[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 179216 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrInceZz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น้องพิชญ์
เอาให้พี่เตหลงให้มากๆๆๆๆๆๆเลยลูก
 :m25: :m25:

ออฟไลน์ prawan25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮืออออออออ!!!
เหม็นความรัก!! อะไรจะรักร้อนแรงขนาดนี้ 5555.
แต่เราชอบในความร้อนแรงของน้องกับพี่เตนะ
อยากจะบอกน้องพิชญ์ว่า แม่ภูใจในตัวลูกจริงๆ 5555.

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หลงน้องขนาดนี้ไม่ต้องไปแล้วแหละเมกาอะ :hao3:

ออฟไลน์ memytae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมกาไม่มีน้องพิชญ์ให้กินนะพี่เต

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
17

   
ผมชอบเวลาที่ตื่นมาแล้วเห็นหน้าเขา...
   
ใบหน้าคม กับรอยยิ้มบางที่ส่งมาราวกับรอจังหวะให้ผมรู้สึกตัว ดวงตาสีรัตติกาลเป็นประกายจับจ้องเข้ามาในตา ราวกับจะจดจำทุกขณะ ทุกห้วงลมหายใจ
   
“อรุณสวัสดิ์” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยทักทาย ยิ้มกว้างพลางขยับตัวซุกอกอุ่นให้ผิวเนื้อสัมผัสกัน
   
“หิวยัง” เสียงทุ้มกระซิบถาม กระชับอ้อมแขนกดจูบลงที่ขมับ ผมส่ายหน้าถูจมูกกับแผ่นอกออดอ้อน

“ขออยู่แบบนี้สักพัก”
   
พี่เตหัวเราะเบาๆ ลูบหัวลูบหลังกล่อมให้ผมหลับในอ้อมกอดอีกครั้ง

   




ผมชอบอาหารฝีมือเขา...
   
อาหารเช้าง่ายๆ ที่เขาถามผมก่อนนอนว่าอยากกินอะไร ถ้าทำได้เขาจะทำ ถ้าไม่ได้... ผมจะเห็นเขาเสิร์ชวิธีทำ
   
บอกแล้วว่าพี่เตมีพรสรรค์ในทุกๆ ด้าน ดังนั้นผมเลยไม่ต้องกลัวว่าอาหารที่เขาทำจะไม่ถูกปากเลยสักครั้ง
   
“คืนนี้เล่นกี่โมง” ถามพลางเดินไปตักข้าวต้มกุ้งชามที่สอง
   
“สองทุ่ม” คนอิ่มก่อนวางช้อนนั่งมองผมตักข้าวต้มใส่ปาก เคี้ยวเอื้องก่อนกลืนเชื่องช้าพลางยิ้มขำ
   
“เร็วจัง” รอข้าวหมดปากผมจึงเอ่ย “คิดว่าจะเล่นก่อนเคาท์ดาวน์”
   
วันนี้วง ‘เตเจเจด’ ขึ้นแสดง เป็นความคิดของพี่เจดเขาล่ะที่อยากให้ครั้งแรกเปิดตัวในเทศกาลส่งท้ายปี ถือเป็นฤกษ์งามกับบรรยากาศดีๆ ที่น่าจะทำให้วงอยู่รอดในปีต่อไป
   
ไม่สำเหนียกเลยว่าหลังปีใหม่ก็เปิดเทอม... เวลาซ้อมคงแทบจะหาไม่ได้
   
“บอกเจดไว้ ว่าอยากออกมาเคาท์ดาวน์สองคน” ผมยิ้มกว้าง เพราะตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกัน
   
ตอนได้ยินว่าได้เล่นงานปีใหม่ ยังคิดอยู่เลยว่าคงได้นับถอยหลังกับคนเมานับร้อยในร้านเหล้า... น่ารำคาญ
   
“อยากไปไหน” ผมส่ายหน้า ซดข้าวต้มเข้าปากคำโต
   
“กลับห้องได้ไหม” เทศกาลใหญ่รถเยอะคนแยะ ไปไหนก็คงวุ่นวาย “เป็นห่วงปูน อยู่ตัวเดียวเดี๋ยวตกใจเสียงพลุหัวใจวาย”
   
ผมเคยเห็นหมาเพื่อนตกใจเสียงพลุ ทั้งร้องทั้งลนลาน น่าสงสารจะตาย
   
“ซื้ออะไรมากิน ดูหนัง เที่ยงคืนค่อยออกไปดูพลุที่ระเบียง”

แทบไม่ต่างจากชีวิตประจำวัน... แพลนปีใหม่ของคนสันหลังยาว
   
เขายิ้ม ไม่คัดค้าน เอื้อมมือมาเช็ดริมฝีปากที่เลอะให้แล้วนั่งมองผมกินข้าวต่อด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย

พี่เตชอบทำแบบนี้ แทนที่จะถามผมว่ากับข้าววันนี้เป็นยังไง เขาจะนั่งมอง... จับจ้องทุกปฏิกิริยาของผมด้วยสายตาเอ็นดู ไม่ได้ทำให้กดดัน แต่กลับทำให้ผมอยากนั่งกินข้าวตรงหน้าเขาในทุกๆ มื้อ ทุกๆ วัน
   
พอคิดแบบนั้นผมก็รู้สึกอยากกอดเขา เลยลุกขึ้นเดินอ้อมไปหาคนตัวโตกว่าที่เลิกคิ้วประหลาดใจ ทิ้งตัวนั่งคร่มลงบนยกมือโอบรอบคอเขาไว้ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อผมกดจูบที่ลำคอแกร่ง ไล่ลงมาถึงไหล่กว้าง

"ข้าวต้มอร่อยมาก"

"..."
   
“ขอบคุณนะครับ” สัมผัสถึงหัวใจของอีกคนที่เต้นแรงขึ้นมา เขาโอบหลังผม กระชับอ้อมแขนแน่น ซุกจมูกกับขมับกดจูบซ้ำๆ แล้วผ่อนลมหายใจ
   
...ไม่มีคำพูดใด นานนับชั่วโมง

   




ผมชอบใบหน้าที่ดูตั้งใจของเขา...
   
ไม่ว่าจะทำอะไร พี่เตมักจะจดจ่อจนคนมองอย่างผมสัมผัสได้ หลายครั้งที่ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่พรสรรค์ที่ทำให้เขาล้ำหน้าใครๆ แต่เป็นเพราะเขาทำมันอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน...
   
เพราะแบบนั้นเขายิ่งน่าหลงใหล
   
ผมเดินฝ่าผู้คนไปนั่งบนโต๊ะที่พี่เจดจองไว้ให้ ตำแหน่งหน้าสุดเยื้องเวทีที่ตอนนี้สมาชิกทั้งสามกำลังเตรียมเครื่องดนตรีสำหรับเล่นเปิดงาน
   
สมกับที่พี่เจดไปแสวงหามา เจไดฝีมือไม่ธรรมดา ซ้อมครั้งสองครั้งก็ตามจังหวะพี่เตได้อยู่หมัด แถมยังเข้าขากับพี่เจดราวกับเล่นด้วยกันมานาน ไอ้พี่เคราปลื้มยกใหญ่ อวยเจไดจนแทบจะลอยได้ จากที่เจ้าตัวดูจะนิ่งๆ หยิ่งๆ ก็เลยกลายเป็นขำกับความเกินหน้าเกินตาของไอ้พี่เครา
   
“สวัสดีครับ” เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อเสียงแหบทุ้มเอ่ยทักทาย พี่ใหญ่สุดยืนอยู่หน้าไมค์ด้วยตำแหน่งมือกีตาร์ควบนักร้องนำ “พวกเราเตเจเจด”
   
แน่นอนว่ามีคนขำ... ผมเป็นหนึ่งในนั้น
   
พี่เจดหัวเราะอายๆ เคาะไมค์แก้เก้อแล้วเอ่ยสั้นๆ “เริ่มเลยเนอะ”
   
หลังจากนั้นคือความมัน โดยไม่ต้องมีการเกริ่นนำใดๆ เริ่มแรกก็ใช้เพลงจังหวะเร้าใจ เรียกให้สมาชิกวงเหล้าที่กำลังคุยกันอย่างออกรสหันมาสนใจ โยกหัวกระดิกเท้าตามจังหวะที่ปูให้ ก่อนเข้าสู่จังหวะกระแทกกระทั้น ร้อนแรงจนเสียงโห่เชียร์ดังลั่น คนมากมายลุกขึ้นขยับร่างเกาะกลุ่มกระโดดกันหน้าเวที 

หลังจากนั้นราวกับเครื่องติดเต็มที่ ดีกรีแอลกอฮอล์ยิ่งขับให้เวทีร้อนเร่า

แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่ดึงดูสายตาของผมคือเจ้าของแขนกำยำที่กำลังสะบัด... จากมุมนี้เห็นเขาชัดราวจัดวางไว้ ใบหน้าคมเคร่งขรึมจดจ่อกับเครื่องดนตรีตรงหน้ายิ่งดูเซ็กซี่กว่าปกติ ดวงตาสีรัตติกาลหันมาสบตาผมเป็นระยะ รอยยิ้มร้ายที่ผุดพรายในบางจังหวะน่าหลงใหล ร่างกายกำยำชุ่มเหงื่อยิ่งดูเซ็กซี่แทบหยุดหายใจ...

คล้ายจงใจโปรยเสน่ห์ให้ผมตกหลุมรักซ้ำๆ

“มาคนเดียวเหรอครับ” เผลอขมวดคิ้วหงุดหงิดที่มีคนขัดจังหวะสายตา ผมหันกลับมามองใครอีกคนที่ถือวิสาสะนั่งข้างๆ พร้อมยื่นแก้วมาตรงหน้า “ขอชนแก้วหน่อยได้ไหม”

ผมยื่นแก้วตัวเองไปชนตามมารยาทก่อนเบนสายตากลับไปจดจ้องเวทีอีกครั้ง มองคนหลังกลอง... ที่ตอนนี้มองมาไม่วางตาเช่นกัน

ดวงตาสีรัตตากาที่จับจ้องนิ่งนาน ไม่อาจอ่านได้ว่ากำลังคิดอะไร

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย กระดกแอลกอฮอล์ในแก้วมองปฏิกิริยาของเขาอย่างสนใจ... ที่ผ่านมาผมไม่เคยปฏิเสธคนที่เข้าหา แต่ไม่เคยตอบรับใคร ทุกครั้งจบลงที่บทสนทนาจบในตัวเอง และคนเหล่านั้นจะเดินหนีโดยไม่ต้องออกแรงไล่...

แต่คราวนี้เหมือนจะต่างออกไป...

มันกลายเป็นคำถาม... ว่าเขาจะทำยังไง

“ขอบคุณครับ!” ความสงสัยอยู่ได้ไม่นาน เมื่อในที่สุดการแสดงเปิดงานก็จบลง

และชั่วขณะที่เสียงโห่ร้องดังลั่น... ชั่วขณะที่พี่เจดหัวเราะร่า แกล้งยีหัวเจไดที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาลุกขึ้นจากหน้าที่และเดินตรงมา...

ชั่วขณะที่ผมกำลังคิดว่าเขาจะจัดการผู้ชายแปลกหน้าที่เข้ามาเกะกะยังไง เขาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ยกยิ้มร้าย... ก่อนฉกฉวยริมฝีปากลงมาโดยไม่เอ่ยอะไร

ไม่มีคำต่อว่า แต่ราวมีไฟระอุอยู่ในริมฝีปากที่บดเบียดลงมา... จูบร้อนแรงพรากลมหายใจจนเหนื่อยหอบเมื่อเขาผละออกให้ตักตวงอากาศ

การประกาศความเป็นเจ้าของอย่างอุกอาจทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่อาจนั่งอยู่ผิดที่ผิดทางอีกต่อไป

"คุณพิชญ์"

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมจบง่ายๆ

“ท้าหรือจริง”

เพียงแต่... มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายถูกเล่นงาน







ผมชอบเวลาเขาหึง...

ไม่ใช่เพราะรสจูบที่รุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว... ไม่ใช่เพราะระดับความมัวเมาที่ทบทวีในสัมผัส ไม่ใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมร้ายที่ผมตามไม่ทัน

แต่เพราะมันช่วยยืนยันว่าเขาให้ความสำคัญ

...ถึงบทลงโทษของเขาจะทำผมทรมานแทบขาดใจ

“พะ... พี่เต...” น้ำเสียงขาดห้วงเว้าวอนพร้อมลมหายใจกระชั้น น้ำตาหลั่งรื้นขึ้นมาบนดวงตาทั้งสองข้าง ร่างกายบิดเร่าด้วยความทรมาน

“หืม?” แกล้งขานรับทั้งที่รู้ว่าผมต้องการอะไร ริมฝีปากร้อนง่วนกับการขบเม้มซอกคอ ตีรอยสีกุหลาบแสดงความเป็นเจ้าของทั่วผิวกายที่คล้ายจะลุกไหม้ มือข้างหนึ่งโอบอุ้มประคองแผ่นหลังผมไว้ ขณะที่อีกข้างปัดป่ายส่วนอ่อนไหวที่ไวสัมผัสด้วยห่วงสีเงิน

กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดเปิดเปลือยเพียงให้เห็นแผ่นอกที่กระเพื่อมหนักตามจังหวะหายใจ แต่ส่วนล่างกลับไม่เหลือปราการใดไว้ปกปิดส่วนกลางร่างกายที่กำลังชูชัน... และช่องทางที่โอบรัดตัวตนของอีกคนไว้

ส่วนร้อนขยายคับอยู่ในร่าง... แทรกเข้ามาจนสุด แต่คั่งค้างอยู่อย่างนั้น... ไม่ยอมขยับ

“ฮะ... ฮื่อ...!” ความอึดอัดเรียกร้องให้แขนที่โอบรอบคอและขาที่เกาะก่ายเอวหนากระชับ เผลอขยับสะโพกเบียดบดเข้าหาอย่างน่าอาย

“หึ” คนใจร้ายหัวเราะในลำคอ ริมฝีปากร้อนไล่ซับหยาดเหงื่อเจือน้ำตาบนใบหน้า ก่อนเลื่อนขึ้นมาขบใบหู กระซิบเสียงแผ่วพร่า “ทนไม่ไหวแล้วเหรอครับ”

ผมได้แต่พยักหน้ายอมรับ... พ่ายแพ้หมดท่ากับบททดสอบราคะตามคำท้า

“พี่เต... ขยับ... อะ!” คำออดอ้อนเปลี่ยนเป็นเสียงร้องคราง เมื่อคนตัวโตกว่ากระชับชิด แผ่นหลังอาบเหงื่อปะทะผนังอีกด้านของห้องน้ำคับแคบดังลั่น แต่ก็ถูกเสียงดนตรีจากข้างล่างดังกลบ และห้องน้ำรกร้างก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครสักคนจะย่างกรายเข้ามาง่ายๆ

มีเพียงคนใน ที่รู้ว่ามันซ่อนตัวอยู่ตรงมุมอับ... ซ่อนตัวลึกลับแยกจากทุกความสนใจ
 
“พี่เต...” ร้องเรียกด้วยความกระสันที่แล่นปลาบทั่วร่าง ดิ้นรนคลายทรมานด้วยการขบฟันลงบนผิวเนื้อใต้เสื้อที่อาบเหงื่อไม่แพ้กัน

ฝากรอยกัดไว้บนลำคอ ขบกัดลากเรื่อยอย่างไม่อาจอดกลั้น

"ชู่ว..." แต่แทนที่จะทำตามคำร้องขอ ตัวตนที่แทรกลึกยิ่งกว่ากลับถูกถอนออกไป "ยังไม่ใช่ตอนนี้"

"อื้อ...!" ความว่างโหวงชวนผวา บิดร่างพลางหลุดเสียงร้องลั่นน่าอาย "พะ...พี่เต..."

เสียงกระเส่าไม่อาจออดอ้อนให้ได้ดั่งใจ คนใจร้ายจบบทรักที่ยังไม่เริ่ม... ปล่อยไฟราคะที่ยังไม่ถูกดับให้โหมกระหน่ำอยู่ในร่าง

“กลับเถอะ” อยากประท้วงห้าม แต่ไม่อาจเปล่งเสียงด้วยความรู้สึกที่ยังคั่งค้าง “เดี๋ยวเคาท์ดาวน์ไม่ทัน”   

เขาแกล้งยิ้มยั่วเย้า กดจูบหนักที่ขมับ ก่อนปล่อยร่างปวกเปียกของผมลงกับพื้น ประคองเอวไว้ด้วยรู้ว่ายืนไม่ไหว มือสองข้างของผมยังคงโอบรอบคอเขาไว้ กระชับแน่นพลางฝังเขี้ยวลงบนเนื้อแน่นตึงด้วยความหมั่นไส้

ร้ายชะมัด!

“จำไว้นะเตวิชญ์” ขบกัดจนพอใจจึงยอมผละจาก เข่นเขี้ยวสบดวงตาสีรัตติกาลอย่างคาดโทษที่กลั่นแกล้งกัน หยิบกางเกงขึ้นมาสวมทับส่วนที่ยังอึดอัด ไฟปรารถนาที่ยังคงปลั่งทำให้งุ่นง่าน ก่อนชะงักเมื่อเห็นว่าภายใต้กางเกงยีนของอีกคนก็ยังโป่งชัดไม่แพ้กัน

ผมยกยิ้มบ้าง สบดวงตาสีรัตติกาลด้วยสายตาท้าทาย

เกมทดสอบราคะเริ่มขึ้นอีกครั้ง...






ผมชอบสัมผัสของเขา...

สัมผัสอ่อนหวานทว่าร้อนเร่า...

สุขสมเคล้าทรมาน... เติมเต็มพร้อมบดขยี้จนแหลกลาญในคราเดียวกัน

รสสัมผัสอ่อนโยนปลุกเร้า แทรกกระสันหวานล้ำทั่วร่าง... ผุดซึมหยาดเหงื่อให้ไหลอาบ ชุ่มเหนอะส่งเสียงเฉอะแฉะในทุกจังหวะ... เคล้าเสียงสะโพกกระทบกระทั้น... เสียงครางหวานดังลั่นเจือเสียงหอบหนัก

สองร่างเกี่ยวกระหวัดเนิ่นนาน... ละเลียดชิมรสสัมผัสของกันและกันอย่างตะกละตะกลาม

ความอดกลั้นตลอดระยะทางทำให้ความปรารถนาทบทวีเกินต้าน... ปลุกราคะให้โหมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า... หยาดน้ำขาวข้นอาบล้นถั่งถม...ไม่ทันได้แห้งกรัง ท่วงทำนองรักหลากท่าถูกนำมาใช้ระบายความกระสัน

...สัมผัสรสรักหยาบโลนกระทั่งอ่อนโยน

จากเร่งร้อนลดดีกรีเป็นโอนอ่อน... ก่อนปลอบประโลมระคนออดอ้อน

จากกระแทกกระทั้นด้วยแรงอารมณ์ เปลี่ยนเป็นเล้าโลมเนิ่นนาน ขับเน้นความหวานราวเคี่ยวน้ำตาล... เจือจางจนข้นคลั่ก... ก่อนทะลักล้นเมื่อถึงฝั่งฝัน

ปลดปล่อยหยาดราคะเปรอะเปื้อนอีกครั้ง

“พี่เต...” ร่างกายกระตุกสั่นในอ้อมกอดอุ่น สะท้านไม่อาจควบคุมขณะซุกซบอกกว้าง ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังปลอบประโลม

จูบซับทั่วใบหน้า พลางพร่ำเรียกชื่อผมย้ำๆ

...กล่อมจนหลับด้วยคำบอกรักซ้ำไปซ้ำมา







ผมชอบเสียงของเขา...

“พิชญ์”

เสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหล คล้ายดังจากที่ไกลๆ ...แผ่วเบาอยู่ในหู เรียกให้ขานรับคล้ายละเมอ

“สวัสดีปีใหม่” หลุดหัวเราะ ฝังหน้ากับหมอน งัวเงียสักพักก่อนลืมตา สบกับดวงตาสีรัตติกาลพร้อมรอยยิ้มจางที่มุมปาก ก่อนร่างสูงจะโน้มตัวลงมากดจูบที่ขมับที่ยังชื้นเหงื่อแผ่วเบา

“เที่ยงคืนแล้วเหรอ” เอ่ยถามเมื่อมองผ่านร่างของอีกคนออกไปเห็นประกายสีสว่างวาบกระจายทั่วฟ้าก่อนดับไป

บ่งบอกว่าผมไม่ทันอยู่นับถอยหลัง

“อืม” ครางรับทั้งทั้ริมฝีปากยังไม่ผละจาก ไล้จูบทั่วใบหน้าคล้ายปลอบประโลมเอาใจ

รสสัมผัสที่ยังคั่งค้างทั่วร่างเล่นเอาหลุดเสียงครางเมื่อขยับ ลุกขึ้นนั่งปรับสภาพด้วยความยุ่งเหยิงราวยังไม่สร่าง แปลกใจที่เห็นร่างที่เคยเปลือยเปล่าถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าใหญ่กว่าขนาดตัว ความเหนอะหนะและคราบที่เปรอะร่างถูกทำความสะอาดระหว่างหลับใหลไม่รู้ตัว

คลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมพลางขยับเข้าหาร่างสูงโอบแขนรอบลำคอแกร่ง ซุกไซ้จนคนตัวโตกว่าหลุดขำ กดจูบขมับลูบหัวลูบหลังเอาใจ

“เปียกปูนอ่ะ” นึกขึ้นได้ถึงเจ้าสัตว์สี่ขาที่ไม่น่าจะอินเทศกาลเท่าไหร่

“อยู่ใต้เตียง... ไม่เป็นไรหรอก ห้องเก็บเสียง” พยักหน้ารับก่อนผละจากอ้อมกอด เปลี่ยนเป็นสบตาสีรัตติกาลอย่างออดอ้อน

“อยากออกไปดูพลุ” อ้าแขนบอกเป็นนัยว่าลุกไม่ไหว ฝ่ามือใหญ่จึงขยี้ลงมาบนผมอย่างหมั่นไส้ ก่อนตามใจด้วยการสอดแขนยกร่างผมกระเตงราวอุ้มเด็ก

ท่าทางน่าตลกทำผมหลุดหัวเราะ แกล้งเกาะไหล่ร่างสูงไว้แน่น กระทั่งเขาพาออกมาที่สวนกว้าง จึงปล่อยให้ยืนพิงระเบียง เปลี่ยนเป็นรัดอ้อมแขนโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมเป็นเกราะกำบังลมหนาว

"สวยจัง" รู้ตัวว่าดวงตาคงเป็นกระกาย ฉายแววตื่นเต้นคล้ายเด็กๆ เมื่อเห็นพลุมากมายกระจายชัดอยู่ตรงหน้า

เป็นครั้งแรกที่ได้ยืนดูพลุบนตึกสูงไร้สิ่งบดบังสายตา คล้ายได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีปะปนในเสียงดอกไม้ไฟ แสงสีต่างๆ สว่างวาบก่อนมอดดับกลางท้องฟ้า เล่นล้อกับแสงของดวงจันทร์ที่เปล่งประกาย

“สวัสดีปีใหม่” เอ่ยคำตามเทศกาลพลางหันไปสบตาเจ้าของสีรัตติกาลที่จับจ้องมาก่อนหน้า ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มรับก่อนจะกดจูบลงมาบนริมฝีปาก เพียงแผ่วเบาก่อนผละออกไป ปล่อยให้ผมเพลินกับสีสันของดอกไม้ไฟที่ปะทุไม่ขาดสาย

...กระทั่งท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยพลุชุดสุดท้าย

“พิชญ์...” ผมได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบา...

“พี่รักพิชญ์” เสียงกระซิบที่ไม่อาจกลบด้วยการปะทุใดๆ ฝังลึกลงมาในหู แผ่ความอบอุ่นไปทั้งใจ...



อุ่นซ่านจนไม่อาจสัมผัสถึงน้ำเสียงสั่นไหว...

อุ่นเกินกว่าจะรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำที่หยดลงมาบนไหล่...

อบอุ่นจนไม่ทันไหวตัวว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง... มันจะอันตรธานหายไป...

จำได้ไหมที่ผมเคยบอกไว้...

ความสุขจนสำลัก คือสัญญาณของครั้งสุดท้าย

เซ็กซ์ที่อ่อนหวาน... รสจูบและสัมผัสอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ... คำบอกรักซ้ำๆ ราวกับจะฝังตรึงไว้ในใจ...

ถ้ารู้... ผมคงระแคะระคาย... ว่ามันเอ่อล้นเกินไป

ถ้ารู้ก่อนอาจสังเกตได้ถึงสัญญาณ...

คงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นไหว...

คงสัมผัสได้ถึงความกลัวที่กัดกินในใจ...

ความลับที่เขาปกปิดไว้... อาจเป็นอดีต... อนาคต ผมไม่แน่ใจ

ถ้ารู้สึกนิด ผมจะเอ่ยทุกอย่างที่อยู่ในใจ...

ผมชอบที่ได้ตื่นมาเจอหน้าเขา... ชอบอาหารฝีมือเขา... ชอบใบหน้าที่ดูตั้งใจของเขา... ชอบเวลาที่เขาหึง... ชอบสัมผัสของเขา... เสียงของเขา...

ผมชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขา...

จะบอกให้เขารู้ว่าตัวเองมีค่ากับผมแค่ไหน... บอกให้รู้... เผื่อว่าจะรั้งเขาไว้ได้

บอกให้รู้... เผื่อว่าสุดท้ายประวัติศาสตร์อาจจะไม่ซ้ำรอย...





เช้านั้นผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเห่าของเจ้าตัวเล็กที่วิ่งวุ่นกระวนกระวาย...

"พี่เต..." ที่นอนอีกฝั่งว่างเปล่าเหลือเพียงความยับย่นเย็นชืดของผ้าปูที่นอน คงคิดว่าเขาออกไปเตรียมอาหารเช้าให้เหมือนเคยถ้าหากโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ไม่โชว์มิสคอลจากพี่เจดเป็นสิบๆ สาย

คงไม่คิดอะไรถ้าหากไม่เห็นว่าบนโต๊ะข้างเตียงมีรูปถ่ายโพราลอยด์ที่โชว์ใบหน้าผมที่กำลังยิ้มร่าขณะวาดลวดลายบนร่างเขาถูกบรรจงวางไว้

คงไม่คิดอะไรถ้าข้างกันนั้น ไม่มีโพสต์อิทเขียนตัวหนังสือหวัดๆ ที่ผมไม่เข้าใจความหมาย

ครืดด...

และก่อนที่สมองจะประมวลผลอะไรได้โทรศัพท์ของผมก็สั่นอีกครั้ง... คราวนี้หยิบมากดรับทั้งที่สายตายังจับจ้องโพสต์อิทในมืออยู่อย่างนั้น 

...มันเป็นครั้งแรกที่เขาทิ้งข้อความเอาไว้

[ พิชญ์! อยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ]

“ป๊า...” ผมเรียก ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร

...ไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรง และเหมือนว่าเรี่ยวแรงมันจะหายไป

[ พิชญ์ ตอนนี้มึงยังอยู่บ้านไอ้เตใช่ไหม เดี๋ยวกูไปหา... ]

“ป๊า... เขาอยู่ไหน” ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำเสียงถึงสั่นพร่า คล้ายจะหายใจไม่ออก

[ พิชญ์... ]

“ป๊า... พี่เตอยู่ไหน” ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ น้ำตาถึงได้ไหลทั้งที่สมองยังเรียบเรียงอะไรไม่ได้

[ พิชญ์ มึงทำใจดีๆ ก่อนนะ ]

"..."

[ ไอ้เตรถคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ]

“...” แต่วินาทีนั้น ผมกลับเข้าใจ... เข้าใจแจ่มชัดว่าข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้ หมายความว่ายังไง


‘ขอโทษ... ขอบคุณที่กลับมา’


ข้อความสั้นๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขาหายไป...

ตอนนั้นผมกล่าวโทษตัวเอง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันพลาดตรงไหน... ไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดไป
   
แต่คราวนี้ผมรู้แล้ว... จุดเล็กๆ ที่เป็นสาเหตุเดียวกัน... 

เป็นเหตุของทุกอย่าง... จุดเริ่มต้นของทุกเรื่องราว

จุดเล็กๆ ที่ใกล้ตัวจนเผลอมองข้าม...
   
มอเตอร์ไซค์...





------------------------------------------------------------
เตรียมรับแรงกระแทก...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 19:04:57 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
พี่เตตต  :ling1:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
มาม่าโชยยยย

ทำไมอ่ะ พี่เต จะทิ้งกันไปอีกแล้วหรอ 

ปล ดีใจมากมาอัพ เพิ่งอ่านวนไป2รอบ
ขอบคุณค่าาาาาา :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โหดร้ายยยยย หลอกเราด้วยความหวาน ความอ่อนโยนสุดๆ ทำร้ายเราด้วยวิธีการที่โหดร้ายมากกกกกก ไม่ทันตั้งตัวเลยอ่าาาา ถ้าเป็นแบบนี้ คุณพ่อพี่เตที่อเมริกาล่ะ??  :m15: กระแทกเรากับน้องได้รุนแรงมากกกกก ใจร้ายยยยยยย :m15:

ออฟไลน์ Mamars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยยย ใจช้านนนนน ร้องไห้งอแง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 17 P.8 [08.01.2018]
« ตอบ #219 เมื่อ: 08-01-2018 21:07:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่เต ฮือออออออออออ อย่าทิ้งพิชญ์ไป :ling1: :hao5:

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปูทางหวานๆมา5ตอน แล้วคุณมาหักหลังเราอย่างนี้ได้ยังไง ฮืออออ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่เราเสียใจมาก พี่เตตั้งใจหรอ หรือยังไง เหมือนพี่เตตั้งใจให้รถคว่ำเลยอ่ะ แล้ว2ปีก่อนล่ะ เหมือนปมจะไม่ซับซ้อนแต่ก็เหมือนจะซับซ้อน สงสารสุดคือน้องพิชญ์ ตื่นมาก็เจอกับเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อคืนมีความสุขอยู่แท้ๆ อยากกอดปลอบ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่เตนั่นแหล่ะ กลับมาาาาาาาาาาา  :ling3:

ออฟไลน์ Namshine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
พี่เตตตตตตตตตตตต :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่เตอย่าเป็นอะไรนะ... พี่เตตตต ฮืออออ

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อีพี่เตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต๊ !!!!!!
ทำไมมาหลอกให้เราตายใจแบบนี้
หวานมากี่ตอน เจอตอนนี้ไปใจปวดมาก T^T

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่เตตตตตตตตตต ฮือออออ

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
คืออะไรอ่ะ งง อ่ะ ล้มอีกแล้วเพราะอะไร ไม่ใช่ตั้งใจใช่ไหม
รอรับแรงกระแทกอย่างหวาดๆ

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อะไรอ่า เพิ่งได้มีความสุขเอง

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไม่นะพี่เตตตตตตต :ling3: :ling3: :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 17 P.8 [08.01.2018]
« ตอบ #229 เมื่อ: 09-01-2018 22:32:31 »





ออฟไลน์ mayongc.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พึ่งได้ตามมาอ่่านรวดเดียวแบบวางไม่ลง อ่่านจบแล้วก็ได้แต่ร้องไห้ว่าจบตอนค้างสุดๆเลยยย ฮือออออ คนเขียนลวงเราด้วยฉากหวาน ปล่อยฉากนั้นมาห้าตอนรวด จนพี่เตเจอเหตุจนได้ ฮืออออ พี่เตนั่นแหละกลับมาเร็ว พี่ต้องไปเมกาก่อนนะ แงงง

เราชอบโทนเรื่องนี้มากเลยค่ะ กลิ่นควันบุหรี่ที่เต็มไปด้วยความเย็นชาลวงและความแสบของน้อง ช่วงแรกจนถึงช่วงก่อนเปิดใจกันนี่บิดใจเราจนหยุดอ่านไม่ได้ ทั้งรักความยะเยือกและเกลียดความเย็นชาของพี่เตไปพร้อมๆกัน รักความแสบที่ไม่ยอมหยุดว่ายน้ำของน้องพิชญ์ ชอบเวลาคนพี่เรียกแทนคนน้องว่าคุณพิชญ์และแทนตัวเองด้วยคำว่าพี่ ชอบไปหมดเลย ชอบภาษาของคุณคนเขียนอ่านแล้วรู้สึกถึงความคิดตัวตนของตัวละคร ความอึดอัดต่างๆนานามาเต็มเลยค่ะ
มารอติดตามพี่เตตอนต่อไป อย่าพึ่งทิ้งน้องงงง :hao5:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
18

[เตวิชญ์]



ผมเป็นฆาตกร...

มันเป็นความลับที่ผมเก็บงำเอาไว้... เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ว่าผมมีความรู้สึกนี้อยู่ในใจ

ซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้เกราะความเฉยชาไร้หัวใจ

“ทะเลาะกันอีกแล้ว?” ผมไม่ได้เอ่ยอะไร เดินเข้าไปหา ‘ตรีภพ’ พี่ชายแท้ๆ ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างช็อปเปอร์คู่ใจ เคาะบุหรี่ออกมาจุดสูบบ้าง สายตาทอดมองไร้จุดหมาย

ภพมองท่าทางเซ็งๆ ของผม หัวเราะ แล้วเอื้อมมือมาตบไหล่

“เอาน่า แม่ก็แบบนี้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”

พี่ชายผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี...

“หล่อนเกลียดฉัน” ไม่ได้อยากจะเถียง แต่เห็นชัดว่าคำพูดของภพมันเชื่อไม่ได้

หลายครั้งหลายคราที่ผมเห็นว่าสายตาของ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ที่มองผม เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน ดังนั้นมันไม่ใช่แค่การทะเลาะ ไม่ใช่แค่เพราะอารมณ์แปรปรวนของผู้ใหญ่

แต่ผมถูกแม่ตัวเองเกลียดเข้าไส้...

ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ผมไม่เข้าใจ... เพราะผมเหมือน ‘ผู้ชายคนนั้น’ เกินไป...

ผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ ที่ทำให้แม่ต้องระหกระเหินหนีมาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ... ผู้ชายที่เป็นผู้ให้กำเนิดพวกเรา

อย่าถามว่าเหมือนกันตรงไหน เพราะผมจำไม่ได้แม้กระทั่งหน้าตา ไม่รู้หรอกว่ากิตติศัพท์ที่ได้ยินจากปากแม่ที่สาดซัดความผิดบาปให้ผมทุกวันนั่นจริงไหม

แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเราเหมือนกัน... แสดงว่าเขาไม่ใช่คนดี

“คิดมากน่า” ภพถองศอกใส่ผม หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ

บางทีพี่ชายผมก็มองโลกในแง่ดีเกินไป...

“พาไปคลายเครียดเอาไหม” ผมมองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของภพ ก่อนจะยกยิ้มตาม พี่ชายไม่รอให้ผมตอบคำถาม ดับบุหรี่แล้วควักกุญแจมอเตอร์ไซค์โยนมาให้ผม แล้วออกคำสั่ง “นายขับ”

เรามักจะทำแบบนี้ ในวันที่อากาศดีๆ หรือมีเรื่องกลุ้มใจ ในเมืองเล็กๆ ที่แทบไม่มีสิ่งจรรโลงใจ ภพยกให้มอเตอร์ไซค์เป็นเพื่อนสนิทอันดับหนึ่งท่ามกลางเพื่อนมากมาย แค่มีมันเขาสามารถลืมได้ทั้งหมด...ความไม่สบายใจ ความทุกข์ ความหลัง...

ภพแก่กว่าผมแปดปี... เขารู้ดีทุกอย่าง ในวันที่ผมยังไม่ประสีประสา เขาได้เห็นความรัก การแตกหัก... พลัดพราก

เขาเคยเล่าให้ฟังถึงวันที่ครอบครัวของเรามีความสุข จนกระทั่งได้รู้ว่าความสุขนั้นไม่ควรเป็นของเรา...

ผมเคยสงสัยว่าภพรู้สึกยังไงในวันที่รู้ว่าเราเป็นเพียงส่วนเกินที่ถูกซุกซ่อน... รู้สึกยังไงในวันที่ต้องสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ ไป

เคยสงสัย... กระทั่งได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง
   
มีคนเคยพูดไว้ว่าการเอาเนื้อไปหุ้มเหล็กมีแต่อันตราย แต่สำหรับเรามันคือความท้าทาย... การบิดคันเร่งให้รถทะยานไปปะทะสายลมกระชากความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวมันทำให้เราสบายใจ ความเสี่ยงเล็กๆ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตยังมีความหมาย...

กว่าจะรู้ตัวว่าทะนงตัวเกินไป โชคชะตาก็ลงโทษผมด้วยความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้

ปี๊นนน
   
แขนทั้งสองข้างของผมแข็งทื่อตอนที่เห็นรถกระบะคันหนึ่งเสียหลักหลุดโค้งพุ่งเข้ามา... ภพไวกว่า เพียงชั่ววินาทีก่อนการปะทะ เขาใช้แรงทั้งหมดกระชากผมออกจากมอเตอร์ไซค์... เพียงชั่วขณะที่ร่างของผมไถลลงกับเนินดินข้างทาง รถสองคันที่ต่างเสียหลักประสานงากันเสียงดัง
   
ภพบาดเจ็บสาหัสก่อนจะจากไป ในขณะที่ผมรอดตายราวปาฏิหาริย์... ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น
   
มีแต่ผมที่รู้ว่ามันไม่มีปาฏิหาริย์... ภพช่วยชีวิตผมไว้
   
ช่างไร้เหตุผลที่คนดีๆ อย่างเขายอมแลกชีวิตกับคนไร้ค่าอย่างผม คนดีๆ อย่างเขา... ที่แม้แต่วินาทีที่กำลังจะจากโลกนี้ไป เขาเลือกที่จะเอ่ยเพียงประโยคเดียว...

   
‘แม่รักนาย’

   
มันเป็นคำโกหก... ที่เขารู้ว่าผมอยากได้ยินแค่ไหน 
   
เป็นคำโกหก ที่ผมเชื่อและใช้มันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้มีชีวิตต่อไป...
   





หลังจากที่ภพตาย ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม่เหมือนแก้วแตกๆ ที่ผมพยายามใช้สองมือประคองไว้... ชิ้นส่วนเล็กๆ ค่อยๆ ร่วงหล่น แต่ผมยังฝืนหยิบมันขึ้นมาปะติดปะต่อใหม่
   
ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเราเหลือกันอยู่สองคน... แต่เป็นเพราะผมจำเป็นต้องชดใช้
   
แม่ไม่ได้กล่าวโทษผมเรื่องที่ภพตาย... แต่ถ้าเลือกได้ ท่านคงอยากให้ผมเป็นคนที่จากไป
   
แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ ผมจึงยังต้องอยู่ ดูแลแม่ตามคำสั่งเสียของพี่ชาย... แล้วผมก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกที่แย่แค่ไหน ในวันที่ผมไม่รู้ว่าควรจะประกอบร่างความสัมพันธ์ที่ถูกปล่อยให้แตกร้าวมานานยังไง

ไม่รู้จะฉุดผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจากความรู้สึกสูญเสียแสนสาหัสได้ยังไง
   
สุดท้ายผมได้แต่คิดง่ายๆ ว่าถ้าแม่รักภพ... ผมจะกลายเป็นภพให้   

ผมพาตัวเองเข้าไปแทนที่ในสถานที่ที่ภพเคยอยู่ ทำในสิ่งที่เขาเคยทำ... รักในสิ่งที่เขารัก

ภพชอบเล่นดนตรี ผมจึงหัดตีกลอง... ภพเคยฝันอยากเป็นนักบาสเอ็นบีเอ ผมจึงหัดเล่นบาสจนคล่อง... ภพเป็นที่รัก ผมจึงพยายามจะทำให้ตัวเองถูกรัก ทั้งที่ตัวตนของผมช่างตรงข้าม

ผมเริ่มต้นใช้ชีวิตเช่นนั้น... เป็นตัวแทน ก่อนจะพบว่ามันหนักหนาขึ้นทุกวัน... หรือไม่ผมก็อ่อนแอเกินไป

การสวมบทเป็นพี่ชายไม่ได้ทำให้ผมกลายเป็นเขา... แต่ส่วนหนึ่งของเขากลับกลืนกินตัวตนของผมไป

แต่ความพยายามช่างไร้ความหมาย... ผมไม่อาจพาแม่หลุดจากความเศร้าได้ นับวันผู้หญิงคนนั้นยิ่งหนีจากโลกแห่งความจริง... ไปอยู่ในภวังค์ที่ผมไม่อาจเข้าถึงได้

และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย... ในวันที่ผมรู้สึกว่าไม่อาจแบกรับทั้งหมดได้ไหว... เขาหาเราจนเจอ

ในที่สุดผมก็เข้าใจ... ที่แม่พร่ำบอกว่าเราเหมือนกันเกินไป

ไม่ใช่แค่ใบหน้า สายตา หรือกระทั่งนิสัยท่าทาง ผมเหมือนพ่อบังเกิดเกล้าราวถอดแบบ และทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ผมกลับถูกเขาล่วงรู้ความคิดราวกับเข้ามานั่งในใจ


‘ไปอยู่ด้วยกันไหม’


ผมไม่ได้ปฏิเสธตอนที่ได้ยินคำชวนนั้น อาจเพราะผมเห็นความรู้สึกผิดในแววตา เพราะผมคิดว่าเขาควรได้รับการให้อภัย เพราะอยากสัมผัสกับครอบครัวที่อบอุ่นสักครั้ง...

ไม่ว่าจะมีข้ออ้างมากมายแค่ไหน ความจริงที่รู้อยู่แก่ใจคือความเห็นแก่ตัว

...ผมเพียงต้องการคนที่จะมาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกผิดออกไปจากใจ และรู้ว่าเขาเต็มใจจะรับมันไว้ เขาที่อยากชดใช้เช่นที่ผมอยากชดใช้

ผมกับแม่ถูกพากลับมาที่ไทย บ้านเกิดที่ผมจำไม่ได้แม้แต่กลิ่นของอากาศ ที่นี่ผมได้ทุกสิ่งที่ผมควรจะได้ ที่อยู่ เงิน สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเท่าที่ผมต้องการ... แลกกับการที่ผมกับแม่ต้องอยู่ในความลับเร้นต่อไป

ผมไม่สนเรื่องนั้น สิ่งเดียวที่หวังคือการอยู่ในสถานที่ที่เคยอยู่จะดึงสติของแม่กลับมา กลิ่นไอความรักที่เคยร้างลาจะช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกสลายของแม่ได้

ผมใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ทั้งเรื่องภาษา อาหารการกิน การเป็นอยู่... มันน่าตลกที่แม้แต่ตอนนี้ผมยังเอาแต่คิดว่าถ้าเป็นภพจะใช้ชีวิตที่นี่ยังไง... เขาน่าจะปรับตัวง่าย มีเพื่อนมากมาย เป็นที่รัก...

ถ้าเป็นภพ คงพาแม่กลับมามีความสุขเหมือนในวันเก่าๆ ได้
    
พอคิดแบบนั้นผมก็สวมบทบาทโดยอัตโนมัติ... เช่นที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะเป็นเขา แต่ตัวตนที่ยังแข็งกร้าวก็ไม่อาจปกปิดได้... สุดท้ายมันกลายเป็นส่วนผสมที่ย้อนแย้งเกินจะเข้าใจ... เป็นคนที่ใครต่อใครทั้งรักและชังในคราวเดียวกัน
   
ถ้าภพคือความรัก... ผมคือการทำลาย
   
ภพคือความอ่อนโยน ส่วนผมคือความเย็นชืด ไร้จิตใจ
   
ในที่สุด... ผมไม่รู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร





“เมื่อไหร่พี่จะตั้งชื่อให้มัน” ผมเงยหน้าขึ้นจากเจ้าลูกหมาสีดำที่ชะตาชีวิตคล้ายผมราวเป็นอีกร่าง เงยหน้ามองตามเด็กผู้ชายร่างสูงบางที่เดินถือเฟรมผ้าใบเข้ามานั่งข้างๆ ผมยักไหล่ตอบ เอนหลังนอน ใช้ตักอีกคนต่างหมอน กอดอกแล้วหลับตา

ผมถูกส่งมาเรียนต่อมัธยมปลาย ถึงผมไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไร ลูกนอกสมรสที่ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนอย่างผมไม่จำเป็นต้องเรียนสูงเพื่อสืบทอดกิจการ และสิ่งที่ผมควรใส่ใจคืออาการซึมเศร้าของแม่ที่ย่ำแย่ลงทุกวัน

อาจเพราะเป็นขนบของที่นี่ที่ผมต้องทำตาม หรือไม่ก็เพราะโรงเรียนยังมีความน่าสนใจสำหรับผมอยู่บ้าง

เช่นเด็กคนนี้ไง...

‘พิชญ์’ คือหนึ่งในคนที่เข้าหาผม ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ผมไม่อาจเข้าใจ ทั้งที่กับคนอื่นมันเดาง่าย หน้าตา  ชื่อเสียง เซ็กซ์... แต่กับพิชญ์ผมไม่รู้ว่าน้องต้องการอะไร

พิชญ์เคยบอกว่าชอบผมที่หน้าตา... แต่ผมไม่เคยเห็นว่าน้องจะใช้ประโยชน์อะไรจากมัน ไม่เคยพาผมไปอวดเพื่อนสักครั้ง... เราไม่เคยมีรูปคู่กัน

ที่สำคัญ น้องไม่ยอมให้ผมเปิดเผยความสัมพันธ์

สำหรับผมมันคือการท้าทาย... คนที่ต้องหลบเร้น รู้ดีว่าการอยู่ในเงามันเป็นยังไง ผมอยากรู้ว่าน้องจะทนได้นานแค่ไหน...

แล้วผมก็พบว่าผมดูถูกเด็กคนนี้ไม่ได้

ความสัมพันธ์ไร้ชื่อดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อยในสายลม... รู้ตัวอีกที ผมก็มีน้องเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ทั้งที่ปกติมักจะจบความสัมพันธ์ในเวลาอันสั้น มอบทุกสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แล้วตัดขาดออกจากกัน

พิชญ์เป็นเด็กน่ารัก ไม่ใช่แค่หน้าตา ทั้งนิสัยรั้นๆ คล้ายจะเอาแต่ใจ แต่เป็นคนแสดงออกตรงๆ อ่อนโยน ไม่เคยคิดร้าย ใคร... อยู่ด้วยก็สบายใจ

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผมเผลอแสดงออกในสิ่งที่ไม่เคยแสดงออกกับคนอื่นออกมาง่ายๆ

เช่นตอนนี้ที่ผมปล่อยให้ตัวเองหลับสนิท ทั้งที่ไม่เคยหลับต่อหน้าใคร

ผมชอบกลิ่นของพิชญ์... ชอบฝ่ามือที่ลูบลงมาบนหัวผม... ชอบกระทั่งไออุ่นจากลมหายใจที่รดลงมาแผ่วเบา

“...!” หรือแม้แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังลักหลับ

รอยยิ้มเก้อเขิน และเสียงทุ้มหวานที่คล้ายจะอ้อนกลายๆ

“ผมจูบพี่ได้ไหม”

“หึ”

ชอบรสสัมผัสของริมฝีปาก... ที่กลายเป็นสารเสพติดที่ผมหลงใหลโดยไม่รู้ตัว







การได้รู้จักพิชญ์ทำให้ผมคิดว่าตัวเองมีความสุขได้... คิดว่ากำลังจะมีโอกาสได้รู้จักความรักเหมือนใครๆ

แต่ผมลืมไป ว่าคนบาปอย่างผมไม่ควรได้สิทธิ์เหล่านั้น...

ความหวังของผมพังทลาย... เมื่อสุดท้ายเธอเลือกจากไป

ปลดปล่อยตัวเองจากความทรมานจากตึกสูงระฟ้าที่เขาให้เราอยู่อาศัย...

เงินทองหรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่อาจฉุดรั้งแม่จากความเศร้าได้... ตัวตนของภพที่ผมสวมไว้ไม่อาจทดแทนตรีภพที่รออยู่ในโลกหลังความตาย

ผมน่าจะรู้ว่าแก้วที่แหลกละเอียด ไม่มีทางประกอบร่างขึ้นใหม่

น่าจะรู้ตัวว่าผมไม่มีสิทธิ์มีความสุข... ไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรัก

...ไม่ควรถูกรัก

“พี่หายไปไหนมา” อ้อมแขนของพิชญ์โอบกอดผมไว้ในวันที่ผมไม่เหลือใคร

หลังวันที่แม่เสีย ผมมีหลายอย่างต้องคิด ต้องตัดสินใจ...

ที่นี่ไม่เหลืออะไรแล้ว ผมคงต้องกลับไป

มันกลายเป็นความขัดแย้งถึงที่สุดเมื่อผมต้องปล่อยอ้อมกอดนี้ ทั้งที่ไม่อยากปล่อย แต่ผมไม่กล้าที่จะรั้งไว้... ไม่อยากทำร้ายเด็กคนนี้เหมือนคนอื่นๆ ที่ผมเคยทำร้าย

...แต่ก็ไม่อยากสูญเสีย

“พิชญ์... มึงจะอยู่กับกูไหม”

ผมจึงตัดสินใจเลือกทั้งสองทาง...

“...”

“อยู่ตลอดไป”

เหมือนวันที่ภพจากไป... ผมต้องการคำโกหก เพื่อให้ตัวเองมีค่า

“อืม อยู่สิ”
   
อยากได้ยินคำสัญญาปลอมๆ ว่าต่อให้ปล่อยมือ ผมก็จะไม่สูญเสียเด็กคนนี้ไป...

แต่ใครๆ ก็รู้... โลกนี้ไม่มีคำว่าตลอดไป

   




ในที่สุดผมทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาอยู่บ้านที่อเมริกา กลับมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยที่ยังได้รับเงินส่งเสียจากพ่อบังเกิดเกล้า เขาไม่ได้รั้งผมไว้... คงเพราะไม่รู้ว่าจะรั้งยังไง
   
ในวันที่แม่จากไป ผมได้รู้ว่าอีกอย่างที่ผมกับพ่อเหมือนกัน... คือเราไม่อาจรักษาสิ่งที่รักได้

ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่ไม่รู้จะแสดงออกความรักยังไง... ไม่รู้ว่าจะประคับประคองมันไว้ในมือได้ยังไง... สุดท้ายเราได้แต่พยายามเก็บแก้วที่ยังไม่แตกไว้ โดยการพาตัวเองออกมาให้ไกล...

ไม่แตะต้อง ไม่ทำลาย

ผมไม่ได้เกลียดพ่อ เรายังติดต่อกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบาย ผมได้ยินเรื่องที่เขาหย่า ได้ยินเรื่องที่เขาชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำลงไปด้วยความเดียวดาย... เหมือนกับผม

ต่างกันตรงที่ผมอ่อนแอ และไม่อาจทนแบกรับความรู้สึกที่กัดกินมโนสำนึกตัวเองในทุกๆ วันได้... พยายามหาทางออก แต่ไม่รู้ว่าควรทำยังไง

สุดท้ายผมพบวิธีที่ง่าย และคุ้นเคย

มอเตอร์ไซค์...

ในทีแรกผมใช้มันด้วยจุดประสงค์เดิมๆ ความเร็ว อันตราย... ให้สายลมกระชากความฟุ้งซ่านออกจากหัวไป

แต่ในคราวนี้ยิ่งสายลมปะทะรุนแรงเท่าไหร่ ความหนาวเหน็บยิ่งบาดผิว จิตใจผมยิ่งทุรนทุราย ผมคิดถึงภพ คิดถึงความผิดที่ตัวเองทำไว้ ความรู้สึกผิดที่กัดกินตัวตนของผมทีละน้อยจนสุดท้ายไม่เหลืออะไร

ในที่สุดผมรู้เหตุผลที่ต้องเดียวดาย... เหตุผลที่ต้องกลายเป็นคนกลวงเปล่า

...พระเจ้าอยากให้ผมชดใช้






แต่ท้ายที่สุดผมไม่ได้ตายในอุบัติเหตุครั้งที่สอง... อุบัติเหตุที่ครึ่งหนึ่งคือความจงใจ

ผมไม่ได้รู้สึกดีที่รอดชีวิต กลับกัน รอยแผลเป็นที่กรีดยาวอยู่กลางร่างยิ่งตอกย้ำถึงความผิด... ผมควรตามภพไป ควรชดใช้ให้แม่ที่แลกชีวิตกับภพไม่ได้

ไม่ควรกลับมา... ไม่ควรได้เจอหน้าคนคนนี้อีก ต่อให้โหยหาแค่ไหน
มีความเป็นไปได้แค่ไหนกันที่ผมจะได้กลับมาเจอพิชญ์อีกครั้งในคณะและมหาลัยที่มีอยู่นับร้อยในประเทศไทย... ผมไม่รู้ว่าพระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไร

จริงอยู่ ผมควรปล่อยน้องไป... ในเมื่อการได้เจอกันอีกครั้งยืนยันชัดว่าการไม่มีผมอยู่ข้างๆ ทำให้ชีวิตน้องมีความสุขกว่า... เป็นที่รัก เป็นตัวของตัวเอง มีแต่คนดีๆ แวดล้อม เป็นพิชญ์ที่สดใส

ผมควรหายไป...

“ท้าหรือจริง?”

แต่ผมมันเห็นแก่ตัว...
ทั้งที่รู้ว่าไม่อาจรักษาไว้ได้ผมก็ยังเอื้อมมือออกไปคว้าไว้...

ทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เสียใจ แต่ผมก็ฝืนใจตัวเองไม่ได้...

รู้ดีว่าพิชญ์เพียงใช้เกมโง่เง่าเป็นข้ออ้างเพื่อเข้ามาอยู่ข้างๆ... เพราะผมเองก็ใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อเข้าไปในชีวิตน้องเช่นกัน ถ้าไม่มันผมคงเลือกปล่อยน้องไป... ถ้าไม่มีมัน ผมคงไม่มีเหตุผลที่จะรั้งน้องไว้

“ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งไป”
 
“เพราะไม่ได้รักไง”

...จะบอกได้ยังไงว่าจะไม่สามารถรักษาไว้

“โกหก... ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งไป”

“พอสักทีพิชญ์”

...จะบอกได้ยังไงว่าถ้ารักแล้วจะเสียใจ

“ทำไมตอนนั้นพี่ถึงทิ้งผมไปเตวิชญ์”

...จะบอกได้ยังไงว่าตั้งใจจะไม่กลับมา
   
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพิชญ์ถึงดันทุรังนัก... ทำไมถึงยอมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ทำไมถึงยอมให้ผมทำร้าย
   
ทำไมถึงได้รักผม... ผมไม่เข้าใจ
   
“ผมรักพี่... ได้ยินไหม”
   
ทำไมถึงยังรักษาสัญญา... ที่จะอยู่กับผมตลอดไป
   
ในที่สุดผมเห็นแก่ตัวอีกครั้ง... หยิบแก้วที่ยังไม่แตกมาถือไว้
   
รอยร้าวเด่นชัด แต่ผมหลอกตัวเองว่ามันจะไม่เป็นไร... ขอแค่แป๊บเดียว ขอมีความสุขครั้งสุดท้ายก่อนจะไป






หลังจากนั้นผมทำทุกอย่างที่ติดค้างเอาไว้

พิชญ์ขอให้ผมเปิดใจ ขอให้ผมยอมรับความรัก... แสดงความรักตามใจ

ผมทำ โดยไม่มีการฝืนใจ

เหมือนในอดีตที่การอยู่กับพิชญ์ปลดปล่อยตัวตนที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองซ่อนเอาไว้... ตัวตนที่มีความสุข ยอมให้ตัวเองยิ้มกว้างๆ ได้...

ตัวตนที่อนุญาตให้ผมรักใครสักคนจนหมดใจ

“เตวิชญ์ ผมพูดจริงนะ พี่อาจตายได้” หลุดหัวเราะเบาๆ กับคำขู่ของคนที่นั่งอยู่ข้างอ่างล้างหน้ามือข้างหนึ่งถือใบมีดสำหรับโกนหนวด คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างยุ่งยากใจ

ดูน่ามันเขี้ยวจนกระชับหลังให้ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม ถ้าไม่ติดว่ามีครีมโกนหนวดอยู่รอบปาก ผมจะจับจูบให้

“อย่ายิ้มดิ”

“...”

“เตวิชญ์ ผมเตือนพี่แล้วนะ”

สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวกลับกลายเป็นคนตรงหน้าที่เปลี่ยนเป็นยกแขนโอบรอบคอผมก่อนดึงเข้าไปหา ประกบริมฝีปากลงโทษรอยยิ้มของผมด้วยรสจูบเอาแต่ใจ ผมหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นโฟมสีขาวเลอะติดริมฝีปากน้องตอนผละออกไป กำลังจะยกนิ้วปาดออกให้ แต่พิชญ์กลับจูบซ้ำลงมา คราวนี้ถึงกับย่นหน้าเมื่อลิ้นรั้นดันเผลอได้ลิ้มรสโฟมโกนหนวดเข้า

“รสชาติปะแล่ม” 

“หึ”

ทำไมถึงได้น่ารักนัก






พิชญ์น่ารักเกินไป...

นับวันผมยิ่งไม่รู้ว่าจะปล่อยมือคู่นี้ยังไง นับวันยิ่งผูกพัน ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราอยู่ด้วยกันมันมีความสุขกว่าที่ผมคิดไว้

แต่ยิ่งมีความสุขเท่าไหร่ ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งทบทวี

รอยแผลเป็นที่สลักอยู่บนร่างคล้ายระเบิดเวลา ย้ำเตือนว่าสักวันมันจะปริแตกอีกครั้ง...
ผมเคยคิดว่ามันเป็นตราบาปในชีวิต เป็นสิ่งเตือนใจของความรู้สึกผิด จนกระทั่งพิชญ์เห็นมัน...

แปลกดีที่น้องบอกว่ามันสวย ทั้งที่ก่อนหน้ามีแต่คนหวาดกลัว ร่องรอยที่ใครต่อใครพากันตั้งคำถาม... พิชญ์กลับมองมันอย่างหลงใหล

ภาพของผีเสื้อที่น้องบรรจงวาดลงไป คล้ายจะกลบทับความผิดบาปให้ผมได้ แม้จะแค่ชั่วคราว

เหมือนที่การมีน้องอยู่ข้างๆ ทำให้ผมหลงคิดว่าชีวิตตัวเองมีค่าขึ้นมาอีกครั้ง
   
“นอนไม่หลับเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียที่มาพร้อมอ้อมกอดอุ่นปลุกผมหลุดจากภวังค์ ร่างกายที่แนบชิดทำให้ผมสัมผัสได้ถึงแรงเต้นจากหัวใจภายใต้แผ่นอกเปลือยเปล่า
   
หัวใจที่เต้นอย่างสงบ... คล้ายจะปลอบประโลมให้ผมสงบตาม

“ตัวพี่เย็นหมดแล้ว” ผมยิ้ม สูดควันครั้งสุดท้ายก่อนดับบุหรี่เพื่อให้มือว่างสำหรับดึงร่างอีกคนมากอดไว้

“หนาว” ซุกจมูกลงกับกลุ่มผมหอม ออดอ้อนจนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ร่างกายที่อุ่นกว่ากอดกระชับ มือบางถูแผ่นหลังผมเบาๆ

เป็นอีกครั้งที่พิชญ์ฉุดผมขึ้นจากความเศร้า

เป็นอีกครั้งที่น้องทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป...






แต่ผมจะอยู่โดยที่ยังแบกรับบาปทั้งหมดนี้ได้ยังไง... ความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจทำให้ผมไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน... ปลายทางที่ผมปูไว้ใกล้เข้ามาทุกวัน

ในที่สุดผมเลือกทำตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจเอาไว้ เลือกที่จะไป ในวันที่ไม่เหลืออะไรให้ค้างคาใจ

ผมรอจนขาเปียกปูนหาย ตอบแทนเจดตามที่ตกลงไว้... รักพิชญ์เท่าที่จะรักได้

สิ่งเดียวที่ยังติดค้าง... คือผมกำลังจะทำให้พิชญ์เสียใจ

จนถึงวินาทีสุดท้ายผมก็ยังเห็นแก่ตัว... ตักตวงความสุขจากน้องอย่างคนหิวกระหาย ตอบรับทุกสัมผัส ทุกความอ่อนโยนกักเก็บไว้ ทั้งที่รู้ว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายคนที่ผมรักอย่างสาหัสแค่ไหน

“ขอโทษ” ได้แต่กระซิบคำที่อยู่ในใจ ก่อนกดจูบที่หน้าผากใส เปลือกตา ผิวแก้มฝาด ปลายจมูกรั้น และริมฝีปากที่หวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใด

“รัก...”

เป็นครั้งแรกที่น้ำตาของผมไหล

เป็นครั้งแรกที่ผมหวาดกลัวความตาย...






ผมพาตัวเองหนีมา ด้วยยานพาหนะที่ตกทอดมาจากพี่ชาย 

เดิมทีผมตั้งใจจะไปหาภพ ในสถานที่ที่ผมพรากชีวิตเขาไป

แต่สถานที่จะสำคัญอะไร... ในเมื่อสิ่งสำคัญคือผมต้องชดใช้

ที่ผ่านมาผมร้องขอความตายเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความทรมาน... แต่คราวนี้ผมใช้มันปลดล็อกความผิดบาปที่กัดกินหัวใจผมมานาน

ผมตัดสินใจเลือกเส้นทาง... วางเดิมพัน... ยื่นคำท้าให้ใครก็ตามที่กุมชะตาผมไว้

ผมต้องตาย...

ถ้าไม่... ผมจะเลิกยอมให้ความผิดบาปจากอดีตเกาะกินใจ

ถ้าไม่... ผมจะไม่ให้โอกาสอีก ต่อให้ชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน

ถ้าไม่... ผมจะกอดพิชญ์ไว้... กอดให้แน่น จะไม่ปล่อยมือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ

นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย...

พาผมไป





----------------------------------------------------------------
เก็บเศษแก้วที่โปรยไว้มาประกอบให้รู้ว่ามันเคยแตกยังไงค่ะ
คิดว่าคงมีคนตกใจกับอดีตของพี่เต ขนาดเรายังตกใจเลย 55555
แทบไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าเขาแบกรับอะไรที่หนักหนาขนาดนี้ไว้
เคยบอกไว้ว่าพี่เตเหมือนจะซับซ้อนแต่ก็ไม่ซับซ้อน
จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้น เพียงแต่เป็นความไม่ซับซ้อนที่ซับซ้อนอีกที 5555
เป็นคนที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนดี ถึงจะทำดีก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองคิดแบบพี่ชาย... (งงไหม)
เราว่าเป็นคนที่เพี้ยนใช้ได้...

ตอนนี้พยายามจะแก้ไขให้มันขมขื่นน้อยลงแล้ว แต่ยากเหลือเกินค่ะ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเขียนเรื่องนี้
ถ้ามันเปลี่ยนหรือตัดทิ้ง เท่ากับทั้งหมดที่เขียนมาไม่มีความหมาย
แต่เพราะวางปมไว้แบบนี้ ถึงได้คาแร็กเตอร์พิชญ์มา
ทุกตอนที่เขียนจะรู้สึกขอบคุณพิชญ์มาก ขอบคุณที่รัก ขอบคุณที่ดันทุรัง ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความหวังให้พี่เขาทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
น้องเป็นคนเข้มแข็งที่สุดในจักรวาลใบนี้แล้วค่ะ และเด็กดีควรได้รับรางวัล :)

ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ

ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยน้า

ปล. จริงๆ เราแอบทิ้งนัยของอดีตพี่เตไว้หลายจุดเหมือนกัน ลองกลับไปหาดูเล่นๆ แล้วเอามาเม้าท์มอยกันได้นะคะ 555

 :L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2018 21:29:12 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่รู้จะพูดอะไรเลย พี่เตแบกมันมานานมาก ใช้ชีวิตมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว เข้าใจพี่เตเลย ความกลัวที่จะสูญเสียมันน่ากลัวมาก แง ถ้าพี่เตตายไปมีคนรอเสียบเยอะเลยนะคะ ทั้งแม่ทั้งเมีย มียันหลัวน้องพิชญ์ ถ้าไม่อยากให้คนได้กินน้องก็ห้ามตายเด้ออ

ออฟไลน์ mayongc.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านแล้ว​รู้​สึก​ตก​ใจ​กับ​อดีต​พี่​เตเลยค่ะ ไม่คิดว่าความเย็นของเขาจะมาจากการพยายามเป็นคนอื่น จนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไรกันแน่
ตกใจยิ่งกว่าคืออุบัติเหตุที่เกิดคือเขาจงใจ ไม่ใช่ความประมาท ฮืออออ  :katai1:
มันมึนอึนไปหมดหลังจากได้รู้ความคิดในหัวของเตวิชญ์ พี่ทำทุกอย่างที่พี่อยากทำกับน้องแล้ว เว้นแต่กลับมากอดพิชญ์แน่นๆ กลับมาซ่อมแซมรอยร้าวบนแก้วให้ได้นะคุณเตวิชญ์ เราเชื่อว่ามันยังไม่แตก :hao5:

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ฮือออออออ ไม่คิดว่าชีวิตพี่เตจะโหดร้ายขนาดนี้ มันเศร้ามากเลยนะ เรารู้ว่าพี่เตรู้สึกผิด คือแบบอ่านไปแล้ว ถ้าครั้งนี้พี่เตไม่ตาย พี่เตจะไม่ทำอีกแล้วใช่ไหม พี่เตเป็นโรคซึมเศร้ามานานขนาดไหนกันแบกรับความผิดมานานมากจนมันกัดกินหัวใจ ถึงตอนนั้นพี่เตจะไม่เหลือใครแต่ตอนนี้พี่เตยังเหลือน้องนะ สงสารน้องเถอะค่ะ กลับมาหาน้องให้ได้นะคะพี่เต
อ่านจบแล้วอยากกอดพี่เตแรงๆ พี่เตต้องสู้นะ :hao5: :hao5: :sad4: :o12:

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อยากจะร้องไห้ พี่เตของน้อง  :sad4:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ขอบคุณที่ท้ายที่สุดพี่เองก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ น่ากลัวตรงที่พี่เตคิดว่าตัวเองถูกความเป็นพี่ชายกลืนกิน ไม่รู้ว้าตัวเองเป็นใคร จากนี้ไป น้องเองก็สมควรได้รับรางวัลของการเป็นเด็กดีซะที

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารน้องพิชญ์ ฮือออออออ

ชอบพี่เตที่เล่าถึงพิชญ์แล้วแทนตัวพพิชญ์ว่าน้อง มันเลยดูงุ้ยๆ น่ารักๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Namshine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ยังไง อ่านจบตอนแล้วได้แต่อุทาน...พี่เตแม่ง :m15:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
พี่เต ของน้องงง มากอดแน่นๆมา
 :katai1: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด