ตอนที่ 6
“แฮกๆ อะ อือ”
เสียงหอบหายใจปนเสียงครางแผ่วดังขึ้นเมื่อบางอย่างซึ่งเชื่อมอยู่กับส่วนล่างถูกถอดถอนออกไป แผ่นอกบางสะท้านไหวยามกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด กิจกรรมร้อนแรงถูกใช้พลังงานไปราวกับการออกกำลังกายแสนหนักหน่วง
ท่อนแขนแกร่งของคนล้มตัวนอนเคียงข้างตวัดพาดผ่านเอวบาง คนถูกกอดกลายๆจึงเป็นฝ่ายขยับตัวตะแคงเข้าหา และเมื่อได้มองหน้าหินเต็มตานิ้วมือเรียวจึงยกขึ้นไล้หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นให้คลายออก
“มึงเครียด”
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาแม้อีกคนจะไม่เคยเอ่ยปาก ทว่าท่าทางยามเผลอตัวก็แสดงให้รู้ว่าหินกำลังมีเรื่องให้คิด ภายนอกอาจดูปกติ แต่ข้างในไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องถึงกับสังเกตก็รับรู้ แม้ในยามมีอะไรกันคิ้วเข้มก็ยังมักขมวดอยู่แทบตลอดเวลา
“กูเปล่า”
“คิ้วมึงขมวดแม้แต่ตอนที่มีอะไรกัน”
“ขมวดเพราะกูเสียวไง”
ปึก
มือบางฟาดลงบนอกแกร่งแด่ประโยคแสนทะลึ่ง หินเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พยายามปกปิดความรู้สึก แต่ในดวงตาคมคู่นี้กลับแสดงออกอย่างสวนทาง
“มีอะไรบอกกูได้ ถึงกูจะไม่ได้เป็นผู้ใหญ่นักแต่ก็พร้อมฟังมึง”
“...”
“เราเป็นแฟนกัน เผื่อมึงลืม”
ความสัมพันธ์อาจไม่ลึกซึ้งในความรู้สึกแต่เมื่อใครอีกคนมีเรื่องเครียดแฟนก็อยากบอกว่าระบายให้กันฟังได้ อาจไม่ใช่ในสถานะแฟนแบบอ่อนหวานแต่ก็เป็นสิ่งที่คนอยู่ด้วยกันควรทำ
“กูไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่อยากพูดถึง”
เปลือกตาหนาปิดลงยามเอ่ยพูด ยอมรับว่าตัวเองมีเรื่องต้องคิดในที่สุด
“ถ้าเก็บไว้คนเดียวมันเครียดนักก็ระบายออกมาบ้าง”
“ระบายอยู่นี่ไง ระบายจนสบายตัวแล้ว”
หินลืมตาขึ้นพลางส่งสายตาวาววับให้คนตรงหน้าก่อนจะได้รับสายตาเอือมระอากลับมาทันใด
“มึงก็เอาแต่พูดเล่น”
“หึ ไม่ต้องเครียดกับกูหรอก...กูกำลังค่อยๆจัดการ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
หินรู้อาการของตัวเองดี ตลอดทั้งอาทิตย์ความคิดมากมายถูกทยอยปล่อยให้ล่องลอย แต่การจะปล่อยทั้งหมดได้คงต้องใช้เวลาสักพัก
“แม้เราจะไม่ได้รู้สึกรักกันแบบแฟนทั่วไป แต่ในฐานะคนอยู่ด้วยกันกูจะบอกมึงว่ากูอยู่ตรงนี้”
ทุกถ้อยคำถูกเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจเมื่อที่ผ่านมาหินก็ดูแลกันดีในหลายอย่าง ดวงตาคู่สวยส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ก่อนอ้อมแขนแกร่งจะขยับรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด พลันเสียงเอ่ยกระซิบแทนความรู้สึกจะดังขึ้นแผ่วเบา
“ขอบใจ”
ความรู้สึกอุ่นๆวิ่งวนอยู่ในอกเมื่อได้รับการเป็นห่วงเล็กๆจากคนในอ้อมกอด การกระทำซึ่งทำให้ได้รู้ว่าแฟนไม่ได้เป็นคนที่ใส่ใจแต่ตัวเอง
อีกคนน่ารักกว่าที่คิดเอาไว้มาก มากจนเกิดรอยยิ้มบางอย่างเป็นสุขบนใบหน้าคร้ามคม
