ฝันร้าย [ตอนพิเศษปีใหม่]
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไม่เคยจางหาย
เรารักกัน จุมพิตกัน กอดกัน ภาพเหล่านั้นยังชัดเจนมิเคยเลือน นัยน์ตาของเจ้าเป็นประกายระยิบระยับ สวยยิ่งกว่าดวงดาราใดในโลกหล้า
แล้ววันนี้เล่า ดวงดาราของพี่หนีไปอยู่ที่ไหนกัน
"คุณพี่จะเข้าไปหาพระอาจารย์ด้วยกันกับน้องหรือไม่คะ"
น้ำเสียงแว่วหวานของผู้เป็นคู่ชีวิตคือสิ่งที่คอยย้ำเตือนถึงหน้าที่ของเรา
หน้าที่ของคนเป็นลูก หน้าที่ของคนเป็นสามี หน้าที่ของคนเป็นพ่อ
...หน้าที่ที่อยู่บนบ่าของเรานี้ช่างมากมายเหลือเกิน...
ร่างเล็กบอบบางยังคงยืนคอยคำตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครา เราจึงหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้เธออย่างที่เคยทำให้เสมอเช่นกัน
"ไม่ล่ะ แม่ชื่นไปเถิด"
แม่ชื่นนิ่งพินิจเราอยู่อึดใจ นัยน์ตากลมโตหวานทอแววเห็นอกเห็นใจมาให้ หากริมฝีปากสวยนั้นก็ยังคลี่ยิ้มอยู่
“เช่นนั้น น้องขอเข้าไปนมัสการพระคุณท่านก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะออกมาหาคุณพี่ที่นี่”
เธอรู้...เธอรู้ดีว่าเราอยากอยู่ที่นี่อีกสักพัก
สมแล้วที่เป็นคู่ชีวิตกันมาเกือบสิบปี
หญิงสาวผู้เป็นคู่ชีวิตของเราสวยสง่าขึ้นกว่าเก่าก่อนมาก ร่างเล็กบอบบางดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาตั้งแต่มีลูก ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงประกายแว่วหวานทุกคราที่เห็น เธอเป็นคนดีเหลือเกิน แม้นจะรู้ความจริงทั้งหมดแล้วก็มิโกรธเคืองเราเลยสักนิด กลับกัน เธอคอยปลอบโยนเราด้วยถ้อยคำอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจ สมแล้วที่เป็นคนที่คุณแม่เลือก ทั้งกริยามารยาท และสติปัญญาของเธอนั้น ยากจะหาหญิงใดในพระนครมาเทียบเทียม
แต่แล้วอย่างไรเล่า ดีแล้วอย่างไร สวยสง่าแล้วอย่างไร อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เจ้าอยู่ดี...ไม่ใช่น้องน้อยของพี่อยู่ดี
แม่ชื่นจากไปแล้ว ทิ้งเราไว้เพียงลำพังใต้ต้นการเวกที่เลื้อยเกาะกำแพงวัดจนเป็นพุ่มใหญ่
..ต้นการเวกที่เราปลูกเองกับมือ..
การเวกต้นนี้ พี่ปลูกให้น้องด้วยตัวของพี่เอง
เราเพียรเฝ้าวอนขอท่านเจ้าอาวาสอยู่พักใหญ่จึงได้รับอนุญาตให้นำต้นการเวกมาปลูกไว้ริมรั้ววัดฝั่งที่อยู่ติดกับสุสานชาวจีน ด้วยต้นการเวกเป็นต้นหวังต้นไม้เถา พระท่านก็คงเกรงว่าจะเลื้อยจนเป็นพุ่มรกชัฏดูแลยากลำบาก แต่เพราะเรารับปากดูแลเป็นอย่างดี ท่านจึงยอมแพ้ในที่สุด
การตักบาตรกรวดน้ำตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่อาจบรรเทาความเจ็บปวดในใจพี่ได้เลย ทุกคราที่สายน้ำไหลรดลงบนผืนดิน ใจพี่ประหวัดคิดไปถึงหน้าเจ้ายามแย้มยิ้ม ทุกคราที่พี่เห็นขนมบนโต๊ะอาหาร หัวใจพี่ร้าวรานปานจะแหลกสลาย
ต้นการเวกนี้เป็นตัวแทนความคิดถึงของพี่ แม้นจะเอาไปปลูกไว้ในสุสานชาวจีนไม่ได้ แต่พี่ก็อยากให้เจ้ารู้ว่าพี่รัก
...พี่รักเจ้าการเวกของพี่เหลือเกิน...
