีช่องให้เรือจอดเต็มไปหมด บางช่องก็มีเรือจอดอยู่ บางช่องก็ไม่มี แต่น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดจังแฮะ นึกว่าจะมีน้ำมันลอยคลุ้งซะอีก

คุณท่านก็ยังบรรยายระบบงานที่นี่อย่างออกรสออกชาติต่อไป



"โป๊ะอันนี้นะ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของป๊า รู้ไหม" ผมถูกนำมาจนถึงโป๊ะทางเดินที่อยู่ท้ายสุดของท่าเรือนี้ มันดูเก่ามาก พื้นและเสาไม้ก็เหมือนจะได้รับการซ่อมแซ่มอยู่บ่อยครั้ง มีเด็กๆเล่นน้ำกันอยู่ตรงนี้ด้วย คงจะเป็นลูกหลานของพนักงานที่นี้ "มันเป็นโป๊ะเรืออันแรกที่ทำให้ป๊าได้เข้ามาเหยียบประเทศนี้ ตอนนั้นป๊ายังเด็กมาก แต่ก็จำความได้ดี เราไม่มีเงินซักบาท ของมีค่าที่พอมีก็เอาไปแลกเป็นเรือเครื่องเดินทะเลเล็กๆ อาศัยกินนอนกันในนั้นแหละ โชคดีที่ป๊าของป๊าเป็นคนกล้า กล้าเสี่ยงกล้าลองขับเรือ ก็เลยได้ยึดอาชีพขนของไปส่งตามเกาะ ป๊ายังจำได้เลยนะ ทางนั้นน่ะเกาะล้าน พ่อค้าแม่ขายชอบให้ขนอาหารไปให้ ทางโน้นก็เกาะสีซัง สมัยก่อนมีนายฝรั่งเค้าจะสร้างบ้านให้เมียไทย ขนาดตอนนั้นป๊าตัวเล็กกะเปี๊ยกเดียวยังต้องมาช่วยป๊ากับม้าขนปูนขนอิฐไปส่งที่เกาะทุกเช้าเย็น ทุกวันนี้ที่หลังยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย ดันไม่ระวังทำอิฐล่วงมาปาดหลังตัวเอง วันนั้นก็เลยเจ็บตัวสองรอบ เพราะตอนกลับมาที่ฝั่งก็โดนป๊าตีอีก ข้าวของสมัยก่อนมันแพง ทำตกหล่นเสียหายก็เลยโดนลงโทษ แต่ในที่สุดป๊าเค้าก็ส่งป๊าจนเรียนจบปริญญาตรี สมัยก่อนใครเรียนจบปริญญาตรีได้ถือว่าไม่ธรรมดานะรู้ไหมอาน้ำชา ยิ่งเป็นคนจีนอย่างป๊าด้วยแล้วนะ... ป๊าก็เลยกลับมาที่นี่ ทำต่อทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง จนในที่สุดเส้นทางเรือมันก็เริ่มไกลขึ้น เรือลำใหญ่ขึ้น ท่าเรือไกลขึ้น โป๊ะมากขึ้น คนงานก็มากขึ้น ดูตอนนี้ซิ ไม่มีอะไรเหมือนตอนนั้นเลย แต่ป๊าก็ไม่ยอมให้ใครมารื้อถอนโป๊ะนี้นะ นี่แหละอาน้ำชา เหตุผลที่คนอื่นคิดว่าป๊าเป็นคนบ้างาน เห็นงานมาก่อน ก็เพราะกว่ามันจะเดินทางมาถึงตรงนี้ไง"

ไม่บอกก็รู้ครับว่ามันมีค่าแค่ไหน ช่างเป็นเรื่องเล่ายืดยาวที่น่าฟังเหลือเกิน นี่ซินะที่เรียกว่าความประทับใจ

"อ่อ แล้วก็อีกอย่างนะ โป๊ะนี้มันตื้น สมัยเด็กๆป๊าชอบกระโดดเล่นน้ำบ่อยๆ อาตี๋กับอาหมวยก็เล่นกันตรงนี้แหละ เห็นไหม มีบันไดปีนขึ้นลงได้ด้วย ลูกๆป๊าก็เลยว่ายน้ำเก่งกันตั้งแต่เด็ก"

"ครับ" ผมทราบเรื่องนั้นดี เพราะลูกของคุณท่านคนนึงก็ช่วยชีวิตผมจากการจมน้ำไว้เหมือนกัน เพียงแต่วันนี้เค้าเหมือนจะเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนจมน้ำซะมากกว่า

"นั่นๆ มองเห็นตรงนั้นไหม" ท่านชี้ไปยังพื้นที่ริมทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากสายตานัก "ป๊าไปขอซื้อไว้ให้แล้วนะ ว่าจะซื้อไว้ทำบ้านให้อาตี๋เล็กกับอาน้ำชามาอยู่ด้วยกัน ตอนแรกน่ะรู้ไหม ไปขอซื้อไว้ตั้งหลายทีก็ไม่ยอมขายให้ แต่คุยกันไปคุยกันมาก็เพิ่งจะรู้ว่าเป็นที่ของหลานอากิมฉาย เพื่อนคนจีนที่ขึ้นเรือมาด้วยกัน ทางนั้นก็เลยยอมขายให้ แพงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้ม เดี๋ยวสองสามวันนี้ก็จะไปเซ็นสัญญาซื้อขายกันแล้ว"

"เดี๋ยวก่อนครับ!!" ไม่ได้แล้วๆ แบบนี้ต้องรีบหยุดไว้ก่อน แล้วก็บอกตัวเองด้วย ​หยุดเพ้อๆ ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถ้ายังหยุดไว้ได้ต้องรีบหยุดไว้ก่อน ไม่อยากให้คุณท่านต้องมาลงทุนกับอะไรที่ศูนย์เปล่า "อย่าซื้อนะครับ"

"ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ ป๊าว่ามันสวยที่สุดในย่านนี้แล้วนะ"

"ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น คุณท่านฟังผมก่อนนะครับ" ต้องรีบหยุดไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวหาจังหวะพูดยากอีก ตอนนี้เราเองก็เพิ่งจะดึงสติตัวเองกลับมาได้แล้วด้วย ต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจน "ตอนนี้พี่ตองกับผม เรา... ไม่ได้คบกันแล้วครับ"

"อาน้ำชาอย่ามาอำป๊าเล่นแบบนี้นะ" คุณท่านทำหน้าอยู่ระหว่างยิ้มกับระแวง เอาวะ ยังไงก็ต้องพูด

"คือ.. จริงๆแล้ว พี่ตองเค้าคบกับผู้หญิงคนนึงอยู่แล้วครับ ผมเพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อไม่นาน สาเหตุที่ผมมาที่นี่ก็เพราะคิดว่าผมอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่เท่าที่เห็น... ก็คง..."

"ไอ้ตี๋เล็กทำอย่างงั้นกับอาน้ำชาจริงเหรอ" คุณท่านเริ่มหน้าแดง ผมเคยเห็นตอนที่ท่านโกรธมาแล้ว แต่ครั้งนี้ดูไม่ใช่แค่โกรธเฉยๆแล้ว การที่เราพูดแบบนี้จะทำให้พี่ตองเดือดร้อนหรือเปล่านะ

"ต... แต่ แต่ผมว่าก็ดีอยู่หละครับ ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนดีแล้วก็สวย ผมเคยเห็นมาแล้วครับ เหมือนจะเป็นลูกหลานของคนใหญ่คนโตด้วยนะครับ... ถ้าคนอื่นๆรู้ว่าเค้าสองคน... เอ่อ.. คบหากัน ก็คงจะดีต่อธุรกิจของคุณท่านมากทีเดียว"

กูเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย

จนถึงตอนนี้มึงก็ยังจะปกป้องเค้าอีกเนาะ จะไปห่วงทำไมวะว่าเค้าจะเดือนร้อนอะไรหรือเปล่า แถมยังไปพูดยุยงส่งเสริมให้เค้าคบหากันอีก นี่ซิคนโง่ตัวจริง ชอบด่าไอ้ต้อมดีนัก ตัวมึงเองนี่แหละ ต้นตระกูลของความโง่เลย

"ไม่ได้" สะดุ้งเลย "อาตี๋เล็กจะมาคบคนอื่นไม่ได้ อั๊วไม่ยอม"

"แต่..."

"มาทำแบบนี้กับอาน้ำชาได้ไง อาทิตย์ก่อนยังมาขอร้องอั๊วเร้าๆให้เปิดตำแหน่งผู้จัดการใหม่ให้ ไหนจะเรื่องที่ดินอีก จะมาทำอย่างงี้ได้ยังไง แล้วจะให้อั๊วทำทุกอย่างให้เพื่ออะไร คนดีๆเก่งๆแบบนี้หาได้ง่ายๆที่ไหน ไม่รู้ล่ะ งานนี้อั๊วต้องคุยกับอาตี๋เล็กให้รู้เรื่อง"

ผมขอบคุณนะครับที่ท่านมองเห็นคุณค่าในตัวผมขนาดนี้ แต่ลูกชายของท่านเค้าไม่ได้คิดแบบนั้น

"นี่นะอาน้ำชา ไปกับป๊านะ เดี๋ยวป๊าจะพาไปห..."



"คุณท่านครับ"

อะไรวะ ใครอีกเนี่ย

นี่กูต้องปรับอารมณ์กี่รอบเนีย ตื่นเต้น ดีใจ ประทับใจ เศร้า แล้วตอนนี้ก็งงอีก

"คุณท่านครับ มีเรื่องด่วนครับ" คุณวินัยเร่งรีบวิ่งมาบนโป๊ะเก่าๆ หายใจหอบแฮกๆ แถมยังเอารถมาตั้งหลายคัน แค่มาตามคนๆเดียว ทำไมเอารถมาสามสี่คันเลย

"เรื่องด่วนอะไรอาวินัย" คุณท่านก็พลอยเร่งรีบไปด้วย

"เครนครับ... สายสลิงของเครนขาด หล่นลงมาทับคนงานครับ"

"อัยย๊าาา!!! สลิงขาดได้ยังไง อั๊วสั่งตรวจดูตลอดนะ แล้วลื้อพาคนงานไปโรงพยาบาลหรือยัง"

"ป.. ไปแล้วครับท่าน"

"โรงพยาบาลไหน อั๊วจะได้ไปเยี่ยมถูก"

"ร.. โรง.. เอ่อ.. โรงพยาบาล..." นี่คุณวินัยตกใจถึงขั้นคิดชื่อโรงพยาบาลไม่ออกเลยเหรอ "คือ... เรือก็ได้รับความเสียหายเหมือนกันครับท่าน เรือครับ เรือใหญ่เลย ร.. รถยนต์ที่กำลังจะขนก็เสียหายครับ ท่านรีบไปดูดีกว่าครับ"

"ไปซิ ไป รอช้าทำไม"



"เดี๋ยวครับๆ" ผมโดนคุณวินัยห้ามไว้ "คุณหนูรอตรงนี้แหละครับ ที่นั่นอันตราย เดี๋ยวจะบาดเจ็บได้" ห๊ะ แล้วคุณท่านไม่อันตรายหรือไง "ไปเถอะครับคุณท่าน"



อ้าววววว



ไปซะแล้ว



เคว้งเลยกู 



เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเหมือนกันนะเนี่ย แต่มีของร่วงจากที่สูง ไม่ยักกะได้ยินเสียงแฮะ



"เห้ย เอ็งอ่ะ"

หึ!! เสียงเด็กเหรอ

"เอ็งเป็นเด็กผู้หญิงใช่ไหม"

"ไม่ใช่ เราเป็นเด็กผู้ชาย"

เด็กผู้ชายคนโตกว่าสองคนกำลังพูดคุยเสียงดังกับเด็กผู้ชายตัวเล็กคนนึง อยู่เกือบจะท้ายโป๊ะไม้ แต่ก็ดังพอที่ผมจะได้ยิน

"ไม่เชื่อหรอก หน้าตาแบบนี้ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน" "ใช่ๆเป็นผู้หญิงก็ต้องใส่กระโปรงดิ ใส่กระโปรงๆๆๆ"

ไอ้พวกตัวแสบ นี่ไปล้อน้องเค้าทำไม ต้องสั่งสอนให้เข็ด แถวนี้พ่อแม่เด็กคงมองไม่เห็น ตบเกรียนซักคนละทีคงจะหายซ่า

"ก็บอกว่าเป็นผู้ชายไง เดี๋ยวก็ต่อยเลยนิ"

"จ้างให้ก็ไม่กลัวหรอก เป็นผู้หญิงต่อยผู้ชายได้ไง"

"ทำไมจะต่อยไม่ได้"

อ้าวกรรม

ทำไมเด็กสมัยนี้มันโซโล่กันไวจังวะ พี่ยังไม่ทันได้เป็นฮีโร่ปกป้องน้องเลย น้องก็ดันรีบไปผลักอกเค้าซะแล้ว แล้วดูตัวเองซิน่ะ ตัวแค่นั้น ผลักไอ้เด็กแสบสองตัวไม่กระดิกเลย

"มีแรงแค่นี้เองเหรอ ไหนบอกเป็นผู้ชายไง"



​ซ๊ะะะ



เชี่ยยยยยยย

"เห้ย" น้องตัวเล็กโดนผลักกลับ กระเด็นล่วงลงน้ำต่อหน้าต่อตาผมเลย "เดี๋ยวๆๆ" ไอ้สองเด็กแสบนี่ก็ไวเหลือเกิน ผลักคนอื่นเสร็จมึงวิ่งหนีเลยนะ ไม่คิดจะลงไม่ช่วยหรือไง

"ช่วย ช.. ด.. ด้วยยยย"

เอาไงดีวะกู จะช่วยเด็กก่อนหรือจะตามไล่จับตัวการสองคนนี้ดี

โอ๊ยยยย

ไม่มีเวลาคิดแล้ว ช่วยเด็กก่อนก็แล้วกัน

ตูมมมมม



หืออออออ???????



มีเด็กผู้ชายคนนึงกระโดดลงน้ำไปช่วยเร็วกว่าอีก

"......................................................"

เดี๋ยวนะ

ทำไม......

เหตุการณ์มันดูคุ้นๆจังวะ

คำพูดเมื่อกี้นี้ที่เด็กพวกนั้นทะเลาะกันก็ฟังดูคุ้นๆ



เดินแบกกันขึ้นมาแล้ว

ทำไม... น้องคนนั้นสวมเสื้อผ้าชุดนักกีฬาบาสสีน้ำเงิน ตัดผมทรงสกินเฮด ส่วนคนตัวเล็กสวมเสื้อกับกางเกงสีขาว

แล้วก็.....

เห้ยๆๆๆ

นั่นถึงขั้นทำ CPR คนจมน้ำเลยเหรอ ยังตกน้ำไปไม่ถึงครึ่งนาทีเลย น้องเค้ากำลัง... เข้าใจการทำ CPR ช่วยคนจมน้ำกันใช่ไหม



"นายๆ เฮ้ย นาย เป็นไงบ้าง" นี่กูเดจาวู(สภาวะที่สมองจดจำความทรงจำเดิมได้และถูกฉายซ้ำ)อยู่หรือเปล่าวะ "ฟื้นดิวะ"

นั่นไง

ประโยคแบบนี้ เหมือนกันแป๊ะเลย

นี่มันไม่ปกติแล้ว

ทั้งคำพูด เสื้อผ้าหน้าผม



"อ๊อกๆ"

ทำไมดูเหมือนน้องๆพวกนี้กำลัง... ทำการแสดงกันอยู่วะ

นี่กูไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่มันก็เหมือนกำลังแสดงจริงๆ หรือว่ากูเพิ่งจะรู้ตัววะ



หืออออออ?????????

ช็อคหนักเลยกู

จู่ๆ เด็กผู้ชายสองคนที่เพิ่งจะผ่านการทำ CPR ไป ก็เดินยิ้มจูงมือกันมาเฉยเลย



เดี๋ยวๆๆ น้องจะเดินผ่านพี่ไปหน้าตาเฉยแบบนี้ไม่ได้นะ พี่ยังรู้สึกแปลกๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย





"ขอบใจนะเด็กๆ อะนี่ครับ คนละสองร้อย ตามที่ตกลงกัน"



เสียงนี้มัน



"......................................................................."



นี่สมองผมว่างเปล่าไปนานแค่ไหนกัน



จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังของผม



พี่ตอง



เขากำลังยืนยิ้มอยู่บนโป๊ะไม้เดียวกัน ห่างจากผมออกไปเพียงสิบเมตร

ดวงตาคู่นั้น

รอยยิ้มแบบนั้น



แล้วตัวผมเองหละ ควรจะต้องรู้สึกยังไง



"ไม่ใช่ชาคนเดียวนะครับที่จดจำความทรงจำแรกของเราได้ดี" นั่นเสียงของพี่ตองกำลังพูดอยู่ใช่ไหม "จากวันนั้นจนถึงวันนี้ใช้เวลาตั้งแปดปีเลยนะ พี่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อทำให้ชาประทับใจตัวพี่แบบนั้นได้อีก  แต่....









......ขอโอกาสให้พี่ได้เป็นเด็กผู้ชายคนเดิมเมื่อแปดปีก่อนอีกครั้งได้ไหมครับ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:57:23 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 32 : ความไว้ใจ





สายลมในบ่ายแก่ๆริมทะเล พัดโชยจากทุกทิศทาง เสียงคลื่นทะเลซัดเบาๆกระทบท่าเรือ

ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนในสำราญใจเหลือเกิน

หากแต่.... ถ้าไม่ใช่ผมตอนนี้ที่ทั้งงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น สับสนกับความรู้สึกตัวเอง และคลางแคลงใจในบุคคลที่อยู่ในสายตาเบื้องหน้า ผมก็คงจะพอซึมซับบรรยากาศแสนสุขนี้ได้



"ขอโอกาสให้พี่ได้ไหมครับ"

เสียงของคนตัวสูงตรงหน้าปลุกสติของผมกลับมาอีกครั้ง

"......" ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังขมวดคิ้วอยู่แน่ๆ

​ไม่ไหวแล้ว มองหน้าเค้าต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว



"ชาครับ"

"อย่า" ผมพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ก็เหมือนว่าภายในตัว มีคนอีกคนที่อยากมองหน้าของคนตรงหน้าจับใจ "ทั้งหมดนี้คือแผนใช่ไหม"

"น้ำชา"

ไม่ๆๆ เราจะไม่หลงในน้ำเสียงนั้น กี่วันแล้วที่ต้องอยู่เหมือนถูกทิ้ง น้ำตาที่สูญเสียไปจะไม่ใช่ของเล่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

"ก็ได้ครับ พี่ยอมรับก็ได้ว่าพี่จ้างเด็กๆพวกนี้ให้แสดงเหตุการณ์แรกที่เราเจอกัน แต่พี่ไม่ได้วางแผนให้ชามาที่นี่นะ"

"เลิกโกหกซะทีเหอะ คิดว่าทำแค่นี้แล้วทุกอย่างมันจะเปลี่ยนเหรอ" ตอนนี้แหละที่ผมบอกได้เลยว่าผมโกรธจริงๆ เค้าคิดได้ยังไงว่าการทำเรื่องพวกนี้จะเปลี่ยนแปลงความจริงที่เค้า.. ​มีคนอื่น​ไปได้ "ไม่ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น"

พอกันที กูเดินไปจากตรงนี้ดีกว่า ยอมเสียใจแค่นี้ดีกว่า ไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนของความเสียใจอีกแล้ว



"ถอยไป" แม่งเอ้ย ทำไมต้องมาขวางทางด้วยวะ โป๊ะไม้ก็มีทางอยู่แค่นี้ หลบไปทางไหนก็ไม่ได้

"ฟังก่อนซิครับ"

นี่มึงฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหม "ก็บอกให้ถอยไปไง หลบไป!"

"ธชานา ธนกฤษ ฟังพี่ก่อนซิครับ"

"ก็บอกว่าไม่ไง ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น" ไอ้บ้านี่ก็อย่างกับกำแพงหิน ผลักไปสุดแรงแล้วยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลย

"พี่ไม่ได้จะมาพูดแก้ตัวนะ ไม่ได้จะมาขอโทษด้วย แต่พี่ไม่คิดว่าชาจะมารู้เรื่องเข้า"

"ห๊ะ" นี่มึงจะหน้าด้านเกินไปไหม ไม่คิดว่ากูจะรู้เรื่องเข้าเนี่ยนะ "ได้ โอเค ก็รู้แล้วนี่ไง พอใจแล้วใช่ไหม งั้นก็จบแค่นี้นะ"

"ไปกันใหญ่แล้วชา"

"ก็บอกให้ถอยไง ไม่ฟังโว้ย ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น"

กูจะไม่เกรงใจอะไรมึงแล้วนะ

"โอเคๆๆ ไม่ฟังพี่ก็ได้ ไม่เป็นไร" อะไรของมันวะ "แต่ว่า ช่วยฟังคนนี้หน่อยได้ไหม"

​ใคร? อะไร?



"สวัสดีค่ะน้องน้ำชา"

หึ!!!!

นี่มันอะไรกัน พี่ลูกแก้ว มาที่นี่ด้วยเหรอ

อ๋อ ที่แท้ รถยนต์ที่จอดอยู่ก็คือให้คนพวกนี้มาที่นี่นี่เอง จะยกโขยงกันมาทำไม ไม่ต้องมายืนยันความรักกันขนาดนี้ก็ได้นะ แค่นี้กูก็เสียใจมากพอแล้ว ยังไม่ซะใจกันอีกหรือไง

"ตัวจริงน่ารักกว่าในทีวีอีกนะ" คิดว่าอยากจะฟังหรือไงวะ "น่ารักแบบนี้นี่เอง เจ้าตองถึงได้รักนักรักหนา"

"......." หมายความว่าไง นี่พูดอะไรกันเนีย



"อ้าวพี่! พี่ตอง อยู่นี่เองเหรอ" ไอ้ต้อมกับขิงกล่าวทักทาย หลังจากเดินเล่นกันจนมาเจอเข้ากับเหตุการณ์นี้

"เออ กูก็ต้องอยู่กับแฟนกูดิ"



"ไอ้ต้อม นี่มึงรู้เรื่องด้วยเหรอ" ไอ้เพื่อนสารเลว มึงคิดว่ากูเป็นใครห๊ะ

"กูก็จะบอกมึงตั้งแต่มาถึงแล้วว่าพี่ตองเค้าอยู่ที่นี่ แต่... หาจังหวะบอกไม่ได้ว่ะ" แก้ตัวน้ำขุ่นๆนะมึงอะ เดี๋ยวจบเรื่องมึงจะได้เห็นความโหดร้ายของกู

"นี่คือพี่ลูกแก้วใช่ไหมครับ สวัสดีครับ" ขิงพนมมือไหว้ทักทายเสร็จสับ ดูเหตุการณ์หน่อยไหมขิง

"จ้ะ สวัสดี" เธอยิ้มตอบพร้อมไหว้รับ

"แล้ว... คุยกันรู้เรื่องยังพี่ตอง" ไอ้ต้อมถามหน้าตาเฉย

"ก็ดูหน้าเพื่อนมึงก่อนดิ ทำหน้าน่า.... รักซะขนาดนี้ ก็แปลว่ายังคุยกันไม่รู้เรื่องอะดิ"

"หุบปาก!" อย่ามาคิดว่าจะหยอดได้ผลนะ "ถอย จะไปจริงๆแล้ว มีแต่พวกหลอกลวงทั้งนั้น"



"ใจเย็นๆก่อนนะ" พี่ลูกแก้วอีกแล้ว "เรื่องมันไม่ควรเป็นแบบนี้ พี่เป็นคนคิดเรื่องนี้ เพราะงั้น ให้พี่อธิบายเถอะ"

"ฟังก่อนเถอะนะครับ ตามใจพี่ครั้งหนึ่งได้ไหม"

โอ๊ยยยยย จะพูดไรก็พูด แต่ถ้าจบเรื่องนี้แล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น อย่างมาหวังโอกาสครั้งที่สองนะ

"คืออย่างนี้นะ... เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันอังคารที่ผ่านมา" พี่ลูกแก้วเริ่มเล่า "จำได้ไหมวันนั้นมีอะไร... สกู๊ปถ่ายเบื้องหลังของ T-Queen ไง พี่ไม่รู้ว่าน้องๆจะรู้ตัวกันหรือเปล่านะ แต่รายการของพิธีกรคนนี้ก็ดังอยู่พอสมควร แถมยังเป็นสกู๊ปเบื้องหลังแฟชั่นปฏิทินใหญ่ด้วย คนดูน่ะ มีมากอยู่นะ มากพอที่จะทำให้ลูกสาวของอธิบดีกรมเจ้าท่าเห็นได้" พี่แอมอะเหรอ "คงรู้จักกันอยู่แล้วนะ โชคดีที่เย็นวันนั้นพี่เข้าไปทำธุระให้คุณปู่ในกรมพอดี ก็เลยแอบ... อย่าเรียกว่าแอบดีกว่า เพราะน้องผู้หญิงที่ชื่อแอมแทบจะตะโกนลั่นกรม ในเวลาหลังเลิกงานที่ไม่มีคนอยู่ในตึกแบบนั้น พี่ก็เลยได้ยินชัดเจนเลยว่า น้องเค้าสั่งให้คุณลุงนิวัฒน์หาทางเล่นงานธุรกิจพ่อเจ้าตอง"

นิวัฒน์???

"คุณนิวัฒน์ นิยมศิลป์ อธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ลงข่าวจัดงานวันเกิดไปเมื่อวานใช่ไหมครับ" ขิงสงสัยในเรื่องเดียวกับผม

"ใช่จ้ะ คนนั่นแหละ" เธอตอบ "พอพี่รู้เรื่องก็เลยรีบโทรมาหาตอง แต่เพิ่งจะมารู้ว่าเจ้าตองจะเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว ก็เลยคิดว่าน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล อย่าเข้าใจผิดล่ะ พี่กับตองรู้จักกันมาก่อน เรื่องที่ว่าเค้าไปช่วยงานอยู่ที่นั่นพี่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว ถึงยังไงก็ตาม โชคดีที่ติดต่อได้ เพราะแค่วันเดียวเรื่องก็เกิดขึ้นเลย คุณนิวัฒน์ใช้อำนาจและเส้นสายที่ตัวเองมี ด้วยการยืมมือของศุลกากรให้สั่งหนังสือพักการทำงานที่นี่ รู้ไหม ธุรกิจเรือของ KTYC Trading ทำเงินให้กับรัฐวันละกี่บาท แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับน้องชายคนนี้ด้วยแล้ว พี่ยิ่งจะนิ่งเฉยไม่ได้"

"แล้ว... แค่อำนาจอย่างเดียวจะสั่งพักงานที่นี่ได้ยังไงครับ งานขนส่งข้ามประเทศไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับที่จะมาสั่งให้พักการทำงานได้" ขิงพูดถูก ถึงแม้ผมจะเห็นป้ายสั่งพักงานที่ทางเข้าท่าเรือจริงๆก็เถอะ แต่ธุรกิจระดับนี้ ต้องมีเหตุอันสมควรกว่านี้หรือเปล่า

"นี่แหละจ้ะจุดเครียดของเจ้าตองเค้าเลย" หึ ยังไง ​"จำได้ไหมเดือนที่แล้ว ใครคือคนที่ช่วยกู้สถานการณ์เรือสั่งสินค้าไม่พอให้กับเคทีวายซี"

เอิ่มมมม "ผม... เองนี่แหละ" แล้วมันจะทำไมล่ะ

"ใช่ หลังจากที่พี่รู้ว่าแฟนตัวเล็กของเจ้าตองเป็นคนแก้ปัญหา ก็ยอมรับนะว่าเก่งจริงๆ เพียงแต่ มันทำให้เกิดช่องว่างที่จะเล่นงานเจ้าของเรือได้ การขนส่งเชิงพานิชย์น่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ จำเป็นต้องมีการเขียนสัญญากันตั้งแต่ก่อนขนย้ายสินค้า ทั้งประเภทสินค้า น้ำหนักสินค้า ผู้รับ ผู้ส่ง แล้วก็..."

"พาหนะที่ใช้ขนส่ง... ใช่ไหมครับ" ขิงเติมคำในช่องว่างนั้น

"ถูกต้องจ้ะ รู้เรื่องงานคมนาคมเยอะเหมือนกันนะเราน่ะ เรียนจบแล้วอยากไปทำงานในกระทรวงด้วยกันไหม พี่จะช่วยพูดกับคุณปู่ให้"

ไม่ต้องห่วงรายนั้นหรอกครับ นั่นน่ะเค้าก็ต้องรู้เรื่องงานคมนาคมดีอยู่แล้วซิ ส่วนขิงก็ได้แค่ยิ้มๆแล้วก็พูดต่อ "แต่ระบบขนส่งสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้นิครับ ในกรณีที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการหรือรัฐ หรือว่า... มันเกิดอะไรขึ้น"

"มันก็ตามที่น้องพูดนั่นแหละจ้ะ มันไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้น เพียงแต่... ถ้าใครบางคนจะใช้ข้อนี้มาเป็นข้ออ้างในการเล่นงาน มันก็ถือว่าสมเหตุสมผล อีกอย่างคนที่ถือไพ่ใบนี้ไว้ดันเป็นอธิบดีกรมเจ้าท่า บุคคลที่มีอำนาจโดยตรงในการเก็บข้อมูลการนำส่งสินค้าออกนอกประเทศ"

"เพราะงี้ไงพี่ตองก็เลยต้องแกล้งทำเป็นแฟนกับพี่ลูกแก้ว เพื่อไปหลอกให้ตาอธิบดีอะไรนั่นกลัว" ไอ้ต้อมอธิบายเสริมให้แฟนมันฟัง "จะได้ไม่กล้าเล่นงานคนของเจ้านายตัวเอง ​เมื่อคืนพี่ตองเล่าให้ฟัง"

นี่มึงรู้เรื่องอยู่แล้วเหรอ

"งั้นก็แสดงว่าพี่ลูกแก้วเป็นหลานของท่านจิรพล ราชอภัย รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จริงๆใช่ไหมครับ"

"ก็อย่างที่คิดนั่นแหละจ้ะ ก็พี่ชื่อกัลยา ราชอภัย นี่นะ จะให้เป็นหลานของใครได้อีก"

".............."

เรื่องอะไรกันเนีย ทำไมมันสลับซับซ้อนขนาดนี้วะ



"เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ" ไอ้พี่ตองยิ้ม ส่วนผมก็ยังเหวอกับเรื่องที่ได้ฟังอยู่ "รู้ยังว่าพี่​ไม่ได้ไปแอบมีคนอื่น ใครจะทำแบบนั้นกับแฟนน่ารักๆคนนี้ได้ละครับ"

"โหพี่ ผมจะอ้วก" ไอ้ต้อมแซว "แต่พี่ก็น่าจะบอกไอ้ชามันหน่อยนะพี่ ไปแอบทำอย่างงี้ ใครจับได้ก็คิดมากกันทั้งนั้นแหละ ขนาดผมรู้เรื่องแล้ว ผมยังไม่กล้าอธิบายเรื่องนี้ให้มันฟังเลย"



"พี่ขอรับผิดแทนในเรื่องนั้นได้ไหม" พี่ลูกแก้วยังว่าต่อ "คือ... พี่เองแหละที่ขอให้ตองไม่บอกเรื่องนี้ให้น้ำชารู้ ถึงพี่จะเป็นหลานของคุณปู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่สามารถใช้อำนาจของคุณปู่มาจัดการเรื่องนี้โดยตรงได้ พี่เองไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องให้ท่านมาจัดการเรื่องนี้ให้ มันเป็นแค่จังหวะที่โชคดีว่างานเลี้ยงวันเกิดของคุณลุงนิวัฒน์จะจัดขึ้นมาพอดี พี่ก็เลยแค่ออกปากอาสาว่าจะไปร่วมงานแทนคุณปู่ กะว่าจะใช้โอกาสนี้ทำให้คุณลุงนิวัฒน์เข้าใจผิดว่ากำลังเล่นงานคนแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ... จริงๆแล้วพี่ถึงขั้นโกหกว่าคุณปู่มาตรวจงานที่นี่ด้วยซ้ำ คือบางที... ถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นไปตามแผนขึ้นมา ถูกจับได้ แล้วเรื่องมันบานปลายขึ้น น้ำชาอาจจะต้องเข้ามามีส่วนเดือดร้อนกับเรื่องนี้ไปด้วย ยังไงซะ การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเรือส่งสินค้าเมื่อเดือนที่แล้วก็เป็นฝีมือของน้อง ถ้าเกิดกรณีไม่คาดฝัน น้ำชาจะได้อยู่ห่างจากเรื่องนี้ไว้ พี่เห็นเจ้าตองเครียดน่ะ ก็เลยแนะนำไปแบบนั้น ไม่คิดว่า... จะทำให้เป็นปัญหากันใหญ่โต พี่ก็เลยต้องมาเคลียร์ด้วยตัวเองนี่ไง"

ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงเหรอ?



"นั่นไง" พี่ลูกแก้วชี้ให้ดูกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังเดินดูตามแนวท่าเรือ "พวกคณะพิธีการนำเข้าทางเรือ ยังอยู่กันเลย ถึงจะยอมเปิดให้ท่าเรือทำงานได้ปกติ แต่ก็ยังถอยไปแค่ครึ่งก้าว ถ้าวันไหนที่คุณลุงนิวัฒน์รู้ความจริงเข้าว่าตองกับพี่ไม่ได้คบหากันจริงๆ คงจะเป็นปัญหาอีกรอบ พี่กับเจ้าตองไม่ได้มีเวลาคิดแก้ปัญหากันมากนัก ก็เลยต้องใช้แผนนี้กันไปก่อน ไม่รู้ว่าจะยังหลอกเค้าได้อีกไหมว่าเราสองคนคบกัน พี่ทำไปเพราะนี่คือเจ้าตองนะ ตองถือเป็นน้องชายคนนึงที่พี่รักมาก ถ้าปีที่แล้วไม่ได้เค้าคอยไปช่วยดูแลพี่ตอนไปโชว์งานต่างประเทศหลายๆครั้งก็คงแย่ ครั้งนี้พี่ก็อยากจะเป็นคนช่วยเค้าบ้าง"



"ไม่เห็นจะต้องปิดบังเลยนิ เรื่องแค่นี้เอง" ไม่รู้ว่าผมพูดแก้เก้อหรือพูดเพราะโกรธกันแน่

"ก็บอกแล้วไง ว่าไม่อยากให้ชาเดือดร้อนไปด้วย" ไอ้พี่ตองบ้า ยังจะมาทำตาอ้อดว้อนใส่อีก "ชาเป็นคนช่วยเรื่องที่บ้านพี่ไว้นะ ต่อให้พี่ลูกแก้วไม่แนะนำ พี่ก็ไม่อยากให้ชารู้เรื่องอยู่ดี ให้พี่เครียดคนเดียวก็พอแล้ว"

"คิดว่าเท่นักหรือไงพูดแบบนี้"

จะมายิ้มทำไมเล่า



"แล้วแบบนี้พี่สองคนก็ต้องเป็นแฟนกันออกสื่อแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอ" ไอ้ต้อมถามเชิงเยอะเย้ยมาทางผม "น่าสงสารนะมึงไอ้ชาเย็น"

อือหืออออ ไอ้เพื่อนเลว

มึงรู้จักความฉลาดของกูน้อยเกินไปแล้ว คิดว่าสมองระดับกูจะปล่อยให้เรื่องมันอีรุงตุงนังอยู่แบบนี้เหรอ สมการระดับโลกกูก็แก้มาแล้ว ปัญหาแค่นี้เอง

"ขิง ยืมโทรศัพท์หน่อย พี่ตองหลบ" มึงดูกูนะไอ้ต้อม "ขิง กดโทรหาอาประพันธ์ให้หน่อย"

ขิงอึ้งๆนิดนึง แต่ก็ทำตามที่บอกแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้ผม

ผมเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมโทรศัพท์ของขิงในมือ หาพื้นที่ที่ลมไม่แรงนักเพื่อคุยโทรศัพท์

เพื่อที่จะเคลียร์ปัญหานี้ให้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ คนที่ผมกำลังคุยด้วยนี้คือตัวแปรที่สำคัญที่สุด

ผมใช้เวลาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนปลายสายฟังอยู่เกือบจะสิบห้านาที แอบเหลือบไปเห็นคนอื่นๆจ้องมองมาที่ผมอย่างสงสัย เว้นก็แต่ขิงที่น่าจะเดาออกอยู่แล้วว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

ผมเดินกลับมาพร้อมกับส่งคืนโทรศัพท์ให้ขิง ในจังหวะเดียวกันนั่นเอง คณะตรวจสอบที่ขมักเขม้นกับการทำงานก็รีบล่าถอยออกจากท่าเรือไป สร้างความตกตะลึงให้กับสามสี่คนตรงนี้ไม่ใช่น้อย



"ทำไม..." พี่ตองอ้าปากค้าง

"ขอบคุณพี่ลูกแก้วมากนะครับที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ให้" ผมเลือกที่จะเดินไปขอบคุณพี่ลูกแก้วที่อุตส่ายอมเอาตัวเองเข้ามาลำบากกับการแก้ปัญหาที่ผมควรจะมีส่วนช่วย "แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งที่คิดถึงสวัสดิภาพของผม ส่วนเรื่องที่พี่ไม่สามารถอาศัยอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเคลียร์เรื่องนี้ได้ ผมก็เข้าใจครับ ผมก็เลยใช้อำนาจนั้นแทน...." คราวนี้ผมเลือกที่จะเดินไปหาไอ้พี่ตองคนงี่เง่าโดยตรง ให้มันฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูดให้ชัดๆ "แต่ถ้าไว้ใจชาบ้าง ชาก็คงไม่ต้องมานอนร้องไห้ทั้งคืน ถ้าคิดสักนิดว่าชาเองก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ชาก็คงไม่ต้องมาเสียความรู้สึกแบบนี้ รู้ไว้ด้วยนะ! พ่อของขิงเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม พ่อขิงก็เหมือนพ่อชา แค่เรื่องของอธิบดีกรมเจ้าท่าทำไมจะแก้ปัญหาไม่ได้"

นี่แหละผลของการไม่ไว้ใจกัน มีปัญหาไม่คิดจะให้เราช่วยแก้ไข แล้วจะมีกูไว้ทำไม

"ไอ้ต้อม กลับ" ผมสั่งพร้อมกับเดินฉับๆอย่างอารมณ์เสียออกไปจากตรงนั้น



"​ตามไปซิ ไปง้อเร็ว พี่กลับเองได้ ไม่ต้องห่วง"

พี่ลูกแก้ว ผมได้ยินนะ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดช่วยไอ้บ้านี่เลย ผมเองก็โกรธพี่อยู่หน่อยๆนะ



"ไอ้ต้อม กูบอกให้กลับไง" มึงอย่าให้กูต้องเรียกอีกรอบนะ

"อ.. เออ โอเค..."

"ไม่ต้องๆไอ้ต้อม ​กูไปเอง" ยังจะกล้าอีกนะไอ้พี่ตอง เห็นหน้าไหมว่ากำลังโกรธอยู่ "แฟนกู เดี๋ยวกูดูแลเอง ​พี่ลูกแก้วไว้ขอบคุณกันวันหลังนะครับพี่​"

"จ้ะ"

"ไอ้ต้อม​" มึงจะเชื่อกูหรือเชื่อไอ้หัวสกินเฮดนี่ "กูเพื่อนมึงนะ ถ้ามึงไม่มาละก็นะ กูจะไม่ช่วยมึงเรื่องเรียนอีกเลย"

ไอ้ต้อมลังเลๆ มองซ้ายทีขวาที "อ.. เอ่อ กูให้น้ำขิงช่วยเรื่องเรียนก็ได้ ม... มึงให้พี่ตองขับรถให้เหอะนะ นะนะ อย่าทำให้กูลำบากใจเลย"

อือหืออออ ไอ้เพื่อนทรยศ ได้ติวเตอร์คนใหม่แล้วมึงลืมกูเลยนะ "แต่กูทำให้มึงสอบติดสถาปัตย์นะ มึงลืมแล้วเหรอ"

"อย่านะไอ้ต้อม" ไอ้พี่ตองเริ่มขู่ "กูบอกว่ากูจะไปกับน้ำชาเอง ถ้ามึงขยับกูจะถือว่ามึงทรยศเรื่องที่กูช่วยมึงจีบไอ้ขิง แล้วมึงก็อาจจะต้องเจ็บตัวด้วย"

"​โหหหหหหหหหห" มึงไม่ต้องมาโอดโอย มึงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ "โอ๊ยยยย ไม่รู้ด้วยแล้ว เราไปที่อื่นกันเถอะน้ำขิง ปล่อยให้เค้าทะเลาะกันสองคนนั่นแหละ"

"ไอ้..." ไอ้เชี่ยต้อม นี่มึงตัดช่องน้อยไปแบบนี้เลยเหรอ แล้วมึงจะเดินไปไหนวะ หนีจริงดิ

ไม่รู้เว้ย ไปหาแท็กซี่ขึ้นข้างหน้าก็ได้วะ ไม่กลับไปกับไอ้บ้านี่หรอก



"ชา ชา ชาครับ" ไอ้นี่แม่งเร็วจริง เดินออกมาได้แป๊บเดียวมาดักหน้ากูอีกแล้ว

"อย่ามาขว้าง ถอยไปเลยนะ ชากลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง"

"พี่... พี่ขอโทษ นะนะนะ กลับด้วยกันเถอะนะ น้าาาา นะครับ"

"หายไปตั้งหลายวันไม่เห็นจะมารับมาส่ง ทียังงี้ละอยากทำ หลบไปเลยนะ ไม่งั้นชกจริงๆด้วย"

"ชกให้ตายยังไงก็จะไปส่งให้ได้ ถ้าชกแล้วหายโกรธได้ จะชกกี่ทีก็ทำเลย พี่ผิดเองแหละที่เป็นห่วงชามากไป ใครจะอยากให้แฟนตัวเองมาเดือนร้อนกับเรื่องที่บ้านล่ะ"

"ยังจะพูดอีกนะ เดี๋ยวก็..." หมัดกูง้างแล้วนะ นี่ต่อยจริงนะเว้ย

"เอาเลย ชกให้พอใจเลย แต่ชกเสร็จแล้วก็ให้รู้ไว้ด้วยนะว่าพี่ไม่เปลี่ยนแฟนแน่นอน ยังไงพี่ก็รักชาคนเดียว พี่เลือกแล้ว เจ็บแค่ไหนพี่ก็จะรักษาคนที่พี่รักไว้ให้ได้"

ไอ้....

โอ๊ยยยย กูไม่พูดด้วยแล้ว

"ถอยไป"

"ไม่....."

