ตอนที่ 10
“หึ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอแกร่งเมื่อสายตามองเห็นร่างบางในชุดเสื้อและกางเกงตัวโคร่งของตัวเอง กำลังเดินด้วยท่าทางแปลกๆเข้ามาหา จนกระทั่งทรุดนั่งลงข้างตัว
“ไม่ต้องมาหัวเราะ”
เสียงหวานยามครวญครางบนเตียงเปลี่ยนเป็นสะบัดใส่ด้วยความไม่สบอารมณ์
“เอ่า อารมณ์ดีก็ผิด”
“ผิด มึงผิด ผิดทุกอย่าง”
เอ่ยพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ความล้าตรงส่วนล่างที่ลามไปทั่วทั้งตัวเล่นงานจนทำให้การเดินนั้นลำบากกว่าเคย ไหนจะต้องลางานแบบฉุกเฉินเพราะลุกไม่ไหวอีก
“ผิดก็ผิด”
หินรับคำง่ายๆเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหงุดหงิดไปมากกว่าเดิมก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการเกี่ยวกับเพลงต่อ
“มึง”
“หืม”
คนถูกเรียกขานรับขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนจอ จากนั้นน้ำหนักที่ทิ้งลงมาข้างไหล่ก็เรียกความแปลกใจจนต้องวกสายตากลับมามองกลุ่มผมเป็นก้อน
พักนี้อ้อนบ่อยจริงๆ
“ทำไมมึงถึงชอบดนตรี ทำไมถึงเรียนด้านนี้”
“เพราะดนตรีคือภาษาที่ใช้ใจในการเข้าใจ เป็นการสื่อสารความรู้สึกที่ไม่ต้องมีคำพูด เป็นเพื่อนที่อยู่กับเราไม่ว่าจะทุกข์หรือมีความสุข มึงว่ามันวิเศษไหมล่ะ”
ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆคนข้างตัวถึงถามเรื่องนี้ แต่ดนตรีที่สลักลึกอยู่ในจิตวิญญาณก็ถูกเอ่ยอธิบายออกมาในทันใด
ประโยคที่คนฟังสัมผัสได้ถึงความรักและความหลงใหลนั้นอย่างชัดเจน
“มึงเริ่มสนใจมันมาตั้งแต่ตอนไหน” แฟนยังคงถามต่อ
“ก็ตั้งแต่จำความได้”
“มึง...ไม่อยากเดินไปไกลกว่าตรงนี้บ้างเหรอ”
เสียงที่ใช้เอ่ยถามเบาลง ด้วยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหาว่าล้ำเส้น อีกทั้งประโยคที่รุ่นพี่คนนั้นพูดยังคงติดอยู่ในหัว
“ต้องเดินไปทำไมในเมื่อตรงนี้กูก็มีความสุขดี ถ้าสิ่งที่กูทำทำให้กูเดินต่อได้อันนั้นกูโอเค แต่ถ้าต้องเดินจากจุดที่อยู่เพื่อทำมันกูก็ไม่เห็นความจำเป็น...มึงถามถึงเรื่องนี้ทำไม”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่ออีกคนมีท่าทีแปลกๆ อาการเซื่องซึมคล้ายกับมีเรื่องอะไรให้คิด คำพูดก็ดูผิดแปลกไปกว่าปกติ
“ก็เปล่า แค่อยากรู้”
“มึงแปลกๆนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
ท่อนแขนแกร่งสอดไปวางรอบเอวเล็กพลางลูบไล้ไปมาให้สัมผัสนี้ย้ำเตือนกับแฟนว่ามีเขาอยู่ตรงนี้
“ถ้าจะมีก็มีเรื่องที่กูเหนื่อย กูล้า กูปวดสะโพก”
แต่คนถูกเป็นห่วงกลับผละออก แล้วหันมาพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ดวงตาและสีหน้าไร้ซึ่งความเครียดใดๆ
“ใครให้มึงยั่ว”
หินยกยิ้มยามเปลี่ยนไปคุยอีกเรื่องตามที่แฟนเอ่ย เก็บประเด็นเมื่อกี้เอาไว้ในใจโดยไม่เซ้าซี้ต่อ
ถ้าไม่อยากให้รู้ก็จะไม่คาดคั้น
“ไม่รู้ล่ะ หน้าที่รับผิดชอบกูต้องเป็นมึง”
“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วไหม”
“ก็ใช่ไง”
หินได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆเมื่อคนขี้ยั่วลอยหน้าลอยหน้าพูด ก่อนจะต้องเลิกคิ้วเมื่อแฟนขยับตัว จัดท่าจัดท่าให้ตัวเองจนเรียบร้อยแล้ววางหมอนลงมาบนตัก จากนั้นก็ทิ้งหัวลงมา เหยียดขาจนเต็มโซฟา
“ง่วง” เจ้าตัวพูดพลางปิดเปลือกตาลง
“เดี๋ยวนี้ขี้อ้อนนัก จะเอาอะไร” ดวงตาคมหรี่ลงมองคนตั้งท่าจะหลับบนตักตัวเองอย่างจับผิด
“แล้วทำไม อ้อนไม่ได้เหรอ” ริมฝีปากบางขยับตอบทั้งที่ยังหลับตา
“ไอ้ได้มันก็ได้ครับคุณ แต่มันไม่น่าไว้ใจ”
“ไม่น่าไว้ใจตรงไหน”
“กลัวว่ากูไม่เสียเงินก็ต้องเสียอะไรสักอย่าง”
เปลือกตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้นพลางหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นแฟนจึงถามต่อ
“เห็นกูเป็นคนยังไงกัน”
“พลังของมนุษย์เมียมันไม่เข้าใครออกใคร”
คำว่ามนุษย์เมียที่หลุดออกจากปากของหินทำให้แฟนหัวเราะดังก้อง ไหนจะสีหน้าและแววตาหวาดระแวงนั้นอีก
“มึงรู้จักกับคำว่ามนุษย์เมียด้วย”
“กูไม่ได้เอ้าท์ขนาดนั้น”
“หึ ไม่มีอะไรหรอกน่า หนี้เก่ากูยังใช้ไม่ครบ ไม่หาหนี้ใหม่ให้ตูดพังหรอก”
เปลือกตาบางปิดลงทันทีที่พูดจบ ก่อนร่างบางจะขยับตัวนอนตะแคงข้าง ซบใบหน้าเข้ากับแผ่นท้องแกร่งจนได้กลิ่นประจำตัวของหินลอยกรุ่นติดจมูก พลันในอกก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง
ความใกล้ชิดนี้ส่งผลต่อใจได้มากกว่าเคย
“ไม่ให้ว่าแปลกได้ยังไง”
หินเอ่ยพึมพำกับตัวเองยามทอดสายตามองคนตรงหน้า ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารินรดผ่านเนื้อผ้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความวาบหวาม แต่กลับก่อให้เกิดความอุ่นในใจ
โดนเด็กอ้อน...ถึงจะแปลกใจแต่ก็ชอบไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าอีกคนนิ่งไปหินจึงดึงสายตากลับมาที่หน้าจอโทรทัศน์ ขณะวางมือหนาลงบนไหล่เล็กแล้วลูบไล้ไปมาเบาๆเป็นการขับกล่อม น้ำหนักบนตักถึงจะทำให้ขาชาแต่ก็ไม่ได้คิดบ่น
ก็ถือว่าเป็นการรับผิดชอบที่สานต่อเรื่องเมื่อคืนก็แล้วกัน
--
แม้ความคิดจะบอกกับตัวเองว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะได้รู้ในทุกเรื่อง แต่ใจลึกๆกลับยังอยากค้นหาคำตอบ จนเมื่อเจ้าของห้องออกไปทำงานสองขาก็เริ่มก้าวสำรวจห้องนี้ไปทั่ว
จริงอยู่ที่ไม่ได้เพิ่งมาห้องของหินเป็นครั้งแรก แต่ที่ผ่านมานอกจากห้องนอน ห้องครัว และส่วนของโทรทัศน์ แฟนก็ไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปในห้องอื่น...โดยเฉพาะห้องทำงาน
ห้องที่เลือกจะเข้าไปเป็นห้องแรก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ความมืดถูกส่องสว่างโดยโหมดไฟฉายในโทรศัพท์ ห้องทำงานของหินมีขนาดพอประมาณ เมื่อเดินโดยรอบเพื่อกดเปิดไฟแล้วจึงสังเกตเห็นว่ามีเครื่องดนตรีอยู่ในนี้หลายชนิด
เหมือนเป็นห้องซ้อมดนตรีขนาดย่อม
ไฟที่ถูกเปิดจนสว่างโล่เผยให้เห็นทุกอย่างเด่นชัด นอกจากบรรดาเครื่องดนตรีแล้วยังมีส่วนของโต๊ะทำงานและชั้นเก็บเอกสารอยู่อีกมุม กลิ่นอายของห้องนี้ดูมีความเป็นหินมากกว่าห้องนอนซะด้วยซ้ำ
ทุกอย่างบนโต๊ะทำงานและบนชั้นถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ มือบางเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างโต๊ะเป็นอันดับแรก
ทุกชั้นที่เปิดได้มีสมุดโน้ตและของกระจุกกระจิกเกี่ยวกับเครื่องดนตรีอยู่มากมายแต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่พิเศษน่าจะอยู่ในลิ้นชักซึ่งถูกล็อกเอาไว้
“หืม”
แฟนร้องออกมาแผ่วเบาเมื่อขณะพยายามจะหากุญแจ ลิ้นชักเล็กๆชั้นล่างสุดที่คิดว่าคงไม่มีอะไรกลับมีกรอบรูปถูกวางคว่ำ บางอย่างในใจร้องเตือนว่ารูปนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง และเมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกดูอีกด้าน ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง
เป็นรูปของหินที่นั่งอยู่หน้างานศพของใครสักคน วันและเวลาตรงมุมของรูปภาพนั้นปรากฏให้ได้รู้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะครบสองปีพอดี
คนตายเป็นผู้หญิงที่สะสวยมากคนหนึ่ง มันจะไม่น่าตกใจหากเธอไม่ใช่นักร้องดังที่ฆ่าตัวตายด้วยการโดดตึก ข่าวถูกประโคมมากมายจนแม้แต่คนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ยังรู้
แฟนมือสั่นเมื่อสีหน้าของหินในรูปเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แม้เป็นเพียงภาพถ่ายแต่ความรู้สึกในดวงตาคมกลับมากมายจนสัมผัสได้
เสื้อผ้าที่มีแต่สีดำในตู้...มาจากสาเหตุนี้งั้นหรือ
ลมหายใจที่ติดขัดถูกสูดเข้าลึกจากนั้นกรอบรูปก็ถูกวางไว้ที่เดิม ทว่าเมื่อค้นจนทุกลิ้นชักกลับไม่พบกุญแจสักดอกแฟนจึงถอดใจ เดินสำรวจรอบๆห้องอีกครั้งแล้วกลับออกมาโดยมีคำถามติดอยู่ในหัวตลอดเวลา
ผู้หญิงคนนั้นกับหินเป็นอะไรกัน
--
‘หินไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลยเหรอ’
‘เป็นแค่นักดนตรี...’
หลังจากออกจากห้องทำงานสองประโยคนี้ก็วนเวียนอยู่ในหัวจนแฟนจมอยู่กับเพียงการพยายามค้นหาคำตอบ แม้เพียงแค่เสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตก็อาจทำให้ได้รู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหินแต่ใจกลับไม่กล้าทำ
เหมือนมันจะมีบางอย่างที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์
ความรู้สึกที่ทำให้แฟนเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าตัวเองแคร์อีกฝ่ายและเรื่องราวระหว่างกันมากแค่ไหน...
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูเรียกให้คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้ง ก่อนสายตาจะมองเห็นร่างสูงที่เพิ่งกลับจากทำงานเดินตรงเข้ามาหา
“มึงยังไม่นอนอีกเหรอ”
ประโยคคำถามไม่ได้ถูกให้ความสนใจได้มากเท่าชุดสีดำทั้งตัว
หินก็ใส่แบบนี้ทุกวัน แต่วันนี้กลับทำให้แฟนรู้สึกว่ามันแปลกกว่าเคย
นั่นสินะ คนอะไรจะใส่ชุดขาวกับดำตลอดทุกวัน
“แฟน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกพลางทรุดตัวนั่งลงข้างๆเมื่ออีกคนดูเหม่อลอย และไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้า
“หืม” แฟนรับคำขณะพยายามดึงสติของตัวเองกลับมา
“เป็นอะไร” หินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของแฟนอีกครั้ง
“เปล่าหนิ ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมมึงยังไม่นอน นี่ตีหนึ่งกว่าแล้ว ต้องตื่นแต่เช้าอีก”
เพราะตอนเช้าต้องแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดเจ้าตัวก่อนออกไปทำงานจึงต้องตื่นเช้ากว่าปกติ
“ก็หลับไปเมื่อเย็นเลยตาสว่าง”
“มึงมีอะไรจะบอกกูรึเปล่า” หินเอ่ยถามเมื่อท่าทีและบางอย่างในแววตาของแฟนซึ่งไม่อาจหลุดรอดพ้นสายตา
คนถูกถามหลบสายตาที่มองสบ ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน นานเกือบนาทีคำพูดจึงค่อยๆหลุดออกมาจากปาก
“ถ้ากูถามอะไรมึงจะบอกกูทุกอย่างไหม” คนฟังขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยิน
“แน่นอน มึงมีเรื่องจะถามกูงั้นเหรอ”
แฟนนิ่งคิด สายตาจับจ้องอยู่บนมือของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าตอบ
“กูยังไม่อยากรู้ตอนนี้” น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแผ่วเบาและไร้ซึ่งความมั่นคง
แม้จะมีคำถามมากมายติดอยู่ที่ปากแต่สุดท้ายหินก็ทำได้เพียงปล่อยผ่านแล้วรั้งคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอด ให้ความอบอุ่นจากสัมผัสนี้ปัดเป่าทุกความไม่สบายของอีกคน
“กูไม่รู้ว่ามึงมีเรื่องอะไรหรือไปรู้อะไรเกี่ยวกับกูมา แต่อยากให้เชื่อมั่นในกู กูที่อยู่ตรงหน้ามึงคือเรื่องจริงทั้งหมด”
ท่าทางแปลกๆตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนกระทั่งคำพูดเมื่อครู่นี้บ่งบอกว่าเรื่องที่อยู่ในความคิดของแฟนคือเรื่องของตัวเอง
หินไม่อยากคาดเดาว่าเรื่องอะไรเพราะไม่อาจหยั่งรู้ได้ หวังเพียงว่าหากเจ้าตัวสบายใจที่จะพูดแล้วคงได้รู้
เขาแคร์อีกฝ่าย ใช่ว่าไม่แคร์ เวลานี้จึงได้แต่ปลอบประโลมคนคิดมากด้วยอ้อมกอดนี้ สัมผัสแผ่นหลังบางไปมาอย่างอ่อนโยน
ขณะที่แฟนทำเพียงแค่ซุกหน้าเข้ากับอกกว้าง สองแขนกอดรัดรอบเอวสอดแน่นราวกับย้ำเตือนกับตัวเองว่าเรื่องที่ยังไม่ได้รู้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
“กูชอบมึงแล้วนะ” หินชะงักไปกับคำที่ได้ยิน ถึงทุกอย่างจะยังคงมึนงง ไม่เข้าใจทั้งสถานการณ์และเหตุผลของคนในอ้อมกอด แต่เมื่อได้ยินหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ ริมฝีปากคล้ายจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“แล้ว?”
“ชอบแล้วเพราะงั้นห้ามทำกูเสียใจ” คนเอาแต่ใจเอ่ยสั่งกลายๆ เรื่องวุ่นวายข้างในถูกสลัดออกไปชั่วครู่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นหินต้องรับผิดชอบ
“จะทำให้ดีที่สุด”
ไม่มีคำว่าสัญญาหลุดออกมา มีเพียงคำว่าจะทำให้ดีที่สุดและอ้อมแขนที่กระชับแน่นขึ้น
วันหนึ่งอาจทำแฟนเสียใจแต่ก็มั่นใจได้เลยว่าถ้ามีวันนั้นมันจะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ
เขา
ไม่มีวันตั้งใจทำให้แฟนเสียใจ นั่นคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด
“แล้วมึงล่ะ?”
“หืม”
“ชอบกูรึยัง”
แฟนผละออกจากอ้อมกอดตรงหน้า ประโยคคำถามควรมีความอ่อนหวานหากแต่เพราะเป็นแฟนมันจึงกลายเป็นกึ่งคาดคั้น ใบหน้าสวยเชิดขึ้นน้อยๆตามนิสัยจนหินหลุดหัวเราะ
คนคิดมากเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้ว
“ถ้ากูตอบว่ายังล่ะ”
“กูไม่เชื่อ” คราวนี้หินหัวเราะออกมาเสียงดัง
“รู้อยู่แล้วงั้นถามทำไม”
“พูดออกมาเดี๋ยวนี้”
แฟนยังคงเอ่ยคาดคั้น ใบหน้าสวยเริ่มทอความหงุดหงิดเมื่อหินบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดออกมาสักที
“บังคับให้พูดก็ได้ด้วย” คิ้วเข้มเลิกขึ้น มุมปากได้รูปยกยิ้ม
“ได้ พูดออกมาว่าชอบกู”
“...” คนกวนแกล้งนิ่งเงียบจนคนตรงหน้าเริ่มหงุดหงิดระดับสูงขึ้น
“บอกให้พู...” ท้ายประโยคถูกกลืนหายไปด้วยริมฝีปากที่ทาบทับลงมา
แฟนอยากเล่นตัวด้วยการหันหน้าหนีแต่ใจก็ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสนี้ได้จึงไม่ทำอย่างนั้นและตอบโต้กลับด้วยการบดเบียดริมฝีปากเข้าหา ใบหน้าปรับเอียงให้ได้องศา ก่อนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวพันวาบหวาม
เกือบสิบนาทีที่ทั้งห้องมีเพียงเสียงดูดดึงของริมฝีปากสองคู่ จนในที่สุดหินก็เป็นฝ่ายผละออก ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดจนไม่ได้พูดเรื่องที่ตั้งใจ
“ชอบ”
สั้น ง่าย...แบบที่เป็นหิน
“แค่นี้?”
แฟนเบะปากแม้ริมปากของอีกคนจะคลอเคลีย แตะแต้มอยู่ไม่ห่าง
“แค่ไหนก็เหมือนกันแหละน่า”
“กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไง อื้อ”
ปากเล็กๆนี้ถูกลงโทษด้วยการกัดเบาๆจนเจ้าตัวส่งเสียงร้อง จากนั้นหินก็แกล้งดูดเต็มแรง
“ดีกว่าลีลาบนเตียงก็ปากนี่แหละ”
สัมผัสใกล้ชิดถูกผละออกห่างจนเป็นแค่การนั่งข้างกันปกติ ขณะที่คนถูกว่าทำปากคว่ำ มือบางยกขึ้นมาทุบอกคนน่าโมโหเต็มแรง
“ใครจะเหมือนมึง ปากไม่เห็นดีเหมือนลีลาบนเตียงเลย”
“หึ ยอมรับแล้วเหรอว่ากูเด็ด”
คนเผลอหลุดปากยอมรับหันหน้าหนีไม่ตอบคำถาม ส่วนหินที่ราวกับกำลังถูกชมก็หัวเราะเล็กน้อย บรรยากาศอึมครึมก่อนหน้าแทบหายวับ
“สรุปว่าเรื่องที่ไม่สบายใจ มึงดีขึ้นแล้วนะ?”
ถึงอย่างนั้นหินก็ยังคงเป็นห่วง คำถามที่เรียกให้ใบหน้าสวยเบือนกลับมาหา ดวงตาคู่สวยจับจ้องคนถามอยู่ชั่วครู่แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
“อืม ไว้เดี๋ยวกูจะถามมึงทีหลัง”
“เอาที่มึงสบายใจ...แต่ตอนนี้ต้องเข้านอนได้แล้ว”
ร่างสูงหยัดกายขึ้นพลางยื่นมือไปให้คนที่นั่งอยู่ และเมื่อแฟนวางมือลงก็ออกแรงรั้งให้ลุกตาม
“ต้องให้ตบตูดนอนเหมือนเด็กไหม”
หินเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเมื่ออีกคนนอนกอดหมอนข้างด้วยท่าทางเหมือนเด็ก ยามที่ตัวเองยืนอยู่ข้างเตียง ไม่ได้นอนลงตามเพราะต้องไปอาบน้ำ
“กูโตแล้ว” แฟนตอบด้วยเสียงสะบัด
“โตแล้วก็นอน กูอาบน้ำออกมาอย่าให้เห็นว่ายังไม่หลับ”
“ไม่หลับแล้วจะทำไม”
“เตรียมลางานด่วนอีกวันได้เลย” ปากเล็กเบ้ใส่ ก่อนแฟนจะพลิกตัวหันไปนอนอีกด้านอย่างไม่สนใจคนที่ยืนอยู่
หินส่ายหัวยามมองภาพนั้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเอง กระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกไปปิดไฟด้านนอก จากนั้นก็กลับเข้ามาในห้องแล้วก้าวขึ้นเตียง
ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้คนที่หลับใหล ทอดมองอีกคนจากด้านข้างอยู่อย่างนั้น พลันมือหนาก็เอื้อมไปลูบหัวแฟนแผ่วเบา
“ไม่ว่าจะยังไงกูก็คือกู”
--
“ปกติงานมึงก็รัดตัวจะแย่ นี่ไปรับเป็นอาจารย์พิเศษอีกจะไม่ตายเหรอวะ”
“ตายแล้วไอ้หินมันเลือกอะไรได้ไหม อาจารย์เขาขอมาซะขนาดนั้น”
เสียงเพื่อนในวงคุยกันไม่ได้ทำให้คนถูกพูดถึงให้ความสนใจได้เท่ากับโทรศัพท์มือถือ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อกดเข้ามาในแอพลิเคชั่นสุดฮิตที่นานๆจะเข้ามาทีอย่างเฟซบุ๊กแล้วพบว่าคนซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าแฟนอัพรูปอะไรบางอย่าง
‘ขาสวยมากครับ’
‘อิจฉาขาจังเลยค่ะะะะ’
‘โคตรขาว โคตรเนียน’
คอมเมนต์ที่โชว์ขึ้นมาหลังจากกดเข้าไปอ่านเรียกอาการหัวร้อนกรุ่นๆได้เป็นอย่างดีจนต้องกดอารมณ์โกรธไปให้คนที่อัพรูปได้รู้ จากนั้นจึงวางโทรศัพท์ลงเมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่านั้น
“ระวังโดนเด็กปีนเกลียว ยิ่งอายุห่างกันไม่กี่ปีแบบนี้นะ”
“หึ ก็ให้ไอ้หินโชว์ประวัติการศึกษาสิ จะได้ไม่มีใครกล้าหือ”
“พวกมึงจะรับสอนแทนกูไหม” หินถอนหายใจพลางทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง
“ไม่/ไม่”
“ให้ตาย กูไม่เก่งเท่ามึง เชิญอาจารย์หินตามสบายเลยครับ”
หินถอนหายใจให้กับคำเยินยอนั้นยามที่ในหัวก็กำลังคิดถึงเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ
“กูจะกลับแล้ว เรื่องสัมภาษณ์วงดนตรีใหม่ จะวันไหนก็บอกกูด้วย”
เอ่ยบอกทุกคนในห้องพร้อมทั้งหยัดกายขึ้นแล้วคว้าเป้ขึ้นมาสะพาย
“เอ่า ทำไมรีบกลับนักวะ จะไปไหน”
“ไปหาเมีย”
คำตอบสั้นๆแต่ได้ใจความนั้นทำให้บรรดาเพื่อนฝูงต่างสบถใส่ด้วยความหมั่นไส้ แต่หินไม่ได้อยู่สนใจต่อ ทำเพียงก้าวเท้าออกจากห้องมาโดยมีเป้าหมายคือห้องของใครบางคน
“ไหนบอกดึกๆถึงจะมาไง”
เจ้าของห้องเอ่ยขึ้นยามเปิดประตูต้อนรับอีกคนที่มาหาเร็วกว่าเวลาที่บอกเอาไว้
เพิ่งจะทุ่มนึงเอง
“มาลงโทษคนชอบโชว์” หินหมุนตัวกลับมาคนด้านหลังเมื่อวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเรียบร้อย
“อะไร?”
แฟนถามอย่างไม่เข้าใจนักส่วนคิ้วก็ขมวดเป็นปม กระทั่งหินก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า พลันเอวบางก็ถูกท่อนแขนแกร่งรั้งเข้าไปหาจนร่างกายแนบชิดกัน
“จะลงแต่ละรูปก็ให้คิดสักนิดว่ามีผัวแล้ว”
ประมวลผลอยู่ชั่วครู่จึงเข้าใจสาเหตุของท่าทีนี้ ก่อนรอยยิ้มยั่วเย้าจะฉายขึ้นบนใบหน้า แขนเรียวเลื่อนขึ้นโอบลำคอแกร่ง
“หึ นี่หึงกูเหรอ”
“หมั่นไส้”
หินไม่ถึงกับหึงหวงมากมายแต่ก็มีความไม่พอใจเล็กๆกับการลงรูปโชว์เรียวขาอะไรแบบนั้น
ของของเขาก็เก็บไว้ให้เขาดูคนเดียวก็พอ
“แค่ชอบก็อย่าหัวร้อนไวนักสิ” แฟนลอยหน้าลอยตาพูด
“กูหัวร้อนได้ไวมากกว่านี้อีก”
ท่าทางหัวเสียนั้นทำให้คนมองหลุดหัวเราะ ไม่ปฏิเสธว่าในใจรู้สึกดีกับการที่หินคล้ายจะหึงหวงนี้ แต่ก็ไม่ได้มากมายจนถึงกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
“สรุปที่มาหาไวเพราะเรื่องนี้”
“ก็ด้วย แต่ขี้เกียจอยู่ต่อเลยกลับ”
“กินอะไรมารึยัง” หินส่ายหัวตอบ “งั้นเดี๋ยวโทรสั่งพิซซ่า กูก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน”
หินคลายอ้อมแขนลงให้อีกฝ่ายขยับออกห่างแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ จากนั้นก็ได้ยินเสียงสั่งอาหารดังยาวเหยียดจึงเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา พร้อมทั้งถือวิสาสะกดเปิดโทรทัศน์เพื่อหาอะไรดู
“อะไร”
แฟนถามขึ้นเมื่อนั่งลงข้างๆแล้วอีกฝ่ายทิ้งหัวลงมานอนบนตัก เหตุการณ์คล้ายเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ตัวเองเป็นคนอ้อนเพียงแต่คราวนี้สลับบริบทกัน
“เหนื่อย” เปลือกตาหนาปิดลงยามเอ่ยตอบ
“งานมึงเยอะเหรอ”
ดวงตาคู่สวยทอดมองใบหน้าคร้ามคมบนตักอย่างเห็นใจเมื่อเห็นร่องรอยของความล้าอย่างที่เจ้าตัวบอก
“อืม”
“ก็ค่อยๆทำไป”
“ถ้ามีกำลังใจสักห้าหกยกก็คงจะดีขึ้น”
หินลืมตาขึ้นยามเอ่ยประโยคแสนทะลึ่ง มุมปากยกยิ้ม ขณะที่คนฟังเหลือบสายตามองบน ความเห็นใจเมื่อครู่ถูกลิบกลับ กลายเป็นอยากยกมือมาข่วนหน้าคนเหนื่อยแทน
“จะจริงจังโดยไม่หื่นสักครั้งได้ไหม”
“นี่แหละจริงจัง สิบรอบนั่นยังไม่ครบเลย”
“ก็บอกแล้วไงว่าให้รอเสาร์อาทิตย์”
“วันนี้สักรอบก่อนไหม”
“ไม่” น้ำเสียงและสีหน้าหนักแน่นนั้นทำให้คนฟังถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางเซ็งๆ
“หมดอารมณ์”
“ก็ไม่ควรมีแต่แรกแล้ว” ขนาดเหนื่อยยังมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ แฟนยอมใจในความหื่นของคนตรงหน้า
เมื่อคำร้องขอไม่มีทางเป็นผลหินจึงเลิกหวังแล้วนั่งดูทีวีไปเรื่อยๆระหว่างรออาหาร กระทั่งโทรศัพท์ของแฟนดังขึ้นจึงถูกใช้ให้ลงไปเอา ก่อนจะกลับขึ้นมาแล้วจัดการเตรียมอาหารและพื้นที่ให้เรียบร้อย
“ดินเนอร์ใต้แสงดาว โรแมนติกดีไหม?”
หินเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มยามดวงตากำลังจับจ้องอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเกือบสองทุ่ม
ชั้นยี่สิบกว่าของคอนโดหรูสูงพอที่จะไม่มียุงมารบกวน ลมเอื่อยๆพัดผ่านหน้าทำให้รู้สึกสบายจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึก มื้อเย็นที่บรรยากาศแตกต่างจากทุกวันพลันส่งผลให้ความรู้สึกแตกต่างไปด้วย
อาจเพราะมีเรื่องเหนื่อยมากมายจึงรู้สึกว่าการทานอาหารแบบนี้มันสบายใจกว่าการทานบนโต๊ะแบบปกติ
“โรแมนตงโรแมนติกอะไร หิว”
แฟนตอบกลับอย่างไม่สนใจแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมากัดโดยไม่รอคนที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ
“นี่มึงไปอดอยากมาจากไหน”
“ตอนกลางวันได้ทานข้าวนิดเดียวเอง”
กลืนพิซซ่าลงท้องแล้วเอ่ยตอบให้คนมองได้แต่ส่ายหัวก่อนจะหยิบไก่ขึ้นมากัดกินพลางมองแฟนที่ตั้งหน้าตั้งหน้าเคี้ยวนู้นเคี้ยวนี่ไม่หยุดด้วยความขบขัน
อีกมุมหนึ่งที่เพิ่งได้เห็นจากคนที่ต้องดูดีอยู่ตลอดเวลาเช่นอีกฝ่าย
ด้วยความหิวนั้นระหว่างทั้งสองจึงไม่มีแม้แต่บทสนทนา กระทั่งสิบนาทีผ่านไปที่อาหารเริ่มทำให้อยู่ท้องจึงเอ่ยปาก
“เสาร์นี้ไปตลาดรถไฟกันไหม กูจะแวะไปหาเพื่อนที่นั่นแล้วก็ว่าจะไปเดินเล่นด้วย” หินบอก
“อืม...ไป” คนชอบซื้อของอยู่แล้วใช้เวลาคิดเพียงไม่กี่วินาที
“เรื่องแบบนี้นี่เร็วนัก”
คนถูกว่าทำเพียงยักไหล่ ไม่พูดอะไรต่อ แต่หันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเช็กนั่นเช็กนี่แล้วยกขึ้นไปจ่อหน้าอีกคน
“อะไร?”
“ยิ้มดิ จะถ่ายไอจีสตอรี”
หินไม่ทำตามที่บอกอีกทั้งยังเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ของแฟนไปไว้ในมือแล้วหยัดกายลุกขึ้นเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างกัน
“มึงจะทำอะไร”
“จะว่าไปแล้วเราก็ยังไม่มีรูปคู่กันเลยสักรูป”
ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างจับผิดเมื่อเห็นความไม่น่าไว้ใจในแววตาของคนข้างตัว ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยท้วงหรือถามอะไรต่อริมฝีปากของหินก็ฉกวูบลงมาทาบทับ สัมผัสนั้นค้างอยู่ราวๆห้าวินาทีค่อยผละออกไป
“นี่มึงอัพไอจีสตอรีกูเหรอ”
เอ่ยขึ้นเมื่อชะโงกไปดูหน้าจอโทรศัพท์ในมือของหินแล้วพบว่าภาพการจูบกันเมื่อครู่กำลังถูกอัพโหลด
“ทำไม อัพไม่ได้?” เมื่อขึ้นว่าเสร็จสิ้นหินก็หันมาเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แค่ถามเฉยๆ”
แม้ภาพจะมีความใกล้ชิดที่เกินพอดีสำหรับคนอื่น แต่คนที่ไม่จำเป็นต้องสนใจใครก็ไม่สะทกสะท้านหากมันจะเผยแพร่สู่สาธารณะ ใบหน้าที่เอียงเป็นมุมพอดี พร้อมด้วยแสงไฟที่สาดกระทบลงมาเป็นเงาทำให้จูบนี้ดูไม่แจ่มชัดจนเกินไปนัก
เมื่อพอใจแล้วหินก็ขยับกลับไปนั่งที่เดิม และเพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นไดเร็กเมสเสจในอินสตาแกรมก็เด้งขึ้นไม่หยุดจากการตอบกลับของเหล่าบรรดาเพื่อนๆ
‘แรดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
‘หยามหน้าเมียน้อยพี่หินอย่างกูมาก’
‘มึงบังคับให้ผัวกูถ่ายใช่ไหม!’
‘อื้อหืม อิจฉา’
‘ใครวะะะะ’
แฟนทำเพียงแค่ปรายตาอ่านแต่ไม่คิดจะตอบกลับใดๆ จากนั้นจึงหันมาสนใจกับของกินตรงหน้าต่อ ขณะที่ต้นเหตุก็นั่งจิบเบียร์ เหม่อมองบรรยากาศไปอย่างสบายอารมณ์พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
TBC.
ไม่มีแรงทอล์คแล้ว ฮืออออ ภาษาอาจแปลกๆ คำผิดของคำทับศพท์อาจมีเยอะ เดี๋ยวมาตรวจอีกรอบนะคะ ขอกำลังด้วยน้าาาา
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