ยังไม่ทันได้ระบายเรื่องราวหนักๆก็เบาลงเพียงเพราะคำพูดและท่าทีจริงใจตรงหน้า
--
“พอมีผัวแล้วก็ทิ้งเพื่อน พอผัวทิ้งนี่รีบเรียกเพื่อนมาหาเลยนะคะ”
ประโยคเอ่ยแซะมาพร้อมกับปากที่เบะใส่จนคนมองอยากจะเอื้อมมือไปดึงปากของคนพูดสักที
สองสามวันมานี้หินติดงานจนไม่มีโอกาสได้เจอกัน หลังจากเลิกงานวันนี้แฟนจึงถือโอกาสนัดบีและนัทที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักออกมาทานข้าวและคุยกันตามประสา
“ใครทิ้งใครกันแน่ ไม่ใช่เพราะพวกมึงติดเด็กหรอกเหรอ” เรื่องราวที่ไม่อาจรอดพ้นสายตาถูกหยิบยกมาตอกกลับ
“ไม่เท่ามึงติดหลัวหรอกค่ะ ไหนอัปเดตมาซิ ขั้นไหนอะไรยังไงกันแล้ว”
คำถามของเพื่อนเรียกคิ้วได้รูปให้ขมวดเป็นปมเมื่อกำลังครุ่นคิดคำตอบ แฟนเรียบเรียงเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเองกับความสัมพันธ์นี้ไปอย่างช้าๆ
“ก็ไม่ไง เรื่อยๆ”
“เรื่อยๆคือยังไงล่ะค๊า รักหรือยัง ชอบหรือยัง ตอบมาให้เคลียร์”
คำว่ารักหรือชอบดังสะท้อนเข้ามาในหัวให้ได้คิดมากขึ้นกว่าเดิมแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนัก
“ไม่รู้อ่ะ รู้แต่ดี”
แน่นอนว่าความรู้สึกมันเพิ่มขึ้นกว่าวันแรกหากแต่ถึงขั้นจะให้เอ่ยปากว่าชอบหรือรักก็ยังไม่อาจพูดได้เต็มปาก สำหรับแฟน ระหว่างตัวเองและหินคือความรู้สึกดี การมีอีกคนเคียงข้างไม่ใช่เรื่องแย่
“ค่ะ รู้ว่าดี หน้าตามึงอิ่มเอิบมาก”
“กูก็ปกติ”
“มึงอาจไม่รู้ตัวแต่ในนี้มันบอกว่าตอนนี้มึงมีความสุข” ‘ในนี้’ถูกขยายความด้วยการเคาะนิ้วลงบนเปลือกตา
ในสายตาของเพื่อนสนิท ตลอดเวลาหนึ่งเดือนเศษแฟนดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ความมีชีวิตชีวานั้นจะเป็นสิ่งปกติที่อีกฝ่ายมี แต่ตอนนี้มันกลับมากกว่าเดิม
“งั้นเหรอ”
“สักวันมึงจะต้องชอบต้องรักพี่หินแน่ๆ”
คิ้วสวยเลิกขึ้นเมื่อได้ยิน จากนั้นวินาทีต่อมาใบหน้าสวยก็ประดับด้วยรอยยิ้มบาง
“สักวันต้องรักมันก็ถูกต้องแล้ว”
ไม่มีความแปลกใจฉายเข้ามาหัวเลยสักนิดยามได้ยินเพื่อนพูดประโยคนั้น ก่อนริมฝีปากจะขยับตอบสิ่งที่ใจบอกว่าเป็นเรื่องไม่เสียหาย
“ไม่ถูกค่ะ กูอยากได้พี่หิน มึงไม่ต้องรัก เลิกแล้วเดี๋ยวกูต่อ”
สีหน้าและท่าทางบ่งบอกว่าเพื่อนเพียงแค่พูดเล่น แต่ในความเล่นนั้นกลับมีความจริงที่เจืออยู่ในแววตา
อารมณ์แบบถ้าได้ก็เอา
“มึงต้องมาแบ่งกับกูละค่ะอีนัท มึงเมียวันคู่ กูเมียวันคี่ สลับกัน”
“ดีล”
แล้วเพื่อนทั้งสองก็ทำสนธิสัญญากันโดยไม่เกรงใจเจ้าของตัวจริงเลยแม้แต่น้อย ราวกับแฟนไม่มีตัวตน จนใบหน้าสวยได้แต่ส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ กลายเป็นว่านัดรวมตัวกินข้าวเม้ามอยครั้งนี้มีแต่การพูดถึงหินมากกว่าจะถามไถ่เรื่องของกันและกัน
--
“โอเค วันนี้พอแค่นี้”
สิ้นเสียงทุ้มทุกคนในห้องทำเพลงก็พรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าและโล่งอก หินเหลือบสายตามองนาฬิกาบนผนังห้องก่อนจะพบว่างานส่วนนี้เสร็จเร็วกว่าที่ตั้งใจ
“อันนี้คือพร้อมอัดเสียงแล้วใช่ไหมพี่”
“ยัง...กูยังรู้สึกว่ามันควรมีอะไรอีก จริงๆมันดีแล้วแต่มันยังดีได้มากกว่านี้ เดี๋ยวกูจะไปปรับอีกนิดหน่อย บอกทุกคนว่าเจอกันวันอัด”
“ได้พี่ ขอบคุณมากครับ”
หินพยักหน้ารับพร้อมทั้งหันมาเก็บของของตัวเอง กระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงกล่าวลาทุกคนแล้วรีบออกจากห้อง ตรงไปยังรถของตัวเอง
(ฮัลโหล) เพียงแค่ได้ยินเสียงริมฝีปากได้รูปก็ขยับยกเป็นรอยยิ้มบาง
ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน
“มึงอยู่ไหน” ได้ยินเสียงคนอีกสองคนคุยกันจอแจ ไม่พ้นว่าคงเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าตัว
(กูอยู่ร้านอาหาร มากินข้าวกับเพื่อน มึงทำงานเสร็จแล้วเหรอ)
“อืม กลับเมื่อไหร่ จะไปหา”
(มึงกินอะไรรึยัง)
“ยัง”
(งั้นเดี๋ยวกูซื้ออาหารเข้าไปให้ด้วย อีกชั่วโมงครึ่งเจอกัน ทนหิวไหวหรือเปล่า)
น้ำเสียงของปลายสายมีความห่วงใยเจืออยู่จางๆจนคนที่ทำงานมาแสนเหนื่อยรู้สึกดีขึ้นได้อย่างประหลาด
“ไหว กว่าจะไปถึงคอนโดมึงก็ชั่วโมงนึงแล้ว”
(โอเค)
“แค่นี้แหละ”
(เดี๋ยว)
มือที่กำลังจะผละโทรศัพท์ออกห่างจากหูเป็นอันต้องชะงัก ก่อนหินจะเอ่ยถามคนที่เรียกเอาไว้
“ว่าไง”
(แวะซื้อถุงยางด้วย ใกล้หมดแล้ว)
เสียงนั้นเอ่ยแผ่วลงทว่าคนฟังก็ยังได้ยินชัดเจนจนหลุดหัวเราะในลำคอ
รู้ใจเป็นที่สุด
“หึ ครับ”
หินรับคำจากนั้นจึงวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซด์คู่ใจดังขึ้นเมื่อถูกสตาร์ทในวินาทีต่อมา ยามมือหนาหมุนบิดมันจึงเคลื่อนทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง
--
“อื้อ อย่าเพิ่ง อาบน้ำก่อน”
แฟนรีบยกมือขึ้นดันอกคนที่รั้งตัวเองเข้าไปกอดพลางเอ่ยห้าม เมื่อหลังจากทานข้าวเสร็จอีกฝ่ายก็จู่โจมเข้ามาโดยไม่มีรีรอ
“เสียเวลา”
“มึงทำงานมาเหนื่อยๆ อาบน้ำก่อนจะได้สบายตัว กูไม่หนีไปไหนหรอกน่า”
มือบางไล่ไปตามแนวกระดุมเสื้อกระทั่งถึงลำคอแกร่งก็เปลี่ยนเป็นโอบคอหินด้วยท่อนแขน
“เดี๋ยวนี้มีเล่นตัว” คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ จับจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาวาววับ
“นอกจากจะเล่นตัวแล้วยังเล่นมึงได้ด้วย อยากโดนเล่นรึเปล่า”
เอ่ยคำพูดยั่วเย้าพร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้นท้าทาย ริมฝีปากบางเผยอขึ้นนิดๆก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างสื่อความหมาย
“หึ 3นาทีเสร็จ”
ถูกยั่วขนาดนี้การอาบน้ำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอ้อยอิ่งให้เสียเวลา
“ทำไมเสร็จเร็วจัง”
คำพูดอาจฟังดูไม่มีอะไรหากแต่ดวงตาคู่สวยกลับมีอะไรจนทำให้รู้ว่าคำว่าเสร็จในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการอาบน้ำ แต่คนพูดตั้งใจเข้าใจและสื่อความหมายในคำว่าเสร็จแบบอีกอย่าง
“คนละเสร็จครับน้อง ถ้าเสร็จแบบนั้นก็อึดซะจนคนแถวนี้ต้องร้องขอให้พอ”
“งั้นก็รีบไปอาบน้ำสิ กูอยากร้องขอให้มึงหยุดจะแย่”
น้ำเสียง แววตา พร้อมทั้งการไล้ปลายนิ้วไปตามแนวสันกรามเรียกอารมณ์แห่งความต้องการให้สูงขึ้นจนไม่อยากไปอาบน้ำแล้วทำอย่างอื่น ทว่าสุดท้ายจำต้องตัดใจจากเรือนกายบาง ต่างคนต่างรีบจัดการตัวเองอย่างไม่อยากเสียเวลาก่อนจะกลับมาเจอกันกลางห้องรับแขกทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า
“อื้อ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า”
เสียงหวานเอ่ยกระท่อนกระแท่นยามถูกริมฝีปากร้อนรุกไล้ไปตามซอกคอ เสียงหอบหายใจดังต่ำคลอเคลียแนบชิด
อาจเพราะห่างกันไปหลายวันอีกคนจึงดูมีความต้องการรุนแรงกว่าครั้งไหน
“แล้วทำไมมึงไม่ใส่”
หินถามกลับขณะยกยิ้มกับตัวเอง เรือนกายขาวเนียนไร้เสื้อผ้าอาภรณ์โดยไม่ต้องเสียเวลาถอด มือหนาลูบไปที่ไหนก็พบแต่ความนุ่มมือ น่าขย้ำ จนเผลอทิ้งร่องรอยไว้ตามตำแหน่งที่มือลากผ่าน
“เดี๋ยวมึงก็ถอดออก”
“หึ”
ประโยคที่รู้ใจและเป็นเหตุผลเดียวกันเรียกเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นในลำคอแกร่ง ก่อนคนแสนรู้ใจจะได้รับรางวัลเป็นการขบเม้มผิวเนื้อเนียนด้วยความมันเขี้ยว แถมด้วยนิ้วแกร่งที่ลูบไล้บีบบี้เม็ดกลางกายจนแฟนหลุดเสียงครางหวาน
“ตรงนี้สักรอบก่อนค่อยเข้าห้อง”
กระซิบเสียงพึมพำยามพาร่างบางเดินมาจนถึงโซฟา จากนั้นจึงดันให้แฟนนอนราบแล้วตามลงไปทาบทับ ขณะที่ท่อนแขนเรียวเลื่อนขึ้นมาโอบลำคออย่างที่ชอบทำ
“แค่รอบเดียวเองเหรอ” ประโยคยั่วเย้าท้าทายทำให้ดวงตาคมวาวโรจน์ราวราชสีห์พร้อมตะครุบเหยื่อ
“ยั่วขนาดนี้มึงยับแน่”
“แล้วใครกลัว”
แล้วคนไม่กลัวแสนขี้ยั่วก็ถูกเล่นงานอย่างไร้ซึ่งการออมแรง จากโซฟาสองรอบไปจนถึงเตียงกว้าง กระทั่งถึงห้องน้ำแล้วกลับมาที่เตียงอีกครั้ง กว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดก็เป็นตอนที่สติและแรงนั้นหมดสิ้น
--
“ที่อื่นกูไม่ว่านะ แต่ข้อเท้ากูมึงก็ทิ้งรอยไว้เหรอ”
คนที่กลายสภาพเป็นผักเปื่อยอยู่บนเตียงถามขึ้นเมื่อกวาดสายตาสำรวจร่างกายตัวเองคร่าวๆแล้วพบว่าแม้แต่ข้อเท้ายังมีร่องรอยที่อีกคนฝากเอาไว้ ฉะนั้นที่อื่นโดยเฉพาะลำคอและหน้าอกจึงไม่ต้องพูดถึง
“กูไม่กัดแก้มด้วยก็ดีแค่ไหน” หินเอ่ยตอบขณะที่นั่งพิงหลังกับพนักเตียงเล่นเกม
“มึงกัดไปแล้วเถอะ”
เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ไหน ผิวเนื้อตารางใดที่อีกคนไม่ได้แตะต้องหรือสัมผัส จำได้ว่าแก้มก็โดนฟัดไปไม่น้อยยามอีกฝ่ายเคลื่อนตัวเข้าหาจนเกือบจะเสร็จสิ้นในรอบที่จำไม่ได้
“กัดไปนิดเดียว กลัวมึงเจ็บ” ผละสายตาออกจากเกมมาตอบพร้อมยกยิ้มพึงพอใจ
“หิวแล้ว อยากอาบน้ำ”
หินเลิกคิ้วก่อนจะวางโทรศัพท์ในมือลงเมื่อหน้าจอปรากฏคำว่าWinner ร่างสูงที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวตวัดขาลงข้างเตียงพลางเอี้ยวหน้ากลับมาหา
“ขึ้นมา”
คนที่แทบไม่มีแรงรีบขยับเข้าไปหาแผ่นหลังกว้างซึ่งมีรอยเล็บของตัวเองฝากฝังไว้เป็นทาง จากนั้นจึงยกท่อนแขนโอบรอบลำคอแกร่ง ถ่ายเทน้ำหนักไปหาทั้งหมด ก่อนหินจะลุกขึ้นพาเดินไปถึงห้องน้ำ เมื่อมาถึงอ่างล้างหน้ามือหนาก็เอื้อมไปหยิบแปรงมาบีบยาสีฟันแล้วยื่นส่งให้ลูกโคอาล่าบนหลัง
กลายเป็นว่าแล้วคนทั้งสองก็แปรงฟันในท่านั้นจนเสร็จเรียบร้อย ต่อมาจึงเป็นการอาบน้ำที่แฟนแสนจะสบายเพราะมีหน้าที่เพียงอยู่นิ่งๆปล่อยให้หินเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
“มึง ร้อน ลดลงหน่อย”
เอ่ยบอกคนด้านหลังเมื่ออีกฝ่ายกำลังดรายผมที่เปียกชื้นให้แห้ง แต่กลับใช้ความร้อนมากเกินจนรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะไหม้
“ลดตรงไหน” หินถามพร้อมทั้งขมวดคิ้วมุ่น จับเครื่องในมือหมุนหาไปมา
“ปุ่มข้างล่างตรงที่จับ”
“ปุ่มบนหรือล่าง”
“ล่างๆ”
เป็นการเป่าผมที่ช่างแสนอลหม่าน จนกว่าจะเสร็จก็ใช้เวลานานถึงเกือบชั่วโมง แต่ถึงแม้จะหิวจนท้องกิ่วแต่ภาพคนตัวโตที่เงอะงะอยู่กับผมของตัวเองก็ทำให้แฟนเอ็นดูจนต้องเก็บภาพเอาไว้แล้วอัพลงในไอจีสตอรี
--
14 กุมภาพันธ์“เดี๋ยวพ่อดูให้แล้วจะส่งเอกสารมาให้ดู”
เสียงทุ้มนุ่มของคนเป็นพ่อเอ่ยบอกเมื่อกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องงาน ขณะที่คนเป็นลูกรับคำพลางพิมพ์แก้เอกสารที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้อีกเล็กน้อย
“เรียบร้อย” เสียงเคาะแป้นครั้งสุดท้ายดังขึ้นก่อนงานจะถูกกดบันทึก เป็นอันว่าเสร็จสิ้น
“เสร็จงานแล้วจะไปเดตหรือเปล่าน่ะเรา” คำถามนั้นทำให้แฟนเลิกคิ้ว
“ทำไมต้องไปเดต”
“เอ้า ก็วันนี้วาเลนไทน์ พ่อกับแม่ยังไปดินเนอร์กันเลย เราไม่ไปเดตกับหนุ่มรึไง”
ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบก่อนจะเลื่อนไปมองปฏิทินบนโต๊ะแล้วเห็นเลข14ปรากฏอยู่ชัด
วันนี้ทำงานทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหนเลยสักนิด จึงลืมไปว่าเป็นวันแห่งความรัก
“แฟนก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ได้พูดอะไร”
ก่อนออกมาทำงานนอกจากจูบดูดดื่มแล้วก็ไม่มีบทสนทนาใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดทั้งวันมีเพียงการพูดคุยกันผ่านทางตัวอักษร ไม่มีแม้แต่จะต่อสายหากันเนื่องจากต่างฝ่ายต่างทำงาน
“เป็นคนหนุ่มสาวประสาอะไรถึงไม่ตื่นเต้นกับวันนี้ เอาเถอะ เราไม่มีเดตแต่พ่อมี แล้วเจอกันที่บ้านนะ”
แก้มเนียนถูกกดหอมแผ่วเบาก่อนคนเป็นพ่อจะเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนแฟนนึกอิจฉาคนเป็นพ่อแม่
ร่างบางลุกขึ้นเก็บของบนโต๊ะเมื่อคอมพิวเตอร์ถูกปิดลงเรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินออกจากห้องตามคนเป็นพ่อ โทรศัพท์ในมือก็แผดเสียงร้องให้ต้องหยุดชะงัก
“ว่า?” กดรับพลางก้าวเท้าต่อเมื่อปลายสายคือคนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่
(เลิกงานรึยัง)
“เลิกแล้ว กำลังกลับ” เมื่อไม่มีแพลนไปไหนแฟนก็คิดว่าจะกลับไปนอนกลิ้งที่ห้อง
(กูอยู่ห้องมึงแล้ว รีบกลับ จะพาไปเดต)
“หืม” เสียงร้องอย่างแปลกใจดังขึ้นในลำคอทันใด
(วันวาเลนไทน์ไง) อีกฝ่ายเอ่ยย้ำ
“อ่าห๊ะ รู้แล้ว มึงจะพากูไปเดตงั้นเหรอ”
(หรือจะเดตกันบนเตียง ชิมไวน์บนตัวมึงอะไรแบบนั้น)
เสียงทุ้มเจือไปด้วยเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอ ขณะที่คนฟังเหลือบสายตามองบนแม้คนพูดไม่ได้อยู่ตรงหน้า
“ทะลึ่ง แค่นี้แหละ จะลงลิฟต์แล้ว”
โทรศัพท์ถูกกดวางสายพร้อมๆกับที่ลิฟต์เคลื่อนมาถึงชั้นบนสุด ก่อนเสียงสัญญาณจะดังขึ้นให้ร่างบางก้าวเท้าพาเข้าไปอยู่ในนั้น
ระหว่างกลับคอนโดบรรยากาศวันแห่งความรักเต็มไปทั้งสองข้างทาง บางคนหอบดอกไม้หรือไม่ก็ตุ๊กตาไว้ในมือ บนเสื้อมีสติกเกอร์รูปหัวใจติดประดับ แม้แต่คนขายพวงมาลัยยังมีดอกกุหลาบเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
แฟนอมยิ้มเมื่อสายตามองเห็นเรื่องราวเหล่านั้น ถึงจะไม่ใช่คนหวานและไม่ได้ตื่นเต้นกับวันนี้แต่ก็อดรู้สึกเป็นสุขไม่ได้
45 นาทีต่อมา“Happy Valentine’s Day”
เอวบางถูกสอดรัดด้วยท่อนแขนแกร่งทันทีที่เปิดประตูเข้ามา จากนั้นเสียงกระซิบต่ำก็ดังขึ้นชิดริมใบหู การกระทำที่ไม่ได้ก่อให้เปิดความแปลกใจได้เท่ากับสำเนียงของคนพูด
ออกเสียงเป๊ะมาก
“มึงอินกับวันนี้ด้วยเหรอ”
แฟนหมุนตัวกลับมาหาอีกคนแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงราบเรียบ ก่อนคำตอบที่ได้รับจะไม่ได้แตกต่างจากที่คิดเมื่อคนถูกถามส่ายหัว
“ทำพอเป็นพิธี”
“งั้นก็คงไม่ต้องถึงขั้นไปเดต”
“นิดนึงน่า แต่เอาจริงๆก็กินข้าวตามปกตินั่นแหละ...อาจมีพิเศษกว่าทุกวันนิดหน่อย”
ความพิเศษเล็กๆน้อยๆที่หินเตรียมไว้เพื่อวันนี้
“นิดหน่อยอะไร”
คิ้วได้รูปขมวดมุ่น สีหน้าของคนตรงหน้าดูเป็นประกายอย่างไม่น่าไว้ใจ
“บอกก็ไม่เซอร์ไพร์สสิ มึงจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดหน่อยไหม ยังมีเวลา”
“อืม เหนียวตัว”
อ้อมแขนแกร่งผละออก ปล่อยให้แฟนได้ไปอาบน้ำยามที่ตัวเองเตรียมพร้อมแล้วเรียบร้อย จากนั้นต่อมาในเวลาทุ่มเศษสถานที่เดตแสนโรแมนติกสำหรับวันวาเลนไทน์นี้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ผู้คนจอแจแออัดเนื่องจากเป็นวันที่หลายคู่มาฉลองความรัก เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ พนักงานเดินขวักไขว่ ควันจากเตาบนโต๊ะลอยโขมง
“ถ้ามึงบอกสักนิดว่าจะมาร้านหมูกระทะกูจะไม่สระผมมา” เสียงถอนหายใจดังขึ้นยามเอ่ยพูด
“เดี๋ยวมึงไม่เซอร์ไพร์ส” ใบหน้าคมยกยิ้มมองคนข้างตัวอย่างสนุก
“เซอร์ไพร์สมาก เป็นเดตที่โรแมนติกที่สุดในชีวิตกูเลย”
แฟนเอ่ยประชด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ไม่พอใจกับสถานที่นี้เลยสักนิด ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าหากที่ที่คนข้างตัวพามาเป็นห้องอาหารหรูสิถึงควรแปลกใจ
“ดีใจที่มึงชอบ ปะ เข้าไปข้างใน” อีกคนประชดกลับด้วยรอยยิ้มแล้วเอื้อมมือมาจับ พาเดินตรงไปข้างใน
ด้วยความหิวเมื่ออาหารมาเสิร์ฟตรงหน้าต่างฝ่ายก็ต่างไม่พูดคุย รสชาติของน้ำจิ้มและอาหารอื่นๆดีกว่าที่คาดคิดจนแฟนทานได้ไม่หยุด
“อร่อยไหม”
ประโยคแรกดังขึ้นหลังจากเริ่มอิ่มขึ้นมาบ้าง ยามที่คนถูกถามก็พยักหน้ารับ
“มึงชอบที่แบบนี้รึเปล่า หรืออยากร้านอาหารบนห้างมากกว่า”
“กูไปได้ทุกที่ที่อาหารอร่อย”
หินพยักหน้ารับเชื่องช้า มองดวงตาคู่สวยที่บ่งบอกความจริงในคำพูดนั้นแล้วแอบยิ้มกับตัวเองในใจ
ไม่เรื่องมาก ไม่ติดหรู กว่าที่คิด
“ลอตเตอรี่ไหมจ๊ะ”
“ไม่ครับ”
คนขายที่ถือแผงลอตเตอรี่ขยับไปถามโต๊ะอื่นเมื่อหินเอ่ยปฏิเสธ จากนั้นแฟนจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ไม่ซื้อเหรอ เห็นมึงซื้อทุกอย่างที่เขามาถามขาย”
แฟนเหลือบสายตามองหลักฐานบนมุมโต๊ะอีกฟากที่มีทั้งนมเปรี้ยว ข้าวเกรียบ ดอกไม้ และสติกเกอร์ แต่คราวนี้อีกคนกลับปฏิเสธ
“กูเล่นไม่เป็น บ้านกูไม่เล่นการพนันทุกชนิด”
“แล้วมึงซื้อทั้งหมดนั่นไปทำอะไร” มือบางคีบหมูบนเตาพลิกไปด้วยยามเอ่ยถาม
“ซื้อเฉยๆ”
“หือ?”
“สงสารเขา บางคนคนแก่ บางคนเด็ก ช่วยซื้อจะได้กลับบ้านไปนอนเร็วๆ”
มินาล่ะถึงเหมาเขามาจนหมดทุกอย่าง
ท่าทางเอ่ยตอบสบายๆไม่มีการเก๊กหน้าให้ดูหล่อพร้อมทั้งคีบหมูเข้าปากอย่างไม่สนใจสิ่งใดทำให้คนมองเกิดความแปลกใจในชั่ววินาที
เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ก่อให้เกิดความประทับใจเล็กๆในตัวของผู้ชายคนนี้
--
“จำได้ไหมที่กูบอกว่ามีเซอร์ไพร์สเล็กๆ”
จังหวะการดื่มน้ำไม่มีชะงักแม้ลำคอจะถูกคลอเคลียพรมจูบจากทางด้านหลัง กระทั่งน้ำในแก้วหมดลงแฟนจึงถามต่อ
“นึกว่าเซอร์ไพร์สคือร้านหมูกระทะเสียอีก ยังมีอีกรึไง”
“ก็มีอีกนิดหน่อย”
“อะไร”
คนถูกถามไม่ได้ตอบหากแต่มือหนาจับพลิกคนหันหลังให้หันมาเผชิญหน้า ริมฝีปากได้รูปฉกฉวยลงมาทาบทับเป็นจูบลึกซึ้ง ก่อนจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ของทั้งคู่
“ลองของเล่นใหม่กัน”
ร่างสูงผละออกแล้วหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ห่อฟรอยด์ถูกฉีกเป็นลำดับต่อมาจากนั้นวัสดุบางอย่างที่เป็นยางและเคลือบไปด้วยสารหล่อลื่นก็ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ล้างจาน โดยข้างล่างมีห่อซึ่งถูกฉีกเมื่อครู่รองเอาไว้
“อะไร”
รู้ดีว่าคือถุงยางแต่การที่มันถูกวางพักไว้อย่างนั้นและสีที่ดูแปลกกว่าปกติก็ทำให้ต้องเอ่ยถาม
“รอดู”
ระหว่างรอเวลาหินก็คลอเคลียเล้าโลมอีกคนกระทั่งอารมณ์เริ่มตะลึงพรึงเพลิด บางส่วนกลางกายปวดหนึบไม่ต่างจากร่างบาง
“แป๊บ”
ทว่าเมื่อได้เวลาก็ต้องรีบผละออกทั้งที่ไม่อยากหยุด ทำเพียงแค่รูดซิบกางเกงแล้วรั้งมันลงไปกองไว้ใต้สะโพกก่อนจะหยิบเครื่องป้องกันมาสวม จากนั้นจึงเอื้อมมือไปกดปิดสวิตซ์ไฟที่อยู่ห่างมือไม่มากนักให้ทั้งห้องครัวตกอยู่ในความมืด
มีเพียงบางอย่างที่เรืองแสงส่องสว่าง...
“นี่มันอะไร แล้วมึงไปเอามาจากไหน” แฟนเอ่ยถามทั้งยังอดหัวเราะไม่ได้
“สั่งมาเพื่อวันนี้เลย” หินตอบอย่างภาคภูมิ
“ทุ่มเทและสัปดนอะไรขนาดนั้น ถุงยางเรืองแสงเนี้ยนะ”
“เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ สร้างความแปลกใหม่ไง...จะได้เป็นวาเลนไทน์ที่มึงไม่ลืมเลือน”
แฟนไม่รู้ว่าจะด่าหรือจะขำแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อลำตัวถูกยกขึ้นให้นั่งลงบนเคาน์เตอร์ก็ไม่มีขัดขืน ยิ่งยามบางอย่างถูไถเข้ามาแนบชิดยิ่งอดตื่นตาอย่างที่อีกฝ่ายว่าไม่ได้
“มันไม่เป็นอันตรายต่อกูนะ”
“ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”
“มึงห้ามเล่นท่ายาก ปิดไฟแล้วมองไม่เห็น เผื่อพากูไปนั่งทับมีด”
นอกจากถุงยางจะแปลกใหม่ สถานที่ยังไม่ปกติจนได้แต่เอ่ยเตือนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
เป็นเซ็กส์ที่หรรษาอะไรขนาดนี้
“มั่นใจหายห่วง นี่ไงไฟฉายกระบอกใหญ่ของกู”
สุดท้ายบทรักวันวาเลนไทน์ในห้องครัวด้วยถุงยางอนามัยเรืองแสงก็ทำให้ทั้งฟินอย่างตื่นตาตาตื่นใจและขำด้วยความตลกไปตลอดค่ำคืน
มันคงเป็นวาเลนไทน์ที่ไม่ลืมเลือน...และคงเป็นเซ็กส์ที่ไม่อาจลืมลงเช่นกัน
“สุขสันต์วันแห่งความรัก”
เสียงกระซิบแผ่วเบาสุดท้ายที่แฟนได้ยิน
TBC.
กลับมาแล้วววววว คิดถึงกันไหมคะะะะ คิดถึงมากเลยเนอะๆๆๆ กลับมาแบบหื่นห่ามตามไสตล์พี่หินอีกแล้ว ฮื่อ คือเรามาจนถึงอีกปีแล้วแต่เขายังเพิ่งวาเลนไทน์กันอยู่เลย อ้างอิงเวลาตามเนื้อเรื่องคงไม่ว่ากันนะคะ
ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งแล้วสนุกมากเลยค่ะ แต่งไปหัวเราะไป เขินไป เป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองแล้วก็คนอ่านเลย อิอิ
รู้นะว่าอ่านตอนนี้แล้วมีคนอยากได้ไฟฉายกันเลยใช่ไหม >< จริงๆอยากบรรยายนะแต่เราเปงนิยายใสๆเลยไม่บรรยายมาก เอาพอกระชุ่มกระชวยก็พอ คึคึ
กลับมาแล้วค่ะ แล้วก็จะพยายามไม่หายไปนานแบบนี้อีก ถ้าคนคิดถึงเยอะอาจมาในวันสองวันนี้ คิกคิก เจอกันตอนหน้าน๊า
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