"ไอ้พี่ตอง ทำไรเนีย ปล่อยนะ" ไหนบอกว่าจะมาง้อไง ทำไมมาใช้กำลังกอดรัดกูไว้แบบนี้วะ

"ไม่ปล่อย ถ้าชาไม่กลับกับพี่ พี่ก็จะกอดไว้แบบนี้แหละ"

อือหือ ไอ้หน้าด้าน

แรงวัวแรงควายมาจากไหนวะ ขยับไม่ได้เลยกู "ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยชาโกรธจริงๆด้วย"

"พี่ปล่อย ชาก็โกรธ พี่ไม่ปล่อย ชาก็โกรธอยู่ดี งั้นพี่สู้ไม่ปล่อยดีกว่า กอดกันอยู่แบบนี้แหละ ให้เห็นกันทั้งโรงงานไปเลย"

ชิบ......  เวรละกู

ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย มัวแต่โกรธไอ้บ้านิ นี่มันท่าเรือนี่หว่า



จริงด้วย.... คนเริ่มมองมาทางนี้แล้ว



"งั้น... ก็ปล่อยก่อนดิ" นี่กูต้องเป็นฝ่ายยอมเองใช่ไหม เดี๋ยวเหอะ กลับไปนะกูจะไม่หายโกรธง่ายๆเลยคอยดู

"ปล่อยก็ได้ แต่ห้ามพยายามหนีอีกนะ ไม่งั้นพี่จะกอดไม่ปล่อยเลยคราวนี้"

ไอ้บ้าเอ๊ย คนมองเต็มเลย ดีนะที่คนไม่เยอะมากนัก

"ขึ้นรถซิคร้าบบบ จะกลับไม่ใช่เหรอ"

"......" นี่กูเป็นคนโกรธนะ จะมาบังคับอะไรนักหนา

"ไม่ขึ้น พี่อุ้มนะ... อุ้มจริงๆนะ พี่ไม่อายใครอยู่แล้ว"

โอ๊ยยยยยยยยยยย

สุดท้ายกูก็ต้องจำยอมทำทุกอย่างตามที่มันสั่ง



ขากลับตลอดทางมันเอาแต่พูดๆๆๆ ทั้งๆที่ผมไม่พูดด้วยซักคำ ยังจะทำหน้าระรื่นยิ้มอารมณ์ดีอยู่ได้

สุดท้ายก็มารู้ว่าคุณวินัยรู้เห็นกับแผนของไอ้พี่ตองจริงๆด้วย โกหกคุณท่านว่าเชือกสลิงขาดเพื่อเปิดโอกาสให้ไอ้พี่ตองเข้ามาหาเรา แล้วมันยังจะไม่วายโทรไปสารภาพความจริงกับคุณท่านให้ผมฟังอีก ทำเป็นมาทำตัวน่าไว้ใจตอนนี้ มันไม่ช้าไปหน่อยหรือไง







"ชาบอกว่าจะกลับบ้าน พามาที่นี่ทำไม"

ดูมัน ดูความเอาแต่ใจของมัน มันพาผมมาที่คอนโดฯเฉยเลย แทนที่จะพาผมกลับบ้านหรือไม่ก็กลับหอที่มหาลัย เผลอหลับแป๊บเดียว มาโผล่ที่ลานจอดรถเฉยเลย

"ชาบอกพี่ตอนไหน พี่ไม่เห็นชาจะพูดไรกับพี่เลย" อย่ามาทำเล่นลิ้นนะไอ้พี่ตอง "นี่ก็บ้านเหมือนกัน ของในห้องชาก็เลือกมาเอง ที่ไหนมีชาอยู่ก็เป็นบ้านทั้งนั้นแหละ"

"มันไม่ช่วยหรอกนะ" ทำเป็นพูดไปเหอะ

ผมเดินออกจากรถ เดินหัวฟั๊ดหัวเหวี่ยงขึ้นไปบนคอนโดฯ

ได้ เล่นไม้นี้ใช่ไหม งั้นต้องเจอฤทธิ์ของกูบ้าง



"ชา! ชา! ชาคร้าบบบบ เปิดห้องนอนให้พี่หน่อยนะ นะครับ นะนะนะนะ"

สมน้ำหน้า คราวนี้เอาอะไรมาขู่กูไม่ได้แล้วทั้งนั้น จ้างให้ก็ไม่ให้นอนด้วยหรอก นอนบนโซฟาไปเลย



ไอ้พี่ตองงอแงอยู่หน้าประตูพักใหญ่ จนในที่สุดมันก็ยอมแพ้ ผมรู้เพราะว่าได้ยินเสียงทีวีเปิด

นี่ยังถือว่าปราณีนะที่ไม่ให้ไปนอนนอกคอนโดฯ



หลังจากเจอเรื่องหนักๆกับการเดินทางทั้งเช้าและเย็น ผมก็ควรจะอาบน้ำนอนได้แล้ว

ไอ้พี่ตองคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง โซฟาตัวเบอเร่อ หมอนผ้าห่มก็หาได้ไม่ยาก ให้มันนอนตรงนั้นไปนั่นแหละ ต้องโกรธซะให้เข็ด วันหลังจะได้ไม่กล้ามาทำให้เราเสียใจอีก







ให้ตายเหอะ

กูไม่น่านอนตอนขากลับมาจากชลบุรีเลย หลับๆตื่นๆตลอดเลย

นี่กี่โมงแล้วเนีย

โห ตีสอง แล้วเหรอ



แล้ว....



เสียงทีวีข้างนอกเงียบแล้ว ไอ้พี่ตองคงจะนอนหลับไปแล้วมั้ง

ไปดูมันหน่อยดีไหมนะ

เสื้อผ้าทั้งหมดอยู่ในห้อง ได้อาบน้ำหรือเปล่าวะ

โซฟาก็ตัวใหญ่อยู่หรอก แต่ไอ้บ้านั่นก็ตัวยาวอย่างกะอะไรดี จะนอนได้ไหมนะ



คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่คืนเดียวเอง

นอนต่อๆๆ ไม่ต้องไปสนใจ.....



.....................

................

............

......

..



โอ๊ยยยยยย เออ กูยอมแพ้

กูสนใจก็ได้

ออกไปดูซะหน่อยก็แล้วกัน แค่ไปดูเฉยๆ ไม่ได้จะยกโทษให้ซะหน่อย



ผมค่อยๆย่องเบาๆไปที่ประตูห้องนอน ทำอย่างกับเป็นพื้นไม้

ส่องดูรูที่ประตูอีกทีดิ เผื่อว่าจะยังไม่นอน

ไฟปิดแล้ว น่าจะนอนไปแล้วนะ เปิดไปดูแป๊บเดียวคงไม่รู้ตัวหรอก

อย่าเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดนะพี่ประตู



"......."

หึ!!!

ติดอะไรวะ ทำไมประตูเปิดได้แค่นี้

มีอะไรหยุ่นๆมาขว้างประตูห้องนอนไว้ละเนีย

ผมก้มลงไปมองดูให้ชัดๆ เพราะความมืดจึงทำให้มองอะไรแทบจะไม่เห็น



​เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

​"พี่ตอง พี่ตอง" ไอ้บ้าพี่ตอง ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้เนี่ย ผ้าห่มกับหมอนก็ไม่มี เสื้อผ้าชุดเดิม ผมเผ้ารุงรังอย่างกับคนไม่ได้อาบน้ำ นี่แกทำบ้าอะไรของแกเนีย "พี่ตอง ลุกขึ้นมา มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย"

"หึ???" ยังจะมางัวเงียอีก ลุกขึ้นมาเลยนะ เป็นลูกชายของนักธุรกิจพันล้านจะมานอนในที่แบบนี้ได้ยังไง ใครรู้เข้าก็อายเค้าหมดหรอก

"มานอนหน้าประตูแบบนี้ได้ไง แล้วทำไมไม่ไปนอนโซฟาให้เรียบร้อย น้ำท่าก็ไม่รู้จักอาบ"

"ช... ชา ชา น้ำชา" ก็ใช่ซิ จะใครอีกหละ ทำหน้าอย่างกับเด็กได้ขนม

"ทำไมมานอนอยู่แบบน..."

"ชา พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆนะ"

"ล... แล้วจะกอดทำไมเล่า" ไอ้พี่ตองบ้านิ ยังไม่ทันตื่นดีเลย ดึงเราไปกอดซะแล้ว แกนี่มัน.... "แล้วพี่ตองมานอนตรงนี้ทำไม"

"พี่อยากอยู่ใกล้ๆชานิครับ"

ดูคำตอบของมันซิ แล้วจะให้ผมเถียงยังไงต่อได้ละ พูดแบบนี้กูก็ใจอ่อนซิ นี่ถ้าไม่เปิดประตูออกมาดูก็จะนอนอยู่แบบนี้จนเช้าเลยใช่ไหม ทำอะไรเป็นเด็กๆไปได้

"พี่ผิดไปแล้ว แต่พี่ทำไปเพราะเป็นห่วงชาจริงๆนะ ยกโทษให้พี่เถอะนะครับ นะครับบบบ"

"เออๆๆ รู้แล้วน่า เลิกกอดได้แล้ว"

"หายโกรธพี่แล้วจริงเหรอ" ปล่อยกอดออกได้ก็ทำหน้ายิ้มแฉ่งเลยนะ นี่ขนาดมืดยังมองเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวเลย

ใครนะช่างหลงรักแกไปได้ ถ้าคนข้างนอกรู้ว่าแกทำตัวเป็นเด็กผิดกับฉายาเจ้าชายตองสุดเท่ อยากรู้นักว่ายังจะมีใครชอบแกอยู่หรือเปล่า

"หายโกรธแล้วใช่ไหมคร้าบบบ"

"อืมมมมม" ผมกรอกตาอย่างช่วยไม่ได้ "ถ้าเกิดเรื่องแบบครั้งนี้อีกจะทำแบบนี้อีกไหม"

ดูมัน ยังจะคิดอีก "ก็ถ้าเรื่องนั้นทำให้ชาเดือดร้อน พี่ก็จะทำ ยอมให้ชาโกรธยังจะดีกว่า ถึงย้อนเวลากลับไปได้ พี่ก็คงทำแบบเดิมอยู่ดี... ก็พี่เป็นห่วงชานิครับ"

"นี่ชาเปลี่ยนความคิดพี่ไม่ได้เลยใช่ไหม"

"ไม่เอาอ่ะ ถ้าเปลี่ยนแล้วมันส่งผลเสียกับชา พี่เป็นแบบเดิมดีกว่า พี่รู้สึกผิดตั้งแต่ตอนที่พาชาเข้าบ้านตอนนั้นแล้ว ถึงผลลัพธ์มันจะออกมาดี แต่ก็ถือว่าพี่เป็นคนดึงชาให้มารับเรื่องหนักๆ เพราะงั้น พี่ก็เลยสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เป็นต้นเหตุให้ชาต้องมาลำบากเพราะพี่อีกแล้ว"

"เท่ตายแหละ" ไอ้พี่ตองบ้า สุดท้ายกูก็ต้องยอมมันทุกประตูอยู่ดี "ลุกขึ้นไปนอนได้แล้ว"

"ก็ได้ครับ...แต่นอนตรงนี้ก็สบายนี้นะ ดีกว่าที่โซฟาตั้งเยอะ"

"แล้วจะเดินไปไหนน่ะ?"

"ก็ไปนอนไงครับ"

"เตียงนอนอยู่นี่ จะไปนอนโซฟาทำไมเล่า ไม่ปวดหลังรึไง"

"ห๊ะ! ได้เหรอ?"

"ถ้าไม่เข้าจะปิดประตูแล้วนะ"

"เข้าซิครับ เข้าๆ"

"อาบน้ำก่อนด้วยนะ สภาพนี้ชาไม่ให้นอนด้วยนะ"

"คร้าบบบบบ"



เฮ้อออออออ



แบบนี้แหละดีแล้ว....

ก็เราหลงรักที่เค้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา แปดปีที่เฝ้ามองมา ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ

ไอ้พี่ตองบ้า...

...........................









"เอาละครับคุณผู้ชมทุกท่าน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง" เสียงพิธีกรตะโกนใส่ไมค์ดังลั่นกลางสนามกีฬา "กว่าสองเดือนที่เราเฝ้าติดตามกิจกรรมห้องเชียร์มาอย่างใกล้ชิด ก็ถึงเวลาแล้วจนได้ และนี่คือ......









...............สปีริท เชียร์"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:58:26 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 33 : คู่แข่ง







"ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักทีนะคะพี่ปืน เชื่อว่าตอนนี้ผู้ชมที่กำลังร่วมชมร่วมเชียร์อยู่ทั้งที่โดยรอบสนามกีฬามหาวิทยาลัยมัณฑนาและที่ชมกันอยู่ทางบ้านก็คงตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้ไม่น้อย"

"ใช่เลยล่ะครับน้องหญิง ถึงแม้ว่านี่จะยังไม่ใช่ Power Cheer ที่เป็นการรวมพลังครั้งใหญ่ของนิสิตทั้งมหาวิทยาลัยเรา แต่การชมการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของแต่ละคณะก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยนะครับ มองดูรอบๆสนามตอนนี้ซิครับ เก้าอี้ที่วางไว้กว่าสองพันที่นั่ง ไม่พอแล้วนะครับ"

"น่าประทับใจแทนองค์การนิสิตจริงๆนะคะที่ปีนี้คนให้ความสนใจกันมากจริงๆ แต่พอพูดถึงการชิงความเป็นที่หนึ่งขึ้นมาแบบนี้แล้วก็คงต้องเข้าสู่ช่วงพิธีการแล้วใช่ไหมคะ"

"แน่นอนครับ ดังนั้นในโอกาสนี้นะครับ ผมขอกราบเรียนเชิญ รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ดิตศยา ปานเสน่ห์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ขึ้นรับธงเกียรติยศ Spirit Cheer คืน เพื่อส่งต่อให้กับผู้ชนะในปีนี้ต่อไปครับ"

​เสียงปรบมือ โห่ร้อง ดังกึกก้องสนาม จนแทบจะทำให้ลำโพงของโทรทัศน์ถ่ายทอดสดระเบิดออกมา

​"ไหนๆก็มีเสียงเชียร์มาขนาดนี้แล้ว งั้นก็ขอเสียงเชียร์ดังๆอีกครั้ง ให้กับเจ้าของธงเกียรติยศหรือแชมป์เก่าของเราในปีที่แล้ว ​คณะวิศวกรรมศาสตร์​"

​พิธีกรหญิงช่างปลุกใจนักเชียร์รอบสนามได้อย่างดีเยี่ยม

​"ขอเชิญ นางสาวสรุโนทัย มุธาทิพย์ ประธานผู้นำเชียร์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่งมอบธงเกียรติยศ คืนให้กับมหาลัย เชิญครับ"

หญิงสาวคนสวยเดินขึ้นเวทีก่อนที่จะดึงเสาธงขนาดสูงกว่าตัวเธอออกจากฐานวาง แล้วส่งมอบให้แก่อาจารย์ผู้เป็นประธานงานในวันนี้ ทั้งสองคุยกันเบาๆสองสามคำ ก่อนที่เหตุการณ์บนเวทีจะสงบ

จากนั้นประธานนำธงเกียรติยศ Spirit Cheer ลงมาจากเวทีตามทางลงด้านหน้าเวทีที่จัดไว้เป็นพรมยาวหรูหรา จนเมื่อถึงจุดมุ่งหมาย ธงก็ถูกเสียบลงบนแท่นที่จัดเตรียมไว้อย่างสง่างาม



​ตูม  ตูม  ตูม  ตูมมมมมม



พลุไฟและเครื่องระเบิดแสงรอบสนามส่งเสียงร้องกู่ก้องอย่างสนุกสนาม อันเป็นสัญญาณของความพร้อมกับกิจกรรมอันยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ตามมาด้วยจังหวะเพลงที่คุ้นเคย.....



​รั้วสีทองส่องแสงในล้า ศาสตร์มัณฑนา นำปัญญาพาข้าฯ สู่หมาย

​​เกียรติยศ ทั้งกายา และดวงใจ  ​นำพาไป แซ่ซ่อง ก้องพนา

​​เป็นดังแสงแก้วมณี เป็นสีคู่ดารา เป็นแหล่งมา ของวิชาชัย

​​สรรพพร้อมด้วยวิญญา ประดิษฐ์มาให้เกรียงไกร ​ความภูมิใจในดินแดนแห่งนี้.....

​​นี่คือหอสูงชัน นี่คือฝันสีทอง ยอดครรลอง มิลดลงได้

​​จับมือสานสัมพันธ์ แกร่งดั่งพันธะพลอย มือน้อยๆให้โอบรวมไว้

​​เพราะพวกเราทุกคน ผลิตผลของมัณฑนา คืออาชาที่ภาคภูมิใจ

​​ให้ผู้คนได้เกรง ให้พวกเขาวางใจ เราจะไป เป็นเพชรสุดล้ำ....

​​นี่แหละความยิ่งใหญ่ มิใช่แสงปืนคะนอง แค่คนครองรู้ในจรรยา

​​จงเฉิดฉายด้วยเรา ดุจดาวแสงแยงนภา เป็นปฏิญาในข้าฯ ผู้นี้

​​ให้คำมั่นสัจจา ว่าจะเป็นคนดี บัณฑิตศรี.....  แห่งรั้วมัณฑนา.....





"แล้วก็จบลงแล้วนะครับ สำหรับการแสดงเปิดงาน ด้วยเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยมัณฑนา จากผู้นำเชียร์มหาวิทยาลัยของเรา ขอเสียงปรบมือด้วยครับบบบ" เสียงปรบมือที่คล้ายเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับก็ดังตามมา "ตื่นเต้นจริงๆนะครับน้องหญิง"

"ในฐานะพิธีกรที่ติดตามกิจกรรมนี้มาอย่างใกล้ชิดกว่าสองเดือน หญิงยอมรับเลยว่าวันนี้แม้กระทั่งตัวหญิงเองก็อดประหม่าแทนน้องๆไม่ได้เลยคะ ไม่ว่าจะเป็นสแตนเชียร์ด้านบน การแปลอักษร รูปแบบโชว์ด้านล่าง และที่คงจะตื่นเต้นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเหล่าผู้นำเชียร์ของแต่ละคณะ ว่าที่เจ้าชายเจ้าหญิงที่อาจจะขึ้นไปอยู่บนหอคอยเกียรติยศในปีนี้"

"อย่าเพิ่งรีบตื่นเต้นไปครับน้องหญิง เพราะวันนี้ เราจะต้องได้ดูโชว์ Spirit Cheer ของแต่ละคณะกันจนดึกแน่นอน เก็บแรงไว้ตื่นเต้นให้ครบทุกการแสดงนะครับ... แต่ว่า เผื่อว่าท่านผู้ชมบางท่านอาจจะยังไม่ทราบกติกานะครับ ในการแข่งขันชิงความเป็นหนึ่งด้านกิจกรรมห้องเชียร์หรือ Spirit Cheer แต่ละคณะจะมีเวลาในการทำการแสดงทั้งหมดสิบสองนาทีสามสิบวินาที ไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งผู้ชมทุกท่านจะมองเห็นนาฬิกานับถอยหลังจากมุมขวาล่างของทีวี ส่วนผู้ชมรอบๆสนามก็จะได้เห็นจากนาฬิกายักษ์ด้านบนอัศจรรย์ในขณะนี้ครับ หากเวลาผิดพลาด ก็จะมีการหักคะแนนกันไปตามส่วนต่างของเวลาที่ผิดพลาดนั้น เรียกได้ว่า ต้องซ้อมกันมาเป็นอย่างดี แล้วก็ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด หรือถ้าหากผิดพลาดก็ต้องสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ครับ ไม่ง่ายเลยใช่ไหมละครับ"

"ก็หวังว่าจะไม่มีคณะใดผิดพลาดนะคะ เพราะเราทุกคนเองก็หวังที่จะได้ดูโชว์ที่ตั้งใจเตรียมมาจริงๆของทุกๆคณะ... นอกจากเรื่องเวลาที่ต้องควบคุมให้ดีแล้วนะคะ การให้คะแนนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน หลักเกณฑ์ของการให้คะแนนของเราก็จะไปประกอบด้วย ภาพรวมของการแสดง ความต่อเนื่องของการแสดง ความยากง่ายในการแปลอักษร ความสามัคคีของนิสิตปีหนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบการแสดง และสำคัญที่สุด ความโด่ดเด่นของผู้นำเชียร์ค่ะ"

"และนั่นก็คือเกณฑ์การให้คะแนนนะครับ และหากการโชว์ Spirit ของนิสิตปีหนึ่งเสร็จสิ้นครบทุกคณะแล้ว ก็จะมีการประกาศผลของคณะที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่หนึ่งทางด้านกิจกรรม Spirit Cheer จากเหล่าคณาจารย์และเซเลปคนดังที่มาร่วมตัดสินกันในวันนี้ พร้อมรับธงเกียรติยศอันเป็นเครื่องหมายของผู้ชนะและอำนาจในการจัดการกิจกรรมห้องเชียร์ของมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นหัวเรือหลักให้กับจัดการแสดงในปลายเดือนหน้าภายใต้มหกรรมที่มีชื่อว่า Power Cheer"

​​เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

​พิธีกรดึงอารมณ์ผู้ชมให้ระทึกใจไปกับกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

"ไม่รู้ว่าแต่ละคณะจะงัดกลเม็ดเคล็บลับอะไรกันออกมาเพื่อช่วงชิงอำนาจตรงนี้ไปนะคะ แต่ก็อยากชมแล้วล่ะค่ะ"

"นั่นซิครับน้องหญิง แต่ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ ให้เวลาคณะแรกได้เตรียมตัวกันก่อน เพราะตอนนี้ถ้าเรามองขึ้นไปบนอัฒจันทร์ ก็จะพบว่ามีเพียงกองเชียร์ของสองคณะเท่านั้นที่มารออยู่แล้ว อัธจรรย์หลักของเรามีพื้นที่จำกัดจึงต้องใช้เวลาผัดเปลี่ยนหมุนเวียนนะครับ แต่ผู้ชมทุกท่านไม่ต้องห่วงครับ เนื่องจากเราได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองด้าน หลังจากที่คณะแรกแสดงจบแล้ว คณะที่สองในอีกฝั่งของอัฒจันทร์ก็จะพร้อมทำการแสดงให้พวกเราทุกคนได้รับชมทันที ซึ่งระหว่างนี้ คณะที่ทำการแสดงไปแล้วก็จะถูกแทนที่ด้วยคณะอื่นๆที่ยังไม่ได้แสดงต่อไปครับ"

"ถ้าอย่างนั้นเรามาฟังผลการจับฉลากเพื่อลำดับการแสดงของแต่ละคณะกันนะคะ ผลการจับฉลากนี้ ได้แจ้งให้กับห้องเชียร์ทุกคณะทราบเมื่อสามวันก่อนแล้ว โดยมีลำดับดังนี้ค่ะ อันดับแรก คณะรัฐศาสตร์...."

เสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อพิธีกรหญิงอ่านไล่ลำดับการแสดงของแต่ละคณะ อันเป็นการบ่งบอกว่ามีรุ่นพี่และผู้สนใจตามมาเชียร์คณะที่ตนเองชื่นชอบอย่างคับคั่งและไม่ยอมกัน

"....และสุดท้าย คณะวิทยาศาสตร์"

​เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้

​เสียงเชียร์ที่ดังกว่าปกติ ทำให้พิธีกรทั้งสองถึงกับให้ความสนใจและเพ็งสายตามองรอบๆสนาม

เอาเข้าจริงๆแล้ว มันเหมือนเสียงโห่ร้องบ้าคลั่งของทหารทั้งกรมซะมากกว่า

"น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา"

รุ่นพี่ชายหนุ่มที่ไม่อาจนับจำนวนได้ ส่งเสียงเรียกชื่อคนที่พวกเขากำลังเชียร์อย่างออกหน้าออกตาและเป็นบึกแผ่น พร้อมชูป้ายไฟตัวอักษรอันใหญ่ที่มีอักษรภาษาอังกฤษเรียงต่อกันว่า N U M C H A



"โอ้โห.... รู้สึกว่าน้องน้ำชาจากคณะวิทยาศาสตร์จะมีแฟนคลับตามมาเชียร์ล้นหลามกันเลยนะครับงานนี้ แต่ เอ...? น้องหญิงครับ นั่นใช่เสื้อคลุมของคณะวิศวกรรมศาสตร์หรือเปล่าครับ"

"นั่นซิคะพี่ปืน หญิงก็คิดว่าเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกัน ปีนี้มีเรื่องให้ประหลาดใจจังเลยนะคะที่รุ่นพี่ตามเชียร์น้องปีหนึ่งต่างคณะตัวเอง แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกคะ น้องน้ำชาเองก็ถือว่ามีชื่อเสียงมาก จากที่เรารู้กันอยู่แล้ว คริสต์มาสนี้หญิงเองก็อยากได้ปฏิทิน LOVE LEADER เหมือนกันนะคะ"

"นั่นนะซิครับ... เอาล่ะครับ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณว่าคณะแรกของเราพร้อมแล้ว ขอเสียงเชียร์ดังๆให้กับโชว์สุดอลังการจากคณะ... รัฐศาสตร์!!!!"



...............







"แหม ฮอตจังนะชา"

"......" จะให้ตอบยังไงละ เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรแบบนี้โผล่มา

เกตุเอ่ยแซวผมทันทีหลังจากที่ผมและลีดเดอร์คนอื่นๆ นั่งชมการถ่ายทอดสดพิธีเปิดงาน Spirit Cheer ของมหาวิทยาลัย จากในห้องซ้อมคณะวิทย์ 

ด้วยความที่พวกเราเป็นคณะสุดท้ายที่จะได้ทำการแสดง จึงต้องรอกันที่นี่ ยังพอมีเวลาเตรียมตัวและเก็บรายละเอียดกันอีกหน่อย ส่วนเพื่อนๆที่ทำหน้าที่ขึ้นสแตนเชียร์ก็รออยู่ที่โถงกลางของคณะ คิวที่จะได้แสดงน่าจะประมาณสามทุ่มโน่นเลย เห็นพวกพี่ๆบอก

ปีนี้คณะวิทยาศาสตร์มาให้คอนเซ็ปป่าหิมพานต์ พวกผู้นำเชียร์ก็เลยได้สวมชุดเป็นกินรีสาวและกินนรหนุ่มสีขาวพร้อมปีกขนนกอลังการ โชคดีนะที่ผู้ชายไม่ต้องใส่ปีกด้วย มีแค่ขนนกยาวติดตามตัวนิดหน่อย ไม่งั้นคงจะเต้นไม่ออก



"ขอโทษครับบบบ ขอโทษครับ ขอพบน้องน้ำชาหน่อยครับ"

​หือออออออ?

​ใครมาขอพบผมตอนนี้ รู้ไหมว่าเป็นช่วงเวลาทำใจ ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนีย นี่กะว่าจะขอซ้อมกันอีกซักสองสามรอบนะ กลัวเต้นผิด

"น้ำชา มีคนมาหา" พี่พลอยเรียก

ตอนนี้ห้ามคนนอกเข้ามา ผมจึงต้องเดินมาที่ประตูห้องเอง



"อ้าว พี่เติ้ล หวัดดีครับ มีไรครับพี่" พี่เติ้ลเพื่อนสนิทในคณะเดียวกับพี่ตองนี่นา มาหาเราทำไมหว่า

"ว้าววววว โคตรคูลอ่ะ" พี่เติ้ลตาเหลือกเลยที่เห็นผมในชุดนี้ "ชุดกินรีหนุ่มซะด้วย เอ็งใส่แล้วน่ารักกว่าเดิมอีกนะเนีย ไอ้ตองเห็นมีหวังดิ้นพล่านแน่ๆ"

"พี่มาหาผมเพราะจะมาแซวเนี่ยนะ แล้วชุดของผู้ชายเค้าเรียก กินนร พี่ ไม่ใช่กินรีหนุ่ม"

"อ้าวเหรอ  เออๆ เปล่าๆ พี่ไม่ได้จะมาแซวเอ็ง พอดีพวกปีสองคณะพี่ฝากมาให้กำลังใจ"

"โหพี่ ไม่ต้องแล้วมั้ง ตะโกนออกทีวีกันซะขนาดนั้น พี่คิดว่าผมไม่อายหรือไง"

"อายเอยอะไร พวกพี่ทำด้วยใจเว้ย"

"โอเคครับพี่ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ ฝากขอบคุณทุกคนด้วย"

"เออๆ เดี๋ยวพี่บอกให้ แต่ที่มาเนีย มีของสำคัญจะให้... อะนี่"

​หึ! อะไร

ผมยื่นมือไปรับ เป็นม้วนกระดาษเอสี่แผ่นนึง ก็เลยเปิดอ่านดู

"เห้ยยยยย จริงดิพี่ สุดยอดอ่ะ... อ๋อออออ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเชียร์ผมกันบ้าคลั่งซะขนาดนี้"

"เออ ก็นั่นแหละ ยังไงก็สู้ๆนะเว้ย เออ เดี๋ยวๆ ขอถ่ายรูปนึงดิ ไอ้ตองฝากมา มันมาไม่ได้เพราะต้องเต้นเปิดงาน"

ห๊ะ

ถ่ายรูปเหรอ จะทำหน้ายังไงดีวะกู

"โอเค เรียบร้อย" ไวจัง ยังไม่ได้เก๊กหน้าเลย "ยังไงเดี๋ยวพี่รีบไปก่อนนะ วิศวะจะโชว์แล้วอีกสองคิว ถึงพี่จะเชียร์เอ็ง แต่ก็ต้องเชียร์คณะตัวเองด้วย เดี๋ยวไม่งั้นโดนพวกที่คณะเฉ่งเอา ไปนะ เจอกันๆ"

"เจอกันพี่"

เชื่อเค้าเลยจริงๆ

หันมามองดูกระดาษอีกทีก็นึกขำ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนะ คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก







.....................สองสัปดาห์ก่อน.........................



"ชาๆ ไอ้ตองโทรมาบอกว่าให้กูไปส่งมึงที่หออ่ะ" นั่นคือการเรียกของพี่บุ๋น หลังจากที่ผมกำลังจะออกจากห้องซ้อมของคณะวิทย์

"อ้าว ทำไมพี่ตองไม่มาเองอ่ะ" ปกติไม่เคยวานให้คนอื่นไปรับไปส่งแทนนี่นา ขนาดไอ้ต้อม ถ้าไม่จวนตัวจริงๆยังไม่อยากจะให้มารับแทนเลย

"วันนี้พวกวิศวะซ้อมเสร็จช้า งี้แหละ แชมป์เก่า คงจะซ้อมหนักหวังรักษาตำแหน่งเต็มที่ อีกสองอาทิตย์ก็ต้องแข่งแล้ว"

"เสร็จช้ากว่ากำหนดได้ด้วยเหรอพี่ ก.น.ช.เค้าไม่ว่าเหรอ"



"จริงๆก็ว่านะ" พี่ท๊อปเดินเข้ามาร่วมในวงสนทนา

ช่วงนี้พี่ท๊อปมาเฝ้าพี่บุ๋นตลอด แต่ก่อนอ้างว่ามาทำงาน แต่เดี๋ยวนี้มานั่งดูพี่บุ๋นซะมากกว่า สองคนนี้ไปถึงไหนแล้วนะ อยากรู้จัง ​โอ๊ะ ​กูนี่ก็ชอบเผือกเรื่องชาวบ้านจัง สนใจเรื่องของตัวเองก่อนไหม

"แล้วทำไมถึงซ้อมเกินเวลาได้ละครับ" ผมถามพี่ท๊อป

"ก็เพราะเป็นวิศวะไงครับ ต่อให้เป็น ก.น.ช. ก็มีกลัวกันได้ มีแต่ขาโหดทั้งนั้น" เง้อ... แบบนี้ก็ได้เหรอ "แต่ว่าพวกเค้าก็ซ้อมเกินกันแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นแหละครับ ก็เลยหยวนๆกันไป กฎบางอย่างตึงมากก็ไม่ได้"

"พี่ท๊อปพูดเองนะ" พี่บุ๋นเหมือนได้ที "งั้นวันหลังคณะวิทย์ซ้อมเกินบ้าง ก.น.ช.ห้ามว่าล่ะ"

"โห พี่ ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้ผมก็ซ้อมจนแขนจะหลุดอยู่แล้ว" ผมร้อง

"สำออยนะมึงอ่ะ ตั้งแต่มีไอ้ตองคอยปกป้องนิ มึงชักจะปวกเปียกใหญ่แล้วนะ" อ้าวไอ้พี่บุ๋น มาแซวกันโต้งๆอย่างงี้เลยเหรอ

"แหม่...พี่ ใครจะไปแข็งแกร่งเหมือนพี่ละคร้าบบบ ขนาดมีคนมาคอยปกป้องทุกวัน ยังเก๊กเข้มอยู่ได้... นี่ไม่รู้ไปปกป้องกันถึงเกาหลีได้ยังไ....ง..อุ"

 ทีอย่างงี้ละเขิน รีบเอามือมาปิดปากผมเชียวนะ

"เงียบไปเลยนะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก" ทำเป็นกระซิบนะพี่บุ๋น ถ่ายรูปคู่กันลงเพจแฟนคลับขนาดนั้นยังจะกลัวคนรู้อีก คนกดไลค์พุ่งไปห้าหกหมื่นแล้วมั้ง คิดว่าคนเค้าจะไม่รู้กันหรือไง

ส่วนพี่ท๊อปก็เอาแต่เกาหัวยิ้มเขินๆ

สองคนนี้ต้องพัฒนากันไปไกลจริงๆแน่เลย มีโอกาสกูจะต้องเผชิญสืบด้วยตัวเองให้ได้

"เดี๋ยวกูก็ทิ้งให้กลับเองซะเลย"

อะนะ ทำเป็นขู่

"งั้นพี่สองคนกลับกันไปเลยก็ได้ครับ"

"โห่ไอ้ชา กูพูดแค่นี้ทำใจน้อยไปได้นะมึง กูไม่ทิ้งมึงไว้หรอกน่า เดี๋ยวไอ้ตองก็เล่นงานกูอะดิ"

"เปล่า ไม่ใช่อย่างงั้นพี่ ผมว่าจะไปหาพี่ตองที่คณะอ่ะ" คือ... ไม่ค่อยชินให้คนอื่นไปส่งเท่าไหร่ แล้วก็ไม่อยากรบกวนเวลาที่พี่ท๊อปกับพี่บุ๋นเค้าอยู่ด้วยกันด้วยแหละ "ถ้าแค่ชั่วโมงเดียว เดี๋ยวผมไปรอพี่เค้าที่คณะก็ได้ จะได้ไม่รบกวนพวกพี่"

"ไม่รบกวนหรอก..."

"ปล่อยน้ำชาไปเถอะครับ เค้าอยากกลับพร้อมแฟนเค้านิ" พี่ท๊อปแนะนำเชิงห้ามปรามพี่บุ๋น

"อ... เออ งั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวกูไปส่งที่ห้องซ้อมคณะวิศวะ ไปเร็วพี่ท๊อป บุ๋นหิวแล้ว"

"ไม่ต้องหรอกพี่ ผมไปเองได้ ตึกวิศวะอยู่แค่นี้เอง เดินตัดสวนเทเลทับบี้ไปก็ถึงแล้ว" ผมหมายถึงสวนย่อยขนาดใหญ่ของมหาลัยที่สร้างอยู่ระหว่างคณะวิทย์กับวิศวะ แต่เด็กที่นี้เรียกสวนเทเลทับบี้กัน "ผมเคยไปห้องซ้อมวิศวะแล้ว ไม่หลงหรอก"

"เห้ย ไม่ได้..."



"งั้น... ให้พี่เดินไปส่งไหม"

​ชิบหายละ

​พี่กั้ง พูดยังอยู่ในวงโคจรของจักรวาลนี้

"...ถัดจากตึกวิศวะก็เป็นตึกวิทย์แพทย์ พี่ต้องกลับอยู่แล้ว"

เอาไงดีวะกู จะปฏิเสธยังไงดี กูเดินไปกับพี่เค้าไม่ได้ เป็นเรื่องแน่

"เห้ย! ไม่เป็นไรหรอกกั้ง เดี๋ยวเราไปส่งน้องเองดีกว่านะ กั้งนั่งรถไฟฟ้ากลับเหอะ จะได้ไม่ต้องเดิน" พี่ท๊อปก็คงเข้าใจซินะ เอาวะ ไปกะพี่ท๊อปพี่บุ๋นก็ยังดีกว่าเดินไปกับพี่กั้งสองต่อสอง



"อิชาาาาาาาาาา"

หือ????

อะไรอีก

"อิช... อุ๊ย! ขอโทษค่ะ หนูนึกว่าไม่มีใครอยู่แล้ว" ไม่ทันแล้วไหมอิเจสซี่ มากันพร้อมหน้าเลยนะ

"มึงๆ กูมีเรื่องจะมาบอก" อิเล็กเสริม "อาจารย์จักรกฤษมาประกาศในห้องเชียร์เมื่อกี๊ว่าพรุ่งนี้มีสอบอินโทรแมท พวกกูก็เลยรีบมาบอก"

"คืนนี้ไปติวกันเหอะชา" วาวาเอ่ยปากชวนกระดี๊กระด๊า "พวกกูไปเจอร้านกาแฟน่านั่งอ่านหนังสือมา ปะๆ ไปติวกัน" น้ำเสียงชวนแบบนี้แปลว่าไม่ได้จะไปติวจริงๆแน่เลย

"แค่คณิตเบื้องต้น พวกมึงเรียนรู้เรื่องกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะติวอีกทำไม"

"แหมมึง เพื่อความชัวร์ไงคะ มีอัจฉริยะอย่างมึงอยู่ข้างๆ เผื่อพวกกูจะออสโมซิสความรู้ปริมาณมหาศาลของมึงมาได้บ้าง" อิช้างเจสซี่กล่าว

เออ แต่ว่า... เอางี้ดีกว่า

"พี่ท๊อปไม่ต้องไปส่งผมแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมเดินไปกับเพื่อนดีกว่า... เอ่อ ขอบคุณพี่กั้งมากนะครับ แต่ผมมีเพื่อนแล้ว ผมขอตัวนะครับ ไปๆๆๆ พวกมึง รีบไปเร็ว" ผมนี่รีบเดินออกจากห้องเลย

ผมรีบลากพวกมันมาโดยที่ยังไม่อธิบายอะไรให้ฟัง แต่พอรู้ว่าผมจะพาไปดูลีดคณะวิศวะแค่นั้นแหละ เลิกสงสัยกันหมด กลายเป็นความสะดีดสะดิ้งแทน

หลังจากเดินมาถึงห้องซ้อมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ผมเคยใช้ซ้อมเต้นเมื่อตอนโน้นนนนนน (หมายถึงตอนซ้อมเพลงมิ่งขวัญมัณฑนา กับพี่ตองอ่ะ) ก็มาเจอว่าห้องซ้อมกำลังวุ่นวาย มีคนเทียวเดินเข้าเดินออกกันอยู่ตลอด ผมกับอิเพื่อนแก๊งนางฟ้าก็เลยไม่กล้าเข้าไป พวกเราจึงเดินเลี่ยงมาโรงอาหารแทน ซึ่งก็อยู่ข้างๆกันนั่นแหละ

อิเพื่อนสามตัวของผมนี่อยู่ไม่เป็นสุขเลย เทียวเดินไปส่องไปชะเงอกันใหญ่ โคตรน่าอายเลย ผมก็เลยหาวิธีดึงความสนใจพวกมันด้วยการเล่นดนตรีให้ฟัง

งงละซิว่าผมเล่นดนตรีได้ยังไง คือว่าตรงนั้นมีพี่คนหนึ่งเค้าถือกีต้าร์มานั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารพอดี คงจะเอามาเล่นหลังเลิกเรียนมั้ง ก็ที่นี่อยู่ติดกับสวนเทเลทับบี้ ผมเห็นคนชอบเอาดนตรีมานั่งเล่นกันเป็นประจำ ก็เลยไปขอยืมพี่เค้ามาเล่นให้พวกมันแหกปากกันแทน

อือหือ พวกมึงนี่นะ พอขึ้นเพลงนิวจิ๋วได้ อย่างกับวิญญาณองค์แม่เข้าสิง แอ็คติ่งมาเต็มมาก



"ตายแล้ววววววว อิชา นี่ถ้ามึงไม่ได้เป็นองค์แม่ของพวกกูนะ กูจะจับมึงทำผัวเดี๋ยวนี้แหละ หน้าตาดี เล่นดนตรีได้ เริสค่ะ" อิเจสซี่จีบปากจีบคอพูด

"จะบ้าเหรอมึง เดี๋ยวพี่ตองก็ได้มาแหกอกมึงหรอกค่ะ" วาวาตัดบท

"พอๆๆๆ พอเลยพวกมึง พูดอะไรของพวกมึงเนีย เดี๋ยวกูก็ไม่เล่นให้เลย"

"เล่นซิๆ มึงอ่ะอิเจสซี่ ไปขัดขวางทางดนตรีของหัวหน้าแก๊งได้ไง" อิเล็กผู้ที่ดูจะอินกับการร้องเพลงที่สุด "นี่ๆ เอาเพลงนี้บ้าง ผีเสื้อราตรี แคทริยา อิงลิช เดี๋ยวกูจะเต้นให้พวกมึงดูด้วย ม๊ะ"

"โอ๊ย อิเล็กคะ สภาพมึงนี่ไม่ใช่ผีเสื้อราตรีแล้วค่ะ เค้าเรียกผีเสื้อลาตาย ต้องกูนี่"

"ส่วนมึงอะผีเสืื้อขึ้นอืด"

ดูพวกมันเถียงกัน

"ไม่ต้องเต้นกันทั้งคู่นั่นแหละ กูไม่อยากดู เสียสายตา อายเค้าจะตาย"

"อ้าว อิวาวา เสียสายตาอะไรของมึง ไม่รู้จักเจสซี่สะโพกพริ้วซะแล้ว มึงดูกูก่อนที่จะพูด...."



"เห้ยๆๆ ไอ้ตอง รีบไปไหนวะ"



"​นิพวกมึง เงียบๆ" ผมบอกแก๊งนางฟ้า

เหมือนผมจะได้ยินใครเรียกชื่อพี่ตองใกล้ๆ แสดงว่าซ้อมเสร็จกันแล้วอะดิ



"กูจะรีบไปรับน้ำชา กูไปล่ะ น้องรอนานแล้ว" นั่นไง พี่ตองจริงๆด้วย ผมส่งสัญญาณบอกให้พวกเพื่อนผมเงียบๆ แล้วก็ให้วาวาเอากีต้าร์ไปคืนพี่คนที่ยืมมา

"เดี๋ยวดิ โห่ ไรวะเพื่อน ตั้งแต่มีแฟนนี่มึงลืมเพื่อนเลยนะ เนี่ย พวกกูกำลังจะไปเล่นบาสกัน ไปเล่นด้วยกันก่อน"

"ไม่ได้!"

"เพื่อนตองครับ นี่เพื่อนเติ้ลเองนะครับ จำเพื่อนเติ้ลคนนี้ได้ไหม มึงไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้างหรือไง เดี๋ยวกูบอกแฟนกูไปรับน้องน้ำชาของมึงมาให้ก็ได้ อยู่คณะวิทย์ใช่ไหม? เดี๋ยวกูโทรกรี๊งเดียวเพื่อน ไม่ต้องห่วง"

"ไม่ต้อง ไอ้เชี่ยเติ้ล... เออๆ ไว้วันหลัง...."



"ไม่ต้องวันหลังหรอก พี่ตองไปเล่นบาสเหอะ" ผมตัดสินใจปรากฎตัวออกไป นี่ต้องคอยดูแลไปรับไปส่งเราจนให้เพื่อนพูดแบบนี้ได้เลยเหรอเนีย

"อ...อ้าว ชา มาได้ไงครับ" พี่ตองก็คงตกใจแหละ เพราะผมไม่เคยมาหาพี่เค้าที่คณะมาก่อนเลย

"ชาเดินมา... นี่ไง มากับเพื่อน"



"สวัสดีค่ะพี่ตองสุดหล่อ" อิเจสซี่ ต่อหน้าต่อตากูเลยนะ พวกมึงสองตัวก็ด้วย ไม่ต้องมาส่งตาหวานเลย

"ส.. สวัสดีครับ แล้ว... ชามาที่นี่ทำไมครับ มาหาพี่เหรอ"

"พี่บุ๋นบอกว่าพี่ตองจะเลิกช้าชั่วโมงนึง ชาก็เลยเดินมารอดีกว่า ไม่อยากรบกวนพวกพี่เค้า ว่าแต่... เพื่อนพี่ตองชวนไปเล่นบาสอ่ะ ไม่ไปเล่นอ่ะ"

"ไม่ต้องหรอกครับ พี่เล่นวันหลังก็ได้ พี่ไม่อยากให้ชามานั่งรอ"

"ใครบอกว่าชาจะนั่งรอ" เข้าใจผิดแล้วเบบี้ "เอ่อ... พี่เติ้ลใช่ไหมครับ ผมขอเล่นด้วยได้ไหมพี่"

"ห... ห๊ะ ได้ ได้ครับ" พี่เติ้ลอึ้งกับคำขอของผม เช่นเดียวกับพี่ตอง "แต่พวกพี่เล่นกันแรงนะ ไอ้... ตอง มันจะว่าอะไรหรือเปล่า"

"จัดมาเลยพี่"

"ไม่ได้ชา ไอ้พวกนี้มันเล่นกันแรงนะ" พี่ตองพยายามจะห้ามผม

"นิ พี่ตอง ลืมไปแล้วเหรอ นี่ธชานา ธนกฤษ จากโรงเรียนระเบียงไม้วิทยา คู่แข่งคนสำคัญของนายนาวาพล ขัตติยชาติ จากโรงเรียนลาซาน นะ สมัยก่อนชาก็เคยแข่งบาสกับพี่มาก่อน ตอนนั้นทั้งผลักทั้งชน ไม่เห็นจะกลัวเล่นแรงเลย"

"ก็ตอนนั้นชายังไม่ได้เป็นแฟนพี่นิ"

"พี่ตอง..." ไอ้บ้า พูดอะไรหน้าตาเฉย ต่อหน้าคนเยอะแยะ

น่าอายชะมัด



"สรุปว่าจะเล่นไหมครับเพื่อนตอง" พี่เติ้ลถามย้ำอีกครั้ง

"เล่นครับพี่" ผมตอบแทน "ผมด้วยนะ"

"งั้นก็เชิญที่สนามกันดีกว่านะครับ มีทีมรออยู่แล้ว"

"ไปเถอะน่าพี่ตอง ชาไม่เป็นไรหรอก..." ผมให้ความมั่นใจกับพี่ตองอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาแก๊งนางฟ้า "​พวกมึง ​ไปดูกูเล่นบาสไหม"



"ไป" โอ้โห ประสานเป็นเสียงเดียวเชียวนะ พวกมึงไม่ได้จะไปดูกูหรอก กูรู้







"อ้าวๆ พวกมึง วันนี้เจ้าชายตองให้เกียรติมาเล่นบาสด้วยเว้ย" พี่เติ้ลประกาศเสียงดังตั้งแต่เท้ายังเดินไม่ถึงสนาม "ซูฮกในความเจ๋งของกูซะที่ลากมันมาได้ แล้วก็วันนี้เรามีสมาชิกตัวน้อยมาร่วมแจมอีกคน ขอแนะนำให้รู้จัก น้องน้ำชา คราบ"

อู้ววววววววววว

​นั่นคือการแซวตามแบบฉบับเด็กวิศวะซินะ เป็นเสียงแซวที่กวนได้ใจจริงๆ



"หวัดดีครับพี่ๆ" ผมกล่าวทักทายตามมารยาท

"แน่ใจเปล่าน้องน้ำชา ถึงเป็นแฟนพี่ตองพี่ก็ไม่อ่อนข้อให้นะน้อง ฮ่าๆๆ" พี่ที่โครงร่างใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ยปากแซวผม

"ส่วนมึงอ่ะไอ้ตอง ดูแลเด็กมึงให้ดีละกัน เจ็บตัวกลับบ้านไป จะมาโทษพวกกูไม่ได้นะเว้ย" เอาเข้าไป อีกคนก็เข้ามาเสริมทัพ



"ใครบอกพวกพี่ว่าผมจะอยู่ทีมเดียวกับพี่ตอง" ถึงตาผมยิ้มบ้าง ไม่ต้องมามองหน้าสงสัยเลยพี่ตอง ได้ยินถูกแล้ว "ผมจะอยู่คนละทีมต่างหาก ขืนอยู่ทีมเดียวกับพี่ตอง พวกพี่ก็ต้องกล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าเล่นจริงกับผมกันพอดี กีฬานะพี่ คิดจะเล่นแล้วมันต้องไม่อ้อมมือ ถึงจะสนุก"



"ให้มันได้อย่างงี้ซิวะไอ้น้อง" พี่เติ้ลเสริม "มา พี่จะอยู่ทีมเดียวกับเอ็งเอง ใครอยากช่วยพวกกูถล่มเจ้าชายตองบ้าง มาๆแบ่งทีมกันเลย"

พวกพี่วิศวะนี่ยุง่ายจังแฮะ มีก็แต่ไอ้พี่ตองคนเดียวเนี่ยแหละ ที่ดูจะไม่สะดวกใจอะไรกับคนอื่นเค้าซักอย่าง

แก๊งนางฟ้าสามตัวของผมก็ทำการแนะนำตัวกับพวกพี่วิศวะว่าเป็นเพื่อนผม ก่อนที่จะไปนั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่ข้างสนามบาส แล้วก็แอบมองไปที่สนามอื่นๆที่มีคนมาเล่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าคืนกำไรให้พวกมันก็แล้วกันที่เคยช่วยหลายๆอย่างมาก่อนหน้านี้



"โอเค แบ่งทีมได้แล้ว" พี่เติ้ลสรุป "งั้นก็ตามกฎแล้วกัน ทีมเรามีน้องใหม่ ทีมเราต้องเป็นฝ่ายถอดเสื้อ"

"เห้ย เดี๋ยวๆๆๆๆ" จู่ๆพี่ตองก็เสียงดังขึ้นมา มีปัญหาอะไรอีกเนีย จะได้เริ่มเล่นซะทีไหมเนี่ย "เดี๋ยวทีมกู เสียสละถอดเอง"

"อ้าว ได้ไงวะ ทีมไหนมีน้องใหม่ก็ต้องถอดเสื้อดิ" พี่ตัวใหญ่ว่าตามกฎ

"ไม่ได้เว้ย" ไอ้พี่ตองโวยวายอีกรอบ ก่อนที่จะรีบถอดเสื้อตัวเองออก "ถอดเลยๆ นี่ กูถอดแล้ว ไม่ต้องกฎเ-ี้ยอะไรทั้งนั้นอ่ะ กูรู้นะพวกมึงคิดไรกันอยู่ ถ้าทีมกูไม่ถอด กูก็ไม่เล่น แล้วกูก็จะพาน้ำชากลับเดี๋ยวนี้ด้วย"

"เออๆๆๆๆ อะๆ พวกเราถอดเว้ย... โด่ว แม่งหวงเมีย แบ่งเพื่อนดูบ้างก็ไม่ได้"

"เงียบเหอะมึงอ่ะ"

หึหึ เพิ่งจะเคยเห็นไอ้พี่ตองเขินก็วันนี้แหละ ที่แท้ก็ไม่อยากให้เราถอดเสื้อนี่เอง ไม่รู้จะคิดมากทำไม ไม่ใช่ว่าไม่เคยถอดให้ใครเห็นซะหน่อย



"เอาหละ มาๆๆๆๆ พร้อมนะ" พี่เติ้ลให้สัญญาณอีกครั้ง "กฎเดิมนะเว้ย ใครยี่สิบเอ็ดแต้มก่อนชนะ คนชนะมีสิทธิ์สั่งคนแพ้อะไรก็ได้หนึ่งอย่าง"

ห๊ะ

มีกฎอีกแล้วเหรอ

เอาเถอะ ช่างมัน ถือว่าเป็นเกมส์ เล่นให้เต็มที่ละกัน

ถือซะว่านี่เป็นการทบทวนความทรงจำของผมกับพี่ตอง ในฐานะ...





​.......คู่แข่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 22:59:09 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​ตอนที่ 34 : กองเชียร์







สัญญาณมือถูกส่งไปให้นักกีฬาร่วมทีมอย่างฉับไวและระมัดระวัง

ด้วยร่างกายที่เล็กกว่าคนอื่นๆ ผมจึงหักเลี้ยวหลบกำแพงมนุษย์สองสามคนไปได้โดยง่าย

ลูกบาสในมือกระทบพื้นเพียงสองสามครั้งก็มีอันให้เข้าไปอยู่ในห่วงเป็นที่เรียบร้อย



"กลับเร็ว"

ก่อนที่ทีมคู่แข่งจะฉวยโอกาสนี้ทำคะแนน เพราะทีมของผมทั้งหมดทิ้งการรักษาแดนของตัวเอง ปราศจากผู้เฝ้าระวัง

"​เห้ย"

ด้วยทักษะความไวของฝีเท้าและแรงกระโดดของหน่องขา ลูกยางสีแดงก็ถูกผมช่วงชิงกลางอากาศก่อนที่มันจะกลายเป็นคะแนนของฝ่ายตรงข้าม

หลายคนได้แต่ยืนงงกับภาพที่เกิดขึ้น จนกระทั่งทีมของผมทำคะแนนได้อีกชุด



นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาเลย แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมศึกษาและฝึกฝนอย่างจริงจัง ก็เหตุผลง่ายๆแหละ สมัยนั้นพี่ตองเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน ถ้าผมคิดจะเจอหน้าพี่เค้า ก็ต้องเก่งจนสามารถเป็นตัวแทนของโรงเรียนให้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าผมตัวเล็ก ก็เลยต้องฝึกหนักมากกว่าคนอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เลยเป็นที่น่าพอใจ ไม่ใช่แค่เรื่องบาสนะ เรื่องที่เล่นกีต้าร์ได้ก็มาจากที่รู้ว่าพี่ตองเล่นเป็นนั่นแหละ เผื่อว่าอยู่ดีๆพี่เค้าออกมาแข่งดนตรีให้โรงเรียนบ้าง ผมก็เริ่มหัดเล่นไว้เนิ่นๆ ไหนจะมวยไทยกับการเขียนโปรแกรมอีก เรื่องพวกนี้ทั้งหมด ได้รับอิทธิพลมาจากคนๆเดียวทั้งนั้น



"สุดยอดดดดดดดดด" พี่เติ้ลตะโกนดีใจลั่นสนาม

การแข่งขันจบลงในที่สุด แต่ละคนเหงื่อซกเลย ส่วนผลการแข่งขันอะเหรอ.... ทีมของผมก็ต้องชนะอยู่แล้วแหละ ด้วยคะแนน 22 ต่อ 16 เอาจริงๆผมก็รู้แหละว่าพี่ตองไม่กล้าเล่นหนักกับผม เวลาประชันหน้ากัน ชอบยืนนิ่ง ปล่อยให้ผมวิ่งผ่านไปเฉยเลย

"เห้ย ไอ้น้อง เจ๋งว่ะ เล็กพริกขี้หนูนี่หว่า" เพื่อนร่วมทีมของผมกล่าวชมพร้อมเดินมาตบไหล่ "แฟนมึงเจ๋งว่ะ ไอ้ตอง หามาจากไหนวะ มีให้กูอีกคนไหม"

"นั่นไง มีให้เลือกอีกสามคน สนใจเปล่า" พี่ตองยิ้ม ชี้ไปที่แก๊งนางฟ้าเพื่อนผม

"อือหือ ไอ้ชิบหาย เอาน่ารักๆแบบนี้ดิวะ"

"งั้นก็ไม่มีแล้ว มีคนนี้แหละคนเดียว" นอกจากจะพูดอย่างเปิดเผยแล้วยังจะมากอดคออีกนะไอ้พี่ตอง นี่ไม่คิดจะอายเค้าบ้างรึไงเนีย มันไม่ใช่เรื่องปกตินะ พวกเพื่อนๆพี่ก็พอกันเลย แซวผู้ชายด้วยกันอยู่ได้

"อ้าว ไอ้ยักษ์ เป็นไรวะ แข่งจบแล้วเว้ย มารวมกันตรงนี้ได้แล้ว" พี่เติ้ลเรียกพี่คนที่ตัวใหญ่สุด ซึ่งเอาแต่หอบแฮกๆอยู่กลางสนาม

"พ... พ... พวกมึง คุยกัน.. ไป... ไปก่อนเลย กูหายใจแป๊บ" นั่นคือที่พี่เค้าพยายามพูด

ผมก็เลยเดินไปพูดคุยด้วยซะหน่อย

"ไงพี่ ไหวเปล่า" พี่เค้าเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น "เอาไว้วันหลังมาแก้มือใหม่นะครับ"

"เออ... ยังไม่ต้องมาเยาะเย้ยกู เอาน้ำมาให้กูกินก่อน" พี่ยักษ์โวยวาย ก่อนจะเดินมารวมกันคนอื่นเพื่อหยิบน้ำมาดื่ม "อ่ะ ทีมกูแพ้ จะให้ทำไรว่ามา แต่ไม่เอาม้วนหน้านะ วันนี้ไม่ไหวแล้ว"

"เอาไงดีน้า?" พี่เติ้ลทำท่าคิด "เอ็งว่าไงไอ้น้ำชา แมทนี้เอ็งเป็นตัวหลัก อยากให้ทีมแฟนเอ็งทำอะไรดี"

"ไม่... ไม่รู้เหมือนกันอะครับ" ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนนี่นา ไม่ได้คิดไว้เลย "ปกติพวกพี่จะลงโทษกันยังไงอะครับ"

"ปกติเหรอ ก็... เปลี่ยนไปเรื่อยๆอ่ะ แล้วแต่อารมณ์ บางทีก็ให้ไปสารภาพรักกับแม่บ้านในตึก"

"เห้ยๆ หรือว่าเราจะให้ไอ้ตองหอมแก้มแฟนมันโชว์พวกเราดีวะ" พี่คนหนึ่งเสนอไอเดีย

"ไม่เอาดิพี่​" จะบ้างะ นั่นมันลงโทษผู้ชนะแล้ว "เกี่ยวไรละ ผมทำให้ทีมชนะไม่ใช่เหรอ"

"งั้นให้หอมแก้มเพื่อนเอ็งก็ได้ ว่าไง?"

ดูแต่ละไอเดีย "ม...ไม่ดีมั้งพี่" ขืนให้พี่ตองไปหอมแก้มอิพวกนั้น พวกมันได้คิดกันจริงๆแน่

"แหม่ หวงพอๆกันเลยนะ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่"

เอ้า!!! จะบ้าหรือไงเล่า ไม่หวงก็ประหลาดแล้ว นี่แฟนผมนะ



"เอางี้ กูนึกออกแล้ว" พี่เติ้ลแทรกขึ้นมา "ก็ขอสั่งให้...." คราวนี้ขอให้เป็นอะไรที่รับได้หน่อยนะพี่เติ้ล ไม่เอาประเภทเปลืองตัวนะ "ให้ไอ้ตองบอกมาว่า ทำไมอยู่ดีๆมันถึงสอบผ่านแคลสอง"

ห๊ะ?

"ห๊ะ?" พี่ตองทำหน้างง

"ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัย ปกติผู้ชายคณะเราทั้งรุ่น มีสอบผ่านวิชาเลขแค่ไอ้มาโนชกับไอ้นครเท่านั้นแหละ แต่สอบเก็บคะแนนล่าสุด มึงดันสอบผ่าน แล้วคะแนนก็สูงด้วย เพราะงั้นมึงต้องบอกพวกกูมาว่า ทำยังไงมึงถึงสอบผ่านมาได้"

อ๋อ..... แบบนี้นี่เอง

แสดงว่าที่ติวให้พี่ตองทุกวันก็เห็นผลซินะ คือจริงๆแล้ว นอกจากที่ผมจะติววิชาคณิตศาสตร์ภาพรวมให้พี่ตองแล้ว ก็ไม่ลืมเนื้อหาหลักที่พี่เค้ากำลังเรียนอยู่ด้วย

"อะไรวะ นี่มันไม่ใช่การลงโทษแล้ว" พี่ตองบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ "กูก็แค่อ่านหนังสือ พวกมึงไม่อ่านกันเอง"

"อือหือ ไอ้สัดตอง มึงแค่อ่านหนังสือเหรอ อย่ามาแหล งั้นกูถือว่ามึงยังไม่ตอบคำถาม กูถามมึงใหม่ละกัน... สาเหตุที่มึงสอบผ่านมาได้เพราะไอ้น้องน้ำชาแฟนมึงใช่ไหม"

"......" พี่ตองทำหน้าอึ้งหนักกว่าเดิม

ทำไมเค้าถึงไม่บอกไปตรงๆล่ะ จะปิดบังทำไม ก็แค่บอกว่าผมเป็นคนติวให้ ก็จบแล้ว



"เห้ย จริงเหรอวะ" พี่ยักษ์สงสัย พร้อมกับมองหน้าผมสลับกับพี่ตอง "ไอ้น้องคนนี้ทำให้มึงสอบผ่านจริงดิ"

"ว่าไงไอ้ตอง" พี่เติ้ลเซ้าซี้ "กูไม่สืบเรื่องน้องคนนี้มาแล้ว มันเป็นถึงเด็กอัจฉริยะ มึงสารภาพมาดีกว่า"



"ทำไมเหรอครับ..." ผมพยายามถามพวกพี่ๆ เพราะตอนนี้ดูเหมือนทุกคนในที่นี้จะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ

"เออๆๆ น้ำชาติวให้กูเอง พอใจยัง" พี่ตองสารภาพในที่สุด

"นั่นไง กูว่าแล้ว" พี่เติ้ลได้คำตอบที่ตนเองพอใจในที่สุด "อยู่ดีๆ มึงจะเก่งขึ้นมาพรวดพราดได้ไง งั้นมึงต้องให้แฟนมึงติวให้พวกกูด้วย"

"ไม่เอาเว้ย!" พี่ตองรีบเดินมาเพื่อเอาตัวบังผมไว้ "กูตอบคำถามมึงไปแล้ว ถือว่าบทลงโทษจบแล้ว"

"เห้ย ไรวะไอ้ตอง มึงมีติวเตอร์เก่งๆแบบนี้ ทำไมไม่มาให้ช่วยพวกกูบ้างวะ" "นั่นดิ กูจะติดเอฟอยู่แล้วเนีย" "เออๆเพื่อนนะเว้ย"

"พอเลยพวกมึงอ่ะ" พี่ตองยังคงแสดงท่าทางหวงความรู้แทนผม "พวกมึงก็รู้ น้องต้องซ้อมลีด ใกล้จะแข่งแล้วด้วย ไหนจะไปช่วยงานที่โรงบาลอีก กูไม่ให้ใครมาใช้งานแฟนกูหนักหรอก พวกมึงหยุดความคิดไปได้เลย"

​โหหหหหหหหหหหหหหห่



​"แต่พวกกูก็แย่เหมือนกันนะเว้ย" พี่เติ้ลยังคงพยายาม "เอางี้พวกกูมีค่าติวให้ด้วย... ไงไอ้น้อง สนใจติวเลขให้พวกพี่เปล่า"

"ไม่สน! กูตอบแทนเอง" พี่ตองก็ยังคงไม่ยอมท่าเดียว "ติวเตอร์มีเยอะแยะ ไปหาคนอื่นดิวะ"

"เยอะแต่สอนไม่รู้เรื่องอะดิ" พี่ยักษ์พูดบ้าง "ปีที่แล้ว พ่อก็จ่ายค่าติวไปเกือบแสน ทำได้แค่ผ่านเอฟมาแบบฉิวเฉียด ขืนกูยังได้เกรดแค่นี้นะ อยู่ไม่รอดถึงปีหน้าแหง"

"ก็อย่างที่ไอ้ยักษ์พูดนั่นแหละ" พี่เติ้ลย้ำอีกครั้ง "เหอะน่าเพื่อน ค่าจ้างพวกกูก็มีให้ เอางี้ แค่ที่จะเก็บคะแนนของสิ้นเดือนนี้ก็ยังดี"

"ก็กูบอกว่าไม่ไง"

"อะไรวะไอ้ตอง มึงจะหวงอะไรนักหนา..."

"กูว่านะ มันกลัวว่าไอ้น้องน้ำชาจะมีเวลาให้มันน้อยแน่เลย" พี่อีกคนบอก "ก็ดูดิ ตั้งแต่เปิดเทอมมา หายเงียบตลอด สงสัยถ้าปล่อยน้องมาสอนพวกเรา มันต้องคิดว่าจะโดนแย่งความรักแหงเลยว่ะ"

"อะไรก็ช่าง กูไม่อนุญาตเว้ย" พี่ตองเสียงแข็ง

"เออๆ ช่างมันเหอะพวกมึง อย่าไปคาดคั้นมันเลย ปล่อยมันเรียนจบไปคนเดียวนั่นแหละ" พี่อีกคนประชดประชันได้เจ็บสุดๆ



"เอ่อ... ผมสอนให้ก็ได้พี่" ผมทนฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

"ไม่เอา!" พี่ตองห้ามทันที

"มึงเงียบไปเลยไอ้ตอง ให้น้องมันพูด" พี่เติ้ลรีบคว้าโอกาสอันมีค่าไว้

พี่ตองยังคงส่งสายตามาว่าไม่อยากให้ผมทำเรื่องนี้

"ไม่เป็นไรพี่ตอง" ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ตองเป็นห่วงเรื่องอะไรของผม แต่ถ้าเพื่อนพี่เค้าถึงขั้นพูดขอร้องขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่ควรจะนิ่งเฉยนะ "ผมสอนให้ได้นะ แต่ว่าก็อย่างที่บอกแหละ ผมต้องซ้อมลีดกับช่วยงานที่โรงบาล ถ้าต้องติวค่ำหน่อย พวกพี่จะเรียนไหวกันหรือเปล่า"

"สบายมากน้อง"

"แต่พวกมึงฟังที่ไอ้ตองพูดหน่อยก็ดีนะเว้ย น้องมันเหนื่อยแทบทุกวันแล้ว ต้องมาสอนแก๊งเด็กโง่อย่างพวกเราอีก เราจะไม่ใช้งานน้องเกินไปเหรอวะ"

หลายคนเริ่มเห็นด้วยกันสิ่งที่พี่คนหนึ่งพูด

"ไม่ต้องคิดมากพี่ ยังไงทุกวันนี้ผมก็ต้องสอนพี่ตองอยู่แล้ว ก็แค่มีคนมาเรียนเพิ่ม ไม่เหนื่อยหรอก" ผมบอก แต่พี่ตองก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ผมจึงเอามือวางลงไปที่แขนของพี่เค้าเพื่อให้รู้ว่าผมทำได้และไม่ต้องห่วง

"แต่ไม่ต้องห่วง พวกกูไม่ให้มึงเหนื่อยเปล่าหรอก กูมีค่าติวให้ แล้วถ้าคะแนนออกมาดี เดี๋ยวกูให้เพิ่มอีกเท่านึงเลย" พี่ยักษ์เสนอผลประโยชน์

"ไม่ต้องหรอกครับเรื่องเงิน ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร ดีซะอีก พี่ตองจะได้มีเวลาอยู่กับพวกพี่ๆมากขึ้น"

"..........................................."

หึ?

อะไรอ่ะ ทำไมอ้าปากค้างกันหมดเลย

"กูเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้ตองหลงมึงจังเลย กูมีแฟนแบบนี้กูก็หลงวะ" พี่ยักษ์คลายความสงสัยให้ "น่ารัก ใจดี แถมเข้าอกเข้าใจ"

"นี่แหละที่กูไม่อยากให้น้ำชามาสอนพวกมึง" พี่ตองตัดบท "ถ้าพวกมึงคนไหนบังอาจเจ๊าแจ๊ะกับแฟนกูนะ กูไม่ไว้หน้าจริงๆด้วย"

"โอ้โห หวงจริงๆเจ้าชายตอง ทีเมื่อก่อนกูไม่เห็นมึงจะแคร์สาวๆคนอื่นเลย"

"กูเตือนแล้วนะ"

"เออๆ พวกมึงก็อย่าไปแหย่ไอ้ตองมันมาก... มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่าไอ้ตอง พวกกูแค่ต้องการสอบผ่านจริงๆ เดี๋ยวถ้ามีคนมายุ่มย่ามกับแฟนมึง พวกกูจะเป็นทัพหน้าคอยสกัดกั้นให้เอง ตกลงป่ะ"

"กูไม่ตกลงได้ไหม"

"เอาน่าเพื่อน มึงช่วยพวกกูครั้งนี้ กูจะไม่ลืมบุญคุณเลย"



"ชาแน่ใจนะ" พี่ตองยังไม่วางใจ ผมจึงพยักหน้าอีกครั้ง ไม่ต้องห่วงมากหรอกน้า ​"โอเค... งั้นพวกมึงก็หาที่ทางไว้ละกัน"

"เออๆ ไม่ต้องห่วง... ว่าแต่จะเริ่มตอนไหนดี อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ต้องสอบแล้ว"

"พรุ่งนี้เลยก็ได้พี่" ผมเสนอ ดูจากสถานการณ์แล้ว คงต้องใช้เวลาพอสมควร

"โอเค ได้ ตามนั้น ไอ้ยักษ์ มึงมีเส้นสายแถวนี้ หาห้องติวให้น้องมันด้วยล่ะ เอาที่ใหญ่ๆนะเว้ย มีแอร์ด้วย อย่าให้ติวเตอร์เราต้องลำบาก ไม่งั้นไอ้ตองจะล่อหัวพวกมึงได้"

"เออ กูจัดการเอง"

"เดี๋ยวก่อนพี่!" ผมเพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างได้ "ต้องให้เพื่อนๆของผมมาช่วยสอนด้วยนะ ยังไงพวกนี้ก็เรียนเอกแมท คงจะพอช่วยได้ พวกพี่ไม่รังเกียจนะ"

"รังเกียจไรวะ ได้ดิ ดีเหมือนกัน เอ็งจะได้ไม่เหนื่อยมาก"

พวกแก๊งนางฟ้ายังไม่รู้ตัวเลยว่าผมจะให้ทำอะไร มัวแต่ชะเง้อคอดูผู้ชายสนามอื่นกันอยู่นั้นแหละ



บทสรุปของการออกกำลังกายวันนี้กลายเป็นเรื่องติวไปเฉยเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ผมถนัดอยู่แล้ว อีกอย่าง รู้สึกว่าพี่ตองจะโดนเพื่อนตำหนิเรื่องไม่มีเวลาเข้าสังคมเยอะ เป็นแบบนี้พวกเพื่อนพี่ตองจะได้ไม่ว่าอีก เพราะถึงยังไงสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากตัวผมเอง

หลังจากจบกิจกรรมตรงนี้ ผมกับพี่ตองก็ไปอาบน้ำที่หอของผม แล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือต่อกับพวกแก๊งสามสาว นึกว่าจะพาไปที่ไหน ที่แท้ก็ร้านกาแฟร้านประจำที่ผมมาใช้บริการอยู่บ่อยๆ ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นเลย แต่ไม่ใช่กับพวกมันสามคนนะ พอรู้ว่าผมจะให้ไปช่วยติวพวกเพื่อนพี่ตองก็ดี๊ด๊ากันใหญ่ ยังไงซะ หนุ่มๆวิศวะก็ถือเป็นอาหารตาจานโปรดของพวกมัน มีรึจะพลาด



เย็นของวันถัดมาการติวก็เริ่มขึ้นจริงๆ

พี่ยักษ์สามารถหาสถานที่เป็นห้องประชุมใหญ่ได้ อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยนี่เอง

การติวในวันแรกก็ไม่แย่อย่างที่คิดนัก พวกพี่ปีสองจากคณะวิศวะ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีพื้นฐานการคำนวณเลย เพียงแต่ยังขาดการเชื่อมโยงความรู้ที่เป็นแบบแผนมากกว่า หลายๆคนที่ดูท่าทางไม่ใช่เด็กเรียนก็ตั้งใจเรียนอย่างไม่น่าเชื่อ

ทุกครั้งที่ผมสอนจบมักจะได้รับคำชมจากพวกพี่ๆเค้าเสมอ

ส่วนอิพวกสามเกิร์ลจอมพลังน่ะเหรอ จู่ๆก็ตั้งอกตั้งใจเรียนกันขึ้นมาเพราะจะได้เอาความรู้มาช่วยสอนพวกพี่ๆได้บ้าง คงหวังจะได้รับความสนใจ แต่ก็ดีแล้วแหละ พวกมันจะได้มีแรงบันดาลใจในการเรียน

บางวันผมไม่สามารถมาสอนได้ ก็ได้ขิงคอยมาสอนแทนให้ เรื่องแบบนี้ขิงไม่พลาดอยู่แล้ว ซึ่งไอ้ต้อมก็ไม่พลาดที่จะมาเฝ้าเหมือนเดิม ผมต้องคอยให้พี่ตองย้ำกับพวกพี่เค้าว่าอย่าไปแซวอะไรขิงมาก เพราะขิงไม่เหมือนผม ถึงจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ขิงอ่อนไหวมาก ไอ้ต้อมก็เป็นรุ่นน้อง คงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก

แต่ที่ทำให้เป็นเรื่องหนักขึ้นก็คือ ข่าวการติวของผมแพร่กระจายไปในกลุ่มวิศวะปีสองอย่างรวดเร็ว ภายในแค่ไม่กี่วัน ห้องติวก็แน่นขณะไปด้วยนิสิตชายเต็มห้อง จนพี่ยักษ์ต้องหาสถานที่ใหม่เพื่อติว คราวนี้แหละที่เรื่องเงินเริ่มเข้ามามีส่วนแล้ว เพราะค่าเช่าสถานที่แพงขึ้น แต่ทุกคนก็ยินดีจ่าย แถมผมเองก็ไม่ได้ห้ามให้ใครมาเพิ่ม ถึงแม้พี่ตองจะห้ามแล้วก็เถอะ เอาเถอะ จะสอนกี่คนก็ต้องพูดเรื่องเดิมอยู่ดี ดีซะอีก ขิงจะได้ฝึกการสอนคนหมู่มากด้วย พวกสามเกิร์ลก็จะได้ตั้งใจเรียนมากขึ้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูงเลย



เห้อออออออ

ปาเข้าไปหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วที่ติวพวกเพื่อนพี่ตองมา วันมะรืนก็จะสอบเก็บคะแนนประจำเดือนกันแล้วซินะ ส่วนผมเองอีกสามวันก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญในฐานะผู้นำเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์แล้ว

พี่ตองพยายามช่วยสอนผมเพิ่มเติมจากการซ้อมที่คณะด้วย พี่เค้ามักจะพูดเสมอว่า การแสดงสปีริทโชว์เป็นบันไดก้าวที่สำคัญมากๆหากคิดจะขึ้นไปเป็นผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยให้ได้ ยิ่งถ้าสามารถทำให้คณะได้ธงเกียรติยศมาครอง โอกาศที่จะได้เป็นลีดมอก็จะยิ่งสูงขึ้น ผมก็เลยจริงจังกับการซ้อมพอๆกับการติวเลข

ช่วงนี้รู้สึกว่าผมจะสามารถซ้อมเต้นได้เป็นเวลานานๆโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนแต่ก่อน กล้ามเนื้อที่ได้รับการฝึกฝนทุกวันก็ดูจะแข็งแรงมากขึ้น จนบางทีถ้าพวกผมถูกสั่งลงโทษให้ยืนการ์ดสักพันสองพันก็คงสามารถทำได้สบายๆ นี่ซินะ ผลจากความจริงจังในการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ระดับมหาวิทยาลัย

เราเริ่มฝึกซ้อมกับห้องเชียร์บ่อยขึ้นจนกลายเป็นทุกวัน ห้องซ้อมถูกเปิดแค่วันละไม่ถึงชั่วโมง การเรียนจากบุคคลภายนอกในชั่วโมงสุดท้ายก็ไม่มีแล้ว ทุกฝ่ายหันมาใส่ใจกับการซ้อมให้ได้ตามเวลา รายละเอียดที่ยังต้องแก้ไข ภาพรวมของการแสดง

เกตุได้รับหน้าที่ในการเป็นผู้ให้สัญญาณเปิดการแสดงหรือที่ภาษาลีดเรียกกันว่า ตำแหน่ง Butterfly ซึ่งมักจะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพโด่ดเด่นและเต้นได้ดี เกตุก็เหมาะสมแล้วหละ ส่วนผมก็มีตำแหน่งเพิ่มเหมือนกัน นั่นก็คือผู้ออกคำสั่งหรือ ตำแหน่ง Voice Leader ด้วยสาเหตุที่ว่าผมอยู่ตำแหน่งเซ็นเตอร์จึงถูกบังคับให้รับหน้าที่นี้ ซึ่งคนที่ฝึกวิธีการออกคำสั่งให้ผมก็ไม่ใช่ใคร พี่บุ๋นกับพี่ท๊อปนั่นเอง ทั้งสองคนเคยทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้มาก่อน แต่ผมต้องมีสมาธิอย่างมากที่จะฟังการสอนของสองคนนี้พร้อมกัน ก็เพราะว่าพี่บบุ๋นมักจะชวนพี่ท๊อปทะเลาะอยู่เนื่องๆ บางทีผมก็เห็นว่าพี่ท๊อปแอบงอนไปหลายที แล้วพี่บุ๋นก็ตามไปง้อ ​เฮ้อๆ แล้วจะไปชวนเค้าทะเลาะทำไมน่ะ





​"ชาทำอะไรอยู่เหรอครับ"

พี่ตองถามผมในคืนหนึ่งซึ่งควรจะเป็นเวลานอนได้แล้ว

"กำลังวิจารณ์บทความวิชาการอยู่อ่ะ" ผมตอบ "เดือนนี้มีบทความที่ต้องวิจารณ์เยอะเลย ชากลัวจะทำไม่ทันอ่ะ เพราะเดี๋ยวก็จะเข้าช่วงทดสอบเป็นลีดมอแล้ว ตอนนี้ยังพอมีเวลา ก็เลยรีบทำไว้ก่อน"

"ชาไม่เหนื่อยเหรอครับ ซ้อมเสร็จก็ไปช่วยงานโรงบาล แถมยังต้องไปติวให้พวกไอ้เติ้ลอีก กลับมาก็ต้องทำงานเครียดๆ"

"ก็มันเป็นรายได้หลักของชานี่นา ไม่ทำได้ยังไง"

"พี่อยากเก่งแบบชาบ้างจัง หาเงินเองได้ตั้งแต่เด็กเลย" ไอ้พี่ตองลุกขึ้นจากเตียงมากอดผมจากข้างหลัง ทั้งๆที่ผมยังนั่งทำงานอยู่

"แล้วพี่ตองไม่มีรายได้ตรงไหน งานถ่ายแบบก็มีไม่ขาดมือ น่าจะได้เงินมากกว่าชาอีก"

"อ้อ! ลืมไปเลย เจ๊ซีซี่โทรมาบอกว่า รูปที่ชาไปถ่ายให้พี่นิคตอนนั้น ทางเจ้าของแบรนด์เค้าโอเคนะ บอกว่าจะใช้รูปของชาขึ้นหน้าร้าน เดี๋ยวเจ๊ซีซี่จะโอนเงินฝากพี่มาให้"

"พี่นิค?... อ๋อ ตอนที่ไปถ่ายงานเป็นเพื่อนพี่ตองตอนนั้นอะเหรอ ใช้ได้ด้วยเหรอ ชาว่ามันน่าจะออกมาตลกด้วยซ้ำ"

"ใครว่าละครับ แฟนพี่เป็นแบบก็ต้องน่ารักอยู่แล้วซิ จุ๊บ" นั่นไง ขโมยหอมแก้มกูอีก แล้วก็เดินกลับไปนอนแผ่บนเตียงเหมือนเดิม

"เอ่อ... พี่ตอง คำนี้แปลว่าอะไรเหรอ" ผมยกหนังสือขึ้นให้พี่ตองดู ผมเจอคำศัพท์ในวารสารที่ไม่เคยเจอมาก่อน คือไอ้วารสารวิชาการที่ผมทำบทวิจารณ์เนีย มันเป็นภาษาอังกฤษ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทำบทวิจารณ์มีรายได้สูงก็เพราะว่าต้องเก่งภาษาด้วยนี่แหละ

"Potential ​ก็แปลว่า ​ที่สามารถเป็นไปได้ ​ไงครับ"

"ชาก็แปลแบบนั้นนะ แต่มันดูจะไม่เข้ากับความหมายในประโยคเลยอ่ะ"

"งั้นลองแปลเป็น พลังงานศักย์ ดูซิครับ"

พลังงานศักย์? มีความหมายนี้ด้วยเหรอ

เชรดดดด จริงด้วย ต้องใช้ความหมายนี้จริงๆ

"เห็นไหม พี่ตองเองก็มีเรื่องที่เก่งกว่าชาตั้งเยอะ"

"ก็แค่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ชาเก่งที่สุดสำหรับพี่อยู่แล้ว"

"แหวะ หวานไปเหอะ"

"อ้าว ไม่ชอบเหรอ"

"....." จะให้เราพูดละซิ "แต่จะว่าไป สาเหตุที่พี่ตองเก่งภาษาอังกฤษขนาดนี้ ก็เพราะพี่ลูกแก้วใช่ไหมล่ะ"

"ไหงชาพูดถึงเรื่องพี่ลูกแก้วขึ้นมาล่ะ ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่า พี่กับพี่ลูกแก้วเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ"

"เปล่า... ชาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากรู้ว่า ตอนนั้นพี่ชอบพี่ลูกแก้วจริงจังมากเลยใช่ไหม ถึงขนาดเรียนรู้ภาษา ตามไปช่วยงานพี่เค้าถึงต่างประเทศแบบนั้น"

"ก็... ตอนนั้นพี่ก็คิดแบบนั้นแหละ พี่ลูกแก้วเป็นคนที่พี่ชื่นชมมากๆ สมัยอยู่มอหก พี่เค้าไปแนะแนวที่โรงเรียนกวดวิชาที่พี่กับไอ้บุ๋นเรียน พี่ก็ยอมรับว่าพี่ลูกแก้วสวย แต่ที่ทำให้พี่ประทับใจคือการมีความคิดที่ดี มันก็ไม่ผิดนิครับที่พี่จะรู้สึกชื่นชมใคร ทีชาเองยังชอบพี่มาตั้งแปดปีเลยไม่ใช่เหรอ"

"ชาไม่ได้ชอบซะหน่อย..."

"อ้าว ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วมันคืออะไรหละครับ บอกพี่หน่อยได้ไหม" จู่ๆก็มาเกาะข้างโต๊ะ จ้องหน้าผมเป็นน้องหมามองเจ้าของเลย

"ม... ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย สรุปว่า จริงๆแล้วพี่ก็ชอบพี่ลูกแก้วใช่ไหมหละ"

"ก็บอกแล้วไงว่าตอนนั้นพี่คิดว่าชอบ แต่พอได้ทำความรู้จักกันแล้วจริงๆ พี่ไม่ได้ชอบพี่ลูกแก้วแบบนั้น แต่พี่ชื่นชมในความเก่งและความดีของพี่เค้ามากกว่า... แล้วสรุปว่าชาล่ะ คิดกับพี่ยังไง...? นะครับบบ พี่อยากรู้"

โอ๊ะ

ไอ้พี่ตองนิ กูไม่ใช่คนหวานนะ จะให้มาพูดอะไรเนีย

"ว่าไง" ยังจะคาดคั้นอีก

"ก็... พี่ตองช่วยชีวิตชาไว้ ชาก็ต้องมองพี่เป็นผู้มีพระคุณซิ"

"แค่นี้เองเหรอ"

นั่นไง ทำเป็นเดินตีหน้าเศร้ากลับไปที่เตียง

เรียกร้องความสนใจชัดๆ ไม่หลงกลหรอก



..........

.......

....



โอ๊ยยยยยย ไอ้พี่ตองบ้า เงียบจริงเหรอ

เออๆ กูยอมก็ได้วะ



ผมปิดสมุด แล้วก็ค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆไอ้คนตัวสูง



"ก็... เหมือนกันไง"

"เหมือนไรอ่ะ" แน๊ะ ทำงอน ไอ้หัวเหม่งเอ๊ย

"ตอนแรกชาก็คิดแค่ว่าพี่ตองเป็นผู้มีพระคุณไง แต่พอรู้จักกันจริงๆก็... ชอบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้.... โอ๊ย! ทำอะไรของพี่เนี่ย ชาหนักนะ คิดว่าตัวเองตัวเล็กหรือไง" ไอ้พี่ตองบ้า เอาตัวมาทับเราเฉยเลย เล่นไรเป็นเด็กๆไปได้

"แค่นี้ไม่หนักหรอก เพราะเดี๋ยวคืนนี้จะหนักกว่านี้มาก"

"ไม่ต้องเลยนะ..."



นั่นแหละคำปฏิเสธสุดท้ายของผม ใครจะไปรอดสายตาเจ้าชู้ของไอ้พี่ตองได้หละ

ค่ำคืนนั้นก็เลยกลายเป็นว่า... แทนที่ผมจะเหนื่อยแค่นี้ กลับเหนื่อยกว่าเดิมอีก นี่ถ้าไม่ใช่ไอ้บ้านี่ ผมไม่ยอมหรอกนะ....



...............................



----------ปัจจุบัน----------





ผมหันมองไปที่กระดาษที่ได้รับมาจากพี่เติ้ลอีกครั้งอย่างอดภูมิใจไม่ได้

มันคือผลคะแนนในการสอบเก็บคะแนนประจำเดือนของพวกพี่วิศวะปีสองในรายวิชาแคลคูลัส 2 ซึ่งไม่มีผลคะแนนสีแดง นั่นก็หมายความว่าไม่มีใครสอบตก ที่สำคัญคือคะแนนเป็นที่น่าพอใจกันเกือบทุกคน

นี่แหละครับ เหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้มีกองเชียร์มากมายมาเชียร์ในวันนี้



"ไปกันได้แล้วค่ะน้องๆ ใกล้ถึงคิวเราแล้ว" พี่พลอยเรียก

พวกผู้นำเชียร์ทุกคนขึ้นรถตู้ไปยังสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย เพื่อรอทำการแสดง บนอัฒจันทร์ก็มีคนนั่งเต็มแล้วเช่นเดียวกัน

ช่วงเวลาสำคัญของผมและชาววิทยาศาสตร์มาถึงแล้ว

ลีดทุกคนเดินออกไปยังด้านหน้าสแตนเชียร์เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การแสดง

ความตื่นเต้นถาโถมเข้าใส่ตัวผมทันที ก่อนที่จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเชียร์จากด้านหนึ่งของสนาม



"น้ำชา น้ำชา น้ำชา น้ำชา"





"เอาหละค่ะ ในที่สุดก็มาถึงการแสดงลำดับสุดท้ายแล้ว" พิธีกรสาวพร้อมจะให้สัญญาณการเริ่มต้นของการแสดง "ขอเสียงเชียร์ดังๆให้กับ.....







....... คณะวิทยาศาสตร์"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:00:19 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
ตัดจบแบบนี้แทบเขวี้ยงมือถือ ##ตะเตือนไต กำลังลุ้นๆ

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตอนที่ 35 : การแก้ปัญหาและการเผชิญปัญหา







กำลังจะเริ่มจริงๆแล้วใช่ไหม

​ตื่นเต้นสุดๆไปเลยกู

​หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับแอมเมื่อตอนต้นเทอมทำให้ภาระการเป็นประธานผู้นำเชียร์คณะวิทยาศาสตร์ต้องมาตกอยู่ในความรับผิดชอบของผม มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายสุดๆ แล้วก็เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ธรรมดาเลย

เพราะคณะวิทยาศาสตร์เป็นคณะใหญ่ของมหาวิทยาลัยมัณฑนา จึงเท่ากับว่าผมต้องพยายามมากกว่าเดิมสิบเท่า คิดมากกว่าเดิมสิบเท่า เหนื่อยมากกว่าเดิมสิบเท่า นอกจากกลุ่มบริหารที่รับรู้เรื่องนี้ ก็มีไอ้คนหน้าหล่อข้างๆผมอีกคนนี่แหละที่รู้ความลำบากนี้ของผม



"ตื่นเต้นเหรอครับ" นั่นไง ไอ้หน้าหล่อถามผมแล้ว ทำไมต้องทำเสียงหล่อใส่ด้วย นี่ไม่ใช่สาวกโอปป้านะ ฟังทีไรแล้วจั๊กจี้ทุกที

"ไม่ตื่นเต้นได้ไงล่ะ นี่ประธานลีดนะ" ผมตอบกวนๆ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมชอบพูดแบบนี้ แต่คนมันไม่ถูกกันมาก่อน จะให้คุยดีด้วยปัจจุบันทันที มันก็รู้สึกแปลกๆ "พี่ท๊อปไม่เคยเป็นประธานลีด พี่ไม่เข้าใจหรอก"

"ถ้าตื่นเต้นจะจับมือพี่ไว้ก็ได้นะ"

"จะบ้าง่ะ! อย่าเพิ่งมาชวนคุยดิ คณะวิทย์จะเริ่มแล้ว"

"แต่ฉากสวยดีนะครับ... บุ๋นออกแบบเองใช่ไหม"

"ก็บอกว่าอย่าเพิ่งชวนคุยไง" ตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาโปรยเสน่ห์อีก

แต่ว่าก็ว่าเถอะ ฉากนี้ผมภูมิใจนำเสนอมากเลยนะ ตอนแรกที่รู้ว่าต้องทำคอนเซ็ปป่าหิมพานต์ก็คิดถึงน้ำตกขึ้นมาในหัวทันที ติดก็ตรงที่คณะวิทย์ไม่ใช่เด็กช่าง ไม่มีทักษะเพียงพอที่จะทำน้ำตกจำลองซึ่งสามารถขนย้ายและติดตั้งในเวลาอันรวดเร็วได้ จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อย่างกับบุญหล่นทับ พวกเด็กวิศวะปีสองเพื่อนของไอ้ตองอาสามาช่วยกันทำฉากให้เป็นสิบๆคนเลย ฉากน้ำตกที่มีน้ำไหลลงมาจริงๆก็เลยออกมาสวยงามอย่างที่เห็น

ตอนนี้ผมมายืนเชียร์อยู่กับกลุ่มแฟนคลับไอ้น้ำชา ก็เพื่อนวิศวะที่มาช่วยงานนั่นแหละ ไอ้ตองก็ยืนอยู่ด้วยเหมือนกัน คุยไปคุยมาก็เลยได้รู้ว่าต้นเหตุของความช่วยเหลือทั้งหมดมาจากที่ว่าไอ้น้ำชาไปสอนพิเศษให้คนเพื่อนวิศวะของมันมา ความเป็นเด็กอัจฉริยะของมันมีข้อดีอย่างงี้นี่เอง



"เอาล่ะค่ะ ในที่สุดก็มาถึงการแสดงลำดับสุดท้ายแล้ว" พิธีกรเริ่มพูดแล้ว เอาแล้วไง จะมาแล้ว ขออย่าให้มีอะไรผิดพลาดเลย สาธุ ​"ขอเสียงเชียร์ดังๆให้กับ.... คณะวิทยาศาสตร์"



เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้

​ทั้งเด็กคณะวิทย์และกลุ่มแฟนคลับจากวิศวะต่างส่งเสียงเชียร์กันลั่นสนาม แต่ในหัวผมอะเหรอ มีแต่ลำดับเหตุการณ์ตามที่ได้ฝึกซ้อมให้พวกปีหนึ่ง



เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อแสงไฟดวงเดียวส่องสว่างไปที่ผู้นำเชียร์คนแรก น้องเกตุ

​ด้วยทักษะการเต้นและความโด่ดเด่นในฐานะดาวมหาวิทยาลัย น้องเกตุสามารถโชว์เดี่ยวในตำแหน่ง Butterfly ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะเป็นการเต้นในจังหวะไร้เสียงเพลงหรือดนตรีประกอบ เธอก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

บรรยากาศชวนตะลึงของผู้ชมรอบสนาม เริ่มทำให้ผมใจชื้นขึ้น

และในที่สุดเมื่อการโชว์เดี่ยวจบลง แสงไฟก็ส่องสว่างจนมองเห็นทั้งหมด



"วิทยะหิมพานต์ สาม.... สี่"

นั่นคือเสียงการออกคำสั่งจากไอ้น้ำชา ลีดรุ่นน้องที่ผมปลุกปั้นเป็นพิเศษกับตำแหน่ง Voice Leader

เสียงรัวกลองเข้าสู่การแสดงเริ่มขึ้น

สายน้ำจากน้ำตกจำลองเริ่มทำงานพร้อมกับซาวด์เอฟเฟ็คที่จัดเตรียมมาเป็นอย่างดี

การแสดงของทั้งด้านบนอัฒจันทร์และด้านล่างเริ่มขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ แสงสี การแปลอักษร และการแสดงผู้นำเชียร์ สร้างความตื่นตาตื่นใจ อันเป็นเหตุให้มีเสียงกรี๊ดเชียร์ไม่หยุดหย่อน



ต้องยอมรับจริงๆว่าไอ้น้ำชาสามารถยึดเวทีและความสนใจของผู้คนได้อย่างอยู่หมัด ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันยืนอยู่ตรงกลางหรือเพราะมีกลุ่มแฟนคลับมากมาย แต่ออร่าและความสามารถที่เฉียบคมของไอ้เด็กคนนี้ เป็นเหมือนแรงดึงดูดสำคัญให้กับการแสดงอย่างปฏิเสธไม่ได้

วันนี้แหละที่ไอ้น้ำชาได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เด็กผู้ชายตัวไม่สูง หน้าตาไม่ได้หล่อเท่ หรือไม่ได้เกิดมาพร้อมเสน่ห์แบบพิมพ์นิยม ก็สามารถมัดใจผู้ชมได้ไม่แพ้ใคร ​

ไปให้ถึงฝันนะน้อง ​ผมแอบอวยพรในใจ

เสียงเพลงประกอบการแแสดงสุดเร้าใจยังคงปรากฏต่อสายตาคนดูอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งพายุโหมกระหน่ำ



เอาหละ ถึงโค้งสุดท้ายแล้ว

การแปลอักษรครั้งสำคัญที่จะทำให้ผู้ชมได้เห็นรูปปีกขนาดใหญ่

แต่ว่า.......



​ชิบหายล่ะมึง

​จู่ๆน้องเกตุก็ล้มลงไปกับพื้นสนามหญ้าในช่วงสำคัญ ซึ่งตามแผนแล้ว น้องผู้นำเชียร์ทุกคนจะต้องเคลื่อนที่ไปหยุดโพสรอบๆน้ำตก



หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ้ม หรือจริงๆแล้วน้ำตาของผมก็อาจจะตกในลงไปด้วยซ้ำ

ทั้งรู้สึกผิดหวังและสงสารน้องที่ทำผิดพลาดต่อหน้าคนดูมากมาย



"ไม่เป็นไรนะ" พี่ท๊อปแอบเอามือของพี่เค้ามากุมมือของผมไว้ ถ้าเป็นปกติผมคงจะสะบัดมือออกแล้วก็ด่าด้วยอีกชุดใหญ่ แต่ครั้งนี้แหละที่ผมรู้สึกว่าพี่เค้าอบอุ่นและใจดีอย่างอธิบายความรู้สึกไม่ถูก "บุ๋นทำดีที่สุดแล้ว"

​ใช่ ไม่เป็นไรหรอก เราทำดีที่สุดแล้ว น้องเองก็เหมือนกัน...



แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ปลอบใจตัวเองเสร็จ สิ่งที่ผิดแผนอีกเรื่องก็เกิดขึ้นตามมาทันที

​ไอ้น้ำชา มึงทำอะไรของมึง!!!!

​อุตส่าย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นอย่าหลุดออกจากสิ่งที่ต้องทำ ตอนนี้แทนที่จะถูกหักคะแนนไม่มาก กลายเป็นว่าจะต้องโดนคูณสองอะดิ



"มันทำอะไรของมันอ่ะ" ผมบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"พี่ว่าน้ำชาอาจจะกำลังแก้ปัญหาอยู่ก็ได้นะ ลองดูนั่นซิ..." พี่ท๊อปมองเห็นอะไรวะ



ไอ้น้ำชาหลุดจากการแปลขบวน แต่เลือกที่จะเดินมาหาน้องเกตุที่ล้มตัวนอนอยู่กับพื้น จากนั้นก็ค่อยๆประคองให้ผู้ที่เสียหลักยืนขึ้น

เพียงแต่ภาพที่เห็นมันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เหมือนกับกินนรหนุ่มคุกเข่าลงไปประคองกินรีสาวอย่างอ่อนหวาน นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนนะว่าไอ้น้ำชาเป็นแฟนกับไอ้ตอง ผมก็คงคิดว่ามันเป็นแฟนกับน้องเกตุไปแล้ว

แล้วจากนั้น......



โหหหหหหหหหหหหหหหหหห

​พระเจ้าาาาาาาา

​กินนรหนุ่มประคองกินรีสาวผู้อ่อนแอเข้าไปในน้ำตก สายน้ำตกอ่อนๆฉะโลมร่างกายของสองอมนุษย์จนชุ่มช่ำทั้งตัวด้วยมีสายตาของเพื่อนพ้องคอยจ้องมองอยู่รายรอบอย่างเป็นห่วงใย ก่อนที่กินรีสาวจะแสดงท่าทีเบิกบานเหมือนได้รับพลังจากน้ำทิพย์สวรรค์ และร่ายรำในถ่วงท่าสุดท้าย กระทั่งจบลงด้วยภาพที่ชายหนุ่มกำลังส่งให้เธอโบยบินไปในราตรีอันแสนไกล พร้อมเสียงบรรเลงแห่งพงส์ไพรที่สงบลง....



​เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้



​นี่มันช่าง......

งดงาม.... จริงๆ



"และนี่คือที่สุดของการแสดงจากคณะวิทยาศาสตร์"



เสียงพิธีกรชายเรียกตัวผมให้หลุดมาจากพะวัง



"แบบนี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้วนะ" พี่ท๊อปกระซิบข้างๆหูผม แข่งกับเสียงโห่ร้องชื่นชมในการแสดงอันสวยงานที่เพิ่งจะจบลง

ผมยอมรับเลยว่าผมมีน้ำตาคลอที่เบ้าตาหน่อยๆ จากทุกๆความรู้สึกที่อยู่ข้างใน มันพยายามเอ่อล้นออกมา

ไอ้น้ำชา มึงนี่มันเด็กอัจฉริยะจริงๆ พลิกสถานการณ์ให้คนเฮลั่นทั้งสนามได้ ประวัติศาสตร์ผู้นำเชียร์สามสิบเก้าปีที่ผ่านมาของมหาวิทยาลัยมัณฑนา ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีผู้นำเชียร์คนไหนเอาตัวเองไปทำการแสดงในน้ำตกพร้อมกับสภาพที่เปียกปอนแบบนั้นได้

น้องๆลีดคนอื่นๆเองก็ดีใจ ต่างพากันวิ่งเข้าไปในน้ำตก และขอบคุณผู้ชมทั้งอย่างนั้น เป็นการเปียกที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจริงๆ



"ไงล่ะ แฟนกู เก่งใช่ไหม" ไอ้ตองชื่นชมไอ้น้ำชาอย่างออกหน้าออกตา ช่วยขรึมหน่อยไหมเพื่อน มึงคือเจ้าชายตองนะ พอเป็นเรื่องแฟนตัวเองนี่มึงเสียอาการตลอดเลยนะ

"เออ มันเก่งจริง" กูยอมรับก็ได้



หลังจากการแสดงสุดท้ายจบลงไม่นาน ผมและเหล่าประธานผู้นำเชียร์จากทุกคณะ ถูกเชิญให้เข้าไปยังกลางสนามเพื่อรอฟังผลการแข่งขันและรอรับธงเกียรติยศ

ไม่ต้องทายให้ยากแล้วหละว่าคณะไหนคว้าที่หนึ่งในปีนี้ไป



"ขอแสดงความยินดีกับ..... ​คณะวิทยาศาสตรรรรรรรรรรรรรร์"

​เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้

ผมแทบจะเก็บอาการไม่อยู่เลยตอนได้รับธงเกียรติยศในฐานะประธานผู้นำเชียร์

​กูทำได้โว๊ยยยยยยยยยยย







.......................



"มาๆๆ ชนแก้วๆ ​แก้วนี้ขอมอบให้กับไอ้น้ำชา ลีดอัจฉริยะแห่งคณะวิทย์"

ผมและเหล่าผู้นำเชียร์คณะวิทยาศาสตร์ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องได้นัดหมายกันมาร่วมฉลองที่ร้านเหล้าไม่ไกลจากมหาลัย จริงๆก็ไม่ได้มีแค่คณะผมนะ คณะอื่นๆก็มากันเต็มไปหมด เหมือนว่าร้านนี้จะเป็นธรรมเนียมที่พวกลีดจะพาน้องๆมาเลี้ยงฉลองกันทุกๆปีหลังจากจบสปีริทเชียร์ ไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ตาม

เพียงแต่ว่าโต๊ะของพวกผมจะฟินกว่าโต๊ะอื่นหน่อย เพราะฉลองกันในฐานะแชมป์ ฮ่าๆๆ

อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ผมคงต้องทำงานที่หนักขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ว่ายังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องนั้นละกัน วันนี้ฉลองกันก่อน



"อย่าดื่มมากนักนะบุ๋น พรุ่งนี้มีเรียนนะครับ" อะไรของพี่ท๊อปมันวะ นี่กูไม่ใช่ลูกมึงนะ ดูไอ้ตองดิ มันยังไม่เห็นจะบังคับอะไรไอ้น้ำชาเลย โต๊ะคณะเภสัชก็มี ทำไมไม่ไปนั่งก็ไม่รู้

"อะไรของพี่เนีย นี่มาฉลองนะ ไม่ให้ดื่ม จะให้พวกบุ๋นทำอะไร กินโค๊กง่ะ" พูดแล้วก็ขึ้น

"พี่ก็แค่เป็นห่วง"

"พอๆๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว... อ้าวๆ ไอ้สุ่ย จะไปไหน มึงยกให้หมดแก้วก่อนเลยนะ นี่เราดื่มให้ไอ้น้ำชาอยู่นะเว้ย มึงไม่ให้เกียรติความอัจฉริยะของเพื่อนมึงเลยรึไง"

"ผมจะไปเข้าห้องน้ำพี่ ปวดเยี่ยว" แหน๊ะ ยังจะขัดคำสั่งกูอีก

"ได้ แต่มึงยกให้หมดก่อน เร็ว!"

"อะๆๆ โอเคพี่" เออ ดีมาก ให้มันรู้หน่อยว่าใครสั่ง "หมดแล้วนะพี่... ผมขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ"



"แต่ชาก็เก่งจริงๆนะที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แบบนั้น" น้องเกตุเอ่ยปากชม ทุกคนยังคงพูดถึงเรื่องนี้กันตลอด ตั้งแต่มาถึงร้านแล้ว "ตอนที่เกตุล้มลงไป รู้ไหมตอนนั้น เกตุยังช็อกอยู่เลย แต่พอชามาช่วยประคองขึ้นแล้วก็กระซิบบอกให้ทำอะไรต่อมิอะไรพวกนั้น เกตุก็อุ่นใจมากเลย ยอมรับในความเก่งเลย"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกน้า เราก็แค่ว่ากันไปตามสถานการณ์" ถ่อมตัวจริงนะมึงไอ้น้ำชา

"ไม่ต้องมาถ่อมตัวเลยมึงอ่ะ ใครเค้าจะไปคิดออกเหมือนมึงวะ มาๆๆ ชนอีกแก้วดิ"

"โห พี่บุ๋น จะเร่งรอบไปไหนเนี่ย เดี๋ยวก็เมากันหมดหรอก สงสารผู้หญิงบ้างดิพี่" อ้าว ไอ้ชา นี่กูชนแก้วให้มึงนะ แทนที่จะยินดี มาเบรกกูซะงั้น

"ไอ้..."

"เอางี้ มึงมาดวลกับกูนิ" อ้าวววว ไอ้ตอง นี่มึงท้าทายพลังด้านมืดของกูเหรอ

"มึงพูดเองนะไอ้ตอง ไม่หมดหมานะมึงอ่ะ"

"เออ มาเลย"

แล้วผมก็ยกอีกแก้ว



"เห้ย ไอ้ชาเย็น" ไอ้ต้อมเพื่อนไอ้น้ำชามาร่วมแจมที่โต๊ะด้วย "ไอ้แสด เหนือชั้นนะมึงอ่ะ เอาที่หนึ่งไปแดกเฉยเลย มาๆ ชนแก้วหน่อย"

"เห้ยๆ กูชนด้วย" ผมจะพลาดการชนแก้วได้ไง

"เบาๆหน่อยก็ได้คร้าบบบบุ๋น เดี๋ยวก็เมาจริงๆหรอก" อีกแล้ว อะไรของมึงวะไอ้พี่ท๊อป

"เมาแล้วไง พี่ก็ไปส่งบุ๋นดิ อยากอาสามารับมาส่งเองทำไมอ่ะ หรือถ้าพี่ไม่อยากเห็นบุ๋นกิน พี่ก็ไปโต๊ะเด็กเภสัชโน่น ไม่ไปฉลองกับคณะเดี๋ยวเค้าก็ว่าหรอก" แหน๊ะ ยังจะมาทำถอนหายใจใส่อีก ช่างแม่ง ไม่ได้บังคับให้มานั่งด้วยซะหน่อย "มาๆไอ้ต้อม มาชนแก้วกัน"

"ได้อยู่แล้วพี่... เออ ไอ้ชาเย็น ไปที่โต๊ะคณะกูแป๊บนึงดิ เพื่อนกูบอกว่าอยากรู้จักมึงอ่ะ ตื่นเต้นกันใหญ่ พอกูบอกว่ามึงเป็นเพื่อนสนิทกู ขิงก็อยู่ด้วยนะ"

"เห้ย จริงดิ ขิงเข้าร้านเหล้าเป็นด้วยเหรอวะ" คุยกันออกรสออกชาติเลยนะพวกมึง

"ก็ไม่ได้ดื่มหรอก มาด้วยกับกูเฉยๆ พี่ตอง ไปรู้จักเด็กสถาปัตย์หน่อยไหมพี่"

"เอาดิ อยากเห็นหน้าไอ้ขิงตอนอยู่ในร้านเหล้าเหมือนกัน"

"พี่บุ๋น ผมขอยืมตัวสองคนนี้แป๊บนะพี่"

"เออๆ แต่เอากลับมาคืนด้วยนะเว้ย"

"เคครับ... ไปๆ"

หายไปสองคนก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปนักหรอก



ผมยังดื่มกันต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้เมานะ แค่มึนๆ เรื่องเหล้าเบียร์เนีย ไม่ได้กินผมหรอก



จากนั้นมาสักพัก พอเริ่มดึก คนก็ค่อยๆน้อยลง สงสัยพรุ่งนี้มีเรียนละมั้ง ก็เลยกลับกันเร็ว



​ชักจะปวดเยี่ยวแฮะ

​"เห้ย เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ อย่าเพิ่งรีบกลับกันละพวกมึงอ่ะ" ไงล่ะ ความห้าวของผม

ผมเดินโซเซนิดหน่อยมาเข้าห้องน้ำ ก็ดื่มเหล้าอะเนาะ ถ้าไม่ให้รู้สึกอะไรเลย กูก็เป็น X-MEN แล้วแหละ

ห้องน้ำไม่มีใครเลยแฮะ

หลังจากเสร็จธุระแล้วผมก็กำลังจะกลับ ถ้าไม่บังเอิญได้ยินใครคุยกันก่อนจะเดินออกจากทางเข้าของห้องน้ำ



"อ้าว น้ำชา มายืนทำไรหน้าห้องน้ำอ่ะ" เสียงพี่ท๊อปนี่หว่า กำลังคุยกับไอ้น้ำชาอยู่เหรอ

"ผมมา... รอพี่ตองครับ พี่ตองเข้าห้องน้ำอยู่" อ้อ ไอ้น้ำชาจริงด้วย "แล้วพี่ละครับมาทำไร มาเข้าห้องน้ำเหรอ"

"อ๋อเปล่าหรอก พี่ออกมาสูดอากาศข้างนอก ข้างในคนเยอะ อึดอัดนิดหน่อย"

"พี่ท๊อปตามพี่บุ๋นมาก็บอกมาเหอะ ผมเห็นนะว่าพี่บุ๋นเพิ่งเข้าห้องน้ำไปเมื่อกี๊"

"ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ... พี่เป็นห่วงบุ๋นน่ะ ดื่มเข้าไปเยอะ กลัวว่าจะแย่ ก็เลยออกมาดูหน่อย แต่พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนดุเอา"

"โหพี่ หวานขนาดนี้ พี่บุ๋นยังจะกล้าดุพี่อีกเหรอ"

"ทำอย่างกับไม่เคยเห็น" นี่นินทากูกันอยู่นิ "ว่าแต่น้ำชาเหอะ โดดเด่นมากนะวันนี้"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ ก็แค่ทำตามที่ซ้อม"

"ใช่ พี่ดูออก แล้วก็ดูออกด้วยว่าใครซ้อมให้ ถึงการเต้นลีดมันจะเหมือนๆกันไปหมด แต่พี่ก็จำได้ว่าวิธีเต้นแบบนี้เหมือนกับไอ้เจ้าตอง นี่ก็แสดงว่าตองซ้อมให้ตลอดเลยอะดิ"

"โดนบังคับมากกว่าครับพี่ ก็อยู่ด้วยกันทุกวันไง พี่ตองก็เลยสอนให้เยอะเลย ผมไม่ได้เกิดมา Born to be อย่างลีดคนอื่นๆเค้า ก็ต้องพยายามหน่อย"

"ดีแล้วล่ะครับ เทคนิคการเต้นของตองพี่เองยังยอมรับเลยว่าดีเยี่ยม... ได้ยินน้ำชาพูดแบบนี้แล้วก็น่าอิจฉาตองกับน้ำชาจังเลยนะ ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน คงเป็นคู่รักที่ใครๆต่างก็อิจฉา เจ้าต้อมกับน้ำขิงก็ไม่ธรรมดา"

"อย่ามาทำเป็นพูดว่าอิจฉาคนนั้นคนนี้หน่อยเลย พี่ท๊อปกับพี่บุ๋นเองก็ใช่ย่อยที่ไหน ผมเห็นนะ ตามรับตามส่ง เดี๋ยวงอนเดี๋ยวง้อกันตลอดเวลา"

"จริงเหรอครับ มันทำให้น้ำชารู้สึกแบบนั้นเหรอ แต่ทำไมพี่ถึงยังไม่รู้สึกแบบนั้นเลย...."