ดวงใจพี่ กลับมาหาพี่เถิด ขอเพียงเจ้ากลับมา ต่อให้น้องบอกพี่ว่าที่น้องทำให้ใจพี่เจ็บเจียนตายนี้เป็นกลลวงพี่ก็จะไม่ถือโทษโกรธน้องเลยแม้แต่น้อย
กี่ปีที่ทำได้เพียงเฝ้ามองป้ายสลักหินแผ่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า กี่ปีมาแล้วที่ทำได้เพียงแนบดอกการเวกไว้ตรงอกแล้วร่ำไห้ป่านจะขาดใจ
ใครก็ได้โปรดบอกที เมื่อไรกันที่ความทรมานนี้จักสิ้นสุดลง
กร บอกพี่ที...บอกให้พี่ฟังว่าน้องจะกลับมา บอกพี่ทีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฝัน บอกพี่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นมาพี่จักเจอเจ้าอยู่เคียงข้างดังเดิม
ได้โปรดเถิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก เราอยากตื่นแล้ว ให้เราตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที ให้เราได้พบกับพ่อนกน้อยของเราเสียที เราทรมานเหลือเกินแล้ว
...ใจเราเจ็บร้าวเหลือเกินแล้ว...
“...ปะ”
“...เปรม”
“พี่เปรม!”
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียก
เกิดอะไรขึ้น
หัวใจผมเต้นรัวอยู่ในอก ผมคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งมือ ทั้งตัว ทั้งริมฝีปากนั้นสั่นไปหมด ความรู้สึกที่รับรู้ได้หลังจากลืมตาตื่นคือความเจ็บปวดจนใจแทบขาด หลังจากนั้นมันก็เป็นความกลัว
กลัว...กลัวเหลือเกิน
จู่ๆ ความอบอุ่นบางอย่างก็โอบล้อมรอบตัว
ความอบอุ่นอันเกิดจากเรียวแขนเพรียวบางของใครบางคนที่พยายามโอบกอดผมเอาไว้
“ไม่เป็นไรนะครับพี่เปรม”
ฝ่ามือเล็กๆ ที่ลูบไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังค่อยๆ ดึงความหวาดกลัวออกไปจากใจทีละน้อย
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นไรนะครับ”
ใช่...เขายังอยู่กับผมตรงนี้ ยังอยู่ตรงนี้
มันไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว แต่ละวันที่พ้นผ่านไปด้วยความทรมานเจียนขาดใจมันจะไม่มีอีกแล้ว
ผมยกแขนสองข้างโอบตอบร่างของอีกเขาเอาไว้
เมื่อคราวก่อนพี่ปกป้องน้องด้วยมือคู่นี้ไม่ได้ แต่คราวนี้พี่จะทำให้ดีที่สุด
...จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องจากไปอย่างเดียวดายอีกแล้ว...
“ฝันร้ายเหรอครับ”
ฝัน...ใช่แล้ว นั่นเป็นเพียงฝันร้ายที่ผ่านมาแล้ว
...ตอนนี้ผมตื่นแล้ว...
“ใช่ แค่ฝันร้าย”
รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกคน
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะครับ พี่มอสอยู่นี่แล้ว เดี๋ยวผมจะปกป้องน้องเปรมเอง”
ดูคนช่างพูดสิ น่ารักน่าชังเหลือเกิน
น่ารักเสียจนผมอดเอามือไปบีบจมูกอีกฝ่ายไม่ได้
“ทะเล้นจริงๆ”
แววตาของอีกฝ่ายทอประกายบางอย่างที่ผมเองก็ไม่เข้าใจขึ้นมาแว็บนึงก่อนจะหายไป เหลือไว้เพียงรอยยิ้มกว้างและแววตาดีอกดีใจ
“ครับ”
เขารับคำแล้วเอาสองมือมากุมมือผมไว้
“ผมเป็นน้องที่ทะเล้นของพี่เสมอ”
ไม่รู้ทำไมคำพูดนั้นถึงทำให้น้ำตามันรื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
‘ทะเล้นนักนะ’จู่ๆ คำพูดของผมในอดีตชาติก็พลันวาบขึ้นมาในหัว
อ๋อ...เพราะแบบนี้นี่เอง
...เพราะรักเหลือเกินนี่เอง...
“ไม่เอาแล้ว มาพูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้เนอะ คืนปีเก่าเข้าปีใหม่ทั้งที ยิ้มไว้ครับ”
รัก...พี่รักน้องเหลือเกิน
“เดี๋ยวผมไปเตรียมขนมให้ดีกว่า จะได้เอาไปนั่งกินตอนดูพลุที่ระเบียงดีไหมครับ”
ร่างสูงโปร่งทำท่าจะผละออกไป ติดเสียแต่ว่าผมคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
ใบหน้าน่ารักเลิกคิ้วพลางเอียงข้างเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอครับ”
ผมไม่ได้ตอบ แต่กลับออกแรงกระตุกแขนอีกคนเป็นสัญญาณให้เขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อย
“มีอะไรรึเปล่าคะ อื้อ”
ริมฝีปากของผมโผนเข้าฉกฉวยความหวานจากเขา
“ปักษาสวรรค์ของพี่”
ผมผละออกมาเพียงเสี้ยววิก่อนจะทาบทับลงไปใหม่
ริมฝีปากของพวกเราแตะกัน ผมขบเม้มไปบ้าง เขาเม้มกลับมาบ้าง ปลายลิ้นหยอกเย้าซึ่งกันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า
หวาน...ริมฝีปากของนกน้อยในอ้อมกอดช่างหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า
“อ๊ะ พี่เปรม”
เสียงใสราวกับนกการเวกดังผะแผ่วขาดห้วงชวนให้หัวใจเต้นระส่ำแทบคลั่ง
หอม...เจ้านกน้อยนี้หอมไปทุกส่วนสัด
กายก็หอม ผมก็หอม กลิ่นดอกไม้ไทยจางๆ ที่เป็นกลิ่นน้ำหอมโปรดของเจ้าตัวโชยมาจากต้นคอชวนให้หลงใหล ไม่ว่าจะบดเบียดจมูกลงไปเท่าไรก็ไม่มีหน่าย
“เจ้านกน้อยของพี่”
ดอกไม้สีชมพูอ่อนท่ามกลางทะเลน้ำนมสีขาวนวลนั้นหวานยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกหล้า
“พี่เปรม ยะ อย่าดูด อ๊ะ”
ทั้งหวาน ทั้งหอม
การเวกของพี่ นกน้อยของพี่ ดอกไม้ของพี่
“อย่าไปไหน”
มันไม่ใช่คำสั่ง แต่มันคือคำขอร้อง
ได้โปรดเถิดสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย อย่าพรากดวงใจของผมไปไหนอีกเลย
“อยู่กับพี่ อยู่ให้พี่รักไปนานๆ ห้ามจากพี่ไปไหน”
รอยจูบที่ประทับลงที่ต้นคอเป็นเหมือนการย้ำเตือนอีกฝ่ายให้รู้ไว้
ต่อให้ตัวพี่ไม่อยู่ แต่วิญญาณพี่ หัวใจพี่จะอยู่กับน้องตลอดไป
“ถ้าคราวนี้น้องชิงจากพี่ไปอีก พี่จะตามน้องไป”
แรงที่โถมใส่คือคำสัญญา
จะอยู่ด้วยกันตลอดไป...พี่จะขอตามน้องไปทุกหนแห่ง
“จะไปด้วยกัน จะไม่ปล่อยให้น้องต้องร้องไห้ตามลำพังอีกแล้ว”
เราทั้งสองต่างร้องไห้เพียงลำพังมานานแสนนานเหลือเกินแล้ว ต่อแต่นี้ไปเราจะอยู่ด้วยกัน
...จะไม่ปล่อยให้ใครร้องต้องไห้ตามลำพังอีกแล้ว...
“อื้อ ระ รักนะครับพี่เปรม ระ รัก อื้อ”
รัก รักเหลือเกิน
“พี่ก็รักน้อง พี่เปรมรักมอสที่สุด”
จุมพิตที่หน้าผากคือคำรัก
“คุณเปรมก็รักกรวิกที่สุดเช่นกัน”
เรารักกัน ไม่ว่าเราจะเป็นใครเราก็ยังรักกัน
เสียงหัวใจที่ประสานเป็นจังหวะเดียวกันเคล้าคลอไปกับเสียงพลุเฉลิมฉลองที่ดังอยู่บนฟากฟ้าไกลๆ
ปีใหม่คราวนี้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา...ดีกว่าทุกครั้งที่ต้องนับกอดดอกการเวกเพียงลำพัง ในตอนนั้น ไม่ว่าจะร้องเรียกเท่าไหร่ กอดดอกการเวกไว้แนบใจเท่าไหร่น้องก็ไม่กลับมา แต่คราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว...
วันปีใหม่ครั้งแรกที่ไม่ต้องอยู่คนเดียว
วันปีใหม่ครั้งแรกที่มีดวงใจอยู่เคียงข้าง
...ช่างเป็นวันปีใหม่ที่เหลือเกิน...
แถมความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ประทับลงบนริมฝีปากทำให้ผมเบิกตาโพล่งแล้วสะดุ้งสุดตัวจนตกเตียง
โอ๊ย เจ็บโว้ย
ไอ้พี่เปรม พี่เปรมโว้ย จะจูบก็จูบดีๆ สิโว้ย จะมามอนงมอนิ่งคีสแบบไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ไม่ได้ ไอ้เราก็นึกว่าหอยทากไต่ปาก สะดุ้งจนตกเตียงเลยเนี่ย!
โกรธครับโกรธ เรื่องนี้พี่เปรมผิดเต็มๆ
...
โอเค๊ ทำตัวเองก็ได้
ใบหน้าหล่อเหลาของคนบนเตียงฉีกยิ้มกว้างจนดวงตากลายเป็นสระอี เขาเขยิบมาที่ริมเตียงแล้วยื่นมือมาให้อย่างคนใจดีมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่างอน งอนมากๆ ไม่จับหรอกนะ
อ๋อ เปล่า ความจริงคือเจ็บ...เจ็บ...เอ่อ เจ็บนั่นแหละ ก็เมื่อคืนกว่าเขาจะยอมปล่อยผมก็จวนเช้า เห็นพี่แกนิ่งๆ อย่างนี้นี่หื่นเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
...เขิน...ไม่เอาไม่คิดต่อแล้วดีกว่า คิดต่อแล้วใจมอสไม่ดีเลยจริงๆ
“จับมือพี่เร็ว”
นี่ขนาดเห็นว่าผมไม่ยอมจับนะ พี่แกก็ยังไม่วายไม่วางตื้อผมอยู่นั่นล่ะ
“ไม่จับครับ”
หยิ่งครับหยิ่ง แม่บอกเราต้องเล่นตัวบ้าง
พอเห็นท่าทีของผม คนอารมณ์ดีก็ไถลตัวลงจากเตียงมานั่งยองๆ อยู่ข้างๆ
“โกรธเหรอ”
ไม่ตอบหรอกนะเพราะงอนมากๆ
“ทีเมื่อวานน้องชิงหลับไประหว่างทางพี่ยังไม่โกรธเลยนะ”
“นั่นเรียกว่าความผิดได้เหรอ!”
เสียงแว้ดของผมทำเขาหัวเราะร่วน
“ผิดสิ ปล่อยพี่ไว้คนเดียวแบบนั้น...”
เขาชิงหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่
“ทรมานนะครับ”
โอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้บ้าเอ๊ย เอาหัวใจไปเลย เอาไป๊
เขินครับ แต่ก็พอจะรู้ตัวว่าผมก็ผิดจริงๆ นั่นล่ะ ก็แหม เราก็รู้กันใช่ไหมล่ะว่าถ้ามันทำไปไม่สุดทางมันเป็นอะไรที่โคตรจะทรมานเลย เพราะแบบนั้นล่ะ ผมเลยต้องง้อเขาด้วยการค่อยๆ เขยิบตัวเองเข้าไปซุกอกกว้างของอีกฝ่ายจนถูกลูบหัวเบาๆ นั่นล่ะถึงได้วางใจว่าอีกคนไม่ได้โกรธอะไร
“ขี้อ้อน”
“ก็ไม่อยากให้พี่โกรธ”
“โกรธที่ไหน เรื่องเล็กน้อยเอง”
อ้อมแขนหนารวบผมเข้าไปในอ้อมกอดอุ่นๆ ร่างกายของเราใกล้กันจนผมอดเงยหน้ามองอีกฝ่ายไม่ได้
นัยน์ตาสีดำคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับราวกับท้องฟ้าในคืนเดือนมืด
ในวันที่ดวงจันทร์ดับลง หมู่ดาวจะทอแสงประกายเต็มฝากฟ้า
ในวันที่ขีดจำกัดทางสังคมหายไป ดวงตาของเขาทอประกายวับวาบกว่าทุกคราที่ได้เห็น
ไม่มีอะไรจะแยกเราจากกันได้อีกแล้ว
...ไม่มีแล้ว...
“จูบได้ไหม”
นั่นเป็นคำขอ พี่เปรมชอบขอผมเวลาจูบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ได้ยินที่ไรก็จั๊กจี้หัวใจทุกที
“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าไม่ต้องขอ”
มือสองข้างของผมคล้องเข้าที่คอของเขา
“ทำตามหัวใจของพี่เถอะครับ”
เพียงเท่านั้น ริมฝีปากของเราก็แตะกัน
เขารุกไล่ ผมโอนอ่อนตาม ปลายลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า รู้ตัวอีกทีตัวของผมก็ถูกดันลงนอนราบกับพื้นกระเบื้องเย็น
เพราะพื้นมันเย็น ผมเลยโผเข้ากอดคนด้านบนแน่น
ไออุ่นจากอ้อมกอดของเขาพามล่องลอยไปยังห้วงฝันที่ทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงเสียงหอบกระเส่าที่ข้างหูและร่างกายที่สั่นคลอนไปตามการชักนำของอีกฝ่าย
“รักนะครับ”
'พี่รักน้องเสมอ ปักษาสวรรค์ของพี่'ประโยคสองประโยคนั้นดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
หนึ่งมาจากอดีต อีกหนึ่งมาจากปัจจุบัน
รักที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานขนาดนี้...ช่างเป็นความรู้สึกที่มีค่าเหลือเกิน
“รักเหมือนกันครับ”
...รัก...รักเหลือเกิน...
...ขอแค่มีเขาอยู่ข้างๆ แบบนี้ตลอดไป ผมก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว...
*************************************************************************************
ก็เป็นตอนพิเศษสั้นๆ เนอะ อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นเลย
ตอนนี้ก็ปิดจ๊อบแว่วเสียงการเวกอย่างเป็นทางการแล้วค่าาา เย่! ขอบคุณมากๆ ที่ตามอ่านกันมาตลอด ขอบคุณนักอ่านทุกคนเลยนะคะ ฝากติดตามผลงานกันไปยาวๆ เลยน้าา ^^