"ก็ใช่ดิพี่ โห ถึงขั้นพี่บุ๋นตามพี่ท๊อปไปที่เกาหลี ยังจะว่าธรรมดาอีกเหรอ"

"ตามไป....? อ๋อ รูปที่พี่กับบุ๋นถ่ายคู่กันลงแฟนเพจอะเหรอ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ บุ๋นไปทำธุระให้ที่บ้าน ไม่รู้เหรอว่าบ้านบุ๋นทำธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางค์ บุ๋นก็เลยไปสำรวจเครื่องสำอางค์ที่เกาหลี เราแค่บังเอิญขึ้นไฟล์ทเดียวกัน พอดีมีคนจำได้ ก็เลยขอให้พี่กับบุ๋นถ่ายรูปคู่กันแค่นั้นเอง"

"อ้าว จริงเหรอพี่"

"พี่กับบุ๋นยังไม่เหมือนน้ำชากับตองนะ เราเพิ่งจะเริ่มคุยกันได้แค่เดือนกว่าๆเอง เรียกว่าเริ่มคุยยังไม่ได้เลย"

"แล้วเรื่องที่ไปรับไปส่ง ไปกินข้าวด้วยกันละพี่ คนไม่ได้เป็นอะไรกัน เค้าไม่ทำกันขนาดนี้หรอกนะ"

"นั่นมันความตื๊อของพี่เอง เห็นพี่แบบนี้ พี่ก็มีมุมดื้อเหมือนกันนะ กว่าบุ๋นจะยอมให้พี่มารับมาส่งได้ ก็ตื้ออยู่ตั้งหลายวัน"

"แต่พี่บุ๋นเค้าก็ดูใส่ใจพี่นะครับ เวลาพี่เฟวล์ๆ ผมก็เห็นพี่บุ๋นตามง้อพี่ตลอด.... อย่าทำหน้ากังวลแบบนั้นดิพี่ ผมดูออกน่า ว่าพี่บุ๋นเค้าคิดยังไง แค่ต้องใช้เวลาหน่อย"

"นั่นซิ ขอบใจเรามากนะที่ให้กำลังใจพี่ ลึกๆแล้วพี่ก็รู้ตัวแหละว่าต้องใช้เวลาอีกนาน เอาเป็นว่า พี่จะไม่หนีไปไหนจนกว่าบุ๋นจะไล่พี่ก็แล้วกัน เรื่องของพี่กับบุ๋นเริ่มต้นไม่สวยเท่าไหร่นัก พี่ไม่ควรจะรู้สึกท้อในตอนที่ยังพยายามมาได้แค่นี้"

"ผมไม่ได้จะเต๊ะท่าสอนพี่นะ พี่จำได้เปล่าที่ผมเคยให้สัมภาษณ์กับดีเจเจ๊ไก่อ่ะ อุปสรรคในชีวิตคู่ ทุกคนมันก็ต้องเจออยู่แล้วแหละพี่ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องผ่านไปได้ถ้ามีความรักที่มากพอ ผมขอยืนยันในคำพูดนี้อีกรอบ คำถามคือพี่รักพี่บุ๋นมากพอหรือเปล่า"

"ช่างพูดจังนะเรา"

"มันก็จริงนิครับ เอาเข้าจริงๆแล้ว ปัญหาของพี่กับพี่บุ๋น ยังเป็นแค่เศษหนึ่งส่วนสิบของปัญหาที่ผมกับพี่ตองเจออยู่เลย ผมไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าไปตกหลุมรักพี่ตองตอนไหน อย่าไม่บอกพี่ตองนะว่าผมพูดแบบนี้ ​แต่เพราะความรู้สึกของผมมันมีมากพอ ผมก็เลยอดทนมาได้ตั้งแปดปี ดูตอนนี้ดิ ผมเป็นแฟนกับพี่เค้าเฉยเลย ใครจะไปเชื่อ ไอ้ต้อมกับขิงยังไม่เชื่อเลย พี่ท๊อปต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่าเชื่อในความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า"

"เชื่อซิครับ.... เดี๋ยวพี่จะให้ดูอะไร"

"....." ดูอะไรกันวะ

"เห้ย พี่เก็บไว้ด้วยเหรอ"

"เก็บไว้ดิ นี่เป็นป้ายชื่อที่บุ๋นให้พี่ไว้เมื่อเดือนก่อน มันเป็นป้ายชื่อตอนที่บุ๋นอยู่ปีหนึ่ง ป้ายที่พี่ประทับตราลีดมหาลัยให้ พี่พับมันเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด  เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าบุ๋นต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อพี่แน่นอน ไม่งั้นคงไม่เก็บป้ายชื่อนี่มาเป็นปีๆ"

"เห็นไหมล่ะพี่ แบบนี้ยิ่งไม่มีอะไรน่าห่วง แต่พี่ท๊อปไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้าเห็นแววไม่ดี ผมจะช่วยพี่เอง ผมเนียยอมรับความสามารถตัวเองในการคิดแผนการมากเลยนะ รับรองว่าพี่บุ๋นไม่รอดเงื้อมมือพี่ไปได้หรอก"

"โอเคคร้าบบบบ พ่อเด็กอัจฉริยะ เก่งไปซะทุกเรื่องนะเราอ่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยวตองก็ตามเข้าไป ตากน้ำค้างนานๆ เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ พี่ยังเรียนไม่จบเภสัช ยังแจกยาคนป่วยไม่ได้นะ"

"ฮ่าๆ โอเคครับพี่"





......นี่เหรอวะ ความรู้สึกของพี่ท๊อปมัน นี่มันชอบกูจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ

ก็ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจอะไรหรอกนะ แค่ตัวกูเองแม่งยังนึกภาพไม่ออกว่ะ พี่ท๊อปกับกูเป็นแฟนกันเนี่ยนะ ไอ้เรื่องที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายอะไรเนีย ไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตจริงๆ ยิ่งต้องโดนผู้ชายด้วยกันมาทำใส่ใจดูแลยิ่งรู้สึกไม่โอเค....



"นี่มึงจะยืนลังเลอยู่ตรงนี้อีกนานไหมไอ้บุ๋น"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:04:39 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
(ต่อ Part 2)

เห้ย!

"อ้าว ไอ้ตอง มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"

"ก็ตั้งแต่ที่มึงมายืนอยู่นั่นแหละ ขี้เผือกนะมึงอะ แอบฟังคนอื่นคุยกันจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลัง"

"....."

"แล้วยังไงมึงอ่ะ พี่ท๊อปเค้าก็ดูจริงใจกับมึงนะเว้ย เมื่อไหร่จะให้ความมั่นใจกับพี่เค้าวะ ผู้ชายแบบพี่ท๊อปมีผู้หญิงดีๆต่อคิวรออยู่เป็นร้อยนะมึง ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ แถมยังมีอนาคตได้โกอินเตอร์เป็นนักร้องเกาหลีอีก"

"ไม่รู้วะ มึงกับกูก็รู้จักกันมานานนะตอง มึงเคยเห็นกูมองผู้ชายคนไหนเปล่าวะ เออ กูอาจจะยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่กูก็ยังชอบมองสาวๆอยู่ดีนั่นแหละว่ะ"

"กูก็ยังชอบ กูไม่ได้เปลี่ยนไปนะเว้ย แต่กูแค่รู้ตัวว่ากูรักน้ำชา"

"โห่ ผู้ชายคนไหนเห็นไอ้น้ำชาก็ต้องรู้สึกแบบมึงทั้งนั้นแหละ น้องมันทั้งหน้าตาน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย ขาวใสเนียนกริบ แถมยังฉลาดระดับโลก"

"นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงก็..."

"ไม่ใช่แหละ ไอ้ห่า นั่นมันน้องกู กูคิดกับมันเป็นน้องตั้งแต่แรก ไม่เหมือนมึงหรอก ทำเป็นวางท่าเกลียดน้องมัน สุดท้ายก็หลงเค้าจนโงหัวไม่ขึ้น"

"แล้วมึงอยากผิดพลาดแบบกูเหรอ... กูสารภาพตรงนี้เลยนะเว้ย จนกระทั่งถึงตอนนี้ กูก็ยังรู้สึกผิดตลอดที่ก่อนหน้านี้กูเข้าใจผิดในตัวน้ำชามานานตั้งหลายปี ทั้งๆที่เค้าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอกู ต่อให้ต้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆหรือต้องเจอกันในฐานะคู่แข่ง เค้าก็ทำ น้ำชาคอยช่วยเหลือกูอยู่ข้างหลังมาโดยตลอด แถมบางทียังต้องคิดแผนซับซ้อนมาช่วยกูทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะทำให้กูเกลียดเค้ามากขึ้น.... กูเสียดายมากบุ๋น แล้วกูก็โทษตัวเองมาตลอดที่กูรู้ตัวช้า มึงล่ะ? มึงอยากจะรู้สึกเสียดายแบบกูไหม? กูยังถือว่าโชคดีนะเว้ยที่ในที่สุดกูก็ได้สิ่งที่ดีจริงๆกับตัวเอง นั่นก็เพราะน้ำชามีความอดทนมาก มากถึงแปดปี กูไม่แน่ใจนะว่าพี่ท๊อปเค้าจะอดทนได้แบบนี้หรือเปล่า"

".......แต่ทำไมกูต้องตอบรับวะ การที่พี่ท๊อปมาชอบกู แปลว่ากูต้องตอบตกลงเท่านั้นใช่ป่ะ กูไม่มีสิทธิ์เลือกเหรอวะ คนอื่นก็มีเยอะแยะ กูไม่เหมือนไอ้น้ำชาเลยนะเว้ย ไม่หวาน ไม่น่ารัก ไม่ใช่คนที่น่าทะนุถนอมแม้แต่นิดเดียว"

"เออ มึงอาจจะไม่มีเรื่องพวกนี้ แต่มึงก็มีอะไรดีมากพอที่จะทำให้พี่ท๊อปเค้าชอบมึงก็แล้วกัน อย่างน้อยตราปั๊มลีดของพี่เค้าก็เป็นเครื่องหมายยืนยันแล้วไม่ใช่เหรอวะ ว่ามึงมีบางอย่างที่ทำให้พี่เค้าสนใจได้"

"ผู้หญิงสวยๆที่น่าสนใจจริงๆก็มีเยอะแยะเปล่าวะ..."

"เห้อ... กูก็ไม่รู้จะพูดกับมึงยังไงแล้วนะ ในฐานะที่รู้จักกันมานาน กูรู้ดีว่ามึงเป็นคนหัวรั้นขนาดไหน แต่กูจะพูดแบบนี้แล้วกันนะ ถ้าทั้งโลกนี้ ทุกคนชอบสีดำกันหมด แต่มึงชอบสีขาวอยู่คนเดียว กูขอถามหน่อย มึงได้ทำอะไรผิดไหม....? ความชอบอ่ะ มันไม่มีคำว่าผิดหรอก ต่อให้เราเลือกจะชอบในสิ่งที่แตกต่าง...."

"......."

"เอางี้นะ ถ้ามึงไม่โอเคกับพี่ท๊อปจริงๆ ก็ควรจะบอกพี่เค้าไปตรงๆนะเว้ย อย่าปล่อยให้พี่เค้ามีความหวังอยู่แบบนี้ มันไม่ทำให้มึงรู้สึกดีขึ้นหรอก เชื่อกู"

นั่นซินะ กูควรทำอะไรให้ชัดเจนกว่านี้

ในเวลาแบบนี้ไอ้ตองก็ถือว่าเป็นที่ปรึกษาที่ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย

"ขอบใจนะมึง กูจะทำตามคำแนะนำของมึงก็แล้วกัน" เราควรถามใจตัวเองให้แน่ชัด ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ถ้าตัดเหตุผลทุกอย่างออกไปได้ เราก็จะได้คำตอบของคำถามซะที

"ไปๆ ไปแดกเหล้าต่อ ก่อนที่คนจะทิ้งเราไปหมดร้าน มึงกับกูต้องดวลเหล้ากันอีกหลายยก"

"อ... เออ มาเลย มึงพูดแล้วนะ"

ผมกับไอ้ตองเดินกอดคอกันกลับเข้ามาในร้าน ยังพอมีคนเหลืออยู่ในร้าน แต่ว่าเจ้าของที่นั่งข้างๆผมหายตัวไป



"ไอ้น้ำชา เห็นพี่ท๊อปไหม พี่ท๊อปไปไหน" ผมถาม

"อ้าว พี่ท๊อปออกไปตามพี่นั่นแหละ ไม่เจอกันเหรอครับ"

"เปล่านะ มึงเห็นไหมไอ้ตอง"

"กูก็ไม่เห็นว่ะ"

หายไปไหนของเค้าวะ

"เอาน่า เดี๋ยวพี่เค้าก็มา" ไอ้ตองบอก "คนของมึงไม่ใช่เหรอ ไม่ห่างจากมึงนานหรอกน่า ส่วนมึง เอาแก้วนี้ไป มาๆ มาดวลกันต่อ ใครเมาถือว่าแพ้นะเว้ย"

"โห่ ไอ้เจ้าชายตอง กล้าท้าทายประธานลีดที่พาทีมเป็นแชมป์มาแล้วอย่างกูเหรอ มึงมันยังห่างชั้นกับกูนัก"

"ให้มันเก่งอยากปากว่าเหอะ มาๆๆๆๆ น้องๆครับ มาชนแก้วกันครับ"

​ชนนนนนนน





​นี่พี่ท๊อปหายไปไหนวะ ร้านปิดแล้วนะ เค้ากลับบ้านกันจะหมดอยู่แล้ว

​ไม่ได้เอารถมาเองด้วย

โทรหาก็ไม่ติด อะไรของมันวะ

มึนหัวจะแย่แล้วเนีย อยากถึงเตียงนอนไวๆ



"ยังไม่กลับอีกเหรอวะ" ไอ้ตองมาพอดีเลย ไอ้ห่านิไม่ได้ดูมีท่าทีของคนเมาเลย มันแอบเทเหล้าทิ้งเปล่าวะ

"กูกลับไม่ได้อะดิ ไอ้พี่ท๊อปแม่งหายไปตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่โผล่มาอีกเลย พากูมานี่ แต่ไม่พากูกลับ"

"ให้ผมกับพี่ตองไปส่งไหมพี่" ไอ้น้ำชาอาสา

เอาไงดีวะ "เออ ก็ได้ กูง่วงจะแย่แล้วเนีย" ส่วนไอ้พี่ท๊อปเจอหน้าพรุ่งนี้ค่อยเคลียร์กัน บังอาจมากที่ปล่อยกูทิ้งไว้ เดี๋ยวจะให้ตามง้อให้เข็ดเลย

...................







"ก็ขอต้อนรับน้องๆผู้นำเชียร์จากทุกคณะเข้าสู่ตึกผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัยมัณฑนานะคะ....."

กิจกรรมห้องเชียร์ในวันต่อมาเริ่มขึ้น มีการถ่ายทอดเช่นเคย ผมมาทำหน้าที่พี่ลีดอีกครั้ง แต่หลังจากนี้ คือในฐานะผู้นำเชียร์ของมหาวิทยาลัย ที่จะต้องทำการคัดเลือกตัวแทนจากทุกคณะมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกสิบสองคน

เพียงแต่....

วันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าพี่ท๊อปเลย

ไม่มีการมารับที่หอตอนเช้า

ไม่มีการมาเฝ้าตอนบ่าย

ไม่ส่งข้อความไลน์หรือโทรมาหา

ไม่มาทำงานในฐานะ ก.น.ช.

ผมก็ไม่ได้จะเป็นจะตายอะไรหรอกนะ รถก็มีใช้อยู่ แล้วก็ไม่ใช่คนพิการที่จะช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้

แต่มันแค่รู้สึกเหมือน.....

โดนขโมยของใช้ประจำวันไป

จะบอกว่ารู้สึกสบายไหมที่ไม่โดนจ้องตลอดเวลา....

จะบอกว่ารู้สึกหงุดหงิดน้อยลงไหมที่ไม่ต้องทะเลาะกับใคร....

ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าผมไม่มีสมาธิฟังอะไรในที่ประชุมเลย ทั้งๆที่ในห้องประชุมใหญ่มีคนนั่งอยู่เยอะมากเป็นหลักร้อย แต่มันเหมือน... ผมนั่งอยู่คนเดียวเลย







"พี่กั้งครับ พี่กั้ง" ผมตรงดิ่งไปหาพี่กั้งหลังการประชุมชี้แจ้งข้อมูลวันแรกจบลง รู้แต่ว่าน้องๆทุกคนต้องเตรียมตัวรอรับการทดสอบในทุกๆวัน ที่เหลือก็ไม่ได้ฟังอะไรมากนัก

"ว่าไงบุ๋น ยินดีด้วยนะเรื่องสปีริทเชียร์"

"ครับพี่ ขอบคุณครับ ว่าแต่วันนี้พี่ท๊อปไม่มาทำงานเหรอครับ ผมไม่เห็นเลย พี่เค้าไม่สบายหรือเปล่า" ก็คิดได้ไม่กี่อย่างอะนะ หายไปแบบนี้ ถ้าไม่ป่วยแล้วจะมีอะไรได้

"อ้าว ท๊อปไม่ได้บอกเหรอ เห็นสนิทกันออกนิ"

"บอกอะไรเหรอครับ?"

"ท๊อปขอไปดูงานในฝ่ายสแตนเชียร์ ก็เลยไม่ได้มานี่ มีธุระกับมันเหรอ ทำไมไม่โทรหาล่ะ"

"ผมโทรแล้วครับ แต่ไม่ติด" ก็โทรแล้วจริงๆอะ โทรมาเป็นสองสามชั่วโมงแล้วด้วย มีแต่ฝากหมายเลขโทรกลับ

"ก็ไปหามันดิ อยู่ที่โดมรวมใจไง อ้าว! นั่นไง มันมานั่นแล้ว"

​ห๊ะ!!!! ไหนวะ

​เออ จริงด้วย กำลังเดินออกมาจากรถยนต์พร้อมกับคุยโทรศัพท์ในมือ ท่าทางเคร่งเครียดน่าดู

เดินมาทางนี้แล้ว



"พี่ท๊อป" ปากผมเรียกโดยอัตโนมัติ

"ปิงปิง เดี๋ยวแป๊บนึงนะ....​ ว่าไงครับน้องบุ๋น มีธุระอะไร"

".........." ทำไมไอ้พี่ท๊อปพูดแบบนี้วะ ต้องมีธุระด้วยเหรอ

"ว่าไงครับ มีอะไรหรือเปล่า ​ถือสายรอแป๊บนึงนะ"

"ป..เปล่าครับ"

"เปล่า?"

"อ๋อ... ผมแค่จะถามว่าพี่ไม่สบายหรือเปล่าครับ"

"หมายถึงพี่เหรอ? เปล่านิครับ สบายดี.... งั้น.... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ขอตัวเข้าตึกก่อนนะครับ พี่มีธุระ" ห๊ะ!?!?!? ​"ฮัลโหลปิงปิง อ่า... บอกลูกค้าว่าว่างนะ เดี๋ยวเข้าไปตอนนี้เลย ขอคุยธุระกับพี่ชมพู่เดี๋ยวเดียว...."



นี่มันอะไร.....?

​ไม่ได้ดิ

คนอย่างกูจะมาโดนทำแบบนี้ได้ไง ไอ้พี่ท๊อปมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ ต้องคุยให้รู้เรื่องให้ได้



ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในตึกลีดมหาลัยอีกครั้ง

นั่นไง กำลังขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้ว



"​พี่ท๊อป" ผมเรียกอีกครั้ง ก่อนจะเดินตึงตังอย่างตั้งใจไปหาพี่เค้า

"ว... ว่าไงครับน้อง..."

"นี่มันอะไรอ่ะ ทำไมพี่เมินบุ๋นแบบนี้วะ โทรหาก็ไม่ติดทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าแบตโทรศัพท์ยังไม่หมด แล้วไหนจะเมื่อคืนอีก พี่ทิ้งบุ๋นไว้ที่ร้านแบบนั้นได้ไง"

"......."

"เงียบทำไมอ่ะ"

"​พี่ไม่ได้ทิ้งบุ๋นนะ" พี่ท๊อปตอบด้วยสีหน้าจริงจังแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันออกจะน่ากลัวหน่อยๆด้วยซ้ำ "พี่แค่คืนชีวิตให้บุ๋น......







......ก็ในเมื่อพี่ไม่มีหวัง ก็ไม่ควรปล่อยให้พี่หวัง ไม่ใช่เหรอครับ​"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 23:07:26 โดย Kings Racha »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
รีบๆยอมรับหัวใจตัวเองเร็วๆนะบุ๋นน้อยย//เข้ามาส่องๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด